เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{18}
“ถึงแล้วครับแม่…ครับ…ครับ…พรุ่งนี้จะโทรหาอีกทีนะครับ”
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าโซ่กลับไปญาติดีกับมารดาผู้ให้กำเนิดเลยเชียว
เพราะที่เห็นโทรรายงานตัวกันเป็นเรื่องเป็นราวอย่างนี้ ก็แม่พอร์ชทั้งนั้นที่คอยโทร
เช็คลูกชายคนโปรดของตัวเองอย่างโซ่มาตลอดทาง เพราะการเดินทางมาเที่ยวงาน
เทศกาลดนตรีที่คราวนี้ เดอะแก๊งเขาพากันควบสองล้อคู่ใจจากพิจิตรถิ่นชาละวันมา
ถึงเขาใหญ่กันเลยทีเดียว แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คุณนายเขาห่วงได้ยังไง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
การสนทนากลับผูกขาดอยู่ระหว่างโซ่กับคุณนายแม่ของพอร์ชเท่านั้น ไม่มีสักครั้งที่
เธอจะขอสายลูกชายแท้ๆอย่างพอร์ช
“ไง…ตกลงมึงยึดแม่กูไปแล้วใช่ไหม?” พอร์ชเอ่ยแซวคนรักที่ยื่นโทรศัพท์
กลับคืนมาให้หลังจากคุณนายแม่ของพอร์ชวางสายไป
“ช่วยไม่ได้…ตอนเย็นเจอกัน” โซ่ยักไหล่ทำเป็นไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วย
ความหมั่นไส้ของพอร์ช แล้วหันไปพูดบอกกับเพื่อนตัวเองต่อ เมื่อตกลงกันเรื่องห้องพัก
ได้ลงตัว หลังจากที่ถกเถียงกันอยู่พักใหญ่ เพราะแวนไม่อยากนอนห้องเดียวกับบุญล้อม
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เมื่อเป้พาซีมาด้วย เพื่อนๆจึงรับรู้กันเองไปโดยปริยายว่าทั้งสองคนอยู่
ในสถานะอะไรกัน ในเมื่อรอบคอของซีประดับเต็มไปด้วยรอยช้ำสีแดงเป็นจ้ำๆ
ต้องขอบคุณคุณทนายของโซ่ที่จัดบ้านพักหลังนี้ไว้ให้ตามคำขอของโซ่ที่มีไม่กี่
ครั้งหรอกที่เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอความช่วยเหลือไปก่อนแบบนี้ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ
ในเมื่อที่พักแถวนี้ถูกจับจองไปหมดแล้วไม่เหลือสักแห่ง จะขอซื้อสิทธิ์ต่อโดยให้ราคาเพิ่ม
เหมือนบัตรเข้างานก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครใจดียอมเสียสละที่นอนที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำในเวลา
มีงานเทศกาลดนตรีส่งท้ายปลายปีครั้งยิ่งใหญ่แบบนี้ให้ใครได้
หมับ
โซ่เลิกคิ้วมองคนตัวโตที่เดินเข้ามากอดตนเองจากทางด้านหลัง
“อ้อน” คำพูดแสนสั้นที่มาพร้อมการคลอเคลียทำเอาโซ่หลุดขำออกมาเบาๆ
“เป็นอะไรดี…ระหว่างหมีกับควาย?” โซ่ถามเสียงนิ่ง พยามควบคุมตัวเองไว้ ไม่ให้
หลุดมาดไปกับท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูในแบบแปลกๆอย่างนั้น เดี๋ยวคนแถวนี้มันจะเคยตัว
“เป็น…คนที่มึงรักก็พอแล้ว” กระซิบบอกเบาๆที่ข้างหู
“มั่นใจ?” น่า…ขอแหย่อีกนิด
“รึไม่จริง?” รู้ตัวอีกทีโซ่ก็ถูกพอร์ชดันลงเตียงเสียแล้ว สายตาสอดประสาน สื่อถึง
ความนัยบางอย่างที่ถูกซ่อนอยู่ในหัวใจมาแสนนาน เพราะความรักความใส่ใจทั้งหมดที่มีมาก
จนไม่กล้าเรียกร้องให้คนรักต้องฝืนใจทำตามแรงอารมณ์ของตนเหมือนคนเห็นแก่ตัว แต่พอมา
ถึงวันนี้ความอดทนที่มีถึงกลับพังทลาย เมื่อเจอสายตาหวานเชื่อมของเจ้าชายน้ำแข็งที่โต้ตอบกลับมา
“อือ…โคตรรักเลย” โซ่กระตุกยิ้มหล่อ กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู พลิกตัวขึ้นข้างบน
ใช้คางหนุนหน้าอกแกร่งแทนหมอน มือเรียวเลื้อยต่ำลงล่าง คว้าหมับเข้ากลางลำเรือรบที่
เจ้าตัวภูมิใจเป็นหนักหนา
“อา…เล่นไม่รู้เรื่องแล้วไหมล่ะ” ถึงปากจะว่าแต่มือนุ่มๆของน้องโซ่คิตตี้นี่แหละ
ถูกใจพี่พอร์ชมากที่สุด
“รู้สิ…ถ้าไม่รู้คงไม่เล่น” ปลดกระดุมกางเกงยีนของคนรักออกจนหมด สอดมือเข้า
ไปสัมผัสแนบเนื้อเรือรบใต้ Boxer ขยำเบาๆจนมันเริ่มตื่นขึ้นมาทักทาย ใช้ปลายนิ้วลูบไล้สุด
ความยาว ทำเอาพอร์ชขนลุกที่ได้เจอกับโซ่ในโหมดนี้ อย่างไม่ทันตั้งตัว
“เดี๋ยวยาว” พอร์ชขู่ เพราะเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้ว
ปึก!
“หึ! โคตรอ่อน!” ชักมือออก ง้างขึ้นสุด ทุบลงไปกลางเป้า บริเวณเดียวกันกับ
ที่เอ็นดูมันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะลุกเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้พอร์ชนอนหน้าเขียวอยู่ที่เดิม
“ไอ้พอร์ชอ่ะ?” แวนถามโซ่ที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนที่เป็นส่วนของห้องนอน
“กำลังลงมา” พูดบอกแค่นั้นแล้วเดินไปนั่งแทรกกลางระหว่างบุญล้อมกับแวน
ทำเอามหามองแรง เจ้าตัวกระตุกยิ้มออกมาอย่างสะใจเมื่อแกล้งเพื่อนได้ ดูก็รู้ว่างานนี้
มหามันหวังเคลมเพื่อนรักไอ้หมาพอร์ช
“คุณโซ่อยากเป็นศัตรูกับผมสินะครับ” บุญล้อมขู่เสียงนิ่ง เพราะกว่าที่จะฉุด
กระชากลากถูให้แวนมานั่งด้วยกันได้ก็แสนจะยากเย็น ยังจะมาโดนโซ่แกล้งอีก แต่มี
หรอที่โซ่จะกลัว เจ้าตัวยังคงลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่งอยู่ที่เดิม
“มึงก็ไปแกล้งมันไอ้ห่าโซ่” เป้ว่าเสียงขัน เหมือนจะซ้ำมากกว่าช่วย เมื่อเห็น
บุญล้อมทำหน้าเซ็ง ต่างจากแวนที่ยิ้มร่า ส่วนโซ่เองก็แค่ยักไหล่าทำเหมือนไม่มีอะไร
“ออกไปหาอะไรกินกันเหอะ” พอร์ชที่ลงมาเป็นคนสุดท้าย เอ่ยปากออกชวน
จ้องมองไปที่คนรักอย่างอาฆาต มีอย่างที่ไหนมาทำให้อยากแล้วก็จากไป มิหนำซ้ำยัง
กล้าทำร้ายกันอย่างทารุณ ดีนะที่หัวรบซุปเปอร์พอร์ชของเขายังอยู่ดี ไม่บุบสลายที่ตรงไหน
ไม่อย่างนั้น คนที่จะต้องเสียใจก็เป็นโซ่เองนั่นแหละ ที่ได้สัมผัสแค่ผิวเผิน ยังไม่ได้แนบแน่นเท่าที่ควร
“ในงาน?” เป้ถามถึงสถานที่ที่จะฝากท้องในมื้อนี้
“หาอะไรกินกันข้างนอกก่อนแล้วค่อยเข้าไป” พอร์ชบอกจากประสบการณ์
ครั้งก่อนหน้าของตนเองว่าไม่ควรไปฝากความหวังกับอาหารในงาน โดยเฉพาะคนที่อยู่ง่าย
กินได้ทุกอย่าง แต่จะเลือกกินเฉพาะของอร่อยที่ถูกปากอย่างโซ่ ไม่มีทางที่จะปลื้มกับร้าน
อาหารที่ตั้งขายอยู่ในงานอย่างแน่นอน
“ที่ไหนดีล่ะ” เป้ถามต่อ
“เอ้า…อยากไปที่ไหนจิ้มเอาเลย งานนี้คุณแม่สุดที่รักของมึงเขาบอกว่าจัดเต็ม”
พอร์ชหยิบไอแพดของใครสักคนที่วางอยู่แถวนั้นค้นหาร้านอาหารที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง
ส่งให้คนรักเป็นเลือก เพราะงานนี้คุณนายแม่ของเขาขอเป็นเจ้ามือออกค่าอาหารการกิน
ในทริปนี้ เพราะเกรงว่าไอ้หมาพอร์ชคนนี้จะพาคุณหนูโซ่ลูกชายสุดที่รักของคุณเธอมา
อดอยากลำบากลำบน ด้วยการส่งบัตรเดบิตสำรองซึ่งมีเงินนอนอยู่จำนวนไม่น้อยมาเป็นตัวแทน
“ไปซื้อของมาทำกินเองดีกว่า มีงานอย่างนี้ร้านอาหารคงเต็มหมด…วุ่นวาย” โซ่ผลัก
ไอแพดคืนให้พอร์ชพร้อมเหตุผล ก่อนที่คนอื่นจะพยักหน้าเห็นพร้องต้องกัน โดยเฉพาะเป้และ
แวนที่มากับพอร์ชเมื่อครั้งก่อนแล้วเจอกับสถานการณ์ที่เรียกว่าแย่งกันกินแย่งกันใช้ก็ว่าได้
เพราะไม่ว่าจะไปตรงไหนก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยผู้คนที่พากันมาท่องเที่ยว
“ใครทำ?” พอร์ชเลิกคิ้วถาม เพราะรู้อยู่ว่าโซ่ทำอาหารไม่เป็น
“มึง” โอเค…ชัดเจน! ลองได้ชี้นิ้วสั่งออกมาขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ใช่เขาทำอย่างที่ต้อง
การคุณชายเขาคงไม่กินอย่างแน่นอน เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา มันทำให้เขาได้รับรู้
อีกอย่างหนึ่งว่า โซ่เป็นคนที่เหมือนจะเลี้ยงง่าย แต่ก็โคตรเอาแต่ใจเลย
“งั้นก็ลุกมา…ไปซื้อของกับกู” ว่าพลางฉุดดึงให้โซ่ลุกออกจากที่นั่ง แต่โซ่ก็ขืนตัวไว้สุดแรงเกิด
“ทำไมต้องกู?” โซ่ถาม
“ถ้าไม่ใช่มึงกูก็ไม่ทำ” คำตอบจากพอร์ชเรียกเสียงโห่แซวจากเพื่อนๆได้ดี
“ฮิ้ว~”
ปึก!
“ปาก!” ฮุกหมัดซ้ายเข้าชายโครงข้างขวาของคนรักแก้เขิน ก่อนที่จะเดินนำออกไป
ยืนรออยู่ข้างรถของพอร์ชที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“ใครจะเอาอะไรก็ส่งเข้าไลน์กลุ่มนะมึง กูจะได้ซื้อมาทีเดียวเลย” บอกเพื่อนเสร็จ
พอร์ชก็เดินตามโซ่ออกไปอีกคน
พอร์ชพาโซ่มาซื้อของในซุปเปอร์ขนาดเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักนัก ถึงจะเล็ก
ไปหน่อย แต่ก็มีของกินของใช้และของสดให้เลือกสรรมากพอ
“อยากกินอะไร” พอร์ชหันไปถามคนรักที่ยืนกินลูกชิ้นปิ้งอยู่ข้างๆอย่างสบายอารมณ์
“…..” โซ่ไม่ตอบแต่หันไปมองเครื่องปรุงพะโล้ทั้งแบบผงและแบบไม้ที่วางเรียงอยู่
ในระดับเดียวกันกับสายตา เท่านั้นพอร์ชก็รู้แล้วว่าคนรักต้องการอะไร
“อันนั้นไม่ได้ ใช้เวลาทำนานเกินไป กลับบ้านไปค่อยกินนะ แม่ทำอร่อย” พอร์ชพูดดัก
ทางอย่างรู้ทัน แล้วรีบบอกถึงเหตุผลที่ตนทำให้ไม่ได้ เพราะเกรงว่าคนรักจะอาละวาดขึ้นมาอีก
“ข้าวผัดก็ได้ง่ายดี แต่ขอแกงจืดเต้าหู้หมูสับกับไก่ทอดด้วยนะ” จ้ะ! พอร์ชเกือบหลุดปาก
ตอบไปแล้วว่าง่ายมาก ลำพังข้าวพัดกับแกงจืดไม่มีปัญหาหรอก แต่ไก่ทอดนี่สิ ทำทีไรไม่เคยถูกใจ
เจ้าตัวสักที เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โซ่บอกให้เขาทำไก่ทอด เพราะเจ้าตัวเป็นโรคคลั่งไก่ เรียกได้
ว่ามื้อไหนมีเมนูไก่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร พี่โซ่เหมาหมด เจริญอาหารขึ้นอีกเท่าตัว
“เปิดไลน์ดูสิว่าไอ้พวกนั้นสั่งซื้ออะไรบ้าง” พอร์ชบอกให้โซ่เปิดดูในไลน์กลุ่ม เพราะ
โทรศัพท์อยู่ที่โซ่ ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ว่าง กำลังเลือกไก่สดไปทำไก่ทอดให้พี่ท่านอยู่
“อะไรก็ได้แต่ไอ้เป้ฝากซื้อยาแก้อักเสบกับยาฆ่าเชื้อให้ซีด้วย มันลืมเอามา” โซ่พูดบอก
ตามที่เห็นในข้อความที่เพื่อนๆฝากไว้ในไลน์กลุ่ม แต่พอร์ชกลับออกอาการฮึดฮัดไม่พอใจ เพราะ
ชื่อของใครบางคนที่ต้องการโผล่เข้ามา แม้จะรู้แน่ชัดแล้วว่าซีกับเป้เพื่อนรักของตนอยู่ในฐานะอะไร
แต่มันอดไม่ได้จริงๆ เมื่อเผลอคิดไปถึงตอนที่ซียังคงเป็นคู่นอนคนโปรดของโซ่
“มันน่าปล่อยให้ตายห่าไปเลย” ขอให้ได้ประชดออกมาสักนิดก็ยังดี ไม่อย่างนั้นคง
ได้มีคนอกแตกตายกันไปข้าง
“ไร้สาระ” โซ่ส่ายหน้าให้กับนิสัยเด็กๆของคนรัก ก่อนที่จะเดินหนีออกไปหาขนมแทน
“รับถุงยางอนามัยเพิ่มอีกหนึ่งกล่องนะครับ” พนักงานคิดเงินพูดบอกออกมาเสียงดัง
ชัดเจน เมื่อจู่ๆโซ่ก็หยิบกล่องถุงยากอนามัยวางบนเคาน์เตอร์คิดเงินทำเอาพอร์ชตกใจตาโต
“ไม่ครับ” พอร์ชรีบหยิบกล่องที่โซ่เลือกไปวางเก็บไว้ที่เดิม
“ไม่เอา?” แสร้งทำเป็นเลิกคิ้วถามเหมือนหาเรื่อง ทั้งที่ความจริงแล้วอยาก
จะหัวเราะออกมาให้ฟันร่วงที่แกล้งเจ้าตัวได้ แต่ต้องเก๊กไว้ก่อน
“ไม่เอา…อันนั้นไซส์เล็ก กูใส่ไม่ได้ สำหรับกูต้องอันนี้” ทำเหมือนว่าจะปฏิเสธ
แต่แท้จริงแล้วแค่ต้องการที่จะเปลี่ยนไซส์ เพราะกล่องที่โซ่หยิบมาตอนแรกมันเล็กกว่า
ขนาดปกติที่เขาเคยใช้อยู่ประจำ
“อ๋อ…จะบอกว่าใหญ่งั้นหรอ?” เหมือนว่าโซ่จะลืมไปแล้วว่าไม่ได้อยู่กับคนรัก
ตามลำพัง แต่ยังมีพนักงานหนุ่มร่วมฟังเหตุการณ์อีกคน
“ก็เห็นมากับสองตาตัวเองแล้วไม่ใช่หรอ?” พอร์ชเลิกคิ้วถามอย่างกวนๆ เหมือนว่า
จะภูมิใจในขนาดเรือรบซุปเปอร์พอร์ชของตัวเองอยู่มาก
“เพราะเห็นมาแล้วไง ถึงได้คิดว่า…เล็ก” ไม่พูดเปล่า แต่โซ่ยังส่งสายตาดูแคลน
ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
“เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะครับน้องโซ่คิตตี้” พอร์ชขู่
“อยาก…โดน…เหมือนกัน” กระซิบบอกเสียงเบา แกล้งเป่าลมหูให้คนรักขนลุกเล่น
ก่อนที่จะเดินผิวปากหนีออกจากห้างไปอย่างสบายใจ ทำเอาพอร์ชถึงกลับอ้าปากค้างไม่
คิดว่าคนรักจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนไม่รู้จัก หรือว่า…มันจะเปลี่ยววะ?
“เอ่อ…ถ้าคุณลูกค้าไม่ต้องการอะไรเพิ่มแล้ว ผมขอรวมยอดค่าสินค้าเลยนะครับ”
แม้ว่าคุณลูกค้าจะไม่รู้สึกอะไรที่กล้าคุยพูดเรื่องลับเฉพาะตามประสาคู่รักออกมาได้อย่าง
หน้าตาเฉย แต่คนฟังอย่างเขาบอกเลยทั้งเขินทั้งเซ็ง! สรุปแล้ว…เป็นแฟนกันสินะ! อุตส่าห์
เล็งคนตัวขาวไว้ตั้งนานสองนาน…เสียเวลาชะมัด!
“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะครับ นานๆทีจะได้ออกมาเที่ยวไกลอย่างนี้ ‘แฟนผม’
เลยตื่นเต้นไปนิด ถึงได้หยิบผิดๆถูกๆ” จ่ายเงิน หยิบของ รับตังค์ทอนใส่กระเป๋า เอ่ยขอโทษ
ไปเหมือนจะเกรงใจ แต่ถ้าพนักงานคิดเงินฉลาดพอ ก็คงจะรู้ตัวแล้วว่าโดนเกทับเข้าให้
‘เหอะ! รู้จักคนอย่างพี่พอร์ชน้อยไปแล้วไอ้หน้าอ่อน! คิดว่ารู้ตัวหรอที่มึงมองไอ้นิ่ง
ของกูอย่างกับจะจับแดกลงท้องไปทั้งตัวแบบนั้น…เห็นนะโว้ย!’
..
..
..
“เอาไก่ก้อนนะ” โซ่พูดขัดไว้ก่อน เมื่อเห็นว่าพอร์ชกำลังจะหมักไก่ทั้งน่อง
แบบนั้นหลังจากที่ล้างทำความสะอาดเสร็จ
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก กูจะได้ซื้อไก่บดมาเลย” พอร์ชบอก
“แม่มึงบอกว่าสับเองอร่อยกว่า สะอาดกว่า แล้วก็ปลอดภัยกว่า” หยิบยกเอาคำสอน
ของแม่พอร์ชขึ้นมาเถียงเจ้าตัว เพื่อให้รู้ว่าตนนั้นไม่ผิดที่บอกช้า แม้ว่าความจริงแล้วตัวโซ่เอง
ก็เพิ่งนึกอยากจะกินไก่ก้อนขึ้นมาตอนถึงบ้านนี่แหละ แต่ก็ทำเนียนๆไป ไอ้หมาพอร์ชมันไม่รู้หรอก
“เรื่องเถียงนี่ขอให้บอก เวลาชวนคุยปกติละทำอย่างกับดอกพิกุลจะร่วง” นานทีขอจัด
สักหน่อยเถอะ เพราะปกติแล้วเจ้าตัวจะเป็นประเภทถามคำตอบคำ ประหยัดคำพูดเหลือเกิน
จะพูดเยอะก็ตอนหลอกด่าเขานี่แหละ…ประจำ
“ล้อม…กินเนื้อดิบไหม?” เรียกเพื่อนเหมือนว่าจะถามเรื่องสำคัญ แต่ความจริงแล้ว
กำลังหาเรื่องแล่เนื้อคนรักอยู่ต่างหากล่ะ ถ้าดูจากปลายมีในมือชี้มันชี้ไปทางพอร์ชอะนะ
“ผมทำในส่วนของผมเสร็จแล้ว ขอก่อนนะครับ” นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว บุญล้อมยัง
ชิ่งหนีอีกต่างหาก เพราะงานล้างและหั่นผักของตัวเองเสร็จสิ้นแล้ว
“รึจะเปลี่ยนไปกินลาบ ‘เลือด’ กันดีครับ…ที่รัก” คราวนี้หันไปถามพอร์ชพร้อม
รอยยิ้มหวานที่สุดแสนจะเลือดเย็นในสายตาของพอร์ช ดูจากสีหน้าและแววตาแล้ว
พี่พอร์ชบอกได้คำเดียวว่างานนี้ น้องโซ่คิตตี้เขาเอาจริง…หนาวไปถึงสันหลังเลยกู
“แหม่…ตัวเองก็! เค้าแค่ล้อเล่นเองน้า~ ขอแค่ตัวเองบัญชา เค้าก็พร้อมที่จะ
พลีกายทำให้ทุกเมนู” สุดท้ายแล้วพี่พอร์ชคนจริงก็จำต้องวางของในมือทิ้ง แล้วค่อยๆ
ก้าวเดินเข้าไปกระแซะ ใช้หัวถูกไหล่มนของคนรักอย่างออดอ้อน ก่อนที่จะเอื้อมไปปลด
อาวุธในมือของเจ้าตัวทิ้ง เพื่อความปลอดภัยในชีวิต
TBC.