บัวหลงจันทร์ ๒๖ (จบ)
เพลาบ่ายคล้อย องค์รัชทายาท เจ้าน้อย แลสหายคนสนิท ทรงประทับอยู่ ณ ศาลาริมสระหลวง
“ยาเยียเจ้าเป็นคนซื้อหนา ประเดี๋ยวข้าจักเป็นคนขาย”เจ้าน้อยพเยียจัดแจงให้สหายคนสนิทนั่งอยู่ตรงข้ามพระองค์ แลมีถ้วยเล็กถ้วยน้อยคั่นกลาง
“แลองค์รัชทายาทเล่าพระเจ้าค่ะ”ยาเยียเอ่ยถามเมื่อเจ้าน้อยมิได้จัดแจงให้ว่าจักให้องค์รัชทายาทเล่นเป็นผู้ใด
“อืม...”เจ้าพเยียกอดอุระตน ดวงพักตร์งามเงยขึ้นเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด ดรรชนีเล็กเคาะเบาๆ ที่ข้างปรางขาว
“ข้าจักเล่นเป็นสามียาเยีย มาซื้อของเสด็จพี่”เจ้าพบูว่าพลางวาดพระกรพาดบนไหล่เล็กของยาเยียคนงาม
“อืม...ตกลง ข้าเล่นเป็นคนขาย ยาเยียเป็นคนซื้อ แลพบูเล่นเป็นสามียาเยียอีกทอดหนึ่งก็แล้วกันหนา”
“อื้ม”สองพี่น้องตรัสเอง เออเอง หาได้หารือกับคนกลางอย่างยาเยียน้อยไม่
“เยี่ยงนั้นจักรับกระไรดีจ๊ะ”ตรัสแล้วก็สวมบทบาทแม่ค้าในตลาดทันที
“มีกระไรขายบ้างหรือจ๊ะ”ยาเยียน้อยก็เล่นตามน้ำทันที
“อืม...ข้ามีขนมบัวสาว ขนมสอดไส้ แลขนมบัวตอง จักรับกระไรดีจ๊ะ”
“เยี่ยงนั้นข้าเอาขนมบัวสาวสองห่อ แลขนมสอดไส้สามห่อจ้ะ”
“รอประเดี๋ยวหนา”ตรัสจบ หัตถ์เล็กก็แสร้งหยิบจับดอกไม้ ใบไม้ใส่กระทงใบตองส่งให้สหายคนสนิท
“เท่าใดหรือจ๊ะ”
“อืม...เท่าใดดีหนายาเยีย”
“หม่อมฉันก็มิทราบพระเจ้าค่ะ”ยาเยียคนงามส่ายหน้า คิ้วบางขมวดมุ่นเมื่อมิสามารถหาคำตอบได้ว่าที่ตลาดพวกชาวบ้านขายขนมราคาเท่าใดกัน
“อืม...ที่ตลาดพวกชาวบ้านขายของกันอย่างไรหนา”กลายเป็นว่าการเล่นขายของของเด็กๆ หยุดชะงักเมื่อมิสามารถหาคำตอบได้ว่าขนมราคาเท่าใด
“เล่นกระไรกันอยู่หรือลูก ไยจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกันเช่นนี้”เจ้าบัวงามดำเนินเข้ามาที่ศาลาริมสระหลวงที่ลูก แลหลานอยู่ทันได้ยินเรื่องที่เด็กๆ กำลังสนทนากัน
“เสด็จแม่”เจ้าพเยียลุกขึ้นวิ่งเข้าไปกอดกฤษฎีบางของคนเป็นแม่ พลางเงยพักตร์ช้อนนัย์ตาคมเฉี่ยวที่ทอดแบบมาจากบิดาออดอ้อนพระมารดา
“เล่นกระไรกันอยู่หรืฮเจ้า”ช้อนเจ้าตัวน้อยที่เป็นพี่ แต่กลับตัวเล็กกว่าน้องขึ้นอุ้ม พระนาสิกโด่งรั้นจรดลงบนแก้มกลมนุ่มนิ่มของลูก ดำเนินไปประทับที่ตั่งตัวใหญ่
“ลูกกำลังสงสัยพระเจ้าค่ะ”วาดกรเล็กกอดรอบพระศอมารดา ก่อนจักตรัสเจื้อยแจ้ว
“สงสัยกระไรจ๊ะ เจ้าพบูมาให้แม่หอมทีเถิดเจ้า”จับโอรสองค์โตนั่งบนพระเพลา แลกวักหัตถ์เรียกโอรสองค์เล็ก
“บูโตแล้วหนาพ่ะย่ะค่ะ”ตรัส แต่กระนั้นก็ยอมลุกไปให้มารดากอดหอม
“ฮื้อ”เจ้าพเยียครางใส่อย่างมิพอพระทัย ขนงค์บางขมวดมุ่น เมื่อมารดากอดหอมอนุชา หัตถ์เล็กทั้งสองข้างจับพักตร์ของคนเป็นแม่ให้หันมาทอดพระเนตรตน
“กระไรเจ้าพเยีย”
“พอแล้วพระเจ้าค่ะ”ตรัสพลางจับพระกรทั้งข้างของมารดาให้โอบกอดตน แลซุกซบพักตร์จิ้มลิ้มกับอุระบาง
“หึหึหึ หวงแม่แม้กระทั่งกับน้อง เจ้านี่จริงๆ เลยหนา”ตรัสกลั้วสรวล กดจูบที่นลาฏขาวของโอรสองค์โตซ้ำๆ
“คิกๆ พเยียรักเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ”บิดพระวรกายไปมา ถูไถพักตร์กับพระอุระมารดาอย่างออดอ้อน
“จ้ะๆ แม่ก็รักพวกเจ้าทั้งสองคน แลพวกเจ้าสงสัยเรื่องกระไรกัน หืม”
“ลูกกำลังเล่นขายของกับยาเยีย แลพบูพระเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ แลใครเล่นเป็นคนซื้อ คนขายเล่า”
“ลูกเป็นคนขายพระเจ้าค่ะ ยาเยียเป็นคนซื้อ แลพบูเล่นเป็นสามียาเยีย”
“พบูเล่นเป็น ส สามียาเยียหรือลูก”ตรัส แลผินพักตร์ไปสรวลแห้งๆ ให้มารดาของยาเยีย
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เสด็จแม่ ลูกเล่นพระเจ้าค่ะ หากแต่เล่นไปเล่นมาก็สงสัยว่าพวกชาวบ้านในตลาดขายขนมกันอย่างไรหรือพระเจ้าค่ะ”
“หืม ขนมหรือลูก”
“พระเจ้าค่ะ ลูกขายขนมให้ยาเยีย แลพบูหากแต่มิรู้ว่าขนมนั้นราคาเท่าใด”
“เยี่ยงนั้นพ่อจักพาเจ้าไปตลาดดีหรือไม่ จักได้รู้ว่าเขาขายขนมกันอย่างไร ราคาเท่าใดดีหรือไม่”สุรเสียงของผู้มาใหม่เรียกสายตาทุกคู่ในศาลาริมสระหลวงให้หันไปมอง
“เสด็จพ่อ”เจ้าพเยียร้องเรียกบิดาที่ดำเนินเข้ามาในศาลาพร้อมองครักษ์ประจำพระองค์อย่างท่านอาเหมบิดาของยาเยีย
“ท่านพ่อ”ยาเยียคนงามร้องเรียกบิดา คนงามลุกขึ้นเดินเตาะแตะไปหมอบกราบเจ้าหลวงก่อนจักคลานเข้าไปกอดคนเป็นพ่อ
“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ”
“ไหว้พระเถิดยาเยีย”วางพระหัตถ์ลงบนศีรษะทุยของเด็กน้อย
“ยาเยียมาให้พ่อชื่นใจทีเถิดคนดี”พ่อเหมอ้าแขนออกรอรับร่างแน่งน้อยของลูก
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”คนงามคลานไปทิ้งตัวนั่งลงบนตักคนเป็นพ่อ
“เสด็จพ่อ จักพาลูกไปตลาดหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าพเยียรีบตรัสถามบิดาทันที
“ใคร่อยากไปหรือไม่ หืม”
“พระเจ้าค่ะ”
“แลเจ้าเล่า เจ้าพบูใคร่อยากไปหรือไม่”
“ใคร่ไปพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าน้อย แลองค์รัชทายาทดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีที่พระบิดาจักพาไปตลาดนอกวังหลวง
“ท่านพ่อเจ้าขา”ยาเยียน้อยก็ใคร่ไปบ้างจึงได้กระซิบเรียกคนเป็นพ่อเสียงแผ่ว
“หืม ว่าอย่างไรลูก”พ่อเหมก้มลงมองลูกน้อยที่เอนซบอกกว้างของตน
“ยาเยีย...”ใคร่อยากไปด้วย หากแต่ก็มิกล้าเอ่ยขอ
“ว่าอย่างไรทูนหัวของพ่อ”พ่อเหมถามพลางใช้มือปัดเส้นผมที่ร่วงปรกหน้าลูกออก
“...ลูก”ช้อนตามองคนเป็นพ่อ แลกัดปากตัวเองแน่น
“ชู่ว...มิดีกัดปากตัวเองเยี่ยงนี้หนาลูก ประเดี๋ยวก็ได้แผลกันพอดี”ใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ ที่ปากเล็ก
“ยาเยีย”องค์จันทร์ที่ทอดพระเนตรเด็กน้อยอยู่นานตรัสเรียก
“พระเจ้าค่ะ”สะดุ้งน้อยๆ แลขานรับเจ้าหลวงเสียงแผ่ว
“มาหาข้ามาเด็กดี”
“พระเจ้าค่ะ”ค่อยๆ คลานจากตักพ่อไปหาเจ้าหลวง
“ฮึบ ใคร่อยากไปตลาดนอกวังหลวงด้วยกันหรือไม่”ตรัสถามหลังจากที่ทรงอุ้มหลานขึ้นนั่งบนพระเพลาแล้ว
“ยาเยีย...ไปด้วยได้หรือพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ริมฝีปากบางเบะออก ดวงตาเรียวสั่นระริกคลอน้ำจนองค์จันทร์ต้องกอดปลอบ
“โธ่...ไปได้อยู่แล้วเจ้า มิไห้หนาคนดี”พระหัตถ์อุ่นลูบแผ่นหลังเล็กไปมา
“ฮึก...ยาเยียใคร่ไปด้วยพระเจ้าค่ะ”
“นิ่งเสีย หากใคร่ไปด้วยก็ไป มิมีใครว่ากระไรเจ้าดอก มิต้องไห้หนาเด็กดี”รับซับพระพักตร์มาจากเจ้าบัวงาม ก่อนจักซับน้ำตาให้ยาเยียคนดี
“อึก...ท่านแม่...อนุญาตให้ข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ”ถึงกระนั้นยาเยียเด็กดีก็ยังหันไปขออนุญาตมารดา เรียกสายตาเอ็นดูจากผู้ใหญ่
“แม่อนุญาตจ้ะ...ไปเถิด แม่ก็จักไปกับเจ้าด้วยดีหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”ยิ้มหวานออกมาทั้งน้ำตา
.
.
.
“ท่านแม่ ยาเยียแต่งกายแล้วแล้วเจ้าค่ะ”ยาเยียคนงามที่วันนี้จักได้ไปเที่ยวตลาดนอกวังหลวงวิ่งเข้ามาหามารดาที่นั่งพับเพียบอยู่หน้ากระจกเงาโต๊ะเครื่องแป้งข้างเตียงนอนในห้อง
“มิวิ่งหนาลูก”หันมารับร่างเล็กของลูก
“ขออภัยเจ้าค่ะ ลูกดีใจไปหน่อย”ยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันกระต่ายสองซี่โดดเด่น
“หึหึหึ”หัวเราะอย่างเอ็นดู จับร่างเล็กหมุนหน้า หมุนหลัง วันนี้ยาเยียเด็กดีงามนัก เด็กน้อยผิวขาวราวหยวกกล้วยใส่เสื้อคอกระเช้าสีกลีบบัว แลโจงกระเบนสีม่วงดอกตะแบก ผมยาวถูกรวบเป็นหางม้าเผยให้เห็นดวงหน้าหวานขาวผ่องน่าเอ็นดู สายหยุดอดไม่ได้ที่จักกดจูบลงบนปรางนุ่มของลูกอย่างรักใคร่
“ท่านแม่แล้วแล้วหรือยังเจ้าค่ะ”
“แล้วแล้วลูก”
“เยี่ยงนั้นเราออกไปรอท่านพ่อที่ชานเรือนดีหรือไม่เจ้าค่ะ”
“จ้ะ”ว่าแล้วก็ลุกตามแรงจูงของยาเยียคนงามออกไปรอพ่อเหมที่ชานเรือน เมื่อครั้งสายหยุดให้กำเนิดยาเยียน้อย ฝ่าบาท แลพระชายาก็ทรงเมตตาประทานเรือนหลังใหม่ให้ ซึ่งใหญ่กว่า แลมีพื้นที่รอบๆ เรือนมากกว่าหลังเดิมของพ่อเหมมากโข อีกทั้งยังอยู่มิไกลจากตำหนักในเท่าเรือนข้าหลวงอื่น
“อ๊ะ ท่านแม่...ท่านพ่อมาแล้วเจ้าค่ะ”ยาเยียน้อยกระตุกมือมารดาเมื่อเห็นบิดา
“แล้วแล้วหรือ แม่ลูก”
“แล้วแล้วจ้ะพี่เหม”สายหยุดตอบสามี
“เยี่ยงนั้นก็ไปรอที่ตำหนักหลวงกันเถิด ประเดี๋ยวเจ้านายก็คงแล้วกันแล้ว”
“จ้ะ”จากนั้นคนเป็นพ่อ แลแม่จึงได้จูงมือลูกคนละข้างไปยังตำหนักหลวง
.
.
.
“เสด็จแม่ เมื่อใดจักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทน้อยที่ประทับบนพระเพลาคนเป็นพ่อตรัสถามมารดาที่กำลังแต่งองค์ให้เจ้าน้อยพเยียผู้เป็นพี่
“ประเดี๋ยวแม่รวบเกศาให้พี่เจ้าแล้วก็แล้วแล้วลูก”เจ้าบัวงามตรัสขณะรวบผมยาวของเจ้าพเยีย
“เสด็จพี่มิเห็นจักงามสู้ยาเยียได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ตรัสขึ้น
“เสด็จแม่...ฮึก”เจ้าพเยียเบะโอษฐ์ คิ้วบางแทบจักขมวดเป็นปม
“ชู่วๆ”เจ้าบัวงามดึงลูกเข้ามากอดปลอบ เจ้าพเยียทำตัวอ่อนซบพระอังสะมารดาอย่างหมดแรง
“ไยจึงว่าพี่เช่นนี้เล่าลูก”องค์จันทร์ทรงตรัสถามโอรสบนพระเพลา
“ลูกมิได้ว่า หากแต่ลูกพูดความจริงพ่ะย่ะค่ะ สำหรับลูกยาเยียงามที่สุด”เจ้าพบูตรัส
“...”
“งามกว่าแม่อีกหรือเจ้า”เจ้าบัวงามแสร้งตรัสถาม
“...เสด็จแม่งามกว่าข้อนิ้วหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮะฮ่าๆๆ เข้าใจตอบหนาเจ้า”องค์จันทร์ทรงสรวลทันทีที่ได้ฟังคำตอบของโอรส
“หึหึหึ...พเยียของแม่งามที่สุดแล้วเจ้า”เจ้าบัวงามส่ายพักตร์ ก่อนจักก้มพักตร์ลงไปตรัสกับโอรสตัวน้อย
“จริงหรือพระเจ้าค่ะ”
“จริงสิเจ้า มิเชื่อหรือ ถามพ่อเจ้าดูสิ”
“เสด็จพ่อ”ตรัส แลผละออกจากอกมารดา เดินเตาะแตะไปหาบิดาที่ประทับอยู่บน
“จ๋า คนดี”อ้าพระกรรับคนพี่เข้ามากอดแนบพระอุระ พระนาสิกหอมเบาๆ ที่กระหม่อมลูก
“พเยียงามหรือไม่พระเจ้าค่ะ”ช้อนนัยน์ตาที่ทอดแบบพระบิดามาขึ้นจ้องพระพักตร์
“งามลูก ลูกพ่องามที่สุด”
“คิกๆ เห็นหรือไม่พบู เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ท่านว่าพี่งามที่สุด เจ้ามีตาหามีแววไม่”คนพี่ได้ทีตรัสว่าน้อง
“ชู่วๆ มิเอา มิตีกันหนาลูก”องค์จันทร์ตรัส
“พระเจ้าค่ะ”
“ไปเถิด ป่านนี้ยาเยียมารอแล้วกระมัง”เจ้าบัวงามตรัส
“พ่ะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทน้อยรีบรับคำ แลลงจากพระเพลาพระบิดา ดำเนินนำออกไปคนแรก เมื่อทอดพระเนตรเห็นยาเยียคนงามก็ตรงเข้าไปกอดทันที
หมับ
“อ๊ะ องค์รัชทายาท”ยาเยียเด็กดีสะดุ้งตกใจ
“ยาเยียของบูงามจริงเจ้า”ตรัส แลกดพระนาสิกกับปรางนุ่มของคนเป็นพี่
“อะแฮ่ม องค์พบูพ่ะย่ะค่ะ”พ่อเหมขัดขึ้น
“หืม”
“ปล่อยยาเยียก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอรับ...ยาเยีย เอาไว้ถึงตลาดแล้ว ยาเยียใคร่ได้กระไร บูจักซื้อให้ทุกอย่างเลยหนา”ยอมผละออกจากยาเยียคนงาม หากแต่ก็คว้ามือน้อยขึ้นมากุมแนบพระอุระ
“ข ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะองค์พบู”
“มิเป็นไรดอก”
“เจ้าพบู มาหาแม่มาเจ้า จักได้ไปกันเสียที ปะเดี๋ยวอากาศจักร้อนหนา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
.
.
.
เจ้านายทั้งสี่พระองค์ทรงดำเนินดูร้านรวงในตลาดนอกวังหลวง โดยมีองครักษ์ประจำพระองค์เจ้าหลวง แลคนสนิทพระชายาพร้อมลูกน้อยเดินตามหลัง
“ยาเยียมานี่สิเจ้า”เจ้าพบูตรัสเรียกยาเยียคนงามเมื่อดำเนินมาถึงร้านขนม
“ยาเยียไปได้หรือไม่เจ้าค่ะท่านแม่”เด็กน้อยเงยหน้าถามมารดาที่จูงมือตนอยู่
“ไปเถิดจ้ะคนดี”เมื่อคนเป็นแม่อนุญาตจึงได้เดินไปหาองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยที่ประทับยืนรอตนอยู่
“ใคร่อยากกินขนมกระไรหรือยาเยีย บูจักซื้อให้”องค์รัชทายาทตรัสถาม พลางจับมือคนงามไว้แน่น
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ยาเยียใครอยากกินขนมทองฟูพระเจ้าค่ะ”
“เยี่ยงนั้น บูซื้อให้หนา”
“มิเป็นไรดอกพ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ประเดี๋ยวหม่อมฉันซื้อให้ยาเยียเอง”พ่อเหมเอ่ยขึ้น
“มิเป็นไรดอกท่านอาเหม ข้าจักหมั้นยาเยียด้วยขนมทองฟูหนา”ตรัสกับบิดายาเยีย ก่อนจักผินพักตร์กลับมาตรัสกับยาเยียคนงาม
“หา...”ยาเยียคนงามร้องเสียงหลง
“แต่มิต้องกังวลหนา แม้นเพลานี้ข้าจักหมั้นเจ้าด้วยขนมทองฟู หากแต่โตขึ้นข้าจักหาแก้วแหวนเงินทองมาหมั้นยาเยียเองหนา”
“...”สายหยุด แลพระชายาถึงกับพูดมิออก องค์จันทร์ทรงสรวลน้อยๆ ให้ความแก่แดดแก่ลมของโอรสองค์เล็ก ในขณะที่พ่อเหมร่ำไห้อยู่ในใจผู้เดียว
“ยาเยียเมื่อยหรือไม่ทูนหัว ให้พ่ออุ้มมาเจ้า”พ่อเหมกวักมือเรียกลูก
“หากแต่ยาเยียยังมิได้ขนมเลยหนาเจ้าค่ะท่านพ่อ”ช้อนตามองหน้าพ่อ น่าสงสารจนคนเป็นพ่อใจอ่อน
“เช่นนั้นหากลูกเมื่อยก็บอกพ่อแล้วกันหนาลูก”
“เจ้าค่ะ”ยิ้มกว้างจนน่าเอ็นดู
.
.
.
“ท่านแม่ ยาเยียโปรดเจ้าค่ะ”ยาเยียคนงามว่าหลังจากกลืนขนมทองฟูที่มารดาป้อนให้
“เยี่ยงนั้น คราหลังแม่จักทำให้เจ้ากินดีหรือไม่”
“เจ้าค่ะ รสมือท่านแม่คงอร่อยกว่าเป็นแน่”
“ปากหวานนักหนาเจ้า”จับปลายคางมนของเด็กดีเขย่าเบาๆ
“คิกๆ”
“ท่านอาสายหยุด”
“พระเจ้าค่ะองค์รัชทายาท”พบูน้อยวิ่งทั่กๆ เข้ามาหาสองแม่ลูกคนงาม
“ข้าพายาเยียไปดูไก่ตรงนั้นได้หรือไม่ขอรับ”
“พระเจ้าค่ะ”
“ขอบน้ำใจขอรับ”
“มิได้พระเจ้าค่ะ”
“ยาเยียไปดูไก่ตรงนู้นกันหนา บูจักพาไป”ผินพระวรกายมาหายาเยียคนงาม
“...พระเจ้าค่ะ”เหลือบมองมารดา เมื่อเห็นว่าท่านพยักหน้าจึงได้ตอบรับ แลเดินตามแรงจูงขององค์รัชทายาท ไปดูไก่ชนที่ชาวบ้านขังไว้ในสุ่ม เด็กน้อยทั้งสองทรุดกายนั่งยองอยู่ข้างสุ่มไก่
“ยาเยียมิต้องกลัวหนา”ตรัส แลกุมมือน้อยไว้แน่น
“พระเจ้าค่ะ...อ๊ะ”พยักหน้าให้องค์พบู ก่อนจักสะดุ้งตกใจ ดวงตาหวานเบิกขึ้นเมื่อไก่ตัวโตกระพือปีกใส่
“ชู่วว มิต้องกลัวหนา บูอยู่นี่หนายาเยียคนดี”ตรัส แลดึงคนตัวเล็กมากอด กดดวงหน้างามให้ซบกับพระอุระ แอบแตะพระโอษฐ์ที่ขมับขาว
“ยาเยียกลัวพระเจ้าค่ะ”ซุกหน้ากับอุระขององค์รัชทายาท
“มิต้องกลัวหนาคนดี บูปลอบหนาเจ้า”
“ยาเยียเป็นกระไรไปลูก”พ่อเหมที่ผละออกจาองค์จันทร์มาตามหาลูกน้อย เจอเข้ากับภาพองค์รัชทายาทกอดยาเยียทูนหัวจนกลมก็รีบเข้าไปถามไถ่
“ท่านพ่อ”
“ท่านอาเหม”
“องค์รัชทายาททรงเป็นกระไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ย่อกายลงให้เสมอเด็กน้อยทั้งสอง
“ท่านพ่อ ยาเยียกลัวไก่เจ้าค่ะ”
“โถ มิต้องกลัวหนาลูก”
“มันจักจิกยาเยีย แลองค์พบูเจ้าค่ะ”
“มันอยู่ในสุ่ม ออกมาจิกลูก แลองค์รัชทายาทมิได้ดอก มิเป็นไรหนาทูนหัวของพ่อ”ปลอบลูกน้อย
“เจ้าค่ะ”
“เยี่ยงนั้นทรงกลับไปหาเจ้าหลวง แลพระชายากันเถิดพ่ะย่ะค่ะ จักได้เดินไปดูร้านรวงข้างหน้าต่อ”พ่อเหมกล่าวกับองค์รัชทายาท
“ขอรับ”
“ยาเยียให้พ่ออุ้มไหมลูก”
“เจ้าค่ะ...”ชูแขนให้คนเป็นพ่ออุ้มแนบอก
“กระหม่อมจูงหนาพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอรับ”
.
.
.
“เสด็จพ่อ คราหน้าพาลูกไปที่ตลาดอีกได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยพเยียตรัสถามพระบิดา เมื่อกลับมาถึงวังหลวงแล้ว
“ได้สิเจ้า คราหน้าพ่อจักพาเจ้าไปอีกหนาคนดี”พระหัตถ์อุ่นประคองปรางกลมของลูกก่อนจักตรัส
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ฉีกพระโอษฐ์แย้มสรวลกว้างให้คนเป็นพ่อ
“พายาเยียไปด้วยหนาพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าพบูตรัส
“จ้ะ ลูก”เจ้าบัวงามตรัสตอบโอรสองค์เล็ก
“เสด็จพ่อ เสด็จแม่”
“หืม ว่าอย่างไรลูก”
“หากโตขึ้น บูจักแต่งยาเยียเป็นชายาจริงๆ หนาพ่ะย่ะค่ะ”
“โธ่...เจ้าพบู เอาไว้เจ้าโตกว่านี้ก่อนเถิด แลค่อยว่ากันหนาลูก”
“พ่ะย่ะค่ะ หากแต่บูมิเปลี่ยนใจจากยาเยียง่ายๆ เป็นแน่”
.
.
.
๑๒ ปีต่อมา
องค์รัชทายาทพบูในวัย ๑๕ ชันษาทรงเสด็จมาที่ตำหนักในของเจ้าน้อยพเยียผู้เป็นพี่ทันทีที่ออกว่าราชการกับคนเป็นพ่อแล้วแล้ว
“ทูลองค์รัชทายาท เจ้าน้อยมีรับสั่งห้ามมิให้องค์รัชทายาททรงเข้าตำหนักเพคะ”ยังมิทันที่องค์พบูจักได้ดำเนินไปถึงพระทวารตำหนักใน ข้าหลวงสาวก็ปรี่เข้ามาหมอบกราบทูลความอันมิน่าฟังแก่พระองค์
“ว่ากระไรหนา”
“เจ้าน้อยทรงมีรับสั่งมิให้องค์รัชทายาทเข้าเฝ้าเพคะ”
“หากแต่ข้ามาหายาเยียคนงาม หาใช่เจ้าพี่ไม่”
“ขอประทานอภัยเพคะ”ก้มหน้าหลบตาองค์รัชทายาทของแคว้น
“หึ่ม พเยีย!!!!”ทรงคำรามพระสุรเสียงดัง
.
.
.
“อุ๊บ คิกๆๆ”เจ้าน้อยพเยียที่ทรงประทับอยู่ในห้องบรรทม ทรงสรวลออกมาเมื่อได้ยินสุรเสียงทุ้มของอนุชาคำรามพระนามตน
“เจ้าน้อย แกล้งองค์รัชทายาทเช่นนี้จักดีหรือพระเจ้าค่ะ”ยาเยียได้แต่เอ่ยอย่างอ่อนใจ แม้ว่าจักโตกันแล้ว หากแต่เจ้าน้อย แลองค์รัชทายาทก็ยังตีกันเหมือนเมื่อครั้งยังเยาว์วัยมิมีผิด
“เอาน่ายาเยีย คิกๆๆ...อืม ผ้าแถบสีนี้เหมาะกับเจ้านัก”เจ้าพเยียหาได้สนใจมิว่าอนุชาจักกริ้วเพียงใด หัตถ์เล็กหยิบผ้าแถบสีหวาน ผืนงามมาทาบเทียบสีผิวยาเยียหลายต่อหลายผืน
“โธ่ เจ้าน้อย...ผ้าแถบที่ทรงประทานให้หม่อมฉันมากจนหม่อมฉันใส่มิทันแล้วพระเจ้าค่ะ”ยาเยียว่า
“ใส่ๆ ไปประเดี๋ยวก็ใส่ครบ เยี่ยงนั้นดูผ้าโจงบางดีกว่า”ตรัสจบก็รื้อหีบผ้า หาผ้าโจงมาทาบบนตัวยาเยียราวกับตุ๊กตา
ปัง!!!
“พเยีย”องค์พบูกระแทกบานทวารห้องบรรทมคนเป็นพี่เต็มแรง จนอ้าออกเสียงดัง พระสุรเสียงทุ้มเข้มตรัสเรียกเจ้าน้อยผู้เป็นพี่อย่างหงุดหงิด
“อุ๊บ คิกๆๆ ยาเยียเจ้าอย่าไปใกล้เจ้าพบูหนาประเดี๋ยวจักถูกขบเอา คิกๆๆ”ยกผ้าในมือขึ้นขึงบังพระโอษฐ์ที่สรวลอย่างอารมณ์ดี
“ใช่ อย่ามาใกล้ข้าประเดี๋ยวจักถูกขบเอา”มิตรัสเปล่า ทรงโน้มพระพักตร์งามลงมาใกล้ยาเยียคนงาม อ้าโอษฐ์ออกขบกัดไหล่เปลือยของยาเยียเบาๆ อย่างหยอกล้อ
“อ๊ะ องค์รัชทายาท”ยาเยียคนดีสะดุ้งตกใจจนตัวโยน
“พบู!! พี่จักทูลเสด็จแม่ว่าเจ้าทำรุ่มร่ามกับยาเยีย”
“หึหึหึ ทรงทำตัวติดกับยาเยียเช่นนี้ไงเล่า ถึงได้มิมีชายใดมาขอเป็นเมียเสียที”ทรงตรัสเย้าแหย่
“พบู!! หาใช่มิมีชายใดมาขอพี่ไม่ เป็นเพราะพี่มิเอาชายพวกนั้นเองต่างหาก”เชิดพระพักตร์ขึ้นอย่างถือดี
“ทำพระทัยไว้บางเถิด อีกมินานยาเยียก็ต้องตบแต่งเป็นชายาของน้อง อย่างไรเสียเสด็จพี่ก็ต้องหาคนสนิทใหม่”
“ไม่ ข้ามิเอาใครเป็นคนสนิททั้งนั้น นอกเสียจากยาเยีย”
“แล้วแต่เสด็จพี่เถิด หากแต่อย่างไรเสียยาเยียก็ต้องเป็นชายาข้า”
“ถามท่านอาเหมแล้วหรืออย่างไร ว่าท่านจักยกยาเยียให้เจ้าหรือไม่”
“ฮึ”องค์พบูทรงยกมุมพระโอษฐ์ขึ้น ส่งพระสุรเสียงในลำคอ พระเนตรคมเฉี่ยวสองคู่สบกันอย่างมิมีใครยอมใคร
“องค์รัชทายาท เจ้าน้อย”ยาเยียคนดีรีบเอ่ยหวังห้ามศึกระหว่างสองพี่น้อง
“ยาเยีย แดดร่มลมตกแล้ว ไปเดินเล่นที่สวนพฤกษากับบูหนา”ละสายพระเนตรจากคนเป็นพี่แล้ว หันพักตร์มาออดอ้อนยาเยีย
“ขะ...”
“น้องขอไปกับยาเยียสองคนหนาพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพี่คงมิขัดดอกหนา”ยังมิทันที่คนเป็นพี่จักได้เอ่ยปากตรัส คนน้องก็ขัดออกมาเสียก่อน
“...”แลจักทำกระไรได้ นอกเสียจากกระแทกพระวรกายประทับลงบนตั่งเยี่ยงเดิม
“ไปกันเถิดยาเยียคนดี”
“...พระเจ้าค่ะ”เหลือบตามองพักตร์บึ้งตึงของเจ้าน้อย เมื่อเห็นว่าทรงพยักพักตร์ให้จึงได้ตอบรับองค์รัชทายาท
.
.
.
.
องค์รัชทายาท แลคนสนิทของเจ้าน้อยจับจูงมือกันอยู่ในสวนพฤกษา โดยมีข้าหลวง แลทหารองครักษ์ตามเสด็จ ยาเยียคนดีก้มมองพระหัตถ์อุ่นที่กอบกุมมือตนไว้แน่นแล้วปรางแดงระเรื่อ พระหัตถ์ขององค์พบูทรงอุ่น แลทำให้ยาเยียรู้สึกปลอดภัยยามได้กอบกุม
“พวกเจ้าออกไปก่อน”ทรงหยุดดำเนินเมื่อมาอยู่ท่ามกลางพุ่มดอกมะลิหอม ทรงมีรับสั่งให้ข้าหลวง แลองครักษ์ตามเสด็จออกไปจากบริเวณนี้
“เพคะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”หมอบกราบองค์รัชทายาท แลคลานเข่าออกไปจนเหลือเพียงองค์พบู แลยาเยียคนดี
“ยาเยีย”ทรงประคองร่างบางให้หันมาประจันหน้า
“พระเจ้าค่ะ”
“ปีนี้ข้าอายุ ๑๕ แลยาเยียก็อายุ ๑๖ แล้ว”
“...พระเจ้าค่ะ”หลุบดวงตาลงมองมือตน
“บูใคร่อยากได้ยาเยียเป็นชายา...ยาเยียตบแต่งเป็นเมียบูหนา”ช้อบปลายคางมนของยาเยียขึ้น
“องค์พบู”ยาเยียหน้าแดงระเรื่อ หากจักหู้ดว่ามิมีใจให้องค์รัชทายาทเลย ก็คงจักเป็นไปมิได้ ก็ในเมื่อทรงเที่ยวไล้เที่ยวขื่อ เกี้ยวพาราสีมาตั้งแต่ยาเยีย ๔ ขวบ
“ยาเยียจักยอมปลงใจเป็นชายาของบูหรือไม่”มิตรัสเปล่า เพิ่มลูกอ้อนด้วยการโอบร่างแน่งน้อยเข้ามากอดแนบพระอุระ ทรงวางพระหนุลงบนไหล่บางหอมกรุ่นของยาเยีย แอบกดโอษฐ์ลงบนผิวนุ่มเบาๆ
“...ย ยาเยีย”
“...”
“ย ยาเยีย...พระเจ้าค่ะ”เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ยาเยียคนดีตัดสินใจทำกระไรโดยที่มิขอบิดา แลมารดาก่อน
“ยาเยีย...ปลงใจกับบูใช่หรือไม่”ผละออกมาตรัสถามคนงามให้ชัดเจน
“พระเจ้าค่ะ...อ๊ะ”สะดุ้งเมื่อถูกรวบเข้าไปกอดแน่น ก่อนจักยกมือขึ้นโอบกอดพระวรกายแกร่งขององค์รัชทายาทตอบ
“ยาเยียคนดี ทูนหัวของบู”กระซิบข้างใบหูเล็ก ทรงผละพระพักตร์ออกจากซอกคอหอม หัตถ์อุ่นประคองปรางนุ่มให้เงยขึ้นรับพระโอษฐ์อุ่นที่ไล่ประทับตั้งแต่ปรางขาวไปที่มุมปากจิ้มลิ้ม ก่อนจักแนบสนิทลงบนกลีบปากนุ่ม หากแต่ทรงทำเพียงแต่บดจูบ ขบกัดหยอกเย้ามิล่วงล้ำให้กลีบปากงามชอกช้ำนัก
.
.
.
เพลาผ่านไป จนกระทั่งมาถึงวันที่วังหลวงศศิมณฑลมีงานใหญ่ หรือก็คือ งานอภิเษกขององค์รัชทายาท แลคุณยาเยียบุตรคนเดียวขององครักษ์ประจำพระองค์เจ้าหลวง แลคนสนิทของพระชายา องค์จันทร์ เจ้าบัวงาม แลสายหยุดยิ้มมิหุบ ผิดกับท่านเหมผู้เป็นบิดาของเจ้าสาวในวันนี้ ใครจักรู้ว่าพ่อเหมร่ำไห้ในใจไปกี่รอบที่ลูกจักออกเรือนเช่นนี้ หากแต่ก็ดีแล้วที่เป็นองค์พบู หากเป็นชายอื่น พ่อเหมคงจักต้องอกแตกตายเป็นแน่
“ดูแลยาเยียให้ดีหนาเจ้าพบู”องค์จันทร์ตรัส
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ลูกจักรัก จักดูแล ให้เกียรติยาเยีย มิทำให้ยาเยียต้องเสียใจเป็นแน่”เจ้าพบูกราบทูลพระบิดา
“ย ยาเยียก็จักรัก แลดูแลองค์พบูให้สมกับที่ทรงเมตตาเลือกยาเยียเป้นชายาพระเจ้าค่ะ”
“ดีแล้ว รักกันให้มาก ยอมอ่อนให้กัน ประคับประคองกันให้มั่นหนาลูก”องค์จันทร์ทรงตรัส
“แม่มิรู้จักอวยพรกระไรให้ แม่เชื่อว่าพบูจักทำอย่างที่ให้คำมั่นกับเสด็จพ่อได้แน่”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
“หม่อมฉันก็เชื่อพระเจ้าค่ะว่าองค์รัชทายาทจักดูแลยาเยียของหม่อมฉันได้”สายหยุดกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ส่วนหม่อมฉันเชื่อเช่นสายหยุดว่าพระองค์จักทรงดูแลแก้วตาดวงใจของหม่อมฉันได้ดีอย่างที่ทรงตรัส แลหากทรงผิดคำพูดเมื่อใด หม่อมฉันจักเอาลูกคืนเป็นแน่”พ่อเหมว่าเสียงขรึม หวังข่มขวัญลูกเขย
“จักมิมีวันที่ท่านเอายาเยียคืนไปได้เป็นแน่ขอรับท่านพ่อ”
“หึหึหึ”องค์จันทร์ทรงสรวลให้ความแสบสันของโอรสองค์เล็กของตน
“ถึงเจ้าพบูจักเป็นน้องที่มิได้ความ หากแต่ข้าเชื่อว่าน้องข้าจักดูแลเจ้าได้เป็นแน่หนายาเยีย”
“พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”
“หึหึหึ สมเป็นพเยีย”มิมีดอกที่จักทรงมิจิกกัดน้อง
“แลหากเจ้าพลั้งเผลอทำสหายคนสนิทของข้าเสียใจ ข้าเอาเจ้าตายแน่เจ้าพบู”
“มิมีวันนั้นดอกพ่ะย่ะค่ะ”
“ชิส์”
.
.
.
เมื่อจบพิธีแล้วเจ้าหลวง แลพระชายาจึงได้กลับตำหนักหลวงเพื่อพักผ่อน เจ้าบัวงามประทับอยู่บนพระยี่ภู่ มีพระภัสดาประทับซ้อนด้านหลังโอบกอดร่างแน่งน้อยของเมียไว้
“เป็นกระไรปเจ้าบัวงาม”
“น้องกำลังคิดพระเจ้าค่ะ ว่าเพลาช่างผ่านไปเร็วนัก ราวกับเมื่อวานเจ้าพบู แลยาเยียยังเป็นเด็กน้อยวิ่งเล่นที่ศาลาริมสระหลวง หากแต่วันนี้กลับเติบโตขึ้นจนตบแต่งกันแล้ว”
“หึหึหึ นั่นสิ...เพลาช่างผ่านไปรวดเร้วเสียจริง...หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่มิมีเปลี่ยนแปลงไปว่าจักผ่านไปกี่สิบปี”ทรงตรัสกระซิบข้างริมกรรณขาว
“กระไรหรือพระเจ้าค่ะ”ผินพักตร์มาตรัสถามภัสดา
“ก็ความรักที่พี่มีต่อเจ้าอย่างไรเล่าเจ้าบัวงาม”
“ฝ่าบาท โอษฐ์หวานนักหนาพระเจ้าค่ะ ลูกหรือก็โตจนออกเรือนแล้ว ตรัสราวกับเป็นหนุ่มมากรัก”
“หึหึหึ รักเจ้าผู้เดียวนั่นแล”ตรัส แลแตะพระโอษฐ์กับโอษฐ์ของเจ้าบัวงาม
“หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ”
“ข้าหลงเจ้าจนมิรู้จักหลงอย่างไรแล้วเจ้าบัวงาม”
บัวหลงจันทร์ในวันนั้น หรือ จักสู้จันทร์หลงบัวในวันนี้ จบบริบูรณ์
[/i][/b]