❀ สาปดอกแก้ว ❀ จบแล้ว >> แจ้งข่าวเปิด Pre-Order 3 มิ.ย. ถึง 3 ก.ค 61 หน้า 9 <<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❀ สาปดอกแก้ว ❀ จบแล้ว >> แจ้งข่าวเปิด Pre-Order 3 มิ.ย. ถึง 3 ก.ค 61 หน้า 9 <<  (อ่าน 38434 ครั้ง)

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
มาต่อแล้ว มาอีก ๆ

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :katai4:เอาอีกๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ก็ยังเป็นปริศนาอยู่ดี ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากใคร

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เรื่องเริ่มคลายปม ดูต่อปายยย

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอต่อไปปปป  :katai2-1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสัยมากกกกกก ว่าใครกันที่เป็นคนเริ่มเรื่อง
งื้อออ

ออฟไลน์ @Sister

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ปมเริ่มคายไปบ้าง อยากต้นสายปลายเหตุว่าเกิดจสกอะไร  :ling1:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
นี่ขนาดงดยังหลอนเลยค่ะ และก็ยังงงๆเช่นกันว่าตกลงยังไงแน่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
ตอนที่ 7 อดีตชาติของภูวรินทร์


“คุณภูไม่กลับแล้วหรือคะ”ป้าษอรเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ สีหน้าของเธอดูจะเหลือเชื่อที่เขายังยืนอยู่ต่อหน้าของเธอ เขาไม่อาจรู้เลยว่าเธอแกล้งทำหรือเปล่า ทั้งที่รู้แก่ใจว่าเจ้าของบ้านหลังนี้กับเขามีความหลังกัน

“ครับ พอดีโชติมันเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”ภูวรินทร์ตอบ เหลือบมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอยู่เงียบ ๆ

“ตายจริง เป็นอะไรมากไหมคะ”ป้าษอรตกใจ เธอมีแววตากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ริ้วรอยของกาลเวลาเหมือนจะมีชัดเจนกว่าครั้งแรกที่เจอกัน เธออยู่รับใช้คนบ้านนี้มานาน แต่ไม่ทันคุณแก้ว แต่เธอยังภักดีต่อท่านเจ้าของบ้านผู้จากไปมากกว่าตัวเขาซะอีก

“ไม่ครับ ผมเลยไม่ให้มันมาแล้ว”ภูวรินทร์เอ่ย มันน่ากลัวหากว่าอุบัติเหตุนั่นเกิดขึ้นเพราะเขาต้องการที่จะหนีออกจากบ้านหลังนี้ ถ้าเป็นเรื่องจริง เขาเองก็อยากรู้ว่าทำไม ตั้งแต่เช้าเขายังไม่เห็นอินทนิลเลย เขาไม่อยากถามเอากับป้าษอรเลยออกไปเดินรอบบ้าน ‘ถ้าหากว่าคุณแก้วถูกคนอื่นฆ่าตายจริงๆล่ะ...ใครเป็นคนทำ’เขาฉุกคิดถึงฝันคืนนั้น ใจจริงเขาอยากรู้เรื่องราวในครั้งอดีตว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแก้ว...จะบอกเขาได้หรือเปล่า

รู้ตัวอีกที ชายหนุ่มเดินมาถึงหน้าเรือนเพาะชำแล้ว ไม้ประดับวางเรียงกันอยู่ข้างๆตัวเรือน ยังคงออกดอกสวยอยู่ เขาเปิดประตูเข้าไปด้านใน ปรากฏว่าอินทนิลมานั่งกอดเข่าอยู่ตรงปากหลุม คล้ายกับงีบหลับ บริเวณรอบๆหลุดถูกล้มไว้ด้วยเส้นสีเหลืองไว้ มองแล้วไม่สบายใจ

“มาทำอะไรตรงนี้”เขาเอ่ยถาม รู้สึกเป็นห่วงอินทนิลขึ้นมา เจ้าตัวไม่ขยับไปไหน เขาแน่ใจว่าอินทนิลได้ยินเสียงของตนแน่ๆ ไม่นานนักอีกฝ่ายก็ขยับตัว 

“อินน์รู้สึกหดหู่ คุณก็กำลังจากไป แล้วท่านก็เหมือนจะไม่คุยกับอินน์แล้ว”ถ้อยคำของอินทนิลทำให้เขานิ่งเงียบ รู้สึกลังเลอยู่ในใจ ความปรารถนาที่จะจากออกไปจากบ้านหลังนี้โดยเร็วเริ่มลดทอดลงไปมาก ไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุอะไร

“หมายถึงวิญญาณของท่านเหรอ”เขาถาม แล้วเดินไปหาอีกฝ่าย อินทนิลเงยหน้ามองเขา ใบหน้านั้นเซื่องซึม นัยน์ตาสีนิลหม่นหมองลง ท่าทางเศร้าโศกราวกับสูญเสียคนในครอบครัวไป ชายหนุ่มมองเด็กหนุ่มอยู่นาน

“ร่างของท่านจากไปแล้ว เวลาของท่านก็เริ่มเหลือน้อยลงเช่นกัน”เด็กหนุ่มส่ายหน้า ร่างกายไม่ขยับไปไหน ภูวรินทร์ อยู่ๆก็รู้สึกโหวงเหวงในใจขึ้นมา

“ออกจากที่นี่เถอะ อยู่ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก”เขาบอกเสียงปราม แล้วก้าวไปหาอีกฝ่าย เอื้อมไปจับไหล่ของเจ้าตัวที่ห่อเหี่ยว อินทนิลมองเขา สายตาลังเลกัดปากเหมือนกำลังขบคิด

“คุณจะไม่จากไปใช่ไหม”อินทนิลถามขึ้นมา ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าความต้องการอยู่อย่างสงบสุข ไม่มีฝันร้ายมากร่ำกราย

“...ฉันจะยังไม่ไปไหน”เขาบอกด้วยรอยยิ้ม อินทนิลไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาซะทีเดียว แต่บางครั้งก็ทำตัวเหมือนเด็กไม่โต เจ้าตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะปัดเศษดินออกจากกางเกง สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปคือเสื้อผ้าอาภรณ์และเท้าเปล่าเปลือยนั่น   

“งั้นก็ดีสิครับ”อินทนิลพูด เหลือบตามองเขา นัยน์ตานั้นเหมือนมีประกายความหวัง ชายหนุ่มไม่ติดใจอะไร เขาเดินออกจากห้องเรือนกระจก กระถางดอกไม้เลื้อยและพันธุ์ไม้ยืนต้นเล็กๆไม่ช่วยให้เขารู้สึกดี ส่วนอินทนิลเดินตามหลังเขามา

“เธอสบายดีนะ”ภูวรินทร์หันไปถามเด็กหนุ่มเพื่อความแน่ใจ อินทนิลยิ้มออกมาแล้วส่านศีรษะ “อินน์สบายดีครับ แต่ว่า ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมครับ”

“อะไรล่ะ”เขาแปลกใจที่อีกฝ่ายเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากตน

“...มันอาจรบกวนคุณ แต่อินน์ต้องการความช่วยเหลือ”เขาปล่อยให้อินทนิลพูดไปเรื่อยๆ “คือว่า ช่วยอินน์ตามหา...เอ่อ...ศพทารกหน่อย”สิ้นคำของเด็กหนุ่ม ภูวรินทร์ถึงกับอึ้งไป

“ศพทารกเหรอ”เขาตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน อินทนิลมองเขาก่อนจะหัวเราะเบาๆยกมือโบกพัลวัน

“จะว่าอย่างไงดี ระยะหลังมานี้ เหมือนว่า‘ท่าน’จะระแคะระคายเรื่องคำสาปของตระกูล ทีแรกคิดว่าคุณภู เอ่อ ท่านอาเป็นคนแช่ง แต่กลับไม่ใช่”อินทนิลเกาศีรษะ ดวงตากลมใสมองเขาอย่างสนใจ

“เธอรู้ความจริงงั้นเหรอ”เขารีบถาม เผลอตัวเข้าไปจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ อินทนิลเม้มปากมองเขา ร่างกายเหมือนเกร็งขึ้นมา ชายหนุ่มรู้ถึงความผิดปกตินี้ แต่ไม่ได้ปล่อยมือออก เขาเองก็แปลกใจเรื่องของอินทนิลไม่น้อย การแสดงออกทางร่างกายมันทำให้เขาสงสัย และอยากหาคำตอบ ว่ามาจากตัวของอินทนิลหรือว่ามาจากคุณแก้วกันแน่

เขาเชื่อว่าคุณแก้วรับรู้ทุกการกระทำของอินทนิล เหมือนจิตวิญญาณครึ่งหนึ่งเป็นของคุณแก้วด้วย... อีกครึ่งเป็นของอินทนิล เด็กหนุ่มผู้ซึ่งชะตาขาดไปกว่าครึ่ง แต่เขาเลือกจะยอมรับอินทนิลในฐานะมนุษย์ปกตินั่นแหละ มีเลือดมีเนื้อ และหัวใจ แต่คงเป็นหัวใจที่ไม่บริสุทธิ์

“ครับ... เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับมณี เมียของท่านอา”อินทนิลพูดห้วนขึ้นและใส่อารมณ์ต่างจากเวลาปกติ แววตาแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขาแทบไม่ได้นึกถึงผู้หญิงอีกคนที่เป็นตัวแปรของเรื่องในอดีตนี้ ...แล้วเกี่ยวอะไรกับศพทารกกัน... เขามองอินทนิลทันควัน เด็กหนุ่มยิ้มเย็นชาราวกับอ่านใจเขาได้

“เธอแท้งลูกของท่านอา และหล่อนก็โทษว่าเป็นความผิดของท่าน”อินทนิลย่นหน้า ริมฝีปากยกขึ้นอย่างถือดี

“...แล้วใช่เรื่องจริงไหม”เขาถาม ในใจรู้สึกหวาดหวั่น เขาไม่อยากรับรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณแก้วเป็นคนโหดร้าย แม้ที่เคยสัมผัสรับรู้ตัวตนของคุณแก้วนั้นอันตรายและไม่น่าเข้าหานัก   

“...แค่มีส่วนน่ะ แต่เรื่องนี้ต้องโทษท่านอา! เขาผิดคำพูด หนำซ้ำยังไปเอาหญิงชาวบ้านมาเป็นเมียอีกคน”ความจริงต่อมาทำให้เขาแทบไร้เรี่ยวแรง มันเหมือนถูกดึงจิตวิญญาณ เป็นเรื่องในอดีต แต่ทว่าเขากลับรู้สึกปั่นป่วนไปด้วย ลมหอบใหญ่ปะทะผ่านร่างของเขาไปทำให้ชายหนุ่มร่างกายไม่สมดุล

“คุณภู! เป็นอะไรครับ”อินทนิลทำหน้าตกใจรีบเข้ามาประคองร่างของเขาไว้เต็มแขน ร่างกายของเด็กหนุ่มแข็งแรงน้อยกว่าไม่สามารถพยุงนำหนักตัวของเขาได้ดีพอ ทั้งคู่เซล้มไปด้วยกัน

ภูวรินทร์รู้สึกเวียนหัว โลกทั้งใบหมุนไปหมด เป็นความรู้สึกที่ไม่ดีจริงๆ ร่างกายเย็นวาบไปชั่วขณะ มองเห็นอินทนิลกอดร่างของตนไว้ด้วยอาการผวาเกินกว่าเหตุ ในหัวเหมือนได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มร้องเรียกชื่อของตัวเองและของคุณแก้ว ปกติอินทนิลจะเรียกอีกฝ่ายว่าท่านเสมอมา

สติของชายหนุ่มดับวูบ มืดดำไปหมด เขาคิดว่าตนเองเป็นลมไป แต่คงไม่ใช่ ไม่อย่างนั้นตนเองคงไม่สามารถรู้สึกนึกคิดขึ้นมาได้แบบนี้ อาการคลื่นไส้เวียนหัวเริ่มหายไป แต่ความปั่นป่วน หนาวเย็นไปทั้งร่างยังคงอยู่ ไม่อาจรู้ได้ว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับอะไร



 ‘แก้ว’

เป็นเสียงของหมื่นนรินทร์ เสียงเรียกคล้ายกับกำลังโกรธเคือง เขาได้ยินเช่นนั้น แต่สองตามองไม่เห็นเหมือนติดอยู่ในหลุมดำที่พันธนาการโอบล้อมทั้งร่างไว้

 ‘เหตุใดต้องใช้น้ำเสียงเช่นนั้นใส่เราด้วย”สุ้มเสียงของแก้วโต้ตอบกลับมา น้ำเสียงที่ต่างจากอินทนิล มีความถือดีปรากฏชัด

‘คิดว่าฉันไม่รู้จริงๆหรือว่าเธอทำอะไรลงไป”เสียงที่คล้ายคลึงกับภูวรินทร์เอ่ยโต้ตอบกลับมา มีความขุ่นเคืองอยู่ในนั้น

‘ความผิดของเรางั้นหรือ ถือว่าเราสงสารหล่อนซะมากกว่า ที่มีสามีผิดครรลองคลองธรรม ไม่ผิดที่หล่อนจะโศกเศร้าซะจนแท้งลูก’แก้วเอ่ยด้วยความเย้ยหยัน

‘พูดความจริงมาเดี๋ยวนี้!”เหมือนผู้เป็นอาโกรธจัด ตวาดดังลั่น ไม่มีวี่แววของความอบอุ่น เวลานี้คงหมดสิ้นความรักไปซะแล้ว

‘เราพูดไปหมดแล้ว ท่านอาไม่เชื่อ ก็อับจนถ้อยคำ”แก้วยังคงไม่ยอมลงให้

ท่ามกลางความมืดมิด ภูวรินทร์มองไม่เห็นร่างของใครทั้งสิ้น สองหูเพียงได้ยินเสียงโต้ตอบไปมาของคนทั้งคู่ เรื่องราวในอดีต นี่ไม่ใช่ความทรงจำ อาจเป็นฝันร้ายมากกว่า ชายหนุ่มเชื่อเช่นนี้ ทุกสิ่งที่เจอและได้ยินเกี่ยวกับเรื่องเมื่อแปดสิบปีก่อนนั้นเขาไม่เคยได้สัมผัสมันจริงๆ มันมาในรูปของฝันทั้งสิ้น

 ‘คิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอหรือไงแก้ว’หมื่นนรินทร์ข่มขู่

‘เปล่า ท่านทำได้ทุกอย่างเสมอ บ้านทั้งหลังยังเอาไปได้ นับประสาอะไรกับชีวิตของหลานโง่เขลาคนนี้’ถ้อยคำนี้เหมือนเป็นการพูดถากถางตัวเองอีกครั้ง

‘เธอคิดว่าเพียงเท่านี้จะหยุดฉันได้หรือ คิดว่าฆ่าลูกมณีไปแล้ว เราจะกลับมาเป็นเหมือนก่อนรึไง ไม่มีทาง ฉันอยากมีลูก และคนตระกูลภิรมย์สุขต้องมีลูกของฉันสืบสกุล ไม่ใช่จากพี่น้องของเธอ’หมื่นนรินทร์พ่นความจริงนี้ออกมาด้วยโทสะ ทั้งเห็นแก่ตัว ไร้สำนึก

‘ลูกของพี่กิ่งและพี่ไกร ไม่ใช่เลือดของภิรมย์สุขหรือ’แก้วถามกลับมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

‘อย่าหาเรื่องเฉไฉ ไม่อย่างนั้นฉันจะส่งเธอไปเข้าตารางเสีย’

‘หากท่านอาไปกับเรา เราก็ยินดี’คุณแก้วเอ่ย น้ำเสียงไม่มีความกังวลหรือการประชดใดๆ แต่นั่นเหมือนเป็นการราดน้ำมันใส่กองไฟให้ลุกโหมหนักกว่าเก่า

‘แก้ว! พอเสียที!’

‘ผู้ใดควรพอ คิดว่าเราไม่รู้เห็นหรือว่า ท่านไปทำผิดผีกับลูกสาวชาวบ้านข้างล่างนั่น...ไม่คิดว่าคนที่เรารักจะทำเรื่องบัดสีได้ วันหน้าตระกูลเราเสื่อมเสียเพราะท่านอา’

‘ไม่ใช่เพราะเธอรึไง มณีไม่ต้องการมีทายาทให้ฉันอีกต่อไป ฉันก็ต้องหาทางอื่นมันก็ถูกแล้ว’

‘เราไม่ได้ทำร้ายลูกของมณี...’แก้วยืนยัน

‘ฉันให้หมอฝรั่งมาตรวจ มณีแท้งลูกเพราะพิษ ในบ้านนี้มีใครใช้พิษงั้นหรือ นอกจากเธอที่มีพืชพิษอยู่ในเรือนเพาะนั่น และมันก็ตรงกันเสียด้วย คำแก้ตัวไม่ได้เรื่องเช่นนี้ คิดว่าฉันโง่หรือไง’หมื่นนรินทร์ไม่ปักใจเชื่อ ยังคงยกเหตุผลมาสู้

‘...อ้อ อย่างกับว่าเรือนเพาะของเราใส่โซ่ตรวนไว้แน่นหนา ใครๆก็เข้าออกได้ คิดว่าเราอยากให้ลูกของท่านตายงั้นหรือ ท่านไม่น่ามาใส่ร้ายเราแบบนี้ ถึงจะไม่พอใจที่ท่านอาหมางเมินต่อกัน แต่เราไม่ได้โหดเหี้ยมเพียงนั้นหรอก’แก้วพูดช้าๆ ดูเหมือนว่าหมดแรงจะพูดต่อจากที่เคยโต้เถียง โทสะ และความหลงผิดบดบังทัศนะของท่านอาโดยแท้

‘ต่อไปนี้อย่าก้าวขาออกมาในบ้านของฉันอีก ...บัว! คอยเฝ้าแก้วไว้ให้ดี อย่าให้ไปไหนเด็ดขาด!’ท่านอาสั่งคนรับใช้ของคนสนิทของแก้ว 

‘ค่ะ ท่านหมื่น’

‘อา...ไม่ต้อง ฉันจะลงโทษคุณแก้วเสียหน่อย ให้ไอ้หวั่นเอาโซ่มาล่ามแก้วไว้’หมื่นนรินทร์ประกาศกร้าว 

‘ท่านหมื่น...!’หล่อนดูตกใจจนโพล่งออกมา 

‘อย่าคิดแม้แต่จะช่วยนายของตัวเองล่ะ ไม่อย่างนั้น แม่บัวจะเงาหัวไม่มี’หมื่นนรินทร์พูดสำทับน้ำเสียงไร้เยื่อใย


สมองของภูวรินทร์ว่างเปล่า เขามองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงสัมผัสได้จากความรู้สึกรุนแรงของทั้งสองฝ่าย ทั้งคุณแก้วและท่านอา ฝ่ายคุณแก้ว นอกจากความแค้นเคืองในตอนหลังก็มีเพียงความรู้สึกผิดหวัง เสียใจซะมากกว่า มันหนักหน่วงจนชายหนุ่มรับรู้ความรู้สึกเช่นนั้นได้แบบเต็มอก

ส่วนท่านอา นอกจากโกรธแค้นแล้ว...ไม่มีความรู้สึกใดเลยที่บ่งบอกว่ายังหลงเหลือเยื่อใยให้คุณแก้ว เพราะอะไรกัน เหตุใดท่านอานรินทร์ถึงหมดรักในตัวคุณแก้ว หรือไม่ได้รักมาแต่ต้นงั้นเหรอ? จากจดหมายที่ตนอ่าน ฉบับแรกๆที่เขียนถึงกัน ถ้อยคำที่ใช้ส่งถึงยังอ่อนหวาน รักใคร่คุณแก้วดีๆอยู่ ในใจอันบิดเบี้ยวของท่านอาไม่หลงเหลือความห่วงใยต่อแก้วแล้ว ในฐานะหลานชายก็ไม่อาจเหลือถึงสองในสี่ส่วน มันน้อยนัก ทั้งยังถือศักดิ์ศรีเหนือสิ่งอื่นใด และขาดสติ

ไม่คิดว่าท่านอาจะอยากมีลูกไว้สืบสกุลถึงขนาดต้องไปเอาหญิงชาวบ้านมาเป็นเมีย เรื่องนี้คุณมณีรับรู้ด้วยไหม คำสาปแช่งของมณี แท้จริงแล้วเป็นมายังไง ศพทารกนั่น....หมายถึงตอนแท้งลูกในครั้งนั้นน่ะเหรอ

ทันใดนั้นเอง ราวกับว่าเขาตกอยู่ในกลุ่มสายหมอก ความหนาวเหน็บย่ามกรายเข้ามาหา ร่างที่เคยไร้น้ำหนักเหมือนกับว่าทรงตัวอยู่บนพื้นหญ้าเย็นๆ ภูวรินทร์รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนเองนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้กับต้นแก้วใหญ่ มองไปแล้วคล้ายกับในสวนหน้าเรือนปั้นหยา ชายหนุ่มผงะตกใจ ฝันงั้นหรือ...

เสียงกริ๊งๆของกำไลข้อเท้าทีเคยได้ยินมาก่อน เสียงย่ำเท้าเดินมาใกล้ เขาเห็นฝ่าเท้าขาวเปลือยเปล่าขยับมาหา พร้อมกับกลุ่มหมอกสีขาวเข้ามารวมเป็นรูปร่างมนุษย์

...แก้ว เพราะอะไรกัน ภูวรินทร์รู้สึกเศร้ากับอีกฝ่ายจริงๆ บางทีคนทีร้ายที่สุดอาจไม่ใช่คุณแก้ว หรือมณี อาจเป็นเพราะหมื่นนรินทร์ทั้งสิ้น

“ทำไมคุณไม่ปล่อยวางไปซะล่ะ ในเมื่อมันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก พวกเขาก็ตายจากไปหมดแล้ว”ชายหนุ่มพึมพำกับร่างนั้นที่ประกอบกลายเป็นใบหน้า กายเนื้อของคุณแก้วในลักษณะเดิม เขาไม่รู้ว่ากำลังตกอยู่ในห้วงเวลาไหน ความฝันมืดมิดที่กักขังเขาไว้แบบนี้

“...ปล่อยวางหรือ เราทำไม่ได้ คิดว่าชีวิตหลังความตายเป็นเช่นไร เราวนเวียนอยู่ที่เดิม ติดอยู่ในเรือนหลังนั้นมาเกือบแปดสิบปี ผ่านเรื่องราวซ้ำซาก เพียงคิดว่าขอเจอคุณอีกสักครั้งคงดี...เราหรือที่มีความแค้น ก็ไม่ถึงเพียงนั้น เราโกรธท่านในอดีตที่หลอกใช้ความรักของเรา”น้ำเสียงเยียบเย็นเอ่ยออกมา ทำให้ภูวรินทร์ตื่นตัว มองร่างในสายหมอกอย่างถนัดถนี่ขึ้น

“ตอนนี้ก็เจอแล้วไม่ใช่เหรอ”เขาพูด

“ใช่ เจอคุณ ยิ่งตอกย้ำว่าคุณคือท่านอาไม่ผิดแน่... อินน์คงบอกคุณไปแล้วว่าเราใกล้จะหมดเวลาในภพนี้ไปทุกที เราไม่สามารถจากไปได้หากว่าสิ่งที่ปรารถนาไม่สามารถลุล่วงไปได้”คุณแก้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา เดินมานั่งข้างๆเขา นัยน์ตาวาววับคู่นี้จ้องมองเขา ใบหน้านี้น่าจดจำกว่าในฝันครั้งอื่น

“อะไรล่ะครับ”ชายหนุ่มถาม ใจหนึ่งอยากรู้ อกใจกลับหวั่นความจริงนี้เช่นกัน คุณแก้วยิ้ม

“มันไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยง่าย...”คุณแก้วเอ่ยน้ำเสียงคลุมเครือ แววตาหลุบต่ำ จากนั้นก็ยื่นมือมากุมมือภูวรินทร์ไว้ เขาชักมือกลับมาแต่อีกฝ่ายไม่ปล่อย มือนี้เย็นไม่ต่างกัน แต่ถ้อยคำถัดมาทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก “เรายังเหมือนเดิม รักคุณเหมือนเดิม สิ่งที่เราต้องการคือรักของคุณ อะไรที่สามารถรั้งให้คุณอยู่ที่นี่ต่อเราก็ทำ”


ภูวรินทร์บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร เขามองแววตาของคุณแก้ว อีกฝ่ายดูสิ้นหวังเป็นแววตาที่เขาไม่เคยเห็นจากครั้งก่อนๆ แต่แล้วเขาฉุกคิดไปตามคำพูดของอีกฝ่าย   

“...โดยใช้อินน์น่ะเหรอ”เขาเอ่ย พอมาคิดไตร่ตรองเรื่องอินทนิลที่คอยตามติดเขาแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าคุณแก้วกำลังบรรลุผลหรือไม่ เขาส่ายหน้า ไม่อยากให้ตนเองหรือใครอื่นเป็นเครื่องมือของอีกฝ่ายเลย คุณแก้วเม้มปากแน่น ก่อนจะคลายมือออกจากเขา ไหล่ทั้งสองข้างตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง รอยยิ้มขมขื่นผุดเผยออกมาแทน

“...เด็กคนนี้ไม่ต่างจากลูกหลานของเราไม่ใช่หรือ อินทนิลมีสายเลือดทางฝั่งพี่กิ่ง พี่สาวของเราเอง...แต่กลับชะตาสั้น เราเห็นโอกาส เลยถือว่าช่วยเด็กคนนี้เอาไว้ เราไม่สนผิดหรือถูกหรอก ไม่คิดว่าจะสามารถต่อชีวิตครึ่งๆกลางๆของตนเองและอินน์ได้นานขนาดนี้... ในทีแรกเราคิดว่าเป็นเพราะคำสาปแช่งของเราทั้งสองคนเอง... แต่มันกลับไม่ใช่ เหมือนเราเพิ่งจดจำเรื่องราวในครั้งก่อนได้มากขึ้น”

“หมายความว่าไง”

“เราเป็นเพียงจิตที่ไม่ละกิเลส จิตนั้นยังคงเดิม รูปลักษณ์ ความรู้สึกและปรารถนา แต่ไม่ได้มีความทรงจำในตอนมีชีวิตมากถึงเพียงนั้น เจ็ดสิบกว่าปีเชียวนะ”คุณแก้วเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาดำสนิทไม่กระพริบหลบไปจากเขา ที่เจ้าตัวพูดนั้นไม่ใช่คำโกหก

ภูวรินทร์ไร้คำพูด เขาคิ้วขมวด รู้สึกก้ำกึ่ง ในเวลานี้เขามองเห็นเพียงคุณแก้วที่ยึดติดกับอดีต ไม่รู้สึกถึงความรักของอีกฝ่าย มันส่งไม่ถึงเขา แม้ในโลกจริง เขายังไม่เคยเห็นคุณแก้วโดยผ่านร่างอินทนิลมีความรักใคร่ในตัวเขานัก อีกฝ่ายแค่อยากแก้แค้นเขา ไม่สิ ท่านอาให้เจ็บปวดบ้างก็เท่านั้นเอง ให้เขาได้รู้สึกถึงการหมดหนทางสู้ล่ะมั้ง อีกฝ่ายเห็นเขาไม่ตอบอะไร เลยเอ่ยต่อไปอีก

“มณีน่ะ หล่อนเป็นผู้ดีจากบางกอก เกลียดเราอย่างกับอะไร ยิ่งมารู้เรื่องของเรากับท่านอาอีก เธอรับไม่ได้ และไม่ยอมมีลูกอีก ท่านอาโทษเรา กลับไม่โทษตัวเองเลยสักคราเดียว”

“...มณีแช่งเรา เอ่อ ตระกูลภิรมย์สุขเหรอ”ภูวรินทร์เผลอถามออกไป คุณแก้วมองเขาสายตาคมกริบ

“เป็นเพียงการคาดเดา... เพราะเราตายก่อนหล่อนนี่นา เราไม่รู้ว่าหล่อนตายยังไง คงต้องหาบันทึกของท่านอา และร่องรอยสาปแช่งของหล่อน ตอนหล่อนแท้งลูก เห็นว่าเธอฟูมฟายนัก ไม่ยอมให้เอาศพไปฝัง”

“...แล้วคุณได้ทำอะไรมณีหรือเปล่า”คุณแก้วมองหน้าเขาด้วยสายโกรธเคือง “เราคิดอยากฆ่าหล่อนเองกับมือ แต่ไม่ใช่ด้วยทางสกปรกเช่นนั้น ไม่คิดว่าจะต้องมาตอบคำถามนี้อีก”

“แล้วคิดว่าจะเจองั้นเหรอ ผ่านมานานขนาดนี้ ศพทารกคงเป็นปุ๋ยไปแล้ว”เขาพูด

“อินน์อาจมีคำตอบให้คุณ...”คุณแก้วกระซิบบอก พออีกฝ่ายเอ่ยถึงอินทนิล เขารู้สึกไม่พอใจ เขาอยากถามอีกฝ่ายให้แน่ใจ

“คุณจงใจให้อินน์ตายหรือเปล่า”คุณแก้วหัวเราะ

“วิญญาณเช่นเราทำอะไรได้ อินน์ต้องตายแต่ยังเด็กซะด้วยซ้ำ แต่รอดมาได้เพราะเรา”ชายหนุ่มมองร่างขาวสะอาดของคุณแก้วด้วยหลากหลายความรู้สึก ไม่ชิงชังแต่ก็ไม่รักใคร่ แต่อาจมีเยื่อใยบางๆ

“...คุณต้องการอะไรจากอินน์ จากผม”ชายหนุ่มรู้สึกโกรธ เขากำมือแน่น คุณแก้วหัวเราะออกมา

“เรื่องของคุณ เราบอกไปแล้ว ส่วนอินน์... เราเป็นฝ่ายมอบชีวิตให้ไม่ใช่หรือ”เจ้าตัวไม่ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

“คุณคิดจะใช้ร่างของอินน์ใช่ไหม”เขาดึงดันถามต่อ เป็นอีกเรื่องที่เขากังวล กลัวว่าอินทนิลจะกลายไปเป็นอย่างอื่น คุณแก้วมองเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

“คิดสิ ยิ่งมีคุณใกล้ๆยิ่งดี...แต่เราทำไม่ได้ ไม่สามารถควบคุมอินทนิลได้ทั้งหมด ถึงเวลากลางคืนจะเป็นเราที่อยู่กับคุณ แต่มันก็ยังเป็นอินทนิล เหมือนว่าเด็กนั่นกับเราจะเกื้อกูลกันซะมากกว่า”

“ตอนคุณเสีย มันเกิดขึ้นอย่างไง”ภูวรินทร์ถาม คุณแก้วใบหน้านิ่งขึงไร้รอยยิ้ม “เคยได้ยินเรื่องหมองูตายเพราะงูไหม”ภูวรินทร์เงียบ คุณแก้วยิ้มจางๆ แววตาหรี่ลง ซุ้มเสียงเหมือนเย้ยหยันตัวเอง

“มันคล้ายกันนะ เราตายเพราะพืชพิษของตัวเอง...แต่จากมือคนอื่น”

“มณีเหรอ”เขาพึมพำ คุณแก้วนิ่งงัน

 “ใกล้หมดเวลาของเราแล้ว ร่างของเราถูกฝังมานาน เราเองก็ไม่รู้มาก่อน คิดว่าถูกเผาไปแล้วซะอีก...”อีกฝ่ายเอ่ยอย่างเศร้าใจ เขาเงียบ

 “ตอบมาสิ ว่าคุณจะไม่จากเราไป”คุณแก้วถาม นัยน์ตากลับมาสงบนิ่ง น้ำเสียงพูดราบเรียบจนเขาหวั่นกลัว ชายหนุ่มไม่คิดว่าตนเองจะออกจากหนทางนี้ได้ง่ายๆ

“...ผมไปไม่ได้อยู่แล้วนี่ จะถามไปทำไมกัน”

“ขอโทษนะ แต่เราก็ทรมานไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้น ได้โปรด ทำดีกับเรา”สิ้นเสียงนั้น สายหมกสีขาวก็พลันเข้ามาปกคลุมไปทั่วบริเวณ เขามองไม่เห็นร่างของคุณแก้วอีกต่อไป วินาทีต่อมา ทั้งสวนแห่งนี้มีเพียงเขากับต้นแก้วที่บานสะพรั่ง เขากำมือแน่น รู้สึกอัดแน่นไปหมด ตกลงแล้วคุณแก้วและอินทนิลไม่อาจแยกกันได้ และท่านอามีหญิงอื่น...แถมยังเอามาไว้สืบสกุลอีก มณีคงสาปแช่งหนักกว่าเดิม


กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งร่างกายของภูวรินทร์ถูกพยุงเข้าไปด้านในบ้านโดยอินทนิลกับลุงชม สติเลือนรางก่อนที่จะดับวูบไป

 “ตามหมอมาดูอาการดีไหม ตาชม เผื่อว่าคุณเค้าจะเป็นอะไรหนัก”เสียงพูดคุยเคร่งเครียดของป้าษอรแว่วเข้ามาในหู ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกับตนเองยังเบลอๆตื่นไม่เต็มที่ เสียงฝีเท้าเดินไปมาในห้อง ร่างกายของเขากำลังนอนเหยียดอยู่บนบางสิ่งที่นุ่มนิ่ม 
    “คุณภูไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า ใช่ไหมอินน์”ลุงชมเอ่ยขึ้น เจ้าของชื่อส่งเสียงอือออกลับไป เขารับสัมผัสอุ่นจากฝ่ามือของเจ้าตัวที่กำลังลูบใบหน้าของเขาไปมา มันทำให้ภูวรินทร์คิ้วขมวดทันที
    “คุณภูรู้สึกตัวแล้ว”อินทนิลส่งเสียงดีใจดังใกล้ๆ เขาค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมองภาพตรงหน้า เหนือศีรษะของเขาเป็นใบหน้าโล่งอกของเด็กหนุ่ม อินทนิลยิ้มกว้าง
    “รู้สึกยังไงบ้างครับ”อีกฝ่ายถามก่อนจะถอยลงไปนั่งข้างๆ ชายหนุ่มเลื่อนความสนใจไปความเคลื่อนไหวรอบข้าง เป็นป้าษอรกับลุงชมที่ยืนมองเขาอยู่ ทั้งสองคนส่งยิ้มใบหน้าผ่อนคลาย คล้ายกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรมาก พอมองรอบกายแล้วพบว่าเขานอนอยู่บนโซฟาที่โถงรับแขก
    “นี่ผมเป็นลมหรือไงเนี่ย”เขาพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อนัก อินทนิลเงียบ มองเขาด้วยแววตาห่วงใย “คุณปกติก็ดีแล้ว อยู่ๆก็ล้มพับไป ดีนะที่อินน์เข้าไปจับทัน”อินทนิลรีบพูด เขาแค่พยายามยิ้มให้ทุกคนสบายใจ
    “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า... ป้าษอรครับ ผมขอชาสักแก้วหน่อยครับ”เขาเอ่ยกับป้าษอร เธอพยักหน้าก่อนจะรีบเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับลุงชม ในตอนนี้อยากได้อะไรร้อนๆมากลบความหนักหน่วงในใจ เขายังจำคำพูดของคุณแก้วได้...ให้ทำดีด้วยงั้นเหรอ อับจนหนทางถึงขนาดมาขอร้องเขางั้นเหรอ คิดแล้วก็อยากหัวเราะออกมา ภูวรินทร์ขยับตัวลุกขึ้นมานั่งแทน ส่วนอินทนิลขยับมานั่งข้างกายเขาทันที พร้อมจ้องมองเขาอยู่ไม่ห่าง
    “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”อินทนิลเอ่ยถาม น้ำเสียงห่วงใย มันปรากฏชัดที่แววตาด้วย เขายิ้มออกมาให้อีกฝ่ายสบายใจ
    “ฉันฝันไป ไม่รู้สิ อาจเห็นนิมิตประหลาด แล้วก็ได้คุยกับคุณแก้ว”ภูวรินทร์เล่ากับอินทนิล เด็กหนุ่มทำตาวาวก่อนจะขยับมาใกล้ด้วยความสนใจ
    “ท่านว่าอะไรบ้าง”อีกฝ่ายถาม
    “คุณแก้วบอกว่าเธออาจช่วยได้เรื่องหาศพทารก...แต่ฉันไม่คิดว่าจะเหลือร่องรอยอะไรไว้หรอก...ตอนนี้คงไม่เหลืออะไรแล้ว”เขาบอก ไม่รู้ว่าทารกนั่นมีอายุกี่เดือนตอนที่มณีแท้ง อินทนิลพยักหน้าก่อนจะกระซิบกับเขา
    “อ้อ ว่ากันว่าสมัยก่อนมีการดองศพแล้วนะครับ”
    “เธอคิดแบบนั้นเหรอ”ฟังอินทนิลพูดแล้วเขาไม่แน่ใจนัก แต่ลึกๆก็เชื่อคำพูดของคุณแก้วได้ อินทนิลพยักหน้ารับ
    “ครับ เป็นไปได้ การใช้ทารกมาเป็นเครื่องสังเวยคำแช่งว่ากันตามตรงแล้วถือว่าได้ผล แต่ต้องดูให้แน่ใจว่าหล่อนได้ทำจริงหรือเปล่า”เด็กหนุ่มพูด แววตาหรี่ลงอย่างไม่นึกชอบ
    “คิดเหรอว่านั่นคือทางแก้ปัญหา หมายถึง นั่นสามารถลบล้างคำสาปของคนบ้านนี้ได้เหรอ”ชายหนุ่มไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย อยากออกจากวังวนแห่งความแค้นความรักพวกนี้โดยเร็ววัน หากทำได้ล่ะก็นะ... เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว ปัดเส้นผมที่ปกลงมาข้างแก้มออกลวกๆ แล้วมองเขาแน่วแน่
    “...ไม่รู้สิครับ แต่อย่างน้อยก็ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน”
    พออินทนิลพูดจบ ระหว่างนั้นป้าษอรก็เดินมาเสิร์ฟชาให้เขาพอดี เธอไม่ได้พูดอะไร แค่รินน้ำชาใส่แก้วไว้สองใบ สำหรับเขาและหลานชาย “มีอะไรก็เรียกป้ากับตาชมได้นะคะ”เธอทิ้งไว้แล้วมองไปทางอินทนิลด้วยความกังวลใจก่อนจะรีบเดินกลับไปทางห้องครัว ภูวรินทร์ยกถ้วยชามาจิบ เลื่อนถ้วยน้ำชาร้อนๆอีกหนึ่งใบไปให้อินทนิล เจ้าตัวส่ายหน้าไม่รับน้ำชา
    
“...คุณแก้วกำลังหลอกใช้เธออยู่”เขาบอก หลังจากวางถ้วยชาลง อินทนิลทำหน้าไม่เข้าใจ
    “ทำไมล่ะครับ”เจ้าตัวถามทันที แววตาสีนิลวาววับขึ้นมา
    “ก็เพื่อให้ฉันอยู่ที่นี่ไง”ชายหนุ่มตอบ ก่อนจะเหลียวมองไปทางหน้าต่างใกล้กัน ลานน้ำพุยังคงสวยงาม ดอกเทียนหยดมองไกลๆแล้วส่งเสริมให้บ่อน้ำพุมีชีวิตชีวาขึ้นมา เขาหันกลับมามองเด็กหนุ่มอีกครั้ง ชั่งใจอยู่นานว่าตนเองรู้สึกผูกพันกับอีกฝ่ายไม่น้อย แม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมาย 
    “แล้วทำไมคุณต้องอยู่เพราะอินน์ด้วยล่ะ”คำถามของอินทนิลทำให้เขาแทบหัวเราะออกมา ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะทำเป็นไร้เดียงสา ไม่รู้เหตุผล
    “...นั่นมัน...เฮ้อ เธอแกล้งไม่เข้าใจใช่ไหม”เขาเอ่ยอย่างขุ่นเคือง เด็กหนุ่มรีบส่ายศีรษะทันที
     “แต่คุณก็ไม่คิดจะอยู่ไม่ใช่หรือ ...อินน์ก็อยากให้คุณอยู่ที่นี่ต่อไป ด้วยเจตนาของอินน์เอง”อินทนิลเอ่ย นัยน์ตามองเขาอย่างชัดแจ้ง ประกายของความสุขปรากฏอยู่ในนั้น ภูวรินทร์อึดอัดใจขึ้นมา
    “...ทำไมล่ะ”เขาถาม
    “อินน์ไม่ได้คุยกับคนอื่นมานาน คุณเป็นคนแรกที่อยู่กับอินน์”เด็กหนุ่มให้เหตุผล เขาเงียบ “แล้วป้าษอรล่ะ”ชายหนุ่มสงสัย อินทนิลมองเขาด้วยแววตาอ่อนโยนมากกว่าเดิม
    “อินน์หมายถึงความสัมพันธ์แบบอื่น ไม่ใช่จากญาติพี่น้องน่ะ”อีกฝ่ายพูดทำเอาตนเองพูดไม่ออก แม้จะดูออกว่าอินทนิลดูสนใจในตัวเขาอยู่ก็ตาม แต่เขาเลือกจะมองไม่เห็น
    “...แต่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”ภูวรินทร์พูดอย่างไม่เข้าใจนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมอินทนิลถึงได้ปักใจต่อเขาขนาดนี้ อยากให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ ทั้งๆที่รู้ว่ามันส่งผลร้ายต่อเขามากแท้ๆ
    “ไม่สำคัญหรอกครับ คุณภูไม่เชื่อเรื่องชะตาลิขิตเหรอ”อินทนิลมองเขาด้วยดวงตากลมใส นัยน์ตาสีนิลไม่หลบหลีกจากตน
    “ไม่รู้สิ”ภูวรินทร์ไม่ตอบ เพราะไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้จะเชื่ออะไรได้บ้าง อินทนิลหลุบตาต่ำลง สองมือกำแน่นอย่างผิดหวัง เขาเลื่อนสายตามองสองเท้าเปลือยเปล่าที่มีรอยเปื้อนฝุ่นดินให้เห็น มองเห็นกำไลสีทองเหลืองข้างซ้ายสวมอยู่เช่นเดิม แต่ยังไม่เคยถามว่าอีกฝ่ายไปเอากำไลข้อเท้ามาจากไหน เพราะจากหลุมฝังร่างของคุณแก้วก็ยังมีกำไลข้อเท้าอยู่
    “ถ้าหากว่าฝันร้าย คำแช่งมาจากมณีจริงๆล่ะก็...เป็นตัวคุณเองที่ต้องรับผลนั้น”เด็กหนุ่มเอ่ยต่อด้วยความกังวล คิ้วเข้มย่นเข้าหากัน
    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2018 18:28:23 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สรุปเรื่องอินนี่ยังไงกันแน่  :katai1: อยากรู้แล้ว

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ความผิดท่านอาคนเดียว

แต่ในใจรู้สึกว่ามันต้องมีตัวแปรมากกว่านี้ อาจจะเป็นคนใกล้ชิดที่คาดไม่ถึงก็ได้ที่ก่อเรื่องทั้งหมด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2018 14:02:19 โดย หมอตัวเปียก »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พึ่งเข้ามาอ่าน เราว่ามันเป็นคำสาปซ้ำซ้อน คำสาปของท่านหมื่นกับมณี คำสาปแรกคือระหว่างท่านหมื่นคุณแก้ว อาจจะประมาณว่าสาบานรักอะไรต่อกัน แต่ถ้าใครผิดสัญญาก็แช่งอีกฝ่ายไว้ด้วย แล้วก็ของมณีที่รู้เรื่องเรื่องท่านหมื่นกับคุณแก้วอีก อมก คิดไปมั่วๆเว่อร์

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสารคุณแก้ว ไม่น่ารักท่านอาเลย

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
Re: + ❀ สาปดอกแก้ว ❀ +
«ตอบ #76 เมื่อ07-01-2018 01:21:45 »

มาถึงตอนนี้ภูวรินทร์ไม่อาจทำใจยอมรับง่ายๆว่าต้องมารับบาปจากอดีตชาติ ...ท่านอานรินทร์ในชาติก่อนก็เลวร้ายซะจนเขาไม่อยากเชื่อว่าคนๆนี้คือตนเอง แต่ภูวรินทร์ไม่สามารถโต้แย้งได้ หากไม่ใช่เพราะเขากับอานรินทร์เชื่อมโยงกัน เพราะเหตุใดเขาถึงฝันถึงเรื่องราวในอดีต มันชัดเจนพออยู่แล้วจนไม่อาจคิดเป็นอื่นได้
    “...ฉันคนเดียวงั้นสิ”ชายหนุ่มยกยิ้ม พึมพำกับตัวเอง อินทนิลหายใจแรง เม้มปากแน่นมองเขาราวกับจะรับผลของการสาปแช่งนั้นเอง อีกฝ่ายโน้มตัวมาใกล้
    “อินน์ก็แค่ได้รับผลกระทบ คำสาปแช่งนั้นลงทัณฑ์ที่ท่านอานำลูกของหญิงอื่นเข้าในตระกูล เลี้ยงดูปูเสื่อให้เป็นเจ้าคนนายคน มณีไม่มีทางยอมอยู่แล้ว แต่เธอมีลูกยาก และไม่ปรารถนาจะท้องอีก เธอเกลียดชังสามี ก่อนตายสาปแช่งท่านอาไว้ ขอให้ทายาทของท่านอาภัพ ไร้รัก ไร้ครอบครัว และจงตายอย่างโดดเดี่ยว”อินทนิลกล่าวน้ำเสียงล่องลอยไปกับอดีตอันข่มขื่นของคนสกุลภิรมย์สุข ภูวรินทร์ส่ายศีรษะเบาๆ
    “เธอรู้ได้ยังไงกัน”เขาถาม อินทนิลมองเขาอย่างสับสน เด็กหนุ่มนิ่งคิดก่อนจะตอบออกมา
    “...อยู่ๆมันก็ผุดมาในหัว สงสัยมณีต้องสาปแช่ง‘ท่าน’ด้วยแน่ๆ จนทำให้อินน์เป็นแบบนี้ได้”ร่างกายของเด็กหนุ่มข้างๆเกร็งจนไหล่ตึง อยู่ๆเจ้าตัวก็เหมือนจะโกรธขึ้นมา โกรธต่อมณี ไม่ใช่เพราะคุณแก้ว เขาแปลกใจจริงๆ
    “คิดแบบนั้นจริงๆเหรอ”ภูวรินทร์ถามอย่างไม่เชื่อนัก อินทนิลเงยมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย ใบหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่สบอารมณ์
    “ครับ คุณภูอย่ากังวลว่าอินน์ถูกบังคับ ชีวิตของอินน์มันจบสิ้นไปนานแล้ว เวลานี้มันเหมือนเป็นของท่านและก็ของอินน์ด้วย”เด็กหนุ่มพูดออกมาอย่างเด็ดขาดซะจนเขาไม่สามารถไปแย้งต่อการตัดสินใจแบบนี้
    “นั่นสินะ”เขาพึมพำ เป็นความจริงที่ว่าอินทนิลกับคุณแก้วแยกจากกันไม่ได้ มีอินน์ก็ต้องมีคุณแก้ว หากไม่มีล่ะก็...มันจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ ชายหนุ่มถึงกับใจไม่ปกติ มองเด็กหนุ่มข้างๆอย่างใจลอย จนอินทนิลต้องยื่นมือมาโบกผ่านใบหน้าของเขา จนได้สติ “เธอว่าอะไรนะ”เขาถาม อินทนิลเผยยิ้ม
    “แต่อินน์ไม่เกลียดคุณภูหรอก ถึงแม้ว่าในอดีตคุณจะทำตัวไม่ดี”ถ้อยคำของอีกฝ่ายทำให้ใจของตนคลายความหดหู่ออกไปได้บ้าง
    หลังจากได้ฟังการสนทนาของท่านอากับคุณแก้วแล้ว ทำให้เขารู้ว่าท่านอาเป็นคนไม่รักษาสัจจะเอาซะเลย และการที่ตนเองต้องมาติดกับอดีต และคำแช่งของบ้านหลังนี้ ถือว่าเป็นการชดใช้งั้นเหรอ คุณมณีไม่น่าทำเช่นนั้นเลย แต่เธอก็ไม่ได้ผิดอะไร คุณแก้วก็ไม่ได้ผิดหนักสากัลป์ ความผิดอยู่ที่ท่านอานรินทร์แท้ๆ แล้วลูกหลานของสกุลนี้ต้องมารับกรรมไปด้วย อย่างอินทนิล ไหนจะหลานเหลนทางฝั่งของท่านอาอีก 
    “มีใครรู้เรื่องนี้อีกไหม เรื่องทารกนั่น”เขาถามต่อ อินทนิลส่ายหน้า
    “มีแค่อินน์และคุณภูเท่านั้น แต่ถ้าคุณอยากให้ป้าช่วย ก็ทำได้นะครับ”
    “ไม่ล่ะ...”เขาส่ายหน้า
    “เมื่อคืนก่อน ตอนที่เจอร่างของท่าน...อินน์ละเมออีกแล้ว”เด็กหนุ่มบอก ทำให้ภูวรินทร์ เข้าใจขึ้นมาในทันที เพราะเวลาตื่นมาก็ไม่เจออินทนิลแล้ว เหตุเพราะเจ้าตัวเดินละเมอออกไป
     “ไปเจอกับร่องรอยคำสาปสินะ...”ชายหนุ่มพูดต่อ
    “ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า”
    “อยู่ที่ไหนล่ะ”ชายหนุ่มถาม อินทนิลเหลือบมองสายตานิ่งเฉย พร้อมเอ่ยน้ำเสียงเยือกเย็น “...สุสานของตระกูล”
ภูวรินทร์ถึงกับชาไปทั้งร่าง เพราะไม่คิดว่าตนเองจะต้องไปเจอกับอัฐิของท่านอาในชาติก่อน “งั้นเหรอ ไปกันเถอะ”

   สุสานของตระกลภิรมย์สุข คล้ายกับเป็นสวนมากกว่า ในตอนแรกเขาคิดว่าอยู่ไกลจากตัวบ้านซะอีก แต่ที่ไหนได้ สุสานกลับอยู่ในป่าที่ติดกับเรือนปั้นเหยานั่นเอง ซึ่งเขาไม่รู้มาก่อน แสดงว่าอินน์ละเมอไปถึงสุสานเลยงั้นเหรอ เหลือเชื่อจริงๆ
    หรือว่าไม่ใช่... หรือคุณแก้วจะเป็นฝ่ายนำทางไปหรือเปล่า นึกถึงคืนแรกตอนที่มาอยู่ที่นี่ กลางดึกคืนนั้น เป็นคุณแก้ว อินทนิลคิดว่าตนเองนอนละเมองั้นสินะ ป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าคุณแก้วครอบงำเจ้าตัวได้ โดยเฉพาะเวลากลางคืน เมื่อเดินพ้นป่าเข้ามา ที่กลางทุ่งโล่งโอบล้อมด้วยต้นไม้สูง บริเวณตรงกลางมีลานตั้งอัฐิสีขาว มีคราบตระไข้น้ำรอยดำจากน้ำฝนและรอยแตกประปราย มีโกฏิบรรจุอัฐิหลายสิบอันเรียงเป็นแถว อินทนิลเดินพาเขาไปยังทางฝั่งซ้ายมือ เป็นฝั่งของท่านอาแน่ๆ
    ภูวรินทร์อาการไม่ดี พอเข้าใกล้เขตของท่านอา เขายิ่งคลื่นเหียนรุนแรง เนื้อตัวเย็นเยียบ  “คุณไหวไหมครับ อินน์เป็นห่วง”อีกฝ่ายขมวดคิ้วแน่น มองเขาอย่างกังวลใจ แล้วเดินกลับเข้ามาหาชายหนุ่ม
    “ไม่เป็นไรหรอก”เขาฝืนพูดไป แค่เดินก็รู้สึกเหมือนวิ่งมาหลายกิโลฯ เขาคงโดดเล่นงานอีกแล้ว สิ่งเหนือธรรมชาตินั้นเอาชนะไม่ง่ายเลย อินทนิลเดินไปยังโกฏิเก็บอัฐิสูงระดับหนึ่งเมตร ที่หน้ามีรูปและชื่อสลักลงแผ่นหินสีดำไว้ แต่ด้วยกาลเวลาและธรรมชาติทำให้แผ่นป้ายเลอะเลือนไปบ้าง แต่ก็ยังเห็นชื่อได้ชัด เมื่อมายืนข้างหน้าอัฐิของมณี เขาเดินเข้าไปใกล้อีก มองเห็นใบหน้าที่หายไปของผูหญิงคนนี้ด้วยใจย่ำแย่ หัวใจในอกด้านซ้ายเหมือนโดนบีบรัด ภูวรินทร์ไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน อินทนิลหันมองเขา
    “คงถูกฝังไปด้วยกันแน่ๆ เอาไงดี”เด็กหนุ่มกระวนกระวาย
    “บอกลุงชมมาช่วยดีไหม”ชายหนุ่มเสนอวิธีที่เร็วที่สุด เพราะถ้าหากให้เขามัวชักช้าทุบอัฐิเองก็คงจะเสียเวลาไปนาน เด็กหนุ่มผงกศีรษะ ก่อนเอ่ยกับตน
    “...นั่นสิ งั้นอินน์ไปตามลุงก่อน คุณอยู่ที่นี่ไปนะครับ อินน์ไปแปบเดียว”เด็กหนุ่มบอก ส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะรีบวิ่งออกผ่านแนวป่าออกไปพร้อมกับเสียงกระทบของกำไลข้อเท้าที่ค่อยๆจางหายไป ทั่วบริเวณตกอยู่ในความเงียบ อากาศเย็นสบายจากความร่มรื่นสมบูรณ์ของป่าไม้ เสียงนกบินเหนือแนวป่าดังให้ได้ยินพรึบพรับ 
    ภูวรินทร์รีบเดินไปทรุดนั่งที่โคนต้นไม้ใกล้ๆ ก่อนจะหลับตาสูดอาการบริสุทธิ์ เขาใจไม่ดี เหมือนคนหน้ามืดคล้ายเป็นลม แต่ไม่ใช่ ชายหนุ่มยกแขนจับที่หน้าอกที่หายใจติดขัดไปบ้าง
    “มันเกิดอะไรขึ้นกัน”วินาทีนั้นเขาก็นึกถึงคำของป้าษอรที่เคยกล่าวถึงท่านอาว่าท่านเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย ชายหนุ่มไม่คิดว่าตนเองจะโชคร้ายป่านนั้นหรอก ผ่านไปไม่นาน อินทนิลกลับมาพร้อมลุงชมที่ถือเครื่องมือสำหรับทุบปูนและขุดดินมาด้วย มีคนงานตามมาสองคน
    “คุณภูนั่งไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวให้ไอ้พวกนี้ทุบโกฏิให้เสร็จก่อน”ลุงชมบอกเขาที่กำลังจะขยับตัวลุก คนงานสองคนยกมือขอขมา พึมพำบทสวด อินทนิลเดินถอยหลังมาหาเขา สีหน้าไม่ดีเท่าไหร่ สองมือกำแน่น
    “เหมือนว่า‘ท่าน’จะไม่สบายใจนัก”เด็กหนุ่มยื่นหน้ามากระซิบกับเขาใกล้ๆ ชายหนุ่มมองคนงานสองคนที่เริ่มใช้อุปกรณ์แซะยอกโกฏิเสียงดังกึกก้อง เสียงทุบที่ดังไปเรื่อยเหมือนเป็นการตอกย้ำความกลัวของเขา ...อะไรบางอย่างมันทำให้เขาอยู่ไม่สุข และรู้สึกหดหู่ขึ้นมา
    พลั่ก
    ยอดโกฏิเก็บอัฐถูกขยับเลื่อนออก จากนั้นยกเอาโกศอัฐิทรงสูงสีทองเหลืองเก่าซีดออกมาวางไว้ และก็ทุบให้ฐานเจดีย์ราบไปกับดิน ลุงชมถือจอบมาถากหน้าดินออกไป บอกให้คนงานสองคนกลับไปก่อน ลุงชมถือว่ารอบคอบเพื่อรักษาหน้าตาชื่อเสียงของสกุลภิรมย์สุข สองคนนั้นพากันเดินกลับผ่านพ้นแนวป่าไปจนลับตา 
    จากนั้นลุงชมก็ค่อยๆแทงจอบลงดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นหลุมลึก ภูวรินทร์ยืนลุ้นกับอินทนิล เสียงจอบกระทบเข้ากับของแข็ง ลุงชมทำท่าตระหนกก่อนที่จะเร่งขุดเอาของในนั้นออกมา เขาเห็นว่ามันเป็นหีบไม้เก่าถูกฝังไปพร้อมกับอัฐิของมณี ลุงชมยกมันออกมาวางไว้บนพื้น เขารีบตามเข้าไปดู
     “เปิดเลยครับ”เขาบอก อินทนิลขยับมานั่งข้างๆ ลุงชมมีสีหน้าลังเลแต่ก็ยื่นมือออกไปเปิดฝากล่องช้าๆ สิ่งที่อยู่ด้านในทำเอาชายหนุ่มพะอืดพะอม เวียนหัวอย่างรุนแรง ในกล่องมีขวดโหลขนาดเล็กด้านในบรรจุน้ำสีเหลืองมีเศษไรฝุ่น หรือเศษซากจากร่างเล็กๆคล้ายก้อนเนื้อแต่เห็นเป็นรูปร่างของทารกที่ไม่สมประกอบ เขาแทบอ้วก รีบผลีผลามออกไปอาเจียนที่ใต้ต้นไม้ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา
    “คุณภู!”อินทนิลวิ่งตามมา ชายหนุ่มยกมือปิดปากกลั้นอาการสำรอกไว้ และความรู้สึกหดหู่ที่ตีรวนขึ้นมาในอก เหมือนทั้งร่างหนาวเหน็บไปหมด เขาหน้าซีดเซียว
    “...เด็กนั่น...”เขาพึมพำ รู้สึกอัดแน่นจนอกแทบระเบิด มันไม่บอกไม่ถูก แต่วินาทีที่เขาจ้องขวดโหลที่บรรจุซากทารกนั่นทำให้เขารู้สึกเศร้า คับแค้นขึ้นมาทันที
    “คุณภู...”อินทนิลเข้ามาประคองเขาไว้ พยายามลูบหลังให้เขา อยู่ๆภูวรินทร์ก็ฉุนเฉียวขึ้นมา
    “ตอบมาสิ ว่าเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”เขาตะคอกถามออกไป ตั้งใจจะพูดกับคุณแก้ว มั่นใจว่าคุณแก้วต้องรับรู้ อินทนิลจ้องเขาอย่างตกใจ แววตานั้นดูซึมเศร้าขึ้นมา ร่างของเด็กหนุ่มทรุดนั่งลงข้างเขา
    “ไม่เกี่ยว ท่านไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”เด็กหนุ่มส่ายหน้า มองเขาด้วยสายตาประหลาดราวกับเห็นผี
    “แต่เธอพูดเองไม่ใช่เหรอว่าคุณแก้วมีส่วน!”ชายหนุ่มยังจำได้กับคำพูดของอินทนิล เขาสะบัดศีรษะไปมา ไม่น่ามารับรู้เรื่องน่ากลัวนี้เลย หนำซ้ำยังดูทารุณเกินไป
    “ก็เพราะดอกไม้พิษพวกนั้นไง มีคนเอามันไปใช้ ท่านเป็นคนดูแลมาตลอดมันก็เหมือนกรุยทางให้ฆาตกร จนตอนนี้ ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือของท่านซะหน่อย คุณภูต้องเชื่ออินน์นะ”อินทนิลเข้ามาจับตัวเขาไว้ ชายหนุ่มยกมือกุมศีรษะ ความรู้สึกพวกนี้กำลังพลั่งพลูใส่เขาไม่หยุด ความทุกข์ของการเสียลูกไปมันนับไม่ถ้วน ท่านอาเสียใจไม่ได้ครึ่งของมณีด้วยซ้ำ
    “ให้ตายสิ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่ากำลังเผชิญกับอะไร ทำไมต้องเป็นฉันคนเดียวที่ต้องมาทนทุกข์กับเรื่องบ้าๆพวกนี้! มณีปรารถนาให้ฉันทนทุกข์ คุณแก้ว ปรารถนาให้ฉันมอบรักให้ ฉันต้องทำยังไงดีล่ะ อินน์”ชายหนุ่มร่ำร้อง เขาเอนตัวพิงกับลำต้นไม้ใหญ่ ถ้าหากเขาหายไปจากเรื่องนี้ได้จริงก็คงดี
    “ไม่เป็นไรครับ เรื่องนี้มันต้องยุติลง อินน์จะช่วยคุณเอง”อินทนิลพูด ขยับกายมาใกล้เขา พร้อมกับกอดแน่น ชายหนุ่มชะงัก พลางได้สติ เขาส่ายหน้า เหลือบมองลุงชมที่ยืนมองโหลขวดนั้นอย่างจดจ่อ พยายามดันร่างของเด็กหนุ่มออกไป แต่เจ้าตัวยิ่งรัดแน่นไม่ปล่อย

“ลุงช่วยจัดการโหลนั่นได้ไหมครับ ผมไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับคำแช่งด้วยไหม”เขาบอกลุงชม โดยไม่มองหน้าเจ้าตัว
    “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเอาไปให้สัปเหร่อที่วัดตรงเชิงเขาทำพิธี คุณภูอย่าห่วงไปเลย พวกเราจะคอยช่วยอีกแรง”ลุงชมบอก ก้มหยิบกล่องไม้ขึ้นมาถือแนบอก มองเขาด้วยสายเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะเดินออกไปจากลานสุสาน ปล่อยให้เขาอยู่กับอินทนิลที่ยังคงไม่ขยับไปไหน
    “คุณภู โอเคขึ้นหรือยัง”อินทนิลเอ่ย น้ำเสียงห่วงใยไม่เปลี่ยน เขาแหงนมองฟ้าด้านบน มองผ่านกลุ่มใบไม้หนา ฝูงนกกาดำหายไปหมดแล้ว เขาพยายามไม่ฟุ้งซ่าน
    “อืม ขอโทษนะที่ฉันเผลอตะคอกใส่”ภูวรินทร์พึมพำ อินทนิลผละออกจากตัวของเขาก่อนจะจ้องมองอยู่ไม่ห่าง
    “อินน์รู้ว่าคุณไม่ตั้งใจหรอก...เรื่องในอดีตมันทำร้ายคุณขึ้นเรื่อยๆ อินน์อยากให้คุณมีสติ”อินทนิลบอก เอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้ ชายหนุ่มนึกแปลกใจว่าอะไรทำให้อีกฝ่ายต้องมาทำดีต่อเขา ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เห็นได้ชัดว่าเพราะคุณแก้วอยู่ในร่างเลยทำให้รับเอาอารมณ์ความรู้สึกมาด้วย 
     “ถามจริงๆนะ ทำไมเธอถึงอยากอยู่กับฉันล่ะ”ภูวรินทร์ถามออกไปตรงๆ เป็นอีกครั้งที่เขาสงสัยและตั้งคำถามต่อเด็กหนุ่ม อินทนิลมองเขา
    “คงเพราะคุณภูดีต่ออินน์ไง ไม่เกี่ยวกับว่าท่านผ่านอะไรมา แต่คุณจะมองว่าอินน์เป็นแค่อินทนิลไม่ได้เหรอครับ”แต่เท่าที่เห็นอินทนิลดูไม่หน่ายกับการตอบคำถามเขาเลย
    “มันก็จริงอย่างที่ว่า แต่...”ชายหนุ่มยอมรับว่าบางครั้ง เวลามองอินทนิลใจก็นึกถึงคุณแก้วไปด้วย
    “อย่ากังวลเลยครับ”เด็กหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม
    “แล้วเธอรู้มาก่อนหรือเปล่า ว่าคุณแก้วสามารถควบคุมเธอได้ โดยเฉพาะการเดินละเมอของเธอ”ภูวรินทร์ไม่ทิ้งข้อสงสัยนี้ เขาพูดกับคนข้างกาย เจ้าตัวไม่แปลกใจ นัยน์ตาแสดงออกถึงความยึดมั่น
    “อินน์ก็คิดเหมือนคุณ แต่ท่าน...คุณแก้วน่ะ ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น ท่านไม่ได้คิดจะเอาชีวิตของอินน์ไป ทำไม่ได้หรอก คนที่จากไปแล้วจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยังไงกัน”อินทนิลพูด สายตาที่เหม่อมองเขาแสดงออกถึงความเศร้า ดวงตาสีนิลหม่นหมองลงไปบ้าง
    “เธอจะไม่ได้มีชีวิตของตัวเอง”
    “คุณภูไม่เชื่อในชะตาลิขิตจริงๆน่ะเหรอ อินน์เชื่อนะ มันมีเหตุผลที่คุณมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะในชาติก่อนคุณคือท่านอาอย่างเดียวน่ะเหรอ ทั้งใบหน้าที่คล้ายคลึงกัน... อีกอย่าง มีสิ่งหนึ่งที่คุณภูจะต้องเตรียมใจ”อินทนิลพูดเสียงสั่นเครือเล็กน้อย คิ้วขมวดมุ่น ชายหนุ่มมองเด็กหนุ่มอย่างตั้งใจ
    “ว่ามาสิ”เขาบอก ไม่มีอะไรทำให้เขาตกใจไปมากกว่านี้แล้วล่ะ นัยน์ตาของอินทนิลมีประกายความห่วงใยชัดเจน
    “...ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเป็นคนสกุลนี้ก็ได้ เพราะคุณรับผลคำแช่งมาหนักหนา มากกว่าตัวอินน์ซะอีก”อินทนิลบอก ภูวรินทร์นิ่งค้างไป ในใจต่อต้าน ในข้อนี้เขาเคยคิดอยู่เช่นกัน แต่ว่าพ่อแม่ของเขาไม่ใช่พวกผู้ดีเก่า เป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาเท่านั้น และเขาก็ไม่ใช่ลูกคนเดียว ซ้ำยังมีพี่น้องอีกสองคน
    “จะเป็นไปได้ยังไง”เขาไม่เชื่อ
    “ลูกหลานฝั่งท่านอาที่เหลืออยู่คงจะมีแค่ คุณนิรุท เป็นหลานของลูกชายท่านอา ตอนนี้เหมือนว่าจะอยู่ต่างประเทศ อินน์เคยได้ยินป้าษอรคุยกับลุงชมว่าคุณนิรุทมีลูกชายอยู่หนึ่งคน ”
    “จะบอกว่าเป็นฉันงั้นเหรอ”ภูวรินทร์หัวเราะแกนๆ พยายามนึกหาเหตุผลมาประกอบ อินทนิลมองเขาอยู่เงียบไม่แย้งอะไรออกมา แต่สังเกตจากสายตาอีกฝ่ายคงเชื่อว่าเขามีเชื้อสายของคนสกุลนี้
    “เรื่องนี้...ษอรเคยเล่าให้อินน์ฟัง ตอนที่เขามาจัดการโฉนดที่ดิน เขามอบอำนาจให้ษอรดำเนินการเรื่องที่ดิน”
“อะไรนะ พูดเรื่องอะไร”ภูวรินทร์รีบผลุดลุกขึ้นยืนทันที เขางงงวย คว้าแขนอินทนิลไว้แน่น จนเจ้าตัวย่นหน้า
    “...ตอนที่โอนย้ายที่ดิน...ษอรคงไม่กล้าบอกคุณ คงหาโอกาสดีๆบอก คุณนิรุทใช้หนังสือมอบอำนาจการรับโอนมรดก”อินทนิลพูดช้าๆ กลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ ภูวรินทร์อ้ำอึ้ง เขาปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่นี่...มรดกงั้นเหรอ ชายหนุ่มเซถอยหลัง
    “ไม่จริงน่า ฉันเนี่ยนะ”เขาไม่ยอมเชื่อ เหมือนร่างกายไม่รับรู้ความจริงนี้ เขาส่ายหน้า ก่อนจะออกวิ่งออกจากสุสานเพื่อไปหาป้าษอรให้เร็วที่สุด ในหัวคิดอะไรไม่ออก ‘ไม่ใช่เรื่องจริง’ ‘เป็นไปได้ยังไงกัน’ ‘เขาถูกหลอกมาตลอด ป้าษอรทำเหมือนเขาโง่’ ‘พ่อกับแม่ไม่เคยบอกอะไรเขาเลยด้วยซ้ำ ทำไมกัน’

ภูวรินทร์ความคิดสับสนตีกันให้วุ่น อินทนิลวิ่งตามเขามาด้วย เมื่อวิ่งผ่านเรือนปั้นเหยามาจนถึงสวนหน้าบ้าน เขาตะโกนเรียกป้าษอรเสียงดัง
    “ป้าษอร! ออกมาหาผมเดี๋ยวนี้!”ชายหนุ่มทั้งเหนื่อย ทั้งสับสน เขายืนหายใจหอบอยู่ที่บันไดทางเข้าบ้านใหญ่ อินทนิลวิ่งมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
    “เธอรู้ แต่ไม่ยอมบอกฉันเนี่ยนะ”เขาโกรธ มันชัดเจนพอ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขามายังบ้านหลังนี้ เป็นคำสาปแช่งที่ร้ายแรง ส่งผลโดยตรงต่อลูกหลานของท่านอา ...เป็นไปได้ยังไง...
    “ขอโทษครับ แต่อินน์ไม่รู้จะบอกคุณยังไง”
    ป้าษอรเดินออกมาจากทางโถงรับแขกด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม ใบหน้าของเธอยังรักษาอาการสงบนิ่งไว้ได้ดี แต่เขาร้อนใจ
    “ป้าเห็นผมเป็นอะไรกัน ทำไมต้องปิดบังเรื่องสำคัญขนาดนี้ด้วย”เขาพูดเสียงดัง ก้าวเท้าไปหาป้าษอรที่เหลือบมองอินทนิลก่อนจะมองเขาด้วยแววตาลำบากใจ
    “คุณภูใจเย็นๆก่อนค่ะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เข้าไปด้านในบ้านเถอะค่ะ”เธอไม่ตอบคำถาม แต่ทำทีเป็นห่วงเขาแทน ชายหนุ่มไม่สบอารมณ์
    “...เชื่อษอรเถอะ จำที่บอกไม่ได้เหรอครับ คุณต้องมีสติให้มากๆ”อินทนิลเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างเขากับป้าษอร คนเด็กกว่าจ้องเขาอย่างไม่เกรงกลัว เขามองแววตาเอาเรื่องนั้นอย่างหงุดหงิด
    “ฉันมีสติดี คิดว่าฉันบ้าหรือไง”
    “...คุณภูครับ”อินทนิลเรียกเขา
    ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ พยายามไม่ระเบิดโทสะออกไป เขาเดินกลับเข้าไปในบ้าน เดินไปนั่งที่โถงรับแขก คิดทบทวนกับตัวเอง จะไปโทษป้าษอรฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก พ่อแม่ของเขายังไม่แม้แต่จะบอกความจริงทั้งๆที่เขามาซื้อบ้านหลังนี้ สองคนนั้นก็รับรู้
    อินทนิลค่อยๆเดินมาหาเขา เหมือนมาสำรวจว่าเขาอารมณ์กลับมาปกติแล้วหรือยัง อีกฝ่ายยังคงเข้ามานั่งข้างกายเขา ในมือถือดอกแก้วมา กลิ่มหอมอ่อนๆของมันทำให้เขาผ่อนคลายขึ้นอย่างประหลาด ป้าษอรยังไม่โผล่มาให้เขาเห็นหน้า
    “อีกเดี๋ยวษอรจะมาคุยด้วย”อินทนิลบอก
    “อืม”เขาตอบสั้นๆ ซบหน้าลงกับฝ่ามืออย่างเหนื่อยล้า วันนี้เขาเจอเรื่องมามากเหลือเกินจนไม่อยากรับรู้อะไรอีก เวลาผ่านไปนานจนเขาหันไปมองอินทนิลที่นั่งไม่ขยับไปไหน เจ้าตัวยื่นดอกไม้ให้เขา
    “กลิ่นดอกแก้ว ช่วยให้ปลอดโปร่งขึ้นใช่ไหม”เด็กหนุ่มเอ่ยถาม เขารับช่อดอกแก้วมาถือไว้ เขาจับกลีบสีขาวเล็กไว้ สายตาเหม่อลอย “ใช่...”ชายหนุ่มพยายามยิ้มออกมา อินทนิลจ้องเขา ในใจคงอยากเอ่ยคำปลอบประโลมเขา แต่ไม่กล้า กว่าที่การรอคอยของเขาจะสิ้นสุดลงก็กินเวลาไปถึงสิบนาที ป้าษอรเดินเข้ามาในโถงรับแขกพร้อมกับกระเป๋าเอกสารสีดำ
    ภูวรินทร์ยืดตัวอย่างกังวลใจ วางดอกแก้วลงกับโต๊ะ “ขอโทษค่ะที่ป้าให้คุณภูรอเสียนาน แต่ป้าอยากให้คุณใจเย็นลง”เธอพูดอย่างไม่ถือสา แล้วนั่งลงทางขวามือที่เก้าอี้อีกตัว เธอเปิดกระเป๋าเอกสาร ดึงซองสีน้ำตาลด้านในออกมา ชายหนุ่มพยายามไม่คว้ามันมาจากมือของป้าษอร
    “นี่เป็นเอกสารตอนที่คุณนิรุทมอบอำนาจให้ป้าค่ะ”เธอยื่นเอกสารมาให้เขา ภูวรินทร์รีบรับมาอ่าน ในมือของเขาเป็นเอกสารรับโอนมรดกที่ดิน ในนี้มันระบุไว้ชัดเจนว่าคุณนิรุทมอบที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ป้าษอรเป็นผู้จัดการมรดก ส่วนใบถัดไป เป็นสำเนาการรับรองบุตรของคุณนิรุทให้กับแม่ของเขา แสดงว่าแม่กับเขาไม่ได้แต่งงานกันงั้นสินะ
    ภูวรินทร์พูดไม่ออก ทำไมแม่ไม่เคยบอกเขา “ป้าเข้าใจว่าคุณกำลังสับสน”เธอพูด แต่ชายหนุ่มไม่มีคำพูดตอบกลับไป เขาคิดอะไรไม่ออก
    “ไม่มีใครอยากได้บ้านหลังนี้ คุณนิรุทคงรั้งคุณไม่ให้มาที่บ้านนี้ไม่ได้จริงๆ ยิ่งคุณเติบโตมาเหมือนกับท่านอานรินทร์ก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าคุณคือท่านอาในอดีตแน่ๆ”
    “ทำไมถึงมั่นใจ”
    “ก่อนหน้านั้น มีพระท่านทักคุณนิรุทตั้งแต่ท่านยังหนุ่มๆว่าจะได้ญาติผู้ใหญ่กลับมาอยู่ด้วย แต่ไม่มีใครสนใจนัก”
    “แล้วแม่ผมไปรู้จักกับคนบ้านนี้ได้ยังไง”
    “คุณแม่ของคุณกับคุณนิรุทแค่คบหากัน ไม่ทันได้แต่งงานหรอกค่ะ เพราะช่วงนั้นสถานการณ์ของที่บ้านไม่ค่อยดี”เธอเล่า สรุปแล้วแม่ของเขาก็แค่คู่นอนของนายนิรุท... พอท้องก็คงไม่อยากให้เด็กไม่มีพ่อ เลยต้องมารับรองบุตรให้เขาทีหลังงั้นสิ
    คนตระกูลนี้ก็เหมือนๆกันหมด
    ชายหนุ่มรู้สึกเฉยชากับชายคนนี้จริงๆ ในซองเอกสารมีภาพถ่ายเก่าๆติดมาด้วย เป็นภาพถ่ายระหว่างพ่อกับแม่ของเขาและมีนายนิรุทยืนอยู่ข้างๆ ส่วนเขานั้นยังแบเบาะอยู่ในอ้อมอกของชายคนนี้
    “เหมือนว่านี่เป็นความจริงเรื่องคำแช่ง”เขาพึมพำ วางเอกสารลงบนโต๊ะ ในใจยังคงขัดแย้งกันอยู่ เขาไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำ ทางที่ดีควรโทรไปหาแม่เพื่อถามความจริง เขาควานหาโทรศัพท์ แต่มันไม่ได้อยู่กับตัวเขา
    “ถ้าคุณภูอยากได้หลักฐานจริงๆ ป้าจะไปขอกับทางคุณนิรุท ท่านคงส่งหลักฐาน—”
    “ไม่ต้องหรอกครับ มันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”ชายหนุ่มพูดห้วนๆ ป้าษอรมองเขาอย่างเห็นใจ เธอเก็บเอกสารใส่กระเป๋าวางมันไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องครัวตามเดิม ชายหนุ่มกุมศีรษะ
    “ฉันคงต้องเชื่อเรื่องชะตาลิขิตจริงๆซะแล้วสิ”ภูวรินทร์พูด คำแช่งของมณีเป็นผล ไหนจะคำแช่งจากคุณแก้วอีกที่ท่านอาผิดคำสาบาน คนตระกูลนี้ทำลายกันเองแท้ๆ ชายหนุ่มหันมองอินทนิลด้วยใจต่างจากเดิม ตอนแรกเขากำลังรู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่เเล้วเชียว แต่...มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะอินน์
    “คุณภูครับ...”อินทนิลมองเขา ท่าทางกระวนกระวายใจ มันน่าตกใจกว่า ที่เขากับอินทนิลเป็นญาติพี่น้องกัน... แล้วแบบนี้มันจะไปจบที่ตรงไหน ระหว่างเขากับอินน์มันจะลงเอยอย่างไร 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2018 19:19:48 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2

 
หลังจากที่ภูวรินทร์รู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของตนเอง เขายังไม่อยากคุยกับอินทนิล จึงกลับขึ้นไปยังชั้นบน เขาหาโทรศัพท์เจอจนได้ มันอยู่ใต้หมอน เขาโทรหาผู้เป็นมารดา แต่ทว่าเธอไม่รับสาย ชายหนุ่มมองหน้าจอที่ดับลงอย่างขัดใจ เขาจึงโทรหาโชติต่อ “มีอะไรเหรอภู”
“แกช่วยฉันหาข้อมูลของคุณนิรุท เจ้าของบ้านคนเก่าที่ฉันซื้อได้ไหม ขอเป็นเรื่องรักๆใครๆของเขาน่ะ”ภูวรินทร์จำต้อเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเพื่อน แม้ว่าอีกฝ่ายจะต้องเจอความจริงเรื่องชาติกำเนิดของตนก็ตาม แต่โชติเป็นเพื่อนที่ดีและไว้ใจได้
“อ้อ ได้สิ ว่าแต่แกเป็นอะไรหรือเปล่า”คู่สนทนาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่า ฉันสบายดี ...”
“แกจะกลับมาทำงานเมื่อไหร่”
“...ฉันก็อยากกลับ แต่ขอสะสางเรื่องที่นี่ก่อน ฝากแกดูแลงานให้หน่อยก็แล้วกัน”
“อืมได้ แต่แกอย่าอยู่ที่นั่นนานไปล่ะ ฉันรู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้”
“อย่าห่วงเลย ฉันคงได้กลับไปแน่ๆ”เขาพึมพำ จากนั้นก็ทรุดตัวนั่งลงเตียงอย่างเหนื่อยล้า เรื่องโหลดองทารกนั่น ไม่รู้ว่าลุงชมจะได้เรื่องอะไรไหม เขาถอนหายใจ แม้จะตกใจและไม่ยอมรับความจริงที่ว่าเขาเป็นลูกหลานของสกุลนี้ ทั้งยังเป็นญาติกับอินทนิลด้วย มันทำให้เขาหนักใจอยู่บ้าง มันจะซ้ำรอยท่านอาหรือเปล่านะ?
เย็นวันนั้น ภูวรินทร์ไม่เจริญอาหาร แม้จะมีของโปรดหลายอย่าง บนโต๊ะอาหารวันนี้เงียบกว่าปกติ อินทนิลไม่ได้มาทานข้าวด้วย เหลือแค่เขาเท่านั้น ชายหนุ่มเดินไปรอบๆบ้านอย่างเหม่อลอย บ้านหลังใหญ่โต แต่มีเพียงเขา ลูกหลานคนอื่นๆก็หายไปหมด มันทำให้เขาโดดเดี่ยวขึ้นมา คำแช่งของมณีดังก้องอยู่ในหู จุดจบของเขาจะเป็นเช่นไร และในอดีตชาตินั้นท่านอาตายอย่างไร้ญาติขาดมิตรหรือไม่
ตกดึก รอบข้างเงียบสงัด ความมืดและเสียงหวีดหวิวคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ เข็มนาฬิกาขยับไปทีละนิด ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ในห้องอ่านหนังสือ เขาแค่อยากหาที่สงบใจ ทีแรกเขาอยากเข้าวัด แต่คงต้องบอกลุงชมให้เตรียมรถอีก
ภูวรินทร์เดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่ มองออกไปที่สวนด้านหน้า พอมองสวนในเวลานี้แล้ว ลานน้ำพุกลับดูร้างเงียบเหงา ไม่น่าเข้าใกล้ สายน้ำพุหยุดไหลไปตั้งแต่เมื่อเย็น  เป็นเช่นนี้ทุกวัน เขาสังเกตกิจวัตรของคนงานในบ้าน พบว่ามันซ้ำเดิม อย่างป้าษอรที่อยู่ในครัว ลุงชมดูแลสวน คนงานอื่นๆสองสามคนดูแลความสะอาด แต่เขาไม่เคยเจอหน้าตานัก ยกเว้นก็ตอนที่ไปทุบโกฏิของมณี พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็หนาวเหน็บขึ้นมา
...กลัว...
เขากำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ เขาเดินออกห่างจากหน้าต่าง เก็บหนังสือราชนิพนธ์เล่มเก่าไปเข้าชั้น แล้วเดินกลับไปยังห้องนอน ทุกย่างก้าว เขากังวลใจ ระยะทางไม่ไกล แต่เขากลับรู้สึกว่ามันนาน เสียงฝีเท้าของตนดังให้ได้ยิน พยายามไม่ฟุ้งซ่านกับค่ำคืนของบ้านหลังนี้
นาทีนี้เขานึกถึงอินทนิล เด็กหนุ่มหายไปตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว อาจโกรธเขาอยู่งั้นเหรอ คงไม่ใช่... หรือคุณแก้วกำลังใช้เวลานี้อยู่ ชายหนุ่มถอนหายใจยาวๆก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องอุ่นสบาย พอเดินเข้าไปเขาถึงกับผงะตกใจ ก้าวถอยหลังโดยสัญชาติญาณ ที่ริมหน้าต่างเปิดกว้าง เห็นร่างของอินทนิลนั่งห้อยขาอยู่อย่างนั้น เส้นผมยาวปกบ่า ศีรษะก้มต่ำ เขาหายใจไม่ทั่วท้อง บอกให้ตนเองหันหน้าหนีและออกจากห้องนี้ไป แต่เหมือนร่างถูกตรึงไว้
นั่นไม่ใช่อินน์...คุณแก้วงั้นเหรอ ทำไมต้องมาหลอนกับเขาอีก
“...แก้วเหรอ”เขาถาม ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีเหตุผลที่ต้องหนีอีก เขาไม่ได้ก้าวเท้าไปหา ร่างนั้นไม่ขยับ เขยื้อน ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ ค่อยๆขยับกายเข้าไปหาช้าๆ พยายามมองไปทั่วห้องนอน ที่นี่ดูเป็นปกติดี ยังเป็นห้องของเขา
“แม้จะเป็นเพียงอีกชาติที่ผันผ่านมาแล้ว แต่กรรมที่ติดตัวมามันชะล้างออกไปไม่ได้ ถึงบอกไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ก็ยังมีชะตาที่ผูกติดกันไม่ขาดไปไหน”เสียงนั้นเอ่ย เป็นเสียงของอินทนิล ชายหนุ่มฟังแล้วปวดใจ เขาส่ายศีรษะไม่ยอมรับ
“ลงมาเถอะ”เขาบอก หากเป็นอินทนิลจริง ก็คงจะทำตามที่เขาบอก แต่ร่างนั้นกลับโงนเงน ความกลัวของเขาเป็นจริง เมื่อชายหนุ่มก้าวเท้าไปหา แต่ฉับพลันร่างของอินทนิลก็ปล่อยตัวล้มลงไปทางหน้าต่าง เขาตะลึงตะลาน ได้ยินเสียงดังพลั่กจากด้านล่างแล้วก็รีบปรี่เข้าไปดู
“อินน์!!”เขาก้มลงไปมองอย่างเคว้างคว้าง สองมือกำแน่นที่ขอบหน้าต่าง แต่ที่เบื้องล่างนั้นปราศจากร่างของอินทนิล เขาใจหายไป เมื่อคิดได้ว่ากำลังเผชิญกับสิ่งผิดปกติ ชายหนุ่มหมุนตัวกลับเข้ามาด้านใน ก็ยิ่งทำให้ช็อกหนักกว่าเดิม ร่างซีดเซียวของอินทนิลยืนอยู่ตรงหน้าจนชิดกับเขา ชายหนุ่มร้องไม่ออก เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย สบตากับดวงตาวาววับสีดำนั้นเข้าเต็มเปา เหมือนอย่างเคยอินทนิลที่เป็นภาพหลอน น่าสยดสยอง เห็นได้ชัดว่าร่างนี้เหมือนตายไปแล้ว ผมเผ้าปกรกใบหน้า ดวงตาที่ดูจะเบิกกว้างกว่าปกติจ้องมาที่เขา
ชายหนุ่มตื่นตระหนก ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ดั่งใจ เหมือนทุกอย่างเคลื่อนไหวช้าลง เขาถูกมือซีดขาว เล็บม่วงช้ำเลือด เหมือนเลือดคลั่งผลักเขาเต็มแรง อินทนิลที่โกรธแค้นอย่างรุนแรง เขาทำอะไรไม่ได้ แม้ใจจะอยากให้เอื้อมมือไปคว้ากรอบหน้าต่างไว้ แต่ไม่ทันซะแล้ว
ร่างของตกกระแทกพื้นดินเบื้องหลังดังอั้กใหญ่ เขาเจ็บร้าวไปทั้งตัว เหมือนว่าอะไรบางอย่างไหลไปตามแผ่นหลัง อาจเป็นเลือด บนหน้าต่างร่างของอินทนิลยืนจ้องเขาอย่างถมึงทึง ก่อนที่ร่างนั้นจะโดดตามลงมาอีกครั้ง
ไม่นะ!!
ภูวรินทร์สะดุ้งตื่น เมื่อศีรษะเอนเองไปโขกกระทบกับผนังเก้าอี้ เสียงของหนักหล่นตกพื้นปลุกให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมา ความกลัวพลันจู่โจมไปถึงขั้วหัวใจ เขามองไปทางเบื้องหน้า เจอกับตู้หนังสือ...เขามาหลับอยู่ในนี้เอง ไม่ทันจะลุก เขาเหลือบไปมองไปทางที่เท้าแขนของเก้าอี้นวมตัวเก่า เจอเข้ากับร่างของเด็กหนุ่มที่นั่งเท้าคางมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มกว้าง แต่...ดวงตาพร่ามัวขุ่นขาว เหมือนกระจกตาของคนที่ตายไปแล้ว เนื้อตัวซีดเขียวเหมือนคนขาดอากาศหายใจ เขาหวนนึกถึงสาเหตุที่อินน์ต้องป่วยหนักแล้วก็ยิ่งทวีคูณความหวาดผวา 
“ออกไปนะ”ชายหนุ่มผวากลัว ผุดลุกขึ้นยืนอย่างไร้สติ เขาสะดุดล้มลงไปพร้อมกับเก้าอี้ ครั้งนี้ในฝันเขาไม่ได้ตายซ้ำซาก แต่กลับมาเจออินทนิลในสภาพตายไปแล้ว
มันน่ากลัวไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ เขารีบพลิกตัวหาประตูทางออก สองขาไร้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยืน น้ำตาปริ่มออกมาทั้งความกลัว ความหดหู่ ...เป็นความกลัวที่ว่าหากตนต้องเผชิญกับภาพอันน่าสะพรึงแบบนี้ต่อไป เขาคงรับไม่ไหวแน่ๆ เขาสติแตก และคงจะเป็นบ้าไปจริงๆ
นี่มันน่ากลัวกว่าครั้งไหนๆอีก
“ช่วยด้วย!”เขาร้องเรียกเสียงดังลั่น สองหูได้ยินเสียงก้าวเดินของร่างด้านหลัง ภูวรินทร์รีบทรงตัวลุกขึ้นยืน เขาตรงไปที่ประตูห้อง หมุนลูกบิดอย่างรวดเร็ว ประตูเปิดออกกว้าง เขาผงะถอยหลังเมื่อเจอเข้ากับร่างผอมบางของคุณแก้ว เพราะร่างตรงหน้าสูงกว่าอินทนิล แต่คุณแก้วไม่ได้น่ากลัว แต่การมายืนขวางทางไว้แบบนี้ไม่ใช่เจตนาดี
“คุณหนีเราไม่พ้นหรอก ต่อให้ไปเกิดใหม่อีกกี่ภพ สักวันก็ต้องมาบรรจบกัน”
“ในเมื่อทั้งเรา อินน์ และคุณก็ไม่อาจแยกจากกันได้ เหตุใดถึงไม่มาอยู่ด้วยกันเล่า มันคงง่ายกว่าเยอะ หากคุณยินยอม”
“ไม่!”
ภูวรินทร์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ เพราะคุณแก้วไม่ขยับไหน จ้องเขาเขม็ง สวมเสื้อผ้าชุดเดิม ชุดสีขาวเปื้อนดินสกปรก คงเป็นสภาพตอนที่ท่านเสียชีวิตที่เรือนเพาะชำ ยิ่งทางด้านหลัง ชายหนุ่มแทบไม่ต้องเดาว่าป่านนี้คงมายืนชิดเขาจนขยับไม่ได้ เขาหลับตาแน่นเมื่อเห็นเสื้อขาวๆของอินทนิลใกล้เข้ามาบริเวณลำตัว
ขอร้องล่ะ ไปให้พ้น !
ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจ ไม่อยากเห็นใบหน้าพวกนี้อีกแล้ว

“เพราะแบบนี้ไงคุณถึงต้องมีเราเคียงข้าง”เสียงหนึ่งปลุกให้ภูวรินทร์ตื่นออกจากห้วงฝันร้าย ชายหนุ่มผวา สองมือตะเกียกตะกาย ปัดป่ายสัมผัสที่เข้ามาใกล้ พอมองดีๆแล้วเขาเห็นอินทนิลนั่งอยู่ข้างกายในเก้าอี้ทางฝั่งขวามือ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าช้าๆ พยายามตั้งสติกลับมา ตนเองยังคงนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ในห้องหนังสือ ที่ตักของเขามีหนังสือกางคว่ำหน้าไว้
“อินน์”เขาหลุดปากเรียกออกไป แต่คนข้างกายไม่ใช่...ในเวลานี้กลายเป็นคุณแก้ว ชายหนุ่มหน้าหม่นหมอง เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งในท่าทางปกติ เก็บหนังสือวางไว้ที่โต๊ะด้านหน้า ร่างของอินทนิลลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหยุดตรงเก้าอี้ของเขา
“เสียใจด้วย ที่วันนี้อินน์ไม่ได้อยู่ด้วย แต่เป็นเราแทน”เสียงนั้นต่างจากอินทนิลอยู่บ้าง มันช่างแปลกที่เขามองเห็นอินทนิลที่ไม่ใช่อินทนิล มันทำให้เขาสับสน
“งั้นเหรอ ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ”เขาพูด ลุกขึ้นยืนแต่คุณแก้วกลับดันไหล่เขาให้นั่งลงต่อไป อย่างที่คิดอีกฝ่ายต้องการอยู่เหนือกว่าเขา ชายหนุ่มขมวดคิ้ว คุณแก้วยิ้มหยัน
“ไม่พอใจงั้นเหรอ แย่หน่อยนะ ที่เราไม่ใจดีเช่นอินน์ แต่วันนี้ไม่ได้มาชวนทะเลาะ ไม่เห็นหรือไง ว่าเราช่วยคุณตื่นจากฝันร้าย”เจ้าตัวพูดทวงบุญคุณ ชายหนุ่มเงียบไป ใช่ เขารู้สึกขอบคุณคุณแก้วอยู่ในใจ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวนั้นทราบหรือเปล่าว่าฝันร้ายที่เขาเผชิญอยู่ คือใคร
“คุณโกรธแค้นผมเหรอ”ชายหนุ่มถาม เขาอยากรู้ว่าจริงๆแล้วใจของคุณแก้วแค้นเคืองเขาอยู่หรือไม่ ร่างผอมบางที่เป็นของอินทนิลขยับเข้ามาหา สีหน้าราบเรียบ แต่แววตาสะท้อนความเย็นชา
“ไม่ได้แค้น แต่เรามีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจ...แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาทำแบบนั้นหรอก เรามีโอกาสได้เจอคุณ สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ ให้คุณรำลึกถึงอดีตของเราต่างหาก ยิ่งรู้มากก็ยิ่งคลายปัญหาได้มากขึ้น เราช่วยมากไม่ได้หรอก ลำพังจะใช้ร่างกายของอินน์ก็ทำได้ไม่ง่าย...”คุณแก้วพูดเบาๆ คิ้วขยับเข้าหากันอย่างปวดในใจ
“ผมต้องทำยังไง”เขาถาม
“ที่คุณสามารถฝันถึงเรื่องในอดีตได้ก็เพราะเจอโครงกระดูกของเรา บ้านหลังนี้มีร่องรอยอดีตตั้งมาก ไม่แน่ คุณอาจฝันอีก อาจเป็นเรื่องของมณี...”คุณแก้วบอก คงรู้ว่าเขาเจอกับทารกนั่นแล้ว
“จะทำยังไงเรื่องคำแช่งดีล่ะ ทำให้มันหายไปไม่ได้เหรอ”เขาพูดอย่างคนจนตรอก คุณแก้วมองเขาด้วยสายตาโศกเศร้า
“...ทำไม่ได้หรอก คำแช่ง คำสาบานศักดิ์สิทธิ์กว่าที่เราคาดไว้ แต่เราก็พยายามจะช่วยให้ถึงที่สุด...โดยผ่านอินน์”
“การละเมอน่ะเหรอ”
“ใช่...แต่มีข้อเสียคืออินน์จะจดจำอะไรไม่ได้ มันคงทำให้เด็กนั่นกลัวขึ้นมาหากลืมตาตื่นมาในสถานที่ไม่คุ้นเคย”
“อย่างนี้นี่เอง....งั้นเรื่องในคืนที่ละเมอออกไปที่สวน คุณเรียกผมไปงั้นเหรอ”เขาถาม มีข้อสงสัยในวันนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาจำไม่ได้ อินทนิลจำไม่ได้ คุณแก้วต้องรู้อยู่แก่ใจ
“คืนนั้น...”คุณแก้วค่อยๆยิ้ม ถึงจะเป็นร่างของอินทนิล แต่การยิ้มเยาะเช่นนี้ก็ไม่น่ามองนัก เขาย่นคิ้ว รู้สึกถึงลางร้ายขึ้นมา คุณแก้วโน้มตัวลงมาหาเขา แล้วกระซิบบอก
“เราจะบอกอะไรให้ มนุษย์นั้นมีกิเลสมาร ตัวเราที่คงอยู่ก็เพราะขันธมาร...กิเลสมารของคุณ คือโลภะ โทสะ โมหะ เห็นได้จากชีวิตประจำวัน รัก โลภโกรธ หลง โดยเฉพาะ โมหะที่เป็นความหลง ความไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เป็นปัจจัยทำให้เกิดทั้ง โลภะ และ โทสะ  เมื่อโมหะทำให้ไม่เห็นถูกในธรรม มันทำลายซึ่งความดีไป ดังนั้นสัตว์โลกจึงต้องไม่พ้นไปจากสังสารวัฏ”
“คุณพูดเรื่องอะไร”ชายหนุ่มพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว คุณแก้วเล่าธรรมมะให้เขาฟัง มันเกี่ยวข้องกับเรื่องคืนนั้นด้วยงั้นเหรอ ‘กิเลสมาร’งั้นเหรอ มันหมายความว่ายังไง จับต้นชนปลายไม่ถูก
 “เราจะบอกว่า เป็นเรื่องยากที่มนุษย์จะดับกิเลสมารได้ เหมือนกับตัวคุณไง เพราะยังมีกิเลสมารนี้อยู่ จึงยังต้องมีการเกิดและตายอย่างไม่มีวันจบสิ้น….”คุณแก้วพูดช้าๆให้เขาเข้าใจ ชายหนุ่มนิ่งงัน เขาสบตากับอีกฝ่าย
“คุณจะบอกว่าผมมีกิเลสมาร โดยเฉพาะโมหะ”ความหลงผิด ไม่ว่าจะเป็นท่านอานรินทร์ในอดีตชาติ หรือว่าจะเป็นเขาในชาตินี้ก็ตามที... คุณแก้วยิ้ม “ใช่... คืนนั้นเราเรียกคุณ คุณก็มา”
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก คำพูดต่อไปของคุณแก้วอาจเปลี่ยนทุกสิ่ง...
“แล้วไงต่อ”
“ที่สวนในเรือนปั้นหยานั่น...กิเลสมารนำพาคุณมา ความหลงคือสิ่งมืดมิด มันบดบังธรรมดีในใจของคุณ”คุณแก้วเอ่ยช้าๆ เขามองอีกฝ่ายอย่างใจเย็น ไม่อยากฟุ้งซ่านคิดอะไรที่น่ากลัว
“คุณอย่ามาทำตัวสูงส่ง ร่ายธรรมให้ผมฟัง คุณทำอะไรกันแน่...”ทำอะไรกับอินน์ และเขากันแน่
“เรามีสิ่งที่ปรารถนา เราพูดไปแล้ว...”คุณแก้วย้ำอีกครั้ง แววตาแสดงถึงความถือดีไม่ยอมลดราวาศอก นัยน์ตาสีนิลวาวโกรธขึ้นมา “คุณใช้ร่างของอินน์ทำอะไร”
เหมือนว่าชายหนุ่มจะรู้ได้จากลางสังหรณ์ เขาหวนนึกถึงอากัปกิริยาของอินทนิลที่มีต่อเขา ความแปลกใจที่เขามีต่อเด็กหนุ่มกับการรั้งตัวเขาให้อยู่ต่อ พังทลายลง ภูวรินทร์จ้องอีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง ในใจเหมือนถูกราดด้วยเชื้อเพลิง
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ ทำแบบนี้ทำไม...คุณทำให้อินทนิลแปดเปื้อน ที่จริงอินน์ควรไปอยู่ในภพภูมิที่ดีกว่านี้ แต่คุณปล่อยให้ความหลงงมงายมันครอบงำ ใช้เด็กเล็กเป็นเครื่องมือ อย่ามาอ้างว่าเป็นเพราะคำแช่ง ผมกับอินน์ต่างหากที่รับผลกรรมนั้น ไม่ใช่คุณ!”
“แล้วเราล่ะ คุณไม่มีสิทธิมาเพิกเฉยต่อเรา เรื่องในอดีต คุณคิดหรือว่ามันแยกกันได้หรือ ไม่มีทาง ไม่อย่างนั้น จะมีการเกิดและดับไปไม่จบสิ้นได้ยังไง ก็เพราะว่าทุกสิ่งล้วนเกี่ยวพันกันไง เข้าใจเสียบ้างภูวรินทร์ คิดว่าเราอยากติดอยู่ที่งั้นเหรอ”
“แล้วคิดว่าผมเต็มใจจะอยู่กับคุณงั้นเหรอ”เขาพูดอย่างไม่นึกถึงน้ำใจอีกฝ่ายนัก เหมือนว่าคุณแก้วไม่สามารถรับความจริงนี้ได้ ฉับพลันก็ขว้างปาข้าวของ ผลักเก้าอี้ล้มคะมำด้วยความโกรธ
“แม้ว่าท่านจะดับไปแล้วเกิดใหม่ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยก็คือใจของท่าน ท่านที่ไม่รักเราแม้แต่น้อย หลอกเรามาตลอดสิบกว่าปี!”คุณแก้วขึ้นเสียง ด่าทอเขา ทำราวกับว่าเขาที่ยืนอยู่คือ หมื่นนรินทร์ ในสายตาของอีกฝ่ายคงมองเขาเป็นท่านอาอยู่เสมอ
“ตอนนี้ผมคือภูวรินทร์ หมื่นนรินทร์ตายไปตั้งแต่แปดสิบปีก่อนแล้ว เขาจากไปแล้ว คุณจากไปแล้ว...ที่ยังอยู่ คือผมคนนี้ไม่ใช่เหรอ ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกัน มันคงเป็นชะตาบ้าบอที่ทำร้ายลูกหลานสกุลนี้ไม่จบไม่สิ้น”
“สิ้นสิ ตราบใดที่มันจบลงที่ท่าน และอินทนิล และเรา”
“หมายความว่ายังไง”ชายหนุ่มเอ่ยถามช้าๆ
“ยอมรับมันสิ”คุณแก้วเอ่ยกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้ ทำให้ภูวรินทร์เงียบ พูดไม่ออก มองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“คำแช่งของมณีรุนแรงนัก เพราะท่านอาเอาลูกหญิงอื่นมาเป็นทายาท ลูกหลานจะต้องอาภัพ ไร้รัก และตายอย่างโดดเดี่ยว ...แถมคุณหลีกหนีชะตาแปดเปื้อนนี้ไม่ได้ บิดาของคุณมีลูกกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตนเอง ดูแล้ว สันดารเดิมของเชื้อชาติท่านหมื่นคงเป็นเช่นนี้ไม่ต่างกัน”
“พอที ผมไม่อยากฟังเรื่องนี้”ภูวรินทร์ผลักร่างของเด็กหนุ่มออกไปให้พ้นทาง คุณแก้วไม่ยอมให้เขาได้ดั่งใจหวังตามมาพูดจากรอกหูเขา
 “ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเลือดในตัวคุณมันมาจากท่านหมื่น ยิ่งอินทนิลที่ต้องตายกลับไม่ตาย...คิดว่ามันบังเอิญรึ คิดว่าแค่เราช่วงชิงร่างและจิตกับเด็กนั่นมาเพียงเพื่อเจอคุณในชาตินี้งั้นเหรอ...ที่มันเป็นเช่นนี้เพราะมณี เราต้องวนเวียนอยู่เพราะคำแช่งของมณี”
ผนวกกับความรัก โลภ โกรธ หลงของคุณแก้ว ห้วงคำนึงก่อนจิตออกจากร่าง คงเป็นความห่วงที่ยังละไปไหนไม่ได้
“ถึงจะเป็นแบบนั้น คุณก็ทำให้ร่างของอินทนิล— แล้วนี่อินน์รู้หรือเปล่า”เขาไม่อยากพูดถึง อีกฝ่ายแค่มองเขา
“แม้จิตในขณะนั้นเป็นของเรา กายหยาบเป็นอินทนิล”คุณแก้วตอบ หมายความว่าอินทนิลย่อมรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “คิดว่าเราบังคับเด็กคนนั้นงั้นสินะ หึ เราไม่ได้บังคับ ก็ถือว่าเราต่างไม่แตกคอกัน”อีกฝ่ายเอ่ยออกมาอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มไม่มีอะไรจะพูด เรื่องนี้ต้องถามเอากับอินน์โดยตรง ไม่ใช่คำพร่ำเพ้อของคุณแก้ว
“อินทนิลคือลูกหลานเรา คุณว่าเราจะทำใจดำได้หรือไง ปล่อยให้ตายไปงั้นเหรอ ธิชา ทิ้งลูก ทิ้งบ้านไป เพราะกลัวตนเองจะโดนคำแช่ง สารเลวจริงๆ หล่อนไม่มีสำนึกซักนิด แม้แต่ตอนป่วยเจียนตายยังไม่มาแล”
คนตระกูลนี้จิตใจหยาบกระด้างทั้งนั้นงั้นสิ...แต่พอต่อว่าแบบนี้ เหมือนเข้าตัวเองซะมากกว่า เพราะอย่างที่คุณแก้วบอก เขามีเชื้อสายของท่านหมื่น... อดีตชาติของเขา แล้วที่บอกว่าชะตาเลวร้ายจะสิ้นสุดลงที่ชาตินี้ของเขาได้ มันคืออะไร ต้องตายกันไปข้างงั้นเหรอ ถึงจะทำให้ปรารถนาของมณีเป็นจริง
ชายหนุ่มเหมือนโดนชก หมดความพูด
ภูวรินทร์ไม่หันกลับไปมองร่างของเด็กหนุ่มอีก เขาเปิดประตูออกจากห้องอ่านหนังสือแล้วเดินกลับไปยังห้องนอนของตน ระหว่างทางเขาเหลียวมองไปรอบบ้าน เดินเรื่อยมาจนถึงหน้าระเบียงห้อง มองไปที่เห็นโถงรับแขกชั้นล่างที่มืดสลัว แสงสว่างจากด้านนอกสาดส่องผ่านหน้าต่างทรงสูงติดกับโซฟารับแขก ม่านสีขาวลอยสะบัดอยู่อย่างนั้น
เขาจำไม่ได้...ว่าคืนนั้นมันเริ่มขึ้นได้ยังไง มีใครรู้เห็นบ้างไหมนะ ชายหนุ่มก้าวเดินต่อ หยุดอยู่หน้าประตูห้อง มือจับลูกบิดแน่น เงาดำจากด้านหลังสาดมายังบานประตู...
"คุณเสียใจงั้นเหรอ”คุณแก้วถามเบาๆ เสียงนั้นสั่นเครือเล็กน้อย สุ้มเสียงปรากฏความเศร้า 
“อืม ผมไม่คิดจะทำอะไรกับเด็กที่ยังไม่พ้นสิบแปดหรอกนะ”ที่ผ่านมาเขาระวังตัวเสมอ ไม่เข้าใกล้อินทนิลมากไป มันมีระยะห่างระหว่างเขากับอินน์ สองหูได้ยินเสียงถอดถอนหายใจ ฝ่ามือผอมเข้ามาคว้าแขนเขาไว้แน่น
“คุณยังคิดจะมานอนกับผมอีกหรือไง”เขาเลิกคิ้วสงสัย มองมือที่กำรอบแขนข้างซ้ายของตนแน่น คุณแก้วเดินมาใกล้ไม่ห่าง ร่างของอินทนิลไม่สูงนัก แค่ไหล่ของเขาเอง ถ้าหากโอบกอดได้คงทำ แต่เลือกที่จะเลื่อนมากุมมือของเขาไว้เท่านั้น
“ต่อให้เกลียดเรามากแค่ไหน แต่คุณต้องการเรา ฝันร้ายนั้นยังดำเนินต่อไป มันกำลังใช้ความกลัวของคุณเป็นตัวกระตุ้น ก็เหมือนมารในใจมากกว่า คำแช่งของมณีล้ำลึก กัดกร่อนจิตใจของคุณได้ หล่อนไม่ได้ต้องการให้คุณเจ็บปวดทางกายหรอก...”คุณแก้วบอก
เกลียดเหรอ เขาไม่ได้เกลียด แค่โกรธเคืองกับความหลงผิดของอีกฝ่าย ไม่สนผิดหรือถูกเลยงั้นสิ “คุณต้องการแบบนี้เหรอ อยู่กับผมไปจนแห้งเหี่ยว”ดีกว่าโดดเดี่ยวลงโลงไปคนเดียวน่ะเหรอ
“ชะตาของเราก็ไม่ต่างกันนักหรอก เราตายเพียงลำพัง จิตของเราตั้งมั่นที่จะพรากท่านไปด้วย แต่มันสายไป...คิดว่าเราเกลียดท่านมากหรือไม่ล่ะภูวรินทร์”เจ้าตัวเอ่ยชื่อเขา เขานิ่งไป น้ำเสียงของคุณแก้วอ่อนแรงลงไปมาก เขาก้มมองเจ้าตัวที่ไม่ได้มองเขาอีก
“ไม่รู้ แต่ก็คงเกลียด ไม่เช่นนั้นในฝันจะเป็นผีร้ายไปทำไม”
“ผีไม่มีอยู่จริงนะ มีเพียงจิตเท่านั้นแหละ จิตคือวิญญาณ พอมนุษย์ดับลง จิตก็เกิดใหม่ สืบเนื่องไปเรื่อยๆจนกว่าจะดับกิเลสมารได้ แต่ก็ไม่พ้นหรอก...”
“งั้นก็คงไม่มีมนุษย์หน้าไหนทำได้หรอก”เขาพูด
“ในฝันเป็นรูปที่ท่านปรุงแต่งเองทั้งนั้น มาจากคำแช่งน่ะ จำไม่ได้เหรอที่บอกว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายทำให้ท่านเกิดฝันร้าย แต่เป็นเพราะบ้านหลังนี้มีร่องรอยอดีต... อดีตของมณีด้วยเช่นกัน”ร่างของเด็กหนุ่มสั่นด้วยความอัดอั้น น้ำเสียงเก็บอารมณ์ความรู้สึก ชายหนุ่มไม่ตอบโต้อะไร
 “เรามีรัก แต่ท่านกลับไม่มี เรารอมานานเพื่อเจอกับสิ่งนี้น่ะหรือ ทำไมเป็นเราฝ่ายเดียวที่ต้องตรมตรอมอยู่กับมัน ผ่านมาแปดสิบปีกว่าจะเจอกันอีก ท่านว่ายุติธรรมดีหรือไม่”คุณแก้วเอ่ยถ้อยคำออกมาอย่างช้าๆ น้ำเสียงเจือความโศกเศร้าจนเขาสัมผัสได้ และจิตใจสั่นคลอนไปด้วย
“...พอเถอะ”ภูวรินทร์ไม่อาจทนฟังต่อไปได้อีก เขาหลับตาแน่น ภายในใจเหมือนถูกบีบคั้นจากมือที่มองไม่เห็น เขามีความรู้สึกหลายหลาย เขาเห็นใจคุณแก้วที่ต้องเจอเรื่องราวเช่นนั้น แต่เขาทำไม่ได้จริงๆ เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าร่างของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปี ยังมีจิตของอินทนิลอยู่
“ท่านถามเรานี่ ว่าต้องการเช่นนั้นหรือไม่ ...ใช่ เราจะอยู่ จนกว่าจะดับไปในภพหน้าที่ไม่อาจเจอท่านอีก”คุณแก้วเอ่ยย้ำอย่างชัดเจน เขายืนนิ่ง รู้สึกสับสน
“แล้วอินทนิลล่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยถาม อีกฝ่ายถอนหายใจเอ่ยคำพูดอ่อนลง “อินน์ก็อยู่กับเราไง”
“แต่มันเป็นชีวิตของอินน์”เขายังคงค้างคาใจ พอมาทบทวนอีกครั้ง ชีวิตของอินทนิล คุณแก้วจะชิงมันมาไม่ได้
“ถ้าอินน์ไม่ยินยอม เราก็อยู่ไม่ได้หรอก...”
“ไปให้พ้น”เขาดึงมือของคุณแก้วออกหมดคำพูดกับเจ้าตัวแล้ว
“...เราคิดมาตลอดว่าหากไม่รู้อารมณ์ ไร้ความรู้สึกได้ก็คงดี ...ดูเหมือนว่าท่านจะไร้เยื่อใยต่อเราไปแล้วจริงๆ เราไม่เข้าใจ ทุกสิ่งของเรายังคงเดิม ตั้งอยู่ไม่ดับไปไหน แต่กลับผู้อื่น มันปราศสิ้นไปหมด แล้วเราต้องทำยังไง...ท่านไม่รู้สึก ไม่รู้ ไม่เห็นเรื่องในอดีต”
“เพราะในอดีตชาติ ผมคงไม่ปรารถนาจะอยู่ร่วมกับคุณอีกล่ะมั้ง”เขาบอก นี่เป็นไปได้สุดแล้ว นึกถึงจิตใจของท่านหมื่นที่หมดรักในตัวหลานชาย เมียหนีหน้า ในใจของอีกฝ่ายก็คงขยาดคุณแก้วไปไม่น้อย
“พูดเหมือนทุกสิ่งมันผิดที่เรา! ท่านเริ่มมันก่อนเอง แล้วกลับโทษชะตาของผู้อื่น โทษคำแช่งที่เกิดขึ้นภายหลังของมณี แต่ต้นเหตุแล้วคือผู้ใดเล่า เพราะท่านไม่ซื่อสัตย์ ทรยศความเชื่อใจของผู้อื่น ทั้งเรา ทั้งมณี ไปจนถึงเจ้าคุณพ่ออีก ไม่นับที่ขับไล่พี่ของเราไปภายหลัง หากเราไม่เขียนพินัยกรรมยกบ้านให้ลูกสาวของพี่กิ่ง เรือนหลังนั้นก็คงไม่เป็นของตกทอดมาถึงปัจจุบันนี้ หนำซ้ำท่านก็มาหักหาญใจเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า....มาชาตินี้ก็ยังคงไม่นึกถึงผู้อื่น เราผิดเองที่ใช้อินน์ แต่ทุกสิ่งมันเริ่มต้นจากการกระทำของท่านไม่ใช่หรือ”
คำเรียกของคุณแก้วเปลี่ยนไป ‘ท่าน’ หมายถึงทั้งเขาและหมื่นนรินทร์ ชายหนุ่มมองใบหน้าที่เป็นของอินทนิล เจอเข้ากับใบหน้าที่วาบวับเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เขานิ่งงันอยู่กับที่ มองนัยน์ตาสีนิลที่สั่นไหวเหมือนสูญสิ้นทุกอย่าง คิ้วสองข้างย่นเข้ากัน ร่างกายนั้นเหมือนไร้เรี่ยวแรง เจ้าตัวไม่ส่งเสียงให้ได้ยิน แต่น้ำใสยังไหลรินลงมาเรื่อยเหมือนเขื่อนทำนบแตก คุณแก้วฟุบลงกับพื้น มีเสียงสูดจมูกดังให้ได้ยิน
“ได้โปรด...”เสียงนั้นพูดขึ้น มันอัดแน่นไปด้วยความสิ้นหวังและเจ็บปวด สัมผัสหนักแน่นโถมเข้าใส่ท่อนขาข้างซ้ายของเขา ดวงตาของภูวรินทร์เบิกกว้างขึ้นมาบ้าง ก้นบึ้งหัวใจเหมือนมีเสียงสะท้อนกลับมา
ชายหนุ่มกำมือแน่น พยายามไม่ใจอ่อน แต่ทุกถ้อยคำของคุณแก้วมันบาดลึกอยู่ในใจของเขาไม่ต่างกัน ปฏิเสธไม่ได้ จุกจนพูดไม่ออก
‘ใช่ มันผิดที่ท่านเองแต่เพียงผู้เดียว’เขานึกตอบคำถาม ครั้งอดีตหมื่นนรินทร์เคยรำพันกับตนเองในยามที่คุณแก้วสิ้นลมไปแล้ว หมื่นนรินทร์ หน้าด้านเพียงใดที่ต้องถามตนเอง ต่อหน้าร่างของคุณแก้ว มันก็เห็นอยู่ได้ชัดอยู่แล้ว
ค่ำคืนนี้มันช่างหดหู่เหลือเกิน แล้วใจเขาดูเหมือนจะปวดร้าวทีละนิด เสียงสายลมกลางคืนดังอยู่ในความมืดพร้อมกับเสียงสะอื้นของเด็กหนุ่มที่ดังออกมาเป็นระยะ
ภูวรินทร์เลิกดิ้นรน เขายอมแพ้ เพราะยังไงก็คงไม่ชนะ

ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในห้อง มีคุณแก้วเดินตามเข้ามา เมื่อครู่ก่อนเขาไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกลับไป แต่อีกฝ่ายไม่ได้เค้นเอาคำตอบ ภายในห้องนอนอุ่นสบาย ยังคงดูปลอดภัยสำหรับเขา แม้ว่าหน้าต่างบานนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาเข้าไปอาบน้ำต่อ ไม่ได้พูดจากับคุณแก้วอีก แต่จากเมื่อครู่เจ้าตัวเดินไปปิดหน้าต่างให้เขา
นึกถึงถ้อยคำของอินทนิลที่บอกว่าให้มองเห็นตน แม้ในความจริง แววตาของเด็กหนุ่มไม่ได้บริสุทธิ์ ‘ถ้าอินน์ รู้อยู่ก่อนแล้ว ทำไมถึงไม่พูดอะไร ยินดีงั้นเหรอ ทำไมล่ะ’ เป็นตั้งคำถามอย่างไม่สิ้นสุด เขาค้นพบว่ามันบั่นทอนจิตใจ
คิดวนไปมาก็หยุดอยู่ที่หมื่นนรินทร์ เขาอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองอาหลาน ในใจเจ็บแปลบ เขายังมีความเห็นใจให้อีกฝ่ายอยู่ไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะชาตินี้หรือในอดีตชาติ เขายังคงทำไม่ดีกับอีกฝ่าย อาจไม่เลวร้ายเท่าในอดีตแต่การตัดรอนหัวใจมันยิ่งเจ็บปวดกว่า เพราะคุณแก้วอยู่มานานขนาดนั้น ใช้ความอดทนไม่น้อย ถ้าหากว่าในชาตินี้เขายังคงหักหาญใจของคุณแก้วอีก เจ้าตัวจะทำอย่างไร จะทำร้ายอินน์ด้วยไหม ถ้าลงเอยแบบนั้น คงสมใจมณี เพราะคำสาปแช่งก็ยิ่งเป็นผลดี
 ไม่สมหวังในรัก ทั้งเขา อินทนิล และคุณแก้ว 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2018 19:14:03 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
         แสดงว่าอินก็ไม่สมหวังในรักซิ อย่าเลยสงสารอิน

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
โอ้ยยยย น่าติดตาม

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
มันก็แค่ญาติพี่น้องไหม ว่าแต่ทำไมท่านอาต้องหมกมุ่นกับการมีทายาทขนาดนั้น

คิดไว้แล้วว่าภูต้องเป็นทายาทตระกูลนี้

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นญาติกันดั่งในอดีตชาติ :o8:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
ตอนที่ 9 ร่องรอยจากคำสาปแช่ง
   ที่เตียงนอนหลังใหญ่ ร่างของอินทนิลยังคงนั่งเรียบร้อยอยู่บนเตียง ช่วงที่ชายหนุ่มเข้าไปอาบน้ำเหมือนว่าคุณแก้วจะออกไปเอาพานเล็กๆสำหรับถวายดอกไม้ เพราะที่หัวเตียงพานไม้ทรงกลมตั้งอยู่ ในมือของอีกฝ่ายถือเข็มร้อยมาลัย เขามองนิ่งๆ พยายามไม่คิดว่าดึกดื่นป่านนี้แล้ว คุณแก้วยังมีอารมณ์มานั่งร้อยดอกไม้อยู่อีก ทั้งที่ก่อนหน้านั้นร้องไห้ไม่หยุด
“เราถวายดอกไม้ เพื่อให้ท่านหลับสบาย”เจ้าตัวเอ่ย ภูวรินทร์เดินไปที่เตียง มองดอกพุดที่เรียงตัวเป็นเกลียวสวย เขานั่งลงกับเตียง ถอนหายใจทิ้งขว้าง เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลข 3 แล้ว ทว่าเขายังไม่รู้สึกง่วงเลยด้วยซ้ำ “ถวายให้ใคร”เขาถามอย่างไม่สบายใจ คุณแก้วมองเขาด้วยแววตานิ่งสงบ
“ถวายบรรพบุรุษให้คุ้มครองท่านและอินทนิลไง”เจ้าตัวบอก ระหว่างนั้นก็หยิบดอกพุดเสียบลงเข็มมาลัยเรื่อยๆ ชายหนุ่มไม่คิดว่าบรรพบุรุษบ้านนี้จะรักใคร่กลมเกลียวต่อเขา ชายหนุ่มเอนหลังลงนอนกับเตียง เฝ้ามองอีกฝ่ายร้อยพวงมาลัยเงียบๆ ร่างของเด็กหนุ่มนั้นดูทะมัดทะแมง มืออีกข้างถือเข็มไว้ ส่วนมือข้างถนัดหยิบดอกพุดอันเล็กๆเสียบลงเข็มอย่างชำนิชำนาญ
“ไม่ง่วงหรือไง”ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมา  อีกฝ่ายหันมายิ้ม
“ยังหรอก อยากให้คุณหลับไปก่อน”คุณแก้วตอบ ก่อนจะรูดตัวดอกพุดบนเข็มลงเส้นด้ายที่ก้นเข็มไปช้าๆ จนกลายเป็นพวงเล็ก เจ้าตัวดูสงบกับการร้อยมาลัยพวงนี้
“ผมไม่ซึ้งใจที่คุณทำแบบนี้หรอกนะ”ภูวรินทร์พูดทิ้งศีรษะลงกับหมอน คุณแก้วเงยมอง แล้วหัวเราะออกมา เห็นได้ชัดเจนว่าที่ใต้ตาบวมช้ำ นัยน์ตาสีนิลมองเขา
“ที่เราทำก็เพื่อความสบายใจ และก็หวังดีต่อท่านด้วย ท่านไม่ยินดี ก็ไม่เป็นไรหรอก”เจ้าตัวพูดเสียงราบเรียบ ทำเอาเขาถึงกับพูดไม่ออกไปเอง เขามองร่างของอินทนิลที่กำลังเอื้อมแขนนำพวงมาลัยสีขาวเรียบๆไร้การตกแต่งให้สวยงามขึ้นไปวางบนพานเหนือเตียง
“งั้นผมนอนก่อนแล้วกัน”ชายหนุ่มบอก แม้ว่ายังไม่ง่วง แต่ไม่อยากตื่นพูดคุยกับคุณแก้ว เขาเปลี่ยนท่า นอนหันหลังให้อีกฝ่าย จ้องมองผนังห้องไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นมีเสียงขยับตัวของคุณแก้วดังอยู่ข้างกาย เตียงนอนอ่อนยวบตามมา
“ให้ดับไฟไหม”อีกฝ่ายถาม
“อืม”ชายหนุ่มตอบสั้นๆ คุณแก้วลงจากเตียงแล้วเดินไปปิดไฟที่หน้าประตู เขาเอื้อมไปเปิดโคมไฟไว้ เพราะยังขยาดกับความมืดมิดอยู่ กลิ่นดอกพุดหอมบางเบา ผ่อนคลายเขาได้ไม่น้อย ที่เตียงนอนยวบลงตามน้ำหนักตัวของเด็กหนุ่ม อีกฝ่ายนอนลงข้างกายเขา
“ต่อให้คุณเพิกเฉยใส่ เราไม่สนหรอก ไม่มีเวลามากขนาดนั้น”เสียงพึมพำของคุณแก้วดังอยู่ใกล้ตัว ชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้ว รู้สึกโหวงเหวงในใจ ความรู้สึกผิดกัดกร่อนหัวใจทีละน้อย เขาเริ่มตระหนักถึงอดีตชาติที่เป็นจุดเริ่มต้นวังวนแห่งคำสาปแช่งนี้ เริ่มจากแก้ว มาถึงมณีและจบท้ายด้วยท่านหมื่น
คำแช่งที่ต่างกันออกไป แต่ให้ผลลัพธ์สิ่งเดียวกัน คือ ความทุกข์ของคนภิรมย์สุข
“ให้เวลาเรา เหมือนที่ให้เวลาอินน์ไม่ได้หรือ”เสียงนั้นเอ่ยถาม ภูวรินทร์ขมวดคิ้วจนหน้าผากยับย่น รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขายังไม่เผชิญหน้ากับคุณแก้ว รู้สึกได้อย่างเดียวคือ เขาไม่ต้องการเห็นอีกฝ่ายนัก
“ผมไม่ได้ให้อะไรทั้งนั้น...กับอินทนิล ก็เห็นอยู่ว่าเป็นเพราะเรื่องคำแช่ง ถึงได้มาช่วยผม”ชายหนุ่มตอบกลับไป
“โกหก ท่านรู้ว่าอินน์รู้สึกยังไง อย่ามาปฏิเสธหน่อยเลย หรือเห็นเราเป็นเพียงวิญญาณร้ายที่ช่วงชิงเวลาของร่างนี้ไป”คุณแก้วพูดด้วยน้ำเสียไม่สบอารมณ์นัก เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายคงจ้องเขาอยู่
“เปล่า”ชายหนุ่มตอบไปตรงๆ มาถึงขั้นนี้แล้วเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังคุณแก้ว อีกฝ่ายสูดหายใจแรง รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังขยับเข้ามาหาใกล้ๆ
“ถ้าเช่นนั้น...เพราะเหตุใด...”คุณแก้วเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ ภูวรินทร์หลับตาถอนหายใจ
“มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ใช้ร่างของอินน์เพื่อยึดเหนี่ยวผมไว้ แล้วอินน์ล่ะ คุณบอกเป็นห่วงเชื้อสายตนเอง แต่กลับทำลายช่วงชีวิตของเขางั้นเหรอ”
“...อินทนิลยังคงอยู่ เราไม่ได้คิดจะใช้ชีวิตของผู้อื่น...ท่านปล่อยอคติบังตามากไปแล้ว เพราะเช่นนี้ เราถึงกลัว... อินน์เหมือนผูกพันกับท่าน มากกว่าเราที่เคยมีอดีตต่อกัน ...ให้นิ่งเฉยก็คงไม่ได้”คุณแก้วเอ่ยอย่างเย็นชา ภูวรินทร์หันกลับไปทางคนพูด เผชิญหน้ากับคุณแก้ว ที่นอนจ้องเขาตาไม่กระพริบ
“แต่ความรัก มันห้ามไม่ได้ บังคับไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”เขาพูดเรียบๆ ไม่หลบสายตาของอีกฝ่าย คุณแก้วนิ่งไป ใบหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก นัยน์ตาสีนิลยังคงจดจ้องมาที่เขา บอกไม่ถูกว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกอย่างไร
“ใช่...เรารู้แก่ใจดี ยังมาย้ำต่อเราถึงเพียงนี้”
ชายหนุ่มเงียบ ละสายตาจากใบหน้าของอีกฝ่าย จ้องมองเพดานในความมืดสลัว ปล่อยให้คนข้างๆเอ่ยถอยคำต่อไปอย่างช้าๆ เขาแค่รับฟังไม่ตอบสนองอะไร
“ขอแค่อยู่กับท่านก็เพียงพอ”เสียงนั้นกดต่ำลง เขาไม่ตอบ คิ้วขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก...
“ได้หรือไม่...”เจ้าตัวยังคงเอื้อนเอ่ยต่อมา
“คุณจะไม่ทำร้ายอินน์ใช่ไหม”ภูวรินทร์ไม่ตอบ แต่เอ่ยคำถามกลับไป ข้อนี้เขาอยากรู้มากที่สุด หากให้เลือกจริงๆล่ะก็ เขาคงเลือกอินทนิล หรือต่อให้ยังรู้สึกห่วงใยต่อคุณแก้วเพียงสักเล็กน้อย เขาก็ยังไม่สามารถตัดใจเลือกคุณแก้วได้ เรื่องของอินน์ยังคงติดอยู่ในใจเขา อาจจะตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันก็ได้ คุณแก้วเงียบ มีเพียงเสียงถอนหายใจเบาๆ ร่างของเด็กหนุ่มดูไร้เรี่ยวแรง เพียงนอนอยู่นิ่งๆ ก่อนจะค่อยๆเอ่ยคำพูด
“เราไม่คิดทำร้ายอยู่แล้ว... ถึงแม้ว่าอินน์อาจได้รักของท่านไป...”เสียงแผ่วเบาไม่เต็มเสียงนั้นทำให้เขาเหลียวไปมองอีกฝ่าย คุณแก้วมองเขาอยู่ ใบหน้าจมลงแนบหมอน นัยน์ตาสีนิลขยับไหวเพราะขับไล่น้ำตา เมื่อเห็นใบหน้าของคุณแก้วที่ดูสับสน เขาถึงกับลังเลใจขึ้นมา
“พอเถอะ อย่าพูดอีกเลย”เขาบอก เบนหน้าหนีความอ่อนแอของอีกฝ่าย ไม่อยากเห็นน้ำตาของใคร
“เราอยากบอกท่านมาหลายครั้ง แต่เกรงว่าจะโกรธเคืองเรา ท่านเหมือนเขามาก ต่างกันที่จิตใจยังอ่อนโยนกว่าหลายเท่า”คุณแก้วว่า มีรอยยิ้มฉาบอยู่ใบหน้า มือของอีกฝ่ายเลื่อนมาสัมผัสข้างแก้มของเขาแผ่วเบา ภูวรินทร์กลั้นใจไม่ตอบกลับไป ใช่...ตัวเขานั้นต่างจากในอดีตชาติ
“ทำไมถึงยังรักท่านอาล่ะ”ทั้งที่ทำร้ายซะขนาดนั้น กักขัง แถมยังทรยศต่อความเชื่อใจ และแต่งไปอยู่กับคนอื่น หยามเหยียดน้ำใจกันชัดๆ
“การตัดใจจากรักไม่ใช่เรื่องง่ายดาย เรารักท่านอามานาน อาจเพราะความสนิทสนมในวัยเด็ก ท่านอาในสมัยนั้นยังปกป้องเราได้เสมอ และคอยห่วงใยอยู่เสมอ เรารักกันอยู่ช่วงหนึ่ง...แต่พอหลังจากที่ได้บ้านหลังนี้ไปแล้ว ทุกอย่างแย่ลง กลับตาลปัตร เขามาหาเราน้อยลง เทียวมาเทียวไประหว่างบางกอกและที่นี่ เราคิดว่าคงเป็นเรื่องของราชการ แต่กลับไม่ใช่...เป็นเพราะผู้หญิง...เราเคยอาละวาดไปครั้งสองครั้ง แต่ท่านอาไม่เคยลงมือ ไม่เคยตบตี”คุณแก้วเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีความเสียใจอยู่ในเนื้อเสียง แต่นัยน์ทั้งสองข้างกลับหลุบต่ำไม่ได้จับจ้องมาที่เขา
“แต่ขังคุณไว้แทน ...ทำไมคุณไม่หนีไปล่ะ”ภูวรินทร์ถาม จะมีสักกี่คนที่ทนอยู่ในสภาพแบบนั้น จิตใจของอีกฝ่ายทำด้วยอะไร ถึงได้ยอมอยู่แบบนั้น เพราะรักงั้นเหรอ? เขาคิดว่ามันเป็นความหลงงมงายมากกว่า
“หนีไปไหน...บ้านของเราคือที่นี่”คุรณแก้วขมวดคิ้ว น้ำเสียงห้วน แววตาคู่นี้ไม่พอใจ
“ได้ข่าวว่าคุณกิ่งอยู่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ ไม่คิดอยากใช้ชีวิตอิสระหรือ”ภูวรินทร์ไม่เข้าใจจิตใจของคุณแก้วเลยสักนิด ท่านอาทำไม่ดี กักขังไว้ไม่มีอิสระ แต่เจ้าตัวกลับไม่คิดหลีกหนี ทนอยู่อย่างเต็มใจ แม้ตัวตายก็ยังไม่จากไปไหน แม้มีผลพวงมาจากคำแช่งก็ตามที
“ที่ว่าอิสระของเรา แล้วมันคืออะไรล่ะ หนีออกจากบ้านของตัวเอง หึ ทิ้งให้พวกนั้นเสวยสุขงั้นเหรอ...”เขาฟังอีกฝ่ายพูดแล้ว ถึงกับสะท้อนใจ คุณแก้วนั้นยึดติด งมงายในรักอย่างแท้จริง
“ความสุขไง หากคุณเลือกไปกับพี่สาว ป่านนี้คุณคงมีครอบครัวที่ดี”
“คิดเช่นนั้นหรือ... แต่มันผ่านมานานแล้ว ที่เรายอมเพราะยังห่วงบ้าน ยังห่วงของตกทอดจากเจ้าคุณพ่อ ท่านอาเอาไปหมด เราไม่เคยโลภอยากได้บ้าน แต่เจ้าคุณพ่อมอบมันให้เรา แล้วกลับรักษาไว้ไม่ได้ ถึงเจ้าของคนต่อมาเป็นท่านอา แต่บ้านหลังนี้คือน้ำพักน้ำแรงของเจ้าคุณพ่อผู้คนเดียว สมัยนั้นท่านอายังเป็นแค่คุณชายที่บางกอกอยู่เลย แต่เขาหลอกใช้เรา...และเราก็โง่งมยกให้ด้วยใจยินดี”คุณแก้วยิ้มขมขื่น ใบหน้านั้นไม่มีความเจ็บแค้น มีเพียงความอ้างว่าง
“ท่านอาตายยังไง คุณรู้หรือเปล่า”ภูวรินทร์นึกถึงการตายของท่านอาขึ้นมา เขามองคุณแก้วที่ดูสงบลงกว่าเมื่อสักครู่ เจ้าตัวยกริมฝีปากเหมือนเย้ยหยัน
“หัวใจวายตายอย่างสงบ น่าขันนัก ทำผู้อื่นทุกข์ระทม แต่เขากลับจากไปอย่างสงบ”น้ำเสียงที่เปล่งดูประชดประชัน
สิ้นบทสนทนานี้กลายเป็นเพียงความเงียบระหว่างกัน ชายหนุ่มหลับตาลง คนข้างกายยังคงหายใจไม่สม่ำเสมอ และไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอีก มีเพียงความเคลื่อนไหวที่ขยับเข้ามาใกล้ชิด หัวใจของภูวรินทร์พลันหนักอึ้งขึ้นมา
   
วันใหม่มาเยือน ครั้งนี้ภูวรินทร์กลับเป็นฝ่ายตื่นนอนก่อนเด็กหนุ่ม อินทนิลยังคงหลับ เขาลุกออกจากเตียง เหลือบมองพวงมาลัยสีขาวบนหัวเตียงที่เริ่มเฉาไปบ้างแล้วถอนหายใจ เขาเข้าไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัวให้เร็วที่สุดแล้วลงไปยังเรือนเพาะชำที่หลังบ้าน อากาศยามเช้าแจ่มใส เสียงสัตว์เล็กใหญ่ส่งเสียงเซ็งแซ่มีชีวิตชีวา เขาเปิดประตูเข้าไปด้านใน  แสงยามเช้าส่องผ่านไปทั่วบานกระจกของตัวเรือน เขามองสายคาดสีเหลืองที่ล้อมรอบบริเวณหลุมอยู่เงียบๆ
“คุณภูครับ”เสียงเรียกของลุงชมดังมาจากหน้าประตูเรือน เขาหันกลับไปมอง
“เรื่องทารกนั่นหรือเปล่า”เขารีบพูดขึ้น แล้วเดินไปหาอีกฝ่าย ลุงชมสวมเสือม่อฮ่อมสีน้ำเงินเข้ม เดินถือถังใบเก่าที่มีอุปกรณ์ทำสวน
“ครับ ผมเอาไปให้พระท่านดูแล้ว ดูเหมือนว่าศพทารกเพศชายคนนี้จะผ่านการทำคุณไสยมา”ลุงชมพูด เหลือบมองเขาท่าทางเป็นกังวล ภูวรินทร์นิ่งไป ก่อนจะเดินมองดอกไม้ประดับในกระถางที่ยังสภาพดีอยู่ เขายังไม่มีโอกาสแยกประเภทของพวกมันเลย ดอกไม้พวกนี้ล้วนปลูกมาจากความพอใจของคุณแก้ว
“เรื่องคำสาปแช่งเหรอครับ”เขาเอ่ยถาม
“ก็ไม่เชิงครับ เรารู้แค่ว่ามันถูกผ่านพิธีกรรมมาก่อนเพราะรอยยันต์ข้างใต้ขวด แต่จะเพื่ออะไรก็คงไม่ทราบ แต่จากการคาดเดาจากสัปเหร่อแล้ว น่าจะเกี่ยวกับคำแช่ง แต่มันน้อยมากที่จะเจอคนใช้ทารกบูชาพิธี ปกติจะเป็นเรื่องของการบูชาเลี้ยงไว้เป็นกุมาร เป็นอวิชชา”ลุงชมตอบ เหลียวมองไปรอบเรือนเพาะชำด้วยความระมัดระวัง ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เขาอึดอัดอยู่พอสมควร
“อืม...”ชายหนุ่มรับรู้ เดินไปดูดอกพุดในกระถางที่วางอยู่มุมห้อง ถัดจากประตูเรือน อินทนิลคงเอาดอกไม้มาจากตรงนี้สินะ
“แต่เท่าที่ลุงทราบมาหากเป็นคำแช่งจริงๆ ตัวคนแช่งย่อมได้รับการสะท้อนกลับของแรงแช่งเช่นกัน เพราะจิตอกุศลร้ายแรง ลุงว่าคุณมณีท่านคงทรมานจนสิ้นชีวิต ไปจนหลายภพหลายชาติ”
“มันไม่มีทางแก้เลยเหรอครับ”ชายหนุ่มหันไปถาม เขายังพอมีพื้นที่สำหรับความหวังอันน้อยนิดเพื่อหลุดพ้นต่อคำแช่พวกนี้ ลุงชมเม้มปากแน่น
“...ทางเดียวคือการอโหสิกรรม แต่คำสาปแช่งของคุณมณีร้ายแรงกว่าเพราะมันกินเวลามานานปี สำแดงผลเอาตอนนี้ สิ่งที่ทำได้คือทำพิธีทางศาสนา แต่จะช่วยหรือได้หรือไม่ผมไม่ทราบเหมือนกัน”อีกฝ่ายตอบกลางๆ ไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ เขาถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง คงหนีไม่ได้จริงๆ มืดแปดด้านอย่างแท้จริง หมาจนตรอกมันยังพอจะสู้เอาดาบหน้าได้ แต่เขาไม่มีหนทางสู้... ที่คุณแก้วเคยพูด..ยอมรับมัน หมายถึงโชคชะตานี้น่ะเหรอ
กรรมใดใครก่องั้นสินะ
“แล้วตำรวจติดต่อมาบ้างไหมครับ”ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุย ลุงชมมีสีหน้าดีขึ้นมาทันที
“เรื่องดีเอ็นเอคงต้องใช้เวลาสักหนึ่งเดือนครับ เพราะยังระบุตัวตนไม่ได้ ถึงเราจะรู้ว่าเป็นคุณแก้ว แต่ทางตำรวจก็ต้องทำตามขั้นตอน”
“ครับ ผมรู้”
“...คุณภูไม่สบายใจเหรอครับ”อีกฝ่ายเอ่ยถาม เขานึกอยากหัวเราะออกมา มันยังไงกันนะคนบ้านนี้ ในเมื่อเขาเผชิญเรื่องหนักใจมาไม่เว้นวันแท้ๆ
“ผมควรสบายใจได้เหรอ น่าแปลกนะ เกิดเรื่องร้ายขึ้นที่นี่ ทั้งผมทั้งอินน์ แต่ลุงกับป้าไม่เดือดร้อนอะไร ผมสงสัยว่าจริงๆแล้วคนที่นี่เป็นอะไรกันไปหมด”ภูวรินทร์พูดเสียงดังด้วยโทสะ เขาเท้าเอวมองไปรอบๆเรือนเพาะชำที่ดูเงียบสงบ ลุงชมขมวดคิ้วทำหน้าหนักใจ ก่อนจะส่ายศีรษะไปมา
“...ไม่ใช่ว่าผมไม่ตกใจหรือสะทกสะท้าน แต่เรื่องคำแช่งของบ้านนี้ ชาวบ้านเค้ารู้กันทั่ว เรื่องของท่านหมื่นกับคุณแก้วยิ่งพูดกันปากต่อปากมานานแล้ว ผมทำอะไรไม่ได้หรอก”
 “มีใครรู้บ้างไหมว่าอินน์เป็นลูกหลานของที่นี่”
“ก็ไม่ค่อยทราบกันหรอกครับ มันไม่ได้มาอยู่ที่นี่ตลอด มาแค่ช่วงปิดเทอม อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับไปเรียน”ลุงชมพูด ภูวรินทร์ไม่อยากอยู่ในเรือนเพาะชำนานกว่านี้ เลยชวนลุงชมออกไปคุยบริเวณออกไปด้านนอก ชายหนุ่มเดินออกมารับแสงยามเช้า รอบตัวบ้านหลังใหญ่ร่มรื่น และอากาศเย็นสบายจนหนาวขึ้นมาเล็กน้อย เขามองลุงชมที่เดินมาหา
 “...ทำไมถึงไม่ยอมบอกผม เรื่องคุณนิรุท รู้มานานหรือยังว่าผมเป็นลูกของเขา”ชายหนุ่มถาม ถึงมันจะแปลกแต่การปกปิดความจริงต่อเขาไปเรื่อยๆ ไม่คิดว่ามันจะเป็นผลดีอะไร ลุงชมแค่ยิ้มเจื่อน
“แม่อรก็เป็นแบบนั้นแหละครับ อย่าโกรธเคืองกันเลยนะคุณ ผมกับอรก็พร้อมช่วยคุณ ไอ้ผมเองก็ไม่รู้มาก่อน จนกระทั่งช่วงที่อินน์มันป่วยหนักมาก คุณธิชาก็ไม่มาดูใจมัน ตอนนั้นแม่อรมันหลุดปากมาว่า กลัวลูกคุณนิรุทมีอันเป็นไปเช่นกัน ผมเองเคยอยู่ทำงานให้คุณนิรุทอยู่ระยะหนึ่ง แต่พอพ้นสิบแปดท่านก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น”ลุงชมเล่า นี่เป็นเรื่องใหม่ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน
“แล้วตอนนี้ลูกหลานทางฝั่งของท่านอาโดยตรง เหลือใครบ้างครับ”ชายหนุ่มถามช้าๆ แม้ว่าในใจจะมีคำตอบอยู่แล้วก็ตาม ลุงชมยิ้มเศร้าๆ
“เหลือเพียงคุณนิรุท และคุณภูเท่านั้นครับ...”พอได้ฟังเองกับหูแล้วเขาถึงกลับจุกในอก ญาติพี่น้องตระกูลเก่าแก่ กลับหนีหายตายไปจากหมด
“นึกว่าจะเหลืออยู่เยอะซะอีกนะ”ภูวรินทร์พึมพำ เบนสายตาไปมองประตูหลังบ้านแทน มันเปิดอ้าไว้ เขาจ้องมันอยู่อย่างนั้น เหมือนว่ามีใครกำลังมองอยู่ ชายหนุ่มขนลุกที่ท้ายทอยขึ้นมากะทันหัน ปกติ เวลาช่วงสว่าง จะไม่มีความรู้สึกแปลกประหลาดของสิ่งที่มองไม่เห็นมารบกวนเขาเลย ในบ้านหลังนี้ที่ทรมานตนได้ก็มีเพียงฝันร้าย และการไปมาอย่างเงียบเชียบของคุณแก้วและอินทนิลเท่านั้น
“ส่วนมากเป็นญาติห่างๆ ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกันนัก บางคนแทบไม่ข้องแวะกันเลย”เสียงของลุงชมดังเข้าหูแว่วๆ ชายหนุ่มหันกลับมาสนใจเรื่องที่กำลังสนทนาต่อ “จริงๆท่านหมื่นนรินทร์มีเมียน้อยสองคน มีลูกให้ท่านคนละ1 คน เป็นลูกชายกับลูกสาว”พอได้ฟังลุงชมเล่าจบ เขาถึงกับอึ้งไป ไม่คิดว่าท่านอาจะต้องการมีลูกขนาดนั้น ถึงขั้นหาผู้หญิงมาสองคน ไม่นึกถึงใจคนอื่นเลยแท้ๆ
“ทำไมท่านอาถึงอยากได้ทายาทนักล่ะครับ ลูกคุณกิ่งกับไกรไม่ได้เหรอ”ภูวรินทร์ถามอย่างสงสัย
“...ก็เพราะว่าท่านหมื่นเอาบ้านมาจากคุณแก้ว สมบัติของของเจ้าหมื่นประดิษฐ์ ลูกๆคงโกรธเป็นธรรมดา ...ตามที่ผมได้ยินมาจากคนงานเก่าๆ เจ้าหมื่นประดิษฐ์เองก็รู้เรื่องของท่านหมื่นกับคุณแก้ว เห็นว่าไม่ได้โกรธเคือง แต่ทว่าก่อนที่เจ้าหมื่นจะเสีย ท่านเรียกท่านหมื่นมาพบ ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน ผ่านไม่ถึงครึ่งวันท่านก็เสีย”ลุงชมเล่า
“ไม่มีใครรู้งั้นสิครับ”ชายหนุ่มพึมพำ
“ครับ อรมันก็ไม่รู้”ลุงชมเอ่ย
“แล้วท่านอาได้เอาผู้หญิงมาเป็นภรรยารองที่บ้านหรือเปล่า”ภูวรินทร์ถามต่อ นึกสภาพภายในครอบครับท่านหมื่นนรินทร์คงไม่สงบสุขนัก เขาไม่คิดว่าคุณมณีจะยอม
“เท่าที่ได้ยินมา ไม่ได้แต่งตั้งพวกเธอ พอหลังคุณแก้วเสีย ท่านหมื่นก็ให้สองคนนั้นอยู่ที่เรือนคุณแก้ว คอยเลี้ยงลูก แต่ท่านก็เสียไปก่อนทันจะเห็นลูกโต...พอลูกสองคนนี้แต่งงานออกไป ก็มีลูก แต่ไม่นานลูกชายก็ตายไป ส่วนลูกสาวที่แต่งออกไปอีกคน ก็ตายไปทั้งแม่ทั้งลูกเลย ...แต่ไม่รู้ว่าท่านไปทำอีท่าไหน ถึงมีลูกจนได้ ชื่อว่า ภัทร ซึ่งเป็นคุณพ่อของคุณนิรุท มันน่าเหลือเชื่อกว่าคือ พอนิรุทเกิดได้เพียงวันเดียว คุณภัทรก็เสีย เกิดอุบัติเหตุ รถตกเขาตอนจะไปเยี่ยมภรรยาที่รพ.”ลุงชมเล่าด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ใบหน้าเห็นริ้วรอยผิวหนัง น้ำเสียงดูสะท้อนใจ เขานิ่งงันไป
 “จริงเหรอครับ”
“เผื่อคุณไม่รู้ คุณภัทรประสบอุบัติเหตุก็ตรงทางขึ้นเขามาที่บ้านนี่แหละครับ ตอนนั้นก็สะเทือนใจไปทั้งบ้าน กลัวคำแช่งกันเป็นท่องเป็นแถว จากที่ไม่เชื่อก็เชื่อกันจนอยู่ไม่ได้...ไหนจะเรื่องผีคุณแก้วอีก เรื่องมันเล่ามาปากต่อปากจนมั่วไปหมด แต่ถ้าสังเกตจริงๆแล้ว คำแช่งก็ไม่ได้ส่งผลถึงลูกหลานทุกคนนัก อย่างคุณนิรุทเองก็ไม่ได้มีความผิดปกติ ทั้งๆที่เป็นหลานของลูกชายท่านหมื่นโดยตรงแท้ๆ ผิดกับคุณภัทร ซ้ำยังตายไม่ดีด้วย...ส่วนฝั่งคุณกนกเชื้อสายของคุณไกรก็ปกติดี แต่ตอนนี้เสียไปแล้ว ส่วนคุณธิชา แม่ของอินน์ ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร ยกเว้นทำมาค้าขายไม่ขึ้น”ลุงชมเล่าเหมือนเป็นนิทานหนึ่งเล่ม 
“แล้วมณีล่ะ เธอไปอยู่ไหน”ภูวรินทร์ถาม เพราะลุงชมแทบไม่ได้เอ่ยถึงเธอเลย อีกฝ่ายส่ายศีรษะ
“คุณมณีย้ายไปอยู่กับพ่อที่บางกอก แต่หลังๆที่ท่านหมื่นป่วย เธอก็กลับมาดูใจ...หลังจากนั้นก็อยู่ที่บ้านมาตลอดจนเสีย”
“...ทราบหรือเปล่าว่าเสียเพราะอะไร”
“อืม เห็นว่าโดนพิษเสียชีวิตครับ”คำบอกเล่าของลุงชมทำให้ภูวรินทร์ถึงกับตาโต เขายกแขนขึ้นกอดอก พลางฉุกคิดถึงจุดแปลกๆของเรื่องในอดีต
“พิษงั้นเหรอ”
“ครับ...ว่ากันว่าพิษแบบเดียวกับที่คุณแก้วมีในร่างกาย คนเขาเชื่อว่าคุณแก้วเป็นคนฆ่า”ลุงชมพูด ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ อีกฝ่ายเหลือบมองเขางงๆ
“เป็นไปไม่ได้นี่ครับ”เขาพูด ถ้าบอกว่าเป็นผีมาหลอกหลอน คงน่าเชื่อกว่าเยอะ “ก็นั่นล่ะครับ แต่มาจนวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนทำ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ถือเป็นฆาตกรคนเดียวกับที่ฆ่าคุณแก้วหรือเปล่า”ภูวรินทร์ถาม นึกถึงฝันที่เห็นว่าท่านอาเองก็ไม่ปักใจเชื่อต่อการตายของคุณแก้วเหมือนกัน การตายของอีกฝ่ายจะเกี่ยวข้องอะไรกับมณีหรือเปล่า แต่ชายหนุ่มเองก็เห็นว่ามันชัดเจน แต่มันจะง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ ที่มณีจะเป็นฝ่ายใช้พิษกับคุณแก้ว
“...ก็อาจเป็นไปได้ครับ แต่ เรื่องมันก็นานแล้ว สืบไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา”ลุงชมถอนหายใจ เขาพยักหน้าตาม มันก็จริง แต่ความจริงเป็นสิ่งเที่ยงแท้ไม่ใช่หรือไง อย่างน้อย ก็ได้รู้ความจริงบ้าง
อีกประเด็นหนึ่งที่ภูวรินทร์สงสัย การที่มณีเสียชีวิตเพราะพิษ หมายถึงถูกฆ่าไม่ใช่การตายโดยธรรมชาติ คนร้ายทำไปเพื่ออะไรกัน เหตุใดต้องให้มณีตายเหมือนคุณแก้วด้วย มันบอกอะไรหรือเปล่า...เป็นกรรมตามสนองหรือไม่นะ เมื่อหมดข้อสงสัย เขาไม่รั้งตัวลุงชมไว้นาน อีกฝ่ายเดินเข้าไปในเรือนเพาะชำตามเดิม
ภูวรินทร์เดินกลับเข้าไปทางประตูหลังบ้าน เมื่อเดินพ้นทางเดิน เขาแวะไปทางห้องครัว เขาอยากจะลองเข้าไปดูที่ห้องนอนของอินทนิล ป่านนี้แล้วยังไม่ลุกจากเตียงอีก เขาเห็นป้าษอรกำลังทำอาหารเช้าอยู่ กลิ่นหอมจากใบมะกรูดและตระไคร้ฉุนจมูก พร้อมกับกลิ่นเนื้อไก่ที่ปลุกสุกแล้ว
“ว่าแต่อินน์ล่ะคะ”ป้าษอรเอ่ยถาม เมื่อเห็นภูวรินทร์
“...นอนอยู่ครับ”เขาตอบสั้นๆ
“...แปลก ปกติไม่ตื่นสาย ป้าขึ้นไปดูหน่อยดีกว่า”เธอมองเขาด้วยสายตาเหมือนจับผิด ชายหนุ่มหลุดยิ้ม “ผมไม่ได้ทำอะไรอินน์นะ หากจะโทษ โทษคุณแก้วเถอะ”เขาบอก ป้าษอรหน้าเสียไป ก่อนจะยกหม้อแกงลงจากเตาแล้วเดินหายไปยังโถงใหญ่
ภูวรินทร์เดินทะลุจากประตูห้องครัว เข้าไปด้านในห้องพักหลังใหญ่ไม่ต่างจากห้องแถว เขาเดินไปยังห้องของอินทนิล ห้องนอนของเด็กหนุ่ม เป็นระเบียบ แม้จะแออัดไปด้วยข้างของ ชายหนุ่มเดินไปหยิบแคตตาล็อกดอกไม้ที่วางอยู่บนชั้นหนังสือทางตรงกันข้ามกับเตียงนอนที่ไร้ร่องรอยการยับย่น เขาสนใจ อยากรู้เรื่องพืชพิษขึ้นมา ถ้าโชคเข้าข้าง ดอกไม้พิษอาจอยู่ในแคตตาล็อกเล่มนี้ เขาจำได้ว่าอินน์บอกว่าคุณแก้วช่วยทำด้วยเช่นกัน นั่นอาจหมายถึงคุณแก้วกำลังจะบอกอะไรอินน์หรือเปล่า แต่เจ้าตัวไม่รู้
ชายหนุ่มเปิดดูภาพตั้งแต่หน้าแรก เป็นดอกไม้ประดับที่ปลูกในสวนและในเรือนเพาะชำ ทั้งในปัจจุบันและที่โดนรื้อทิ้งไปบ้างก็มี เจ้าตัวคงเก็บมานานหลายสิบปีแล้ว แต่พลิกดูทั้งเล่มมีแต่ดอกไม้สวยงามเท่านั้น เทียนหยดไม่เพียงพอทำให้ผู้ใหญ่เสียชีวิตได้
เมื่อไล่สายตาไปรอบห้อง จนหยุดอยู่ที่ตู้วางของที่บรรจุโหลแก้วเล็กๆที่เรียงรายอยู่เต็มชั้น เขามองดูด้วยความสนใจ ส่วนมากเป็นกลีบดอกไม้ทั้งนั้น ก่อนจะเห็นว่ามีแสงสะท้อนมาจากที่ใต้ชั้น เขามองดูอีกครั้ง เห็นว่ามีขวดแก้วอันเล็กตกอยู่เขาลุกไปควานหยิบมันออกมา ภูวรินทร์เห็นว่ามันมีฝุ่นเต็มเป็นคราบไม่น่าจับ คงตกมานานและอินน์ไม่คิดจะเก็บ
เขาเช็ดฝุ่นออกจากขวด ขวดเล็กขนาดสองนิ้ว ภายในบรรจุผลสีส้มแดงสองสามลูกอยู่ คล้ายกับมะเขือแดงลูกเล็กๆ ที่ตอนนี้แม้จะเริ่มมีเชื้อราเกาะกินให้เห็น และเน่าไปบางส่วน มีกระดาษสีขุ่นแปะไว้ที่ข้างขวดพออ่านจับใจความได้ว่าว่า ‘ผลของดองดึงมีพิษ’ เขาอึ้งไป
ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ชั้นหนังสือ ไล่หาแฟ้มสีดำแบบเดิม เขาเจอมันซ่อนหลบมุมอยู่บนสันหนังสือ กว่าจะดึงออกมาก็ใช้เวลาเพราะมันแน่นขนัดเหมือนถูกจับยัดเข้าไป เป็นแฟ้มสีดำที่เก่ากว่ามาก โดยเฉพาะเนื้อหาด้านใน มันรวมไปถึงไม้ประดับ ไม้ยืนต้น และไม้เลื้อยด้วย เขาเปิดไปเรื่อยๆ จนมาถึงประมาณหน้ากลางๆ เขาเห็นกระดาษสีเก่าเหลือง โผล่แลบมาจากสันกระดาษ เขารีบดึงออกมา เป็นเหมือนบทความจากหนังสือพิมพ์
‘...ดอกไม้พิษในบ้านที่ควรระวัง’
ภูวรินทร์ไล่สายตาไปตามรายชื่อกว่าสิบชนิดแยกไปตามชนิดพิษของมัน ‘ดองดึงหัวขวาน’ และสารพิษ โดยพิษของดองดึงจะพบมากสุดคือที่ผลของมัน เป็นรูปกระสวยสามเส้าแฝดติดกัน ดูคล้ายกับผลของตะลิงปลิง ส่วนเมล็ดสีส้มในขวดเก่าของอินทนิลนั้นจะอยู่ในผลของดองดึง และรองลงมาคือเหง้า ส่วนนี้คล้ายรากเหมือนหัวกลอย อาการพิษ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ลำไส้อักเสบ ระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ คลื่นหัวใจผิดปกติจนวัดไม่ได้ ไตอาจจะถูกทำลาย กล้ามเนื้อเปลี้ย และระบบประสาทส่วนกลางเป็นอัมพาต และอาจทำให้เสียชีวิตในที่สุด นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวการเสียชีวิตของคนที่กินผลดองดึงเข้าไป โดยการต้มมาดื่มเพราะนำมารักษาโรคปวดข้อ
 ภูวรินทร์เห็นว่าพิษของมันรุนแรงมาก หากรับประทานหรือดื่มมันเข้าไปโดยตรง จะเสียชีวิตในเวลา 3-4 ชั่วโมง หรือไม่ก็ภายในหนึ่งวัน เขาปิดแฟ้มด้วยใจหม่นหมองคุณแก้วคงเสียชีวิตด้วยพิษพืชชนิดนี้ แต่การที่จะถูกพิษชนิดนี้เข้าร่างกายมันไม่ง่ายเลย เพราะคุณแก้วก็น่าจะทราบว่ามันมีพิษ.... อีกอย่างการจะให้พิษเข้าสู่ร่างกายโดยตรงไม่ว่าจะกินหรือดื่มเข้าไป แต่การจะให้คุณแก้วดื่มยาพิษเข้าไป คงทำไม่ได้ง่ายๆ นอกจากจะเป็นคนใกล้ชิด
 ใครกัน หากเป็นมณีจริง เธอใช้วิธีไหนให้คุณแก้วดื่มมันเข้าไป... พลันนึกไปถึงเหตุการณ์ในฝัน วันที่คุณแก้วตาย แม่บัวบอกว่าคุณแก้วร่างกายไม่แข็งแรง หากนำเมล็ดของดองดึงไปต้ม แล้วนำมาเปลี่ยนเป็นยาแทนก็อาจเป็นไปได้ 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2018 01:52:49 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เหมือนไม่เจอจุดสิ้นสุดจริง ๆ

ออฟไลน์ สาว801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
สงสารคุณแก้ว แต่รอดูตอนจบเพื่อสงสารผิดคน  :ling3:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด