บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม  (อ่าน 74519 ครั้ง)

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
สะใจ เอาให้จมดินไปเลย กล้ามารังแกเจ้าบัว
ตอไปจัดการต้นตอให้ตายเลยน่ะองค์จันทร์

แอบอยากให้เหมสายหยุดแต่งไวๆๆๆ อิอิ

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
ปูที่นอน รอค่ะ   :t3: :t3: :t3:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
รีบมาต่อนะรออยู่ค่ะ  :t3: :t3: :t3:

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
กรีดร้อง อ่านเพลินมาก

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1

บัวหลงจันทร์ ๑๒



"อ่อก...แค่กๆ อ่อก"อรุณนี้เจ้าตัวน้อยในพระครรภ์พระชายาดูท่าจักเกเรเอาการ จึงทำให้เจ้าบัวงามอาเจียนตั้งแต่ลืมตาขึ้น

"เป็นอย่างไรบ้างเจ้าบัวงาม"องค์จันทร์ตรัสถามพระสุระเสียงกังวลพระทัย พระหัตถ์อุ่นลูบแผ่นหลังบางไปมา

"ฮึก แฮ่กๆ"เจ้าบัวงามหอบหายใจจนตัวโยน ก่อนหน้านี้เจ้าตัวน้อยก็เกเร หากแต่เมื่อพ่อกลับมาแล้ว กลับยิ่งเกเรเสียจนเจ้าบัวแย่เอาการ

"ตามหมอหลวงทีสายหยุด"ทรงรับสั่งกับสายหยุด แลประคองร่างนุ่มนิ่มเข้าพิงพระอุระ

"พระเจ้าค่ะ"สายหยุดรับพระบัญชาพลางคลานเข่าออกจากห้องบรรทมเพื่อตามหมอหลวงมาดูอาการพระชายา

"เจ้าบัว เป็นเยี่ยงไรคนดี"ซับพระพักตร์ที่อบบุหงารำไปจนหอมฟุ้งถูกนำออกมาซับเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดขึ้นบนหน้าผากมน

"อึก ฝ่าบาท...หมะ หม่อมฉัน..เหนื่อยพระเจ้าค่ะ"นัยน์ตากวางหลับพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อน

"ทนหน่อยหนาคนดี.....อย่าเกเรนักเลยลูก แม่เจ้าจักแย่เอาหนา"พระหัตถ์วางทาบบนหน้าท้องแบนราบที่มีเจ้าตัวน้อยนอนอยู่พลางลูบเบาๆ

"เจ้าตัวน้อยเกเรนัก สงสัยคงใคร่อยากจักอ้อนพระบิดากระมังพระเจ้าค่ะ"

"หึหึหึ ช่างออดช่างอ้อนได้แม่เจ้านัก"

"คิกๆ ฝ่าบาท..."

"หืม..ว่าอย่างไรเจ้า"

"หม่อมฉันใคร่อยากไปสูดอากาศที่สวนพฤกษาพระเจ้าค่ะ"

"ได้สิเจ้า ประเดี๋ยวหมอหลวงตรวจเจ้าแล้ว พี่จักพาไปหนา"กดพระนาสิกกับขมับน้อง

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"

"ทูลฝ่าบาทหมอหลวงมาแล้วพระเจ้าค่ะ"

"ให้หมอหลวงตรวจก่อนหนาเจ้าบัวงาม"

"พระเจ้าค่ะ"


.
.
.


"เป็นเยี่ยงไรท่านหมอ เหตุใดเจ้าบัวจึงอาเจียนหนักเอาการเช่นนี้ แพ้ท้องหนักหรือ"

"พะย่ะค่ะฝ่าบาท พระชายาทรงแพ้ท้องหนักเอาการ หากแต่จักแพ้มินานเอกพะย่ะค่ะ มิต้องกังวลพระทัยไป เป็นปกติของคนท้องพะย่ะค่ะ"

"งั้นหรือ แลต้องทำเยี่ยงไรให้อาการแพ้บรรเทา ข้าเห็นเจ้าบัวอาเจียนจนหมดเรี่ยวหมดแรงเช่นนี้แล้ว ข้าใจมิค่อยจักดี"

"หม่อมฉันจักถวายโอสถบำรุงครรภ์ให้พะย่ะค่ะ แลผลมะดันจักช่วยบรรเทาอาการวิงเวียน ใคร่อาเจียนพะย่ะค่ะ"

"เช่นนั้น อิ่ม"

"เพคะ"

"ไปบอกห้องเครื่องเตรียมผลมะดันให้เจ้าบัว"

"เพคะ"

"แลลูกข้าเป็นเช่นไร แข็งแรงดีหรือไม่"

"รัชทายาทในครรภ์ แข็งแรงดีพะย่ะค่ะ หากแต่สามเดือนแรกนั้นจักต้องระวังให้มาก อย่าให้กระทบกระเทือนรุนแรง มิเช่นนั้นเราอาจจักเสียองค์รัชทายาทไปได้พะย่ะค่ะ"

"ได้ยินแล้วใช่หรือไม่สายหยุด เยี่ยงนี้เจ้าจักต้องดูแลเจ้าบัวเป็นสองเท่า เข้าใจหรือไม่"

"พระเจ้าค่ะฝ่าบาท"

"ฝ่าบาท หม่อมฉันใคร่อยากไปสวนพฤกษาพระเจ้าค่ะ"

"จ้ะ..ประเดี๋ยวพี่จักพาไปหนาเจ้า"


.
.
.


"ดีขึ้นหรือไม่เจ้าบัว"

"พระเจ้าค่ะ มิใคร่วิงเวียน แลอาเจียนแล้ว"

"หึหึ"

"ลูกคงจักโปรดดอกไม้กระมังพระเจ้าค่ะ"

"พเยีย"

"พระเจ้าค่ะ?"

"ลูกโปรดดอกไม้เช่นนั้น..."

"...."

"หากลูกเป็นเช่นเจ้า พี่จักให้นามว่า 'พเยีย' "

"พเยียหรือพระเจ้าค่ะ"

"ใช่ เจ้าโปรดนามนี้หรือไม่"

"พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันโปรดนามนี้ หากแต่ลูกมิได้เป็นเช่นหม่อมฉันเล่าพระเจ้าค่ะ"

"หากลูกสมชายชาตรีพี่จักให้นามว่า 'พบู' "

"พระเจ้าค่ะ"ริมฝีปากบางอมยิ้มหวานให้พระภัสดา ถูกอกถูกใจกับนามลูกที่ทรงประทานให้

"หากแต่พี่มีความรู้สึก"

"......"

"ว่าลูกจักต้องเป็นเฉกเช่นเจ้าเป็นแน่ งดงาม แลสง่า"

"ฝ่าบาท"ปรางนวลแดงระเรื่อ

"พี่โชคดีเหลือเกินที่เจ้าเลือกพี่เป็นคู่ครอง"ไล้ข้อพระองคุลีไปตามสันกรามเล็ก

"ทรงตรัสกระไรเช่นนั้นพระเจ้าค่ะ"

"บัวงามแก้วตาแห่งภุมริกา หากแต่บัดนี้เป็นดวงใจแห่งศศิมณฑล"ตรัสพลางรั้งเอวบางเข้ากอดแนบพระอุทร เจ้าบัวเอนกายซบพระอุระอุ่น

"....."

"อาจจักช้าไปบ้าง หากแต่พี่ก็ใคร่บอกให้น้องได้รู้ไว้"

"กระไรหรือพระเจ้าค่ะ"

"พี่รักเจ้าหนาเจ้าบัว"

"ฝ่าบาท..."เสียงหวานครางเครือในลำคอ

"พี่รักเจ้า แลลูก พี่จักมิยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกเจ้า แลลูกได้อีก"

"ฝ่าบาท...หมะ หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ"

"หึหึหึ...พี่มิเคยคิดมาก่อนว่าจักมีวันนี้ ขอบใจเจ้าหนาเจ้าบัว"

"...มิได้พระเจ้าค่ะ"


.
.
.


แลวันเดินทางไปแคว้นภุมริกาก็มาถึง ขบวนเสด็จถูกจัดเตรียมความพร้อม อย่างมิให้ขาดตกบกพร่อง

"เป็นอย่างไรเจ้าบัว วิงเวียนหรือไม่"

"มิได้พระเจ้าค่ะ ผลมะดันนั้นช่วยได้มากเทียวพระเจ้าค่ะ"

"ดีแล้วเจ้า"พระนาสิกกดเบาๆที่กลุ่มผมหอม

"เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ชมนาดคงจักดีพระทัยหนาพระเจ้าค่ะ มินานก็จักได้อุ้มหลานแล้ว"

"หึหึหึ แน่นอนเจ้าบัว เอาไว้จัดการไอ้สินแล้วก่อนเถิด พี่จักจัดงานฉลองรับขวัญลูกเจ็ดวันเจ็ดคืนเชียว"

"คิกๆ กระนั้นเชียวหรือพระเจ้าค่ะ"

"แน่นอน หึหึหึ"


.
.
.


การเดินทางสิ้นสุดลงเมื่อขบวนเสด็จจากศศิมณฑลหยุดเทียบที่ตำหนักหลวงแคว้นภุมริกา องค์จันทร์ค่อยๆประคองน้องน้อยลงจากเกี้ยว

"ถวายพระพรพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ เสด็จแม่"องค์จันทร์ตรัสพลางค้อมพระเศียรให้พระสัสสุระ แลพระสัสสุ

"ยินดีต้อนรับหนาองค์จันทร์...เจ้าบัว"เจ้าชมนาดตรัสกับบุตรเขย

"เสด็จแม่"

พระชายาชมนาดดึงร่างบางของโอรสองค์เล็กเข้ากอดหอมด้วยความคิดถึง

"เจ้าบัวงามมาให้พ่อกอดบ้างสิเจ้า"

"เสด็จพ่อ"ผละจากร่างบางของพระมารดา โผเข้าซบอกพระอุระอุ่นของพระบิดา

"เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก กินอิ่มนอนหลับมีความสุขดีหรือไม่"

"พระเจ้าค่ะ ลูกสบายกาย สบายใจดีพระเจ้าค่ะ"

"จริงหรือ อยู่ที่ใดจักสุขกาย สุขใจเท่าบ้านเรากันลูก"มิวายตรัสแขวะราชบุตรเขย

"เสด็จพี่"เจ้าชมนาดปรามพลางบิดพระมังสาตรงพระกฤษฎีจนองค์ภุมรินเบ้พระพักตร์

"เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าบัวงาม"เมื่อน้องน้อยผละออกจากพระบิดาก็รั้งร่างบางเข้ามากอด ตั้งแต่ประสูติจนมีพระชนมายุครบ 18 พรรษา มิเคยได้ห่างกัน จนน้องน้อยตบแต่งเป็นเมียองค์จันทร์จึงได้ห่างเยี่ยงนี้

"น้องสบายดีพระเจ้าค่ะภุชงค์"

"ดีแล้วเจ้า"พระหัตถ์ลูบแก้มขาวเบาๆ

"ลูกมีเรื่องจักกราบทูลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ แลภุชงค์พระเจ้าค่ะ"

"เรื่องใดกันเจ้าบัวงาม"องค์ภุมรินตรัสถามพลางโอบไหล่บางของโอรสองค์เล็ก

"ให้ลูกเข้าตำหนักก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ ค่อยไถ่ถาม"

"ก็ได้จ้ะ เยี่ยงนั้นเจ้าบัวเข้าตำหนักพักให้หายเหนื่อยก่อนก็แล้วกันหนาลูก ประเดี๋ยววันพรุ่งค่อยว่ากันดีไหมเจ้า"

"พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ"

"เยี่ยงนั้นคืนนี้เจ้าไปนอนกับพ่อ แลแม่ที่ตำหนักหลวงดีหรือไม่"

"เสด็จพี่"

"...ลูกมิกวนเสด็จพ่อ เสด็จแม่ดอกพระเจ้าค่ะ"

"ว่ากระไรเยี่ยงนั้นเจ้าบัว นอนกับพ่อ แลแม่น่ะ ดีแล้วเจ้า"

"ลูกมีพระภัสดาแล้ว ก็ต้องอยู่ปรนนิบัติพระภัสดาสิพระเจ้าค่ะเสด็จพี่"

"เจ้าชมนาด เจ้า..."

"เสด็จพี่..."กระซิบกระซาบข้างพระกรรณพระภัสดา

"ก็ได้เจ้า"

"เยี่ยงนั้นเจ้าบัวก็อยู่ปรนนิบัติรับใช้องค์จันทร์เถิดลูก วันพรุ่งมีกระไรค่อยทูลเสด็จพ่อก็แล้วกัน วันนี้ไปพักผ่อนก่อนเถิด"

"พระเจ้าค่ะเสด็จแม่"

"ฝากองค์จันทร์ดูแลเจ้าบัวด้วยหนา"

"พะย่ะค่ะเสด็จแม่ชมนาด"


.
.
.


ภายในตำหนักในที่ประทับของเจ้าน้อยภุมริกา

"ฝ่าบาททรงพักผ่อนก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ"

"เจ้านั่นแลเจ้าบัวที่ควรจักพักผ่อนกำลังท้องกำลังไส้ แลยิ่งแพ้ท้องเช่นนี้ยิ่งควรพักให้มากๆหนา"

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ หากแต่บัวเป็นเมียจักปรนนิบัติพระองค์บกพร่องได้อย่างไร"

"โธ่ เจ้าบัวงาม"

"....."มิตรัสตอบ หากแต่แย้มยิ้มหวานให้พระภัสดา เอนกายอิงซบพระอุระอุ่น ประคองพระหัตถ์ใหญ่วางทาบบนหน้าท้องแบนของตน

พระหัตถ์ข้างหนึ่งโอบร่างนุ่มนิ่ม อีกข้างลูบหน้าท้องเมีย พระนาสิกกดหอมที่ขมับขาว


.
.
.


รุ่งเช้า องค์จันทร์ทรงตื่นบรรทมก่อนเจ้าบัวงามที่ตั้งแต่ท้องไส้ก็นอนมากขึ้น หากแต่ก็กินน้อยเท่าแมวดมเหมือนเก่า พระหัตถ์เลิกผ้าแพรสีหวานออก พระโอษฐ์ยกแย้มพระสรวลเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นมือน้อยที่โอบประคองครรภ์ตนแม้ยามหลับ ทรงประคองมือน้อยขึ้นจูบหอมเบาๆ

"พเยียน้อยของพ่อ"ตรัสกับหน้าท้องเมีย ก้อนพระโลหิตเชื้อไขของพระองค์กำลังฟูมฟักเติบโตอยู่ในครรภ์เจ้าบัวงาม

"ตื่นหรือยังเจ้าตัวน้อย...เจ้าขี้เซาคนเดียวมิพอ ยังจักพาแม่เจ้าขี้เซาด้วยอีก"

"คิกๆๆ..ฝ่าบาทลูกยังมิรู้เรื่องดอกพระเจ้าค่ะ"เสียงหวานแหบเพราะเพิ่งตื่นจากนิทราเอ่ยขึ้น

"หืม...หึหึ ตื่นแล้วหรือเจ้าบัวงาม"

"พระเจ้าค่ะ"ค่อยๆยันกายลุกขึ้นโดยมีพระภัสดาช่วยประคับประคอง

"เยี่ยงนั้นลุกสรงน้ำเถิด ประเดี๋ยวเสด็จพ่อ แลเสด็จแม่จักรอนาน"

"พระเจ้าค่ะ"

"ข้าหลวงที่อยู่ข้างนอก เตรียมน้ำสรงให้ข้าทีเถิด"

"เพคะ"ข้าหลวงสาวหมอบคลานเข้ามาในห้องบรรทม ช้อนสายตามองพระอุระกว้างเปลือยแลใบหน้าแดงซ่าน เจ้าหลวงศศิมณฑลทรงรูปงามนัก อาการขวยเขินอ้อล้อของข้าหลวงสาวหาได้รอดพ้นนัยน์ตากวางของเจ้าบัวไม่

"ฝ่าบาทจักทรงให้หม่อมฉันถวายงานปรนนิ..."ยังมิทันสิ้นเสียงข้าหลวงสาว พระสุระเสียงหวานก็ขัดขึ้นเสียก่อน

"มิต้องดอก ประเดี๋ยวข้าจักปรนนิบัติพระภัสดาเอง"

"พะ เพคะ"

"เยี่ยงนั้นเจ้าก็รีบไปเตรียมน้ำเถิด"

"เพคะ"ยังมิวายลอบมององค์จันทร์ทิ้งท้าย


.
.
.


จ๋อม~

"เป็นกระไรไปเจ้าบัวงาม ใยจึงหน้าบึ้งตึงเช่นนี้"ตรัสถามพลางกดจูบที่แก้มนวล พระกรโอบกอดร่างบางจากด้านหลัง พระหัตถ์กวักน้ำรดไหล่เล็กของเมีย ลูบไล้เบาๆ

"มิได้พระเจ้าค่ะ"

"แลใยจึงหน้าบึ้งตึงเช่นนี้  หืม ประเดี๋ยวลูกก็ออกมาหน้าย่นดอก"

"ฝ่าบาท~"เรียกพระภัสดาน้ำเสียงออดอ้อน

"หืม"ครางรับ พระโอษฐ์กดจูบตามซอกคอขาว ตอดเล็กตอดน้อย

"หม่อมฉันตั้งครรภ์ หาปรนนิบัติฝ่าบาทได้อย่างเก่าไม่ พระองค์จักทรงปันพระทัยให้ผู้อื่นหรือไม่พระเจ้าค่ะ"

"ว่ากระไรเยี่ยงนั้นเจ้าบัวงาม มีเจ้าอยู่ทั้งใจเยี่ยงนี้ แลพี่จักมีใจที่ไหนไปปันให้ผู้อื่น"

"ฝ่าบาท~"พลิกกายโผเข้าซบพระอุระกว้าง

"มิต้องกังวลไปดอก แลเหตุใดจึงมากังวลเรื่องมิเป็นเรื่องเช่นนี้กันเจ้า"

"..."เจ้าบัวส่ายหน้ากับพระอุระพระภัสดา

"หรือจักคิดมากเพราะท้องไส้กัน"

"กระมังพระเจ้าค่ะ"

"พเยียใยจึงทำแม่เจ้าคิดมากเยี่ยงนี้เล่าลูก"เลื่อนพระหัตถ์ประคองครรภ์น้อย ลูบปลายพระองคุลีแผ่วเบา

"ลูกคงจักกลัวพ่อมิรักแม่กระมังพระเจ้าค่ะ"

"หากมิรักเจ้า แลแม่เจ้าจักให้พ่อไปรักใคร่อีก หืม"

"หม่อมฉันบกพร่องนัก ที่มิสามารถถวายงานพระองค์ได้"

"ว่ากระไรเยี่ยงนั้น จักบกพร่องได้เยี่ยงไร ในเมื่อในครรภ์เจ้ามีลูกของเรานอนอยู่"

"หม่อมฉันรักพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ"

"พี่ก็รักเจ้า เจ้าบัว รักเจ้าด้วย เจ้าพเยีย หากบอกรักแม่เจ้าแลมิบอกเจ้า คงได้เกเรจนแม่เจ้าหมดแรงเป็นแน่"

"คิกๆ.."


.
.
.


"กินอันนี้สิเจ้าบัว พ่อสั่งห้องเครื่องให้ทำให้เจ้าเชียวของโปรดมิใช่หรือ"องค์ภุมรินตรัสพลางตักอาหารให้โอรสองค์เล็ก

"อึก...อุบ"เมื่อได้กลิ่นอาหาร อาการพะอืดพะอมก็เล่นงานเจ้าบัวงามเสียจนต้องยกมือปิดปาก เกรงว่าจักอาเจียนใส่สำรับ องค์จันทร์รีบผลักสำรับออกห่างมิให้เมียได้กลิ่น

"เจ้าบัวเป็นกระไรไปลูก"เจ้าชมนาดปรี่เข้าลูบแผ่นหลังบางของโอรสองค์เล็ก โดยมีราชบุตรเขยโอบร่างบางพลางยกยาหอมจรดจมูกโด่งรั้น องค์จันทร์ตั้งแต่ทรงทราบว่าเจ้าบัวงามตั้งครรภ์ ก็ทรงพกยาหอมไว้กับตัวมิขาด

"ก็เรื่องนี้แลพะย่ะค่ะ ที่หม่อมฉัน แลน้องบัวจักกราบทูลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ แลภุชงค์"องค์จันทร์ตรัส

"เจ้าบัวเป็นกระไรไป"องค์ภุมรินทรงตรัสอย่างกังวลใจ

"เพลานี้ เจ้าบัวงาม...."

"......"

"......"

"......"

"...ตั้งครรภ์แล้วพะย่ะค่ะ"


เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องเสวย องค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดนิ่งค้าง ส่วนองค์รัชทายาทภุชงค์ก็แย้มพระสรวลยินดี

"เสด็จพ่อ เสด็จแม่"เจ้าบัวตรัสเรียกพระบิดา แลพระมารดาเมื่อเห็นว่าทรงนิ่งค้างไป

"กระไรหนา"เป็นพระสุระเสียงทุ้มขององค์ภุมรินที่ตรัสออกมาก่อนใคร

"...ลูกตั้งครรภ์พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ"

"หนะ นี่แม่กำลังมีหลาน กำลังจักได้เป็นยายหรือ"เจ้าชมนาดตรัสเสียงแผ่ว

"พะย่ะค่ะ"องค์จันทร์ทรงตอบ

"ยินดีด้วยหนาเจ้าบัว ยินดีด้วยพะย่ะค่ะองค์จันทร์"

"ขอบพระทัยภุชงค์พระเจ้าค่ะ"

"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ"แม้นจักเป็นเจ้าหลวงหากแต่ก็มีศักดิ์เป็นน้องเขย

"เสด็จพี่"เจ้าชมนาดแตะเบาๆที่พระกรพระภัสดา ทรงนิ่งค้างไปตั้งแต่ได้สดับถ้อยคำที่บุตรเขยกราบทูล

"เจ้าชมนาด.."

"พระเจ้าค่ะ"

"...นี่พี่กำลังจักได้เป็นตาหรือ"

"พระเจ้าค่ะ"

"มิได้การละ...พี่ต้องตรียมของรับขวัญหลาน"

"โธ่ เสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ หลานหรือก็เพิ่งจักได้อายุครรภ์เดือนเดียว อีกนานพระเจ้าค่ะกว่าจักได้รับขวัญ"เจ้าบัวว่า

"เยี่ยงนั้นก็เถิด หลานคนแรกนี่เจ้า"

"แลภุชงค์เล่าลูก น้องมีหลานให้พ่อ แลแม่แล้ว แลเมื่อใดเจ้าจักต้องใจใคร"

"หึหึหึ เจ้าบัวมีหลานให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่แล้วใยลูกจึงจักต้องรีบต้องใจใครด้วยเล่าพะย่ะค่ะ"

"หึหึหึ ไอ้เสือร้าย"องค์ภุมรินวางพระหัตถ์บนศีรษะโอรสองค์โตเบาๆ

"...หากแต่หลังพระกายาหารเช้าแล้ว หม่อมฉันมีเรื่องใคร่จักปรึกษาเสด็จพ่อ แลภุชงค์พะย่ะค่ะ"องค์จันทร์กราบทูลพระสุระเสียงจริงจัง

"อืม"เมื่อทอดพระเนตรสีหน้าจริงจังของบุตรเขยองค์ภุมรินจึงพยักหน้า แม่นจักสงสัยว่าเรื่องใดกัน


.
.
.


หลังพระกายาหารแล้ว องค์ภุมริน องค์จันทร์ แลองค์รัชทายาทภุชงค์ก็ปลีกตัวออกมาที่ตำหนักทรงงานขององค์ภุมริน ส่วนเจ้าบัวงามก็มีพระมารดาอย่างเจ้าชมนาดพามาพักผ่อนที่ตำหนักหลวง

"เสด็จแม่ลูกมีเรื่องใคร่จักปรึกษาพระเจ้าค่ะ"

"เรื่องอันใดกันเจ้าบัว กังวลเรื่องเจ้าตัวน้อยในครรภ์หรือ"

"มิได้พระเจ้าค่ะ เจ้าตัวน้อยในครรภ์แข็งแรงนัก...หากแต่ก็เกี่ยวกับเจ้าตัวน้อยนี่แลพระเจ้าค่ะ"

"หืม เจ้ากังวลใจเรื่องใดกัน"

"ตั้งแต่บัวตั้งครรภ์ ก็มิได้ถวายงานปรนนิบัติองค์จันทร์ท่านเลย.....บัวกลัวองค์จันทร์จักปันใจให้ผู้อื่นพระเจ้าค่ะ"

".....โถ เจ้าบัวงาม แม่จักสอนเจ้าให้"




ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1


บัวหลงจันทร์ ๑๓


“.....โถ เจ้าบัวงาม แม่จักสอนเจ้าให้”

“ลูกจักต้องทำเยี่ยงไรหรือพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่”

“จริงอยู่ที่เจ้าตั้งครรภ์ หาถวายงานภัสดาได้ไม่ หากแต่ปรนนิบัติพระภัสดาให้มีความสุขย่อมทำได้”

“เยี่ยงไรหรือพระเจ้าค่ะเสด็จแม่”

“......”


.
.
.


“บังอาจนัก!! เหตุใดไอ้สินจึงกล้ามารังแกลูกข้า การเวกคงอยู่สงบสุขเกินไปกระมังถึงได้เพรียกหาสงครามเยี่ยงนี้”

“พระทัยเย็นก่อนเถิดพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”องค์รัชทายาทภุชงค์ปรามพระบิดาอย่างนอบน้อม

“หากเจ้าบัว แลหลานข้าเป็นกระไรไป ชื่อการเวกจักต้องหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์เป็นแน่!!”

“...หม่อมฉันจักเดินทางไปการเวก แลใคร่อยากให้เจ้าบัวอยู่ที่ภุมริกาก่อนพะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักไปด้วย”ภุชงค์ตรัส

“...”พยักพระพักตร์รับ

“พ่อจักไปด้วย เตรียมองค์เองให้ดีทั้งสององค์นั่นแล”องค์ภุมรินตรัส พลางยกจอกพระสุธารสชาขึ้นเสวยดับไฟร้อนในพระอุระ

“...รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”โอรสองค์โต แลพระชามาดาหมอบกราบรับพระบัญชา


องค์จันทร์เมื่อออกจากตำหนักทรงงานของพระสัสสุระ ก็เสด็จกลับตำหนักในของเจ้าบัวทันที ข้าหลวงที่คอยรับใช้ต่างหมอบกราบเจ้าหลวงต่างแคว้น พระภัสดาเจ้าน้อย เว้นก็แต่นางข้าหลวงคนหนึ่งที่นั่งมองพระองค์มิวางตา เมื่อทรงเหลือบพระเนตรมองก็สะดุ้งรีบหมอบกราบเยี่ยงคนอื่น แก้มนวลแดงระเรื่อเมื่อชายสูงศักดิ์เหลือบพระเนตรมองตน

“เจ้าบัว”

“ฝ่าบาท..เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ แลภุชงค์ท่านว่าเยี่ยงไร”มือเล็กหยุดมือที่ปักผ้าก่อนจักรับซับพระพักตร์จากสายหยุดที่ส่งให้ ยกขึ้นซับพระเสโทที่พระนลาฏ

“ข้า ภุชงค์ แลเสด็จพ่อจักไปการเวก”

“จักเสด็จไปการเวกหรือพระเจ้าค่ะ”ดวงหน้างามฉายแววกังวล

“อย่ากังวลไปเลยหนาคนดี”ลูบปรางนุ่มเบาๆปลอบ

“หม่อมฉันเป็นห่วงพระเจ้าค่ะ”

“มิต้องห่วงดอก ทั้งพ่อ พี่ชาย แลผัวของเจ้าเก่งกว่าที่เจ้าคิด”

“ฝ่าบาท”ครางใส่ ริ้วแดงพาดผ่านปรางขาว เขินอายที่ทรงตรัสคำว่าผัวออกมาได้เต็มปากเต็มคำ

“หึหึหึ ฟอด”หอมขมับขาวฟอดใหญ่

“ทรงเหนื่อยหรือไม่พระเจ้าค่ะ พระเสโทออกเยอะเยี่ยงนี้ สรงน้ำดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“อืม ก็ดีจ้ะ หากแต่เจ้าจักปรนนิบัติพี่ได้หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ”เงยดวงหน้างามมอบรอยยิ้มให้พระภัสดา

“หึหึหึ”พระกรโอบเอวบาง ปลายพระองคุลีลูบแผ่วๆที่หน้าท้องแบน

“พี่สายหยุดบอกข้าหลวงข้างนอกให้เตรียมน้ำให้ข้าทีเถิด”

“พระเจ้าค่ะพระชายา”


.
.


จ๋อม

“เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ ทรงรู้สึกสบายพระวรกายหรือไม่พระเจ้าค่ะ”ตรัสถาม มือน้อยกวักน้ำลูบไปตามพระอังสะกว้าง ไล่ต่ำลงมาที่พระอุระ ปัดป่ายผ่านพระถัน ลูบต่ำลงไปที่พระอุทร

“เจ้าบัวงาม...จักทรมานพี่หรืออย่างไรเจ้า รู้ทั้งรู้ว่าพี่รังแกเจ้ามิได้”

“แม้นจักทำไปจนถึงขั้นสุดท้ายมิได้ หากแต่ให้บัวปรนนิบัติพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานว่าพลางยื่นมือลงใต้น้ำกอบกุมพระคุยหฐาน หยอกเย้าเสียจนองค์จันทร์ขบกรามแน่น ท่อนเนื้อขยายเหยียดตึงเสียดสีกับหน้าท้องขาวนุ่มนิ่ม

“อ่า..เจ้าบัว”

“อ๊ะ”เจ้าบัวสะดุ้งเมื่อพระภัสดารั้งเรียวขาตนข้างหนึ่งขึ้นเกาะเกี่ยวพระกฤษฎี มือน้อยข้างหนึ่งวาดกอดรอบพระศอ ส่วนอีกข้างก็ปรนนิบัติพระภัสดามิห่าง

“อื้ม”พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอขาว พระหัตถ์ข้างหนึ่งกอดรอบเอวบาง ส่วนอีกข้างเคล้นคลึงที่หน้าอกแบนนุ่มพระหัตถ์

“อื้อ ขึ้นเถิดพระเจ้าค่ะ”

ซ่า

ช้อนเมียขึ้นจากน้ำ วางลงบนพื้นประคองมิห่าง แขนเรียวยกกอดพระศอ เงยดวงหน้ารับจูบตะกรุมตะกรามจากพระภัสดา ประสบการณ์ที่ได้จดจำมาจากรสรักครั้งก่อนทำให้เจ้าบัวตอบสนององค์จันทร์ได้ตะกรุมตะกรามไม่แพ้กัน ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดราวมัจฉาเล่นน้ำ

“อื้อ”

“อืม”

ถอนพระโอษฐ์ออกจากปากเมีย พระหัตถ์กอบกุมก้อนเนื้ออวบที่ห่อหุ้มกลีบบัวสีหวาน บีบเคล้นจนเกิดรอยพระหัตถ์

“ฮื่อ ฝ่าบาท”นิ้วเล็กลูบคลึงพระถันเบาๆ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะครอบลงตวัดลิ้นดูดดุนพระถันพระภัสดา

“อ่า เจ้าบัว อืม อ่า”องค์จันทร์เชิดพระพักตร์คำรามในพระศอ วันนี้เมียกินกระไรผิดสำแดงเข้าไปหนอจึงได้คึกเยี่ยงนี้

“จุ๊บ ให้บัวปรนนิบัติหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ อยากทำกระไรก็ทำเลยเจ้า พี่ยอมทุกอย่างแล้วคนดี”

“บัวจักทำให้พระองค์มีความสุขพระเจ้าค่ะ”ว่าพลางค่อยๆย่อกายลงต่ำ ลากลิ้นตั้งแต่พระอุระลงมาที่กล้ามพระมังสาตรงพระอุทร จนมาถึงความแข็งแกร่งที่เหยียดตึงชี้หน้าเจ้าบัว

“เจ้าบัวงาม อ่ะ อาาาา”คำรามพระสุระเสียงพร่าเมื่อริมฝีปากนุ่มจูบลงที่ส่วนปลาย ปลายลิ้นเล็กค่อยๆไล้เลียเบาๆ นัยน์ตากวางช้อนมองพระภัสดา อ้าปากครอบครองส่วนหัวทั้งหมดดูดดุนตามที่มารดาสอนสั่ง



‘เอาใจให้ผัวรักผัวหลงมันมิยากดอกลูก อยู่ที่อื่น เวลาอื่นเจ้าคือเจ้าน้อยภุมริกา พระชายาศศิมณฑล หากแต่บนเตียง เวลาปรนนิบัติพระภัสดาสองต่อสอง เจ้าจักต้องละทิ้งบทบาทเจ้าน้อย แลพระชายา”

‘.....’

‘จงปรนนิบัติภัสดาให้ราวกับตัวเป็นคณิกา หญิงงามเมือง ทำให้ผัวรักผัวหลงจนไปไหนมิรอด เข้าใจหรือไม่’

‘...พระเจ้าค่ะ’



“อ่า เจ้าบัว อืม”พระหัตถ์กดศีรษะเจ้าบัวให้ครอบครองพระองค์ทั้งหมด

“ฮึก อื้อ”เจ้าบัวหลับตาปรนนิบัติพระภัสดาลิ้นเล็กตวัดปาดเลีย องค์จันทร์ประคองศีรษะเจ้าบัวแล้วขยับพระกฤษฎีเข้าออกรัวเร็วตามแรงอารมณ์ มินานก็ปลดปล่อยใส่จนล้นปากเมีย

“แค่กๆ อึก แค่กๆ”เจ้าบัวงามสำลักน้ำรักของพระภัสดา กลั้นใจกลืนจนหมด มือเล็กยกปาดริมฝีปากตัวเบาๆ

“เจ้าบัวงาม”ทรงประคองเมียรักขึ้นโอบกอด เชยดวงหน้างามขึ้นพระอังคุฐปาดที่มุมปากเล็กเบาๆ กดจูบเอาใจที่กลีบปากนุ่ม

“บัวปรนนิบัติพระองค์ถูกพระทัยหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“มิต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้เจ้าบัวงาม”กดพระนาสิกที่ปรางขาวซ้ำๆ

“บัวใคร่อยากให้พระองค์รักบัวมากๆ แม้นจักให้พระองค์จนสุดทางมิได้เพราะลูก หากแต่บัวก็ใคร่อยากปรนนิบัติพระองค์ให้มีความสุขพระเจ้าค่ะ”



‘เจ้าจักต้องรู้จักใช้มารยาออดอ้อนผัวรู้หรือไม่เจ้าบัว’




“แค่นี้พี่ก็รักก็หลงเจ้าไปไหนมิรอดแล้วบัวเอ๋ย”

“บัวก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“อารมณ์ดีกระไรหรือพระเจ้าค่ะพระชายา”สายหยุดที่ถวายงานรับใช้พระชายาเอ่ยถามพลางใช้หวีสางพระเกศายาวนุ่มตั้งแต่พระเศียรจนถึงปลายพระเกศาระพระกฤษฎีคอด

“คิกๆ”เจ้าบัวงามอมยิ้มหวานให้คนสนิทผ่านกระจกบานโต มือบางลูบหน้าท้องตนไปมาทักทายลูกน้อย

“มีกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”อดยิ้มตามมิได้ มือก็สางพระเกศานุ่มอย่างเบามือ

“อืม...ไว้พี่สายหยุดตบแต่งเป็นเมียพี่เหมแล้วข้าค่อยบอกจักดีกว่า คิกๆ”

“พระชายา...”ใบหน้างามแดงระเรื่อ

“คิกๆ อีกมินานดอก จบเรื่องวุ่นวายนี่เมื่อใดพี่สายหยุดก็จักได้แต่งงานแล้ว ข้านี่ล่ะจักเป็นคนหาฤกษ์ยามร่วมหอให้พี่สายหยุดเอง”

“พระชายาทรงตรัสกระไรพระเจ้าค่ะ”

“มิต้องเขินอายดอก รับรองข้าจักหาฤกษ์ที่ดีที่สุดให้พี่สายหยุดเทียว”

“.....”สายหยุดกัดปากหน้าแดงระเรื่อ

“คิกๆ”ดูท่าวันนี้พระชายาบัวงามจักอารมณ์ดีมากๆเลยนั่นแล

“...วันนี้ฝ่าบาททรงเสด็จเข้าหารือกับองค์ภุชงค์ แลองค์ภุมรินสายหยุดว่าจักชวนพระชายาร้อยมาลัยถวายตำหนักศาสน์ดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“อืม ก็ดีหนาจ๊ะ”พยักหน้าน้อยๆ


.
.
.


ภายในศาลาริมสระหลวง เจ้าบัวงามประทับอยู่บนตั่ง มือบางบรรจงร้อยดอกไม้หอมสีขาวนวลให้เป็นพวง มีคนสนิทอย่างสายหยุดนั่งร้อยเป็นเพื่อนอยู่ด้านล่าง รวมไปถึงพระพี่เลี้ยงอิ่ม แลข้าหลวงหลายนางที่คอยรับใช้

“อิ่ม”ทรงตรัสเรียกพระพี่เลี้ยงส่วนพระองค์

“เพคะ”

“ข้าใคร่อยากได้ผลอัมพวาดิบกับเกลือ บอกห้องเครื่องให้ทีเถิด”

“หม่อมฉันจักให้ข้าหลวงนำถวายเพคะ”

“ขอบใจหนา”

“ทรงเหนื่อยหรือยังพระเจ้าค่ะพระชายา”

“ยังดอกจ้ะ”

“พี่อิ่ม เอาน้ำขิงถวายพระชายาด้วยก็ดีหนาจ้ะ”

“พี่จักบอกข้าหลวงให้หนาสายหยุด”

“...”เจ้าบัวงามอมยิ้ม นึกชื่นชมพระภัสดาที่ให้สายหยุดมาเป็นคนสนิทรับใช้ตน เพราะพี่สายหยุดช่างรู้พระทัยพระชายาดีเหลือเกิน

“ขอบใจพี่อิ่มจ้ะ”

“พี่สายหยุดรู้ใจข้านัก”เจ้าบัวตรัสพลางอมยิ้ม

“มิได้พระจ้าค่ะ”

“คิกๆ สมแล้วที่เป็นคนสนิทที่พระภัสดาประทานให้ข้า”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“ทูลพระชายา ฝ่าบาทเสด็จมาทางนี้แล้วเพคะ”

“เจ้าบัวงาม”พระวรกายสูงใหญ่กำยำก้าวเข้ามาในศาลาริมสระหลวง เหล่าข้าหลวงต่างหมอบกราบเจ้าหลวงต่างแคว้น

“ฝ่าบาท...เหตุใดจึงแล้วเร็วนักพระเจ้าค่ะ”

“พี่ทนคิดถึงเจ้ามิไหวจึงได้แอบเสด็จพ่อออกมาก่อนหนาสิ”ตรัสพลางประทับซ้อนหลังเมีย รั้งร่างนุ่มนิ่มเข้ากกกอด

“ฝ่าบาท จริงหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวหน้าตาตื่น

“ฮะฮ่าๆ พี่หยอกดอกเจ้า เสด็จพ่อท่านคงใคร่อยากให้พี่มาอยู่กับเจ้านานๆก่อนเดินทางไปการเวกกระมัง จึงได้หารือแล้วไว”

“โธ่ น้องก็ตกอกตกใจคิดว่าพระองค์หนีเสด็จพ่อท่านมาจริงๆ”เจ้าบัวถอนหายใจ พลางเอากายพิงพระอุระกว้าง ประคองพระหัตถ์อุ่นวางทาบลงบนหน้าท้องตน องค์จันทร์ลูบเบาๆทักทายลูกน้อย

“หึหึหึ แลนี่ทำกระไรอยู่ หืม”

“หม่อมฉัน แลพี่สายหยุดกำลังร้อยมาลัยถวายตำหนักศาสน์พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันใคร่อยากขอพรให้เสด็จพ่อ ภุชงค์ แลพระองค์เดินทางปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง”

“คนดี พี่จักไปจัดการไอ้ชั่วที่มันรังแกเจ้า แลจักกลับมาหาน้อง แลลูกให้ไวที่สุดหนา”

“หม่อมฉันจักรอพระเจ้าค่ะ”เงยดวงหน้างามถวายยิ้มหวานให้พระภัสดา พระโอษฐ์อุ่นประทับจูบที่หน้าผากเนียน พระหัตถ์ประคองครรภ์เจ้าบัวมิห่าง ในขณะที่เจ้าบัวงามเอนกายพิงพระอุระร้อยมาลัยต่อ เป็นที่น่าเอ็นดูแก่พระพี่เลี้ยง คนสนิท แลข้าหลวง เว้นเสียแต่ข้าหลวงสาวนางหนึ่งที่ริอาจลองดี เล่นหูเล่นตาใส่พระภัสดาของนายเหนือหัว ข้าหลวงสาวช้อนตามองชายสูงศักดิ์มิวางตา แม้นสายพระเนตรของพระองค์จักวางไว้ที่พระพักตร์งามของพระชายาเป็นจุดเดียว แก้มสาวเห่อร้อนเมื่อทรงแย้มพระสรวลให้กับคนในอ้อมกอด รอยพระสรวลช่างงดงามจนอยากครอบครอง เจ้าบัวงามถึงจักจดจ่ออยู่กับเข็ม แลดอกไม้ในมือหากแต่สายตาหวานเชื่อมของข้าหลวงสาวก็หาได้พ้นนัยน์ตากวางไม่




คิดจักแย่งดวงจันทร์ของข้ามันมิง่ายดอกหนา แลเจ้ามิมีทางแย่งไปได้ดอก




นัยน์ตากวางเหลือบสบกับดวงตางามของสายหยุด คนสนิทพยักหน้าให้พระชายาน้อยๆ มิมีใครรู้พระทัยพระชายาเท่าสายหยุดอีกแล้ว

“พี่สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะพระชายา”

“นำพระสุธารสชา แลพระกายาหารว่างถวายฝ่าบาททีเถิด....ทรงงานมาเหนื่อยๆจิบชาให้ผ่อนคลายหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ”สั่งคนสนิทในประโยคแรก แลเอ่ยออดอ้อมเสียงหวานกับพระภัสดาในประโยคหลัง

“จ้ะ”จับมือน้อยขึ้นหอมเบา

“พระเจ้าค่ะพระชายา...เจ้า”สายหยุดน้อมศีรษะรับพระบัญชาก่อนจักเรียกข้าหลวงสาวที่นายหมายหัว

“จะ เจ้าค่ะ”

“ไปห้องเครื่องนำพระสุธารสชา แลพระกายาหารว่างถวายฝ่าบาททีเถิด”

“เจ้าค่ะ”

“ทรงรอประเดี๋ยวหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


เจ้าบัวงามทิ้งกายพิงพระอุระ สองมือบรรจงร้อยดอกไม้ใส่เข็ม ส่วนองค์จันทร์นั้นก็โอบประคองครรภ์เล็กของเมียมิห่าง พระนาสิกกดหอมที่ลาดไหล่ขาว กลิ่นกายเจ้าบัวงามช่างหอมหวานพาให้พระองค์สูดดมมิรู้เบื่อ กระไรมันจักไปมีความสุขไปกว่าการได้คลอเคลียร่างนุ่มนิ่มหอมหวานของเจ้าบัวงาม

“พระสุธารสชา แลพระกายาหารว่างมาแล้วเพคะ”ข้าหลวงสาวประคองพานบรรจุกาพระสุธารส แลของว่างคลานเข้ามาถวาย มือน้อยวางเข็มร้อยมาลัย แลพวงดอกไม้ลงบนพาน

“ขอบใจจ้ะพี่สายหยุด”เจ้าบัวว่าพลางรับจอกพระสุธารสชาที่สายหยุดรินถวายขึ้นเป่าไล่ความร้อน ก่อนจักประคองจรดพระโอษฐ์องค์จันทร์ป้อน องค์จันทร์ประคองมือเจ้าบัวที่ถือจอกขึ้นเสวย พระโอษฐ์เสวยชา หากแต่พระเนตรกลับจับจ้องดวงหน้าหวานมิว่างตา

“เป็นเยี่ยงไรพระเจ้าค่ะ”

“ชารสดีเทียว สดชื่นนัก...หากแต่แค่ได้เห็นหน้าเจ้าพี่ก็หายเหนื่อยแล้วเจ้าบัว”

“คิก ระหว่างพระโอษฐ์ของพระองค์กับขนมหวานนี่ หม่อมฉันใคร่รู้เหลือเกินว่ากระไรจักหวานกว่ากันหนาพระเจ้าค่ะ”

“หากเจ้าใคร่รู้ไว้คืนนี้พี่จักให้เจ้าลองก็แล้วกัน หากแต่ปากเปื่อยขึ้นมาจักมาโทษพี่มิได้หนา”ตรัสกระซิบที่ใบหูเล็ก

“ปากเปื่อยหม่อมฉันมิกลัวดอกพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันกลัวจักมิเปื่อยเสียมากกว่า”ปิดท้ายด้วยการช้อนนัยน์ตากวางสบพระเนตรเฉี่ยวคมอย่างยั่วยวน

“ยั่วนักเจ้าวิฬารน้อยของข้า”จับปลายคางเล็กเขย่าไปมา พลางจูบลงบนปลายจมูกโด่งรั้นเบาๆ เจ้าบัวฉีกยิ้มหวานให้พระภัสดา

“เจ้ารินน้ำชาให้ข้าที”รับสั่งกับข้าหลวงสาว

“เพคะ”

“ขอบใจ”ตรัสพลางยื่นพระหัตถ์ไปรับจอกน้ำชาที่มีควันร้อนลอยกรุ่น

“อ๊ะ”

“โอ๊ย!!”



ขณะที่เจ้าบัวงามยื่นพระหัตถ์ไปรับจอกน้ำชาจากข้าหลวงสาว เมื่อปลายพระองคุลีสัมผัสจอกแล้วก็จงใจปล่อยมือทำให้น้ำชาร้อนๆหกลวกพระหัตถ์ขาวจนขึ้นรอยแดง เจ้าบัวชักพระหัตถ์กลับกุมแน่นด้วยความเจ็บปวด

“เจ้าบัวงาม!!!”องค์จันทร์ตกพระทัยทรงประคองมือน้อยขึ้นเป่า

“ฮึก..โอ๊ย”เจ้าบัวงามน้ำตาคลอด้วยความเจ็บแสบ

“ฝ่าบาทผ้าชุบน้ำพระเจ้าค่ะ”สายหยุดรีบรุดส่งผ้าชุบน้ำลอยดอกมะลิให้องค์เหนือหัว

“ขอบใจสายหยุด”ทรงประคบผ้าชุบน้ำเย็นๆไปตามรอยแดงที่มือนุ่ม

“อึก..”ความเย็นของผ้าทำให้เจ้าบัวรู้สึกดีขึ้น

“เป็นเยี่ยงไรบ้างคนดี”

“น้องเจ็บแสบเหลือเกินพระเจ้าค่ะ..ฮึก ตกใจด้วยพระเจ้าค่ะ”

“อิ่มตามหมอหลวงไปที่ตำหนักใน”

“เพคะ”

“ส่วนเจ้าซุ่มซ่ามนัก!!!”

“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันมิได้ตั้งใจเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบกราบตัวสั่น หล่อนระวังแล้ว หากแต่เจ้าน้อยกลับปล่อยพระหัตถ์เอง จักให้พูดเช่นนี้มีหวังองค์จันทร์คงกริ้วกว่านี้เป็นแน่

“สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าจักพาเจ้าบัวกลับตำหนัก ส่วนเจ้าอยู่ที่นี่ลงโทษนางบ่าวซุ่มซ่ามนี่แทนข้า”

“พระเจ้าค่ะ”


รับสั่งแล้วจึงช้อนร่างบางของเมียขึ้นแนบพระอุระเสด็จเข้าตำหนักใน

“จักให้ข้าลงทัณฑ์เจ้าเยี่ยงไรดีที่บังอาจซุ่มซ่ามทำให้พระชายาทรงเจ็บเยี่ยงนี้”

“ฮึก หม่อมฉันมิได้ตั้งใจเจ้าค่ะ หากแต่พระชายาทรงปล่อยพระหัตถ์จนทำให้พระสุธารสลวกพระหัตถ์เองหนาเจ้าคะ”

“บังอาจ นี่เจ้ากล้าใส่ร้ายพระชายาถึงเพียงนี้เชียวหรือ พระองค์จักทำเช่นนั้นเพื่อการใด”

“ขะ ข้ามิทราบเจ้าค่ะ”

“มิทราบ แลกล้าพูดออกมาได้เยี่ยงไรว่าพระชายาทรงทำพระสุธารสชาลวดพระหัตถ์องค์เอง”

“.....”

“นี่เจ้าจักกล่าวหาว่าพระองค์ทรงกลั่นแกล้งเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ”

“มะ มิได้เจ้าค่ะ”

“...ทหาร”

“ขอรับคุณสายหยุด”

“โบยนางข้าหลวงคนนี้สิบไม้ แลถวายรายงานแด่องค์จันทร์ท่านด้วย”

“ขอรับ”

“ฮือ คุณสายหยุด เมตตาข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ข้ามิได้ตั้งใจ”


.
.
.


“เป็นเยี่ยงไรบ้างท่านหมอ”

“มิมีกระไรน่าเป็นห่วงหนาพะย่ะค่ะ แผลนี่ใช้ว่านหางจระเข้ประคบทุกวันมิเกินเจ็ดวันก็หายแล้วพะย่ะค่ะ”

“ขอบใจท่านหมอหนาจ๊ะ”

“มิได้พะย่ะค่ะเจ้าน้อย หากมิมีกระไรแล้วหม่อมฉันขอทูลลาพะย่ะค่ะ”

“เชิญจ้ะ”

“.....”

“ฝ่าบาท เป็นกระไรไปพระเจ้าค่ะ”มือเล็กลูบเบาๆที่พระปรางขาว

“เจ้ากำลังท้องกำลังไส้มาเจ็บตัวเยี่ยงนี้พี่ใจมิดีเลยเจ้า นางบ่าวนั่นก็ซุ่มซ่ามนัก”

“โธ่ ฝาบาทพระเจ้าค่ะ บัวมิเป็นกระไรแล้ว อย่าทรงกังวลไปเลยหนาพระเจ้าค่ะ บัวเองก็ซุ่มซ่ามพระเจ้าค่ะ”

“จักใจดีไปถึงไหนกันบัวงาม...”

“.....”ยิ้มหวานพลางซบพระอังสะอย่างออดอ้อน

“ต้องห่างเจ้าพี่ยิ่งห่วง”

“อย่ากังวลไปเลยพระเจ้าค่ะ บัวสัญญาว่าจักดูแลตัวเอง แลลูกดีๆ ไหนจักพี่สายหยุด ไหนจักอิ่มคอยดูแล พระองค์มิต้องกังวลหนาพระเจ้าค่ะ”

“จักให้พี่มิห่วงเจ้าพี่ทำมิได้ดอกเจ้าบัว”


.
.
.


“พี่สายหยุด”

“ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”สายหยุดที่นั่งอยู่บนตั่งไม้สักหน้าห้องบรรทมขยับลงมาพับเพียบรับพระบัญชา

“จ้ะ หากแต่ฝ่าบาทท่านยังมิตื่น”

“พระเจ้าค่ะ แลทรงต้องการกระไรหรือไม่พระเจ้าค่ะ สายหยุดจักสั่งให้ข้าหลวงนำถวาย”

“ให้ข้าหลวงเตรียมสำรับพระกายาหารว่างให้พระองค์ทีจ้ะ”

“พระเจ้าค่ะ”

“แลพี่สายหยุดก็ไปสวนพฤกษาเป็นเพื่อนข้าที”

“ได้พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวสายหยุดจักเข้าไปเอาผ้าคลุมไหล่ให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“ได้แล้วพระเจ้าค่ะ”มินานสายหยุดคนสนิทก็ออกมาพร้อมกับผ้าคลุมไหล่สีกลีบบัวมาคลุมไหล่เล็กให้

“ขอบใจจ้ะ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”ว่าพลางประคองพระชายาอย่างระมัดระวัง




“เป็นเยี่ยงไรบ้างจ๊ะพี่สายหยุด สวนพฤกษาของภุมริกากับศศิมณฑล สวนพฤกษาที่ใดงามกว่ากัน”สายหยุดประคองพระชายาชมดอกไม้งามในสวนพฤกษา โดยมีขบวนข้าหลวงเดินตามอยู่ห่างๆ

“งานคนละแบบพระเจ้าค่ะ”

“คิกๆ นั่นสิ งามคนละแบบจริงๆด้วย”

“พระชายาพระเจ้าค่ะ”

“จ๊ะ”

“พระองค์มิน่าจักทำให้องค์เองเจ็บเยี่ยงนี้เลยหนาพระเจ้าค่ะ”สายหยุดว่าพลางขมวดคิ้วอย่างกังวล ปลายนิ้วลูบเบาๆบริเวณรอยแดงบนหลังพระหัตถ์

“ข้ามิเป็นไรดอก พี่สายหยุดอย่ากังวลไปเลยหนาจ๊ะ”เจ้าบัววางพระหัตถ์ลงบนมือขาวของสายหยุดบีบเบาๆ

“ก็แค่วัชพืชจักมาสู้ราชินีแห่งไม้น้ำเยี่ยงพระองค์ได้อย่างไร อย่าทรงกังวลไปเลยหนาพระเจ้าค่ะ”

“วัชพืช หากแต่ปล่อยทิ้งไว้มันก็สร้างความเสียหายได้มากมิใช่หรือจ๊ะ”

“.....”

“กับคนที่มันทะเยอทะยานใคร่ได้ผัวข้า มันก็ต้องถอนรากถอนโคนให้สิ้น”

“...สายหยุดโชคดีเหลือที่องค์จันทร์ท่านเอ็นดูสายหยุดเป็นน้องนุ่ง”

“พี่สายหยุดล่ะก็”

“คิกๆ สายหยุดหยอกเล่นพระเจ้าค่ะ ไปชมดอกสร้อยฟ้าตรงนั้นกันเถิดพระเจ้าค่ะ ลมพัดหอมมาถึงนี่เชียว”

“จ้ะ..ลูกข้าคงจักโปรดดอกไม้มากจริงๆ ได้มาอยู่ท่ามกลางดอกไม้เช่นนี้สดชื่นนัก”

“เจ้าน้อยพเยีย โปรดดอกไม้สมนามที่องค์จันทร์ประทานให้จริงหนพระเจ้าค่ะ”

“คิกๆ นั่นสิ”

“อ๊ะ นั่นฝ่าบาท แลพี่เหมนี่พระเจ้าค่ะ”

“ฝ่าบาท ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”สายหยุดปล่อยพระชายาก่อนจักทรุดกายหมอบกราบผู้มาใหม่ องค์จันทร์พยักหน้าให้สายหยุดก่อนจักเข้าประคองเจ้าบัวแทน

“เจ้าบัวงาม มาซนอยู่ที่นี่นี่เอง”

“บัวมาเดินเล่นกับพี่สายหยุดพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวว่า องค์จันทร์จึงได้ทอดพระเนตรคนสนิทของเมีย เห็นใบหน้างามแดงระเรื่อ กลีบปากขบกัน มือหรือก็บิดชายเสื้อไปมา จึงเหลือบมององครักษ์ประจำองค์เอง ก็เห็นเจ้าเหมมองสายหยุดตาเป็นมัน

“ข้าควักลูกตาเอ็งทิ้งเสียดีกระมังเจ้าเหม”

“มิได้พะย่ะค่ะฝ่าบาท หากแต่มดใกล้น้ำตาลมันก็ยากจักห้ามใจไหวพะย่ะค่ะ”

“เหอะ...ยังมิได้ตบแต่งก็อย่าหวังว่าจักมาทำรุ่มร่ามชีกอใส่น้องข้าได้”

“ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”

“คิก ฝ่าบาท อย่าเข้มงวดนักเลยพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเหมพาพี่สายหยุดหนีหม่อมฉันจักแย่เอา”

“มิกล้าพะย่ะค่ะ พระชายา”

“พี่เหมล่ะก็...”สายหยุดครางใส่








ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1

บัวหลงจันทร์ ๑๔



“อีกมิกี่วันแล้วฝ่าบาทก็จักต้องเดินทางไปการเวก ข้ากังวลเหลือเกินพี่สายหยุด”พระสุระเสียงหวานตรัสกับคนสนิท วันนี้พระภัสดาทรงออกหารือกับพระบิดาแต่เช้าตรู่ เจ้าบัวจึงได้โอกาสสรงน้ำนมโดยมีสายหยุดคนสนิทคอยปรนนิบัติ

“อย่าได้กังวลไปเลยพระเจ้าค่ะพระชายา ฝ่าบาททรงปรีชาสามารถ แลยิ่งมีองค์ภุมริน แลองค์รัชทายาทภุชงค์ไปด้วยเช่นนี้ การเวกคงมิมีทางทำอันตรายพระองค์ได้ดอกพระเจ้าค่ะ”ปากก็ปลอบ มือก็ลูบวนเบาๆที่เนินพระอุระ ไล้ไปที่พระพาหุ


จ๋อม~~


สายหยุดกวักน้ำนมสีขาวรดลงบนพระอังสะนวดคลึงเบาๆ บนพระฉวีนุ่ม

“กระนั้นข้าก็ยังกังวลอยู่ดี ข้ามิใคร่ห่างฝ่าบาทเสียเลย”

“หม่อมฉันก็มิใคร่อยากห่างพี่เหมพระเจ้าค่ะ”

“คิกๆๆ”

“คิกๆๆๆ”

สองนายบ่าวหัวเราะคิกคัก มิใคร่อยากห่างผัวเสียเลยทั้งคู่

“พี่สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“ลงมาแช่น้ำนมกับข้าเถิด อีกมินานพี่สายหยุดก็จักเป็นเจ้าสาวแล้ว ขัดสีฉวีวันตั้งแต่เนิ่นๆจักดีกว่า”

“หา...มิได้พระเจ้าค่ะ”

“มาเถิด”

“ตะ แต่”

“ลงมาเสีย พี่สายหยุด”

“เอ่อ พระเจ้าค่ะ”สายหยุดรับพระบัญชา ค่อยๆก้าวลงอ่างสรงเดียวกับพระชายาบัวงาม

“ขัดขมิ้นก่อนก็แล้วกันหนา”เจ้าบัวตรัสก่อนจักนำผงขมิ้นขัดวนบนผิวนุ่มของสายหยุด

“พระชายา หม่อมฉันทำเองดีกว่าหนาพระเจ้าค่ะ”สายหยุดว่าอย่างเกรงพระทัยที่จักให้พระชายามาขัดผิวให้ตน

“มิเป็นไรดอก ข้าทำให้...อืม จักว่าไปผิวพี่สายหยุดก็นุ่มมือเหมือนกันหนาจ๊ะ”

”ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”


สองนายบ่าวแช่น้ำนม ขัดขมิ้นเสียจนผิวขาวผ่องนวลเนียน หลังจากแช่น้ำนมแล้วเจ้าบัวก็ดูเหมือนจักชอบใจที่จับสายหยุดแต่งตัวเป็นตุ๊กตา จึงได้มานั่งเลือกผ้าแถบสีหวาน แลผ้าโจงกระเบนผืนงามของตนให้สายหยุดใส่

“ผ้าแถบผืนนี้งามเหมาะกับพี่สายหยุดนัก เข้ากับผ้าโจงผืนนี้ดีเทียว”

“ทำกระไรกันอยู่หรือเจ้าบัวงาม”

“อ๊ะ ฝ่าบาท หารือแล้ว แล้วหรือพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ..แลน้องกำลังทำกระไรสายหยุด หืม เจ้าบัว”

“บัวกำลังแต่งกายให้พี่สายหยุดใหม่พระเจ้าค่ะ นี่ก็แล้วแล้ว”

“แล้วแล้วงั้นหรือ..เยี่ยงนั้นสายหยุดก็ออกไปให้เจ้าเหมมันยลโฉมหน่อยเถิด เจ้าเหมมันจักได้มีกำลังใจไปการเวก หึหึหึ”องค์จันทร์ตรัสเย้า

“ฝ่าบาท”สายหยุดครางใส่พลางก้มหน้าหลบสายพระเนตรเย้าขององค์จันทร์

“คิกๆ นั่นสิพี่สายหยุด ออกไปให้กำลังใจพ่อเหมหน่อยเถิด”

“..พระเจ้าค่ะพระชายา”หมอบกราบนายเหนือหัวทั้งสองก่อนจักค่อยๆคลานถอยออกจากห้องบรรทมไป


.
.
.


“พี่เหม”เสียงหวานของสายหยุดเรียกคู่หมั้นหนุ่มองครักษ์หลวงที่กำลังนั่งพิงผนังเรือนของตนอยู่ที่ชานเรือน

“สาย..หยะ หยุด”พ่อเหมรีบลุกขึ้น เมื่อได้เห็นคู่หมั้นคนงามก็ได้แต่ตะลึงค้าง เนินไหล่ขาวๆของสายหยุดที่โผล่พ้นผ้าแถบคาดอกสีหวานเรียกเลือดร้อนๆให้มารวมอยู่ที่จมูกโด่งของเหม

“พี่เหม..สายหยุดเอาขนมมาให้จ้ะ”สายหยุดว่าพลางยื่นตะกร้าหวายที่บรรจุห่อขนมจากห้องเครื่องให้พ่อเหม

“ขอบใจจ้ะ..สายหยุดเข้าไปหลบแดดในเรือนพี่ก่อนเถิด”ขยับเข้าไปใกล้ แตะมือลงบนสะโพกอิ่มเชื้อเชิญให้น้องน้อยเข้าเรือน

“จ้ะ”

“แลทำไมสายหยุดจึงได้แต่งกายเยี่ยงนี้เล่าจ๊ะ”เหมเอ่ยถามพลางวางตะกร้าหวายลงบนตั่ง

“พระชายาท่านทรงแต่งให้สายหยุดจ้ะ”สายหยุดเอ่ยตอบพลางนั่งลงบนขอบแคร่ไม้ไผ่ปูด้วยฟูกบาง

“อะ อ่อ”

“พี่เหมมานั่งสิจ๊ะ”

“จ้ะๆ”กุลีกุจรเข้าไปนั่งเบียดข้างๆสายหยุด จมูกโด่งสูดกลิ่นกายหอมหวานของคนข้างๆ แล้วใบหน้าหล่อคร้ามก็แดงระเรื่อ

“อีกมิกี่วันพี่เหมก็ต้องไปการเวกแล้ว..”

“จ้ะ..พี่คงคิดถึงสายหยุดแย่”

“สะ สายหยุดก็คงจักคิดถึงพี่เหมมิน้อยเลย”

“สายหยุด”

“พี่เหม”

เรียกกัน และกัน หากแต่เมื่อสบตากันกลับเขินอายเสียจนเบือนหน้าหนีไปคนละทิศ คนละทาง มือใหญ่ที่วางอยู่ใกล้มือเล็กค่อยๆขยับเข้าใกล้ จนนิ้วก้อยเกยนิ้วเล็กของสายหยุด สายหยุดเบือนหน้ากลับมาสบตากลับเหม แน่ละ คู่หมั้นคู่หมายใกล้กันในที่ลับตาคนเยี่ยงนี้ ราวกับน้ำตาลใกล้มด ยากที่จักหักห้ามใจไหว


   ใบหน้าคมคร้ามเอียงพลางเคลื่อนเข้าใกล้ดวงหน้าหวาน ริมฝีปากร้อนกดแนบกับกลีบปากอิ่มเคล้าคลึงความหวานละมุน จูบย้ำๆซ้ำๆมิรุกรานจนเป็นสายหยุดเสียเองที่ทนมิไหว เผยอปากงับกลีบปากล่างของพ่อเหม มือเล็กยกขึ้นโอบหลังคอแกร่ง เบียดกายเข้าหาอกกว้าง พ่อเหมวาดแขนกอดรอบเอวบาง บดจูบความนุ่มหยุ่น ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าหยอกล้อกับลิ้นเล็ก

“..พะ พอแล้วสายหยุด ประเดี๋ยวพี่จักหยุดมิได้”ถอนริมฝีปากออกบอกเสียงพร่า
“ก็มิต้องหยุดสิจ๊ะ”สายหยุดกระตุกปมผ้าแถบของตนออก ผ้าผืนบางสีหวานร่วงหลุดเผยให้เห็นผิวกายขาวโพลน ตุ่มไตสีหวานดึงดูดสายตาพ่อเหมค้างมิกระพริบ สายหยุดออกแรงรั้งต้นคอแกร่งยกตัวขึ้นนั่งตักกว้าง ริมฝีปากอิ่มบดจูบพ่อเหมพลางจับมือหยาบกร้านวางลงบนตุ่มไตนุ่มหยุ่นของตน

“อื้ม”พ่อเหมครางต่ำในลำคอ ปลายนิ้วยาวปัดป่าย คลึงอกหยุ่น

“อื้อ”สายหยุดแอ่นอกให้ชายหนุ่มเคล้นคลึงอย่างเต็มใจ

“อ่า...สายหยุด สายหยุด พี่จักหยุดมิได้แล้วหนาเจ้า”พ่อเหมซุกไซร้ซอกคอขาว จูบซับเนินไหล่ขาว

“มิต้องหยุด มิต้องหยุดหนาจ๊ะพี่เหม อื้ม”


.
.
.


“วันนี้เป็นเยี่ยงไรบ้างลูกพ่อ เกเรหรือไม่”องค์จันทร์ตรัสกับหน้าท้องขาวที่ยื่นออกมาเล็กน้อยของเจ้าบัวงาม พระกรดอบรอบเอวเมีย ซบพระพักตร์กับตักเล็ก

“มิเกเรดอกพระเจ้าค่ะ ลูกเป็นเด็กดีนัก”เจ้าบัวว่าพลางสางพระเกศาดกดำราวกับปีกกาของพระภัสดา

“จริงหรือพเยีย”ตรัสเย้าพลางจับมือขาวขึ้นจูบหอม

“.....ฝ่าบาท”

“จ๋า”

“เขาว่ากันว่าหนุ่มสาวการเวกหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรานัก...ทรงสัญญากับหม่อมฉันได้หรือไม่พระเจ้าค่ะว่าจักมิปันพระทัยให้ผู้ใด”เสียงหวานเศร้าสร้อยเสียจนคนเป็นผัวต้องยันพระวรกายขึ้นประทับดีๆ ก่อนจักโอบร่างแน่งน้อยเข้ามาในพระอุระ พระหัตถ์ลูบกลุ่มผมนุ่ม แลกดพระโอษฐ์จูบที่ขมับขาวปลอบประโลม

“มิมีใครงามสู้บัวงามของพี่ได้ดอกเจ้า”

“..........”

“แลหากมีพี่ก็มิปันใจให้ดอก ใจพี่ทั้งดวงอยู่ในกำมือเจ้าแล้วเจ้าบัวงาม แลเช่นนี้พี่จักเอาใจที่ไหนไปปันให้ผู้อื่นกันเล่าคนดี”ตรัสแลประคองมือบางขึ้นทาบบนพระอุระกว้าง

“ฝ่าบาท”

“ไหนว่ามิเกเรเยี่ยงไรเล่าเจ้าพเยีย ทำแม่เจ้ากังวล แลน้อยอกน้อยใจเช่นนี้ พ่อจักตีเจ้าดีหรือไม่”ปลายพระองคุลีเกลี่ยหน้าท้องขาวเบาๆ

“ฮื่อ ฝ่าบาทจักตีลูกได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ บัวมิยอมดอกหนา”

“หึหึหึ มิทันไรรักลูกกว่าพี่แล้วหรือ”

“ที่ไหนกันพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทก็ทรงตรัสไป”

“หึหึหึ”

“แลหากบัวรักลูกมากกว่า จักทรงมิพอพระทัยหรือพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นก็ขอให้รู้ไว้ว่าพี่จักยอมแค่ลูกของเราเท่านั้นเจ้าบัวงาม”

“คิกๆๆ อย่างไรเสียบัวก็รักฝ่าบาทที่สุดพระเจ้าค่ะ”

“อยากโดนฟัดจนจมเขี้ยวหรืออย่างไรจึงได้พูดจาเยี่ยงนี้”

“มิได้พระเจ้าค่ะ บัวมิกล้า”

“อย่ายั่วนักเลยเจ้าวิฬารน้อย สงสารพี่เถิดจักกอดก็ทำมิได้”

“...เยี่ยงนั้นให้บัวปรนนิบัติเยี่ยงครานั้นดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“หืม...จักทำให้พี่คลั่งหรืออย่างไร”

“บัวจักทำให้พระองค์หลงบัวจนโงพระเศียรมิขึ้นเลยพระเจ้าค่ะ”

“...อย่าใจร้ายนักเลยเจ้าบัว แค่นี้พี่ก็หลงจนหาทางออกมิเจอแล้วหนาเจ้า”

“บัวใคร่อยากให้พระองค์หลงบัวมากกว่านี้พระเจ้าค่ะ”

“มากกว่านี้เจ้าก็คงต้องกลืนกินพี่เข้าไปทั้งตัวแล้วล่ะเจ้าบัว”


.
.
.


“อื้อ พี่เหม อ๊ะ”สายหยุดคนงาม ณ ตอนนี้เหลือเพียงผ้าโจงที่หวานที่พระชายาประทานให้ติดกายเพียงเท่านั้น หากแต่ก็หลุดลุ่ยเต็มทน

“สายหยุด..อืม”มือกร้านที่เคยจับแต่มีดแต่ดาบ บัดนี้กำลังกอบกุมอกเป็นกระเปราะนุ่มหยุ่น บีบคลึงฟ้อนเฟ้นจนเป็นรอยแดงประทับผิวขาว

“พี่เหม อ่ะ อ๊ะ”ใบหน้างามเชิดครางยามที่องครักษ์หนุ่มละเลงลิ้นร้อนลงบนตุ่มไตสีหวานตะกรุมตะกราม ดูดดึงราวทารกโหยหาน้ำนมจากมารดา

“สายหยุดจ๋า หวานกระไรเยี่ยงนี้ หืม”องครักษ์หลวงพวงตำแหน่งสหายคนสนิทของเจ้าหลวงศศิมณฑลราวกับหน้ามืดตามัวกับความหอมหวานของร่างบางในอ้อมกอด

“อื้อ พี่เหม อย่าทำรอยหนาจ๊ะ ประเดี๋ยวองค์จันทร์จักทอดพระเนตรเห็น แลจักถูกอาญาเอาได้”หากองค์จันทร์ทรงรู้ว่าตน แลพ่อเหมชิงสุกก่อนหาม ทำเรื่องบัดสีก่อนแต่งจักต้องโดนอาญาเป็นแน่

“พี่จักพยายามหนาจ๊ะคนดี”

“อืม อื้อ”ริมฝีปากอิ่มแตะประกบดูดดึงกลีบปากบางขององครักษ์หนุ่ม ลิ้นเล็กพลิกพลิ้วหยอกเย้าลิ้นหนาราวกับปลาว่ายน้ำ มือหนาไล้ไปตามขอบผ้าโจงกระเบนที่หลุดลุ่ย ก่อนจักดึงทึ้งให้หลุดจากสะโพกอิ่ม

“อ๊ะ พี่เหม อา”

“สายหยุด โอย พี่จักตายแล้วคนดี”

“อ๊ะ..”เสียงหวานร้องอย่างตกใจ ใบหน้างามแหงนหงาย แผ่นอกบางแอ่นจนแผ่นหลังโค้งราวกับคันศร เมื่อพ่อเหมกรีดนิ้วไปตามรอยแยกด้านหลัง ปลายนิ้วร้อนแตะแผ่วเบาที่กลีบดอกสายหยุดราวกับกลัวช้ำ

“สายหยุดจ๋า...”มือกร้านอีกข้างบดบี้ยอดถันจนสายหยุดสะท้านเฮือก

“พี่เหม อ๊ะ...อึ๊ อื้อออ”สายหยุดที่นั่งอยู่บนตักกว้างถูกดันให้นอนหงายราบลงบนฟูกผืนบางบนแคร่ไม้ไผ่ แขนเรียวเสลากอดบ่าแกร่ง มือบางสอดขยุ้มกลุ่มผมดกดำระบายความซ่านสยิว ลิ้นร้อนปาดเลียไปตามผิวกายนุ่มหยุ่น ขบกัดยอดอกน้องน้อยรุนแรงจนแข็งตึง

“สายหยุด..อ่า ดีเหลือเกินคนดี พี่จักมิไหวแล้วเจ้าเอ๋ย”ปลดผ้าโจงกระเบนสีเข้มของตนออก เผยให้เห็นอาวุธลับขององครักษ์หลวงที่ชี้หน้าสายหยุดพร้อมรบ สายหยุดจ้องมองอาวุธของชายหนุ่มมิวางตา ดวงหน้างามแดงซ่าน มือนุ่มค่อยๆขยับเคลื่อนกอบกุมความร้อน 

“พี่เหม..อื้ม”เสียงหวานกระเส่าเอ่ยเรียกคู่หมั้นหนุ่มป้อนจุมพิตให้พ่อเหม ดูดดึงริมฝีปากกัน แลกัน อย่างลืมความเขินอายที่เคยเกิดขึ้น

“อึก..อื้ม”ถอนปากออก ซุกไซร้ซอกคอหอม
“อ๊า.....พี่เหม..สายหยุดจักมิไหวแล้วจ้ะ อือ ได้โปรด พี่เหม”หวีดร้องด้วยความเสียวกระสัน ความรู้สึกหวาบหวามแล่นไปทั่วร่าง จนต้องยกเรียวขาขาวขึ้นถูไถกับสีข้างแกร่ง

“อ่า..พี่ก็จักมิไหวแล้วสายหยุด จักทำเยี่ยงไรดี ให้เจ้ามิเจ็บ หืม..อืมม”กล่าวพลางลูบกลีบดอกสายหยุดที่ปิดสนิทแผ่วเบาราวขนนก ก่อนจักหนักมือขึ้นจนสะโพกอิ่มแอ่นลอย

“อื้อ...อ๊ะ พี่เหม เสียดไปหมดเลยจ้ะ”นิ้วแข็งแรงผลุบหายเข้าไปในกลีบดอกสายหยุด ดึงเข้าออกก่อนจักควานเป็นวงกลม สะโพกมนสั่นระริก ในขณะที่เรียวขาขาวนวลเนียนทั้งสองข้างขยับอ้าออกกว้าง เผยทุกสัดส่วนให้ชายหนุ่มเชยชม  พ่อเหมเคลื่อนกายลงจนใบหน้าหล่อคร้ามมาจ่ออยู่ที่เกสรดอกสายหยุดที่ชูชัน เพิ่มนิ้วเข้าไปควานในกลีบดอกสายหยุดของน้องน้อย พลางกดจูบที่ซอกขาขาวเจือกลิ่นหอมหวานของน้ำนม แลดอกไม้ นิ้วก็ทำหน้าที่ขยับเข้าออก ปากก็ขบกัด ไล้เลียไปตามก้อนเนื้อนุ่มที่ห่อหุ้มกลีบดอกสายหยุด

“สายหยุด คนดี อืม..”กัดฟันคำรามเมื่อช่องทางอ่อนนุ่มที่โอบนิ้วตนไว้ตอดรัด ผสมผสานกับเสียงครางหวาน

“อ๊า....พี่เหม  อื้มมม...สายหยุด อื้อ มิไหวแล้วจ้ะ พี่เหม อ๊า”มือเล็กสอดเข้าขย้ำกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่มที่ซุกหน้าอยู่ระหว่างขาตน

“อืม พี่จักสอดใส่แล้วหนาสายหยุด...”ว่าพลางถอนนิ้วออก แลลูบไล้ช่องทางสวรรค์ของร่างน้อยหนักเบาสลับกัน

“อืม จ้ะ สายหยุดพร้อมแล้วจ้ะพี่เหม”นอนแผ่ให้ชายหนุ่มจัดท่าทาง พ่อเหมจับเท้าเล็กพาดบ่า ลูบไล้ปลีน่องเนียน ขยับกายชิดแนบ อาวุธพร้อมรบจดจ่อที่กลีบดอกสายหยุด

“อ่า สายหยุด อืม...ร้อนกระไรเยี่ยงนี้ อ่ะ อ่าาาาาา”ครางเสียงต่ำ กดแช่อาวุธตนค้างไว้ ใบหน้าซุกไซร้ข้อเท้าเล็กที่พาดอยู่บนบ่าแกร่งไปมา

“อ๊าาาา พี่เหม อ๊ะๆ ...”หวีดร้องครวญคราง เมื่อกลีบดอกถูกอาวุธแรงกล้าของชายหนุ่มทิ่มแทง

“อ่าาาา”

“อ่ะ อือ เจ็บจ้ะพี่เหม อ๊ะ”

“อืม ทนหน่อยหนาคนดี”

“ฮึก อ๊ะ เจ็บ สายหยุด อืม เจ็บจ้ะ”

“อ่า...นิดเดียวเจ้า”

“พี่เหม อยะ อย่าจ้ะ มิดีทำหนาจ๊ะ อ๊ะ”ร้องห้าม เมื่อชายหนุ่มไล้ลิ้นร้อนเลียที่นิ้วเท้าตน

“พี่รักเจ้าหนาสายหยุด พี่รักเจ้า”ปลดเรียวขาน้องลงวางพาดไว้บนหน้าขา มือข้างหนึ่งลูบคลึงต้นขาขาว แลอีกข้างท้าวยันกับฟูกผืนบาง พลางค่อยๆขยับสะโพกสอบ

“อาาา...สะ สายก็รักพี่เหมจ้ะ”วาดแขนกอดแผ่นหลังกว้างชื้นเหงื่อ เอวสอบหมุนวนก่อนจะขยับกายเข้าออก หน้าขาแกร่งกระทบก้อนเนื้อนุ่มจนเกิดเสียงหยาบโลนไปทั้งเรือนพักองครักษ์หลวง เสียงครางเครือกระเส่าคลอเคล้ากัน

“อืม สายหยุด อ่า”

“อ๊ะ อ๊า อ๊ะๆๆ”สายหยุดรู้สึกราวกับมีพายุผีเสื้อพัดกระหน่ำในช่องท้อง ความเจ็บปวดในคราแรกหายไปแล้ว เหลือเพียงความซ่านกระสัน แลความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเทานั้น

“อืม..อ่า”ริมฝีปากร้อนครอบครองเม็ดทับทิมกลางแผ่นอกบาง ดูดดึงราวทารก

“อ๊า”เสียงหวานหวีดครางเมื่อยอดอกถูกฟันของพ่อเหมขบ ขูดเบาๆ แอ่นอกป้อนเม็ดทับทิมให้ชายหนุ่มดูดชิมอย่างเต็มใจ แผ่นอกบางถูกไล้เลียจนชื้นน้ำลายพ่อเหม ในขณะที่ช่วงล่างก็ชื้นแฉะจากเหงื่อ แลธารชีวิตที่พ่อเหมปลดปล่อยใส่

“อ่ะ อ่า อื้ม”สะโพกสอบเกร็งกระตุกธารชีวิตอุ่นวาบฉีดพ่นรินรดกลีบดอกสายหยุดจนเอ่อล้นออกมา

“ฮึก อือ อ๊าาาาาา”หวีดครางเกสรสายหยุดคายน้ำหวานจนเลอะหน้าท้องแกร่งขององครักษ์หนุ่ม

“แฮ่ก..พี่เป็นผัวสายหยุดแล้วหนาจ๊ะ”กล่าวปนเสียงหอบ จมูกโด่งไล้แผ่วเบาข้างแก้มขาวชื้นเหงื่อ

“สายหยุดก็เป็นเมียพี่เหมแล้วเหมือนกันหนาจ๊ะ”เสียงหวานเอ่ยอย่างเอียงอาย หลบตาชายหนุ่ม ใบหน้างามขึ้นสีระเรื่อ

“กลับมาจากการเวกเมื่อใด พี่จักตบแต่งสายหยุดให้ถูกต้องตามประเพณีทันที”ปลายนิ้วสากเกลี่ยเส้นผมนุ่มชื้นเหงื่อออกจากใบหน้าน้องน้อย กดจูบที่ขมับขาว แก้มนวล แลริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อ

“อืม”แขนเรียวโอบรอบคอแกร่ง รับจุมพิตเร่าร้อน เรียวขาขาวขยับอ้าออกเมื่อสะโพกแกร่งเริ่มขยับบทรักครั้งใหม่


.
.
.


“สายหยุดไปไหนกัน...ให้ไปหาเจ้าเหม ก็หายไปเสียเลย”องค์จันทร์ตรัสถามถึงคนสนิทของเมียรัก

“ปล่อยพี่สายหยุดให้มีเวลาอยู่กับพ่อเหมเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวพ่อเหมก็ต้องไปการเวกพร้อมพระองค์แล้ว”เจ้าบัวว่าพลางปักผ้าในมือไปด้วย

“แลน้องกำลังทำกระไรนั่น มือหายแล้วหรืออย่างไร”

“ใกล้จักหายดีแล้วพระเจ้าค่ะ มิเป็นไรดอก”

“มิต้องทำแล้วเจ้า มือเจ็บเยี่ยงนี้ยังจักปักผ้าอีก”ทรงดึงซับพระพักตร์ แลเข็มปักผ้าออกจากมือเล็ก

“ฮื่อ มิได้พระเจ้าค่ะ น้องจักปักผ้าให้พระองค์ไปการเวก จักได้คิดถึงน้อง หากมิรีบปักจักมิแล้วทันวันเดินทางหนาพระเจ้าค่ะ”

“โธ่ อย่างไรเสียพี่ก็ต้องคิดถึงเจ้าอยู่แล้ว เจ้าบัวงาม หากเจ้าจักปักผ้าให้พี่คิดถึงเจ้า”

“.....”

“...สู้เจ้าถอดผ้าแถบให้พี่พกไปการเวก ไว้ดมให้คลายคิดถึงเจ้ายังจักดีเสียกว่า”ตรัสพลางค่อยดึงชายผ้าแถบจนหลุด ผ้าแถบสีหวานค่อยๆร่วงลงไปกองที่เอวบาง

“ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามหน้าแดงระเรื่อ เมื่อพระภัสดายกผ้าแถบของตนขึ้นจรดพระนาสิกสูดกลิ่นหอมหวาน

“...หอมหวานเหลือเกิน”ฝ่าพระหัตถ์วางลงบนอกเป็นกระเปราะ บีบคลึงความนุ่มหยุ่น ในขณะที่อีกข้างช้อนเข้าที่ท้ายทอยเจ้าบัวงาม บังคับให้ศีรษะเล็กเงยขึ้น พระโอษฐ์แนบประทานจุมพิตให้เมียรัก พระชิวหาเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าเรียวลิ้นเล็ก

“อึก อืม....หะ ให้บัวถวายงานหนาพระเจ้าค่ะ”เมื่อถอนพระโอษฐ์ออก เจ้าบัวก็ทูลเสียงกระเส่าด้วยรู้ถึงแท่งจันทร์ที่เหยียดขึงดันผ้าโจงออกมาจนนูน

“ทำให้พี่รัก ให้พี่หลงเจ้ามากกว่านี้สิเจ้าบัว”ประคองดวงหน้างาม แลตรัสบอก

“บัวจักทำให้พระองค์หลงบัวยิ่งกว่าถูกยาเสน่ห์อีกพระเจ้าค่ะ”กล่าวจบก็ขยับกายนั่งคุกเข่าที่พื้น มือเล็กปลดผ้าโจงกระเบนของชายสูงศักดิ์ออก มือนุ่มประคองแท่งจันทร์ขึ้นจรดริมฝีปาก ลิ้นเล็กแตะที่ส่วนปลายเบาเย้าแหย่ 

“อ่า...เจ้าบัว”พระสุระเสียงครางเครือด้วยความพอพระทัย เมื่อริมฝีปากอุ่นนุ่มหยุ่นครอบครองปรนนิบัติพระองค์อย่างถึงพริกถึงขิง เจ้าบัวงามที่พระองค์คิดว่าจักเรียบร้อย หัวอ่อน แลนุ่มนิ่ม กลับซ่อนเขี้ยวเล็บไว้มากมายจนพระองค์ไปไหนมิรอด ยอมสวามิภักดิ์อยู่ในกรงเล็บชายาตัวน้อย อย่างมิคิดจักไปไหน


.
.
.


“พี่สายหยุด...เป็นเยี่ยงไรบ้างจ๊ะ”เจ้าบัวงามตรัสถามคนสนิท

“พระชายา...”

“มิต้องลุกดอกจ้ะ...แลเหตุใดจึงได้จับไข้เยี่ยงนี้กันจ๊ะ เมื่อวานหรือก็ยังดีๆอยู่”เมื่อข้าหลวงสาวกราบทูลว่า คุณสายหยุดคนสนิทป่วยจับไข้ ก็เสด็จมาเยี่ยมถึงเรือนพัก

“หม่อมฉันมิเป็นกระไรมากดอกพระเจ้าค่ะ..พระองค์มิน่าเสด็จมาเยี่ยมหม่อมฉันเลย ประเดี๋ยวจักติดไข้เอาได้หนาพระเจ้าค่ะ”

“โธ่...มิเป็นไรดอกพี่สายหยุด แลไปทำอิท่าไหนจึงจับไข้ได้เล่า”

“เอ่อ....”สายหยุดหน้าแดงซ่าน เหลือบตามองข้าหลวงที่ตามเสด็จ

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าใคร่อยากคุบกับพี่สายหยุดตามลำพัง”

“เพคะ”

“ว่าอย่างไรจ๊ะ”เมื่อข้าหลวงสาวออกไปจนหมด ก็หันมาตรัสถามอีกครา

“คือ...หม่อมฉัน....”

“เอ๊ะ...”ยังมิทันที่สายหยุดจักได้ตอบ สายพระเนตรก็กวาดไปเห็นรอยแดงจางที่โผล่พ้นผ้าแถบผืนบางออกมา

“อ๊ะ..พระชายาพระเจ้าค่ะ...”สายหยุดสะดุ้งสุดตัวจนความเจ็บที่กลีบดอกด้านหลังแล่นริ้วขึ้นมา พระหัตถ์เล็กกระตุกผ้าแถบของคนสนิทออก เผยให้เห็นแผ่นอกขาวที่มีรอยแดงระเรื่อเป็นจ้ำๆ กระจายอยู่ ไหนจักยอดอกสีทับทิมที่บวมตึง ที่ดูอย่างไรก็รู้ว่าช้ำเป็นแน่

“...นี่พี่สายหยุด”จากประสบการณ์เจ้าบัวงามรู้ได้ทันทีว่ารอยแดง แลยอดอกบวมช้ำเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เจ้าบัวช้ำก็มิต่างจากสายหยุดเท่าใดนัก

“พระชายา...ได้โปรด อย่าทรงบอกฝ่าบาทหนาพระเจ้าค่ะ”สายหยุดยกมือกอดตัวเองเอาไว้พลางทูลขออย่างอ้อนวอน

“ข้ามิบอกฝ่าบาทดอกจ้ะ...แต่ไปส่งขนมอิท่าไหนเล่า ไฉนจึงช้ำกลับมาเยี่ยงนี้”

“...พระชายา”หลบพระเนตรเอียงอายพลางคว้าผ้าแถบขึ้นใส่

“เอาเถิดๆ น้ำตาลใกล้มดก็เยี่ยงนี้แล”

“.....”

“เยี่ยงนั้นพี่สายหยุดก็พักผ่อนเถิดจ้ะ...ช้ำขนาดนี้คงหลายวันนั่นแลกว่าจักเดินเหินได้ปกติ”

“ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะพระชายา”

“.....ประเดี๋ยวข้าจักให้ข้าหลวงเอายามาให้ก็แล้วกันหนาจ้ะ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ...พี่เหมให้หมอหลวงมาตรวจ แลจ่ายยาให้สายหยุดแล้วพระเจ้าค่ะ”

“ใครว่ายาที่ข้าจักให้พี่สายหยุด เป็นยารักษาอาการบาดเจ็บพวกนี้เล่าจ๊ะ”

“เอ๊ะ...”

“ยาที่ข้าจักให้ เป็นยาขึ้นชื่อของภุมริกา...”

“.....”

“...ยาของท่านยายที่จักทำให้พี่สายหยุด มีเจ้าตัวน้อยมาเป็นเพื่อนเล่นกับลูกข้า”

“พระชายา...”

“คิก..”เจ้าบัวหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นสายหยุดหน้าแดงระเรื่อ


.
.
.


“สายหยุดเอาขนมไปส่งให้เจ้าอิท่าไหน ไฉนเลยจึงจับไข้กลับมาเยี่ยงนี้เจ้าเหม”องค์จันทร์ทรงตรัสถามขณะทรงเสด็จกลับตำหนักในของเจ้าบัวงาม ใกล้จักถึงวันเดินทางไปการเวกแล้ว แผนการที่ตระเตรียมก็สมบูรณ์ พระสัสสุระจึงอนุญาตให้พระองค์มาอยู่กับเจ้าบัวงามก่อนจักเดินทางได้ ...คิดว่าพระองค์มิรู้หรือว่าพระสัสสุระก็ใคร่อยากอยู่กับเสด็จแม่ชมนาดเช่นกัน จึงได้ตรัสให้พระองค์ แลองค์รัชทายาทพักผ่อนตามอัธยาศัยจนกว่าจักถึงวันเดนทางเยี่ยงนี้

“เอ่อ...เอ่อ.....”

“อ้ำอึ้งกระไรของเอ็ง มิรู้ก็มิต้องตอบ มาอ้ำอึ้ง...สายหยุดคงจักมิชินกับอากาศที่ภุมริกากระมังจึงได้จับไข้เยี่ยงนี้”

“พะย่ะค่ะ”ก้มหน้ามิแก้ต่าง

“เช่นนั้นเอ็งก็ไปดูแลสายหยุดเถิด”

“พะย่ะค่ะ”


.
.
.


“ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามละมือจากผ้าที่ปักเมื่อพระภัสดาเสด็จเข้ามาในศาลาริมสระหลวง

“ทำกระไรอยู่หรือเจ้า เหตุใดจึงมินอนพักผ่อน หืม...ลูกจักได้นอนด้วย”ทรงดำเนินเข้าประดับบนตั่งข้างเมียรักที่นั่งพับเพียบอิงหมอนขิด

“หม่อมฉันรอพระองค์พระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวส่งผ้าที่ปักไปแล้วกว่าครึ่งให้พระพี่เลี้ยง ก่อนจักรับผ้าชุบน้ำลอยดอกมะลิมาซับพระเสโทให้พระภัสดา

“หึหึหึ...แลเหตุใดยังจักให้แม่คนนี้ถวายงานใกล้ชิดเจ้าอีก”ทรงตรัสขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นนางข้าหลวงที่ซุ่มซ่ามทำเจ้าบัวงามเจ็บ

“น้องมิเป็นไรแล้วพระเจ้าค่ะ นางคงมิตั้งใจ”

“เจ้าตั้งครรภ์เยี่ยงนี้พี่ยิ่งห่วง...พี่มิวางใจให้คนซุ่มซ่ามเช่นนี้เข้าใกล้เจ้าดอกหนา”

“โธ่ ฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ....สงสารนางหนาพระเจ้าค่ะ”แสร้งเห็นอกเห็นใจ นัยน์ตากวางทอดมองข้าหลวงสาวใฝ่สูงที่ทำหน้าราวกับจักไห้อยู่รอมร่อ

“อย่าใจดีนักเลยเจ้าบัวงาม”

“พระองค์สั่งโบยนางไปแล้ว นางคงเข็ดจนระมัดระวังแล้วล่ะพระเจ้าค่ะ”เก็บไว้ใกล้ๆหูใกล้ๆตาเยี่ยงนี้แล แม้จักขัดใจไปบ้างแต่ก็ดีกว่าใกล้หูใกล้ตา

“.....”

“หนาพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”

“เฮ้อ..ก็ได้ๆเจ้า ออดอ้อนเช่นนี้ มีหรือพี่จักมอใจอ่อน”

“คิกๆ”

“...ส่วนเจ้าหากมีเรื่องให้เจ้าบัวเจ็บตัวอีกแม้แต่ปลายเล็บ ข้าจักให้เจ้าไปเป็นข้าหลวงห้องเครื่องเสีย”

“ขะ ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”

“คนที่เจ้าควรจักสำนึกในเมตตาหาใช่ข้าไม่”

“..ขะ ขอบพระทัยเพคะเจ้าน้อย”

“จ้ะ”นัยน์ตากวางสบตาข้าหลวงสาวนิ่งจิกเสียจนข้าหลวงสาวต้องหลบตาเป็นพัลวัน แค่ลอบมองพระภัสดาของพระองค์ยังโดนเยี่ยงนี้ ใครเล่าจักกล้ายุ่งกับพระภัสดาเจ้าน้อย










ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1


บัวหลงจันทร์ ๑๕


“สายหยุด...เป็นเยี่ยงไรบ้างจ๊ะ”พ่อเหมองครักษ์หลวงรูปงามเมื่อได้รับราชานุญาติจากนายเหนือหัวก็รีบรุดมาเฝ้าคู่หมั้นคนงามที่กลายเป็นข้าวสุกไปแล้วที่เรือนหลังตำหนักใน

“พี่เหม”สายหยุดค่อยๆยันกายบอบช้ำลุกขึ้นโดยมีพ่อเหมรุดเข้าช่วยประคอง มือเล็กดึงผ้าแพรสีหวานขึ้นจนถึงแผ่นอกบาง ใบหน้างามก้มจนชิดอกบาง เอียงหน้าหลบชายหนุ่มอย่างเอียงอายราวกับคนละคนกับเมื่อราตรีเร่าร้อนที่ผ่านมา

“...เป็นกระไรไป ใยจึงมิมองหน้าผัวของเจ้าเล่า”พ่อเหมเย้าพลางใช้ปลายนิ้วเกี่ยวปลายคางแหลมของเมีย คงจักเรียกเมียได้อย่างเต็มปากแล้ว

“พี่เหม...สายหยุด...”ใบหน้านวลแดงระเรื่อน่าเอ็นดู



จุ๊บ



“พี่ขอโทษหนาเจ้าที่มิยับยั้งชั่งใจจนเจ้าจับไข้เยี่ยงนี้”องครักษ์หนุ่มประทับจูบที่มุมปากอิ่ม

“จักโทษพี่เหมคนเดียวมิได้ดอกจ้ะ...สายหยุดเองก็มิยับยั้งชั่งใจ”


จุ๊บ


“พี่รักเจ้าเหลือเกินสายหยุด ยิ่งได้ครอบครองเจ้าทั้งใจ แลกายเยี่ยงนี้พี่ยิ่งรักเจ้า มีแต่เจ้าคนเดียวเต็มดวงใจ”ประคองมือน้อยขึ้นจูบหอม

“สายหยุดก็รักพี่เหมจ้ะ รักพี่เหมคนเดียวเท่านั้น”เสียงหวานเอ่ย สบตากัน แลกันอ่อนหวานจนกระทั่ง เสียงของข้าหลวงสาวร้องเรียกดังขึ้นที่หน้าประตู

“คุณสายหยุดเจ้าคะ พระชายาทรงประทานโอสถจากแม่เฒ่าให้คุณสายหยุดเจ้าค่ะ”

“ขะ เข้ามาจ้ะ”สายหยุด แลพ่อเหมผละออกจากกัน ชายหนุ่มก้าวออกห่างจากเตียงของคู่หมั้นคนงาม เพื่อมิให้ดูมิดี แลสายหยุดเสียหาย

“โอสถเจ้าค่ะ”ข้าหลวงสาวกล่าวพลางประคองถ้วยโอสถสีดำเข้มกลิ่นฉุนเข้ามาในห้องนอนของคนสนิทพระชายา

“ขอบใจจ้ะ”สายหยุดว่า

“โอสถกระไรหรือ”พ่อเหมรับถ้วยโอสถกลิ่นฉุนจากข้าหลวงสาวมาถือไว้เอง พลางเอ่ยถาม

“เจ้าออกไปก่อนเถิด ขอบใจหนา”สายหยุดกล่าวพร้อมรอยยิ้มให้ข้าหลวงสาว

“เจ้าค่ะ”

“พระชายาทรงประทานโอสถกระไรให้เจ้าหรือสายหยุด”พ่อเหมถาม

“...พี่เหม”

“หืม ว่าอย่างไรจ๊ะ”

“พระชายาท่านทรงประทานโอสถของแม่เฒ่าให้สายหยุดจ้ะ”

“โอสถของแม่เฒ่าหรือ โอสถกระไรกัน”

“.....โอสถของแม่เฒ่าจักทำให้สายหยุดตั้งท้องลูกพี่เหมจ้ะ”

“...สายหยุด...”

“....พี่เหม ใคร่อยากมีลูกกี่คนจ๊ะ แลหะ..หากมีใคร่อยากมีชาย..หรือ หยะ..”


หมับ


“จักกี่คนก็ได้ จักหญิงหรือชายก็ได้เจ้า ขอเพียงแค่แม่ของลูกพี่คือสายหยุดเท่านั้นก็พอแล้ว”ยังมิทันที่สายหยุดจักได้กล่าวจบก็ถูกพ่อเหมรวบไปกอด

“พี่เหม...”คนงามเอียงเอนซบอกกว้าง

“ดื่มโอสถเถิดเจ้า...แลเยี่ยงนี้พี่จักต้องซ้ำหรือไม่ ลูกจักได้มาเร็วๆ”

“พี่เหม...พูดกระไรจ๊ะ สายหยุดยังมิหายเมื่อยเลยหนา”สายหยุดครางใส่เบาๆ มือเล็กทุบอกกว้างมิแรงนัก

“หึหึหึ ดื่มโอสถหนาเมียจ๋า ผัวจักป้อนให้”ประคองถ้วยโอสถชิดริมฝีปากนุ่ม

“......”แม้จักเขินอายเพียงใดกับสิ่งที่สามีกล่าว หากแต่ก็ยอมดื่มโอสถจนหมดถ้วย

“เก่งมากเจ้า”

“อึก..รสขมติดปากมิหายเลยจ้ะ”ใบหน้างามเหยเก

“เยี่ยงนั้นกินน้ำผึ้งล้างปากหน่อยหนาเจ้า”พ่อเหมบอกพลางป้ายน้ำผึ้งลงบนลิ้นนุ่มของสายหยุด คว้านไปทั่วโพลงปากอุ่น

“อึก..อื้อ”สายหยุดครางอึกอัก ลิ้นเล็กกวาดหยดน้ำผึ้งที่ติดนิ้วเรียวของคู่หมั้นหนุ่ม

“เป็นเยี่ยงไรเจ้า”ถอนนิ้วออกจากปากนุ่ม

“.....”สายหยุดเผยอปากหอบ

“หากยังมิหาย....”กล่าวเพียงเท่านี้ ก่อนจักประกบจูบริมฝีปากนิ่ม เคล้าคลึง ดูดดึง พ่อเหมเริ่มเยี่ยงนี้มีหรือสายหยุดจักน้อยหน้า ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัด เอียงใบหน้า แขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง

“อึก..อ๊ะ..พี่เหม พะ พอแล้วจ้ะ สะ สายหยุดหายขมปากขมคอแล้วจ้ะ”

“แต่พี่ยังมิหายนี่เจ้า”กล่าวพลางยื่นใบหน้าคมเข้าหาคนงามหวังจักได้จุมพิตหวานน้ำผึ้งอีกสักครั้ง

“ฮื่อ...พอแล้วจ้ะ”ยกมือขึ้นปิดปากชายหนุ่ม

“ก็ได้ๆเจ้า”


จุ๊บ


กดจูบที่นิ้วเล็ก


.
.
.


หลายวันผ่านไป วันพรุ่งแล้วที่จักต้องเดินทางไปการเวก

“ฝ่าบาท”เสียงหวานเอ่ยเรียกพระภัสดายามที่มือเล็กวักน้ำรดบนพระอังสะ ออกแรงบีบนวดปรนนิบัติพัดวีอย่างดีเยี่ยม

“หืม”

“.....”

“ว่าอย่างไรเจ้าบัวงาม”

“...บัว..”ละมือที่บีบนวด ก่อนจักซบใบหน้างาม แนบแก้มนุ่มกับลาดพระอังสา

“กังวลกระไรเจ้า”

“บัวห่วง มิอยากให้พระองค์ เสด็จพ่อ แลภุชงค์ไปเลยพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ มิมีกระไรดอกเจ้าบัว มิต้องกังวลไป”ขยับหมุนพระวรกาย รวบร่างนุ่มนิ่มเข้ากอด

“.....”

“ดูทำหน้าเข้า ป่านนี้เจ้าพเยียคงจักหน้าหงิกตามแม่แล้วกระมัง”

“ฮื่อ..ฝ่าบาทละก็”

“พี่ไปมินาน มิต้องกังวลหนาเจ้า”

“บัวจักพยายามพระเจ้าค่ะ”

“เด็กดี”

“.....”

“...เยี่ยงนั้นบัวขอไปช่วยเสด็จแม่ท่านดูแลเรื่องเสบียงก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”ว่าพลางขืนกายออกจากพระอุระพระภัสดา เตรียมขึ้นจากน้ำ

“มิต้องไปดอก....หนาเจ้า”

“.....”เจ้าบัวช้อนนัยน์ตากวางมองพระภัสดาอย่างฉงน

“อยู่กับพี่เถิด...วันพรุ่งก็พี่ก็ต้องไปการเวกแล้ว อยู่กับพี่ให้หายคิดถึงเจ้า แลลูกเถิดหนา”

“ฝ่าบาท...พระเจ้าค่ะ บัวจักอยู่กับพระองค์มิไปไหน”เข้าสวมกอดพระวรกายกำยำใบหน้างามซบพระอุระกว้าง องค์จันทร์ซบพระพักตร์ลงบนกลุ่มผมชื้น พระหัตถ์โอบกระชับร่างบาง พลางลูบเส้นผมเปียกแนบสะโพกกลึง

“บัวจ๋า...”

“พระเจ้าค่ะ”

“ระหว่างที่พี่มิอยู่ดูแลตัวเอง แลลูกดีๆหนาเจ้า ยุงอย่าให้ไต่ ไรอย่าให้ตอมหนา”

“พระเจ้าค่ะบัวจักดูแลตัวเอง แลลูกให้ดีที่สุด พระองค์มิต้องเป็นกังวลหนาพระเจ้าค่ะ ไหนจักเสด็จแม่ ไหนจักพี่สายหยุด ไหนจักอิ่ม...พระองค์ก็เช่นกัน ไปต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้ดูแลองค์เองดีๆหนาพระเจ้าค่ะ แลบัวฝากฝ่าบาทดูแลเสด็จพ่อ แลพระเชษฐาของบัวด้วยหนาพระเจ้าค่ะ”

“มันแน่อยู่แล้วเจ้า..พ่อเจ้า เชษฐาเจ้าก็เหมือนพ่อ แลเชษฐาพี่..พี่จักดูแลตัวเอง แลครอบครัวเราให้ดีที่สุด จักมิให้มีอันตรายใดๆ อย่ากังวลไปเลยหนาเจ้า”กดพระนาสิกหอมกระหม่อมน้องน้อย

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมมือกราบที่พระอุระ

“มิต้องกังวลหนาคนดี”ประคองมือน้อยทั้งสองข้างขึ้นจรดพระนาสิก กดพระโอษฐ์ที่หลังมือน้องซ้ำๆ


.
.
.


กำหนดการเดินทางวันนี้ คือ หลังพระกายาหารเช้า ดังนั้นพระกายาหารเช้าในท้องพระโรงวันนี้จึงพร้อมหน้าพร้อมตา

“เจ้าชมนาดโปรดน้ำพริกมะขามนี่เจ้า เยี่ยงนั้นกินเยอะๆหนาจ๊ะ”องค์ภุมรินเอาอกเอาใจเมียรักตลอดมื้ออาหารมิต่างกับชามาดาของพระองค์

“เจ้าก็กินยำทวายเยอะๆหนาเจ้าบัว รสชาติเปรี้ยวเยี่ยงนี้จักได้มิแพ้ท้อง”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”
มิต่างจากองครักษ์หลวงคนเก่ง แลคนสนิทพระชายาที่ประคบประหงมกันไม่น้อยหน้านายเหนือหัว

“พี่เหมกินเองบ้างเถิดจ้ะ..จักต้องเดินทางไกล มิต้องห่วงสายหยุดดอก”สายหยุดปรามพ่อเหมที่มัวแต่ตักกับข้าวให้ตนจนแทบมิได้กินเอง

“พี่ใคร่อยากดูแลสายหยุดนี่จ๊ะ ประเดี๋ยวอีกตั้งหลายวันกว่าจักได้กลับมาดูแลสายหยุดเยี่ยงนี้..แลหากลูกมาอยู่ในท้องสายหยุดแล้วพี่จักได้ดูแลลูกด้วยอย่างไรเจ้า”

“พี่เหม..สายหยุดเพิ่งจักกินโอสถของแม่เฒ่าท่านไปครั้งเดียว ลูกจักมาได้อย่างไรจ๊ะ”

“แลต้องกินกี่ครั้งกันสายหยุดจึงจักท้องลูกพี่”

“กี่ครั้งก็ไม่สำคัญเท่าพี่เหมมิได้อยู่ทำลูกดอกจ้ะ...กลับมาทำก็ยังมิสายดอก”พูดไปใบหน้าก็แดงระเรื่อ

“นั่นสิ...โอสถแม่เฒ่าหรือจักสู้น้ำยาพี่”

“พี่เหม..คนผีทะเล”มือเล็กตบตีอกกว้างเปาะแปะ


.
.
.


เมื่อแล้วพระกายาหารเช้าก็ถึงเวลาที่เหล่าพระภัสดาจักต้องเดินทางกันแล้ว

“ทรงดูแลองค์เองดีๆหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดกล่าวกับพระภัสดาคู่ทุกข์คู่ยากของตน มือเล็กแนบประคองพระปราง ในขณะที่พระหัตถ์ทั้งสองข้างขององค์ภุมรินประคองกุมมืออีกข้างของเมียขึ้นจรดพระนาสิก

“จ้ะ..พี่จักดูแลตัวเอง แลลูกให้ดี จักมิให้เจ็บ ให้ไข้”

“ดีพระเจ้าค่ะ...หม่อมฉัน แลลูกบัวจักรอพระองค์ ภุชงค์ แลองค์จันทร์หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“แล...ของแทนใจที่หม่อมฉันให้”

“พี่เอามาแล้วคนดี หอมกลิ่นชมนาดนัก”

“....”เจ้าชมนาดแก้มแดงระเรื่อ ของแทนใจที่ว่าก็ผ้าแถบของตัวที่อบกลิ่นดอกชมนาดเสียจนฟุ้ง

“คงจักช่วยให้พี่คลายความคิดถึงเจ้าไปไม่มากก็น้อย”

“เสด็จพี่”เงยหน้ากดจูบเบาๆพระโอษฐ์ไม่ล่วงล้ำ

“ชมนาดคนดี”กอดเมียแน่น ใคร่อยากจักงอแง มิไปการเวกเสียแล้ว


.
.
.


ทางด้านองค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามก็อาลัยอาวรณ์กันมิแพ้คนเป็นพ่อ แลแม่

“สายหยุด..ข้าฝากดูแลเจ้าบัวงาม แลลูกข้าด้วยหนา”องค์จันทร์ตรัส ในอ้อมพระกรมีร่างแน่งน้อยของเมียซุกซบอย่างออดอ้อนอยู่

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักดูแลพระชายา แลรัชทายาทในพระครรภ์ให้ดีที่สุดพระเจ้าค่ะ”

“ดี..ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ฝ่าบาท”

“จ๋า”

“บะ บัวให้พระเจ้าค่ะ จักได้คลายคิดถึง”ขืนกายออกจากอ้อมพระอุระ อิ่มหมอบคลานนำพานทองบรรจุผ้าแถบสีขาวปักลายดอกบัวเล็กๆทั่วผืน บนผ้าผืนงามมีซับพระพักตร์ที่เจ้าบัวงามเพียรปักถวายพระภัสดา แลดอกบัวตูมดอกโตสีขาวอมชมพูนอนนิ่งอยู่

“หืม...”ผ้าผืนนี้ช่างคุ้นพระเนตรนัก


อ่า.......


ก็ผ้าแถบที่เจ้าบัวนุ่งเมื่อวานอย่างไรเล่า...องค์จันทร์ยกมุมพระโอษฐ์พลางหยิบผ้าผืนนิ่มขึ้นจรดพระนาสิก กลิ่นกายหวานๆขงเจ้าบัวติดเจืออยู่จางๆ

“หึหึหึ คนดี”รั้งกายนุ่มนิ่มเข้ากอด

“ได้กลิ่นหม่อมฉัน แลลูกทุกวัน..จักได้คิดถึงกันทุกลมหายใจหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวกระซิบเบาติดพระกรรณ

“พี่จักคิดถึงเจ้า แลลูกทุกลมหายใจเลยเชียว”

“ดูแลองค์เองหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ..เจ้าก็ดูแลตัวเอง แลลูกดีๆหนา”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


หลังจากล่ำลาเมียรักแล้ว ก็ถึงเวลาออกเดินทาง ทั้งสามพระองค์ รวมถึงองครักษ์หลวงประจำพระองค์ต่างเดินทางด้วยม้าประจำตน ในขบวนเสด็จมีเพียงเกวียนขนเสบียง แลม้าเท่านั้น ทหารที่อยู่ในขบวนก็มีเพียงยี่สิบนาย หากแต่ทหารเงาของภุมริกาต่างซุกซ่อนอยู่ในป่า คอยอารักขานายเหนือหัวห่างๆ ขบวนเสด็จลัดเลาะตามชายป่ามุ่งหน้าแคว้นการเวก

“พักแถวนี้ก่อนเถิด คอยเดินทางต่อ”องค์ภุมรินว่า เมื่อแดดเริ่มหมด

“พะย่ะค่ะ”สุธีรับพระบัญชาก่อนจักจัดการตั้งกระโจมที่ประทับให้เจ้านายทั้งสาม รวมถึงที่หลับที่นอนของตน แลเหล่าทหาร



.
.
.


ที่หน้ากระโจมที่ประทับ มีเพียงองค์ภุมริน องค์จันทร์ รัชทายาทภุชงค์ แลองครักษ์หลวงประจำของแต่ละองค์ นั่งล้อมกองไฟ จิบชาร้อนๆคลายความหนาวจากอากาศยามค่ำคืน

“เฮ้อ พ่อล่ะคิดถึงแม่เจ้าเหลือเกินเจ้าภุชงค์ ยังดีที่แม่เจ้าให้ของแทนใจมาให้คลายคิดถึง”ว่าพลางหยิบผ้าแถบสีหวานขึ้นมาอวด

“.....”

“แลเจ้าบัวให้กระไรแทนใจเจ้ามาหรือไม่องค์จันทร์”ตรัสถามชามาดา

“เจ้าบัวงามให้ผ้าปัก ดอกบัวหลวง...”

“...แค่นี้หรือ”

“...แลผ้าแถบที่น้องบัวนุ่งเมื่อวานพะย่ะค่ะ”ทูลพระสัสสุระ แลแย้มพระโอษฐ์ยิ้มกริ่มราวกับเหนือกว่า พระหัตถ์หยิบของแทนใจที่ว่าทั้งสามออกมาให้พระสัสสุระทอดพระเนตร

“....”องค์ภุมรินจ้องชามาดาเขม็ง รู้เยี่ยงนี้ข้าคงจักเอาผืนที่เจ้าชมนาดนุ่งแล้วมา ดำริในพระทัย แลใช้ปลายพระองคุลีลูบผ้าแถบของเจ้าชมนาดเบาๆ

“แลเอ็งเล่าเหม..สายหยุดให้กระไรมาหรือไม่”องค์จันทร์หันมาถามองครักษ์คนสนิทของตน

“เอ่อ....”

“เหอะ...คงจักมิมีล่ะซิ”องค์ภุมรินตรัสเยาะ

“..สายหยุดให้ ‘ผ้าโจง’ หม่อมฉันมาพะย่ะค่ะ”ทูลพลางล้วงผ้าโจงผืนงามของคู่หมั้นคนงามออกมาจากห่อผ้า

“.....”องค์ภุมริน

“.....”องค์จันทร์


เอาล่ะ...เจ้าเหมชนะขาด เจ้านายทั้งสองเก็บผ้าแถบของเมียองค์เองพลางแยกย้าย ท่านสุธี องค์รัชทายาทภุชงค์ แลเจ้าสนองครักษ์หลวงประจำองค์รัชทายาทต่างยกกำปั้นขึ้นปิดรอยยิ้มขัน พระสัสสุระ แลชามาดาหรืออุตส่าห์เกทับกันสุดฤทธิ์ สุดท้ายเจ้าเหมกลับชนะขาดรอย


“หึหึหึ แยกย้ายกันไปนอนเถิดท่านสุธี เจ้าสน เหม วันพรุ่งจักต้องออกเดินทางแต่เช้า”

“พะย่ะค่ะ”

“พะย่ะค่ะ”

“พะย่ะค่ะ”

หมอบกราบส่งเสด็จ







ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1


บัวหลงจันทร์ ๑๖


“คืนนี้พี่สายหยุดมานอนเป็นเพื่อนข้าทีหนาจ๊ะ”เจ้าบัวว่า ยังมิทันพ้นวันก็คิดถึงพระภัสดาเสียแล้ว มือน้อยลูบครรภ์ตนไปมาปลอบลูกน้อยที่คงจักคิดถึงพ่อมิแพ้แม่เลย

“พระเจ้าค่ะ”

“...แลพี่สายหยุดกินโอสถของแม่เฒ่าท่านไปกี่ถ้วยแล้วจ๊ะ”

“สายหยุดเพิ่งจักกินไปเพียงสองถ้วยพระเจ้าค่ะ ที่พระชายาประทานให้หนึ่งถ้วย แลวันนี้อีกหนึ่งถ้วย”

“กินไปเรื่อยๆหนาจ๊ะ หากพ่อเหมกลับมามิแคล้วพี่สายหยุดคงจักท้องทันที เพราะบำรุงไปเสียเยอะ”

“พระชายา...”สายหยุดหน้าแดงระเรื่อ

“คิกๆ”

“....ทรงรับน้ำนมโคอุ่นๆก่อนบรรทมสักหน่อยดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ จักได้บรรทมสบาย”

“ก็ดีจ้ะ”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักให้นางข้าหลวงนำถวายหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


.
.
.


“บัวร้อยเยี่ยงนี้ถูกหรือไม่พระเจ้าค่ะเสด็จแม่”เจ้าบัวงามว่าพลางยื่นมาลัยดอกมะลิที่ร้อยใส่เข็มให้มารดาดู รุ่งอรุณวันใหม่เจ้าชมนาด แลเจ้าบัวงาม พร้อมด้วยสายหยุดต่างก็มารวมตัวกันร้อยมาลัยถวายตำหนักศาสน์เพื่อขอพรให้เหล่าพระภัสดา โอรส แลคู่หมั้นหนุ่มที่ไปต่างบ้านต่างเมืองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง แลมีชัยกลับมาฝากลูกเมีย

“อืม..ถูกแล้วลูก งามแล้วจ้ะ”เจ้าชมนาดว่าพลางยิ้มหวานให้ลูก

“พระเจ้าค่ะ”

“...สายหยุดนี่ร้อยมาลัยงามเชียว”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะพระชายาชมนาด ก่อนที่จักมารับใช้พระชายาบัวงามสายหยุดเคยร้อยมาลัยเข้าวังหลวงศศิมณฑลถวายตำหนักศาสน์มาก่อน ก็เลยร้อยได้งามพระเจ้าค่ะ”พนมมือกราบก่อนจักแจ้งแก่พระมารดา

“เยี่ยงนั้นหรือ ดีจริง”



   หลังจากที่ร้อยมาลัยแล้วแล้ว ทั้งสามก็เข้าตำหนักศาสน์ขอพรให้ลูกผัวตัว เจ้าชมนาดสวดมนต์ขอพรให้พระภัสดา โอรส แลชามาดาอยู่นาน หากแต่เจ้าบัวงามที่กำลังท้องกำลังไส้กลับนั่งสวดมนต์ได้เพียงมินานก็ถูกมารดารับสั่งให้กลับตำหนักในเพื่อพักผ่อน โดยมีสายหยุดติดตาม

“ไปพักผ่อนเถิดเจ้าบัว ท้องไส้เช่นนี้นั่งสวดมนต์นานๆมิไหวดอก ประเดี๋ยวแม่จักสวดมนต์ขอพรให้ทุกคนแทนเจ้า แลสายหยุดเอง”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะเสด็จแม่”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะพระชายาชมนาด”



   เจ้าบัวงาม แลสายหยุดหมอบกราบเจ้าชมนาดก่อนจักออกจากตำหนักศาสน์ สายหยุดประคองนายเหนือหัวคอยระแวดระวังทุกฝีก้าว

“พี่สายหยุด....”

“พระเจ้าค่ะพระชายา”

“ข้าใคร่ไปสูดอากาศที่สวนพฤกษาก่อนค่อยกลับเข้าตำหนัก พาข้าไปที”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“...ป่านนี้แล้วเสด็จพ่อ พระเชษฐา แลพระภัสดาจักเป็นเช่นไรหนอ จักกินอิ่ม นอนหลับหรือไม่หนา”เจ้าบัวรำพึงกับคนสนิท

“อย่าได้กังวลไปเลยเพคะประเดี๋ยวรัชทายาทในพระครรภ์จักทรงกังวลตามมารดาไปด้วยหนาพระเจ้าค่ะ”

“....”

“...สายหยุดหรือก็กังวลเป็นห่วงพี่เหมหนักหนา หากแต่สายหยุดเชื่อในพี่เหม แลสายหยุดเชื่อว่าทุกพระองค์เก่งกาจ แลปรีชาสามารถ มิมีใครทำกระไรฝ่าบาททั้งสามพระองค์ได้ดอกพระเจ้าค่ะ ขอพระชายาอย่าได้กังวลไป”

“..จ้ะ”

“เยี่ยงนั้นกลับตำหนักหนาพระเจ้าค่ะ บรรทมกลางวันสักตื่น ประเดี๋ยวสายหยุดจักให้ข้าหลวงห้องเครื่องนำผลมูลละมั่ง แลเยื่อเคยถวายดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ดีจ้ะ..ข้าก็ชักจักเบื่อผลอัมพวา แลเกลือแล้ว เปลี่ยนเป็นผลมูลละมั่ง แลเยื่อเคยบ้างก็ดี”

“เยี่ยงนั้นสายหยุดจักให้ข้าหลวงนำถวายพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


.
.
.


   หลังกายาหารค่ำพระชายาชมนาด แลเจ้าบัวงามก็ร่วมพูดคุยกันตามประสาแม่ลูก โดยมีสายหยุด แลอุ่นคนสนิทของสองพระองค์อยู่รับใช้

“ทูลพระชายาชมนาด แม่เฒ่าขอเข้าเฝ้าเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบคลานเข้ามากราบทูลความแก่นายเหนือหัวทั้งสอง

“เชิญแม่เฒ่าเข้ามา”

“เพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบกราบก่อนจักคลายถอยออกจากห้องบรรทมเพื่อเชิญแม่เฒ่า

“ถวายพระพรพระชายา แลเจ้าน้อยเพคะ”

“มิต้องมากพิธีดอกจ้ะแม่เฒ่า”เจ้าชมนาดรุดจากตั่งเข้าประคองร่างผอมบางของแม่เฒ่า โดยมีสายหยุดช่วยอีกแรง ค่อยๆประคองหญิงชราให้นั่งลงบนตั่งตัวเล็กที่อยู่ต่ำกว่าตั่งที่พระชายาประทับ

“ขอบพระทัยเพคะ”

“กราบท่านยายจ้ะ”เจ้าบัวงามพนมมือไหว้หญิงชรา

“มิได้เพคะเจ้าน้อย”

“แลแม่เฒ่าเข้าเฝ้าข้าเยี่ยงนี้มีเรื่องอันใดหรือจ๊ะ”

“...บัวหลงจันทร์ไปแล้ว...”สิ้นเสียงแหบพร่าเจ้าบัวก็พระพักตร์แดงซ่าน

“ก็ถึงคราว ‘ภุชงค์เล่นแสง’ แล้วเพคะ”

“หมายความว่าอย่างไรจ๊ะ”

“..หึหึ..หึหึ...ทรงเตรียมของรับขวัญสุณิสาเถิดเพคะ หม่อมฉันทูลลา”พนมมือสั่นๆขึ้นไหว้ก่อนจักเดินออกจากห้องบรรทมโดยมีนางข้าหลวงประคอง

“หมายความว่าอย่างไรกัน...สุณิสา...ไปการเวกครานี้เจ้าภุชงค์จักได้เมียกลับมาหรือ!!!”เจ้าชมนาดพระเนตรเบิกกว้าง

“เสด็จแม่..ภุชงค์ไปการเวกครานี้คงจักได้เมียกลับมาเป็นแน่แท้พระเจ้าค่ะ ท่านยายมิเคยทำนายสิ่งใดผิดเพี้ยนแม่แต่น้อย”เจ้าบัวว่า มือบางก็ลูบหน้าท้องตนไปมา

“แม่ควรจักตกใจ ดีใจ หรือ รู้สึกเยี่ยงไรดีเจ้าบัว”

“..ท่านยายท่านว่าให้เสด็จแม่เตรียมของรับขวัญเมียภุชงค์...”

“หากเจ้าภุชงค์ไปคว้าคนไม่ดีเข้าเล่าเจ้าบัวงาม”

“อย่าได้กังวลไปเลยพระเจ้าค่ะ ลูกเชื่อว่าชายาของภุชงค์จักต้องเป็นคนดีเป็นแน่ มิเช่นนั้นท่านยายท่านคงจักให้ท่านแม่เตรียมรับมือมากเสียกว่าเตรียมของรับขวัญหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....แม่ก็หวังเช่นนั้น”

“อย่ากังวลไปเลยพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


.
.
.


เจ็ดวันผ่านไป อีกมิเกินครึ่งวันคณะขององค์ภุมรินก็จักถึงการเวกแล้ว แน่นอนว่าการที่เจ้าหลวงภุมริกา แลองค์รัชทายาท พร้อมด้วยเจ้าหลวงศศิมณฑลเสด็จมาการเวกแล้วเป็นไปมิได้ที่ทางการเวกจักมิรู้ถึงการมาเยือน

“เร่งเข้าเถิดข้าใคร่อยากเห็นหน้าให้ตัวที่มันบังอาจกล้ารังแกลูกข้าเต็มทนแล้ว”องค์ภุมรินว่าขณะบัวคับอาชาประจำพระองค์ให้เร่งฝีเท้า

“พระทัยเย็นก่อนเถิดพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ อีกมิเกินครึ่งวันก็ถึงแล้ว”องค์รัชทายาทภุชงค์ตรัสกับบิดา

“นั่นสิพะย่ะค่ะ พระทัยเย็นก่อนเถิด”องค์จันทร์ว่า

“.....”

“การที่เรามาการเวกเช่นนี้คงรู้ไปถึงพระเนตรพระกรรณเจ้าหลวงสิงห์เข้าแล้ว หากวู่วามบุกเข้าไปคงมิเป็นผลดีแก่เราเป็นแน่พะย่ะค่ะ”องค์จันทร์กราบทูลพระสัสสุระ

“จริงดังองค์จันทร์ว่า...ข้าก็ร้อนใจไปหน่อย”องค์ภุมรินตรัส

“มิได้พะย่ะค่ะเสด็จพ่อ หม่อมฉันเข้าพระทัยว่าทรงเป็นห่วง แลคับแค้นใจที่การเวกรังแกน้องบัว”ตรัสพลางแย้มพระโอษฐ์ให้พระสัสสุระ

“.....”พระขนงกระตุกกับสรรพนามที่ชามาดาเรียก เสด็จพ่อเยี่ยงนั้นหรือ...อืมม ภัสดาลูก บิดาหลาน ได้....ได้ เสด็จพ่อก็เสด็จพ่อ


.
.
.


“อีกมิถึงครึ่งวันขบวนเสด็จขององค์ภุมริน แลคณะคงจักถึงวังหลวง”

“.....”

“...ครานี้การเวกคงราบเป็นหน้ากลอง สมใจเจ้าหรือยังเจ้าสิน!!”

“เสด็จพ่อ ใยเราจักต้องกลัวมันหัวหดเช่นนี้ด้วยพะย่ะค่ะ”

“ภุมริกาได้ชื่อว่าเป็นแคว้นที่มีกองกำลังทหารแข็งแกร่งเป็นที่หนึ่ง แลเจ้ายังกล้าไปทำเรื่องระยำกับเจ้าน้อยบัวงาม แก้วตาขององค์ภุมรินท่าน...แลไหนจักศศิมณฑล เจ้าคิดว่าทั้งองค์ภุมริน แลองค์จันทร์จักปล่อยการเวกให้รอดปลอดภัยเยี่ยงนั้นหรือ เช่นนี้เจ้าก็บอกข้าเถิดว่าเหตุใดเราจึงต้องกลัวหัวหดเช่นนี้!!”องค์สิงห์บริภาษองค์รัชทายาทตนด้วยความกริ้วโกรธ ก่อนจักเสด็จออกจากตำหนักทรงงานกลับตำหนักหลวง



“เสด็จพ่อ ลูกขอเข้าเฝ้าได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เสียงหวานของโอรสองค์เล็กดังขึ้นหน้าพระทวารห้องโถงตำหนักหลวง

“เจ้าแสงเข้ามาเถิดลูก”พระสุระเสียงอ่อนลง

“กราบเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“ไหว้พระเถิดเจ้า”

“ลูกเข้าห้องเครื่องทำขนมลืมกลืนมาถวายเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“......”

“เสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“หืม”

“ลูกได้ยินมาว่าวันนี้จักมีขบวนเสด็จจากแคว้นภุมริกามาที่วังหลวง จึงได้จัดเตรียมกายาหารคาวหวานไว้ต้อนรับอาคันตุกะหลายอย่างเทียวพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนาเจ้าแสง เหนื่อยเจ้าแล้วแล”

“มิได้พระเจ้าค่ะ กระไรที่ลูกช่วยได้ลูกก็เต็มใจจักช่วยพระเจ้าค่ะ”

“...เจ้าช่างเหมือนมารดาของเจ้านัก เสียดายที่นางมิมีโอกาสได้อยู่เคียงข้างข้า มองดูเจ้าเติบโตอย่างสวยงาม”

“.....”

“ประจบประแจงเก่งได้แม่เจ้านักหนาเจ้าแสง”สุระเสียงหวานของพระชายาในองค์สิงห์ แห่งการเวกดังขัดบทสนทนาของสองพ่อลูก

“ถวายพระพรพระชายาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบสตรีผู้เป็นชายาของบิดาตน



   องค์สิงห์นั้นเดิมทีรักใคร่อยู่กับนางข้าหลวงห้องเครื่องตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งการเวก หากแต่ถูกบังคับให้ตบแต่งกับบุตรีของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ด้วยเรื่องการเมือง จนมีองค์รัชทายาท นั่นก็คือ องค์สิน จากนั้นจึงได้แต่งตั้งหญิงอันเป็นที่รักขึ้นเป็นสนมเอกเป็นรองมารดาเจ้าสินแค่ขั้นเดียวเท่านั้น มินานนางข้าหลวงห้องเครื่องก็ให้กำเนิดโอรสให้องค์สิงห์ แต่หาได้สมชายชาตรีไม่ เมื่อเจ้าแสงมีอายุได้เพียงขวบเศษมารดาก็เสียชีวิตลง เนื่องจาก ร่างกายอ่อนแอจากการคลอดบุตร เจ็บออดๆแอดๆมาร่วมปีจึงได้สิ้นใจทิ้งลูก ทิ้งผัว มีข่าวลือว่านางถูกลอบวางยาพิษจากพระชายา แต่ก็หาได้มีใครกล้าพูดไม่ เนื่องด้วย รักตัวกลัวตายกัน องค์สิงห์รักใคร่เอ็นดูเจ้าแสงเป็นอย่างมาก ทรงเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน เป็นโซ่ทองคล้องใจของพระองค์กับนางอันเป็นที่รัก เป็นสิ่งมีค่าที่นางทิ้งไว้ให้พระองค์ องค์สิงห์จึงดูแล รักใคร่เจ้าแสงมาก แต่นั่นก็ทำให้พระชายา แลองค์รัชทายาทมิใคร่ชอบใจเจ้าแสง หาเรื่องกลั่นแกล้ง เจ้าแสงหรือก็แสนดีถูกรังแกเยี่ยงไรก็มิปากฟ้องบิดา อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตน ทั้งวังหลวงกว้างใหญ่เจ้าแสงมีสหายอยู่สองคน หรือก็คือคนสนิทที่คอยรับใช้ดูแลตนนั่นแล


“จักไปห้องเครื่องทำกายาหารต้อนรับอาคันตุกะของฝ่าบาทมิใช่หรือ แลใยยังจักมานั่งเสนอหน้าอยู่นี่”

“...ยะ เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัวพระเจ้าค่ะ กราบลาเสด็จพ่อ ทูลลาพระชายาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักค่อยๆคลานเข้าออกไป

“คงจักถนัดงานก้นครัวเหมือนแม่มัน ต่ำ”บริภาษตามหลังร่างอรชร

“...ข้าก็มิรู้เหมือนกันว่าปากของเจ้ากับเวจสิ่งใดจักสกปรกกว่ากัน”เมื่อลับร่างเจ้าแสง องค์สิงห์จึงหันมาตรัสกับชายา พลางเสด็จหนีไปที่อื่น

“ฝ่าบาท!!!”กรีดร้องอย่างคับแค้นใจ


.
.
.


   เจ้าแสงขลุกอยู่ในห้องเครื่องรังสรรค์พระกายาหารคาวหวานเพื่อต้อนรับอาคันตุกะต่างบ้านต่างเมืองเสียจนเหงื่อไหลตามกรอบพระพักตร์หวาน

“ซับพระเสโทสักหน่อยหนาพระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”ชงโค คนสนิททูลพลางใช้ซับพระพักตร์ที่อบบุหงารำไปจนหอมซับตามพระพักตร์งาม

“ขอบใจจ้ะชงโค”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ทูลเจ้าน้อย ขบวนเสด็จของอาคันตุกะต่างแคว้นมาถึงวังหลวงแล้วพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น คนสนิทอีกคนของเจ้าน้อยแสงรีบรี่เข้ามาทูลนายตน

“ยี่สุ่นวิ่งเข้ามาเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ประเดี๋ยวชนข้าวของเสียหายเข้าดอก ดีมิดีจักเจ็บตัวเอาหนา”

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นรีบมาทูลความแก่เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“ว่ามาเถิด”

“ขบวนเสด็จของอาคันตุกะต่างแคว้นมาถึงวังหลวงแล้วพระเจ้าค่ะ”

“...เยี่ยงนั้น พวกเจ้าก็เร่งมือกันหน่อยเถิด ประเดี๋ยวคณะอาคันตุกะที่มาเยือนท่านจักรอเอา”

“เพคะเจ้าน้อย”เหล่าข้าหลวงห้องเครื่องรับพระบัญชา พลางเร่งมือ


.
.
.


   เจ้าแสง แลคนสนิทขลุกอยู่ในครัวจนเหงื่อไหลไคลย้อย เร่งมือทำสำรับพระกายาหารของเหล่าอาคันตุกะ ทั้งคาวหวาน

“กระไรกัน ป่านนี้แล้วสำรับยังมิแล้วอีกหรือ”พระชายาเสด็จมาห้องเครื่อง ทำเอาเจ้าแสง แลเหล่าข้าหลวงต้องวางมือจากงานตรงหน้าแลรุดหมอบกราบ

“ใกล้แล้วแล้วพระเจ้าค่ะพระชายา”

“ชักช้านัก...แลก็มิต้องพาสารรูปมอมๆของเจ้าออกไปให้คณะอาคันตุกะทอดพระเนตรเสียล่ะ ไว้พระพักตร์เจ้าหลวงแลข้าเสียด้วย”

“...พระเจ้าค่ะ”

“....”สะบัดพระพักตร์ สาวพระบาทออกจากห้องเครื่องอย่างรังเกียจรังงอน

“เจ้าน้อย มิเป็นไรหนาพระเจ้าค่ะ”

“ข้ามิเป็นไรดอก เร่งมือเข้าเถิด”


.
.
.


“สำรับแล้วหมอแล้ว เจ้าน้อยทรงเสด็จกลับตำหนักพักผ่อนเถิดเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมพวกฉันจักทำที่เหลือเองหนาเพคะ”

“...เยี่ยงนั้นรบกวนพวกเจ้าแล้วหนา”

“มิได้เพคะ”

“เจ้าน้อยเสด็จกลับตำหนักเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉัน แลยี่สุ่นจักเตรียมอ่างทรงลอยดอกมัลลิกาหอมๆให้”ชงโคว่า

“จ้ะๆ...เยี่ยงนั้นข้าไปก่อนหนา”

“เพคะเจ้าน้อย”หมอบกราบ ส่วนเจ้าแสงก็เสด็จกลับตำหนักตนโดยมีคนสนิททั้งสองขนาบข้างมิห่าง


.
.
.


“เป็นเกียรติยิ่งนักที่ทรงเสด็จมาเยือนถึงการเวก”องค์สิงห์ตรัสพร้อมค้อมพระเศียรให้องค์ภุมริน

“มิได้ๆ..หากแต่พระองค์คงจักทราบแล้วว่าหม่อมฉันมาเยือนการเวกด้วยสาเหตุใด”

“...พะย่ะค่ะ หม่อมฉันทราบแล้ว”

“หึ..ดีพะย่ะค่ะ”

“..ทรงมาเหนื่อยๆ พักผ่อนก่อนเถิดพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเตรียมตำหนักรับรองให้แล้ว ทรงพักสรงน้ำให้คลายเหนื่อยเสียก่อนค่อยเสด็จรับพระกายาหารเย็นด้วยกันเถิดพะย่ะค่ะจักได้พูดคุยกัน”

“ได้พะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้น...”

“หม่อมฉันได้เตรียมตำหนักรับรองให้พระองค์แล้วพะย่ะค่ะ...หากแต่คงจักต้องให้องค์รัชทายาทภุชงค์พักตำหนักเดียวกับองค์ภุมริน แลองค์จันทร์พำนักอยู่ตำหนักข้างเคียงพะย่ะค่ะ”ยังมิทันที่องค์สิงห์จักตรัสจบ องค์รัชทายาทสินก็ตรัสแทรกขึ้นอย่างไรมารยาท

“เจ้าว่ากระไรเจ้าสิน ก็ข้า...”

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันจัดเตรียมไว้แล้วก็ตามนี้เถิด หวังว่าองค์ภุมรินจักมิว่ากันหนาพะย่ะค่ะ”

“มิเป็นไร ข้าพักกับเจ้าภุชงค์ได้ อันที่จริงจักให้พวกข้าพักตำหนักเดียวกันทั้งสามคนก็ย่อมได้ มิได้มีปัญหาอันใด”

“มิได้พะย่ะค่ะ..ตามนี้เหมาะสมแล้วพะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้น...ขอบใจพวกท่านมากที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี”

“มิได้พะย่ะค่ะ”


.
.
.
   

   ค่ำนี้มีเพียงองค์สิงห์ พระชายา แลองค์สินเท่านั้นที่ร่วมต้อนมื้อกายาหารรับอาคันตุกะทั้งสามพระองค์

“ตามสบายหนาพะย่ะค่ะ”องค์สิงห์ตรัสเมื่อข้าหลวงนำสำรับถวายแด่อาคันตุกะทั้งสามพระองค์แล้ว “ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

“มิได้พะย่ะค่ะ”พูดคุยกันเพียงมิกี่คำก็เริ่มเสวยพระกายาหาร องค์สิงห์เหลือบพระเนตรขึ้นมองก็เห็นองค์รัชทายาทภุชงค์ที่ดูท่าจักพอพระทัยสำรับพระกายาหารอยู่มิน้อยเลย

“เป็นเยี่ยงไรบ้างพะย่ะค่ะ สำรับถูกพระโอษฐ์หรือไม่พะย่ะค่ะ”

“พะย่ะค่ะ รสมือแม่ครัวของการเวกเป็นเลิศนัก”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ แต่สำรับทั้งหมดนี่หาใช่ฝีมือแม่ครัวห้องเครื่องไม่”

“.....”

“หากแต่เป็นฝีมือเจ้าแสง บุตรคนเล็กของหม่อมฉัน เจ้าน้อยแห่งการเวกพะย่ะค่ะ”

“เจ้าน้อยแสงหรือพะย่ะค่ะ..จริงสิ ตั้งแต่มา ข้ายังมิเห็นหน้าค่าตาของเจ้าน้อยแสงเลยหนาพะย่ะค่ะ”

“ต้องขออภัยองค์ภุมริน ที่เสียมารยาทพะย่ะค่ะ...หากแต่เจ้าแสงลงครัวทำสำรับถวายตั้งแต่บ่าย หม่อมฉันจึงได้ให้ลูกไปพักพะย่ะค่ะ หากแต่วันพรุ่งหม่อมฉันจักพาเจ้าแสงมากราบพระองค์แน่พะย่ะค่ะ”

“มิได้พะย่ะค่ะ หม่อมฉันเพียงใคร่อยากรู้จักเจ้าน้อยเพียงเท่านั้น”


.
.
.


“องค์รัชทายาท”เจ้าแสง แลคนสนิททั้งสองทรุดหมอบกราบองค์รัชทายาท

“จักไปไหนหรือเจ้าแสง”พระสุระเสียงอ่อนโยนผิดแผกไปจากเดิมทำเอาเจ้าแสงชะงัก

“...หม่อมฉันจักไปเก็บดอกแก้วมาลอยน้ำฝนพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ....”

“.....”

“เจ้าแสง..หากพี่จักวานกระไรน้องสักหน่อยจักได้หรือไม่”เจ้าแสงนิ่งชะงัก ตั้งแต่เกิดมามิมีสักคราที่องค์รัชทายาทจักนับญาติกับเจ้าแสงว่าเป็นพี่เป็นน้อง หากแต่บัดนี้กลับแทนตนเองว่าพี่

“พะ พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ว่าแคว้นเรามีอาคันตุกะมาเยือน”

“พระเจ้าค่ะ”

“หากมิใช่เจ้าที่มีสายเลือดของเสด็จพ่อ พี่ก็มิไว้ใจใคร”

“จักให้หม่อมฉันทำกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“...เจ้าช่วยนำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์จันทร์ เจ้าหลวงแคว้นศศิมณฑลที่ตำหนักรับรองหน่อยเถิด พี่นำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์ภุมริน แลองค์รัชทายาทภุมริกาด้วยตนเองมาแล้ว หากแต่เสด็จพ่อมีรับสั่งให้พี่เข้าเฝ้าเป็นการด่วน เช่นนั้นขอแรงน้องนำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์จันทร์ท่านทีเถิด”

“.....”

“..ได้หรือไม่เจ้าแสง”พระสุระเสียงเข้มบีบบังคับกลายๆ

“พระเจ้าค่ะ”

“ดี...เอาสำรับน้ำจัณฑ์ให้เจ้าน้อยเสียสิ”รับสั่งองค์รักษ์ประจำพระองค์ให้นำพานทองเหลืองบรรจุกา แลจอกน้ำจัณฑ์ให้เจ้าแสง

“ประเดี๋ยว พวกเจ้าจักแห่ตามไปเพื่อการใด...มิต้องตาม เกรงพระทัยองค์จันทร์ท่านบ้างเถิด วังหลวงหรือก็มีทหารยาม แลข้าหลวงเดินกันให้ควั่ก มิมีใครกล้าทำกระไรเจ้าน้อยดอก”

“..ตะ แต่”

“ข้าบอกว่ามิต้องตามเยี่ยงไรเล่า ขัดรับสั่งข้าใคร่อยากถูกโบยหรืออย่างไร”ตวาดจนชงโค แลยี่สุ่นตัวลีบ ตัวสั่น

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ..ชงโค แลยี่สุ่นไปเก็บดอกแก้ว แลกลับไปรอข้าที่ตำหนัก”

“เจ้าน้อย..”

“..ไปเถิด มิเป็นไร”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักคลานเข้าออกไป

“เยี่ยงนั้น หม่อมฉันขอตัวหนาพระเจ้าค่ะ”

“ไปเถิด ขอบใจเจ้ามากหนาเจ้าแสง...ปรนนิบัติองค์จันทร์ท่านให้ดีล่ะ”

“.....”เจ้าแสงนิ่งงันอย่างสงสัยในคำตรัสนั้น

“ไปเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักประคองพาสำรับน้ำจัณฑ์ไปทางตำหนักรับรอง

“.....ขอบใจหนาเจ้าแสง...ที่ช่วยข้าแก้แค้นพวกมัน ฮึๆ ฮ่าๆๆๆ”



   มันคงจักมิมีกระไร หากในกาน้ำจัณฑ์นั้นมิได้ผสมหญ้าเสน่ห์ลงไป ครานี้ละนอกเสียจากจักทำให้เจ้าบัวงามเจ็บช้ำน้ำใจแล้ว ยังได้ทำลายเจ้าแสงน้องนอกไส้ที่พระองค์ แลมารดาเกลียดแสนเกลียดอีก


.
.
.



“แปลกเสียจริง...ใยจึงมิมีองครักษ์ คอยอารักขาเจ้าหลวงท่านเลยหนา รอบตำหนักรับรองมีเพียงกลุ่มควันคบเพลิงลอยกรุ่น แลทหารยามที่มีอยู่บางตาเท่านั้น เจ้าแสงกระชับผ้าคลุมไหล่ให้มิดชิด ก่อนจักก้าวเข้าไปใกล้พระทวาร

“ทูลฝ่าบาท องค์สินให้หม่อมฉันนำสำรับน้ำจัณฑ์มาถวายพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ย

“...เอาเข้ามา”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงผลักบานประตูให้เปิดออกก่อนจักประคองพานสำรับน้ำจัณฑ์เข้าไปในห้องบรรทม หมอบกราบอ่อนช้อยมิให้
ขายหน้าเสด็จพ่อ แลแคว้นการเวก

“ปิดประตูด้วยสิเจ้า ประเดี๋ยวมดแมงก็เข้ามากันพอดี”

“...พระเจ้าค่ะ”

“องค์สินให้เจ้านำสำรับน้ำจัณฑ์มาให้ข้าเยี่ยงนั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“อืม..เยี่ยงนั้นเจ้าก็รินให้ข้าทีเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


ปั่ก!!

“ฮึก..อึก”

“..ฝะ ฝ่าบาทเป็นกระไรไปพระเจ้าค่ะ”

“อึก..ร้อน อ่า ขะ ข้า ระ ร้อน”

“ระ ร้อนหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหันรีหันขวางก่อนจักคว้าพัดหางนกยูงบนโต๊ะเครื่องพระสุคนธ์มาพัดให้ชายสูงศักดิ์

“อ่า..ฮึก”

“เป็นเช่นไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“...ในน้ำจัณฑ์มีกระไร”พระสุระเสียงตรัสกระท่อนกระแท่น

“..หา..”

“..เจ้า..ใส่กระไร..ในน้ำจัณฑ์!!”

“มิได้พระเจ้าค่ะ!!”

“ฮึก..”

“หม่อมฉันมิรู้เรื่องว่าในน้ำจัณฑ์มีกระไร”เจ้าแสงส่ายหน้าพลางกระถดกายหนี เมื่อชายสูงศักดิ์ทรงลุกจากพระแท่นบรรทมดำเนินมาที่ตน

“อ่า..”

“อ๊ะ”พระหัตถ์ร้อนคว้าที่ต้นแขนนุ่มทั้งสองข้าง ก่อนจักคว้าร่างบางลากไปที่พระแท่นบรรทม เหวี่ยงร่างแน่งน้อยลงบนพระยี่ภู่

“อั่ก...”เจ้าแสงกุมท้องด้วยความจุก หากแต่มิทันได้ตั้งตัวก็ถูกพระวรกายกำยำคร่อมเสียแล้ว พระหัตถ์จับตรึงข้อมือเล็กไว้กับพระยี่ภู่

“จะ จักทรงทำกระไร ปล่อยหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ”

“..ฮึก..”

“อ๊ะ...”เจ้าแสงหวีดร้องเมื่อถูกทึ้งผ้าคลุมไหล่ แลผ้าแถบที่นุ่งอยู่ออกจากตะกรุมตะกราม หน้าอกถูกบีบเค้นเสียเป็นรอยแดง เจ้าแสงที่มิเคยต้องมือชายใดได้แต่นอนไร้เรี่ยวแรงให้ชายสูงศักดิ์ย่ำยี

“มะ อื้อ...”ริมฝีปากอิ่มที่ร้องห้ามปรามถูกพระโอษฐ์ร้อยครอบครอง ดูดดึง พลางสอดพระชิวหาพลิกพลิ้ว ทรงบีบเค้นกายขาวเสียจนช้ำ

“อ่า...”





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กำลังอ่านเพลินๆก่อนนอน จบค้างให้ตาแจ้งเลยค่ะ  :katai1: :katai1: :katai1: เจ้าแสงเจอภุชงค์เล่นแน่นอน ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ตัดจบได้ค้างมาก!

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
  :katai4::serius2: :serius2: :serius2: ยังไม่สำนึกอีกนะเจ้าสิน :z6: :beat:

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตัดฉับแบบ ค้างงงงงงงงงงงงง :ling1:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ภุชงค์เล่นแสงแล้ววววว

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
เจ้าน้อยบัวงามกลายร่างจากกวางน้อยเป็นแม่เสือสาวซะละ   :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
แกล้งกันชัดๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ อ่านเพลินเลยอ่ะ
รีบมาไวไวๆๆๆน่ะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ค้างตึ่งเลยองค์จัน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เป็นพี่ที่เลวใช้ได้เลย ภุชงค์ได้คู่แล้วซินะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1


บัวหลจันทร์ ๑๗


“ฮึก อ่ะ อ๊ะ...อ๊า”เป็นเพลาย่ำรุ่งแล้ว หากแต่เจ้าแสงก็ยังมิอาจหลุดออกจากวงพระกรของชายสูงศักดิ์ได้ ดวงเนตรงามหลับเน้นทุกคราที่พระโอษฐ์ร้อนขบกัดมอบรอยช้ำให้ติดผิวกายขาว ช่องทางช้ำถูกย่ำยี บดขยี้เสียจนแทบไร้ความรู้สึก เรียวขาไร้เรี่ยวแรงทั้งสองข้างถูกรั้งให้เกาะเกี่ยวพระกฤษฎีสอบ แรงกระทั้นทำให้ร่างบอบบางของเจ้าแสงไถลขึ้นลง แผ่นหลังบางเสียดสีกับพระบรรจถรณ์จนแดงระเรื่อ มือเล็กจิกกำผ้าคลุมพระองค์จนแทบขาดติดมือ

“อ่า...อืม”พระสุระเสียงคำรามฮึ่มในพระศอ พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอหอม พระชิวหาปาดเลียเม็ดเหงื่อที่ผุดตามผิวเนื้อนุ่ม พระกรกอดรัดร่างข้างใต้แนบพระวรกาย

“ฮึก อ่ะ อ๊ะ อ๊ะ พะ พอแล้ว อื้อ อ๊ะ อ๊าาาา”เจ้าแสงเกร็งกระตุก น้ำตาร้อนไหลอาบแก้มซีด สะอื้นเสียงแผ่ว

“อึก..อ่ะ อาาาา”พระพักตร์งามเหยเก พระโสณีสอบกระตุกบดแนบกายบาง หยาดธารระลอกสุดท้ายสาดซัดใส่เจ้าแสงจนเอ่อล้น หยดไหลลงบนคลุมพระบรรทมปะปนกับโลหิตสีคล้ำ

“ฮึก...ฮือ”สะอื้นไห้ สิ้นแล้วศักดิ์ศรีเจ้าน้อยแห่งการเวก ถูกย่ำยีจนบอบช้ำทั้งกาย แลใจ


.
.
.


ปัง!!!


“เจ้าแสง!!!”

   พระสุระเสียงที่ลั่นชื่อตนออกมาทำให้เจ้าแสงสะดุ้ง ดวงเนตรงามบวมช้ำแห้งผากค่อยๆปรือขึ้น เมื่อตื่นเต็มตาน้ำตาก็รื้นจนไหลอาบแก้ม ความเจ็บปวดรุมเร้าเสียจนขยับมิได้ แม้จักเปล่งเสียงขานรัยยังมิมีเรี่ยวแรง กายบอบช้ำถูกคลุมพระองค์คลุมมาถึงอกอย่างหมิ่นเหม่ เอวบางถูกท่อนพระกรหนักกอดก่าย ชายสูงศักดิ์บรรทมมิได้สติ พระพักตร์งามซีดเซียว พระวรกายร้อนอย่างให้รู้ว่าจับไข้มิต่างจากเจ้าแสง


พลั่ก!!!


พระบาทขององค์สิงห์กระแทกเข้าที่พระปรัศว์ของหนุ่มรุ่นลูก จนกลิ้งตกพระแท่นบรรทม พระวรกายกำยำล่อนจ้อนเดือนร้อนยี่สุ่น ชงโคต้องหาผ้าผ่อนมาคลุมพระวรกายกันอุจาดตา

“เจ้าแสงลูกพ่อ..โธ่ คนดีของพ่อ”องค์สิงห์ค่อยๆประคองลูกรักเข้าในวงพระกร พระหัตถ์สั่นระริกมิกล้าแตะต้องราวกับกลัวลูกน้อยจักแตกสลาย

“สะ..เด็จ..พ่อ ฮึก”ริมฝีปากบางแห้งแตกซีดเซียวเบะออก เสียงหวานแหบแห้งแทบมิได้ยิน

“ชู่ว มิเป็นไร มิเป็นไรหนาลูก พ่ออยู่นี่แล้วหนาคนดี มิต้องกลัวหนาเจ้า”

“ฮึก..ลูก..เจ็บ..พระ..เจ้า..ค่ะ..ฮึก”

“นิ่งเสียลูก มิไห้หนาเจ้า...ชงโคตามหมอหลวงไปที่ตำหนักเจ้าน้อย ส่วนยี่สุ่นตามข้า แลเจ้าน้อยกลับตำหนัก”

“พระเจ้าค่ะ”

“พะเจ้าค่ะ”



   องค์สิงห์จัดคลุมพระองค์ให้มิดชิดก่อนจักช้อนร่างลูกขึ้นแนบพระอุระอย่างทะนุถนอม พระโอษฐ์กดที่หน้าผากร้อนผ่าวเบาๆอย่างปลอบโยน

“เกิดกระไรขึ้นพะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกจากตำหนักรับรองที่จัดไว้ให้ชามาดาของตน ก็รีบรุดมาทันที

“.....”องค์สิงห์ทำเพียงจ้องพระพักตร์เจ้าหลวงต่างแคว้น ก่อนจักอุ้มลูกออกไปโดยมิกล่าวอันใด

“เกิดกระไรขึ้นพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

“ข้าก็มิรู้เช่นกัน เข้าไปดูเถิด”

“พะย่ะค่ะ”

“ภุชงค์!!!!”

“เจ้าภุชงค์”

“ภุชงค์ลูก เกิดกระไรขึ้น”



   องค์ภุมริน แลองค์จันทร์ที่ก้าวพระบาทเข้ามาในห้องบรรทมของตำหนักรับรองก็ตกพระทัย รีบสาวพระบาทไปช่วยกันพยุง ’องค์รัชทายาทภุชงค์’ ที่นอนกองอยู่บนพื้นมีผ้าคลุมตั้งแต่พระเศียรลงมาถึงข้อพระบาท โผล่มาให้เห็นเพียงนิ้วพระบาท

“เกิดกระไรขึ้นลูก”เจ้าหลวงสองแคว้นช่วยกันพยุงองค์รัชทายาทขึ้นนอนบนพระยี่ภู่

“...ลูกถูกวางยาพะย่ะค่ะ”

“หา..วางยาหรือเจ้า”

“...พะย่ะค่ะ”

“เป็นอย่างที่คิดไว้พะย่ะค่ะ”

“..ไอ้สิน!!”ตรัสพระสุระเสียงลอดไรพระทนต์


.
.
.


“เสด็จพ่อว่าองค์สินคิดการใดอยู่หรือไม่พะย่ะค่ะ”เมื่อเข้ามาในตำหนักรับรองที่การเวกจัดเตรียมไว้ให้ก็เอ่ยปากตรัสถามบิดา

“นั่นสิ แยกองค์จันทร์ออกไปเช่นนี้คิดการใดอยู่”

“หากแต่คงเป็นเรื่องมิดีเป็นแน่”

“พ่อเองก็คิดเช่นเจ้า เจ้าภุชงค์”

“เห็นทีเราคงต้องบอกองค์จันทร์ให้ระวังองค์เองแล้วพะย่ะค่ะ”

“อืม”


.
.
.


“เช่นนั้นองค์จันทร์เสด็จมาพักตำหนักเดียวกับเสด็จพ่อเถิดพะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักไปอยู่ตำหนักนั้นแทนองค์จันทร์เองพะย่ะค่ะ”เมื่อได้หารือกันแล้ว เจ้าภุชงค์ก็เสนอตัวสลับตำหนักกับภัสดาน้อง

“มันอันตรายเกินไปหรือไม่เจ้าภุชงค์”องค์จันทร์ปราม

“หากแต่มิทำเช่นนี้เราคงจักมิรู้ว่าองค์สินคิดการใดอยู่ หม่อมฉันคิดว่าคงไม่ร้ายแรงดอกพะย่ะค่ะ เพราะดูท่าองค์สิงห์จักเกรงพระทัยเสด็จพ่ออยู่มาก”

“.....”

“.....”

“มิต้องห่วงหม่อมฉันหนาพะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็ระวังองค์เองด้วย”

“พะย่ะค่ะ”


.
.
.


   
   เมื่อพระกายาหารค่ำแล้วเสร็จ องค์จันทร์ แลเจ้าภุชงค์ก็ลอบสลับตำหนักกันอย่างมิให้คนของการเวกได้รู้ตัวทัน เจ้าภุชงค์ทรงเข้าประทับอยู่ในห้องบรรทม โดยมีรับสั่งให้องครักษ์ประจำพระองค์ แลทหารติดตาม คอยอารักขาอยู่ห่างๆ เพื่อมิเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น



.
.
.


ทางด้านชงโค แลยี่หุบ เมื่อเพลาผ่านไปนานโข หากแต่ผู้เป็นนายยังมิเสด็จกลับตำหนักก็รีบรุดออกไปตาม แต่เมื่อเปิดบานประตูตำหนักออกไปกลับพบทหารสี่นายยืนเฝ้าอยู่

“จักไปไหนหรือ”

“ข้าจักไปตามเจ้าน้อย นานแล้วยังมิเสด็จกลับตำหนัก”

“หากแต่องค์รัชทายาทมีรับสั่งห้ามมิให้พวกเจ้าออกนอกตำหนักเป็นอันขาด”

“หา...หากแต่นี่ก็ดึกโขแล้ว ข้าจักไปตามเจ้าน้อย”

“มิได้”

“ถอยไปประเดี๋ยวนี้หนา”

“กลับเข้าไปเสีย”

“ข้ามิเข้าไป เจ้านั่นแลที่จักต้องถอยไป”

“..ข้ามิอยากใช้กำลังกับพวกเจ้าดอกหนา กลับเข้าไปเสียเถิด”

“.....”

“หากมิอยากเจ็บตัวก็เข้าไปเสีย”

“อ๊ะ”สิ้นเสียงข่มขู่ร่างบางทั้งสองก็ถูกผลักเข้าไปในตำหนักเสียจนล้มจ้ำเบ้า


ปัง


ประตูตำหนักถูกปิด แลลงกลอนจากด้านนอก เป็นอันว่าชงโค แลยี่สุ่นถูกขังไว้ในตำหนักเสียแล้ว กว่าที่ประตูตำหนักจักเปิดออกก็ย่ำรุ่ง เมื่อออกจากตำหนักได้คนสนิททั้งสองก็เร่งฝีเท้าไปที่ตำหนักหลวงเข้าเฝ้าเจ้าหลวงทูลความทันที องค์สิงห์เมื่อได้ฟังความจากคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงก็รุดออกจากตำหนักเสด็จไปยังตำหนักรับรองทันที พระพักตร์ขึงขัง ทรงกริ้วเสียจนแม้แต่พระชายายังมิกล้าปาก ทำได้เพียงส่งสายพระเนตรเชือดเฉือนให้ยี่สุ่น แลชงโค เจ้าตัวน้อยทั้งสองหลบพระเนตรพลางวิ่งตามเจ้าหลวงไปติดๆ


.
.
.


เพี๊ยะ!!!



พระหัตถ์ของเจ้าหลวงการเวกฟาดกระทบพระปรางขององค์รัชทายาทตนมิออมแรงจนพระพักตร์งามหัน

“ฝ่าบาท!!!”พระชายาหวีดร้องพระสุระเสียงแหลม พลางรุดมาดูโอรสตน มือบางประคองพักตร์ลูกอย่างทะนุถนอม

“เสด็จพ่อตบหม่อมฉันหรือพะย่ะค่ะ”

“เออ!!! เจ้าทำได้อย่างไรเจ้าสิน เจ้าแสงเป็นน้องเจ้าหนา!! ใยจึงส่งน้องไปให้ชายอื่นย่ำยีเยี่ยงนี้!!!!!”

“มันมิใช่น้องหม่อมฉัน!!!! หม่อมฉันเกลียดมัน ก็สมแล้วที่โดนย่ำยีเสียจนย่อยยับเช่นนี้ สมแล้ว!!!!!”



เพี๊ยะ!!!



“กรี๊ด...ฝ่าบาท หยุดประเดี๋ยวนี้หนาเพคะ”

“เจ้านั่นแลหยุด!!! ให้ท้ายลูกเสียจนเสียคน หากข้าจัดการเจ้าสินแล้วแล้ว เจ้าจักเป็นรายต่อไป!!!”ชี้หน้าพระชายาตรัสพระสุระเสียงเข้ม

“เสด็จแม่มิเกี่ยว ข้าทำของข้าเองหากเสด็จพ่อจักลงอาญาข้าจักรับไว้คนเดียว!!”ดึงมารดาไปหลบหลัง

“ได้!!”

“เจ้าสิน..ฝ่าบาทจักทำกระไรเพคะ!!”

“เยี่ยงนั้นข้าจักส่งเจ้าไปชายแดนเสีย!!!”

“กระไรหนาเพคะ...มิได้หนาเพคะ หม่อมฉันมิให้ลูกไป!!”

“หุบปากเจ้าเสีย ข้ารำคาญเต็มทน”

“.....”

“ข้าจักส่งเจ้าไปชายแดนเหนือ ไปปราบโจรเสีย หากปราบโจรได้เมื่อใด จึงค่อยกลับมา!!!”

“...มิได้!!! ข้ามิให้ไป!!”พระชายาหวีดร้องน้ำพระเนตรไหลอาบดวงหน้างาม

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”เจ้าสินหมอบกราบรับบัญชาบิดา

“เจ้าสิน!!!...มิไปหนาลูก ฮือออออ แม่มิให้ไปหนาลูก เจ้าสิน”

“.....”

“.....”

“ฮือออออออ”


.
.
.


“เจ้าน้อยเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”ชงโคค่อยๆประคองมือเล็กขึ้นจับ ใช้ผ้าชุบน้ำลอยดอกแก้วหอมกรุ่นเช็ดเบาๆไปตามแขนเรียว หลังจากที่เจ้าหลวงอุ้มเจ้าน้อยกลับตำหนักแล้วยี่สุ่น ชงโคก็ช่วยกันเช็ดพระวรกายบอบช้ำให้คนเป็นนายเสียจนสะอาดแล้ว จึงตามหมอหลวงมาตรวจอาการ

“...ชงโค”พระสุระเสียงหวานแหบแห้ง พระเนตรงามปิดสนิท

“เสวยน้ำหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....”พยักหน้าน้อยๆ หากแต่ยังมิลืมพระเนตร

“ยี่สุ่นมาช่วยข้าประคองเจ้าน้อยที”

“อืม..”ยี่สุ่นละมือจากงานมาช่วยชงโคประคองร่างบางของเจ้าแสงขึ้น

“อึก..”แม้คนสนิททั้งสองจักเบามือ แลระมัดระวังเพียงใดเจ้าแสงก็แสดงสีพระพักตร์เหยเก เจ็บปวดออกมา

“ค่อยๆเสวยหนาพระเจ้าค่ะ”ประคองขันเงินทองเหลืองใบเล็กชิดติดริมฝีปากแห้งผาก บรรจงป้อนน้ำนายเหนือหัว

“..พะ พอแล้วเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าน้อยพักผ่อนก่อนหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวยี่สุ่นจักปลุกพระองค์ขึ้นมาเสวยพระกายาหาร แลพระโอสถเองพระเจ้าค่ะ”

“..ขอบใจหนา”ตรัสเสียงแผ่ว

“มิได้พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“.....”

“.....”

“.....”

“.....”


สามเจ้าหลวง หนึ่งองค์รัชทายาทประทับในท้องพระโรง บรรยากาศมาคุ จนเหล่าข้าหลวงมิกล้าเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าภุชงค์แม้จักยังจับไข้ แลพระวรกายไร้เรี่ยวแรงก็ยังต้องมาตามรับสั่งองค์สิงห์

“...ว่าการของท่านมาก่อนเถิดองค์ภุมริน องค์จันทร์ จัดการเรื่องที่โอรสหม่อมฉันไปทำเรื่องไว้ให้แล้วเสร็จ หม่อมฉันจักได้จัดการเรื่องที่โอรสของพระองค์ทำร้ายโอรสข้า”

“คราแรกที่ข้ามาก็ด้วยเรื่องใหญ่ร้ายแรงที่รัชทายาทของท่านก่อไว้ องค์สินติดสินบนขุนนางแคว้นศศิมณฑลให้คนปลอมเข้าวังหวังวางยาเจ้าบัวงามลูกข้า!!!”เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่ลูกน้อยถูกรังแกองค์ภุมรินก็กริ้วเสียจนพระพักตร์ขึงขัง

“.....”

“องค์สินให้คนลอบเข้าวังปลอมเป็นหมอหลวงวางยาเจ้าบัวหากเจ้าบัวมิเฉลียวฉลาดป่านนี้หม่อมฉันก็คงจักเสียทั้งเมีย แลลูกไปแล้ว”เป็นคราวองค์จันทร์ตรัสบ้าง

“..หา...เจ้าน้อยบัวงาม...ทรงครรภ์หรือ”

“ก็ใช่หนาสิ...ทำคนท้องคนไส้ได้ลงคอก็ต้องถามแลว่าโอรสของท่านจิตใจทำด้วยกระไร!!!!”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”ขยับพระวรกายลงจากตั่งคุกพระพระชานุตรงหน้าองค์ภุมริน

“องค์สิงห์ หาดีทำไม่พะย่ะค่ะ ลุกขึ้นเถิด อย่าถึงกระนี้เลย”องค์ภุมรินตรงเข้าประคององค์สิงห์ขึ้น

“หม่อมฉันกราบขออภัยแทนโอรสมิได้ความของหม่อมฉันด้วยเถิดพะย่ะค่ะ”

“...เอาเถิด ครานี้เจ้าบัวงามมิได้เป็นกระไร หม่อมฉันจักมิเอาความ แลให้พระองค์กำราบโอรสด้วยตนเอง หากแต่มีคราหน้าคงจักมิว่าหากข้าลงไม้ลงมือด้วยตนเอง”

“หม่อมฉันมีรับสั่งให้เจ้าสินไปปราบโจรที่ชายแดนเป็นการลงโทษแล้วพะย่ะค่ะ”สามพระองค์ลอบมองพระพักตร์กัน เจ้าหลวงทรงส่งรัชทายาทองค์เดียวของแคว้นไปชายแดนเยี่ยงนี้ ก็เท่ากับเอาชีวิตลูกไปแขวนไว้บนเส้ยด้าย

“สุดแล้วแต่พระองค์เถิดพะย่ะค่ะ...หากแต่ขอมีเรื่องจักขอ”

“..เรื่องใดพะย่ะค่ะ”

“เรื่องเจ้าภุชงค์กับเจ้าน้อยแสง...ข้าใคร่ขอเจ้าน้อยให้เป็นชายาของภุชงค์พะย่ะค่ะ”

“หึ...โอรสของพระองค์ย่ำยีโอรสหม่อมฉันเสียจนย่อยยับเช่นนี้ จักให้ข้ายกลูกให้โอรสพระองค์ได้อย่างไร”

“...หากแต่นั่นเป็นเพราะข้าถูกพิษหญ้าเสน่ห์ จึงได้หักหาญน้ำใจเจ้าน้อยเยี่ยงนั้น”องค์รัชทายาทภุชงค์ตรัสด้วยพระสุระเสียงแหบแห้ง

“.....”เมื่อได้ฟังก็ตรัสมิออก มิใช่ความผิดรัชทายาทภุชงค์ หากเป็นเจ้าสินลูกตน พระทัยคนเป็นพ่อรวดร้าวยิ่งนัก

“.....”

“ให้เจ้าภุชงค์ได้รับผิดชอบเถิดพะย่ะค่ะ...ปล่อยไว้เจ้าน้อยจักเสื่อมเกียรติหนาพะย่ะค่ะ”

“.....”

“หม่อมฉันให้สัตย์สาบานว่าจักดูแลเจ้าน้อยให้เหมือนที่พระองค์ดูแล”เจ้าภุชงค์ตรัสพลางค้อมพระเศียรให้องค์สิงห์

“..มิได้...อย่าทำกับเจ้าแสงเช่นที่ข้าทำเลยหนา...”

“.....”

“..ข้าเป็นพ่อที่มิได้ความ..หาปกป้องลูกตนได้ไม่ กี่ปีแล้วที่ข้าปล่อยให้เจ้าแสงถูกรังแก...เช่นนั้นอย่าทำกับเจ้าแสงเยี่ยงข้า..”

“...อย่าได้กังวลไปพะย่ะค่ะ หม่อมฉันจักดูแลเจ้าน้อยให้สมเกียรติ จักปกป้องดูแลมิให้ทุกข์กาย ทุกข์ใจ..จักทะนุถนอมแก้วตาของพระองค์เป็นอย่างดี”

“.....”

“.....”

“.....หากท่านให้สัตย์สาบานเช่นนั้น ข้าก็ขอฝากแก้วตาของข้าไว้ในมือท่าน...อยู่ที่นี่เจ้าแสงคงจักลำบากกว่าเดิมเป็นแน่”ทรงส่งเจ้าสินไปชายแดนเยี่ยงนี้ แน่นอนพระชายาคงจักหันมาเล่นงานเจ้าแสงแทนเป็นแน่

“อย่าได้กังวลพะย่ะค่ะ..กษัตริย์ตรัสแล้วมิคืนคำ”

“..ขอบใจหนา”

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“...ข้าใคร่อยากขอให้เจ้าแสงหายเจ็บ แลแข็งแรงกว่านี้ก่อนค่อยเดินทางกลับพร้อมพวกท่านจักได้หรือไม่”

“แน่นอนพะย่ะค่ะ...”

“..แลข้าก็ใคร่อยากให้เจ้าแสง แลองค์ภุชงค์ทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือตามธรรมเนียมของการเวกจักได้หรือไม่”

“ยินดีพะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ตรัสตอบพลางแย้มพระสรวลน้อยๆ


.
.
.


“พักผ่อนเสียหนาเจ้าภุชงค์ พ่อแลองค์จันทร์จักอยู่ที่ตำหนักนู้น มีกระไรก็ให้เจ้าขันธ์ไปตามพ่อก็แล้วกันหนาลูก”

“พะย่ะค่ะ”


เมื่อองค์ภุมริน แลองค์จันทร์เสด็จออกจากห้องบรรทมแล้ว องค์ภุชงค์ก็ทอดพระวรกายลงนอนบนพระแท่นบรรทม พระกรยกขึ้นก่ายพระนลาฏ ดวงพระเนตรคมหลับพริ้มหากแต่ในพระทัยเอาแต่คิดถึงเรื่องคืนนั้น ผิวกายนุ่มเนียน หอมกลิ่นดอกแก้ว ไหนจักเสียงครางครวญหวานพระกรรณนั้นอีก เกศาดำสลวยแผ่กระจายเต็มพระเขนย ดวงหน้างามเปรอะน้ำตา ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ครวญครางอ้อนวอนให้ปล่อยตน หยาดเหงื่อรสหวานละมุนที่ติดผิวขาว

“...เฮ้อ”ลืมพระเนตรพลางถอนพระทัย คงจักเป็นเพราะพิษไข้เป็นแน่ที่ทำให้พระองค์เอาแต่คิดถึงร่างน้อยในคืนเร่าร้อนเช่นนี้


.
.
.



เพลาผ่านไปหลายวัน อาการบอบช้ำของเจ้าแสงก็ค่อยๆทุเลา จนสามารถลุกขึ้นเดินเหินได้ หากแต่ก็ยังมิถนัดนัก

“ชงโค ยี่สุ่น”พระสุระเสียงหวานตรัสเรียกคนสนิททั้งสอง

“พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”

“ทรงใคร่อยากได้กระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่อยากไปเดินสูดอากาศที่สวนพฤกษานัก อยู่แต่ในตำหนักช่างอุดอู้”

“...หากแต่พระวรกายเจ้าน้อ...”

“ข้าทุเลามากแล้วยี่สุ่น พาข้าไปเถิดหนา ยี่สุ่น ชงโคพาข้าไปหนา”พระสุระเสียงออดอ้อนเช่นนี้บ่าวเยี่ยงยี่สุ่น ชงโคจักทำเยี่ยงไรได้

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”




   ยี่สุ่น แลชงโคประคองร่างบางอรชรของเจ้าน้อยเข้ามาที่สวนพฤกษา เจ้าแสงค่อยๆระบายยิ้มอย่างพึงพระทัย ลมเย็นๆที่พัดผ่านทำให้รู้สึกสดชื่นจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“ใครอยากได้ดอกแก้วหรือไม่พระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นจักไปเก็บมาถวาย”

“เอาสิเจ้า...หากแต่เก็บมามิต้องมากดอกหนา”

“พระเจ้าค่ะ”รับพระบัญชาก่อนจักวิ่งไปที่ต้นดอกแก้วที่ปลูกเป็นแนวยาว บรรจงเด็ดดอกแก้วสีขาวนวลกลิ่นหอมมิให้ช้ำ

“...เจ้าน้อย”เจ้าแสงผินพระพักตร์ตามเสียงของชงโคคนสนิท แลก็ต้องพระพักตร์เจื่อนเมื่อพบเจอใครอีกคนเข้า ตั้งแต่คืนที่เกิดเรื่องก็มิได้พบหน้าค่าตากันอีก เท้าเล็กขยับถอยหนีจนชงโคต้องขยับตามไปประคองร่างน้อย

“..เจ้าน้อย...”เจ้าภุชงค์ขยับพระบาทก้าวตามน้องน้อยที่ถดกายถอยหนี

“.....”

“...ข้า...”

“ฮึก...ยี่สุ่น ชงโค พะ พาข้ากลับตำหนัก ข้าจักกลับตำหนัก”พระสุระเสียงหวานสั่นเครือ พระหัตถ์เล็กกอดเกี่ยวแขนเรียวของคนสนิทไว้แน่น

“เจ้าน้อย...ชงโค”ยี่สุ่นวิ่งกลับมาหานายตนพร้อมดอกแก้วสีขาวนวล

“พาข้ากลับตำหนัก...”พระสุระเสียงหวานตรัสแผ่วๆ ดวงหน้างามก้มเสียจนคางชิดอก

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”คนสนิททั้งสองรับคำก่อนจะจูงนายเหนือหัวออกจากสวนพฤกษา เมื่อต้องผ่านองค์รัชทายาทภุมริกาก็ค้อมศีรษะลงต่ำ ยามที่น้องน้อยก้าวผ่านพระวรกายกลิ่นหอมของดอกแก้วก็ลอยขึ้นแตะพระนาสิก เจ้าภุชงค์หันพระวรกายตาม สูดกลิ่นกายละมุนเข้าลึก ทอดพระเนตรตามจนร่างน้อยลับสายพระเนตรไป

“หืม....”ดวงพระเนตรทอดเห็นช่อดอกแก้วสีขาวนวลตัดกับหญ้าสีเขียว ตรงอยู่ที่ปลายพระบาท พระหัตถ์ใหญ่เอื้มหยิบช่อดอกไม้หอมขึ้น

“..ดอกแก้วเยี่ยงนั้นฤา”ตรัสพลางยกช่อดอกแก้วขึ้นจรดพระนาสิก กลิ่นหอมของดอกแก้วนี้เป็นกลิ่นเดียวกันกับกลิ่นที่ติดพระนาสิกมิห่าง ในคืนที่พระองค์ทำร้ายเจ้าแสงจนชอกช้ำ

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผิวกายขาวผ่อง

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนกลุ่มผมยาวแผ่สลายเต็มพระเขนย

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าคลุมไหล่สีขาวนวล

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าแถบสีหวาน

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าโจงสีมอคราม

กลิ่นนี้.....กลิ่นของเจ้าแสง

 





“   เต็งแต้วแก้วกาหลง   บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่ไม่รู้หาย         คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู ”


(  ต้นเต็ง ต้นแต้ว ต้นแก้ว และต้นกาหลง ต่างก็มีดอกบานหอม อบอวนไม่รู้หายเหมือนกลิ่นผ้าของน้อง )




กาพย์เห่เรือ บทเห่ชมไม้




ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ติดใจเจ้าแสงให้แล้ว อิอิ
พาน้องกลับด้วยเลย

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
นึกว่าองค์จันจะเสียที่เข้่ให้แล้ว

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โฮะ โฮะ โฮะ ติดใจดอกแก้วดอกนี่แล้วสินะภุชงค์

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ภุชงค์มีคู่แล้ว  :katai2-1:

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1


 
บัวหลงจันทร์ ๑๘


   หลังจากที่อาการเจ็บป่วยทุเทาลงมาก เจ้าแสงก็ใคร่อยากลงห้องเครื่อง หากแต่บ่าวคนสนิททั้งสองหาได้ยอมไม่ จึงทำได้เพียงแกะสลักผลหมากรากไม้อยู่แต่ในตำหนัก

“ยี่สุ่น...”พระสุรเสียงหวานเอ่ยเรียกคนสนิท มือก็จับมีดแกะสลักคว้านเนื้อผลอัมพวาไปด้วย

“พระเจ้าค่ะ”

“ประเดี๋ยวเจ้าเอาผลอุลิดที่ข้าแกะแล้วไปให้ห้องเครื่องนำถวายเสด็จพ่อ แลพระราชอาคันตุกะให้ข้าด้วยหนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“หากทรงแกะผลอัมพวาแล้วแล้ว ทรงพักผ่อนก่อนเถิดหนาพระเจ้าค่ะ เพิ่งจักหายประชวรพักให้มากเถิดหนาพระเจ้าค่ะ”ชงโคทูล

“จ้ะ...ไว้ข้าแกะผลอัมพวาแล้วแล้วข้าจักพักหนา”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“ทูลฝ่าบาท ยี่สุ่นบ่าวคนสนิทของเจ้าน้อยแสงแรกขอเข้าเฝ้าเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบคลานเข้ามากราบทูลองค์สิงห์ขณะร่วมเสวยพระกายาหารกับพระราชอาคันตุกะทั้งสาม โดยไร้เงาพระชายา

“ยี่สุ่นหรือ ให้เข้ามา”

“เพคะ”

“ทูลฝ่าบาท เจ้าน้อยแสงแรกให้บ่าวนำผลอุลิดแกะสลักมาถวายพระองค์ แลพระราชอาคันตุกะทั้งสามพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นประคองพานทองบรรจุผลอุลิดที่เจ้าน้อยแกะสลักอย่างงดงามเดินเข่าเข้ามาในท้องพระโรง ก่อนจักวางพานทองลงหมอบกราบชายสูงศักดิ์ทั้งสี่

“ขอบใจหนายี่สุ่น บอกเจ้าแสงให้ข้าด้วยว่าขอบใจมาก”

“พระเจ้าค่ะ”

“...หากมิมีกระไรแล้วก็กลับไปดูแลเจ้าแสงเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”

“...ประเดี๋ยวก่อน”เจ้าภุชงค์ตรัสขึ้น ขณะที่ยี่สุ่นค่อยๆคลานถอยหลังออกจากท้องพระโรง

“พระเจ้าค่ะ?”

“...ข้าฝากช่อดอกแก้วนี้ไปให้เจ้าน้อยแสงแรก นายของเจ้าด้วย”ตรัสพลางส่งช่อดอกแก้วขนาดเท่าฝ่ามือให้พ่อขันธ์องครักษ์ส่วนพระองค์นำไปให้ยี่สุ่น ทรงเสด็จไปที่สวนพฤกษาทุกวันเพื่อเก็บช่อดอกแก้ว หวังว่าจักได้มอบให้น้องน้อยสักช่อ หากแต่เจ้าแสงแรก แลบ่าวทั้งสองกลับมิยอมออกจากตำหนักในเสียเลย จนมีโอกาสในวันนี้ที่ได้พบบ่าวคนสนิทของเจ้าแสง มิได้ให้กับมือฝากบ่าวไปก็ยังดีกว่าปล่อยให้ดอกไม้หอมเหี่ยวแห้งเฉกเช่นทุกวัน น่าสงสารทั้งดอกไม้...แลพระทัยองค์ภุชงค์เอง

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นรับช่อดอกแก้วมาถือประคองแผ่วเบาราวกับกลัวช้ำ

“ชอบใจ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“ยี่สุ่น เจ้าไปสวนพฤกษามาหรือ ข้ากำลังใคร่อยากได้ดอกแก้วอยู่เทียว มิได้ไปสวนพฤกษาก็หลายวันแล้ว”เจ้าแสงตรัสขณะรับช่อดอกแก้วมาจากบ่าวคนสนิท มือเล็กยกช่อดอกไม้หอมขึ้นจรดพระนาสิกโด่งรั้น พระโอษฐ์จิ้มลิ้มแย้มออกมาอย่างพึงใจ

“มิได้พระเจ้าค่ะ...ยี่สุ่นมิได้ไปสวนพฤกษา”

“อ้าว..แลดอกแก้วนี่เล่า”

“องค์ภุชงค์ รัชทายาทภุมริกาท่านประทานให้พระเจ้าค่ะ”สิ้นความจากยี่สุ่นเจ้าแสงก็ชะงักงัน ค่อยๆวางดอกแก้วลงบนตักตน แม้แต่ชงโคที่แกะฟักทองอยู่ก็หยุดมือวางมีดลง

“...งั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ...ทรงรับสั่งให้ยี่สุ่นนำช่อดอกแก้วมาถวายเจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“..อื้ม”พยักพระพักตร์น้อยๆ ก่อนจักจับมีดแกะมะละกอต่อ

“.....”

“.....”ยี่สุ่น แลชงโคเงียบลอบมองหน้ากัน สลับกับลอบมองเจ้าน้อยที่ก้มหน้าก้มตาใช้มีดคว้านเนื้อมะละกอสุกต่อ

“ยี่สุ่น”พระสุรเสียง

“พะ พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นลนลานคลานเข่าเข้าไปรอรับพระบัญชา

“...เอาดอกแก้วไปลอยใส่ขันน้ำให้ข้าทีหนา”

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นจัดการนำดอกแก้วที่องค์ภุชงค์ประทานให้ไปลอยใส่ขันน้ำทองเหลืองใบเล็ก ก่อนจักนำมาตั้งไว้บนโต๊ะพระสุคนธ์

“...”

“เรียบร้อยแล้วพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“ผลอุลิดที่เจ้าน้อยแกะงามนักพะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินตรัส ฝีมือการแกะผลหมารากไม้ของว่าที่สุณิสาพระองค์ช่างงดงามนัก

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ เจ้าแสงเก่งเรื่องงานบ้านงานเรือนนัก อีกทั้งยังมีรสมือทำกับข้าวดีทีเดียว”

“พะย่ะค่ะ คราก่อนที่ได้ลิ้มรสมือเจ้าน้อย รสดีเสียจนหม่อมฉันติดใจทีเดียว”

“ฮ่าๆๆ หากเจ้าแสงไปอยู่ภุมริกา พระองค์คงจักได้เสวยจนเบื่อเป็นแน่...หากแต่ข้านี่สิเล่าคงจักมิมีโอกาสได้กินอีก”

“...ตรัสกระไรเยี่ยงนั้นพะย่ะค่ะองค์สิงห์”

“หึหึหึ”

“มิต้องกังวลพระทัยไปดอกพะย่ะค่ะ..หม่อมฉันจักพาเจ้าน้อยกลับมาเยี่ยมพระองค์บ่อยๆเป็นแน่พะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ ขอบใจหนาองค์ภุชงค์”

“...แลพระองค์ทรงตรัสกับเจ้าน้อยเรื่องตบแต่งกับเจ้าภุชงค์แล้วหรือยังพะย่ะค่ะ”

“..ยังดอก หากแต่วันนี้แล ข้าจักเข้าไปพูดคุยกับเจ้าแสง”องค์สิงห์ตรัส


.
.
.


“เสด็จพ่อ...มีกระไรหรือพระเจ้าค่ะ มาหาลูกถึงตำหนัก เหตุใดมิให้ข้าหลวงมาบอกลูกเล่าพระเจ้าค่ะ ลูกจักได้ไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักหลวง”เจ้าแสงกล่าวขณะนั่งพับเพียบอยู่แทบพระบาทองค์สิงห์

“มิต้องดอก เจ้าเพิ่งจักหายป่วยให้พ่อมาหานั่นแลดีแล้ว”องค์สิงห์ตรัสพลางลูบศีรษะบุตรด้วยความเอ็นดู

“ลูกมิเป็นกระไรแล้วพระเจ้าค่ะ ทุเลาขึ้นมากแล้ว”

“...เจ้าแสง”

“พระเจ้าค่ะ”

“...ใช่ว่าพ่อมิเสียใจที่เจ้าถูกย่ำยี พ่อเป็นพ่อที่แย่นักที่ปล่อยให้เจ้าถูกทำร้ายทั้งๆที่อยู่ในวังหลวง”

“..เสด็จพ่อ..มิได้พระเจ้าค่ะ..”

“พ่อปกป้องเจ้ามิได้ ทั้งๆที่อยู่ในรั้วเดียวกัน”

“.....”เจ้าแสงซบดวงหน้างามลงบนพระชานุของบิดา ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆไหลเอื่อยออกมา

“ขอโทษหนาลูก”องค์สิงห์ลูบผมลูกเบาๆปลอบประโลม

“มิได้พระเจ้าค่ะ ฮึก..มิได้พระเจ้าค่ะ”

“พ่อก็มิอยากทำเช่นนี้ แต่จักปล่อยให้เจ้าเสียศักดิ์ศรีมิได้”

“.....”

“องค์ภุชงค์จักต้องรับผิดชอบเจ้า”

“เสด็จพ่อ...”เจ้าแสงส่ายหน้า

“พ่อเชื่อว่าองค์ภุชงค์เป็นคนดี เขาจักดูแลแก้วตาดวงใจของพ่อได้เป็นอย่างดีเป็นแน่”

“...ฮึก”

“ใช่ว่าพ่ออยากขับไสเจ้า หากแต่พ่อจักปล่อยให้เจ้าเสื่อมเกียรติเยี่ยงนี้มิได้”

“ลูกมิสน อึก ลูกอยู่แต่ในตำหนักมิออกไปไหนอีกเลยก็ได้ทั้งชีวิต..ฮึก”

“มิได้เจ้าแสง มิได้ดอก...แต่งกับองค์ภุชงค์หนาลูก”

“ฮือออ”

“อย่าไห้ลูกจ๋า พ่อใจมิดีเลยเจ้า...หากเจ้าสินกลับมาครานี้เจาจักต้องลำบากเป็นแน่ องค์ภุชงค์จักปกป้องลูกได้ดีกว่าพ่อ ภุมริกาจักปกป้องลูกได้ดีกว่าการเวกเป็นแน่แท้”

“ฮึก..ฮึก..ฮือออ”

“เจ้าปฏิเสธมิได้ มิได้หนาลูก...หากเจ้าได้อยู่ใต้ร่มเงาของภุมริกาพ่อคงนอนตายตาหลับ”

“มิเอา..มิตรัสเช่นนี้หนาพระเจ้าค่ะ ฮึก...อย่าตรัสเช่นนี้ ลูกใจมิดี ฮือออ”

“.....”องค์สิงห์โน้มพระวรกายโอบร่างแน่งน้อยของลูกไว้ในอ้อมกอด

“..ฮือออ”

“.....”

“ฮึก...”

“...อีกเจ็ดวัน พ่อจักจัดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือให้เจ้า แลองค์ภุชงค์เตรียมตัวหนาลูก”

“ฮึก...ลูกปฏิเสธมิได้ใช่หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“.....”

“ฮึก..”

“.....เจ้าแสงแรก”

“ฮึก..พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


เจ็ดวันผ่านไป ช่างเร็วยิ่งนัก เจ้าแสงแรกตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง...หากแต่จักเรียกตื่นคงมิได้ ต้องบอกว่าเจ้าน้อยการเวกยังมิได้บรรทมเลยเสียมากกว่า บ่าวคนสนิททั้งสองประคองแขนเรียวของคนเป็นนายคนละข้าง ลูบแป้งร่ำกลิ่นหอมไปตามผิวนุ่มเบาๆมิให้ระคายเคือง แตะน้ำปรุงตามแอ่งชีพจร

“เจ้าน้อย..”

“หืม”

“ใยจึงทำพระพักตร์เศร้าเยี่ยงนั้นเล่าพระเจ้าค่ะ..”

“...ข้าควรมีความสุขหรือ ยี่สุ่น ชงโค”

“โถ เจ้าน้อยของบ่าว”ชงโค แลยี่สุ่นเข้ากอดเจ้าน้อยคนละข้างเมื่อเห็นว่าคนเป็นนายนั้นร่ำไห้น้ำตาไหลอาบปรางนวล

“.....”เจ้าแสงมิตรัสใดๆ ลูบบางลูบหัวบ่าวทั้งสองที่เข้ากอดปลอบ

“มิเป็นไรหนาพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นจักอยู่เคียงข้างเจ้าน้อยมิไปไหนเป็นแน่”

“ชงโคก็ด้วยพระเจ้าค่ะ จักอยู่รับใช้เจ้าน้อยจนกว่าชีวิตจักหาไม่”

“..ขอบใจ...ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“.....”


.
.
.


ภายในท้องพระโรง วังหลวง แคว้นการเวก คลาคล่ำไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ องค์สิงห์ประทับบนตั่งทองตรงกลางตระหง่าน เยี่ยงซ้าย แลขวาเป็นองค์ภุมริน แลองค์จันทร์ ถัดจากองค์ภุมรินเป็นองค์รัชทายาทภุชงค์ที่ประทับอยู่บนตั่งที่เล็กกว่า ส่วนขุนนางก็นั่งหมอบกราบขนาบสองสองทางเดินตรงกลางท้องพระโรงที่ถูกปูด้วยพรมหนานุ่มสีทอง ไร้เงาพระชายา มารดาแคว้น

“ทูลฝ่าบาท เจ้าน้อยแสงแรกเสด็จมาถึงท้องพระโรงแล้วเพคะ”

“อืม...” ทรงครางรับในพระศอ



   เจ้าแสงเดินเข้าในท้องพระโรง ดวงหน้างามก้มต่ำมิมองใคร มีชงโคประคอง ส่วนยี่สุ่นก็เดินนำหน้าโปรยกลีบดอกไม้ตามทางเดินให้เท่าเล็กเหยียบย่ำ องค์รัชทายาทภุมริกาทอดพระเนตรร่างแน่งน้อยมิวางพระเนตร วันนี้เจ้าแสงช่างงดงามนัก เสื้อแขนกระบอกแขนยาวคอตั้งสีเหลืองไหล แลผ้าโจงสีครามปีกเลื่อมทอง ที่เอวคอดคาดเข็มขัดทองฝังทับทิม ผมยาวสลวยหอมกรุ่นกลิ่นดอกแก้วถูกมวยไว้ที่ท้ายทอย เสียบดอกแก้วประดับทั่วมวยผม

“เจ้าแสง...”

“ถวายพระพรเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ.....ถวายพระพรเจ้าหลวงทั้งสองพระองค์”คลานเข่าประทับพับเพียบหน้าตั่งทอง หมอบกราบบิดา แลเจ้าหลวงทั้งสองแคว้น

“หึหึหึ น่าเอ็นดูนักพะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินตรัสกับองค์สิงห์ น่าเอ็นดูเฉกเช่นเจ้าบัวงาม เห็นทีเจ้าชมนาดคงชอบใจอยู่มิน้อยเลย

“หึหึหึ ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”องค์สิงห์แย้มพระสรวลรับ

“...ถวายพระพรองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”พนมมือไหว้ หากแต่มิยอมสบตา

“ไหว้พระเถิดเจ้า”ถลายื่นพระหัตถ์ไปรับไหว้น้องน้อย

“.....”เจ้าแสงพักตร์แดง ค่อยๆดึงหัตถ์ตนออกจากหัตถ์ใหญ่อย่างนุ่มนวล

“นี่ก็ได้ฤกษ์งาม ยามดีแล้ว หม่อมฉันองค์ภุมรินเจ้าหลวงแคว้นภุมริกา ใคร่ขอเจ้าน้อยแสงแรกเจ้าน้อยแคว้นการเวกไปเป็นชายาคู่ขวัญเจ้าภุชงค์ โอรสของหม่อมฉัน รัชทายาทภุมริกาจักได้หรือไม่พะย่ะค่ะ”

“...ทรงให้เกียรติเช่นนี้หม่อมฉันจักปฏิเสธได้อย่างไรพะย่ะค่ะ”

“ขอให้วางพระทัย ภุมริกาจักดูแล ให้เกียรติเจ้าน้อยเป็นอย่างดีพะย่ะค่ะ”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

“วันนี้ หม่อมฉันมิได้เตรียมสินสอดทองหมั้นมา หากแต่เมื่อกลับภุมริกาแล้วจักส่งเรือมาอย่างสมเกียรติเจ้าน้อยเป็นแน่”

“มิได้ๆ ขอเพียงภุมริกาดูแล ให้เกียรติเจ้าแสงตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ เพียงเท่านี้หม่อมฉันก็พอใจแล”

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“...ในวันนี้หม่อมฉันมีเพียงธำมรงค์ประจำตำแหน่งรัชทายาทภุมริกาติดกายมา จึงใคร่ขอองค์สิงห์ หม่อมฉันจักใช้ธำมรงค์นี้หมั้นหมายเจ้าน้อยพะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ตรัสพลางถอดพระธำมรงค์ประจำตำแหน่งวางลงบนพานทองให้เจ้าขันธ์ องครักษ์ประจำพระองค์นำถวายเจ้าหลวงการเวก

“หากองค์รัชทายาทใช้ธำมรงค์ประจำตำแหน่งหมั้นหมายเจ้าแสงโอรสข้า ข้าก็จักขอใช้ธำมรงค์เพทาย ธำมรงค์ของต้นตระกูลข้าเป็นของหมั้นแก่องค์ภุชงค์”

“มิได้พะย่ะค่ะ ธำมรงค์เพทายนั้นมีค่ามากนัก”

“..เหมาะแล้ว กับคนที่จักมาดูแลเจ้าแสงต่อจากข้า อย่าได้ปฏิเสธเลยหนา”

“.....”

“.....”

“...ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

“.....”

“...ทูลฝ่าบาททั้ง 4 พระองค์ แลเจ้าน้อยแสงแรก บัดนี้ได้ฤกษ์งามยามดี หม่อมฉันขอประทานราชานุญาติดำเนินพิธีพะย่ะค่ะ”

“เชิญเถิดท่านโหรหลวง”



   เจ้าน้อยแสงแรกเสตาหลบเมื่อพระวรกายกำยำขององค์รัชทายาทภุมริกาประทับพับเพียบข้างตน กลิ่นบุรุษเพศทำเอาเจ้าแสงหายพระทัยสะดุด ความรู้สึกร้อนผ่าวแล่นเข้าสู่พระทัยดวงน้อย

“กราบองค์สิงห์ พระสัสสุระของเจ้าเสียเจ้าภุชงค์”องค์ภุมรินตรัสพร้อยรอยพระสรวล ทอดพระเนตรเห็นว่าที่สุณิสาปรางแดงระเรื่อดังลูกตำลึงแล้วก็นึกเอ็นดู แลทรงดำริว่าเจ้าชมนาดเมียรักก็คงเอ็นดูสุณิสาคนนี้มิน้อยไปกว่าตน

“พะย่ะค่ะ”หมอบกราบเจ้าหลวงการเวก

“ข้าฝากแก้วตาข้าด้วยหนาเจ้าภุชงค์”

“พะย่ะค่ะ หม่อมฉันจักดูแลทะนุถนอมแก้วตาพระองค์ดังดวงใจตนเองพะย่ะค่ะ”

“ธำมรงค์ประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทของเจ้าภุชงค์คงจักใหญ่เกินองคุลีของเจ้าน้อยแสงแรก ดังนั้นข้าจักประทานสร้อยพระศอให้เจ้าน้อยไว้ใส่ธำมรงค์”

“.....ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”สุรเสียงหวานตรัสพลางหมอบกราบเจ้าหลวงภุมริกา

“.....”เจ้าภุชงค์รับสร้อยพระศอทองคำเส้นยาวจากบิดา ร้อยธำมรงค์ของตนลงไป

“.....”

“...ขอประทานอภัยหนาเจ้า”ตรัสพลางโน้มพระวรกายเข้าใกล้เจ้าแสง พระหัตถ์อ้อมไปติดตะขอสร้อยให้น้อง แอบสูดกลิ่นแก้วหอมกรุ่นที่ติดกายปากเข้าเต็มพระปับผาสะ

“.....”เจ้าแสงเสพระเนตรหลบเมื่อพระวรกายกำยำโน้มเข้าใกล้คล้ายโอบกอดตน กลิ่นบุรุษเพศ แลความร้อนจากพระวรกายองค์รัชทายาทต่างแคว้นทำเอาพระทัยดวงน้อยไหวแกว่ง

“.....”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมมือไหว้

“...”เจ้าภุชงค์ยกพระหัตถ์รองหัตถ์เล็กรับไหว้

“เจ้าแสงสวมธำมรงค์ให้พี่เขาเสียลูก”องค์สิงห์ตรัส

“...พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหยิบพระธำมรงค์ต้นตระกูลของบิดาจากพานทองที่ข้าหลวงสาวนำถวาย หัตถ์อีกข้างประคองหัตถ์ซ้ายขององค์ภุชงค์ขึ้น ค่อยๆบรรจงสวมธำมรงค์เพทายลงบนพระอนามิกาจนสุด

“ขอบน้ำใจหนาเจ้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”


.
.
.



   
   เมื่อเสร็จสิ้นพิธี บัดนี้เจ้าแสงก็ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมายขององค์รัชทายาทภุมริกาแล้ว แลวันพรุ่งก็ต้องเดินทางไปภุมริกา

“ยี่สุ่น...เจ้าเก็บเครื่องพระสุคนธ์หนา ประเดี๋ยวข้าจักเก็บอาภรณ์ของเจ้าน้อย”ชงโคว่าพลางเร่งพับผ้าใส่หีบ

“อืม...ประเดี๋ยวข้าจักเก็บเครื่องพระสุคนธ์เอง”

“.....”เจ้าแสงประทับพับเพียบอยู่บนพระแท่นบรรทม ทอดพระเนตรคนสนิททั้งสองที่เร่งเก็บข้าวเก็บของ วันพรุ่งก็ต้องไปอยู่ภุมริกาแล้ว จักเป็นเช่นไรหนอ หัตถ์เล็กยกจับพระธำมรงค์ที่ห้อยอยู่กลางอกตนเบาๆ พลางหวนนึกถึงเจ้าของธำมรงค์ หากแม้นมิได้เกิดเรื่องอัปยศระหว่างตน แลองค์รัชทายาทภุมริกาขึ้นคงจักดีกว่านี้ องค์ภุชงค์รูปงามทั้งกายา วาจา แลพระทัย หากมิได้เกิดเรื่องอดสูในคืนนั้นเจ้าแสงคงมีพระทัยปฏิพัทธ์ต่อองค์ภุชงค์ได้มิยาก


.
.
.


“เร่งเก็บข้าวของเข้า ข้าใคร่อยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว ป่านนี้ชมนาดของข้าคงชะเง้อรอจนคอยาวเป็นแน่”สิ้นสุรเสียงบิดา เจ้าภุชงค์ก็แย้มพระสรวล

“พระทัยเย็นเถิดพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

“ใจพ่อหรือใคร่อยากกลับมันเสียคืนนี้ หากมิใช่ว่าจักต้องให้เจ้าน้อยแสงแรกเตรียมตัวเสียก่อน”

“.....”เจ้าภุชงค์มิได้ตอบโต้ พระโอษฐ์แย้มพระสรวล ทอดพระเนตรธำมรงค์เพทายขอพระสัสสุระที่อยู่บนพระอนามิกาข้างซ้าย ไฉนเลยจะใคร่คิดว่ามาต่างบ้านต่างเมืองครานี้จักได้ชายารูปงามกลับไปกกกอด แลชายาที่ได้มาก็ถูกพระทัยมิน้อยเลย ทั้งกิริยามารยาทอ่อนน้อม นุ่มนวล วาจาอ่อนโยนเสนาะพระกรรณ อีกทั้งรูปโฉมงดงามตรึงพระทัย


.
.
.


“เดินทางปลอดภัยหนาพะย่ะค่ะ..หม่อมฉันฝากเจ้าแสงแรกแก้วตาของหม่อมฉันด้วย”องค์สิงห์ตรัส ขณะที่กอดปลอบลูกน้อยที่สะอื้นอยู่ในอ้อมพระกร

“หาได้กังวลไม่พะย่ะค่ะ”

“...เช่นนั้นหม่อมฉันก็อุ่นใจ...เจ้าแสงดูแลตัวเองหนาลูก พ่อรักเจ้าหนา”

“ฮึก..เสด็จพ่อ..ฮือออ”เสียงสะอื้นของเจ้าแสงช่างน่าสงสารนัก องค์ภุชงค์ใคร่อยากจักดึงร่างแน่งน้อยเข้ามากอดปลอบให้คลายทุกข์นัก

“นิ่งเสีย เจ้าไห้เยี่ยงนี้พ่อใจมิดีเลยหนาลูก”

“..ฮึก..ดะ ดูแล...อึก..องค์เอง...ด้วยหนาพระเจ้าค่ะ..ฮึก...ฮือออ”

“มิต้องห่วงพ่อดอกหนาลูก”กดพระนาสิกหอมศีรษะลูก

“ฮึก...”

“ไปเถิดเจ้าทั้งสามพระองค์ทรงคอยนานแล้วหนา”

“ฮึก..ละ...ลูกลาหนาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบแทบพระบาทบิดา

“รักษาเนื้อรักษาตัวหนาเจ้า”

“ฮึก....”เจ้าแสงเสด็จออกจากท้องพระโรง หัตถ์เล็กปาดป้ายเช็ดน้ำตาตน มีคนสนิททั้งสองขนาบข้าง เมื่อเสด็จมาถึงขบวนเสด็จกลับภุมริกาก็หยุดยืนนิ่งเห็นเพียงม้า แลเกวียนเสบียงเท่านั้น หาได้มีเกี้ยวไม่ แลจักไปอย่างไร

“ขบวนขามามีเพียงม้า แลเกวียนเสบียง หาได้มีเกี้ยวมาไม่...เจ้าน้อยสะดวกนั่งม้าหรือไม่”เจ้าภุชงค์ตรัสถามน้องน้อย ดวงหน้างามซีดเซียวหากแต่ดวงตาโศกแดงระเรื่อ

“...หม่อมฉันขี่ม้ามิเป็นพระเจ้าค่ะ”ตรัสสุรเสียงแผ่ว

“เช่นนั้นเจ้าน้อยประทับเจ้าดำกับข้า ส่วนคนสนิททั้งสองนั่งไปกับเกวียนเสบียง...เจ้าสองคนสะดวกหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันสองคนนั่งเกวียนเสบียงได้ หากแต่เจ้าน้อย..”

“อย่าได้กังวลไป ข้าจักดูแลนายเจ้าอย่างดี”

“อ๊ะ”เมื่อตรัสจบก็ทรงจับเข้าที่กฤษฎีบางของเจ้าแสง ออกแรงยกร่างแน่งน้อยขึ้นนั่งพาดข้างบนหลังอาชาตัวโตสีดำเงา ก่อนจักเหวี่ยงพระวรกายขึ้นซ้อนหลังน้อง พระกรเอื้อมจับบังเหียนกักเจ้าแสงไว้ในอ้อมพระกร เจ้าน้อยการเวกตกพระทัยเบิกพระเนตรกว้าง ริมฝีปากจิ้มลิ้มเผยออก

“มิต้องกลัวหนา..ข้ากอดไว้เยี่ยงนี้มิตกลงไปแน่”

“.....”เจ้าแสงก้มหน้างุด มิรู้จักวางไม้วางมือไว้ที่ใด จึงวางลงกำผ้าโจงบนตัก

“จับบังเหียนไว้ก็ได้”กระซิบที่ริมกรรณเล็ก

“.....”หัตถ์เล็กสั่นน้อยๆค่อยเลื่อนไปจับสายบังเหียน

“จับตรงนี้”กุมหัตถ์นุ่มประคองมิแน่น หากแต่ก็มิหลวม

“ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงก้มพักตร์ชิดพระอุระ ปล่อยให้องค์ภุชงค์กกกอดไว้ในอ้อมพระกร แลกอบกุมหัตถ์ตน

“เจ้าสองคนรีบเข้าเถิดประเดี๋ยวจักเลยฤกษ์เดินทาง”เจ้าขันธ์ที่นั่งอยู่บนหลังอาชาเอ่ยปากเรียกบ่าวคนสนิททั้งสองของเจ้าน้อยแสงแรกที่ยืนอ้าปากค้างมองนายตนถูกอุ้มขึ้นหลังอาชาคู่พระทัยขององค์รัชทายาท

“....”

“....”กุลีกุจรขึ้นเกวียนขนเสบียง



   ขบวนเสด็จออกเดินทางไปยังภุมริกา ผ่านมาได้ครึ่งวัน แสงแดดเริ่มแรงขึ้น พระเสโทผุดขึ้นบนพระนลาฏขาวของเจ้าแสง

“ร้อนหรือไม่เจ้าน้อย”กระซิบถาม

“..มิได้พระเจ้าค่ะ”

“..ขออภัยหนา”หยิบซับพระพักตร์ที่เหน็บตรงชายพกขึ้นซับหยาดเสโทของน้องน้อย ก่อนจักใช้ผ้าคลุมไหล่ของเจ้าแสงคลุมลงบนศีรษะเล็กจับชายผ้าด้านหนึ่งพาดอังสะแคบ

“.....”

“เอาผ้าคลุมไว้จักได้มิร้อน..แลซับพระพักตร์นี่ก็เก็บไว้ซับเสโทหนา”ตรัส เจ้าแสงน้อยผินพักตร์หันกลับมามองพระพักตร์งามขององค์รัชทายาทที่ควบม้าไปตามแนวป่าช้าๆ

“..ขอประทานอภัยหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสสุรเสียงแผ่วก่อนจักใช้ซับพระพักตร์ในหัตถ์ซับหยดพระเสโทที่หางพระขนงขององค์
ภุชงค์แผ่วเบา กลิ่นแก้วจากหัตถ์ขาวทำเอาองค์ภุชงค์แย้มพระสรวลน้อยๆให้เจ้าแสงปรางแดง

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“.....”

“.....”ต่างฝ่ายต่างเงียบ หากแต่หาใช่ความเงียบที่น่าอึดอัดไม่ สายลม แสงแดดในพนาราวกับค่อยๆหล่อหลอมความรู้สึกให้เป็นหนึ่งเดียว





ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ดีใจกับภุชงค์ด้วยที่มีคนรักแล้ว

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สงสารเจ้าแสงง่ะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
น่ารักกกกเจ้าเเสง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด