ตอนที่ 5 ร่องรอยจากอดีตเจ้าของบ้าน
ภูวรินทร์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ฟ้าสว่างแล้ว แต่สิ่งที่แปลกก็คือเขาเห็นอินทนิลนั่งมองเขาอยู่ที่ข้างเตียง เหมือนรอให้เขาตื่นอะไรแบบนั้น ชายหนุ่มรีบผุดลุกขึ้นนั่งพลางนึกถึงเรื่องที่คุณแก้วพูด แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าแค่ยิ้มกว้างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ษอรตั้งโต๊ะอาหารเช้าแล้ว วันนี้คุณตื่นสายแหนะ”อินทนิลเอ่ยขึ้น ทำให้เขาหันไปมองนาฬิกาข้างๆโดยทันที ปรากฏว่านี่มันเก้าโมงเช้าแล้ว ชายหนุ่มไม่เคยนอนตื่นสายขนาดนี้มาก่อน เขารีบลงจากเตียง ก่อนจะหันไปพูดกับเด็กหนุ่ม
“ไปบอกให้ลุงชมไปขุดหลุมตรงท้ายห้องเรือนเพาะชำที เผื่อว่าจะเจออะไร...”เขาบอก อินทนิลเดินเข้ามาหาเขา
“เจออยู่แล้วล่ะ อินน์บอกไปแล้วก็ไม่เชื่อ”เด็กหนุ่มพูดก่อนจะค่อยๆเดินออกจากห้องของเขาไป ชายหนุ่มโล่งอกขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อนักว่าร่างของคุณแก้วจะถูกฝังอยู่ในเรือนเพาะชำ หมายความว่าการตายของคุณแก้วเป็นการฆาตกรรมหรือว่าตายโดยธรรมชาติ ทำไมถึงไม่ทำพิธีตามศาสนาล่ะ
ชายหนุ่มรีบอาบน้ำให้เสร็จโดยเร็ว พอมานึกใคร่ครวญดูอีกครั้ง ความฝันที่เขาเผชิญอยู่ทั้งหมดเหมือนมันกำลังบอกอะไรเขาอยู่ การตายของคุณแก้วงั้นเหรอ
ภูวรินทร์ลงมาทานมื้อเช้าที่โต๊ะอาหารเช่นเดิม ที่ด้านนอกมีคนงานมาทำงานเช่นเคย เขาถือโอกาสถามป้าษอร
“ตกลงแล้วอินน์เขาป่วยเป็นโรคอะไรเหรอครับ”
“...แกเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนดน่ะค่ะ เลยทำให้สมองช้าพัฒนาการไม่เหมือเด็กคนอื่นๆ กว่าจะเข้าเรียนประถมได้กว่าช้าไปหลายปี...”
“งั้นเหรอ”เขาพึมพำอย่างไม่ปักใจเชื่อนัก อีกฝ่ายมีท่าทีประหลาดใจ “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าหรอก แล้วอินน์บอกลุงชมหรือยังครับว่าผมสั่งให้ขุดดินที่ท้ายเรือนเพาะชำ”ภูวรินทร์ถามถึงเรื่องสำคัญ ป้าษอรมองเขาด้วยสายตามมีคำถาม เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกังขา
“บอกแล้วค่ะ ว่าแต่คุณภูจะทำอะไรเหรอคะ”
“ผมอยากหาของของคุณแก้ว”เขาบอกไปตามตรง อันที่จริง‘ของ’ที่ว่าอาจเป็นเหมือนในความฝันของตนก็ได้ โครงกระดูกของคุณแก้ว เขารู้สึกแย่ไม่น้อยกับความฝันเมื่อคืน ป้าษอรตกใจจนชะงักค้างไป สีหน้าดูไม่ดีนัก
“ของเหรอคะ ป้าอยู่มาตั้งนานไม่ยักรู้เลยนะคะ”
“ผมแค่เดาสุ่มน่ะ อาจจะเจอ หรือไม่เจอก็ได้”
หลังอาหารเช้า ชายหนุ่มเดินออกไปดูคนงานที่เรือนเพาะชำ เขายืนมองอยู่ด้านนอก เห็นคนงานสี่คนกำลังลงมือถือจอบเสียมขุดดินตามที่เขาสั่งอยู่ ลุงชมเดินมาหาเขา
“คุณภูกำลังหาอะไรหรือครับ”
“ผมแค่อยากพิสูจน์อะไรนิดๆหน่อยๆครับ ว่าแต่มันใช้เวลานานไหมกว่าจะขุดได้ลึก”เขาถาม ลุงชมมองเขาอย่างไม่สบายใจนัก “ก็ใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ ผมไม่มีเครื่องขุดด้วย”
“ถ้าหากว่าขุดเจออะไรก็มาบอกผมด้วยแล้วกัน”ภูวรินทร์เดินอ้อมไปทางริมรั้วเพื่อเดินไปยังสวนหน้าบ้าน ที่ใจกลางลานน้ำพุเขาเห็นอินทนิลกำลังนั่งขีดเขียนอะไรอยู่ที่พื้นหิน เขาสาวเท้าเดินเข้าไปหาเงียบๆ แต่เด็กหนุ่มเงยหน้ามาทางเขาก่อนจะโบกมือให้
“มาทำอะไรตรงนี้”เขาถาม เมื่อเห็นว่าอินทนิลเด็ดผลของต้นเทียนหยดออกมาเล่น เขาพยายามมองหาสิ่งผิดปกติของอินทนิลตามที่คุณแก้วบอก จะเป็นไปได้ยังไงหากเด็กหนุ่มตายไปแล้วจริงๆจะมีชีวิตอยู่แบบนี้ได้เหรอ
“คุณรู้หรือเปล่าว่าผลของมันมีพิษด้วยล่ะ”
“ไม่เคยได้ยินเลยแฮะ”
“ใช่ครับ ผลสีส้มแบบนี้ ยิ่งเด็กเคี้ยวมันเข้าไปยิ่งอันตรายเลยล่ะครับ ขนาดสัตว์กินพืชยังไม่เข้าใกล้มันเลย”อินทนิลพูดก่อนจะยื่นผลสีส้มมาให้เขา ภูวรินทร์มองผลสีส้มในมืออย่างใคร่ครวญ ไม่คิดว่าดอกไม้สีสวยเช่นนี้จะมีอันตราย การที่อินทนิลพูดแบบนี้มันมีความหมายแฝงอะไรหรือเปล่า
“เมื่อวานเธอบอกว่าในเรือนเพาะชำมีของของคุณแก้ว บอกได้ไหมว่าคืออะไร”ภูวรินทร์เดินไปนั่งที่เก้าอี้ พลางมองเด็กหนุ่มที่นั่งยองๆถือผลเทียนหยุดสีส้มพยายามเรียงต่อกันเป็นรูป
“อืม...อินน์ว่าคุณรู้อยู่แล้วนะ”เด็กหนุ่มเอ่ยโดยไม่มองมาทางเขา สายตาจับจ้องอยู่กับการเรียงผลสีส้มไปเรื่อยๆ เขาถอนหายใจ เวลาที่จะถามเอาความจริงกับอินทนิลเขาต้องใช้ความอดทนไม่น้อยเลยกับการตอบไม่ตรงคำถามของอีกฝ่าย
“แล้วเธอรู้ได้ยังไงกัน”
“ก็เพราะว่าท่านอยู่กับอินน์ตลอดไง คุณเข้าใจไหมครับ”อินทนิลเอ่ยก่อนจะหยุดมือ แล้วเงยหน้ามองเขา แววตาที่มองมาดูเศร้าสร้อยระคนโกรธเคือง เขาใจสั่นคลอนเพราะคำพูดของคุณแก้ว อินน์พูดอยู่เสมอว่า ‘ท่าน’อยู่กับตนเอง ท่าทีที่อีกฝ่ายดูระแวงระวังคุณแก้วแม้แต่ในยามสว่างแบบนั้น มันพอจะตอบคำถามที่เขาสงสัยได้ไหม
“มันเกิดเรื่องร้ายแรงมากเลยเหรอ ที่บ้านหลังนี้น่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยลอยๆ เขามองไปที่บ้านหลังใหญ่ ท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้ามันดูสง่างามในแบบดั้งเดิม แต่ก็ยังให้ความรู้สึกลึกลับ
“...อินน์เห็นแต่ความเศร้าของท่านเสมอ ความรู้สึกเหมือนโลกกำลังจะแตก อินน์ไม่ค่อยเข้าใจหรอก...แต่ษอรมักจะไม่ให้อินน์พูดถึงเรื่องของท่าน...”เด็กหนุ่มย่นหน้าพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนหน่ายกับป้าของตนเอง เขามองท่าทางนั้นอยู่นาน มองยังไงอินทนิลก็มีเลือดเนื้อ ไม่เห็นเหมือนคนที่ตายไปแล้ว อินทนิลยังคงเป็นเด็กหนุ่มที่สดใสตามวัยไม่ใช่เหรอ
“...เธอ...มีชีวิตอยู่จริงๆหรือเปล่า”ภูวรินทร์ไม่คิดว่าตนจะพูดเช่นนี้ เขาแปลกใจตัวเอง อินทนิลเบนหน้าไปมองทางอื่น สองมือกำแน่นเช่นเคย
“ตอนนี้อินน์ก็มีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ”อินทนิลพึมพำ ลอบมองเขาเหมือนเสียใจแล้วลุกขึ้นยืนปัดมือที่เปื้อนฝุ่นดินไปมา แต่เขาไม่ทันจะพูดอะไรก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากทางหลังบ้าน ชายหนุ่มรีบลุกเดินไปทิศทางดังกล่าวทันที อินทนิลก็ตามเขามาด้วย
เขาเดินไปยังเรือนเพาะพบว่าคนงานดูแตกตื่น ออกมายืนด้านนอกกันหมด ยกเว้นลุงชมที่ยืนอยู่ด้านในเรือนเพาะชำ ชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านในบ้าง ตลาดทางได้ยินพวกคนงานซุบซิบกันว่าเจอโครงกระดูกคน แม้ในใจจะคาดเดาไว้ได้แล้ว แต่พอมาเจอเข้าจริงๆเขารู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ลุงชมยืนอยู่หน้าปากหลุมกว้าง เหมือนคนงานจะขุดกินที่ไปเรื่อยๆจนมาเจอมากกว่า
“แจ้งตำรวจดีไหมครับ”ลุงชมหันมาถามเขา
“นั่นไม่ใช่โครงกระดูกของคุณแก้วหรือไงครับ”เขาถาม ลุงชมเหมือนหน้าซีดไปไม่น้อย ป้าษอรตามเข้ามาทีหลังด้วยท่าทีตกอกตกใจ เขาแปลกใจอยู่เหมือนกันที่คนบ้านนี้ไม่มีใครรู้ว่าร่างของคุณแก้วไม่ได้ถูกเผาจัดพิธีตามศาสนา อินทนิลยื่นหน้าไปมองบ้าง แต่ถูกป้าษอรดึงตัวไว้ก่อน
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”ลุงชุมพูดเบาๆ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆปากหลุม มองเข้าไปที่ด้านล่างดินที่ถูกขุดลึกลงไปประมาณหนึ่งเมตรกว่าๆ ก้นหลุมมีกระดูกเก่าส่วนเชิงกราน และส่วนกะโหลกศีรษะที่ผุกร่อนโผล่มาให้เห็น เขามองไปทางส่วนล่างที่น่าจะเป็นขา เขาไม่เห็นกำไลข้อเท้าของคุณแก้ว
“โครงกระดูกนี่น่าจะเก่ามากแล้ว ผมควรทำยังไงดีล่ะ...”เขาหันไปถามป้าษอร การเรียกตำรวจมาก็ไม่มีความหมายมากไปกว่าการแพร่กระจายข่าวของบ้านหลังนี้ ทุกคนก็รู้ว่าต้นตระกูลตายไปนานแล้ว แต่ใครจะคาดคิดว่าศพของคุณแก้วถูกฝังอยู่ใต้ดินมากว่าเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว
“ให้ป้าเรียกสัปเหร่อมาช่วยก็ได้นะคะ”เธอเสนอ เขายังลังเลอยู่ แต่ก็เขาไม่คิดว่าการแจ้งตำรวจมันจะมีผลดีอะไร ชายหนุ่มเหลือบมองอินทนิลที่ยืนอยู่ข้างๆป้าษอรสีหน้าซีดเซียวอยู่บ้าง ท่าทางเหมือนหวาดกลัว
“แต่ผมไม่แน่ใจว่าใช่ร่างของคุณแก้วไหม...คงต้องเอาไปตรวจ”ชายหนุ่มพูดกับลุงชม เจ้าตัวพยักหน้า “งั้นให้ป้าไปปรึกษากับตำรวจดูก่อนดีไหมคะ เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้”เธอเสนอขึ้นมา
“อืม...คงต้องเป็นแบบนั้นล่ะครับ ลุงช่วยหาคนมาจัดการเรื่องโครงกระดูกด้วยนะครับ ผมไม่รู้ว่าต้องแจ้งญาติพี่น้องของสกุลภิรมย์สุขด้วยหรือเปล่า...ไม่ยักรู้ว่าคุณแก้วจะถูกฝังตรงนี้ ป้าไม่รู้เหรอครับว่าท่าไม่ได้ถูกเผา”
“ป้าก็ไม่เคยทราบมาก่อนเหมือนกันค่ะ...”เธอก้มหน้าตอบไม่กล้ามองลงไปในหลุมเช่นกัน ลุงชมเม้มปากก่อนจะหันมาพูดกับเขา “ให้ผมเรียกพระมาทำพิธีดีไหมครับ เผื่อว่าคุณภูไม่สบายใจ”
ภูวรินทร์ก้มมองโครงกระดูกในหลุมนั้นอย่างใจลอย ใครเป็นคนฝั่งร่างของคุณแก้วกัน หมื่นนรินทร์เป็นคนทำจริงๆเหรอ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณแก้วกันแน่ เรื่องไหนคือความจริงและความลวง ถ้าหากว่าคุณแก้วถูกทำร้ายจนตายจริงๆล่ะก็ เขาก็พอจะเข้าใจได้ว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงยังไม่จากไปไหน ...เพราะคำสาปแช่งงั้นเหรอ...คำสาปแช่งอะไรกัน
“ได้ก็ดีครับ ไล่ความอัปมงคลไปบ้างก็ดี”ชายหนุ่มเอ่ยตอบเบาๆ ก่อนจะเหลียวมองอินทนิลที่ยืนจ้องหน้าเขาไม่หลบไปไหน เขาเดินออกจากเรือนเพาะชำด้วยใจที่ครุมเครือ พวกคนงานยืนจับกลุ่มคุยกันถึงสิ่งที่เจอ เขามองอย่างไม่สบายใจนัก
ภูวรินทร์กลับเข้าไปทางประตูหลังบ้าน เดินผ่านห้องโถงใหญ่ไปยังห้องรับแขก มองเห็นสวนดอกไม้ที่ชูช่อท่ามกลางแสงแดด เป็นส่วนเดียวในบ้านที่เขาชอบมากที่สุด ชายหนุ่มเดินไปยังชั้นสอง เข้าไปหยิบกุญแจบ้าน รวมถึงแปลนบ้านในห้องนอนมาเปิดดู เขาอยากลองเดินสำรวจให้ครบทุกห้องเผื่อว่ามีอะไรที่เขาพลาดไป นอกจากห้องนอนแล้วยังมีห้องอ่านหนังสืออยู่ เขาเดินไปตามทางระเบียงหน้าห้อง ห้องนี้อยู่ริมสุด แล้วไขกุญแจเปิดเข้าไป
ห้องสี่เหลี่ยมกว้างลายล้อมไปด้วยชั้นหนังสือ ที่ใจกลางห้องมีโต๊ะนั่งอ่านหนังสือกับโซฟาตั้งไว้ โคมไฟเหนือศีรษะเป็นทรงกลมใหญ่ บริเวณรอบห้องมีชั้นหนังสือเรียงตัวไปจนสุด หนังสือพวกนั้นเขาเห็นว่ามีตั้งแต่หนังสือนิทานไปจนถึงหนังสือประวัติศาสตร์ บางชั้นก็ไม่ได้มีหนังสือวางไว้ ปล่อยโล่งไว้แบบนั้น เขาเดินเข้าไปจับดู ยังคงมีฝุ่นจับตัวอยู่เช่นกัน บางชั้นก็มีหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าวางพับไว้เป็นตั้งสูง เขาเดินไปเห็นหนังสือพฤกษาศาสตร์ที่อยู่ระดับสายตา เหมือนว่าชั้นนี้จะถูกหยิบอ่านบ่อยที่สุด
เขาหยิบหนังสือเล่มหนาออกมาช้าๆเพราะเกรงว่ามันจะขาด ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าหนังสือพวกนี้ใครเป็นคนจัดเก็บ เพราะวันเดือนปีที่ผลิตอยู่ในช่วง พ.ศ.2470 เป็นต้นไป บางชั้นก็เป็นหนังสือสมัยใหม่ผสมกันไป ชายหนุ่มเปิดอ่านอย่างสนใจ ส่วนมากเป็นข้อมูลพืชไม้ประดับ เขาเปิดผ่านๆเห็นว่าดอกไม้บางชนิดก็ยังพบเห็นในสวนและเรือนเพาะชำด้วยเช่นกัน จากนั้นก็เหลือบไปเห็นหนังสืออีกเล่ม ‘พืชและพิษ’
เขาเก็บหนังสือเล่มเดิมคืนที่เก่าแล้วหยิบหนังสือเล่มนี้ออกมา เป็นหนังสือปกบางๆ ที่สันมีด้ายเย็บแทนสันกาวไปแล้ว เขาเปิดดูอย่างสนใจ หวนนึกถึงคำพูดของอินทนิล ลองไล่เปิดดูตามสารบัญ ดอกไม้ที่ถูกแยกไปตามวงษ์ของมัน ตามลักษณะพิษที่ส่งผลต่อร่างกายในแต่ละส่วน เช่น กระเพาะ ผิวหนัง ชายหนุ่มเปิดไปเรื่อยๆ จนมาเจอรูปเทียนหยดที่อยู่หน้าท้ายๆ ข้อมูลในหนังสือมีไม่เยอะ แต่อ่านแล้วก็การันตีได้ว่าอินทนิลพูดจริง
ผลและใบของเทียนหยดมีพิษต่อเด็กเล็กมากกว่าผู้ใหญ่ หากกินผลมันเข้าไปจะทำให้เนื้อเยื่อลำไส้ถูกทำลาย หากดูดซึมสารพิษเข้าไปหนักสุดคือเสียชีวิต อาการอื่นๆก็มีท้องเสีย คลื่นไส้ ชัก หากกินใบของเทียนหยดจะขาดออกซิเจน เพราะมีสาร HCN ทำให้เกิดอาการตัวเขียว การที่อินน์พูดถึงมันหมายความว่าอะไรกัน มีใครตายเพราะใบและผลเทียนหยดด้วยหรือไง ภูวรินทร์เก็บหนังสือเล่มนี้มาอ่านต่อ ชายหนุ่มชักอยากจะรู้ประวัติของตระกูลนี้มากยิ่งขึ้น เขาไม่คิดว่าคนบ้านนี้จะเขียนหนังสือเก็บไว้ ชายหนุ่มออกจากห้องมาก็ต้องสะดุ้งเพราะอินทนิลยืนอยู่นอกห้องแบบไร้ซุ้มเสียง
“โครงกระดูกเป็นของท่านนะ”อินทนิลเอ่ย ชายหนุ่มล็อกประตูห้องหนังสือแล้วมองเด็กหนุ่มที่ยืนมองอยู่ เขาถอนหายใจเบาๆ
“เธออยากให้ฉันไปเจอโครงกระดูกของคุณแก้ว เพราะอะไรกันล่ะ”ชายหนุ่มหันมาเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มที่ยืนห่างไปไม่กี่ก้าว ใบหน้าสงบนิ่ง ความหวาดกลัวที่เคยเห็นในเรือนเพาะชำหายไปแล้ว
“คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่คุณแก้วไม่ได้จากไปอย่างสงบ”อินทนิลพูดต่อ น้ำเสียงเคร่งเครียด เขาจ้องมองใบหน้าขาวสะอาดนั้นอยู่ครู่เดียว ก่อนจะเดินถือหนังสือไปตามบันไดบ้าน
“ฉันไม่รู้จะเชื่ออะไรแล้ว คุณแก้วตายเพราะโดนขังที่ไหนกันแน่ แล้วในเรือนปั้นหยาหลังนั้นล่ะ”เขายังจำความฝันที่เห็นคุณแก้วโดนล่ามโซ่ไว้ในนั้นได้ ตอนนี้เขาไม่มั่นใจนักว่าความฝันเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้พิสูจน์ไปแล้วหนึ่งเรื่องคือ โครงกระดูกของคุณแก้ว
“ก็เป็นเรือนของท่านตอนเด็กๆน่ะสิ ส่วนเรือนเพาะชำท่านชอบไปอยู่บ่อยๆ ท่านชอบปลูกดอกไม้”อินทนิลเอ่ย เดินลงบันไดตามหลังเขามาเช่นกัน ชายหนุ่มเดินผ่านห้องโถงใหญ่แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาติดกับหน้าต่างทรงสูง เปิดอ้ารับแสงแดด
“งั้นเหรอ ชอบดอกไม้มีพิษด้วยหรือเปล่า”ภูวรินทร์เอ่ยขึ้น อินทนิลดูไม่แปลกใจ เจ้าตัวมายืนอยู่ตรงหน้าเขา คิ้วขมวดแน่น สายตาจดจ้องเขาอย่างไม่พอใจนัก
“มันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ แต่ความสวยงามมักบดบังความชั่วร้ายของมัน อินน์ว่ามันก็เหมือนมนุษย์นะ ภายนอกดูดี แต่ในใจกลับเน่าหนอนไม่ต่างอะไรกับดอกไม้พิษเลย”อินทนิลพูดเสียงราบเรียบ เขามองอีกฝ่ายอย่างจับสังเกต คำพูดคำจาของเด็กหนุ่มดูจะลึกซึ้งกว่าเด็กทั่วไป แววตาสีนิลไม่กระพริบไหว จับจ้องเขาไม่หลบเลี่ยง
“เพราะมนุษย์มันคาดเดายากไม่ใช่เหรอ แต่ละคนใช่ว่าจะเหมือนกันไปหมด มีทั้งดีและไม่ดี”เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ไม่ได้เจาะจงว่าพูดถึงใคร เด็กหนุ่มตรงหน้ายิ่งมีสีหน้าบึ้งตึงท่าทางเหมือนโกรธเคือง ชายหนุ่มไม่เข้าใจอีกฝ่ายสักเท่าไหร่กับอากัปกิริยาเหล่านี้
“...แต่ก็ไม่อาจลบความจริงที่ว่าท่านอาเป็นคนไม่ดี”
“เกี่ยวกันด้วยหรือ”เขาถาม ไม่คิดว่าบทสนทนาจะเลยเถิดมาถึงเรื่องที่ผ่านมาเนิ่นนาน พูดไปก็เท่านั้น ต่อให้เขาจะใช่ท่านอากลับชาติมาเกิดหรือไม่ มันก็ไม่ทำให้เขาจดจำเรื่องในอดีตขึ้นมาได้
“เกี่ยวสิ คิดว่าดอกไม้บ้านนี้ปลูกขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลเหรอครับ ดอกแก้วเป็นแทนของท่าน...”อินทนิลพูด ภูวรินทร์มองเด็กหนุ่มนิ่งๆ รู้สึกว่าวันนี้อินทนิลจะโกรธเกรี้ยวกว่าทุกที เขามองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ทุกการกระทำของเจ้าตัวล้วนมีความหมายงั้นสิ ถ้าหากว่าดอกไม้ในบ้านนี้สื่อถึงความในใจของผู้ที่ปลูกมันงั้นหรือ
“แล้วเทียนหยดล่ะ...”
“หมายถึงผู้หญิงที่มาทีหลัง สวยแต่เป็นเสนียด”อินทนิลกล่าวอย่างมาดร้าย “นี่...”เขาตกใจที่ได้ยินคำนี้ออกมาจากปากอินทนิล เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปจริงๆ “เธอโกรธอะไรหรือเปล่า”
“คุณบอกว่าท่านเป็นสิ่งอัปมงคลไม่ใช่หรือ ถ้าเทียบกันแล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นเสนียด เป็นภัยต่อท่านจริงๆ ผู้ชายโง่งมมัวลุ่มหลงรูปโฉม”ฟังไปฟังมากลายเป็นอินทนิลออกปากปกป้องคุณแก้วเหลือเกิน บางทีเขาควรไปนิมนต์พระมาทำบุญให้บ้านหลังนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าคุณแก้วจะได้เลิกจองเวรจองกรรมต่อเขา
“เอาเถอะ...เรื่องในอดีตฉันไม่รู้ด้วยหรอก ว่าแต่เธอไปเอาอัลบั้มรูปของบ้านนี้มาจากไหน พอจะมีหนังสือเขียนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือเปล่า”เขาลองถาม อินทนิลเดินมานั่งข้างๆเขา ก่อนจะส่ายศีรษะ “ไม่มีหรอกครับ... จะมีก็แค่อัลบั้มรูปเท่านั้น...อ้อ มีจดหมายของท่านอาส่งหาท่านตอนไปบางกอกด้วย แต่มันหายไปแล้ว ป้าษอรยังหาไม่เจอเลย”พอเขาเลิกพูดถึงเรื่องดอกไม้ไป อินทนิลดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“จริงเหรอ หายไปได้ยังไง”เขาถามอย่างสนใจ
“คงหายไปตอนทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ก่อนหน้าที่คุณจะมาล่ะมั้ง”
“เธอไม่กลัวเหรอไง”ชายหนุ่มเอ่ยถาม อินทนิลมองเขาด้วยแววตาของคนไม่เข้าใจนัก เด็กหนุ่มส่ายหน้า
“กลัวอะไร”
“ก็คุณแก้วไง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้น่ะ”ภูวรินทร์เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก เด็กหนุ่มมองเขาด้วยแววตาเป็นกังวล คิ้วดกดำขมวดเข้าหากัน เจ้าตัวดูไม่แน่ใจนัก แต่ก็ยังยิ้มได้
“...ต่อให้กลัว อินน์ก็เลือกไม่ได้หรอก...ไม่รู้ว่าท่านจะทำอะไรบ้าง”
“งั้นเธอก็จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้งั้นสิ”ทั้งคำพูดและการกระทำ
“จำไม่ได้ แต่ก็ยังสามารถจับอารมณ์ความรู้สึกได้อยู่...เหมือนว่าท่านจะโกรธอินน์”อินทนิลพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะหลบสายตาเขาไปมองหนังสือพืชและพิษบนโต๊ะแทน
“ทำไมล่ะ นึกว่าจะโกรธฉันซะอีก”ภูวรินทร์เอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ คุณแก้วโกรธเขาน่าจะเข้าท่ากว่าไปไม่ใช่หรือไง
“ท่านไม่โกรธคุณหรอก ตราบใดที่คุณจะไม่ไปไหน”เด็กหนุ่มหันมองเขาด้วยแววตาคาดหวัง เขาส่ายศีรษะระบายลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“...พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็น่าโมโหนะ”
“คุณโชติอาจมีปัญหา”อินทนิลพูดเสียงแข็งกร้าวและห้วน ตัดอารมณ์ของชายหนุ่มไปทันที
“เดี๋ยว เธอรู้จักเพื่อนฉันได้ยังไง”ภูวรินทร์ตกใจเมื่ออินทนิลเอ่ยเช่นนี้ บางทีเพราะผีคุณแก้วงั้นเหรอ เขาไม่คิดว่าวิญญาณจะสามารถทำอะไรแบบนั้นได้ เด็กหนุ่มสบตากับเขา
“...คุณฝันร้ายเพราะคำแช่ง”อินทนิลพูดต่อราวกับไม่ได้ฟังคำถามของเขา ชายหนุ่มอดกลั้นความโกรธไว้ในใจ
“คำแช่งของใคร”
“จะว่าเป็นของคุณแก้วก็ไม่ถูก เพราะคุณผิดคำสาบาน คำแช่งเลยเป็นผล ใครจะไปรู้ว่าคำแช่งจะสำฤทธิ์ผล ท่านอาแม้จะมีทายาทสืบสกุลแต่ไม่ปกติสักคน ไม่ได้หมายถึงเป็นบ้า แบบว่ามีลูกยาก ครอบครัวแตก กำพร้าพ่อแม่ ที่จริงผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เป็นพิษร้ายของคนบ้านนี้”อีกฝ่ายเอ่ยอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าจะเอ่ยถึงมณีด้วยหรือเปล่า เขาไม่เชื่อนักและคงแสดงสีหน้ามากเกินไป อินทนิลได้แต่ยิ้ม
“คุณจะไม่เชื่อก็ไม่แปลก”
“แล้วคุณแก้วล่ะ ยอมได้เหรอตอนที่หมื่นนรินทร์พาผู้หญิงกลับมาที่บ้าน”เขาถาม อินทนิลเงียบ ใบหน้าไม่เหลือรอยยิ้ม เจ้าตัวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะพึมพำเบาๆ
“...ยอมไม่ยอม เธอก็เข้ามาอยู่ในบ้านแล้วนี่ ท่านอาเชิดหน้าชูตาเธอได้ ประจวบเหมาะกับที่เทียนหยดพวกนั้น...ออกผลซะเต็มต้น”เด็กหนุ่มหันหน้ามามองเขา
ชายหนุ่มนิ่งงัน เขาไม่อยากคิดว่าคุณแก้วจะใจร้ายถึงขนาดฆ่าลูกของหญิงสาวคนนั้น แต่มันก็สอดคล้องหากว่าท่านอานรินทร์จะโกรธแค้นถึงกับต้องกักขังคุณแก้วไว้ แบบนี้ใครกันแน่ที่ผิดมากกว่ากัน
“ลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ ว่าคุณแก้วเป็นคนยังไง...”เขาเอ่ย อินทนิลยังคงมองเขาอยู่
“ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายหรอกครับ แต่เพราะคำเล่าลือไม่ดีเกี่ยวกับท่าน ทำให้ไม่ว่าอินน์หรือคนในบ้านถึงได้หนีหายไปกันหมด ที่มารับใช้ต่อก็คงเพราะเกรงกลัวท่าน”
“ดูจากภายนอกแล้วไม่น่าจะเป็นคนใจร้ายเลยนะ ไม่ต่างอะไรจากดอกไม้พิษเหมือนกัน”เขาพูด ถ้าเป็นแบบนั้นจริง หมื่นนรินทร์ไม่น่าสงสารกว่าหรือ ข้างกายก็มีหญิงที่นำภัยมาสู่ตน ไหนจะคนรักหรืออดีตคนรักอย่างคุณแก้วก็ร้ายกาจไม่เบา ความจริงจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ สุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบคงจะเป็นทายาทของคนสกุลนี้ซะมากกว่า รวมถึงตนเองด้วย
เรื่องโครงกระดูกในเรือนกระจกตอนนี้ลุงชมหยุดการซ่อมแซมไปชั่วคราว ป้าษอรแจ้งไปยังตำรวจในสถานีเล็กๆใกล้กับหมู่บ้านในตลาด พวกเขาช่วยกันขุดและเก็บโครงกระดูกของคุณแก้วไปตรวจ ไม่แน่ใจว่าต้องเอาไปตรวจ DNA ในเมืองหรือเปล่า เพราะสถานีอนามัยเล็กๆของหมู่บ้านไม่ได้มีเครื่องมือทันสมัยพร้อมที่จะตรวจดีเอ็นเอในกระดูกได้ อีกปัญหาที่น่าเป็นห่วงกว่าคือ ไม่รู้ว่าทางโรงพยาบาลจะมีข้อมูลดีเอ็นเอของคุณแก้วเก็บไว้เทียบด้วยหรือเปล่า เขาไม่ได้สนใจมากนักเพราะในใจก็ปักธงลงไปแล้วว่าคือคุณแก้ว ตำรวจมาสอบปากคำเขาตามหน้าที่ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับการสอบถามเจ้าของบ้านคนใหม่เรื่องโครงกระดูกที่มีอายุนานกว่าเจ็ดสิบกว่าปี
กว่าบ้านจะคืนกลับสู่ความสงบก็กินเวลาไปนานจนฟ้าเริ่มไร้แสง ตำรวจกลับออกจากบ้านไปแล้ว เหมือนป้าษอรและลุงชมจะโล่งใจเมื่อคนแปลกหน้าออกไปพ้นบ้านได้ ภูวรินทร์เข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหาร เพื่อทานมื้อเย็น ระหว่างนั้นจึงมีโอกาสคุยกับป้าษอรเรื่องของอินทนิล เพราะเจ้าตัวกลับเข้าไปอยู่ในห้องพักตามเดิม ท่าทางเหงาหงอยหลังจากที่คุยกับเขาไปเมื่อช่วงบ่าย พอตำรวจเอาโครงกระดูกกลับไป อินทนิลก็เดินหายไปในห้องพัก
“ป้าครับ ผมขอถามเป็นครั้งสุดท้ายว่าอินน์ป่วยเป็นอะไรกันแน่”เขาเอ่ยถามน้ำเสียงตึงเครียด ป้าษอรที่กำลังยกถาดกับข้าวมาให้เขาถึงกับสะดุดนิ่งไปบ้าง เธอเพียงแค่วางสำรับอาหาร ตักข้าวใส่จานให้เขาไปเรื่อยๆ
“ผมต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ ไม่ว่าจะจากคุณแก้วหรือจากอินทนิลก็ตาม ผมควรจะรู้เรื่องอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า ป้าทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ใช้ชีวิตปกติ ทั้งๆที่อินน์ดูผิดแปลก บ้านหลังนี้ก็มีวิญญาณเจ้าของเก่า และเจ้าของคนใหม่ที่ฝันประหลาดๆ”ภูวรินทร์พูดจาเหน็บแหนมไปด้วย ระหว่างที่หยิบช้อนขึ้นมาตักข้าว ในใจขุ่นมัว เขาไม่พอใจป้าษอร ส่วนลุงชมนอกจากคอยขับรถและดูแลสวนก็ไม่ได้มาให้เขาเห็นหน้านัก ป้าษอรทำท่าอึกอักเหมือนตกใจที่ได้ยินเขาพูดเช่นนี้
“...คุณภูคะ ป้าไม่ได้ปิดบังอะไรทั้งนั้น ป้าเล่าในสิ่งที่ป้าเคยได้ยินมาให้คุณฟังไปหมดแล้ว...”
“เรื่องอินน์ล่ะ...ป้ารู้หรือเปล่าว่าอินน์สามามารถเชื่อมต่อกับคุณแก้วได้”ชายหนุ่มพูดต่อ ป้าษอรมองเขาอึ้งๆสีหน้าดูอดกลั้นความรู้สึก เธอเม้มปากแน่น
“อินน์ทำตัวประหลาดมาแต่ไหนแต่ไร... ตอนแรกก็คิดว่าเพราะเป็นเด็กพัฒนาการช้า อาจจะดูไม่ค่อยมีสมาธิ พูดจาเหมือนผู้ใหญ่ในบางที ...พระท่านเคยพูดถึงอินน์ว่าเป็นเด็กชะตาขาดมานานแล้ว”ป้าษอรเล่าเสียงสั่นเครือเล็กน้อย เขาแค่นั่งฟังเงียบๆ
“ที่จริงป้าก็ไม่เชื่อเรื่องคำแช่งของตระกูลนี้หรอกค่ะ...แต่พอมาเจอกับอินน์เข้าเลยรู้ว่านั่นเป็นผลจากคำสาปแช่งจริงๆ”
“เกี่ยวอะไรกับคำแช่งเหรอครับ”
“...ป้าไม่ได้บอกคุณตั้งแต่แรก ที่จริง อินน์ไม่ใช่หลานของป้าหรอกค่ะ แกเป็นลูกของคุณธิชาเจ้าของเรือนปั้นเหยาข้างๆนั่น แต่เธอไม่ต้องการเลี้ยงอินน์ เพราะหวาดกลัวเรื่องคำแช่งของต้นตระกูล เธอเลยทิ้งบ้านและลูกไว้ให้ป้าเลี้ยงแทน”ป้าษอรพูดแล้วส่านหน้า ชายหนุ่มถึงกับร้องอ้อในใจ การที่อินทนิลสามารถเป็นสื่อให้คุณแก้วเพราะสืบเชื้อสายมาจากคนสกุลภิรมย์สุข ไม่คิดว่าเชื้อจะแรงเพียงนี้
“แล้วอินทนิลรู้ไหมครับ”
“ป้าคิดว่าแกน่าจะรู้...เรื่องคุณแก้ว ป้าเองก็กลัวนะคะ ยิ่งโตมาแกก็ยิ่งเหมือนคุณแก้วมากๆ แต่ป้าก็ไม่คิดว่าจะเป็นท่านมาเกิดใหม่แน่ๆ...”เธอเหลือบมองเขาไปด้วย นั่นสิ แค่อินทนิลบังเอิญหน้าตาคล้ายกับคุณแก้ว
“ว่าแต่ป้าเคยเห็นจดหมายของท่านอาบ้างไหมครับ อินน์บอกว่าท่านส่งมาหาคุณแก้วด้วย”เขาถาม เพราะอยากรู้เรื่องราวระหว่างหมื่นนรินทร์และคุณแก้วในสมัยนั้น ป้าษอรส่ายศีรษะ
“ป้าก็ไม่เคยเห็นนะคะ ตอนที่เก็บบ้านคราวนั้น ป้าก็เจอแต่อัลบั้มรูปของตระกูล แต่จดหมายไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ที่จริงป้าก็ไม่เคยเห็นตัวจดหมายมาก่อน ไม่รู้ว่าอินน์รู้ได้ยังไง มันอาจจะหายไปนานแล้วก็ได้นะคะ”เธอบอก ชายหนุ่มพยักหน้าเงียบๆ
“แล้ว...อินน์เคยประสบอุบัติเหตุหรือป่วยถึงขั้นอันตรายถึงชีวิตบ้างไหมครับ”ภูวรินทร์เอ่ยถามช้าๆ ทำเหมือนไม่ได้สนใจประเด็นนี้มากนัก ป้าษอรมองเขาอย่างสงสัย เธอยังคงไม่เปิดปาก แต่สำหรับเขา ศพไม่มีทางฟื้นคืนมาได้หรอก อินทนิลยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ ยังคงหายใจ
“...ถ้าไม่สะดวกจะเล่าก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”เขาพูดต่อ เพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจระหว่างกัน ป้าษอรเธอยิ้มให้เขาบางๆ
“อินน์เคยป่วยไปพักใหญ่ๆค่ะ ตอนสักสามขวบมั้งค่ะ แกเผลอไปกินผลเทียนหยดเข้า เล่นเอานอนซมไปหลายอาทิตย์ ป้ากังวลแทบตาย บอกให้ตาชมตัดทิ้งไปให้หมดแต่ก็ไม่ตัดสักที...เลยอยู่ออกดอกซะสวยจนป่านนี้...”ป้าษอรบอก สีหน้าดูไม่สู้ดี แววตาหม่นลงเมื่อเล่าถึงเรื่องเก่าๆ
ภูวรินทร์เงียบไปพักใหญ่และไม่ได้ถามอะไรอีก เขาแค่ทานข้าวเงียบๆอย่างไร้ความเอร็ดอร่อย ในอดีตนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าระหว่างท่านอากับคุณแก้วใครกันแน่ที่ร้ายกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ คำสาปของพวกเขาเหมือนจะส่งผลร้ายแก่คนรุ่นต่อมาจริงๆด้วย
+++++++++
มาต่อกันค่ะ ทุกอย่างมีที่มาที่ไป
ขอบคุณมากค่ะ