◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-  (อ่าน 112908 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 มีความหวง ลูก้าต้องใจเย็นนะ
สามก็นะ ชอบทำเข้มกับน้อง แต่ใจไปไกลแล้ว

โอ๊ยยย ลุ้นมากค่ะ ดีนะแถวนั้นมีน้ำให้เปิดบ้าง
สามเก่งมากค่ะ และสู้แบบไม่กลัวเลย เพราะห่วงลูก้าด้วย

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
◈ธาราที่16◈




“สามเป็นคู่ของผม”น้ำเสียงทุ้มๆที่เอ่ยคำพูดนั่นด้วยใบหน้าจริงจังทำเอาคนฟังอย่างผมถึงกับเบิกตากว้างขึ้นก่อนความร้อนจากทั่วร่างกายจะมารวมอยู่ที่ใบหน้า


ถึงสีผิวผมจะไม่ขาวแต่เชื่อเถอะว่ามันแดงก่ำจนน่าอายจริงๆ ขนาดไม่เห็นหน้าตัวเองผมยังรู้เลย


“คะ...ใครเป็นคู่นายกันลูก้า”อะไรกันเนี่ยสถานการณ์นี้


อยู่ๆก็วิ่งมากอดแถมยังพูดแสดงความเป็นเจ้าของแบบนั้นอีก


“สามไงเป็นคู่ของผม”ลูก้าบอกพลางก้มลงมาคลอเคลีย


“คู่หูต่างหาก”อย่ามาตัดคำให้ความหมายเปลี่ยนนะ


“อืม...ทั้งคู่ทั้งคู่หูเลย”


“อย่ามาโมเมด้วย”ผมจำไม่เห็นได้ว่าไปตกลงเป็นคู่ให้เมื่อไหร่


“งั้นสามก็ตกลงสิ เราจะได้เป็นคู่กันไง”


“ทำไมผมต้องตกลงด้วย”


“ก็ผมรักสามนี่”


“อึก...”คำบอกรักโต้งๆนั่งส่งผลให้หัวใจเต้นแรงขึ้นทันที


ไม่มีความโรแมนติกสักนิดแต่ผมก็ยังใจเต้นอยู่นั่นแหละ


หรือผมจะชอบผู้ชายจริงๆแล้วกัน


“นี่...คิดจะเมินกันอีกนานไหม”เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นพร้อมกับก้าวขาเข้ามาจนหยุดอยู่ตรงหน้าผมและลูก้า ด้วยความสูงอันใกล้เคียงกันของชายทั้งสองทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองสายตาคมๆของทั้งคู่ที่ประสานราวกับเป็นศัตรูมาตั้งแต่ชาติก่อน


“เอ่อ...ขอโทษ...”


“สามจะขอโทษทำไม เขาต่างหากที่มาขัดจังหวะเราคุยกัน”ลูก้าพูดขัดคำขอโทษของผม


“ฉันว่านายมากกว่าที่มาขัดตอนพวกเราคุยกันอยู่”เสียงทุ้มๆเอ่ยอย่างไม่พอใจนักเมื่ออยู่ๆถูกลูก้าเข้ามาขัดจังหวะทั้งที่ยังคุยไม่จบ


“เอ่อ...ทั้งคู่...”


“นายเป็นอะไรกับสาม”ลูก้าถามด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง


“แล้วนายล่ะ พูดว่าเป็นคู่เหมือนสัตว์ป่าแบบนั้นแต่ดูเหมือนสามจะไม่เล่นด้วยนี่นะ”คำยียวนนั่นทำให้แขนที่กอดผมไว้รัดแน่นขึ้น
เอาเข้าไปสิ


จะมาทะเลาะกันเพื่ออะไร


“สามแค่ยังไม่ยอมรับความรู้สึกที่มีต่อผมเท่านั้นเอง”


“ไม่ยอมรับกับไม่มีมันต่างกันนะ”


“คือว่า...”


“แล้วจะปล่อยให้ผู้ชายกอดอีกนานไหมสาม โดนแค่นี้อย่ามาทำเป็นอ่อนแอ จัดการเหยียบเท้าให้ปล่อยจากนั้นก็ศอกใส่ท้องแล้วปิดท้ายด้วยเข่าลอยไปเลยสิ”คำแนะนำจากชายตรงหน้าช่างเหมือนคนมีหนี้แค้นอยู่สักสิบชาติจริงๆ


“แค่นั้นทำให้ผมปล่อยไม่ได้หรอกนะ”ลูก้าตอบแทนพร้อมกับกอดร่างผมแน่นขึ้น


“หึ...คิดว่าตัวเองเก่งนักรึไง”


“ก็คิดว่าเก่งกว่าคนตรงหน้าละกัน”คำพูดนั่นลูก้าจงให้อีกฝ่ายได้ยินชัดๆ


“งั้นมาลองกันไหมล่ะ สู้ตัวต่อตัว”


“ได้”ลูก้าพยักหน้าก่อนจะคลายอ้อมกอดออกเดินไปยังลานจอดรถซึ่งมีรถจอดอยู่เพียงไม่กี่คันเท่านั้น


นี่ทั้งคู่คิดจะหาเรื่องกันจริงๆหรอเนี่ย


ผมไม่อยากให้ใครต้องสู้กันทั้งนั้นแหละ


คนนึงก็คู่หูอีกคนก็พี่ชาย


จะให้เชียร์ใครกันล่ะ


พี่ชายผมหรือ ชโลทร ธาราสุข เป็นพี่คนโตเลยได้ชื่อว่าหนึ่ง แค่ฟังก็รู้แล้วว่าครอบครัวผมต้องมีอย่างน้อยสามคนซึ่งก็ใช่ ผมเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวโดยมีพี่ชายชื่อหนึ่งและพี่สาวชื่อสอง


พี่หนึ่งเป็นผู้ชายผิวสีแทนกร้านแดดเพราะสืบทอดกิจการการประมงของครอบครัว พี่หนึ่งเป็นคนขยันแต่นิสัยออกจะห้าวๆออกแนวไม่ค่อยเกรงใจใคร คนที่สอนศิลปะการต่อสู้ให้ผมก็พี่หนึ่งนี่แหละ...ไม่ใช่เพียงมวยที่เป็นแต่ศิลปะการต่อสู้อื่นๆเองก็ช่ำชองเช่นกัน


ถ้าไม่สืบทอดกิจการอาจไปตั้งแก็งที่ไหนแล้วก็ได้


จากที่มองพี่หนึ่งคงไม่รู้ว่าลูก้าเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์หรอก วันๆเอาแต่หาปลาไม่ก็เข้ายิมจะมีเวลาไหนไปรู้ข่าวพวกนี้กัน อีกแง่ลูก้าเองก็ไม่รู้ว่าฝีมือพี่หนึ่งเก่งกาจขนาดไหน


บอกไปแล้วว่าพี่หนึ่งเป็นเหมือนครูผม นั่นแปลว่าด้านความสามารถเก่งกว่าผมไม่รู้เท่าไหร่


นี่มันศึกของสัตว์ประหลาดชัดๆ


“ห้ามเข้ามาช่วยหมอนี่ล่ะสาม”พี่หนึ่งหันมาบอกผม


“ผมต่างหากที่ต้องพูด สามห้ามเข้ามาช่วยล่ะ”ลูก้าเองก็หันมาพูดบ้าง


โอ้ย...สรุปสาเหตุที่ทะเลาะกันนี่มันคืออะไรไม่ทราบครับทั้งคู่


“เฮ้อ...ห้ามทำให้อีกฝ่ายอาการสาหัสเด็ดขาด”ผมบอกกันทั้งคู่เมื่อเห็นว่ายังไงก็ห้ามการต่อสู้ไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้ ยังไงก็เป็นผู้ชายคุยด้วยหมัดดูท่าจะง่ายกว่าพูดล่ะนะ


ทั้งคู่ต่างพยักหน้าก่อนฝ่ายเปิดฉากก่อนจะเป็นพี่หนึ่งที่ถอดเสื้อคลุมออกแล้วโยนใส่ลูก้าเพื่อให้มองไม่เห็นหมัดที่ถูกเหวี่ยงไปเต็มแรงทว่าลูก้าที่มีประสาทสัมผัสดีกว่าก้าวถอยหลังพร้อมใช้มือเขวี้ยงเสื้อคลุมนั่นลงไปกองกับพื้นโดยไม่ถูกหมัดนั้นโจมตี


“ใช้ได้นี่”พี่หนึ่งเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มชอบใจ


“แค่นี้เอาชนะผมไม่ได้หรอกนะ”


“หึ...ขอดูหน่อยว่าจะปากดีได้นานแค่ไหน”พูดจบพี่หนึ่งก็วิ่งเข้าไปโจมดีอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้ไม่มีตัวหลอก ร่างกายกำยำโยกไปมาเพื่อสร้างจังหวะและความสับสนให้ฝ่ายที่มอง แค่เสี้ยววิหมัดข้างเดิมก็ถูกเหวี่ยงไปตรงหน้าลูก้าอีกครั้ง


แน่นอนว่าหมัดนั้นไม่มีทางที่จะโดนได้เพราะดวงตาสีเงินของลูก้าจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวอยู่แต่นั่นก็เพียงแค่ช่วงตั้งแต่กลางลำตัวขึ้นไปทำให้ไม่ทันสังเกตว่าไม่ได้มีเพียงแค่หมัดเท่านั้นที่ถูกปล่อยออกไป


“อั๊ก....”ลูก้าถึงกับทรุดลงเล็กน้อยกับแรงเตะของพี่หนึ่ง


“ลูก้า”ผมเรียกด้วยความเป็นห่วง


ถ้าเป็นคนปกติอาจทรุดลงกับพื้นไปแล้ว ไม่เหมือนลูก้าที่ยังทรงตัวได้แม้จะเซไปหน่อยก็ตาม


“จะเชียร์มันรึไงสาม”พี่หนึ่งหันมาถามหน้ามุ่ย


“ไม่ได้เชียร์แค่เรียกเฉยๆ”


“ดูมั่นใจในฝีมือหมอนี่น่าดูนะ”พี่หนึ่งสังเกตท่าทางผมก่อนจะพูดด้วยสายตาจับผิด


“ก็นะ...ลองดูด้วยตัวเองดีกว่า ผมไม่อยากโม้ถึงความสามารถของลูก้าเท่าไหร่”พูดจบผมก็ส่งสายตาไปให้พี่หนึ่งเป็นเชิงบอกให้ดูด้านข้าง


ผั๊วะ


ยังไม่ทันที่พี่หนึ่งจะหันไปมองลูก้าก็เหวี่ยงหมัดใส่อย่างแรงจนร่างอันกำยำเซไป เสียงของหมัดที่กระทบช่างรุนแรงแม้ไม่ต้องทดลองด้วยตัวเอง


ลูก้าไม่ยอมเสียโอกาสที่มีพุ่งเข้าใช้เท้าถีบยันไปกลางลำตัวแต่เหมือนพี่หนึ่งจะรู้อยู่เลยตั้งไว้ก่อนจะถีบกลับไป ทั้งคู่ต่างวิ่งเข้าไปผลัดกันชกผลัดกันหลบซึ่งก็ได้แผลกันมาถ้วนหน้า


การสู้เข้าถึงฉากจบเมื่อศอกของพี่หนึ่งถูกหลบได้แต่นั่นเป็นเพียงกลลวงเพราะหมัดอีกข้างต่างหากที่จะใช้ปิดฉาก ด้านลูก้าเองก็เหวี่ยงหมัดสุดท้ายออกไปเช่นกัน


ผั๊วะ


เสียงหมัดสุดท้ายดังกึกก้องลานจอดรถ ทั้งคู่ต่างยังยืนอยู่แต่สภาพนั้นมีรอยแผลอยู่ทั้งใบหน้าและลำตัว


ดวงตาสีน้ำตาลของพี่หนึ่งกับดวงตาสีเงินของลูก้าประสานกันระหว่างหายใจเสียงหอบเล็กน้อย และไม่อยากเชื่อว่าไม่กี่วินาทีต่อมาทั้งคู่กลับเดินมากอดกันเบาๆ


“เยี่ยมไปเลยน้องชาย เก่งกว่าสามอีกนะเนี่ย”พี่หนึ่งเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มสนุกที่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ


“คุณเองก็สุดยอด...พึ่งเคยเจอคนที่สู้กับพวกเราได้ขนาดนี้”


“พวกเรา?...หมายถึงอะไร?”พี่หนึ่งทำหน้างงเมื่อได้ยิน


“...นี่ไม่รู้ว่าผมเป็นใครเหรอ?”


“ฉันก็ถามตั้งแต่ตอนเจอกันแล้วนี่ว่านายเป็นใคร”


“สาม”ลูก้าหันมาเรียกผมแทน แววตานั่นเหมือนจะต้องการให้ช่วยอธิบายถึงเรื่องนี่ที


“เฮ้อ...เอางี้นะ ผมไม่รู้ว่าจะสู้กันไปทำไมแต่เอาเถอะ ผมขอแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันก่อน...ลูก้านี่คือพี่ชายของผมชื่อหนึ่ง”


“พี่ชาย?”


“พี่หนึ่งนี่ลูก้า เขาเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์...แต่ถึงจะบอกไปก็ไม่รู้อยู่ดีสินะ เอาเป็นว่าเขาเป็นมนุษย์ที่สามารถกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ได้ ปกติไม่มีมนุษย์บ้าๆคนไหนกล้าท้าสู้เมื่อเห็นสีผมนี่หรอกนะ”ผมอดไม่ได้ที่จะชี้ไปยังเส้นผมสีฟ้าแซมแดงของลูก้าระหว่างบ่นพี่ชายตัวเอง


รู้ว่าพี่เก่งแต่ถ้าเทียบกับลูก้า...ผมไม่คิดว่าจะชนะได้หรอกนะ


เหมือนลูก้าจะยังออมมืออยู่หรือไม่ก็ไม่ชินกับการสู้ในร่างมนุษย์


“ไดโนเสาร์...จริงดิ ฉันอยากลองสู้กับไดโนเสาร์ดูสักครั้งพอดี กลับร่างซะแล้วมาสู้กันอีกรอบ”พี่หนึ่งทำตาโตเมื่อได้ยินแต่ไม่ใช่ตาโตแบบอารมณ์หวาดกลัวแต่เป็นตื่นเต้นและสนใจ


“เลิกบ้าเลยพี่ เดี๋ยวได้ตายจริงๆหรอก”


“ไม่แน่ฉันอาจชนะก็ได้”


“ไม่มีทาง ลูก้าไม่มีทางแพ้พี่”ผมพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม


“มั่นใจเกินไปหน่อยมั้ง...จะว่าไปก็พึ่งเคยเห็นเราเป็นแบบนี้แฮะ”


“เป็นอะไร?”


“หึ...ไม่รู้สินะ”


“ห๊ะ?...อะไรของพี่เนี่ย”


“อย่ามาขึ้นเสียงนะ เดี๋ยวโดนเลย”พูดจบพี่ก็คว้าคอผมไปขยี้หัวแรงก่อนพวกเราจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน


การโดนขยี้ผมเป็นสิ่งที่โดนมาตั้งแต่เด็กเลยค่อนข้างชิน


ยังไงผมก็สนิทกับพี่หนึ่งที่สุดในบ้านละนะ


“สาม”


“ลูก้า?”


“ขอโทษที่ไม่ฟัง”น้ำเสียงสำนึกผิดนั่นทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ


“ไม่เป็นไร นานๆได้คู่มือเก่งๆบ้างก็ดีใช่ไหม พี่ผมเก่งเนอะ”


“อืม...สมที่เป็นพี่ของสาม”


“โอ๊ะ ยังไม่ได้คุยเลยนี่ว่าวันนี้ฉันมาหาทำไม”


“นั่นสิ แล้วพี่มาทำไมแถมอยู่ก็โทรตามบอกให้รีบลงมาอีก”เมื่อเช้าระหว่างรอลูก้าอาบน้ำพี่หนึ่งก็โทรมาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย ผมเองก็นานๆทีจะได้เจอกันเลยดีใจรีบลงไปโดยลืมบอกลูก้าซะสนิท


“พอดีพวกลูกน้องป่วยกันเกือบหมดคนลงเรือเลยไม่พอน่ะสิ “


“ป่วย? เป็นอะไร?”


“เหมือนจะเป็นไข้หวัด ด้วยเหตุนั้นเลยมารับสามน่ะ”


“ห๊ะ?”ด้วยเหตุนั้น?


“เรื่องต้อนปลา หว่านแห ใช้อวน ใช้เบ็ดเราถนัดจะตาย มาช่วยกันหน่อย”ทั้งน้ำเสียงและคำพูดไม่เหมือนกำลังขอร้องให้ช่วยสักนิด


มันเป็นการบังคับให้ไปชัดๆ


“แค่นั้นพี่ก็ทำได้นี่”ยังไงก็มีความรู้ด้านนี้จากพ่ออยู่แล้ว


“มันก็ทำได้แต่ถ้าลงไปเองแล้วใครจะคอยคุมเล่า...เอาน่า มาได้แล้ว นายด้วยลูก้า”ประตูรถกระบะรุ่นเก่าถูกเปิดพร้อมมือที่กวักเรียก


“ผมยังไม่ได้ลางาน”อยู่ให้ไปโดยไม่บอกมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่


“ไว้ค่อยโทร ยังไงก็เป็นหัวหน้าไม่มีใครว่าหรอก เร็วๆ”


“เอาไงสาม”ลูก้าหันมาถามผม


“เฮ้อ ผมคงต้องไป แต่ลูก้าจะอยู่นี่ก็ได้นะ...”


“ผมจะไปกับสาม”ยังไม่ทันพูดจบประโยคลูก้าก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยใบหน้าจริงจัง


ว่าแล้วว่าต้องไปด้วย


“ติดผมมากเกินไปมั้งลูก้า”ถึงจะไม่ได้ไม่ชอบก็เถอะ


“ปีกว่าที่ห่างกันมันมากเกินพอแล้ว”


“...เข้าใจแล้ว ไปกัน”ความจริงไปด้วยแบบนี้ก็ดีถือเป็นการพาไปเปิดหูเปิดตา


หลังจากตกลงกันได้ทั้งผมและลูก้าก็ขึ้นไปนั่งบนรถกระบะที่มีคนขับคือพี่หนึ่งตรงกลับไปยังบ้านเกิดของผมซึ่งอยู่จังหวัดเดียวกันเพียงแต่ไกลจากศูนย์วิจัยนี่อยู่พอสมควร ได้ชื่อว่าประมงบ้านของผมเลยอยู่ติดกับทะเลที่มีท่าเรือเป็นของตัวเอง


ตลอดการนั่งรถถูกเสียงของพี่หนึ่งพูดนู่นพูดนี่อยู่ตลอดทางจนผมอยากจะหลับไปให้รู้แล้วรู้รอดจะได้ไม่ต้องมาฟังเสียงจ้อไม่หยุดนี่


รถกระบะสีเงินขับมาจอดยังหน้าบ้านขนาดกลางสองชั้น ถัดออกไปไม่ไกลก็คือท่าเรือกับโรงงานขนาดใหญ่ที่ไม่ไว้สำหรับนำสัตว์น้ำที่จับได้มาคัดแยกก่อนจะถูกเหล่าพ่อค้าแม่ค้ามารับไปขายอีกทอดหนึ่ง


“ต้องไปเตรียมตัวอีก สาม ทักทายคนในบ้านเสร็จก็ไปหาฉันที่เรือเลยนะ เป็นถึงด็อกเตอร์คงไม่ต้องบอกนะว่าเรือลำไหน”


“พี่...”ยังไม่ทันได้แย้งหรือพูดอะไรพี่หนึ่งก็ลงจากรถแล้ววิ่งตรงไปยังท่าเรือด้านข้างทันที


พอเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ผมเลยต้องส่ายหัวอย่างปลงๆระหว่างลงจากรถ กลิ่นของน้ำทะเลโชยเข้าจมูกเหมือนอย่างศูนย์วิจัย สิ่งที่ต่างกันมีเพียงที่นี่จะมีกลิ่นสาบของสัตว์ทะเลปนชัดเจนกว่า


“ที่นี่...บ้านสาม?”ลูก้าลงรถตามมาถามพลางยืนมองบ้านเดี่ยวสองชั้นตรงหน้า


“ใช่...ห้องผมอยู่ทางซ้ายสุดที่มีผ้าม่านสีฟ้า”ผมชี้ให้ลูก้าดู


ไม่ได้กลับมานานก็คิดถึงอยู่เหมือนกัน


“แปลว่าวันนี้เราจะนอนห้องนั้นสินะ”


“ไม่ได้นอนบ้านหรอกลูก้า”


“ไม่ได้นอนบ้าน? เราแค่ไปจับปลาไม่ใช่?”ลูก้าหันมาถามงงๆ


“ถึงจะแค่จับปลาแต่เป็นจับในทะเลน้ำลึกจึงต้องใช้เวลาในการเดินเป็นวันในการจับ ถ้าจะไปแค่วันเดียวส่วนมากจะเป็นประมงน้ำตื้น”ผมอธิบาย


“งั้นทำไมไม่ทำประมงน้ำตื้นล่ะ”


“ประมงน้ำตื้นมีคนทำเยอะอยู่แล้วขืนไปแย่งกันทำแต่บริเวณนั้นสัตว์น้ำจะเติบโตไม่ทันเอา แต่ถ้าเลือกประมงน้ำลึกก็อาจจะได้สัตว์หายากกลับมาด้วย”


“อ้อ...แล้ว...”


“สาม!”เสียงหวานออกสูงตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดังลั่นจนเกือบยกมือขึ้นปิดหู


หญิงสาวอายุมากกว่าผมประมาณ3ปีก้าวเข้ามาผมด้วยใบหน้าตกใจปนเคืองๆแต่พอหันหน้าไปเห็นลูก้าที่ยืนอยู่ไม่ไกลดวงตาสีน้ำตาลนั่นก็เบิกกว้างขึ้น ไม่เพียงแค่ตาแต่ปากเองก็อ้ากว้างจนหมดความเป็นกุลสตรี


“พี่สอง”ผมเรียกพี่สาวแท้ๆของตัวเองด้วยน้ำเสียงเหนื่อย พี่สองหรือวารุณี ธาราสุขเป็นผู้หญิงผิวออกขาวที่สุดในบ้านเนื่องจากไม่ค่อยชอบไปขึ้นเรือประมงเหมือนผมและพี่เท่าไหร่ ทั้งสีผมและสีตาทั้งครอบครัวผมเป็นสีเดียวกันหมด


“โอ้พระเจ้า หล่อมาก...หล่ออะไรแบบนี้...”เสียงเรียกผมดูจะไม่เข้าหูพี่สองเพราะมัวแต่จ้องหน้าลูก้าด้วยความเพ้อ


อ่า...จะว่าไปพี่สองชอบผู้ชายหน้าคมๆแบบนี้นี่นา แถมพึ่งเลิกกับแฟนมาอีก


อย่าบอกนะว่าหลงรักลูก้าเข้าแล้วน่ะ


“พี่สอง”


“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อสองเป็นพี่สาวของสาม ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเหรอคะ”เป็นอีกรอบที่ผมโดนพี่สาวตัวเองเมินโดยสิ้นเชิง


“...ลูก้าครับ”ลูก้าหันมาสบตาผมเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป


“ลูก้า? เป็นชื่อที่แปลกจังเลยแต่ว่าช่างหล่อเหมาะกับคุณเหลือเกิน”


“พี่สอง ห้ามยุ่งกับเขาเชียว”ผมรีบเข้าไปยืนแทรกระหว่างลูก้ากับพี่สองที่หมายจะเดินเข้ามาประชิด


สายตาแบบนั้นคงหลงเต็มที่แล้วล่ะสิ


ก็รู้ว่าลูก้าหน้าตาดี การจะมีผู้หญิงมาชอบมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ


ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้ต้องเข้ามาห้ามทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด


“อะไรสาม เขาเป็นกิ๊กแกรึไง”พี่สองยืนเท้าเอวถาม


“ก็เปล่า...”


“อย่ามาห้ามฉันน่า เจอคนหล่อขนาดนี้ไม่จีบก็ไม่ต้องเกิดมาเป็นผู้หญิงแล้ว”


“ผู้หญิงควรจะมีความเป็นเป็นกุลสตรี...”


“นี่มันยุคไหนแล้ว ขืนรอให้ผู้ชายมาจีบคงชาติหน้ากว่าจะได้แต่งงาน”


“พี่ยังคิดจะแต่งงานอีกเหรอ”แฟนคบหาได้ไม่เคยถึงครึ่งปีเลยแล้วจะมาคิดเรื่องแต่งงาน


“พูดแบบนี้จะหาเรื่องกันใช่ไหม แล้วทีแกล่ะไม่เห็นจะพาสาวมาแนะนำสักทีจนพี่หนึ่งมีลูกสามแล้วเนี่ย”พี่สองเอ่ยพาดพิง


“ผมไม่ได้อยากแต่งงานมีลูกนี่”พูดถึงพี่หนึ่งก็ใช่อย่างที่พี่สองว่า


เมื่อต้นปีที่ผ่านมาภรรยาพี่หนึ่งพึ่งคลอดลูกสาวหลังจากที่มีลูกชายสองคนอยู่แล้ว ลูกสามคนอาจดูเยอะแต่ในความจริงไม่ใช่เลย ทั้งพ่อและแม่หรือแม้แต่พี่ต่างก็ชอบเด็กเลยมีคนคอยเลี้ยงดูตลอด


“แกไม่อยากแต่งแต่ฉันอยากนี่”


“พี่ไปหาคนอื่นเถอะ...พี่เห็นก็น่าจะรู้นี่ว่าเขาเป็นอะไร”ผมบอกกลับไป พี่สองไม่เหมือนพี่หนึ่งที่ไม่รู้จักไดโนเสาร์กลายพันธุ์เพราะเอาแต่สนใจเรื่องกีฬาไม่ก็ออกหาปลาเพราะพี่สองเป็นถึงผู้ประกาศข่าวประจำช่องชื่อดังแห่งหนึ่ง ดังนั้นต่อให้ไม่อยยากรู้ข่าวพวกนี้คงจะเข้าหูอยู่ดี


“รู้แล้วไง หล่อซะอย่างเรื่องอื่นอย่าไปคิดมากน่า”พี่สองพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง


“คิดมากหน่อยสิพี่”


“ไม่สนแกแล้ว ลูก้ามีแฟนรึยังคะ?”ถ้าใครได้เสียงจะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงโทนเสียงอันแตกต่างกัน เสียงที่ใช้พูดกับผมช่างแสนห้วนต่างจากพูดกับลูก้าที่หวานหยด


ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน


เอาเถอะ ยังไงลูก้าก็ต้องตอบว่ามีแล้วอยู่ดี


ก่อนหน้านี้ที่พี่หนึ่งสามยังบอกว่าผมเป็นของเขาเลย


ถ้าเป็นแบบนั้นพี่สองจะได้ตัดใจกับลูก้าซะ


นี่ผมชักเริ่มแปลกที่รู้สึกดีเวลาถูกลูก้าบอกว่าเป็นของเขาแล้วสิ


อะไรเนี่ย


ไม่ใช่สิ


เลิกคิด เลิกคิดเดี๋ยวนี้


“แฟน?”ลูก้าทำหน้างง


“ใช่ค่ะ มีแฟนรึยังเอ่ย”พี่สองถามซ้ำ


“...ยังไม่มีครับ”


“...”คำตอบที่ได้ยินทำเอาผมหันควับไปมองอีกฝ่ายทันที


ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าผมเป็นของเขาอยู่เลยแล้วทำไมมาบอกว่าไม่มีเล่า


อย่าบอกนะว่าสนใจพี่สองน่ะ


แล้วทำไมผมถึงรู้สึกหงุดหงิดเนี่ย


“แบบนี้ก็เยี่ยมเลย...”


“เยี่ยมอะไรของพี่เล่า ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้”


“แล้วแกจะมาตัดสินอะไรแทนเขาล่ะ เป็นกิ๊กก็ไม่ใช่แถมเขายังไม่มีแฟนอีก”


นั่นสิ...ผมจะขวางไปทำไม


ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็...


“...ลูก้าเป็นของผม”ผมบอกเสียงเบาด้วยใบหน้าที่ร้อนขึ้น


ในเมื่อลูก้าบอกว่าผมเป็นของเขาก็แปลว่าเขาต้องเป็นของผมเหมือนกัน


พูดเองก็เขินเอง


จะบ้าตาย


“สาม”ลูก้าดูจะตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินแต่ผ่านไปสักพักก็ยิ้มกว้างออกมา


“ยิ้มมากไปแล้ว”พึ่งจะเคยเห็นยิ้มกว้างขนาดนั้น


“ก็มันดีใจนี่”


“ไม่ต้องมาดีใจ ผมมีเรื่องต้องเคลียร์อยู่อีก”


“สาม...”


“สต๊อป เดี๋ยวนะ หมายความว่าไงที่ว่าลูก้าเป็นของแกน่ะสาม”สายตาที่จ้องมานั่นดูไม่ต้องการคำโกหกด้วย


“ลูก้า ผมเป็นอะไรกับลูก้า”ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถามพี่สองแต่หันไปถามลูก้าแทน


จะให้ผมพูดอธิบายสิ่งที่ยังไม่เข้าก็ไม่ได้ ขอโยนไปให้ลูก้าละกัน


“สามเป็นคู่ของผม”


พอพี่สองได้ยินก็เบิกตากว้างพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากที่อ้ากว้างไม่แพ้กัน


“ไม่นะ...ทำไมผู้ชายหล่อๆอย่างลูก้าถึงได้ชอบคนตัวเตี้ยล่ะ”


“นั่นใช่เรื่องที่พี่ควรตกใจรึไง”ผมตะโกนกลับไป


จะให้บอกอีกกี่รอบว่าผมไม่ได้เตี้ย


ก็ใช่ที่ความสูงผมเมื่อเทียบทั้งพี่หนึ่งและพี่สองอาจเตี้ยกว่า แต่กับพี่สองผมก็ไม่เตี้ยกว่ามากมายแค่2เซนติเมตรเท่านั้นเอง
175นี่มันไม่เตี้ยนะ


โดนล้อจนผมจะคิดว่ามันเตี้ยแล้วเนี่ย


“แกไปทำเสน่ห์วัดไหนถึงได้คนหล่อขนาดนี้มาชอบฮะ”พี่สองถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้


“ไม่ได้ทำสักหน่อย”พูดเหมือนผมมีเวลาไปไหนงั้นแหละ


“เอาเถอะ...ฉันยอมแพ้ก็ได้ แต่แกเถอะ...ทำงานวิจัยทำไมถึงได้รู้จักกับไดโนเสาร์กลายพันธุ์แสนหายากได้ล่ะ”พี่สองถามต่อด้วยใบหน้าที่จริงจังขึ้นเล็กน้อย


“พอดี...ผมเป็นคู่หูเขาน่ะ”ผมบอกเสียงเบา


“ว่าไงนะ ฝีมือการต่อสู้ปลาซิวปลาสร้อยอย่างแกน่ะนะ”


“พี่อย่าเอาผมไปเทียบกับพ่อหรือพี่หนึ่งสิ”พ่อผมเองก็เป็นอีกคนที่ชื่นชอบศิลปะป้องกันตัวเลยสอนให้พี่หนึ่ง พอพี่หนึ่งเก่งก็มาสอนผมต่ออีกรอบ


สองคนนั้นฝีมือเก่งมาก


ข้อนั้นผมยอมรับแต่ถ้ามาเทียบการเคลื่อนไหวในน้ำผมกล้าท้าเลยว่าผมชนะขาด


ถ้าคิดว่าต่อสู้บนบกกับในน้ำเหมือนกันละก็คิดผิดแล้ว


“ปกติแกไม่ชอบพวกต่อสู้นี่ทำไมถึงยอมรับงานนี้กัน”


“พอดีมีหลายๆเหตุผลน่ะ”ถ้าให้ขยายความผมก็คงพูดได้แค่ว่าไม่เข้าใจตัวเองเลยเหมือนกัน


“จะทำงานนั่นก็ไม่ว่าหรอกแค่กลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว”


“ครับ”ผมก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน


“เข้าไปทักทายพ่อแม่กับหลานข้างในก่อนสิ”พี่สองบอกพลางมองไปในบ้าน


“จริงด้วย...ไปกันลูก้าผมจะพาไปแนะนำครอบครัวผมให้รู้จัก”พูดจบผมก็กวักมือเรียกลูก้าให้เดินตามเข้ามาในบ้านโดยมีพี่สองเดินนำเข้าไปก่อน



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


ภายในบ้านเดี่ยวสองชั้นถูกแบ่งเป็นห้องเล็กๆหลายห้องโดยจะมีห้องใหญ่สุดอยู่ชั้นหนึ่ง ห้องนั้นคือห้องรับแขกนั่นเอง...ห้องรับแขกนี้กินพื้นที่กว่าครึ่งบ้านทำให้มีพื้นที่ให้หลานทั้งสามคนของผมวิ่งเล่นหรือนอนแผ่ได้ตลอดวันโดยไม่เบื่อ


“แม่ สามพาแฟนผู้ชายมาหาแนะ”


“เฮ้ย พูดอะไรน่ะพี่สอง”ผมรีบวิ่งตรงไปหาพี่สองที่ตะโกนบอกให้ครอบครัวที่นั่งอยู่กับพร้อมกันฟังด้วยความตื่นตกใจ


ผมไม่ได้เป็นแฟนกับลูก้าสักหน่อย


“แกว่าอะไรนะยัยสอง”


“สามพาผู้ชายเข้าบ้านน่ะแม่”พี่สองย้ำอีกรอบ


“ฉันว่าแล้ว ขนาดตัวอย่างนั้นจะมีสาวไหนมาสนใจ ใช่ไหมคะคุณ”แม่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆก่อนจะเอียงหัวไปซบสามีที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน


“ก็เหมือนยัยสองที่สูงกว่าผู้ชายเลยหาแฟนไม่ได้ไง”


“พ่ออย่ามาพูดกระทบหนูนะ”


เอาเข้าไปสิบ้านนี้


จะทับถมผมเรื่องส่วนสูงอีกนานไหม


ก็ใช่ที่นอกจากผมจะสูงน้อยที่สุดในบรรดาพี่น้องแล้วผมยังสูงน้อยที่สุดในบ้านยกเว้นหลานทั้งสามคนด้วย


พ่อสูง180ขึ้นส่วนแม่ก็170ปลายๆแต่ผมกลับสูงไม่ถึงมันน่าน้อยใจนัก


“ไม่ทักทายแม่หน่อยเหรอสาม”แม่หันมาทักทายผมด้วยรอยยิ้ม


“ชอบแกล้งผม...แบบนี้ถึงไม่อยากกลับไง”ผมบ่นเสียงน้อยใจ


“โอ๋ๆ อย่างอนสิลูกรัก ถึงลูกจะเตี้ย เอ้ย สูงน้อยสุดในบ้านแต่แม่ก็รักเราที่สุดนะ”


อย่าคิดว่าผมไม่ได้ยินคำว่าเตี้ยนะแม่


แต่ไหนก็ได้เจอกันทั้งที


“สวัสดีครับพ่อแม่ ไม่ได้เจอตั้งนาน คิดถึงนะครับ”ผมพูดก่อนจะเข้าไปกอดทั้งคู่ไหวหลวมๆ


“คิดถึงเหมือนกันลูกชายแม่”


“หวังว่าคงไม่ได้เอาแต่ทำการทดลองจนลืมที่พี่แกสอนหรอกนะ”คำพูดของพ่อคงหมายถึงศิลปะการป้องกันตัวแน่ๆ


“ไม่ลืมหรอกพ่อ ตอนนี้ผมเก่งขึ้นตั้งเยอะนะ”ไม่อยากอวดหรอกว่าทั้งทักษะ ไหวพริบหรือแม้แต่ความคล่องตัวก็เพิ่มขึ้นจากการฝึกแทบทุกวัน


“โฮ่...งั้นมาลองสักหน่อยไหมล่ะ”พ่อท้าพร้อมเตรียมลุกจากโซฟา


“ขอหลังจากกลับมานะพ่อ พี่หนึ่งให้มาช่วยบนเรือน่ะ”


“อ้อ...เห็นว่าคนป่วยเยอะเลยนี่นะ”


“ใช่ครับ พี่หวานสวัสดีนะครับ”ผมหันไปทักทายสาวสวยภรรยาพี่หนึ่งด้วยรอยยิ้ม


“เช่นกันจ้าสาม ไม่ได้เจอนานเลยแบบนี้หลานๆคงจำหน้าไม่ได้แล้วมั้ง ทักทายอาสามหน่อยเร็วน้ำหอม”พี่หวานพูดพลางก้มลงไปเล็กกับเด็กสาวในชุดสีชมพูอ่อนในอ้อมกอด น้ำหอมเป็นลูกสาวคนสุดท้องที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ส่วนอีกสองคนก็กำลังนอนกลางวันแผ่อยู่ข้างโซฟาซึ่งก็ดีแล้วเพราะถ้าตื่นคงป่วนน่าดู


“สวัสดีครับน้ำหอม เราเคยเจอกันตอนหนูเกิดจำได้ไหมเอ่ย”ผมเดินเข้าไปถามพร้อมรอยยิ้ม


“อ้า...”


“คิก น่ารักจัง”


“หาแฟนแล้วมีสักคนสิสาม”พี่หวานเสนอ


“ไม่ล่ะครับ ผมไม่ไหวหรอก”ผมส่ายหน้าปฏิเสธ


“ใช่เลยพี่หวาน สามน่ะมีแฟนเป็นชายหนุ่มรูปงามอยู่ทั้งคน”พี่สองพูดสบทบ


“รูปงาม?”


“ไม่เรียกเข้ามาแนะนำตัวกับครอบครัวหนอยล่ะสาม”รอยยิ้มจากพี่สองดูเหมือนกำลังสนุกที่ได้แหย่ผมเล่นแบบนี้


“ลูก้า เข้ามาสิ”ผมเรียกลูก้าที่ไม่ยอมเดินตามเข้ามา


“เข้าไปได้เหรอสาม”ลูก้าโผล่หน้ามาถาม


“ได้สิ มานี่ๆ”ผมกวักมือเรียกก่อนจะให้ลูก้าหยุดอยู่ตรงหน้าครอบครัวผมทุกคน


เห็นได้ชัดว่าทุกคนยกเว้นพี่สองที่รู้อยู่แล้วต่างมีสีหน้าตกใจ


“ลูกเขยฉัน...”แม่ถึงกับทำตาเพ้อเลยล่ะ


“งานดีมาก”พ่อพยักหน้าระหว่างมองไปยังแต่ละส่วนของร่างกาย


“รูปงามอย่างที่สองบอกจริงๆด้วย”พี่หวานถึงกับหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นลูก้า


ครอบครัวผมดูจะหลงลูก้ากันเป็นแถบ


“ลูก้า”ผมสะกิดเล็กน้อยเป็นเชิงให้ทักทาย


“ผมลูก้าครับ ยินดีที่รู้จักครับ”


“ยินดีที่รู้จักมากเลยจ้า คนอะไรทำไมหล่อแบบนี้ มานั่งข้างแม่มา”แม่ถึงกับผลักพ่อที่อยู่ให้เขยิบไปก่อนจะตบยังโซฟาเบาๆแทนการเรียก


“เอ่อ...สาม...”ดวงตาสีเงินนั่นมองมาเหมือนขอความช่วยเหลือ


“พวกเราต้องรีบไปเรือน่ะแม่ ขอตัวก่อนดีกว่า”


“แกก็ไปสิสาม ให้เขาอยู่นี่กับแม่ก็ได้”


“...”แม่...ผมลูกแม่นะ ไล่กันแบบนี้เลยเหรอครับ


“ผมจะไปกับสาม”ลูก้าพูดทันทีที่ผมเงียบไป


คงคิดว่าผมลังเลที่จะให้ไปด้วยสินะ


“รู้แล้ว ผมก็ไม่ให้นายอยู่นี่หรอก ทุกคนผมกับลูก้าขอตัวล่ะไว้กลับจะมาหาใหม่นะครับ”สุดท้ายผมก็บอกลาก่อนจะพาลูก้าเดินตรงเข้าไปยังท่าเรือ


ท่าเรือของบ้านผมเป็นท่าเรือไม่ยาวมากเดินไปไม่นานก็เจอเรือหลายลำยอดอยู่ติดๆกันซึ่งแต่ละลำก็จะใช้ในรูปแบบต่างกันออกไป จากที่มองดูเหมือนจะมากกว่าครั้งล่าสุดที่ผมมาซะอีก


“สามรู้เหรอว่าลำไหน”ลูกก้าถาม คงเพราะเราเดินผ่านเรือมาหลายลำแล้วแต่ผมไม่มีทีท่าจะหยุดเดินเลย


“รู้สิ จะว่าไปผมมีเรื่องอยากถามหน่อย”อยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องคาใจอยู่


“เรื่องอะไร”


“สนใจ...พี่สองเหรอ?”ก็รู้ว่าควรปล่อยผ่านไปแต่ยังไงมันก็สงสัยอยู่ดี


“พี่สอง?...เปล่านี่ ทำไมสามถึงถามแบบนั้นล่ะ”ลูก้าถามกลับด้วยน้ำเสียงงงๆ


“ก็เห็นพูดว่ายังไม่มีแฟนก็เลยคิดว่าสนใจรึเปล่า...”


“ก็ผมไม่มีแฟนจริงๆนี่”


“...งั้นผมเป็นอะไร”น้ำเสียงเบาๆราวกับพึมพำนั่นถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ได้ยินแต่ด้วยประสาทสัมผัสของลูก้าทำให้ผมรู่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรอดหูนั่นแน่


“สามเป็นคู่ของผมไง”ลูก้าตอบโดยไม่ต้องคิด


“มันต่างกันตรงไหน”คำว่าคู่ไม่ใช่แฟนรึไงกัน


“แฟนมันเหมือนเป็นคำเอาไว้สำหรับดูใจกันถ้าไม่พอใจก็เลิก แต่คู่สำหรับผมคือเลือกแล้วและจะไม่มีทางเปลี่ยนใจไปหาคนอื่น”
ฉ่า


ความร้อนจากทั่วร่างกายมารวมยังใบหน้าอย่างฉับพลัน ขนาดอากาศยามสายร้อนเปรี้ยงจนเหงื่อไหลยังไม่เท่าความร้อนบนใบหน้าผมเลย


“...ไปกันเถอะ”ขืนฟังมากกว่านี้ผมอาจก้าวขาไม่ออกก็ได้


“แต่แฟนก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นคู่ของมนุษย์ งั้นสามมาเป็นแฟนผมนะ”


กึก


“อะ...ไรนะ”ขาที่ก้าวถึงกับหยุดเดินอย่างกะทันหันก่อนจะหันกลับไปมองหน้าลูก้าอีกรอบ


“เป็นแฟนผมนะสาม”


“...มาขออะไรตอนนี้เล่า”


“ไม่รู้สิ ก็แค่รู้สึกว่าถ้าเป็นแฟนกันก็คงดีเลยขอน่ะ”


“...”


“สาม...”


“ขอคิดดูก่อน”ผมตอลกลับไปด้วยเสียงสั่นพร้อมก้าวต่อไปตามทาง


“เดี๋ยวสิสาม...ขอคิดอะไร”


“จะให้ผมตกลงเลยรึไง”


“อืม”


“ไม่ต้องมาพยักหน้านะ”ผมหันไปบ่นอีกรอบ


ขอล่ะ ให้เวลาหัวใจผมได้ลดจังหวะการเต้นลงหน่อยเถอะ


จู่ๆก็ขอเป็นแฟน จะให้ผมตอบตกลงทั้งที่ยังไม่แน่ใจในตัวเองได้ยังไง


กับลูก้าคงไม่ต้องหาความแน่นอนหรือแน่ใจอะไรอีกแล้วเพราะความรู้สึกชอบและรักผมสัมผัสถึงมันได้มาตั้งนานแล้วเพียงแค่ไม่อยากยอมรับเท่านั้น


ข้อสำคัญอยู่ที่ความรู้สึกผมว่าจะเป็นยังไง


ชอบ


ก็คงใช่


แต่ถ้ารักไหม


ผมไม่รู้


เพราะงั้นเลยขอเวลาเพื่อทบทวนความรู้สึกนี้ให้แน่ใจก่อนจะให้คำตอบ


การพูดคุยระหว่างทางเป็นอันสิ้นสุดเมื่อมาถึงเรือขนาดใหญ่สีเงินแกมเทาที่มีลูกน้องหลายคนกำลังขนเครื่องมือต่างๆขึ้นไปยังเรือ เรือลำใหญ่นี้เป็นเรือที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นพอผม...ครั้งแรกในการออกทะเลของผมก็เรือลำนี้แหละ


“ช้า”นี่คือคำทักทายแรกจากพี่ชายที่ยืนเท้าเอวด้วยใบหน้าหาเรื่อง


“ไปบอกแม่กับพี่สองไป”ที่มาช้ามันไม่ใช่ความผิดผมสักนิด


“ไม่ใช่เดินจู๋จี๋กันระหว่างมารึไง”พี่หนึ่งพูพลางยักคิ้วส่งมาให้


“ใครจู๋จี๋กัน ไปออกเรือได้แล้ว!”ผมตะโกนบอกเหล่าชายหนุ่มซึ่งเป็นเหล่าลูกน้องอันแสนคุ้นหน้าคุ้นตาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก


“ครับคุณสาม!”


“เฮ้ย...ฉันเป็นกัปตันนะเฮ้ย”พี่หนึ่งตะโกนต่อเมื่อเห็นว่าทุกคนทำตามคำสั่งผม


“กัปตันคือคุณเทียนต่างหาก”ลูกน้องคนหนึ่งตะโกนบอก


“แล้วฉันที่ยืนหัวโด่เป็นใครฮะ”


“บอสไงครับ”ทุกคนบนเรือต่างตะโกนตอบอย่างพร้อมเพรียง


“หึ...ใช้ได้ๆ จากนี้เรียกฉันว่าบอสซะ”


“ไม่”ผมส่ายหันทันทีที่ได้ยิน


“กล้าขัดคำสั่งบอสเหรอ”


“สนุกไปแล้วมั้งพี่ ไปเช็กความเรียบร้อยก่อนออกเรือรึยัง”ผมถามพลางมองไปยังรอบๆที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ในการจับสัตว์ทะเล


“ให้ลูกน้องเช็กแล้วไง”


“พี่ก็ควรไปเช็กด้วย ถ้ามีอะไรขาดขึ้นมาผมจะให้พี่ว่ายกลับมาเอา”ผมยื่นคำขาด


“โฮ่ กล้าสั่งฉันเหรอสาม”


“ก็กล้ากว่าที่พี่คิดละกัน”เป็นหัวหน้าแต่ทำงานแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน


พี่หนึ่งยืนสบตาผมนิ่งๆสักพักก่อนที่หมัดขวาตรงจะถูกเหวี่ยงมาอย่างแรงทว่าจังหวะการออกหมัดนั่นผมเห็นตั้งแต่ตอนอีกฝ่ายกำมือแล้วเลยทำให้หลบได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร


“ใช้ได้นี่...เร็วกว่าเมื่อก่อนอีก”พี่หนึ่งเอ่ยชม


“ถ้าไม่เร็วผมคงสู้กับไดโนเสาร์ไม่ได้หรอก”ระดับความเร็วของไดโนเสาร์ร้อยทั้งร้อยต่างเหนือกว่ามนุษย์ ดังนั้นเราก็ควรฝึกการมองเห็นและการโต้ตอบโดยฉับพลันเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด


“อยากเห็นชะมัด”


“ไม่ใช่ภาพที่น่าดูนักหรอก”


“ยิ่งห้ามยิ่งอยากเห็น...เอาเถอะ ฉันขอไปเช็กอุปกรณ์สักหน่อยละกัน”พี่หนึ่งโบกมือลาก่อนจะเดินไปสำรวจรอบๆ


“ก็ไปแต่แรกสิ”ผมไม่เข้าใจว่าจะถ่วงเวลาให้ต้องเหวี่ยงหมัดใส่ผมเพื่ออะไร


“สาม...ทะเลนี่ลึกกว่าที่ฝึกอีก”ลูก้าพูดระหว่างที่ดวงตาสีเงินมองไปยังทะเลเบื้องล่าง


“ลึกกว่าเยอะเลยล่ะ ครั้งหน้าลองยืมเรือพาไปฝึกลึกกว่าเดิมดีกว่า”ปกติที่ฝึกก็มักจะเป็นสถานที่เดิมตลอด นอกจากระดับน้ำจะไม่ลึกมากแล้วยังไม่ค่อยมีอุปสรรค์อะไรมากด้วย


“อยากว่าย...”แววตาของลูก้าส่องประกายทุกครั้งที่มองทะเล ซึ่งก็สมควรแล้วที่เกิดมากับท้องทะเล


“ขืนกลับร่างสัตว์ที่จะหว่านแหได้ก็ชวดกันหมดพอดี”มีนักล่าขนาดใหญ่กว่า10เมตรว่ายคงมีพวกปลาหรือสัตว์อะไรกล้าว่ายเข้ามาใกล้หรอก


“งั้นถ้าร่างมนุษย์...”


“อย่าแม้แต่คิดเชียว คลื่นที่เกิดจากเครื่องยนต์ของเรือทำให้กระแสน้ำโดยรอบค่อนข้างรุนแรง ลงไปว่ายได้มีเจ็บตัวพอดี”ผมรีบพูดขัดเมื่อรู้สิ่งที่ลูก้าจะบอก


“...น้ำทะเล”เสียงเศร้ากับสายตาที่ทอดมองไปยังพื้นน้ำทำเอาผมไม่รู้จะขำหรือเศร้าใจดี


“ไว้รอลงตอนไปถึงจุดว่านแหละกัน”


“ว่ายน้ำได้เหรอ”ลูก้าหันมาถามตาเป็นประกาย


“แน่นอน แต่กว่าจะถึงคงเกือบเย็นนะ”


“อืม”


เรือขนาดใหญ่แล่ออกไปยังทะเลไกลขึ้นเรื่อยจนถึงช่วงเกือบห้าโมงเย็นแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไปดูงดงามราวกับภาพวาดมีชีวิต การว่านแหจะทำโดยการพาเรือไปยังจุดที่ต้องการก่อนจะทิ้งแหลงไปแล้วกะจังหวะค่อยๆใช้เรือลากเพื่อจับสัตว์ที่อยูแถวนั้น


วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและใครๆก็ทำได้เพียงแต่ครอบครัวผมการลากแหจำเป็นต้องมีคนคอยขยับแหไม่ให้พันกันเวลาเรือลากไม่งั้นก็จะเสียพื้นที่ไปมาก


ดูจากหน้าของคนบนเรือผมก็รู้ทันทีว่าทำไมถึงต้องลงทุนไปพาผมมา


ทุกคนที่นี่อาจเป็นชาวประมงที่ปนะสบการณ์ในการคัดแยกสัตว์หรือออกแรงดึงแหแต่ไม่มีใครกล้าลงไปจัดการกับแหใต้ทะเลกันสักคน


“สาม...กระโดดลงไปซะ”ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรพี่หนึ่งก็เดินมาบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆราวกับให้ไปซื้อปลาจากตลาดมาสักตัว ถ้าเป็นคนอื่นคงได้ส่ายหน้าหนีหน้าที่อันตรายนี่กันเป็นแถวแต่นั่นไม่ใช่กับผมที่จัดการเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก


“ครับๆ...ลูก้าได้เวลาแล้ว...”


ตู้ม


ไม่ต้องรอให้ผมพูดจบร่างของลูก้าก็กระโดดลงไปจากด้านบนของเรือท่ามกลางความตกใจของลูกน้องหลายสิบชีวิต ผมเองก็ได้แต่ส่ายหน้ากับการกระทำนั้นก่อนจะขอตัวใช้บันไดลงไปยังน้ำทะเล


ถึงผมจะมั่นใจในการว่ายน้ำแต่การจะให้กระโดดจากเรือที่สูงเกือบ10เมตรนี่ก็ไม่ใช่เรื่อง


“ลูก้า อย่าพึ่งดำลงไป”ผมรีบว่ายไปคว้าเสื้ออีกฝ่ายไว้ก่อน


“ผมไม่ไปไกลหรอก”


“ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น...เราต้องไปช่วยจัดการแหไม่ให้พันกันก่อน”ผมบอกสิ่งที่ต้องทำออกไป


“แห...หมายถึงไอ้นั่น”ลูก้าเหลือบสายตาไปมองแหที่ถูกโยนลงมาจากบนเรือเป็นเชิงถาม


“ใช่...ลูกแค่ทำตามผม แต่เราจะอยู่กับคนละฟัง ลูก้าฟังนี้ส่วนผมฝั่งนั้น โอเคนะ”


“เข้าใจแล้ว”


“ดี ไปกันเลย”พูดจบผมก็กลั้นหายใจมุดตัวลงมาใต้น้ำว่ายตรงไปหาแหขนาดใหญ่ที่จมอยู่ในสภาพค่อนข้างยุ่งเหยิง


นี่โยนมาแบบไม่ได้จัดเลยนี่


ขึ้นไปผมจะบ่นให้หูชาเลยพี่หนึ่ง


ผมได้แค่คาดโทษพี่ชายตัวเองระหว่างว่ายไปยังฝั่งที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ แหขนาดใหญ่ค่อยๆถูกคลี่ออกจนขยายเป็นแผ่นขนาดใหญ่โดยมีลูก้าทำแบบเดียวกันอยู่อีกข้าง ด้านบนของแหมีเชือกเส้นใหญ้ร้อยผ่านไว้สำหรับใช้เรือยาก


ที่บอกว่างานนี้อันรายคือตอนที่เรือเริ่มลากแห ด้วยความเร็วของเรือแม้จะใช้ความเร็วไม่มากเท่าปกติแต่ก็ยังถือว่าเร็ว ถ้าเกิดกะจังหวะพลาดอาจถูกลากเข้าไปรวมกันเหล่าสัตว์ที่ถูกจับก็เป็นได้


ปกติจะให้คนที่เชี่ยวชาญอย่างพี่กุ้งกับพี่นกทำ แต่ดูเหมือนจะไม่สบาย


เมื่อจัดการดูแหไม่ให้พันกันเสร็จผมก็หันไปมองลูก้าพร้อมชี้นิ้วลงไปด้านล่างพร้อมรอยยิ้ม ลูก้าที่เห็นก็พยักหน้าก่อนจะว่ายมาหาและดำลงไปด้านล่างพร้อมๆกัน


สำหับผมกับลูก้ายามอยู่บนบกอาจต้องใช้คำพูดมากมายในการสื่อสารแต่เมื่อลงน้ำเมื่อไหร่เพียงแค่มือหรือสายตาก็สามารถสื่อสารกันได้ไม่ต่างจากใช้เสียง


สัมผัสของการสื่อสารโดยไม่มีเสียงทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่าตอนใช้เสียงอีก


ในน้ำทะเลนี่เราไม่ได้ใช้เสียงในการสื่อสารแต่เป็นหัวใจที่รับรู้ถึงกันได้

........................................................................

สวัสดีค่ะ

ไม่ได้มาอัพซะนานเลย ขอโทษที่ให้รอกันานนะคะ

หลายคนเดากันถูกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เฉลยออกมาก็คือพี่ชายของสามหรือพี่หนึ่งนั่นเอง

ตอนนี้เหมือนเป็นการแนะนำตัวครอบครัวของสามให้ทุกคนได้รู้จักกัน โดยส่วนตัวชอบนิสัยของพี่หนึ่งแต่งแล้วตลกดี

สำหรับการทำประมงเราไม่ได้มีความรู้หรือขั้นตอนการทำนักแต่ที่เราแต่งแบบนี้ก็เพราะอยากพูดถึงฉากใต้น้ำและการมีส่วนร่วมในอาชีพของครอบครัว อาจจะอ่านแล้วติดๆ อยู่บ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องแต่งกับแฟนตาซีนะคะความสมจริงเลยอาจไม่มาก

ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น่ารัก และสนุกมากกกกกกก สามถึงจะสูงแค่ 175 แต่ข้างในมันต้องกล้ามเนื้อล้วนๆ ซี่ ถึงจะสมศักดิ์ศรีเป็นคู่หูน้องลูก้า ต้องฟิตหนักๆ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ลูก้าน่าเอ็นดูมากตอนอยากว่ายน้ำทะเล แต่สามยังไม่ให้ว่าย
ตอนพึมพำๆว่า “...น้ำทะเล...” คือน่ารักมากกก
นี่แอบขำตอนพี่หนึ่งกับลูก้าสู้กัจเสร็จแล้วลุกมากอดกันอะ
คือแบบ เห้ยย เดี๋ยววตามไม่ทันน 5555
สามตอนอยู่กับครอบครัวแล้วสมกับเป็นลูกคนเล็กจริงๆค่ะ
น่ารักเชียวว

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
เป็นแฟนกันแล้ว นะ สาม.. สามเป็นแฟนลูก้า ขยับสถานะแล้วจ้า

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เขินจนตัวบิดแล้วเนี่ย

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
◈ธาราที่17◈




“ฉันของสั่งให้หัวหน้าวิจัยและดูแลสัตว์น้ำด็อกเตอร์นทีธาร ธาราสุขไปแลกเปลี่ยนดูงานยังสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลที่ประเทศแม็กซิโกในวันพรุ่งนี้”เสียงทุ้มอันทรงอำนาจกับดวงตาสีทองอ่อนที่สบมานั่นทำเอาเจ้าของชื่อในบทสนทนาอย่างผมถึงกับอึ้ง


“เอ่อ...คุณเลโอ...ว่าอะไรนะครับ”ผมถามหนึ่งในสามผู้นำซึ่งขับเคลื่อนธุรกิจในระดับโลกและยังเป็นถึงประธานของศูนย์วิจัยสัตว์น้ำที่นี่อย่างเลโอ ราวีโอลีอย่างไม่แน่ใจ


บอกตรงๆว่าผมยังปรับตัวไม่ทันเลยด้วยซ้ำ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาผมก็เข้าไปทำงานในห้องวิจัยที่ไม่ได้เข้าซะนานแต่ลงมือทำได้ไม่นานก็มีสายด่วนเรียกตัวผมให้ไปหายังห้องรับรอง ตัวผมก็นึกว่าเป็นคนรู้จักแต่พอเปิดประตูห้องเข้ามากลับต้องหยิกตัวเองเป็นการทดสอบว่าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม


บุคคลระดับสูงของโลกเรียกผมมาพบด้วยสาเหตุข้างต้นนั่น ถึงอย่างผมก็ยังไม่เข้าใจนักว่าทำไมถึงเป็นผมที่ถูกเลือก ถ้าพูดถึงคนที่มีความสามารถในระดับสูงยังมีอีกหลายคนที่ควรได้รับเลือก


“พูดแค่ครั้งเดียวเธอก็น่าจะเข้าใจนี่”ดวงตาคมดุจราชสีห์กับคำพูดเชือดเฉือนแสดงให้เห็นว่าคุณเลโอกำลังหงุดหงิดอยู่พอสมควร


แล้วทำไมผมถึงต้องมาเจอเขาในสภาพอารมณ์ไม่ปกติด้วย ขนาดตอนอารมณ์ปกติยังน่ากลัวเลย


“เข้าใจครับ เพียงแต่ทำไมถึงเป็นผม...แล้วก็รายละเอียด...”


“เธอเป็นคนที่เก่งที่สุดในเรื่องสัตว์น้ำ และฉันต้องการให้เธอไปทำให้ไอ้พวกงี่เง่านั่นเงียบปากสักที”


“...ครับ?”พวกงี่เง่าที่ว่าหมายถึงใครกัน


“คงรู้สินะว่ากิจการหลายๆอย่างของพวกฉันนอกจากมันจะแตกแขนงไปหลายด้านแล้วยังมีเทคโนโลยีมากมายที่ถือกำเนิดขึ้นจากภายในองค์กร”


“ครับ...การค้นคว้าบางอย่างถือเป็นความลับเฉพาะขององค์กรที่ไม่อนุญาติในนำไปเปิดเผยได้ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม”เรื่องนี้ผมรู้ตั้งแต่ตอนเข้ามาทำงานแล้ว ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำหน้าช่วยให้การวิจัยและทดลองประสบผลสำเร็จได้รวดเร็วกว่าที่อื่น


จากที่หาข้อมูลเห็นว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมพวกนี้เป็นสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะ และไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยีและนวัตกรรมเท่านั้นแต่ยังมีทั้งข้อมูลรวมถึงเทคนิคต่างๆที่ถือเป็นความลับสุดยอด ถ้าให้ยกตัวอย่างก็บิดาแห่งการคืนชีพ ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่ ความรู้และความสามารถของเขาเองก็ถือเป็นหนึ่งในความลับ


“แต่เพราะพวกบ้าๆรวมกลุ่มกันพูดว่าไม่แฟร์ที่เก็บความลับนั้นไว้แต่ในองค์กรเลยต้องมีการไปแลกเปลี่ยนเผยแพร่ความรู้ให้ตามสถาบันวิจัยต่างๆทั่วโลก”คุณเลโอพูดพร้อมใบหน้าที่ตึงขึ้นเรื่อยๆ


“หมายถึงการที่ด็อกเตอร์ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่ไปสอนการให้กำเนิดไดโนเสาร์สินะครับ”แม้ว่าความรู้เรื่องไดโนเสาร์จะเป็นความลับ แต่ก็อย่างที่คุณเลโอพูดนั่นแหละ...มีหลายกลุ่มที่ไม่พอใจในการเก็บความลับนี้ หลายคนก็กล่าวหาว่าทางองค์กรต้องการผลิตอาวุธอันตรายเพื่อครองโลกด้วยความสามารถนั้น เพราะแบบนั้นจึงมีการเผยแพร่ถึงวิธีการตัดต่อยีนรวมถึงการให้กำเนิดไดโนเสาร์ขึ้นมา


ซึ่งผมว่ามันตลกสิ้นดี


จะครองโลกเหรอ...นักวิทยาศาสตร์ไม่สนใจอะไรแบบนั้นหรอก และนักธุรกิจอย่างคุณเลโอกับอีกสองคนที่เหลือเองก็คงเหมือนกัน


“ตั้งแต่นั้นมาเลยต้องมีการผลัดกันไปศึกษาดูงานตามสถาบันต่างๆเพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้ ครั้งนี้สถานบันวิจัยสัตว์ทะเลเป็นศูนย์รวมของพวกที่คิดว่าตัวเองรู้จริงเกี่ยวกับสัตว์ทะเล...หึ น่าขำ”ถึงจะพูดว่าน่าขำแต่ใบหน้าของคุณเลโอเหมือนอยากจะจับพวกเขามาปาดคอทิ้งมากกว่ามั้ง


“พวกเขาอาจรู้จริงก็ได้นะครับ...”


“ฉันกล้าพนันเลยว่าไม่ เธอเคยไปที่นั่นรึยังล่ะ”คุณเลโอถามกลับ


“ยังครับ”ผมตอบกลับไป


“ฉันไม่อยากไปเสียเวลากับพวกปลาซิวปลาสร้อย ดังนั้นเธอจงเป็นตัวแทนฉันจัดการพวกมันให้หมดซะ เอาให้เลิกพล่ามว่าตัวเองเก่งไปเลย”


“เอ่อ...ผมว่าคงไม่...”


“ฉันอนุญาตให้เธอจัดการได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเสียหายเดี๋ยวฉันจ่ายให้”ผมถึงกับขนลุกเมื่อแววตาของราชสีห์นั่นหรี่ลงอย่างน่ากลัว


“คือผม...ไม่ได้คิดจะไปมีเรื่องกับใคร”


“หึ...ลองไปดูด้วยตาก่อนเถอะ”


“...ครับ”คำพูดนั่นเหมือนจะบอกว่าถ้าผมไปเห็นพวกเขาจะอารมณ์ขึ้นงั้นเหรอ


ไม่มีทาง


ผมไม่ใช่พวกใจร้อน


“มีอีกเรื่อง เห็นว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่นที่6เป็นคู่หูของเธอใช่ไหม”


“ใช่ครับ”รุ่นที่6นั้นจากที่ได้ข้อมูลเห็นว่ามีแค่ลูก้าคนเดียวเท่านั้น


“การที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษมอบสิทธิ์ในการดูแลให้เธอแปลว่าไม่ใช่แค่ความสามารถที่มีแต่คงมีอะไรบางอย่างในการควบคุมไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่น6สินะ”


“ผมไม่ได้ควบคุมลูก้า เขาเป็นเด็กดีไม่จำเป็นต้องควบคุมสักนิด”ผมพูดออกไปตามตรง


“คำพูดของหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษท่าจะจริง”


“...คำพูดอะไรครับ”


“ทั้งหวงทั้งห่วง”


“อึก...ก็ไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย”แค่ไม่อยากให้ใครมามองลูก้าผิดๆเท่านั้นเอง


“เธอเหมาะกับเขาที่สุดแล้ว”


“ครับ?”


“ฉันเห็นคลิปตอนร่วมกันสู้ในน้ำในภารกิจแรกแล้ว...ช่างกล้าและบ้าบิ่นมาก”


“แฮะๆ”


“ดูงานพรุ่งนี้พาเขาไปด้วยละกัน”คุณเลโอบอกเสียงนิ่ง


“ได้ครับ”ความจริงต่อให้คุณเลโอไม่บอกผมก็ต้องพาไปอยู่แล้ว และถึงผมไม่พาไปลูก้าก็ต้องขอไปด้วยแน่ๆ


“อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะ จัดให้หนักชนิดที่ให้นอนฝันร้ายไปสักปีเลย”


“ให้ผมไปดูงานไม่ใช่เหรอครับ”ทำไมคำพูดมันเหมือนกำลังให้ไปมีเรื่องกับใครสักคนเลยล่ะ


“หึ...เดี๋ยวก็รู้ อ้อ เรื่องสิทธ์การดูแลยังไม่ได้รับการอนุมัตตินะ”


“ฮะ? เดี๋ยวครับ หมายความว่าไง”ที่ว่ายังไม่ได้รับการอนุมัติ


ก็รู้ว่าอยู่ในขั้นตอนดำเนินการและคนที่จะอนุมัติคำขอนี้ได้นอกจากหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างเซโครก็ยังมีหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ในวงการธุรกิจแต่การที่คุณเลโอพูดว่ายังไม่อนุมิตแปลว่าต้องมีสาเหตุอื่นๆอีก


“เธออาจเก่งและมีความสามารถแต่การจะให้เธอมีสิทธิ์ในตัวเขาแต่เพียงผู้เดียวนั้นมีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยรวมทั้งฉันด้วย”


“ผมไม่เข้าใจ”


“เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากัน ฉันมีงาน ขอตัวก่อนล่ะ”คุณเลโอไม่ได้บอกข้อมูลอะไรเพิ่ม


ไม่พอเขาเดินออกไปผมก็ออกไปบ้าง...นอกห้องมีเหล่าลูกน้องผมยืนออกันอยู่


ใบหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยนั่นพุ่งเป้ามายังผม


คงจะสงสัยว่าผมถูกเรียกไปคุยเรื่องอะไรแน่ๆ


“ด็อกเตอร์เกิดอะไรขึ้น”พี่พลเป็นคนแรกที่เอ่ยถาม


“นั่นสิ คนระดับนั้นมีเรื่องอะไรถึงมาพบสามกัน”ยุถามต่อพลางทำหน้าคลุ่นคิด


“แค่ให้ผมไปดูงานที่แม็กซิโกพรุ่งนี้เท่านั้นเอง”ผมไขข้อสงสัยให้ทุกคน


“ไปดูงาน? แค่นั้นถึงกับต้องมาเองเลยเหรอ แค่สั่งมาก็ได้มั้ง”ยุตั้งข้อสังเกต


“นั่นสิ...”จะว่าไปก็ถูก


เรื่องแค่นี้สั่งมาดูจะเร็วกว่า


หรือว่ามันเกี่ยวอะไรกับอารมณ์หงุดหงิดนั่นกัน


ชักสงสัยแล้วสิว่าคนของสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลเป็นยังไง


หลังจากคุณเลโอกลับไปผมก็ไล่ให้ทุกคนกลับไปทำงานที่ค้างไว้โดยที่เข้าไปร่วมทำการทดลองด้วย เมื่อได้เริ่มผมก็จะมีสมาธิอยู่แต่กับมันกว่าจะรู้ตัวก็ผ่านช่วงเย็นมาแล้ว


“ลูก้า”ผมพึมพำเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่านัดลูก้าไปเจอกันที่โรงอาหารช่วงเย็นนี่นา นั่นทำให้ผมรีบละมือจากการทดลองแล้วรีบไปยังโรงอาหารที่นัดไว้


ช่วงนี้ลูก้าไม่ได้นอนเล่นแท็บเล็ตรอผมอยู่หน้าห้องแต่เปลี่ยนไปว่ายน้ำในทะเลแทนซึ่งผมก็เห็นว่าดีเพราะยังไงลูก้าก็เหมาะอยู่ในทะเลมากกว่าบนบก อีกทั้งการได้ว่ายหรือดำน้ำจะช่วยลับการเคลื่อนไหวให้เฉียบคมมากขึ้น


“สาม”เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นจากบรรยากาศมืดๆยามราตรี พอหันไปมองตามเสียงก็พบกับลูก้าที่เดินเข้ามาหาในสภาพเปียกปอน


“นี่อย่าบอกนะว่าว่ายน้ำอยู่ถึงเมื่อกี๊น่ะ”ผมเท้าเอวหันไปจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง


“...อืม”


“ผมบอกแล้วไงว่าห้ามอยู่ในน้ำในร่างมนุษย์นาน”ถึงลูก้าจะมีอีกร่างเป็นไดโนเสาร์น้ำแต่ยังไงร่างมนุษย์ก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรอยู่ใต้น้ำโดยไม่ขึ้นมาหายใจเป็นเวลานาน


ลูก้าอาจคิดว่ากลั้นหายใจได้นาน ซึ่งก็ใช่เพียงแต่สุดท้ายระบบการหายใจของมนุษย์มันไม่เหมาะกับการขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ผลของการกลั้นหายใจเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการผิดปกติขึ้นได้


ผมรู้ว่าลูก้าว่ายในร่างมนุษย์เพราะถ้าว่ายในร่างไดโนเสาร์เสื้อคงไม่เปียกหรอก


“ก็มัน...”


“ห้ามบอกว่าดำน้ำเพลินด้วย”ผมฟังข้อแก้ตัวนั่นมาจนเอียนแล้ว


“ผมแค่อยากรู้ว่าร่างมนุษย์มีข้อจำกัดมากขนาดไหน”ลูก้าตอบเสียงเบา


“ถ้าอยากรู้ก็รอผมอยู่ด้วยสิ ที่ผมไม่อยากให้กลั้นหายใจในร่างมนุษย์นานๆเพราะมันอาจส่งผลต่อระบบหายใจหรือระบบอื่นๆของร่างกายได้”ผมอธิบายไปตามจริง


“...เข้าใจแล้ว”


“พึ่งมาแบบนี้แปลว่ายังไม่ได้กินมื้อเย็นสินะ”


“อืม...การที่สามอยู่นี่ก็แปลว่าทดลองเพลินอีกแล้วแน่ๆ”


“รู้ดี”ผมบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง


“ก็เรื่องสามนี่”


“หยอดมาแบบนี้ผมก็ยังไม่ตกลงเป็นแฟนหรอกนะ”


“ไม่เป็นแฟนงั้นก็เป็นคู่ผมเนอะ”


“ไม่ต้องมาเนอะเลยลูก้า ถ้าผมยังไม่ยอมเป็นแฟนก็อย่างหวังว่าจะเป็นคู่ให้เลย”ผมบอกเสียงจริงจัง


“สามใจร้าย...ทั้งที่รักผมขนาดนี้ทำไมยังไม่ยอมเป็นแฟนกันอีก”


“ผมบอกตอนไหนว่ารัก?”ผมถามกลับทันที


“ไม่ต้องบอกผมก็รู้ดี”ลูก้าบอกพลางเลื่อนดวงตาสีเงินมาสบ


“รู้ได้ยังไง...”ตัวผมเองยังไม่รู้เลยถึงความรู้สึกที่มีต่อลูก้าน่ะ


ทั้งที่ผมยังไม่รู้แล้วทำไมเขาถึงกล้าบอกว่ามันคือรักได้ง่ายๆกันล่ะ


“ทั้งท่าทางและการกระทำของสามมันบอก”


“...”ท่าทางกับการกระทำเหรอ


“ผมจะรอ”


“ผมถามจริงๆนะ ลูก้าไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจจากผมเลยเหรอ...ความรู้สึกที่ลูก้ามีมันอาจเพราะเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ลูก้ายังเด็กก็ได้ การห่างกันไปปีกว่าน่าจะทำให้ลูก้าเจอผู้คนมากมาย...หนึ่งในนั้นไม่มีคนที่สนใจเลยเหรอ”คำถามนี้ผมอยากถามมานานแล้ว


ลูก้ายังเด็ก...เด็กมากถ้าเทียบกับมนุษย์


เพราะงั้นผมถึงคาใจว่าเขาใช้อะไรมาตัดสินว่ารักผม


“จริงอยู่ที่ผมเจอผู้คนมามากในช่วงที่ห่างสามแต่คนเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสนใจเหมือนสาม สามเป็นคนเดียวที่ตรึงผมให้สนใจอยู่เสมอ เป็นคนเดียวที่อยากจะอยู่ข้างๆไม่ว่าเมื่อไหร่...”


“ลูก้า...”


“สามอาจไม่เชื่อว่าตัวเองรักผม แต่ผมอยากให้สามเชื่อว่ารักของผมมันเป็นของจริง”พูดจบลูก้าก็รวบตัวผมเข้าไปกอดแน่น ความเปียกชุมของน้ำทะเลเพิ่มอุณหภูมิให้เย็นขึ้น


“...ลูก้า”


“ผมรักสาม แค่ความรู้สึกนี้เชื่อผมนะ”เสียงกระซิบกับอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นทำเอาหัวใจรู้สึกอุ่นวาบจนเผลอยิ้มออกมาบางๆ


“อืม”ผมพยักหน้าไปมาในอ้อมกอดของลูก้า


ความรู้สึกของลูก้ามันเป็นของจริง


นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึก และจะไม่สงสัยอีกแล้วด้วย


โครกกก


บรรยากาศโรแมนติกที่แผ่ออกมาหายวับไปกับตาเมื่อเสียงท้องร้องของพวกเราดังประสานขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งผมและลูก้าต่างละออกจากกันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ


“...เสียงท้องสามดังมาก”ลูก้าอมยิ้มพลางมองมา


“ของตัวเองก็ดังไม่แพ้กันอย่ามาโยนน่า”ผมสวนกลับ


“ผมดังน้อยกว่าสาม”


“ไม่จริง ลูก้าดังกว่าเห็นๆ”


“ชนะผมได้สามดีใจเหรอ”


“ใช่ ดีใจมากๆเลยด้วย”


“สาม”


“ครับลูก้า”


“กวน”เพียงคำเดียวจากลูก้าเรียกเสียงหัวเราะให้กลับมาอีกครั้ง


“คิก...พอแล้วก็ได้ เรารีบไปกินมื้อเย็นกันเถอะเดี๋ยวต้องไปจัดกระเป๋าอีก”ผมบอกก่อนจะออกเดินไปตามผืนทราบด้านหน้า


“จัดกระเป๋า? สามจะไปไหน?”ลูก้าที่ตามมาถามด้วยน้ำเสียงสงสัย


“ไปแม็กซิโกน่ะ”


“ผมไปด้วยได้ไหม”


“อยากไปไหมล่ะ”ผมไม่ตอบแต่ถามกลับไปด้วยรอยยิ้มแทน


คำตอบของลูก้าไม่ต้องฟังก็เดาได้


“แน่นอน อยากไปกับสาม”


ว่าแล้ว


คำตอบเป็นอย่างที่ผมคาดไว้


“ให้ไปด้วยดีไหมนะ”ขอแหย่เล่นหน่อยละกัน


“ถ้าไม่ให้ไปผมจะว่ายน้ำตาม”ลูก้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับจะบอกว่าสิ่งที่พูดไปไม่ได้พูดเล่นๆ


ก็นะ ด้วยความสามารถของลูก้าคงว่ายได้อยู่แล้ว


ดีไม่ดีอาจถึงก่อนผมด้วยซ้ำ


สถาบันวิจัยสัตว์ทะเลเองก็คงอยู่ติดทะเลลูก้าสามารถไปถึงได้ไม่ยาก


“พยายามจัง”


“สาม”


“รู้แล้วน่า ไปด้วยกันอยู่แล้ว”



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


การเดินการไปแลกเปลี่ยนความรู้และดูงานยังสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลนั้นเริ่มต้นโดยการขึ้นเครื่องบินตรงไปยังประเทศเม็กซิโกก่อนจะนั่งรถต่อมาจนถึงรัฐหนึ่งทางภาคตะวันออกซึ่งมีสิ่งก่อสร้างที่คาดว่าคือสถานบันวิจัยสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ตั้งอยู่เรียงติดกัน


สถานที่แรกของการเดินทางคือตึกสูงกว่า5ชั้นบริเวณทางเข้าที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่านด้วยโทนสีสว่างโดยมีพนักงานนำทางผมและลูก้าให้เข้าไปด้านในของสถาบันวิจัย ทั้งคำพูดหรือท่าทางของพนักงานทำให้ผมสงสัยถึงท่าทางหงุดหงิดของคุณเลโอเมื่อวานว่าทำไมถึงได้ดูจะไม่ชอบที่นี่เอามากๆ


ด้านในของสถาบันวิจัยถูกแบ่งย่อยออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน แต่ละส่วนจะมีป้ายติดไว้หน้าทางเข้า ห้องที่พนักงานพาเข้ามาเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ตอนนี้อัดแน่นไปด้วยผู้คน


ดูจากเสื้อผ้าและหน้าตาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นระดับด็อกเตอร์กันทั้งนั้น


“พาตัวแทนขององค์กรดอร์วูมาแล้วค่ะ”พนักงานเอ่ยบอกภายในห้องก่อนจะขอตัวกลับออกไปปล่อยให้ผมและลูก้ายืนนิ่งค้างโดยมีสายตานับสิบคู่จับจ้องมา


“สวัสดีครับ ผมนทีธาร ธาราสุขเป็นตัวแทนขององค์กรจะมาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ที่มีให้กับทุกคนครับ”ผมเอ่ยแนะนำตัวอย่างมีมารยาท


“อะไรกัน คนที่จะมาไม่ใช่ระดับหัวหน้าหรือไง”เพียงคำพูดแรกของชายตรงหน้าก็ทำเอาผมเริ่มคิ้วกระตุก


“ผมเป็นหัวหน้าของศูนย์วิจัยและเพราะพันธุ์สัตว์น้ำของเอเชีย...”


“อ้อ ไอ้ที่ตั้งอยู่ในประเทศเล็กๆซึ่งกำลังพัฒนามาหลายสิบปีที่อยู่ใกล้ๆเส้นศูนย์สูตรนั่นน่ะนะ”ยังไม่ทันได้พูดจบชายอายุประมาณ40กว่าคนหนึ่งก็พูดแทรกขึ้น


“...ใช่ครับ”รอยยิ้มเมื่อครู่ของผมหายไปอย่างรวดเร็ว


“สงสัยจะขาดแคลนคนมีความรู้เลยต้องให้เด็กตัวกระจ้อยมาเป็นหัวหน้า ไม่รู้ว่าเรียนจบปริญญารึเปล่าเลย”


“ผมจบปริญญาเอกครับ”


“ซื้อเอารึเปล่าล่ะ”


คำพูดของคุณเลโอที่บอกให้จัดการพวกเขาซะรวมถึงสาเหตุที่เขาหงุดหงิดผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยล่ะ


คนพวกนี้มันจะดูถูกกันไปถึงไหน


ผมชักเริ่มหงุดหงิดแล้วนะเนี่ย


“สาม...ให้ผม...”


“ไม่เป็นไรลูก้า”ผมพึมพำตอบลูก้าที่ทำหน้าเหมือนกำลังจะวิ่งเข้าไปงาบคอมนุษย์ตรงหน้า


“ฮืม? สีผมนั่นมันหรือว่าจะเป็น...สิ่งมีชีวิตที่ถูกจับยีนมาผสมกันมั่วๆสินะ”


“งั้นคุณอยากถูกผลงานมั่วๆนี่ขย้ำสักสองสามแผลไหมล่ะครับ”ผมสวนกลับไปพร้อมรอยยิ้มท้าทาย


จะดูถูกผมยังไงก็ช่างแต่อย่ามาดูถูกลูก้า


“อึก...แก...”


“ผมมาในฐานะตัวแทนขององค์กรดอร์วูเพื่อจะมาแลกเปลี่ยนความรู้กับพวกคุณแต่ดูเหมือนพวกคุณจะไม่ต้องการมันสักเท่าไหร่นะ”


“หึ...พวกเราไม่ต้องการแลกเปลี่ยนกับระดับล่างๆอย่างแกหรอก นึกว่าคนที่มาจะเป็นไอ้หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษอะไรนั่นซะอีก”คำพูดของชายตรงหน้าทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาจนคนทั้งห้องหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ


“คิก...โทษทีครับ ผมคิดว่าพวกคุณโชคดีแล้วนะที่หัวหน้าปฏิบัติการพิเศษไม่มานี่ ไม่งั้นพวกคุณคงไม่มีโอกาสได้ยืนพูดอยู่แบบนี้หรอก”ผมรู้นิสัยของเซโครดี ถึงจะดูนิ่งๆแบบนั้นแต่ถ้าใครไปทำให้อารมณ์ขึ้นได้โดนจัดการทั้งทางร่างกายและจิตใจแน่


ลองให้คนที่มาเป็นเซโครด็อกเตอร์พวกนี้ได้โดนชกกระเด็นไปติดกำแพงแล้ว ดีไม่ดีคู่หูและคนรักอย่างยูทาร์อาจเข้าไปซ้ำเติมด้วยซ้ำ


“จะดูถูกพวกเราเหรอ”


“เปล่าครับ แต่ร่างกายมันฝึกมาผิดกัน”สำหรับพวกนักวิจัยหรือนักวิทยศาสตร์จะมีแรงเทียบกับคนที่ออกภาคสนามเกือบทุกวันได้ยังไงล่ะจริงไหม


“ว่าแต่พวกเราแล้วตัวผอมแห้งแถมเตี้ยอย่างแกจะทำอะไรได้รึไง”


“ทำได้มากกว่าพวกคุณละกัน”ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ


“หึ...งั้นก็ลองมาให้ความรู้พวกเราหน่อยสิ”ชายคนเดิมท้าทายพลางมองไปยังกลุ่มด็อกเตอร์ที่นั่งอยู่ด้านหลัง


ท่าทางแบบนั้นคงคิดจะทำให้ผมขายหน้าสินะ


แหม...น่าสนุกจัง


นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้


เหมือนได้กลับไปช่วงเรียนแล้วโดนแกล้งเลย


ยิ่งกับคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอันล้นหลามยิ่งรู้สึกสนุกทุกทีที่ได้ค่อยๆทำลายความมั่นใจนั่น


แต่ยังไงพวกเขาก็เป็นถึงระดับด็อกเตอร์การพูดเรื่องการวิจัยธรรมดาทั่วไปคงไม่ต่างจากการพูดในสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้ว
ในเมื่อเป็นสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลก็คงต้องพูดเรื่องแนวนี้...


จะว่าไปทำไมคุณเลโอไม่บอกให้เร็วกว่านี้นะ


ผมพึ่งรู้ว่าตัวเองมาโดยที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย


“สาม”ลูก้าสะกิดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง


“ไม่เป็นไรลูก้า เดี๋ยวผมจัดการเอง”ผมหันไปบอกพร้อมรอยยิ้ม


“คิดไม่ออกรึไงคุณหัวหน้า”เสียงเยาะเย้อดังขึ้นก่อนทั้งห้องจะส่งเสียงหัวเราะ


“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า...เรื่องที่ผมจะพูดวันนี้คือเรื่องการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิด”ผมเดินไปคว้าไมค์จากคนบนเวทีก่อนจะประกาศหัวข้อเรื่องที่จะพูด


“ว่าไงนะ...”


“การเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิด”


“เห็นว่ามันเพาะพันธุ์ไม่ได้นี่...แล้วทำไม”


“ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครเพาะพันธุ์มันสำเร็จมาก่อน...”


“ที่พูดคงไม่ได้คิดจะโม้หรือโกหกหรอกนะ”ด็อกเตอร์ที่นั่งอยู่แถวหน้าเอ่ยถาม


“ผมไม่ทำอะไรที่ทำองค์เสียชื่อเสียงหรอกนะ”ผมยักไหล่ตอบไป


“ไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่ามีคนที่เพาะพันธุ์มันสำเร็จ”


“ไม่เคยได้ยินเหรอว่าในแต่ละองค์กรมักมีความลับที่ไม่เปิดเผยให้ภายนอกรู้อยู่ทั้งนั้น”แต่การให้ความรู้ครั้งนี้ถือเป็นการเผยแพร่ความลับหรือวิธีการใหม่ๆในการทดลองอยู่แล้ว


อีกอย่างคุณเลโอไม่ได้ห้ามไว้ด้วย


อาร์คีโอไซยาทิดที่พูดถึงคือพืชในยุคแคมเบรียน ถ้าถามถึงเหตุผลที่เหล่าด็อกเตอร์ในห้องนี้ทำหน้าไม่เชื่อก็คงเป็นเพราะไม่เคยมีรายงานว่ามีการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดสำเร็จมาก่อน


อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ถือเป็นความลับขององค์กรที่ไม่ได้เปิดเผย และผู้ที่เพาะพันธุ์มันได้สำเร็จเป็นคนแรกของโลกก็คือผม เรียกว่าเป็นผลงานที่ทำให้ผมได้ขึ้นเป็นหัวหน้าก็ไม่ผิดซะทีเดียว


การเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันเติบโตอยู่ก้นทะเลลึกซึ่งมีแรงดันน้ำมหาศาล ด้วยลักษณะทางกายภาพที่เป็นรูพรุนช่วยในการกรองสารอาหารเวลาไหลผ่าน


อาร์คีโอไซยาทิดเป็นที่สนใจของนักวิทศาสตร์และผู้คนทั่วโลกเมื่อหลายสิบปีก่อนเพราะนอกจากมันจะสามารถกรองสารอาหารได้แล้วมันยังสามารถกรองสารพิษหรือเชื้อโรคต่างๆให้น้อยลงได้  ยิ่งในปัจจุบันเกิดปัญหามลพิษทางน้ำเป็นจำนวนมากจึงมีหลายประเทศที่ให้งบมหาศาลทุ่มกับการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดนี้แต่ก็ไม่สำเร็จ


ผมเองกว่าจะทำมันสำเร็จก็ใช้เวลาไปนานโข เรียกว่าเป็นปีเลยทีเดียว


ขั้นตอนการเพาะพันธุ์อาร์คีโอไซยาทิดค่อยๆถูกอธิบายตั้งแต่เริ่มแรกไปจนถึงการทดลองจนประสบผลสำเร็จโดยไม่มีการหยุดพัก แม้จะไม่ได้มีเอกสารรูปภาพหรือแม้ตัวอย่างประกอบก็ไม่ถือเป็นอุปสรรค์แต่อย่างใด


ความรู้ทุกอย่างมันอยู่ในหัวผมอยู่แล้ว


เหล่าด็อกเตอร์ต่างนั่งฟังด้วยใบหน้าเจ็บใจจนผมรู้สึกว่านี่แหละคือการชนะโดยไม่ต้องใช้กำลัง


“สามสุดยอด”ลูก้าเดินเร็วเข้ามาผมหลังจากบรรยายจบด้วยใบหน้าภูมิใจ


“แค่นี้ไม่เท่าไหร่น่า”


“ความสามารถของสามดูจะมากกว่าที่ผมรู้อีกนะ”


“งั้นเหรอ?”


“ตอนอยู่เกาะ เอ่อ คุณเซโครเล่าเรื่องของสามให้ฟังเยอะแยะตั้งแต่เรื่องทักษะการต่อสู้ที่ไม่สมกับตัวไปจนถึงความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ที่ไม่เป็นรองใคร แต่ไม่คิดว่าสามจะสามารถพูดมันออกมาได้โดยไม่มีอะไรแบบนี้”น้ำเสียงชื่นชมจากลูก้าทำเอารู้สึกดีจนต้องแสดงออกด้วยการยิ้มกว้างแล้วเอื้อมมือไปขยี้เส้นผมสีฟ้าแซมแดงเพื่อระบายความเขิน


“ชมเกินไปแล้ว”ถ้าตัวผมลอยได้คงลอยไปนอกอวกาศแล้วโครจรสักสามรอบแน่ๆ


“พูดจริงต่างหาก สมแล้วที่เป็นแฟนผม”


“ใครแฟนนาย?”ผมยักคิ้วถามกลับ


“สามไง”


“เหมือนผมจะยังไม่ตกลงนะ”


“ถึงสามไม่บอกผมก็รู้น่า”


“รู้อะไร?”


“สามรักผม”


“...รู้ดี”จนถึงตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าความรู้สึกที่มีต่อลูก้ามันคือรักรึเปล่า


แต่มีอย่างหนึ่งที่รู้แน่ๆคือลูก้าสำคัญกับผมมาก


ผมอยากปล่อยให้ช่วงเวลานี้มันยืนยาวต่อไปเรื่อยๆเพราะไม่รู้ว่าถ้าตอบรับมันจะมีอะไรเปลี่ยนไปไหมซึ่งผมไม่อยากให้มันเปลี่ยนไป


“นี่”เสียงตะโกนเรียกจากกลุ่มด็อกเตอร์ดังขัดการสนทนา


“มีอะไรครับ”ผมถามพลางเดินไปหาโดยมีลูก้าตามหลังมาติดๆ


“เห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญพฤติกรรมสัตว์ทะเลสินะ”


“...ใช่ครับ”แม้รอยยิ้มนั่นจะดูไม่น่าไว้ใจแต่ผมก็ตอบกลับไปตามจริง


“จะดูพฤติกรรมสัตว์คงไม่ใช่ดูผ่านหน้าจออย่างเดียวหรอกเนอะ”


“แน่นอนครับ การสังเกตพฤติกรรมส่วนมากผมจะลงไปสำรวจด้วยตัวเองตั้งแต่พฤติกรรมการล่า การรวมฝูงหรือแม้แต่การย้ายถิ่น”แค่ดูผ่านจอมันจะไปเข้าใจพวกสัตว์ได้ยังไง


“งั้นก็ดีเลย พอดีพวกเราพึ่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำชนิดใหม่ขึ้นมาได้แต่ด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างทำให้มันกินน้อยแถมยังตัวไม่โตอีก ไหนๆก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ...ช่วยพวกเราหน่อยละกัน”


“เอาสิ”ผมอยากรู้ว่าจะมาไม้ไหนกัน


“สามจะดีเหรอที่ยอมง่ายๆ”ลูก้าเดินมากระซิบถาม


“ดีสิ ขอผมดูก่อนว่าสัตว์ที่ว่าคืออะไร”


“ผมไม่ชอบพวกนี้เลย”


“ก็นะ...”ผมเองก็ใช่ว่าจะชอบหรอก


เหล่านักวิทยาศาสตร์พาผมเดินออกไปยังด้านนอกอาคารซึ่งมีทางเดินถูกปูด้วยหินช่วยให้เดินไปยังด้านหลังอาคารในส่วนติดกับทะเลได้อย่างรวดเร็ว ส่วนด้านหลังนี้ถูกกั้นด้วยรั้วยาวประมาณด้านละ50เมตรตั้งแต่บนบกยาวไปถึงในทะเล


ในรั้วกันนั่นต้องมีสัตว์อะไรอยู่แน่


“ลูก้า”ผมหันไปมองลูก้าเป็นเชิงถาม ลูก้าพยักหน้าเล็กน้อนก่อนมองไปภายในรั้วนั้น


“...มีอยู่ตัวเดียว ขนาดไม่ใหญ่...เล็กกว่าผมมากอยู่ เดี๋ยวสาม จะทำอะไรน่ะ”ระหว่างที่ลูก้าอธิบายผมก็กระโดดลงไปตามโขดหินด้านล่างท่ามกลางความตกใจของเหล่าคนที่มองอยู่ แม้แต่ลูก้าเองยังถึงกับกระโดดตาผมลงมาด้วย


“ไม่ต้องตามมาหรอก”ผมหันไปบอก


“ไม่ตามได้ยังไง คิดจะทำอะไรน่ะสาม”


“ก็จะเข้าไปดูใกล้ๆ”


“สายพันธุ์ก็ยังไม่รู้มันอันตรายไปนะถึงจะขนาดไม่ใหญ่เท่าผมแต่ก็ใหญ่กว่าสาม...”


“ลูก้า ผมน่ะไม่ได้ใบปริญญามาเพราะแค่อยู่ในห้องทดลองหรอกนะ การจะศึกษาพฤติกรรมสัตว์มันต้องเห็นด้วยตา...เมื่อเราเห็นเราก็จะสามารถรู้ได้ถึงสิ่งที่ทำอยู่หรือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือการกระทำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจะเข้าไปสังเกตุพฤติกรรมของสัตว์สักหน่อย”


“ก็รู้ว่าสามเก่งแต่ว่ามัน...”


“ผมไม่ประมาทหรอกนนะ ไม่ต้องห่วง”ผมบอกพร้อมส่งยิ้มบางๆกลับไปให้


“สาม...”


“ที่พวกคุณต้องการจะรู้คือสาเหตุที่มันไม่ยอมกินอาหารกับขนาดตัวที่เล็กกว่าปกติสินะ”ผมถามย้ำอีกรอบ


“ใช่...แต่ขอเตือนสักหน่อย ครั้งก่อนก็มีนักพฤติกรรมสัตว์ถูกจ้างให้มาดูแล้วหมอนั่นดันลงไปดูด้วยตัวเองเหมือนอย่างนาย สุดท้ายแขนก็หายไปข้างนึง”คำอธิบายนั่นทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้นข้างนึง


แรงกัดขนาดแขนขาดแปลว่าต้องไม่ใช่พวกกินพืช


“สาม”


“ไม่เป็นไรน่า ขอบคุณสำหรับคำเตือน”พูดจบผมก็เดินเข้าไปใกล้บริเวณน้ำมากขึ้น


ถึงจะไม่หันไปมองก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาห่วงๆจากลูก้า


ผืนน้ำสีฟ้าใสช่างสะอาดผิดกับบางพื้นที่ของประเทศไทย ที่เป็นแบบนี้อาจเพราะกระแสน้ำและพื้นที่ไม่ได้อยู่ในจุดสะสมของตะกอนทำให้น้ำไม่ขุ่น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะช่วยให้สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่มีลำตัวยาวสีกรมท่าว่ายอยู่ไม่ไกล


ส่วนหัวขนาดเล็กกับเรียวปากยาวเมื่อเทียบกับขนาดของส่วนลำตัวที่ใหญ่กว่า ลำตัวนั้นไล่ระดับตั้งแต่ใหญ่ก่อนจะค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆจนถึงสุดปายหางอันยาวเรียวคล้ายหางของปลาไหล


การเคลื่อนไหวของมันอาศัยครีบด้านข้างลำตัวในการเคลื่อนที่โดยมีครีบเล็กๆอยู่บริเวณปลายลำตัว


จากรูปล่างลักษณ์ที่เห็นชื่อพลาทีคาร์พัสก็ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


พลาทีคาร์พัสเป็นนักล่าของยุคครีเทเชียสซึ่งมีความยาวประมาณ5เมตรและอาศัยอยู่บริเวณน้ำตื้นของผืนทะเล ถ้าให้เปรียบมันกับสัตว์ในยุคนี้ก็ใกล้เคียงกับจระเข้ที่มักออกล่าตามน้ำตื้น เพียงแต่พลาทีคาร์พัสมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่ามากเนื่องจากมีคลีบช่วยในการเคลื่อนไหวใต้ผิวน้ำ


“...นึกว่าจะเจออะไรที่อันตรายกว่านี้ซะอีก”ผมพึมพำเสียงเบาด้วยรอยยิ้ม


ไม่ใช่ว่าผมประมาทหรือดูถูกพลทีคาร์พัสหรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อะไรก็ต่างมีความอันตรายแตกต่างกันตามสายพันธุ์ แต่เพราะคำพูดของด็อกเตอร์พวกนี้เหมือนผมต้องมาเจอกับโมซาซอร์ไดโนโนเสาร์ที่ยาวเหยียด30เมตรสักตัว


อีกอย่างที่ทำให้ผมยิ้มออกคือพลาทีคาร์พัสเป็นไดโนเสาร์น้ำที่ถูกชุบชีวิตมาเป็นอันดับต้นๆทำให้มีการศึกษาเกี่ยวกับพวกมันอยู่มากพอสมควร


ดวงตาสีน้ำตาลของผมละออกจากพลาทีคาร์พัสไปยังสภาพแวดล้อมรอบๆ และทันทีที่ดูเสร็จผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงกินน้อยและมีขนาดตัวเพียง2เมตรจาก5เมตร ไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้ถึงขนาดเสียแขนเลย


สาเหตุของเรื่องนี้ผมไม่คิดว่าพวกด็อกเตอร์นั่นจะไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าไม่รู้คงไม่จ้างนักพฤติกรรมคนอื่นมาดู...แปลว่าคงไม่รู้จริงๆ
ไม่สิ สาเหตุไม่น่ามีแค่นั้น


“คงต้องข้าไปดูใกล้ๆสินะ”พึมพำเสร็จผมก็ค่อยๆก้าวขาลงไปในน้ำ


“สาม...”เสียงเรียกชื่อหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อผมหันกลับไปมองลูก้าที่ทำท่าจะก้าวเข้ามาใกล้


ไดโนเสาร์ยักษ์อย่างลูก้าถ้าเข้ามาใกล้พลาทีคาร์พัสคงตื่นตกใจแน่


เมื่อเดินมาจนถึงระดับน้ำที่ลึกพอสมควรผมก็ดำลงไปด้านใต้โดยที่มองไปยังพลาทีคาร์พัสซึ่งว่ายอยู่ไกลออกไปประมาณ10เมตร สายตาของมันจับจ้องมายังผมด้วยความระแวดระวัง


ดี...ไม่เข้ามาโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้า


นักล่าปกติมักจะโจมตีอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มโอกาสในการล่าให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นแต่กับพลาทีคาร์พัสตัวนี้ไม่ใช่


มันกำลังสังเกตอยู่ว่าผมจะทำอะไร และเป็นการสังเกตที่ระแวดระวังพอสมควรด้วย ถ้าเคลื่อนไหวผิดหรือทำให้มันเห็นว่าผมเป็นศัตรูคงได้จบเหมือนอย่างนักพฤติกรรมสัตว์ก่อนหน้านี้


การจะสร้างความเชื่อใจมันไม่ยากเพียงแต่ต้องค่อยๆทำ ห้ามรีบร้อนเด็ดขาด


ร่างผมค่อยๆเคลื่อนไหวไปตามกระแสน้ำที่ผลัดไปมาอย่างอ้อยอิ่ง ส่วนมือที่ใช้ในการแหวกว่ายถูกใช้เคลื่อนไหวด้วยท่าทางคล่องแคล่ว


ไม่กี่นาทีบรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป พลาทีคาร์พัสว่ายวนสักพักก่อนจะเคลื่อนที่มาใกล้ผมมากขึ้นจนร่างของผมขนาบอยู่กับร่างนั้น ผิวหนังลื่นๆลากผ่านลำตัวผมแสดงถึงความเชื่อใจที่มอบให้


เห็นแบบนั้นผมก็เผยยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปลูบบริเวณท้องสีเหลืองนวลช้าๆเพื่อตรวจร่างกายภายนอกแบบคร่าวๆ ผลที่ได้ดูจะน่าพอใจแต่ไม่มากเท่าที่ควร


บริเวณที่เป็นกระเพาะเมื่อเทียบกับความยาวของร่างค่อนข้างแปลก และนี่คงเป็นสาเหตุหลัก


ผมใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ในการตรวจซ้ำเพื่อความแน่ใจก่อนจะพาตัวเองขึ้นมาบนฝั่งในสภาพเปียกโชกไปทั้งตัว ลูก้าเองก็รีบวิ่งมาหาผมด้วยใบหน้าห่วงๆ


“สาม...ไม่เป็นไรนะ”


“อืม ครบถ้วนสมบูรณ์ดี”ผมตอบกลับ


“เป็นห่วงแทบแย่...ทำอะไรน่ะ”น้ำเสียงห่วงทำให้ผมคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มลูก้าเบาๆ


“หยิกแก้มไง”


“ใช่เวลาเล่นไหมสาม”


“...ดำน้ำได้กว่า20นาที ไม่ใช่มนุษย์แล้ว”คำพูดจากหนึ่งในเหล่าด็อกเตอร์ทำให้ผมนึกได้ว่ายังไม่ได้ตอบคำถามเลยนี่นะ


“พลาทีคาร์พัสตัวนี้มีขนาดกระเพาะเล็กกว่าปกติทำให้สามารถกินอาหารได้น้อย และด้วยสาเหตุนั้นเลยส่งผลต่อการเจริญเติบโต ถ้าอยากให้ตัวใหญ่กว่านี้อย่างแรกที่ทำคือต้องเพิ่มช่วงการให้อาหาร ถ้าให้มื้อเดียวก็เพิ่มเป็นสอง ถ้าให้สองก็เพิ่มเป็นสาม อีกอย่างคือขยายเขตที่อยู่ด้วย...พื้นที่แค่นั้นไม่พอให้เติบโตได้เต็มที่หรอก”ผมอธิบายทุกอย่างออกไปรวดเร็วจนคนฟังถึงกับขมวดคิ้วผสมกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา


“กระเพาะ? แค่เวลาสั้นๆรู้ได้ยังไง”


“แค่สัมผัสดูก็รู้แล้วครับ”


“สัมผัส? นี่จะบอกว่าจับตัวพลาทีคาร์พัสได้?”คำพูดผมเหมือนจะทำให้ทุกคนตกใจมากกว่าเดิม


“ก็อย่างที่ว่ามา ผมไม่สนหรอกนะว่าพวกคุณจะคิดยังไงกับตัวผมหรือองค์กรแต่อยากบอกไว้ว่าต่อให้เป็นด็อกเตอร์ก็ไม่มีสิทธิ์ไปดูถูกใคร อ้อ...ขืนทำให้คุณเลโอหงุดหงิดมากๆก็ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ”ผมเอ่ยเตือนก่อนจะขึ้นไปบนทางเดินด้วยร่างกายเปียกๆ


“มะ หมายความว่าไง”


“เรื่องนี้ผมขอไม่ยุ่งละกัน ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ ไปกันลูก้า”ผมเรียกพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในโรงแรมโดยมีลูก้าตามมาติดๆ


“น่าจะให้ผมขู่สักหน่อย”


“โห...เดี๋ยวนี้ขู่เป็นแล้วเหรอ”ผมถามเสียงตลก


“ก็แค่คำราม”


“คำราม?...อยู่กับผมทีไรเห็นแต่คราง งี๊ดๆ”ไม่เคยเห็นจะคำรามเลยสักครั้ง


“กับสามผมไม่ขู่หรอก...ก็รักมากนี่”


“ลูก้า...”เจอประโยคนั้นเข้าจะไม่ให้เงียบคงไม่ได้


“อย่าทำให้เป็นห่วงนักสิ ผมเกือบจะตามลงไปอยู่แล้ว”น้ำเสียงที่เต็บไปด้วยความห่วงใยนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาสีเงินที่มองมา


“ขอบคุณที่ห่วงนะ”แค่ดูก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกห่วงมากขนาดไหน


ความรู้สึกของลูก้าที่มีต่อผมมันเป็นของจริงที่ไม่จำเป็นต้องทดสอบเลยสักนิด


ที่เหลือก็คือตัวผมเองนี่แหละที่ยังไม่ชัดเจนสักที


คงเวลาแล้วมั้งที่จะเลิกบ่ายเบี่ยงและคิดจริงจังถึงความรู้สึกจริงๆของตัวเองที่มีต่อลูก้า

............................................................

สวัสดีค่า

มาแล้วกับตอนที่17

หลายคนอยากเห็นฉากในน้ำโดยมีพี่หนึ่งอยู่ด้วย ขอโทษที่ไม่ได้แต่งแบบนั้นนะคะ 555

เมื่อวานเรื่องJurassicเพิ่งเข้าซึ่งเราคิดว่าคงมีหลายคนที่อยากอ่านเรื่องนี้ต่อ

ใครไปดูมาแล้ว มาแอบเม้ามอยกันได้น้าา

โดยส่วนตัวเราค่อนข้างชอบคุณเลโอเห็นไม่มีบทมานานเลยให้บทสักหน่อย อิอิ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ

บ๊ายบาย

-----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-----




วันนี้ขอเสนอพลาทีคาร์พัส นักล่าของยุคครีเทเชียสซึ่งมีขนาดลำตัวยาวได้กว่า 5 เมตร กินเนื้อและอาศัยอยู่บนเวณน้ำตื้น ขนาดของมันไม่ใหญ่นัก รูปร่างเพียว ลำตัวและหัวสั้นแถมยังเป็นสายพันธุ์ที่ขุดพบค่อนข้างบ่อย

เครดิต : รูปภาพ-http://www.dinosaurusi.com ข้อมูล-หนังสือประจัญหน้าเจ้าสมุทรยุคครีเทเชียส

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
หน้าแตกไปเป็นแถบๆ

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ลูก้าคงได้แต่รอวันที่สามจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มตัว
สามเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ ดอกเตอร์พวกนั้นถึงกับหงาย

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
งานดี รักน้องๆทุกตัวเลย แง้

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สามสุดยอด   :katai2-1:
ลูก้า น่ารัก รักเดียวใจเดียว มั่นคงแต่สาม  :mew1:

ลูก้า  สาม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
พูดคำว่ารักบ่อยไปแล้วลูก้า รู้จ้าว่ารักสามม้ากมากกก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ชอบดูถูกคนอื่นนักหน้าแตกเลย นี่แค่สามนะ เดี๋ยวให้ลูก้าขู่เลย กัดซักแผลสองแผล หรือให้คุณเลโอจัดการดี :hao3:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เบ้ปาก มองบน ด็อกเตอร์พวกนี้เลย

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
อีกนิดลูก้า.. อีกนิดสามใจอ่อนแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สามพาลูก้าไปเปิดตัวแล้ว ดูที่บ้านสามเฮฮาดี 5555

ลูก้าหยอดได้เป็นหยอดนะ ไม่เว้นให้สามได้พักใจบ้าง
เข้าใจอารมณ์เลโอละว่าทำไมของขึ้นขนาดต้องมาเอง
สามก็เก็บอารมณ์ได้ดี และความสามารถได้มาสมราคาคุย

เงิบกันไปเลยค่ะ อย่ามาแหยมอีกนะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ลูก้ารุกได้แบบธรรมบาติมากเลยอะ
ส่วนสามเริ่มจะคิดถึงอย่างจริงจังแล้วสินะ
ดีแล้ว ถึงลูก้าจะรอได้ แต่ให้รอนานๆก้สงสารอะ
ตอนนี้มีคนหน้าแตกละเอียดกับเป็นองค์กรเลยทีเดียวววว
รอค่าาา

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักจัง ทั้งสาม ทั้งลูก้าเลย

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
◈ธาราที่18◈



บรรยากาศอันงดงามของทะเลในยามสายและกลิ่นเค็มของน้ำทะเลตรงหน้าไม่ได้ช่วยให้หาคำตอบในเรื่องที่กำลังคิดอยู่ได้เลยสักนิดเดียว ตั้งแต่วันที่กลับมาจากแลเปลี่ยนดูงานยังสถาบันวิจัยสัตว์ทะเลประเทศแม็กซิโกผมก็คิดมาตลอดถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อลูก้า


แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดยังไงก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไรกันแน่


ผมเคยมีแฟนอยู่ช่วงหนึ่งแต่เพราะสาเหตุหลายๆอย่างทำให้เลิกลากันไปในเวลาไม่ถึงเดือนซึ่งผมเองก็ไม่ได้เศร้าหรือเสียใจอะไร อาจเพราะผมไม่ได้รักเธอด้วยละมั้ง


เรื่องมันก็นานจนแทบจำใบหน้าไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ


เพราะไม่ได้รู้สึกกับเธอถึงขั้นรักผมเลยไม่สามารถเอามาวัดได้


แต่ถ้าให้เทียบระหว่างเธอคนนั้นกับลูก้า...


ผมก็คงเลือกลูก้าอย่างไม่ต้องคิด


ทว่าการเลือกลูก้าไม่ได้หมายความว่าผมต้องรักเขานี่จริงไหม


จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเลยว่ายังไงถึงเรียกว่ารัก


กับครอบครัวแน่นอนว่าต้องรักอยู่แล้ว เพียงแค่กับคนรักหรือแฟนต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น


“ชักปวดหัวแล้วสิ...”ผมพึมพำพลางเกาหัวตัวเองอย่างหน่ายๆ


“ยืนทำหน้าเครียดอะไรน่ะ”เสียงจากด้านหลังเรียกให้ผมหันกลับไปมองก่อนจะเห็นคนคุ้นหน้าที่ไม่ได้เจอกันซะนานอย่างปายเดินเข้ามาใกล้


“ปาย?...ไม่ใช่ว่าออกไปทำงานนอกสถานที่เหรอ”ผมถามกลับเพราะได้ยินข่าวมาก่อนหน้านี้ว่าหัวหน้าหน่วยควบคุมได้รับเชิญให้ไปดูงานที่ไหนสักแห่ง


“พึ่งกลับมาถึง กำลังจะเดินกลับห้องแต่ดันเห็นคนหน้าเครียดยืนอยู่เลยมาทักสักหน่อย”


“ก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้น”


“มันแสดงออกมาทางหน้าหมดแหละ ว่าแต่วันนี้หมอนั่นไม่มาด้วยเหรอ”ปายถามพร้อมกับหันซ้ายขวาเพื่อมองหาอะไรสักอย่าง
ถึงไม่ถามก็รู้ว่าถามใคร


มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่จะตัวติดกับผมแทบตลอดเวลา


“ผมบอกลูก้าว่าอยากอยู่คนเดียวสักพักน่ะ”เมื่อเช้าเองลูก้าก็เหมือนจะสังเกตเห็นท่าทางอันผิดปกติของผมแต่เพราะผมไม่บอกอีกฝ่ายเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำหน้าหง๋อยแล้วปล่อให้ผมอยู่คนเดียว


“น่าแปลกที่หมอนั่นยอม ดีไม่ดีอาจแอบอยู่แถวนี้ก็ได้”


“คิก...นั่นมันสโตรกเกอร์แล้ว”พอนึกภาพลูก้าหลบอยู่ตามมุมกำแพงก็ตลกจนหลุดขำออกมา


“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนี่ ทั้งหวงทั้งห่วงขนาดนั้น”


“ความรู้สึกต่างกันจะตาย”เวลาลูก้ามองมามันไม่ได้ถูกคุกคามตรงกับข้ามลับอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัย


“...ดูท่าจะรักมากเลยนะ”


“อืม ลูก้าบอกว่ารักผมน่ะ...แต่ตัวผม...”


“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายถึงลูก้า”ปายพูดแทรกด้วยใบหน้าจริงจังอย่างไม่เคยเป็น


“...หมายถึงอะไร”ไม่เห็นเข้าใจเลย


“ที่พูดว่าดูท่าจะรักมากไม่ใช่ลูก้าแต่เป็นนายต่างหาก สาม”


“...”คำพูดนั่นทำเอาคิ้วของผมขมวดเข้าหากันแน่น


พูดอะไรน่ะ


“ทำหน้าแบบนั้นแปลว่าไม่รู้ตัวเลยสินะ”


“...รู้อะไร”


“นายรักหมอนั่นแล้ว”


“พะ...พูดอะไร ไม่ได้รักสักหน่อย”ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธด้วยใบหน้าแดงๆ


“เหรอ...ถ้าไม่ได้รักหมอนั่น งั้นมาคบกับฉันไหมล่ะ”


“ห๊ะ?”


“ฉันรักนาย...สาม”คำสารภาพรักและประโยคขอคบถูกเอ่ยออกมาง่ายๆจนคนฟังอย่างผมถึงกับทำตัวไม่ตัว


สถานการณ์นี้มันอะไรเนี่ย


“ละ...ล้อเล่นอะไร”


“ฉันไม่ได้ล้อเล่น ตลอดมาฉันแค่ไม่อยากพูดมันออกไปเพราะกลัวว่าความเป็นเพื่อนมันจะหายไปแต่ตอนนี้มันอาจเป็นโอกาสเดียวที่จะได้บอกให้สามรู้”


“ปาย...”


“ฉันจริงจังนะสาม”ทั้งน้ำเสียงและใบหน้าของปายแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องตลกหรือล้อเล่น


อะไรกัน


ปายคิดกับผมมาตลอด...


“เอ่อ...”ผมควรทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี


“...”ปายเองก็เหมือนจะไม่ได้เร่งรัดให้ผมตอบ เขาทำเพียงสบตาผมนิ่งราวกับจะบอกให้ช่วยคิดเรื่องนี้อย่างจริงที


ผมเม้นปากแน่นพร้อมกับสมองที่เริ่มคิดหนักขึ้น ตั้งแต่เกิดมาถ้าไม่นับลูก้าที่มักจะพูดว่ารักผมนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ถูกสารภาพรักอย่างจริงจังจากผู้ชาย


กับปายผมสนิทมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลายเพราะอยู่ห้องเดียวกันแต่พอผมเข้ามหาลัยและไปต่อต่างประเทศก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีก ที่กลับมาเจอกันอีกครั้งก็เพราะมาทำงานที่เดียวกันนี่แหละ


ถ้าถามความรู้สึกที่มีต่อปายก็คงพูดได้ว่าสนิท ซึ่งมันก็หยุดอยู่แค่นั้น


แค่สนิท...ไม่เหมือนกับลูก้า


ลูก้า?


ทำไมชื่อของลูก้าถึงผุดขึ้นมาตอนนี้กันแถมยังเปรียบเทียบกับปายอีก


สำหรับผมถ้าคนที่ใช้เปรียบเทียบคือลูก้าคนอื่นๆก็คงไม่ชนะหรอก


ลูก้าพิเศษกว่าใครที่เคยเจอมา


ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมันอาจสั้นทว่ามันกลับตราตรึงอยู่ในความรู้สึกและความทรงจำ


คำว่าพิเศษของผมมันมีความหมายยังไงกันแน่นะ


ถึงจะยังไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นแต่กับปายผม...


“ปาย...ขอบคุณสำหรับความรู้สึกที่มีให้นะแต่ต้องขอโทษที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกนั้นได้จริงๆ”ตลอดการพูดผมยังคงสบตาอยู่กับปากเพื่อแสดงให้เห็นว่าผมคิดมันอย่างดีแล้ว


ในใจผมปายไม่ใช่คนที่ผมรัก


“หึ...ก็พอรู้อยู่ ฉันเองก็ทำใจตั้งแต่ได้เห็นหมอนั่นครั้งแรกแล้ว”ปายละสายตาที่ประสานกันไปมองผืนทะเลสีฟ้าแทน


“เห็นลูก้า? หมายถึงยังไง?”


“เพราะใกล้กันเกินไปเลยไม่สามารถรับรู้ได้ละมั้ง”


“ปาย...พูดให้เข้าใจหน่อยสิ”


“พูดน่ะมันง่าย ฉันไม่เอาด้วยหรอก ทำไมต้องช่วยคนที่หักอกด้วยล่ะ”


“ปาย”แค่นี้ก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว


“สัมผัสและรู้สึกถึงมันด้วยตัวเองเถอะสาม ไม่ใช่ด้วยตาหรือเสียง แต่ด้วยหัวใจของนาย”ปายยกมือขึ้นแล้ววางทาบลงบนหัวใจของผมเบาๆ


“...หัวใจของผม”เหรอ...


“ลองห่างกันดูสิ”


“ห่าง?”


“ใช่ ลองห่างจากหมอนั่นดูแล้วนายรู้ว่าความรู้สึกจริงๆมันคืออะไร จะว่าไปก็ส่งหมอนั่นกลับไปยังเกาะสักพักก็ได้นี่...สักปีสองปีอะไรแบบนั้น”คำแนะนำที่ได้ทำเอาตัวผมรู้สึกชาไปทั้งร่าง


เพียงแค่นึกตามที่ปายบอกว่าให้ห่างจากลูก้าในหัวผมมันก็ขาวโพลนแทบจะทันที ในอกมันรู้สึกเจ็บเหมือนหัวใจบีบรัดจนร่างกายแทบทรุดลงไป


“มะ...ไม่เอา...”ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ผมพูดคำนั้นออกไป รู้แค่ว่าผมไม่ได้คิดก่อนจะเอ่ยมันออกไป


ดังนั้นสิ่งที่พูดไปคือความรู้สึกจริงๆจากก้นบึ้งหัวใจของผมโดยไม่ผ่านกระบวนการคิดของสมอง


ไม่อยากแยกกับลูก้า


ไม่อยากแยกกันเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว


ถ้าครั้งนี้ต้องแยกกันอีกผมคงทนไม่ไหว


ความรู้สึกนี้มันคือ...


เพราะใกล้กัน อยู่ด้วยกันมาตลอดจนเกิดความรู้สึกเคยชินเลยไม่เคยสังเกตว่าความรู้สึกมันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่หรือตอนไหน


กับลูก้ามันเกินกว่าพิเศษ


นี่ผม...


รักลูก้า


รักมาตลอด


...งั้นเหรอ


“เหมือนจะได้คำตอบแล้วนี่”เสียงของปายดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏออกมา


“ปาย...ทำไม...”ทำไมถึงช่วยให้ผมรู้ทั้งๆที่พึ่งถูกผมปฏิเสธไป


ทุกอย่างที่เขาทำทั้งคำพูดหรือคำแนะนำทุกอย่างมันเหมือนบอกใบ้ให้ผมรู้ถึงความรู้สึกของตัวเอง


“บอกแล้วนี่ว่ารู้ตั้งแต่เห็นหน้าหมอนั่นครั้งแรกแล้วน่ะ”


“ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”


“เป็นด็อกเตอร์แท้ๆ แต่เรื่องง่ายๆแบบนี้ดันคิดไม่ได้น่าเอาไปประกาศให้ทั่วจริงๆ”


“ใช่เวลามากวนไหมเนี่ย”ผมบ่นกลับไป


“หึ...แค่เห็นหมอนั่นก็รู้แล้วว่ารู้สึกยังไงกับนาย มันเป็นความรู้สึกที่ทำเอาฉันไม่กล้าสู้ ไม่สิ ต้องพูดว่าถึงจะสู้ยังไงก็คงไม่ชนะ หมอนั่นรักนายมาก...และนายเองเวลาอยู่กับหมอนั่นก็มักจะแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขออกมา แค่เห็นก็รู้แล้วว่าสามชอบหมอนั่น”ปายอธิบายด้วยน้ำเสียงเรยบๆ


“...แค่นั้นก็รู้แล้วเหรอ”


“บรรยายกาศตอนอยู่กับหมอนั่นมันไม่เหมือนตอนอยู่กับคนอื่น ไม่ว่าใครก็มองออกทั้งนั้นแหละ”


“...”แปลว่าผมแสดงว่ารักลูก้าออกมาตั้งนานแล้วแต่กลับไม่รู้ตัวงั้นเหรอ


จะว่าไปลูก้าก็เคยพูดบ่อยว่าท่าทางผมแค่ดูก็รู้แล้ว


นี่แปลว่าลูก้ารู้จริงๆถึงความรู้สึกของผมที่มีต่อเขา


ฉ่า


จะบ้าตาย


อยากเอาหน้ามุดลงไปในโคลนใต้ทะเลจริงๆเลย


แล้วตอนเจอหน้ากันผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน


ความรู้สึกที่ตัวเองพึ่งเข้าใจแต่ลูก้ากลับรู้มันมาตลอด


ทุกครั้งที่เขาพูดผมก็ไม่เคยเชื่อว่ามันเป็นความจริง


“เฮ้อ...แบบนี้คงต้องหาสาวมาปลอบใจสักหน่อยแล้ว”ปายถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆ


“ขอบคุณนะปาย”ผมเอ่ยออกไปตามตรง


ถ้าไม่ได้ปายผมคงไม่รู้สึกตัวหรอก


“ไม่เป็นไร แต่ขออะไรปลอบใจหน่อยสิ”


“ปลอบใจ? จะเอาอะไรล่ะ ให้เลี้ยงข้าว?”


“หึ...เอานี่ต่างหาก”พูดจบแก้มขวาของผมก็ถูกริมฝีปากประทับสักพักก่อนจะถอนออกไปท่ามกลางความอึ้ง


“ปาย...”ทำอะไร


“จากนี้ก็จัดการเองละกัน”ปายกระซิบข้างหูผมพร้อมกับสัมผัสได้ถึงรังสีอะไรสักอย่างที่เข้ามาใกล้ ยังไม่ทันได้หันไปมองร่างของผมก็ถูกโอบไปแนบชิดกับแผ่นอกด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว


สัมผัสของมือที่สัมผัสกับกลิ่นอันคุ้นเคยต่อให้ไม่มองก็รู้ว่าเป็นใคร


“ลูก้า?”ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกผมเหยียบเท้าแล้วศอกกลับไปจนสลบแน่


“ทำอะไรสาม”เหมือนคำพูดนั่นจะไม่ได้ถามผมนะ


“หอมแก้มไง”ปายตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ


“สามเป็นของผม”ลูก้าประกาศเสียงดังด้วยน้ำเสียงจริงจัง


น้ำเสียงนั่นเรียกความร้อนให้มารวมอยู่บนใบหน้าผมแทบจะทันที


“หึ...รู้แล้วน่า ดูแลดีๆล่ะไม่งั้นฉันมาแย่งแน่”


“ไม่ยอมให้มาแย่งหรอก”


“จะรอดู”


“สาม”พอปายเดินจากไปลูก้าก็ก้มลงมาแนบใบหน้าแนบชิดกับแก้มข้างที่ถูกหอมไปก่อนหน้านี้เหมือนกับเป็นการลบสัมผัสนั่นอย่างเนียนๆ


“ทำอะไรน่ะ”ถ้าคิดว่าผมจะปล่อยผ่านก็บอกเลยว่าคิดผิด


“ไม่ชอบนี่ หมอนั่น...ยังไงก็ไม่ชอบจริงๆ”


“อะไรที่ทำให้ไม่ชอบปายขนาดนั้นล่ะ”ผมถามกลับ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกันดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าซะแล้ว


ไม่รู้ว่าสาเหตุมันคืออะไรกันแน่


“หมอนั่น เหมือนผม”


“เหมือนลูก้า?”


“อืม”


“ตรงไหนกัน”ดูยังไงก็ไม่เห็นส่วนที่คล้ายกันเลยสักนิด


“ตรงที่รักสาม”น้ำเสียงและคำพูดที่ได้ยินทำเอาหัวใจเต้นแรงขึ้น


ก่อนหน้านี้ปายก็บอกว่ารู้ถึงความรู้สึกของลูก้าที่มีต่อผม แล้วตอนนี้ลูกก้าก็บอกว่ารู้ความรู้สึกของปายที่มีต่อผม


ราวกับทั้งคู่รับรู้ได้เพียงแค่เจอกันไม่กี่วินาทีเท่านั้น


จะบอกว่ามันเป็นความผิดผมที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ลงลอยกันก็คงใช่


“ผมไม่อยากให้ทั้งคู่ไม่ชอบหน้ากันอยู่แบบนี้หรอกนะ”ผมบอก


“สาม...”


“ผมรู้ว่าทั้งคู่รักผม ปายเองก็พึ่งมาสารภาพ...”


“ว่าไงนะ”ร่างผมถูกหันให้มาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายโดยตรง ดวงตาสีเงินนั่นจ้องมาด้วยความตื่นตกใจและสีหน้าเป็นกังวลจนผมขมวดคิ้วตามอย่างไม่เข้าใจ


“ทำไมทำหน้าแบบนั้นลูก้า”


“หมอนั่นสารภาพรักกับสามเหรอ”เหมือนสิ่งที่ได้จะไม่ใช่คำตอบของสิ่งที่ผมถามนะ


เอาเถอะ


ไว้เคลียร์ทีละเรื่องละกัน


“ใช่”ผมพยักหน้าตามตรง


“แล้วสาม...”


“ผมทำไม”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดต่อสักทีผมเลยถามกลับ


“สามตอบไปว่ายังไง”น้ำเสียงกับสีหน้ากังวลนั่นทำเอาผมหยุดยิ้มออกมาบางๆ


“อย่าทำหน้าแบบนั้น...ผมปฏิเสธไปแล้ว”


“อ่า นึกว่าสามจะนอกใจผมซะแล้ว”ลูก้าถอนหายใจด้วยใบหน้าโล่งอก


แต่เดี๋ยวนะ


“ใครจะนอกใจกัน”ผมถามเสียงนิ่ง


“ก็สามรักผมนี่นา ถ้าตกลงคบกับคนอื่นก็ถือเป็นการนอกใจสิ”


ไปเรียนคำนั้นมากไหนเนี่ย


คำว่านอกใจไม่ใช่ศัพท์ง่ายๆที่จะพบเจอได้ในชีวิตประจำวันหรอกนะ


“จะบอกว่ารู้ใจผมมากกว่าตัวผมเองงั้นเหรอ”ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยระหว่างถาม


“อืม ผมรู้ว่าสามรักผม แม้ว่าสามจะไม่รู้ตัวแต่ผมรู้นะ...ผมจะรอจนกว่าจะถึงวันที่สามยอมรับว่ารักผม”


ผมต้องทำให้เรื่องนี้และความสัมพันธ์นี้คืบหน้าซะที


จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดี


ความรู้สึกนี่ผมแน่ใจแล้ว


แต่ถึงจะแน่ใจก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี


แค่รักกันไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ด้วยกันยืด


มีหลายคู่ที่ต้องแยกทางกันไปเมื่อได้เห็นความจริงหลายๆแง่ของอีกฝ่าย


ก็ไม่เข้าใจว่าผมจะมาคิดมาทำไมทั้งที่ทั้งผมและลูก้าต่างก็แสดงตัวตนจริงๆออกมาเวลาอยู่ด้วยกันตลอด


“จะรออีกนานแค่ไหนล่ะ ถ้าผมไม่ยอมรับความรู้สึกนั้นทั้งชีวิตจะทำยังไง”


“ผมเชื่อว่าอีกไม่นานสามจะยอมรับมัน”


“แน่ใจ?”ผมถามเสียงสูง


“อืม”


“งั้นถ้าผมยอมรับแล้วจะทำยังไงต่อ”


“...ก็จะขอคำตอบที่ขอเป็นแฟนไปครั้งก่อน”ลูก้านิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา


“ผมจำไม่ได้แล้ว ลองพูดให้ผมฟังอีกครั้งสิ”ผมบอกออกไปทั้งๆที่ยังจำคำพูดนั่นได้อย่างชัดเจน


ไม่มีถ้อยคำหวานๆโรเมนติก แต่มันกลับรู้สึกถึงความจริงใจจากคำพูดนั่นได้


“ผมรักสาม...รักมากๆ คนที่เป็นคู่เพียงคนเดียวของผมก็คือสาม เพราะงั้นเลยอยากให้สามยอมรับผมเป็นคู่ เอ่อ เป็นแฟนด้วย”คำพูดตะกุกตะกักในหลายแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างไม่ได้มีการคิดไว้ล่วงหน้า


ทั้งที่แค่ขอเป็นแฟนธรรมดาเหมือนก่อนหน้านี่ก็ได้แต่ลูก้ากลับทำแบบนี้ซึ่งเกินคาดสุดๆ


ผมนี่ถึงกับหุบยิ้มไม่ได้เลย


แค่ดูก็รู้แล้วว่าพยายามพูดมันออกมาขนาดไหน


ในเมื่อพยายามแบบนี้ถ้าไม่ตอบรับก็คงจะใจร้ายเกินไปหน่อย


“เอาสิ”ผมตอบรับพลางเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ชะงักไป


“...เอาสิอะไร”เหมือนอีกฝ่ายจะพยายามคิดในสิ่งที่ได้ยินแต่ไม่ได้คำตอบเลยต้องถามซ้ำอีกครั้ง


“แล้วลูก้าถามว่าอะไรล่ะ”


“ขอสาม...เป็นแฟน”


“อ่าฮะ...ก็ตามนั้น”เรื่องแบบนี้ต้องให้พูดซ้ำด้วยเหรอ


แค่นั้นก็รู้สึกเขินจะแย่แล้ว


“...จริงเหรอ สามยอมรับว่ารักผมแล้วสินะ”ลูก้าถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มือทั้งสองข้างของเขาเขย่าไหล่ผมไปมาเหมือนไม่แน่ใจ


“ก็ไม่รู้สินะ”ก็ยอมรับอยู่ แต่จะให้พูดออกไปตามตรงคงไม่ง่ายหรอก


แถมยังไงลูก้าก็รู้อยู่แล้ว ขอแกล้งไปอีกสักละกัน


ยังไงตอนนี้ก็ยกระดับความสัมพันธ์ไปได้อีกหน่อยแล้ว


“อย่าพึ่งกวนสิสาม”


“กวนที่ไหนตอนนี้ผมกำลังปรบมืออยู่”พูดจบก็ตบมือแปะๆ


“สาม...”น้ำเสียงเคืองเมื่อเรียกชื่อผมแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้ายิ้มเจ้าเล่ห์จนขนทั้งร่างผมลุกชัน


อะไร


ใบหน้านั่นมันอะไร


“ลูก้า...อึก”ผมถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกอีกฝ่ายดันจนหลังผมแนบสนิทกับต้นมะพร้าวด้านหลังโดยที่ลูก้าโน้มตัวลงมาใกล้
หน้าผากของพวกเราสัมผัสกันเช่นเดียวกับดวงตาที่สอดประสาน


หัวใจที่สงบนิ่งเริ่มเต้นเร็วขึ้น


ผมไม่ชินกับความรู้สึกนี่จึงพยายามผลักยังแผ่นอกนั่นทว่าด้วยแรงที่ต่างกันมาก แถมยังอยู่ในสภาพจิตใจไม่ค่อยปกติเลยทำให้ไม่สามารถผลักลูก้าออกไปได้ดั่งใจ


“ในเมื่อเป็นแฟนกันงั้นผมก็ไม่ต้องคอยข่มอารมณ์แล้วเนอะ”


“...อะไร...อารมณ์อะไร...อุ๊บ อื้ออ”ยังไม่ทันได้เอ่ยจบเสียงก็ถูกดูดกลืนไปโดยริมฝีปากตรงหน้า ความชื้นและความร้อนยามลิ้นสัมผัสกันทำเอาหัวขาวโพลนไปหมด


จูบ เป็นเรื่องที่ใครๆก็ทำกันยิ่งในต่างประเทศยิ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาแต่สำหรับผมไม่ใช่


นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้จูบอย่างจริงจังถึงขนาดนี้


สัมผัสของลูก้าสูบพลังงานที่มีจนแทบพยุงตัวไว้ไม่ไหว อาจเพราะแบบนั้นลูก้าเลยใช้ตัวเองเข้ามาช่วยพยุงไม่ให้ผมล่วงลงไปโดยที่ริมฝีปากของพวกเราก็ยังคงแนบสนิท


การกระทำของลูก้ารุนแรงทว่ากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก


“อื้ออ...”เหมือนลูก้าจะรู้ถึงความคิดผมเลยยิ่งกดสัมผัสให้ลึกล้ำขึ้นอีก


ฝ่ามือร้อนๆที่ช่วยพยุ่งร่างผมไว้ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปลูบไล้ยังแผ่นหลังใต้เสื้ออย่างอ้อยอิ่งสร้างความรู้สึกแปลกๆให้เกิดขึ้น


“อ่า...สาม...สาม...”เมื่อถอนจูบออกลูก้าก็ไล่จูบตามต้นคอพลางขบเม้มเบาๆ


“อื้อ...ลูก้า...”สติมันหายไป


สิ่งที่มีคือความรู้สึกแปลกๆที่เหมือนกำลังจะฉุดตัวเองไม่อยู่


“สาม...”


“ลูก้า...”




(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


ครื่นนนน  ครื่นนนน


อารมณ์และความรู้สึกที่กำลังพุ่งทยานขึ้นไปถูกตัดฉับด้วยแรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงของผม พวกเราทั้งคู่ต่างหยุดชะงักในการกระทำ


สติที่เลือนรางกลับมาทันควันพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลของผมที่เบิกกว้างขึ้น ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ถาโถมเข้ามาเป็นฉากๆ
เพียงแค่นั้นใบหน้าก็ร้อนราวกับถูกไฟเผา


ร่างกายขยับไปเองโดยไม่ผ่านกระบวนความคิด...


“สาม...เฮ้ย...”เสียงร้องอย่างตกใจของลูก้าดังขึ้นเมื่อถูกผมเอื้อมมือไปดึงแขนอีกฝ่ายให้เข้ามาหาและใช้เท้าเตะเข้าไปยังหัวเข่าจนเซใกล้ล้ม ผมอาศัยจังหวะนั้นทุ่มผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนหมาดๆลงกับพื้นทรายโดยไม่มีการออมมือ


“ทำบ้าอะไรเนี่ย!”ผมตะโกนด้วยน้ำเสียงหลากอารมณ์


ทั้งโกรธ โมโห เขิน อาย


อารมณ์ทุกอย่างเหมือนจะปะทุออกมาพร้อมกันหมด


“...สาม...”


“พึ่งจะตกลงเป็นแฟนก็มาทำกันแบบนี้งั้นขอเลิกเลยละกัน”


“เดี๋ยวก่อน ผมขอโทษ...ตอนแรกผมไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยจริงๆนะแค่จะแกล้งเฉยๆแต่สามดันทำหน้าแดงขนาดนั้นมันเลยอดใจไม่อยู่...”


“หยุดพูดนะ”จะมาทำให้อายมากขึ้นด้วยคำสารภาพแบบนั้นเพื่ออะไร


“อย่าพึ่งเลิกเลย ใจเย็นๆก่อนนะสาม รับโทรศัพท์ก่อนก็ได้”คำพูดของลูก้าเรียกให้ผมสนใจเครื่องมือสื่อสารที่ยังคงสั่นไปมาอยู่ในกระเป๋ากางเกง


“คุยเสร็จผมจะบ่นต่อแน่...ครับ”ผมกดรับสายโดยไม่ดูชื่อเหมือนอย่างทุกครั้ง


(รับสายช้าแปลว่ากำลังทำอะไรสำคัญอยู่เหรอทรี ถ้ายุ่งไว้จะโทรไปใหม่)น้ำเสียงและชื่อที่ใช้เรียกทำให้ผมรู้ทันทีว่าปลายสายคือใคร


“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ว่างสุดๆเลย”ผมบอกพลางยกมืออีกข้างลูบแก้มแดงระเรื่อจากเหตุการณ์ก่อนหน้าไปมา


(ถ้าว่างก็ดีเลย มีภารกิจน่ะ)


“ภารกิจ? ไม่ใช่ภารกิจปกติสินะ”


(รู้ด้วยเหรอ)


“แน่ล่ะ ถ้าเป็นภารกิจปกตินายคงไม่พูดว่าจะโทรมาใหม่หรอก”เรื่องนี้ใครๆก็ดูออก ง่ายจะตาย


(สมแล้วที่เป็นทรี)


“แล้วภารกิจที่ว่าคืออะไร”ผมถามปลายสายโดยที่ส่งสายตาเคืองๆไปให้ลูก้าเข้ามากอดผมจากด้านหลังแล้วแนบหูเข้าเข้าอีกฝั่งของโทรศัพท์


ถ้าอยากฟังผมเปิดลำโพงให้ก็ได้


ผมที่เตรียมจะลดโทรศัพท์ลงมาเปิดลำโพงถูกลูก้าใช้มือข้างหนึ่งขึ้นมาจับไว้ราวกับจะบอกว่าไม่ต้อง


นี่ผมกำลังถูกลวนลามอยู่ชัดๆ


(ภารกิจส่งตรงมาจากคันเนโลนี จอห์น)


“คะ คันเนโลนี จอห์น”ผมแทบจะตะโกนออกมาเมื่อได้ยินชื่อนั้นหลุดออกมา


คันเนโลนี จอห์นผู้เป็นบิดาแห่งการค้นพบคนนั้นน่ะนะ


(ก็นั่นแหละ พอดีเขาพึ่งค้นพบเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกจากการเดินทางทางอากาศเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนเลยจัดตั้งคณะเข้าไปสำรวจ)


“คงไม่ได้ต้องการให้ผมเป็นหนึ่งในคณะนั้นหรอกใช่ไหม”คนระดับนั้นมีบุคคลกรที่มีความสามารถในระดับสูงอยู่แล้ว แถมการสำรวจก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมถนัดด้วย


(พูดถูกแล้วทรี งั้นลองทายไหมว่าเกิดอะไรขึ้น)


“เหมือนเราจะว่างกันมากเนอะเซโคร”ผมถามกลับด้วยรอยยิ้ม


(ก็ว่างอยู่ละมั้ง)


“จะลองคิดดูละกัน”


(ขอฟังข้อสันนิฐานหน่อยนะทรี)


ผมเงียบจากการสนทนาก่อนจะตั้งสมาธิเพื่อใช้ข้อมูลที่มีเพียงน้อยนิดในการวิเคราะห์


การที่มีภารกิจส่งตรงมายังผมแปลว่าต้องเกี่ยวกับน้ำ แน่นอนว่าเกาะย่อมล้อมรอบด้วยน้ำแต่ถ้ามีแค่นั้นก็ไม่จำเป็นต้องเรียกผมไปหรอกนอกะจากจะมีปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้


สิ่งที่อาจเป็นปัญหาได้ก็มี2อย่าง


อย่างแรกคือภายนอกเกาะซึ่งรวมตั้งแต่ผืนน้ำไปจนถึงสภาพอากาศ


อีกอย่างคือภายในเกาะมีอะไรบางอย่าง


“อาจมีปัญหาภายนอกหรือภายในเกาะ และอาจเป็นปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้ด้วยกำลังคนปกติอย่างบนเกาะนั่นมีสัตว์น้ำอันตรายอยู่”ผมบอกสิ่งที่คิดออกไป


(ว้าว ข้อมูลแค่นั้นวิเคราะห์ได้ขนาดนี้เลยเหรอ)น้ำเสียงชื่นชมจากปลายดังขึ้น


“แปลว่าถูก?”


(ใช่ เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณจอห์นได้พาคณะสำรวจกว่า50คนเตรียมเข้าไปสำรวจเกาะแต่นอกจากจะเข้าไปใกล้ไม่ได้แล้วยังมีเรื่องน่าตกใจอีก)


“เข้าไปไม่ได้หมายถึงเรือเข้าไปใกล้ไม่ได้เหรอ”ผมถามกลับด้วยความอยากรู้


(อืม พอไปทางเรือก็เจอกับกระแสน้ำวนที่รุนแรงกว่าปกติแถมพอคิดจะไปทางอากาศกลับพอว่าเกาะนั่นมีพื้นดินอยู่ไม่ถึง30เปอร์เซ็นต์ของเกาะด้วยซ้ำ จากการใช้กล้องส่องดูด้านล่างจึงพบว่าเกาะมีรูปร่างคล้ายวงกลมโดยมีผืนนำแบ่งออกเป็น2ฝั่ง


“แค่ปัญหาระดับนั้นผมก็คิดว่ายังไม่ถือเป็นปัญหาใหญ่นะ”ด้วยความสามารถขององค์กรสามารถจัดการได้อยู่แล้ว


การที่เรียกผมซึ่งมีลูก้าอยู่ด้วยให้ไปทำภารกิจมีความหมายเดียวคือบนเกาะมีสัตว์อันตรายอยู่


(อันนั้นผมแค่เล่าให้ฟังคร่าวๆ จากนี้คือปัญหาจริง ด้วยวิทยาการในการจับลังสีความร้อนและถ่ายภาพจากดาวเทียมทำให้รู้ว่าบนเกาะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ประมาณ1000ชนิดซึ่งแค่ในน้ำก็กินไปกว่าครึ่งแล้ว แล้วรู้ไหมว่าตอนใช้กล้องส่องเจอเข้ากับอะไร)


“...เจออะไรเซโคร”


(แอมบูโลซีตัส)


“ว่าไงนะ แอมบูโลซีตัสงั้นเหรอ”สัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นวาฬเดินได้นั่นน่ะนะ


แอมบูโลซีตัส เป็นสัตว์ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากยาวแค่3เมตรเท่านั้น ที่น่าสนใจคือมันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งอยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ ในปัจจุบันเองก็ยังไม่มีที่ไหนสามารถเพาะมันขึ้นมาได้เพราะไม่มีตัวอย่างดีเอนเอที่ชัดเจอเมื่อเทียบกับสัตว์ตัวอื่นแม้ว่ามันจเป็นเครือญาติของวาฬก็ตาม


รู้ไหมว่าผมมีความฝันอยากจะเห็นมันสักครั้งมานานมากแล้ว


“นี่มันสุดยอดไปเลย”ผมบอกปลายสายตั้วยความตื่นเต้น


(ว่าแล้วว่าสามต้องชอบ เกาะที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจากระแสน้ำอันรุนแรงนั่นดูเหมือนว่ามันจะซ่อนสิ่งมีชีวิตในอดีตกาลไว้มากมายนั่นทำให้คุณจอห์นไม่มั่นใจในความปลอดภัยเลยต้องการให้นายเข้าไปสำรวจความปลอดภัยและศึกษาสิ่งมีชีวิตพวกนั้นคร่าวๆ ว่าไง จะรับภารกิจนี้ไหม)


คำถามนั้นจำเป็นต้องตอบจริงๆน่ะหรือ


ถึงไม่ตอบเซโครก็น่าจะเดาได้นี่


“จะไม่รับได้ยังไงเล่า ไปเลยใช่ไหม”ผมแทบจะวิ่งไปเตรียมอุปกรณ์มันซะตอนนี้เลย


(อย่าพึ่งใจร้อน พรุ่งนี้9โมงจะมีเฮลิคอปเตอร์มารับ)


“พรุ่งนี้เลยเหรอ”อยากไปวันนี้นี่


(เวลาที่เหลือเตรียมตัวให้พร้อมเถอะเพราะอย่าลืมว่าทรีต้องไปกับลูก้าตามลำพังถ้าเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครช่วยได้หรอกนะ)


“...นั่นสิ เข้าใจแล้ว”


(กลับมาแล้วโทรมาเล่าให้ฟังด้วยล่ะ ผมเองก็อยากไปเหมือนกันแต่ดันมีงานเข้ามาซะได้)


“เป็นงานที่ยากพอดูสินะ”ฟังจากน้ำเสียงก็พอเดาได้อยู่


(อ่า ไปจับพวกลักลอบทดลองการให้ชิวิตน่ะ)


“...หมายถึงการโคลนมนุษย์?”


(ใกล้เคียงแต่แย่กว่า)


“หมายถึงยังไง”แย่กว่าที่ว่า


(พวกมันคิดจะสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์)


“ว่าไงนะ”ผมถึงกับตะโกนเสียงดัง ลูก้าที่ฟังอยู่ถึงกับคลายแขนที่กอดเอวผมไว้


สร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์


นี่มันบ้าไปแล้ว


มนุษย์ปกติไม่มีทางทำได้ ต่อให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่าย


คนที่ทำสำเร็จตอนนี้มีเพียงคนขององค์กรดอร์วูซึ่งขึ้นตรงกับบิดาแห่งการคืนชีพอย่างด็อกเตอร์ฟรานซิส  เบนซ์ ฟงเซ่เท่านั้น
แน่นอนว่าความลับของการสร้างอยู่ในระดับสูงไม่มีใครสามารถรู้ได้


แล้วทำไมถึง...


(เพราะพวกมันไม่รู้เลยลองสร้างขึ้นมา แน่นอนว่ามันผิดพลาด ผมพึ่งไปเจอฐานหนึ่งที่มีการทดลองแต่พวกมันก็หนีไปแล้ว)
“ต้องรีบจับให้เร็วที่สุด”เรื่องนี้มันไม่ใช่เล่นๆแล้ว


การทดลองแบบนี้ถือเป็นการสร้างชีวิต และเมื่อชีวิตที่ถูกสร้างไม่ได้ตามต้องการพวกมันคงไม่ปล่อยให้มีชีวิตต่อ เรียกว่าพอเกิดมายังไม่ทันรับรู้ก็ต้องตายถ้ามันไม่สำเร็จ


(อืม ผมเลยต้องลงมือด้วยตัวเอง งั้นไว้คุยกันใหม่นะทรี)


“ได้ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ”


(ขอบคุณ บาย)


“บาย”


พอวางสายเสร็จความเงียบก็เข้าปกคลุม ผมหันไปสบตากับลูก้าที่มองมาอยู่ก่อนด้วยสายตาเครียดๆ


ได้รู้เรื่องใหญ่เข้าซะแล้ว


“มีมนุษย์คิดจะสร้างพวกผมสินะ”ลูก้าพึมพำ


“ใช่...แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำเลย”การทดลองกว่าจะสำเร็จอาจใหช้เวลานับสิบปี


คิดดูละกันว่าสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจะเป็นยังไง


ในตอนของด็อกเตอร์ฟรานซิสก็คงจะสูญเสียไปมาก แต่ผมไม่เข้าใจว่าพวกนั้นคิดจะสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไปทำไมและเพื่ออะไร


ถึงจะไม่รู้ก็พูดได้เลยว่าไม่ได้สร้างไปใช้ในเรื่องดีสักเท่าไหร่หรอก


“สาม...ทำหน้าเครียด”


“ก็มันน่าเครียดนี่ เอาล่ะ เรื่องนั้นเซโครจัดการได้อยู่แล้ว เราก็ไปเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้เถอะ”สิ่งที่ผมทำได้คือจัดการภารกิจของตัวเองให้ดีที่สุด


“เราจะไปเกาะกันสินะ”ลูก้าถามระหว่างเดินกลับห้องพัก


“ใช่ ดูเหมือนจะเป็นเกาะที่อยู่มาตั้งแต่ยุคแคมเบรียน สัตว์ในยุคนั้นอยู่ในช่วงกำลังวิวัฒนาการจึงทำให้มีรูปร่างค่อนข้างแปลก”


“ยุคนั้นพวกไดโนเสาร์เกิดรึยัง”


“คิดว่ายังนะ ไดโนเสาร์เกิดในช่วยปลายของยุคเพอร์เมียน...เราต้องเตรียมของไปให้พร้อม ลูก้าช่วยหยิบเสื้อแขนยาวในตู้ให้หน่อย”ผมบอกเมื่อเข้ามาในห้องพักเรียบร้อย


กระเป๋าที่จะใช้เป็นกระเป๋าสะพายใบใหญ่ยักษ์เหมาะสำหรับยัดของทุกอย่างลงไปได้โดยไม่ต้องกลัวเต็ม


“ทำไมต้องแขนยาวล่ะ เราไปในเขตร้อนนี่”ลูก้าถามทั้งๆที่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า


“ต้องป้องกันไว้ก่อน เราไม่รู้ว่าที่นั่นมีอะไรอยู่บ้างพืชและสัตว์บางชนิดอาจมีพิษเวลาสัมผัสเราจึงต้องระวังไว้ให้มาก ลูก้าเองก็ต้องใส่แขนยาวเหมือนกัน”


“ร้อนจะตาย ไม่ใส่ได้ไหม”


“ไม่ได้”


“อย่าใจร้ายกับแฟนสิสาม”คำพูดของลูก้าทำให้ผมนึกได้ว่าตอนนี้เราไม่ได้เป็นเพียงคู่หูแต่ยังเป็นคนรักกันอีกด้วย


“ถ้าไม่ใส่ผมเลิกนะ”ผมขู่ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


“อย่าเอาเรื่องนี้มาขู่สิ”


“คิก ไม่ต้องร้อนรนขนาดนั้นน่า ผมล้อเล่น”


“ชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”


“ไม่เห็นจำได้แฮะ”ผมไม่แกล้งลูก้าตอนไหนกัน


“ให้ร่ายทั้งเดือนยังไม่หมดเลย”


“ไม่เยอะขนาดนั้นสักหน่อย”ผมขอค้านเหอะ ก็ยอมรับว่ามีแกล้งบ้าง แหย่อีกนิด กวนอีกหน่อยแต่ไม่มีทางจะมากขนาดพูดทั้งเดือนไม่หมดหรอก


“เยอะกว่านั้นมากด้วย ให้ผมบอกตั้งแต่เรื่องแรกเลยดีไหม”


“ลูก้า”นี่แกล้งกันคืนชัดๆ


“ครับสาม”


“นายก็กวนไม่แพ้กันหรอก”เห็นหน้านิ่งๆแบบนี้เวลากวนน่าโมโหกว่าคนปกติ10เท่า


“น้อยกว่าสามละกัน”


“ลูก้า”


“สามน่ารัก”อยู่ๆน้ำเสียงกวนๆก็กลายเป็นเสียงโทนนุ่มพ่วงด้วยรอยยิ้มที่ทำเอาหัวใจผมกระตุกอย่างฉับพลัน


เล่นเปลี่ยนกะทันหันผมก็แย่น่ะสิ


“ปะ...ไปเอากางเกงด้วย”ผมเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องแล้วก้มหน้าก้มตาจัดข้าวของใส่กระเป๋าใบใหญ่


ในวันรุ่งขึ้นผมตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่ช่วงเช้าของโดยมีลูก้าลุกตามขึ้นมาด้วยใบหน้างัวเงีย ข้าวเช้าถูกจัดการในช่วง8โมงก่อนจะขึ้นไปยังบนดาดฟ้าที่มีเฮลิคอปเตอร์จอดรออยู่


ผมทักทายคนขับพอเป็นพิธีก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะลอยลำสู่ท้องฟ้าสีฟ้าสด หมู่เมฆในวันนี้มีให้เห็นปะปายซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้มองเห็นวิวด้านล่างได้ชัดขึ้น


การเดินทางใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงถึงจะสามารถมองเห็นเกาะที่ว่าได้ ภาพรวมของเกาะผมได้มาจากข้อมูลเมื่อวานหลังจากจัดของเสร็จจากเซโครแต่ของจริงนี่ดูจะน่าตื่นตาตื่นใจกว่ามาก


เกาะรูปร่างคล้ายวงกลมถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนซึ่งแต่ละส่วนก็มีส่วนเว้าส่วนโค้งคล้ายกับครึ่งหัวใจ ทะเลรอบๆแม้มองจากความสูงระดับนี้ก็ยังเห็นถึงน้ำวนได้ชัดเจน


แบบนั้นเรือเข้ามาไม่ได้หรอก


เกาะนั่นเหมือนกำลังถูกปกป้องด้วยธรรมชาติที่ไม่ต้องการให้ใครได้ค้นพบ


แต่ยิ่งปกป้องมากเท่าไหร่ด้วยสัญชาตญาณความอยากรู้ของมนุษย์ก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้รู้ถึงสิ่งที่อยู่ภายในนั่น


“จะให้ไปส่งที่ไหนดีครับ”เสียงของคนขับเฮลิคอปเตอร์ตะโกนถามเมื่อลดระดับความสูงลงมาอยู่ประมาณ500เมตรจากพื้นดิน


“ขอเปิดประตูนะครับ”ผมขออนุญาตก่อนจะเปิดประตูเฮลิคอปเตอร์แล้วชะโงกลงไปดูสภาพจริงโดยไม่ผ่านกระจก


เกาะทั้ง2ฝั่งเหมือนจะเป็นน้ำจืดกับน้ำทะเล ส่วนที่เป็นทะเลถูกทรายสีนวลล้อมรอบถัดไปไม่ไกลก็เป็นป่าขนาดใหญ่ที่ไม่กว้างแต่ยาวมากแตกแขนงไปจนถึงฝั่งของน้ำจืดที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเต็มไปหมด


“สาม...เอายังไง”


“ลูก้าอยากไปที่ไหนก่อนละ น้ำจืดหรือน้ำทะเล”ผมหันไปขอความเห็น


“ให้ผมเลือก?”


“ใช่”


“งั้นน้ำทะเล”คำตอบที่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด


ลูก้าเติบโตมากับทะเล


ไม่แปลกที่จะเลือก


“ช่วยไปส่งยังพื้นทรายด้านล่างนี้ด้วยครับ”ผมตะโกนบอกคนขับ


ด้วยความที่เป็นพื้นทรายแถมยังมีระยะไม่กว้างเลยไม่สามารถให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้ดังนั้นผมกับลูก้าเลยไต่บันไดที่ห้อยจากด้านบนลงมาจนถึงพื้นทราย


“สามระวัง!”เสียงตะโกนของลูก้าดังขึ้นพร้อมดันผมให้ไปอยู่ด้านหลัง


เพียงแค่สัมผัสพื้นยังไม่ถึง10วินาทีก็ถูกสายตานับสิบคู่จ้องมาซะแล้ว


ร่างสีเหลืองค่อยๆพากันออกมาจากทั้งบนพื้นทรายและใต้ทะเลน้ำตื้น อุ้งเท้าอวบและมีกรงเล็บกับส่วนหางยาวแหลมสำหรับเคลื่อนที่ใต้ผิวน้ำนั่นพร้อมจะล่าทุกสิ่งไม่ว่าจะบนบกหรือใต้น้ำ


สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เลี้ยงลูกด้วยนม


มาถึงก็เจอเลยเหรอ


แอมบูโลซีตัส!
...........................................................

สวัสดีค่าา

มาต่อแล้วกับตอนต่อไปซึ่งใครหลายคนคงกำลังรอคอยตอนนี้กันอยู่แน่

ในที่สุดสามของเราก็รู้ใจตัวเองแล้ว (แต่งเองก็แทบจะร้องเย้ลั่นบ้าน 555)

ว่าจะมีฉากหวานสักหน่อยแต่เซโครดันโทรเข้ามาแถมยังมีภารกิจให้ไปทำอีก

ใครรอฉากหวานๆ ก็สามารถอ่านได้ทุกตอนอยู่แล้วเพราะคู่สามและลูก้านั้นหวานกันม๊ากมาก

หวานอยู่ทุกตอน มดนี่ขึ้นจอเลยทีเดียว

ช่วงนี้ก็มีหน้าเรื่องJurassic world2 กำลังฉาย เพิ่มความอินหลังจากดูหนังด้วยนิยายเราได้นะ

เรานี่อยากได้แก้วที่เป็นรูปบลูมากแต่ดันหมดตั้งแต่วันที่2ที่หนังเข้า เสียใจมากกก

แต่ไม่เป็นไรแค่ได้เข้าไปดูหนังก็ฟินแล้ว

ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเม้นท์และทุกๆ กำลังใจที่มีให้เสมอมานะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย

--------มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-------



วันนี้ขอเสนอแอมบูโลซีตัสหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถอยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ ชื่อของมันแปลได้ว่า "วาฬเดินได้" ขนาดตัวยาวประมาณ 3 เมตร กินเนื้อ และมีถิ่นที่อยู่แถบชายฝั่งทะเล

เครติด : หนังสือชุดนักพจญภัยน้อยตะลุยโลกล้านปี


nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เซโครน่าจะโทรมาช้ากว่านี้อีกนิดนึง อยากเห็นฉากหวานๆ นานๆ ไม่เป็นไรคราวหน้าก็ได้นะ แต่เจอวาฬเดินได้น่าจะสู้กันมันส์แน่ตอนหน้า ขอบคุณค่ะรอตอนหน้าค่ะ  :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
หึ... เซโคร... นะ... เซโคร... โทรมาช้ากว่านี้้อีกนิดก้อไม่ได้

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ยิ่งอ่านลูก้าก็ยิ่งน่ารัก
ทั้งหวง ทั้งห่วง ทั้งรักทั้งหลงสามจิ่งกว่าอะไร
น่าหยิกจริงๆ

ภารกิจนี้แลดผูน่ากลัวจังค่ะ เหมืออันตรายมาได้รอบด้าน
 ขอให้ปลอดภัยกันทั้งคู่นะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ภารกิจนี้ดูอันตรายมากกเลยย
ตอนได้สินชื่อวาฬเดินดินนี่นึกว่ามันจะน่ารักกว่านี้
แบบหัวกลมๆเหมือนวาฬ 555555
นี่เหมือนหมาป่ายักษ์ที่ว่ายน้ำได้เลยย
ลูก้าน่ารักขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับที่ยับยั้งชั่งใจได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนสามนั้นจากที่ไม่เคยขัดใจอะไรลูก้าได้อยู่แล้ว
พอเป็นแผนกเนก้คือการเลยตามเลยที่แท้ทรู
ถ้าเซโครโทรมาช้ากว่านี้อีกสักครึ่งชม.คงไม่มีคนรับแล้วอะ 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด