◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-  (อ่าน 112877 ครั้ง)

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
เกิดอะไรขึ้น ทำไมตายละ
มีใครไม่หวังดีรึป่าว

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เห้อ ไม่ใช่ว่าโดนฝังชิบแล้วใช้กระแสไฟในการติดตามและจัดการนะ.คาดว่าสอ่งก่อสร้างที่ลูก้าเห็นน่าจะเป็นฐานของพวกคนร้าย

ตอนหน้าจะเจอคูเซแล้วอยากให้มีอานโน่มาเอี่ยวแบบช่วยสังเกตุทางแากาศไรงี้ เพ้อ...555

รอจ้า

ปล.เมื่อไหร่เขาจะได้เสียเป็นเมียผัว :hao6:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ลูก้าโดนขัดจังหวะตลอดเลย หุหุหุหุ
เรื่องกระแสไฟฟ้าอาจจะถูกฝังวงจรอะไรซักอย่างเพื่อศึกษาหรือเพื่อควบคุม?

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
หน้าให้มาเจอกัน3คู่เลย.. คิดถึงอีกสองคู่

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
คิดถึ๊ง คิดถึง.....

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
◈ธาราที่21◈




“มาช้านะเซโคร” หัวหน้าฝ่ายวิจัยและดูแลสัตว์น้ำอย่างผมยืนเท้าเอวอยู่หน้าเรือเงยหน้ามองหนึ่งในผู้นำระดับสูงขององค์กรอดอร์วูด้วยใบหน้านิ่งๆ


ตอนนี้ผมมีเรื่องที่อยากจะถามความคิดเห็นอยู่มากมายเต็มหัวไปหมดตั้งแต่กลับจากภารกิจเมื่อวาน หลายสิ่งหลายอย่างมันสะกิดใจผมอยู่ และต้องการจะหาคำตอบมันด้วย


“ผมก็รีบสุดๆ แล้วทรี ภารกิจผมพึ่งเสร็จเมื่อคืนเอง” เซโครเดินลงเรือมาด้วยใบหน้างัวเงีย คาดว่าคงเพราะนอนไม่พอหลายวันติด ด้านหลังของเซโครมีคู่หูและคนรักอย่างยูทาร์ตามมาติดๆ


“ไหวไหม ไปนอนพักก่อนก็ได้นะ”


“ไม่เป็นไร เรื่องด่วนไม่ใช่เหรอ บอกให้เล่าเมื่อวานก็ไม่ยอม” ก็จริงที่เซโครบอกให้ผมอธิบายสถานการณืแต่ผมคิดว่าพูดทางโทรศัพท์มันไม่ดีเท่ามาเจอกันตรงๆ แบบนี้


“อยากให้นายมาเห็นด้วยตามากกว่า”


“...ท่าจะเรื่องใหญ่สินะ” เหมือนเซโครจะพอเดาได้


“ผมคิดว่ามันใหญ่สุดๆ เลยล่ะ” ถึงไม่แน่ใจเท่าไหร่ก็ตาม


“รีบไปกันเถอะ แล้วลูก้าเป็นไงบ้าง” ระหว่างเดินไปยังศูนย์วิจับเซโครก็หันมาถามผม


“สบายดี ตอนนี้คงกำลังดำน้ำเล่นอยู่ตรงหน้าผานั่น” ผมบอกพลางชี้ไปยังหน้าผาที่อยู่ทางขวามือซึ่งไหลจากตรงนี้มากพอดู


ที่นั่นกลายเป็นอาณาเขตของลูก้าโดยสมบูรณ์ไปเรียบร้อย ก่อนหน้านี้เขาอาจนั่งรอผมอยู่ในห้องวิจัยแต่ตอนนี้เปลี่ยนมาดำน้ำรอผมแทน ซึ่งก็ดีเพราะผมเชื่อว่าการอยู่ในน้ำมันทำให้ลูก้ารู้สึกสบายใจที่สุดแล้ว ที่น่าห่วงก็มีแค่การที่ลูก้าชอบน้ำไปลึกแล้วนั่งเล่นอยู่ตามโขดหินเป็นชั่วโมงโดยไม่ขึ้นมาหายใจต่างหาก


ร่างมนุษย์ไม่เหมือนไดโนเสาร์ที่สามารถหายใจในน้ำได้ ถึงจะให้พกออกซิเจนพกพาไว้ก็เดาได้ว่าไม่มีทางหยิบออกมาใช้แน่ๆ


“นึกว่าจะตัวติดกันกว่านี้ซะอีก”


“แค่นี้ก็ติดจนไม่รู้จะติดยังไงแล้ว” ถ้าไม่นับช่วงที่ลูก้าดำน้ำเล่นก็อยู่ติดกับผมแทบตลอดเวลา


“แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบนี่” เซโครมองผมยิ้มๆ


“รู้ทันจังนะ...” ก็สมกับเป็นเซโครอยู่หรอก


“เป็นแฟนกันแล้ว?”


“ฮะ? ใครบอก” ผมหันควับไปมองหน้าเซโครด้วยน้ำเสียงตื่นๆ


“ว่าแล้วเชียว”


“เซโคร” นี่แกล้งถามเพื่อดูปฏิกิริยากันชัดๆ


“ทรีน่ะดูออกง่ายจะตายไป”


“ชิ...”


“การมีลูก้าอยู่ดูจะทำให้ทรีมีความสุขนะ”


“...ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ” ชีวิตที่อยู่แต่กับการทดลองและเหล่าสัตว์น้ำมาตลอดไม่ใช่ว่าไม่มีความสุขเพียงแต่การที่มีลูก้าเข้ามามันเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ผมอยากจะมีสักคนที่อยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน


คนที่ยอมรับในตัวผมที่เป็นผม ลูก้าเป็นคนนั้น...เป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


“ดีแล้ว แต่ยังไงก็ออมมือหน่อยก็ดีมั้ง ได้ข่าวมาว่าจับเขาทุ่มเลยนี่” เซโครหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อพูดถึง


“ไปรู้มาจากไหนน่ะ”


“กล้องวงจรปิดในห้องวิจัย”


“นั่นถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวนะเซโคร อีกอย่างผมไม่ผิดสักหน่อยใครให้เขามาทำบ้าๆ ตอนผมกำลังทำการทดลองอยู่เล่า!” เรื่องที่เซโครพูดถึงคงเป็นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่ผมเข้าไปทำการทดลองแต่กลับถูกลูก้ากอดหมับจากด้านหลังแล้วคลอเคลียด้วยการพรมจูบตามลำคอจนคนรอบๆ ทำหลอดทดลองตกแตกกันเป็นแทบ ด้วยความเขิน โกรธและอายผมก็เลยจัดการทุ่มอีกฝ่ายลงพื้นอย่างไม่ตั้งใจ


อ่า...ก็ตั้งใจอยู่ละนะ


“ถ้าไม่ใช่ลูก้าคนคนนั้นอาจเข้าโรงพยาบาลไปแล้วมั้ง”


“...ก็คงใช่ ไดโนเสาร์กลายพันธุ์นี่ชอบคลอเคลียเหรอ” ผมถามกลับพลางมองไปยังยูทาร์ที่เดินอยู่ข้างเซโคร ดูจากบุคลิกไม่น่าจะขี้อ้อนหรือคลอเคลียขนาดลูก้า


“ส่วนมากก็ใช่ มันเป็นเหมือนสัญชาตญาณของสัตว์น่ะ ยิ่งกับคนที่ชอบหรือรักก็จะยิ่งอยากคลอเคลียด้วยเป็นเรื่องปกติ”


“ฮืม...แปลว่ายูทาร์เองก็เป็นเหมือนกันสินะ”


“อย่าให้พูด ยูทาร์น่ะนะทั้งคลอเคลียทั้งออดอ้อนสุดๆ ”


“ทำหน้าดีใจนะเซโคร” ผมมองหน้าเพื่อนสนิทที่ส่งยิ้มกลับมา


“ทรีไม่คิดว่าน่ารักเหรอ”


“...คิดสิ” ภาพของผู้ชายหล่อที่สาวเห็นเป็นต้องกรี๊ดกลับมาคลอเคลียด้วยท่าทางเหมือนลูกโลมาตัวน้อยๆ


น่ารักจะตาย


“แต่ก็น่ารักแค่ตอนนั้นล่ะนะ อย่าให้ลูกหมาเปลี่ยนเป็นหมาป่าละกัน”คำพูดนั่นเหมือนคำเตือนชอบกลแฮะ


“เพราะมีประสบการณ์มาก่อนงั้นสิ”


“อืม ยังไงทรีก็สู้แรงลูก้าไม่ได้อยู่แล้ว”


“ใครจะรู้เรื่องนั้นล่ะ” มันยังไม่แน่สักหน่อย


“เตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะ” พูดจบก็ตบไหล่ผมเบาๆ


“เตรียมอะไรอะไรเซโคร บอกแล้วไงว่าไม่ยอมง่ายๆ หรอกน่ะ”


“มันไม่เกี่ยวว่าจะยอมหรือไม่ยอมหรอกนะ ฤดูติดสัดก่อนหน้านี้ก็น่าจะดาได้นี่ อย่างทรีไม่ปล่อยให้เขาทรมานอยู่แล้ว”


“ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดีเลย” ผมไม่ปฏิเศษหรอกนะว่าไม่อยากเห็นใบหน้าเหมือนกำลังอดกลั้นและทรมานของลูก้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมนี่


พวกเราเดินมาถึงห้องวิจัยที่มีเหล่าลูกน้องผมกำลังง่วนกับการอ่านเอกสารอยู่ เมื่อเห็นหน้าผมพวกเขาไม่ตกใจเท่าหน้าของเซโครพ่วงด้วยยูทาร์ที่ตามหลังมา


“นั่นมันหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มากด้วยความสามารถ ด็อกเตอร์ไทรแอสสิก เบนซ์ ฟงเซ่นี่นา!” พี่พลพูดชื่อเต็มยศจนเซโคถึงกับเลิกคิ้วเล็กน้อย


“ไม่มีเวลาให้ทักทายหรอกนะ กลับไปทำงานของตัวเองได้แล้ว” ผมบอกแกมสั่ง


“โหย ด็อกเตอร์อย่าใจร้ายสิ ให้เราได้ทักทายแลกเปลี่ยนความรู้หน่อยเถอะ” พี่พลบอก


“จริงด้วยๆ ด็อกเตอร์ไทรแอสสิก เห็นว่าคุณจบการเพาะพันธุ์มาเหมือนสามใช่ไหม” ยุเองก็เดินไปหาเซโครพลางเอ่ยถาม


“ใช่ ผมกับทรีสนิทกันมากเลยล่ะ”


“งั้นพอจะรู้ไหมว่าทำไมการเพาะพันธุ์ถึงต้องอาศัยการตัดต่อยีนของสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ ขึ้นมาถึงได้มีรูปร่างแต่งต่างกันทั้งที่ยีนหลักที่ใช้ส่วนมากก็เหมือนกันทั้งนั้น โอ๊ะ เพราะดีเอ็นเอที่สกัดออกมาจากฟอซซิลเหล่านั้นมันเป็นตัวแปรในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างนั้นสินะ แต่การทำอย่างนั้นก็แปลว่ามันจะเป็นเพียงรูปลักษณ์ที่ผ่านกระผสมขึ้นไม่เหมือนของจริงในอดีต...นั่นแปลว่า...”


“ยุ...โทษทีนะแต่ผมคงต้องขอตัวของเซโครไปก่อนล่ะ” ผมพูดขัดยุแล้วคว้าแขนเซโครเดินเข้าไปยังห้องทดลองด้านในสุด


“ยูทาร์ไปอยู่กับลูก้าก็ได้นะ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมจะไปหา” เซโครตะโกนบอกระหว่างถูกผมพาเดินเข้ามา


“เข้าใจแล้วเซโคร”


ผมพาเซโครเดินเข้ามายังห้องทดลองด้านในสุดของห้องวิจัย ภายในห้องทดลองนี้ก็คล้ายกับห้องทดลองที่เหลือเพียงแต่ห้องนี้จะเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ส่วนมากที่ใช้ห้องนี้คือการชันสูจสัตว์ที่ตายแล้ว ความจริงการชันสูจเป็นหน้าที่ของทีมแพทย์แต่ส่วนมากผมจะขอให้พวกเขามาทำกันที่นี่เพื่อที่ผมจะได้ดูขั้นตอนการทำ ถึงผมจะไม่ได้เชี่ยวชาญการชันสูจเท่าทีมแพทย์แต่การที่มีสัตว์ตายไปต่อหน้าโดยที่ไม่อาจรู้ถึงสาเหตุได้เป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย


“มีทีมที่แปลกดีนะ” เซโครพูดขึ้นหลังจากที่เข้ามาในห้องทดลองแล้ว


“จะถือว่าเป็นคำชมละกัน เรามาเริ่มกันดีกว่า...หรือจะให้คนเข้ามาช่วยอีกสักสองสามคนดี?” ผมหันไปถามความเห็น


“แค่พวกเราก็พอแล้วมั้ง” เซโครยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย


“แหม ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกนะ แล้วรู้เหรอว่าเราจะทำอะไรกันน่ะ” ผมถามกลับเพราะจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้บอกเซโครว่าจะมาทำการชันสูจศพของดาโกซอรัสเลย


“รู้สิ บนโต๊ะผ่าตัดนั่นคงเป็นศพของสัตว์น้ำ ดังนั้นคงไม่มีเรื่องอื่นนอกจากให้ผมมาช่วยผ่าชันสูจ”


“ตามที่เซโครคิดแหละ...นี่คือศพของดาโกซอรัส” ผมพูดพลางดึงผ้าที่คลุมศพอยู่ออก


สภาพของศพถูกรักษาไว้ด้วยการฉีดยาเข้าไปในผิวหนังนั้นจึงมีสภาพเหมือนตอนตายทุกประการ ทันทีที่ศพของดาโกซอรัสปรากฏต่อหน้าเซโครก็ขมวดคิ้วแน่นแทบจะทันที แค่มองก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังสงสัยถึงสภาพศพที่แปลกจากปกติ


“บาดแผลมีแค่ส่วนคอแต่ไม่ลึกขนาดจะฆ่าให้ตายได้ ที่น่าสงัสยคือรอยไหม้ตามร่างเป็นเส้นและมีร่องรอยของการทดลองซ้ำ” เซโครพูดระหว่างที่ตรวจดู


“รอยไหม้นั่นเป็นกระแสไฟฟ้า”


“ไฟฟ้า?...ดาโกซอรัสนี่ใช่ที่ไปทำภารกิจเมื่อวานรึเปล่า”


“ใช่ ในช่วงที่จัดการดาโกซอรัสได้ก็เกิดอะไรบางอย่างขึ้น กระแสไฟฟ้าไม่รู้มาจากไหนมันแผ่ออกมาจากดาโกซอรัสกระจายเป็นวงกว้าง พอกระแสไฟฟ้านั่นหายไปดาโกซอรัสก็ตายแล้ว” ผมอธิบายเหตุการณ์ให้เซโครฟัง


“ผิดปกติมาก”


“ต้องพูดว่าผิดปกติสุดๆ ต่างหาก อีกอย่างที่ยังคาใจคือร่องลอยของการทดลองซ้ำที่นายบอกแหละ” ผมบอกพร้อมเดินไปหาอีกฝ่าย ถุงมือที่ถูกสวมสัมผัสบริเวณด้านข้างครีบที่มีรอยผ่าตัดและเย็บซ้ำๆ กันอยู่หลายรอบ ปกติการสร้างไดโนเสาร์ขึ้นมาหลังจากเกิดแล้วพวกเราจะไม่ทำลการผ่าตัดแต่งเติมใดๆ ถ้าไม่ใช่กรณีของการรักษา


ถ้าจะเป็นการรักษาคงไม่เย็บแผลชุ่ยๆ แบบนี้หรอก


“เพราะงั้นถึงเรียกผมสินะ”


“ใช่ ภารกิจเมื่อวานใครเป็นคนติดต่อมา” ผมถามต่อ


“เรือขนส่งจากจีนน่ะ เห็นว่าเจอไดโนเสาร์พุ่งเข้ากระแทกเรือ”


“แปลว่ามันหลุดมาจากที่ไหนสักที่หรือไม่ก็...” ผมหยุดตรงนี้ก่อนจะหันไปสบกับดวงตาสีเขียวอมฟ้าด้านข้าง


“ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฝ้าอะไรสักอย่าง” อีกคำตอบที่คิดถูกเอ่ยต่อโดยเซโคร


“อืม ตอนนี้ไม่รู้ว่าคำตอบจะเป็นข้อไหน”


“เราต้องลองผ่าดู”


“เอาสิ” ผมพนมมือเพื่อเคารพศพก่อนที่พวกเราจะลงมือฝ่าศพของดาโกซอรัส ปกติการวันสูจจะใช้คนมากกว่านี้แต่เพราะพวกเราต้องหาอะไรบางอย่างในศพนี้การทำแค่สองคนจะเคลื่อนไหวได้สะดวกกว่า


จากการสำรวจภายนอกสิ่งที่พบคือกล้องขนาดเล็กที่ดูจะมีมุมมองกว้างติดอยู่บริเวรใต้ท้องของดาโกซอรัส มันน่างสัยมากเพราะปกติไม่มีใครเอากล้องมาติดไว้ที่ตัวไดโนเสาร์แบบนี้หรอก มีดสีเงินกรีดไปตามผิวน้ำที่ถูกเย็บอย่างคล่องแคล่ว เพียงไม่กี่นาทีด้านในตัวของดาโกซอรัสก็ปรากฏต่อหน้าพวกเรา วัตถุสีดำขนาดเล็กถูกติดตั้งอยู่บริเวณหัวใจของดาโกซอรัสถูกนำออกมาแล้วพลิกดูว่ามันคืออะไร


“มันคืออะไรทรี?” เซโครถาม


“จากที่ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์ควบคุมระยะไกล ต้องเอาไปตรวจสอบถึงจะรู้มากกว่านี้แต่จากที่มองกระแสไฟฟ้ามันต้องออกมาจากเจ้านี่แหละ” ผมตอบกลับด้วยใบหน้าเครียดๆ


อะไรที่ต้องทำถึงขนาดนี้กัน เหมือนกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้งั้นแหละ


ซ่อนเหรอ


“เซโครจับพวกที่ลักลอบสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ได้รึยัง” ผมหันควับไปถาม


“ยังเลย พวกมันหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องลอยขนาดกลิ่นที่มียังไม่สามารถติดตามได้ ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่าเคร่งครัดแต่ก็ไม่เจอเบาะแสอะไรเลย”


“สถานที่ที่สร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์คือที่ไหน”


“โรงงานขนาดใหญ่ในประเทศสิงคโปร์”


“แปลว่าอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่เจอดาโกซอรัสเท่าไหร่”



“ทรี...นี่นายกำลังคิดอะไรอยู่” เซโครเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะถามด้วยใบหน้าที่เครียดไม่ต่างกัน


“นายบอกว่าหาเบาะแสไม่เจอสินะ”


“ใช่...แล้วยังไง”


“ที่หามันแค่บนบกไม่ใช่เหรอ”


“...” เพียงแค่คำพูดเดียวของผมก็ทำเอาทั้งห้องถึงกับเงียบสนิท ผมรู้ว่าเซโครคงจะเข้าใจถึงสิ่งที่ผมจะบอกแล้ว


เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายไม่พบทั้งที่หัวหน้าห่วยปฏิบัติการณ์พิเศษไปลงมือเอง การที่ทิ้งกลิ่นไว้อาจหมายถึงความประมาทของพวกมันหรือไม่ก็มั่นใจว่าต่อให้จะใช้ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีประสาทรับกลิ่นอันยอดเยี่ยมก็ไม่สามารถตามกลิ่นพวกมันเจอ


สถานที่ที่ไม่สามารถตามกลิ่นได้ง่าย


สถานที่ที่หลีกเลี่ยงการค้นหาได้


สถานที่ที่ปลอดภัยและไม่มีใครนึกถึง


ใต้ทะเลไงล่ะ!


“เซโคร” ผมมองจ้องเข้าไปยังดวงตาสีเขียวอมฟ้าที่กำลังสั่น


“ก็จริงถ้าคิดแบบนั้นทุกอย่างก็จะไขกระจ่าง แต่ทรี...นายก็รู้ว่าถ้ามันเป็นจริงนั่นหมายถึงนอกจากจะลักลอบทำการทดลองผิดกฏหมายแล้วยังฝ่าฝืนกฏหมายโลกที่ห้ามกระทำการใดๆ ในพื้นที่อันเป็นธรรมชาติของโลกโดยไม่ขออนุญาติด้วย นี่มันเรื่องใหญ่มากนะ อีกอย่างมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างห้องทดลองใต้ทะเลโดยไม่มีการระบายอากาศเหนือผิวน้ำ...”


“สัมปทานน้ำมัน” ผมพึมพำสิ่งที่คิดออกมาโดยที่ยังสบตาอยู่กับเซโคร


“...เรื่องนี้มันบ้าชัดๆ นายกำลังจะพูดว่าใช้การทำสัมปทานน้ำมันบังหน้าและใช้สถานที่นั้นในการทดลองงั้นเหรอ”


“นายเองก็คิดเหมือนกันนี่เซโครว่ามันเป็นไปได้น่ะ ผมคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วว่ามันมีอะไรที่สะกิดใจผมอยู่


ตอนที่กระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์แล้วเห็นสถานนีขุดเจาะน้ำมันในรัศมีแต่คนที่โทรแจ้งกลับเป็นเรือขนส่งสินค้าแทนที่จะเป็นคนของสถานีขุดเจาะน้ำมัน”


เรื่องทุกอย่างมันจะต่อกันหมดถ้าคิดให้ด้านใต้ของสถานนีน้ำมันมีห้องทดลองสำหับการสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ แม้มันจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ไม่น่าจะมีอย่างอื่นแล้ว


“...เราไม่มีหลักฐาน ถึงผมจะสามารถติดต่อและเข้าไปตรวจสอบได้แต่นั่นอาจทำให้พวกมันไหวตัวทันและหนีไปอีก”


“ให้ผมกับลูก้าไปตรวจสอบให้เถอะ” ผมเสนอความเห็น เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของเซโครอย่างเดียวแล้ว ผมไม่ชอบเลยการกระทำที่ทำให้ชีวิตที่ไม่รู้เรื่องต้องมาเจ็บและทรมาน


“ทรี...”


“ถ้าเป็นผมกับลูก้าก็สามารถดำลงไปดูด้านล่างได้”


“มีความเสี่ยงสูงมากที่จะในน้ำจะมีกล้องจับภาพอยู่ ไม่ใช่แค่ในน้ำแต่ทั้งบนผิวน้ำหรือบนฟ้าก็อาจจะมีด้วย ถ้าไม่ใช่กล้องก็อาจเป็นเซนเซอร์ตรวจจับ การที่ดาโกซอรัสถูกจัดการอาจเป็นเพราะพวกมันกลัวว่าดาโซอรัสจะพูดอะไรกับลูก้าก็ได้ เดี๋ยวก่อน กล้องที่ติดอยู่กับดาโกซอรัสนั่นแปลว่าพวกมันสร้างไดโนเสาร์ขึ้นมาเพื่อเฝ้าและใช้กล้องที่ติดอยู่นั่นสอดแนมจากระยะไกล”


“งั้นก็แค่จัดการกล้องกับเซนเซอร์นั่นก็พอแล้วนี่” ผมบอกไปตามตรง


“ทรี มันไม่ง่ายหรอกนะ”


“คนเดียวทำไม่ได้หรอก แต่ถ้ามีเซโครมาช่วยก็คงไม่ยากเท่าไหร่”


“...อย่าบอกนะว่าที่เรียกผมมาเพราะต้องการแบบนี้แต่แรกน่ะ” เซโครนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา


“เปล่าสักหน่อย”


“เอาเถอะ...มาลองกันดูก็ได้ มีคนมากความสามารถอยู่ตั้งสองคนแค่กล้องกับเซนเซอร์มันจะจัดการยากสักแค่ไหนกัน”


“คงไม่ได้นอนติดกันหลายวันแน่”


“ผมนึกว่าทรีชินแล้วซะอีก”


“เราคงชินกับการไม่ได้นอนกันทั้งคู่แหละ”


“มาเริ่มกันดีกว่า”


“อืม”



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


หลังจากนั้นทั้งผมและเซโครต่างงคลุกอยู่ในห้องทดลองกันทั้งวันทั้งคืนโดยมีลูก้าและยูทาร์คอยเอาอาหารเข้ามาให้ ผ่านไปหลายสัปดาห์ในที่สุดสิ่งที่ต้องการก็สร้างเสร็จจนได้


“เตียงจ้ารอผมก่อนนะ” ผมตะโกนเสียงดังพร้อมยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว


“...ขอเตียงให้ผมด้วยสิ” เซโครเองก็มีท่าทางอิดโรยไม่ต่างกัน


“ไปพักห้องข้างๆ ผมก็ได้ ตอนแรกจะให้ลูก้าอยู่แต่เขาไม่เอาน่ะ”


“ก็พอเข้าใจ เขาอยากอยู่กับสามจะตาย ดูสิ ขนาดเราทำการทดลองอยู่ยังมานั่งเฝ้าเลย” เซโครพูดพลางมองไปยังหน้าประตูที่ปรากฏแผ่นหลังของลูก้านั่งพิงอยู่


“ยูทาร์ของนายก็ใช่เล่นนี่ นั่งอยู่อีกฝั่งเหมือนกัน” ผมสวนกลับเนื่องจากตรงข้ามลูก้ามีร่างของยูทาร์ซึ่งเป็นคนรักของเซโครนั่งอยู่ ดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทกันกว่าเดิมอีก


“พักให้เต็มอิ่มแล้วค่อยไปนะ” เซโครบอกก่อนจะเปิดประตูออกไป ทั้งลูก้าและยูทาร์ที่เห็นต่างก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหา


“รู้แล้ว ผมไม่เสี่ยงดำน้ำทั้งที่ร่างกายไม่พร้อมหรอก” ผมตอบกลับไป


“ได้ยินแบบนั้นก็เบาใจ ฝากทรีหน่อยล่ะลูก้า” เซโครหันไปพูดกับลูก้าที่เข้ามาพยุงร่างผมที่กำลังจะทรุดลงกับพื้นเพราะความง่วง


“แน่นอนครับ ไว้คุยกันใหม่นะคุณยูทาร์”


“อืม” ยูทาร์พยักหน้าตอบเล็กน้อย


“ลูก้า...” ผมเรียกพลางกุมเสื้ออีกฝ่ายไม่ให้ร่างกายร่วงลงไปกองยังพื้น


“ฝืนไปแล้วสาม ผมยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”


“ขอนอนก่อนเดี๋ยวผมจะอธิบายทีเดียว กลับห้องกัน” ผมอยากนอนเต็มทีแล้ว


“เดินไม่ไหวหรอกสาม ผมจะอุ้มไปละกัน”


“ว่าไงนะ ไม่เอา เฮ้ย! ลูก้า!” ผมถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อร่างของตัวเองถูกยกขึ้นอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีพละกำลังเหลือเฟือ


“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวตกหรอก” ลูก้าบ่นทั้งๆ ที่กระชับแขนที่อุ้มผมไว้แน่น เซโครและยูทาร์ต่างก็มองพวกเราทั้งคู่แต่มีเพียงเซโครเท่านั้นที่ส่งยิ้มมาให้


“ยูทาร์ เซโครอยากให้นายอุ้มน่ะ” ผมไม่ยอมอายอยู่คนเดียวหรอกนะ


“ทรี! เดี๋ยวยูทาร์ ไม่ต้อง...” เหมือนยูทาร์จะไม่ฟังที่พูดเซโครเลยถูกอุ้มโดยไม่เต็มใจนัก


พวกเราสี่คนเดินผ่านหน้าเหล่าลูกน้องผมในสภาพน่าอายจนต้องซุกตัวเองไม่ให้มองหน้าใครทั้งนั้นไปจนถึงห้องผมก็หลับเป็นตายโดยไม่กล่าวฝันดีลูก้า ผมตื่นมาอีกทีก็เป็นช่วงสายของอีกวันแล้ว


“ลูก้า” สิ่งแรกที่ผมหาไม่ใช่นาฬิกาหรือโทรศัพท์แต่เป็นคนที่น่าจะอยู่ข้างๆ ผมตลอดการนอน ทั้งที่น่าจะเป็นอย่างงั้นแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของลูก้าเลย หรือว่าลงไปไหน


แกร็ก!


“สาม...ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมร่างของลูก้าเดินออกมา


“อืม แช่น้ำเหรอ”


“ใช่ ก็อยากไปทะเลอยู่หรอกแต่กลัวสามตื่นมาแล้วจะตกใจถ้าไม่เห็นผม”


“ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย” ผมตอบกลับโดยไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผมตกใจจริงๆ ที่ไม่เห็นอีกฝ่าย


“ถ้าตื่นแล้วเล่าให้ฟังได้รึยังว่าทำไมต้องอยู่ในห้องนั้นตั้งหลายอาทิตย์แบบนี้”


“มานั่งนี่สิ ผมจะเล่าให้ฟัง” ผมกวักมือเรียกลูก้าให้มานั่งบนเตียงก่อนจะคว้าผ้าขนหนูในมืออีกฝ่ายมาเช็ดเส้นผมสีฟ้าแซมแดงแสนแปลกตาที่เปียกโชกอยู่ เรื่องราวทุกอย่างค่อยๆถูกถ่ายทอดให้ลูก้าฟังไปตามความจริง ลูก้าที่ฟังก็มีถามกลับบ้างแต่ส่วนมากก็จะทำเพียงพยักหน้าเงียบๆ จนจบเรื่อง


“ก็คิดอยู่ว่าที่ดาโกซอรัสพูดมันแปลก” ลูก้าพูดขึ้นหลังฟังจบ


“ดาโกซอรัสพูดอะไร” ผมถามต่อทันที ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าดาโกซอรัสพูดอะไรด้วย ไม่สิ ผมไม่ได้ถามลูก้านี่นา


“บอกให้ช่วย”


“ช่วย? ช่วยอะไร?”


“ผมก็ไม่รู้แต่พอได้ฟังเรื่องราวอาจบอกให้ช่วยเขาทีก็ได้”


“...แต่เราก็ช่วยไม่ได้” ถ้าผมรู้ว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้นก็จะช่วยดาโกซอรัสก่อนจะถูกกระแสไฟฟ้านั่นจัดการก็ได้


“มันไม่ใช่ความผิดของใครหรอกสาม”


“ลูก้า...”


“เราอาจช่วยดาโกซอรัสไม่ได้แต่เราอาจช่วยตัวอื่นๆ ได้” คำพูดของลูก้าทำให้ยิ้มออก นั่นสิ ผมยังสามารถช่วยได้อีกหลายชีวิต


“ขอบคุณลูก้า”


“...เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม”


“อะไรล่ะ อยากให้ลูบหัวหรือชมว่าเด็กดี” ผมถามต่อ


“อยากให้จูบ...ได้ไหม” เหมือนลูก้าจะเห็นท่าทางตื่นๆ ของผมเลยเติมพยางค์สุดท้ายให้เป็นประโยคคำถามแทน ผมกับลูก้าตอนนี้ไม่ใช่แค่คู่หูแต่เป็นคนรักกันด้วย มันไม่แปลกที่เขาอยากสัมผัสผมเพราะผมเองก็ไม่ต่างกันแค่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดน่าอายนั่นตรงๆ ก็ตาม


“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” พูดจบผมก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้แล้วจูบยังริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ


“...แค่นี้ไม่พอหรอก” ใบหน้าของลูก้าแสดงออกอย่างที่พูด ใบหน้านั่นบอกว่าแค่นี้ไม่พอ


“ไว้กลับมาจากการสำรวจก่อนละกัน”


“พูดแล้วนะ ห้ามบอกว่าลืมหรือจำไม่ได้ด้วย”


“ผมไม่เคยอ้างแบบนั้นสักหน่อย”


“ใครว่าไม่เคย”


“ถ้าเถียงผมไม่ให้จูบแล้วนะ”


“...งั้นผมจะปล้ำ” เงียบได้ไม่กี่วินาทีลูก้าก็สวนกลับด้วยใบหน้าจริงจัง


“ลูก้า”


“ถ้าไม่ให้จูบผมก็จะปล้ำ”



“หยุดพูดเลยนะ ไดโนเสาร์ลามกนี่!”


“กลับมาค่อยพูดต่อก็ได้”


“ไม่ต้องมาพูดต่อเลย ไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้” ผมรีบลุกขึ้นจากเตียงเพื่อหลีกหนีจากสถานการณืแปลกๆ นี่อย่างรวดเร็ว และหวังว่าลูก้าจะไม่สังเกตเห็นว่าใบหน้าผมมันร้อนขนาดไหน


“ถึงจะลุกก็หลบใบหน้าแดงๆ นั่นไม่ได้หรอกนะ”


“ลูก้า!” ผมเขวี้ยงผ้าขนหนูใส่อีกฝ่ายเต็มแรง แต่ก็รู้อยู่ว่าด้วยสายตาของนักล่าแค่ผ้าผืนเล็กๆ น่ะหลบได้สบายอยู่แล้ว


หลังจากเตรียมตัวเสร็จผมก็ให้เรือไปส่งพวกเรายังเกาะแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในการท่องเที่ยวก่อนจะใช่เกาะนั่นเป็นสถานที่ดำน้ำไปยังบริเวณที่เจอดาโกซอรัส ระยะห่างของเกาะนี้ถึงบริเวณที่ต้องการมากพอสมควรแต่ถ้าให้เรือไปส่งใกล้ๆ อาจจะทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว


สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เมื่อมองจากเกาะนี่กลับมาขนาดเล็กกว่าความเป็นจริง สิ่งที่ผมมองอยู่คือสถานีขุดเจาะน้ำมันเป้าหมายครั้งนี้นั่นเอง ลูก้าหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำ ผมเองก็ตาอีกฝ่ายไปติดๆ เมื่ออยู่ใต้น้ำการเคลื่อนไหวของมนุษย์ค่อนข้างช้าเลยให้ลูก้าเป็นคนดึงผมเพื่อเพิ่มความเร็ว


ชุดดำน้ำแบบใหม่ที่ผมและลูก้าใส่อยู่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาโดยฝีมือของหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษและผม ชุดนี้มีการติดตั้งระบบใช้ในการผ่านเซนเซอร์และกลืนไปกับน้ำทำให้กล้องตรวจจับได้ยาก แต่กว่าจะให้ลูก้ายอมใส่ก็ใช้เวลานานทีเดียว ก็เข้าใจว่าไม่ชอบใช่ชุดที่ทั้งหนาทั้งแน่นแต่ครั้งถ้าไม่ใส่เราคงผ่านไปไม่ได้


กว่าจะไปถึงเป้าหมายก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงตามที่วางไว้ ผมพกออกซิเจนขนาดเล็กไว้สำหรับเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะและก็ส่งให้ลูก้าใช้เป็นครั้งคราว บรรยายกาศใต้น้ำบริเวณนี้ไม่ชวนให้ดำสักนิด แม้จะเงียบแต่ก็ไม่ช่วยให้รู้สึกสงบ เหล่าฝูงปลาที่ควรจะมีกลับไม่ปรากฏในสายตาสักตัว


ดวงตาสีเงินของลูก้าหันมามองผมเป็นเชิงขอความเห็นว่าให้ทำอะไรต่อผเลยชี้ลงไปข้างล่าง ลูก้าเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วดำลงไปลึกขึ้น ยิ่งดำลงมาลึกแสงสว่างที่มีก็ค่อยๆ หายไป ข้อมือผมถูกลูก้ากำแน่นขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณให้ระวังอะไรบางอย่าง


ลูก้า


พรึ่บ!


ลูก้าดึงผมลงไปซ่อนตัวยังโขดหินด้านล่างก่อนที่ร่างสีดำขลับจะว่ายผ่านหัวพวกเราไปในชั่วพริบตา รูปร่างแบบนั้นคงจะเป็นโพลิปทิโคดอน ไดโนเสาร์นักล่าที่มีส่วนลำคอสั้นและมีความยาวประมาณ7เมตร ถือเป็นหนึ่งในตัวอันตรายแห่งท้องทะเลก็ว่าได้
ดีแล้วที่หลบทัน


รอให้โพลิปทิโคดอนไปพวกเราก็ออกจากโขดหินแล้วมองไปยังพื้นระนาบด้านล่างที่ต่ำลงไปอีกลึกพอสมควร ปกติพื้นทะเลจะค่อยราดต่ำลงไปทีละนิดแต่ก็มีมากที่เจอกับที่ราบลึกแบบนี้


ไม่รู้ว่าข้างล่างจะมีอะไร


ผมหันไปมองลูก้าพร้อมพยักเบาๆ ลูก้าเองก็พยักหน้าตอบก่อนพวกเราจะลงไปยังบริเวณที่ลึกกว่าเดิม ยิ่งลงไปลึกมาเท่าไหร่แสงสว่างก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวผมมันเรียกว่าแทบมืดสนิท จากที่กะความลึกน่าจะเกิน1,000เมตรเข้าไปแล้วซึ่งปกติคงไม่มีใครที่จะดำลงมาลึกถึงขนาดนี้หรอก


ไม่มีที่ไหนที่จะเหมาะแก่การซ่อนตัวไปมากกว่านี้แล้ว


แม้จะอยู่ในความมืดแต่ผมก็ยังไม่รู้สึกกังวลเพราะลูก้าจับมือแน่นราวกับจะบอกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว ดวงตาของลูก้าคงสามารถมองเห็นในความมืดได้เพราะไม่งั้นคงไม่สามารถดึงผมหลบโขดหินได้อย่างง่ายดายหรอก  ผ่านไปสักพักแสงสีเงินส่องสว่างอยู่ด้านใต้ริบๆ นั่นเรียกความสนใจทั้งผมและลูก้าให้จ้องมองไป


พวกเราไม่รอช้าดำลงไปบริเวณนั้นด้วยความระมัดระวังจนภาพของสิ่งก่อสร้างขนาดหรือโดมขนาดใหญ่ปรากฏแก่สายตา แสงสีเหลืองนวลคล้ายแสงไฟส่องสว่างมาจากส่วนกระจกใส่ด้านข้างตัวโดม ผมพาร่างตัวเองลงมายังพื้นแล้วเดินไปแอบมองยังส่วนที่เป็นกระจกใสจนเห็นสิ่งด้านใน สิ่งที่เห็นทำเอาดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงทั้งที่คาดการณ์ไว้แล้ว


เป็นอย่างที่คิด


ที่นี่เป็นสถานที่ทดลองการสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์จริงๆ ด้วย


หลอดแก้วขนาดใหญ่วางเรียงติดๆ กันโดยข้างในนั้นมีร่างที่ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์ใส่อยู่ ถึงจะมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่กลับมีทั้งหางหรือส่วนปากที่ยาวคล้ายสัตว์ และถัดออกไปมีร่างของไดโนเสาร์หลายชนิดถูกแช่ไว้ในโหลแก้วในสภาพไม่ครบ32 บางหลอดแก้วมีเพียงส่วนหัวในขณะที่บางอันมีร่างของไดโนเสาร์อยู่ทั้งตัว


นี่มันทดลองบ้าอะไรกัน


มันไม่ใช่ไดโนเสาร์กลายพันธุ์แล้ว


ระหว่างที่กำลังหงุดหงิดกับภาพตรงหน้ามือของลูก้าก็แตะยังไหล่ผมเบาๆ ซึ่งมันช่วยให้สติผมกลับมา ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธหรือหงุดหงิด สิ่งที่ต้องทำคือกลับไปบอกเซโครถึงเรื่องนี้ และรีบมาจัดการโดยเร็วที่สุดก่อนจะมีชีวิตที่ต้องถูกสร้างขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้องมากไปกว่านี้

........................................................

สวัสดีค่ะ

ไม่ได้พบกันมาระยะหนึ่งเลย

ตอนนี้แต่งค่อนข้างยากทั้งที่ไม่ค่อยจะมีเนื้อหาพิเศษอะไรมากมายนัก

การได้แต่งไดโนเสาร์กลายพันธ์ุสองคนพร้อมกันนี่ดูน่ารักไม่น้อยเลย

หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการอ่านนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ในตออนหน้าค่ะ

บ๊าบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
อาาา ปมหนักเลยนะคะคราวนี้
การดัดแปลง? การตัดต่อพันธุกรรม?
เหมือนการสร้างซอมบี้ดัดแปลงเลย
คนทำนี่ใจร้ายจริงๆเลย

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
พอเจอต้นตอแล้วก็เป็นห่วงทั้งคู่ขึ้นมาเลย
หวังว่าจะกลับขึ้นไปแล้วจับกุมพวกนี้ได้ทันนะ

เขามากันสองคู่แล้วค่ะ น่ารักจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
หนักเลยงานนี้ สงสารไดโนเสาร์ที่ต้องมาโดนทำแบบนี้ ช่วยตัวอื่นด้วยนะสาม ลูก้า :กอด1:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
รีบ กลับมา.. ทรี. จะ โดน มากกว่า จูบ นะ.. สำรวจนานไป๋5555

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ใดใดในโลกก็ไม่สู้มนุษย์เมีย ยิ่งจับคู่กันด้วยแล้ว
facility ใต้น้ำดูอันตรายจัง

ออฟไลน์ Newthink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
แอบมาส่องลูก้าค่ะ
คิดถึงงงงง

ออฟไลน์ Matia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ติดตามมาตั้งแต่ยูทาร์เซโคร ชอบมากๆๆเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ ชอบมากจริงๆทุกเรื่องเลยย
จะรอติดตามผลงานต่อไปนะคะ สู้ๆ ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
◈ธาราที่22◈



สิ่งที่เห็นยังก้นมหาสมุทรเปซิกฟิกถูกถ่ายรูปเป็นหลักฐานและนำไปให้หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่ดู ใบหน้ายามมองภาพเหล่านั้นช่างสงบนิ่งจนผมรู้สึกเสียวสันหลัง


พวกเราที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ต่างรู้ดีถึงการโคลนมนุษย์ว่าไม่ใช่เรื่องยากแต่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเพราะมันถือเป็นกันขัดวัฏจักรของชีวิต การสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ก็อาจเรียกว่าไม่ถูกแต่มันก็ช่วยลดชีวิตของมนุษย์ที่ต้องสูญเสียไปมาก แต่สิ่งที่การทดลองใต้ทะเลนี่ทำไม่ได้เพื่อช่วยชีวิตแน่นอน


การตัดต่อยีนและเลี้ยงจนเกิดเป็นชีวิตมันจำเป็นต้องอาศัยทักษะและการดูแลในทุกๆ ขั้นตอน ทว่าในหลอดแก้วขนาดใหญ่นั่นไม่มีทั้งสายต่อออกซินให้หายใจหรือให้อาหารทางหลอดเลือด มีเพียงร่างของสิ่งที่ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์กับชิ้นส่วนร่างของไดโนเสาร์ใส่อยู่เท่านั้น เหมือนกับจะปล่อยให้ตายทั้งที่ยังไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกแค่นึกถึงผมก็ต้องกำมือแน่นด้วยความโกรธ


“ปล่อยไว้ไม่ได้นะเซโคร” ผมพูดเสียงนิ่ง ความรู้สึกที่สุมอยู่ในอกตอนนี้คืออยากชกหน้านักวิทยาศาสตร์บ้าๆ ที่กล้ามาเล่นกับชีวิตสักที


“ผมรู้ แต่การบุกเข้าไปตรงๆ อาจไม่ใช่ทางออกที่ถูก” เซโครนั่งหน้านิ่งพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ


ตอนนี้พวกเราอยู่ในห้องรับแขกของห้องพักผมโดยที่มีทั้งยูทาร์นั่งอยู่ข้างเซโครและลูก้านั่งอยู่ข้างผม ดูเหมือนไดโนเสาร์กลายพันธุ์ทั้งสองคนจะรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรในตอนนี้เลยทำเพียงนั่งนิ่งๆ เพื่อรอดูท่าทีของพวกเราทั้งคู่


“ก็จริงอยู่ถ้าบุกเข้าไปตรงๆ แม้จะมีหลักฐานแต่ไม่ได้หมายความว่าพวกนั้นจะยอมรับ ไม่แน่อาจถูกสวนกลับกล่าวหาว่าพวกเราตัดต่อภาพถ่ายไม่ก็ไม่ได้ถ่ายที่นี่จริง” ผมพูดตามที่คิด


“ในกรณีนั้นถึงเราจะใช้กำลังเพื่อบุกเข้าไปตรวจสอบก็มีโอกาสสูงที่ฐานไปใต้ทะเลจะถูกซ่อนอย่างมิดชิดไม่ให้หาได้ง่ายๆ ซึ่งถ้าไม่ได้หลักฐานเพิ่มว่าการทดลองอยู่ที่นั่นจริงๆ ก็จะเป็นการบอกให้พวกมันป้องกันตัวมากขึ้น และเราจะหาโอกาสต่อไปได้ยาก” เซโครเสริมต่อ พวกเราสองคนต่างเงยหน้าขึ้นสบตากันนิ่งๆ โดยที่ในหัวกำลังคิดถึงความเป็นได้หลายๆ ทางเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด


“สามทำหน้าเครียดอีกแล้ว” ลูก้าพึมพำพลางขยับคางมาเกยไหล่ผม


“ไม่เครียดคงไม่ได้หรอกลูก้า” เรื่องนี้มันใหญ่มากจริงๆ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างคงได้เกิดเรื่องร้ายแรงมากกว่านี้


“มนุษย์สู้พวกเราไม่ได้หรอก บุกเข้าไปตรงๆ เลยก็ได้นี่” ยูทาร์ที่นิ่งอยู่เริ่มเสนอความเห็น


“ต่อให้เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์ก็ใช่ว่าจะเป็นอัมตะสักหน่อย ภายในนั้นต้องเตรียมพร้อมในกรณีร้ายแรงอยู่แล้ว ขืนโดนระดมยิงต่อให้เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์ก็ไม่ไหวหรอก” เซโครหันไปบอกคู่หู


“ถ้าบุกตรงๆ ไม่ได้ก็ลองไปทางทะเลไหม” ลูก้าลองเสนอความคิดบ้าง


“แบบนั้นมันก็ได้แต่ใช่ว่าจะง่าย” ผมหันไปตอบ


“ทำไมล่ะ”


“ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะดำน้ำได้อย่างผม ลูก้าก็เห็นแล้วนี่ว่าระดับความลึกเกิน1,000เมตรแบบนั้นมันมืดขนาดไหนถ้าไม่ใช่ลูก้าก็ไม่มีทางจะมองเห็นหรอก การโจมตีทางน้ำจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและทีมเวิคที่สูงมาก อีกอย่างแม้เราจะโจมตีได้แต่คนข้างในก็จะวิ่งมารวมกันและกราดยิงแน่” ความคิดของลูก้าใช่ว่าจะไม่ดี เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีบุคลากรที่ชำนานขนาดนั้น


“...คิดแผนนี่ลำบากกว่าที่คิด” ลูก้าพึมพำ


“ใช่ สิ่งที่ยุ่งยากที่สุดก็คือการคิดแผนนี่แหละ” ถ้าแผนไม่ดีหรือมีช่องโหว่ก็จะพลอยให้คนอื่นเป็นอันตรายไปด้วย


ยิ่งการเข้าไปในดงศัตรูยิ่งทำให้อันตรายคูณสอง


บุกไปตรงๆ ก็ไม่ได้


โจมตีทางทะเลก็ลำบากอีก


“เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเลือกแค่ทางเดียวมันเสี่ยงมากงั้นเราก็กระจายความเสี่ยงซะสิ” ผมพูดพร้อมกับหันไปสบตากับเซโครที่เริ่มเบิกตากว้างขึ้นเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังคิดคืออะไร


“จริงด้วย ทำไมถึงคิดไม่ออกกัน ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าคนของศัตรูจะมารวมกันจุดเดียวเพราะถูกโจมตีจากอีกทางด้วย”


“ใช่ และเพราะโจมตีจากสองทางทำให้อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวและเกิดความกลหนจากภายใน”


“แบบนี้สำเร็จแน่!”


“อืม!” ผมพยักหน้ารัวๆ ก่อนโผลเข้ากอดเซโครแน่น เซโครเองก็กอดตอบเช่นกัน ในที่สุดก็คิดออกสักทีว่าจะจัดการยังไง


เยี่ยมไปเลย!


“สาม.../เซโคร...” ไม่ถึงนาทีที่เรากอดกันผมก็ถูกลูก้าคว้าคอเสื้อก่อนจะดึงไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีก็นั่งอยู่บนโซฟาตามเดิมแล้ว


พอตรงหน้าเซโครเองก็ถูกยูทาร์คว้าตัวไปกอดไว้หลวมๆ ทั้งผมและเซโครต่างมองตากันปริบๆ ก่อนจะเอ่ยคำถามเดียวกันออกมาอย่างพร้อมเพียง


“ทำอะไรน่ะ” นี่เป็นสิ่งที่ผมและเซโครอยากถาม


ทำไมต้องจับแยกด้วย?


“ผมหึงนะ” เป็นอีกครั้งที่ยูทาร์และลูก้าพูดพร้อมกันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


“คิก!” คำพูดนั่นทำเอาผมหลุดขำออกมาเสียงดัง


“นี่พูดจริงเหรอยูทาร์” ขนาดเซโครยังกลั้นขำจนหน้าแดงเลย


“อืม” คนถูกถามพยักหน้าตามตรง


“นายก็หึงผมเหรอลูก้า” ผมลองหันไปถามบ้าง


“...ก็สามเป็นแฟนผมนี่”


“คิก! ฮ่าฮ่าฮ่า” ผมและเซโครต่างหัวเราะออกมาอย่างไม่อายใคร


ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกหึงด้วยเรื่องแบบนี้เพราะทั้งผมและเซโครต่างก็เป็นเพื่อนกันมานาน การกอดกันถือเป็นสิ่งที่ทำบ่อยๆ เวลาทักทายหรือดีใจ แน่นอนว่าพวกเราไม่ได้รู้สึกกันเกินไปกว่านั้น พอมาโดนบอกว่าหึงเลยอดไม่ได้ที่จะขำ


“ทรี...” เซโครเรียกผมด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์


“อ่า...ได้เลยเซโคร” ผมเองก็รู้ความคิดของเซโครว่าต้องการอะไร


ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเซโครด้วยใบหน้ายิ้มๆ โดยที่มีสายตาของลูก้าและยูทาร์จ้องมองอย่างไม่เข้าใจ เซโครที่เห็นผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็เอื้อมมือมาดึงผมให้นั่งนั่งลงบนตักในสภาพที่หันหน้าเข้าหากัน


“เซโคร!”


“สาม!”


เสียงผู้ชายสองคนตะโกนดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันก่อนที่จะถูกมือของลูก้าคว้าเข้ายังปกเสื้อและพยายามดึงผมให้ลุกขึ้นแต่เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้เลยใช้แขนกอดคอเซโครไว้แน่นจนยูทาร์ที่ถึงกับทำตัวไม่ถูกว่าควรจะดึงหรือผลักผมให้ออกจากเซโครดี


“สนุกจังเลยเนอะทรี” เซโครหัวเราะพลางกอดเอวผมแน่นระหว่างที่ซุกหน้าอยู่ที่คอผม


“ไม่คิดว่าจะถูกหึงด้วยเรื่องแบบนี้แฮะ”


“นั่นสิ แบบนี้มันน่าแกล้งเนอะ”


“ตามที่พูดเลย” ผมเองพอได้โอกาสก็ซุกหน้าลงยังคอของเซโครด้วยเสียงหัวเราะ


“เซโครพอได้แล้ว”


“ออกมาเลยนะสาม”


ยิ่งได้เห็นท่าทางร้อนรนทั้งผมและเซดครต่างก็ไม่มีใครคิดที่จะหยุด การเป็นแฟนกันจะมีหึงหวงก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ควรจะดูด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นใครไม่ใช่เอาแต่หึงหวงโดยไม่มีเหตุผล แต่จะว่าก็ไม่ถูก สายเลือดไดโนเสาร์คงทำให้ความหึงหวงทวีความเข้มข้นขึ้นจนมากกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า


“พอแล้วมั้งเซโคร” ผมกระซิบบอก ขืนมากกว่านี้ผมคงได้โดยคนรักของเซโครหรือยูทาร์ขย้ำคอตายแน่ๆ


“เห็นด้วย ลูก้าของทรีจ้องมาอย่างกับจะเหวี่ยงผมออกไปนอกหน้าต่างแหนะ” ในเมื่อพวกเราต่างก็คิดตรงกันเลยค่อยๆ แยกตัวออกมา ทันทีที่ผมคลายแขนที่โอบคอเซโครไว้ก็ถูกลูก้าคว้าตัวไปกอดแน่นในสภาพที่นั่งทับอยู่บนตักของลูก้าโดยที่แผ่นหลังผมแนบชิดกับแผ่นอกด้านหลัง


“ไปกอดคนอื่นได้ยังไง” ลูก้าบ่นพลางซุกตัวยังคอผมข้างเดียวกับที่เซโครทำ


“แค่แหย่เล่นเอง”


“ถึงแหย่เล่นก็ไม่ให้ สามเป็นคู่ของผมนะ”


“เหมือนผมจะยอมเป็นแค่แฟนนะ ไม่ใช่คู่” ผมแก้


“ถ้าเป็นแฟนก็ถือว่าเป็นคู่ผมแล้ว”


“เอาแต่ใจจังนะ การกอดมันเป็นทั้งการทักทายและเป็นการแสดงความยินดี เป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำกัน”


“ที่นี่ไม่เห็นสามจะทำเลย”


“วัฒนธรรมมันต่างกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยกอดหรอกนะ” ผมพยายามอธิบายให้ฟัง


“...ยังไงก็ไม่ชอบ”


“ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้หึงหวงหรอกนะแต่ดูคนด้วย ผมกับเซโครเนี่ยนะ” มันไม่ใช่คู่ที่น่าจะลงเอยกันได้ไม่ว่าจะกรณีไหนๆ เซโครเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดแต่ถ้าถามว่าถ้ามองในแง่ของคนรักก็ต้องขอบายซึ่งเซโครเองก็คิดไม่ต่างกันหรอก


“ก็มัน...”


“ผมดูเหมือนคนใจง่ายที่กอดกับใครแล้วก็ชอบไปเรื่อยเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก


“เปล่า แต่...”


“ไม่มีแต่แล้ว”


“...อืม” แม้จะไม่เต็มใจนักแต่ลูก้าก็ยอมพยักหน้าเบาๆ


“ดีมาก เด็กดี” ผมเอื้อมมือไปลูบใบหน้าและเส้นผมสีแปลกนั่นแทนคำชม


“สามเป็นของผม” เสียงกระซิบเบาๆ ดังขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้น


“ยังไม่เป็นสักหน่อย”


“งั้นผมทำให้เป็นเลยได้สินะ”


“พูดแบบนั้นรู้วิธีทำรึไง” ยังไงลูก้าก็ยังมีประสบการณ์ชีวิตไม่มาก ผมไม่คิดว่าจะรู้หรอกนะ ต่อให้มีอารมณ์หรือสัญชาตญาณดียังไงแต่ถ้าไม่รู้วิธีทำก็จบแค่นั้น


“รู้สิ คุณยูทาร์สอนแล้ว”


“ว่าไงนะ” ผมหันหน้าไปมองยังฝั่งตรงหน้าที่เซโครกำลังลูบเส้นผมสีเทาแซมส้มนั่นด้วยใบหน้าตกใจ


นี่ยูทาร์สอน?


“เพราะงั้นผมทำเป็นไม่ต้องห่วง”


“ไม่ได้ห่วงสักนิด!” ใครจะห่วงเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัวเล่า


ไม่ได้การละ นอกจากจะรู้วิธีทำแล้วยังมีพละกำลังมากกว่า


นี่ผมต้องเป็นฝ่าย...


ไม่ๆ ๆ ไม่คิด อย่าไม่คิดถึงมันเชียว


“สาม?”


“ทำไมยูทาร์ต้องสอนลูก้าด้วย” ผมยิงคำถามใส่ชายที่ได้ชื่อว่าราชาของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตรงๆ


“ก็เขามาถาม ผมก็เลยตอบให้เท่านั้นเอง”


“...” คำตอบที่ได้ทำเอาผมยกมือขึ้นมากุมหน้าผาก


เล่นตอบกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ


เหตุผลอะไรกันแค่เพราะถามก็เลยตอบเนี่ยนะ


“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะยังไงทรีก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเป็นเหมือนผม เรากลับมาเรื่องแผนดีกว่า”


“เฮ้ๆ อย่าเอาผมไม่รวมด้วยสิ มันยังไม่แน่สักหน่อย” ผมรีบค้านเสียงดังทั้งที่รู้ว่าบทสนทนามันเริ่มเข้าเรื่องใต้สะดือมากไปทุกที


“ไม่แน่? แค่ดูก็รู้แล้ว”


“อย่างลูกนายก็ยังถูกรุกได้เลยนี่” ผมจำได้นะว่าเซโครเคยเล่าเรื่องของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่รับมาเลี้ยงว่ามีคนรัก แถมยังเป็นฝ่ายรับด้วย ขนาดไดโนเสาร์กลายพันธุ์ยังเป็นฝ่ายรับได้แปลว่าผมก็ยังมีโอกาส


“นั่นเพราะอานโน่ยอมเอง แถมเชสก็มีหลายอย่างที่ทำให้อานโน่ยอม”


“จะบอกว่าลูก้าไม่ยอมเหมืออานโน่สินะ”


“อืม” เซโครพยักหน้ารัวๆ


“ชิ...” ก็พอรู้อยู่แล้วแต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้


“ผมยอมอะไรสาม?” ลูก้ากระซิบถาม


“หึ ไม่รู้” ผมสะบัดหน้าหนีก็จะขยับตัวลงจากตักของลูก้า


“บอกผมมา”


“ไม่ ผมจะไม่ยอมง่ายๆ แน่นอน!” ผมประกาศเสียงก้อง


“ทรี เชื่อผมเถอะว่าเมื่อถึงเวลามันไม่ทันได้คิดอะไรหรอก” คำแนะนำนั่นทำเอาผมรู้สึกเกร็งไปทั้งร่าง


“...กลับเข้าเรื่องกันเถอะ” รู้สึกจะนอกเรื่องมามากแล้ว


“ได้ เราจะแยกกันบุกเป็น2กลุ่มหลักๆ กลุ่มแรกคือผมและยูทาร์ พวกเราจะเข้าไปเผชิญหน้าตรงพร้อมบอกว่าทางเรามีหลักฐานเรื่องการทำผิดกฏหมาย ทางเรื่องของพวกนั้นมีแค่ยอมให้เข้าไปตรวจสอบโดยไม่ก็ปิดปากพวกผม...”


“ระหว่างที่นายกับยูทาร์ดึงความสนใจของพวกมันจากด้านบนผมและลูก้าก็จะบุกจากด้านล่าง ดูจากโครงสร้างของอาคารคงไม่ได้สร้างมาเล่นๆ ในกรณีที่กระจกเกิดแตกและมีน้ำรั่วไหลผมมั่นใจว่าต้องมีระบบป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าไป พอผมและลูก้าเข้าไปสำเร็จก็จะจัดการพวกมันจากภายใน” ผมอธิบายแผนการต่อจากที่เซโครพูดเมื่อครู่


“พวกเราคิดเหมือนกันจริงๆ ด้วย” เซโครยิ้มพร้อมพยักหน้าอย่างพอใจ


“คิดว่าเรารู้จักกันมานานแค่ไหนกัน” แค่นี้ทำไมจะไม่รู้


“งั้นก็ตามนี้...”


“เดี๋ยวก่อน” ผมรีบพูดแทรกเมื่อมีเรื่องต้องพูดอีก


“มีอะไรจะเสริมในแผนเหรอ?”


“ถึงจะเป็นหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการพิเศษแต่การบุกไปแค่สองคนมันอันตรายเกินไป” ผมไม่เห็นด้วยที่จะทำอะไรเสี่ยงแบบนั้น


“ทรียังทำกับลูก้าแค่สองคนเลย”


“มันต่างกันเซโครก็รู้นี่ ทางผมเป็นเหมือนการลอบโจมตีไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะหรอก แต่ในกรณีของเซโครจำเป็นต้องมีคนเยอะหน่อยอย่างน้อยก็ใช้ขู่อีกฝ่ายได้” ผมอธิบายตามที่คิด


“งั้นคงต้องเรียกคนของหน่วยมา เรียกอานโน่มาช่วยดีไหมนะ” เซโครพึมพำกับตัวเอง


“อานโน่เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตัวเดียวที่บินได้ผมคิดว่าให้เป็นกำลังเสริมจะดีกว่า” ผมเสนอ ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ส่วนมากจะอยู่บนบกทำให้เคลื่อนไหวบนฟ้าและในน้ำช้ากว่าปก ดังนั้นการจะสู้ในสถานที่ที่มีพื้นที่ไม่กว้างนักก็ควรมีกำลังเสริมที่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก


“ก็จริง ถ้าเกิดกรณีที่พวกมันหนีไปก็ยังให้บินตามไปได้ เอาตามที่ทรีเสนอละกัน”


“อืม อ้อ...ถ้ายังไงก็อยู่นี่แล้วก็เรียกหัวหน้าของประเทศไทยกับคู่หูในหน่วยไปสิ” จากที่เคยเจอกันคิดว่ามีความสามารถไม่แพ้ประเทศอื่นเลยล่ะ


“หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษของประเทศไทย? ความคิดดีนี่ เดี๋ยวจะรีบไปเรียกมาประชุมแผนเลย” ผมยิ้มออกเมื่อเซโครเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเสนอไป


“งั้นก็ตามนี้ เราจะบุกวันไหนดี” ผมถามต่อ ในใจผมน่ะอยากจะรีบบุกไปซะเดี๋ยวนี้เลยแต่ก็รู้ว่าการบู่มบ่ามมันจะเป็นบ่อเกิดของอันตรายที่มองไม่เห็น


“3วัน แค่3วันในการเตรียมทุกอย่างก็พอแล้ว”


“การขออนุญาตเข้าไปยังสัปทานน้ำมันนั่นไม่น่าจะได้ในสองสามวันนี่ อย่าบอกนะว่า...” ผมหยุดสิ่งที่คิดก่อนจะมองหน้าเซโครที่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น


“มีอำนาจก็ต้องใช้หน่อยสิ”


ภายใต้ท้องฟ้าสีดำสนิทไร้เมฆบดบังมีแสงสว่างของดวงจันทร์ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง คืนนี้เป็นคืนก่อนวันปฏิบัติภารกิจบุกโจมตีสถานนีขุดเจาะน้ำมัน เราจะเริ่มเดินทางตอน7โมงไปยังเกาะที่ใกล้ที่สุดและผมกับลูก้าก็จะดำลงไปจัดการจากใต้ทะเลโดยมีเซโครและหน่วยปฏิบัติการพิเศษของประเทศไทยเป็นกลุ่มนำในการบุกซึ่งๆ หน้า


ด้วยความตื่นเต้นผมเลยไม่สามารถนอนหลับได้ แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ผมเพราะอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงก็พลิกไปพลิกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว


“นอนไม่หลับเหรอลูก้า” ผมหันไปถาม


“อืม”


“ตื่นเต้น?”


“เปล่า”


“งั้นทำไมล่ะ”


“...อยากกอดสาม”


“...ฮะ?” ผมถึงกับนิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดแปลก ประโยคนั่นเหมือนจะไม่ใช่คำตอบของคำถามที่ผมถามไปนะ


“สองวันมานี่สามดูเครียดๆ ผมเลยไม่อยากกวน” จะว่าไปสองวันมานี่ลูก้าก็ไม่ได้เข้ามากอดผมเมื่ออย่างปกติ ตอนแรกนึกว่าร้อนซะอีก...เขาทำเพื่อผมเองสินะ


เพราะรู้ว่าผมกำลังเครียดเรื่องการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เลยไม่อยากกวน ก็ถูกที่ผมกังวลว่าจะสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้อย่างที่วางไว้รึเปล่า แผนที่วางมีมากที่ไม่สามารถปฏิบัติตามได้เนื่องด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ซึ่งปัจจัยนั่นมันยิ่งเป็นปัญหาเมื่ออยู่ใต้น้ำ


กระแสน้ำจะแรงรึเปล่า


จะต้องเจอกับไดโนเสาร์ใต้น้ำไหม


และถ้าเจอจะหลบเลี่ยงยังไงให้สามารถทำตามแผนต่อไปได้


ผมคิดหลายอย่างอยู่ในหัวแม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังคงคิดอยู่ ถ้าแผนการพลาดคนที่จะอันตรายที่สุดไม่ใช่แค่ผมแต่เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษทุกคนที่เข้าร่วมภารกิจ


จะเอาแต่คิดถึงความผิดพลาดไม่ได้ ต้องเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อมั่นในตัวของคู่หูอย่างลูก้า


“พวกเราจะทำได้” ผมพูดพร้อมกับขยับตัวไปกอดอีกฝ่ายแล้วซบหน้าลงกับแผ่นอกนั่นเพื่อขอกำลังใจ


“สาม...”


“เราจะทำมันให้สำเร็จ”


“แน่นอน สำเร็จอยู่แล้ว!” เสียงทุ้มของลูก้าตะโกนขึ้นระหว่างโอบกอดผมแน่น


ไม่จำเป็นต้องคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด เพียงทำมันอย่างสุดความสามารถก็พอ และถ้าทำแล้วมันยังมีข้อผิดพลาดผมก็เชื่อว่าสามารถแก้ไขได้ถ้ามีลูก้าอยู่ข้างๆ



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


ยามแสงสว่างของพระอาทิตย์ส่องสว่างเข้ามาในห้องทั้งและลูก้าต่างลุกขึ้นไปเตรียมตัวโดยไม่มีแม้แต่ความงัวเงีย ทั้งอุปกรณ์ ชุดหรือแม้แต่อาวุธก็ถูกตรวจสอบอีกรอบอย่างรอบครอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขัดข้อง ชุดที่ผมและลูก้าใส่ต่างเป็นชุดดำน้ำที่ถูกคิดค้นขึ้นมาจากของเดิมก่อนหน้านี้โดยเพิ่มความทนทานและความคล่องตัวเมื่ออยู่ในน้ำเข้าไป


เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพวกเราก็ตรงไปยังเกาะตามแผนการที่วางไว้ น้ำทะเลในช่วงเช้าดูเหมือนเครื่องประดับอันหรูหราที่ทอประกายวิบวับไปจนสุดสายตา ไม่คิดเลยว่าจะมีคนใช้ความสวยงามนี้เพื่อหลบซ่อนและทำสิ่งที่ไม่ควรให้อภัย


“ลูก้า” ผมเรียกคู่หูในชุดดำน้ำด้านหลัง


“อืม ไปกันสาม” ลูก้าพยักหน้าก่อนจะดำลงไปใต้น้ำโดยมีผมว่ายตามไปติดๆ


นาฬิกากันน้ำถูกยกขึ้นมาดูเวลาเพื่อคาดคะเนว่าจะไปถึงที่หมายเมื่อไหร่ แผนการนี้เวลาเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะถ้าสามารถเข้าไปยังอาคารใต้ทะเลในช่วงที่พวกมันกำลังจะขึ้นไปจัดการกับพวกเซโครก็จะสามารถสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นแถมยังลดจำนวนคนที่กลุ่มเซโครต้องรับมืออีก


ผ่านไปสักพักใหญ่ก็เข้าเขตของสถานีขุดเจาะน้ำมันเพียงแต่ผืนน้ำว่างเปล่ากลับปรากฏร่างของโพลิปทิโดอนที่เจอเมื่อครั้งก่อนว่ายพุ่งเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว


กรรรร~


ซวยล่ะ


ลูก้า!


ผมเรียกชื่อของคนที่ดึงผมไปหลบด้านหลังแล้วรับการโจมตีของโพลิปทิโดอนไปเต็มๆ จนลอยไปไกล ผมไม่มีเวลาจะหันไปมองอีกฝ่ายเพราะทันทีที่โจมตีลูก้าเสร็จดวงตาสีดำนั่นก็หันมายังผม สายตาของนักล่าที่กำลังดิ้นรนอย่างทรมาน


กรรรรร~


เสียงครางอันโหยหวนทำเอาผมกำมือแน่น โพลิปทิโดอนไม่ได้อยากล่าเพียงแต่การล่าอาจเป็นวิธีเดียวที่จะระงับความเจ็บปวดที่มี ดวงตาสีน้ำตาลของผมไล่มองตามร่างของโพลิปทิโดอนเพื่อหาสิ่งที่คอยควบคุมเหมือนอย่างดาโกซอรัส ไม่นานสิ่งที่หาก็ปรากฏในสายตา วัตถุสีดำถูกฝังติดอยู่บริเวณใต้ท้องของโพลิปทิโดอน


เห็นแบบนั้นผมก็หยิบอาวุธออกมาแล้วพุ่งเข้าไปหาโพลิปทิโดอนที่คิดจะโจมตีผมเช่นเดียวกับลูก้า แต่มีเหรอว่าผมจะยอมให้ถูกโจมตีง่ายๆ โพลิปทิโดอนมีฟันคล้ายจระเข้ซึ่งคมมากจึงต้องระวังไม่ให้โดน การเคลื่อนไหวในน้ำผมอาจแพ้สิ่งมีวิตที่อยู่ในน้ำเพราะงั้นผมถึงใช้การคาดคะเนตั้งแต่ที่เห็นโพลิปทิโดอนเข้ามาโจมตีว่ามันจะพุ่งมาแล้วไปทางไหนต่อ สิ่งที่ผมทำก็แค่หลบไปอีกทางเท่านั้น


ผมใช้การสังเกตและวิเคราะห์พฤติกรรม จริงอยู่ที่แค่พูดก็ยากแล้วแต่ผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำมัน


กรรรรร~


เสียงคำรามของโพลิปทิโดอนเมื่ถูกผมหลบการโจมตีพร้อมจับครีบของมันแน่นแทนหลักยึดแล้วเหวี่ยงตัวเองไปอยู่ใต้ท้องในเวลาอันรวดเร็ว อาวุธสีเงินถูกหยิบขึ้นมาและกรีดลงไปยังบริเวณที่ต้องการ


งี๊ดดดดดด~


ไม่กี่วินาทีร่างของโพลิปทิโดอนก็ดิ้นไปมาโดยที่ในมือผมมีวัตถุสีดำที่ใช้ในการปล่อยกระแสไฟฟ้าและมีกล้องติดอยู่ ตัวจุดชนวนถูกผมจัดการแก้ในเวลาไม่กี่วินาทีเนื่องจากเตรียมตัวมาเผื่อเจอสถานการณ์นี้ล่วงหน้าแล้ว


กรรรรรรร~


เสียงคำรามดังกึกก้องก่อนที่ร่างสีดำเหลือบม่วงขนาดยักษ์จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมายังบริเวณที่ผมอยู่ เพียงพริบตาเขี้ยวอันแสนคมกริบก็อ้าออกด้วยขากรรไกรที่สามารถกลืนผมลงท้องได้ในคำเดียว


ลูก้า!


กรรรรรรรร~


ไม่รู้ว่าเพราะเสียงที่ผมตะโกนในใจรึเปล่าร่างสีฟ้าแถบแดงถึงได้พุ่งเข้ามาขย้ำคอของไดโนเสาร์น้ำตัวยักษ์แล้วเหวี่ยงอีกฝั่งแรงๆ ลูก้าในร่างไดโนเสาร์เคลื่อนตัวมาราวกับจะกอดร่างผมไว้ ผมได้แต่ยิ้มแล้วยกมือขึ้นลูบลำคออีกฝ่ายเบาๆ แทนคำขอบคุณ ทว่าไม่มีเวลามากไปกว่านี้ไดโนเสาร์สีดำเหลือบม่วงที่ถูกเหวี่ยงไปกลับมาโจมตีภายในเวลาไม่นาน


ร่างขนาดใหญ่กว่า12เมตรและขากรรไกรขนาดยักษ์ที่สามารถกลืนมนุษย์ตัวใหญ่ๆ ลงท้องได้โดยไม่ต้องเคี้ยว แถมลักษณะฟันอันแสนคมกริบนั่น เป็นสายพันธุ์อะไรไปไม่ได้นอกจากไฮโนซอรัสหนึ่งในไดโนเสาร์ในตระกลูมาโมซอรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ลูก้าเองก็มียีนของไฮโนซอรัสอยู่เหมือกัน


กรรรรรรร~


กรรรรรรรรรร~


เสียงขู่คำรามสองเจ้าสมุทรทำเอาผืนน้ำโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนผมต้องเข้าไปเกาะคอลูก้าไว้แน่นไม่ให้ปลิวไปไหน
ไม่ได้นะลูก้า


ผมพยายามเอ่ยบอกเพราะถ้าทำมากกว่านี้พวกนั้นต้องสงสัยแน่ ไม่สิ ตอนนี้คงรู้แล้วว่ามีคนบุกเข้ามา


แย่จริง...แบบนี้คงต้องเปลี่ยนแผน


ลูก้า


ผมลูบลำคอสีฟ้าของไดโนเสาร์ตรงหน้าเบาๆ แทนประโยคมากมายที่ต้องการจะสื่อ เครื่องออกซินขนาดพกพาถูกหยิบมาใช้เนื่องจากอากาศเริ่มน้อยลงทุกที


งี๊ดดดดดด~


ลูก้าตอบรับสัมผัสราวกับรู้ถึงสิ่งที่ผมต้องการจะบอก ร่างสีฟ้าแถบแดงพุ่งเข้าหาไฮโนซอรัสที่อ้าปากขนาดใหญ่รออยู่ ผมอาศัยโอกาสที่ไฮโนซอรัสกำลังสนใจลูก้าว่ายเข้าไปใกล้และจัดการวัตถุสีดำที่อยู่บริเวณส่วนหางที่สะบัดไปมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเงินของลูก้าเหล่มองเล็กน้อย เมื่อเห็นผมพยักหน้าลูก้าโจมตีใส่ไฮโนซอรัสด้วยการว่ายวนไปรอบร่างของไฮโนซอรัสจนเกิดเป็นน้ำวนลูกย่อมๆ


ลูก้า ไม่มีเวลาแล้วรีบไปกัน


ผมสัมผัสยังส่วนปากอันเต็มไปด้วยคมเขี้ยวของลูก้าอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมกับชี้ลงไปด้านล่างของมหาสมุทรแห่งนี้ ลูก้าพยักหน้ารับก่อนจะดำน้ำลงไปด้านใต้ด้วยความเร็วที่ทำเอาผมหลุดจากคอมาอยู่ยังส่วนหลังที่มีแรงต้านของน้ำน้อยกว่า


ด้วยความที่เป็นร่างของไดโนเสาร์ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่นั้นเทียบกับร่งมนุษย์ไม่ติด เวลาที่จับเมื่อครั้งก่อนที่มาถูกทำลายไปอย่างขาดลอย ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงยังอาคารใต้มหาสมุทร ผมลงจากหลังลูก้าโดยที่หยิบระเบิดขนาดย่อมไปติดยังตัวอาคารแล้วทำการระเบิดทว่าแรงระเบิดนั้นกลับไม่สร้างความเสียหายเท่าที่ควร


สมแล้วที่กล้าสร้างอาคารใต้น้ำ...กำแพงหนามาก สงสัยคงต้องเปลี่ยนเป็นกระจกแทนแล้วสิ


เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็เปลี่ยนเป้าหมายไประเบิดกระจกด้านข้างแทนแต่กระจกที่ควรจะแตกกลับมีเพียงรอยร้าวเท่านั้น ภายในอาคารด้านในตอนนี้มีกลุ่มคนกำลังวิ่งเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ


รู้ตัวแล้วจริงๆ ด้วย


แต่เอาเถอะถือว่าผมล่อพวกมันได้ละกัน ต่อไปก็เหลือแค่จัดการ


ลูก้า!


ผมหันไปสบดวงตาสีเงินก่อนจะมองกลับมายังรอยเร้าของกระจก แค่นั้นก็เพียงพอให้ลูก้าเข้าใจ ร่างไดโนเสาร์ขนาดยักษ์ว่ายไกลออกไปจากตัวอาคารสร้างความงุนงงให้แก่คนภายใน แต่งงได้ไม่นานดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าเมื่อไดโนเสาร์ร่างใหญ่พุ่งชนกระจกบริเวณที่มีรอยร้าวจนแตก เพราะพุ่งเข้ากระแทกเต็มแรงลูก้าเลยหลุดเข้าไปอยู่ในตัวอาคารทั้งที่อยู่ในร่างของไดโนเสาร์ ผมเองก็ตามเข้ามาติดๆ เช่นกัน


กริ๋งงงง~


ตึง!


เสียงสัญญาณเตือนฉุกเฉินดังขึ้นก่อนที่พนังขนาดใหญ่จะตกลงมาปิดยังบริเวณที่มีน้ำทะลักเข้ามา เป็นอย่างที่คิด...มีระบบรักษาความปลอดภัยดีจริงๆ ออกซิเจนพกพาถูกทิ้งลงพื้นเมื่อหมดประโยชน์ ผมยืดกล้ามเนื้อแขนพอเป็นพิธีพลางมองไปยังเจ้าของพื้นที่ที่ถืออาวุธจ่อมาทางผมด้วยร่างกายสั่นๆ


คงจะตื่นกลัวพอดูเลยล่ะ


“แกเป็นใคร!” หนึ่งในนั้นตะโกนถาม


“เห็นเขาแล้วยังไม่รู้อีกเหรอ” ผมถามกลับระหว่างที่ชี้ไปยังร่างไดโนเสาร์ของลูก้า ไม่ใช่ว่าผมไม่ห่วงลูก้าหรอกนะแต่ด้วยแรงกระแทกระดับแค่นั้นไม่กระเทือนผิวหรอก


“ไดโนเสาร์นั่นเป็นพวกแกสินะ อยู่บนบกแบบนี้ทำอะไรไม่ได้ ยิงเลย” อยู่ๆ พวกมันก็เล็งปืนไปทางลูก้าแล้วระดมยิงจนฝุ่นคลุ้ง


“ลูก้า!” ผมตะโกนเรียกพลางโยนเสื้อสำลองในกระเป๋าส่งไปให้ เมื่อกลุ่มควันเริ่มจางไปลูก้าในร่างมนุษย์ก็เดินมาหาผมทั้งๆที่มือยังติดกระดุมเสื้ออยู่ ฝ่ายที่ระดมยิ่งต่างก็อ้าปากค้างกันเป็นแถว


“กางเกงล่ะ”


“อยู่นี่ๆ ” ผมยื่นกระเป๋าไปให้ลูก้าหยิบกางเกงได้สะดวก


“ทะ...ทำไมไดโนเสาร์มันหายไปแล้วไอ้หมอนี่ถึง ไม่สิ หรือว่าจะเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์?!”


“พึ่งรู้เหรอ” ผมส่งยิ้มเย็นๆ ไปให้ระหว่างรอลูก้าใส่กางเกง


สีหน้าตื่นตกใจและหวาดกลัวนั่นไม่ทำให้ผมสงสารเท่าเหล่าไดโนเสาร์ที่ถูกบังคับให้ต้องต่อสู้เลยสักนิด ยิ่งหันไปมองโหลทดลองที่มีร่างของสิ่งที่ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์หรือสัตว์ได้ก็ยิ่งทำให้โมโหมากขึ้นไปอีก ไดโนเสาร์หลายสายพันธ์ถูกแช่ไว้ในสภาพไร้ชีวิตเช่นเดียวกับร่างของสิ่งมีชีวิตคร่งมนุษย์และไดโนเสาร์ที่เรียงติดกันเป็นแถว


“สาม...เอายังไงต่อ” ลูก้าเดินมาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเหมือนอย่างปกติ


“พวกเซโครคงกำลังจัดการข้างบน งั้นเราก็จัดการข้างล่างไล่ขึ้นไปละกัน”


“แกคิดว่าจะผ่านพวกเราไปได้รึไง!” เสียงของหนึ่งในกลุ่มตรงหน้าดังขึ้น อาวุธปืนหลายกระบอกถูกเล็งมาอีกรอบ


“ผ่านได้สิ เนอะลูก้า”


“อืม ได้อยู่แล้ว”


“แก...ยิงเลย!”


ปัง! ปัง! ปัง!


ปืนหลายสิบกระบอกถูกยิงติดๆ กันราวกับมีกระสุนไม่จำกัด ถ้าคิดว่าผมจะหลบกระสุนได้เหมือนพระเอกหนังบู๊ก็ผิดถนัด ถึงจะยิงมามั่วๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสโดน ผมไม่เสี่ยงขนาดหลบกระสุนนับสิบซึ่งเล็งเป้ามาเลยใช้โต๊ะที่กลิ้งอยู่ไม่ไกลแทนเกาะกำบัง แล้วโชคเล็กน้อยเพราะโต๊ะดันเป็นเหล็กเลยยิงไม่ทะลุแค่บุบเท่านั้น


“ลูก้า จำที่บอกได้นะ” ผมหันไปถามย้ำอีกรอบ


“ได้น่า ไม่ลงมือถึงขนาดตายหรอก”


“ดี ไปจัดการให้เสร็จเถอะ” ผมพยักหน้าวยรอยยิ้มที่ลูก้ายังจำได้


จะโกรธหรือโมโหในการกระทำมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ต้องการจะฆ่าหรืออยากให้ใครต้องตาย


“อืม”


พวกเราหยุดการสนทนาลงแค่นั้น กระสุนที่หยุดยิงเหมือนเป็นสัญาณให้ทั้งผมและลูก้าต่างพุ่งไปยังกลุ่มศัตรูตรงหน้าพร้อมประเดิมด้วยหมัดตรงจนคนหน้าสุดหงายหลังล้มลงไป เมื่อเห็นว่าผมเข้ามาประชิดอีกฝ่ายก็ควักมีดออกมาจ้วงแทงเพียงแต่ผมไม่รอให้มีดนั่นได้เข้ามาในระยะแทงง่ายๆ เลยจัดการใช้เท้าถีบจนร่างนั้นกระเด็นไปกองอยู่บนพื้น


“ตายซะเถอะแก!” เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับหมัดตรงเฉียดหน้าผมไปเพียงไม่กี่มิล


“ขอคืนคำนั้นให้ละกัน” ผมตอบแทนหมัดที่เกือบโดนหน้าโดยการใช้ศอกกระแทกไปยังใบหน้านั่นแล้วปิดฉากด้วยเข่าลอย ศัตรูหลายสิบคนถูกจัดการทั้งหมดภายในไม่กี่นาที ผมและลูก้าต่างก็ไม่มีบาดแผลอะไรมากนอกจากถลอกเล็กน้อย เคลื่อนไหวบนบกนี่ง่ายกว่าในน้ำจริงๆ   ด้วย


“สามจะไปไหน” ลูก้าเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าผมไปขึ้นบันไดไปยังชั้นผมแต่เดินไปยังห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแทน ห้องว่างขนาดำม่ใหญ่นักมีทางเชื่อมลงไปด้านล่างซ่อนอยู่ในมุมอับอีกที


“ผมสังหรณ์อะไรนิดหน่อยน่ะ”


“สังหรณ์?”


“อืม” ด้วยจำนวนตนที่พวกเราปะทะไปน่าจะเกือบครึ่งได้ ดังนั้นที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเซโครและคนอื่นๆ ได้ ทักษะของแต่ละคนที่มานั้นไม่ธรรมดา การจะทำงานในหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษได้ไม่ใช่ทักษะหรือความเชื่อใจแต่ต้องมีทั้งไหวพริบและการจัดการสถานการ์ที่ดี แค่กลุ่มคนติดอาวุธคงเอาไม่อยู่หรอก


ปัง!


ประตูบานขาวถูกเปิดด้วยแรงถีบ เพราะถูกล๊อคเอาไว้ด้วยฟ้าผมเลยใช้อาวุธตัวเองจัดการกับแผงวงจรทำให้บานประตูสามารถเปิดออกได้ง่ายๆ  ภายในห้องเป็นอย่างที่ผมสังหรณ์ เครื่องมือการทดลองอันล้ำสมัยถูกรวบรวมอยู่ในห้องขนาดใหญ่ที่มีคนหน้าตาขี้โรคในชุดขาวกำลังทดลองสิ่งมีชีวิตในโหลแก้วสีเขียวโดยการต่อสายอะไรบางอย่างเข้าไปในร่างที่เหมือนไร้ชีวิต ร่างภายในนั้นคงเป็นร่างที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมระหว่างมนุษย์กับไดโนเสาร์สินะ


“อ๊ากกกกก~” เสียงกรีดร้องของร่างภายในทำเอาคนฟังอย่างผมชาวาบไปทั้งตัว  ช่างเป็นเสียงที่ทั้งเจ็บปวดและทรมานเหลือเกิน


“แกเข้ามาได้ยังไง!” นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งตะโกนเสียงดังก่อนจะกดปุ่มสีแดงที่อยู่ไม่ไกล สัญญาณฉุกเฉินดังขึ้นในโทนเสียงที่ต่างจากเดิม คาดว่าคงกำลังเรียกคนให้มายังห้องนี้


“ลูก้า จัดการคนที่จะเข้ามาให้หน่อย”


“ได้ แล้วสามจะทำอะไร....”


“ถ้าไม่จัดการสักหน่อยผมคงไม่หายหงุดหงิด” ผมตอบพลางเดินไปเผชิญหน้ากับนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด สายตาของผมคงจะน่ากลัวมาอีกฝ่ายถึงก้าวถอยหลังไปแบบนั้น


“กะ...แกจะทำอะไร”


“ขอถามคำถามนั้นกลับไปเลยละกัน พวกคุณคิดจะทำอะไรถึงได้ทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้กัน!” ผมตะโกนเสียงดังอย่างเหลืออด


“แกจะมารู้อะไร พวกฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงแต่กลับโดนไอ้นักวิทยาศาสตร์ปัญญาอ่อนตัดหน้าสร้างไดโนเสาร์ขึ้นมาแถมยังสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ขึ้นมาอีก ใครจะยอมให้มันเป็นที่หนึ่งกันล่ะกะไอ้แค่ไดโนเสาร์ผสมมนุษย์พวกฉันทำได้อยู่แล้ว จะได้รู้ว่าใครคือนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุด ไอ้พวกที่กล้ามาเหยียบย่ำศักศรีของนักวิทยาศาสตร์ฉันจะจัดการมันให้หมด!”


“คนที่เหยียบย่ำศักศรีของนักวิทยาศาสตร์อยู่ก็คือพวกคุณต่างหากล่ะ รู้ไหมว่าการโคลนมนุษย์มันเป็นโทษร้ายแรงขนาดไหนแต่นี่ยังคิดสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์อีก!”


“แล้วไอ้มนุษย์กลายพันธ์นั่นไม่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมารึไง ถ้าจะโทษก็ไปโทษไอ้ฟราซิสมันสิ!” อีกฝ่ายยังคงเถียงด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว


“จริงอยู่ที่เขาถูกสร้างขึ้นแต่การสร้างนั้นไม่ได้ทำให้ใครต้องเจ็บปวด ไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกคุรทำตอนนี้สักนิด ด็อกเตอร์ฟรานซิสสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ขึ้นมาเพื่อลดการตายของมนุษย์ แต่สิ่งที่พวกคุณทำคือกำลังทรมานชีวิตของสิ่งที่ให้กำเนิดขึ้นมาอย่างไม่ใยดี พอใช้ไม่ได้ก็ละเลย พอตายไปก็สร้างใหม่ เคยเห็นใจพวกเขาที่ต้องเกิดมาและตายไปอย่างทรมานบ้างรึเปล่า!” ผมตะโกนออกไปอย่างเหลืออด อย่ามาโยนความผิดให้คนอื่นทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำสิ


“ใครจะไปสนวัสดุในการทดลองเล่า...”


ผั๊วะ!


ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบประโยคผมก็จัดการปล่อยหมัดใส่หน้าโดยไม่ออมแรงเหมือนอย่างทุกที นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่แต่ในห้องทดลองพอเจอหมัดเข้าไปก็สลบเหมือดทันที


“พวกเขาไม่ใช่วัสดุในการทดลอง คนที่ไม่เห็นค่าของชีวิตไม่มีสิทธิ์เรียกตัวเองว่านักวิทยาศาสตร์หรอก” นักวิทยาศาสตร์คือผู้สร้างสรรค์ เป็นผู้ที่จะให้สิ่งใหม่ๆ แก่โลกเพื่อให้โลกดำเนินต่อไปในทางที่ดีขึ้นไม่ใช่ตกต่ำลง


“สาม!”


“ลูก้า...” พอนึกได้ว่าปล่อยลูก้าให้จัดการคนเดียวผมก็เตรียมจะหันไปช่วยทว่าศัตรูที่บุกมากลับนอนสลบอยู่ตามพื้นจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว


“ก็ว่าอยู่ว่าทำไมช้า ที่แท้มาอยู่นี่เองเหรอทรี” หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษเดินเข้ามาพร้อมคู่หูที่ตามมา ดูจากภายนอกเซโครแทบไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ท่าทางเองก็ดูสบายๆ ด้วย


“โทษทีที่ไม่ได้ขึ้นไปช่วย”


“ไม่เป็นไรหรอกด้านบนจัดการไปเกือบหมดแล้วไม่มีอะไรต้องกังวล อีกอย่างถ้าทรีไม่ชกผมอาจเป็นคนชกเองก็ได้”


“ฟังอยู่สินะ” ผมถามกลับ


“ใช่”


“เราจะช่วยอะไรพวกเขาได้บ้างไหม” ผมถามพลางมองไปยังโหลแก้วที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายในด้วยใบหน้าเศร้าๆ


“...สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำพวกเขาจากไปอย่างสงบ”


“...อืม” ผมเองก็คิดแบบนั้น พวกเราไม่อาจทำอะไรได้กับสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว ในสภาพที่ไม่อาจเรียกได้ทั้งสัตว์และมนุษย์ การอยู่ต่อมีแต่จะยิ่งทำให้ทรมาน


“นี่เซโคร” ผมเรียกเบาๆ


“อะไร”


“ให้ผมช่วยทำให้พวกเขาจากไปอย่างสงบเถอะนะ”


“เข้าใจแล้ว เราจะช่วยกัน”


“ขอบคุณ”


“ผมสิต้องขอบคุณ ภารกิจสำเร็จอย่างงดงาม...ผมขอไปตรวจพื้นที่ก่อนนะ”


“อืม มีอะไรก็เรียก อ้อ...คงไม่ต้องมั้ง” ฝีมือต่างกันเกินไปแค่เซโครก็จัดการได้สบายๆไม่ต้องให้ใครช่วยหรอก อีกอย่างคงเหลือศัตรูอยู่ไม่มากแล้วด้วย


“แล้วเจอกัน”


“อืม” พูดจบเซโครก็เดินออกไปจาห้องปล่อยผมให้อยู่ในห้องเงียบๆ นักวิทยาศาสตร์ที่เหลือต่างก็ตัวสั่นงกๆด้วยความกลัว


หมับ!


“สาม” แขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างผมพร้อมกระซิบเรียกอย่างอ่อนโยน


“ลูก้า...” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีเงินด้วยความเศร้าที่ตัวเองไม่อาจช่วยอะไรได้นอกจากทำให้พวกเขาไปอย่างสงบเท่านั้น ผมเข้าใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเศร้า


“ไม่เป็นไร ผมอยู่กับสาม...จะอยู่กับสามไม่ว่าเมื่อไหร่ เพราะงั้นไม่ต้องอดกลั้นต่อหน้าผมหรอกนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนยามกระซิบข้างใบหูช่างส่งผลต่อจิตในอย่างมหาศาล น้ำตาที่กลั้นไว้ค่อยๆ ไหลลงอาบแก้ม ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาโดยที่มีลูก้าโอบกอดอยู่จนความเศร้าที่มีลดลงไปมาก


“ขอบคุณ...ลูก้า”


หลังจากจบเรื่องฝ่ายวิทยาศาสตร์ขององค์กรดอร์วูก็เข้ามายังห้องทดลองแห่งนี้และได้จัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย ผมเองก็ได้มีส่วนร่วมเช่นกัน การกระทำอันผิดกฏหมายนี้ถูกไต่สวนและสืบสายจนได้รู้ว่ามีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งหนุนหลังให้กับการทดลองนี่โดยหวังผลกำไรจากการขายไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่สร้างสำเร็จ เหตุผลบ้าๆ นั่นทำเอาหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างเซโครถึงกับเหวี่ยงหมัดใส่คนพวกนั้นเรียงตัว


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผมคิดว่าเราควรมีกฎหมายเกี่ยวกับไดโนเสาร์ขึ้นมาสักที ไม่ใช่แค่เพื่อปกป้องเหล่าไดโนเสาร์แต่เป็นการลดปัญหาหลายๆอย่างที่จะตามมาไม่ว่าจะเป็นการทดลองผิดกฏหมายหรือการลักลอบค้าสัตว์ เพียงแต่มันคงไม่ง่ายที่จะทำมันเท่านั้นเอง


อำนาจอันน้อยนิดของผมมันไม่เพียงพอที่จะทำความคิดนั้นให้สำเร็จได้

.........................................................

มาต่อแล้วค่ะ

ช้าไปนิด(ความจริงก็ไม่นิด)

สารภาพตรงๆ ว่ากะจะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแต่มีธุระยุ่งกว่าจะนึกออกก็ก่อนนอนซะแล้ว

เรื่องราวอาจดูจบง่ายเกินไปซึ่งช่วงท้ายของภาคนี้เราวางให้เป็นตัวเกริ่นสำหรับภาคต่อไป(ที่คงอีกสักระยะเลยกว่าจะได้อัพ)

ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามให้กำลังใจมาเสมอนะคะ

ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ขอฝากลูก้าและสามไว้ในอ้อมอกด้วยนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบายค่ะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ดุเดือดมาก คิดถึงน้องอานโน่จ้า ถึงจะโผล่มาแค่ชื่อก็เถอะ
 :กอด1:  :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ว้าาาา จะจบซะแล้ว
สามกับเซโครร้ายจริงๆ แกล้งสองคนนั้นได้
แต่ก็นะ มันน่าแกล้งจริงๆ

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ตอนหน้าจะจบแล้ว... เค้ายังไม่ได้กันเลยนะ... 555

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เห็นแก่ตัวมากคนพวกนี้ ต้องเจอเซโครกับสาม o13

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ยังไงก้อสำเร้จสินะ

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ดีที่ภารกิจสำเร็จและไม่มีใครเป็นอะไร
ทีมเวิร์คกันจริงๆเลยสี่คนนี้

ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอเนี่ย
ลูก้าอ้อนพี่เขาไว้นะ อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว ><

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด