พิมพ์หน้านี้ - ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: nicedog ที่ 03-12-2017 15:32:35

หัวข้อ: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 03-12-2017 15:32:35
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับ

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น 

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้   

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว  ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************


สวัสดีค่า

วันนี้มาเปิดนิยายเรื่องใหม่

หลายๆคนอาจเคยเห็นผลงงานของเรามาบ้างแล้ว

อยากขอบคุณทุกๆคนที่คอยติดตามมาเสมอ

สำหรับนักอ่านหน้าใหม่ก็ขอฝากตัวและผลงานด้วยนะคะ

นี่เป็นภาค3ของ Jurassic ที่หลายๆคนรอคอย

ซึ่งในภาคนี้จะพูดถึงไดโนเสาร์น้ำเป็นหลักค่ะ แถมเนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประเทศไทย

หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ

ขอฝากผลงานเรื่องใหม่ไว้ด้วยนะคะ ^^


*ผลงานที่ผ่านมา*

   ✉ CorrespondencE สื่อรักทางจดหมาย!✉ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45471.0)

    ◣♥◥ Precinct ►◄ อาณาเขตรักของหัวใจ ◣♥◥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47133.0)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ✥ Jurassic Heart ✥ดวงใจ กลายพันธุ์รัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47401.0)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ✣Jurassic Confidant✣ คู่หู กลายพันธุ์รัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51956.msg3307933#msg3307933)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ❣Secret heart❣ หัวใจ แอบรัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50864.msg3262162#msg3262162)

    Find Love  ▪พบรัก▪
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3462361#msg3462361)

.。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.0)

♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3626975#msg3626975)

สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายได้ในเพจนะคะ>>nicedog (https://www.facebook.com/novelistnicedog/)<<

ขอบคุณทุกที่ติดตามค่ะ

*นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล สถาบันหรือสถานที่ใดทั้งสิ้น*


สารบัญ

-//-จุดเริ่ม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3747332#msg3747332)-//-◈ธาราที่1◈ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3753513#msg3753513)-//-
-//-◈ธาราที่2◈ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3761849#msg3761849)-//-◈ธาราที่3◈ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3765026#msg3765026)-//-
-//-◈ธาราที่4◈ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3770317#msg3770317)-//-◈ธาราที่5◈ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3777241#msg3777241)-//-
-//-◈ธาราที่6◈ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3782999#msg3782999)-//-◈ธาราที่7◈ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3789384#msg3789384)-//-
-//-◈ธาราที่8◈ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3794934#msg3794934)-//-◈ธาราที่9◈ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3799795#msg3799795)-//-
-//-◈ธาราที่10◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3804812#msg3804812)-//-◈ธาราที่11◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3810456#msg3810456)-//-
-//-◈ธาราที่12◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3815327#msg3815327)-//-◈ธาราที่13◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3820138#msg3820138)-//-
-//-◈ธาราที่14◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3825414#msg3825414)-//-◈ธาราที่15◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3829717#msg3829717)-//-
-//-◈ธาราที่16◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3836286#msg3836286)-//-◈ธาราที่17◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3843400#msg3843400)-//-
-//-◈ธาราที่18◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3850171#msg3850171)-//-◈ธาราที่19◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3856681#msg3856681)-//-
-//-◈ธาราที่20◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3862822#msg3862822)-//-◈ธาราที่21◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3869874#msg3869874)-//-
-//-◈ธาราที่22◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3875612#msg3875612)-//-◈ธาราสุดท้าย◈ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64185.msg3881506#msg3881506)-//-






(https://dl7.glitter-graphics.net/pub/706/706287isbesoi4u7.gif)(https://dl7.glitter-graphics.net/pub/706/706287isbesoi4u7.gif)(https://dl7.glitter-graphics.net/pub/706/706287isbesoi4u7.gif)

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 03-12-2017 15:41:56
♦ จุดเริ่ม ♦



ครืดดดด~

ครืดดดด~


แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารเรียกสติให้ร่างผมที่นอนหลับซุกตัวอยู่บนเตียงขนาด5ฟุตรู้สึกตัวตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย  ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่สั่นอย่างตื่อเนื่องระหว่างลุกขึ้นนั่งเพื่อรวบรวมสติ


ดวงตาสีน้ำตาลตามแบบฉบับไทยแท้ของผมหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาตี5ครึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อคืน...ไม่สิ...ต้องบอกว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผมยังอยู่ในห้องทดลองอยู่เลย


“ครับ”ผมกดรับสายโดยไม่ได้สนใจนักว่าปลายสายเป็นใคร


ยังไงก็ต้องเป็นหนึ่งในคนรู้จักอยู่แล้วเพราะโทรศัพท์นี่จะสั่นต่อเมื่อเบอร์ที่เมมไว้โทรมาเท่านั้น


(ไงทรี...ที่นั่นคงใกล้เช้าแล้วใช่ไหม)เสียงจากปลายทำให้รู้ได้ทันทีว่าใครโทรมา


“ตอนนี้ตี5ครึ่งน่ะ...มีอะไรเซโคร”ผมถามกลับพลางลุกขึ้นจากเตียงมาเปิดระเบียงเดินออกไปรับลมก่อนพระอาทิตย์ขึ้น


ด้วยความสูงของชั้นที่14แถมยังติดริมทะเลเลยมีลมเย็นๆพัดมาตลอด แม้ว่าลมนั่นจะมาพร้อมกับไอเค็มจากทะเลก็ไม่ส่งผลต่อคนที่เติบโตมากับทะเลอย่างผมหรอก


คนที่อยู่ปลายสายเป็นเพื่อนซึ่งอาจเรียกว่าค่อนข้างสนิทมากจากประเทศฝรั่งเศส พวกเราเรียนทั้งคณะและสาขาเดียวกัน ต่างกันแค่วิชาโทที่เรียนเท่านั้น ด้วยความที่มีนิสัยคล้ายๆกันเลยเจอหน้ากันบ่อยครั้ง แถมยังคุยถูกคออย่างบอกไม่ถูก


ไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่หรือเซโคร ลูกของบิดาแห่งการคืนชีพที่คนทั้งโลกต่างรู้จัก


ตอนแรกที่เจอคิดว่าจะเป็นคนหยิ่งๆเพราะมีพ่อเป็นถึงบุคคลระดับสูงแต่ในความจริงกลับเข้าถึงง่ายอย่างน่าประหลาด


(พอดีมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อยน่ะ)ปลายสายบอก


“เรื่องให้ช่วย? คนระดับหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษมีอะไรให้ผมช่วยล่ะครับ”ผมพูดติดตลก ไม่คิดว่าคนระดับนั้นจะมีเรื่องให้ผมช่วยหรอกนะ


(ใช่...พอดีเป็นเรื่องที่มีแค่ทรีที่ช่วยได้น่ะ)


“แค่ผม?”ผมถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน


ด้วยความสามารถ ทักษะ ความรู้และอื่นๆอีกมากมายเซโครต่างก็มีพร้อม ดังนั้นถ้าอีกฝ่ายมีเรื่องให้ช่วยก็แปลว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างซื้อหนังสือแน่นอน


(อืม...ด๊อกเตอร์ฟรานซิส...ไม่สิ...เอาเป็นว่าพ่อผมสร้างไดโนเสาร์สายพันธ์ผสมขึ้นมาแต่ดันอาศัยอยู่ในน้ำ ทำให้พื้นที่ที่นี่ไม่พอที่จะดูแล แถมผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ดูแลสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิดมาก่อนด้วย...แต่ถ้าเป็นทรีคิดว่าทั้งเรื่องพื้นที่หรือการดูแลไม่น่ามีปัญหา)


“ก็ใช่...”ถ้าพูดถึงพื้นที่ สถานที่ที่ผมทำงานเป็นศูนย์วิจัยสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศแถมได้รับอนุญาติจากทางรัฐบาลจนมีการสร้างส่วนของการดูแลและเพาะพันธ์ทอดยาวไปในทะเลได้ นั่นทำให้มีพื้นที่มหาศาลในการดูแลสัตว์น้ำขนาดใหญ่


และถ้าพูดถึงการดูแล...ผมที่เรียนวิชาโทเป็นพฤติกรรมสัตว์น้ำพ่วงด้วยประสบการณ์ทั้งชีวิตที่อยู่กับสัตว์น้ำมาทำให้ผมกล้าพูดว่าไม่มีใครรู้เรื่องสัตว์น้ำได้มากกว่าตัวเองอีกแล้ว


อาจเพราะมีความมั่นใจในระดับสูงและความสามารถที่เข้าตาเลยได้ขึ้นเป็นหัวหน้าทั้งที่อายุยังน้อยแบบนี้ ถึงจะได้ชื่อว่าหัวหน้าแต่ก็เป็นแค่หัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำเท่านั้น


(ผมรู้อยู่แล้ว เลยส่งเขามาทางเรือ...ตอนนี้น่าจะเทียบท่าแล้วล่ะ)


“...ว่าไงนะ...ส่งมาแล้ว?”ผมนึกว่าแค่โทรมาถามแต่นี่ส่งสัตว์ตัวที่ว่ามาแล้วงั้นเหรอ


ทำอะไรไม่ปรึกษาเลยนะเซโคร


(อ่า...คิดว่าถึงแล้วนะ)


“เทียบท่าที่ไหน”ผมถามพร้อมกับก้าวเร็วๆออกจากห้อง


(ผมสั่งให้เทียบท่ายังศูนย์วิจัยสัตว์ทะเล)


“เข้าใจล่ะ...ขอทำความเข้าใจก่อนนะ สัตว์ที่ส่งมาเซโครต้องการให้ทำอะไร”ผมถามระหว่างลงลิฟต์มายังชั้น1


มันอาจดูน่าสงสัยว่าทำไมผมถึงยอมตกลงง่ายๆทั้งที่ไม่ปรึกษาใครก่อน แต่ความจริงไม่ใช่ สถานที่ที่ผมทำงานอยู่ในตอนนี้กับเกาะที่เซโครทำงานอยู่มีเจ้าของเป็นคนคนเดียวกันซึ่งก็คือบุคคลระดับสูงทั้ง3คน


การที่เซโครส่งมาแปลว่าได้รับการอนุมัติจากคนใดคนหนึ่งในสามคนนั้นแล้ว


ดังนั้นต่อให้ปฏิเสธก็ไม่เป็นผลอยู่ดี


อีกสาเหตุที่ไม่ปฏิเสธเพราะอยากเห็นว่าสิ่งที่บิดาแห่งการคืนชีพสร้างจะเป็นยังไง


ปกติด๊อกเตอร์ฟรานซิสจะเพราะพันธ์แค่ไดโนเสาร์บกหรือมีปีก มีครั้งนี้ที่เป็นสัตว์น้ำจึงน่าสนใจมากเป็นพิเศษ


(ผมอยากให้ช่วยดูแลและเลี้ยงดูเขาจนกว่าจะถึงเวลา)


“ถึงเวลาที่ว่าคืออะไร”แม้จะพูดกับปลายสายอยู่แต่สายตาผมก็มองไปยังทางเดินตรงหน้าซึ่งถูกสร้างเชื่อมไปยังกลางทะเล ทางเชื่อมนี้ถูกสร้างด้วยไม้ตามนโยบายให้ใช้ของจากธรรมชาติและหากเกิดเหตุอะไรขึ้นวัสดุพวกนี้ก็สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้...ทางเดินนี่กว้างกว่า10เมตรและยาวยื่นเข้าไปในทะเลหลายสิบกิโลเมตร


ระหว่างทางก็มีทางแยกเพื่อไปยังส่วนอื่นอยู่อีก


ใครที่พึ่งมาเป็นครั้งแรกรับลองว่าต้องหลงแน่นอน


ผมคว้าจักรยานส่วนตัวที่จอดอยู่ไม่ไกลมันปั่นตรงเข้าไป


(จนกว่าเขาจะโต)


“สายพันธ์ที่ว่าคืออะไร”ผมถามต่อ สัตว์น้ำแต่ละชนิดมีช่วยเวลาในการเติบโตที่ต่างกันออกไปเพราะงั้นจึงต้องรู้ชนิดก่อนถึงจะสามารถคาดการณ์ต่อไปได้


(ตระกูลโมซาซอร์...ไทโลซอรัส)


เอี๊ยด!


“ว่าไงนะ!”จักรยานที่ถูกปั่นถึงกับเบรกอย่างกะทันหันเมื่อได้ยินสายพันธ์จากปลายสาย


โมซาซอร์ เจ้ากิ้งก่าทะเลตัวยักษ์ที่ยาวเหยียดได้กว่า27เมตรนั่นน่ะนะ


(อย่าพึ่งตกใจสิ...มีให้น่าตกใจกว่านั้นอีกเยอะ)ปลายสายพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ


“ยังจะมีอะไรน่าตกใจเท่ากับจะให้ผมดูแลสัตว์ดุร้ายขนาดนั้นอีกล่ะ”ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะดูแลยังไงดี จริงอยู่ที่ผมเคยศึกษาพฤติกรรมและดูแลตระกูลโมซาซอร์มาก่อนแต่จากการศึกษาทำให้รู้ว่าแต่ละตัวก็มีการดูแลที่แตกต่างกันออกไป แถมนี่ยังเป็นไทโลซอรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูลของโมซาซอร์อีก


แถมการดูแลยังต้องอาศัยความชำนาญอย่างสูงเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมางาบเราลงไปกินใต้ท้องทะเล
(รอเห็นตัวก่อนดีกว่านะ...เราเปลี่ยนเรื่องก่อนดีกว่า ช่วงนี้ได้ดำน้ำบ้างรึเปล่า)


“ไม่ค่อยนะ...แค่งานวิจัยกับออกไปดูแลสัตว์น้ำที่กำลังเพาะพันธ์อยู่ก็แทบไม่เหลือเวลาแล้ว”ผมคุยกับเซโครเรื่องทั่วๆไปจนถึงท่าเรือขนาดใหญ่ที่ตอนนี้มีเรือขนาดกลางจอดอยู่


“คุณคือด๊อกเตอร์...เอ่อ นาทีทาน?”สำเนียงอังกฤษเพราะๆของคนตรงหน้าเริ่มสะดุดเมื่ออ่านชื่อภาษาไทยของผม


“ใช่ครับ...เจ้าตัวที่ว่าอยู่ไหนครับ”ผมถามกลับพลางมองไปยังเรือด้านหลัง


“อยู่ใต้ท้องเรือครับ...พวกเรารอถามอยู่ว่าให้ไว้บ่อไหนดีครับ”บ่อที่พูดถึงคือสถานที่สำหรับดูแลสัตว์น้ำแต่ละชนิดซึ่งจะมีตั้งแต่บ่อที่อยู่ติดชายฝั่งมาจนถึงทะเลน้ำลึก


“บ่อ129เลยครับ...ทางนั้น”ผมบอกพร้อมกับชี้ไปยังบ่อที่อยู่ลึกเข้าไปอีกนิด บ่อ129เป็นบ่อขนาดใหญ่ที่สามารถทำการดูแลวาฬสีน้ำเงินได้สบายๆ ดูจากสายพันธ์โมซาซอร์ก็เดาได้ว่าต้องมีขนาดใหญ่มากแน่


ขืนให้ไปบ่อเล็กคงได้เสียเวลาเปลี่ยนบ่ออีก


“ครับ”เจ้าหน้าที่พยักหน้าก่อนจะกลับเข้าไปในเรือ


“มาถึงเรือแล้วนะ”ผมยกโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้ออกมาแนบหูอีกครั้ง


(ได้ยินแล้ว...ผมว่าทรีต้องชอบแน่ถ้าเห็นเขา)


“เห็นพูดว่าเขาแปลว่าเป็นตัวผู้สินะ”


(ใช่...เห็นพ่อว่าแบบนั้นนะ)


“ขนาดตอนนี้อยู่เท่าไหร่?”ผมคุยไปเดินไปรอยังบ่อ129


(วัดก่อนขนย้ายอยู่ที่2เมตร11เซ็น)


“เกิดมานานเท่าไหร่”


(ประมาณ3-4สัปดาห์)


“...ตัวใหญ่มาก”ผมพึมพำเมื่อได้ยินคำตอบจากเซโคร อายุเพียงไม่กี่สัปดาห์กลับตัวใหญ่ขึ้นได้ขนาดนี้


(ใช่...อาจจะใหญ่กว่าตัวอื่นๆที่มีมาเลยก็ได้)


“...มาแล้ว”ผมหันไปมองเหล่าเจ้าหน้าที่ช่วยกันนำกล่องขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถมองเห็นภายในได้เข็นมาตามทางและเมื่อถึงบ่อกล่องขนาดใหญ่นั่นก็ถูกคนตัวใหญ่ถึง10คนช่วยกันยกกล่องนั่นไปยังจุดสำหรับปล่อยสัตว์


จุดสำหรับปล่อยสัตว์จะเป็นเหมือนอุปกรณ์ขนย้ายที่สามารถบังคับให้เลื่อนลงหรือเลื่อนขึ้นได้ ที่ต้องสร้างแบบนี้ก็เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้คนปล่อย


ไม่นานกล่องที่ว่าก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสีฟ้าอ่อนลายแดงจะว่ายออกมาด้วยความเร็วสูงจนแทบมองลักษณะไม่เห็น แต่เมื่อร่างนั้นชะลอความเร็วดวงตาสีน้ำตาลของผมก็เบิกกว้าง โทรศัพท์ที่ถืออยู่เกือบหลุดมือเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตตรงหน้า


ริมฝีปากเรียวยาว ลำคอที่ดูจะยาวกว่าโมซาซอร์ในวัยเดียวกันอยู่พอสมควร ส่วนหลังที่เหมือนมีเกราะสีเข้มแถบแดงปรากฏอยู่ สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงที่สุดก็คือส่วนหางที่แตกแขนงออกมาราวกับเส้นใยหรือหนวดของแมงกะพรุนสีฟ้าเข้มกลืนไปกับร่างกายนั่น


“อะไร...”สัตว์ตรงหน้านี่คืออะไรกัน


ดวงตาสีเงินกระพริบสองสามครั้งก่อนจะว่ายไปรอบๆอ่างเหมือนกำลังสำรวจว่าที่นี่คือที่ไหน


(ตกใจใช่ไหม...สวยมากเลยเนอะ)เซโครที่อยู่ในสายพูดขึ้น


“อย่าพูดว่าสวยเลย งดงามมาก...เป็นสัตว์ที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย”แม้แต่ในตอนนี้ผมก็ยังไม่สามารถถอนสายตาออกมาจากร่างใต้น้ำนั้นได้


(ผมก็ว่างั้น...จริงสิมีเรื่องสำคัญต้องบอกด้วย)


“เรื่องอะไร...เฮ้ย”ผมถึงกับตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นร่างของสัตว์น้ำตรงหน้าดิ้นทุรนทุรายก่อนจะกระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำ


งี๊ดดด~


เสียงสูงๆที่ได้ยินนั้นดูเหมือนกำลังทรมานและเจ็บปวด


เกิดอะไรขึ้น


ไม่กี่วินาทีหลังเสียงร้องร่างสีฟ้าอ่อนลายแดงก็ค่อยๆหดเล็กลงพร้อมกับสีผิวที่เปลี่ยนเป็นสีเนื้อ ส่วนที่เป็นครีบกลับค่อยๆยืดออกจนกลายเป็นส่วนแขนตามด้วยขา เส้นผมสีฟ้าแซมแดงกับร่างกายเปลือยเปล่าลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำให้สภาพที่คว่ำหน้า


ตู้ม!!


ในตอนที่เห็นร่างนั้นร่างกายผมก็โยนโทรศัพท์ทิ้งก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำโดยไม่สนว่าปลายสายจะพูดอะไรอยู่ ผมว่ายไปหาร่างที่ลอยอยู่ก่อนจะจับและดึงให้อีกฝ่ายแหงนหน้าขึ้นมา


“เฮ้...ลืมตา ไม่สิ หายใจๆ”ผมเขย่าร่างไร้ลมหายใจนั่นด้วยความกังวล ยิ่งไม่มีสัญญาณตอบรับผมก็รีบอุ้มร่างนั้นขึ้นมาด้านบน เพราะขนาดตัวที่เหมือนเด็กประถมทำให้สามารถอุ้มขึ้นมาได้ไม่ยาก


ผมพยายามตบหน้าเด็กตรงหน้าเบาๆแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นทำให้ผมต้องต้องเม้มปากอย่างช่างใจก่อนจะก้มลงไปฝายปอดหลายต่อหลายรอบ


“หายใจสิ...หายใจ...”ผมทั้งปั๊มหัวใจและผายปอดอย่างต่อเนื่องเพื่อหวังให้อีกฝ่ายหายใจ


“...แค่ก...”หลังจากพยายามมาสักพักใหญ่เด็กตรงหน้าก็สำลักน้ำออกมาเล็กน้อยพร้อมกับเสียหายใจที่ค่อยๆดังขึ้น


“เฮ้อ...”ผมทิ้งตัวลงกับพื้นไม้อย่างหมดสภาพเมื่อเห็นว่าเด็กคนนี้ปลอดภัยแล้ว


แม้จะไม่ได้เรียนแพทย์แต่การปฐมพยาบาลพื้นฐานแบบนี้ก็เป็นอยู่บ้าง


(ทรี...ทรี...เกิดอะไรขึ้น!)เสียงจากโทรศัพท์ดังขึ้นตั้งแต่ตอนที่ผมกระโดดลงไปจนถึงตอนนี้ก็ยังดังไม่หยุด


ตอนนี้ในหัวผมมีคำถามอยู่หลายพันคำถามได้ แต่มีเพียงคำถามเดียวที่ผมต้องรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้


“ทำไมสัตว์น้ำถึงกลายเป็นมนุษย์ได้!”ผมไม่สนว่าเสียงที่พูดใส่โทรศัพท์ว่ามันจะดังขนาดไหนแต่ตอนนี้ผมจำเป็นต้องรู้คำตอบนี้โดยเร็วที่สุด


(...เหมือนผมจะลืมบอกไปว่าเขาเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่นที่6)


“บอกเรื่องนั้นก่อนสิเฟ้ย!”
..................................................................
เปิดฉากแล้วกับจุดเริ่มต้นของเรื่องราวบทใหม่

สำหรับภาคนี้หลายคนคงเดาได้ว่าเราจะเน้นไปที่ไดโนเสาร์ชนิดใด

บนบกก็มาแล้ว

บนฟ้าก็ไปแล้ว

คราวนี้เรามาลองจินตนาการไปกับไดโนเสาร์ใต้น้ำกันบ้างนะคะ

อีกอย่างสองภาคก่อนหน้านี้ไปต่างประเทศมาเยอะแล้วครั้งนี้เลยขอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศไทยบ้าง

หวังว่าจะถูกใจนักอ่านทุกคนไม่มากก็น้อยนะคะ

ช่วงนี้เราค่อนข้างยุ่งกับการฝึกงานสหกิจดังนั้นเราจะมาอัพ2อาทิตย์ต่อ1ตอนนี้นะคะ

ขอแจ้งไว้ ณ ตรงนี้เลย

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าค่า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 03-12-2017 16:08:24
เรื่องนี้ออกแนวโชตะใช่ไหมค้าบบบ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-12-2017 16:26:42
มาแล้ววววว
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DarkAki ที่ 03-12-2017 16:29:27
แอร๊ยยยยยยยย มาแล้วๆๆๆๆๆ

ฮืออออออ รุ่นที่6 แล้ว

แล้วเราจะแทนตัวเองว่าอะไรดี

ยาย หรือจะเป็น ทวด ดี 5555555 / ในเลข5มีน้ำตาซ่อนอยู่
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 03-12-2017 16:37:11
ความเลี้ยงต้อยนี้คือไร.....คือความดีงาม55555 :impress2:  ว่าแค่ใครเคะใครเมะหว่า   เคะแก่ก็ดีนะ  อิอิ :-[
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 03-12-2017 20:19:15
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 03-12-2017 20:36:59
งืื้ออออ ภาค3 มาแล้วววว  :katai2-1:
ไม่เป็นไรนะไนซ์ด็อกเรารอได้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 03-12-2017 21:02:22
 :กอด1:  คิดถึงงงง  :mew1:
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 03-12-2017 21:03:24
ภาค3 มาแล้ว รอนะคะ
สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 03-12-2017 21:12:25
อื่อหือออออ รุ่นที่ 6 รู้สึกเหมือนตัวเองแก่แล้วจริงๆ เหมือนแบบอ้าวเฮ้ย นี่ตูอยู่มา 6 รุ่นแล้วเหร๊อ! :serius2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 03-12-2017 21:39:31
คราวนี้ใต้น้ำ ติดตามๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-12-2017 21:52:51
มารอ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 03-12-2017 21:54:38
รออออ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 03-12-2017 23:00:10
ไรท์จ้าาา เราดีใจมากกก มากแบบที่อธิบายไม่ถูกเลย เราเพิ่งมาเห็นนิยาย ฮื่อออ เราติดตามมาทั้งสองถภาคเลย เราโครตๆดีใจที่มีภาคสาม อดใจไม่ไหวต้องมาเม้นก่อนอ่าน  แบบตะโกนไปแล้วว(โดรมองแรงด้วย น้องว่าบ้า 5555) แบบอยากจะกราบคุณงามๆหลายๆร้อยทีเลยทีเดียว  :z9: :m1: :m1: :m1: :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 03-12-2017 23:03:11
ตอนใหม่มาแล้ว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: KoiKa ที่ 03-12-2017 23:06:32
กรี๊สสสสส โลลิค่อนซิน้าาาาา แอร๊ยยยย ❤
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 03-12-2017 23:07:24
ทรีเป็นเคะเนาะ ใช่มั๊ยคะะะ5555
คราวนี้มาแนวน้ำ..ยากหน้าดู
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 03-12-2017 23:39:33
รอๆคะ อยากอ่านต่อมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 04-12-2017 10:29:01
กรี๊ดดดดด มีภาคสามด้วย คิดถึงเด้อ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-12-2017 21:36:38
ปักหมุดรอเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 04-12-2017 22:02:19
ขอกลับไปอ่านเรื่องเก่าๆสัก2-3รอบ555 ใครเคะใครเมะดุไม่ออก อยากให้น้องไดเมะจางง
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-12-2017 22:25:47
ภาค 3 มาแล้ว คราวนี้มาไทยเลย รอค่ะ รับประกันความสนุกแน่นอน o18 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-12-2017 02:20:12
ภาค3มาแล้วววววว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-12-2017 02:47:25
ว้าววว jurassic เรื่องที่ 3 น่าสนใจมากๆ

ปล.คนเขียนคะ เหมือนคำโปรยตรงสวัสดีจะเป็นของเรื่องสัมผัสรักนะคะ ท่านเทพไม่น่าจะมาเรื่องนี้นะ5555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 05-12-2017 03:47:13
แค่เห็นชื่อคนเขียน ก็ค้องบอกเลยว่า ปักธงรอเลยค่าาาา

ปล.แต่ว่าคำโปรยมันจะคุ้นๆอยู่หน่อยๆ หรือยังไงเอ่ย 55555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ia091 ที่ 05-12-2017 04:03:32
มาแย้วววว :mc4:
 ปูเสื่อรอค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-12-2017 04:25:15
ดีใจจจ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 05-12-2017 21:44:15
น่าสนใจมากเวอร์  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 08-12-2017 00:20:26
ว๊าย! ในน้ำแล้ว รอ~ :katai1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 08-12-2017 09:47:14
 :oo1: :katai2-1: :katai2-1: :katai5: :katai5: รอออออออออออ อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 09-12-2017 21:23:16
ปรักกกกกก  :man1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦ จุดเริ่ม ♦> 3/12/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: klanpasom ที่ 11-12-2017 20:22:29
รอค่ะรอ ชอบมากแนวนี้ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 14-12-2017 12:46:46
◈ธาราที่1◈



ภายในห้องพยาบาลขนาดกลางมีร่างของเด็กประถมสีผมแปลกตานอนหลับสนิทอยู่โดยมีผมเปิดแฟ้มเอกสารที่ได้รับมาจากพนักงานขนย้ายด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ แฟ้มเอกสารนี่คือแฟ้มข้อมูลของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตัวใหม่หรือก็คือรุ่นที่6


ถ้าจะให้เข้าใจง่ายกว่านั้นก็คือเด็กที่หลับสนิทอยู่บนเตียงด้านข้างนี่แหละ


“ให้ตายสิ”เสียงสบถดังขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อข้อมูลสายพันธ์ที่ถูกผสมถูกอ่านเสร็จ


ผมยกมือขึ้นก่ายหน้าผากพร้อมกับปากที่ขมุมขมิบไปมา ตอนนี้ผมอยากจะตะโกนออกมาดังๆให้ได้ยินไปทั้งประเทศ ไม่สิ แค่ประเทศยังน้อยไปอยากตะโกนให้คนทั้งจรวาลได้ยินเลย


ก็พอรู้นิสัยของด๊อกเตอร์ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่อยู่บ้าง แต่ไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้


ด้วยสายพันธ์ของตระกูลโมซาซอร์ก็น่าจะเพียงพอแล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังเพิ่มความยืดหยุ่นกับเกราะป้องกันอย่างยีนของอีลาสโมซอรัสกับแองคิโลซอรัสลงไปอีก แองคิโลซอรัสเป็นสัตว์ที่มีเกราะหุ้มอันแข็งแกร่งเมื่อมาอยู่รวมกับเขี้ยวอันแสนคมกริบก็จะไม่มีอะไรที่สามารถเอาชนะได้ ข้อมูลที่ได้ขนาดนั้นก็ทำเอาผมเหงื่อออกแล้วแต่พออ่านยีนอีกสองสายพันธ์ที่ใส่ลงไปผมก็อยากจะว่ายน้ำวนรอบโลกสักรอบจริงๆ


มีคนบ้าที่ไหนกล้าผสมสัตว์มีพิษอย่างแมงกะพรุนกล่องกับปลาหินเข้าด้วยกันบ้างเล่า


พิษบวกพิษ


“เฮ้ออ...”ผมถอนหายใจหนักๆพลางหันไปมองร่างด้านข้าง เส้นผมสีฟ้าแซมแดงแสนแปลกตานั่นดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไปแล้ว เหมือนจะเพียงรุ่นที่2เท่านั้นมั้งที่มีบางคนมีผมโทนสีเดียวแต่สีผมของพวกเขาก็แปลกจากมนุษย์ปกติอย่างชัดเจนราวกับจะแบ่งแยกให้รับรู้ได้ง่ายขึ้น


สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมไดโนเสาร์กลายพันธุ์ถึงต้องมีเส้นผมสีแปลกขนาดนี้


แต่จากที่คิดคงเป็นเพราะในโลกของสัตว์สีเป็นตัวแสดงถึงความน่าเกรงขามได้ อย่างสัตว์ในทะเลถ้ามีสีฉูดฉาดอย่างแดง ส้มหรือเหลืองก็จะถูกสัตว์ตัวอื่นมองว่ามีพิษทำให้ไม่ถูกกิน


ไดโนเสาร์กลายพันธุ์เองก็อาจเป็นแบบนั้นก็ได้


“หลับสนิทเลยนะ...จะว่าไปเกิดได้ไม่ถึงเดือนโตเร็วจังแฮะ”ด้วยขนาดสำหรับสัตว์น้ำก็ถือว่าโตเร็วแล้วแต่พอมาเทียบกับมนุษย์ยิ่งเร็วกว่าอีก


เอาล่ะ


ผมคงต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังสักที


จากข้อมูลเห็นว่าเด็กนี่ยังไม่เคยกลายร่างเป็นมนุษย์มาก่อน ข้อสงสัยที่ว่าทำไมถึงจมน้ำเลยเป็นอันไขกระจ่าง


ต่อมาคือการดูแล


จนถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าจะดูแลยังไงดี


มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการดูแลสัตว์น้ำหรือไดโนเสาร์อยู่แล้วแต่นี่ดันต้องเพิ่มการดูแลมนุษย์เข้ามาอีก ประสบการณ์ด้านดูแลสัตว์ผมอาจมีแต่ถ้าเป็นการดูแลเด็กกล้ายืดอกพูดเลยว่าไม่มี


“อึก...”เสียงแปลกๆของเด็กบนเตียงเรียกผมให้หันไปมอง


“เป็นอะไร”ผมลุกจากเก้าอี้เพื่อก้มลงไปมองใบหน้าขาวออกซีดที่ส่ายไปมาราวกับกำลังทรมาน ปากที่หุบอยู่ก็เปิดอ้ากว้างขึ้น


“อึก...อ่า...อื้อ”ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ลืมขึ้นพร้อมกับมือที่เอื้อมมาดึงเสื้อผมจนเซเกือบล้มลงไปทับถ้าไม่เกาะขอบเตียงไว้


แรงเยอะชะมัด


“ใจเย็นสิ...ใจเย็นๆ ไม่เป็นไร”ดวงตาสีน้ำตาลของผมก้มลงไปสบกับดวงตาสีเงินของเด็กตรงหน้าพร้อมกับพยายามพูดให้อีกฝ่ายสงบลง


“อ่า...”ปากที่อ้าออกและเสียงที่ดังไม่เป็นคำนั่นทำให้ผมขมวดคิ้วแน่นเมื่อคิดได้ว่าเด็กคนนี้คงพูดไม่ได้


จากเอกสารในมือบอกว่าไม่เคยกลายร่างนั่นแปลว่าไม่มีทางรู้ถึงภาษาของมนุษย์แน่


งานเข้าเต็มๆ


“เอ่อ...คือว่านะ...โอ๊ย...เจ็บ”ยังไม่ทันพูดจบปากที่พยายามจะบอกอะไรก็ตรงเข้ากัดคอผมอย่างรุนแรง


“...กรร”เสียงขู่ผ่านไรฟันนั่นแสดงให้รู้ว่าไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น


โอ้ย...งานเข้าอีกแล้วสินะ


พฤติของสัตว์แน่นอนว่าไม่เชื่อใจมนุษย์โดยง่ายและผมคงจะเข้าใกล้เกินไปหน่อย


แต่จะว่าผมก็ไม่ถูกเพราะคนที่ดึงผมเข้าไปเป็นฝ่ายนั้นเอง


“...ใจเย็น...ผมไม่ได้จะมาทำร้ายหรอกนะ”ก็รู้ว่าไม่เข้าใจภาษาแต่ถ้าเป็นน้ำเสียงคิดว่าต้องสื่อไปได้แน่


“...กรร”


“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ...”ระหว่างพูดผมก็ค่อยๆเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีฟ้าแซมแดงอย่างเบามือ


“...”การกระทำของผมดูเหมือนจะหยุดเสียงขู่ได้แต่ก็ยังคงไม่ยอมปล่อยคอผม


อาจเป็นโชคดีที่เขากัดในร่างมนุษย์ถ้าเกิดเป็นร่างของไดโนเสาร์ผมคงไม่มีเวลาแม้แต่จะร้องขอชีวิตด้วยซ้ำไป


“ปล่อยผมได้ไหม”ผมเอ่ยต่อ บริเวณที่ถูกกัดเริ่มชาแล้ว


“...”อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรแต่ค่อยๆผละออกจากผมไปนั่งบนเตียง ดวงตาสีเงินจ้องมายังผมเขม็งอย่างระแวดระวังซึ่งผมก็เข้าใจว่าไม่มีทางที่จะเชื่อใจกันได้ในเวลาสั้นๆ


“ผมไม่ทำอะไรนายหรอก”ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจมากแค่ไหนกับสิ่งที่พูดไปแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย


ดวงตาสีเงินหรี่ลงเล็กน้อยราวกับกำลังพยายามทำความเข้าใจ ไม่นานดวงตานั่นก็เบนไปด้านข้าง...พอมองตามไปก็เจอกับเหยือกน้ำกับแก้ววางอยู่ด้านข้าง


“หิวน้ำเหรอ...เฮ้ย”


เพล้ง!


ร่างตรงหน้าพุ่งไปโดนจนเหยือกน้ำตกกระจายเต็มฟื้น ที่ตกใจกว่าคือการที่อีกฝ่ายกระโดดตามไปแล้วพยายามใช้มือทั้งสองข้างสัมผัสกับน้ำที่นองอยู่


“ไม่ได้นะ เดี๋ยวเศษแก้วบาดเอา”ผมรีบสอดแขนทั้งสองข้างกอดตัวอีกฝ่ายก่อนจะยกขึ้นทั้งแบบนั้น


“กรรร”


“โอ๊ย...กัดที่เดิมเลยเหรอเนี่ย”เสียงร้องของผมดังขึ้นทันทีที่ถูกเด็กตรงหน้าหันกลับมากัดแผลเดิม


พอกัดเสร็จก็เริ่มดิ้นไปมาแรงๆแต่พอผมไม่ปล่อยก็ถูกกัดอีกรอบ


เอาเข้าไปสิ


“เจ็บนะ”ก็อยากจะปล่อยอยู่หรอก แต่ก็รู้ว่าถ้าปล่อยก็ต้องเข้าไปหาเศษแก้วพวกนั้นอีกแน่ผมเลยเลือกที่จะกอดไว้แน่นกว่าเดิม


ระหว่างนั้นก็เริ่มคิดว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรถึงได้พยายามดิ้นหนีขนานนี้ ไม่ใช่แค่ดิ้นหนีแต่การที่พุ่งไปหาน้ำมันดูไม่ปกติ


เอ๊ะ


“น้ำเหรอ...”


“อึก...อ่า...”เสียงที่ดังขึ้นกับท่าทางเหมือนคนที่กำลังทรมานนั่น


“น้ำ...อย่าบอกนะว่าเพราะคิดว่าตอนนี้ตัวเองเป็นไดโนเสาร์เลยพยายามหาน้ำน่ะ”


สิ่งที่ผมคิดมันก็เป็นไปได้...ยังไงเขาก็พึ่งเคยอยู่ในร่างมนุษย์ครั้งแรก ร่างกายที่เปลี่ยนไปทำให้ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่จำเป็นต้องอยู่ในน้ำก็ได้


ถ้าเป็นน้ำละก็...


ผมอุ้มเด็กที่ดิ้นไม่หยุดมาจนถึงห้องน้ำด้านข้าง ถือเป็นโชคดีที่มีอ่างสำหรับแช่น้ำด้วยเลยสามารถวางเขาลงในอ่างก่อนจะเปิดน้ำใส่ลงไป พอได้รับความเปียกชื้นจากน้ำดวงตาสีเงินก็เปลี่ยนไปจ้องยังบริเวณที่มีน้ำไหลลงมาแทน...ใบหน้าขาวออกซีดขยับเข้าไปใกล้น้ำจากก๊อกจนเปียกไปทั้งหน้าและเส้นผม


ไม่นานน้ำก็เพิ่มระดับจนสามารถลอยคออยู่บนน้ำได้


ท่าทางที่ดูสดใสขึ้นนั่นทำให้ผมยิ้มออก


พอเห็นแบบนี้ก็เหมือนมนุษย์จริงๆ


พึ่บ


“เฮ้ย...ห้ามพลิกตัวแบบนั้นนะ”ผมถึงกับทะหลาเข้าไปในอ่างเมื่อเด็กตรงหน้าคว่ำหน้าลงในน้ำ


“อ่า...”ฝ่ายที่ถูกห้ามก็นั่งลงในน้ำพลางเงยหน้าขึ้นมามองราวกับไม่เข้าใจว่าทำอะไรผิด


“ก้มแบบนั้นเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก”ถึงจะมีอีกร่างเป็นไดโนเสาร์น้ำแต่ตอนนี้ก็อยู่ในร่างมนุษย์ ขืนปล่อยให้ทำแบบนั้นเดี๋ยวได้สำลักน้ำกันพอดี


“...”คำตอบที่ผมได้กลับมาคือความเงียบก่อนที่อีกฝ่ายจะมุดลงไปใต้น้ำต่อ


“เฮ้ย...ก็บอกแล้วไงว่าอย่าทำน่ะ”พูดไม่ทันขาดคำก็ทำต่อซะแล้ว


ดวงตาสีเงินใต้น้ำลืมขึ้นมาสบกับดวงตาสีน้ำตาลของผม พวกเราจ้องกันอย่างไม่มีความหมายอยู่สักพักก่อนที่ผมจะก้มลงไปจับอีกฝ่ายให้โผล่มาพ้นน้ำ


“อ่า...”ทันทีที่โผล่พ้นน้ำปากนั่นก็อ้าออกเพื่อเอาอากาศเข้าไป


“ตอนนี้นายหายใจในน้ำไม่ได้หรอกนะ”ผมนั่งลงบนขอบอ่างพร้อมอธิบาย


“จะว่าไป...นายชื่ออะไรน่ะ”พอไม่มีชื่อเรียกแล้วลำบากเหมือนกัน


“...”คำตอบที่ได้ก็เป็นอย่างที่คาดคือความเงียบ


ชื่อในแฟ้มเอกสารก็เป็นการเอาชื่อสายพันธุ์ที่ผสมมาเรียงๆกันอย่างเดียว ไม่มีทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นที่ควรจะตั้งไว้ แบบนี้แปลว่าผมสามารถตั้งให้ได้ใช่ไหมนะ


“นายอยากชื่ออะไร”ผมหันไปถามเด็กด้านข้างที่เริ่มมุดหน้าลงไปใต้น้ำอีกรอบ


“เฮ้อ...เอาเถอะ”ถ้ายังไม่จมผมก็ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจบ้างละกัน


ตอนนี้ที่ผมต้องคิดคือจะตั้งชื่ออะไรให้ดีนะ สำหรับผมมีชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ว่านทีธาร ธาราสุขหรือสาม ส่วนทรีที่เซโครเรียกก็เป็นอีกชื่อเล่นของผมเอง การที่จะให้ต่างชาติออกเสียงว่าสามชัดๆมันค่อนข้างยากก็เลยเปลี่ยนเป็นทรีแทน


“อืม...”ยิ่งพยายามนึกก็ยิ่งนึกไม่ออก


ในระหว่างที่คิดผมก็ปล่อยสายตาไปตามร่างใต้น้ำที่ขยับเข้ามาใกล้ขาผมที่แช่อยู่ ดวงตาสีเงินนั่นเหมือนแสงจากดวงดาวที่ส่องประกายเลย


ชื่อเหรอ...


ชื่อ...


“...ลูก้า”


“อ่า...”ร่างใต้น้ำผุดขึ้นมาทันทีที่ผมส่งเสียงออกไป ดวงตาที่ประสานมาราวกับตอบรับกับชื่อที่เรียกนั่น


“ชอบชื่อนี้เหรอ...ลูก้า”ผมเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม


“...อ่า”ส่งเสียงเสร็จก็มุดลงไปใต้น้ำตามเดิมที่เพิ่มเติมคือใบหน้าขาวซีดนั่นขยับเข้ามาใกล้ขาผม และเพียงแค่เสี้ยววินาทีปากนั่นก็อ้าออกพร้อมกับ...


“โอ๊ย...ลูก้า”ผมร้องเสียงดังลั่นเมื่อขาของตัวเองถูกกัดจนจมเขี้ยว


“...”ฝ่ายที่ถูกเงียบก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเตรียมเผยเขี้ยวนั่นออกมาอีกรอบ ครั้งนี้ผมรีบออกจากอ่างมาพิงผนังอยู่ด้านข้างแทน ขืนอยู่ต่อคงได้โดนอีกชัวร์


ที่ผมถูกกัดนี่เป็นเพราะหวงอาณาเขตหรือว่าหิวกันนะ


จะบอกว่าเพราะไม่ไว้ใจก็เป็นส่วนหนึ่งแต่ผมไม่คิดว่าถูกกัดเพราะสาเหตุนั้นหรอก


“หิวเหรอ”ผมเท้าแขนกับขอบอ่างพลางถามไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่พึ่งถูกตั้งชื่อ


“...อ่า”


“พูดอะไรน่ะ...เอาเถอะผมจะพาไปหาอะไรกินดีกว่า”พูดจบผมก็จัดการอุ้มร่างของลูก้าขึ้นมาจากน้ำ ผ้าขนหนูถูกเช็ดไปตามเส้นผมและลำตัวอันเปียกโชกนั่นพร้อมกับโทรศัพท์มือถือที่ถูกส่งข้อความให้ผู้ช่วยเอาชุดสำหรับเด็กมาให้


“ผมยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ...ผมชื่อสาม...จะให้เรียกคงจะอยากไปหน่อยเรียกทรีก็ได้”


กับเด็กที่ยังไม่มีทักษะการพูดจะให้เรียกพี่นำหน้าด้วยมันคงยากเกินไปหน่อยแต่ถ้าพยางค์เดียวอาจเรียกได้สำเร็จก็เป็นได้


“อ่า...”


“ไม่ใช่อ่า ทรีน่ะ”ผมแก้พลางนั่งลงไปให้ใบหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน


“...อ่า”


“คิก...น่ารักๆ”ถึงจะพูดผิดแต่ท่าทางนั่นก็ทำให้ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อย ด้วยขนาดตัวประมาณเด็กประถมแต่ยังพูดได้ระดับเด็กทารกมองดูแล้วก็เอ็นดูแปลกๆ


ก๊อก ก๊อก


“ด๊อกเตอร์”


“กรร”เสียงขู่ฟ่อจากลูก้าดังขึ้นทันทีที่เสียงเคาะประตูกับเสียงของผู้ช่วยผมดังขึ้น


“อะไร...ขี้ตกใจเหรอ”ผมหันไปถามลูก้าที่กระโดดลงอ่างอีกรอบ เพียงแค่อ่างนั่นผมเอาน้ำออกหมดแล้วเลยไม่เปียก


“เข้ามาเลยครับ”


“นี่เสื้อผ้าเด็กที่ด๊อกเตอร์ต้องการ”คนที่เดินเข้ามานี่คือเจตพลหรือพี่พลหนึ่งในผู้ช่วยทำวิจัยและทดลองของผมเอง แม้ว่าผมจะได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าแต่เขาก็ยังชอบแหย่ผมเล่นอยู่เรื่อย


“บอกว่าอย่าเรียกด๊อกเตอร์ไง มันดูแก่จะตาย”ผมบ่นพลางลุกไปรับเสื้อผ้านั่นมา


“หน้าก็เด็กอยู่แล้วให้ชื่อแก่หน่อยก็ดีนะ”


“พี่พล”ผมหันไปจ้องเคืองๆก่อนจะเดินกลับไปหาลูก้าที่จ้องไปทางพี่พลเขม็ง


“ครับๆ...ว่าแต่ด๊อกเตอร์ไปมีลูกตั้งแต่ตอนไหนล่ะ ไม่สิ ต้องถามว่ามีเวลาไปหาผู้หญิงเมื่อไหร่จะถูกกว่า”พี่พลกวนผมต่อ
ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกว่าด็อกเตอร์น่ะ


แล้วพูดแบบนั้นจะหาเรื่องกันสินะ


“ผมไม่มีลูกสักหน่อย”


“แปลว่าไปลักพาตัวมาสินะ”


“พี่พล...แค่งานผมก็แทบไม่มีเวลาแล้วจะมีเวลาไปพาตัวใครเล่า”ผมหันไปบ่นคนด้านหลัง


“นั่นสินะ...ดูจากสีผมก็พอเดาได้ล่ะนะ”น้ำเสียงติดตลกนั่นเปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อพูดประโยคสุดท้าย


สมแล้วที่เป็นผู้ช่วยผม แค่เห็นสีผมก็เดาทุกอย่างได้เกือบหมดแล้ว


“อืม...ตามนั้นแหละ มานี่สิลูก้า”ระหว่างที่คุยผมก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูก้าไปด้วย


“ลูก้า?”พี่พลเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินชื่อ


“ใช่...ผมตั้งเองเลยนะ”เป็นชื่อที่พอใจสุดๆเลยด้วย


“ชื่อนั้นไม่เหมาะกับประเทศเราหรอกนะ”


“งั้นชื่อไหนถึงจะเหมาะล่ะ”ผมถามกลับ ถ้ามีชื่อดีๆผมอาจจะยอมเปลี่ยนก็ได้ ยังไงก็พึ่งตั้ง


“อืม...ก็อย่างสยาม...ยิ้ม...ช้าง...ต้มยำ...โอ่งมังกร...บางแก้ว...บัวขาว...มะลิ...”


“พอเถอะ”ผมรีบขัดแล้วจับมือเตรียมพาลูก้าลูกไป ขาที่ค่อยๆก้าวแต่ยังไม่มั่นคงนั้นดูทุลักทุเลทีเดียว


ผมเข้าใจว่าอยู่ในน้ำมาตลอดแถมยังเป็นสัตว์สี่เข้าที่เคลื่อนไหวด้วยครีบการที่จะให้เดินสองเท้ามันค่อนข้างลำบาก แค่เดินได้โดยไม่ล้มก็นับว่าสุดยอดแล้ว


“ให้ผมช่วยไหม...ลูก้ามาให้พี่อุ้มมา”พี่พลนั่งลงพร้อมอ้าแขนออกกว้างด้วยรอยยิ้มหมายจะให้ลูก้าเดินไปหาแต่สิ่งที่ลูก้าทำมีเพียงมองไปด้วยสายตานิ่งๆแล้วกระพริบสองสามครั้งเท่านั้น


“พี่คงหน้าดุไปมั้ง”


“ส่วนด็อกเตอร์ก็ตัวเล็กจนเหมือนเพื่อนวัยเดียวกันเลยเข้ากันได้ง่ายสินะ”คำพูดนั่นทำเอาคิ้วผมกระตุก


“ผมไม่ได้เตี้ยนะ”ความสูง175มันไม่เรียกว่าเตี้ยสักหน่อย ถึงผมจะสูงน้อยกว่าคนอื่นก็ตามที


“ครับ”ใบหน้ายิ้มๆนั่นน่าโมโห


“บ่อ110ฝากพี่ดูด้วยนะครับ”ผมพูดพลางอุ้มลูก้าขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอกทันที


“บ่อ110...เฮ้ย...ไม่เอานะ”เสียงตะโกนดังไล่หลังมาติดๆเมื่ออีกฝ่ายนึกได้ว่าบ่อ110มีอะไรอยู่


ความจริงก็ไม่ใช่สัตว์ดุร้ายอะไรมากหรอก


แค่ฉลามขาวเอง


“อ่า...”เสียงของลูก้าดังข้างหูพร้อมกับสัมผัสของปลายจมูกมาคลอเคลียบริเวณคอ


อย่าบอกนะว่า...


“ห้ามกัดนะ...โอ๊ย...”ทั้งที่รู้แท้ๆแต่กลับห้ามไม่ทัน


น่าโมโหชะมัด


แถมยังกัดที่เดิมอีก


วันนี้ผมโดนกัดไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย


หลังจากเขี้ยวแหลมๆนั่นกัดลงจนพอใจก็ถอนเขี้ยวออก ทั้งที่คิดว่าจบแล้วแต่สัมผัสสากๆของลิ้นที่เลียบริเวณบาดแผลทำเอาขนทั้งร่างลุกซู่อย่างรวดเร็ว


“หยุดเลยลูก้า”ผมวางลูก้าลงกับพื้นด้วยใบหน้าเครียดๆ


“ผมไม่ว่าถ้าจะกัด แต่ห้ามเลียเข้าใจไหม”


“...อ่า”


“รู้ไหมว่าถ้ากินเลือดเข้าไปมันไม่ดีต่อร่างกายน่ะ...ตอนนี้นายเป็นมนุษย์นะไม่ใช่ไดโนเสาร์ที่ต้องกินของสดๆ ขืนกินเลือดสดๆเดี๋ยวก็ได้ท้องเสียไม่ก็ป่วยกันพอดี”ผมพยายามอย่างหนักที่จะอธิบายแต่ว่าเด็กตรงหน้ากลับทำตามปริบๆมองมาราวกับไม่เข้าใจถึงความพยายามนี้


“เฮ้อ...เอาเถอะ...ไปกินข้าวดีกว่า”ในเมื่ออธิบายไปก็ไม่เข้าใจก็ไม่อยากเสียแรงไปเปล่าๆ


ไว้รอให้เข้าใจภาษามากกว่านี้แล้วค่อนสอนสิ่งต่างๆให้ก็ยังไม่สาย


ห้องอาหารอยู่ในชั้นแรกของตึกเช่นเดียวกับห้องพยาบาล ตึกที่อยู่นี่เป็นเหมือนตึกกลางที่คนจากทุกฝ่ายจะใช้ร่วมกันทั้งกินข้าว ออกกำลังกายหรือนอน ด้วยจำนวนชั้นที่สูงถึง30ชั้นทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแถมห้องก็ยังกว้างราวกับอยู่คอนโด นั่นทำให้ทุกคนมีความสุขในการทำงานมากกว่าที่อื่นๆ


“พี่ครับ ขอข้าวผัดกับโจ๊กหมูครับ”พอเดินมาถึงเคาน์เตอร์ผมก็สั่งหัวหน้าแม่ครัวรุ่นป้าด้วยรอยยิ้ม


“ได้เลยจ้า ไปนั่งรอเลยทำเสร็จเดี๋ยวให้พนักงานไปเสิร์ฟให้ถึงที่เลย”หัวหน้าแม่ครัวตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มกว้าง


“ครับ...ไปกันลูก้า”ผมเรียกลูก้าที่ยืนนิ่งพลางขยับจมูกไปรอบๆด้วยความไม่คุ้นเคย


ตอนนี้ทุกอย่างคงจะแปลกใหม่ไปหมด ต่างจากตอนที่อยู่ในน้ำอย่างสิ้นเชิง


มานั่งรอได้ไม่นานอาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟถึงที่ ผมหันไปมองลูก้าที่ดูสนใจข้าวต้มตรงหน้า ดูท่าคงจะกินไม่เป็นด้วยสินะ


“ทำแบบนี้นะ...ใช้ช้อนตักแล้วก็เป่า เสร็จแล้วก็เอาเข้าปาก...อ้าปาก”ผมทำตัวอย่างแล้วยื่นช้อนโจ๊กหมูไปตรงหน้า


“อ่า...”ลูก้าค่อยๆอ้าปากตามที่ผมบอกก่อนจะกลืนโจ๊กลงไป


“ดีมาก...เด็กดีๆ”ผมเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีฟ้าแซมแดงด้วยรอยยิ้ม


จากนั้นผมก็สอนให้ลูก้าทำตามอีกสองสามครั้งก่อนที่ครั้งต่อไปลูก้าจะเป็นกินด้วยตัวเอง ถ้าบอกว่าเป็นเด็กก็ต้องเป็นเด็กที่เรียนรู้เร็วมาก เด็กคนอื่นคงใช้เวลานานกว่านี้ในการจดจำและเลียนแบบ


“อิ่มไหม”ผมก้มลงไปถาม


“...”ลูก้าทำเพียงกระพริบตาปริบๆมาให้


“ไปเดินเล่นกันดีกว่า”เด็กๆก็ต้องพาไปเดินเล่นถึงจะดีที่สุด


ว่าแล้วผมก็พาลูก้าเดินออกมาจากตึกมุ่งหน้าไปยังชายหาดสีขาวนวลตรงหน้า ลูก้าดูตื่นเต้นตั้งแต่เดินออกมานอกตึกยิ่งเห็นทะเลที่อยู่ตรงหน้าก็แทบวิ่งพรวดออกไปแต่โชคดีที่ผมรู้ทันเลยคว้าตัวไว้ทัน


“อย่าวิ่งไปนะ...ถ้าหลงขึ้นมาจะทำยังไง”ผมบ่นพลางค่อยๆจูงอีกฝ่ายไป



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 14-12-2017 12:47:16
(ต่อนะคะ)




สถานที่วิจัยนี้มีพื้นที่กว้างขวางมากถ้าหลงไปคงไม่ได้ตามเจอในชั่วโมงสองชั่วโมง ดีไม่ดีอาจต้องหากันเป็นวันและถ้าเผลออกไปยังเขตชุมชนคงต้องหาเป็นเดือน สำหรับลูก้าอาจยิ่งทวีความยากถ้าเขากลับเป็นไดโนเสาร์แล้วลงน้ำไป


“อ่า...อ่า...”มือทั้งสองข้างของลูก้าพยายามเอื้อมไปทางทะเลอย่างสุดความสามารถ


“ผมรู้ว่าอยากเล่นแต่ว่าตอนนี้ไม่ได้นะ...เรามาเดินกันดีกว่า”ผมวางตัวลูก้าลงแล้วจูงเดินไปตามชายหาด


เพราะอยู่ในเขตร้อนชื้นอากาศเลยค่อนข้างร้อน ยิ่งช่วงกลางวันความร้อนอาจทำให้คนตายได้เลย ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับมาเดินคือตั้งแต่สี่โมงเย็นเป็นต้นไปเหมือนอย่างผมในตอนนี้


“ร้อนไหม”ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายตอบผมก็จัดการเช็ดเหงื่อที่หน้าผากนั่นให้


“อ่า...”ดวงตาสีเงินเงยขึ้นมาเล็กน้อย


“หัวหน้าครับ!”เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับร่างของธราวุธหรือวุธหนึ่งในผู้ช่วยผมวิ่งตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้าซีดเผือก


“เกิดอะไรขึ้น?”


“ฉลามครีบดำหลุดไปในบ่อหมึกกระดองลายเสือครับ”


“ว่าไงนะ...ทำไมถึงหลุด”


ฉลามครีมดำหลุดไปในบ่อหมึกกระดองลายเสือ?


จริงอยู่ที่บ่อของสัตว์สองชนิดอยู่ติดกันและแต่ละบ่อก็สามารถเปิดถึงกันได้แต่ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่มีไม่น่าจะหลุดไปได้นี่ นอกซะจากมีคนไปกดปุ่มที่แผงควบคุม


“พอดีคุณต่ายเธอทะเลาะกับคุณโจ้จนเผลอทุบเข้าที่ปุ่มเปิดทางเชื่อมฉุกเฉินของบ่อ88กับ89...น่ะครับ”วุธอธิบายถึงสาเหตุด้วยสีหน้าซีดลงเรื่อยๆเมื่อเห็นหน้าผมกำลังหงิกด้วยความไม่พอใจ


สามีภรรยาคู่นั้นอีกแล้วเหรอ


อย่าให้ต้องพูดว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเพราะการทะเลาะกันของสามีภรรยาของฝ่ายเทคโนโลยีและควบคุมระบบ


หัวหน้าของพวกเขาป่านนี้คงหลับอยู่ในห้องน่ะสิ!


“ให้ตายสิ...ผมว่าคงได้เวลาจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังสักที”ขืนปล่อยต่อไปเราได้สูญเสียสัตว์ทะเลที่เพาะพันธ์ไว้จำนวนมากแน่


“ตอนนี้ผมติดต่อพวกปายแล้วคิดว่าคงไปถึงในอีกไม่กี่นาทีครับ”วุธพูดต่อ


“เข้าใจแล้ว...งั้นผมต้องรีบไปดู...อ๊ะ...”เท้าที่กำลังจะก้าวชะงักเล็กน้อยเมื่อมือเล็กๆที่จับอยู่บีบแน่นขึ้นพร้อมกับออกแรงขืนไม่ให้สามารถก้าวต่อ


“...อ่า”คนที่ดึงผมไว้ไม่ใช่ใครอื่นลูก้านั่นเอง เขามองมายังผมอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์นัก


ผมลืมเรื่องของเขาไปสนิทเลย


“วุธ”


“ครับหัวหน้า”


“ฝากดูแลเด็กคนนี้หน่อย เขาชื่อลูก้า...พาไปเดินเล่นเสร็จก็พากลับห้องเลยก็ได้”ผมสั่งผู้ช่วย ยังไงผมก็พาลูก้าไปด้วยไม่ได้ฝากให้สักคนดูแลก็ดีเหมือนกัน


“ห้องไหนครับ?”คำถามของวุธทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้น


นั่นสิ...ห้องไหน


ผมพึ่งรู้ว่าลูก้าจะมาอยู่ด้วยก็วันนี้ แน่นอนว่าการที่เขาอยู่ในร่ามนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่คาดการณ์ไว้สักนิด


ก็จริงที่ยังเหลือห้องว่างมากมายในตึกแต่การให้เด็กอยู่ตามลำพังมันจะดีงั้นเหรอ ยิ่งเด็กที่ว่ายังทำแม้แต่การเดินตรงๆไม่ได้
ผมซึ่งได้รับหน้าที่ให้ดูแลก็ควรจะทำอย่างสุดความสามารถสินะ


“พาไปห้องผมก็ได้”สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกอื่น


“ได้ครับ...ว่าแต่หัวหน้าไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”


“เขาไม่ใช่ลูกผม!”ผมรีบตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงเคืองๆ


“อ้าว...ก็...”


“นี่ลูก้า”ผมเลือกที่จะไม่สนใจวุธแล้วนั่งคุกเข้ามองหน้าลูก้าแทน


“...อ่า”ดวงตาสีเงินสบตากับผมพลางเอียงคอเล็กน้อยราวกับจะถาม่ามีอะไร


“รอผมที่นี่ก่อนนะ แล้วเจอกัน”พูดจบก็เอื้อมมือไปขยี้เส้นผมสีฟ้าแซมแดงนั่นก่อนวิ่งออกไป


ถึงจะยังห่วงๆลูก้าว่าจะเข้ากับวุธได้ไหมแต่ตอนนี้มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากกว่าซึ่งก็คือการที่ฉลามครีบดำหลุดไปยังบ่อของหมึกกระดองลายเสือได้ชื่อว่าฉลามแน่นอนอยู่แล้วว่ามันเป็นนักล่าแห่งท้องทะเลแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กเพียงแค่60เซนติเมตรก็เพียงพอที่จะเขมือบหมึกกระดองลายเสือที่มีขนาดตัวเพียงไม่กี่เซนติเมตรได้ง่ายๆ


ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นหมึกกระดองลายเสือแต่มันก็ไม่ทั้งพิษหรืออาวุธอะไรเป็นเศษ นั่นจึงทำให้ผมค่อนข้างเป็นกังวลว่าป่านนี้คงได้ถูกกินหมดบ่อแล้วละมั้ง


กว่าจะมาถึงยังบ่อซึ่งเป็นจุดหมายก็ใช้เวลานานพอสมควร จักรยานสีดำจอดบริเวณหน้าบ่อ88ที่มีคนกว่า10คนมุงอยู่รอบๆ แค่มองชุดสีดำแถบแดงแถบนั่นก็รู้ทันทีว่าเป็นฝ่ายภาคสนามที่มีหน้าที่คอยจัดการกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะกันของคนในองค์กรหรือสัตว์น้ำหลุดอย่างตอนนี้ ภายในฝ่ายจะมีทั้งผู้เชี่ยวชาญในการจับสัตว์ทะเลย หน่วยแพทย์สำหรับรักษาเวลาป่วยหรือแม้แต่หน่วยดำน้ำอันเลื่องชื่อ


“ปาย”ผมตะโกนเรียกชายย้อมผมสีน้ำตาลเข้มที่ยืนอยู่ตรงขอบบ่อกำลังมองลงไปด้านล่างอยู่ ชายคนนี้ชื่อปายเป็นหัวหน้าฝ่ายภาคสนาม พวกเราค่อนข้างสนิทกันพอสมควรเพราะเรียนด้วยกันสมัยมัธยมปลาย


“สาม?...มาเร็วนี่”อีกฝ่ายหันมามอง


“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”ผมรีบถามพร้อมกับก้มลงไปมองภายในบ่อ ตอนนี้ด้านใต้มีนักดำน้ำในชุดสีขาวกำลังกางตาข่ายป้องกันหมึกกระดองลายเสือที่ถูกเหล่าฉลามโจมตีโดยมีส่วนหนึ่งว่ายน้ำต้อนฉลามครีบดำให้กลับไปยังบ่อ89


“ก็อย่างที่เห็น...”


“แน่ใจนะว่าจะไม่โดนกิน”ยังไงก็ยังเป็นมนุษย์ไม่มีเกราะป้องกันหรือเขี้ยวแหลมคมเหมือนสัตว์หรอก ลงไปว่ายกับฉลามแบบนั้นค่อนข้างอันตรายไปหน่อยในความคิดผม ยิ่งว่ายกันเป็นกลุ่มแบบนั้นจะสร้างความระแวงให้ฉลามมากกว่าเดิม


“ชุดนั่นฝ่ายวิจัยและพัฒนาพึ่งสร้างขึ้น...ภายในชุดนั่นมีคลื่นความถี่ที่เหนือกว่าพวกฉลามทำให้พวกฉลามไม่กล้าเข้ามาโจมตี”ปายอธิบายต่อ


“เข้าใจล่ะ...”ด้วยเทคโนโลยีในตอนนี้ช่วยให้มนุษย์สามารถต่อกรกับความแข็งแกร่งของสัตว์ได้สินะ


“เสร็จนี่ไปหาอะไรกินกันไหม”คนข้างกายหันมาถาม


“ไม่ล่ะ...พอดีมีธุระ...ติดต่อต่ายให้ปิดทางเชื่อมบ่อเดี๋ยวนี้เลย”ผมตะโกนบอกคนที่อยู่รอบหลังจากที่ตอบปายเสร็จ ไม่กี่วิต่อมาทางเชื่อมระหว่างบ่อก็ถูกปิดลง ทั้งฉลามครีมดำและหมึกกระดองลายเสือต่างก็กลับไปอยู่ในบ่อของตัวเองตามเดิม


“พี่สิงค์ตรวจนับจำนวนสัตว์ของทั้ง2บ่อด้วย”เมื่อเหล่าคนดำน้ำขึ้นมาผมก็สั่งพี่สิงค์ที่มีหน้าที่ตรวจนับจำนวนของสัตว์น้ำทันที พี่สิงค์เองก็เป็นหนึ่งในคนของผมแต่ไม่ใช่ทีมวิจัยแต่เป็นการดูแลสัตว์น้ำพวกนี้


“ครับๆ”พี่สิงค์วิ่งตรงมายังบ่อหมึกกระดองลายเสือทันทีที่ถูกสั่ง


“ให้หน่วยพยาบาลทำแผลฉลามครีบดำด้วย”ผมบอกปายต่อ


“ฮืม?...พวกมันบาดเจ็บเหรอ”


“อืม...ตัวที่อยู่ริมขอบสระด้านซ้ายล่าง2ตัวกับตัวที่กำลังลอยขึ้นมาด้านบนของสระ และตัวที่อยู่ก้นสระอีก3ตัวทางนั้นด้วย”ผมบอกพลางชี้ให้อีกฝ่ายดู


“สายตาดีจังนะ”


“เรื่องปกตินี่”


“ปกติที่ไหน...คนอื่นไม่รู้หรอกว่าพวกมันบาดเจ็บถ้าไม่สังเกตดูดีๆ”


“ผมก็ใช้การสัตเกตเหมือนกัน ไม่ได้เก่งกว่าคนอื่นหรอก”การที่สามารถบอกได้ว่าตัวไหนบาดเจ็บก็ง่ายๆ ฉลามที่บาดเจ็บหรือป่วยมักจะมีพฤติกรรมที่ผิดปกติอย่างการว่ายน้ำในท่าทางที่ต่างจากปกติ


อาการบาดเจ็บคงมาจากการแย่งอาหารหรือก็คือแย่งหมึกกระดองลายเสือเมื่อครู่นั่นแหละ


“เก่งสิ...สมแล้วที่อยู่กับทะเลมาตั้งแต่เกิด”ปายบอกด้วยรอยยิ้ม


“แต่เกิดที่ไหน...ตอนเกิดผมอยู่โรงพยาบาลต่างหาก”ผมแก้ให้


“ก็เหมือนกันแหละ”


“ไม่เหมือนสักหน่อย...โก้เดี๋ยวแยกปลาฉลามที่บาดเจ็บไปขังไว้บ่อข้างๆด้วยนะ พอหน่วยพยาบาลรักษาเสร็จก็ให้พวกมันอยู่นั่นจนกว่าจะหายดี”คนที่ผมบอกอีกคนนี่ชื่อโก้เป็นหนึ่งในนักดำน้ำของปาย


“...หัวหน้า”โก้เงยหน้ามองหัวหน้าอย่างปายเพื่อขอความเห็น


“ทำตามนั้น”


“ครับ”เมื่อปายอนุมัติโก้ก็พยักหน้าก่อนจะรีบไปจัดการตามที่สั่ง


“ทำไมต้องขอนายก่อนด้วย”แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย


ยังไงผมก็เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำเลยนะ


“ก็ลูกน้องผมนี่”


“แต่ผมก็เป็นหัวหน้าเหมือนกันนะ”ผมรีบแย้ง


“นายไม่มีความน่าเคารพมั้ง”


“ตรงไหนกัน”พอผมพูดจบปายก็มองผมตั้งแต่หัวลงถึงปลายเท้าก่อนจะยกยิ้มขึ้น


“ตัวเล็ก...”


“ไม่ได้เล็กสักหน่อย...พวกนายสูงกันเกินไป”ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ต้องมาเถียงเรื่องพวกนี้


จะให้บอกอีกกี่ครั้งว่าสูง175มันไม่เรียกว่าตัวเล็กสักหน่อย


“ก็สูงปกติ”


“ปกติที่ไหนกัน...ทั้งที่เป็นคนไทยเหมือนกันแท้ๆทำไมถึงได้สูงขนาดนั้นกัน ขี้โกงนี่”ผมบ่นเสียงเคือง ความสูงของเหล่าผู้ชายที่นี่ส่วนมากก็175ขึ้น นั่นแปลว่าผมเป็นคนที่เตี้ยที่สุดก็ว่าได้


ทั้งที่การสมัครงานไม่ได้คัดความสูงแต่ทำไมถึงมีแต่คนสูงๆเข้าเท่างานเล่า


“อย่าบ่นน่า...ตอนเด็กกินแต่ปลาไม่กินนมน่ะสิถึงได้ฉลาดขนาดนั้น”


“ก็กินนมนะ”


“อย่าไปคิดมากกับแค่ส่วนสูงเลย”


“คนที่ทำให้คิดคือนายไม่ใช่รึไง”ถ้าไม่เปิดประเด็นผมจะคิดมากแบบนี้ทำไมกันเล่า


หลังจากยืนเถียงกับปายสักพักผมก็กลับมายังที่พัก ในหัวก็คิดว่าลูก้าจะเป็นยังไงถ้าเข้ากับวุธได้ก็ดีไปแต่ถ้าเข้าไม่ได้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น


ข้อมูลที่มียังน้อยเกินไปที่จะสรุปอุปนิสัยของลูก้า


ต้องใช้เวลานานกว่านี้


“...นั่นมันอะไรน่ะ”คิ้วสีดำของผมขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อหันไปมองยังชายหาดแล้วเจอกลุ่มคนสามสี่คนยืนอยู่ ถ้าเป็นปกติผมคงไม่สนเพราะคิดว่าพวกเขาคงมาเดินเล่นหรือรับลมทะเลแต่ภายในกลุ่มคนเหล่านั้นมีวุธคนที่ผมให้ดูแลลูก้าอยู่ด้วยน่ะสิ


นี่อย่าบอกนะว่าทิ้งลูก้าไว้บนห้องแล้วมาเดินเล่นกับเพื่อนๆน่ะ


ผมเดินตรงไปยังชายหาดด้วยใบหน้าตึงๆ ยิ่งเห็นว่าสามสี่คนที่ว่าเป็นเหล่าเพื่อนของวุธก็ยิ่งทำให้ผมอารมณ์เริ่มกรุ่นๆแล้ว ทั้งที่สั่งให้คอยดูแลแต่กลับมายืนเล่นกับเพื่อนแบบนี้มันน่าโดนลงโทษ


“อ่าม...”เสียงหนึ่งที่ดังรอดมาทำเอาขาผมหยุดชะงัก


เสียงนั่นมัน...


“ลูก้า”ผมเรียกเด็กที่อยู่ตรงกลางระหว่างผู้ใหญ่ทั้งห้าคนเบาๆ น่าแปลกที่ลูก้าหันมาตามเสียงทันทีที่ผมเรียก...ดวงตาสีเงินเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะผลักคนที่ขวางอยู่จนเซเกือบล้มแล้ววิ่งตรงมาหาผมด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ


ตุบ


“เฮ้ย...ลูก้า”ผมรีบวิ่งเข้าไปหาลูก้าที่ล้มลงกับพื้นทรายด้วยความเป็นห่วง


แค่เดินยังไม่แข็งยังจะฝืนวิ่งอีก


“อ่าม...อาม...”ใบหน้าเปื้อนทรายเงยหน้าขึ้นพร้อมเอ่ยอะไรบางอย่างออกมาไม่ขาดสาย


“จะบอกอะไรผมเหรอ”ระหว่างที่ถามก็ช่วยอุ้มลูก้าให้ยืนดีๆ เศษทรายที่ติดตามเสื้อผ้าและร่างกายถูกผมค่อยๆปัดออกอย่างเบามือ


“อาม...”


“ฮืม?”


“อาม...สาม...”


กึก


“...ลูก้า?”มือที่ปัดเศษทรายอยู่ถึงกับชะงักเมื่อชื่อของตัวเองหลุดออกมาจากปากของเด็กที่ยังพูดไม่ได้เลยสักคำ


คำที่เด็กส่วนมากจะเริ่มพูดถ้าไม่ใช่พ่อแม่ก็เป็นหม่ำขอของกิน


แต่ลูก้ากลับพูดชื่อผม


“สาม...สาม...”


“อ่า...ใช่ๆ...นั่นชื่อผมเอง...เก่งมากลูก้า”รางวัลที่ให้ลูก้าคือมือที่เอื้อมไปลูบเบาๆยังเส้นผมสีฟ้าแซมแดงนั่น


“เอ่อ...หัวหน้าครับ”


“วุธ?...ผมบอกให้พาไปห้องไม่ใช่เหรอ”ผมถามกับกลุ่มคนที่ทำหน้าสลดเดินมายืนเรียงแถวหน้ากระดานตรงหน้า


“ก็ใช่ครับ...แต่ลูก้าเขาไม่ยอมขยับไปไหนเลย...พอผมจะอุ้มก็หลบตลอดเลยต้องเรียกเพื่อนให้มาช่วยแต่พออุ้มได้ก็โดนกัดอีก...นี่ก็กำลังคิดว่าจะโทรไปหาหัวหน้าอยู่พอดีเลย”วุธอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง มือที่ยกขึ้นเกาหัวนั่นมีรอยฟันอย่างเห็นได้ชัดแสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริงสินะ


“ไม่ควรกัดรู้ไหม”ผมบอกกับลูก้า ตัวผมเองวันนี้ก็โดนไปไม่รู้กี่รอบแล้วเหมือนกัน


“สาม...”


“พูดได้แค่ชื่อผมเหรอ”น่าแปลกใจจริงๆ


“หัวหน้าครับ”


“อะไรวุธ”


“ผมอยากถามอะไรสักหน่อย”


“ว่ามาสิ”


“ทำไมลูก้าถึงมีแรงขนาดที่พวกเราห้าคนยังเอาไม่อยู่ล่ะครับ”ไม่ใช่แค่วุธที่อยากรู้แต่อีกสี่คนที่เหลือก็ทำหน้าสงสัยไม่ต่างกัน


“เขาเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์”พูดจบผมก็อุ้มลูก้าขึ้น ฝ่ายถูกอุ้มก็ยกแขนโอบคอผมโดยอัตโนมัติก่อนที่จะซุกหน้าลงมายังคอ


“...ดะ...ไดโนเสาร์กลายพันธุ์”ทั้งห้าคนถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา


ถึงจะไม่อธิบายต่อพวกเขาคงเข้าใจทุกอย่างแล้วล่ะ พละกำลังของมนุษย์ไม่มีทางเหนือกว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้หรอก


“งั้นผมขอตัว...”


“เดี๋ยวครับหัวหน้า”เสียงเรียกของวุธทำให้ผมหันกลับไปมองอย่างงงๆ


“มีอะไร”


“ผมอาจคิดไปเอง...แต่ที่เขาไม่ยอมไปกับผมไม่ใช่เพราะหัวหน้าบอกให้เขารออยู่ตรงนั้นเหรอครับ”คำพูดของวุธทำให้ผมนึกย้อนกลับไป...


เป็นอย่างที่วุธว่าผมบอกให้ลูก้ารอที่นี่


แต่เพียงแค่ผมบอกเขาก็ยอมทำตามขนาดนั้นเลยเหรอ


“ลูก้า...”


“...สาม...”เสียงตอบรับเบาๆนั่นเรียกรอยยิ้มของผมตลอดทางกลับไปยังห้องบนชั้นที่14


พอเดินมาถึงเตียงผมก็ค่อยๆวางร่างของลูก้าที่หลับสนิทลงก่อนจะห่มผ้าให้ เครื่องปรับอากาศถูกเปิดในอุณหภูมิพอเหมาะพร้อมกับผมที่เดินไปอาบน้ำในห้องด้านข้าง


เมื่อเดินออกมาลูก้าก็ยังคงหลับสนิทอยู่ตามเดิม


“เหนื่อยเหรอ”ผมถามเบาๆพลางลูบเส้นผมสีแปลกตานั่นไปมา เวลาตอนนี้พึ่งจะ2ทุ่มเท่านั้นเอง


จะพูดว่าสมกับเป็นเด็กก็คงใช่


ก่อนหน้านี้ไม่คิดว่าการเลี้ยงเด็กคงจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะกับตัวเองแต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าน่าจะพอไหวแล้วล่ะ


“ฝันดีลูก้า”

..............................................................................

สวัสดีค่ะ

มาต่อตอนแรกแล้ววว

บอกตรงๆว่าเรื่องชื่อเราคิดค่อนข้างนานว่าจะเอาชื่ออะไรดีนะ

สุดท้ายเราก็เลือกชื่อที่เราชอบที่สุดจากการอ่านการ์ตูน555

แต่งตอนนี้แล้วรู้สึกอยากหาเด็กสักคนมาฟัดๆๆ

มารอลุ้นกันว่าสามจะเลี้ยงเด็กอย่างลูก้าด้วยวิธีไหน ยังไง

ดีใจที่หลายคนยังติดตามอยู่นะคะ

จะแต่งเรื่องนี้ออกมาให้ดีที่สุดค่ะ

สำหรับใครเคะใครเมะนั้นอยากให้รอลุ้นกันเองในตอนต่อๆไปดีกว่ามาเฉลยเนอะ


เข้าสู่มุมให้ความรู้ในเรื่องไดโนเสาร์

วันนี้ขอนำเสนอไดโนเสาร์น้ำหนึ่งในสายพันธ์ในตัวลูก้า

(https://typeofdino.files.wordpress.com/2016/09/elasmosaurus-platyurus-a-prehistoric-sergey-krasovskiy.jpg?w=640)

อีลาสโมซอรัส(Elasmosaurus) เป็นสัตว์เลื้อยคลานทะเลตระกูล เพลสิโอซอร์ ประเภทคอยาว โดยมีคอยาวกว่าครึ่งหนึ่งของลำตัวเสียอีกอาศัยอยู่ยุคครีเทเชียส 100-65 ล้านปีก่อน อีลาสโมซอรัส มีลำตัวยาว 14 เมตร (46 ฟุต) และหนักราว 2 ตัน ทำให้มันเป็นมังกรทะเลตัวยาวลำดับ รองจาก ไฮโนซอรัสสัตว์เลื้อยคลานทะเลในตระกูลโมซาร์ซอร์ มีลำตัวที่ใหญ่และ ส่วนขาเป็นครีบ 4 ข้าง ความยาวของมันมากกว่าครึ่งเป็นส่วนคอ ประกอบด้วยกระดูกมากกว่า 70 ซึ่งมีจำนวนกระดูกคอมากกว่าสัตว์ทุกชนิด ส่วนหัวค่อนข้างเล็ก และ ฟันคมกริบ

ที่มา : typeofdino.wordpress.com

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 14-12-2017 13:15:42
ลูก้าน่ารักกกกกกกก
ติดสามมมากเลยด้วยอะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 14-12-2017 13:36:54
ทุกคนบอกว่าสามตัวเล็กอะ อย่างนี้ลูก้าจะโตกว่าป่าววว หรือลูก้าจะรุก  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-12-2017 14:41:04
ชอบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ทรี ทำให้ลูก้า เชื่อใจ ไว้ใจได้แล้ว
แถมเรียกชื่อทรี ว่าสามได้ด้วย
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 14-12-2017 14:48:22
กรีดร้องงงงง เรื่องใหม่ ชอบเช็ตไดโนเสาร์มากกกก ลูก้าน่ารักกกก ตอนโตนี่คงจะรุกพี่สามนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 14-12-2017 14:51:56
 :mew1: เลี้ยงเด็ก พอเด็กโตก็จะมีเด็กเลี้ยง  :-[  น่ารักจ้า
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 14-12-2017 16:04:09
ลูก้าน่ารักจังเลยยย รอตอนที่น้องพูดได้ไม่ไหวแล้ว นี่ขนาดพูดแค่ชื่อสาม ยังหลงขนาดนี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 14-12-2017 16:22:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 14-12-2017 16:34:46
เห็นน่ารักน่าฟัดขนาดนี้ โตขึ้นมาเมะแน่นอน55555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 14-12-2017 17:14:44
เรื่องใหมมมมมมมมมมมมมมมมมมม่ ลูก้าเดี๋ยวต้องโตแบบพรวดพราดแน่ๆ หุหุ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-12-2017 17:46:12
ชื่อสามจริงๆก็คล้ายๆแซมนะคะ

ลูก้าน่ารักจัง แต่แปลกนิดนึงเพราะสามไม่ได้ย้ำทีว่าสามชื่อสาม แต่น้องฟังรอบเดียว(หรือสองนะ)รู้เลย ฉลาดจัง
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 14-12-2017 18:44:53
ให้ความรู้สึกเหมือนยูทาร์แรกๆเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 14-12-2017 18:45:58
ลูก้าเมะแน่นอน  สามแอบเลี้ยงต้อยอ่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 14-12-2017 19:33:21
ลูก้าเป็นเมะแน่เลยย เพราะน้องโตเร็ววว 5555 หนูท่าจะสูงกว่าพี่สามนะลูกกก :hao3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-12-2017 21:32:59
 :katai2-1: โตเร็วๆ นะหนูลูก้า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 14-12-2017 21:53:39
ลูก้าน่ารักกก แต่คิดว่าอีกสักหน่อยคงพูดคำนี้ไม่ได้ เพราะดูลูก้าน่าจะโตวันโตคืน
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: SarangHAE ที่ 14-12-2017 21:57:12
ลูก้า น่าร้ากกก โตมาทรีต้องโดนกดแน่ๆ เลย  :mew4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 14-12-2017 22:01:26
กรี๊ดดดดดดดด ลูก้าน้องน่าย้ากกกก เมะแน่ๆ
อีกอย่างที่คิดไว้ สามนี่น่าจะมีจุดอ่ออนที่คอใช่ไหมจ๊ะ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 14-12-2017 22:33:16
มาถึงก็กัดคอเลยน้อออออน้องลู ร้ายนะเราอ่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 14-12-2017 23:46:00
ลูก้าน่ารักมากเลย งื้อออ มาต่อเร็วๆน๊าาาา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-12-2017 00:26:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 15-12-2017 07:18:31
ลูก้า.... หลงเจ้าตัวเล็กซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 15-12-2017 07:26:27
ลูก้าเริ่มติดสามแล้วววว
แพ้ความน่ารัก​
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 15-12-2017 08:19:40
:hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-12-2017 09:49:44
จากภาคแรกบนดิน ภาคสองอานโน่บนฟ้า และภาคสามใต้น้ำ
รออ่านต่อนะค่ะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 15-12-2017 09:58:07
มาเปิดเรื่องใหม่เย้ๆติดตามมาตั้งแต่ภาค 1 รู้สึกดีใจมากทีได้อ่านภาคต่อ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 15-12-2017 20:55:52
ฮันแน่! เด็กน้อยมีชื่อแย้วว :-[ แถมยังติดสามอีกด้วย แหมๆ ช่างน่าเอ็นดูนัก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 16-12-2017 00:51:44
น่าร๊ากกก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: KoiKa ที่ 16-12-2017 19:21:35
ลูก้าจ๋าาาาาาา
โอ๊ยยย หลงเด็ก~
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 17-12-2017 03:19:33
โตเร็วๆนะลูกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-12-2017 09:07:42
เด็กน้อยน่ารักๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 17-12-2017 13:24:42
โอยยยย น่าร้ากกกก  :-[ :impress2:
ลูก้าเมะแน่ๆ 5555555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 17-12-2017 14:09:50
ลูก้าน่ารักกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 17-12-2017 15:30:04
ลูก้าน่ารัก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-12-2017 16:56:55
สามเลี้ยงต้อย เดี๋ยวแป๊บเดียวลูก้าโตเร็วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-12-2017 20:06:33
พ้นวันจะโตขนาดไหนนะ

ลูก้าของสาม เรียกสามได้แล้ว รอคำอื่นก่อนนะ เดี๋ยวสามก็สอน
อารมณ์เดียวกับเซโครเลย ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป


หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 24-12-2017 21:59:31
อ่านรอ คึๆ o13
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 25-12-2017 07:38:12
 น่ารักดี  :L2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่1◈♦> 14/12/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 28-12-2017 02:45:59
 :-[
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 28-12-2017 21:09:22
◈ธาราที่2◈



“จะไปไหนสาม”เสียงของลูก้าดังขึ้นเมื่อเห็นผมนั่งลงใส่รองเท้าอยู่หน้าห้อง


ตั้งแต่วันแรกที่เจอลูก้าก็ผ่านมาได้เดือนหน่อยๆแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก...แต่ละวันมีแต่เรื่องให้ต้องตกใจกับพัฒนาที่อาจเรียกว่ารวดเร็วจนน่าตกใจ


วันแรกเขาสามารถเรียกชื่อผมได้วันต่อมาก็เลยสอนชื่อของสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว แน่นอนว่าผมไม่ได้สอนแค่ภาษาไทยแต่ยังมีภาษาอังกฤษด้วย ความจำของลูก้าดีมากไม่ว่าจะสอนอะไรก็จะจดจำสิ่งเหล่านั้นได้แทบจะทันทีทำให้เพียงไม่กี่วันก็สามารถพูดตอบโต้ได้เหมือนกับมนุษย์ปกติ


ที่ยังสงสัยอยู่คือตั้งแต่วันแรกเขาก็ไม่กลับไปอยู่ในร่างของไดโนเสาร์อีกเลย พอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเซโครก็ได้คำตอบมาว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์แต่ละคนต่างก็มีเวลากลายร่างต่างกันไป บางคนสามารถกลายร่างได้ไม่ถึง3ชั่วโมง บางคนเองก็สามารถควบคุมการกลายร่างได้ดั่งใจ


กับลูก้านี่ไม่รู้ว่าจะเรียกควบคุมได้หรือกลับร่างไดโนเสาร์ไม่เป็นกันแน่


“ผมมีงานต้องทำน่ะ”ผมตอบพลางมองไปยังร่างเล็กในชุดเสื้อยืนแขนสั้นสีเขียวกับกางเกงยีนสีซีด เสื้อผ้าที่ให้ต่ายกับโจ้ไปหามาแทนบทลงโทษดูจะเหมาะกับลูก้ามาก


“...แปลว่าผมต้องไปอยู่กับดาวอีกแล้วเหรอ”ลูก้าถามเสียงอ่อยด้วยใบหน้าเศร้าๆ


“เรียกว่าพี่ดาวสิ”ผมแก้ ดาวที่ว่าเป็นคนที่ผมสั่งให้คอยดูแลลูก้าเวลาที่ผมไปทำงาน...ช่วงสองสามวันแรกผมอยู่กับลูก้าตลอดเวลาแต่พอเข้าวันที่หกงานที่ค้างไว้ก็มากขึ้นจนไม่สามารถลาได้อีก แถมจะให้พาลูก้าเข้าไปในฐานวิจัยก็ไม่ได้อีกเพราะงั้นผมเลยวานดาวหนึ่งในเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์น้ำให้มาช่วยดูแลลูก้าแทน


“...พี่ดาวก็ได้”ลูก้านับว่าเป็นเด็กดีถ้าไม่ติดเรื่องการเรียกชื่อ


อย่างที่ได้ยินเขาเรียกชื่อผมห้วนๆโดยไม่มีคำนำหน้าอย่างพี่หรือคุณซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไร ในต่างประเทศส่วนมากก็เรียกชื่อกันตรงๆอยู่แล้ว


“ไม่ชอบพี่ดาวเหรอ”ผมถามก่อนจะหยิบรองเท้าคู่เล็กจากบนชั้นยื่นให้ลูก้า


“...ก็ไม่ใช่ไม่ชอบ”


“หมายความว่าชอบ?”


“เฉยๆ...ชอบสามมากกว่า”


“ดีใจนะเนี่ย...ไปกันเถอะ”ผมอมยิ้มกับประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่พร้อมกับจูงมือลูก้าออกจากห้อง การที่มีคนพูดว่าชอบตัวเองมากกว่าเหมือนกับได้รับการเชื่อใจเลย


สถานที่ที่ผมพาลูก้ามาฝากเป็นเหมือนห้องทำงานขนาดกลางติดชายฝั่งทะเล...ผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ ผู้ดูแลหรืออื่นๆต่างจะมารวมตัวกันที่นี่ก่อนจะแยกย้ายไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย


“โอ๊ะ...มาแล้วเหรอคะหัวหน้า”เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับดาวและพนักงานส่วนหนึ่งที่มาถึงก่อนแล้ว


“อืม...วันนี้ก็ฝากลูก้าด้วยล่ะ”พูดจบผมก็ดึงมือลูก้าให้เดินไปข้างหน้าแม้ว่าจะถูกขืนอยู่นานแต่สักพักเขาก็ยอมปล่อยมือแล้วเดินไปหาดาวโดยดี


“ได้ค่ะ...เจอกันอีกแล้วเนอะลูก้าคุง...วันนี้เราไปดูปลาดาวกันดีไหม”ดาวทักทายลูก้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม บรรยากาศเป็นกันเองนั่นน่าจะทำให้ลูก้าเปิดใจได้ จนถึงตอนนี้คนที่ลูก้าสนิทด้วยที่สุดก็คงไม่พ้นผม


ในช่วงที่ยังเด็กควรให้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นให้มากจะได้ไม่ตื่นคนแถมด้วยความที่เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์ก็ยิ่งควรให้คลุกคลีกับมนุษย์ให้มากๆเพื่อสร้างความเชื่อใจ


“อืม...สาม...ไปด้วยไม่ได้เหรอ”ลูก้าพยักหน้าตอบดาวก่อนจะเดินกลับมาผมด้วยใบหน้าเศร้าๆ ดวงตาสีเงินที่จ้องมานั่นทำให้ผมใจอ่อนอยู่หรอกแต่ยังไงก็ไม่ได้


“ไม่ได้...ผมจะรีบมานะ...เป็นเด็กดีล่ะ”


“...อืม”


“ครับสิ”ผมแก้


“...ครับก็ได้”


“ดี...พี่จันผมอยากให้ไปดูบ่อ26สักหน่อยเมื่อคืนมีฟ้าร้องค่อนข้างดังไม่รู้ว่าพวกกุ้งจะปลอดภัยไหม”ถึงระบบรักษาความปลอดภัยจะดีก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งขี้ตกใจอยู่ด้วยพวกกุ้ง


“รับทราบน้องสาม”พี่จันเป็นผู้ชายผิวสีแทน ตัวสูง รูปร่างสมส่วนนิสัยออกแนวขี้เล่นเช่นเดียวกับพี่พล นิสัยคงคล้ายกันอยู่หรอก...ก็เป็นพี่น้องกันนี่นะ


“ไปก่อนนะลูก้า”ก่อนออกไปผมก็วางมือบนเส้นผมสีแปลกแล้วขยี้เบาๆเป็นการลา


ห้องวิจัยของผมอยู่ถัดออกไปเกือบกิโลได้ ห้องวิจัยและทดลองที่มีเพียงผู้เกี่ยวข้องเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ บัตรสีทองของผมถูกแตะเพื่อแสดงตัวตนพร้อมกับก้าวเข้าไปภายใน บัตรสีทองที่มีนี่พึ่งได้มาร้อนๆเมื่อสองเดือนก่อน


ปกติผมไม่ค่อยสนใจพวกลำดับขั้นของบัตรอยู่แล้วเลยพอใจกับบัตรเงินที่มี แต่เพราะเหล่าผู้ช่วยหรือพี่ๆที่รู้จักกันต่างคะยั้นคะยอให้ผมไปสอบจนได้บัตรนี้มา เห็นว่าเป็นหัวหน้าก็ควรจะมีบัตรที่คู่ควร


ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าบัตรเงินที่มีมันไม่เพียงพอตรงไหน


“ด๊อกเตอร์...มาก็ดีเลย ไอ้คุณยุเริ่มอีกแล้ว”พี่พลรีบวิ่งเข้ามาหาทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามา


“บอกว่าอย่าเรียกด๊อกเตอร์ไง...เกิดอะไรขึ้น”


“เหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นเรื่องเพศนะครับหัวหน้า”ครั้งนี้วุธผู้ช่วยอีกคนของผมตอบแทน


“เฮ้อ...อยู่ที่ไหน”


“ห้องทดลอง3ครับ”


“เข้าใจแล้ว”ผมลาพี่พลกับวุธแล้วเดินตรงเข้าไปยังห้องทดลอง3ที่มีกระจกรอบด้าน ด้วยความที่เป็นกระจกเลยสามารถมองเห็นคนด้านในกำลังยกมือทั้ง2ข้างขยี้เส้นผมสีดำจนฟูฟ่อง ใบหน้าก็ดูเครียดจนคิ้วขมวดติดกันแน่น


ยุหรือพายุ รองหัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำ พูดง่ายๆก็รองหัวหน้าฝ่ายผมนั่นแหละ


“ยุ”ผมเรียกพร้อมกับเปิดเข้าไปยังห้องทดลอง


“สาม?...มาก็ดีเลย...รู้ไหมว่าตอนนี้ผมกำลังมีข้อสงสัยอยู่ล่ะ...สัตว์น้ำที่เราวิจัยอยู่นี่นำยีนมาจากสัตว์ชนิดเดียวกันโดยไม่คำนึงถึงเพศทำให้เพศของสัตว์ที่เกิดเป็นแบบสุ่ม ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ทำไมเพศเมียถึงมีมากกว่าเพศผู้ล่ะ...”


“ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะอุณหภูมิ นั่นก็มีส่วนอย่างจระเข้ถ้าฟักที่อุณหภูมิตั้งแต่30องศาลงไปก็จะฟักออกมาเป็นตัวเมีย แต่ถ้าฟักในอุณหภูมิ32-33องศาก็จะเป็นผู้...ในกรณีที่ฟักอุณหภูมิ31องศาก็ฟักเป็นเพศผู้และเพศเมียอย่างละครึ่ง แต่กฎนั้นจะสามารถใช้กับสัตว์ชนิดอื่นได้จริงเหรอ...”


“คำตอบคือไม่เพราะว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมของการฟักไข่ของสัตว์นั้นแต่ละชนิดจะแตกต่างกันออกไป...”เสียงของยุยังคงอธิบายต่อโดยไม่มีการพักแม้แต่หายใจ


ทั้งที่พูดว่าสงสัยแต่กลับพูดเองถามเองแถมยังตอบเองเสร็จสรรพด้วย


นี่แหละรองหัวหน้าของผม


ยุเป็นพวกที่หมกวุ่นกับสิ่งที่สงสัยและจะหมกวุ่นต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดข้อสงสัย พอหมดข้อสงสัยในเรื่องนั้นก็มักจะมีสิ่งอื่นที่สร้างความสงสัยต่ออีก เรียกว่าความสงสัยนั้นเป็นอินฟินิตี้เลยทีเดียว


ถ้าในเรื่องของความรู้ผมอาจมีน้อยกว่ายุแต่ถ้าพูดถึงความสามารถในการเป็นผู้นำผมว่าตัวเองมีมากกว่าทีเดียว ตอนแรกที่แต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายก็มีผมและยุเป็นตัวเต็ง ด้วยนิสัยแบบนั้นเลยอดได้ตำแหน่ง


ลองคิดดูนะว่าถ้ายุสั่งลูกน้องให้ไปทำอะไรแล้วเกิดสงสัยขึ้นมาพวกลูกน้องคงได้ยืนอ้าปากค้างเพื่อฟังการบรรยายอันยาวเยียดเป็นแน่


วิธีที่ทำให้ยุหยุดโดยไม่ต้องรอให้หายสงสัยก็คือ...


“ยุ...ผมมีข้อมูลใหม่มาบอกล่ะ”


“...ว่างไงนะ ข้อมูลใหม่?...ข้อมูลอะไรสาม”คำพูดพรรณนาเปลี่ยนมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว


ยุก็เป็นคนแบบนี้แหละ...ชอบที่จะเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน


“ก่อนจะบอกเราต้องจัดการงานให้เสร็จก่อนนะ”งานที่เหลืออยู่คือการสร้างยีนของสัตว์น้ำแล้วส่งไปเพาะพันธ์ต่อไป หน่วยเพาะพันธ์สัตว์ทะเลก็เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายวิจัยและพัฒนาเพียงแค่ผมตั้งให้มีหัวหน้าหน่วยในการดูแลและช่วยควบคุมการเพาะพันธ์เวลาที่ผมยุ่งจนไม่สามารถไม่ดูด้วยตัวเองได้


ผมไม่สามารถดูแลทุกอย่างได้หมดหรอก ลำพังแค่งานตรงหน้ายังไม่มีวี่แววจะเสร็จเลย


“อ้อ...ได้สิ...รีบทำกันเถอะ”


“งั้นเดี๋ยวไปตามพวกพี่พลก่อน”


“อืมๆ...ผมจะตัดต่อยีนรอละกันนะ...เราต้องเปลี่ยนพันธุกรรมของมันใช่ไหม”ยุหันมาถาม


“อย่าเรียกว่าเปลี่ยนเลย...เรียกว่าสร้างภูมิคุ้มกันดีกว่า”สิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่คือการวิจัยยีนของกุ้งเพื่อสร้างกุ้งตัวใหม่ที่มีภูมิคุ้มกันมากกว่าเดิม


หัวข้อใหญ่ของการวิจัยครั้งนี้คือสร้างกุ้งที่มีความทนทานสูง


ที่ต้องทำไม่ใช่แค่เพิ่มภูมิคุ้มกันแต่ต้องเพิ่มอีกหลายๆอย่างเข้าไปเพื่อให้กุ้งที่จะเกิดสามารถทนกับสภาพแวดล้อมในยุคปัจจุบันได้ ในยุคปัจจุบันนี้มีทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหามลพิษไม่ว่าจะทางบก อากาศหรือทางน้ำ เราจึงต้องช่วยสัตว์ที่ไม่อาจปรับเปลี่ยนตัวเองในสภาพแวดล้อมนี้ให้สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้


พอเรียกพี่พลและผู้ช่วยที่เหลือเข้ามา การทดลองก็คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วเพราะความสามารถของแต่ละคนนั้นอยู่ในระดับต้นๆของประเทศ ตัวผมเองก็มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ทำให้งานเดินหน้ามาก เพียงแต่การจะทำทุกอย่างให้เสร็จปกติต้องใช้เวลานานเป็นอาทิตย์ บางทีก็ถึงหลายเดือน


ปกติผมก็มักจะกินนอนและทำงานอยู่ที่ห้องนี่เลย


แต่ครั้งนี้ไม่ได้


“กี่โมงแล้วฟ้า”ผมตะโกนถามผู้ช่วยที่อยู่ใกล้นาฬิกามากที่สุด


“6โมงแล้วค่ะ”


“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ...ที่เหลือฝากหน่อยละกัน ผมต้องไปรับลูก้าแล้ว”ผมพูดแล้วละมือออกจากกล้องจุลทรรศน์ตรงหน้า


“จะไปรับลูกสินะครับ”พี่พลพูดเสียงติดตลก


“คนที่กระจายข่าวเรื่องนี้คือพี่สินะ”หลายอาทิตย์ที่ผ่านมามีหลายคนมองยังผมด้วยสายตาแปลกๆพอเข้าไปถามก็บอกว่ามามีข่าวลือว่าผมเอาลูกมาเลี้ยง


แน่นอนว่าคนที่รู้ความจริงมีเพียงหยิบมือ และคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือคนคนนี้ไง


“พูดเรื่องอะไรเหรอ”


“ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อเลย...เวรพี่ที่ได้หยุด2วันผมจะลดเหลือวันเดียว”


“เฮ้ย...ไม่เอาแบบนี้สิด๊อกเตอร์”พี่พลรีบส่งสายตาขอร้องมาให้


“หึ...ของผมดูงานนี้ก่อนแล้วจะตัดสินใจอีกที...ขอตัวล่ะ”ว่าจบก็รีบวิ่งออกจากห้องวิจัยตรงไปยังห้องทำงานติดทะเล


เมื่อเข้าใกล้ห้องในระยะมองเห็นดวงตาสีน้ำตาลของผมก็ต้องหรี่ลงเนื่องจากเห็นร่างของใครสักคนวิ่งตรงมาหา แม้จอยู่ไกลแต่เส้นผมสีฟ้าแซมแดงนั่นไม่มีใครอีกแล้วนอกจาก...


“ลูก้า”ผมตะโกนเรียกพร้อมวิ่งเข้าไปหา


“สาม...ช้า”ลูก้ากระโดดใส่ผมทันทีที่มาถึง ใบหน้าขาวๆซุกตัวอยู่ที่อกผมขยับเข้ามาแนบชิดมากขึ้น แขนทั้งสองข้างเองก็กอดตัวผมไว้แน่น


ขนาดตัวในตอนนี้ผมไม่สามารถอุ้มได้เหมือนวันแรกที่เจอกันอีกแล้ว ส่วนหัวที่อยู่เกือบจะถึงระดับอกผมในตอนนี้ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผ่านไปสักปีเขาคงสูงเยียด180ก็เป็นได้


“โทษที...พอดีงานยังไม่เสร็จ”


“...ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ?”


“ใช่...แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมไปทำต่อพรุ่งนี้...พี่ดาวล่ะ?”ผมถามกลับ


“แฮ่ก...อยู่นี่ค่ะหัวหน้า...”เสียงของดาวดังไล่หลังมาในสภาพเหงื่อโชก


“ไปทำอะไรมา”


“ก็วิ่งตามลูก้าคุงน่ะสิคะ...อยู่ก็วิ่งออกมาฉันตกใจหมดเลย นึกว่าจะหลงซะแล้ว...นี่ลูก้าคุงครั้งหน้าถ้าจะวิ่งมาหาหัวหน้าก็บอกกันก่อนสิ”ดาวหันไปบอกลูก้าเสียงอ่อย


“...อืม”ลูก้าพูดเสียงนิ่ง


“ลูก้า...พูดดีๆ”ผมปราม ลูกก้ามักจะพูดเสียงนิ่งกับคนอื่นเสมอซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร...ส่วนหนึ่งอาจเพราะไม่เชื่อใจคนอื่นก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงต้องหาวิธีให้เขาเข้าสังคมมากกว่านี้


“...เข้าใจแล้วครับ...”ลูก้าหันไปตอบดาวที่ยังหอบอยู่


“จ้า...งั้นหัวหน้า ขอตัวก่อนนะคะ”


“อืม...ขอบคุณที่ช่วยนะ”ผมพยักหน้าตอบ


“ค่า...บ๊ายบายลูก้าคุง”ก่อนไปเธอก็หันมาบ๊ายบายลูก้า


“ไม่ชอบมนุษย์เหรอ”ผมก้มลงถาม


“หมายถึงอะไร”ดวงตาสีเงินเงยขึ้นมาสบอย่างไม่เข้าใจนัก


“ก็ท่าทางของนายมันเหมือนจะบอกว่าไม่อยากให้ใครมายุ่ง...ทั้งที่ตอนอยู่กับผมไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลยแต่พอเป็นพี่ดาวหรือพี่คนอื่นๆกลับแสดงออกว่าไม่ชอบ”ผมอธิบายขยายความต่อ


“ก็ไม่ใช่ไม่ชอบ...เฉยๆน่ะ”เหมือนว่าจะเคยได้ยินคำตอบแบบนี้มาตอนถามเมื่อเช้านะ


“เฉยกับคนอื่นแต่ชอบผมใช่ไหมล่ะ”ผมถามพลางยกยิ้มขึ้น


“อืม...ชอบสาม”ลูก้าตอบทันที


“คิก ขอบคุณ...แต่ผมอยากให้ลูก้าชอบคนอื่นบ้างนะ ทุกคนต่างก็อยากสนิทกับลูก้าทั้งนั้น...ทำหน้าไม่เป็นมิตรเดี๋ยวก็ไม่มีใครเข้าใกล้หรอก”


“ไม่รู้นี่ว่าต้องทำยังไง...ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่มีคนอยู่ด้วยสักคน มีแต่มนุษย์ที่มองผ่านกระจกมาเท่านั้น”เรื่องเล่าคงเป็นตอนที่อยู่ในร่างของไดโนเสาร์แน่ คนที่มองผ่านกรจะคงเป็นด๊อกเตอร์ฟรานซิสไม่ก็เซโคร


“ทำเหมือนตอนอยู่กับผมสิ”พูดจบก็ขยี้เส้นผมสีแปลกตาตรงหน้าแรงขึ้นอีกหน่อย


“...ไม่เห็นรู้เลยว่าต่างกันตรงไหน”


“ต่างจะตายไป”ไม่ว่าใครมองก็รู้ทั้งนั้นแหละ ถึงตอนอยู่กับผมจะไม่ยิ้มเหมือนกันแต่บรรยายมันบอกว่าลูก้ารู้สึกดีที่ได้อยู่กับผม


“เหรอ...”


“หิวรึยัง”


“อืม...หิวมาก”ฝ่ายถูกถามพยักหน้าขึ้นลง


“งั้นไปกินข้าวกัน”


ผมเดินพาลูก้าไปถึงโรงอาหารชั้น1ที่มาเป็นประจำ ศูนย์วิจัยสัตว์ทะเลแห่งนี้มีโรงอาหารอยู่2แห่ง แห่งแรกคือโรงอาหารขนาดกลางที่อยู่ถัดออกไปหลายกิโลเมตรติดกับพิพิธพันธ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวมาชมสัตว์น้ำหายากได้ในราคาไม่แพงจนเกินไป และอีกที่คือชั้น1นี่แหละ


“กินอะไรดี”ผมถามลูก้าเมื่อมาถึง โรงอาหารที่นี่ไม่ได้ทำอารเตรียมไว้เหมือนพวกร้านข้าวแกงแต่จะทำอาหารให้ใหม่ๆตามความต้องการของพนักงาน


“อะไรก็ได้...”


“อะไรก็ได้ไม่มีให้สั่งหรอกนะ”ตั้งแต่ที่ลูก้าเริ่มเข้าใจและพูดคุยมากขึ้นผมก็มักจะถามหลายๆอย่างให้เขาได้คิดและพูดมันออกมา มีหลายๆครั้งที่ผมถามว่าจะกินอะไรคำตอบที่ได้มาก็เหมือนอย่างวันนี้คืออะไรก็ได้ซึ่งเป็นคำตอบที่ผมไม่ค่อยพอใจนัก


“สามจะกินอะไร”ลูก้าเงยหน้าขึ้นมาถาม


“แล้วลูก้าจะกินอะไรล่ะ”


“ย้อนกันนี่”ลูก้าทำหน้ามุ่ยเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด


“คิก...แบบนี้สิเด็ก...เอาแต่ทำหน้านิ่งมันไม่สมเป็นเด็กหรอกนะ”ท่าทางแสดงออกที่ต่างจากปกติทำให้ผมยิ้มออกทุกครั้งที่เห็น ลูก้าเป็นเด็กนิ่งๆ เขาไม่ค่อยชอบการเข้าสังคมแต่เป็นเด็กที่รับรู้ได้ไวไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหรือบรรยากาศ


สมแล้วที่มีสายเลือดของไดโนเสาร์อยู่


“เปล่าทำสักหน่อย”


“ก็ทำอยู่เห็นๆ”


“เปล่าทำ...”


“ทำสิ”


“เปล่า...”


“ทำ”


“สาม”


“ครับลูก้า”ผมยิ้มรับเสียงเรียกเคืองๆนั่นด้วยรอยยิ้ม


ได้แกล้งเด็กวันละนิดจิตแจ่มใสจริงๆ


“...กวน”ถึงลูก้าจะบ่นเสียงเบาแต่ด้วยความที่อยู่ข้างกันทำให้ผมได้ยินชัดเต็มสองหูเลย


“กินอะไรดี”ผมกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้ง คุณป้าหัวหน้าแม่ครัวก็ยืนกลั้นหัวเราะอยู่ตรงหน้า ไม่แปลกที่จะขำเพราะถ้าเป็นผมที่เห็นคนแกล้งเด็กอย่างจริงจังแบบนี้ก็คงหัวเราะเหมือนกัน


“อยากกินน้ำๆ”อย่างน้อยคำตอบที่ได้ก็ดีกว่าอะไรก็ได้ละนะ


“ชอบกินพวกน้ำๆจริงนะ...เมื่อเช้าก็พึ่งกินข้าวต้มไปนี่”ไม่ใช่แค่เมื่อเช้าแต่วันอื่นๆเองลูก้าก็ชอบสั่งอะไรที่เป็นน้ำๆ ด้วยความที่พึ่งรู้ภาษาเลยไม่รู้จักว่าอาหารมีอะไรบ้างนั่นจึงเป็นหน้าที่ผมในการหาอาหารใหม่ๆให้เขาลองชิม


“อืม...ชอบกินที่มีน้ำ”


“ลองราดหน้าไหม”อยู่ๆก็นึกอาหารน้ำๆขึ้นมาได้อีกอย่าง


“ราดหน้า?...ถ้าราดหน้าแล้วจะกินยังไง?”


“อุ๊บ...คิก...”ผมแทบเอามือปิดปากไม่ทันเมื่อได้ยินคำถามนั่น


เกิดมาก็พึ่งเคยเจอคนถามนี่แหละ


ถ้าราดหน้าแล้วจะกินยังไง


นั่นสิ...กินยังไงดีนะ ฮะฮะ


“ขำอะไร”


“เปล่าขำสักหน่อย”แค่หัวเราะต่างหาก


“ก็เห็นขำอยู่”


“ผมไม่เห็นเลยแฮะ”


“สาม”


“ครับๆ...ราดหน้าเป็นชื่อของอาหารชนิดหนึ่งน่ะ จะมีทั้งเส้นใหญ่ เส้นหมี่และหมี่หรอบ...โดยจะราดน้ำที่มีคะน้ากับเนื้อสัตว์ที่หมักใส่อยู่”ผมเลิกกวนลูก้าแล้วอธิบายไปตามตรง


“อร่อยไหม”ลูก้าถามต่อ


“อร่อยสิ”พูดถึงราดหน้าก็ไม่ได้กินมานานแล้วเหมือนกัน


“งั้นก็เอาราดหน้า”


“กี่ชามดี...สัก3ก่อนละกันเดี๋ยวกินมากไปจะปวดท้องเอา...พี่ครับผมขอราดหน้าพิเศษ4ชามครับ”หลังจากที่ถามเองตอบเองเสร็จก็หันไปสั่งคุณป้าแม่ครัว สาเหตุที่ผมเรียกคุณป้าแม่ครัวว่าพี่เพราะถ้าเรียกแบบนั้นจะได้ข้าวเยอะเป็นพิเศษ


ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมาเกือบเดือนบวกกับข้อมูลของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่เซโครส่งมาให้ทำให้รู้ว่าลูก้ากินมากกว่าปกติประมาณ2-3เท่าในช่วงนี้ ในช่วงอาทิตย์แรกผมก็สงสัยว่าทำไมลูก้าถึงกินเยอะและเยอะขึ้นเรื่อยๆ


ในความคิดผมนั้นคาดว่าสารอาหารที่กินเข้าไปไม่ได้เข้าไปช่วยให้ร่างกายมนุษย์เติบโตขึ้นเท่านั้นแต่ยังมีร่างของไดโนเสาร์อยู่อีก การกินเยอะจึงเป็นการให้สารอาหารเพียงต่อร่างมนุษย์และไดโนเสาร์


ถึงจะคิดไว้แบบนั้นแต่ก็ไม่แน่ว่าจะถูกร้อยเปอร์เซ็น ผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่ลูก้าไม่กลับร่างไดโนเสาร์ ผมค่อนข้างกังวลเพราะจากข้อมูลของเซโครในช่วงเด็กส่วนมากไดโนเสาร์กลายพันธุ์มักควบคุมการเปลี่ยนร่างไม่ได้ทำให้กลับไปมาระหว่างสองร่างเสมอ


ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ลูก้าตอนเกิดมาก็อยู่ในร่างไดโนเสาร์มาเกือบเดือนเหมือนกัน


ทั้งน่าแปลกใจและน่ากังวลอยู่เหมือนกัน


“ห้ามแช่น้ำนานเกินครึ่งชั่วโมงเข้าใจนะลูก้า”ผมยืนกำชับอีกฝ่ายหน้าประตูห้องน้ำ หลังจากที่เรากินมื้อเย็นเสร็จก็กลับขึ้นมาบนห้อง ผมเป็นคนแรกที่เข้าไปอาบน้ำด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าให้ลูก้าอาบก่อนผมต้องรอนานมาก


ทุกๆวันสิ่งที่ลูก้ารอคอยดูจะเป็นการอาบน้ำ ไม่สิ ต้องพูดว่าการแช่น้ำในอ่าง เขาจึงใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมงได้ ผมค่อนข้างห่วงว่าแช่น้ำนานไปอาจทำให้ไม่สบายเลยมีการจำกัดเวลา


“...บอกทุกครั้งที่อาบจนจำได้แล้ว”ลูก้าพูดพ้อมกับเดินเข้าไปในห้องน้ำ


“จำได้แล้วก็ทำตามบ้างสิ”ปากก็บอกว่าจำได้แต่สุดท้ายก็เลยครึ่งชั่วโมงทุกที


“ก็ในห้องน้ำมันไม่มีนาฬิกา”


“เดี๋ยวผมจะเคาะประตูถ้าถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว”


“...ก็ได้”แม้จะไม่ค่อยพอใจแต่ลูก้าก็พยักหน้าก่อนจะปิดประตูลง


มันก็ดีอยู่หรอกที่ลูก้าชอบน้ำ ส่วนมากเด็กๆมักไม่ชอบอาบน้ำกันทั้งนั้นแหละ เหตุผลที่ชอบอาจเพราะสิ่งแรกที่ลืมตาเห็นและสัมผัสคือน้ำก็ได้


ผมเองก็โตมากับน้ำเหมือนกัน


บางทีถ้ามีเวลาผมน่าจะสอนลูก้าดำน้ำดูนะ


ในร่างไดโนเสาร์อาจไม่จำเป็นแต่ถ้าในร่างมนุษย์การว่ายน้ำเป็นถือเป็นเรื่องสำคัญ


“มีเวลาเหรอ...”ผมนี่ยังมีสิ่งที่เรียกว่าเวลาว่างอยู่ด้วยงั้นเหรอ


งานที่มีก็มากจนไม่รู้ว่าทั้งชาติจะทำเสร็จไหม


งานของผมคือการทำหัวข้อวิจัยที่ถูกส่งมาให้สำเร็จทีละหัวข้อ ส่วนมากหัวข้อก็จะมาจากท่านประธานทั้ง3คนในเรื่องที่เกี่ยวกับสัตว์น้ำโดยเฉพาะ


หนึ่งงานวิจัยใช้เวลารวบรวมข้อมูลและทดลองอย่างเร็วก็ครึ่งปี


และพอมีเวลาว่างหรือหากมีเคสฉุกเฉินก็ต้องไปดูเหล่าสัตว์น้ำที่ทำการเพาะพันธุ์ไม่ก็สัตว์น้ำที่ถูกส่งมาจากหน่วยงานอื่นเพื่อให้ช่วยดูแลและปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ


แค่นึกถึงมันคำว่าเวลาว่างก็ลอยหายไปแล้ว


“ลูก้าหมดเวลาแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวเลย”ผมเดินไปเคาะประตูพร้อมตะโกนบอก


“...เข้าใจแล้ว”คำตอบที่ได้รับช่วยให้ผมเบาใจที่ไม่ต้องเปิดประตูเข้าไปลากอีกฝ่ายขึ้นจากน้ำ


เตียงนอนขนาด5ฟุตถูกปูด้วยผ้าสีฟ้าลายคลื่นทะเลตามสไตน์ที่ผมชอบ ผ้าห่มเองก็เป็นผ้าห่มนุ่มๆสีฟ้าเข้มดูสบายตา ไม่ว่าใครที่เข้ามาห้องผมก็รู้ได้ทันทีว่าผมชอบสีอะไร


ผมเกิดและโตมากับทะเล สีที่ชอบมากที่สุดจึงเป็นสีฟ้าและน้ำเงินของทะเล


ทะเลน่ะงดงามเพราะสีของมันจะเปลี่ยนไปตามเวลาและสภาพอากาศ เวลามองเลยไม่มีเบื่อ


“ใกล้ได้เวลาเปลี่ยนผ้าปูแล้วมั้ง”ผมพึมพำพลางนอนกลิ้งบนเตียง


แกร็ก


เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่ลูก้าจะเดินออกมาในชุดนอนสีฟ้าอ่อนโดยที่บนหัวมีผ้าขนหนูสีขาวกำลังเช็ดเส้นผมสีฟ้าแซมแดงอยู่เรื่อยๆ


“ผมเป่าไดร์ให้ไหม”


“ไม่เอา...เสียงไดร์มันดัง”ลูก้าส่ายหน้าเป็นคำตอบแล้วเดินมานั่งบนเตียงเดียวกับผม


“นี่ลูก้า”


“...”อีกฝ่ายไม่ตอบแต่ทำเพียงหันมามองหน้าผมตรงๆ


“อยากว่ายน้ำทะเลไหม”


“ทะเล...น้ำที่อยู่ตรงชายหาดน่ะเหรอ”


“ใช่”


“อยากสิ...แต่สามบอกว่าไม่ได้นี่”


“อืม...ตอนนั้นที่ห้ามเพราะลูก้ายังไม่เข้าใจภาษานักแต่ตอนนี้คิดว่าไม่เป็นไร...”


“งั้นพรุ่งนี้ผมก็ไปว่ายได้ใช่ไหม”ลูก้าถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


“ยังไม่ได้...รออีกสัก...สี่วันผมจะสอนดำน้ำให้”ระหว่างพูดก็นึกไปว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะทำงานเสร็จในระดับนึง


“ดำน้ำ?”


“ใช่...ผมจะสอนดำน้ำ”การว่ายน้ำคงไม่ยากเกินความสามารถของลูก้าอยู่แล้วแต่ดำน้ำถ้าไม่รู้หลักก็ดำไม่ได้เพราะร่างจะลอยขึ้นเหนือน้ำ


“ไม่เหมือนว่ายน้ำเหรอ”


“ไม่เหมือน...การว่ายน้ำคือการทรงตัวบนผิวน้ำแต่การดำคือการทรงตัวให้อยู่ใต้น้ำได้”ผมอธิบายคร่าวๆ


“อยู่ในน้ำ...ผมชอบเวลาที่อยู่ในน้ำ”พูดถึงน้ำดวงตาสีเงินของลูก้าก็ทำตาเป็นประกายราวกับเด็กที่เจอของเล่นชิ้นโปรด


“ชอบเหมือนกัน”ผมส่งยิ้มกว้างไปให้ ความรู้สึกเวลาร่างกายถูกโอบอุ้มด้วยน้ำมันช่างรู้สึกดีจริงๆ


“สามก็ชอบเหรอ”


“ที่สุดเลยล่ะ”ถึงช่วงนี้จะไม่ค่อยได้ดำน้ำแล้วก็ตาม


“อยากดำน้ำ”ลูก้าพึมพำเสียงเบา


“รอหน่อยนะ เดี๋ยวจะพาไป...วันนี้เรานอนกันดีกว่า ผมแห้งแล้วนี่นะ”ผมขยี้เส้นผมสีแปลกแรงๆเพื่อทดสอบว่าผมแห้งจริงไหม


“เจ็บนะ”


“โทษทีๆ”


“ปิดไฟเลยนะ”ลูก้าลุกไปพาดผ้าขนหนูก่อนจะเดินไปยังสวิทไฟด้านข้างผนังห้อง


“อืม...รบกวนด้วย”ผมตอบแล้วล้มตัวนอนบนเตียง ไม่นานเตียงด้านข้างก็ยุบลงพร้อมกับผ้าห่มผมที่ถูกดึงไปเล็กน้อย ความมืดยามค่ำคืนไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเดินของลูก้าสักนิด ดวงตาของนักล่าทำงานได้ดีเมื่ออยู่ในที่อับแสงแบบนี้


“หนาวเหรอ”ผมถามท่ามกลางความมืดเมื่อรู้สึกว่าลูก้าขยับเข้ามาชิดแผ่นหลังตัวเอง


“เปล่า...แค่แบบนี้มันรู้สึกดีกว่า”คำตอบนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ แม้จะอยากถามแต่ความง่วงในตอนนี้เหมือนจะไม่ปรานีกันเลย


ความอุ่นของร่างกายที่แนบชิดช่วยให้สติดำดิ่งสู่นิทราไปได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาด




(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 28-12-2017 21:09:48
(ต่อค่าาา)



วันรุ่งขึ้นกิจวัตรเดิมๆก็กลับมา...ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัว ลงไปกินมื้อเช้าก่อนจะพาลูก้าไปฝากไว้กับดาวเหมือนอย่างทุกวัน ลูก้าเองก็ดูไม่ค่อยอยากอยู่กับดาวนัก...ความจริงก็ไม่ใช่แค่ดาวคนเดียว


“ด๊อกเตอร์!”เสียงตะโกนของพี่พลทำเอามือที่กำลังหยดสารบางอย่างลงในยีนที่ถูกตัดต่อชะงัก


“อย่าตะโกนเสียงดังสิพี่”


“จะไม่ให้ตะโกนได้ยังไง...น้ำยานั่นมันเป็นกรดนะ”ทันทีที่ได้ยินประโยคนั่นดวงตาสีน้ำตาลของผมก็เบิกกว้างผ่านเลนส์แว่นก้มลงไปมองสิ่งที่ถืออยู่


และก็เป็นอย่างที่พี่พลว่า น้ำยาหรือสารที่อยู่ในมือผมตอนนี้ออกฤทธิ์เป็นกรดซึ่งถ้าหยดลงไปในยีนได้เกิดการแตกตัวจนเละไม่เป็นท่าแน่


นี่ผมพลาดอะไรง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน


“...โทษที”ผมบอกเสียงเบา


ทั้งที่อยากรีบทำงานให้เสร็จจะได้ไปอยู่กับลูก้าแต่กลับทำงานได้ช้าลงซะอย่างงั้น


“คงเหนื่อยเกินไปละมั้ง...นอกจากจะทำงานหนักยังต้องเลี้ยงเด็กด้วยนี่”


“การเลี้ยงลูก้าไม่ถือเป็นงานหรอกพี่พล”ผมตอบไปตามความจริง ทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกันผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะเป็นเด็กเลยทำให้ทุกอย่างดูสดใสไปหมด


นี่ถ้าได้เห็นรอยยิ้มของลูก้าคงจะดีกว่านี้แน่ๆ


“พูดแบบนี้แปลว่าหลงเต็มที่เลยล่ะสิ”พี่พลล้อพร้อมรอยยิ้ม


“นั่นสินะ...”


อ๊อด อ๊อด อ๊อด


เสียงสัญญาณฉุกเฉินดังขึ้นขัดบรรยากาศเงียบๆในห้องทดลอง เสียงนั่นทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในตื่นตระหนกอย่างรวดเร็วเพราะรู้ว่าสัญญาณสีแดงพร้อมเสียงนั่นหมายถึงการที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่นอกบ่อเพาะเลี้ยงหรือบ่อพักดูแล


เซนเซอร์นี้จะถูกติดตั้งรอบศูนย์วิจัยทั้งบนบกไปจนถึงในทะเลในรัศมีห่างจากท่าเรือประมาณ200กิโลเมตร เมื่อมีสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชนิดผ่านเข้ามาในระยะก็จะทำการเตือนเป็นลำดับขั้น ยิ่งเข้ามาใกล้สัญญาณก็จะเปลี่ยนไป อย่างสีแดงนี่หมายถึงเข้ามาใกล้ในระยะของศูนย์วิจัยแห่งนี้


อย่างที่เคยบอกไปว่าศูนย์วิจัยและเพาะพันธ์สัตว์ทะเลมีอยู่หลายตึก ในแต่ละตึกก็จะมีสัญญาณดังขึ้นถ้ามีอะไรเข้าใกล้ในระยะที่กำหนดไว้ การที่สัญญาณดังที่นี่แปลว่า...


“สัญญาณดังเหรอ...ไม่ได้ยินมานานนึกว่าเสียแล้วซะอีก”ยุพึมพำเสียงเบาด้วยท่าทางสงบนิ่ง ดูเหมือนว่ายุจะไม่ได้ตื่นตระหนกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่


“เกิดอะไรขึ้น?”ผู้ช่วยคนหนึ่งเริ่มตะโกนด้วยใบหน้าตื่นตกใจ


“ทำไมสัญญาณอยู่ๆถึงเป็นสีแดงเลยล่ะ?”ผู้ช่วยอีกคนก็ตกใจไม่แพ้กัน


คำถามนั่นทำให้ผมขมวดคิ้วแน่น อย่างที่อีกฝ่ายว่า...ทำไมอยู่ๆสัญญาณถึงเป็นสีแดงเลยล่ะ


ถ้ามีอะไรหลุดเข้ามาสัญญาณก็น่าจะเริ่มจากสีเดียว เหลือง ส้มแล้วค่อยมาแดง ไม่ใช่อยู่ๆมาแดงเลยแบบนี้


ทำเหมือนกับอยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นงั้นแหละ


“อยู่ๆปรากฏขึ้นงั้นเหรอ?”ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวพร้อมกับร่างของสิ่งมีชีวิตสีฟ้าลายแดงที่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวตั้งแต่เมื่อหลายสัปดาห์ที่แล้ว


“พี่พล...กล้องวงจร!”ผมตะโกนบอกให้พี่พลจัดการเปิดกล้องวงจรที่ติดตั้งอยู่รอบๆ


“ได้”พี่พลรีบทำตามที่ผมสั่ง คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ด้านหน้าถูกใช้อย่างคล่องแคล่วเพียงไม่กี่วินาทีภาพของหาดทรายติดกับสะพานยาวใกล้บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลก็ปรากฏสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่า4เมตรที่พยายามขยับครีบไปมาบนฝืนทรายโดยมีกลุ่มคนที่ถอยห่างอยู่รอบๆ


ครืดดด  ครืดดด


“ครับ...ดาวเหรอ...ด๊อกเตอร์”พี่พลรับโทรศัพท์ไม่นานก็เรียกผมเสียงเครียด


“รู้แล้ว...บอกดาวว่าเดี๋ยวผมไป”พูดจบผมก็รีบวิ่งออกจากห้องทดลองทันที ที่ดาวโทรหาพี่พลคงเพราะโทรหาผมไม่ติด...จะติดก็แปลกแล้วเพราะผมลืมเอาโทรศัพท์ลงมาจากห้อง


ตอนนี้เรื่องโทรศัพท์ช่างมันเถอะ


ที่น่ากังวลกว่าคือลูก้าที่อยู่ในร่างมนุษย์มาเกือบเดือนอยู่ๆก็กลับร่างไดโนเสาร์


เมื่อเช้าทุกอย่างก็ดูปกติทั้งอาบน้ำหรือกินข้าว


สัญญาณที่บ่งบอกว่าจะกลับร่างก็ไม่มี


แล้วอยู่ๆกลับร่างได้ยังไง


หรือว่ามีอะไรที่ผมมองข้ามไป


งื๊ดดดด~


เสียงครางสูงที่ได้ยินยิ่งทำให้ผมเร่งฝีเท้าตรงเข้าไปยังบริเวณที่กลุ่มคนมุงกันอยู่ หนึ่งในคนที่มุงหันมาเจอผมที่วิ่งไปก็หันไปสะกิดคนด้านข้าง คนที่ว่าคือพี่จันนั่นเอง ส่วนดาวก็ยืนอยู่ถัดไปอีกที


“พี่จัน หัวหน้ามาแล้ว”


“น้องสาม”พี่จันหันมาตามที่ผู้หญิงข้างๆบอก


“เกิดอะไรขึ้น...ที่อยู่ตรงนั้นคือลูก้าสินะ”ผมไม่รอช้ารีบถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทันที


“ใช่แล้ว...ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่พี่กับดาวกำลังจะพาลูก้าไปเดินเล่นตามบ่อเขาก็ล้มลงไปบนพื้นก่อนจะกลายร่างเป็นแบบนี้”


“งั้น...”


งี๊ดดดด~


เสียงครางสูงร้องดังขัดคำพูดผม ดวงตาสีเงินขนาดใหญ่หันมามองยังร่างของผมด้วยแววตาเหมือนกำลังตื่นตะหนก เพียงแค่เห็นดวงตานั่นผมก็จ้ำอ้าวตรงเข้าไปหาลูก้าในร่างไดโนเสาร์ทันที


“เดี๋ยวค่ะหัวหน้า เข้าไปแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนทำร้ายหรอก”ดาวรั้งแขนพร้อมกับเอ่ยเตือน


ที่ทุกคนถอยออกห่างเป็นเพราะกลัวโดนทำร้ายเองสินะ


ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไงแต่สำหรับผม...


“ลูก้าไม่ทำร้ายผมหรอก...ไม่มีทาง”ความมั่นใจที่มีมันมาจากไหนก็ทราบ ที่รู้แน่ๆคือผมเชื่อว่าลูก้าไม่มีทางทำร้ายผมแน่


“แต่ว่า...”


“ให้ผมจัดการเอง”ผมตัดการสนทนาแล้วก้าวมาอยู่ตรงหน้าของไดโนเสาร์ตัวยาวสีฟ้าลายแดง ขนาดตัวที่เห็นคร่าวๆคาดว่าน่าจะยาวเกิน3เมตรแน่


ภายในเวลาไม่ถึงเดือนกลับโตขึ้นถึงขนาดนี้เชียว


“ลูก้า”ผมเรียกไดโนเสาร์เสียงเบา


งื๊ดดดด~


งี๊ดดดด~


เสียงครางยาวหลายๆครั้งนั่นราวกับลูก้ากำลังพยายามจะพูดอะไรบางอย่างเพียงแต่ด้วยภาษาที่ต่างกันทำให้ไม่สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะบอกได้


“ไม่เป็นไร...ใจเย็นๆ”ท่าทางของลูก้ากำลังตระหนกและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่แพ้คนที่อยู่รอบๆ ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรทำคือการช่วยให้อีกฝ่ายใจเย็นลง


ผมยื่นมือออกไปยังส่วนปากเรียวสีฟ้าที่อ้าออกจนเห็นเขี้ยวอันแหลมคมอยู่ภายในช้าๆ ลูก้าที่เห็นก็ขยับส่วนปากเข้ามาจนสามารถวางมือบนเรียวปากนั้นได้สำเร็จท่ามกลางเสียงซีดปากอย่างตื่นเต้นของคนที่มุงอยู่


“ดีมาก...เด็กดี”ผมลูบไปตามเรียวปากยาวไล่ไปจนถึงส่วนหัวพร้อมก้าวขาเข้าไปใกล้ลูก้ามากขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสของผิวหนังดูลื่นกว่าไดโนเสาร์บกอย่างพวกไทรเซอรราท๊อปอยู่มาก ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะสัตว์ที่อยู่ในน้ำจำเป็นต้องมีผิวแบบนี้เพื่อใช้ต้านแรงดันและกระแสน้ำ


งี๊ดดดด~


“ร้อนสินะ...ผิวแห้งหมดแล้ว”ร่างกายของลูก้าตอนนี้มีผิวที่เหมาะกับการอยู่ใต้น้ำ พอมาอยู่บนบกแถมยังอยู่ภายใต้แสงแดดยามบ่ายก็ยิ่งทำให้ความชุ่มชื้นถูกระเหยไปอย่างรวดเร็ว


งี๊ดดดด~


ส่วนหัวเรียวขยับขึ้นลงเพื่อบอกว่าสิ่งที่ผมพูดถูกต้อง ครีบสีฟ้าด้านหน้าปัดป่ายไปมาพยายามจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแต่ก็ไม่มีทีท่าจะขยับได้ อาจเพราะไม่ได้อยู่ในร่างนี้มานานเลยทำให้ไม่ชินกับน้ำหนักของร่าง


“พยายามเข้าลูก้า...ขึ้นมาบนไม้นี่ก็จะเคลื่อนที่ได้ง่ายๆแล้ว”ด้านบนของสะพานถูกสร้างมาจากไม้และเคลือบจนเงาทำให้เคลื่อนที่ได้ง่ายกว่าทราย


งี๊ดดดด


ลูก้าครางตอบรับคำพูดก่อนจะพยายามดันตัวเองมาข้างหน้าอีกครั้ง


“ทุกคนมาช่วยกันดันลูก้าหน่อย”ผมตะโกนบอกคนที่ยืนมุงอยู่รอบๆ


“...”คำตอบที่ผมได้คือความเงียบ ใบหน้าของทุกคนดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด


กลัวสินะ


กลัวว่าลูก้าจะทำร้าย


ให้ตายสิ...


“ฮึบ...ผมจะช่วยดันเอง”ตะโกนบอกลูก้าเสร็จก็วิ่งไปตรงครีบด้านหลังแล้วออกแรงดันเต็มแรง ด้วยน้ำหนักอันแตกต่างนี้ก็เหมือนกับผมพยายามผลักตู้เย็นสองประตัวด้วยตัวคนเดียว แน่นอนว่าไม่เขยื่อนสักนิด


งี๊ดดดด~


“สู้สิลูก้า”ผมให้กำลังใจ ถ้าวิธีนี้ไม่ไหวหรือผมควรจะไปหาอะไรมายกตัวลูก้าดีนะ


แต่กว่าจะหาได้ กว่าจะเอามา ลุก้าจะทนไม่ไหวเอาน่ะสิ


“ไปช่วยกันเถอะ”เสียงของพี่จันดังขึ้นก่อนจะวิ่งไปช่วยดันลูก้าอีกข้าง


“เดี๋ยวสิพี่จัน...หัวหน้าแน่ใจนะคะว่าลูก้าจะไม่ทำร้ายเรา”ดาวเดินตัวสั่นๆมาหาผม


“แน่นอน”ผมพยักหน้าตอบทันที


ผมไม่คิดว่าลูก้าจะทำร้ายคนที่คิดจะช่วยเขาหรอกนะ


“ขะ...เข้าใจแล้วค่ะ”เมื่อตัดสินใจได้ดาวก็เข้ามาช่วยผมดันอีกแรง


พอมีพี่จันกับดาวเข้ามาช่วยคนอื่นๆที่มุ่งอยู่ก็เริ่มหันไปปรึกษาคนข้างๆว่าจะทำยังไงดี ไม่นานทุกคนก็เข้ามาช่วยดันตัวของลูก้าโดยแบ่งเป็นสองฝั่ง


“อย่าไปโดนตรงเกราะกลางหลังกับส่วนหางนะ”ผมตะโกนเตือนทุกคน สองส่วนที่ว่ามีพิษร้ายแรงอยู่ ส่วนหลังที่เหมือนเป็นเกราะยาวลงมาตั้งแต่งส่วนหลังไปจนถึงหาง สีของเกราะนั่นเข้มกว่าสีของร่างกกายอยู่เล็กน้อย...หนามเล็กๆที่ขึ้นอยู่ตามเกราะนั้นมีเพียงสองแถวที่เป็นสีแดงซึ่งบริเวณนั้นแหละที่มีพิษอยู่


ร่างของลูก้าในร่างไดโนเสาร์นั้นมีลักษณะเด่นคือมีลำตัวที่ค่อนข้างหนากับส่วนลำคอที่ยาวแต่ไม่ได้มากเท่าอีลาสโมซอรัสที่มีลำตัวยาว14เมตรซึ่งแค่ความยาวของคอก็มากกว่า5เมตรแล้ว


“ครับ/ค่ะ”


“เอาล่ะ...ดันทีเดียวให้ขึ้นเลย...ลูก้า”


งี๊ดดดด~


การร่วมใจกันของทุกคนช่วยให้ลูก้าสามารถขึ้นไปบนสะพานไม้ได้ในที่สุด พอสำเร็จพวกเขาก็ทิ้งตัวลงบนทราบพร้อมเสียงหอบกันถ้วนหน้า


“ขอบคุณทุกคนมาก”ผมพูดเสียงดัง


ถ้าไม่ได้ทุกคนผมคงต้องหาวิธีอื่นซึ่งอาจไม่ทันเวลา


ถึงจะขึ้นมาได้สำเร็จแต่การจะไปยังบ่อที่129นั่นไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆเลย


แปลว่าต้องใช้เจ้านั่นสินะ


“พี่จันเตรียมเจ้านั่นที”


“เจ้านั่น?...อ้อ...เป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้วนี่นะ”พี่จันเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการให้ทำโดยไม่ต้องอธิบาย ตรงหัวสะพานมีแผงควบคุมอยู่เพียงป้อนบางอย่างลงไปสะพานไม้ตรงหน้าก็ถูกแยกออกก่อนที่แผ่นโลหะขนาดใหญ่จะขึ้นมาซ้อนทับ


ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นโลหะแต่เป็นโลหะที่ถูกสร้างให้มีการระบายอาการดีเยี่ยมทำให้ไม่ร้อนแถมยังสามารถรับน้ำหนักได้หลายตัน ถ้าถามว่าเจ้านี่เอาไว้ทำอะไรคำตอบคือไว้ขนของหรือใช้เดินทางไปยังบ่อต่างๆโดยไม่ต้องเหนื่อยกับการปั่นจักรยานหรือเดิน
เพียงแค่ขึ้นไปก็สามารถควบคุมให้แผ่นโลหะเคลื่อนที่ไปตามต้องการได้


“เอ้า น้องสาม”พี่จันตะโกนแล้วโยนที่ควบคุมมาให้ ขอเสียของเจ้านี่คือสามารถใช้ได้แค่ทีละครั้งเท่านั้น ถ้ามีคำกำลังใช้อยู่ต่อให้กดเรียกไปก็ใช้ไม่ได้


“ขอบคุณครับ...ลูก้าขึ้นมาบนนี้”ผมหันไปบอกลูก้าก่อนจะเดินขึ้นมาบนแผ่นโลหะเป็นตัวอย่าง


ลูก้ามองแผ่นด้านล่างอย่างไม่ไหวใจนัก ปลายจมูกเรียวขยับเข้ามาดม ไม่นานก็ค่อนขึ้นมาด้านบน เมื่อทุกอย่างพร้อมผมก็จัดการเคลื่อนที่แผ่นโลหะไปยังจุดหมายยังบ่อที่129


“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรๆ”ผมหันไปบอกไดโนเสาร์ด้านข้างที่ดูจะตกใจกับการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนี้


ปกติผมไม่ค่อยได้ใช้เจ้านี่นักเพราะการได้ขยับตัวหรือออกกำลังกายทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่า


ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ่อที่129


“ลงไปเลยลูก้า”ผมพูดพลางชี้ไปยังบ่อตรงหน้า


ตู้ม!!


งี๊ดดดด~


ร่างขนาดยักษ์ที่กระโดดลงไปในน้ำทะเลม้วนตัวใต้น้ำก่อนจะกระโดดตัวลอยขึ้นเหนือน้ำ เสียงครางนั้นดูร่าเริงขึ้น ไดโนเสาร์ยาวกว่า4เมตรว่ายวนรอบบ่อที่กว้างหลายร้อยเมตรในเวลาไม่กี่วินาที...ส่วนหางที่แตกแขนงออกเป็นเส้นๆดูงดงามจนไม่อาจละสายตาได้


ลูก้าในน้ำนั่นเหมือนกำลังยิ้มอยู่


ทั้งที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกรึเปล่าแต่ผมก็หุบยิ้มของตัวเองไม่ได้จริงๆ
............................................................................................

สวัสดีค่ะ

หลังจากที่รอกันมานานในที่สุดก็มาอัพต่อแล้ววว

ตอนนี้ยาวมากพูดเลยกว่าจะแต่งจบเลยใช้เวลาไปพอสมควร แต่รับรองว่าได้อ่านจุใจแน่นอนค่า

สำหรับตอนนี้มีเนื้อหาที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนซึ่งทำให้เราแต่งค่อนข้างยากและมีที่แก้ไขอยู่หลายรอบ

ลูกก้าในตอนนี้จะแสดงความเป็นเด็กออกมา ในความเป็นเด็กอาจทำให้ลูกค้าเหมือนเป็นเด็กไม่ค่อยมีความเคารพผู้ใหญ่นัก เรียกสามแบบห้วนๆแถมยังทำเหมือนเมินคำพูดของคนอื่น

การที่เราแต่งออกมาแบบนี้ส่วนหนึ่งคือจะแสดงถึงความดื้อรั้นแบบเด็กๆตามวัย อีกอย่างคือเราอยากให้ลูก้าเรียกชื่อสามแบบห้วนๆเนื่องจากถ้าให้เรียกพี่หรือเรียกคุณฟังแล้วดูห่างเกินสำหรับเรา สำหรับต่างประเทศเองการเรียกชื่อห้วนๆก็ไม่ใช่เรื่องไม่เคารพหรือมารยาทเพราะมีการแสดงความเคารพอย่างอื่นนอกจากคำพูดอีกมาก

ดูเหมือนเราจะพูดเยอะไปแล้ว 555

ดีใจที่ทุกคนยังคงติดตามซีรี่ย์Jurassicอยู่นะคะ

จะพยายามแต่งให้ดีที่สุด

และจะปรับให้คนอ่านเห็นภาพมากที่สุดค่ะ

ขอบคุณทุกๆกำลังนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย

---มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์---
(https://sites.google.com/a/nbp.ac.th/mutjim/_/rsrc/1451718435538/home/prapheth-khxng-dinosear/dinosear-kin-phuch/xaengkhilo-sx-ras/Ankylosaurus.jpg?height=152&width=400)

วันนี้ขอนำเสนอ แองคิโลซอรัส หนึ่งในสายพันธุ์ที่ผสมอยู่ในตัวของลูก้าซึ่งเป็นส่วนของเกราะกระดองด้านหลังที่จะช่วยในการป้องกันตัวยามถูกศัตรูจู่โจม

แองคิโลซอรัส (อังกฤษ: Ankylosaurus) เป็นไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในสกุล แองคิโลซอร์ (อังกฤษ: ankylosaurid) อาศัยอยู่ในยุคครีเตเชียส ในทวีปอเมริกาเหนือ โครงกระดูกของ แองคิโลซอรัส ยังไม่สมบูรณ์ แองคิโลซอรัส เป็นไดโนเสาร์ที่มีลักษณะในแบบสกุล แองคิโลซอร์ที่มีน้ำหนักตัวหนักมีเกราะแข็งหุ้มทั่วทั้งตัว และมีลูกตุ้มขนาดใหญ่(ลักษณะคล้ายกับรังผึ้ง)สำหรับไว้ป้องกันตัวจากนักล่าในยุคนั้นอย่าง ไทรันโนซอรัส และ ทาร์โบซอรัส ที่บริเวณหาง

ความยาวของ แองคิโลซอรัส ประมาณ6.25 (20ฟุต) - 9เมตร (30 ฟุต) ความสูงถึงสะโพก1.7 แมตร (5.5 ฟุต) มีน้ำหนักตัว 6 ตัน มีรูปร่างลำตัวที่กว้างมาก ขาหลังยาวกว่าขาหน้า มีกระดูกยื่นออกมาจากร่างกายเป็นเกราะป้องกันตัวชั้นดี กินพืชเป็นอาหาร มีฟันขนาดเล็กไว้สำหรับบดเคี้ยวพืช ปากมีลักษณะคล้ายนกแก้ว

เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/แองคิโลซอรัส

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DarkAki ที่ 28-12-2017 21:27:24
ลูก้าลูกกกกกกกกกกกก

โอ๊ยย เอ็นดูวน้องงงงงงงง ><
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 28-12-2017 21:46:06
เอ็นดูเหลือเกิ๊นนนนน เคะเด็กในวันนี้จะเป็นเมะที่ยิ่งใหญ่ในวันหน้า -..-
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 28-12-2017 22:51:02
ลูก้าาาา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 28-12-2017 22:54:55
โตเร็วเหลือเกินนนน แปปๆพูดได้เยอะแล้ว
รอโตนะคะ ชอบความนิ่งของลูก้าจัง

ตอนแรกแอบเป็นห่วงเหมือนกัน ว่าจะเป็นไรไหม ไม่เห็นกลับร่างไดโนเสาร์
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 28-12-2017 23:21:34
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกเอ็นดูน้องอ่ะ งื้ออออออ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 29-12-2017 00:38:19
เอ้นดูน้องเหลือเกินนนนนน
ดื้อแบบเด็กๆ แต่ก้ยอมสามคนเดียวทุกที
ไม่รู้ทำไมแต่มั่นใจมากว่าน้องต้องโตไปเป็นเมะที่ดีแน่ๆค่ะ
5555555555555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-12-2017 00:38:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 29-12-2017 01:41:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 29-12-2017 02:30:38
ทำไมอยู่ดีๆถึงกลายร่างละนั่น ดูเหมือนน้องเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองพิเศษหรือดปล่านะ เอาใจช่วยสามค่าา คนเก่งของลูก้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 29-12-2017 03:14:05
อืมม น่าจะมีทีมป้องกันหรือช่วยเหลือสัตว์น้ำมาช่วยเคลื่อนย้ายเนอะ จะได้ลดเวลาที่อยู่บนบกลง
ปล.ลูก้า นายหายใจยังไงอ่ะตอนกลายร่างแล้ว สงกะสัยๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 29-12-2017 04:42:35
น่ารัก อยากให้มีความมุ้งมิ้งไปนานๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 29-12-2017 06:34:44
ลูก้าอาจจะอยู่บนบกนานไป  ต้องเล่นน้ำบ่อยๆแบบนี้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-12-2017 09:20:26
คิดถึงพี่สามกับลูก้านะเนี้ย ลูก้ากลายร่างได้เล่นน้ำมีความสุข :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-12-2017 10:52:58
เหมือนสามเลี้ยงต้อยอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-12-2017 11:11:12
แล้วนี่น้องส่ายน้ำเป็นยังอะคะ เดี๋ยวกลับร่างขึ้นมาอีก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 29-12-2017 18:09:22
น่ารัก~ :L1:

แปลว่าที่ผ่านมาลูก้าแปลงร่างกลับไม่ได้สินะ ^^
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-12-2017 18:33:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 29-12-2017 20:58:34
 o13
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 29-12-2017 23:16:33
สนุกมากค่ะ
มาต่อไวๆน้าา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: realOrnies ที่ 30-12-2017 00:09:49
ลูก้ากลับร่างแล้ววว
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 30-12-2017 03:53:08
กลับร่างละเด้อ น้องน่ารักมาก.
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 30-12-2017 15:12:12
 :call:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 30-12-2017 15:20:56
มาแล้ววววว หลังจากเปลี่ยนร่างแล้วกลับมาเป็นคนอีกทีไม่กลายเป็นหนุ่มแล้วเหรอ รอน้องโต ตอนเด็กน่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 30-12-2017 16:44:07
ติดตามจ้า สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่2◈♦> 28/12/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 01-01-2018 05:27:56
ลูก้า.. สู้สู้ :mew3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 03-01-2018 17:34:29
◈ธาราที่3◈



ภายในห้องทดลองที่3มีเหล่าผู้ช่วยประมาณ5คนอยู่กับรองหัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำรวมทั้งผมซึ่งเป็นหัวหน้ากำลังทำการทดลองกันอย่างเคร่งเครียดมากว่า3วันได้แล้ว ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมไม่ได้กลับไปนอนห้องเลยสักครั้ง อาจเพราะแบบนั้นเลยทำให้การทดลองนี้ก้าวหน้าจนใกล้เสร็จเต็มทีแล้ว


สาเหตุที่ผมไม่ได้กลับห้องก็เป็นเพราะลูก้ายังคงอยู่ในร่างของไดโนเสาร์อยู่ เวลาที่ใช้ร่วมกับลูก้าในช่วงเย็นไปจนถึงเช้าของอีกวันตอนนี้ไม่สามารถทำได้ก็เลยเอาเวลานั้นมาทุ่มกับการทดลองให้เสร็จๆไป


ถึงจะไม่ได้กลับห้องแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ไปเจอกับลูก้านะ


ช่วงนี้ผมมักจะขอเวลาพักสัก2-3ชั่วโมงเพื่อไปหาลูก้ายังบ่อ129


“ยุ...อุณหภูมิเป็นไงบ้าง”ผมหันไปถามรองหัวหน้าที่อยู่หน้าเครื่องวัดอุณหภูมิของสิ่งมีชีวิตที่ถูกเพาะขึ้น


“อยู่ในเกณฑ์ปกติ...อีก3วันเอาไปเพาะต่อในบ่อได้เลย”


“เยส...สำเร็จแล้ว”คำพูดของยุทำให้เหล่าผู้ช่วยชูแขนขึ้นเหนือศีรษะด้วยความตื้นตัน


การทดลองที่ยาวนานในที่สุดก็จบสักที


“ทุกคนทำได้ดีมาก”ผมเอ่ยปากชม


“ขอบคุณครับ/ค่ะหัวหน้า”


“จากนี้เป็นเวลาสามวันผมจะให้ทุกคนพัก...”


“ย๊ะฮู้...ได้พักแล้ว”พี่พลตะโกนขึ้นทันทีที่ได้ยิน


“อ้อ...สำหรับพี่พลคงต้องขอให้เฝ้าตัวอ่อนของกุ้งจนกว่าจะเอาไปเพาะในบ่อได้นะครับ รบกวนด้วย”ผมพูดต่อด้วยใบหน้ายิ้มๆ


“ว่าไงนะ...ด๊อกเตอร์ทำไมทำกันแบบนี้ล่ะ”


“ครั้งก่อนคนอื่นเฝ้าแล้วนี่ เราต้องผลัดๆกัน...ครั้งนี้ถึงเวรของพี่แล้ว ฝากด้วยล่ะ”ผมเดินไปตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ


“ไม่นะ...ความฝันที่จะถูกสาวๆในชุดบิกินี่ห้อมล้อมของฉัน”ท่าทางเหมือนจะร้องไห้นั่นดูน่าสงสารอยู่หรอกแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ งานแบบนี้จำเป็นต้องมีคนคอยดูอยู่ตลอดเพราะถ้าอุณหภูมเกิดเปลี่ยนแปลงไปอาจทำให้การทดลองทั้งหมดพังลง


“ยุจะไปไหนรึเปล่า”ผมหันไปถามรองหัวหน้าต่อ


“กะจะกลับบ้านน่ะ”ยุตอบกลับ


“ที่ภูเก็ตอ่ะนะ”


“ใช่”


“แค่สามวันจะพอเหรอ”ระยะทางจากที่นี่ถึงจะนั่งเครื่องบินก็ปาไปหลายชั่วโมงแล้ว


“อืม...คิดว่าจะขอลาต่ออีก2วัน พอดีมีงานแต่งพี่สาว”


“ได้สิ...ไปทำเรื่องเลยเดี๋ยวผมอนุมัติให้ ฝากแสดงความยินดีกับพี่สาวด้วยนะ”การทำเรื่องขอลาหยุดสุดท้ายก็อยู่ที่ดุลพินิจขอผมว่าเห็นสมควรไหม ถ้าผมบอกว่าได้ยังไงก็ไม่เปลี่ยน


“ได้...งั้นไว้เจอกัน”


“อืม...พี่พล...ถ้ากุ้งถูกไปลงบ่อแล้วผมจะให้พี่พัก2วัน โอเคไหม”ก็อยากจะให้พักนานกว่านี้หรอกแต่ด้วยงานหลายๆอย่างถ้าคนไม่พองานก็จะไม่เดิน ไหนๆยุที่เป็นคนสำคัญในการทำงานก็ขอลาเพิ่มเลยใช้กาสนี้ให้พี่พลได้พักหน่อย


“ขอบคุณมากๆเลยด๊อกเตอร์”คำพูดผมทำให้อีกฝ่ายทำตาลุกวาวด้วยความดี


ผมเอาใจว่างานพวกนี้มันเหนื่อย ในเมื่อมีเวลาพักก็ควรจะพักให้เต็มที่


“เอาแบบนี้ละกัน ผมให้พวกคุณหยุด5วัน...เพียงแต่เมื่อกลับมาต้องเดินห้าทำงานอย่างจริงจัง แบบนี้ได้ไหม”ผมคิดสักพักก่อนเอ่ยปากถามกับทุกคน


“ได้ครับ/ค่ะ”ทุกคนต่างก็มีใบหน้าร่าเริงขึ้นเมื่อได้วันหยุดเพิ่ม


“งั้นก็ตามนั้น...รักษาตัวด้วยทุกคน”


ที่เหลือก็แค่ต้องไปทำเรื่องให้เบื้องบนรู้ว่าผมอนุญาตให้พวกเขาหยุดได้ แม้ว่าความจริงจะไม่จำเป็นต้องทำเรื่องหรือเขียนรายงานเพราะอำนาจในการอนุญาตอยู่ที่ผมอยู่แล้วก็ตาม


ยังไงผมก็อยากทำให้ถูกขั้นตอนหน่อย


เมื่อลากับทุกคนเสร็จผมก็เดินไปยังบ่อเพาะพันธุ์ด้านข้าง แสงแดดยาวเที่ยงร้านซะจนรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ห้องพักของเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์น้ำตอนนี้ไม่มีคนอยู่เลยสักคน...ดูจากเวลาคงไปกินมื้อกลางวันอยู่


ดวงตาสีน้ำตาลของผมมองผ่านไล่ไปตามชั้นติดผนัง ขวดยามากมายถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ยานั่นไม่เป็นแค่เป็นยาของสัตว์แต่ยังมียาของคนด้วย ในบ่อดูแลสัตว์ไม่ได้เพาะหรือดูแลแค่สัตว์น้ำธรรมดาอย่างกุ้งหรือปลาแต่ยังมีพวกสัตว์มีพิษด้วย


พอผมขึ้นเป็นหัวหน้าก็ได้สั่งการเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้มียาวางเรียงไว้ให้หยิบง่ายทำให้เวลาเกิดเรื่องจึงวุ่นวายสุดๆ


ขวดยาต่างๆถูกบรรจุในขวดขนาดเล็กเพื่อให้ง่ายต่อการหยิบและพกพา ผมเองก็หยิบขวดยาตรงหน้าสี่ขวดเล็กก่อนจะไปเอาจักรยานมาปั่นตรงไปยังบ่อที่129


ตลอดทางที่ปั่นผ่านก็แวะดูทั้งพี่จันหรือดาวที่กำลังดูแลเหล่าสัตว์น้ำและไปเอาถังใส่อาหารสำหรับลูก้าไปด้วย แน่นอนว่าการถือถังสองถังแถมปั่นจักรยานอีกไม่มีทางที่จะปั่นตรงทางเลยต้องลดความเร็วลงเพื่อความปลอดภัย ถึงผมจะพยายามหิ้วมาเยอะแค่ไหนทว่าด้วยขนาดตัวของลูก้าปลาแค่ถังสองถังไม่พออยู่แล้วผมจึงใช้ที่เลื่อนจัดแจงนำปลาใส่ถังส่งไปยังบ่อ129ก่อนจะขี่จักรยามตามไป


“ตรงนั้นสินะ”ผมพึมพำพลางยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นบ่อ129อยู่ในสายตา


งื๊ดดด~


ตู้ม!


เสียงครางสูงของสัตว์ขนาดใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับร่างยักษ์ที่กระโจนขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ด้วยระยะที่ผมอยู่สามารถเห็นร่างสีฟ้าลายแดงได้เต็มๆตา


ลูก้ารู้ว่าผมมาแล้ว


และดูเหมือนกำลังเร่งให้ผมรีบไปหาด้วย


“กำลังจะถึงแล้วครับ”ผมบอกแล้วเร่งความเร็วของจักรยานให้มากขึ้นอีก


ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็มาหยุดอยู่หน้าบ่อ129 ตลอดการมาที่นี่ลูก้าก็กระโดดขึ้นเหนือน้ำอยู่ตลอด โชคดีที่บ่อข้างๆยังว่างเลยไม่โดยผลกระทบจากน้ำที่กระจายตัวตอนร่างขนาดใหญ่นั่นร่วงลงสู้พื้นน้ำ


ผมไม่จำเป็นต้องส่งเสียงเรียกพอลงจากจักรยานมาก็เห็นส่วนหัวสีฟ้าโผล่ขึ้นมาพ้นผิวน้ำ ดวงตาสีเงินจับจ้องมายังผมที่นั่งลงตรงขอบบ่อก่อนจะว่ายเข้ามาใกล้


“ผมบอกแล้วไงว่าห้ามกระโจนน่ะ”


งี๊ดดด~


ลูก้าเหมือนจะไม่อยากฟังคำบ่นเลยมุดหน้าลงไปใต้น้ำแล้วส่ายไปมา


“คิก...”ถึงจะไม่เข้าใจถึงภาษาของไดโนเสาร์แต่ท่าทางที่แสดงออกมานั่นทำให้ผมหลุดขำออกมา


ผมมองร่างใต้น้ำว่ายวนไปมาด้วยรอยยิ้ม พอว่ายได้สักพักลูก้าก็โผล่ส่วนหัวและลำคอที่ยาวกว่าเดิมขึ้นมาบนผิวน้ำแล้วใช้ปลายจมูกคลอเคลียกับขาผมที่หย่อนลงไป บ่อนี่ถูกทำขึ้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นส่วนสำคัญจึงสร้างให้บ่ออยู่ต่ำกว่าด้านบนพอสมควร ที่ทำแบบนั้นก็เอาไว้สำหรับกันสัตว์น้ำที่จะกะโจนขึ้นมา


ก็ไม่อยากพูดหรอกนะแต่มันใช้กับลูก้าไม่ได้ผล


ด้วยขนาดตัวซึ่งยาวเกือบ4เมตรนั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับแรงกระโจนเวลาพุ่งทะยานขึ้นเหนือน้ำ เท่าที่กะดูน่าจะกระโจนสูงไม่ต่ำกว่า5เมตรซึ่งมากกว่าขนาดตัวและมากกว่าความสูงของบ่อจะรองรับได้


“หิวรึเปล่าลูก้า”ผมก้มลงไปถามไดโนเสาร์ด้านล่างที่ยังคลอเคลียปลายขาไม่หยุด


งี๊ดดด~


ก็ไม่รู้ว่าเสียงนั่นหมายถึงหิวหรือไม่หิวแต่ก็ขอคิดว่าหิวก่อนละกัน


“วันนี้มีปลากะพงล่ะ หวังว่าจะชอบนะ”ผมพูดพลางอุ้มถังสีเงินมาไว้บนตัก ปลากะพงขนาดกลางถูกหยิบขึ้นในท่าห้อยหัวลง ลูก้าที่เห็นก็พยายามยืดคอขึ้นมา


“ห้ามกระโจนขึ้นมาเชียว”ผมรีบพูดดัก ขืนกระโจนขึ้นมาผมได้ตัวเปียกกลับห้องแน่


งื๊ดดด~


“เอ้า”ปลากะพงถูกโยนลงไปยังปากที่อ้ารอรับอยู่แล้วด้านล่าง


แน่นอนว่าแค่ปลาตัวเดียวไม่สามารถทำให้ไดโนเสาร์ที่หนักหลายร้อยกิโลกรัมอิ่มได้ ปลากะพงในถังถูกหย่อนลงไปให้อีกฝ่ายได้กินจนหมดทุกถังในในเวลาอัดรวดเร็ว


“หมดแล้ว”ถังสีเงินถูกคว่ำลงให้อีกฝ่ายได้เห็นชัดๆ


งี๊ดดด~


“ไม่อิ่มเหรอ?”ผมพยายามทำความเข้าใจกับเสียงของลูก้าที่ครางออกมา


งี๊ดดด~


เสียงครางยังคงดังต่อก่อนที่ส่วนหัวสีฟ้าจะขยับเข้ามาใกล้ ผมเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่าคงเข้ามาคลอเคลียเหมือนก่อนหน้านี้แต่ทว่าเขี้ยวอันแหลมคมกลับอ้าออกแล้วงับขาผมเบาๆพร้อมกับกระชากลงจนตกลงไปใต้น้ำทะเลอย่างไม่ทันตั้งตัว


ดวงตาสีน้ำตาลของผมค่อยๆลืมขึ้นใต้น้ำทะเล จนสัมผัสได้ถึงความแสบเล็กน้อย


ทักษะว่ายน้ำที่ชำนาญตั้งแต่เด็กช่วยให้ผมพาร่างตัวเองขึ้นเหนือน้ำได้อย่างปลอดภัยในเวลาอันรวดเร็วโดยปราศจากความตื่นตกใจ


“แฮ่ก...”ผมสูดอากาศเข้าจนเต็มปอดก่อนจะหันไปมองไดโนเสาร์สีฟ้าลายแดงที่ว่ายวนอยู่รอบๆด้วยสายตาเคืองๆ


“ลูก้า ทำไมทำแบบนี้”


งี๊ดดด~


“ผมไม่เข้าใจหรอกนะว่าลูก้าจะบอกอะไร”ผมบอกออกไปตามตรง


ลูก้าที่ได้ยินก็เงียบลงราวกับกำลังคิด ไม่นานตัวผมก็ถูกลูก้าใช้ปากคาบแขนผมดำลงไปใต้น้ำอีกรอบ ครั้งนี้โชคดีที่ผมรู้ตัวเลยสูดอากาศเข้าจนเต็มปอดก่อนจะปล่อยร่างกายให้ถูกดึงลงไปอย่างไม่ขัดขืน


ด้านใต้ทะเลนี้เหมือนเรากำลังอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ทุกอย่างล้วนเป็นโทนสีฟ้า


การที่ผมลืมตาในน้ำได้นั้นเป็นเรื่องปกติที่ทำได้ตั้งแต่เด็กๆ ตอนแรกที่ลืมตาก็รู้สึกแสบแต่พอผ่านไปสักระยะก็รู้สึกปกติแล้ว
ลูก้ายังคงคาบผมแล้วพาว่ายไปรอบๆ


ท่าทางของลูก้าทำให้ผมเริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายคิด


เกือบเดือนที่ผ่านมาผมอยู่กับเขามาตลอด การที่ลูก้ากลับมาอยู่คนเดียวคงทำให้เหงาอยู่แน่


อีกอย่างคงจำได้ว่าผมจะสอนดำน้ำให้


แต่จะให้ผมสอนไดโนเสาร์น้ำดำน้ำก็คงจะแปลกอยู่พอควร


นอกจากผมจะเก่งเรื่องการว่ายน้ำแล้วการกลั้นหายใจผมก็ไม่เป็นลองใคร


สถิติสูงสุดของผมอยู่ที่20นาที เรียกว่าอาจสูงสุดในประเทศแต่ไม่มากเท่ากับอันดับหนึ่งของโลกที่กลั้นได้ถึง22นาทีหรอก การที่มีทักษะเหล่านี้คงเพราะได้ออกไปว่ายและดำน้ำมาตั้งแต่เด็ก


ครอบครัวผมทำอาชีพประมงน้ำลึก แต่ละวันก็อยู่แต่บนเรือกับใต้น้ำ ทักษะที่จำเป็นต้องมีติดตัวคือว่าน้ำกับกลั้นหายใจ


ผมเองก็ชอบการที่ได้อยู่ในน้ำจึงมักจะดำน้ำเล่นระหว่างที่พ่อจับปลา บางทีก็ช่วยกางตาข่ายดักจับหรือว่ายไล่ต้อนฝูงปลาตัวเล็กๆ


แต่เพราะช่วงนี้ห่างหายไปนานพอสมควรเลยรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าจะกลั้นหายใจได้ถึง20นาทีเหมือนเมื่อก่อน


มือข้างที่ไม่ถูกลูก้าคาบเอื้อมไปลูบผิวสีฟ้าบริเวณหัวพร้อมกับชี้ขึ้นไปด้านบน เพียงแค่นั้นร่างขนาดใหญ่ก็พุ่งทะยานสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว


“...ฮ่า...”ผมหอบเล็กน้อยเมื่อกลับมาหายใจได้ตามปกติ


สงสัยผมคงต้องหาเวลาไปฝึกดำน้ำซะแล้ว


แบบนี้ไม่ไหวเลย


ยังไม่ถึง10นาทีด้วยซ้ำ


งี๊ดดด~


ร่างสีฟ้าขยับเข้ามาคลอเคลียราวกับจะถามว่าเป็นไงบ้าง


“ไม่เป็นไร...คราวหน้าจะดึงลงมาก็บอกกันหน่อยนะ ตกใจหมดเลย”ผมพูดพลางลูบส่วนลำคอยาวที่มีลายคาดสีแดงประปราย


งี๊ดดด


“เด็กดี...อ๊ะ...”ยังไม่ทันพูดจบความเจ็บปวดปนแสบร้อนก็แล่นเข้ามาทั่วร่างกายจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ร่างของผมจมดิ่งลงไปใต้น้ำทะเลพร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาหาฉับพลัน


ด้วยสติที่ยังหลงเหลือเลยหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น...บริเวณข้อเท้ามีเส้นหนวดสีน้ำเงินเข้มซึ่งกลืนกับน้ำทะเลพันอยู่รอบข้อเท้า


ซวยล่ะ


หนวดนั่นเป็นของแมงกะพรุนกล่อง


พิษของแมงกะพรุนกล่องทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและถ้าปล่อยไว้นานๆมีอันตรายถึงชีวิตแน่นอน


“อึก...”ขยับไม่ได้


ระหว่างที่ในหัวกำลังหาวิธีเอาชีวิตรอดร่างสีฟ้าลายแดงก็ดำลงมาพร้อมกับคาบร่างผมให้ขึ้นสู่เหนือน้ำ ทันทีที่สามารถหายใจได้ผมก็ไม่รอช้าที่จะใช้มือยึดเกาะร่างของลูก้าไว้แน่น


ร่างกายตอนนี้ปราศจากการควบคุมโดยสิ้นเชิง


“ต้องรีบแก้พิษ...”ยาถอนพิษอยู่ในกระเป๋านี่เองแต่ในสภาพนี้คง...


งี๊ดดดดดดดดด~


เสียงครางยาวของลูก้าดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาใกล้


“น้องสาม?”


เสียงแบบนั้น...


“พี่จัน...”ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ชะโงกหัวลงมาดู


“เกิดอะไรขึ้น...เราหน้าซีดมากเลย”


“พาผมขึ้นไป...ตอนนี้ผมโดนพิษ”


“พิษ?...เข้าใจแล้ว”พี่จันไม่รอช้ารีบจัดการช่วยพาขึ้นไปโดยมีลูก้าส่งเสียงครางมาอย่างห่วงๆ


ร่างของผมถูกพยุงให้นั่งโดยมีพี่จันอยู่ข้างๆ


“พี่...เอาขวดยาในกระเป๋ากางเกง...”ก็อยากจะหยิบเองแต่ตอนนี้เริ่มมึนหัวแล้ว


“เข้าใจแล้ว...พิษที่ว่าคืออะไร?”


“แมงกะพรุนกล่อง...”


“ว่างไงนะ...บ้าเอ้ย บอกเร็วๆสิ”พี่จันรีบหยิบขวดยาออกมาก่อนจะให้ผมดื่มยาถอนพิษ บริเวณขาที่มีรอยคาดสีแดงก่ำถูกเอาขวดที่เป็นน้ำส้มสายชูสำหรับรักษาพิษของแมงกะพรุนกล่องโดยเฉพาะราดลงบนบาดแผล


“อึก...”อาการมึนหัวทำเอาทรงตัวไม่อยู่


งี๊ดดดดด~


งี๊ดดดดด~


ลูก้าส่งเสียงครางติดๆกัน ผมเองก็อยากจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ร่างกายมันกลับไม่มีแรงเลยนี่สิ เสียงครางดังขึ้นหลายๆครั้งก่อนที่สักพักจะเงียบหายไปดื้อๆ


“เฮ้อ...ล้างพิษ30วินาทีเรียบร้อย ต่อไปต้องพาไปหาหมอ”พี่จันยกมือขึ้นปาดเหงื่อเล็กน้อย


“...รบกวนด้วยครับ”ตอนนี้ขยับไม่ไหวจริงๆ


“สาม!”เสียงตะโกนอันคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับลูก้าในร่างมนุษย์ที่วิ่งเข้ามาใกล้ ใบหน้าขาวดูตื่นตระหนกและกังวลจนคิ้วขมวดเข้ากันแน่น ร่างกายเปลือยเปล่านั่นดูจะไม่ทำให้เขากังวลเท่ากับเห็นผมที่แทบขยับตัวไม่ได้


สี่วันที่อยู่ในร่างไดโนเสาร์ วันที่ห้ากลับเป็นร่างมนุษย์


“ลูก้า...”


“เป็นอะไร”


“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวก็หาย...”ผมพยายามเอ่ยออกไปแม้ว่าจะแทบไม่ไหวแล้วก็ตาม


“แต่ว่า...”


“ไม่เป็นไร...พี่จัน”ผมบอกลูก้าเสร็จก็หันไปมองหน้าพี่จัน เพียงแค่สบตากับพี่เขาก็พยักหน้านิดๆมาให้ นั่นทำให้ผมยิ้มออกก่อนจะปล่อยสติให้ดับไป



มีต่อ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 03-01-2018 17:34:56
ต่อนะคะ


สายลมอ่อนๆพัดมาโดนร่างทำให้ดวงตาสีน้ำตาลของผมค่อยๆกระพริบแล้วลืมขึ้นอย่างงัวเงีย อาการเวียนหัวและความเจ็บปวดก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิงมีเพียงความรู้สึกชาๆบริเวณข้อเท้านิดหน่อยเท่านั้น


นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนกัน


แล้วลูก้าอยู่ไหน


หลายคำถามผุดเข้ามาในหัวระหว่างที่พยุงตัวเองขึ้นนั่งบนเตียงสีขาวสะอาด ดูจากเตียงคงอยู่ที่โรงพยาบาลของศูนย์วิจัยสินะ...


“สาม”เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับร่างของลูก้ากระโดดขึ้นมาบนเตียง ดวงตาสีเงินสั่นระริกเมื่อมองมายังผมที่หันหน้าไปหา


“ลูก้า...”


“เพราะผมใช่ไหม”ยังไม่ทันได้พูดอะไรอยู่ๆลูก้าก็ตะโกนขึ้นด้วยใบหน้าคลอน้ำตา


“...พูดเรื่องอะไร”


“ก็ที่สามต้องเจ็บและหลับไปเกือบ3วันนี่เป็นเพราะพิษของผมไม่ใช่เหรอ”


“รู้มาจากไหน?”ผมจ้องมองอีกฝ่ายตรงๆ


“พี่จันบอก”


“พี่จัน...”ก่อนที่ผมจะหมดสติรู้สึกว่าจะบอกพี่จันแล้วนะว่าห้ามบอกเรื่องนี้ให้ลูก้ารู้


ที่ไม่อยากให้บอกไม่ใช่เพราะต้องการปิดบังแต่เพราะผมรู้ตัวว่าตัวเองต้องสลบไปนานแน่ ถ้าลูก้ารู้ก็จะโทษตัวเองเหมือนอย่างที่เป็นในตอนนี้


“เพราะผม...”ลูก้าก้มหน้าลงราวกับกำลังสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ


“ไม่ใช่ความผิดของลูก้า”ผมรีบพูดแทรก


“จะไม่ใช่ได้ยังไง...ผมเป็นคนทำให้สามต้องเจ็บนะ”


“ที่ผมเจ็บเป็นเพราะผมไม่ระวังเอง”


ใช่...เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผมไม่ระวัง


ผมรู้อยู่เต็มอกถึงพิษที่ลูก้ามีแต่กลับประมาทจนเกิดเรื่องแบบนี้


ลูก้าไม่รู้ว่าตัวเองมีพิษร้ายแรงอยู่ในร่างดังนั้นจึงไม่มีการระวังเป็นพิเศษ


“แต่ถ้าผมรู้สามก็คงไม่เจ็บ”ลูก้าเถียง


“อืม...การที่ลูก้าไม่รู้เป็นเพราะผมไม่ได้บอก ดังนั้นคนที่ผิดคือผมเอง”


“ไม่ใช่...ผมบอกแล้วไงว่าคนที่ผิด...”


“ลูก้า”ผมเรียกเด็กตรงหน้าเสียงดังเพื่อให้เลิกเถียงกันไปมาแบบนี้


“...เพราะผม”


“เฮ้อ...มานี่ลูก้า”ผมเรียกพลางดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดหลวมๆ ลูก้าขยับตามแรงดึงผมอย่างไม่ขัดขืนแถมยังเป็นฝ่ายกอดแน่นอีกด้วย เส้นผมสีฟ้าแซมแดงถูกลูบไปมาเบาๆให้อารมณ์เย็นลง


เถียงกันไปมาแบบนั้นวันนี้คงไม่จบพอดี


“...ขอโทษ...ขอโทษนะสาม”เสียงสะอื้นดังขึ้นพร้อมแขนที่กอดผมแน่นกว่าเดิม


ถึงจะพูดว่าไม่ใช่ความผิดของลูก้าก็คงไม่เป็นผลอยู่ดีสินะ


“ผมบอกแล้วว่าไม่ใช่เพราะลูก้า...แต่ถ้ายังโทษตัวเองอยู่แบบนั้นผมก็จะบอก...ผมยกโทษให้...เลิกโทษตัวเองได้แล้ว”พูดจบผมก็เปลี่ยนจากลูบเส้นผมมาเป็นลูบแผ่นหลังที่กำลังสะอื้นแทน


“อึก...สาม...สาม...”


“ไม่เป็นไรแล้ว...เห็นไหมว่าผมปลอดภัย”ผมปลอบต่อ


พึ่งรู้ว่าขี้แงเหมือนกันนะเนี่ย


“...นึกว่าจะไม่ตื่นขึ้นมาซะแล้ว...”เสียงพูดปนสะอื้นทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ


ตลอดเวลาที่ผมหลับไปลูก้าจะอยู่ข้างๆด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ


เขาจะรู้สึกยังไงที่เห็นผมนอนอยู่นิ่งโดยไม่ขยับเขยื่อน


ถึงจะไม่รู้แต่ก็พูดได้ว่าไม่รู้สึกดีนักหรอก


“ขอโทษที่ตื่นช้า”


“...นี่สาม”


“หื้ม?”


“บอกผมได้ไหม”


“เรื่องอะไรล่ะ”ผมถามกลับ


“พิษที่ว่าคืออะไร”น้ำเสียงของลูก้าดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาคงต้องการจะรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองเป็นรวมทั้งวิธีที่จะจัดการกับตัวเอง


“คงถึงเวลาที่ต้องบอกแล้วสินะ”ความจริงอยากให้โตกว่านี้อีกหน่อยแท้ๆ


“บอกไม่ได้?”


“เปล่า...แค่อยากให้โตกว่านี้น่ะ”


“ผมก็โตแล้วนะ”


“คนที่โตแล้วไม่ร้องไห้กันง่ายๆหรอกนะ”ผมล้อ


“...ไม่ได้ร้อง”


“เหรอ...ผมจะเชื่อดีไหมนะ เสื้อผมเปียกไปหมดแล้ว”


“ไม่ได้เปียกสักหน่อย แล้วผมก็ไม่ได้ร้องด้วย”ลูก้าผละออกจากผมไปนั่งขัดสมาธิอยู่ปลายเตียง


“คิก...”


“หัวเราะอะไร”ลูก้าถามทันทีที่เห็นผมหลุดขำ


“เปล่านี่”


“ก็เห็นอยู่ว่าขำ”


“คิดไปเองแล้ว”


“สาม”เสียงเรียกชื่อผมเคืองๆนั่นเรียกรอยยิ้มของผมให้ปรากฏขึ้น


แบบนี้สิลูก้าที่ผมรู้จัก


เด็กที่ทั้งโทษตัวเองและขี้แยผมไม่รู้จักหรอก


“ครับๆ...มาเข้าเรื่องกันดีกว่า...ก่อนจะเข้าเรื่องพิษอยากจะบอกถึงตัวตนของลูก้าก่อน”


“ตัวตน...ของผม”


“ใช่...รู้ไหมว่าทำไมตัวเองถึงสามารถกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ได้”ผมเริ่มเกริ่น


ในเมื่อต้องพูดเรื่องพิษในร่างของลูก้าก็อยากจะพูดทุกๆอย่างให้อีกฝ่ายได้รับรู้เลย


“...ไม่รู้”ลูก้าส่ายหน้าเป็นคำตอบ


“ในร่างกายของลูก้ามียีนของไดโนเสาร์กับมนุษย์ผสมกันอยู่ นั่นทำให้สามารถอยู่ในร่างของมนุษย์และไดโนเสาร์ได้”ระหว่างอธิบายผมก็ชี้ไปยังร่างของลูก้า


“...”


“พวกเราเรียกคนที่มียีนของไดโนเสาร์และมนุษย์อยู่ในร่างเดียวกันว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์”ผมอธิบายต่อไปอีก


“...ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ แปลว่าไม่ได้มีแค่ผม”


“ใช่...ไดโนเสาร์กลายพันธุ์มีอยู่เยอะพอสมควรแต่ลูก้าเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นไดโนเสาร์น้ำ”


“ทำไมล่ะ”


“เพราะทุกวันนี้ไดโนเสาร์ที่ก่อความวุ่นวายหรือหลุดออกมาไม่ได้จำกัดแค่บนท้องฟ้าหรือบนพื้นดินเท่านั้น มีหลายเหตุการณ์ที่ต้องต่อสู้ในทะเล และด้วยความทักษะการต่อสู้ในน้ำของไดโนเสาร์บนบกไม่สามารถต่อสู้กับไดโนเสาร์น้ำได้เต็มที่ทำให้ดร.ฟรานซิสสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มียีนของไดโนเสาร์น้ำขึ้นมา”


“...เพราะถูกสร้างเลยต้องอยู่เพียงลำพังเหรอ”คำถามต่อมาดังขึ้นพร้อมลูก้าที่ทำหน้าเศร้า


“ไม่ใช่หรอกลูก้า...ตอนนี้ลูก้ามีผมไง”ผมตอบคำถามนั้น


“แต่ถ้าอยู่ในร่างไดโนเสาร์ก็ต้องอยู่คนเดียว”


“ครั้งหน้าผมลงไปว่ายน้ำด้วยดีกว่า”


“ไม่ได้นะ...ถ้าสามเจ็บขึ้นมาอีกละ”ลุก้ารีบพูดค้านทันทีที่ได้ยิน


“อ้อ...เหมือนจะลืมบอกเรื่องพิษไปสินะ พิษของลูก้ามีอยู่สองที่...ที่แรกคือตามเกราะสีแดงบนหลังกับเส้นใยหนวดสีฟ้าเข้ม ถ้าว่ายอย่างระมัดระวังก็ไม่โดนหรอกน่า”พิษของลูก้ามีของแมงกระพรุนกล่องและปลาหินผสมอยู่ซึ่งถ้าถามถึงระดับอันตรายของพิษเหล่านั้นผมคงให้เป็นอันดับ1ของไดโนเสาร์กลายพันธ์ทั้งหมด ไม่สิ อาจจะเป็นอันดับต้นๆของสัตว์บนโลกนี้เลยก็ได้


แมงกะพรุนกล่องคูโบซัว เป็นแชมป์สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก รายงานว่ามันฆ่าคนไปแล้วหลายหมื่นคน พิษของมันนั้นจะแล่นเข้าไปทำลาย หัวใจ ระบบประสาท ผิวหนัง และที่สำคัญถ้าโดนพิษเข้าไปจะให้ความรู้สึกทรมานและเจ็บปวดอย่างที่สุดจนกว่าจะสิ้นลม


สำหรับปลาหินหรือStonefish เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดของโลก ซางมีต่อมพิษใต้ผิวหนังในครีบแข็งของมัน พิษจะถูกปล่อยออกมาเมื่อเนื้อเยื่อหุ่มบริเวณปลายหนามฉีกขาด โดยพิษของปลาหินนอกจากจะได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล้วหากได้รับพิษไปในปริมาณมากจะส่งผลให้เกิดอาการเพ้อ ขาดสติ และส่งผลให้เสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน


ตอนอ่านข้อมูลสายพันธ์ต่างๆที่ผสมอยู่ในตัวลูก้าผมก็อยากจะเห็นหน้าของเซโครตอนฟังพ่อตัวเองอธิบายถึงความพิเศษของลูก้าซะเหลือเกิน เพียงแค่พิษชนิดเดียวก็มากพอและมากเกินที่จะใช้ป้องกันตัวแล้วแต่ดันผสมมาถึง2ชนิด


ผมคงต้องเตรียมการป้องกันในเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว จะปล่อยให้เกิดเรื่องก่อนแล้วค่อนคิดจัดการมันจะสายเกินแก้ พิษที่ลูก้ามีผมต้องนำมาวิเคราะห์และทำวัคซีนเฉพาะขึ้นมาใหม่


ในปัจจุบันแม้จะมียาแก้พิษอยู่แล้วแต่ยังไม่มียัวไหนแก้พิษที่ผสมกันของแมงกระพรุนกล่องกับปลาหินมาก่อน


“ทำไมถึงต้องมีพิษด้วย”


“พิษนั้นจะใช้เป็นอาวุธเมื่อลูก้าต่อสู้”


“ต้องสู้เหรอ”ดวงตาสีเงินที่เงยขึ้นมาประสานกับดวงตาสีน้ำตาลของผมอย่างขอคำตอบ


“ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ส่วนมากจะสู้เพื่อปกป้องมนุษย์”


“มนุษย์...”


“มันยังไม่ใช่เรื่องที่ลูก้าต้องคิดหรอก ค่อยๆเรียนรู้ไปทีละนิดเถอะ”พูดจบผมก็เอื้อมมือไปขยี้เส้นผมสีฟ้าแซมแดงไปมา


“เข้าใจแล้ว”ลูก้าพยักหน้าตอบกลับมา


“จบเรื่องนี้แล้วนะ...ต่อไปก็ไปว่ายน้ำเล่นกันดีกว่า”อย่แต่กับเตียงมาหลายวันรู้สึกว่าร่างกายตึงๆไปเยอะเลย


“แต่แผล...”ลูก้าพูดแล้วก้มมองยังบริเวณข้อเท้าที่มีร่องรอยเหมือนโดนอะไรรัดรอบๆ


“ไม่เป็นไรแล้วน่า...เดี๋ยวใช้ผ้าพันแผลกันน้ำเอา”


“แน่ใจว่าไม่เป็นไร”น้ำเสียงห่วงๆนั่นทำให้ผมยิ้มออก


การมีคนคอยห่วงรู้สึกดีจริงๆ


“ไม่เป็นไรแน่นอน”ผมลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่รอให้ลูก้าพูดอะไรต่อ ผ้าพันแผลกันน้ำถูกหยิบออกมาจากตู้ยาด้านข้างก่อนจะจัดการพันแผลบริเวณข้อเท้าอย่างชำนาน


ดูจากรอยคงจะกลายเป็นแผลเป็น แต่สำหรับผมไม่คิดมากเรื่องนั้นอยู่แล้ว


ไม่ได้จะโชว์เท้าให้ใครดูสักหน่อย


หลังจากนั้นผมก็พาลูก้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ดำน้ำ เสื้อชูชีพ หน้ากากและถังใส่ออกซิเจนมีให้หยิบกันได้ตามต้องการ สิ่งที่ผมหยิบมีแค่เสื้อชูชีพเพราะยังไงวันนี้ก็คงสอนได้แค่ว่ายน้ำเท่านั้น


ดำน้ำเอาไว้สอนวันอื่นละกัน


“อ้อ...หน้ากากด้วย”ผมหันไปหยิบหน้ากากมาหนึ่งอันก่อนจะเดินออกไป


ลูก้ายังไม่เคยอยู่ในน้ำทะเลในร่างมนุษย์ผมเลยไม่รู้ว่าเขาสามารถลืมตาในน้ำได้ไหม ถ้าลืมไม่ได้ก็จะให้ใช้หน้ากากนี่


สถานที่ที่ผมพาลูก้ามาเป็นชายหาดห่างจากตึกวิจัยอยู่พอสมควร ที่นี่ไม่ได้เป็นหาดทราบสีขาวแต่เต็มไปด้วยหินและน้ำทะเลในระดับที่ลึกพอสมควร ตอนแรกก็ว่าจะพาไปชายหาดปกติอยู่หรอกแต่กว่าจะว่ายไปตรงน้ำลึกก็เสียเวลาแถมแดดยังร้อนอีกไม่เหมือนกับตรงนี้ที่ด้านบนเป็นหน้าผาสูงช่วยบดบังแสงจากพระอาทิตย์ได้


“ใส่เสื้อชูชีพกับหน้ากากนี่ไว้นะ”ผมจัดการสวมทุกอย่างให้ลุก้าพร้อมพูดอธิบายถึงหลักการว่ายน้ำไปเรื่อยๆ


“แล้วของสามล่ะ”ลูก้าถามกลับ


“ผมไม่ต้องใส่หรอก”ไม่คิดว่าตัวเองจะจมด้วย


“งั้นผมก็ไม่ใส่ด้วย”


“ไม่ได้ๆ...ต้องใส่ไว้ก่อน ถ้าว่ายได้ค่อยถอดออก”ยังไม่ทันรู้เลยว่าว่ายได้ไหมขืนปล่อยให้ถอดหมดแล้วกระโดดลงไปอาจไม่ลอยขึ้นมาก็ได้


ถึงอีกร่างจะเป็นไดโนเสาร์น้ำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในร่างมนุษย์จะว่ายน้ำเป็น


“ผมว่ายได้น่า”


“เอาน่า...ตอนนี้มายืดกล้ามเนื้อก่อน”ผมพูดก่อนจะเริ่มท่ายืดกล้ามเนื้อ ลูก้ามองมาสักพักก่อนจะทำตามอย่างเสียไม่ได้


พอทำเสร็จทุกท่าผมก็ถอดเสื้อออกวางพาดไว้บนโขดหินเหลือเพียงกางเกงขาสั้นที่เตรียมไว้ ผิวสีน้ำผึ้งเผยออกมาสะท้อนกับแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่อง


“ผมลงไปก่อนนะ”หันไปบอกลูก้าเสร็จก็ลงไปยังน้ำทะเลด้านล่าง ด้วยระดับน้ำที่สูงแต่ยังยืนถึงทำให้ผมไม่เสี่ยงที่จะกระโดดลง


“ผมลงได้รึยัง”ลูก้าถาม


“อืม...ลงมาเลย”ผมพยักหน้าตอบอีกฝ่าย


ตู้ม


ลูก้าที่ได้รับอนุญาตก็กระโดดลงมาจนน้ำรอบข้างกระจายออกเป็นวงกว้างแม้แต่ผมเองยังต้องหลบน้ำที่กระเซนมา ผมเตรียมหันไปบ่นการกระทำของลูก้าเต็มที่แต่พอมองไปกลับเจอเพียงเสื้อชูชีพที่ลอยอยู่กับหน้ากากดำน้ำเท่านั้น


“ลูก้า!”ผมตะโกนเสียงดังอย่างตื่นตระหนก


อย่าบอกนะว่าจมน่ะ


แล้วทำไมเสื้อชูชีพกับหน้ากากถึงหลุดออกได้ง่ายขนาดนี้เนี่ย


น้ำตรงนี้ก็อยู่ระดับอกผมเรียกว่าไม่ลึกมาก ดังนั้นก็ไม่น่าจะจมได้


“...เรียกทำไมสาม”


“ลูก้า”เสียงจากด้านหลังเรียกให้ผมหันกลับมองอย่างรวดเร็ว ด้านหลังผมมีลูก้าลอยคอมองมาด้วยสายตางงๆราวกับไม่เข้าใจว่าผมเสียงดังทำไม


“เสียงดังนะสาม”


“จะไม่ให้เสียงดังได้ยังไง...บอกแล้วไงว่าให้ใส่เสื้อชูชีพกับหน้ากากไว้น่ะ”หัวใจผมเกือบจะวายแล้วเชียว


“สามบอกว่าถ้าว่ายได้ค่อยถอดออกนี่ ตอนกระโดดลงน้ำก็รู้แล้วว่าว่ายได้เลยถอดออก”ลูก้าอธิบายเสียงใส


“ถอดเร็วเกินไปแล้ว”


“ก็มันอึดอัดนี่...แบบนี้สบายกว่า”พูดจบลูก้าก็มุดลงไปใต้น้ำ ร่างมนุษย์แหวกว่ายรอบตัวผมด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย


ท่วงท่าของการว่ายไม่เหมือนกับคนที่เคยเรียนมา ท่านั้นเป็นท่าตามธรรมชาติราวกับว่าร่างกายเป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำ


ผมมองลูก้าว่ายสักพักก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเท่าที่นับอยู่รู้สึกว่าจะกลั้นหายใจมามากกว่า5นาทีแล้วนะ


ว่ายน้ำครั้งแรกส่วนมากแค่3นาทีก็แทบไม่ไหวแล้ว


“สาม...ไม่ว่ายเหรอ”ลูก้าโผล่ขึ้นมาบนน้ำก่อนจะถาม


“อ่า...ว่ายสิ...นี่ลูก้าทำไมถึงได้กลั้นหายใจได้นานขนาดนั้นทั้งที่ทำเป็นครั้งแรก”


“ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย...ตอนอยู่ในร่างไดโนเสาร์ก็ทำบ่อยๆ แต่เหมือนจะต่างกันอยู่เยอะ ในร่างนี้หายใจไม่ออก”


“ที่ลูก้าทำในร่างไดโนเสาร์ไม่ใช่การกลั้นหายใจแต่เป็นการหายใจ ที่ในร่างมนุษย์ทำแบบนั้นไม่ได้เหราะมนุษย์หายใจไนน้ำไม่ได้...ที่ทำได้คือการกลั้นหายใจ”ผมอธิบายขยายความให้ลูก้าฟัง


ดูเหมือนเขาจะสับสนกับร่างกายทั้งสองของตัวเองอยู่ไม่น้อย


ดีที่ไม่หายใจเข้าไปไม่งั้นคงสำลักน้ำแน่


“สามก็กลั้นหายใจได้สินะ”


“แน่นอน...ได้นานด้วยนะ”ขออวดสักหน่อยเถอะ


“ผมจะกลั้นได้นานอย่างสามไหม”


“ไม่รู้สิ เรื่องนี้มันอยู่ที่ความสามารถของแต่ละคน”ถึงจะฝึกเหมือนๆกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลั้นหายใจได้ในเวลาเท่ากัน


“เหรอ...”


“แล้วตาน่ะ...ไม่แสบใช่ไหม”ผมถามต่ออีก


เห็นลืมตาว่ายไปมาอยู่ตั้งนานไม่เห็นมีอาการระคายเคืองอะไรเลย


“ไม่นี่”


“ดีแล้ว...งั้นไปว่ายต่อเถอะ”ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายดำลงไปก่อนจะว่ายไปยังน้ำที่อยู่ลึกกว่านี้ ด้วยขอบเขตสายตาของมนุษย์เมื่ออยู่ในน้ำจะแคบลงแต่ก็ยังมองเห็นอยู่พอสมควร


บรรยากาศใต้น้ำต่างจากด้านบอย่างสิ้นเชิง ความเย็นของน้ำโอบอุ้มร่างกายไว้ในทุกการเคลื่อนไหว ถ้ายิ่งว่ายฝืนก็จะไปต่อไม่ได้แต่ถ้าปล่อยตัวไปตามกระแสน้ำทุกอย่างก็จะลื่นไหล


ผมชอบความรู้สึกเมื่ออยู่ใต้น้ำแบบนี้


มันทั้งสงบและสบายใจ


สีฟ้าเป็นสีที่มองเท่าไหร่ผมก็ไม่เคยเบื่อ


ผมพลิกร่างตัวเองขึ้นมามองผิวน้ำด้านบนที่กระเพื่อมไปมาด้วยรอยยิ้มที่ค่อยๆคลี่ออก แสงระยิบระยับเมื่อมองจากด้านล่างนี่ช่างงดงามจริงๆ


เหม่อมองด้านบนได้สักพักก็ถูกลูก้าที่ว่ายตามมาดึงแขนผมให้ว่ายตามไปในระดับที่ลึกขึ้น ความจริงก็อยากจะบอกให้หยุดแต่รอยยิ้มมุมปากของลูก้านั่นทำให้ผมเลือกที่จะตามอีกฝ่ายไป


ลูก้าดึงผมไปจนถึงส่วนลึกของทะเล เหล่าปะการังหลากสีสันขึ้นเรียงรายอยู่ตามพื้นทรายไปจนถึงโขดหิน ฝูงปลาขนาดเล็กแตกระจายออกเมื่อลูก้าและผมว่ายเข้าไปใกล้


ที่นี่ยังถือเป็นทะเลน้ำตื้นอยู่เลยเจอแค่ปลาตัวเล็ก ถ้าไปดำทะเลลึกคงจะสุดยอดกว่านี้หลายเท่า


ด้วยความที่อากาศในปอดใกล้จะหมดผมเลยกระตุกมือที่ถูกลูก้าจับไว้แทนคำพูด ลูก้าเองก็เหมือนจะรู้ถึงสิ่งที่ผมจะบอกเลยพยักหน้าก่อนพวกเราจะค่อยๆว่ายขึ้นไปยังด้านบน


“อ่า...”ความร้อนของด้านบนปะทะเข้าร่างทันทีที่โผล่ขึ้นมาหายใจ ผมหายใจเข้าออกสักพักก็สังเกตว่ายังไม่ได้ยินเสียงลูก้าเลยหันกลับไปมองด้านข้าง


ลูก้าที่มักจะทำหน้านิ่งอยู่เสมอตอนนี้กลับกำลังยิ้มแม้จะไม่ใช่การยิ้มกว้างแต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอีกฝ่ายยิ้มแบบนี้


“ลูก้า...”


“สุดยอดเลย...เวลาอยู่กับสามผมรู้สึกดีมากๆเลย”


“ผมก็เหมือนกัน”การที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้รู้สึกดีกว่าอยู่คนเดียวเยอะเลย


หลังจากว่ายน้ำจนพอหนำใจผมก็ลากลูก้าขึ้นฝั่ง ที่ต้องใช้คำว่าลากเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ยอมขึ้นจากน้ำทั้งที่ว่ายไปหลายชั่วโมงแล้ว พละกำลังของลูก้ามีมากกว่ามนุษย์ปกติทำให้ผมลากเขาแทบไม่ไป ยังดีที่ลูก้ายอมผ่อนแรงให้ผมลากขึ้นฝั่งได้ง่ายๆ


ห้องอาบน้ำที่ผมพาไปเป็นห้องอาบน้ำของพนักงานดูแลสัตว์น้ำที่อยู่ไม่ไกล พวกเราแยกกันอาบคนละห้องก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดที่ผมเตรียมไว้ก่อนมานี่ พอแต่งตัวเสร็จก็พาลูก้าไปกินข้าวและพากลับห้องในที่สุด


“ไม่เจ็บแผลใช่ไหม”ลูก้าเอ่ยถาม


“ไม่เจ็บหรอก แค่ชานิดหน่อย”ระหว่างตอบผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบผ้าเช็กผมออกมา


“เพราะผมดึงสามลงมา...”


“ไม่ๆๆ...อย่าทำหน้าแบบนั้น บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ความผิดของลูก้า”ผมรีบพูดแทรกแล้วเดินไปหาอีกฝ่ายบนเตียง


“ทำไมถึงไม่โทษผมทั้งๆที่ดูยังไงผมก็เป็นฝ่ายผิดล่ะ”


“ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ลูก้าคิดแบบนั้นหรอกนะ...แต่ผมจะบอกไว้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันไม่ใช่ความผิดของลูก้าเลยสักนิดเดียว”สิ่งที่ผมพูดไม่ใช่เพราะโอ๋ลูก้าแต่มันคือความจริง


ลูก้าผิดที่ดึงผมตกน้ำแต่ก็เป็นความผิดผมที่อ่านพฤติกรรมนั้นไม่ออกทั้งที่จบสายนั้นมา


ดูยังไงคนที่ผิดก็คือผม


“ผมยังอยู่กับสามได้ใช่ไหม”ลูก้าถามต่อพลางขยับตัวมากอดผมไว้ ผมได้แต่ยิ้มบางๆแล้วเอื้อมมือไปกอดตอบอีกฝ่ายบ้าง


คำตอบของคำถามนั่น


ผมไม่จำเป็นต้องคิดสักนิด


“แน่นอน”
................................................................................

สวัสดีค่ะ

มาอัพเร็วเป็นพิเศษแทนขอขวัญวันปีใหม่จากเรานะคะ

อาจจะมาหลังปีใหม่นานหน่อย แบบว่าพึ่งแต่งเสร็จ555

เนื้อเรื่องช่วงนี้ยังค่อยเป็นค่อยไปอยู่ค่ะ ไม่ได้มีอะไรให้ตื่นเต้นนักแต่อีกไม่กี่ตอนจะเริ่มตื่นเต้นมากขึ้นค่ะ

เราอยากแต่งให้มีโมเม้นของความสัมพันธ์ในช่วงแรกก่อนจะขยับไล่เป็นขั้นๆไป

ยิ่งแต่งยิ่งรู้สึกอยากหาเด็กสักคนมาฟัดใฟ้หายอยากเลย

ลูก้าแม้จะเป็นเด็กแต่ความคิดค่อนข้างไปไกลกว่าเด็กธรรมดามากและโตเร็วสุดๆ

ฉากใต้น้ำเป็นฉากที่เราพยายามบรรยายออกมาให้เห็นภาพมากที่สุด ไม่รู้จะทำได้ดีไหมแต่ก็จะพยายามเต็มที่ค่ะเพราะจุดเด่นของภาคนี้คือน้ำ

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้า

ขอบคุณทุกๆคนที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ

บ๊ายบาย

--มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์--

ในวันนี้ขอเปลี่ยนจากไดโนเสาร์เป็นแมงกะพรุน ซึ่งแมงกระพรุงชนิดนี้ก็เป็นหนึ่งในยีนของลูก้า
แมงกะพรุ่นกล่องนั่นเอง

(https://teen.mthai.com/app/uploads/2014/08/Box-Jellyfish5.jpg)

แมงกะพรุนกล่อง ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับชนิดของสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก

แมงกะพรุนหลายชนิดมีพิษ โดยบริเวณหนวดและแขนงที่ยื่นรอบปาก เรียกว่า เข็มพิษ ใช้สำหรับฆ่าเหยื่อ หรือทำให้เหยื่อสลบก่อนจับกินเป็นอาหาร ซึ่งโดยมากเป็น ปลา และใช้สำหรับป้องกันตัว ภายในเข็มพิษของมันมีน้ำพิษที่เป็นอันตรายทำให้เกิดอาการคัน เป็นผื่น บวมแดง เป็นรอยไหม้ ปวดแสบปวดร้อน และเป็นแผลเรื้อรังได้ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

แมงกะพรุนกล่องชนิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีเซลล์เข็มพิษมากถึง 4-5,000,000,000 ล้านเซลล์ ในหนวดทั้งหมด 60 เส้น ซึ่งมีผลทางระบบโลหิต โดยไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้โลหิตเป็นพิษ และเสียชีวิตลงได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม


เครดิต https://teen.mthai.com/variety/78017.html


nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-01-2018 18:09:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 03-01-2018 18:10:45
แอบรอเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บางเลย อิอิ~
ขอบคุณค่า สนุกมากเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเข้าเล้าวันละหลายๆรอบเลย 555555
ลูก้าเป็นเด็กน้อยน่ารักมากกกก น่าเอ็นดูสุดไรสุด //ขอบีบแก้มนะคะ 5555 น้องยังเด็กอยู่ได้รับบทเรียนนี้ไปจากนี้จะทำอะไรน้องคงคงเยอะมากแน่ๆ โตไวๆ แล้วมาดูแลสามนะจ๊ะ ฮุฮุ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 03-01-2018 18:36:58
ลูก้าน่ารักก  สามดูแลลูก้าดีๆน้า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 03-01-2018 19:12:56
แอบสงสัยว่าหนวดกระพรุนของลูก้าอยู่ตรงไหน?....

สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 03-01-2018 19:32:34
รู้สึกดีต่อใจ... น่ารักทั้้งคู่
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-01-2018 19:55:41
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ

ลูก้า สาม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 03-01-2018 20:40:14
งือออออออออออน้องงงงงงงงง มีคำว่าน้องเต็มไปหมดเลยยยยยงื้อออออออน้องลู
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-01-2018 21:12:29
หายไปนานเลยคิดถึง
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 03-01-2018 23:21:27
โอ๋ๆ เด็กน้อย~
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 03-01-2018 23:37:13
น้องยังรู้สึกผิดอยู่เลยย แต่เราเขื่อว่ามันจะเป็นบทเรียนให้ลูก้าระวังขึ้น ต่อไปคงจะแตะสามอย่างระมัดระวังและอ่อนโยน ไม่เกี่ยว 5555 แต่ยังไม่เฉลยเนอะ ว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้เปลี่ยนร่าง รอติดตามตอนต่อไปค่าา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 04-01-2018 01:35:41
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 04-01-2018 09:21:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 04-01-2018 17:32:45
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 04-01-2018 22:12:24
พิษน่ากลัวอ่า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: KoiKa ที่ 04-01-2018 22:30:35
พิษน่ากลัวสุดๆจริง โชคดีมากที่สามไม่เป็นไร ไม่งั้น กอดลูก้้าร้องไห้แน่เลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-01-2018 16:03:07
ต่อไปก็ต้องระวังนะสาม ไม่งั้นลูก้าจะอยู่กับใคร
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 06-01-2018 21:42:55
น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 07-01-2018 01:19:18
นี่คือพึ่งรู้ว่ามีแมงกะพรุนพิษร้ายแรงขนาดนี้ด้วย อ่านนิยายแล้วได้ความรู้เรื่องนี้ไปด้วย ชอบบบ~~ รอตอนต่อไปคร้าบบ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-01-2018 22:14:33
สามมีผลกับลูก้ามากนะ
เปลี่ยนร่างได้ ตอนห่วงสาม

ลูก้าน่ารักนะ ทะเล้นด้วย
แต่สามก็น่ารักเหมือนกัน ดูแลดีไปอีก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 07-01-2018 23:23:12
น่ารักกกกก รอลูก้าโต หุหุ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 08-01-2018 11:01:45
ลูก้าลูกกกกกก น่ารักมากน้องรู้สึกผิดจนอยากจะโอ๋ๆๆๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่3◈♦> 3/1/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-01-2018 19:20:02
ตามด้วยยยยย ทุกภาคเล่อ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 12-01-2018 22:10:23
◈ธาราที่4◈



ผ่านพ้นวันหยุดยาวกว่า5วันไปผมก็ต้องกลับมาทำงานตามปกติแม้ว่าในความเป็นจริงวันหยุด5วันนั่นผมก็หมดสติไปกว่าครึ่งได้ จะได้พักจริงๆก็มีแค่2วันหลังที่พาลูก้าไปว่ายน้ำตลอดทั้งวัน


จากที่สังเกตถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์แต่ก็มีความสามารถในการว่ายน้ำ ดำน้ำรวมถึงการกลั้นหายใจนั้นทำได้ดีว่ามนุษย์ปกติ เพราะเล็งเห็นถึงความสามารถนั้นทุกครั้งที่มีเวลาว่างผมก็จะพาลูก้าไปหัดดำน้ำอยู่เรื่อยๆจนตอนนี้สามารถดำในน้ำลึกกว่า30เมตรได้อย่างสบายๆโดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์อย่างถังออกซิเจนหรือหน้ากากเลยสักนิด


ผมเองพอได้ลื้อฟื้นการดำน้ำอย่างจริงจังก็ทั้งสนุกและมีความสุขมาก แต่ด้วยความที่เป็นมนุษย์เลยมีข้อจำกัดด้านกายภาพอย่างการดำลงไปในน้ำลึกๆจะมีอาการปวดตาถ้าไม่ใส่หน้ากากป้องกันไว้ สาเหตุที่เป็นแบบนั้นคงเพราะแรงดันน้ำที่มากขึ้น


ในเมื่อรู้ถึงข้อจำกัดของตัวเองผมก็พยายามหาทางแก้โดยใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันที่มีความก้าวหน้า คอนแทคเลนส์สำหรับดำน้ำลึกถูกออกแบบแล้วสร้างขึ้นอย่างลับๆด้วยฝีมือของผมก่อนจะนำไปทดลองด้วยตัวเองตอนพาลูก้าไปดำน้ำ


ด้วยเทคโนโลยีในตอนนี้มีคอนแทคเลนส์กันน้ำอยู่มากมายแต่ถึงจะกันน้ำได้ก็ไม่สามารถใช้ในระดับที่ลึกเกินกำหนดได้ เพราะแบบนั้นผมถึงต้องลงมือสร้างด้วยตัวเอง


ความจริงก็มีอีกหลายๆอย่างที่อยากลองสร้างเช่นชุดดำน้ำที่ใส่ง่ายและทดแรงดันน้ำได้ในระดับสูงหรืออ๊อกซิเจนแบบพกพาที่สามารถต่อลมหายใจได้มากกว่า2ชั่วโมง


ความคิดพวกนั้นทำเอาผมคันไม้คันมือจนแทบอยู่เฉยไม่ได้ทว่าการจะมีอิสระในการทดลองตามต้องการก็ต้องจัดการงานวิจัยที่ได้รับมอบหมายมาซะก่อน


แน่นอนว่างานวิจัยนั้นผมกับเหล่าทีมวิจัยได้ร่วมคิดและทดลองมากว่า4เดือนเศษแล้ว


“สาม...ดูท่าว่าจะล้มเหลวอีกแล้วสิ”ยุเดินมาบอกผลการทดลองด้วยใบหน้าเครียดๆ


“งั้นเหรอ...เราพลาดตรงไหนกันนะ”ผมกระแทกตัวนั่งลงกับเก้าอี้ด้านหลังอย่างไม่สบอารมณ์


เวลาที่หาคำตอบไม่ได้มันมักทำให้ผมอารมณ์เสียเสมอ


หัวข้อการวิจัยครั้งนี้คือการเพาะพันธุ์ไบรโอซัวชนิดหนึ่งชื่อ Bugula neritina ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องเป็นไบรโอซัสชนิดนั้นคำตอบง่ายๆก็คือไบรโอซัว Bugula neritina นั้นเป็นแหล่งกำเนิดของสารไซโตท็อกซิน หรือ ไบรโอสเตติน ซึ่งพบว่ามีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ทำให้มีหลายคนต้องการและมีการซื้อขายในตลาดมืดในราคาสูงจนเกิดการลักลอบค้าไบรโอซัวชนิดนั้น


จำนวนล่าสุดที่ได้จากการสำรวจค่อนข้างน่าตกใจเพราะไบรโอซัว Bugula neritinaเหลืออยู่ไม่มากและคาดว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างมันจะเป็นพืชที่สูญพันธ์เป็นอย่างต่อไป


พอทางศูนย์วิจัยทราบเรื่องนี้ก็สั่งการลงมาให้ผมและเหล่าทีมวิจัยทำยังไงก็ได้ที่จะยับยั้งการสูญพันธ์ของไบรโอซัว Bugula neritina


พวกเราที่ตกลงทำวิจัยก็ได้ออกไปหาตัวอย่างของไบรโอซัวชนิดนั้นมาวิเคราะห์และลองเพาะพันธ์ดูแต่สิ่งที่ได้มาคือความล้มเหลวเพราะไม่สามารถเพาะพันธ์ได้อย่างที่คิด


“หรือเราควรลองไปเพาะในบ่อดู”พี่พลออกความเห็นหลังจากที่คิดอยู่นาน


“ถ้าเพาะที่นี่ไม่ได้ต่อให้ไปบ่อก็ค่าเท่ากัน”ผมตอบไป ถึงที่นี่จะไม่ใช่บ่อสำหรับเพาะพันธุ์แต่ก็มีห้องที่ใช้น้ำทะเลและทำการปรับให้มีทั้งคลื่นและลมเสมือนอยู่ในทะเลจริงๆ เรียกว่าเป็นสิ่งเสมือนของทะเลก็ได้


ถ้าเพาะที่นี่ไม่ได้ต่อให้ลองไปเพาะยังบ่อก็ไม่น่ามีอะไรเปลี่ยน


“ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเพาะไม่ได้...จะบอกว่าอุณหภูมิผิดก็ไม่ใช่เพราะแม้แต่ตอนกลางคืนอุณหภูมิก็ปรับไปตามกลไกลของทะเลจึงไม่น่าจะมีความผิดพลาดได้...”ยุเริ่มที่จะบ่นคนเดียวโดยที่สายตาจับจ้องไปยังเอกสารข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมไว้


“ถ้าไม่ใช่อุณหภูมิอาจเป็นความเค็มของน้ำรึเปล่า”ผมพูดขึ้นลอยๆ


“ไม่ใช่แน่นอน...ระดับความเค็มที่ไบรโอซัว Bugula neritinaต้องการคือระดับไหนเราวิเคราะห์กันมาอย่างดีแล้ว ความเค็มของน้ำน่าจะอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่สุดในการเติบโต...ไม่แน่ว่าอาจเพราะการตัดต่อยีน...”


“ไม่มีทาง...การตัดต่อยีนด้วยฝีมือของพวกเราแทบไม่มีคำว่าผิดพลาด อีกอย่างเราก็ไม่ได้ลองตัดต่อยีนแค่ครั้งเดียวแต่ลองมาหลายครั้งแล้ว จะบอกว่าเราตัดต่อผิดพลาดทั้งหมดก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้”ผมรีบพูดค้านสิ่งที่ยุคิด


บุคลากรของศูนย์วิจัยนี่เป็นผู้ที่มีทั้งทักษะ ความรู้ และความสามารถที่ไม่แพ้ใคร การจะพลาดเรื่องการตัดต่อยีนทุกครั้งแบบนั้นเป็นไปไม่ได้


“พวกเราอาจมองอะไรพลาดไปก็ได้นะคะ”ผู้ช่วยสาวด้านข้างเอ่ยขึ้น


“นั่นสิ...”ต้องมีบางอย่างที่พลาด


อะไรบางอย่างที่นึกไม่ถึง


ไม่แน่ว่าสิ่งที่พลาดอาจเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุดก็ได้


ทั้งสถานที่และอุณหภูมิต่างเหมาะสม


ระดับความเค็มและการตัดต่อก็ไม่มีปัญหา


ถ้าจะมีปัญหาอะไรต้องไม่ใช่สิ่งที่พูดไปแน่


ไบรโอซัวหรือมอสทะเลเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มโคโลนีขนาดเล็ก ที่สามารถสร้างโครงสร้างแข็งด้วยสารแคลเซียมคาร์บอเนต เมื่อดูอย่างผิวเผินแล้วจะมีลักษณะคล้ายปะการัง ปกติพวกมันสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศจึงง่ายต่อการเพาะพันธุ์ตามธรรมชาติ


เดี๋ยวนะ...


สัตว์เหรอ


“สัตว์ไงล่ะ”ผมตะโกนขึ้นเมื่อรู้แล้วว่าทำไมการทดลองถึงล้มเหลว


“อะไรสาม...คิดอะไรได้เหรอ บอกมาเร็วๆ”ยุเข้ามาเขย่าแขนผมไปมาด้วยความอยากรู้


“พวกเราไม่ได้วิเคราะห์หรือทดลองผิดพลาดแต่เรากลับลืมเรื่องพื้นฐานที่สำคัญที่สุดไป...ไบรโอซัวเป็นสัตว์...เป็นสัตว์ที่ต้องการอาหาร”ทันทีที่ผมพูดจบทุกคนในห้องก็เบิกตากว้างขึ้น คำอธิบายผมดูเหมือนจะทำให้ทุกคนกระจ่างแล้ว


“แบบนี้นี่เอง...พวกเราพลาดในสิ่งที่เป็นพื้นฐานของพื้นฐานเลยสินะ”ยุพึมพำเสียงเบา


“ใช่”สิ่งเดียวที่พวกเราพลาดคือไม่ได้ให้อาหารไบรโอซัว Bugula neritina


ลืมคิดไปเลยว่าถึงจะมีรูปร่างคล้ายปะการังแต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ต้องการอาหาร


“แบบนี้ก็สามารถเพาะพันธุ์ไบรโอซัว Bugula neritinaก็สำเสร็จแล้วละนะ”พี่พลพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มต่างกลับก่อนหน้านี้ที่หดหู่อย่างสิ้นเชิง


“ยังไม่แน่ว่าจะสำเร็จหรอก เราต้องรอดูผลอีกที...เอาล่ะ มีเริ่มทำกันเลยดีกว่า”ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเตรียมเดินเข้าไปยังห้องทดลองอีกครั้ง


“จะทำก็ได้อยู่หรอกแต่ด๊อกเตอร์ไม่ต้องไปหาลูก้าเหรอ...นี่มันจะทุ่มแล้วนะ”


“จะทุ่มแล้ว?...ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า”ผมนึกว่าพึ่ง4โมงเย็นซะอีก


“นี่สาม”ยุสะกิดเรียกจากด้านหลัง


“อะไรยุ”


“จากนี้เดี๋ยวผมกับทุกคนจัดการเองได้ สามน่าจะหยุดไปอยู่กับลูก้าหน่อยนะ”


“ยุ...”


“ช่วงที่ทำวิจัยก็กลับดึกตลอดแทบไม่มีเวลาให้เด็กเลย แบบนั้นจะทำให้เด็กเติบโตได้ไม่เต็มที่...พรุ่งนี้ก็พาไปเที่ยวสักหน่อยสิ”ยุพูดต่อ


ก็จริงอย่างที่ยุว่า ยิ่งรู้ว่าการทดลองล้มเหลวผมก็ยิ่งหมกตัวอยู่กับการวิจัยทำให้มักจะไปหาลูก้าสาย และพอกลับถึงห้องยังไม่ได้ทันคุยอะไรกันผมก็สลบคาเตียงแล้ว


“แต่จะเอาเปรียบให้ทุกคนทำงานผมก็...”


“ไม่เรียกว่าเป็นการเอาเปรียบหรอกค่ะหัวหน้า”ผู้สวยสาวพูดขึ้นพลางเหล่ไปทางพี่พล


“ใช่ๆ...รางวัลที่หาข้อผิดพลาดนี้ได้พวกเราจะให้ด๊อกเตอร์หยุดพัก...”


“พวกคุณนี่นะ...”ทำเหมือนเป็นเด็กที่ต้องมีรางวัลเมื่อทำสำเร็จงั้นแหละ


“แล้ววันหยุดหน้าเพิ่มวันให้พวกเราด้วยนะ”สิ่งที่พี่พลพูดต่อทำเอาผมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น


“ได้สิ...จาก5วันเหลือวันเดียวนะครับ”เกือบจะซึ้งแล้วเชียว


“ไม่เอาแบบนั้นสิด๊อกเตอร์”


“ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกว่าด๊อกเตอร์น่ะ”ผมสวนกลับก่อนจะออกจากตึกวิจัยตรงไปยังตึกสีครีมซึ่งเป็นที่พักอาศัยของพนักงานทุกคน


ดูจากเวลาดาวคงพาลูก้ามากินข้าวแล้ว


“ลูก้า”ผมเรียกทันทีที่เห็นลูก้านั่งกินข้าวอยู่กับดาวและพี่จัน


“...”ลูก้าที่มักจะวิ่งปรี่มาหาพร้อมเรียกชื่อผมกลับนั่งนิ่งไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าด้วยซ้ำ


“ลูก้า...”ผมเดินเข้าไปใกล้พลางสะกิดเรียกแต่อีกฝ่ายก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม


“ดูท่าจะงอนน้องสามแล้วละมั้ง”พี่จันบอกด้วยรอยยิ้มเหมือนกำลังเห็นเรื่องสนุก


“งอนผม?”


“ไม่งอนก็แปลกล่ะค่ะ หัวหน้าเล่นมารับดึกเกือบทุกวันแบบนี้”ครั้งนี้ดาวเป็นฝ่ายพูดบ้าง


คำพูดของทั้งคู่กลายเป็นลูกศรที่พุ่งทะลุตัวผมอย่างรุนแรงจนไม่อาจปฏิเสธได้


“ขอโทษนะลูก้า”ผมสะกิดลูก้าพร้อมเอ่ยขอโทษ


“...”


“ลูก้า...ยกโทษให้ผมนะที่มาสาย”เมื่อไม่มีการตอบสนองผมก็จัดการคว้าแขนอีกฝ่ายแล้วเขย่าไปมาเบาๆแทนการง้อคืนดี


“...”


“ผมขอโทษ...อย่าโกรธกันเลยนะครับ”


“...”ลูก้าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมลองดัดเสียงพูดและเติมครับที่ท้ายประโยคดู


เหมือนจะได้ผลแฮะ


“นี่ลูก้า...หายงอนนะครับ...ขอโทษจริงๆ”ผมตัดสินใจเข้าไปกอดอีกฝ่ายที่นั่งหันหน้าไปทางกระจกโดยใช้หน้าตัวเองซุกเข้ากันเส้นผมสีฟ้าแซมแดงมากขึ้น


“...สามบอกว่าวันนี้จะพาไปดูพระอาทิตย์ตก”เสียงใสเริ่มทุ้มขึ้นตามการเติบโตของร่างกาย เพียงห้าเดือนกว่าลูก้ากลับเติบโตเร็วจนน่าตกใจ


“อ่า...ผมขอโทษพอดีว่าการทดลองมีปัญหาที่แก้ไม่ได้เลย...”


“เมื่อวานที่บอกจะมากินมื้อเย็นด้วยกันก็พูดแบบนี้”ลูก้าพูดต่อ เมื่อวานผมสัญญาว่าจะกินมื้อเย็นด้วยให้มารอที่ห้องอาหารแต่เพราะยังแก้ปัญหาเรื่องไบรโอซัวไม่ได้เลยกินเวลาไปเยอะ


“ขอโทษจริงๆนะลูก้า...แต่จากนี้จะไม่ผิดสัญญาอีกแน่นอน”ผมบอกเสียงหนักแน่น นี่ไม่แค่ครั้งหรือสองครั้งที่ผมผิดสัญญาที่ให้ไว้กับลูก้า ตั้งแต่ที่เริ่มงานวิจัยก็ไม่รู้กี่ครั้งที่ไม่ทำตามที่พูดไว้


ผมรู้สึกผิดที่ทำแต่งานจนลืมเวลา


ดัวนั้นตั้งแต่นี้ผมจะเปลี่ยน


“...พูดแล้วนะสาม”


“อืม...แทนคำขอโทษพรุ่งนี้จะอยู่ด้วยกันทั้งวันเลย”


“ทั้งวัน...จริงเหรอ”ดวงตาสีเงินเงยขึ้นมาสบด้วยประกายแห่งความตื่นเต้น


“แน่นอน...ว่าแต่มื้อเย็นกินน้อยไปนะ”ผมบอกหลังจากมองไปยังถ้วยใส่สุกี้ที่พร่องไปไม่ถึงครึ่ง จากที่มองดูของบนโต๊ะคาดว่าพึ่งกินเป็นถ้วยแรกด้วย


ลูก้าที่มักจะกินจุกลับกินน้อยขนาดนี้เป็นความผิดของผมที่ดูแลเขาไม่ดี


ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่จบมัธยมดังนั้นการที่มีคนมาคอยกินข้าวหรือนอนด้วยพึ่งจะเคยมีเป็นครั้งแรก ยิ่งอีกฝ่ายเป็นเด็กผมก็ไม่รู้ว่าควรจะดูแลยังไง


ลูก้าเป็นเด็กเลี้ยงง่ายและมีความเป็นผู้ใหญ่ เขาเลยไม่ค่อยแสดงออกว่าโกรธหรืองอนเหมือนอย่างวันนี้


นี่อาจเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นการแสดงออกที่ต่างไปจากเดิมของลูก้า


“กำลังจะกินต่อต่างหาก”ลูก้าบอกก่อนจะก้มลงไปจัดการสุกี้ตรงหน้า


“คิก...กินต่ออะไรเห็นนั่งนิ่งมาจะชั่วโมงจนวุ้นเส้นอืดไปหมด...”เสียงของพี่จันขาดห้วงไปอย่างรวดเร็วเมื่อถูกสายตาคมๆของลูก้าจ้องไป


“โห...ไหนๆวุ้นเส้นอืดหมดแล้วนะ”ผมจัดการแหย่ต่อเลยเจอสายตาคมๆนั่นจ้องมาแต่มีเหรอที่จะกลัว


ไม่มีทาง


สายตานั่นราวกับสัตว์ป่าที่พยายามสยบทุกสิ่งที่สบสายตาด้วย เพียงแต่ผมรู้ว่าภายใต้สายตาคมๆนั่นยังไงก็ยังเป็นลูก้าผมเลยไม่มีความกลัวต่อสายตานั่น


“ไปสั่งของตัวเองมากินได้แล้ว”ลูก้าบ่นผมที่เอาแต่แกล้ง


“ครับๆ...เดี๋ยวจะสั่งให้ลูก้าด้วย เอาอะไรดี”


“สุกี้หมู สุกี้ไก่ สุกี้ทะเลพิเศษอย่าละชาม...ของหวานเอาเป็นน้ำแข็งไสเกร็ดหิมะรสช็อกโกแลตกับวนิลาแต่งหน้าด้วยช็อกชิบกับอัลม่อนสไลด์”รายการอาหารมากมายถูกสั่งออกมารัวๆโดยไม่สนว่าคนฟังจะจำมันได้หมดไหม


“จะแกล้งกันกลับใช่ไหมลูก้า”ผมพูดเสียงเคือง บอกตรงๆว่าจำรายกายนั่นไม่ได้ทั้งหมดด้วยซ้ำ


“เปล่าสักหน่อย”


“ไม่ต้องมาทำเสียงใส”หลอกผมไม่ได้หรอก


“หึ...”


“อย่ามาหึนะ”


“รีบสั่งเลยผมหิว”


“มาสั่งเองเลย”พูดจบผมก็ดึงลูก้าให้ไปสั่งอาหารกับผม


น่าแปลกที่ลูก้าสามารถขืนผมได้ง่ายๆแต่เขากลับไม่ยอมทำและเดินตามผมมาทั้งๆแบบนั้น


อาหารมื้อเย็นค่อนไปทางดึกหมดลงในเวลาเกือบสองทุ่ม ทั้งพี่จันและดาวผมบอกให้กลับไปพักได้ตั้งแต่ที่พาลูก้าไปสั่งอาหารแล้ว


พอขึ้นมาบนห้องอย่างแรกที่ทำคืออาบน้ำและกระโดดขึ้นไปนอนแผ่บนเตียงกว้างขนาด5ฟุต เมื่อก่อนเตียงนี้กว้างมากจนกลิ้งยังไงก็ไม่ตกเตียงแต่พอมีลูก้ามาอยู่ด้วยเตียงก็แคบลงพลิกตัวไปทีไรก็เจออีกฝ่ายทุกที พื้นที่ฝั่งนั้นก็เหลือตั้งเยอะไม่รู้จะมาเบียดผมทำไม


ระหว่างที่รอลูก้าอาบน้ำก็นึกว่าพรุ่งนี้จะพาไปเที่ยวไหนดี


ได้หยุดทั้งวันจะให้หมดเวลาไปกับการว่ายและดำน้ำก็ดีอยู่แต่ก็อยากให้ลูก้าได้ประสบการณ์ใหม่ๆบ้าง


“ประสบการณ์ใหม่ๆเหรอ...”นิสัยแบบนั้นคงไม่ชอบพวกสวนสนุกเหมือนเด็กทั่วไป


ถ้าจะดีก็ต้องเป็นพวกธรรมชาติ...


พูดถึงธรรมชาติก็...


แกร็ก


เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้นขัดความคิด ลูกในชุดเสื้อกล้ามสีเทากับกางเกงขาสั้นเดินขึ้นมานั่งบนเตียงโดยไม่พูดอะไร ความสูงของลูก้าตอนนี้เกือบจะอกผมแล้ว...ไม่อยากคิดเลยว่าจะหยุดสูงที่กี่เมตร


“ลูก้าชอบสัตว์ไหม”ผมพลิกตัวหันไปถาม


“เฉยๆ”


“แล้วมนุษย์ละ”


“ก็เฉยๆ”


“ไม่มีคำตอบอื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ มีอะไรที่ไม่เฉยบ้างล่ะ”นี่ผมไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลยนะ


เล่นเฉยซะทุกอย่าง


“สาม”


“อะไร”


“ไม่ได้เรียกสักหน่อย”


“ห๊ะ?”หมายความว่าไง


“ก็ถามนี่ว่ามีอะไรที่ไม่เฉยบ้าง คำตอบก็คือสามไง”คำอธิบายดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีเงินที่ก้มลงมาสบ สายตาที่ประสานกันเหมือนเป็นการย้ำว่าสิ่งที่พูดคือความจริง


“...เอ่อ...”ถึงกับไปไม่ถูกเลยผม


บางทีก็ไม่เข้าใจว่าจะเขินทำไมทั้งที่คนพูดยังเป็นแค่เด็กที่ไม่ประสา


“ถ้าเป็นสัตว์ก็มีที่อยากเห็นอยู่”ไม่รู้ว่าเพราะเห็นผมเงียบหรืออะไรลูก้าถึงได้เปลี่ยนเรื่องพูด


“อยากเห็นอะไร”ผมรีบถามต่อ


สัตว์อะไรที่ลูก้าอยากเห็นกันนะ


จะเป็นสัตว์บก สัตว์ปีกหรือสัตว์น้ำกัน


“ไดโนเสาร์”คำตอบที่ได้ทำเอาผมกระพริบตาปริบๆ


ก็ตรงกับที่คาดไว้อยู่หรอก


ไดโนเสาร์เองก็มีทั้งบนบก มีปีกและในน้ำ


เพียงแต่ไม่คิดว่าลูก้าจะอยากเห็นไดโนเสาร์


“ถ้าอยากเห็น พรุ่งนี้ผมพาไปดีไหม”


“มีไดโนเสาร์อยู่ที่นี่?”


“จะว่ามีก็มีอยู่หรอก แต่ครั้งนี้จะพาไปสวนสัตว์น่ะ”ผมตอบด้วยรอยยิ้ม


“สวนสัตว์?”


“รับรองว่าจะได้เห็นทั้งไดโนเสาร์และสัตว์ป่าหลากหลายชนิดจนเอียนไปเลย”


“...อยากไป”สายตาที่มองมาทอประกายตื่นเต้นจนผมต้องเอื้อมมือไปขยี้เส้นผมสีฟ้าแซมแดงนั่นด้วยความเอ็นดู


“ตื่นเช้าๆแล้วรีบไปกัน”



(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 12-01-2018 22:10:45
(ต่อค่ะ)



เช้าวันต่อมาผมก็ถูกปลุกด้วยการดึงหมอนที่หนุนออกจนหัวกระแทกเข้ากับเตียงด้านล่าง ความเจ็บปวดอาจไม่มากแต่ก็เพียงพอให้ผมตื่นเต็มตา สำหรับคนปลุกก็ไม่ใช่ใครอื่นลูก้าคนเดิมเพิ่มเติมคืออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย


ผมที่เห็นก็หันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลา7โมงอย่างงงๆ เหมือนจะจำได้ว่าลืมบอกไปว่าสวนสัตว์เปิดกี่โมง


แต่เอาเถอะ กว่าจะไปถึงคงเปิดพอดี


ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวสักพักก็เดินลงไปด้านล่างหรือโรงอาหารโดยไม่ลืมที่จะเตรียมของสำหรับการไปสวนสัตว์ มื้อเช้าง่ายๆถูกคุณป้าหัวหน้าครัวให้พร้อมกับส่วนมื้อกลางวันที่สั่งไปพร้อมกัน


พาหนะที่ใช้ในการเดินทางคือรถยนต์ของผมที่ไม่ได้ใช้งานมาหลายเดือนได้ ถึงจะไม่ได้ใช้งานมานานก็รับรถว่าปลอดภัยหายห่วงเพราะมีพี่พลและพี่จันช่วยกันใช้ทุกวันหยุด เห็นว่าอยากช่วยผมใช้รถเลยไม่ยอมใช้รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองสักที


ตลอดการเดินทางลูก้าดูตื่นเต้นมาก ท่าทางกระตือรือร้นกับใบหน้าอยากรู้อยากเห็นในทุกสิ่งที่ผ่านไปมาทำให้ผมรู้สึกดีที่พาอีกฝ่ายมาเที่ยว ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาจะครึ่งปีได้แล้ว...นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพาลูก้าออกมานอกศูนย์วิจัย


“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”ผมบอกเมื่อขับรถขึ้นไปบนทางราดสูง


“อืม”


ไม่กี่นาทีต่อมาหลังจ่ายค่าบัตรรถยนต์สีเงินก็ผ่านทางเข้าไปยังด้านใน ร้านค้ามากมายเรียงรายกันเต็มถนน...สินค้าที่ขายต่างเป็นผักผลไม้สำหรับให้สัตว์ด้านในเหมือนกันทุกร้าน


ผมขับผ่านส่วนนี้ไม่จนถึงด้านในที่กลุ่มคนนักปิกนิกอยู่ตามพื้นหญ้าและโต๊ะไม้  วนหาที่จอดไม่นานก็สามารถจอดรถได้สำเร็จ
“เดี๋ยวลูก้า...”ยังไม่ทันได้พูดจบลูก้าก็เปิดประตูรถลงไปซะแล้ว


ผมได้แต่ส่ายหัวไปมาก่อนจะเดินตามไป ของทุกอย่างที่จำเป็นถูกจัดใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายใบเดียวซึ่งอยู่ด้านหลังผมแล้ว
สถานที่ที่ลูก้าวิ่งไปคือเกาะชะนี เกาะชะนีจะมีน้ำล้อมรอบอยู่ทำให้ไม่สามารถหนีออกมาได้...เพราะหนีมาไม่ได้เลยไม่จำเป็นต้องสร้างกรงขัง


“ใส่หมวกด้วย”ผมจัดการสวมหมวกสีน้ำตาลให้ลูก้า


“กลิ่นนี้...กลิ่นสัตว์สินะ”จมูกเรียวเชิดขึ้นพร้อมสูดกลิ่งต่างๆเข้าไป


“คิดว่าใช่...ถ้ามีกลิ่นอื่นที่นอกจากมนุษย์ก็คงเป็นสัตว์”จมูกผมไม่ได้ดีอย่างลูก้าเลยไม่สามารถรู้ได้ว่ากลิ่นที่ลูก้าพูดหมายถึงกลิ่นอะไร


“ได้กลิ่นเต็มไปหมดเลย”


“อืม...ไปดูไดโนเสาร์กันเลยไหมล่ะ”ผมถามต่อ


“แถวนี้?”


“มีตรงนั้นไง”ผมบอกพร้อมกับชี้ไปด้านหลังห่างจากตรงนี้พอสมควร ป้ายขนาดใหญ่เขียนไว้ว่าภูเขาแพะ&ไดโนเสาร์พืช


“ไปสิ”ลูก้ารีบก้าวยาวๆเดินไปยังภูเขาแพะ&ไดโนเสาร์พืช ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นกลุ่มคนมากมายที่ยืนล้อมกรงแพะพร้อมยื่นถั่วฝั่งยาวและกล้วยให้พวกมันกิน ส่วนมากที่กำลังยื่นให้ก็เป็นเด็กวัยกำลังโต


ด้านข้างกรงของแพะมีไดโนเสาร์ไม่ทราบชนิดยืนให้เหล่าเด็กๆลูบและป้อนอาหารอยู่หลายตัว แต่ละตัวก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยจับไว้


งื๊ดดดด~


ทันทีที่ลูก้าก้าวเข้าไปในรัศมีทั้งฝูงแพะในกรงหรือไดโนเสาร์ไม่ทราบชนิดต่างก็ส่งเสียงคราญครางแล้วพยายามจะวิ่งหนีจนเจ้าหน้าที่อีกหลายคนต้องเข้ามาช่วยควบคุมสถานการณ์


“พวกเขากำลังกลัว”ลูก้าพึมพำเสียงเบา


“กลัวลูก้าน่ะเหรอ?”ผมถามกลับ


“ใช่...พอกลัวก็ยิ่งอยากหนี พออยากหนีก็ยิ่งทำให้อยากล่า”


“ลูก้า...”สัญชาตญาณสัตว์กินเนื้อในตัวคงกำลังตอบสนองกับสิ่งมีชีวิตที่ตื่นตกใจตรงหน้า


“ไม่เป็นไร...ผมไม่คิดว่าในร่างนี้จะเหมาะกับกินเนื้อสดๆหรอก”


“ต่อให้อยู่ในร่างไดโนเสาร์ก็ห้ามกินเชียว”ผมรีบพูดดักไว้ ขืนกินผมคงต้องจ่ายเงินเหล่าสัตว์ที่ถูกกลืนลงท้องไป แน่นอนว่าแต่ละตัวลงไม่ใช่พันสองพัน


นี่ยังไม่รวมปัญหาที่จะตามมาอีกนับไม่ถ้วนนะ


แค่คิดก็อยากเป็นลมแล้ว


“ผมไม่กินหรอก”


“งั้นก็ดี...แล้วเราจะทำยังกับสถานการณ์นี้ดีล่ะ”จะไปที่อื่นหรือว่าจะลุยต่อทั้งๆแบบนี้


“ต้องเข้าไปใกล้กว่านี้”พูดจบลูก้าก็เดินเข้าไปใกล้ไดโนเสาร์กินพืชที่มีความสูงและความยาวเหนือกว่ามนุษย์


หงอนขนาดใหญ่สีเขียวแกมน้ำตาลด้านบนหัวคงเป็นเอกลักษร์ของไดโนเสาร์ตัวนี้ ท่าทางของมันตอนที่ลูก้าเข้าไปดูหวาดกลัวจนน่าสงสารแต่พอได้ยินเสียงครางเบาๆจากลูก้าก็ค่อยๆสงบลง คนอื่นๆคงไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดเป็นแน่เพราะแค่จัดการให้ทุกอย่างอยู่ในความสงบก็แทบไม่มีเวลาไปสนใจเด็กคนหนึ่งที่เดินเข้าไปใกล้ไดโนเสาร์มากกว่าปกติหรอก


“ทำอะไร”ผมเข้าไปกระซิบถามเสียงเบาเมื่ออยู่ไดโนเสาร์หลายตัวที่ตื่นตระหนกบัดนี้กลับสงบลง


“แค่บอกว่าไม่ได้มาทำร้ายเท่านั้น”ลูก้าตอบกลับพร้อมกับยกมือขึ้นลูบไดโนเสาร์ตรงหน้า


“คุยกันรู้เรื่องสินะ”แม้จะเป็นคนละสายพันธ์แต่ก็ยังสามารถสื่อสารกันได้


“อืม...สามรู้ไหมว่าเป็นพันธ์อะไร”อยู่ๆลูก้าก็เปลี่ยนเรื่องถาม


และเป็นคำถามที่ทำให้ผมต้องถอนหายใจอย่างปลงๆ


“...ไม่รู้”


“แปลกนะที่สามไม่รู้ ทั้งที่พวกสัตว์น้ำรู้จักดีแท้ๆ”ที่ลูก้าพูดคงหมายถึงเดือนก่อนตอนผมพาเขาไปทัวร์บ่อเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ ตลาดทางที่เดินผมแนะนำชื่อพร้อมทั้งอธิบายลักษณะของสัตว์ชนิดนั้นๆได้โดยไม่ต้องเปิดคู่มือประกอบ


นั่นเป็นเหมือนความภูมิใจของผม ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือพืชอะไรถ้าได้ชื่อว่าอยู่ในน้ำผมก็รู้จักแทบทั้งนั้น


ถึงจะรู้จักพวกสัตว์น้ำดีแต่บอกเลยว่าพวกสัตว์บกหรือสัตว์ปีกผมแทบไม่รู้จัก


ยิ่งเป็นไดโนเสาร์ก็ยิ่งแล้วใหญ่


หน้าตาก็คล้ายๆกันไปหมดแยกไม่ออกหรอก


“ผมรู้จักแค่พวกสัตว์น้ำ”รู้สึกอายตัวเองเหมือนกันที่ไม่สามารถตอบคำถามของลูก้าได้


จากนี้ไปผมคงต้องศึกษาสายพันธ์ของไดโนเสาร์สักหน่อยแล้ว


“นี่พันธ์อะไรเหรอ...ครับ”ท้ายเสียงถูกพูดต่อเมื่อถูกผมมองไปด้วยสายตาสื่อความหมาย


“พาราซอโรโลฟัสครับ”เจ้าหน้าที่ดูแลตอบพร้อมรอยยิ้ม


“พาราซอโรโลฟัส...”ลูก้าทวนสิ่งที่ได้ยิน


“พาราซอโรโลฟัส เป็นไดโนเสาร์ที่ความยาวกว่า 12 เมตรและหนักกว่า 2 ตัน ส่วนหัวของมันจะมีหงอนรูปร่างคล้ายหนอนมีไว้สร้างความน่าเกรงขามระหว่างการล่าเหยื่อ”เจ้าหน้าที่อธิบายต่อ


“ชื่อจะยาวไปไหน”ผมพึมพำพลางจำชื่อของไดโนเสาร์สี่เท้านามพาราซอโรโลฟัสเข้าหัว


“สาม...นั่นตัวอะไร”ลูก้าคว้าแขนผมดึงไปหยุดอยู่หน้ากรงแพะที่ส่งเสียงครวญครางอยู่


“แพะ”


“แพะ...แล้วตัวนั้นล่ะ?”นิ้วชี้ถูกยกขึ้นไปยังแพะอีกตัวที่มีสีและขนาดแตกต่างกัน


“นั่นก็แพะ”


“สีไม่เหมือนกัน”


“ถึงจะเป็นสัตว์ชนิดเดียวกันก็ใช่ว่าจะเหมือนกันทั้งหมด...ถึงสีจะไม่เหมือนแต่โครงร่างเหมือนกันเห็นไหม”ผมอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง


“งั้นตัวสีขาวนั่นก็ไม่ใช่แพะ”


“ใช่...นั่นแกะ”ผมบอกชื่อของสัตว์ขนปุยยาวสีขาวตรงหน้า


“นั่นล่ะ”ลูก้าชี้ต่อยังสัตว์สีดำ


“นั่นเลียงผา”


“โน่นล่ะ”


“กระต่าย”


“ตรงนั่นล่ะ”


“เต่า”


“แล้วนู้นล่ะ”


“นกกระจอกเทศ”


ตลอดการเดินเที่ยวทุกครั้งที่เห็นสัตว์ตัวใหม่ลูก้าก็จะเอ่ยถามทันที ถึงตอนนี้พวกเราก็ดูสัตว์มาหลายสิบชนิดแล้ว มื้อกลางวันถูกส่งให้ลูก้าระหว่างที่มองเสือลายพาดกอนกำลังกระโดดกินชิ้นเนื้อจากตะขอ เนื้อที่ให้เสื้อกินเราสามารถให้ได้เพียงแค่จ่ายเงินนิดหน่อยเท่านั้น


“ไม่อิ่ม...”


“ยังมีอีกชิ้นนะ”ผมบอกแล้วยื่นกล่องใส่แซนด์วิชไปให้


“ไม่ใช่ผม...ที่ไม่อิ่มน่ะเสือตัวนั้น”


“คุยกับเสือได้ด้วย?”ผมนึกว่าต้องเป็นไดโนเสาร์ด้วยกันถึงจะเข้าใจซะอีก


“เหมือนจะได้นะ...เธอบอกว่าอยากกินอีก”


“จะให้ไหมล่ะ”ผมถาม


“ได้เหรอ”


“แน่นอน”


ผมพาลูก้าไปหาเจ้าหน้าที่ดูแลที่ยืนอยู่ไม่ไกลก่อนจะให้ลูก้าเลือกว่าจะให้เนื้อชนิดไหน เนื้อแต่ละชนิดก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป


“เนื้อไก่ตัดไปเลย...เธอเบื่อจะแย่อยู่แล้ว”ลูก้าพึมพำระหว่างเลือก


“เนื้อหมูก็กลิ่นแปลกๆ...เนื้อปลาก็ไม่อิ่ม”เจ้าหน้าที่ที่มองอยู่ก็ดูจะสงสัยในบทสนทนาคนเดียวนั่น


“เอาเนื้อวัวสิ”ผมแนะนำ


“ก็ดีนะ...แต่มันชิ้นเล็กไปรึเปล่า”ลูก้าขมวดคิ้วแน่นเมื่อมองไปยังเนื้อวัวชิ้นเล็กตรงหน้า


“มีชิ้นใหญ่กว่านี้ไหมครับ”ผมหันไปถามเจ้าหน้าที่


“ถ้าต้องการเอาเป็นซี่โครงวัวไหมครับ...แต่ราคามันออกจะ...”


“เอาซี่โครงวัวละกัน...ใช้บัตรนี่จ่ายได้ไหมครับ”พูดจบผมก็หยิบบัตรสีทองขึ้นมา


“ขะ...เข้าใจแล้วครับ จะรีบจัดการให้”เจ้าหน้าที่ถึงกับตาโตเมื่อเห็นบัตรที่ส่งไปให้


เพราะมีบัตรนี่อะไรๆก็เลยง่ายขึ้นเยอะ จะไปไหนทีก็ไม่ต้องพกเงินมากมายแค่ยื่นบัตรนี่ก็สามารถรูดแทนเงินสดได้ นอกจากจะใช้แทนเงินสดยังใช้แทนบัตรเอทีเอ็มได้อีกด้วย


“บัตรนั่นคืออะไร”ลูก้าเงยหน้าขึ้นมาถาม


“เป็นเหมือนบัตรประจำตัวผมน่ะ...บัตรนี่ใช้แทนเงินได้ มีไว้ก็สะดวกดี...เดี๋ยวลูก้าก็คงจะมีเพียงแต่คงไม่ใช่สีทองหรอก”


“ทำไมถึงไม่ได้สีทอง”


“สีทองเป็นสัญลักษณ์ของคนที่มีความสามารถในระดับสูง เรียกว่าเป็นหัวกะทิก็ได้”


“แปลว่าสามเก่งมาก”


“แน่นอน...ผมน่ะเก่งสุดๆเลยด้วย”ขออวดหน่อยเถอะ


“เก่งแต่ไม่รู้ชื่อของไดโนเสาร์”


“อึก...”เพียงคำพูดเดียวก็แทงใจจนพูดไม่ออก


การสนทนาของพวกเราจบลงเมื่อเจ้าหน้าที่กลับมาพร้อมซี่โครงวัวขนาดใหญ่ เสือลายพาดกอนที่ได้อาหารชั้นยอดดูเหมือนจะพอใจจนส่งเสียงคำรามออกมา เหล่าคนที่อยู่รอบๆต่างเข้ามามุงดูเต็มไปหมด


สถานที่ต่อไปที่พาลูก้ามาคือบ่อของสัตว์เลื้อยคลานดึกดำบรรพ์ที่พึ่งถูกชุบชีวิตขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ การที่สวนสัตว์มีคนมีเยอะก็เพราะเจ้านี่เป็นดาวเด่นนั่นเอง บ่อที่มันอาศัยถูกสร้างให้มีทั้งพื้นที่บนบกและในน้ำโดยพื้นที่บนบกอยู่ในระนาบเดียวกับพื้นเดินทำให้สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตภายในได้ชัดเจนต่างจากส่วนในน้ำที่ถูกสร้างให้อยู่ต่ำกว่าพื้นที่จริงประมาณ5-10เมตรได้


ที่สร้างกรงโล่งมีเพียงรั้วหินขนาดใหญ่กลั้นคงเพราะสายพันธ์ที่อยู่นั่นเป็นพวกไม่มีแรงกระโจนทำให้ไม่สามารถออกจากกรงได้


“ฮิปโป...ไม่ใช่”ลูก้าขมวดคิ้วกับชื่อที่พูดออกมาก่อนจะส่ายหน้าไปมา


“มันคือเอสเทอมีนอโซคัส”ผมเฉลยด้วยใบหน้าภูมิใจ


“สามรู้จัก?”หน้าตาของลูก้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินนัก


“รู้จักสิ...เอสเทอมีนอโซคัสเป็นสัตว์เลื้อยคลานดึกดำบรรพ์อาศัยอยู่บนบกและว่ายน้ำเก่งมาก มีรูปร่างคล้ายฮิปโป มีนอคล้ายแรด มีเขาคล้ายกวางและมีฟันแหลมคมคล้ายสุนัขแต่ใหญ่กว่าหลายเท่า มันสูงได้เกือบ3เมตรและยาวกว่า4เมตร”


“พวกมันกินเนื้อ”ลูก้าหรี่ตามองฝูงเอสเทอมีนอโซคัสตรงหน้า พวกเรายืนอยู่ตรงพื้นที่บนบกในระนาบเดียวกับพวกเอสเทอมีนอโซคัส อีกฝั่งของกรงมีผู้คนยืนมองเอสเทอมีนอโซคัสจากด้านบน


“ใช่...ฟันแหลมคมขนาดนั้นเหยื่อที่ถูกล่าคงไม่ใช่แค่ปลา”จากขนาดฟันและขากรรไกรเหยื่อพวกเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง


ตู้ม!!


“กรี๊ดด...ลูกแม่”เสียงตะโกนกรีดร้องเรียกผมและลูก้าให้หันไปมอง ด้านข้างของกรงมีผู้หญิงส่งเสียงร้องพลางก้มตัวลงไปยังบ่อด้านล่างของเอสเทอมีนอโซคัส พอผมมองลงไปก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ3ขวบตกลงไป


โชคดีที่บริเวณที่ตกลงไปไม่ใช่น้ำลึก แต่ก็โชคร้ายที่เสียงน้ำกระจายนั่นเรียกให้เหล่าเอสเทอมีนอโซคัสหันมาสนใจ


“เจ้าหน้าที่อยู่ไหน”ผมหันไปมองรอบๆเพื่อหาเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ที่ยืนประจำต่างก็ตกตะลึงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำอะไรไม่ถูก


“สาม”ลูก้าเรียกโดยที่สายตาจับจ้องไปยังฝูงเอสเทอมีนอโซคัสที่กำลังเข้าไปไกลเด็กผู้หญิงวัย3ขวบที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก


“แจน”แม่ของเด็กผู้หญิงตะโกนเรียกอย่างบ้าคลั่งแล้วทำท่าจะกระโจนลงไป ผู้คนรอบๆที่เห็นต่างก็ช่วยกันจับไว้


ปล่อยไว้แบบนี้ได้มีฉากการให้อาหารเอสเทอมีนอโซคัสสดๆแน่


แน่นอนว่าฉากนั้นผมไม่อยากเห็น


“สาม”ลูก้าตะโกนเรียกทันทีที่เห็นผมกระโดดเข้าไปในบ่อของเอสเทอมีนอโซคัส


“ต้องรีบไปช่วยเด็กคนนั้น”ถ้าไม่มีใครยอมเสี่ยงก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้


“มันอันตรายนะสาม”


“ผมรู้...”แต่ก็หยุดร่างกายตัวเองที่วิ่งไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้


“ฮืออออ...ฮือออ”


“ไม่เป็นไร...ไม่ร้องนะ”ผมวิ่งเข้าไปอุ้มเด็กขึ้นมาพร้อมปลอบพอเป็นพิธี เอสเทอมีนอโซคัสที่อยู่ในน้ำค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ผมเลยต้องค่อยขยับขึ้นฝั่งไปเพียงแต่บนบกก็มีเอสเทอมีนอโซคัสที่ตีล้อมวงเข้ามาเช่นกัน


กรรรร


เสียงขู่ของตัวแรกดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยตัวที่สองและสามราวไปจนทั้งฝูงต่างส่งเสียงขู่มาให้


ท่าไม่ดีแล้ว


ท่าทางและสายตาของพวกมันกำลังเข้าโหมดนักล่า


“เอาไงดี...”


“ฮึก...ฮืออ”เด็กที่อุ้มไว้ก็กอดคอผมแน่น


“ฝากเด็กที”ผมตัดสินใจอุ้มเด็กขึ้นเหนือหัว ความสูงของรั้วกั้นตรงนี้ประมาณ3เมตร ผมเอื้อมมือส่งเด็กให้คนข้างบนรับไปได้ในที่สุด


เด็กปลอดภัย


แต่ผมท่าจะอันตราย


ความสูง3เมตรนั่นผมขึ้นไปไม่ไหวหรอก


อีกอย่างพวกมันคงไม่รอให้ผมใด้ขึ้นด้วยซ้ำ


กรรรร


เอสเทอมีนอโซคัสแยกเขี้ยวออกกว้างก่อนจะพุ่งเข้ามาเต็มแรง ทันใดนั้นร่างของลูก้าก็กระโดดมาขวางหน้าผมและเอสเทอมีนอโซคัส


“กรรรร”เสียงขำรามจากลูก้าดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีเงินที่หรี่ลงอย่างไม่เกรงกลัวต่อสถานการณ์ตรงหน้า


กรรรร


“กรรรร”เสียงคำรามดังผลัดกันไปมาราวกับกำลังพูดคุยในภาษาที่ผมไม่อาจเข้าใจ


กรรรรรรร


ดูเหมือนว่าการพูดคุยจะไม่ได้ผลเพราะเอสเทอมีนอโซคัสพุ่งเข้าใส่อย่างรุนแรงแต่ด้วยสายตาของลูก้าสามารถหลบได้ก่อนจะกระโจนขึ้นไปบนหลังของเอสเทอมีนอโซคัส ส่วนที่เหมือนเขาถูกลูก้าจับไว้แน่นพร้อมออกแรงกดลง


หน้าของเอสเทอมีนอโซคัสทรุดลงไปกับพื้นและแน่นิ่งไปในเวลาอันรวดเร็ว


ท่าทางแบบนั้นคือยอมแพ้ ไม่สิ ถูกทำให้ยอมแพ้


ในโลกของสัตว์การโดนอยู่เหนือกว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเกรงขาม


เอสเทอมีนอโซคัสตัวนี้ดูเหมือนจะเป็นจ่าฝูง พอจ่าฝูงโดนล้มตัวอื่นๆก็ค่อยๆล่าถอยออกไป


“ลูก้า”ผมตะโกนเรียก


“ทำไมถึงทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้”ลูก้าตะโกนใส่ผมด้วยเสียงไม่พอใจ


“...ก็เด็กคนนั้น...”


“ลงไปช่วยโดยที่ไม่ทำอะไรไม่ได้ก็ไม่ต่างกับลงมาเป็นอาหารให้พวกมันหรอกนะ เด็กคนนั้นรอดแต่ถ้าสามไม่รอดขึ้นมาจะทำยังไง”


“ขอโทษ...”


“ถ้าผมไม่ช่วยรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น...พวกมันจะฉีกสามเป็นชิ้นและแบ่งกันกินอย่างเอร็ดอร่อย”ลูก้าบ่นต่อด้วยใบหน้าที่เห่อแดงขึ้น ใบหน้าแดงๆนั่นแปลว่าอารมณ์โกรธกำลังปะทุอยู่


“ลูก้า...”


“รู้ไหมว่าหัวใจผมมันเกือบหยุดเต้นตอนเห็นสามทำเรื่องบ้าๆแบบนี้...”พูดถึงตรงนี้อยู่ๆน้ำตาของเขาก็ไหลลงมา ริมฝีปากขบเม้มกันแน่นราวกับกำลังคิดคำบ่น


“ขอโทษลูก้า...ขอโทษนะ”ผมเข้าไปคว้าอีกฝ่ายมากอดแน่นพร้อมเอ่ยขอโทษ


“...อย่าทำแบบนี้อีก”ลูก้ายกแขนขึ้นกอดตอบผมแน่นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“เข้าใจแล้ว...ขอบคุณที่ช่วยผมนะลูก้า”


นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสีหน้าจริงจังซึ่งแฝงไปด้วยความกังวลและตกใจของลูก้า


เด็กที่มักจะเฉยอยู่ตลอดกลับตะโกนเสียงดังราวกับทำตัวไม่ถูก การต่อสู้เมื่อครู่คงเป็นสัญชาตญาณของสายเลือดไดโนเสาร์ภายในกายเพราะคงไม่มีเด็กคนไหนกล้าต่อสู้กับศัตรู่ที่นอกจากจะตัวโตกว่าแล้วยังมีทั้งคมเขียวอันแหลมและจำนวนนับสิบแบบนี้หรอก


สงสัยนอกจากจะฝึกดำน้ำผมคงต้องฝึกฝนตัวเองเพิ่มแล้วสิ

........................................................................................

สวัสดียามค่ำค่า

แต่งจบตอนแล้วจึงมาอัพ

ไม่อยากให้รอกันนานเลยพยายามแต่งให้เสร็จเร็วๆ

เนื้อเรื่องในช่วงแรกยังไม่บู๊นะคะ แค่มีเกริ่นๆนิดหน่อยกับความเก่งของลูก้า

ในตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากตบมือรับๆให้ลูก้านั่นเอง

มารอลุ้นตอนต่อไปกันนะคะว่าจะเป็นยังไง

บอกได้แค่ตอนหน้าเป็นจุดเปลี่ยนค่ะ อิอิ

---มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์---

(http://vignette2.wikia.nocookie.net/ark-survival-evolved/images/f/fb/Parasaurolophus-New-692x444.jpg/revision/latest?cb=20160614051147)

วันนี้ของเสนอพาราซอโรโลฟัส เป็นไดโนเสาร์ที่มีชีวิตอยู่ ในยุคครีเตเชียสตอนปลายพบได้ในทวีปอเมริกาเหนือ เช่น ในอัลเบอร์ต้า คานาดา หรือรัฐยูทาห์ ในสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ลักษณะเด่นของพาราซอโรโลพัส คือ หงอนที่มีลักษณะเหมือนท่อกลวงยาว บางตัวอาจจะมีหงอนยาวถึง 1.5 เมตร มีไว้ส่งเสียงหาพวก สามารถเดิน 4 เท้า มีขนาดใหญ่โตพอสมควร เท่าที่ค้นพบไดโนเสาร์พันธุ์นี้จะมีความยาวประมาณ 12 เมตร กินพืชเป็นอาหาร

เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/พาราซอโรโลฟัส

ปล.ความจริงอยากแนะนำเอสเทอมีนอโซคัสแต่ในเว็บไม่มีข้อมูลเลย สำหรับเจ้าเอสเทอมีนอโซคัสเราหาข้อมูลมาจากหนังสือล่ะและพอดีเปลี่ยนโทรศัพท์ข้อมูลเลยหาไม่เจอ แฮะๆ

ขอบคุณที่ติดตามกันเสมอนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบายค่ะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-01-2018 22:58:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 12-01-2018 23:30:22
สามคนดี เสี่ยงไปไหม ตอนหน้าหวังเอ็น—-
เอ้ยหวังว่าจะมาต่อไวๆนะคะ ชอบเรื่องนี้
ตามอ่านไดโนเสาร์ :z13:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 13-01-2018 00:43:01
  :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 13-01-2018 01:15:31
สามนะสามไม่รักตัวเองเลย ถ้าครั้งหน้าทำแบบนี้อีกจะให้ลูก้าโกรธแบบไม่คุยด้วยเลยย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 13-01-2018 07:27:15
ตอนหน้าน้องลูจะโตเป็นหนุ่มหล่อใช่ไหม ฮือออออยากให้โตแล้วเด้อ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-01-2018 10:21:53
สามบ้าบิ่นเกินไปแล้ว ดีนะมีลูก้าช่วย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 13-01-2018 10:42:32
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-01-2018 14:58:17
สามต้องมีสติกว่านี้เยอะๆเลยยอะ
แต่รู้ว่าตัวเอาขาดอะไรตั้งแต่ตอนนี้ก้ดีแล้วนะ
พอถึงตอนที่ลูก้าต้องสู้สามจะได้ตามทันเนอะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 13-01-2018 15:05:42
สนุกมากก ตามมาตั้งแต่เรื้องแรก จนเรื่องนี้555
ป.ล.ชื่อไบรโอซัวทำเป็นตัวเอียงดีไหมค่ะจะได้ดูสมจริงขึ้นอีก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: flowerloveyaoi ที่ 13-01-2018 15:27:02
ตอนหน้าสามจะโดนลูก้ากินแทนสินะ55555 เดี๋ยวๆเขายังไม่โตนี่นา :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 13-01-2018 20:57:01
รอติดตามค่าาาา
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-01-2018 22:13:02
ความเป็นผู้นำ... มาแล้วเนอะลูก้า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 13-01-2018 22:17:29
 :L1: ใส่ปุ๋ยเร่งโตเลยจ้า งานดีแน่นอน
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: lolata ที่ 13-01-2018 23:01:32
สนุกมาก อยากให้ถึงตอนหน้าเร็วๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-01-2018 00:37:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 14-01-2018 07:41:27
แหนะ จุดเปลี่ยนอะไร อยากรู้แล้วๆ :z3:
ปล.ลูก้า หนูเท่ห์มากเลยลูกเอ้ย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 14-01-2018 09:35:22
รอตอนต่อไป~~ :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-01-2018 00:19:04
หูยเริ่มสู้ล้าวว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 15-01-2018 20:02:52
อ่านแล้วอ่านอีกก็ไม่เบื่อ สนุกมากค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-01-2018 20:12:26
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-01-2018 05:24:56
55555 สามคนดี ทำลูก้างอน
ลูก้าพูดถูก ทำไม่ได้จะสัญญาทำไม

โลกกว้างขึ้น ลูก้าจะเรียนรู้มากขึ้น
สามก็พยายามมากขึ้น

ลูก้าสู้เพื่อสามอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 16-01-2018 09:59:06
สามมมม
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 16-01-2018 15:21:25
เกือบไปแล้วนะสามมมมมม
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 16-01-2018 18:07:42
ห่วงคนอื่นได้แต่อย่าลืมห่วงตัวเองด้วยนะสาม
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Sistel2 ที่ 17-01-2018 13:02:02
ติดตามมาตั้งแต่ภาคแรก เมื่อไหร่ลูก้าจะโตน๊าาา  :z2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่4◈♦> 12/1/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 24-01-2018 08:19:57
อยากอ่านต่อแล้ว :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 24-01-2018 20:53:31
◈ธาราที่5◈




ยามราตรีอันเงียบสงัดมีเพียงแสงจันทร์ที่เล็ดรอดผ่านผ้าม่านเข้ามา ความเงียบที่มีทำให้การเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยเรียกสติที่จมดิ่งจากการนิทราให้ตื่นขึ้นได้อย่างฉับพลัน ร่างของคนข้างกายค่อยๆขยับแล้วลุกจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำ...การเดินนั่นเบาจนแทบไม่มีเสียงแถมยังไม่ชนกับข้าวของเลยอย่างสักชิ้น นั่นราวกับรู้ถึงตำแหน่งสิ่งของทุกชิ้นภายในห้องอย่างดีซึ่งก็ถูก


คนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำคือเจ้าของห้องที่ผมอยู่ด้วย


แม้เขาจะพยายามขยับตัวให้เบาที่สุดแต่ก็ไม่อาจหลุดรอดสัมผัสหรือสัญชาตญาณของนักล่าอย่างผมไปได้


ไดโนเสาร์กลายพันธุ์เป็นชื่อเรียกของมนุษย์ที่มียีนของไดโนเสาร์ผสมอยู่ในร่าง ด้วยยีนนั่นทำให้สามารถกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ได้


สิ่งที่รู้ทั้งหมดล้วนมาจากสามเป็นคนบอกทั้งนั้น


ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าผ่านไปนานแค่ไหน รู้เพียงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนคนนี้มันช่างวิเศษกว่าใครๆ


“ฝันร้ายเหรอลูก้า”น้ำเสียงนุ่มๆจากประตูห้องน้ำดังขึ้นเมื่อเห็นผมลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง


“เปล่า”ผมส่ายหน้าตอบไป


ลูก้าเป็นชื่อของผม


ชื่อที่สามตั้งให้ตอนเจอกันครั้งแรก


จำได้ว่าวันแรกที่เจอกันผมกัดเขาไปหลายครั้ง ทั้งที่น่าจะโกรธหรือกลัวแต่สามกลับทำท่าทางเหมือนไม่เคยเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เขายังคงอยู่กับผมตลอด


“งั้นก็สะดุ้งตื่น”


“...ก็ใกล้เคียง”ใช้เวลาคิดสักพักก่อนจะตอบกลับไป ที่ผมตื่นขึ้นมาก็เพราะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวจากสาม ก่อนหน้านี้ที่อยู่ด้วยกันก็ไม่ได้มีสัมผัสดีแบบนี้ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งแรกกับเอสเทอมีนอโซคัสจะกระตุ้นบางอย่างในตัวให้ตื่นขึ้น


“เหรอ...นี่พึ่งตี2 นอนกันต่อเถอะ”ฝ่ามืออุ่นๆเอื้อมมาลูบเส้นผมสีแปลกตาก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ


“อืม”ผมได้แต่จดจำสัมผัสนั้นแล้วล้มตัวลงนอนตาม


ส่วนหัวเป็นส่วนที่ไม่ชอบให้ใครมาแตะ


ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่กับสาม...มันต่างออกไป


เสียงลมหายใจดังเข้าออกสม่ำเสมอในเวลาไม่นานหลังจากสามนอนต่อ ผมพลิกตัวเข้าหาแผ่นหลังนั้นช้าๆพร้อมกับใช้ดวงตาสีเงินของตัวเองจับจ้องไป ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นร่างกายก็ขยับเข้าไปใกล้หาไออุ่นจากสามและหลับไปโดยไม่รู้ตัว


เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราตื่น อาบน้ำ แต่งตัวและออกไปกินมื้อเช้าเหมือนอย่างทุกๆวัน มื้อเช้าผมวันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งและข้าวต้มทะเลชามโตผิดกับสามที่กินแค่ข้าวต้มกุ้งชามเล็กเท่านั้น


“แค่นั้นอิ่มเหรอสาม”ผมถามระหว่างจัดการข้าวต้มชามที่2


“อิ่มสิ...มื้อเช้าแค่นี้ก็พอแล้ว”


“กินน้อย”ไม่แปลกเลยที่ตัวจะเล็กกว่าผู้ชายอื่นที่นี่ เล่นกินน้อยแบบนี้จะเอาอะไรไปเลี้ยงร่างกายกันขนาดผมที่เด็กกว่าไม่รู้เท่าไหร่ยังโตถึงหน้าอกเขาแล้วเลย


“ไม่น้อยนะ...ก็กินเท่าคนปกติกินแหละ ลูก้าต่างหากที่กินเยอะ”สามตอบกลับพลางมองมายังชามข้าวต้มชามที่3ที่พึ่งถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ


“ผมไม่ควรกิน?”พอได้ยินแบบนั้นผมก็วางช้อนลงทั้งที่ท้องยังไม่อิ่ม


“เปล่า การที่ลูก้ากินเยอะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์แต่ก็ยังมีอีกร่างที่ต้องการพลังงาน...อีกอย่างลูก้ายังอยู่ในช่วงเติบโต กินเยอะๆน่ะดีแล้วถ้าไม่กินผมคงเป็นห่วงแน่”พูดจบสามก็ส่งยิ้มมาให้


“เข้าใจแล้ว”ถ้าไม่อยากให้สามเป็นห่วงก็ต้องกินเยอะๆ


“วันนี้ผมอาจมารับช้านะ”ความอยากอาหารที่มีลดฮวบเมื่อได้ยินคำพูดนั้น


“...อีกแล้วเหรอ”ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ได้ยินว่าจะมาช้า รู้แค่ว่ามากจนไม่อยากนับ


“อืม...ขอโทษนะพอดีช่วงนี้มันยุ่งๆอีกแล้ว”


ก็เข้าใจว่าสามเป็นหัวหน้าอะไรสักอย่างของที่นี่เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำงานหนักขนาดนั้น แบ่งงานไว้ทำวันอื่นบ้างไม่ได้เหรอ หรือว่าไม่มีคนช่วยทำงาน


มีคำถามมากมายที่อยากพูดออกไปแต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าเบาๆก่อนตักข้าวต้มเข้าปากต่อ ข้าวต้มที่มาร้อนๆควรจะอร่อยแต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกถึงรสชาติอะไรเลย


สามพาผมมาส่งยังตึกเดี่ยว2ชั้นที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์น้ำกำลังนั่งคุยหรือเตรียมตัวออกไปปฏิบัติงานอยู่ คนที่ผมต้องอยู่ด้วยคือดาว ไม่สิ พี่ดาว สามบอกว่าเวลาเรียกควรมีคำนำหน้าเพื่อแสดงความนับถือหรือเคารพ


คำพูดนั่นทำให้คิดได้ว่าก็ควรเรียกสามว่าพี่ด้วย แต่ทุกครั้งที่จะลองเรียกมันก็เกิดความรู้สึกแปลกเหมือนกับไม่อยากเรียกจนตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้เรียก


นอกจากพี่ดาวยังมีพี่จันอีกคนที่คอยมาดูแลหรือพูดคุยด้วย


“วันนี้พี่จะพาไปดูหอยเม่นนะลูก้าคุง”พี่ดาวบอกพลางเดินนำผมขึ้นไปบนสะพานซึ่งเป็นทางที่เชื่อมกับบ่อต่างๆ บ่อที่ผมเคยอยู่รู้สึกจะอยู่ไกลกว่านี้มาก


“...อืม”การที่ผมตอบเพียงคำเดียวไม่ใช่เรื่องหน้าแปลกใจ ในเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยเลือกที่จะไม่พูด


ตอนอยู่กับสามก็คิดว่าเหมือนเวลาอยู่กับคนอื่นนะ แต่สามบอกว่าไม่ใช่


ก็อาจใช่และไม่ใช่ด้วย


ผมไม่ใช่คนชอบพูดมากแต่ตอนอยู่กับสามมักมีอะไรบางอย่างให้สงสัยอยู่ตลอด


ไม่ใช่แค่สงสัยแต่ยังมีอารมณ์ร่วมในหลายอย่างไม่ว่าจะถูกแหย่ ถูกบ่น ถูกแกล้งหรือถูกห่วง


มันเป็นช่วงเวลาที่มีอารมณ์หลากหลายเกิดขึ้นซึ่งตอนอยู่กับคนอื่นไม่เป็นแบบนี้


“นี่คือเม่นทะเล”พี่ดาวหยุดเดินก่อนจะชี้ไปยังบ่อด้านล่างที่มีน้ำทะเลไม่ลึกมาก ด้านใต้มีทั้งปะการัง โขดหินและอะไรบางอย่างสีดำๆอยู่เต็มบ่อ


สีดำๆนั่นคือเม่นทะเลสินะ


ถึงจะอยู่ด้านบนก็สามารถเห็นหนามเรียวแหลมที่ล้อมรอบอยู่นั่นอย่างชัดเจน แค่มองดูก็รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตราย...ไม่ควรเข้าใกล้ในร่างที่ดูอ่อนแออย่างมนุษย์ในตอนนี้


“เม่นทะเลอาศัยอยู่ตามพื้นทะเลตื้นบ้างลึกบ้างตามก้อนหินหรือแนวปะการัง พวกมันมักพรางตัวอยู่ตามซอกหินไม่ก็แนวปะการัง...แต่ในบ่อนั่นเลี้ยงไว้เยอะคงพรางตัวไม่ได้หรอกเนอะ อาหารของมันสาหร่ายที่เกาะอยู่ตามโขดหินนั่นแหละ”พี่ดาวอธิบายต่อ


“...อืม”สิ่งที่ผมคิดเมื่อมองไปยังหอยเม่นตรงหน้าคือถ้าผมอยู่ในร่างของไดโนเสาร์ผมจะกินมันให้เรียบเลย


ความน่าอันตรายนั่นไม่เท่ากับความอยากลองในรสชาติใหม่ๆที่มี


“รู้ไหมว่าหอยเม่นเป็นหนึ่งในสัตว์ที่หัวหน้าชอบเลยนะ”


“สามชอบเหรอ?”พอในคำพูดนั้นมีความเกี่ยวพันธ์กับคนที่นึกถึงอยู่เสมอก็ทำให้ประโยคนั้นน่าฟังขึ้นมาทันที


“ใช่จ้า...หัวหน้าเคยเลี้ยงเม่นด้วยนะ รักมากถึงขนาดพาใส่ตู้ไปด้วยทุกที่เลย”พี่ดาวเล่าด้วยใบหน้ายิ้มๆ


“...”ถ้ารักมากจะพาไปด้วยทุกที่แปลว่าไม่ได้รักผมเลยไม่พาไปด้วยงั้นเหรอ


ความเจ็บแปล๊บแล่นเข้ามาเมื่อคิดแบบนั้น


“ขอโทษนะครับ นี่ใช่บ่อ8เม่นทะเลรึเปล่าครับ”เสียงสอบถามกับฝีเทาของคนประมาณ6คนเดินเข้ามาใกล้


“ใช่ค่ะ...มีอะไรกับบ่อนี้เหรอคะ พวกคุณเป็นคนของพิพิธภัณฑ์สินะ”พี่ดาวพูดหลังมองไปยังชุดที่พวกเขาใส่อยู่ เสื้อสีดำปักคำว่าพิพิธภัณฑ์ด้วยสีทอง


“ครับ พวกเรามารับหอยเม่นบางส่วนเพื่อไปจัดแสดงตามที่เคยแจ้งไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน”


“แจ้งไว้...”


“ดาว!”ยังไม่ทันถามจบเสียงเรียกพร้อมกับร่างเต็มไปด้วยของหญิงสาวก็หยุดลงตรงหน้า ผู้หญิงคนนี้เหมือนจะเคยเห็นหน้ามาก่อนแต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร


“โบ...มีอะไรเหรอรีบวิ่งมาเชียว”พี่ดาวถามพลางช่วยลูบหลังเพื่อคลายเหนื่อย


“โทรไปก็ไม่รับสายฉันก็เลยต้องวิ่งมาบอกด้วยตัวเองแบบนี้ไง”


“พอดีลืมโทรศัพท์ไว้ในล๊อกเกอร์ ว่าแต่มีเรื่องด่วนอะไร”


“ก็จะบอกว่าถ้ามีคนจากพิพิธภัณฑ์มารับหอยเม่นก็ให้เอาไปได้เลย”


“กำลังพูดเรื่องนี้กันอยู่เลย ขอโทษที่พึ่งทราบข่าวนะคะ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยนำหอยเม่นขึ้นมาให้เองค่ะ”พี่ดาวบอกกับเพื่อนเสร็จก็หันไปบอกกลุ่มผู้ชายด้านข้าง


“ไม่เป็นไรครับ...รบกวนด้วย”


จากนั้นผมก็ยืนดูการขนย้ายหอยเม่นอยู่เงียบๆโดยมีคนของพิพิธภัณฑ์หลายคนหันมามองด้วยแววตาสงสัย จะไม่สงสัยก็คงแปลกด้วยสีผมอันแปลกตานี่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องขมวดคิ้วทั้งนั้น ขนาดตอนที่สามพาไปสวนสัตว์ยังมีแต่คนมองแต่เพราะไม่สนใจสายตาเหล่านั้นเลยไม่พูดอะไร


อีกอย่างที่สงสัยคือทำไมมนุษย์ถึงไม่มีสีผมเช่นเดียวกับที่ผมมี อย่างสามกับคนอื่นๆที่นี่ก็มีดำไม่ก็น้ำตาล สีฟ้าหรือแดงไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งที่สีฟ้าเองก็เป็นสีของธรรมชาติ มีสัตว์ทะเลหลายตัวที่มีสีฟ้า ส่วนสีแดงแสดงถึงความอันตราย...ในหมู่สัตว์บกอาจรับรู้ด้วยกลิ่นก่อนจะเป็นขนาดหรือสีแต่สัตว์น้ำหากอยู่ในระยะมองเห็นจะรับรู้สีก่อนอย่างอื่น ยิ่งสัตว์ตัวไหนสามารถทำตัวเองให้มีสีจัดจ้านได้ก็ได้ทำให้ถูกล่าน้อยลงเพราะกลัวว่าสีเหล่านั้นจะเป็นภัยต่อตนเอง


เพราะงั้นผมเลยไม่กลัวหอยเม่นที่มีสีดำสนิทเพียงอย่างเดียวเท่าไหร่


เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นพี่จันที่เปลี่ยนมาดูแลผมก็พาไปยังโรงอาหารในชั้นของตึกพักอาศัย ไม่ว่าจะเช้า กลางวันหรือเย็นผมก็มากินอาหารที่นี่เสมอ นอกจากจะอร่อยแล้วยังให้เยอะอีก


“ก๋วยจั๊บอืดหมดแล้ว”เสียงทุ้มของชายผมดำฝั่งตรงข้ามเรียกสติให้กลับเข้าร่างก่อนจะมองลงไปยังชามกวยจั๊บที่ตอนนี้อืดจนหมดความน่ากิน


“...”ตอนที่สามไม่อยู่เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า


ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเหม่อ


ไม่เข้าใจกระทั่งเหม่ออะไรด้วยซ้ำ


“อยากเจอน้องสามเหรอ”สรรพนามที่ใช้เรียกสามของแต่ละคนต่างกันออกไปมีทั้งหัวหน้า ด๊อกเตอร์หรือแม้แต่น้องอย่างที่พี่จันเรียก


ผมเองถูกพี่ดาวเติมคุงท้ายชื่อเหมือนกัน


“สามยุ่งกับการทำงาน”ผมพูดเสียงเบา


“ก็ถูกนะ...รู้ไหมว่าทำไมถึงยุ่ง”


“...เพราะมีงานเยอะ”


“อืม...ก็ไม่ผิดแต่ยังไม่ใช่ ปกติน้องสามจะกินนอนอยู่ในห้องทดลองจนกว่างานจะเสร็จแต่พอมีเธอน้องสามก็เอาเวลาพวกนั้นมาอยู่กับเธอแทน”


“เพราะผมทำให้สามต้องยุ่งเหรอ?”ผมถามออกไปตามตรง


การได้ฟังความเห็นจากคนอื่นนอกจากสามจะช่วยให้รู้ความจริง ถ้าถามสามคำตอบที่ได้ก็ก็คงเป็นไม่ใช่


ตั้งแต่ตอนที่พิษของผมทำให้สามบาดเจ็บแล้วทั้งที่เป็นความผิดผมแต่สามก็เอาแต่บอกว่าไม่ใช่


จนบัดนี้แผลนั่นก็ยังไม่หาย เห็นสามบอกว่ามันจะกลายเป็นแผลเป็น


“ถ้าเอาตรงๆก็ใช่... ความจริงพวกงานวิจัยมีระยะเวลาในการทำค่อนข้างนานส่วนมากก็จะเผื่อเวลาให้อยู่แล้ว ถึงจะไม่ต้องอยู่ดึกก็ทำเสร็จทัน...มั้ง”


“งั้นทำไมถึงต้องทำจนดึกล่ะ”ถ้ามีเวลาเยอะทำไมถึงไม่ค่อยๆทำ ถ้าทำแบบนั้นก็จะได้อยู่ด้วยกันเร็วขึ้น


“ก็บอกแล้วไงว่าเพราะเธอน่ะลูก้า”พี่จันยกยิ้มขึ้นระหว่างพูด


“เพราะผม...”


“ใช่...น้องสามอยากรีบทำงานให้เสร็จเพื่อจะได้มีวันหยุดยาวพาเธอไปเที่ยว”


“...พาผม...”คำตอบที่ได้ยินทำให้ดวงตาสีเงินเบิกกว้างขึ้น


ไม่เคยรู้มาก่อนเลย...เรื่องนี้


“น้องสามคงไม่บอกสินะ...เห็นว่าครั้งก่อนที่พาไปสวนสัตว์ชอบมากเลยนี่”


“ชอบ”มีแต่สิ่งมีชีวิตแปลกๆเต็มไปหมด ถึงจะคนละสายพันธ์แต่ก็สามารถสื่อสารกันได้ไม่ยากเพียงแค่มนุษย์ปกติไม่สามารถทำได้เท่านั้น


“เพราะเธอชอบน้องสามเลยอยากพาไปอีกไง...เห็นว่าครั้งนี้จะพาไป...โอ๊ะ...”ยังพูดไม่ทันจบม้วนกระดาษทิชชู่ก็ลอยมาปะทะใบหน้าก่อนจะตกลงบนโต๊ะ


“ผมบอกแล้วไงว่าอย่างพึ่งพูดเรื่องนี้ให้ลูก้าฟังน่ะพี่จัน”เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นอย่างเคืองพร้อมกับก้าวเข้ามายังโต๊ะ


“สาม”ผมเรียกเบาๆ ก่อนหน้านี้ก็ได้กลิ่นสามเดินเข้ามาแล้วแต่ไม่ได้ทักเพราะสนใจเรื่องที่พี่จันเล่าอยู่


“แหม...ก็เห็นเขาซึมๆก็อยากช่วยให้ร่าเริงขึ้นนี่...ว่าแต่มาได้จังหวะพอดีเลยนะ”พี่จันหัวเราะเล็กน้อยพลางหยิบมวนกระดาษทิชชู่ไปวางไว้ข้างๆ


“สามมาสักพักแล้ว”ผมพูดขึ้น


“...ฮะ?”พี่จันดูจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยิน


“มาก่อนที่พี่จันจะพูดอีก”แค่ไม่เข้ามาทักเท่านั้น ที่ไม่เดินมาคงเพราะอยากรู้ละมั้งว่าพี่จันจะพูดอะไร


“แฮะๆ...โทษทีน้องสาม”พี่จันเงนหน้าไปหาสามที่จ้องมาอย่างเคืองๆ


“อุตส่าห์จะเซอร์ไพรนส์แท้ๆ”


“ก็น่าจะบอกไปเลย ไม่งั้นเขาก็นั่งเหงาหง๋อยอยู่แบบนี้”


“ไม่ได้เหงาหง๋อยสักหน่อย”ผมแก้ตัว


“ไม่เหงาจริงเหรอลูก้า”สามถามพร้อมกับเดินมากอดผมจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มขำขัน


“...ไม่ได้เหงา”แค่เหม่อนิดหน่อยเอง


“ปากแข็ง”


“เปล่าสักหน่อย”


“จะเปล่าได้ไงเส้นอืดขนาดนี้”สามยังคงพูดแหย่ต่อแล้วใช้นิ้วชี้จิ้มแก้มผมเล่น


“ก็แค่ไม่หิว...”


“โห...ไม่หิว อย่ามาท้องร้องตอนนอนละกัน”


“สาม”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงดังด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้น


ทำไมชอบแหย่กันอยู่เรื่อยเลยนะ


“มีอะไรครับลูก้า”ใบหน้ายิ้มๆนั่นน่าโมโหอย่างบอกไม่ถูกเลย


“ลูก้าตอนอยู่กับน้องสามนี่ต่างกับตอนอยู่กับพวกเราจังนะ”อยู่ๆพี่จันก็พูดขึ้น


“ต่างตรงไหน...”ไม่เห็นว่าจะต่างเลย


“นี่ไม่รู้ตัวเหรอว่าพูดเยอะขึ้นแถมยังมีอารมณ์ร่วมซะขนาดนั้น ติดน้องสามจริงๆเลยนะ”พี่หันหันมาบอก


“...”ผมตอนอยู่กับสามเป็นอย่างที่พี่จันพูดเหรอ


“ไม่ใช่แค่ติดนะพี่จัน...ต้องบอกว่าติดมากกก รู้ไหมว่าผมเคยถามว่าไม่ชอบพี่ดาวเหรอ...คำตอบที่ได้พี่จันลองเดาไหม”สามนั่งลงบนเก้าอี้ข้างผมพร้อมกับเล่าเรื่องผมให้พี่จันฟัง


“คำตอบเหรอ...ไม่ชอบละมั้ง”


“ผิด...ลูก้าตอบว่าเฉยๆ”สามเฉลย


“ฮืม...เฉยๆนี่เป็นคำตอบประมาณไม่ค่อยสนใจสินะ”


“ผมก็ว่างั้น...แล้วรู้ไหมว่าลูก้าพูดอะไรต่อ”สามถามอีกรอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ไม่รู้สิ...เฉลยมา”


“ลูก้าบอกว่าชอบผมมากกว่า”ใบหน้าของตอนพูดคุยเรื่องผมดูมีความสุขมากจนผมต้องเม้มปากแน่นไม่ให้ตัวเองหลุดยิ้มออกมา


พอกินอาหารมื้อเย็นเสร็จพี่จันก็แยกไปผมและสามก็ขึ้นห้องตามปกติ ระหว่างรอสามอาบน้ำผมก็นั่งเฉยๆอยู่บนเตียงสีฟ้า...ในหัวก็นึกย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ไม่รู้ว่ามันผ่านมานานแค่ไหนรู้เพียงแค่ผมอยากให้มันเป็นแบบนี้ไปตลอด


อยากอยู่กับสามแบบนี้


ครืดดดด~ ครืดดดด~


แรงสั่นจากหัวเตียงเรียกผมให้หันไปมองเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่าโทรศัพท์ เหมือนสามจะเคยบอกว่าถ้ามันสั่นหรือร้องแปลว่ามีคนโทรมาหา


“สาม...มีคนโทรมา”ผมกระโดดลงจากเตียงไปบอกคนในห้องน้ำ


“ขอใส่เสื้อแป๊บ”สามตอบกลับมา


ไม่นานสามก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาก่อนจะใช้มือขยี้หัวผมเบาๆแทนการขอบคุณแล้วรีบวิ่งไปคว้าโทรศัพท์บนหัวเตียงขึ้นมารับสายทันที


“ครับ”รับสายแล้วสามก็หันมาทำปากขมุบขมิบโดยไม่ออกเสียงว่า...


ไปอาบน้ำเถอะ


ผมพยักหน้าตอบกลับไประหว่างที่เดินไปหยิบผ้าขนหนูบนราวตาด้านข้าง หยิบเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ


“โทรมาแบบนี้มีเรื่องอะไรอีกแล้วใช่ไหมเซโคร”นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่ผมจะปิดประตูห้องน้ำไป


สิ่งหนึ่งที่ผมรอคอยมาตลอดวันก็คือการได้นอนแช่น้ำแบบนี้ การอยู่ในอ่างที่มีน้ำเกือบเต็มทำให้รู้สึกดีจนอยากนอนในนี้ซะเหลือเกิน


อยู่แบบนี้เหมือนโดนน้ำโอบอุ้มเลย


“อ่า...”ชอบความรู้สึกนี้ที่สุดเลย


ผ่านไปสักพักใหญ่คิ้วของผมก็ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเพราะปกติถ้าอยู่ในห้องน้ำขนาดนี้สามต้องมาเคาะเรียกแล้วแต่นี่กลับไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้


เกิดอะไรขึ้น


ด้วยความสงสัยผมเลยลุกขึ้นจากน้ำแล้วเดินไปใส่ชุดนอนที่สามเตรียมไว้ให้ ด้วยร่างกายที่เติบโตเร็วกว่ามนุษย์ปกติสามเลยซื้อเสื้อไซด์ใหญ่กว่าตัวมาให้


พอเดินออกมาก็ต้องหยุดนิ่งเพราะสามยังคงถือโทรศัพท์ไว้แนบหูหันหลังให้อยู่ สามดูจะรู้ว่าผมออกมาแล้วเลยวางสายลงก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเช็ดอะไรบางอย่างออก


“นี่สาม...”คำพูดที่คิดไว้ถูกกลืนลงคอไปเมื่อเห็นใบหน้าของสามที่หันมา สามเป็นคนผิวสีน้ำผึ้งเวลาโกรธหรืออายก็เห็นได้แค่รางๆแต่ตอนนี้ขอบตาของสามกลับแดงจนเห็นได้อย่างชัดเจน


“หื้ม?”รอยยิ้มนั่นดูฝืนจนผมต้องก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่รีรอ


“เกิดอะไรขึ้น”เรื่องที่ผมอยากรู้ช่างมันไปก่อนเถอะ


ตอนนี้ผมต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสาม


ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น


“เปล่า...”


“คิดว่าผมมองไม่ออกรึไง”ไม่ต้องรอให้พูดจบผมก็ตะโกนแทรกคำโกหกพร้อมดึงอีกฝ่ายให้ก้มลงมาเผชิญหน้ากันตรงๆ


“...ลูก้า”


“อย่าหลบตาผม”ผมพูดต่อเมื่อสามหลบตาหนี


“พรุ่งนี้ไปเที่ยวค้างคืนกันสองคนนะ”อยู่ๆสามก็เปลี่ยนเรื่อง


“...พรุ่งนี้สามต้องทำงานนี่”ไหนว่ายังไม่เสร็จเร็วๆนี้ไงแล้วทำไมถึงได้ว่างพาไป


“ลาเรียบร้อย...ผมจะพาลูก้าไปเที่ยวตลอด1อาทิตย์เลย”พูดเสร็จสามก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่น ผมสัมผัสได้ว่ามันแน่นกว่าครั้งไหนๆที่ถูกกอด


“สาม...”


“นะ...ไปกันนะ”เสียงอู้อี้ที่กระซิบข้างหูกับสัมผัสของแขนที่โอบกอดไว้แน่น


ทั้งที่น่าจะดีใจกับการได้ไปเที่ยวกับสามแต่กลับมีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้น


อะไรบางอย่างมันแปลก


“อืม”แต่ถึงแปลกการได้อยู่กับสามทั้งวันก็เป็นสิ่งที่ผมรอมากที่สุด


“ไปจัดของกันดีกว่า...เดี๋ยวจะพาไปเล่นน้ำตกแล้วก็เดินตลาด ถ้าเหลือเวลาจะพาไปทะเลด้วย”สามปล่อยแขนที่กอดผมก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อเอากระเป๋าเดินทางออกมา


“ไม่เป็นไรจริงเหรอสาม”


“อืม...ผมจะเป็นอะไรล่ะ แข็งแรงสุดๆเลย”คำตอบที่ได้และรอยยิ้มนั้นทำให้ผมเบาใจขึ้นนิดหน่อย


สามดูร่าเริงขึ้น แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงบรรยากาศแปลกๆที่แผ่ออกมา


ถ้าสามไม่ยอมบอกผมก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงจะบอกผมก็อาจทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิมก็ได้


“เพราะยังเป็นเด็ก...งั้นเหรอ”


“ว่าไงนะลูก้า”สามหันมาหาผมที่ยืนอยู่ห่างๆจึงแทบไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด


“เปล่านี่...ผมช่วยนะ”ผมเลือกที่จะส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปช่วยสามจัดของ




(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 24-01-2018 20:54:00
(ต่อค่ะ)

การเดินทางท่องเที่ยวตลอด1อาทิตย์ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว พวกเราเดินทางกันโดยรถยนต์คันสีเงินที่มีสามเป็นคนขับพายังสถานที่ต่างๆ สถานที่แรกที่พาไปเป็นตลาดที่มีคนเยอะมาก เรียกว่าเยอะจนเกิดอาการเวียนหัวขึ้นมา สามที่เห็นผมเป็นแบบนั้นก็รีบไปหาที่นั่งพักด้วยใบหน้าเป็นกังวล


สำหรับมนุษย์ปกติคงไม่เกิดอาการแบบนี้หรอก แต่เพราะอีกสายเลือดหนึ่งของผมมันมีประสาทสัมผัสที่ดีมากทำให้กลิ่นของมนุษย์หลายพันคนปะทะเข้ามาอย่างรุนแรง


หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายพวกเราก็ได้มาพักยังโรงแรมสุดหรู ห้องนอนของพวกเรากว้างมากมีทั้งห้องครัวห้องรับแขกและห้องน้ำราวกับอยู่ห้องของสามเลย


สิ่งเดียวที่ทำให้ผมไม่พอใจคือการที่มีเตียง2เตียงอยู่ภายในห้อง พอมี2เตียงแน่นอนว่าต้องแยกกันนอนเพราะเตียงนึงก็ไม่ได้ใหญ่มากเหมือนห้องสาม


“ไม่ชอบเหรอลูก้า”เสียงนุ่มๆของสามถามก่อนจะพลิกตัวมาหาผมจากเตียงข้างๆ


“ก็ไม่ใช่ไม่ชอบ...”


“จะบอกว่าเฉยๆสินะ”ไม่ต้องให้พูดจบสามก็สามารถต่อประโยคที่ผมคิดได้


“ก็นะ...นี่สามเห็นว่าเคยเลี้ยงเม่นใช่ไหม”


“ใช่...ไปได้ยินมาจาก อ้อ พี่จันไม่ก็ดาวสินะ”


“อืม...พี่ดาวบอก”สมแล้วที่เป็นสาม ไม่ต้องรอเฉลยก็รู้แล้ว


“ว่าแล้วเชียว...ผมเคยเลี้ยงประมาณ2ปีมาแล้ว”


“ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว?”


“อยู่สิ อยู่ในพิพิธภัณฑ์น่ะ หอยเม่นเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ผมชอบมากที่สุด ครั้งแรกที่ได้เพาะพันธ์ก็เลยเลือกตัวนึงมาเลี้ยง ผมพามันไปทุกทีไม่ว่าจะทำงานหรือพักผ่อนอยู่ห้อง”ระหว่างเล่าสามก็คลี่ยิ้มออกมาตลอด


“เพราะรักถึงได้พาไปทุกที่ แต่กับผมไม่ใช่แบบนั้นสินะ”ผมพูดเสียงเบา


“ลูก้า...ที่ผมไม่พาลูก้าไปทำงานไม่ใช่เพราะไม่รักแต่ถ้าลูก้าไปจะเบื่อมาก ห้องทดลองมีแต่ของอยู่เต็มไปหมด ทุกคนในนั้นทำงานกันแทบตลอดดังนั้นผมไม่มีเวลาดูแลลูก้าได้ ถ้าลูก้าอยู่กับดาวหรือพี่จันก็จะมีคนดูตลอด”


“เพราะผมยังเด็กสินะ”เพราะยังเด็กถึงได้ต้องมีคนมาคอยดูแล


“ใช่ ลูก้ายังเด็ก ผมยังไม่สามารถปล่อยให้ลูก้าทำอะไรหลายๆอย่างได้ด้วยตัวเอง”


“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะเรียกว่าโตล่ะ”ต้องใช้คำว่าเด็กไปถึงตอนไหน


“2ปี สำหรับลูก้าถ้าครบ2ปีก็แปลว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”สามคิดสักพักก่อนจะตอบออกมา


“อีกนานเลย”


“ไม่นานหรอกตอนนี้ลูก้าอายุ10เดือนแล้วนะ เหลือแค่ปีกับอีก2เดือนเอง”


“ไม่นาน...”


“อืม...ขอเล่าเรื่องหอยเม่นต่อนะ หลังจากผมเลี้ยงมันได้ประมาณอาทิตย์นึงผมก็คิดว่าสภาพแวดล้อมที่จำเป็นสำหรับหอยเม่นไม่เหมาะที่จะถูกหิ้วไปมาแบบนี้ เพราะงั้นผมเลยพามันไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ ยังไงการเลี้ยงสัตว์ก็ไม่เหมาะกับผมที่ต้องทำงานตลอดหรอก”พูดจบสามก็แหงนหน้าขึ้นมองเพดาน


“ทำไมสามถึงทำงานนี้ล่ะ น่าจะมีงานอีกเยอะที่สามสามารถทำได้”ไม่จำเป็นต้องทำงานที่หนักจนแทบไม่มีเวลาพักเลย


“นั่นสิ...ทำไมกันนะ ที่รู้คือการได้ทดลองหาในสิ่งที่ไม่รู้มันสนุกมากเลย ยิ่งการได้เพาะพันธ์และเลี้ยงดูเหล่าสัตว์น้ำหลากหลายชนิดมันทำให้ผมมีความสุข ผมชอบทะเล เพราะงั้นงานที่อยากทำจึงเป็นงานที่เกี่ยวกับทะเลแม้ว่างานนั้นจะมาพร้อมกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ก็ตาม”


“หน้าที่เหรอ?”


“หน้าที่น่ะ บางทีก็เป็นสิ่งที่ไม่อยากทำแต่จำใจต้องทำ อย่างการเป็นหัวหน้าผมก็ไม่ได้ยากหรอกนะแค่มีคุณสมบัติที่คู่ควรเท่านั้นเอง”


“สาม...”


“เรื่องของผมคงจะน่าเบื่อเกินกว่าจะเป็นนิทานก่อนนอนนะ นอนกันเถอะ”สามลุกขึ้นเดินไปปิดไฟตรงผนังแล้วกลับมานอนที่เดิม
ความมืดที่เข้าปกคลุมไม่ได้ทำให้ความง่วงเพิ่มขึ้นสักนิด เตียงเย็นๆอุ่นขึ้นเพราะมีผ้าห่มผืนหนาแต่มันก็ยังไม่ใช่ความอุ่นที่ผมต้องการ


“สามนอนรึยัง”ผมพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศมืดสนิท


“เกือบแล้ว...นอนไม่หลับเหรอ”ร่างสามในความมืดขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวมาทางผม แม้จะมืดสนิทเพียงใดการเคลื่อนไหวนั้นก็ไม่อาจรอดสายตาผมไปได้


“...ไปนอนด้วยได้ไหม”ไม่อยากทำตัวเหมือนเด็กแต่การกระทำของผมตอนนี้มันเด็กจริงๆ


“แคบนะ”


“ไม่เป็นไร”ยิ่งแคบก็ยิ่งสัมผัสถึงไออุ่นจากร่างกายได้มากขึ้นไปอีก


“งั้นก็มาสิ”


เพียงแค่ได้ยินคำตอบผมก็รีบสะบัดผ้าห่มทิ้งแล้วตรงไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของสามทันที สามขยับตัวไปริมเตียงเพื่อให้ผมมีพื้นที่นอนมากขึ้น


“ติดนอนกับผมแบบนี้ต่อไปจะนอนคนเดียวได้เหรอ”น้ำเสียงห่วงๆดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามืออุ่นๆที่เอื้อมมาลูบเส้นผมสีฟ้าแซมแดงของผมเบาๆ


“ทำไมต้องนอนคนเดียวด้วย”พูดเหมือนกับว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน


หมับ!


ร่างผมถูกสามที่ขยับเข้ามาใกล้คว้าตัวไปกอดแน่น ความแนบชิดทำให้สามารถสัมผัสถึงร่างกายของอีกฝ่ายที่สั่นได้ย่างชัดเจน


“สาม...”เป็นอะไร


อยากจะถามออกไปแต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงเอื้อมมือไปกอดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นเท่านั้น


บรรยากาศมืดๆแถมเงียบสงัดเกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรต่อ สามกอดผมไว้แน่นด้วยร่างกายสั่นๆ ผมเองก็กอดตอบสัมผัสด้วยความเต็มใจ


ผมอยากนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นในวันที่ตัวเองโตพอที่สามจะยอมบอกถึงสิ่งที่อยู่ในใจนี่สักที


หลังจากวันนั้นการท่องเที่ยวตลอดหนึ่งอาทิตย์ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี สามพาผมไปเห็นโลกอันกว้างใหญ่และเห็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างน้ำตกหรือภูเขา บรรยากาศแสนร่มรื่นมีผู้คนไม่มากเหมือนอย่างตลาดก่อนหน้านี้ผมเลยค่อนข้างชอบ ยิ่งได้นอนพักค้างแรมท่ามกลางธรรมชาติก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆ


เมื่อท่องเที่ยวเสร็จพวกเราก็ขับรถกลับมายังศูนย์วิจัย ข้าวของต่างๆถูกยกขึ้นไปจัดการส่งให้แม่บ้านซักก่อนที่ผมจะขอตัวไปแช่น้ำ การเที่ยวติดต่อกันหลายวันแม้จะทั้งสนุกและตื่นเต้นแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยอยู่พอสมควร


“ลูก้า ออกไปข้างนอกกัน”นี่คือคำถามแรกที่เจอเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา


“เราพึ่งกลับมานะ”จะไปอีกแล้วเหรอ


“อืม ไปกันเถอะ”


“ทำไมถึงทำหน้าเศร้า”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีน้ำตาลอย่างสงสัย ใบหน้าสีน้ำผึ้งแสดงความเศร้าออกมาให้เห็น


“ขอยังไม่บอกนะ ไปกันเถอะ”สุดท้ายก็ต้องยอมเดินตามสามออกมาข้างนอกโดยไม่ได้รับคำตอบในสิ่งที่ต้องการ


สามพาผมเดินไปตาสะพานที่เป็นทั้งแหล่งเพาะพันธ์ บ่อพักสำหรับสัตว์ป่วยหรือแม้แต่การดูแลสัตว์น้ำซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในสัตว์เหล่านั้นที่อยู่ที่นี่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีหลายครั้งที่กลับร่างไดโนเสาร์และทุกครั้งผมก็ต้องมาอยู่ในบ่อที่129เสมอ


ผมไม่รู้ว่าต้องควบคุมการกลายร่างยังไง สิ่งที่ผมรู้คือถ้าอยากอยู่ในร่างมนุษย์ให้นึกว่าอยากอยู่กับสาม


กลิ่นของอะไรบางอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนนั่นทำให้ผมหยุดขาที่ก้าวตามสามไป ตรงหน้านั่นมีเรือจอดอยู่ แน่นอนว่าแค่เรือไม่ทำให้ผมหยุดก้าวหรอกแต่เพราะสิ่งที่อยู่บนเรือนั่นต่างหาก


ความน่าเกรงขามในระดับที่ไม่เคยได้สัมผัส


ความน่าเคารพที่แม้ไม่เคยเห็นหน้ายังทำให้รู้สึกได้


ใครกัน


สัมผัสกับกลิ่นแบบนั้น


ไม่ใช่มนุษย์


“เห็นว่าพึ่งกลับจากไปเที่ยวเหรอทรี”เสียงทุ้มออกนุ่มดังขึ้นพร้อมกับผู้ชายสองคนที่เดินลงมา คนแรกมีเส้นผมสีบลอนทองและมีดวงตาสีเขียวอมฟ้า ส่วนคนที่สองเป็นคนเดียวกับที่ผมสัมผัสได้เมื่อครู่..เส้นผมสีเทาแซมส้มกับดวงตาสีเหลืองอัมพันนั่นราวกับสัตว์ป่าที่ถูกจับให้มาอยู่ในร่างมนุษย์


เพียงแค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้อันตราย


“ใช่...มาเร็วไปรึเปล่าเซโคร”ทันทีที่ชื่อนั้นหลุดออกมาจากปากสามผมก็นึกได้ทันทีว่าเป็นชื่อเดียวกับที่ได้ยินตอนคุยโทรศัพท์ครั้งก่อน


หลังจากได้รับโทรศัพท์นั่นสามก็แปลกไป


“อยากเจอเร็วๆนี่นา สวัสดีลูก้าเราเคยเจอกันแล้วแต่คงจำไม่ได้สินะ”ชายที่ชื่อเซโครหันมาคุยกับผมบ้าง


“...ทำอะไรสาม”ผมรู้ว่ามันไม่ใช่คำทักทายที่ดีเท่าไหร่ แต่ทำไงได้ในเมื่อสามไม่บอกก็มีแต่ต้องทำคนที่รู้เท่านั้น


“ฮืม? หมายถึงอะไร?”


“ตั้งแต่ที่คนชื่อเซโครโทรมาสามก็แปลกไป”


“พูดอะไรน่ะลูก้า”สามพูด


“พูดความจริงไง สามไม่ยอมบอกผมเลยต้องถามคนที่รู้”


“ลูก้า...”


“นี่ยังไม่ได้บอกเขาเหรอทรี”เซโครหันไปถามสามที่ยืนเกาหัวอยู่ข้างๆ


“โทษที...”


“มีเรื่องอะไร”ผมถามย้ำอีกครั้ง


“ถ้าทรียังไม่บอกงั้นผมจะบอกให้ ก่อนอื่นของแนะนำตัวก่อนผมหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่หรือเซโคร ส่วนนี่คนรักและคู่หูของผมชื่อยูทาร์”เซโครผายมือไปยังชายด้านข้างด้วยรอยยิ้ม


“...ผมลูก้า”


“นายก็เป็นเหมือนผมสินะ”เส้นผมสีเทาแซมส้มถูกลมทะเลพัดไปมาจนยุ่งเหยิงแต่เจ้าของกลับไม่สนใจมันนัก เขาจ้องมองมายังผมอย่างสำรวจเช่นเดียวกับที่ผมมองไป


“อืม”ผมพยักหน้าแทนคำตอบ แม้จะไม่มีคำพูดมากมายเราก็สามารถสื่อการได้


คนคนนี้เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์เหมือนผม


“ในเมื่อทักทายเรียบร้อยขอเข้าเรื่องเลยนะ ผมกับยูทาร์มารับลูก้ากลับไปอยู่กับพวกเราที่เกาะน่ะ”


“...พูดอะไร”ประโยคนั่นทำให้ร่างกายเบาโหวงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น


กลับไปเหรอ


หมายถึงต้องไปจากสามเหรอ


ดวงตาสีเงินของผมหันไปประสานกับดวงตาสีน้ำตาลของสามที่สั่นระริกอยู่ด้านข้างเพื่อถามว่าสิ่งที่ได้ยินมันไม่ใช่เรื่องจริง
ช่วยบอกผมสิว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง


“...ขอโทษที่ไม่ได้บอก”สามพูดเสียงสั่น


“สาม”ทำไมล่ะ


“ทรีทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว...ตั้งแต่ที่พาลูก้ามาก็คอยดูแลอย่างดีมาตลอด ทั้งสอนและพาไปเปิดหูเปิดตา ก็อยากให้เขาอยู่ต่อหรอกนะแต่จะรบกวนมากกว่านี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ด้วยอายุในตอนนี้มากพอจะให้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆได้แล้ว”เซโครเป็นฝ่ายตอบแทน


“...หน้าที่เหรอ”จะบอกว่าที่สามทำทั้งหมดมันเป็นเพียงหน้าที่งั้นเหรอ


“ลูก้า...”


“ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดมันคือหน้าที่ของสามงั้นสินะ”เพราะเป็นแค่หน้าที่ สามไม่ได้อยากมาอยู่กับผมด้วยความตั้งใจของตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว


“ไม่ใช่นะลูก้า คือว่า...”


“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”ตอนนี้ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น


“แต่ว่า...”


“พวกคุณมาพาผมไปสินะ”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีเขียวอมฟ้า


“พูดให้ถูกคือมารับน่ะ”


“เอาสิ ผมจะไป”ถ้าสามพาผมมาที่นี่ก็แปลว่าต้องการให้ผมไปอยู่แล้ว


นั่นสินะ ก็ผมมันเป็นแค่เด็ก


เด็กที่สามต้องมาคอยดูแลเพราะเป็นหน้าที่


“ไม่ลาทรีหน่อยล่ะ”เซโครถามเมื่อเห็นผมเดินขึ้นไปบนเรือ


“ไม่จำเป็น...”


“ลูก้า!”สามตะโกนเรียกก่อนจะดึงแขนผมให้หันกลับไปหาแต่เพราะถูกขืนไว้เลยไม่สำเร็จ


“ขอบคุณสำหรับการทำหน้าที่อย่างดีนะครับ”นี่เป็นคำลาสุดท้ายก่อนที่ผมจะสะบัดมือแล้วเดินเข้าไปข้างในโดยไม่สนเสียงตะโกนเรียกที่ตามมา


“ลูก้า!!”


ตอนนี้ในหัวมันสับสนไปหมด


ไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น


ก่อนหน้านี้ผมกับสามยังมีความสุขกับการไปเที่ยวอยู่เลย


มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้


“จะดีเหรอ เขาร้องไห้อยู่นะ”เสียงทุ้มจากยูทาร์เรียกสติให้ผมหันไปมอง


“...ใคร”ผมถามทั้งที่พอจะเดาคำตอบได้


“คนที่ชื่อสามไง”


“...”ทันทีที่ได้ยินหัวใจก็ชาวาบอย่างไม่มีสาเหตุ


สามร้องไห้


“แต่ถึงจะออกไปตอนนี้คงไม่ทันแล้ว”จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด ตอนนี้เรือได้แล่นออกจากท่าแล้ว


“ทำไมถึงร้อง”ทำไมสามถึงร้องไห้ คนที่อยากร้องมันคือผมต่างหาก


“ที่ร้องเพราะเสียใจที่จากกันไง”


“ไม่จริง ที่สามดูแลผมก็เพราะหน้าที่ เขาดีกับผมก็เพราะหน้าที่ ทุกอย่างมันเป็นหน้าที่ทั้งนั้น”เพราะเป็นแค่หน้าที่ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องเสียใจเลยนี่


“จริงเหรอ”


“อะไร”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีเหลืองอำพันอย่างไม่เข้าใจ


“คิดว่าที่เขาทำมันเป็นแค่หน้าที่จริงเหรอ”


“ถ้าไม่ใช่หน้าที่...ทำไมถึงไม่ห้าม ทำไมถึงพามาที่นี่ทั้งที่รู้ว่าผมต้องจากไปด้วยเล่า”ผมตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทด
ไม่เข้าใจ


ไม่เข้าใจเลยสักนิด


“คำถามนั่นเก็บไว้ให้คนชื่อสามตอบดีกว่านะ”


“พูดเหมือนผมจะได้เจอเขาอีกงั้นแหละ”


“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวนาย”


“หมายความว่ายังไง”


“ไว้ถึงเกาะเซโครจะบอกทุกอย่างที่นายคาใจ”พอพูดจบเขาก็เนออกไปด้านนอกปล่อยให้ผมจมอยู่กับความคิดตัวเองตามลำพัง


สามเสียใจที่ผมจากมาจริงเหรอ


สามไม่ได้ดูแลผมแค่เพราะหน้าที่จริงเหรอ


ทำไมถึงต้องพาผมมาที่นี่ทั้งที่ต้องเสียใจ


มีคำถามมากมายที่อยากรู้คำตอบ


เพียงแต่การกลับไปถามตอนนี้อาจไม่ได้รับคำตอบ


เพราะผมยังเด็กเลยไม่สามารถรับรู้อะไรได้สักอย่าง รวมถึงไม่อาจเข้าใจถึงสาเหตุที่สามทำแบบนี้


ถ้างั้นอีกหนึ่งปีสองเดือนผมจะกลับไป


จะกลับไปหาสามในวันที่ผมโตเป็นผู้ใหญ่


จากนั้นผมจะถาม จะถามถึงทุกอย่างที่ค้างคาใจ

...........................................................................

มาต่อแล้วสำหรับตอนที่5

หลายคนที่อ่านมาถึงตอนนี้อาจมีความรู้สึกว่ามันค้างและหน่วงๆอยู่สักหน่อย

ตอนนี้อาจเป็นตอนที่หน่วงที่สุดในเรื่องแล้วล่ะค่ะ 555

ไม่ถนัดแต่งความรู้สึกหน่วงๆแบบนี้เท่าไหร่เลยค่อนข้างใช้เวลานาน

ขอแจ้งกำหนดการอัพหน่อยนะคะ เราจะพยายามอัพ1ตอนไม่เกิน2ทิตย์ซึ่งบางครั้งอาจมีช้ากว่าบ้าง ทุกคนก็ช่วยรอกันด้วยนะคะแต่เราจะพยายามอัพให้ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกคนสำหรับทุกๆคอมเม้นและทุกๆกำลังใจที่มีให้นะคะ

เห็นแบบนี้เราได้อ่านทุกคอมเม้นเลยน้า มีความสุขมาที่หลายๆคนชอบ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์----

วันนี้ขอเสนอเป็นสัตว์แทนนะคะเพราะยังไม่มีไดโนเสาร์ออกโรง

(http://phuketaquarium.org/wp-content/uploads/2016/10/%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%992-601x400.png)

เม่นทะเล หรือ หอยเม่น อยู่ในกลุ่มเอคไคนอยด์ที่มีสมมาตร อาศัยอยู่ตามพื้นแข็ง มีสีต่างกัน ด้านที่เกาะกับพื้นเป็นปาก ทวารหนักอยู่กลางลำตัว ด้านบนสุด เม่นทะเลจะมีหนามสองขนาด หนามขนาดยาวใช้ในการผลักดันพื้นแข็ง ขุดคุ้ยสิ่งต่างๆหรือช่วยในการฝังตัว หนามเล็กสั้นใช้ยึดเกาะเวลาปีนป่าย เม่นทะเลที่มีพิษจะมีหนามที่กลวงและมีพิษอยู่ภายใน หนามนี้จะแทงทะลุผิวหนังได้ง่าย เมื่อหักจะปล่อยสารพิษออกมา

เครดิต : http://phuketaquarium.org/sea-urchin/

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-01-2018 21:13:38
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-01-2018 21:17:19
ก็เศร้าอยู่นะ แต่เดี๋ยวก็ได้เจอกันใช่ไหมคะ
นึกภาพตอนสามกระเตงหอยเม่นไปไหนมาไหนด้วยแล้วรู้สึกว่าน่ารักดี ฮา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 24-01-2018 21:21:39
โอ้ยยย สงสารทั้งสองคนเลย รอวันที่ลูก้าโต รอวันที่ทั้งสองคนจะได้เจอกันอีกครั้ง

ปล.ถ้าจะทับศัพท์คำว่า Surprise ไม่ต้องมี น เน้อออ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 24-01-2018 21:37:41
เศร้าใจจังเลยค่า สงสารสามกับลูก้ามากเลย
ยิ่งสามรักลูก้าประหนึ้งลูกน้อยในอุทรขนาดนี้ ยิ่งลธก้าเข้าใจผิดยิ่งเศร้าหนักแน่เลย ลูก้ารีบๆโค แล้วมาดูแลสามนะหนู
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 24-01-2018 21:41:25
ทำไมปล่อยลูก้าไปละ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 24-01-2018 22:05:34
งื้ออออ :hao5:

ค้างหนังมาก สงสารน้องงง
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 24-01-2018 22:16:49
 :z3: :z3: :z3: :z3
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 24-01-2018 22:28:20
น้องเม่นนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-01-2018 23:02:22
รอก่อนนะ อีก 1ปี 2เดือน
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 24-01-2018 23:29:54
แค่14เดือนเอง ไม่นานหรอก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 24-01-2018 23:39:28
ทรมานใจทั้งคู่เลยอ่ัะ.. 1ปี2เดือนมันนานเหลือเกินสงสาร... สาม.. สงสารลูก้า.... ความใกล้ชิดคือบ่อเกิดความรัก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: lolata ที่ 24-01-2018 23:50:13
จะรอวันที่ลูก้ากลับมานะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-01-2018 06:15:47
จากเพื่อไปเรียนรู้สิ่งที่ลูก้าต้องทำต่อไปอ แล้วก็จะเจอกันใหม่นะ อย่าโกรธสามนะลูก้า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 25-01-2018 06:17:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 25-01-2018 08:09:54
สงสารทั้งคู่เลย เรื่องมันเศร้าเนอะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 25-01-2018 11:44:37
ลูก้ามาแล้วววววววว :impress2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 25-01-2018 13:15:38
 :mew1:ยูมาร์ยังพูดน้อยเหมือนเดิม 555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 25-01-2018 16:55:57
โตไวๆนะจะได้ไปหา 3
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 25-01-2018 19:21:02
สามก็จะจมอยู่กับควาทเสียใจนั่น ._.  :hao5:
โตไวๆนะลูก้า จะได้มาหาสามไวๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-01-2018 11:04:46
อุ้ย!! น้องจะโต
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-01-2018 12:56:53
สงสารทั้งคู่เลยย แต่แอบคิดว่าสามผิดอยู่นิดๆนะ
น่าจะอธิบายตอนที่ยังมีเวลาและโอกาสอะ
เพราะไม่ว่าสามพูดอะไรลูก้าก้เชื่อสามอยู่แล้ว
1ปี2เดือนที่สามบอกว่า ไม่นานหรอก
จะซึ้งกันตอนนี้แหละว่ามันยาวนานแค่ไหน
รอค่าา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 26-01-2018 20:30:49
สงสารลูก้า ถ้าสามใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ค่อยๆ อธิบาย ให้ลูก้าทำความเข้าใจ การจากลามันคงง่ายกว่านี้ และสามารถรอคอยที่จะพบกันอีกครั้งอย่างมีความหวัง ดีกว่าปล่อยให้ลูก้าไปโดยไม่รู้อะไร สับสน และไม่รู้ว่าอยาคตจะได้เจอกันรึเปล่า

//ซับน้ำตา :sad4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 27-01-2018 01:14:04
 :katai1: แงงง ตอนนหน้าจะวาร์ปมั้ย จะวาร์ปหรือเปล่าา น้องจะโตพอแล้วใช่มั้ย สามต้องคิดถึงมากแน่ๆเลย แต่เค้าจะได้มาเจอกันใช่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 27-01-2018 07:20:32
สามรีบโตนาาา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 27-01-2018 08:38:28
แวะมารอน้องลูก้าลูกน้อยในดวงใจค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-01-2018 14:01:37
ลูก้าเอ้ย น่าสงสาร
ไว้อีกสองปี กลับมาหาสามใหม่นะ

สามไม่ใช่ไม่รักไม่ห่วงนะ แต่ลูก้าต้องมีชีวิตที่ถูกทางกว่านี้
เพราะลูก้ายังไม่ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของตัวเองเลย



หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่5◈♦> 24/1/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 27-01-2018 23:11:47
จะโกรธเซโครแล้ว  :m16: :hao5:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 03-02-2018 16:43:52
◈ธาราที่6◈




วันเวลาได้ไหลผ่านไปเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ก็ปีหน่อยๆแล้วตั้งแต่ที่ลูก้าจากไป จะเรียกว่าจากไปก็ไม่ถูกเพราะตามจริงสถานที่ที่ลูก้าควรอยู่มันไม่ใช่กับผมแต่เป็นบนเกาะซึ่งเป็นศูนย์กลางของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทั้งสถานที่ สภาพแวดล้อมรวมถึงบุคคลต่างมีความรู้ความสามารถในการดูแล


สาเหตุที่ผมยอมเพราะผมรู้ว่าลูก้าจำเป็นต้องเติบโตมากกว่านี้ เขาจำเป็นต้องออกไปสู่สังคมที่ใหญ่ขึ้นไม่ใช่แค่อยู่กับผมที่วันๆเอาแต่อยู่ในห้องทำการวิจัยและทดลอง อีกอย่างคือบนเกาะนั่นมีคนที่เป็นเหมือนอย่างลูก้า...คนที่เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์เหมือนๆกัน


นั่นคือเหตุผลที่ผมเฝ้าบอกตัวเองมาตลอด เพราะถ้าไม่บอกกับตัวเองไว้ก็เอาแต่คิดถึงใบหน้าของลูก้าอยู่ทุกวัน


ผมอยากรั้ง


ผมอยากบอกว่าห้ามไป


ผมอยากพูดว่ากลับมาสิ


แต่ท่าทางของลูก้าที่เห็นก่อนจากกันดูโกรธมาก


โกรธถึงขนาดที่ไม่ยอมหันมามองหน้ากันก่อนจากด้วยซ้ำ


“...เฮ้อ”เสียงถอนหายใจของผมดังขึ้นระหว่างอ่านข้อมูลงานวิจัยที่พึ่งออกไปรวบรวมมา


“มีคนพูดว่าถ้าถอนหายใจครั้งหนึ่งส่วนสูงจะลดลงนะด๊อกเตอร์”ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ช่วยพูดขึ้นลอยๆระหว่างที่คีย์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ด้านข้าง


สถานที่ที่ผมอยู่ตอนนี้คือห้องวิจัยและทดลอง การที่ไม่มีคนรอให้กลับไปทำให้ผมเลือกที่จะหมกตัวอยู่แต่ในห้องนี้แทนที่จะกลับไปนอนห้อง กิจวัตรประจำวันเดิมๆเริ่มกลับมาอีกครั้ง


“ที่ผมเคยได้ยินไม่ใช่ส่วนสูงและเป็นความสุขนะ”


“แหม ความสุขของด็อกเตอร์หายไปตั้งแต่ตอนที่ลูก้ากลับแล้วนี่นะ”พี่พลหันมามองผมยิ้มๆ


“ไม่ใช่สักหน่อย...”


 “โกหกไปก็เท่านั้น...จะว่าไปก็ปีกว่าแล้วนะที่ลูก้ากลับไป”


“หนึ่งปีหนึ่งเดือนกับอีก29วัน”ผมพึมพำตัวเลขจริงๆออกไปด้วยใบหน้าห่วงๆ


ลูก้า


จะเป็นยังไงบ้างนะ


จะได้กินข้าวครบสามมื้อรึเปล่า


จะนอนคนเดียวได้ไหม


“ห่วงก็ไปหาสิ”


“เขาไม่อยากเจอผมหรอก”ผมตอบกลับไป


มีหลายครั้งที่คิดว่าอยากไปเยี่ยมแต่ทุกครั้งน้ำเสียงโกรธเคืองในวันสุดท้ายที่ก่อนจากกันนั่นก็ผุดเข้ามาในหัวจนความกล้าที่มีมันหายไป


ถ้าไปแล้วต้องเจอกับน้ำเสียง คำพูดหรือท่าทางแบบนั้นผมคงรับไม่ไหว


“ขี้กังวลเกินขาดนะเนี่ย”


“พี่พลไม่ได้เจอแบบผมนี่”น้ำเสียงนั่น ทำเอาผมน้ำตาไหลเลย


“ครับๆ”


“ยุไปไหน”ผมเปลี่ยนเรื่องคุยพลางหันไปมองรอบๆห้องที่ตอนนี้มีแค่ผมนั่งอยู่กับพี่พลสองคนเท่านั้น


ผู้ช่วยคนอื่นผมรู้ว่าออกไปรวบรวมข้อมูลของงานวิจัยที่ยังไม่สมบูรณ์นี่แต่กับรองหัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำอย่างยุไม่น่าจะออกไปด้วย


“เห็นว่าช่วงนี้กำลังเห่ออ่านหนังสือเก่าอยู่”


“แปลว่าอยู่ห้องสมุดสินะ”ผมสรุปอย่างรวดเร็ว


ในยุคของเทคโนโลยีแบบนี้ทำให้การอ่านจากหนังสือโดยตรงเป็นสิ่งที่หมดความนิยมไป ส่วนมากจะอ่านผ่านโทรศัพท์ในรูปแบบของอีบุ๊ค ผมเองก็เวลาอยากอ่านหนังสือก็หาจากในพวกอีบุ๊คเหมือนกัน


ร่างกายถูกขยับเล็กน้อยก่อนที่ผมจะลุกขึ้นยืน เอกสารงานวิจัยถูกยืนไปให้พี่พลที่กำลังง่วนกับการคีย์ข้อมูล พี่พลเงยหน้าขึ้นมามองผมนิดนึงถึงจะรับเอกสารนั่นไป


“ด๊อกเตอร์น่าจะมาช่วยกันคีย์นะ”พี่พลพูดเสียงเบา


“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวพี่ว่างแล้วไปฟ้องบริษัทขึ้นมาผมจะทำไงล่ะ”ผมตอบพร้อมยกยิ้มขึ้น


“ใครมันจะไปฟ้องกัน”


“ฝากหน่อยละกันพี่...พอดีผมถูกพี่จันบอกมาว่าให้ช่วยหาอะไรให้พี่ทำหน่อยไม่งั้นพี่จะออกไปม่อสาวแถวชายหาดอีก”


“ไอ้จันเรอะ ให้ตายสิ ชอบมาขัดความสุขของคนอื่นจริงๆเลย...เป็นน้องชายก็อยู่ส่วนน้องชายไปสิ”พี่พลบ่นเสียงเคือง


อย่างที่รู้กันว่าพี่พลกับพี่จันเป็นพี่น้องกันซึ่งคนพี่คือพี่พลมีอายุมากกว่าพี่จัน2ปี แต่ถ้าดูในแง่ของความคิดหรือความรับผิดชอบพี่จันมีมากกว่าพี่พลหลายสิบปีเลยล่ะ ถึงทั้งคู่จะชอบแหย่ผมเล่นไม่ต่างกันก็ตาม


ความจริงผมก็อยากให้พี่จันมาเป็นหนึ่งในทีมวิจัยของผมเหมือนกันแต่ด้วยความสามารถด้านการดูแลสัตว์น้ำที่มีมันน่าเสียดายเกินถ้าจะให้มานั่งทดลองในห้องแบบนี้


“พี่จันเขาเป็นห่วงพี่นะ ฟังน้อยชายบ้างเถอะ”


“มีพี่คนไหนต้องฟังน้องบ้างล่ะ”


“พี่คนนี้ไง...ผมไปก่อนล่ะ มีอะไรติดต่อมาได้นะครับ”ผมเดินเข้าไปตบไหล่พี่พลเบาๆ


“วันนี้จะกลับไปนอนห้อง?”


“อาจจะนะ...ไม่ได้ไปเป็นเดือนแล้ว คิดถึงหน่อยๆเหมือนกัน”


“คิดถึงเด็กที่รออยู่ในห้องอ่ะดิ”พี่พลแซว


“ถ้าเด็กคนนั้นกลับมานะครับ”ถ้ากลับมาผมคงไม่ต้องมานั่งกังวลแบบนี้หรอก


หลังจากนั้นผมก็เดินออกมาจากห้องวิจัยตรงไปยังสะพานไม้สำหรับเดินไปดูบ่อสัตว์น้ำต่างๆ จักรยานคู่ใจถูกปั่นไปตามแนวสะพานผ่านเจ้าหน้าที่หลายคนที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ พอขึ้นมาเป็นหัวหน้าการลงไปดูแลสัตว์ด้วยตนเองเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้ทำแต่ด้วยความที่ผมชอบเลยมักจะเข้าไปช่วยเสมอ


อย่างวันนี้ผมก็เข้าไปช่วยพวกพี่จันรักษาปลาโลมาที่ได้รับบาดเจ็บจากการไปติดแหของชาวประมงมาเมื่ออาทิตย์ก่อน บาดแผลตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้วอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะนำไปปล่อยสู่ธรรมชาติตามเดิม


พอพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าผมก็กลับขึ้นมายังห้องพักบนชั้น14หลังกินมื้อเย็นร่วมกับพวกดาวและพี่จันเสร็จ ในห้องทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมทั้งผนังสีนวลหรือเฟอร์นิเจอร์สีเข้มที่ตั้งอยู่ ที่ต่างจากเดิมคงมีเพียงเตียง5ฟุตดูจะกว้างขึ้นทั้งที่ขนาดเท่าเดิม


ตอนมีลูก้าอยู่ด้วยมักจะถูกอีกฝ่ายมานอนเบียดอยู่เสมอ การกระทำนั่นทำให้ผมคิดว่าลูก้าคงเป็นคนขี้หนาวก็เลยต้องปรับแอร์ให้มีอุณหภูมิอุ่นขึ้นมาหน่อย ถึงปรับอุณหภูมิแล้วก็ยังชอบเข้ามานอนชิดอยู่ดี


ผ่านมานานขนาดนี้ก็ยังไม่สามารถลืมความทรงจำดีๆนั่นได้


“พรุ่งนี้แล้วเหรอ...”ผมพึมพำระหว่างที่เปิดประตูระเบียงออกมารับลมทะเลด้านนอก


วันพรุ่งนี้ก็จะครบ1ปีกับ2เดือนที่จากกัน


ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะมานั่งนับวันทำไม


ทำเหมือนกับรอคอย รอว่าอีกฝ่ายจะกลับมา


การที่คิดถึงอยู่ตลอดอาจเป็นเพราะช่วงเวลากว่า10เดือนที่อยู่ด้วยกันมันมีแต่ความทรงจำดีๆ มันเป็นครั้งแรกสำหรับผมที่มีโอกาสได้ดูแลใครสักคนอย่างใกล้ชิดเหมือนเป็นครอบครัว นั่นเลยทำให้ผมเป็นกังวลเรื่องลูก้าอยู่ตลอด


ครอบครัวผมมีพี่น้อง3คนซึ่งผมเป็นคนสุดท้องจึงไม่มีโอกาสได้เลี้ยงเด็กมาก่อน


เด็กส่วนมากชอบแหกปากร้องด้วยโทนเสียงสูงซึ่งฟังกี่ทีก็ปวดหัวสุดๆ ต่างจากลูก้าอย่างสิ้นเชิง ในวันแรกที่เจอเสียงเล็กๆที่ส่งมาทำให้ผมอมยิ้ม แรงกัดซ้ำบริเวณคอก็ยังคงจำได้อยู่ แน่นอนว่ารอยแผลเป็นที่ได้รับจากลูก้าก็ยังคงอยู่เช่นกัน


ผมเปลี่ยนจากรับลมทะเลมานั่งอยู่บนเตียงสีฟ้าพลางทอดสายตามองไปยังแผลเป็นบริเวณข้อเท้าซ้ายที่เป็นรอยเส้นหนวดของแมงกะพรุนพันรอบ


“เลิกคิด...เลิกคิดได้แล้ว”บ่นตัวเองเสร็จก็หงายหลังนอนแผ่บนเตียงนิ่งๆ


ทำไมช่วงนี้ถึงนึกถึงลูก้าบ่อยนักนะ


ปีกับอีกเดือนกว่าที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่นึกถึงแต่ไม่นึกถึงมากขนาดนี้


“หรือจะเกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่คิดแบบนั้นร่างผมก็เด้งตัวขึ้นลุกขึ้นมานั่ง ริมฝีปากขยับเม้มเข้าหากันด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ปวดหัว


ไม่นานความกังวลที่มีก็เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด


ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ด้านบนหัวเตียวขึ้นมาแล้วกดโทรออกยังเบอร์ที่ได้ไม่ได้ติดต่อมาหลายเดือนแล้ว เสียงสัญญาณดังขึ้นสามสี่ครั้งก่อนที่ปลายสายจะกดรับ


(ทรี?)


“เซโคร...”ผมเรียกชื่อปลายสายเบาๆ คนที่ผมโทรหาเป็นถึงลูกชายของบิดาแห่งการคืนชีพและยังเป็นหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการพิเศษอีกด้วย


ถ้าจะถามเรื่องของลูก้าคงไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว


(ไม่ได้ติดต่อมานานเลยนะ...ครั้งล่าสุดก็เมื่อหลายเดือนก่อน)


“ก็ใช่...”ครั้งล่าสุดที่โทรไปก็ถามเรื่องของลูก้าว่าสบายดีไหม พอได้คำตอบว่าสบายดีก็เบาใจขึ้นเยอะ


(โทรมาเรื่องลูก้ารึเปล่า)


“สมแล้วที่เป็นนาย”รู้ดีจริงๆ


(ดูจะสนิทกันมาก...การดูแลเขาคงไม่ใช่แค่หน้าที่อยากที่ผมเข้าใจสินะ)


“ตอนแรก็ใช่...ตอนแรกที่รู้ว่าต้องดูแลผมก็คิดว่ามันเป็นเพียงหนึ่งในหน้าที่ที่ต้องทำให้ดีที่สุด แต่พอได้เจอกับลูก้า ได้อยู่ ได้เล่นและได้นอนด้วยกัน...ผมรู้สึกมีความสุขมาก”มันไม่ใช่แค่หน้าแต่มันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำ


ผมอยากใช้เวลาอยู่กับลูก้าให้นานๆและพาออกไปเที่ยวจึงได้พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อจะได้มีวันหยุดยาวเพียงพอที่จะทำสิ่งเหล่านั้น


(การที่ผมพาเขามามันอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูก...)อยู่ๆปลายสายก็พูดขึ้น


“หมายความว่ายังไง...เกิดอะไรขึ้นกับลูก้า...ไม่สิ...ตอนนี้เขายังสบายดีอยู่ใช่ไหม”ผมเอ่ยถามสิ่งที่คาใจออกไปรัวๆ คำพูดของเซโครทำเอาใจผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย


(ใจเย็นก่อนทรี...ที่ผมจะบอกคือตอนแรกที่ไปพาตัวลูก้ากลับมาเพราะคิดว่าการให้ทรีช่วยดูแลเด็กเป็นเวลากว่า10เดือนมันก็มากพอที่เขาจะเติบโตและเข้าใจหลายๆสิ่งแล้วเลยอยากให้เขาได้เรียนรู้และออกไปเปิดหูเปิดตากับสังคมใหม่ๆ...)


“เซโคร...”


(ทรีเองก็คิดใช่ไหมว่าที่เกาะคือสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับเขาน่ะ)


“ใช่...ถ้าลูก้าอยู่ที่นั่นเขาจะมีสังคมกลุ่มใหญ่ไม่ใช่แค่มนุษย์แต่ยังมีทั้งไดโนเสาร์หรือแม้แต่ไดโนเสาร์กลายพันธุ์เหมือนๆกัน”ผมตอบปลายสาบกับไป


(ผมก็เคยคิดแบบนั้น)


“เคยเหรอ”หมายความว่าตอนนี้ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้วสินะ


(อืม...ผมได้เห็นลูก้าในตอนนี้แล้ว...)


“ลูก้าเป็นยังไงบ้าง”


(เป็นห่วงจริงๆสินะ)


“เป็นห่วงสิ...”


(เขาสบายดี...จริงสิ พรุ่งนี้ลางานสักวัน...ไม่เอาดีกว่า...)


“อะไรเซโคร”สรุปจะยังไง


(หัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำด๊อกเตอร์นทีทาน ธาราสุข)อยู่ๆน้ำเสียงที่ใช้ก็เปลี่ยนไปจนผมตัวเกร็งขึ้นกะทันหัน


“คะ...ครับ”ทำไมต้องใช้เสียงเหมือนกำลังจะสั่งงานด้วย


(พรุ่งนี้ผมของสั่งให้คุณไปรอยังท่าเรือของศูนย์วิจัยทางทะเลตอน10โมง...มาคนเดียวนะ)


“เข้าใจแล้ว...แต่มีอะไร...”


(ไว้รอพรุ่งนี้ละกัน)พูดจบเซโครก็วางไปสายไปท่ามกลางความงุนงงของผม


“ห๊ะ?...เฮ้อ...ให้ตายสิ”ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเลยสักอย่างนอกจากลูก้ายังคงสบายดี


แต่เอาเถอะ แค่ได้ยินว่ายังสบายดีความกังวลที่มีก็ค่อยๆหายไป


ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเซโครถึงออกคำสั่งกับผมได้ เหตุผลง่ายๆเพราะมีตำแหน่งสูงกว่า


ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าเหมือนกันแต่ด้วยฐานะนั้นแต่กต่างโดยสิ้นเชิง ด้วยฐานะของเซโครมีอำนาจเป็นรองแค่ประธานใหญ่ทั้ง3คนเท่านั้น นั่นแปลว่าเขามีสิทธิ์ที่จะออกคำสั่งกับใครก็ตามที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าแม้จะไม่ได้อยู่ในฝ่ายหรือหน่วยเดียวกัน
ส่วนผมถึงจะเป็นหัวหน้าแต่ก็เป็นเพียงหัวหน้าฝ่ายย่อยของสาขาเอเชียเท่านั้น


ไม่มีอำนาจระดับเซโครหรอก


ระหว่างที่นอนคิดเรื่องของวันพรุ่งนี้ผมก็เผลอหลับไปทั้งๆที่เปิดหน้าต่างตรงระเบียงไว้อยู่ ตอนเช้าเมื่อตื่นมาก็ต้องถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกเมื่อไม่มีตัวอะไรเข้ามานอนด้วย


“ยังง่วงอยู่เลย”ผมพึมพำลางส่ายหัวไปมาเบาๆ


สายน้ำจากฝักบัวทำให้ผมนึกถึงการดำน้ำขึ้นมา คอนเทคเลนส์ที่ถูกทดลองยังคงวางอยู่ข้างอ่างล้างหน้าซึ่งผมไม่ได้แตะมันมานานมากแล้ว ผมไม่อารมณ์จะไปว่ายหรือดำน้ำเลย


ทุกครั้งที่จะไปความทรงตอนอยู่ด้วยกันมันก็ผุดขึ้นมา


ไหนๆก็ไหนๆ ใส่ไปสักหน่อยก็ดีเหมือนกันแฮะ


“ที่ท่าเรือสินะ...”สถานที่ที่เซโครนัดเจอ


นอนคิดทั้งคือยังไงก็ยังไม่เข้าว่าทำไมถึงต้องนัดมาเจอกันด้วย ถ้ามีอะไรจะพูดก็ผ่านโทรศัพท์ได้ไม่เห็นต้องเสียเวลามาถึงประเทศไทยเลย


เอาเถอะ


ดีซะอีกจะได้ถามเรื่องลูก้าได้ยาวๆ


“ด๊อกเตอร์จะไปไหนน่ะ”พี่พลกับพี่จันที่เดินลงมาจากบันไดชั้นสองเรียกระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออกไปข้างนอก


“จะไปที่ท่าเรือครับ”ผมหันไปตอบ


“ท่าเรือ?...นี่พึ่งลงมาใช่ไหมไปกินข้าวด้วยกันก่อนสิ ขืนไปตากแดดร้อนๆโดยไม่มีพลังงานเดี๋ยวก็เป็นลมพอดี”พี่จันพูด


“ผมแข็งแรงน่า”ไม่มีทางเป็นลมกับแดดร้อนๆหรอก ตอนที่ออกไปจับปลาบนเรือประมงกับพ่อยังร้อนกว่านี้เยอะ


“ไม่ต้องมาพูดเลย มานี่ๆ...ไปกินมื้อเช้ากัน”พี่จันไม่ฟังสิ่งที่ผมพูดสักนิด เขาเดินเข้ามาล๊อคคอผมพร้อมดึงให้เดินตามไปโดยมีพี่พลช่วยล๊อคคอผมอีกคน


ถ้าผมเป็นลมไปคงไม่ใช่เพราะความร้อนจากแดดแต่เป็นเพราะขาดอากาศหายใจแน่นอน


หลังจากถูกบังคับให้ไปร่วมโต๊ะด้วยผมก็ขอบคุณโดยการให้พี่พลไปช่วยพี่จันดูแลเต่าทะเล เต่าทะเลตัวนี้พึ่งออกไข่ได้ไม่นานร่างกายเลยค่อนข้างอ่อนแอจึงต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้


จักรยานสีดำถูกปั่นไปตามสะพานไม้ที่ถูกออกแบบมาให้ทั้งแข็งแรงและทนทาน แม้จะพูดว่าสะพานไม้แต่ด้านล่างของมันก็ถูกเคลือบด้วยเหล็กที่มีความทนทานสูงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษนอกจากจะสลายได้ตามธรรมชาติแล้วยังเหมาะกับการขนย้ายสัตว์ที่มีน้ำหนักมาก


แรงลมจากการปั่นจักรยานทำให้เส้นผมสีดำซอยสั้นของผมปลิวไปมาจนคันคอเล็กน้อย  นับร้อยบ่อที่ขับผ่านไม่ได้ทำให้ผมหยุดได้เหมือนอย่างบ่อที่129...


บ่อของลูก้า


“เอาเข้าไปสิ จะคิดถึงอะไรนักหนา”ผมบ่นกับตัวเองเสียงดัง


การจากลาแบบไม่ค่อยดีนั่นทำให้ผมรู้สึกคาใจมาถึงทุกวันนี้


อยากจะไปอธิบายความจริงให้ลูก้ารู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น


“มาตรงเวลาเป๊ะเลยนะทรี”เสียงเรียกจากบนเรือสีขาวดังขึ้นทันทีที่ผมปั่นจักรยานมาถึงยังเรือขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่สีขาวแกมเทา


“มาก่อนเวลาเหรอเซโคร”ผมเงยหน้าขึ้นไปถามพร้อมรอยยิ้ม


“ใช่ พอดีมีคนรีบน่ะ”เซโครยิ้มๆ


“คนรีบ?”


“ขึ้นมาสิ”


“อืม”ผมพยักแล้วเดินขึ้นไปยังด้านบนของเรือ บนเรือนนี่นอกจากเซโครกับยูทาร์แล้วยังมีอีกหลายคนที่ผมไม่คุ้นหน้า ทุกคนล้วนแต่มองมายังผมด้วยแววตาสงสัย


“เท่านี้ก็โอเคแล้ว ออกเรือได้เลยครับ”เซโครหันไปตะโกนบอกคนที่คาดว่าเป็นคนขับเรือ


“รับทราบ”


“เดี๋ยว...จะออกไปไหน”ผมรีบเดินเข้าไปถามงงๆ


ไม่ใช่ว่าจะคุยที่นี่เหรอ


แล้วทำไมแค่คุยต้องขับเรือออกไปด้วยล่ะ


ในตอนนี้มีหลายคำถามที่ดังก้องอยู่ในหัวเต็มไปหมด


“ค่อยๆอธิบายละกัน”


“ทำไมต้องออกไปด้วย ผมมีงานที่ต้องจัดการอยู่นะ”วันนี้เหมือนจะมีนัดประชุมหัวหน้าทุกฝ่ายตอนเที่ยงถ้ากลับไปไม่ทันผมซวยแน่ๆ


“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงผมบอกไว้แล้วว่าทรีจะไม่เข้าร่วม”


“ห๊ะ?”จัดการเรียบร้อยเลยนะขอบคุณจริงๆเซโคร ผมแอบประชดในใจ


“ไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเสร็จภายใน2ชั่วโมงหรอก ยังไงก็ไปประชุมไม่ทันผมเลยจัดการให้จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายทีหลัง”


“...”ผมว่าลางไม่ดีมันเริ่มมาแล้ว


ไม่มีทางเสร็จภายใน2ชั่วโมงงั้นเหรอ


ผมไม่น่าหลวมตัวขึ้นมาบนเรือนี่เลยจริงๆ




(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 03-02-2018 16:44:21
(ต่อนะคะ)


“เริ่มจากตรงไหนดี”เซโครถามพลางเอนตัวไปพิงขอบเรือด้านหลัง


“เฮ้อ ตรงไหนก็ได้...สวัสดีครับยูทาร์”ผมถอนหายในอย่างปลงก่อนจะหันไปทักทายชายหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่ข้างเซโคร ชายคนนี้ก็เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์เหมือนลูก้า


แค่มองก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ควรเข้าใกล้


“สวัสดีครับ”ยูทาร์ตอบกลับมา


“อืม...เริ่มจากสถานที่ที่เราจะไปละกัน เราจะไปยังทะเลน้ำลึก”


“ทำไมต้องไปลึกด้วย”ผมรีบถามต่อ


“ก็ถ้าลึกไม่พออาจเกิดอันตรายได้”


“อันตราย?...สรุปว่านายกำลังทำอะไรกันแน่เซโคร”คำถามที่คาใจที่สุดถูกเอ่ยออกไป


“ผมกำลังจัดการทดสอบ”


“การทดสอบที่ว่าคืออะไร”ผมไม่คิดว่าจะเป็นการทดสอบธรรมดาอย่างการดำน้ำลึกหรอกนะ


ระดับเซโครยังต้องมาเอง


อย่างน้อยๆก็ต้องมีอะไรที่มากว่านั้น


“อย่างทรีน่าจะวิเคราะห์ได้ไม่ยากนี่”เซโครบอกพร้อมส่งยิ้มมาให้


เหอะ...อย่างกับตอนนี้ผมมีอารมณ์จะคิดอะไรออกงั้นแหละ


ดวงตาสีน้ำตาลของผมประสานเข้ากับดวงตาสีเขียวอมฟ้าของเซโครสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆเนื่องอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะยอมเอ่ยปากบอก


“ก็ได้ๆ...การที่ออกเรือมายังน้ำทะเลระดับลึกแบบนี้แปลว่าการทดสอบจำเป็นต้องใช้พื้นที่ใต้น้ำเป็นวงกว้าง ถ้าจะให้เดาว่าอะไรที่ต้องใช้พื้นที่น้ำเป็นวงกว้างก็คงเป็น...ไดโนเสาร์”ผมพูดสิ่งที่คิดพร้อมสบตากับเซโครนิ่งเพื่อรอดูว่าตัวเองเดาถูกหรือไม่


“ใช่...ที่ต้องไปยังน้ำทะเลระดับลึกก็เพื่อให้ไดโนเสาร์มีพื้นที่มากในการขยับตัว แล้วยังไงต่อล่ะ?”เซโครถามต่อด้วยรอยยิ้มเหมือนคนกำลังนึกสนุก


คำตอบแค่นี้ยังไม่พอที่จะให้เฉลยสินะ


ดีจริงๆที่พี่จันกับพี่พลลากไปกินมื้อเช้าไม่งั้นคงไม่มีแรงพอจะมาวิเคราะห์อะไรแบบนี้แน่


“ดูจากคนที่ไม่คุ้นหน้าบนเรือนี้คิดว่าคงเป็นการทดสอบการต่อสู้กับไดเสาร์ที่จัดขึ้นบ่อยๆ...แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องต่อสู้ในน้ำด้วย ทำเหมือนกับการต่อสู้ที่พวกเขาต้องเจอนั้นอยู่ในน้ำเป็นหลักงั้นแหละ...”คำอธิบายของผมอยู่ๆก็เบาลงพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลของผมที่เบิกกว้างขึ้นเมื่อคิดอะไรได้


ผู้คนชายหญิงที่อยู่บนเรือนี่เป็นผู้เข้ารับการทดสอบ


การทดสอบของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเป็นการทดสอบเพื่อดูความสามารถว่าเหมาะสมที่จะได้เป็นคู่หูกับไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไหม


การมาทดสอบยังทะเลแปลว่าการต่อสู้หลักต้องอยู่ในน้ำ


หมายความว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์คนนั้นต้องเป็นไดโนเสาร์น้ำ


ถ้าพูดถึงไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่เป็นไดโนเสาร์น้ำก็มีอยู่แค่รุ่นที่6เพียงตัวเดียวเท่านั้น!


“...”เซโครไม่ยอมตอบอะไรเมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ระดับอย่างเซโครรู้อยู่แล้วว่าผมต้องการจะถามอะไรแต่อีกฝ่ายทำเพียงยิ้มแล้วหันหน้าไปทางท้ายเรือ


เพียงแค่นั้นผมก็รีบหกลับหันหลังวิ่งตรงไปยังท้ายเรือด้วยความเร็วสูงสุด ตลอดการวิ่งผมหันซ้ายขวาเพื่อหาคนเพียงหนึ่งที่อยากเจอจนมาถึงด้านท้ายของเรือ ด้านท้ายของเรือมีเพียงคนคนเดียวที่ยืนหันหลังก้มหน้าลงมองผืนทะเลสีฟ้าคราม


ถึงจะไม่ได้เห็นหน้าแต่เส้นผมสีฟ้าแซมแดงอันเป็นเอกลักษณ์ซอยสั้นที่กำลังปลิวสไวนั่นทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออก ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้


ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกในวันนี้


“ลูก้า”ผมเรียกชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ


ความสูงในตอนนี้มากเกินจะเรียกว่าเด็กแล้ว อีกทั้งร่างกายสมส่วนที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อนั่นดูแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนมาก


เด็กตัวเล็กที่ผมเคยอุ้มตอนนี้กลับโตเป็นหนุ่มแล้ว


“...”คนถูกเรียกหันกลับมา ดวงตาเรียวคมสีเงินจับจ้องมายังผมโดยไม่มีคำพูดอะไร


“ลูก้า...”ผมเรียกแล้วเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น


“ถึงแล้วนะครับ ทุกคนเตรียมตัวได้”เสียงประกาศจากคนขับเรือทำให้การสนทนาที่ยังไม่เริ่มต้นถูกตัดขาดไป


“...”ลูก้าหลับตาลงแล้วลืมขึ้น เขามองมายังผมเงียบๆก่อนจะเดินเข้ามาใกล้และผ่านร่างผมไปทั้งๆแบบนั้น


“ลูก้า!”ผมหันกลับไปเรียกแต่แผ่นหลังนั่นก็ห่างออกไปทุกที


นี่เขายังโกรธอยู่เหรอ


ไม่สิ ผมรู้อยู่เต็มอกว่าต้องถูกโกรธ


ทั้งที่รู้อยู่แล้วแต่พอมาเจอจริงๆก็ทนแทบไม่ไหวอย่างที่คาด


ก็ยังดีที่ยอมมองมา ไม่เหมือนกันวันนั้นที่จากไปโดยไม่มีแม้คำลาหรือหันมามอง


ผมใช้เวลาสูดลมหายใจเข้าปอดอยู่สักพักถึงจะเดินกลับไปหาเซโครที่กำลังอธิบายอะไรสักอย่างอยู่หน้ากลุ่มคนประมาณ10กว่าคน ด้านข้างของเซโครมียูทาร์ยืนนิ่งๆอยู่ ถัดออกไปไม่ไกลก็มีร่างที่พึ่งเดินผ่านผมไปเหม่อมองออกไปยังทะเลด้านหน้า


“จากนี้จะทำการปล่อยไดโนเสาร์น้ำออกมา...พวกคุณคือผู้ที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีทักษะด้านการดำน้ำควบการต่อสู้ในระดับดี ดังนั้นช่วยแสดงให้ผมเห็นหน่อยว่าพวกคุณจะจัดการไดโนเสาร์ตัวนั้นได้ยังไง”เซโครอธิบายให้คนทั้งกลุ่มฟัง


“ไดโนเสาร์ที่จะปล่อยมาเป็นพันธุ์อะไร”หนึ่งในผู้เข้ารับการทดสอบยกมือถาม กล้ามแน่นๆนั่นดูเหมือนคนที่ไม่น่าจะว่ายน้ำได้ดีเท่าไหร่ในความคิดผม


“ซิมโบสปอนไดลัส”


“ว่าไงนะ”


“บ้าน่า”


“นี่แค่การทดสอบทำไมต้องเป็นมันด้วย”


เสียงพูดคุยดังอึกกะทึกทันทีที่ได้ยินสายพันธุ์ไดโนเสาร์ที่ว่า ไม่แปลกที่ทุกคนต่างตกใจเพราะขนาดผมเองยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น


ถึงผมจะไม่รู้ชื่อสัตว์บนบกเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นในน้ำผมจำได้หมด แน่นอนว่ารวมถึงซิมโบสปอนไดลัสที่ว่ามาด้วย ซิมโบสปอนไดลัสเป็นสัตว์ทะเลลำตัวยาวกว่า10เมตรที่มีรูปร่างคล้ายปลาโลมาแต่ไม่มีกระโดง หางของมันยาวและคล้ายกับปลาไหล ด้วยความที่มีส่วนหัวยาวกว่า1เมตรทำให้มันเป็นนักล่าที่มีขากรรไกรกว้าง


ความอันตรายของมันบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา


ซิมโบสปอนไดลัสเป็นนักล่าที่มีฟันแหลมคมและคมมากพอจะกัดกระดองเต้าให้แหลกละเอียดได้ในพริบตา


น่าตกใจที่มันถูกใช้มนการทดสอบแบบนี้...ถ้าเกิดพลาดคงได้มีการสูญเสียเกิดขึ้นแน่


“เงียบได้แล้ว...อย่างที่ทุกคนเห็นว่ามีเรือจอดล้อมอยู่ในระยะด้านละ500เมตร ดังนั้นขอบเขตการต่อสู้เลยอยู่ในระยะของเรือเท่านั้น การทดสอบนี้ก็ง่ายๆลงไปจัดการซิมโบสปอนไดลัส แน่นอนว่าเราไม่รับประกันความปลอดภัยถึงจะมีหน่วยช่วยเหลือก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยทัน”เซโครอธิบายต่อด้วยใบหน้ายิ้มๆต่างจากผู้เข้าทดสอบที่ซีดเป็นไก่ต้ม


ปัง


“โอ๊ะ...สัญญาณนั่นแปลว่าซิมโบสปอนไดลัสถูกปล่อยออกมาแล้ว”คำพูดของเซโครดูเหมือนจะยิ่งสร้างความหวาดกลัวที่มีให้มากขึ้นไปอีก


ตู้ม


เสียงกระโดดลงน้ำเรียกความสนใจของทุกคนให้หันไปมองแทบจะทันที ร่างสูงของชายหนุ่มผมสีฟ้าแซมแดงที่ยืนอยู่เมื่อครู่กลับหายไปอย่างไร้ร่องลอย


ไม่จริงน่า


“ลูก้า!!”ผมตะโกนแล้วรีบวิ่งไปมองยังพื้นน้ำที่แตกเป็นวงกว้างด้านล่าง ถัดไปไม่ไกลมีร่างขนาดใหญ่ของซิมโบสปอนไดลัสว่ายมาด้วยเร็วสูง


“อะไรกัน”


“ทำไมกระโดดลงไปล่ะ”


เสียงอื้ออึงด้านหลังไม่ได้เข้าหัวสักนิด มือของผมกำแน่นก่อนจะเดินไปเผชิญหน้ากับหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษตรงๆ


“ทำไมลูก้าถึงกระโดดลงไป”ผมถามในสิ่งที่ต้องการรู้มากที่สุด


“การให้มนุษย์ลงไปสู้กับซิมโบสปอนไดลัสตรงๆนั้นไม่มีทางเลยที่จะชนะ...ผมเลยขอให้เขาช่วย...และเขาก็ตกลงที่จะลงไปด้วยตัวเอง”


“แล้วถ้าลูก้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง”ผมไม่สนว่าคนตรงหน้าจะเป็นเพื่อนสนิท หัวหน้าหน่วยหรือใครทั้งนั้น


ที่ผมสนคือตอนนี้ลูก้ากำลังอยู่ในอันตราย


“ไม่มีการต่อสู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหรอกนะทรี”เซโครตอบกลับ


“จะบอกว่าต่อให้เขาตายก็ไม่สนงั้นสิ...”


“แล้วแต่ทรีจะคิดเลย”


“เซโคร!!”ผมพึ่งเคยอยากชกใครขนาดนี้ครั้งแรก


“ใครที่อยากทดสอบก็ตามลงไปได้เลย...แต่ถ้าไม่พวกคุณก็จะไม่ผ่าน”กลุ่มผู้เข้ารับการทดสอบในชุดดำน้ำยืนตัวสั่นด้วยใบหน้าซีดกันเป็นแถบๆ


“ขืนลงไปก็มีแต่เอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ”ผมบอกเสียงเบาแต่ก็ดังมากพอที่คนอื่นๆจะได้ยิน


พวกเขาไม่เหมาะจะต่อสู้ร่วมกับลูก้า


เข็มขัดสีเงินถูกถอดแล้วโยนไปด้านข้างพร้อมๆกับรองเท้าสีดำที่ใส่อยู่ทำให้ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพที่ร่างกายเบาขึ้นกว่าเดิม


“จะทำอะไรทรี...นายไม่ใช่ผู้รับการทดสอบนะ”เซโครพูดพลางจ้องมายังผม


“คิดว่าผมสนเหรอ...ในเมื่อไม่มีใครคิดจะลงไปผมก็จะเป็นคนทำเอง...ผมไม่ยอมให้ลูก้าต้องได้รับอันตรายหรอกนะ”


การจะยืนดูอีกฝ่ายเจ็บโดยไม่ทำอะไร


ผมทำไม่ได้


ตู้ม!!


ร่างของผมกระทบกับผิวน้ำก่อนจะจมลงอย่างรวดเร็วตามต้องการ แขนทั้งสองข้างแหวกกระแสน้ำออกเพื่อดันตัวเองให้ลงไปลึกมากขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลลืมขึ้นในน้ำแล้วหันซ้ายขวาเพื่อหาว่าตอนนี้ลูก้าอยู่ไหน


คอนแทคเลนส์สำหรับดำน้ำดูจะใช้ได้ดีเพราะสามารถมองเห็นโดยรอบได้อย่างชัดเจนทีเดียว


กระแสน้ำอันรุนแรงพัดร่างผมจนพัดไปตามกระแสนั่น ตามทิศทางที่เกิดกระแสน้ำอันรุนแรงขึ้นผมเห็นร่างลายแดงที่กำลังเข้าปะทะกับอีกร่างหนึ่งอยู่ลิบๆ


เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ทิ้งตัวลงให้หลุดจากกระแสน้ำที่แรงขึ้นก่อนจะว่ายตรงไปหาไดโนเสาร์ร่างยักษ์ที่ปะทะกันจากด้านใต้ อากาศที่กลั้นไว้มีเหลือพอที่จะเข้าไปช่วยสบทบลูก้าสู้ได้สบายๆ


เพียงแต่ผมไม่มีอะไรเป็นอาวุธ


แต่กว่าจะนึกได้ผมก็ได้เข้ามาอยู่ในเขตการต่อสู้ซะแล้ว


ซิมโบสปอนไดลัสหันมามองผมพร้อมกับอ้าปากขนาดใหญ่ที่เต้มไปด้วยเขี้ยวอันแหลมคมออกกว้างพร้อมกับพุ่งเข้ามาโจมตีแต่ร่างสีฟ้าลายแดงของไดโนเสาร์อีกตัวกลับใช้ส่วนหัวพุ่งกระแทกจนซิมโบสปอนไดลัสลอยไปไกล


กรรร


เสียงขู่ที่แม้แต่ในน้ำยังได้ยินเรียกผมให้หันกลับไปหาดวงตาสีเงินขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ดวงตานั่นใหญ่มากจนเกือบจะสะท้อนภาพผมได้ทั้งตัว กะขนาดคร่าวๆคงยาวทะลุ12เมตรไปแล้ว


ลูก้า


ผมเรียกอีกฝ่ายในใจก่อนจะเอื้อมมือไปทาบบริเวณขอบตานั้นเบาๆ ตาผมที่จ้องประสานไปไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจมันไหมแต่ผมก็อยากบอกคำคำนี้ออกไป...


ขอโทษนะ


งี๊ดดดด~


ร่างขนาดยักษ์ของลูก้าขยับเล็กน้อยพลางส่งเสียงครางออกมา ผมไม่รู้ว่าเสียงนั่นหมายถึงยอมยกโทษให้หรือยังโกรธอยู่ แต่ในสถานการนี้คงไม่เหมาะจะพูดอะไรเท่าไหร่เพราะซิมโบสปอนไดลัสที่โดนกระแทกไปว่ายกลับมาอีกครั้ง


ถ้าไม่จัดการให้จบก่อนก็ไม่ได้ขอโทษอย่างจริงจังสักที


ก็อยากจะทำให้จบอยู่หรอกแต่ในมือไม่มีทั้งอาวุธหรืออะไรเลยนี่สิ


กรรรรร


กรรรรร


ระหว่างคิดหาวิธีไดโนเสาร์น้ำร่างยักษ์ทั้งสองตัวก็เข้าปะทะอีกรอบ ครั้งนี้ซิมโบสปอนไดลัสหลบการโจมตีของลูก้าได้เลยอาศัยจังหวะนั้นใช้หัวกระแทกจนลูก้ากระเด็นไปไกล


กรรรรร


ซิมโบสปอนไดลัสส่งเสียงคำรามออกมาราวกับประกาศชัยชนะครั้งนี้ ดวงตาของซิมโบสปอนไดลัสจ้องมองไปยังลูก้าด้วยแววตาของนักล่า นั่นทำให้ผมรู้ทันทีว่ามันไม่ยอมปล่อยลูก้าไปแน่


พอคิดได้แบบนั้นผมก็ว่ายเข้าไปหาลูก้าที่สะบัดส่วนหัวไปมา ซิมโบสปอนไดลัสไม่ยอมเสียเวลาไปแม้แต่นาทีเดียวพุ่งตัวเข้ามาหาลูก้าเต็มแรง


กรรรรรร


กรรรร


เสียงคำรามสองเสียงที่ได้ยินทำให้ผมทำเรื่องบ้าที่สุดในชีวิตอย่างเอาตัวเองมาขวางหน้าลูก้าโดยมีซิมโบสปอนไดลัสอ้าปากขนาดใหญ่แล้วพุ่งตัวเข้ามา ดวงตาสีน้ำตาลของผมจ้องไปยังซิมโบสปอนไดลัสพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างออก


ผมจะปกป้องลูก้าเอง!


กรรรรรรรรรร


กึก


คมเขี้ยวขนาดใหญ่ที่อ้าออกกว้างถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคำรามจากด้านหลัง


เสียงนั่น


ของลูก้า


ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ซิมโบสปอนไดลัสหยุดโจมตีแล้วค่อยๆว่ายถอยหลังกลับไปด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมกว่าตอนแรกที่เห็นอย่างสิ้นเชิง


เฮือก!


ผมสะดุ้งตัวฉับพลันเมื่ออยู่ก็ถูกเขี้ยวขนาดใหญ่ของลูก้าคาบคอเสื้อว่ายขึ้นไปยังผิวน้ำด้านบน บริเวณที่โผล่ขึ้นมามีราวบันไดสำหรับเกาะขึ้นไปอยู่พอดี


“นี่...”ผมกลืนคำพูดลงคือเมื่อร่างไดโนเสาร์ขนาดยักษ์กลับกลายเป็นร่างของมนุษย์ที่เปลือยท่อนบนอยู่ ไม่ต้องถามก็พอจะเดาได้ว่าท่อนล่างก็คงจะเปลือยไม่ต่างกัน


เส้นผมสีฟ้าแซมแดงถูกเสยขึ้นทำให้เห็นใบหน้าหล่อคมคายได้ชัดเจนกว่าปกติ ดวงตาสีเงินมองประสานกับดวงตาผมนิ่งสักพักก่อนจะค่อยๆหลับตาลง


“ลูก้า”ผมเรียกเสียงเบา


หลับตาแบบนั้นหมายความว่าไม่อยากเห็นกันแล้วเหรอ


“สาม”


“...”ทั้งร่างเกร็งราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเพียงแค่ได้ยินชื่อของตัวเองดังออกมาจากปากของลูก้า น้ำเสียงทุ้มๆนั่นต่างจากเมื่อปีก่อนมาก


นึกว่าจะไม่ได้ยินชื่อตัวเองออกมาจากลูก้าซะแล้ว


“เป็นอะไรสาม”ลูก้าว่ายเข้ามาใกล้พลางใช้มือเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัวให้


“ลูก้า...ลูก้า...ลูก้า”ผมเข้าไปกอดคออีกฝ่ายไว้แน่นโดยไม่สนว่าตัวเองยังอยู่ในน้ำหรือร่างกายของลูก้าเปลือยเปล่า


ที่สนตอนนี้มีแค่ลูก้ายอมพูดกับผมแล้ว


“ขึ้นไปข้างบนก่อนไหม”เพราะความไม่คุ้นกับเสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูเลยทำให้หัวใจผมอยู่ๆก็เต้นแรงขึ้นมา


“...อืม”ผมพยักหน้าแล้วค่อยๆพาตัวเองขึ้นไป


ลูก้าหยิบเสื้อด้านข้างราวบันไดที่ดูจะเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะขึ้นมาสวมก่อนจะตามด้วยกางเกง ทั้งหมดที่เขาทำอยู่ในสายตาผมที่ได้แต่อ้าปากค้างเพราะห้ามไม่ทัน


จะรอให้หันหน้าไปก่อนไม่ได้รึไงกัน


เขาไม่อายแต่ผมอายนะ


“สาม”


“ลูก้า...คือผมมีเรื่องอยากอธิบายเยอะเลย แต่ตอนนี้ผมอยากพูดว่าขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ”


“มันไม่ใช่ความผิดของสาม”


“ลูก้า...”


“ตอนนั้นผมยังเด็กเลยไม่รู้ว่าทำไมสามถึงได้ยอมที่จะแยกกับผม แต่พอค่อยๆโตขึ้นผมกลับสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่สามคิด...สามทำเพราะผม เพื่อตัวผม สามไม่จำเป็นต้องขอโทษเพราะคนที่จะพูดคำนั้นคือผมเอง...ขอโทษที่ทำให้สามร้องไห้ในวันนั้น”ลูก้าบอกพร้อมกับใบหน้าเศร้า


“ลูก้า...ผม...”


“ยกโทษให้ผมได้ไหม”


“ทำไมถึงพึ่งมาพูดเล่า...ตลอดหนึ่งปีกับสองเดือนรู้ไหมว่าผมรู้สึกยังไง เพราะลูก้าโกรธขนาดนั้นผมเลยไม่มีหน้าไปพบนายอีก แต่ถ้านายบอกว่าเข้าใจแล้ว แล้วทำไมถึงพึ่งมาหากันเล่า”ผมตะโกนออกไปสุดเสียง


ต้องรออะไรอีก


“วันนี้เป็นวันที่ผมโตเป็นผู้ใหญ่”


“โต?”


“สามบอกว่าผมจะเป็นผู้ใหญ่ในอีกหนึ่งปีสองเดือนเพราะงั้นผมถึงรอให้โตพอที่จะสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเองโดยที่สามไม่ต้องมาห่วง ถ้าก่อนหน้านี้ผมกลับมาสามก็คงจะมองผมเหมือนเป็นเด็กอยู่...แต่ตอนนี้ไม่ใช่ผมโตแล้ว โตมากพอที่จะรับฟังและรับรู้ในทุกๆอย่าง”


“ทำไมไม่พูดตั้งแต่ที่เจอกันก่อนหน้านี้ล่ะ...ทำไมต้องหลบหน้าแถมยังไม่ยอมพูดอะไรสักคำอีก”ผมถามต่อไปอีก


“ผมยังไม่อยากพูดอะไรจนกว่าจะแน่ใจ”


“แน่ใจเรื่องอะไร”ผมรีบถามกลับ


“แน่ใจว่าสามยังต้องการผมอยู่รึเปล่า”


“แล้วจะแน่ใจได้ยังไง...อย่าบอกนะว่าที่กระโดดลงไปต่อสู้กับซิมโบสปอนไดลัสก็เพื่อเหตุผลแค่นี่น่ะ”ผมตะโกนเสียงดังลั่นเมื่อคิดอะไรออก


“อืม”ลูก้าพยักหน้าไปมา


“จะบ้ารึไง ถ้าผมไม่กระโดดลงไปจะทำยังไงล่ะ”ทำอะไรเสี่ยงขนาดนี้กัน


เขาเอาอะไรมาเสี่ยงว่าผมจะยอมกระโดดลงไป


“สามจะกระโดดลงมา”


“ก็ถามอยู่นี่ไงว่าถ้าผมไม่กระโดดลงไปเล่า”


“ผมเชื่อว่าสามจะกระโดดลงมา”


“ลูก้า...”


“สามจะมาหาผม...จะมาแน่นอน ผมหวังแบบนั้น”ดวงตาสีเงินประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลของผมพร้อมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ


“เชื่อใจกันเกินไปแล้ว...ถ้าเจ็บหนักขึ้นมาจะทำยังไง”ผมพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง


“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก”


“จะไม่เป็นไรได้ยังไง”มันไม่ใช่อาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยอย่างโดนแมวข่วนหรือมีดบาดแต่เป็นเขี้ยวที่ทั้งใหญ่ทั้งคม แถมยังมีแรงกระแทกที่รุนแรงอีก


โดนไปครั้งนึงก็อาจต้องนอนโรงพยาบาลได้ทั้งอาทิตย์


“เรื่องนั้นเพราะผมกับซิมโบสปอนไดลัสเป็นเพื่อนกันน่ะ”


“...ห๊ะ”เพื่อนเหรอ


หมายความว่ายังไง


“เรื่องนี้เราค่อยๆมาคุยกันหลังนายเปลี่ยนเสื้อเสร็จดีไหมทรี”เสียยงจากบุคคลที่สามดังขัดจังหวะการสนทนา ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าคนพูดเป็นใคร


“ทั้งหมดนี่เป็นแผนของนายสินะ...เซโคร!!”

.........................................................................

มาต่อแล้วๆ

คิดว่าหลายคงต้องค้างมากสำหรับตอนที่แล้ว ในตอนนี้เราเลยพยายามจะแต่งออกมาให้เร็วขึ้นหน่อย

แต่ตอนนี้ก็เหมือนจะยาวอยู่เลยใช้เวลามากกว่าที่คาดไว้พอสมควร

หลายคนบอกว่าตอนที่แล้วหน่วงมาก ซึ่งเราดีใจสุดๆเพราะพยายามแต่งให้มันออกหน่วงๆหน่อย

อย่างที่เคยบอกว่าเราไม่เก่งพวกแต่งฉากเศร้า จากลาหรือหน่วงจิตสักเท่าไหร่แต่ก็จำต้องแต่งเพื่อให้เป็นสีสันของเรื่อง

สำหรับเรื่องนี้เราแบ่งออกเป็น2ช่วง คือช่วงแรกที่เป็นวัยเด็ก และช่วงที่2 ซึ่งเป็นวัยผู้ใหญ่ เรียกว่าดีใจมากที่แต่งจบช่วงแรกไปได้อย่างราบลื่น จากนี้ก็จะเห็นฉากบู๊กันมากขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าทุกคนจะคอยติดตามต่อไปด้วยนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้า

บ๊ายบายค่ะ


-----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-----

วันนี้ขอเสนอซิมโบสปอนไดลัสหรือเพื่อของลูก้าตอนอยู่เกาะนั่นเอง

(http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/science04/49/picdino/243px-Cymbospondylus_BW.jpg)

ซิมโบสปอนไดลัส (Cymbospondylus) อยู่ในยุคไทรแอสสิค (248 - 206 ล้านปีก่อน)เป็นยุคที่ไดโนเสาร์บนผืนแผ่นดินกำลังวิวัฒนาการอยู่แต่ไดโนเสาร์ในยุคนี้ยังมีขนาดเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับไดโนเสาร์ในยุคจูราสสิค และเช่นเดียวกับยุคออร์โดวิเชียน ท้องทะเลในยุคไทรแอสสิกเต็มไปด้วยสัตว์ทะเลและนักล่า นักล่าที่รู้จักกันดีคือ สัตว์เลื้อยคลานอย่างเช่น กิ้งก่า นอโธซอร์ แต่นักล่าที่ร้ายที่สุดในยุคนี้ก็คือซิมโบสปอนไดลัส สัตว์ทะเลลำตัวยาว 10 เมตร รูปร่างคล้ายปลาโลมา แต่ไม่มีกระโดงและหางยาวปลายหางคล้ายหางของปลาไหลทะเล

เครดิต : http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/science04/49/Cymbospondylus.html

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 03-02-2018 18:01:48
ค้างงง อีกแว้ว ในที่สุดก็เข้าใจกัน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 03-02-2018 18:41:57
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-02-2018 18:46:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-02-2018 19:00:46
เค้ากลับมาเจอกันแล้ววว ฮืออ
ดีใจแทนทั้งคู่เลยอะ เข้าใจกันแล้วด้วยย
ดราม่าจงหมดไป ความหน่วงจงหายไปปป
นี่รู้สึกได้ว่าลูก้าโตมาแล้วต้องดาเมจรุนแรงมากแน่ๆอะ
โซแดมฮ็อตแน่ๆค่าา รุ้สึกได้ สามนี่ถึงกับใจเต้นแรงง
หุ่นแน่นๆ เสียงทุ้มๆ ตัวสูงๆ มองมาที่สามด้วยแววตาที่ไม่เหมือนใคร
ฮอลลลลลล รอนะคะะ รอให้เค้ารู้ใจตัวเองง
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-02-2018 19:14:13
เจ้าเล่ห์จริงๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 03-02-2018 19:29:01
งานนี่สามโกรธแน่นอน.,. ลูก้า.. ง้อเลย ง้อเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-02-2018 19:46:45
เย้...เจอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 03-02-2018 19:48:28
เซโคร ร้ายกาจจตจจ55  :กอด1: :กอด1: :mew3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 03-02-2018 20:27:03
หูยยยย เค้าดีกันแล้วววว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-02-2018 20:58:39
 :katai2-1: เด็กน้อยโตแล้ว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-02-2018 21:11:48
มีการเตี๊ยมกันไว้ก่อนสินะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 03-02-2018 22:49:13
ร้ายจริงๆเลย สงสารสาม
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: lolata ที่ 03-02-2018 23:04:23
ลูก้ากลับมาแล้ว จ้าวแผนการขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 04-02-2018 00:21:46
ลูก้าโตเป็นหนุ่มแล้วกะรี๊ดดดด :haun4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 04-02-2018 06:47:28
 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-02-2018 08:13:43
ดีใจที่ได้เจอกันแล้วปรับความเข้าใจกัน ลูก้าโตเป็นหนุ่มแล้วสามยังใจเต้นแรงจากเสียงที่กระซิบข้างหูอีก o18 แน่ะๆๆๆๆ ต่อไปก็หวานๆ พร้อมการสู้กับไดโนเสาร์
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 04-02-2018 08:25:46
ตายละ โดนหลอกแล้วสาม ทำไงต่อดีละนาย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-02-2018 09:02:49
มาเหนือไปอีกค่ะ ไม่รู้ใครต้นคิด เซโคร หรือลูก้า
ถ้าเป็นลูก้าคือสามเตรียมตัวตั้งรับอย่างเดียวพอ อย่าหือ

สามคืองานดีมากค่ะ ในที่สุดก็ได้เจอกัน
ทั้งรักทั้งห่วงน่ะ ใครไม่ทำ สามทำ สามลุยค่ะ

ลูก้านี่แทบลากมากอดมั้ง
สามจะได้เป็นบัดดี้หรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-02-2018 10:51:05
อุ้ต้ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-02-2018 12:25:19
กลับมาเจอกันแล้ววว ดีต่อใจจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 04-02-2018 13:14:31
เจ้าแผนการจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 04-02-2018 14:42:48
หรือเซโครอยากให้สามมาเป็นคู่หูลูก้า เพราะสร้างน้องให้มาต่อสู้ในน้ำอยู่แล้ว ถ้าได้คู่หูที่รู้เรื่องเกี่ยวกับทะเลดีที่สุดอย่างสามก็ไร้เทียมทานแล้วเด้อ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 04-02-2018 20:03:04
ทำไมเซโครชอบแกล้งเพื่อนสามงี้หละ แบบอยากให้สามเอาคืนบ้าง แต่หนูสามช่างใสซื่อ  :mew6:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-02-2018 20:35:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 04-02-2018 22:48:55
ลูก้า ไม่โกรธสามแล้ว ฮืออ ดีใจ แถมน้องดูโตแล้วก็เข้าใจอะไรได้แล้ว เพื่อนน้องก็น่ารักด่วยยย แต่น่าตีจริงๆ ทุกอย่างเป็นแผนเหรอเนี่ย เราก็ตกใจไปด้วยเลยย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่6◈♦> 3/2/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 04-02-2018 23:46:56
เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 14-02-2018 10:45:44
◈ธาราที่7◈



บรรยากาศบนเรือส่วนตัวขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ด้านนอกนั้นเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยดังอึกทึกจากเหล่าผู้เข้ารับการทดสอบ แน่นอนว่าพวกเขาล้วนไม่ผ่านการทดสอบเพราะไม่มีควรกล้าพอจะกระโดดลงไปต่อสู้กับไดโนเสาร์อย่างซิมโบสปอนไดลัส ส่วนด้านในตัวเรือบริเวณห้องรับแขกกลับมีบรรยากาศตึงเครียดซึ่งผมเป็นคนปล่อยออกมากระจายอยู่เต็มห้องไปหมด


หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยเซโครก็พาผมพ่วงด้วยยูทาร์และลูก้ามายังห้องนั่งเล่นในตัวเรือนี่ ถึงผมจะปล่อยบรรยากาศชวนตึงเครียดออกมาแต่เซโครก็ทำเป็นไม่สนใจเอาแต่นั่งมองมายังผมกว่า10นาทีได้แล้ว


แววตาแบบนั้นต้องการให้ผมเปิดฉากก่อนสินะ


จัดให้เลย


“อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นมาเดี๋ยวนี้...ขอทั้งหมดด้วย”ผมเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน


“จะให้เริ่มจากตรงไหน...”


“ที่ว่าลูก้าเป็นเพื่อนกับซิมโบสปอนไดลัสนั่นเป็นความจริงเหรอ”ผมไม่รอให้เซโครพูดจบก็จัดการถามต่อ


“เรื่องนั้นให้เจ้าตัวตอบไม่ดีเหรอ”เซโครบอกพลางมองไปยังลูก้าที่นั่งอยู่ข้างผม


“ไม่ใช่ว่าต้องให้หัวหน้าอย่างนายพูดรึไง”ผมกวนกลับ


“เขาไม่ได้เชื่อฟังผมขนาดนั้นนี่...จริงอยู่ที่เขาอาจเคารพผมแต่ก็แค่นั้น ผมไม่มีสิทธิ์ไปสั่งว่าห้ามพูดหรือห้ามบอก...และถึงสั่งด้วยนิสัยแบบนั้นก็อาจไม่ฟังก็ได้”


“ลูก้าเป็นเด็กดี เขาเชื่อฟังในทุกอย่างที่พูดแน่นอน...อย่าเอาเขาไปรวมกับเด็กสมัยนี้ที่จะหัวรั้นไม่ฟังคนอื่นพูดนะ”ผมรีบพูดแก้ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่ลูก้าโดนว่า


ผมรู้จักลูก้าดี ถึงเขาจะเถียงแต่เขาก็รับฟัง


เป็นเด็กที่ถึงจะมีมุมดื้อก็ยังคงเป็นเด็กดี


“สาม...”


“เหมือนพ่อที่กำลังปกป้องลูกเลย...เนอะยูทาร์”เซโครหันไปกระซิบกับยูทาร์ด้วยน้ำเสียงติดตลก


“นั่นสิ”


“เซโคร”


“โทษทีนะทรี...พึ่งเคยเห็นนายออกตัวขนาดนี้ครั้งแรก ตกใจหน่อยๆเหมือนกัน”


“ก็ไม่ได้ออกตัวนี่...”แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง


“แต่สิ่งที่ผมพูดก็เป็นความจริงนะ...ถึงลูก้าจะเคารพผมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชื่อใจ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อผมเต็มร้อย กับยูทาร์เองเหมือนจะเชื่อมากกว่าผมอยู่เยอะแต่ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็น”เซโครอธิบาย


“ที่จะบอกคือการที่ลูก้าไม่เชื่อนายหรือยูทาร์เต็มร้อยมันเป็นเรื่องแปลกงั้นสิ”


“เปล่า...การที่ไม่เชื่อเต็มร้อยมันเป็นปกติของทุกคนอยู่แล้ว จะมีก็แค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่สามารถเชื่อได้อย่างหมดหัวใจ”


“กำลังจะบอกอะไร”


“ลูก้ามีคนที่เชื่อใจได้มากที่สุดอยู่แล้ว ซึ่งก็คือนายไงทรี”


“...ผม?”ตัวผมอ่ะนะ


“บอกตรงๆว่าผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปเป็นเพื่อนกับซิมโบสปอนไดลัสได้ยังไง มารู้อีกทีก็ตอนเห็นเขาไปว่ายเล่นในบ่อของซิมโบสปอนไดลัสแล้ว”


“ไม่ถามลูก้าล่ะ”ถ้าถามต้องบอกอยู่แล้ว


“ถามแล้ว...แต่เขาไม่บอก”เซโครตอบด้วยท่าทางสบายๆ


“ลูก้า...ไม่บอกเซโครจริงเหรอ?”ผมหันไปถามคนข้างๆ


“ก็ไม่มีความจำเป็นต้องบอกนี่”


“เขาเป็นหัวหน้านะ”


“ถ้าเป็นคำสั่งที่สมควรทำผมก็พร้อมที่จะทำตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมต้องบอกหรือทำทุกอย่างตามที่สั่ง”ลูก้าอธิบาย


“งั้นถ้าผมบอกว่าอยากรู้ว่าลูก้าไปเป็นเพื่อนกับซิมโบสปอนไดลัสได้ยังไงจะยอมเล่าให้ฟังไหม”ผมถามเสียงอ่อยโดยในใจก็กังวลว่าจะถูกปฏิเสธอย่างที่เซโครโดนรึเปล่า


ขนาดเซโครยังทำให้เล่าไม่ได้แล้วผมจะทำได้เหรอ


“ผมเจอกับซิมโบสปอนไดลัสตอนไปเดินเล่นแถวนั้น บนเกาะผมไม่เคยเจอไดโนเสาร์ตัวไหนอยู่ในน้ำเหมือนกันมาก่อนเลยค่อนข้างสนใจซิมโบสปอนไดลัส พอลองเข้าไปคุยดูก็สามารถสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเลยชอบไปว่ายน้ำเล่นด้วยกัน”เรื่องทั้งหมดถูกเล่าต่อจากสิ้นคำถามผมไปไม่ถึงวินาที


บรรยากาสทั้งห้องกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ปล่อยบรรยากาศแปลกๆออกมา


ที่ผมเงียบเพราะกำลังตกใจอยู่


เซโครบอกว่าลูก้าไม่ยอมเล่าแต่พอผมถามเขากลับเล่าในทันที


หรือว่าเซโครโกหก?


“ผมพูดถูกจริงด้วย...อย่างที่เราคิดเลยยูทาร์”เซโครเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนรักตัวเองพร้อมรอยยิ้ม


“อืม...ไม่แปลกที่ให้เจอใครตั้งมากมายกลับไม่มีคนที่สามารถเปิดใจเขาได้”


“ก็นะ...ผมบอกแล้วนี่ว่าทรีเป็นคนที่ลูก้าเชื่อใจมากที่สุดน่ะ”พอเห็นว่าผมกำลังจะอ้าปากถามก็ตอบใจสิ่งที่ต้องการกลับมา


“ลูก้า...เป็นอย่างที่เซโครพูดเหรอ”ผมหันไปสบกับดวงตาสีเงินอีกรอบ


“อืม...เชื่อใจสาม...เชื่อใจที่สุดแล้ว”


“จำที่ผมบอกเมื่อคืนได้ไหมทรี”เซโครพูดขึ้น


“เรื่องไหน”


“ที่บอกว่าการพาลูก้ากลับไปอาจเป็นสิ่งที่ผิดน่ะ”


“จำได้สิ...หมายความว่ายังไง”


“การที่จะให้เขาเติบโตขึ้นไม่ใช่เพียงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแต่ยังต้องมีคนที่เหมาะสมด้วย บนเกาะอาจมีสภาพแวดล้อมอันเหมาะสมแต่กับคนดูเหมือนคนจะไม่เหมาะ ไม่มีใครเหมาะจะดูแลเขาเท่ากับทรี”


“ถ้างั้นก็พาเขากลับมาหาผมแต่แรกสิ!”ผมตะโกนขึ้นเสียงดัง


ถ้าบอกว่าผมเหมาะสมก็พาลูก้ากลับมาสิ


จะให้รอไปเพื่ออะไร


“ผมก็อยากพากลับมาแต่เจ้าตัวบอกว่าไม่กลับ”


“ไม่กลับ?”


“เขาบอกว่าจะกลับมาหาทรีต่อเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่”


“ทำอะไรบ้าๆน่ะลูก้า รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงขนาดไหนน่ะ”ผมบ่นลูก้าเสียงดังด้วยความไม่พอใจ


ด้วยเหตุผลแค่นั้นมันไม่พอหรอก


ก็รู้ว่าลูก้าอยากโตพอที่จะสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง


แต่ตลอดเวลาผมมานั่งคิดถึง มานั่งกังวล


แต่ตอนนี้อะไร ทุกอย่างมันดูจบแบบแฮปปี้ไม่ใช่รึไง


“...ขอโทษ”


“อย่ามาทำหน้าเศร้านะ...เด็กบ้านี่”ผมเอื้อมมือทั้งสองข้างขึ้นไปขยี้เส้นผมสีฟ้าแซมแดงซอยสั้นนั่นแรงๆแทนการลงโทษ


“ผมโตแล้วนะ...ไม่ใช่เด็กแล้ว”ลูก้าตอบพลางหลบมือที่ขยี้เส้นผมไปมาอย่างคล่องแคล่ว


“เด็กสิ...อายุแค่สองปีห่างกับผมไม่รู้กี่รอบ”


“อายุแล้วไง ผมสูงกว่าสามละกัน”


“ว่าไงนะ...ลองพูดอีกทีสิ”


“ผมสูงกว่าสาม...สูงกว่าเยอะด้วย”


“ลูก้า”


“ผมโตกว่าสาม”


“ลูก้า”


“พอทั้งสองคนแหละ...ถ้าจะเล่นกันไว้หลังจากนี้ละกัน”


“เล่นที่ไหนกัน”ผมถูกกวนเห็นๆ แถมยังกล้าพูดเรื่องส่วนสูงอีก


น่าโมโห


“ขอเข้าเรื่องก่อน...จากนี้จะทำยังไงต่อ”ดวงตาสีเขียวอมฟ้าประสานกับดวงตาสีน้ำตาลของผมอย่างจริงจัง


“หมายถึงเรื่องลูก้าสินะ”


“ใช่...การทดสอบนี่ผมจัดเพื่อหวังว่าอาจมีสักคนที่สามารถทำให้ลูก้ายอมรับได้แต่พอเขามาบอกว่าอยากรีบมาหาทรีผมก็รู้ทันทีว่าการทดสอบนี่คงจะเปล่าประโยชน์”เซโครงบอกพลางส่ายหัวไปมา


“จะหาคู่หูคนใหม่ให้ลูก้าสินะ”ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ทุกคนจำเป็นต้องทำงานเป็นคู่เพื่อความปลอดภัยและความสำเร็จของงานนั้นๆ ไม่มีทางที่จะให้ลูก้าทำงานตามลำพังและถึงยอมผมนี่แหละที่จะค้าน


“ก็ไม่เชิง...ลูก้า อยากให้ผมลองหาคนที่เหมาะสมมาให้อีกครั้งรึเปล่า”คำถามของเซโครทำเอาผมเม้มปากแน่นด้วยหัวใจที่เต้นรัวขึ้น


ผมไม่อยากให้ลูก้าไปต่อสู้


แต่ถ้าเขาเลือกที่จะสู้ผมก็ไม่อาจทำอะไรได้


“ต่อให้หามาอีกกี่ครั้งผมก็ยอมรับพวกเขาไม่ได้หรอก”ลูก้าตอบเซโครกลับไป


“ไม่ใช่ไม่ยอมรับแต่ยอมรับไม่ได้สินะ”


“อืม...ถ้าจะต้อสู้โดยฝากชีวิตไว้กับใครสักคน คนคนนั้นนอกจากต้องเป็นคนที่มีทักษะในการดำน้ำและต่อสู้ในน้ำดีแล้วยังต้องเป็นคนที่ผมสามารถเชื่อได้อย่างหมดใจและพร้อมที่จะฝากชีวิตไว้กับคนคนนั้น รวมถึงสื่อสารกับผมได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดด้วย”


“จะไปหาคนแบบนั้นได้ที่ไหนลูก้า...จะมีใครที่สามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ใช้คำพูดบ้างล่ะ”ผมพูดด้วยใบหน้ายุ่งๆ สำหรับข้ออื่นๆอาจไม่ใช่เรื่องยากแต่ข้อสุดท้ายนี่ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ


“...”ทั้งห้องต่างเงียบลงแล้วใช้สายตามองมายังผมเป็นตาเดียวไม่เว้นแม้แต่ลูก้า


“เดี๋ยวนะ...ไม่มีทาง...”จะบอกว่าเป็นผมงั้นเหรอ


“ทรีจบวิชาโทเป็นพฤติกรรมสัตว์น้ำนี่”


“มันไม่เกี่ยวกับการสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูดสักหน่อย”ผมรีบเถียง


“การจะสื่อสารกันได้โดยไม่ใช้คำพูดนั้นถ้ามีความเชื่อใจและความรู้สึกที่เชื่อมกันเดี๋ยวก็ทำได้เอง เหมือนอย่างผมกับยูทาร์ไง”


“ไม่เหมือนสักนิด...พวกนายเป็นคนรักกัน การที่จะสื่อกันได้มันเป็นเรื่องปกติแต่ผมกับลูก้าไม่ใช่”


“ก็ไม่แน่นี่นะ”เซโครพูดยิ้มๆ


“อะไรไม่แน่”


“เปล่า”


“จะกวนกันรึไง”


“งั้นทรีอยากให้ลูก้าบาดเจ็บงั้นเหรอ”


“ไม่มีทาง”ผมไม่ต้องเสียเวลาคิดคำตอบสักนิด


“ในการต่อสู้ถ้าไม่สามารถสื่อกันได้จะมีอันรายแน่นอน”


“คำก็ต่อสู้ สองคำก็บาดเจ็บ”


“สาม...”


“นี่เซโคร”


“ว่ามาเลย”


“ตอนนี้ลูก้าเป็นคนของนายสินะ”ดวงตาสีน้ำตาลของผมเงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีเขียวอมฟ้าฝั่งตรงข้าม


“ก็ใช่”


“ขอลูก้าให้ผมได้ไหม”พอเอ่ยจบทั้งห้องก็เงียบลง ลูก้าที่อยู่ข้างๆยังหันมามองผมอย่างไม่เข้าใจ


“ถ้าผมให้ทรีต้องยอมเป็นคู่หูให้ลูก้านะ”


“ผมต่อสู้เก่งที่ไหนกัน”ผมยักไหล่ตอบไป


“หึ...ถ่อมตัวจังนะภาพตอนชนะแจ็คได้ยังติดตาผมอยู่เลย เบี่ยงตัวหมดหมัดที่พุ่งเข้าจู่โจมพร้อมทั้งเล็งหาจังหวะสวนกลับอย่างใจเย็น ปล่อยให้อีกฝ่ายเริ่มโมโหจนร้อนรนวิ่งเข้าใส่อย่างขาดสติพอรู้ตัวอีกทีร่างนั้นก็ถูกทุ่มลงไปกองบนพื้น ทักษะขนาดนั้นเรียกว่าไม่เก่งไม่ได้หรอกนะ”


คำพูดของเซโครทำเอาความทรงจำตอนเรียนปริญญาผุดขึ้นมา แจ็คที่พูดถึงเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนร่างยักษ์ที่มีนิสัยกวนโอ้ยไปมากสักหน่อย...ส่วนผมก็เป็นแค่นักเรียนธรรมดาคนหนึ่งที่ตัวเล็กไปนิดเมื่อเทียบกับคนอื่น และยิ่งเล็กเข้าไปอีกเมื่อเทียบกับคนฝรั่งเศส นั่นทำให้ผมค่อนข้างเป็นจุดสนใจสำหรับพวกเด็กเกอย่าแจ็ค


ช่วงแรกผมก็เลี่ยงไปได้แต่ไม่นานก็ถูอีกฝ่ายตามแกล้งอย่างตอนกินข้าวก็เทน้ำใส่หัว ตอนนั่งเรียนอยู่ก็ถูกเข้ามากวนไม่เว้นวัน แจ็คอายุน้อยกว่าผมประมาณ3ปีแถมมีอิทธิพลพสมควรทางมหาวิทยาลัยเลยทำอะไรได้ไม่มาก


ผมเองก็ไม่ใช่พวกใจเย็นนักพอโดนรังควานนานๆเข้าความอดทนที่มีก็ปะทุออก สิ่งที่ผมทำคือการท้าแจ็คสู้ตรงๆโดยไม่ใช่อาวุธ ข่าวที่ผมท้าสู้นั่นกระจายไปทั่วมหาวิทยาลัยและแน่นอนว่ามีแต่คนหัวเราะว่านักเรียนปริญญาเอกตัวเล็กๆจะไปชนะคนที่ตัวใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง


ขนาดเซโครยังมาหาผมก่อนวันสู้อย่างห่วงๆเลย


ไม่ว่าใครต่างก็คาดผลการต่อสู้นี้ได้ในทันทีที่เห็นผมกับแจ็คยืนเผชิญหน้ากัน ผมเองก็คาดการณ์ได้เช่นกันแต่ไม่ใช่คำว่าแพ้อย่างที่ทุกคนคิด มันไม่ใช่ความบ้าหรือความมั่นใจแต่เพราะผมเรียนรู้พวกศิลปะป้องกันตัวมาแต่เด็ก


ถ้าถามว่าทำไมถึงเรียน


ก็เพราะมันยังมีเด็กเกอยู่ในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นชั้นอนุบาล ประถม มัธยมและยาวไปจนมหาลัยไงล่ะ


ยิ่งตัวผมดูโปร่งๆบางๆเหมือนขี้กางก็ยิ่งเป็นที่ต้องตาต้องใจเลยต้องมีศิลปะป้องกันตัวไว้เพื่อป้องกันตัวเองสักหน่อย


“เรื่องมันนานมาแล้ว”ตอนนี้ผมแทบไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายแข็งไปหมด


จะยกขาเตะยังไม่รู้จะทำได้รึเปล่าเลย


“เดี๋ยวยืดกล้ามเนื้อหน่อยก็เหมือนเดิมเองแหละ”เซโครยังคงหว่านล้อม


ผมเองก็ใช่จะไม่เข้าใจหรอกนะ


ลูก้าก็บอกว่ายอมรับคนอื่นไม่ได้


ถึงคำพูดของลูก้าจะทำให้ผมเบาใจแต่ก็หนักใจเหมือนกัน


ผมไม่อยากให้ลูก้าสู้


ไม่อยากเห็นเขาต้องบาดเจ็บ


แล้วผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเป็นคู่หูที่ต่อสู้ร่วมกันได้


ผมไม่ชอบการต่อสู้ ถึงจะเป็นก็ไม่อยากที่จะทำหรอก


แต่หากมันสามารถช่วยเป็นกำลังให้ลูก้าไม่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตามลำพังละก็...


“มาแลกเปลี่ยนกันเซโคร”ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะเปิดฉากการสนทนาอีกรอบ


“แลกเปลี่ยนอะไร”


“ผมจะยอมเป็นคู่หูให้ลูก้าแต่สิทธิ์ในการดูแลต้องเป็นของผม”


“ได้สิ ผมจะคุยกับคนข้างบนให้”


“มีอีกอย่างคือผมไม่อยากให้ลูก้าต่อสู้”


“สาม...”ลูก้าหันควับมามองทะนทีที่ได้ยิน


“ห่วงจริงๆนะ...เขาแข็งแกร่งนะทรี”


“ผมรู้ แค่มองก็รู้แล้วแต่ผมก็ไม่อยากให้เขาต้องได้รับอันตราย เพราะงั้นผมจะไม่รับภารกิจจากส่วนกลางเหมือนคู่อื่นๆ”


“งั้นจะรับจากใครล่ะ”


“จากนายไงเซโคร...แน่นอนว่าถึงนายจะบอกให้ไปทำแต่ถ้าผมเห็นว่ามันไม่คุ้มที่จะให้ลูก้าเสี่ยงผมก็จะไม่ทำ”


“แม้ว่าการไม่ทำจะทำให้หลายชีวิตต้องเสียไปอย่างงั้นเหรอ”


“...”คำพูดของเซโครทำเอาผมนิ่งไป


“สถานการณ์ของโลกในตอนนี้นายก็น่าจะเดาได้นะทรี...มนุษย์ตื่นตัวกับการกลับมาของสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธ์ไปซึ่งการกลับมานั่นแลกด้วยอันตรายระดับสูงที่หน่วยงานปกติไม่สามารถรับมือได้ เมื่อไดโนเสาร์หลุดพวกมันจะล่าและทำลายทุกอย่าง สิ่งเดียวที่สามารถยุดได้ก็มีเพียงไดโนเสาร์ด้วยกันเท่านั้น”


จริงอย่างที่เซโครว่า


สิ่งมีชีวิตเมื่อหลายพันล้านปีก่อนเป็นนักล่าโดยสมบูรณ์ ไม่มีทางฝึกให้เชื่องได้โดยง่าย


ถ้ามันหลุดทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากอง


แน่นอนว่ามีเพียงหน่วยปฏิบัติการพิเศษเท่านั้นที่สามารถจัดการพวกมันลงได้


ถึงจะจัดการได้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการสูญเสีย ข่าวที่ได้ยินมาตลอดหลายปีตั้งแต่ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตัวแรกถูกสร้างขึ้นคือข่าวบอกการจากไประหว่างต่อสู้ของพวกเขาและคู่หู


ไม่ว่าจะเก่งหรือมีความสามารถขนาดไหนก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าจะปลอดภัย


ทางเลือกที่มีคือจะหนีหรือสู้


และการหนีก็คงมีแต่ทำให้หลายคนต้องสูญเสียขยายวงกว้างขึ้นไปอีก


“...เข้าใจแล้วเซโครผมจะทำ...แต่การที่ผมเป็นคู่หูกับลูก้าไม่ได้แปลว่าผมต้องทิ้งงานที่ทำอยู่ไปนะ แน่นอนว่าผมไม่คิดจะไปอยู่ที่เกาะส่วนกลางนั่นด้วย”ผมบอกสิ่งที่ต้องการออกไป


“ทรีรักที่นี่ผมรู้อยู่แล้ว...ผมจะให้ทรีกับลูก้าเป็นคู่หูพิเศษ”


“พิเศษ?”หมายถึงยังไง


“ใช่...ทรีจะไม่ได้รับภารกิจจากส่วนกลางเหมือนคู่อื่นๆแต่จะได้จากผม แน่นอนว่าภารกิจที่ส่งให้จะเป็นภารกิจที่เหมาะกับการทำงานของพวกนายมากที่สุด ในระหว่างที่ไม่มีภารกิจก็สามารถทำงานได้ตามปกติ แบบนี้ใช้ได้ไหม”เซโครยื่นข้อเสนอมา


“อืม โอเค”


“งั้นเดี๋ยวไปส่งทรีที่ท่าเรือนะ ยูทาร์ออกไปบอกกัปตันให้หน่อยสิ”


“ได้”ยูทาร์พยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไป


“แล้วลูก้าล่ะ”ผมถามออกไป


“ลูก้าทำไม?”


“จะไม่พาเขากลับไปด้วยใช่ไหม”


“ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะอยากกลับไปไหม”


“ลูก้า...จะไม่กลับไปใช่ไหม”ผมหันไปสบกับดวงตาสีเงินด้านข้างอย่างร้องขอ


พึ่งจะเจอกันก็จะไปอีกแล้วเหรอ


ผมรู้ว่าการทำเรื่องรับสิทธิ์ดูแลลูก้ามันไม่ใช่แค่วันสองวันถึงจะเสร็จ


“อยากให้ผมกลับไปเหรอ”


“ไม่อยาก...ครั้งที่แล้วผมไม่สามารถห้ามลูก้าได้ แต่ครั้งนี้ไม่เอาแล้ว...อย่ากลับไปนะลูก้า”


“อืม...จะอยู่กับสาม”ลูก้าพยักหน้าพร้อมส่งรอยยิ้มบางๆมาให้


“เป็นอันจบเนอะ...ขอฝากลูก้าด้วยล่ะ”เซโครบอกยิ้มๆ


“ไม่ต้องฝากก็จะดูแลอย่างดีอยู่แล้ว”ยังไงผมก็เป็นคนดูแลเขามาก่อนนะ


“นั่นสิ...ไว้จะติดต่อไป”


“อืม”



(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 14-02-2018 10:46:09
(ต่อนะคะ)


หลังจากนั้นเรือก็กลับมาเทียบท่าอีกครั้ง เซโครบอกลาพลางกระซิบว่า ‘เดือนหน้าให้ระวังตัวไว้’ ก่อนเรือสีขาวแกมเทาจะแล่นออกจาฝั่งไปปล่อยให้ผมยืนงงอยู่โดยมีลูก้าหันมามองหน้า


“มีอะไร”ลูก้าถามพลางขมวดคิ้ว


“ก็ไม่รู้สิ...”ผมพึมพำแล้วเดินไปยังจักยานสีดำที่จอดไว้เมื่อหลายชั่วโมงก่อน


“จะไม่รู้ได้ยังไง”ลูก้าวิ่งตามมาพูด


“ก็ไม่รู้จริงๆนี่”ให้ระวังตัวคืออะไร


จะบอกว่าลูก้าจะกลับร่างแล้วกินผมรึไง


หึ...บอกเลยว่าไม่มีทาง


“นี่ผมโตแล้วนะ เลิกปิดบังผมสักที”


“ไม่ได้ปิดสักหน่อย”ก็บอกว่าไม่รู้ไงเล่า


“สาม”


“กลับได้แล้ว”


“สาม”


“ไม่ต้องเรียกรู้แล้วว่าชื่ออะไร”ผมกวนกลับไป


“ไม่ต้องมากวนเลยนะ”


“ใครกวน”


“สาม”


“ครับลูก้า”


“นิสัยไม่ได้เปลี่ยนเลยสักนิด”ลูก้าบ่นเสียงเบาด้วยใบหน้าไม่พอใจ


“เหมือนกันแหละ”นิสัยชอบเถียงก็ยังเหมือนเดิมเป๊ะ


“เหมือนอะ...”เสียงทุ้มที่กำลังจะเอ่ยบางอย่างออกมาเงียบไปเมื่อผมเอื้อมมือขึ้นไปลูบใบหน้าคมคายนั่นเบาๆ


“โตขึ้นเยอะเลยนะ”เด็กน้อยในวันนั้นโตเร็วขนาดนี้เชียว


“...สาม”


“ยินดีต้อนรับกลับนะ”ผมบอกพร้อมส่งยิ้มไปให้ เป็นรอยยิ้มแห่งความดีใจที่ได้เจอกันอีก ลูก้าเองก็จ้องมายังผมด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนเช่นกัน


“กลับมาแล้ว”


คำพูดนั่นทำเอาหัวใจรู้สึกอุ่นวาบด้วยความยินดี ผมรู้ว่าไม่ใช่แค่ผมที่รู้สึกแบบนั้น สายตาที่มองมากับน้ำเสียงของลูก้าทำให้ผมรู้ว่าพวกเรารู้สึกแบบเดียวกัน


ทันทีที่มาถึงยังตึกสำหรับพักผ่อนผมก็จัดการทำเรื่องให้ลูก้ามีห้องเป็นของตัวเอง แต่เพราะต้องใช้เวลาคุยเลยบอกให้ลูก้าขึ้นไปก่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะไม่ยอมง่ายๆไม่เหมือนตอนนี้ที่พยักหน้าแล้วรับคีย์การ์ดผมไปโดยดี


ระยะเวลาแค่ปีเดียวทำให้เด็กคนนึงโตได้ขนาดนี้เลยสินะ


การทำเรื่องดูจะใช้เวลามากกว่าที่คิดผมเลยต้องจำใจโทรไปบอกยุให้จัดการงานทดลองต่อเลยถ้าวิจัยเสร็จแล้ว วันนี้ผมคงไม่เข้าไปทำงานแล้วล่ะ


กว่าจะเคลียร์เรื่องห้องได้ก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมงอยู่


ไม่รู้ว่าจะอะไรนักกับแค่ขอห้องให้ลูก้าอยู่


“นี่ค่ะคีย์การ์ด”พนักงานสาวยื่นคีย์การ์ดส่งมาให้ผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ไม่สั่นก็แปลกล่ะ...หน้าผมตอนนี้เหมือนยักษ์ดีๆนี่เอง


“ขอบคุณ”พูดจบก็รีบลุกเดินออกจากห้องนี่ก่อนจะเผลอบ่นชุดใหญ่ใส่ไป


ทำงานชักช้าแถมยังมีการบอกขอเวลาพักไปเบรกด้วย


เมื่อลิฟต์หยุดลงยังชั้น14ผมก็เดินเข้าไปที่ห้องของตัวเองแล้วมองไปรอบๆเพื่อหาคนที่น่าจะอยู่ข้างในแต่เดินมาจนถึงเตียงก็ยังไม่เจอแม้แต่วี่แววว่าจะมีคนอยู่


“หรือว่า...”ผมนึกพร้อมกับก้าวเดินไปยังบานประตูห้องน้ำ


มีเพียงที่เดียวเท่านั้นแหละที่ลูก้าจะอยู่น่ะ


แกร็ก


“ลูก้าผม...เฮ้ย”เสียงสบถดังขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้าไปเห็นร่างกายเปลือยเปล่ากำลังลุกขึ้นมาจากน้ำ ทั้งแผ่นอก หน้าท้อง แขนหรือแม้แต่ขาต่างมีกล้ามเนื้อของคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำต่างจากผมที่นอกจากจะไม่มีกล้ามเนื้อแบบนั้นแล้วยังมีไขมันจากการไม่ได้ออกกำลังมาแรมปี


หนึ่งปีนี่ทำให้คนเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ


น่าตกใจเกินไป


แล้วก็น่าอิจฉาเกินไปด้วย


แค่ปีเดียวทำไมถึงมีกล้ามท้องขนาดนั้น


ผมนี่เมื่อก่อนออกกำลังตลอดกับพี่ชายตลอดแต่ผลที่ได้น่ะเหรอ


หึ...


“จะมองอีกนานไหมสาม”


“...ชิ”ผมเบือนหน้าหนีอย่างเคืองๆ ความจริงผมควรตกใจที่เปิดประตูมาเห็นอะไรแบบนี้แต่จะให้ตกใจมันก็ออกจะแปลกไปหน่อย ยังไงเราก็ผู้ชายเหมือนกันจะให้ไปตกใจอะไรล่ะ


ถ้าเป็นผู้หญิงค่อยว่ากัน


“ไม่พอใจอะไร”ลูก้าถามต่อ


“เปล่านี่”


“ให้ผมเดาไหม”


“คิดว่าจะเดาถูกรึไง”ผมหันหน้ากลับไปมองอีกฝ่ายตรงๆ


“อิจฉาหุ่นผมล่ะสิ”


ฉึก


ลูกศรที่มีหัวอันแหลมคมพุ่งทะลวงแผ่นหลังผมทะลุยันหน้าท้องเลยทีเดียว


จะพูดตรงเกินไปแล้ว


“ไม่ใช่”ถึงจะเดาถูกแบบเป๊ะๆแต่มีเหรอที่ผมจะยอมแพ้ง่ายๆ


“เวลาสามโกหกมักจะหันหน้าไปทางซ้ายตอนพูด”


“...เดาผิดแล้ว”ผมรีบสะบัดหน้ามาด้านขวาเมื่อได้ยินประโยคนั่น


พึ่งจะรู้ว่าตัวเองมีนิสัยแบบนั้นด้วย


แบบนี้ต้องรีบแก้


“ที่พูดไปผมโกหกน่ะ”


“ลูก้า”ผมตะโกนใส่คนที่ยกยิ้มขึ้นด้วยความโมโห


กวนได้กวนดีจริงๆ


“ครับสาม”


“...กวนโอ๊ย”ผมกัดฟันแน่นกับท่าทางยียวนของลูก้า


“ทีสามล่ะ”


“ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”ยังไม่ได้กวนเลยสักนิด


“เข้ามาโดยไม่เคาะประตูแบบนี้คิดจะลวนลามผมล่ะสิ”พูดจบลูก้าก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าอกตัวเอง


“ไม่ใช่สักหน่อย”


“แปลว่าอยากมาอาบน้ำด้วยกันแน่ๆ”


“อย่าคิดเองเออสิ...ไม่ได้อยากอาบสักนิด”


“เมื่อก่อนอาบด้วยกันแท้ๆ”


“นั่นมันตอนนายอายุยังน้อยนี่ ขืนผมให้อาบเองเกิดจมน้ำขึ้นมาจะทำยังไง”ผมอธิบาย ช่วงแรกที่ลูก้ามาอยู่ด้วยผมต้องเข้ามาอาบน้ำด้วยตลอดเพราะกลัวอีกฝ่ายจะจมหรือเป็นอะไร


ถึงจะอาบน้ำด้วยกันแต่ผมก็ใส่เสื้อผ้าเถอะ ไม่ได้เปลือยสักหน่อย


“ผมเป็นไดโนเสาร์น้ำนะ จะจมน้ำได้ยังไง”ลูก้าพูดเสียงนิ่ง


“จมได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่วันแรกที่เจอกันนายก็จมน้ำจนผมต้องฝายปอดให้อยู่นานเลย”นึกถึงเหตุการณ์นั้นก็ยังตกใจไม่หาย ร่างไดโนเสาร์ที่เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์แถมยังจมน้ำอีก


“...ผมจมน้ำ?...สามฝายปอด?”หน้าของลูก้าเหมือนกำลังจะบอกว่าสิ่งที่ได้ยินไม่เป็นความจริง


“ใช่...ถูกต้องแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น ไม่มีการดัดแปลงใดๆทั้งสิ้น”


“...หมายถึงสามจูบผมสินะ”


“ไม่ใช่จูบ ผายปอดต่างหาก”


“ก็เหมือนกันนี่...”


“ไม่เหมือน”เรียกผิดนิดเดียวความหมายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหนังมือเลยนะ


“ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน ว่าแต่จะยืนคุยกันแบบนี้อีกนานไหม...ถ้านานผมจะได้ลงไปแช่ต่อ”


“ไปใส่เสื้อผ้าซะ...แล้วออกไปคุยกันข้างนอก”ผมรีบหันหลังกลับวิ่งออกจากห้องน้ำด้วยความแสง ด้วยความที่ผิวเป็นสีออกน้ำผึ้งทำให้มองเห็นอารมณ์ยากแต่ถึงไม่เห็นผมก็สามารถสัมผัสถึงความร้อนที่มารวมกันบริเวณผิวหน้าได้อย่างชัดเจน


อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนแล้ว


จะบอกว่าเป็นความผิดผมก็ไม่ได้นะ ใครให้ลูก้ามากวนก่อนเล่า


ถ้าไม่กวนคงจบมาตั้งนานแล้วไม่ต้องมายืนมองร่างกาย...


บ้าเอ้ย แล้วผมจะไปมองร่างลูก้าทำบ้าอะไรเล่า


“บ้าเอ้ย”ผมตะโกนพร้อมขยี้เส้นผมสีดำของตัวเองจนยุ่งไปหมด


“อย่าตะโกนเสียงดังสิ”


“โอ๊ะ...โทษที...ลืมไปว่าประสาทสัมผัสของลูก้ามันดีกว่ามนุษย์ทั่วไป”ตะโกนเสียงดังขนาดนั้นอาจทำให้ปวดหัวได้เลย ยิ่งถ้าได้ยินในระยะใกล้คงมึนไปชั่วขณะ


“แล้วมีเรื่องสำคัญอะไรที่ถึงขนาดบุกเข้าไปในห้องน้ำแบบนั้น”


“อย่าเรียกว่าบุกสิ...แค่หาตัวไม่เจอเลยเป็นห่วงเท่านั้นเอง”ผมพูดประโยคสุดท้ายเสียงเบาหวิว จะว่าไปลูก้าก็โตพอแล้วที่จะทำอะไรด้วยตัวเองแต่ผมก็คิดว่าเขาเป็นเด็กเสมอ


“ขอบคุณ”


“...ลูก้า”คำขอบคุณเบานั่นทำเอาผมไปไม่ถูก


มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาขอบคุณกันเลย


“ตอนนี้ผมรู้สึกง่วงมาก...ขอนอนสักพักนะ ถ้าจะไปกินข้าวเมื่อไหร่ก็ปลุกผมด้วย”


“เรื่องที่ผมจะบอกก็เรื่องนี้แหละ”


“เรื่องอะไร”ลูก้าขมวดคิ้วพร้อมมองมางงๆ


“ผมไปจัดการห้องให้ลูก้าแล้วนะ...ตอนแรกจะเลือกชั้นที่สูงกว่านี้เพราะวิวตอนกลางคืนจะดีกว่าแต่คิดว่าลูก้าพึ่งมาถึงอาจมีหลายอย่างที่ไม่สะดวกเลยเลือกห้องข้างๆผมให้แทน เวลามีเรื่องอะไรก็จะได้มาหาได้ทันที”ผมบอกแล้วยื่นคีย์การ์ดไปตรงหน้าลูก้า


“...”ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีเงินที่หรี่ลงอย่างไม่พอใจ


“...ลูก้า”


“สามไล่ผมเหรอ”ลูก้าที่เงียบไปถามขึ้น


“ไม่ได้ไล่นะ”ทำไมถึงคิดว่าเป็นการไล่ล่ะ


“เพราะผมกวนสามเหรอ”


“ลูก้า...”


“หรือเพราะผมไม่ได้ตัวเล็กน่ารักเหมือนเมื่อก่อน”


“นี่...”


“ไม่แน่ว่าอาจเพราะ...”


“เงียบแล้วฟังผมลูก้า”ผมตัดสินใจเดินเข้าไปแตะตัวอีกฝ่ายเบาๆเป็นการเรียกสติ


“...”ลูก้าทำตามที่ผมบอกโดยการเงียบแล้วพยักหน้าตอบมา


“ผมไม่ได้ไล่ลูก้า...”


“แต่สามให้ผมไปอยู่ที่อื่น”


“ฟังให้จบก่อนสิ อย่าพึ่งพูดขัด”ผมทำหน้าเคืองเมื่อถูกขัดการพูดหลายต่อหลายครั้ง


ถ้ามีครั้งต่อไปผมจะเอาสก๊อตเทปปิดปากซะ


“...อืม”


“ที่ผมให้ลูก้าไปอยู่อีกห้องไม่ใช่เพราะไล่แต่มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว...เห็นใช่ไหมเตียงนั่นขนาด5ฟุต จริงอยู่ว่าเมื่อก่อนเราสามารถนอนด้วยกันได้แต่ตอนนี้มันคงจะเบียดเกินไป อีกอย่างลูก้าเองก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวอย่างการแช่น้ำสบายๆโดยไม่มีผมมาบอกว่าเลิกแช่ ลูก้าโตพอที่จะทำอะไรด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีผมคอยบ่นอีกแล้ว นั่นคือสาเหตุที่ผมให้ลูก้าไปอยู่อีกห้อง”ผมรู้สึกดีใจที่ครั้งไม่ถูกขัดจังหวะพูดอีก


ทุกอย่างที่คิดได้พูดออกไปแล้ว


เมื่อเขาโตก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง


อีกอย่างคือการให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหลังจากกันเป็นปีมันไม่ง่ายเท่าไหร่


ผมไม่ค่อยชอบนอนร่วมกับใครแต่ตอนนั้นลูก้ายังเด็กอยู่ถ้าให้แยกนอนผมก็ห่วง


ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับลูก้าว่าจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อมากขนาดไหน


“ผมไม่ไป”คำตอบที่ดังขึ้นทำเอาคนฟังอย่างผมนิ่งเพื่อประมวลสิ่งที่ได้ยิน


เดี๋ยวนะ...พูดว่าไม่ไปงั้นเหรอ


“ลูก้า”ที่พูดไปทั้งหมดนี่ไม่ได้ทำความเข้าใจเลยรึไง


“เตียงจะเล็กก็ช่างสิ...สามเปลี่ยนอันที่ใหญ่กว่าก็ได้”ลูก้าพูดพร้อมกับขาที่ก้าวไปยังเตียง เมื่อถึงก็ทิ้งตัวลงนอนโดยไม่ขอเจ้าของห้องอย่างผมสักคำ


“ลุกขึ้นเลยลูก้า นอนที่นี่ไม่ได้นะ...เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็จะมีเตียงกว้างๆให้นอนไม่ต้องมาเบียดกันให้อึดอัดแบบนี้”ผมพยายามกล่อม


“ผมชอบเวลาที่นอนเบียดกับสาม”


“...”ประโยคนั่นทำเอามือที่หมายจะเอื้อมไปดึงแขนอีกฝ่ายชะงักทันที


“ผมชอบเวลาที่สามบ่นตอนผมแช่น้ำนานเกินไป...การที่สามบ่นมันหมายถึงสามเป็นห่วงเพราะงั้นผมถึงชอบแช่น้ำนานๆจนกว่าจะได้ยินเสียงนั่น”


“...”ก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงแช่น้ำนานทั้งที่ผมก็บ่นอยู่ทุกวัน


“ผมไม่ต้องการความสะดวกสบายหรือพื้นที่ส่วนตัว”


“ลูก้า...”


“ผมต้องการแค่สาม...ต้องการแค่อยู่กับสาม”ดวงตาสีเงินที่เงยขึ้นมาสบทำเอาผมถอนหายใจออกมาดังๆแล้วนั่งลงตรงขอบเตียง


“ให้แค่อาทิตย์เดียว”ผมบอกเสียงเบา


“อะไรอาทิตย์เดียว”


“ที่จะนอนด้วยกัน...”


“ไม่”เป็นอีกครั้งที่ผมยังพูดไม่จบประโยคก็โดนขัด


“ลูก้าทำไมดื้อ”


“สามแหละดื้อ...ผมบอกแล้วไงว่าไม่ไป”ลูก้าย้ำด้วยน้ำเสียงชัดเจน


“ผมก็บอกลูก้าแล้วไงว่าเตียงมันเล็กน่ะ”


“เปลี่ยนใหม่ตามที่ผมเสนอก็หมดเรื่องแล้ว”


“มันไม่ได้อยากเปลี่ยนก็จะเปลี่ยนได้นะ”รู้ไหมว่าขั้นตอนการยื่นเรื่องกว่าจะผ่านการอนุมัติมันรอนานขนาดไหน


“สามทำได้อยู่แล้ว”


“ทำไม่ได้เฟ้ย”อย่ามาคิดเอาเองนะ


“ไม่รู้ด้วยล่ะ...ยังไงก็ไม่ไปนอนที่อื่นแน่”พูดจบลุก้าก็ซุกหน้าลงที่หมอนแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย


ส่วนผมที่นั่งอยู่ข้างๆก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ มีคำพูดมากมายที่อยากจะบ่นแต่ก็รู้ดีว่าถึงบ่นไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนอยู่ดี


ลูก้าเป็นเด็กที่บทจะดื้อก็จะดื้อแบบสุดๆ


ให้ตายสิ


แล้วผมจะเสียเวลาไปหลายชั่วโมงเพื่อคีย์การ์ดที่ไม่ได้ใช้นี่ไปทำไมกัน!!
........................................................................

สวัสดีค่ะ

อย่างแรกเลยต้อง happy valentine's day นะคะ

อัพแบบยาวๆ  (รึเปล่าไม่ได้นับหน้า) ถือเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ให้แก่นักอ่านทุกคนค่ะ

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ปีนี้อาจไม่ได้อัพตอนพิเศษอะไรเนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ 555

สำหรับตอนนี้รู้สึกสนุกแบบแปลกๆ ที่ได้แต่งฉากทะเลาะกันระหว่างสามและลูก้า

ขนาดแต่งฉากทะเลาะเรายังแต่งไปยิ้มไป(บ้าไปแล้ว)

หวังว่าทุกคนจะถูกใจกันนะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

ปล.วันนี้ไม่มีมุมให้ความรู้นะคะเพราะยังไม่มีไดโนเสาร์ตัวใหม่ออกมาเลย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 14-02-2018 11:16:13
ทำไมถึงต้องระวังเดือนหน้าาาา เดือนหน้ามีอะไรคะ แต่ตอนเถียงกันน่ารักดีค่ะ ฮือออ ลูก้าโตแล้ว กินได้
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 14-02-2018 14:24:41
ชื่นนนนนนนใจ ได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว


เดือนหน้า...ฤดูผสมพันธุ์รึเปล่า หุหุหุ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 14-02-2018 17:06:38
เขาอยู่ด้วยกันมันดีจริงๆ งื้ออ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-02-2018 17:59:38
ง่อวววววว ลูก้าน่ารัก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 14-02-2018 20:35:50
Happy Valentine  :mew1:
แฮปปี้สมเป็นวันแห่งความรักกกก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-02-2018 22:52:57
นอนด้วยกันนี่แหละสามอบอุ่นดี o18 เดือนหน้าจะมีอะไรหรือลูก้าจะมีอาการหาคู่
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 15-02-2018 00:53:49
แน่ะ! มีการตัดพ้อสามว่าตัวเองไม่ได้ตัวเล็กน่ารักเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หนูรู้ตัวด้วยเหรอลูก้าว่าหนูก็มีช่วงเวลาที่เป็นเคะ5555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 15-02-2018 03:13:28
กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วว
เชื่อเถอะว่าลูก้าจะไม่ยอมแยกไปไหนแากแล้ว
เดือนหน้ามีอะไรนะเเ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-02-2018 07:03:30
ต้องเจออะไรแบบเนีสินะ 5555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 15-02-2018 07:22:05
แหมๆอิจฉาคนมีคู่
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 15-02-2018 07:37:41
โดนกดแน่ 3
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 15-02-2018 14:14:29
โอ้ย น่ารักเกินไปแล้วนะ ลูก้า
#ลูก้าคนเดิมเพิ่มเติมคือความดื้อ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 15-02-2018 22:18:10
"ไม่ได้เฟ้ย"  เราแบบ ส๊ามมมมมม เอ็นดู 55555
อ่อ เดือนต่อไปโดนกดแน่นวลลลล
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-02-2018 06:24:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-02-2018 20:34:14
นับวันรอเดือนหน้าค่ะ

สามชัดเจนมาก กว่าจะพูดได้นะ
แล้วสามก็อยากดูแลและอยากปกป้องลูก้าด้วย
สามน่ารัก ลูก้าไม่ทิ้งไปอีกหรอก

ลูก้าไปฝึกความร้ายมา ดื้อหนักกว่าเดิมด้วย
และสามก็แพ้ทางมากด้วย

สามต้องลองอ้อนดูนะ เผื่อลูก้าเปลี่ยนใจ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 17-02-2018 17:03:56
 :mew1: :mew1: :mew1:กลับมาอยู่กันแล้ว เดือนหน้าคือเดือนที่ลูก้าจะหาคู่รึเปล่า 5555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-02-2018 19:18:26
ชื่นนนนนนนใจ ได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว

เดือนหน้า...ฤดูผสมพันธุ์รึเปล่า หุหุหุ

คิดเหมือน
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 19-02-2018 14:45:47
เป็นกำลังใจให้นะคะ รออ่านอิอิ :-[
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 22-02-2018 17:16:14
 :z2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่7◈♦> 14/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 23-02-2018 20:56:51
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 23-02-2018 21:49:29
◈ธาราที่8◈



อากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศทำให้เจ้าของห้องอย่างผมค่อยๆขดตัวเข้าไปใต้ผ้านวมมากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ความหนาวเย็นลดลงไปเท่าไหร่ผมเลยคิดจะลุกไปปิดแอร์ที่ทำงานมากว่า8ชั่วโมงตั้งแต่เมื่อคืนทว่ากลับถูกมือของใครบางคนโอบรัดพร้อมดึงให้ลงไปนอนตามเดิม


ไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร


มีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ


“ตื่นเช้านะลูก้า”ผมพึมพำหลังจากเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาข้างเตียง ถึงจะไม่สว่างมากก็ยังพอจะเห็นเลขรางๆได้


“ไม่ได้ตื่นเช้าสักหน่อย...สัมผัสเวลาสามขยับมันทำให้ผมรู้สึกตัว”อีกฝ่ายตอบเสียงอู้อีเพราะซุกหน้าเข้ากับหลังผม


“ผมถึงบอกให้ไปนอนอีกห้องไง เวลาผมขยับลูก้าจะได้ไม่ตื่น”


“ไม่ไป”ลูก้าตอบกลับพร้อมกับผมที่พยายามจะลุกขึ้นอีกรอบแต่อีกฝ่ายกลับกอดแน่นขึ้นจนผมได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา


“ผมจะไปปิดแอร์”ผมบอกเสียงเบา


“อีกแป๊บไม่ได้เหรอ”


“ไม่ได้...วันนี้ผมต้องไปทำการทดลองที่ห้อง...โอ๊ะ...”อยู่ๆแขนที่กอดเอวอยู่ก็รัดแน่นขึ้น


“ผมพึ่งมาถึงเอง...อยู่ด้วยกันก่อนสิ”


“พูดเหมือนไม่รู้ทางงั้นแหละ...ห้องอาหารก็ชั้น1ไง”ผมไม่คิดว่าลูก้าจะจำเรื่องเมื่อปีก่อนไม่ได้หรอกนะ


“ก็รู้...ขอไปห้องวิจัยด้วยได้ไหม”


“...มันน่าเบื่อนะ”ความจริงก็อยากบอกว่าไม่ให้ไปแต่ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนตอนที่ลูก้ายังเป็นเด็กน่ะสิ


ตอนนี้ลูก้าโตพอแล้วที่จะให้เข้าไปยังสถานที่ต่างๆ แม้ว่าในห้องทดลองจะให้เฉพาะผู้เกี่ยวข้องเข้าผมก็คิดว่าสามารถพาลูก้าเข้าไปได้


ได้ชื่อว่าห้องทดลองคงจะเป็นสวรรค์ของนักวิทยาศาสตร์ทุกคนแต่สำหรับคนธรรมดาที่ไม่ได้สนใจด้านนี้ก็เหมือนกับของน่าเบื่อ
ดูแล้วลูก้าคงไม่ใช่สายวิทยาศาสตร์หรอก


ขืนไปก็มีแต่นั่งเบื่อเปล่าๆ


“ไม่เป็นไร...ผมอยู่ได้”


“ข้างนอกมีอะไรให้ดูเยอะกว่านะ ทั้งชายทะเลหรือสัตว์ในบ่อต่างๆ”ผมเสนอทางเลือกให้


“พวกนั้นไว้ค่อยไปกับสามทีหลังก็ได้”


“ติดผมเกินไปรึเปล่าลูก้า”ตั้งแต่เมื่อวานที่มาก็เรียกว่าตัวติดกับผมตลอด


“...ก็คิดถึงนี่”คำพูดเบาๆราวกับเสียงกระซิบกลับดังก้องอยู่ในหัวพร้อมหัวใจที่เต้นแรงขึ้น


“ปากหวาน”ถ้าผู้หญิงได้ยินคงหลงกันเป็นแถว


“เคยชิมเหรอ”


“พอเลย...ปล่อยแขนเดี๋ยวนี้ผมจะไปอาบน้ำแล้ว”พูดจบผมก็เริ่มดิ้นให้แขนที่กอดอยู่นั่นคลายออก


“ให้ผมไปด้วยก่อนสิ”ไม่ใช่แค่เสียงที่เข้ามากระซิบแต่ทั้งร่างของลูก้าขยับเข้ามาแนบสนิทจนสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่ทำเอาอากาศเย็นๆเมื่อครู่หายไปในพริบตา


“ขะ...เข้าใจแล้ว รีบปล่อยสักที”


“ครับๆ”


ทันทีที่วงแขนคลายผมก็เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงตรงไปปิดแอร์ด้วยความสูง ขืนยังอยู่แถวนั้นด้วยประสาทสัมผัสของลูก้าต้องได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นของผมได้แน่


แค่ถูกกอดนิดกระซิบหน่อยทำให้ใจเต้นได้เลยเหรอ


อะไรกันเนี่ย


หลังจากนั้นผมก็เข้าไปอาบน้ำก่อนจะตามด้วยลูก้า เสื้อผ้าของลูก้าถูกส่งมาให้ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานหลังมื้ออาหาร ดูจากเสื้อผ้ามากมายนั่นก็ทำให้รู้ว่าบนเกาะคงจะดูแลลูก้าดีมากกว่าที่ผมคิดไว้อีก


“บนเกาะเป็นยังไงบ้าง”ผมถามระหว่างที่เราส่งลิฟต์ลงไปยังห้องอาหารชั้น1


“ก็ดี มีต้นไม้และภูเขาเต็มไปหมด...ลึกเข้าไปในป่าก็จะมีแม่น้ำไหลผ่าน ทะเลสาบก็มีนะ บนเกาะถึงจะมีถนนหรือตึกแต่ก็สร้างโดยให้มีธรรมชาติเหลืออยู่มากที่สุด เหมือนเป็นดินแดนสำหรับไดโนเสาร์อย่างพวกเรา”


“เห็นว่าไดโนเสาร์บนเกาะไม่ได้อยู่ในกรงจริงรึเปล่า”เรื่องนี้เคยได้ข่าวมาแต่ยังไม่เคยได้ไปเห็นเองสักครั้ง


“ใช่...ส่วนมากจะอาศัยอยู่ตามป่า”


“คงมีแต่พวกกินพืชสินะ”


“ใครบอก...พวกกินเนื้อก็เยอะไม่แพ้กันหรอก”


“จริงเหรอ? แล้วแบบนั้นจะคุมพวกนั้นได้ยังไงล่ะ”ถ้าปล่อยพวกกินเนื้อให้รวมกันต้องเกิดการต่อสู้อย่างเลี่ยงไม่ได้


“มีคน...ไม่สิ...ต้องพูดว่ามีไดโนเสาร์คอยคุมอยู่น่ะ”


“ไดโนเสาร์คอยคุม?”หมายถึงยังไง


“เหมือนจะเป็นไดโนเสาร์ที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษพามาเองเลยมีความสามารถในการควบคุมไม่ให้เกิดการทะเลาะกันของไดโนเสาร์”


“สมแล้วที่เป็นเซโคร”เป็นคนที่เก่งจริงๆ


พวกเราคุยกันเรื่อยจนเดินเข้ามายังห้องอาหาร มื้อเช้าง่ายๆของผมเป็นข้าวผัดพร้อมต้มจืดไข่น้ำถ้วยเล็กแต่ของลูก้าเป็นของค่อนข้างหนักอย่างราเม็ง


“ไปรู้ชื่อราเม็งมาจากไหน”พอนั่งลงที่โต๊ะริมหนาต่างเสร็จผมก็ถามสิ่งที่คาใจ


จริงอยู่ที่บนเกาะมีคนหลากหลายเชื้อชาติแต่ถ้าไม่เคยเห็นหรือได้ยินชื่อก็ไม่สามารถสั่งอาหารต่างชาติอย่างราเม็งได้หรอก


“บนเกาะมีคนสั่ง...ผมเห็นว่าน่าลองเลยสั่งบ้าง...สามไม่เคยกิน?”ลูก้าถามกลับมา


“เคยสิ...ผมชอบที่เป็นน้ำข้นสีขาว”ผมบอกพลางตักข้าวผัดที่พึ่งถูกยกมาเสิร์ฟเข้ามา


“ไม่เคยเห็น”ราเม็งในชามของลูก้าเป็นราเม็งน้ำสีน้ำตาลธรรมดาซึ่งผมก็ว่าดีแค่ไหนแล้วที่คุณป้าแม่ครั้วไม่ถามกลับมาว่าราเม็งคืออะไร


“ไว้จะพาไปกิน”


“ห้ามลืมล่ะ”


“ผมไม่ใช่คนขี้ลืมสัก...”


“หัวหน้าคะ”เสียงหวานของดาวดังขึ้นก่อนที่จะเดินมายังโต๊ะโดยมีเพื่อนสาวอีกสองคนซึ่งก็คือโบกับเมย์ ทั้งสามคนเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์น้ำทั้งสิ้น


“มาเช้าดีนี่”ปกติจะเริ่มเข้างานประมาณ8โมงดังนั้นส่วนมากจะลงมากินมื้อเช้าตอน7โมงครึ่งแต่นี่พึ่ง7โมงก็ลงมากันแล้ว


“พอดีเราเป็นห่วงเต่าทะเลที่วางไข่ไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเลยว่าจะรีบไปดูค่ะ”เมย์สาวผมยาวสีน้ำตาลเป็นคนตอบ


“ดีแล้ว...อย่าลืมดูอุณหภูมิของรังด้วยล่ะ”


“ได้ค่าหัวหน้า...ว่าแต่..หนุ่มคนนี้...”สายตาของเมย์หันไปมองยังลูก้าที่ก้มหน้าก้มตากินโดยไม่พูดอะไร


“ลูก้าคุงใช่ไหมคะ”ดาวตะโกนแทรกเพื่อนสาวด้วยความตื่นเต้น


“ใช่”ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม


“สุดยอด...ลูก้าคุงจำพี่ได้ไหม”ดาวเดินเข้าไปหาลูก้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม


“...พี่ดาว”


“ว้าย...หล่อที่สุดเลย”น้ำเสียงของลูก้าดูเหมือนจะทำให้สาวๆหน้าแดงกันเป็นแถว


แหม...น่าอิจฉาจริงๆ


ถ้าเป็นผมไม่มีทางที่พวกเธอจะออกอาการขนาดนี้แน่นอน


“ขอบคุณครับ”


“ยังนิ่งเหมือนเดิมเลยนะ...หัวหน้าลูก้าคุงจะมาอยู่ที่นี่เหรอคะ”ดาวหันมาถามผม


“ตอนนี้ก็ใช่”


“แล้วต้องให้ใครดูไหมคะ”


“ไม่ต้องหรอก...ผมจะพาลูก้าไปห้องวิจัยด้วย”ผมบอกตามตรง


“ห้องวิจัย?...ลูก้าคุงที่นั่นน่าเบื่อจะตายไป พี่พาไปดูพวกสัตว์ทะเลดีกว่าไหม”


“ไม่เป็นไร...ไว้จะไปดูกับสาม”ลูก้าปฏิเสธทันที


“แหม...ติดหัวหน้าจริงๆด้วย งั้นไม่กวนดีกว่า พวกเราขอตัวนะคะหัวหน้า”พอเอ่ยล่าเสร็จสามสาวก็เดินไปนั่งยังโต๊ะถัดไปอีกสองสามโต๊ะ


“เป็นอะไรลูก้า”ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายแปลก


“กลิ่นน้ำหอมของพวกเธอทำผมรู้สึกไม่ดี”ลูก้าตอบพลางย่นจมูก


“จมูกดีก็แย่แบบนี้แหละ...แต่พวกเธอก็ใส่น้ำหอมเยอะไปหน่อยผมเองยังได้กลิ่นเลย”ที่ผมพูดถึงไม่ใช่ดาวแต่เป็นผู้หญิงที่ชื่อโบ เจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ทะเลไม่ได้มีกฎว่าห้ามใส่น้ำหอมก็จริงแต่สัตว์บางชนิดก็มีประสาทรับกลิ่นที่ดีมากจึงอาจเป็นปัญหาได้


“อืม...”


“ไหวไหม...ขึ้นไปนอนพักบนห้องดีกว่ามั้ง”


“ไม่เป็นไร...อยากไปกับสาม”


“ดูจะสนใจห้องวิจัยน่าดูนะ ชอบพวกการทดลองเหรอ”ผมลองถามดู


“ก็ไม่ได้ไม่ชอบ...”


“เฉยๆสินะ”ผมพูดประโยคนั้นด้วยรอยยิ้ม


“อืม...เฉยๆ”


“คิก...”


“ขำอะไร?”


“แค่คิดว่าไม่ได้ยินมานานเลยน่ะ คำว่าเฉยๆของลูก้า”รู้สึกคิดถึงนิดหน่อยแฮะ


“...แปลกคน”


“เหรอออ”ผมทำเสียงยาวๆล้ออีกฝ่ายเล่น


“สนุกไหม”ดูท่าลูก้าคงกำลังคิดว่าผมเล่นอะไรอยู่


“สนุกกว่าที่คิดละกัน”ผมยกยิ้มขึ้นก่อนจะตอบกลับไป


“เอาที่สามสบายใจละกัน”คำพูดพร้อมใบหน้านิ่งนั่นๆทำให้ผมหัวเราะเราะออกมาดังลั่น


“คิก...ฮะฮะฮะ”และก็ไม่ใช่แค่ผมเพราะลูก้าเองเองก็หลุดขำออกมาเหมือนกัน


พวกเรากินมื้อเช้ากันอย่างไม่รีบร้อนก่อนที่ผมจะพาเข้าไปยังห้องวิจับหรือเรียกสั้นว่าแล็บ การจะเข้าไปได้อย่างที่เคยบอกไปว่าต้องมีบัตรผ่าน สำหรับลูก้าผมพาเดินเข้ามาง่ายๆโดยใช้บัตรผ่านของผม


ภายในห้องวิจัยแรกเป็นส่วนที่มีแสงมากที่สุด เป็นห้องสำหรับมานั่งประชุมหรือทำงานเกี่ยวกับเอกสารหรือคอมพิวเตอร์ ด้านในลึกเข้าไปจะเป็นห้องทดลองย่อยจำนวน5ห้องแต่ละห้องก็มีเครื่องมือที่แตกต่างกันตามการทดลองนั้นๆ


“นั่นใคร?”คำถามแรกของพายุรองหัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำดังขึ้นทันทีที่หันมาเห็นคนหน้าไม่คุ้นเดินตามหลังผมเข้ามา ยุตอนนี้อยู่ในสภาพหัวฟูจากการใช้มือขยี้ ถ้าถามถึงเหตุผลว่าทำไมต้องขยี้คงเป็นเพราะเอกสารในมือนั่นแน่นอน


“ยังไม่เคยเจอกันสินะ ผมขอแนะนำนะ...ยุนี่ลูก้า ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่ผมเคยดูแลเมื่อปีก่อน ลูก้านี่พายุเรียกพี่ยุก็ได้เขาเป็นรองหัวหน้าของผมเอง”ผมแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน


“อ้อ...เด็กที่ทำให้นายซึมหนักไปตั้งหลายเดือนสินะ”


“ไม่ได้ซึมสักหน่อย”ผมรีบเดินเข้าไปประชิดพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ


อย่าทำให้ผมอายต่อหน้าลูก้าเชียวนะ


“ก็ซึมเห็นๆ”


“ยุ”


“...สวัสดี...ผมยุ”ยุเลิกสนใจผมแล้วเดินไปทักทายลูก้า


“ลูกก้า...ครับ”


“สามอยู่กับนายแล้วคงเหมือนเด็กแน่”


“หยุดล้อเลยนะ...แล้วงานไปถึงไหนแล้ว”ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะโดนล้อเรื่องส่วนสูง


ผมรู้ดีตั้งแต่ที่เจอกันแล้วว่าลูก้าสูงเลยผมไปมา อาจจะร่วม10เซนได้


น่าโมโหก็จริงแต่ก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้


“งาน?...อ้อ กะจะบอกอยู่ว่าข้อมูลที่ได้เหมือนจะไม่พอเลยกำลังให้พวกวุธไปรวบรวมเพิ่มอยู่”


“งั้นวันนี้ก็ทำอะไรไม่ได้น่ะสิ”ถ้าข้อมูลยังไม่เสร็จจะทำอะไรต่อก็คงไม่ได้


“ใช่...กำลังจะโทรไปบอกเลย”


“งั้นวันนี้เราก็กลับไปนอนต่อละกัน”ผมพูดติดตลก


“ดีๆ...ผมง่วงมากเลย แต่เหมือนยังไม่ได้บอกพี่พลนะ...โทรบอกดีไหม”ยุถามความเห็น


“ยุว่าไงล่ะ”ผมไม่ตอบแต่ถามกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


“เขียนโน้ตแปะไว้หน้าห้องดีกว่า”


“จัดไปเลยยุ...ให้ช่วยไหม”


“ไม่ต้องๆ...ไหนๆก็ว่างลองพาเขาไปพิพิธภัณฑ์ดูสิ”ยุเสนอ


“พิพิธภัณฑ์?...ก็ดีนะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ”


“อืม...เจอกันพรุ่งนี้”พดจบก็ยกมือขึ้นส่ายไปมาเป็นการลา


“แน่ใจว่าไม่ให้ไปส่งห้องนะ”สภาพแบบนี้อาจล้มระหว่างทางกลับก็ได้


ผมนึกถึงตัวเองตอนหักโหมทำการวิจัยได้เลย


แทบคลานกลับห้อง ถ้าไม่ไหวจริงผมก็จะนอนพักที่นี่ไปก่อน ถึงจะเป็นห้องวิจัยแต่ก็มีห้องนอนให้อยู่สองห้องสำหรับคนที่จะอยู่ค้างซึ่งผมว่ามันดีมากเลยล่ะ


“อืม...ไหวน่า”


“งั้นแล้วเจอกัน”ในเมื่อบอกว่าไหวผมก็จะเชื่อตามนั้น


จากนั้นผมก็พาลูก้าเดินไปยังตึกด้านหน้าซึ่งเป็นส่วนพื้นที่จัดแสดงสัตว์น้ำหรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนั่นเอง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่นี่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำนานาพันธุ์ที่อยู่ตามตู้โชว์ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง


เมื่อเดินเข้าไปลึกขึ้นก็จะเจอกับอุโมงค์น้ำขนาดใหญ่ยักษ์ที่สัตว์น้ำลึกว่ายอยู่รอบๆ ถัดออกไปอีกก็จะเป็นส่วนของการแสดงปลาโลมากับแมวน้ำ


เรียกว่ามาที่เดียวได้เห็นสัตว์น้ำแทบทุกชนิดก็ว่าได้


“สาม...ที่นี่...”เสียงของลูก้าดังถึงเมื่อเรามาหยุดยู่หน้าประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ใบหน้าของลูก้าดูเหมือนคนกำลังพยายามอดทนกับเสียงรอบตัวที่ดังอยู่


ปกติจะมีคนมาพิพิธภัณฑ์มากอยู่แล้วแต่เสียงที่ทำให้ลูก้าถึงกลับขมวดคิ้วไม่ใช่เสียงคนนักท่องเที่ยวปกติ


“เด็กๆ เงียบหน่อยนะ จัดแถวเรียงตามความสูงเร็ว”


“ครับ”


“ค่า”


ทันทีที่อาจารย์ตะโกนด้วยไมค์ขนาดพกพานักเรียนเกือบร้อยชีวิตก็พากับขานรับก่อนจะวิ่งจัดแถวกันวุ่นไปหมด


อย่าว่าแต่ลูก้าเลยผมเองก็รู้สึกปวดหูกับเสียงเล็กๆที่ดังไม่หยุดนี่เหมือนกัน


“กลับกันก่อนดีไหม”เหมือนเราจะมาผิดเวลา


ไม่คิดว่าวันนี้จะมีโรงเรียนพาเด็กมาทัศนศึกษา แบบนี้เดินเข้าไปคงมีแต่เสียงเจี๊ยวจ๊าวตลอดทางเป็นแน่


“อยากไปดู...กลิ่นสัตว์เต็มไปหมด”ลูก้าหันมาบอก


“แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร...เสียงมันดังอยู่นะ”ถึงไม่ได้มาวันนี้ผมก็พาลูก้ามาวันอื่นได้อีก


“ไม่เป็นไร...ไปกันเถอะ”


“ถ้าว่าแบบนั้นก็ได้ ไปกัน”พูดจบผมก็เดินนำลูก้าไปด้านใน ด่านแรกที่ต้องผ่านคือพนักงานตรวจบัตร


สำหรับคนที่มาเที่ยวต้องแสดงบัตรก่อนจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปแต่สำหรับพนักงานในศูนย์วิจัยนี่สามารถเข้าชมได้ฟรี
แน่นอนว่าลูก้าไม่มีสิทธิ์นั้นจึงต้องให้อำนาจจากผมเล็กน้อย


ดูเหมือนเส้นผมสีฟ้าแซมแดงของลูก้าจะเป็นที่สนใจของเด็กและผู้ใหญ่อีกหลายคนมาก ขนาดเข้ามาด้านในแล้วเด็กกลุ่มอื่นที่เข้ามาก่อนยังหันมามองเป็นตาเดียว


เด็กขนาดนั้นคงไม่รู้จักไดโนเสาร์กลายพันธุ์หรอก


“สาม...ที่นี่มีไดโนเสาร์ไหม”ลูก้าเข้ามากระซิบถามระหว่างเดินชมส่วนแรก พิพิธภัณฑ์นี้จะไล่ตั้งแต่สัตว์น้ำตื้นไปจนถึงสัตว์น้ำลึกอย่างฉลาม ส่วนจัดการแสดงจะอยู่ถัดออกไปอีกหน่อย


“จะว่ามีก็มีนะ แต่ต้องไปอยู่ตรงโซนน้ำลึก...ตอนนี้ก็ดูพวกน้ำตื้นก่อนละกัน ลูก้ารู้จักปลานั่นรึเปล่า”ผมถามพลางเดินเข้ายังตู้ขนาดใหญ่ที่มีปลาตัวเล็กๆว่ายอยู่เต็มไปหมด


“ปลาการ์ตูน”


“รู้จักด้วยสินะ”


“เคยเห็นตอนว่ายในทะเลแถวเกาะ...น่าสนใจเลยลองไปหาข้อมูลดู”


“โห...งั้นรู้ไหมว่าตัวนี้เป็นปลาการ์ตูนพันธ์อะไร”แบบนี้ต้องทดสอบความรู้กันสักหน่อย


ตู้กระจกนี่มีปลากระตูหลายสายพันธ์ว่ายรวมกันอยู่ ส่วนปลาการ์ตูนที่ผมชี้ให้ลูก้าทายเป็นปลาที่มีสีแดงใสทั่วทั้งร่างโดยมีจุดเด่นอยู่ตรงลายสีขาวที่ลากยาวตั้งแต่ส่วนหัวไปยังหางเป็นเส้นเดียว


“...ปลาการ์ตูนอินเดีย”


“สุดยอดไม่คิดว่าจะทายถูกนะเนี่ย”ชื่อที่ลูก้าพูดเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ปลาการ์ตูนอินเดียเป็นปลาที่จะเจอเฉพาะแถบอันดามันเท่านั้น


“ผมอ่านป้ายข้างบนเอา”คำตอบจากลูก้าทำเอาผมขมวดคิ้วก่อนจะมองขึ้นไปตามที่บอกจนเจอเข้ากับป้ายสีสันสดใสอธิบายถึงลักษณะและสายพันธ์ของสัตว์ที่ว่ายอยู่ภายในอย่างละเอียด


“อ่านแบบนี้ขี้โกงนี่”ผมก็นึกว่ารู้เอง


“สามไม่ได้บอกว่าห้ามอ่านนี่”


“...ทำแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่จะถามน่ะสิ”


“ใครจะรู้จักสัตว์น้ำทุกชนิดกัน...สามทำได้เหรอ”


“แน่นอน ถ้าเป็นสัตว์น้ำผมรู้จักหมดแหละ”พอได้โอกาสผมก็ยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ


นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้อวดว่าตัวเองมีความรู้เหมือนกัน


ตอนไปสวนสัตว์ครั้งก่อนค่อนข้างทำผมขายหน้าเหมือนกันที่ไม่รู้จักไดโนเสาร์หรือสัตว์บางชนิดที่อยู่นั่นแต่ถ้าเป็นสัตว์น้ำหรือไดโนเสาร์น้ำ ไม่สิ แม้แต่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำผมก็สามารถจำชื่อของพวกมันได้หมด


“สามอาจแอบดูป้ายก็ได้ใครจะรู้”คำดูถูกนั่นทำเอาผมคิ้วกระตุก


“ไม่ทำหรอก ผมสามารถบอกได้มากกว่าป้ายแน่นอน”ในป้ายส่วนมากมักจะสรุปสั้นๆเพื่อให้คนอ่านเข้าใจง่าย


“แปลว่าถ้าผมชี้ไปตัวไหนสามก็จะตอบได้ทันทีสินะ”


“แน่นอน ลองชี้มาสักตัวสิ”ผมท้าด้วยใบหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ


“ตรงนี้อาจง่ายไป เดินไปก่อนแล้วผมจะถาม”ลูกบอกก่อนจะเดินเข้าไปยังโซนต่อไป



(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 23-02-2018 21:49:53
(ต่อนะคะ)


พวกเราเดินมาเรื่อยๆจนถึงส่วนของแมงกะพรุน ภายในนี้มีแมงกะพรุนเกือบทุกสายพันธ์ที่ถูกรวบรวมมากจากทั่วโลก โซนนี้ยังมีการให้สัมผัสเนื้อแมงกะพรุนที่ตายแล้วด้วย...


ถ้ามาถูกเวลานะ


“จับได้สินะ”ลูก้าเดินเข้าใกล้พนักงานในชุดสีขาวด้วยความสนใจ บนโต๊ะด้านหน้ามีแมงกะพรุนประมาณ3ชนิดให้จับได้


“จับได้ครับ เราเอาพิษออกเรียบร้อยแล้ว...โอ๊ะ ด๊อกเตอร์นทีธารใช่ไหมครับ”พนักงานในชุดขาวหันมาถามผมด้วยใบหน้าตกใจเล็กน้อย ดูจากเสื้อผ้าด้านในคงเป็นนักศึกษาที่มาฝึกงานสินะ


“ครับ”


“อยากเจอตัวจริงมานานแล้ว เห็นว่าคุณสามารถแยกสัตว์น้ำที่ป่วยได้เพียงแค่การมองเท่านั้นจริงเหรอครับ”น้ำเสียงตื่นเต้นที่ได้ยินนั่นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา


“ก็จริงอยู่นะ แต่มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอก ถ้าเราคลุกคลีกับพวกมันมากๆเราจะรู้ถึงลักษณะนิสัยของแต่ละสายพันธ์ พอเรารู้ก็จะสามารถแยกแยะได้ว่าพวกมันต่างจากปกติยังไง”ผมอธิบาย


“จะบอกว่าคุณสามารถจำลักษณะของสัตว์น้ำทุกตัวได้หมดเหรอครับ”


“ไม่หรอก จำได้แค่ส่วนมากน่ะ”


“งั้นถ้าไปเจอสัตว์ที่จำลักษณะไม่ได้จะทำยังไงครับ”เด็กคนนี้มีคำถามเยอะดีแฮะ


“ก็ต้องดูเป็นเคสๆไป...”


“สาม”ลูก้าเรียกพร้อมกับดวงตาสีเงินหันมาสบ


สายตานั่นเหมือนเด็กที่กำลังเรียกร้องความสนใจเลย


“ครับลูก้า...อยากจับไม่ใช่เหรอ จับได้นะ”คิดถึงตอนลูก้าเป็นเด็กเลย


“อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กสิ ผมโตแล้วนะ”


“โตแค่ตัวเท่านั้นแหละลูก้า”ผมบอกพลางส่งยิ้มไปให้


ถ้าโตจริงคงไม่แสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาหรอก


“โตกว่าสามละกัน”


“อย่าพูดเรื่องส่วนสูงนะ”แค่เดินด้วยกันก็เป็นปมแล้ว


“สามดูเด็กกว่าผมอีก”


“ลูก้า”


“สาม”


“เอ่อ...ผมว่าอย่าทะเลาะกันดีกว่านะครับ พวกเด็กกำลังมองมาอยู่นะ”เสียงเรียกจากนักศึกษาฝึกงานทำให้ผมหันไปมองด้านข้างที่มีเด็กประถมหลายสิบคนกำลังมองมา


เพียงแค่เห็นสายตาของพวกเด็กๆผมก็รีบคว้าแขนลูก้าเดินไปยังโซนต่อไปทันที


เล่นทำตัวเด็กๆต่อหน้าเด็กซะได้


น่าอายจริงๆ


“เพราะลูก้านั่นแหละ”ผมบ่นเสียงเคือง


“สามเริ่มก่อนนะ”


“จะโทษกันเหรอ”


“สามแหละโทษผมก่อน”


“เฮ้อ...”เถียงกันต่อสักพักผมก็ถอนหายใจยาวออกมา


“เป็นอะไร...เหนื่อยเหรอ”ลูก้าที่ก่อนหน้านี้ยังยืนเถียงกลับเดินเข้ามาใกล้อย่างห่วงๆราวกับลืมไปแล้วว่ากำลังทะเลาะกันอยู่
เห็นแบบนั้นผมก็ยิ้มออกมาบางๆ


ถึงจะทะเลาะหรือเถียงกันบ่อยแต่ก็ไม่เคยทำให้รู้สึกแย่จนไม่อยากคุยกันสักนิด


“เปล่า...แค่คิดว่าเป็นอย่างที่ยุว่าเลย”


“อะไร”


“ก็ที่ยุบอกว่าเวลาผมอยู่กับลูก้าจะเหมือนเด็กไง”ที่พูดคงไม่ใช่แค่ความสูงแต่เป็นท่าทางตอนอยู่ด้วยกัน


ผมไม่ใช่คนที่ชอบยืนเถียงกับใครแต่พอเป็นลูก้ากลับรู้สึกว่าคุมตัวเองไม่ได้


“ก็เหมือนเด็กจริงๆ”


“ลูก้า”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเคือง


“ครับ”


“ไม่ต้องมายิ้มเลย...กวนกันเห็นๆ”


“ใครเห็นเหรอ?”


“...อ่ะ...”เล่นเอาพูดไม่ออกเลยเนี่ย


“สามนั่นปลาอะไร”ลูก้าถามพลางชี้นิ้วไปยังตู้กระจกขนาดใหญ่ยักษ์ เพราะเดินเถียงกันตลอดทางตอนนี้เราเลยมาถึงยังโซนสัตว์น้ำลึกแล้ว ตู้กระจกนี้ยาวหลายร้อยเมตรและมีที่นั่งสำหรับดูโชว์ดำน้ำให้อาหารปลา


ด้านข้างของตู้กระจกนี่เชื่อมกับอุโมงค์ยาวจนออกไปถึงส่วนของการแสดงโลมาด้านนอกเลย


สัตว์ที่ลูกาชี้ไปยังปลาตัวแบนสีออกน้ำตาลเทากลืนกับพื้นด้านล่าง เรียกว่าถ้าไม่สังเกตดีๆก็คงจะมองไม่เห็นแน่


“ตาดีจังนะ”ปกติไม่มีใครมองไปยังด้านล่างที่มีแต่เศษหินพวกนั้นหรอก


“สามไม่รู้เหรอ”ลูก้าหันมามองเมื่อผมไม่ยอมบอกว่าปลาตัวนั้นคืออะไร


“รู้สิ...นั่นปลาฉลามนางฟ้า เป็นปลาฉลามที่มีลำตัวแบนราบเหมือนปลากระเบนโดยมีความยาวประมาณ2เมตร พวกมันอาศัยอยู่ในน้ำลึกประมาณ1300เมตร”ผมบอกไป


“ที่พูดมาเหมือนกับที่เขียนติดไว้เลย”พูดจบลูก้าก็เบนสายตาไปยังผนังด้านข้างที่มีป้างของฉลามนางฟ้าติดไว้ ตัวอักษรบนป้ายเหมือนกับผมที่พึ่งพูดไปเลย


แบบนี้ยอมไม่ได้


“ยังไม่จบสักหน่อย ปลาฉลามนางฟ้าเป็นปลาฉลามที่ออกลูกเป็นไข่ซึ่งไข่ที่ว่าจะไม่ได้คลอดออกมาเหมือนเต่าแต่จะอยู่ในท้องของตัวเมียค่อยๆเติบโตจนคลอดออกมาเป็นตัวครั้งประมาณละ13ตัวได้ การล่าเยื่อของปลาฉลามนางฟ้านั้นจะซุ่มรอเหยื่ออยู่เงียบๆโดยกลืนกับพื้นทะเล...บางครั้งก็จะอยู่กับที่นานเป็นวันเลย”ทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับปลาฉลามนางฟ้าถูกพูดออกมาหมด


พูดขนาดนี้คงจะไม่มีติดอยู่ที่ป้ายไหนอีกหรอกนะ


“สุดยอด”


“แน่นอน”ผมมั่นใจเรื่องข้อมูลพวกนี้มากเลยล่ะ


กว่าจะจำได้ขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องค่อยๆใช้เวลาในการจดจำรวมถึงไปศึกษากับตัวจริงด้วย


“ว้าว ใหญ่จังเลย”


“ปลาตัวใหญ่มาก”


ไม่นานเหล่าเด็กประถมก็มาถึงยังตู้ปลาใหญ่นี้ มีเด็กหลายคนที่วิ่งเข้าไปเกาะกระจกเพื่อให้ดูปลาขนาดใหญ่ใกล้ขึ้นแต่ก็มีอีกหลายคนที่มองดูจากที่ห่างๆ ไม่แน่อาจกลัวก็อยู่ก็ได้


“เด็กๆ...ดูเสร็จแล้วไปนั่งตรงนั้นเลยนะ เดี๋ยวจะมีการให้อาหารปลาด้วย”


“ได้ค่า/ครับ”เสียงของเด็กหลายสิบคนดังประสานกันจนลูก้าต้องนิ่วหน้า


“ลูก้า...ปิดหูไว้สิ”ถึงจะช่วยไม่ได้มาแต่ผมก็เอื้อมมือไปปิดหูทั้งสองข้างให้แต่ด้วยความสูงที่ค่อยข้างต่างกันผมเลยต้องเขย่งจนใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันมากขึ้น


ลูก้าเองแทนที่จะขยับหน้าออกกลับขยับเข้ามาใกล้ขึ้น นั่นทำให้ผมถอยหลังไปจนติดกับตู้กระจกด้านหลัง ในตอนนี้เสียงเด็กมากมายไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยสักนิด


สิ่งที่สะกดให้ผมสนใจคือดวงตาคมสีเงินที่จ้องประสานมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก


“...สามใจดี”ลูก้าโน้มตัวมากระซิบให้ผมได้ยินเบาๆ


“ขะ...ขยับออกไปได้แล้ว”ผมบอกเสียงสั่น สภาพในตอนนี้ไม่ได้น่าดูสักนิด


“อีกแป๊บได้ไหม”


“อย่ามาต่อรองเหมือนตอนนอนนะ”


“แปลว่าไม่ได้”


“ก็ไม่ได้น่ะสิ”ผมพูดเข้าใจอยากตรงไหน


“ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าจะมีให้อาหารปลา”อยู่ๆลูก้าก็เปลี่ยนเรื่องก่อนจะขยับตัวออกไป


“ใช่...เป็นรอบๆ...แต่วันนี้คงมีรอบพิเศษสำหรับเด็กๆที่มา”ผมบอกพร้อมหันไปมองเหล่าเด็กที่นั่งกันจนเต็มพื้นที่ไปหมด


ประมาณห้าร้อยกว่าคนได้มั้ง


“เราอยู่ดูได้ไหม”


“ได้สิ...ตรงนี้มองไม่ค่อยชัดไปแถวนั้นเถอะ”ผมพาลูก้ามายืนบริเวณที่เหมาะกับการดู แน่นอนว่าต้องอยู่ใกล้เหล่าเด็กน้อยที่ส่งเสียงดังแทบตลอดเวลา


ผ่านไปสักพักใหญ่ก็ยังไม่มีการแสดงเกิดขึ้น ไม่เพียงแค่เด็กที่หันไปถามว่าเมื่อไหร่จะเริ่มแต่เหล่าอาจารย์เองก็หันซ้ายหันขวาเหมือนไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้


“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”ผมเดินเข้าไปหาหนึ่งในอาจารย์เพื่อสอบถาม


“คือทางพิพิธภัณฑ์บอกเราว่าจะจัดการแสดงตอนเที่ยงให้แต่เลยเวลามาเยอะแล้วไม่เห็นเลยค่ะ เราก็ไม่รู้จะติดต่อกับใครได้”อาจารย์สาวตอบกลับมา


“เดี๋ยวผมไปสอบถามให้นะครับ”


“คุณเป็นพนักงานที่นี่เหรอคะ?”


“ก็ใกล้เคียงครับ...ขอตัว”ผมเดินแยกออกไปหาลูก้าที่ยืนรออยู่


“เกิดอะไรขึ้นสาม”


“ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน เราต้องไปถามดู”


“จะไปถามที่ไหน”ลูก้าถามกลับ


“ถามกับเจ้าหน้าที่ไง”


“ยังไง”


“นั่น”ผมชี้ไปยังประตูที่เขียนว่าเฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้นก่อนจะเดินนำลูก้าเข้าไป


บันไดทางขึ้นยาวไปจนถึงด้านบนของตึก สิ่งแรกที่เห็นคือสระขนาดใหญ่ที่มีเครื่องควบคุมแรงดันน้ำติดตั้งไว้รอบด้านโดยมีกลุ่มคนยืนคุยกันอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าเครียดๆ


“เกิดอะไรขึ้นครับ...ตอนนี้น่าจะมีคนลงไปให้อาหารปลานี่”ผมไม่มีเวลาแม้แต่จะทักทายเหล่าพนักงานที่หันมามองอย่างงงๆว่าผมเป็นใคร


“สาม?...ทำไมมานี่ได้ล่ะ”ชายผมดำซอยส้นอายุประมาณ40กว่าหันมาถาม


“พอดีพาลูก้ามาเดินเล่นครับ...สรุปเกิดอะไรขึ้น”ชายที่ผมคุยอยู่นี่เป็นหัวหน้าคอยดูแลพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ชื่อคุณไก่


“ลูก้า?...อ้อ...ใช่เด็กที่มีข่าวลือว่าเป็นลูกเธอสินะ”


“เขาไม่ใช่ลูกผมครับ”ผ่านมาตั้งนานข่าวลือยังไม่หายไปอีกเหรอเนี่ย


“มาก็ดีเลย...ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย”


“ใครครับ?”จะให้ใครช่วย


“จะใครล่ะถ้าไม่ใช่เธอน่ะสาม”


“ครับ?”


“ช่วยลงไปให้อาหารปลาหน่อย”


“ห๊ะ?”ผมถึงกับหน้าเหว๋อเมื่อได้ยิน


“พอดีคนที่จะลงวันนี้เกิดท้องเสียกะทันหัน”


“แล้วตัวสำรองล่ะครับ”ปกติน่าจะมีคนแสดงไม่ต่ำกว่า6คน ถ้าคนหนึ่งป่วยก็น่าจะให้ที่เหลือลงไปแทน


“ก็ทั้งกลุ่มนั่นไปกินส้มตำด้วยกันเลยท้องเสียพร้อมกันน่ะ”


“...”สถานการณ์แบบนี้อยากขำแต่ขำไม่ออกสักนิด


ก่อนวันงานใครให้ไปกินส้มตำเล่า


“ช่วยหน่อยนะสาม...เธอดำได้อยู่แล้วนี่”เขายังคงพูดต่อ


“มันก็ได้อยู่หรอกแต่ผมไม่รู้ต้องทำยังไงให้คนดูนี่”ถ้าแค่ดำเฉยๆก็คงไม่อยากแต่นี่เป็นการแสดงให้พวกเด็กๆดู


“ง่ายๆ...ก็แค่ให้อาหารปลา นานๆทีก็เกาะปลาว่ายเล่นเข้าไปถ่ายรูปกับเด็กบ้างเท่านั้นเอง”คุณไก่อธิบายรวบๆ


“สรุปคือผมต้องทำใช่ไหมครับ”


“ใช่”อีกฝ่ายพยักหน้า


“ก็ได้ครับแต่ผมไม่ลงคนเดียวนะ”


“ถ้าจะหาใครลงเป็นเพื่อนบอกเลยว่าที่นี่ไม่มีหรอกนะ...ฉันเองก็ดำไม่เก่งแถมอายุมากขนาดนี้แล้วด้วย”คุณไก่พูดต่อ


“ไม่ใช่คนที่นี่หรอกครับแต่เขาอยู่ที่นี่ด้วย...ลูก้าไง”ผมหันไปมองลูก้าที่กำลังสนใจกับสระน้ำขนาดใหญ่จนไม่เดินตามผมมา


“เขาเหรอ...ว่ายน้ำเป็นรึเปล่า”หน้าของคุณไก่บ่งบอกถึงความหนักใจที่จะให้ใครก็ไม่รู้ลงไปดำน้ำ


“เขาว่ายน้ำเป็นก่อนพูดด้วยซ้ำครับ”หมายถึงในร่างไดโนเสาร์อ่ะนะ


“เธอพูดเองแบบนี้ก็เบาใจหน่อย...เอาสิ...ไปเปลี่ยนชุดซะ ถังออกซิเจนก็อยู่ตรงนั้น”


“อ้อ...ผมลืมบอกไปว่าพวกเราจะไม่ใช้ถังพวกนั้นครับ ขอแค่ชุดกับหน้ากากก็พอ”ผมรีบหันไปบอกเมื่อเห็นพนักงานทำท่าจะไปเตรียมอุปกรณ์ให้


“การให้อาหารต้องใช้เวลาเป็นสิบนาทีเลยนะ คิดว่าจะกลั้นหายใจได้นานขนาดนั้นรึไง”


“ไม่ต้องห่วงครับ...ผมทำได้”นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะได้ฝึกเผื่อต้องเกิดการต่อสู้ในน้ำ


ผมไม่คิดว่าถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นแล้วจะสามารถหอบถังออกซิเจนไปไหนมาไหนด้วยหรอกนะ


“เธอทำได้แต่อีกคนล่ะ”


“ลูก้า...นายดำน้ำได้นานสุดกี่นาที”ผมตะโกนถามไป


จะว่าไปก็ยังไม่เคยถามเลยนี่นะ


“นาที?...ผมกลั้นได้เป็นชั่วโมงนะ”


“...”คำตอบที่ได้รับทำเอาผมยกยิ้มขึ้นผิดกับคนอื่นที่ทำตาโตกันเป็นแถว


สมแล้วที่มีอีกครึ่งเป็นไดโนเสาร์น้ำ


“เราจะไปดำน้ำกัน”ผมเดินไปบอก


“ที่ไหน?”


“ในนี้ไง”ผมชี้ลงไปยังสระตรงหน้า


“น่าสนุกดี...งั้นไปเลย...”


“เดี๋ยวก่อน...หยุด ห้ามแม้แต่ก้าวขาเชียว”ผมรีบดึงเสื้ออีกฝ่ายไว้เมื่อลูก้าคิดจะกระโดดลงไป


“ทำไมล่ะ”


“เราจะลงไปให้อาหารปลา...นายต้องเตรียมของแล้วก็เปลี่ยนชุดด้วย”ผมอธิบายต่อ


“เปลี่ยนชุดทำไม”


“ชุดนี่เวลาอยู่ในน้ำจะทำให้ตัวหนักและเคลื่อนไหวลำบาก...เราต้องเปลี่ยนเป็นชุดที่ง่ายต่อการเคลื่อนไหว”


“ปกติผมก็ใส่ชุดแบบนี้...”


“กรณีของนายน้ำหนักของเสื้อผ้าคงไม่มีความหมายเท่าไหร่สินะ...แต่ยังไงครั้งนี้ก็ต้องเปลี่ยน”ลองคิดสภาพผมกับลูก้าลงไปด้านล่างโดยที่ผมใส่ชุดดำน้ำแต่ลูก้าเป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวสิ


น่าขำจะตายไป


“...ก็ได้”นิ่งไปสักพักลูก้าก็ยอม


“ดีมาก...ไปเปลี่ยนชุดกัน”


ไม่ถึง5นาทีผมกับลูก้าก็กลับมายังริมขอบสระขนาดใหญ่ในชุดสีดำของนักดำน้ำ กรณีของผมค่อนข้างชินกันการใส่ชุดแนบเนื้อที่ค่อนข้างอึดอัดนี่แต่ลูก้าเหมือนจะไม่ชอบสุดๆ ดูจากใบหน้าตึงๆนั่นก็เดาได้แล้ว


“ถอดได้ไหม”นี่เป็นคำถามครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้


“ไม่ได้”และผมก็ตอบกลับไปเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วเช่นกัน


“อึดอัด”


“เดี๋ยวลงไปก็จะชินเอง”ผมบอกพลางรับหน้ากากมาจากเจ้าหน้าที่ด้านข้าง


“ไม่เอา”ลูก้าหันไปส่ายหัวบอกเจ้าหน้าที่ที่ยื่นหน้ากากสำหรับดำน้ำไปให้


“แต่ว่า...”


“ไม่เป็นไรครับ เขาไม่จำเป็นต้องใช้หรอก”ผมเป็นฝ่ายตอบแทน ถ้ายังบังคับให้ใส่หน้ากากอีกคงอารมณ์บ่อจอยกันพอดี


ความจริงผมเองจะไม่ใส่ก็ได้แต่แรงดันน้ำขนาดนั้นอาจทำให้ตาผมเป็นอันตรายได้ ครั้งก่อนที่กระโดดลงไปหาลูก้าถึงจะมีระดับน้ำลึกแต่ก็ไม่ได้ลึกไปลึกขนาดทำให้ดวงตาเป็นอันตราย อีกอย่างครั้งก่อนผมใส่คอนแทคเลนส์ที่สร้างขึ้นมาช่วยป้องกันสายตาได้แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้เอาคอนแทคเลนส์มาด้วย


ต่อจากนี้ผมคงต้องพกคอนแทคเลนส์ติดตัวไปตลอด


“เป็นอะไรสาม”ลูก้าเดินมาสะกินเมื่อเห็นผมนิ่งไป


“เปล่า...ลงไปกันเถอะ”


“อืม...”


“เดี๋ยว...ฉันอยากให้พวกเธอระวังสเตน็อปเทอรีเจียสไว้หน่อย”หัวหน้าอย่างคุณไก่รั้งพวกเราไว้ก่อนจะเอ่ยเตือน


“สะเต...อะไร?”ลูก้าถึงกับงงเมื่อได้ยินชื่อยาวๆจากปากของคุณไก่


“สเตน็อปเทอรีเจียส...เป็นสัตว์เลื้อยคลานทะเลคล้ายโลมาที่มีความยาวได้ถึง4เมตร พวกมันมีส่วนปากเรียวยาวค่อนข้างแหลมกับฟันซี่เล็กๆภายในสำหรับกินสัตว์ทะเลอย่างปลาหรือปลาหมึก...ตัวนี้ไงที่ผมบอกว่ามีไดโนเสาร์อยู่น่ะ ถึงมันจะไม่ใช่ไดโนเสาร์ก็เถอะนะสเตน็อปเทอรีเจียสเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ยุคเดียวกับไดโนเสาร์”ผมหันไปอธิบายให้ลูก้าฟัง


“อันตรายไหม”ลูก้าถามอีก


“อืม...คิดว่าอันตรายอยู่แต่ไม่มาก...ถ้าเข้าหาอย่างถูกวิธีก็ไม่เป็นอันตรายหรอก”สเตน็อปเทอรีเจียสของพิพิธภัณฑ์มีขนาดอยู่ที่2เมตรกว่า ใหญ่กว่าผมเท่าตัวได้ สัตว์ต่อให้ตัวใหญ่แค่ไหนถ้าเข้าหาอย่างถูกวิธีก็จะไม่เป็นอันตราย


“อืม”


“นี่ลูก้า...ห้ามกลับร่างไดโนเสาร์เชียวนะ”ผมดึงอีกฝ่ายมากระซิบเสียงเบา


“ทำไมล่ะ”


“ผมไม่อยากให้เด็กๆแตกตื่นกัน”ขืนเห็นคนกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ใบบ่อโชว์ให้อาหารคงกลายเป็นเรื่องดังข้ามคืนเป็นแน่


“ก็ได้”น้ำเสียงอ่อยๆนั่นแปลว่าคิดจะกลับร่างงั้นสิ


“ไปกันเถอะ”ปล่อยให้รอนานกว่านี้คงไม่ดี


พอลงไปในสระแล้วลูก้าก็ดำลงไปพร้อมกับถังใส่อาหารที่เจ้าหน้าที่พึ่งส่งให้ทันที ผมเองก็ตั้งสมาธิก่อนจะสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดจึงจะมุดลงไปใต้น้ำบ้าง


ความเย็นของน้ำแทรกเข้าในชุดดำน้ำจนต้องเม้มปากแน่น นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้


ด้วยความที่จำลองเป็นทะเลในระดับน้ำค่อนข้างลึกเลยจำเป็นต้องมีการควบคุมทั้งแรงดันและอุณหภูมิให้เหมาะสมอยู่เสมอ

 บรรยายด้านใต้เหมือนลงมาอยู่ใต้ทะเลจริงๆถ้าไม่ติดว่าด้านนอกกระจกนั่นเต็มไปด้วยเด็กๆที่วิ่งว่าเกาะกระจกกันด้วยความสนใจ
ลูก้าในชุดดำน้ำแหวกว่ายไปมาโดยมีฝูงปลากะมงยักษ์ว่ายตามอยู่ทั้งฝูง ปลากะมงยักษ์นี่เป็นปลาที่มีลำตัวสีเงินแวววาวและมีความยาวสูงสุดอยู่เกือบ2เมตร อย่างตัวที่ว่ายมาขนาบข้างลูก้าก็เป็นตัวที่ยาวสุดของที่นี่


ปลากะมงยักษ์ตัวนั้นดูจะสนใจลูก้าเพราะว่ายมาคลอเคลียตลอด แน่นอนว่าไม่ได้ต้องการอาหารเพราะถังใส่อาหารถูกวางตกไว้บริเวณก้นบ่อแล้ว


ว่ายน้ำเล่นสบายเลยนะ


ลืมไปรึเปล่าว่าเราต้องมาโชว์ให้อาหารน่ะ


ผมได้แต่บ่นในใจระหว่างที่พาตัวเองลงไปยังพื้นด้านล่าง เหล่าปลากะมงและกระเบนนับสิบพุ่งเข้ามาขออาหารกันพร้อมหน้า เรียกว่าผมนี่แทบขยับตัวไม่ได้เลย ไม่ใช่แค่ปลากระเบนแต่ปลาฉลามเสือดาวก็ว่ายมาฉกแย่งอาหารจากมือผมไปเช่นกัน


เมื่อถูกสัตว์น้ำหลายตัวเบียดผมก็ตัดสินใจทิ้งที่ใส่อาหารแล้วว่ายหนีออกมาก่อน การที่พวกมันมารุมแบบนี้แปลว่าการถูกมนุษย์ให้อาหารทุกวันทำให้เกิดความคุ้นเคย


กรรร


ระหว่างที่ว่ายออกมาเสียงเหมือนคำรามก็ดังขึ้นพร้อมกับกระแสน้ำที่เปลี่ยนไป พอหันไปมองก็พบกับสเตน็อปเทอรีเจียสสามตัวว่ายตรงมา แน่นอนว่าไม่ได้ว่ายมาหาผมแต่เป็นลูก้าที่ว่ายเล่นอยู่กับฝูงปลากะมงยักษ์


ลูก้าเหมือนจะรู้สึกได้เลยหยุดว่ายและหันไปเผชิญหน้ากับสเตน็อปเทอรีเจียสตรงๆ สเตน็อปเทอรีเจียสตัวที่ใหญ่สุดว่ายมาตรงหน้าลูก้า...ดวงตาขนาดใหญ่ที่ช่วยให้มองเห็นในทะเลชัดขึ้นนั่นกำลังจ้องไปยังดวงตาสีเงินอย่างหาเรื่อง


ลูก้ากำลังโดนหาเรื่อง


ถึงผมไม่รู้ภาษาของพวกมันแต่ถ้าเป็นพฤติกรรมผมรู้ดี อย่างท่าทางที่เผชิญหน้ากันตรงนี้เป็นการหยั่งเชิงว่าอีกฝ่ายจะทำยังไง เป็นไปได้ว่าเพราะพวกมันสัมผัสได้ว่าลูก้าเป็นอะไรจึงมีส่วนหนึ่งที่ยอมจำนนโดยดีอย่างฝูงปลากะมงกับพวกปลากระเบน ส่วนสเตน็อปเทอรีเจียสที่ไม่ยอมจำนนอาจมีสาเหตุมาจากพวกมันเป็นเจ้าถิ่นของที่นี่


การที่มีใครมาทำตัวเหนือกว่าถือเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้


ลูก้า


ผมว่ายเข้าไปใกล้ลูก้าพร้อมสะกิดเบาๆ พอดวงตาสีเงินหันมาสบผมก็พยายามอย่างมาที่จะสื่ออกไปว่าห้ามมีเรื่อง การต่อสู้ในร่างนี้เสียเปรียบมาก ยิ่งอีกฝ่ายมีสามตัวยิ่งแล้วใหญ่


ไม่รู้ว่าลูก้าจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการสื่อไหม เขาทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปสบกับดวงตากลมโตสีดำของสเตน็อปเทอรีเจียสอีกครั้งหนึ่ง


ครั้งนี้ลูก้าและสเตน็อปเทอรีเจียสจ้องกันนิ่งๆอยู่สักพักก่อนที่สเตน็อปเทอรีเจียสจะเป็นฝ่ายหมุนตัวกลับ ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมอยากถอนหายใจออกมาถ้าไม่ติดว่าอยู่ใต้น้ำ


ท่าทางแบบนั้นแปลว่าพวกสเตน็อปเทอรีเจียสยอมลูก้าแล้ว


ลูก้าหันมาสบตากับผมพร้อมรอยยิ้มบางๆก่อนจะมองลงไปด้านล่างที่มีที่ใส่อาหารวางอยู่ แม้ไม่ได้ยินเสียงผมก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้ลงไปให้อาหารปลาต่อ


นี่เองเหรอที่เรียกว่าการสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูด


ไม่ใช่แค่ผมที่เข้าใจดูเหมือนลูก้าเองก็เข้าใจสิ่งที่ผมอยากพูดด้วย


การโชว์ให้อาหารปลาจบลงท่ามกลางความชื่นชมของหัวหน้าอย่างคุณไก่และเหล่าเด็กๆที่วิ่งมาถ่ายรูปฝ่ายตู้กระจกจนผมแทบจะกลั้นหายใจไม่ไหว


ลูก้าเองก็ดูจะสนุกมากที่ได้ว่ายเล่นกับปลานานาพันธ์ ช่วงก่อนขึ้นก็มีพวกสเตน็อปเทอรีเจียสว่ายมาเล่นด้วย


ภาพของลูก้าแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางฝูงปลาในร่างมนุษย์ไม่ได้ดูขัดเลยสักนิด รอยยิ้มมุมปากที่ปรากฏขึ้นแทบจะตลอดเวลานั่นทำให้ผมยิ้มตาม


รู้สึกว่าพิพิธภัณฑ์นี่จะกลายเป็นสระว่ายน้ำของลูก้าไปแล้วล่ะ
................................................................................

สวัสดีค่ะ

มาอัพตอนต่อไปแล้วนะคะ

สำหรับตอนนี้เราแต่งขึ้นด้วยความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ตอนที่ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้วเห็นคนมาโชว์ให้อาหารปลาเรารู้สึกว่าถ้าตัวเองได้ลงไปอยู่ตรงนั้นบ้างจะเป็นยังไงนะ คงจะรู้สึกดีมากๆเลย เราชอบพวกสัตว์และธรรมชาติมากเลยเอาสิ่งที่อยากทำมาแต่งจนได้ตอนนี้ 555

พูดตรงๆ ว่ารู้สึกตลกเวลาสามและลูก้าเถียงกันไปมา

ให้ความรู้สึกไร้สาระแต่อบอวนไปด้วยความละมุนแปลกๆ ซึ่งเราชอบมาก

ใครที่รอฉากบู๊อดใจไม่นานได้อ่านแน่นอนค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจกันมาเสมอนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้า

บ๊ายบาย


---มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์---

วันนี้ขอนำเสนอสเตน็อปเทอรีเจียส


(http://cdn-th.tunwalai.net/files/member/37055/2041756841-member.jpg)


สเตน็อปเทอรีเจียส อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแถบยุโรปซึ่งเป็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายโลมา ขนาดตัวจะอยู่ประมาณ 2-4 เมตร คาดว่ามันกินปลาหมึกเป็นอาหารและมีดวงตาขนาดใหญ่ไว้สำหรับการมองเห็นใต้น้ำ

เครดิต : Dinosaur Planet


nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 23-02-2018 21:57:24
 :ruready มาแล้ว... รออยู่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 23-02-2018 22:14:31
 :กอด1: โลกนี้มีเพียงสองเรา รอบข้างจะมีใครก็ไม่สน เวลาอยู่ด้วยกันเป็นแบบนี้ตลอดๆ น่ารัก
 :3123:  :pig4:  :L2: :katai1:3
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-02-2018 22:58:15
เถียงกันเป็นเด็กๆเลยยย
ชอบเวลาเค้าอยู่ด้วยกันจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 23-02-2018 23:06:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-02-2018 00:18:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-02-2018 03:37:00
น่ารักที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-02-2018 05:34:18
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 24-02-2018 06:22:54
อบอุ่น.... อ่ะ อยากให้ถึงเดือนหน้าไวไว... สามจะรอดมั้ย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-02-2018 10:48:09
เล่นน้ำสนุกเลยสินะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 24-02-2018 11:08:11
พึ่งเห็นภาค3กรีดร้องดังๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-02-2018 15:05:40
5555 ลูก้า ทำไมร้ายล่ะ ย้อนสามแต่ละคำ

สามยอมใจน้องเหอะ ยังไงก็แพ้ทาง
ลูก้ามีความเป็นผู้นำสูง และก็นิ่งมาก

กะจะไปสวีทกัน ก็มีงานเข้าซะงั้น
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 24-02-2018 16:37:01
ลูก้าน่ารักสุดๆๆเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-02-2018 20:47:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 24-02-2018 21:53:57
ลูก้านี่ยังสูงได้อีกไหมน้อ คู่นี้ตัวเล็กกะตัวโตมากกกกก สามน้อยน่ารักมากโตไม่ทันลูก้าแล้ว 555 :L1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 25-02-2018 07:10:39
เรารอฉากบู๊ค่ะ บู๊บนเตียงอ่ะนะ 5555555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 28-02-2018 20:51:47
สนุกเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่ติดตาม สามน่ารักมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่8◈♦> 23/2/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 03-03-2018 18:49:16
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/3/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 04-03-2018 15:22:16
◈ธาราที่9◈



“เสร็จสักที!”เสียงตะโกนของพี่พลดังขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งพักบนเก้าอี้ด้านข้างแรงๆ


ตอนนี้ภายในห้องทดลองกำลังเพาะพันธ์ยีนของเต่าแม่น้ำแมรี่อยู่ อาจดูแปลกที่ศูนย์วิจัยสัตว์ทะเลมานั่งเพาะพันธุ์เต่าน้ำจืด...เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเนื่องจากเต่าแม่น้ำแม่รี่กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เนื่องจากถูกมนุษย์นำมาเลี้ยงกันเป็นจำนวนมาก


เต่าแม่น้ำแมรี่เป็นเต่าที่มีเอกลักษณ์พิเศษคือมีสาหร่ายขึ้นตามหัวคล้ายกับทรงผมแนวๆสักทรง อีกทั้งยังมีรูปร่างน่ารักเหมาะแก่การนำไปเลี้ยงเป็นที่สุด


การทดลองนี่เป็นการเพาะพันธ์รอบที่สอง รอบแรกได้เสร็จไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว


อย่างที่บอกว่าที่นี่เป็นศูนย์วิจัยสัตว์ทะเลเลยไม่สถานที่ที่เหมาะแก่เพาะพันธ์สัตว์น้ำจืดนั้น ถ้าเป็นแค่ช่วงแรกๆที่ตัวเล็กก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าเลยสามเดือนขึ้นไปพื้นที่จะไม่เพียงพอ ดังนั้นเลยมีการติดต่อไปยังศูนย์สัตว์น้ำจืดให้รับเต่าแม่น้ำแม่รี่ไปเลี้ยงดูต่อ


ส่วนสาเหตุที่ไม่ให้ทางศูนย์วิจัยสัตว์น้ำจืดเป็นคนเพาะพันธ์ก็ด้วยเหตุผลง่ายๆคือเทคโนโลยีและความรู้ที่มีมันต่างกัน ที่นี่มีประธานทั้งสามคนคอยให้งบและสั่งงานมาตลอดทำให้พวกเรามีเทคโนโลยีอันล้ำสมัยรวมทั้งยังได้พัฒนาความรู้จากการทำทดลองสม่ำเสมอด้วย


“ยังไม่เสร็จสักหน่อย...เราต้องเอาไข่พวกนี้ไปไว้ในรังอีก”ผมหันไปบอกพี่พล


“ให้วุธไปทำละกัน”


“อย่ามาโยนให้ผมสิ...ผมเป็นคนทำความสะอาดไข่พวกนี้แล้วนะ”วุธที่กำลังทำความสะอาดไข่ทีละฟองหันมาบ่น


“ไหนๆก็ทำความสะอาดแล้วเอาไปวางด้วยคงไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอกมั้ง”พี่พลยังคงแหย่วุธต่อ


“หัวหน้าครับพี่พลใช้งานผม”สุดท้ายเมื่อเถียงไม่ได้ก็หันมาขอความช่วยเหลือจากผม


อ่า...เขาว่าคนที่จบด็อกเตอร์มักไม่เต็ม


ผมว่ามันจริงนะ


ขนาดตัวผมเองยังไม่ค่อยจะเต็มเลย


“เอาน่า...เดี๋ยวผมเอาไข่ไปใส่รังให้เอง”ผมบอกกับทั้งคู่เบาๆก่อนจะชะโงกไปดูรายงานสรุปผลบนโต๊ะที่กำลังถูกเขียนโดยรองหัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำอย่างยุ


“...การนำตัวอ่อนไปใส่ไว้ในไข่ซึ่งทำเลียนแบบไข่เต่าจริงๆนั้นส่งผลให้การคงอุณหภูมิคงที่ เต่าแม่น้ำแมรี่จึงฟักออกมาได้อย่างแข็งแรงและ...ปลอด...ภัย...”


ตุบ


ทันทีที่ตัวอักษรสุดท้ายเขียนเสร็จยุก็ฟุบหัวลงกับโต๊ะทันที เสียงกรนเบาๆนั้นเรียกรอยยิ้มจากพวกเราทุกคนได้ ผมเองก็เดินเข้าไปตบไหล่ยุเบาๆเป็นการขอบคุณ


การเขียนสรุปส่วนมากจะให้ผมไม่ก็ยุเป็นคนทำ ครั้งนี้ผมก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวทำให้แต่ยุบอกว่าลายมือผมแย่กว่าไก่เขี่ยเลยจัดการทำให้แทน


ผมว่าตัวเองก็ไม่ได้เขียนแย่ขนาดนั้นนะ


เขาเรียกว่าลายมือของด็อกเตอร์


“พี่พลอีกสักพักปลุกยุแล้วพากลับไปนอนห้องด้วยนะ”ผมสั่งพี่พล


“ครับด็อกเตอร์”


“ส่วนวุธเอารายงานนี่ไปส่งที”รายงานหนาประมาณ500หน้ากระดาษถูกส่งไปให้วุธที่ยืนอยู่


“ได้ครับ”


“งั้นเลิกได้...ขอบคุณที่เหนื่อย”ผมปบมือหนึ่งครั้งให้ทุกคนมีสติกลับมา ผมรู้ว่าทุกคนต่างเหนื่อยจากการทดลองหลายวันติดหลังจกนี้เลยให้พักได้ตามสบายจนกว่าจะมีงานใหม่มา


“หัวหน้าคะ”


“มีอะไรฟ้า”ฟ้าหนึ่งในผู้ช่วยของผมโผล่หน้าออกมาจาทางประตูด้วยขอบตาหมีแพนด้า


“ลูก้ามาถึงแล้วค่ะ”


“งั้นเหรอ ขอบคุณที่มาบอก...แยกย้ายๆ”ผมบอกพร้อมตะโกนเสียงดังอีกรอบ


ขืนปล่อยไว้ได้สลบกันที่นี่แน่


อย่างน้อยท่าจะนอนก็ไปนอนให้ห้องนอนดีกว่านะ


ออกไปยังห้องด้านหน้าก็เจอกับลูก้ายืนกอดอกรออยู่ด้วยใบหน้าไม่พอใจนัก สาเหตุของเรื่องนั้นคงมาจากกระดาษในมือของลูก้านั่นแหละ


“สาม”


“ทำเสียงแบบนั้นโกรธอะไรล่ะ”


“สามไม่ยอมรอผม”อีกฝ่ายพูดเสียงแข็ง ไม่รอที่ว่าคงหมายถึงเมื่อเช้าที่ผมแอบออกมาก่อนระหว่างที่ลูก้ากำลังแช่น้ำแน่ๆ


“โทษที แต่ผมเขียนโน้ตแปะไว้แล้วนี่ว่าให้มาที่ห้องวิจัยน่ะ”ผมบอกออกไปตามตรง โน้ตนั่นผมแปะไว้หน้าประตูห้องน้ำเพื่อจะได้มองเห็นง่ายๆ


“โน้ตลายมือไก่เขี่ยเนี่ยนะ”พูดจบลูก้าก็ชูกระโน้ตที่ว่าขึ้นมาให้ผมดู


“ใช่...ลายมือผมเอง”เขียนสวยใช่ไหมล่ะ


นั่นคัดลายมือเลยนะ


“ผมเสียเวลาแกะข้อความอยู่ค่อนชั่วโมงกว่าจะรู้ว่าเขียนอะไรไว้”


“เว่อแล้ว ลายมือผมไม่ได้แย่ขนาดนั้น”


“แย่กว่านั้นต่างหาก...ให้ผมดมกลิ่นตามหาสามยังไงง่ายกว่าแกะลายมือนี่เลย”ลูก้าบ่น


“มันเรียกว่าลายมือด็อกเตอร์”ผมพยายามเข้าข้างตัวเองจนถึงที่สุด


“...”ความเงียบกับสายตาเอือมที่ส่งมานั่นทำให้ผมถอนหายใจยาวออกมา


“ขอโทษที่ลายมืออ่านยากนะลูก้า”


“ตะโกนบอกผมแต่แรกก็จบแล้ว”


“ใครจะคิดว่าจะอ่านไม่ออกล่ะ”


“จะโทษว่าผมผิดที่อ่านลายมือไก่เขี่ยไม่ออกสินะ”


“ลูก้า”มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นเหอะ


“เอ่อ...ขอโทษที่ขัดจังหวะนะหัวหน้า ผมวางไข่ไว้ตรงนี้นะครับ”วุธส่งเสียงเรียกเล็กน้อยพร้อมกับวางกล่องขนาดใหญ่2ใบที่ภายในมีไข่ของเต่าแม่น้ำแมรี่ใส่ไว้อยู่


“ไข่อะไร”ลูก้าเดินเข้าไปมองไข่นั่นอย่างสนใจ


“เฮ้อ...นั่นไข่ของเต่าแม่น้ำแมรี่”ดีที่วุธเข้ามาขัดไม่งั้นคงได้เถียงด้วยเรื่องไร้สาระไปอีกนานแน่


“จะเอาไปไหนน่ะ”ลูก้าถามต่อ


“เอาไปฟักในรั่งน่ะ...ลูก้ามาถึงก็ดีช่วยยกคนละกล่องเลย”สองกล่องผมคนเดียวคงไม่ไหว


“ผมยกสองกล่องก็ได้นะ”


“รู้ว่ามีแรงแต่ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ช่วยๆกันดีกว่า”


“สามยกขึ้นด้วยเหรอ”


ฉึก


คำพูดนั่นเหมือนเป็นลูกศรที่พุ่งเข้ามาเสียบร่างกายจนพรุนไปหมด พูดแบบนี้จะบอกว่าผมตัวเล็กเลยไม่มีแรงยกสินะ


จะดูถูกกันมากเกินไปแล้ว


“แค่นี้สบายมาก”ผมกลั้นใจยกกล่องนั่นขึ้นเดินไปตามทางโดยมีลูก้ายกอีกกล่องตามหลังมา


“แน่ใจนะว่าไหว”


“ไหวน่า”


“หน้าแดงแล้วนะ”


“เพราะอากาศร้อนหรอก”


“ไม่ไหวก็บอกนะ”


“อืม...นี่ลูก้า พวกเรานี่เถียงกันบ่อยเนอะ”ผมพูดลอยๆระหว่างเดินเข้าไปยังสถานที่เพาะพันธ์เต่าแม่น้ำแมรี่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะเมื่อหลายเดือนก่อน


“ทุกวันเลยมั้ง”ลูก้าตอบกลับมา


“เถียงกันขนาดนี้เคยคิดไม่อยากยุ่งกับผมแล้วไหม”การที่เถียงกันทุกวันไม่ว่าใครก็คงคิดแบบนั้นบ้างแหละ


“ไม่นี่...การเถียงกับสามก็สนุกดี สามคิดแบบนั้นเหรอที่ว่าไม่อยากยุ่งกับผมแล้วน่ะ”


“ผมก็ไม่คิดเหมือนกัน”ผมหันไปตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ น่าแปลกที่ถึงจะเถียงหรือทะเลาะกันแค่ไหนก็ไม่รู้สึกเกลียดกันจริงๆสักครั้ง


“แล้วจะถามทำไม”


“แค่อยากรู้ว่าลูก้าคิดยังไง...”เสียงของผมขาดหายไปเมื่อเห็นกลุ่มชายประมาณ6-10คนเดินผ่านไปโดยมีกล่องใส่เต่าแม่น้ำแมรี่อยู่ข้างใน


คนของศูนย์วิจัยสัตว์น้ำจืดสินะ


แต่มีอะไรแปลกๆ


อะไรล่ะ


“สาม”ลูก้าเรียกเสียงเบาพลางมองไปไล่หลังกลุ่มคนเหล่านั้นไป


“รู้สึกอะไรไหมลูก้า”หรือว่ามีแค่ผมที่รู้สึกไปเองคนเดียว


“พวกนั้นเป็นใคร”


“เอาเต่าแม่น้ำแมรี่ไปด้วยแบบนั้นอาจเป็นคนของศูนย์วิจัยสัตว์น้ำจืด”


“น้ำจืดหมายถึงน้ำเปล่า?”


“ประมาณนั้น พวกแม่น้ำหรือน้ำตกน่ะ”


“ที่นั่นไม่ได้แค่สัตว์น้ำสินะ”


“ศูนย์วิจัยสัตว์น้ำจืดก็เป็นเหมือนที่นี่เพียงแต่ส่วนมากจะเป็นสัตว์น้ำจืด อาจมีพวกสัตว์ทะเลบ้างแต่ก็ไม่เยอะ”


“แล้วถ้าไม่ใช่สัตว์ทะเลล่ะ”


“หมายความว่าไง”คำถามของลูก้าทำให้ผมขมวดคิ้วแน่น


“คนพวกนั้นมีกลิ่นของสัตว์บก...ไม่ใช่แค่ชนิดเดียวด้วย”ระหว่างตอบลูก้าก็หรี่ตาลงราวกับกำลังสังเกตกลุ่มคนเหล่านั้น


“สัตว์บกเหรอ... ที่นั่นอาจจะมีสัตว์บกอยู่ด้วยก็ได้”ผมพยายามแก้ต่างทั้งที่ใจกลับรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิม


“สามเองก็รู้สึกแปลกๆสินะ”


“อืม...แต่แค่รู้สึกก็ไม่ควรไปทำให้เรื่องราวใหญ่โต”


“ทำไมเรื่องจะใหญ่โตล่ะ”


“ถ้าที่ลูก้าพูดมาจริงสิ่งที่คิดได้ก็คงมีไม่กี่อย่าง แน่นอนว่าถ้าคิดผิดพวกเราเองที่จะแย่”


“งั้นจะทำยังไง”


“เอาไข่พวกนี้ไปไว้รังก่อนแล้วผมจะติดต่อกับศูนย์วิจัยสัตว์น้ำจืดเอง”ขืนปล่อยไว้คงคาใจจนไม่เป็นอันทำอะไรพอดี


“อืม”ลูก้าพยักหน้าเบาๆก่อนที่พวกเราจะตรงไปยังบ่อที่จำลองสถานที่ออกไข่ของเต่าแม่น้ำแมรี่ไว้


บ่อที่มีเต่าอายุประมาณ2เดือนเศษอยู่ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว ไข่หลักร้อยฟองถูกวางลงใต้ดินออกชื้นเล็กน้อยก่อนจะอาดินกลบไว้ เครื่องวัดอุณหภูมิถูกใช้วัดดูว่าอุณหภูมิภายในรังเป็นยังไง


“อุณหภูมิโอเคแล้ว”ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากพื้นที่แฉะนี่ไปหาลูก้าที่ยืนรออยู่ข้างนอก


“สาม”


“อืม...กำลังจะโทรไป”พยักหน้าเสร็จผมก็ต่อไปยังศูนย์วิจัยสัตว์น้ำจืด ทันทีที่ปลายสายรับผมก็รีบสอบถามข้อมูลกับทางนั้น


(ทางเราส่งคนไปประมาณ10คนนะคะ คิดว่าการขนย้ายเต่าจำนวนมากคงต้องใช้คนเยอะหน่อย)ปลายสายตอบกลับมา


“ส่งคนมาวันนี้ใช่ไหมครับ”ผมถามต่อ


(ใช่ค่ะ...น่าจะไปถึงแล้วนะคะ)


“เข้าใจแล้วครับ...ขอบคุณมาก”


“เป็นยังไงสาม”


“คนพวกนั้นเหมือนจะเป็นคนของศูนย์วิจัยจริงๆ”


“งั้นเหรอ...ก็ดี...สาม”อยู่ๆลูก้าก็หันควับไปยังทางเดินด้วยท่าทางระแวดระวัง


“มีอะไร”


“มีกลุ่มคนกำลังเดินมา”


“กลุ่มคน?...ใคร”จะมีใครมานี่อีกกัน


“ผมก็ไม่รู้”


ไม่นานกลุ่มคนเหล่านั้นก็ปรากฏตัวขึ้น เสื้อผ้าสีเทากับตราสัญลักษณ์บนเสื้อนั้นทำเอาดวงตาสีน้ำตาลของผมเบิกกว้างขึ้น


“บ้าน่า...สัญลักษณ์นั่นมัน...”


“สาม...คนพวกนั้นมีกลิ่นของสัตว์น้ำจืด”


“ผมรู้แล้ว...นี่มันบ้าชัดๆ”จะไม่ให้มีกลิ่นได้ยังไงในเมื่อคนพวกนี้เป็นคนของศูนย์วิจัยสัตว์น้ำจืดตัวจริง


ก็ว่าอยู่ว่าอะไรที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ


ถึงเสื้อของกลุ่มก่อนหน้านี้จะเป็นสีเดียวกันแต่ไม่มีสัญลักษณ์บนเสื้อ มีแค่สกีนด้านหลังเท่านั้น


“ขอโทษนะครับ...พวกเรามาจากศูนย์วิจัยสัตว์น้ำจืดเพื่อรับเต่าแม่น้ำแม่รี่ตามที่แจ้งไว้”หนึ่งในกลุ่มเดินมาบอกผมอย่างมีมารยาท


“คงต้องให้พวกคุณกลับไปก่อนแล้วล่ะครับ”


“ทำไมครับ”


“พอดีเต่าแม่น้ำแมรี่ถูกขโมยไปน่ะ”


“ว่าไงนะ”ทั้งกลุ่มพากันตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด


“พวกเราขอตัว...ลูก้า”


“อืม”


ผมกับลูก้าพากันวิ่งออกมาโดยมือข้างหนึ่งก็ยกโทรศัพท์ต่อสายไปหาหัวหน้าฝ่ายภาคสนามซึ่งเป็นเหมือนพื่อนสนิทของผมเอง


“ปาย...เกิดเรื่องแล้ว”


(อะไรกัน...นานๆจะโทรมามีแต่เรื่องรึไง)ปลายสายตอบกลับ


“นี่เรื่องด่วน...มีคนเข้ามาขโมยเต่าแม่น้ำแมรี่ไป และคาดว่าคนพวกนั้นจะเป็นพวกลักลอบค้าสัตว์”


(ห๊ะ?...เกิดอะไรขึ้น เล่ามาดีๆหน่อย)


“ไม่มีเวลาเล่าแล้ว ไปเช็คกล้องวงจรตรงลานจอดรถเมื่อ15นาทีก่อนที คนร้ายเป็นกลุ่มคนประมาณ10คนใส่เสื้อสีเทา น่าจะขับรถตู้เข้ามา ถ้าได้ข้อมูลแล้วติดต่อกลับมาด้วย”


(เข้าใจแล้ว)


“สามเราจะเอายังไง”ลูก้าถามเมื่อเราวิ่งมาถึงลานจอดรถที่คาดว่าพวกนั้นจะเอารถมาจอดไว้ที่นี่


“นั่นสิ เราไม่รู้ว่าพวกนั้นกำลังจะไปที่ไหน ขืนตามไปมั่วก็ไม่ได้อะไร”


คิดสิคิด


นี่ถือเป็นความผิดของผมที่ไม่เชื่อในความรู้สึกของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น


ถ้าตอนนั้นผมเลือกที่จะเดินเข้าไปถามเรื่องคงไม่จบแบบนี้


“งั้นถ้ารู้ว่าไปทางไหนก็จะตามไปได้สินะ”ลูก้าพูดขึ้นพร้อมกับเดินลงไปยังลาดจอดรถ


“ที่พูดหมายความว่าไงลูก้า”


“รถของพวกนั้นจอดอยู่นี่ มีกลิ่นสัตว์ลอยคลุ้งอยู่ กลิ่นขนาดนี้ผมตามไปได้”ลูก้าหันมาบอกด้วยแววตาจริงจัง


“ถ้าลูก้าตามได้ เราก็ไปกัน...รถใหญ่กว่าจะตามทันคงใช้เวลา งั้นเอามอเตอร์ไซค์ละกัน”


“มอเตอร์ไซค์?”


“ไม่เคยขึ้นมอเตอร์ไซค์เหรอลูก้า”


“ไม่เคย”


“เดี๋ยวจะให้ลองประสบการณ์ใหม่”ถ้าไม่เคยนั่งแปลว่าคงขับไม่เป็น ผมคงต้องเป็นคนขับแล้วให้ลูก้าซ้อนสินะ


มอเตอร์ไซค์ที่ผมไปขอยืมจากพี่พลไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ขี่ไปตลาดแต่เป็นช็อปเปอร์สีดำล้วน ดูจากความใหม่นี่คงถอยมาได้ไม่นาน


“สามจะขับนี่”แววตาของลูก้าบ่งบอกถึงความสิ้นหวังเมื่อมองรถช็อปเปอร์สลับกับผมไปมา


“ผมขับได้น่า”


“สามเหยียบถึงเหรอ...โอ้ย...”ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดจบผมก็จัดการหยิกแก้มนั่นแรงๆเป็นรางวัลที่กวนผมได้ขนาดนี้


“ผมขับได้น่า...ซ้อนท้ายเลย”ขึ้นไปนั่งเสร็จก็บอกลูก้าให้ขึ้นมาบ้าง


“ให้ผมขับไหม”


“พูดเหมือนขับเป็นงั้นแหละ”


“ก็ไม่เป็นหรอก”


“เห็นไหมล่ะ...ขึ้นมาเร็วๆเดี๋ยวตามกลิ่นไม่ได้พอดี”ผมเร่งอีกรอบ


“ตามได้สิ”ลูก้าตอบระหว่างขึ้นซ้อนผม


“มั่นใจจังนะทั้งที่ข้างนอกมีกลิ่นอื่นปะปนตั้งเยอะ”ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์แต่ก็ไม่น่าจะตามกลิ่นได้ง่ายขนาดนี้


“ถ้ากลิ่นปกติคงตามไม่ได้หรอก”


“แล้วกลิ่นที่เราจะตามนี่ไม่ใช่กลิ่นปกติเหรอ”


“อืม...เราจะตามกลิ่นเลือด”


“เลือด?”


“ใช่...ออกจากประตูแล้วเลี้ยวซ้ายเลย”


“เข้าใจแล้ว นำทางเลยลูก้า”พูดจบผมก็บิดช็อปเปอร์คันสีดำออกจาศูนย์วิจัยสัตว์ทะเล


ลูก้าบอกจะตามจากกลิ่นเลือด...ถ้าเป็นกลิ่นเลือดผมค่อยหาเหตุผลได้หน่อยว่าทำไมถึงตามได้ สัตว์น้ำนักล่าอย่างฉลามหรือไดโนเสาร์มักจะมีจมูกที่สัมผัสกลิ่นเลือดได้ไกลเป็นร้อยกิโลเมตร


เพียงเลือดหยดเดียวก็สามารถจะกระจายไปทั่วทะเลได้ประสาอะไรกับเลือดที่ผ่านการเจือจางด้วยกลิ่นของสภาพแวดล้อมของมนุษย์แบบนี้ล่ะ


ในทะเลมีกลิ่นของปลากับสัตว์อยู่มากเช่นเดียวกับบนบกที่มีกลิ่นของมนุษย์กับข้าวของปะปนกันไป


ถ้าในทะเลตามได้ที่นี่ก็ต้องตามได้เหมือนกัน


“ไปทางไหนต่อ”ผมตะโกนถามเมื่อใกล้ถึงสี่แยกไฟแดง


“ซ้าย...ไปทางซ้าย”


ผมไม่ลังเลที่จะเลี้ยวตามคำพูดของลูก้าไปเรื่อยๆจนรถช็อปเปอร์ขับออกมายังถนนเลี่ยงเมือง ถนนเส้นนี้ถูทำให้สามารข้ามไปมาระหว่างจังหวัดที่อยู่ติดกันได้โดยไม่ต้องเสียเวลาติดไฟแดงเหมือนในตัวเมือง


ถือว่าพวกนั้นทำงานมาดีสำหรับการหลบหนีแต่ก็แย่หน่อยที่มาเจอกับลูก้า ประสาทสัมผัสชั้นยอดนั่นยิ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งแบบนี้คงหาง่ายเลยล่ะ



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/3/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 04-03-2018 15:23:09
(ต่อนะคะ)


“สามเลี้ยวขวาแยกหน้าก็ถึงแล้ว”ลูก้าขยับหน้ามากระซิบข้างใบหู


“...เข้าใจแล้ว”ผมพยักหน้ารับคำพร้อมเลี้ยวรถไปตามทาง


“เลยแล้วนะ”ระหว่างที่ผ่านบ้านเดี่ยวสองชั้นไปลูก้าก็คว้าเอวผมมากอดไว้แน่นจนเกือบเหยียบเบรกไปแล้ว


“เราจอดตรงนั้นเลยไม่ได้มันจะดูน่าสงสัย”ผมหันไปกระซิบบอกก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจออดในดงต้นไม้ข้างทาง


“ไปกันเถอะ”ลูก้าเตรียมจะเดินเข้าไปยังบ้านหลังนั้นทันทีถ้าผมไม่ได้คว้าแขนอีกฝ่ายไว้


“เดี๋ยวก่อน...ต้องโทรบอกปายก่อน”ผมบอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย


“ปายคือใคร?”ลูก้าขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน


“กิ๊กผมมั้ง”ถึงจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ผมก็ยังมีอารมณ์แหย่อีกฝ่ายเล่น


“กิ๊ก?...ไม่ได้นะสาม...”


(อยู่ไหนสาม)ปลายสายถามขึ้นทันทีที่รับสาย


“บ้านเดี่ยวสองชั้นที่สร้างจากไม้ในซอยของถนนเลี่ยงเมือง...เอางี้ผมจะเปิดจีพีเอส ปายตามมาเองละกัน”ผมไม่มีเวลามารออยู่หรอก ระหว่างที่คุยอยู่พวกนั้นอาจทำการเคลื่อนย้ายสัตว์ไปที่อื่นแล้วก็ได้


(คิดจะลุยเดี่ยวรึไง)


“เปล่า...มีลูก้าอยู่ด้วย”ผมบอกพลางหันไปมองลูก้าที่จ้องมา


(ลูก้า?...อ้อ คนที่ลือกันว่าเป็นลูกนายสินะ)


“ตามนั้นแหละ...แค่นี้ก่อนนะ”


(เดี๋ยวๆ)


“มีอะไรอีก”นี่ผมกำลังรีบนะ


(คงไม่ลืมนะว่าฉันเป็นคนของฝ่ายควบคุม)


“รู้น่า...แล้วยังไง”


(คนของฝ่ายควบคุมนอกจากจะมีหน้าที่จัดการกับปัญหาของสัตว์แล้วเรายังมีหน้าที่จัดการกับอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับศูนย์วิจัยด้วย)


“เรื่องนั้นผมรู้ เข้าเรื่องสักที”จะสาธยายเรื่องหน้าที่อีกนานไหม


(ที่จะพูดคือ เหลือพวกนั้นให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานบ้าง)


“หึ...ก็มาให้ทันสิ”ผมหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะวางสายไป


คำพูดของปายเหมือนจะบอกว่าผมสามารถจัดการคนพวกนั้นได้ตามลำพังงั้นแหละ


แน่นอนว่าผมคนเดียวทำไม่ได้แต่ถ้ามีลูก้า...


มันก็ไม่แน่


“ลูก้า...นายต่อสู้เป็นไหม”ผมหันไปถามตามตรง


“เป็นสิ...เก่งด้วย”


“แล้วถ้าเทียบกับพวกที่เราจะไปเจอล่ะ”


“สบายมาก”คำพูดพร้อมรอยยิ้มนั่นทำให้ผมยกยิ้มตาม


“งั้นก็ไปกัน”


“ความจริงให้ผมเข้าไปจัดการคนเดียวก็ได้นะ”ลูก้าบอกระหว่างที่เราเดินผ่ากลุ่มต้นไม้ไปยังบ้านเดี่ยวสองชั้นตรงหน้า


“ไม่ใช่ว่าคู่หูต้องทำงานด้วยกันเหรอ”ผมหันไปถาม


“ก็ใช่อยู่...แต่สามดู...อ่อนแอ”คำสุดท้ายถูกเอ่ยด้วยเสียงอันเบาแต่ก็ไม่อาจเล็ดรอดหูผมไปได้


“ลองดูด้วยตาของนายเองเถอะลูก้าว่าผมอ่อนแออย่างที่พูดรึเปล่า”


จากนั้นพวกเราก็หยุดคุยเมื่อมาถึงริมรั้วไม้ที่มีสายเหล็กเส้นเล็กๆขึงไปตามแนวรั้ว ไม่ต้องลองแตะก็รู้ได้ว่าสายพวกนั้นมีไฟฟ้าไหลผ่านอยู่


“เล่นของอันตรายซะด้วย”มาโดยไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อะไรไว้ถือว่าพลาดมาก


วันนี้เหมือนผมจะพลาดตั้งแต่ปล่อยพวกนั้นให้กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว


“รั้วนี่...อันตราย”


“รู้ด้วย?”ผมหันไปถามอย่างสนใจ


“อืม...ความรู้สึกมันบอกว่าอันตราย”


“เหมือนความรู้สึกนายจะเชื่อถือได้นะ”


“เชื่อได้สิโดยเฉพาะกับอะไรที่อันตราย”


“เราต้องหาทางเข้าไปข้างใน...นั่นไหวไหม”ผมถามลูก้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง


เพียงแค่ประโยคเดียวลูก้าก็สามารถเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อได้อย่างรวดเร็ว


“ผมน่ะไหวแต่สาม...”


“งั้นก็ไปกันเถอะ”ผมไม่อยากฟังคำที่บอกว่าผมทำไม่ได้หรอกนะ


หนทางที่ผมคิดก็ง่ายๆ ถ้ามีรั้วกั้นไม่ให้เข้าไปก็กระโดดข้ามไปก็จบแล้ว


“ไม่มีคนอยู่แถวนี้ กระโดดกันเลย”เมื่อเราขึ้นไปบนต้นไม้ได้ลูก้าก็มองไปยังบ้านหลังนั้นเพื่อดูว่ามีคนอยู่แถวนั้นไหม คำตอบนั้นดังขึ้นพร้อมกับลูก้าที่กระโดดลงไปด้วยท่าทางสบายๆ


ท่าทางแบบนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรถ้าอีกฝ่ายไม่หันกลับมาแล้วกางวงแขนอ้าออกราวกับจะบอกให้ผมกระโดดลงไปตรงนั้นได้เลย ผมสัมผัสได้ถึงคิ้วตัวเองที่กระตุกอย่างไม่พอใจก่อนจะกะจังหวะแล้วกระโดดลงพื้นห่างจากแขนที่ลูก้ากางรอไว้พอสมควร


“อย่ามองว่าผมอ่อนแอลูก้า”ผมเดินไปบอกอีกฝ่ายเบาๆแล้ววิ่งเข้าไปหลบยังมุมหนึ่งของบ้านบริเวณใต้หน้าต่างที่ปิดสนิทอยู่


“สามจะบอกว่าตัวเองเก่งเหรอ”


“เก่งกว่าที่ลูก้าคิดละกัน”ไม่รู้หรอกว่าในความคิดลูก้าผมเป็นยังแต่รับรองเลยว่าถ้าเห็นต้องมองผมใหม่แน่


“ต่อไปจะทำยังไง”


“พวกนั้นอยู่ไหนกันบ้าง”


“แป๊บนึง...มีอยู่ในบ้านประมาณ6คนกับสวนด้านหลังอีก4...ตรงสวนด้านหลังได้กลิ่นสัตว์ด้วย พวกสัตว์น่าจะอยู่บนรถ”


“ในบ้านไม่มีกลิ่นสัตว์เลยเหรอ”


“มี...แต่ไม่ใช่สัตว์ที่มีชีวิตนะ”คำตอบของลูก้าทำให้ผมนิ่งไป


“...นี่พวกนั้น...”ฆ่างั้นเหรอ


“ให้ผมจัดการพวกด้านในไหม”นิ่งไปสักพักลูก้าก็พูดขึ้น


“งั้นผมจะจัดการด้านนอกละกัน”ผมพูดต่อ


“มันอันตรายนะ ตั้ง4คน”


“ของลูก้าตั้ง6คนนี่”


“ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกแต่...”


“ผมก็ไม่เป็นไรลูก้า”ดวงตาสีน้ำตาลของผมหันไปสบกับดวงตาสีเงินอย่างจริงจัง


ผมอยากให้เขาเชื่อในตัวผม


เชื่อว่าผมจะไม่เป็นไร


“...เข้าใจแล้ว แต่เราควรจะช่วยกันดีกว่าไหม”


“หมายถึงให้จัดการทีละที่น่ะเหรอ”


“อืม”


“เข้าท่านะ”ถ้าช่วยกันจัดการน่าจะมีความปลอดภัยมากกว่า


“เริ่มจากข้างนอก”


“ดูเหมือนปีกว่าที่ไม่เจอกันจะเรียนรู้หลายอย่างเลยนะ”ทั้งการคิดและวิเคราะห์ลูก้าต่างทำได้ดีจนน่าตกใจ


“เซโครกับยูทาร์สอนการต่อสู้และการวิเคราะห์สถานการณ์ให้”


“เรียกชื่อตรงๆเลยเหรอ ไม่ดีนะ”


“พวกเขาบอกว่าไม่เป็นไรถ้าจะเรียก”


“งั้นก็ตามใจ”


“ผมไม่ควรเรียกแบบนั้น?”


“ก็ไม่เชิงหรอก แค่คิดว่าอย่างน้อยน่าจะเติมคุณนำหน้าหน่อยน่ะ”ผมบอกไปตามที่คิด


“เข้าใจแล้ว ครั้งหน้าจะเรียกตามที่สามบอก”


“จะทำตามที่ผมบอกจริงเหรอ”


“อืม...ถ้าเป็นสิ่งที่สามพูดผมจะเชื่อ”


“ถ้าชมว่าเด็กดีคงจะไม่ชอบสินะ”ผมพึมพำพร้อมรอยยิ้ม


“ผมโตแล้วนี่”


“ถึงจะโตแล้วก็ยังใช้ได้นะ...เด็กดีลูก้า”ผมบอกเสียงเบาก่อนจะเอื้อมมือไปลูบใบหน้านั้นอย่างอ่อนโยน การกระทำผมทำเอาดวงตาสีเงินเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะค่อยปิดลง


“...สาม”


“เอาล่ะ ไปจัดการให้เสร็จแล้วกลับไปกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า”ถึงเวลาจะเลยเที่ยงไปมากแล้วก็ตามที


“อืม”


จากนั้นผมก็ขยับตัวไปตามผนังจนมาหยุดอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นกลุ่มคนสี่คนที่ยืนเฝ้ารถตู้อยู่ได้ถนัดตา โดยสี่คนนั้นกระจายกันเฝ้ารอบตัวรถ ดูจากรูปร่างทั้งสี่คนล้วนตัวใหญ่กว่าผม


แต่ถ้าแค่ตัวใหญ่กว่าแล้วกลัวก็ไม่ใช่ผมสิ


“ลูก้า”


พุบ


ทันทีที่เรียกลูก้าก็พุ่งตัวไปยังคนแรกที่อยู่ใกล้สุด ชกเพียงแค่ครั้งเดียวอีกฝ่ายก็ทรุดตัวลงโดยไม่มีเสียงเล็ดรอดอย่างที่คิดไว้ ผมเองก็อาศัยจังหวะนั้นวิ่งตามลูก้าไปก่อนที่พวกเราจะแยกกันไปคนละทาง ลูก้าไปจัดการทางหัวรถส่วนผมไปจัดการตรงท้ายรถ


ผมแอบมองอีกหนึ่งให้คนลักลอบค้าสัตว์ที่สูบบุหรี่ด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะตัดสินใจค่อยๆก้าวเข้าไปใช้มือปิดปากอีกฝ่ายจากด้านหลังพร้อมกับเตะไปยังข้อพับขาด้านหลังอย่างแรงจนอีกฝ่ายทรุดลงไป


เพียงแค่นั้นยังไม่พอผมเลยจัดการสับไปยังบริเวณเส้นประสาทหลังต้นคอ ร่างขนาดใหญ่ทรุดลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย


แย่ล่ะ


แบบนี้คนที่เหลือต้องตามมา


“เกิดอะไร...เฮ้ย...อั๊ก...”ผมไม่รอให้อีกฝ่ายได้ส่งเสียงจัดการเตะสูงเข้าใบหน้านั่นอย่างจัง ร่างนั้นเซหงายหลังลงไปผมเองก็พยายามจะเอื้อมมือไปคว้าไว้แต่ไม่ทัน ทว่าลูก้าที่ตามมากลับรับร่างนั้นไว้ได้ทันพอดี


“เฮ้อ...ขอบคุณลูก้า”ผมเอ่ยขอบคุณ


ไม่ค่อยชอบเลยแฮะการทำอะไรเสียงเบานี่


“จัดการได้ง่ายๆเลย”ลูก้าพึมพำโดยที่สายตาจับจ้องไปยังร่างสองร่างที่ถูกจัดการโดยฝีมือผม


“ลูก้าจัดการได้ง่ายกว่าอีก...ไปต่อกัน”


“ได้”


ประตูด้านหลังตัวบ้านถูกผมกับลูก้าแยกกันอยู่คนละฝั่งก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายเคาะประตูสองสามครั้งให้คนข้างในได้ยิน


แกร็ก


“มีอะไร...เฮ้ย...”


ผั๊วะ


ไม่ต้องรอให้พูดจบผมก็จัดการเข่าลอยใส่ท้องชายผิวคล้ำตรงหน้าทีเดียวทรุดตัวลงไปกองกับพื้น พวกที่เหลือด้านในอีก5คนต่างลุกขึ้นเตรียมพร้อมชักอาวุธปืนแต่ด้วยความเร็วของลูก้าสามารถเข้าไปปัดปืนที่อยู่ใกล้ที่สุดจนตกลงพื้นได้โดยอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว


ปัง  ปัง


เสียงปืนของคนที่เหลือดังขึ้นติดๆกัน เป้าหมายของอีก4คนที่เหลือตอนนี้คือลูก้า ผมเลยจัดการดึงปืนบริเวณเอวขอองชายบนพื้นขึ้นมาปลดเซฟตี้แล้วเล็งเป้าไป


ปัง  ปัง  ปัง  ปัง


เคร้ง


“เฮ้ย”


เสียงปืน4นัดดังขึ้นตามมาด้วยเสียงกระบอกปืนที่ตกลงพื้นในเวลาไล่เลี่ยกัน สิ่งที่ผมเล็งไม่ใช่คนแต่เป็นกระบอกปืนที่พวกเขาถืออยู่ทั้ง4กระบอก


“ลูก้า”


“ได้”


ทั้งผมและลูก้าต่างพุ่งเข้าไปจัดการพวกที่เหลือ ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ภายในบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยชิ้นส่วนของสัตว์ที่ถูกชำแหละแยกไว้เป็นส่วน


มองแล้วรู้สึกอยากอาเจียนจริงๆ


“สามมีคน...”


แกร็ก


“เฮ้อ...เหมือนฉันจะบอกแล้วนะว่าให้เหลือไว้บ้าง แบบนี้พวกเราจะมาทำไมล่ะ”เสียงจากประตูทางเข้าดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มคนจากฝ่ายควบคุมวิ่งเข้ามาภายใน ส่วนคนที่ยืนทำหน้าเอือมมองดูสภาพของผู้ร้ายนอนแน่นิ่งนั่นคือหัวหน้าหรือปายนั่นเอง


“อยากมาช้าเองทำไมล่ะปาย”ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการมาแบบนี้มันจะช้าไปแล้ว


“นี่เร็วที่สุดแล้ว...รถมันติดนะรู้ไหม”ปายตอบพร้อมยกมือขึ้นเตรียมขยี้เส้นผมสีดำของผมแต่กลับถูกลูก้าที่เดินตามมาจับแขนไว้แน่น


“นายคือปาย?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามดูจะไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่


“ใช่...นายคือลูก้าสินะ ฉันไม่คิดว่าตัวเองไปทำอะไรให้นายโกรธจนต้องบีบแขนฉันแน่นแบบนี้นะ”ปายเองก็ดูไม่มีทีท่ากลัวลูก้าเลยสักนิด


“เป็นกิ๊กกับสามเหรอ”


“...”คำถามนั้นทำเอาผมและปายนิ่งค้างไป


ลืมไปเลยว่าเคยแหย่ลูก้าไว้แบบนั้น


“หึ...ถ้าใช่แล้วทำไม”


“เฮ้...ปาย”พูดอะไรน่ะ


“สามเป็นของผม”


“ลูก้า...พูดอะไรน่ะ”ใครไปเป็นของนายกัน


“เหรอ...เท่าที่รู้ไม่ใช่นะเพราะสามเป็นของฉัน”


ตึง


เศษกระจกจากบานประตูที่ปายพิงอยู่แตกกระจายด้วยพละกำลังมหาศาลของลูก้าอย่างง่ายดาย สายตาของลูก้ามองปายด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ผมก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไร


“สามไม่ใช่ของนาย”ลูก้าเอ่ยเสียงเย็น


“ก็ไม่ใช่ของนายเหมือนกัน”ปายเองก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกัน


“เดี๋ยวก่อน...หยุดเลย ลูก้ามายืนนี่”ผมพูดแทรกพร้อมดึงแขนลูก้าให้ออกมายืนห่างปายเล็กน้อย


“สาม...”


“ลูก้า...ไม่พอใจอะไร”ผมหันไปถามตามตรง


“หมอนั่นบอกว่าสามเป็นของเขา”ลูก้าไม่ตอบแต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแทน


“เฮ้อ...ผมไม่ได้เป็นของใครทั้งนั้นแหละ ที่พูดว่าเป็นกิ๊กแค่แหย่นายเล่นเท่านั้นเอง”


“...ไม่ได้เป็นของหมอนั่น”


“อืม...แล้วอย่าเรียกว่าหมอนั่น เขาชื่อปายเป็นเพื่อนผม”


“ปาย...จะจำไว้”


“เรียกห้วนๆเลยเหรอ ไม่ดีมั้ง”ผมพยายามปราม


“ไม่เป็นไรสาม ให้เรียกตามที่ถนัดเถอะ”ปายดูจะไม่สนใจสรรพนามที่ใช้เรียกเท่าไหร่


“ตามใจละกัน”


“สาม...”


“อะไรลูก้า”


“ถ้าสามไม่ได้เป็นของเขา...งั้นมาเป็นของผมได้ไหม”


“...วะ...ว่าไงนะ”เสียงที่เอ่ยออกไปช่างสั่นอย่างหน้าอายจริงๆ


พูดอะไรออกมาน่ะลูก้า


นี่ผมฟังผิดไปใช่ไหม


“ผมพูดว่าสามมาเป็นของผมได้ไหม”น้ำเสียงกับดวงตาสีเงินประสานมาอย่างจริงจังจนผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก


สิ่งเดียวที่รู้คือความร้อนจากทั่วร่างกายขึ้นมารวมกันอยู่ที่ใบหน้าจนร้อนไปหมด


และไอ้หัวใจนี่มันจะเต้นบ้าอะไรนัก!
........................................................................

มาอัพต่อแล้ววว

อาทิตย์หน้าสอบยาวทั้งอาทิตย์เลยอาจไม่ได้มาอัพเรื่องนี้นะคะ

ขอแจ้งไว้ล่วงหน้า

ใครที่อยู่ในช่วงสอบเหมือนกันก็สู้ๆ ทำข้อสอบให้ได้นะคะ

สำหรับตอนนี้เป็นการเปิดฉากการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ เรียกว่าเป็นออเดิฟก็ได้ค่ะ

เราแต่งไปก็รู้สึกตลก ในสายตาของลูก้าคงจะเห็นสามที่ตัวเล็กค่อนข้างอ่อนแอแต่เดี๋ยวต้องมีอึ้งกันบ้าง555

หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับตอนนี้นะคะ

ไว้เจอกันใหม่ค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

---มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์---

วันนี้ของเสนอเต่าที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันอย่างเต่าแม่น้ำแม่รี่นะคะ

(https://scontent-fbkk5-7.us-fbcdn.net/v1/t.1-48/1426l78O9684I4108ZPH0J4S8_842023153_K1DlXQOI5DHP/dskvvc.qpjhg.xmwo/w/data/662/662289-topic-ix-1.JPG)

เต่าแม่น้ำแม่รี่กับทรงผมจากธรรมชาติ เต่าแม่น้ำแม่รี่ (Mary River turtle) ตัวนี้มีความพิเศษคือมีสาหร่ายขึ้นตามตัว จนมองแล้วคล้ายมันมีทรงผมสุดเทห์อยู่บนหัว เต่าแม่น้ำแม่รี่ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Elusor macrurus เป็นเต่าที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำแมรี่ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ตอนนี้เป็นเต่าที่อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากถูกจับไปเป็นสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก

เครดิต : เพจสำรวจโลก
.............................................................
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 04-03-2018 15:39:23
 :katai2-1:  ชัดๆ ตรงๆ เอางี้เลยหรือจ๊ะลูก้า  :katai3:
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-03-2018 16:00:44
5555 ลูก้าพูดงี้ ขอแต่งงานเลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-03-2018 16:44:33
ลูก้าหวงสามซะแล้ววว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 04-03-2018 17:05:05
เด็กขี้หวง
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-03-2018 20:25:20
ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะคะ

ลูก้าออกแนวอยากปกป้อง
เห็นสามตัวเล็ก แต่ไม่อ่อนแอนะ จะบอกให้

55555 สามเอ้ยย เจอเด็กหวง และอยากจับจองแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 04-03-2018 21:57:32
ขอบคุณนะคะ 
เรื่องนี้เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองมากๆเลย
ลูก้านี่น้าตรงได้อีก ดูสิสามเขินเลย อิๆ น่ารัก
 :L2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-03-2018 23:50:27
คร่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-03-2018 00:46:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lolata ที่ 05-03-2018 01:18:46
สามจะตอบว่ายังไง ลุ้นนนน
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-03-2018 01:21:43
เป็นความหวงที่เข้าข่ายหึงแล้วนะลูก้า
55555555555555
สามถึงกับไปไม่เป็นเลย เขินละสิๆๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: pajaree1202 ที่ 05-03-2018 08:31:23
ว่าจะคอมเม้นถึงเนื้อเรื่อง แต่พอเจอเต่า
แหม ชอบทรงผมเต่ามาก 555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 05-03-2018 12:40:11
ลูก้านี้ขี้หึงสุดยอดไปเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 05-03-2018 12:41:22
ลูก้าเป็นคน.... ตรง ตรง
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: XXX ที่ 07-03-2018 18:32:14
สนุกมากๆๆๆๆเลยยยย มารอต่อนะคะ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-03-2018 23:01:15
เป้าหมายมีไว้พุ่ง ลูก้าตรงไปขอกันโต้งๆตรงๆ เอ้าสามตอบรับไปตรงๆ ตรงมาตรงกลับไม่โกง o18
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 15-03-2018 00:07:55
รอค้าาาาาาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 15-03-2018 08:01:31
เข้ามา ดู แบบ เงียบๆ... ยังไม่มาเนอะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: piru ที่ 15-03-2018 19:09:58
สนุกค่ะ อ่านซ้ำกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลย
นี่ตามอ่านจนครบทุกภาค ซื้อครบทุกภาคแล้วว
มาต่อเร็วๆนะคะ คิดถึงลูก้าแย้วววว
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 16-03-2018 19:54:45
◈ธาราที่10◈



บนท้องฟ้ายามค่ำคืนมองเห็นดวงดาวส่องประกายประปายบนท้องฟ้าไม่เหมือนกับบนเกาะที่ผมเคยอยู่ ที่นั่นพอตกกลางคืนก็จะมีกลุ่มดาวนับล้านทอประกายอย่างน่ามอง ยิ่งนอนแช่น้ำแล้วแหงนหน้าขึ้นไปยิ่งทวีความรู้สึกสุดยอดเข้าไปอีก


ถึงผมจะชอบเกาะนั่นแต่ก็ไม่เท่ากับความโหยหาที่มีต่อคนคนหนึ่งเลยสักนิดเดียว


ตลอดเวลาหนึ่งปีสองเดือนผมพยายามเรียนรู้และทำทุกอย่างเพื่อวันหนึ่งที่ได้กลับมาเจอกัน และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขาได้


“สาม”ผมเรียกชื่อคนที่ก้าวมาหาผมยังริมระเบียงโดยไม่หันกลับไปมอง


กลิ่นของสามเป็นหนึ่งในกลิ่นแรกๆที่ผมสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำ


“ออกมายืนแบบนี้เดี๋ยวไม่สบายนะ ฝนพึ่งหยุดตกไปเอง”เสียงทุ้มออกนุ่มเอ่ยเตือนระหว่างเดินมายืนข้างๆ


“แค่อยากรู้ว่าที่นี่จะเห็นดาวไหม”


“ก็พอจะเห็นอยู่...ถ้าให้เดาที่เกาะคงมีดาวเยอะกว่าแน่”ระหว่างพูดสามกเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าบ้าง


“ใช่...ที่นั่นมีเยอะมาก”


“ลูก้าชอบที่นั่นสินะ”


“อืม”


“อยู่นี่ไม่รู้สึกคิดถึงที่นั่นบ้างเหรอ”สามถามต่อ


“คิดถึงเหรอ...ไม่นี่”แต่ถ้าเป็นตอนอยู่ที่นั่นสิ่งที่ผมคิดถึงก็มีนะ


คิดถึงสามไง


“...เข้าห้องเถอะเดี๋ยวจะป่วยจริงๆ”พูดจบสามก็เดินกลับเข้าไปในห้องโดยมีผมเดินตามเข้าไปติดๆ


เตียง5ฟุตภายในห้องถูกเปลี่ยนเป็น6ฟุตเมื่ออาทิตย์ก่อนตามคำแนะนำของผมที่ไม่ยอมไปอยู่อีกห้อง กว่าจะเปลี่ยนได้ผมก็นอนอยู่มาเกือบเดือนแล้ว


“มีงานเหรอ”ผมถามเมื่อเห็นสามยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู


“ก็ไม่เชิง...วุธไลน์มาว่ารวบรวมข้อมูลเสร็จแล้ว”สายตาของสามยังคงอยู่ที่เครื่องมือสื่อสารระหว่างพูด


“พรุ่งนี้จะไปเช้าสินะ”เวลามีงานสามมักจะตื่นเช้าเสมอ


“อืม...แต่ไม่ต้องเช้ามากหรอกกว่าคนอื่นจะมาก็เวลาเดิมแหละ”


“ครั้งนี้เรื่องอะไร”ผมถามถึงงานที่อีกฝ่ายต้องทำ


เรื่องการวิจัยผมไม่ค่อยสนใจเลยไม่รู้เรื่องนักว่าต้องทำอะไรบ้าง


สามถึงจะดูเหนื่อยเวลาทำงานแต่พอทำสำเร็จรอยยิ้มนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาชอบงานที่ทำอย่นี่จริงๆ


“ครั้งนี้เป็นการเพาะพันธ์สาหร่ายเคลป์ในทะเลน้ำอุ่นน่ะ”


“สาหร่ายเคลป์?”สาหร่ายนี่มันมีแยกชื่อด้วยเหรอ


“สาหร่ายเคลป์ปกติจะเติบโตในทะเลน้ำเย็นที่มีแสงแดดส่งถึง เมื่อก่อนที่อุณหภูมิบ้านเราไม่สูงขนาดนี้สาหร่ายเคลป์ก็ยังสามารถขึ้นได้แต่พออุณหภูมิสูงขึ้นจำนวนของสาหร่ายเคลป์ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว”สามอธิบายให้ฟัง


“สาหร่ายนั่นเป็นอาหารของสัตว์สินะ”


“ใช่...มีสัตว์หลายชนิดที่กินสาหร่ายเคลป์ แต่ลูก้าไม่ใช่พวกกินพืชนี่นะ”สามหันมาบอกยิ้มๆ


“ก็ไม่เคยลองกินนะ ถ้าลองอาจกินได้ก็ได้”


“ในร่างมนุษย์น่ะกินได้แต่ถ้าในร่างไดโนเสาร์อย่างกินดีกว่า ระบบการย่อยของสัตว์กินพืชกับสัตว์กินเนื้อมันไม่เหมือนกัน ขืนฝืนกินไปจะปวดท้องเอานะ”


“เข้าใจแล้ว”น้ำเสียงห่วงๆนั่นทำให้ผมยิ้มออก


การมีคนห่วงมันทำให้รู้สึกดีจริงๆ


ยิ่งคนคนนั้นเป็นสามยิ่งทำให้รู้สึกดีเข้าไปใหญ่


“เรานอนกันดีกว่า”


“ผมไปปิดไฟให้”พูดจบผมก็เดินไปปิดไฟแล้วกลับมาล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างๆสาม


“นี่ลูก้า”สามเรียกพร้อมกับพลิกตัวหันมาทางผม


“อะไร”


“ในความมืดแบบนี้มองเห็นสินะ”ดวงตาสีน้ำตาลของสามหรี่ลงเล็กน้อยราวกับกำลังพยายามมองผมในความมืด


“อืม...มองเห็น”


“ชัดไหม?”


“ชัดสิ...สามกำลังหรี่ตาและขมวดคิ้วด้วย”ผมบอกสิ่งที่เห็นออกไป


“มืดขนาดนี้ยังเห็นอีกนะ...แบบนี้ใต้ทะเลจะมองเห็นรึเปล่า”คำถามนั่นทำเอาผมต้องขมวดคิ้วเพราะไม่เคยดำลงไปลึกๆช่วงกลางคืน ส่วนมากก็จะลอยเล่นอยู่แถวชายหาด


“ไม่แน่ใจเหมือนกัน”


“ไว้ไปลองกันไหม”


“เอาสิ”ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม


จะได้ดำน้ำตอนกลางคืน แถมยังมีสามไปด้วยอีก


“ไว้ผมหาเวลาว่างได้เราไปกัน”


“อืม...อยากไปเร็วๆ”แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว


“แต่ตอนกลางคืนก็อันตรายอยู่...ถ้าจะดำคงต้องแถวชายฝั่งก่อน”


“ได้...ลองแถวชายหาดก่อนถ้าผมมองเห็นก็ค่อยไปลึกขึ้น”ผมบอก


“ผมว่าลูก้ามองเห็นอยู่แล้ว...เพียงแต่ว่าจะมองเห็นในระดับลึกเท่าไหร่”


“หมายถึงยังไง”ระดับมองเห็นที่ว่าไม่เห็นเข้าใจเลย


“ยิ่งดำลงไปลึกแสงจากดวงอาทิตย์ก็จะส่องลงไปไม่ถึง ในระดับน้ำทะเลตั้งแต่1000เมตรไปก็ถือว่าลึกมาก สัตว์น้ำปกติยังไม่สามารถอาศัยในระดับความลึกขนาดนั้นได้เพราะแรงดันที่มีมากขึ้น”


“แปลว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตสินะ”


“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก...ในระดับน้ำที่ลึกกว่า1000เมตรยังมีสัตว์ที่สามารถอาศัยอยู่ได้เพียงแต่พวกมันจะมีวิวัฒนาการอย่างดวงตาที่สามารถมองเห็นในความมืดมิดหรือสามารถเปล่งแสงเพื่อล่อเหยื่อให้เข้ามาติดกับ”สามอธิบายต่อ


“ถ้าเจอคงต้องระวังตัวสินะ”


“ยิ่งกว่าต้องระวังอีกลูก้า...รู้ไหมว่าปลาที่อาศัยอยู่ในระดับความลึกนั้นได้มีแต่พวกนักล่าที่นอกจากหน้าตาจะน่ากลัวแล้วยังมีฟันแสนคมกริบอีก บางตัวถึงกับมีพิษเลยนะ...ทางที่ดีถ้าเจอต้องรีบจัดการไม่ก็ต้องหลีกเลี่ยง”


“สามคิดว่าผมจะแพ้เหรอ”


“มันไม่เกี่ยวว่าจะแพ้หรือชนะ บางทีการหลีกเลี่ยงก็ถือเป็นทางออกที่ดีกว่าการสู้ตรงๆ...ผมไม่อยากให้ลูก้าต้องเจ็บเพราะงั้นถ้าเข้าไปสู้กับอะไรที่เสี่ยงๆ เข้าใจนะ”น้ำเสียงห่วงๆกับสายตาที่จับจ้องมานั่นทำให้หัวใจรู้สึกอุ่นวาบอย่างไม่ทราบสาเหตุ


“อืม...เข้าใจแล้ว”


“ดีมาก...นอนกันได้แล้ว”


“ไม่ชมว่าเด็กดีเหรอ”ผมพึมพำเสียงเบาพร้อมกับดวงตาสีเงินที่ค่อยๆหลับลง


“อยากให้ชมเหรอ”


“อืม”สัมผัสของฝ่ามือพร้อมน้ำเสียงที่พูดว่าเด็กดียังติดอยู่ในความทรงจำอยู่เลย


รู้สึกดีจริงๆ


อยากได้รับสัมผัสแบบนั้นอีกสักครั้ง


“...เด็กดีลูก้า”น้ำเสียงที่อยู่ในความทรงจำกลับปรากฏขึ้นพร้อมฝ่ามืออุ่นๆที่สัมผัสใบหน้าผมอย่างอ่อนโยนจนเผลอขยับหน้าเพื่อรับสัมผัสนั้นมากขึ้นอีก


รู้สึกดีทุกครั้งที่ถูกสัมผัส


“นี่สาม”


“...ฮืม”


“คำตอบของคำถามเมื่อวันก่อนผมยังไม่ได้เลย”ไหนๆก็นึกขึ้นได้ก็อยากจะได้คำตอบ


“...คำถาม...อะไร”น้ำเสียงแบบนั้นแปลว่าสามจำได้แต่เหมือนอยากเลี่ยงทำเป็นจำไม่ได้มากกว่า


“สามมาเป็นของผมได้ไหม”คำถามเดียวกันกับวันก่อนถูกเอ่ยถึงอีกรอบ


“...ที่พูดมาน่ะ เข้าใจความหมายของมันรึเปล่า”สามนิ่งไปสักพักก่อนจะถามกลับมา


“เข้าใจสิ”เข้าใจดีด้วย


อยากให้สามมาเป็นของผม


เป็นของผมเพียงคนเดียว


ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เกิดความรู้สึกนี่ขึ้น


ช่วงเวลาที่อยู่บนเกาะทุกๆวันผ่านไปโดยไม่มีสาม ผมกล้าพูดเลยว่ามันเป็นชีวิตที่น่าเบื่อมาก


ทุกๆวันในหัวก็มีแต่เรื่องของสาม


มีแต่ภาพใบหน้านั้นยามยิ้มและหัวเราะ


“ลูก้า...”


“ผมน่ะ...ชอบสามนะ”ผมบอกพร้อมขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น


“ผมก็ชอบลูก้า...เพียงแต่คำว่าชอบมันไม่พอที่จะทำให้ผมเป็นของลูก้าหรอกนะ”


“หมายความว่ายังไง”


“ถึงร่างกายจะโตแต่ประสบการณ์การใช้ชีวิตเหมือนจะยังไม่มากพอนะ...เรื่องพวกนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง อีกอย่างผมยังไม่คิดจะเป็นของใครด้วย”


“สาม...”


“ลูก้ายังมีเวลาอีกมากที่จะพบเจอกับหลายๆสิ่ง...ตอนอยู่เกาะไม่ได้เจอสาวที่สนใจเลยเหรอ”สามถามพลางพลิกตัวนอนหงายมองดูเพดานด้านบน


“สาวน่ะเจอ...แต่ไม่ได้สนใจ”


“สาวที่เจอเป็นมนุษย์หรือไดโนเสาร์กลายพันธุ์ล่ะ”


“ก็ทั้งคู่”


“เหรอ...ไม่มีใครที่รู้สึกสนใจเลยสินะ”


“มีสิ”ถ้าเป็นคนที่สนใจล่ะก็


“ใคร?”


“สามไง”คนคนเดียวที่ไม่ว่าจะทำไรก็เรียกความสนใจได้เสมอ


ทุกท่าทาง ทุกการกระทำ ทุกอย่างของสามทำให้ผมสนใจ


“กลับมาที่ผมจนได้นะ”


“...ก็สนใจแค่สามนี่”


“รู้แล้วๆ...เอางี้นะลูก้า เรื่องนี้ปล่อยให้เวลามันตัดสินเถอะ...จากนี้ไปเราจะอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเมื่อไหร่หรือที่ไหน ความสนใจที่มีมันอาจเปลี่ยนไปก็ได้...ไม่แน่ใจอาจเจอคนอื่นที่ลูก้าสนใจกว่า”


“แล้วถ้าไม่เจอล่ะ...ถ้าคนที่ผมสนใจยังเป็นสามอยู่จะทำยังไง”ผมถามกลับ


“ถึงตอนนั้น...ค่อยว่ากัน”


“ว่าอะไร?”


“ก็...เอาเป็นว่าตอนนั้นค่อยคิดละกัน นอนได้แล้วลูก้า”พูดจบสามก็พลิกตัวไปอีกข้างปล่อยให้ผมนอนจ้องแผ่นหลังนั่นเรื่อยๆก่อนจะหลับไปทั้งๆแบบนั้น



สติที่หายไปพร้อมกับการหลับใหลกลับเข้าร่างเมื่อความร้อนอยู่ๆก็เกิดปะทุขึ้น ดวงตาสีเงินของผมเบิกขึ้นก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่งบนเตียงด้วยเสียงหายใจหอบเบาๆ


ร้อน


ทั้งร่างมันร้อนไปหมด


ความรู้สึกนี่มัน...


“สาม...”ผมหันไปมองร่างข้างกายที่หลับสนิทอย่างข่มอารมณ์ มือทั้งสองข้างขย้ำผ้าปูที่นอนแน่นจนยับยู่ยี่ไปหมด


ผมจำมันได้ความรู้สึกแบบนี้


นี่เป็นครั้งที่3ที่รู้สึกถึงมัน


ครั้งแรกและครั้งที่2เกิดขึ้นบนเกาะ จำได้เลยว่าวันแรกที่ร่างกายเกิดปฏิกิริยาแบบนี้ขึ้นคือสามเดือนแรกหลังจากกับสาม อาการของมันเหมือนถูกอารมณ์ครอบงำจนไม่เป็นอันทำอะไร...ตอนนั้นเซโครกับยูทาร์เข้ามาพอดีและพอดูอาการของผมไม่นานเซโครก็ถามคำถามเพียงข้อเดียวเท่านั้น


คนที่อยู่ในหัวตอนนี้คือใคร


คำถามนั่นผมแทบไม่ต้องคิดคำตอบเลย


ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนคนที่อยู่ในหัวผมก็มีแค่คนเดียว...


สาม


คำตอบของผมดูเหมือนจะสร้างความตกใจให้ทั้งคู่มากพอดู เซโครบอกกับผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติมนุษย์ทุกคนล้วนมีอารมณ์แบบนี้เพียงแต่สายเลือดของไดโนเสาร์ทำให้ความต้องการเข้มข้นขึ้นในช่วงนั้น


จากที่ฟังอธิบายดูเหมือนไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีอาการแบบนี้จะเป็นพวกที่มีคู่


แต่ว่าผมไม่มีเลยไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาได้


หลังจากผ่านครั้งแรกไปได้อย่างอยากลำบากผมก็ศึกษาหาข้อมูลก่อนจะรู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี่คืออารมณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงของการผสมพันธ์ เป็นอย่างที่เซโครพูดว่ามันเป็นธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นแต่สิ่งที่ยังหาคำตอบไม่ได้คือทำไมผมถึงมีอารมณ์แบบนี้ทั้งที่ไม่มีคู่


ครั้งต่อมาที่เกิดอารมณ์ผมก็เข้าใจ ภายในหัวมันมีแต่ภาพของสามอยู่เต็มไปหมด ความทรงจำตอนอยู่กับสามมันวนไปมาพร้อมกับร่างกายที่ร้อนขึ้นจนแทบทนไม่ได้


ตอนนั้นผมก็ได้รู้


รู้ว่าคู่ของตัวเองก็คือสาม


“...สาม...”ผมเอ่ยเสียงเบาพลางข่มอารมณ์ที่เกิดขึ้นนี่ซะ


กลิ่นของสาม...


น่ากิน


“อึก...”บ้าจริง


ไม่ชอบเลยความรู้สึกนี่ เหมือนร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง


ครั้งก่อนๆยังพอควบคุมตัวเองได้แต่ครั้งนี้พอมรสามอยู่ใกล้ๆความร้อนของร่างกายที่กำลังจะปะทุนี่มันมีมากกว่าทุกครั้งอีก
อยากสัมผัสจนแทบทนไม่ไหว


“ไม่...”ไม่ได้


ยังไม่ได้


สามบอกว่าตอนนี้ยังไม่อยากเป็นของใคร


เพราะงั้นไม่ได้


ตลอดทั้งคืนผมกลั้นใจข่มทั้งอารมณ์และความรู้สึกจนไม่ได้นอน พอถึงช่วงเช้าดูเหมือนอารมณ์ที่มีจะพอควบคุมได้มากกว่าช่วงกลางคืนผมเลยรีบก้าวยาวๆเดินเข้าห้องน้ำไป การแช่น้ำเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยผมให้สงบลงได้


น้ำในอ่างไหลนองไปตามพื้นกระเบื้องเมื่อผมทิ้งตัวลงใต้น้ำเย็นๆนี่ แม้ว่าอ่างนี้จะแคบกว่าตอนที่ผมอยู่บนเกาะก็ตามที บนเกาะผมได้ห้องที่มีอ่างขนาดใหญ่สามารถมุดลงไปใต้น้ำแล้วเหยียดทั้งร่างได้โดยเท้าไม่ติดขอบอ่าง


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ลูก้า”


พรึ่บ


ผมรีบดันตัวโผล่ขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงของสาม ส่วนกลางลำตัวที่สงบนิ่งกลับตื่นขึ้นเพียงแค่ได้ยินเสียงเรียกเท่านั้น


อุตส่าห์สงบแล้วแท้ๆ


“มีอะไร”ผมตะโกนกลับไป


“แช่นานไปแล้วนะ...ออกมาเร็วผมจะได้อาบต่อ”


“รู้แล้ว”ผมตะโกนตอบก่อนจะลุกขึ้นจากน้ำ สภาพตอนนี้อยากจะเอาออกเพื่อให้สบายตัวแต่สามยืนรออยู่หน้าประตูถ้านานคงได้ตะโกนเรียกอีกแน่


สามนะสาม


ผมรีบจัดการแต่งตัวก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกไป หน้าห้องน้ำมีร่างของสามยืนกอดอกหันหลังพิงผนังห้องอยู่ พอเห็นผมเดินออกมาสามก็ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้


กลิ่นของสามปกติจะหอมอ่อนๆอยู่แล้วตอนนี้กลับยิ่งหอมจนอยากคว้าอีกฝ่ายมาฟัดแรงๆสักทีสองที ความคิดนั่นทำให้ผมก้าวถอยหลังเว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายมากกว่าเดิม


“ถอยหนีทำไม”สามถามโดยที่ก้าวตามผมใกล้มากขึ้นอีก


“เปล่าสักหน่อย”ใครจะบอกได้ล่ะว่ากำลังมีอารมณ์แถมยังค้างอยู่เพราะเสียงเรียกของคนตรงหน้าอีก


“ไม่เชื่อ...แล้วทำไมขอบตาคล้ำ นอนไม่พอเหรอ”ไม่ใส่แค่เสียงที่ดังขึ้นแต่ยังมีฝ่ามืออุ่นที่ทาบลงหน้าผมพร้อมให้นิ้วเกลี่ยใต้ตาผมไปมา


“อึก...”ไม่คิดว่าพออยู่ใกล้กันสามจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้


ตอนอยู่ไกลกันว่าข่มอารมณ์ยากแล้ว พูดเลยว่าตอนนี้ยากกว่าหลายสิบเท่า


แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่าทำให้ผมต้องข่มอารมณ์ตัวเองมากแค่ไหน


“ลูก้า?”


“ไปอาบน้ำเถอะ จะสายแล้วนะ”ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแล้วเดินหนีสัมผัสของฝ่ามือไปนั่งรออยู่บนโซฟาริมห้อง


การกระทำของผมทำให้สามจ้องมาอย่าจับสังเกตสักพักก่อนจะเข้าห้องน้ำไป เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงถอนหายใจยาวของผมที่ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก


“สงบซะ...สงบซะ”ผมพร่ำบอกตัวเองอยู่ตลอดจนสามเปิดประตูออกมาหลังอาบน้ำเสร็จ


หลังจากนั้นพวกเราก็ลงไปยังชั้น1เพื่อกินข้าวยังโรงอาหาร ตลอดระยะทางตั้งแต่ออกจากถึงห้องอาหารผมพยายามอย่างหนักที่จะเดินตามสามไปโดยไม่ให้ผิดสังเกตว่าตอนนี้ผมกำลังข่มอารมณ์อยู่


“พี่ครับ...ขอต้มเลือดหมูกับข้าวสวยร้อนๆด้วยครับ ลูก้ากินอะไรดี”สามตะโกนสั่งก่อนจะหันกลับมาถามผมที่เดินตามมา


“ต้มเลือดหมูเหรอ”เหมือนจะไม่เคยได้ยินชื่ออาหารชนิดนี้มาก่อนเลย


ได้ชื่อว่าเป็นเลือดหมูแปลว่าต้องเป็นน้ำแดงๆรึเปล่านะ


หรือจะกินสด


ถ้ากินสดๆคงไม่เรียกต้มหรอกมั้ง


“ลูก้าไม่เคยกินสินะ”


“อืม...ไม่เคย”


“อร่อยนะ ลองดูไหม”


“อืม”ผมพยักหน้าตอบไป


“ได้เลย พี่ครับขอเพิ่มอีกที่แต่ขอแบบพิเศษสุดๆเลยนะครับ”


“ไม่ต้องพิเศษขนาดนั้นก็ได้”ช่วงเวลานี้ผมไม่รู้สึกอยากอาหารสักนิด


ที่ต้องการมันไม่ใช่อาหาร


“ถ้าไม่พิเศษเดี๋ยวก็ไม่อิ่มหรอก”


“...อืม”ผมพยักหน้าเบาก่อนจะเดินตามสามไปนั่งโต๊ะติดกับกระจกใส บรรยากาศของเทศด้านนอกทำให้อารมณ์ที่มีสงบลงเยอะ


ใช้เวลาสักพักชามต้มเลือดหมูควันฉุยก็วางเสิร์ฟลงตรงหน้า ภาพของต้มเลือดหมูที่คิดไว้กับความเป็นจริงดูจะแตกต่างกันมากพอควร ในชามมีก้อนเลือดสีเลือดหมูกับพวกตับและหมูสับใส่ไว้โดยมีผักใบเขียวที่ไม่เคยเห็นใส่ไว้ด้วย


“ทำหน้าแบบนั้นแปลว่าคิดภาพไว้ว่าน้ำต้องเป็นสีแดงเหมือนเลือดสินะ”เสียงของสามดังพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้น


“...นี่ใบอะไร”ผมถามหลังจากที่ใช้ช้อนตักผักใบเขียวขึ้น


“นั่นคือตำลึง...อร่อยนะ เป็นผักโปรดของผมเลย”


“สามชอบตำลึง”


“ใช่...อร่อยมาก”


“...”ผมตักผักใบเขียวเข้าปากเขี้ยวตุ้ยๆกลืนลงคอไป รสชาติของมันทำให้ผมนิ่งไป


ถ้าถามความเห็นผมก็พูดได้เลยว่าไม่เห็นจะต่างกับผักชนิดอื่นตรงไหน


รสชาติของผักถ้าเป็นใบสีเขียวสำหรับผมรสชาติมันเหมือนกันหมดแหละ


แต่ถ้าเป็นเนื้อผมรับรู้ถึงความแตกต่างของแต่ละชนิดได้อย่างชัดเจน


“เป็นไง...ไม่ชอบเหรอ”สามมองมาเหมือนรอคำตอบ


“...เปล่า ก็เฉยๆ”


“คิก”


“ขำอะไร”ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายขำ


“เฉยๆอีกแล้ว...ตำลึงเฉยๆแต่กับผมคือชอบสินะ”สามพูดโดยที่ยังไม่ยอมหยุดหัวเราะ


“อืม...ชอบสาม”


“...”คำพูดผมทำให้เสียงหัวเราะนั่นหายไปแทนที่ด้วยใบหน้าสีน้ำผึ้งที่แดงขึ้นเล็กน้อย สามเม้มปากแน่นสักพักก่อนจะเปลี่ยนเป็นก้มลงไปกินต้มเลือดหมูของตัวเองต่อเงียบๆ


“สาม”ทำไมเงียบล่ะ


“...กินต่อเถอะ”เสียงอู้อี้ตอบกลับมา


“หน้าแดง...”


“อย่าพูดนะ”สามเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูดเสียงดัง ใบหน้านั่นแดงกว่าเมื่อครู่อีก


“...”ใบหน้าแดงๆนั่น


น่ามอง


“...เงียบทำไม”สามที่เห็นผมเงียบอยู่ๆก็พูดขึ้น


“ก็สามบอกว่าอย่าพูดนี่”


“...พูดยังดีกว่าเงียบแบบนี้”


“สาม...น่ารัก”


“จะ...จะกวนกันรึไง”น้ำเสียงติดขัดนั่นยิ่งทำให้น่ามองเข้าไปใหญ่


“เปล่า...น่ารักจริงๆ”


“หยุดพูดเลยนะ”


“ก็สามบอกว่าให้พูด...”สรุปจะให้พูดหรือไม่พูดเนี่ย


งงแล้วนะ


“ถ้าจะพูดก็อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ”


“แบบไหนล่ะ”


“ก็...น่ารักอะไรแบบนั้น”


“ผมแค่พูดจริง”


“ลูก้า!”


“ครับ”ตะโกนเสียงดังๆนั่นไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิด


“...กินข้าวกันต่อเถอะ”สามทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้แทน


“ผมอิ่มแล้ว”ผมพึมพำแล้ววางช้อนลง


“อิ่ม?...นายยังกินไม่ถึงครึ่งเลยนะ”สายตาของสามมองลงมายังชามของต้มเลือดหมูสลับกับถ้วยใส่ข้าวที่ยังเหลือเกินครึ่งด้วยความตกใจ


“ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”ช่วงนี้ความอยากอาหารไม่มีหรอก


“ไม่สบายตรงไหนรึเปล่าลูก้า...ปวดหัว ตัวร้อนหรือว่าเป็นอะไร”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั่นทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ


“ไม่เป็นไร”สิ่งที่เป็นมันไม่ใช่อาการป่วย


“ถ้าไม่ป่วยแล้วทำไมถึงได้กินน้อยล่ะ”


“...สายแล้วนะ ไม่ไปทำงานเหรอ”ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง


“จริงด้วย...ไม่สิ อย่าเปลี่ยนเรื่องลูก้า”ดวงตาสีน้ำตาลนั่นจ้องมาอย่างคาดคั้นซึ่งใช้กับผมไม่ได้


“ผมไม่เป็นไรจริงๆ”


“แน่ใจนะ”


“อืม”ผมย้ำอีกรอบ


“งั้นไปห้องวิจัยกับผมนะ”


“วันนี้ผมอยากแช่น้ำอยู่ในห้อง...สามไปเถอะ”ผมบอกไปตามตรง


ขืนให้ไปอยู่โดยที่อารมณ์ยังเป็นแบบนี้เดี๋ยวจะแย่เอาเปล่าๆ


“แน่ใจนะว่าไม่ไปด้วย”


“อืม...เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”


“ลูก้า...”


“สามกินเสร็จแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ”ผมไม่เปิดโอกาสให้สามได้ถามอะไรจัดการพาอีกฝ่ายตรงไปยังห้องทดลองก่อนจะกลับขึ้นมาแช่น้ำในอ่างบนห้องอีกครั้ง



(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 16-03-2018 19:55:09
(ต่อค่ะ)


การกลับมาอยู่ห้องช่วยให้ผมไม่ต้องเผชิญหน้ากับสามโดยตรงแต่การมาอยู่นี่ก็มีกลิ่นของสามลอยอยู่แทบทุกที่ของห้อง ไม่ว่าจะเป็นในห้องน้ำหรือแม้แต่บนเตียงที่ผมทิ้งตัวคว่ำหน้าลงอยู่ตอนนี้


“สาม...”กลิ่นของสามเต็มเตียงไปหมด


ถึงไม่เห็นตัวแต่กลิ่นพวกนี้ทำให้อารมณ์ที่เริ่มสงบกลับมาปะทุอีกครั้ง


หรือผมคิดผิดที่ขึ้นมาบนห้องกัน


“อึก...ร้อน...”ร่างกายมันเหมือนจะระเบิด


“สาม...สาม...สาม...”


ผมไม่หวังว่าเขาจะมาตามเสียงเรียก ถ้ามาจริงผมคงทนไม่ไหวแล้วคว้าตัวอีกฝ่ายกดลงบนเตียงแน่


“สาม...”


“ลูก้า...เป็นอะไร”เสียงที่คุ้นเคยทำเอาผมที่คว่ำหน้าอยู่กับเตียงเงยขึ้นไปมอง ดวงตาตอนนี้เหมือพล่าไปหมด นอกจากจะได้ยินเสียงสามแล้วยังเห็นสามมายืนอยู่ข้างๆอีก


ละเมอเหรอ หรือเป็นความฝันกัน


สามตอนนี้อยู่ที่ห้องวิจัย


ไม่ใช่ที่นี่


“สาม...สาม...”ผมไม่สนว่าภาพตรงหน้าจะเป็นฝันหรือละเมอ เพียงแค่รู้ว่าเป็นสามผมก็ดึงร่างนั้นจนล้มลงมานอนแผ่บนเตียงก่อนจะขึ้นคร่อมแล้วซุกไซ้ตามลำคออย่างมัวเมา


ความนุ่มของต้นคอกับกลิ่นของสามยิ่งทำให้สติที่มีขาดหายไป


“อื้อ...ลูก้า...ทำอะไร...หยุด...”


“สาม...สาม...”อยากครอบครอง


อยากจนแทบทนไม่ไหว


“บอกให้หยุดก่อนไงลูก้า”เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมเข่าที่ลอยมาโดยหน้าท้อง


“อึก...”ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาอย่างฉับพลันจนผมล้มไปนอนขดอยู่บนเตียง


สติที่พล่าเลือนตอนนี้ชัดเจนขึ้นทันตา


“เกิดอะไรขึ้นลูก้า”สามที่อยู่ด้านข้างจ้องมาด้วยสายตาโกรธๆ


“สาม...”ตัวจริงนี่


ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้


ไม่สิ ทำไมผมถึงไม่ได้ยินตอนเปิดประตูหรือแม้แต่กลิ่น


จะบอกว่าสติมันหายไปขนาดนั้นเลยเหรอ


“ดีนะที่สังหรณ์ไม่ได้เลยขอลางาน...เกิดอะไรขึ้น ถ้าป่วยก็บอกกันสิ”อีกฝ่าบ่นก่อนจะใช้มือสัมผัสกับหน้าผากผมเบาๆ


“ผมไม่เป็น...”


“ห้ามพูดว่าไม่เป็นไร เป็นถึงขนาดนี้จะไม่เป็นไรได้ยังไง”


“...สาม”


“ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อย บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น”


“ผม...”จะต้องอธิบายยังไงให้สามเข้าใจ


“เฮ้อ...ผมไม่ใช่หมอคงไม่รู้อะไรมาก ถ้ายังไงเรียกหมอมาดีไหม”


“ไม่ต้อง...ถึงเรียกมาก็ไม่ช่วย”ไม่ช่วยอะไรหรอก


“หมายความว่าไง”สามถามกลับ


“...เหมือนช่วงนี้เป็นฤดูติดสัด”ผมคิดว่าสิ่งที่พูดไปนั่นสามสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายกว่ามานั่งอธิบาย


“วะ...ว่าไงนะ...ฤดูติดสัดเหรอ”ดวงตาสีน้ำตาลของสามเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยิน


“...อืม”


“เอ่อ...ผมควรไปพาผู้หญิง...”


“ผมไม่ต้องการผู้หญิง”ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดจบผมก็สวนกลับทันที


“หา?”


“ผมต้องการสาม...ต้องการแค่สาม”สิ่งที่คิดอยู่ถูกพูดออกไปอย่างไม่ทันคิดเพียงแค่ได้ยินว่าอีกฝ่ายคิดจะหาผู้หญิงมาให้


“ละ...ลูก้า...พูดอะไรน่ะ...”


“ต้องการสาม...”ผมบอกพร้อมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาที่กำลังสั่นระริกเพราะกำลังประมวลสิ่งที่ได้ยินอยู่


“...ไม่ๆๆ...เดี๋ยวก่อน...เอ่อ ผมว่ามันไม่ใช่แล้ว”


“อะไรที่ว่าไม่ใช่”


“คือผมกับลูก้าเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ”


“ผมรู้...เซโครกับยูทาร์เองก็ผู้ชายเหมือนกันนี่”


“...”คำพูดผมทำให้สามนิ่งไป


“ผมไม่คิดจะบังคับสาม...ผมอยากบอกแค่ว่าถ้าไม่ใช่สามผมก็ไม่ต้องการใครทั้งนั้น”ต่อให้ต้องทรมานมากเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่สามผมก็ไม่ต้องการ


ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นได้ขนาดนี้


“ลูก้า...”


“ช่วงนี้ผมไม่ควรอยู่ใกล้สาม”ถึงจะอยากอยู่ใกล้แต่มันไม่เหมาะ


อารมณ์ที่ปะทุกับสติที่มีเพียงน้อยนิดไม่รู้ว่าจะจับสามทำอย่างก่อนหน้านี้อีกเมื่อไหร่


ครั้งนี้สติอาจกลับมาแต่ถ้าครั้งหน้าสติไม่กลับมาคนที่จะแย่คือสาม


สามเก่งและแข็งแรงกว่าที่เห็นมาก ผมยอมรับแต่ถึงจะแข็งแรงก็ไม่อาจเทียบผมได้


สายเลือดของไดโนเสาร์มันไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดจะถูกมนุษย์เอาชนะได้โดยง่าย


“คิดจะไปไหนน่ะ”สามรั้งแขนผมไว้เมื่อเห็นว่าผมลุกขึ้นจากเตียง


“ห้องข้างๆสามเคยบอกว่าเป็นของผมสินะ...ขอผมอยู่ที่นั่นจนกว่าจะหมดฤดู”


“แต่นายจะทรมาน...เอ่อ อย่างน้อยถ้าเอาออกเอง...”


“ผมทำแล้ว...แต่สามก็รู้ว่าสัตว์ในฤดูติดสัดเป็นยังไง...แค่นั้นมันไม่พอ”ไม่พอเลยสักนิด


แค่ทำด้วยตัวเองมันไม่พอ


“...งั้น...ถ้าผมทำให้จะพอรึเปล่า”


“...”เสียงเบาๆของสามทำให้ผมถึงกับนิ่งไป


ที่ว่าทำนี่...


“ลูก้า...”


“หมายถึงอะไร”ที่ว่าสามจะทำให้คืออะไร


“ก็...ฮึ้ย อย่าให้ต้องพูดเรื่องน่าอายสิ มานั่งดีๆ”สามบอกแล้วพยายามดึงผมให้ขึ้นไปนั่งบนเตียงดีๆซึ่งผมก็ทำตามอย่างไม่เข้าใจนัก


เมื่อผมนั่งเรียบร้อยสามก็หลับตาพร้อมหายใจเข้าออกหลายต่อหลายครั้งก่อนจะขยับตัวมานั่งอยู่บนหน้าขาผม กางเกงที่ใส่อยู่ถูกปลดซิปเร็วๆจนดวงตาสีเงินของผมเบิกกว้างขึ้น


“สาม...”


“อยู่เฉยๆลูก้า”สามบอกด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ แม้ผิวจะไม่ขาวแต่ผมก็เห็นใบหน้าแดงๆนั่นได้อย่างชัดเจน


ฝ่ามืออุ่นๆลูบคลำพลางกอบกุมส่วนกลางลำตัวที่แข็งขืนขึ้นด้วยใบหน้ากระอักกระอ่วนพอสมควร แรงขยับของมือทำเอาภายในหัวขาวโพลนไปหมด


ความรู้สึกดีแล่นเข้ามาจนต้องกำผ้าปูที่นอนแน่นไม่ให้เผลอคว้าตัวอีกฝ่ายกดลงกับเตียง


“สาม...”ไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกดีได้ขนาดนี้


มันดีมากจนเทียบกับมือตัวเองไม่ติด


“โอเคไหม...ดีรึเปล่า คือผมไม่ค่อยทำพวกนี้ก็เลยไม่ค่อย...”


หมับ


แม้จะบอกตัวเองไม่ให้กดอีกฝ่ายลงกับเตียงแต่คำพูดนั่นทำให้ผมอดใจไม่ไหวคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นพร้อมกดจมูกลงสูดดมกลิ่นของอีกฝ่ายในระยะประชิด


“รู้สึกดี...รู้สึกดีมากเลยสาม”ผมกระซิบบอกไป อารมณ์ตอนนี้กำลังพุ่งขึ้นถึงขีดสุด


“อย่าทำเสียงแบบนั้น...”น้ำเสียงของสามดูสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เสียงแต่มือที่สัมผัสกับส่วนกลางของผมก็สั่นเล็กน้อยด้วย แต่ถึงสั่นสามก็ยังขยับมืออยู่ไม่หยุด


“...สาม...สาม”จะไม่ไหวแล้ว


“ลูก้า”


ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น ทั้งสัมผัส


ทุกอย่างมันทำให้รู้สึกดีจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้


“อึก...”ลำคอสีน้ำผึ้งตรงหน้าช่างยั่วยวนผมเลยขบเม้มแรงๆก่อนที่อารมณ์ภายในร่างจะปะทุออกมา


น่าแปลกที่พอสามทำให้อารมณ์กลับสงบลงไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่ไม่ยอมสงบลงสักทีไม่ว่าจะทำยังไง


“ลูก้า...นาย...เอ่อ...โอเคแล้วนะ”สามถามพลางยกมือข้างที่ไม่ได้สัมผัสผมขึ้นมาแตะหลังเบาๆ


“อืม...ดีขึ้นเยอะเลย...”หรือเพราะมีสามช่วยอารมณ์ถึงได้สงบลงเร็วขนาดนี้


“งั้น...ผมก็ขอตัว...”


“สาม”ผมกดสะโพกอีกฝ่ายไม่ให้สามารถลุกขึ้นได้


“อะ...อะไร”สามถามเสียงสั่น


“ขออีกรอบได้ไหม”


“ห๊ะ?”


“มันเหมือนไม่พอ”ถึงจะสงบลงแต่ความอยากยังมีอยู่


“เดี๋ยวๆๆ...ผมว่าผมไม่...”


“สาม...ช่วยผมที”


“...บอกแล้วไงว่าอยู่พูดด้วยเสียงแบบนั้น”


“สาม...”


“ระ...รู้แล้วน่า รอเดี๋ยวไม่ได้รึไง”พูดจบไม่นานฝ่ามืออุ่นๆก็กอบกุมส่วนกลางของผมอีกรอบ


ไม่รู้หรอกว่าผมให้สามทำให้กี่รอบ


รู้แค่ว่าแค่รอบสองรอบมันไม่พอหรอก


กับสาม...ผมไม่มีวันพอ

...............................................................

สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอโทษที่ตอนนี้มากช้ามากกก

เราว่าทุกคนคงจะยกโทษให้เราแล้วหลังอ่านตอนนี้จบ 55

หลายคนเรียกร้องฤดูนี้กันมาก ประจวบเหมาะกับหลายๆอย่างเลยแต่งตอนนี้ออกมาค่ะ

อาจดูเหมือนยังไม่สุด...ซึ่งเราอยากให้สามรับรู้ถึงความรู้สึกตัวเองที่มีต่อลูก้าก่อนซึ่งคงอีกนาน

เนื้อหาของวันนี้ก็ยังไม่มีฉากบู๊ ไม่ต้องห่วงนะคะอีกไม่นานได้อ่านฉากบู๊กันแบบเต็มอิ่มแน่นอนค่ะ

สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามและคอยให้กำลังใจอยู่เสมอนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบายค่ะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 16-03-2018 22:36:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-03-2018 23:07:42
ว้ากกกก ลูก้าโตแล้วจริงๆด้วยย คึคึ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 17-03-2018 00:37:45
กรี้ดดดดดด ลูก้าาา เป็นหนุ่มแล้วว
สามก้ไม่เบานะ ไปเสนอตัวช่วยเฉยเลยยยอะ
อยากให้สามรู้ใจตัวเองเร็วๆค่ะ
ลูก้าจะได้ไม่ต้องอดทนอีกต่อไปปปปป
รอค่าาา
ปล. อย่าลืมเปลี่ยนหัวเรื่องนะคะ คนจะไม่รู้ว่าอัพแล้วอะค่ะ
นี่กดเข้ามาเพราเห็นจากเฟสเลย ไม่งั้นก้ไม่รู้เหมือนกันว่ามาแล้ว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-03-2018 06:12:38
 :jul1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 17-03-2018 06:30:24
สามจะรู้ใจตัวเองมะไหร่น้ออออ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่9◈♦> 4/03/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-03-2018 08:37:33
เริ่มขยับไปอีกขั้นละ สู้ๆ นะค่ะ ลูก้า  :mew1:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: วาย ร้าย ที่ 19-03-2018 00:17:32
สวัสดีค่าาาาาา ขอออกตัวแบบเบรกแดนซ์เลยว่าเราเอฟซีคุณ nicedog ค่ะ ฮิ้ววววววววววว~
คือเราตามอ่านมาตั้งแต่กลายพันธ์แรกแล้วค่ะแต่ว่าพึ่งจะมาทันได้เม้นตอนกลายพันธ์นี้ แบบว่าลืมรหัสผ่านเล้า 5555555555
อะแฮ่มๆ คือตอนนี้เราอ่านมาเป็นคู่ที่สามแล้วใช่ไหมคะ เราเห็นอะไรนิดหน่อยคือ เราเคยได้ยินมาว่า ถ้าเราเอายีนส์ของสัตว์สองชนิดมาผสมกันแล้วลูกที่คลอดออกมาจะเป็นหมันแต่กำเนิด แต่อันนี้เรารู้สึกว่าตัวละครในนิยายของ nicedog จะชอบเพศเดียวกันหมดทุกคน เลยมีความติ้งขึ้นมานิดนึงว่า เอ.... หรือว่านี่จะเป็นสัญชาตญาณของสัตว์เลือดผสมที่ไม่ได้เป็นหมันแต่กำเนิดแต่ว่าไม่มีความรู้สึกกับเพศตรงข้ามไปเลย จะได้ลดปัญหาการมีประชากรล้นโลกอะไรแบบนี้หรือเปล่า
แต่เราคิดว่าเราอาจคิดไปเอง 5555555555
แค่ทฤษฎีที่เราคิดเล่นๆเฉยๆนะคะ ถ้ายังไงก็สู้ๆนะคะ
เรายังรออยู่เสมอ ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 19-03-2018 07:30:12
แหมะ เห็นอนาคตสามอยู่รำไร...ดวงเด็กกินนะเรานิ ฮ่าๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 19-03-2018 10:13:53
ลูก้าโตเป็นหนุ่มล่ะเด้อ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 19-03-2018 19:24:58
รอบนี้แค่มือนะ.. สาม... รอบ หน้า.. หุหุหุ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-03-2018 20:52:35
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-03-2018 23:52:00
รู้สึกเหมือนลูกชายโตเป็นหนุ่ม o18
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-03-2018 01:39:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-03-2018 01:50:03
ไม่รอดดดดด สาม สาม สาม
เพ้อ ละเมอเป็นหน้าสาม กลิ่นสาม ไปหมด
ลูก้าจะเป็นแบบนี้กี่วัน
สามเมื่อยมือไหม 55555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-03-2018 05:19:40
ถถถถถถถ......ลูก้า     :mew2:
สามใจอ่อนไวๆนะ
ก็ชอบลูก้าแท้ๆ ทำไมยังใจแข็งอีก  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-03-2018 07:05:57
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 26-03-2018 16:36:08
 :z2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่10◈♦> 16/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 26-03-2018 21:59:42
เขามีพัฒนาการ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 28-03-2018 20:06:01
◈ธาราที่11◈



ช่วงเช้าของประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรมักจะมีแสงแดดส่องสว่างลงมายิ่งอยู่ติดทะเลกลิ่นไอร้อนจะน้ำเค็มก็มักจะลอยตามลมมา นักท่องเที่ยวหลายคนต่างก็ชื่นชอบเพราะการได้มารับลมกับดูวิวทะเลในยามเช้าช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดที่สะสมมา


ทว่าต่อให้ยืนมองวิวอันสวยงามติดขอบทะเลไปอีกสักสามวันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายได้หรอก


ผมไม่มีทางผ่อนคลายในสถานการณ์แบบนี้แน่นอน


ใครมันจะกล้าผ่อนคลายในฤดูติดสัดกันล่ะ!


ถ้าเป็นฤดูติดสัดปกติผมคงไม่ต้องมานั่งกลุ้มแต่ตอนนี้ลูก้าซึ่งมีสายเลือดของไดโนเสาร์อยู่ทำให้ช่วงนี้มักจะมี...เอ่อ ความต้องการมากเป็นพิเศษ


แน่นอนว่าถ้าแค่นั้นผมคงไม่ต้องมายืนมองวิวทะเลหรอกถ้าความต้องการนั่นไม่ได้เกี่ยวกับผมน่ะ


เล่นบอกว่าถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่ต้องการใครทั้งนั้น


แบบนั้นใครจะยืนอยู่เฉยๆได้เล่า


พอบอกว่าจะช่วยกลายเป็นว่าครั้งเดียวไม่พออีก


แค่ต้องมาเห็นของผู้ชายด้วยกันก็อายจนแทบจะมุดหนีแล้วแต่นี่ยังต้องมาช่วย...ถึงจะแค่มือมันก็อายนะ


เกิดมาก็พึ่งรู้ว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์มีความต้องการมากขนาดนี้


ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนกันรึเปล่า


เพราะความอยากรู้ผมเลยอาศัยช่วงที่ลูก้าเข้าห้องน้ำออกมายืนโทรศัพท์หาคนที่สามารถไขข้อสงสัยทุกอย่างได้อย่างหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่หรือเซโครเพื่อนสนิทสมัยเรียนปริญญาเอกของผม


“เซโคร...”


(โทรมาช่วงนี้แปลว่าเกี่ยวกับเรื่องฤดูติดสัดสินะ)ไม่ต้องรอผมพูดจบปลายสายก็พูดขึ้นราวกับรู้ถึงสาเหตุที่ผมโทรมาอยู่แล้ว


“ใช่...นี่คือสิ่งที่นายเตือนเมื่อครั้งที่แล้วสินะ”ผมจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเซโครก็เตือนให้ผมระวังตัวไว้


ผมก็นึกว่าจะเรื่องอะไรสักอีก สำหรับเรื่องนี้แค่ระวังมันไม่พอมั้ง


(อืม...ตอนอยู่เกาะเขาก็เป็นนะอาการติดสัดน่ะ)


“แปลว่าช่วงนี้ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ทุกคนเป็นหมดเลยสินะ”


(ไม่ใช่หรอก)


“ไม่ใช่?...หมายความว่าไง”ผมรีบถามกลับ


(จริงอยู่ที่ไดโนเสาร์กลายพันธุ์มียีนของไดโนเสาร์อยู่ในร่างครึ่งหนึ่งทำให้ช่วงฤดูติดสัดมีอิทธิพลค่อนข้างมากแต่อย่าลืมสิว่านอกจากยีนของไดโนเสาร์ยังมียีนของมนุษย์อยู่อีก...)


“จะบอกว่าด้วยอิทธิพลของยีนจากมนุษย์ทำให้ความต้องการช่วงสืบพันธุ์ถูกระงับสินะ”ผมพูดต่อ


(ใช่...นั่นทำให้ถึงอยู่ในฤดูติดสัดก็ไม่ถูกความต้องการควบคุม)


“จะบอกว่าที่ลูก้าเป็นมันผิดปกติเหรอ”ผมถามกลับไปตามตรง


ถ้าพูดว่ายีนของมนุษย์ช่วยระงับความต้องการในช่วงนี้นั่นแปลว่าลูก้าที่มียีนทั้งสองก็น่าจะไม่ถูกความต้องการครอบงำแต่ในความจริงลูก้ากลับดูต้องการมากกว่ามนุษย์ปกติซะอีก


หรือว่ามีอะไรที่มากกว่านั้น


(เปล่า...เขาปกติดี)


“...ผมเริ่มงงแล้วนะเซโคร สรุปว่ายังไงกันแน่”คำพูดของปลายสายทำให้ผมขมวดคิ้วมากกว่าเดิม


อาการแบบที่เป็นอยู่มันเรียกว่าปกติงั้นเหรอ


(เขาถือว่าปกติถ้าเทียบกับไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีคู่)


“..มีคู่?...หมายถึงมีคนรักอย่างนายกับยูทาร์?”


(ใช่...ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีคู่จะมีความต้องการในช่วงนี้มากกว่าปกติต่างจากไดโนเสาร์กลายพันธุ์คนอื่นที่ไม่มีคนรักหรือคู่)


“ลูก้ามีคู่เหรอ?”ผมถามกลับไป เสี้ยวหนึ่งของน้ำเสียงผมสัมผัสได้ว่ามันแฝงไปด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ไม่รู้ว่าคืออะไร


(ถ้าไม่มีเขาคงไม่ต้องการขนาดนั้น...ตอนที่อยู่เกาะเขาก็เป็นแบบนั้นสองครั้ง)


“สองครั้ง?...แล้วคู่ของลูก้า”


(คู่ของเขาไม่ได้อยู่ด้วย)


“ห๊ะ?...แล้วอยู่ไหน”


(...พูดขนาดนี้นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าคู่ของลูก้าคือใครน่ะ)ปลายสายดูจะเอือมเต็มทีที่ผมไม่สามารถเดาถูกสักที


“ก็ไม่...”


(คิดหน่อยทรี...นายฉลาดจะตาย เรื่องยากกว่านี้ก็คิดได้ไม่รู้เท่าไหร่)คำพูดนั้นเหมือนโดนหาว่าโง่อยู่กลายๆเลย


ตามคำพูดของเซโครคู่ของลูก้าต้องอยู่ไกลจากเกาะ


ถ้าไม่ใช่เกาะก็มีแค่ที่นี่เพราะตั้งแต่ที่ลูก้าเกิดก็อยู่ที่นี่กับผมและบนเกาะนั้นเท่านั้น


ที่นี่เหรอ


พูดถึงคนที่มีโอกาสเป็นคู่มากที่สุดก็ต้องเป็นคนที่คลุกคลีและใช้เวลาอยู่ด้วยมากกว่าคนอื่น


คนคนนั้น...


...ไม่จริงน่า


ไม่ใช่หรอก


“...”ไม่มีทาง


(เงียบแบบนั้นเดาได้แล้วใช่ไหมว่าใคร)


“...ไม่จริง...”


(ทำไมไม่ถามเจ้าตัวเองล่ะ...ลองถามดูสิว่าคู่ของเขาคือใคร)


“เซโคร...”


(ยังไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่คิดก็ได้ คำตอบนั้นฟังจากปากของเขาเถอะ เซโคร มาทำอะไรตรงนี้)ระหว่างที่คุยเสียงของยูทาร์ก็ดังแทรกเข้ามาในระยะใกล้


(โทษทีผมคุยกับทรีอยู่น่ะ...งั้นไว้ค่อยคุยกันนะทรี)


“เดี๋ยวสิ...”ยังไม่ทันได้อ้าปากถามต่อปลายสายก็วางไปแล้ว


โอ้ย...แล้วผมจะทำยังไงดี


ไม่ไม่ไม่


ตั้งสติสิสาม


ยังไม่แน่ว่าจะจริงสักหน่อย


มันไม่ทางเป็นผมไปได้หรอก


“สาม”


เฮือก


“...ลูก้า”ผมสะดุ้งตัวโหยงทันทีที่เสียงของลูก้าดังขึ้นจากด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายเดินตรงมาให้ในชุดลำลองดูสบายตา


“ทำอะไรอยู่”


“เอ่อ...พึ่งคุยกับเซโครเสร็จ”ในเมื่อไม่รู้จะโกหกอะไรผมก็เลือกที่จะบอกความจริงไป


“คุย?...เรื่องอะไร”


“ก็หลายๆอย่าง...วันนี้แช่น้ำเร็วนะ”ผมพยายามเลี่ยงโดยการเปลี่ยนเรื่อง


“เร็วที่ไหน...ผมก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่สามจะมาตะโกนบอกให้พอ”


“...เหรอ...โทษทีนะ”นี่ผมคุยกับเซโครนานขนาดนั้นเชียว


“สรุปว่าคุยอะไรกับเซโคร”


“บอกให้เรียกคุณด้วยไง”


“ก็ได้...งั้นสรุปว่าคุยอะไรกับคุณเซโครที่เป็นหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ”


“ไม่เรียกชื่อจริงด้วยเลยล่ะ”เล่นเรียกซะขนาดนั้นแล้ว


“อย่าเปลี่ยนเรื่องสาม”ดวงตาสีเงินนั่นจ้องมาราวกับจะบอกให้ผมเลิกเลี่ยงไปมาได้แล้ว


ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้แฮะ


“เฮ้อ...คุยเกี่ยวกับฤดูติดสัดว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์คนอื่นเป็นเหมือนกันไหม”


“คำตอบนั่นคงได้แล้วสินะ”


“ใช่...ได้แล้ว ลูก้า...นายมีคู่แล้วเหรอ”ผมกลั้นใจถามสิ่งที่อยากรู้ที่สุดออกไป


“อืม แต่ยังเรียกว่าคู่ไม่ได้”อีกฝ่าบตอบพลางมองผมด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าเมื่อครู่


“ยังเรียกไม่ได้...”หมายความว่าไง


“เขายังไม่พร้อมจะเป็นของใคร...”


“...ลูก้า”


“เขาบอกว่าให้รอก่อนซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันจะนานแค่ไหน”


“...แล้วยังจะรอตามที่เขาพูดรึเปล่าล่ะ”ผมพยายามอย่างมากไม่ให้เสียงที่ดังออกไปสั่น


คำพูดพวกนั้นผมรู้ดีว่าใครเป็นคนพูด


รู้ดียิ่งกว่าใครเพราะผมเป็นคนพูดมันออกมาเอง


“รอสิ”


“ไม่เปลี่ยนใจเหรอ”


“คู่ของผมมีแค่คนเดียว”


“...”เจอประโยคนั้นเข้าไปผมถึงกับพูดไม่ออกเลย รู้สึกดีที่ตัวเองมีผิวสีน้ำผึ้งก็วันนี้ถ้าผิวขาวอีกฝ่ายคงเห็นหมดแล้วว่าใบหน้าผมมันแดงขนาดไหน แม้ไม่ส่องกระจกยังรู้เลยว่าแก้มทั้งสองข้างมันร้อนจนแทบสุกแล้วทั้งที่ในประโยคไม่ได้มีชื่อผมอยู่สักนิด


“สามหน้าแดง...”


“หยุดพูดเลยนะ”ผมรีบเอ่ยห้าม


ทำไมถึงรู้ได้กัน คิดว่าผิวสีนี้ไม่น่ามองออกได้ง่ายๆแล้วเชียว


“สามน่ารัก”


“บอกให้หยุดไง”


“...”อีกฝ่ายยอมหยุดตามที่บอกแต่รอยยิ้มมุมปากทำเอาผมอยากกระโดดลงทะเลไปให้รู้แล้วรู้รอด


“หุบยิ้มด้วย”


“ใจร้าย”ลูก้าบ่นโดยที่ยกยิ้มอยู่


“ใครกันแน่”คำนี้ผมสิควรจะพูด


ใครกันแน่ที่ใจร้าย


เล่นทำหัวใจผมเต้นแรงขนาดนี้รับผิดชอบเลยนะ


ไดโนเสาร์บ้านี่


หลังจากจบการพูดคุยที่ทำเอาหน้าแทบไหม้ในช่วงเช้าผมกับลูก้าก็ลงมายังโรงอาหารชั้น1และไปต่อยังห้องวิจัยเหมือนปกติ ลูก้าตอนแรกที่มานั่งในห้องวิจัยดูจะสนใจพวกอุปกรณ์แปลกแต่พอเข้าสัปดาห์ที่สองความสนใจนั่นก็กลายเป็นเฉยๆจนตอนนี้อีกฝ่ายมักจะนั่งเฉยๆรอผมเลิกงาน


บางครั้งผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีที่เห็นลูก้าต้องมานั่งรอแบบนั้นเลยให้ลูก้าเล่นแท็บเล็ตในสัปดาห์ที่สามจนถึงตอนนี้ลูก้าดูเหมือนจะยังไม่เบื่อ ในแท็บเล็ตนั่นผมใส่พวกเกมฝึกสมองกับเกมคลายเครียดไว้เต็มไปหมด


เล่นทั้งเดือนคงยังไม่ครบเลยมั้ง


“ยุ...ตรงนี้เสร็จแล้ว ทางนั้นเป็นไง”ผมละสายตาออกจากกล้องจุลทรรศน์พลางหันไปถามยุที่กำลังง่วนกับการส่องกล้องจุลทรรศน์อีกเครื่อง


“อ่า เสร็จแล้ว...เหมือนผลที่ได้จะเป็นอย่างที่คาด ของสามล่ะ”


“เหมือนกัน ผลออกมาแบบนี้ถือว่าสำเร็จ”ผมบอกพลางยกยิ้ม


ในที่สุดงานวิจัยฉุกเฉินที่ส่งมาก็เสร็จในเวลารวดเร็วกว่าคาด


“ที่เหลือคือทดลองจริง”ยุพูดพร้อมกับหยิบแผ่นสไลด์ใสที่ภายในมีหยดยาสีเหลืองอ่อนหยดไว้ขึ้นมา


การวิจัยครั้งนี้เป็นการคิดค้นการรักษาโรคติดต่อของสัตว์ทะเลที่กำลังระบาดอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่พวกผมที่คิดค้นยารักษานี้


ตั้งแต่มีข่าวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดก็ได้มีการกระจายข่าวและส่งทีมแพทย์หลายคนไปหาสาเหตุซึ่งก็หาไม่พบ นั่นทำให้ตัวอย่างเชื้อโรคถูกกระจายไปตามห้องวิจัยชื่อดังทั่วโลกเพื่อช่วยแก้ไขวิกฤตครั้งนี้โดยเร็วที่สุด


“ดูเหมือนเราจะทำได้เป็นกลุ่มแรก”พูดจบก็อดยิ้มไม่ได้


“งั้นเหรอ...น่าดีใจแฮะ”


“วุธ...พิมพ์รายงายเสร็จก็ส่งข่าวไปบอกทางนั้นด้วยนะ”ผมบอกวุธที่กำลังนั่งพิมพ์รายงายจากยุอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์


“ให้พี่พลไปแจ้งไม่ได้เหรอครับ”วุธพูดโดยที่มือยังคงพิมพ์อยู่


“เฮ้ยๆ...อย่าโยนให้พี่สิน้อง เห็นไหมว่าพี่ทำงานสำคัญอะไรอยู่”คนถูกพาดพิงอย่างพี่พลถึงกับรีบออกปากกลัวว่าจะได้งานเพิ่ม


“เก็บล้างอุปกรณ์น่ะเหรอครับ”


“อย่าดูถูกเชียวนะ รู้ไหมว่าถ้าล้างไม่สะอาดอาจเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเลยนะ”


“พี่ก็แค่เอาเรียงเข้าตู้ล้างเท่านั้นนี่”วุธเถียงขาดใจ


“พอๆ...ฟ้า...ติดต่อทางนั้นด้วยว่าเราทำสำเร็จแล้ว”เพราะไม่ต้องการฟังทั้งคู่ถกเถียงกันไปมากกว่านี้ผมเลยเลือกให้ผู้ช่วยอีกคนไปทำแทน


“ได้ค่ะหัวหน้า”


ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังโซฟาสีน้ำเงินเข้มริมห้อง บนโซฟามีร่างของลูก้านอนเล่นแท็บเล๊ตอยู่พอเขาสัมผัสได้ว่าผมเดินมาก็ละสายตาออกจาจอเงยขึ้นมามอง


“ทำงานเสร็จแล้วเหรอ”


“อืม...ครั้งนี้ไม่ได้ยากเท่าไหร่”


“จะกลับเลย?”


“ลูก้าว่าไงล่ะ”ผมถามกลับ


“อยากดำน้ำ”คำตอบนั่นทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ


เป็นคำตอบที่สมกับลูก้าจริงๆ


“เอาสิ...ไหนๆก็ว่างไปดำน้ำกัน”


“พูดแล้วนะ”ดวงตาสีเงินทอประกายสุขสมพร้อมรอยยิ้มปรากฏขึ้นแทนจะทันที


“แน่นอน...ไปกัน”


“อืม”แท็บเล๊ตในมือถูกวางไปบนโซฟาสีน้ำเงินก่อนจะลุกตามผมออกมาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข


ทุกครั้งที่ผมพาไปดำน้ำหรือว่ายน้ำลูก้ามักจะมีความสุขอยู่เสมอ


ความจริงก็ไม่ใช่แค่ลูก้าหรอกที่มีความสุข


ผมเองก็มีความสุขไม่ต่างกัน


ระหว่างเดินไปยังชายหาดเท้าที่ก้าวก็หยุดลงเมื่อเห็นฝ่ายควบคุมวิ่งกันให้วุ่นตั้งแต่บนหาดยาวไปถึงบนสะพานที่มีบ่อสัตว์น้ำเรียงรายอยู่


“เกิดอะไรขึ้น”แน่นอนว่าคำถามนั้นผมไม่หวังให้ลูก้าตอบ พวกเราเดินมาด้วยกันถ้ารู้ก็คงแปลก


“เหมือนกำลังเร่งรีบอะไรสักอย่าง”ลูก้าพูดเสริมพลางมองไปยังกลุ่มคนที่วิ่งวุ่นอยู่


“นั่นหัวหน้านทีธารนี่...หัวหน้าครับ”เสียงของโก้ รองหัวหน้าฝ่ายควบคุมของปายดังขึ้นพร้อมกับหันไปตะโกนบอกหัวหน้าของตัวเอง


“สาม?”ดูเหมือนคนที่วิ่งตามมาสบสมจะตกใจไม่น้อยที่เห็นผมอยู่ตรงนี้


“ปาย...”ยังไม่ทันได้เรียกชื่อจบลูก้าก็เดินมาขวางหน้าไม่ให้ปายเข้ามาใกล้ผมมากกว่านี้


“นายนี่จะหวงสามไปไหนนะ”ปายบ่นเมื่อเห็นท่าทางของลูก้า


“นายมันไม่น่าไว้ใจ”


“หึ...ของตัวเองก็ไม่ใช่”ปายย้อนกลับ


“ตอนนี้ยังแต่ต่อไปเป็นแน่”


“คิดงั้นเหรอ”


“แน่นอน”สายตาของทั้งคู่ที่จ้องราวกับศัตรูคู่แค้นทำให้คนมองอย่างผมส่ายหัวไปมา


“พอก่อน...มีเรื่องอะไรปาย ทำไมหน่วยควบคุมมาวิ่งเล่นแถวนี้”ผมยิงคำถามตรงๆ ปกติหน่วยควบคุมไม่มาอยู่แถวนี้หรอกแปลว่าถ้ามาคงมีเรื่องอะไรสักอย่าง


“มีการขอความช่วยเหลือจากเรือที่ประสบเหตุกลางทะเลเมื่อไม่กี่นาทีก่อน”


“ประสบเหตุ?”


“ใช่...เหมือนจะเจอฝูงวาฬกระแทกจนเรือเสียหาย”


“ลูกเรือปลอดภัยสินะ”ผมถามต่อ


“ลูกเรือน่ะปลอดภัยแต่สิ่งที่บรรทุกมาด้วยกลับตกทะเลไปน่ะสิ”ปายอธิบายหน้าเครียด


“บรรทุกอะไร...น้ำมัน?”


“ไม่ใช่...เรือนั่นบรรทุกสัตว์ทะเลดึกดำบรรพ์ไว้ ทางนั้นเลยต้องการให้คนที่อยู่ใกล้สุดซึ่งก็คือพวกเราไปช่วยจับสัตว์ทะเลพวกนั้น”


“พูดเป็นเล่น”จะให้จับสัตว์ทะเลที่หลุดไปแล้วในทะเลเนี่ยนะ


อยากจะขำให้กลิ้งตกทะเล


“จะพูดเล่นทำไม...เห็นว่าเรือนี่มาจากเขตแฟซิฟิกที่มีโรคติดต่อทางทะเลระบาดอยู่ แปลว่าอะไรนายคงเข้าใจสินะสาม”พูดจบดวงตาสีน้ำตาลก็หันมาสบอย่างจริงจัง


“...สัตว์ทะเลที่หลุดไปอาจมีเชื้อโรคอยู่”และถ้าเอาไปแพร่ให้ตัวอื่นละก็ได้ติดเชื้อการเป็นแถบๆแน่


“ตามนั้น...เราต้องรีบจับกลับมาให้ได้ เพราะงั้นขอแรงหน่อย”


“ผม?”


“กับนายด้วย”พูดกับผมเสร็จก็หันไปมองลูก้าที่อยู่ข้างๆ


“ลูก้า เอาไง”ผมหันไปถามความเห็น


“เราไม่ควรปล่อยไว้”ลูก้าหันมาบอก


“คิดเหมือนกัน”


“สรุปว่าตกลงนะ...รีบไปเรือกันเถอะ”


“ขอเวลาผม5นาที...เดี่ยวตามไปที่เรือ”ผมบอกปายก่อนจะวิ่งกลับไปยังห้องวิจัยโดยมีลูก้าวิ่งตามมาติดๆ พอมาถึงยังห้องหลายคนที่อยู่ก็หันมามองอย่างสงสัยเพียงแต่ผมไม่มีเวลาที่จะอธิบายอะไรเลยได้แต่หยิบยาที่พึ่งทดลองเสร็จวิ่งตรงไปยังเรือที่จอดรออยู่



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 28-03-2018 20:06:22
(ต่อนะคะ)


แน่นอนว่าด้วยระยะทางทำให้ไม่สามารถใช้เวลา5นาทีเหมือนที่พูดไว้ได้ แต่ดูเหมือนปายจะรอผมและลูก้าอยู่ ทันทีที่เหยียบบนเรือปายก็สั่งให้ออกเรือโดยไม่รีรอ


“สัตว์ที่หลุดไปเป็นพันธุ์อะไร”ผมเดินไปถามข้อมูลจากหัวหน้าฝ่ายควบคุมอย่างปาย


“เรื่องนั้นการติดต่อถูกตัดไปก่อนแต่เหมือนจะเป็นออสตราโคเดิร์มนะ”


“หึ...”


“มีอะไรน่าขำเหรอสาม”ลูก้าที่ตามมาถามด้วยใบหน้างงๆ


“น่าขำสิ...สัตว์ที่อาจมีเชื้อโรคตอนนี้อยู่ในทะเลแถมดันเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ก้นทะเลอย่างออสตราโคเดิร์มอีกต่างหาก”น่าขำจนอยากจะร้องไห้


ระดับน้ำที่ใช้ในการแล่นเรือคงไม่ใช่10-20เมตร ระดับน้ำที่วาฬอยู่คือประมาณ1,000เมตรการจะดำลงไปก้นทะเลในระดับที่ลึกกว่า1,000เมตรถือเป็นเขตอันตรายที่แสงสว่างส่องไปไม่ถึง


น้ำลึกขนาดนั้นสัตว์ที่ต้องจับดันเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ก้นทะเล


แถมขนาดของมันยังมองเห็นง่ายซะเหลือเกิน


นี่ผมกำลังประชดอยู่นะ


ออสตราโคเดิร์ม เป็นปลาดึกดำบรรพ์ที่มีเกราะหุ้มอยู่ทั้งตัวเพื่อป้องกันอันตรายจากนักล่าในก้นทะเลลึก ด้วยขนาดเพียงฝ่ามือหรือไม่เกิน30เซนติเมตรทำให้มันถูกมองข้ามจากนักล่าตัวใหญ่


ไม่มีอะไรยากไปกว่านี้แล้ว


“คิดจะให้พวกลูกน้องดำลงไปเหรอ”ผมหันไปถามปาย


“...นอกจากนั้นคงไม่มีทางเลือกอื่น”ปายนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา


“ได้พากันแย่น่ะสิ...ระดับน้ำขนาดนั้นไม่มีใครเคยดำลงไปหรอก ความมืดของก้นทะเลมนุษย์ปกติไม่มีทางมองเห็น”การจะดำลงไปในความลึกระดับนั้นจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญสูง


ขนาดผมยังไม่เคยดำลงไปลึกขนาดนั้นเลย


“มีวิธีอื่นจะเสนอรึเปล่าล่ะ...ตอนนี้ถ้าพวกมันถูกสัตว์อื่นกินไปแล้วเกิดแพร่เชื้อมันจะยิ่งควบคุมยากขึ้นไปอีก”


“ข้อเสนอน่ะมี...แต่ต้องถามข้อมูลมากกว่านี้ก่อน”


“ว่ามา...”


“หัวหน้า ถึงแล้วครับ”เสียงตะโกนของโก้หนึ่งในลูกน้องของปายดังขึ้นขัดจังหวะ


เรือขนาดกลางของพวกเราเข้าไปจอดเทียบกับเรือขนาดใกล้เคียงกันอีกลำ บนเรือนั่นมีคนอยู่หลายสิบคนที่กำลังทำหน้าเหมือนคงกำลังหมดหวัง ซึ่งก็ไม่แปลกที่จะทำหน้าแบบนั้น...ถ้าเรื่องสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่อาจมีเชื้อระบาดอยู่รู้ถึงหูพวกองค์กรสิ่งแวดคงได้มีบทลงโทษไม่น้อยแน่


“ก่อนอื่นผมของถามว่าทำไมถึงได้นำสัตว์ที่อาจมีเชื้อบรรทุกมากับเรือด้วย”ผมไม่รอแม้จะเอ่ยทักทายรีบตรงเข้าไปหาคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า


“การทำยารักษาจำเป็นต้องมีการทดลองจริง ถ้าขืนรอให้นำยาไปทดลองคงจะกินเวลามากดังนั้นทางเบื้องบนเลยมีคำสั่งให้นำสัตว์ในเขตที่มีการแพร่ระบาดส่งให้กับสถาบันวิจัยทั่วโลก...ความจริงทางเราก็จะส่งให้กับพวกคุณเหมือนกัน”


“...แบบนี้นี่เอง”เข้าใจล่ะว่าทำไมถึงต้องพาสัตว์พวกนี้มา


เราจะปล่อยเวลาให้เสียไปไม่ได้ การจะรอให้สร้างยาได้แล้วส่งไปยังพื้นที่แพร่ระบาดเพื่อทำการทดลองว่าใช้ได้หรือไม่นั้นกินเวลาเกินไป และถ้าเกิดใช้ได้กว่าจะทำยาตัวเพิ่มก็ยิ่งเสียเวลามากขึ้นไปอีก


“เดี๋ยวพวกเราจะพยายามลงไปจับออสตราโคเดิร์มให้แต่ไม่รับประกันว่าจะจับได้ครบไหม”ปายพูดต่อ


“เอ่อ...เกี่ยวกับเรื่องเราเกรงว่าจะไม่ได้มีแค่ออสตราโคเดิร์มที่พวกคุณต้องช่วยจับ”


“จะบอกว่าสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ตกทะเลไปไม่ได้มีแค่ออสตราโคเดิร์มงั้นเหรอ”ผมแทบจะตะโกนออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนั่น


“คะ...ครับ”


“มีอะไรอีก”


“พิคายา...”อีกฝ่ายพึมพำเสียงเบาราวกับไม่อยากพูดชื่อนั้นออกมา


“พิคายา...ให้ตายเถอะ นี่มันยิ่งกว่าออสตราโคเดิร์มอีกนะ”ผมละอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆเลย


ออสตราโคเดิร์มยังมีขนาดประมาณ30เซนติเมตรซึ่งก็ถือว่าเล็กแล้วสำหรับการมองหาด้วยตาในทะเลอันกว้างใหญ่แต่พิคายามีขนาดเล็กกว่าอีกหลายเท่าคือมีขนาดตัวเพียง5เซนติเมตรเท่านั้น


คิดดูสิว่าจะมองหาสัตว์ขนาดเล็กเท่านั้นได้ยังไงในทะเลที่กว้างเป็นหมื่นๆกิโล


“...แล้วก็มีฮัลลูซิจีเนียอีกครับ”


“...”ผมถึงกับพูดไม่ออก ดวงตาสีน้ำตาลของผมเบิกกว้างทันทีที่อีกฝ่ายพูดต่ออีก


“สาม...ฮัลลูซิจีเนียนี่ผมเคยได้ยินมา เห็นว่าเป็นสัตว์ขนาดเล็กที่มีหนามบนหลังถึง7คู่...ถึงจะมีหนามเยอะขนาดนั้นแต่ขนาดตัวมันน่ะ...”


“0.5มิลลิเมตรถึง3เซนติเมตร”ผมพูดต่อสิ่งที่ลูก้าค้างไว้


พิคายาว่าตกใจแล้วเจอฮัลลูซิจีเนียยิ่งตกใจกว่าอีก


นี่มันรวมสัตว์ดึกดำบรรพ์ยุคแคมเบรียนรึไง


“สาม”ปายเรียก


“สัตว์เล็กขนาดนั้นโอกาสหาเจอแทบเป็นศูนย์”


“แต่จะปล่อยเอาไว้...”


“ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”


“อืม...เห็นบอกว่ามีแผนอะไรนี่”


“ก็มีอยู่แต่ขอถามข้อมูลอีกหน่อย...พวกสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ล่วงไปในทะเลมีอะไรใส่ไว้สินะครับ”ผมหันกลับไปถามเจ้าหน้าที่คนเดิม


“ใส่กล่องใสไว้ครับ...กล่องนั่นมีระบบล๊อคอยู่ต่อให้โดนกระแทกก็ไม่เปิดแน่นอน”อีกฝ่ายอธิบาย


อย่างน้อยก็อยู่ในกล่องอย่างที่คาดนึกว่าต้องงมเข็มในมหาสมุทรซะแล้ว


แบบนี้ค่อยง่ายหน่อย


“แล้วบริเวณที่ตกลงไปล่ะ”


“บริเวณนั้นครับ...ตกไปได้เกือบชั่วโมงแล้ว”


“เกือบชั่วโมงเหรอ...ลงไปลึกแน่...ปาย”


“พูดแผนของนายมาเลย”


“จะทำตามงั้นสิ”


“ก็ดีกว่าไม่มีแผนละกัน”


“เป็นหัวหน้าแต่ไม่มีแผนนี่แย่นะ”


“ใครมันจะคิดได้เร็วเหมือนนายเล่า...บอกมาได้แล้ว”ปายเร่ง


“ถ้าสิ่งที่ตกลงไปคือกล่องเราก็หาได้ง่ายขึ้นแต่ขอบเขตการค้นหาก็จะกว้างหน่อยเพราะกระแสน้ำอาจทำให้กล่องถูกพัดไปค่อนข้างไกล...ผมเสนอให้แบ่งกันทำงานเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกดูตั้งแต่ผิวน้ำไปจนถึงระดับความลึก50เมตร กลุ่มที่2ตั้งแต่50เมตรไปจนถึง80เมตร...”


“ระดับน้ำมันตื้นไปรึเปล่า น่าจะหาในระดับที่ลึกกว่านั้น”ปายพูดแทรก


“กล่องขนาดประมาณไหนครับ”ผมหันไปถามอีกรอบ


“ประมาณนี้ครับ”อีกฝ่ายบอกรูปร่างโดยใช้มือทั้งสองข้างช่วย ขนาดนั้นประมาณเครื่องซีพียูปกติหนึ่งเครื่องได้


“จากที่ผมคาดคิดว่ายังไม่น่าลงไปลึกขนาดนั้นแต่เพื่อความแน่ใจผมกับลูก้าจะเป็นกลุ่มที่3จะลงไปหาในระดับความลึกมากกว่า80เมตรให้”


“แค่สองคน?”


“ใช่...ผมไม่ได้บอกว่าคนอื่นประสบการณ์ไม่พอหรือไม่เหมาะสม เพียงแต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินผมกับลูก้าสามารถกลับขึ้นมาได้โดยมีเปอร์เซนต์ความปลอดภัยมากกว่า”ผมอธิบายต่อ


“สาม...”


“ไหวนะลูก้า”ผมหันไปมองลูก้า


“แน่นอน”


“เคยดำลึกสุดเท่าไหร่”


“ไม่รู้สิ ผมไม่เคยวัดแต่ลึกพอดู”


“โอเค...มีชุดกับถังออกซิเจนใช่ไหม”ผมหันไปถามปาย


“อืม...มีอยู่ท้ายเรือ”


“บอกให้ทุกคนทำตามนั้น พวกเราต้องรีบหน่อย”


“เข้าใจแล้ว”


หลังจากคุยจบผมก็รีบวิ่งไปจัดการเปลี่ยนชุดและอุปกรณ์ต่างๆ ถังออกซิเจนถูกปรับให้มีขนาดเล็กกว่าปกติแต่มีปริมาณอากาศมากกว่าถังขนาดใหญ่ เมื่อผมจัดการทุกอย่างเสร็จก็ออกมายังส่วนท้ายเรือที่ตอนนี้มีเหล่าลูกน้องปายกำลังดำลงไปอยู่


“ลูก้า ไม่เปลี่ยนชุดแน่นะ”ผมหันไปถามอีกรอบ


“ไม่เปลี่ยน...แบบนี้สบายกว่า”


“รู้ใช่ไหมว่าเราต้องหาอะไร”


“อืม...กล่องใสที่มีสัตว์ตัวเล็กอยู่ข้างใน”


“ดี...นี่ลูก้า”ผมมองไปรอบๆก่อนจะเข้าไปปะชิดตัวอีกฝ่าย


“อะไร”


“ห้ามกลับร่างโนเสาร์ถ้าผมไม่บอกนนะ”ผมกระซิบต่อ


“เข้าใจแล้ว”


“และถ้ากลั้นหายใจไม่ไหวให้บอกผมจะให้ออกซิเจน”


“สามจะจูบผมเหรอ”


“ไม่ได้พูดสักคำ”ผมหันไปบ่นเสียงดัง


ประโยคไหนที่สื่อความหมายว่าจะจูบกัน


“ก็บอกว่าจะให้ออกซิเจน”


“แค่ที่หายใจต่างหาก...เลิกเล่นก่อน ไปกันได้แล้ว”


“อืม”ลูก้าพยักหน้าก่อนจะค่อยๆลงใบยังทะเล


“ปาย...ถ้ามีท่าไม่ดีเรียกคนอื่นให้ขึ้นเรือซะ”ผมบอกพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีกลุ่มเมฆสีเทาเคลื่อนตัวมา


“คนอื่นที่ว่ารวมพวกนายสองคนด้วยนะ”


“ผมไม่ใช่ลูกน้องนายนะ”ผมบอกยิ้มๆ


“คิดจะจัดการคนเดียวเหรอ ครั้งก่อนก็ทีแล้ว...แบบนี้ยุบฝ่ายควบคุมไปรวมกับฝ่ายวิจัยเลยดีกว่ามั้ง”


“ไว้จะลองเอาไปเสนอที่ประชุมดูนะ”ผมพูดติดตลก


“ติดเครื่องสื่อสารไร้สายไปแล้วใช่ไหม”


“อืม”ผมพยักหน้าก่อนจะลงไปในน้ำบ้าง


ลูก้าลอยคอรออยู่พอผมพยักหน้าให้อีกฝ่ายก็มุดลงไปใต้น้ำทันที ผมเองก็ดำลงไปตามหลังลูก้าไป...ระยะห่างที่ทิ้งกันนี่คงเป็นความห่างของความสามารถในน้ำสินะ


ทั้งที่ร่างกายเป็นมนุษย์เหมือนกันแต่ลูก้ากลับเคลื่อนไหวในน้ำได้คล่องกว่าบนบกซะอีก


ระดับน้ำที่เริ่มลึกขึ้นเริ่มทำให้การมองเห็นแคบลงไปเรื่อย...เมื่อผ่านระดับ80เมตรมาโลกใต้ทะเลก็เปลี่ยนเป็นสีเทา ฝูงปลาขนาดใหญ่สีเงินแหวกว่ายผ่านกระแสน้ำเป็นภาพชวนมองเพียงแต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาจะไปหลงกับวิวพวกนั้น


“สาม...ได้ยินสินะ...ตอนนี้เราเจอกล่องออสตราโคเดิร์มแล้วในระดับน้ำลึกประมาณ25เมตรห่างจากตัวเรือไปประมาณ200เมตร ตอนนี้มีการติดต่อมาว่าหน่วย2เจอกล่องใสแล้วแต่เพราะเริ่มมีกระแสน้ำเลยต้องใช้เวลาอีกนิด ฝนทำท่าจะตกแล้วพวกนายควรรีบขึ้นมา”เสียงจากเครื่องสื่อสารไร้เสียงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนผิวน้ำที่เกิดความสั่นไหวขึ้น


ด้วยระดับความลึกนี้แค่ฝนตกไม่สามารถส่งมาถึงผมได้แต่ถ้าเป็นพายุก็ไม่แน่


เครื่องมือสื่อสารไร้สายมีข้อดีคือเราสามารถติดต่อกับคนด้านบนได้โดยมีข้อเสียคือไม่สามารถตอบได้เพราะปากกำลังหายใจด้วยออกซิเจนอยู่


ลูก้า


ผมหันซ้ายขวามองไปรอบๆเพื่อหาแผ่นหลังที่เมื่อครู่ยังเห็นอยู่แต่ตอนนี้กลับหายไปจากสายตาอย่างสิ้นเชิง


จะว่าไปผมยังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับลูก้าให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยนี่นา


พวกเรายังไม่มีสัญญาณที่ใช้ใต้น้ำรวมถึงอีกหลายๆอย่าง


ฮืม


คิ้วของผมเริ่มขมวดแน่นเมื่อเห็นอะไรบางอย่างว่ายขึ้นมาจากก้นทะเล เส้นผมสีฟ้าแซมแดงอันเป็นเอกลักษณ์นั่นทำให้ผมยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ลูก้าว่ายขึ้นมาพร้อมกับกล่องใสที่ภายในมีพิคายาตัวเล็กใส่อยู่


พอลูก้าว่ายมาตรงหน้าผมก็ทำหน้าโกรธพลางชี้ไปยังตัวอีกฝ่ายสลับกับกล่องใสด้านข้างเพื่อแสดงให้เห็นว่าผมไม่พอใจที่เขาไปจัดการคนเดียวทั้งที่พวกเราเป็นคู่หูกัน


แบบนี้ก็เหมือนผมไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลยน่ะสิ


ลูก้าเองยกยิ้มขึ้นก่อนจะส่ายหน้าไปมาเหมือนจะบอกว่าพูดอะไรไม่รู้เรื่อง


ลูก้า


ท่าทางนั่นยียวนจนผมอดไม่ได้ที่จะยกเท้าถีบอีกฝ่ายแรงๆจนลอยไปแต่ไม่ไกลมาก


“สามตอนนี้มี...”อยู่ๆเสียงจากเครื่องสื่อสารไร้สายก็หายไป


หรือว่าจะเสีย


ไม่ก็อยู่ในระดับน้ำที่มากเกินกว่าเครื่องจะทนไหว


นิ้วผมชูขึ้นด้านบนเป็นสัญญาณบอกให้พวกเราว่ายขึ้นไปได้แล้วซึ่งลูก้าก็พยักหน้าก่อนที่พวกเราจะว่ายขึ้นไปด้านบนด้วยกัน ยิ่งใกล้ผิวน้ำกระแสน้ำก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆแปลว่าด้านบนต้องกำลังเกิดฝนตกและอาจพ่วงด้วยพายุขนาดย่อม


ลูก้า


พึ่บ


เหมือนลูก้าจะได้ยินที่ผมเรียกเขาเขยับเข้ามาใช้มือข้างนึงกอดเอวผมไว้ก่อนจะค่อยๆพาขึ้นไปด้านบนต่อ กระแสน้ำขนาดนี้ถ้าไม่อยู่ด้วยกันมีสิทธิ์ปลิวไปคนละทางได้


สัมผัสของกระแสน้ำที่เปลี่ยนแปลงทำเอาผมถึงกับเบิกตากว้างใต้หน้ากาก ความรู้สึกเหมือนโดนดูดนี่คือน้ำวนอย่างไม่ต้องสงสัย
สาม


ระหว่างที่กำลังคิดหาวิธีอยู่ๆก็เหมือนได้ยินเสียงของลูก้า พอหันไปมองดวงตาสีเงินนั่นก็กำลังสบมา สายตานั่นกำลังบอกให้ผมตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับสถานการณ์นี้


สิ่งที่ลูก้าคิดกับสิ่งที่ผมคิดรู้สึกจะตรงกันสินะ


ผมพยักหน้าส่งไปให้เล็กน้อยนั่นทำให้ลูก้าส่งกล่องใสมาให้ผมถือก่อนร่างนั้นจะเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นไดโนเสาร์ร่างสีฟ้าลายแดงขนาดใหญ่ยักษ์ ด้วยร่างขนาดใหญ่ของลูก้าสามารถผ่านกระแสน้ำวนไปได้อย่างไม่ยากเย็นโดยมีผมถูกปากเรียวขนาดใหญ่คาบไว้


ความจริงก็อยากจะเกาะหลังมากกว่าแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลามาเรื่องมาก


กรรรรรร~


ร่างของลูก้าโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำพร้อมกับเสียงคำรามสูง สายฝนด้านบนดูจะค่อยๆสงบลงเช่นเดียวกับหมู่เมฆสีเทาที่สลายไปอย่างเชื่องช้า


บริเวณที่เราโผล่ขึ้นมาคือด้านข้างของเรือทั้งสองลำที่จอดเคียงข้างกันอยู่


“นั่นอะไรน่ะ”ไม่รู้ว่าเป็นลูกน้องของปายหรือพนักงานบนเรือที่ส่งเสียงร้องตกใจขึ้น


“หัวหน้านทีธารกำลังจะถูกกินแล้ว”


เฮ้ย...ใครถูกกินกัน


“สาม”เสียงของปายตะโกนพร้อมชะโงกหัวลงมาหาผม


“แค่ก...ผมไม่เป็นไร”ทันทีที่ดึกสายออกซิเจนออกผมก็ตะโกนตอบอีกฝ่ายไป


“ไม่เป็นอะไรที่ไหนเล่า...ตัวนั่นมัน...”


“หัวหน้าออกคำสั่งได้ครับ”โก้บอกพร้อมกับเหล่าลูกน้องที่เล็งกระบอกปืนสีดำมายังลูก้าในร่างไดโนเสาร์


“เดี๋ยวๆๆ...ห้ามยิง ห้ามยิงเด็ดขาดนะ นี่ลูก้า”ผมรีบโบกมือบอกปายโดยไม่สนว่าท่าทางของตัวเองมันจะน่าเกลียดขนาดไหน
ตราบเท่าที่ผมยังอยู่จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายลูก้า


“ลูก้า?...ก็รู้ว่าเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์แต่ไม่ใช่ไดโนเสาร์บกเหรอ”น้ำเสียงงงๆนั่นทำให้ผมรู้ว่าถึงปายจะรู้ว่าลูก้าเป็นใครแต่ก็ไม่รู้ว่าร่างจริงของเขาคืออะไร


จะว่าไปก็มีไม่กี่คนที่เคยเห็นลูก้าในร่างนี้


“เขาเป็นไดโนเสาร์น้ำ...ห้ามยิงเด็ดขาดเลย”ผมย้ำอีกรอบ


“...เข้าใจแล้ว...ห้ามยิง”ปายหันไปสั่งลูกน้องที่เหลือ


“เฮ้อ...ลูก้าปล่อยผมได้แล้วมั้ง”ผมหันไปบอกเสียงสั่น พอทุกอย่างจบผมก็พึ่งสังเกตว่าสภาพตัวเองที่ถูกฟันคมกริบคาบถังออกซิเจนอยู่ในท่าทิ้งตัวต่องแต่งนี่มันไม่น่าดูเอาซะเลย


งี๊ดดด~


ลูก้ายอมทำตามที่บอกพาผมไปวางลงยังบันไดขึ้นเรือก่อนจะกลับร่างมนุษย์ท่ามกลางความตกใจของหลายๆคนที่มองอยู่


“ไม่อายเหรอลูก้า”ผมหันไปถามเพราะดูอีกฝ่ายไม่สนใจเท่าไหร่ว่าจะมีคนมองหรืออะไร


“ไม่นี่...สามไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม ผมไม่รู้จะคาบยังไงเลยได้แค่นี้”ลูก้าพูดพลางไล่มองร่างกายผมว่ามีอาการบาดเจ็บตรงไหนบ้าง


“ผมไม่เป็นไร...ลูก้าทำดีแล้ว...ขอบคุณที่ช่วยนะ”ผมบอกด้วยรอยยิ้ม


“ไม่ว่ากี่ครั้งผมก็จะช่วย”หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นราวกับตอบสนองกับคำพูดนั่นโดยไม่รู้ตัว


หลังจากขึ้นไปผมก็จัดการหยดยาที่พึ่งทดลองเสร็จลงไปแล้วนำสัตว์ดึกดำบรรพ์พวกนั้นไปตรวจอย่างแน่นอนยังศูนย์วิจัยสัตว์ทะเล จากการทดลองจริงเชื้อโรคที่แพร่อยู่ได้หายไปตามคาดพวกผมที่คิดค้นยารักษาได้เป็นที่แรกเลยต้องวุ่นกับการทำยานั่นในปริมาณมาก


การจะทำยาให้เพียงพอกับสัตว์ในบริเวณนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายจึงได้มีการเปิดเผยข้อมูลยาเพื่อให้ทางสถาบันวิจัยอื่นๆช่วยทำยาตัวนี้ขึ้นมาในเวลาพร้อมๆกัน


โรคระบาดในมหาสมุทรแปซิฟิกถูกควบคุมและรักษาเสร็จสิ้นในเวลา1เดือน


ผมดีใจที่เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดีแต่ก็มีหลายอย่างที่ติดอยู่ในหัว ไม่ว่าจะสลัดยังไงก็ไม่ออก


ตอนนี้ผมมันอ่อนแอ


มีแต่ต้องให้ลูก้าช่วย


ผมเคยคิดว่าถ้าเป็นเรื่องในน้ำผมสามารถทำได้แต่มันไม่ใช่


มันคงได้เวลาที่ผมจะเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังสักทีเพื่อที่ครั้งหน้าผมจะเป็นฝ่ายช่วยลูก้าบ้าง

......................................................................

มาต่อแล้วค่าาา

แต่งเสร็จมาได้สักพักแต่ยุ่งๆ เลยไม่ได้ลงให้อ่านกันสักที

พัฒนาของทั้งคู่กำลังค่อยเป็นค่อยไปกันค่ะ คนอ่านก็อย่าพึ่งรีบร้อนกันน้า 555

หลายคนกำลังรอฉากต่อสู้มันส์ๆ รับรองว่าอีกไม่นานจะได้เห็นฉากต่อสู้ยาวแน่ค่ะ

ลูก้าตอนแรกเราวางให้เป็นพวกเนือยๆ แบบไม่ค่อนสนใจอะไรแต่พอแต่งได้สักพักกลับติดสามแจซะอย่างงั้น แต่งเองก็ชอบเอง ความจริงลึกๆ แล้วเราอาจจะชอบผู้ชายแบบนี้เลยแต่งออกมาละมั้ง มโนไปอีก

ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเม้นท์และทุกๆ กำลังใจนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

ปล.พรุ่งนี้ก็เป็นงานหนังสือแล้วใครสนใจภาค1และภาค2สามารถไปหาซื้อกันได้นะคะ ติดตามทางเพจเราก็ได้จะทยอยลงให้ทราบค่ะว่ามีเรื่องอะไรอยู่บูธไหนบ้าง

---มุมให้ความรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์---

วันนี้ขอนำเสนอหนอนในยุคแคมเบรียน ฮัลลูซิจีเนีย (Hallucigenia) หนอนทะเลที่มีเดือยแหลมเจ็ดคู่ไว้ป้องกันตัวจากนักล่า ซึ่งมีขนาดประมาณ 0.5 - 3 ซ.ม. กินพวกซากสัตว์และอาศัยอยู่ที่ก้นทะเล

เครดิต https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cryptomnesia&month=02-01-2009&group=10&gblog=18และหนังสือสัตว์ในยุคแคมเบรียน

ปล. เว็บไทยบอยใส่รูปไม่ได้ค่ะT-T

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 28-03-2018 21:53:45
สามอย่าให้ลูก้ารอนานนะ รีบมาเป็นคู่ของลูก้าเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 29-03-2018 00:32:02
สามจะเริ่มจริงจังกับการเป็นคู่หูแล้วววว
ลูก้าน่ารักเหมือนเดิมมมเลยย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-03-2018 01:17:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-03-2018 08:32:18
สามหนีไม่รอดหลอกนะยังไงก็ต้องมีคู่
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 29-03-2018 10:15:15
ลูก้าเขามีคู่แล้วน๊าพี่สาม และดูท่าคู่ของน้องก็หนีไม่พ้นหรอก  :katai3:
 :3123:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-03-2018 11:20:06
ฮัลลูซิจีเนีย นี่กลุ่มไหนเก็บได้ค่ะ?
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: XXX ที่ 29-03-2018 14:02:40
 :hao6: :hao6: หุหุหุ อย่าให้ลูก้ารอนานนะสาม
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 29-03-2018 16:46:14
ต่อไปอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบสามเวอร์ชั่น bara  :laugh:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-03-2018 19:37:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-03-2018 00:59:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-03-2018 09:06:42
สามจะเริ่มจริงจังกับการเป็นคู่หูแล้วววว
ลูก้าน่ารักเหมือนเดิมมมเลยย

ใช่เลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 30-03-2018 15:47:56
เพิ่งเห็นว่ามีภาคสามมม :ling1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 30-03-2018 18:49:38
สามลูกกก ตัว แค่นั้น จะ ไป ช่วย อะไร ลูกค้า
ปล่อยให้ลูก้าเขาทำไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 31-03-2018 00:38:31
จ้าาา หึหึ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่11◈♦> 28/03/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-03-2018 21:08:26
สามมีความพยายามมาก
อยากมาเป็นคู่จริงไหม ไม่ใช่แค่คู่ต่อสู้น่ะ
สามทำมึนนะ แต่รู้ไปถึงไหนแล้ว

ลูก้าคนจริงมาก แค่สามเท่านั้น
แล้วให้ออกซิเจนคือจูบตรงไหน
ทำไมลูก้าทำเนียน 5555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 08-04-2018 20:28:02
◈ธาราที่12◈




หลังจากเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคก็ผ่านมาสักพักใหญ่ เป็นสักพักใหญ่ที่ผมเอาใช้เวลาอยู่กับการทดลองซึ่งไม่ใช่การทดลองที่เป็นงานแต่เป็นการทดลองเกี่ยวกับอุปกรณ์ชิ้นใหม่ การได้ลงไปดำน้ำกับลูก้าทำให้ผมรู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองเพราะงั้นต้องหาอะไรมาทดแทนขีดจำกัดนั้น


ช่วงที่ผมกำลังทดลองนี่ไม่ใช่ว่าไม่มีงานแต่เพราะผมบอกกับทุกคนในทีมวิจัยว่าขอเวลาพักสักระยะหนึ่ง หลายคนเมื่อฟังเหตุผลก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังออกแนวอยากมาเป็นผู้ช่วยด้วยซ้ำ


ไขควงขนาดเล็กถูกหมุนจนส่วนประกอบสุดท้ายแนบสนิทกัน อุปกรณ์ใหม่ที่ใช้เวลาทำมานานนับสัปดาห์ในที่สุดก็เสร็จ


“ทำได้แล้ว”ผมถึงกับยิ้มกว้างออกมาเมื่อผลงานชิ้นแรกทำเสร็จ


ภายในห้องทดลองที่4นี่ถูกผมขอยืมใช้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยห้องทดลองข้างๆก็มีพวกยุทำงานวิจัยกันอย่างขยันขันแข็ง ส่วนลูก้าคงกำลังนอนเล่นเกมอยู่ด้านหน้าของห้องทดลองสลับกับไปว่ายน้ำเล่นในทะเล


ตลอดหลายสัปดาห์ ไม่สิ ต้องบอกว่าตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เซโครพาผมกับลูก้ามาส่งก็ไม่มีการติดต่อให้ไปทำภารกิจเลยสักครั้ง เหตุการณ์ครั้งก่อนความจริงน่าจะเป็นภารกิจที่เซโครควรจะติดต่อมา


แต่ก็เข้าใจว่าทางเรือที่เกิดเหตุไม่ได้โทรไปแจ้งยังหน่วยปฏิบัติการพิเศษทำให้เรื่องนั้นไม่รู้ไปถึงเซโครอย่างที่ควรเป็น


หน่วยปฏิบัติการพิเศษมีหน้าที่หลายอย่างแต่หน้าที่หลักๆคือการควบคุมและจัดการไดโนเสาร์ที่หลุดออกมาจากการขนย้ายหรืออุบัติเหตุต่างๆ นั่นคือกรณีที่มีคนแจ้งเข้าไป แน่นอนว่าถ้าไม่มีใครแจ้งก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามีเหตุเกิดบริเวณใด


ผมคิดว่ามีอีกหลายเหตุการณ์แน่ที่เกี่ยวข้องกับไดโนเสาร์แต่ไม่ได้แจ้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ


พวกเขาอาจคิดว่าการขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ใกล้ที่สุดคือทางออกแต่กับผมไม่คิดแบบนั้น ถ้าเกิดสัตว์ที่หลุดไปมีขนาดใหญ่และเป็นอันตรายต่อให้พามนุษย์ไปเป็นร้อยก็อาจชนะไม่ได้


อย่างครั้งก่อนกว่าจะผ่านกระแสน้ำวนมาได้ลูก้าก็จำต้องกลับร่างไดโนเสาร์จนเกือบถูกยิง


ลองคิดสภาพว่าคนที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่ลูก้าแต่เป็นมนุษย์ปกติป่านนี้คงได้ลอยหายไปกับกระแสน้ำวนแล้ว


“ลูก้าไปไหนวุธ”ผมเอ่ยถามคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเมื่อเดินออกมาแล้วไปเจอคนที่น่าจะนอนเล่นอยู่บนโซฟาตัวยาวสีเข้มเหมือนอย่างทุกที


“เห็นเดินออกไปข้างนอกเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนะครับ...แต่ไม่รู้ว่าไปไหน”วุธละสายตาจากเอกสารตรงหน้าเพื่อบอกข้อมูลให้รู้


“ถ้าเดินออกไปคงมีอยู่แค่ที่เดียว...ขอบใจวุธ”พึมพำจบผมก็เดินออกมาห้องวิจัย


แสงแดดยามเที่ยงช่างแสบผิวจนอยากหาอะไรมาคลุมร่างจริงๆ ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตอบอุ่น...ผมอยากจะแก้ข้อมูลนี้ซะเหลือเกิน อุณหภูมิตอนนี้มันไม่เรียกว่าอบอุ่นแล้ว


ถึงจะร้อนขนาดนี้แต่ก็มีชาวต่างชาติมาเที่ยวอยู่ไม่ขาด สำหรับเหตุผลนั่นก็ง่ายๆเพราะพวกเขาต้องการแสงแดดจากพระอาทิตย์ ด้วยประเทศของพวกเขาอยู่ในเขตหนาวเย็นจึงต่อให้เป็นฤดูร้อนก็ยังคงหนาวอยู่พวกเขาเลยโหยหาความอบอุ่นจากแสงของพระอาทิตย์


ผมเองก็เคยโหยหาแสงแดดของพระอาทิตย์เหมือนกัน ช่วงนั้นเป็นฤดูหนาวของฝรั่งเศสที่มีพายุหิมะเข้า เชื่อไหมว่าผมหมกตัวอยู่ในห้องที่เปิดฮีทเตอร์และสวมเสื้อหนาๆเกือบสิบชั้นเพื่อบรรเทาความหนาวที่เล็ดรอดเข้ามาภายในห้อง


ความหนาวเย็นนั่นทำให้ผมนึกถึงประเทศไทยขึ้นมาจับใจ


แต่เมื่อกลับมายังประเทศไทย...แสงแดดจ้าที่เจอทุกวันไม่ได้ทำให้ผมคิดถึงเหมือนก่อนหน้านี้สักนิด


“มันจะร้อนเกินไปแล้ว...”ผมบ่นพลางเดินไปยังชายหาดด้านหน้า


การจะหาลูก้าไม่ได้ยากเลยสักนิด


ผมเดินรัดเลาะมาตามแนวโขดหินก่อนจะหยุดอยู่บริเวณที่มีร่มเงาจากหน้าผาด้านบน ผืนน้ำด้านหน้าอาจดูสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรอยู่แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างสมส่วนของมนุษย์ที่มีเส้นผมสีฟ้าแซมแดงก็โผล่พ้นขึ้นมาเหนือน้ำ เส้นผมสีแปลกตาสะบัดไปมาเล็กน้อยก่อนดวงตาสีเงินจะลืมขึ้นและเมื่อเห็นผมยืนอยู่เขาก็ว่ายตรงมาหา


ถ้าถามว่าทำไมถึงรู้ว่าลูก้าอยู่นี่


คำตอบคือรู้สึกแบบนั้น


สถานที่นี้ผมเคยพาลูก้ามาตอนยังเป็นเด็กก็เลยคิดว่าถ้าเขาอยากจะว่ายน้ำสถานที่ที่จะมาก็ต้องเป็นที่นี่อย่างแน่นอน


“มาไม่บอกกันเลยนะ”ผมนั่งลงบนโขดหินด้านหน้าพร้อมกับถามลูก้าที่ขึ้นจากน้ำมานั่งข้างๆในสภาพเปียกปอน เสื้อผ้าเนื้อดีถูกน้ำทะเลทำให้เปียกชุ่มไปหมด


“เห็นกำลังยุ่งอยู่นี่”


“ก็ถูก”ผมยุ่งอยู่จริงๆ แต่ตอนนี้ว่างแล้ว


“พอถามว่าทำอะไรอยู่ก็ตอบกลับมาว่าความลับอีก”เสียงบ่นนั่นเรียกรอยยิ้มจากผมได้


ก่อนหน้านี้ลูก้าเคยถามหลายรอบว่าผมกำลังทำอะไรอยู่และคำตอบของผมก็เป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูด


“ตอนนี้ไม่เป็นความลับแล้ว”ผมหันไปพูดยิ้มๆ


“...”


“คิก...ทำหน้าตลก”ความเงียบกับสามตาเหมือนไม่เชื่อนั่นทำเอาผมหลุดขำออกมา


“น่าขำตรงไหน”


“ก็ทำหน้าแบบนั้นใครจะไม่ขำได้ล่ะ”


“ไม่ได้ทำหน้าตลกสักหน่อย”


“ก็ไม่ตลอกหรอก แต่มันขำนี่”


“...มีคนบอกว่าคนจบด็อกเตอร์มักเป็นพวกประสาท”


“ลูก้า”ผมรีบหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเคืองๆ


นี่คือกำลังว่าผมสินะ


“รู้สึกว่าจะเป็นความจริงนะ”


“ลูก้า”


“ขำโดยไม่สาเหตุ...แถมอยู่ๆก็เรียกชื่อเดิมซ้ำไม่หยุดอีก”


“ลูก้า”


“นี่ไง พูดชื่อผมอีกแล้ว”


“อะ...”ประโยคยียวนนั่นเล่นผมซะพูดไม่ออก


นี่คิดจะแกล้งกันรึไง


“หึ...ทำหน้าตลก”ลูก้าพูดพลางมองหน้าผมด้วยรอยยิ้ม สายตาที่มองมานั่นเหมือนกำลังเอาคืนที่ผมแหย่ไปก่อนหน้านี้


“นั่นคำพูดผม”ขโมยกันซึ่งๆหน้าเลยนะ


“เหรอ...ผมไม่เห็นรู้”


“ลูก้า”


“ครับสาม”


“...ตอนเด็กน่ารักกว่านี้แท้ๆ”ผมสะบัดหน้าหนีโดยบ่นพึมพำไปด้วย


เมื่อก่อนผมแหย่ยังไงก็ชนะแต่เดี๋ยวนี้กลับไม่เคยชนะเลยสักครั้ง


น่าเจ็บใจที่สุด


“น่ารักแล้วรักรึเปล่า”น้ำเสียงทุ้มขยับเข้ามากระซิบข้างใบหูจนผมถึงกับสะดุ้งเกือบตกน้ำ


“...อะ...อะไร”


“ผมน่ารักแล้วรักผมไหม”


“...จะขยับเข้ามาใกล้ทำไม”ผมพยายามพูดไม่ให้เสียงตัวเองสั่นเมื่อถูกอีกฝ่ายขยับหน้าเข้ามาใกล้ ถึงผมจะขยับหน้าหนีแต่ก็ตามมาอยู่นั่นแหละ


“ก็หนีทำไมล่ะ”


“...พอเลย เอาหน้าออกไป”ผมทนกับความรู้สึกแปลกๆนี่ได้ไม่นานก็ใช้มือดันหน้าลูก้าให้เขยิบออกไป


“ตอบผมก่อนสิ”อีกฝ่ายบอกโดยที่ไม่ยอมขยับออกไป แรงของผมดูจะสู้พละกำลังอันมหาศาสของยีนไดโนเสาร์ไม่ได้สักนิด


“จะให้ตอบอะไร...”ในหัวมันเริ่มเบลอจนจำไม่ได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร


น้ำเสียงทุ้ม ลมหายใจร้อนๆ ผิวกายอุ่นที่ขยับมาแนบ


ทุกอย่างนั่นทำให้ผมรู้สึกแปลก


อาการมันเหมือนคนกำลังเขินอายทั้งที่ในความจริงมันไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกแบบนั้น


ผู้ชายก็ผู้ชายเหมือนกัน


จะมาเขินทำไดโนเสาร์อะไร


“ผมน่ารัก...แล้วรักไหมสาม”คำถามดังขึ้นข้างใบหูก่อนที่ลูก้าจะขยับหน้ามาจนแก้มของเราแนบกัน


การกระทำนั้นเหมือนอยากได้ยินคำตอบผมชัดๆ


หัวใจมันเต้น...เต้นแรงเกินไปแล้วนะ


“...รัก...”


“งั้นก็เป็นของผมได้แล้วใช่ไหม”


“อย่ามาโมเมนะ...ผมบอกว่าลูก้าเมื่อก่อนน่ารักไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”ผมรีบแก้ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดมากไปกว่านี้


“แต่สามบอกเองนี่ว่ารักน่ะ”


“ก็รักตอนเด็กไง ตอนนี้ไม่รักแล้ว ปล่อยเดี๋ยวนี้”ผมไม่รอช้ารีบใช้มือตัวเองดันอีกฝ่ายให้ออกไป


“...ไม่รักจริงเหรอ”


“ลูก้า ปล่อย”ผมบอกเสียงเข้มเมื่อลูก้าเริ่มใช้แขนโอบเอวผมให้ขยับเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม


“สาม”


“...ไหนบอกว่ารอได้ไง”ผมบ่นเสียงเบา


“อืม...รอได้สิ”


“ถ้ารอได้ก็ปล่อย”คำพูดผมเหมือนจะได้ผลเพราะลูก้าขยับตัวออกไปนั่งห้อยขาลงทะเลเหมือนตอนแรกแล้ว


ความเงียบสร้างบรรยากาศหนักจนผมทำตัวไม่ค่อยถูก พอเหล่มองลูก้าก็เห็นแค่ทอดสายตาไปยังทะเลด้านหน้าเท่านั้น
นี่ผมทำให้เขารู้สึกไม่ดีเหรอ


“ลูก้า...”


“งานเสร็จแล้วเหรอถึงมานี่ได้”ลูก้าเปลี่ยนเรื่องโดยสายตายังมองไปยังทะเลอยู่


“เสร็จแล้ว...นี่ลูก้า ผมทำให้รู้สึกไม่ดีเหรอ”


“เปล่าหรอก...ความจริงก็นิดหน่อย แต่ผมเข้าใจ สามมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธมันแต่กลับไม่ทำแค่นั่นก็เพียงพอแล้ว...”


“...ลูก้า”


“ผมน่ะรู้ว่าความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากให้สามรัก...เป็นคนไม่ดีเลยใช่ไหมล่ะ”ลูก้าพูดด้วยน้ำเสียงติดเศร้าเล็กน้อย


ใบหน้าแบบนั้นผมพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก


น่าแปลกที่ผมไม่คิดอยากเห็นมันอีกเป็นครั้งที่สอง


“นายพูดถูกลูก้า...ความรู้สึกเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ ไหนๆก็พูดเรื่องนี้ก็ขอบอกหน่อยละกัน...คำว่ารักตอนนี้ให้ไม่ได้หรอก”ผมบอกออกไปตามตรง


“...อืม”


“แต่อยากให้รู้ไว้ว่าตอนนี้สำหรับผมลูก้าเป็นคนพิเศษ”


“สาม...”คำพูดของผมเรียกดวงตาสีเงินให้หันมาสบด้วยแววตาสั่นๆ


“แบบนี้ดีขึ้นไหม”ผมถามพร้อมรอยยิ้มบางๆ


“อืม”รอยยิ้มที่ตอบกลับมานั่นไม่มีความเศร้าปะปนอีกแล้ว


“ดีมาก...งั้นมาเรื่องต่อไปเลยดีกว่า”


“เรื่องต่อไป?”


“ใช่”ผมพยักหน้าก่อนจะชันเข่าขึ้นมาพับขากางเกงทั้งสองข้าง


“เรื่องอะไร”


“ตอนนี้เราเป็นคู่หูกัน”


“ก็ใช่...แล้ว?”ลูก้าทำหน้างงเหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ


“ครั้งก่อนที่เราดำลงไปใต้ทะเลลูก้าว่ายเร็วเกินไปจนผมตามไม่ทัน ความเร็วระดับนั้นเรามีสิทธิหลงกันได้เลย”พูดถึงตรงนี้ความทรงจำเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนก็ปรากฏขึ้นมา ทั้งที่ตัวผมค่อนข้างมั่นใจว่าว่ายน้ำเร็วพอสมควรแต่กลับถูกลูก้าทิ้งห่างหายไปจากสายตาได้อย่างเร็ว


ก็เข้าใจว่าลูก้าเคลื่อนไหวในน้ำได้ดี แต่นี่เหมือนจะดีกว่าที่คิดไว้มาก


“...แปลว่าผมควรจะว่ายช้าลงใช่ไหม”


“ไม่...การว่ายช้าลงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหรอกแถมถ้าทำอย่างงั้นอาจทำให้ภารกิจที่ได้มาเสร็จช้ากว่าเดิมอีก”การออมแรงในการว่ายไม่ใช่สิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาสักนิด ลองนึกภาพตอนไปทำภารกิจจับไดโนเสาร์ที่หลุดไปแต่ลูก้ากลับว่ายรอผมดูสิ


คงจะตามจับไดโนเสาร์นั่นทันหรอก


“งั้นจะทำยังไง”


“สำหรับเรื่องนั้นผมมีนี่มาให้”ของที่ใส่อยู่ในกระเป๋ากางเกงถูกชูขึ้นมาด้านหน้า ลูก้าที่เห็นก็ขยับเข้ามาใกล้เพื่อดูว่าของในมือผมคืออะไร


“พลาสติก?...นาฬิกา?”ลูก้าลองบกออกมาด้วยใบหน้าไม่แน่ใจ


“ก็ถูกอยู่...นี่เป็นริสแบนด์ที่ผมทำขึ้นมาเอง”อยากบอกว่าพึ่งเสร็จสดๆร้อนๆเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้เอง


“ริสแบนด์...หมายถึงกำไลข้อมือซิลิโคนสินะ ของแบบนี้จะช่วยเรื่องที่ผมว่ายน้ำเร็วกว่าได้ยังไง”


“ริสแบนด์ปกติคงช่วยไม่ได้หรอก”ผมบอกพร้อมรอยยิ้ม


“แปลว่าอันนี้ไม่ปกติสินะ”


“แน่นอน...กว่าจะทำเสร็จใช้เวลาไปนานเลย อันนี้ของลูก้าส่วนอันนี้ของผม”ผมคว้ามือของลูก้ามาสวมริสแบนด์สีฟ้าอ่อนให้ ใส้ให้ลูก้าเสร็จก็หยิบอีกอันของตัวเองขึ้นมาใส่บ้าง


ริสแบนด์สีฟ้าอ่อนทั้งสองอันถูกทำขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีและวัสดุพิเศษที่ไม่สามารถทำลอกเลียนแบบได้ง่ายๆ พูดง่ายๆก็มีแค่สองเส้นในโลกนี้


“ให้ผมเหรอ”ลูก้าถามพลางยกแขนขึ้นมามอง


“ใช่...ห้ามถอดด้วย”


“ดีใจจัง...พึ่งเคยได้ของที่สามทำให้”


“ผมจะสอนวิธีใช้งานให้นะ...เจ้านี่ดูเหมือนริสแบนด์ธรรมดาใช่ไหมล่ะ”


“ใช่...ดูเหมือนจะขาดง่ายด้วย ถ้าผมกลับร่างมัคงขาดแน่”


“หึ...ผมรับรองด้วยชื่อของหัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำเลยว่าต่อให้กลับร่างก็ไม่มีทางขาด วัสดุที่นำมาใช้ในการทำมีความยืดหยุ่นสูงกว่าปกติหลายสิบเท่าแถมภายในยังมีGPSใส่ไว่เมื่อกดตรงนี้ก็จะโชว์ตำแหน่งของGPSอีกที่ออกแบบมาให้ทำงานคู่กันระบบนี้ต่อให้ออกห่างกันแค่ไหนก็ยังสามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ไหน”ผมอธิบายอุปกรณ์ใหม่ให้ลูก้าพร้อมสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง
ถึงจะเป็นเพียงริสแบนด์เส้นเล็กแต่เมื่อกดปุ่มหน้าปัดของริสแบนด์จะฉายด้วยภาพโฮโลแกรมของตำแหน่งลิสแบนด์ต่อให้อยู่ในน้ำก็สามารถใช้ได้ เหมือนแผนที่หรือเรด้านำทางของเรือในสมัยก่อน


“สุดยอด...สามารถทำของแบบนี้ได้โดยใช้เวลาแค่นี้เองเหรอ”


“ก็ไม่ได้ยากมากมายหรอก”แค่เอาสิ่งที่มีมาพัฒนาและปรับใช้อย่างเหมาะสมเท่านั้น


“แต่ถึงจะรู้ตำแหน่งแล้วจะทำยังไงกับการว่ายน้ำล่ะ”


“เรื่องนั้นคงทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามฝึกฝนให้สามารถว่ายได้เร็วขึ้น”นอกจากทางนี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว


ถ้าอยากว่ายเร็วก็ต้องว่ายให้มากขึ้น


มันเป็นการแก้ไขที่ง่ายที่สุดแล้ว


“สามต้องทำงานนี่ จะหาเวลาไหนไปฝึก”


“ผมคงต้องเลือกระหว่างงานวิจัยกับการเป็นคู่หูนาย...การทำสองสิ่งพร้อมกันไม่มีทางที่จะทำได้ดีหรอก”ไม่มีใครทำสองอย่างได้ดีในเวลาเดียวกัน


“สาม...”


“ผมเลือกที่จะเป็นคู่หูให้นาย...ลูก้า”ดวงตาสีน้ำตาลของผมหันไปสบดวงตาสีเงินด้านข้างเพื่อยำว่าสิ่งที่พูดมันเป็นความจริง


“...แต่สามชอบการวิจัยและทดลอง...”


“ใช่...ผมชอบ แต่ถึงผมจะเลือกลูก้าก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำวิจัยไม่ได้นี่ ก็แค่แบ่งเวลา...ผมอยากทุ่มกับการเป็นคู่หูที่ดี”การจะเป็นคู่หูกันได้มันต้องมีอะไรที่มากกว่าความเชื่อใจซึ่งหลายๆอย่างมันจำเป็นต้องผ่านการฝึกฝน


“ผมก็จะพยายามด้วย”


“ดีมาก...งั้นสิ่งที่เราต้องทำต่อไปคือสัญญาณมือ”


“สัญญาณมือ?”


“ใช่...ก่อนหน้านี้ถึงเราจะเหมือนสื่อการได้แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าใจทั้งหมด จากนี้ผมจะสอนสัญญาณมือและพวกเราจะใช้สัญญาณนี้ในการสื่อสารกันในน้ำ”ผมอธิบายก่อนจะเริ่มสอนสัญาณแต่ละแบบให้


ขืนพากันดำน้ำลงไปโดยไม่มีสัญญาณเป็นชิ้นเป็นอันคงมีแต่จะต้องมองตาสื่อสารซึ่งก็ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปจะสามารถเข้าใจกันได้รึเปล่า


สัญาณที่ผมสอนนอกจากจะมีสัญญาณธรรมดาแล้วยังสอนสัญญาณเฉพาะให้อีก กว่าจะสอนเสร็จก็ใช้เวลาค่อนข้างมาก


“จำได้เนอะ”


“คิดว่านะ...”


“อย่าคิดว่าสิ”สอนมาตั้งนานขอความมั่นใจหน่อยลูก้า


“จำได้...แต่ไม่เห็นต้องใช้สัญญาณก็ได้นี่ แค่มองตาสามผมก็รู้แล้วว่าต้องทำอะไร”


“แค่มองจะรู้ได้ยังไง...ก่อนหน้านี้มันอาจบังเอิญก็ได้”


“ไม่ใช่บังเอิญหรอก ผมรู้จริงๆ...มันเหมือนสื่อมาได้”คำอธิบายของลูก้าดังขึ้นระหว่างที่ผมหย่อนขาลงเตะน้ำทะเลไปมา


“นายอาจรู้แต่ผมไม่รู้นี่”จะให้ผมเสี่ยงเอาก็คงไม่ได้อีก


“ผมคิดว่าสามรู้”


“อย่าคิดเองสิลูก้า”ผมยังไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดว่าจะรู้ความคิดอีกฝ่ายได้เพียงแค่มองตา


“จริงอยู่ที่การทำสัญญาณมือมันบอกได้ง่ายกว่า แต่ถ้าผมอยู่ในร่างไดโนเสาร์จะทำยังไงล่ะ”ลูก้าถามพร้อมกับมองมายังผมที่นิ่งไป


นั่นสิ


ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย


ถึงจะสอนสัญญาณมือให้แต่ถ้าอยู่ในร่างไดโนเสาร์คงทำสัญญาณมาไม่ได้แน่


“...เอาไงดีนะ”


“ลองให้ผมกลับร่างไหม”


“ที่นี่?”


“อืม...น้ำตรงนี้ก็พอลึกอยู่ ไม่น่ามีปัญหา”


“ลองดูก็ดี งั้นผมลงไปด้วยดีกว่า”พูดจบผมก็ชันเข่าขึ้นมาพับขากางเกงให้สั้นขึ้น ชุดนี้ไม่ค่อยเหมาะกับการว่ายหรือดำน้ำเท่าไหร่แต่ก็ขี้เกียจวิ่งไปเปลี่ยนในห้องแล้วล่ะนะ


“รอยนั่น...”เสียงพึมพำของลูก้าดังขึ้นก่อนที่ขาซ้ายผมจะถูกยกอย่างไม่ตั้งตัว


“หว๋า...ลูก้า ทำอะไรเนี่ย”ผมเกือบจะหงายหลังถ้าไม่ใช้มือยันพื้นไว้


“ฝีมือผมสินะ”คำพูดนั่นเรียกสายตาผมให้มองไปยังลูก้าที่ใช้มือข้างนึงลูบยังข้อเท้าซ้ายบริเวณที่มีรอยแผลเป็นอยู่เบาๆ


รอยแผลเป็นนั่นได้มาจากลูก้าเมื่อนานมาแล้ว


“ลูก้า”


“ผ่านมาตั้งนานยังเห็นชัดอยู่เลย”ดวงตาสีเงินมองแผลเป็นบริเวณข้อเท้าซ้ายด้วยสายตาเศร้าๆจนผมรู้สึกไม่ค่อยดี ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นลูก้าก็โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุให้ผมเจ็บ


ทั้งที่ผ่านมานานจนคิดว่าอีกฝ่ายจะลืมไปแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่สินะ


“ผมไม่เป็นแล้วน่า ไม่เจ็บสักนิด”


“...ขอโทษนะสาม”


“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ความผิดลูก้าน่ะ”


“ถึงอย่างนั้นก็...”


“ไม่ฟังแล้ว ปล่อยเท้าผมลูก้า....เอาล่ะกลับร่างได้แล้ว”ผมเลือกที่จะขัดประโยคของอีกฝ่ายเพราะรู้ว่าต่อให้พูดอีกกี่รอบความรู้สึกผิดมันก็คงไม่หายไปง่ายๆ


“ถ้ากลับแล้วหางผมไปโดนสาม...”


“ครั้งก่อนก็กลับนี่”ผมรีบพูดแทรก


“ครั้งนั้นผมคาบสามไว้เลยไม่เป็นไรแต่ถ้าว่ายด้วยกันอาจจะโดนก็ได้”


“ผมรู้ว่าลูก้ารู้สึกผิด...และความรู้สึกผิดนั้นคงไม่หายไปง่ายๆต่อให้ผมบอกว่าไม่ใช่ความผิดลูก้าก็ตาม แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วทั้งผมและลูก้าต่างรู้ถึงจุดนั้นดี ผมจะระวังไม่ให้ไปโดนหางแน่นอน ลูก้าเองก็จะระวังไม่ให้โดยผมเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”


“อืม...ระวังอยู่แล้ว”


“ถึงจะระวังแต่ไม่จำเป็นต้องคอยมองอยู่ตลอดนะ เราทำงานกันเป็นคู่ถ้าเอาแต่พะวงอยู่กับผมคงไม่ได้ไปไหนกันสักที”


“แล้วถ้า...”


“ไม่มีถ้าแล้วลูก้า...มาลองกันว่าจะสื่อสารในร่างนั้นได้ยังไง”


“...ก็ได้”ถึงจะเหมือนมีอะไรอยากพูดแต่สุดท้ายก็ยอมลงไปในน้ำตามที่ผมบอก


ร่างมนุษย์ของลูก้าว่ายไกลออกไปเล็กน้อยก่อนจะมุดลงใต้ทะเล ไม่นานร่างมนุษย์ก็ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นร่างไดโนเสาร์ที่วัดความยาวคร่าวๆก้วยสายตายก็น่าจะเกิน10เมตรเข้าไปแล้ว


ใหญ่และยาวจริงๆ


ลูก้าในร่างสีฟ้าลายแดงโผล่หัวขึ้นมามองผมที่ลงไปในน้ำแล้วว่ายตรงไปหาอีกฝ่าย ด้วยเสื้อผ้าที่ค่อยข้างอุ้มน้ำทำให้ร่างกายรู้สึกหนักเวลาว่าย ซึ่งก็ดีถือว่าเป็นการฝึกไปในตัว


“ตัวใหญ่ขึ้นเยอะเลยแฮะ”ผมบอกพลางเอื้อมมือไปวางเรียวปากยาวที่มีเขี้ยวอันแสนคมกริบอยู่ภายใน สัมผัสของผิวลื่นๆไม่ต่างจากพวกปลากระเบนหรือสัตว์น้ำปกตินัก


จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มองดูลูก้าในร่างนี้ชัดๆหลังจากไม่ได้เจอกันมาเป็นปี


งี๊ดดด~


เสียงครางเบาดังขึ้นพร้อมกับส่วนหัวขยับเข้ามาคลอเคลียกับใบหน้าผมจนรู้สึกจักจี้เล็กน้อย ท่าทางของลูก้าเหมือนวาฬตัวใหญ่ๆว่ายเข้ามาอ้อนเลย


เพียงแต่ถ้าเป็นคนอื่นเห็นคงได้กรีดร้องวิ่งหนีกันเป็นแถวแน่


ดวงตาสีเงินคู่ใหญ่เรียวคมราวกับนักล่าที่เอาไว้ใช้จับจ้องเหยื่อ ถ้าถูกดวงตานี่เล็งไว้คงไม่มีทางหนีรอดต่อให้ว่ายได้เร็วสักแค่ไหนก็ตาม


“ลูก้า...อ้าปากหน่อยได้ไหม”ผมลูบเรียวปากใหญ่นั่นไปมาระหว่างพูด


ลูก้าไม่ได้ส่งเสียงอะไรมีเพียงอ้าปากออกตามคำพูดผม ปากขนาดใหญ่ถูกอ้าออกจนเห็นเขี้ยวอันแหลมคมหลายสิบซี่ที่เรียงรายอยู่ภายในแถมไม่ใช่แค่แถวเดียวแต่ถึงสามแถมทั้งบนและล่าง


อ่า...ที่ถูกคาบครั้งก่อนดีแค่ไหนแล้วที่ปลอดภัยอยู่


ฟันแบบนี้กัดทีคงไม่ใช่แผลเล็กๆ


“ปิดปากได้...อยู่เฉยๆก่อนนะ ผมอยากมองนายชัดๆหน่อย”ผมบอกก่อนจะเริ่มว่ายไปรอบๆตัวลูก้า ลายคาดสีแดงดูจะใหญ่กว่าครั้งก่อนอีกแถมเกราะกลางหลังยังดูแข็งขึ้น


รู้สึกว่าพิษของปลาหินจะอยู่ตามหนามแหลมบริเวณเกราะนี่สินะ


ร่างสีฟ้าดูเผินๆแล้วกลืนไปกับทะเลแต่พอมีลายสีแดงกลับดูราวกับของอันตรายที่ไม่ควรแตะต้องไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม


ผมว่ายและมุดลงไปใต้ผิวน้ำเพื่อดูส่วนหางที่มีหนวดของแมงกะพรุนกล่องแตกแขนงกระจายอยู่ทั่วบริเวณกินพื้นที่เกือบสามเมตรได้


ขนาดของลูก้าเหมือนจะยังโตไม่เต็มที่ แน่นอนว่าด้วยขนาดเท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้สัตว์อื่นหวาดกลัวแล้ว


งื๊ดดด~


ทันทีที่เสียงครางดังขึ้นร่างขนาดใหญ่ก็เคลื่อนที่ ส่วนหางที่ผมกำลังมองสะบัดไปมาก่อนจะถูกแทนที่ด้วยส่วนหัวขนาดใหญ่เข้ามาประชิดร่าง ดวงตาสีเงินคู่ใหญ่จ้องมายังร่างผมที่หันไปสบตา


บอกว่าอย่าพึ่งขยับไง


ผมอยากจะพูดแบบนั้นออกไปแต่เพราะอยู่ใต้น้ำเลยทำได้แค่ขมวดคิ้วแล้วชี้นิ้วไปยังไดโนเสาร์ตรงหน้าอย่างไม่พอใจนัก


งี๊ดดด~


ลูก้าพงกหัวขึ้นลงใต้น้ำจนฟองอากาศกระจายตัวขึ้นเหมือนจะบอกว่าขอโทษ


ท่าทางของไดโนเสาร์ขนาดใหญ่กว่า12เมตรก้มหัวขอโทษนี่ช่างเป็นภาพที่น่าขันจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างๆออกมาแม้จะอยู่ในน้ำก็ตาม


น่ารักชะมัด...ไดโนเสาร์ตัวนี้


แรงขยับตัวของลูกก้าทำให้กระแสน้ำรอบๆเริ่มไม่นิ่งผมเลยยกมือขึ้นบอกให้อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าลูก้าจะเข้าใจไหมแต่ร่างยักษ์นั่นก็หยุดขยับตัวโดยที่หันหน้ามายังผมเหมือนก่อนหน้านี้


ผมว่ายเข้าไปลูบผิวลื่นๆนั่นเบาๆแทนคำชมก่อนจะว่ายมุดลงไปตามร่างของลูก้าจนถึงส่วนท้องที่มีสีอ่อนกว่าบริเวณอื่นๆ พอยกมือขึ้นลูบหน้าท้องนั่นร่างของลูก้าก็เหมือนจะสะดุ้ง ส่วนหัวหรือใบหน้าม้วนตัวกลับลงมาดูว่าผมกำลังทำอะไร


ส่วนท้องนี่คงเป็นจุดอ่อนแน่


ไดโนเสาร์ทุกตัวล้วนมีสุดอ่อนทั้งนั้น และจุดอ่อนนั้นส่วนมากถ้าเป็นไดโนเสาร์บกก็มักจะเป็นขา คอหรือท้อง ถ้าเป็นไดโนเสาร์มีปีกก็แน่นอนว่าจุดอ่อนอยู่ที่ปีกหรือส่วนขาที่อ่อนแอ และสุดท้ายคือไดโนเสาร์น้ำจุดอ่อนไม่ใช่ขาเพราะหลายสายพันธุ์มีเพียงครีบเล็กๆในการทรงตัว ดังนั้นจุดอ่อนเลยมักจะเป็นบริเวณช่วงท้องไม่ก็ช่วงคอไปจนถึงครีบที่อ่อนแอกว่าบริเวณอื่น


งี๊ด!


เสียงงี๊ดเล็กๆจากลูก้าถูกส่งออกมาก่อนที่ผมจะถูกส่วนปากดันจนแนบชิดเข้ากับส่วนท้องนิ่มๆ สัมผัสลื่นๆคลอเคลียผมไปมาสักพักใหญ่ก่อนละออกไป


ผมอยู่นิ่งๆสักพักเพื่อปรับร่างกายที่ถูกคลอเคลียจนเหมือนไร้น้ำหนัก ไม่นานร่างของลูก้าก็เคลื่อนที่ไปยังบริเวณน้ำที่ลึกกว่า เมื่อเห็นว่าผมไม่ตามไปก็หันกลับมามองพร้อมเสียงครางเล็กเหมือนจะบอกว่ามาสิ


การกระทำนั่นทำให้ผมส่ายหัวเราะเบาๆด้วยรอยยิ้มก่อนจะว่ายตามร่างยักษ์นั่นไปโดยระวังส่วนหางที่มีหนวดสีขาวใสกระจายอยู่ในน้ำ ลูก้าเองก็เหมือนจะคอยระวังให้เพราะตลอดเวลาที่ว่ายเล่นด้วยกันเขามักจะสะบัดหางไปยังอีกกฝั่งเสมอ


เมื่อรู้ว่าลมหายใจที่มีใกล้หมดผมก็ว่ายไปหาลูก้า และเพียงแค่ดวงตาสีน้ำตาลของผมประสานกับดวงตาสีเงินตรงหน้าไม่จำเป็นต้องเอ่ยหรือพูดอะไรพวกเราก็ว่ายขึ้นไปยังผิวน้ำด้วยกัน


ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกว่าต่อให้ไม่ต้องใช้สัญญาณผมก็สามารถสื่อสารกับลูก้าได้


ไม่รู้แม้กระทั้งผมเอาความมั่นใจนั่นมากจากไหนด้วยซ้ำ

........................................................................

สวัสดีค่า

มาแล้วกับความคืบหน้าของสามและลูก้า

ตอนนี้อาจดูเอื่อยๆ หน่อยซึ่งเราอยากแต่งโมเม้นท์แบบอยู่ใต้น้ำแล้วถูกคลอเคลียมานานแล้ว ในที่สุดก็มีโอกาสได้แต่งในตอนนี้สักที

เราไม่เคยดำน้ำมาก่อน ขนาดว่ายน้ำเองยังสิบกว่าปีมาแล้วที่ไม่ได้ลงแตะน้ำเลยเลยค่อนข้างกังวลว่าจะสื่อความรู้สึกยามอยู่ใต้น้ำได้ดีไหม เราแต่งโดยมโนเอาว่าตอนที่อยู่ในน้ำความรู้สึกควรเป็นแบบนี้

ลูก้าเองนับวันก็จะยิ่งทวีความน่ารักขึ้นไปอีก เหลือแค่รอให้สามยอมรับความรู้สึกตัวเองให้ได้เท่านั้น อิอิ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-04-2018 20:45:23
 :mew1:  :pig4:  :L2:
น่ารัก ช่างอ้อน รับรองพี่สามไม่หายไปไหนแน่นอนจ้าลูก้า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 08-04-2018 21:46:22
 :pig4: ลูก้าน่ารักอ่า  :impress2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-04-2018 23:25:53
เก่งจิงๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-04-2018 23:27:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-04-2018 23:41:04
สามโดนลูก้าล่อลวงแล้วแบบรู้ตัว แต่ถอนตัวไม่ได้
สามห่วงลูก้ามากจริงเลย รู้ใจไปหมดด้วย
แล้วแบบนี้จะให้ลูก้าไปไหนรอด

หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 09-04-2018 02:00:34
ลูก้าน่ารักมากกก ขี้อ้อนเหลือเกินนน
สามตกหลุมพรางลูก้าไปตั้งนานแล้วนะ
ยังไม่รู้ตัวอีกกกก 5555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 09-04-2018 09:59:37
อดใจไว้อ่านตอนจบเลยได้ไหมน่าาา  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-04-2018 11:20:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 09-04-2018 15:06:32
น่ารักมากๆเลยย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Prionear ที่ 09-04-2018 17:32:36
ลูก้าน่ารักขึ้นทุกวัน ชอบเวลาทั้งสองคนอยู่ในน้ำด้วยกัน น่ารักดี
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-04-2018 20:22:22
ลูก้าน่ารัก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 09-04-2018 20:51:06
สู้ๆต่อไปลูก้า สามเริ่่มมีใจให้แล้ว
ต้องถึงวันของเราแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 09-04-2018 23:07:56
ยอมเป็นของลูก้า... จะมองตาก้อรู้ใจกว่านี้อีก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Victor.yuriyurio ที่ 10-04-2018 02:01:20
 :hao5: :hao5: :hao5:โธ๋ลูกแม่ สงสาร สามใจแข็งซะจริง ไม่ยอมรับหัวใจตัวเองซักที วุ้ยยยยยยย ไปอยู่ที่เกาะกับลูกแม่ได้แล้วนะสาม สงสารน้องงงงงงงง  :z3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-04-2018 19:46:46
โดยคลอเคลียใต้น้ำ นี่น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 12-04-2018 23:00:01
สนุกมากเลยค่ะ
อ่านไปยิ้มไปลูกาน่ารักทั้งตอนโตและตอนเด็กเลยค่ะ
ตอนนี้ฝึกการสื่อสารกันแล้วหวังว่าจะได้อ่านตอนที่ปฎิบัติภารกิจนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่12◈♦> 8/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: akajinkame ที่ 18-04-2018 04:40:06
ยกมือขอถามลูก้าค่า ตอนอยู่ในร่างไดโนเสา แล้วโดนสามลูปท้อง รู้สึกอย่างไร
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 20-04-2018 12:45:22
◈ธาราที่13◈




เสียงขยับตัวเข้ามาแนบชิดไม่ได้ทำให้คนพึ่งเสร็จจากฝึกดำน้ำลึกเมื่อตอนเย็นอย่างผมตื่นเต็มตาได้ เมื่อถูกกวนโดยการเอาแขนมาพาดเอวผมก็จัดการขยับหนีตามสัญชาตญาณ


“สาม...”


“อื้อ ยังไม่เช้าเลย ขอนอนอีกเดี๋ยว” เสียงกระซิบข้างหูจากลูก้าเรียกดวงตาสีน้ำตาลของผมให้ปรือขึ้น ทันทีที่เห็นความมืดกระจายตัวอยู่รอบๆ ผมก็อยากดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมหัวเหลือเกิน


ทำไมต้องมาปลุกกันด้วยลูก้า


ก็อยากจะบ่นอยู่แต่ความง่วงที่มีเหมือนจะมากกว่าเพราะงั้นตื่นแล้วค่อนบ่นอีกทีละกัน


“สาม...โทรศัพท์สั่นอยู่นะ”


“โทรศัพท์?” ผมพึมพำเสียงงัวเงีย


“อื้อ สั่นไม่หยุดมาสักพักแล้ว”


“...อยู่ไหน” เมื่อรู้ว่ามีสายเข้าผมก็ต้องจำใจลุกขึ้นนั่งทว่าโทรศัพท์ที่น่าจะอยู่ไม่ไกลกลับไม่อยู่ที่เดิม


“สั่นมาจากโซฟา” ลูก้าบอกพร้อมกับชี้ไปทางโซฟายาวด้านข้าง


“ไกลขนาดนั้นยังรู้สึกอีกนะ” ผมพูดระหว่างเดินไปคว้าโทรศัพท์ที่ยังคงสั่นไม่หยุด พอดูชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอความงัวเงียที่มีก็หายไปกว่าครึ่ง ผมไม่รอช้ารีบกดรับสาย...


(ทรี...รับช้านะ ผมโทรไปเป็นสิบสายแล้ว) ยังไม่ทันได้ทักทายอะไรปลายสายก็พูดขัดซะแล้ว


“โทษที พอดีผมเหนื่อยนิดหน่อย...ว่าแต่โทรมาแบบนี้แปลว่ามีภารกิจสินะเซโคร” ผมถามปลายสายตรงๆ


คนที่โทรมาหาผมคือไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่หรือเซโครที่เป็นหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการพิเศษนั่นเอง นี่เป็นครั้งแรกที่มีการติดต่อมาเมื่อดูจากช่วงเวลาและน้ำเสียงก็พอจะเดาได้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้น แน่นอนว่าถ้าโทรมาหาผมก็ต้องเกี่ยวกับภารกิจอะไรสักอย่าง


(สมแล้วที่เป็นทรี ผมต้องการให้ทั้งคู่ไปทำภารกิจทางตอนใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติกแทบประเทศบลาซิล)


“ภารกิจคืออะไร” ผมถามต่อ


(จับปลาที่หลุดระหว่างขนย้าย)


“หึ...ถ้าแค่ปลาธรรมดาคงไม่โทรมาหาผมหรอกมั้ง” ผมรับรองเลยว่ามันต้องไม่ใช่แค่พวกปลากะมงหรือปลาหมอทะเลแน่ๆ


(ก็นะ...ดังเคิลออสเตียสน่ะ)


“...คงไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม” ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะถามกลับ ถ้าเป็นมุขก็ถือเป็นมุขที่ตลกอยู่แต่ถ้าเกิดเป็นเรื่องจริงผมพูดเลยว่าขำไม่ออก


(ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นหรอกนะ ทางนั้นกำลังพยายามขับเรือตามจีพีเอสที่ติดกับตัวมันไว้อยู่ ผมอยากให้ทรีกับลูก้านั่งเฮลิคอปเตอร์ไปจัดการโดยด่วน)


“เฮลิคอปเตอร์ตอนนี้จะมีคนอยู่เหรอ” นาฬิกาตอนนี้บอกเวลาตี4ครึ่ง ต่อให้เป็นพนักงานดีเด่นก็ไม่มีทางตื่นมาทำงานเวลานี้เป็นแน่


(ไม่ต้องห่วง ผมจัดการให้แล้ว รีบขึ้นไปก็พอ)


“เข้าใจแล้ว”


(ภารกิจแรกก็ได้หนักเลยเนอะ)


“เนอะอะไรล่ะเซโคร เจ้าปลาที่เจอนั่นไม่ควรเรียกว่าปลาด้วยซ้ำ”


(ผมรู้ แต่ถ้าเป็นทรีกับลูก้าทำได้แน่)


“ก็นะ ต้องลองดู” พูดจบผมก็วางสายก่อนจะเดินไปหาลูก้าที่มองมาตลอดตั้งแต่รับสายจากเซโคร


“มีภารกิจ?” ลูก้าถาม


“ใช่ เราต้องไปทางเฮลิคอปเตอร์” ผมบอกพลางเดินไปค้นชุดสำหรับดำน้ำในตู้เสื้อผ้า


“ไปเลยสินะ”


“อืม ขอผมเปลี่ยนชุดแป๊บ วานหยิบของบนโต๊ะใส่กระเป๋าบนโซฟาให้ที” พูดจบผมก็รีบเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ชุดดำน้ำถูกใส่แล้วสวมทับด้วยชุดลำลองปกติอีกที


พอออกมาผมกับลูก้าก็พากันขึ้นลิฟต์ไปยังดาดฟ้าของตึกซึ่งมีลานเฮลิคอปเตอร์อยู่ด้านบน เสียงของใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังลั่นเมื่อเปิดประตูดาดฟ้าออก เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมเรียกพวกเราขึ้นไปก่อนเฮลิคอปเตอร์จะทะยานสู่ท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีฟ้าอ่อน


“สาม...เราต้องไปทำอะไร” ลูก้าถามระหว่างที่เฮลิคอปเตอร์กำลังบินอยู่


“ดูเหมือนดังเคิลออสเตียสจะหลุดจากการขนส่ง พวกเราต้องไปจับมันกลับมา”


“ดังเคิลออสเตียส?” น้ำเสียงนั่นดูเหมือนว่าลูก้าจะไม่รู้ว่าดังเคิลออสเตียสคืออะไร


“ไม่รู้จักสินะ...บางทีการไม่รู้จักอาจดีกว่าก็ได้” ถ้ารู้จักแล้วทำเอาผมเริ่มเครียดแบบนี้ก็ไม่อยากรู้จักมันเลย


“อันตรายสินะ”


“ทำไมคิดงั้น?”


“ก็สามทำหน้าเครียดตั้งแต่วางสายแล้ว ถ้าเป็นสายพันธุ์ปกติสามคงไม่ทำหน้าแบบนั้นหรอก”


“ก็นะ...ดังเคิลออสเตียสเป็นปลาที่มีนิสัยอันดุร้ายยิ่งกว่าฉลามขาวในปัจจุบันซะอีก ด้วยความยาวกว่า10เมตรและฟันขนาดขนาดยักษ์ที่สามารถบดขยี้ได้แทบทุกสิ่งทำให้มันเป็นนักล่าที่บนสุดของห่วงโซ่อาหารในยุคดีโวเนียน แค่นั้นยังไม่พอดังเคิลออสเตียสยังมีหนังที่แข็งแกร่งกว่าปลาปกติหลายต่อหลายเท่า ดังเคิลออสเตียสกินอะไรรู้ไหมลูก้า” ผมอธิบายก่อนจะเปลี่ยนมาถาม


“ก็กินปลาไม่ใช่เหรอ”


“ใช่...แล้วกินปลาอะไรรู้รึเปล่า” ผมยังคงถามต่อ


“ไม่รู้ เฉลยมาเลย”


“ฉลาม”


“...” คำพูดผมทำให้คิ้วของลูก้าขมวดเข้าหากันแน่นทันที


“ดังเคิลออสเตียสล่าและกินฉลามในยุคเดียวกันจนฉลามนั่นสูญพันธ์ไปอย่างรวดเร็ว ถ้าดังเคิลออสเตียสออกล่าจะไม่มีอะไรหยุดมันได้”


“สาม...”


“เป็นภารกิจแรกที่สาหัสน่าดูเลย”


“ผมจะแพ้งั้นเหรอ” คำถามของลูก้าเรียกผมให้เงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีเงินที่จับจ้องมา แม้คำพูดนั่นเหมือนคนกำลังหมดกำลังใจทว่าดวงตาสีเงินกลับไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้สักนิด รู้สึกว่าลูก้าจะเป็นพวกไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรสินะ ผมเองคงต้องเอาอย่างบ้างแล้ว


“ไม่แพ้หรอก...ถ้าเป็นลูก้า ไม่แพ้แน่” ผมพูดด้วยรอยยิ้มที่เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น


“ไม่ใช่แค่ผมสิ”


“อะไร...”


“ไม่ใช่แค่ผมที่จะไม่แพ้ สามก็จะไม่แพ้ด้วย”


“ลูก้า”


“พวกเราจะไม่แพ้”


“อืม ไม่แพ้แน่” ถ้าเป็นตอนนี้ผมรู้สึกว่าต่อให้เจอดังเคิลออสเตียสผมก็ไม่มีทางแพ้ตราบเท่าที่ยังมีลูก้าอยู่ด้วย


“จะปกป้องสามเอง”


“ขอบคุณ ผมเองก็จะปกป้องลูก้าเหมือนกัน” พวกเราเป็นคู่หู


“ถึงแล้วครับ” เสียงของเจ้าหน้าที่ขับเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้น


“ครับ” ผมลุกขึ้นพร้อมกับเปิดประตูเฮลิคอปเตอร์ออกแล้วชะโงกลงไปดูด้านล่าง


พื้นน้ำสีฟ้าแกมน้ำเงินด้านล่างถูกย้อมด้วยสีแดงสดของเลือดเป็นหย่อมๆ โดยไม่ไกลกันมีเรือขนาดใหญ่แล่นอยู่ท่ามกลางผืนน้ำสีแกงก่ำ ถ้าให้เดาเรือนั่นต้องเป็นเรื่อที่ขนดังเคิลออสเตียสมาส่วนน้ำทะเลสีแดงนั่นคงเป็นฝีมือการล่าของดังเคิลออสเตียส พวกมันคงกำลังหิวไม่ก็กำลังหงุดหงิดเลยระบายออกโดยการล่าทุกสิ่งที่เคลื่อนไหว


แบบนี้อันตรายแฮะ แถมดูแล้วไม่น่าจะมีตัวเดียวด้วย ภารกิจแรกก็ดันเจอดังเคิลออสเตียสทั้งฝูงเป็นการรับน้องที่น่าสนุกและตื้นเต้นดีนี่


“สาม”


“พวกดังเคิลออสเตียสไม่ได้มีแค่ตัวเดียว” ผมบอกกับลูก้าที่เดินตามมา


“เอาไงต่อ”


“กระโดดจากนี่คิดว่าไหวไหม”


“จากนี่? ไม่เคยแต่คิดว่าไหว”


“ดี เราจะกระโดดลงไป พอใกล้น้ำลูก้าก็กลับร่างได้เลย พวกดังเคิลออสเตียสต้องว่ายมาหาพวกเราแน่” แรงสะเทือนขนาดนั้นสัตว์น้ำตัวอื่นคงหนีแต่ถ้าเป็นดังเคิลออสเตียสนักล่าแห่งท้องทะเลพวกมันจะมาแน่


“แล้วสามจะทำยังไง”


“ตอนที่ลูก้ากลับร่างผมจะเกาะคอไว้พอลงน้ำจะช่วยจัดการดังเคิลออสเตียส” ผมอธิบายสิ่งที่คิดออกไป


“เข้าใจแล้ว”


“มีอย่างนึงที่อยากบอก”


“ว่ามาเลย”


“พวกเราต้องจับพวกดังเคิลออสเตียสเป็นๆ กลับไป แต่ในกรณีเลวร้ายลูก้าก็จัดการไปได้เลย”


“สาม...”


“ความปลอดภัยของลูก้าเป็นที่หนึ่ง เข้าใจนะ”ผมย้ำให้อีกฝ่ายได้ยิน สำหรับผมการทำภารกิจไม่สำเร็จนั้นไม่ทำให้เสียใจเท่ากับการที่ลูก้าได้รับอันตราย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูก้าผมก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา


“เป็นห่วงผมเหรอ” ลูก้าถามพลางด้วยน้ำเสียงดีใจ


“แน่นอน” เป็นห่วงที่สุดด้วย


“ผมจะไม่เป็นไร สามก็ด้วยนะ”


“ไปกันเถอะ” ผมพยักหน้าก่อนจะถอดเสื้อผ้าเป็นชุดดำน้ำแบบพิเศษที่สวมไว้ด้านใน


ผมหันไปสบตากับลูก้าก่อนที่พวกเราจะกระโดดลงไปยังพื้นน้ำสีฟ้าแกมน้ำเงินด้านล่างนั่น ความเร็วของแรงดิ่งดูจะมากกว่าที่คิดไว้พอสมแต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะผมชอบเล่นพวกกีฬาหวาดเสียวอยู่แล้ว ความสูงผมไม่กลัวหรอก


ยิ่งใกล้ทะเลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเห็นซากของปลาหลากหลายชนิดลอยขึ้นมาในสภาพโดนฉีกกระชากจากเขี้ยวอันแหลมคมได้ชัดเจนขึ้น


“สาม กลับร่างละนะ” ลูก้าตะโกนบอกก่อนที่ร่างมนุษย์บนฟ้าจะกลายเป็นร่างไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ยักษ์ ด้วยร่างกายที่ใหญ่ทำให้น้ำหนักมากขึ้นกว่าในร่างมนุษย์ส่งผลให้ตกลงสู่ผืนน้ำด้วยความเร็วเพิ่มขึ้น เมื่อร่างของลูก้ามาถึงผมก็รีบคว้าส่วนคอที่ยาวเล็กน้อยนั่นไหวแน่น


ตู้ม!!


เพียงไม่กี่วินาทีร่างของพวกเราก็ตกลงน้ำพร้อมกับผืนน้ำกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง ผมเตรียมกลั้นหายใจไว้ก่อนจะลงน้ำเลยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาขึ้นไปหายใจ ผมลืมตาพร้อมกับหันไปมองรอบๆ อย่างระแวดระวังโดยมีลูก้าอยู่ข้างๆ มือข้างหนึ่งของผมลูบผิวหนังลื่นๆ นั่นไปมาแทนคำพูดว่าผมลงมาอย่างปลอดภัย


กรรรร~


ท่าทีสงบนิ่งของลูก้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย คมเขี้ยวอันแหลมคมอ้าออกเล็กน้อยเตรียมเปิดฉากต่อสู้ ทันทีที่ดังเคิลออสเตียสเข้ามาอยู่ในสายตาลูก้าก็พุ่งตัวไปจัดการด้วยความเร็วเหนือกว่า ทำให้ดังเคิลออสเตียสตัวแรกถูกลูกขย้ำเข้าบริเวณโคนหางก่อนจะเหวี่ยงไปด้านบนเต็มแรง


กรรรร~


แน่นอนว่าการต่อสู้ไม่ได้จบลงเพราะดังเคิลออสเตียสไม่ได้มีแค่ตัวเดียว ดังเคิลออสเตียสอีกหลายตัวว่ายเข้ามาจากหลายทิศทางลูก้าเองคงจะรู้ตัวแต่แทนที่จะพุ่งไปจัดการตัวที่อยู่ใกล้สุดกลับหันกลับมามองผมด้วยสายตาเป็นห่วงจนโดนดังเคิลออสเตียสกัดเข้าเต็มแรง


งี๊ดดดด~


ลูก้า!


ผมรีบว่ายไปหาหมายจะเข้าไปช่วยแต่ดังเคิลออสเตียสสามตัวกลับว่ายมาล้อมผมไว้จากสามทิศทาง ดวงตาขนาดใหญ่จ้องมาราวกับจะไม่ปล่อยเหยื่ออันโอชะให้รอดไปได้ ทางลูก้าเมื่อถูกกัดก็อาศัยส่วนคอที่ยาวจัดการขย้ำเข้าบริเวณท้องของดังเคิลออสเตียสจนมันล่าถอยไป ทว่าการล่าถอยไม่ได้แสดงถึงการยอมแพ้


ดังเคิลออสเตียสไม่ใช่สัตว์ที่จะยอมแพ้...พวกมันจะยอมแพ้ต่อเมื่อตายเท่านั้น!


กรรรร~


กรรรร~


เสียงคำรามใต้น้ำดังขึ้นพร้อมกับดังเคิลออสเตียสอีกห้าตัวโผล่มาล้อมลูก้าไว้เช่นเดียวกันผม  ลูก้าไม่ได้กังวลที่ตัวเองโดนดังเคิลออสเตียสล้อมแต่ดวงตาสีเงินยังยังคงหันมามองผม พอเห็นว่ามีดังเคิลออสเตียสสามตัวล้อมผมอยู่ลูก้าก็เตรียมจะว่ายมาหาแต่กลับถูกดังเคิลออสเตียสตรงนั้นขวางไว้


ลูก้าไม่มีสมาธิกับการสู้


ผมรู้ได้ทันทีจากท่าทางและการกระทำพวกนั้น ส่วนสาเหตุที่ลูก้าไม่มีสมาธิคงเป็นตัวผม เพราะลูก้าเป็นห่วงผมเลยกังวลจนไม่มีสมาธิสู้


ให้ตายสิ


เป็นห่วงก็ดีอยู่หรอก...แต่แบบนี้เหมือนลูก้าไม่เชื่อใจผมเลยทั้งที่พูดว่าพวกเราจะไม่แพ้แท้ๆ


น่าโมโห


เมื่ออยู่ในน้ำการจะพูดนั้นทำไม่ได้อยู่แล้วผมเลยเปลี่ยนเป็นชี้นิ้วไปยังลูก้าก่อนจะชี้กลับมาที่ตัวเอง ผมอยากให้ลูก้ามองผม และผมจะแสดงให้เห็นว่าดังเคิลออสเตียสสามตัวไม่คาระนามือหรอก


งี๊ดดด~


กรรรรร~


ดังเคิลออสเตียสสามตัวเหมือนจะไม่อดทนรอนานกว่านี้พวกมันพุ่งเข้ามาจากสามทิศทาง แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวนั้นเป็นจุดอ่อนของดังเคิลออสเตียส ด้วยความที่พวกมันมีเกราะอันแข็งแกร่งทำให้มีน้ำหนักมากส่งผลให้เคลื่อนไหวช้า การเคลื่อนไหวนั่นผมหลบได้ไม่ยากเพียงแค่ดำลงไปในน้ำที่ลึกขึ้น ดังเคิลออสเตียสทั้งสามตัวที่พุ่งเข้ามาชนกันอย่างแรงจนเกิดกระแสน้ำรุนแรงขึ้น


ผมไม่สนว่ากระแสน้ำนั่นจะทำให้ทรงตัวอยาก สิ่งเดียวที่รู้คือนี่เป็นโอกาส...อาวุธขนาดเล็กถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าของชุดดำน้ำ มีดสีเงินใสขนาดบางเฉียบถูกถือไว้ในมือก่อนจะพุ่งเข้าหาดังเคิลออสเตียสตัวใกล้สุดแล้วจัดการกรีดบริเวณส่วนโคนครีบ ในเสี้ยววินาทีหลังการกรีดร่างของดังเคิลออสเตียสก็ดิ้นทุรนทุรายก่อนจะค่อยๆ ลอยขึ้นไปด้านบนทั้งๆ แบบนั้น


สิ่งที่ผมทำไม่ใช่การใช้พิษหรือตัดครีบแต่คือการกรีดเบาๆ ไปยังเส้นประสาทโดยตรง ครีบเป็นส่วนช่วยรักษาสมดุลในการว่ายถ้าเกิดอะไรขึ้นก็จะทรงตัวไม่ได้อย่างที่เห็น


อาวุธนี่ใช้ได้แฮะ


ของในมือผมอาจดูเหมือนมีดซึ่งก็ทั้งใช่และไม่ใช่ มันยังมีอะไรที่พิเศษกว่านั้นอีก


พอดังเคิลออสเตียสตัวแรกถูกจัดการผมก็หันไปสบตากับลูก้าที่มองมาอย่างไม่เชื่อสายตาด้วยรอยยิ้มภูมิใจ ผมชี้นิ้วไปยังลูก้าอีกรอบแน่นอนว่าผมไม่ได้ชี้กลับมายังตัวเองแต่เป็นดังเคิลออสเตียสที่ล้อมรอบอีกฝ่ายไว้


จัดการซะลูก้า!


กรรร~


เพียงแค่เห็นท่าทางนั้นลูก้าก็เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ เรียวปากขนาดใหญ่อ้าออกพร้อมเสียงคำรามก่อนจะพุ่งตัวไปหาดังเคิลออสเตียสที่ล้อมอยู่ แบบนั้นคงไม่ต้องห่วงแล้วที่เหลือคือผมจะทำยังไงกับอีกสองตัวที่เหลือนี่ดี อากาศก็ใกล้หมดแล้วด้วย


กรรรร~


เสียงคำรามใต้น้ำดังขึ้นทั่วบริเวณดังเคิลออสเตียสสองตัวพุ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับอ้าฟันขนาดใหญ่สำหรับบดขยี้สิ่งมีชีวิตออกกว้าง แผนเดิมคงไม่ได้ผลถ้าแบบนั้นก็ต้อง...


เสี้ยววินาทีที่ร่างของดังเคิลออสเตียสเข้ามาประชิดผมก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปกดส่วนหัวของมันอาศัยเป็นแรงผลักเพื่อม้วนตัวขึ้นไปอยู่บนหลัง


กรรรรร~


แน่นอนว่าคงไม่มีใครยอมอยู่นิ่งๆ ดังเคิลออสเตียสสะบัดไปมาอย่างรุนจนผมต้องใช้แรงทั้งหมดเพื่อยึดร่างกายลื่นๆ นี่ไว้ อาวุธในมือถูกทำให้มีรูสำหรับใช้นิ้วเกี่ยวไว้ได้เลยหมดปัญหาว่าจะต้องทิ้งอาวุธไป ใช้เวลาไม่นานความเร็วของมันก็เริ่มตกผมเลยรีบจัดการใช้อาวุธกรีดลงไปยังส่วนระหว่างหัวและตัวที่อ่อนแอกว่าส่วนอื่น


ก่อนที่ผมจะไปทำการวิจัยหรือทดลองผมเป็นมือหนึ่งด้านพฤติกรรมสัตว์น้ำนะ ทุกๆ วันผมหมกอยู่กับสัตว์เหล่านั้นเพื่อเฝ้าดู มีหลายครั้งที่เอาสัตว์ที่ตายไปมาผ่าตรวจดู  ดังนั้นเรื่องโครงสร้างของปลาน่ะผมรู้ดี


กรรรร~


ดังเคิลออสเตียสตัวที่ผมขี่ดิ้นไปมาสักพักพอหยุดขยับตัวร่างนั้นก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนผิวน้ำ


ที่ผมทำก็แค่ให้ชาชั่วขณะไม่ได้ฆ่าหรอก ผมรู้ว่าการจะฆ่าต้องกรีดส่วนไหนพอๆ กับการหยุดว่าควรกรีดส่วนไหนเช่นกัน


“อึก...” อากาศมัน


ผมเงยหน้าขึ้นไปมองยังผิวน้ำก่อนจะตัดสิใจหยิบออกซิเจนขนาดพกพามาต่อลมหายใจ แม้จะว่ายขึ้นไปก็คงหมดลมก่อน โชคดีที่เอามาด้วย


กรรรร~


เสียงนั่นเรียกผมให้หันไปมองพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลที่เบิกกว้างขึ้นเมื่อลืมไปว่ายังเหลือดังเคิลออสเตียสอยู่อีกตัว


หลบไม่พ้น


“อั๊ก!” ออกซิเจนถูกพ่นออกมาจนเกิดฟองเมื่อบริเวณสีข้างถูกฟันของดังเคิลออสเตียสถากจนเลือดออก


เมื่อรู้ว่าหลบไม่พ้นทางเดียวที่ทำได้คือลดความเสียหายให้เหลือน้อยที่สุด นั่นทำให้ผมโดนเพียงฟันถากๆ เท่านั้น


ขนาดแค่ถากยังเจ็บขนาดนี้ แถมน้ำทะเลยิ่งทำให้แผลแสบเข้าไปอีก ดังเคิลออสเตียสเหมือนรู้ว่าเหยื่อที่หมายตายังมีชีวิตมันเลยหมุนตัวกลับมายังผมอีกรอบ


ร่างกาย...ขยับไม่ได้ดั่งใจ


บ้าเอ้ย!


กรรรรรรร~


ระหว่างที่ความสิ้นหวังมาเยือนร่างสีฟ้าคาดแดงก็พุ่งทะยานมาพร้อมกับอ้าปากออกกว้างขย้ำเข้าไปยังส่วนลำตัวแต่ด้วยความแข็งของหนังทำให้เขี้ยวของลูก้าเข้าไปได้ไม่ลึกพอ  เห็นแบบนั้นผมก็เม้มปากแน่นข่มความเจ็บว่ายเข้าไปยังดังเคิลออสเตียสแล้วจัการเข้าบริเวณที่อ่อนแอของมัน ส่วนที่อ่อนแอของดังเคิลออสเตียสก็เหมือนปลาทั่วไปก็คือครีบและส่วนข้อต่อของหัวและลำตัว


งี๊ดดด~


ลูก้าว่ายเข้ามาหาโดยใช้ส่วนคอที่ยาวเล็กน้อยพันร่างผมไว้ก่อนจะว่ายพาขึ้นไปด้านบน ด้วยความเจ็บผมเลยไม่ขัดขืนอะไรนัก เมื่อโผล่พ้นผิวน้ำก็เจอเข้ากับเรือขนาดใหญ่ที่ด้านบนมีกลุ่มคนกำลังชะโงกลงมามองด้วยใบหน้าตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


“พวกเราคือคนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ!” ผมตะโกนบอกคนด้านบน


“หน่วยปฏิบัติการพิเศษ? พวกเราได้ยินมาแล้วแต่ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้แถมยังจัดการดังเคิลออสเตียสได้หมดอีก” ใบหน้าตื่นตกใจนั่นดูน่าขำแต่ด้วยความเจ็บในตอนนี้คงขำไม่ออก


“รีบจับพวกดังเคิลออสเตียสเถอะครับ”


“ขะ...เข้าใจแล้ว”


“แล้วก็ขออุปกรณ์ปฐมพยาบาลด้วย” ผมพูดต่อ


“ได้ครับ ทางขึ้นเรืออยู่ทางนั้น พวกนายไปดูแลหน่อย” บอกผมเสร็จก็หันไปบอกกลุ่มคนข้างๆ ต่อ


“สาม” ลูก้ากลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ก่อนจะว่ายเข้ามากอดผมไว้แน่น


“ลูก้า เก่งนี่จัดการได้เร็วแบบนั้น”


“สามเก่งกว่าอีก สุดยอดไปเลยที่เคลื่อนที่ได้ขนาดนั้น” ลูก้าเอ่ยชม


“ถึงแบบนั้นก็ต้องให้มาช่วยอยู่เรื่อย ทั้งที่อยากจะโชว์ว่าไม่ต้องห่วงแล้วแท้ๆ เชียว” แบบนี้คงทำให้เป็นห่วงกว่าเดิมแน่ๆ


“ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะช่วย”


“ขอบคุณ”


จากนั้นลูก้าก็พาผมขึ้นไปบนเรือ ก่อนจะขึ้นผมส่งเสื้อผ้าที่เตรียมมาในกระเป๋าให้อีกฝ่ายใส่แล้วค่อยเดินตาคนบนเรือไปจนถึงห้องขนาดเล็กที่มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเตรียมไว้


“ให้พวกเราช่วยอะไรไหมครับ” ชายหนุ่มหนึ่งในคนนำทางมายังห้องนี้ถามขึ้น


“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”


“ถ้ามีอะไรก็เรียกได้เลยนะครับ” พูดจบก็เดินออกไปจากห้องพร้อมปิดประตู


ภายในห้องตอนนี้มีเพียงผมนั่งเปิดกล่องปฐมพยาบาลโดยมีลูก้านั่งมองมาอย่างห่วงๆ รอยถากจากดังเคิลออสเตียสทำให้เกิดแผลค่อนข้างใหญ่ตั้งแต่หน้าท้องไปจนเกือบถึงเอว ถึงแผลจะไม่ลึกมากแต่เลือดก็ยังซึมๆ อยู่


“สาม เจ็บมากไหม” ลูก้าระหว่างมองแผลผม


“เจ็บนะ แต่ไม่มาก”


“ให้ผมทำให้นะ” ยาฆ่าเชื้อในมือถูกอีกฝ่ายแย่งไป ลูก้าขยับตัวมาใกล้ใช้สำลีชุบยาฆ่าเชื้อเช็ดบริเวณแผลอย่างเบามือ เบามากจนผมไม่รู้สึกเจ็บสักนิด


“มือเบาจัง” ผมบอก


“แปลว่าไม่เจ็บสินะ”


“อืม ถ้าทำเองคงเจ็บกว่านี้แน่”


“เช็ดเสร็จแล้วต่อไปใส่ยาใช่ไหม” ลูก้าถามต่อ


“ใช่ ยาตัวนี้” ผมเอื้อมมือไปหยิบขวดยาสีน้ำตาลเข้มส่งให้ลูก้าที่พยักหน้าเข้าใจ แผลของผมถูกลูก้าช่วยจนเสร็จในเวลาไม่นาน เพียงแต่บรรยากาศแปลกๆ จากลูก้าแผ่ออกมาจนผมต้องคอยมองสังเกตอีกฝ่ายว่าเกิดอะไรขึ้น


“สาม”


“อะไรลูก้า”


“สามบอกว่าถ้าเกิดกรณีร้ายแรงก็สามารถจัดการได้ ให้เอาความปลอดภัยของผมเป็นที่หนึ่ง...”


“ใช่ ผมพูดแบบนั้น”


“ตอนที่ผมโดนกัดไม่ได้รู้สึกว่าเป็นกรณีร้ายแรงขึ้นขนาดต้องฆ่า แต่พอดังเคิลออสเตียสตัวนั้นทำร้ายสามจนเลือดออกผมกลับรู้สึกอยากฆ่า อยากจัดการใครก็ตามที่มาทำให้สามเจ็บ...การที่คิดแบบนั้นมันไม่ดีใช่ไหม” คำอธิบายด้วยน้ำเสียงหง๋อยๆ นั่นทำให้ผมถอนหายใจยาวออกมา


“ผมตอบไม่ได้หรอกว่ามันดีหรือไม่ดี เรื่องของความคิดมันเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่ที่ผมบอกได้คือถ้าผมเป็นลูก้าก็คงคิดเหมือนกัน”


“สาม...”


“ถ้าผมเห็นลูก้าต้องถูกทำร้ายจนบาดเจ็บผมก็คงจะไม่ให้อภัยคนที่ทำแบบนั้นง่ายๆ ” ผมบอกพลางเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีฟ้าแซมแดงตรงหน้าเบาๆ


“สาม”


พรึ่บ!


ร่างของลูก้าโผลเข้ามากอดแน่นจนผมเซหงายลงไปนอนราบกับโซฟาโดยมีลูก้าคร่อมอยู่ด้านบน ใบหน้าของลูก้าซุกลงพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดต้นคอ แขนทั้งสองข้างเองก็กระชับร่างเราให้แนบสนิทกันมากขึ้น


“ลูก้า...”


“ผมไม่อยากเห็นสามเจ็บ...แต่ผมก็ไม่อยากได้ใครเป็นคู่หูนอกจากสาม” ประโยคนั้นเหมือนคนที่กำลังสับสนกับความคิดซึ่งขัดกันอยู่ สิ่งที่ลูก้าคิดก็เหมือนกับผม...ผมเองก็ไม่อยากเห็นลูก้าเจ็บและก็ไม่อยากให้ลูก้าหาคู่หูคนอื่นนอกจากผมด้วย เป็นความคิดที่ขัดแย้งกันเอง


“ผมเป็นคู่หูของลูก้า” ผมกระซิบพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอีกฝ่ายบ้าง


“สาม สาม...”


“ครั้งนี้ผมอาจบาดเจ็บ แต่รับรองว่าครั้งหน้าไม่มีแน่นอน” ผมย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง


ไม่อยากให้ลูก้าต้องมาคอยห่วงหรือกังวล


“จะปกป้องสาม”


“เราจะปกป้องกันและกัน”


“อืม”


“เอาล่ะ...ลุกได้แล้วผมขอดูแผลหน่อย จำได้ว่าโดนกัดมือนี่” ผมพูดพร้อมออกแรงดันไหล่อกีฝ่ายให้ลุกขึ้นนั่งแต่กลับไม่เป็นผลเลยสักนิดเดียว


“ขออยู่แบบนี้อีกแป๊บ”


“ก็ได้อยู่ แต่แผลน่ะ...”


“แผลแค่นั้นผมไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้อยากกอดสาม”


“ก็กอดอยู่นี่” จะมาอยากกอดอะไรอีก


“อยากกอดแน่นๆ ”


“นี่ยังไม่แน่นพออีกเหรอ หายใจจะไม่ออกแล้ว” ผมบ่นด้วยรอยยิ้ม


“ไม่ได้กอดแน่นขนาดนั้นสักหน่อย”


“โอ้ย! โอ้ย! กระดูกจะหักแล้ว” ผมแกล้งบิดเสียงร้องโอดครวญ


“กวน” คำเดียวที่สุดถูกมาทำเอาผมหลุดขำออกมาทั้งที่แผลยังเจ็บอยู่


“น่ารักจริงๆ ลูก้า”


“น่ารักแล้วรักรึยังล่ะ” สุดท้ายก็วกมาเรื่องนี้จนได้


“...นั่นสินะ...ถ้ายอมกระโดดลอดห่วงจะรักโดยการให้ปลาละกัน”


“ผมไม่ใช่โลมา”


“งั้นก็ขึ้นไปเลี้ยงตัวบนบอล...”


“นั่นแมวน้ำ”


“แมวน้ำก็อยู่ในน้ำสิจะอยู่บนบอลได้ยังไง” ผมกวนต่อ


“สาม!”


“คิก!” เสียงทุ้มที่เรียกชื่อผมแข็งทำอาหลุดขำออกมาอีกรอบ


ไม่ว่าจะเป็นตอนเด็กหรือตอนโตก็ไม่ได้เปลี่ยนเลยตรงจุดนี้ ไม่สิ ไม่ใช่แค่ลูก้าที่ไม่เปลี่ยนแต่ผมเองก็เหมือนกัน พวกเราแหย่กันไปมา แพ้บ้างชนะบ้าง แต่การแหย่นั่นไม่เคยทำให้เราผิดใจกันเลยสักครั้งเดียว

........................................................

สวัสดีค่ะ

มาอัพช้าหน่อยพอดีมีปัญหากับคือเปลี่ยนคอมใหม่แล้วดันจำพวกพาสเวิดเข้าเว็บอัพนิยายไม่ได้ แต่ตอนนี้สามารถเข้าได้ปกติแล้วค่ะ

สำหรับตอนนี้อาจเป็นที่หลายคนรอคอยกับฉากบู๊ใต้น้ำแบบเต็มตัวของสามและลูก้า แต่งเองยังรู้สึกตื่นเต้นเองเลยค่ะ

การที่มนุษย์จะเคลื่อนไหวในน้ำสู้พวกปลาได้นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ทำให้สามค่อนข้างเสียเปรียบเต็มๆ แต่เพราะมีทั้งทักษาะและไหวพริบเลยสามารถจัดการได้สำเร็จ

หวังว่าทุกคนคงจะชอบในภารกิจแรกของทั้งคู่นะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบายค่ะ

----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์----

วันนี้ขอเสนอ ดังเคิลออสเตียส ชื่ออังกฤษ: Dunkleosteus ดังเคิลออสเตียส เป็นปลาทะเลขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในปลายยุคดีโวเนียน (380-360 ล้านปีมาแล้ว) จัดเป็นปลาที่มีขากรรไกรที่เป็นปลานักล่ากินเนื้อขนาดใหญ่ที่เป็นเสมือนคู่แข่งตัวฉกาจของปลาฉลามในยุคต้นของการวิวัฒนาการเลยทีเดียว

ดังเคิลออสเตียส ถือเป็นสกุลของปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่อยู่ในอันดับ Arthrodira รูปลักษณ์ภายนอกของปลาสกุลนี้แลดูดุดันน่ากลัวมาก ที่เห็นเด่นชัดสุดคงเป็นแผ่นขากรรไกรแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ดี ไม่มีฟันแต่ที่ขอบปากมีลักษณะแหลมคล้ายเขี้ยวทั้งด้านบนและล่าง ทำให้เป็นเหมือนจะงอยปากไว้งับเหยื่อโดยไม่ต้องใช้ฟัน ในขณะที่มีลำตัวตัวยาวกว่า10เมตรและมีโครงสร้างประกอบด้วยเกล็ดอย่างหนาและแข็งเสมือนชุดเกราะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ดังเคิลออสเตียส

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 20-04-2018 14:29:33
เขาหยอกกันน่ารักจ้า  :katai2-1:
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 20-04-2018 19:13:52
สามน่าจะรู้ตัวแล้วละ
เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 20-04-2018 19:44:40
เขาน่ารักกันจังเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 20-04-2018 21:47:16
น่ารักๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 20-04-2018 22:30:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-04-2018 03:21:07
แกล้งกันน่ารักจริงๆเลยยย
สามไม่รู้ใจตัวเองแน่ๆหรอะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-04-2018 08:28:59
ได้ไปทำภารกิจแรกแล้ว
ตอนนี้ดีค่ะ ต่างคนต่างเป็นห่วงกัน ปกป้องกัน
พร้อมที่จะสู้ถ้าอีกคนเจออันตราย

ลูก้าได้ใจไปเต็มๆ สามเข้าใจแล้ว ยอมรับแล้ว
แต่แอบมีไว้ตัวนิดนึง อะไรแบบนั้น 55555

อยากกอดแน่นๆ นี่คิดไปไกลมากแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-04-2018 23:24:16
สามเก่งมากเลยนะ ดีที่ไม่บาดเจ็บมากไม่งั้นลูก้าฆ่าตายหมดแน่
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-04-2018 00:44:39
โหดแท้ใช้งาน
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 26-04-2018 06:13:54
ชอบมากเลยค่ะทั้ง3เรื่อง  ดีงามมากกกกก :katai1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่13◈♦> 20/04/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: akajinkame ที่ 26-04-2018 09:35:44
จะเด็กหรือโตแล้วแพ้สามอยู่ดี รอวันสามใจอ่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 01-05-2018 20:31:43
◈ธาราที่14◈




(...ภารกิจสำเร็จอย่างงดงามเลยนะทรี)


“งดงามอะไรกัน บาดเจ็บทั้งคู่ไม่เรียกว่างดงามหรอกนะ”ผมตอบปลายสายไประหว่างที่ใช้มือข้างหนึ่งเปิดเอกสารแล้วกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ


ตอนนี้ผมอยู่ในห้องวิจัยบริเวณด้านหน้าที่เป็นเหมือนห้องรับแขกโดยมีรองหัวหน้าอย่างยุกับเหล่าผู้ช่วยทุกคนเดินวนเวียนแอบฟังบทสนทนาของผมอยู่แทบตลอดเวลา


ถ้าถามว่าทำไมถึงรู้คำตอบนั้นก็ง่ายมากเพราะปกติไม่มีทางที่เหล่าลูกน้องผมจะเดินเข้าเดินออกเป็นว่าเล่นแบบนี้แถมยังมีการมาหยุดยืนด้านหลังผมอย่างเนียนๆอีก


วันนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่วันที่ผมหาเวลามายังห้องวิจัยเพื่อช่วยทุกคนทำงานหลังจากไม่ได้มาซะนาน หลายอาทิตย์มานี้ผมทุ่มกับการฝึกเคลื่อนไหวในน้ำอยู่ตลอด เพียงแต่การเคลื่อนไหวในน้ำไม่ได้ทำง่ายๆจึงจำเป็นต้องฝึกร่างกายให้แข็งแรงกว่านี้โดยการวิ่งหรือออกกำลังมากขึ้น


ผมเป็นพวกถ้าคิดจะทำอะไรก็จะทุ่มสุดตัว


(เจอดังเคิลออสเตียสเกือบ10ตัวถ้าจัดการได้หมดโดยไม่มีแผลผมอาจคิดว่าทรีไม่ใช่มนุษย์)เซโครพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก


“ถ้าเป็นนายอาจไม่มีแผลก็ได้นะ”ผมบอกไปตามตรง


ทั้งความสามารถและประสบการณ์เซโครมีมากกว่าอีก


(ผมไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ...จริงอยู่ที่ผมเก่ง...)


“ไม่มีถ่อมตัวเลยนะ ถึงจะเก่งจริงๆก็เถอะ”


(ก็นะ แต่ถึงผมเก่งก็เทียบเรื่องนี้กับทรีไม่ได้หรอก)


“ยังไง”ผมถามกลับพลางหันไปมองพี่พลตาขวางเมื่อถูกเดินเข้ามาแอบฟังกันโต้งๆ


(ผมอาจมีประสบการณ์ต่อสู้มากกว่าหน่อยแต่การเคลื่อนไหวในน้ำผมทำไม่ได้ขนาดทรีหรอก เล่นตีลังกาใต้น้ำกระโดดขึ้นไปขี่ดังเคิลออสเตียสแบบนั้น...คนปกติไม่ทำหรอกนะ)


“รู้เรื่องนั้นได้ยังไง”ผมถามเสียงเข้ม เหมือนที่ผมรายงานไม่จะไม่ได้ละเอียดขนาดนั้นนะ


(พอดีได้เห็นคลิปจากเรือที่ส่งมาให้น่ะ)


“เรือนั่นเหรอ...ไม่คิดว่าจะอัดไว้นะเนี่ย”ในยุคนี้การมีกล้องใต้น้ำไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร นอกจากไม่แปลกแล้วยังเป็นเรื่องปกติอีก การเดินเรือทางทะเลเป็นสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะมนุษย์สามารถมองเห็นเพียงส่วนเหนือระดับผิวน้ำทะเลเท่านั้น


แน่นอนว่าความอันตรายมักไม่อยู่ในที่ที่สามารถมองเห็นง่ายต่อให้มีเรด้าก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นดังนั้นการมีกล้องดีๆติดไว้ช่วยให้มองเห็นภาพในระยะใกล้ไกลได้อย่างชัดเจนขึ้น


(ยูทาร์ยังบอกเลยว่าถึงทรีจะตัวเล็กแต่กล้าหาญจริงๆ)


“ว่าใครตัวเล็กกัน...ผมสูงมาตรฐานเหอะ”


(มาตรฐานเอเชียสินะ)อีกฝ่ายพูดล้อๆ


“เซโคร”พูดแบบนี้หาเรื่องกันนี่


(ไม่ชอบให้พูดเรื่องส่วนสูงจริงๆแฮะ...ความจริงมันก็มีข้อดีหลายๆอย่างไม่ใช่เหรอ การตัวเล็กไม่ได้แปลว่าต้องแพ้นี่นะ)


“ก็ใช่อยู่...บางทีมันก็เป็นข้อดีได้ แต่เข้าใจไหมว่าการตัวเตี้ยอยู่คนเดียวมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย”


(ไหนบอกว่าสูงมาตรฐานไง)


“อึก...เอาน่า เปลี่ยนเรื่องเถอะ”


(ทำงานกับคู่หูเป็นยังไงบ้าง)เซโครเปลี่ยนเรื่องตามที่ขอ


“เป็นยังไงน่ะเหรอ...ก็โอเคอยู่”ไม่สิ ควรจะบอกว่าโอเคมากกว่าที่คิดไว้ซะอีก


แต่ก็ยังตัดสินอะไรกับการต่อสู้เดียวไม่ได้


(งั้นก็ดีแล้ว...ไว้มีภารกิจจะติดต่อไปใหม่)


“ได้ครับ ขอบคุณที่เหนื่อยนะครับหัวหน้าไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่”ได้โอกาสผมก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆบ้าง


(ยินดีครับด็อกเตอร์นทีธาร ธาราสุข)ปลายสายเองก็ไม่ยอมน้อยหน้ากวนผมกลับก่อนจะวางสายไป


“จะแอบฟังอีกนานไหม”วางสายเสร็จผมก็หันไปมองรอบๆไล่ตั้งแต่ผู้ช่วยสาวกับรองหัวหน้าอย่างที่แอบมองมาจากมุมทางเดินไปห้องทดลองไปจนถึงวุธที่ถึงมือทั้งสองข้างจะคีย์แป้นคีย์บอร์ดอยู่แต่หูกลับหันข้างราวกับแอบฟัง และสุดท้ายคือพี่พล...คนนี้ไม่ได้ใช้วิธีแอบแต่นั่งลงยังเข้าอี้ด้านข้างฟังกันตรงๆนี่แหละ


ลูกน้องผมแต่ละคน


ว่างๆกันทั้งนั้น


“สาม...ปลายสายนั่น ด็อกเตอร์ ไทรแอสซิกรึเปล่า”ยุกเดินเร็วๆเข้ามาถามด้วยใบหน้าตื่นเต้น


“ใช่...แล้ว...”


“จริงเหรอเนี่ย ก็รู้ว่ารู้จักกันแต่ไม่คิดว่าจะสนิทถึงขั้นโทรมาคุยแบบนี้ สุดยอดไปเลย เห็นว่าเขาเป็นถึงลูกชายของบิดาแห่งการคืนชีพที่มากด้วยความสามารถไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์หรือแม้การต่อสู้”คำพูดของยุแสดงให้เห็นว่าเขาปลื้มเซโครเอามาก


“อ่า...พอดีว่าเรียนที่เดียวกัน...”


“ด็อกเตอร์ได้ไปเรียนที่เดียวกับคนสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ น่าตกใจจริงๆ ไม่สิ ที่น่าแปลกใจกว่าคือทำไมถึงได้รู้จักกันได้”คราวนี้เป็นพี่พลที่ถามบ้าง


“รู้จักกันแล้วมันแปลกตรงไหน”


“ก็ด็อกเตอร์ตัวเล็ก...อั๊ก...”ไม่ต้องรอให้พี่พลพูดจบประโยคผมก็จัดการชกแรงๆเข้าที่แขนจนอีกฝ่ายร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด


“ไม่เกี่ยวสักหน่อย”ตัวเล็กแล้วมันผิดรึไง


จะให้บอกอีกกี่ครั้งกันว่า175มันไม่ได้เรียกว่าตัวเล็กเฟ้ย


“เห็นว่าหล่อมากจริงรึเปล่าคะหัวหน้า ในรูปว่าหล่อแล้วแต่ตัวจริงคงหล่อกว่าแน่ๆเลย”ฟ้าวิ่งเข้ามาร่วมวงอีกคน


“จะว่าหล่อก็ใช่อยู่แต่ก็ไม่มากขนาดนั้น...ถ้าให้เทียบลูก้าหล่อกว่าอีก”ผมพึมพำประโยคสุดท้ายเบาๆแต่ดูเหมือนจะไม่สามารถรอดหูของทุกคนไปได้


“แหม หัวหน้านี่ทั้งรักทั้งหวงลูก้าเลยนะคะ”ฟ้าพูดด้วยใบหน้าแดงๆราวกับกำลังชมฉากรักของละครยามดึก


“อย่าพูดเหมือนผมเป็นโรคจิตสิ”ไม่มีคำพูดที่ดูดีกว่านี้แล้วรึไง


“ชอบก็บอกว่าชอบสิด็อกเตอร์ อย่ามาอ้อมค้อมเลย ถึงขนาดยอมทิ้งการวิจัยและทดลองนี่คงไม่แค่หวงแล้วมั้ง แบบนี้มันหลงชัดๆ”


“พี่พล...ผมจะไม่ให้พี่หยุดสุดสัปดาห์นี้”ผมพูดเสียงเข้ม


“อะไรนะด็อกเตอร์...ทำไมทำกันแบบนี้เล่า”พี่พลโวยวายขึ้นทันที


“รู้สึกว่างานวิจัยนี่จะง่ายมากสินะ งั้นผมขอตัว”พูดจบผมก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทดลอง


ทั้งที่คิดว่าจะมาช่วยแต่กลับโดนพูดอะไรก็ไม่รู้


ชอบบ้างล่ะ


รักบ้างล่ะ


หวงบ้างล่ะ


หลงบ้างล่ะ


“สาม”


เฮือก!


“ละ...ลูก้า”เสียงตะโกนอันคุ้นเคยทำเอาผมสะดุ้งอย่างไม่ตั้งตัว


“เป็นอะไร...ทำไมหน้าแดง...”


“อากาศมันร้อนหรอก”ผมสวนกลับทั้งที่ลูก้ายังพูดไม่จบประโยค


ให้ตายสิ


นี่ผมหน้าแดงเหรอ


ต้องเป็นเพราะอากาศร้อนๆนี่แน่


ไม่มีทางที่ผมจะเขินเพราะถูกพวกนั้นแหย่เรื่องลูก้าแน่นอน


“ร้อน?...ก็ร้อนอยู่หรอก”


“แล้วมาอยู่นี่ เรื่องที่วานไปทำกับพี่จันเสร็จแล้วเหรอ”ผมเปลี่ยนเรื่องถาม ตั้งแต่เช้าผมวานให้ลูก้าไปช่วยพวกพี่จันจัดการกับปลาไหลไฟฟ้าที่ไม่ยอมออกมาจากซอกโขดหินมาหลายวัน ถึงจะพูดว่าจัดการแต่ก็ให้ลูก้าไปพูดคุยกับพวกปลาไหลเท่านั้นเอง


รู้สึกว่าลูก้าจะสามารถพูดคุยกับสัตว์ได้เลยคิดว่าจะพอช่วยเรื่องนี้ได้


“เรียบร้อย”ลูก้าพยักหน้าอย่างภูมิใจ


“เร็วไปมั้ง...”พวกพี่จันที่ทำหน้าที่ดูแลสัตว์มานับปีกลับแพ้ให้กับลูก้าที่ไร้ประสบการณ์เนี่ยนะ


เอาเถอะ ก็สมแล้วกับที่ผมคาดหวัง


“ที่พวกเขาไม่ออกมาเป็นเพราะตัวติดกันอยู่ในซอกโขดหินน่ะ...เล่นอัดเข้าไปตั้งหลายตัวก็สมควรติดอยู่หรอก”ลูก้าเล่าให้ฟัง


“พึ่งเคยเจอปลาไหลติดซอกโขดหินแฮะ”ปกติพวกปลาไหลชอบอยู่รวมกันในรูหรือซอกอยู่แล้ว การจะติดจึงไม่เคยเห็นมาก่อน
นี่ถือเป็นครั้งแรก


ถ้าเพราะสาเหตุนี้ก็ไม่แปลกที่พวกพี่จันจะไม่รู้ ถึงพวกเราจะคอยดูแลหรือศึกษาพฤติกรรมแต่ก็ไม่สามารถเข้าใจถึงภาษาได้ การที่พวกปลาไหลไม่ยอมออกมาถ้าเป็นผมคงคิดว่าป่วยหรือไม่ก็อยู่ในช่วงจำศีลไม่มีทางคิดว่าตัวติดกันจนออกไม่ได้หรอก


เรื่องนี้มีแค่คนที่สามารถสื่อสารกับสัตว์ได้เท่านั้นที่สามารถรู้ได้


“แล้วสามล่ะ...ไหนว่าจะอยู่ทดลองหลังจากไม่ได้มาซะนานไม่ใช่เหรอทำไมถึงออกมาแล้ว”ลูก้าถามด้วยวามสงสัย


“อ่า...พวกนั้นคงไม่ต้องการความช่วยเหลือหรอก”คอยดูนะถ้างานไม่คืบหน้าผมจะแจ้งฝ่ายหักเงินให้หมดเลย


“แบบนี้ก็ว่าง...ใช่ไหม?”ลูก้าถามอย่างไม่แน่ใจนัก


“อืม...ว่าง ไหนๆก็ว่างแล้ว...ไปทะเลกันดีไหม”ผมเสนอความเห็น


“เอาสิ ผมอยากดำน้ำ ครั้งนี้จะลองดำลงไปให้ลึกกว่าเมื่อวานดู”


“เปล่า...ผมไม่ได้จะพาไปดำน้ำ”


“...ไม่ใช่?”ท่าทางงงๆของลูก้าทำเอาผมอยากหัวเราะออกมาดังๆ


ตั้งแต่ที่ผมทุ่มกับการฝึกทุกๆวันพวกเราจะดำน้ำเพื่อฝึกการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เมื่อวานเองก็ลองดำลงไปในระดับความลึกที่มากขึ้นดู


“เคยไปชายทะเลรึเปล่า”


“...”ลูก้ากระพริบตาปริบๆก่อนจะชี้ไปยังชายทะเลด้านข้าง


“ไม่ใช่ที่นี่สิ...ผมจะพาไปทะเลที่อื่น เอาไหม”ผมถามอีกรอบ


“ทะเล...ที่อื่น เอาสิ”ลูก้าพยักหน้าตอบกลับมา


“ดี ไปเตรียมตัวกันดีกว่า”


หลังจากนั้นผมก็กลับไปเตรียมข้าวของบนห้องก่อนจะขับรถออกาจากศูนย์วิจัยสัตว์น้ำตรงไปตามถนนผ่านสิ่งก่อสร้างทั้งบ้านและตึกไปเรื่อยๆ ระหว่างที่ขับรถผมก็แอบมองลูก้าเป็นระยะ...ท่าทางของเขาดูจะสนใจกับสิ่งที่เห็นพอสมควร


เพราะโตมากับเกาะและศูนย์วิจัยนี่เลยไม่ได้ออกไปเปิดโลกกว้างที่อื่นนัก


สงสัยต่อไปนี้ผมคงต้องหาเวลาพาลูก้าไปเปิดหูเปิดตาบ้างแล้ว


ขับรถไปสักพักใหญ่สุดท้ายก็มาถึงยังชายหาดสีนวลแห่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อติดอันดับประเทศ ไม่ใช่แค่คนในประเทศที่ชื่นชอบแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติเองก็มักจะมาอาบแดดและเล่นน้ำที่นี่เช่นกัน


ด้วยความที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทำให้การจราจรติดขัดทั้งที่พึ่งเป็นช่วงสายของวันของวันเท่านั้น กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็เสียเวลาไปนานอยู่เหมือนกัน


“คนเยอะมาก”นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยิน ตลอดการหาที่จอดลูก้าก็พูดอยู่ตลอดเพราะไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่คนเดินกันอยู่ให้ทั่ว


“ถือนี่ไปด้วยลูก้า”ผมกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้มาหาพร้อมส่งร่มกันแดดขนาดใหญ่ตามด้วยเสื่อขนาดกลางไปให้ ส่วนผมก็ถือพวกของอื่นๆอย่างกระติกน้ำแข็งที่มีเครื่องดื่มเย็นๆใส่อยู่หรือพวกของกินต่างๆ


ผมเดินนำลูก้าลงไปยังชาดหาดซึ่งมีผู้คนนอนเล่นอยู่หนาตา กว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเส้นผมสีฟ้าแซมแดงของลูก้าจะเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างได้ตลอดทาง ขนาดปูเสื่อปักร่มก็ยังมีคนมองอยู่ไม่ขาด


สายตาในตอนแรกอาจเหมือนกำลังสงสัยและตกใจแต่พอผ่านไปสักสายตาของพวกผู้หญิงก็เปลี่ยนเป็นแสดงความสนใจในตัวลูก้าอย่างเปิดเผย


ผมสัมผัสได้ถึงความธรรมดาของตัวเองที่ถูกมองข้ามจนเหมือนเป็นธาตุอากาศเลย


“นั่นสินะ...ก็ผมมันคนธรรมดานี่”ผมพึมพำเสียงเบา


แถมยังเป็นคนในพื้นที่อีก


“เป็นอะไรสาม”ลูก้าเอียงใบหน้ามากระซิบถาม


“...เปล่านี่”


“คิดว่าปิดผมได้เหรอ”


“บางทีก็คิดนะว่านายอ่านใจคนได้”ผมบอกไปตามที่คิด


“อ่านไม่ได้หรอก แต่ท่าทางของสามมันต่างจากปกตินิดหน่อย”


“คำพูดนั่นเหมือนจะบอกว่าถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่รู้งั้นแหละ”ผมพึมพำเสียงเบา


“อืม...ถ้าไม่ใช่สามผมก็ไม่รู้หรอก”


“...”คำพูดนั่นทำให้ผมต้องเม้มปากแน่นแล้วหันหน้าไปอีกฝั่งเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าตอนนี้หน้าผมมันกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ


ไม่คิดว่าคำตอบที่ได้จะเป็นแบบนี้


“ผมมองสามมาตลอด...เวลาไหนที่เปลี่ยนไปผมรู้ดีที่สุด”


“เลิกพูดเดี๋ยวนี้นะ”แค่นี้ก็อายจะแย่แล้วยังจะมาขยายความให้อายกว่าเดิมทำไม


“สามเขิน...”


“ใครบอกกัน”ผมหันควับไปบ่นเสียงสั่นโดยลืมไปว่าตอนนี้ใบหน้าลูก้าอยู่ในระประชิดทำให้ปลายจมูกเราสัมผัสกับเบาๆ


สัมผัสนั่นเรียกดวงตาสีน้ำตาลของผมและดวงตาสีเงินของลูก้าให้เบิกกว้างขึ้นพร้อมๆกัน


ทั้งที่คิดว่าลูก้าจะผละออกแต่เขากลับขยับเข้ามาใกล้ขึ้นพร้อมใช้ปลายจมูกที่สัมผัสกันอยู่เขี่ยปลายจมูกผมเล่นเบาๆไปมา


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


เงียบสิ


เงียบเดี๋ยวนะเสียงหัวใจ


ผมสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นที่เพิ่มมากขึ้นจนแทบหยุดไม่อยู่จากหัวใจของตัวเองได้อย่างชัดเจน


“สาม...”


“ปล่อย”ผมบอกแล้วขยับขยับออกแต่ลูก้ากลับไม่ยอมให้ทำได้ง่ายๆ


“เสียงหัวใจดังมากเลย”


“อึก...ปล่อยเดี๋ยวนี้”ผมพยายามขยับตัวเพื่อให้มือของลูก้าที่โอบเอวอยู่หลุดไปแต่มือนั่นก็เกาะแน่นซะเหลือเกิน


“หน้าก็แดง...”


“หยุดพูดนะ”จะมาทำให้อายมากกว่าเดิมเพื่ออะไรกัน


“น่ารัก”


“ลูก้า!”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงดังจนคนอื่นหันมามองด้วยความสนใจ ไม่สิ ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ก็มีคนมองอยู่แล้วแต่เพราะเสียงผมทำให้คนมองมากกว่าเดิมอีก


“ครับ”


“อย่ามากวนตอนนี้ ปล่อย”อย่างคิดว่าผมไม่รู้นะว่ารอยยิ้มกวนๆนั่นหมายถึงอะไร


“ยังไม่อยากปล่อยนี่”


“ลูก้า”


“...ปล่อยก็ได้แต่ต้องยอมบอกนะว่าคิดอะไรอยู่”


“เข้าใจแล้ว รีบปล่อยสักทีคนมองกันหมดแล้ว”ผมรีบเร่งจนลูก้าต้องค่อยขยับตัวออก เมื่อมือที่โอบเอวหายไปผมก็กระเถิบตัวออกไปไกลกว่าเดิมเล็กน้อย


ตอนนี้จะให้ทำอะไรก็ได้ขอแค่ออกจากสภาพกึ่งโดนคร่อมท่ามกลางสายตาคนมองจากรอบทิศแบบนี้ไปได้


น่าอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว


“ขยับหนีทำไม”


“เพราะใครเล่า”คำถามจากลูก้าทำเอาผมกำมือแน่นก่อนจะเหวี่ยงไปยังใบหน้าอันหล่อเหลานั่นเต็มแรง แน่นอนว่าด้วยไหวพริบและสัญชาตญาณของลูก้าสามารถหลบหมัดผมได้อย่างง่ายดาย


“...หมัดนี่เอาจริงนี่นา”ลูก้าเหมือนจะรู้ว่าแรงที่ใส่ไปมันไม่ใช่แค่เล่นๆ


“แน่นอน”ผมไม่ล้อเล่นในสถานการณ์แบบนี้หรอกนะ


“เขินเหรอ”


“ถ้ายังพูดอีกผมจะทิ้งลูก้าไว้ที่นี่จริงๆด้วย”เลิกแหย่กันสักทีจะได้ไหม


หน้าผมมันไหม้หมดแล้ว


“สามไม่ทำหรอก”ลูก้าพูดพร้อมยกยิ้มขึ้น


“อึก...มันก็ไม่แน่นี่”ผมไม่เถียงว่าสิ่งที่ลูก้าพูดเป็นความจริง


ต่อให้โกรธหรือโมโหแค่ไหนผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทิ้งลูก้าได้จริงๆหรอก


“ผมรู้...สามรักผมนี่”


“ไม่ได้รัก”ผมสวนกลับทันควัน


“ผมจะรอจนกว่าสามจะยอมรับละกัน”


“ยอมรับอะไร ก็บอกว่าไม่ได้รักไง”ไม่ได้ยินที่พูดรึไง


“ครับๆ”


“ลูก้า”อย่ามากวนนะ


“ครับสาม”


“ฮึ้ย...”ทำไมผมรู้สึกเหมือนตัวเองแพ้ได้เนี่ย


“แล้วบอกได้รึยังว่าเป็นอะไร”ลูก้าถามต่อหลังจากที่พวกเราต่างนิ่งกันไปสักพักซึ่งก็ดีเพราะช่วยให้ผมสงบจิตสงบใจไปได้เยอะ


“...ก็แค่คิดว่า ลูก้านี่เนื้อหอมจังนะ”ผมตอบกลับไปโดยที่สายตามองไปรอบๆ สถานการณ์เมื่อครู่เหมือนจะไม่ได้ทำให้ความนิยมของลูก้าลดลงแถมยังมีคนมองมากกว่าเดิม


“หึงผม?”


“ไปจำคำนั้นมาจากไหน”ผมว่าไม่เคยสอนให้นะ


“จากเกาะ”


“...”ผมเลือกที่จะเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี


“ผมมีแค่สามนะ”


“เลิก...พูดจาเหมือนจีบสาวอยู่เดี๋ยวนี้นะ”ผมไม่ใช่สาวน้อยที่จะมาหวั่นไหวกับไอ้แค่คำพูดพวกนี้


“สามพูดผิดแล้ว”ลูก้าส่ายหน้าเบาๆ


“อะไร”ผมพูดอะไรผิด


“ไม่ได้จีบสาว จีบสามต่างหาก”


“อะ...”ผมว่าคงมีสักวันที่ผมจะไปจัดการกับคนที่สอนอะไรแปลกๆแบบนี้ให้ลูก้าแน่ๆ


“ทำหน้าตลก”


“ไม่ขำสักนิด...ชอบกวนอยู่เรื่อย”ผมบ่น


“ไม่เห็นรู้ตัว”


“ไม่น่ารักสักนิด...”


“ผมเมื่อก่อนน่ารักกว่าสินะ”ลูก้าพูดประโยคที่ผมคิดออกมาพลางแนวหน้าลงกับเข่าที่ชันขึ้น ดวงตาสีเงินนั่นมองมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ


“...รู้ตัวนี่”


“ไปว่ายน้ำได้ไหม”อยู่ๆลูก้าก็เปลี่ยนเรื่อง


“อากาศร้อนไปหน่อยนะ”พระอาทิตย์ลอยเด่นอยู่กลางหัวแบบนี้ถึงจะมีร่มก็ยังรู้สึกร้อนสุดๆ ขืนให้ผมลงไปเล่นในเวลานี้อาจได้เป็นลมแดด


ถึงก่อนหน้านี้จะฝึกทั้งว่ายและดำน้ำอยู่ทุกวันแต่บริเวณที่เลือกฝึกเป็นส่วนที่มีร่มเงาทำให้ไม่ร้อนมากเวลาลงน้ำ


“แล้วเราจะนั่งอยู่เฉยๆแบบนี้?”


“...ก็จริงแฮะ”คำถามของลูก้าทำให้ผมฉุกคิด


มาทั้งทีจะให้นั่งอย่างเดียวก็ไม่มีประโยชน์น่ะสิ


“ไปว่ายกัน”


“ทาครีมกัดแดดก่อน แดดแรงขนาดนี้เดี๋ยวผิวไหม้พอดี”ผมบอกก่อนจะหยิบครีมกันแดดออกมาจากกระเป๋าเป้


“สามจะว่ายด้วยใช่ไหม”ลูก้าถามย้ำ


“อืม...ว่ายด้วย”


“เดี๋ยวทาให้”


“ไม่เป็น...เฮ้ย เอามา”ผมรีบเอื้อมมือหมายจะเอาขวดครีมกันแดดที่ถูกแย่งไปคืนแต่ลูก้ากลับเบี่ยงตัวหลบแล้วจัดการจับแขนผมเทครีมกันแดดลงมา


“อีกข้าง”ทาข้างหนึ่งเสร็จก็บอกให้ผมส่งแขนอีกข้างให้


“ทาแค่แขนจะมีประโยชน์อะไร ให้ผมถอดเสื้อก่อนดีกว่ามั้ง”ผมบอกแล้วเตรียมจะถอดเสื้อนอกออก ยังไงกางเกงที่ใส่มาก็เอาไว้เล่นน้ำอยู่แล้ว


“ห้ามถอด”มือของลูก้ารวบมือผมที่กำลังจะแกะกระดุมอย่างรวดเร็ว


“ห๊ะ?”


“ผมไม่อยากให้ใครเห็นผิวสวยๆของสาม”คำพูดนั่นทำเอาใบหน้าผมเห่อแดงขึ้นอีกรอบ


“นายก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันเหอะ”อย่าพูดเหมือนเห็นมานับไม่ถ้วนแล้วได้ไหม


เดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันพอดี


“ผมเคยเห็นนะ”


“ตอนไหน”


“ตอนที่อาบน้ำกันเมื่อก่อนแล้วก็ตอนฝึกว่ายน้ำ...”ลูก้าตอบเสียงเบา


“โถ่ๆ...นั่นมันนานมากแล้วนะ เอามานับว่าเห็นไม่ได้หรอก”


“ได้สิ...ผมยังจำได้อยู่เลยผิวสีน้ำผึ้งเรียบเนียนเป็นสีเดียวกันทั้งร่างดูสวยงามมาก ยิ่งแผ่นอกที่มีกล้ามเนื้อพองามนั่นอีก ไม่ว่ามองเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ...ผมน่ะมอง...”


“หยุดพูดจาลามกนะ!”ผมแทบจะยกมือตบหัวอีกฝ่ายถ้าไม่ติดว่าตัวเองอยู่ต่ำกว่า


เล่นพูดประโยคลามกนั่นออกมาได้ง่ายๆแบบนั้นมันน่าโมโห


อย่าให้รู้ว่าใครเป็นคนสอนเชียว


“แค่พูดตามที่เห็นต่างหาก”


“จะว่ายไหมน้ำน่ะ”


“ว่ายสิ”พอผมถามลูก้าก็พยักหน้าทันที


“เฮ้อ...ไม่ถอดก็ไม่ถอด นายจะถอดไหม”ผมถามกลับบ้าง


“ถอดได้ก็ดี”


“งั้นก็ถอดมา...ผมจะทาครีมให้”ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วคว้าขวดครีบกันแดดจากมือลูก้ามา



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 01-05-2018 20:32:13
(ต่อนะคะ)


พอทางครีมกันแดดให้เสร็จพวกเราก็เดินออกไปยังชาดหาดตรงหน้า สีน้ำของที่นี่ไม่ใสเท่ากับทางศูนย์วิจัยนักแต่ก็ถือว่าใสพอสมควร เมื่อเดินลงไปในทะเลแล้วก้มลงก็ยังสามารถมองเห็นเท้าตัวเองได้


เม็ดทราบสีนวลมีเปือกหอยเล็กๆปะปนอยู่เต็มไปหมด บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบนบกและในทะเล


วันธรรมดาแต่มีคนเยอะขนาดนี้ถือว่าสุดยอด


“สามหยุดก่อน”เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับมือที่ดึงผมให้เอนไปด้านหลังจนแผ่นหลังกระทบเข้ากับแผ่นอกลูก้านั่นทำให้ขาที่กำลังจะลงพื้นลอยค้างอยู่กลางอากาศทั้งอย่างนั้น


“ลูก้า?”


“ถ้าก้าวลงไปเดี๋ยวมันก็ตายหรอก”ลูก้าบอกก่อนมองลงไปด้านใต้น้ำทะเลบริเวณที่ผมกำลังจะเหยียบลงไป พอผมมองตามไปก็พบกับลูกปูตัวเล็กที่เคลื่อนที่อยู่ใต้นั้น


“มองเห็นได้ยังไงลูก้า”ตัวเล็กขนาดนั้นถ้าไม่มองดีๆไม่มีทางเห็นหรอก


“ผมไม่ได้เห็นหรอก แต่ปูตัวนั้นมันร้องว่าจะโดนเหยียบแล้ว”


“สมแล้วที่มีสายเลือดของสัตว์อยู่ครึ่งหนึ่ง”


“ก็นะ...บางทีการสื่อสารกับสัตว์ด้วยกันง่ายกว่าการพูดคุยกับมนุษย์อีก”


“เพราะใช้แค่โทนเสียงสินะ”


“อืม...จะว่าไปผมได้กลิ่นเลือดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”


“เลือด?...อาจจะมีคนเหยียบพวกเปลือกหอยรึเปล่า”ผมลองถามดู


ถ้าพูดถึงกลิ่นเลือดบริเวณนี้ก็มีความเป็นไปได้มากมาย ยังไงแถวทะเลก็มีสิ่งที่ก่อให้เกิดบาดแผลได้อยู่เกือบทุกที่ บางทีแค่วิ่งเล่นบนทรายแล้วล้มก็ทำให้เกิดแผลทะลอกเลือดออกได้ง่ายๆ


“ไม่ใช่เลือดของมนุษย์”


“...ว่าไงนะ”ผมถึงกับเงยหน้าของไปสบกับดวงตาสีเงินอย่างเครียดๆ


ไม่ใช่เลือดของมนุษย์ก็แปลว่าเป็นสัตว์


สัตว์ที่มีเลือดและอยู่แถวนี้


จะเป็นอะไรล่ะ


แถวชาดหายก็มีทั้งปู หอยและพวกปลาตัวเล็กว่ายอยู่ตามธรรมชาติ


“ไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กๆด้วย”


“...”คำพูดต่อมาทำเอาผมนิ่งไป ในหัวตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าสัตว์ขนาดกลางและใหญ่ที่อาศัยอยู่แถบนี้มีอะไรบ้าง


ทะเลแถบนี้เหมือนเป็นแหล่งสัตว์น้ำซึ่งมีสัตว์ทะเลอยู่มากมายนับไม่ถ้วนต่อให้ไม่นับพวกสัตว์ขนาดเล็กวงมันก็กว้างเกินไป


“ใกล้เข้ามาแล้ว”


“ใกล้เหรอ...”


“นั่น”ลูก้าชี้นิ้วไปยังคลื่นขนาดกลางด้านหน้าที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เพราะน้ำทะเลค่อนข้างใสเลยสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่มาพร้อมกับระรอกคลื่นได้อย่างชัดเจน


เพียงแต่ทั้งขนาดที่กะคร่าวๆกว่า4เมตรและลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่อยู่ตามลำตัวนั่นทำเอาดวงตาสีน้ำตาลของผมเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง


“รีบขึ้นจากน้ำเร็ว!!”ผมตะโกนบอกผู้คนรอบๆสุดเสียงเมื่อรู้ในเสี้ยววินทีที่เห็นตัวมันว่าคืออะไร


“อะไร”


“เขาตะโกนอะไรน่ะ”


นอกจากจะไม่ทำตามที่ผมบอกแล้วยังทำหน้างงใส่อีก


นี่ผมต้องตะโกนชื่อมันออกไปจริงๆใช่ไหมถึงจะยอมขึ้นจากน้ำกันน่ะ


“สาม...”


“มีฉลามเสือ!!”


กรรร


ตู้มม


ผมตะโกนบอกอีกรอบโดยมีเอฟเฟ็กคือฉลามตัวนั้นที่กระโดดลอยขึ้นเหนือน้ำแล้วพลิกตัวกลับลงน้ำตามเดิมจนเกิดเสียงดังลั่น


“...”


“กรี๊ดดด!!!”


“ฉลาม!!!”


บรรยากาศรอบๆที่มีเสียงพูดคุยถึงจะเงียบสงัดลงเพียงไม่กี่วินาทีก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องและความชุลมุน เหล่าคนที่อยู่ในน้ำต่างก็พากันขึ้นมาบนบกด้วยสีหน้าหวาดกลัว


ฉลามเสือคือหนึ่งในฉลามที่ดุร้ายที่สุดและมีถิ่นอาศัยอยู่ทั่วตามแนวทะเลทั่วโลก ด้วยขนาดที่อาจยาวสุดเฉียด7เมตรทำให้มันเป็นหนึ่งในนักล่าแห่งห้องทะเลที่ใครต่างก็หวั่นเกรง นอกจากนี้ด้วยนิสัยกินไม่เลือกของมันทำให้มันล่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
มีหลายครั้งที่ซากของฉลามเสือที่ตายเมื่อผ่าออกจะพบขยะที่มนุษย์ทิ้งลงน้ำอย่างพลาสติกหรือยางรถยนต์


ขอแค่อยู่ตรงหน้ามันต่อให้มีหรือไม่มีชีวิตก็ไม่สนทั้งนั้น


เรียกว่าเป็นฉลามเห็นแก่กินก็ว่าได้


ไม่ว่าใครที่เห็นฉลามยาวกว่า4เมตรก็คงวิ่งเหมือนกันหมดยกเว้นผมที่คิดว่าการกระทำนั่นมันแปลกเกินไป ถึงปลาฉลามเสือจะเป็นหนึ่งในฉลามที่ดุร้ายที่สุดแต่มันไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างการกระโดดตัวลอยเหนือน้ำด้วยท่าทางแบบนั้น


บางทีอาจมีกระโดดขึ้นเหนือน้ำแต่ไม่ใช่ท่าทางแบบนั้นแน่


มันมีอะไรผิดปกติ


“ลูก้า...ฉลามนั่นแปลกๆ”ผมบอกพลางก้าวเข้าไปยังน้ำทะเลในระดับลึกขึ้น


“เธอกำลังขอความช่วยเหลือ”ลูก้าเดินมาพร้อมกับอธิบาย


“ช่วยเหลือ? เกิดอะไรขึ้น”


“ไม่รู้สิ ขอเข้าไปคุยใกล้ๆกว่านี้ก่อน”บอกเสร็จลูก้าก็เดินนำผมเข้าไปใกล้ฉลามเสือตัวเดิมที่กระโจนขึ้นเหนือน้ำในสภาพแปลกๆอีกรอบ


“อย่าเข้าไปใกล้มากเกินลูก้า”ผมเอ่ยเตือน


ระยะของการเจอกันครั้งแรกไม่ควรมากไปโดยเฉพาะกับฉลามเสือที่ล่าทุกอย่างที่ขวางหน้าแบบนี้


“ไม่เป็นไร...เธอไม่ทำอะไรหรอก สามก็มาสิ”ลูก้ากวักมือเรียกโดยมืออีกข้างเหมือนกำลังลูบบริเวณหลังของฉลามเสือเบาๆ


กรรรร


“แน่ใจได้ยังไง”จริงอยู่ที่เสียงนั่นไม่ใช่เสียงเหมือนกำลังล่าแต่เป็นเหมือนเสียงครางมากกว่า


“เธอรู้ว่าที่นี่ใครอยู่เหนือสุดของห่วงโซ่อาหาร”


“...จะบอกว่าเธอรู้ว่านายเป็นอะไรสินะ”นิ่งไปสักพักผมก็ตอบกลับ ขาทั้งสองข้างเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างลูก้าก่อนจะเริ่มสำรวจร่างของฉลามเสือทว่ากลับไม่พบบาดแผลใดๆ


กรรร


ฉลามเสือนิ่งได้ไม่นานก็ว่ายวนก่อนจะกระโจนขึ้นเหนือน้ำด้วยท่าทางทุรนทุราย


“มีอะไรอยู่ในปาก”


“ในปาก?”ผมหันไปมองยังปากขนาดใหญ่ทันทีที่ได้ยินคำพูดจากลูก้า แต่เพราะฉลามเสือขยับอยู่แทบตลอดเวลาทำให้ไม่สามารถมองได้


“ใช่...ทำไงดี”


“ลูก้าจับไว้ได้ไหม...บอกเธอว่าเดี๋ยวจะเอาออกให้ให้อยู่นิ่งๆ”


“ได้...กรร”เสียงครางจากลูก้าเรียกฉลามเสือให้ว่ายวนกลับมาก่อนลูก้าจะใช้มือจับร่างนั้นให้อยู่นิ่งๆ


“เย็นไว้นะสาวสวย...ขอผมดูหน่อยว่ามีอะไรอยู่”ผมลูบยังบริเวณแก้มของฉลามเสือเบาๆก่อนจะมองเข้าไปยังปากที่อ้าออกอยู่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้


ภายในปากมีฟันอันแหลมคมเรียงรายกันอยู่ สิ่งปกติเดียวคือด้านในสุดของฟันมีชิ้นส่วนของเหล็กที่ถูกดัดเป็นเส้นแทงทะลุเหงือก ดูจากรูปการคงพึ่งเกิดเหตุได้ไม่นานเพราะเลือดยังไหลอยู่เลย


“เจอรึยังสาม”ลูก้าถาม


“อ่า...เจอแล้ว เหมือนจะเป็นเหล็ก”เหล็กนั่นเหมือนเป็นชิ้นส่วนของอะไรสักอย่าง


“ให้ผมดึง...”


“ไม่ต้องเดี๋ยวผมทำเอง”


“แต่ในปากของฉลามเลยนะ”ลูก้าพูดอย่างห่วงๆ


“ลูก้ารู้เหรอว่าต้องดึงยังไงให้เจ็บน้อยที่สุดน่ะ แล้วถ้าติดจนดึงไม่ออกจะทำยังไง...มันไม่ใช่แค่ออกแรงดึงให้ออกมาหรอกนะ”ขืนดึงออกมาไม่ดีได้สร้างความเจ็บปวดให้ฉลามตัวนี้กว่าเดิมแน่


“...เข้าใจแล้ว”


ผมส่งยิ้มบางๆไปให้เมื่อได้รับคำอนุญาตจากลูก้า ปากขนาดใหญ่ถูกผมค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปจับเศษเหล็กนั่นไว้ให้มั่นแล้วค่อยๆออกแรงดึง


กรรร


“กรรรรร...”เสียงคำรามของฉลามเสือและลูก้าดังขึ้นพร้อมๆกัน ฉลามเสือพยายามสะบัดตัวเพื่อหลีกหนีแต่ลูก้าไม่ยอม


ผมเองก็ยังจับเหล็กนั่นไว้มั่น เพราะมีเหล็กนี่อยู่ฉลามเสือเลยไม่สามารถปิดปากได้


ดูเหมือนเหล็กนี้จะไม่ได้มีแค่ปลายแหลมแค่ส่วนเดียวเพราะพอดึงออกมาบริเวณปลายเหล็กแยกออกเป็นสองทางโดยทางแรกแทงทะลุเหงือกและอีกส่วนแทนลึกลงไปตามแหง่งฟัน


เป็นภาพที่คนกลัวเลือดไม่ควรได้มาเห็นไม่งั้นคงเป็นลม


งี๊ดดด


“กดไว้ลูก้า...ใกล้แล้ว”ผมบอก


“อืม”ลูก้าทำตามที่บอกโดยการออกแรงกดร่างขอฉลามเสือไว้จนขยับไม่ได้


แรงเฮือกสุดท้ายของผมสามารถดึงเหล็กปลายแหลมออกมาได้สำเร็จ ฟันอันแหลมคมนั่นขบเข้าหากันทันทีที่สิ่งแปลกปลอมหลุดออก ถ้ามือผมยังอยู่ในปากนั้นคงได้บอกลากันได้เลย


กรรร


“กรรรร...”ฉลามเสือจ้องมายังผมพร้อมกับเตรียมขยับเข้ามาใกล้แต่กลับถูกลูก้าเดินมาขวางไว้โดยมองไปยังฉลามเสืออย่างเอาเรื่อง


ผมเองก็ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกันเลยได้แต่ยืนดูอยู่นิ่งๆ


กรรร


“กรรรร...”


งี๊ดดด


คุยกันไม่นานเสียงคำรามก็เริ่มเปลี่ยนไป ลูก้าหลีกทางให้จนฉลามเสือว่ายเข้ามาใกล้...ร่างกายกำยำทั้งที่เป็นเพศเมียลากผ่านขาผมไปราวกับกำลังพูดขอบคุณ


“ขอโทษที่มนุษย์ทำให้พวกเธอต้องเจ็บนะ”ผมบอกก่อนจะวางมือลงบนผิวลื่นๆนั่น


ทุกวันนี้ที่ศูนย์วิจัยมีสัตว์น้ำที่ได้รับมาเจ็บมาแทบทุกวัน สาเหตุของอาการบาดเจ็บนั่นไม่ใช่เพราะสู้กันเองหรือแย่งอาณาเขตแต่เป็นเพราะมนุษย์ที่ทิ้งขยะหรือสิ่งที่ไม่ต้องการลงทะเลจนสัตว์หลายชนิดต้องเจอผลกระทบ


เมื่อเร็วๆนี้ผมพึ่งไปช่วยทีมแพทย์ทำการผ่านตัดถุงพลาสติกที่เต่ากินเข้าไป


ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมนุษย์เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่เคยมองถึงส่วนรวมว่าการทิ้งขยะมันจะส่งผลร้ายมากมายต่อสัตว์
บางทีอาจจำเป็นต้องมีกฎหมายที่เคร่งคัดกว่านี้ก็เป็นได้


งี๊ดดด


ฉลามเสือครางเสียงสูงอีกรอบก่อนจะค่อยๆว่ายกลับลงทะเลไป ทั้งผมและลูก้าต่างก็มองภาพฉลามเสือว่ายจากไปจนสุดสายตาก่อนจะเดินขึ้นฝั่ง ผู้คนที่หนีกันอย่างจ้าระหวั่นตอนนี้กันกรูเข้ามามุงผมและลูก้าด้วยความสนใจที่สามารถจัดการกับฉลามเสือได้
มีหลายคนถามว่าลูก้าใช่ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไหม


ผมเองตอบคำถามนั้นกลับไปโดยไม่ปิดบัง


ในปัจจุบันไดโนเสาร์กลายพันธุ์เหมือนเป็นของคู่กันของทุกประเทศแม้แต่ในประเทศไทยเองก็มีหน่วยปฏิบัติการพิเศษอยู่เหมือนกัน


จะว่าไปผมก็ไม่เคยเห็นเลยแฮะ


ยังไงผมก็ไม่มีเวลาไปตามพวกข่าวสารอะไรมากอยู่แล้วด้วย


ผมพาลูก้าหนีจากไทยมุงแล้วรีบขึ้นรถขับออกไปโดยไม่ลืมให้ลูก้าวิ่งไปเอาพวกเสื่อกับร่มขึ้นรถด้วย เพราะเกิดเรื่องผมเลยต้องจำใจพาลูก้ากลับทั้งที่พึ่งมาถึงได้ไม่นาน


“โทษทีนะลูก้า...ทั้งที่อยากว่ายน้ำแท้ๆ”ผมบอกระหว่างขับรถกลับ


“ไม่เป็นไร...แค่ได้มาก็ดีใจแล้ว”


“ไว้คราวหน้าผมจะพามาใหม่นะ”


“อืม...จะรอ”


“โอ๊ะ...ลูก้าเปิดกระจกเอาขวดน้ำนี่ทิ้งที”ผมบอกพลางหยุดรถริมถนนแล้วส่งขวดน้ำที่ถูกกินจนหมดให้คนนั่งด้านข้างคนขับอย่างลูก้าทิ้ง


ลูก้าเปิดกระจกรถแล้วโยนขวดน้ำลงถังขยะรีไซเคิลได้สบายๆแต่แทนที่จะปิดกระจกเหมือนเดิมกลับหันไปมองด้านหลังแทน


“สาม”


“อะไร?...หรือว่าลืมของ?”


“เปล่า...ได้กลิ่นน่ะ”


“กลิ่นอะไร?”ผมถามต่อ


“ไดโนเสาร์...”


“ว่าไงนะ”
......................................................................

สวัสดีค่า

มาแล้วกับตอนต่อไปของลูก้าและสาม

ส่วนมากในเรื่องเราจะพูดถึงสัตว์ดึกดำบรรพ์หรือไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้ววันนี้เลยขอมาพูดถึงสัตว์ทะเลที่ยังมีชีวิตอยู่บ้างอย่างฉลามเสือที่สามารถพบเห็นได้ในแถบประเทศไทย ซึ่งถ้าเป็นเราก็คงต้องขอวิ่งคนแรก 555

ยิ่งได้แต่งยิ่งรู้สึกเลยว่ามีออร่าสีชมพูแผ่ออกมาจากตัวของทั้งคู่ บอกตามตรงว่าแต่งแล้วยิ้มตามไปกับทั้งคู่ด้วย

สำหรับให้ที่รอฉากบู๊ ตอนหน้ารับรองต้องชอบแน่ค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเม้นท์และทุกๆ กำลังใจที่มีให้เสมอนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

--------มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์--------

วันนี้ขอเสนอสัตว์ทะเลแสนดุร้าย...ฉลามเสือ

(ในเว็บไทยบอยใส่รูปไม่ได้แล้วสามารถเชิตหารูปกันได้นะคะ)

ปลาฉลามเสือ (อังกฤษ: Tiger shark) ปลากระดูกอ่อนขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง จำพวกฉลาม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Galeocerdo cuvier มีรูปร่างอ้วนป้อม ปากกว้าง ปลายปากสั้นและทู่ ลำตัวเรียวไปทางปลายหาง คอดหางมีสันชัดเจน ครีบหางเรียวและมีปลายแหลม มีฟันใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม มีขอบหยักเป็นจักคล้ายฟันเลื่อย พื้นลำตัวและครีบสีน้ำตาลหม่น มีลายพาดขวางตลอดข้างหลังและหางคล้ายลายของเสือโคร่ง จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก ซึ่งลายนี้อาจแตกเป็นจุดกระจายอยู่ทั่วไปหรือจางหมดไปเมื่อโตขึ้น ท้องมีสีจาง

ปลาฉลามเสือเมื่อโตเต็มที่มีขนาดประมาณ 5 เมตร แต่ตัวที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบคือ 7 เมตร น้ำหนักหนักที่สุดคือ 807.4 กิโลกรัม พบกระจายว่ายหากินอยู่ทั่วไปในน่านน้ำเขตอบอุ่นทั่วโลก มีพฤติกรรมชอบหากินตามแนวปะการังหรือบริเวณใกล้ชายฝั่ง หรือบริเวณปากแม่น้ำ โดยอาศัยตั้งแต่ระดับผิวน้ำจนถึงความลึก 140 เมตร ปกติมักอยู่ลำพังเพียงตัวเดียวและหากินในเวลากลางคืน ว่ายน้ำได้คล่องแคล่วว่องไวมาก มีอาณาเขตในการหากินกว้าง 100 ตารางกิโลเมตร โดยที่อาหารได้แก่ ปลาและสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ เช่น เต่าทะเล รวมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในทะเล เช่น แมวน้ำ หรือ สิงโตทะเล ด้วย

ปลาฉลามเสือได้ชื่อว่าเป็นปลาที่กินไม่เลือกเหมือนเช่นปลาฉลามขาว (Carcharodon carcharias) เพราะมักเจอสิ่งที่ไม่ใช่อาหารในกระเพาะเสมอ ๆ เช่น ยางรถยนต์, กระป๋องน้ำ, เศษไม้ หรือ พลาสติก ซึ่งล้วนแต่เป็นขยะที่มนุษย์โยนทิ้งลงทะเลทั้งสิ้น

เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/ฉลามเสือ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-05-2018 21:40:42
มีความเขินตอนโดนล้อ :-[
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 01-05-2018 22:06:44
รู้สึหว่าสามกับลู้ก้าจะไม่มีดวงเรื่องการเดต
เหมือาเซโครละ ไปเดตทีไรเจอไดโนเสาร์ทุกที
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 02-05-2018 02:09:02
ไม่รู้ว่าน้ำทะเลที่นั่นจะหายหวานเชื่อมไปแล้วหรือยัง
มีหยอกล้อกันด้วย โอยย ลูก้ารุกไม่หยุดเลยนะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 02-05-2018 02:54:43
ฮาวทูเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำเชื่อมค่ะ
ออร่าสีชมพูมันฟุ้งงไปหมดเลยย
สามจะรู้ใจตัวเองเมื่อไหร่ดีคะ
คนรอบตัวเค้ารู้กันหมดแล้ว55555555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 02-05-2018 07:10:44
นับวันลูก้าจะแซวสามมากขึ้นเรื่อยๆ สามก็เขินวนไปปป
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-05-2018 10:16:35
อุตส่าห์มาเดทกัน ยังมีงานให้ผจญอีก  :ling1:
พี่สามเขินรุนแรงนะเนี้ย ดีนะที่น้องลูก้าเข้าใจ จับทางได้ น่ารัก  :กอด1:
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 02-05-2018 13:34:50
มาต่อเร็วๆน้า  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 02-05-2018 17:29:33
สงสารสามจังเลย วันหยุดวันว่างไม่เคยได้ทำตัวชิลแบบครบวัน เริ่มต้นเหมือนจะดีแต่ลงท้ายที่งานเข้าทุกที กระซิก กระซิก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-05-2018 22:18:21
งานเข้าได้ตลอดสิน้าาา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-05-2018 20:00:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Victor.yuriyurio ที่ 07-05-2018 01:06:21
 :katai1: สามรู้กกกกกกกกกกกก อย่าเล่นตัวมากสงสารน้องด้วยยยยยยย  :z3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่14◈♦> 1/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 09-05-2018 11:04:34
ลูก้าแล้วฉลามพูดอะไรอยากรู้
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่15◈♦> 11/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 11-05-2018 12:27:47
◈ธาราที่15◈



ตึกสูงกับอาคารและบ้านเรือนนับสิบๆหลังเต็มไปด้วยกลิ่นของมนุษย์ปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก ยิ่งเป็นในตัวเมืองยิ่งมีกลิ่นของผู้คนอัดแน่นกันมากกว่าปกติแต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นสาบของนักล่ามันกลับเด่นชัดขึ้นมาทันทีที่เปิดกระจกออก


ด้วยประสาทสัมผัสของไดโนเสาร์กลายพันธุ์อย่างผมทำให้รู้อย่างรวดเร็วว่ากลิ่นนั่นไม่ใช่สัตว์นักล่าตัวเล็กที่มีอยู่ทั่วไปอย่างพวกงูหรือสัตว์มีพิษ


สัมผัสนั่น...


“อันตราย”ผมพึมพำพร้อมขมวดคิ้วแน่น


นอกจากจะอันตรายแล้วจำนวนยังไม่ใช่น้อยๆเลยด้วย


“เกิดอะไรขึ้นลูก้า”สามถามผมด้วยใบหน้าร้อนรน


“มีไดโนเสาร์อยู่ไม่ไกลจากนี่”


“อยู่ในรถขนย้ายรึเปล่า”


“...ไม่แน่ใจ...แต่คิดว่าไม่ได้อยู่ในรถขนย้าย”ผมนิ่งเพื่อทำสมาธิรับรู้ถึงสถานการณ์ที่อยู่ไกลออกไปก่อนตอบสามกลับ


“ถ้าไม่ได้อยู่ในรถขนย้ายเป็นไปได้ว่าอยู่ตามสวนสัตว์หรือสถานที่จัดแสดง...แถวนี้ก็มี... ไม่สิ ที่นั่นไกลเกินไป ระยะรับกลิ่นของลูก้าอยู่ประมาณ200กิโลเมตร ในขอบเขตนี้มีสวนสัตว์อยู่ก็จริงแต่ถ้าเป็นแบบนั้นลูก้าคงได้กลิ่นสัตว์อื่นด้วยไม่ใช่แค่ไดโนเสาร์”
คำพูดเพียงไม่กี่คำของผมสามารถทำให้สามวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วจนผมลอบยิ้มออกมาโดยไม่ให้อีกฝ่ายเห็น
เป็นอย่างที่สามพูดผมไม่กลิ่นพวกสัตว์แถวกลิ่นไดโนเสาร์กลุ่มนั้นเลย


สมแล้วที่เป็นสาม


“เอายังไงต่อ?”ผมถามพลางมองสามอย่างขอความเห็น


“ไปดูกัน...ปล่อยไว้แบบนี้มันคาใจ”


“เอาสิ”ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้มีกลิ่นไดโนเสาร์ใจกลางเมืองแบบนี้


“ผมต้องกลับรถสินะ...นำทางด้วยลูก้า”สามพูดพร้อมกับออกรถอีกครั้ง


“ได้...พอกลับรถแล้วก็ตรงไปเรื่อยๆเลย”ผมอธิบายทางให้คนขับรถรู้เป็นระยะ เส้นทางที่ขับมาบางครั้งก็ไม่สามารถขับตามที่ผมบอกได้จึงต้องใช้เวลาในการรัดเลาะพอสมควร


ยิ่งเข้าใกล้กลิ่นของไดโนเสาร์ก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น


ไม่ใช่แค่กลิ่นของไดโนเสาร์เท่านั้นที่เด่นชัดขึ้นแต่กลิ่นของมนุษย์กำลังหวาดกลัว...ความกลัวนั่นทำเอาผมต้องกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์อยากล่าที่เกิดขึ้น


มนุษย์ไม่รู้เลยว่าการวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวนั่นจะยิ่งกระตุ้นความอยากล่าให้มีมากขึ้น


คำว่าล่าไม่ใช่แค่เพื่อกินเท่านั้น มีหลายครั้งที่พวกเราล่าด้วยเหตุผลอื่นอย่างเช่นความสนุก ความแค้นหรือแม้แต่ความสนใจ


ปริ๊นน


ปริ๊นน


“รถติดขนาดนี้แปลว่าเกิดเรื่องแน่”สามพูดด้วยใบหน้าคลุ่นคิด สถานการณ์ตรงหน้าคือรถหลายสิบคันพากันขับฝ่าไฟแดงกันจ้าระหวั่นราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง


แน่นอนว่าต่อให้ไม่ต้องถามผมก็รู้ว่าพวกเขาหนีอะไร


“ได้โนเสาร์พวกนั้นกำลังล่า”และคิดว่าไม่ได้เพราะหิวด้วย


“ผมคิดว่าคงมีคนแจ้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษแล้ว แต่กว่าจะมาถึงคงต้องใช้เวลา”


“สาม”ผมหันไปเรียกพร้อมสบกับดวงตาสีน้ำตาลนั่นอย่างจริงจัง


ถึงไม่ต้องพูดประโยคยาวเหยียดผมก็รู้ว่าสามจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการ


“คิดเหมือนกันเลยแฮะ...ไปกันลูก้า”พูดจบสามก็หักพวงมาลัยเอารถไปจอดไว้ด้านข้างก่อนจะเปิดประตูฝั่งคนขับวิ่งออกไปโดยมีผมวิ่งตามไปติดๆ


อย่างที่ผมคิดเลยสามรู้ว่าผมต้องการอะไรแม้จะไม่พูดออกมา


ผมเองก็คิดเหมือนกันว่าอยากลงไปช่วยในสถานการณ์นี้แม้จะรู้ว่าไม่ใช่หน้าของตัวเองก็ตาม ภารกิจของผมและสามเหมือนจะส่งตรงมาจากหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างเซโคร ไม่สิ สามบอกให้เรียกคุณนี่นา


เพราะเหตุนั้นพวกเราจึงไม่เข้าไปยุ่งกับภารกิจอื่นๆของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทว่าครั้งนี้มันต่างออกไป...บริเวณรอบๆนี่มีเพียงมนุษย์ที่หนีกันโดยไม่มีคนที่สามารถหยุดหรือจัดการกับไดโนเสาร์พวกนั้นได้


อย่างที่บอก ยิ่งหนีพวกเราก็จะยิ่งตาม จะยิ่งล่าตราบเท่าที่ขายังขยับได้


ไม่ใช่ทางที่ดีเลยการวิ่งหนีเนี่ย


สามวิ่งตรงไปยังสถานที่ที่มีกลิ่นของไดโนเสาร์กำลังรวมตัวกันอยู่ด้วยใบหน้าเหมือนกำลังวิเคราะห์สถานการณ์ สถานที่เกิดเหตุเป็นถนนสายใหญ่ที่ด้านข้างมีสวนสาธารณะตั้งอยู่ ไดโนเสาร์ไม่ทราบสายพันธ์สองชนิดกำลังวิ่งไล่ล่ามนุษย์โดยการใช้ปากที่มีเขี้ยวอันแหลมคมขย้ำเหยื่อบนพื้น


เพียงแค่การกัดครั้งเดียวมนุษย์ก็ไม่อาจรอดได้แล้วแต่เหมือนพวกมันจะไม่สะใจพอเพราะตัวที่คาบมนุษย์อยู่ในปากกลับโยนร่างไร้ชีวิตไปยังฝูงด้านหลังทำให้เกิดการฉีกกระชากร่างนั้นอย่างรุนแรงจนถนนสีเทาถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง


นี่มันยิ่งกว่าอันตรายแล้ว


อีกอย่างจำนวนขนาดนั้น...กะคร่าวๆก็น่าจะเกิน10ตัว


“สาม”ผมหันไปเรียกคนข้างกายที่มองภาพนั่นพร้อมเม้มปากแน่น


ผมไม่รู้ว่าสามรู้สึกยังไงกับภาพนั่นแต่สำหรับผมมันเป็นธรรมชาติที่ผู้อ่อนแอกว่าต้องตกเป็นเหยื่อ


หลายคนอาจมองว่าเป็นสิ่งไม่ถูกแต่มันก็คือธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต


“ทำไมต้องเป็นเจ้าสองตัวนี่ด้วย”


“รู้จักพวกมันเหรอ”ผมหันไปถาม จริงอยู่ปกติสามจะสามารถบอกชื่อ ลักษณะรูปร่างหรือแม้แต่นิสัยของสัตว์น้ำได้อย่างแม่นยำแต่พอเป็นพวกสัตว์บกสามจะไม่มีความรู้นัก


ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ไม่รู้ ดวงตาสีน้ำตาลของสามกำลังสั่นซึ่งผมไม่รู้ว่าสั่นเพราะอะไรแต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่ความหวาดกลัวอย่างไร้ทางสู้เหมือนมนุษย์ทั่วไปที่วิ่งหนีกัน


“หึ...ไม่ได้อยากรู้จักสักนิด ทั้งที่ไม่อยากรู้จักแต่ความอันตรายของพวกมันทำให้ผมจำชื่อนั้นได้แม่นเลยล่ะ เราเจอพวกอันตรายเข้าให้แล้ว”


“สาม...”


“เจ้าตัวขาวนั่นคือคาร์คาโรดอนโทซอรัสเป็นได้โนเสาร์ยาวกว่า13เมตรที่มีฟันคล้ายคลึงกับฉลามขาวโดยแต่ละซี่มีความยาวกว่าครึ่งไม้บรรทัด นั่นหมายความว่ามันมีพลังในการฉีกกระชากเนื้อเป็นอันดับต้นๆเลยทีเดียว แม้จะเป็นไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ติดอันดับแต่มันกลับมีสมองเล็กและประสาทสัมผัสอันเชื่องช้า”


“แปลว่าเราสามารถอาศัยจุดนั้นเข้าไปโจมได้สินะ”ผมพูดออกมาหลังจากได้ยินคำอธิบาย


“ถ้าคิดแบบนั้นก็ผิดแล้ว”


“หมายความว่าไง”


“ถึงคาร์คาโรดอนโทซอรัสจะมีสมองเล็กและประสาทสัมผัสอันเชื่องช้าแต่มันกลับมีสายตาที่สามารถมองในรูปสามมิติ”


“สามมิติ?”


“ใช่...มันสามารถกะระดับในการโจมตีได้อย่างแม่นยำโดยใช้สายตานั่น”


“คาร์คาโรดอนโทซอรัสอาจอันตรายแต่ถ้าเป็นอีกตัวที่เล็กกว่าเราอาจจะจัดการกับพวกมันก่อนได้”ผมลองเสนอความเห็นเมื่อมองไปยังไดโนเสาร์อีกสายพันธุ์ที่วิ่งขนาบข้างมาติดๆ


ถ้าคาร์คาโรดอนโทซอรัสอันตรายเราก็จัดการตัวที่จัดการง่ายกว่าเพื่อลดจำนวนลง ดูจากขนาดของมันเล็กกว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสอยู่ค่อนข้างมาก


“ถ้าคิดว่าจะจัดการแอลเบอร์โตซอรัสได้ง่ายๆก็ขอให้คิดใหม่ซะลูก้า”สามพูดด้วยท่าทางเครียดกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อมองไปยังฝูงไดโนเสาร์ตรงหน้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


“จะบอกว่าแอลเบอร์โตซอรัสอันตรายกว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสงั้นเหรอ”


“จะว่าแบบนั้นก็ได้ แอลเบอร์โตซอรัสอาจจะมีขนาดตัวเพียง9เมตรซึ่งน้อยกว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสทว่าด้วยกรามที่เล็กและบางนั่นช่วยเพิ่มความแม่นยำในการโจมตีเหยื่อ นอกจากนี้ฟันของแอลเบอร์โตซอรัสยังเป็นแหล่งสะสมของพิษร้ายเพราะฟันของมันโค้งไปด้านหลังทำให้เวลากินมีพวกแบททีเรียไปเจริญเติบโตอยู่เป็นจำนวนมาก”


“ผมดูการเคลื่อนไหวของแอลเบอร์โตซอรัสอยู่ รู้สึกว่าจะช้ากว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสอยู่มาก...แปลว่ามันอาจเหนื่อยเร็วรึเปล่า”ผมลองออกความเห็นตามสิ่งที่เห็น


“ไม่ใช่เหนื่อยหรอก แอลเบอร์โตซอรัสเชื่องช้ากว่าก็จริงแต่มันสามารถวิ่งได้นานกว่านักล่าอื่นๆนั่น จึงเป็นข้อได้เปรียบเวลาแข่งล่าเหยื่อหรือการไล่ล่า”


“...พวกมันไม่ควรมาอยู่ด้วยกัน”นั่นเป็นสิ่งที่ผุดขึ้นมาหลังจากได้ยินคำอธิบายจากสาม


“เห็นด้วยเลย...ตัวหนึ่งก็ฟันยาวกว่าครึ่งไม้บรรทัดทำให้ไม่มีอะไรที่กัดไม่เข้า อีกตัวก็มีเขี้ยวที่สะสมแบททีเรียอันตรายเอาไว้แถมยังมีพละกำลังสำหรับการต่อสู้ในระยะยาวอีก เป็นการต่อสู้ที่ยากมากจริงๆ”


“แต่สามพอจะมีวิธีนี่”


“อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น”สามหันมามองด้วยใบหน้าสงสัยนั่นทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆก่อจะตอบกลับไป


“ใบหน้าเครียดและกังวลก่อนหน้านี้ไม่มีแล้วน่ะสิ...อีกอย่างรอยยิ้มมุมปากนั่นเหมือนจะบอกว่าเป็นวิธีนี้ต้องจัดการได้แน่”


“...อ่านใจผมได้จริงๆใช่ไหม บอกมานะลูก้า”น้ำเสียงอึ้งๆดังขึ้นพร้อมสายตาจับผิด


“เปล่า...บอกแล้วไงว่ารู้แค่เรื่องสามเท่านั้นแหละ”เพราะเป็นสามที่คอยเฝ้ามองมาตลอดไม่ว่าจะเป็นการกระทำอะไรทำให้พลอยรู้ถึงสิ่งที่สามคิดไปด้วย


แน่นอนว่าถ้าเป็นคนอื่นผมคงตอบไม่ได้หรอกว่าคิดอะไรอยู่


ส่วนตัวผมไม่ค่อยสนใจมนุษย์คนอื่นนัก เรียกว่าพวกขาไม่ดึงดูดให้ผมสนใจก็ได้


แต่กลับสามมันไม่ใช่ ทุกอย่างของเขามันดึงดูสายตาและเรียกร้องความสนใจจากผมเสมอ


เพราะแบบนั้นถึงได้รู้


“รู้ดีจริงนะ...เอาเถอะ ก็ถูกอย่างที่ว่าผมมีแผน”


“งั้นก็รีบเถอะ...ผมจะกลับร่าง...”


“ไม่ได้”สามหันมาคัดค้านเสียงแข็งทันทีที่ได้ยิน


“ทำไมล่ะ?”ผมถามอย่างไม่เข้าใจ จำนวนขนาดนั้นทำไมไม่ให้ผมกลับร่างกัน


“จริงอยู่ที่ถ้านายกลับร่างอาจจัดการได้ไม่ยากแต่นั่นหมายถึงในน้ำไม่ใช่บนบกแบบนี้”


“สาม...”


“ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองซึ่งอากาศก็อย่างที่เห็นทั้งอบทั้งร้อน ขืนนายกลับร่างเพียงไม่กี่นาทีผิวก็จะแห้ง ดีไม่ดีอาจจะไหม้ เมื่อไม่มีน้ำพิษจากแมงกะพรุนไฟก็เป็นได้แค่เส้นประดับหางเท่านั้น”สามอธิบายต่อโดยไม่ปล่อยให้ผมได้แย้งอะไร


แต่ก็เป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกทุกอย่าง


ร่างไดโนเสาร์ผมไม่เหมาะกับต่อสู้บนบก ครีบที่ให้เคลื่อนไหวใต้น้ำไร้ประโยชน์ทันทีเมื่อต้องมาวิ่งไล่กันบนถนนร้อนๆ


“แล้วจะทำยังไง”ผมหันไปถามสาม ความกังวลเริ่มเข้ามาทันทีที่รู้ไม่สามารถต่อสู้ในร่างที่เคลื่อนไหวได้สะดวกที่สุด


“สู้ในร่างมนุษย์”น้ำเสียงของสามราวกับจะบอกว่าเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆก็ทำได้


“สามพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายที่จะสู้”


ขนาดผมที่มีสายเลือดของไดโนเสาร์อยู่ครึ่งนึงยังไม่คิดว่าร่างมนุษย์จะเอาชนะไดโนเสาร์นักล่ากว่า10ตัวได้เลยสักนิด แล้วสามที่เป็นมนุษย์ธรรมดาทำไมถึงได้กล้าพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นกัน


“ไม่ยากเท่าไหร่หรอก เชื่อสิ”สามบอกพร้อมยกยิ้มขึ้น รอยยิ้มนั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ


“สาม...”ก็อยากเชื่ออยู่หรอก


แต่ว่ามัน...


“ผมจะทำให้ดูลูก้า นายอาจผิดหวังกับผมที่เคลื่อนที่ช้าอย่างกับเต่าเมื่ออยู่ในน้ำแต่ตอนนี้ผมจะแสดงให้เห็นว่าผมมีความสามารถมากพอที่จะได้เป็นคู่หูของนาย”พูดจบสามก็วิ่งไปยังร่างสีขาวขนาดยักษ์ของคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่กำลังส่งเสียงคำรามกึกก้อง


กรรรร


คาร์คาโรดอนโทซอรัสคำรามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นสามเข้าไปใกล้ เรียวปากขนาดใหญ่อ้าออกโชว์ให้เห็นฟันยาวกว่าครึ่งไม้บรรทัดหลายสิบซี่เรียงรายกันอยู่ภายในก่อนจะใช้ฟันอันแหลมคมนั่นหมายจะโจมตีทว่าสามกลับรู้ถึงการโจมตีนั้นเลยจัดการหลบก่อนจะใช้มือกดลงยังส่วนปากขนาดใหญ่เพื่อเป็นฐานในการกระโดดขึ้นไปยังส่วนกะโหลกหนา


อาวุธที่ไม่รู้ว่าคืออะไรถูกยกขึ้นมา และเพียงเสี้ยววินาทีที่อาวุธนั้นสัมผัสกับผิวของคาร์คาโรดอนโทซอรัส ร่างกายอันใหญ่โตก็กระตุกก่อนจะล้มลงพร้อมเสียงครางสูง


ดวงตาสีเงินของผมเบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าเนื่องจากภาพตรงหน้าเหมือนเป็นสิ่งในจินตนาการที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริงๆ


มนุษย์ที่สูงไม่ถึงสองเมตรกลับเอาชนะนักล่าที่มีความยาวเหยียด13เมตรได้อย่างง่ายดายราวกับตกปลาขึ้นมาจากน้ำสักตัว


สามบอกว่าผมอาจผิดหวังในตัวเขา


ผมขอบอกไว้เลยว่าผมไม่เคยผิดหวังในตัวสาม


สามเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในความคิดผม


คำพูดที่ว่า... ผมจะแสดงให้เห็นว่าผมมีความสามารถมากพอที่จะได้เป็นคู่หู ของสามทำให้ผมอยากตอบกลับไปว่า


ผมต่างหากล่ะที่ต้องแสดงความสามารถให้สามเห็นว่าผมมีดีพอให้สามมาเป็นคู่หู


ในเมื่อสามทำได้ผมเองก็ต้องทำได้เหมือนกัน


แม้จะไม่มั่นใจว่าในร่างมนุษย์จะทำอะไรได้แค่ไหนแต่ผมก็วิ่งเข้าไปสบทบการต่อสู้โดยเลือกไดโนเสาร์ที่อยู่ใกล้สุดอย่างแอลเบอร์โตซอรัสเป็นตัวแรก ด้วยพละกำลังในร่างนี้ที่มีไม่มากทำให้ผมเลือกโจมตีไม่ยังส่วนขาที่ดูบอบบางกว่างส่วนอื่นจนแอลเบอร์โตซอรัสเซไปด้านหลัง


“...ไม่ไหวจริงด้วย”กะจะให้ล้มแล้วเชียวนะ


กรรรร


‘แกไม่ใช่มนุษย์’เสียงของแอลเบอร์โตซอรัสดังขึ้นพร้อมกับใช้ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องมายังร่างผม


‘ใช่’ผมตอบกลับ ไดโนเสาร์อย่างเราคุยการได้ง่ายผ่านเสียงในระดับที่แตกต่างกัน ทำให้ไม่ว่าสายพันธุ์ไหนก็สามารถเข้าใจกันได้


อีกอย่างไดโนเสาร์มีประสาทสัมผัสอันเยี่ยมยอดเลยไม่แปลกที่จะรับรู้ได้ว่าผมไม่ใช่มนุษย์ปกติ


‘ทำไมถึงได้โจมตีพวกเดียวกัน’


‘เราไม่ใช่พวกเดียวกัน’ผมตอบกลับไปตามจริง


ต่อให้มีสายเลือดอีกครึ่งหนึ่งเป็นไดโนเสาร์แต่เส้นทางที่เลือกนั้นไม่ใช่การล่ามนุษย์หรือสัตว์โดยอาศัยสัญชาตญาณเหมือนไดโนเสาร์ปกติหรอกนะ


ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรผมก็หาคำตอบมาตลอดว่าตัวเองต้องการทำอะไร


สายเลือดในร่างมันล่ำร้องให้ต่อสู้ผมจึงเลือกที่จะไม่ฝืนความรู้สึกนั้น เพียงแต่ถ้าต้องสู้กับอะไรสักอย่างก็อยากจะหาฝ่ายที่สามารถฝากชีวิตไว้ได้


จนถึงตอนนี้ฝ่ายที่ผมอยู่อาจเป็นมนุษย์แต่ไม่ใช่เพราะอยากปกป้องมนุษย์แสนอ่อนแอแต่เป็นเพราะมนุษย์เพียงคนเดียว...


มนุษย์ที่ชื่อว่าสาม!


‘คุยกันไม่รู้เรื่องสินะ’แอลเบอร์โตซอรัสคำรามผ่านคมเขี้ยวระหว่างพูด


‘ถ้าการคุยที่ว่าหมายถึงการที่ทั้งฝูงยอมอยู่นิ่งละก็นะ’


‘ใครมันจะไปยอมฟังพวกลูกครึ่งแบบแกกัน’


กรรรร


ไม่ต้องรอนานแอลเบอร์โตซอรัสก็จัดการเปิดฉากโจมตีโดยการอ้าปากขนาดใหญ่ออกกว้างพุ่งเข้าหาผมที่ยืนนิ่งอยู่ ถึงสามจะบอกว่าแอลเบอร์โตซอรัสช้าแต่เมื่อเทียบกับมนุษย์ก็ถือว่าเร็วกว่ามาก


ผมหลบการโจมตีนั่นโดยการมุดลอดผ่านหว่างขาไปยังด้านหลังเพื่อตั้งหลักแต่กลับถูกคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่อยู่ด้านหลังลอบโจมตีจนเกือบถูกฟันยาวๆนั่นขย้ำ


กรรรร


“กรรรรร...”


กรรรรรรร


เสียงคำรามผมไม่ได้ทำให้พวกมันหวั่นเกรง ตรงกันข้ามพวกกลับเลิกสนใจมนุษย์รอบๆแล้วหันมาจ้องยังผมและสามเป็นตาเดียว
ท่าทางแบบนั้นคงคิดจะร่วมกันล่าผมและสามแน่ๆ


ก่อนหน้านี้อาจจัดการได้เพราะความเผลอ


แต่หลังจากนี้คงไม่ง่ายแล้ว


“สาม”ผมเรียกก่อนจะวิ่งไปหาสาม


“ลูก้า...เมื่อกี๊เกือบโดนเล่นงานแล้วนะ มีสมาธิหน่อย ใช้จมูกจับสัมผัสเอา”สามให้คำแนะนำโดยที่สายตาจ้องไปยังฝูงไดโนเสาร์สองสายพันธุ์ตรงหน้า


“เข้าใจแล้ว...พวกมันหันมาสนใจเราแบบนี้จัดการยากแน่”


“นั่นสิ...ถ้าอย่างน้อยให้ลูก้ากลับร่างก็คงมีทางทำอะไรมากกว่านี้”


“ผมกลับได้นะ”ผมบอกทันที


แค่กลับร่างจะให้กลับเมื่อไหร่ก็ได้


“ผมรู้ว่าลูก้ากลับได้ แต่สถานที่มันไม่อำนวยในการต่อสู้ของนาย...ถ้าอย่างน้อยมีน้ำสักหน่อยละก็...จะน้ำจืดหรือน้ำเค็มก็ได้...”สามพึมพำประโยคสุดท้ายอย่างครุ่นคิดก่อนจะละสายตาออกจากฝูงไดโนเสาร์ไปมองรอบๆแทน


กรรรรร


“สาม”ผมรีบดึงตัวสามไว้ทันทีที่คาร์คาโรดอนโทซอรัสและแอลเบอร์โตซอรัสวิ่งเข้ามาโจมตี


“นั่นมัน...”


“อะไรสาม”ผมถามระหว่างที่จับมือสามวิ่งหลบการโจมตี


“ไปตรงนั้นกันลูก้า”


“อะไร?...เดี๋ยว...”ยังไม่ทันได้ถามก็ถูกสามดึงให้วิ่งตามไปยังฝั่งของสวนสาธารณะ ฝูงไดโนเสาร์ด้านหลังก็วิ่งตามมาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน


“กลับร่างลูก้า”เมื่อหยุดอยู่หน้าเสาร์สีแดงเตี้ยๆสามก็หันมาบอก


“กลับได้?”ไหนบอกว่าห้ามกลับไง


“ใช่...กลับเลย เดี๋ยวทีเหลือผมจะจัดการเอง”


“จัดการอะไร”


“ถ้าสถานที่ไม่เหมาะกับการต่อสู้...ก็ทำให้มันเหมาะสิ”อาวุธสีใสถูกควงไปมาก่อนส่วนปลายแหลมจะปักเข้ากับวัตถุสีแดงด้านหลังแล้วกรีดออก


ซู่


“น้ำ?”ผมหันกลับไปมองทันทีที่ได้ยินเสียงน้ำเบาๆ


“กลับร่างแล้วโจมตีเลยลูก้า อาศัยตอนที่พวกมันตกใจแล้วจัดการซะ”สามยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยระหว่างพูด


“ตกใจอะไร...”


ตู้มมม


ไม่ต้องรอให้สามตอบคำถามเสียงของน้ำที่เบาหวิวจากการปริแตกเมื่อครู่กลับกลายเป็นเสียงระเบิดขนาดย่อย สายน้ำจากเสาสีแดงพุ่งทะยานอย่างรุนแรงก่อนจะโปรยปรายลงโดยรอบราวกับพายุฝน


ดูจากกลิ่นไม่ใช่น้ำทะเลแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาแค่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำก็พอแล้ว


กรรรร


ผมไม่รอช้ารีบกลับร่างไดโนเสาร์ซึ่งยาวกว่า10เมตรพร้อมทั้งใช้ปากขนาดใหญ่ขย้ำคอคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่อยู่หน้าสุด สายน้ำที่กระจายอยู่รอบๆช่วยให้การเคลื่อนไหวบนพื้นถนนราบลื่นขึ้นจนสามารถถไหลร่างไปตามพื้นเพื่อโจมตีแอลเบอร์โตซอรัสอีกตัวได้


แน่นอนว่าการเข้าไปยังฝูงไดโนเสาร์ย่อมถูกโจมตีกลับทว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสพลาดที่โจมตียังแผ่นหลังผมซึ่งมีเกราะอันแข็งแกร่งควบด้วยพิษของปลาหิน


งี๊ดดดดด


เสียงครวญครางดังขึ้นทันทีที่ผมสะบัดหางที่มีหนวดของแมงกะพรุนกล่องสยายอยู่รอบๆไปโดนร่างอันใหญ่โตของแอลเบอร์โตซอรัส ด้วยพิษอันร้ายแรงสร้างความเจ็บปวดได้โดยฉับพลัน เรื่องยาถอนพิษสามมีติดตัวไว้เสมอเผื่อกรณีแบบนี้อยู่แล้วจึงหมดห่วงไปได้



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่15◈♦> 11/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 11-05-2018 12:28:07
(ต่อนะคะ)


สาม


ระหว่างที่สู้ก็นึกได้ว่าไม่เห็นสามดวงตาสีเงินของผมจึงหันไปมองโดยรอบเพื่อหาร่างของมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวในสถานที่แห่งนี้ สามในตอนนี้ใช้มือข้างหนึ่งจับเขาของแอลเบอร์โตซอรัสไว้แน่นเพื่อไม่ให้กระเด็นหลุดเพราะแอลเบอร์โตซอรัสสะบัดหัวไปมาแรงๆ


ผ่านไปไม่กี่วิสามก็กระโดดขึ้นเหนือหัวแอลเบอร์โตซอรัสทำให้มันหยุดขยับเพราะคิดว่าสามล่วงลงไปแล้ว นั่นสร้างโอกาสให้สามใช้อาวุธในมือจัดการแอลเบอร์โตซอรัสได้สำเร็จ


“ลูก้า...ด้านหลัง”เสียงตะโกนของสามทำให้ผมหันกลับไปมองทว่าการโจมดีจากคมเขี้ยวของคาร์คาโรดอนโทซอรัสกลับมาถึงก่อน


งี๊ดดดด


ผมร้องเสียงสูงเมื่อถูกฟันอันแหลมคมขย้ำเข้าที่คอ ส่วนที่ถือเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของผม ในร่างนี้ผมไม่มีกรงเล็บไว้ในการต่อสู้ ครีบอ่อนๆแทบทำอะไรไม่ได้เลยในสถานการณ์นี้


แต่ใครจะยอมแพ้กัน


ขนาดสามยังพยายามขนาดนั้นแล้วจะให้ผมมายอมแพ้งั้นเหรอ


ไม่มีทาง


กรรรรร


เสียงคำรามของผมดังขึ้นก่อนจะใช้แรงสะบัดหางโจมตีคาร์คาโรดอนโทซอรัสโดยการใช้ส่วนหางนั่นรัดคอจนคาร์คาโรดอนโทซอรัสปล่อยฟันที่กัดคอผมไว้


แม้ในร่างนี้จะไม่มีแรงมากเท่าอยู่ในน้ำแต่ก็ยังสามารถใช้การทิ้งน้ำหนักตัวกดทับร่างของคาร์คาโรดอนโทซอรัสไม่ให้ดิ้นหนีไปไหนได้ การกระทำนี้เรียกแอลเบอร์โตซอรัสกับคาร์คาโรดอนโทซอรัสรอบๆวิ่งกรูเข้ามาโจมตีผมเลยม้วนส่วนหัวและหดส่วนครีบเข้าไปใต้ท้องปล่อยให้ฝูงไดโนเสาร์โจมตีเข้ายังเกราะบนหลังเคลือบพิษแทน


จำนวนมันเยอกเกินไปที่จะสู้ด้วยสองคน


ถ้าในน้ำคงจะไม่ยากแต่บนบกนี่เคลื่อนไหวลำบากชะมัด


ถึงจะมีน้ำมาช่วยแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร


“ลูก้า!”เสียงตะโกนเรียกของสามดังขึ้น


กรรรร


ผมก็อยากจะไปหาสามอยู่หรอกแต่การจะออกจากการโดนรุมกัดนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


หื้ม?...กลิ่นนั่น


อยู่ๆจมูกผมมันก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง


กลิ่นแบบนั้นมัน...


กรรรรรร


กรรรรรร


เสียงขู่คำรามของไดโนเสาร์ที่ไม่ใชทั้งของแอลเบอร์โตซอรัสและคาร์คาโรดอนโทซอรัสดังขึ้นก่อนคมเขี้ยวที่ระดมกัดหลังผมจะทยอยหายไป นั่นทำให้ผมเอาหัวออกมามองดูสถานการณ์โดยมีร่างของคาร์คาโรดอนโทซอรัสกำลังดิ้นไปมาอยู่ใต้ร่างผมที่ทับไว้


สภาพตอนนี้ต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ตรงหน้ามีไดโนเสาร์สองเท้าไม่ทราบสายพันธุ์แน่ชัด2ตัวกับไดโนเสาร์สี่เท้าอีกตัววิ่งเข้าไปโจมตีแอลเบอร์โตซอรัสและคาร์คาโรดอนโทซอรัสจนกระจายกันไปคนละทาง


ไม่ใช่แค่ไดโนเสาร์ที่เข้ามาร่วมวงแต่ก็ยังมีมนุษย์อีกสมคนเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย


ถึงไม่ต้องถามก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นใคร


หน่วยปฏิบัติการพิเศษของประเทศไทย


กรรรรร


กรรรรร


สาม


ผมคำรามพร้อมใช้แรงทั้งหมดกระโดดพุ่งไปยังคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่หมายจะโจมตีสามจากด้านหลัง ฟันอันแหลมคมของผมขย้ำเข้ายังบริเวณคอและยังคงกดลึกเข้าไปเรื่อยเมื่อร่างนั้นยังคงพยายามขืนดิ้นให้หลุด


คิดว่าผมจะยอมให้หลุดไปทำร้ายสามรึไงกัน


“ลูก้า”สามกระโดดลงมาจากร่างของแอลเบอร์โตซอรัสที่ล้มลงแน่นิ่งแล้วเดินมาหาผมที่ยังคงกดเขี้ยวลึกลงไปยังคอสีขาวนั่นมากขึ้น


“ปล่อยได้แล้วลูก้า”


ไม่รู้ว่าสามทำอะไรแต่ร่างของคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่ดิ้นไปมาเมื่อครู่กลับสงบลงอย่างง่ายดายผมเลยค่อยๆวางว่างนั้นให้นอนลงกับพื้น


งี๊ดดด


ผมรีบเข้าไปคลอเคลียพลางมองดูว่าสามได้รับบาดเจ็บอะไรไหมโดยไม่สนว่ารอบข้างจะเป็นยังไง ที่ผมสนตอนนี้คือสามปลอดภัยรึเปล่า


ตลอดการต่อสู้ผมไม่ได้มีโอกาสให้เข้าไปช่วยสามนักเลยไม่แน่ใจว่าสามเป็นอะไรไหม


อย่างน้อยๆผมก็เบาใจที่ไม่ได้กลิ่นเลือดมากมายของสาม


“ผมไม่เป็นไรลูก้า...ไม่ต้องห่วง”


งี๊ดดดด


จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง


“คนที่น่าห่วงคือนายนั่นแหละ...แผลนี่ลึกเหมือนกันนะ”ผมพูดพลางลูบยังแผลบริเวณคอผมเบาๆ


งี๊ดดดด


ไม่เป็นไร


“เอ่อ...ขอโทษนะครับ”บทสนทนาของผมกับสามถูกขัดเมื่อมีคนเรียก


พอหันไปมองก็พอกับมนุษย์สามคนและไดโนเสาร์อีกสามตัวที่เดินเข้ามาหาโดยมีฉากหลังเป็นร่างของคาร์คาโรดอนโทซอรัสกับแอลเบอร์โตซอรัสนอนกองอยู่กับพื้น


“พวกคุณเป็นคนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษสินะ”สามถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว


“ใช่ครับ...ผมแบ็งค์เป็นหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการที่ประเทศไทย ส่วนนี่ไข่ต้มไดโนเสาร์กลายพันธุ์ของผม”ชายผมดำแนะนำตัวเองก่อนจะแนะนำคู่หูสี่เท้าด้านหลังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม รูปร่างของเขาดูสูงกว่าสามเล็กน้อยแต่นั่นก็มากพอให้ผมแปลกใจกับคำว่าหัวหน้าที่หลุดออกมาจากปาก ขนาดตัวแค่นั้นเป็นหัวหน้างั้นเหรอ


“...คุณตั้งชื่อไดโนเสาร์กลายพันธุ์ซะน่ารักเลยนะ”ผมเองก็เห็นด้วยกับคำพูดสามนะ


ชื่อไข่ต้มมันดูน่ารักเกินไปหน่อย


อีกอย่างการจะตั้งชื่อให้ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้แปลว่าเป็นคนที่ได้รับการคัดเลือกจากหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่โดยตรงเมื่อหลายปีก่อนที่พึ่งเริ่มก่อตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างเป็นทางการ


เรื่องนี้คุณเซโครเคยเล่าให้ฟังตอนอยู่บนเกาะ


“พอดีผมชอบพวกอะไรน่ารักๆน่ะ...เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ พวกคุณเป็นใคร...ไม่สิ...ต้องถามว่าทำไมถึงได้มีไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้”สายตาที่จับจ้องมายังสามดูแตกต่างจากน้ำเสียงแสนสุภาพซะเหลือเกิน


กรรร


ผมส่งเสียงขู่เบาๆเพื่อบอกให้อีกฝ่ายเลิกจ้องสามด้วยสายตาเหมือนทำอะไรผิดซะ


“ไม่เอาลูก้า...ใจเย็นๆนะ”สามยกมือขึ้นมาลูบเรียวปากผมไปมาเบาๆทำเอาเคลิ้มไป


งี๊ดดด


“ผมเองก็เป็นเหมือนพวกคุณแหละ เป็นหนึ่งในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหมือนกัน”พอทั้งสามได้ฟังก็หันหน้ามองกันอย่างงงๆ


“หมายความว่าไงกัน ถ้าเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหมือนกันผมก็ต้องรู้จักคุณสิ”คนชื่อแบ็งค์ถามกลับด้วยใบหน้าสงสัย


“ผมไม่ได้เข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการพิเศษของประเทศหรอก เรียกว่าเป็นคู่หูพิเศษจะถูกกว่า...อย่างที่เห็นว่าคู่หูผมมีร่างแบบนี้ทำให้งานส่วนใหญ่ของพวกเราอยู่ในทะเลและจะรับภารกิจจากไทรแอสซิก เบนซ์ ฟ่งเซ่เท่านั้น”สามอธิบายไปตามตรง


“...ก็เคยได้ยินว่ามีคู่หูพิเศษอยู่ที่นี่ก็จริงแต่...”สายตาของแบ็งค์มองมายังสามเหมือนจะไม่เชื่อว่าด้วยรูปร่างแบบนั้นจะสามารถต่อสู้กับไดโนเสาร์ได้ ยังไงถ้าเทียบรูปร่างพวกแบ็งค์กับอีกสองคนก็กำยำกว่าสามมาก


“ผมดูอ่อนแอสินะ”สามพูดพร้อมยกยิ้มขึ้น


“ก็ใช่อยู่...แต่พอดูแอลเบอร์โตซอรัสกับคาร์คาโรดอนโทซอรัสที่ถูกจัดการก็รู้ว่าคุณไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ”


“อย่าพูดเหมือนเจอผีน่า...ผมก็แค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง”


“คนธรรมดาที่ไหนจัดการกับไดโนเสาร์ได้ง่ายๆขนาดนั้น...แต่ก็สมกับเป็นที่หัวหน้าเลือกให้เป็นคู่หูกับเขาละนะ”แบ็งค์พูดต่อโดยที่ประโยคสุดท้ายมองมาทางผม


“ก็ไม่ขนาดนั้น...ผมนาทีธาร เรียกสามก็ได้...ส่วนนี่คู่หูผมชื่อลูก้า”สามแนะนำทั้งตัวเองและผม


“งั้นฉันขอแนะนำตัวบ้างละกัน...ฉันเกล้า และนี่สาวสวยของฉันชื่อเกรซ”ชายผมคล้ำแดดร่างกายบึกบึนแนะนำทั้งตัวเองและไดโนเสาร์สองเท้ารูปร่างปราดเปรียวด้านหลังที่เชิดคอขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกพูดถึง


“ผมชื่อไม้ ส่วนนี่วินคู่หูผม”คนสุดท้ายในหน่วยปฏิบัติการพิเศษแนะนำตัว


“ยินดีที่รู้จักนะ...ว่าแต่นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”สามถามพลางมองไปยังร่างของแอลเบอร์โตซอรัสและคาร์คาโรดอนโทซอรัส


“รถขนย้ายพังจนพวกมันออกมาน่ะสิ...เห็นว่าง่วงเลยเหม่อระหว่างขับจนเกิดอุบัติเหตุจนพวกมันหลุดออกมาเพ่นพ่านอย่างที่เห็น”เกล้าอธิบาย


“พวกคุณมาช้ากันไปหน่อยรึเปล่า รู้ไหมว่ามีคนโดนลูกหลงไปเยอะน่ะ”


“พวกเราก็มาเร็วที่สุดแล้ว...บ้านเราพอเกิดเรื่องการจราจรก็ติดกันอย่างงี้ตลอด อีกอย่างพวกเราใช้เวลาเดินทางประมาณ15นาทีหลังได้รับแจ้งซึ่งก็ถือว่าไม่ได้ช้าแต่มันก็ทำให้เกิดการสูญเสียจำนวนไม่น้อย โชคดีที่ได้พวกคุณมาช่วยไม่งั้นกว่าพวกเราจะมาถึงคงเกิดการสูญเสียมากกว่านี้เป็นแน่น ขอบคุณมากครับ”พูดจบแบ็งค์ก็ก้มหัวขอบคุณ


“ไม่เป็นไร...ผมกับลูก้ายินดีช่วย งั้นพวกเราขอตัวเลยละกัน”


“อ่า...ได้ครับ พวกเราเองก็ต้องไปจัดการพาแอลเบอร์โตซอรัสกับคาร์คาโรดอนโทซอรัสไปส่งที่เดิมด้วย”


“ให้ช่วยไหม?”


“ไม่ป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว ไว้เจอกัน”


“ครับ ลูก้า...กลับร่างมนุษย์ได้แล้ว อ้อ นี่เสื้อผ้า”สามพูดก่อนจะหยิบเสื้อตัวตออกมาจากกระเป๋า


ผมในร่างไดโนเสาร์พยักหน้าไปมาก่อนจะเปลี่ยนร่างให้กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ตามเดิม เสื้อตัวโตถูกผมคว้ามาสวม อีกฝั่งร่างของไดโนเสาร์ทั้งสามตัวก็เปลี่ยนมาอยู่ในร่างมนุษย์เช่นกัน


เส้นผมสีแปลกตาของพวกเราพอมาอยู่รวมกันดูเหมือเป็นเรื่องปกติไปเลย


ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ทั้งสามคนมองมาทางผมนิ่งๆซึ่งผมก็สบสายตากลับไป ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดอะไรมากมายเพียงแค่ได้กลิ่นพวกเราต่างก็รับรู้ว่าเป็นพวกเดียวกันได้ทันที


ไม่เหมือนมนุษย์ที่ต้องมาทำความรู้จักกันหรอก


หลังจากเหตุการณ์ไดโนเสาร์หลุดใจกลางเมื่อผมก็ถูกสามลากไปทำแผลบริเวณคอที่ปรากฏรอยเขี้ยวถึงสี่คู่ตามลำคอ สายตาห่วงๆของสามทำให้ผมรู้สึกดีกับบาดแผลนี้มากขึ้น


ปกติสามเป็นคนชอบห่วงอยู่แล้วแต่พอผมเจ็บกลับยิ่งห่วงมากกว่าเดิมหลายเท่า


อย่างตอนอาบน้ำก็คอยเตือนว่าห้ามน้ำโดนแผลนะ


ตอนกินข้าวเองก็จะบอกว่าให้กินนี่แผลจะได้สมานกัน


แม้แต่ตอนนอนก็ยังบอกว่าห้ามพลิกไปทางแผลเดี๋ยวจะเจ็บ


สามคอยเป็นห่วงผมตลอดจนไม่อยากหายเร็วเลยล่ะ


แต่ถึงจะอยากหายช้าขนาดไหนร่างกายที่มีเลือดของไดโนเสาร์ไหลเวียนอยู่ก็ไม่สามารถฝืนการรักษาตัวเองอย่างรวดเร็วได้ ภายในไม่กี่วันบาดแผลซึ่งลึกพอสมควรกลับหายเกือบสนิทแล้ว


ภายในห้องน้ำผมนอนแช่น้ำอยู่ภายในอ่างสีขาวพลางยกมือขึ้นลูบบริเวณที่ถูกัดเบาๆ บาดแผลเมื่อวันวานกลับหายเร็วจนน่าตกใจ
วันนี้เป็นอีกวันของการเริ่มต้นวันใหม่ซึ่งผมมักจะอาบน้ำก่อนสามเสมอด้วยเหตุผลที่ว่าสามจะได้นอนต่ออีกหน่อยระหว่างรอผมอาบเสร็จ เคยมีหลายครั้งที่ผมแกล้งอาบช้าจนสามไปทำงานสาย


แน่นอนว่าผมถูกดุ แต่การถูกสามดุไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกลัวสักนิด


ดวงตาสีน้ำตาลที่หรี่ลง ริมฝีปากที่พ่นคำดุ ท่าทางเอาเรื่องราวกับไม่ยอมใคร


นั่นคือสามเวลาดุผม


ไม่รู้ว่าคนอื่นมองยังไงแต่ผมคิดว่าน่ารักมากๆเลย


น่ารักจนเผลอรักไปโดยไม่รู้ตัว จนตอนนี้ก็รักมากจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว


สามเองก็คงรักผมเหมือนกันเพียงแต่เขายังไม่ยอมรับความรู้สึกนั้น


ตอนแรกผมก็ไม่มั่นใจหรอกแต่พอได้เห็นใบหน้าแดงๆ น้ำเสียงเขินๆ ท่าทางอายๆพวกนั้นผมก็รู้ทันทีว่าตัวเองมีความหวังที่สามจะคิดเหมือนกัน


“สาม...”ผมเรียกเมื่อเปิดปรระตูออกมาจากห้องน้ำทว่าสามที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย


แม้จะหาทั้งห้องก็ยังไม่เจอ


สามไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกผม


อาจจะมีที่ไปก่อนแต่ก็จะเขียนโน้ตบอกไว้ไม่ใช่หายไปแบบนี้


“สาม...”ยิ่งไม่เห็นตัวยิ่งว้าวุ่นจนเกิดความกังวลขึ้นมา


นี่ผมนอนแช่น้ำเพลินเกินไปสินะถึงไม่รู้ว่าสามออกไปจากห้องแล้ว


การจะหาสามเป็นสิ่งที่ไม่อยากเกินความสามารถผม เพียงแค่ใช้กลิ่นในการตามหาผมก็สามารถตามสามมาจนถึงลานจอดรถด้านข้างศูนย์วิจัย


ภาพของสามที่ถูกชายคนหนึ่งที่ลงจากรถคว้าตัวไปกอดแน่นนั่นทำเอาความหวงแล่นเข้ามาในหัว ยิ่งเห็นว่าสามไม่ขัดขืนแถมยังใช้มือชกอีกฝ่ายเป็นเชิงเล่นก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผมมากขึ้น


ปกติสามไม่ใช่คนชอบเล่นแบบถึงเนื้อถึงตัว ขนาดผมที่ชอบแอบกอดตอนนอนยังโดนขยับหนีแต่หมอนั่นเป็นใครสามถึงเข้าไปกอดแน่แบบนั้น


อิจฉา


อยู่ๆความรู้สึกนี้ก็แผ่เข้ามาภายในหัวใจ


ไม่ชอบให้สามไปกอดคนอื่นด้วยรอยยิ้มมีความสุขแบบนั้น


“สาม”เหมือนร่างกายจะทำงานโดยไม่ผ่านสมองรู้ตัวอีกทีผมก็เดินเข้าไปคว้าแขนสามดึงออกมาจากอ้อมกอดนั่นแล้วเปลี่ยนมาเป็นผมที่สวมกอดสามจากด้านหลังแทน


“ลูก้า?”สามเงยหน้าขึ้นมามองงงๆเมื่อเห็นผมตามมาถูก


“นั่นใครสาม”


“ใครน่ะสาม”


ทั้งผมและชายผิวเข้มตรงหน้าพูดออกมาด้วยรูปประโยคที่แทบจะเหมอนกัน ดวงตาสีเงินของผมกับดวงตาสีน้ำตาลของชายตรงหน้าจ้องกันด้วยความไม่ยอมใคร คนปกติถ้าเห็นผมจ้องคงละสายตาไปนานแล้วแต่คนๆนี้กลับไม่ใช่


ไม่มีวี่แววว่าจะกลัวเลยสักนิด


คนคนนี้เป็นใครกัน


“เอ่อ...ลูก้า”


“สามนั่นใคร”ผมก้มลงไปถามพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก


“คือว่า...”


“แล้วนายล่ะเป็นอะไรกับสาม”ยังไม่ทันที่สามจะตอบชายผิวเข้มก็เดินมาเผชิญหน้าพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


แววตาและท่าทางนั่นเหมือนกำลังจะบอกให้ผมพูดความจริงออกไป


แน่นอนว่าต่อให้ไม่ถูกสายตานี่จ้องผมก็ไม่คิดจะปิดบังหรือโกหกอยู่แล้ว


ผมเป็นอะไรกับสามน่ะเหรอ


คำตอบนั่น...


ไม่ต้องคิดสักนิด


“สามเป็นคู่ของผม”
.......................................................................

เอาล่ะสิ

ตัวละครใหม่โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้จะเป็นใครกัน

จะมีมาม่าไหม ขอตอบเองเลยว่าไม่มีหรอกค่ะ 555

ถ้าให้ทายคิดว่าทุกคนน่าจะทายถูกกันเกือบหมด

เราชอบการแต่งฉากต่อสู้มากเลย เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าอยากลองเรียนศิลปะการต่อสู้แต่คงไม่ไหว งั้นก็ให้ตัวละครสู้แทยเราไปละกันเนอะ อิอิ

ไว้เจอกันในตอนต่อไปนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจที่มีให้เสมอนค่ะ

บ๊ายบาย

-----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-----

วันนี้ขอเสนอ...คาร์คาโรดอนโทซอรัส

(https://www.img.in.th/images/7c085d759a3122b7cb436d7a3c44d86f.jpg)

คาร์คาโรดอนโทซอรัส นักฆ่าขนาดมหึมานี้น่าดูมากทีเดียว มันมีน้ำหนัก 7 ตันและวัดความยาวได้ 13 เมตร ถือว่าตัวใหญ่มฬาร ฟันคืออาวุธหลักของมัน แต่ละซี่ยาว 16 เซนติเมตร เป็นฟันเลื่อยรูปโค้ง ไม่มีอะไรที่มันกัดไม่ขาย ฟันของคาร์คาโรดอนโทซอรัสคล้ายคลึงกับฉลามขาวเป็นอย่างมาก และเราต่างรู้ดีว่าฟันของฉลามขาวสร้างความเสียหายได้มากแค่ไหน เป็นไดโนเสาร์มีสมองเล็กและประสาทสัมผัสเชื่องช้าเมื่อเทียบกับมาตรฐานของมนุษย์ แต่เชื่อกันว่าคาร์คาโรดอนโทซอรัสสมองเห็นเป็นสามมิติ หมายความว่ามันกะระยะลึกตื้นเพื่อหาระยะห่างระหว่างตัวมันกับเหยื่อได้อย่างแม่นยำ


เครดิต : รูปภาพจากเด็กดี.คอม ข้อมูลจากหนังสือไดโนเสาร์ประจัญบานของสนพ.อมรินทร์

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่15◈♦> 11/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 11-05-2018 15:57:39
 :z2: พบเด็กขี้หวง 1 อัตรา  55555
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่15◈♦> 11/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-05-2018 17:06:02
นี่ว่าถ้าสามไม่ได้หายมาเฉยๆแบบไม่บอกงี้
ลูก้าอาจจะไม่อาการออกมากแบบนี้ก้ได้นะ
ถึงจะขี้หวงมากๆอยุ่แล้วก้เถอะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่15◈♦> 11/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 11-05-2018 20:21:18
ชัดเจนมากเลย 55555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่15◈♦> 11/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-05-2018 01:22:16
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่15◈♦> 11/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-05-2018 23:22:02
พี่ชายของสามรึเปล่า เอ่อแล้วสามมีพี่น้องป่ะ เดาไปมั่วเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่15◈♦> 11/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 13-05-2018 20:37:41
รอสามยอมรับความรู้สึกตัวเอง   :mew1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่15◈♦> 11/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 13-05-2018 23:27:24
พี่ชาย?
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่15◈♦> 11/05/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-05-2018 10:45:37
55555 มีความหวง ลูก้าต้องใจเย็นนะ
สามก็นะ ชอบทำเข้มกับน้อง แต่ใจไปไกลแล้ว

โอ๊ยยย ลุ้นมากค่ะ ดีนะแถวนั้นมีน้ำให้เปิดบ้าง
สามเก่งมากค่ะ และสู้แบบไม่กลัวเลย เพราะห่วงลูก้าด้วย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่16◈♦> 25/05/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 25-05-2018 20:12:28
◈ธาราที่16◈




“สามเป็นคู่ของผม”น้ำเสียงทุ้มๆที่เอ่ยคำพูดนั่นด้วยใบหน้าจริงจังทำเอาคนฟังอย่างผมถึงกับเบิกตากว้างขึ้นก่อนความร้อนจากทั่วร่างกายจะมารวมอยู่ที่ใบหน้า


ถึงสีผิวผมจะไม่ขาวแต่เชื่อเถอะว่ามันแดงก่ำจนน่าอายจริงๆ ขนาดไม่เห็นหน้าตัวเองผมยังรู้เลย


“คะ...ใครเป็นคู่นายกันลูก้า”อะไรกันเนี่ยสถานการณ์นี้


อยู่ๆก็วิ่งมากอดแถมยังพูดแสดงความเป็นเจ้าของแบบนั้นอีก


“สามไงเป็นคู่ของผม”ลูก้าบอกพลางก้มลงมาคลอเคลีย


“คู่หูต่างหาก”อย่ามาตัดคำให้ความหมายเปลี่ยนนะ


“อืม...ทั้งคู่ทั้งคู่หูเลย”


“อย่ามาโมเมด้วย”ผมจำไม่เห็นได้ว่าไปตกลงเป็นคู่ให้เมื่อไหร่


“งั้นสามก็ตกลงสิ เราจะได้เป็นคู่กันไง”


“ทำไมผมต้องตกลงด้วย”


“ก็ผมรักสามนี่”


“อึก...”คำบอกรักโต้งๆนั่งส่งผลให้หัวใจเต้นแรงขึ้นทันที


ไม่มีความโรแมนติกสักนิดแต่ผมก็ยังใจเต้นอยู่นั่นแหละ


หรือผมจะชอบผู้ชายจริงๆแล้วกัน


“นี่...คิดจะเมินกันอีกนานไหม”เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นพร้อมกับก้าวขาเข้ามาจนหยุดอยู่ตรงหน้าผมและลูก้า ด้วยความสูงอันใกล้เคียงกันของชายทั้งสองทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองสายตาคมๆของทั้งคู่ที่ประสานราวกับเป็นศัตรูมาตั้งแต่ชาติก่อน


“เอ่อ...ขอโทษ...”


“สามจะขอโทษทำไม เขาต่างหากที่มาขัดจังหวะเราคุยกัน”ลูก้าพูดขัดคำขอโทษของผม


“ฉันว่านายมากกว่าที่มาขัดตอนพวกเราคุยกันอยู่”เสียงทุ้มๆเอ่ยอย่างไม่พอใจนักเมื่ออยู่ๆถูกลูก้าเข้ามาขัดจังหวะทั้งที่ยังคุยไม่จบ


“เอ่อ...ทั้งคู่...”


“นายเป็นอะไรกับสาม”ลูก้าถามด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง


“แล้วนายล่ะ พูดว่าเป็นคู่เหมือนสัตว์ป่าแบบนั้นแต่ดูเหมือนสามจะไม่เล่นด้วยนี่นะ”คำยียวนนั่นทำให้แขนที่กอดผมไว้รัดแน่นขึ้น
เอาเข้าไปสิ


จะมาทะเลาะกันเพื่ออะไร


“สามแค่ยังไม่ยอมรับความรู้สึกที่มีต่อผมเท่านั้นเอง”


“ไม่ยอมรับกับไม่มีมันต่างกันนะ”


“คือว่า...”


“แล้วจะปล่อยให้ผู้ชายกอดอีกนานไหมสาม โดนแค่นี้อย่ามาทำเป็นอ่อนแอ จัดการเหยียบเท้าให้ปล่อยจากนั้นก็ศอกใส่ท้องแล้วปิดท้ายด้วยเข่าลอยไปเลยสิ”คำแนะนำจากชายตรงหน้าช่างเหมือนคนมีหนี้แค้นอยู่สักสิบชาติจริงๆ


“แค่นั้นทำให้ผมปล่อยไม่ได้หรอกนะ”ลูก้าตอบแทนพร้อมกับกอดร่างผมแน่นขึ้น


“หึ...คิดว่าตัวเองเก่งนักรึไง”


“ก็คิดว่าเก่งกว่าคนตรงหน้าละกัน”คำพูดนั่นลูก้าจงให้อีกฝ่ายได้ยินชัดๆ


“งั้นมาลองกันไหมล่ะ สู้ตัวต่อตัว”


“ได้”ลูก้าพยักหน้าก่อนจะคลายอ้อมกอดออกเดินไปยังลานจอดรถซึ่งมีรถจอดอยู่เพียงไม่กี่คันเท่านั้น


นี่ทั้งคู่คิดจะหาเรื่องกันจริงๆหรอเนี่ย


ผมไม่อยากให้ใครต้องสู้กันทั้งนั้นแหละ


คนนึงก็คู่หูอีกคนก็พี่ชาย


จะให้เชียร์ใครกันล่ะ


พี่ชายผมหรือ ชโลทร ธาราสุข เป็นพี่คนโตเลยได้ชื่อว่าหนึ่ง แค่ฟังก็รู้แล้วว่าครอบครัวผมต้องมีอย่างน้อยสามคนซึ่งก็ใช่ ผมเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวโดยมีพี่ชายชื่อหนึ่งและพี่สาวชื่อสอง


พี่หนึ่งเป็นผู้ชายผิวสีแทนกร้านแดดเพราะสืบทอดกิจการการประมงของครอบครัว พี่หนึ่งเป็นคนขยันแต่นิสัยออกจะห้าวๆออกแนวไม่ค่อยเกรงใจใคร คนที่สอนศิลปะการต่อสู้ให้ผมก็พี่หนึ่งนี่แหละ...ไม่ใช่เพียงมวยที่เป็นแต่ศิลปะการต่อสู้อื่นๆเองก็ช่ำชองเช่นกัน


ถ้าไม่สืบทอดกิจการอาจไปตั้งแก็งที่ไหนแล้วก็ได้


จากที่มองพี่หนึ่งคงไม่รู้ว่าลูก้าเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์หรอก วันๆเอาแต่หาปลาไม่ก็เข้ายิมจะมีเวลาไหนไปรู้ข่าวพวกนี้กัน อีกแง่ลูก้าเองก็ไม่รู้ว่าฝีมือพี่หนึ่งเก่งกาจขนาดไหน


บอกไปแล้วว่าพี่หนึ่งเป็นเหมือนครูผม นั่นแปลว่าด้านความสามารถเก่งกว่าผมไม่รู้เท่าไหร่


นี่มันศึกของสัตว์ประหลาดชัดๆ


“ห้ามเข้ามาช่วยหมอนี่ล่ะสาม”พี่หนึ่งหันมาบอกผม


“ผมต่างหากที่ต้องพูด สามห้ามเข้ามาช่วยล่ะ”ลูก้าเองก็หันมาพูดบ้าง


โอ้ย...สรุปสาเหตุที่ทะเลาะกันนี่มันคืออะไรไม่ทราบครับทั้งคู่


“เฮ้อ...ห้ามทำให้อีกฝ่ายอาการสาหัสเด็ดขาด”ผมบอกกันทั้งคู่เมื่อเห็นว่ายังไงก็ห้ามการต่อสู้ไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้ ยังไงก็เป็นผู้ชายคุยด้วยหมัดดูท่าจะง่ายกว่าพูดล่ะนะ


ทั้งคู่ต่างพยักหน้าก่อนฝ่ายเปิดฉากก่อนจะเป็นพี่หนึ่งที่ถอดเสื้อคลุมออกแล้วโยนใส่ลูก้าเพื่อให้มองไม่เห็นหมัดที่ถูกเหวี่ยงไปเต็มแรงทว่าลูก้าที่มีประสาทสัมผัสดีกว่าก้าวถอยหลังพร้อมใช้มือเขวี้ยงเสื้อคลุมนั่นลงไปกองกับพื้นโดยไม่ถูกหมัดนั้นโจมตี


“ใช้ได้นี่”พี่หนึ่งเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มชอบใจ


“แค่นี้เอาชนะผมไม่ได้หรอกนะ”


“หึ...ขอดูหน่อยว่าจะปากดีได้นานแค่ไหน”พูดจบพี่หนึ่งก็วิ่งเข้าไปโจมดีอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้ไม่มีตัวหลอก ร่างกายกำยำโยกไปมาเพื่อสร้างจังหวะและความสับสนให้ฝ่ายที่มอง แค่เสี้ยววิหมัดข้างเดิมก็ถูกเหวี่ยงไปตรงหน้าลูก้าอีกครั้ง


แน่นอนว่าหมัดนั้นไม่มีทางที่จะโดนได้เพราะดวงตาสีเงินของลูก้าจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวอยู่แต่นั่นก็เพียงแค่ช่วงตั้งแต่กลางลำตัวขึ้นไปทำให้ไม่ทันสังเกตว่าไม่ได้มีเพียงแค่หมัดเท่านั้นที่ถูกปล่อยออกไป


“อั๊ก....”ลูก้าถึงกับทรุดลงเล็กน้อยกับแรงเตะของพี่หนึ่ง


“ลูก้า”ผมเรียกด้วยความเป็นห่วง


ถ้าเป็นคนปกติอาจทรุดลงกับพื้นไปแล้ว ไม่เหมือนลูก้าที่ยังทรงตัวได้แม้จะเซไปหน่อยก็ตาม


“จะเชียร์มันรึไงสาม”พี่หนึ่งหันมาถามหน้ามุ่ย


“ไม่ได้เชียร์แค่เรียกเฉยๆ”


“ดูมั่นใจในฝีมือหมอนี่น่าดูนะ”พี่หนึ่งสังเกตท่าทางผมก่อนจะพูดด้วยสายตาจับผิด


“ก็นะ...ลองดูด้วยตัวเองดีกว่า ผมไม่อยากโม้ถึงความสามารถของลูก้าเท่าไหร่”พูดจบผมก็ส่งสายตาไปให้พี่หนึ่งเป็นเชิงบอกให้ดูด้านข้าง


ผั๊วะ


ยังไม่ทันที่พี่หนึ่งจะหันไปมองลูก้าก็เหวี่ยงหมัดใส่อย่างแรงจนร่างอันกำยำเซไป เสียงของหมัดที่กระทบช่างรุนแรงแม้ไม่ต้องทดลองด้วยตัวเอง


ลูก้าไม่ยอมเสียโอกาสที่มีพุ่งเข้าใช้เท้าถีบยันไปกลางลำตัวแต่เหมือนพี่หนึ่งจะรู้อยู่เลยตั้งไว้ก่อนจะถีบกลับไป ทั้งคู่ต่างวิ่งเข้าไปผลัดกันชกผลัดกันหลบซึ่งก็ได้แผลกันมาถ้วนหน้า


การสู้เข้าถึงฉากจบเมื่อศอกของพี่หนึ่งถูกหลบได้แต่นั่นเป็นเพียงกลลวงเพราะหมัดอีกข้างต่างหากที่จะใช้ปิดฉาก ด้านลูก้าเองก็เหวี่ยงหมัดสุดท้ายออกไปเช่นกัน


ผั๊วะ


เสียงหมัดสุดท้ายดังกึกก้องลานจอดรถ ทั้งคู่ต่างยังยืนอยู่แต่สภาพนั้นมีรอยแผลอยู่ทั้งใบหน้าและลำตัว


ดวงตาสีน้ำตาลของพี่หนึ่งกับดวงตาสีเงินของลูก้าประสานกันระหว่างหายใจเสียงหอบเล็กน้อย และไม่อยากเชื่อว่าไม่กี่วินาทีต่อมาทั้งคู่กลับเดินมากอดกันเบาๆ


“เยี่ยมไปเลยน้องชาย เก่งกว่าสามอีกนะเนี่ย”พี่หนึ่งเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มสนุกที่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ


“คุณเองก็สุดยอด...พึ่งเคยเจอคนที่สู้กับพวกเราได้ขนาดนี้”


“พวกเรา?...หมายถึงอะไร?”พี่หนึ่งทำหน้างงเมื่อได้ยิน


“...นี่ไม่รู้ว่าผมเป็นใครเหรอ?”


“ฉันก็ถามตั้งแต่ตอนเจอกันแล้วนี่ว่านายเป็นใคร”


“สาม”ลูก้าหันมาเรียกผมแทน แววตานั่นเหมือนจะต้องการให้ช่วยอธิบายถึงเรื่องนี่ที


“เฮ้อ...เอางี้นะ ผมไม่รู้ว่าจะสู้กันไปทำไมแต่เอาเถอะ ผมขอแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันก่อน...ลูก้านี่คือพี่ชายของผมชื่อหนึ่ง”


“พี่ชาย?”


“พี่หนึ่งนี่ลูก้า เขาเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์...แต่ถึงจะบอกไปก็ไม่รู้อยู่ดีสินะ เอาเป็นว่าเขาเป็นมนุษย์ที่สามารถกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ได้ ปกติไม่มีมนุษย์บ้าๆคนไหนกล้าท้าสู้เมื่อเห็นสีผมนี่หรอกนะ”ผมอดไม่ได้ที่จะชี้ไปยังเส้นผมสีฟ้าแซมแดงของลูก้าระหว่างบ่นพี่ชายตัวเอง


รู้ว่าพี่เก่งแต่ถ้าเทียบกับลูก้า...ผมไม่คิดว่าจะชนะได้หรอกนะ


เหมือนลูก้าจะยังออมมืออยู่หรือไม่ก็ไม่ชินกับการสู้ในร่างมนุษย์


“ไดโนเสาร์...จริงดิ ฉันอยากลองสู้กับไดโนเสาร์ดูสักครั้งพอดี กลับร่างซะแล้วมาสู้กันอีกรอบ”พี่หนึ่งทำตาโตเมื่อได้ยินแต่ไม่ใช่ตาโตแบบอารมณ์หวาดกลัวแต่เป็นตื่นเต้นและสนใจ


“เลิกบ้าเลยพี่ เดี๋ยวได้ตายจริงๆหรอก”


“ไม่แน่ฉันอาจชนะก็ได้”


“ไม่มีทาง ลูก้าไม่มีทางแพ้พี่”ผมพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม


“มั่นใจเกินไปหน่อยมั้ง...จะว่าไปก็พึ่งเคยเห็นเราเป็นแบบนี้แฮะ”


“เป็นอะไร?”


“หึ...ไม่รู้สินะ”


“ห๊ะ?...อะไรของพี่เนี่ย”


“อย่ามาขึ้นเสียงนะ เดี๋ยวโดนเลย”พูดจบพี่ก็คว้าคอผมไปขยี้หัวแรงก่อนพวกเราจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน


การโดนขยี้ผมเป็นสิ่งที่โดนมาตั้งแต่เด็กเลยค่อนข้างชิน


ยังไงผมก็สนิทกับพี่หนึ่งที่สุดในบ้านละนะ


“สาม”


“ลูก้า?”


“ขอโทษที่ไม่ฟัง”น้ำเสียงสำนึกผิดนั่นทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ


“ไม่เป็นไร นานๆได้คู่มือเก่งๆบ้างก็ดีใช่ไหม พี่ผมเก่งเนอะ”


“อืม...สมที่เป็นพี่ของสาม”


“โอ๊ะ ยังไม่ได้คุยเลยนี่ว่าวันนี้ฉันมาหาทำไม”


“นั่นสิ แล้วพี่มาทำไมแถมอยู่ก็โทรตามบอกให้รีบลงมาอีก”เมื่อเช้าระหว่างรอลูก้าอาบน้ำพี่หนึ่งก็โทรมาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย ผมเองก็นานๆทีจะได้เจอกันเลยดีใจรีบลงไปโดยลืมบอกลูก้าซะสนิท


“พอดีพวกลูกน้องป่วยกันเกือบหมดคนลงเรือเลยไม่พอน่ะสิ “


“ป่วย? เป็นอะไร?”


“เหมือนจะเป็นไข้หวัด ด้วยเหตุนั้นเลยมารับสามน่ะ”


“ห๊ะ?”ด้วยเหตุนั้น?


“เรื่องต้อนปลา หว่านแห ใช้อวน ใช้เบ็ดเราถนัดจะตาย มาช่วยกันหน่อย”ทั้งน้ำเสียงและคำพูดไม่เหมือนกำลังขอร้องให้ช่วยสักนิด


มันเป็นการบังคับให้ไปชัดๆ


“แค่นั้นพี่ก็ทำได้นี่”ยังไงก็มีความรู้ด้านนี้จากพ่ออยู่แล้ว


“มันก็ทำได้แต่ถ้าลงไปเองแล้วใครจะคอยคุมเล่า...เอาน่า มาได้แล้ว นายด้วยลูก้า”ประตูรถกระบะรุ่นเก่าถูกเปิดพร้อมมือที่กวักเรียก


“ผมยังไม่ได้ลางาน”อยู่ให้ไปโดยไม่บอกมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่


“ไว้ค่อยโทร ยังไงก็เป็นหัวหน้าไม่มีใครว่าหรอก เร็วๆ”


“เอาไงสาม”ลูก้าหันมาถามผม


“เฮ้อ ผมคงต้องไป แต่ลูก้าจะอยู่นี่ก็ได้นะ...”


“ผมจะไปกับสาม”ยังไม่ทันพูดจบประโยคลูก้าก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยใบหน้าจริงจัง


ว่าแล้วว่าต้องไปด้วย


“ติดผมมากเกินไปมั้งลูก้า”ถึงจะไม่ได้ไม่ชอบก็เถอะ


“ปีกว่าที่ห่างกันมันมากเกินพอแล้ว”


“...เข้าใจแล้ว ไปกัน”ความจริงไปด้วยแบบนี้ก็ดีถือเป็นการพาไปเปิดหูเปิดตา


หลังจากตกลงกันได้ทั้งผมและลูก้าก็ขึ้นไปนั่งบนรถกระบะที่มีคนขับคือพี่หนึ่งตรงกลับไปยังบ้านเกิดของผมซึ่งอยู่จังหวัดเดียวกันเพียงแต่ไกลจากศูนย์วิจัยนี่อยู่พอสมควร ได้ชื่อว่าประมงบ้านของผมเลยอยู่ติดกับทะเลที่มีท่าเรือเป็นของตัวเอง


ตลอดการนั่งรถถูกเสียงของพี่หนึ่งพูดนู่นพูดนี่อยู่ตลอดทางจนผมอยากจะหลับไปให้รู้แล้วรู้รอดจะได้ไม่ต้องมาฟังเสียงจ้อไม่หยุดนี่


รถกระบะสีเงินขับมาจอดยังหน้าบ้านขนาดกลางสองชั้น ถัดออกไปไม่ไกลก็คือท่าเรือกับโรงงานขนาดใหญ่ที่ไม่ไว้สำหรับนำสัตว์น้ำที่จับได้มาคัดแยกก่อนจะถูกเหล่าพ่อค้าแม่ค้ามารับไปขายอีกทอดหนึ่ง


“ต้องไปเตรียมตัวอีก สาม ทักทายคนในบ้านเสร็จก็ไปหาฉันที่เรือเลยนะ เป็นถึงด็อกเตอร์คงไม่ต้องบอกนะว่าเรือลำไหน”


“พี่...”ยังไม่ทันได้แย้งหรือพูดอะไรพี่หนึ่งก็ลงจากรถแล้ววิ่งตรงไปยังท่าเรือด้านข้างทันที


พอเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ผมเลยต้องส่ายหัวอย่างปลงๆระหว่างลงจากรถ กลิ่นของน้ำทะเลโชยเข้าจมูกเหมือนอย่างศูนย์วิจัย สิ่งที่ต่างกันมีเพียงที่นี่จะมีกลิ่นสาบของสัตว์ทะเลปนชัดเจนกว่า


“ที่นี่...บ้านสาม?”ลูก้าลงรถตามมาถามพลางยืนมองบ้านเดี่ยวสองชั้นตรงหน้า


“ใช่...ห้องผมอยู่ทางซ้ายสุดที่มีผ้าม่านสีฟ้า”ผมชี้ให้ลูก้าดู


ไม่ได้กลับมานานก็คิดถึงอยู่เหมือนกัน


“แปลว่าวันนี้เราจะนอนห้องนั้นสินะ”


“ไม่ได้นอนบ้านหรอกลูก้า”


“ไม่ได้นอนบ้าน? เราแค่ไปจับปลาไม่ใช่?”ลูก้าหันมาถามงงๆ


“ถึงจะแค่จับปลาแต่เป็นจับในทะเลน้ำลึกจึงต้องใช้เวลาในการเดินเป็นวันในการจับ ถ้าจะไปแค่วันเดียวส่วนมากจะเป็นประมงน้ำตื้น”ผมอธิบาย


“งั้นทำไมไม่ทำประมงน้ำตื้นล่ะ”


“ประมงน้ำตื้นมีคนทำเยอะอยู่แล้วขืนไปแย่งกันทำแต่บริเวณนั้นสัตว์น้ำจะเติบโตไม่ทันเอา แต่ถ้าเลือกประมงน้ำลึกก็อาจจะได้สัตว์หายากกลับมาด้วย”


“อ้อ...แล้ว...”


“สาม!”เสียงหวานออกสูงตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดังลั่นจนเกือบยกมือขึ้นปิดหู


หญิงสาวอายุมากกว่าผมประมาณ3ปีก้าวเข้ามาผมด้วยใบหน้าตกใจปนเคืองๆแต่พอหันหน้าไปเห็นลูก้าที่ยืนอยู่ไม่ไกลดวงตาสีน้ำตาลนั่นก็เบิกกว้างขึ้น ไม่เพียงแค่ตาแต่ปากเองก็อ้ากว้างจนหมดความเป็นกุลสตรี


“พี่สอง”ผมเรียกพี่สาวแท้ๆของตัวเองด้วยน้ำเสียงเหนื่อย พี่สองหรือวารุณี ธาราสุขเป็นผู้หญิงผิวออกขาวที่สุดในบ้านเนื่องจากไม่ค่อยชอบไปขึ้นเรือประมงเหมือนผมและพี่เท่าไหร่ ทั้งสีผมและสีตาทั้งครอบครัวผมเป็นสีเดียวกันหมด


“โอ้พระเจ้า หล่อมาก...หล่ออะไรแบบนี้...”เสียงเรียกผมดูจะไม่เข้าหูพี่สองเพราะมัวแต่จ้องหน้าลูก้าด้วยความเพ้อ


อ่า...จะว่าไปพี่สองชอบผู้ชายหน้าคมๆแบบนี้นี่นา แถมพึ่งเลิกกับแฟนมาอีก


อย่าบอกนะว่าหลงรักลูก้าเข้าแล้วน่ะ


“พี่สอง”


“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อสองเป็นพี่สาวของสาม ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเหรอคะ”เป็นอีกรอบที่ผมโดนพี่สาวตัวเองเมินโดยสิ้นเชิง


“...ลูก้าครับ”ลูก้าหันมาสบตาผมเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป


“ลูก้า? เป็นชื่อที่แปลกจังเลยแต่ว่าช่างหล่อเหมาะกับคุณเหลือเกิน”


“พี่สอง ห้ามยุ่งกับเขาเชียว”ผมรีบเข้าไปยืนแทรกระหว่างลูก้ากับพี่สองที่หมายจะเดินเข้ามาประชิด


สายตาแบบนั้นคงหลงเต็มที่แล้วล่ะสิ


ก็รู้ว่าลูก้าหน้าตาดี การจะมีผู้หญิงมาชอบมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ


ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้ต้องเข้ามาห้ามทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด


“อะไรสาม เขาเป็นกิ๊กแกรึไง”พี่สองยืนเท้าเอวถาม


“ก็เปล่า...”


“อย่ามาห้ามฉันน่า เจอคนหล่อขนาดนี้ไม่จีบก็ไม่ต้องเกิดมาเป็นผู้หญิงแล้ว”


“ผู้หญิงควรจะมีความเป็นเป็นกุลสตรี...”


“นี่มันยุคไหนแล้ว ขืนรอให้ผู้ชายมาจีบคงชาติหน้ากว่าจะได้แต่งงาน”


“พี่ยังคิดจะแต่งงานอีกเหรอ”แฟนคบหาได้ไม่เคยถึงครึ่งปีเลยแล้วจะมาคิดเรื่องแต่งงาน


“พูดแบบนี้จะหาเรื่องกันใช่ไหม แล้วทีแกล่ะไม่เห็นจะพาสาวมาแนะนำสักทีจนพี่หนึ่งมีลูกสามแล้วเนี่ย”พี่สองเอ่ยพาดพิง


“ผมไม่ได้อยากแต่งงานมีลูกนี่”พูดถึงพี่หนึ่งก็ใช่อย่างที่พี่สองว่า


เมื่อต้นปีที่ผ่านมาภรรยาพี่หนึ่งพึ่งคลอดลูกสาวหลังจากที่มีลูกชายสองคนอยู่แล้ว ลูกสามคนอาจดูเยอะแต่ในความจริงไม่ใช่เลย ทั้งพ่อและแม่หรือแม้แต่พี่ต่างก็ชอบเด็กเลยมีคนคอยเลี้ยงดูตลอด


“แกไม่อยากแต่งแต่ฉันอยากนี่”


“พี่ไปหาคนอื่นเถอะ...พี่เห็นก็น่าจะรู้นี่ว่าเขาเป็นอะไร”ผมบอกกลับไป พี่สองไม่เหมือนพี่หนึ่งที่ไม่รู้จักไดโนเสาร์กลายพันธุ์เพราะเอาแต่สนใจเรื่องกีฬาไม่ก็ออกหาปลาเพราะพี่สองเป็นถึงผู้ประกาศข่าวประจำช่องชื่อดังแห่งหนึ่ง ดังนั้นต่อให้ไม่อยยากรู้ข่าวพวกนี้คงจะเข้าหูอยู่ดี


“รู้แล้วไง หล่อซะอย่างเรื่องอื่นอย่าไปคิดมากน่า”พี่สองพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง


“คิดมากหน่อยสิพี่”


“ไม่สนแกแล้ว ลูก้ามีแฟนรึยังคะ?”ถ้าใครได้เสียงจะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงโทนเสียงอันแตกต่างกัน เสียงที่ใช้พูดกับผมช่างแสนห้วนต่างจากพูดกับลูก้าที่หวานหยด


ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน


เอาเถอะ ยังไงลูก้าก็ต้องตอบว่ามีแล้วอยู่ดี


ก่อนหน้านี้ที่พี่หนึ่งสามยังบอกว่าผมเป็นของเขาเลย


ถ้าเป็นแบบนั้นพี่สองจะได้ตัดใจกับลูก้าซะ


นี่ผมชักเริ่มแปลกที่รู้สึกดีเวลาถูกลูก้าบอกว่าเป็นของเขาแล้วสิ


อะไรเนี่ย


ไม่ใช่สิ


เลิกคิด เลิกคิดเดี๋ยวนี้


“แฟน?”ลูก้าทำหน้างง


“ใช่ค่ะ มีแฟนรึยังเอ่ย”พี่สองถามซ้ำ


“...ยังไม่มีครับ”


“...”คำตอบที่ได้ยินทำเอาผมหันควับไปมองอีกฝ่ายทันที


ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าผมเป็นของเขาอยู่เลยแล้วทำไมมาบอกว่าไม่มีเล่า


อย่าบอกนะว่าสนใจพี่สองน่ะ


แล้วทำไมผมถึงรู้สึกหงุดหงิดเนี่ย


“แบบนี้ก็เยี่ยมเลย...”


“เยี่ยมอะไรของพี่เล่า ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้”


“แล้วแกจะมาตัดสินอะไรแทนเขาล่ะ เป็นกิ๊กก็ไม่ใช่แถมเขายังไม่มีแฟนอีก”


นั่นสิ...ผมจะขวางไปทำไม


ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็...


“...ลูก้าเป็นของผม”ผมบอกเสียงเบาด้วยใบหน้าที่ร้อนขึ้น


ในเมื่อลูก้าบอกว่าผมเป็นของเขาก็แปลว่าเขาต้องเป็นของผมเหมือนกัน


พูดเองก็เขินเอง


จะบ้าตาย


“สาม”ลูก้าดูจะตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินแต่ผ่านไปสักพักก็ยิ้มกว้างออกมา


“ยิ้มมากไปแล้ว”พึ่งจะเคยเห็นยิ้มกว้างขนาดนั้น


“ก็มันดีใจนี่”


“ไม่ต้องมาดีใจ ผมมีเรื่องต้องเคลียร์อยู่อีก”


“สาม...”


“สต๊อป เดี๋ยวนะ หมายความว่าไงที่ว่าลูก้าเป็นของแกน่ะสาม”สายตาที่จ้องมานั่นดูไม่ต้องการคำโกหกด้วย


“ลูก้า ผมเป็นอะไรกับลูก้า”ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถามพี่สองแต่หันไปถามลูก้าแทน


จะให้ผมพูดอธิบายสิ่งที่ยังไม่เข้าก็ไม่ได้ ขอโยนไปให้ลูก้าละกัน


“สามเป็นคู่ของผม”


พอพี่สองได้ยินก็เบิกตากว้างพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากที่อ้ากว้างไม่แพ้กัน


“ไม่นะ...ทำไมผู้ชายหล่อๆอย่างลูก้าถึงได้ชอบคนตัวเตี้ยล่ะ”


“นั่นใช่เรื่องที่พี่ควรตกใจรึไง”ผมตะโกนกลับไป


จะให้บอกอีกกี่รอบว่าผมไม่ได้เตี้ย


ก็ใช่ที่ความสูงผมเมื่อเทียบทั้งพี่หนึ่งและพี่สองอาจเตี้ยกว่า แต่กับพี่สองผมก็ไม่เตี้ยกว่ามากมายแค่2เซนติเมตรเท่านั้นเอง
175นี่มันไม่เตี้ยนะ


โดนล้อจนผมจะคิดว่ามันเตี้ยแล้วเนี่ย


“แกไปทำเสน่ห์วัดไหนถึงได้คนหล่อขนาดนี้มาชอบฮะ”พี่สองถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้


“ไม่ได้ทำสักหน่อย”พูดเหมือนผมมีเวลาไปไหนงั้นแหละ


“เอาเถอะ...ฉันยอมแพ้ก็ได้ แต่แกเถอะ...ทำงานวิจัยทำไมถึงได้รู้จักกับไดโนเสาร์กลายพันธุ์แสนหายากได้ล่ะ”พี่สองถามต่อด้วยใบหน้าที่จริงจังขึ้นเล็กน้อย


“พอดี...ผมเป็นคู่หูเขาน่ะ”ผมบอกเสียงเบา


“ว่าไงนะ ฝีมือการต่อสู้ปลาซิวปลาสร้อยอย่างแกน่ะนะ”


“พี่อย่าเอาผมไปเทียบกับพ่อหรือพี่หนึ่งสิ”พ่อผมเองก็เป็นอีกคนที่ชื่นชอบศิลปะป้องกันตัวเลยสอนให้พี่หนึ่ง พอพี่หนึ่งเก่งก็มาสอนผมต่ออีกรอบ


สองคนนั้นฝีมือเก่งมาก


ข้อนั้นผมยอมรับแต่ถ้ามาเทียบการเคลื่อนไหวในน้ำผมกล้าท้าเลยว่าผมชนะขาด


ถ้าคิดว่าต่อสู้บนบกกับในน้ำเหมือนกันละก็คิดผิดแล้ว


“ปกติแกไม่ชอบพวกต่อสู้นี่ทำไมถึงยอมรับงานนี้กัน”


“พอดีมีหลายๆเหตุผลน่ะ”ถ้าให้ขยายความผมก็คงพูดได้แค่ว่าไม่เข้าใจตัวเองเลยเหมือนกัน


“จะทำงานนั่นก็ไม่ว่าหรอกแค่กลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว”


“ครับ”ผมก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน


“เข้าไปทักทายพ่อแม่กับหลานข้างในก่อนสิ”พี่สองบอกพลางมองไปในบ้าน


“จริงด้วย...ไปกันลูก้าผมจะพาไปแนะนำครอบครัวผมให้รู้จัก”พูดจบผมก็กวักมือเรียกลูก้าให้เดินตามเข้ามาในบ้านโดยมีพี่สองเดินนำเข้าไปก่อน



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่16◈♦> 25/05/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 25-05-2018 20:12:48
(ต่อนะคะ)


ภายในบ้านเดี่ยวสองชั้นถูกแบ่งเป็นห้องเล็กๆหลายห้องโดยจะมีห้องใหญ่สุดอยู่ชั้นหนึ่ง ห้องนั้นคือห้องรับแขกนั่นเอง...ห้องรับแขกนี้กินพื้นที่กว่าครึ่งบ้านทำให้มีพื้นที่ให้หลานทั้งสามคนของผมวิ่งเล่นหรือนอนแผ่ได้ตลอดวันโดยไม่เบื่อ


“แม่ สามพาแฟนผู้ชายมาหาแนะ”


“เฮ้ย พูดอะไรน่ะพี่สอง”ผมรีบวิ่งตรงไปหาพี่สองที่ตะโกนบอกให้ครอบครัวที่นั่งอยู่กับพร้อมกันฟังด้วยความตื่นตกใจ


ผมไม่ได้เป็นแฟนกับลูก้าสักหน่อย


“แกว่าอะไรนะยัยสอง”


“สามพาผู้ชายเข้าบ้านน่ะแม่”พี่สองย้ำอีกรอบ


“ฉันว่าแล้ว ขนาดตัวอย่างนั้นจะมีสาวไหนมาสนใจ ใช่ไหมคะคุณ”แม่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆก่อนจะเอียงหัวไปซบสามีที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน


“ก็เหมือนยัยสองที่สูงกว่าผู้ชายเลยหาแฟนไม่ได้ไง”


“พ่ออย่ามาพูดกระทบหนูนะ”


เอาเข้าไปสิบ้านนี้


จะทับถมผมเรื่องส่วนสูงอีกนานไหม


ก็ใช่ที่นอกจากผมจะสูงน้อยที่สุดในบรรดาพี่น้องแล้วผมยังสูงน้อยที่สุดในบ้านยกเว้นหลานทั้งสามคนด้วย


พ่อสูง180ขึ้นส่วนแม่ก็170ปลายๆแต่ผมกลับสูงไม่ถึงมันน่าน้อยใจนัก


“ไม่ทักทายแม่หน่อยเหรอสาม”แม่หันมาทักทายผมด้วยรอยยิ้ม


“ชอบแกล้งผม...แบบนี้ถึงไม่อยากกลับไง”ผมบ่นเสียงน้อยใจ


“โอ๋ๆ อย่างอนสิลูกรัก ถึงลูกจะเตี้ย เอ้ย สูงน้อยสุดในบ้านแต่แม่ก็รักเราที่สุดนะ”


อย่าคิดว่าผมไม่ได้ยินคำว่าเตี้ยนะแม่


แต่ไหนก็ได้เจอกันทั้งที


“สวัสดีครับพ่อแม่ ไม่ได้เจอตั้งนาน คิดถึงนะครับ”ผมพูดก่อนจะเข้าไปกอดทั้งคู่ไหวหลวมๆ


“คิดถึงเหมือนกันลูกชายแม่”


“หวังว่าคงไม่ได้เอาแต่ทำการทดลองจนลืมที่พี่แกสอนหรอกนะ”คำพูดของพ่อคงหมายถึงศิลปะการป้องกันตัวแน่ๆ


“ไม่ลืมหรอกพ่อ ตอนนี้ผมเก่งขึ้นตั้งเยอะนะ”ไม่อยากอวดหรอกว่าทั้งทักษะ ไหวพริบหรือแม้แต่ความคล่องตัวก็เพิ่มขึ้นจากการฝึกแทบทุกวัน


“โฮ่...งั้นมาลองสักหน่อยไหมล่ะ”พ่อท้าพร้อมเตรียมลุกจากโซฟา


“ขอหลังจากกลับมานะพ่อ พี่หนึ่งให้มาช่วยบนเรือน่ะ”


“อ้อ...เห็นว่าคนป่วยเยอะเลยนี่นะ”


“ใช่ครับ พี่หวานสวัสดีนะครับ”ผมหันไปทักทายสาวสวยภรรยาพี่หนึ่งด้วยรอยยิ้ม


“เช่นกันจ้าสาม ไม่ได้เจอนานเลยแบบนี้หลานๆคงจำหน้าไม่ได้แล้วมั้ง ทักทายอาสามหน่อยเร็วน้ำหอม”พี่หวานพูดพลางก้มลงไปเล็กกับเด็กสาวในชุดสีชมพูอ่อนในอ้อมกอด น้ำหอมเป็นลูกสาวคนสุดท้องที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ส่วนอีกสองคนก็กำลังนอนกลางวันแผ่อยู่ข้างโซฟาซึ่งก็ดีแล้วเพราะถ้าตื่นคงป่วนน่าดู


“สวัสดีครับน้ำหอม เราเคยเจอกันตอนหนูเกิดจำได้ไหมเอ่ย”ผมเดินเข้าไปถามพร้อมรอยยิ้ม


“อ้า...”


“คิก น่ารักจัง”


“หาแฟนแล้วมีสักคนสิสาม”พี่หวานเสนอ


“ไม่ล่ะครับ ผมไม่ไหวหรอก”ผมส่ายหน้าปฏิเสธ


“ใช่เลยพี่หวาน สามน่ะมีแฟนเป็นชายหนุ่มรูปงามอยู่ทั้งคน”พี่สองพูดสบทบ


“รูปงาม?”


“ไม่เรียกเข้ามาแนะนำตัวกับครอบครัวหนอยล่ะสาม”รอยยิ้มจากพี่สองดูเหมือนกำลังสนุกที่ได้แหย่ผมเล่นแบบนี้


“ลูก้า เข้ามาสิ”ผมเรียกลูก้าที่ไม่ยอมเดินตามเข้ามา


“เข้าไปได้เหรอสาม”ลูก้าโผล่หน้ามาถาม


“ได้สิ มานี่ๆ”ผมกวักมือเรียกก่อนจะให้ลูก้าหยุดอยู่ตรงหน้าครอบครัวผมทุกคน


เห็นได้ชัดว่าทุกคนยกเว้นพี่สองที่รู้อยู่แล้วต่างมีสีหน้าตกใจ


“ลูกเขยฉัน...”แม่ถึงกับทำตาเพ้อเลยล่ะ


“งานดีมาก”พ่อพยักหน้าระหว่างมองไปยังแต่ละส่วนของร่างกาย


“รูปงามอย่างที่สองบอกจริงๆด้วย”พี่หวานถึงกับหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นลูก้า


ครอบครัวผมดูจะหลงลูก้ากันเป็นแถบ


“ลูก้า”ผมสะกิดเล็กน้อยเป็นเชิงให้ทักทาย


“ผมลูก้าครับ ยินดีที่รู้จักครับ”


“ยินดีที่รู้จักมากเลยจ้า คนอะไรทำไมหล่อแบบนี้ มานั่งข้างแม่มา”แม่ถึงกับผลักพ่อที่อยู่ให้เขยิบไปก่อนจะตบยังโซฟาเบาๆแทนการเรียก


“เอ่อ...สาม...”ดวงตาสีเงินนั่นมองมาเหมือนขอความช่วยเหลือ


“พวกเราต้องรีบไปเรือน่ะแม่ ขอตัวก่อนดีกว่า”


“แกก็ไปสิสาม ให้เขาอยู่นี่กับแม่ก็ได้”


“...”แม่...ผมลูกแม่นะ ไล่กันแบบนี้เลยเหรอครับ


“ผมจะไปกับสาม”ลูก้าพูดทันทีที่ผมเงียบไป


คงคิดว่าผมลังเลที่จะให้ไปด้วยสินะ


“รู้แล้ว ผมก็ไม่ให้นายอยู่นี่หรอก ทุกคนผมกับลูก้าขอตัวล่ะไว้กลับจะมาหาใหม่นะครับ”สุดท้ายผมก็บอกลาก่อนจะพาลูก้าเดินตรงเข้าไปยังท่าเรือ


ท่าเรือของบ้านผมเป็นท่าเรือไม่ยาวมากเดินไปไม่นานก็เจอเรือหลายลำยอดอยู่ติดๆกันซึ่งแต่ละลำก็จะใช้ในรูปแบบต่างกันออกไป จากที่มองดูเหมือนจะมากกว่าครั้งล่าสุดที่ผมมาซะอีก


“สามรู้เหรอว่าลำไหน”ลูกก้าถาม คงเพราะเราเดินผ่านเรือมาหลายลำแล้วแต่ผมไม่มีทีท่าจะหยุดเดินเลย


“รู้สิ จะว่าไปผมมีเรื่องอยากถามหน่อย”อยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องคาใจอยู่


“เรื่องอะไร”


“สนใจ...พี่สองเหรอ?”ก็รู้ว่าควรปล่อยผ่านไปแต่ยังไงมันก็สงสัยอยู่ดี


“พี่สอง?...เปล่านี่ ทำไมสามถึงถามแบบนั้นล่ะ”ลูก้าถามกลับด้วยน้ำเสียงงงๆ


“ก็เห็นพูดว่ายังไม่มีแฟนก็เลยคิดว่าสนใจรึเปล่า...”


“ก็ผมไม่มีแฟนจริงๆนี่”


“...งั้นผมเป็นอะไร”น้ำเสียงเบาๆราวกับพึมพำนั่นถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ได้ยินแต่ด้วยประสาทสัมผัสของลูก้าทำให้ผมรู่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรอดหูนั่นแน่


“สามเป็นคู่ของผมไง”ลูก้าตอบโดยไม่ต้องคิด


“มันต่างกันตรงไหน”คำว่าคู่ไม่ใช่แฟนรึไงกัน


“แฟนมันเหมือนเป็นคำเอาไว้สำหรับดูใจกันถ้าไม่พอใจก็เลิก แต่คู่สำหรับผมคือเลือกแล้วและจะไม่มีทางเปลี่ยนใจไปหาคนอื่น”
ฉ่า


ความร้อนจากทั่วร่างกายมารวมยังใบหน้าอย่างฉับพลัน ขนาดอากาศยามสายร้อนเปรี้ยงจนเหงื่อไหลยังไม่เท่าความร้อนบนใบหน้าผมเลย


“...ไปกันเถอะ”ขืนฟังมากกว่านี้ผมอาจก้าวขาไม่ออกก็ได้


“แต่แฟนก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นคู่ของมนุษย์ งั้นสามมาเป็นแฟนผมนะ”


กึก


“อะ...ไรนะ”ขาที่ก้าวถึงกับหยุดเดินอย่างกะทันหันก่อนจะหันกลับไปมองหน้าลูก้าอีกรอบ


“เป็นแฟนผมนะสาม”


“...มาขออะไรตอนนี้เล่า”


“ไม่รู้สิ ก็แค่รู้สึกว่าถ้าเป็นแฟนกันก็คงดีเลยขอน่ะ”


“...”


“สาม...”


“ขอคิดดูก่อน”ผมตอลกลับไปด้วยเสียงสั่นพร้อมก้าวต่อไปตามทาง


“เดี๋ยวสิสาม...ขอคิดอะไร”


“จะให้ผมตกลงเลยรึไง”


“อืม”


“ไม่ต้องมาพยักหน้านะ”ผมหันไปบ่นอีกรอบ


ขอล่ะ ให้เวลาหัวใจผมได้ลดจังหวะการเต้นลงหน่อยเถอะ


จู่ๆก็ขอเป็นแฟน จะให้ผมตอบตกลงทั้งที่ยังไม่แน่ใจในตัวเองได้ยังไง


กับลูก้าคงไม่ต้องหาความแน่นอนหรือแน่ใจอะไรอีกแล้วเพราะความรู้สึกชอบและรักผมสัมผัสถึงมันได้มาตั้งนานแล้วเพียงแค่ไม่อยากยอมรับเท่านั้น


ข้อสำคัญอยู่ที่ความรู้สึกผมว่าจะเป็นยังไง


ชอบ


ก็คงใช่


แต่ถ้ารักไหม


ผมไม่รู้


เพราะงั้นเลยขอเวลาเพื่อทบทวนความรู้สึกนี้ให้แน่ใจก่อนจะให้คำตอบ


การพูดคุยระหว่างทางเป็นอันสิ้นสุดเมื่อมาถึงเรือขนาดใหญ่สีเงินแกมเทาที่มีลูกน้องหลายคนกำลังขนเครื่องมือต่างๆขึ้นไปยังเรือ เรือลำใหญ่นี้เป็นเรือที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นพอผม...ครั้งแรกในการออกทะเลของผมก็เรือลำนี้แหละ


“ช้า”นี่คือคำทักทายแรกจากพี่ชายที่ยืนเท้าเอวด้วยใบหน้าหาเรื่อง


“ไปบอกแม่กับพี่สองไป”ที่มาช้ามันไม่ใช่ความผิดผมสักนิด


“ไม่ใช่เดินจู๋จี๋กันระหว่างมารึไง”พี่หนึ่งพูพลางยักคิ้วส่งมาให้


“ใครจู๋จี๋กัน ไปออกเรือได้แล้ว!”ผมตะโกนบอกเหล่าชายหนุ่มซึ่งเป็นเหล่าลูกน้องอันแสนคุ้นหน้าคุ้นตาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก


“ครับคุณสาม!”


“เฮ้ย...ฉันเป็นกัปตันนะเฮ้ย”พี่หนึ่งตะโกนต่อเมื่อเห็นว่าทุกคนทำตามคำสั่งผม


“กัปตันคือคุณเทียนต่างหาก”ลูกน้องคนหนึ่งตะโกนบอก


“แล้วฉันที่ยืนหัวโด่เป็นใครฮะ”


“บอสไงครับ”ทุกคนบนเรือต่างตะโกนตอบอย่างพร้อมเพรียง


“หึ...ใช้ได้ๆ จากนี้เรียกฉันว่าบอสซะ”


“ไม่”ผมส่ายหันทันทีที่ได้ยิน


“กล้าขัดคำสั่งบอสเหรอ”


“สนุกไปแล้วมั้งพี่ ไปเช็กความเรียบร้อยก่อนออกเรือรึยัง”ผมถามพลางมองไปยังรอบๆที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ในการจับสัตว์ทะเล


“ให้ลูกน้องเช็กแล้วไง”


“พี่ก็ควรไปเช็กด้วย ถ้ามีอะไรขาดขึ้นมาผมจะให้พี่ว่ายกลับมาเอา”ผมยื่นคำขาด


“โฮ่ กล้าสั่งฉันเหรอสาม”


“ก็กล้ากว่าที่พี่คิดละกัน”เป็นหัวหน้าแต่ทำงานแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน


พี่หนึ่งยืนสบตาผมนิ่งๆสักพักก่อนที่หมัดขวาตรงจะถูกเหวี่ยงมาอย่างแรงทว่าจังหวะการออกหมัดนั่นผมเห็นตั้งแต่ตอนอีกฝ่ายกำมือแล้วเลยทำให้หลบได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร


“ใช้ได้นี่...เร็วกว่าเมื่อก่อนอีก”พี่หนึ่งเอ่ยชม


“ถ้าไม่เร็วผมคงสู้กับไดโนเสาร์ไม่ได้หรอก”ระดับความเร็วของไดโนเสาร์ร้อยทั้งร้อยต่างเหนือกว่ามนุษย์ ดังนั้นเราก็ควรฝึกการมองเห็นและการโต้ตอบโดยฉับพลันเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด


“อยากเห็นชะมัด”


“ไม่ใช่ภาพที่น่าดูนักหรอก”


“ยิ่งห้ามยิ่งอยากเห็น...เอาเถอะ ฉันขอไปเช็กอุปกรณ์สักหน่อยละกัน”พี่หนึ่งโบกมือลาก่อนจะเดินไปสำรวจรอบๆ


“ก็ไปแต่แรกสิ”ผมไม่เข้าใจว่าจะถ่วงเวลาให้ต้องเหวี่ยงหมัดใส่ผมเพื่ออะไร


“สาม...ทะเลนี่ลึกกว่าที่ฝึกอีก”ลูก้าพูดระหว่างที่ดวงตาสีเงินมองไปยังทะเลเบื้องล่าง


“ลึกกว่าเยอะเลยล่ะ ครั้งหน้าลองยืมเรือพาไปฝึกลึกกว่าเดิมดีกว่า”ปกติที่ฝึกก็มักจะเป็นสถานที่เดิมตลอด นอกจากระดับน้ำจะไม่ลึกมากแล้วยังไม่ค่อยมีอุปสรรค์อะไรมากด้วย


“อยากว่าย...”แววตาของลูก้าส่องประกายทุกครั้งที่มองทะเล ซึ่งก็สมควรแล้วที่เกิดมากับท้องทะเล


“ขืนกลับร่างสัตว์ที่จะหว่านแหได้ก็ชวดกันหมดพอดี”มีนักล่าขนาดใหญ่กว่า10เมตรว่ายคงมีพวกปลาหรือสัตว์อะไรกล้าว่ายเข้ามาใกล้หรอก


“งั้นถ้าร่างมนุษย์...”


“อย่าแม้แต่คิดเชียว คลื่นที่เกิดจากเครื่องยนต์ของเรือทำให้กระแสน้ำโดยรอบค่อนข้างรุนแรง ลงไปว่ายได้มีเจ็บตัวพอดี”ผมรีบพูดขัดเมื่อรู้สิ่งที่ลูก้าจะบอก


“...น้ำทะเล”เสียงเศร้ากับสายตาที่ทอดมองไปยังพื้นน้ำทำเอาผมไม่รู้จะขำหรือเศร้าใจดี


“ไว้รอลงตอนไปถึงจุดว่านแหละกัน”


“ว่ายน้ำได้เหรอ”ลูก้าหันมาถามตาเป็นประกาย


“แน่นอน แต่กว่าจะถึงคงเกือบเย็นนะ”


“อืม”


เรือขนาดใหญ่แล่ออกไปยังทะเลไกลขึ้นเรื่อยจนถึงช่วงเกือบห้าโมงเย็นแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไปดูงดงามราวกับภาพวาดมีชีวิต การว่านแหจะทำโดยการพาเรือไปยังจุดที่ต้องการก่อนจะทิ้งแหลงไปแล้วกะจังหวะค่อยๆใช้เรือลากเพื่อจับสัตว์ที่อยูแถวนั้น


วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและใครๆก็ทำได้เพียงแต่ครอบครัวผมการลากแหจำเป็นต้องมีคนคอยขยับแหไม่ให้พันกันเวลาเรือลากไม่งั้นก็จะเสียพื้นที่ไปมาก


ดูจากหน้าของคนบนเรือผมก็รู้ทันทีว่าทำไมถึงต้องลงทุนไปพาผมมา


ทุกคนที่นี่อาจเป็นชาวประมงที่ปนะสบการณ์ในการคัดแยกสัตว์หรือออกแรงดึงแหแต่ไม่มีใครกล้าลงไปจัดการกับแหใต้ทะเลกันสักคน


“สาม...กระโดดลงไปซะ”ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรพี่หนึ่งก็เดินมาบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆราวกับให้ไปซื้อปลาจากตลาดมาสักตัว ถ้าเป็นคนอื่นคงได้ส่ายหน้าหนีหน้าที่อันตรายนี่กันเป็นแถวแต่นั่นไม่ใช่กับผมที่จัดการเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก


“ครับๆ...ลูก้าได้เวลาแล้ว...”


ตู้ม


ไม่ต้องรอให้ผมพูดจบร่างของลูก้าก็กระโดดลงไปจากด้านบนของเรือท่ามกลางความตกใจของลูกน้องหลายสิบชีวิต ผมเองก็ได้แต่ส่ายหน้ากับการกระทำนั้นก่อนจะขอตัวใช้บันไดลงไปยังน้ำทะเล


ถึงผมจะมั่นใจในการว่ายน้ำแต่การจะให้กระโดดจากเรือที่สูงเกือบ10เมตรนี่ก็ไม่ใช่เรื่อง


“ลูก้า อย่าพึ่งดำลงไป”ผมรีบว่ายไปคว้าเสื้ออีกฝ่ายไว้ก่อน


“ผมไม่ไปไกลหรอก”


“ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น...เราต้องไปช่วยจัดการแหไม่ให้พันกันก่อน”ผมบอกสิ่งที่ต้องทำออกไป


“แห...หมายถึงไอ้นั่น”ลูก้าเหลือบสายตาไปมองแหที่ถูกโยนลงมาจากบนเรือเป็นเชิงถาม


“ใช่...ลูกแค่ทำตามผม แต่เราจะอยู่กับคนละฟัง ลูก้าฟังนี้ส่วนผมฝั่งนั้น โอเคนะ”


“เข้าใจแล้ว”


“ดี ไปกันเลย”พูดจบผมก็กลั้นหายใจมุดตัวลงมาใต้น้ำว่ายตรงไปหาแหขนาดใหญ่ที่จมอยู่ในสภาพค่อนข้างยุ่งเหยิง


นี่โยนมาแบบไม่ได้จัดเลยนี่


ขึ้นไปผมจะบ่นให้หูชาเลยพี่หนึ่ง


ผมได้แค่คาดโทษพี่ชายตัวเองระหว่างว่ายไปยังฝั่งที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ แหขนาดใหญ่ค่อยๆถูกคลี่ออกจนขยายเป็นแผ่นขนาดใหญ่โดยมีลูก้าทำแบบเดียวกันอยู่อีกข้าง ด้านบนของแหมีเชือกเส้นใหญ้ร้อยผ่านไว้สำหรับใช้เรือยาก


ที่บอกว่างานนี้อันรายคือตอนที่เรือเริ่มลากแห ด้วยความเร็วของเรือแม้จะใช้ความเร็วไม่มากเท่าปกติแต่ก็ยังถือว่าเร็ว ถ้าเกิดกะจังหวะพลาดอาจถูกลากเข้าไปรวมกันเหล่าสัตว์ที่ถูกจับก็เป็นได้


ปกติจะให้คนที่เชี่ยวชาญอย่างพี่กุ้งกับพี่นกทำ แต่ดูเหมือนจะไม่สบาย


เมื่อจัดการดูแหไม่ให้พันกันเสร็จผมก็หันไปมองลูก้าพร้อมชี้นิ้วลงไปด้านล่างพร้อมรอยยิ้ม ลูก้าที่เห็นก็พยักหน้าก่อนจะว่ายมาหาและดำลงไปด้านล่างพร้อมๆกัน


สำหับผมกับลูก้ายามอยู่บนบกอาจต้องใช้คำพูดมากมายในการสื่อสารแต่เมื่อลงน้ำเมื่อไหร่เพียงแค่มือหรือสายตาก็สามารถสื่อสารกันได้ไม่ต่างจากใช้เสียง


สัมผัสของการสื่อสารโดยไม่มีเสียงทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่าตอนใช้เสียงอีก


ในน้ำทะเลนี่เราไม่ได้ใช้เสียงในการสื่อสารแต่เป็นหัวใจที่รับรู้ถึงกันได้

........................................................................

สวัสดีค่ะ

ไม่ได้มาอัพซะนานเลย ขอโทษที่ให้รอกันานนะคะ

หลายคนเดากันถูกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เฉลยออกมาก็คือพี่ชายของสามหรือพี่หนึ่งนั่นเอง

ตอนนี้เหมือนเป็นการแนะนำตัวครอบครัวของสามให้ทุกคนได้รู้จักกัน โดยส่วนตัวชอบนิสัยของพี่หนึ่งแต่งแล้วตลกดี

สำหรับการทำประมงเราไม่ได้มีความรู้หรือขั้นตอนการทำนักแต่ที่เราแต่งแบบนี้ก็เพราะอยากพูดถึงฉากใต้น้ำและการมีส่วนร่วมในอาชีพของครอบครัว อาจจะอ่านแล้วติดๆ อยู่บ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องแต่งกับแฟนตาซีนะคะความสมจริงเลยอาจไม่มาก

ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่16◈♦> 15/05/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 25-05-2018 23:40:56
น่ารัก และสนุกมากกกกกกก สามถึงจะสูงแค่ 175 แต่ข้างในมันต้องกล้ามเนื้อล้วนๆ ซี่ ถึงจะสมศักดิ์ศรีเป็นคู่หูน้องลูก้า ต้องฟิตหนักๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่16◈♦> 15/05/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-05-2018 00:54:06
ลูก้าน่าเอ็นดูมากตอนอยากว่ายน้ำทะเล แต่สามยังไม่ให้ว่าย
ตอนพึมพำๆว่า “...น้ำทะเล...” คือน่ารักมากกก
นี่แอบขำตอนพี่หนึ่งกับลูก้าสู้กัจเสร็จแล้วลุกมากอดกันอะ
คือแบบ เห้ยย เดี๋ยววตามไม่ทันน 5555
สามตอนอยู่กับครอบครัวแล้วสมกับเป็นลูกคนเล็กจริงๆค่ะ
น่ารักเชียวว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่16◈♦> 15/05/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-05-2018 03:05:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่16◈♦> 15/05/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 26-05-2018 08:27:15
เป็นแฟนกันแล้ว นะ สาม.. สามเป็นแฟนลูก้า ขยับสถานะแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่16◈♦> 15/05/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 26-05-2018 09:31:00
เขินจนตัวบิดแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 08-06-2018 21:17:29
◈ธาราที่17◈




“ฉันของสั่งให้หัวหน้าวิจัยและดูแลสัตว์น้ำด็อกเตอร์นทีธาร ธาราสุขไปแลกเปลี่ยนดูงานยังสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลที่ประเทศแม็กซิโกในวันพรุ่งนี้”เสียงทุ้มอันทรงอำนาจกับดวงตาสีทองอ่อนที่สบมานั่นทำเอาเจ้าของชื่อในบทสนทนาอย่างผมถึงกับอึ้ง


“เอ่อ...คุณเลโอ...ว่าอะไรนะครับ”ผมถามหนึ่งในสามผู้นำซึ่งขับเคลื่อนธุรกิจในระดับโลกและยังเป็นถึงประธานของศูนย์วิจัยสัตว์น้ำที่นี่อย่างเลโอ ราวีโอลีอย่างไม่แน่ใจ


บอกตรงๆว่าผมยังปรับตัวไม่ทันเลยด้วยซ้ำ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาผมก็เข้าไปทำงานในห้องวิจัยที่ไม่ได้เข้าซะนานแต่ลงมือทำได้ไม่นานก็มีสายด่วนเรียกตัวผมให้ไปหายังห้องรับรอง ตัวผมก็นึกว่าเป็นคนรู้จักแต่พอเปิดประตูห้องเข้ามากลับต้องหยิกตัวเองเป็นการทดสอบว่าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม


บุคคลระดับสูงของโลกเรียกผมมาพบด้วยสาเหตุข้างต้นนั่น ถึงอย่างผมก็ยังไม่เข้าใจนักว่าทำไมถึงเป็นผมที่ถูกเลือก ถ้าพูดถึงคนที่มีความสามารถในระดับสูงยังมีอีกหลายคนที่ควรได้รับเลือก


“พูดแค่ครั้งเดียวเธอก็น่าจะเข้าใจนี่”ดวงตาคมดุจราชสีห์กับคำพูดเชือดเฉือนแสดงให้เห็นว่าคุณเลโอกำลังหงุดหงิดอยู่พอสมควร


แล้วทำไมผมถึงต้องมาเจอเขาในสภาพอารมณ์ไม่ปกติด้วย ขนาดตอนอารมณ์ปกติยังน่ากลัวเลย


“เข้าใจครับ เพียงแต่ทำไมถึงเป็นผม...แล้วก็รายละเอียด...”


“เธอเป็นคนที่เก่งที่สุดในเรื่องสัตว์น้ำ และฉันต้องการให้เธอไปทำให้ไอ้พวกงี่เง่านั่นเงียบปากสักที”


“...ครับ?”พวกงี่เง่าที่ว่าหมายถึงใครกัน


“คงรู้สินะว่ากิจการหลายๆอย่างของพวกฉันนอกจากมันจะแตกแขนงไปหลายด้านแล้วยังมีเทคโนโลยีมากมายที่ถือกำเนิดขึ้นจากภายในองค์กร”


“ครับ...การค้นคว้าบางอย่างถือเป็นความลับเฉพาะขององค์กรที่ไม่อนุญาติในนำไปเปิดเผยได้ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม”เรื่องนี้ผมรู้ตั้งแต่ตอนเข้ามาทำงานแล้ว ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำหน้าช่วยให้การวิจัยและทดลองประสบผลสำเร็จได้รวดเร็วกว่าที่อื่น


จากที่หาข้อมูลเห็นว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมพวกนี้เป็นสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะ และไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยีและนวัตกรรมเท่านั้นแต่ยังมีทั้งข้อมูลรวมถึงเทคนิคต่างๆที่ถือเป็นความลับสุดยอด ถ้าให้ยกตัวอย่างก็บิดาแห่งการคืนชีพ ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่ ความรู้และความสามารถของเขาเองก็ถือเป็นหนึ่งในความลับ


“แต่เพราะพวกบ้าๆรวมกลุ่มกันพูดว่าไม่แฟร์ที่เก็บความลับนั้นไว้แต่ในองค์กรเลยต้องมีการไปแลกเปลี่ยนเผยแพร่ความรู้ให้ตามสถาบันวิจัยต่างๆทั่วโลก”คุณเลโอพูดพร้อมใบหน้าที่ตึงขึ้นเรื่อยๆ


“หมายถึงการที่ด็อกเตอร์ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่ไปสอนการให้กำเนิดไดโนเสาร์สินะครับ”แม้ว่าความรู้เรื่องไดโนเสาร์จะเป็นความลับ แต่ก็อย่างที่คุณเลโอพูดนั่นแหละ...มีหลายกลุ่มที่ไม่พอใจในการเก็บความลับนี้ หลายคนก็กล่าวหาว่าทางองค์กรต้องการผลิตอาวุธอันตรายเพื่อครองโลกด้วยความสามารถนั้น เพราะแบบนั้นจึงมีการเผยแพร่ถึงวิธีการตัดต่อยีนรวมถึงการให้กำเนิดไดโนเสาร์ขึ้นมา


ซึ่งผมว่ามันตลกสิ้นดี


จะครองโลกเหรอ...นักวิทยาศาสตร์ไม่สนใจอะไรแบบนั้นหรอก และนักธุรกิจอย่างคุณเลโอกับอีกสองคนที่เหลือเองก็คงเหมือนกัน


“ตั้งแต่นั้นมาเลยต้องมีการผลัดกันไปศึกษาดูงานตามสถาบันต่างๆเพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้ ครั้งนี้สถานบันวิจัยสัตว์ทะเลเป็นศูนย์รวมของพวกที่คิดว่าตัวเองรู้จริงเกี่ยวกับสัตว์ทะเล...หึ น่าขำ”ถึงจะพูดว่าน่าขำแต่ใบหน้าของคุณเลโอเหมือนอยากจะจับพวกเขามาปาดคอทิ้งมากกว่ามั้ง


“พวกเขาอาจรู้จริงก็ได้นะครับ...”


“ฉันกล้าพนันเลยว่าไม่ เธอเคยไปที่นั่นรึยังล่ะ”คุณเลโอถามกลับ


“ยังครับ”ผมตอบกลับไป


“ฉันไม่อยากไปเสียเวลากับพวกปลาซิวปลาสร้อย ดังนั้นเธอจงเป็นตัวแทนฉันจัดการพวกมันให้หมดซะ เอาให้เลิกพล่ามว่าตัวเองเก่งไปเลย”


“เอ่อ...ผมว่าคงไม่...”


“ฉันอนุญาตให้เธอจัดการได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเสียหายเดี๋ยวฉันจ่ายให้”ผมถึงกับขนลุกเมื่อแววตาของราชสีห์นั่นหรี่ลงอย่างน่ากลัว


“คือผม...ไม่ได้คิดจะไปมีเรื่องกับใคร”


“หึ...ลองไปดูด้วยตาก่อนเถอะ”


“...ครับ”คำพูดนั่นเหมือนจะบอกว่าถ้าผมไปเห็นพวกเขาจะอารมณ์ขึ้นงั้นเหรอ


ไม่มีทาง


ผมไม่ใช่พวกใจร้อน


“มีอีกเรื่อง เห็นว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่นที่6เป็นคู่หูของเธอใช่ไหม”


“ใช่ครับ”รุ่นที่6นั้นจากที่ได้ข้อมูลเห็นว่ามีแค่ลูก้าคนเดียวเท่านั้น


“การที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษมอบสิทธิ์ในการดูแลให้เธอแปลว่าไม่ใช่แค่ความสามารถที่มีแต่คงมีอะไรบางอย่างในการควบคุมไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่น6สินะ”


“ผมไม่ได้ควบคุมลูก้า เขาเป็นเด็กดีไม่จำเป็นต้องควบคุมสักนิด”ผมพูดออกไปตามตรง


“คำพูดของหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษท่าจะจริง”


“...คำพูดอะไรครับ”


“ทั้งหวงทั้งห่วง”


“อึก...ก็ไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย”แค่ไม่อยากให้ใครมามองลูก้าผิดๆเท่านั้นเอง


“เธอเหมาะกับเขาที่สุดแล้ว”


“ครับ?”


“ฉันเห็นคลิปตอนร่วมกันสู้ในน้ำในภารกิจแรกแล้ว...ช่างกล้าและบ้าบิ่นมาก”


“แฮะๆ”


“ดูงานพรุ่งนี้พาเขาไปด้วยละกัน”คุณเลโอบอกเสียงนิ่ง


“ได้ครับ”ความจริงต่อให้คุณเลโอไม่บอกผมก็ต้องพาไปอยู่แล้ว และถึงผมไม่พาไปลูก้าก็ต้องขอไปด้วยแน่ๆ


“อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะ จัดให้หนักชนิดที่ให้นอนฝันร้ายไปสักปีเลย”


“ให้ผมไปดูงานไม่ใช่เหรอครับ”ทำไมคำพูดมันเหมือนกำลังให้ไปมีเรื่องกับใครสักคนเลยล่ะ


“หึ...เดี๋ยวก็รู้ อ้อ เรื่องสิทธ์การดูแลยังไม่ได้รับการอนุมัตตินะ”


“ฮะ? เดี๋ยวครับ หมายความว่าไง”ที่ว่ายังไม่ได้รับการอนุมัติ


ก็รู้ว่าอยู่ในขั้นตอนดำเนินการและคนที่จะอนุมัติคำขอนี้ได้นอกจากหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างเซโครก็ยังมีหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ในวงการธุรกิจแต่การที่คุณเลโอพูดว่ายังไม่อนุมิตแปลว่าต้องมีสาเหตุอื่นๆอีก


“เธออาจเก่งและมีความสามารถแต่การจะให้เธอมีสิทธิ์ในตัวเขาแต่เพียงผู้เดียวนั้นมีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยรวมทั้งฉันด้วย”


“ผมไม่เข้าใจ”


“เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากัน ฉันมีงาน ขอตัวก่อนล่ะ”คุณเลโอไม่ได้บอกข้อมูลอะไรเพิ่ม


ไม่พอเขาเดินออกไปผมก็ออกไปบ้าง...นอกห้องมีเหล่าลูกน้องผมยืนออกันอยู่


ใบหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยนั่นพุ่งเป้ามายังผม


คงจะสงสัยว่าผมถูกเรียกไปคุยเรื่องอะไรแน่ๆ


“ด็อกเตอร์เกิดอะไรขึ้น”พี่พลเป็นคนแรกที่เอ่ยถาม


“นั่นสิ คนระดับนั้นมีเรื่องอะไรถึงมาพบสามกัน”ยุถามต่อพลางทำหน้าคลุ่นคิด


“แค่ให้ผมไปดูงานที่แม็กซิโกพรุ่งนี้เท่านั้นเอง”ผมไขข้อสงสัยให้ทุกคน


“ไปดูงาน? แค่นั้นถึงกับต้องมาเองเลยเหรอ แค่สั่งมาก็ได้มั้ง”ยุตั้งข้อสังเกต


“นั่นสิ...”จะว่าไปก็ถูก


เรื่องแค่นี้สั่งมาดูจะเร็วกว่า


หรือว่ามันเกี่ยวอะไรกับอารมณ์หงุดหงิดนั่นกัน


ชักสงสัยแล้วสิว่าคนของสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลเป็นยังไง


หลังจากคุณเลโอกลับไปผมก็ไล่ให้ทุกคนกลับไปทำงานที่ค้างไว้โดยที่เข้าไปร่วมทำการทดลองด้วย เมื่อได้เริ่มผมก็จะมีสมาธิอยู่แต่กับมันกว่าจะรู้ตัวก็ผ่านช่วงเย็นมาแล้ว


“ลูก้า”ผมพึมพำเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่านัดลูก้าไปเจอกันที่โรงอาหารช่วงเย็นนี่นา นั่นทำให้ผมรีบละมือจากการทดลองแล้วรีบไปยังโรงอาหารที่นัดไว้


ช่วงนี้ลูก้าไม่ได้นอนเล่นแท็บเล็ตรอผมอยู่หน้าห้องแต่เปลี่ยนไปว่ายน้ำในทะเลแทนซึ่งผมก็เห็นว่าดีเพราะยังไงลูก้าก็เหมาะอยู่ในทะเลมากกว่าบนบก อีกทั้งการได้ว่ายหรือดำน้ำจะช่วยลับการเคลื่อนไหวให้เฉียบคมมากขึ้น


“สาม”เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นจากบรรยากาศมืดๆยามราตรี พอหันไปมองตามเสียงก็พบกับลูก้าที่เดินเข้ามาหาในสภาพเปียกปอน


“นี่อย่าบอกนะว่าว่ายน้ำอยู่ถึงเมื่อกี๊น่ะ”ผมเท้าเอวหันไปจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง


“...อืม”


“ผมบอกแล้วไงว่าห้ามอยู่ในน้ำในร่างมนุษย์นาน”ถึงลูก้าจะมีอีกร่างเป็นไดโนเสาร์น้ำแต่ยังไงร่างมนุษย์ก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรอยู่ใต้น้ำโดยไม่ขึ้นมาหายใจเป็นเวลานาน


ลูก้าอาจคิดว่ากลั้นหายใจได้นาน ซึ่งก็ใช่เพียงแต่สุดท้ายระบบการหายใจของมนุษย์มันไม่เหมาะกับการขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ผลของการกลั้นหายใจเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการผิดปกติขึ้นได้


ผมรู้ว่าลูก้าว่ายในร่างมนุษย์เพราะถ้าว่ายในร่างไดโนเสาร์เสื้อคงไม่เปียกหรอก


“ก็มัน...”


“ห้ามบอกว่าดำน้ำเพลินด้วย”ผมฟังข้อแก้ตัวนั่นมาจนเอียนแล้ว


“ผมแค่อยากรู้ว่าร่างมนุษย์มีข้อจำกัดมากขนาดไหน”ลูก้าตอบเสียงเบา


“ถ้าอยากรู้ก็รอผมอยู่ด้วยสิ ที่ผมไม่อยากให้กลั้นหายใจในร่างมนุษย์นานๆเพราะมันอาจส่งผลต่อระบบหายใจหรือระบบอื่นๆของร่างกายได้”ผมอธิบายไปตามจริง


“...เข้าใจแล้ว”


“พึ่งมาแบบนี้แปลว่ายังไม่ได้กินมื้อเย็นสินะ”


“อืม...การที่สามอยู่นี่ก็แปลว่าทดลองเพลินอีกแล้วแน่ๆ”


“รู้ดี”ผมบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง


“ก็เรื่องสามนี่”


“หยอดมาแบบนี้ผมก็ยังไม่ตกลงเป็นแฟนหรอกนะ”


“ไม่เป็นแฟนงั้นก็เป็นคู่ผมเนอะ”


“ไม่ต้องมาเนอะเลยลูก้า ถ้าผมยังไม่ยอมเป็นแฟนก็อย่างหวังว่าจะเป็นคู่ให้เลย”ผมบอกเสียงจริงจัง


“สามใจร้าย...ทั้งที่รักผมขนาดนี้ทำไมยังไม่ยอมเป็นแฟนกันอีก”


“ผมบอกตอนไหนว่ารัก?”ผมถามกลับทันที


“ไม่ต้องบอกผมก็รู้ดี”ลูก้าบอกพลางเลื่อนดวงตาสีเงินมาสบ


“รู้ได้ยังไง...”ตัวผมเองยังไม่รู้เลยถึงความรู้สึกที่มีต่อลูก้าน่ะ


ทั้งที่ผมยังไม่รู้แล้วทำไมเขาถึงกล้าบอกว่ามันคือรักได้ง่ายๆกันล่ะ


“ทั้งท่าทางและการกระทำของสามมันบอก”


“...”ท่าทางกับการกระทำเหรอ


“ผมจะรอ”


“ผมถามจริงๆนะ ลูก้าไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจจากผมเลยเหรอ...ความรู้สึกที่ลูก้ามีมันอาจเพราะเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ลูก้ายังเด็กก็ได้ การห่างกันไปปีกว่าน่าจะทำให้ลูก้าเจอผู้คนมากมาย...หนึ่งในนั้นไม่มีคนที่สนใจเลยเหรอ”คำถามนี้ผมอยากถามมานานแล้ว


ลูก้ายังเด็ก...เด็กมากถ้าเทียบกับมนุษย์


เพราะงั้นผมถึงคาใจว่าเขาใช้อะไรมาตัดสินว่ารักผม


“จริงอยู่ที่ผมเจอผู้คนมามากในช่วงที่ห่างสามแต่คนเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสนใจเหมือนสาม สามเป็นคนเดียวที่ตรึงผมให้สนใจอยู่เสมอ เป็นคนเดียวที่อยากจะอยู่ข้างๆไม่ว่าเมื่อไหร่...”


“ลูก้า...”


“สามอาจไม่เชื่อว่าตัวเองรักผม แต่ผมอยากให้สามเชื่อว่ารักของผมมันเป็นของจริง”พูดจบลูก้าก็รวบตัวผมเข้าไปกอดแน่น ความเปียกชุมของน้ำทะเลเพิ่มอุณหภูมิให้เย็นขึ้น


“...ลูก้า”


“ผมรักสาม แค่ความรู้สึกนี้เชื่อผมนะ”เสียงกระซิบกับอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นทำเอาหัวใจรู้สึกอุ่นวาบจนเผลอยิ้มออกมาบางๆ


“อืม”ผมพยักหน้าไปมาในอ้อมกอดของลูก้า


ความรู้สึกของลูก้ามันเป็นของจริง


นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึก และจะไม่สงสัยอีกแล้วด้วย


โครกกก


บรรยากาศโรแมนติกที่แผ่ออกมาหายวับไปกับตาเมื่อเสียงท้องร้องของพวกเราดังประสานขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งผมและลูก้าต่างละออกจากกันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ


“...เสียงท้องสามดังมาก”ลูก้าอมยิ้มพลางมองมา


“ของตัวเองก็ดังไม่แพ้กันอย่ามาโยนน่า”ผมสวนกลับ


“ผมดังน้อยกว่าสาม”


“ไม่จริง ลูก้าดังกว่าเห็นๆ”


“ชนะผมได้สามดีใจเหรอ”


“ใช่ ดีใจมากๆเลยด้วย”


“สาม”


“ครับลูก้า”


“กวน”เพียงคำเดียวจากลูก้าเรียกเสียงหัวเราะให้กลับมาอีกครั้ง


“คิก...พอแล้วก็ได้ เรารีบไปกินมื้อเย็นกันเถอะเดี๋ยวต้องไปจัดกระเป๋าอีก”ผมบอกก่อนจะออกเดินไปตามผืนทราบด้านหน้า


“จัดกระเป๋า? สามจะไปไหน?”ลูก้าที่ตามมาถามด้วยน้ำเสียงสงสัย


“ไปแม็กซิโกน่ะ”


“ผมไปด้วยได้ไหม”


“อยากไปไหมล่ะ”ผมไม่ตอบแต่ถามกลับไปด้วยรอยยิ้มแทน


คำตอบของลูก้าไม่ต้องฟังก็เดาได้


“แน่นอน อยากไปกับสาม”


ว่าแล้ว


คำตอบเป็นอย่างที่ผมคาดไว้


“ให้ไปด้วยดีไหมนะ”ขอแหย่เล่นหน่อยละกัน


“ถ้าไม่ให้ไปผมจะว่ายน้ำตาม”ลูก้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับจะบอกว่าสิ่งที่พูดไปไม่ได้พูดเล่นๆ


ก็นะ ด้วยความสามารถของลูก้าคงว่ายได้อยู่แล้ว


ดีไม่ดีอาจถึงก่อนผมด้วยซ้ำ


สถาบันวิจัยสัตว์ทะเลเองก็คงอยู่ติดทะเลลูก้าสามารถไปถึงได้ไม่ยาก


“พยายามจัง”


“สาม”


“รู้แล้วน่า ไปด้วยกันอยู่แล้ว”



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 08-06-2018 21:17:57
(ต่อนะคะ)


การเดินการไปแลกเปลี่ยนความรู้และดูงานยังสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลนั้นเริ่มต้นโดยการขึ้นเครื่องบินตรงไปยังประเทศเม็กซิโกก่อนจะนั่งรถต่อมาจนถึงรัฐหนึ่งทางภาคตะวันออกซึ่งมีสิ่งก่อสร้างที่คาดว่าคือสถานบันวิจัยสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ตั้งอยู่เรียงติดกัน


สถานที่แรกของการเดินทางคือตึกสูงกว่า5ชั้นบริเวณทางเข้าที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่านด้วยโทนสีสว่างโดยมีพนักงานนำทางผมและลูก้าให้เข้าไปด้านในของสถาบันวิจัย ทั้งคำพูดหรือท่าทางของพนักงานทำให้ผมสงสัยถึงท่าทางหงุดหงิดของคุณเลโอเมื่อวานว่าทำไมถึงได้ดูจะไม่ชอบที่นี่เอามากๆ


ด้านในของสถาบันวิจัยถูกแบ่งย่อยออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน แต่ละส่วนจะมีป้ายติดไว้หน้าทางเข้า ห้องที่พนักงานพาเข้ามาเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ตอนนี้อัดแน่นไปด้วยผู้คน


ดูจากเสื้อผ้าและหน้าตาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นระดับด็อกเตอร์กันทั้งนั้น


“พาตัวแทนขององค์กรดอร์วูมาแล้วค่ะ”พนักงานเอ่ยบอกภายในห้องก่อนจะขอตัวกลับออกไปปล่อยให้ผมและลูก้ายืนนิ่งค้างโดยมีสายตานับสิบคู่จับจ้องมา


“สวัสดีครับ ผมนทีธาร ธาราสุขเป็นตัวแทนขององค์กรจะมาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ที่มีให้กับทุกคนครับ”ผมเอ่ยแนะนำตัวอย่างมีมารยาท


“อะไรกัน คนที่จะมาไม่ใช่ระดับหัวหน้าหรือไง”เพียงคำพูดแรกของชายตรงหน้าก็ทำเอาผมเริ่มคิ้วกระตุก


“ผมเป็นหัวหน้าของศูนย์วิจัยและเพราะพันธุ์สัตว์น้ำของเอเชีย...”


“อ้อ ไอ้ที่ตั้งอยู่ในประเทศเล็กๆซึ่งกำลังพัฒนามาหลายสิบปีที่อยู่ใกล้ๆเส้นศูนย์สูตรนั่นน่ะนะ”ยังไม่ทันได้พูดจบชายอายุประมาณ40กว่าคนหนึ่งก็พูดแทรกขึ้น


“...ใช่ครับ”รอยยิ้มเมื่อครู่ของผมหายไปอย่างรวดเร็ว


“สงสัยจะขาดแคลนคนมีความรู้เลยต้องให้เด็กตัวกระจ้อยมาเป็นหัวหน้า ไม่รู้ว่าเรียนจบปริญญารึเปล่าเลย”


“ผมจบปริญญาเอกครับ”


“ซื้อเอารึเปล่าล่ะ”


คำพูดของคุณเลโอที่บอกให้จัดการพวกเขาซะรวมถึงสาเหตุที่เขาหงุดหงิดผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยล่ะ


คนพวกนี้มันจะดูถูกกันไปถึงไหน


ผมชักเริ่มหงุดหงิดแล้วนะเนี่ย


“สาม...ให้ผม...”


“ไม่เป็นไรลูก้า”ผมพึมพำตอบลูก้าที่ทำหน้าเหมือนกำลังจะวิ่งเข้าไปงาบคอมนุษย์ตรงหน้า


“ฮืม? สีผมนั่นมันหรือว่าจะเป็น...สิ่งมีชีวิตที่ถูกจับยีนมาผสมกันมั่วๆสินะ”


“งั้นคุณอยากถูกผลงานมั่วๆนี่ขย้ำสักสองสามแผลไหมล่ะครับ”ผมสวนกลับไปพร้อมรอยยิ้มท้าทาย


จะดูถูกผมยังไงก็ช่างแต่อย่ามาดูถูกลูก้า


“อึก...แก...”


“ผมมาในฐานะตัวแทนขององค์กรดอร์วูเพื่อจะมาแลกเปลี่ยนความรู้กับพวกคุณแต่ดูเหมือนพวกคุณจะไม่ต้องการมันสักเท่าไหร่นะ”


“หึ...พวกเราไม่ต้องการแลกเปลี่ยนกับระดับล่างๆอย่างแกหรอก นึกว่าคนที่มาจะเป็นไอ้หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษอะไรนั่นซะอีก”คำพูดของชายตรงหน้าทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาจนคนทั้งห้องหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ


“คิก...โทษทีครับ ผมคิดว่าพวกคุณโชคดีแล้วนะที่หัวหน้าปฏิบัติการพิเศษไม่มานี่ ไม่งั้นพวกคุณคงไม่มีโอกาสได้ยืนพูดอยู่แบบนี้หรอก”ผมรู้นิสัยของเซโครดี ถึงจะดูนิ่งๆแบบนั้นแต่ถ้าใครไปทำให้อารมณ์ขึ้นได้โดนจัดการทั้งทางร่างกายและจิตใจแน่


ลองให้คนที่มาเป็นเซโครด็อกเตอร์พวกนี้ได้โดนชกกระเด็นไปติดกำแพงแล้ว ดีไม่ดีคู่หูและคนรักอย่างยูทาร์อาจเข้าไปซ้ำเติมด้วยซ้ำ


“จะดูถูกพวกเราเหรอ”


“เปล่าครับ แต่ร่างกายมันฝึกมาผิดกัน”สำหรับพวกนักวิจัยหรือนักวิทยศาสตร์จะมีแรงเทียบกับคนที่ออกภาคสนามเกือบทุกวันได้ยังไงล่ะจริงไหม


“ว่าแต่พวกเราแล้วตัวผอมแห้งแถมเตี้ยอย่างแกจะทำอะไรได้รึไง”


“ทำได้มากกว่าพวกคุณละกัน”ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ


“หึ...งั้นก็ลองมาให้ความรู้พวกเราหน่อยสิ”ชายคนเดิมท้าทายพลางมองไปยังกลุ่มด็อกเตอร์ที่นั่งอยู่ด้านหลัง


ท่าทางแบบนั้นคงคิดจะทำให้ผมขายหน้าสินะ


แหม...น่าสนุกจัง


นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้


เหมือนได้กลับไปช่วงเรียนแล้วโดนแกล้งเลย


ยิ่งกับคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอันล้นหลามยิ่งรู้สึกสนุกทุกทีที่ได้ค่อยๆทำลายความมั่นใจนั่น


แต่ยังไงพวกเขาก็เป็นถึงระดับด็อกเตอร์การพูดเรื่องการวิจัยธรรมดาทั่วไปคงไม่ต่างจากการพูดในสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้ว
ในเมื่อเป็นสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลก็คงต้องพูดเรื่องแนวนี้...


จะว่าไปทำไมคุณเลโอไม่บอกให้เร็วกว่านี้นะ


ผมพึ่งรู้ว่าตัวเองมาโดยที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย


“สาม”ลูก้าสะกิดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง


“ไม่เป็นไรลูก้า เดี๋ยวผมจัดการเอง”ผมหันไปบอกพร้อมรอยยิ้ม


“คิดไม่ออกรึไงคุณหัวหน้า”เสียงเยาะเย้อดังขึ้นก่อนทั้งห้องจะส่งเสียงหัวเราะ


“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า...เรื่องที่ผมจะพูดวันนี้คือเรื่องการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิด”ผมเดินไปคว้าไมค์จากคนบนเวทีก่อนจะประกาศหัวข้อเรื่องที่จะพูด


“ว่าไงนะ...”


“การเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิด”


“เห็นว่ามันเพาะพันธุ์ไม่ได้นี่...แล้วทำไม”


“ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครเพาะพันธุ์มันสำเร็จมาก่อน...”


“ที่พูดคงไม่ได้คิดจะโม้หรือโกหกหรอกนะ”ด็อกเตอร์ที่นั่งอยู่แถวหน้าเอ่ยถาม


“ผมไม่ทำอะไรที่ทำองค์เสียชื่อเสียงหรอกนะ”ผมยักไหล่ตอบไป


“ไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่ามีคนที่เพาะพันธุ์มันสำเร็จ”


“ไม่เคยได้ยินเหรอว่าในแต่ละองค์กรมักมีความลับที่ไม่เปิดเผยให้ภายนอกรู้อยู่ทั้งนั้น”แต่การให้ความรู้ครั้งนี้ถือเป็นการเผยแพร่ความลับหรือวิธีการใหม่ๆในการทดลองอยู่แล้ว


อีกอย่างคุณเลโอไม่ได้ห้ามไว้ด้วย


อาร์คีโอไซยาทิดที่พูดถึงคือพืชในยุคแคมเบรียน ถ้าถามถึงเหตุผลที่เหล่าด็อกเตอร์ในห้องนี้ทำหน้าไม่เชื่อก็คงเป็นเพราะไม่เคยมีรายงานว่ามีการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดสำเร็จมาก่อน


อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ถือเป็นความลับขององค์กรที่ไม่ได้เปิดเผย และผู้ที่เพาะพันธุ์มันได้สำเร็จเป็นคนแรกของโลกก็คือผม เรียกว่าเป็นผลงานที่ทำให้ผมได้ขึ้นเป็นหัวหน้าก็ไม่ผิดซะทีเดียว


การเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันเติบโตอยู่ก้นทะเลลึกซึ่งมีแรงดันน้ำมหาศาล ด้วยลักษณะทางกายภาพที่เป็นรูพรุนช่วยในการกรองสารอาหารเวลาไหลผ่าน


อาร์คีโอไซยาทิดเป็นที่สนใจของนักวิทศาสตร์และผู้คนทั่วโลกเมื่อหลายสิบปีก่อนเพราะนอกจากมันจะสามารถกรองสารอาหารได้แล้วมันยังสามารถกรองสารพิษหรือเชื้อโรคต่างๆให้น้อยลงได้  ยิ่งในปัจจุบันเกิดปัญหามลพิษทางน้ำเป็นจำนวนมากจึงมีหลายประเทศที่ให้งบมหาศาลทุ่มกับการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดนี้แต่ก็ไม่สำเร็จ


ผมเองกว่าจะทำมันสำเร็จก็ใช้เวลาไปนานโข เรียกว่าเป็นปีเลยทีเดียว


ขั้นตอนการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดค่อยๆถูกอธิบายตั้งแต่เริ่มแรกไปจนถึงการทดลองจนประสบผลสำเร็จโดยไม่มีการหยุดพัก แม้จะไม่ได้มีเอกสารรูปภาพหรือแม้ตัวอย่างประกอบก็ไม่ถือเป็นอุปสรรค์แต่อย่างใด


ความรู้ทุกอย่างมันอยู่ในหัวผมอยู่แล้ว


เหล่าด็อกเตอร์ต่างนั่งฟังด้วยใบหน้าเจ็บใจจนผมรู้สึกว่านี่แหละคือการชนะโดยไม่ต้องใช้กำลัง


“สามสุดยอด”ลูก้าเดินเร็วเข้ามาผมหลังจากบรรยายจบด้วยใบหน้าภูมิใจ


“แค่นี้ไม่เท่าไหร่น่า”


“ความสามารถของสามดูจะมากกว่าที่ผมรู้อีกนะ”


“งั้นเหรอ?”


“ตอนอยู่เกาะ เอ่อ คุณเซโครเล่าเรื่องของสามให้ฟังเยอะแยะตั้งแต่เรื่องทักษะการต่อสู้ที่ไม่สมกับตัวไปจนถึงความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ที่ไม่เป็นรองใคร แต่ไม่คิดว่าสามจะสามารถพูดมันออกมาได้โดยไม่มีอะไรแบบนี้”น้ำเสียงชื่นชมจากลูก้าทำเอารู้สึกดีจนต้องแสดงออกด้วยการยิ้มกว้างแล้วเอื้อมมือไปขยี้เส้นผมสีฟ้าแซมแดงเพื่อระบายความเขิน


“ชมเกินไปแล้ว”ถ้าตัวผมลอยได้คงลอยไปนอกอวกาศแล้วโครจรสักสามรอบแน่ๆ


“พูดจริงต่างหาก สมแล้วที่เป็นแฟนผม”


“ใครแฟนนาย?”ผมยักคิ้วถามกลับ


“สามไง”


“เหมือนผมจะยังไม่ตกลงนะ”


“ถึงสามไม่บอกผมก็รู้น่า”


“รู้อะไร?”


“สามรักผม”


“...รู้ดี”จนถึงตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าความรู้สึกที่มีต่อลูก้ามันคือรักรึเปล่า


แต่มีอย่างหนึ่งที่รู้แน่ๆคือลูก้าสำคัญกับผมมาก


ผมอยากปล่อยให้ช่วงเวลานี้มันยืนยาวต่อไปเรื่อยๆเพราะไม่รู้ว่าถ้าตอบรับมันจะมีอะไรเปลี่ยนไปไหมซึ่งผมไม่อยากให้มันเปลี่ยนไป


“นี่”เสียงตะโกนเรียกจากกลุ่มด็อกเตอร์ดังขัดการสนทนา


“มีอะไรครับ”ผมถามพลางเดินไปหาโดยมีลูก้าตามหลังมาติดๆ


“เห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญพฤติกรรมสัตว์ทะเลสินะ”


“...ใช่ครับ”แม้รอยยิ้มนั่นจะดูไม่น่าไว้ใจแต่ผมก็ตอบกลับไปตามจริง


“จะดูพฤติกรรมสัตว์คงไม่ใช่ดูผ่านหน้าจออย่างเดียวหรอกเนอะ”


“แน่นอนครับ การสังเกตพฤติกรรมส่วนมากผมจะลงไปสำรวจด้วยตัวเองตั้งแต่พฤติกรรมการล่า การรวมฝูงหรือแม้แต่การย้ายถิ่น”แค่ดูผ่านจอมันจะไปเข้าใจพวกสัตว์ได้ยังไง


“งั้นก็ดีเลย พอดีพวกเราพึ่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำชนิดใหม่ขึ้นมาได้แต่ด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างทำให้มันกินน้อยแถมยังตัวไม่โตอีก ไหนๆก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ...ช่วยพวกเราหน่อยละกัน”


“เอาสิ”ผมอยากรู้ว่าจะมาไม้ไหนกัน


“สามจะดีเหรอที่ยอมง่ายๆ”ลูก้าเดินมากระซิบถาม


“ดีสิ ขอผมดูก่อนว่าสัตว์ที่ว่าคืออะไร”


“ผมไม่ชอบพวกนี้เลย”


“ก็นะ...”ผมเองก็ใช่ว่าจะชอบหรอก


เหล่านักวิทยาศาสตร์พาผมเดินออกไปยังด้านนอกอาคารซึ่งมีทางเดินถูกปูด้วยหินช่วยให้เดินไปยังด้านหลังอาคารในส่วนติดกับทะเลได้อย่างรวดเร็ว ส่วนด้านหลังนี้ถูกกั้นด้วยรั้วยาวประมาณด้านละ50เมตรตั้งแต่บนบกยาวไปถึงในทะเล


ในรั้วกันนั่นต้องมีสัตว์อะไรอยู่แน่


“ลูก้า”ผมหันไปมองลูก้าเป็นเชิงถาม ลูก้าพยักหน้าเล็กน้อนก่อนมองไปภายในรั้วนั้น


“...มีอยู่ตัวเดียว ขนาดไม่ใหญ่...เล็กกว่าผมมากอยู่ เดี๋ยวสาม จะทำอะไรน่ะ”ระหว่างที่ลูก้าอธิบายผมก็กระโดดลงไปตามโขดหินด้านล่างท่ามกลางความตกใจของเหล่าคนที่มองอยู่ แม้แต่ลูก้าเองยังถึงกับกระโดดตาผมลงมาด้วย


“ไม่ต้องตามมาหรอก”ผมหันไปบอก


“ไม่ตามได้ยังไง คิดจะทำอะไรน่ะสาม”


“ก็จะเข้าไปดูใกล้ๆ”


“สายพันธุ์ก็ยังไม่รู้มันอันตรายไปนะถึงจะขนาดไม่ใหญ่เท่าผมแต่ก็ใหญ่กว่าสาม...”


“ลูก้า ผมน่ะไม่ได้ใบปริญญามาเพราะแค่อยู่ในห้องทดลองหรอกนะ การจะศึกษาพฤติกรรมสัตว์มันต้องเห็นด้วยตา...เมื่อเราเห็นเราก็จะสามารถรู้ได้ถึงสิ่งที่ทำอยู่หรือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือการกระทำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจะเข้าไปสังเกตุพฤติกรรมของสัตว์สักหน่อย”


“ก็รู้ว่าสามเก่งแต่ว่ามัน...”


“ผมไม่ประมาทหรอกนนะ ไม่ต้องห่วง”ผมบอกพร้อมส่งยิ้มบางๆกลับไปให้


“สาม...”


“ที่พวกคุณต้องการจะรู้คือสาเหตุที่มันไม่ยอมกินอาหารกับขนาดตัวที่เล็กกว่าปกติสินะ”ผมถามย้ำอีกรอบ


“ใช่...แต่ขอเตือนสักหน่อย ครั้งก่อนก็มีนักพฤติกรรมสัตว์ถูกจ้างให้มาดูแล้วหมอนั่นดันลงไปดูด้วยตัวเองเหมือนอย่างนาย สุดท้ายแขนก็หายไปข้างนึง”คำอธิบายนั่นทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้นข้างนึง


แรงกัดขนาดแขนขาดแปลว่าต้องไม่ใช่พวกกินพืช


“สาม”


“ไม่เป็นไรน่า ขอบคุณสำหรับคำเตือน”พูดจบผมก็เดินเข้าไปใกล้บริเวณน้ำมากขึ้น


ถึงจะไม่หันไปมองก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาห่วงๆจากลูก้า


ผืนน้ำสีฟ้าใสช่างสะอาดผิดกับบางพื้นที่ของประเทศไทย ที่เป็นแบบนี้อาจเพราะกระแสน้ำและพื้นที่ไม่ได้อยู่ในจุดสะสมของตะกอนทำให้น้ำไม่ขุ่น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะช่วยให้สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่มีลำตัวยาวสีกรมท่าว่ายอยู่ไม่ไกล


ส่วนหัวขนาดเล็กกับเรียวปากยาวเมื่อเทียบกับขนาดของส่วนลำตัวที่ใหญ่กว่า ลำตัวนั้นไล่ระดับตั้งแต่ใหญ่ก่อนจะค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆจนถึงสุดปายหางอันยาวเรียวคล้ายหางของปลาไหล


การเคลื่อนไหวของมันอาศัยครีบด้านข้างลำตัวในการเคลื่อนที่โดยมีครีบเล็กๆอยู่บริเวณปลายลำตัว


จากรูปล่างลักษณ์ที่เห็นชื่อพลาทีคาร์พัสก็ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


พลาทีคาร์พัสเป็นนักล่าของยุคครีเทเชียสซึ่งมีความยาวประมาณ5เมตรและอาศัยอยู่บริเวณน้ำตื้นของผืนทะเล ถ้าให้เปรียบมันกับสัตว์ในยุคนี้ก็ใกล้เคียงกับจระเข้ที่มักออกล่าตามน้ำตื้น เพียงแต่พลาทีคาร์พัสมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่ามากเนื่องจากมีคลีบช่วยในการเคลื่อนไหวใต้ผิวน้ำ


“...นึกว่าจะเจออะไรที่อันตรายกว่านี้ซะอีก”ผมพึมพำเสียงเบาด้วยรอยยิ้ม


ไม่ใช่ว่าผมประมาทหรือดูถูกพลทีคาร์พัสหรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อะไรก็ต่างมีความอันตรายแตกต่างกันตามสายพันธุ์ แต่เพราะคำพูดของด็อกเตอร์พวกนี้เหมือนผมต้องมาเจอกับโมซาซอร์ไดโนโนเสาร์ที่ยาวเหยียด30เมตรสักตัว


อีกอย่างที่ทำให้ผมยิ้มออกคือพลาทีคาร์พัสเป็นไดโนเสาร์น้ำที่ถูกชุบชีวิตมาเป็นอันดับต้นๆทำให้มีการศึกษาเกี่ยวกับพวกมันอยู่มากพอสมควร


ดวงตาสีน้ำตาลของผมละออกจากพลาทีคาร์พัสไปยังสภาพแวดล้อมรอบๆ และทันทีที่ดูเสร็จผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงกินน้อยและมีขนาดตัวเพียง2เมตรจาก5เมตร ไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้ถึงขนาดเสียแขนเลย


สาเหตุของเรื่องนี้ผมไม่คิดว่าพวกด็อกเตอร์นั่นจะไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าไม่รู้คงไม่จ้างนักพฤติกรรมคนอื่นมาดู...แปลว่าคงไม่รู้จริงๆ
ไม่สิ สาเหตุไม่น่ามีแค่นั้น


“คงต้องข้าไปดูใกล้ๆสินะ”พึมพำเสร็จผมก็ค่อยๆก้าวขาลงไปในน้ำ


“สาม...”เสียงเรียกชื่อหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อผมหันกลับไปมองลูก้าที่ทำท่าจะก้าวเข้ามาใกล้


ไดโนเสาร์ยักษ์อย่างลูก้าถ้าเข้ามาใกล้พลาทีคาร์พัสคงตื่นตกใจแน่


เมื่อเดินมาจนถึงระดับน้ำที่ลึกพอสมควรผมก็ดำลงไปด้านใต้โดยที่มองไปยังพลาทีคาร์พัสซึ่งว่ายอยู่ไกลออกไปประมาณ10เมตร สายตาของมันจับจ้องมายังผมด้วยความระแวดระวัง


ดี...ไม่เข้ามาโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้า


นักล่าปกติมักจะโจมตีอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มโอกาสในการล่าให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นแต่กับพลาทีคาร์พัสตัวนี้ไม่ใช่


มันกำลังสังเกตอยู่ว่าผมจะทำอะไร และเป็นการสังเกตที่ระแวดระวังพอสมควรด้วย ถ้าเคลื่อนไหวผิดหรือทำให้มันเห็นว่าผมเป็นศัตรูคงได้จบเหมือนอย่างนักพฤติกรรมสัตว์ก่อนหน้านี้


การจะสร้างความเชื่อใจมันไม่ยากเพียงแต่ต้องค่อยๆทำ ห้ามรีบร้อนเด็ดขาด


ร่างผมค่อยๆเคลื่อนไหวไปตามกระแสน้ำที่ผลัดไปมาอย่างอ้อยอิ่ง ส่วนมือที่ใช้ในการแหวกว่ายถูกใช้เคลื่อนไหวด้วยท่าทางคล่องแคล่ว


ไม่กี่นาทีบรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป พลาทีคาร์พัสว่ายวนสักพักก่อนจะเคลื่อนที่มาใกล้ผมมากขึ้นจนร่างของผมขนาบอยู่กับร่างนั้น ผิวหนังลื่นๆลากผ่านลำตัวผมแสดงถึงความเชื่อใจที่มอบให้


เห็นแบบนั้นผมก็เผยยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปลูบบริเวณท้องสีเหลืองนวลช้าๆเพื่อตรวจร่างกายภายนอกแบบคร่าวๆ ผลที่ได้ดูจะน่าพอใจแต่ไม่มากเท่าที่ควร


บริเวณที่เป็นกระเพาะเมื่อเทียบกับความยาวของร่างค่อนข้างแปลก และนี่คงเป็นสาเหตุหลัก


ผมใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ในการตรวจซ้ำเพื่อความแน่ใจก่อนจะพาตัวเองขึ้นมาบนฝั่งในสภาพเปียกโชกไปทั้งตัว ลูก้าเองก็รีบวิ่งมาหาผมด้วยใบหน้าห่วงๆ


“สาม...ไม่เป็นไรนะ”


“อืม ครบถ้วนสมบูรณ์ดี”ผมตอบกลับ


“เป็นห่วงแทบแย่...ทำอะไรน่ะ”น้ำเสียงห่วงทำให้ผมคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มลูก้าเบาๆ


“หยิกแก้มไง”


“ใช่เวลาเล่นไหมสาม”


“...ดำน้ำได้กว่า20นาที ไม่ใช่มนุษย์แล้ว”คำพูดจากหนึ่งในเหล่าด็อกเตอร์ทำให้ผมนึกได้ว่ายังไม่ได้ตอบคำถามเลยนี่นะ


“พลาทีคาร์พัสตัวนี้มีขนาดกระเพาะเล็กกว่าปกติทำให้สามารถกินอาหารได้น้อย และด้วยสาเหตุนั้นเลยส่งผลต่อการเจริญเติบโต ถ้าอยากให้ตัวใหญ่กว่านี้อย่างแรกที่ทำคือต้องเพิ่มช่วงการให้อาหาร ถ้าให้มื้อเดียวก็เพิ่มเป็นสอง ถ้าให้สองก็เพิ่มเป็นสาม อีกอย่างคือขยายเขตที่อยู่ด้วย...พื้นที่แค่นั้นไม่พอให้เติบโตได้เต็มที่หรอก”ผมอธิบายทุกอย่างออกไปรวดเร็วจนคนฟังถึงกับขมวดคิ้วผสมกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา


“กระเพาะ? แค่เวลาสั้นๆรู้ได้ยังไง”


“แค่สัมผัสดูก็รู้แล้วครับ”


“สัมผัส? นี่จะบอกว่าจับตัวพลาทีคาร์พัสได้?”คำพูดผมเหมือนจะทำให้ทุกคนตกใจมากกว่าเดิม


“ก็อย่างที่ว่ามา ผมไม่สนหรอกนะว่าพวกคุณจะคิดยังไงกับตัวผมหรือองค์กรแต่อยากบอกไว้ว่าต่อให้เป็นด็อกเตอร์ก็ไม่มีสิทธิ์ไปดูถูกใคร อ้อ...ขืนทำให้คุณเลโอหงุดหงิดมากๆก็ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ”ผมเอ่ยเตือนก่อนจะขึ้นไปบนทางเดินด้วยร่างกายเปียกๆ


“มะ หมายความว่าไง”


“เรื่องนี้ผมขอไม่ยุ่งละกัน ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ ไปกันลูก้า”ผมเรียกพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในโรงแรมโดยมีลูก้าตามมาติดๆ


“น่าจะให้ผมขู่สักหน่อย”


“โห...เดี๋ยวนี้ขู่เป็นแล้วเหรอ”ผมถามเสียงตลก


“ก็แค่คำราม”


“คำราม?...อยู่กับผมทีไรเห็นแต่คราง งี๊ดๆ”ไม่เคยเห็นจะคำรามเลยสักครั้ง


“กับสามผมไม่ขู่หรอก...ก็รักมากนี่”


“ลูก้า...”เจอประโยคนั้นเข้าจะไม่ให้เงียบคงไม่ได้


“อย่าทำให้เป็นห่วงนักสิ ผมเกือบจะตามลงไปอยู่แล้ว”น้ำเสียงที่เต็บไปด้วยความห่วงใยนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาสีเงินที่มองมา


“ขอบคุณที่ห่วงนะ”แค่ดูก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกห่วงมากขนาดไหน


ความรู้สึกของลูก้าที่มีต่อผมมันเป็นของจริงที่ไม่จำเป็นต้องทดสอบเลยสักนิด


ที่เหลือก็คือตัวผมเองนี่แหละที่ยังไม่ชัดเจนสักที


คงเวลาแล้วมั้งที่จะเลิกบ่ายเบี่ยงและคิดจริงจังถึงความรู้สึกจริงๆของตัวเองที่มีต่อลูก้า

............................................................

สวัสดีค่า

มาแล้วกับตอนที่17

หลายคนอยากเห็นฉากในน้ำโดยมีพี่หนึ่งอยู่ด้วย ขอโทษที่ไม่ได้แต่งแบบนั้นนะคะ 555

เมื่อวานเรื่องJurassicเพิ่งเข้าซึ่งเราคิดว่าคงมีหลายคนที่อยากอ่านเรื่องนี้ต่อ

ใครไปดูมาแล้ว มาแอบเม้ามอยกันได้น้าา

โดยส่วนตัวเราค่อนข้างชอบคุณเลโอเห็นไม่มีบทมานานเลยให้บทสักหน่อย อิอิ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ

บ๊ายบาย

-----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-----

(https://www.img.in.th/images/3beeae7e47443773f4911962fc7711ba.jpg)


วันนี้ขอเสนอพลาทีคาร์พัส นักล่าของยุคครีเทเชียสซึ่งมีขนาดลำตัวยาวได้กว่า 5 เมตร กินเนื้อและอาศัยอยู่บนเวณน้ำตื้น ขนาดของมันไม่ใหญ่นัก รูปร่างเพียว ลำตัวและหัวสั้นแถมยังเป็นสายพันธุ์ที่ขุดพบค่อนข้างบ่อย

เครดิต : รูปภาพ-http://www.dinosaurusi.com ข้อมูล-หนังสือประจัญหน้าเจ้าสมุทรยุคครีเทเชียส

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-06-2018 22:03:39
หน้าแตกไปเป็นแถบๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 08-06-2018 22:41:10
ลูก้าคงได้แต่รอวันที่สามจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มตัว
สามเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ ดอกเตอร์พวกนั้นถึงกับหงาย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 08-06-2018 23:42:22
งานดี รักน้องๆทุกตัวเลย แง้
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-06-2018 00:23:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-06-2018 06:29:12
สามสุดยอด   :katai2-1:
ลูก้า น่ารัก รักเดียวใจเดียว มั่นคงแต่สาม  :mew1:

ลูก้า  สาม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 09-06-2018 13:23:05
พูดคำว่ารักบ่อยไปแล้วลูก้า รู้จ้าว่ารักสามม้ากมากกก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-06-2018 09:27:28
สมควร
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-06-2018 20:59:02
ชอบดูถูกคนอื่นนักหน้าแตกเลย นี่แค่สามนะ เดี๋ยวให้ลูก้าขู่เลย กัดซักแผลสองแผล หรือให้คุณเลโอจัดการดี :hao3:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-06-2018 21:19:04
เบ้ปาก มองบน ด็อกเตอร์พวกนี้เลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 11-06-2018 07:28:36
อีกนิดลูก้า.. อีกนิดสามใจอ่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-06-2018 07:56:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-06-2018 20:52:39
สามพาลูก้าไปเปิดตัวแล้ว ดูที่บ้านสามเฮฮาดี 5555

ลูก้าหยอดได้เป็นหยอดนะ ไม่เว้นให้สามได้พักใจบ้าง
เข้าใจอารมณ์เลโอละว่าทำไมของขึ้นขนาดต้องมาเอง
สามก็เก็บอารมณ์ได้ดี และความสามารถได้มาสมราคาคุย

เงิบกันไปเลยค่ะ อย่ามาแหยมอีกนะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-06-2018 03:28:38
ลูก้ารุกได้แบบธรรมบาติมากเลยอะ
ส่วนสามเริ่มจะคิดถึงอย่างจริงจังแล้วสินะ
ดีแล้ว ถึงลูก้าจะรอได้ แต่ให้รอนานๆก้สงสารอะ
ตอนนี้มีคนหน้าแตกละเอียดกับเป็นองค์กรเลยทีเดียวววว
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่17◈♦> 8/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 12-06-2018 10:23:21
น่ารักจัง ทั้งสาม ทั้งลูก้าเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 22-06-2018 20:46:51
◈ธาราที่18◈



บรรยากาศอันงดงามของทะเลในยามสายและกลิ่นเค็มของน้ำทะเลตรงหน้าไม่ได้ช่วยให้หาคำตอบในเรื่องที่กำลังคิดอยู่ได้เลยสักนิดเดียว ตั้งแต่วันที่กลับมาจากแลเปลี่ยนดูงานยังสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลประเทศแม็กซิโกผมก็คิดมาตลอดถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อลูก้า


แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดยังไงก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไรกันแน่


ผมเคยมีแฟนอยู่ช่วงหนึ่งแต่เพราะสาเหตุหลายๆอย่างทำให้เลิกลากันไปในเวลาไม่ถึงเดือนซึ่งผมเองก็ไม่ได้เศร้าหรือเสียใจอะไร อาจเพราะผมไม่ได้รักเธอด้วยละมั้ง


เรื่องมันก็นานจนแทบจำใบหน้าไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ


เพราะไม่ได้รู้สึกกับเธอถึงขั้นรักผมเลยไม่สามารถเอามาวัดได้


แต่ถ้าให้เทียบระหว่างเธอคนนั้นกับลูก้า...


ผมก็คงเลือกลูก้าอย่างไม่ต้องคิด


ทว่าการเลือกลูก้าไม่ได้หมายความว่าผมต้องรักเขานี่จริงไหม


จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเลยว่ายังไงถึงเรียกว่ารัก


กับครอบครัวแน่นอนว่าต้องรักอยู่แล้ว เพียงแค่กับคนรักหรือแฟนต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น


“ชักปวดหัวแล้วสิ...”ผมพึมพำพลางเกาหัวตัวเองอย่างหน่ายๆ


“ยืนทำหน้าเครียดอะไรน่ะ”เสียงจากด้านหลังเรียกให้ผมหันกลับไปมองก่อนจะเห็นคนคุ้นหน้าที่ไม่ได้เจอกันซะนานอย่างปายเดินเข้ามาใกล้


“ปาย?...ไม่ใช่ว่าออกไปทำงานนอกสถานที่เหรอ”ผมถามกลับเพราะได้ยินข่าวมาก่อนหน้านี้ว่าหัวหน้าหน่วยควบคุมได้รับเชิญให้ไปดูงานที่ไหนสักแห่ง


“พึ่งกลับมาถึง กำลังจะเดินกลับห้องแต่ดันเห็นคนหน้าเครียดยืนอยู่เลยมาทักสักหน่อย”


“ก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้น”


“มันแสดงออกมาทางหน้าหมดแหละ ว่าแต่วันนี้หมอนั่นไม่มาด้วยเหรอ”ปายถามพร้อมกับหันซ้ายขวาเพื่อมองหาอะไรสักอย่าง
ถึงไม่ถามก็รู้ว่าถามใคร


มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่จะตัวติดกับผมแทบตลอดเวลา


“ผมบอกลูก้าว่าอยากอยู่คนเดียวสักพักน่ะ”เมื่อเช้าเองลูก้าก็เหมือนจะสังเกตเห็นท่าทางอันผิดปกติของผมแต่เพราะผมไม่บอกอีกฝ่ายเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำหน้าหง๋อยแล้วปล่อให้ผมอยู่คนเดียว


“น่าแปลกที่หมอนั่นยอม ดีไม่ดีอาจแอบอยู่แถวนี้ก็ได้”


“คิก...นั่นมันสโตรกเกอร์แล้ว”พอนึกภาพลูก้าหลบอยู่ตามมุมกำแพงก็ตลกจนหลุดขำออกมา


“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนี่ ทั้งหวงทั้งห่วงขนาดนั้น”


“ความรู้สึกต่างกันจะตาย”เวลาลูก้ามองมามันไม่ได้ถูกคุกคามตรงกับข้ามลับอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัย


“...ดูท่าจะรักมากเลยนะ”


“อืม ลูก้าบอกว่ารักผมน่ะ...แต่ตัวผม...”


“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายถึงลูก้า”ปายพูดแทรกด้วยใบหน้าจริงจังอย่างไม่เคยเป็น


“...หมายถึงอะไร”ไม่เห็นเข้าใจเลย


“ที่พูดว่าดูท่าจะรักมากไม่ใช่ลูก้าแต่เป็นนายต่างหาก สาม”


“...”คำพูดนั่นทำเอาคิ้วของผมขมวดเข้าหากันแน่น


พูดอะไรน่ะ


“ทำหน้าแบบนั้นแปลว่าไม่รู้ตัวเลยสินะ”


“...รู้อะไร”


“นายรักหมอนั่นแล้ว”


“พะ...พูดอะไร ไม่ได้รักสักหน่อย”ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธด้วยใบหน้าแดงๆ


“เหรอ...ถ้าไม่ได้รักหมอนั่น งั้นมาคบกับฉันไหมล่ะ”


“ห๊ะ?”


“ฉันรักนาย...สาม”คำสารภาพรักและประโยคขอคบถูกเอ่ยออกมาง่ายๆจนคนฟังอย่างผมถึงกับทำตัวไม่ตัว


สถานการณ์นี้มันอะไรเนี่ย


“ละ...ล้อเล่นอะไร”


“ฉันไม่ได้ล้อเล่น ตลอดมาฉันแค่ไม่อยากพูดมันออกไปเพราะกลัวว่าความเป็นเพื่อนมันจะหายไปแต่ตอนนี้มันอาจเป็นโอกาสเดียวที่จะได้บอกให้สามรู้”


“ปาย...”


“ฉันจริงจังนะสาม”ทั้งน้ำเสียงและใบหน้าของปายแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องตลกหรือล้อเล่น


อะไรกัน


ปายคิดกับผมมาตลอด...


“เอ่อ...”ผมควรทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี


“...”ปายเองก็เหมือนจะไม่ได้เร่งรัดให้ผมตอบ เขาทำเพียงสบตาผมนิ่งราวกับจะบอกให้ช่วยคิดเรื่องนี้อย่างจริงที


ผมเม้นปากแน่นพร้อมกับสมองที่เริ่มคิดหนักขึ้น ตั้งแต่เกิดมาถ้าไม่นับลูก้าที่มักจะพูดว่ารักผมนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ถูกสารภาพรักอย่างจริงจังจากผู้ชาย


กับปายผมสนิทมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลายเพราะอยู่ห้องเดียวกันแต่พอผมเข้ามหาลัยและไปต่อต่างประเทศก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีก ที่กลับมาเจอกันอีกครั้งก็เพราะมาทำงานที่เดียวกันนี่แหละ


ถ้าถามความรู้สึกที่มีต่อปายก็คงพูดได้ว่าสนิท ซึ่งมันก็หยุดอยู่แค่นั้น


แค่สนิท...ไม่เหมือนกับลูก้า


ลูก้า?


ทำไมชื่อของลูก้าถึงผุดขึ้นมาตอนนี้กันแถมยังเปรียบเทียบกับปายอีก


สำหรับผมถ้าคนที่ใช้เปรียบเทียบคือลูก้าคนอื่นๆก็คงไม่ชนะหรอก


ลูก้าพิเศษกว่าใครที่เคยเจอมา


ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมันอาจสั้นทว่ามันกลับตราตรึงอยู่ในความรู้สึกและความทรงจำ


คำว่าพิเศษของผมมันมีความหมายยังไงกันแน่นะ


ถึงจะยังไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นแต่กับปายผม...


“ปาย...ขอบคุณสำหรับความรู้สึกที่มีให้นะแต่ต้องขอโทษที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกนั้นได้จริงๆ”ตลอดการพูดผมยังคงสบตาอยู่กับปากเพื่อแสดงให้เห็นว่าผมคิดมันอย่างดีแล้ว


ในใจผมปายไม่ใช่คนที่ผมรัก


“หึ...ก็พอรู้อยู่ ฉันเองก็ทำใจตั้งแต่ได้เห็นหมอนั่นครั้งแรกแล้ว”ปายละสายตาที่ประสานกันไปมองผืนทะเลสีฟ้าแทน


“เห็นลูก้า? หมายถึงยังไง?”


“เพราะใกล้กันเกินไปเลยไม่สามารถรับรู้ได้ละมั้ง”


“ปาย...พูดให้เข้าใจหน่อยสิ”


“พูดน่ะมันง่าย ฉันไม่เอาด้วยหรอก ทำไมต้องช่วยคนที่หักอกด้วยล่ะ”


“ปาย”แค่นี้ก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว


“สัมผัสและรู้สึกถึงมันด้วยตัวเองเถอะสาม ไม่ใช่ด้วยตาหรือเสียง แต่ด้วยหัวใจของนาย”ปายยกมือขึ้นแล้ววางทาบลงบนหัวใจของผมเบาๆ


“...หัวใจของผม”เหรอ...


“ลองห่างกันดูสิ”


“ห่าง?”


“ใช่ ลองห่างจากหมอนั่นดูแล้วนายรู้ว่าความรู้สึกจริงๆมันคืออะไร จะว่าไปก็ส่งหมอนั่นกลับไปยังเกาะสักพักก็ได้นี่...สักปีสองปีอะไรแบบนั้น”คำแนะนำที่ได้ทำเอาตัวผมรู้สึกชาไปทั้งร่าง


เพียงแค่นึกตามที่ปายบอกว่าให้ห่างจากลูก้าในหัวผมมันก็ขาวโพลนแทบจะทันที ในอกมันรู้สึกเจ็บเหมือนหัวใจบีบรัดจนร่างกายแทบทรุดลงไป


“มะ...ไม่เอา...”ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ผมพูดคำนั้นออกไป รู้แค่ว่าผมไม่ได้คิดก่อนจะเอ่ยมันออกไป


ดังนั้นสิ่งที่พูดไปคือความรู้สึกจริงๆจากก้นบึ้งหัวใจของผมโดยไม่ผ่านกระบวนการคิดของสมอง


ไม่อยากแยกกับลูก้า


ไม่อยากแยกกันเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว


ถ้าครั้งนี้ต้องแยกกันอีกผมคงทนไม่ไหว


ความรู้สึกนี้มันคือ...


เพราะใกล้กัน อยู่ด้วยกันมาตลอดจนเกิดความรู้สึกเคยชินเลยไม่เคยสังเกตว่าความรู้สึกมันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่หรือตอนไหน


กับลูก้ามันเกินกว่าพิเศษ


นี่ผม...


รักลูก้า


รักมาตลอด


...งั้นเหรอ


“เหมือนจะได้คำตอบแล้วนี่”เสียงของปายดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏออกมา


“ปาย...ทำไม...”ทำไมถึงช่วยให้ผมรู้ทั้งๆที่พึ่งถูกผมปฏิเสธไป


ทุกอย่างที่เขาทำทั้งคำพูดหรือคำแนะนำทุกอย่างมันเหมือนบอกใบ้ให้ผมรู้ถึงความรู้สึกของตัวเอง


“บอกแล้วนี่ว่ารู้ตั้งแต่เห็นหน้าหมอนั่นครั้งแรกแล้วน่ะ”


“ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”


“เป็นด็อกเตอร์แท้ๆ แต่เรื่องง่ายๆแบบนี้ดันคิดไม่ได้น่าเอาไปประกาศให้ทั่วจริงๆ”


“ใช่เวลามากวนไหมเนี่ย”ผมบ่นกลับไป


“หึ...แค่เห็นหมอนั่นก็รู้แล้วว่ารู้สึกยังไงกับนาย มันเป็นความรู้สึกที่ทำเอาฉันไม่กล้าสู้ ไม่สิ ต้องพูดว่าถึงจะสู้ยังไงก็คงไม่ชนะ หมอนั่นรักนายมาก...และนายเองเวลาอยู่กับหมอนั่นก็มักจะแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขออกมา แค่เห็นก็รู้แล้วว่าสามชอบหมอนั่น”ปายอธิบายด้วยน้ำเสียงเรยบๆ


“...แค่นั้นก็รู้แล้วเหรอ”


“บรรยายกาศตอนอยู่กับหมอนั่นมันไม่เหมือนตอนอยู่กับคนอื่น ไม่ว่าใครก็มองออกทั้งนั้นแหละ”


“...”แปลว่าผมแสดงว่ารักลูก้าออกมาตั้งนานแล้วแต่กลับไม่รู้ตัวงั้นเหรอ


จะว่าไปลูก้าก็เคยพูดบ่อยว่าท่าทางผมแค่ดูก็รู้แล้ว


นี่แปลว่าลูก้ารู้จริงๆถึงความรู้สึกของผมที่มีต่อเขา


ฉ่า


จะบ้าตาย


อยากเอาหน้ามุดลงไปในโคลนใต้ทะเลจริงๆเลย


แล้วตอนเจอหน้ากันผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน


ความรู้สึกที่ตัวเองพึ่งเข้าใจแต่ลูก้ากลับรู้มันมาตลอด


ทุกครั้งที่เขาพูดผมก็ไม่เคยเชื่อว่ามันเป็นความจริง


“เฮ้อ...แบบนี้คงต้องหาสาวมาปลอบใจสักหน่อยแล้ว”ปายถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆ


“ขอบคุณนะปาย”ผมเอ่ยออกไปตามตรง


ถ้าไม่ได้ปายผมคงไม่รู้สึกตัวหรอก


“ไม่เป็นไร แต่ขออะไรปลอบใจหน่อยสิ”


“ปลอบใจ? จะเอาอะไรล่ะ ให้เลี้ยงข้าว?”


“หึ...เอานี่ต่างหาก”พูดจบแก้มขวาของผมก็ถูกริมฝีปากประทับสักพักก่อนจะถอนออกไปท่ามกลางความอึ้ง


“ปาย...”ทำอะไร


“จากนี้ก็จัดการเองละกัน”ปายกระซิบข้างหูผมพร้อมกับสัมผัสได้ถึงรังสีอะไรสักอย่างที่เข้ามาใกล้ ยังไม่ทันได้หันไปมองร่างของผมก็ถูกโอบไปแนบชิดกับแผ่นอกด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว


สัมผัสของมือที่สัมผัสกับกลิ่นอันคุ้นเคยต่อให้ไม่มองก็รู้ว่าเป็นใคร


“ลูก้า?”ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกผมเหยียบเท้าแล้วศอกกลับไปจนสลบแน่


“ทำอะไรสาม”เหมือนคำพูดนั่นจะไม่ได้ถามผมนะ


“หอมแก้มไง”ปายตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ


“สามเป็นของผม”ลูก้าประกาศเสียงดังด้วยน้ำเสียงจริงจัง


น้ำเสียงนั่นเรียกความร้อนให้มารวมอยู่บนใบหน้าผมแทบจะทันที


“หึ...รู้แล้วน่า ดูแลดีๆล่ะไม่งั้นฉันมาแย่งแน่”


“ไม่ยอมให้มาแย่งหรอก”


“จะรอดู”


“สาม”พอปายเดินจากไปลูก้าก็ก้มลงมาแนบใบหน้าแนบชิดกับแก้มข้างที่ถูกหอมไปก่อนหน้านี้เหมือนกับเป็นการลบสัมผัสนั่นอย่างเนียนๆ


“ทำอะไรน่ะ”ถ้าคิดว่าผมจะปล่อยผ่านก็บอกเลยว่าคิดผิด


“ไม่ชอบนี่ หมอนั่น...ยังไงก็ไม่ชอบจริงๆ”


“อะไรที่ทำให้ไม่ชอบปายขนาดนั้นล่ะ”ผมถามกลับ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกันดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าซะแล้ว


ไม่รู้ว่าสาเหตุมันคืออะไรกันแน่


“หมอนั่น เหมือนผม”


“เหมือนลูก้า?”


“อืม”


“ตรงไหนกัน”ดูยังไงก็ไม่เห็นส่วนที่คล้ายกันเลยสักนิด


“ตรงที่รักสาม”น้ำเสียงและคำพูดที่ได้ยินทำเอาหัวใจเต้นแรงขึ้น


ก่อนหน้านี้ปายก็บอกว่ารู้ถึงความรู้สึกของลูก้าที่มีต่อผม แล้วตอนนี้ลูกก้าก็บอกว่ารู้ความรู้สึกของปายที่มีต่อผม


ราวกับทั้งคู่รับรู้ได้เพียงแค่เจอกันไม่กี่วินาทีเท่านั้น


จะบอกว่ามันเป็นความผิดผมที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ลงลอยกันก็คงใช่


“ผมไม่อยากให้ทั้งคู่ไม่ชอบหน้ากันอยู่แบบนี้หรอกนะ”ผมบอก


“สาม...”


“ผมรู้ว่าทั้งคู่รักผม ปายเองก็พึ่งมาสารภาพ...”


“ว่าไงนะ”ร่างผมถูกหันให้มาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายโดยตรง ดวงตาสีเงินนั่นจ้องมาด้วยความตื่นตกใจและสีหน้าเป็นกังวลจนผมขมวดคิ้วตามอย่างไม่เข้าใจ


“ทำไมทำหน้าแบบนั้นลูก้า”


“หมอนั่นสารภาพรักกับสามเหรอ”เหมือนสิ่งที่ได้จะไม่ใช่คำตอบของสิ่งที่ผมถามนะ


เอาเถอะ


ไว้เคลียร์ทีละเรื่องละกัน


“ใช่”ผมพยักหน้าตามตรง


“แล้วสาม...”


“ผมทำไม”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดต่อสักทีผมเลยถามกลับ


“สามตอบไปว่ายังไง”น้ำเสียงกับสีหน้ากังวลนั่นทำเอาผมหยุดยิ้มออกมาบางๆ


“อย่าทำหน้าแบบนั้น...ผมปฏิเสธไปแล้ว”


“อ่า นึกว่าสามจะนอกใจผมซะแล้ว”ลูก้าถอนหายใจด้วยใบหน้าโล่งอก


แต่เดี๋ยวนะ


“ใครจะนอกใจกัน”ผมถามเสียงนิ่ง


“ก็สามรักผมนี่นา ถ้าตกลงคบกับคนอื่นก็ถือเป็นการนอกใจสิ”


ไปเรียนคำนั้นมากไหนเนี่ย


คำว่านอกใจไม่ใช่ศัพท์ง่ายๆที่จะพบเจอได้ในชีวิตประจำวันหรอกนะ


“จะบอกว่ารู้ใจผมมากกว่าตัวผมเองงั้นเหรอ”ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยระหว่างถาม


“อืม ผมรู้ว่าสามรักผม แม้ว่าสามจะไม่รู้ตัวแต่ผมรู้นะ...ผมจะรอจนกว่าจะถึงวันที่สามยอมรับว่ารักผม”


ผมต้องทำให้เรื่องนี้และความสัมพันธ์นี้คืบหน้าซะที


จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดี


ความรู้สึกนี่ผมแน่ใจแล้ว


แต่ถึงจะแน่ใจก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี


แค่รักกันไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ด้วยกันยืด


มีหลายคู่ที่ต้องแยกทางกันไปเมื่อได้เห็นความจริงหลายๆแง่ของอีกฝ่าย


ก็ไม่เข้าใจว่าผมจะมาคิดมาทำไมทั้งที่ทั้งผมและลูก้าต่างก็แสดงตัวตนจริงๆออกมาเวลาอยู่ด้วยกันตลอด


“จะรออีกนานแค่ไหนล่ะ ถ้าผมไม่ยอมรับความรู้สึกนั้นทั้งชีวิตจะทำยังไง”


“ผมเชื่อว่าอีกไม่นานสามจะยอมรับมัน”


“แน่ใจ?”ผมถามเสียงสูง


“อืม”


“งั้นถ้าผมยอมรับแล้วจะทำยังไงต่อ”


“...ก็จะขอคำตอบที่ขอเป็นแฟนไปครั้งก่อน”ลูก้านิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา


“ผมจำไม่ได้แล้ว ลองพูดให้ผมฟังอีกครั้งสิ”ผมบอกออกไปทั้งๆที่ยังจำคำพูดนั่นได้อย่างชัดเจน


ไม่มีถ้อยคำหวานๆโรเมนติก แต่มันกลับรู้สึกถึงความจริงใจจากคำพูดนั่นได้


“ผมรักสาม...รักมากๆ คนที่เป็นคู่เพียงคนเดียวของผมก็คือสาม เพราะงั้นเลยอยากให้สามยอมรับผมเป็นคู่ เอ่อ เป็นแฟนด้วย”คำพูดตะกุกตะกักในหลายแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างไม่ได้มีการคิดไว้ล่วงหน้า


ทั้งที่แค่ขอเป็นแฟนธรรมดาเหมือนก่อนหน้านี่ก็ได้แต่ลูก้ากลับทำแบบนี้ซึ่งเกินคาดสุดๆ


ผมนี่ถึงกับหุบยิ้มไม่ได้เลย


แค่ดูก็รู้แล้วว่าพยายามพูดมันออกมาขนาดไหน


ในเมื่อพยายามแบบนี้ถ้าไม่ตอบรับก็คงจะใจร้ายเกินไปหน่อย


“เอาสิ”ผมตอบรับพลางเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ชะงักไป


“...เอาสิอะไร”เหมือนอีกฝ่ายจะพยายามคิดในสิ่งที่ได้ยินแต่ไม่ได้คำตอบเลยต้องถามซ้ำอีกครั้ง


“แล้วลูก้าถามว่าอะไรล่ะ”


“ขอสาม...เป็นแฟน”


“อ่าฮะ...ก็ตามนั้น”เรื่องแบบนี้ต้องให้พูดซ้ำด้วยเหรอ


แค่นั้นก็รู้สึกเขินจะแย่แล้ว


“...จริงเหรอ สามยอมรับว่ารักผมแล้วสินะ”ลูก้าถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มือทั้งสองข้างของเขาเขย่าไหล่ผมไปมาเหมือนไม่แน่ใจ


“ก็ไม่รู้สินะ”ก็ยอมรับอยู่ แต่จะให้พูดออกไปตามตรงคงไม่ง่ายหรอก


แถมยังไงลูก้าก็รู้อยู่แล้ว ขอแกล้งไปอีกสักละกัน


ยังไงตอนนี้ก็ยกระดับความสัมพันธ์ไปได้อีกหน่อยแล้ว


“อย่าพึ่งกวนสิสาม”


“กวนที่ไหนตอนนี้ผมกำลังปรบมืออยู่”พูดจบก็ตบมือแปะๆ


“สาม...”น้ำเสียงเคืองเมื่อเรียกชื่อผมแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้ายิ้มเจ้าเล่ห์จนขนทั้งร่างผมลุกชัน


อะไร


ใบหน้านั่นมันอะไร


“ลูก้า...อึก”ผมถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกอีกฝ่ายดันจนหลังผมแนบสนิทกับต้นมะพร้าวด้านหลังโดยที่ลูก้าโน้มตัวลงมาใกล้
หน้าผากของพวกเราสัมผัสกันเช่นเดียวกับดวงตาที่สอดประสาน


หัวใจที่สงบนิ่งเริ่มเต้นเร็วขึ้น


ผมไม่ชินกับความรู้สึกนี่จึงพยายามผลักยังแผ่นอกนั่นทว่าด้วยแรงที่ต่างกันมาก แถมยังอยู่ในสภาพจิตใจไม่ค่อยปกติเลยทำให้ไม่สามารถผลักลูก้าออกไปได้ดั่งใจ


“ในเมื่อเป็นแฟนกันงั้นผมก็ไม่ต้องคอยข่มอารมณ์แล้วเนอะ”


“...อะไร...อารมณ์อะไร...อุ๊บ อื้ออ”ยังไม่ทันได้เอ่ยจบเสียงก็ถูกดูดกลืนไปโดยริมฝีปากตรงหน้า ความชื้นและความร้อนยามลิ้นสัมผัสกันทำเอาหัวขาวโพลนไปหมด


จูบ เป็นเรื่องที่ใครๆก็ทำกันยิ่งในต่างประเทศยิ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาแต่สำหรับผมไม่ใช่


นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้จูบอย่างจริงจังถึงขนาดนี้


สัมผัสของลูก้าสูบพลังงานที่มีจนแทบพยุงตัวไว้ไม่ไหว อาจเพราะแบบนั้นลูก้าเลยใช้ตัวเองเข้ามาช่วยพยุงไม่ให้ผมล่วงลงไปโดยที่ริมฝีปากของพวกเราก็ยังคงแนบสนิท


การกระทำของลูก้ารุนแรงทว่ากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก


“อื้ออ...”เหมือนลูก้าจะรู้ถึงความคิดผมเลยยิ่งกดสัมผัสให้ลึกล้ำขึ้นอีก


ฝ่ามือร้อนๆที่ช่วยพยุ่งร่างผมไว้ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปลูบไล้ยังแผ่นหลังใต้เสื้ออย่างอ้อยอิ่งสร้างความรู้สึกแปลกๆให้เกิดขึ้น


“อ่า...สาม...สาม...”เมื่อถอนจูบออกลูก้าก็ไล่จูบตามต้นคอพลางขบเม้มเบาๆ


“อื้อ...ลูก้า...”สติมันหายไป


สิ่งที่มีคือความรู้สึกแปลกๆที่เหมือนกำลังจะฉุดตัวเองไม่อยู่


“สาม...”


“ลูก้า...”




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 22-06-2018 20:47:24
(ต่อนะคะ)


ครื่นนนน  ครื่นนนน


อารมณ์และความรู้สึกที่กำลังพุ่งทยานขึ้นไปถูกตัดฉับด้วยแรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงของผม พวกเราทั้งคู่ต่างหยุดชะงักในการกระทำ


สติที่เลือนรางกลับมาทันควันพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลของผมที่เบิกกว้างขึ้น ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ถาโถมเข้ามาเป็นฉากๆ
เพียงแค่นั้นใบหน้าก็ร้อนราวกับถูกไฟเผา


ร่างกายขยับไปเองโดยไม่ผ่านกระบวนความคิด...


“สาม...เฮ้ย...”เสียงร้องอย่างตกใจของลูก้าดังขึ้นเมื่อถูกผมเอื้อมมือไปดึงแขนอีกฝ่ายให้เข้ามาหาและใช้เท้าเตะเข้าไปยังหัวเข่าจนเซใกล้ล้ม ผมอาศัยจังหวะนั้นทุ่มผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนหมาดๆลงกับพื้นทรายโดยไม่มีการออมมือ


“ทำบ้าอะไรเนี่ย!”ผมตะโกนด้วยน้ำเสียงหลากอารมณ์


ทั้งโกรธ โมโห เขิน อาย


อารมณ์ทุกอย่างเหมือนจะปะทุออกมาพร้อมกันหมด


“...สาม...”


“พึ่งจะตกลงเป็นแฟนก็มาทำกันแบบนี้งั้นขอเลิกเลยละกัน”


“เดี๋ยวก่อน ผมขอโทษ...ตอนแรกผมไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยจริงๆนะแค่จะแกล้งเฉยๆแต่สามดันทำหน้าแดงขนาดนั้นมันเลยอดใจไม่อยู่...”


“หยุดพูดนะ”จะมาทำให้อายมากขึ้นด้วยคำสารภาพแบบนั้นเพื่ออะไร


“อย่าพึ่งเลิกเลย ใจเย็นๆก่อนนะสาม รับโทรศัพท์ก่อนก็ได้”คำพูดของลูก้าเรียกให้ผมสนใจเครื่องมือสื่อสารที่ยังคงสั่นไปมาอยู่ในกระเป๋ากางเกง


“คุยเสร็จผมจะบ่นต่อแน่...ครับ”ผมกดรับสายโดยไม่ดูชื่อเหมือนอย่างทุกครั้ง


(รับสายช้าแปลว่ากำลังทำอะไรสำคัญอยู่เหรอทรี ถ้ายุ่งไว้จะโทรไปใหม่)น้ำเสียงและชื่อที่ใช้เรียกทำให้ผมรู้ทันทีว่าปลายสายคือใคร


“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ว่างสุดๆเลย”ผมบอกพลางยกมืออีกข้างลูบแก้มแดงระเรื่อจากเหตุการณ์ก่อนหน้าไปมา


(ถ้าว่างก็ดีเลย มีภารกิจน่ะ)


“ภารกิจ? ไม่ใช่ภารกิจปกติสินะ”


(รู้ด้วยเหรอ)


“แน่ล่ะ ถ้าเป็นภารกิจปกตินายคงไม่พูดว่าจะโทรมาใหม่หรอก”เรื่องนี้ใครๆก็ดูออก ง่ายจะตาย


(สมแล้วที่เป็นทรี)


“แล้วภารกิจที่ว่าคืออะไร”ผมถามปลายสายโดยที่ส่งสายตาเคืองๆไปให้ลูก้าเข้ามากอดผมจากด้านหลังแล้วแนบหูเข้าเข้าอีกฝั่งของโทรศัพท์


ถ้าอยากฟังผมเปิดลำโพงให้ก็ได้


ผมที่เตรียมจะลดโทรศัพท์ลงมาเปิดลำโพงถูกลูก้าใช้มือข้างหนึ่งขึ้นมาจับไว้ราวกับจะบอกว่าไม่ต้อง


นี่ผมกำลังถูกลวนลามอยู่ชัดๆ


(ภารกิจส่งตรงมาจากคันเนโลนี จอห์น)


“คะ คันเนโลนี จอห์น”ผมแทบจะตะโกนออกมาเมื่อได้ยินชื่อนั้นหลุดออกมา


คันเนโลนี จอห์นผู้เป็นบิดาแห่งการค้นพบคนนั้นน่ะนะ


(ก็นั่นแหละ พอดีเขาพึ่งค้นพบเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกจากการเดินทางทางอากาศเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนเลยจัดตั้งคณะเข้าไปสำรวจ)


“คงไม่ได้ต้องการให้ผมเป็นหนึ่งในคณะนั้นหรอกใช่ไหม”คนระดับนั้นมีบุคคลกรที่มีความสามารถในระดับสูงอยู่แล้ว แถมการสำรวจก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมถนัดด้วย


(พูดถูกแล้วทรี งั้นลองทายไหมว่าเกิดอะไรขึ้น)


“เหมือนเราจะว่างกันมากเนอะเซโคร”ผมถามกลับด้วยรอยยิ้ม


(ก็ว่างอยู่ละมั้ง)


“จะลองคิดดูละกัน”


(ขอฟังข้อสันนิฐานหน่อยนะทรี)


ผมเงียบจากการสนทนาก่อนจะตั้งสมาธิเพื่อใช้ข้อมูลที่มีเพียงน้อยนิดในการวิเคราะห์


การที่มีภารกิจส่งตรงมายังผมแปลว่าต้องเกี่ยวกับน้ำ แน่นอนว่าเกาะย่อมล้อมรอบด้วยน้ำแต่ถ้ามีแค่นั้นก็ไม่จำเป็นต้องเรียกผมไปหรอกนอกะจากจะมีปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้


สิ่งที่อาจเป็นปัญหาได้ก็มี2อย่าง


อย่างแรกคือภายนอกเกาะซึ่งรวมตั้งแต่ผืนน้ำไปจนถึงสภาพอากาศ


อีกอย่างคือภายในเกาะมีอะไรบางอย่าง


“อาจมีปัญหาภายนอกหรือภายในเกาะ และอาจเป็นปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้ด้วยกำลังคนปกติอย่างบนเกาะนั่นมีสัตว์น้ำอันตรายอยู่”ผมบอกสิ่งที่คิดออกไป


(ว้าว ข้อมูลแค่นั้นวิเคราะห์ได้ขนาดนี้เลยเหรอ)น้ำเสียงชื่นชมจากปลายดังขึ้น


“แปลว่าถูก?”


(ใช่ เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณจอห์นได้พาคณะสำรวจกว่า50คนเตรียมเข้าไปสำรวจเกาะแต่นอกจากจะเข้าไปใกล้ไม่ได้แล้วยังมีเรื่องน่าตกใจอีก)


“เข้าไปไม่ได้หมายถึงเรือเข้าไปใกล้ไม่ได้เหรอ”ผมถามกลับด้วยความอยากรู้


(อืม พอไปทางเรือก็เจอกับกระแสน้ำวนที่รุนแรงกว่าปกติแถมพอคิดจะไปทางอากาศกลับพอว่าเกาะนั่นมีพื้นดินอยู่ไม่ถึง30เปอร์เซ็นต์ของเกาะด้วยซ้ำ จากการใช้กล้องส่องดูด้านล่างจึงพบว่าเกาะมีรูปร่างคล้ายวงกลมโดยมีผืนนำแบ่งออกเป็น2ฝั่ง


“แค่ปัญหาระดับนั้นผมก็คิดว่ายังไม่ถือเป็นปัญหาใหญ่นะ”ด้วยความสามารถขององค์กรสามารถจัดการได้อยู่แล้ว


การที่เรียกผมซึ่งมีลูก้าอยู่ด้วยให้ไปทำภารกิจมีความหมายเดียวคือบนเกาะมีสัตว์อันตรายอยู่


(อันนั้นผมแค่เล่าให้ฟังคร่าวๆ จากนี้คือปัญหาจริง ด้วยวิทยาการในการจับลังสีความร้อนและถ่ายภาพจากดาวเทียมทำให้รู้ว่าบนเกาะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ประมาณ1000ชนิดซึ่งแค่ในน้ำก็กินไปกว่าครึ่งแล้ว แล้วรู้ไหมว่าตอนใช้กล้องส่องเจอเข้ากับอะไร)


“...เจออะไรเซโคร”


(แอมบูโลซีตัส)


“ว่าไงนะ แอมบูโลซีตัสงั้นเหรอ”สัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นวาฬเดินได้นั่นน่ะนะ


แอมบูโลซีตัส เป็นสัตว์ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากยาวแค่3เมตรเท่านั้น ที่น่าสนใจคือมันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งอยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ ในปัจจุบันเองก็ยังไม่มีที่ไหนสามารถเพาะมันขึ้นมาได้เพราะไม่มีตัวอย่างดีเอนเอที่ชัดเจอเมื่อเทียบกับสัตว์ตัวอื่นแม้ว่ามันจเป็นเครือญาติของวาฬก็ตาม


รู้ไหมว่าผมมีความฝันอยากจะเห็นมันสักครั้งมานานมากแล้ว


“นี่มันสุดยอดไปเลย”ผมบอกปลายสายตั้วยความตื่นเต้น


(ว่าแล้วว่าสามต้องชอบ เกาะที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจากระแสน้ำอันรุนแรงนั่นดูเหมือนว่ามันจะซ่อนสิ่งมีชีวิตในอดีตกาลไว้มากมายนั่นทำให้คุณจอห์นไม่มั่นใจในความปลอดภัยเลยต้องการให้นายเข้าไปสำรวจความปลอดภัยและศึกษาสิ่งมีชีวิตพวกนั้นคร่าวๆ ว่าไง จะรับภารกิจนี้ไหม)


คำถามนั้นจำเป็นต้องตอบจริงๆน่ะหรือ


ถึงไม่ตอบเซโครก็น่าจะเดาได้นี่


“จะไม่รับได้ยังไงเล่า ไปเลยใช่ไหม”ผมแทบจะวิ่งไปเตรียมอุปกรณ์มันซะตอนนี้เลย


(อย่าพึ่งใจร้อน พรุ่งนี้9โมงจะมีเฮลิคอปเตอร์มารับ)


“พรุ่งนี้เลยเหรอ”อยากไปวันนี้นี่


(เวลาที่เหลือเตรียมตัวให้พร้อมเถอะเพราะอย่าลืมว่าทรีต้องไปกับลูก้าตามลำพังถ้าเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครช่วยได้หรอกนะ)


“...นั่นสิ เข้าใจแล้ว”


(กลับมาแล้วโทรมาเล่าให้ฟังด้วยล่ะ ผมเองก็อยากไปเหมือนกันแต่ดันมีงานเข้ามาซะได้)


“เป็นงานที่ยากพอดูสินะ”ฟังจากน้ำเสียงก็พอเดาได้อยู่


(อ่า ไปจับพวกลักลอบทดลองการให้ชิวิตน่ะ)


“...หมายถึงการโคลนมนุษย์?”


(ใกล้เคียงแต่แย่กว่า)


“หมายถึงยังไง”แย่กว่าที่ว่า


(พวกมันคิดจะสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์)


“ว่าไงนะ”ผมถึงกับตะโกนเสียงดัง ลูก้าที่ฟังอยู่ถึงกับคลายแขนที่กอดเอวผมไว้


สร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์


นี่มันบ้าไปแล้ว


มนุษย์ปกติไม่มีทางทำได้ ต่อให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่าย


คนที่ทำสำเร็จตอนนี้มีเพียงคนขององค์กรดอร์วูซึ่งขึ้นตรงกับบิดาแห่งการคืนชีพอย่างด็อกเตอร์ฟรานซิส  เบนซ์ ฟงเซ่เท่านั้น
แน่นอนว่าความลับของการสร้างอยู่ในระดับสูงไม่มีใครสามารถรู้ได้


แล้วทำไมถึง...


(เพราะพวกมันไม่รู้เลยลองสร้างขึ้นมา แน่นอนว่ามันผิดพลาด ผมพึ่งไปเจอฐานหนึ่งที่มีการทดลองแต่พวกมันก็หนีไปแล้ว)
“ต้องรีบจับให้เร็วที่สุด”เรื่องนี้มันไม่ใช่เล่นๆแล้ว


การทดลองแบบนี้ถือเป็นการสร้างชีวิต และเมื่อชีวิตที่ถูกสร้างไม่ได้ตามต้องการพวกมันคงไม่ปล่อยให้มีชีวิตต่อ เรียกว่าพอเกิดมายังไม่ทันรับรู้ก็ต้องตายถ้ามันไม่สำเร็จ


(อืม ผมเลยต้องลงมือด้วยตัวเอง งั้นไว้คุยกันใหม่นะทรี)


“ได้ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ”


(ขอบคุณ บาย)


“บาย”


พอวางสายเสร็จความเงียบก็เข้าปกคลุม ผมหันไปสบตากับลูก้าที่มองมาอยู่ก่อนด้วยสายตาเครียดๆ


ได้รู้เรื่องใหญ่เข้าซะแล้ว


“มีมนุษย์คิดจะสร้างพวกผมสินะ”ลูก้าพึมพำ


“ใช่...แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำเลย”การทดลองกว่าจะสำเร็จอาจใหช้เวลานับสิบปี


คิดดูละกันว่าสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจะเป็นยังไง


ในตอนของด็อกเตอร์ฟรานซิสก็คงจะสูญเสียไปมาก แต่ผมไม่เข้าใจว่าพวกนั้นคิดจะสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไปทำไมและเพื่ออะไร


ถึงจะไม่รู้ก็พูดได้เลยว่าไม่ได้สร้างไปใช้ในเรื่องดีสักเท่าไหร่หรอก


“สาม...ทำหน้าเครียด”


“ก็มันน่าเครียดนี่ เอาล่ะ เรื่องนั้นเซโครจัดการได้อยู่แล้ว เราก็ไปเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้เถอะ”สิ่งที่ผมทำได้คือจัดการภารกิจของตัวเองให้ดีที่สุด


“เราจะไปเกาะกันสินะ”ลูก้าถามระหว่างเดินกลับห้องพัก


“ใช่ ดูเหมือนจะเป็นเกาะที่อยู่มาตั้งแต่ยุคแคมเบรียน สัตว์ในยุคนั้นอยู่ในช่วงกำลังวิวัฒนาการจึงทำให้มีรูปร่างค่อนข้างแปลก”


“ยุคนั้นพวกไดโนเสาร์เกิดรึยัง”


“คิดว่ายังนะ ไดโนเสาร์เกิดในช่วยปลายของยุคเพอร์เมียน...เราต้องเตรียมของไปให้พร้อม ลูก้าช่วยหยิบเสื้อแขนยาวในตู้ให้หน่อย”ผมบอกเมื่อเข้ามาในห้องพักเรียบร้อย


กระเป๋าที่จะใช้เป็นกระเป๋าสะพายใบใหญ่ยักษ์เหมาะสำหรับยัดของทุกอย่างลงไปได้โดยไม่ต้องกลัวเต็ม


“ทำไมต้องแขนยาวล่ะ เราไปในเขตร้อนนี่”ลูก้าถามทั้งๆที่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า


“ต้องป้องกันไว้ก่อน เราไม่รู้ว่าที่นั่นมีอะไรอยู่บ้างพืชและสัตว์บางชนิดอาจมีพิษเวลาสัมผัสเราจึงต้องระวังไว้ให้มาก ลูก้าเองก็ต้องใส่แขนยาวเหมือนกัน”


“ร้อนจะตาย ไม่ใส่ได้ไหม”


“ไม่ได้”


“อย่าใจร้ายกับแฟนสิสาม”คำพูดของลูก้าทำให้ผมนึกได้ว่าตอนนี้เราไม่ได้เป็นเพียงคู่หูแต่ยังเป็นคนรักกันอีกด้วย


“ถ้าไม่ใส่ผมเลิกนะ”ผมขู่ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


“อย่าเอาเรื่องนี้มาขู่สิ”


“คิก ไม่ต้องร้อนรนขนาดนั้นน่า ผมล้อเล่น”


“ชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”


“ไม่เห็นจำได้แฮะ”ผมไม่แกล้งลูก้าตอนไหนกัน


“ให้ร่ายทั้งเดือนยังไม่หมดเลย”


“ไม่เยอะขนาดนั้นสักหน่อย”ผมขอค้านเหอะ ก็ยอมรับว่ามีแกล้งบ้าง แหย่อีกนิด กวนอีกหน่อยแต่ไม่มีทางจะมากขนาดพูดทั้งเดือนไม่หมดหรอก


“เยอะกว่านั้นมากด้วย ให้ผมบอกตั้งแต่เรื่องแรกเลยดีไหม”


“ลูก้า”นี่แกล้งกันคืนชัดๆ


“ครับสาม”


“นายก็กวนไม่แพ้กันหรอก”เห็นหน้านิ่งๆแบบนี้เวลากวนน่าโมโหกว่าคนปกติ10เท่า


“น้อยกว่าสามละกัน”


“ลูก้า”


“สามน่ารัก”อยู่ๆน้ำเสียงกวนๆก็กลายเป็นเสียงโทนนุ่มพ่วงด้วยรอยยิ้มที่ทำเอาหัวใจผมกระตุกอย่างฉับพลัน


เล่นเปลี่ยนกะทันหันผมก็แย่น่ะสิ


“ปะ...ไปเอากางเกงด้วย”ผมเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องแล้วก้มหน้าก้มตาจัดข้าวของใส่กระเป๋าใบใหญ่


ในวันรุ่งขึ้นผมตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่ช่วงเช้าของโดยมีลูก้าลุกตามขึ้นมาด้วยใบหน้างัวเงีย ข้าวเช้าถูกจัดการในช่วง8โมงก่อนจะขึ้นไปยังบนดาดฟ้าที่มีเฮลิคอปเตอร์จอดรออยู่


ผมทักทายคนขับพอเป็นพิธีก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะลอยลำสู่ท้องฟ้าสีฟ้าสด หมู่เมฆในวันนี้มีให้เห็นปะปายซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้มองเห็นวิวด้านล่างได้ชัดขึ้น


การเดินทางใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงถึงจะสามารถมองเห็นเกาะที่ว่าได้ ภาพรวมของเกาะผมได้มาจากข้อมูลเมื่อวานหลังจากจัดของเสร็จจากเซโครแต่ของจริงนี่ดูจะน่าตื่นตาตื่นใจกว่ามาก


เกาะรูปร่างคล้ายวงกลมถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนซึ่งแต่ละส่วนก็มีส่วนเว้าส่วนโค้งคล้ายกับครึ่งหัวใจ ทะเลรอบๆแม้มองจากความสูงระดับนี้ก็ยังเห็นถึงน้ำวนได้ชัดเจน


แบบนั้นเรือเข้ามาไม่ได้หรอก


เกาะนั่นเหมือนกำลังถูกปกป้องด้วยธรรมชาติที่ไม่ต้องการให้ใครได้ค้นพบ


แต่ยิ่งปกป้องมากเท่าไหร่ด้วยสัญชาตญาณความอยากรู้ของมนุษย์ก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้รู้ถึงสิ่งที่อยู่ภายในนั่น


“จะให้ไปส่งที่ไหนดีครับ”เสียงของคนขับเฮลิคอปเตอร์ตะโกนถามเมื่อลดระดับความสูงลงมาอยู่ประมาณ500เมตรจากพื้นดิน


“ขอเปิดประตูนะครับ”ผมขออนุญาตก่อนจะเปิดประตูเฮลิคอปเตอร์แล้วชะโงกลงไปดูสภาพจริงโดยไม่ผ่านกระจก


เกาะทั้ง2ฝั่งเหมือนจะเป็นน้ำจืดกับน้ำทะเล ส่วนที่เป็นทะเลถูกทรายสีนวลล้อมรอบถัดไปไม่ไกลก็เป็นป่าขนาดใหญ่ที่ไม่กว้างแต่ยาวมากแตกแขนงไปจนถึงฝั่งของน้ำจืดที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเต็มไปหมด


“สาม...เอายังไง”


“ลูก้าอยากไปที่ไหนก่อนละ น้ำจืดหรือน้ำทะเล”ผมหันไปขอความเห็น


“ให้ผมเลือก?”


“ใช่”


“งั้นน้ำทะเล”คำตอบที่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด


ลูก้าเติบโตมากับทะเล


ไม่แปลกที่จะเลือก


“ช่วยไปส่งยังพื้นทรายด้านล่างนี้ด้วยครับ”ผมตะโกนบอกคนขับ


ด้วยความที่เป็นพื้นทรายแถมยังมีระยะไม่กว้างเลยไม่สามารถให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้ดังนั้นผมกับลูก้าเลยไต่บันไดที่ห้อยจากด้านบนลงมาจนถึงพื้นทราย


“สามระวัง!”เสียงตะโกนของลูก้าดังขึ้นพร้อมดันผมให้ไปอยู่ด้านหลัง


เพียงแค่สัมผัสพื้นยังไม่ถึง10วินาทีก็ถูกสายตานับสิบคู่จ้องมาซะแล้ว


ร่างสีเหลืองค่อยๆพากันออกมาจากทั้งบนพื้นทรายและใต้ทะเลน้ำตื้น อุ้งเท้าอวบและมีกรงเล็บกับส่วนหางยาวแหลมสำหรับเคลื่อนที่ใต้ผิวน้ำนั่นพร้อมจะล่าทุกสิ่งไม่ว่าจะบนบกหรือใต้น้ำ


สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เลี้ยงลูกด้วยนม


มาถึงก็เจอเลยเหรอ


แอมบูโลซีตัส!
...........................................................

สวัสดีค่าา

มาต่อแล้วกับตอนต่อไปซึ่งใครหลายคนคงกำลังรอคอยตอนนี้กันอยู่แน่

ในที่สุดสามของเราก็รู้ใจตัวเองแล้ว (แต่งเองก็แทบจะร้องเย้ลั่นบ้าน 555)

ว่าจะมีฉากหวานสักหน่อยแต่เซโครดันโทรเข้ามาแถมยังมีภารกิจให้ไปทำอีก

ใครรอฉากหวานๆ ก็สามารถอ่านได้ทุกตอนอยู่แล้วเพราะคู่สามและลูก้านั้นหวานกันม๊ากมาก

หวานอยู่ทุกตอน มดนี่ขึ้นจอเลยทีเดียว

ช่วงนี้ก็มีหน้าเรื่องJurassic world2 กำลังฉาย เพิ่มความอินหลังจากดูหนังด้วยนิยายเราได้นะ

เรานี่อยากได้แก้วที่เป็นรูปบลูมากแต่ดันหมดตั้งแต่วันที่2ที่หนังเข้า เสียใจมากกก

แต่ไม่เป็นไรแค่ได้เข้าไปดูหนังก็ฟินแล้ว

ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเม้นท์และทุกๆ กำลังใจที่มีให้เสมอมานะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย

--------มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-------

(https://www.img.in.th/images/5347d0a6fc2feb05ac8b6631612cb59c.jpg)

วันนี้ขอเสนอแอมบูโลซีตัสหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถอยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ ชื่อของมันแปลได้ว่า "วาฬเดินได้" ขนาดตัวยาวประมาณ 3 เมตร กินเนื้อ และมีถิ่นที่อยู่แถบชายฝั่งทะเล

เครติด : หนังสือชุดนักพจญภัยน้อยตะลุยโลกล้านปี


nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-06-2018 21:25:21
เซโครน่าจะโทรมาช้ากว่านี้อีกนิดนึง อยากเห็นฉากหวานๆ นานๆ ไม่เป็นไรคราวหน้าก็ได้นะ แต่เจอวาฬเดินได้น่าจะสู้กันมันส์แน่ตอนหน้า ขอบคุณค่ะรอตอนหน้าค่ะ  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 22-06-2018 22:24:25
หึ... เซโคร... นะ... เซโคร... โทรมาช้ากว่านี้้อีกนิดก้อไม่ได้
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 23-06-2018 00:00:34
ยิ่งอ่านลูก้าก็ยิ่งน่ารัก
ทั้งหวง ทั้งห่วง ทั้งรักทั้งหลงสามจิ่งกว่าอะไร
น่าหยิกจริงๆ

ภารกิจนี้แลดผูน่ากลัวจังค่ะ เหมืออันตรายมาได้รอบด้าน
 ขอให้ปลอดภัยกันทั้งคู่นะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-06-2018 02:01:04
ภารกิจนี้ดูอันตรายมากกเลยย
ตอนได้สินชื่อวาฬเดินดินนี่นึกว่ามันจะน่ารักกว่านี้
แบบหัวกลมๆเหมือนวาฬ 555555
นี่เหมือนหมาป่ายักษ์ที่ว่ายน้ำได้เลยย
ลูก้าน่ารักขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับที่ยับยั้งชั่งใจได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนสามนั้นจากที่ไม่เคยขัดใจอะไรลูก้าได้อยู่แล้ว
พอเป็นแผนกเนก้คือการเลยตามเลยที่แท้ทรู
ถ้าเซโครโทรมาช้ากว่านี้อีกสักครึ่งชม.คงไม่มีคนรับแล้วอะ 555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 23-06-2018 05:47:16
ไปกันแค่2คนกลัววสามจะโดนกิน กลัวลุก้านี่แหล่ะกิน 555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-06-2018 08:25:43
ถ้าเซโครโทรมาช้ากว่านี้ซักหน่อย อะไรจะเลยเถิดไปถึงไหนนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 23-06-2018 08:44:54
เชโครรรร...โทรมาขัดจังหวะอย่างแรงเลยอ่ะ แหม่ะ!! 5555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 23-06-2018 17:22:24
สามเกือบโดนกินแล้ว หุหุ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-06-2018 06:42:42
ยอมแล้ว 555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 26-06-2018 11:14:21
เป็นภารกิจฉลองการคบกันทีแลดูโหดร้ายมาก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่18◈♦> 22/06/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 29-06-2018 23:07:18
เขิน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 06-07-2018 21:59:46
◈ธาราที่19◈



กะโหลกใหญ่หุ้มด้วยหนังสีเหลืองมันขลับเชิดขึ้นพร้อมเรียวปากขนาดใหญ่อันเต็มไปด้วยคมเขี้ยวของน่าล่าบนพื้นพิภพกำลังส่งเสียงขู่ก้องไปทั่วบริเวณ กรงเล็กของนักล่าบนบกถูกย่ำลงบนผืนทรายจนเกิดเป็นลอยขนาดใหญ่ มันอาจเป็นเรื่องปกติขอองสัตว์บกทว่าสิ่งที่บรรยายไปนั่นคือสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำในยุกแคมเบรียนที่สามารถล่าได้ทั้งบนบกและในทะเล


ไม่มีสัตว์อะไรน่ากลัวไปกว่าการล่าได้ทุกสภาพพื้นที่แล้ว


ถ้าเป็นฉลามเราอาจวิ่งขึ้นฝั่ง


ถ้าเป็นผึ้งเราอาจหนีลงน้ำ


แต่ถ้าเป็นแอมบูโลซีตัสไม่ว่าจะหนียังไงก็ไม่พ้น


สถานการณ์แรกเมื่อลงมาสู่พื้นทรายบนเกาะที่พึ่งถูกค้นพบคือการต้อนรับอย่างอบอุ่นโดยการถูกแอมบูโลซีตัสล้อมจนไม่มีทางหนีแม้แต่ตรงน้ำทะเลยังถูกปิดเลย


กรรร~


“อย่าพึ่งสู้ลูก้า เราต้องดูท่าทีก่อน” ผมกระซิบบอกลูก้า


มันง่ายถ้าจะให้ลูก้ากลับร่างแล้วจัดการแต่นั่นอาจทำให้สัตว์ซึ่งดุร้ายกว่านี้ปรากฏตัวขึ้นได้ อีกอย่างคือการมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อต่อสู้แต่มาเพื่อศึกษา ไม่ได้อยากจะสู้โดยไม่จำเป็นหรอก


“ถูกล้อมขนาดนี้ยังจะดูท่าทีอีกเหรอสาม”


“พวกเขาว่าไงล่ะ” ผมถามกลับเพื่อเก็บข้อมูล


“ยังไม่ได้พูดอะไรมากแค่เหมือนกำลังคุยว่าพวกเราเป็นตัวอะไร”


“ดูเหมือนเราจะเป็นสิ่งใหม่บนเกาะนี้สินะ ท่าทางของแอมบูโลซีตัสไม่ได้กำลังจะล่าแต่เหมือนกำลังระแวงและไม่ไว้ใจ ถ้าขืนเราทำอะไรน่าสงสัยได้ถูกรุมชัว” ถ้าพวกมันคิดจะล่าคงไม่ล้อมอยู่เฉยแบบนี้หรอก ยิ่งเป็นนักล่าที่รวมกลุ่มกันแบบนี้การล่าที่สะดวกที่สุดคือการรุมเข้าไปพร้อมกัน


“จะเอายังไงต่อ”


“ลองคุยกับพวกเขาดู” ผมบอกลูก้า


“เข้าใจแล้ว...กรร~” เสียงพูดคุยระหว่างไดโนเสาร์กลายพันธุ์และแอมบูโลซีตัสดังขึ้น ตอนแรกก็มีเสียงตอบแค่ตัวเดียวแต่ผ่านไปไม่กี่นาทีแอมบูโลซีตัสทุกตัวต่างก็ส่งเสียงออกมา


ร่างสี่ขาขยับเข้ามาใกล้พร้อมใช้ปลายจมูกของสัตว์บกเข้ามาสูดดมกลิ่นราวกับกำลังทำความรู้จัก การแสดงออกนั่นทำให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องจบลงด้วยการต่อสู้ทว่าแอมบูโลซีตัสหลังจากดมเสร็จก็ถอยออกไป และไม่กี่วินาทีเสียงขู่ก็ดังขึ้นอีกรอบ


อะไร...


ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับไม่ยอมรับแถมทั้งหมดยังจ้องมายังผมไม่ใช่ลูก้า


“ลูก้า” ผมเรียกเพื่อให้อีกฝ่ายอธิบาย


“พวกนั้นยอมรับผมเพราะว่าแข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนจะไม่ยอมรับสามเพราะรู้สึกว่าอ่อนแอกว่า”


“ฮะ?...” คำอธิบายนั่นให้ความรู้สึกเดียวกับที่ถูกพูดว่าตัวเล็กหรือเตี้ยเลย


เพราะเป็นมนุษย์เลยถูกมองว่าอ่อนแองั้นสิ


เพราะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่ทำได้เพียงวิ่งหนีนักล่างั้นสิ


น่าโมโห!


“ผมบอกไปแล้วว่าสามน่ะเก่งแต่เหมือนพวกเขาจะไม่เชื่อ...” ลูก้าพูดต่อพลางมองผมที่กำลังหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด


“ถ้าแสดงให้เห็นว่าเก่งกว่าก็จะยอมถอยรึเปล่าล่ะ”


“กรร~ พวกเขาบอกว่าใช่ บอกต่อด้วยว่าพวกเขาไม่นิยมการสูญเสียโดยไร้เหตุผล ถ้าทำให้ยอมรับว่าเก่งได้ก็จะไม่เกิดการต่อสู้ขึ้น” ลูก้าหันไปคุยกับแอมบูโลซีตัสสักพักก่อนจะตอบกลับมา สมกับเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุกแรกๆ มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูงและยังรักพวกพ้องมากด้วย แบบนี้แค่แสดงให้เห็นก็น่าจะพอ


“ถึงจะไม่ชอบ แต่คงต้องสู้สินะ”


กรรร~


“เหมือนจะต้องสู้แต่ไม่ใช่กับพวกเขา”


“หมายความว่ายังไง” ผมรีบถามต่อ


“เหมือนแถวนี้จะมีนักล่าที่แข็งแกร่งอยู่ และมันมักจะมาล่าแอมบูโลซีตัสเป็นอาหารดังนั้นเลยจะให้สามไปสู้กับมันน่ะ”


“...” คำอธิบายนั่นทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้นผมจ้องหน้าเหล่าแอมบูโลซีตัสอย่างไม่เกรงกลัว


นักล่าที่ล่าแอมบูโลซีตัสจะให้ผมไปสู้เนี่ยนะ คิดจะส่งผมไปเป็นตัวตายตัวแทนรึไง


ก็ว่าอยู่ ด้วยนิสัยของแอมบูโลซีตัสไม่ชอบการสูญเสียพวกพ้องจึงไม่น่าจะให้หนึ่งในพวกของตัวเองมาสู้กับผมหรอก แม้จะมองว่าผมอ่อนแอก็ตาม แต่การที่จะให้ไปสู้กับนักล่าที่อาจอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารที่นี่มันอาจหนักไปหน่อย แต่ก็ไม่แน่...


กรรรรรรรร~


ยังไม่ทันได้คิดหรือตัดสินใจอะไรได้แน่นอนเสียงขู่คำรามพร้อมเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น ร่างอันปราดเปรียววิ่งมาจากด้านในของป่าด้วยความเร็วดุจสายลม แพงคอสีน้ำตาลปลิ้วสไวเล็กน้อยพร้อมกับปากเรียวยามคล้ายหมาป่าในยุคปัจจุบันแต่มีขนาดใหญ่กว่าจนเทียบไม่ได้


“สาม...เจ้านี่มัน” เหมือนลูก้าจะรับรู้ได้ทันทีว่าสัตว์ตรงหน้านี้อันตราย


ผมเองก็เห็นด้วย


รูปร่างและหน้าตาแบบนั้นผมรู้ว่าคืออะไร เมื่อคืนพอรู้ว่าเกาะนี้มีแต่สัตว์ในยุคแคมเบียนผมเลยจัดการหาหนังสือรวมสัตว์ในยุคแคมเบรียนมาอ่าน และเจ้านี่ก็ปรากฏชื่ออยู่ในหมวดนักล่าที่ถ้าเจอต่อให้หนีก็ไม่อาจรอด


“แอนดรูซาร์คัส” ผมพึมพำชื่อสัตว์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกกังวลเล็กน้อย


แม้จะมีรูปร่างคล้ายหมาป่าแต่แอนดรูซาร์คัสนั้นเป็นสัตว์นักล่าที่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า ด้วยความสูงเทียบเท่ามนุษย์และความยาวตั้งแต่หัวจรดหาง4เมตร กะโหลกเรียว ขากรรไกรกว้าง คมเขี้ยวแหลมคมชนิดที่สามารถบดขยี้กระดูกให้แหลกละเอียดได้ในพริบตา และไม่รู้ว่าถือเป็นโชคดีไหมที่แอนดรูซาร์คัสนั้นไม่ได้มีกรงเล็กขนาดจะใช้ฉีกระชากเหยื่อได้ทว่าด้วยแรงมหาศาลทำให้เกิดแผลเหวะหวะเลยทีเดียว ว่ากันง่ายๆ คือกรงเล็บของมันจะไม่ทำให้เราตายในทันทีแต่ทำให้ทรมานอย่างถึงที่สุด


“สาม...”


“มันเป็นนักล่าตัวจริง” แอมบูโลซีตัสอาจเป็นนักล่าแต่พวกมันไม่ได้มีเขี้ยวแหลมคมเทียบเท่าแอนดรูซาร์คัสได้


“อืม ผมรู้...”


กรรรร~


กรรรรรรร~


ทั้งแอนดรูซาร์คัสและแอมบูโลซีตัสต่างส่งเสียงคำรามใส่กันแม้แอนดรูซาร์คัสจะมีเพียงตัวเดียวแต่มันก็ยังอาจหารมาต่อกรกับแอมบูโลซีตัส ก็อย่าว่าแหละ การต่อสู้มันไม่ได้อยู่ที่จำนวนหรือขนาดแต่เป็นความแข็งแกร่งบวกทักษะของสิ่งมีชิวิตนั้นๆ


“แอนดรูซาร์คัสว่าอะไร” ผมหันไปถามลูก้าที่จดจ้องราวกับกำลังฟังบทสนทนาอยู่


“มันบอกว่าจะมาล่าแอมบูโลซีตัสแต่เปลี่ยนใจแล้ว”


“เปลี่ยนใจ?”


“ใช่ อะไรนะ แกว่าจะล่าใครนะ?!” ลูก้าที่กำลังจะตอบผมถึงกับก้าวไปด้านหน้าด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างไม่เคยเห็น


กรรรร~


“ลูก้า เกิดอะไรขึ้น” ผมรีบเดินตามเข้าไปถาม


“กรรร~...” ลูก้าไม่ตอบแต่ยังคงสบตาอยู่กับแอนดรูซาร์คัสตรงหน้า


“ลูก้า...”


“มันบอกว่าจะล่าสาม”


“ฮะ?” ล่าผม?


“คิดว่าผมจะยอมให้มันทำรึไงล่ะ” ใบหน้า น้ำเสียงและบรรยากาศรอบตัวที่ปะทุขึ้นทำเอาพวกแอมบูโลซีตัสค่อยถอยลงน้ำไปราวกับรับรู้ได้ว่าไม่ควรเข้าใกล้ในเวลานี้


“ใจเย็นก่อน พวกสัตว์กลัวหมดแล้ว” ผมแตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เป็นการเตือน


“แต่ว่า...”


“เจ้านี่สัตว์ที่ล่าพวกแอมบูโลซีตัสสินะ”


“ใช่”


“งั้นผมจะจัดการเอง” พูดเสร็จก็เดินไปเผชิญหน้ากับแอนดรูซาร์คัส มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบอาวุธในกระเป๋าออกมาเตรียมพร้อมสู้


“แต่ว่ามันอันตราย...”


“ถ้าผมชนะไม่เพียงแค่จะไม่เกิดการต่อสู้กับแอมบูโลซีตัสแต่การเอาชนะแอนดรูซาร์คัสจะช่วยให้เราเดินทางง่ายขึ้น” ถ้าล้มเจ้าถิ่นได้ ทุกอย่างก็สะดวกล่ะ


“ถึงแบบนั้นก็ไม่จำเป็นที่สามต้องสู้นี่ ให้ผม...”


“เอาล่ะ อยากล่าผมเหรอแอนดรูซาร์คัส” ผมไม่สนใจเสียงของลูก้าแต่สบตากับสัตว์ร่างยักษ์อย่างเอาเรื่อง


จะทำให้รู้เองว่าล่าผิดคนแล้ว


กรรรรร~


เพียงเสี้ยววินาทีหลังเสียงคำรามเรียวปากยาวอันเต็มไปด้วยคมเขี้ยวก็อ้าออกพร้อมเท้าทั้งสี่ที่พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยความเร็วสูง แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวนั่นอาจเร็วแต่ผมก็ยังสามารถหลบได้โดยไม่บาดเจ็บอะไร อาวุธสีเงินบางใสถูกหยิบขึ้นมาควงก่อนจะจับไว้มั่น


ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเปิดฉากการโจมบ้างโดยการวิ่งอ้อมไปยังด้านข้างตรงไปยังชายป่าซึ่งแอนดรูซาร์คัสวิ่งตามมาสกัดไม่ให้ผมหนี แต่ผมไม่ได้คิดจะหนีแค่ล่อให้มันออกมายังพื้นที่ที่ผมสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกกว่าเท่านั้น กิ่งไม้แรกตรงหน้าถูกใช้เป็นฐานเพื่อเหวี่ยงตัวขึ้นไปด้านบนในจังหวะเดียวกับแอนดรูซาร์คัสวิ่งเข้ากระแทกต้นไม้ที่ผมยืนอยู่จนปริแตก


“พลังเยอะจังแฮะ”


“สาม!” เสียงตะโกนอย่างห่วงๆ ของลูก้าดังขึ้น ผมเองก็รู้ว่าทำให้ห่วงแต่การจะให้ถูกปกป้องตลอดมันไม่ใช่นิสัยผม ตัวผมไม่ใช่เจ้าหญิงที่ต้องมีเจ้าชายหรือมังกรมาปกป้อง!


กรรรรร~


อาวุธใสในมือถูกโยนขึ้นบนท้องฟ้า ด้วยความที่มีสีและลักษณะโปร่งบางทำให้เกิดแสงสว่างเรียกความสนใจของแอนดรูซาร์คัสได้ ผมเลยอาศัยจังหวะที่มันสนใจอาวุธด้านบนกระโดดขึ้นไปบนหลังพร้อมรับอาวุธที่ตกลงมาพอดี


อาวุธนี้อาจเหมือนมีดซึ่งก็ใช่แต่นอกจากเป็นมีดแล้วยังเป็นเหมือนเข็มฉีดยาด้วย แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็เพียบพร้อมด้วยยาอันมีคุณสมบัติหลากหลายตั้งแต่ยาคลายกล้ามเนื้อไปจนถึงยาสลบ  ด้วยวิทยาการทำให้ฤทธิ์ยามีมากขึ้นจึงไม่จำเป็นต้องพกมาเป็นขวด เพียงแค่กะการใช้ให้ถูกก็ไม่มีปัญหา ส่วนปลายของมีจะเป็นส่วนที่แหลมคมที่สุดซึ่งในส่วนนี้ผมได้ใส่เข็มขนาดเล็กไว้ การจะฉีดก็ทำได้ง่ายเพียงแค่ออกแรงกดตรงด้ามหลังจากเลือกชนิดยาผ่านระบบสัมผัสบริเวณผิวของด้าม


กรรรร~


ผมเลือกใช้ยาชาในการต่อสู้ครั้งนี้ มันอาจดูเอาเปรียบสัตว์ที่ต้องมาโดนของที่ดูยากจะต่อกรแต่คิดอีกแง่มันก็คือความสามารถของมนุษย์ที่ใช้เวลานับร้อยๆ ปีในการค้นคว้าและคิ้นค้นมันขึ้น เหล่าสัตว์ก็มีกรงเล็บและเขี้ยวหรือแม้แต่พิษ แล้วมนุษย์ล่ะถ้าตัดเรื่องเทคโนโลยีและเครื่องทุ่นแรงออกมนุษย์จะเหลืออะไร ดังนั้นผมไม่คิดว่ามันเป็นการโกงหรอกนะ


“ขอจบเลยละกัน” พึมพำจบส่วนปลายมืดที่ก็มีเข็มขนาดเล็กโผล่ออกมา ในเสี้ยววินาทีที่ยาชาถูกฉีดร่างของแอนดรูซาร์คัสก็ทรุด อย่างที่บอกผมไม่ได้มาเพื่อสู้การจะให้สู้โดยใช้แรงมากกว่านี้ก็ได้อยู่แต่นั่นอาจทำให้บาดเจ็บได้ การมาครั้งนี้เพื่อศึกษาเกาะผมจึงเลี่ยงการต่อสู้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็จะจบลงให้เร็วที่สุด


“ขอโทษนะ” ผมลงมาจากหลังของแอนดรูซาร์คัสพลางลูบเส้นขนสีน้ำตาลของเบาแทนคำขอโทษ ด้วยฤทธิ์ยาคงจะทำให้ชาไปสักพักแต่ไม่ส่งผลเสียต่อระบบภายในอะไรแน่นอน


กรรรร~


แม้จะขยับไม่ได้แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ สายตาที่จับจ้องมันนั่นเหมือนไม่ยอมรับผลการต่อสู้นี้


“ผมชนะ นี่คือความจริง...ไว้ก่อนกลับมาสู้กันอีกก็ได้นะ” ผมพูดพร้อมรอยยิ้มโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดแอนดรูซาร์คัสจะเข้าใจไหม


“สาม” ลูก้าเรียกก่อนจะเดินเข้ามาหา


“เรียบร้อย ลูก้าบอกแอมบูโลซีตัสด้วยว่าคนที่ชะแอนดรูซาร์คัสคือผมดังนั้นห้ามอาศัยช่วงนี้เข้ามารุมเด็ดขาด” ผมบอกเพราะเห็นว่าเหล่าแอมบูโลซีตัสกำลังขึ้นมาจากน้ำด้วยท่าทางเอาเรื่อง สายตาของพวกมั้นจ้องมายังแอนดรูซาร์คัสที่ขยับไม่ได้


มันอาจเป็นเรื่องธรรมชาติที่ผู้อ่อนแอจะถูกกิน แต่เรื่องนี้ผมเป็นผู้บุกรุก เป็นคนที่ไม่สมควรมาอยู่นี่ ซึ่งการกระทำของผมอาจสร้างความผิดปกติให้ห่วงโซ่อาหารได้ ถ้าแอมบูโลซีตัสอยากชนะก็ต้องทำด้วยตัวเองไม่ใช่ฉวยโอกาสหลังจากแอนดรูซาร์คัสกำลังอ่อนแอแบบนี้


“เข้าใจแล้ว จะบอกให้...กรรร~” ไม่ใช่แค่แอมบูโลซีตัสที่ลูก้าเข้าไปคุยแต่แอนดรูซาร์คัสเองก็เช่นกัน ก็ไม่รู้ว่าคุยอะไรแต่ก็ถือว่าจบไปอีกเรื่อง


หลังจากจบการต่อสู้แรกผมก็เดินนำลูก้าไปเรียบชายฝั่งติดกับน้ำทะเล น้ำทะเลที่นี่มีคลื่นเหมือนเวลาอยู่ตามชายหาดปกติเพราะมีส่วนหนึ่งที่ยื่นออกไปยังทะเลทว่ากระแสน้ำวนที่อยู่รอบๆ ทำให้เหล่าสัตว์ภายในไม่สามารถว่ายฝ่ากระแสน้ำออกไปได้ ขนาดมองจากตรงนี้ยังรู้เลยว่ากระแสนน้ำเชี่ยวกราดขนาดไหน


ต่อให้เป็นลูก้าก็อาจจะทานกระแสน้ำนั่นไม่ได้นาน


“น้ำตรงนั้นกำลังหมุนอยู่” ลูก้าพึมพำระหว่างที่มองไปยังกระแสน้ำวนด้านนอกเกาะ


ตอนนี้พวกเรายืนอยู่บนหน้าผาสูงซึ่งมองเห็นวิวทั้งด้านในเกาะส่วนที่เป็นทะเลและพื้นน้ำด้านนอกเกาะหลังจากสำรวจสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในน้ำได้พอสมควรแล้ว แม้ขนาดของแอ่งน้ำเค็มจะใหญ่แต่สัตว์ในยุคแคมเบรียนส่วนมากไม่ได้มีขนาดใหญ่เทียบเท่าไดโนเสาร์เพราะเป็นยุคแรกๆ ที่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตเว้นแต่เจ้าตัวที่ได้ชื่อว่าราชา...


“สามด้านล่าง...”


ตู้ม!!


เสียงพูดของลูก้าถูกเสียงน้ำกระจายตัวกลบจนไม่ได้ยินประโยคต่อไปซึ่งผมก็ไม่ได้หันไปถามกลับเพราะมัวแต่ตกตะลึงกับภาพของสัตว์ทะเลขนาดยักษ์ที่มีลำตัวยาวเฉียด20เมตรที่กระโดดลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำตรงหน้าอยู่ด้วยความตื่นเต้น ก็รู้ว่าเจ้านี่อยู่ในยุคแคมเบรียนแต่ใครจะคิดล่ะว่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ แบบนี้!


แอ่งน้ำทะเลบนเกาะไม่มีขนาดใหญ่พอสำหรับมันผมเลยคิดว่าคงไม่ได้เจอแล้วแต่ใครจะคิดล่ะว่าจะได้มาเจอที่ทะเลด้านนอกแทนซะอย่างงั้น สัตว์ทะเลที่ได้ชื่อว่าราชาแห่งกิ้งก่า


“...บาซิโอซอรัส” ผมพึมพำชื่อนั่นออกมาระหว่างก้มลงไปมองเงาขนาดใหญ่ใต้ทะเลด้านล่างที่กำลังเคลื่อนไหวไปมา


“นั่นคือชื่อของมันสินะ” ลูก้าหันมาถาม


“ใช่ บาซิโอซอรัสหรือราชาแห่งกิ้งก่า มันเป็นสัตว์ทะเลกินเนื้อขนาดใหญ่กว่า20เมตรที่เลี้ยงลูกด้วยนม มีหลายคนสันนิฐานว่ามันเป็นเหมือนวาฬยุคแรกของโลกที่มีการวิวัฒนาการมาจากสัตว์บกในยุคก่อน” ผมอธิบายเรื่องของสัตว์ทะเลตรงหน้าให้ลูก้าฟังคร่าวๆ


“เขากำลังสงสัยว่าพวกเราเป็นใคร”


“เขาที่ว่าหมายถึงบาซิโอซอรัส?” ผมถามพลางหันไปมองหน้าลูก้าที่ตอนนี้มองไปยังบาซิโอซอรัสข้างล่างอยู่


“อืม...กรร~”


กรรรร~


ส่วนปากเรียวแหลมคล้ายโลมาสีดำเหลือบเขียวโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมส่งเสียงคำราม ดังลั่นจนสัตว์ปีกรอบๆ แตกกระจายกันไปคนละทิศทาง ถึงจะเป็นเสียงคำรามที่ดังแต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคาม


“นี่ลูก้า...”


“ได้สิ”


“ฮะ? ได้อะไร...เฮ้ยลูก้า!!”


ตู้ม!


ยังไม่ทันจะถามจบประโยคลูก้าก็กระโดดลงไปด้านล่างจากหน้าผาสูงหลายสิบเมตรโดยไม่บอกอะไรผมสักคำ ก่อนจะถึงผืนน้ำร่างมนุษย์ของลูก้าก็กลับร่างไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ส่งผลให้เกิดเสียงดังจนเหล่าสัตว์ปีกตื่นตกใจกันอีกรอบ


ผมได้แต่ก้มมองไดโนเสาร์ยาวกว่า10เมตรสองตัวว่ายไปมาด้วยกันด้านล่างนั่นด้วยความสนุกสนาน ท่าทางดูมีความสุขของลูก้าทำให้ผมถอดหายใจออกมาอย่างปลงๆ ตอนแรกนึกว่าจะมีเรื่องกันแล้วซะอีกแบบนี้ค่อยดีหน่อย


ลูก้าไม่เคยได้ว่ายเล่นกันเพื่อนแบบนี้เลยตั้งแต่มาอยู่กับผม ถ้าเป็นบนเกาะก็น่าจะเล่นว่ายกับซิมโบสปอนไดลัส


เพราะงั้นจะปล่อยไปสักพักก็ได้ ลูก้าเองก็ดูเหมือนจะรู้ถึงส่วนที่เป็นอันตรายของตัวเองจึงว่ายเล่นโดยพยายามควบคุมไม่ให้ส่วนหนวดที่มีพิษแมงกระพรุ่นกล่องนั่นไปเผลอโดนบซิโอซอรัสเข้า ปากเรียวใหญ่ของลูก้าอ้าออกแล้วขบลงเข้าบริเวณปากแหลมของบาซิโอซออรัสจนถูกส่วนหางขนาดใหญ่ยาวนั่นฟาดเข้าให้


“คิก!” ผมหัวเราะกับภาพตรงหน้าพร้อมยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายทั้งรูปและวิดีโอเก็บไว้เป็นที่ละทึก ถ้าผมเอาคลิปนี้ลงเฟสเชื่อเลยว่าต้องมีคนแชร์กันให้ว่อนแน่


งี๊ดดด~


“มีอะไรลูก้า!” ผมตะโกนถามเมื่อเสียงครางนั่นดังมาจากด้านล่าง ลูก้าในร่างไดโนสาร์ชูคอขึ้นมาพร้อมใช้ดวงตาสีเงินจับจ้องมายังผมราวกับจะบอกอะไรสักอย่าง เมื่อก่อนผมคงตอบกลับไปว่าพูดอะไรน่ะแต่ตอนนี้ไม่ใช่ เพียงแค่แววตาที่มองมาก็เหมือนรับรู้ได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ สิ่งที่ลูก้าบอกคือให้ผมลงไปหา


“เข้าใจแล้ว รอก่อน”


งี๊ดดด~


เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่สวนหัวของลูก้าจะมุดลงไปในน้ำแล้วเงยขึ้นมาอีกรอบ


“ใครจะกระโดดลงไปกัน!” ผมตะโกนกลับลงไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดว่าท่าทางนั่นหมายถึงอะไร อาจเพราะอยู่ด้วยกันมาตลอดเลยรับรู้ได้แม้จะไม่ได้ใช้ภาษาเดียวกัน ผมเดินลัดเลาะลงจากหน้าผามาจนถึงบริเวณโขดหินที่มีลูก้าว่ายเข้ามาหา ส่วนปากเรียวอ้าออกเล็กน้อยนั่นทำเอาผมรีบกระโดดถอยหลังไปชิดหน้าผาด้านหลังทันควัน


งื๊ด!


“ไม่ต้องมาทำหน้างง คิดจะให้ผมลงน้ำล่ะสิ” ผมพูดอย่างรู้ทัน


คิดเหรอว่าผมจะไม่รู้ถึงเรื่องนั้นน่ะ พอเห็นผมรู้ทันอีกฝ่ายก็ทำคอตกด้วยท่าทีหง๋อยๆ


“ผมไม่อยากให้เสื้อผ้าเปียก นายเล่นไปเถอะ...”


กรรร~


กรรร~


บาซิโอซอรัสโผล่ขึ้นมาพร้อมว่ายเข้ามาใกล้ ดวงตาสีดำสนิทจ้องมายังผมก่อนจะหันไปหาลูก้าที่อยู่ด้านข้าง ไม่ต้องรอถามก็รู้เลยว่าบาซิโอซอรัสกำลังถามลูก้าเกี่ยวกับผม ผมอาศัยจังหวะที่บาซิโซอรัสสนใจลูก้าเดินเข้าไปมองไดโนเสาร์ร่างยักษ์ใกล้ๆ


นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นบาซิโอซอรัสเป็นๆ เพราะทั่วโลกยังไม่มีใครให้กำเนิดมันขึ้นมา รูปร่างที่จำลองไว้ในหนังสือเหมือนจะไม่ตรงกับความเป็นจริงตรงหน้าสักเท่าไหร่ แต่ไม่แน่ว่าอาจเพราะสภาพแวดล้อมที่ปิดตายนี่ทำให้ต้องเติบโตมาจนมีรูปร่างแบบนี้


งี๊ด!


เสียงครางเบาๆ ครั้งนี้มาจากบาซิโอซอรัสที่จับจ้องมายังผมอย่างไม่วางตา


“ไปบอกอะไรเขาน่ะลูก้า” ท่าทางของบาซิโอซอรัสเหมือนจะพูดว่า ‘เป็นแบบนี้นี่เองหรือจริงเหรอ’ ประมาณนั้น


งี๊ดดด~


ลูก้าในร่างไดโนเสาร์อ้าปากแล้วหุบคล้ายจะเล่าว่าพูดอะไรไป ด้วยความที่ภาษาต่างกันผมเลยไม่เข้าใจว่าลูก้าพูดอะไร ถ้าเป็นข้อความสั้นๆ ก็เข้าใจอยู่แต่จากที่เห็นปากที่พะงาบๆ นั่นก็รู้ว่ายาวเป็นกิโลแน่


“เฮ้อ...เอาเถอะ ผมชื่อสาม เป็นคู่หูกับลูก้า ยินดีที่ได้พบนะ” ผมแนะนำตัวพร้อมส่งยิ้มไปให้บาซิโอซอรัสตรงหน้า


งี๊ด!


“คิก...” ผมหลุดขำออกมาเมื่อเรียวปากยาวคล้ายปลาโลมาของบาซิโอซอรสยื่นมาโดนมือ สัมผัสนิ่มๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของสัตว์น้ำนี่ผมชอบมันจริงๆ ชอบมากกว่าเป็นขนเส้นๆ ซะอีก


เมื่อทักทายกันเสร็จลูก้ากับบาซิโอซอรัสก็ออกไปว่ายเล่นกันต่อจนถึงช่วงใกล้พระอาทิตย์ตกผมก็เรียกลูก้าให้กลับขึ้นมาแม้จะรู้ว่าต่อให้ดึกขนาดไหนก็ไม่เป็นอันตรายกับลูก้าก็ตาม



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 06-07-2018 22:00:38
(ต่อนะคะ)


หลังจากนั้นผมก็เดินนำลูก้าเข้าไปในป่าและหยุดดพักกางเต้นท์บริเวณชายป่าซึ่งอยู่ไม่ไกลกับแอ่งน้ำจืดขนาดใหญ่นัก วันพรุ่งนี้ผมจะไปสำรวจฝั่งที่เป็นน้ำจืดบ้างว่ามีสัตว์อะไรอยู่ เกาะนี้อาจดูเหมมือนใหญ่แต่ถ้าเดินเลาะตามขอบแค่สองสามวันก็น่าจะวนรอบแล้ว ผิดจากด้านในป่าที่ทั้งรกทึบและชื้นแฉะ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้หนาที่ไม่ผ่านการบุกรุกจากมนุษย์มาก่อน


อาหารเย็นเป็นของง่ายๆ ที่เอาพวกอาหารกระป๋องมาต้มในหม้อโดยมีไฟจากการนำเศษไม้ใบหญ้ามากองรวมกัน ต้นไม้หนาขนาดนี้ตกดึกคงหนาวเทียบเท่าฤดูหนาวเลยทีเดียว


“ดับไฟหน่อยลูก้า” ผมบอกก่อนจะเปิดเต้นท์เข้าไปด้านใน


“ทำไมไม่จุดไว้ล่ะ เคยได้ยินว่าพวกสัตว์จะกลัวไฟนี่”


“ก็ใช่ แต่ผมไม่อยากจะรบกวนสัตว์ที่อยู่ที่นี่หรอก” แค่นี้ก็เข้ามาบุกรุกมากพอแล้ว อีกอย่างต่อให้ไม่มีไฟก็เชื่อเถอะว่าด้วยประสาทสัมผัสของลูก้าสามารถรับรู้ได้


“เข้าใจแล้ว”


เมื่อดับไฟเสร็จลูก้าก็เข้ามาในเต้นท์ที่มีทั้งถุงนอนและผ้าห่มวางเตรียมไว้ ด้วยความที่เป็นป่าทำให้ตอนกลางคืนมืดสนิทจนดวงตาของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดนัก ผมเองตอนี้ยังควานหาโทรศัพท์ที่น่าจะอยู่แถวนี้ไม่เจอเลย


“ขยับไปทางซ้ายอีกสาม”


“ตรงนี้?” ผมขยับมือไปตามเสียงของลูก้า


“ซ้ายอีกนิด”


“อ๊ะ เจอแล้ว ขอบคุณลูก้า” ผมพูดขอบคุณก่อนจะเปิดโทรศัพท์เพื่อบันทึกสิ่งที่เจอวันนี้ลงไปในโน้ต


“ไม่เป็นไร”


“นอนก่อนเลย ผมขออีก5นาที” แม้จะเห็นไม่ชัดแต่ใช่ว่าจะไม่เห็นเลย ผมเห็นลูก้าที่ยังนั่งไม่ยอมนอนอยู่ข้างๆ


“รอได้”


“ควรพักนะ เหนื่อยกับการว่ายน้ำมานี่” ว่ายเกือบ3ชั่วโมงได้มั้ง


“ผมไม่เคยเหนื่อยกับการว่ายน้ำ”


“...นั่นสิ ก็เป็นไดโนเสาร์น้ำนี่นะ” สัตว์น้ำบางชนิดเองก็มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการเคลื่อนไหว ถ้าหยุดขยับมันก็จะตาย


“ให้ช่วยไหม”


“ไม่เป็นไร...เสร็จพอดีเลย เอ้า นอนๆ” ผมปิดโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าก่อนจะมุดตัวเข้าไปอยู่ในถุงนอนโดยที่มีผ้าห่มคลุมอยู่อีกชั้น


“ผมไม่ชอบถุงนอนเลย มันแปลกๆ ”


“ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องเข้าไป นอนบนถุงเลยก็ได้” ผมตอบกลับ ยังไงก็มีผ้าห่มให้อยู่แล้ว


“แบบนั้นก็หนาวสิ”


“ขี้หนาวเหรอลูก้า”


“อืม...เพราะงั้น ขอขยับไปนอนใกล้ๆ ได้ไหม” คำขอนั่นทำให้ผมยกคิ้วขึ้น


“นี่ยังไม่ใกล้เหรอ” ผมว่ามันชิดแล้วนะ


“ยัง...อยากใกล้แบบนี้” พูดจบถุงนอนที่มีผมอยู่ด้านในก็ถูกลูก้าดึงเข้าไปกอดพร้อมผ้าห่มที่ถูกคลุมอีกชั้น


“...มากไปมั้ง” ผมพึมพำแต่ไม่ได้ขัดขืนสัมผัสของการกอดนั่น ยังไงเราก็แฟนกันแล้ว แค่นอนกอดมันเป็นเรื่องปกติ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ลูก้าก็กอดผมนอนมาตั้งนานแล้ว


อากาศหนาวเย็นจากป่าไม่ส่งผลกับผมมากเพราะได้ไออุ่นจากลูก้าช่วยบรรเทา ยิ่งบรรยากาศเงียบเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นสอดประสานกันมากเท่านั้น เสียงนั่นดังเป็นจังหวะคลับกล่อมจนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว


ซุ่บ! ซุ่บ!


พรึ่บ!


เสียงการเคลื่อนไหวแปลกๆ จากด้านนอกนั้นทำให้ผมที่หลับอยู่เด้งตัวขึ้นมานั่งก่อนจะหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน เงาแปลกๆ หลายเงาปรากฏขึ้นผ่านผ้าของเต้นท์ปรากฏเป็นรูปสัตว์สองเท้าที่มีจงอยปากเหมือนสัตว์ปีก


“สาม” เสียงเรียกจากด้านหลังดังขึ้นเบาๆ ระหว่างร่างผมถูกรวบไปกอดไว้หลวมๆ


“ใช่เวลามากอดไหมลูก้า” ผมหันไปถามแล้วพยายามแกะมือที่กอดเอวอยู่ในหลุดออก สถานการณ์ตอนนี้ผมไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีเพราะยังไม่ทราบถึงสายพันธุ์ของสัตว์ด้านนอกนั่นแต่ดูจากแสงสว่างที่รอดเข้ามาแปลว่าอยู่ในช่วงพระอาทิตย์กำลังขึ้น


มีสองขากับจงอยปากคล้ายนก หรือว่า...


“ขนาดมันเล็ก ไม่น่าจะอันตราย...”


“ถ้าพูดแบบนั้นแปลว่าไม่เคยเจอกาสโตร์นิสล่ะสิ”


“กาสโตร์นิส?”


“จากลักษณะที่เห็นน่าจะใช่” ต้องออกไปดูให้เห็นชัดๆ ถึงจะสามารถบอกได้เต็มปากว่าใช่ไหม


“อันตราย?”


“ก็ไม่เชิง เรียกว่าไม่แน่ใจดีกว่า”


“ไม่แน่ใจหมายถึงอะไร” ลูก้าถามต่อ


“การ์โตร์นิสเป็นสัตว์จำพวกนกที่ไม่สามารถบินได้เนื่องจากพวกมันมีส่วนขาอันแข็งแกร่งและมีโครงสร้างร่างกายหนักกว่านกปกติ สิ่งที่ทำให้ไม่แน่ใจคือในปัจจุบันยังไม่เคยมีการคืนชีพมันขึ้นมาก่อนเลยไม่สามารถรู้ได้ว่ามันเป็นสัตว์กินพืชหรือกินเนื้อกันแน่” จากข้อมูลที่อ่านมากาสโตร์นิสถูกถกเถียงกันในหมู่นักวิทยาศาสตร์ว่ามันกินพืชหรือกินเนื้อกันแน่เพราะดูจากจงอยปากของมันไม่น่าจะทรงพลังถึงขนาดฉีกขาดเนื้อได้


“สามจะออกไปดู”


“อืม” ผมพยักหน้าส่งไป


“ไม่กลัวเหรอ ถ้าพวกมันกินเนื้อขึ้นมาจะทำยังไง”


“ถึงตอนนั้นค่อยหาวิธี อีกอย่างพวกกาสโตร์นิสเป็นพวกที่สัมผัสไวพวกมันคงรู้แล้วว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ถึงได้เดินวนอยู่รอบๆ เต้นท์ไง” ดูจากเงาที่เดินวนไปมาก็พอจะเดาได้ว่าเป็นพวกช่างสงสัย ไม่แน่อาจไม่ใช่สงสัยแต่กำลังหาเหยื่อก็ได้


ผมขยับตัวไปหยิบของที่จำเป็นพร้อมอาวุธก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังทางออกก่อนเต้นท์แต่ก่อนที่ผมจะเปิดออกไปลูก้ากลับห้ามไว้ก่อนจะเป็นคนออกไปด้านนอกก่อน


เป็นห่วงกนเกินไปแล้วลูก้า


เขาคงกลัวว่าผมจะถูกโจมตีละมั้ง


กรรรรร~


และก็เป็นอีกครั้งที่ผมและลูก้าถูกทักทายด้วยเสียงคำรามจากเหล่าสิ่งมีชีวิตของเกาะนี้ เพียงแต่ครั้งนี้เสียงคำรามนั่นดังมาจากฝูงกาสโตร์นิสกว่า10ตัวที่อ้าจงอยปากที่เหลืองออกกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กๆ อยู่ข้างใน


“...แบบนั้นไม่ใช่สัตว์กินพืชแล้ว” ผมพึมพำเมื่อได้สังเกตกาสโตร์นิสตรงๆ จงอยปากขนาดใหญ่กับส่วนกรามที่มีความยืดหยุ่นสูงนั่นไม่ใช่ของสัตว์กินพืชแต่เป็นกินเนื้อ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่มันอาจเป็นเพียงการวิวัฒนาการของสัตว์บนเกาะนี้ก็ได้ อาจเพราะพืชที่กินไม่เพียงพอเลยจำเป็นต้องล่าสัตว์อื่นเพื่อมีชีวิตรอด แต่ไม่ว่าทางไหนก็เหมือนจะงานเข้าแล้วสิ


“เอาไงสาม” ลูก้าถามพลางมองไปยังกาสโตร์นิสรอบๆ ที่ใช้ดวงตาคมสีแดงสดจับจ้องมา


“ไม่ควรกลับร่าง ถ้าจะสู้คงต้องในร่างนี้” ผมตอบกลับ บริเวณชายป่านี่เต็มไปด้วยต้นไม้ถ้ากลับร่างมีแต่จะทำให้ผิวหนังของลูก้าถูกถากเท่านั้น อีกอย่างในร่างขนาดใหญ่คงสู้ความเร็วของกาสโตร์นิสบนบกไม่ได้


“...เราอาจไม่ต้องสู้ก็ได้นะ” ลูก้าพึมพำหลังจากนิ่งไปสักพัก ท่าทางนั่นเหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง


“หมายถึงอะไรลูก้า...”


กรรรรรรรร~


ไม่ทันได้ถามจบประโยคเสียงขู่คำรามก็ดังกกก้องพร้อมร่างขนาดใหญ่อันปราดเปรียวกว่า4เมตรกระโดดเข้ามาขวางหน้าพวกเรากับฝูงกาสโตร์นิส  เส้นขนสีน้ำตาลฟูฟ่อง ร่างกานอันกำยำและใหญ่โต คมเขี้ยมอันแหลมคมจนได้ชื่อว่าเป็นนักล่าที่ติดอันดับอันตรายแห่งยุคแคมเบียม


“แอนดรูซาร์คัส” ผมรียกชื่อสัตว์ตรงหน้าอย่างมึนงง


ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้


กรรรรรรร!


เสียงคำรามอีกรอบของแอนดรูซาร์คัสทำเอาสโตร์นิสกว่า10ตัวถึงกับชะงักก่อนพวกมันจะเริ่มส่งเสียงครวญครางแล้วหนีกระจายกันออกไปราวกับกลัวที่จะถูกล่า ดวงตาสีดำขลับของแอนดรูซาร์คัสหันกลับมาจ้องผมนิ่งเหมือนกำลังจะสื่อบางอย่างออกมาทว่าด้วยความที่เป็นมนุษย์จึงไม่อาจรับรู้ถึงการสื่อสารนั้นได้ทั้งหมด


ที่รู้คือแอนดรูซาร์คัสไม่ได้เป็นศัตรูแล้ว


“ลูก้า...เขาว่าอะไร” ผมหันไปถามลูก้าที่ยืนอยู่ข้างๆ


“...บอกว่ามาใช้หนี้น่ะ”


“ใช้หนี้?” หมายถึง?


“อืม เห็นว่าเรื่องตอนแอมบูโลซีตัส” คำพูดของลูก้าทำให้ผมนึกออกว่าอาจเป็นที่ผมบอกพวกแอมบูโลซีตัสไม่ให้เข้ามารุมตอนที่แอนดรูซาร์คัสติดอยู่ในฤทธิ์ของยาชา เพราะสาเหตุนั้นเลยมาช่วยคืนงั้นเหรอ


สมกับเป็นสัตว์ที่ถือเป็นเครือญาติของสุนัขในปัจจุบัน


“ขอบคุณนะแอนดรูซาร์คัส” ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม


กรรร~


เสียงครางต่ำนั่นราวกับจะบอกว่าไม่จำเป็น


“คิก...” น่ารักไปอีกแบบแฮะ


หลังจากจบเรื่องกาสโตร์นิสผมและลูก้าพ่วงด้วยแอนดรูซาร์คัสที่ตามอยู่ห่างๆ ก็เดินมาสำรวจยังบริเวณแอ่งน้ำจืดขนาดใหญ่ ต้นไทรปัสเองก็ขึ้นอยู่กระจายตัวตามฝืนน้ำนั่นเป็นหย่อมๆ ภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกสงบและสบายตามาก


เป็นภาพที่อาจหาได้ยากในปัจจุบัน ธรรมชาติเป็นสิ่งที่งดงามที่สุดแล้วในความคิดผม เหล่าสัตว์ทั้งน้ำจืด น้ำเค็มและสัตว์บก สัตว์ปีก รวมถึงพืชพรรณต่างๆ ถูกเก็บรวบรวมข้อมูลไว้แม้จะไม่ครบถ้วนแต่ก็มากมายจนหัวผมรู้สึกล้าๆ


แต่ถึงจะไม่ครบถ้วนก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าผมไม่ใช่พวกเก่งด้านการสำรวจขนาดนั้น ยังไงเดี๋ยวก็ต้องมีคณะสำรวจมานี่อีกครั้งอยู่ดี ตอนนี้แค่ผมยืนยันสถานการณ์ว่าไม่มีอันตรายอะไรมากก็คงเพียงพอแล้วสำหรับภารกิจครั้งนี้

......................................................

สวัสดีค่า

มาอัพช้าไปนิก(ความจริงก็ไม่นิด 555)

สำหรับตอนนี้เป็นตอนต่อจากครั้งที่แล้ว เรียกว่าเป็นตอนสำรวจเกาะก็ว่าได้

หลายคนแอบหวังว่าสามอาจโดนลูก้ากิน ขออภัยที่สามยังคงรอดปลอดภัยนะคะะะ

ถึงเราจะแต่งฉากncได้แต่ก็แต่งไม่เก่งนัก แต่จะไม่มีเลยตลอดทั้งเรื่องก็สงสารลูก้า

เอาเป็นว่ามารอลุ้นวันที่สามจะตกเป็นขอลูก้ากันเถอะ

ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นท์และกำลังใจนะคะ

เพราะได้รับกำลังใจจากทุกคนเราถึงได้สามารถแต่งนิยายมาได้ถึงตอนนี้

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

-------มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-------

วันนี้ขอนำเสนอกาสโตร์นิส

(https://www.picz.in.th/images/2018/07/06/NZZaES.jpg)

กาสโตร์นิส (Gastornis) เป็นสายพันธุ์ที่สูญพันธุ์ของ นก ขนาดใหญ่ มันนกที่มีขนาดใหญ่มากและได้รับการพิจารณาว่าเป็นสัตว์กินนมขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามหลายบรรทัดของหลักฐานรวมทั้งการขาดกรงเล็บที่ติดยาเสพติดในรอยเท้าของ Gastornis ที่ รู้จักกันดีและการศึกษาโครงสร้างของ ปลอกคอ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถแปล reinterpret นกเหล่านี้ว่าเป็นสัตว์กินพืชที่กินอาหารที่มีเมล็ดพืชและเมล็ดยาก

ซากดึกดำบรรพ์ของ Gastornis เป็นที่รู้จักจากทั่วยุโรปตะวันตกตะวันตกของสหรัฐฯและจีนตอนกลาง ซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุด (Paleocene) ทั้งหมดมาจากยุโรปและมีแนวโน้มว่าสกุลนั้นมีต้นกำเนิดมาจากที่นั่น ยุโรปในยุคนี้เป็นทวีปเกาะและ Gastornis เป็น tetrapod บกที่ใหญ่ที่สุดของทวีป ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับ นกช้างที่มี มาดากัสการ์เป็น นก กินพืชที่คล้ายสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ประเทศมาดากัสการ์ที่ แยกจากกันแม้ว่าจะมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ก็ตาม

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : http://www.bbc.co.uk และ wikipedia

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-07-2018 08:45:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 07-07-2018 12:42:42
สนุกกกกกกก ชอบทุกเรื่องเลย ขอบคุณมากๆนาาาาา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 07-07-2018 13:04:20
ตอนนี้ได้รู้จักหลายตัวเลย  :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 07-07-2018 17:23:03
จำชื่อไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-07-2018 18:00:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 07-07-2018 18:15:16
ตอนนี้ลูก้าดูสดใสมากเลย
ทั้งปกป้องสาม ลงไปเล่นน้ำกับเพื่อน แล้วยังมาอ้อนสามกลางป่าอัก
ไม่หลงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเนอะสาม
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 07-07-2018 18:47:03
เหมือน มา ฮันนีมูน ทวี เลย เนอะ.... ธรรมชาติสุดสุด
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 07-07-2018 21:23:24
อยากให้สามรับเลี้ยงน้องหมายักษ์จัง อยากเห็นลูก้าออกอาการรัวๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-07-2018 23:33:57
น่ารักดีจังมีการมาช่วยตอบแทนด้วย รอวันลูก้ากินสาม o18
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 15-07-2018 00:01:16
ลูก้าอิสแฮปปี้ น่ารักกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-07-2018 03:51:43
ลูก้าได้เพื่อน
ส่วนสามได้สมุนสินะ
5555555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-07-2018 06:06:15
ลูก้าสมหวังแล้วนะ ไม่รอนานแล้ว
สามก็นะ อยู่ใกล้มากไปก็แบบนี้
เจอปายกระตุ้นนิดนึง ถึงกับไปต่อไม่ถูก

โว้ว ไปสำรวจเกาะ สามคะคิดว่าไม่มีอะไร แน่ใจหรอ
ลูก้าสนุกไปเลยสิ ได้ลงไปเจอเพื่อนรุ่นดึก ได้ว่ายน้ำ

หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่19◈♦> 6/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 19-07-2018 22:19:07
ให้ตายสินี่ฉันไปอยู่ไหนมาทำไมพึ่งเห็นภาค3

ว่าแต่คู่นี้เมื่อไหร่เขาจะได้กัน 555+

คิดถึง เซโคร+ยูทาร์ แล้วก็หนูอานโน่กับสามี

จะเป็นไปได้ไหมนะที่จะมีสักภารกิจรวมสามคู่

รอตอนต่อไปเด้อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 20-07-2018 21:03:15
◈ธาราที่20◈




แสงแดดยามสายของประเทศเขตร้อนค่อนข้างสว่างจ้าจนต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาสีเงินของผมสะท้อนภาพท้องฟ้าสีครามที่มีหมู่เมฆขนาดกลางค่อยๆ ลอยไปตามแรงลมด้านบนฟ้าในขณะที่นอนลอยตัวอยู่ในทะเลริมชายหาด


จากวันที่ได้ยกระดับความสัมพันธุ์เป็นแฟนของสามก็ผ่านมาสักใหญ่ พวกเราต่างออกไปทำภารกิจที่ส่งตรงจากหัวหน้าหน่อยปฏิบัติการพิเศษอยู่หลายครั้ง และในทุกครั้งก็ทำเอาไดโนเสาร์กลายพันธุ์อย่างผมต้องอึ้งในความสามารถของมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่พัฒนาขึ้นอยู่เสมอ


การเคลื่อนไหวใต้น้ำนับว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายสำหรับมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนบกเป็นส่วนมากแต่สามกลับเคลื่อนไหวร่างกายได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของน้ำซึ่งถือว่าน่าตกใจมาก ตั้งแต่เกิดมาก็พึ่งเคยเห็นมนุษย์เคลื่อนไหวได้ราวกับสัตว์น้ำก็ครั้งนี้เอง


สามเก่งและไม่ใช่เก่งธรรมดาด้วย ต้องพูดว่าเก่งมาก


ระหว่างคิดเรื่องสามผมก็พลิกตัวมุดลงไปใต้น้ำอุ่นๆ จากการถูกแสงอาทิตย์แผดเผาไปจนถึงด้านล่างที่ลึกขึ้น ความอุ่นของน้ำถูกแทนที่ด้วยความหนาวเย็นเพราะแสงอาทิตย์เริ่มส่องลงมาไม่ถึง แม้บริเวณนี้จะไม่ลึกมากแต่ก็มากพอให้ผมรู้สึกสงบ


ใต้นี้ไม่มีเสียงดังน่ารำคาญเหมือนด้านบน ช่วงเวลาที่ผมชอบคือการได้อยู่ในน้ำแบบนี้...ส่วนช่วงเวลาที่ชอบที่สุดน่ะหรอ...


ตู้ม!


เสียงของน้ำที่กระจายตัวออกเรียกสายตาผมให้เงยขึ้นไปมองยังผิวน้ำก่อนจะเห็นภาพของมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในความคิดแหวกว่ายลงมาหาด้วยท้วงท่าอันงดงามจนแทบละสายตาไปไม่ได้


สาม


ปากที่กำลังจะอ้าเรียกปิดสนิทเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ถึงเรียกไปเสียงก็คงไม่ออก ในทะเลเสียงที่สามารถทำได้คือเสียงครางกับเสียงขู่เท่านั้นแหละ


ผมเตรียมจะว่ายขึ้นไปหาสามเพราะบริเวณที่ผมอยู่เป็นด้านใต้ที่มีโขดหินและฝูงปลาเล็กว่ายอยู่จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่สามจะหาผมเจอ ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่เพียงแค่ผมกำลังลอยตัวขึ้นไปดวงตาสีน้ำตาลกลับจับจ้องมายังผมก่อนริมฝีปากบางนั่นจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ท่าทางนั่นเหมือนจะบอกว่าเจอผมแล้วเลย


ร่างของสามดำลงมาลึกขึ้นจนถึงบริเวณที่ผมอยู่ ฝูงปลาตัวเล็กๆ ต่างแหวกว่ายอยู่รอบๆ อย่างไม่เกรงกลัวเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นพวกเรา มือของผมเอื้อมไปจับมืออีกฝ่ายทันทีที่ยื่นมาหาโดยไม่ลังเล ความเย็นของร่างกายเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อกุมมือคนตรงหน้าไว้แน่นพร้อมกับปล่อยให้ตัวเองถูกลากขึ้นไปยังด้านบนผิวน้ำอย่างไม่ขัดขืน


ช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุดคือการได้อยู่กับสามใต้น้ำแบบนี้ มันเหมือนมีเพียงแค่เราสองคนอยู่ในห้องขนาดใหญ่ที่ไม่มีอันสิ้นสุด


“แฮ่ก...ผมเกือบหาไม่เจอแล้วนะลูก้า” เสียงบ่นเบาๆ ดังขึ้นหลังจากเราทั้งคู่โผล่พ้นผิวน้ำ


“ก็กำลังจะว่ายออกไปหาพอดี”


“รู้ด้วยเหรอว่าผมลงมา?”


“เสียงน้ำดังขนาดนั้น...หนักขึ้นสินะ”


“ผมไม่ได้อ้วนสักหน่อย” สามตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคืองๆ


“ผมไม่ได้บอกว่าอ้วนนี่นา”


“อ้วนกับน้ำหนักขึ้นมันก็เหมือนกันแหละ”


“ไม่เหมือนสักหน่อย สามน่ะผอมไปน้ำหนักขึ้นมาหน่อยก็ดีแล้ว ถ้าผอมมากๆ ตอนมีกระแสน้ำแรงๆ เดี๋ยวก็ต้านไม่อยู่หรอก” ผมบอกพลางเอื้อมมือไปแตะยังหัวไหล่แล้วลูบไล่ลงมาตามท่อนแขนที่ตอนนี้มีกล้ามเนื้อเล็กน้อย


“ถ้าผมว่ายไม่ไหวเดี๋ยวจะเกาะหลังนายไปแทน”


“ไม่กลัวโดนพิษผมรึไง”


“ผมรู้ว่าพิษของลูก้าอยู่ตรงไหนไม่มีพลาดหรอกน่า”


“มั่นใจจังนะทั้งที่ผมเคยทำให้สามบาดเจ็บแท้ๆ ” อยู่ๆ เรื่องตอนที่สามบาดเจ็บด้วยความรู้ของตัวเองก็ผุดเข้ามาในหัว


“ยังคิดถึงมันอยู่อีกเหรอ”


“มันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมได้ในไม่กี่วันนี่”


“ผ่านมาหลายปีแล้วนะลูก้า”


“...เหรอ” สำหรับผมมันเหมือนพึ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี่เอง


“ผมอยากให้ลูก้าเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั่นมันไม่ใช่ความผิดของลูก้า ลูก้าอาจคิดว่าเพราะตัวเองผมจึงเจ็บแต่ผมอยากให้คิดในมุมกลับกัน” สามพูดพร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองมาด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ทำเอาผมคว้าตัวอีกฝ่ายมากอดไว้แน่นทั้งๆ ที่ทรงตัวลอยอยู่เหนือน้ำ


“มุมกลับกันยังไง” ผมถามต่อโดยที่คลอเคลียไปตามเส้นผมสีดำ


“ถ้าผมไม่เจ็บในวันนั้น...อาจไม่มีพวกเราในวันนี้ก็ได้นะ” คำพูดของสามดังขึ้นพร้อมกับแขนที่กอดตอบผม


“สาม...” นึกว่าจะถูกดุที่คว้าตัวมากอดซะแล้ว ครั้งที่เผลอจูบไปก็ถูกเหวี่ยงลงทรายอย่างแรงจนเจ็บหลังไปหมด เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้พละกำลังไม่ได้น้อยเลยอาจจะมากว่าคนมีกล้ามหลายๆ คนด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเอาพลังไปเก็บไปส่วนไหนกัน


“อะไร มาคลอเคลียแบบนี้อยากได้ปลาเหรอ” สามพูดติดตลก


“...อยากได้สาม” ผมพึมพำกลับไปพร้อมกดจูบลงบนเส้นผมอันเปียกปอนตรงหน้า


สิ่งที่อยากได้ที่สุดตอนนี้ไม่ใช่อาหารแต่เป็นสาม มนุษย์ไม่ได้มีช่วงเวลาในการสืบพันธุ์เหมือนอย่างสัตว์ เพราะแบบนั้นถึงไม่ใช่ฤดูติดสัดก็ยังอยากจะครอบครองสาม


“วะ...ว่าไงนะลูก้า เหมือนจะฟังผิดไปสินะ” แขนที่กอดตอบเปลี่ยนมาดันแผนอกจนพวกเราแยกจากกันในเวลาอันรวดเร็ว


“ผมบอกว่าอยากได้สาม” ผมย้ำในสิ่งที่พูดอีกรอบ


“...” สามไม่ตอบแต่ดวงตาสีน้ำตาลนั่นเบิกกว้างพร้อมผิวสีน้ำผึ้งที่เห่อแดงไปทั้งตัว สามเป็นพวกที่เขินแล้วไม่ได้แดงแค่หน้าแต่เป็นทั้งตัว


น่ารักสุดๆ


“สาม...น่ารัก...”


“เงียบไปเลย!” เสียงตะโกนดังขึ้นขัดสิ่งที่ผมกำลังจะพูด หมัดอันรุนแรงถูกปล่อยออกมาฉียดแก้มไปเพียงไม่กี่เซน ถ้าหลบไม่ทันคงไม่ต้องบอกนะว่าแก้มคงช้ำไปแล้ว


“อย่ารุนแรงสิ”


“ก็ใครให้พูดอะไรลามกแบบนั้นเล่า!”


“ลามกตรงไหน ก็แค่พูดความจริง...เราเป็นแฟนกันแล้วเพราะงั้นเราก็น่าจะทำ...”


“ทำไปคนเดียวไป๊!” น้ำทะเลเค็มๆ สาดเข้าใบหน้าอย่างจังจนต้องสะบัดหน้าไปมา พอลืมตาขึ้นมาอีกทีสามก็ขึ้นฝั่งไปแล้ว


“อย่าเขินน่าสาม” ผมว่ายขึ้นฝั่นตามอีกฝ่ายไป


“ไม่ได้เขิน”


“แดงทั้งตัวแล้ว”


“ก็อย่ามองสิ!” สามบอกพลางใช้มือปิดหน้าตัวเองไม่ให้ผมเห็นใบหน้าแดงๆ นั่น


“น่ารักมากๆ เลย”


ทำไมถึงได้ถูกดึงดูดได้มากขนาดนี้นะ


ไม่ว่าจะเป็นสายตา น้ำเสียง หรือแม้แต่การกระทำ


ไม่ว่าจะอะไรถ้าเป็นสามมันน่ามองไปหมด ท่าทางเขินอายนั่นผมอยากจะดึงอีกฝ่ายมาฟัดให้หายอยากจริงๆ แต่ถ้าผมทำคงไม่จบแค่ถูกทุ่มลงทรายหรอก


“ทำไมชอบแกล้ง”


“เปล่าสักหน่อย”


“มีแค่ผมที่อายแทบตายแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด” สามหันหน้ามาเผชิญกับผมตรงๆ สายตานั่นบอกว่ากำลังไม่พอใจ


“สาม...”


“ลูก้าน่ะ ชอบผมรึเปล่า”


“อืม ชอบ...รักด้วย” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด


“งั้นทำไมไม่เห็นจะหน้าแดงเวลาอยู่กับผมเลยสักนิด” ดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้าหรี่ลงอย่างสงสัย ไม่กี่วินาทีต่อมาสามก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวผมแล้วใช้มือวางบนแผ่นอกแล้วลูบไปมาเบาๆ


“อึก! สาม” ผมถึงกับสะดุ้งถอยหลังจนติดหับหน้าผาด้านหลัง สัมผัสของการลูบนั่นไม่เหมือนปกติแต่ราวกับกำลังถูกยั่วยวน


“โอ๊ะ...หน้าแดงแล้ว อะไรแค่ผมลูบเบาๆ เองนะ” ดูสามจะสนุกกับปฏิกิริยาผมเลยไม่ยอมหยุดมือที่ลูบนี่สักที


“สาม...หยุดเลย”


“ทำไม? นายทำผมเขินก่อนนี่ ขอเอาคืนหน่อยละกัน...เฮ้ย!”


พรึ่บ!


ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าสติที่มีมันเริ่มเลือนรางลงทุกที ยิ่งเห็นสามทำท่าเหมือนเชิญชวนผมก็ทนไม่ไหวจับอีกฝ่ายให้เปลี่ยนมาพิงหน้าผาโดยมีผมขยับตัวเข้าไปแนบชิด


“รู้ตัวไหมว่ากำลังทำผมทนไม่ไหว” ผมก้มลงไปกระซิบก่อนจะขบลำคอสีน้ำผึ้งเบาๆ เป็นการเตือนว่าอย่ามาเชิญชวนกันแบบนี้ถ้าไม่อยากให้ผมหมดความอดทน


สามอาจแข็งแรงกว่ามนุษย์ปกติแต่ไม่ว่าจะแข็งแรงยังไงก็เทียบกับผมที่มีสายเลือดของไดโนเสาร์ครึ่งหนึ่งไม่ได้หรอก ถ้าผมทนไม่ไหวอาจจะทำเรื่องที่ร้ายกาจกว่านี้ลงไป และเมื่อถึงจุดนั้นต่อให้สามพยายามจะหยุดมันก็อาจหยุดไม่ได้


ผมรู้ว่าอารมณ์อยากครอบครองของตัวเองมันมาก และอาจมากว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์คนอื่นๆ ด้วย เพราะงั้นผมถึงอดทน ไม่อยากให้สามต้องฝืน ไม่อยากให้ต้องเจ็บ แต่ถ้ามาทำอะไรน่ารักๆ แบบนี้อีกผมคงทนไม่ไหว


“ละ...ลูก้า...”


“อย่าทำตัวน่ารักให้มากนักถ้าไม่อยากให้ผมทำมากกว่านี้” ผมสบตากับสามอย่างจริงจังเพื่อสื่อว่าผมพูดจริง


“...ผมไม่คิดจะยอมง่ายๆ หรอกนะ” เหมือนสามเองก็จะรู้ว่าผมสื่อถึงอะไรเพราะดวงตาสีน้ำตาลนั่นแม้จะสั่นระริกแต่ก็แฝงไปด้วยความไม่ยอมแพ้จนผมหลุดยิ้มออกมา


นี่สิคู่ของผม


ต่อให้รู้ว่าไม่มีทางชนะได้ก็ยังไม่ยอมแพ้


“งั้นมาลองกันไหมล่ะ ว่าใครต้องเป็นฝ่ายยอม” ถึงจะไม่เคยแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้ถึงวิธีทำ


“ตอนนี้?”


“ใช่”


“ฮะ...เอ่อ”


“หึ...” ผมถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นท่าทางรุกรี้รุกรนนั่น อยู่กับสามผมมีความสุขที่สุดแล้วจริงๆ ความจริงผมไม่ได้อยากจะบังคับเดี๋ยวนี้หรอกแค่อยากแกล้งเท่านั้นเอง แต่ถ้าได้...ก็ดี


“คือว่านะลูก้า ผม...”


ครื่นนนน~  ครื่นนนน~


ความสุขจากการแกล้งคนรักถูกตัดฉับด้วยเสียงของโทรศัพท์ที่ดังขึ้น คิ้วของผมขมวดเข้าหากันด้วยอารมณ์ไม่ดีนักเนื่องจากถูกสิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์ขัดจังหวะอยู่ตลอด ครั้งก่อนก็ตอนจูบและครั้งนี้อีก


“ลูก้า...ขอผมไปรับก่อนนะ” สามบอกก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในเสื้อคลุมสีเทาบนพื้นขึ้นมารับสายด้วยใบหน้าที่ยังแดงไม่หาย พอเห็นใบหน้าแดงๆ นั่นอารมณ์ไม่ดีที่กำลังเกิดก็ปลิวหายไปทันที


เอาเถอะ


ไว้ครั้งหน้าก็ได้


“คุณเซโคร?” ผมเดินเข้าไปถามเมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของสาม


“...พันธุ์อะไรนะ พูดเป็นเล่นเซโครผมไม่ขำด้วยนะถ้าเป็นเจ้านั่นน่ะ” สามพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าใช่ก่อนจะคุยกับปลายสายต่อ


“แถวไหนล่ะ...ให้ไปทางเฮลิคอปเตอร์เหรอ? เข้าใจแล้ว เดี๋ยวติดต่อไป” พูดจบสามก็ลดโทรศัพท์ในมือลง


“ภารกิจสินะ” ผมพูดโดยที่รู้คำตอบอยู่แล้ว


“ใช่...ไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดแล้ว ไปกันลูก้า” สามวิ่งนำออกไปทั้งที่เสื้อผ้าอยังเปียกชื้นจากน้ำทะเลเมื่อครู่ ผมวิ่งตามสามขึ้นมายังดาดฟ้าที่มีเฮลิคอปเตอร์จอดรออยู่ ไม่ต้องพูดอะไรให้เสียเวลาพอพวกเราขึ้นไปนั่งเฮลิคอปเตอร์ก็ขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว


“สาม”


“อืม...ภารกิจครั้งนี้คือไปจัดการกับดาโกซอรัส” สามเริ่มอธิบายเมื่อรู้ว่าผมต้องการฟังรายละเอียดของภารกิจมากกว่านี้


“ดาโกซอรัส...เหมือนจะได้ยินมาก่อน เหมือนจะเป็นไดโนเสาร์ที่ไม่ใหญ่มากประมาณ5เมตร แบบนั้นไม่น่าจะจัดการยากเท่าไหร่” ผมพึมพำออกไประหว่างนึก


“ผมให้โอกาสคิดใหม่ลูก้า”


“ผมบอกผิดเหรอ?” ยังไงเรื่องจดจำก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมถนัดอยู่แล้ว การจะจำผิดไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


“เปล่า ที่บอกว่ายาวประมาณ5เมตรน่ะถูกแล้ว แต่ที่ให้คิดใหม่คือที่บอกว่าจัดการไม่ยากต่างหาก”


“ยังไง”


“รู้ความหมายของคำว่าดาโกซอรัสรึเปล่าล่ะ” สามถามกลับ


“...ไม่รู้”


“ดาโกซอรัส ชื่อของมันมีความหมายว่ากิ้งก่าจอมฉีกเนื้อ”


“กิ้งก่าจอมฉีกเนื้อ...”


“ใช่ แล้วรู้ไหมว่าทำไมมันถึงได้ชื่อนั้น”


“...ไม่รู้”


“ไดโนเสาร์น้ำกับไดโนเสาร์บกจะมีฟันหรือเขี้ยวที่มีลักษณะต่างกันตามแต่สายพันธุ์ เพียงแต่ไดโนเสาร์น้ำส่วนมากจะมีฟันเรียว คมและบางเพราะสภาพแวดล้อมในการล่าในน้ำจำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ยิ่งฟันใหญ่ก็จะทำให้มีน้ำหนักมากจึงถ่วงเวลาเคลื่อนไหวต่างจากไดโนเสาร์บกที่ไม่ต้องสนเรื่องขนาดหรือน้ำหนักทำให้ฟันของพวกมันมีขนาดใหญ่และหนักกว่าไดโนเสาร์น้ำ”


“แล้วเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับดาโกซอรัสยังไง” ผมถามต่อเพราะยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่สามต้องการจะสื่อ


“ผมจะบอกว่าดาโกซอรัสเป็นไดโนเสาร์น้ำที่มีฟันเหมือนไดโนเสาร์บก”


“...เรื่องนี้ไม่ขำสักนิด” ฟันเหมือนไดโนเสาร์บกเหรอ แปลว่านอกจากจะใหญ่แล้วยังมีพลังในการกัดมากกว่า


“เห็นด้วย ขำไม่ออกเลย เจอแต่ตัวอันตราย” สามเอนหลังไปพิงเบาะพลางถอนหายใจยาว


“แต่ถ้าเป็นแบบนั้นแปลว่ามันต้องเคลื่อนไหวช้า”


“ใช่ นั่นเป็นข้อได้เปรียบของเรา การเคลื่อนไหวมันอาจช้าแต่ก็แค่ช้ากว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น เพราะงั้นห้ามประมาทเด็ดขาด ต้องระวังการโจมตีของดาโกซอรัสให้ดีอย่าให้มันโจมตีได้โดยเฉพาะช่วงคอของนายที่เป็นจุดอ่อน” สามอธิบายด้วยใบหน้าเครียดๆ


อย่างที่สามพูด ลำคอผมในร่างไดโนเสาร์ถือเป็นจุดอ่อนหลักถ้าถูกฟันของดาโกซอรัสกัดอาจจะขาดในไม่กี่วินาทีก็เป็นได้


“เข้าใจแล้ว ไม่ประมาทแน่”


“โอเค”


“ทำไมให้มาทางเฮลิคอปเตอร์ล่ะ?”


“มันเร็วกว่าทางเรือ เพียงแต่มันก็เสี่ยงเวลากระโดดลงไป”


“ผมจะกลับร่างคอยรับสามเอง” ผมบอกกลับไป


“รบกวนหน่อยละกัน”


“ได้”


“ถึงแล้วครับ” เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ที่หยุดเคลื่อนไหว


“เอาล่ะ ไปกัน” หน้ากากสำหรับดำน้ำถูกสวมใส่อย่างไม่รีบร้อน


“อืม” ผมพยักหน้าก่อนจะเป็นคนแรกที่กระโดดลงไปด้านล่าง



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 20-07-2018 21:03:53
(ต่อนะคะ)




ร่างของมนุษย์ค่อยๆ แปรเปลี่ยนระหว่างที่กำลังจะลงสู่ผิวน้ำ ส่วนหัวขนาดใหญ่ยืดออกแล้วหันไปมองรอบกายจนสายตาไปสะดุดเข้ากับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่ไม่ทันได้คิดอะไรสามที่ตามลงมาก็คว้าคอผมเกาะไว้แน่นก่อนร่างขนาดใหญ่จะพุ่งสู่ผืนน้ำด้านล่างด้วยความเร็วสูง


ดวงตาของผมจะเห็นชัดที่สุดเมื่ออยู่ใต้น้ำจึงได้มองหาดาโกซอรัสที่น่าจะอยู่ไม่ไกลทว่าผ่านไปสักพักกลับไม่เห็นวี่แววเลย ไม่ใช่แค่วี่แววของดาโกซอรัสแต่วี่แววของสิ่งมีชีวิตก็ยังไม่เห็น ปกติน่าจะมีฝูงปลาหรือฝูงสัตว์อยู่ในระแวกนี้แต่นี่กลับไม่มีเลย


งี๊ดดด~


ผมครางเรียกสามที่น่าจะรู้สึกถึงเรื่องเดียวกันนี้ ฝ่ามืออุ่นๆ ลูบลำคอผมไปมาก่อนร่างของสามจะว่ายมาตรงหน้า แม้สามจะไม่สามารถส่งเสียงในน้ำได้แต่ด้วยท่าทางและสายตาที่แสดงออกมาทำให้ผมรู้ถึงที่ที่ต้องการบอก สามชี้นิ้วมายังผมก่อนจะชี้ไปยังฝั่งหนึ่งของมหาสมุทรนั่นทำให้ผมรีบส่ายหัวตัวเองไปมาจนเกิดกระแสน้ำขึ้น


สิ่งที่สามกำลังจะให้ทำคือแยกกันค้นหา


ใครจะให้สามไปคนเดียวกัน


ไม่มีทาง


พอแผนไม่ได้รับการอนุมัติจากผมสามก็ทำหน้ามุ่ยพลางกอดอกทั้งที่ลอยตัวอยู่ใต้น้ำ


ผมก็อยากจะขำกับท่าทางนั้นอยู่หรอกถ้าไม่ติดที่ว่าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ดวงตาสีเงินของผมเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อได้เห็นร่างสีน้ำเงินเข้มและฟันขนาดใหญ่ที่อ้าออกกว้างหมายจะจัดการเหยื่อด้วยการโจมตีเดียว เนื่องจากเวลาที่มีไม่พอที่จะส่งเสียงบอกสามผมเลยตัดสินใจใช้ปากคาบสามไว้ก่อนจะม้วนตัวเป็นก้อนกลมๆเพื่อป้องกันการโจมที่ปะทะเข้ามา


งี๊ดด!


แรงกัดฝังลงบนเกราะกลางหลังจนรู้สึกชาวาบ เกราะของไดโนเสาร์บกที่ไม่เคยถูกผ่านได้มาก่อนกลับถูกฟันนั่นกัดฝังเข้ามาได้อย่างง่ายดาย หนวดสีน้ำเงินใสซึ่งมีพิษของแมงกะพรุนกล่องถูกสะบัดสยายไปรอบๆ หวังว่าจะโดนตัวศัตรูที่พึ่งละออกไป


ผมไม่มั่นใจว่าถ้าออกไปจากการป้องกันนี่จะปลอดภัยไหม


ไม่แน่ว่ามันอาจจะกำลังรอจังหวะพอลดการป้องกันก็จะเข้ามาโจมตี


ถ้ามาเลือกโจมตีผมก็คงไม่เท่าไหร่แต่ถ้าเป็นสามคงหลบการโจมตีนั่นได้ยาก ในขณะที่ม้วนตัวป้องกันสามก็ขยับตัวอยู่ตลอดเหมือนจะให้ผมคลายการป้องกันนี่ ถ้าเป็นสามคงรู้ถึงสถานการณ์นี้แล้วเหลือแค่จะจัดการยังไง


กึก!


ทั้งที่มองไม่เห็น


ไม่ได้ยิน


แต่กลับรับรู้ได้ผ่านสัมผัสของมือที่ทาบลงบนผิวตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนได้รับการเชื่อมต่อความรู้สึก ไม่จำเป็นต้องเห็นหรือได้ยืน เพียงแค่ฝ่ามือนั้นสำผัสผมก็รู้ถึงสิ่งที่สามจะบอก


สามกำลังบอกว่าไม่เป็นไร ให้ปล่อยออกไป


ผมเชื่อสาม


ถ้าเป็นสิ่งที่สามพูด...ผมจะทำตาม


ผมที่ม้วนตัวกลมค่อยๆ คลายการป้องกันอย่างระมัดระวัง ดวงตาสีเงินของผมหันไปมองยังบริเวณที่มีกลิ่นเลือดดคลุ้งแทบจะทันที เลือดนั่นคงเป็นตอนที่กัดผมก่อนหน้านี้


กรรรรรร~


กรรรรรรร~


ทั้งดาโกซอรัสและผมต่างขู่คำรามออกมาจนผืนน้ำเริ่มสะเทือน สามเองก็ขึ้นมาอยู่บนหลังผมพร้อมอาวุธสีใสถูกนำออกมาเตรียมพร้อม


กรรรร~


ฝ่ายที่เปิดการโจมตีก่อนคือดาโกซอรัสที่พุ่งเข้ามา ปากขนาดใหญ่อ้าออกกว้างจนเห็นฟันอันแหลมคมนั่นอย่างชัดเจนทว่าผมกลับไม่รู้สึกหวาดหวั่นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว บนหลังผมมีสามอยู่


ผมจะปกป้องสามเอง!


กรรรร~


ผมตอบรับการโจมตีนั่นด้วยการลอยตัวขึ้นไปด้านบนในจังหวะที่ดาโกซอรัสพุ่งมา และอาศัยจังหวะนั้นใช้หัวกระแทกหัวจนดาโกซอรัสกระเด็นไป เมื่อมีโอกาสผมก็ไม่คิดจะรออยู่เฉยๆ ให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้เลยรีบว่ายตามดาโกซอรัสที่กำลังมึนงงจากการถูกกระแทกเมื่อครู่ เพราะดาโกซอรัสกำลังสะบัดส่วนหัวไปมาอยู่เลยไม่สังเกตถึงผมที่พุ่งเข้าไปโจมจีอีกรอบโดยอ้าปากอันเต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมออกแล้วจัดการขย้ำไปยังลำคอที่คาดว่าจะอ่อนแอกว่าส่วนอื่นอย่างไม่ลังเล


งี๊ดดด~


เสียงครางอย่างเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกับร่างขอดาโกซอรัสที่ดิ้นไปมาทว่าผมก็ยังคงไม่ยอมปล่อยเขี้ยวที่จมอยู่ในลำคอนั่นออก ผมรู้ถ้าปล่อยดาโกซอรัสต้องเข้ามาโจมตีแน่


พวกเราอาจสามารถสื่อสารกันได้แต่ดูจากก่อนหน้านี้ดาโกซอรัสไม่คิดจะพูดคุยกันสักนิด


ทันทีที่สัมผัสของสามที่เกาะอยู่หายไปผมก็เกือบจะปล่อยดาโกซอรัสให้เป็นอิสระแต่ก่อนจะทำแบบนั้นร่างของสามก็ว่ายผ่านหน้าผมไปจนถึงส่วนหัวของดาโกซอรัส อาวุธขนาดเล็กถูกใช้อย่างคล่องแคล่วเพียงไม่กี่วินาทีร่างที่ดิ้นไปมาก็สงบลง


สามทำอะไร


‘ช่วย...’


อะไรน่ะ เสียงขอดาโกซอรัสเหรอ


ก่อนหน้านี้ไม่เห็นพูดอะไรนึกว่าไม่อยากคุยซะอีก


‘ช่วยอะไร’ ผมปล่อยคอของดาโกซอรัสเมื่อสามกลับมาหาแล้ว


‘ช่วย...อ๊ากก~’ ยังไม่ทันได้ตอบกระแสไฟฟ้าจากที่ไหนสักแห่งก็แผ่ขยายออกมาจากตัวของดาโกซอรัสไปทั่วผืนน้ำแม้แต่ผมที่รีบว่ายออกมาเองก็ถูกกระแสไฟฟ้านั่นทำเอาร่างกายชาไปหมด ร่างกายของดาโกซอรัสหยุดเคลื่อนไหวเมื่อกระแสไฟฟ้ารอบนั่นๆ หายไป


แทบไม่ต้องเข้าไปใกล้ผมก็รับรู้ได้ว่าดาโกซอรัสไม่มีชีวิตอีกแล้ว


เกิดอะไรขึ้นกัน?!


งี๊ดดด~


ผมร้องเรียกสามที่ว่ายเข้าไปใกล้ร่างอันไร้วิญญาณของดาโกซอรัสด้วยใบหน้าบอกไม่ถูก ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ได้อย่างหนึ่งคือที่นี่มันอันตราย


งี๊ดดด~


สาม


เหมือนสามจะรู้ว่าผมเรียกเลยหันกลับมาก่อนจะเอื้อมมือมาลูบส่วนปากที่ยาวออกมาของผมเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลใต้หน้ากากมีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมา เพียงแค่เห็นมันหัวใจผมก็ชาวาบไปหมด


สาม...ร้องไห้


งี๊ดด!


เป็นอะไร


สามส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะชี้ไปยังร่างของดาโกซอรัสแล้วชี้ขึ้นไปบนผิวน้ำ  สิ่งที่สามต้องการจะสื่อผมเข้าใจในทันที สามอยากให้เอาร่างของดาโกซอรัสขึ้นไป


งี๊ดด!


ผมพยักหน้าพร้อมว่ายเอาร่างดาโกซอรัสไว้ยังหลังแล้วว่ายขึ้นไปด้านบนโดยมีสามว่ายตามมาติดๆ ด้านบนของผิวน้ำยังคงมีเฮลิคอปเตอร์ลำเดิมบินวนรออยู่ พอเห็นพวกเราขึ้นมาบันไดยาวก็ถูกทิ้งลงมา


“เรากลับทั้งแบบนี้ไม่ได้” สามพึมพำพลางมองไปยังร่างของดาโกซอรัสบนหลัง ผมไม่อาจกลับร่างมนุษย์ได้เพราะมีดาโกซอรัสอยู่บนหลัง ถ้ากลับร่างมนุษย์คงไม่สามารถแบกร่างที่หนักหลายตันได้


“ลูก้า กระแสไฟฟ้าเมื่อกี๊ไม่เป็นไรนะ” สามหันมาถามด้วยใบหน้าห่วง


งี๊ดด!


ไม่เป็นไร


ความชาที่มีตอนนี้ก็หายไปแล้ว


“โอเค...แล้วพอมีแรงเหลือไหม” สามถามต่อ


กรรรรรรร~


ผมส่งเสียงคำรามตอบกลับแสดงถึงเรี่ยวแรงที่ยังมีเหลือเฟือ


“คิก! เชื่อแล้วว่ามีแรงเหลือ งั้นว่ายไปเกาะข้างๆ กันผมจะติดต่อให้เอาเรือมารอรับ อ้อ...ต้องบอกให้เฮลิคอปเตอร์กลับไปก่อนด้วยสิ” สามบอกระหว่างที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก ดูเหมือนจะเป็นรุ่นกันน้ำแบบพิเศษไม่งั้นคงไม่มีทางโทรติดหลังจากลงไปอยู่ใต้น้ำเป็นสิบนาทีหรอก


“คุณต้นเอาบันไดขึ้นแล้วกลับไปได้เลยครับ อ้อ รบกวนติดต่อทางนั้นให้เอาเรือมารับที่เกาะข้างๆ ด้วยนะครับพอดีจะเอาร่างของดาโกซอรัสกลับปด้วย ขอบคุณครับ” เมื่อการสื่อสารจบลงสามก็ว่ายไปดูร่างของดาโกซอรัส


งี๊ดดด!


ไม่เป็นไรนะสาม


“...ผมไม่อยากคิดเลยว่าเรื่องนี้มันจะใหญ่ขนาดไหน”


งี๊ดดด!


หมายถึงอะไร?


“เราไปกันเถอะลูก้า รีบออกไปจากสถานที่อันตรายนี่กัน” สามเองก็เหมือนผมที่รับรู้ได้ว่าที่นอกจากจะไม่ปลอดภัยแล้วยังอันตรายอีก ผมว่ายน้ำไปตามทางที่สามบอกจนถึงเกาะขนาดเล็กแห่งหนึ่งพร้อมกับร่างของดาโกซอรัสที่ถูกเคลื่อนมาจนถึงชาดหาย ร่างไดโนเสาร์ยักษ์ของผมกลับสู่ร่างมนุษย์ก่อนจะใส่เสื้อผ้าที่เตรียมอยู่ในกระเป๋าสาม


“สาม...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผมไม่รอช้ารีบถามคำถามที่คาใจที่สุดออกไป


เรื่องนี้มันไม่ปกติเลย


“ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน” สามบอกในขณะที่สำรวจร่างของดาโกซอรัสอยู่


“ผมนึกว่าสามรู้”


“ตอนนี้ผมต้องรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้ แค่นี้ผมยังไม่สามารถตอบอะไรได้”


“กระแสไฟฟ้านั่นไม่ปกติ” ผมพูดต่อ


“ใช่ ไม่ปกติเลย ถ้าลูก้าอยู่ใกล้กว่านั้นคงอันตรายไปแล้ว น้ำเป็นสื่อที่กะจายกระแสไฟฟ้าได้ดีในระดับหนึ่งมันเลยกระจายตัวเป็นวงกว้างแบบนั้น ที่ไม่เข้าใจคือมันมาจากไหนแล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้” สามพูดด้วยใบหน้าเครียดๆ


“สามร้องไห้” ภาพตอนอยู่ใต้น้ำผมยังจำได้ดี


“ดาโกซอรัสไม่ควรตาย ผมหยุดเขาไว้แล้วไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้”


“สาม...”


“ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กอย่างเกิดความผิดพลาดหรืออะไรหรอกนะ”


“สามจะบอกอะไร”


“ต้องมีคนคิดจะทำอะไรบางอย่าง”


“อะไรล่ะ”


“นั่นคือสิ่งที่เราต้องหาลูก้า”


“แล้วจะหายังไง”


“อย่างแรกคงต้องชันสูจศพของดาโกซอรัส”


“...สามทำได้?” มันดูไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำ


“ได้สิ แต่คงต้องเรียกคนสักคนมาช่วย”


“ใคร?”


“หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษ...ไทรแอสสิก เบนซ์ ฟงเซ่”

...........................................................

จบไปแล้วกับอีกหนึ่งตอน...เนื้อหาในช่วงสุดกำลังค่อยๆ เผยออกมาแล้ว

เหลืออีกเพียงไม่กี่ตอนเรื่องนี้ก็จะจบแล้วนะ

รู้สึกใจหายอยู่หน่อยๆ ที่จะไม่ได้แต่งเรื่องราวของทั้งคู่แล้ว ยิ่งแต่งยิ่งรู้สึกชอบในตัวตนของลูก้ามากๆๆๆๆ

มากขนาดที่อยากแบบนี้สักคน 555

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามตอนหน้านะคะ

บ๊ายบาย

--------------มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์---------------

วันนี้ขอเสนอดาโกซอรัส


(https://www.img.in.th/images/8a53348094e981d46ab9cff14629af94.jpg)

ดาโกซอรัสคล้ายบรรพบุรุษของจระเข้ในทะเลยุกจูแรสซิก มีรูปร่างเพรียวบางแด้วยฟันที่แหลมคมที่แหลมคมและน่ากลัวจึงได้ชื่อที่แปลได้ว่า "กิ้งก่าจอมฉีกเนื้อ" พวกมันมีส่วนหัวคล้ายกับไดโนเสาร์กินเนื้อ มีความยาวประมาณ 4-5 เมตร

เครดิตรูปและข้อมูล : wikipediaและหนังสือประจันหน้าเจ้าสมุทร

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-07-2018 21:42:45
ไม่อยากให้มีความตายเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างที่ทำคือการป้องกันตัวหรือไม่ก็สู้ตามสัญชาตญาณ ใครทำเรื่องแบบนี้ :serius2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 20-07-2018 23:32:33
เปิดตอนด้วยอารมณ์อยู่ในห้วงรักของสองหนุ่มน้อย
เขาจีบกันค่ะคุณ ลูก้ารุกสามหนักขึ้นทุกที เราก็นับวันรอสามใจอ่อนแล้วเน่อ

ตอนหน้าจะเป็นการรวมทีมเฉพาะกิจใช่ไหมคะ ><
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-07-2018 01:59:33
เริ่มมีปมแล้วววว
กระแสไฟฟ้ามาจากไหน สู้กันอยู่กลางทะเล ใต้น้ำแท้ๆ
แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าลงน้ำคือ ไม่จำกัดขอบเขตความเสียหายเลยอะ
รอค่าาาาา ไม่อยากให้จบเลยย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-07-2018 08:44:21
ไฟฟ้ามาได้อย่างไรกัน นี่มันกลางทะเลนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 21-07-2018 13:05:01
ลุ้นน
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-07-2018 06:16:21
เรื่องใหญ่มาละสินะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 22-07-2018 07:52:09
เกิดอะไรขึ้น ทำไมตายละ
มีใครไม่หวังดีรึป่าว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-07-2018 07:54:49
เห้อ ไม่ใช่ว่าโดนฝังชิบแล้วใช้กระแสไฟในการติดตามและจัดการนะ.คาดว่าสอ่งก่อสร้างที่ลูก้าเห็นน่าจะเป็นฐานของพวกคนร้าย

ตอนหน้าจะเจอคูเซแล้วอยากให้มีอานโน่มาเอี่ยวแบบช่วยสังเกตุทางแากาศไรงี้ เพ้อ...555

รอจ้า

ปล.เมื่อไหร่เขาจะได้เสียเป็นเมียผัว :hao6:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 23-07-2018 09:31:45
ลูก้าโดนขัดจังหวะตลอดเลย หุหุหุหุ
เรื่องกระแสไฟฟ้าอาจจะถูกฝังวงจรอะไรซักอย่างเพื่อศึกษาหรือเพื่อควบคุม?
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 03-08-2018 20:20:17
หน้าให้มาเจอกัน3คู่เลย.. คิดถึงอีกสองคู่
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่20◈♦> 20/07/61 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 03-08-2018 20:21:51
คิดถึ๊ง คิดถึง.....
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 04-08-2018 11:05:22
◈ธาราที่21◈




“มาช้านะเซโคร” หัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำอย่างผมยืนเท้าเอวอยู่หน้าเรือเงยหน้ามองหนึ่งในผู้นำระดับสูงขององค์กรอดอร์วูด้วยใบหน้านิ่งๆ


ตอนนี้ผมมีเรื่องที่อยากจะถามความคิดเห็นอยู่มากมายเต็มหัวไปหมดตั้งแต่กลับจากภารกิจเมื่อวาน หลายสิ่งหลายอย่างมันสะกิดใจผมอยู่ และต้องการจะหาคำตอบมันด้วย


“ผมก็รีบสุดๆ แล้วทรี ภารกิจผมพึ่งเสร็จเมื่อคืนเอง” เซโครเดินลงเรือมาด้วยใบหน้างัวเงีย คาดว่าคงเพราะนอนไม่พอหลายวันติด ด้านหลังของเซโครมีคู่หูและคนรักอย่างยูทาร์ตามมาติดๆ


“ไหวไหม ไปนอนพักก่อนก็ได้นะ”


“ไม่เป็นไร เรื่องด่วนไม่ใช่เหรอ บอกให้เล่าเมื่อวานก็ไม่ยอม” ก็จริงที่เซโครบอกให้ผมอธิบายสถานการณืแต่ผมคิดว่าพูดทางโทรศัพท์มันไม่ดีเท่ามาเจอกันตรงๆ แบบนี้


“อยากให้นายมาเห็นด้วยตามากกว่า”


“...ท่าจะเรื่องใหญ่สินะ” เหมือนเซโครจะพอเดาได้


“ผมคิดว่ามันใหญ่สุดๆ เลยล่ะ” ถึงไม่แน่ใจเท่าไหร่ก็ตาม


“รีบไปกันเถอะ แล้วลูก้าเป็นไงบ้าง” ระหว่างเดินไปยังศูนย์วิจับเซโครก็หันมาถามผม


“สบายดี ตอนนี้คงกำลังดำน้ำเล่นอยู่ตรงหน้าผานั่น” ผมบอกพลางชี้ไปยังหน้าผาที่อยู่ทางขวามือซึ่งไหลจากตรงนี้มากพอดู


ที่นั่นกลายเป็นอาณาเขตของลูก้าโดยสมบูรณ์ไปเรียบร้อย ก่อนหน้านี้เขาอาจนั่งรอผมอยู่ในห้องวิจัยแต่ตอนนี้เปลี่ยนมาดำน้ำรอผมแทน ซึ่งก็ดีเพราะผมเชื่อว่าการอยู่ในน้ำมันทำให้ลูก้ารู้สึกสบายใจที่สุดแล้ว ที่น่าห่วงก็มีแค่การที่ลูก้าชอบน้ำไปลึกแล้วนั่งเล่นอยู่ตามโขดหินเป็นชั่วโมงโดยไม่ขึ้นมาหายใจต่างหาก


ร่างมนุษย์ไม่เหมือนไดโนเสาร์ที่สามารถหายใจในน้ำได้ ถึงจะให้พกออกซิเจนพกพาไว้ก็เดาได้ว่าไม่มีทางหยิบออกมาใช้แน่ๆ


“นึกว่าจะตัวติดกันกว่านี้ซะอีก”


“แค่นี้ก็ติดจนไม่รู้จะติดยังไงแล้ว” ถ้าไม่นับช่วงที่ลูก้าดำน้ำเล่นก็อยู่ติดกับผมแทบตลอดเวลา


“แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบนี่” เซโครมองผมยิ้มๆ


“รู้ทันจังนะ...” ก็สมกับเป็นเซโครอยู่หรอก


“เป็นแฟนกันแล้ว?”


“ฮะ? ใครบอก” ผมหันควับไปมองหน้าเซโครด้วยน้ำเสียงตื่นๆ


“ว่าแล้วเชียว”


“เซโคร” นี่แกล้งถามเพื่อดูปฏิกิริยากันชัดๆ


“ทรีน่ะดูออกง่ายจะตายไป”


“ชิ...”


“การมีลูก้าอยู่ดูจะทำให้ทรีมีความสุขนะ”


“...ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ” ชีวิตที่อยู่แต่กับการทดลองและเหล่าสัตว์น้ำมาตลอดไม่ใช่ว่าไม่มีความสุขเพียงแต่การที่มีลูก้าเข้ามามันเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ผมอยากจะมีสักคนที่อยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน


คนที่ยอมรับในตัวผมที่เป็นผม ลูก้าเป็นคนนั้น...เป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


“ดีแล้ว แต่ยังไงก็ออมมือหน่อยก็ดีมั้ง ได้ข่าวมาว่าจับเขาทุ่มเลยนี่” เซโครหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อพูดถึง


“ไปรู้มาจากไหนน่ะ”


“กล้องวงจรปิดในห้องวิจัย”


“นั่นถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวนะเซโคร อีกอย่างผมไม่ผิดสักหน่อยใครให้เขามาทำบ้าๆ ตอนผมกำลังทำการทดลองอยู่เล่า!” เรื่องที่เซโครพูดถึงคงเป็นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่ผมเข้าไปทำการทดลองแต่กลับถูกลูก้ากอดหมับจากด้านหลังแล้วคลอเคลียด้วยการพรมจูบตามลำคอจนคนรอบๆ ทำหลอดทดลองตกแตกกันเป็นแทบ ด้วยความเขิน โกรธและอายผมก็เลยจัดการทุ่มอีกฝ่ายลงพื้นอย่างไม่ตั้งใจ


อ่า...ก็ตั้งใจอยู่ละนะ


“ถ้าไม่ใช่ลูก้าคนคนนั้นอาจเข้าโรงพยาบาลไปแล้วมั้ง”


“...ก็คงใช่ ไดโนเสาร์กลายพันธุ์นี่ชอบคลอเคลียเหรอ” ผมถามกลับพลางมองไปยังยูทาร์ที่เดินอยู่ข้างเซโคร ดูจากบุคลิกไม่น่าจะขี้อ้อนหรือคลอเคลียขนาดลูก้า


“ส่วนมากก็ใช่ มันเป็นเหมือนสัญชาตญาณของสัตว์น่ะ ยิ่งกับคนที่ชอบหรือรักก็จะยิ่งอยากคลอเคลียด้วยเป็นเรื่องปกติ”


“ฮืม...แปลว่ายูทาร์เองก็เป็นเหมือนกันสินะ”


“อย่าให้พูด ยูทาร์น่ะนะทั้งคลอเคลียทั้งออดอ้อนสุดๆ ”


“ทำหน้าดีใจนะเซโคร” ผมมองหน้าเพื่อนสนิทที่ส่งยิ้มกลับมา


“ทรีไม่คิดว่าน่ารักเหรอ”


“...คิดสิ” ภาพของผู้ชายหล่อที่สาวเห็นเป็นต้องกรี๊ดกลับมาคลอเคลียด้วยท่าทางเหมือนลูกโลมาตัวน้อยๆ


น่ารักจะตาย


“แต่ก็น่ารักแค่ตอนนั้นล่ะนะ อย่าให้ลูกหมาเปลี่ยนเป็นหมาป่าละกัน”คำพูดนั่นเหมือนคำเตือนชอบกลแฮะ


“เพราะมีประสบการณ์มาก่อนงั้นสิ”


“อืม ยังไงทรีก็สู้แรงลูก้าไม่ได้อยู่แล้ว”


“ใครจะรู้เรื่องนั้นล่ะ” มันยังไม่แน่สักหน่อย


“เตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะ” พูดจบก็ตบไหล่ผมเบาๆ


“เตรียมอะไรอะไรเซโคร บอกแล้วไงว่าไม่ยอมง่ายๆ หรอกน่ะ”


“มันไม่เกี่ยวว่าจะยอมหรือไม่ยอมหรอกนะ ฤดูติดสัดก่อนหน้านี้ก็น่าจะดาได้นี่ อย่างทรีไม่ปล่อยให้เขาทรมานอยู่แล้ว”


“ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดีเลย” ผมไม่ปฏิเศษหรอกนะว่าไม่อยากเห็นใบหน้าเหมือนกำลังอดกลั้นและทรมานของลูก้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมนี่


พวกเราเดินมาถึงห้องวิจัยที่มีเหล่าลูกน้องผมกำลังง่วนกับการอ่านเอกสารอยู่ เมื่อเห็นหน้าผมพวกเขาไม่ตกใจเท่าหน้าของเซโครพ่วงด้วยยูทาร์ที่ตามหลังมา


“นั่นมันหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มากด้วยความสามารถ ด็อกเตอร์ไทรแอสสิก เบนซ์ ฟงเซ่นี่นา!” พี่พลพูดชื่อเต็มยศจนเซโคถึงกับเลิกคิ้วเล็กน้อย


“ไม่มีเวลาให้ทักทายหรอกนะ กลับไปทำงานของตัวเองได้แล้ว” ผมบอกแกมสั่ง


“โหย ด็อกเตอร์อย่าใจร้ายสิ ให้เราได้ทักทายแลกเปลี่ยนความรู้หน่อยเถอะ” พี่พลบอก


“จริงด้วยๆ ด็อกเตอร์ไทรแอสสิก เห็นว่าคุณจบการเพาะพันธุ์มาเหมือนสามใช่ไหม” ยุเองก็เดินไปหาเซโครพลางเอ่ยถาม


“ใช่ ผมกับทรีสนิทกันมากเลยล่ะ”


“งั้นพอจะรู้ไหมว่าทำไมการเพาะพันธุ์ถึงต้องอาศัยการตัดต่อยีนของสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ ขึ้นมาถึงได้มีรูปร่างแต่งต่างกันทั้งที่ยีนหลักที่ใช้ส่วนมากก็เหมือนกันทั้งนั้น โอ๊ะ เพราะดีเอ็นเอที่สกัดออกมาจากฟอซซิลเหล่านั้นมันเป็นตัวแปรในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างนั้นสินะ แต่การทำอย่างนั้นก็แปลว่ามันจะเป็นเพียงรูปลักษณ์ที่ผ่านกระผสมขึ้นไม่เหมือนของจริงในอดีต...นั่นแปลว่า...”


“ยุ...โทษทีนะแต่ผมคงต้องขอตัวของเซโครไปก่อนล่ะ” ผมพูดขัดยุแล้วคว้าแขนเซโครเดินเข้าไปยังห้องทดลองด้านในสุด


“ยูทาร์ไปอยู่กับลูก้าก็ได้นะ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมจะไปหา” เซโครตะโกนบอกระหว่างถูกผมพาเดินเข้ามา


“เข้าใจแล้วเซโคร”


ผมพาเซโครเดินเข้ามายังห้องทดลองด้านในสุดของห้องวิจัย ภายในห้องทดลองนี้ก็คล้ายกับห้องทดลองที่เหลือเพียงแต่ห้องนี้จะเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ส่วนมากที่ใช้ห้องนี้คือการชันสูจสัตว์ที่ตายแล้ว ความจริงการชันสูจเป็นหน้าที่ของทีมแพทย์แต่ส่วนมากผมจะขอให้พวกเขามาทำกันที่นี่เพื่อที่ผมจะได้ดูขั้นตอนการทำ ถึงผมจะไม่ได้เชี่ยวชาญการชันสูจเท่าทีมแพทย์แต่การที่มีสัตว์ตายไปต่อหน้าโดยที่ไม่อาจรู้ถึงสาเหตุได้เป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย


“มีทีมที่แปลกดีนะ” เซโครพูดขึ้นหลังจากที่เข้ามาในห้องทดลองแล้ว


“จะถือว่าเป็นคำชมละกัน เรามาเริ่มกันดีกว่า...หรือจะให้คนเข้ามาช่วยอีกสักสองสามคนดี?” ผมหันไปถามความเห็น


“แค่พวกเราก็พอแล้วมั้ง” เซโครยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย


“แหม ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกนะ แล้วรู้เหรอว่าเราจะทำอะไรกันน่ะ” ผมถามกลับเพราะจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้บอกเซโครว่าจะมาทำการชันสูจศพของดาโกซอรัสเลย


“รู้สิ บนโต๊ะผ่าตัดนั่นคงเป็นศพของสัตว์น้ำ ดังนั้นคงไม่มีเรื่องอื่นนอกจากให้ผมมาช่วยผ่าชันสูจ”


“ตามที่เซโครคิดแหละ...นี่คือศพของดาโกซอรัส” ผมพูดพลางดึงผ้าที่คลุมศพอยู่ออก


สภาพของศพถูกรักษาไว้ด้วยการฉีดยาเข้าไปในผิวหนังนั้นจึงมีสภาพเหมือนตอนตายทุกประการ ทันทีที่ศพของดาโกซอรัสปรากฏต่อหน้าเซโครก็ขมวดคิ้วแน่นแทบจะทันที แค่มองก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังสงสัยถึงสภาพศพที่แปลกจากปกติ


“บาดแผลมีแค่ส่วนคอแต่ไม่ลึกขนาดจะฆ่าให้ตายได้ ที่น่าสงัสยคือรอยไหม้ตามร่างเป็นเส้นและมีร่องรอยของการทดลองซ้ำ” เซโครพูดระหว่างที่ตรวจดู


“รอยไหม้นั่นเป็นกระแสไฟฟ้า”


“ไฟฟ้า?...ดาโกซอรัสนี่ใช่ที่ไปทำภารกิจเมื่อวานรึเปล่า”


“ใช่ ในช่วงที่จัดการดาโกซอรัสได้ก็เกิดอะไรบางอย่างขึ้น กระแสไฟฟ้าไม่รู้มาจากไหนมันแผ่ออกมาจากดาโกซอรัสกระจายเป็นวงกว้าง พอกระแสไฟฟ้านั่นหายไปดาโกซอรัสก็ตายแล้ว” ผมอธิบายเหตุการณ์ให้เซโครฟัง


“ผิดปกติมาก”


“ต้องพูดว่าผิดปกติสุดๆ ต่างหาก อีกอย่างที่ยังคาใจคือร่องลอยของการทดลองซ้ำที่นายบอกแหละ” ผมบอกพร้อมเดินไปหาอีกฝ่าย ถุงมือที่ถูกสวมสัมผัสบริเวณด้านข้างครีบที่มีรอยผ่าตัดและเย็บซ้ำๆ กันอยู่หลายรอบ ปกติการสร้างไดโนเสาร์ขึ้นมาหลังจากเกิดแล้วพวกเราจะไม่ทำลการผ่าตัดแต่งเติมใดๆ ถ้าไม่ใช่กรณีของการรักษา


ถ้าจะเป็นการรักษาคงไม่เย็บแผลชุ่ยๆ แบบนี้หรอก


“เพราะงั้นถึงเรียกผมสินะ”


“ใช่ ภารกิจเมื่อวานใครเป็นคนติดต่อมา” ผมถามต่อ


“เรือขนส่งจากจีนน่ะ เห็นว่าเจอไดโนเสาร์พุ่งเข้ากระแทกเรือ”


“แปลว่ามันหลุดมาจากที่ไหนสักที่หรือไม่ก็...” ผมหยุดตรงนี้ก่อนจะหันไปสบกับดวงตาสีเขียวอมฟ้าด้านข้าง


“ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฝ้าอะไรสักอย่าง” อีกคำตอบที่คิดถูกเอ่ยต่อโดยเซโคร


“อืม ตอนนี้ไม่รู้ว่าคำตอบจะเป็นข้อไหน”


“เราต้องลองผ่าดู”


“เอาสิ” ผมพนมมือเพื่อเคารพศพก่อนที่พวกเราจะลงมือฝ่าศพของดาโกซอรัส ปกติการวันสูจจะใช้คนมากกว่านี้แต่เพราะพวกเราต้องหาอะไรบางอย่างในศพนี้การทำแค่สองคนจะเคลื่อนไหวได้สะดวกกว่า


จากการสำรวจภายนอกสิ่งที่พบคือกล้องขนาดเล็กที่ดูจะมีมุมมองกว้างติดอยู่บริเวรใต้ท้องของดาโกซอรัส มันน่างสัยมากเพราะปกติไม่มีใครเอากล้องมาติดไว้ที่ตัวไดโนเสาร์แบบนี้หรอก มีดสีเงินกรีดไปตามผิวน้ำที่ถูกเย็บอย่างคล่องแคล่ว เพียงไม่กี่นาทีด้านในตัวของดาโกซอรัสก็ปรากฏต่อหน้าพวกเรา วัตถุสีดำขนาดเล็กถูกติดตั้งอยู่บริเวณหัวใจของดาโกซอรัสถูกนำออกมาแล้วพลิกดูว่ามันคืออะไร


“มันคืออะไรทรี?” เซโครถาม


“จากที่ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์ควบคุมระยะไกล ต้องเอาไปตรวจสอบถึงจะรู้มากกว่านี้แต่จากที่มองกระแสไฟฟ้ามันต้องออกมาจากเจ้านี่แหละ” ผมตอบกลับด้วยใบหน้าเครียดๆ


อะไรที่ต้องทำถึงขนาดนี้กัน เหมือนกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้งั้นแหละ


ซ่อนเหรอ


“เซโครจับพวกที่ลักลอบสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้รึยัง” ผมหันควับไปถาม


“ยังเลย พวกมันหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องลอยขนาดกลิ่นที่มียังไม่สามารถติดตามได้ ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่าเคร่งครัดแต่ก็ไม่เจอเบาะแสอะไรเลย”


“สถานที่ที่สร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์คือที่ไหน”


“โรงงานขนาดใหญ่ในประเทศสิงคโปร์”


“แปลว่าอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่เจอดาโกซอรัสเท่าไหร่”



“ทรี...นี่นายกำลังคิดอะไรอยู่” เซโครเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะถามด้วยใบหน้าที่เครียดไม่ต่างกัน


“นายบอกว่าหาเบาะแสไม่เจอสินะ”


“ใช่...แล้วยังไง”


“ที่หามันแค่บนบกไม่ใช่เหรอ”


“...” เพียงแค่คำพูดเดียวของผมก็ทำเอาทั้งห้องถึงกับเงียบสนิท ผมรู้ว่าเซโครคงจะเข้าใจถึงสิ่งที่ผมจะบอกแล้ว


เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายไม่พบทั้งที่หัวหน้าห่วยปฏิบัติการณ์พิเศษไปลงมือเอง การที่ทิ้งกลิ่นไว้อาจหมายถึงความประมาทของพวกมันหรือไม่ก็มั่นใจว่าต่อให้จะใช้ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีประสาทรับกลิ่นอันยอดเยี่ยมก็ไม่สามารถตามกลิ่นพวกมันเจอ


สถานที่ที่ไม่สามารถตามกลิ่นได้ง่าย


สถานที่ที่หลีกเลี่ยงการค้นหาได้


สถานที่ที่ปลอดภัยและไม่มีใครนึกถึง


ใต้ทะเลไงล่ะ!


“เซโคร” ผมมองจ้องเข้าไปยังดวงตาสีเขียวอมฟ้าที่กำลังสั่น


“ก็จริงถ้าคิดแบบนั้นทุกอย่างก็จะไขกระจ่าง แต่ทรี...นายก็รู้ว่าถ้ามันเป็นจริงนั่นหมายถึงนอกจากจะลักลอบทำการทดลองผิดกฏหมายแล้วยังฝ่าฝืนกฏหมายโลกที่ห้ามกระทำการใดๆ ในพื้นที่อันเป็นธรรมชาติของโลกโดยไม่ขออนุญาติด้วย นี่มันเรื่องใหญ่มากนะ อีกอย่างมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างห้องทดลองใต้ทะเลโดยไม่มีการระบายอากาศเหนือผิวน้ำ...”


“สัมปทานน้ำมัน” ผมพึมพำสิ่งที่คิดออกมาโดยที่ยังสบตาอยู่กับเซโคร


“...เรื่องนี้มันบ้าชัดๆ นายกำลังจะพูดว่าใช้การทำสัมปทานน้ำมันบังหน้าและใช้สถานที่นั้นในการทดลองงั้นเหรอ”


“นายเองก็คิดเหมือนกันนี่เซโครว่ามันเป็นไปได้น่ะ ผมคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วว่ามันมีอะไรที่สะกิดใจผมอยู่


ตอนที่กระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์แล้วเห็นสถานนีขุดเจาะน้ำมันในรัศมีแต่คนที่โทรแจ้งกลับเป็นเรือขนส่งสินค้าแทนที่จะเป็นคนของสถานีขุดเจาะน้ำมัน”


เรื่องทุกอย่างมันจะต่อกันหมดถ้าคิดให้ด้านใต้ของสถานนีน้ำมันมีห้องทดลองสำหับการสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ แม้มันจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ไม่น่าจะมีอย่างอื่นแล้ว


“...เราไม่มีหลักฐาน ถึงผมจะสามารถติดต่อและเข้าไปตรวจสอบได้แต่นั่นอาจทำให้พวกมันไหวตัวทันและหนีไปอีก”


“ให้ผมกับลูก้าไปตรวจสอบให้เถอะ” ผมเสนอความเห็น เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของเซโครอย่างเดียวแล้ว ผมไม่ชอบเลยการกระทำที่ทำให้ชีวิตที่ไม่รู้เรื่องต้องมาเจ็บและทรมาน


“ทรี...”


“ถ้าเป็นผมกับลูก้าก็สามารถดำลงไปดูด้านล่างได้”


“มีความเสี่ยงสูงมากที่จะในน้ำจะมีกล้องจับภาพอยู่ ไม่ใช่แค่ในน้ำแต่ทั้งบนผิวน้ำหรือบนฟ้าก็อาจจะมีด้วย ถ้าไม่ใช่กล้องก็อาจเป็นเซนเซอร์ตรวจจับ การที่ดาโกซอรัสถูกจัดการอาจเป็นเพราะพวกมันกลัวว่าดาโซอรัสจะพูดอะไรกับลูก้าก็ได้ เดี๋ยวก่อน กล้องที่ติดอยู่กับดาโกซอรัสนั่นแปลว่าพวกมันสร้างไดโนเสาร์ขึ้นมาเพื่อเฝ้าและใช้กล้องที่ติดอยู่นั่นสอดแนมจากระยะไกล”


“งั้นก็แค่จัดการกล้องกับเซนเซอร์นั่นก็พอแล้วนี่” ผมบอกไปตามตรง


“ทรี มันไม่ง่ายหรอกนะ”


“คนเดียวทำไม่ได้หรอก แต่ถ้ามีเซโครมาช่วยก็คงไม่ยากเท่าไหร่”


“...อย่าบอกนะว่าที่เรียกผมมาเพราะต้องการแบบนี้แต่แรกน่ะ” เซโครนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา


“เปล่าสักหน่อย”


“เอาเถอะ...มาลองกันดูก็ได้ มีคนมากความสามารถอยู่ตั้งสองคนแค่กล้องกับเซนเซอร์มันจะจัดการยากสักแค่ไหนกัน”


“คงไม่ได้นอนติดกันหลายวันแน่”


“ผมนึกว่าทรีชินแล้วซะอีก”


“เราคงชินกับการไม่ได้นอนกันทั้งคู่แหละ”


“มาเริ่มกันดีกว่า”


“อืม”



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 04-08-2018 11:05:46
(ต่อนะคะ)


หลังจากนั้นทั้งผมและเซโครต่างงคลุกอยู่ในห้องทดลองกันทั้งวันทั้งคืนโดยมีลูก้าและยูทาร์คอยเอาอาหารเข้ามาให้ ผ่านไปหลายสัปดาห์ในที่สุดสิ่งที่ต้องการก็สร้างเสร็จจนได้


“เตียงจ้ารอผมก่อนนะ” ผมตะโกนเสียงดังพร้อมยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว


“...ขอเตียงให้ผมด้วยสิ” เซโครเองก็มีท่าทางอิดโรยไม่ต่างกัน


“ไปพักห้องข้างๆ ผมก็ได้ ตอนแรกจะให้ลูก้าอยู่แต่เขาไม่เอาน่ะ”


“ก็พอเข้าใจ เขาอยากอยู่กับสามจะตาย ดูสิ ขนาดเราทำการทดลองอยู่ยังมานั่งเฝ้าเลย” เซโครพูดพลางมองไปยังหน้าประตูที่ปรากฏแผ่นหลังของลูก้านั่งพิงอยู่


“ยูทาร์ของนายก็ใช่เล่นนี่ นั่งอยู่อีกฝั่งเหมือนกัน” ผมสวนกลับเนื่องจากตรงข้ามลูก้ามีร่างของยูทาร์ซึ่งเป็นคนรักของเซโครนั่งอยู่ ดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทกันกว่าเดิมอีก


“พักให้เต็มอิ่มแล้วค่อยไปนะ” เซโครบอกก่อนจะเปิดประตูออกไป ทั้งลูก้าและยูทาร์ที่เห็นต่างก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหา


“รู้แล้ว ผมไม่เสี่ยงดำน้ำทั้งที่ร่างกายไม่พร้อมหรอก” ผมตอบกลับไป


“ได้ยินแบบนั้นก็เบาใจ ฝากทรีหน่อยล่ะลูก้า” เซโครหันไปพูดกับลูก้าที่เข้ามาพยุงร่างผมที่กำลังจะทรุดลงกับพื้นเพราะความง่วง


“แน่นอนครับ ไว้คุยกันใหม่นะคุณยูทาร์”


“อืม” ยูทาร์พยักหน้าตอบเล็กน้อย


“ลูก้า...” ผมเรียกพลางกุมเสื้ออีกฝ่ายไม่ให้ร่างกายร่วงลงไปกองยังพื้น


“ฝืนไปแล้วสาม ผมยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”


“ขอนอนก่อนเดี๋ยวผมจะอธิบายทีเดียว กลับห้องกัน” ผมอยากนอนเต็มทีแล้ว


“เดินไม่ไหวหรอกสาม ผมจะอุ้มไปละกัน”


“ว่าไงนะ ไม่เอา เฮ้ย! ลูก้า!” ผมถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อร่างของตัวเองถูกยกขึ้นอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีพละกำลังเหลือเฟือ


“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวตกหรอก” ลูก้าบ่นทั้งๆ ที่กระชับแขนที่อุ้มผมไว้แน่น เซโครและยูทาร์ต่างก็มองพวกเราทั้งคู่แต่มีเพียงเซโครเท่านั้นที่ส่งยิ้มมาให้


“ยูทาร์ เซโครอยากให้นายอุ้มน่ะ” ผมไม่ยอมอายอยู่คนเดียวหรอกนะ


“ทรี! เดี๋ยวยูทาร์ ไม่ต้อง...” เหมือนยูทาร์จะไม่ฟังที่พูดเซโครเลยถูกอุ้มโดยไม่เต็มใจนัก


พวกเราสี่คนเดินผ่านหน้าเหล่าลูกน้องผมในสภาพน่าอายจนต้องซุกตัวเองไม่ให้มองหน้าใครทั้งนั้นไปจนถึงห้องผมก็หลับเป็นตายโดยไม่กล่าวฝันดีลูก้า ผมตื่นมาอีกทีก็เป็นช่วงสายของอีกวันแล้ว


“ลูก้า” สิ่งแรกที่ผมหาไม่ใช่นาฬิกาหรือโทรศัพท์แต่เป็นคนที่น่าจะอยู่ข้างๆ ผมตลอดการนอน ทั้งที่น่าจะเป็นอย่างงั้นแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของลูก้าเลย หรือว่าลงไปไหน


แกร็ก!


“สาม...ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมร่างของลูก้าเดินออกมา


“อืม แช่น้ำเหรอ”


“ใช่ ก็อยากไปทะเลอยู่หรอกแต่กลัวสามตื่นมาแล้วจะตกใจถ้าไม่เห็นผม”


“ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย” ผมตอบกลับโดยไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผมตกใจจริงๆ ที่ไม่เห็นอีกฝ่าย


“ถ้าตื่นแล้วเล่าให้ฟังได้รึยังว่าทำไมต้องอยู่ในห้องนั้นตั้งหลายอาทิตย์แบบนี้”


“มานั่งนี่สิ ผมจะเล่าให้ฟัง” ผมกวักมือเรียกลูก้าให้มานั่งบนเตียงก่อนจะคว้าผ้าขนหนูในมืออีกฝ่ายมาเช็ดเส้นผมสีฟ้าแซมแดงแสนแปลกตาที่เปียกโชกอยู่ เรื่องราวทุกอย่างค่อยๆถูกถ่ายทอดให้ลูก้าฟังไปตามความจริง ลูก้าที่ฟังก็มีถามกลับบ้างแต่ส่วนมากก็จะทำเพียงพยักหน้าเงียบๆ จนจบเรื่อง


“ก็คิดอยู่ว่าที่ดาโกซอรัสพูดมันแปลก” ลูก้าพูดขึ้นหลังฟังจบ


“ดาโกซอรัสพูดอะไร” ผมถามต่อทันที ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าดาโกซอรัสพูดอะไรด้วย ไม่สิ ผมไม่ได้ถามลูก้านี่นา


“บอกให้ช่วย”


“ช่วย? ช่วยอะไร?”


“ผมก็ไม่รู้แต่พอได้ฟังเรื่องราวอาจบอกให้ช่วยเขาทีก็ได้”


“...แต่เราก็ช่วยไม่ได้” ถ้าผมรู้ว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้นก็จะช่วยดาโกซอรัสก่อนจะถูกกระแสไฟฟ้านั่นจัดการก็ได้


“มันไม่ใช่ความผิดของใครหรอกสาม”


“ลูก้า...”


“เราอาจช่วยดาโกซอรัสไม่ได้แต่เราอาจช่วยตัวอื่นๆ ได้” คำพูดของลูก้าทำให้ยิ้มออก นั่นสิ ผมยังสามารถช่วยได้อีกหลายชีวิต


“ขอบคุณลูก้า”


“...เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม”


“อะไรล่ะ อยากให้ลูบหัวหรือชมว่าเด็กดี” ผมถามต่อ


“อยากให้จูบ...ได้ไหม” เหมือนลูก้าจะเห็นท่าทางตื่นๆ ของผมเลยเติมพยางค์สุดท้ายให้เป็นประโยคคำถามแทน ผมกับลูก้าตอนนี้ไม่ใช่แค่คู่หูแต่เป็นคนรักกันด้วย มันไม่แปลกที่เขาอยากสัมผัสผมเพราะผมเองก็ไม่ต่างกันแค่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดน่าอายนั่นตรงๆ ก็ตาม


“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” พูดจบผมก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้แล้วจูบยังริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ


“...แค่นี้ไม่พอหรอก” ใบหน้าของลูก้าแสดงออกอย่างที่พูด ใบหน้านั่นบอกว่าแค่นี้ไม่พอ


“ไว้กลับมาจากการสำรวจก่อนละกัน”


“พูดแล้วนะ ห้ามบอกว่าลืมหรือจำไม่ได้ด้วย”


“ผมไม่เคยอ้างแบบนั้นสักหน่อย”


“ใครว่าไม่เคย”


“ถ้าเถียงผมไม่ให้จูบแล้วนะ”


“...งั้นผมจะปล้ำ” เงียบได้ไม่กี่วินาทีลูก้าก็สวนกลับด้วยใบหน้าจริงจัง


“ลูก้า”


“ถ้าไม่ให้จูบผมก็จะปล้ำ”



“หยุดพูดเลยนะ ไดโนเสาร์ลามกนี่!”


“กลับมาค่อยพูดต่อก็ได้”


“ไม่ต้องมาพูดต่อเลย ไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้” ผมรีบลุกขึ้นจากเตียงเพื่อหลีกหนีจากสถานการณืแปลกๆ นี่อย่างรวดเร็ว และหวังว่าลูก้าจะไม่สังเกตเห็นว่าใบหน้าผมมันร้อนขนาดไหน


“ถึงจะลุกก็หลบใบหน้าแดงๆ นั่นไม่ได้หรอกนะ”


“ลูก้า!” ผมเขวี้ยงผ้าขนหนูใส่อีกฝ่ายเต็มแรง แต่ก็รู้อยู่ว่าด้วยสายตาของนักล่าแค่ผ้าผืนเล็กๆ น่ะหลบได้สบายอยู่แล้ว


หลังจากเตรียมตัวเสร็จผมก็ให้เรือไปส่งพวกเรายังเกาะแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในการท่องเที่ยวก่อนจะใช่เกาะนั่นเป็นสถานที่ดำน้ำไปยังบริเวณที่เจอดาโกซอรัส ระยะห่างของเกาะนี้ถึงบริเวณที่ต้องการมากพอสมควรแต่ถ้าให้เรือไปส่งใกล้ๆ อาจจะทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว


สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เมื่อมองจากเกาะนี่กลับมาขนาดเล็กกว่าความเป็นจริง สิ่งที่ผมมองอยู่คือสถานีขุดเจาะน้ำมันเป้าหมายครั้งนี้นั่นเอง ลูก้าหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำ ผมเองก็ตาอีกฝ่ายไปติดๆ เมื่ออยู่ใต้น้ำการเคลื่อนไหวของมนุษย์ค่อนข้างช้าเลยให้ลูก้าเป็นคนดึงผมเพื่อเพิ่มความเร็ว


ชุดดำน้ำแบบใหม่ที่ผมและลูก้าใส่อยู่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาโดยฝีมือของหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษและผม ชุดนี้มีการติดตั้งระบบใช้ในการผ่านเซนเซอร์และกลืนไปกับน้ำทำให้กล้องตรวจจับได้ยาก แต่กว่าจะให้ลูก้ายอมใส่ก็ใช้เวลานานทีเดียว ก็เข้าใจว่าไม่ชอบใช่ชุดที่ทั้งหนาทั้งแน่นแต่ครั้งถ้าไม่ใส่เราคงผ่านไปไม่ได้


กว่าจะไปถึงเป้าหมายก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงตามที่วางไว้ ผมพกออกซิเจนขนาดเล็กไว้สำหรับเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะและก็ส่งให้ลูก้าใช้เป็นครั้งคราว บรรยายกาศใต้น้ำบริเวณนี้ไม่ชวนให้ดำสักนิด แม้จะเงียบแต่ก็ไม่ช่วยให้รู้สึกสงบ เหล่าฝูงปลาที่ควรจะมีกลับไม่ปรากฏในสายตาสักตัว


ดวงตาสีเงินของลูก้าหันมามองผมเป็นเชิงขอความเห็นว่าให้ทำอะไรต่อผเลยชี้ลงไปข้างล่าง ลูก้าเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วดำลงไปลึกขึ้น ยิ่งดำลงมาลึกแสงสว่างที่มีก็ค่อยๆ หายไป ข้อมือผมถูกลูก้ากำแน่นขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณให้ระวังอะไรบางอย่าง


ลูก้า


พรึ่บ!


ลูก้าดึงผมลงไปซ่อนตัวยังโขดหินด้านล่างก่อนที่ร่างสีดำขลับจะว่ายผ่านหัวพวกเราไปในชั่วพริบตา รูปร่างแบบนั้นคงจะเป็นโพลิปทิโคดอน ไดโนเสาร์นักล่าที่มีส่วนลำคอสั้นและมีความยาวประมาณ7เมตร ถือเป็นหนึ่งในตัวอันตรายแห่งท้องทะเลก็ว่าได้
ดีแล้วที่หลบทัน


รอให้โพลิปทิโคดอนไปพวกเราก็ออกจากโขดหินแล้วมองไปยังพื้นระนาบด้านล่างที่ต่ำลงไปอีกลึกพอสมควร ปกติพื้นทะเลจะค่อยราดต่ำลงไปทีละนิดแต่ก็มีมากที่เจอกับที่ราบลึกแบบนี้


ไม่รู้ว่าข้างล่างจะมีอะไร


ผมหันไปมองลูก้าพร้อมพยักเบาๆ ลูก้าเองก็พยักหน้าตอบก่อนพวกเราจะลงไปยังบริเวณที่ลึกกว่าเดิม ยิ่งลงไปลึกมาเท่าไหร่แสงสว่างก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวผมมันเรียกว่าแทบมืดสนิท จากที่กะความลึกน่าจะเกิน1,000เมตรเข้าไปแล้วซึ่งปกติคงไม่มีใครที่จะดำลงมาลึกถึงขนาดนี้หรอก


ไม่มีที่ไหนที่จะเหมาะแก่การซ่อนตัวไปมากกว่านี้แล้ว


แม้จะอยู่ในความมืดแต่ผมก็ยังไม่รู้สึกกังวลเพราะลูก้าจับมือแน่นราวกับจะบอกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว ดวงตาของลูก้าคงสามารถมองเห็นในความมืดได้เพราะไม่งั้นคงไม่สามารถดึงผมหลบโขดหินได้อย่างง่ายดายหรอก  ผ่านไปสักพักแสงสีเงินส่องสว่างอยู่ด้านใต้ริบๆ นั่นเรียกความสนใจทั้งผมและลูก้าให้จ้องมองไป


พวกเราไม่รอช้าดำลงไปบริเวณนั้นด้วยความระมัดระวังจนภาพของสิ่งก่อสร้างขนาดหรือโดมขนาดใหญ่ปรากฏแก่สายตา แสงสีเหลืองนวลคล้ายแสงไฟส่องสว่างมาจากส่วนกระจกใส่ด้านข้างตัวโดม ผมพาร่างตัวเองลงมายังพื้นแล้วเดินไปแอบมองยังส่วนที่เป็นกระจกใสจนเห็นสิ่งด้านใน สิ่งที่เห็นทำเอาดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงทั้งที่คาดการณ์ไว้แล้ว


เป็นอย่างที่คิด


ที่นี่เป็นสถานที่ทดลองการสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์จริงๆ ด้วย


หลอดแก้วขนาดใหญ่วางเรียงติดๆ กันโดยข้างในนั้นมีร่างที่ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์ใส่อยู่ ถึงจะมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่กลับมีทั้งหางหรือส่วนปากที่ยาวคล้ายสัตว์ และถัดออกไปมีร่างของไดโนเสาร์หลายชนิดถูกแช่ไว้ในโหลแก้วในสภาพไม่ครบ32 บางหลอดแก้วมีเพียงส่วนหัวในขณะที่บางอันมีร่างของไดโนเสาร์อยู่ทั้งตัว


นี่มันทดลองบ้าอะไรกัน


มันไม่ใช่ไดโนเสาร์กลายพันธุ์แล้ว


ระหว่างที่กำลังหงุดหงิดกับภาพตรงหน้ามือของลูก้าก็แตะยังไหล่ผมเบาๆ ซึ่งมันช่วยให้สติผมกลับมา ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธหรือหงุดหงิด สิ่งที่ต้องทำคือกลับไปบอกเซโครถึงเรื่องนี้ และรีบมาจัดการโดยเร็วที่สุดก่อนจะมีชีวิตที่ต้องถูกสร้างขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้องมากไปกว่านี้

........................................................

สวัสดีค่ะ

ไม่ได้พบกันมาระยะหนึ่งเลย

ตอนนี้แต่งค่อนข้างยากทั้งที่ไม่ค่อยจะมีเนื้อหาพิเศษอะไรมากมายนัก

การได้แต่งไดโนเสาร์กลายพันธ์ุสองคนพร้อมกันนี่ดูน่ารักไม่น้อยเลย

หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการอ่านนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ในตออนหน้าค่ะ

บ๊าบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 04-08-2018 14:35:12
อาาา ปมหนักเลยนะคะคราวนี้
การดัดแปลง? การตัดต่อพันธุกรรม?
เหมือนการสร้างซอมบี้ดัดแปลงเลย
คนทำนี่ใจร้ายจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 04-08-2018 14:47:19
+1
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 04-08-2018 22:35:56
พอเจอต้นตอแล้วก็เป็นห่วงทั้งคู่ขึ้นมาเลย
หวังว่าจะกลับขึ้นไปแล้วจับกุมพวกนี้ได้ทันนะ

เขามากันสองคู่แล้วค่ะ น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-08-2018 16:55:01
ภารกิจหนักๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-08-2018 21:58:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-08-2018 22:42:05
หนักเลยงานนี้ สงสารไดโนเสาร์ที่ต้องมาโดนทำแบบนี้ ช่วยตัวอื่นด้วยนะสาม ลูก้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-08-2018 07:18:01
 :pig2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 06-08-2018 11:12:51
รีบ กลับมา.. ทรี. จะ โดน มากกว่า จูบ นะ.. สำรวจนานไป๋5555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 07-08-2018 09:18:22
ใดใดในโลกก็ไม่สู้มนุษย์เมีย ยิ่งจับคู่กันด้วยแล้ว
facility ใต้น้ำดูอันตรายจัง
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Newthink ที่ 10-08-2018 14:47:40
ลุ้นนนนน
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 12-08-2018 08:43:30
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 15-08-2018 00:17:31
แอบมาส่องลูก้าค่ะ
คิดถึงงงงง
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่21◈♦> 4/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Matia ที่ 16-08-2018 22:47:01
ติดตามมาตั้งแต่ยูทาร์เซโคร ชอบมากๆๆเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ ชอบมากจริงๆทุกเรื่องเลยย
จะรอติดตามผลงานต่อไปนะคะ สู้ๆ ><
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 18-08-2018 12:52:09
◈ธาราที่22◈



สิ่งที่เห็นยังก้นมหาสมุทรเปซิกฟิกถูกถ่ายรูปเป็นหลักฐานและนำไปให้หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่ดู ใบหน้ายามมองภาพเหล่านั้นช่างสงบนิ่งจนผมรู้สึกเสียวสันหลัง


พวกเราที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ต่างรู้ดีถึงการโคลนมนุษย์ว่าไม่ใช่เรื่องยากแต่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเพราะมันถือเป็นกันขัดวัฏจักรของชีวิต การสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ก็อาจเรียกว่าไม่ถูกแต่มันก็ช่วยลดชีวิตของมนุษย์ที่ต้องสูญเสียไปมาก แต่สิ่งที่การทดลองใต้ทะเลนี่ทำไม่ได้เพื่อช่วยชีวิตแน่นอน


การตัดต่อยีนและเลี้ยงจนเกิดเป็นชีวิตมันจำเป็นต้องอาศัยทักษะและการดูแลในทุกๆ ขั้นตอน ทว่าในหลอดแก้วขนาดใหญ่นั่นไม่มีทั้งสายต่อออกซินให้หายใจหรือให้อาหารทางหลอดเลือด มีเพียงร่างของสิ่งที่ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์กับชิ้นส่วนร่างของไดโนเสาร์ใส่อยู่เท่านั้น เหมือนกับจะปล่อยให้ตายทั้งที่ยังไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกแค่นึกถึงผมก็ต้องกำมือแน่นด้วยความโกรธ


“ปล่อยไว้ไม่ได้นะเซโคร” ผมพูดเสียงนิ่ง ความรู้สึกที่สุมอยู่ในอกตอนนี้คืออยากชกหน้านักวิทยาศาสตร์บ้าๆ ที่กล้ามาเล่นกับชีวิตสักที


“ผมรู้ แต่การบุกเข้าไปตรงๆ อาจไม่ใช่ทางออกที่ถูก” เซโครนั่งหน้านิ่งพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ


ตอนนี้พวกเราอยู่ในห้องรับแขกของห้องพักผมโดยที่มีทั้งยูทาร์นั่งอยู่ข้างเซโครและลูก้านั่งอยู่ข้างผม ดูเหมือนไดโนเสาร์กลายพันธุ์ทั้งสองคนจะรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรในตอนนี้เลยทำเพียงนั่งนิ่งๆ เพื่อรอดูท่าทีของพวกเราทั้งคู่


“ก็จริงอยู่ถ้าบุกเข้าไปตรงๆ แม้จะมีหลักฐานแต่ไม่ได้หมายความว่าพวกนั้นจะยอมรับ ไม่แน่อาจถูกสวนกลับกล่าวหาว่าพวกเราตัดต่อภาพถ่ายไม่ก็ไม่ได้ถ่ายที่นี่จริง” ผมพูดตามที่คิด


“ในกรณีนั้นถึงเราจะใช้กำลังเพื่อบุกเข้าไปตรวจสอบก็มีโอกาสสูงที่ฐานไปใต้ทะเลจะถูกซ่อนอย่างมิดชิดไม่ให้หาได้ง่ายๆ ซึ่งถ้าไม่ได้หลักฐานเพิ่มว่าการทดลองอยู่ที่นั่นจริงๆ ก็จะเป็นการบอกให้พวกมันป้องกันตัวมากขึ้น และเราจะหาโอกาสต่อไปได้ยาก” เซโครเสริมต่อ พวกเราสองคนต่างเงยหน้าขึ้นสบตากันนิ่งๆ โดยที่ในหัวกำลังคิดถึงความเป็นได้หลายๆ ทางเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด


“สามทำหน้าเครียดอีกแล้ว” ลูก้าพึมพำพลางขยับคางมาเกยไหล่ผม


“ไม่เครียดคงไม่ได้หรอกลูก้า” เรื่องนี้มันใหญ่มากจริงๆ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างคงได้เกิดเรื่องร้ายแรงมากกว่านี้


“มนุษย์สู้พวกเราไม่ได้หรอก บุกเข้าไปตรงๆ เลยก็ได้นี่” ยูทาร์ที่นิ่งอยู่เริ่มเสนอความเห็น


“ต่อให้เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์ก็ใช่ว่าจะเป็นอัมตะสักหน่อย ภายในนั้นต้องเตรียมพร้อมในกรณีร้ายแรงอยู่แล้ว ขืนโดนระดมยิงต่อให้เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์ก็ไม่ไหวหรอก” เซโครหันไปบอกคู่หู


“ถ้าบุกตรงๆ ไม่ได้ก็ลองไปทางทะเลไหม” ลูก้าลองเสนอความคิดบ้าง


“แบบนั้นมันก็ได้แต่ใช่ว่าจะง่าย” ผมหันไปตอบ


“ทำไมล่ะ”


“ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะดำน้ำได้อย่างผม ลูก้าก็เห็นแล้วนี่ว่าระดับความลึกเกิน1,000เมตรแบบนั้นมันมืดขนาดไหนถ้าไม่ใช่ลูก้าก็ไม่มีทางจะมองเห็นหรอก การโจมตีทางน้ำจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและทีมเวิคที่สูงมาก อีกอย่างแม้เราจะโจมตีได้แต่คนข้างในก็จะวิ่งมารวมกันและกราดยิงแน่” ความคิดของลูก้าใช่ว่าจะไม่ดี เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีบุคลากรที่ชำนานขนาดนั้น


“...คิดแผนนี่ลำบากกว่าที่คิด” ลูก้าพึมพำ


“ใช่ สิ่งที่ยุ่งยากที่สุดก็คือการคิดแผนนี่แหละ” ถ้าแผนไม่ดีหรือมีช่องโหว่ก็จะพลอยให้คนอื่นเป็นอันตรายไปด้วย


ยิ่งการเข้าไปในดงศัตรูยิ่งทำให้อันตรายคูณสอง


บุกไปตรงๆ ก็ไม่ได้


โจมตีทางทะเลก็ลำบากอีก


“เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเลือกแค่ทางเดียวมันเสี่ยงมากงั้นเราก็กระจายความเสี่ยงซะสิ” ผมพูดพร้อมกับหันไปสบตากับเซโครที่เริ่มเบิกตากว้างขึ้นเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังคิดคืออะไร


“จริงด้วย ทำไมถึงคิดไม่ออกกัน ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าคนของศัตรูจะมารวมกันจุดเดียวเพราะถูกโจมตีจากอีกทางด้วย”


“ใช่ และเพราะโจมตีจากสองทางทำให้อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวและเกิดความกลหนจากภายใน”


“แบบนี้สำเร็จแน่!”


“อืม!” ผมพยักหน้ารัวๆ ก่อนโผลเข้ากอดเซโครแน่น เซโครเองก็กอดตอบเช่นกัน ในที่สุดก็คิดออกสักทีว่าจะจัดการยังไง


เยี่ยมไปเลย!


“สาม.../เซโคร...” ไม่ถึงนาทีที่เรากอดกันผมก็ถูกลูก้าคว้าคอเสื้อก่อนจะดึงไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีก็นั่งอยู่บนโซฟาตามเดิมแล้ว


พอตรงหน้าเซโครเองก็ถูกยูทาร์คว้าตัวไปกอดไว้หลวมๆ ทั้งผมและเซโครต่างมองตากันปริบๆ ก่อนจะเอ่ยคำถามเดียวกันออกมาอย่างพร้อมเพียง


“ทำอะไรน่ะ” นี่เป็นสิ่งที่ผมและเซโครอยากถาม


ทำไมต้องจับแยกด้วย?


“ผมหึงนะ” เป็นอีกครั้งที่ยูทาร์และลูก้าพูดพร้อมกันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


“คิก!” คำพูดนั่นทำเอาผมหลุดขำออกมาเสียงดัง


“นี่พูดจริงเหรอยูทาร์” ขนาดเซโครยังกลั้นขำจนหน้าแดงเลย


“อืม” คนถูกถามพยักหน้าตามตรง


“นายก็หึงผมเหรอลูก้า” ผมลองหันไปถามบ้าง


“...ก็สามเป็นแฟนผมนี่”


“คิก! ฮ่าฮ่าฮ่า” ผมและเซโครต่างหัวเราะออกมาอย่างไม่อายใคร


ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกหึงด้วยเรื่องแบบนี้เพราะทั้งผมและเซโครต่างก็เป็นเพื่อนกันมานาน การกอดกันถือเป็นสิ่งที่ทำบ่อยๆ เวลาทักทายหรือดีใจ แน่นอนว่าพวกเราไม่ได้รู้สึกกันเกินไปกว่านั้น พอมาโดนบอกว่าหึงเลยอดไม่ได้ที่จะขำ


“ทรี...” เซโครเรียกผมด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์


“อ่า...ได้เลยเซโคร” ผมเองก็รู้ความคิดของเซโครว่าต้องการอะไร


ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเซโครด้วยใบหน้ายิ้มๆ โดยที่มีสายตาของลูก้าและยูทาร์จ้องมองอย่างไม่เข้าใจ เซโครที่เห็นผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็เอื้อมมือมาดึงผมให้นั่งนั่งลงบนตักในสภาพที่หันหน้าเข้าหากัน


“เซโคร!”


“สาม!”


เสียงผู้ชายสองคนตะโกนดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันก่อนที่จะถูกมือของลูก้าคว้าเข้ายังปกเสื้อและพยายามดึงผมให้ลุกขึ้นแต่เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้เลยใช้แขนกอดคอเซโครไว้แน่นจนยูทาร์ที่ถึงกับทำตัวไม่ถูกว่าควรจะดึงหรือผลักผมให้ออกจากเซโครดี


“สนุกจังเลยเนอะทรี” เซโครหัวเราะพลางกอดเอวผมแน่นระหว่างที่ซุกหน้าอยู่ที่คอผม


“ไม่คิดว่าจะถูกหึงด้วยเรื่องแบบนี้แฮะ”


“นั่นสิ แบบนี้มันน่าแกล้งเนอะ”


“ตามที่พูดเลย” ผมเองพอได้โอกาสก็ซุกหน้าลงยังคอของเซโครด้วยเสียงหัวเราะ


“เซโครพอได้แล้ว”


“ออกมาเลยนะสาม”


ยิ่งได้เห็นท่าทางร้อนรนทั้งผมและเซดครต่างก็ไม่มีใครคิดที่จะหยุด การเป็นแฟนกันจะมีหึงหวงก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ควรจะดูด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นใครไม่ใช่เอาแต่หึงหวงโดยไม่มีเหตุผล แต่จะว่าก็ไม่ถูก สายเลือดไดโนเสาร์คงทำให้ความหึงหวงทวีความเข้มข้นขึ้นจนมากกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า


“พอแล้วมั้งเซโคร” ผมกระซิบบอก ขืนมากกว่านี้ผมคงได้โดยคนรักของเซโครหรือยูทาร์ขย้ำคอตายแน่ๆ


“เห็นด้วย ลูก้าของทรีจ้องมาอย่างกับจะเหวี่ยงผมออกไปนอกหน้าต่างแหนะ” ในเมื่อพวกเราต่างก็คิดตรงกันเลยค่อยๆ แยกตัวออกมา ทันทีที่ผมคลายแขนที่โอบคอเซโครไว้ก็ถูกลูก้าคว้าตัวไปกอดแน่นในสภาพที่นั่งทับอยู่บนตักของลูก้าโดยที่แผ่นหลังผมแนบชิดกับแผ่นอกด้านหลัง


“ไปกอดคนอื่นได้ยังไง” ลูก้าบ่นพลางซุกตัวยังคอผมข้างเดียวกับที่เซโครทำ


“แค่แหย่เล่นเอง”


“ถึงแหย่เล่นก็ไม่ให้ สามเป็นคู่ของผมนะ”


“เหมือนผมจะยอมเป็นแค่แฟนนะ ไม่ใช่คู่” ผมแก้


“ถ้าเป็นแฟนก็ถือว่าเป็นคู่ผมแล้ว”


“เอาแต่ใจจังนะ การกอดมันเป็นทั้งการทักทายและเป็นการแสดงความยินดี เป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำกัน”


“ที่นี่ไม่เห็นสามจะทำเลย”


“วัฒนธรรมมันต่างกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยกอดหรอกนะ” ผมพยายามอธิบายให้ฟัง


“...ยังไงก็ไม่ชอบ”


“ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้หึงหวงหรอกนะแต่ดูคนด้วย ผมกับเซโครเนี่ยนะ” มันไม่ใช่คู่ที่น่าจะลงเอยกันได้ไม่ว่าจะกรณีไหนๆ เซโครเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดแต่ถ้าถามว่าถ้ามองในแง่ของคนรักก็ต้องขอบายซึ่งเซโครเองก็คิดไม่ต่างกันหรอก


“ก็มัน...”


“ผมดูเหมือนคนใจง่ายที่กอดกับใครแล้วก็ชอบไปเรื่อยเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก


“เปล่า แต่...”


“ไม่มีแต่แล้ว”


“...อืม” แม้จะไม่เต็มใจนักแต่ลูก้าก็ยอมพยักหน้าเบาๆ


“ดีมาก เด็กดี” ผมเอื้อมมือไปลูบใบหน้าและเส้นผมสีแปลกนั่นแทนคำชม


“สามเป็นของผม” เสียงกระซิบเบาๆ ดังขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้น


“ยังไม่เป็นสักหน่อย”


“งั้นผมทำให้เป็นเลยได้สินะ”


“พูดแบบนั้นรู้วิธีทำรึไง” ยังไงลูก้าก็ยังมีประสบการณ์ชีวิตไม่มาก ผมไม่คิดว่าจะรู้หรอกนะ ต่อให้มีอารมณ์หรือสัญชาตญาณดียังไงแต่ถ้าไม่รู้วิธีทำก็จบแค่นั้น


“รู้สิ คุณยูทาร์สอนแล้ว”


“ว่าไงนะ” ผมหันหน้าไปมองยังฝั่งตรงหน้าที่เซโครกำลังลูบเส้นผมสีเทาแซมส้มนั่นด้วยใบหน้าตกใจ


นี่ยูทาร์สอน?


“เพราะงั้นผมทำเป็นไม่ต้องห่วง”


“ไม่ได้ห่วงสักนิด!” ใครจะห่วงเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัวเล่า


ไม่ได้การละ นอกจากจะรู้วิธีทำแล้วยังมีพละกำลังมากกว่า


นี่ผมต้องเป็นฝ่าย...


ไม่ๆ ๆ ไม่คิด อย่าไม่คิดถึงมันเชียว


“สาม?”


“ทำไมยูทาร์ต้องสอนลูก้าด้วย” ผมยิงคำถามใส่ชายที่ได้ชื่อว่าราชาของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตรงๆ


“ก็เขามาถาม ผมก็เลยตอบให้เท่านั้นเอง”


“...” คำตอบที่ได้ทำเอาผมยกมือขึ้นมากุมหน้าผาก


เล่นตอบกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ


เหตุผลอะไรกันแค่เพราะถามก็เลยตอบเนี่ยนะ


“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะยังไงทรีก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเป็นเหมือนผม เรากลับมาเรื่องแผนดีกว่า”


“เฮ้ๆ อย่าเอาผมไม่รวมด้วยสิ มันยังไม่แน่สักหน่อย” ผมรีบค้านเสียงดังทั้งที่รู้ว่าบทสนทนามันเริ่มเข้าเรื่องใต้สะดือมากไปทุกที


“ไม่แน่? แค่ดูก็รู้แล้ว”


“อย่างลูกนายก็ยังถูกรุกได้เลยนี่” ผมจำได้นะว่าเซโครเคยเล่าเรื่องของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่รับมาเลี้ยงว่ามีคนรัก แถมยังเป็นฝ่ายรับด้วย ขนาดไดโนเสาร์กลายพันธุ์ยังเป็นฝ่ายรับได้แปลว่าผมก็ยังมีโอกาส


“นั่นเพราะอานโน่ยอมเอง แถมเชสก็มีหลายอย่างที่ทำให้อานโน่ยอม”


“จะบอกว่าลูก้าไม่ยอมเหมืออานโน่สินะ”


“อืม” เซโครพยักหน้ารัวๆ


“ชิ...” ก็พอรู้อยู่แล้วแต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้


“ผมยอมอะไรสาม?” ลูก้ากระซิบถาม


“หึ ไม่รู้” ผมสะบัดหน้าหนีก็จะขยับตัวลงจากตักของลูก้า


“บอกผมมา”


“ไม่ ผมจะไม่ยอมง่ายๆ แน่นอน!” ผมประกาศเสียงก้อง


“ทรี เชื่อผมเถอะว่าเมื่อถึงเวลามันไม่ทันได้คิดอะไรหรอก” คำแนะนำนั่นทำเอาผมรู้สึกเกร็งไปทั้งร่าง


“...กลับเข้าเรื่องกันเถอะ” รู้สึกจะนอกเรื่องมามากแล้ว


“ได้ เราจะแยกกันบุกเป็น2กลุ่มหลักๆ กลุ่มแรกคือผมและยูทาร์ พวกเราจะเข้าไปเผชิญหน้าตรงพร้อมบอกว่าทางเรามีหลักฐานเรื่องการทำผิดกฏหมาย ทางเรื่องของพวกนั้นมีแค่ยอมให้เข้าไปตรวจสอบโดยไม่ก็ปิดปากพวกผม...”


“ระหว่างที่นายกับยูทาร์ดึงความสนใจของพวกมันจากด้านบนผมและลูก้าก็จะบุกจากด้านล่าง ดูจากโครงสร้างของอาคารคงไม่ได้สร้างมาเล่นๆ ในกรณีที่กระจกเกิดแตกและมีน้ำรั่วไหลผมมั่นใจว่าต้องมีระบบป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าไป พอผมและลูก้าเข้าไปสำเร็จก็จะจัดการพวกมันจากภายใน” ผมอธิบายแผนการต่อจากที่เซโครพูดเมื่อครู่


“พวกเราคิดเหมือนกันจริงๆ ด้วย” เซโครยิ้มพร้อมพยักหน้าอย่างพอใจ


“คิดว่าเรารู้จักกันมานานแค่ไหนกัน” แค่นี้ทำไมจะไม่รู้


“งั้นก็ตามนี้...”


“เดี๋ยวก่อน” ผมรีบพูดแทรกเมื่อมีเรื่องต้องพูดอีก


“มีอะไรจะเสริมในแผนเหรอ?”


“ถึงจะเป็นหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการพิเศษแต่การบุกไปแค่สองคนมันอันตรายเกินไป” ผมไม่เห็นด้วยที่จะทำอะไรเสี่ยงแบบนั้น


“ทรียังทำกับลูก้าแค่สองคนเลย”


“มันต่างกันเซโครก็รู้นี่ ทางผมเป็นเหมือนการลอบโจมตีไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะหรอก แต่ในกรณีของเซโครจำเป็นต้องมีคนเยอะหน่อยอย่างน้อยก็ใช้ขู่อีกฝ่ายได้” ผมอธิบายตามที่คิด


“งั้นคงต้องเรียกคนของหน่วยมา เรียกอานโน่มาช่วยดีไหมนะ” เซโครพึมพำกับตัวเอง


“อานโน่เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตัวเดียวที่บินได้ผมคิดว่าให้เป็นกำลังเสริมจะดีกว่า” ผมเสนอ ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ส่วนมากจะอยู่บนบกทำให้เคลื่อนไหวบนฟ้าและในน้ำช้ากว่าปก ดังนั้นการจะสู้ในสถานที่ที่มีพื้นที่ไม่กว้างนักก็ควรมีกำลังเสริมที่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก


“ก็จริง ถ้าเกิดกรณีที่พวกมันหนีไปก็ยังให้บินตามไปได้ เอาตามที่ทรีเสนอละกัน”


“อืม อ้อ...ถ้ายังไงก็อยู่นี่แล้วก็เรียกหัวหน้าของประเทศไทยกับคู่หูในหน่วยไปสิ” จากที่เคยเจอกันคิดว่ามีความสามารถไม่แพ้ประเทศอื่นเลยล่ะ


“หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษของประเทศไทย? ความคิดดีนี่ เดี๋ยวจะรีบไปเรียกมาประชุมแผนเลย” ผมยิ้มออกเมื่อเซโครเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเสนอไป


“งั้นก็ตามนี้ เราจะบุกวันไหนดี” ผมถามต่อ ในใจผมน่ะอยากจะรีบบุกไปซะเดี๋ยวนี้เลยแต่ก็รู้ว่าการบู่มบ่ามมันจะเป็นบ่อเกิดของอันตรายที่มองไม่เห็น


“3วัน แค่3วันในการเตรียมทุกอย่างก็พอแล้ว”


“การขออนุญาตเข้าไปยังสัปทานน้ำมันนั่นไม่น่าจะได้ในสองสามวันนี่ อย่าบอกนะว่า...” ผมหยุดสิ่งที่คิดก่อนจะมองหน้าเซโครที่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น


“มีอำนาจก็ต้องใช้หน่อยสิ”


ภายใต้ท้องฟ้าสีดำสนิทไร้เมฆบดบังมีแสงสว่างของดวงจันทร์ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง คืนนี้เป็นคืนก่อนวันปฏิบัติภารกิจบุกโจมตีสถานนีขุดเจาะน้ำมัน เราจะเริ่มเดินทางตอน7โมงไปยังเกาะที่ใกล้ที่สุดและผมกับลูก้าก็จะดำลงไปจัดการจากใต้ทะเลโดยมีเซโครและหน่วยปฏิบัติการพิเศษของประเทศไทยเป็นกลุ่มนำในการบุกซึ่งๆ หน้า


ด้วยความตื่นเต้นผมเลยไม่สามารถนอนหลับได้ แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ผมเพราะอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงก็พลิกไปพลิกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว


“นอนไม่หลับเหรอลูก้า” ผมหันไปถาม


“อืม”


“ตื่นเต้น?”


“เปล่า”


“งั้นทำไมล่ะ”


“...อยากกอดสาม”


“...ฮะ?” ผมถึงกับนิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดแปลก ประโยคนั่นเหมือนจะไม่ใช่คำตอบของคำถามที่ผมถามไปนะ


“สองวันมานี่สามดูเครียดๆ ผมเลยไม่อยากกวน” จะว่าไปสองวันมานี่ลูก้าก็ไม่ได้เข้ามากอดผมเมื่ออย่างปกติ ตอนแรกนึกว่าร้อนซะอีก...เขาทำเพื่อผมเองสินะ


เพราะรู้ว่าผมกำลังเครียดเรื่องการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เลยไม่อยากกวน ก็ถูกที่ผมกังวลว่าจะสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้อย่างที่วางไว้รึเปล่า แผนที่วางมีมากที่ไม่สามารถปฏิบัติตามได้เนื่องด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ซึ่งปัจจัยนั่นมันยิ่งเป็นปัญหาเมื่ออยู่ใต้น้ำ


กระแสน้ำจะแรงรึเปล่า


จะต้องเจอกับไดโนเสาร์ใต้น้ำไหม


และถ้าเจอจะหลบเลี่ยงยังไงให้สามารถทำตามแผนต่อไปได้


ผมคิดหลายอย่างอยู่ในหัวแม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังคงคิดอยู่ ถ้าแผนการพลาดคนที่จะอันตรายที่สุดไม่ใช่แค่ผมแต่เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษทุกคนที่เข้าร่วมภารกิจ


จะเอาแต่คิดถึงความผิดพลาดไม่ได้ ต้องเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อมั่นในตัวของคู่หูอย่างลูก้า


“พวกเราจะทำได้” ผมพูดพร้อมกับขยับตัวไปกอดอีกฝ่ายแล้วซบหน้าลงกับแผ่นอกนั่นเพื่อขอกำลังใจ


“สาม...”


“เราจะทำมันให้สำเร็จ”


“แน่นอน สำเร็จอยู่แล้ว!” เสียงทุ้มของลูก้าตะโกนขึ้นระหว่างโอบกอดผมแน่น


ไม่จำเป็นต้องคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด เพียงทำมันอย่างสุดความสามารถก็พอ และถ้าทำแล้วมันยังมีข้อผิดพลาดผมก็เชื่อว่าสามารถแก้ไขได้ถ้ามีลูก้าอยู่ข้างๆ



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 18-08-2018 12:52:35
(ต่อนะคะ)


ยามแสงสว่างของพระอาทิตย์ส่องสว่างเข้ามาในห้องทั้งและลูก้าต่างลุกขึ้นไปเตรียมตัวโดยไม่มีแม้แต่ความงัวเงีย ทั้งอุปกรณ์ ชุดหรือแม้แต่อาวุธก็ถูกตรวจสอบอีกรอบอย่างรอบครอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขัดข้อง ชุดที่ผมและลูก้าใส่ต่างเป็นชุดดำน้ำที่ถูกคิดค้นขึ้นมาจากของเดิมก่อนหน้านี้โดยเพิ่มความทนทานและความคล่องตัวเมื่ออยู่ในน้ำเข้าไป


เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพวกเราก็ตรงไปยังเกาะตามแผนการที่วางไว้ น้ำทะเลในช่วงเช้าดูเหมือนเครื่องประดับอันหรูหราที่ทอประกายวิบวับไปจนสุดสายตา ไม่คิดเลยว่าจะมีคนใช้ความสวยงามนี้เพื่อหลบซ่อนและทำสิ่งที่ไม่ควรให้อภัย


“ลูก้า” ผมเรียกคู่หูในชุดดำน้ำด้านหลัง


“อืม ไปกันสาม” ลูก้าพยักหน้าก่อนจะดำลงไปใต้น้ำโดยมีผมว่ายตามไปติดๆ


นาฬิกากันน้ำถูกยกขึ้นมาดูเวลาเพื่อคาดคะเนว่าจะไปถึงที่หมายเมื่อไหร่ แผนการนี้เวลาเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะถ้าสามารถเข้าไปยังอาคารใต้ทะเลในช่วงที่พวกมันกำลังจะขึ้นไปจัดการกับพวกเซโครก็จะสามารถสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นแถมยังลดจำนวนคนที่กลุ่มเซโครต้องรับมืออีก


ผ่านไปสักพักใหญ่ก็เข้าเขตของสถานีขุดเจาะน้ำมันเพียงแต่ผืนน้ำว่างเปล่ากลับปรากฏร่างของโพลิปทิโดอนที่เจอเมื่อครั้งก่อนว่ายพุ่งเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว


กรรรร~


ซวยล่ะ


ลูก้า!


ผมเรียกชื่อของคนที่ดึงผมไปหลบด้านหลังแล้วรับการโจมตีของโพลิปทิโดอนไปเต็มๆ จนลอยไปไกล ผมไม่มีเวลาจะหันไปมองอีกฝ่ายเพราะทันทีที่โจมตีลูก้าเสร็จดวงตาสีดำนั่นก็หันมายังผม สายตาของนักล่าที่กำลังดิ้นรนอย่างทรมาน


กรรรรร~


เสียงครางอันโหยหวนทำเอาผมกำมือแน่น โพลิปทิโดอนไม่ได้อยากล่าเพียงแต่การล่าอาจเป็นวิธีเดียวที่จะระงับความเจ็บปวดที่มี ดวงตาสีน้ำตาลของผมไล่มองตามร่างของโพลิปทิโดอนเพื่อหาสิ่งที่คอยควบคุมเหมือนอย่างดาโกซอรัส ไม่นานสิ่งที่หาก็ปรากฏในสายตา วัตถุสีดำถูกฝังติดอยู่บริเวณใต้ท้องของโพลิปทิโดอน


เห็นแบบนั้นผมก็หยิบอาวุธออกมาแล้วพุ่งเข้าไปหาโพลิปทิโดอนที่คิดจะโจมตีผมเช่นเดียวกับลูก้า แต่มีเหรอว่าผมจะยอมให้ถูกโจมตีง่ายๆ โพลิปทิโดอนมีฟันคล้ายจระเข้ซึ่งคมมากจึงต้องระวังไม่ให้โดน การเคลื่อนไหวในน้ำผมอาจแพ้สิ่งมีวิตที่อยู่ในน้ำเพราะงั้นผมถึงใช้การคาดคะเนตั้งแต่ที่เห็นโพลิปทิโดอนเข้ามาโจมตีว่ามันจะพุ่งมาแล้วไปทางไหนต่อ สิ่งที่ผมทำก็แค่หลบไปอีกทางเท่านั้น


ผมใช้การสังเกตและวิเคราะห์พฤติกรรม จริงอยู่ที่แค่พูดก็ยากแล้วแต่ผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำมัน


กรรรรร~


เสียงคำรามของโพลิปทิโดอนเมื่ถูกผมหลบการโจมตีพร้อมจับครีบของมันแน่นแทนหลักยึดแล้วเหวี่ยงตัวเองไปอยู่ใต้ท้องในเวลาอันรวดเร็ว อาวุธสีเงินถูกหยิบขึ้นมาและกรีดลงไปยังบริเวณที่ต้องการ


งี๊ดดดดดด~


ไม่กี่วินาทีร่างของโพลิปทิโดอนก็ดิ้นไปมาโดยที่ในมือผมมีวัตถุสีดำที่ใช้ในการปล่อยกระแสไฟฟ้าและมีกล้องติดอยู่ ตัวจุดชนวนถูกผมจัดการแก้ในเวลาไม่กี่วินาทีเนื่องจากเตรียมตัวมาเผื่อเจอสถานการณ์นี้ล่วงหน้าแล้ว


กรรรรรรร~


เสียงคำรามดังกึกก้องก่อนที่ร่างสีดำเหลือบม่วงขนาดยักษ์จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมายังบริเวณที่ผมอยู่ เพียงพริบตาเขี้ยวอันแสนคมกริบก็อ้าออกด้วยขากรรไกรที่สามารถกลืนผมลงท้องได้ในคำเดียว


ลูก้า!


กรรรรรรรร~


ไม่รู้ว่าเพราะเสียงที่ผมตะโกนในใจรึเปล่าร่างสีฟ้าแถบแดงถึงได้พุ่งเข้ามาขย้ำคอของไดโนเสาร์น้ำตัวยักษ์แล้วเหวี่ยงอีกฝั่งแรงๆ ลูก้าในร่างไดโนเสาร์เคลื่อนตัวมาราวกับจะกอดร่างผมไว้ ผมได้แต่ยิ้มแล้วยกมือขึ้นลูบลำคออีกฝ่ายเบาๆ แทนคำขอบคุณ ทว่าไม่มีเวลามากไปกว่านี้ไดโนเสาร์สีดำเหลือบม่วงที่ถูกเหวี่ยงไปกลับมาโจมตีภายในเวลาไม่นาน


ร่างขนาดใหญ่กว่า12เมตรและขากรรไกรขนาดยักษ์ที่สามารถกลืนมนุษย์ตัวใหญ่ๆ ลงท้องได้โดยไม่ต้องเคี้ยว แถมลักษณะฟันอันแสนคมกริบนั่น เป็นสายพันธุ์อะไรไปไม่ได้นอกจากไฮโนซอรัสหนึ่งในไดโนเสาร์ในตระกลูมาโมซอรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ลูก้าเองก็มียีนของไฮโนซอรัสอยู่เหมือกัน


กรรรรรรร~


กรรรรรรรรรร~


เสียงขู่คำรามสองเจ้าสมุทรทำเอาผืนน้ำโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนผมต้องเข้าไปเกาะคอลูก้าไว้แน่นไม่ให้ปลิวไปไหน
ไม่ได้นะลูก้า


ผมพยายามเอ่ยบอกเพราะถ้าทำมากกว่านี้พวกนั้นต้องสงสัยแน่ ไม่สิ ตอนนี้คงรู้แล้วว่ามีคนบุกเข้ามา


แย่จริง...แบบนี้คงต้องเปลี่ยนแผน


ลูก้า


ผมลูบลำคอสีฟ้าของไดโนเสาร์ตรงหน้าเบาๆ แทนประโยคมากมายที่ต้องการจะสื่อ เครื่องออกซินขนาดพกพาถูกหยิบมาใช้เนื่องจากอากาศเริ่มน้อยลงทุกที


งี๊ดดดดดด~


ลูก้าตอบรับสัมผัสราวกับรู้ถึงสิ่งที่ผมต้องการจะบอก ร่างสีฟ้าแถบแดงพุ่งเข้าหาไฮโนซอรัสที่อ้าปากขนาดใหญ่รออยู่ ผมอาศัยโอกาสที่ไฮโนซอรัสกำลังสนใจลูก้าว่ายเข้าไปใกล้และจัดการวัตถุสีดำที่อยู่บริเวณส่วนหางที่สะบัดไปมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเงินของลูก้าเหล่มองเล็กน้อย เมื่อเห็นผมพยักหน้าลูก้าโจมตีใส่ไฮโนซอรัสด้วยการว่ายวนไปรอบร่างของไฮโนซอรัสจนเกิดเป็นน้ำวนลูกย่อมๆ


ลูก้า ไม่มีเวลาแล้วรีบไปกัน


ผมสัมผัสยังส่วนปากอันเต็มไปด้วยคมเขี้ยวของลูก้าอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมกับชี้ลงไปด้านล่างของมหาสมุทรแห่งนี้ ลูก้าพยักหน้ารับก่อนจะดำน้ำลงไปด้านใต้ด้วยความเร็วที่ทำเอาผมหลุดจากคอมาอยู่ยังส่วนหลังที่มีแรงต้านของน้ำน้อยกว่า


ด้วยความที่เป็นร่างของไดโนเสาร์ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่นั้นเทียบกับร่งมนุษย์ไม่ติด เวลาที่จับเมื่อครั้งก่อนที่มาถูกทำลายไปอย่างขาดลอย ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงยังอาคารใต้มหาสมุทร ผมลงจากหลังลูก้าโดยที่หยิบระเบิดขนาดย่อมไปติดยังตัวอาคารแล้วทำการระเบิดทว่าแรงระเบิดนั้นกลับไม่สร้างความเสียหายเท่าที่ควร


สมแล้วที่กล้าสร้างอาคารใต้น้ำ...กำแพงหนามาก สงสัยคงต้องเปลี่ยนเป็นกระจกแทนแล้วสิ


เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็เปลี่ยนเป้าหมายไประเบิดกระจกด้านข้างแทนแต่กระจกที่ควรจะแตกกลับมีเพียงรอยร้าวเท่านั้น ภายในอาคารด้านในตอนนี้มีกลุ่มคนกำลังวิ่งเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ


รู้ตัวแล้วจริงๆ ด้วย


แต่เอาเถอะถือว่าผมล่อพวกมันได้ละกัน ต่อไปก็เหลือแค่จัดการ


ลูก้า!


ผมหันไปสบดวงตาสีเงินก่อนจะมองกลับมายังรอยเร้าของกระจก แค่นั้นก็เพียงพอให้ลูก้าเข้าใจ ร่างไดโนเสาร์ขนาดยักษ์ว่ายไกลออกไปจากตัวอาคารสร้างความงุนงงให้แก่คนภายใน แต่งงได้ไม่นานดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าเมื่อไดโนเสาร์ร่างใหญ่พุ่งชนกระจกบริเวณที่มีรอยร้าวจนแตก เพราะพุ่งเข้ากระแทกเต็มแรงลูก้าเลยหลุดเข้าไปอยู่ในตัวอาคารทั้งที่อยู่ในร่างของไดโนเสาร์ ผมเองก็ตามเข้ามาติดๆ เช่นกัน


กริ๋งงงง~


ตึง!


เสียงสัญญาณเตือนฉุกเฉินดังขึ้นก่อนที่พนังขนาดใหญ่จะตกลงมาปิดยังบริเวณที่มีน้ำทะลักเข้ามา เป็นอย่างที่คิด...มีระบบรักษาความปลอดภัยดีจริงๆ ออกซิเจนพกพาถูกทิ้งลงพื้นเมื่อหมดประโยชน์ ผมยืดกล้ามเนื้อแขนพอเป็นพิธีพลางมองไปยังเจ้าของพื้นที่ที่ถืออาวุธจ่อมาทางผมด้วยร่างกายสั่นๆ


คงจะตื่นกลัวพอดูเลยล่ะ


“แกเป็นใคร!” หนึ่งในนั้นตะโกนถาม


“เห็นเขาแล้วยังไม่รู้อีกเหรอ” ผมถามกลับระหว่างที่ชี้ไปยังร่างไดโนเสาร์ของลูก้า ไม่ใช่ว่าผมไม่ห่วงลูก้าหรอกนะแต่ด้วยแรงกระแทกระดับแค่นั้นไม่กระเทือนผิวหรอก


“ไดโนเสาร์นั่นเป็นพวกแกสินะ อยู่บนบกแบบนี้ทำอะไรไม่ได้ ยิงเลย” อยู่ๆ พวกมันก็เล็งปืนไปทางลูก้าแล้วระดมยิงจนฝุ่นคลุ้ง


“ลูก้า!” ผมตะโกนเรียกพลางโยนเสื้อสำลองในกระเป๋าส่งไปให้ เมื่อกลุ่มควันเริ่มจางไปลูก้าในร่างมนุษย์ก็เดินมาหาผมทั้งๆที่มือยังติดกระดุมเสื้ออยู่ ฝ่ายที่ระดมยิ่งต่างก็อ้าปากค้างกันเป็นแถว


“กางเกงล่ะ”


“อยู่นี่ๆ ” ผมยื่นกระเป๋าไปให้ลูก้าหยิบกางเกงได้สะดวก


“ทะ...ทำไมไดโนเสาร์มันหายไปแล้วไอ้หมอนี่ถึง ไม่สิ หรือว่าจะเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์?!”


“พึ่งรู้เหรอ” ผมส่งยิ้มเย็นๆ ไปให้ระหว่างรอลูก้าใส่กางเกง


สีหน้าตื่นตกใจและหวาดกลัวนั่นไม่ทำให้ผมสงสารเท่าเหล่าไดโนเสาร์ที่ถูกบังคับให้ต้องต่อสู้เลยสักนิด ยิ่งหันไปมองโหลทดลองที่มีร่างของสิ่งที่ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์หรือสัตว์ได้ก็ยิ่งทำให้โมโหมากขึ้นไปอีก ไดโนเสาร์หลายสายพันธ์ถูกแช่ไว้ในสภาพไร้ชีวิตเช่นเดียวกับร่างของสิ่งมีชีวิตคร่งมนุษย์และไดโนเสาร์ที่เรียงติดกันเป็นแถว


“สาม...เอายังไงต่อ” ลูก้าเดินมาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเหมือนอย่างปกติ


“พวกเซโครคงกำลังจัดการข้างบน งั้นเราก็จัดการข้างล่างไล่ขึ้นไปละกัน”


“แกคิดว่าจะผ่านพวกเราไปได้รึไง!” เสียงของหนึ่งในกลุ่มตรงหน้าดังขึ้น อาวุธปืนหลายกระบอกถูกเล็งมาอีกรอบ


“ผ่านได้สิ เนอะลูก้า”


“อืม ได้อยู่แล้ว”


“แก...ยิงเลย!”


ปัง! ปัง! ปัง!


ปืนหลายสิบกระบอกถูกยิงติดๆ กันราวกับมีกระสุนไม่จำกัด ถ้าคิดว่าผมจะหลบกระสุนได้เหมือนพระเอกหนังบู๊ก็ผิดถนัด ถึงจะยิงมามั่วๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสโดน ผมไม่เสี่ยงขนาดหลบกระสุนนับสิบซึ่งเล็งเป้ามาเลยใช้โต๊ะที่กลิ้งอยู่ไม่ไกลแทนเกาะกำบัง แล้วโชคเล็กน้อยเพราะโต๊ะดันเป็นเหล็กเลยยิงไม่ทะลุแค่บุบเท่านั้น


“ลูก้า จำที่บอกได้นะ” ผมหันไปถามย้ำอีกรอบ


“ได้น่า ไม่ลงมือถึงขนาดตายหรอก”


“ดี ไปจัดการให้เสร็จเถอะ” ผมพยักหน้าวยรอยยิ้มที่ลูก้ายังจำได้


จะโกรธหรือโมโหในการกระทำมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ต้องการจะฆ่าหรืออยากให้ใครต้องตาย


“อืม”


พวกเราหยุดการสนทนาลงแค่นั้น กระสุนที่หยุดยิงเหมือนเป็นสัญาณให้ทั้งผมและลูก้าต่างพุ่งไปยังกลุ่มศัตรูตรงหน้าพร้อมประเดิมด้วยหมัดตรงจนคนหน้าสุดหงายหลังล้มลงไป เมื่อเห็นว่าผมเข้ามาประชิดอีกฝ่ายก็ควักมีดออกมาจ้วงแทงเพียงแต่ผมไม่รอให้มีดนั่นได้เข้ามาในระยะแทงง่ายๆ เลยจัดการใช้เท้าถีบจนร่างนั้นกระเด็นไปกองอยู่บนพื้น


“ตายซะเถอะแก!” เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับหมัดตรงเฉียดหน้าผมไปเพียงไม่กี่มิล


“ขอคืนคำนั้นให้ละกัน” ผมตอบแทนหมัดที่เกือบโดนหน้าโดยการใช้ศอกกระแทกไปยังใบหน้านั่นแล้วปิดฉากด้วยเข่าลอย ศัตรูหลายสิบคนถูกจัดการทั้งหมดภายในไม่กี่นาที ผมและลูก้าต่างก็ไม่มีบาดแผลอะไรมากนอกจากถลอกเล็กน้อย เคลื่อนไหวบนบกนี่ง่ายกว่าในน้ำจริงๆ   ด้วย


“สามจะไปไหน” ลูก้าเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าผมไปขึ้นบันไดไปยังชั้นผมแต่เดินไปยังห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแทน ห้องว่างขนาดำม่ใหญ่นักมีทางเชื่อมลงไปด้านล่างซ่อนอยู่ในมุมอับอีกที


“ผมสังหรณ์อะไรนิดหน่อยน่ะ”


“สังหรณ์?”


“อืม” ด้วยจำนวนตนที่พวกเราปะทะไปน่าจะเกือบครึ่งได้ ดังนั้นที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเซโครและคนอื่นๆ ได้ ทักษะของแต่ละคนที่มานั้นไม่ธรรมดา การจะทำงานในหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษได้ไม่ใช่ทักษะหรือความเชื่อใจแต่ต้องมีทั้งไหวพริบและการจัดการสถานการ์ที่ดี แค่กลุ่มคนติดอาวุธคงเอาไม่อยู่หรอก


ปัง!


ประตูบานขาวถูกเปิดด้วยแรงถีบ เพราะถูกล๊อคเอาไว้ด้วยฟ้าผมเลยใช้อาวุธตัวเองจัดการกับแผงวงจรทำให้บานประตูสามารถเปิดออกได้ง่ายๆ  ภายในห้องเป็นอย่างที่ผมสังหรณ์ เครื่องมือการทดลองอันล้ำสมัยถูกรวบรวมอยู่ในห้องขนาดใหญ่ที่มีคนหน้าตาขี้โรคในชุดขาวกำลังทดลองสิ่งมีชีวิตในโหลแก้วสีเขียวโดยการต่อสายอะไรบางอย่างเข้าไปในร่างที่เหมือนไร้ชีวิต ร่างภายในนั้นคงเป็นร่างที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมระหว่างมนุษย์กับไดโนเสาร์สินะ


“อ๊ากกกกก~” เสียงกรีดร้องของร่างภายในทำเอาคนฟังอย่างผมชาวาบไปทั้งตัว  ช่างเป็นเสียงที่ทั้งเจ็บปวดและทรมานเหลือเกิน


“แกเข้ามาได้ยังไง!” นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งตะโกนเสียงดังก่อนจะกดปุ่มสีแดงที่อยู่ไม่ไกล สัญญาณฉุกเฉินดังขึ้นในโทนเสียงที่ต่างจากเดิม คาดว่าคงกำลังเรียกคนให้มายังห้องนี้


“ลูก้า จัดการคนที่จะเข้ามาให้หน่อย”


“ได้ แล้วสามจะทำอะไร....”


“ถ้าไม่จัดการสักหน่อยผมคงไม่หายหงุดหงิด” ผมตอบพลางเดินไปเผชิญหน้ากับนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด สายตาของผมคงจะน่ากลัวมาอีกฝ่ายถึงก้าวถอยหลังไปแบบนั้น


“กะ...แกจะทำอะไร”


“ขอถามคำถามนั้นกลับไปเลยละกัน พวกคุณคิดจะทำอะไรถึงได้ทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้กัน!” ผมตะโกนเสียงดังอย่างเหลืออด


“แกจะมารู้อะไร พวกฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงแต่กลับโดนไอ้นักวิทยาศาสตร์ปัญญาอ่อนตัดหน้าสร้างไดโนเสาร์ขึ้นมาแถมยังสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ขึ้นมาอีก ใครจะยอมให้มันเป็นที่หนึ่งกันล่ะกะไอ้แค่ไดโนเสาร์ผสมมนุษย์พวกฉันทำได้อยู่แล้ว จะได้รู้ว่าใครคือนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุด ไอ้พวกที่กล้ามาเหยียบย่ำศักศรีของนักวิทยาศาสตร์ฉันจะจัดการมันให้หมด!”


“คนที่เหยียบย่ำศักศรีของนักวิทยาศาสตร์อยู่ก็คือพวกคุณต่างหากล่ะ รู้ไหมว่าการโคลนมนุษย์มันเป็นโทษร้ายแรงขนาดไหนแต่นี่ยังคิดสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์อีก!”


“แล้วไอ้มนุษย์กลายพันธ์นั่นไม่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมารึไง ถ้าจะโทษก็ไปโทษไอ้ฟราซิสมันสิ!” อีกฝ่ายยังคงเถียงด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว


“จริงอยู่ที่เขาถูกสร้างขึ้นแต่การสร้างนั้นไม่ได้ทำให้ใครต้องเจ็บปวด ไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกคุรทำตอนนี้สักนิด ด็อกเตอร์ฟรานซิสสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ขึ้นมาเพื่อลดการตายของมนุษย์ แต่สิ่งที่พวกคุณทำคือกำลังทรมานชีวิตของสิ่งที่ให้กำเนิดขึ้นมาอย่างไม่ใยดี พอใช้ไม่ได้ก็ละเลย พอตายไปก็สร้างใหม่ เคยเห็นใจพวกเขาที่ต้องเกิดมาและตายไปอย่างทรมานบ้างรึเปล่า!” ผมตะโกนออกไปอย่างเหลืออด อย่ามาโยนความผิดให้คนอื่นทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำสิ


“ใครจะไปสนวัสดุในการทดลองเล่า...”


ผั๊วะ!


ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบประโยคผมก็จัดการปล่อยหมัดใส่หน้าโดยไม่ออมแรงเหมือนอย่างทุกที นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่แต่ในห้องทดลองพอเจอหมัดเข้าไปก็สลบเหมือดทันที


“พวกเขาไม่ใช่วัสดุในการทดลอง คนที่ไม่เห็นค่าของชีวิตไม่มีสิทธิ์เรียกตัวเองว่านักวิทยาศาสตร์หรอก” นักวิทยาศาสตร์คือผู้สร้างสรรค์ เป็นผู้ที่จะให้สิ่งใหม่ๆ แก่โลกเพื่อให้โลกดำเนินต่อไปในทางที่ดีขึ้นไม่ใช่ตกต่ำลง


“สาม!”


“ลูก้า...” พอนึกได้ว่าปล่อยลูก้าให้จัดการคนเดียวผมก็เตรียมจะหันไปช่วยทว่าศัตรูที่บุกมากลับนอนสลบอยู่ตามพื้นจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว


“ก็ว่าอยู่ว่าทำไมช้า ที่แท้มาอยู่นี่เองเหรอทรี” หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษเดินเข้ามาพร้อมคู่หูที่ตามมา ดูจากภายนอกเซโครแทบไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ท่าทางเองก็ดูสบายๆ ด้วย


“โทษทีที่ไม่ได้ขึ้นไปช่วย”


“ไม่เป็นไรหรอกด้านบนจัดการไปเกือบหมดแล้วไม่มีอะไรต้องกังวล อีกอย่างถ้าทรีไม่ชกผมอาจเป็นคนชกเองก็ได้”


“ฟังอยู่สินะ” ผมถามกลับ


“ใช่”


“เราจะช่วยอะไรพวกเขาได้บ้างไหม” ผมถามพลางมองไปยังโหลแก้วที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายในด้วยใบหน้าเศร้าๆ


“...สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำพวกเขาจากไปอย่างสงบ”


“...อืม” ผมเองก็คิดแบบนั้น พวกเราไม่อาจทำอะไรได้กับสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว ในสภาพที่ไม่อาจเรียกได้ทั้งสัตว์และมนุษย์ การอยู่ต่อมีแต่จะยิ่งทำให้ทรมาน


“นี่เซโคร” ผมเรียกเบาๆ


“อะไร”


“ให้ผมช่วยทำให้พวกเขาจากไปอย่างสงบเถอะนะ”


“เข้าใจแล้ว เราจะช่วยกัน”


“ขอบคุณ”


“ผมสิต้องขอบคุณ ภารกิจสำเร็จอย่างงดงาม...ผมขอไปตรวจพื้นที่ก่อนนะ”


“อืม มีอะไรก็เรียก อ้อ...คงไม่ต้องมั้ง” ฝีมือต่างกันเกินไปแค่เซโครก็จัดการได้สบายๆไม่ต้องให้ใครช่วยหรอก อีกอย่างคงเหลือศัตรูอยู่ไม่มากแล้วด้วย


“แล้วเจอกัน”


“อืม” พูดจบเซโครก็เดินออกไปจาห้องปล่อยผมให้อยู่ในห้องเงียบๆ นักวิทยาศาสตร์ที่เหลือต่างก็ตัวสั่นงกๆด้วยความกลัว


หมับ!


“สาม” แขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างผมพร้อมกระซิบเรียกอย่างอ่อนโยน


“ลูก้า...” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีเงินด้วยความเศร้าที่ตัวเองไม่อาจช่วยอะไรได้นอกจากทำให้พวกเขาไปอย่างสงบเท่านั้น ผมเข้าใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเศร้า


“ไม่เป็นไร ผมอยู่กับสาม...จะอยู่กับสามไม่ว่าเมื่อไหร่ เพราะงั้นไม่ต้องอดกลั้นต่อหน้าผมหรอกนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนยามกระซิบข้างใบหูช่างส่งผลต่อจิตในอย่างมหาศาล น้ำตาที่กลั้นไว้ค่อยๆ ไหลลงอาบแก้ม ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาโดยที่มีลูก้าโอบกอดอยู่จนความเศร้าที่มีลดลงไปมาก


“ขอบคุณ...ลูก้า”


หลังจากจบเรื่องฝ่ายวิทยาศาสตร์ขององค์กรดอร์วูก็เข้ามายังห้องทดลองแห่งนี้และได้จัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย ผมเองก็ได้มีส่วนร่วมเช่นกัน การกระทำอันผิดกฏหมายนี้ถูกไต่สวนและสืบสายจนได้รู้ว่ามีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งหนุนหลังให้กับการทดลองนี่โดยหวังผลกำไรจากการขายไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่สร้างสำเร็จ เหตุผลบ้าๆ นั่นทำเอาหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างเซโครถึงกับเหวี่ยงหมัดใส่คนพวกนั้นเรียงตัว


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผมคิดว่าเราควรมีกฎหมายเกี่ยวกับไดโนเสาร์ขึ้นมาสักที ไม่ใช่แค่เพื่อปกป้องเหล่าไดโนเสาร์แต่เป็นการลดปัญหาหลายๆอย่างที่จะตามมาไม่ว่าจะเป็นการทดลองผิดกฏหมายหรือการลักลอบค้าสัตว์ เพียงแต่มันคงไม่ง่ายที่จะทำมันเท่านั้นเอง


อำนาจอันน้อยนิดของผมมันไม่เพียงพอที่จะทำความคิดนั้นให้สำเร็จได้

.........................................................

มาต่อแล้วค่ะ

ช้าไปนิด(ความจริงก็ไม่นิด)

สารภาพตรงๆ ว่ากะจะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแต่มีธุระยุ่งกว่าจะนึกออกก็ก่อนนอนซะแล้ว

เรื่องราวอาจดูจบง่ายเกินไปซึ่งช่วงท้ายของภาคนี้เราวางให้เป็นตัวเกริ่นสำหรับภาคต่อไป(ที่คงอีกสักระยะเลยกว่าจะได้อัพ)

ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามให้กำลังใจมาเสมอนะคะ

ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ขอฝากลูก้าและสามไว้ในอ้อมอกด้วยนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบายค่ะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-08-2018 14:02:30
ดุเดือดมาก คิดถึงน้องอานโน่จ้า ถึงจะโผล่มาแค่ชื่อก็เถอะ
 :กอด1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 18-08-2018 14:36:07
ว้าาาา จะจบซะแล้ว
สามกับเซโครร้ายจริงๆ แกล้งสองคนนั้นได้
แต่ก็นะ มันน่าแกล้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 18-08-2018 18:34:29
ตอนหน้าจะจบแล้ว... เค้ายังไม่ได้กันเลยนะ... 555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-08-2018 06:26:20
เห็นแก่ตัวมากคนพวกนี้ ต้องเจอเซโครกับสาม o13
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-08-2018 16:50:24
ยังไงก้อสำเร้จสินะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 19-08-2018 21:40:41
ดีที่ภารกิจสำเร็จและไม่มีใครเป็นอะไร
ทีมเวิร์คกันจริงๆเลยสี่คนนี้

ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอเนี่ย
ลูก้าอ้อนพี่เขาไว้นะ อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว ><
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 20-08-2018 01:03:34
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 21-08-2018 15:45:49
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-08-2018 01:40:13
จะจบอีกแล้วว
รอติดตามเรื่องต่อไปปนะคะะ
ตอนนี้สงสารสามจังงเลยย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-08-2018 12:53:27
รอฉันรอเธออยู่
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-08-2018 06:39:46
เศร้าค่ะ คนคิดค้นกับคนคิดทำนี่สุดยอดจริงๆ
ไม่คิดถึงผลที่จะเกิด คิดถึงแต่ประโยชน์ที่จะได้
สร้างขึ้นมาแล้วยังไง ก็ถือว่าเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ต้องดูแลไหม

สงสารทรีเลย บรรยากาศอึมครึมไปทันตา

สุดยอดมากเลยค่ะ พอร่วมมือกันแล้วทุกอย่างผ่านฉลุย
ลูก้ากับสามใจสื่อถึงกัน แล้วสามจะรอให้ลูก้าไปพูดต่อไหมน้า 555
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราที่22◈♦> 18/08/61 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 31-08-2018 22:30:32
คุณคนเขียนมาหรือยังหนอ
คิดถึงลูก้าาาาาา ค่ะ ><
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 01-09-2018 20:06:01
◈ธาราสุดท้าย◈



“ลูก้าอาบนานไปแล้วนะ คงไม่ลืมใช่ไหมว่าวันนี้เราต้องเดินทางน่ะ!” ผมยืนเคาะประตูห้องน้ำไปเรียกคนด้านในไป ลูก้าอาบน้ำมานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ปกติผมคงไม่มาเร่งแบบนี้หรอกเพราะครึ่งชั่วโมงถือว่ายังน้อยแต่วันนี้ไม่ใช่


วันนี้ผมถูกหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่เรียกให้ไปเกาะซึ่งเป็นศูนย์กลางของหน่วยปฏิบัติการพิเศษและองค์กรดอร์วู แม้ผมจะถามว่ามีเรื่องอะไรแต่อีกฝ่ายก็ไม่อธิบายอะไรเพิ่ม คำพูดของเซโครมีเพียง...


‘มาถึงก็รู้เอง’


แค่นี้


ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากไปตามคำสั่งนั้น และนั่นคือสาเหตุที่ผมต้องมายืนเร่งลูก้าหน้าห้องน้ำ


“ลูก้า!” ผมเรียกอีกรอบ


“เสร็จแล้ว” เสียงอู้อี้ในห้องน้ำดังขึ้นก่อนบานประตูจะถูกเปิดอ้าออกโดยมีลูก้าในชุดไปรเวทเดินออกมา เส้นผมสีฟ้าแซมแดงเปียกโชกเหมือนไม่ได้เช็ดผม


“เช็ดผมก่อนไหม”


“ไม่เป็นไรแค่สะบัดก็แห้งแล้ว”


“เดี๋ยว เฮ้ย!” ผมถึงกับอุทานออกมาเมื่อลูก้าทำตามที่พูดโดยการสะบัดหัวทำไปมาทำให้น้ำกระเด็นใส่ผมเต็มๆ ผ้าเช็ดตัวในมือของลูก้าถูกผมดึงมาเป็นของตัวเองก่อนจะสะบัดคลุมหัวอีกฝ่ายไม่ให้ทำพื้นเปียกมากไปกว่านี้ ลูก้าเองก็หยุดสะบัดเพราะถูกผมใช้ผ้าขนหนูนั่นเช็ดผมให้


“...รีบไปไม่ใช่เหรอ” ลูก้าถามเสียงเบา


“ก็รีบอยู่แต่ไปหัวเปียกแบบนั้นเดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าผมดูแลลูก้าไม่ดี”


“ไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอก”


“มันก็ไม่แน่นี่” ผมไม่เคยไปที่นั่นสักครั้งเลยไม่รู้ว่าต้องเจอกับสภาพแวดล้อมแบบไหน ยังไงคนที่อยู่บนเกาะส่วนกลางนั่นคงไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ ในหัวผมนึกภาพคนบนเกาะนั้นเป็นระดับเดียวกับบิดาแห่งการคืนชีพกับหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมคงเหมือนคนธรรมดาไปเลย


“...แห้งแล้วมั้ง”


“เป็นอะไรลูก้า ดูแปลกๆ นะ” ผมถือผ้าขนมือในมือพลางเอียงคอมองหน้าลูก้า ท่าทางของลูก้าแปลกๆ น้ำเสียงกับท่าทางเวลาพูดก็ไม่เหมือนปกติ


“ไม่เป็นไรสักหน่อย”


“ไม่เป็นหน่อยแต่เป็นมากน่ะสิ นี่เหงื่อเหรอทั้งที่พึ่งอาบน้ำเนี่ยนะ” ผมพูดระหว่างที่ใช้มืออีกข้างวางบนหน้าผากเพื่อวัดไข้และค่อยๆ ไล่ไปยังแก้มซ้าย


ลูก้าเหงื่อออก แถมตัวยังร้อนหน่อยๆ ด้วย


“แค่ร้อนนิดหน่อย”


“ลูก้า” ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายตรงๆ ดวงตาสีน้ำตาลของผมสบเข้ากับดวงตาสีเงินอย่างจริงจังเป็นเชิงบอกให้พูดความจริงมา


“...ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก” จ้องกันสักพักสุดท้ายลูก้าก็เริ่มเปิดปาก


“ผมจะบอกเองว่าเป็นมากหรือน้อย เป็นอะไรลูก้า?”


“แค่เหมือนกำลังเข้าฤดูติดสัด”


“...” บรรยากาสภายในห้องเงียบลงอย่างรวดเร็วหลังจากลูก้าเอ่ยประโยคนั่นออกมา


ขาของผมก้าวถอยหลังไปอัตโนมัติทว่าลูก้ากลับก้าวตามมาไม่ปล่อยให้ผมห่าง ด้วยความตกใจที่ถูกเดินตามผมเลยยิ่งถอยหลังเร็วกว่าเดิมจนชนเข้ากับปลายเตียง นั่นทำให้ผมหงายหลังตกลงบนเตียงในสภาพนอนแผ่ทั้งร่าง ความรู้สึกไม่ปลอดภัยเรียกให้ร่างกายรีบลุกขึ้นทว่ากลับถูกลูก้าตามคร่อมลงมาจนไม่สามารถขยับตัวหนีได้


ซวยล่ะ!


สัญชาตญาณผมร่ำร้องถึงอันตรายและพยายามหาทางหนี


“สาม...” น้ำเสียงที่ใช้เรียกเปลี่ยนจากปกติอย่างสิ้นเชิง เพียงแค่ฟังใบหน้าก็ร้อนขึ้น ทั้งร่างเกร็งไปหมด


“ดะ เดี๋ยวนะ ใจเย็นๆ ลูก้า”


“สาม...” น้ำเสียงแบบเดิมดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสของปากที่ขบเม้มบริเวณลำคอ


“ลูก้า!” ผมร้องลั่นพยายมดันร่างของอีกฝ่ายให้ออกไปแต่มีเหรอพลังของมนุษย์ธรรมดาจะสู้ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้


“ผมอยาก...”


“หยุดพูดเลยลูก้า อย่าลืมสิว่าเราต้องไปไหนกัน ไม่มีเวลามาทำอะไรกันหรอกนะ” เหตุผลต่างๆ นาๆ ดังขึ้นโดยที่ในหัวผมมันขาวโพลนไปหมดตั้งแต่ได้ยินเสียงกระซิบเรียกชื่อของตัวเองจากปากลูก้าแล้ว


“แปลว่าถ้ากลับมาก็ทำได้ใช่ไหม”


“อึก....” คำถามนั่นทำเอาผมถึงกับตอบไม่ถูก ต่อให้กลับผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะยอมหรอกนะ ก็ใช่ที่เราเป็นแฟนกันมาค่อนข้างนานแล้ว แต่ถึงจะเป็นแฟนผมก็ยังไม่มีความกล้าที่จะยอมอยู่ดี ผมไม่ใช่เด็กที่จะไม่รู้ว่ามันทำยังไง และรู้ด้วยว่าฝ่ายรับมักจะเป็นฝ่ายเจ็บ


ผมไม่อยากเจ็บนี่


ถ้าให้เป็นฝ่ายกอดก็คงทำได้แต่ลูก้าคงไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกอดแน่ๆ


“สาม...พวกเราเป็นแฟนกันจริงๆ ใช่ไหม” ดวงตาสีเงินสั่นระริกยามขยับมาสบกับดวงตาผม


“ลูก้า...พูดอะไรน่ะ” คำถามนั่นคืออะไร


“สามคงไม่ได้สงสารผมเลยยอมเป็นแฟนหรอกนะ”


“อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น” ผมขมวดคิ้วแน่นทันทีที่ได้ยิน


ลูก้าไปเอาความคิดพวกนั้นมาจากไหน


สงสารอะไรกัน


“เพราะมันเหมือนมีแค่ผมที่มีความสุขและอยากครอบครองสามอยู่ฝ่ายเดียว”


“ขอคำอธิบายมากกว่านี้หน่อยลูก้า” แค่นั้นไม่ได้ทำให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นหรอกนะ


“ตั้งแต่สามยอมเป็นแฟน ผมมีความสุขมากๆ แต่ยิ่งมีความสุขมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น แม้จะรู้ว่าสามรักแต่มันก็ยังกังวลว่ารักที่ผมรู้สึกได้จากสามมันเหมือนกับที่ผมรู้สึกไหม ผมไม่รู้จะทำยังไงกับความกังวลนี่...สิ่งเดียวที่คิดได้คืออยากให้สามเป็นของผม อยากครอบครองสาม...”


“ลูก้า...”


“แต่ทุกครั้งที่ผมอยากทำให้สามเป็นของตัวเองสามก็พยายามหลีกหนีและขัดขืนจนเหมือนรังเกียจสัมผัสของผม เพราะผมไม่ใช่มนุษย์ถึงไม่สามารถครอบครองสามได้เหรอ หรือเพราะผมไม่ใช่คนที่สามรักกันแน่ แต่ต่อให้สามไม่ได้รักเหมือนอย่างที่ผมรักสามก็ไม่เป็นไร...ผมขอแค่ได้อยู่ข้างๆ...”


หมับ!


“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว” ผมโอบคออีกฝ่ายลงมากอดแน่นๆ ด้วยความรู้สึกผิด ไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูก้าจะกังวลและรู้สึกแบบนั้นมาตลอด ผมเอาแต่คิดถึงตัวเองโดยไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย


ทั้งที่ผมไม่ใช่แค่คู่หูแต่ยังเป็นแฟนของลูก้า ถึงอย่างงั้นกลับไม่เคยเข้าใจจิตใจจริงๆ ของลูก้าเลยสักครั้ง ผมที่ปล่อยลูก้าให้รู้สึกแย่แบบนี้ยังมีสิทธิ์จะได้ชื่อว่าแฟนอีกเหรอ เอาแต่คิดถึงตัวเองและปฏิเสธอย่างร้ายกาจในทุกๆ ครั้งที่ลูก้าพยายามกอดตัวเอง


ผมมันแย่!


“สาม...”


“ขอโทษนะลูก้า ผมมันเป็นคนนิสัยไม่ดี ทั้งที่ลูก้ากังวลแต่กลับไม่รู้และยังเอาแต่คิดเรื่องของตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวอีก” เพราะได้ชื่อว่าเป็นแฟนและรับรู้ถึงความรักที่ลูก้ามีให้มันเลยทำให้ผมคิดว่าต่อให้ทำอะไรลงไปลูก้าก็ยังคงรักผมอยู่


อยากจะด่าตัวเองจริงๆ ที่คิดว่าเป็นคนเดียวที่มีเรื่องกังวล


“ผมรักสาม...รักมากๆ เลย”


“อืม ผมรู้ ผมเองก็รักลูก้าเหมือนกัน เชื่อเถอะว่าความรู้สึกผมมันไม่ใช่เพราะสงสาร...ขอโทษที่ทำให้ต้องกังวลนะ ผมไม่ดีเอง”


“สาม...”


“ผมน่ะกลัว ตั้งแต่เป็นแฟนกับลูก้าก็กลัวมาตลอด” ผมกำเสื้ออีกฝ่ายแน่นระหว่างพูด ตอนแรกผมกะจะไม่พูดแต่เมื่อรู้ถึงความรู้สึกของลูก้าจะให้ผมปิดต่อไปคงไม่ได้แล้ว


“กลัวผมเหรอ?” น้ำเสียงเศร้ายามเอ่ยประโยคนั้นออกมาทำให้ผมส่ายหัวไปมาเบาแทนคำตอบ


“เปล่า...ที่กลัวไม่ใช่ลูก้าแต่เป็นความเจ็บตอนเป็นฝ่ายโดนกอดต่างหาก”


“สาม...”


“ผมคิดจะเป็นฝ่ายกอดลูก้าไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่ผมก็รู้ว่าลูก้าคงไม่ยอมเพราะแบบนั้นผมเลยเอาแต่เลี่ยงและผลักไสลูก้าทุกครั้งที่เข้ามาใกล้ ผมไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้ลูก้าเก็บไปคิด ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่และกังวลนะ” ความรู้สึกผิดมาถาโถมเข้ามาจนไม่ณุ้จะทำยังไง แค่ขอโทษมันไม่พอสำหรับผม


“ไม่เป็นไร แค่รู้ว่าสามรักผมแค่นี้ก็พอแล้ว”


“ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วเหรอ”


“ก็รู้...แต่มันเริ่มไม่แน่ใจ” ลูก้าตอบเสียงอ่อย


“เพราะผมสินะ”


“ไม่ใช่ เพราะผมเองที่กังวลไม่เข้าเรื่อง” เส้นผมสีฟ้าแซมแดงขยับไปมาเล็กน้อยคลอเคลียกับต้นคอผม ตอนนี้ลูก้ากอดผมแน่นโดยที่ซุกหน้าลงบริเวณคอ


“งั้นถือว่าเราผิดกันคนละครึ่งเนอะ” ผมลูบแผ่นหลังลูก้าเบาๆ ระหว่างพูด


“อืม”


“...นี่ลูก้า” ผมเรียกเสียงเบาเมื่อตัดสินใจอะไรบางอย่างได้


“ฮืม?”


“กลับมาจากเกาะแล้ว...ผมจะยอมก็ได้นะ” แม้เสียงจะติดขัดไปบ้างแต่ผมก็พูดสิ่งที่อยากพูดออกไปได้สำเร็จ


“...” ความเงียบที่เกิดขึ้นทำเอาผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ผมยอมขนาดนี้แล้วยังเงียบคืออะไร รู้ไหมว่ากว่าจะเอ่ยออกไปได้ผมต้องใช้ความกล้ามากแค่ไหน


“พะ...พูดอะไรหน่อยสิ” อย่าให้ห้องเงียบเลย เสียงหัวใจผมมันเต้นแรงอย่างน่าอายจริงๆ


“จริงเหรอ” เสียงทุ้มของลูก้ากระซิบเบาๆ


“อะไร...”


“ที่บอกว่าจะยอม หมายถึงสามจะยอมเป็นของผมใช่ไหม”


“แล้วมัน...มีความหมายอื่นอีกรึไง”


“ดีใจที่สุดเลย” ลูก้ากระชับแขนที่กอดผมแน่นขึ้น


“แต่ถ้าผมเจ็บต้องหยุดนะ”


“อืม”


“ต้องหยุดจริงๆ นะ ห้ามทำเป็นไม่ได้ยินด้วย”


“เข้าใจแล้ว”


“...ถ้าเข้าใจก็ลุกได้แล้ว เรากำลังจะไปท่าเรือสายนะ”


“อยากฟังเสียงหัวใจสามอีกหน่อย”


“ลุกเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมตะโกนพร้อมออกแรงดันตัวลูก้าให้ออกไป เห็นนิ่งๆ นึกว่าทำอะไร  เล่นมาฟังเสียงหัวใจคนอื่นแบบนี้มันโกงเกินไปแล้ว ยิ่งรู้ว่าถูกฟังหัวใจผมมันกลับยิ่งเต้นแรงขึ้น


น่าอายเกินไปแล้ว!


“เต้นแรงขึ้นอีกแล้ว”


“ลูก้า!”


“...ลุกก็ได้” แม้น้ำเสียงจะไม่เต็มใจนักแต่ลูก้าก็ค่อยๆ ยอมปล่อยผมแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง


“รีบไปกันเถอะ จะสายแล้ว” ผมพูดพลางเด้งตัวลุกจากเตียงแต่กลับถูกลูก้าคว้าแขนไว้แล้วดึงจนผมล้มไปนั่งบนตักอีกฝ่าย


“อย่างน้อยขอหอมแก้มแก้ขัดหน่อย”


“ว่าไง...” ยังไม่ทันจะได้ถามกลับแก้มผมก็ถูกอีกฝ่ายกดริมฝีปากลงมาสัมผัสซะแล้ว


“ไปกัน” พอได้สิ่งที่ต้องการลูก้าก็ลุกจากเตียงอย่างไม่อิดออดปล่อยให้ผมยกมือขึ้นมาลูบแก้มที่โดนจูบด้วยใบหน้าแดงๆ อยู่แบบนั้น


“ผมยังไม่ได้อนุญาตให้ทำเลยนะ” อยู่ก็มาทำแล้วจะขอทำไมกัน


“สามให้ทำอยู่แล้ว”


“ใครบอก”


“หน้าสามบอก”


“ไม่มีทาง!” ผมกับลูก้าเถียงกันไปมาด้วยเรื่องไร้สาระระหว่างกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังท่าเรือ




เรือสีขาวแกมเงินขนาดไม่ใหญ่มากมาจอดรอรับเราทั้งคู่อยู่ก่อนแล้ว บนเรือมีเพียงกัปตันและเหล่าลูกเรืออีกไม่กี่คน เซโครเองก็ไม่ได้อยู่บนเรืออย่างที่คิด ระหว่างการเดินผมก็ยืนรับลมอยู่บริเวณท้ายเรือโดยมีลูก้าทำท่าอยากกระโดดลงน้ำทะเลใจจะขาดอยู่ใกล้ๆ โชคดีที่ผมเห็นท่าทางของลูก้าเลยห้ามก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปว่ายจริงๆ


นิสัยชอบน้ำทะเลคงไม่มีทางแก้หาย และผมก็ไม่คิดว่ามันเป็นนิสัยที่ต้องแก้ด้วย ผมชอบมองเวลาลูก้าอยู่ในทะเลไม่ว่าจะเป็นในร่างมนุษย์หรือไดโนเสาร์ก็ตาม เวลาอยู่ในน้ำลูก้าดูมีความสุขมาก


การเดินทางใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าเกาะขนาดใหญ่จะปรากฏแก่สายตา สิ่งแรกที่เห็นคือธรรมชาติที่แทบจะไม่ถูกทำลายไปจนถึงตึกขนาดใหญ่ที่สร้างกระจายกันไปตามบริเวณต่างๆ ของเกาะ


“ที่นั่นเหรอ...”


“อืม นั่นคือเกาะที่ผมมาอยู่” ลูก้าตอบ


“สุดยอด เห็นว่าเป็นเกาะศูนย์กลางขององค์กรนึกว่าจะมีตึกมากกว่าซะอีก” จะว่าไปลูก้าก็เคยเล่าว่บนเกาะมีต้นไม้เยอะมากนี่นะ ก็พอรู้มาว่าสภาพแวดล้อมของเกาะเหมาะสมสำหรับไดโนเสาร์แต่ไม่คิดว่าจะคงสภาพของธรรมชาติไว้มากขนาดนี้


“มีอย่างอื่นให้ตกใจอีกเยอะ”


“อย่างไดโนเสาร์ไม่ได้อยู่ในกรงสินะ” ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนจากลูก้า


“ใช่...แล้วเราต้องไปไหนเหรอ” พอลงมาจากเรือลูก้าก็ถามพลางมองไปยังตึกด้านข้าง


“เห็นบอกว่าเป็นตึกแรกลงจากเรือมาก็เจอเลย ตึกนั่นมีอะไรรึเปล่า?”


“ซิมโบสปอนไดลัสอยู่หลังตึกนั่น”


“เพื่อนของลูก้าสินะ” ที่เคยเจอกันต้องมีการทดสอบ


“อืม”


“เหมือนจะเป็นตึกเดียวกับที่ผมต้องไปแฮะ” เท่าที่สังเกตโดยรอบก็มีแค่ตึกนั้นตึกเดียว


“...อืม”


“ไหวไหม” ท่าทางเหมือนไม่ไหวทำเอาผมกังวลพอสมควร


ฤดูติดสัดไม่ใช่สิ่งที่จะรู้ล่วงหน้าเพราะสัตว์แต่ละชนิดไม่เหมือนกัน จากที่เคยอ่านเห็นว่าจะขึ้นอยู่กับตัวเมียแต่ในกรณีของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ที่เป็นลูก้าก็ดูทรมานมากจนอดไม่ได้ที่จะช่วย แม้จะผ่านมานานแต่พอนึกถึงก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา


“ไหวอยู่”


“แน่นะ สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย” ผมถามพลางมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ


“ถ้าสามทำหน้าแบบนั้นผมจะทนไม่ไหวเอานะ”


“ฮะ?”


“อย่าทำหน้าน่ารักสิ”


“ไม่ได้ทำสักหน่อย” มองยังไงถึงเห็นผมน่ารักได้เนี่ย


“ทำอยู่เห็นๆ ”


“ลูก้า”


“ครับ สาม”


“กวนแบบนี้ผมไม่สนแล้ว”


“งอนเหรอ?”


“ไม่ได้งอนสักนิด”


“...คงต้องแยกกับสามสักพักแล้วสิ” อยู่ลูก้าก็ขมวดคิ้วแน่นด้วยใบหน้าที่ดูทรมานกว่าเดิม


“ลูก้า?”


“กลิ่นสามทำให้ผมทนไม่ไหว ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกเหมือนอารมณ์กำลังจะปะทุ”


“หมายถึง...” มีอารมณ์เพราะได้กลิ่นผม?


“อยากจะกอดสามตอนนี้เลย”


“เฮ้ย!” ผมก้าวถอยหลังพร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นเตรียมพร้อม คำพูดเมื่อครู่ดูจะอันตรายอย่างบอกไม่ถูก


“ไม่ต้องห่วง ผมรอได้...จะไปว่ายน้ำเล่นกับซิมโบสปอนไดลัส สามก็ไปคุยธุระเถอะ” ลูก้าบอกระหว่างที่พวกเราเดินเข้ามาในตึกสีขาว ชั้นแรกนี่เหมือนห้องโถงขนาดใหญ่โดยมีลิฟท์อยู่ข้างกำแพง อีกฝั่งหนึ่งเหมือนเป็นประตูออกไปด้านหลัง


“ซิมโบสปอนไดลัสอยู่ข้างนอกนั่นเหรอ”


“อืม แค่ออกไปประตูนั่นแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอกับทางออกไปยังทะเลด้านหลัง ผมจะรออยู่ที่นั่น” ลูก้าอธิบายทาง


“แน่ใจว่าไปไหว”


“ถ้าไกลสามหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว”


“เพราะผมลูก้าเลยต้องทรมานสินะ”


“ผมไม่คิดแบบนั้น ความรู้สึกนี่มันเหมือนเป็นตัวบอกว่าผมรักสามมากแค่ไหน ผมรู้สึกดีที่ความรู้สึกนี้เกิดกับสาม” ลูก้าพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ


“จะรีบไปหา” ผมเองก็ส่งยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน


“อืม”


ลูก้าเดินออกทางประตูด้านในเพื่อไปหาซิมโบสปอนไดลัสส่วนผมก็ใช้ลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นสุดของตึก ดูจากหมายเลขไม่ใช่แค่มีชั้นบนแต่ยังมีชั้นใต้ดินอีก ผมเดินออกจากลิฟท์ตรงไปยังห้องเพียงหนึ่งเดียวของชั้นด้วยความสงสัยที่มีมากขึ้น นาฬิกาสีเงินถูกยกขึ้นมาดูก่อนจะรู้ว่าผมสายไป10นาทีได้แล้ว


ไม่รู้ว่าเซโครมีเรื่องอะไรคุยถึงขนาดต้องให้ผมมาหายังเกาะแห่งนี้


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


แกร็ก!


“ขออนุญาตครับ” ถึงจะเป็นเพื่อนกันแต่อีกฝ่ายก็เป็นถึงคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า มารยาทจึงเป็นสิ่งจำเป็น


ประตูสีขาวถูกเปิดออกก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปภายใน ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศลอยมาปะทะผิวจนต้องยกมือขึ้นลูบแขนตัวเอง ผมเตรียมจะเอ่ยปากบอกให้ลดความเย็นลงจึงเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่อยู่ภายในทว่ารูปร่างและหน้าตาที่ปรากฏต่อหน้าทำเอาดวงตาสีน้ำตาลของผมเบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นตกใจ ความเย็นภายในห้องยังไม่หนาวยะเยือกเท่ากับเวลาเห็นใบหน้าของบุคคลระดับสูงขององค์กรดอร์วูที่ไม่ใช่แค่หนึ่งแต่ถึงสี่คน


คนแรกหรือก็คือคนที่ส่งยิ้มมาให้ผมพร้อมกวักมือเรียกผมให้เข้าไปนั่งข้างๆ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่ เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนของผม สำหรับเซโครไม่ใช่เหตุผลที่ผมตกใจเพราะยังไงคนที่เรียกมาก็คือเขานี่แหละ แต่ที่ผมตกใจน่ะคืออีกสามคนที่เหลือต่างหาก


เส้นผมสีดำขลับ ดวงตาสองสีอันเป็นเอกลักษณ์ ชายผู้ถูกเรียกว่าเป็นบิดาแห่งการค้นพบ คันเนโลนี จอห์น ตามมาด้วยเส้นผมสีน้ำตาลที่ถูกดัดเป็นลอนยาว ทั้งรูปร่างและหน้าตาช่างงดงามราวกับนางฟ้า สมกับชื่อที่ในวงการเรียกขานกันว่านางฟ้าแห่งอัญมญี ฟาร์ฟาเล่ นาตาลี สำหรับคนสุดท้ายผมเคยเจอมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ไม่ว่าเจอกันกี่ครั้งดวงตาสีทองราวกับราชสีห์ที่จ้องจะจับเหยื่อนั่นก็ทำเอาผมแทบก้าวขาไม่ออก เลโอ ราวีโอลี...ผู้ขับเคลื่อนวงการธุรกิจที่ไม่มีใครไม่รู้จัก


ประธานทั้งสามแห่งองค์กรดอร์วู!


ทำไมบุคคลระดับสูงถึงได้มารวมกันอยู่ที่นี่ได้?!


นี่ผมไปทำอะไรผิดถึงขนาดต้องมาเจอการลงโทษอันสาหัสนี่กัน ไม่ใช่สิ ตั้งแต่เข้าทำงานมาก็ไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดถึงขนาดนั้น งั้นก็เหลืออยู่ทางเลือกเดียวคือ...


“ผมมาผิดห้องสินะครับ งั้นขอตัว” พูดจบผมก็หมุนตัว360องค์ศาเตรียมก้าวออกจากห้องที่แสนอึดอัดนี่สักที


“เดี๋ยวสิด็อกเตอร์นทีธาร ธาราสุข” เสียงหวานของผู้หญิงเพียงคนเดียวของห้องดังขึ้นทำเอาขาที่กำลังจะก้าวหยุดชะงัก


“คะ...ครับ” ทำไมต้องเรียกเต็มยศด้วยล่ะ ยิ่งเหมือนผมทำความผิดอะไรเข้าไปใหญ่


“เธอไม่ได้มาผิดห้องหรอก พวกเรารออยู่เลย เชิญนั่ง” นางฟ้าแห่งอัญมญีบอกพร้อมกับผายมือไปยังเซโครที่ยังคงส่งยิ้มและกวักมือเรียกผมอยู่




(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 01-09-2018 20:06:30
(ต่อนะคะ)


ตอนนี้ผมไม่สนว่าตัวเองจะไร้มารยาทหรือไม่มีสำมาคารวะ ผมรีบก้าวยาวไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเพื่อนสนิทก่อนจะคว้าคอเซโครหันไปกระซิบถามสิ่งที่คาใจที่สุดด้วยน้ำเสียงร้อนรน


“นี่มันเรื่องบ้าอะไรน่ะ”


“ใจเย็นสิทรี” เซโครพยายามทำให้ผมใจเย็นลง


“เย็นจนแข็งแล้วเซโคร ทำไมผู้ขับเคลื่อนวงการธุรกิจถึงได้มาอยู่นี่แถมยังครบทั้งสามคนอีก!” นี่กะจะฆ่ากันโดยไม่ใช้อาวุธสินะ


“พวกเขามีเรื่องจะคุยกับทรีน่ะ...”


“กับผม? คนธรรมดาอย่างผมเนี่ยนะ เป็นตลกที่ไม่ขำเลยสักนิด” บุคคลระดับโลกมีเรื่องจะคุยกับคนเดินดินแสนธรรมดาอย่างผมงั้นเหรอ


“เลิกซุบซิบกันแล้วมาเข้าเรื่องได้แล้ว ฉันมีนัดไปเจรจาธุรกิจที่ลอนดอนในอีกไม่กี่ชั่วโมงไม่มีเวลามานั่งฟังบทสนทนาไร้สาระหรอกนะ” คนที่พูดด้วยโทนเสียงนี้มีเพียงคุณเลโอเท่านั้น ได้ยินกี่ทีก็ไม่ชินสักที


“ไม่ทราบว่ามีอะไรกับคนธรรมดาอย่างผมเหรอครับ” ในเมื่อไม่มีเวลาให้เซโครอธิบายก็มีทางเลือกแค่ถามออกไปตรงๆ ไม่แน่ว่าอาจเป็นความเข้าใจผิดก็ได้


“หึ...คนธรรมดาเหรอ ตลกดีนี่ด็อกเตอร์นทีธาร” ผมควรดีใจไหมที่คุณจอห์นหัวเราะออกมาเนี่ย


“...” ผมขำไม่ออกหรอกนะ


“มีคนธรรมดาที่ไหนดำลงไปต้ำมหาสมุทรในระดับกว่า1,000เมตรโดยมีแค่ออกซิเจนพกพากันบ้างล่ะ” คุณจอห์นนพูดต่อ


“ฉันว่าที่ตกใจไม่ใช่แค่นั้นแต่เป็นการเคลื่อนไหวใต้น้ำอันเต็มไปด้วยทักษะที่หาตัวจับได้ยาก ไม่มีมนุษย์ปกติที่ไหนสู้กับไดโนเสาร์น้ำแล้วชนะง่ายๆ แบบนั้นหรอกนะ” คุณนาตาลีพูดต่อ


“เอ่อ...” นี่ผมกำลังถูกชมเหรอ


“ก็ไม่เสียงแรงที่คาดหวังไว้” ครั้งนี้คุณเลโอพูดโดยที่ใช้ดวงตาสีสทองนั่นสบมาตรงๆ


“ขอบคุณสำหรับคำชมแต่ผมไม่เข้าใจว่าเรียกผมมาทำไม” ความอึดอัดที่มีเริ่มลดลงเนื่องจากร่างกายเริ่มชินกับการมีอยู่ของบุคคลระดับโลก


“ที่พวกเราเรียกนายมาก็เพราะเรื่องการโอนสิทธิ์ไดโนเสาร์น้ำกลายพันธุ์ตัวแรก”


“ลูก้าเหรอ เห็นคุณเลโอบอกว่ายังไม่ผ่านการอนุมัติและก็ไม่เห็นด้วยนี่” ผมนึกว่ามันจะจบลงแค่นั้นซะอีก การที่เรียกผมมาแล้วรื้อฟื้นต้องมีอะไรบางอย่าง


“เธอพูดถูก...พวกเราทั้งสามต่างไม่เห็นด้วยกับการโอนสิทธิ์การดูแลให้อยู่ที่ใครคนหนึ่งเพราะเราไม่รู้ว่าจะเชื่อใจคนที่ว่าได้มากแค่ไหน ไม่แน่ว่าการโอนสิทธิ์ให้อาจทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น” คุณนาตาลีอธิบาย


“ผมไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้น สิ่งที่ผมต้องการแค่อยากให้ลูก้ามาอยู่ในความดูแลของผมเท่านั้น” เรื่องร้ายแรงที่พูดถึงคงไม่พ้นการก่อความเสียหายและทำลายชื่อเสียงขององค์กร


“หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษก็พูดแบบนั้นให้พวกเราฟัง แต่แค่พูดใครๆ ก็ทำได้พวกเราเลยใช้การจับพวกลักลอบทดลองผิดกฏหมายเป็นพิสูจน์ว่านายมีความสามารถและสามารถเชื่อใจในการฝากไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไว้ได้หรือไม่” คุณจอห์นอธิบายต่อ


“ก็อย่างที่สองคนนี้พูด พวกเราดูทักษะ ความสามารถ การวิเคราะห์สถานการณ์และการพลิกแพงของนายผ่านกล้องที่อยู่ทั้งในและนอกอาคาร บอกตรงๆ ว่าฉันตกใจในสิ่งที่เห็นมาก” แม้น้ำเสียงจะไม่สบอารมณ์แต่ก็รู้ว่าคุณเลโอกำลังชมผมอยู่


“แล้วผลเป็นยังไงครับ” ผมไม่แปลกใจที่พวกเขาจะดูความสามารถของตัวเอง ยังไงพวกเขาก็มีอำนาจทำได้มากกว่านั้นมากนักแค่โดนดูตอนต่อสู้ก็ถือว่าน้อยแล้ว


“เธอผ่าน เราจะมอบสิทธิ์การดูแลไดโนเสารืกลายพันธุ์รุ่นที่6ให้ เพียงแต่...”


“แต่?” ทำไมผมถึงรู้สึกเสียวสันหลังกันนะ ข้อแลกเปลี่ยนให้ได้มาซึ่งสิทธิ์ในตัวลูก้าคงไม่ใช่เงินแต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น


“เพียงแต่เธอต้องตอบตกลงในการเป็นครูฝึกพิเศษของหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษคือเป็นครูฝึกสอนทักษะในการดำน้ำและการเคลื่อนไหวใต้น้ำสำหรับหน่วยจู่โจมพิเศษใต้น้ำที่กำลังจะจัดตั้งขึ้น อีกอย่างคือเป็นรองหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ”


“ฮะ? เดี๋ยวนะครับ ให้เป็นครูฝึกพิเศษยังไม่เท่าไหร่แต่จะให้ผมเป็นรองหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หมายถึงของประเทศไทย?” ในหัวผมตอนนี้เริ่มงงไปหมดแล้ว


“ไม่ใช่ประเทศไทย เป็นรองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษขององค์กร” คุณเลโอแก้ความเข้าใจผิดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


“ไม่ๆ ๆ ผมไม่ได้ได้มีความสามารถขนาดนั้น...ใช่ไหมเซโคร” ผมหันไปขอความเห็นคนที่น่าจะเข้าใจผมมากที่สุด การเป็นรองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษไม่ใช่แค่อยากก็จะเป็นได้ ไม่สิ ผมเองก็ไม่ได้อยากสักหน่อย!


คนที่จะเหมาะสมกับตำแหน่งไม่ใช่แค่เปี่ยมไปด้วยทักษะการต่อสู้แต่ยังต้องมีความสามารถรอบด้านและการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเฉียบคม คุณสมบัติขนาดนั้นผมไม่มีช่วยบอกพวกประธานให้เข้าใจแทนผมทีเถอะเซโคร


“ใช่ ทรีไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น...”


“อืมๆ ” ผมเริ่มมีรอยยิ้มบางๆ เมื่อเห็นเค้ารางดีๆ


“แต่มีความสามารถมากกว่านั้นเยอะ”


“ฮะ?” ประโยคต่อมาของเซโครทำเอาผมเกือบเอาหัวกระแทรกโต๊ะญี่ปุ่นตรงหน้า


“ไม่มีใครที่มีความสามารถเหมาะสมไปมากกว่ากว่าด็อกเตอร์นทีธานอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการต่อสู้ที่ไม่ว่าจะบนบกหรือใต้น้ำก็ยอดเยี่ยมหาใครเทียมไม่ได้ อีกทั้งยังมีการวางแผนและวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างเฉียมคมเมื่อมีเหตุทำให้ไม่สามารถทำตามแผนได้ก็จะหาทางแก้ไขอย่างทันถ่วงที”


“...” คำชมจากเซโครไม่ได้ทำให้ผมดีใจสักนิด แถมบางเรื่องก็แต่งเติมเอาเองเฉยเลย ผมได้แต่อ้าปากค้างเพราะไม่รู้จะพูดแทรกอีกฝ่ายได้ยังไง


“หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษชมออกนอกหน้าขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ถ้าเธอยอมเป็นรองหัวหน้าจะช่วยแบ่งเบาภาระของหัวหน้าได้มากโข ตอนนี้เซโครก็งานล้นมือมีคนมาช่วยก็ถือเป็นเรื่องดี จะเอายังไงล่ะด็อกเตอร์นทีธาร ธาราสุข” รอยยิ้มของนางฟ้าแห่งอัญมญีเหมือนปิศาจร้ายเข้าไปทุกทีแล้วสิ


“ผมว่า...”


“อย่าลืมล่ะว่าข้อแลกเปลี่ยนของสิทธิ์ในการดูแลไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่นที่6” คุณจอห์นพูดแทรก


นี่ผมถูกข่มขู่อยู่จริงๆ สินะ ถ้าผมปฏิเสธคงไม่ได้เอาผมไปปั่นแล้วกระจายเป็นอาหารของไดโนเสาร์ที่นี่หรอกใช่ไหม!


แต่ข้อแลกเปลี่ยนมันก็คุ้มค่า อีกอย่างผมก็รู้ว่าเซโครทำงานหนักมาตลอดเพราะต้องจัดการกับภารกิจหนักคนเดียวถ้าผมสามารถแบ่งเบาได้ก็อยากจะช่วย เดี๋ยวสิ ถ้าผมเป็นรองหัวหน้าหนวยปฏิบัติการพิเศษก็หมายความว่าจะมีอำนาจในการทำ...


“ถ้าผมตกลง ผมทำเรื่องที่อยากจะทำเลยได้ไหมครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับประธานทั้งสามคน


“โฮ่ เรื่องอะไรที่อยากทำล่ะ” คุณเลโอมองมาอย่างสนใจ


“กฎหมายเกี่ยวกับไดโนเสาร์”


“...” บรรยากาศทั้งห้องเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อผมเอ่ยจบประโยค


“หึ...” คุณเลโอทำเพียงยิ้มออกมาบางๆ หลังผ่านไปสักพัก


“ผมบอกแล้วว่าเขาเหมาะจะเป็นรองหัวหน้ามากกว่าใคร” เซโครพูดต่อด้วยรอยยิ้มกว้างขึ้น


“คนที่มีอำนาจส่วนมากมักจะใช้อำนาจนั้นเพื่อตัวเองเป็นอย่างแรกแต่เธอกลับเลือกที่จะใช้มันเพื่อไดโนเสาร์ที่ไม่ได้สื่อสารด้วยภาษาเดียวกัน น่าชื่นชมมาก” คุณนาตาลีเอ่ยชมพร้อมพยักหน้าเบาๆ


“ทำตามที่ต้องการได้เลย” คุณจอห์นยิ้มก่อนจะยอมรับสิ่งที่ผมพูด


“ขอบคุณครับ เพียงแต่ผมจะยังอยู่ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาของประเทศไทยนะครับไม่ใช่ที่นี่” ผมรีบบอกต่อ


“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา ถือว่าดีซะอีกเพราะถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในระแวกนั้นเธอจะได้จัดการได้เลยไม่ต้องรอให้เซโครไปถึง” คุณนาตาลีบอก


“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้ครับ”


เมื่อการสนทนาสิ้นสุดผมก็แทบสลบคาโซฟา ประธานทั้งสามคนต่างลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปจนเหลือเพียงผมและเซโครที่ทำหน้าเหมือนอยากลุกหนีแต่ผมคว้ามือนั้นไว้อย่างรู้ทัน พออยู่กันสองคนผมก็บ่นอีกฝ่ายไปยกใหญ่ที่ไม่ยอมบอกผมเรื่องที่ต้องมาเจอไปจนถึงเรื่องที่ให้ผมเป็นรองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษโดยไม่มีการมาปรึกษา เซโครก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ระหว่างฟังผมบ่นจนหายเคืองนั่นแหละ


ผมแยกจากเซโครบริเวณหน้าตึกก่อนจะเดินไปหาลูก้าตามทางที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ ด้านหลังของตึกเป็นทะเลน้ำลึกที่ไม่มีหาดทราย น้ำทะเลใสๆ แค่ก้มลงมองก็รู้ว่าลึกพอสมควร ในทะเลมีเสาขนาดใหญ่ปักไว้ตามทางราวกับเป็นอาณาเขตที่ไม่ให้ลุกล้ำเข้าไปมากกว่านั้น อาณาเขตนั่นคงเป็นที่อยู่ของซิมโบสปอนไดลัส


กรรรรร~


เสียงคำรามต่ำสองเสียงดังขึ้นสอดประสานก่อนที่ผิวน้ำจะแตกกระจายโดยมีร่างของไดโนเสาร์ขนาดยักษ์สองตัวกระโดดลอยตัวขึ้นเหนือน้ำด้วยท่วงท่าอันงดงามจนผมเผลอยิ้มออกมา


ลูก้าตอนอยู่ในทะเลน่ามองที่สุดแล้วจริงๆ


“ลูก้า!” ผมตะโกนเรียก


งี๊ดดดดดด~


ลูก้าตอบรับเสียงเรียกด้วยการคราง ร่างของไดโนเสาร์สีฟ้าลายแดงว่ายตรงมายังผมด้วยความเร็วสูง ทันทีที่กระโดดเหนือน้ำร่างไดโนเสาร์ก็แปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ตามเดิม


หมับ!


แขนของลูก้ารวบผมเข้าไปกอดแน่นพร้อมซุกไซ้ทั้งๆที่ร่างกายยังเปียกปอน ปลายจมูกจรดตามลำคอราวกับกำลังมัวเมากับการสูดดดมกลิ่น ฝ่ามือเย็นเฉียบเนื่องจากอยู่ในน้ำกลับค่อยๆ ร้อนขึ้นเมื่อล้วงเข้ามาลูบแผ่นหลังผม


“อ๊ะ...ลูก้า เดี๋ยวก่อน” ผมรีบเอ่ยห้ามแล้วจับมืออีกข้างไม่ให้เลื่อนลงต่ำไปมากกว่านี้


“สาม...ผมทนไม่...”


“นี่ยังไม่ได้กลับเลยนะ” ยังต้องนั่งเรือกลับไปอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง


“สาม...” น้ำเสียงทรมานนั่นทำเอาผมใจอ่อนฮวบ


“รู้แล้ว ต้องหาที่ผมไม่ยอมให้ทำตรงนี้แน่ๆ ”


“ในน้ำล่ะ”


“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว” ผมขึ้นเสียงด้วยใบหน้าที่ร้อนขึ้นยามนึกภาพการกระทำน่าอายนั่น


“...ห้องผมก็ได้”


“ห้องลูก้า? ที่นี่?”


“อืม...คุณเซโครบอกว่าเป็นห้องของผมจะมาพักเมื่อไหร่ก็ได้”


“งั้นก็ได้...”


พรึ่บ!


“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ ใส่เสื้อผ้าก่อน!” ผมตะโกนเสียงดังเมื่อลูก้าอุ้มผมพาดบ่าแล้วกำลังจะวิ่งออกไปนอกตึกในสภาพเปลือยเปล่า


“...เสื้อผ้า...”


“ในกระเป๋าผมมี วางผมลงก่อน” ผมจัดการส่งเสื้อผ้าที่เตรียมไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินส่งให้ลูก้าใส่ ทันทีที่ใส่เสร็จร่างผมก็ถูกอุ้มพาดบ่าอีกรอบ


ครั้งนี้ผมได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างปลงๆ ถึงจะห้ามก็คงไม่หยุดแล้ว


ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกร่างของผมก็ถูกวางลงบนเตียงในสภาพที่มีลูก้าคร่อมอยู่ ไม่เพียงแค่คร่อมแต่ริมฝีปากร้อนๆ นั่นยังพรมจูบไปตามลำคอพร้อมขบเม้มเบาๆ ราวกับกำลังกระตุ้นอารมณ์บางอย่างให้ปะทุขึ้นอย่างเชื่องช้า


“อื้อ! ผมอยากอาบน้ำ” ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่อยู่ในอามรณ์ที่จะมารอแต่ผมรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองไม่สะอาดนี่นา


“ผมทนไม่ไหวแล้วนี่...ไม่ต้องอาบก็ได้” ลูก้าตอบพลางปลดเสื้อผมออกโยนไปด้านล่างเตียง


“ตะ...แต่ผม เหม็น อื้ออ~” เสียงครางดังขึ้นเมื่อจู่ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายจรดจมูกตามลำคอไล่ลงไปจนถึงแผ่นอก


“ไม่เหม็นสักนิด”


“อย่าพูดด้วยน้ำเสียง อ๊ะ...แบบนั้นนะ” น้ำเสียงกำลังมีอารมณ์และเต็มไปด้วยความต้องการนั่นทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อีกแล้ว


“สาม...ให้ผมทำนะ นะ”


“ไม่ต้องมาอ้อน อยากทำก็ทำไป” ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ร่างกายของลูก้าร้อนและกำลังร้อนขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินประโยคที่ผมพูดจบ ยอดอกถูกขบเม้ม กางเกงถูกปลอดออกพร้อมกับมือของลูก้าที่สัมผัสส่วนกลางลำตัวผมผ่านชั้นในอย่างลามก


“อ๊ะ! อื้อออ~” ในหัวขาวโพลนไปหมด ไม่รับรู้อะไรนอกจากสัมผัสที่เริ่มรุกหนักขึ้น ลูก้าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะคว้าตัวผมไปจูบอย่างดูดดื่มกว่าครั้งไหน


ปลายลิ้นสัมผัสอย่างช่ำชองเรียกเสียงครางให้ดังก้องขึ้น มือทั้งสองข้างของลูก้าเหวี่ยงกางเกงและชั้นในผมทิ้งก่อนที่ฝ่ามือร้อนๆ จะกอบกุมส่วนล่างผมที่เปลือยเปล่าแล้วเคลื่อนไหวโดยไม่มีแม้แต่คำขออนุญาต ทั้งร่างร้อนจนแทบมอดไหม้


“อื้ออ~” ผมได้แต่พยายามขยับถอยหลังทั้งๆ ที่ถูกลุกจูบทว่าลูก้าไม่ยอมให้ผมหนีเลยขยับตามมาจนหัวผมโขกกับหัวเตียงเล็กน้อย ความปรารถนาปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างที่ถูกปรนเปรอด้วยมือร้อนๆ และเพียงไม่นานทั้งร่างก็กระตุกและปลดปล่อยออกมาในที่สุด


“แฮ่ก...” ผมนอนหอมอยู่บนเตียงด้วยตาพร่ามัว


ไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกกับผู้ชายไม่มากขนาดนี้ ไม่สิ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นผมคงไม่มีอารมณ์แต่เพราะนี่คือลูก้า


“สาม...ต่อนะ” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูก่อนที่สะโพกจะถูกรั้งขึ้น ช่องทางด้านหลังถูกขยายในสภาพที่น่าอายจนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้


“อึก...อื้อ!” ความเสียดและเจ็บประดังเข้ามาจนอยากบอกให้หยุดแต่ผมก็รู้ว่าลูก้าทนมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว


“อย่าปิดหน้าสิสาม...เจ็บไหม” มือที่ปิดหน้าถูกเอาออกอย่างง่ายดายด้วยมือเพียงข้างเดียว


“อึก...ไม่...” ผมส่ายหน้าปฏิเสธแม้จะไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆ ก็ตาม


“สามโกหก”


“ลูก้า...” ดวงตาสีเงินด้านหน้าจ้องมาราวกับล่วงรู้ทุกอย่างที่ผมคิด


“ขอโทษ...แต่ผมหยุดไม่ได้จริงๆ อยากกอดสาม”


“รู้แล้วน่า...ไม่ได้บอกให้หยุดสักหน่อย” ใช่ ผมไม่ได้บอกให้หยุดเลยสักนิด ลูก้าให้สัญญาไว้แล้วว่าถ้าผมบอกให้หยุดเขาก็จะหยุด ต่อให้ถูกอารมณ์และความต้องการยังไงเขาก็จะทำตามที่สัญญากับผมแน่ เพราะงั้นผมเลยเลือกที่จะไม่พูดว่าหยุดออกไป


“สาม...รักนะ รักสาม”


“อ๊ะ! อื้ออ...” เสียงบอกรักแทบไม่ได้เข้าหัวเพราะช่องทางด้านหลังเริ่มถูกรุกรานด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากนัก ใช้เวลาสักพักนิ้วมือก็ถูกเอาออกและแทนทีด้วยสิ่งที่ร้อนกว่า ความร้อนของมันทำเอาผมสะดุ้งเตรียมจะถอยหนีทว่ากลับถูกรั้งสะโพกไว้ก่อนจะค่อยๆ ดันเข้ามา


“อึก...” ความเจ็บ แน่นมีมากจนผมถึงกับนิ่วหน้า


ก็รู้ว่าไม่เล็กแต่นี่มันจะใหญ่เกินไปแล้ว


ทุกอย่างหยุดนิ่งหลังจากลูก้าพยายามดันกายเข้ามาจนหมด ผมเองก็ได้แต่เกร็งไปทั้งร่างด้วยความรู้สึกอึดอัด ดวงตาสีเงินสั่นระริกราวกับกำลังเอ่ยขอโทษผ่านการสบตา


“...จะนิ่งอีกนานไหม” ยิ่งอยู่นิ่งๆ ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด แถมความรู้สึกจุกๆ นี่ผมไม่ชอบเอาซะเลย ผมรู้ว่าลูก้าอยากให้ผมชินเพียงแต่มันไม่สามารถชินได้ง่ายๆ ลูก้าอยากขยับแค่มองดูใบหน้าทรมานนั่นก็รู้แล้ว


“แต่สาม...”


“ไม่เป็นไร...ทำสิลูก้า” ผมร้องขอเป็นครั้งแรกพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบใบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ


“สาม...”


“อึก!” ผมสะดุ้งเมื่อขนาดของลูก้ากำลังขยาย


“ขอบคุณ” สิ้นคำพูดลูก้าก็เริ่มขยับตัวเนิบๆ ก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ ความร้อนของการเสียดสีไม่ได้เจ็บเหมือนก่อนหน้านี้ตรงกันข้ามมันกลับรู้สึกแปลกจนเผลอหลุดเสียงครางออกมาอยู่ตลอด ส่วนสะโพกถูกขยับในขณะที่แผ่นอกถูกลูก้าโลมเลียราวกับจะกลืนกินผมเข้าไปจริงๆ


แรงขยับทวีความรุนแรงมากขึ้น ฝ่ามือร้อนๆ ของลูก้าลูบไล้ไปตามร่างกายและหยุดลงยังส่วนล่างของผมที่ตื่นตัวอีกครั้ง สภาพอันน่าอายทำเอาอยากจะหนีไปซะเดี๋ยวนี้แต่ก็ไม่อาจทำได้ ผมปล่อยร่างกายตัวเองให้อีกฝ่ายทำอย่างที่ต้องการโดยไม่ขัดขืน เพียงไม่นานลูก้าก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกับผมที่ส่งเสียงครางยาว


“อ่า...แฮ่ก...” จบแล้ว


จบแล้วใช่ไหม


ผมหอบหายใจแรงเตรียมจะหลับตาตาลงเพื่อพักร่างกายทว่าลูก้ากลับจับตัวผมพลิกคว่ำแล้วขยับตัวมาทาบผ่านหลังผมไหว ส่วนกลางลำตัวที่พึ่งปล่อยตัวกลับไม่ไม้ลดขนาดลงเลยสักนิด


สภาพนี้มัน...


“เดี๋ยวลูก้า ผมไม่ไหว...อ๊า!” ลูก้าไม่รอให้ผมพูดจบจัดการดันส่วนร้อนเข้ามาอีกครั้ง ขาและมือทั้งสองข้างที่ใช้พยุงตัวเริ่มสั่นระริก เรี่ยวแรงถูกสูบไปจนหมดจากการขยับราวกับสัตว์ป่าของคนด้านหลัง


“สาม...สาม...สุดยอด”


“อื้ออ~ อ๊ะ...” อยากจะหันไปบ่นแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ความรุ่มร้อนและความรู้สึกดีเข้ามาปะทะร่างจนแทบไม่รับรู้อะไรนอกจากสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ วงแขนที่โอมรัดเหมือนกำลังถูกปกป้องและครอบครองในเวลาเดียวกัน


“อ๊าาา~” นอกจากสะโพกที่ขยับไม่หยุดลูก้ายังใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสส่วนกลางลำตัวกระตุ้นจนมีอารมณ์ขึ้นมาอีกรอบ เมื่อถูกสัมผัสสมองก็ขาวโพลนพร้อมกับความปรารถนาของพวกเราที่ปะทุออกมาอีกครั้งในเวลาไม่นาน


ไม่ไหว ร่างกายไม่...


“อ๊ะ! ลูก้าไม่...ผมไม่ไหวแล้วนะ...” ผมรีบเอ่ยห้ามทันทีที่ถูกลูก้าดึงให้มานั่งอยู่บนตัก


“อีกครั้งนะ ผมขออีกรอบ...”


“แต่ผมไม่...อื้อ!” ระหว่างที่พูดก็ถูกส่วนร้อนเข้ามาในร่างอีกรอบ


“สาม...สาม...”


“อื้ออ~ ไดโนเสาร์ลกมกเอ้ย อ๊า!”


ผมไม่รู้ว่าถูกทำไปกี่รอบแต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่แค่สามอย่างที่ลูก้าพูด ร่างกายมันล้าแถมหูยังอื้อจนฟังอะไรแทบไม่ได้ยิน...สิ่งเดียวที่ได้ยินคือคำว่าขออีกรอบที่ผมอยากจะศอกกลับแล้วใช่ท่ายอเขาพระสุเมรุซะเลย


เสียงนกตัวเล็กร้องพร้อมกันหลายๆ ตัวคล้ายกับกำลังประสานบทเพลง เสียงนั่นนเรียกให้ดวงตาสีน้ำตาลของผมลืมขึ้นอย่างพร่ามัว สัมผัสแรกคือร่างกายส่วนล่างชาจนแทบไม่มีความรู้สึกใดๆ เพียงแค่นั้นความหงุดหงิดก็เริ่มปะทุ


ผมหันซ้ายขวาเพื่อมองหาตัวการที่ทำให้ผมขยับแทบไม่ไหวก่อนจะเจอลูก้านอนขดตัวอยู่ข้างๆ โดยมีมือข้างหนึ่งพาดอยู่บนเอวผม ปกติลูก้าจะมีประสาทอันเยี่ยมยอดขนาดผมลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึกยังตื่นเลยแต่นี่กลับหลับสนิททั้งที่ผมใช้มือตบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ


“สบายตัวแล้วหลับสนิทเลยนะ” ผมบ่น


การยอมลูก้าก็ไม่ได้แย่มาก...แต่แย่มากๆ ของมากๆ ๆเ ลยต่างหาก!


ก็รู้อยู่ว่าเป็นครั้งแรกของผมแต่กลับใส่ไม่ยั้งแถมยังไม่พอใจแค่สองสามรอบอีก ไม่เห็นใจร่างกายผมบ้างเลย ถ้าเกิดมีภารกิจเข้ามาผมจะถีบลูก้าให้ไปทำคนเดียวคอยดูเถอะ


“อื้อ...สาม? ตื่นแล้วเหรอ” น้ำเสียงหัวเงียพร้อมกับดวงตาสีเงินที่ปรือขึ้นนั่นทำเอาความหงุดหงิดสลายไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเด็กที่พึ่งตื่นเลยแต่ก็เด็กจริงๆ นี่นะ


ท่าทางของลูก้าทำให้ผมยิ้มออก


“อืม...เป็นไงบ้าง” ผมถามกลับพลางลูบเส้นผมสีฟ้าแซมแดงที่ขยับมาเกยตัก


“รู้สึกดีมากๆ เลย ทำอีกได้ไหม...โอ้ยๆ” ไม่ต้องรอให้พูดจบผมก็จัดการดึงแก้มอีกฝ่ายแรงๆ แทนการทำโทษ


“จะมาทำอะไรอีก แค่นี้ก็ชาไปทั้งตัวแล้ว หัดห้ามใจบ้างร่างกายผมไม่ไหวหรอกนะ” คิดถึงร่างกายและอายุผมหน่อยเถอะ ไม่ใช่อายุน้อยๆ เหมือนเด็กวัยรุ่นแล้วนะ


“ผมห้ามใจมานานแล้ว...ในเมื่อสามบอกจะยอมผมเลยไม่อยากพลาด”


“พูดเหมือนจะไม่ได้ทำแล้วงั้นแหละ”


“...ผมทำได้อีกเหรอ” ดวงตาสีเงินนั่นเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย


“ไม่ใช่ตอนนี้ งดไปเลยหนึ่งเดือน” ผมพูดเสียงแข็ง


“หนึ่งเดือน? มากไปหน่อยรึเปล่า อย่าลืมสิว่ากำลังอยู่ในช่วง...”


“ทำไปขนาดนี้ยังจะทำอีกเหรอ” มันไม่ใช่จำนวนครั้งน้อยๆ เลยนะ


“ทำสิ...กับสามไม่พอหรอก ไม่ว่ากี่ครั้งก็ไม่เคยพอ” คำพูดของลูก้าเรียกความร้อนให้มารวมตัวกันบนใบหน้าผม


ราวกับถูกบอกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการมากขนาดไหน ทำเอาใจเต้นแรงเลย พึ่งเคยมีครั้งแรกที่มีคนต้องการตัวผมมากขนาดนี้


“ลูก้า...”


“รักสาม รักมากๆ เลย” ลูก้าพูดพร้อมกับคว้าตัวผมไปนอนกอด


“อืม...รักลูก้าเหมือนกัน” ผมกระซิบบอกด้วยรอยยิ้ม


วันเวลาที่ใช้ร่วมกันมันอาจไม่มากเท่าคนอื่นๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้รู้ความรู้สึกของตัวเองรวมทั้งเจ้าของความรู้สึกเหล่านั้นด้วย สำหรับลูก้าเขามีผมเหมือนเป็นทุกอย่าง ตั้งแต่พึ่งเกิดไม่นานก็ถูกส่งมาอยู่กับผม ซึ่งลูก้าเองก็เป็นทุกอย่างสำหรับผมเช่นกัน


ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน


ช่วงเวลาที่ทะเลาะ


ช่วงเวลาที่อำลา


ช่วงเวลาที่ได้พบกันใหม่


และช่วงเวลาที่ได้ตกหลุมรัก


ทุกช่วงเวลามันคือสิ่งมีค่าที่ไม่อาจหาได้ที่ไหนอีกแล้ว


ต่อให้ลูก้าไม่ใช่มนุษย์แต่ใครจะสนล่ะ


ขอแค่เป็นลูก้าก็เพียงพอแล้ว


ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเมื่อไหร่พวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน...


จะกระโดดและแหวกว่ายใต้ผืนน้ำสีครามด้วยกัน...ตลอดไป

........................................จบบริบูรณ์........................................

มาส่งตอนจบค่ะ

มาช้าเล็กน้อยขออภัยด้วย

เรามีความสุขและสนุกมากๆ ที่ได้แต่งเรื่องนี้ขึ้น
สัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วอย่างไดโนเสาร์เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นมันมีชีวิตขึ้นมาอีก แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วอาจมีสักวันที่จะได้มีสิ่งมีชีวิตในอดีตอย่างไดโนเสาร์กลับขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้

ขอบคุณทุกๆ คนที่คอยติดตาม ให้กำลังใจและคอยคอมเม้นท์มาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

และหวังว่าเรื่องที่เราแต่งจะทำให้ทุกคนที่ได้อ่านมีความสุขกับโลกของไดโนเสาร์นะคะ

ถึงเรื่องนี้จะจบลงแล้วก็ขอฝากติดตามผลงานต่อๆ ไปของเราด้วยนะ

เพจ>> nicedog (https://www.facebook.com/novelistnicedog/)<<

ไว้เจอกันใหม่ในโอกาสต่อไป

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-09-2018 21:06:05
 :katai2-1:  ติดตามกันมาทั้ง 3 ภาค สนุกทุกภาค ขอบคุณมากเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 01-09-2018 21:44:59
 :pig4: ขอบคุณที่แต่งนิยายที่สนุกมากขนาดนี้มาให้อ่านนะคะ o13
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 02-09-2018 02:13:47
จบแล้วว เป็นอีกเรื่องที่ไม่อยากให้จบเลยย
ลูก้าน่ารักมากกกกก สามก้น่ารักกก
ชอบทุกเรื่องและเม้นไปหมดทุกตอนจนไม่มีอะไรจะเม้นแล้วค่ะ
ได้แต่บอกว่าขอบคุณอีกครั้ง สำหรับนิยายน่ารักๆคุณภาพแบบนี้
รอติดตามเรื่องต่อๆๆๆๆๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-09-2018 11:33:28
 :pig4:  :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-09-2018 13:50:25
ขอบคุณคะที่มาแต่งส่งเราสู่โลกจินตนาการของเหล่าไดโนเสาร์ น่ารักทุกคนเลย  :กอด1:
หวังว่าจะมีผลงานต่อไปนะคะ จะติดตาม และเป็นกำลังใจให้เสมอจ้า  :mew1:
 :pig4:  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 03-09-2018 00:42:41
เดินทางมาถึงตอนจบซะแล้ว ชอบทุกๆเรื่องเลย จะรอติดตามต่อๆไปนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 03-09-2018 11:27:02
ลูก้าน่ารักมาก ชอบตอนที่เป็นไดโนเสาร์ขอโทษ นึกภาพแล้วอมยิ้มเลย
สามก็เก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋น ชอบค่ะ^^
รออ่านซีรี่ส์ไดโนเรื่องต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 03-09-2018 16:10:52
ครบรสขั้นสุดดดดไม่ว่าจะเป็นความรู้ ความสนุก ความเศร้าตอนที่อ่านฉากสิ่งมีชีวิตทั้งหลายถูกนำมาทดลองเหมือนวัสดุ มันสุดมากกกกกกขอบคุณที่รังสรรค์เรื่องราวดีๆแบบนี้ขึ้นมาให้อ่านนะคะรอติดตามรุ่นต่อๆไปภาคต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-09-2018 21:36:36
สมใจอยากแล้วนะลูก้าเล่นซะสามชาทั้งตัวเลย5555 ขอบคุณค่ะสนุกมากอ่านกี่ภาคก็สนุกตื่นเต้น รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 06-09-2018 08:47:08
จบซะแล้ว. แต่อย่างน้อยก็ขอบคุณที่ให้เราได้เห็นฉากที่อยากเห็น. 555+ เอาซะสามชาเลย

รอภาคต่อไปนะคะ  :mew1:

เอ็นดูไดโน :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 08-09-2018 21:51:37
ขนาดเข้าช่วงนี้ก็ยังน่ารัก
ยังไง๊ยังไงลูก้าก็ยังคงเป็นเด็กน้อยของสามอยู่ดี
น่าหมั่นเขี้ยวมาก

ขอบคุณคนเขียนด้วยนะคะที่เขียนเรื่องสนุกๆแบบนี้ออกมา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 12-09-2018 23:25:41
สนุกมากกก  ชอบเซ็ต jurassic ทุกเรื่อง
ลูก้าน่ารักมากๆ ชอบชื่อสุดๆ ลูก้าาาา
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 13-09-2018 21:56:01
ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ อีกเรื่องครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 13-09-2018 22:47:08
เลิศมาก ชอบๆ และ ขอบคุณๆ ^^
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 13-09-2018 23:21:45
ชอบมากเลย
อ่านมาตั้งแต่เรื่องของเซโครกับยูทาร์
ชอบแนวนี้สนุกดีค่ะ
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
ติดตามผลงานเรื่อยๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Newthink ที่ 26-09-2018 20:39:30
 o13 ขอบคุณมากนะคั้บบบบบบ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 07-11-2018 11:43:00
ทำไมเราพลาด เพิ่งได้มาอ่าน เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลย
หลงรักไดโรเสาร์เลย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 22-12-2018 20:10:42
น่ารักๆ โดนลูก้าตกไปอีกแล้วหลังจากพ่อลูกไดโนเสาร์ก่อนหน้าตกไป เนื้อเรื่องน่ารักมากๆ อยากไปว่ายน้ำกับลูก้าเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 22-12-2018 21:55:48
ตอนเห็นชื่อเรื่องก็ดิ่งเข้ามาเลย ความคิดแรกคือมีนิยายตระกูลจูราสสิคให้อ่านอีกแล้ว เดี๋ยวขอตัวไปอ่านเรื่องอานโน่ก่อนจำไม่ค่อยได้ แล้วค่อยมาอ่านเรื่องนี้ให้จบ ขอบคุณมากนะคนเขียนที่มีนิยายเซ็ตนี้อีก สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 23-12-2018 20:16:16
ต้องสนุกแน่ๆเลย งื้อ ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 23-12-2018 20:44:03
น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 23-12-2018 21:58:23
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 23-12-2018 22:29:01
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่มาคู่กับความสนุกสนานนะคะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 23-12-2018 22:56:19
สามต้องฝึกตนเองหนักๆแล้วละ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 23-12-2018 23:27:57
จากเพื่อพบกันในวันหน้าเนอะ
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 24-12-2018 00:22:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 24-12-2018 13:15:50
ใจหายมากจบแล้วอ่ะ โอ๊ยยขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆแบบนี้นะคะ ลูกก้าน่ารักมากก ช่วงนี้ชอบอ่านนิยายแนวนี้มากๆเลยจะตามอ่านทุกๆภาคนะคะ ขอบคุณมากๆที่แต่งออกมาแล้วทำให้มีความสุขมากขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 26-12-2018 09:58:39
ของคุณนีกเขียนมาก อ่านไปก็ได้ทั้งความสนุกและความรู้ไม่มีเบื่อเลย เป็นรักที่ดีมากเลยสามกับลูก้า
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราสุดท้าย◈♦> 1/09/61 P.16 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 11-02-2019 01:38:56
สนุกมาก ๆ ค่ะ ทุกภาคเลยยยย
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 25-03-2019 13:17:16
◈ธาราส่งท้าย◈



“สาม!” เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับลูก้าที่วิ่งตามผมที่เดินนำหน้าอยู่ไกลพอสมควร


หลังจากพักอยู่หลายวันในที่สุดก็สามารถขยับตัวได้เหมือนปกติ ระหว่างที่พักเซโครเองก็เข้ามาหาและดูเหมือนสภาพผมจะเป็นที่พอใจเพื่อนสนิทซะเหลือเกิน ดวงตาที่มองมาแกมขบขันนั่นทำเอาผมซุกหน้าลงหมอนทันที


ไม่อยากเห็นแววตาเยาะเย้ยนั่นหรอกนะ!


เซโครก็เหมือนจะรู้ว่าแหย่ผมมากไปหน่อยเลยนั่งลงพร้อมกับคำพูดปรอบใจที่ถึงกับทำให้ผมเหวี่ยงหมัดใส่อีกฝ่ายทั้งที่ร่างกายไม่อำอวย ถ้าถามว่าเซครพูดอะไร ก็ง่ายๆแค่...


‘บ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน’


ชินบ้าอะไรเล่า!


“ไปเดินห่างๆ เลยลูก้า” ผมหันไปบอกตาขวาง


“ทำไมล่ะ”


“ไม่ต้องมาทำตาเศร้า ได้กลิ่นผมแล้วจะเกิดอารมณ์ไม่ใช่ อย่ามาอยู่ใกล้กันจะดีกว่า” ผมต้องรักษาร่างกายตัวเองเอาไว้สำหรับทำภารกิจ


“ไม่เอา จะอยู่ใกล้สาม จะอยู่ใกล้ๆ เลย” ไม่พูดเปล่าลูก้าก็คว้าตัวผมไปกอดแน่นจากด้านหลัง


“ใกล้ไปแล้ว” ผมบ่นพลางดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขน แต่มีเหรอกำลังของมนุษย์จะสู้ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้


“งอนที่ผมทำหลายรอบเหรอ”


“ถ้าพูดเรื่องนี้อีกจะเลิกคบจริงๆ ด้วย” พอนึกถึวแล้วก็อดไม่ได้ที่จะโมโห


“สาม...”


“ผมไม่รักคนผิดสัญญา” ผมพูดพลางสะบัดหน้าหนี


“สัญญา?...ผมทำผิดสัญญาอะไรเหรอ”


“ยังถามอีกเหรอ ไหนบอกว่าขออีกรอบแล้วจะพอไง” ผมสวนกลับ


“...ผมไม่ได้พูดสักหน่อย”


“ว่าไงนะ”


“ผมบอกว่าขออีกรอบก็จริง แต่ไม่ได้บอกว่าขออีกรอบแล้วจะพอนี่นา”


“เล่นแบบนี้เลยเหรอลูก้า” ก็จริงที่เขาไม่ดีบอกว่าจะพอแต่ไม่ว่าใครที่ได้ยินก็คงคิดเหมือนผมใช่ไหมล่ะว่าทำจบแล้วก็หมายถึงพอ ฉลาดแกมโกงจริงๆ ใช้ช่องว่างของภาษาที่ดิ้นได้มาสวนผมกลับ


“ก็อยากทำกับสามเยอะๆ นี่”


“ผมรับอารมณ์ขนาดนั้นไม่ไหวหรอกนะ หาคนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ” ผมลองถามกลับ ยังไงผมก็อายุมากแล้วจะให้มาทำติดๆ กันไม่ไหวหรอกแต่ถ้าลูก้ากล้าบอกว่าจะไปหาคนอื่นได้เจอดีแน่!


“ไม่...แค่สามก็พอแล้ว” คำตอบนั่นทำให้ผมยิ้มออก


“งั้นงดสักสองเดือนเนอะ” ผมลองต่อลอง


“อันนั้นไม่เอา แค่เดือนเดียวผมก็ไม่ไหว”


“หมดช่วงฤดูติดสัดแล้วไม่ใช่”


“ถึงจะแบบนั้นแต่ยังไงความรู้สึกที่มีต่อสามมันไม่ใช่เพราะฤดูติดสัดนี่ ผมอยากกอดสามทุกวัน”


“ลามก!” ผมได้แต่หัวเราะกับสิ่งที่ได้ยิน


ตอบได้ดี ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบของสัตว์แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่มีต่อผม แบบนี้สิลูก้า


“แค่กับสามแหละ”


“ก็ลองไปลามกกับคนอื่นสิ ผมจะจัดการให้เละเลย” ผมพูดพลางชูกำปั้นไปตรงหน้าลูก้า


“จัดการคนที่ผมยุง?”


“เปล่า ทั้งคู่ต่างหาก” รอยยิ้มเย็นๆ ของผมถูกส่งไปให้ลูก้า


“...สามน่ากลัว” ลูก้าพึมพำ


“อย่าคิดว่าผมไม่ได้ยินนะ”


“ผมก็เหมือนกัน” อยู่ๆ ลูก้าก็พูดขึ้นพร้อมกับเดินมาเชิดหน้าผมขึ้นไปประสานกับดวงตาสีเงินที่ทอประกายเอาจริง


“อะไร?”


“ถ้าสามไปทำลามกกับใครผมจะกินมันและจะลงโทษสามด้วย” คำขู่นั่นไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิด


“ลงโทษผม? ยังไงล่ะ...จับขังไว้หรือนอนแยกห้อง” ผมไม่คิดว่าลูก้าจะขู่ได้เก่งกว่าผมหรอกนะ


“ผมจะกอดสามทั้งเดือนโดยไม่หยุดพัก”


“...” ดวงตาสีน้ำตาลของผมเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงนิ่งๆ ที่ถูกส่งมา คำว่ากอดคงไม่ใช่กอดธรรมดาเป็นแน่แถมยังจะทั้งเดือน ผมคงตายตั้งแต่สามวันแรกแล้วมั้ง


“หึ...หน้าสามตลก”


“หน้าแบบนี้ไม่ตลกแล้ว กำลังละทึกขวัญต่างหาก คิดได้ยังไงเนี่ยไอ้บทลงโทษบ้านั่นน่ะ” ผมถามกลับด้วยใบหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อย


“ไม่ได้คิดมากหรอก ก็แค่สิ่งที่ผมอยากทำเท่านั้นเอง”


“อึก...” ผมถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก


สิ่งที่ลูก้าอยากทำเหรอ


นี่แปลว่าผมโชคดีสุดๆ ที่ลูก้ายอมไม่ทำตามความต้องการสินะ ไม่ไหวแล้ว...ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ลามกแบบนี้ทุกคนรึเปล่าเนี่ย ต้องไปถามเซโครซะแล้ว ไม่สิ ต้องไปบอกด็อกเตอร์ฟรานซิสให้ลดดรีกรีอารมณ์ทางเพศลงไม่ก็ทำให้เป็นหมันไปเลย มันน่ากลัวต่อคู่ครองมากเกินไปแล้วแบบนี้!


“ผมยังจำที่สามไปนั่งตักคุณเซโครได้นะ”


เฮือก!


ความหวานเย็นแล่นผ่านกระดูกสันหลังจนผมต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว


“เรื่องนั้น แค่ล้อเล่น...” อีกอย่างมันก็นานมาแล้วจะเอามาคิดให้ได้อะไรล่ะ


“สามล้อเล่นแต่ผมไม่ชอบให้สามไปนั่งตักใครนี่” ลูก้าบอกพร้อมกับก้าวขาตามมาติดๆ บรรยากาศอันตรายนั่นทำให้ผมตัดสินใจหันหลังแล้ววิ่งหนีลูก้าสุดแรงทว่ากลับถูกคว้าข้อมือพร้อมดึงจนร่างผมมาอยู่ในอ้อมกอดนั้นได้ภายในพริบตาเดียว


สมรรถภาพร่างกายต่างกันเกินไปแล้ว!


ขี้โกงชัดๆ


“ขอโทษ...จะไม่ทำแบบนั้นแล้ว” ผมรีบเอ่ยขอโทษ


“แน่ใจนะ” ลูก้ากระซิบถามข้างหู


“อืมๆ แน่นอน” ส่วนหัวพยักขึ้นลงรัวๆ จนแทบจะหักหลุด ถึงร่างกายจะดีขึ้นแต่สภาพยังไม่เต็มร้อย ยังไงก็ต้านแรงลูก้าไม่ไหว


“จะปล่อยไปสักครั้ก็ได้ถ้าสามยอมหอมแก้มผม...”


“จุ๊บ! ทำแล้วนะ” ผมรีบดึงหน้าอีกฝ่ายลงมาประจับริมฝีปากลงบนแก้มเร็วๆ


“จูบด้วย...”


“...อื้อ” เป็นอีกครั้งที่ผมดึงกน้าอีกฝ่ายลงมาแล้วประกบจูบอย่างแนบแน่น


“อย่างเห็นสามช่วยตัว...”


ผั๊วะ!


“จะมากไปแล้ว!” ผมใช้ศอกกระทุ้งเข้ายังหน้าท้องอันไร้การป้องกัน ถึงจะยังฟังไม่จบประโยคแต่ผมก็รู้ว่ามันไม่ปลอดภัยกับตัวเองแน่ๆ


“...ผมเจ็บนะ จุกด้วย ซัดเต็มแรงเลยนี่”


“แน่นอน” แรงขนาดนั้นถ้าเป็นคงปกติคงทรุดลงกับพื้นแล้วแต่ลูก้ากลับยกมือสองข้างมาลูบบริเวณโดนชกไปมาเท่านั้น


“สามทำผมเจ็บ งั้นทำคืนบ้างก็ได้ใช่ไหม” เหมือนคำถามนั่นไม่ต้องการคำตอบเพราะทันทีที่พูดจบลูก้าก็เอื้อมมือมาเตรียมจะคว้าแขนผมทว่าผมกลับรู้ทันกระโดดถอยหลังทิ้งระยะห่างมากขึ้น


“ถ้าคิดว่าวิธีเดิมใช้ได้ผลก็ผิดแล้ว” ผมไม่ยอมถูกจับง่ายๆ เป็นครั้งที่สองหรอกนะ ต่อให้ร่างกายไม่พร้อมก็ขอสู้สุดใจล่ะ


ท่าทางของผมทำให้ลูก้าหลุดขำออกมา แววตายามหัวเราะนั้นราวกับเด็กที่กำลังรู้สึกมีความสุขและสนุกสนาน ผมเองก็ยิ้มกว้างออกมาเช่นกัน


พวกเราต่างวิ่งไล่จับกันด้วยทุกอย่างที่มีเหมือนเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกันในสนาม เมื่อมาจนถึงขอบชายทะเลซึ่งเป็นทางตันก็ดูเหมือนลูก้าจะเลิกสนใจเรื่องก่อนหน้านี้เพราะดวงตาสีเงินมองทะเลด้วยแววตาทอประกาย ลูก้าหันมามองหน้าผมเพื่อสื่อบางอย่าง และผมก็ตอบรับด้วยการพยักหน้า เพียงแค่นั้นลูก้าก็วิ่งตรงไปยังทะเลโดยคว้ามือผมดึงให้ลงไปยังทะเลตาม


ภายใต้น้ำไม่จำเป็นต้องพูดหรือใช้ท่าทางสื่อสาร


เพียงแค่ดวงตาเราประสานความรู้สึกทุกอย่างก็เชื่อมต่อกันราวกับปาฏิหาริย์

.............................................

มาอัพส่งท้ายน่ารักๆ ให้ได้อ่านกันค่ะ

คิดถึงเรื่องนี้มากเลย

ที่คิดมากกว่าคือภาคต่อไป 555

ยังไม่มีแพลนว่าจะแต่งเร็วๆ นี้แต่มีแน่นอนค่ะ

สำหรับเรื่อง Jurassic Foster กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา มีการออกเล่มแล้วนะคะ

(https://www.img.in.th/images/addbc8bc293025f0915a95dea2889872.jpg)

+ Jurassic Foster กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา
+ story Nicedog
+ illust Sa-Dui
+ นิยายพร้อมพินอัพสีสวยๆ
+ ราคา 430 บาท จากราคาเต็ม 440 บาท
   *ภายในเล่มมีตอนพิเศษ6ตอน*
+ พิเศษ ซื้อนิยายที่บูธวันเดอร์วาย O07 โซน C1  รับมินิโนเวลขนาด A6

**ใครตามหาทั้งภาคแรกและภาค2อยู่ที่บูธมานำมาวางขายด้วยนะคะ**

สามารถติดตามความคืบหน้าและโปรโมชั่นต่างๆ ได้ทางเพจของทางสนพ.Onederwhy หรือทางเพจ nicedog นะคะ

ขอฝากผลงานด้วยน้าาา

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-03-2019 15:47:57
ชอบจังอบอุ่น
สามก้อน่ารัก ลูก้าก็หื่น 55+
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 25-03-2019 20:05:41
ลูก้ากลายเป็นเด็กหื่นไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 11-05-2019 15:04:29
ลูก้าขี้อ้อนจัง รู้สึกไดโนเสาร์กลายพันธุ์จะขี้อ้อนทุกตัว ตั้งแต่ยูทาร์ กับอานโน่แล้ว สนุกและน่าติดตามทุกตอน และทุกเรื่องเลยค่ะ อ่านครบทุกเรื่องแล้ว รอเรื่องต่อไปอยู่นะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: MildMate ที่ 16-05-2019 07:22:11
ขอบคุณค่ะ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 31-05-2019 10:11:44
สนุกมากๆเลยค่ะ
สามนี่เหมือนมาทางสายตลก
ลูก้าเด็กๆน่ารัก โตมานี่ถึงเนื้อถึงตัวสามตลอด
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา &lt;♦◈ธาราส่งท้าย◈♦&gt; 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Onlyoil231 ที่ 08-06-2019 17:17:40
พึ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ มันดีมาก

Sent from my CPH1723 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 18-06-2019 00:54:22
      ตามอ่านทั้งสามภาคเลยค่ะสนุกมากไป
เป็นนิยายชุดที่อ่านแล้วไม่เบื่อเลยค่ะอยาดอ่านต่อไปเรื่อยๆเลยค่ะดีใจมากค่ะที่มีโอกาศได้อ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ....
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:28:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 14-06-2020 00:10:29
รอลุ้นภาคต่อไปนะคะ บกก็มีแล้ว อากาศก็มีแล้ว น้ำก็เพิ่งเขียนจบ ภาพต่อไปจะเป็นพันธุ์ไหนน้าาา :impress2:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 18-06-2020 09:53:11
 :z13:
หัวข้อ: Re: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 21-03-2024 01:53:37
ขอบคุณมากเลยค่าา