ตอนที่ ๔๖
... อีกไม่นานหรอก แล้วเราจะได้คุยกัน เดินเล่นด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปไหนต่อไหนด้วยกัน ไม่ต้องทำเหมือนหลบซ่อนแบบนี้อีก ...
ประโยคนี้เอง ที่ทำให้น้ำหยดหยุดความสงสัยทุกอย่าง มันเป็นเหมือนคำสัญญาที่ให้ไว้ เพียงแต่ไม่ได้บอกว่าวันใดเวลานั้นจะมาถึง แต่เพียงแค่นั้นก็เหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้น้ำหยดตัดสินใจได้เสียที ในสิ่งที่ลังเลมานาน ขอให้การสอบปลายภาคผ่านไปเสียก่อน น้ำหยดจะทำให้สิ่งที่คลุมเครือกันมานาน ชัดเจนขึ้นเสียที
“น้ำ” เสียงเรียกดังๆมาจากคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
“หือ” น้ำหยดหันหน้ากลับมาจากภาพท้องฟ้าสีเหลืองอมแดง ในช่วงเวลาผีตากผ้าอ้อมนอกหน้าต่าง ชั้นที่๒ของห้องสมุด
“คิดอะไรของนาย เรียกตั้งหลายหนแล้วนะ” เสียงแหวๆของนุช ทำเอาคนหลายคน รวมทั้งเก๋ที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมามอง
“นั่นดิ๊ วันนี้ใจลอยผิดปรกตินะ คิดถึงเจ้าของสร้อยเหรอไง” เก๋ถามเบาๆ
“คิดถึงทำไมกัน” น้ำหยดอมยิ้มเมื่อคิดถึงสีหน้าจริงจังของติ๊ก ตอนที่แขวนสร้อยลงบนลำคอของตน
“ใครจะไปรู้ล่ะว่าคิดถึงทำไม หรือว่านายหมูตกกระป๋องซะแล้ว” นุชถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฮ่าๆๆ” น้ำหยดหัวเราะเสียงใส “คิดอะไรกันเนี่ย แค่สร้อยทองคำเส้นเดียว เอาใจเราไปไม่ได้หรอก อย่างน้อยต้องรถอีกคัน บ้านพร้อมที่ดินไม่ต้องใหญ่โต แค่๔-๕ไร่ก็พอ แล้วเงินสดในธนาคารอีกร้อย สองร้อยล้าน ก็พอจะคุยกันได้”
“แกนี่ ทำเป็นพูดเล่นอยู่เรื่อย” นุชค้อนวงใหญ่ให้ “ถามจริงๆเหอะ เค้าให้สร้อยพระนายทำไม”
“แล้วคิดว่าไงกันล่ะ” น้ำหยดย้อนถาม ทำให้นุชกับเก๋มองหน้ากัน แล้วต่างก็ก้มหน้าอ่านหนังสือกันต่อ ไม่พูดไม่จา
“ถามจริงๆเหอะ คิดอะไรกันแน่น่ะ” น้ำหยดไม่ยอมบ้าง
“เอาน่า ... ที่สงสัยเอาไว้สอบเสร็จค่อยถามก็แล้วกัน ตอนนี้ท่องหนังสือเตรียมสอบก่อน” นุชเงยหน้าขึ้นมาตอบ แล้วก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ ทำให้น้ำหยดยิ้มน้อยๆแล้วส่ายหน้าเบาๆ
... ว่าแต่เราที่ชอบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ชอบเลี่ยงประเด็น ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ ...
เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ นุชเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามองหน้าน้ำหยด
เรือนผมหยักศก ซอยไว้สั้นๆแค่ต้นคอ หน้าผากกว้าง คิ้วเรียวบาง ดวงตาโตสีดำเป็นประกาย จมูกเล็กๆ ริมฝีปากบางที่มักมีรอยยิ้มอยู่เสมอ กำลังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่อย่างตั้งใจ บางครั้งนุชรู้สึกเห็นใจเด็กสาวหลายคน ที่แอบชอบน้ำหยดอยู่เหมือนกัน ดูใบหน้า ดูรูปร่าง ดูนิสัย น้ำหยดสามารถเรียกว่าเป็น ‘สุภาพบุรุษในฝัน’ ได้อย่างเต็มปากเต็มคำทีเดียว
“น้ำ นายเชื่อเรื่องผีมั๊ย นายว่าผีมีจริงรึเปล่า” นุชถามเบาๆ
คำถามนี้ทำให้น้ำหยดและเก๋เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน ใบหน้าน้ำหยดแสดงออกถึงความสงสัย ในขณะที่เก๋มีสีหน้าตกใจ
“ผีเหรอ” น้ำหยดทำหน้าครุ่นคิด “ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน”
“อะไรของนาย ไก่กับไข่เกี่ยวอะไรด้วย” นุชขมวดคิ้ว
“เอาน่า ... ลองตอบมา” น้ำหยดพูดยิ้มๆ
“นี่มันปัญหาโลกแตก ใครจะไปตอบได้” นุชแลบลิ้นใส่ “แล้วตกลงมันเกี่ยวอะไรกับผี”
“ไก่กับไข่เนี่ย มันตอบไม่ได้ก็จริง แต่บางคนเค้าก็คิดว่าไก่เกิดก่อน แต่ฝ่ายที่คิดว่าไข่เกิดก่อนก็มี” น้ำหยดพูดช้าๆ “เรื่องผีก็เหมือนกัน มันตอบยาก”
“แล้วในความคิดนายล่ะ” คราวนี้เก๋ถามบ้าง พอจะเข้าใจแล้วว่า นุชคงจะ ‘หยั่งเชิง’ ดูก่อน
“เผอิญเราถูกสอนมาให้เชื่อซะด้วยสิ” น้ำหยดตอบยิ้มๆ “แต่เราไม่อยากเรียกว่าผีหรอกนะ เราเรียกว่าวิญญาณ เรียกว่าดวงจิตที่ไม่มีร่างอาศัย หรือไม่สามารถไปยังที่ของเขาได้มากกว่า”
“ฟังยากหว่ะ ... แต่เอาเป็นว่าเข้าใจกันว่าเป็นผีแล้วกัน” นุชออกความเห็น “แล้วนายกลัวมั๊ย”
“ทำไมต้องกลัวล่ะ” น้ำหยดทำหน้าสงสัย “เค้าอยู่คนละภพ คนละมิติกับเรา ไม่เกี่ยวข้องกันแล้วจะกลัวทำไม”
“เราหมายความว่าถ้านายเจอผีน่ะ นายจะกลัวมั๊ย” เก๋ถาม
“อืม...” น้ำหยดทำท่าคิด “ถ้าพวกเธอหมายถึงผีที่แลบลิ้นปลิ้นตา แหกอก ควักไส้ ก็คงกลัวแหละน่าสยองขวัญจะตาย” พูดแล้วน้ำหยดก็เบ้หน้า สักพักก็เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆ “แต่ถ้ามาเหมือนคนปรกติ ก็คงไม่น่ากลัวมั๊ง”
“ทำไมล่ะ” นุชถามด้วยความสนใจ
“ทำไมดวงวิญญาณที่ควรไปยังที่ของเขาพวกนั้น ถึงมาปรากฏให้เห็นได้ล่ะ” น้ำหยดย้อนถาม นุชกับเก๋ส่ายหน้าเกือบจะพร้อมกัน
“ห่วง” น้ำหยดยิ้มน้อยๆอีก “พวกเค้ามีห่วง ถ้าพวกเธอเจอ สิ่งแรกที่ควรทำคือ ตั้งจิตแผ่เมตตาให้เขา ถ้าทำได้ก็ถามว่าเค้าห่วงอะไร แล้วก็ช่วยเหลือตามสมควร หรือเท่าที่ทำได้” นุชกับเก๋ทำหน้างงๆ น้ำหยดถึงกับหัวเราะเบาๆ “วิญญาณแบบนั้นน่ะความจริงน่าสงสารนะ ลองคิดง่ายๆ ถ้าเราไปเมืองนอก แล้วคุยกับใครไม่รู้เรื่อง จู่ๆได้เจอคนที่เราสื่อสารด้วยได้ เข้าใจว่าเราพูดอะไร เราก็คงดีใจ แล้วอยากบอกให้เค้ารู้ถึงความในใจ หรือความต้องการของเรา วิญญาณพวกนั้นก็เหมือนกันแหละ บางทีเค้าก็ไม่รู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ภพเดียวกับเราแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปรากฏตัวต่อหน้าเราด้วยรูปร่างแบบไหน เพราะเขาควบคุมไม่ได้ เราว่าแทนที่จะกลัว น่าจะสงสารเขามากกว่า แล้วถ้าเราช่วยได้ เราก็ได้บุญ เขาก็ไม่ทำอะไรที่จะกลายเป็นบาป เราว่าดีออก”
“ซ๊า........ทุ๊” นุชกับเก๋พูดลากเสียงยาว พร้อมกับยกมือพนมขึ้นเหนือหัว
“เชิญนายดีไปคนเดียวเหอะ เราไม่เอาด้วยหรอก ทางที่ดีไม่ขอเจอดีกว่า” เก๋ทำหน้าแหยๆ
“เราด้วย” นุชพูดพลางทำคอหด
น้ำหยดมองดูเพื่อนทั้งสองคนแล้วอดหัวเราะไม่ได้ คนธรรมดาคงคิดอย่างนี้แหละ แต่เผอิญว่าเขาได้รับการสั่งสอนจากหลวงปู่ ความคิดของเขาจึงออกจะแปลกไปกว่าคนทั่วไปก็เป็นได้