Chapter 33
กันต์'s Partสบายจังครับ เวลามานั่งริมทะเลแบบนี้ ลมทะเลและแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น มันทำให้ผมคิดถึงบ้านที่กระบี่อะครับ
ผมนั่งมองไปไกลๆ จนสุดขอบทะเลตามลำพัง ในขณะที่พวกเพื่อนๆ ในกลุ่มกำลังสนุกอยู่กับการเตะบอลที่ชายหาดกับพวกรุ่นพี่ระหว่างรอมื้อค่ำกันอยู่
“ มานั่งทำไรคนเดียว ไม่ไปเล่นกับเพื่อนๆ ล่ะ “
น้ำเสียงเรียบๆ ที่คุ้นเคย ดังขึ้นให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองยังร่างสูงที่หยุดยืนอยู่ข้างๆ ผมในตอนนี้
“ ขี้เกียจอะพี่ ไม่อยากอาบน้ำอีกรอบด้วย “
ผมบอกไป จากนั้นพี่กิจก็ร่นตัวลงนั่งข้างๆ ผมครับ
“ ฐานเมื่อกี้... ทำไมถึงทำกันอย่างนั้น บ้ารึป่าว “
“ ทำไรอะพี่ “
ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจครับ
“ ก็ที่ยอมถอดกันหมดไง บ้าป่าว... “
“ ก็ผมอยากชนะนี่ “
“ แล้วมันคุ้มมั้ย “
“ ก็ใครมันจะไปคิดละว่า... มันยังจะแพ้อีก... “
“ ไม่ได้หมายถึงว่าแพ้หรือชนะ แต่หมายถึง... “
พี่กิจอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย ในขณะที่ผมเองก็รอฟังต่อ
“ หมายถึงไรอะพี่ “
“ ก็... ที่ให้คนอื่นเขาเห็นอะไรอย่างนั้นไง “
“ มันก็แค่เพื่อนๆ กันไม่กี่คนเองพี่.... ผู้ชายเหมือนกัน ไม่เป็นไรหรอกมั้ง “
“ เป็นดิ! “
ผมมองหน้าพี่กิจอย่างไม่ค่อยเข้าใจในท่าทีและน้ำเสียงตอนนี้สักเท่าไหร่
“ กะ..ก็.. พี่ว่าไม่ดีก็คือไม่ดี แล้วทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีกล่ะ อย่าให้ใครเห็นอะไรแบบนั้นอีก.. เข้าใจมั้ย! “
ผมที่ยังคงงงๆ เลยได้แต่พยักหน้าเล็กๆ ให้ไปเท่านั้น
เพียงแต่... พอเห็นพี่เขาเสียงเข้มและมีท่าทีที่แปลกไป มันก็อดคิดเข้าข้างตัวเองขึ้นมาบ้างไม่ได้ว่า พี่เขาเองก็แอบหวงผมอยู่เหมือนกัน แต่มันก็คงเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันไปตามประสาคนที่แอบชอบเขาละมั้งครับ
จากนั้นพี่กิจก็ลุกออกไป ผมมองตามพี่เขาที่กำลังเดินเข้าไปเล่นบอลกับเพื่อนๆ ที่ชายหาด
วันนี้พี่กิจใส่เสื้อกล้ามสีขาว มีเชิร์ตสีฟ้าอ่อนบางๆ คลุมทับไว้ และสวมกางเกงขาสั้นสีขาว ดูหล่อเด่นสะดุดตากว่าใครๆ ทุกคนเลย ซึ่งผมก็ได้แต่ทำตาละห้อยมองตามไปเท่านั้น แล้วก็นั่งดูพี่เขาเล่นบอลอยู่กับเพื่อนๆ เพลินจนลืมดูเวลาเลย
นี่ผมท่าทางจะเป็นเอามากนะครับเนี่ย....
ค่ำนี้เขามีกิจกรรมต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะให้พวกเราเตรียมตัวกลับเข้าที่พักกัน ซึ่งจะมีของว่างให้ทานก่อนนอน ผมเลยชงโกโก้ร้อนไปนั่งดื่มรับลมเย็นๆ ที่ริมชายหาด
ผมปล่อยให้ตัวเองอยู่ในห้วงแห่งความคิดเรื่องพี่กิจที่วกไปวนมาอยู่ได้ไม่นาน ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็ร่นตัวลงมานั่งข้างๆ ผม
“ กินกาแฟไม่กลัวนอนไม่หลับเหรอครับพี่ “
ผมถามพี่พีขึ้น เมื่อกลิ่นกาแฟจากแก้วพี่เขาโชยมาเตะจมูกผม
“ คืนนี้พี่ต้องอยู่เวรคอยดูน้องอะ ว่าแต่เราเถอะ... ออกมานั่งทำอะไรคนเดียวตรงนี้ “
“ ลมมันเย็นดีอะพี่ เลยมานั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย “
“ แล้วเป็นไง สนุกมั้ย.... มาเข้าค่ายรับน้อง “
“ ก็สนุกดีพี่ ได้มาพักผ่อนด้วย ผมชอบทะเลอะครับ “
“ เห็นไอ้กิจบอกว่าเรามาจากใต้เหรอ “
“ ครับ.. ผมอยู่กระบี่อะ แล้วพี่พีล่ะ “
ผมตอบเสร็จก็หันไปถามพี่เขากลับ เพราะจำได้คร่าวๆ ว่าพี่พีเขามาจากใต้เหมือนกัน
“ พี่อยู่พังงาน่ะ เคยไปมั้ย “
“ เคยนะพี่ แต่ไม่บ่อย แค่ครั้งสองครั้งเอง “
“ ไว้วันหลังถ้ามีโอกาส พี่จะพาไปเที่ยวนะ “
“ จริงนะพี่ “
ผมยิ้มถามไปด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น เพราะที่พังงาก็สวยไม่แพ้กระบี่เลย แถมตอนนั้นที่ไปผมก็ยังเด็กมาก และยังเที่ยวไม่ค่อยจะทั่วเลย ถ้ามีเจ้าถิ่นเป็นไกด์นำเที่ยวแบบนี้ มันคงจะสนุกน่าดูเลยนะครับ
“ จริงสิ.. อยากไปเมื่อไหร่บอกพี่ได้เลยนะ “
พี่พียิ้มใจดีบอกมาครับ
“ อะแฮ้ม!! “
เสียงกระแอมที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ พี่กิจนั่นเอง พอผมกับพี่พีหันไปมอง พี่เขาก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างผมแล้วในตอนนี้
“ กันต์! ทำไมยังไม่ไปนอนอีก.... มึงก็ด้วยไอ้พี เค้าให้มึงมาดูน้อง ไม่ใช่ปล่อยให้น้องออกมาข้างนอกดึกๆ แบบนี้ “
“ มึงก็เข้มงวดเกินไปป่าววะ นี่พึ่งจะแค่ 4 ทุ่มเอง อีกอย่าง... เขายังมีเวลาให้กินมื้อดึกก่อนนอน แล้ว... นี่มึงมีอะไรป่าววะ “
“ เปล่า... ไอ้คิมมันให้มาตามมึงอะ “
“ อ๋อ... เออๆ รู้ละ “
พี่พีพูดจบก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ
“ พี่ไปก่อนนะ อย่านอนดึกล่ะเรา “
ผมพยักหน้ายิ้มรับเล็กๆ จากนั้นพี่พีก็เดินจากไป เหลือไว้แค่ผมกับพี่กิจอยู่กันตามลำพังสองคนเท่านั้นในตอนนี้
ผมเงยหน้ามองหน้าพี่กิจ ก่อนจะถูกสายตาดุๆ มองตอบกลับมา สงสัยคงอยากจะให้ผมเข้านอนแล้วล่ะมั้งครับ ว่าแล้วผมก็กลับเข้าห้องพักเลยจะดีกว่า
“ จะรีบไปไหน “
พี่กิจว่ามาครับ ผมที่กำลังจะลุกขึ้นยืน เลยต้องหยุดชะงักลง พร้อมกับมองหน้าพี่เขากลับไปอย่างงงๆ จากนั้นพี่เขาก็ร่นตัวลงมานั่งข้างๆ ผม
“ ก็พี่บอกให้ผมรีบเข้านอนไม่ใช่เหรอ “
ผมอ้อมแอ้มบอกไป
“ ก็.. ยังไม่ดึกมาก ให้นั่งเล่นต่ออีกหน่อยก็ละกัน “
อะไรของพี่เนี่ย....
แต่ว่า... ก็ดีเหมือนกันนะ.. ได้นั่งอยู่กับพี่เขาท่ามกลางบรรยากาศดีๆ แบบนี้ มันก็....ไม่เลวนะครับ
“ อะ... “
พี่เขายื่นแก้วโกโก้ร้อนส่งมาให้ผม ในขณะที่อีกมือของพี่เขาเป็นแก้วกาแฟที่กำลังส่งกลิ่นหอมโชยมาแตะจมูก
“ ผมมีแล้ว... “
ผมบอกไปก่อนจะชูแก้วของผมที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาให้พี่เขาดู รู้สึกเหมือนผมจะเห็นสีหน้าผิดหวังเล็กๆ ของพี่เขาเลย...
หรือผมจะคิดไปเองกันนะ...
“ แต่มันจะหมดแล้ว นั้นผมขอแก้วนั้นต่อเลยละกันนะ “
ว่าจบผมก็รีบซดโกโก้อุ่นๆ ที่เหลือกว่าครึ่งแก้วให้หมดลงในคราวเดียว ก่อนจะรับอีกแก้วจากพี่เขามา
ก็... พี่เขาอุตส่าห์เอามาให้ผมนี่นา....
พี่กิจมองผมตาคม ทำเอาผมไม่กล้าสู้สายตา เลยต้องงุดหน้าลงไปมองยังพื้นทรายแทน
“ อ๊ะ ! “
สัมผัสแผ่วเบาจากปลายนิ้วที่เอื้อมเข้ามาปาดบริเวณริมฝีปากผม ทำให้ผมสะดุ้งตัวอยู่เล็กน้อย
“ เรานี่นะ... กินเป็นเด็กไปได้ เลอะปากหมดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก “
พี่เขาว่ามาครับ ก็คงจะตอนที่ผมรีบดื่มให้หมดนั่นแหละ เลยไม่ทันจะได้ระวังสักเท่าไหร่
“ พี่กิจ... “
“ ว่าไง... “
“ นั่งเป็นเพื่อนผม.. จนหมดแก้วนี้ได้มั้ย “
พี่กิจมองหน้าผมเล็กๆ ก่อนจะยิ้มให้ที่มุมปาก
“ อื้ม... “
ไม่รู้ว่าผมยิ้มออกมาตอนไหน ราวกับเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ เมื่อได้รับการตอบรับคำขอจากคนๆ นี้
มันเป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างวังเวง จะมีก็เพียงเสียงลมทะเลและเสียงผู้คนดังมาไกลๆ จากทางด้านหลังก็เท่านั้น
ผมควรจะรู้สึกเหงา กลัว.. หรือโดดเดี่ยว... ทว่าความรู้สึกเหล่านั้นกลับไม่มีเลย
ผมรู้สึกอุ่นใจมาก.. ที่มีคนๆ นี้อยู่ข้างกายแบบนี้
ผม... อยากมีพี่เขาอยู่เคียงข้างผมแบบนี้ตลอดไปจัง...
........
“ คิดอะไรอยู่อะ “
จู่ๆ พี่เขาก็ถามขึ้นมาครับ หลังจากที่เรานั่งปล่อยใจมองทะเลที่มืดมิดอยู่ได้สักพักหนึ่ง
“ เปล่าครับ... ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอะ เห็นทะเลแล้ว... มันก็อดคิดถึงบ้านเก่าขึ้นมาไม่ได้อะ “
“ เหงามั้ย “
“ ถ้าให้พูดจริงๆ แบบไม่โกหกตัวเองก็... เหงาครับ “
แล้วพี่กิจก็มองผมด้วยสายตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ
“ โตแล้ว... เราต้องเข้มแข็งนะ รู้มั้ย “
“ ครับพี่... “
“ แต่ว่า... อ่อนแอบ้างก็ได้ ยิ่งเวลาอยู่กับพี่อะ อย่าฝืนตัวเองเพื่อที่จะเข้มแข็ง พี่เคยสัญญากับเราไว้แล้วจำได้มั้ย ว่าจะเป็นคนดูแลเราเอง “
ใช่ครับ พี่กิจเคยให้สัญญากับผมไว้ ตอนที่ผูกข้อมือให้ในวันสุดท้ายของการเชียร์ และพี่เขาก็ทำอย่างนั้นมาโดยตลอด...
“ ขอบคุณนะครับพี่กิจ... “
พี่เขายิ้มรับมาให้เล็กๆ ก่อนที่ผมจะเริ่มพูดต่อ
“ แต่จะว่าไป... ใครจะคิดละครับว่า... พี่จะมาดีกับผมแบบนี้ได้ “
ผมเปลี่ยนบรรยากาศมาแกล้งถามพี่เขาบ้าง เพราะถ้าอยู่ในบรรยากาศแบบเมื่อกี้ ผมกลัวใจตัวเองมันจะเตลิดไปไกลอะครับ
“ ทำไมอะ “ พี่กิจร่นคิ้วถามมา
“ ก็แรกๆ ที่เราเจอกัน พี่อะโครตดุเลย จำไม่ได้เหรอ “
“ ก็... ได้เป็นคนพิเศษกว่าคนอื่น ไม่ชอบรึไง “
เชี่ย... พี่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงครับ ผมคิดไปไกลเลยนะ รู้มั้ย...
“ พิเศษยังไงอะ “
ผมทำใจดีสู้เสือลองถามกลับไป ก่อนจะแอบกลืนน้ำลายเล็กๆ อย่างคาดหวังในคำตอบ
ทว่าพี่กิจกลับไม่ตอบอะไรมา จะได้ยินก็เพียงแค่เสียง ‘ หึ ‘ ในลำคอเล็กๆ เท่านั้น ก่อนที่พี่เขาจะหันกลับไปมองยังทะเลตรงหน้าและจิบกาแฟที่ถืออยู่ต่อไป
สักพักใหญ่พี่เขาก็บอกให้ผมไปเข้านอนได้แล้ว ผมอิดออดอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผล ผมเลยได้แต่พ่นลมออกจมูก และทำหน้ายู่ส่งให้ไป
แต่ว่า... แค่นี้ก็ดีมากแล้วล่ะครับ สำหรับคืนนี้....
..................................
เช้าวันต่อมา
ผมตื่นมาแต่เช้า ก่อนจะออกมาเดินเล่นน้ำทะเลที่ชายหาด ดูโน่นดูนี่บนพื้นทรายไปเรื่อยเหมือนอย่างเด็กๆ
“ ตื่นเช้าจัง “
เสียงพี่กิจดังมาจากทางด้านหลัง ให้ผมหันกลับไปมองครับ ก่อนจะเห็นพี่เขาที่สวมเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงวอร์มสีเทา มีผ้าขนหนูสีขาวพาดอยู่ที่บ่า ดูท่าแล้วพี่เขาคงจะไปวิ่งตอนเช้ามาอะครับ
คนอะไรฟิตเป็นบ้าเลย ขนาดมาเที่ยวยังตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าได้อีก
“ ก็ใครทำให้ผมติดนิสัยตื่นเช้าอะ “
“ ว่าพี่เหรอ “
“ ก็ใช่เปล่าล่ะ “
แล้วพี่เขาก็อมยิ้มเล็กๆ ส่งมาให้
“ ไปเดินเล่นกันมั้ย “
พี่กิจชวนมาครับ ผมมองหน้าพี่เขาอย่างแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบตอบตกลงไปอย่างอดที่จะรู้สึกดีใจขึ้นมาไม่ได้
เช้านี้อากาศดีมากครับ แดดไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ลมก็เย็นกำลังเย็นสบาย เหมาะแก่การเดินเล่นเป็นที่สุด
“ เมื่อคืนพี่กิจได้อยู่เวรเฝ้าน้องมั้ยครับ “
“ อืม... กว่าจะได้นอนก็ตี 3 เลย “
“ ทำไมดึกอะพี่ “
“ ก็พวกนั้นตั้งวงกินเหล้ากัน แต่ก็กินกันไปได้ไม่เท่าไหร่นะ เพราะพวกผู้หญิงออกมาด่า คือจริงๆ แล้ว เขาไม่ให้กินเหล้ากันไงเมื่อคืนนี้ แต่ว่า... คืนนี้อะเต็มที่ได้ “
“ นั้น... คืนนี้จะมีงานเลี้ยงเหรอพี่ “
“ อืม... ส่วนเราน่ะ กินได้... แต่ห้ามเยอะ “
พี่กิจหันมาเตือน ซึ่งผมก็ได้แต่ยู่หน้าพ้นลมออกจมูกส่งให้ไปเท่านั้น พอพี่เขาเห็นแบบนี้ก็ยิ้มขำออกมาให้ทันที
มีความสุขจังครับเวลาที่มีพี่เขาอยู่ข้างๆ ด้วยแบบนี้ ผมที่เคยโดดเดี่ยวกลับได้มาสัมผัสกับความรู้สึกอบอุ่นอีกครั้ง ก็เพราะพี่เขาเนี่ยแหละ
ถึงจุดนี้... ผมก็ไม่ปฏิเสธหัวใจตัวเองแล้วละครับว่าผมรักพี่กิจ แถมยังรักมากๆ ด้วย
บางที... ภายใต้บรรยากาศดีๆ และอยู่กันตามลำพังแบบนี้ ผมควรจะบอกความรู้สึกตัวเองให้พี่เขาได้รับรู้...
มันจะดีมั้ยนะ....?
เปอร์เซ็นอันน้อยนิดที่คิดว่าพี่เขาจะรู้สึกเหมือนกันกับผม ถ้ามันพอจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้... ผมก็อยากจะลองเสี่ยงดูนะครับ
“ พี่กิจ.... “
“ หือ... “
“ .... “
“ มีอะไรเรา... “
“ เปล่าครับ... “
พี่เขามองหน้าผมอย่างงงๆ ผมเลยยิ้มเก้อๆ ส่งให้ไปแทนคำพูดที่อยู่ในใจ
ผมยังไม่กล้าพูดมันออกไป... ให้พูดตรงๆ ก็คือ... ผมกลัวครับ
กลัวว่าพี่เขาจะรับไม่ได้ แล้วเรื่องดีๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้มันจะหายไป
ถ้ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น ผมขอเวลาทำใจและเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดีๆ แบบนี้เอาไว้ให้มากที่สุดเสียก่อน
แล้วจากนั้น... ผมก็จะบอกมันออกไป อย่างพร้อมรับกับผลที่มันจะเกิดขึ้นแน่นอน....
และผมจะไม่เสียใจเลยที่เลือกทำแบบนั้น...
แค่สักครั้งที่ได้ลองเสี่ยงดู มันคงจะดีกว่าการที่ปล่อยให้โอกาสมันเลยผ่านไป.... ว่ามั้ยครับ....
..................................