ในที่สุด... พระเจ้าก็ส่งคนมาช่วยผมครับ... ดีใจจนน้ำตาแทบไหลเลย
น้ำเสียงเรียบๆ แต่หนักแน่นของพี่กิจดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของผม ก่อนที่พี่เขาจะมายืนอยู่ข้างๆ และเอามือมาโอบไหล่ผมไว้
รู้สึกใจชื้นและปลอดภัยขึ้นมาเลยครับ...
“ คุณกิจ! “
ทั้งคุณป้าและพี่แนนนี่พูดขึ้นมาพร้อมกันด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างสุดๆ
“ นี่น้องเขามากับคุณกิจเหรอคะ “ คุณป้าถามต่อครับ
“ ใช่ครับ.. น้องเขามากับผม ว่าแต่... มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ “
พูดจบพี่เขาก็หันมามองผม ก่อนจะขมวดคิ้วเข้มๆ เมื่อเห็นเสื้อขาวตัวใหม่ที่พึ่งซื้อให้ผมเปื้อนรอยแดงบริเวณหัวไหล่ด้านซ้ายยาวลงไปจนถึงขอบกางเกง
“ อะไรเนี่ย...! ทำไมเปื้อนอย่างนี้ห๊ะกันต์.. “
พี่กิจถามขึ้น ก่อนจะล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงมาเช็ดให้ผม ซึ่งมันก็ได้แค่จางลงไปบ้างเท่านั้น
“ คือ... “
ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ในขณะที่ทุกคนในบริเวณนี้ดูจะยังอึ้งและเงียบกันไปหมด
“ ซุ่มซ่ามอีกแล้วนะเรา พี่ไม่อยู่แปบเดียวเอง เรานี่นะ... “
“ บ่นผมอีกแล้วนะ “
“ หรือมันไม่จริง “
“ ก็ไม่จริงดิ ใครให้พี่ทิ้งผมไว้ล่ะ “
ผมเงยหน้าไปมองพี่เขาแบบสู้ๆ ครับ กลัวซะที่ไหน... แต่แล้วพี่เขาก็มาตีหัวผมเบาๆ ซะงั้น อายเลยครับ... ชิส์
“ พี่กันต์!!! “
เสียงน้องกานต์ดังขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้ามาเกาะแขนผมไว้ครับ โดยมีคุณลุงกับคุณป้าเดินตามเข้ามาติดๆ
“ ช่วงนี้ไม่เห็นไปเล่นเกมกับกานต์ที่บ้านเลย “
“ ช่วงก่อนพี่ซ้อมกีฬาน่ะ แต่ตอนนี้ว่างละ น่าจะไปได้บ่อยขึ้น “
“ ดีเลย กานต์จะได้มีเพื่อนเล่นเกมด้วย “
น้องกานต์ยิ้มน่ารักบอกมา สองพี่น้องนี่หล่อไม่ทิ้งลายกันเลยนะครับ
“ น้อยๆ หน่อยเรา มัวแต่เล่นเกม เดี๋ยวก็สอบเข้ามหาลัยฯไม่ได้หรอก “
แล้วพี่กิจก็แขวะน้องชายตัวเองขึ้นมาครับ จากนั้นน้องกานต์ก็หันไปมองพี่ชายอย่างเซ็งๆ ก่อนจะตอบกลับไปในทันที
“ ทำอย่างกับตัวเองเคยอ่านหนังสือเตรียมสอบนักนี่ “
นั่นไง... สองคนนี้ไม่เคยยอมกันจริงๆ แต่ผมก็ชินแล้วครับ ปกติไปกินข้าวที่บ้านคุณป้าทีไร ก็ไม่เคยสักครั้งเลยที่สองคนนี้จะไม่ต่อปากต่อคำกัน
“ มีอะไรกัน... “
เสียงคุณป้าที่เดินตามน้องกานต์เข้ามาดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมอง ก่อนจะหน้าถอดสีกันไปตามๆ กัน
“ หวัดดีครับคุณลุง คุณป้า “
ผมยกมือไว้คุณลุงกับคุณป้า ซึ่งทั้งสองก็รับไหว้และยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดูเหมือนเช่นทุกที
“ ช่วงนี้ไม่เห็นไปหาป้าบ้างเลยนะ... ป้าคิดถึง “
“ พี่กิจเลยครับคุณป้า.... “
ผมโบ้ยไปทางพี่กิจทันทีครับ มีคนหนุนหลังแล้วผมไม่กลัวหรอก อิอิ
“ อ้าว...ไหงงั้นล่ะ “
“ ไม่ต้องมาอ้าวเลยเรา นี่แม่ยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องที่พาน้องไปรถล้มคราวก่อนเลยนะ “
คุณป้าส่งสายตาคาดโทษไปให้ลูกชายคนโต ในขณะที่ผมกับกานต์ก็มองหน้ากันยิ้มๆ อย่างเข้าใจ อิอิ
“ แล้วนี่มีเรื่องอะไรกัน “ คุณป้าพูดต่อพลางมองไปรอบๆ
“ ตายแล้ว...! กันต์ลูก..! ทำไมเสื้อเป็นแบบนี้ล่ะ “
ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดีครับ พอมองไปที่พี่แนนนี่ เธอก็ถึงกับหน้าถอดสี ต่างจากพี่ๆ สถาปนิกที่โต๊ะ ที่ต่างพากันอมยิ้มชอบใจกันอยู่มิใช่น้อย
“ ไม่มีอะไรหรอกครับคุณป้า อุบัติเหตุน่ะครับ “
ผมบอกไปอย่างนี้ จะได้ไม่ต้องกระทบกับใคร
“ อ๋อใช่ค่ะ... คือน้องเขาเลื่อนเก้าอี้มาชนหนู น้ำที่หนูถือมาเลยหกใส่น้องเขา “
พี่แนนนี่ว่ามาครับ
“ แล้วทำไมถึงมีเสียงโหวกเหวกโวยวายกัน “
คุณป้าถามต่อ
“ คือ... “ พี่แนนนี่อ้ำอึ้งที่จะตอบ
“ พอดีแนนนี่เขาพยายามจะให้น้องกันต์รับผิดชอบเรื่องชุดเขาน่ะค่ะ “
ได้ทีพี่มิ้นก็จัดเลยครับ พี่แนนนี่ถึงกับหันไปมองตาดุใส่
“ คือหนูแค่แหย่น้องเขาเล่นๆ เท่านั้นน่ะค่ะ เผื่อครั้งต่อไปน้องเขาจะได้ระวังมากขึ้น “
“ แต่จริงๆ แล้ว เธอเองก็มัวแต่เล่นโทรศัพท์ไม่ดูน้องเขาเหมือนกันนะ ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ “
พี่มิ้นแย้งต่อครับ เมื่อเห็นว่าความจริงมันเริ่มจะผิดเพี้ยนไป
“ ใช่ที่ไหน!!! “
พอพี่แนนนี่เริ่มขึ้นเสียง ทุกคนก็หันไปมองเธอแทบจะตาเดียวกันทันทีเลยครับ จนพี่เขาถึงกับพูดต่อไม่ออกเลยตอนนี้
“ เอาล่ะๆ พอได้แล้ว “
คุณป้าพูดขึ้นเพื่อหยุดสถานการณ์ลง ก่อนจะหันไปทางพี่แนนนี่
“ เอาเป็นว่าชุดของเธอ ค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ให้ไปแจ้งไว้ที่เลขาของคุณเกียรติก็แล้วกัน “ คุณป้าหมายถึงคุณลุงน่ะครับ
“ คือไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เอง ไม่ได้เสียหายอะไรมากหรอกค่ะ “
พี่แนนนี่บอกไป แต่น้ำเสียงต่างไปจากตอนที่คาดคั้นผมเมื่อกี้นี้แบบสุดๆ
“ ไม่ได้หรอก กันต์เป็นหลานคนพิเศษของฉัน ฉันไม่ต้องการให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านว่าทำอะไรแล้วไม่รับผิดชอบ “
“ แต่.... “
พี่แนนนี่พูดต่อได้แค่นั้น เมื่อถูกคุณป้ามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ หากแต่เต็มไปด้วยอำนาจที่ทรงพลัง จนเธอถึงกับพูดต่อไม่ออก
“ ว่าแต่ตากิจ ทำไมปล่อยให้น้องมานั่งตรงนี้ห๊ะ “
คุณป้าหันไปถามพี่กิจต่อครับ
“ ผมก็ว่าจะถามกันต์อยู่พอดี ว่าใครไล่ออกมาจากโต๊ะ “
พี่กิจตอบไป ก่อนจะหันมาถามผมต่อ
“ อะไรนะ..! ใครที่ไหนกล้าไล่หลานฉันแบบนี้! “
“ เอ่อ.. คือดิฉันไม่รู้ค่ะว่าน้องเขาเป็นหลานคุณอร “
คุณป้าหน้าดุผู้จัดการฝ่าย HR อธิบายมาเสียงอ่อย ก่อนจะถูกสายตาตำหนิจากคุณป้าเข้าให้
“ ต่อไปก็รู้ไว้ด้วยนะ นอกจากตากิจ ตากานต์แล้ว กันต์ก็ถือเป็นคนในครอบครัวของฉันเหมือนกัน “
ได้ยินอย่างนี้คุณป้าหน้าดุ (ที่ตอนนี้หน้าจ๋อยไปแล้ว) ก็ได้แต่พยักหน้ารับป้อยๆ ขณะที่ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ อยู่ตอนนี้
“ ไหนดูซิ... เปื้อนหมดเลยลูก “
คุณป้าเข้ามาจับเสื้อผมพลิกดูไปมา
“ พี่มีสูทอยู่หลังรถน่ะ เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้นะ “ พี่กิจว่ามาครับ
“ ไม่เป็นไรพี่ แค่นี้เอง “
“ ไม่เป็นไรได้ไง อย่าดื้อดิ... เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้ “
พี่กิจพูดจบก็เดินแยกตัวออกไปเลยครับ
“ ปะลูก ไปนั่งกับป้า... เนี่ยเห็นตากิจเล่าให้ฟังว่าเราได้เหรียญทองกีฬาเฟรชชี่ด้วยเหรอ แม่เราดีใจมากเลยนะ เห็นว่าจะส่งของขวัญมาให้ด้วย ป้ากับคุณลุงเองก็เตรียมของขวัญไว้ให้ด้วยนะ “
คุณป้าว่ามา ก่อนจะจับมือผมเดินไปที่โต๊ะกับแกครับ ผมหันไปผงกหัวและลาพวกพี่ๆ สถาปนิกที่โต๊ะ ก่อนจะเดินไปพร้อมกับคุณป้า
สักพักพี่กิจก็กลับเข้าเข้ามาในงานอีกครั้ง พร้อมกับสูทเข้ารูปสีดำส่งมาให้ผมสวมทับ พอใส่แล้วก็ดูหล่อขึ้นนิดนึงเลยครับ แต่มันไม่ใช่แนวผมสักเท่าไหร่ เพราะดูมันจะเป็นทางการไปนิด แต่มันก็ยังดีกว่าใส่เสื้อเปื้อนๆ ไปตลอดทั้งงานอะครับ
………………………..
กว่า 4 ทุ่มแล้วที่คุณลุงกับคุณป้าพากันกลับ และผมกับพี่กิจเองก็เช่นกัน
ระหว่างที่ลงมาบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม ผมก็เจอกับกลุ่มพี่ๆ สถาปนิกกำลังยืนออกันอยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้าโรงแรม ผมเลยบอกพี่กิจว่าจะขอไปลาพวกพี่ๆ เขาแปบนึง
“ พี่ๆจะกลับกันแล้วเหรอครับ “
ผมพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึง
“ อ้าวนึกว่าใคร น้องกันต์สุดหล่อนี่เอง “
พี่มิ้นทักขึ้นครับ ผมก็เลยได้แต่ยิ้มอายๆ ตอบไป... คือเวลามีผู้หญิงมาชมว่าหล่อแบบนี้ มันก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้อะครับ
“ กันต์กำลังจะกลับอะครับ เลยว่าจะมาลาพวกพี่ๆ “
“ อ๋อ... แล้วนี่กลับยังไง ให้พี่ไปส่งมั้ย “ พี่มิ้นว่ามาต่อ
“ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับกับพี่กิจอะครับ “
ว่าจบผมก็ชี้ไม้ชี้มือไปทางด้านหลัง เพื่อให้รู้ว่าพี่กิจกำลังรออยู่ไม่ไกลมาก แต่พอผมหันตามไปมอง ก็เห็นพี่กิจกำลังคุยอยู่กับพี่แนนนี่ครับ
ถึงแม้ว่าพี่แนนนี่เขาจะนิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่หน้าตาพี่เขาก็ถือว่าสวยเลยนะครับ แถมพี่กิจเท่าที่ผมรู้มา ก็เจ้าชู้ไม่ใช่ย่อยเลยด้วย
พอเห็นแบบนี้แล้ว จู่ๆ ผมก็รู้สึก... หวั่นใจขึ้นมายังไงก็ไม่รู้สิครับ....
ผมคงจะไม่โดนทิ้งไว้ใช่มั้ย...
พี่จะไม่ไปไหนต่อกับพี่แนนนี่ใช่มั้ย...
“ นี่แกดูสิ อ่อยน้องกิจไม่เลิกเลย “ พี่โอเอสาวสองแอบเหน็บขึ้นมาครับ
“ แต่ฉันว่าน้องกิจเขาไม่สนหรอก “
“ มันก็ไม่แน่นะ หนุ่มๆ บริษัทเราโดนชีงาบไปหลายรายแล้วนะจ๊ะ “
“ ไอ้พวกนั้นมันหน้ามืด อย่าเอาไปเทียบกับน้องกิจเลย “
ผมได้ยินพวกพี่ๆ เขาพูดกันไปเรื่อยๆ ในใจก็แอบหวั่นไม่ได้อยู่ดี แต่ก็ยังหวังนะครับว่าพี่กิจจะใจแข็งมากพอ
มองดูไปได้สักแปบ พี่เขาก็เดินเข้ามาหาผมและพวกพี่ๆ
คงไม่ใช่มาบอกให้ผมกลับคอนโดเองนะ...
ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย...
…
“ กลับได้ยัง.... “
พี่กิจถามมาครับ ซึ่งคำถามนี้ก็ทำเอาผมใจชื้นขึ้นมาทันทีเลย ในขณะที่ผมก็พอจะได้ยินเสียงพี่ๆ เขากระซิบกันเบาๆ ว่า เห็นมั้ยฉันว่าแล้ว ระดับน้องกิจเขาไม่สนใจยัยนี่หรอก
“ ครับ “
ผมตอบไปแค่นั้น ก่อนจะยกมือไหว้พวกพี่ๆ สถาปนิกทุกคน ซึ่งพี่กิจเองก็ยิ้มผงกหัวลาให้ด้วยเช่นกัน ก่อนจะเดินออกมาหน้าโรงแรม รถพี่กิจจอดอยู่ไม่ไกลมาก ซึ่งมีป้ายเขียนไว้ว่า เฉพาะ V.I.P. เท่านั้น กั้นอยู่ พอเดินมาถึงรถ พนักงานโรงแรมก็ผงกหัวรับก่อนจะขยับป้ายออกให้ ผมรู้สึกไม่ชินเลยครับ ในขณะที่พี่กิจดูจะเห็นเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
พี่กิจขับรถออกมาได้สักแปบ จู่ๆ ผมก็ถามพี่เขาขึ้นมาด้วยความอยากรู้
ก็เรื่องที่พี่แนนนี่เข้ามาคุยกับพี่กิจนั่นแหละครับ....
แบบนี้เขาเรียกว่าอาการหวงรึป่าวนะ... หวงทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์…
“ เมื่อกี้... ที่พี่แนนนี่เข้ามาคุยกับพี่อะ ผมก็นึกว่าจะถูกปล่อยเกาะแล้วซะอีก “
“ ปล่อยเกาะอะไร “
พี่เขาหันมาถามทันที
“ ก็เห็นพี่ๆ สถาปนิกเขาบอกว่า... พี่แนนนี่เขาชอบพี่อะ... แล้วเข้ามาคุยแบบนั้น... ผมก็นึกว่า... “
“ นึกว่าอะไร “
“ ก็... นึกว่า... พี่จะเล่นด้วย “
“ ฮะๆ... คิดไปขนาดนั้นเลยนะ นี่เราเห็นพี่เป็นคนยังไงเนี่ย “
“ ก็ไม่รู้ดิ ได้ข่าวว่าพี่เจ้าชู้จะตาย “
“ ก็เคยนะ... แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้วล่ะ “
“ ทำไมอะ “
“ ไม่รู้สิ.. เพราะโตขึ้นมั้ง.. “
“ อืม... “
พอได้ยินว่าพี่เขาเลิกเจ้าชู้แล้ว.... มันรู้สึกดีจังแฮะ
“ แล้วถ้าพี่ปล่อยเกาะเราขึ้นมาจริงๆ เราจะทำไงอะ “
“ จะทำไงได้ล่ะ.... ก็ถ้าพี่จะทิ้ง... ผมจะไปมีสิทธิ์อะไร “
ผมทำหน้าและน้ำเสียงนอยๆ ตอบไปครับ แต่พี่เขากลับขำในลำคอขึ้นมาเสียอย่างนั้น
มันน่าตลกตรงไหนห๊ะ... ไอ้พี่กิจ!!
“ โห... มีงอนๆ พี่ไม่ทำอย่างนั้นกับเราหรอก “
พี่เขาพูดจบก็เอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ ครับ
ว่าแต่... ผมจะเชื่อพี่ได้แค่ไหนกันนะ และอีกอย่าง...
ทำไม... พี่เขาถึงบอกกับผมแบบนี้นะ ?
ทำไมกัน....?
TBC.------------------------------------------------------------
ก่อนอื่นเลย ต้องขอโษทีนะครับที่เมื่อวานลงไม่ทัน ไม่คิดว่าจะยาวแบบนี้ มันกรองประโยคไม่ทันอะครับ พอมาตอนเช้าวันนี้ต้องไป รพ.(ตามนัดหมอ) เลยมานั่งทำได้ก็เย็นเลย ขอโทษน้าคร้าบปม
ตอนนี้ ตอนหน้า และต่อไปก็ยังชิลๆอยู่ครับ
ส่วนตอนที่ผมเขียนอยู่ ดราม่าเลย แต่ไม่หนักเวอร์นะครับ มันยาวแต่ออกแนว หึงแต่ไม่กล้าแสดงออกอะไรทำนองนี้ และมีอะไรเข้ามาอีกเยอะเลย ยังไงฝากติดตามต่อนะครับผม
วันนี้คุยกับหมอ... รู้สึกเหงาๆอยู่บ้างเหมือนกันครับ เพราะผมเลือกที่จะไม่เปิดใจกับคนอีกแล้ว เพียงเพราะไม่อยากทำร้ายใคร...
คือชีวิตจริงมันไม่ใช่นิยาย... มันจะมีสักกี่คนที่เข้าใจเราและรับเราได้... ที่สำคัญ ผมกลัวว่าตัวเองจะให้ความสุขเขาได้ไม่มากพอ....
อาจจะเหงาสักหน่อย แต่มันก็อาจจะเป็นทางออกที่ดีมั้งครับ...
(มองขำๆ มันคงเป็นกรรมเก่าที่ทำกับเขาไว้เยอะ ทั้งแฟนคนแรก(ผู้หญิงนะ) หรือผู้ชายบางคนที่มาชอบผม แต่ผมทำร้ายเขาไปเยอะ ปล. ผมไม่เคยเจ้าชู้ ไม่เคยนอกใจ แต่ถ้ามันไม่ใช่ผมก็ไม่ฝืนต่อ(เลว))
แต่ถึงจะต้องอยู่คนเดียว แต่ถ้าเราเลือกที่จะทำอะไรที่มันมีความสุข มันก็คงเป็นทางออกที่ดีอีกทางละมั้ง(ยังหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับตัวเองไม่ได้)
แต่ว่า... การเขียนนิยายแล้วมันทำให้คนที่อ่านมีความสุข ผมมีความสุขมากนะครับ อย่างที่เคยบอกว่ามันคือสสิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำ...
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและความห่วงใยนะครับผม แง่มๆ...
เอ้อ...เกือบลืม ติดตอนพิเศษไว้ก่อนนะครับ กรองประโยคไม่ทันอะครับ
^______________________________________________________^