◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-  (อ่าน 122464 ครั้ง)

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
แกล้งกันน่ารักจริงๆเลยยย
สามไม่รู้ใจตัวเองแน่ๆหรอะเนี่ย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ได้ไปทำภารกิจแรกแล้ว
ตอนนี้ดีค่ะ ต่างคนต่างเป็นห่วงกัน ปกป้องกัน
พร้อมที่จะสู้ถ้าอีกคนเจออันตราย

ลูก้าได้ใจไปเต็มๆ สามเข้าใจแล้ว ยอมรับแล้ว
แต่แอบมีไว้ตัวนิดนึง อะไรแบบนั้น 55555

อยากกอดแน่นๆ นี่คิดไปไกลมากแล้วค่ะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
สามเก่งมากเลยนะ ดีที่ไม่บาดเจ็บมากไม่งั้นลูก้าฆ่าตายหมดแน่

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
โหดแท้ใช้งาน

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบมากเลยค่ะทั้ง3เรื่อง  ดีงามมากกกกก :katai1:

ออฟไลน์ akajinkame

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จะเด็กหรือโตแล้วแพ้สามอยู่ดี รอวันสามใจอ่อนนะคะ

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
◈ธาราที่14◈




(...ภารกิจสำเร็จอย่างงดงามเลยนะทรี)


“งดงามอะไรกัน บาดเจ็บทั้งคู่ไม่เรียกว่างดงามหรอกนะ”ผมตอบปลายสายไประหว่างที่ใช้มือข้างหนึ่งเปิดเอกสารแล้วกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ


ตอนนี้ผมอยู่ในห้องวิจัยบริเวณด้านหน้าที่เป็นเหมือนห้องรับแขกโดยมีรองหัวหน้าอย่างยุกับเหล่าผู้ช่วยทุกคนเดินวนเวียนแอบฟังบทสนทนาของผมอยู่แทบตลอดเวลา


ถ้าถามว่าทำไมถึงรู้คำตอบนั้นก็ง่ายมากเพราะปกติไม่มีทางที่เหล่าลูกน้องผมจะเดินเข้าเดินออกเป็นว่าเล่นแบบนี้แถมยังมีการมาหยุดยืนด้านหลังผมอย่างเนียนๆอีก


วันนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่วันที่ผมหาเวลามายังห้องวิจัยเพื่อช่วยทุกคนทำงานหลังจากไม่ได้มาซะนาน หลายอาทิตย์มานี้ผมทุ่มกับการฝึกเคลื่อนไหวในน้ำอยู่ตลอด เพียงแต่การเคลื่อนไหวในน้ำไม่ได้ทำง่ายๆจึงจำเป็นต้องฝึกร่างกายให้แข็งแรงกว่านี้โดยการวิ่งหรือออกกำลังมากขึ้น


ผมเป็นพวกถ้าคิดจะทำอะไรก็จะทุ่มสุดตัว


(เจอดังเคิลออสเตียสเกือบ10ตัวถ้าจัดการได้หมดโดยไม่มีแผลผมอาจคิดว่าทรีไม่ใช่มนุษย์)เซโครพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก


“ถ้าเป็นนายอาจไม่มีแผลก็ได้นะ”ผมบอกไปตามตรง


ทั้งความสามารถและประสบการณ์เซโครมีมากกว่าอีก


(ผมไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ...จริงอยู่ที่ผมเก่ง...)


“ไม่มีถ่อมตัวเลยนะ ถึงจะเก่งจริงๆก็เถอะ”


(ก็นะ แต่ถึงผมเก่งก็เทียบเรื่องนี้กับทรีไม่ได้หรอก)


“ยังไง”ผมถามกลับพลางหันไปมองพี่พลตาขวางเมื่อถูกเดินเข้ามาแอบฟังกันโต้งๆ


(ผมอาจมีประสบการณ์ต่อสู้มากกว่าหน่อยแต่การเคลื่อนไหวในน้ำผมทำไม่ได้ขนาดทรีหรอก เล่นตีลังกาใต้น้ำกระโดดขึ้นไปขี่ดังเคิลออสเตียสแบบนั้น...คนปกติไม่ทำหรอกนะ)


“รู้เรื่องนั้นได้ยังไง”ผมถามเสียงเข้ม เหมือนที่ผมรายงานไม่จะไม่ได้ละเอียดขนาดนั้นนะ


(พอดีได้เห็นคลิปจากเรือที่ส่งมาให้น่ะ)


“เรือนั่นเหรอ...ไม่คิดว่าจะอัดไว้นะเนี่ย”ในยุคนี้การมีกล้องใต้น้ำไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร นอกจากไม่แปลกแล้วยังเป็นเรื่องปกติอีก การเดินเรือทางทะเลเป็นสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะมนุษย์สามารถมองเห็นเพียงส่วนเหนือระดับผิวน้ำทะเลเท่านั้น


แน่นอนว่าความอันตรายมักไม่อยู่ในที่ที่สามารถมองเห็นง่ายต่อให้มีเรด้าก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นดังนั้นการมีกล้องดีๆติดไว้ช่วยให้มองเห็นภาพในระยะใกล้ไกลได้อย่างชัดเจนขึ้น


(ยูทาร์ยังบอกเลยว่าถึงทรีจะตัวเล็กแต่กล้าหาญจริงๆ)


“ว่าใครตัวเล็กกัน...ผมสูงมาตรฐานเหอะ”


(มาตรฐานเอเชียสินะ)อีกฝ่ายพูดล้อๆ


“เซโคร”พูดแบบนี้หาเรื่องกันนี่


(ไม่ชอบให้พูดเรื่องส่วนสูงจริงๆแฮะ...ความจริงมันก็มีข้อดีหลายๆอย่างไม่ใช่เหรอ การตัวเล็กไม่ได้แปลว่าต้องแพ้นี่นะ)


“ก็ใช่อยู่...บางทีมันก็เป็นข้อดีได้ แต่เข้าใจไหมว่าการตัวเตี้ยอยู่คนเดียวมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย”


(ไหนบอกว่าสูงมาตรฐานไง)


“อึก...เอาน่า เปลี่ยนเรื่องเถอะ”


(ทำงานกับคู่หูเป็นยังไงบ้าง)เซโครเปลี่ยนเรื่องตามที่ขอ


“เป็นยังไงน่ะเหรอ...ก็โอเคอยู่”ไม่สิ ควรจะบอกว่าโอเคมากกว่าที่คิดไว้ซะอีก


แต่ก็ยังตัดสินอะไรกับการต่อสู้เดียวไม่ได้


(งั้นก็ดีแล้ว...ไว้มีภารกิจจะติดต่อไปใหม่)


“ได้ครับ ขอบคุณที่เหนื่อยนะครับหัวหน้าไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่”ได้โอกาสผมก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆบ้าง


(ยินดีครับด็อกเตอร์นทีธาร ธาราสุข)ปลายสายเองก็ไม่ยอมน้อยหน้ากวนผมกลับก่อนจะวางสายไป


“จะแอบฟังอีกนานไหม”วางสายเสร็จผมก็หันไปมองรอบๆไล่ตั้งแต่ผู้ช่วยสาวกับรองหัวหน้าอย่างที่แอบมองมาจากมุมทางเดินไปห้องทดลองไปจนถึงวุธที่ถึงมือทั้งสองข้างจะคีย์แป้นคีย์บอร์ดอยู่แต่หูกลับหันข้างราวกับแอบฟัง และสุดท้ายคือพี่พล...คนนี้ไม่ได้ใช้วิธีแอบแต่นั่งลงยังเข้าอี้ด้านข้างฟังกันตรงๆนี่แหละ


ลูกน้องผมแต่ละคน


ว่างๆกันทั้งนั้น


“สาม...ปลายสายนั่น ด็อกเตอร์ ไทรแอสซิกรึเปล่า”ยุกเดินเร็วๆเข้ามาถามด้วยใบหน้าตื่นเต้น


“ใช่...แล้ว...”


“จริงเหรอเนี่ย ก็รู้ว่ารู้จักกันแต่ไม่คิดว่าจะสนิทถึงขั้นโทรมาคุยแบบนี้ สุดยอดไปเลย เห็นว่าเขาเป็นถึงลูกชายของบิดาแห่งการคืนชีพที่มากด้วยความสามารถไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์หรือแม้การต่อสู้”คำพูดของยุแสดงให้เห็นว่าเขาปลื้มเซโครเอามาก


“อ่า...พอดีว่าเรียนที่เดียวกัน...”


“ด็อกเตอร์ได้ไปเรียนที่เดียวกับคนสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ น่าตกใจจริงๆ ไม่สิ ที่น่าแปลกใจกว่าคือทำไมถึงได้รู้จักกันได้”คราวนี้เป็นพี่พลที่ถามบ้าง


“รู้จักกันแล้วมันแปลกตรงไหน”


“ก็ด็อกเตอร์ตัวเล็ก...อั๊ก...”ไม่ต้องรอให้พี่พลพูดจบประโยคผมก็จัดการชกแรงๆเข้าที่แขนจนอีกฝ่ายร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด


“ไม่เกี่ยวสักหน่อย”ตัวเล็กแล้วมันผิดรึไง


จะให้บอกอีกกี่ครั้งกันว่า175มันไม่ได้เรียกว่าตัวเล็กเฟ้ย


“เห็นว่าหล่อมากจริงรึเปล่าคะหัวหน้า ในรูปว่าหล่อแล้วแต่ตัวจริงคงหล่อกว่าแน่ๆเลย”ฟ้าวิ่งเข้ามาร่วมวงอีกคน


“จะว่าหล่อก็ใช่อยู่แต่ก็ไม่มากขนาดนั้น...ถ้าให้เทียบลูก้าหล่อกว่าอีก”ผมพึมพำประโยคสุดท้ายเบาๆแต่ดูเหมือนจะไม่สามารถรอดหูของทุกคนไปได้


“แหม หัวหน้านี่ทั้งรักทั้งหวงลูก้าเลยนะคะ”ฟ้าพูดด้วยใบหน้าแดงๆราวกับกำลังชมฉากรักของละครยามดึก


“อย่าพูดเหมือนผมเป็นโรคจิตสิ”ไม่มีคำพูดที่ดูดีกว่านี้แล้วรึไง


“ชอบก็บอกว่าชอบสิด็อกเตอร์ อย่ามาอ้อมค้อมเลย ถึงขนาดยอมทิ้งการวิจัยและทดลองนี่คงไม่แค่หวงแล้วมั้ง แบบนี้มันหลงชัดๆ”


“พี่พล...ผมจะไม่ให้พี่หยุดสุดสัปดาห์นี้”ผมพูดเสียงเข้ม


“อะไรนะด็อกเตอร์...ทำไมทำกันแบบนี้เล่า”พี่พลโวยวายขึ้นทันที


“รู้สึกว่างานวิจัยนี่จะง่ายมากสินะ งั้นผมขอตัว”พูดจบผมก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทดลอง


ทั้งที่คิดว่าจะมาช่วยแต่กลับโดนพูดอะไรก็ไม่รู้


ชอบบ้างล่ะ


รักบ้างล่ะ


หวงบ้างล่ะ


หลงบ้างล่ะ


“สาม”


เฮือก!


“ละ...ลูก้า”เสียงตะโกนอันคุ้นเคยทำเอาผมสะดุ้งอย่างไม่ตั้งตัว


“เป็นอะไร...ทำไมหน้าแดง...”


“อากาศมันร้อนหรอก”ผมสวนกลับทั้งที่ลูก้ายังพูดไม่จบประโยค


ให้ตายสิ


นี่ผมหน้าแดงเหรอ


ต้องเป็นเพราะอากาศร้อนๆนี่แน่


ไม่มีทางที่ผมจะเขินเพราะถูกพวกนั้นแหย่เรื่องลูก้าแน่นอน


“ร้อน?...ก็ร้อนอยู่หรอก”


“แล้วมาอยู่นี่ เรื่องที่วานไปทำกับพี่จันเสร็จแล้วเหรอ”ผมเปลี่ยนเรื่องถาม ตั้งแต่เช้าผมวานให้ลูก้าไปช่วยพวกพี่จันจัดการกับปลาไหลไฟฟ้าที่ไม่ยอมออกมาจากซอกโขดหินมาหลายวัน ถึงจะพูดว่าจัดการแต่ก็ให้ลูก้าไปพูดคุยกับพวกปลาไหลเท่านั้นเอง


รู้สึกว่าลูก้าจะสามารถพูดคุยกับสัตว์ได้เลยคิดว่าจะพอช่วยเรื่องนี้ได้


“เรียบร้อย”ลูก้าพยักหน้าอย่างภูมิใจ


“เร็วไปมั้ง...”พวกพี่จันที่ทำหน้าที่ดูแลสัตว์มานับปีกลับแพ้ให้กับลูก้าที่ไร้ประสบการณ์เนี่ยนะ


เอาเถอะ ก็สมแล้วกับที่ผมคาดหวัง


“ที่พวกเขาไม่ออกมาเป็นเพราะตัวติดกันอยู่ในซอกโขดหินน่ะ...เล่นอัดเข้าไปตั้งหลายตัวก็สมควรติดอยู่หรอก”ลูก้าเล่าให้ฟัง


“พึ่งเคยเจอปลาไหลติดซอกโขดหินแฮะ”ปกติพวกปลาไหลชอบอยู่รวมกันในรูหรือซอกอยู่แล้ว การจะติดจึงไม่เคยเห็นมาก่อน
นี่ถือเป็นครั้งแรก


ถ้าเพราะสาเหตุนี้ก็ไม่แปลกที่พวกพี่จันจะไม่รู้ ถึงพวกเราจะคอยดูแลหรือศึกษาพฤติกรรมแต่ก็ไม่สามารถเข้าใจถึงภาษาได้ การที่พวกปลาไหลไม่ยอมออกมาถ้าเป็นผมคงคิดว่าป่วยหรือไม่ก็อยู่ในช่วงจำศีลไม่มีทางคิดว่าตัวติดกันจนออกไม่ได้หรอก


เรื่องนี้มีแค่คนที่สามารถสื่อสารกับสัตว์ได้เท่านั้นที่สามารถรู้ได้


“แล้วสามล่ะ...ไหนว่าจะอยู่ทดลองหลังจากไม่ได้มาซะนานไม่ใช่เหรอทำไมถึงออกมาแล้ว”ลูก้าถามด้วยวามสงสัย


“อ่า...พวกนั้นคงไม่ต้องการความช่วยเหลือหรอก”คอยดูนะถ้างานไม่คืบหน้าผมจะแจ้งฝ่ายหักเงินให้หมดเลย


“แบบนี้ก็ว่าง...ใช่ไหม?”ลูก้าถามอย่างไม่แน่ใจนัก


“อืม...ว่าง ไหนๆก็ว่างแล้ว...ไปทะเลกันดีไหม”ผมเสนอความเห็น


“เอาสิ ผมอยากดำน้ำ ครั้งนี้จะลองดำลงไปให้ลึกกว่าเมื่อวานดู”


“เปล่า...ผมไม่ได้จะพาไปดำน้ำ”


“...ไม่ใช่?”ท่าทางงงๆของลูก้าทำเอาผมอยากหัวเราะออกมาดังๆ


ตั้งแต่ที่ผมทุ่มกับการฝึกทุกๆวันพวกเราจะดำน้ำเพื่อฝึกการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เมื่อวานเองก็ลองดำลงไปในระดับความลึกที่มากขึ้นดู


“เคยไปชายทะเลรึเปล่า”


“...”ลูก้ากระพริบตาปริบๆก่อนจะชี้ไปยังชายทะเลด้านข้าง


“ไม่ใช่ที่นี่สิ...ผมจะพาไปทะเลที่อื่น เอาไหม”ผมถามอีกรอบ


“ทะเล...ที่อื่น เอาสิ”ลูก้าพยักหน้าตอบกลับมา


“ดี ไปเตรียมตัวกันดีกว่า”


หลังจากนั้นผมก็กลับไปเตรียมข้าวของบนห้องก่อนจะขับรถออกาจากศูนย์วิจัยสัตว์น้ำตรงไปตามถนนผ่านสิ่งก่อสร้างทั้งบ้านและตึกไปเรื่อยๆ ระหว่างที่ขับรถผมก็แอบมองลูก้าเป็นระยะ...ท่าทางของเขาดูจะสนใจกับสิ่งที่เห็นพอสมควร


เพราะโตมากับเกาะและศูนย์วิจัยนี่เลยไม่ได้ออกไปเปิดโลกกว้างที่อื่นนัก


สงสัยต่อไปนี้ผมคงต้องหาเวลาพาลูก้าไปเปิดหูเปิดตาบ้างแล้ว


ขับรถไปสักพักใหญ่สุดท้ายก็มาถึงยังชายหาดสีนวลแห่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อติดอันดับประเทศ ไม่ใช่แค่คนในประเทศที่ชื่นชอบแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติเองก็มักจะมาอาบแดดและเล่นน้ำที่นี่เช่นกัน


ด้วยความที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทำให้การจราจรติดขัดทั้งที่พึ่งเป็นช่วงสายของวันของวันเท่านั้น กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็เสียเวลาไปนานอยู่เหมือนกัน


“คนเยอะมาก”นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยิน ตลอดการหาที่จอดลูก้าก็พูดอยู่ตลอดเพราะไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่คนเดินกันอยู่ให้ทั่ว


“ถือนี่ไปด้วยลูก้า”ผมกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้มาหาพร้อมส่งร่มกันแดดขนาดใหญ่ตามด้วยเสื่อขนาดกลางไปให้ ส่วนผมก็ถือพวกของอื่นๆอย่างกระติกน้ำแข็งที่มีเครื่องดื่มเย็นๆใส่อยู่หรือพวกของกินต่างๆ


ผมเดินนำลูก้าลงไปยังชาดหาดซึ่งมีผู้คนนอนเล่นอยู่หนาตา กว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเส้นผมสีฟ้าแซมแดงของลูก้าจะเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างได้ตลอดทาง ขนาดปูเสื่อปักร่มก็ยังมีคนมองอยู่ไม่ขาด


สายตาในตอนแรกอาจเหมือนกำลังสงสัยและตกใจแต่พอผ่านไปสักสายตาของพวกผู้หญิงก็เปลี่ยนเป็นแสดงความสนใจในตัวลูก้าอย่างเปิดเผย


ผมสัมผัสได้ถึงความธรรมดาของตัวเองที่ถูกมองข้ามจนเหมือนเป็นธาตุอากาศเลย


“นั่นสินะ...ก็ผมมันคนธรรมดานี่”ผมพึมพำเสียงเบา


แถมยังเป็นคนในพื้นที่อีก


“เป็นอะไรสาม”ลูก้าเอียงใบหน้ามากระซิบถาม


“...เปล่านี่”


“คิดว่าปิดผมได้เหรอ”


“บางทีก็คิดนะว่านายอ่านใจคนได้”ผมบอกไปตามที่คิด


“อ่านไม่ได้หรอก แต่ท่าทางของสามมันต่างจากปกตินิดหน่อย”


“คำพูดนั่นเหมือนจะบอกว่าถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่รู้งั้นแหละ”ผมพึมพำเสียงเบา


“อืม...ถ้าไม่ใช่สามผมก็ไม่รู้หรอก”


“...”คำพูดนั่นทำให้ผมต้องเม้มปากแน่นแล้วหันหน้าไปอีกฝั่งเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าตอนนี้หน้าผมมันกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ


ไม่คิดว่าคำตอบที่ได้จะเป็นแบบนี้


“ผมมองสามมาตลอด...เวลาไหนที่เปลี่ยนไปผมรู้ดีที่สุด”


“เลิกพูดเดี๋ยวนี้นะ”แค่นี้ก็อายจะแย่แล้วยังจะมาขยายความให้อายกว่าเดิมทำไม


“สามเขิน...”


“ใครบอกกัน”ผมหันควับไปบ่นเสียงสั่นโดยลืมไปว่าตอนนี้ใบหน้าลูก้าอยู่ในระประชิดทำให้ปลายจมูกเราสัมผัสกับเบาๆ


สัมผัสนั่นเรียกดวงตาสีน้ำตาลของผมและดวงตาสีเงินของลูก้าให้เบิกกว้างขึ้นพร้อมๆกัน


ทั้งที่คิดว่าลูก้าจะผละออกแต่เขากลับขยับเข้ามาใกล้ขึ้นพร้อมใช้ปลายจมูกที่สัมผัสกันอยู่เขี่ยปลายจมูกผมเล่นเบาๆไปมา


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


เงียบสิ


เงียบเดี๋ยวนะเสียงหัวใจ


ผมสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นที่เพิ่มมากขึ้นจนแทบหยุดไม่อยู่จากหัวใจของตัวเองได้อย่างชัดเจน


“สาม...”


“ปล่อย”ผมบอกแล้วขยับขยับออกแต่ลูก้ากลับไม่ยอมให้ทำได้ง่ายๆ


“เสียงหัวใจดังมากเลย”


“อึก...ปล่อยเดี๋ยวนี้”ผมพยายามขยับตัวเพื่อให้มือของลูก้าที่โอบเอวอยู่หลุดไปแต่มือนั่นก็เกาะแน่นซะเหลือเกิน


“หน้าก็แดง...”


“หยุดพูดนะ”จะมาทำให้อายมากกว่าเดิมเพื่ออะไรกัน


“น่ารัก”


“ลูก้า!”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงดังจนคนอื่นหันมามองด้วยความสนใจ ไม่สิ ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ก็มีคนมองอยู่แล้วแต่เพราะเสียงผมทำให้คนมองมากกว่าเดิมอีก


“ครับ”


“อย่ามากวนตอนนี้ ปล่อย”อย่างคิดว่าผมไม่รู้นะว่ารอยยิ้มกวนๆนั่นหมายถึงอะไร


“ยังไม่อยากปล่อยนี่”


“ลูก้า”


“...ปล่อยก็ได้แต่ต้องยอมบอกนะว่าคิดอะไรอยู่”


“เข้าใจแล้ว รีบปล่อยสักทีคนมองกันหมดแล้ว”ผมรีบเร่งจนลูก้าต้องค่อยขยับตัวออก เมื่อมือที่โอบเอวหายไปผมก็กระเถิบตัวออกไปไกลกว่าเดิมเล็กน้อย


ตอนนี้จะให้ทำอะไรก็ได้ขอแค่ออกจากสภาพกึ่งโดนคร่อมท่ามกลางสายตาคนมองจากรอบทิศแบบนี้ไปได้


น่าอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว


“ขยับหนีทำไม”


“เพราะใครเล่า”คำถามจากลูก้าทำเอาผมกำมือแน่นก่อนจะเหวี่ยงไปยังใบหน้าอันหล่อเหลานั่นเต็มแรง แน่นอนว่าด้วยไหวพริบและสัญชาตญาณของลูก้าสามารถหลบหมัดผมได้อย่างง่ายดาย


“...หมัดนี่เอาจริงนี่นา”ลูก้าเหมือนจะรู้ว่าแรงที่ใส่ไปมันไม่ใช่แค่เล่นๆ


“แน่นอน”ผมไม่ล้อเล่นในสถานการณ์แบบนี้หรอกนะ


“เขินเหรอ”


“ถ้ายังพูดอีกผมจะทิ้งลูก้าไว้ที่นี่จริงๆด้วย”เลิกแหย่กันสักทีจะได้ไหม


หน้าผมมันไหม้หมดแล้ว


“สามไม่ทำหรอก”ลูก้าพูดพร้อมยกยิ้มขึ้น


“อึก...มันก็ไม่แน่นี่”ผมไม่เถียงว่าสิ่งที่ลูก้าพูดเป็นความจริง


ต่อให้โกรธหรือโมโหแค่ไหนผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทิ้งลูก้าได้จริงๆหรอก


“ผมรู้...สามรักผมนี่”


“ไม่ได้รัก”ผมสวนกลับทันควัน


“ผมจะรอจนกว่าสามจะยอมรับละกัน”


“ยอมรับอะไร ก็บอกว่าไม่ได้รักไง”ไม่ได้ยินที่พูดรึไง


“ครับๆ”


“ลูก้า”อย่ามากวนนะ


“ครับสาม”


“ฮึ้ย...”ทำไมผมรู้สึกเหมือนตัวเองแพ้ได้เนี่ย


“แล้วบอกได้รึยังว่าเป็นอะไร”ลูก้าถามต่อหลังจากที่พวกเราต่างนิ่งกันไปสักพักซึ่งก็ดีเพราะช่วยให้ผมสงบจิตสงบใจไปได้เยอะ


“...ก็แค่คิดว่า ลูก้านี่เนื้อหอมจังนะ”ผมตอบกลับไปโดยที่สายตามองไปรอบๆ สถานการณ์เมื่อครู่เหมือนจะไม่ได้ทำให้ความนิยมของลูก้าลดลงแถมยังมีคนมองมากกว่าเดิม


“หึงผม?”


“ไปจำคำนั้นมาจากไหน”ผมว่าไม่เคยสอนให้นะ


“จากเกาะ”


“...”ผมเลือกที่จะเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี


“ผมมีแค่สามนะ”


“เลิก...พูดจาเหมือนจีบสาวอยู่เดี๋ยวนี้นะ”ผมไม่ใช่สาวน้อยที่จะมาหวั่นไหวกับไอ้แค่คำพูดพวกนี้


“สามพูดผิดแล้ว”ลูก้าส่ายหน้าเบาๆ


“อะไร”ผมพูดอะไรผิด


“ไม่ได้จีบสาว จีบสามต่างหาก”


“อะ...”ผมว่าคงมีสักวันที่ผมจะไปจัดการกับคนที่สอนอะไรแปลกๆแบบนี้ให้ลูก้าแน่ๆ


“ทำหน้าตลก”


“ไม่ขำสักนิด...ชอบกวนอยู่เรื่อย”ผมบ่น


“ไม่เห็นรู้ตัว”


“ไม่น่ารักสักนิด...”


“ผมเมื่อก่อนน่ารักกว่าสินะ”ลูก้าพูดประโยคที่ผมคิดออกมาพลางแนวหน้าลงกับเข่าที่ชันขึ้น ดวงตาสีเงินนั่นมองมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ


“...รู้ตัวนี่”


“ไปว่ายน้ำได้ไหม”อยู่ๆลูก้าก็เปลี่ยนเรื่อง


“อากาศร้อนไปหน่อยนะ”พระอาทิตย์ลอยเด่นอยู่กลางหัวแบบนี้ถึงจะมีร่มก็ยังรู้สึกร้อนสุดๆ ขืนให้ผมลงไปเล่นในเวลานี้อาจได้เป็นลมแดด


ถึงก่อนหน้านี้จะฝึกทั้งว่ายและดำน้ำอยู่ทุกวันแต่บริเวณที่เลือกฝึกเป็นส่วนที่มีร่มเงาทำให้ไม่ร้อนมากเวลาลงน้ำ


“แล้วเราจะนั่งอยู่เฉยๆแบบนี้?”


“...ก็จริงแฮะ”คำถามของลูก้าทำให้ผมฉุกคิด


มาทั้งทีจะให้นั่งอย่างเดียวก็ไม่มีประโยชน์น่ะสิ


“ไปว่ายกัน”


“ทาครีมกัดแดดก่อน แดดแรงขนาดนี้เดี๋ยวผิวไหม้พอดี”ผมบอกก่อนจะหยิบครีมกันแดดออกมาจากกระเป๋าเป้


“สามจะว่ายด้วยใช่ไหม”ลูก้าถามย้ำ


“อืม...ว่ายด้วย”


“เดี๋ยวทาให้”


“ไม่เป็น...เฮ้ย เอามา”ผมรีบเอื้อมมือหมายจะเอาขวดครีมกันแดดที่ถูกแย่งไปคืนแต่ลูก้ากลับเบี่ยงตัวหลบแล้วจัดการจับแขนผมเทครีมกันแดดลงมา


“อีกข้าง”ทาข้างหนึ่งเสร็จก็บอกให้ผมส่งแขนอีกข้างให้


“ทาแค่แขนจะมีประโยชน์อะไร ให้ผมถอดเสื้อก่อนดีกว่ามั้ง”ผมบอกแล้วเตรียมจะถอดเสื้อนอกออก ยังไงกางเกงที่ใส่มาก็เอาไว้เล่นน้ำอยู่แล้ว


“ห้ามถอด”มือของลูก้ารวบมือผมที่กำลังจะแกะกระดุมอย่างรวดเร็ว


“ห๊ะ?”


“ผมไม่อยากให้ใครเห็นผิวสวยๆของสาม”คำพูดนั่นทำเอาใบหน้าผมเห่อแดงขึ้นอีกรอบ


“นายก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันเหอะ”อย่าพูดเหมือนเห็นมานับไม่ถ้วนแล้วได้ไหม


เดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันพอดี


“ผมเคยเห็นนะ”


“ตอนไหน”


“ตอนที่อาบน้ำกันเมื่อก่อนแล้วก็ตอนฝึกว่ายน้ำ...”ลูก้าตอบเสียงเบา


“โถ่ๆ...นั่นมันนานมากแล้วนะ เอามานับว่าเห็นไม่ได้หรอก”


“ได้สิ...ผมยังจำได้อยู่เลยผิวสีน้ำผึ้งเรียบเนียนเป็นสีเดียวกันทั้งร่างดูสวยงามมาก ยิ่งแผ่นอกที่มีกล้ามเนื้อพองามนั่นอีก ไม่ว่ามองเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ...ผมน่ะมอง...”


“หยุดพูดจาลามกนะ!”ผมแทบจะยกมือตบหัวอีกฝ่ายถ้าไม่ติดว่าตัวเองอยู่ต่ำกว่า


เล่นพูดประโยคลามกนั่นออกมาได้ง่ายๆแบบนั้นมันน่าโมโห


อย่าให้รู้ว่าใครเป็นคนสอนเชียว


“แค่พูดตามที่เห็นต่างหาก”


“จะว่ายไหมน้ำน่ะ”


“ว่ายสิ”พอผมถามลูก้าก็พยักหน้าทันที


“เฮ้อ...ไม่ถอดก็ไม่ถอด นายจะถอดไหม”ผมถามกลับบ้าง


“ถอดได้ก็ดี”


“งั้นก็ถอดมา...ผมจะทาครีมให้”ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วคว้าขวดครีบกันแดดจากมือลูก้ามา



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


พอทางครีมกันแดดให้เสร็จพวกเราก็เดินออกไปยังชาดหาดตรงหน้า สีน้ำของที่นี่ไม่ใสเท่ากับทางศูนย์วิจัยนักแต่ก็ถือว่าใสพอสมควร เมื่อเดินลงไปในทะเลแล้วก้มลงก็ยังสามารถมองเห็นเท้าตัวเองได้


เม็ดทราบสีนวลมีเปือกหอยเล็กๆปะปนอยู่เต็มไปหมด บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบนบกและในทะเล


วันธรรมดาแต่มีคนเยอะขนาดนี้ถือว่าสุดยอด


“สามหยุดก่อน”เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับมือที่ดึงผมให้เอนไปด้านหลังจนแผ่นหลังกระทบเข้ากับแผ่นอกลูก้านั่นทำให้ขาที่กำลังจะลงพื้นลอยค้างอยู่กลางอากาศทั้งอย่างนั้น


“ลูก้า?”


“ถ้าก้าวลงไปเดี๋ยวมันก็ตายหรอก”ลูก้าบอกก่อนมองลงไปด้านใต้น้ำทะเลบริเวณที่ผมกำลังจะเหยียบลงไป พอผมมองตามไปก็พบกับลูกปูตัวเล็กที่เคลื่อนที่อยู่ใต้นั้น


“มองเห็นได้ยังไงลูก้า”ตัวเล็กขนาดนั้นถ้าไม่มองดีๆไม่มีทางเห็นหรอก


“ผมไม่ได้เห็นหรอก แต่ปูตัวนั้นมันร้องว่าจะโดนเหยียบแล้ว”


“สมแล้วที่มีสายเลือดของสัตว์อยู่ครึ่งหนึ่ง”


“ก็นะ...บางทีการสื่อสารกับสัตว์ด้วยกันง่ายกว่าการพูดคุยกับมนุษย์อีก”


“เพราะใช้แค่โทนเสียงสินะ”


“อืม...จะว่าไปผมได้กลิ่นเลือดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”


“เลือด?...อาจจะมีคนเหยียบพวกเปลือกหอยรึเปล่า”ผมลองถามดู


ถ้าพูดถึงกลิ่นเลือดบริเวณนี้ก็มีความเป็นไปได้มากมาย ยังไงแถวทะเลก็มีสิ่งที่ก่อให้เกิดบาดแผลได้อยู่เกือบทุกที่ บางทีแค่วิ่งเล่นบนทรายแล้วล้มก็ทำให้เกิดแผลทะลอกเลือดออกได้ง่ายๆ


“ไม่ใช่เลือดของมนุษย์”


“...ว่าไงนะ”ผมถึงกับเงยหน้าของไปสบกับดวงตาสีเงินอย่างเครียดๆ


ไม่ใช่เลือดของมนุษย์ก็แปลว่าเป็นสัตว์


สัตว์ที่มีเลือดและอยู่แถวนี้


จะเป็นอะไรล่ะ


แถวชาดหายก็มีทั้งปู หอยและพวกปลาตัวเล็กว่ายอยู่ตามธรรมชาติ


“ไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กๆด้วย”


“...”คำพูดต่อมาทำเอาผมนิ่งไป ในหัวตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าสัตว์ขนาดกลางและใหญ่ที่อาศัยอยู่แถบนี้มีอะไรบ้าง


ทะเลแถบนี้เหมือนเป็นแหล่งสัตว์น้ำซึ่งมีสัตว์ทะเลอยู่มากมายนับไม่ถ้วนต่อให้ไม่นับพวกสัตว์ขนาดเล็กวงมันก็กว้างเกินไป


“ใกล้เข้ามาแล้ว”


“ใกล้เหรอ...”


“นั่น”ลูก้าชี้นิ้วไปยังคลื่นขนาดกลางด้านหน้าที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เพราะน้ำทะเลค่อนข้างใสเลยสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่มาพร้อมกับระรอกคลื่นได้อย่างชัดเจน


เพียงแต่ทั้งขนาดที่กะคร่าวๆกว่า4เมตรและลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่อยู่ตามลำตัวนั่นทำเอาดวงตาสีน้ำตาลของผมเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง


“รีบขึ้นจากน้ำเร็ว!!”ผมตะโกนบอกผู้คนรอบๆสุดเสียงเมื่อรู้ในเสี้ยววินทีที่เห็นตัวมันว่าคืออะไร


“อะไร”


“เขาตะโกนอะไรน่ะ”


นอกจากจะไม่ทำตามที่ผมบอกแล้วยังทำหน้างงใส่อีก


นี่ผมต้องตะโกนชื่อมันออกไปจริงๆใช่ไหมถึงจะยอมขึ้นจากน้ำกันน่ะ


“สาม...”


“มีฉลามเสือ!!”


กรรร


ตู้มม


ผมตะโกนบอกอีกรอบโดยมีเอฟเฟ็กคือฉลามตัวนั้นที่กระโดดลอยขึ้นเหนือน้ำแล้วพลิกตัวกลับลงน้ำตามเดิมจนเกิดเสียงดังลั่น


“...”


“กรี๊ดดด!!!”


“ฉลาม!!!”


บรรยากาศรอบๆที่มีเสียงพูดคุยถึงจะเงียบสงัดลงเพียงไม่กี่วินาทีก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องและความชุลมุน เหล่าคนที่อยู่ในน้ำต่างก็พากันขึ้นมาบนบกด้วยสีหน้าหวาดกลัว


ฉลามเสือคือหนึ่งในฉลามที่ดุร้ายที่สุดและมีถิ่นอาศัยอยู่ทั่วตามแนวทะเลทั่วโลก ด้วยขนาดที่อาจยาวสุดเฉียด7เมตรทำให้มันเป็นหนึ่งในนักล่าแห่งห้องทะเลที่ใครต่างก็หวั่นเกรง นอกจากนี้ด้วยนิสัยกินไม่เลือกของมันทำให้มันล่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
มีหลายครั้งที่ซากของฉลามเสือที่ตายเมื่อผ่าออกจะพบขยะที่มนุษย์ทิ้งลงน้ำอย่างพลาสติกหรือยางรถยนต์


ขอแค่อยู่ตรงหน้ามันต่อให้มีหรือไม่มีชีวิตก็ไม่สนทั้งนั้น


เรียกว่าเป็นฉลามเห็นแก่กินก็ว่าได้


ไม่ว่าใครที่เห็นฉลามยาวกว่า4เมตรก็คงวิ่งเหมือนกันหมดยกเว้นผมที่คิดว่าการกระทำนั่นมันแปลกเกินไป ถึงปลาฉลามเสือจะเป็นหนึ่งในฉลามที่ดุร้ายที่สุดแต่มันไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างการกระโดดตัวลอยเหนือน้ำด้วยท่าทางแบบนั้น


บางทีอาจมีกระโดดขึ้นเหนือน้ำแต่ไม่ใช่ท่าทางแบบนั้นแน่


มันมีอะไรผิดปกติ


“ลูก้า...ฉลามนั่นแปลกๆ”ผมบอกพลางก้าวเข้าไปยังน้ำทะเลในระดับลึกขึ้น


“เธอกำลังขอความช่วยเหลือ”ลูก้าเดินมาพร้อมกับอธิบาย


“ช่วยเหลือ? เกิดอะไรขึ้น”


“ไม่รู้สิ ขอเข้าไปคุยใกล้ๆกว่านี้ก่อน”บอกเสร็จลูก้าก็เดินนำผมเข้าไปใกล้ฉลามเสือตัวเดิมที่กระโจนขึ้นเหนือน้ำในสภาพแปลกๆอีกรอบ


“อย่าเข้าไปใกล้มากเกินลูก้า”ผมเอ่ยเตือน


ระยะของการเจอกันครั้งแรกไม่ควรมากไปโดยเฉพาะกับฉลามเสือที่ล่าทุกอย่างที่ขวางหน้าแบบนี้


“ไม่เป็นไร...เธอไม่ทำอะไรหรอก สามก็มาสิ”ลูก้ากวักมือเรียกโดยมืออีกข้างเหมือนกำลังลูบบริเวณหลังของฉลามเสือเบาๆ


กรรรร


“แน่ใจได้ยังไง”จริงอยู่ที่เสียงนั่นไม่ใช่เสียงเหมือนกำลังล่าแต่เป็นเหมือนเสียงครางมากกว่า


“เธอรู้ว่าที่นี่ใครอยู่เหนือสุดของห่วงโซ่อาหาร”


“...จะบอกว่าเธอรู้ว่านายเป็นอะไรสินะ”นิ่งไปสักพักผมก็ตอบกลับ ขาทั้งสองข้างเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างลูก้าก่อนจะเริ่มสำรวจร่างของฉลามเสือทว่ากลับไม่พบบาดแผลใดๆ


กรรร


ฉลามเสือนิ่งได้ไม่นานก็ว่ายวนก่อนจะกระโจนขึ้นเหนือน้ำด้วยท่าทางทุรนทุราย


“มีอะไรอยู่ในปาก”


“ในปาก?”ผมหันไปมองยังปากขนาดใหญ่ทันทีที่ได้ยินคำพูดจากลูก้า แต่เพราะฉลามเสือขยับอยู่แทบตลอดเวลาทำให้ไม่สามารถมองได้


“ใช่...ทำไงดี”


“ลูก้าจับไว้ได้ไหม...บอกเธอว่าเดี๋ยวจะเอาออกให้ให้อยู่นิ่งๆ”


“ได้...กรร”เสียงครางจากลูก้าเรียกฉลามเสือให้ว่ายวนกลับมาก่อนลูก้าจะใช้มือจับร่างนั้นให้อยู่นิ่งๆ


“เย็นไว้นะสาวสวย...ขอผมดูหน่อยว่ามีอะไรอยู่”ผมลูบยังบริเวณแก้มของฉลามเสือเบาๆก่อนจะมองเข้าไปยังปากที่อ้าออกอยู่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้


ภายในปากมีฟันอันแหลมคมเรียงรายกันอยู่ สิ่งปกติเดียวคือด้านในสุดของฟันมีชิ้นส่วนของเหล็กที่ถูกดัดเป็นเส้นแทงทะลุเหงือก ดูจากรูปการคงพึ่งเกิดเหตุได้ไม่นานเพราะเลือดยังไหลอยู่เลย


“เจอรึยังสาม”ลูก้าถาม


“อ่า...เจอแล้ว เหมือนจะเป็นเหล็ก”เหล็กนั่นเหมือนเป็นชิ้นส่วนของอะไรสักอย่าง


“ให้ผมดึง...”


“ไม่ต้องเดี๋ยวผมทำเอง”


“แต่ในปากของฉลามเลยนะ”ลูก้าพูดอย่างห่วงๆ


“ลูก้ารู้เหรอว่าต้องดึงยังไงให้เจ็บน้อยที่สุดน่ะ แล้วถ้าติดจนดึงไม่ออกจะทำยังไง...มันไม่ใช่แค่ออกแรงดึงให้ออกมาหรอกนะ”ขืนดึงออกมาไม่ดีได้สร้างความเจ็บปวดให้ฉลามตัวนี้กว่าเดิมแน่


“...เข้าใจแล้ว”


ผมส่งยิ้มบางๆไปให้เมื่อได้รับคำอนุญาตจากลูก้า ปากขนาดใหญ่ถูกผมค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปจับเศษเหล็กนั่นไว้ให้มั่นแล้วค่อยๆออกแรงดึง


กรรร


“กรรรรร...”เสียงคำรามของฉลามเสือและลูก้าดังขึ้นพร้อมๆกัน ฉลามเสือพยายามสะบัดตัวเพื่อหลีกหนีแต่ลูก้าไม่ยอม


ผมเองก็ยังจับเหล็กนั่นไว้มั่น เพราะมีเหล็กนี่อยู่ฉลามเสือเลยไม่สามารถปิดปากได้


ดูเหมือนเหล็กนี้จะไม่ได้มีแค่ปลายแหลมแค่ส่วนเดียวเพราะพอดึงออกมาบริเวณปลายเหล็กแยกออกเป็นสองทางโดยทางแรกแทงทะลุเหงือกและอีกส่วนแทนลึกลงไปตามแหง่งฟัน


เป็นภาพที่คนกลัวเลือดไม่ควรได้มาเห็นไม่งั้นคงเป็นลม


งี๊ดดด


“กดไว้ลูก้า...ใกล้แล้ว”ผมบอก


“อืม”ลูก้าทำตามที่บอกโดยการออกแรงกดร่างขอฉลามเสือไว้จนขยับไม่ได้


แรงเฮือกสุดท้ายของผมสามารถดึงเหล็กปลายแหลมออกมาได้สำเร็จ ฟันอันแหลมคมนั่นขบเข้าหากันทันทีที่สิ่งแปลกปลอมหลุดออก ถ้ามือผมยังอยู่ในปากนั้นคงได้บอกลากันได้เลย


กรรร


“กรรรร...”ฉลามเสือจ้องมายังผมพร้อมกับเตรียมขยับเข้ามาใกล้แต่กลับถูกลูก้าเดินมาขวางไว้โดยมองไปยังฉลามเสืออย่างเอาเรื่อง


ผมเองก็ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกันเลยได้แต่ยืนดูอยู่นิ่งๆ


กรรร


“กรรรร...”


งี๊ดดด


คุยกันไม่นานเสียงคำรามก็เริ่มเปลี่ยนไป ลูก้าหลีกทางให้จนฉลามเสือว่ายเข้ามาใกล้...ร่างกายกำยำทั้งที่เป็นเพศเมียลากผ่านขาผมไปราวกับกำลังพูดขอบคุณ


“ขอโทษที่มนุษย์ทำให้พวกเธอต้องเจ็บนะ”ผมบอกก่อนจะวางมือลงบนผิวลื่นๆนั่น


ทุกวันนี้ที่ศูนย์วิจัยมีสัตว์น้ำที่ได้รับมาเจ็บมาแทบทุกวัน สาเหตุของอาการบาดเจ็บนั่นไม่ใช่เพราะสู้กันเองหรือแย่งอาณาเขตแต่เป็นเพราะมนุษย์ที่ทิ้งขยะหรือสิ่งที่ไม่ต้องการลงทะเลจนสัตว์หลายชนิดต้องเจอผลกระทบ


เมื่อเร็วๆนี้ผมพึ่งไปช่วยทีมแพทย์ทำการผ่านตัดถุงพลาสติกที่เต่ากินเข้าไป


ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมนุษย์เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่เคยมองถึงส่วนรวมว่าการทิ้งขยะมันจะส่งผลร้ายมากมายต่อสัตว์
บางทีอาจจำเป็นต้องมีกฎหมายที่เคร่งคัดกว่านี้ก็เป็นได้


งี๊ดดด


ฉลามเสือครางเสียงสูงอีกรอบก่อนจะค่อยๆว่ายกลับลงทะเลไป ทั้งผมและลูก้าต่างก็มองภาพฉลามเสือว่ายจากไปจนสุดสายตาก่อนจะเดินขึ้นฝั่ง ผู้คนที่หนีกันอย่างจ้าระหวั่นตอนนี้กันกรูเข้ามามุงผมและลูก้าด้วยความสนใจที่สามารถจัดการกับฉลามเสือได้
มีหลายคนถามว่าลูก้าใช่ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไหม


ผมเองตอบคำถามนั้นกลับไปโดยไม่ปิดบัง


ในปัจจุบันไดโนเสาร์กลายพันธุ์เหมือนเป็นของคู่กันของทุกประเทศแม้แต่ในประเทศไทยเองก็มีหน่วยปฏิบัติการพิเศษอยู่เหมือนกัน


จะว่าไปผมก็ไม่เคยเห็นเลยแฮะ


ยังไงผมก็ไม่มีเวลาไปตามพวกข่าวสารอะไรมากอยู่แล้วด้วย


ผมพาลูก้าหนีจากไทยมุงแล้วรีบขึ้นรถขับออกไปโดยไม่ลืมให้ลูก้าวิ่งไปเอาพวกเสื่อกับร่มขึ้นรถด้วย เพราะเกิดเรื่องผมเลยต้องจำใจพาลูก้ากลับทั้งที่พึ่งมาถึงได้ไม่นาน


“โทษทีนะลูก้า...ทั้งที่อยากว่ายน้ำแท้ๆ”ผมบอกระหว่างขับรถกลับ


“ไม่เป็นไร...แค่ได้มาก็ดีใจแล้ว”


“ไว้คราวหน้าผมจะพามาใหม่นะ”


“อืม...จะรอ”


“โอ๊ะ...ลูก้าเปิดกระจกเอาขวดน้ำนี่ทิ้งที”ผมบอกพลางหยุดรถริมถนนแล้วส่งขวดน้ำที่ถูกกินจนหมดให้คนนั่งด้านข้างคนขับอย่างลูก้าทิ้ง


ลูก้าเปิดกระจกรถแล้วโยนขวดน้ำลงถังขยะรีไซเคิลได้สบายๆแต่แทนที่จะปิดกระจกเหมือนเดิมกลับหันไปมองด้านหลังแทน


“สาม”


“อะไร?...หรือว่าลืมของ?”


“เปล่า...ได้กลิ่นน่ะ”


“กลิ่นอะไร?”ผมถามต่อ


“ไดโนเสาร์...”


“ว่าไงนะ”
......................................................................

สวัสดีค่า

มาแล้วกับตอนต่อไปของลูก้าและสาม

ส่วนมากในเรื่องเราจะพูดถึงสัตว์ดึกดำบรรพ์หรือไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้ววันนี้เลยขอมาพูดถึงสัตว์ทะเลที่ยังมีชีวิตอยู่บ้างอย่างฉลามเสือที่สามารถพบเห็นได้ในแถบประเทศไทย ซึ่งถ้าเป็นเราก็คงต้องขอวิ่งคนแรก 555

ยิ่งได้แต่งยิ่งรู้สึกเลยว่ามีออร่าสีชมพูแผ่ออกมาจากตัวของทั้งคู่ บอกตามตรงว่าแต่งแล้วยิ้มตามไปกับทั้งคู่ด้วย

สำหรับให้ที่รอฉากบู๊ ตอนหน้ารับรองต้องชอบแน่ค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเม้นท์และทุกๆ กำลังใจที่มีให้เสมอนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

--------มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์--------

วันนี้ขอเสนอสัตว์ทะเลแสนดุร้าย...ฉลามเสือ

(ในเว็บไทยบอยใส่รูปไม่ได้แล้วสามารถเชิตหารูปกันได้นะคะ)

ปลาฉลามเสือ (อังกฤษ: Tiger shark) ปลากระดูกอ่อนขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง จำพวกฉลาม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Galeocerdo cuvier มีรูปร่างอ้วนป้อม ปากกว้าง ปลายปากสั้นและทู่ ลำตัวเรียวไปทางปลายหาง คอดหางมีสันชัดเจน ครีบหางเรียวและมีปลายแหลม มีฟันใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม มีขอบหยักเป็นจักคล้ายฟันเลื่อย พื้นลำตัวและครีบสีน้ำตาลหม่น มีลายพาดขวางตลอดข้างหลังและหางคล้ายลายของเสือโคร่ง จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก ซึ่งลายนี้อาจแตกเป็นจุดกระจายอยู่ทั่วไปหรือจางหมดไปเมื่อโตขึ้น ท้องมีสีจาง

ปลาฉลามเสือเมื่อโตเต็มที่มีขนาดประมาณ 5 เมตร แต่ตัวที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบคือ 7 เมตร น้ำหนักหนักที่สุดคือ 807.4 กิโลกรัม พบกระจายว่ายหากินอยู่ทั่วไปในน่านน้ำเขตอบอุ่นทั่วโลก มีพฤติกรรมชอบหากินตามแนวปะการังหรือบริเวณใกล้ชายฝั่ง หรือบริเวณปากแม่น้ำ โดยอาศัยตั้งแต่ระดับผิวน้ำจนถึงความลึก 140 เมตร ปกติมักอยู่ลำพังเพียงตัวเดียวและหากินในเวลากลางคืน ว่ายน้ำได้คล่องแคล่วว่องไวมาก มีอาณาเขตในการหากินกว้าง 100 ตารางกิโลเมตร โดยที่อาหารได้แก่ ปลาและสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ เช่น เต่าทะเล รวมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในทะเล เช่น แมวน้ำ หรือ สิงโตทะเล ด้วย

ปลาฉลามเสือได้ชื่อว่าเป็นปลาที่กินไม่เลือกเหมือนเช่นปลาฉลามขาว (Carcharodon carcharias) เพราะมักเจอสิ่งที่ไม่ใช่อาหารในกระเพาะเสมอ ๆ เช่น ยางรถยนต์, กระป๋องน้ำ, เศษไม้ หรือ พลาสติก ซึ่งล้วนแต่เป็นขยะที่มนุษย์โยนทิ้งลงทะเลทั้งสิ้น

เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/ฉลามเสือ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มีความเขินตอนโดนล้อ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
รู้สึหว่าสามกับลู้ก้าจะไม่มีดวงเรื่องการเดต
เหมือาเซโครละ ไปเดตทีไรเจอไดโนเสาร์ทุกที

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ไม่รู้ว่าน้ำทะเลที่นั่นจะหายหวานเชื่อมไปแล้วหรือยัง
มีหยอกล้อกันด้วย โอยย ลูก้ารุกไม่หยุดเลยนะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ฮาวทูเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำเชื่อมค่ะ
ออร่าสีชมพูมันฟุ้งงไปหมดเลยย
สามจะรู้ใจตัวเองเมื่อไหร่ดีคะ
คนรอบตัวเค้ารู้กันหมดแล้ว55555555

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
นับวันลูก้าจะแซวสามมากขึ้นเรื่อยๆ สามก็เขินวนไปปป

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อุตส่าห์มาเดทกัน ยังมีงานให้ผจญอีก  :ling1:
พี่สามเขินรุนแรงนะเนี้ย ดีนะที่น้องลูก้าเข้าใจ จับทางได้ น่ารัก  :กอด1:
 :3123:  :pig4:  :3123:

ออฟไลน์ LifePo-YuGu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
มาต่อเร็วๆน้า  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
สงสารสามจังเลย วันหยุดวันว่างไม่เคยได้ทำตัวชิลแบบครบวัน เริ่มต้นเหมือนจะดีแต่ลงท้ายที่งานเข้าทุกที กระซิก กระซิก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
งานเข้าได้ตลอดสิน้าาา

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Victor.yuriyurio

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai1: สามรู้กกกกกกกกกกกก อย่าเล่นตัวมากสงสารน้องด้วยยยยยยย  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ลูก้าแล้วฉลามพูดอะไรอยากรู้

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
◈ธาราที่15◈



ตึกสูงกับอาคารและบ้านเรือนนับสิบๆหลังเต็มไปด้วยกลิ่นของมนุษย์ปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก ยิ่งเป็นในตัวเมืองยิ่งมีกลิ่นของผู้คนอัดแน่นกันมากกว่าปกติแต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นสาบของนักล่ามันกลับเด่นชัดขึ้นมาทันทีที่เปิดกระจกออก


ด้วยประสาทสัมผัสของไดโนเสาร์กลายพันธุ์อย่างผมทำให้รู้อย่างรวดเร็วว่ากลิ่นนั่นไม่ใช่สัตว์นักล่าตัวเล็กที่มีอยู่ทั่วไปอย่างพวกงูหรือสัตว์มีพิษ


สัมผัสนั่น...


“อันตราย”ผมพึมพำพร้อมขมวดคิ้วแน่น


นอกจากจะอันตรายแล้วจำนวนยังไม่ใช่น้อยๆเลยด้วย


“เกิดอะไรขึ้นลูก้า”สามถามผมด้วยใบหน้าร้อนรน


“มีไดโนเสาร์อยู่ไม่ไกลจากนี่”


“อยู่ในรถขนย้ายรึเปล่า”


“...ไม่แน่ใจ...แต่คิดว่าไม่ได้อยู่ในรถขนย้าย”ผมนิ่งเพื่อทำสมาธิรับรู้ถึงสถานการณ์ที่อยู่ไกลออกไปก่อนตอบสามกลับ


“ถ้าไม่ได้อยู่ในรถขนย้ายเป็นไปได้ว่าอยู่ตามสวนสัตว์หรือสถานที่จัดแสดง...แถวนี้ก็มี... ไม่สิ ที่นั่นไกลเกินไป ระยะรับกลิ่นของลูก้าอยู่ประมาณ200กิโลเมตร ในขอบเขตนี้มีสวนสัตว์อยู่ก็จริงแต่ถ้าเป็นแบบนั้นลูก้าคงได้กลิ่นสัตว์อื่นด้วยไม่ใช่แค่ไดโนเสาร์”
คำพูดเพียงไม่กี่คำของผมสามารถทำให้สามวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วจนผมลอบยิ้มออกมาโดยไม่ให้อีกฝ่ายเห็น
เป็นอย่างที่สามพูดผมไม่กลิ่นพวกสัตว์แถวกลิ่นไดโนเสาร์กลุ่มนั้นเลย


สมแล้วที่เป็นสาม


“เอายังไงต่อ?”ผมถามพลางมองสามอย่างขอความเห็น


“ไปดูกัน...ปล่อยไว้แบบนี้มันคาใจ”


“เอาสิ”ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้มีกลิ่นไดโนเสาร์ใจกลางเมืองแบบนี้


“ผมต้องกลับรถสินะ...นำทางด้วยลูก้า”สามพูดพร้อมกับออกรถอีกครั้ง


“ได้...พอกลับรถแล้วก็ตรงไปเรื่อยๆเลย”ผมอธิบายทางให้คนขับรถรู้เป็นระยะ เส้นทางที่ขับมาบางครั้งก็ไม่สามารถขับตามที่ผมบอกได้จึงต้องใช้เวลาในการรัดเลาะพอสมควร


ยิ่งเข้าใกล้กลิ่นของไดโนเสาร์ก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น


ไม่ใช่แค่กลิ่นของไดโนเสาร์เท่านั้นที่เด่นชัดขึ้นแต่กลิ่นของมนุษย์กำลังหวาดกลัว...ความกลัวนั่นทำเอาผมต้องกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์อยากล่าที่เกิดขึ้น


มนุษย์ไม่รู้เลยว่าการวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวนั่นจะยิ่งกระตุ้นความอยากล่าให้มีมากขึ้น


คำว่าล่าไม่ใช่แค่เพื่อกินเท่านั้น มีหลายครั้งที่พวกเราล่าด้วยเหตุผลอื่นอย่างเช่นความสนุก ความแค้นหรือแม้แต่ความสนใจ


ปริ๊นน


ปริ๊นน


“รถติดขนาดนี้แปลว่าเกิดเรื่องแน่”สามพูดด้วยใบหน้าคลุ่นคิด สถานการณ์ตรงหน้าคือรถหลายสิบคันพากันขับฝ่าไฟแดงกันจ้าระหวั่นราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง


แน่นอนว่าต่อให้ไม่ต้องถามผมก็รู้ว่าพวกเขาหนีอะไร


“ได้โนเสาร์พวกนั้นกำลังล่า”และคิดว่าไม่ได้เพราะหิวด้วย


“ผมคิดว่าคงมีคนแจ้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษแล้ว แต่กว่าจะมาถึงคงต้องใช้เวลา”


“สาม”ผมหันไปเรียกพร้อมสบกับดวงตาสีน้ำตาลนั่นอย่างจริงจัง


ถึงไม่ต้องพูดประโยคยาวเหยียดผมก็รู้ว่าสามจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการ


“คิดเหมือนกันเลยแฮะ...ไปกันลูก้า”พูดจบสามก็หักพวงมาลัยเอารถไปจอดไว้ด้านข้างก่อนจะเปิดประตูฝั่งคนขับวิ่งออกไปโดยมีผมวิ่งตามไปติดๆ


อย่างที่ผมคิดเลยสามรู้ว่าผมต้องการอะไรแม้จะไม่พูดออกมา


ผมเองก็คิดเหมือนกันว่าอยากลงไปช่วยในสถานการณ์นี้แม้จะรู้ว่าไม่ใช่หน้าของตัวเองก็ตาม ภารกิจของผมและสามเหมือนจะส่งตรงมาจากหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างเซโคร ไม่สิ สามบอกให้เรียกคุณนี่นา


เพราะเหตุนั้นพวกเราจึงไม่เข้าไปยุ่งกับภารกิจอื่นๆของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทว่าครั้งนี้มันต่างออกไป...บริเวณรอบๆนี่มีเพียงมนุษย์ที่หนีกันโดยไม่มีคนที่สามารถหยุดหรือจัดการกับไดโนเสาร์พวกนั้นได้


อย่างที่บอก ยิ่งหนีพวกเราก็จะยิ่งตาม จะยิ่งล่าตราบเท่าที่ขายังขยับได้


ไม่ใช่ทางที่ดีเลยการวิ่งหนีเนี่ย


สามวิ่งตรงไปยังสถานที่ที่มีกลิ่นของไดโนเสาร์กำลังรวมตัวกันอยู่ด้วยใบหน้าเหมือนกำลังวิเคราะห์สถานการณ์ สถานที่เกิดเหตุเป็นถนนสายใหญ่ที่ด้านข้างมีสวนสาธารณะตั้งอยู่ ไดโนเสาร์ไม่ทราบสายพันธ์สองชนิดกำลังวิ่งไล่ล่ามนุษย์โดยการใช้ปากที่มีเขี้ยวอันแหลมคมขย้ำเหยื่อบนพื้น


เพียงแค่การกัดครั้งเดียวมนุษย์ก็ไม่อาจรอดได้แล้วแต่เหมือนพวกมันจะไม่สะใจพอเพราะตัวที่คาบมนุษย์อยู่ในปากกลับโยนร่างไร้ชีวิตไปยังฝูงด้านหลังทำให้เกิดการฉีกกระชากร่างนั้นอย่างรุนแรงจนถนนสีเทาถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง


นี่มันยิ่งกว่าอันตรายแล้ว


อีกอย่างจำนวนขนาดนั้น...กะคร่าวๆก็น่าจะเกิน10ตัว


“สาม”ผมหันไปเรียกคนข้างกายที่มองภาพนั่นพร้อมเม้มปากแน่น


ผมไม่รู้ว่าสามรู้สึกยังไงกับภาพนั่นแต่สำหรับผมมันเป็นธรรมชาติที่ผู้อ่อนแอกว่าต้องตกเป็นเหยื่อ


หลายคนอาจมองว่าเป็นสิ่งไม่ถูกแต่มันก็คือธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต


“ทำไมต้องเป็นเจ้าสองตัวนี่ด้วย”


“รู้จักพวกมันเหรอ”ผมหันไปถาม จริงอยู่ปกติสามจะสามารถบอกชื่อ ลักษณะรูปร่างหรือแม้แต่นิสัยของสัตว์น้ำได้อย่างแม่นยำแต่พอเป็นพวกสัตว์บกสามจะไม่มีความรู้นัก


ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ไม่รู้ ดวงตาสีน้ำตาลของสามกำลังสั่นซึ่งผมไม่รู้ว่าสั่นเพราะอะไรแต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่ความหวาดกลัวอย่างไร้ทางสู้เหมือนมนุษย์ทั่วไปที่วิ่งหนีกัน


“หึ...ไม่ได้อยากรู้จักสักนิด ทั้งที่ไม่อยากรู้จักแต่ความอันตรายของพวกมันทำให้ผมจำชื่อนั้นได้แม่นเลยล่ะ เราเจอพวกอันตรายเข้าให้แล้ว”


“สาม...”


“เจ้าตัวขาวนั่นคือคาร์คาโรดอนโทซอรัสเป็นได้โนเสาร์ยาวกว่า13เมตรที่มีฟันคล้ายคลึงกับฉลามขาวโดยแต่ละซี่มีความยาวกว่าครึ่งไม้บรรทัด นั่นหมายความว่ามันมีพลังในการฉีกกระชากเนื้อเป็นอันดับต้นๆเลยทีเดียว แม้จะเป็นไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ติดอันดับแต่มันกลับมีสมองเล็กและประสาทสัมผัสอันเชื่องช้า”


“แปลว่าเราสามารถอาศัยจุดนั้นเข้าไปโจมได้สินะ”ผมพูดออกมาหลังจากได้ยินคำอธิบาย


“ถ้าคิดแบบนั้นก็ผิดแล้ว”


“หมายความว่าไง”


“ถึงคาร์คาโรดอนโทซอรัสจะมีสมองเล็กและประสาทสัมผัสอันเชื่องช้าแต่มันกลับมีสายตาที่สามารถมองในรูปสามมิติ”


“สามมิติ?”


“ใช่...มันสามารถกะระดับในการโจมตีได้อย่างแม่นยำโดยใช้สายตานั่น”


“คาร์คาโรดอนโทซอรัสอาจอันตรายแต่ถ้าเป็นอีกตัวที่เล็กกว่าเราอาจจะจัดการกับพวกมันก่อนได้”ผมลองเสนอความเห็นเมื่อมองไปยังไดโนเสาร์อีกสายพันธุ์ที่วิ่งขนาบข้างมาติดๆ


ถ้าคาร์คาโรดอนโทซอรัสอันตรายเราก็จัดการตัวที่จัดการง่ายกว่าเพื่อลดจำนวนลง ดูจากขนาดของมันเล็กกว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสอยู่ค่อนข้างมาก


“ถ้าคิดว่าจะจัดการแอลเบอร์โตซอรัสได้ง่ายๆก็ขอให้คิดใหม่ซะลูก้า”สามพูดด้วยท่าทางเครียดกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อมองไปยังฝูงไดโนเสาร์ตรงหน้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


“จะบอกว่าแอลเบอร์โตซอรัสอันตรายกว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสงั้นเหรอ”


“จะว่าแบบนั้นก็ได้ แอลเบอร์โตซอรัสอาจจะมีขนาดตัวเพียง9เมตรซึ่งน้อยกว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสทว่าด้วยกรามที่เล็กและบางนั่นช่วยเพิ่มความแม่นยำในการโจมตีเหยื่อ นอกจากนี้ฟันของแอลเบอร์โตซอรัสยังเป็นแหล่งสะสมของพิษร้ายเพราะฟันของมันโค้งไปด้านหลังทำให้เวลากินมีพวกแบททีเรียไปเจริญเติบโตอยู่เป็นจำนวนมาก”


“ผมดูการเคลื่อนไหวของแอลเบอร์โตซอรัสอยู่ รู้สึกว่าจะช้ากว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสอยู่มาก...แปลว่ามันอาจเหนื่อยเร็วรึเปล่า”ผมลองออกความเห็นตามสิ่งที่เห็น


“ไม่ใช่เหนื่อยหรอก แอลเบอร์โตซอรัสเชื่องช้ากว่าก็จริงแต่มันสามารถวิ่งได้นานกว่านักล่าอื่นๆนั่น จึงเป็นข้อได้เปรียบเวลาแข่งล่าเหยื่อหรือการไล่ล่า”


“...พวกมันไม่ควรมาอยู่ด้วยกัน”นั่นเป็นสิ่งที่ผุดขึ้นมาหลังจากได้ยินคำอธิบายจากสาม


“เห็นด้วยเลย...ตัวหนึ่งก็ฟันยาวกว่าครึ่งไม้บรรทัดทำให้ไม่มีอะไรที่กัดไม่เข้า อีกตัวก็มีเขี้ยวที่สะสมแบททีเรียอันตรายเอาไว้แถมยังมีพละกำลังสำหรับการต่อสู้ในระยะยาวอีก เป็นการต่อสู้ที่ยากมากจริงๆ”


“แต่สามพอจะมีวิธีนี่”


“อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น”สามหันมามองด้วยใบหน้าสงสัยนั่นทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆก่อจะตอบกลับไป


“ใบหน้าเครียดและกังวลก่อนหน้านี้ไม่มีแล้วน่ะสิ...อีกอย่างรอยยิ้มมุมปากนั่นเหมือนจะบอกว่าเป็นวิธีนี้ต้องจัดการได้แน่”


“...อ่านใจผมได้จริงๆใช่ไหม บอกมานะลูก้า”น้ำเสียงอึ้งๆดังขึ้นพร้อมสายตาจับผิด


“เปล่า...บอกแล้วไงว่ารู้แค่เรื่องสามเท่านั้นแหละ”เพราะเป็นสามที่คอยเฝ้ามองมาตลอดไม่ว่าจะเป็นการกระทำอะไรทำให้พลอยรู้ถึงสิ่งที่สามคิดไปด้วย


แน่นอนว่าถ้าเป็นคนอื่นผมคงตอบไม่ได้หรอกว่าคิดอะไรอยู่


ส่วนตัวผมไม่ค่อยสนใจมนุษย์คนอื่นนัก เรียกว่าพวกขาไม่ดึงดูดให้ผมสนใจก็ได้


แต่กลับสามมันไม่ใช่ ทุกอย่างของเขามันดึงดูสายตาและเรียกร้องความสนใจจากผมเสมอ


เพราะแบบนั้นถึงได้รู้


“รู้ดีจริงนะ...เอาเถอะ ก็ถูกอย่างที่ว่าผมมีแผน”


“งั้นก็รีบเถอะ...ผมจะกลับร่าง...”


“ไม่ได้”สามหันมาคัดค้านเสียงแข็งทันทีที่ได้ยิน


“ทำไมล่ะ?”ผมถามอย่างไม่เข้าใจ จำนวนขนาดนั้นทำไมไม่ให้ผมกลับร่างกัน


“จริงอยู่ที่ถ้านายกลับร่างอาจจัดการได้ไม่ยากแต่นั่นหมายถึงในน้ำไม่ใช่บนบกแบบนี้”


“สาม...”


“ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองซึ่งอากาศก็อย่างที่เห็นทั้งอบทั้งร้อน ขืนนายกลับร่างเพียงไม่กี่นาทีผิวก็จะแห้ง ดีไม่ดีอาจจะไหม้ เมื่อไม่มีน้ำพิษจากแมงกะพรุนไฟก็เป็นได้แค่เส้นประดับหางเท่านั้น”สามอธิบายต่อโดยไม่ปล่อยให้ผมได้แย้งอะไร


แต่ก็เป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกทุกอย่าง


ร่างไดโนเสาร์ผมไม่เหมาะกับต่อสู้บนบก ครีบที่ให้เคลื่อนไหวใต้น้ำไร้ประโยชน์ทันทีเมื่อต้องมาวิ่งไล่กันบนถนนร้อนๆ


“แล้วจะทำยังไง”ผมหันไปถามสาม ความกังวลเริ่มเข้ามาทันทีที่รู้ไม่สามารถต่อสู้ในร่างที่เคลื่อนไหวได้สะดวกที่สุด


“สู้ในร่างมนุษย์”น้ำเสียงของสามราวกับจะบอกว่าเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆก็ทำได้


“สามพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายที่จะสู้”


ขนาดผมที่มีสายเลือดของไดโนเสาร์อยู่ครึ่งนึงยังไม่คิดว่าร่างมนุษย์จะเอาชนะไดโนเสาร์นักล่ากว่า10ตัวได้เลยสักนิด แล้วสามที่เป็นมนุษย์ธรรมดาทำไมถึงได้กล้าพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นกัน


“ไม่ยากเท่าไหร่หรอก เชื่อสิ”สามบอกพร้อมยกยิ้มขึ้น รอยยิ้มนั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ


“สาม...”ก็อยากเชื่ออยู่หรอก


แต่ว่ามัน...


“ผมจะทำให้ดูลูก้า นายอาจผิดหวังกับผมที่เคลื่อนที่ช้าอย่างกับเต่าเมื่ออยู่ในน้ำแต่ตอนนี้ผมจะแสดงให้เห็นว่าผมมีความสามารถมากพอที่จะได้เป็นคู่หูของนาย”พูดจบสามก็วิ่งไปยังร่างสีขาวขนาดยักษ์ของคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่กำลังส่งเสียงคำรามกึกก้อง


กรรรร


คาร์คาโรดอนโทซอรัสคำรามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นสามเข้าไปใกล้ เรียวปากขนาดใหญ่อ้าออกโชว์ให้เห็นฟันยาวกว่าครึ่งไม้บรรทัดหลายสิบซี่เรียงรายกันอยู่ภายในก่อนจะใช้ฟันอันแหลมคมนั่นหมายจะโจมตีทว่าสามกลับรู้ถึงการโจมตีนั้นเลยจัดการหลบก่อนจะใช้มือกดลงยังส่วนปากขนาดใหญ่เพื่อเป็นฐานในการกระโดดขึ้นไปยังส่วนกะโหลกหนา


อาวุธที่ไม่รู้ว่าคืออะไรถูกยกขึ้นมา และเพียงเสี้ยววินาทีที่อาวุธนั้นสัมผัสกับผิวของคาร์คาโรดอนโทซอรัส ร่างกายอันใหญ่โตก็กระตุกก่อนจะล้มลงพร้อมเสียงครางสูง


ดวงตาสีเงินของผมเบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าเนื่องจากภาพตรงหน้าเหมือนเป็นสิ่งในจินตนาการที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริงๆ


มนุษย์ที่สูงไม่ถึงสองเมตรกลับเอาชนะนักล่าที่มีความยาวเหยียด13เมตรได้อย่างง่ายดายราวกับตกปลาขึ้นมาจากน้ำสักตัว


สามบอกว่าผมอาจผิดหวังในตัวเขา


ผมขอบอกไว้เลยว่าผมไม่เคยผิดหวังในตัวสาม


สามเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในความคิดผม


คำพูดที่ว่า... ผมจะแสดงให้เห็นว่าผมมีความสามารถมากพอที่จะได้เป็นคู่หู ของสามทำให้ผมอยากตอบกลับไปว่า


ผมต่างหากล่ะที่ต้องแสดงความสามารถให้สามเห็นว่าผมมีดีพอให้สามมาเป็นคู่หู


ในเมื่อสามทำได้ผมเองก็ต้องทำได้เหมือนกัน


แม้จะไม่มั่นใจว่าในร่างมนุษย์จะทำอะไรได้แค่ไหนแต่ผมก็วิ่งเข้าไปสบทบการต่อสู้โดยเลือกไดโนเสาร์ที่อยู่ใกล้สุดอย่างแอลเบอร์โตซอรัสเป็นตัวแรก ด้วยพละกำลังในร่างนี้ที่มีไม่มากทำให้ผมเลือกโจมตีไม่ยังส่วนขาที่ดูบอบบางกว่างส่วนอื่นจนแอลเบอร์โตซอรัสเซไปด้านหลัง


“...ไม่ไหวจริงด้วย”กะจะให้ล้มแล้วเชียวนะ


กรรรร


‘แกไม่ใช่มนุษย์’เสียงของแอลเบอร์โตซอรัสดังขึ้นพร้อมกับใช้ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องมายังร่างผม


‘ใช่’ผมตอบกลับ ไดโนเสาร์อย่างเราคุยการได้ง่ายผ่านเสียงในระดับที่แตกต่างกัน ทำให้ไม่ว่าสายพันธุ์ไหนก็สามารถเข้าใจกันได้


อีกอย่างไดโนเสาร์มีประสาทสัมผัสอันเยี่ยมยอดเลยไม่แปลกที่จะรับรู้ได้ว่าผมไม่ใช่มนุษย์ปกติ


‘ทำไมถึงได้โจมตีพวกเดียวกัน’


‘เราไม่ใช่พวกเดียวกัน’ผมตอบกลับไปตามจริง


ต่อให้มีสายเลือดอีกครึ่งหนึ่งเป็นไดโนเสาร์แต่เส้นทางที่เลือกนั้นไม่ใช่การล่ามนุษย์หรือสัตว์โดยอาศัยสัญชาตญาณเหมือนไดโนเสาร์ปกติหรอกนะ


ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรผมก็หาคำตอบมาตลอดว่าตัวเองต้องการทำอะไร


สายเลือดในร่างมันล่ำร้องให้ต่อสู้ผมจึงเลือกที่จะไม่ฝืนความรู้สึกนั้น เพียงแต่ถ้าต้องสู้กับอะไรสักอย่างก็อยากจะหาฝ่ายที่สามารถฝากชีวิตไว้ได้


จนถึงตอนนี้ฝ่ายที่ผมอยู่อาจเป็นมนุษย์แต่ไม่ใช่เพราะอยากปกป้องมนุษย์แสนอ่อนแอแต่เป็นเพราะมนุษย์เพียงคนเดียว...


มนุษย์ที่ชื่อว่าสาม!


‘คุยกันไม่รู้เรื่องสินะ’แอลเบอร์โตซอรัสคำรามผ่านคมเขี้ยวระหว่างพูด


‘ถ้าการคุยที่ว่าหมายถึงการที่ทั้งฝูงยอมอยู่นิ่งละก็นะ’


‘ใครมันจะไปยอมฟังพวกลูกครึ่งแบบแกกัน’


กรรรร


ไม่ต้องรอนานแอลเบอร์โตซอรัสก็จัดการเปิดฉากโจมตีโดยการอ้าปากขนาดใหญ่ออกกว้างพุ่งเข้าหาผมที่ยืนนิ่งอยู่ ถึงสามจะบอกว่าแอลเบอร์โตซอรัสช้าแต่เมื่อเทียบกับมนุษย์ก็ถือว่าเร็วกว่ามาก


ผมหลบการโจมตีนั่นโดยการมุดลอดผ่านหว่างขาไปยังด้านหลังเพื่อตั้งหลักแต่กลับถูกคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่อยู่ด้านหลังลอบโจมตีจนเกือบถูกฟันยาวๆนั่นขย้ำ


กรรรร


“กรรรรร...”


กรรรรรรร


เสียงคำรามผมไม่ได้ทำให้พวกมันหวั่นเกรง ตรงกันข้ามพวกกลับเลิกสนใจมนุษย์รอบๆแล้วหันมาจ้องยังผมและสามเป็นตาเดียว
ท่าทางแบบนั้นคงคิดจะร่วมกันล่าผมและสามแน่ๆ


ก่อนหน้านี้อาจจัดการได้เพราะความเผลอ


แต่หลังจากนี้คงไม่ง่ายแล้ว


“สาม”ผมเรียกก่อนจะวิ่งไปหาสาม


“ลูก้า...เมื่อกี๊เกือบโดนเล่นงานแล้วนะ มีสมาธิหน่อย ใช้จมูกจับสัมผัสเอา”สามให้คำแนะนำโดยที่สายตาจ้องไปยังฝูงไดโนเสาร์สองสายพันธุ์ตรงหน้า


“เข้าใจแล้ว...พวกมันหันมาสนใจเราแบบนี้จัดการยากแน่”


“นั่นสิ...ถ้าอย่างน้อยให้ลูก้ากลับร่างก็คงมีทางทำอะไรมากกว่านี้”


“ผมกลับได้นะ”ผมบอกทันที


แค่กลับร่างจะให้กลับเมื่อไหร่ก็ได้


“ผมรู้ว่าลูก้ากลับได้ แต่สถานที่มันไม่อำนวยในการต่อสู้ของนาย...ถ้าอย่างน้อยมีน้ำสักหน่อยละก็...จะน้ำจืดหรือน้ำเค็มก็ได้...”สามพึมพำประโยคสุดท้ายอย่างครุ่นคิดก่อนจะละสายตาออกจากฝูงไดโนเสาร์ไปมองรอบๆแทน


กรรรรร


“สาม”ผมรีบดึงตัวสามไว้ทันทีที่คาร์คาโรดอนโทซอรัสและแอลเบอร์โตซอรัสวิ่งเข้ามาโจมตี


“นั่นมัน...”


“อะไรสาม”ผมถามระหว่างที่จับมือสามวิ่งหลบการโจมตี


“ไปตรงนั้นกันลูก้า”


“อะไร?...เดี๋ยว...”ยังไม่ทันได้ถามก็ถูกสามดึงให้วิ่งตามไปยังฝั่งของสวนสาธารณะ ฝูงไดโนเสาร์ด้านหลังก็วิ่งตามมาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน


“กลับร่างลูก้า”เมื่อหยุดอยู่หน้าเสาร์สีแดงเตี้ยๆสามก็หันมาบอก


“กลับได้?”ไหนบอกว่าห้ามกลับไง


“ใช่...กลับเลย เดี๋ยวทีเหลือผมจะจัดการเอง”


“จัดการอะไร”


“ถ้าสถานที่ไม่เหมาะกับการต่อสู้...ก็ทำให้มันเหมาะสิ”อาวุธสีใสถูกควงไปมาก่อนส่วนปลายแหลมจะปักเข้ากับวัตถุสีแดงด้านหลังแล้วกรีดออก


ซู่


“น้ำ?”ผมหันกลับไปมองทันทีที่ได้ยินเสียงน้ำเบาๆ


“กลับร่างแล้วโจมตีเลยลูก้า อาศัยตอนที่พวกมันตกใจแล้วจัดการซะ”สามยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยระหว่างพูด


“ตกใจอะไร...”


ตู้มมม


ไม่ต้องรอให้สามตอบคำถามเสียงของน้ำที่เบาหวิวจากการปริแตกเมื่อครู่กลับกลายเป็นเสียงระเบิดขนาดย่อย สายน้ำจากเสาสีแดงพุ่งทะยานอย่างรุนแรงก่อนจะโปรยปรายลงโดยรอบราวกับพายุฝน


ดูจากกลิ่นไม่ใช่น้ำทะเลแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาแค่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำก็พอแล้ว


กรรรร


ผมไม่รอช้ารีบกลับร่างไดโนเสาร์ซึ่งยาวกว่า10เมตรพร้อมทั้งใช้ปากขนาดใหญ่ขย้ำคอคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่อยู่หน้าสุด สายน้ำที่กระจายอยู่รอบๆช่วยให้การเคลื่อนไหวบนพื้นถนนราบลื่นขึ้นจนสามารถถไหลร่างไปตามพื้นเพื่อโจมตีแอลเบอร์โตซอรัสอีกตัวได้


แน่นอนว่าการเข้าไปยังฝูงไดโนเสาร์ย่อมถูกโจมตีกลับทว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสพลาดที่โจมตียังแผ่นหลังผมซึ่งมีเกราะอันแข็งแกร่งควบด้วยพิษของปลาหิน


งี๊ดดดดด


เสียงครวญครางดังขึ้นทันทีที่ผมสะบัดหางที่มีหนวดของแมงกะพรุนกล่องสยายอยู่รอบๆไปโดนร่างอันใหญ่โตของแอลเบอร์โตซอรัส ด้วยพิษอันร้ายแรงสร้างความเจ็บปวดได้โดยฉับพลัน เรื่องยาถอนพิษสามมีติดตัวไว้เสมอเผื่อกรณีแบบนี้อยู่แล้วจึงหมดห่วงไปได้



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


สาม


ระหว่างที่สู้ก็นึกได้ว่าไม่เห็นสามดวงตาสีเงินของผมจึงหันไปมองโดยรอบเพื่อหาร่างของมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวในสถานที่แห่งนี้ สามในตอนนี้ใช้มือข้างหนึ่งจับเขาของแอลเบอร์โตซอรัสไว้แน่นเพื่อไม่ให้กระเด็นหลุดเพราะแอลเบอร์โตซอรัสสะบัดหัวไปมาแรงๆ


ผ่านไปไม่กี่วิสามก็กระโดดขึ้นเหนือหัวแอลเบอร์โตซอรัสทำให้มันหยุดขยับเพราะคิดว่าสามล่วงลงไปแล้ว นั่นสร้างโอกาสให้สามใช้อาวุธในมือจัดการแอลเบอร์โตซอรัสได้สำเร็จ


“ลูก้า...ด้านหลัง”เสียงตะโกนของสามทำให้ผมหันกลับไปมองทว่าการโจมดีจากคมเขี้ยวของคาร์คาโรดอนโทซอรัสกลับมาถึงก่อน


งี๊ดดดด


ผมร้องเสียงสูงเมื่อถูกฟันอันแหลมคมขย้ำเข้าที่คอ ส่วนที่ถือเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของผม ในร่างนี้ผมไม่มีกรงเล็บไว้ในการต่อสู้ ครีบอ่อนๆแทบทำอะไรไม่ได้เลยในสถานการณ์นี้


แต่ใครจะยอมแพ้กัน


ขนาดสามยังพยายามขนาดนั้นแล้วจะให้ผมมายอมแพ้งั้นเหรอ


ไม่มีทาง


กรรรรร


เสียงคำรามของผมดังขึ้นก่อนจะใช้แรงสะบัดหางโจมตีคาร์คาโรดอนโทซอรัสโดยการใช้ส่วนหางนั่นรัดคอจนคาร์คาโรดอนโทซอรัสปล่อยฟันที่กัดคอผมไว้


แม้ในร่างนี้จะไม่มีแรงมากเท่าอยู่ในน้ำแต่ก็ยังสามารถใช้การทิ้งน้ำหนักตัวกดทับร่างของคาร์คาโรดอนโทซอรัสไม่ให้ดิ้นหนีไปไหนได้ การกระทำนี้เรียกแอลเบอร์โตซอรัสกับคาร์คาโรดอนโทซอรัสรอบๆวิ่งกรูเข้ามาโจมตีผมเลยม้วนส่วนหัวและหดส่วนครีบเข้าไปใต้ท้องปล่อยให้ฝูงไดโนเสาร์โจมตีเข้ายังเกราะบนหลังเคลือบพิษแทน


จำนวนมันเยอกเกินไปที่จะสู้ด้วยสองคน


ถ้าในน้ำคงจะไม่ยากแต่บนบกนี่เคลื่อนไหวลำบากชะมัด


ถึงจะมีน้ำมาช่วยแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร


“ลูก้า!”เสียงตะโกนเรียกของสามดังขึ้น


กรรรร


ผมก็อยากจะไปหาสามอยู่หรอกแต่การจะออกจากการโดนรุมกัดนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


หื้ม?...กลิ่นนั่น


อยู่ๆจมูกผมมันก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง


กลิ่นแบบนั้นมัน...


กรรรรรร


กรรรรรร


เสียงขู่คำรามของไดโนเสาร์ที่ไม่ใชทั้งของแอลเบอร์โตซอรัสและคาร์คาโรดอนโทซอรัสดังขึ้นก่อนคมเขี้ยวที่ระดมกัดหลังผมจะทยอยหายไป นั่นทำให้ผมเอาหัวออกมามองดูสถานการณ์โดยมีร่างของคาร์คาโรดอนโทซอรัสกำลังดิ้นไปมาอยู่ใต้ร่างผมที่ทับไว้


สภาพตอนนี้ต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ตรงหน้ามีไดโนเสาร์สองเท้าไม่ทราบสายพันธุ์แน่ชัด2ตัวกับไดโนเสาร์สี่เท้าอีกตัววิ่งเข้าไปโจมตีแอลเบอร์โตซอรัสและคาร์คาโรดอนโทซอรัสจนกระจายกันไปคนละทาง


ไม่ใช่แค่ไดโนเสาร์ที่เข้ามาร่วมวงแต่ก็ยังมีมนุษย์อีกสมคนเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย


ถึงไม่ต้องถามก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นใคร


หน่วยปฏิบัติการพิเศษของประเทศไทย


กรรรรร


กรรรรร


สาม


ผมคำรามพร้อมใช้แรงทั้งหมดกระโดดพุ่งไปยังคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่หมายจะโจมตีสามจากด้านหลัง ฟันอันแหลมคมของผมขย้ำเข้ายังบริเวณคอและยังคงกดลึกเข้าไปเรื่อยเมื่อร่างนั้นยังคงพยายามขืนดิ้นให้หลุด


คิดว่าผมจะยอมให้หลุดไปทำร้ายสามรึไงกัน


“ลูก้า”สามกระโดดลงมาจากร่างของแอลเบอร์โตซอรัสที่ล้มลงแน่นิ่งแล้วเดินมาหาผมที่ยังคงกดเขี้ยวลึกลงไปยังคอสีขาวนั่นมากขึ้น


“ปล่อยได้แล้วลูก้า”


ไม่รู้ว่าสามทำอะไรแต่ร่างของคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่ดิ้นไปมาเมื่อครู่กลับสงบลงอย่างง่ายดายผมเลยค่อยๆวางว่างนั้นให้นอนลงกับพื้น


งี๊ดดด


ผมรีบเข้าไปคลอเคลียพลางมองดูว่าสามได้รับบาดเจ็บอะไรไหมโดยไม่สนว่ารอบข้างจะเป็นยังไง ที่ผมสนตอนนี้คือสามปลอดภัยรึเปล่า


ตลอดการต่อสู้ผมไม่ได้มีโอกาสให้เข้าไปช่วยสามนักเลยไม่แน่ใจว่าสามเป็นอะไรไหม


อย่างน้อยๆผมก็เบาใจที่ไม่ได้กลิ่นเลือดมากมายของสาม


“ผมไม่เป็นไรลูก้า...ไม่ต้องห่วง”


งี๊ดดดด


จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง


“คนที่น่าห่วงคือนายนั่นแหละ...แผลนี่ลึกเหมือนกันนะ”ผมพูดพลางลูบยังแผลบริเวณคอผมเบาๆ


งี๊ดดดด


ไม่เป็นไร


“เอ่อ...ขอโทษนะครับ”บทสนทนาของผมกับสามถูกขัดเมื่อมีคนเรียก


พอหันไปมองก็พอกับมนุษย์สามคนและไดโนเสาร์อีกสามตัวที่เดินเข้ามาหาโดยมีฉากหลังเป็นร่างของคาร์คาโรดอนโทซอรัสกับแอลเบอร์โตซอรัสนอนกองอยู่กับพื้น


“พวกคุณเป็นคนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษสินะ”สามถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว


“ใช่ครับ...ผมแบ็งค์เป็นหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการที่ประเทศไทย ส่วนนี่ไข่ต้มไดโนเสาร์กลายพันธุ์ของผม”ชายผมดำแนะนำตัวเองก่อนจะแนะนำคู่หูสี่เท้าด้านหลังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม รูปร่างของเขาดูสูงกว่าสามเล็กน้อยแต่นั่นก็มากพอให้ผมแปลกใจกับคำว่าหัวหน้าที่หลุดออกมาจากปาก ขนาดตัวแค่นั้นเป็นหัวหน้างั้นเหรอ


“...คุณตั้งชื่อไดโนเสาร์กลายพันธุ์ซะน่ารักเลยนะ”ผมเองก็เห็นด้วยกับคำพูดสามนะ


ชื่อไข่ต้มมันดูน่ารักเกินไปหน่อย


อีกอย่างการจะตั้งชื่อให้ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้แปลว่าเป็นคนที่ได้รับการคัดเลือกจากหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่โดยตรงเมื่อหลายปีก่อนที่พึ่งเริ่มก่อตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างเป็นทางการ


เรื่องนี้คุณเซโครเคยเล่าให้ฟังตอนอยู่บนเกาะ


“พอดีผมชอบพวกอะไรน่ารักๆน่ะ...เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ พวกคุณเป็นใคร...ไม่สิ...ต้องถามว่าทำไมถึงได้มีไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้”สายตาที่จับจ้องมายังสามดูแตกต่างจากน้ำเสียงแสนสุภาพซะเหลือเกิน


กรรร


ผมส่งเสียงขู่เบาๆเพื่อบอกให้อีกฝ่ายเลิกจ้องสามด้วยสายตาเหมือนทำอะไรผิดซะ


“ไม่เอาลูก้า...ใจเย็นๆนะ”สามยกมือขึ้นมาลูบเรียวปากผมไปมาเบาๆทำเอาเคลิ้มไป


งี๊ดดด


“ผมเองก็เป็นเหมือนพวกคุณแหละ เป็นหนึ่งในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหมือนกัน”พอทั้งสามได้ฟังก็หันหน้ามองกันอย่างงงๆ


“หมายความว่าไงกัน ถ้าเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหมือนกันผมก็ต้องรู้จักคุณสิ”คนชื่อแบ็งค์ถามกลับด้วยใบหน้าสงสัย


“ผมไม่ได้เข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการพิเศษของประเทศหรอก เรียกว่าเป็นคู่หูพิเศษจะถูกกว่า...อย่างที่เห็นว่าคู่หูผมมีร่างแบบนี้ทำให้งานส่วนใหญ่ของพวกเราอยู่ในทะเลและจะรับภารกิจจากไทรแอสซิก เบนซ์ ฟ่งเซ่เท่านั้น”สามอธิบายไปตามตรง


“...ก็เคยได้ยินว่ามีคู่หูพิเศษอยู่ที่นี่ก็จริงแต่...”สายตาของแบ็งค์มองมายังสามเหมือนจะไม่เชื่อว่าด้วยรูปร่างแบบนั้นจะสามารถต่อสู้กับไดโนเสาร์ได้ ยังไงถ้าเทียบรูปร่างพวกแบ็งค์กับอีกสองคนก็กำยำกว่าสามมาก


“ผมดูอ่อนแอสินะ”สามพูดพร้อมยกยิ้มขึ้น


“ก็ใช่อยู่...แต่พอดูแอลเบอร์โตซอรัสกับคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่ถูกจัดการก็รู้ว่าคุณไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ”


“อย่าพูดเหมือนเจอผีน่า...ผมก็แค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง”


“คนธรรมดาที่ไหนจัดการกับไดโนเสาร์ได้ง่ายๆขนาดนั้น...แต่ก็สมกับเป็นที่หัวหน้าเลือกให้เป็นคู่หูกับเขาละนะ”แบ็งค์พูดต่อโดยที่ประโยคสุดท้ายมองมาทางผม


“ก็ไม่ขนาดนั้น...ผมนาทีธาร เรียกสามก็ได้...ส่วนนี่คู่หูผมชื่อลูก้า”สามแนะนำทั้งตัวเองและผม


“งั้นฉันขอแนะนำตัวบ้างละกัน...ฉันเกล้า และนี่สาวสวยของฉันชื่อเกรซ”ชายผมคล้ำแดดร่างกายบึกบึนแนะนำทั้งตัวเองและไดโนเสาร์สองเท้ารูปร่างปราดเปรียวด้านหลังที่เชิดคอขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกพูดถึง


“ผมชื่อไม้ ส่วนนี่วินคู่หูผม”คนสุดท้ายในหน่วยปฏิบัติการพิเศษแนะนำตัว


“ยินดีที่รู้จักนะ...ว่าแต่นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”สามถามพลางมองไปยังร่างของแอลเบอร์โตซอรัสและคาร์คาโรดอนโทซอรัส


“รถขนย้ายพังจนพวกมันออกมาน่ะสิ...เห็นว่าง่วงเลยเหม่อระหว่างขับจนเกิดอุบัติเหตุจนพวกมันหลุดออกมาเพ่นพ่านอย่างที่เห็น”เกล้าอธิบาย


“พวกคุณมาช้ากันไปหน่อยรึเปล่า รู้ไหมว่ามีคนโดนลูกหลงไปเยอะน่ะ”


“พวกเราก็มาเร็วที่สุดแล้ว...บ้านเราพอเกิดเรื่องการจราจรก็ติดกันอย่างงี้ตลอด อีกอย่างพวกเราใช้เวลาเดินทางประมาณ15นาทีหลังได้รับแจ้งซึ่งก็ถือว่าไม่ได้ช้าแต่มันก็ทำให้เกิดการสูญเสียจำนวนไม่น้อย โชคดีที่ได้พวกคุณมาช่วยไม่งั้นกว่าพวกเราจะมาถึงคงเกิดการสูญเสียมากกว่านี้เป็นแน่น ขอบคุณมากครับ”พูดจบแบ็งค์ก็ก้มหัวขอบคุณ


“ไม่เป็นไร...ผมกับลูก้ายินดีช่วย งั้นพวกเราขอตัวเลยละกัน”


“อ่า...ได้ครับ พวกเราเองก็ต้องไปจัดการพาแอลเบอร์โตซอรัสกับคาร์คาโรดอนโทซอรัสไปส่งที่เดิมด้วย”


“ให้ช่วยไหม?”


“ไม่ป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว ไว้เจอกัน”


“ครับ ลูก้า...กลับร่างมนุษย์ได้แล้ว อ้อ นี่เสื้อผ้า”สามพูดก่อนจะหยิบเสื้อตัวตออกมาจากกระเป๋า


ผมในร่างไดโนเสาร์พยักหน้าไปมาก่อนจะเปลี่ยนร่างให้กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ตามเดิม เสื้อตัวโตถูกผมคว้ามาสวม อีกฝั่งร่างของไดโนเสาร์ทั้งสามตัวก็เปลี่ยนมาอยู่ในร่างมนุษย์เช่นกัน


เส้นผมสีแปลกตาของพวกเราพอมาอยู่รวมกันดูเหมือเป็นเรื่องปกติไปเลย


ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ทั้งสามคนมองมาทางผมนิ่งๆซึ่งผมก็สบสายตากลับไป ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดอะไรมากมายเพียงแค่ได้กลิ่นพวกเราต่างก็รับรู้ว่าเป็นพวกเดียวกันได้ทันที


ไม่เหมือนมนุษย์ที่ต้องมาทำความรู้จักกันหรอก


หลังจากเหตุการณ์ไดโนเสาร์หลุดใจกลางเมื่อผมก็ถูกสามลากไปทำแผลบริเวณคอที่ปรากฏรอยเขี้ยวถึงสี่คู่ตามลำคอ สายตาห่วงๆของสามทำให้ผมรู้สึกดีกับบาดแผลนี้มากขึ้น


ปกติสามเป็นคนชอบห่วงอยู่แล้วแต่พอผมเจ็บกลับยิ่งห่วงมากกว่าเดิมหลายเท่า


อย่างตอนอาบน้ำก็คอยเตือนว่าห้ามน้ำโดนแผลนะ


ตอนกินข้าวเองก็จะบอกว่าให้กินนี่แผลจะได้สมานกัน


แม้แต่ตอนนอนก็ยังบอกว่าห้ามพลิกไปทางแผลเดี๋ยวจะเจ็บ


สามคอยเป็นห่วงผมตลอดจนไม่อยากหายเร็วเลยล่ะ


แต่ถึงจะอยากหายช้าขนาดไหนร่างกายที่มีเลือดของไดโนเสาร์ไหลเวียนอยู่ก็ไม่สามารถฝืนการรักษาตัวเองอย่างรวดเร็วได้ ภายในไม่กี่วันบาดแผลซึ่งลึกพอสมควรกลับหายเกือบสนิทแล้ว


ภายในห้องน้ำผมนอนแช่น้ำอยู่ภายในอ่างสีขาวพลางยกมือขึ้นลูบบริเวณที่ถูกัดเบาๆ บาดแผลเมื่อวันวานกลับหายเร็วจนน่าตกใจ
วันนี้เป็นอีกวันของการเริ่มต้นวันใหม่ซึ่งผมมักจะอาบน้ำก่อนสามเสมอด้วยเหตุผลที่ว่าสามจะได้นอนต่ออีกหน่อยระหว่างรอผมอาบเสร็จ เคยมีหลายครั้งที่ผมแกล้งอาบช้าจนสามไปทำงานสาย


แน่นอนว่าผมถูกดุ แต่การถูกสามดุไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกลัวสักนิด


ดวงตาสีน้ำตาลที่หรี่ลง ริมฝีปากที่พ่นคำดุ ท่าทางเอาเรื่องราวกับไม่ยอมใคร


นั่นคือสามเวลาดุผม


ไม่รู้ว่าคนอื่นมองยังไงแต่ผมคิดว่าน่ารักมากๆเลย


น่ารักจนเผลอรักไปโดยไม่รู้ตัว จนตอนนี้ก็รักมากจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว


สามเองก็คงรักผมเหมือนกันเพียงแต่เขายังไม่ยอมรับความรู้สึกนั้น


ตอนแรกผมก็ไม่มั่นใจหรอกแต่พอได้เห็นใบหน้าแดงๆ น้ำเสียงเขินๆ ท่าทางอายๆพวกนั้นผมก็รู้ทันทีว่าตัวเองมีความหวังที่สามจะคิดเหมือนกัน


“สาม...”ผมเรียกเมื่อเปิดปรระตูออกมาจากห้องน้ำทว่าสามที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย


แม้จะหาทั้งห้องก็ยังไม่เจอ


สามไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกผม


อาจจะมีที่ไปก่อนแต่ก็จะเขียนโน้ตบอกไว้ไม่ใช่หายไปแบบนี้


“สาม...”ยิ่งไม่เห็นตัวยิ่งว้าวุ่นจนเกิดความกังวลขึ้นมา


นี่ผมนอนแช่น้ำเพลินเกินไปสินะถึงไม่รู้ว่าสามออกไปจากห้องแล้ว


การจะหาสามเป็นสิ่งที่ไม่อยากเกินความสามารถผม เพียงแค่ใช้กลิ่นในการตามหาผมก็สามารถตามสามมาจนถึงลานจอดรถด้านข้างศูนย์วิจัย


ภาพของสามที่ถูกชายคนหนึ่งที่ลงจากรถคว้าตัวไปกอดแน่นนั่นทำเอาความหวงแล่นเข้ามาในหัว ยิ่งเห็นว่าสามไม่ขัดขืนแถมยังใช้มือชกอีกฝ่ายเป็นเชิงเล่นก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผมมากขึ้น


ปกติสามไม่ใช่คนชอบเล่นแบบถึงเนื้อถึงตัว ขนาดผมที่ชอบแอบกอดตอนนอนยังโดนขยับหนีแต่หมอนั่นเป็นใครสามถึงเข้าไปกอดแน่แบบนั้น


อิจฉา


อยู่ๆความรู้สึกนี้ก็แผ่เข้ามาภายในหัวใจ


ไม่ชอบให้สามไปกอดคนอื่นด้วยรอยยิ้มมีความสุขแบบนั้น


“สาม”เหมือนร่างกายจะทำงานโดยไม่ผ่านสมองรู้ตัวอีกทีผมก็เดินเข้าไปคว้าแขนสามดึงออกมาจากอ้อมกอดนั่นแล้วเปลี่ยนมาเป็นผมที่สวมกอดสามจากด้านหลังแทน


“ลูก้า?”สามเงยหน้าขึ้นมามองงงๆเมื่อเห็นผมตามมาถูก


“นั่นใครสาม”


“ใครน่ะสาม”


ทั้งผมและชายผิวเข้มตรงหน้าพูดออกมาด้วยรูปประโยคที่แทบจะเหมอนกัน ดวงตาสีเงินของผมกับดวงตาสีน้ำตาลของชายตรงหน้าจ้องกันด้วยความไม่ยอมใคร คนปกติถ้าเห็นผมจ้องคงละสายตาไปนานแล้วแต่คนๆนี้กลับไม่ใช่


ไม่มีวี่แววว่าจะกลัวเลยสักนิด


คนคนนี้เป็นใครกัน


“เอ่อ...ลูก้า”


“สามนั่นใคร”ผมก้มลงไปถามพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก


“คือว่า...”


“แล้วนายล่ะเป็นอะไรกับสาม”ยังไม่ทันที่สามจะตอบชายผิวเข้มก็เดินมาเผชิญหน้าพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


แววตาและท่าทางนั่นเหมือนกำลังจะบอกให้ผมพูดความจริงออกไป


แน่นอนว่าต่อให้ไม่ถูกสายตานี่จ้องผมก็ไม่คิดจะปิดบังหรือโกหกอยู่แล้ว


ผมเป็นอะไรกับสามน่ะเหรอ


คำตอบนั่น...


ไม่ต้องคิดสักนิด


“สามเป็นคู่ของผม”
.......................................................................

เอาล่ะสิ

ตัวละครใหม่โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้จะเป็นใครกัน

จะมีมาม่าไหม ขอตอบเองเลยว่าไม่มีหรอกค่ะ 555

ถ้าให้ทายคิดว่าทุกคนน่าจะทายถูกกันเกือบหมด

เราชอบการแต่งฉากต่อสู้มากเลย เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าอยากลองเรียนศิลปะการต่อสู้แต่คงไม่ไหว งั้นก็ให้ตัวละครสู้แทยเราไปละกันเนอะ อิอิ

ไว้เจอกันในตอนต่อไปนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจที่มีให้เสมอนค่ะ

บ๊ายบาย

-----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-----

วันนี้ขอเสนอ...คาร์คาโรดอนโทซอรัส



คาร์คาโรดอนโทซอรัส นักฆ่าขนาดมหึมานี้น่าดูมากทีเดียว มันมีน้ำหนัก 7 ตันและวัดความยาวได้ 13 เมตร ถือว่าตัวใหญ่มฬาร ฟันคืออาวุธหลักของมัน แต่ละซี่ยาว 16 เซนติเมตร เป็นฟันเลื่อยรูปโค้ง ไม่มีอะไรที่มันกัดไม่ขาย ฟันของคาร์คาโรดอนโทซอรัสคล้ายคลึงกับฉลามขาวเป็นอย่างมาก และเราต่างรู้ดีว่าฟันของฉลามขาวสร้างความเสียหายได้มากแค่ไหน เป็นไดโนเสาร์มีสมองเล็กและประสาทสัมผัสเชื่องช้าเมื่อเทียบกับมาตรฐานของมนุษย์ แต่เชื่อกันว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสสมองเห็นเป็นสามมิติ หมายความว่ามันกะระยะลึกตื้นเพื่อหาระยะห่างระหว่างตัวมันกับเหยื่อได้อย่างแม่นยำ


เครดิต : รูปภาพจากเด็กดี.คอม ข้อมูลจากหนังสือไดโนเสาร์ประจัญบานของสนพ.อมรินทร์

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :z2: พบเด็กขี้หวง 1 อัตรา  55555
 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
นี่ว่าถ้าสามไม่ได้หายมาเฉยๆแบบไม่บอกงี้
ลูก้าอาจจะไม่อาการออกมากแบบนี้ก้ได้นะ
ถึงจะขี้หวงมากๆอยุ่แล้วก้เถอะ

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ชัดเจนมากเลย 55555

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่ชายของสามรึเปล่า เอ่อแล้วสามมีพี่น้องป่ะ เดาไปมั่วเลย  :pig4:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
รอสามยอมรับความรู้สึกตัวเอง   :mew1:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด