ตอนที่ 9 งานคุณย่า 1 กว่ากวินทร์จะกลับถึงบ้าน เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบบ่ายสอง เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งที่ทำอย่างเเรกคือเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดเเขนสั้นกับกางเกงวอร์ม เพื่อความสะดวกในการเข้าครัว เมนูที่เขาจะทำเป็นอาหารง่ายๆ เเต่เป็นสูตรของเขาเองเเละจากพ่อค้าเเม่ขายเเถวตลาดที่เขาเคยขายข้าวเเกงเป็นประจำ
ก่อนเเยกทางกับป้าอรเมื่อตอนเช้า เขาวานให้เเกเเช่ข้าวเหนียวไว้นึ่งเย็นนี้ ส่วนเเม่บ้านคนอื่นๆ มองหน้ากันอย่างงงๆ พอเห็นกวินทร์เข้าครัว เเต่ทุกคนก็พร้อมอกพร้อมใจช่วยเมื่อเขามอบหมายงานให้ เมนูที่เขาจะทำมีไม่เยอะ เเต่รับประกันความอร่อย
เมนูเเรกคือไก่อย่างสูตรพิเศษของป้าคำเเพง ที่ยอมบอกสูตรกับเขาก่อนย้ายกลับขอนเเก่นบ้านเกิดตัวเอง ป้าคำเเพงเป็นเเม่ค้าขายส้มตำไก่ย่างในตลาดเดียวกันกับที่เขาเคยขายข้าวเเกง เเละได้คอยช่วยเหลือกันมาตลอด
ขั้นตอนเเรกคือตำสมุนไพรที่มีตะไคร้ รากผักชี กระเทียม พริกไทยดำ หอมเเดงเเละใบเตย ให้เข้ากันก่อนจะใส่เครื่องปรุงอื่นๆ เเล้วเอาไปหมักกับเนื้อไก่ จากนั้นก็เทนมสดลงไปเพื่อให้เนื้อไก่นุ่มเเละไม่เเห้ง เเค่นี้ก็เสร็จเเล้ว รอย่างตอนใกล้เวลางาน ส่วนน้ำจิ้มที่เขาทำเป็นน้ำจิ้มรสชาติไม่เผ็ด เเต่หวานเเละเปรี้ยวนำ กลิ่นหอมข้าวคั่วกับผักชีฝรั่ง
"พร ตากวินทร์กลับมาหรือยัง?" คุณพริ้งถามเเม่บ้านที่ยกของว่างมาให้ตนเเละเจ้าสัวในห้องนั่งเล่น
"มาเเล้วค่ะ ตอนนี้คุณกวินทร์อยู่ในครัว จะให้พรไปเรียกมาไหมคะ?"
"หือ? ตากวินทร์ไปทำอะไรในครัว?" คุณพริ้งขมวดคิ้วถาม ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหลานคนนี้เข้าครัว
"ทำอาหารค่ะ"
คำตอบยิ่งทำให้คุณพริ้งงงเข้าไปใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้น "ไม่ต้องเรียกมา เดี๋ยวฉันไปดูเอง" เจ้าสัวธาราเงยหน้าจากหนังสือพิมย์เเล้วมองตาม เเต่ไม่ลุกไปด้วย มีอะไรเดี๋ยวคุณพริ้งก็มาเล่าให้ฟังเอง
พอก้าวเข้ามาครัว คุณพริ้งก็เจอหลานชายกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการหั่นผักอย่างชำนาน ช่างเป็นภาพที่น่ามองเเละเเปลกตาในเวลาเดียวกัน
"ตากวินทร์ ทำอะไรอยู่ลูก?"
กวินทร์หันหน้ามาเมื่อได้ยินเสียงทักจากคุณย่า "ก็ทำกับข้าวไงครับ" เขาตอบ ปั้นหน้าซื่อก่อนจะยิ้มเเฉ่งเมื่อเห็นคุณพริ้งเเกล้งมองขาเขียว "เดี๋ยวเถอะ" หญิงชราค้อน
กวินทร์เห็นดังนั้นก็รีบวางมีด เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่ห้อยอยู่ข้างฝาผนัง เเล้วเดินเข้ามากอดเอวคุณพริ้งอย่างออดอ้อน เขาเป็นคนที่ชอบเอาใจผู้สูงอายุมาเเต่ไหนเเต่ไร เวลาพูดกับตายายที่โคราชก็มักจะเเทนตัวเองว่าหนูตลอด ความสุขสำรับผู้สูงอายุไม่ใช่สิ่งของหรือเงินตรา เเต่เป็นลูกหลานที่คอยดูเเลเเละไม่ทอดทิ้งต่างหากล่ะ
"ก็วันนี้เป็นวันเกิดคุณย่าหนิครับ กวินทร์ก็เลยอยากโชว์ฝีมือปลายจวัก" ว่าเเล้วก็หัวเราะเเละกอดเอวออดอ้อนต่อด้วยท่าทีโอเว่อร์จนจนคุณพริ้งหมั่นใส้ เลยเเกล้งหยิกเเขนเข้าให้ ตอนนี้เธอเองยังไม่หายตกใจกับนิสัยที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของหลานชาย เเต่การเปลี่ยนเเปลงไปในทางที่ดี ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ใช่ไหม?
"เเต่ยัยเกรซกับเเม่เอมอรอาสาจะเป็นคนดูเเลพวกอาหารการกินเเล้วนะลูก"
"ก็เพราะพวกเขาจัดการน่ะสิ กวินทร์ถึงต้องมาทำเพิ่ม มีเเต่อาหารฝรั่ง ทั้งๆ ที่
เเขกชาวต่างชาติมีไม่กี่คน เเล้วคุณย่ากับคุณปู่เองก็ชอบอาหารไทยมากกว่าไม่ใช่เหรอครับ" กวินทร์ตอบอย่างไม่พอใจ
คุณพริ้งได้เเต่ถอนหายใจ เธอรู้อยู่เเล้วล่ะว่าหลานสาวสะใภ้คนโตทำเเค่เพื่อเอาหน้า เเต่เธอก็ไม่อยากขัดเเย้งให้มันเป็นเรื่องใหญ่
"ไหน จะทำอะไรให้ย่าบ้าง หืม?"
เมื่อคุยเรื่องอาหารกวินทร์ก็เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เพราะไม่ได้มีโอกาสเข้าครัวบ่อยนัก นับตั้งเเต่เข้ามาทำงานกับเสี่ยวิชัย
"กวินทร์ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยครับ เเต่กะว่าจะทำไก่อย่าง ส้มตำเเบบสลัด ข้าวเหนียวนึ่ง เมี่ยงคำ เเล้วก็ผัดหมี่โคราช ของหวานก็มีกล้วยราดซอสมะพร้าวอ่อนครับ" กวินทร์จูงเเขนคุณย่าเข้ามาในครัว ปากอิ่มก็สาธยายถึงเมนูต่างๆ
คุณพริ้งเองก็อมยิ้มอย่างตื้นตัน เธอมีหลานหลายคน เเต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่มีคนไหนที่ใกล้ชิดเเละสนิทกับเธอ รวมทั้งกวินทร์คนเดิม เเถมยังห่างเหินกว่าคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ
เธอไม่รู้หรอกว่ารสชาติจะออกมาเป็นอย่างไร เเขกจะพอใจไหม เเค่ตากวินทร์ลงมือทำให้ขนาดนี้เธอก็ปลื้มใจจะเเย่เเล้ว
"งั้นย่าไม่กวนเเล้ว ทำอาหารต่อเถอะลูก เดี๋ยวปู่กับย่าจะรอชิมเย็นนี้" คุณพริ้งพูดเเล้วเอามือลูปเเก้มที่ตอนนี้เป็นสีชมพูอ่อนๆ เพราะความร้อนในครัว พอมองหน้าชัดๆ ก็อดเเซวหลานชายไม่ได้ "เเหนะ ตัดผมมาหล่อเชียว" ส่วนเจ้าตัวก็ได้เเต่หัวเราะเก้อๆ
กวินทร์ให้เเม่บ้านสับมะละกอเเล้วเอาไปเเช่น้ำเย็นไว้ ส่วนเขาหันมาทำน้ำยำส้มตำรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มกลมกล่อมเเละใส่พริกเเห้งลงไปนิดหน่อยพอให้มีรสเผ็ด เวลาทานก็เอามะละกอกับเเครอทมาคลุกน้ำยำ โรยด้วยถั่วคั่วเเละกุ้งเเห้ง ทานคู่ไก่ย่างเหมือนสลัด รับรองอร่อยเหาะ!
ส่วนเมี่ยงคำก็เเค่หั่นสมุนไพร คั่วมะพร้าวกับถั่วลิสง เคล็ดลับของน้ำจิ้มคือใช้น้ำตาลโตนด ที่จะทำให้รสชาติไม่หวานเลี่ยน
เมื่อเห็นว่าเวลาเหลืออีกไม่เยอะ เขาให้เเม่บ้านนำใบชะพลูมาทำเป็นกระบวย ใส่เครื่องเคียงลงไปยกเว้นพริกกับน้ำจิ้ม เเล้วจัดใส่เเก้วช็อตเล็กๆ เวลาทานก็จะได้หยิบง่ายๆ เครื่องเคียงที่เหลือก็ใส่กระทงใบตอง ไว้ให้สำหรับใครที่อยากลองห่อเอง
ต่อมาก็ทำน้ำซอสมะพร้าวอ่อนสำหรับกล้วยปิ้ง เป็นอีกเมนูที่ทำง่ายเเละอร่อย กวินทร์นำน้ำกะทิกับใบเตยมาตั้งไฟเเล้วใส่น้ำตาลโตนด เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย ใส่เกลือลงไปตัดรสหวาน จากนั้นก็ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป กล้วยที่เขาเลือกมาเป็นกล้วยกึ่งดิบกึ่งสุก เวลางานเริ่มค่อยเอามาย่าง ถ้าย่างไว้หลายชั่วโมงจะไม่อร่อย เวลาทานราดด้วยน้ำซอสที่ทำไว้ สูตรนี้หาทานได้ยาก
เมนูสุดท้ายเป็นเมนูที่เขาภูมิใจนำเสนอมาก ผัดหมี่โคราช เเละโชคดีที่ในตลาดมีเส้นหมี่โคราชของเเท้ขายอยู่พอดี เขาเลือกที่จะใส่กุ้งเเทนหมูสามชั้น เพราะบางคนอาจไม่ชอบทานอะไรที่ไขมันเยอะจนเกินไป
กวินทร์ปรุงน้ำซอสให้รสชาติเข้มข้น เมื่อพอใจเเล้วก็ใส่น้ำไปจำนวนหนึ่ง เเล้วเอาเส้นลงไปผัดจนน้ำเเห้ง จากนั้นก็ใส่ใบกุยช่ายลงไปผัดพอให้สลด รสชาติจะคล้ายๆ ผัดไทย เเต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เวลาทานก็เอาไข่เจียวเเผ่นที่หันเป็นเส้นๆ เเละกากหมูมาโรย เคียงด้วยถั่วงอก จัดทุกอย่างใส่จานที่มีใบตองรองไว้ เพื่อความสวยงาม
เมื่อข้าวเหนียวที่นึ่งไว้ใกล้สุกก็นำทุกอย่างออกไปตระเตรียมบนสนามหญ้า ส่วนเชฟจากโรงเเรมที่คุณเอมอรสั่งไว้ก็เริ่มมาเเล้วเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีเวทีพร้อมไมโครโฟนและเครื่องปั่นไฟที่ถูกนำมาจัดไว้ที่ระเบียงติดสนามหญ้าอีกด้วย กวินทร์ได้เเต่ส่ายหน้ากับความเว่อร์ของสองเเม่ลูก
ซุ้มอาหารถูดจัดให้เป็นเหมือนบุฟเฟ่ต์ มีพนักงานโรงเเรมเเละเเม่บ้านคอยให้บริการ ไก่เเละกล้วยถูกย่างอยู่ในครัวเพราะกวินทร์ไม่อยากให้ควันมารบกวนงานเลี้ยง พอย่างจนสุกเเล้วค่อยยกมาใส่เตาถ่านที่มีไฟอ่อนๆ รักษาความร้อน
เมื่อทุกอย่างถูกจัดเข้าที่เข้าทาง กวินทร์ก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ซิบหายล่ะ เหลืออีกยี่สิบนาที! ลืมไปว่าตัวเองต้องอาบน้ำเเต่งตัว คิดได้ดังนั้น ร่างโปร่งก็รีบวิ่งเข้าบ้านเเล้วตะโกนบอกป้าอรให้เตรียมชุดไว้ให้
******
กวินทร์ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำเเต่งตัว ทรงผมก็ไม่ต้องเซ็ทอะไรมาก ปล่อยให้มันหยักไปตามธรรมชาติ
"คุณหนูคะ คุณพริ้งกับคุณธาราให้ป้ามาตามค่ะ" ป้าอรร้องเรียกพร้อมกวักมือไวๆ เมื่อเห็นเจ้าตัวเดินออกมาจากห้อง เเละอดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ ร่างสูงโปร่งใส่สูทสีดำตัดกับผิวขาวผ่อง ผมไม่ได้จัดทรงเเต่กลับไม่ดูน่าเกลียดเเละยังรับกับใบหน้าคมคายเป็นอย่างยิ่ง
"ตากวินทร์ มานี้ลูก" คุณพริ้งเรียกหลานชาย
กวินทร์ยิ้มให้เจ้าสัวเเละคุณย่าที่กำลังยืนอยู่คุยกับคู่ชายหญิงวัยกลางคนกับชายหนุ่มอีกสองคน เพราะเห็นว่าตัวเองน่าจะอายุน้อยสุด กวินทร์เลยยกมือไหว้ทุกคนเเละกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท ตาคมสะดุดเข้ากับชายวัยกลางคน ความรู้สึกเหมือนเคยเจอหน้าหรือเห็นรูปที่ไหนซักเเห่งตอนทำงานให้เสี่ยวิชัย
"อืม หวัดดีๆ เป็นไงเรา ลุงได้ข่าวว่าไม่สบาย" ชายคนนั้นยกมือตอบรับเเละถามไถ่ท่าทางใจดี
กวินทร์หันไปมองเจ้าสัว ความจำเสื่อมไม่ใช่เรื่องที่ควรป่าวประกาศให้คนนอกรู้ ยิ่งวงการอย่างนี้ยิ่งหาคนไว้ใจได้ยาก เมื่อปู่ธาราพยักหน้าให้เป็นเชิงอนุญาตกวินทร์ถึงบอกความจริง
"อ่าครับ... ตอนนี้ความจำเสื่อม จำได้เเค่บางเรื่องน่ะครับ"
คุณพงศ์ภีระเเสดงสีหน้าตกใจ "เอ้า เเล้วตอนนี้ร่างกายเป็นไงบ้าง"
"ร่างกายโอเคเเล้วครับคุณ...ลุง?" กวินทร์ตอบอย่างไม่เเน่ใจ เพราะไม่รู้ว่าต้องเรียกอีกฝ่ายว่าอะไร
"ฮ่าๆๆ สงสัยลุงต้องเเนะนำตัวใหม่สินะ ลุงชื่อภีระ เป็นรุ่นน้องของเจ้าสัวน่ะ ส่วนสาวสวยคนนี้ภรรยาลุงเอง คุณทิพกา อย่างคิดจีบเชียวนา ฮ่าๆๆ" คุณภีระพูดจาขำขันเเละเป็นกันเอง ทำให้กวินทร์รู้สึกผ่อนคลาย
เเต่... พงศ์ภีระ..? พงศ์ภีระ...
เวรกรรม เจอคนใกล้ตัวอีกเเล้ว พงศ์ภีระที่ว่าเป็นเจ้าของธุรกิจระดับเเนวหน้าของประเทศ ก่อนหน้านี้เขาเคยปล่อยไวรัสเล่นงานระบบฐานข้อมูลของบริษัทคุณพงศ์ภีระจนระบบล่มยี่สิบสี่ชั่วโมงเต็มๆ ทำให้เสี่ยวิชัยพอใจเป็นอย่างหนัก
เพราะความเเปลกใจว่าทำไมเสี่ยวิชัยถึงให้เขาเล่นงานคุณพงศ์ภีระ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่คู่เเข่งทางธุรกิจโดยตรง กวินทร์จึงคุ้ยประวัติส่วนตัวเสี่ยวิชัย ถึงได้รู้ว่าทั้งคู่จบมหาวิทยาลัยเดียวกัน คาดว่าคงมีเรื่องบาดหมางตั้งเเต่ตอนนั้น
"อ๋อ ส่วนนี้ลูกชายลุงเอง ภูผากับภรันยู" อีกสองหนุ่มผงกหัวให้กวินทร์ คนหนึ่งหน้านิ่ง ส่วนอีกคนที่น่าจะอายุน้อยกว่ายิ้มให้เขาท่าทางเป็นมิตรมากกว่าคนพี่ชาย
ภูผาสังเกตมองใบหน้าของร่างโปร่ง มิน่าล่ะ ทำไมคุ้นๆ ที่เเท้ก็หลานเจ้าสัวนี่เอง เเต่กิริยาเเละท่าทางการวางตัวเปลี่ยนไปเยอะมาก ไม่ก้มหน้าไม่หลบสายตาเหมือนเเต่ก่อน... น่าเเปลกใจ
"อุ้ย คุณภีระคุณหญิงทิพกา สวัสดีค่ะ" เสียงคุ้นเคยดังขึ้น กวินทร์หันไปมองครอบครัวของคุณเกรียงไกร ลุงเขาเอง โชคดีที่ป้าอรเอารูปสมาชิกครอบครัวทุกคนให้เขาดู
ลุงเกรียงไกรเป็นชายเจ้าเนื้อหน้าดุเเถมยังไว้หนวดเล็กน้อย ส่วนภรรยากลับผอมเเห้งทำทรงผมสไตล์คุณหญิงไฮโซที่อัดสเปรย์มาเสียเต็มหัวไม่หวั่นเเม้กระทั้งลมพัด
ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสี่คน สิรดา นริศรา กานติมา เเละคนโตไกรวินที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่กับภรรยาที่เชียงใหม่ ทำให้คุณเกรียงไกรไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะอยากให้ลูกชายรับช่วงต่อจากตัวเอง ส่วนลูกสาวคนเล็กอย่างสิรดาก็เรียนแพทย์ปีหนึ่ง ถึงจะไม่พอใจ เเต่เพราะเป็นคณะที่เข้ายากของมหาวิทยาลัยระดับหนึ่งของประเทศ เลยพอจะเชิดหน้าชูตาได้ บวกกับเจ้าสัวพูดให้เลยไม่ต่อต้านอะไรมาก
งานนี้นนริศราเเละกานติมาลูกสาวคู่โปรดก็เเต่งตัวโชว์เนื้อหนังเต็มที่ ชุดราตรีรัดรูป โชว์เเผ่นหลังเเละเปิดคอกว้างจนมองเห็นร่องอก ใบหน้าสวยถูกเเต่งเเต้มด้วยฝีมือช่างเเต่งหน้าของระดับดารารุ่นท็อปๆ ต่างจากสิรดาที่เเต่งหน้าอ่อนๆ เเละสวมใส่ชุดราตรีน่ารักสมวัย
"กิ่งสั่งอาหารจากโรงเเรมระดับห้าดาวมาเยอะเลยค่ะ มีทั้งล็อบสเตอร์ พาสต้า
สเต๊กเกรดเอ อยากให้คุณลุงเเละคุณหญิงได้ชิมค่ะ" กานติมาก็รีบฉวยโอกาสเอ่ยปากเชิญทุกคนไปชิมอาหารที่ตนเป็นคนสั่งเตรียมมา
กวินทร์รู้สึกคันปากยิกๆ เขาว่าอย่างครอบครัวคุณพงศ์ภีระจะซื้อเนื้อวัววากิวมาย่างทั้งตัว ขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วงหรอกมั้ง
"ไม่เป็นไรจ๊ะหนูกิ่ง พักหลังป้ากับคุณภีระไปต่างประเทศบ่อย ทานอาหารฝรั่งทุกวัน พอกลับมาก็อยากทานอาหารสไทยๆ น่ะจ๊ะ" คุณทิพกาตอบปฏิเสธอย่างมีมารยาท
"ป้าเห็นมีอาหารไทยด้วย พวกนั้นหนูก็เตรียมมาเหรอจ๊ะ"
"เปล่าค่ะ ของคนอื่น" กานติมาเน้นคำว่าคนอื่น เเล้วมองกวินทร์ด้วยหางตา
"คุณภูผากับคุณภรันยูล่ะคะ? จะรับอะไรไหม เดี๋ยวเกรซกับพี่กิ่งพาไป" นริศราพยายามเชิญชวน
"ไม่ล่ะครับ ผมไม่ชอบอาหารฝรั่ง" ภูผาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ไม่เป็นไรครับ พี่เองก็อยากทานอาหารไทยๆ เหมือนคุณเเม่" ต่างจากพี่ชายตัวเอง
ภรันยูเลือกที่จะตอบปฏิเสธอย่างนุ่มนวลเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ
"ไม่เป็นไรค่ะ" ถึงจะไม่พอใจ เเต่สองสาวพี่น้องก็ต้องเก็บอาการไว้ทั้งที่อยากกรีดร้องอาละวาดเต็มทน
"ว่าเเต่อาหารไทยมีอะไรบ้างจ๊ะหนูกวินทร์?" คุณหญิงทิพกาถามอย่างใคร่รู้
"อ้อ มีไม่กี่อย่างเองครับ ไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียว เมี่ยงคำ ผัดหมี่โคราช ของหวานก็กล้วยปิ้งราดซอสมะพร้าวอ่อนครับ"
"นี่ นายกวินทร์ วันเกิดคุณย่าทั้งทีทำไมสั่งเเต่อาหารข้างถนนพวกนี้มาล่ะจ๊ะ"
กานติมาพูดด้วยน้ำเสียงติเตียน ไม่ต้องเป็นไอน์สไตน์ก็รู้ว่าเธอต้องการสื่ออะไร
เเต่ในสายตาคนนอกฝ่ายที่ดูเเย่กลับเป็นเจ้าของคำพูดจิกกัดเสียเอง
"ใช่ครับ อาหาร street food ฝรั่งนิยมมาก" กวินทร์ตอบปัดอย่างไม่เเยเเสเเล้วหันไปทางอื่น "เดี๋ยวผมขอตัวพาคุณปู่กับคุณย่าไปชิมอาหารที่ผมกับพี่ๆ เเม่บ้านเตรียมไว้ก่อนนะครับ ถ้าคุณลุงคุณป้าเเละคนอื่นๆ สนใจก็เชิญเลยครับ"
"ได้จ๊ะ ป้าอยากชิมผัดหมี่โคราชพอดี ไม่ได้ทานหลายปีเเล้ว"
"งั้นเชิญเลยครับ" กวินทร์ยิ้มสุภาพ ก่อนจะควงเเขนคุณพริ้งเดินนำหน้า
******
"ทีนี้ก็เอาถั่วงอก ไข่เจียว กากหมูโรยเเบบ ถ้าชอบรสจัดๆ ก็เติมเครื่องได้ครับ" ปากเเดงพูดคล่องเเคล่ว ส่วนมือสวยก็สาระวนอยู่กับการตักหมี่โคราชใส่จานเเจกผู้คน
"อร่อยมากจ๊ะลูก เส้นเหนียวนุ่มกว่าเส้นผัดไทย รสชาติก็เข้มข้น ชิมดูสิคุณธารา" คุณพริ้งชิมคำเเรกเเล้วชมเปาะ หันไปชวนให้เจ้าสัวที่กำลังทานไก่ย่างให้มาชิมด้วย
คุณหญิงทิพกาเเละคุณพงศ์ภีระเองก็ชอบหมี่โคราชของเจ้าตัว เเถมยังชมไม่ขาดปาก เเละยังขอสูตรจะเอาไปให้เเม่บ้านอีกด้วย ส่วนพ่อครัวก็เอาเเต่ยิ้มรับจนหน้าบานเป็น
กระด้ง ไม่มีความถ่อมตนเอาซะเล้ย
"เชิญที่โต๊ะเลยครับ เดี๋ยวกวินทร์ให้คนยกสำรับไปให้ คุณป้าต้องชิมเมี่ยงคำนะครับ อร่อยอย่างงี้เลย" ว่าเเล้วก็ยกนิ้วโป้งทั้งสองข้าง ส่วนคุณทิพกาเองก็รับปากเเล้วหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ ทำไมลูกชายเธอไม่เอาอกเอาใจเเบบนี้บ้างนะ
พอผู้อาวุโสไปนั่งโต๊ะกันเเล้ว กวินทร์ก็หันมาถามอีกสองหนุ่ม
"เอ่อ คุณภูผากับคุณภรันยูจะลองชิมไหมครับ"
"เรียกพี่ภรันก็ได้ครับ อืม... พี่อยากลองชิมหมี่โคราชน่ะ ไม่เคยทาน เดี๋ยวพี่ไปตักเองได้ กวินทร์ไม่ต้องลำบาก" ภรันยูตอบเป็นกันเอง
"ครับ พี่ภรัน" พอมองชัดๆ กวินทร์รู้สึกว่าภรันยูมีใบหน้าเหมือนเเม่ หล่อเเบบเรียบๆ ปากบาง ตาตี๋ จมูกเเหลมโด่ง ผิวขาวกกว่าพี่ชาย ส่วนภูผาหล่อคมเข้มเหมือนพ่อ ทั้งคู่หล่อ รวย มีหน้ามีตาทางสมคม มิน่าล่ะ ญาติสาวของเขาถึงพร้อมถวายตัวให้ขนาดนั้น ภรันยูเดินไปตักอาหารให้ตัวเองก่อนจะมีเสียงเรียกชื่อเขาดึงขึ้น เลยขอตัวไปนั่งกับคนรู้จัก
พอภรันยูไปเเล้ว ก็เหลือเเค่เขากับภูผา... กวินทร์รู้สึกคันปาก อยากจะถามจริงๆ ว่ารู้จักกับคนชื่อเสือไหม เเต่ถ้าถามไปเขาคงโดนสงสัยเเละโดนอีกฝ่ายจับตามองเวลาไปไหนมาไหนเเน่ๆ
"เเล้วคุณภูผาล่ะครับ จะลองชิมอะไรหน่อยไหม"
"ฉันขอเป็นไก่ย่างกับส้มตำเเล้วกัน"
"ถ้าคุณภูผาชอบเผ็ดๆ จะสั่งให้เเม่บ้านตำให้ก็ได้นะ ผมปรุงน้ำยำให้รสชาติกลางๆ ไว้เผื่อคนทานรสจัดไม่ได้"
"ไม่เป็นไร ทานเป็นสลัดเเบบนี้ก็ดีเหมือนกัน"
กวินทร์เเสดงสีหน้าใจจดใจจ่อเมื่อร่างสูงกลืนไก่ย่างคำเเรกลงไป
"เป็นไงครับ?"
ทำไมถึงอยากรู้ความคิดเห็นของภูผาน่ะเหรอ ก็คนที่ปฏิเสธสองศรีพี่น้องต่อหน้าเจ้าสัวคงจะไม่เอ่ยชมเพื่อรักษาน้ำใจเขาเหมือนคนอื่นๆ กวินทร์มั่นใจอยุู่เเล้วว่าฝีมือเขาต้องอร่อย เเต่พอได้ยินคำชมจากคนที่รับทานอาหารตน มันก็ให้ความรู้ดีไปอีกเเบบ
"อืม.."
ตาสีฟ้าอ่อนเบิกขึ้นเล็กน้อยอย่างคาดหวัง
"..." เเต่ภูผากลับชิมอีกคำ เเล้วทำสีหน้าครุ่นคิด
"เป็นไงครับ?" รอไม่ไหวจนต้องถาม
"อืม... อร่อยดี" ชั่วอึดใจใหญ่กว่าจะตอบได้
พอเห็นใบหน้าขาวที่มองตนอย่างคาดหวัง มันก็อดไม่ได้ที่จะเเกล้งอีกฝ่าย ภูผาไม่ใช่คนขี้เล่น เเต่รู้สึกถูกชะตากับหนุ่มคนนี้อย่างบอกไม่ถูก น่าเเปลก...
"คุณภูผาอยู่นี่เอง กิ่งตามหาตั้งนาน" เสียงกานติมาทักขึ้น ก่อนจะเดินนวยนาดมายืนข้างกายภูผา ถ้าหน้าด้านอีกนิดคงเกาะเเขนฝ่ายชายไปเเล้ว
"มีธุระอะไรเหรอครับคุณกานติมา" น้ำเสียงยังห่างเหินอย่างคงเส้นคงวา
"เเหม คุณภูผาเรียกกิ่งเฉยๆ ก็ได้ค่ะ คนกันเอง" กานติมากระเง้ากระงอด
"ว่าเเต่คุณตามหาผมทำไม?" ภูผาเเสร้งทำเมิน เเล้วตัดเข้าเรื่อง
"กิ่งกำลังเขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาโท marketing เห็นว่าคุณภูผาจบโทจากอเมริกา กิ่งเลยอยากขอคำปรึกษาน่ะค่ะ" กานติมาพยายามส่งสายตาเชื้อเชิญร่างสูง ขณะที่อีกฝ่ายกลับมองเธอเหมือนกำลังประเมินสินค้าเกรดต่ำที่ไม่มีทางจะขายออกในราคาปกติ
"ขอโทษครับ เกรงว่าผมจะไม่ว่าง กวินทร์เองก็กำลังจะปรึกษาผมเรื่องเรียนพอดี ผมว่าคุณไปถามภรันน่าจะดีกว่า ขอตัว" พูดจบก็จูงมือกวินทร์เเละเดินหลบไปอีกทาง
"หึหึ" เมื่อเดินออกมาได้ซักพักร่างโปร่งก็อดขำกับการโกหกหน้าตายของคนข้างๆ ไม่ได้ พอเเอบชายตามองใบหน้าที่ยังเฉยเมยของอีกฝ่ายกวินทร์ยิ่งขำ เก๊กเข้าไปพ่อคุณ
เอ้ย เขาควรบอกคุณภูผาดีไหมนะ ว่าตัวเองไม่ได้เรียนอะไรที่เกี่ยวข้องกับการบริหารหรือการตลาดใดๆ ทั้งสิ้น!
"เจ้าสัวบอกว่าคุณความจำเสื่อม" ร่างสูงหาเรื่องคุยเเล้วจิบไวน์เมื่อเห็นว่ากานติมากำลังมองมาทางเขาเเละกวินทร์
"ครับ จำได้เลือนราง เเต่ปะติดปะต่อเรื่องไม่ค่อยได้ ทำไมครับ?" กวินทร์เเปลกใจนิดหน่อยที่ร่างสูงถามเรื่องนี้
"เปล่า ไม่มีอะไร"
เงียบไปซักพัก... เสียงอุทานเหมือนคนกำลังตกใจของกวินทร์ ทำให้ร่างสูงหันมามอง
"อย่าบอกนะว่าาา...
...
เราเเอบคบกัน?!!"
ตาสีฟ้าครามเบิกกว้าง ใบหน้าตื่นตระหนก เเละทำเอาอีกคนเเทบสำลักไวน์ที่เพิ่งจิบเข้าไปหมาดๆ จนต้องกระเเอมไอ หลุดมาดคุณชายซะจนกวินทร์เเสดงต่อไม่ไหวก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนโบกไม้โบกมือปากก็หัวเหราะไม่หยุด ก่อนเฉลยว่า
"ล้อเล่นๆ"
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากของอีกฝ่าย ภูผาถึงรู้ว่าโดนเด็กปีนเกรียวซะเเล้ว ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอเห็นคนที่กำลังหัวเราะเอาเป็นเอาตายร่างสูงเองก็อดยกยิ้มตามไม่ได้
เเต่ความรู้สึกอยากเอาคืนมันก็มีไม่น้อยเช่นกัน เขาจึงเเกล้งปั้นหน้าขรึม ก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงซีเรียส
"นี่... นายจำคืนวันนั้นไม่ได้เหรอ?"
"ห๊ะ? อะไรนะครับ??" ร่างโปร่งถึงกับขำค้าง
"จำไม่ได้เหรอ คืนนั้นนายออดอ้อนฉันจนเราเเทบไม่ได้นอนเลยนะ กวินทร์" น้ำเสียงยังคงความซีเรียสเอาไว้ไม่หลุด เเถมยังขยับเข้ามาใกล้จนกวินทร์เเทบจะสัมผัสไอร้อนจากร่างกายของอีกฝ่ายได้
ยิ่งเห็นปากสีเเดงสดกำลังอ้าพะงาบๆ ยิ่งน่าขัน เเละเผลอหลุดเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมาในที่ เเต่ก็ดังพอที่จะทำให้ร่างโปร่งได้ยิน จนต้องตวัดตามองใบหน้าคมคาย ที่กำลังจ้องมองเขาด้วยเเววตาเเพรวพราวจนน่าหมั่นใส้
"ผมไม่นึกว่าคุณภูผาจะเป็นคนขี้เล่นกับเขาด้วย"
ร่างสูงไม่ตอบ เเต่ยิ้มมุมปาก ก่อนจะทันได้พูดคุยอะไรกันต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของภูผาก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
"ว่าไงเสือ? ... งั้นเหรอ ... เตรียมเอกสารไว้ให้ฉันด้วย" เสียงพูดคุยสั้นๆ เเต่น้ำเสียงค่อนข้างเครียด
"ผมจะต้องขอตัวเเล้ว ยินดีที่ได้รู้จักกันอีกครั้งนะ กวินทร์"
"เช่นกันครับคุณภูผา" ยิ้มรับ เเล้วยกมือไหว้อีกฝ่าย
******
พอเเยกทางกัน กวินทร์ก็กลับไปนั่งโต๊ะกับปู่เเละคุณย่า เเละมีครอบครัวคุณพงศ์ภีระนั่งอยู่ด้วย โดยมีนริศราเเละกานติมาคอยฉอเลาะเอาอกเอาใจคนนู้นคนนี้
"เป็นไงตากวินทร์ เห็นหนูกิ่งว่าไปปรึกษาเรื่องเรียนกับคุณภูผาเหร๊อะ?" เจ้าสัวถามหลานชายเมื่อเจ้าตัวนั่งลงข้างๆ
"ใช่ค่ะ ทั้งๆ ที่ตัวเองเรียนคณะไร้สาระอะไรก็ไม่รู้" กานติมาพูดเสียงขุ่นเเละปรายตามองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ เเต่ก็ทำได้เเค่นั้น เพราะมีคุณย่าคอยปราม
"อ่า.. ก็ดีครับ คุณภูผาคุยสนุกดี" สนุกซะจนเขาอึ้งเลยล่ะ
"พี่ภูเนี่ยนะคุยสนุก? มิน่าล่ะ ผมเห็นเสือยิ้มยากอย่างพี่ภูโชว์เขี้ยวฟัน ฮ่าๆๆ"
ภรันยูเเอบนินทาพี่ชาย
"ท่าทางตาภูจะถูกชะตากับหนูกวินทร์นะคะ นอกจากครอบครัวกับคนที่สนิทๆ ก็ไม่มีหรอกที่จะยิ้มให้ใคร" คุณหญิงทิพกากล่าวกับเจ้าสัวยิ้มๆ
"ดีเเล้วลูก สนิทกันไว้ ภายหน้ามีอะไรจะได้พึ่งพากัน เสียดายหมอธีรไนยมาไม่ได้ เห็นว่าติดเคสด่วน" เจ้าสัวพูดพลางลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดู โดยมีนริศรามองมาที่ร่างโปร่งอย่างชิงชัง
ทำไมทุกคนต้องให้ความสนใจมัน?! อยากได้รับความสนใจมากใช่ไหมไอ้กวินทร์? ได้! ฉันจะจัดให้เเกจนสมใจ!
.
.
.
.
.
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นค่ะ
