ตอนที่ ๔๗
“น้ำ” เสียงเรียกในขณะที่น้ำหยดกำลังไขกุญแจห้อง
“ว่าไง” น้ำหยดยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกนั้นคือหมู พลางเปิดประตูเข้าไปในห้อง
หมูเดินตามเข้าไป และปิดประตูบานเลื่อน ตามด้วยประตูมุ้งลวด ในขณะที่น้ำหยดนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ แล้วหยิบหนังสือเล่มหนา กับสมุดออกมาวางลงบนโต๊ะ พอแขวนเป้ไว้กับพนักเก้าอี้ ก็หันมาเปิดหนังสือออกอ่านอย่างตั้งใจ ส่วนหมูเมื่อเดินเข้ามาในห้อง ก็นั่งลงบนเตียงแล้วหันไปมองน้ำหยดเงียบๆ
“น้ำ” หมูเรียกเบาๆ
“หือ” น้ำหยดตอบโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากหนังสือ
“เมื่อคืนกลับมาก่อนเราแล้วหายไปไหน”
“นั่งคิดอะไรอยู่ที่ม้านั่งหน้าหอน่ะ”
“มีอะไรให้คิดมากมายงั้นเหรอ”
น้ำหยดละสายตาจากตัวหนังสือ เงยหน้าขึ้นเม้มริมฝีปาก แววตาครุ่นคิด
“อื้อ” น้ำหยดตอบหลังจากเงียบไปสักพัก
“เมื่อวานตอนอยู่ในรถ ติ๊กเอาอะไรให้นาย” หมูถามอีก เมื่อเงียบไปพักหนึ่ง
“สร้อยพระเส้นที่เอามาสวมให้เราเมื่อคืนก่อนไง มันบอกให้ใส่ไว้อย่าถอด แล้วกลับกรุงเทพฯตอนปิดเทอม ค่อยเอาไปคืน นี่ไง” น้ำหยดล้วงเข้าไปในคอเสื้อ ใช้นิ้วเกี่ยวสายสร้อยทองออกมา แล้วก็ใส่กลับเข้าไปตามเดิม
“แล้วเมื่อคืนนี้ นายใส่ไว้หรือเปล่า”
“เปล่า” น้ำหยดหันมาตอบด้วยสีหน้าสงสัย “แถวนั้นมันเปลี่ยว ดึกแล้วด้วย เราเลยเอาเก็บไว้ในตู้”
หมูนิ่งไปอีกครั้ง เพราะกำลังตัดสินใจว่าควรจะพูดเรื่องนั้นกับน้ำหยดหรือไม่
“แล้วสอบเสร็จวันไหนล่ะ” หมูคิดว่าควรจะเก็บเรื่องนั้นไว้ก่อนดีกว่า
“ก็กลางสัปดาห์ที่สองก็หมดแล้ว แต่เราคงอยู่จนถึงวันหอปิดน่ะแหละ”
“อยู่ต่อทำไมกัน” หมูถามด้วยความสงสัย
“อาจารย์ที่ปรึกษาจะทำบาร์บีคิวเลี้ยงฉลองสอบเสร็จ วันเสาร์ตอนกลางวัน” น้ำหยดยิ้มกว้าง “แล้วนายสอบเสร็จวันไหน”
“เราสอบสัปดาห์เดียว” หมูตอบด้วยสีหน้าเซ็งๆ “สอบเสร็จก็คงกลับบ้านเลย”
“เหรอ” น้ำหยดเผลอตอบไปตามความรู้สึก น้ำเสียงและสีหน้าจึงดูหมองไปถนัด ถึงแม้จะตัดสินใจแล้ว แต่ความรู้สึกผูกพันก็ยังมีอยู่ เมื่อรู้สึกตัวก็หันหน้ากลับไปทำทีเป็นอ่านหนังสือต่อ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อโดยที่ไม่รู้ตัว
“เอาไว้นายกลับบ้านแล้วเราจะรีบโทรหาแล้วกัน” หมูพูดยิ้มๆเมื่อเห็นท่าทางของน้ำหยด “เราไปอ่านหนังสือก่อน น้ำก็อย่านอนดึกนักนะ”
หมูลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้าไปหาน้ำหยดแล้วก้มหน้าลงไปหอมแก้มอย่างแผ่วเบา
“สร้อยพระน่ะ ใส่ติดตัวไว้อย่าถอดนะ” หมูกระซิบที่ข้างหู พลางลูบไหล่ทั้งสองข้างของน้ำหยดเบาๆ
หากน้ำหยดหันกลับมามอง ก็จะเห็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยของหมู แล้วหมูก็ปล่อยมือออกจากไหล่ของน้ำหยด แล้วเดินออกจากห้องไป และหากหมูมองเห็นใบหน้าของน้ำหยดตอนนี้ ก็จะเห็นคิ้วที่ขมวดมุ่น และแววตาที่เปี่ยมความสงสัย
เมื่อวานนี้ ติ๊กย้ำในตอนเช้า ว่าให้ใส่สร้อยพระนี้ติดตัวไว้ เมื่อคืนนี้ ต้อยที่ไม่น่าจะรู้เรื่องอะไรด้วย ก็พูดเตือนว่าควรจะใส่สร้อยพระไว้ แล้วเมื่อครู่นี้เอง หมูก็พูดในทำนองเดียวกัน
รวมไปถึงการสนทนา ในหัวข้อที่ไม่เคยพูดถึงกันมาก่อนของนุชกับเก๋ และคำถามที่เพื่อนๆหลายคนเคยถามน้ำหยดมาตั้งแต่เปิดเทอมใหม่ๆ
... มีอะไรแปลกๆในห้องมั่งหรือเปล่า ...
เรื่องแปลกๆเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นในห้องนี้ นับตั้งแต่วันแรกที่น้ำหยดเข้ามาพักอาศัยอยู่ ก็คงเป็นเป็นการบุกรุกของผู้มาเยือนยามวิกาลคนนั้น น้ำหยดเคยคิดเหมือนกันว่าอาจจะเป็น ‘อะไร’ ที่ผิดปรกติ แต่จากความรู้สึกจากสัมผัส และการกระทำ ที่นับวันมีแต่จะอ่อนโยนมากขึ้น รวมทั้งไม่มีสิ่งผิดปรกติใดๆเกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง เหมือนกับที่เคยได้ยินได้ฟังมาจากเรื่องของผู้อื่น ทำให้ความคิดของน้ำหยดเปลี่ยนไป แล้วยังมีคำพูดที่บอกกับน้ำหยดเมื่อคืนนี้
... ไม่เอาน่า อย่าขี้แงสิ เชื่อพี่นะ อีกไม่นานหรอก แล้วเราจะได้คุยกัน เดินเล่นด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปไหนต่อไหนด้วยกัน ไม่ต้องทำเหมือนหลบซ่อนแบบนี้อีก ...
และคำพูดประโยคที่กระซิบแผ่วๆอยู่ข้างหูอีกประโยคหนึ่ง
... ช่วงนี้น้ำใกล้สอบแล้ว พี่คงไม่ไปกวนให้เสียการเรียน น้ำมาหาพี่ที่นี่อีกทีตอนสอบเสร็จนะครับ พี่สัญญาน้ำจะได้เห็นว่าคนที่รักน้ำเต็มดวงใจคนนี้ มีหน้าตาเป็นยังไง ...
... คนที่รักน้ำเต็มดวงใจ ... คำนี้เอง ที่ทำให้น้ำหยดตื้นตัน