พิมพ์หน้านี้ - บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Thichadad3938 ที่ 25-09-2017 13:53:34

หัวข้อ: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 25-09-2017 13:53:34
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง


ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๐ ๒๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 25-09-2017 13:55:45



บัวหลงจันทร์ ๐๐


               หากจักกล่าวถึงแคว้นมิตรที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับภุมริกา ก็คงจัดเป็นแคว้นใดมิได้ นอกเสียจากศศิมณฑล ซึ่งบัดนี้ศศิมณฑลได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อเจ้าหลวงพระองค์เก่าสิ้นพระชนม์ ทำให้มีการสถาปนาองค์รัชทายาทขึ้นเป็นเจ้าหลวงพระองค์ใหม่ 'องค์จันทร์' โอรสเพียงองค์เดียวของเจ้าหลวงอินทุ แลพระชายาศศิธร

"เจ้าจันทร์ เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก"มารดาตรัสถามบุตรชายที่เพิ่งกลับจากประชุมขุนนาง

"เหล่าขุนนางส่งฎีกา เรียกร้องให้ลูกแต่งตั้งพระชายาพะย่ะค่ะเสด็จแม่"

"แต่งตั้งพระชายาหรือ"

"พะย่ะค่ะ"

"แลเจ้าคิดว่าอย่างไรเจ้าจันทร์ มีใครในใจหรือไม่"

"......"ในใจของพระองค์นั้นใคร่อยากแต่งตั้งคนที่รักเป็นชายา แต่หาเป็นไปได้ไม่ เมื่อคนที่พระองค์ทรงรักหมดพระทัยนั้นเป็นเพียงบุตรชาวบ้านธรรมดา จักมีอำนาจ แลกำลังต่อกรกับเหล่าขุนนางเจ้าเล่ห์พวกนั้นได้อย่างไร

"...ว่าอย่างไร"

"มิมีพะย่ะค่ะ"ตัดพระทัยตอบพระมารดา

"....เยี่ยงนั้น เรื่องนี้เอาไว้ก่อนหนา แลงานฉลองวันคล้ายวันประสูติโอรสทั้งสองแห่งแคว้นภุมริกาเล่า ว่าอย่างไร"เอ่ยถึงแคว้นมิตรที่จักมีการฉลองวันคล้ายวันประสูติของพระโอรสทั้งสองที่มีพระพรรษาครบสิบแปดปี ศศิมณฑลจึงต้องเดินทางไปร่วมยินดี

"ลูกจักเดินทางไปภุมริกาในอีกสามวันข้างหน้าพะย่ะค่ะ"

"...ก็ดี แม่จักได้เตรียมตัว"

"พะย่ะค่ะ"

 

               หากแม้นเจ้าจันทร์มิมีใครในใจ เห็นทีพระมารดาศศิธรคงจักต้องทาบทามสู่ขอเจ้าน้อยบัวงามโอรสองค์เล็กในองค์ภุมรินให้เสียแล้ว แต่ก็มิรู้ว่าจักยากสักเพียงใด ในเมื่อองค์ภุมรินนั้นหวงเจ้าน้อยเสียยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ พยัคฆ์หวงลูกเสียอีก






หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๐ ๒๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 25-09-2017 21:00:23
น่าสนๆๆ

มาต่อไวๆน๊าาาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๐ ๒๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 25-09-2017 22:23:24
รุ่นลูกมาแล้นนนน  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๐ ๒๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 26-09-2017 07:16:57
อี้วววววว เรื่องนี้ลงเล้าสักที ฟฟฟห่ดิกืกกาดืดื :katai2-1: :katai2-1: ฉันรอเธออยู่ อู๊อูววว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๐ ๒๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 26-09-2017 15:38:30
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๐ ๒๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-09-2017 17:16:05
ยังไงๆ กันเนี่ย  :hao3:
ขุนนาง อยากให้องค์จันทร์แต่งตั้งพระชายา

องค์จันทร์ บอกแม่ว่ายังไม่มีคนรัก
ทั้งที่มีแล้วและรักหมดใจ
แม่ก็อยากไปขอเจ้าน้อยบัวงามให้แต่งกับองค์จันทร์ 
ทั้งที่องค์ภุมริน พ่อเจ้าน้อยบัวงาม หวงพระโอรสมาก

ท่าทางดราม่าแน่ๆ   :z3: :z3: :z3:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๑ ๒๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 26-09-2017 22:39:40



บัวหลงจันทร์ ๐๑




               วันพรุ่งแล้วที่เจ้าจันทร์จักต้องเสด็จไปภุมริกาเพื่อร่วมพิธีฉลองวันประสูติของพระโอรสในองค์ภุมรินทั้งสองที่มีพระพรรษาครบสิบแปดปีบริบูรณ์ วันนี้เจ้าจันทร์จึงเสด็จออกจากวังหลวงเพื่อไปพบ 'สายหยุด' บุตรชายชาวบ้านธรรมดา หากแต่เป็นสหายกับพระองค์มาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อครั้งยังเยาว์วัยทรงมีสหายคนสนิทสองคนคือ เหม องครักษ์ประจำพระองค์ แลสายหยุด ชายหนุ่มรูปร่างอรชร ใบหน้าเรียวได้รูป งามเสียจนต้องพระทัยเจ้าจันทร์ แต่หากได้ต้องใจเพียงเจ้าจันทร์ไม่ สายหยุดยังต้องใจเหมด้วยเช่นกัน

"ฝ่าบาท..."เมื่อเห็นว่าเจ้าจันทร์ทรงเสด็จมาหา สายหยุดจึงละมาลัยที่ร้อยค้างไว้ หมอบกราบอ่อนช้อย

"ลุกขึ้นเถิดสายหยุด มิต้องมากพิธีดอก"

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"

"วันพรุ่งข้ากับเจ้าเหมจักไปภุมริกา เจ้าใคร่อยากได้กระไรหรือไม่"ทรงตรัสถามพระสุระเสียงอบอุ่น สายหยุดก็เปรียบเสมือนน้องน้อยเมื่ออยู่กันพร้อมหน้าสามคนเยี่ยงนี้

"มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมิใคร่อยากได้กระไรดอก"

"เยี่ยงนั้นหรือ"

"พระเจ้าค่ะ...ขอบพระทัยที่ทรงนึกถึงหม่อมฉันพระเจ้าค่ะ"กราบทูล ซึ้งใจนักที่ทรงเมตตาสหายต่ำต้อยเช่นตน
 


               เจ้าจันทร์ แลพ่อเหมอยู่ที่บ้านสายหยุดจนตะวันคล้อยจึงได้เสด็จกลับวังหลวง เจ้าจันทร์ทรงเสด็จขึ้นเกี้ยวประทับรอองครักษ์ประจำพระองค์ ขณะนั้นเองที่สายหยุดเรียกรั้งพ่อเหมไว้

"พี่เหมจ๊ะ"เสียงหวานเอ่ยเรียกชายหนุ่มหนึ่งเดียวในดวงใจ

"มีกระไรหรือสายหยุด"ผินกายแกร่งกำยำไปหาร่างน้อยอรชร

"สายหยุดให้พี่เหมจ้ะ"มือเล็กยื่นห่อบุหงารำไปหอมฟุ้งให้องครักษ์หนุ่ม

"ขอบใจหนา...กลิ่นบุหงารำไปหอมนักเจ้าเอ๋ย"ประคองมือบางที่ถือห่อบุหงารำไปจรดจมูกโด่งเป็นสัน สายหยุดก้มหน้าด้วยความเอียงอาย ใบหน้างามเห่อร้อน ริ้วรอยแดงพาดผ่านแก้มนวลน่ามอง

"พี่เหม..."เอ่ยเรียกเสียงแผ่ว

"พี่ไปหนาเจ้า อยู่ทางนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆหนา"

"พี่เหมก็ดูแลตัวเองหนาจ๊ะ"

"จ้ะ"ทอดมองใบหน้างามอยู่ครู่หวังให้ติดตรึงในใจจักได้คลายความคิดถึงเมื่อห่างกัน ก่อนจักผินกายกลับไปยังขบวนเสด็จ ทิ้งให้สายหยุดทอดมองแผ่นหลังกว้างจนลับตา

"ไปไหนมาหรือเจ้าเหม เหตุใดจึงช้านัก"

"ขออภัยพะย่ะค่ะฝ่าบาท"

"เอาเถอะไปกันได้แล้ว ประเดี๋ยวจักมืดเสียก่อน"

"พะย่ะค่ะ"

 

               วันรุ่งขึ้นขบวนเสด็จถูกตระเตรียมตั้งแต่ฟ้ายังมิสว่างดี เจ้าจันทร์ทรงเตรียมพระวรกายตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง

"เจ้าจันทร์"

"พะย่ะค่ะ เสด็จแม่"

"เตรียมตัวแล้วหรือยังลูก"

"แล้ว แล้วพะย่ะค่ะ

"เยี่ยงนั้นไปเถิดลูก ประเดี๋ยวจักช้าเอา"

"พะย่ะค่ะ"

"...เออ แลของขวัญสำหรับองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยเล่า เตรียมแล้วหรือไม่"

"พะย่ะค่ะ"

"อืม เยี่ยงนั้นก็ไปกันเถิดลูก"

 
.
.
.
 

 กว่าองค์จันทร์ แลพระพันปีศศิธรจะถึงภุมริกาก็ค่ำมืด ตะวันลับฟ้าไปเสียแล้ว

"เสด็จมาเหนื่อยๆ ทรงพักผ่อนที่ตำหนักรับรองก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ"เจ้าชมนาดเอ่ย พลางยิ้มต้อนรับอาคันตุกะจากแคว้นมิตร

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"พระพันปีศศิธรตรัส

"มิได้พะย่ะค่ะ ทรงให้เกียรติมาร่วมงานฉลองของโอรสหม่อมฉัน ซึ้งใจนัก"

"ว่ากระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะ"

"หึหึหึ เชิญเสด็จตำหนักรับรองก่อนเถิดพะย่ะค่ะ"

"เป็นพระกรุณาพะย่ะค่ะ"องค์จันทร์ตรัสพลางค้อมพระเศียรให้องค์ภุมริน

"มิได้พะย่ะค่ะ"ทรงตรัสกับเจ้าหลวงหนุ่ม

 

               รุ่งขึ้นองค์จันทร์ทรงตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ เสด็จทอดพระเนตรชมรอบวังหลวงภุมริกาพร้อมเหมองครักษ์ประจำพระองค์ อากาศยามเช้าเย็นสบาย สดชื่นนัก ทรงเสด็จไปเรื่อยจนถึงศาลาริมสระหลวง รู้พระองค์อีกทีก็ตอนที่ร่างบางของใครบางคนชนกระแทกกับเข้าพระอุระ พระกรแกร่งโอบประคองร่างแน่งน้อยมิให้ล้ม กลุ่มผมยาวคลอเคลียเอวกิ่วนุ่มลื่นเสียจนองค์จันทร์เผลอยกพระหัตถ์ขึ้นลูบ

"อ๊ะ...ภุชงค์หรือ? ภุชงค์~"เสียงหวานเอ่ยถามขณะที่แขนเรียวเสลากอดรอบพระกฤษฎีองค์จันทร์อย่างออดอ้อน

"....."สายพระเนตรคมดุทอดพระเนตรร่างน้อยในผ้าแถบคาดอกสีงาช้าง แลโจงกระเบนสีม่วงตะแบก ใบหน้างามมีผ้าคาดผูกผิดตาไว้ ให้ทายคงจักเล่นไล่จับกับนางข้าหลวงพวกนี้กระมัง แลเรียกพระนามองค์รัชทายาทเยี่ยงนี้ คนผู้นี้คงมิพ้นเจ้าน้อยบัวงามเป็นแน่

"ภุชงค์มาเล่นกับบัวหนา~"เอ่ยออดอ้อน แขนเรียวยิ่งกอดพระกฤษฎีแน่น ใบหน้างามซุกซบกับพระอุระกว้าง กลิ่นหอมหวานจากร่างน้อยทำเอาองค์จันทร์หายพระทัยสะดุด เนื้อนวลนุ่มนิ่มน่าจับต้องบดเบียดแนบชิดกับกล้ามพระมังสา

"เจ้าน้อยเพคะ นั่นมิใช่องค์รัชทายาทหนาเพคะ"พี่เลี้ยงสาวทูลให้นายน้อยทรงทราบก่อนที่จักเลยเถิดไปมากกว่านี้ หากองค์ภุมรินมาพบเข้านางคงคอขาดเป็นแน่ ที่ปล่อยให้แก้วตาของพระองค์เข้ากอดออดอ้อนชายแปลกหน้าด้วยความเข้าพระทัยผิดเยี่ยงนี้

"อ๊ะ..มิใช่ภุชงค์หรือ"ผละจากพระวรกายกำยำราวต้องเปลวไฟ มือเล็กปลดผ้าคาดตาออก นัยน์ตากวางช้อนมองคนตรงหน้า ก่อนจักเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ชายผู้นี้คือใครกัน

"....."องค์จันทร์ทอดพระเนตรดวงหน้าหวานราวต้องมนต์ นัยน์ตากวางนั่นดึงดูดจนพระองค์ละสายพระเนตรมิได้

"เจ้าเป็นใครกัน?"เสียงหวานตรัสพลางถอยห่างจากเจ้าหลวงหนุ่ม

"...ข้าชื่อจันทร์ เป็นเจ้าหลวงศศิมณฑล"เสียงหวานเรียกสติให้กลับมา

"เจ้าหลวงศศิมณฑล!!"เจ้าน้อยบัวงามตกพระทัยรีบทรุดกายหมอบกราบองค์จันทร์

"มิต้องมากพิธีดอกเจ้าน้อย"คว้าต้นแขนนุ่มไว้

"ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเสียมารยาทนัก โปรดอภัยด้วยพระเจ้าค่ะ"

"มิเป็นไร ลุกขึ้นเถิด"ประคองร่างบางขึ้น

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"

"เจ้าน้อยเพคะ เลิกเล่น แลกลับตำหนักเถิดเพคะ ประเดี๋ยวจักถึงเวลาพิธีศาสน์แล้วหนาเพคะ"พี่เลี้ยงสาวกราบทูล แลดึงร่างน้อยให้ออกห่างจากเจ้าหลวงหนุ่มอย่างนอบน้อม

"จ้ะ...หม่อมฉันทูลลาพระเจ้าค่ะ"หมอบกราบเจ้าหลวงต่างเมืองก่อนจักถูกพี่เลี้ยงจับจูงเข้าตำหนักใน

"หวงน่าดูเลยหนาพะย่ะค่ะ"เหมเอ่ยขึ้นลอยๆ

"หืม"

"องค์ภุมรินทรงหวงเจ้าน้อยน่าดูหนาพะย่ะค่ะ"

"หึ นั่นสิหนา"ตรัสก่อนจักทอดพระเนตรร่างอรชรจนลับพระเนตร



                เพลาเก้านาฬิกาพิธีศาสน์ก็เริ่มขึ้น โดยมีอาคันตุกะหลากเมืองเข้าร่วม รวมถึงองค์จันทร์ แลพระพันปีศศิธร เจ้าน้อยบัวงามผลัดเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่เพื่อร่วมพิธีศาสน์ เป็นฉลองพระองค์แขนกระบอกคอตั้งสีสังข์ แลโจงกระเบนสีกลีบบัว ที่พระกฤษฎีคอดมีรัดพระองค์ทองคำฝังพลอยคาดประดับ พระเกศายาวเคลียบั้นพระองค์ถูกรวบครึ่งพระเศียร เจ้าน้อยแห่งภุมริกาวันนี้ช่างงดงามเสียราวกับนางอัปสร แลประทับข้างพระเชษฐาที่ทรงมีพระวรกายแข็งแรงกำยำ ยิ่งทำให้เจ้าบัวงามดูบอบบาง น่าทะนุถนอม

"เจ้าจันทร์"

"พะย่ะค่ะ เสด็จแม่"

"เจ้าว่า เจ้าน้อยงามหรือไม่"

"งามพะย่ะค่ะ"มิทรงปฏิเสธ เจ้าน้อยสิริโฉมงดงามนัก แม้แต่สายหยุดที่ต้องใจพระองค์ยังแทบจักสู้มิได้

"อืม...เจ้าน้อยทรงงามหยดย้อยเช่นนี้ คงเป็นที่หมายปองของเหล่าเจ้าหลวง เจ้าชายแคว้นอื่นเป็นแน่"คนเป็นแม่พยักพระพักตร์ แลตรัสก่อนจักจดจ่ออยู่กับพิธีตามเดิม ส่วนองค์จันทร์ก็จับจ้องร่างอรชรมิวางตาโดยมีพระมารดาคอยสังเกตมิห่าง

 
.
.
.

 
 
เมื่อพิธีศาสน์เสร็จสิ้นก็เป็นงานฉลองเลี้ยงพระกายาหารอาคันตุกะที่มาร่วมพิธี

"ขอบพระทัยทุกพระองค์ที่ทรงให้เกียรติร่วมงานฉลองของโอรสหม่อมฉันหนาพะย่ะค่ะ"องค์ภุมรินทรงตรัสพร้อมแย้มพระสรวลน้อยๆ

"มิได้พะย่ะค่ะ...เอ่อ ฝ่าบาท..องค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยก็มีพระพรรษาครบสิบแปดปีบริบูรณ์แล้ว แลเมื่อใดจักทรงมีพิธีเลือกคู่หรือพะย่ะค่ะ"เจ้าหลวงแคว้นหนึ่งตรัสถาม

"...หึหึหึ"องค์ภุมรินทรงพระสรวลแต่หาได้ตอบคำถามไม่

"เชิญเสวยเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวพระกายาหารจักชืดเสียก่อน"เจ้าชมนาดเอ่ยพร้อมยิ้มหวาน จึงทำให้เหล่าอาคันตุกะลืมเลือนเรื่องพิธีเลือกคู่ไปชั่วขณะ

"ภุชงค์~"

"หืม...ว่าอย่างไรเจ้าบัวงาม"ทรงผินพระพักตร์งามไปหาน้องน้อย

"บัวมิอยากเลือกคู่ บัวมิเลือกได้หรือไม่"ช้อนนัยน์ตากวางทอดพระเนตรพระเชษฐา

"อืม...พี่ก็มิรู้ดอกว่ามิเลือกได้หรือไม่ เจ้าอย่าได้กังวลไปเลยหนาน้องรัก คงจักมิใช่เร็วๆนี้ดอก"

"อือ พระเจ้าค่ะ"พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจักอ้าพระโอษฐ์รับช่อม่วงที่พระเชษฐาป้อนให้ พระโอษฐ์จิ้มลิ้มเคี้ยวพระกายาหารน่าเอ็นดู

 
.
.
.

 
หลังเสร็จสิ้นงานฉลอง เหล่าอาคันตุกะเชื้อพระวงศ์จึงเสด็จกลับแคว้นตน จักเหลือก็เพียงอาคันตุกะจากแคว้นศศิมณฑล แลแคว้นการเวก

"ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ หม่อมฉันใคร่อยากสู่ขอเจ้าน้อยให้โอรสหม่อมฉัน รัชทายาทการเวกพะย่ะค่ะ"เจ้าหลวงการเวกทรงตรัสขึ้น องค์ภุมรินเมื่อได้สดับก็ผินพระพักตร์สบตากับเจ้าชมนาด เมียคู่กายคู่ใจทันใด โอรสของเจ้าหลวงการเวกหรือ ขนาดเป็นแค่องค์รัชทายาทยังมีสนมเป็นสิบนาง หากแม้นได้ขึ้นเป็นเจ้าหลวงมิมีสนมเป็นร้อยนางดอกหรือ หากเป็นเยี่ยงนั้นเจ้าบัวงามแก้วตาข้ามิช้ำใจตายหรือ

"ทูลฝ่าบาทหม่อมฉันก็ใคร่สู่ขอเจ้าน้อยบัวงามให้โอรสของหม่อมฉันเช่นกันพระเจ้าค่ะ"พระมารดาศศิธรตรัส ทำเอาเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาทการเวกหันพระพักตร์ทอดพระเนตรร่างบาง มารดาแห่งศศิมณฑล รัชทายาทการเวก หรือจะสู้เจ้าหลวงศศิมณฑล

"หากแต่หม่อมฉันเอ่ยสู่ขอก่อนหนาพะย่ะค่ะ"เจ้าหลวงการเวกหาได้ยอมไม่ เจ้าน้อยภุมริกา ความงามนั่นเลื่องชื่อ แลหากได้ดองกับภุมริกา แคว้นที่มีกองกำลังทหารแข็งแกร่งเป็นที่หนึ่งคงจักมิมีแคว้นใดกล้ารุกรานเป็นแน่

"เจ้าภุชงค์"

"พะย่ะค่ะ เสด็จแม่"

"พาน้องออกไปก่อนหนาลูก"

"พะย่ะค่ะ"รับคำมารดาก่อนจักจูงมือน้องน้อยออกจากท้องพระโรง




"ภุชงค์~"

"หืม"

"บัวมิใคร่ชอบใจองค์รัชทายาทการเวกเสียเลย"ตรัสพระพักตร์งอ

"แลเจ้าต้องใจเจ้าหลวงศศิมณฑลงั้นหรือ"

".....บัวมิชอบรัชทายาทการเวก"เจ้าน้อยคนงามชะงักงัน พลันพระทัยก็นึกถึงเรื่องเมื่อรุ่งสางพระวรกายกำยำแข็งแรง แลทั้งยังกลิ่นกายบุรุษเพศทำเอาเจ้าน้อยพระพักตร์เห่อร้อน ตรัสเลี่ยง

"พี่รู้แล้วเจ้าบัวงาม ว่าเจ้ามิใคร่ชอบใจองค์รัชทายาทการเวก หากแต่พี่ใคร่รู้ว่าเจ้าต้องใจเจ้าหลวงศศิมณฑลหรือไม่"

"บัว..บัวมิรู้พระเจ้าค่ะ...ภุชงค์~"ส่ายพระพักตร์เสียจนพระเกศาสะบัดพลิ้ว ก่อนจักเอ่ยออดอ้อนพระเชษฐา เอนพระวรกายอ้อนแอ้นซบพระอังสะองค์รัชทายาท พระกรเล็กกอดพระกฤษฎีสอบ

"หึหึหึ...เจ้าบัวเน่าเอ๋ย"ตรัสพลางขยี้เกศานุ่มของพระอนุชา

"ภุชงค์!"พระสุระเสียงมิใคร่พอพระทัย พลางใช้พระองคุลีหนีบพระมังสาพระเชษฐาเสียจนร้องโอดโอย

"อะ โอ๊ย..เจ้าบัว พี่เจ็บหนาน้อง"



.
.
.


ภายในท้องพระโรงมาคุไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด อาคันตุกะจากทั้งสองแคว้นต่างก็ทอดพระเนตรมองเจ้าเหนือหัว แลมารดาภุมริกาเงียบงัน

“เอ่อ ทูลฝ่าบาททั้งสองแคว้นหนาพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเป็นแม่ย่อมมิใคร่ฝืนใจลูก หม่อมฉันจึงใคร่อยากให้เจ้าบัวเป็นผู้เลือกเองพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดได้พูดคุยกับพระภัสดาแล้วว่า อย่างไรเสียก็ต้องปล่อยให้เจ้าบัวงามได้มีคู่ครองของตน แม้จักรักจักหวงลูกสักเพียงใดก็ต้องปล่อยให้ลูกได้เป็นฝั่งเป็นฝา แลก่อนที่จักมีงานฉลองนี้ แม่เฒ่าก็ได้เข้าเฝ้าพร้อมทูลความแก่ทั้งสองพระองค์แล้วว่า

“ศิวเศขรผู้นั้นกำลังจักมา ขอได้โปรดประทานแก้วตาของพระองค์ให้เขาผู้นั้น คู่กันแล้วย่อมมิแคล้วกัน....”

“หม่อมฉันเองก็ใคร่ให้เจ้าบัวเป็นผู้เลือกเองพะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินทรงตรัส

“แลพระองค์จักจัดพิธีเลือกคู่ของเจ้าน้อยขึ้นเมื่อใดหรือพะย่ะค่ะ”เจ้าหลวงการเวก

“วันขึ้นสิบห้าค่ำ พระจันทร์เต็มดวงที่จักถึงในอีกสิบวันข้างหน้า หม่อมฉันจักจัดพิธีเลือกคู่ให้เจ้าน้อยบัวงามพะย่ะค่ะ”


.
.
.


“กระไรหนาพระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางเบิกโต พระโอษฐ์เบะออก น้ำพระเนตรไหลอาบพระปรางค์นวลเสียจนคนเป็นพ่อต้องเข้ากอดปลอบประโลม

“เจ้าบัวงาม...”

“ฮือออออ บัวมิเลือก มิเอาดอกพระเจ้าค่ะ บัวมิเลือก ฮือออออ”ทรงกรรแสงงอแง

“มิได้ดอกลูกจ๋า”เจ้าชมนาดว่าขณะที่มือบางก็ลูบกลุ่มผมหนาของโอรสองค์โตที่กอดเอวมารดาอยู่

“อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องเลือกเจ้าบัวงาม เจ้าต้องมีคนปกป้อง พ่อแลแม่อยู่กับเจ้าได้ไม่ตลอดชีวิตดอกหนาลูก”

“ฮึก มิเอาหนาพระเจ้าค่ะ อย่าตรัสเยี่ยงนี้ บัวใจมิดี”

“เห็นเจ้าไห้เยี่ยงนี้พ่อก็ใจมิดีหนาลูก เงียบเถิด”

“ฮึก...ให้ภุชงค์ปกป้องบัวมิได้หรือพระเจ้าค่ะ”

“มิได้ดอก สักวันภุชงค์ก็ต้องมีคนที่รัก แลจักปกป้องบัวได้เยี่ยงไรกันลูก”เจ้าชมนาดว่า

“ฮึก เสด็จแม่ ฮือออ แต่บัวมิใคร่เลือก ฮือออออ บัวมิชอบใจองค์รัชทายาทการเวก บัวมิเลือก ฮือออออออ”

“น้องก็เลือกองค์จันทร์สิเจ้าบัว”ภุชงค์ว่า

“ฮึก บัวมิใคร่จากบ้านจากเมืองไปนี่พระเจ้าค่ะ”มิปฏิเสธองค์จันทร์ แลเลี่ยงมิตอบพระเชษฐา

“โธ่ ลูกจ๋า”

“เสด็จแม่ ฮือออออออ”ผละออกจากพระอุระบิดา แลโผเข้ากอดร่างบางของมารดา พระพักตร์งามซบไหล่บาง

“เจ้าบัวงามอย่าไห้ไปเลยหนาลูก”ปลอบลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พลางลูบกลุ่มผมนุ่มยาวเคลียเอวกิ่วไปมา

“ฮึก”สะอื้นน้อยๆ


.
.
.


“เจ้าจันทร์”

“พะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“ลูกคงมิว่ากระไรดอกใช่ไหมที่แม่สู่ขอเจ้าน้อยให้เจ้า โดยที่มิได้บอกเจ้าเสียก่อน”

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“หากเจ้ามิมีใครในใจ เยี่ยงนั้นเจ้าน้อยก็เหมาะสมที่สุดแล้วที่จักเป็นชายาเจ้า”

“พะย่ะค่ะ”หากได้เจ้าน้อยเป็นชายา อย่าว่าแต่เหล่าขุนนางเจ้าเล่ห์พวกนั้นเลยที่จักมิกล้าต่อกรกับพระองค์ แคว้นอื่นก็คงมิคิดรุกราน ภุมริกาขึ้นชื่อเรื่อกองทัพที่แข็งแกร่งนัก

“ภาวนาให้เจ้าน้อยเลือกเจ้าก็แล้วกันหนาลูก”

“ลูกก็มิสามารถหยั่งรู้พระทัยเจ้าน้อยได้พะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทการเวก แม้นรูปงามแต่ชื่อเสียงเรื่องมากเมียก็เลื่องลือนัก


.
.
.


วันนี้องค์ภุมริน แลภุชงค์ออกว่าราชการแต่เช้าตรู่ แลพระมารดาชมนาดก็ต้องจัดการดูแลเรื่องในรั้วในวัง ทำให้เจ้าน้อยบัวงามต้องเสด็จประทับที่ศาลาริมสระหลวงอย่างเหงาหงอย

“เฮ้อ...”ระบายพระปัสสาสะ

“ทรงเป็นกระไรไปเพคะเจ้าน้อย”

“มิเป็นไรดอกอิ่ม ข้าเพียงแต่รู้สึกเบื่อหน่ายก็เท่านั้น”

“เยี่ยงนั้นทรงให้ยี่หุบเข้าเฝ้าดีไหมเพคะ”ยี่หุบ เป็นหลานของพูดจีบแมวทรงเลี้ยงของพระมารดาชมนาด แมวเพศเมียตัวอวบอ้วนสีขาวปลอด

“อืม พายี่หุบมาทีเถิด”

“เพคะ”เพียงมินานเจ้าแมวน้อยก็เข้ามาอยู่ในอ้อมพระกรของเจ้าน้อยคนงาม



เมี๊ยวๆๆ~~~~~~~


“ว่าอย่างไรยี่หุบ หืม”พระดัชนีเรียวเกาเบาๆที่ใต้คางเจ้าแมวน้อย


เมี๊ยวๆๆ~~~~~~~


“อ๊ะ ยี่หุบจักไปไหนหนา ยี่หุบ”เจ้ายี่หุบน้อยที่เห็นผีเสื้อตัวงามบินว่อนอยู่บนอากาศก็กระโดดลงจากพระเพลาเจ้าน้อย แลวิ่งไล่ผีเสื้องามไป เจ้าน้อยบัวงามจึงได้เสด็จตามเจ้าแมวขาวไป พระพี่เลี้ยงคนสนิทหรือก็ไปห้องเครื่องจัดพระกายาหารว่าง ทำให้เจ้าน้อยเสด็จเพียงลำพัง

“ยี่หุบ จักไปไหน มาหาบัวประเดี๋ยวนี้ ยี่หุบ...อ๊ะ”ทรงวิ่งโดยมิทอดพระเนตรให้ดีจึงได้ชนเข้ากับพระวรกายกำยำ พระกรแกร่งรวบเอวกิ่วไว้แนบชิดกับพระอุทรแข็งแรง

“เจ้าน้อยทรงวิ่งชนข้าเป็นรอบที่สองแล้วหนา”พระสุระเสียงทุ้มนุ่มตรัส

“องค์จันทร์...หม่อมฉันขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”ช้อนนัยน์ตากวางขึ้นทอดพระเนตรพระพักตร์งามของเจ้าหลวงศศิมณฑล ก่อนจักรีบหลบสายพระเนตรคมดุที่ทอดพระเนตรมาที่ตน ใบหน้างามเห่อร้อนด้วยความขวยเขิน

“หึหึหึ มิเป็นไร แลจักไปไหนหรือ”ตรัสพลางปล่อยเอวน้องน้อยให้เป็นอิสระ

“หม่อมฉันวิ่งตามยี่หุบพระเจ้าค่ะ ทรงเห็นยี่หุบไหมพระเจ้าค่ะ”เงยพระพักตร์ตรัสถามถึงเจ้าแมวน้อยทรงเลี้ยง

“ยี่หุบ?”

“เอ่อ ยี่หุบเป็นแมวพระเจ้าค่ะ สีขาวปลอดวิ่งมาทางนี้ทรงเห็นบ้างไหมพระเจ้าค่ะ”

“อ๋อ...ข้าเห็นวิ่งเข้าไปในพุ่มไม้นู้นล่ะ”ตรัสพลางผินพระพักตร์ไปทางพุ่มไม้

“....เยี่ยงนั้นหม่อมฉันคงจักต้องไปตามข้าหลวงมาจับยี่หุบเสียแล้ว เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”ทรงใส่เพียงผ้าแถบคาดอกสีกลีบบัวให้ไปมุดพุ่มไม้คงจักมิดีแน่ ตรัสพลางรีบผินกายหนี อยู่ใกล้องค์จันทร์ทีไร พระทัยเจ้าน้อยเต้นผิดจังหวะเสียทุกที แลใบหน้ายังเห่อร้อนแปลกๆอีก

“ประเดี๋ยวเจ้าน้อย...”ทรงคว้าท่อนแขนเล็กไว้

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่อยากชมวังหลวงของภุมริกา เจ้าน้อยจักช่วยไปเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่”

“...เอ่อ..”

“ข้าเพียงแต่ใคร่อยากได้คนเดินเป็นเพื่อน หากเจ้าน้อยมิสะดวกใจ...”

“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักพาทอดพระเนตรเอง”

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“วังหลวงภุมริการ่มรื่นนัก”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...ทีวังหลวงมีต้นไม้มากพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่ท่านทรงโปรดความร่มรื่น”

“อากาศดีเชียว”

“ฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ...ทีวังหลวงมีแม่ครัวที่ขึ้นชื่อเรื่องขนมหวานทรงใคร่อยากเสวยหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ขนมหวานหรือ ข้ามิใคร่โปรดสักเท่าใด...แต่เสด็จแม่ข้าคงโปรดอยู่”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักให้นางข้าหลวงนำถวายหนาพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าน้อยพะย่ะค่ะ”เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นพระกรรณเรียกให้เจ้าน้อย แลองค์จันทร์ผินพระพักตร์ไปทอดพระเนตร

“ท่านสุธี มีกระไรหรือเจ้าค่ะ”

“องค์ภุมรินทรงเรียกหาพะย่ะค่ะ”

“อ่า...”

“เชิญเจ้าน้อยเถิด ข้าเดินพอแล้ว ขอบใจที่สละเวลาพาข้าเดินชมวังหลวง”ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์ให้คนงามร่างอรชร

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”ค้อมพระเศียรให้เจ้าหลวงต่างแคว้นก่อนจักเสด็จนำองครักษ์คู่กายพระบิดาไป

“เชิญเจ้าน้อยพะย่ะค่ะ”

“เจ้าค่ะท่านสุธี”








หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๑ ๒๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 27-09-2017 08:09:16
เจ้าน้อยมาแล้วววว  :hao7: :hao7: :hao7:
น่ารักเหมือนเดิมเลย><
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๒ ๒๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 28-09-2017 14:00:21



บัวหลงจันทร์ ๐๒




   อีกเจ็ดวันจักถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำ พระจันทร์เต็มดวง อาคันตุกะทั้งสองแคว้นต่างประทับที่วังหลวงภุมริกาเพื่อรอวันเลือกคู่ของเจ้าน้อยบัวงาม องค์รัชทายาทการเวกวอแวเจ้าบัวงามเสียจนน้องน้อยรำคาญใจ

“น้องบัวกินขนมสิจ๊ะ รสดีเทียว”ส่งสายพระเนตรให้เสียจนเจ้าน้อยอึดอัดพระทัย ขนาดวันนี้ทรงสวมใส่เสื้อแขนกระบอกคอตั้งมิดชิดยังทำชีกอใส่ หากใส่เพียงผ้าแถบคาดอกเช่นทุกคราคงโดนลวนลามทางสายตามากกว่านี้เป็นแน่

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ แต่หม่อมฉันอิ่มท้องแล้วพระเจ้าค่ะ”ทรงปฏิเสธอย่างนุ่มนวล

“เยี่ยงนั้นใคร่อยากเดินเล่นไหมจ๊ะ”

“ไม่ดีกว่าพระเจ้าค่ะ เอ่อ..หม่อมฉันขอตัวก่อนหนาพระเจ้าค่ะ พอดีจักต้องเข้าเฝ้าเสด็จพี่ภุชงค์ เชิญองค์รัชทายาทตามสบายหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสแลออกเสด็จออกมามิให้องค์รัชทายาทการเวกได้ตั้งตัว

“เอ่อ น้องบัว...น้องบัว..”เรียกตามไล่หลังแต่เจ้าน้อยได้หันกลับมาไม่

“เฮ้อ...”ทรงระบายพระปัสสาสะ เสด็จเรื่อยโดยมีพระพี่เลี้ยงคอยตามมิห่าง

“เจ้าน้อยเพคะ”

“หืม”

“นั่นพระมารดาศศิธรนี่เพคะ”

“ใช่จริงๆด้วย เยี่ยงนั้นข้าเข้าเฝ้าหน่อยท่าจักดี เจ้าให้ข้าหลวงไปเตรียมขนมหวานถวายพระมารดาท่านทีเถิด”

“เพคะ”

“พระมารดาศศิธรพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานตรัสเรียกผู้อาวุโส

“เจ้าน้อย”

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบอ่อนช้อยน่าเอ็นดู

“มิต้องมากพิธีดอกเจ้าน้อย”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...ทรงเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ ที่ภุมริกาแม้จักร้อนไปบ้างแต่อากาศก็ร่มรื่นอยู่”

“พระเจ้าค่ะ...เอ่อ..ที่วังหลวงมีแม่ครัวขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน หม่อมฉันกำลังให้ข้าหลวงนำถวาย ทรงลองเสวยดูหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ องค์จันทร์ท่านว่าพระองค์ทรงโปรดขนมหวาน”

“หืม...เจ้าจันทร์หรือ”

“พระเจ้าค่ะ...เมื่อวันก่อนทรงให้หม่อมฉันพาเสด็จชมวังหลวงจึงได้พูดคุยกันบ้างพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ ดีแล้ว...ข้าใคร่อยากให้เจ้าจันทร์ แลเจ้าน้อยสนิทกันไว้”

“เอ่อ...พระเจ้าค่ะ”พระปรางนวลแดงระเรื่อ

“ทูลพระมารดาศศิธร แลเจ้าน้อย ขนมมาแล้วเพคะ”

“ขอบใจหนาจ๊ะอิ่ม”

“มิได้เพคะเจ้าน้อย”

“ทรงลองเสวยดูหนาพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่ชมนาดท่านโปรดนัก”

“ขอบใจหนาเจ้าน้อย”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

พระมารดา แลเจ้าน้อยบัวงามทรงประทับพูดคุยกันจนเวลาล่วงเลยมาสักพัก

“เสด็จแม่พะย่ะค่ะ”องค์จันทร์เสด็จเข้าเฝ้ามารดา

“เจ้าจันทร์”

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”หมอบกราบ

“ทรงทำกระไรกันอยู่หรือพะย่ะค่ะ”ตรัสพลางประทับลงข้างเจ้าน้อย กลิ่นหอนหวานจากกายบางทำเอาองค์จันทร์เผลอสูดพระปัสสาสะ

“แม่เบื่อๆ เจ้าน้อยเลยประทับเป็นเพื่อน เอ่อ...เยี่ยงนั้นเจ้าก็ประทับเป็นเพื่อนเจ้าน้อยแทนแม่แล้วกันหนาเจ้าจันทร์ เห็นทีแม่คงจักต้องไปพักเสียแล้ว คนแก่ก็เยี่ยงนี้แล ขออภัยหนาเจ้าน้อย”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นแม่ขอตัวก่อนหนา”ตรัสก่อนจักเสด็จพร้อมข้าหลวงคนสนิท

“เอ่อ...ทรงเป็นอย่างบ้างพระเจ้าค่ะ ขาดเหลือกระไรหรือไม่”

“หึหึหึ ภุมริกาต้อนรับดีเสียจนมิขาดตกบกพร่อง มิต้องกังวลไปดอก”

“พระเจ้าค่ะ”

“แลวันนี้มิไล่จับแมวแล้วหรือ”ทรงตรัสเย้า

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเพิ่งจักทราบเมื่อวานนี้เองพระเจ้าค่ะว่ายี่หุบท้อง เห็นทีคงจักมิได้วิ่งเล่นกันจนกว่าจักคลอด”

“หึหึหึ เยี่ยงนั้นเจ้าน้อยก็มาเล่นกับข้าแทนดีไหม”

“หา...เล่นกับพระองค์หรือพระเจ้าค่ะ” นัยน์ตากวางช้อนมองพระพักตร์คมดุอย่างฉงน จักให้เล่นกับองค์จันทร์น่ะหรือ

“หึหึหึ เจ้าเหมบอกว่าท้ายวังหลวงมีน้ำตกอยู่ ข้าใคร่ไปเจ้าน้อยจักพาข้าไปได้หรือไม่”

“น้ำตกหรือพระเจ้าค่ะ บัวใคร่ไปพระเจ้าค่ะ”ดีพระทัยเสียจนเผลอแทนพระองค์เองด้วยชื่อ พระโอษฐ์บางจิ้มลิ้มแย้มยิ้มหวานเสียจนองค์จันทร์พระเนตรพร่า

“เยี่ยงนั้นก็ไปกันเลยดีไหม ประเดี๋ยวจักค่ำเสียก่อน”

“พระเจ้าค่ะ”ว่าแล้วสองพระองค์ก็เสด็จท้ายวังหลวงโดยไร้องครักษ์ประจำพระองค์ แลพระพี่เลี้ยงคนสนิท นั่นหมายความว่าทรงเสด็จเพียงลำพังสองพระองค์ เจ้าน้อยบัวงามดีพระทัยเสียจนลืมเลือนความเหมาะสม น้ำตกท้ายวังหลวงนี่ หากเจ้าน้อยจักเสด็จจักต้องมีพระบิดา หรือ พระเชษฐาพาเสด็จเท่านั้น





ซ่าๆๆๆ


เสียงสายน้ำไหลจากที่สูงลงที่ต่ำยิ่งทำให้พระโอษฐ์บางแย้มยิ้มหวาน พระนาสิกโด่งรั้นสูดกลิ่นอายธรรมชาติเข้าพระปับผาสะ

“ทรงชอบที่นี่หรือเจ้าน้อย”ตรัสถามพลางทอดพระเนตรร่างบางอย่างเอ็นดู

“พระเจ้าค่ะ แต่หม่อมฉันมิค่อยได้มาดอก เสด็จพ่อ แลภุชงค์มิค่อยจักว่างพามาสักเท่าใด แลจักมาเองก็ถูกสั่งห้าม”ตรัสพลางยิ้มให้เจ้าหลวงศศิมณฑล

“แลเยี่ยงนี้ข้าจักต้องอาญาองค์ภุมรินหรือไม่ที่ขัดรับสั่งพาเจ้าน้อยมา”

“หา...มะ มิได้พระเจ้าค่ะ หากบัวมิปาก แลองค์จันทร์มิตรัสก็จักมิมีผู้ใดรู้ดอก”

“ฮะฮ่าๆๆ เยี่ยงนั้นหรือ”

“คิกๆๆ พระเจ้าค่ะ...อ่า น้ำเย็นนัก”เจ้าบัวงามยอบกายลงกวักน้ำใสในลำธารเล่น ใบหน้างามแย้มยิ้ม สะกดให้สายพระเนตรองค์จันทร์ทอดมองความสดใสนั่นโดยมิรู้ตัว นานเสียจนท้องฟ้าที่สดใสแปรเปลี่ยนเป็นสีเทามืด เมฆฝนกลุ่มใหญ่ตั้งเค้าส่งเสียงคำรามครืนๆ

“ฝ่าบาทฝนตั้งเค้าแล้ว หม่อมฉันว่า....อ๊ะ”ยังมิทันที่จักตรัสจบ หยาดน้ำฟ้าก็หลั่งรดลงมาจนเจ้าจันทร์รีบคว้าแขนเรียวให้วิ่งเข้าไปหลบใต้ต้นไทรต้นใหญ่

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าน้อย”

“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ แต่จักทำอย่างไรดีพระเจ้าค่ะ เราจักกลับวังหลวงกันเยี่ยงไร”

“คงต้องรอฝนหยุดก่อนแล”



ครืน ครืน เปรี้ยง


“อ๊ะ”สะดุ้งสุดตัวพลางยกพระหัตถ์ปิดพระกรรณ นัยน์ตากวางหลับแน่น

“เจ้าน้อยเป็นกระไรหรือไม่”

“หมะ หม่อมฉันมิ..”ตรัสพระสุระเสียงสั่น


ครืน เปรี้ยง


“อื้อ”ริมฝีปากบางเบะออก

“เจ้าน้อย”ทอดพระเนตรดังนั้นองค์จันทร์จึงดึงร่างแน่งน้อยเข้ามากอดปลอบความอุ่นจากพระอุระกว้างทำให้เจ้าบัวงามพอจักคลายความหนาวสั่น แต่ความกลัวนั้นยังคงอยู่

“หมะ หม่อมฉันกลัวพระเจ้าค่ะ”

“มิต้องกลัวหนา ข้าอยู่ตรงนี้กับเจ้า”กระชับพระกรพลางหันพระวรกายบังสายฝนมิให้สาดโดนร่างบางของน้องน้อย

“...พระเจ้าค่ะ”แขนเล็กโอบรอบพระกฤษฎีสอบ ใบหน้างามซบแนบกับพระอุระกว้าง กลิ่นกายบุรุษเพศพาให้หลงลืมความกลัวไปชั่วขณะ



ครืน เปรี้ยง



“อื้อ”สะดุ้งอีกครา หากแต่ก็ได้พระหัตถ์อุ่นลูบแผ่นหลังปลอบ สายฝนสาดเทลงมาเสียจนมองมิเห็นทาง คงจักต้องอยู่ใต้ร่มไม้นี้เสียจนฝนหยุด




หยาดน้ำฟ้าร่วงโรยกว่าจักหยุดก็เย็นย่ำ สององค์พระวรกายเปียกปอน กอดกันแลกันเพื่อคลายความหนาว พระหัตถ์ใหญ่โอบประคองร่างแน่งน้อย กลิ่นกายหวานๆลอยแตะพระนาสิกให้องค์จันทร์สูดดมจนเพลิน ทอดพระเนตรดวงหน้าหวานที่แนบซบกับพระอุระไม่วางตา

“ฝนหยุดแล้ว”ตรัสพลางใช้พระหัตถ์ลูบน้ำฝนออกจากใบหน้าขาวนวล

“พระเจ้าค่ะ..ปานนี้ที่วังหลวงคงจักตามหาเราสองคนกับจ้าละหวั่นเป็นแน่”

“นั่นสิ”

“องค์จันทร์...เจ้าบัว”น้ำเสียงเข้มดุดันดังขึ้นทางด้านหลัง เรียกให้สองพระวรกายผินไปมอง

“เสด็จพ่อ!!”

“องค์ภุมริน”

“เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่กัน”ทรงตรัสถามพระสุระเสียงดุ พระพักตร์เรียบตึง

“คะ คือ บัว...”

“ทูลฝ่าบาทหม่อมฉันชวนเจ้าน้อยออกมาเอง เป็นความผิดหม่อมฉันพะย่ะค่ะ”

“มะ ไม่หนาพระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ ลูก...”

“กลับวังหลวงก่อนเถิดค่อยแก้ตัว!!”


.
.
.



หลังจากกลับวังหลวงเจ้าน้อยบัวงามถูกพระพี่เลี้ยง แลพระมารดาจับอาบน้ำอาบท่า แลผลัดผ้าใหม่ ส่วนองค์จันทร์นั่นทรงเสด็จกลับตำหนักรับรองอาคันตุกะ

“เชิญองค์จันทร์สรงน้ำ แลเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ก่อนเถิด แลหลังจากกายาหารเย็นเราค่อยคุยกัน!!”องค์ภุมรินตรัส ก่อนจักเสด็จเข้าตำหนักในที่ประทับขององค์รัชทายาท แลเจ้าน้อย แก้วตาของพระองค์ถูกชายอื่นกกกอดเยี่ยงนี้จักให้อยู่เฉยได้อย่างไร แม้ลูกจักต้องเลือกคู่ในไม่อีกกี่วันข้างหน้า หากแต่ตอนนี้ใครก็แตะเจ้าบัวมิได้

“เสด็จพ่อ~~”พระสุระเสียงหวานเอ่ยเรียกคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน

“มิต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน”ดุจนเจ้าบัวงามก้มหน้างุด

“เสด็จพี่ พระทัยเย็นก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดว่า

“เย็นมิได้ดอกน้อง งามหน้าเสียขนาดนี้ เหตุใดจึงได้ไปกอดกับเจ้าหลวงศศิมณฑลในที่เปลี่ยวเช่นนั้นเจ้าบัว”

“...บัว..”น้ำพระเนตรร้อนรื้นเต็มนัยน์ตากวาง

“ไว้มื้อเย็นแล้วก่อนเถิด ค่อยว่าความ!!”

“เสด็จพ่อ..ฮึก”

“เจ้าบัวงาม”เจ้าชมนาดกอดลูกปลอบประโลม มือบางลูบกลุ่มผมยาว

“เสด็จแม่”ซบใบหน้างามกับอกมารดา



.
.
.



“เจ้าจันทร์...มันเกิดกระไรขึ้น”พระมารดาศศิธรตรัสถามโอรสตน ตอนที่ทรงทราบว่าเจ้าจันทร์ แลเจ้าน้อยไปกกกอดกันอยู่ที่น้ำตกท้ายวังหลวงภุมริกาลมแทบจับ ร้อนถึงข้าหลวงคนสนิทต้องหายาหอมยาดมถวาย

“ลูกผิดเองพะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกเป็นคนชวนเจ้าน้อยไปที่น้ำตกนั่นเอง”

“ตายๆๆ เยี่ยงนี้องค์ภุมรินมิกริ้วขนาดดอกหรือ”

“ลูกขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”

“เฮ้อ...”ระบายพระปัสสาสะพลางยกยาหอมจรดพระนาสิก



.
.
.



พระกายาหารเย็นวันนี้ดูจักตรึงเครียดมิน้อย เจ้าบัวงามถูกกักบริเวณให้อยู่เพียงตำหนักใน โดยมีพระเชษฐาอย่างภุชงค์อยู่เป็นเพื่อน ดังนั้นจึงมีเพียงองค์ภุมริน เจ้าชมนาด แลอาคันตุกะจากสองแค้วนเท่านั้น

“ฝ่าบาท หม่อมฉันมิยอมหนาพะย่ะค่ะ...องค์จันทร์ทำเช่นนี้มิเท่ากับเป็นการกำจัดโอรสหม่อมฉันทางอ้อมหรือพะย่ะค่ะ”เจ้าหลวงการเวกตรัสอย่างมิยอม องค์จันทร์ทำเยี่ยงนี้ แลโอรสตนจักมีสิทธิ์หรือ

“พระทัยเย็นก่อนเถิดพะย่ะค่ะ”ทรงตรัสเสียงเรียบเสียจนเจ้าหลวงการเวกมิกล้าขัด

“หม่อมฉันขอประทานอภัยแทนโอรสของหม่อมฉันจริงๆพระเจ้าค่ะ”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”องค์จันทร์ตรัสพลางค้อมพระเศียร

“เจ้าบัวลูกข้าเสียหายไปแล้วจักทรงทำอย่างไรพะย่ะค่ะ”

“.....เอ่อ”หากจักให้เจ้าน้อยตบแต่งเป็นชายาเจ้าจันทร์ แน่นอนการเวกคงมิยอมเป็นแน่ แต่หากจักให้มีพิธีเลือกคู่ คนก็จักมองเจ้าน้อยมิดี คิดมิตกเสียเลย

“......”

“หม่อมฉัน...”

“เฮ้อ...ทูลฝ่าบาท”ทรงผินพระพักตร์ตรัสกับเจ้าหลวงการเวก

“พะย่ะค่ะ”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยจริงๆพะย่ะค่ะ”

“ทรงหมายความว่าอย่าไรพะย่ะค่ะ”

“...หม่อมฉันคงจักต้องยกเจ้าบัวงามให้ศศิมณฑล”คงจักต้องยกแก้วตาให้ศศิมณฑล

“มิได้หนาพะย่ะค่ะ..แลโอรสหม่อมฉันเล่าพะย่ะค่ะ มิยุติธรรมกับโอรสหม่อมฉันเสียเลย”

“นั่นสิพะย่ะค่ะ ไหนว่าทรงมิฝืนใจน้องบัว เยี่ยงนั้นก็ทรงให้น้องบัวเลือกเองสิพะย่ะค่ะ”การเวกหาได้ยอมไม่  องค์ภุมรินพระพักตร์เรียบตึง สองพ่อลูกการเวกหาได้สนใจเกียรติเจ้าน้อยภุมริกาไม่ รู้ทั้งรู้ว่าหากทำเยี่ยงนั้นเจ้าบัวจักถูกมองมิดี

“...เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักเลื่อนพิธีเลือกคู่มาเป็นวันพรุ่งเสีย”ตรัสอย่างมิใคร่พอใจ

“แต่หากทำเช่นนั้นเจ้าน้อยจักเสื่อมเกียรติหนาพะย่ะค่ะ”องค์จันทร์ทรงตรัส

“ขอบพระทัยที่ทรงปกป้องเกียรติของเจ้าบัวพะย่ะค่ะ...แต่เรื่องนี้คงจักหาข้อสรุปที่ดีกว่านี้มิได้แล้ว”ตรัสประชดการเวก

“.....”

“...วันพรุ่งเก้านาฬิกา ขอเชิญทั้งสองแคว้นที่ท้องพระโรงหนาพะย่ะค่ะ”ตรัสแล้วก็ลุกออกจากท้องเสวยพร้อมเมียรัก


.
.
.


“กระไรหนาพระเจ้าค่ะ...จักให้บัวเลือกคู่วันพรุ่ง”

“ใช่...”

“มิเอาหนาพระเจ้าค่ะ..ฮึก บัวมิเลือก เสด็จพ่อ”

“เจ้าทำกระไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตน ปฏิเสธมิได้ดอก”

“ฮึก..ฮือออ”

“เตรียมตัวเสีย...ใช่ว่าพ่อขับไสไล่ส่งเจ้าหนาลูก แต่จักปล่อยให้เจ้าเสื่อมเกียรติเช่นนี้ต่อไปมิได้”

“ฮึก ฮือออ..พระเจ้าค่ะ”



วันรุ่งเจ้าน้อยทรงตื่นบรรทมแต่เช้ามืด หากแต่ความเป็นจริงทรงบรรทมมิหลับทั้งคืน เหล่าข้าหลวง แลพระพี่เลี้ยงต่างถวายงามพาเจ้าน้อยสรงน้ำ แลแต่งพระองค์ให้  ผมยาวเคลียเอวบางถูกสางจนเรียงตัวสวย ร่างบางสวมใส่เสื้อแขนกระบอกคอตั้งสีขาวกระบัง แลโจงกระเบนสีควายเผือก ใบหน้าหวานถูกผลัดแป้งเล็กน้อย ทาสีผึ้งลงชาดที่ริมฝีปากบาง พรมน้ำปรุงที่จุดชีพจรเป็นอันเสร็จ

“เสร็จแล้วเพคะเจ้าน้อย ทรงงามมากเพคะ”

“ขอบใจจ้ะ”ตรัสพลางทอดพระเนตรมาลัยคล้องมือพวงโตในพระหัตถ์ หากทรงมอบมาลัยให้ใครนั่นก็หมายความว่าทรงเลือกผู้นั้นเป็นคู่ครอง

“เจ้าบัว”

“เสด็จแม่”

“แต่งกายแล้วหรือยังลูก”

“พระเจ้าค่ะ”

“ใยจึงทำหน้าเยี่ยงนี้เล่า”

“บัว...มิอยากเลือกคู่พระเจ้าค่ะ เสด็จแม่”

“โธ่ลูกจ๋า...อย่างไรเสียลูกก็ต้องเลือก”

“.....”

“...จงเลือกผู้ที่ใจเจ้าเลือก เลือกคนที่ใจเจ้าปรารถนาเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นก็ไปเถิดลูก ประเดี๋ยวพ่อเจ้าจักรอนาน”

“พระเจ้าค่ะ”




เมื่อเจ้าน้อยแล พระชายาชมนาดมาถึงท้องพระโรงพิธีเลือกคู่จึงได้เริ่มขึ้น เจ้าบัวงามกำมาลัยในพระหัตถ์แน่น ขณะที่แม่เฒ่าได้ทูลความแก่เจ้าน้อยก่อนเริ่มพิธีว่า

“เจ้าน้อยเพคะ”เสียงแหบเอ่ย

“เจ้าค่ะท่านยาย”

“ศิวเศขรผู้นั้นทรงเป็นคู่แท้...มิต้องกลัว คู่กันแล้วมิแคล้วกัน”

“...เจ้าค่ะ”

“เจ้าบัว..”

“พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”

“พ่อมิบังคับ...สุดแล้วแต่ใจเจ้าจักเลือก มิว่าใครพ่อรับได้”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ แต่ทางที่ดีมิต้องเลือกจักดีกว่า”

“เจ้าบัวงาม”มารดาปรามเสียงอ่อน

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“เอาเถิด..ได้เวลาแล้ว”

“บัวกลัว”

“มิต้องกลัว แม่เฒ่าท่านว่าคู่กันแล้วมิแคล้วกัน ดังนั้นก็เลือกเถิด”

“.....พระเจ้าค่ะ”



เจ้าบัวเดินออกจากอ้อมอกบิดา มารดา แลเสด็จไปอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มสูงศักดิ์ทั้งสอง องค์รัชทายาทการเวกแย้มพระโอษฐ์กว้างให้จนเจ้าบัวอึดอัดใจ ในขณะที่เจ้าหลวงศศิมณฑลแย้มพระโอษฐ์ให้เล็กน้อยหากแต่ทำให้ใจดวงน้อยวูบไหว

“...องค์รัชทายาทการเวก”เสียงหวานเอ่ยทำเอาพ่อ แม่ แลพี่ชายเบิกตากว้างจักเลือกองค์รัชทายาทการเวกหรือ

“น้องบัว...”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสพลางพนมมือไหว้

“...หมายความว่าอย่างไรจ้ะ”

“หม่อมฉันเลือกองค์จันทร์พระเจ้าค่ะ”ตรัสแลคล้องมาลัยสีขาวพวงโตเข้ากับข้อพระหัตถ์ขององค์จันทร์

“ฟู่...”ทรงได้ยินว่าเลือกใครก็ลอบถอนหายใจกันสามพ่อแม่ลูก

“หา...น้องบัว!!!”ตวาดเสียงดังเสียจนเจ้าบัวงามสะดุ้งโหยง องค์จันทร์จึงดึงร่างน้อยให้หลบหลังพระวรกายอย่างปกป้อง

“พระทัยเย็นก่อนเถิดองค์สิน”องค์ภุมรินเสด็จลงจากบัลลังก์เข้าห้าม

“จักเย็นได้อย่างไรพะย่ะค่ะ”

“แต่เจ้าน้อยทรงเลือกแล้ว”องค์จันทร์ตรัส

“แต่!!”

“ได้โปรดเคารพการตัดสินใจของหม่อมฉันด้วยเถิด”เจ้าน้อยตรัส

“เหตุใดจึงมิเลือกหม่อมฉัน!!!”

“.....”

“หรือทรงได้เสียกับเจ้าหลวงศศิมณฑลเสียแล้ว จึงมิเลือกหม่อมฉัน!!”

“มากไปแล้วองค์สิน...เจ้าหลวงการเวกทรงปรามโอรสของท่านทีเถิด”

“ที่หม่อมฉันเลือกองค์จันทร์นั่นก็เพราะหม่อมฉันมิชอบใจกิริยาของพระองค์ต่างหาก”

“เจ้าบัว!!”

“พอ!!”

“.....”

“หากมิมีกระไรแล้วหม่อมฉันขอเชิญทั้งสองพระองค์เสด็จกลับการเวกเถิดพะย่ะค่ะ”

“......”

“ฮึ่ย!!”

“..เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอทูลลาพะย่ะค่ะ”ตรัสแล้วก็เสด็จออกจากท้องพระโรงทั้งพ่อ แลลูก




ลับหลังพ่อลูกการเวก ภุมริกา แลศศิมณฑลจึงได้ลอบถอนพระปัสสาสะอย่างโล่งพระทัย อย่างน้อยก็หมดปัญหาไปแล้วหนึ่ง จักเหลือก็เพียง.....

“เจ้าบัว!!”

“เฮือก..พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”lสะดุ้งโหยง

“มาหาพ่อประเดี๋ยวนี้...แลองค์จันทร์ทรงปล่อยมือเจ้าบัวด้วยพะย่ะค่ะ”มิตรัสเปล่า ดึงมือน้อยของลูกออกจากพระหัตถ์เจ้าหลวงหนุ่ม

“ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”ตรัสพลางค้อมพระเศียรให้ว่าที่พระสัสสุระ

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัว”ตรัสพลางเสด็จออก พระหัตถ์ข้างหนึ่งจูงมือชายา แลอีกข้างลากมือโอรสองค์เล็กโดยมีโอรสองค์โตตามหลังไป

“ดีแค่ไหนที่เจ้าน้อยเลือกเจ้า..”พระมารดาศศิธรตรัสกับโอรสตนเมื่อลับหลังภุมริกา

“......”

“เฮ้อ...เอาเถิด แม่จักล่วงหน้ากลับศศิมณฑลไปก่อนจักได้เตรียมงานอภิเษก ส่วนเจ้ารอกลับพร้อมเจ้าน้อย”

“พะย่ะค่ะเสด็จแม่”




.
.
.


“เสด็จพ่อ”

“เฮ้อ...”

“บัวขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าบัวงาม...แม้นพ่อจักมิใคร่อยากปล่อยเจ้าไป หากแต่เขาผู้นั้นคือองค์จันทร์พ่อก็วางใจ”

“เสด็จพ่อ”

“ถึงเวลาที่พ่อจักต้องปล่อยมือเจ้าให้องค์จันทร์แล้วสิหนา”

“.....”

“คอยดูเถิดพ่อจักเรียกสินสอดทองหมั้นให้กองท่วมหลังคาตำหนักหลวงเทียว”

“เสด็จพ่อ!!!”

“เสด็จพ่อ!!!”

“เสด็จพี่!!!”

“หึหึหึ”


.
.
.


“ฮัดชิ้ว”

“เป็นกระไรไปเจ้าจันทร์ มิสบายหรือลูก”

“มิได้พะย่ะค่ะ ลูกเพียงแค่คันจมูกเล็กน้อย”

“คงมีคนนินทาเจ้ากระมัง”

“หึหึหึ ใครจักกล้านินทาลูกหรือพะย่ะค่ะ”

“จักไปรู้เจ้าหรือ”

“มิมีดอกพะย่ะค่ะ อย่าทรงคิดมากไปเลย”

“ดีมิดี คงจักเป็นองค์ภุมริน พระสัสสุระของเจ้ากระมัง”

“อ่า...ได้ยินพระนามแลใจหม่อมฉันสั่นเชียวพะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ แม่มิอยากจักคิด หากเจ้าพลั้งเผลอทำเจ้าน้อยเสียอกเสียใจเข้า แคว้นเราคงจักถูกกองทัพภุมริกาถล่มจนราบเป็นหน้ากลองเป็นแน่”

“หม่อมฉันมิมีทางทำเจ้าน้อยเสียพระทัยดอกพะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ ให้มันจริงเถิด”

“แน่นอนพะย่ะค่ะ”












หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๐๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 09-10-2017 16:10:04



บัวหลงจันทร์ ๐๓



หลังจากที่เจ้าน้อยบัวงามได้เลือกองค์จันทร์แห่งศศิมณฑลเป็นคู่ครองแล้ว เจ็ดวันให้หลังจึงเป็นเพลาที่เจ้าน้อยจักต้องเสด็จไปที่ศศิมณฑล เพื่อเข้าพิธีหมั้นหมาย แลอภิเษกสมรสกับองค์จันทร์ แม้นการเสด็จศศิมณฑลครานี้จักมีพ่อ แม่ แลพี่ชายไปด้วย แต่เจ้าบัวงามก็ยังมิใคร่อยากจักไป รู้ดีว่าหากไปแล้วคงมิได้กลับภุมริกากับครอบครัวเป็นแน่ ร่างน้อยทรงประทับอยู่ที่ศาลาริมสระหลวง มีพระพี่เลี้ยงแลข้าหลวงคอยถวายการรับใช้อยู่ห่างๆ ด้วยรู้ว่าในเพลานี้เจ้าน้อยคงประสงค์จักอยู่องค์เดียว ชายผ้าแถบคาดอกสีเลื่อมประภัสสรปลิวพลิ้วตามแรงลม หากแต่เจ้าของคนงามหาได้สนใจไม่ มือเล็กกอบกุมกันบนหน้าขา ข้างพระวรกายนั้นมีแมวสาวสีขาวปลอดท้องโตนอนเฝ้า

“นั่งตากลมเช่นนี้ ประเดี๋ยวก็ประชวรดอกเจ้าน้อย”พระสุระเสียงทุ้มต่ำเรียกให้นัยน์ตากวางช้อนมองผู้มาใหม่

“ฝ่าบาท...ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ”ลุกขึ้นหมอบกราบว่าที่พระภัสดา

“ข้าเห็นเจ้านั่งเหม่อลอยนานแล้ว..มีกระไรในใจดอกหรือ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ...หม่อมฉัน”ก้มพระพักตร์งามให้พ้นสายพระเนตรดุ

“หากมีกระไรในใจก็บอกข้ามาเถิด..หรือเจ้าน้อยกังวลเรื่องอภิเษกของเราสองคน หืม”ประคองร่างเล็กที่หมอบแทบพระบาทให้ลุกขึ้นประทับข้างพระวรกายกำยำ พระหัตถ์อุ่นเชยคางมนให้สบพระเนตร

“..หม่อมฉัน...หม่อมฉันเพียงแค่กังวลเรื่องที่จักไปศศิมณฑลเล็กน้อยพระเจ้าค่ะ มิมีอันใดให้พระองค์ใส่พระทัยเลย”

“จักให้ข้ามิใส่ใจมิได้ดอกหนา เจ้าจักต้องไปศศิมณฑลในฐานะชายาของข้า หากเจ้ากังวลเยี่ยงนี้ข้าจักละเลยได้อย่างไร”

“..ฝ่าบาท”

“ไหนว่ามาเถิดว่ากังวลเรื่องใด”ทรงเผลอไผลลูบปลายผมยาวนุ่มที่ระเอวบางเล่น ขณะที่ทรงตั้งใจฟังความกังวลใจจากว่าที่ชายา

“หม่อมฉันมิเคยห่างอกพ่ออกแม่ แลพี่ชาย...ไปอยู่ที่ศศิมณฑลผู้เดียว”

“ใครว่าเจ้าจักอยู่ที่ศศิมณฑลผู้เดียว ข้าแลเสด็จแม่ก็คือครอบครัวของเจ้า เจ้าน้อย”

“....”

“อย่าได้กังวลไปเลยหนา...ข้าเชื่อว่าทุกคนที่ศศิมณฑลจักเอ็นดูเจ้า”

“..หม่อมฉัน ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมมือกราบ

“มิเป็นไร”

“ฝ่าบาท..”

“หืม”

“หากหม่อมฉันใคร่อยากจักของประทานราชานุญาติสักเรื่องจักได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“เรื่องกระไรหรือ”

“หม่อมฉันใคร่อยากพายี่หุบไปที่ศศิมณฑลด้วยพระเจ้าค่ะ..หากมียี่หุบหม่อมฉันคงจักคลายเหงา”

“ได้สิ ข้าอนุญาต..เยี่ยงนั้นข้าจักให้เจ้าเหมจัดการให้หนา”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไร”ลูบไหล่เปลือยเบาๆ

“ทูลฝ่าบาท..องค์ภุมรินมีรับสั่งให้เจ้าน้อยหาเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบคลานมาทูลความ เมื่อเงยพระพักตร์ขึ้นก็ทอดพระเนตรเห็นว่าที่พระสัสสุระทรงยืนพระพักตร์เรียบตึงอยู่ไกลออกไป

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันทูลลาพระเจ้าค่ะ”

“เชิญเถิด”พยักพระพักตร์แล้วทอดพระเนตรตามแผ่นหลังบางที่ค่อยๆห่างออกไป องค์ภุมรินเมื่อลูกมาถึงตัวก็จับจูงออกไปให้พ้นสายพระเนตรเจ้าหลวงศศิมณฑลทันที
หากยังมิได้แต่งงานแต่งการเป็นเรืองเป็นราว ข้าก็มิยอมให้องค์จันทร์เข้าใกล้เจ้าบัวงามได้ดอก รอไปก่อนเถิด...


.
.
.


วันนี้แล้วที่นายเหนือหัวทั้งสี่แห่งภุมริกาจักต้องเสด็จศศิมณฑล พร้อมด้วยเจ้าตัวหน้าขนสีขาวปลอด  องค์ภุมริน แลเจ้าชมนาดทรงขึ้นเกี้ยวตัวแรก ตามด้วยองค์จันทร์ รัชทายาทภุชงค์ แลเจ้าน้อยบัวงาม


เมี๊ยววว


เจ้ายี่หุบนอนเหยียดกายอยู่บนพระเพลาของเจ้าน้อยขณะที่เกี้ยวเสด็จโยกไปมาเบาๆ

“หืม...ยี่หุบนอนเถิดกำลังท้องกำลังไส้”ตรัสพลางใช้พระดรรชนีเกาที่คางเล็กเบาๆจนเจ้าหน้าขนเคลิ้ม


หงิงๆๆ


“ฮะฮะฮะ นอนหนาประเดี๋ยวบัวจักกล่อมเอง”ลูบหัวลูบหางพลางกระชับพระกรโอบร่างนุ่มนิ่มของแมวท้องไว้


เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ขบวนเสด็จก็มาถึงวังหลวงของศศิมณฑล พระมารดาศศิธรทรงเสด็จมารับด้วยองค์เอง

“ยินดีต้อนรับสู่ศศิมณฑลพระเจ้าค่ะฝ่าบาท พระชายา”

“ศศิมณฑลอากาศดีทีเดียวหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดว่า

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ เสด็จมาเหนื่อยๆทรงพักผ่อนที่ตำหนักรับรองก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะพระมารดา”

“มิได้พระเจ้าค่ะองค์ภุมริน”

“ถวายพระพรพะย่ะค่ะเสด็จแม่”เมื่อส่งอาคันตุกะเข้าตำหนักพักผ่อนแล้วองค์จันทร์จึงเข้าเฝ้ามารดา

“หึหึหึ เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก”กอดพระวรกายใหญ่ของโอรส

“ลูกสบายดีพะย่ะค่ะ แลเสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ”

“แม่สบายดี แลงานอภิเษกก็เตรียมไปแล้วกว่าครึ่ง”

“.....”

“เจ้ามาเหนื่อยๆก็ไปพักก่อนเถิดลูก ประเดี๋ยววันพรุ่งค่อยพูดคุยกันใหม่”

“พะย่ะค่ะ...ลูกทูลลา”

“จ้ะ”


.
.
.


รุ่งเช้าเจ้าบัวงามตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง ด้วยมิชินที่จึงทำให้เจ้าน้อยคนงามบรรทมมิค่อยจักหลับ เมื่อแสงแรกของวันสาดส่องจึงเสด็จออกเดินเล่นพร้อมพระพี่เลี้ยงคนสนิท ในอ้อมพระกรมียี่หุบตัวอวบอ้วนท้องโตนอนอยู่ นัยน์ตากวางกวาดมองรอบๆอย่างสนใจ ที่วังหลวงศศิมณฑลแห่งนี้มิได้ต่างกับวังหลวงภุมริกามากนัก เพียงแต่ที่วังหลวงภุมริกาจักมีต้นไม้มากกว่าวังหลวงศศิมณฑล เนื่องจากพระชายาชมนาดนั้นทรงโปรดความร่มรื่น แต่วังหลวงศศิมณฑลจักมีตำหนักมากกว่าภุมริกา ได้ยินว่าเจ้าหลวงองค์ก่อนหน้า พระปัยกาขององค์จันทร์ทรงมีสนมหลายนางจึงโปรดให้สร้างตำหนักสำหรับนางสนมของพระองค์

“ตื่นเช้าจริงเจ้าน้อย”บังเอิญหรือกระไรถึงได้มาเจอองค์จันทร์เข้าระหว่างทาง

“ฝ่าบาท”ตั้งท่าจักหมอบกราบ

“มิต้องๆ มิเป็นไร”รั้งต้นแขนนุ่มไว้

“พระองค์ก็ทรงตื่นบรรทมเช้าเหมือนกันหนาพระเจ้าค่ะ”ว่าพลางส่งยี่หุบให้พระพี่เลี้ยงอุ้มต่อ

“หึหึหึ ปกติข้าก็ตื่นเช้าเช่นนี้แล”

“พระเจ้าค่ะ”

“อากาศที่ศศิมณฑลในตอนเช้าก็เย็นกว่าที่ภุมริกานัก ใยจึงมีหาผ้ามาคลุมไหล่เล่าเจ้าน้อย”

“อ่า...หม่อมฉันมิทันคิดพระเจ้าค่ะ แต่มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ”

“ประเดี๋ยวก็ประชวรดอก”ตรัสพลางถอดฉลองพระองค์คลุมตัวนอกออกจนเหลือเพียงฉลองพระองค์แขนยาวตัวบาง ทรงสะบัดฉลองพระองค์คลุมไหล่เปลือยพลางกระชับสาบเสื้อให้มิดชิด

“ฝ่าบาท...”

“ใส่ไว้เถิดตัวเจ้าเย็นหมดแล้ว”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไร...ข้าคงต้องขอตัวก่อน เจ้าน้อยก็อย่าตากลมนานนักล่ะประเดี๋ยวจักประชวรเอาได้”

“พระเจ้าค่ะ”ตอบก่อนจักค้อมกายลงเล็กน้อย นัยน์ตากวางกลมโตทอดมองพระขนองกว้างไปจนลับตา มือเล็กกระชับสาบฉลองพระองค์ให้มิดชิด ก่อนจักหันไปตรัสกับพระพี่เลี้ยง

“กลับกันเถิด”

“เพคะ”


เมื่อกลับถึงตำหนักรับรองเจ้าน้อยก็หาได้ถอดฉลองพระองค์ขององค์จันทร์ออกไม่ ใบหน้างามก้มลงจรดจมูกโด่งรั้นบนผ้าเนื้อดี กลิ่นอายบุรุษเพศทำเอาปรางใสขึ้นสีเลือด รู้สึกพระทัยเต้นแรงราวกับถูกองค์จันทร์กอดด้วยพระกรแข็งแกร่ง

“นี่หม่อมฉันเป็นกระไรไปหนาพระเจ้าค่ะ เหตุใดหายใจเข้า หายใจออกก็นึกคิดถึงแต่พระพักตร์พระองค์...หรือหม่อมฉันจักรักใคร่พระองค์เข้าให้แล้ว แย่ล่ะ ใยจึงใจง่ายเช่นนี้หนาบัว”ตรัสรำพึงรำพันพระองค์เดียว จมอยู่กับความสับสนได้มินานก็ต้องหลุดจากภวังค์เมื่อข้าหลวงสาวกราบทูลเชิญให้ร่วมเสวยพระกายาหารเช้า


.
.
.


“เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าน้อย กับข้าวกับปลาที่ศศิมณฑลถูกปากหรือไม่”พระพันปีทรงตรัสถามว่าที่พระสุณิสา

“กับข้าวที่ศศิมณฑลอร่อยแลถูกปากหม่อมฉันนักพระเจ้าค่ะ”

“ดีแล้ว ได้ยินเช่นนี้ข้าก็ชื่นใจ”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าจันทร์”

“พะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“หากมื้อเช้าแล้วแล้วก็พาเจ้าน้อยเดินย่อยเสียหน่อยหนาลูก”

“พะย่ะค่ะ”



สองพระองค์เสด็จเคียงข้างกันชมรอบวังหลวงศศิมณฑล เจ้าบัวงามเดินเยื้องหลังองค์จันทร์ไปสามก้าว มิให้ล้ำพระพักตร์ นัยน์ตากวางทอดพระเนตรพระขนองกว้าง แลปรางร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้างุด

“อ๊ะ...ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”ก้มเสียจนพระหนุชิดพระอุระบาง จึงมิทันได้ทอดพระเนตรว่าทรงหยุด ร่างบอบบางชนเข้ากับพระวรกายกำยำเข้าเต็มรัก

“เป็นกระไรหรือไม่เจ้าน้อย เจ็บที่ใดหรือเปล่า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันซุ่มซ่ามขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไร แต่ใจลอยไปถึงไหนกัน หืม”

“อ่า...มิได้พระเจ้าค่ะ”ตรัสตอบพระสุระเสียงแผ่ว

“เอาเถิดมาเดินข้างข้านี่ จักได้มิชนกันอีก”จูงมือบางให้มายืนเคียงพระวรกาย ทรงกุมมือน้องน้อยไว้ แลก้าวเดินไปพร้อมกัน เจ้าน้อยก้มพระพักตร์ด้วยความเขินอาย

“สายหยุด”พระสุระเสียงทุ้มขององค์จันทร์เรียกให้เจ้าบัวงามเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตร ร่างบางตรงหน้า ใบหน้าเรียวเกลี้ยงเกลา ดวงตาเรียวหวาน แลริมฝีปากเป็นกระจับ งามนัก ผู้ใดกัน

“ฝ่าบาท ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบ

“เป็นเยี่ยงไรบ้าง ข้าเพิ่งจักกลับถึงวังหลวงมิได้ไปเยี่ยมเยียนเจ้าเลย”ทรงลืมสายหยุดไปเสียเลย ตลอดเวลาที่อยู่ภุมริกา เพิ่งจักนึกได้ก็ตอนที่ได้เห็นหน้า

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“แลเข้าวังหลวงมามีกระไรหรือ”ทรงปล่อยมือนุ่มของเจ้าน้อย แลเสด็จไปประคองสายหยุดให้ลุกขึ้น เจ้าบัวทอดพระเนตรมือตนที่ถูกปล่อยทิ้ง ก่อนจักทอดพระเนตรองค์จันทร์ แลร่างบางตรงหน้าด้วยความรู้สึกหน่วงในอก

“หม่อมฉันมาหาพี่เหมพระเจ้าค่ะ”

“มาหาเจ้าเหมแต่มิมาหาข้าหรือ”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันคิดว่าไปหาพี่เหมแล้วจึงจักเข้าเฝ้าพระองค์พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...มิเป็นไร เยี่ยงนั้นก็ไปหาเจ้าเหมด้วยกันนี่แล”

“เอ่อ..”เหลือบมองร่างบางของเจ้าบัว ใบหน้าหวานงดงามราวนางอัปสร นัยน์ตากลมโตราวนัยน์ตากวางสุกใส จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากบางแดงระเรื่อ ผิวกายขาวนวลเนียนราวน้ำนม

“อ่อ...นี่เจ้าบัวงาม เจ้าน้อยแห่งภุมริกา เจ้าน้อยนี่สายหยุด เป็นสหายสนิทของข้า แลเจ้าเหม”

“ถวายพระพรเจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไรจ้ะ ดูแล้วสายหยุดคงจักแก่กว่าบัวใช่หรือไม่”

“สายหยุดแก่กว่าเจ้าน้อยราวสามปีได้”องค์จันทร์ทรงตรัส

“เยี่ยงนั้นให้บัวเรียกพี่หนาจ๊ะ พี่สายหยุด”

“มิบังอาจพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไรดอก ให้บัวเรียกพี่หนาจ๊ะ”

“เอ่อ...”

“ตามใจเจ้าน้อยหน่อยเถิดสายหยุด”

“เอ่อ..พระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจจ้ะพี่สายหยุด”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ทำความรู้จักกันแล้วก็ไปหาเจ้าเหมกันเถิด..เจ้าน้อยก็ไปด้วยกันหนา ประเดี๋ยวข้าจักพาชมคอกม้า”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันใคร่เห็นคอกม้า ตอนอยู่ที่ภุมริกาเสด็จพ่อ แลภุชงค์มิอนุญาตให้บัวเข้าใกล้คอกม้าเสียเลย”ตรัสพร้อมยิ้มเสียจนเห็นพระทนต์ขาวสะอาด

“หึหึหึ วันนี้ข้าจักพาชมเอง”ตรัสอย่างเอ็นดูพลางจูงมือน้อยให้เดินตาม มีสายหยุดเดินเยื้องด้านหลังอย่างนอบน้อม




“เจ้าเหม”ทรงตรัสเรียกองครักษ์คนสนิทที่กำลังคุมทหารที่กำลังฝึกซ้อมอย่างเคร่งครัด

“ฝ่าบาท เจ้าน้อย...สายหยุด”ทรุดกายคุกเข่าเคารพนายเหนือหัว ก่อนจะเหลือบไปพบร่างบางในดวงใจของตน

“ข้าเจอสายหยุดระหว่างทางเห็นว่าจักมาหาเจ้าก็เลยมาด้วยกันเสีย”

“เอ่อ พะย่ะค่ะ”เมื่ออยู่ต่อหน้านายเหนือหัวก็มิกล้าพูดคุย แม้แต่ส่งสายตาหากันก็มิกล้า ด้วยรู้ว่าองค์จันทร์นั้นก็ต้องใจสายหยุดเช่นกัน



เมื่อได้พบหน้ากัน องค์จันทร์ก็ทรงลืมเสียสนิทว่าจักพาเจ้าบัวงามไปชมคอกม้าของศศิมณฑล แลเมื่อได้มานั่งจับกลุ้มคุยกันเช่นนี้เจ้าน้องแห่งภุมริกาก็เหมือนส่วนเกิน เนื่องจากมิรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขา ทรงนั่งเงียบ ยิ้มบางๆเป็นบางครั้งบางคราวที่คนอื่นหัวเราะ ใบหน้างามก้มนิ่ง นัยน์ตากวางทอดพระเนตรมือบางของตนที่บีบกันบนพระเพลา พระสุระเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยกับพี่สายหยุด แลแย้มพระโอษฐ์อย่างพระทัยดีนั้นอีก

“ทูลฝ่าบาท องค์ภุมรินทรงเรียกหาเจ้าน้อยเพคะ”ข้าหลวงสาวคลานเข่าเข้ามาหมอบกราบทูลความ ทำให้องค์จันทร์นึกขึ้นได้ว่าจักต้องพาน้องน้อยไปชมคอกม้า

“จ้ะ...หม่อมฉันขอตัวหนาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบ แลทูลพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“เอ่อ..เจ้าน้อย”ทรงตรัสเรียกไว้แต่คงจักมิทัน ร่างแน่งน้อยเสด็จตามข้าหลวงสาวไปโดยมิหันกลับมามองข้างหลังอีก




“.....”เจ้าน้อยคนงามก้มหน้างุด ซ้อนความน้อยพระทัยที่ฉายออกมาทางนัยน์ตากวางไว้ มือเล็กยกทาบอกขยุ้มเบาๆราวกับมันจักช่วยบรรเทาความเจ็บหน่วงที่เป็นอยู่ได้

“เป็นกระไรไปเจ้าบัว”

“อ๊ะ...ภุชงค์ มาตั้งแต่เมื่อใดกัน มิให้ซุ้มให้เสียง”

“พี่เรียกเจ้าตั้งหลายครั้งแล้วหนาน้อง เจ้าต่างหากใจลอยไปถึงไหน”

“อ่า..งั้นหรือพระเจ้าค่ะ บัวมิเป็นไรพระเจ้าค่ะ อากาศคงจักร้อนเกินไปกระมัง”

“อากาศร้อนเยี่ยงนั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“คงไม่กระมัง...ที่ศศิมณฑลนี่อากาศเย็นกว่าภุมริกาเป็นไหนๆ”

“เอ่อ..”

“มิกระไรงั้นหรือ...เห็นเสด็จแม่ท่านว่าเจ้าไปเดินชมวังกับองค์จันทร์มิใช่หรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“แลมีกระไรเยี่ยงนั้นรึ เหตุใดจึงได้ใจลอยกลับมาเยี่ยงนี้”

“มิมีกระไรดอกพระเจ้าค่ะ”

“ตะ...”

“เสด็จพ่อเรียกบัวเข้าเฝ้า ไปด้วยกันหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสขัด ก่อนจักยิ้มกว้างจนนัยน์ตากวางปิดให้พระเชษฐา พระกรเรียวเกาะกอดพระกรกำยำ

“จ้ะ”ตรัสพลางวางพระหัตถ์ลูบกลุ่มผมนุ่มของพระอนุชา




“ไปเดินชมรอบๆวังหลวงศศิมณฑลกับองค์จันทร์เป็นอย่างไรบ้างเจ้าบัว”

“วังหลวงศศิมณฑลงดงามมากพระเจ้าค่ะเสด็จแม่”

“เยี่ยงนั้นหรือ..อืม แลเจ้าชอบหรือไม่ลูก”

“พระเจ้าค่ะ?..”

“วังหลวงศศิมณฑลน่ะ ลูกชอบหรือไม่”

“เอ่อ..พระเจ้าค่ะเสด็จแม่”

“ดีแล้วจ้ะ ประเดี๋ยวอภิเษกสมรสกับองค์จันทร์แล้วที่นี่ก็จักกลายเป็นบ้านของเจ้า”

“.....”

“เป็นกระไรไปหรือเจ้าบัว เหตุใดจึงทำสีหน้าราวกับมีเรื่องมิสบายใจ”คนเป็นพอตรัสถาม

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“องค์จันทร์ทรงทำกระไรเจ้าหรือ”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ”

“หากทรงทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจเมื่อใดให้บอกพ่อเถิด พ่อจักยกเลิกพิธีสมรสของเจ้าทันที แลเราจักกลับภุมริกากัน”

“เสด็จพี่”

“มิมีกระไรพระเจ้าค่ะ มิมีกระไรจริงๆ”

“....หากรู้ว่ามิมีกระไรก็คงมิมีกระไรดอกพระเจ้าค่ะ เสด็จพี่อย่าทรงคาดคั้นลูกเลยหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดเอ่ยขัดขึ้นเมื่อพระภัสดาตั้งท่าจะตรัส

“ก็ได้ๆ”ยอมลงให้เมีย



.
.
.


หลังจากเข้าเฝ้าบิดา มารดาพร้อมพี่ชายแล้ว เจ้าน้อยบัวงามก็กลับมาประทับที่ตำหนักรับรอง ทรงมีรับสั่งว่าใคร่อยากอยู่ผู้เดียว โปรดให้ข้าหลวง แลพระพี่เลี้ยงคนสนิทออกจากห้องบรรทม เหลือเพียงยี่หุบตัวน้อยที่เข้าเฝ้า

“ทูลเจ้าน้อย..องค์จันทร์เสด็จมาหาเพคะ”เสียงพระพี่เลี้ยงกราบทูลอยู่นอกพระทวาร

“..องค์จันทร์”ตรัสพึมพำกับตัว

“เจ้าน้อยให้ข้าเข้าพบได้หรือไม่”ครานี้เป็นพระสุระเสียงทุ้มขององค์จันทร์

“อ๊ะ...พระเจ้าค่ะ”ตรัสพลางลุกขึ้นไปดึงสลักพระทวารออกให้ชายสูงศักดิ์ก้าวเข้ามาในห้องบรรทม หมอบกราบแทบพระบาท

“ลุกเถิด”ประคองน้องลุก

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...แลฝ่าบาทมาหาหม่อมฉันถึงตำหนักทรงมีเรื่องอันใดเร่งด่วนหรือพระเจ้าค่ะ”

“มิมีกระไรดอก...ข้ามิมีเรื่องเร่งด่วนอันใด มาหาเจ้ามิได้หรือ”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ”ก้มหน้างุด

“ข้ามาขอโทษเรื่องเมื่อเช้าที่ผิดสัญญาว่าจักพาเจ้าไปชมคอกม้า”ตรัสพลางเชยคางมนขึ้น ทอดพระเนตรดวงหน้าหวาน แลนัยน์ตากวางดึงดูด

“มิได้พระเจ้าค่ะ..หม่อมฉันมิได้โกรธเคืองพระองค์เลยพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวตรัสพลางมอบรอยยิ้มบางๆให้องค์จันทร์

“ถึงกระนั้นข้าก็ผิดอยู่ดีที่ผิดสัญญากับเจ้า”พระอังคุฐไล้ริมฝีปากบางระเรื่อของเจ้าบัวอย่างลืมองค์

“มิเป็นไรดอกพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเข้าใจ ทรงจากบ้านไปเสียนานคงจักคิดถึง..พี่สายหยุด”พระสุระเสียงแผ่วเมื่อตรัสชื่อใครอีกคน

“ข้า เจ้าเหม แลสายหยุดเป็นสหายกันมาตั้งแต่จำความได้ จึงคิดถึงเมื่อจากไกลเป็นเรื่องธรรมดา”

“หม่อมฉันเข้าใจพระเจ้าค่ะ”...แลก็เข้าใจว่าพระองค์ทรงมีใจให้พี่สายหยุดเช่นกัน คิดในพระทัยก่อนจักก้มหน้าลงซ่อนสายตาผิดหวัง

“เหตุใดจึงชอบก้มหน้านักนะเจ้าน้อย”

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“เงยหน้าสบตาข้าเถิด กลัวกระไรหรือ”เชยคางมนขึ้นอีกครา

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“หากมิกลัวก็สบตาข้าสิ”ตรัสพลางพระอังคุฐไล้ริมฝีปากบางระเรื่อของเจ้าบัวอย่างลืมองค์

“.....”นัยน์ตากวางสบประสานเข้ากับพระเนตรเฉี่ยวคม

“.....”ทั้งสองพระองค์นิ่งเงียบราวกับเพลาหยุดหมุน ลืมสิ่งรอบข้าง แม้กระทั่งยี่หุบที่นอนเลียมือ ตีหางใส่พระยี่ภู่

“ฝ่าบาท...”เจ้าบัวตรัสเสียงแผ่วเครือเมื่อพระพักตร์งามเคลื่อนเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงพระปัสสาสะ ปลายพระนาสิกสัมผัสกันไล้เบาๆจนเจ้าน้อยสะดุ้งราวกับต้องไฟ แต่องค์จันทร์หาได้หยุดไม่ พระหัตถ์ยึดคางมนไว้พระโอษฐ์อุ่นแนบเบาๆบนกลีบปากบางสีแดงระเรื่อ

“อึก..อือ”เจ้าบัวสะดุ้งส่งพระสุระเสียงในลำคอขาว องค์จันทร์บังคับเชยคางน้องให้แหงนหน้ารับพระโอษฐ์

“อืม”คำรามในพระศออย่างพอพระทัย ขยับพระโอษฐ์เคล้าคลึงเหย้าแหย่ริมฝีปากบาง พระทนต์ขบเบาที่ขอบปากเจ้าน้อย เม้มเบาๆ กดจูบย้ำๆ ดูดดึงกลีบปากน้องจนเจ่อบวม

“ฝะ ฝ่าบา...อื้อ”เจ้าบัวยกพระหัตถ์ขึ้นดันพระอุระกว้าง ส่งเสียงเรียกร้องให้องค์จันทร์หยุดการกระทำ หากแต่กลายเป็นว่าเปิดทางให้พระชิวหาสอดเข้าเย้าหยอก ร่างอรชรเกร็งเขม็งเมื่อพระชิวหานุ่มสอดเข้าคลุกเคล้าในปากตัว มือน้อยจิกพระอังสะ

“อืม..อือ”ทรงเอียงพระพักตร์ให้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น พระกรโอบตวัดรอบเอวเล็กดึงให้แนบชิดพระวรกายกำยำ ส่วนพระหัตถ์อีกข้างก็ประคองบังคับท้ายทอยเจ้าบัวให้แหงนหน้ารับความวาบวามจากพระองค์ ทรงบดพระโอษฐ์จูบน้องนานจนเจ้าบัวต้องทุบพระอุระกว้างให้ปล่อย

“เฮือก..แฮ่กๆ”เมื่อทรงถอนพระโอษฐ์ออก สายพระเขฬะก็ยืดเชื่อมพระโอษฐ์ของสองพระองค์ไว้จนเจ้าบัวหน้าม้าน เจ้าน้อยหอบหายพระทัย ปรางใสแดงก่ำราวลูกตำลึง นัยน์ตากวางทอดมองพระพักตร์งามอย่างมึนงง

“อื้ม”แลก็ต้องสะดุ้งอีกครา เมื่อพระโอษฐ์ร้ายแนบทาบลงมาอีกครั้ง มือเล็กขยุ้มฉลองพระองค์ตรงพระอุระจนแทบขาดติดมือ นัยน์ตากวางหลับแน่นยามโดนรังแก องค์จันทร์จูบน้องราวกับห้ามพระทัยมิได้ จูบเนิ่นนานจนพอพระทัย จูบเสียจนริมฝีปากบางของเจ้าบัวบวมเจ่อ จูบจนเจ้ายี่หุบที่นอนอยู่บนพระยี่ภู่ลุกหนีออกไป

“ฝะ ฝ่าบาท”เสียงหวานกระท่อนกระแท่น

“จูบนี้ให้คิดเสียว่า...”

“.....”

“.....ข้าจูบรับขวัญเมียก็แล้วกันหนา”ตรัสพลางใช้พระนาสิกไล้ปรางอิ่ม กดจูบที่แก้มน้องก่อนจักผละออก

“ฝะ ฝะ ฝ่าบาท”

“ข้าไปล่ะ เจ้าก็พักผ่อนเสียหนา ประเดี๋ยวแดดร่มลมตกข้าจักพาไปชมสวนพฤกษาแก้ตัวเรื่องเมื่อเช้า”ตรัสก่อนจักเสด็จออกไป ทิ้งให้เจ้าบัวหน้าแดงใจเต้นราวกับจะทะลุออกมานอกอกอยู่ผู้เดียว มือเล็กจับริมฝีปากบวมเจ่อของตนไม่ปล่อย ลมหายใจร้อนเสียจนลวกผิว ความเขินอายประเดประดังเข้ามาจนคิดอยากจะแทรกแผ่นดินหนี


.
.
.


ทางด้านองค์จันทร์ที่เสด็จออกจากตำหนักรับรองของเจ้าน้อยภุมริกา ว่าที่พระชายาของพระองค์ก็ระบายยิ้มเต็มพระพักตร์ รสหวานซ่านทรวงยังติดอยู่ที่ปลายพระชิวหา เจ้าน้อยบัวงามช่างหวานนัก มิใช่รสชาติหวานแหลมราวน้ำตาล แต่กลับหวานละมุนราวน้ำผึ้งเดือนห้า อย่าได้คิดว่าพระองค์ทรงคิดมิดีกับเจ้าน้อยถึงได้บุกไปปล้นจูบถึงตำหนักรับรอง พระทัยจริงแล้วใคร่อยากไปขออภัยที่ผิดสัญญา แต่เมื่อได้ชิดใกล้ แลได้กลิ่นหอมหวานจากร่างแน่งน้อยแล้วก็อดพระทัยไม่ไหว ลิ้มลองรสหวานลิ้นเสียจนพระทัยแกว่ง แลคำพูดห่ามๆนั่นอีก

“จูบนี้ให้คิดเสียว่า...”

“.....”

“.....ข้าจูบรับขวัญเมียก็แล้วกันหนา”

ทรงตรัสออกไปราวกับชายหนุ่มมากเล่ห์ มากกล ทำไปได้อย่างไรหนา อ่า...ตั้งแต่ได้พบ ได้รู้จักกับเจ้าน้อยองค์จันทร์ก็ทรงทำกระไรออกไปโดยไม่รู้ตัวตั้งหลายครั้งหลายครา แลทรงกระทำเรื่องที่มิเคยทำมาอย่างการพูดจาห่ามๆใส่เจ้าน้อยนั่นอีก หากองค์ภุมรินทรงทราบเข้า เจ้าหลวงศศิมณฑลจักเป็นเช่นไรหนอ.....

“ฝ่าบาททรงเป็นเยี่ยงไรบ้างพะย่ะค่ะ...เจ้าน้อยว่าเยี่ยงไรบ้าง”

“...เจ้าน้อยมิได้ถือโทษโกรธเคืองดอก แต่เย็นนี้ข้าจักพาเจ้าน้อยชมสวนพฤกษาทดแทน”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักเตรียมการให้พะย่ะค่ะ”

“ขอบใจ...แลสายหยุดเล่า เจ้าไปส่งแล้วใช่หรือไม่”

“พะย่ะค่ะ..หม่อมฉันไปส่งสายหยุดที่บ้านเรียบร้อยพะย่ะค่ะ”

“อืม..ดี”


.
.
.


หลังจากที่องค์จันทร์ทรงเสด็จไปหาเจ้าน้อยที่ตำหนัก เหมจึงออกมาส่งสายหยุดคนงามที่บ้าน

“เจ้าน้อยบัวทรงงามเหลือเกินหนาจ๊ะพี่เหม เกิดมาข้ามิเคยพบเจอใครงามเยี่ยงนี้มาก่อน”สายหยุดว่าขณะที่เดินเคียงข้างร่างสูงใหญ่ขององครักษ์คนสนิทของเจ้าหลวง

“ใช่ ทรงงามราวนางอัปสร...เหมาะสมกับองค์จันทร์ที่รูปงามราวรุขเทวดา”

“หืม...”

“เจ้าน้อยท่านจักมาเป็นพระชายาขององค์จันทร์ เจ้ามิรู้หรือ”ผินหน้ามาถามร่างบางข้างกาย

“ไม่จ้ะ สายหยุดรู้เพียงว่าในวังหลวงมีงานใหญ่แต่มิรู้ว่าเป็นงานพิธีอภิเษกของฝ่าบาท”

“...แลเจ้ารู้สึกเยี่ยงไรสายหยุด”

“หืม..รู้สึกกระไรจ้ะพี่เหม”

“ก็รู้สึกเยี่ยงไรที่ฝ่าบาทจักทรงอภิเษกกับเจ้าน้อย”

“ดีใจจ้ะ...สายหยุดดีใจที่ฝ่าบาทจักได้มีคู่ครองที่งดงาม แลพระทัยดีเช่นเจ้าน้อย”

“เจ้ามิเสียใจหรือ..”

“เสียใจเรื่องใดกันจ๊ะ เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ พี่เหมจักพูดกระไรหรือ”

“.....แลหากข้าจักต้องแต่งงานเล่า เจ้าจักรู้สึกเช่นไร”

“...พี่เหมจักแต่งงานหรือจ๊ะ”ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่สลดลงพลางเอ่ยเสียงแผ่ว

“สายหยุด”

“หากพี่เหมแต่งงานสายหยุดคงเสียใจกระมังจ๊ะ...แต่ในความเสียใจนั้นสายหยุดคงดีใจที่พี่เหมจักได้มีคู่ครองที่ดี...อ่า พี่เหมส่งสายหยุดแค่นี้ก็พอจ้ะ ประเดี๋ยวสายหยุดกลับเอง”พูดจบก็ยิ้มให้ แลเดินออกไป

“สายหยุด”ดึงร่างบางเข้ามากอดจากด้านหลัง

“ฮึก...พี่เหม”

“พี่ขอโทษ พี่แค่ถามเท่านั้น มิได้จักแต่งงานกับใครที่ไหนหนาเจ้า”พี่ว่าเมื่อรับรู้ถึงแรงสะอื้นของคนในอ้อมกอด

“อึก...”

“อย่าโกรธเคืองพี่เลยหนาจ๊ะ สายหยุดคนดี”พลิกร่างบางให้หันมา นิ้วกร้านเกลี่ยน้ำตาเม็ดโตให้คนงาม

“อึก สายหยุดมิโกรธเคืองดอกจ้ะ”หลุบตาลงส่ายหน้าเบา

“พี่ขอโทษหนาเจ้า”เชยคางมนขึ้น เช็ดน้ำตาให้น้องน้อย

“จ้ะ”พยักหน้าพลางยิ้มให้เหมสบายใจ

“.....”องครักษ์หนุ่มกดจูบเบาๆที่ดวงตาสวยทั้งสองข้าง ไล่ลงมาที่แก้มอิ่มชื้นน้ำตา ปลายจมูกโด่งถูไถหยอกกัน ก่อนจักกดจูบเบาๆที่ริมฝีปากอิ่ม กดจูบซ้ำๆไม่ล่วงล้ำราวกับปลอบใจ

“พี่เหม..”เมื่อผละจูบออกก็เสียงสั่นเครือ

“ให้พี่ไปส่งที่บ้านหนาเจ้า”เอ่ยชิดคลอเคลียริมฝีปากอิ่ม

“จ้ะ”












หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๐๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 09-10-2017 22:28:11
รอตอนต่อไปจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๐๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 10-10-2017 00:15:50
บัวงามน่ารักมากๆ เจ้าจันทร์ก็เท่มากๆ ชอบจังเลยภาษาดีมากค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๐๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 10-10-2017 00:43:50
สนุกๆ น่าติดตามมากๆเลยจ้า  ภาษาก็เพราะ :)
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๐๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 10-10-2017 02:54:25
รักกกกกกกกกกกก
นี่น้องไปอยู่ที่ไหนมา
เพิ่งเห็นว่ารุ่นลูกเขามาแล้ว
ตามมาตั้งแต่รุ่นพอ

งืออออ ตอนต่อไปมาไวๆ นะคะพลีสสสส
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๐๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: HZtaoFan ที่ 24-10-2017 09:03:17
บัวงามจะร้ายลึกเหมือนแม่รึเปล่านะ
ชมนาดนี่แซ่บมาก ฮือออ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๐๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 24-10-2017 10:03:18
น่ารักมากๆเลยเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๐๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 24-10-2017 13:42:50
ขอตอนต่อไปค่าาาาา
งือออออ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๐๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: yang ที่ 29-11-2017 14:37:04
มาติดตามน้องบัวกับพี่จันทร์ :hao5:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๓ ๐๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-12-2017 22:52:14
ดีงามอะไรขนาดนี้ ชอบๆๆๆ
ตามต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๐๖.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 06-01-2018 19:56:34


บัวหลงจันทร์ ๐๔

แลเย็นวันนั้นองค์จันทร์ก็เสด็จไปรับเจ้าน้อยถึงตำหนักรับรองหลังจากที่เสวยมื้อเย็นแล้ว เจ้าน้อยบัวงามหรือก็มิใคร่อยากจักไปกับองค์จันทร์นัก เนื่องด้วยมิกล้าสู้หน้า รสจูบร้อนเร่ายังติดตรึงอยู่บนพระโอษฐ์ แต่จักปฏิเสธก็จักมิดีเท่าใด
เจ้าน้อยบัวงามเสด็จออกจากตำหนักก็พบว่าองค์จันทร์ท่านทรงรออยู่แล้ว เมื่อเงยหน้าสบพระเนตรก็แทบจักเอาผ้าคลุมไหล่พันหน้าพันตาจักได้มิต้องเขินอายเช่นนี้ มือน้อยกำผ้าคลุมไหล่ตนแน่นระบายความตื่นเขิน

“ขะ ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันชักช้านัก”ตรัสเสียงสั่น

“มิเป็นไรดอก ไปกันเถิดประเดี๋ยวจักค่ำ แลแมลงจักเยอะ”

“พระเจ้าค่ะ”ยืนก้มหน้านิ่ง

“พระเจ้าค่ะก็ไปสิเจ้าน้อย”ตรัสพลางคว้ามือเล็กมาจับจูง

“อ๊ะ..”ตกพระทัยเล็กน้อย หากแต่ก็ยอมเดินตามแรงจูงขององค์จันทร์ ขาเล็กเดินตามพระวรกายสูงใหญ่ไปเรื่อยๆ ก่อนจักหยุดชะงักเมื่อพระสุระเสียงทุ้มดังขึ้น

“ถึงแล้ว”

“.....”นัยน์ตากวางกวาดมองสวนพฤกษาที่มีต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์อย่างตกตะลึง ภาพตรงหน้างดงามเสียจนเจ้าบัวงามหลงลืมความเขินอายเมื่อครู่ไปสิ้น

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าน้อย สวนพฤกษาของศศิมณฑลงามสู้สวนพฤกษาของภุมริกาได้หรือไม่”ตรัสถามพลางกระชับพระหัตถ์ที่กอบกุมมือเล็กไว้

“งามเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”ดึงมืออกจากการเกาะกุมขององค์จันทร์ก่อนจักเดินไปข้างหน้าชื่นชมดอกไม้งามทั้งหลาย กลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้นานาชนิดโชยมาตามสายลมให้เจ้าบัวสูดกลิ่น พระโอษฐ์บางแย้มยิ้มอย่างพึงใจ นิ้วเล็กไล้เบาๆบนกลีบดอกไม้นุ่ม ก่อนจะหันมายิ้มเต็มดวงหน้าให้องค์จันทร์

“.....”องค์จันทร์ทรงถึงกับพระเนตรพร่าเมื่อเจ้าน้อยทรงยิ้มเต็มดวงหน้าให้ ยิ้มเสียจนนัยน์ตากวางปิด พระทัยเต้นรัวอย่างมิเคยเป็นมาก่อน

“หม่อมฉันขอประทานนุญาติไปชมดอกปีบตรงนั้นหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสแล้วก็วิ่งไปข้างหน้า

“เจ้าน้อยอย่าวิ่งหนาเพคะ”พระพี่เลี้ยงส่งเสียงดุ ทำเอาเจ้าน้อยคนงามหยุดชะงัก หัวเราะน้อยๆก่อนจักค่อยๆก้าวเดินไปอย่างสำรวม

“หึหึหึ...เจ้าเหม”พระสรวลน้อยๆเมื่อได้ทอดพระเนตรเจ้าน้อยคนงามในแบบที่ไม่เคยได้รู้จักมาก่อน

“พะย่ะค่ะ”

“ไปหาดอกบัวมาให้ข้าที...เอาดอกที่งามที่สุดหนา”รับสั่งทั้งๆที่ไม่ละสายพระเนตรจากร่างอรชร

“พะย่ะค่ะ”องครักษ์คนสนิทรับคำสั่งก่อนจักออกไปหาดอกบัวที่งามที่สุดในศศิมณฑลมาถวายนายเหนือหัว



องค์จันทร์เสด็จไปประทับยืนอยู่ด้านหลังเจ้าน้อย ทรงยื่นพระพักตร์กระซิบข้างพระกรรณเล็กเบาๆ

“ชอบหรือไม่”

“อ๊ะ...”ร่างน้อยสะดุ้งหันขวับมา ทำให้ปลายพระนาสิกโด่งรั้นเฉียดพระปรางขาวขององค์ภุมรินไป

“ข้าถามว่าชอบสวนพฤกษาของศศิมณฑลหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันชอบ ที่นี่งดงามนัก”ตรัสเบาๆ พลางขืนตัวออกห่างพระวรกายกำยำ

“หึหึหึ ข้าดีใจหนาที่เจ้าชอบ”ตรัสก่อนจักจับจูงน้องน้อยให้ชมความงามของดอกไม้

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ที่ทรงพาหม่อมฉันชมสวนพฤกษา”

“...ข้าให้เจ้า เจ้าน้อย”ตรัสก่อนจักเด็ดดอกมณฑาเหน็บพระกรรณให้เจ้าบัว ดอกมณฑาสีเหลืองอมส้มตัดกับดวงหน้าขาวผ่องน่ามองเสียจนองค์จันทร์มิอาจละสายตา

“ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ก้มหน้าซ่อนริ้วแดง

“ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันนำดอกบัวมาถวายพะย่ะค่ะ”องครักษ์คนสนิททูลความขัดขึ้น เจ้าบัวจึงถอยหลังเว้นช่องว่างระหว่างตน แลเจ้าหลวงหนุ่ม

“ขอบใจ”รับบัวสัตตบงกช ดอกตูมสีชมพูงามมาจากองครักษ์คนสนิท ก่อนจักยื่นให้น้องน้อยคนงาม

“ฝ่าบาท”มองพระพักตร์งามอย่างลังเลมิกล้ารับ

“รับไว้เถิด ข้าให้เจ้า”ประคองมือเล็กให้หงายแบบรรจงวางบัวงามดอกโตบนมือบาง

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...วันนี้ทรงให้หม่อมฉันมากเหลือเกิน”

“หึหึหึ”ลูบผมนุ่มอย่างเอ็นดู


.
.
.


หลังกลับจากสวนพฤกษา องค์จันทร์ก็ทรงมาส่งเจ้าน้อยถึงห้องบรรทม

“ฝันดีหนาเจ้าน้อย”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...ฝ่าบาทก็ฝันดีเช่นกันหนาพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนา ข้าไปก่อนล่ะ”ตรัสก่อนจักเสด็จออกไป ทิ้งให้เจ้าน้อยอยู่ตามลำพังกับแมวยี่หุบ


หลังลับพระวรกายกำยำไปแล้ว มือน้อยก็บรรจงประคองบัวสัตตบงกชดอกโตขึ้นจรดพระโอษฐ์บาง จุมพิตเบาๆบนกลีบบัวนุ่ม

“หม่อมฉันจักทำอย่างไรดีพระเจ้าค่ะ...จึงจักไม่รู้สึกกระไรกับพระองค์ไปมากกว่านี้”แนบพระปรางขาวกับบัวงาม นัยน์ตากวางหลับพริ้ม เกิดมามิเคยได้รู้จักความรักฉันชู้สาวจึงมิสันทัดเมื่อเกิดความรู้สึกหน่วงในพระทัย วางบัวงามแทนใจไว้ข้างพระเขนยก่อนจักเอนพระวรกายตะแคงข้าง ทอดพระเนตรสัตตบงกชเนิ่นนานเสียจนเข้าสู่ห้วงนิทรา


.
.
.



เจ้านายทั้งสี่แห่งภุมริกาทรงประทับอยู่ที่ศศิมณฑลเป็นเพลาหลายวัน จนถึงวันพิธีอภิเษกสมรสขององค์จันทร์ แลเจ้าน้อยบัวงาม

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าน้อย ตื่นเต้นหรือไม่”อรุณนี้พระมารดาศศิธรเสด็จมาหาว่าที่สุณิสาถึงตำหนักรับรอง ทอดพระเนตรร่างอรชรในอาภรณ์งดงามตรงหน้าแล้วลอบพยักพระพักตร์แย้มพระโอษฐ์องค์เดียว เจ้าน้อยช่างงามนัก ดวงหน้าหวานรับกับนัยน์ตากวางกลมโตที่ถอดแบบมาจากพระชายาชมนาดทุกกระเบียดนิ้ว

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันกังวลนัก”พระพักตร์งามติดกังวลอย่างที่ทรงตรัส

“อย่าได้กังวลไปไม่ว่าจักเรื่องใด ประเดี๋ยวจักประชวรไปเสียก่อน”ตรัสพลางลูบผมนุ่มปลอบ

“พระเจ้าค่ะ”แย้มพระโอษฐ์ให้พระพันปีศศิธร จนน่าเอ็นดู

“หากสบายพระทัยแล้วก็ไปกันเถิด ประเดี๋ยวจักได้ฤกษ์พิธีศาสน์แล้ว”ตรัส

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


พิธีศาสน์ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น เหล่าราชวงศ์ต่างแคว้นเข้าร่วมยินดีแน่นขนัดท้องพระโรง รวมไปถึงการเวกที่มาร่วมพิธีเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้น

“ยินดีด้วยหนาจ๊ะน้องบัวงาม”ตรัสพลางแย้มพระโอษฐ์ แต่สายพระเนตรกลับจับจ้องร่างงามตรงหน้าอย่างจาบจ้วง วันนี้เจ้าน้อยแห่งภุมริกางดงามเสียจนเหล่าเจ้าชายต่างแคว้นจับจ้องไม่วางตา หากแต่มิอาจเอื้อม คงจักมีเพียงองค์รัชทายาทการเวกกระมังที่กล้าใช้สายพระเนตรหยาบคายเช่นนั้น

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมมือไหว้

“น่าเสียดายนักที่น้องมิเลือกพี่ ก็อย่างว่าล่ะหนา เจ้าผิดผีกับองค์จันทร์ท่านจึงต้องดองกันเยี่ยงนี้”พระสุระเสียงมิใช่เบาเรียกสายพระเนตรจากอาคันตุกะแคว้นอื่น

“.....”เจ้าบัวงามพระพักตร์เจื่อน

“จริงหรือเพคะ ที่เจ้าน้อยบัวงามผิดผีกับองค์จันทร์จึงต้องดองกัน”สนมเอกขององค์รัชทายาทการเวกเอ่ยขึ้นเสียงมิได้ดังน้อยไปกว่าพระภัสดาแลดูท่าจักดังกว่าด้วยซ้ำ

“ก็จริงหนาสิ ทั้งๆที่กำหนดวันเลือกคู่ไว้แล้ว เจ้าน้อยยังไปผิดผีกับองค์จันทร์”ตรัสจบเสียงฮือฮาเบาๆก็ดังขึ้น องค์รัชทายาทการเวกลอบยิ้มอย่างสาแก่ใจ

“.....”ผิดกับเจ้าบัวงามที่แทบจักร้องไห้อยู่รอมร่อ

“หากแต่ก็ยังมีการเลือกคู่อยู่ตามเดิม”

“มากไปหรือไม่องค์รัชทายาทการเวก”องค์จันทร์ที่สังเกตได้ถึงความผิดปกติภายในท้องพระโรงจึงกวาดพระเนตรหาว่าที่ชายาตน แลก็ได้เห็นว่าเจ้าน้อยคนงามถูกรุมโดยรัชทายาทการเวก แลสนมชั้นต่ำ พระวรกายกำยำรุดเข้าหาร่างบางอย่างเร่งรีบ พระหัตถ์รวบเอวน้อยเข้าหาตัวพลิกกายน้องให้หันซบพระอุระ ก่อนจักตรัสด้วยพระสุระเสียงเรียบนิ่ง

“หม่อมฉันพูดความจริงพะย่ะค่ะ มิได้ใส่สีตีไข่แต่อย่างใด”

“ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามร้องเรียกเสียงสั่น พระหัตถ์ใหญ่ลูบแผ่นหลังบางปลอบเบาๆ

“นั่นก็เป็นเพราะท่านมิยอมให้ล้มเลิกพิธีเลือกคู่มิใช่หรือ เจ้าน้อยจึงต้องเสื่อมเกียรติเยี่ยงนี้”

“เจ้าน้อยเสื่อมเกียรติเพราะใจง่ายผิดผีต่างหาก หาได้เกี่ยวกับข้าไม่”

“ฮึก...”เจ้าบัวงามสะอื้น หยาดน้ำพระเนตรไหลอาบแก้มขาว นั่นทำให้องค์จันทร์กระชับพระกรแน่นกว่าเดิม

“ข้ากับเจ้าน้อยมิได้ผิดผี ข้ามิเคยล่วงเกินเจ้าน้อย แลเจ้าน้อยก็เลือกข้าเป็นคู่หากใช่ท่านไม่ แพ้แล้วพาลหาใช่วิสัยกษัตริย์ไม่”

“องค์จันทร์!!!”

“ข้าจักไม่เอาความท่าน แต่จงกลับไปเสียเถิด อย่าให้มีเรื่องหมางใจกันเลยหนา ท่านคงทราบดีว่าหากศศิมณฑลดองกับภุมริกาแล้ว การเวกคงไร้ทางสู้”

“หึ้ย!!!”ฟึดฟัดออกจากท้องพระโรง โดยมีนางสนมรีบสาวเท้าตามพระภัสดา

“เจ้าน้อย”ก้มพระพักตร์ตรัสกับร่างน้อยในอ้อมพระกร

“ฮึก..หมะ หม่อมฉัน อึก”

“มิเป็นไรหนา ไปพักก่อนเถิด”ประคองร่างน้อยออกจากท้องพระโรง


.
.
.


หลังจากปลอบเจ้าบัวงาม แลส่งร่างบางให้ผู้ใหญ่ปลอบต่อ องค์จันทร์จึงปลีกพระวรกายออกมาจัดการเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น แม้นแคว้นอื่นจักมิกล้าพูดเรื่องที่เกิดเพราะเกรงกลัวอำนาจบารมีของศศิมณฑล แลภุมริกา หากแต่ตัวต้นเรื่องอย่างองค์รัชทายาทการเวกที่คับแค้นใจตั้งแต่พิธีเลือกคู่ของเจ้าน้อย

“อุ้ย...ขอประทานอภัยเพคะ”ร่างระหงปะทะกับพระวรกายกำยำแรงจนองค์จันทร์ต้องประคองหญิงสาว

“มิเป็นไร”ปล่อยร่างบางก่อนจักถอยพระวรกายออกห่าง ทรงจำได้ว่าหญิงผู้นี้ก็คือสนมขององค์รัชทายาทการเวก

“เอ่อ...หม่อมฉันต้องขออภัยแทนองค์สินด้วยหนาเพคะที่เสียมารยาทกับพระองค์”ก้าวนวดนาดเข้ากราบแนบพระอุระกว้าง

“.....”มิตรัสแต่เบี่ยงพระวรกายหลบ

“..หากทรงกริ้ว จักให้หม่อมฉันทำกระไรไถ่โทษก็ได้ทุกอย่างหนาเพคะ หม่อมฉันยินดี”ชะงักไปก่อนจักรีบเปลี่ยนสีหน้า ฉีกยิ้มยั่วยวนที่ใช้ได้ผลกับองค์รัชทายาทการเวก หากแต่ใช้มิได้ผลกับองค์จันทร์ มือบางแสร้งปัดผ้าคลุมไหล่ตนเผยให้เห็นลาดไหล่เนียน แลเนินอกอวบที่มีผ้าแถบคาดอยู่หมิ่นเหม่เสียจนกลัวว่าจักหลุดเสียก่อน

“มิเป็นไรข้ามิได้กริ้วกระไรทั้งนั้น แลมิต้องไถ่โทษดอก”

“มิได้เพคะ หม่อมฉันใคร่อยากให้พระองค์ลงโทษหม่อมฉัน...แรงๆเพคะ”ช้อนตาอย่างยั่วยวน อกอวบใหญ่บดเบียดพระกรแกร่งไปมา

“เยี่ยงนั้นหรือ...”ก้มพระพักตร์มองดวงหน้างาม พระดัชนีเชยคางแหลมขึ้น

“เพคะ..แรงๆเพคะ”

“ได้...”เหยียดพระโอษฐ์ก่อนจักตรัสรับคำขอของนางสนมชั้นต่ำ พระองคุลีไล้เบาที่แก้มนวล อยากให้พระองค์ลงโทษแรงๆ พระองค์ก็จักมิขัดศรัทธาดอก


.
.
.


“ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทการเวกขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”เหมกราบทูลนายเหนือหัวที่ประทับตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มแต่งแต้มที่พระโอษฐ์ วันพรุ่งจักมีพิธีแต่งตั้งพระชายาในองค์จันทร์ เจ้าหลวงศศิมณฑล เมื่อครู่ก่อนเสด็จกลับตำหนักหลวงทรงเสด็จไปหาเจ้าน้อยที่ตำหนักรับรอง โชคดีที่เสด็จแม่ องค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดทรงช่วยกันปลอบจนเจ้าน้อยสบายพระทัยยิ้มออก องค์จันทร์จึงได้เบาพระทัย

“มาแล้วหรือ ไวดีแท้  เชิญ”

“กราบเชิญองค์รัชทายาทการเวกพะย่ะค่ะ”


ปัง


“องค์จันทร์!! ทรงทำเช่นนี้กับสนมของหม่อมฉันได้อย่างไรพะย่ะค่ะ”

“ก็สนมของเจ้าร้องขอโทษทัณฑ์จากข้า ข้าก็สนองให้ไงเล่า”

“.....”กัดพระทนต์แน่นอย่างคับแค้นใจ สนมเอกที่ทรงโปรดมากที่สุดในบรรดาสนมหลายสิบคนถูกตบปากเสียจนแทบเสียโฉม

“หากนางผู้นั้นหายดี ก็ไปไถ่ถามกันเอาเองเถิดว่านางร้องขอโทษทัณฑ์จากข้าเพราะต้องการไถ่โทษแทนเจ้า..แรงๆจริงหรือไม่ หากแต่ข้าเป็นกษัตริย์ย่อมมิพูดโป้ปดเกินจริง”

“.....ฝากเอาไว้ก่อนเถิด อย่าให้ถึงทีข้าก็แล้วกันหนา”

“หึ...ข้าจักนับวันรอให้ถึงทีของเจ้าไวๆหนา เชิญกลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัยเถิด”

“หึ้ย!!”ฟึดฟัดกระแทกพระบาทตึงตังออกไป
เป็นถึงองค์รัชทายาทแต่กลับทำองค์ราวกับเด็ก จักสงสารก็แต่ประชาชนชาวการเวกที่คงตกที่นั่งลำบากหากสิ้นเจ้าหลวงองค์ปัจจุบัน องค์รัชทายาทการเวกเป็นโอรสเพียงองค์เดียวที่เกิดกับพระชายา หากแต่เจ้าหลวงการเวกก็ยังมีโอรสอีกองค์ที่เกิดจากนางสนม โอรสที่เป็นเฉกเช่นเจ้าน้อยบัวงามหาได้สามารถจักสืบบัลลังก์ได้ไม่


.
.
.


เสียงดนตรีจากวงมโหรีดังก้องท้องพระโรงศศิมณฑล องค์จันทร์ประทับบนบัลลังก์อย่างสง่างาม เจ้าบ่าววันนี้รูปงามเสียจนมิอาจละสายตา พระพักตร์งามเรียบนิ่งหากแต่เจือแววอ่อนโยน ทรงรอเจ้าน้อยเจ้าสาวของวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ อีกมินานก็ใกล้จักถึงฤกษ์แล้ว  บรรดาอาคันตุกะที่มาร่วมพิธีต่างประทับบนตั่งที่ขนาบสองข้างทางเดินรวมถึงองค์รัชทายาทการเวกที่ประทับองค์เดียวไร้เงาสนมคนงาม ถัดไปจึงเป็นเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่นั่งพับเพียบที่พื้น

“เจ้าน้อยเสด็จพะย่ะค่ะ”สิ้นเสียงข้าหลวงนายทวาร ร่างบางอรชรก็ค่อยๆก้าวย่างเข้ามาอย่างสำรวม วันนี้เจ้าบัวงามสวมเสื้อแขนกระบอกคอตั้งสีขาวกระบังคาดสไบสีหงส์ดินขลิบด้ายทอง ที่เอวบางคาดด้วยรัดพระองค์ทองคำฝังพลอยสีแดงน้ำงาม ตัดกับโจงกระเบนสีเดียวกับสไบ พระพักตร์งามขาวผ่อง คิ้วบางพาดเหนือนัยน์ตากวางกลมโต ริมฝีปากบางแดงระเรื่อด้วยชาด งดงามราวนางอัปสรบนสรวงสวรรค์

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”หมอบกราบแทบพระบาทองค์จันทร์

“.....”มิตรัสตอบหากแต่แย้มพระโอษฐ์น้อยๆให้

“.....”เจ้าบัวงามพระพักตร์แดงซ่าน หลุบนัยน์ตากวางหลบสายพระเนตรคมขององค์จันทร์

“...บัดนี้ได้ฤกษ์งามยามดี ข้าจึงขอสถาปนาเจ้าบัวงาม เจ้าน้อยแห่งภุมริกาขึ้นเป็นชายาของข้า เจ้าหลวงแห่งศศิมณฑล”ตรัสจบจึงเปิดกรวยบายศรีสู่ขวัญ นั่นเท่ากับว่า ณ เพลานี้เจ้าบัวงามได้เป็นชายาขององค์จันทร์อย่างเป็นทางการแล้ว

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ตรัสเสียงแผ่ว

“อืม”ขานรับในพระศอก่อนจักเลื่อนพระหัตถ์กุมมือน้อยของชายาไว้แน่นดึงร่างน้อยขึ้นประทับข้างพระวรกาย

“.....”

“ธำมรงค์นี้เป็นของเสด็จแม่ศศิธร เป็นของพระชายาศศิมณฑล”ตรัสพลางประคองมือเล็กไว้บนพระหัตถ์อุ่น

“.....”เจ้าบัวทอดพระเนตรธำมรงค์วงงาม ธำมรงค์ทองคำฝังพลอยสีแดงใสวาวต้องแสงที่ถูสวมเข้ามาบนพระอนามิกาข้างซ้ายของตน

“แลบัดนี้มันเป็นของเจ้า”

“...ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมพระหัตถ์กราบแนบพระอุระพระภัสดา

“มิต้องขอบใจดอกมันเป็นของเจ้า...ของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”ลูบพระเกศานุ่มลื่นเบาๆ

“.....”

“แลอย่าถอดห่างตัวล่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”ในพระทัยเจ้าน้อยทรงดำริไปเองว่าองค์จันทร์อาจจักกลัวตนทำหายจึงรับสั่งมิให้ถอด แต่สำหรับเจ้าหลวงศศิมณฑลเพราะมิใคร่อยากให้น้องน้อยถอดจึงรับสั่ง หาได้กลัวหายไม่


.
.
.


หลังจากวันพิธีสถาปนาเจ้าน้อยบัวงามขึ้นเป็นชายา องค์จันทร์ก็ทรงมีรับสั่งให้สำนักโหรหลวงกำหนดฤกษ์ร่วมหอขึ้น นั่นก็คืออีกห้าวันที่จักถึงนี้ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙ เวลายามสอง เมื่อมีกำหนดการออกมาชัดเจนเยี่ยงนี้ก็ทำเอาพระชายาบัวงามกังวลพระทัยยิ่ง แต่ที่ดูจักกังวลมากกว่านั้นคงมิพ้นองค์ภุมรินผู้เป็นพ่อที่ดูจักร้อนพระทัยยิ่งนัก

“เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ อย่าทรงกังวลไปเลยอย่างไรเสียลูกเราก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียเขาแล้ว”

“โถ่ เจ้าชมนาดเมียรัก กระนั้นก็เถิด พี่ก็อดกังวลใจมิได้อยู่ดีหนาเจ้า เจ้าบัวงาม เราหรือเลี้ยงมาดั่งแก้วตาดวงใจ ยุงมิให้ไต่ไรมิให้ตอม จู่จักต้องให้ชายอื่นเชยชม พี่ทำใจลำบากนัก”

“ชายอื่นที่ว่าก็พระภัสดาของลูกหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“มิอยากอุ้มหลานหรือพระเจ้าค่ะ”

“...ก็อยากอยู่ดอกเจ้า”

“หากอยากอุ้มหลานก็ทรงปล่อยวางพระทัยเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ต้องเอาลูกไปแลกหลานสิหนา”

“.....”ดวงหน้าหวานส่ายเบาๆให้กับความหวงลูกของพระภัสดา


.
.
.


หลังจากมีกำหนดการแจ้งมาที่พระชายาเรื่องฤกษ์ยามของพิธีร่วมหอ เจ้าบัวงามก็แทบมิกล้ามองพระพักตร์พระภัสดา หากแต่ก็ละเลยหน้าที่ปรนนิบัติสวามีมิได้ แม้จักได้เป็นพระชายาแล้วแต่หาได้ร่วมบรรทมตำหนักเดียวกับองค์จันทร์ไม่ เจ้าบัวงามจักต้องเข้าพิธีร่วมหอเสียก่อนจึงจักเข้าอยู่ตำหนักหลวง

“เป็นกระไรไปหรือเจ้าบัว มิสบายตรงไหนหรือไม่”

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ”

“แลเหตุใดจึงมิมองหน้าข้าเสียเลย ข้าทำการอันใดให้เจ้าโกรธเคืองหรือเจ้าบัว”

“หะ หามิได้พระเจ้าค่ะ พระองค์มิได้ทำการใดให้หม่อมฉันโกรธเคือง แลหม่อมฉันก็มิได้เป็นกระไรพระเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีแปลกไปเช่นนี้ ตั้งแต่กำหนดการร่วมหอออกมาเจ้าก็.....”

“.....”

“หรือเจ้ากังวลเรื่องพิธีร่วมหอของเราหรือ”

“.....”สิ้นพระสุระเสียงของพระภัสดา พระพักตร์งามก็เห่อร้อนแดงซ่านไปถึงพระกรรณเล็ก เจ้าบัวงามก้มหน้าจนพระหนุชิดพระอุระบาง

“เจ้าบัว..”เชยคางมนขึ้น องค์จันทร์ทรงทอดพระเนตรดวงหน้าหวานแดงระเรื่อของเมียด้วยความเอ็นดู

“พะ พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...พวกเจ้าออกไปก่อนข้าใคร่อยู่ตามลำพังกับเจ้าบัว”รับสั่งข้าหลวงที่คอยรับใช้

“เพคะ”หมอบกราบแลทยอยกันออกไปจนเหลือเพียงนายเหนือหัวสองพระองค์
เมื่อข้าหลวงที่คอยถวายงานรับใช้ออกไปจนสิ้น ก็ทรงอุ้มร่างแน่งน้อยขึ้นนั่งบนพระเพลา

“อ๊ะ ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามผวากอดรอบพระศอแกร่ง

“ไหนบอกพี่สิเจ้าว่ากังวลเรื่องใด หืม”ตรัสถามพลางใช้ข้อพระองคุลีเกลี่ยปรางขาว

“ฝ่าบาท...หม่อมฉัน...”

“.....”ตั้งพระทัยรอฟังในสิ่งที่เมียพูด

“.....”แต่แล้วก็กลับเงียบทั้งสองพระองค์   

“เอาเถิดๆ เจ้าบัวอย่ากังวลไป พี่มิทำเจ้าเจ็บดอก”

“.....”ก้มพระพักตร์งุด มิกล้าสู้หน้า

“...ตั้งแต่ได้เป็นชายาพี่ก็ยังมิมีคนสนิทที่ไว้ใจได้นอกเสียจากพี่เลี้ยงที่มาจากภุมริกาเลยใช่หรือไม่”ทรงเปลี่ยนเรื่องตรัสเพื่อมิให้เมียกังวลใจไปมากกว่านี้

“พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นให้สายหยุดมารับใช้เจ้าดีไหม”

“พี่สายหยุดหรือพระเจ้าค่ะ”เงยพระพักตร์ขึ้นถาม

“ใช่ ข้าไว้ใจสายหยุดว่าจักดูแลเจ้าได้ดีที่สุด”

“.....”

“ว่าอย่างไร ขัดข้องกระไรหรือไม่”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้น ข้าจักให้เจ้าเหมไปแจ้งสายหยุดให้เข้าวัง”

“พระเจ้าค่ะ”

“เอาละ อย่าไปคิดมากเลยหนา มาปรนนิบัติพี่ต่อเถิด”

“พระเจ้าค่ะ...ทรงปล่อยหม่อมฉันก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”ขืนกายน้อยๆ

“มิต้องดอก นั่งแบบนี้แล”

“แต่หม่อมฉันจักปรนนิบัติพระองค์ได้มิถนัดหนาพระเจ้าค่ะ”

“นั่งเยี่ยงนี้แล”รับสั่งมาเช่นนี้เจ้าบัวจักปฏิเสธได้อย่างไร


ฟอด


“อ๊ะ”สะดุ้งเฮือกยกพระหัตถ์จับพระปรางตน

“หอม”ตรัสสั่นๆแต่ทำเอาเจ้าบัวแทบจักแทรกแผ่นดินหนี แลเช่นนี้จักมิให้กังวลเรื่องพิธีร่วมหอได้อย่างไรกัน พระนาสิกโด่งเป็นสันคลอเคลียปรางนวลมิห่าง พาให้ใจคนงามสั่นไหวชวนให้ลมจับ













หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๐๖.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 06-01-2018 20:31:53
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๐๖.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ppitchayafn2940 ที่ 06-01-2018 21:44:40
องค์จันทร์ไม่ได้คิดอะไรกับสายหยุดแล้วใช่มั่น กลัวบัวเสียใจจัง
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๐๖.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-01-2018 22:17:35
เหมือนจะลงตัว แต่ไม่น่าง่าย เดาไป อิอิ รอออออ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๐๘.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 08-01-2018 15:07:27



บัวหลงจันทร์ ๐๕

ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙ ยามสอง ณ ตำหนักหลวง ภายในห้องบรรทมขององค์จันทร์ เจ้าหลวงศศิมณฑลถูกจัดเตรียมใหม่สำหรับพิธีร่วมหอที่กำลังจักถึงฤกษ์ในไม่ช้า แต่ก่อนที่จักถึงฤกษ์ก็ทรงเรียกองครักษ์หนุ่มคนสนิทเข้าเฝ้าเพื่อสั่งงาน

“จัดการตามที่ข้าสั่งให้เรียบร้อยเข้าใจหรือไม่”

“พะย่ะค่ะ”

“...แลเหตุใดป่านนี้เจ้าบัวยังมิมาอีกหนา”พระสุระเสียงทุ้มตรัสกับองค์เอง แต่ก็มิวายจักดังพอให้องครักษ์คนสนิทได้ยิน

“ทรงพระทัยเย็นก่อนหนาพะย่ะค่ะ เจ้าน้อย..”ยังมิทันได้ทูลจบก็ถูกสายพระเนตรคมจ้องจนต้องกลืนคำพูดลงคอ

“พระชายาหาใช่เจ้าน้อยไม่ เจ้าบัวตบแต่งเป็นเมียข้าแล้ว เป็นชายาของข้า มิใช่เจ้าน้อยภุมริกาอีกต่อไป”

“ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ พระชายาบัวงามอาจจักต้องการเวลาในการเตรียมองค์ก็ได้หนาพะย่ะค่ะ”

“.....”

“แลทรงถอดฉลองพระองค์รอเยี่ยงนี้ พระชายาเข้ามาเจอเข้าคงพระทัยเสียน่าดู พระองค์ทรงดูหื่นกามนักพะย่ะค่ะ”เอ่ยกระเซ้านายเหนือหัว

“ไอ้เหม!!!”ทรงคว้าจอกน้ำจัณฑ์ปาใส่องครักษ์คนสนิท

“เหวอ...ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”เอี้ยวกายหลบได้อย่างหวุดหวิด

“ฮึ่ย..เอ็งออกไปได้แล้ว”ไล่ตะเพิด ก่อนจักคว้าจอกอันใหม่ขึ้นรินน้ำจัณฑ์ แลกระดกลงพระศอ

“พะย่ะค่ะ”ถวายบังคมก่อนจักออกจากห้องบรรทม สวนทางกับขบวนเกี้ยวของพระชายาที่มาเทียบอยู่หน้าตำหนักหลวง เห็นดังนั้นจึงรีบหลบออกจากทางเดินเข้าห้องบรรทม
ในคืนพิธีร่วมหอข้าหลวงที่อยู่รับคำสั่งจักมีเพียงข้าหลวงที่เป็นสตรีเท่านั้น ส่วนองครักษ์ แลข้าหลวงชายจักมิได้รับอนุญาตให้อยู่รับใช้ จักอยู่รอบๆตำหนักหลวงคอยเฝ้าระวังภัยแทน


.
.
.


ร่างอรชรค่อยๆก้าวลงจากเกี้ยวกระชับผ้าคลุมไหล่ให้มิดชิด พระพักตร์งามติดกังวลแต่ก็ก้าวตามข้าหลวงสาวมาที่ห้องบรรทมในตำหนักหลวง ห้องบรรทมของเจ้าหลวงศศิมณฑล ห้องบรรทมของพระภัสดา....

“ทูลฝ่าบาท พระชายาเสด็จแล้วเพคะ”กราบทูลความก่อนจักปลดผ้าคลุมไหล่ของเจ้าบัวออก แลผลักบานพระทวารให้พระชายาก้าวข้าวธรณีเข้าไป


แอ๊ด ปัง


เสียงปิดทวารทำเอาเจ้าบัวงามสะดุ้งน้อยๆ ทรงประทับยืนนิ่งอยู่หน้าพระทวารมิขยับ จนพระภัสดาต้องตรัสเรียก

“เข้ามาหาพี่สิเจ้าบัว”

“พะ พระเจ้าค่ะ”ก้มพระพักตร์งุดจนพระหนุชิดอุระ พระบาทเล็กก้าวช้าเข้าไปหาพระภัสดาที่ประทับรอบนพระแท่นบรรทม สายพระเนตรคมกริบจับจ้องร่างงามมิวางตา เจ้าบัวดอกงามนุ่งผ้าแถบสีขาวบางเฉียบแทบมิปกปิดอันใด เผยให้เห็นเม็ดบัวชูชันดันเนื้อผ้า แลโจงกระเบนสีเลือดหมูก็ตัดกับผิวขาวผ่องดูเย้ายวนเชิญชวนให้พระองค์ขย้ำเสียจริง ยอบกายหมอบกราบแทบพระบาท

“รินสุราให้พี่หน่อยสิเจ้า”ตรัสเมื่อดึงน้องน้อยให้นั่งบนพระยี่ภู่ข้างพระองค์แล้ว

“พระเจ้าค่ะ”ประคองพระหัตถ์ตนค่อยๆรินน้ำจัณฑ์ใส่จอกถวายพระภัสดา รับมากระดกลงพระศอทีเดียวแลยื่นให้เมียรินอีก

“อีก”รับสั่ง เจ้าบัวงามก้มพระพักตร์ทำตาม กระดกน้ำจัณฑ์เข้าพระโอษฐ์อีกครั้ง แต่ครานี้มิได้กลืนลงพระศอ หากแต่ดึงรั้งท้ายทอยของเจ้าบัวงามเข้าประกบพระโอษฐ์กับโอษฐ์จิ้มลิ้มพระชายา

“อ๊ะ”เจ้าบัวตกพระทัยเผยอพระโอษฐ์เปิดโอกาสให้พระภัสดาป้อนน้ำจัณฑ์จากพระโอษฐ์


แค่กๆๆ


 สำลักเบาๆ พระพักตร์งามแดงระเรื่ออย่างมิทราบว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุรา หรือ เพราะความอายกันแน่

“ฝะ ฝ่าบาท”ตรัสอย่างตื่นตระหนก

“....”มิตรัสแต่ซุกพระพักตร์เข้ากับซอกคอขาว สูดกลิ่นหอมบนเนื้อนวล ไล้พระนาสิกทิ้งลมร้อนจากพระปัสสาสะให้เจือติดบนฉวีขาวเนียน

“อ๊ะ ฝ่าบาท”มือน้อยดันพระอังสะองค์จันทร์ แต่หาได้ขยับเขยื้อนไม่ พระหัตถ์ลูบไล้กายบางเบาๆอย่างทะนุถนอม กอดรัดเหวี่ยงตวัดพลิกร่างน้อยให้นอนหงายลงบนพระยี่ภู่ กักขังน้องให้อยู่ในอ้อมพระกร เจ้าบัวทอดพระเนตรองค์จันทร์ที่คร่อมกายตนอย่างตื่นตระหนก เบี่ยงพระพักตร์งามหลบพระโอษฐ์ที่เคลื่อนเข้าใกล้ องค์จันทร์ประทานจูบให้เมียที่มุมปากแผ่วเบาราวกับกลัวว่าเมียจักช้ำ

“อย่ากลัวไปเลยเจ้าบัว”

“.....”

“พี่มิทำน้องเจ็บดอกหนา”ตรัสปลอบพลางไล้ปลายพระองคุลีไปตามขอบผ้าแถบผืนบาง สอดมุดเข้าใต้เนื้อผ้าสัมผัสผิวกายนุ่ม

“หมะ หม่อมฉันกลัวพระเจ้าค่ะ”พระสุระเสียงหวานสั่นเครือ

“มิต้องกลัว เชื่อใจพี่หนาคนดี”จับมือน้อยทั้งสองข้างที่ดันพระอังสะขึ้นจูบหนักๆ ก่อนจะจับคล้องพระศอ สบพระเนตรกับนัยน์ตากวาง พระพักตร์งามสมชายชาตรีค่อยๆเคลื่อนลงป้อนจุมพิตอ่อนหวานให้เมีย พระโอษฐ์เป็นกระจับเคล้าคลึง ดูดดึงกลีบปากสีระเรื่อของเจ้าบัวจนเกิดเสียงเบาๆ ปลายพระชิวหาไล้เลียรอยแยกของกลีบปากเบาๆ สอดพระชิวหาเข้าเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็ก พลิกตวัดคลุกเคล้าร้อนแรงขึ้นตามลำดับจนเจ้าบัวแทบสำลัก

“อึก อืม”เกี่ยวกอดพระศอแน่น ปลายพระนชาเล็กจิกพระฉวีตรงหลังพระศอจนขึ้นรอยเล็บเล็กๆ

“...อ่า”ถอนพระโอษฐ์ออก ซุกพระพักตร์ไซร้ซอกคอขาว กดจูบไล่ลงมาที่ลาดไหล่เล็ก ต้นแขนเรียว ขยับพระพักตร์ใช้พระนาสิกดุนดันเม็ดบัวผ่านเนื้อผ้าบาง

“อะ อื้อ ฝะ ฝ่าบาท”ครางพระสุระเสียงสั่น กายบางเกร็งเครียดยามพระชิวหาร้อนชื้นแตะลงบนยอดบัว พระทนต์ขบเบาๆอย่างหยอกล้อ ผ้าแถบผืนบางเมื่อเปียกพระเขฬะก็เผยให้เห็นเม็ดบัวงามสีหวานเด่นชัด ส่วนอีกข้างก็ถูกพระหัตถ์กอบกุมบีบเค้นหนักเบาให้สะท้านสั่น เรียวขาเล็กยกขึ้นเสียดสีกันระบายความร้อนรุ่มที่สุมในท้องน้อย



องค์จันทร์ยกพระพักตร์ขึ้นกดจูบที่ปลายคางของเจ้าบัว นัยน์ตากวางปรือปรอยหวานเชื่อม ทรงปลดผ้าแถบออกจากกายขาวโพลนโยนทิ้งอย่างมิใยดี ณ เพลานี้ทรงสนพระทัยเพียงเมียน้อยตัวขาวใต้ร่างพระองค์เท่านั้น พระหัตถ์สัมผัสผิวนุ่มๆอย่างหลงใหล กดจูบแผ่วเบาแต่แนบแน่น สูดดมกลิ่นหวานๆจากกายน้อง หากจักให้เปรียบเจ้าบัวในสายพระเนตรองค์จันทร์เพลานี้ก็ราวกับขนมเกสรชมพู ดังที่เขากล่าวว่าขนมเกสรชมพูนั้น “มันติดปาก หอมติดใจ หวานติดปลายลิ้น”

“อื้อ ฝ่าบาทพระเจ้า อ๊ะ”เจ้าบัวแอ่นอกจนแผ่นหลังโค้งราวคันศรด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้รับ ความร้อนชื้นจากพระชิวหาองค์จันทร์ราวกับเปลวไฟแผดเผากายบางให้ทุรนทุราย หากแต่ยิ่งแอ่นอกชิดพระโอษฐ์ องค์จันทร์ก็ยิ่งตวัดชิวหาระรัว ขบเม้ม ดูดดึงยอดอกนุ่มหยุ่น สลับข้างไปมาจนพอพระทัยจึงได้ขยับพระวรกายลงต่ำ ปลายพระชิวหาลากตั้งแต่กลางอกลงมาถึงหลุมเล็กกลางหน้าท้องราบ ทรงทอดพระเนตรไฝเม็ดเล็กเหนือหลุมสะดือเล็ก แตะชิวหาไล้เลีย ดูดเม้มจนขึ้นรอยรักสีระเรื่อ

“อ๊ะ ฝ่าบาท มะ ไม่หนาพระเจ้าค่ะ”สะดุ้งคว้าพระหัตถ์ที่กำลังคลายโจงกระเบนสีเลือดหมูของตน

“ชู่ว...มิต้องกังวล”ตรัสปลอบ แลขยับพระหัตถ์ต่อจนสุดท้ายผ้าโจงกระเบนปราการด่านสุดท้ายของเจ้าบัวก็ถูกเหวี่ยงทิ้งไปไกลพระแท่นบรรทม ร่างกายอรชรขาวโพลนต้องแสงจันทร์งดงามน่าหลงใหล

“อือออออ”เจ้าบัวหลับตาครางหวิว สองแขนเรียวกอดตัว แลสองขาก็หนีบแน่นปกปิดกายตนจากสายพระเนตรคมกล้า

“ให้พี่เชยชมเจ้าหนาเจ้าบัวงาม..คนดี”ตรัสปลอบประโลมพลางใช้พระหัตถ์แยกเรียวขาน้องออกจากกัน เจ้าบัวพยายามขืนสู้ แต่ก็สู้แรงงหนุ่มมิได้ ทรงจับเรียวขาเล็กแยกออกจากกันเผยให้เห็นเกสรดอกบัวสีสวย แลกลีบบัวงามที่ปิดสนิทด้านหลัง หากแต่คืนนี้แล พระองค์จักเปิดมันเอง พระหัตถ์ลูบเบาๆทิ้งสัมผัสร้อน เกสรบัวเมื่อถูกสัมผัสก็ตั้งชัน ปลายพระองคุลีไล้ต่ำมาสัมผัสกลีบบัวสีระเรื่อ

“ฮึก...ฝ่าบาท”เจ้าบัวหลับตาสะดุ้งทุกคราที่ถูกสัมผัส ฝ่าพระหัตถ์ลูบไล้ทำความเคยชินที่หว่างขาน้อง พระนาสิกก็ไล้ไปมาพรมจูบที่หน้าขาขาว จูบซับทิ้งรอยแดงประปราย ยกพระดรรชนี แลพระมัชฌิมาแตะริมฝีปากเจ้าบัวงามไล้ตามรอยแยกของกลีบปาก สอดเข้าควานในโพรงปากเล็ก กวาดน้ำหวานจนชุ่มองคุลี

“อึก..ฮึก”เจ้าบัวส่ายหน้าน้อยๆ ลิ้นเล็กดันสู้องคุลีเรียวยาวจนน้ำใสเลอะมุมปาก ทรงถอนองคุลีออกจูบซับปลอบใจที่ปากช้ำ แตะองคุลีที่ชุ่มด้วยน้ำใสจากปากเมียที่รอยจีบด้านหลัง ปัดป่ายจนกลีบบัววาวด้วยของเหลว กดดันองคุลียาวเข้าไปในควานในกลีบงาม

“อ๊า อ๊ะ..ฮือ ฝ่าบาท”กระทดสะโพกหนี แต่ก็ถูกตรึงไว้ ความรู้สึกบอกมิถูกแล่นพล่านพระภัสดาทรงหมุนขยับองคุลีเข้าออก งอครูดให้สะท้านเฮือก ยังมิทันได้หายตกใจ องคุลีที่สองก็ถูกดันเข้ามาเพิ่ม ครานี้เจ็บตึงอึดอัดเสียจนน้ำตาไหล

“ฮึก อ๊าาา”ร้องบอกเสียงพร่า

“ทนหน่อยหนาคนดี”

“ฮึก...อื้อออ”หลับตาแน่นเกร็งเมื่อองคุลีที่สามดันเข้ามาอีก

“อย่าเกร็งเจ้าบัว ประเดี๋ยวจักเจ็บกว่านี้หนาน้อง”

“หม่อมฉันเจ็บพระเจ้าค่ะ..ฮ้าาาา”เจ็บแปลบราวกับเกิดบาดแผล

“ทนหน่อยหนา”

“ฮึก...อึก อื้มมมม”พยายามผ่อนคลายแต่ทุกคราที่องคุลีขยับแทรกเข้าออก หมุนคว้านก็อดที่จักเกร็งตัวมิได้ มือน้อยจิกพระเขนยแน่นแทบขาดคามือ

“เจ้าบัว เด็กดี”ตรัสชม ยกเรียวขาขาวข้างหนึ่งพาดบนพระอังสะ พระโอษฐ์แต้มตามปลีน่อง จูบซับ กัดเบาๆจนน้องสะดุ้ง องคุลีทั้งสามหมุนควาน จนกลีบบัวเริ่มคลายตัว เจ้าบัวเกร็งจิกเท้ากับพระยี่ภู่ เหงื่อซึมทั้งร่าง รู้สึกราวกับมีพายุผีเสื้อพัดกระหน่ำในช่องท้อง องค์จันทร์ถอนองคุลีออกจากกลีบบัวช้ำ ปลดท่อนขาเรียวลงจากพระอังสะ แก้โจงกระเบนสีดำเขม่าที่ทรงสวมอยู่ออก เผยความเป็นชายที่แข็งขืนเหยียดตรึงจนเจ้าบัวหน้าม้าน ปรางนวลแดงก่ำราวลูกตำลึงสุก ทรงจ่อแท่งจันทร์ที่กลีบบัวถูไถสร้างความเคยชิน กดแทรกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เข้าไปได้เพียงปลายเจ้าบัวก็ไห้ด้วยความเจ็บแสบ

“ฮึก..ฮือ เจ็บพระเจ้าค่ะ”มือน้อยดันพระอุทรมิให้เข้ามามากกว่านี้ เพียงแค่ปลายก็เจ็บเจียนตาย

“อืม...ทนหน่อยหนา ประเดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วเจ้าเอ๋ย”

“ฮึก...ฮ๊าาาา อ๊าาาา”สะอื้นฮัก พยายามสูดหายใจลึกๆหวังให้คลายความเจ็บปวด คลายความเกร็งเมื่อทรงอยู่นิ่ง หากแต่องค์จันทร์กลับใช้โอกาสนี้ดันแท่งจันทร์เข้าสุดลำ เจ้าบัวงามผวาหวีดร้องสุดเสียง แขนเรียวโอบตวัดรอบพระขนองกว้าง จิกขูดเล็บลงบนพระฉวีระบายความเจ็บ กลีบบัวชอกช้ำฉีกเล็กน้อยได้เลือด เจ็บชาไปถึงหน้าขา

“ชู่วว คนดี”ตระกองกอดร่างบอบบาง พระหัตถ์ลูบผมนุ่มปลอบประโลม พระโอษฐ์กดแต้มไปตามปรางขาว แลกกหู พระโสณีสอบหมุนวนเย้าแหย่ ขยับเข้าออกช้าๆ

“ฮึก อื้อ”ซบใบหน้างามกับพระอังสะ จากความเจ็บปวดก็กลายเป็นความหฤหรรษ์ เกาะเกี่ยวพระขนองชื้นพระเสโทแน่น แยกขาเรียวออกรับแรงกระแทกจากพระโสณีสอบ เชิดหน้าครางเครือเสียงกระเส่า แผ่นหลังบางไถขึ้นลงเสียดสีกับพระบรรจถรณ์จนแดงเป็นริ้ว

“อ่า...อืม”พระสุระเสียงทุ้มต่ำคำรามในพระศอเครือ เมื่อกลีบบัวบีบรัดแท่งจันทร์จนปวดปลาบ จนต้องบรรเทาด้วยการเร่งความเร็วขยับกระทั้น เสียงการสอดใส่ แลเสียงพระอูรุกระทบกับแก้มก้นนุ่มดังก้องห้องบรรทม พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอขาวชื้นเหงื่อของน้อง พระหัตถ์บีบเค้นเม็ดบัวทั้งสองข้างบนแผ่นอกบาง

“ฮ๊า อ๊า อ๊ะ อ๊ะ”

“ซี๊ด อื้ม อาาา”กระทั้นถี่ขึ้น แรงขึ้นจนเกร็งพระวรกายปลดปล่อยสารธารแห่งชีวิตใส่กลีบบัวช้ำทุกหยาดหยด เจ้าบัวกัดฟันแน่นปล่อยน้ำหวานจากเกสรพุ่งรดพระอุทรพระภัสดา
ในพิธีร่วมหอคืนนี้ทรงบรรเลงเพลงรักกับเจ้าบัวอยู่เกือบรุ่งสางจึงได้ฤกษ์เปิดห้องบรรทมส่งพานผ้าขาวบางเปื้อนพระโลหิตพรหมจรรย์ของพระชายา หลักฐานการร่วมหอให้ข้าหลวงสาวที่รอถวายงานรับไป จึงกลับเข้าห้องบรรทมกกกอดเมียที่นอนซมรอบนพระแท่นบรรทม


.
.
.


เจ้าบัวนอนตะแคงเกร็งตัว หลับตาแน่นยามพระโอษฐ์ร้อนไล่แตะไปตามแนวสันหลังเปลือย ตั้งแต่ตื่นขึ้นก็ยังมิมีโอกาสได้ลงจากพระแท่นบรรทม พระภัสดาทรงกกกอดมิยอมปล่อย เหนื่อยแทบขาดใจ เสียงหวานแหบแห้ง

“อือ”สะดุ้งครางเครือเมื่อพระทนต์ขบกัดที่แก้มก้นนุ่ม   

“บัวใดเล่าจักงามเท่าบัวในมือข้า”ทรงตรัสพระสุระเสียงพร่า

“อื้อออ ฝ่าบาท หม่อมฉันมิไหวแล้วพระเจ้าค่ะ”หากต้องถวายงานรับใช้พระภัสดาอีกรอบคงจักตายคาพระอุระเป็นแน่

“มิทำแล้วเจ้า แต่ให้พี่คลอเคลียเถิดหนา”พลิกกายบางของเมียให้นอนหงายหนุนพระกร พระนาสิกคลอเคลียปรางขาว พระโอษฐ์จูบตามสันกรามเล็กลงมาที่ปลายคางแหลม เคลื่อนมาหยุดที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มบวมช้ำแทะเล็มอย่างมิรู้เบื่อ พระหัตถ์วางบนแผ่นอกบางบีบคลึงเนื้อนวลจนช้ำระเรื่อ

“อึก อื้อ”ช้อนนัยน์ตากวางคลอน้ำสบสายพระเนตรคมอย่างอ้อนวอน

“หึหึหึ”พระสรวลน้อยๆ ทรงลูบกลุ่มผมนุ่มยุ่งเหยิงของน้องน้อยให้เข้าที่เข้าทาง ตระกองกอดร่างบางแนบพระอุระ เจ้าบัวหลับตาซบหน้าลงบนพระอุระเปลือยปล่อยตัวปล่อยใจให้เข้าสู่ห้วงนิทรา


กว่าที่ทั้งสองพระองค์จักได้ก้าวออกจากห้องบรรทมก็ใกล้หมดวันเข้าไปแล้ว แลมื้อกายาหารเย็นวันนี้ก็มีเพียงองค์จันทร์ แลเจ้าบัว ด้วยผู้ใหญ่ใคร่อยากให้ผัวเมียข้าวใหม่ปลามันได้ใช้เวลาด้วยกัน หากแต่มิใช่กับองค์ภุมริน เสือหวงลูก แต่ก็ถูกเมียรักอย่างเจ้าชมนาดดักทางไว้เสียก่อน

“ฮึก”เจ้าบัวงามสะดุ้งเฮือก เมื่อป้อนพระกายาหารพระภัสดาแล้วถูกพระทนต์ขบที่ปลายนิ้วเบาๆอย่างหยอกเย้า

“หึหึหึ”พระสรวลอย่างเอ็นดู ก่อนจักป้อนเนื้อปลาใส่ปากเมีย

“.....”เจ้าบัวมองเนื้อปลาสีขาวที่จ่อปากอยู่ ก่อนจักช้อนนัยน์ตามองพระพักตร์

“กินสิเจ้า”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ค่อยๆอ้าปากรับ

“อร่อยหรือไม่”ตรัสถามพลางไล้พระพระอังคุฐกับกลีบปากน้อง

“พระเจ้าค่ะ”หลบสายพระเนตรก้มมองตักตน

“เช่นนั้นก็กินเยอะหนา...จักได้มีแรงถวายงานให้พี่”ประโยคสุดท้ายกระซิบชิดใบหูเล็ก

“ฝ่าบาท”เจ้าบัวหน้าแดงซ่าน

“หึหึหึ”

“หมะ หม่อมฉันอิ่มแล้วพระเจ้าค่ะ”

“เหตุใดจึงกินน้อยเยี่ยงแมวดมเช่นนี้”

“...”

“มาพี่จักป้อน”

“...ฝ่าบาท”

“กินที่พี่ป้อนให้หมด...หนาน้อง”พระสุระเสียงอ่อนโยนทำเอาเจ้าบัวปฏิเสธไม่ลง อ้าปากรับข้าวที่พระภัสดาป้อน

“ทูลฝ่าบาท พระมารดาของพระชายารับสั่งให้พระชายาเสวยโอสถที่นำมาจากภุมริกาด้วยเพคะ”

“ขอบใจหนา”เจ้าบัวยิ้มบางส่งให้

“มิได้เพคะ”ก้มหน้าพลางถวายโอสถน้ำถ้วยโตให้พระชายา

“ฝ่าบาท หม่อมฉันกินมิไหวแล้วพระเจ้าค่ะ หากฝืนอีกคงจักกินโอสถที่เสด็จแม่ประทานให้มิได้แน่ๆพระเจ้าค่ะ”

“ก็ได้ๆ พี่จักมิบังคับเจ้า...เช่นนั้นก็ดื่มโอสถที่เสด็จแม่ชมนาดประทานให้เถิด”แก้มนวลแดงระเรื่อทรงเรียกพระมารดาของเจ้าบัวงามว่าเสด็จแม่ชมนาด

“พระเจ้าค่ะ”ประคองถ้วยโอสถขึ้น

“พี่ป้อนหนาน้อง”พระหัตถ์อุ่นยกกุมมือเล็กค่อยๆประคองถ้วยโอสถขึ้นจรดริมฝีปากเจ้าบัว

“อึก”จิบโอสถสีดำรสขม กลิ่นฉุนแล้วก็หลับตาขมวดคิ้วมุ่นจนพระภัสดาสรวลอย่างเอ็นดู

“หึหึหึ...ทนกินหน่อยหนาเจ้า”ตรัสปลอบ

“พระเจ้าค่ะ”ฝืนกินจนหมดถ้วย

“เก่งมากคนดี...โอสถนี่จักช่วยให้เจ้าตั้งครรภ์ลูกของพี่ใช่หรือไม่”ตรัสถามพลางลูบผมนุ่ม

“พะ พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้น เจ้าดื่มโอสถแล้ว เห็นทีคืนนี้เจ้าคงจักต้องถวายงานพี่อีก โอสถจักได้สัมฤทธิ์ผล แลลูกจักได้มาเกิดไวไว”

“ฝ่าบาท”ก้มหน้าจิกมือตนระบายความเขินอาย

“หึหึหึ”รั้งร่างบางให้ซบพระอุระกว้าง กดพระนาสิกที่ขมับขาว


.
.
.


เมื่อตะวันลับฟ้า นิศากาลมาเยือน ภายในห้องบรรทมของเจ้าหลวงศศิมณฑล กลิ่นกำยานหอมหวานอบอวลไปทั่วทั้งห้องบรรทม คละเคล้ากับกลิ่นอายกามารมณ์ สองร่างกอดก่ายพะเน้าพะนอกันบนพระแท่นบรรทม

“ฮื้อ ฝ่าบาท”ครางเครือเสียงสั่นยามที่พระโอษฐ์ร้อนแตะแต้มไปตามผิวขาวจนแดงระเรื่อ มือเล็กถูกรวบตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยพระหัตถ์ใหญ่

“เจ้าบัวงาม...อ่า”บัวดอกนี้ช่างงดงาม แลหอมหวานยั่วยวนให้พระองค์หลงใหลจนถอนพระองค์มิขึ้น

“ฮึก...ฝ่าบาท หม่อมฉัน อ๊า”แอ่นอกจนแผ่นหลังโค้งเป็นคันศร เม็ดบัวกลางอกถูกพระชิวหารังแกจนบวมช้ำ ร่างอรชรเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ หากแต่พระภัสดากลับตวัดพระชิวหากวาดเลียผิวน้องแทบทั้งตัว

“อืม...”

“ฮึก หม่อมฉันมิไหวแล้วพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท ฮือ ได้โปรด”นัยน์ตากวางคลอน้ำจวนเจียนจะหยด

“ก็ได้ๆ คืนนี้พี่คงจักรังแกเจ้ามากเกินไป เนื้อตัวช้ำชอกหมดแล้ว ขอโทษหนาเจ้า”ปลดข้อมือเล็กในอุ้งพระหัตถ์ไห้เป็นอิสระ พระอังคุฐปาดน้ำตาที่ไหลมาจากหางตากลมโตอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าน้องจักช้ำไปมากกว่านี้

“ฮึก...”สะอื้นเบาๆ ตั้งแต่เกิดมาเป็นเจ้าน้อยแห่งภุมริกายังมิเคยเหนื่อยปานขาดใจเช่นนี้มาก่อน ไหนจักความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้น

“มิร้องหนาเจ้า ประเดี๋ยวจักเจ็บไข้ไป”รั้งร่างเล็กเข้ามาตระกองกอด พระกรกอดรัดเอวบาง พระหัตถ์ลูบแผ่นหลังเนียนปลอบ

“อึก..ฮึก”เจ้าบัวซบหน้ากับอุระ หลับตาผ่อนลมหายใจก่อนจักเข้าสู่ห้วงนิทรา ปล่อยให้พระภัสดาแทะเล็มร่างกายตนไปเรื่อย


.
.
.


“.....”

“เสด็จพ่อ”ตรัสเรียกพระบิดาพระสุระเสียงอ่อย

“เหอะ”ส่งพระสุระเสียงขึ้นพระนาสิก เบือนพระพักตร์หนีใบหน้างามของลูกทีกำลังออดอ้อนอยู่ เรียกสายพระเนตรระอาน้อยๆจากชายา แลโอรสองค์โต จักมีเรื่องใดให้กริ้ว นอกเสียจากว่าทรงมิพอพระทัยองค์จันทร์ที่กักตัวเจ้าบัวไว้ถึงสองวันสองคืน

“บัว...ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”ตรัส แลก้มพระพักตร์ต่ำ

“ลูกมิได้ทำกระไรผิด ใยจึงต้องขอประทานอภัยเจ้าบัว”เจ้าชมนาดทนมิไหวอีกต่อไป จึงโพล่งขึ้น

“.....”

“แลเสด็จพี่ก็เช่นกัน จักหวงลูกไปถึงไหนพระเจ้าค่ะ เพลานี้ลูกก็มีพระภัสดาเป็นตัวเป็นตนแล้ว จักมากริ้วเรื่องมิเป็นเรื่องเช่นนี้มิได้หนาพระเจ้าค่ะ”เอ็ดเสียงเขียว

“เจ้าชมนาด”ตรัสแย้งขึ้น

“ตอนพระองค์ร่วมหอกับหม่อมฉัน กว่าจักได้ออกจักห้องบรรทมก็เกือบสามวันเข้าให้ ณ เพลานั้นหม่อมฉันท้องอยู่พระองค์ยังมิทรงเมตตา แลจักมากริ้วองค์จันทร์ได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ”ราวกับอัดอั้นตันใจมานาน

“เจ้าชมนาด โธ่ น้องจ๋า...”จากที่แสร้งโกรธกริ้วให้ลูกง้อ กลับกลายเป็นว่าต้องเป็นฝ่ายง้อเมียแทนเสียนี่

“...เสด็จพ่อลูกขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“เฮ้อ..ช่างเถอะๆ พ่อมิกริ้วเจ้าดอกเจ้าบัวงาม”ก็ลองกริ้วซี มีหวังเจ้าชมนาดได้กริ้วพระองค์จนกลับภุมริกาเป็นแน่

“มิเป็นไรหนาเจ้าบัว มิต้องคิดมากดอกลูก”ลุกหนีพระภัสดา รั้งร่างบางของลูกเข้ากอดปลอบ

“เสด็จแม่”กอดร่างบางของพระมารดาตอบ ใบหน้างามซบบนลาดไหล่เล็ก อีกมิกี่วันพระบิดา พระมารดา แลพระเชษฐาก็ต้องกลับภุมริกาแล้ว ยังทำพระทัยมิได้เลยที่จกต้องห่างอกครอบครัวเยี่ยงนี้ ตลอดสิบแปดปีมานี่ทรงอยู่แต่ในรั้วในวัง อยู่ในอ้อมอกพ่อแม่ แลพี่ชายมิเคยได้ห่าง เมื่อต้องมาอยู่คนเดียวที่ต่างแคว้นก็ทำพระทัยลำบากนัก


หลังเข้าเฝ้าพระบิดา พระมารดา แลพระเชษฐาแล้วก็ทรงกลับตำหนักหลวง

“ทูลพระชายาบัวงาม องค์จันทร์เรียกหาเพคะ”

“ทรงอยู่ที่ใดหรือ”

“ทรงประทับอยู่ที่ตำหนักทรงงานเพคะ”

“ขอบใจเจ้าหนา”

“มิได้เพคะ”

เสด็จไปเข้าเฝ้าพระภัสดาที่ตำหนักหลวง

“ทูลฝ่าบาท พระชายาเสด็จเพคะ”

“เข้ามา”

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”หมอบกราบ

“ลุกขึ้นเถิดเจ้าบัว”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“มาหาพี่สิเจ้า”ทรงเรียกให้น้องน้อยไปนั่งเคียงพระวรกาย

“ทรงเรียกหาหม่อมฉันมีเรื่องอันใดหรือพระเจ้าค่ะ”

“น้องจำเรื่องที่พี่บอกได้หรือไม่ เจ้าบัว”

“เรื่องใดพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องที่พี่จักให้สายหยุดมารับใช้เจ้าเยี่ยงไรเล่า”

“เอ่อ..พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“พี่เหม”

“สายหยุด”

“พี่เหมมาหาสายหยุดถึงบ้านมีเรื่องอันใดหรือจ๊ะ”

“องค์จันทร์ท่านให้พี่มาคุยกับสายหยุดน่ะเจ้า”

“คุยกับสายหยุดเรื่องใดจ๊ะ”

“ทรงใคร่อยากให้สายหยุดเข้าวังไปเป็นคนสนิทของพระชายาบัวงาม”

“ให้สายหยุดน่ะหรือจ๊ะไปเป็นคนสนิทของพระชายา”

“ทรงไว้ใจสายหยุดมากกว่าใคร จึงใคร่อยากให้เจ้าดูแลพระชายา”

“.....”

“เจ้าจักว่าอย่างไร”

“ทรงเมตตาสายหยุดนัก”

“.....”

“เยี่ยงนั้นสายหยุดคงมิขัดพระราชประสงค์ดอกจ้ะ หากแต่คงต้องไปบอกแม่เสียก่อน”

“พี่คุยกับป้าทิพย์แล้วล่ะ”

“หรือจ๊ะ”

“หากเจ้ามิขัดข้อง ทรงให้พี่มารับสายหยุดเข้าวังวันนี้เลย”

“ได้จ้ะ ประเดี๋ยวขอสายหยุดเก็บข้าวของก่อนหนาจ๊ะ พี่เหม”

“จ้ะ พี่จักรอหนา”

“จ้ะ”


.
.
.


“ทูลฝ่าบาทหม่อมฉันพาสายหยุดมาแล้วพะย่ะค่ะ”

“เข้ามา”

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท ถวายพระพรพระเจ้าค่ะพระชายา”

“มิต้องมากพิธีดอกสายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้าหนาที่ยอมมาดูแลเจ้าบัวให้ข้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“นอกจากเจ้า ข้าก็มิไว้ใจให้ผู้ใดมาดูแลเจ้าบัว”

“ขอบใจพี่สายหยุดหนาจ๊ะ ที่ยอมมาเป็นคนสนิทของข้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะพระชายา”

“เอาล่ะ เจ้าเข้าวังมาเหนื่อยก็ไปพักเสียก่อนเถิดสายหยุด”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ”














หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๐๘.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-01-2018 19:41:12
กว่าจะได้ออกมาจากห้อง อิอิ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๐๘.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 08-01-2018 21:01:04
เจ้าจันทร์อย่าทำน้องบัวเสียใจนะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๐๘.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-01-2018 21:16:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๐๘.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 08-01-2018 21:30:15
เจ้าจันทร์น้องบัวงามช้ำหมดแล้ว :o8: :mew3:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๐๘.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 08-01-2018 22:23:31
:pig4:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๐๙.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 09-01-2018 20:53:59



บัวหลงจันทร์ ๐๖


วันนี้เป็นวันแรกที่สายหยุดได้เข้าวังหลวงมารับใช้พระชายาบัวงาม

“พี่สายหยุด”พระสุระเสียงหวานเอ่ยเรียกคนสนิทคนใหม่ที่พระภัสดาประทานให้

“พระเจ้าค่ะพระชายา”

“ข้าใคร่อยากไปเดินเล่นที่สวนพฤกษา พี่สายหยุดไปเป็นเพื่อนข้าทีจักได้ไหมจ๊ะ”

“พระเจ้าค่ะ”


เจ้าบัวงามเสด็จประพาสสวนพฤกษาโดยมีคนสนิทอย่างสายหยุดเดินตาม พร้อมพระพี่เลี้ยง แลขบวนข้าหลวงสาวที่ตามถวายงานรับใช้ ดูท่าจักทรงโปรดสวนพฤกษาของศศิมณฑลเป็นพิเศษ พระพักตร์งามแต่งแต้มรอยยิ้มน่ามอง พระหัตถ์บางลูบกลีบบุบผาเบาๆราวกับกลัวช้ำ จรดพระนาสิกสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ พลางยกพระโอษฐ์สรวลบางๆ

“ทูลพระชายา ฝ่าบาทเสด็จเพคะ”เสียงพระพี่เลี้ยงสาวดังขึ้นเรียกให้พระวรกายบอบบางหันมองขบวนเสด็จของพระภัสดา

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”ยอบกายหมอบกราบ

“ลุกเถิดเจ้าบัว”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“พี่กลับตำหนักหลวงไปมิเจอเจ้า ข้าหลวงบอกว่าเจ้ามาเดินเล่นที่สวนพฤกษาจึงได้ตามมา”

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเหงาใคร่อยากเดินเล่น จึงชวนพี่สายหยุดออกมาที่สวนพฤกษาพระเจ้าค่ะ”เมื่อพระบิดา พระมารดา แลพระเชษฐาเสด็จกลับภุมริกาไปแล้ว พระภัสดาก็ต้องทรงงาน เจ้าบัวงามจึงเหงามิใช่น้อย ยังดีที่มีสายหยุดให้คุยด้วยคลายเหงา

“พี่มิโกรธน้องดอก เพียงแต่ตกใจเล็กน้อยเท่านั้น นึกว่าเมียหายเสียแล้ว”ตรัสเย้า

“ฝ่าบาท”ก้มพระพักตร์ ปรางขาวแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

“หึหึหึ”

“.....”ช้อนนัยน์ตากวางขึ้นมองพระพักตร์งามขององค์จันทร์ พระเสโทผุดซึมเต็มพระนลาฏ เห็นดังนั้นจึงหยิบซับพระพักตร์สีขาวสะอาด อบกลิ่นบุหงารำไปจนหอมฟุ้งที่เหน็บตรงชายพกขึ้นซับหยาดพระเสโทให้พระภัสดา องค์จันทร์ชะงักก่อนจักก้มพระพักตร์ลงให้น้องน้อยซับพระเสโทให้ได้ถนัดขึ้น พระโอษฐ์ยกแย้มยิ้มพึงพระทัย

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ”พระสรวลน้อยๆ ปลายพระดัชนีเกลี่ยปรางแดงระเรื่อ พระโอษฐ์แนบเบาๆที่ขมับน้องก่อนจักผละออก พระหัตถ์กุมมือเล็กพาเจ้าบัวเดินเล่นชมดอกไม้

“เอ้อ สายหยุด เป็นอย่างไรบ้างเจ้าบัวซนกระไรให้เจ้าเหนื่อยหรือไม่”ตรัสเย้าทั้งเมีย แลสายหยุด

“มิได้พระเจ้าค่ะ พระชายามิได้ซุกซนอันใดพระเจ้าค่ะ”

“ฮะๆๆๆ เยี่ยงนั้นหรือ เป็นเด็กดีมากเจ้า”พระสรวลเสียงดัง ก่อนจักก้มพระพักตร์ลงมากระซิบชมติดใบหูเล็ก

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”
สองพระองค์จับมือกับเดินชมสวนพฤกษา โดยมีสายหยุด องครักษ์เหมเดินตามเสด็จคู่กัน

“พี่เหม”สายหยุดเอ่ยเสียงสั่นเมื่อมือน้อยถูกกอบกุม

“หึหึ ขอพี่จับมือหน่อยหนาเจ้า”

“จ้ะ”ก้มหน้าซ่อนริ้วแดงๆที่พาดผ่านแก้มใส



ในสวนพฤกษาที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของบุบผานานาชนิด ตะวันยามเย็นคล้อยลงดิน คนเป็นนายจับมือกันเดินนำหน้า ตามด้วยองครักษ์หลวง แลคนสนิทของพระชายาที่จับมือกันเดินตาม


.
.
.


ภายในห้องบรรทมตำหนักหลวง องค์จันทร์ประทับนั่งบนขอบพระแท่นบรรทม ทอดพระเนตรเจ้าบัวงามที่นั่งพับเพียบบรรจงออกแรงนวดพระชงฆ์ให้พระองค์อย่างตั้งอกตั้งใจ

“ทรงเป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันทำพระองค์เจ็บหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“มิเจ็บดอกเจ้า กำลังสบายเทียว”

“พระเจ้าค่ะ”ยิ้มน้อยๆให้พระทัยสั่น



ก๊อกๆๆ



“ทูลฝ่าบาท แลพระชายา หม่อมฉันนำโอสถ แลพระสุธารสชาลอยดอกมัลลิกามาถวายเพคะ”

“เข้ามา”พระสุระเสียงทุ้มสั่ง

“ขอบใจหนา”เจ้าบัวเอ่ยพลางยิ้มให้ข้าหลวงสาว

“มิได้เพคะพระชายา”หมอบกราบก่อนจะคลานออกจากห้องบรรทม

“พอแล้วล่ะเจ้าบัว...ขอบใจหนา”ตรัสพลางลูบผมนุ่ม

“มิได้พระเจ้าค่ะ”เอ่ยเสียงหวานก่อนจักลุกขึ้นล้างมือในอ่างทองเหลืองที่มุมห้อง ร่างบางเดินกลับมาจัดเตรียมพระสุธารสชาลอยดอกมัลลิกาให้พระภัสดา

“.....”ทอดพระเนตรเมียรักเพลินพระเนตร

“ทรงเสวยพระสุธารสชาลอยดอกมัลลิกาสักหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ จักได้บรรทมสบาย”ถวายจอกพระสุธารสชาลอยดอกมัลลิกาหอมกรุ่นให้

“เจ้าก็ดื่มโอสถเถิด”รับจอกจากมือบางมา แลพยักพระพักตร์ให้เจ้าบัวดื่มโอสถสีดำกลิ่นฉุนในถ้วย

“พระเจ้าค่ะ”ยกถ้วยขึ้นจรดริมฝีปากบาง ค่อยๆจิบจนหมดถ้วย

“เป็นอย่างไรบ้างน้อง”

“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทจักทรงรับพระสุธารสชาอีกหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“อืม เอามาให้พี่อีกจอกก็พอ”

“พระเจ้าค่ะ”วางถ้วยโอสถ แลรินพระสุธารสชาในกาดินเผาลวดลายสวยงามใส่จอกให้พระภัสดา

“ขอบใจหนา”รับจอกจากมือเล็กมาเป่าไล่ความร้อน ก่อนจะกระดกเข้าพระโอษฐ์ พระหัตถ์รั้งท้ายทอยเจ้าบัวประกบพระโอษฐ์ป้อนพระสุธารสชาให้น้องน้อย กลิ่นหอมของดอกมัลลิกาอบอวลทั้งพระโอษฐ์

“อึก อือ ฮื้อ”เจ้าบัวหลับตากลืนพระสุธารสชาที่พระภัสดาป้อนให้จนหมด พระชิวหาเกี่ยวพันกันไปมา เล็บเล็กจิกบนพระอังสะเปลือยจนทิ้งรอยไว้ องค์จันทร์เอียงพระพักตร์บดจูบน้องตะกรุมตะกรามจนพระเขฬะซึมเลอะขอบพระโอษฐ์ พระหัตถ์เลื่อนลงปลดผ้าแถบสีขาวลายดอกของเจ้าบัวโยนทิ้งมิใยดี มือน้อยผลักพระวรกายกำยำออกเมื่อพระดัชนีบดบี้ยอดถันตน

“ฝ่าบาท อื้อ ไม่หนาพระเจ้าค่ะ”

“ทำไมเล่าเจ้าบัว”ตรัสถามพลางซุกไซร้ซอกคอขาว

“อื้อ”กายบางถูกผลักให้นอนหงายบนพระยี่ภู่ แล้วจักปฏิเสธห้ามปรามได้อย่างไร จำต้องถวายตัวรับใช้พระภัสดาในค่ำนี้

“อ่า เจ้าบัวงาม”

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาา”เสียงหวานครางเครือให้ข้าหลวงที่เฝ้าพระทวารหน้าม้าน


.
.
.



รุ่งอรุณมาเยือน ตะวันสาดแสงวันใหม่


จ๋อม


เสียงน้ำในสระสรงกระเพื่อมเมื่อพระวรกายสูงใหญ่ขยับโอบกอดกายขาวของเมีย ปลายพระนาสิกไล้ตามขอบหน้าหวาน

“ฝ่าบาท..พอแล้วหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักเข้าประชุมกับเหล่าขุนนางมิทันหนาพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานสั่นเอ่ยเตือนพลางเอียงใบหน้าหลบพระนาสิกซุกซน

“ฟู่ว...หากเป็นไปได้พี่ใคร่อยากอยู่กับเจ้าทั้งวันทั้งคืน”ถอนพระปัสสาสะซบพระพักตร์กับซอกคอขาวของเจ้าบัว

“.....”เจ้าบัวหน้าม้านด้วยความเขินอาย

“.....”

“...รีบสรงน้ำเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักมิทันการ”

“จ้ะๆ”


.
.
.


เมื่อองค์จันทร์เสด็จไปที่ท้องพระโรงเพื่อร่วมประชุมหารือกับเหล่าขุนนาง เจ้าบัวงามก็เสด็จเข้าเฝ้าพระสัสสุ

“เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าบัวงาม สบายกาย สบายใจดีใช่ไหมลูก”

“พระเจ้าค่ะพระมารดา”

“พระมารดากระไรกันลูก เรียกแม่สิเจ้า”

“...พระเจ้าค่ะ เสด็จแม่”

“หึหึ...แม่ได้ยินว่าเจ้าจันทร์ให้สายหยุดมาเป็นคนสนิทเจ้าหรือ”

“พระเจ้าค่ะ มีพี่สายหยุดเป็นเพื่อน หม่อมฉันคลายเหงาได้มากเทียวพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ ดีแล้ว ตอนเจ้าจันทร์เด็กๆก็มีเจ้าเหม แลสายหยุดนั่นแลเป็นเพื่อนเล่น”

“พระเจ้าค่ะ”
 
เจ้าบัวงามทรงอยู่พูดคุยกับพระมารดาศศิธรอยู่จนสายจึงได้ลากลับตำหนักหลวงให้พระสัสสุได้พักผ่อน ระหว่างทางหรือก็พบกับบุตรสาวขุนนางสองคนจับกลุ่มนินทาเบื้องสูงอย่างมิเกรงกลัวอาญา

“มิรู้ว่าฝ่าบาททรงดำริกระไรอยู่ถึงได้ให้นังบ้านนอกสายหยุดมาเป็นคนสนิทของพระชายา”

“ได้ยินว่าฝ่าบาททรงต้องใจนังบ้านนอกสายหยุดเสียก่อนที่จักแต่งตั้งพระชายาอีกหนาเจ้า”

“หรือจักทรงใคร่อยากให้นังบ้านนอกสายหยุดถวายตัวให้”

“ว้าย แต่งตั้งพระชายามิทันถึงสิบวันจักทรงมีสนมแล้วหรือ คิกๆๆ”

“หากจักทรงมีสนมจริงก็น่าจักทรงเลือกบุตรขุนนางหนา มิน่าเลือกนังบ้านนอกขี้ครอกสายหยุดเสียเลย”

“นั่นสิ จักสงสารก็แต่พระชายา...”

“มิต้องสงสารข้าดอกแม่ ข้ามีกระไรให้พวกเจ้ามาสงสารเวทนาดอกหรือ”ทรงดำเนินไปขวางหน้าสองสาว นัยน์ตากวางจิกมองให้รู้ว่าทรงมิพอพระทัยแค่ไหน

“พะ พระชายา”

“...พระชายา”

สองสาวหน้าซีดทรุดกายหมอบกราบแทบพระบาทบาง

“บอกได้หรือไม่ว่าข้ามีอันใดให้พวกเจ้ามาสมเพชเวทนา สงสารข้าดอกหรือ”พระสุระเสียงหวานเอ่ยแข็งห้วนอย่างทีเหล่าข้าหลวง แลสายหยุดมิเคยได้ยิน นัยน์ตากวางจดจ้องบุตรสาวขุนนางมิวางตา

“ขะ ขอประทานอภัยเพคะ พระชายา”

“ขอประทานอภัยเพคะ”

“ครานี้ข้าจักถือว่ามิได้ยินเรื่องที่พวกเจ้านินทาฝ่าบาท แลข้า แต่อย่าให้มีครั้งต่อไป”

“.....”

“.....”

“พวกเจ้าคงมิอยากให้เรื่องนี้ถึงพระเนตร พระกรรณฝ่าบาทกระมัง”

“พะ เพคะ”ปรายพระเนตรมองสตรีสองนาง ก่อนจักเรียกคนสนิทให้ออกเดิน

“พี่สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะพระชายา”

“ไปกันเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”



หลังจากที่กลับมาตำหนักหลวง พระชายาคนงาม ก็มาประทับนั่งให้คนสนิทอย่างสายหยุดสอนแกะสลักผลฟักเหลืองใส่เครื่องเคียงถวายพระภัสดา ด้วยเนื่องจากตอนเป็นเจ้าน้อยภุมริกาก็ได้ร่ำเรียนวิชาแกะผักผลไม้จากพระมารดามาบ้างแล้ว จึงมิใช่เรื่องยากที่จักแกะผลฟักเหลืองให้มีลวดลายสวยงาม

“พี่สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“พี่สายหยุดมิต้องไปฟังที่บุตรีขุนนางสองคนนั้นพูดดอกหนาจ๊ะ”

“....”

“มิจำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจดอก ฝ่าบาทท่าน...ทรงไว้ใจพี่สายหยุดมากถึงได้เลือกให้พี่สายหยุดมาเป็นคนสนิทคอยดูแลข้า เพราะฉะนั้นพี่สายหยุดมิต้องไปฟังดอกหนาจ๊ะ”

“ขอบพระทัยพระชายาพระเจ้าค่ะ ที่ทรงเมตตาปกป้องหม่อมฉัน”

“พี่สายหยุดเป็นคนสนิทของข้า ข้าย่อมต้องปกป้องคนของข้า”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่อยากลงห้องเครื่องทำพระกายาหารค่ำถวายพระภัสดา พี่สายหยุดช่วยเตรียมให้ข้าได้ไหมจ๊ะ”

“พระเจ้าค่ะ...เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักลงไปที่ห้องเครื่องจัดเตรียมให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ ขอบใจหนาจ๊ะ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


พระกายาหารค่ำวันนี้ เจ้าบัวงามทรงลงห้องเครื่องทำแกงรัญจวน ยำทวาย แลแสร้งว่ากุ้งถวายพระภัสดา แลพระสัสสุ องค์จันทร์ทรงแย้มพระโอษฐ์ปลื้มพระทัยที่เมียลงห้องเครื่องทำอาหารถวาย

“เป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ อาหารที่หม่อมฉันทำทรงถูกพระทัยพระองค์หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ยิ่งกว่าถูกใจเสียอีกเจ้าบัวงาม”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ยิ้มเต็มดวงหน้าให้องค์จันทร์พระทัยสั่น

“ป้อนพี่หน่อยสิเจ้าบัว”

“พระเจ้าค่ะ”ปรนนิบัติพระภัสดามิมีขาดตกบกพร่อง


.
.
.


“เจ้าบัวงาม”

“พระเจ้าค่ะฝ่าบาท”ขานรับพระภัสดาเสียงหวาน

“วันพรุ่งพี่จักออกว่าราชการนอกวังหลวง เจ้าใคร่อยากออกไปเปิดหูเปิดตาหรือไม่”

“นอกวังหลวงหรือพระเจ้าค่ะ...ฝ่าบาทเสด็จทรงงาน หากหม่อมฉันตามไปคงจักเกะกะพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ”คราแรกเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับเด็กๆ แต่เมื่อคิดได้ว่าหากไปคงจักเกะกะพระภัสดาจึงได้เอ่ยเสียงอ่อย

“เกะกะกระไรกันเจ้าบัวงาม ตัวเจ้าหรือก็นิดเดียว หึหึ”

“หม่อมฉันเกรงว่าจักไปรบกวนพระองค์หนาสิพระเจ้าค่ะ”

“มิกวนดอก อย่ากังวลไปเลยหนาน้อง...พี่ใคร่อยากพาเจ้าไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“แลตอนที่อยู่ภุมริกา น้องได้เคยออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงบ้างหรือไม่”

“เคยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉัน แลภุชงค์เคยตามเสด็จ เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ท่านออกตรวจตราความเป็นอยู่ของประชาชน...หากแต่ต้องปลอมเป็นชาวบ้านไปหนาพระเจ้าค่ะ คิกๆ”เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่องค์จันทร์ทรงได้ยินเมียพูดยาว แลพูดด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นนี้

“ปลอมเป็นชาวบ้านงั้นหรือ?”

“พระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ยามออกตรวจตราความเป็นอยู่ของประชาชนมักจักปลอมเป็นชาวบ้าน เสด็จพ่อท่านว่าหากปลอมเป็นชาวบ้านจักได้เห็นความเป็นอยู่ของชาวบ้านจริงๆ มิใช่เห็นแค่สิ่งที่ขุนนางใคร่ให้เห็นพระเจ้าค่ะ”

“อืม...เยี่ยงนั้นวันพรุ่งพี่จักลองปลอมเป็นชาวบ้านออกตรวจราชการบ้างดีหรือไม่”

“หา...”

“เห็นทีคงต้องให้เจ้าช่วยแนะนำเสียแล้วเจ้าบัว”

“เอ่อ..พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


รุ่งเช้ามาเยือน ทั้งสองพระองค์ต่างตื่นบรรทมเตรียมพระวรกายเพื่อออกตรวจตราความเป็นอยู่ของชาวบ้านนอกวังหลวง

“พี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าบัว ดูคล้ายหนุ่มชาวบ้านหรือไม่”องค์จันทร์ทรงสวมเสื้อคอกลมแขนยาวสีดำเขม่า แลโจงกระเบนสีดินแดง

“.....”นัยน์ตากวางช้อนมองพระวรกายสูงใหญ่ของพระภัสดา จักต้องตอบว่าอย่างไรดี แม้นทรงอยู่ในชุดชาวบ้านเช่นนี้ หากแต่ทรงรูปงามราวกับรุกขเทวดามิเปลี่ยน

“ว่าอย่างไรเจ้าบัว”

“ทรงรูปงามมากพระเจ้าค่ะ”

“ฮะๆๆ”ทรงพระสรวล แลดำเนินเข้ากอดร่างน้อยของเมีย เจ้าบัวงามวันนี้นุ่งเสื้อแขนยาวคอกลมเฉกเช่นเดียวกับพระภัสดาสีม่วงดอกตะแบกเผยลำคอระหงขาวผ่อง แลโจงกระเบนสีลูกหว้า กระนั้นชุดชาวบ้านก็มิสามารถทำให้ความงามของพระชายาลดลงแม้แต่น้อย

“ฝ่าบาท”ดวงหน้างามก้มงุดเมื่อถูกกกกอดจากด้านหลัง

“เจ้างามเหลือเกินเจ้าบัวของข้า”ตรัสแลไล้พระนาสิกกับใบหูเล็ก กดจูบประทับรอยอุ่นที่ลำคอขาว

“ฝะ ฝ่าบาท”

“หึหึหึ ไปเถิด พี่ว่าจักเข้าเฝ้าเสด็จแม่ท่านก่อนจึงค่อยออกจากวังหลวง”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


หลังจากที่เข้าเฝ้าพระพันปีแล้ว ทั้งสองพระองค์พร้อมด้วยองครักษ์ประจำพระองค์ขององค์จันทร์ แลคนสนิทของพระชายาก็เดินทางออกจากวังหลวง

“ประเดี๋ยวเราจักลงเกี้ยวที่หลังตลาด แลค่อยเดินไปหนาน้อง”

“พระเจ้าค่ะ”

“แลก็จับมือพี่ให้แน่นๆหนา ประเดี๋ยวจักหลงเอา”

“..ฝ่าบาท หม่อมฉันมิใช่เด็กหนาพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ อย่าอยู่ไกลสายตาพี่ก็แล้วกันเจ้าบัวงาม”

“พระเจ้าค่ะ”


เมื่อมาถึงตลาดเจ้าบัวงามก็แทบจักปลดพระหัตถ์พระภัสดา แลวิ่งเข้าใส่ร้านรวงที่ตั้งเรียงรายมากมายอยู่สองข้างทาง นัยน์ตากวางพราวระยับ ริมฝีปากบางยกยิ้มสะกดทุกสายตาที่มองมา พระขนงขององค์จันทร์กระตุกวูบยามทอดพระเนตรเหล่าชายฉกรรจ์ที่จ้องมองดอกบัวงามของพระองค์มิวางตา

“เจ้าบัว”

“พระเจ้าค่ะ”

“...มิมีกระไร”หากจักบอกให้เมียหุบยิ้มคงจักเกินไป

“..พระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางฉายแววฉงน ทอดมองพระพักตร์งามของพระภัสดาที่เรียบตึง แลก็เกิดคำถามขึ้นในใจ  หม่อมฉันทำการใดให้พระองค์มิพอพระทัยหรือพระเจ้าค่ะ....


พระหัตถ์ใหญ่จับจูงน้องน้อยให้เดินตาม พระเนตรคมดุกวาดตวัดจ้องชายหนุ่มที่ริอาจเมียงมองชายาตนราวราชสีห์มองเหยื่อ หากแต่มือเล็กที่พยายามขืนออกจากพระหัตถ์ทำเอาองค์จันทร์พลั้งเผลอตวัดพระเนตรคมดุใส่เจ้าบัวงามจนน้องน้อยสะดุ้งเฮือก

“หมะ หม่อมฉันเจ็บมือพระเจ้าค่ะ”
ด้วยแรงหึงหวงหรืออย่างไรองค์จันทร์จึงเผลอบีบมือเจ้าบัวจนเจ็บร้าวไปหมด เมื่อได้สติจึงรีบปล่อยมือเล็ก เจ้าบัวประคองมือตนคลึงเบาคลายความเจ็บร้าว ดวงหน้าหวานก้มงุด

“พี่ขอโทษเจ้าบัว”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”เอ่ยเสียงแผ่วเบา

“ให้พี่ดูหน่อยหนาเจ้า”ประคองมือเล็กขึ้นทอดพระเนตร มือเล็กขาวผ่องมีริ้วรอยพระองคุลีสีแดงช้ำพาดอยู่

“.....”

“เจ็บมากไหมเจ้า พี่ขอโทษหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันว่าพระองค์ทรงเสด็จตรวจตราความเป็นอยู่ของชาวบ้านเถิดพระเจ้าค่ะ อย่าทรงกังวลกับหม่อมฉันเลยหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“.....”

“...เฮ้อ พี่ขอโทษหนาเจ้าบัว มาเจ้า..พี่จักพาเดินชมหนาคนดี”ปะเหลาะคนงามด้วยพระสุระเสียงทุ้มนุ่มพลางกอบกุมมือบางเบาๆจับจูงอย่างเอาอกเอาใจ

“.....”

“ใคร่อยากกินขนมหรือไม่เจ้าบัวพี่จักให้เจ้าเหมไปซื้อให้”ก้มพระพักตร์กระซิบถามน้อง

“...ขนมน่ากินนักพระเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นขนมมากมายตรงหน้าความขุ่นเคืองน้อยอกน้อยใจเมื่อครู่ก็หายไป

“เช่นนั้นพี่จักให้เจ้าเหมไปซื้อให้”

“หม่อมฉันใคร่อยากกินขนมพันตองพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ...ไอ้เหม”

“พะย่ะค่ะ”

“ไปซื้อขนมพันตองให้เจ้าบัวที”

“พะย่ะค่ะ”

“ประเดี๋ยวจ้ะเหม...พี่สายหยุดใคร่อยากกินกระไรหรือไม่จ๊ะ”

“เอ่อ..มิได้พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นเหมซื้อขนมพันตองมาให้พี่สายหยุดด้วยหนาจ๊ะ”

“พะย่ะค่ะ”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะพระชายา”

“มิเป็นไรดอกจ้ะพี่สายหยุด”


เมื่อองครักษ์เหมนำขนมถวายแด่พระชายา เจ้าบัวจึงรับมาป้อนให้พระภัสดาก่อนตนจึงค่อยกินทีหลัง

“เป็นอย่างไรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”

“หอมหวาน รสดีเทียว...น้องลองกินดูสิเจ้าบัว”

“พระเจ้าค่ะ”ริมฝีปากบางค่อยๆอ้ารับขนมที่พระภัสดาป้อนให้ ความหอมของกะทิ แลความหวานของไส้มะพร้าวทำเอาเจ้าบัวงามอมยิ้มอย่างพึงใจ

“ชอบหรือไม่เจ้า”

“พระเจ้าค่ะฝ่าบาท”

“เช่นนั้นพี่จักให้ห้องเครื่องทำใส่สำรับให้เจ้าหนา”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”














หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๐๙.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 11-01-2018 00:33:24
เจ้าจันทร์เริ่มหลงบัวแล้วสินะ  ดีมาก  o13
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๑.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 11-01-2018 21:16:24



บัวหลงจันทร์ ๐๗


ทั้งสองพระองค์ทรงดำเนินทอดพระเนตรร้านรวงของชาวบ้านที่ตั้งเรียงรายละลานตา ก่อนที่สายพระเนตรคมดุจนกเหยี่ยวขององค์จันทร์จักสะดุดเข้ากับร้านขายเครื่องประดับที่ไม่ใช่เครื่องทองที่มีราคาสูงแต่ก็ดูงามสะดุดพระเนตรจึงได้จับจูงน้องน้อยให้เข้าไปในร้านน้ำชาที่มีแคร่ให้นั่ง

“ประเดี๋ยวน้องนั่งพักจิบน้ำในร้านนี้กับสายหยุดรอพี่ก่อนหนาเจ้าบัว”ทรงตรัสกับชายา

“แลพระองค์จักเสด็จไปไหนหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวถามเสียงเบา

“พี่กับเจ้าเหมจักไปดูร้านรวงตรงนั้น มินานดอก”

“พระเจ้าค่ะ”

“สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“ดูแลเจ้าบัวให้ข้าด้วย”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักดูแลพระชายาให้ดีพระเจ้าค่ะ”

“ดี”

“เหม เจ้าไปกับข้า”

“พะย่ะค่ะ”รับพระบัญชา แลตามหลังนายเหนือหัวไป


หนึ่งนาย แลหนึ่งบ่าวมาหยุดอยู่ที่ร้านขายเครื่องประดับที่มีชายกลางคนแต่งกายดูดีกว่าพ่อค้า แม่ค้าทั่วไปเป็นคนขาย

“เชิญนายท่านดูก่อนได้หนาจ๊ะ เครื่องประดับงามๆซื้อไปฝากภรรยา ฝากบุตรได้หนาจ๊ะ”

“.....”ทรงทอดพระเนตรเครื่องประดับงามทั้งหลาย ไม่ว่าจักเป็นปิ่นปักผม กำไล เข็มกลัด หรือแม้แต่เข็มขัดเงินลายงาม พระเนตรคมกวาดไปทั่วแผงค้าก่อนจักหยุดอยู่ที่ปิ่นปักผมอันเดียวในร้านที่ทำมาจากทองคำแท้เนื้อดี หัวปิ่นเป็นทรงดอกบัวตูมลงยาพื้นสีแดง ติดลายประจำยาม แบบดาวเพดาน ประดับเม็ดพลอยสีแดงสดที่กึ่งกลางดาวแต่ละดวง วางระยะของลายเรียงแถวสลับแบบตาสัปปะรด ติดสร้อยระย้าเป็นสาย 5 เส้น

“ปิ่นรัตนาอันนี้ข้าได้จากเจ้านายชั้นสูงของแคว้นทางใต้ มันอยู่มานานนัก หากแต่มิมีใครซื้อดอกจ้ะเพราะว่าราคามันสูงเหลือเกินนายท่าน”

“เท่าใด”ทรงหยิบปิ่นรัตนาขึ้นทอดพระเนตรอย่างพอพระทัย ต่อให้ราคาจักสูงสักเพียงใด หากพระองค์คิดว่ามันคู่ควรกับเจ้าบัวงามแล้วย่อมมิสน

“ร้อยชั่งจ้ะนายท่าน”มีหลายคนที่เมื่อรู้ราคาก็รีบปล่อยปิ่นรัตนาแสนสวยนี้ลงทันที หากแต่นายท่านผู้นี้กลับทอดมองปิ่นรัตนาอย่างพึงใจมิยอมปล่อย

“เจ้าเหม”

“ขอรับ”เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นจึงเลี่ยงการใช้คำราชาศัพท์

“จ่ายอัฐให้พ่อค้า ข้าจักกลับไปรอที่ร้านน้ำนั่นกับเจ้าบัว”

“ขอรับ”ก้มหัวเมื่อคนเป็นนายเดินออกจากร้านเครื่องประดับพร้อมปิ่นรัตนาในพระหัตถ์ องค์จันทร์ทรงใช้ซับพระพักตร์ห่อปิ่นงามเอาไว้ แลเหน็บที่ชายพกเก็บไว้ ประเดี๋ยวค่อยประทานให้เจ้าบัวเมื่อถึงวังหลวง

“.....”ในขณะที่พ่อค้ากลางคนตาโตนิ่งค้างเมื่อทรงเมื่อพระองค์ทรงซื้อปิ่นรัตนาที่อยู่กับแผงมานานเพราะมูลค่าที่สูงลิบของมัน

“นี่ค่าปิ่นรัตนา...แลนี่ค่ากำไลหัวบัว”เหมยื่นอัฐถุงใหญ่ให้พ่อค้า ชายกลางคนมือไม้อ่อนรับถุงอัฐหนักเสียจนร่วงลงบนแผง

“ขะ ขอบใจจ้ะ ขอบใจนายท่าน”อัฐมากมายที่ได้รับนั่นทำให้ชายกลางคนกลายเป็นเศรษฐีตั้งตัวได้เลยทีเดียว
เหมเก็บกำไลเข้าที่ชายพก กำไลที่ซื้อให้สายหยุดคนงาม เป็นกำไลหัวบัวเอี้ยวเรียบๆที่มีปลายเป็นรูปดอกบัวหลวง ทำด้วยนากแท้ทำให้ราคามิสูงเท่าปิ่นรัตนาที่องค์จันทร์ซื้อให้พระชายา หากแต่ก็มีมูลค่า


.
.
.


กว่าจักเสด็จกลับวังหลวงก็เย็นย่ำ องค์จันทร์ แลพระชายาเมื่อรับพระกายาหารเย็นแล้วก็เสด็จเข้าตำหนักหลวงพักผ่อนทันที

“เจ้าบัว”ทรงตรัสเรียกเมียรักที่ถวายงานรับใช้บีบนวดพระอังสะคลายความเมื่อยล้าให้พระภัสดา

“พระเจ้าค่ะ”ขานรับพลางหยุดมือที่บีบนวดพระภัสดา เคลื่อนกายมารอรับพระบัญชาที่ตรงหน้าพระพักตร์

“พี่มีของจักให้เจ้า”ตรัสพลางใช้พระดัชนีเกี่ยวปลายเกศานุ่มของเมียเล่น

“กระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“.....”ทรงหยิบห่อซับพระพักตร์ออกจากใต้พระเขนย คลี่ผ้าออกเผยให้เห็นปิ่นรัตนาที่นอนนิ่งอยู่บนฝ่าพระหัตถ์

“ปิ่นรัตนา...ให้หม่อมฉันหรือพระเจ้าค่ะ”ช้อนนัยน์ตากวางถาม

“พี่ให้เจ้า....มา หันหลังมาพี่จักปักให้”ตรัสพลางจับร่างบางให้นั่งหันหลังให้พระองค์

“.....”เจ้าบัวนั่งนิ่ง กุมมือตัวไว้บนตัก


องค์จันทร์รวบเกศายาวนุ่มสลวยของเจ้าบัวแล้วม้วนเกล้าขึ้นก่อนจักปักด้วยปิ่นรัตนา เผยให้เห็นลำคอระหงขาวผ่องเย้ายวน แลลาดไหล่เล็กสีน้ำนมเนียนไร้ไฝฝ้า ทอดพระเนตรเมียรักด้วยความหลงใหล ทรงฝังพระนาสิกกับซอกคอเมีย กดพระโอษฐ์จูบแต้มบนผิวเนื้ออ่อน

“ฝ่าบาท..อ๊ะ”สะดุ้งเมื่อพระหัตถ์ร้อนกอบกุมที่ยอดอกทั้งสองข้างพลางเค้นคลึง พระนาสิก แลพระโอษฐ์ก็ยังซุกไซร้ไปตามซอกคอ แลลาดไหล่สีน้ำนม

“งามนักเจ้าบัว...เจ้าคงเป็นดอกบัวที่งามที่สุดในภุมริกา แลศศิมณฑลเป็นแน่”พระกรโอบตวัดรัดเอวบางเข้าหาพระองค์จนสะโพกอิ่มแนบชิดกับพระเพลา ฝ่าพระหัตถ์ร้อนลูบไล้ตามแขนเสลาไปมา เลื่อนขึ้นคลายปมผ้าแถบผืนงาม

“อ๊ะ...”มือเล็กรีบตะครุบปมผ้าแถบไว้มั่นมิยอมให้พระภัสดาถอดออก

“หืม...ตามใจพี่หน่อยหนาคนดี”ตรัสอ้อนชิดใบหูเล็ก ไล้พระชิวหาตามขอบหู แลดูดเม้มที่ติ่งหูนิ่ม

“อื้อ..ฝ่าบาท”เมื่อถูกเล้าโลมมากขึ้นเรี่ยวแรงที่มีก็ค่อยๆหดหาย เจ้าบัวงามตัวอ่อนพิงพระอุระกว้าง มือเล็กทั้งสองร่วงลงพร้อมๆกับผ้าแถบสีหวานเผยให้เห็นผิวกายขาวโพลน แลเม็ดบัวสีชมพูระเรื่อ พระดัชนีเกลี่ยเบาๆที่เม็ดบัวนุ่มหยุ่นทั้งสองข้างจนมันหดตัวชูชันแข็งเป็นไตจึงได้ประคองเจ้าบัวลงนอนราบบนพระยี่ภู่ แลทาบทับพระวรกายตามลงไป

“เมื่อใดจักท้องหนาเจ้า หืม..พี่รอลูกของเราอยู่หนา”ตรัสเรียกเลือดร้อนๆให้มาวิ่งวนบนดวงหน้างาม

“.....”เบือนหน้าหลบสายพระเนตรคม ก่อนจักกัดริมฝีปากตัวเชิดหน้าครางเสียงแผ่ว มือเล็กจิกพระเขนยแน่นระบายความกระสันซ่านที่พระภัสดาประทานให้ ริมฝีปากบางกรีดร้องครางเครือ บ้างก็ถูกบดขยี้ด้วยพระโอษฐ์ บ้างก็ถูกพระชิวหาไล้เลีย ดูดดึงจนบวมเจ่อ


สายธารน้ำอุ่นสาดซัดใส่กลีบบัวครั้งแล้วครั้งเล่าจนไร้เรี่ยวแรง เสียงไก่ขันร้อง แลแสงสีส้มปรากฏบนขอบฟ้า องค์จันทร์จึงยอมปล่อยให้เจ้าบัวพักผ่อน ดวงหน้างามซบบนพระอุระกว้าง นัยน์ตากวางหลับพริ้ม ริมฝีปากบางเผยอรับอากาศ เนื้อตัวขาวผ่องมีริ้วรอยแดง เกศายาวยุ่งเหยิงพันกัน หากแต่ก็น่าเอ็นดูนัก องค์จันทร์ทอดพระเนตรเมียรัก แลมีรอยพระสรวลบางๆที่พระโอษฐ์ พระองคุลีสางเกศายุ่งเบาๆ พระหัตถ์ข้างหนึ่งเชยคางแหลมขึ้นประทับจูบที่ปลายจมูกโด่งรั้น กกกอดร่างน้อยที่ชอกช้ำ เพราะ ฝีพระหัตถ์พระองค์แนบพระอุระ พระโอษฐ์วนเวียนจูบหอมเจ้าบัวมิหยุด


.
.
.


รุ่งขึ้นองค์จันทร์ทรงเสด็จออกว่าราชการตามปกติ ปล่อยให้เจ้าบัวพักผ่อนในห้องบรรทมทดแทนเรี่ยวแรงที่หดหายเพราะถูกพระองค์รังแก โดยมีสายหยุด แลพระพี่เลี้ยงจากภุมริกาคอยดูแลปรนนิบัติ

“พระชายาทรงจับไข้ พระวรกายร้อนเหลือเกินข้าว่าเรียกหมอหลวงท่านมาตรวจเถิด”สายหยุดว่า ใบหน้างามติดกังวล มือน้อยลากผ้าชุบน้ำลอยดอกมะลิหอมกรุ่นไปตามพระฉวีที่แดงระเรื่อเพราะพิษไข้

“ข้าก็ว่าเช่นนั้น เยี่ยงนั้นเจ้าถวายการดูแลพระชายาก็แล้วกันหนา ประเดี๋ยวข้าจักไปตามหมอหลวง”

“จ้ะ”รับคำพลางตั้งหน้าตั้งตาใช้ผ้าลูบซับความร้อนออกจากพระวรกายบอบบาง ตามพระฉวีขาวๆมีรอยพระหัตถ์องค์จันทร์เป็นริ้วแดงๆปรากฏให้สายหยุดหน้าแดงซ่านด้วยรู้ว่านั่นคือรอยกระไร

“อื้อ..”พระสุระเสียงหวานครางเครือก่อนนัยน์ตากวางจักปรือปรอยขึ้น

“พระชายาทรงเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“อืม..พี่สายหยุด”

“ทรงรอประเดี๋ยวหนาพระเจ้าค่ะ พี่อิ่มกำลังไปตามหมอหลวงอยู่”

“...จ้ะ”

“เยี่ยงนั้นสายหยุดเช็ดพระองค์ให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“...”พยักพระพักตร์น้อยๆ ก่อนจักหลับพระเนตรลงปล่อยให้คนสนิทปรนนิบัติ


มินานหมอหลวงก็เข้ามาถวายการรักษา ถวายโอสถ แลให้สายหยุดคอยเช็ดพระองค์ให้บ่อยๆ แลกลับไป สวนทางกับองค์จันทร์ที่เมื่อเสร็จราชกิจก็รีบกลับตำหนักหลวงทันที ระหว่างที่ขุนนางถวายฎีกาก็ทรงแทบมิมีสมาธิด้วยนึกเป็นห่วงเจ้าบัว เมื่อองครักษ์คนสนิทมาทูลความว่าเมียรักจับไข้ล้มป่วยจนต้องตามหมอหลวงเข้าไปที่ตำหนัก

“สายหยุด”

“ฝ่าบาท ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ”

“มิต้องมากพิธี เจ้าบัวเป็นเยี่ยงไรบ้าง หมอหลวงว่าอย่างไรบ้าง”ตรัสถาม พระสุระเสียงติดกังวล ทรงดำเนินไปประทับบนพระแท่นบรรทมข้างเจ้าบัวงามที่หลับใหลด้วยฤทธิ์โอสถ

“หมอหลวงท่านว่าพระชายาทรงจับไข้อ่อยเพลีย มิมีกระไรน่าห่วงพระเจ้าค่ะ เสวยโอสถ แลเช็ดพระองค์บ่อยๆให้ไข้ลดเป็นพอพระเจ้าค่ะ”

“แลเจ้าบัวหลับไปนานเท่าใดแล้ว”พระหัตถ์ลูบศีรษะเมียคล้ายจักปลอบโยน

“หม่อมฉันคิดว่าอีกมินานพระชายาคงตื่นบรรทมพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นเจ้าไปพักผ่อนเถิดข้าจักดูแลเจ้าบัวเอง”

“พระเจ้าค่ะ”


เมื่อสายหยุดออกจากห้องบรรทมไป องค์จันทร์ก็หันกลับมาทอดพระเนตรเจ้าบัวต่อ ทรงไล้ข้อพระองคุลีไปตามแก้มอุ่น

“หายไวๆหนาเจ้า เจ้าป่วยเยี่ยงนี้พี่ใจมิดีเลย”ตรัสพลางโน้มพระพักตร์จรดพระนาสิกกับหน้าผากมน


.
.
.


เมื่อเจ้าบัวตื่นก็ทรงป้อนข้าว ป้อนน้ำ ป้อนยาเอาใจเมีย

“ฝ่าบาท..”

“หืม อยากได้กระไรหรือไม่”

“มิได้พระเจ้าค่ะ หากแต่หม่อมฉันป่วย หากอยู่ใกล้พระองค์จักติดไข้ อย่างไรให้หม่อมฉันแยกตำหนักก่อนดีหรือไม่พระ...อ๊ะ!!”ยังทูลมิทันจบก็ถูกพระหัตถ์บีบปากจนสะดุ้ง นัยน์ตากวางคลอน้ำด้วยความตกใจ

“...อย่าได้พูดว่าจักแยกตำหนักอีกหนาเจ้าบัว เพราะพี่มิมีวันยอมเด็ดขาด”ตรัสพระสุระเสียงเรียบ มิพอพระทัย

“....ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”ก้มหน้าอย่างลุแก่โทษ

“...พี่ขอโทษหนาเจ้า เจ็บหรือไม่”ถอนพระปัสสาสะ แลเกลี่ยเบาๆที่รอยแดงจางๆรอบริมฝีปากบาง

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ขอโทษหนาคนดี”กดจูบเบาๆซ้ำๆที่มุมปากน้องไถ่โทษ พระกรตระกองกอดร่างแน่งน้อยจนเจ้าบัวเคลิ้มหลับคาพระอุระของพระภัสดา


เมื่อเจ้าบัวงามเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว องค์จันทร์จึงออกจากตำหนักหลวงเสด็จรับลมยามค่ำคืน โดยรับสั่งมิให้ข้าหลวงติดตาม ทรงดำเนินไปตามสวนพฤกษาพลางหมายมั่นในพระทัยว่าหากเจ้าบัวหายป่วยจักพามาชมต้นมหาหงส์ที่มีรับสั่งให้ข้าหลวงปลูกเพิ่ม หากแต่ก็ต้องหยุดไว้แค่นั้นเมื่อสายพระเนตรคมสะดุดกับสองร่างคุ้นตาที่ยืนหลบมุมในที่มืด ทรงดำเนินเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบมิเกิดเสียงจนได้ยินบทสนทนา

“พี่เหม....”

“พี่ให้สายหยุดจ้ะ”องครักษ์หนุ่มว่าพลางประคองมือน้อยขึ้น คล้องกำไลนาคหัวบัวลงบนข้อมือบาง

“...พี่เหม”สายหยุดหน้าแดงซ่าน ใบหน้างามก้มงุดยามที่ชายหนุ่มจรดริมฝีปากบนฝ่ามือตนแผ่วเบา แต่อุ่นซ่านไปถึงหัวใจ

“ชอบหรือไม่เจ้า”ถามพลางขยับเข้าใกล้ร่างบาง เชยคางมนขึ้นเกลี่ยแก้มนวลที่มีริ้วสีแดงพาดผ่าน

“สวยมากเลยจ้ะ หากแต่พี่เหมมิต้องเสียเบี้ยเสียอัฐซื้อให้สายหยุดดอกนะจ๊ะ”สายหยุดว่าพลางยกมือกุมทับมือใหญ่ของพ่อเหม เอียงแก้มแนบใบหน้ากับฝ่ามือใหญ่ หลับตาพริ้ม

“มิเป็นไรดอก ถือเสียว่าพี่ซื้อมาหมั้นเจ้าหนา”

“พี่เหม...”สายหยุดเขินอายเสียจนใบหน้างามแดงก่ำเป็นลูกตำลึง ดวงตาคู่งามค่อยๆหลับลงยามที่ใบหน้าคมคร้ามของเหมก้มมาใกล้จนปลายจมูกเสียดสีหยอกเย้ากัน

“สายหยุดคนดี”แนบริมฝีปากดูดซับน้ำผึ้งหวานจากคนสนิทของพระชายา สายหยุดเอียงหน้าเผยอปากรับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาเย้า แขนเรียวเสลายกขึ้นกอดรอลำคอแกร่ง เช่นเดียวกับเหมที่ตวัดกอดรัดเอวบางให้แนบชิดกายแกร่ง จุมพิตรสหวานล้ำดำเนินเนิ่นนานท่ามกลางสายพระเนตรคมที่ทอดพระเนตรมาตั้งแต่ต้น องค์จันทร์ตกพระทัยมิคิดว่าสหายทั้งสองจักมาพลอดรักกันเยี่ยงนี้ หากแต่เมื่อทรงตั้งสติได้ความโกรธกริ้วก็เข้ามาแทน ทรงกริ้วที่เหม แลสายหยุดมาพลอดรักกันในที่ลับตาคนทั้งๆที่มิได้เป็นสามีภรรยากัน กริ้วที่เหมรุ่มร่ามมิให้เกียรติสายหยุด

“ไอ้เหม!!! สายหยุด!!!!”พระสุระเสียงที่ดังขึ้นทำเอาเหม แลสายหยุดผละออกจากกันราวต้องของร้อน

“ฝ่าบาท!!”เมื่อหันมาเจอต้นตอของเสียง ทั้งคู่ก็รีบคุกเข้าหมอบกราบนายเหนือหัวทันที

“ตามข้าไปที่ตำหนักทรงงานประเดี๋ยวนี้ ทั้งคู่!!!”รับสั่งพระสุระเสียงกร้าว ก่อนจะเสด็จไปมิหันมามองอีก สายหยุดกลัวเสียจน
น้ำตาคลอจวนเจียนจักหยด มือน้อยสั่นไปหมด

“มิต้องกลัวหนาสายหยุด..”แม้จักปลอบเช่นนั้นหากแต่ในสายตาของเหมก็ยังเจือความกังวลไว้จนปิดไม่มิ







หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๑.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 12-01-2018 02:25:21
นึกว่าจะไม่ต่อแล้ว

เรายังติดตามอยู่น้าาาาา  :L1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๑.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 12-01-2018 22:18:43
รีบมาต่อนะ   :angellaugh2: :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๑.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 13-01-2018 20:13:18
องค์จันทร์ก็จีดงานแต่งให้เหมดับสายหยุดเลยน่ะ ถ้าจับแยกล่ะก็จะไปฟ้องเจ้าบัว  ฮ่าๆๆๆๆๆ
ขยันขนาดนี้ ใกล้ๆๆนี้ต้องท้องแน่เลยเจ้าบัว

บัวหลงจันทร์ จันทร์หวงบัว อิอิ

หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๔.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 14-01-2018 20:56:27



.
.
.


“ฮึก อึก...”สายหยุดหลุดสะอื้นทั้งๆที่พยายามกลั้น ข้างๆคือเหมที่คุกเข่าก้มหน้า เบื้องหน้าคือองค์จันทร์ที่มีพระพักตร์เรียบตึง

“ฝ่าบาท...”ยังมิทันที่เหมจัดได้เอ่ยพระสุระเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นก่อน

“กี่ครั้งแล้ว....กี่ครั้งแล้วที่พวกเอ็งลักลอบพลอดรักกัน”

“....ฮึก ฝ่าบาท”สายหยุดสะอื้น

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”เหมหมอบกราบ

“นี่คงมิใช่ครั้งแรกล่ะสิ”

“...”

“...”

“ข้าถาม!!”

“เฮือก..อึก พระเจ้าค่ะ”

“พะย่ะค่ะ”

“หึ งามหน้านัก”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“ไอ้เหม”

“พะย่ะค่ะ”

“...เอ็งรู้ใช่หรือไม่ว่าข้ารู้สึกเช่นไรกับสายหยุด”

“...พะย่ะค่ะ”

“อึก..มิจริงพระเจ้าค่ะ”ระหว่างที่องค์จันทร์ แลเหมกำลังเคร่งเครียด สายหยุดก็แทรกขึ้น

“.....”

“....”

“ฮึก...ฝ่าบาทก็แค่รักสายหยุดเหมือนน้องนุ่ง”

“.....”

“....”

“ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ก็มีแค่พี่เหม แลสายหยุดเป็นสหาย ฮึก”

“.....”

“....”

“...พระองค์จึงคิดว่าความรู้สึกที่มีให้สายหยุดคือความรัก แต่หาได้ใช่ความรักเช่นคนรักไม่ ทรงรักสายหยุดเหมือนน้องชายเฉก
เช่นเดียวกับที่รักพี่เหม”

“.....”

“....”

“ทรงแค่เอ็นดูสายหยุด อึก ลองถามองค์เองเถิดพระเจ้าค่ะว่าทรงรักใครจริง”

“.....”

“....”

“ลองถามองค์เองเถิดพระเจ้าค่ะ...ว่าเมื่อทรงตื่นบรรทมใครที่พระองค์คิดถึงเป็นคนแรก”

“...เจ้าบัว”ทรงตอบเสียงแผ่ว

“.....”

“เวลาทรงงาน ทรงพระทัยลอยถึงใคร”

“...เจ้าบัว”

“.....”

“เวลาหลับพระเนตรลงทรงเห็นใคร”

“...เจ้าบัว”

“.....”

“หากสายหยุด แลพระชายากำลังจักจมน้ำ พระองค์จักทรงช่วยใครพระเจ้าค่ะ”

“...เจ้าบัว”

“.....”

“ฮึก...ทรงรักพระชายา หาใช่สายหยุดไม่”

“.....”

“....”

“ทรงมีพระชายาอยู่เต็มพระทัย หาได้มีที่ให้สายหยุดไม่”

“.....”

“....”

“ทรงแค่เอ็นดูสายหยุดเหมือนน้อง...ตั้งแต่เยาว์วัยทรงมีเพียงสายหยุด แลพี่เหมเป็นสหาย พระองค์จึงได้คิดว่ารักสายหยุด หากแต่เมื่อได้พบกับพระชายา พระองค์ก็ตกหลุมรักพระชายาทั้งพระทัย”

“.....”

“....”

“ทีนี้ทรงตอบสายหยุดได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ ว่าทรงรักใคร”

“เจ้าบัว”

“.....”

“พระเจ้าค่ะ ทรงรักพระชายา”

“.....”

“.....”

“.....”

“....ขอบใจสายหยุด ขอบใจที่ทำให้ข้ารู้ใจตัวเอง แลขอบใจที่ทำให้ข้าตาสว่างก่อนจักได้พลั้งเผลอทำร้ายใจเจ้าบัวเข้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“...แต่!!..เรื่องที่พวกเจ้าลักลอบพลอดรักกันในที่ลับตาคนเช่นนั้น สมควรหรือไม่”

“...หม่อมฉันขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”เหมที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“แค่ขอโทษหรือไอ้เหม..เอ็งทำรุ่มร่ามกับสายหยุดที่เปรียบเสมือนน้องของข้า เช่นนี้จักต้องโทษเช่นไร หา!!”

“...ฝ่าบาท ไม่หนาพระเจ้าค่ะ สายหยุดยอมเองพระเจ้าค่ะ”

“...งามหน้านัก”

“หม่อมฉันสมควรตาย ทรงลงโทษหม่อมฉันตามพระทัยเถิดพะย่ะค่ะ”

“ดี!!...เช่นนั้น ข้าจักให้เอ็งกลับบ้านไปเสีย ออกจากวังหลวงกลับบ้านไปเสีย!!”
“ฝ่าบาท”เหมครางเสียงแผ่ว

“ฝ่าบาท”สายหยุดร้องเสียงหลงพลางส่ายหน้าไปมา ดวงตาหวานรื้นน้ำตาอีกครา

“...กลับไปบ้านเจ้า  แลบอกให้พ่อเจ้ามาสู่ขอสายหยุดให้ถูกตองตามประเพณีเสีย”

“หา..ฝ่าบาท”

“ฝ่าบาท”

“เข้าตามตรอกออกตามประตู..หากยังมิได้ผูกข้อไม้ข้อมือ แต่งงานกัน ก็อย่าหวังว่าจักได้พลอดรักกันอีก!!!”

“ฝ่าบาท...”

“ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ ไอ้เหม กว่าข้าจักได้พลอดรักกับเจ้าบัว ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามประเพณี..เจ้าก็เช่นกัน หากยังมิได้ทำพิธีให้ถูกต้องตามประเพณี ห้ามเข้าใกล้สายหยุดอีก มิเช่นนั้นข้าจักขังคุกเจ้า”


“ขะ ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”แค่นี้ก็เป็นพระมหากรุณาล้นพ้นแล้ว

“...หากหมดเรื่องแล้ว ข้าจักกลับตำหนักไปกกเจ้าบัวแล”ตรัสพลางลุกเสด็จออกจากตำหนักทรงงาน

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ”


.
.
.


เมื่อเสด็จกลับมาถึงตำหนักหลวงก็พบเจ้าบัวนั่งมองมาทางพรทวารอยู่บนเตียง

“เจ้าบัวตื่นขึ้นมาทำไมหนาน้อง”

“ทรงไปไหนมาหรือพระเจ้าค่ะ”

“พี่ไปเดินเล่นรับลมมาเจ้ามิได้ไปไหนไกลจ้ะ”

“...พระเจ้าค่ะ”

“นอนต่อหนาเจ้า”ตรัสพลางประคองร่างน้อยให้นอนลง

“ทรงบรรทมกับหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ”ออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำ

“จ้ะ...นอนหนาคนดี”แล้วองค์จันทร์จักหนีไปไหนพ้น ทั้งรักทั้งหลง แลยิ่งรู้พระทัยองค์เองอย่างแจ่มแจ้งเช่นนี้แล้วด้วย

“หม่อมฉันหนาว”

“พี่กอดหนาเจ้า”ตระกองกอดอย่างทะนุถนอม

“พระเจ้าค่ะ”

“นอนหนาคนดี จักได้หายไวๆหนา”เวียนหอมผมนุ่มจนเจ้าบัวหลับไป

“.....”ใบหน้างามซุกซบกับพระอุระกว้าง

“พี่รักเจ้าหนาเจ้าบัว”กดจูบที่ริมฝีปากบางเบาๆซ้ำๆ พระโอษฐ์หยักแย้มยิ้มอย่างสุขพระทัย


.
.
.


สามวันต่อมาหลังจากที่เจ้าบัวหายไข้ดีแล้ว องค์จันทร์จึงได้ออกกำหนดการงานแต่งงานของเหม แลสายหยุด

“...เจ้าบัว วันพรุ่งพี่จักไปบ้านสายหยุด น้องไปกับพี่หนา”

“ไปบ้านพี่สายหยุดหรือพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“ไปทำกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“พี่จักไปสู่ขอสายหยุดหะ...”...ให้เจ้าเหม

“สะ สู่ขอพี่สายหยุดหรือพระเจ้าค่ะ”ยังมิทันที่จักได้ตรัสจบเสียงหวานก็แทรกขึ้น

“จ้ะ...พี่จักไปสู่ขอสายหยุด”องค์จันทร์ตรัสพลางแย้มพระโอษฐ์ให้เมียรัก

“.....”หากแต่ดวงใจของเจ้าบัวได้สลายไปแล้ว จักทรงเสด็จไปบ้านพี่สายหยุดเพื่อสู่ขอหรือ วันที่ข้ากลัว เหตุใดจึงมาถึงไวเช่นนี้ 
มือเล็กบนตักขยุ้มโจงกระเบนของตนแน่น ริมฝีปากบางขบกัดแน่นกลั้นเสียงสะอื้น นัยน์ตากวางคลอน้ำ พยายามอย่างยิ่งที่จักมิให้น้ำตาไหล

“เป็นกระไรไปเจ้าบัว”

“...มะ มิมีกระไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเพียงแต่รู้สึกมิใคร่จักสบายเท่าใด อึก”

“เจ้าบัว”ขยับพระวรกายเข้าประคองร่างน้อย

“อึก..อ่อก อ้วก”มือเล็กยกปิดปากตน ก่อนจักอาเจียนออกมาจนพระภัสดาตกพระทัย

“เจ้าบัวงาม!!”

“อ่อก!!”

“ตามหมอหลวง!!”

“อึก อ่อก!!”

“เจ้าบัว!!”







หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๔.๐๑.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-01-2018 21:19:50
งานเข้าใจผิดก็บังเกิดแล้ว
เจ้าบัวท้องชัวร์
รีบๆๆเข้าใจไว้ๆๆน่ะเจ้าบัว เป็นห่วงจังเลย
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๔.๐๑.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 15-01-2018 08:27:04
รู้สึกละมุน
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๔.๐๑.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 16-01-2018 09:22:07
เข้าใจผิดกันแล้ว องค์จันทร์รีบแก้ไขด่วน
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๔.๐๑.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-01-2018 09:57:58
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๔.๐๑.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-01-2018 09:58:17
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๔.๐๑.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 16-01-2018 10:48:17
รอๆ  อย่าให้เจ้าบัวเข้าใจผิดนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๔.๐๑.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-01-2018 15:18:16
บัวเข้าใจผิดแล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๔.๐๑.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 24-01-2018 02:48:38
มารอเจ้าบัวงามค่ะ    :seng2ped:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๑๔.๐๑.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: snpmrth ที่ 25-01-2018 03:05:11
เจ้าบัวงามเป็นอย่างไรบ้างหนา
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 03-02-2018 22:55:05



บัวหลงจันทร์ ๐๘


“เจ้าบัว”

“อึก...ฝ่าบาท”

“หืม..ว่าอย่างไรเจ้า รอประเดี๋ยวหนาหมอหลวงกำลังมาแล้ว”

“หมะ หม่อมฉันมิเป็นไรพระเจ้าค่ะ มิต้องตามหมอหลวงดอก”

“มิได้ให้หมอตรวจหน่อยหนาเจ้า”

“อึก มิเอาพระเจ้าค่ะ บัวมิตรวจ”

“โธ่ เจ้าบัว ใยจึงดื้อเยี่ยงนี้”

“ฮือ หม่อมฉันมิตรวจหนาพระเจ้าค่ะ มิเอา บัวมิให้ตรวจ ฮือออ”ร้องงอแง โผเข้ากอดพระภัสดาซุกหน้ากับพระอังสะ

“เจ้าบัวไห้หรือเจ้า เป็นกระไรไปคนดี”โอบร่างน้อยแนบพระอุระ ลูบเกศานุ่มปลอบโยน

“บัวมิตรวจ มิให้หมอตรวจหนาพระเจ้าค่ะ ฮือ”

“จ้ะๆ มิให้หมอตรวจหนา หยุดไห้เถิด พี่ใจมิดีเลยเจ้า”โยกกายเล็กเบาๆ

“ฮือออ”กอดพระภัสดา แลสะอื้นไห้อย่างช้ำใจ


.

.

.


วันรุ่งขึ้นองค์จันทร์ แลเจ้าบัวทรงขึ้นเกี้ยวเสด็จไปยังบ้านสายหยุดตั้งแต่เช้าตรู่ ทรงโอบประคองร่างบอบบางของเจ้าบัวไว้แนบพระอุระมิยอมปล่อย

“เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า หน้าซีดหมดแล้ว...เหตุใดจึงมิยอมให้หมอหลวงตรวจหนา”ทรงตรัสพระสุระเสียงดุ หากแต่ก็เจือด้วยความห่วงใย

“บัวมิเป็นไรพระเจ้าค่ะ”ซุกซบพระอุระอุ่น แขนเรียวกอดพระกฤษฎีอย่างออดอ้อน นัยน์ตากวางหลับลง

“เฮ้อ...ดื้อจริงเชียว”กอดน้องน้อยแน่น พระพักตร์ซบลงบนกลุ่มผมหอม


มินานขบวนเสด็จของเจ้าหลวง แลพระชายาก็มาหยุดอยู่ที่เรือนหลังเล็กของครอบครัวสายหยุด บิดามารดาของทั้งสายหยุด แลเหมต่างมารอรับเสด็จนายเหนือหัวทั้งสอง

“ถวายพระพรเจ้าหลวง แลพระชายาพะย่ะค่ะ”บิดาของเหม อดีตองครักษ์ประจำพระวรกายเจ้าหลวงองค์ก่อนเอ่ยพร้อมหมอบกราบ

“มิต้องมากพิธีดอกท่านเขม”

“เป็นพระกรุณาพะย่ะค่ะ”

“ทูลเชิญทั้งสองพระองค์เสด็จเข้าข้างในก่อนเถิดพะย่ะค่ะ”บิดาของสายหยุดกล่าว

“ขอบใจท่านลุง”

“มิได้พะย่ะค่ะ เชิญฝ่าบาท แลพระชายาพะย่ะค่ะ”

“อืม”ทรงประคองเมียรักเข้าไปในบ้านสายหยุดที่จัดเตรียมสถานที่เพื่อทำพิธีสู่ขอบุตรคนเดียวของบ้าน ทั้งสองพระองค์ทรงประทับลงบนตั่ง เจ้าบัวมองข้าวของสำหรับพิธีสู่ขอ แลน้ำตารื้น แต่ก็ต้องกลั้นไว้

“ไหวหรือไม่เจ้าบัว หน้าน้องซีดจนแทบมิมีสีเลือดแล้วหนา”ตรัสพลางทาบพระหัตถ์ลงบนปรางนวล พระพักตร์ฉายแววกังวล

“หม่อมฉันมิเป็นไรพระเจ้าค่ะ”

“แน่หนา”ตรัสถามอย่างมิไว้วางพระทัย

“พระเจ้าค่ะ”ยิ้มหวานให้พระภัสดาพระทัยสั่น


เมื่อถึงฤกษ์งามยามดีพิธีสู่ขอสายหยุดจึงเริ่มขึ้น

"ได้ยินมาว่า บ้านนี้มีฟักแฟงแตงเต้าดกงาม ก็ใคร่จักมาขอพันธุ์ไปเพาะปลูกบ้าง"องค์จันทร์ทรงตรัสพร้อมแย้มพระสรวลในขณะที่สายหยุดหน้าแดงซ่าน ข้างๆกันนั้นเป็นเหมที่นั่งนิ่งเงียบหากแต่ใบหน้าคมแดงระเรื่อ ดวงตาประกาย แลริมฝีปากยกขึ้นน้อยๆ

“ยินดีพะย่ะค่ะ”บิดาของสายหยุดกล่าว

“หึหึหึ เช่นนั้นข้าจักให้ท่านเขมคุยเรื่องสินสอดทองหมั้น...ท่านเขม”ทรงตรัส แลให้บิดาของเหมกล่าวต่อ

“พะย่ะค่ะ...วันนี้ฤกษ์งามยามดี ข้าจึงขอให้องค์จันทร์มาเป็นผู้ใหญ่สู่ขอหนูสายหยุดให้เจ้าเหมบุตรชายข้า แลมิต้องห่วงข้าจักจัดสินสอดทองหมั้นให้สมเกียรติหนูสายหยุด มิให้น้อยหน้าใครเทียว”

“มิได้ๆ สินสอดทองหมั้นพอเป็นพิธีก็พอท่านเขม ขอเพียงพ่อเหมรัก แลดูแลสายหยุดจนแก่เฒ่าก็เพียงพอแล้ว”มารดาของสายหยุดกล่าว

“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้วท่าน เจ้าเหมบุตรข้าตั้งแต่เล็กจนโตก็ฝักใฝ่รักใคร่เพียงหนูสายหยุดผู้เดียวมาตลอด”

“ได้ยินเช่นนี้ข้าก็เบาใจว่าสายหยุดจักได้คู่ครองที่ดีเช่นพ่อเหม”

“ฝ่าบาท...”เจ้าบัวที่ได้รับฟังพิธีสู่ขอตั้งแต่ต้นก็เกิดความสงสัย

“หืม...”

“หมายความว่ากระไรพระเจ้าค่ะ ทรงสู่ขอพี่สายหยุดให้ใครกันแน่พระเจ้าค่ะ”

“จักสู่ขอสายหยุดให้ใคร ก็ให้ไอ้เหมมันหนาสิเจ้า..เจ้าถามเช่นนี้หมายความว่าเยี่ยงไร คิดว่าข้ามาสู่ขอสายหยุดให้ใครกัน”

“.....”

“ว่าอย่างไรเจ้าบัว”

“หม่อมฉันคิดว่าพระองค์จักสู่ขอพี่สายหยุดเข้าวังเป็นสนมพระเจ้าค่ะ”สารภาพเสียงแผ่วพลางก้มหน้างุด

“กระไรหนา!!!”ทรงเผลอตรัสเสียงดังจนเจ้าบัวสะดุ้ง อีกทั้งยังทำให้ผู้ใหญ่ที่กำลังคุยเรื่องสินสอดชะงัก

“มีกระไรหรือพะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“อ่า...มิมีกระไร”

“.....”

“....ไว้กลับวังหลวงก่อนเถิดเจ้า จักโดนดี”ตรัสขู่ข้างใบหูเล็กของเจ้าบัว

“ฝ่าบาท”ครางเสียงอ่อยอย่างสำนึกผิดที่ด่วนสรุปทั้งที่ยังมิทราบความจริงแน่ชัด


.
.
.


เมื่อกลับมาถึงวังหลวงองค์จันทร์ก็ทรงแยกไปที่ตำหนักทรงงาน ส่วนเจ้าบัวก็กลับเข้าตำหนักหลวง ผลัดเปลี่ยนผ้าแล้วพระภัสดาก็ยังมิกลับมา จึงได้เสด็จเข้าเฝ้าพระชนนีศศิธร

“พี่สายหยุด”เสร็จพิธีสู่ขอสายหยุดก็กลับวังหลวงรับใช้พระชายาตามเดิม

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่อยากเข้าเฝ้าพระชนนี มิได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่านหลายวันแล้ว”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักให้ข้าหลวงเตรียมการเสด็จไปตำหนักพระชนนีหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


.

.

.


ทางด้านองค์จันทร์เมื่อกลับมาถึงวังหลวงก็ส่งเมียรักเข้าตำหนักหลวง แลเสด็จมาที่ตำหนักทรงงานพร้อมองครักษ์คนสนิทว่าที่เจ้าบ่าว

“.....”

“ทรงเสด็จมาที่ตำหนักทรงงานทำไมหรือพะย่ะค่ะ”

“.....”

“.....”

“เฮ้อ...เจ้าบัวคิดว่าข้าไปสู่ขอสายหยุดมาเป็นสนม”

“หา..เอ่อ แลฝ่าบาทว่าอย่างไรพะย่ะค่ะ”

“ข้าก็บอกหนาสิว่ามาขอให้เอ็ง”

“.....”

“แต่เห็นทีคงต้องลงโทษกันหน่อยแล้ว ฟังมิได้ศัพท์จับไปกระเดียด”

“.....”


.

.

.


เจ้าบัวเข้าเฝ้าพระสัสสุอยู่มินานก็เสด็จกลับตำหนักหลวง เมื่อเปิดพระทวารห้องบรรทมออกก็พบพระภัสดาประทับรออยู่บนพระแท่นบรรทม

“ฝ่าบาท”

“ไปไหนมาเจ้าบัว”

“หม่อมฉันไปเข้าเฝ้าพระชนนีศศิธรมาพระเจ้าค่ะ”ว่าพลางเดินเข้าไปนั่งพับเพียบบนพื้นข้างพระบาท

“.....”

“.....”

“...รู้หรือไม่ว่าเจ้ามีความผิด”

“รู้พระเจ้าค่ะ..หม่อมฉันขอประทานอภัยที่ฟังมิได้ศัพท์ แลจับไปกระเดียด”

“แลที่ร่ำไห้เมื่อคืนวานเพราะคิดว่าพี่จักรับสายหยุดเป็นเมียอีกคนงั้นหรือ”

“...พระเจ้าค่ะ”

“ข้าจักลงโทษเจ้าเยี่ยงไรดี เจ้าบัว”ช้อนใต้คางแหลมเชยใบหน้างามขึ้น

“สุดแล้วแต่พระองค์เถิดพระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางแดงระเรื่อ

“...”มิตรัสตอบจับต้นแขนกลมกลึงทั้งสองข้างรั้งให้เจ้าบัวลุกขึ้น พระกรตวัดรวบเอวน้อยเข้าหาองค์ ดันให้ร่างบางนั่งลงบน
พระเพลา

“ฝ่าบาท...บัวขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าจักไถ่โทษเยี่ยงไรเจ้าบัว”ตรัสถามพลางไล้หลังพระหัตถ์ไปตามต้นแขนเนียน

“.....บัวมิทราบพระเจ้าค่ะ องค์จันทร์ประสงค์ให้บัวทำกระไร โปรดรับสั่งเถิดพระเจ้าค่ะ”

“หืม...เยี่ยงนั้นทำให้ข้าพอใจสิเจ้า”

“ทำให้พระองค์พอพระทัยหรือพระเจ้าค่ะ”

“ใช่ ทำให้ข้าพอใจ”พระโอษฐ์อุ่นแตะแต้มไปตามเนื้อนวล

“หะ หากแต่นี่ยังกลางวันแสกๆอยู่เลยหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“ทรงรอคืนนี้ก่อนได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ได้ คืนนี้ก็ได้พี่จักรอ”

“...พระเจ้าค่ะ”ก้มใบหน้าลงซ่อนริ้วแดงๆที่พาดผ่านปรางขาว ขณะที่องค์จันทร์กกกอดลูบไล้กายบางไปมา เวียนจูบหอมมิห่าง
เอาล่ะ ข้าจักอดใจไว้คืนนี้




.

.

.



และแล้วเพลาที่องค์จันทร์รอคอยก็มาถึงเสียที ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เจ้าบัวงามหายไปจนป่านนี้ก็ยังมิกลับมา น้องน้อยบอกเพียงว่าจักลงครัวทำกายาหารค่ำถวายพระภัสดา

“ทูลฝ่าบาทสำรับพระกายาหารมาแล้วพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าบัว”

ร่างบางก้าวเข้ามาในตำหนักหลวงพร้อมข้าหลวงที่เดินถือสำรับอาหารคาวหวานตามหลังมา

“ขอประทานอภัยที่ให้รอหนาพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไรเจ้า แลทำกระไรมาเสียเยอะแยะ”ทอดพระเนตรสำรับที่เรียงราย

“แสร้งว่ากุ้ง แกงลูกกล้วย ยำทวาย หมูโสร่ง แลบุหลันดั้นเมฆพระเจ้าค่ะ”

“หืม...เหตุใดจึงทำเยอะเช่นนี้เล่า”

“ก็ทรงตรัสว่าโปรดอาหารที่หม่อมฉันทำ หม่อมฉันจึงคิดว่าหากทำพระกายาหารคาวหวานถวายพระองค์คงจักทำให้ทรงพอพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“.....”องค์จันทร์เมื่อได้สดับสิ่งที่เมียรักเอ่ยก็ถึงกับยกพระหัตถ์ลูบพระพักตร์องค์เอง

“.....”เจ้าบัวก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม พลางตักแกงลูกกล้วยป้อนพระภัสดาที่ตีพระพักตร์เรียบตึงใส่ หากแต่ก็ยอมอ้าพระโอษฐ์รับ
อาหารที่เมียป้อน เจ้าบัวปรนนิบัติพระภัสดามิขาดตกบกพร่อง เอาอกเอาใจ

“เสวยบุหลันดั้นเมฆดูหนาพระเจ้าค่ะ ตอนหม่อมฉัน แลภุชงค์ยังเด็กเสด็จแม่ชมนาดท่านทำให้กินบ่อยๆพระเจ้าค่ะ.....เป็นอย่างไรพระเจ้าค่ะ”ป้อนขนมสีสวยให้

“หอม หวาน”

“ทรงโปรดหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“กระไรที่เจ้าทำพี่ก็โปรดหมดแล หากแต่...”

“แต่กระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“พี่ยังมิพอใจดอกหนา...เจ้าก็รู้เจ้าบัวว่าทำอย่างไรพี่จึงจักพอใจ”

“.....”


.

.

.


ภายในห้องบรรทม องค์จันทร์กึ่งนั่งกึ่งนอน  ในพระหัตถ์ถือจอกน้ำจัณฑ์ ทรงทอดพระเนตรร่างบอบบางของเมียรักที่ยืนตัวแข็งอยู่หน้าพระแท่นบรรทม

“รอกระไรเล่าเจ้าบัว”ตรัสพระสุระเสียงกระเส่า

“ฝ่าบาท...”เจ้าบัวงามครางเครือ สีหน้าราวกับจักร่ำไห้ด้วยความเขินอาย

“เร็วเข้า ถอดผ้าเสีย แลขึ้นมาหาพี่บนเตียงนี่”ตรัสสั่งพระเนตรแพรวพราวพลางกระดกนำจัณฑ์เข้าพระโอษฐ์

“.....”เจ้าบัวก้มหน้าหลบสายพระเนตรที่มองมาอย่างจาบจ้วง มือเล็กสั่นน้อยๆยกขึ้นค่อยๆปลดผ้าแถบสีขาวผืนบางของตน เจ้า

บัวงามเชื่องช้าจนขัดพระทัยองค์จันทร์ หากแต่ความเชื่องช้านั้นก็ดูยั่วยวนไม่น้อย ผ้าแถบผืนบางร่วงหล่นลงพื้น เผยให้เห็นเนื้อ
นวลขาวผ่องต้องแสง แขนเรียวเสลายกกอดตัวปกปิดเม็ดบัวสีหวานให้พ้นสายพระเนตร

“ผ้าโจงกระเบนเล่า..ถอดเร็วเข้า”

“ฝ่าบาท...”

“เร็ว”หาได้ใจอ่อนยอมเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาไม่

“.....”นัยน์ตากวางหลับแน่น มือเล็กไล้ไปตามขอบโจงกระเบนค่อยๆปลดจนคลายออกเป็นซิ่น มือสั่นแกะปมออกช้าๆ มินานผ้าโจงผืนงามก็ร่วงกองอยู่ที่เท้าบาง เจ้าบัวงามก้มหน้าคางชิดอก กอดตนแน่น ร่างงามยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง องค์จันทร์ระบายพระปัสสาสะแรงขึ้นตามอารมณ์หนุ่ม กระดกน้ำจัณฑ์เข้าพระศอดับความร้อนรุ่ม

“มาหาพี่นี่เจ้า”อ้าพระกรออกรอรับร่างน้อยที่ค่อยๆขยับเท้าเดินอย่างอิดออด เมื่อเจ้าบัวก้าวเข้ามาในรัศมีพระกร องค์จันทร์ก็รวบร่างงามของเมียเข้ากอด ดึงรั้งให้น้องน้อยนั่งคร่อมพระเพลา สะโพกอิ่มบดเบียดอยู่บนพระอูรู พระหัตถ์ข้างหนึ่งเคลื่อนลงบีบเค้นก้อนเนื้อนุ่มที่ห่อหุ้มกลีบบัวไว้ อีกข้างประคองเอวบาง เจ้าบัวหลับตาแน่น เม้มริมฝีปากกลั้นเสียงครางเครือ มือบางวางบนพระอังสะบีบระบายความซ่านเสียว

“อื้อ”

“เจ้าบัว ก้มลงมาจูบพี่”รับสั่ง

“ฝ่าบาท อ๊ะ”นัยน์ตากวางปรือปรอยมองพระพักตร์งามขององค์จันทร์ ดวงหน้างามก้มลงทาบริมฝีปากลงบนพระโอษฐ์เคล้าคลึงราวกับต้องมนต์เสน่ห์ ลิ้นเล็กไล้เลียเบาๆ สัมผัสกับพระชิวหาร้อนชื้นเกี่ยวกระหวัดดูดซับน้ำผึ้งหวานของกัน และกัน เจ้าบัวกอดรอบพระศอแน่นเอียงใบหน้ารับจุมพิตที่องค์จันทร์เป็นผู้สานต่อ ปลายนิ้วเล็กลูบไล้เบาๆที่หลังพระศอ องค์จันทร์เหวี่ยงร่างน้อยให้นอนลงบนพระยี่ภู่ แลตามเข้าทาบทับทันที พระหัตถ์เลื่อนลงต่ำปลดโจงกระเบนสีดำเขม่าขององค์เอง แลกระชากออก บัดนี้ทั้งองค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามต่างก็เปลือยทั้งคู่


.

.

.



ทางด้านเหม แลสายหยุดที่กลายเป็นคู่หมั้นคู่หมายหมาดๆ เมื่อเจอหน้ากันก็เกิดความเขินอาย เอาแต่หลบหน้ากัน นิ่งเงียบมิมีใครพูดกระไร

“พี่เหม”

“สายหยุด”หากแต่เมื่อเปิดปากพูดกลับพูดขึ้นพร้อมกันเสียอย่างนั้น

“พี่เหมพูดก่อนเถิดจ้ะ”

“สายหยุดพูดก่อนเถิด”

“พี่เหมพูดก่อนเถิดจ้ะ”

“มิเป็นไรดอกจ้ะ พี่เหมพูดก่อนเถิด”

“สายหยุด”

“พี่เหม”

“...พี่มิคิด มิฝันเลยว่าจักมีวันนี้ได้ ราวกันฝันไปเลยล่ะเจ้า”

“สายหยุดก็เช่นกันจ้ะ”


พูดคุยกันได้แค่นั้นก็เงียบต่อ มีเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้นที่ดังอยู่ แค่ประโยคสั้นๆ ธรรมดาๆ แต่กลับทำให้สายหยุด แลเหมหน้าแดงก่ำราวกับลูกตำลึง

“อะ องค์จันทร์ แลพระชายาบัวงามคงมิเรียกใช้เราสองคนแล้ว เช่นนั้นเราไปเดินเล่นที่สวนพฤกษากันดีไหมสายหยุด”

“จ้ะ”

“พี่ขะ ขอจับมือหนาเจ้า”

“จ้ะ”

มือใหญ่หยาบกร้านของเหมเลื่อนกอบกุมมือนุ่มของสายหยุดไว้แน่นก่อนจะพากันเดินเคียงคู่ไปยังสวนพฤกษา อากาศช่วงกลางคืนหนาวเย็น สายลมพัดเอื่อยๆหอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธ์ให้กระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณ

“สายหยุด”

“จ้ะ พี่เหม”

“สายหยุดว่า...เราจักมีลูกกันกี่คนดีเจ้า”

“พี่เหม..ถามกระไรเยี่ยงนี้เล่า”มือเล็กยกตีอกแกร่งเบาๆ อายเสียจนตัวแทบจักบิด

“ก็..พี่จักได้เตรียมตัวถูกไงเจ้า”ถามเองหน้าแดงเอง องครักษ์หนุ่มผูเก่งกาจเรื่องการต่อสู้ไม่เป็นสองรองใคร กลับต้องมาตกม้า
ตายเพราะไม่ประสาเรื่องรัก

“...สะ สายหยุดแล้วแต่พี่เหมเลยจ้ะ”

“พี่อยากมีลูกสักสิบคน...”

“บ้าหรือพี่เหม สายหยุดจักไปมีให้ไหวได้อย่างไรตั้งสิบคน”

“อ่า...มากไปหรือเจ้า เยี่ยงนั้นสักห้าก็ได้”

“สะ สามก็พอกระมังจ๊ะ”

“สามเองหรือ”

“สะ สี่ก็ได้”

“สี่เองหระ...”

“แต่สี่ก็พอจ้ะ มากกว่านี้มิไหวดอก”

“จ้ะ สี่ก็สี่”

“.....”

“.....”

“.....”

“...เอ่อ เราจักคุยกระไรกันดีสายหยุด”

“มะ ไม่รู้สิจ๊ะ”

“.....”

“.....”

“...อ่า สายหยุดชอบกำไลหัวบัวที่พี่ให้หรือไม่เจ้า”

“พะ พี่เหมเคยถามสายหยุดแล้วหนาจ้ะ สะ สายหยุดชอบจ้ะ”

“อ่า..งะ งั้นหรือ พี่เคยถามแล้วหรือ”

“จ้ะ”

“.....”

“.....”


.

.

.








หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-02-2018 00:54:11
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: snpmrth ที่ 04-02-2018 04:17:25
รอเจ้าบัวออกดอกอยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 04-02-2018 09:54:24
ตัดฉากนั้นเฉยเลยหรอ ทำกันได้
รอต่อไป อิอิ
ดีใจอ่ะไม่ได้เข้าใจผิด
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-02-2018 14:21:08
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 04-02-2018 17:03:16
เข้าใจกันแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 04-02-2018 19:02:48
 ฝฝฝฝ :mew1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 04-02-2018 21:29:57
อยากจะถามคนแต่งหนาว่า
เหนื่อยไหมเจ้า

 :mew4: :mew1:

สนุกๆๆค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 06-02-2018 00:04:57
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 06-02-2018 08:55:47
ไม่ใช่แค่เจ้าจันทร์นะที่หลงเจ้าบัว คนอ่านก็หลงทั้งคู่เลย :mew1: :-[ :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 10-02-2018 10:02:57
 :mew1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 10-02-2018 13:48:33
น่าหลงไหล
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 10-02-2018 18:58:38
555 เอ็นดูน้องบัวววว~
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 11-02-2018 08:57:14
หลงเจ้าบัวน้อยมากๆค่ะ อยากเป็น 5555
น่ารักทั้งสองคู่เลย
มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 15-02-2018 15:02:04
เจ้าบัวงาม จะเป็นเยี่ยงไรต่อไปหนา รีบมาต่อเถิดท่านผู้แต่ง   :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๓.๐๒.๖๑ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Supalax ที่ 24-02-2018 14:53:29
รอคร้า :mew2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๒๖.๐๒.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 26-02-2018 22:27:10



บัวหลงจันทร์ ๐๙

ภายในห้องบรรทมที่ดูร้อนระอุขึ้นมาทันตาเพราะนายเหนือหัวทั้งสอง

“ฮื่อ..อื้อ”เจ้าบัวงามครางเครือยามพระชิวหาร้อนชื้นแตะแต้มลงบนเม็ดบัวสีหวาน แขนเล็กจิกกอดพระขนองพระภัสดา ลากเล็บระบายความซ่านกระสันจนพระฉวีเป็นรอยแดงพาดยาว

“ซี๊ดดด...เจ้าบัว เบาหน่อยเถิด พี่ช้ำหมดแล้วเจ้า”เย้าพระสุระเสียงกระเส่าแต่แทนที่น้องน้อยจักเบามือกลับจิกแรงกว่าเดิมด้วยความเขินอาย

“อื้อออ ฝ่าบาท”ระบายความเขินอาย แลความกระสันลงบนพระขนองพระภัสดาจนแทบจักกลายเป็นลายแทงสมบัติ

“อ่า...เจ้าบัว”องค์จันทร์รวบมือเล็กเหนือพระเขนยด้วยพระหัตถ์ข้างเดียว อีกข้างลูบไล้สะโพกกลมกลึง บีบนวดต้นขาเล็กจนแดงช้ำ พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอหอม พระโอษฐ์จูบแต้มผิวเนื้ออ่อน ขบเม้มทิ้งร่องรอย

“อื้อ ฝ่าบาท”ช้อนนัยน์ตากวางมองพระพักตร์งามของพระภัสดา เผยอปากหอบหายใจน้อยๆ ยั่วยวนชายหนุ่ม ลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปากตนช้าๆ แสร้งเบือนหน้าซบพระเขนยเอียงอาย หากแต่เรียวขาเล็กกลับยกขึ้นสีกับพระปรัศว์ไปมาอย่างซุกซน

“ซนเหลือเกินหนาเจ้า”กัดพระทนต์ตรัส อารมณ์ดิบยิ่งพุ่งสูงเมื่อถูกยั่วยวน เจ้าบัวอมยิ้มน้อยๆมิให้พระภัสดาจับได้ ครางเครือเสียงหวานในลำคอ เชิดหน้าเงยให้องค์จันทร์ซุกไซร้ซอกคอ องค์จันทร์กดจูบที่ซอกคอขาวหอมกลิ่นดอกไม้ ไล้พระนาสิกลงมาที่ลาดไหล่เนียนสวย ลงมาที่หน้าอกเป็นกระเปาะซุกไซร้เม็ดบัวสีหวาน ลงมาที่หน้าท้องแบนราบ ปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระ พระหัตถ์ทั้งสองประคองเอวบางไว้แน่น พระชิวหาแตะวนรอบแอ่งสะดือ กดจูบซ้ำๆ ขบเม้มเบาๆ

“มาเกิดเสียทีลูกพ่อ พ่อรอเจ้านานแล้วหนา”ตรัสกับท้องแบนราบ เลื่อนพระพักตร์ต่ำลงอีก

“ฝ่าบาท อย่าหนาพระเจ้าค่ะ”ร้องห้ามเมื่อทรงซุกพระพักตร์กับซอกขาตน

“หืม..”

“อย่าหนาพระเจ้าค่ะ มิดีทำหนาพระเจ้าค่ะ...อ๊า”หวีดร้องเสียงหลงเมื่อพระชิวหาแตะตวัดเย้ากลีบบัวที่ปิดสนิท  แม้นว่าจักเอ่ยปากห้ามแต่กลับแยกเรียวขาออกกว้างให้พระภัสดารังแกอย่างถนัดถนี่

“เจ้าบัว...งามเหลือเกินเมียข้า”ตรัสพลางกดจูบไปทั่วทั้งร่างงาม  ทรงจับเจ้าบัวพลิกคว่ำ จูบวนทั่วแผ่นหลังขาว ขยับพระวรกายแนบชิดแผ่นหลังบาง พระหัตถ์นวดเฟ้นสะโพกกลมกลึง

“อึก อื้อ...อ่ะ อ๊า”เจ้าบัวหวีดร้องยามที่พระคุยหฐานลำโตสอดแทรกเข้ามาในกลีบบัว พระกฤษฎีสอบค่อยๆขยับจนแนบสนิทกับก้อนเนื้อกลมทั้งสองก้อน ประคองเอวบางไว้มั่น ไสพระคุยหฐานเข้าออก เสียดสีเสียจนกลีบบัวสีหวานชอกช้ำ

“อ่า เจ้าบัวงาม อื้ม”

“อ๊ะๆๆ ฝ่าบาท อื้อ”

“อืม...”

“อึก อึ๊”เจ้าบัวซบหน้ากับพระเขนย ปากบางอ้าครางไม่เป็นภาษา


ห้องบรรทมร้อนระอุด้วยไฟสวาท กลิ่นกามาเจือคลุ้ง เสียงหอบหายใจ แลเสียงเนื้อกระทบกันดังกึกก้อง ร่างงามแดงระเรื่อทอดกายใต้ร่างใหญ่กำยำของเจ้าหลวงหนุ่ม  เสียงครางดังเคล้าเสียงจิ้งหรีดเรไร อากาศเย็นชื้นยามค่ำคืนไม่อาจทำให้สองพระองค์ลดทอนความเร่าร้อนของบทรัก มิจบเพียงแค่ครั้งเดียว ทรงกกกอด กระโจนเข้าหากัน สายธารจากองค์จันทร์รินรดใส่เจ้าบัวงามครั้งแล้วครั้งเล่า จวบจนยามสี่ไฟสวาทจึงได้มอดลง หลงเหลือไว้เพียงกลิ่นอายของกามาฟุ้งกระจายทั่วห้องบรรทม


.
.
.


“เฮือก...ฝ่าบาท หม่อมฉันมิไหวแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามสะดุ้งเฮือกเมื่อพระหัตถ์อุ่นแตะลงบนแขนตน

“พี่มิทำแล้วเจ้า ลุกขึ้นมากินยาก่อนเถิด”ประคองร่างบอบช้ำขึ้นพิงพระอุระ แผ่นหลังเปลือยแนบชิดพระอุระกว้างไร้อาภรณ์ เจ้าบัวกระชับผ้าคลุมพระองค์ให้ปกปิดยอดอกบวมช้ำที่ถูกดูดดึงตลอดทั้งคืน มือบางสั่นน้อยๆรับถ้วยโอสถของแม่เฒ่าจากพระภัสดาจรดริมฝีปาก ดื่มโอสถน้ำดำรสขมกลิ่นฉุนจนหมด เจ้าบัวไร้เรี่ยวแรงนั่งพิงองค์จันทร์ ผ้าคลุมพระองค์เลื่อนลงเผยให้เห็นเม็ดบัวช้ำวับๆแวมๆ

“อือ..ฝ่าบาท”ครางใส่เมื่อพระองคุลีลูบไล้เม็ดบัวช้ำ

“ขอพี่จับหน่อยหนาเจ้าบัวงาม”ตรัสพลางกอบกุม คลึงเคล้นอกน้อง

“ฮึก หม่อมฉันเจ็บพระเจ้าค่ะ...เจ็บไปหมด ฮึก”

“หืม...เจ็บหรือเจ้า”ตรัสถามพลางหยุดพระหัตถ์ที่รังแกถันช้ำ

“ฮึก..พระเจ้าค่ะ บัวเจ็บ ฮือออ”

“ตามหมอหลวงดีไหมเจ้า”

“มิต้องพระเจ้าค่ะ..ฮึก มิต้องตามหมอหลวง”

“เยี่ยงนั้นนอนหนาคนดี พี่มิกวนเจ้าแล้ว”ประคองน้องลงนอน แม้จักเสียดายที่มิได้ตอดเล็กตอดน้อย หากแต่เมียยอมสำคัญกว่า

“.....”


เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น องค์จันทร์จึงออกว่าราชการ ซึ่งมีฎีกาด่วนจากทางชายแดนใต้ติดกับแคว้นการเวกเข้ามา จำต้องทิ้งน้องน้อยให้สายหยุดดูแล ส่วนองค์เองก็ออกว่าราชการกับเจ้าเหม องครักษ์คนสนิท

“เห็นทีข้าคงต้องไปเองเสียแล้ว”ทรงตรัสพลางขมวดพระขนง โจรจากทางฝั่งการเวกเหิมเกริมลุกล้ำอาณาเขตศศิมณฑลเยี่ยงนี้ พระองค์คงต้องลงไปปราบด้วยองค์เองเสียแล้ว

“เยี่ยงนั้นพระองค์จักทรงเดินทางเมื่อใดพะย่ะค่ะ”

“วันพรุ่งข้าจักเดินทางไปปราบโจรที่ชายแดนใต้ทิศที่ติดกับแคว้นการะเวก”

“พะย่ะค่ะ”



การเสด็จไปที่ชายแดนใต้คงใช้เวลาเดินทางร่วมสามวัน หากปราบได้เร็วก็ภายในห้าวัน ช้าสักหน่อยก็คงมิเกินสิบวัน เดินทางกลับวังหลวงอีกสามวัน รวมแล้วคงมิเกินสิบห้าวัน สิบห้าวันที่จักทรงทิ้งเจ้าบัวให้อยู่ที่วังหลวง สิบห้าวันที่จักต้องห่างเมีย สิบห้าวันนี้องค์จันทร์จักปราบโจรกระจอกให้สิ้นซาก!! กล้าดีอย่างไรมาสร้างความเดือนร้อนให้ศศิมณฑล แลยังทำให้พระองค์ต้องห่างเจ้าบัวอีก พระองค์จักมิปล่อยมันไว้เป็นแน่!!!!


.
.
.


ทางฟากเจ้าบัวงามที่มีคนสนิทอย่างสายหยุดคอยปรนนิบัติ เจ้าบัวลงสรงน้ำในอ่างไม้ขนาดใหญ่ มีสายหยุดคอยขัดถูผิวกายให้อย่างเบามือ สายหยุดมองพระวรกายของพระชายาแล้วก็หน้าแดงซ่าน หากตบแต่งเป็นเมียพี่เหม พี่เหมจักรุนแรงเยี่ยงองค์จันทร์รุนแรงกับพระชายาหรือไม่หนา หากแต่พี่เหมสุภาพสำรวมเช่นนี้ คงมิรุนแรงเท่าองค์จันทร์กระมัง

“พี่สายหยุด มิสบายหรือจ๊ะ”พระสุระเสียงหวานตรัสถามคนสนิทที่เหม่อลอย หากแต่ใบหน้างามกลับแดงก่ำเสียราวกับลูกตำลึง

“.....”

“พี่สายหยุด”

“.....”

“พี่สายหยุดจ๊ะ”

“.....”

“...พี่สายหยุด!!”

“เฮือก พะ พระชายา ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“มิสบายหรือจ๊ะ เหตุใดจึงได้เหม่อลอย แลหน้าแดงเยี่ยงคนจับไข้”

“หะ หามิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมิได้เป็นกระไรพระเจ้าค่ะ”

“หรือจ๊ะ...”

“พระเจ้าค่ะ...หากแต่พระชายาทรง เอ่อ...เอ่อ”

“หืม”

“ทรง...เจ็บ เมื่อยที่ใดหรือไม่พระเจ้าค่ะ”ถามอ้อมแอ้ม

“...ขะ ข้ามิเป็นไรจ้ะ”เจ้าบัวหน้าแดงซ่าน ค่อยๆกระถดกายลงน้ำจนเหลือแต่ใบหน้าที่พ้นน้ำ

“......”

“...พะ พี่สายหยุดก็ต้องเตรียมใจไว้บ้างหนาจ๊ะ”

“พะ พระเจ้าค่ะ..ตะ เตรียมใจเรื่องใดพระเจ้าค่ะ”

“หะ หากตบแต่งไปแล้ว พ่อเหมคงรังแกพี่สายหยุดเสียยิ่งกว่าองค์จันทร์รังแก ขะ ข้าเป็นแน่”

“หะ หา”

“ถะ ถึงพ่อเหมจักดูสำรวม สุภาพ หะ หากแต่ เมื่อได้....นั่นแลจ้ะ พี่สายหยุดจักต้องเตรียมใจไว้บ้างหนาจ๊ะ”

“....พระชายา”เขินเสียจนหน้าดำหน้าแดง

“ขะ ข้าหวังดีหนา”ตรัสแล้วก็กระถดลงน้ำไปอีกจนเหลือแต่จมูกขึ้นไปที่พ้นน้ำ พระปรางแดงระเรื่อ

“.....”สายหยุดเมื่อถูกยุยงก็ขบคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย ทอดมองพระวรกายพระชายาที่มีแต่รอยพระหัตถ์เจ้าหลวงแล้วก็หน้าร้อน
ราวกับถูกไฟลวก เมื่อคิดว่าเหมจักทำกับตนเหมือนที่องค์จันทร์รุนแรงกับพระชายาก็เขินแทบจักกัดลิ้นตัว

“.....”

“พะ พระชายา ขึ้นจากน้ำเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักประชวร”

“จ้ะ”


.
.
.


เมื่อออกจากห้องสรงน้ำแล้ว สายหยุดก็มานั่งหน้าตัวเมียบผ้าอบบุหงารำไปจนหอมฟุ้ง เลือกผ้าแถบถวายพระชายาอย่างพิถีพิถัน จนได้ผ้าแถบสีฟ้าแลบ แลโจงกระเบนสีลูกหว้า ทรงสวมสร้อยทองเส้นยาวถึงกลางอก ประดับจี้เพชรซีก สร้อยข้อมือเส้นงาม แลแหวนทับทิมขององค์จันทร์ เมื่อสายหยุดแต้มน้ำปรุงตามแอ่งชีพจรให้เสร็จสรรพ องค์จันทร์ก็เสด็จเข้ามาในห้องบรรทมพอดี

“ฝ่าบาท”สายหยุดหมอบกราบ

“ลุกเถิดสายหยุด...เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าบัว”เข้าประคองร่างบางของเมีย

“หม่อมฉันมิเป็นไรพระเจ้าค่ะ”แย้มยิ้มให้พระภัสดา

“ออกไปคุยกันที่โถงเถิด จักได้คุยกับสายหยุดด้วย”

“คุยกับพี่สายหยุดหรือพระเจ้าค่ะ เรื่องใดกัน”

“ไปคุยกันที่โถงเถิดน้อง”

“พระเจ้าค่ะ”



เจ้าหลวงประคองพระชายาออกมานั่งที่ตั่งไม้หลังใหญ่ในห้องโถงของตำหนักหลวง โดยมีคู่หมั้นมาดๆอย่างเหม แลสายหยุดนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น

“เจ้าบัวงาม”

“พระเจ้าค่ะ”

“วันพรุ่ง พี่แลเจ้าเหมจักต้องไปปราบโจรที่ชายแดนใต้ติดแคว้นการเวก”

“...ไปปราบโจรหรือพระเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินก็เกิดอาการห่วงพระภัสดา จนคิ้วเรียวขมวดชิดกัน

“คงจักต้องไปเสียสิบห้าวัน”

“...หม่อมฉันเป็นห่วงพระองค์พระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางคลอน้ำ ขึ้นชื่อว่าโจรคงมิมีใครใคร่เจอ

“มิต้องห่วงดอก อย่ากังวลไปเลยหนาเจ้า”รั้งร่างบางหอมกรุ่นเข้ามากอดปลอบ

“จักมิให้ห่วง มิให้กังวลได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ”

“พี่สัญญาว่าจักปลอดภัยกลับมาหาเจ้า เจ้าบัวงาม”

“อึก...สัญญาแล้วหนาพระเจ้าค่ะ ฮึก”

“จ้ะ...มิไห้หนาคนดี”พระหัตถ์ลูบหัวไหล่มนเบาๆปลอบโยน

“ฮึก พระเจ้าค่ะ อึก”

“งอแงเยี่ยงนี้ มิสบายเสียแล้วกระมัง”

“ฮึก บัวสบายดีพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ พี่จักให้ห้องเครื่องนำของว่างมาให้ดีหรือไม่”ตรัสถามเอาอกเอาใจ

“ฮึก บัวใคร่อยากกินผลอัมผวาดิบพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ...สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“ไปบอกข้าหลวงให้นำผลอัมผวาดิบมาให้เจ้าบัวที”

“พระเจ้าค่ะ”

“เกลือด้วยพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะๆ...เกลือด้วยหนาสายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”



เมื่อได้ผลอัมผวามาแล้ว องค์จันทร์ก็หยิบจิ้มเกลือป้อนเมียรักที่ซบพระอุระมิห่าง ช่างออดช่างอ้อนนัก

“มิเปรี้ยวหรือเจ้า”แค่พระองค์ได้กลิ่นยังเข็ดฟัน แต่เจ้าบัวกลับเคี้ยวกรวมๆน่าอร่อย

“มิเปรี้ยวสักนิดพระเจ้าค่ะ อร่อยนัก หม่อมฉันโปรดพระเจ้าค่ะ”

“หากโปรดก็กินเยอะๆหนาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”เงยหน้ามอบรอยยิ้มให้พระภัสดา


.
.
.


หลังจากนั้น องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามก็เข้าพักผ่อนในห้องบรรทม เหม แลสายหยุดจึงได้มีเวลาอยู่ร่วมกันก่อนที่วันพรุ่งเหมจักออกเดินทางปราบโจรพร้อมองค์จันทร์

“พี่เหม”

“จ๋า”

“พี่เหมไปปราบโจรเยี่ยงนี้ ต้องระวังตัวหนาจ๊ะ”

“จ้ะ..พี่มิให้สายหยุดเป็นหม้ายขันหมากดอก”

“ฮื้อ..พูดกระไรเยี่ยงนั้นพี่เหมล่ะก็”

“หึหึหึ...สายหยุดคนดี”

“จ๊ะ?”

“กลับมาจากปราบโจรเมื่อใด พี่จักให้พ่อเร่งหาฤกษ์แต่งให้เร็วที่สุดหนาจ๊ะ”

“พี่เหม...สายหยุดจักรอพี่เหมหนาจ๊ะ”

“จ้ะ..พี่..”

“จ๊ะ?”

“พี่รักสายหยุดหนา”

“.....”

“.....”

“...สายหยุดก็รักพี่เหมจ้ะ”


.
.
.


วันรุ่งขึ้นองค์จันทร์ แลเหม องครักษ์คนสนิท พร้อมด้วยกองทัพทหารนับสิบนายก็เตรียมพร้อมออกจากวังหลวง โดยมีพระมารดาศศิธร พระชายาบัวงาม แลสายหยุดส่งเสด็จเจ้าหลวง

“ลูกไปแล้วหนาพะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“พระคุ้มครองหนาลูก แคล้วคลาดปลอดภัยกลับมาทุกคนหนา”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท...อย่าลืมสัญญาหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ...พี่จักกลับมาอย่างปลอดภัย”

“พี่ไปหนาสายหยุด”

“จ้ะพี่เหม...สายหยุดขอให้พี่เหม องค์จันทร์ แลทุกๆคนปลอดภัยกลับมาหนาจ๊ะ”

“จ้ะ”

“สายหยุด ข้าฝากเจ้าดูแลเจ้าบัวของข้าด้วยหนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“เสด็จแม่ ลูกฝากเจ้าบัวด้วยหนาพะย่ะค่ะ”

“จ้ะ...แม่จักดูแลเจ้าบัวให้ มิต้องกังวลดอกเจ้า”

“พะย่ะค่ะ”


ล่ำลากันแล้วพระมารดาศศิธรจึงอยู่เป็นเพื่อนเจ้าบัวงามที่ตำหนักหลวงก่อน พระสัสสุปลอบใจสุนิสาที่ห่วงสวามีให้คลายกังวล หากแต่ก็มีเรื่องมิคลาดฝันขึ้น

“เจ้าบัวงาม!!”ทรงถลาเข้าประคองร่างของสุนิสาพลางตบปรางนวลเบาๆเรียกสติ

“พระชายา!!”สายหยุดตกใจ รีบเข้าบีบนวดปลีน่องเรียว

“ไปตามหมอหลวงมาประเดี๋ยวนี้”

“เพคะ”ข้าหลวงสาววิ่งกันจ้าละหวั่น



รอมินานหมอหลวงก็รีบมายังตำหนักหลวง ถวายการรักษาให้พระชายา โดยมีพระมารดาศศิธรนั่งกำกับ

“สุนิสาของข้าเป็นเช่นไรบ้างหมอหลวง มีกระไรร้ายแรงหรือไม่”

“ทูลพระมารดา พระชายาบัวงามมิได้ประชวรพะย่ะค่ะ..หากแต่เป็นข่าวดี”

“ข่าวดี?...หรือว่า..”

“พะย่ะค่ะ...พระชายาทรงตั้งพระครรภ์แล้วพะย่ะค่ะ”

“...ตั้งครรภ์ ขะ ข้าจะมีหลานแล้วหรือ”

“พะย่ะค่ะ...ยินดีด้วยพะย่ะค่ะพระมารดา”

“...ตั้งครรภ์?”เสียงหวานแหบเรียกให้พระมารดา แลหมอหลวงหันมอง

“เจ้าบัว ฟื้นแล้วหรือลูก”

“พระเจ้าค่ะเสด็จแม่..แลที่หมอหลวงท่านว่า..”

“.....”

“.....”

“ใครตั้งครรภ์หรือพระเจ้าค่ะ”

“...เจ้าบัว”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าตั้งครรภ์แล้วหนา...ในท้องเจ้ามีลูกเจ้าจันทร์นอนอยู่”ตรัสพลางลูบเบาๆที่หน้าท้องแบนราบของสุนิสา

“หมะ หม่อมฉันตั้งครรภ์หรือพระเจ้าค่ะ”

“ใช่...เจ้าตั้งครรภ์แล้ว”

“เสด็จแม่...”ใบหน้างามฉายแววความยินดี ริมฝีปากยิ้มกว้าง มือเล็กกุมมือพระสัสสุแน่น

“ยินดีด้วยพะย่ะค่ะพระชายา”

“....เสด็จแม่พระเจ้าค่ะ ลูกมีเรื่องจักขอ”

“กระไรหรือเจ้าบัว”

“อย่าเพิ่งแพร่งพรายเรื่องที่หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“.....”
“...หม่อมฉันใคร่อยากทูลฝ่าบาทก่อน จึงค่อยประกาศให้ภายนอกรับรู้พระเจ้าค่ะ”

“ได้สิเจ้า...ท่านหมอ”

“พะย่ะค่ะ”

“อย่าได้แพร่งพรายเรื่องเจ้าบัวตั้งครรภ์จนกว่าเจ้าจันทร์จักกลับมา”

“พะย่ะค่ะพระมารดา”

“มิมีกระไรแล้ว ขอบใจท่านหมอมาก”

“มิได้พะย่ะค่ะพระมารดา”

”ขอบใจท่านหมอหนาจ๊ะ”

“มิได้พะย่ะค่ะพระชายา เยี่ยงนั้นหม่อมฉันทูลลาพะย่ะค่ะ”

“จ้ะ”


.
.
.


“พระชายาเสวยหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ จักได้บำรุงองค์รัชทายาทในพระครรภ์”สายหยุดว่าพลางยกสำรับของบำรุงครรภ์ที่พระมารดาจัดหามาให้ถวายพระชายา

“ขอบใจหนาจ๊ะพี่สายหยุด”

“มิได้พระเจ้าค่ะ...หากฝ่าบาททรงทราบว่าพระชายาทรงพระครรภ์แล้วคงจักดีพระทัยมากเป็นแน่พระเจ้าค่ะ”

“.....”เจ้าบัวอมยิ้มพระปรางแดงระเรื่อ

“.......”

“...พี่สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“พี่สายหยุดต้องรีบมีน้องหนาจ๊ะ จักได้มาเป็นเพื่อนเล่นกับลูกข้า มิเช่นนั้นลูกข้าคงจักเหงาแย่”

“..พระชายา ทรงตรัสกระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะ สายหยุดยังมิได้ตบแต่งกับพี่เหมเลยหนาพระเจ้าค่ะ”กล่าวพลางจิกโจงกระเบนตนไปมา


.
.
.



หลังจากนั้นพระมารดาศศิธรก็รับสั่งให้ห้องเครื่องเพิ่มพระกายาหารบำรุงให้เจ้าบัวทุกมื้อ แถมยังมีสายหยุดคอยประคบประหงมตามติดเจ้าบัวทุกฝีก้าว

“อ่อก อึก อ่อก”เช้าวันนี้อาการแพ้ท้องของพระชายาดูจักหนักหนากว่าทุกวัน ทรงอาเจียนเสียจนเสวยกระไรมิได้

“ตามหมอหลวงเถิดพระเจ้าค่ะพระชายา”สายหยุดที่คอยลูบพระขนองให้เอ่ยอย่างกังวล

“อ่อก อ่อก”เจ้าบัวอาเจียนจนน้ำหูน้ำตาไหล

“เจ้าไปตามหมอหลวงมาที”

“เจ้าค่ะคุณสายหยุด”

“รอประเดี๋ยวหนาพระเจ้าค่ะ หมอหลวงกำลังจักมา”สายหยุดว่าพลางประคองร่างบางพิงอกตน ถือยาหอมจ่อใต้จมูกโด่งรั้น

“ฮึก...ข้าเหนื่อยเหลือเกินพี่สายหยุด”

“ทนหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ”



มินานนักหมอหลวงก็เข้าถวายการรักษาพระชายา หากแต่มิใช่หมอหลวงคนเดิมที่เคยตรวจครั้งก่อน ครานี้เป็นหมอหลวงหนุ่มที่มิคุ้นหน้าคุ้นตา แปลกเสียจนเจ้าบัว แลสายหยุดลอบมองหน้ากัน

“พระชายาเป็นเยี่ยงไรบ้างท่านหมอหลวง ทรงอาเจียนมาตั้งแต่เช้าแล้ว แลเห็นทีจักไข้อ่อนๆเสียด้วย”เสียหยุดว่า

“...ขอข้าตรวจให้แน่ใจก่อนหนา”

“.....”

“.....”

“ทูลพระชายา...หม่อมฉันขอบังอาจกราบทูลพะย่ะค่ะ”

“มีกระไรหรือ”

“หม่อมฉันสมควรตาย”

“มีกระไรว่ามาเถิด”

“อาการที่พระองค์เป็นนี้....”

“.....”

“.....”

“.....ทรงเป็นโรคติดต่อร้ายแรงพะย่ะค่ะ”

“!!!!!”

“!!!!!”


เจ้าบัว แลสายหยุดต่างก็ตกใจเมื่อได้ยินที่หมอหลวงหนุ่มทูล

“ระ โรคติดต่อหรือ”

“พะย่ะค่ะ”

“แลมีกระไรอีกหรือไม่”

“...ทรงเป็นโรคติดต่อร้ายแรงพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเห็นควรว่าพระองค์ควรย้ายออกจากตำหนักหลวงเพ่อมิให้โรคระบาดพะย่ะค่ะ”

“แลลูก..”เป็นห่วงเจ้าตัวน้อยในครรภ์จับใจ

“พระองค์ทรงเป็นโรคติดต่อ มิสามารถมีครรภ์ได้พะย่ะค่ะ”เมื่อจบประโยคก็หันมองหน้าคนสนิททันที เป็นไปได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้ทรงครรภ์อยู่ มีกระไรมิชอบมาพากลเสียแล้ว

“.....เยี่ยงนั้น พี่สายหยุดจัดการทีเถิด ข้าจักย้ายไปอยู่ตำหนักท้ายวังหลวง”

“แต่พระชายา..พระเจ้าค่ะ”สายหยุดค้านเมื่อมิเป็นความจริง หากแต่พระชายาทรงพยักพระพักตร์ให้ตามน้ำจึงได้ออกไปจัดการตามที่รับสั่ง

“หม่อมฉันจักจัดโอสถถวายเพื่อระงับอาการมิให้ลุกลามหนาพะย่ะค่ะ”

“จ้ะ”



หมอหลวงหนุ่มจัดยาต้มกลิ่นฉุนจนเจ้าบัวเวียนเศียร สีของมันดำราวกับน้ำหมึกก็มิปาน

“ทรงเสวยเถิดพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ...หากมิมีกระไรแล้วท่านกลับไปก่อนเถิด”

“เอ่อ...พะย่ะค่ะ”


หมอหลวงหนุ่มออกจากห้องบรรทม สวนกับสายหยุด ดวงตาเรียวหวานจดจ้องหมอหลวงอย่างจับผิด

“พระชายา”ปิดพระทวารลงกลอนแน่นหนา

“พี่สายหยุดว่าแปลกหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ”

“แต่อย่าได้กระโตกกระตาก ประเดี๋ยวจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเสีย อย่างไรก็ตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน”

“พระเจ้าค่ะ”

“ส่วนโอสถนี่...นำไปให้สำนักหมอหลวงตรวจดูเสียว่ามันคือยากระไร”

“พระเจ้าค่ะ”














หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๒๖.๐๒.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-02-2018 23:27:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๒๖.๐๒.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-02-2018 00:19:24
ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่ๆ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๒๖.๐๒.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 27-02-2018 01:32:15
บ้าไปแล้วว อยากกินเปรี้ยว อ้วกตอนเช้า จะเป็นโรคร้ายแรงอะไรกัน :angry2:
//อินจัด
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๒๖.๐๒.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 27-02-2018 02:03:42
หลานตัวน้อย กำลังจะมาแล้ว :pig2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๒๖.๐๒.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 28-02-2018 12:50:53
ใครทำแบบนี้กับเจ้าบัว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๒๖.๐๒.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-03-2018 09:20:27
กลุ่มคัวร้ายมาแล้ว งานนี้เจ้าจันทร์จัดให้หนักเลย

เจ้าบัวท้องแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๒๖.๐๒.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 01-03-2018 12:43:26
เกือบไปแล้วเจ้าบัว ตัวละครปริศนาโผล่มาแล้ว! :katai1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑ๆ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 09-03-2018 13:07:07



บัวหลงจันทร์ ๑๐


สำนักหมอหลวง


“ท่านหมอ”

“คุณสายหยุด มีกระไรให้รับใช้หรือขอรับ”หมอหลวงคนที่ตรวจครรภ์ให้เจ้าบัวเอ่ยพลางออกมาต้อนรับคนสนิทของพระชายา

“เช้านี้พระชายาทรงแพ้ท้องหนักมาก จึงได้ให้หมอหลวงเข้าไปตรวจ เหตุใดจึงไม่ใช่ท่านที่เข้าไปตรวจ”

“หา...พระชายาแพ้ท้องหนักหรือขอรับ”

“ใช่”

“หากแต่ข้ามิรู้เรื่องเลยหนาขอรับ เช้านี้มิมีคนจากตำหนักหลวงมาตามข้าสักคน”

“งั้นหรือ”

“ขอรับ แลได้มีใครได้เข้าถวายการรักษาหรือไม่ขอรับ”

“มี หากแต่ข้ามิคุ้นหน้าคาตา แลก็มิได้อยู่ในสำนักหมอหลวงตอนนี้ด้วย”สายหยุดกวาดสายตามองรอบบริเวณ

“หา...คุณสายหยุด เพลานี้หมอหลวงทุกคนอยู่ที่สำนักหนาขอรับ จักเป็นไปได้อย่างไรว่าหมอหลวงที่ถวายการรักษาพระชายามิได้อยู่ที่นี่”เพลานี้หมอหลวงทุกคนต่างก็อยู่ที่สำนัก บ้างอยู่เพื่อปรุงยา บ้างอยู่เพื่ออ่านตำรา แลบ้างอยู่รอเผื่อเหตุฉุกเฉินจักได้ถวายการรักษาเจ้านายได้ท้วงทันการ

“...ท่านช่วยเอาพระโอสถในถ้วยนี่ไปตรวจให้ทีเถิดว่าเป็นโอสถกระไร”

“...พระโอสถถ้วยนี้”

“หมอหลวงถวายแด่พระชายาเมื่อเช้า มันผู้นั้นวินิจฉัยว่าทรงเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หามีรัชทายาทได้ไม่”

“หา...เป็นไปมิได้ขอรับ ข้าตรวจพระชายากับมือ มิได้เป็นเช่นมันว่า”

“นั่นแล...ข้าจึงได้แปลกใจ เลยอยากขอให้ท่านช่วยตรวจพระโอสถในถ้วยนี้ให้ทีเถิด”

“ขอรับ”


.

.

.



“ว่าอย่างไรบ้างพี่สายหยุด”เจ้าบัวงามที่รอคนสนิทอยู่ที่ตำหนักเล็กท้ายวังหลวงรีบผุดลุก ตรัสถามทันทีที่คนสนิทเข้ามาในห้องบรรทมพร้อมปิดพระทวารลงกลอนแน่นหนา เป็นโชคดีของเจ้าบัวหรืออย่างไรที่หมอหลวงปลอมผู้นั้นใส่ร้ายพระชายาว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ดังนั้นผู้ที่เข้าเฝ้าพระชายาได้จึงมีเพียงสายหยุดคนสนิท แลอิ่มพระพี่เลี้ยงจากภุมริกาเท่านั้น

“หมอหลวงจากสำนักท่านว่าโอสถนั้นมีส่วนผสมของต้นอีเหนียวที่เสวยทำให้เป็นหมันพระเจ้าค่ะ”

“หมันเยี่ยงนั้นหรือ?”

“.....”

“ผู้ใดกันที่มันกล้าคิดชั่วกับข้า”

“หม่อมฉันคิดว่าเกลือเป็นหนอนพระเจ้าค่ะ...มิเช่นนั้นหมอหลวงปลอมผู้นั้นคงมิสามารถเข้ามาถึงตำหนักหลวงได้ง่ายดายเพียงนี้”

“.....”เจ้าบัวงามพยักหน้าน้อยๆอย่างเห็นด้วยกับคนสนิท

“เช่นนั้น พระชายาจักทรงทำอย่างไรดีเพคะ ฝ่าบาทก็มิอยู่เสียด้วย...ประจวบเหมาะราวกับวางแผนไว้”

“นั่นสิอิ่ม...ราวกับวางแผนไว้ แลใครกันที่ทำ ข้าหรือก็มิมีเรื่องบาดหมางกับใคร”

“.....”

“.....”

“ทูลพระชายา...หมอหลวงนำพระโอสถมาถวายเพคะ”เสียงข้าหลวงสาวที่อยู่นอกห้องบรรทมกราบทูล

“.....”นายบ่าวมองหน้ากันนิ่ง

“ให้หมอหลวงเข้ามา”

“แต่พระชายาเพคะ จักอันตรายหรือไม่”

“อยู่ในรั้วในวังมันคงมิกล้าดอก...ทำให้มันตายใจก่อนเถิด”เจ้าบัวว่า

“เพคะ”

“เข้ามา”

“ถวายพระพรพะย่ะค่ะพระชายา”

“...อืม”

“หมะ หม่อมฉันนำพระโอสถมาถวายพะย่ะค่ะ”

“โอสถอีกแล้วหรือ เมื่อเช้าข้าก็เพิ่งกินไปเองหนาจ๊ะท่านหมอ”

“ทรงเป็นโรคติดต่อร้ายแรงจึงจักต้องเสวยโอสถถี่พะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ แค่กๆ...ขอบใจท่านหมอมาก”ตรัสพลางแสร้งไอ

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“แลมีกระไรอีกหรือไม่จ๊ะ”

“มิมีพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเพียงนำโอสถมาถวาย”

“หรือจ๊ะ”

“อะ เอ่อ..นะ นี่โอสถเพิ่มเติมพะย่ะค่ะ ต้มเสวยวันละห้ามื้อจักช่วยบรรทมอาการโรคร้ายพะย่ะค่ะ”

“ห้ามื้อเชียวหรือ เหตุใดจึงถี่นัก”สายหยุดเอ่ยถาม

“อะ เอ่อ..พระชายาจักได้อาการทุเลาไวๆเยี่ยงไร”

“.....”

“.....”

“.....”

“หะ หากมิมีกะไรแล้ว หม่อมฉันทูลลาพะย่ะค่ะ”

“จ้ะ”

“หม่อมฉันใคร่รู้นักเพคะว่าผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังจึงได้ให้คนโง่เช่นหมอหลวงปลอมผู้นี้ทำงานให้ แค่อ้าปากพูดหรือก็จับผิดได้แล้ว”อิ่มรอจนหมอหลวงปลอมออกไปจนลับสายตาแล้วจึงเอ่ยกับผู้เป็นนาย

“นั้นสิจ๊ะพี่อิ่ม”สายหยุดพยักหน้าเห็นด้วย

“คงเป็นโชคดีของเรากระมัง”...หรือศัตรูโง่ก็มิอาจทราบได้

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักเอาโอสถนี่ไปให้สำนักหมอหลวงตรวจ แลจักเอายาบำรุงครรภ์มาถวายหนาเพคะ”

“จ้ะ”เจ้าบัวพยักหน้า อิ่มหอบห่อพระโอสถออกจากห้องบรรทม

“คุณอิ่มจักไปไหนหรือเจ้าคะ”ข้าหลวงสาวที่มารับใช้เจ้าบัวงามแทนคนเก่าที่ป่วยกะทันหันเมื่อมินานมานี้ เอ่ยถามขึ้น

“ข้าจักเอาพระโอสถที่หมอหลวงท่านถวายให้พระชายาท่านไปต้มถวาย...มีกระไรหรือ”

“มิมีเจ้าค่ะ”

“อืม”


.

.

.


“ท่านหมอ”

“คุณอิ่ม”

“นี่โอสถที่มันถวายให้พระชายาท่าน บอกให้เสวยวันละห้ามื้อ”

“ข้าจักเอาไปตรวจให้เองขอรับ แลนี่พระโอสถบำรุงครรภ์”

“ขอบใจมากท่านหมอ”

“มิได้ขอรับ...”


.

.

.


ทางด้านองค์จันทร์ก็ทรงกริ้วอย่างมากเมื่อปัญหาโจรบุกรุกชายแดนที่ทรงคิดว่าใหญ่โตเสียจนขุนนางที่ดูแลพื้นที่จัดการเองมิได้ กลับกลายเป็นปัญหาโจรกระจอกลักเล็กขโมยน้อยเท่านั้น หากแต่ขุนนาง แลทหารที่ดูแลกลับจัดการเองมิได้ ร้อนถึงพระองค์จำต้องห่างเมียมาใกล้ถึงชายแดน

“ทรงพระทัยเย็นก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”ขุนนางตัวสั่น เสียงสั่นกราบทูลนายเหนือหัว ทรงกริ้วเสียจนหวิดจักถูกกุดหัว

“จักให้ข้าเย็นหรือ แค่โจรกระจอกยังมิมีปัญญาจัดการ แลข้าจักไว้ใจให้พวกเจ้าดูแลประชาชนของข้าได้อย่างไร”

“.....”

“วันนี้พอแค่นี้แล ออกไปให้หมด”โบกพระหัตถ์ไล่

“กราบทูลลาพะย่ะค่ะ”

“......”

“ฝ่าบาท”

“ข้าคิดถึงเจ้าบัว”

“หม่อมฉันก็คิดถึงสายหยุดพะย่ะค่ะ”

“เหอะ...”

สองนายหนึ่งบ่าวนั่งถอดถอนหายใจคิดถึงเมียคนงามที่รออยู่ที่วังหลวง

“ทูลฝ่าบาทหลวงพิมลขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”

“อืม”

“วันนี้ฝ่าบาทคงจักกริ้วมิน้อย”

“.....”องค์จันทร์พระเนตรขวาง

“....หมะ หม่อมฉันจึงให้บุตรีมาถวายงานให้พระองค์พะย่ะค่ะ”

“.....”

“แม่สร้อยเข้ามา”เรียกบุตรี

“ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท”

“.....”

“.....”

สองนายบ่าวนิ่งประเมินสถานการณ์

“เยี่ยงนั้นหม่อมขอตัวพะย่ะค่ะ”คนพ่อกราบทูลลา แลออกจากกระโจมที่ประทับ

“...เอ่อ”บุตรีหลวงพิมลเหลือบตามองเหมที่มิขยับกายไปไหนยังคงคุกเข่าปักหลักอยู่ข้างองค์จันทร์ที่พระเนตรขวางราวคนสติมิดี

“.....”

“.....”

“หมะ หม่อมฉันรินน้ำจัณฑ์ถวายหนาเพคะ”

“ข้ามิดื่มน้ำจัณฑ์”

“ชะ เช่นนนั้น หมะ หม่อมฉันจักรินพระสุธารสชาถวาย หนะ หนาเพคะ”

“.....”รับจอกน้ำชาจากหญิงสาวพลางจ้องพระเนตรขวาง

“ทรงดื่มสิเพ..”

“ออกไป”

“พะ เพคะ”

“ออกไป”

“ตะ แต่”

“ออกไป!!!!”ทรงไล่พระสุระเสียงดังพลางปาจอกน้ำชาใส่หญิงสาวจนเปียกผ้าแถบเปียกไปเป็นวง



เพล้ง



“กรี๊ดดด เพคะๆ”กุลีกุจรลุกวิ่งออกจากกระโจมที่ประทับหลังจากถูกตวาด

“บังอาจนัก ถึงข้าจักห่างเจ้าบัว แต่หาได้จักนอกกายนอกใจไม่”ทรงกริ้วเสียยิ่งกว่าเดิมอีก

“พระทัยเย็นก่อนเถิดพะย่ะค่ะ”

“ฮึ่ย....”

“หม่อมฉันจักไปหาดอกบัวมาถวายหนาพะย่ะค่ะ จักได้คลายคิดถึงพระชายา”

“บัวใดเล่าจักงามเท่าบัวงามของข้า”

“แก้ขัดไปก่อนเถิดพะย่ะค่ะ”

“.....”

“ประเดี๋ยวหม่อมฉันมาหนาพะย่ะค่ะ”


.

.

.


มินานองครักษ์คนสนิทก็กลับมาพร้อมพานทองปูผ้าขาวบางตัดกับบัวหลวงดอกตูมสีชมพูที่นอนแน่นิ่ง

“ทูลฝ่าบาท บัวหลวงดอกนี้เป็นดอกที่สวยที่สุดในบึงแล้วพะย่ะค่ะ ดอกตูม แลกลีบมิช้ำแม้แต่น้อย”

“.....”ทรงหยิบประคองดอกไม้งามราชินีแห่งไม้น้ำขึ้นจรดพระนาสิกสูเกลิ่นหอมของบัวหลวง ความกริ้วกังวลที่มีมาทั้งวันก็คลายลงอย่างน่าอัศจรรย์ ปลายพระนาสิกโด่งซุกไซร้กลีบบัวนุ่มพลางสูดกลิ่นหอมเข้าพระปับผาสะ

“.....”

“เจ้าเหม”

“พะย่ะค่ะ”

“จัดการเรื่องทุกอย่างให้แล้วเสร็จภายในพรุ่งนี้ มะรืนข้าจักกลับวังหลวง”

“พะย่ะค่ะ”



จัดการเรื่องที่ว่านั่นหมายถึง เรื่องขุนนางที่ทำงานมิได้เรื่องได้ราว เรื่องโจรกระจอก แลเรื่องหลวงพิมลที่บังอาจทำเกินหน้าที่ส่งบุตรีมาถวายงานพระองค์ทั้งๆที่มิได้รับสั่ง


.

.

.



“อ่อก...อ่อก”เจ้าบัวงามอาเจียนเสียงดังเสียจนข้าหลวงที่เฝ้าหน้าพระทวารได้ยิน นั่นยิ่งทำให้มิมีใครกล้าเข้ามาภายในห้องบรรทมด้วยกลัวจักติดโรคร้ายจากพระชายา ยกเว้น อิ่ม แลสายหยุดที่คอยดูแลนายเหนือหัว

“พระชายาทรงดื่มพระสุธารสขิงก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”สายหยุดประคองร่างบอบบางอ่อนแรงให้ประทับพิงหมอนขิดทรงสามเหลี่ยมไว้ แลรินพระสุธารสขิงจากกาใส่จอกเล็กๆให้พระชายาจิบ

“.....”เจ้าบัวรู้สึกเวียนเศียรจนต้องหลับตานิ่ง มือบางยกจอกขึ้นจิบน้ำขิงอุ่นๆ

คนท้องคนไส้อุดอู้อยู่แต่ในห้องบรรทม มิได้ออกจากตำหนักสูดอากาศเสียเลยจึงทำให้เจ้าตัวน้อยเกเร ทำมารดาแพ้ท้องเสียแทบเป็นลมเป็นแล้ง

“เป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“เมื่อใดฝ่าบาทจักกลับมา...”

“มินานดอก ทนหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ”



แกร๊ก แอ๊ด


“พี่อิ่ม”สายหยุดร้องเรียกคนที่เพิ่งเข้ามาในห้องบรรทม

“เป็นอย่างไรบ้างอิ่ม”ทรงตรัสถาม

“ทูลพระชายา หม่อมฉันคิดว่าพวกมันน่าจักรู้เสียแล้วว่าทรงตั้งครรภ์เพคะ”

“หา...”สายหยุดอุทานอย่างตกใจ

“เป็นไปได้อย่างไร”เจ้าบัวแม้จักตกใจแต่ก็เก็บอาการได้ดี

“ยาห่อใหม่ที่มันให้มามีส่วนผสมของเทียนหยดเพคะ”

“หา..เทียนหยดหรือพี่อิ่ม”

“ใช่ เทียนหยดหากผู้ที่มีครรภ์ได้กินเข้าไปคงจัก.....”

“หากแต่เทียนหยดมีพิษอันตรายถึงชีวิตเลยหนาจ๊ะพี่อิ่ม”

“.....”

“บังอาจนัก...”เจ้าบัวงามกำมือแน่น มิเคยทำให้ใครเจ็บแค้นมาก่อน แลผู้ใดกันที่คิดร้ายกับข้า

“แลอีกเรื่อง พระมารดาศศิธรทรงรู้เรื่องนี้แล้วหนาเพคะ”

“พระมารดา...พระองค์รู้ได้เยี่ยงไร”

“ข่าวลือเรื่องพระองค์เป็นโรคติดต่อร้ายแรงคงแพร่ไปถึงพระเนตรพระกรรณพระมารดาเพคะ...ทรงจักเสด็จมาหาพระชายาตั้งแต่วันก่อน หากแต่เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ห้ามปรามมิให้เสด็จมาด้วยเกรงจักติดโรคจากพระองค์เพคะ”

“เช่นนั้น...พี่สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“พี่สายหยุดเข้าเฝ้าพระมารดาแทนข้าทีเถิด...กราบทูลพระองค์ว่ามิต้องเป็นห่วงข้า”

“..พระเจ้าค่ะ”


.

.

.


“บังอาจนัก!! มันเป็นใครกันถึงได้กล้าใส่ร้ายป้ายสีสุนิสาของข้า”พระมารดาเมื่อได้ฟังความจากสายหยุดก็กริ้วเสียจนพระพักตร์งามเหยเก

“ตอนนี้ยังหาตัวคนบงการมิได้พระเจ้าค่ะพระมารดา หากแต่พระชายาทรงปลอดภัยดี แลองค์รัชทายาทก็ทรงปลอดภัยดีพระเจ้าค่ะ”

“....โธ่ เจ้าบัวงาม หากองค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดรู้เข้าว่าแก้วตาดวงใจของพระองค์ถูกกลั่นแกล้งทั้งๆที่อยู่ในวังหลวงศศิมณฑล แลข้าจักมีหน้ามีตาอยู่อีกหรือ”

“พระทัยเย็นก่อนหนาพระเจ้าค่ะพระมารดา ประเดี๋ยวประชวรไปอีกพะองค์จักแย่เอา”

“แลเมื่อใดเจ้าจันทร์จักกลับจากราชกิจ หืม สายหยุด”

“คงอีกประมาณสิบวันพระเจ้าค่ะ”

“สิบวัน ป่านนั้นสุนิสาของข้าจักเป็นเช่นไร”

“.....”

“แลเจ้าบัวเป็นเยี่ยงไรบ้าง”

“พระชายาทรงแพ้ท้องหนักเลยพระเจ้าค่ะ อุดอู้อยู่แต่ในห้องบรรทมมิได้ออกมาสูดอากาศเสียเลย แลยังต้องหลบๆซ่อนๆเสวยยาที่สับเปลี่ยนอีกพระเจ้าค่ะ พระกายาหารก็พอจักปดได้บ้างว่าทรงประชวรจึงต้องเสวยของบำรุงเพิ่ม”

“โธ่....เจ้าบัวของแม่”

“หากแต่มิต้องทรงกังวลไปหนาพระเจ้าค่ะพระมารดา...หม่อมฉัน แลพี่อิ่มจักดูแลพระชายาให้ดีที่สุดพระเจ้าค่ะ”

“ฝากด้วยหนาสายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”




.

.

.



ห้าวันหลังจากนั้น

“พระชายาอาการมิค่อยจักดีเสียเลย ไปตามหมอหลวงมาทีเถิด”อิ่มว่า

“ข้าไปตามให้เองเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนา”



ข้าหลวงสาวเร่งออกจากตำหนักท้ายวังหลวง สาวเท้าอย่างรีบร้อน มองซ้ายขวามิมีใครจึงได้เลี่ยงไปอีกทางที่ แต่หาใช่ทางไปสำนักหมอหลวงไม่ โดยที่มิรู้ตัวเลยว่าคนสนิทของพระชายาได้ตามตนไปด้วย



ย้อนไปเมื่อคืนวาน

“มันอันตรายเกินไป ข้ามิให้พี่สายหยุดทำเยี่ยงนี้ดอกนะจ๊ะ”

“หากแต่มิทำเยี่ยงนี้ เราจักเป็นเป้านิ่งให้มันหนาพระเจ้าค่ะ”

“มันอันตราย หากพี่สายหยุดเป็นกระไรข้าจักทำเยี่ยงไร”

“หม่อมฉันดูแลตัวเองได้พระเจ้าค่ะ หากเรามิตามมันไปจักรู้ได้อย่างไรว่าเกลือเป็นหนอนคือผู้ใด”

“ข้าเป็นห่วงพี่สายหยุด มันเสี่ยงเกินไป”

“เชื่อใจหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“หนาพระเจ้าค่ะ”

“ข้าห้ามมิได้ใช่หรือไม่”

“.....”

“พี่สายหยุดต้องสัญญากับข้า..ว่าจักมิเข้าใกล้มันจนเกินไป แลเมื่อรู้แล้วว่ามันเป็นใครให้รีบกลับมาหาข้า ได้ไหม”

“พระเจ้าค่ะ สายหยุดสัญญา”


.

.

.



“เป็นเจ้าจริงๆ...”สายหยุดพึมพำพลางค่อยๆตามข้าหลวงสาวคนใหม่ออกจากวังหลวงไปเงียบๆ ข้าหลวงสาวออกจากวังหลวงโดยการมุดออกจากกำแพงที่มีรูแตกคล้ายประตูแต่เล็กแคบกว่า



กร๊อบ



สายหยุดเบิกตากว้างเมื่อย่ำถูกกิ่งไม้แห้ง รีบขยับหลบหลังต้นโพธิ์ใหญ่ มือเล็กยกปิดปากตนแน่น จักทำเยี่ยงไรดี

“อุ๊บ อื้อออ”ระหว่างที่กังวลอยู่นั่น ก็ถูกรวบร่างบางเข้าไปในอ้อมกอดของใครบางคน ฝ่ามือใหญ่ปิดปากเล็กจนมิมีเสียงเล็ดลอดมาให้ได้ยิน ร่างบางถูกอุ้มไปโดยที่มิรู้ว่าเจ้าของอ้อมกอดที่อุ้มตนอยู่นั้นคือใคร



ทางด้านข้าหลวงสาวที่ได้ยินเสียงกิ่งไม้แห้งหักก็หยุดชะงัก หันรีหันขวางอย่างตกใจว่าจักมีผู้ใดตามมา ดวงตาเหลือบไปเห็นกระรอกตัวน้อยที่วิ่งเกาะต้นไม้ก็ลอบถอนหายใจ แล้วรีบเดินต่อ

















หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 09-03-2018 14:41:15
มันเป็นผู้ใด :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 09-03-2018 15:51:39
 :katai1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 09-03-2018 15:52:44
ใครอีกละเนี้ยยยย  :m16::katai1: :katai1: ค้างอย่างรุนแรง :mew6:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2018 17:46:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: philosopher ที่ 09-03-2018 20:18:56
โอ้ย ใครกันอีกคะ
ค้างอย่างแรง


หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-03-2018 20:40:47
ใคร!! ใครทำอันใดสายหยุดดด!!!!!!
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 10-03-2018 01:48:15
ขอให้เป็นพี่เหมที่กลับมาช่วยทัน
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-03-2018 07:50:27
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-03-2018 07:55:48
ค้างๆๆๆๆๆๆๆ
ต่อเถอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 10-03-2018 10:22:36
มันเป็นใคร
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 10-03-2018 20:11:32
 o22
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 11-03-2018 11:33:03
รัชทายาทการเวกผูกใจเจ็บใช่ไหม
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Pptyy ที่ 20-03-2018 22:53:20
รออยู่น้าาาาาาาา :katai4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๐๙.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 22-03-2018 00:27:39
เมื่อไหร่จะมาจ๊ะ   :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๘.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 28-03-2018 15:41:35



 


บัวหลงจันทร์ ๑๑


“อื้อออ”สายหยุดดิ้นขลุกขลัก เมื่ออ้อมกอดที่รัดแน่นคลายออกคนงามก็หันไปฟาดมือฟาดไม้ใส่ไอ้คนชั่ว



เพี๊ยะๆๆๆๆๆๆๆๆ



“อ่ะ โอ๊ยๆ สายหยุดๆ พี่เหมเองจ้ะคนดี”คว้ามือเล็กทั้งสองตรึงกลางอากาศ

“หะ หา...พะ พี่เหม”สายหยุด หยุดมือที่ฟาดคนตรงหน้าทันที ดวงตางามเบิกค้าง

“จ้ะ พี่เอง...ฟอด คิดถึงเจ้าเหลือเกิน”ใบหน้าหล่อเหลาเอียงหอมปรางนวลฟอดใหญ่

“อะแฮ่ม...ไอ้เหม”

“แหะๆ ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”

“หึ...”ข้ายังมิได้กลับไปกอดหอมเจ้าบัว ดังนั้นพวกเจ้ามิมีสิทธิ์มาพลอดรักกันก่อนข้า!!

“ฮึก...พี่เหม ฝ่าบาท ฮือออ”สายหยุดทรุดนั่งปล่อยเสียงสะอื้น

“สายหยุดเป็นกระไรไป”สองนายบ่าวรีบทรุดตัวนั่งตามคนร่างบาง

“ฮือออ ฝ่าบาททรงช่วยพระชายาด้วยพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าบัว...เกิดกระไรขึ้น”

“ฮือออ...มีคนใส่ร้ายพระชายาว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรง บัดนี้ทรงถูกขังไว้ที่ตำหนักท้ายวังหลวงมิให้ออกมาพระเจ้าค่ะ”

“กระไรหนา..ผู้ใดมันกล้ารังแกเมียข้า”

“ฮึก...พระโอสถ ฮึก พระโอสถที่มันถวายให้พระชายาเสวยก็มีส่วนผสมของพืชเป็นพิษพระเจ้าค่ะ ฮึก”

“แลสายหยุดจักตามใครไปกันจ๊ะ”เหมถามพลางโอบกอดปลอบน้องน้อย

“ฮึก นางผู้นั้นเป็นข้าหลวงใหม่ที่มาแทนคนเก่าที่ป่วยกะทันหันพระเจ้าค่ะ นางผู้นั้นเป็นคนพาหมอหลวงปลอมเข้าไปในวังหลวง ฮึก ทรงช่วยพระชายาด้วยหนาพระเจ้าค่ะ ฮือออ”

“มิต้องตาม ให้มันล่อไอ้หมอหลวงปลอมมาให้ข้า...กลับวังหลวงประเดี๋ยวนี้”

“พะย่ะค่ะ”เหมรับพระบัญชาก่อนจักกดจมูกกับแก้มชื้นน้ำตาของสายหยุด ประคองร่างบอบบางที่ยังสะอื้นอยู่เดินตามนายเหนือหัว

“ฮึก...ชะ เชิญฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ”สายหยุดพาองค์จันทร์ แลเหมกลับไปทางเดินตรงที่กำแพงชำรุด จักได้มิมีใครสังเกต แลไหวตัวทัน



.
.
.



“อ่อก...”

“โธ่ พระชายาทรงไหวหรือไม่เพคะ”ลูบแผ่นหลังบางเบาๆ

“.....”เจ้าบัวหลับตานิ่ง ก่อนจักลืมขึ้น นัยน์ตากวางคลอน้ำ

“อิ่ม หยิบปิ่นรัตนาให้ข้าที”

“เพคะ”

“....”เจ้าบัวรับปิ่นรัตนาที่พระภัสดาประทานให้จากพระพี่เลี้ยงขึ้นแนบอก ปลายนิ้วลูบเบาๆที่ตัวปิ่น มือเล็กรวบผมยาวนุ่มระเอวบางขึ้นเกล้าแลเสียบด้วยปิ่น เผยลาดไหล่ขาว แลลำคอระหง

“.....”

“หม่อมฉันคิดถึงฝ่าบาทเหลือเกิน...เมื่อใดจักกลับมาช่วยหม่อมฉัน แลลูกพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ยพึมพำกับตนเอง

“.....”

“เฮ้อ...แลเมื่อใดพี่สายหยุดจักกลับมา ข้าเป็นห่วง”

“คงมิมีกระไรดอกเพคะ อย่าได้กังวลไปเลย...”



แกร๊ก แอ๊ด



“พี่สายหยุด...”เจ้าบัวเมื่อได้ยินเสียงพระทวารเปิดออกก็ผุดลุกด้วยความดีใจ คนสนิทคงกลับมาแล้ว

“.....”

“ฝะ ฝ่าบาท”

“เจ้าบัวงาม”

“ฮึก ฝ่าบาท ฮือออ”เจ้าบัววิ่งเข้ากอดพระภัสดา แลไห้สะอึกสะอื้น...ทรงกลับมาช่วยหม่อมฉัน แลลูกแล้ว

“เจ้าบัว คนดีอย่าไห้เลยหนาเจ้า”

“ฝ่าบาท ฮือออออ”

“เกิดกระไรขึ้น พี่ไม่อยู่เกิดกระไรขึ้นกับเจ้า”

“ฮึก...ฮือออ”ใบหน้างามซบกับพระอุระ เรียวแขนเล็กโอบกอดรอบพระขนองแน่นราวกับกลัวว่าพระภัสดาจะหายไป

“หยุดไห้เถิด พี่ใจมิดีเลยหนาเจ้า”

“ฮึก...ทะ ทรงกลับมาเมื่อใดพระเจ้าค่ะ ละ แลมีใครรู้หรือไม่ว่าทรง ฮึก กลับมาถึงวังหลวงแล้ว”

“มีเพียงข้าหลวงที่นั่งเฝ้าหน้าพระทวารเท่านั้นที่รู้ว่าพี่กลับมา”

“หม่อมฉันกำชับนางพวกนั้นแล้วพระเจ้าค่ะว่ามิให้บอกใครว่าฝ่าบาททรงกลับมาแล้ว”สายหยุดกราบทูล

“ฮึก..ฝ่าบาท”

“หืม ว่าอย่างไรคนดี”จูบซับน้ำตาให้เมียเบาๆ

“...ฮึก ลูกมาแล้วหนาพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ยพลางประคองพระหัตถ์ใหญ่ให้วางทาบบนหน้าท้องแบนราบของตน

“.....”

“ลูกที่พระองค์รอคอย มาแล้วหนาพระเจ้าค่ะ”

“..เจ้าบัว”รั้งร่างบางเข้ามากอด พระทัยเต้นรัวด้วยความยินดี

“ฮึก..ทรงดีพระทัยหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“แน่นอนเจ้า...พี่ดีใจเสียจนมิรู้จักพูดกระไร”

“ฮึก...”เจ้าบัวซบหน้าหลับตาอย่างคลายกังวล

“ขอบใจหนาเจ้าบัว”



.
.
.



“ทูลพระชายา หมอหลวงมาแล้วเพคะ”เสียงข้าหลวงสาวเอ่ยขึ้นที่หน้าพระทวาร ทำเอาสองนาย สามบ่าวลอบมองหน้ากัน เหมขยับกายอย่างเงียบเชียบหลบอยู่ในมุมมืดใกล้พระทวาร



พลั่ก



ตุบ



เมื่อพระทวารเปิดออกหมอหลวงปลอมก็หมอบคลานเข้ามา แลเมื่อพระทวารปิดลงเหมก็จัดการฟาดหลังมือลงบนต้นคอหมอหลวงปลอม หากแต่ก็ยั้งแรงไว้มิให้หมอหลวงปลอมสลบไปเสียก่อน

“อะ โอยยย”หมอหลวงปลอมนอนหมอบโอดโอยเสียงแผ่ว หากแต่ยังมิทันได้ตั้งตัวก็ถูกกระชากหัวให้ลุกขึ้นนั่งเสียก่อน แลเมื่อได้เห็นอีกคนที่นั่งโอบประคองพระชายาก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ

“.....เบาหน่อยไอ้เหมประเดี๋ยวมันจะตายเสียก่อน”องค์จันทร์ตรัส

“พะย่ะค่ะ”

“...ใครส่งมึงมา”

“...พระ พระองค์ คะ คือ”

“เออ..กูองค์จันทร์เจ้าหลวงแผ่นดินที่มึงเหยียบอยู่นี่ไงเล่า แลมึงคิดว่ากูจักทำเยี่ยงไรกับคนที่กล้ามารังแกเมียรักของกู!!!”

“เฮือก...หม่อมฉัน บอกมิได้พะย่ะค่ะ โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย”หมอบกราบตัวสั่นงก

“เหม...”

“พะย่ะค่ะ...”



ฉึก



“อื้อออออออ!!!!”เหมยกมือปิดปากหมอหลวงปลอม แลแทงมีดพกลงบนหลังมือของหมอหลวงปลอมจนตาเหลือกด้วยความเจ็บปวด สายหยุด แลอิ่มสะดุ้งก้มหน้าหนีภาพน่าหวาดกลัว เจ้าบัวงามสะดุ้งซุกหน้ากับพระอุระองค์จันทร์ มือน้อยประคองท้องตนราวกับจักปลอบเจ้าตัวน้อยในครรภ์ องค์จันทร์กอดปลอบเมียรัก พระหัตถ์วางทับบนมือน้อยปลอบทั้งเมีย แลลูก

“ครานี้จักบอกได้หรือยัง”

“ฮึก...หะ หากบอกไป หมะ หม่อมฉันตายแน่ๆพะย่ะค่ะ ฮึก บะ บอกมิได้พะย่ะค่ะ ฮือออออออ”

“บอกก็ตาย มิบอกก็ตาย...เยี่ยงนั้นมึงก็เลือกเอาว่าจักบอกหรือมิบอก”

“ฮึก...ฮือ”

“หากมึงบอกกูอาจจักไว้ชีวิตมึง”

“.....”

“..กูจักมิให้ใครฆ่ามึง มิว่ามันจักเป็นใคร”

“...ฮึก ทรงช่วยหม่อมฉันด้วยพะย่ะค่ะ ฮือออออ”อยู่ในกำมือองค์จันทร์ พระองค์คงคุ้มกะลาหัวตนได้มากกว่าขุนนางเป็นแน่

“....”

“พระยาสุนทรเป็นคนบงการหม่อมฉันพะย่ะค่ะ”

“พระยาสุนทร”

“ฮึก..พะย่ะค่ะ หะ หากพระองค์มิเชื่อก็ทรงถามนางข้าหลวงผู้นั้นก็ได้หนาพะย่ะค่ะ พระยาสุนทรจ้างหม่อมฉันกับนางข้าหลวง หะ ให้ใส่ร้ายพระชายา ละ แลให้หม่อมฉันเอาพระโอสถที่พระยาสุนทรจัดหามาให้มาถวายให้พระชายาเสวยพะย่ะค่ะ”

“.....”

“...ฮึก พระยาสุนทรใคร่อยากให้บุตรีตนเองได้ขึ้นถวายงาน อะ องค์จันทร์”

“.....”

“ทะ เท่ที่หม่อมฉันรู้ก็มีเพียงเท่านี้พะย่ะค่ะ”

“.....”

“......”

“เหม”

“พะย่ะค่ะ”

“เอาตัวไอ้นี่ แลอีข้าหลวงทรยศไปขังไว้ที่คุกใต้ดินรอลงอาญา แลส่งสารเรียกตัวพระยาสุนทร แลบุตรีเข้าวังหลวงพบข้าเย็นนี้”

“พะย่ะค่ะ”

“สายหยุด อิ่ม”

“เพคะ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าจักพาเจ้าบัวกลับตำหนักหลวง เก็บข้าวของกลับตำหนักหลวงให้หมด”



.
.
.



“เจ้าบัว...เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก”พระมารดาศศิธรเมื่อรู้ข่าวว่าโอรสตนกลับวังหลวง แลพาสุนิสาออกจากตำหนักท้ายวังหลวงแล้วก็รีบเสด็จมาที่ตำหนักหลวงทันที

“เสด็จแม่”เจ้าบัวกอดตอบพระสัสสุ เมื่อได้รับความเมตตา อบอุ่นนัยน์ตากวางก็คลอน้ำ อารมณ์คนท้องอ่อนไหวไปหมด

“โธ่...เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า แลหลานแม่เป็นเช่นไรบ้าง”

“หม่อมฉัน แลลูกปลอดภัยพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าจันทร์”

“พะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“จัดการให้สิ้นซากหนาลูก พวกมันบังอาจนัก เหิมเกริมกล้าเข้ามาทำร้ายเจ้าบัวถึงในวัง”

“แน่นอนพะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกมิปล่อยมันไว้แน่”



.
.
.



“ทูลฝ่าบาท พระยาสุนทร แลบุตรีมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ”

“อืม...เจ้าบัวงามจ๋า”รับคำเหม ก่อนจักหันมาตรัสกับเมียรักที่ซุกตัวออดอ้อนอยู่กับพระอุระ

“พระเจ้าค่ะ”ช้อนนัยน์ตากวางมองพระพักตร์งามของพระภัสดา มิรู้ว่าเพราะตั้งครรภ์หรืออย่างไรเจ้าบัวถึงได้ออดอ้อนพระภัสดามิห่างตั้งแต่เสด็จกลับมาตำหนักหลวง

“พี่จักไปจัดการพวกชั่วที่มันกล้ารังแกเจ้า...อยู่กับสายหยดก่อนหนาคนดี”ตรัสพลางหอมผมนุ่มซ้ำๆ กลิ่นบัวนี่แลที่พระองค์ปรารถนาจักดอมดมมาตลอกเพลาที่อยู่ห่างกัน

“พระเจ้าค่ะ”รับคำ ก่อนจะค่อยๆผละกายออกจากพระวรกายอุ่น มือน้อยประคองพระหัตถ์ทั้งสองข้างของพระภัสดาขึ้น ริมฝีปากบางแดงกดจูบแผ่วเบา ประทับรอยอุ่นที่หลังพระหัตถ์ราวกับให้กำลังพระทัย

“มิต้องกังวลหนา พวกที่มันรังแกเจ้า พี่มิปล่อยมันไว้แน่”

“ระวังองค์เองหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“หม่อมฉันกับลูกจักรอพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ”จับพระหัตถ์วางลงบนหน้าท้องตน

“พ่อจักรีบกลับมาเป็นเด็กดีหนาลูก อย่าดื้ออย่าเกเรกับแม่เจ้า”


ทรงปลอบ แลฝากฝังเจ้าบัวกับสายหยุดแล้ว จึงเสด็จไปที่ท้องพระโรงพร้อมองครักษ์คนสนิท พระยาสุนทร แลบุตรีหมอบกราบนายเหนือหัว อย่างมิรู้ตัวว่าจักโดนกระไร

“ถวายพระพรพะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท”บุตรีพระยาสุนทรเอ่ยเสียงหวานพลางช้อนตามองพระพักตร์งามของนายเหนือหัว

“ทรงเรียกหม่อมฉัน แลบุตรีเข้าวังหลวงมีกระไรหรือพะย่ะค่ะ”

“ข้ามีเรื่องจักถามกระไรท่านเล็กน้อย”

“เรื่องกระไรหรือพะย่ะค่ะ”

“..ท่านพอจักรู้จัก ไอ้อีสองคนนี้หรือไม่”ตรัสแล้วก็พยักพระพักตร์ให้เหมพาตัวข้าหลวงสาว แลหมอหลวงปลอมเข้ามา

“.....”พระยาสุนทรเบิกตากว้าง

“ว่าอย่างไร เคยเห็นหน้ามันสองคนรือไม่”

“...มะ มิเคยพะย่ะค่ะ”

“แน่ใจหรือว่ามิเคยเห็นพวกมัน”

“พะย่ะค่ะ หมะ หม่อมฉันมิเคยเห็นพวกมันสองคนพะย่ค่ะ”

“...ทหาร!!”สิ้นพระสุระเสียงทหารราวสิบนายก็เข้ามาในท้องพระโรงพร้อมคุกเข่ารอรับพระบัญชาจากเจ้าหลวง

“......”

“.....”พระยาสุนทร แลบุตรีเบิกตากว้างตกใจ

“ปากหนัก ปากแข็งนัก...ดี!!! ข้าจักง้างปากพวกเจ้าเอง...ทหารจับตัวมันไว้”

“กรี๊ดดดดด..ฝ่าบาท”บุตรีพระยาสุนทรหวีดร้องอย่างเสียขวัญเมื่อถูกทหารวัยฉกรรจ์สองนายเข้าประกบ พลางจับแขนเรียวทั้งสองข้างไว้แน่น

“..ฝ่าบาท ทรงทำกระไรพะย่ะค่ะ”พระยาสุนทรกล่าวพลางดิ้นรนจากการถูกจับกุม

“ข้าก็จักจัดการพวกเหลือบไรที่มันบังอาจมารังแกเมียข้าหนาสิ พระยาสุนทร!!”

“....หม่อมฉันมิรู้เรื่องหนาพะย่ะค่ะ”

“มันผู้นั้นสารภาพหมดแล้วว่าเจ้าบงการมัน!!”

“มิจริง..มิจริงหนาพะย่ะค่ะ”

“ใคร่อยากให้บุตรีถวายงานรับใช้ข้าหรือ ถึงได้กล้าทำร้ายเจ้าบัวงามของข้า”

“มิจริงพะย่ะค่ะ..มะ มันผู้นั้นปดพะย่ะค่ะ”

“หึ...”

“กรี๊ดดดดดด”บุตรีพระยาสุนทรหรีดร้องร่ำไห้เมื่อถูกทหารนับสิบนายที่องค์จันทร์เรียกเข้ามาลวนลาม มือหยาบกร้านนับสิบคู่แตะต้องบีบเคล้นไปทั่วร่างอวบอิ่มของหญิงสาว

“ฝ่าบาทๆ อย่าทำบุตรีหม่อมฉันหนาพะย่ะค่ะ”

“หากยังมิพูดความจริงข้าจักให้ทหารพวกนี้ข่มขืนบุตรีท่าน แลประจานให้ทั่วเมือง!!!”

“กรี๊ดดดด ท่านพ่อช่วยลูกด้วยเจ้าค่ะ”

“ฝ่าบาทๆ หม่อมฉันพูดแล้วพะย่ะค่ะ หม่อมฉันพูดแล้ว...ปล่อยบุตรีหม่อมฉันเถิดพะย่ะค่ะ”

“หยุด!!!”ทหารนับสิบนายหยุดมือที่ลวนลามบุตรีขุนนางใหญ่ทันที

“ฮือออออ”บุตรีพระยาสุนทรทรุดกายลงนั่งคุดคู้ร่ำไห้อย่างเสียขวัญ หากแต่องค์จันทร์คิดว่าแค่นี้มันยังน้อยไป เจ้าบัวงามของพระองค์เสียขวัญมากเท่าใด พระองค์จักให้คนที่มันทำยิ่งกว่าเสียขวัญ

“พูดมา..หากความจริงผิดเพี้ยนแม้แต่น้อยข้าจักลากบุตรีเจ้าไปที่โรงม้า บ่าวไพร่ที่นั่นคงกระหายหญิงงามมิน้อย”

“...หม่อมฉันถะ ถูกจ้างวานมาอีกทีพะย่ะค่ะ หาได้คิดทำเองไม่”

“ใคร...”

“.....”

“จักพูดดีๆ หรือจักให้ข้าลากบุตรีเจ้าไปที่คอกม้าก่อนดีพระยาสุนทร”

“ฮึก..ฮือออ ฝ่าบาท อะ องค์สินพะย่ะค่ะ”

“.....”

“อะ องค์สินพะย่ะค่ะ ทะ ทรงจ้างวานหม่อมฉัน ทรงให้หม่อมฉันถวายฎีกาหลอกล่อพระองค์ออกจากวังหลวงไปที่ชายแดน เพื่อเปิดทางให้หม่อมฉัน ฮึก  หม่อมฉันให้คนลอบทำร้ายนางข้าหลวงคนหนึ่งที่รับใช้พระชายาจนถวายการับใช้มิได้ แลให้นังผู้นี้แฝงตัวเข้าไปรับใช้พระชายาแทน”

“.....”องค์จันทร์เมื่อได้สดับรับฟังก็กริ้วเสียจนขบพระทนต์แน่น

“หม่อมฉัน หะ ให้ไอ้ผู้นี้ปลอมเป็นหมอหลวงเข้าถวายการรักษาเมื่อพระชายาเกิดประชวร หะ ให้มันใส่ร้ายป้ายสีว่าพระชายาทรงเป็นโรคติดต่อร้ายแรง”

“.....”

“ละ แลให้มันถวายพระโอสถให้พระชายาเสวยพะย่ะค่ะ”

“โอสถนั่นคือกระไร”

“...พระโอสถ มะ มีส่วนผสมของต้นอีเหนียว ทะ ที่จักทำให้เป็นหมันพะย่ะค่ะ ละ แลมีส่วนผสมของเทียนหยดพะย่ะค่ะ”

“.....”

“หะ หากแต่เรื่องโอสถองค์สินเป็นผู้ประทานให้หม่อมฉันหนาพะย่ะค่ะ”


เพล้ง!!!


“ท่านพ่อ!!!”

“ฮึก...ฝ่าบาท ไว้ชีวิตหม่อมฉันเถิดพะย่ะค่ะ”

ทรงปากาพระสุธารสชาใส่พระยาสุนทร โลหิตสีแดงดำไหลอาบใบหน้าพระยาเฒ่า บุตรีกรีดร้องตะเกียกตะกายเข้าหาบิดา หากแต่ถูกคุมตัวไว้

“มันให้กระไรเจ้า จึงได้กล้าทรยศข้าเยี่ยงนี้”

“.....”

“พระยาสุนทร!!”ทรงกริ้วเสียจนมิมีใครกล้ามองพระพักตร์ พระวรกายสูงใหญ่ผุดลุกจากที่ประทับ พระบาทยันเข้ากลางอกพระยาสุนทรเต็มแรงจนขุนนางเฒ่ากระเด็น

“อ่อก”สำลักเลือดออกทางปาก มือเหี่ยวย่นยกขึ้นพนมขอชีวิต

“มันให้กระไรเจ้า”

“อะ องค์สินทรงให้ ฮึก สิทธิ์ในการค้าทางเรือกกับหม่อมฉัน แลตรัสว่า หะ หากพระชายาทรงเป็นหมัน บุตรี ขะ ของหม่อมฉันคงมีโอกาสได้ถวายตัว แลจักเป็นการขยายอำนาจ ขะ ของ หม่อมฉันพะย่ะ...อ่อก”มิทันได้พูดจบ พระบาทก็กระแทกลงมาบนอกซ้ำจนหายใจลำบาก



ปั่ก



ปั่ก



ปั่ก



“ฮือออ ท่านพ่อ”บุตรีพระยาสุนทรกรีดร้องเมื่อองค์จันทร์ทรงกระแทกพระบาทใส่ร่างของบิดาซ้ำจนสลบไป เลือดสีคล้ำไหลออกจากปาก แลจมูกของขุนนางเฒ่า”

“เอาตัวมันสองพ่อลูกไปขังที่คุกใต้ดิน แยกกับไอ้อีสองคนนี้”

“ฮือออออ”











“ฝ่าบาท”

“.....”

“จักทรงทำเยี่ยงไรต่อไปดีพะย่ะค่ะ”หากเป็นพวกขุนนางทำกันเองคงจัดการได้ง่ายกว่าองค์สิน รัชทายาทแห่งการเวกเป็นคนบงการ

“หึ..ต่อให้เป็นรัชทายาทการเวกข้าก็มิปล่อยไปดอก”

“.....”

“ข้าจักกลับไปหาเจ้าบัวก่อน แลอีกห้าวัน ข้าจักพาเจ้าบัวงามกลับไปเยี่ยมองค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดที่ภุมริกา”

“พะย่ะค่ะ”



.
.
.



“ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามที่เห็นพระภัสดากลับมาแล้วจึงผุดลุก แลวิ่งเข้าไปกอด

“วิ่งทำไมเจ้าบัวงาม..ประเดี๋ยวลูกก็ตกใจดอกเจ้า”รับร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอด

“เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“ฝ่าบาท...”

“หึ....ไอ้สินเป็นผู้บงการ”กล้าทำกับเมียข้าเยี่ยงนี้คงมิต้องให้เกียรติแล้วกระมัง

“องค์สิน...รัชทายาทการเวกหนาหรือพระเจ้าค่ะ”

“ใช่เจ้า..ไอ้สินนั่นแล”

“.....”เจ้าบัวเงียบนิ่ง ซบใบหน้ากับพระอุระ หากแต่ในใจกลับมิได้นิ่งตาม

“มิต้องกังวลไปหนาเจ้า”

“...พระเจ้าค่ะ”

“อีกห้าวันพี่จักพาเจ้า แลลูกกลับไปเยี่ยมองค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดที่ภุมริกา..ดีหรือไม่”

“จะ จริงหรือพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ..”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”

“หึหึหึ”

“.....”

“เอาล่ะ..นอนได้แล้วกระมังเจ้า ลูกจักได้แข็งแรง”ประคองร่างบางไปที่พระแท่นบรรทม

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวยิ้มน้อยๆ ตั้งแต่องค์จันทร์กลับมาก็ดูเหมือนเจ้าบัวจักติดพระภัสดามิน้อย



.
.
.



“พี่เหม...”

“สายหยุด”เหมรั้งร่างบางของคู่หมั้นเข้ามากอดด้วยความคิดถึง

“พี่เหม..เป็นเยี่ยงไรบ้างจ๊ะ สายหยุดเป็นห่วง”

“พี่มิเป็นไร แลเจ้าเล่า มีเรื่องเช่นนี้ลำบากใช่หรือไม่เจ้า”

“ข้ามิเป็นไรดอกจ้ะ..จักสงสารก็แต่พระชายาบัวงาม”สายหยุดส่ายหน้าเบาๆ ซุกหน้ากับอกอุ่นของเหม

“อีกห้าวันองค์จันทร์ แลพระชายาจักเสด็จไปภุมริกา”

“.....”

“สายหยุดยังมิเคยไปภุมริกาใช่หรือไม่”

“จ้ะ..”

“เราคงได้เปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง”



ตุบ



“บ้า..พี่เหมล่ะก็พูดจากระไรก็มิรู้”ใบหน้างามแดงระเรื่อน่ามอง



ฟอด



“พี่เหม!!!”

“ก็พี่คิดถึงนี่เจ้า ขอหอมหน่อยมิได้หรือกี่วันแล้วหนาที่มิได้ดอมดมกลิ่นหอมหวานของสายหยุดดอกนี้”

“.....”ก้มหน้างุด

“สายหยุด..สายหยุดจ๋า”

“จ๋า”

“ขอพี่จูบหนาคนดี”

“ฮื่อ..พี่เหม เหตุใดจึงมาขอกันเยี่ยงนี้เล่า”

“.....”

“จักทำก็ทำเลยสิจ๊ะ มาบอกสายหยุดก่อนได้อย่างไร สายหยุดอายหนา..”

“อื้ม”

“อือ”



เหมประคองดวงหน้างามขึ้น ริมฝีปากอุ่นประทับแนบสนิทลงบนกลีบปากนุ่มหยุ่น คลึงเบาๆ ดูดดึงเนื้อนิ่ม ลิ้นร้อนสอดเข้ากวัดไกว พันเกี่ยวกับลิ้นเล็กที่ไม่ประสา วงแขนแกร่งโอบกอดรอบเอวบาง ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังเล็กไปมา สายหยุดเอียงหน้ารับจุมพิตจากพี่เหม แขนเรียวกอดรอบลำคอแกร่ง ปลายนิ้วเล็กลูบไล้ต้นคอเหมไปมา









......เมื่อใดหนาจักถึงฤกษ์แต่งเสียที!!!!......










หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๘.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 28-03-2018 17:25:26
สาดเก๋ใจยิ่งนักพวกไส้ศึก
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๘.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 28-03-2018 20:16:48
ดีที่เรื่ิองคลี่คลายเร็ว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๘.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 28-03-2018 23:34:17
ต้องจัดการให้สิ้นซาก :m16:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๘.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-03-2018 10:21:43
ไอ้สินตายแน่!
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๘.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-04-2018 10:57:35
สะใจ เอาให้จมดินไปเลย กล้ามารังแกเจ้าบัว
ตอไปจัดการต้นตอให้ตายเลยน่ะองค์จันทร์

แอบอยากให้เหมสายหยุดแต่งไวๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๘.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 07-04-2018 01:56:54
ปูที่นอน รอค่ะ   :t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๘.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-04-2018 19:35:39
รีบมาต่อนะรออยู่ค่ะ  :t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๘.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 17-04-2018 20:01:27
กรีดร้อง อ่านเพลินมาก
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๘.๐๓.๖๑ หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 22-04-2018 22:50:30
 o13 :sad4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 25-04-2018 22:38:39

บัวหลงจันทร์ ๑๒



"อ่อก...แค่กๆ อ่อก"อรุณนี้เจ้าตัวน้อยในพระครรภ์พระชายาดูท่าจักเกเรเอาการ จึงทำให้เจ้าบัวงามอาเจียนตั้งแต่ลืมตาขึ้น

"เป็นอย่างไรบ้างเจ้าบัวงาม"องค์จันทร์ตรัสถามพระสุระเสียงกังวลพระทัย พระหัตถ์อุ่นลูบแผ่นหลังบางไปมา

"ฮึก แฮ่กๆ"เจ้าบัวงามหอบหายใจจนตัวโยน ก่อนหน้านี้เจ้าตัวน้อยก็เกเร หากแต่เมื่อพ่อกลับมาแล้ว กลับยิ่งเกเรเสียจนเจ้าบัวแย่เอาการ

"ตามหมอหลวงทีสายหยุด"ทรงรับสั่งกับสายหยุด แลประคองร่างนุ่มนิ่มเข้าพิงพระอุระ

"พระเจ้าค่ะ"สายหยุดรับพระบัญชาพลางคลานเข่าออกจากห้องบรรทมเพื่อตามหมอหลวงมาดูอาการพระชายา

"เจ้าบัว เป็นเยี่ยงไรคนดี"ซับพระพักตร์ที่อบบุหงารำไปจนหอมฟุ้งถูกนำออกมาซับเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดขึ้นบนหน้าผากมน

"อึก ฝ่าบาท...หมะ หม่อมฉัน..เหนื่อยพระเจ้าค่ะ"นัยน์ตากวางหลับพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อน

"ทนหน่อยหนาคนดี.....อย่าเกเรนักเลยลูก แม่เจ้าจักแย่เอาหนา"พระหัตถ์วางทาบบนหน้าท้องแบนราบที่มีเจ้าตัวน้อยนอนอยู่พลางลูบเบาๆ

"เจ้าตัวน้อยเกเรนัก สงสัยคงใคร่อยากจักอ้อนพระบิดากระมังพระเจ้าค่ะ"

"หึหึหึ ช่างออดช่างอ้อนได้แม่เจ้านัก"

"คิกๆ ฝ่าบาท..."

"หืม..ว่าอย่างไรเจ้า"

"หม่อมฉันใคร่อยากไปสูดอากาศที่สวนพฤกษาพระเจ้าค่ะ"

"ได้สิเจ้า ประเดี๋ยวหมอหลวงตรวจเจ้าแล้ว พี่จักพาไปหนา"กดพระนาสิกกับขมับน้อง

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"

"ทูลฝ่าบาทหมอหลวงมาแล้วพระเจ้าค่ะ"

"ให้หมอหลวงตรวจก่อนหนาเจ้าบัวงาม"

"พระเจ้าค่ะ"


.
.
.


"เป็นเยี่ยงไรท่านหมอ เหตุใดเจ้าบัวจึงอาเจียนหนักเอาการเช่นนี้ แพ้ท้องหนักหรือ"

"พะย่ะค่ะฝ่าบาท พระชายาทรงแพ้ท้องหนักเอาการ หากแต่จักแพ้มินานเอกพะย่ะค่ะ มิต้องกังวลพระทัยไป เป็นปกติของคนท้องพะย่ะค่ะ"

"งั้นหรือ แลต้องทำเยี่ยงไรให้อาการแพ้บรรเทา ข้าเห็นเจ้าบัวอาเจียนจนหมดเรี่ยวหมดแรงเช่นนี้แล้ว ข้าใจมิค่อยจักดี"

"หม่อมฉันจักถวายโอสถบำรุงครรภ์ให้พะย่ะค่ะ แลผลมะดันจักช่วยบรรเทาอาการวิงเวียน ใคร่อาเจียนพะย่ะค่ะ"

"เช่นนั้น อิ่ม"

"เพคะ"

"ไปบอกห้องเครื่องเตรียมผลมะดันให้เจ้าบัว"

"เพคะ"

"แลลูกข้าเป็นเช่นไร แข็งแรงดีหรือไม่"

"รัชทายาทในครรภ์ แข็งแรงดีพะย่ะค่ะ หากแต่สามเดือนแรกนั้นจักต้องระวังให้มาก อย่าให้กระทบกระเทือนรุนแรง มิเช่นนั้นเราอาจจักเสียองค์รัชทายาทไปได้พะย่ะค่ะ"

"ได้ยินแล้วใช่หรือไม่สายหยุด เยี่ยงนี้เจ้าจักต้องดูแลเจ้าบัวเป็นสองเท่า เข้าใจหรือไม่"

"พระเจ้าค่ะฝ่าบาท"

"ฝ่าบาท หม่อมฉันใคร่อยากไปสวนพฤกษาพระเจ้าค่ะ"

"จ้ะ..ประเดี๋ยวพี่จักพาไปหนาเจ้า"


.
.
.


"ดีขึ้นหรือไม่เจ้าบัว"

"พระเจ้าค่ะ มิใคร่วิงเวียน แลอาเจียนแล้ว"

"หึหึ"

"ลูกคงจักโปรดดอกไม้กระมังพระเจ้าค่ะ"

"พเยีย"

"พระเจ้าค่ะ?"

"ลูกโปรดดอกไม้เช่นนั้น..."

"...."

"หากลูกเป็นเช่นเจ้า พี่จักให้นามว่า 'พเยีย' "

"พเยียหรือพระเจ้าค่ะ"

"ใช่ เจ้าโปรดนามนี้หรือไม่"

"พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันโปรดนามนี้ หากแต่ลูกมิได้เป็นเช่นหม่อมฉันเล่าพระเจ้าค่ะ"

"หากลูกสมชายชาตรีพี่จักให้นามว่า 'พบู' "

"พระเจ้าค่ะ"ริมฝีปากบางอมยิ้มหวานให้พระภัสดา ถูกอกถูกใจกับนามลูกที่ทรงประทานให้

"หากแต่พี่มีความรู้สึก"

"......"

"ว่าลูกจักต้องเป็นเฉกเช่นเจ้าเป็นแน่ งดงาม แลสง่า"

"ฝ่าบาท"ปรางนวลแดงระเรื่อ

"พี่โชคดีเหลือเกินที่เจ้าเลือกพี่เป็นคู่ครอง"ไล้ข้อพระองคุลีไปตามสันกรามเล็ก

"ทรงตรัสกระไรเช่นนั้นพระเจ้าค่ะ"

"บัวงามแก้วตาแห่งภุมริกา หากแต่บัดนี้เป็นดวงใจแห่งศศิมณฑล"ตรัสพลางรั้งเอวบางเข้ากอดแนบพระอุทร เจ้าบัวเอนกายซบพระอุระอุ่น

"....."

"อาจจักช้าไปบ้าง หากแต่พี่ก็ใคร่บอกให้น้องได้รู้ไว้"

"กระไรหรือพระเจ้าค่ะ"

"พี่รักเจ้าหนาเจ้าบัว"

"ฝ่าบาท..."เสียงหวานครางเครือในลำคอ

"พี่รักเจ้า แลลูก พี่จักมิยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกเจ้า แลลูกได้อีก"

"ฝ่าบาท...หมะ หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ"

"หึหึหึ...พี่มิเคยคิดมาก่อนว่าจักมีวันนี้ ขอบใจเจ้าหนาเจ้าบัว"

"...มิได้พระเจ้าค่ะ"


.
.
.


แลวันเดินทางไปแคว้นภุมริกาก็มาถึง ขบวนเสด็จถูกจัดเตรียมความพร้อม อย่างมิให้ขาดตกบกพร่อง

"เป็นอย่างไรเจ้าบัว วิงเวียนหรือไม่"

"มิได้พระเจ้าค่ะ ผลมะดันนั้นช่วยได้มากเทียวพระเจ้าค่ะ"

"ดีแล้วเจ้า"พระนาสิกกดเบาๆที่กลุ่มผมหอม

"เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ชมนาดคงจักดีพระทัยหนาพระเจ้าค่ะ มินานก็จักได้อุ้มหลานแล้ว"

"หึหึหึ แน่นอนเจ้าบัว เอาไว้จัดการไอ้สินแล้วก่อนเถิด พี่จักจัดงานฉลองรับขวัญลูกเจ็ดวันเจ็ดคืนเชียว"

"คิกๆ กระนั้นเชียวหรือพระเจ้าค่ะ"

"แน่นอน หึหึหึ"


.
.
.


การเดินทางสิ้นสุดลงเมื่อขบวนเสด็จจากศศิมณฑลหยุดเทียบที่ตำหนักหลวงแคว้นภุมริกา องค์จันทร์ค่อยๆประคองน้องน้อยลงจากเกี้ยว

"ถวายพระพรพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ เสด็จแม่"องค์จันทร์ตรัสพลางค้อมพระเศียรให้พระสัสสุระ แลพระสัสสุ

"ยินดีต้อนรับหนาองค์จันทร์...เจ้าบัว"เจ้าชมนาดตรัสกับบุตรเขย

"เสด็จแม่"

พระชายาชมนาดดึงร่างบางของโอรสองค์เล็กเข้ากอดหอมด้วยความคิดถึง

"เจ้าบัวงามมาให้พ่อกอดบ้างสิเจ้า"

"เสด็จพ่อ"ผละจากร่างบางของพระมารดา โผเข้าซบอกพระอุระอุ่นของพระบิดา

"เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก กินอิ่มนอนหลับมีความสุขดีหรือไม่"

"พระเจ้าค่ะ ลูกสบายกาย สบายใจดีพระเจ้าค่ะ"

"จริงหรือ อยู่ที่ใดจักสุขกาย สุขใจเท่าบ้านเรากันลูก"มิวายตรัสแขวะราชบุตรเขย

"เสด็จพี่"เจ้าชมนาดปรามพลางบิดพระมังสาตรงพระกฤษฎีจนองค์ภุมรินเบ้พระพักตร์

"เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าบัวงาม"เมื่อน้องน้อยผละออกจากพระบิดาก็รั้งร่างบางเข้ามากอด ตั้งแต่ประสูติจนมีพระชนมายุครบ 18 พรรษา มิเคยได้ห่างกัน จนน้องน้อยตบแต่งเป็นเมียองค์จันทร์จึงได้ห่างเยี่ยงนี้

"น้องสบายดีพระเจ้าค่ะภุชงค์"

"ดีแล้วเจ้า"พระหัตถ์ลูบแก้มขาวเบาๆ

"ลูกมีเรื่องจักกราบทูลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ แลภุชงค์พระเจ้าค่ะ"

"เรื่องใดกันเจ้าบัวงาม"องค์ภุมรินตรัสถามพลางโอบไหล่บางของโอรสองค์เล็ก

"ให้ลูกเข้าตำหนักก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ ค่อยไถ่ถาม"

"ก็ได้จ้ะ เยี่ยงนั้นเจ้าบัวเข้าตำหนักพักให้หายเหนื่อยก่อนก็แล้วกันหนาลูก ประเดี๋ยววันพรุ่งค่อยว่ากันดีไหมเจ้า"

"พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ"

"เยี่ยงนั้นคืนนี้เจ้าไปนอนกับพ่อ แลแม่ที่ตำหนักหลวงดีหรือไม่"

"เสด็จพี่"

"...ลูกมิกวนเสด็จพ่อ เสด็จแม่ดอกพระเจ้าค่ะ"

"ว่ากระไรเยี่ยงนั้นเจ้าบัว นอนกับพ่อ แลแม่น่ะ ดีแล้วเจ้า"

"ลูกมีพระภัสดาแล้ว ก็ต้องอยู่ปรนนิบัติพระภัสดาสิพระเจ้าค่ะเสด็จพี่"

"เจ้าชมนาด เจ้า..."

"เสด็จพี่..."กระซิบกระซาบข้างพระกรรณพระภัสดา

"ก็ได้เจ้า"

"เยี่ยงนั้นเจ้าบัวก็อยู่ปรนนิบัติรับใช้องค์จันทร์เถิดลูก วันพรุ่งมีกระไรค่อยทูลเสด็จพ่อก็แล้วกัน วันนี้ไปพักผ่อนก่อนเถิด"

"พระเจ้าค่ะเสด็จแม่"

"ฝากองค์จันทร์ดูแลเจ้าบัวด้วยหนา"

"พะย่ะค่ะเสด็จแม่ชมนาด"


.
.
.


ภายในตำหนักในที่ประทับของเจ้าน้อยภุมริกา

"ฝ่าบาททรงพักผ่อนก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ"

"เจ้านั่นแลเจ้าบัวที่ควรจักพักผ่อนกำลังท้องกำลังไส้ แลยิ่งแพ้ท้องเช่นนี้ยิ่งควรพักให้มากๆหนา"

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ หากแต่บัวเป็นเมียจักปรนนิบัติพระองค์บกพร่องได้อย่างไร"

"โธ่ เจ้าบัวงาม"

"....."มิตรัสตอบ หากแต่แย้มยิ้มหวานให้พระภัสดา เอนกายอิงซบพระอุระอุ่น ประคองพระหัตถ์ใหญ่วางทาบบนหน้าท้องแบนของตน

พระหัตถ์ข้างหนึ่งโอบร่างนุ่มนิ่ม อีกข้างลูบหน้าท้องเมีย พระนาสิกกดหอมที่ขมับขาว


.
.
.


รุ่งเช้า องค์จันทร์ทรงตื่นบรรทมก่อนเจ้าบัวงามที่ตั้งแต่ท้องไส้ก็นอนมากขึ้น หากแต่ก็กินน้อยเท่าแมวดมเหมือนเก่า พระหัตถ์เลิกผ้าแพรสีหวานออก พระโอษฐ์ยกแย้มพระสรวลเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นมือน้อยที่โอบประคองครรภ์ตนแม้ยามหลับ ทรงประคองมือน้อยขึ้นจูบหอมเบาๆ

"พเยียน้อยของพ่อ"ตรัสกับหน้าท้องเมีย ก้อนพระโลหิตเชื้อไขของพระองค์กำลังฟูมฟักเติบโตอยู่ในครรภ์เจ้าบัวงาม

"ตื่นหรือยังเจ้าตัวน้อย...เจ้าขี้เซาคนเดียวมิพอ ยังจักพาแม่เจ้าขี้เซาด้วยอีก"

"คิกๆๆ..ฝ่าบาทลูกยังมิรู้เรื่องดอกพระเจ้าค่ะ"เสียงหวานแหบเพราะเพิ่งตื่นจากนิทราเอ่ยขึ้น

"หืม...หึหึ ตื่นแล้วหรือเจ้าบัวงาม"

"พระเจ้าค่ะ"ค่อยๆยันกายลุกขึ้นโดยมีพระภัสดาช่วยประคับประคอง

"เยี่ยงนั้นลุกสรงน้ำเถิด ประเดี๋ยวเสด็จพ่อ แลเสด็จแม่จักรอนาน"

"พระเจ้าค่ะ"

"ข้าหลวงที่อยู่ข้างนอก เตรียมน้ำสรงให้ข้าทีเถิด"

"เพคะ"ข้าหลวงสาวหมอบคลานเข้ามาในห้องบรรทม ช้อนสายตามองพระอุระกว้างเปลือยแลใบหน้าแดงซ่าน เจ้าหลวงศศิมณฑลทรงรูปงามนัก อาการขวยเขินอ้อล้อของข้าหลวงสาวหาได้รอดพ้นนัยน์ตากวางของเจ้าบัวไม่

"ฝ่าบาทจักทรงให้หม่อมฉันถวายงานปรนนิ..."ยังมิทันสิ้นเสียงข้าหลวงสาว พระสุระเสียงหวานก็ขัดขึ้นเสียก่อน

"มิต้องดอก ประเดี๋ยวข้าจักปรนนิบัติพระภัสดาเอง"

"พะ เพคะ"

"เยี่ยงนั้นเจ้าก็รีบไปเตรียมน้ำเถิด"

"เพคะ"ยังมิวายลอบมององค์จันทร์ทิ้งท้าย


.
.
.


จ๋อม~

"เป็นกระไรไปเจ้าบัวงาม ใยจึงหน้าบึ้งตึงเช่นนี้"ตรัสถามพลางกดจูบที่แก้มนวล พระกรโอบกอดร่างบางจากด้านหลัง พระหัตถ์กวักน้ำรดไหล่เล็กของเมีย ลูบไล้เบาๆ

"มิได้พระเจ้าค่ะ"

"แลใยจึงหน้าบึ้งตึงเช่นนี้  หืม ประเดี๋ยวลูกก็ออกมาหน้าย่นดอก"

"ฝ่าบาท~"เรียกพระภัสดาน้ำเสียงออดอ้อน

"หืม"ครางรับ พระโอษฐ์กดจูบตามซอกคอขาว ตอดเล็กตอดน้อย

"หม่อมฉันตั้งครรภ์ หาปรนนิบัติฝ่าบาทได้อย่างเก่าไม่ พระองค์จักทรงปันพระทัยให้ผู้อื่นหรือไม่พระเจ้าค่ะ"

"ว่ากระไรเยี่ยงนั้นเจ้าบัวงาม มีเจ้าอยู่ทั้งใจเยี่ยงนี้ แลพี่จักมีใจที่ไหนไปปันให้ผู้อื่น"

"ฝ่าบาท~"พลิกกายโผเข้าซบพระอุระกว้าง

"มิต้องกังวลไปดอก แลเหตุใดจึงมากังวลเรื่องมิเป็นเรื่องเช่นนี้กันเจ้า"

"..."เจ้าบัวส่ายหน้ากับพระอุระพระภัสดา

"หรือจักคิดมากเพราะท้องไส้กัน"

"กระมังพระเจ้าค่ะ"

"พเยียใยจึงทำแม่เจ้าคิดมากเยี่ยงนี้เล่าลูก"เลื่อนพระหัตถ์ประคองครรภ์น้อย ลูบปลายพระองคุลีแผ่วเบา

"ลูกคงจักกลัวพ่อมิรักแม่กระมังพระเจ้าค่ะ"

"หากมิรักเจ้า แลแม่เจ้าจักให้พ่อไปรักใคร่อีก หืม"

"หม่อมฉันบกพร่องนัก ที่มิสามารถถวายงานพระองค์ได้"

"ว่ากระไรเยี่ยงนั้น จักบกพร่องได้เยี่ยงไร ในเมื่อในครรภ์เจ้ามีลูกของเรานอนอยู่"

"หม่อมฉันรักพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ"

"พี่ก็รักเจ้า เจ้าบัว รักเจ้าด้วย เจ้าพเยีย หากบอกรักแม่เจ้าแลมิบอกเจ้า คงได้เกเรจนแม่เจ้าหมดแรงเป็นแน่"

"คิกๆ.."


.
.
.


"กินอันนี้สิเจ้าบัว พ่อสั่งห้องเครื่องให้ทำให้เจ้าเชียวของโปรดมิใช่หรือ"องค์ภุมรินตรัสพลางตักอาหารให้โอรสองค์เล็ก

"อึก...อุบ"เมื่อได้กลิ่นอาหาร อาการพะอืดพะอมก็เล่นงานเจ้าบัวงามเสียจนต้องยกมือปิดปาก เกรงว่าจักอาเจียนใส่สำรับ องค์จันทร์รีบผลักสำรับออกห่างมิให้เมียได้กลิ่น

"เจ้าบัวเป็นกระไรไปลูก"เจ้าชมนาดปรี่เข้าลูบแผ่นหลังบางของโอรสองค์เล็ก โดยมีราชบุตรเขยโอบร่างบางพลางยกยาหอมจรดจมูกโด่งรั้น องค์จันทร์ตั้งแต่ทรงทราบว่าเจ้าบัวงามตั้งครรภ์ ก็ทรงพกยาหอมไว้กับตัวมิขาด

"ก็เรื่องนี้แลพะย่ะค่ะ ที่หม่อมฉัน แลน้องบัวจักกราบทูลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ แลภุชงค์"องค์จันทร์ตรัส

"เจ้าบัวเป็นกระไรไป"องค์ภุมรินทรงตรัสอย่างกังวลใจ

"เพลานี้ เจ้าบัวงาม...."

"......"

"......"

"......"

"...ตั้งครรภ์แล้วพะย่ะค่ะ"


เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องเสวย องค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดนิ่งค้าง ส่วนองค์รัชทายาทภุชงค์ก็แย้มพระสรวลยินดี

"เสด็จพ่อ เสด็จแม่"เจ้าบัวตรัสเรียกพระบิดา แลพระมารดาเมื่อเห็นว่าทรงนิ่งค้างไป

"กระไรหนา"เป็นพระสุระเสียงทุ้มขององค์ภุมรินที่ตรัสออกมาก่อนใคร

"...ลูกตั้งครรภ์พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ"

"หนะ นี่แม่กำลังมีหลาน กำลังจักได้เป็นยายหรือ"เจ้าชมนาดตรัสเสียงแผ่ว

"พะย่ะค่ะ"องค์จันทร์ทรงตอบ

"ยินดีด้วยหนาเจ้าบัว ยินดีด้วยพะย่ะค่ะองค์จันทร์"

"ขอบพระทัยภุชงค์พระเจ้าค่ะ"

"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ"แม้นจักเป็นเจ้าหลวงหากแต่ก็มีศักดิ์เป็นน้องเขย

"เสด็จพี่"เจ้าชมนาดแตะเบาๆที่พระกรพระภัสดา ทรงนิ่งค้างไปตั้งแต่ได้สดับถ้อยคำที่บุตรเขยกราบทูล

"เจ้าชมนาด.."

"พระเจ้าค่ะ"

"...นี่พี่กำลังจักได้เป็นตาหรือ"

"พระเจ้าค่ะ"

"มิได้การละ...พี่ต้องตรียมของรับขวัญหลาน"

"โธ่ เสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ หลานหรือก็เพิ่งจักได้อายุครรภ์เดือนเดียว อีกนานพระเจ้าค่ะกว่าจักได้รับขวัญ"เจ้าบัวว่า

"เยี่ยงนั้นก็เถิด หลานคนแรกนี่เจ้า"

"แลภุชงค์เล่าลูก น้องมีหลานให้พ่อ แลแม่แล้ว แลเมื่อใดเจ้าจักต้องใจใคร"

"หึหึหึ เจ้าบัวมีหลานให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่แล้วใยลูกจึงจักต้องรีบต้องใจใครด้วยเล่าพะย่ะค่ะ"

"หึหึหึ ไอ้เสือร้าย"องค์ภุมรินวางพระหัตถ์บนศีรษะโอรสองค์โตเบาๆ

"...หากแต่หลังพระกายาหารเช้าแล้ว หม่อมฉันมีเรื่องใคร่จักปรึกษาเสด็จพ่อ แลภุชงค์พะย่ะค่ะ"องค์จันทร์กราบทูลพระสุระเสียงจริงจัง

"อืม"เมื่อทอดพระเนตรสีหน้าจริงจังของบุตรเขยองค์ภุมรินจึงพยักหน้า แม่นจักสงสัยว่าเรื่องใดกัน


.
.
.


หลังพระกายาหารแล้ว องค์ภุมริน องค์จันทร์ แลองค์รัชทายาทภุชงค์ก็ปลีกตัวออกมาที่ตำหนักทรงงานขององค์ภุมริน ส่วนเจ้าบัวงามก็มีพระมารดาอย่างเจ้าชมนาดพามาพักผ่อนที่ตำหนักหลวง

"เสด็จแม่ลูกมีเรื่องใคร่จักปรึกษาพระเจ้าค่ะ"

"เรื่องอันใดกันเจ้าบัว กังวลเรื่องเจ้าตัวน้อยในครรภ์หรือ"

"มิได้พระเจ้าค่ะ เจ้าตัวน้อยในครรภ์แข็งแรงนัก...หากแต่ก็เกี่ยวกับเจ้าตัวน้อยนี่แลพระเจ้าค่ะ"

"หืม เจ้ากังวลใจเรื่องใดกัน"

"ตั้งแต่บัวตั้งครรภ์ ก็มิได้ถวายงานปรนนิบัติองค์จันทร์ท่านเลย.....บัวกลัวองค์จันทร์จักปันใจให้ผู้อื่นพระเจ้าค่ะ"

".....โถ เจ้าบัวงาม แม่จักสอนเจ้าให้"



หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 25-04-2018 22:43:38


บัวหลงจันทร์ ๑๓


“.....โถ เจ้าบัวงาม แม่จักสอนเจ้าให้”

“ลูกจักต้องทำเยี่ยงไรหรือพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่”

“จริงอยู่ที่เจ้าตั้งครรภ์ หาถวายงานภัสดาได้ไม่ หากแต่ปรนนิบัติพระภัสดาให้มีความสุขย่อมทำได้”

“เยี่ยงไรหรือพระเจ้าค่ะเสด็จแม่”

“......”


.
.
.


“บังอาจนัก!! เหตุใดไอ้สินจึงกล้ามารังแกลูกข้า การเวกคงอยู่สงบสุขเกินไปกระมังถึงได้เพรียกหาสงครามเยี่ยงนี้”

“พระทัยเย็นก่อนเถิดพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”องค์รัชทายาทภุชงค์ปรามพระบิดาอย่างนอบน้อม

“หากเจ้าบัว แลหลานข้าเป็นกระไรไป ชื่อการเวกจักต้องหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์เป็นแน่!!”

“...หม่อมฉันจักเดินทางไปการเวก แลใคร่อยากให้เจ้าบัวอยู่ที่ภุมริกาก่อนพะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักไปด้วย”ภุชงค์ตรัส

“...”พยักพระพักตร์รับ

“พ่อจักไปด้วย เตรียมองค์เองให้ดีทั้งสององค์นั่นแล”องค์ภุมรินตรัส พลางยกจอกพระสุธารสชาขึ้นเสวยดับไฟร้อนในพระอุระ

“...รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”โอรสองค์โต แลพระชามาดาหมอบกราบรับพระบัญชา


องค์จันทร์เมื่อออกจากตำหนักทรงงานของพระสัสสุระ ก็เสด็จกลับตำหนักในของเจ้าบัวทันที ข้าหลวงที่คอยรับใช้ต่างหมอบกราบเจ้าหลวงต่างแคว้น พระภัสดาเจ้าน้อย เว้นก็แต่นางข้าหลวงคนหนึ่งที่นั่งมองพระองค์มิวางตา เมื่อทรงเหลือบพระเนตรมองก็สะดุ้งรีบหมอบกราบเยี่ยงคนอื่น แก้มนวลแดงระเรื่อเมื่อชายสูงศักดิ์เหลือบพระเนตรมองตน

“เจ้าบัว”

“ฝ่าบาท..เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ แลภุชงค์ท่านว่าเยี่ยงไร”มือเล็กหยุดมือที่ปักผ้าก่อนจักรับซับพระพักตร์จากสายหยุดที่ส่งให้ ยกขึ้นซับพระเสโทที่พระนลาฏ

“ข้า ภุชงค์ แลเสด็จพ่อจักไปการเวก”

“จักเสด็จไปการเวกหรือพระเจ้าค่ะ”ดวงหน้างามฉายแววกังวล

“อย่ากังวลไปเลยหนาคนดี”ลูบปรางนุ่มเบาๆปลอบ

“หม่อมฉันเป็นห่วงพระเจ้าค่ะ”

“มิต้องห่วงดอก ทั้งพ่อ พี่ชาย แลผัวของเจ้าเก่งกว่าที่เจ้าคิด”

“ฝ่าบาท”ครางใส่ ริ้วแดงพาดผ่านปรางขาว เขินอายที่ทรงตรัสคำว่าผัวออกมาได้เต็มปากเต็มคำ

“หึหึหึ ฟอด”หอมขมับขาวฟอดใหญ่

“ทรงเหนื่อยหรือไม่พระเจ้าค่ะ พระเสโทออกเยอะเยี่ยงนี้ สรงน้ำดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“อืม ก็ดีจ้ะ หากแต่เจ้าจักปรนนิบัติพี่ได้หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ”เงยดวงหน้างามมอบรอยยิ้มให้พระภัสดา

“หึหึหึ”พระกรโอบเอวบาง ปลายพระองคุลีลูบแผ่วๆที่หน้าท้องแบน

“พี่สายหยุดบอกข้าหลวงข้างนอกให้เตรียมน้ำให้ข้าทีเถิด”

“พระเจ้าค่ะพระชายา”


.
.


จ๋อม

“เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ ทรงรู้สึกสบายพระวรกายหรือไม่พระเจ้าค่ะ”ตรัสถาม มือน้อยกวักน้ำลูบไปตามพระอังสะกว้าง ไล่ต่ำลงมาที่พระอุระ ปัดป่ายผ่านพระถัน ลูบต่ำลงไปที่พระอุทร

“เจ้าบัวงาม...จักทรมานพี่หรืออย่างไรเจ้า รู้ทั้งรู้ว่าพี่รังแกเจ้ามิได้”

“แม้นจักทำไปจนถึงขั้นสุดท้ายมิได้ หากแต่ให้บัวปรนนิบัติพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานว่าพลางยื่นมือลงใต้น้ำกอบกุมพระคุยหฐาน หยอกเย้าเสียจนองค์จันทร์ขบกรามแน่น ท่อนเนื้อขยายเหยียดตึงเสียดสีกับหน้าท้องขาวนุ่มนิ่ม

“อ่า..เจ้าบัว”

“อ๊ะ”เจ้าบัวสะดุ้งเมื่อพระภัสดารั้งเรียวขาตนข้างหนึ่งขึ้นเกาะเกี่ยวพระกฤษฎี มือน้อยข้างหนึ่งวาดกอดรอบพระศอ ส่วนอีกข้างก็ปรนนิบัติพระภัสดามิห่าง

“อื้ม”พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอขาว พระหัตถ์ข้างหนึ่งกอดรอบเอวบาง ส่วนอีกข้างเคล้นคลึงที่หน้าอกแบนนุ่มพระหัตถ์

“อื้อ ขึ้นเถิดพระเจ้าค่ะ”

ซ่า

ช้อนเมียขึ้นจากน้ำ วางลงบนพื้นประคองมิห่าง แขนเรียวยกกอดพระศอ เงยดวงหน้ารับจูบตะกรุมตะกรามจากพระภัสดา ประสบการณ์ที่ได้จดจำมาจากรสรักครั้งก่อนทำให้เจ้าบัวตอบสนององค์จันทร์ได้ตะกรุมตะกรามไม่แพ้กัน ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดราวมัจฉาเล่นน้ำ

“อื้อ”

“อืม”

ถอนพระโอษฐ์ออกจากปากเมีย พระหัตถ์กอบกุมก้อนเนื้ออวบที่ห่อหุ้มกลีบบัวสีหวาน บีบเคล้นจนเกิดรอยพระหัตถ์

“ฮื่อ ฝ่าบาท”นิ้วเล็กลูบคลึงพระถันเบาๆ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะครอบลงตวัดลิ้นดูดดุนพระถันพระภัสดา

“อ่า เจ้าบัว อืม อ่า”องค์จันทร์เชิดพระพักตร์คำรามในพระศอ วันนี้เมียกินกระไรผิดสำแดงเข้าไปหนอจึงได้คึกเยี่ยงนี้

“จุ๊บ ให้บัวปรนนิบัติหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ อยากทำกระไรก็ทำเลยเจ้า พี่ยอมทุกอย่างแล้วคนดี”

“บัวจักทำให้พระองค์มีความสุขพระเจ้าค่ะ”ว่าพลางค่อยๆย่อกายลงต่ำ ลากลิ้นตั้งแต่พระอุระลงมาที่กล้ามพระมังสาตรงพระอุทร จนมาถึงความแข็งแกร่งที่เหยียดตึงชี้หน้าเจ้าบัว

“เจ้าบัวงาม อ่ะ อาาาา”คำรามพระสุระเสียงพร่าเมื่อริมฝีปากนุ่มจูบลงที่ส่วนปลาย ปลายลิ้นเล็กค่อยๆไล้เลียเบาๆ นัยน์ตากวางช้อนมองพระภัสดา อ้าปากครอบครองส่วนหัวทั้งหมดดูดดุนตามที่มารดาสอนสั่ง



‘เอาใจให้ผัวรักผัวหลงมันมิยากดอกลูก อยู่ที่อื่น เวลาอื่นเจ้าคือเจ้าน้อยภุมริกา พระชายาศศิมณฑล หากแต่บนเตียง เวลาปรนนิบัติพระภัสดาสองต่อสอง เจ้าจักต้องละทิ้งบทบาทเจ้าน้อย แลพระชายา”

‘.....’

‘จงปรนนิบัติภัสดาให้ราวกับตัวเป็นคณิกา หญิงงามเมือง ทำให้ผัวรักผัวหลงจนไปไหนมิรอด เข้าใจหรือไม่’

‘...พระเจ้าค่ะ’



“อ่า เจ้าบัว อืม”พระหัตถ์กดศีรษะเจ้าบัวให้ครอบครองพระองค์ทั้งหมด

“ฮึก อื้อ”เจ้าบัวหลับตาปรนนิบัติพระภัสดาลิ้นเล็กตวัดปาดเลีย องค์จันทร์ประคองศีรษะเจ้าบัวแล้วขยับพระกฤษฎีเข้าออกรัวเร็วตามแรงอารมณ์ มินานก็ปลดปล่อยใส่จนล้นปากเมีย

“แค่กๆ อึก แค่กๆ”เจ้าบัวงามสำลักน้ำรักของพระภัสดา กลั้นใจกลืนจนหมด มือเล็กยกปาดริมฝีปากตัวเบาๆ

“เจ้าบัวงาม”ทรงประคองเมียรักขึ้นโอบกอด เชยดวงหน้างามขึ้นพระอังคุฐปาดที่มุมปากเล็กเบาๆ กดจูบเอาใจที่กลีบปากนุ่ม

“บัวปรนนิบัติพระองค์ถูกพระทัยหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“มิต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้เจ้าบัวงาม”กดพระนาสิกที่ปรางขาวซ้ำๆ

“บัวใคร่อยากให้พระองค์รักบัวมากๆ แม้นจักให้พระองค์จนสุดทางมิได้เพราะลูก หากแต่บัวก็ใคร่อยากปรนนิบัติพระองค์ให้มีความสุขพระเจ้าค่ะ”



‘เจ้าจักต้องรู้จักใช้มารยาออดอ้อนผัวรู้หรือไม่เจ้าบัว’




“แค่นี้พี่ก็รักก็หลงเจ้าไปไหนมิรอดแล้วบัวเอ๋ย”

“บัวก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“อารมณ์ดีกระไรหรือพระเจ้าค่ะพระชายา”สายหยุดที่ถวายงานรับใช้พระชายาเอ่ยถามพลางใช้หวีสางพระเกศายาวนุ่มตั้งแต่พระเศียรจนถึงปลายพระเกศาระพระกฤษฎีคอด

“คิกๆ”เจ้าบัวงามอมยิ้มหวานให้คนสนิทผ่านกระจกบานโต มือบางลูบหน้าท้องตนไปมาทักทายลูกน้อย

“มีกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”อดยิ้มตามมิได้ มือก็สางพระเกศานุ่มอย่างเบามือ

“อืม...ไว้พี่สายหยุดตบแต่งเป็นเมียพี่เหมแล้วข้าค่อยบอกจักดีกว่า คิกๆ”

“พระชายา...”ใบหน้างามแดงระเรื่อ

“คิกๆ อีกมินานดอก จบเรื่องวุ่นวายนี่เมื่อใดพี่สายหยุดก็จักได้แต่งงานแล้ว ข้านี่ล่ะจักเป็นคนหาฤกษ์ยามร่วมหอให้พี่สายหยุดเอง”

“พระชายาทรงตรัสกระไรพระเจ้าค่ะ”

“มิต้องเขินอายดอก รับรองข้าจักหาฤกษ์ที่ดีที่สุดให้พี่สายหยุดเทียว”

“.....”สายหยุดกัดปากหน้าแดงระเรื่อ

“คิกๆ”ดูท่าวันนี้พระชายาบัวงามจักอารมณ์ดีมากๆเลยนั่นแล

“...วันนี้ฝ่าบาททรงเสด็จเข้าหารือกับองค์ภุชงค์ แลองค์ภุมรินสายหยุดว่าจักชวนพระชายาร้อยมาลัยถวายตำหนักศาสน์ดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“อืม ก็ดีหนาจ๊ะ”พยักหน้าน้อยๆ


.
.
.


ภายในศาลาริมสระหลวง เจ้าบัวงามประทับอยู่บนตั่ง มือบางบรรจงร้อยดอกไม้หอมสีขาวนวลให้เป็นพวง มีคนสนิทอย่างสายหยุดนั่งร้อยเป็นเพื่อนอยู่ด้านล่าง รวมไปถึงพระพี่เลี้ยงอิ่ม แลข้าหลวงหลายนางที่คอยรับใช้

“อิ่ม”ทรงตรัสเรียกพระพี่เลี้ยงส่วนพระองค์

“เพคะ”

“ข้าใคร่อยากได้ผลอัมพวาดิบกับเกลือ บอกห้องเครื่องให้ทีเถิด”

“หม่อมฉันจักให้ข้าหลวงนำถวายเพคะ”

“ขอบใจหนา”

“ทรงเหนื่อยหรือยังพระเจ้าค่ะพระชายา”

“ยังดอกจ้ะ”

“พี่อิ่ม เอาน้ำขิงถวายพระชายาด้วยก็ดีหนาจ้ะ”

“พี่จักบอกข้าหลวงให้หนาสายหยุด”

“...”เจ้าบัวงามอมยิ้ม นึกชื่นชมพระภัสดาที่ให้สายหยุดมาเป็นคนสนิทรับใช้ตน เพราะพี่สายหยุดช่างรู้พระทัยพระชายาดีเหลือเกิน

“ขอบใจพี่อิ่มจ้ะ”

“พี่สายหยุดรู้ใจข้านัก”เจ้าบัวตรัสพลางอมยิ้ม

“มิได้พระจ้าค่ะ”

“คิกๆ สมแล้วที่เป็นคนสนิทที่พระภัสดาประทานให้ข้า”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“ทูลพระชายา ฝ่าบาทเสด็จมาทางนี้แล้วเพคะ”

“เจ้าบัวงาม”พระวรกายสูงใหญ่กำยำก้าวเข้ามาในศาลาริมสระหลวง เหล่าข้าหลวงต่างหมอบกราบเจ้าหลวงต่างแคว้น

“ฝ่าบาท...เหตุใดจึงแล้วเร็วนักพระเจ้าค่ะ”

“พี่ทนคิดถึงเจ้ามิไหวจึงได้แอบเสด็จพ่อออกมาก่อนหนาสิ”ตรัสพลางประทับซ้อนหลังเมีย รั้งร่างนุ่มนิ่มเข้ากกกอด

“ฝ่าบาท จริงหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวหน้าตาตื่น

“ฮะฮ่าๆ พี่หยอกดอกเจ้า เสด็จพ่อท่านคงใคร่อยากให้พี่มาอยู่กับเจ้านานๆก่อนเดินทางไปการเวกกระมัง จึงได้หารือแล้วไว”

“โธ่ น้องก็ตกอกตกใจคิดว่าพระองค์หนีเสด็จพ่อท่านมาจริงๆ”เจ้าบัวถอนหายใจ พลางเอากายพิงพระอุระกว้าง ประคองพระหัตถ์อุ่นวางทาบลงบนหน้าท้องตน องค์จันทร์ลูบเบาๆทักทายลูกน้อย

“หึหึหึ แลนี่ทำกระไรอยู่ หืม”

“หม่อมฉัน แลพี่สายหยุดกำลังร้อยมาลัยถวายตำหนักศาสน์พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันใคร่อยากขอพรให้เสด็จพ่อ ภุชงค์ แลพระองค์เดินทางปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง”

“คนดี พี่จักไปจัดการไอ้ชั่วที่มันรังแกเจ้า แลจักกลับมาหาน้อง แลลูกให้ไวที่สุดหนา”

“หม่อมฉันจักรอพระเจ้าค่ะ”เงยดวงหน้างามถวายยิ้มหวานให้พระภัสดา พระโอษฐ์อุ่นประทับจูบที่หน้าผากเนียน พระหัตถ์ประคองครรภ์เจ้าบัวมิห่าง ในขณะที่เจ้าบัวงามเอนกายพิงพระอุระร้อยมาลัยต่อ เป็นที่น่าเอ็นดูแก่พระพี่เลี้ยง คนสนิท แลข้าหลวง เว้นเสียแต่ข้าหลวงสาวนางหนึ่งที่ริอาจลองดี เล่นหูเล่นตาใส่พระภัสดาของนายเหนือหัว ข้าหลวงสาวช้อนตามองชายสูงศักดิ์มิวางตา แม้นสายพระเนตรของพระองค์จักวางไว้ที่พระพักตร์งามของพระชายาเป็นจุดเดียว แก้มสาวเห่อร้อนเมื่อทรงแย้มพระสรวลให้กับคนในอ้อมกอด รอยพระสรวลช่างงดงามจนอยากครอบครอง เจ้าบัวงามถึงจักจดจ่ออยู่กับเข็ม แลดอกไม้ในมือหากแต่สายตาหวานเชื่อมของข้าหลวงสาวก็หาได้พ้นนัยน์ตากวางไม่




คิดจักแย่งดวงจันทร์ของข้ามันมิง่ายดอกหนา แลเจ้ามิมีทางแย่งไปได้ดอก




นัยน์ตากวางเหลือบสบกับดวงตางามของสายหยุด คนสนิทพยักหน้าให้พระชายาน้อยๆ มิมีใครรู้พระทัยพระชายาเท่าสายหยุดอีกแล้ว

“พี่สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะพระชายา”

“นำพระสุธารสชา แลพระกายาหารว่างถวายฝ่าบาททีเถิด....ทรงงานมาเหนื่อยๆจิบชาให้ผ่อนคลายหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ”สั่งคนสนิทในประโยคแรก แลเอ่ยออดอ้อมเสียงหวานกับพระภัสดาในประโยคหลัง

“จ้ะ”จับมือน้อยขึ้นหอมเบา

“พระเจ้าค่ะพระชายา...เจ้า”สายหยุดน้อมศีรษะรับพระบัญชาก่อนจักเรียกข้าหลวงสาวที่นายหมายหัว

“จะ เจ้าค่ะ”

“ไปห้องเครื่องนำพระสุธารสชา แลพระกายาหารว่างถวายฝ่าบาททีเถิด”

“เจ้าค่ะ”

“ทรงรอประเดี๋ยวหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


เจ้าบัวงามทิ้งกายพิงพระอุระ สองมือบรรจงร้อยดอกไม้ใส่เข็ม ส่วนองค์จันทร์นั้นก็โอบประคองครรภ์เล็กของเมียมิห่าง พระนาสิกกดหอมที่ลาดไหล่ขาว กลิ่นกายเจ้าบัวงามช่างหอมหวานพาให้พระองค์สูดดมมิรู้เบื่อ กระไรมันจักไปมีความสุขไปกว่าการได้คลอเคลียร่างนุ่มนิ่มหอมหวานของเจ้าบัวงาม

“พระสุธารสชา แลพระกายาหารว่างมาแล้วเพคะ”ข้าหลวงสาวประคองพานบรรจุกาพระสุธารส แลของว่างคลานเข้ามาถวาย มือน้อยวางเข็มร้อยมาลัย แลพวงดอกไม้ลงบนพาน

“ขอบใจจ้ะพี่สายหยุด”เจ้าบัวว่าพลางรับจอกพระสุธารสชาที่สายหยุดรินถวายขึ้นเป่าไล่ความร้อน ก่อนจักประคองจรดพระโอษฐ์องค์จันทร์ป้อน องค์จันทร์ประคองมือเจ้าบัวที่ถือจอกขึ้นเสวย พระโอษฐ์เสวยชา หากแต่พระเนตรกลับจับจ้องดวงหน้าหวานมิว่างตา

“เป็นเยี่ยงไรพระเจ้าค่ะ”

“ชารสดีเทียว สดชื่นนัก...หากแต่แค่ได้เห็นหน้าเจ้าพี่ก็หายเหนื่อยแล้วเจ้าบัว”

“คิก ระหว่างพระโอษฐ์ของพระองค์กับขนมหวานนี่ หม่อมฉันใคร่รู้เหลือเกินว่ากระไรจักหวานกว่ากันหนาพระเจ้าค่ะ”

“หากเจ้าใคร่รู้ไว้คืนนี้พี่จักให้เจ้าลองก็แล้วกัน หากแต่ปากเปื่อยขึ้นมาจักมาโทษพี่มิได้หนา”ตรัสกระซิบที่ใบหูเล็ก

“ปากเปื่อยหม่อมฉันมิกลัวดอกพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันกลัวจักมิเปื่อยเสียมากกว่า”ปิดท้ายด้วยการช้อนนัยน์ตากวางสบพระเนตรเฉี่ยวคมอย่างยั่วยวน

“ยั่วนักเจ้าวิฬารน้อยของข้า”จับปลายคางเล็กเขย่าไปมา พลางจูบลงบนปลายจมูกโด่งรั้นเบาๆ เจ้าบัวฉีกยิ้มหวานให้พระภัสดา

“เจ้ารินน้ำชาให้ข้าที”รับสั่งกับข้าหลวงสาว

“เพคะ”

“ขอบใจ”ตรัสพลางยื่นพระหัตถ์ไปรับจอกน้ำชาที่มีควันร้อนลอยกรุ่น

“อ๊ะ”

“โอ๊ย!!”



ขณะที่เจ้าบัวงามยื่นพระหัตถ์ไปรับจอกน้ำชาจากข้าหลวงสาว เมื่อปลายพระองคุลีสัมผัสจอกแล้วก็จงใจปล่อยมือทำให้น้ำชาร้อนๆหกลวกพระหัตถ์ขาวจนขึ้นรอยแดง เจ้าบัวชักพระหัตถ์กลับกุมแน่นด้วยความเจ็บปวด

“เจ้าบัวงาม!!!”องค์จันทร์ตกพระทัยทรงประคองมือน้อยขึ้นเป่า

“ฮึก..โอ๊ย”เจ้าบัวงามน้ำตาคลอด้วยความเจ็บแสบ

“ฝ่าบาทผ้าชุบน้ำพระเจ้าค่ะ”สายหยุดรีบรุดส่งผ้าชุบน้ำลอยดอกมะลิให้องค์เหนือหัว

“ขอบใจสายหยุด”ทรงประคบผ้าชุบน้ำเย็นๆไปตามรอยแดงที่มือนุ่ม

“อึก..”ความเย็นของผ้าทำให้เจ้าบัวรู้สึกดีขึ้น

“เป็นเยี่ยงไรบ้างคนดี”

“น้องเจ็บแสบเหลือเกินพระเจ้าค่ะ..ฮึก ตกใจด้วยพระเจ้าค่ะ”

“อิ่มตามหมอหลวงไปที่ตำหนักใน”

“เพคะ”

“ส่วนเจ้าซุ่มซ่ามนัก!!!”

“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันมิได้ตั้งใจเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบกราบตัวสั่น หล่อนระวังแล้ว หากแต่เจ้าน้อยกลับปล่อยพระหัตถ์เอง จักให้พูดเช่นนี้มีหวังองค์จันทร์คงกริ้วกว่านี้เป็นแน่

“สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าจักพาเจ้าบัวกลับตำหนัก ส่วนเจ้าอยู่ที่นี่ลงโทษนางบ่าวซุ่มซ่ามนี่แทนข้า”

“พระเจ้าค่ะ”


รับสั่งแล้วจึงช้อนร่างบางของเมียขึ้นแนบพระอุระเสด็จเข้าตำหนักใน

“จักให้ข้าลงทัณฑ์เจ้าเยี่ยงไรดีที่บังอาจซุ่มซ่ามทำให้พระชายาทรงเจ็บเยี่ยงนี้”

“ฮึก หม่อมฉันมิได้ตั้งใจเจ้าค่ะ หากแต่พระชายาทรงปล่อยพระหัตถ์จนทำให้พระสุธารสลวกพระหัตถ์เองหนาเจ้าคะ”

“บังอาจ นี่เจ้ากล้าใส่ร้ายพระชายาถึงเพียงนี้เชียวหรือ พระองค์จักทำเช่นนั้นเพื่อการใด”

“ขะ ข้ามิทราบเจ้าค่ะ”

“มิทราบ แลกล้าพูดออกมาได้เยี่ยงไรว่าพระชายาทรงทำพระสุธารสชาลวดพระหัตถ์องค์เอง”

“.....”

“นี่เจ้าจักกล่าวหาว่าพระองค์ทรงกลั่นแกล้งเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ”

“มะ มิได้เจ้าค่ะ”

“...ทหาร”

“ขอรับคุณสายหยุด”

“โบยนางข้าหลวงคนนี้สิบไม้ แลถวายรายงานแด่องค์จันทร์ท่านด้วย”

“ขอรับ”

“ฮือ คุณสายหยุด เมตตาข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ข้ามิได้ตั้งใจ”


.
.
.


“เป็นเยี่ยงไรบ้างท่านหมอ”

“มิมีกระไรน่าเป็นห่วงหนาพะย่ะค่ะ แผลนี่ใช้ว่านหางจระเข้ประคบทุกวันมิเกินเจ็ดวันก็หายแล้วพะย่ะค่ะ”

“ขอบใจท่านหมอหนาจ๊ะ”

“มิได้พะย่ะค่ะเจ้าน้อย หากมิมีกระไรแล้วหม่อมฉันขอทูลลาพะย่ะค่ะ”

“เชิญจ้ะ”

“.....”

“ฝ่าบาท เป็นกระไรไปพระเจ้าค่ะ”มือเล็กลูบเบาๆที่พระปรางขาว

“เจ้ากำลังท้องกำลังไส้มาเจ็บตัวเยี่ยงนี้พี่ใจมิดีเลยเจ้า นางบ่าวนั่นก็ซุ่มซ่ามนัก”

“โธ่ ฝาบาทพระเจ้าค่ะ บัวมิเป็นกระไรแล้ว อย่าทรงกังวลไปเลยหนาพระเจ้าค่ะ บัวเองก็ซุ่มซ่ามพระเจ้าค่ะ”

“จักใจดีไปถึงไหนกันบัวงาม...”

“.....”ยิ้มหวานพลางซบพระอังสะอย่างออดอ้อน

“ต้องห่างเจ้าพี่ยิ่งห่วง”

“อย่ากังวลไปเลยพระเจ้าค่ะ บัวสัญญาว่าจักดูแลตัวเอง แลลูกดีๆ ไหนจักพี่สายหยุด ไหนจักอิ่มคอยดูแล พระองค์มิต้องกังวลหนาพระเจ้าค่ะ”

“จักให้พี่มิห่วงเจ้าพี่ทำมิได้ดอกเจ้าบัว”


.
.
.


“พี่สายหยุด”

“ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”สายหยุดที่นั่งอยู่บนตั่งไม้สักหน้าห้องบรรทมขยับลงมาพับเพียบรับพระบัญชา

“จ้ะ หากแต่ฝ่าบาทท่านยังมิตื่น”

“พระเจ้าค่ะ แลทรงต้องการกระไรหรือไม่พระเจ้าค่ะ สายหยุดจักสั่งให้ข้าหลวงนำถวาย”

“ให้ข้าหลวงเตรียมสำรับพระกายาหารว่างให้พระองค์ทีจ้ะ”

“พระเจ้าค่ะ”

“แลพี่สายหยุดก็ไปสวนพฤกษาเป็นเพื่อนข้าที”

“ได้พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวสายหยุดจักเข้าไปเอาผ้าคลุมไหล่ให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“ได้แล้วพระเจ้าค่ะ”มินานสายหยุดคนสนิทก็ออกมาพร้อมกับผ้าคลุมไหล่สีกลีบบัวมาคลุมไหล่เล็กให้

“ขอบใจจ้ะ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”ว่าพลางประคองพระชายาอย่างระมัดระวัง




“เป็นเยี่ยงไรบ้างจ๊ะพี่สายหยุด สวนพฤกษาของภุมริกากับศศิมณฑล สวนพฤกษาที่ใดงามกว่ากัน”สายหยุดประคองพระชายาชมดอกไม้งามในสวนพฤกษา โดยมีขบวนข้าหลวงเดินตามอยู่ห่างๆ

“งานคนละแบบพระเจ้าค่ะ”

“คิกๆ นั่นสิ งามคนละแบบจริงๆด้วย”

“พระชายาพระเจ้าค่ะ”

“จ๊ะ”

“พระองค์มิน่าจักทำให้องค์เองเจ็บเยี่ยงนี้เลยหนาพระเจ้าค่ะ”สายหยุดว่าพลางขมวดคิ้วอย่างกังวล ปลายนิ้วลูบเบาๆบริเวณรอยแดงบนหลังพระหัตถ์

“ข้ามิเป็นไรดอก พี่สายหยุดอย่ากังวลไปเลยหนาจ๊ะ”เจ้าบัววางพระหัตถ์ลงบนมือขาวของสายหยุดบีบเบาๆ

“ก็แค่วัชพืชจักมาสู้ราชินีแห่งไม้น้ำเยี่ยงพระองค์ได้อย่างไร อย่าทรงกังวลไปเลยหนาพระเจ้าค่ะ”

“วัชพืช หากแต่ปล่อยทิ้งไว้มันก็สร้างความเสียหายได้มากมิใช่หรือจ๊ะ”

“.....”

“กับคนที่มันทะเยอทะยานใคร่ได้ผัวข้า มันก็ต้องถอนรากถอนโคนให้สิ้น”

“...สายหยุดโชคดีเหลือที่องค์จันทร์ท่านเอ็นดูสายหยุดเป็นน้องนุ่ง”

“พี่สายหยุดล่ะก็”

“คิกๆ สายหยุดหยอกเล่นพระเจ้าค่ะ ไปชมดอกสร้อยฟ้าตรงนั้นกันเถิดพระเจ้าค่ะ ลมพัดหอมมาถึงนี่เชียว”

“จ้ะ..ลูกข้าคงจักโปรดดอกไม้มากจริงๆ ได้มาอยู่ท่ามกลางดอกไม้เช่นนี้สดชื่นนัก”

“เจ้าน้อยพเยีย โปรดดอกไม้สมนามที่องค์จันทร์ประทานให้จริงหนพระเจ้าค่ะ”

“คิกๆ นั่นสิ”

“อ๊ะ นั่นฝ่าบาท แลพี่เหมนี่พระเจ้าค่ะ”

“ฝ่าบาท ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”สายหยุดปล่อยพระชายาก่อนจักทรุดกายหมอบกราบผู้มาใหม่ องค์จันทร์พยักหน้าให้สายหยุดก่อนจักเข้าประคองเจ้าบัวแทน

“เจ้าบัวงาม มาซนอยู่ที่นี่นี่เอง”

“บัวมาเดินเล่นกับพี่สายหยุดพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวว่า องค์จันทร์จึงได้ทอดพระเนตรคนสนิทของเมีย เห็นใบหน้างามแดงระเรื่อ กลีบปากขบกัน มือหรือก็บิดชายเสื้อไปมา จึงเหลือบมององครักษ์ประจำองค์เอง ก็เห็นเจ้าเหมมองสายหยุดตาเป็นมัน

“ข้าควักลูกตาเอ็งทิ้งเสียดีกระมังเจ้าเหม”

“มิได้พะย่ะค่ะฝ่าบาท หากแต่มดใกล้น้ำตาลมันก็ยากจักห้ามใจไหวพะย่ะค่ะ”

“เหอะ...ยังมิได้ตบแต่งก็อย่าหวังว่าจักมาทำรุ่มร่ามชีกอใส่น้องข้าได้”

“ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”

“คิก ฝ่าบาท อย่าเข้มงวดนักเลยพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเหมพาพี่สายหยุดหนีหม่อมฉันจักแย่เอา”

“มิกล้าพะย่ะค่ะ พระชายา”

“พี่เหมล่ะก็...”สายหยุดครางใส่







หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 25-04-2018 22:49:04

บัวหลงจันทร์ ๑๔



“อีกมิกี่วันแล้วฝ่าบาทก็จักต้องเดินทางไปการเวก ข้ากังวลเหลือเกินพี่สายหยุด”พระสุระเสียงหวานตรัสกับคนสนิท วันนี้พระภัสดาทรงออกหารือกับพระบิดาแต่เช้าตรู่ เจ้าบัวจึงได้โอกาสสรงน้ำนมโดยมีสายหยุดคนสนิทคอยปรนนิบัติ

“อย่าได้กังวลไปเลยพระเจ้าค่ะพระชายา ฝ่าบาททรงปรีชาสามารถ แลยิ่งมีองค์ภุมริน แลองค์รัชทายาทภุชงค์ไปด้วยเช่นนี้ การเวกคงมิมีทางทำอันตรายพระองค์ได้ดอกพระเจ้าค่ะ”ปากก็ปลอบ มือก็ลูบวนเบาๆที่เนินพระอุระ ไล้ไปที่พระพาหุ


จ๋อม~~


สายหยุดกวักน้ำนมสีขาวรดลงบนพระอังสะนวดคลึงเบาๆ บนพระฉวีนุ่ม

“กระนั้นข้าก็ยังกังวลอยู่ดี ข้ามิใคร่ห่างฝ่าบาทเสียเลย”

“หม่อมฉันก็มิใคร่อยากห่างพี่เหมพระเจ้าค่ะ”

“คิกๆๆ”

“คิกๆๆๆ”

สองนายบ่าวหัวเราะคิกคัก มิใคร่อยากห่างผัวเสียเลยทั้งคู่

“พี่สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“ลงมาแช่น้ำนมกับข้าเถิด อีกมินานพี่สายหยุดก็จักเป็นเจ้าสาวแล้ว ขัดสีฉวีวันตั้งแต่เนิ่นๆจักดีกว่า”

“หา...มิได้พระเจ้าค่ะ”

“มาเถิด”

“ตะ แต่”

“ลงมาเสีย พี่สายหยุด”

“เอ่อ พระเจ้าค่ะ”สายหยุดรับพระบัญชา ค่อยๆก้าวลงอ่างสรงเดียวกับพระชายาบัวงาม

“ขัดขมิ้นก่อนก็แล้วกันหนา”เจ้าบัวตรัสก่อนจักนำผงขมิ้นขัดวนบนผิวนุ่มของสายหยุด

“พระชายา หม่อมฉันทำเองดีกว่าหนาพระเจ้าค่ะ”สายหยุดว่าอย่างเกรงพระทัยที่จักให้พระชายามาขัดผิวให้ตน

“มิเป็นไรดอก ข้าทำให้...อืม จักว่าไปผิวพี่สายหยุดก็นุ่มมือเหมือนกันหนาจ๊ะ”

”ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”


สองนายบ่าวแช่น้ำนม ขัดขมิ้นเสียจนผิวขาวผ่องนวลเนียน หลังจากแช่น้ำนมแล้วเจ้าบัวก็ดูเหมือนจักชอบใจที่จับสายหยุดแต่งตัวเป็นตุ๊กตา จึงได้มานั่งเลือกผ้าแถบสีหวาน แลผ้าโจงกระเบนผืนงามของตนให้สายหยุดใส่

“ผ้าแถบผืนนี้งามเหมาะกับพี่สายหยุดนัก เข้ากับผ้าโจงผืนนี้ดีเทียว”

“ทำกระไรกันอยู่หรือเจ้าบัวงาม”

“อ๊ะ ฝ่าบาท หารือแล้ว แล้วหรือพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ..แลน้องกำลังทำกระไรสายหยุด หืม เจ้าบัว”

“บัวกำลังแต่งกายให้พี่สายหยุดใหม่พระเจ้าค่ะ นี่ก็แล้วแล้ว”

“แล้วแล้วงั้นหรือ..เยี่ยงนั้นสายหยุดก็ออกไปให้เจ้าเหมมันยลโฉมหน่อยเถิด เจ้าเหมมันจักได้มีกำลังใจไปการเวก หึหึหึ”องค์จันทร์ตรัสเย้า

“ฝ่าบาท”สายหยุดครางใส่พลางก้มหน้าหลบสายพระเนตรเย้าขององค์จันทร์

“คิกๆ นั่นสิพี่สายหยุด ออกไปให้กำลังใจพ่อเหมหน่อยเถิด”

“..พระเจ้าค่ะพระชายา”หมอบกราบนายเหนือหัวทั้งสองก่อนจักค่อยๆคลานถอยออกจากห้องบรรทมไป


.
.
.


“พี่เหม”เสียงหวานของสายหยุดเรียกคู่หมั้นหนุ่มองครักษ์หลวงที่กำลังนั่งพิงผนังเรือนของตนอยู่ที่ชานเรือน

“สาย..หยะ หยุด”พ่อเหมรีบลุกขึ้น เมื่อได้เห็นคู่หมั้นคนงามก็ได้แต่ตะลึงค้าง เนินไหล่ขาวๆของสายหยุดที่โผล่พ้นผ้าแถบคาดอกสีหวานเรียกเลือดร้อนๆให้มารวมอยู่ที่จมูกโด่งของเหม

“พี่เหม..สายหยุดเอาขนมมาให้จ้ะ”สายหยุดว่าพลางยื่นตะกร้าหวายที่บรรจุห่อขนมจากห้องเครื่องให้พ่อเหม

“ขอบใจจ้ะ..สายหยุดเข้าไปหลบแดดในเรือนพี่ก่อนเถิด”ขยับเข้าไปใกล้ แตะมือลงบนสะโพกอิ่มเชื้อเชิญให้น้องน้อยเข้าเรือน

“จ้ะ”

“แลทำไมสายหยุดจึงได้แต่งกายเยี่ยงนี้เล่าจ๊ะ”เหมเอ่ยถามพลางวางตะกร้าหวายลงบนตั่ง

“พระชายาท่านทรงแต่งให้สายหยุดจ้ะ”สายหยุดเอ่ยตอบพลางนั่งลงบนขอบแคร่ไม้ไผ่ปูด้วยฟูกบาง

“อะ อ่อ”

“พี่เหมมานั่งสิจ๊ะ”

“จ้ะๆ”กุลีกุจรเข้าไปนั่งเบียดข้างๆสายหยุด จมูกโด่งสูดกลิ่นกายหอมหวานของคนข้างๆ แล้วใบหน้าหล่อคร้ามก็แดงระเรื่อ

“อีกมิกี่วันพี่เหมก็ต้องไปการเวกแล้ว..”

“จ้ะ..พี่คงคิดถึงสายหยุดแย่”

“สะ สายหยุดก็คงจักคิดถึงพี่เหมมิน้อยเลย”

“สายหยุด”

“พี่เหม”

เรียกกัน และกัน หากแต่เมื่อสบตากันกลับเขินอายเสียจนเบือนหน้าหนีไปคนละทิศ คนละทาง มือใหญ่ที่วางอยู่ใกล้มือเล็กค่อยๆขยับเข้าใกล้ จนนิ้วก้อยเกยนิ้วเล็กของสายหยุด สายหยุดเบือนหน้ากลับมาสบตากลับเหม แน่ละ คู่หมั้นคู่หมายใกล้กันในที่ลับตาคนเยี่ยงนี้ ราวกับน้ำตาลใกล้มด ยากที่จักหักห้ามใจไหว


   ใบหน้าคมคร้ามเอียงพลางเคลื่อนเข้าใกล้ดวงหน้าหวาน ริมฝีปากร้อนกดแนบกับกลีบปากอิ่มเคล้าคลึงความหวานละมุน จูบย้ำๆซ้ำๆมิรุกรานจนเป็นสายหยุดเสียเองที่ทนมิไหว เผยอปากงับกลีบปากล่างของพ่อเหม มือเล็กยกขึ้นโอบหลังคอแกร่ง เบียดกายเข้าหาอกกว้าง พ่อเหมวาดแขนกอดรอบเอวบาง บดจูบความนุ่มหยุ่น ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าหยอกล้อกับลิ้นเล็ก

“..พะ พอแล้วสายหยุด ประเดี๋ยวพี่จักหยุดมิได้”ถอนริมฝีปากออกบอกเสียงพร่า
“ก็มิต้องหยุดสิจ๊ะ”สายหยุดกระตุกปมผ้าแถบของตนออก ผ้าผืนบางสีหวานร่วงหลุดเผยให้เห็นผิวกายขาวโพลน ตุ่มไตสีหวานดึงดูดสายตาพ่อเหมค้างมิกระพริบ สายหยุดออกแรงรั้งต้นคอแกร่งยกตัวขึ้นนั่งตักกว้าง ริมฝีปากอิ่มบดจูบพ่อเหมพลางจับมือหยาบกร้านวางลงบนตุ่มไตนุ่มหยุ่นของตน

“อื้ม”พ่อเหมครางต่ำในลำคอ ปลายนิ้วยาวปัดป่าย คลึงอกหยุ่น

“อื้อ”สายหยุดแอ่นอกให้ชายหนุ่มเคล้นคลึงอย่างเต็มใจ

“อ่า...สายหยุด สายหยุด พี่จักหยุดมิได้แล้วหนาเจ้า”พ่อเหมซุกไซร้ซอกคอขาว จูบซับเนินไหล่ขาว

“มิต้องหยุด มิต้องหยุดหนาจ๊ะพี่เหม อื้ม”


.
.
.


“วันนี้เป็นเยี่ยงไรบ้างลูกพ่อ เกเรหรือไม่”องค์จันทร์ตรัสกับหน้าท้องขาวที่ยื่นออกมาเล็กน้อยของเจ้าบัวงาม พระกรดอบรอบเอวเมีย ซบพระพักตร์กับตักเล็ก

“มิเกเรดอกพระเจ้าค่ะ ลูกเป็นเด็กดีนัก”เจ้าบัวว่าพลางสางพระเกศาดกดำราวกับปีกกาของพระภัสดา

“จริงหรือพเยีย”ตรัสเย้าพลางจับมือขาวขึ้นจูบหอม

“.....ฝ่าบาท”

“จ๋า”

“เขาว่ากันว่าหนุ่มสาวการเวกหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรานัก...ทรงสัญญากับหม่อมฉันได้หรือไม่พระเจ้าค่ะว่าจักมิปันพระทัยให้ผู้ใด”เสียงหวานเศร้าสร้อยเสียจนคนเป็นผัวต้องยันพระวรกายขึ้นประทับดีๆ ก่อนจักโอบร่างแน่งน้อยเข้ามาในพระอุระ พระหัตถ์ลูบกลุ่มผมนุ่ม แลกดพระโอษฐ์จูบที่ขมับขาวปลอบประโลม

“มิมีใครงามสู้บัวงามของพี่ได้ดอกเจ้า”

“..........”

“แลหากมีพี่ก็มิปันใจให้ดอก ใจพี่ทั้งดวงอยู่ในกำมือเจ้าแล้วเจ้าบัวงาม แลเช่นนี้พี่จักเอาใจที่ไหนไปปันให้ผู้อื่นกันเล่าคนดี”ตรัสแลประคองมือบางขึ้นทาบบนพระอุระกว้าง

“ฝ่าบาท”

“ไหนว่ามิเกเรเยี่ยงไรเล่าเจ้าพเยีย ทำแม่เจ้ากังวล แลน้อยอกน้อยใจเช่นนี้ พ่อจักตีเจ้าดีหรือไม่”ปลายพระองคุลีเกลี่ยหน้าท้องขาวเบาๆ

“ฮื่อ ฝ่าบาทจักตีลูกได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ บัวมิยอมดอกหนา”

“หึหึหึ มิทันไรรักลูกกว่าพี่แล้วหรือ”

“ที่ไหนกันพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทก็ทรงตรัสไป”

“หึหึหึ”

“แลหากบัวรักลูกมากกว่า จักทรงมิพอพระทัยหรือพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นก็ขอให้รู้ไว้ว่าพี่จักยอมแค่ลูกของเราเท่านั้นเจ้าบัวงาม”

“คิกๆๆ อย่างไรเสียบัวก็รักฝ่าบาทที่สุดพระเจ้าค่ะ”

“อยากโดนฟัดจนจมเขี้ยวหรืออย่างไรจึงได้พูดจาเยี่ยงนี้”

“มิได้พระเจ้าค่ะ บัวมิกล้า”

“อย่ายั่วนักเลยเจ้าวิฬารน้อย สงสารพี่เถิดจักกอดก็ทำมิได้”

“...เยี่ยงนั้นให้บัวปรนนิบัติเยี่ยงครานั้นดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“หืม...จักทำให้พี่คลั่งหรืออย่างไร”

“บัวจักทำให้พระองค์หลงบัวจนโงพระเศียรมิขึ้นเลยพระเจ้าค่ะ”

“...อย่าใจร้ายนักเลยเจ้าบัว แค่นี้พี่ก็หลงจนหาทางออกมิเจอแล้วหนาเจ้า”

“บัวใคร่อยากให้พระองค์หลงบัวมากกว่านี้พระเจ้าค่ะ”

“มากกว่านี้เจ้าก็คงต้องกลืนกินพี่เข้าไปทั้งตัวแล้วล่ะเจ้าบัว”


.
.
.


“อื้อ พี่เหม อ๊ะ”สายหยุดคนงาม ณ ตอนนี้เหลือเพียงผ้าโจงที่หวานที่พระชายาประทานให้ติดกายเพียงเท่านั้น หากแต่ก็หลุดลุ่ยเต็มทน

“สายหยุด..อืม”มือกร้านที่เคยจับแต่มีดแต่ดาบ บัดนี้กำลังกอบกุมอกเป็นกระเปราะนุ่มหยุ่น บีบคลึงฟ้อนเฟ้นจนเป็นรอยแดงประทับผิวขาว

“พี่เหม อ่ะ อ๊ะ”ใบหน้างามเชิดครางยามที่องครักษ์หนุ่มละเลงลิ้นร้อนลงบนตุ่มไตสีหวานตะกรุมตะกราม ดูดดึงราวทารกโหยหาน้ำนมจากมารดา

“สายหยุดจ๋า หวานกระไรเยี่ยงนี้ หืม”องครักษ์หลวงพวงตำแหน่งสหายคนสนิทของเจ้าหลวงศศิมณฑลราวกับหน้ามืดตามัวกับความหอมหวานของร่างบางในอ้อมกอด

“อื้อ พี่เหม อย่าทำรอยหนาจ๊ะ ประเดี๋ยวองค์จันทร์จักทอดพระเนตรเห็น แลจักถูกอาญาเอาได้”หากองค์จันทร์ทรงรู้ว่าตน แลพ่อเหมชิงสุกก่อนหาม ทำเรื่องบัดสีก่อนแต่งจักต้องโดนอาญาเป็นแน่

“พี่จักพยายามหนาจ๊ะคนดี”

“อืม อื้อ”ริมฝีปากอิ่มแตะประกบดูดดึงกลีบปากบางขององครักษ์หนุ่ม ลิ้นเล็กพลิกพลิ้วหยอกเย้าลิ้นหนาราวกับปลาว่ายน้ำ มือหนาไล้ไปตามขอบผ้าโจงกระเบนที่หลุดลุ่ย ก่อนจักดึงทึ้งให้หลุดจากสะโพกอิ่ม

“อ๊ะ พี่เหม อา”

“สายหยุด โอย พี่จักตายแล้วคนดี”

“อ๊ะ..”เสียงหวานร้องอย่างตกใจ ใบหน้างามแหงนหงาย แผ่นอกบางแอ่นจนแผ่นหลังโค้งราวกับคันศร เมื่อพ่อเหมกรีดนิ้วไปตามรอยแยกด้านหลัง ปลายนิ้วร้อนแตะแผ่วเบาที่กลีบดอกสายหยุดราวกับกลัวช้ำ

“สายหยุดจ๋า...”มือกร้านอีกข้างบดบี้ยอดถันจนสายหยุดสะท้านเฮือก

“พี่เหม อ๊ะ...อึ๊ อื้อออ”สายหยุดที่นั่งอยู่บนตักกว้างถูกดันให้นอนหงายราบลงบนฟูกผืนบางบนแคร่ไม้ไผ่ แขนเรียวเสลากอดบ่าแกร่ง มือบางสอดขยุ้มกลุ่มผมดกดำระบายความซ่านสยิว ลิ้นร้อนปาดเลียไปตามผิวกายนุ่มหยุ่น ขบกัดยอดอกน้องน้อยรุนแรงจนแข็งตึง

“สายหยุด..อ่า ดีเหลือเกินคนดี พี่จักมิไหวแล้วเจ้าเอ๋ย”ปลดผ้าโจงกระเบนสีเข้มของตนออก เผยให้เห็นอาวุธลับขององครักษ์หลวงที่ชี้หน้าสายหยุดพร้อมรบ สายหยุดจ้องมองอาวุธของชายหนุ่มมิวางตา ดวงหน้างามแดงซ่าน มือนุ่มค่อยๆขยับเคลื่อนกอบกุมความร้อน 

“พี่เหม..อื้ม”เสียงหวานกระเส่าเอ่ยเรียกคู่หมั้นหนุ่มป้อนจุมพิตให้พ่อเหม ดูดดึงริมฝีปากกัน แลกัน อย่างลืมความเขินอายที่เคยเกิดขึ้น

“อึก..อื้ม”ถอนปากออก ซุกไซร้ซอกคอหอม
“อ๊า.....พี่เหม..สายหยุดจักมิไหวแล้วจ้ะ อือ ได้โปรด พี่เหม”หวีดร้องด้วยความเสียวกระสัน ความรู้สึกหวาบหวามแล่นไปทั่วร่าง จนต้องยกเรียวขาขาวขึ้นถูไถกับสีข้างแกร่ง

“อ่า..พี่ก็จักมิไหวแล้วสายหยุด จักทำเยี่ยงไรดี ให้เจ้ามิเจ็บ หืม..อืมม”กล่าวพลางลูบกลีบดอกสายหยุดที่ปิดสนิทแผ่วเบาราวขนนก ก่อนจักหนักมือขึ้นจนสะโพกอิ่มแอ่นลอย

“อื้อ...อ๊ะ พี่เหม เสียดไปหมดเลยจ้ะ”นิ้วแข็งแรงผลุบหายเข้าไปในกลีบดอกสายหยุด ดึงเข้าออกก่อนจักควานเป็นวงกลม สะโพกมนสั่นระริก ในขณะที่เรียวขาขาวนวลเนียนทั้งสองข้างขยับอ้าออกกว้าง เผยทุกสัดส่วนให้ชายหนุ่มเชยชม  พ่อเหมเคลื่อนกายลงจนใบหน้าหล่อคร้ามมาจ่ออยู่ที่เกสรดอกสายหยุดที่ชูชัน เพิ่มนิ้วเข้าไปควานในกลีบดอกสายหยุดของน้องน้อย พลางกดจูบที่ซอกขาขาวเจือกลิ่นหอมหวานของน้ำนม แลดอกไม้ นิ้วก็ทำหน้าที่ขยับเข้าออก ปากก็ขบกัด ไล้เลียไปตามก้อนเนื้อนุ่มที่ห่อหุ้มกลีบดอกสายหยุด

“สายหยุด คนดี อืม..”กัดฟันคำรามเมื่อช่องทางอ่อนนุ่มที่โอบนิ้วตนไว้ตอดรัด ผสมผสานกับเสียงครางหวาน

“อ๊า....พี่เหม  อื้มมม...สายหยุด อื้อ มิไหวแล้วจ้ะ พี่เหม อ๊า”มือเล็กสอดเข้าขย้ำกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่มที่ซุกหน้าอยู่ระหว่างขาตน

“อืม พี่จักสอดใส่แล้วหนาสายหยุด...”ว่าพลางถอนนิ้วออก แลลูบไล้ช่องทางสวรรค์ของร่างน้อยหนักเบาสลับกัน

“อืม จ้ะ สายหยุดพร้อมแล้วจ้ะพี่เหม”นอนแผ่ให้ชายหนุ่มจัดท่าทาง พ่อเหมจับเท้าเล็กพาดบ่า ลูบไล้ปลีน่องเนียน ขยับกายชิดแนบ อาวุธพร้อมรบจดจ่อที่กลีบดอกสายหยุด

“อ่า สายหยุด อืม...ร้อนกระไรเยี่ยงนี้ อ่ะ อ่าาาาาา”ครางเสียงต่ำ กดแช่อาวุธตนค้างไว้ ใบหน้าซุกไซร้ข้อเท้าเล็กที่พาดอยู่บนบ่าแกร่งไปมา

“อ๊าาาา พี่เหม อ๊ะๆ ...”หวีดร้องครวญคราง เมื่อกลีบดอกถูกอาวุธแรงกล้าของชายหนุ่มทิ่มแทง

“อ่าาาา”

“อ่ะ อือ เจ็บจ้ะพี่เหม อ๊ะ”

“อืม ทนหน่อยหนาคนดี”

“ฮึก อ๊ะ เจ็บ สายหยุด อืม เจ็บจ้ะ”

“อ่า...นิดเดียวเจ้า”

“พี่เหม อยะ อย่าจ้ะ มิดีทำหนาจ๊ะ อ๊ะ”ร้องห้าม เมื่อชายหนุ่มไล้ลิ้นร้อนเลียที่นิ้วเท้าตน

“พี่รักเจ้าหนาสายหยุด พี่รักเจ้า”ปลดเรียวขาน้องลงวางพาดไว้บนหน้าขา มือข้างหนึ่งลูบคลึงต้นขาขาว แลอีกข้างท้าวยันกับฟูกผืนบาง พลางค่อยๆขยับสะโพกสอบ

“อาาา...สะ สายก็รักพี่เหมจ้ะ”วาดแขนกอดแผ่นหลังกว้างชื้นเหงื่อ เอวสอบหมุนวนก่อนจะขยับกายเข้าออก หน้าขาแกร่งกระทบก้อนเนื้อนุ่มจนเกิดเสียงหยาบโลนไปทั้งเรือนพักองครักษ์หลวง เสียงครางเครือกระเส่าคลอเคล้ากัน

“อืม สายหยุด อ่า”

“อ๊ะ อ๊า อ๊ะๆๆ”สายหยุดรู้สึกราวกับมีพายุผีเสื้อพัดกระหน่ำในช่องท้อง ความเจ็บปวดในคราแรกหายไปแล้ว เหลือเพียงความซ่านกระสัน แลความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเทานั้น

“อืม..อ่า”ริมฝีปากร้อนครอบครองเม็ดทับทิมกลางแผ่นอกบาง ดูดดึงราวทารก

“อ๊า”เสียงหวานหวีดครางเมื่อยอดอกถูกฟันของพ่อเหมขบ ขูดเบาๆ แอ่นอกป้อนเม็ดทับทิมให้ชายหนุ่มดูดชิมอย่างเต็มใจ แผ่นอกบางถูกไล้เลียจนชื้นน้ำลายพ่อเหม ในขณะที่ช่วงล่างก็ชื้นแฉะจากเหงื่อ แลธารชีวิตที่พ่อเหมปลดปล่อยใส่

“อ่ะ อ่า อื้ม”สะโพกสอบเกร็งกระตุกธารชีวิตอุ่นวาบฉีดพ่นรินรดกลีบดอกสายหยุดจนเอ่อล้นออกมา

“ฮึก อือ อ๊าาาาาา”หวีดครางเกสรสายหยุดคายน้ำหวานจนเลอะหน้าท้องแกร่งขององครักษ์หนุ่ม

“แฮ่ก..พี่เป็นผัวสายหยุดแล้วหนาจ๊ะ”กล่าวปนเสียงหอบ จมูกโด่งไล้แผ่วเบาข้างแก้มขาวชื้นเหงื่อ

“สายหยุดก็เป็นเมียพี่เหมแล้วเหมือนกันหนาจ๊ะ”เสียงหวานเอ่ยอย่างเอียงอาย หลบตาชายหนุ่ม ใบหน้างามขึ้นสีระเรื่อ

“กลับมาจากการเวกเมื่อใด พี่จักตบแต่งสายหยุดให้ถูกต้องตามประเพณีทันที”ปลายนิ้วสากเกลี่ยเส้นผมนุ่มชื้นเหงื่อออกจากใบหน้าน้องน้อย กดจูบที่ขมับขาว แก้มนวล แลริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อ

“อืม”แขนเรียวโอบรอบคอแกร่ง รับจุมพิตเร่าร้อน เรียวขาขาวขยับอ้าออกเมื่อสะโพกแกร่งเริ่มขยับบทรักครั้งใหม่


.
.
.


“สายหยุดไปไหนกัน...ให้ไปหาเจ้าเหม ก็หายไปเสียเลย”องค์จันทร์ตรัสถามถึงคนสนิทของเมียรัก

“ปล่อยพี่สายหยุดให้มีเวลาอยู่กับพ่อเหมเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวพ่อเหมก็ต้องไปการเวกพร้อมพระองค์แล้ว”เจ้าบัวว่าพลางปักผ้าในมือไปด้วย

“แลน้องกำลังทำกระไรนั่น มือหายแล้วหรืออย่างไร”

“ใกล้จักหายดีแล้วพระเจ้าค่ะ มิเป็นไรดอก”

“มิต้องทำแล้วเจ้า มือเจ็บเยี่ยงนี้ยังจักปักผ้าอีก”ทรงดึงซับพระพักตร์ แลเข็มปักผ้าออกจากมือเล็ก

“ฮื่อ มิได้พระเจ้าค่ะ น้องจักปักผ้าให้พระองค์ไปการเวก จักได้คิดถึงน้อง หากมิรีบปักจักมิแล้วทันวันเดินทางหนาพระเจ้าค่ะ”

“โธ่ อย่างไรเสียพี่ก็ต้องคิดถึงเจ้าอยู่แล้ว เจ้าบัวงาม หากเจ้าจักปักผ้าให้พี่คิดถึงเจ้า”

“.....”

“...สู้เจ้าถอดผ้าแถบให้พี่พกไปการเวก ไว้ดมให้คลายคิดถึงเจ้ายังจักดีเสียกว่า”ตรัสพลางค่อยดึงชายผ้าแถบจนหลุด ผ้าแถบสีหวานค่อยๆร่วงลงไปกองที่เอวบาง

“ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามหน้าแดงระเรื่อ เมื่อพระภัสดายกผ้าแถบของตนขึ้นจรดพระนาสิกสูดกลิ่นหอมหวาน

“...หอมหวานเหลือเกิน”ฝ่าพระหัตถ์วางลงบนอกเป็นกระเปราะ บีบคลึงความนุ่มหยุ่น ในขณะที่อีกข้างช้อนเข้าที่ท้ายทอยเจ้าบัวงาม บังคับให้ศีรษะเล็กเงยขึ้น พระโอษฐ์แนบประทานจุมพิตให้เมียรัก พระชิวหาเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าเรียวลิ้นเล็ก

“อึก อืม....หะ ให้บัวถวายงานหนาพระเจ้าค่ะ”เมื่อถอนพระโอษฐ์ออก เจ้าบัวก็ทูลเสียงกระเส่าด้วยรู้ถึงแท่งจันทร์ที่เหยียดขึงดันผ้าโจงออกมาจนนูน

“ทำให้พี่รัก ให้พี่หลงเจ้ามากกว่านี้สิเจ้าบัว”ประคองดวงหน้างาม แลตรัสบอก

“บัวจักทำให้พระองค์หลงบัวยิ่งกว่าถูกยาเสน่ห์อีกพระเจ้าค่ะ”กล่าวจบก็ขยับกายนั่งคุกเข่าที่พื้น มือเล็กปลดผ้าโจงกระเบนของชายสูงศักดิ์ออก มือนุ่มประคองแท่งจันทร์ขึ้นจรดริมฝีปาก ลิ้นเล็กแตะที่ส่วนปลายเบาเย้าแหย่ 

“อ่า...เจ้าบัว”พระสุระเสียงครางเครือด้วยความพอพระทัย เมื่อริมฝีปากอุ่นนุ่มหยุ่นครอบครองปรนนิบัติพระองค์อย่างถึงพริกถึงขิง เจ้าบัวงามที่พระองค์คิดว่าจักเรียบร้อย หัวอ่อน แลนุ่มนิ่ม กลับซ่อนเขี้ยวเล็บไว้มากมายจนพระองค์ไปไหนมิรอด ยอมสวามิภักดิ์อยู่ในกรงเล็บชายาตัวน้อย อย่างมิคิดจักไปไหน


.
.
.


“พี่สายหยุด...เป็นเยี่ยงไรบ้างจ๊ะ”เจ้าบัวงามตรัสถามคนสนิท

“พระชายา...”

“มิต้องลุกดอกจ้ะ...แลเหตุใดจึงได้จับไข้เยี่ยงนี้กันจ๊ะ เมื่อวานหรือก็ยังดีๆอยู่”เมื่อข้าหลวงสาวกราบทูลว่า คุณสายหยุดคนสนิทป่วยจับไข้ ก็เสด็จมาเยี่ยมถึงเรือนพัก

“หม่อมฉันมิเป็นกระไรมากดอกพระเจ้าค่ะ..พระองค์มิน่าเสด็จมาเยี่ยมหม่อมฉันเลย ประเดี๋ยวจักติดไข้เอาได้หนาพระเจ้าค่ะ”

“โธ่...มิเป็นไรดอกพี่สายหยุด แลไปทำอิท่าไหนจึงจับไข้ได้เล่า”

“เอ่อ....”สายหยุดหน้าแดงซ่าน เหลือบตามองข้าหลวงที่ตามเสด็จ

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าใคร่อยากคุบกับพี่สายหยุดตามลำพัง”

“เพคะ”

“ว่าอย่างไรจ๊ะ”เมื่อข้าหลวงสาวออกไปจนหมด ก็หันมาตรัสถามอีกครา

“คือ...หม่อมฉัน....”

“เอ๊ะ...”ยังมิทันที่สายหยุดจักได้ตอบ สายพระเนตรก็กวาดไปเห็นรอยแดงจางที่โผล่พ้นผ้าแถบผืนบางออกมา

“อ๊ะ..พระชายาพระเจ้าค่ะ...”สายหยุดสะดุ้งสุดตัวจนความเจ็บที่กลีบดอกด้านหลังแล่นริ้วขึ้นมา พระหัตถ์เล็กกระตุกผ้าแถบของคนสนิทออก เผยให้เห็นแผ่นอกขาวที่มีรอยแดงระเรื่อเป็นจ้ำๆ กระจายอยู่ ไหนจักยอดอกสีทับทิมที่บวมตึง ที่ดูอย่างไรก็รู้ว่าช้ำเป็นแน่

“...นี่พี่สายหยุด”จากประสบการณ์เจ้าบัวงามรู้ได้ทันทีว่ารอยแดง แลยอดอกบวมช้ำเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เจ้าบัวช้ำก็มิต่างจากสายหยุดเท่าใดนัก

“พระชายา...ได้โปรด อย่าทรงบอกฝ่าบาทหนาพระเจ้าค่ะ”สายหยุดยกมือกอดตัวเองเอาไว้พลางทูลขออย่างอ้อนวอน

“ข้ามิบอกฝ่าบาทดอกจ้ะ...แต่ไปส่งขนมอิท่าไหนเล่า ไฉนจึงช้ำกลับมาเยี่ยงนี้”

“...พระชายา”หลบพระเนตรเอียงอายพลางคว้าผ้าแถบขึ้นใส่

“เอาเถิดๆ น้ำตาลใกล้มดก็เยี่ยงนี้แล”

“.....”

“เยี่ยงนั้นพี่สายหยุดก็พักผ่อนเถิดจ้ะ...ช้ำขนาดนี้คงหลายวันนั่นแลกว่าจักเดินเหินได้ปกติ”

“ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะพระชายา”

“.....ประเดี๋ยวข้าจักให้ข้าหลวงเอายามาให้ก็แล้วกันหนาจ้ะ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ...พี่เหมให้หมอหลวงมาตรวจ แลจ่ายยาให้สายหยุดแล้วพระเจ้าค่ะ”

“ใครว่ายาที่ข้าจักให้พี่สายหยุด เป็นยารักษาอาการบาดเจ็บพวกนี้เล่าจ๊ะ”

“เอ๊ะ...”

“ยาที่ข้าจักให้ เป็นยาขึ้นชื่อของภุมริกา...”

“.....”

“...ยาของท่านยายที่จักทำให้พี่สายหยุด มีเจ้าตัวน้อยมาเป็นเพื่อนเล่นกับลูกข้า”

“พระชายา...”

“คิก..”เจ้าบัวหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นสายหยุดหน้าแดงระเรื่อ


.
.
.


“สายหยุดเอาขนมไปส่งให้เจ้าอิท่าไหน ไฉนเลยจึงจับไข้กลับมาเยี่ยงนี้เจ้าเหม”องค์จันทร์ทรงตรัสถามขณะทรงเสด็จกลับตำหนักในของเจ้าบัวงาม ใกล้จักถึงวันเดินทางไปการเวกแล้ว แผนการที่ตระเตรียมก็สมบูรณ์ พระสัสสุระจึงอนุญาตให้พระองค์มาอยู่กับเจ้าบัวงามก่อนจักเดินทางได้ ...คิดว่าพระองค์มิรู้หรือว่าพระสัสสุระก็ใคร่อยากอยู่กับเสด็จแม่ชมนาดเช่นกัน จึงได้ตรัสให้พระองค์ แลองค์รัชทายาทพักผ่อนตามอัธยาศัยจนกว่าจักถึงวันเดนทางเยี่ยงนี้

“เอ่อ...เอ่อ.....”

“อ้ำอึ้งกระไรของเอ็ง มิรู้ก็มิต้องตอบ มาอ้ำอึ้ง...สายหยุดคงจักมิชินกับอากาศที่ภุมริกากระมังจึงได้จับไข้เยี่ยงนี้”

“พะย่ะค่ะ”ก้มหน้ามิแก้ต่าง

“เช่นนั้นเอ็งก็ไปดูแลสายหยุดเถิด”

“พะย่ะค่ะ”


.
.
.


“ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามละมือจากผ้าที่ปักเมื่อพระภัสดาเสด็จเข้ามาในศาลาริมสระหลวง

“ทำกระไรอยู่หรือเจ้า เหตุใดจึงมินอนพักผ่อน หืม...ลูกจักได้นอนด้วย”ทรงดำเนินเข้าประดับบนตั่งข้างเมียรักที่นั่งพับเพียบอิงหมอนขิด

“หม่อมฉันรอพระองค์พระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวส่งผ้าที่ปักไปแล้วกว่าครึ่งให้พระพี่เลี้ยง ก่อนจักรับผ้าชุบน้ำลอยดอกมะลิมาซับพระเสโทให้พระภัสดา

“หึหึหึ...แลเหตุใดยังจักให้แม่คนนี้ถวายงานใกล้ชิดเจ้าอีก”ทรงตรัสขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นนางข้าหลวงที่ซุ่มซ่ามทำเจ้าบัวงามเจ็บ

“น้องมิเป็นไรแล้วพระเจ้าค่ะ นางคงมิตั้งใจ”

“เจ้าตั้งครรภ์เยี่ยงนี้พี่ยิ่งห่วง...พี่มิวางใจให้คนซุ่มซ่ามเช่นนี้เข้าใกล้เจ้าดอกหนา”

“โธ่ ฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ....สงสารนางหนาพระเจ้าค่ะ”แสร้งเห็นอกเห็นใจ นัยน์ตากวางทอดมองข้าหลวงสาวใฝ่สูงที่ทำหน้าราวกับจักไห้อยู่รอมร่อ

“อย่าใจดีนักเลยเจ้าบัวงาม”

“พระองค์สั่งโบยนางไปแล้ว นางคงเข็ดจนระมัดระวังแล้วล่ะพระเจ้าค่ะ”เก็บไว้ใกล้ๆหูใกล้ๆตาเยี่ยงนี้แล แม้จักขัดใจไปบ้างแต่ก็ดีกว่าใกล้หูใกล้ตา

“.....”

“หนาพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”

“เฮ้อ..ก็ได้ๆเจ้า ออดอ้อนเช่นนี้ มีหรือพี่จักมอใจอ่อน”

“คิกๆ”

“...ส่วนเจ้าหากมีเรื่องให้เจ้าบัวเจ็บตัวอีกแม้แต่ปลายเล็บ ข้าจักให้เจ้าไปเป็นข้าหลวงห้องเครื่องเสีย”

“ขะ ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”

“คนที่เจ้าควรจักสำนึกในเมตตาหาใช่ข้าไม่”

“..ขะ ขอบพระทัยเพคะเจ้าน้อย”

“จ้ะ”นัยน์ตากวางสบตาข้าหลวงสาวนิ่งจิกเสียจนข้าหลวงสาวต้องหลบตาเป็นพัลวัน แค่ลอบมองพระภัสดาของพระองค์ยังโดนเยี่ยงนี้ ใครเล่าจักกล้ายุ่งกับพระภัสดาเจ้าน้อย









หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 25-04-2018 22:53:43


บัวหลงจันทร์ ๑๕


“สายหยุด...เป็นเยี่ยงไรบ้างจ๊ะ”พ่อเหมองครักษ์หลวงรูปงามเมื่อได้รับราชานุญาติจากนายเหนือหัวก็รีบรุดมาเฝ้าคู่หมั้นคนงามที่กลายเป็นข้าวสุกไปแล้วที่เรือนหลังตำหนักใน

“พี่เหม”สายหยุดค่อยๆยันกายบอบช้ำลุกขึ้นโดยมีพ่อเหมรุดเข้าช่วยประคอง มือเล็กดึงผ้าแพรสีหวานขึ้นจนถึงแผ่นอกบาง ใบหน้างามก้มจนชิดอกบาง เอียงหน้าหลบชายหนุ่มอย่างเอียงอายราวกับคนละคนกับเมื่อราตรีเร่าร้อนที่ผ่านมา

“...เป็นกระไรไป ใยจึงมิมองหน้าผัวของเจ้าเล่า”พ่อเหมเย้าพลางใช้ปลายนิ้วเกี่ยวปลายคางแหลมของเมีย คงจักเรียกเมียได้อย่างเต็มปากแล้ว

“พี่เหม...สายหยุด...”ใบหน้านวลแดงระเรื่อน่าเอ็นดู



จุ๊บ



“พี่ขอโทษหนาเจ้าที่มิยับยั้งชั่งใจจนเจ้าจับไข้เยี่ยงนี้”องครักษ์หนุ่มประทับจูบที่มุมปากอิ่ม

“จักโทษพี่เหมคนเดียวมิได้ดอกจ้ะ...สายหยุดเองก็มิยับยั้งชั่งใจ”


จุ๊บ


“พี่รักเจ้าเหลือเกินสายหยุด ยิ่งได้ครอบครองเจ้าทั้งใจ แลกายเยี่ยงนี้พี่ยิ่งรักเจ้า มีแต่เจ้าคนเดียวเต็มดวงใจ”ประคองมือน้อยขึ้นจูบหอม

“สายหยุดก็รักพี่เหมจ้ะ รักพี่เหมคนเดียวเท่านั้น”เสียงหวานเอ่ย สบตากัน แลกันอ่อนหวานจนกระทั่ง เสียงของข้าหลวงสาวร้องเรียกดังขึ้นที่หน้าประตู

“คุณสายหยุดเจ้าคะ พระชายาทรงประทานโอสถจากแม่เฒ่าให้คุณสายหยุดเจ้าค่ะ”

“ขะ เข้ามาจ้ะ”สายหยุด แลพ่อเหมผละออกจากกัน ชายหนุ่มก้าวออกห่างจากเตียงของคู่หมั้นคนงาม เพื่อมิให้ดูมิดี แลสายหยุดเสียหาย

“โอสถเจ้าค่ะ”ข้าหลวงสาวกล่าวพลางประคองถ้วยโอสถสีดำเข้มกลิ่นฉุนเข้ามาในห้องนอนของคนสนิทพระชายา

“ขอบใจจ้ะ”สายหยุดว่า

“โอสถกระไรหรือ”พ่อเหมรับถ้วยโอสถกลิ่นฉุนจากข้าหลวงสาวมาถือไว้เอง พลางเอ่ยถาม

“เจ้าออกไปก่อนเถิด ขอบใจหนา”สายหยุดกล่าวพร้อมรอยยิ้มให้ข้าหลวงสาว

“เจ้าค่ะ”

“พระชายาทรงประทานโอสถกระไรให้เจ้าหรือสายหยุด”พ่อเหมถาม

“...พี่เหม”

“หืม ว่าอย่างไรจ๊ะ”

“พระชายาท่านทรงประทานโอสถของแม่เฒ่าให้สายหยุดจ้ะ”

“โอสถของแม่เฒ่าหรือ โอสถกระไรกัน”

“.....โอสถของแม่เฒ่าจักทำให้สายหยุดตั้งท้องลูกพี่เหมจ้ะ”

“...สายหยุด...”

“....พี่เหม ใคร่อยากมีลูกกี่คนจ๊ะ แลหะ..หากมีใคร่อยากมีชาย..หรือ หยะ..”


หมับ


“จักกี่คนก็ได้ จักหญิงหรือชายก็ได้เจ้า ขอเพียงแค่แม่ของลูกพี่คือสายหยุดเท่านั้นก็พอแล้ว”ยังมิทันที่สายหยุดจักได้กล่าวจบก็ถูกพ่อเหมรวบไปกอด

“พี่เหม...”คนงามเอียงเอนซบอกกว้าง

“ดื่มโอสถเถิดเจ้า...แลเยี่ยงนี้พี่จักต้องซ้ำหรือไม่ ลูกจักได้มาเร็วๆ”

“พี่เหม...พูดกระไรจ๊ะ สายหยุดยังมิหายเมื่อยเลยหนา”สายหยุดครางใส่เบาๆ มือเล็กทุบอกกว้างมิแรงนัก

“หึหึหึ ดื่มโอสถหนาเมียจ๋า ผัวจักป้อนให้”ประคองถ้วยโอสถชิดริมฝีปากนุ่ม

“......”แม้จักเขินอายเพียงใดกับสิ่งที่สามีกล่าว หากแต่ก็ยอมดื่มโอสถจนหมดถ้วย

“เก่งมากเจ้า”

“อึก..รสขมติดปากมิหายเลยจ้ะ”ใบหน้างามเหยเก

“เยี่ยงนั้นกินน้ำผึ้งล้างปากหน่อยหนาเจ้า”พ่อเหมบอกพลางป้ายน้ำผึ้งลงบนลิ้นนุ่มของสายหยุด คว้านไปทั่วโพลงปากอุ่น

“อึก..อื้อ”สายหยุดครางอึกอัก ลิ้นเล็กกวาดหยดน้ำผึ้งที่ติดนิ้วเรียวของคู่หมั้นหนุ่ม

“เป็นเยี่ยงไรเจ้า”ถอนนิ้วออกจากปากนุ่ม

“.....”สายหยุดเผยอปากหอบ

“หากยังมิหาย....”กล่าวเพียงเท่านี้ ก่อนจักประกบจูบริมฝีปากนิ่ม เคล้าคลึง ดูดดึง พ่อเหมเริ่มเยี่ยงนี้มีหรือสายหยุดจักน้อยหน้า ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัด เอียงใบหน้า แขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง

“อึก..อ๊ะ..พี่เหม พะ พอแล้วจ้ะ สะ สายหยุดหายขมปากขมคอแล้วจ้ะ”

“แต่พี่ยังมิหายนี่เจ้า”กล่าวพลางยื่นใบหน้าคมเข้าหาคนงามหวังจักได้จุมพิตหวานน้ำผึ้งอีกสักครั้ง

“ฮื่อ...พอแล้วจ้ะ”ยกมือขึ้นปิดปากชายหนุ่ม

“ก็ได้ๆเจ้า”


จุ๊บ


กดจูบที่นิ้วเล็ก


.
.
.


หลายวันผ่านไป วันพรุ่งแล้วที่จักต้องเดินทางไปการเวก

“ฝ่าบาท”เสียงหวานเอ่ยเรียกพระภัสดายามที่มือเล็กวักน้ำรดบนพระอังสะ ออกแรงบีบนวดปรนนิบัติพัดวีอย่างดีเยี่ยม

“หืม”

“.....”

“ว่าอย่างไรเจ้าบัวงาม”

“...บัว..”ละมือที่บีบนวด ก่อนจักซบใบหน้างาม แนบแก้มนุ่มกับลาดพระอังสา

“กังวลกระไรเจ้า”

“บัวห่วง มิอยากให้พระองค์ เสด็จพ่อ แลภุชงค์ไปเลยพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ มิมีกระไรดอกเจ้าบัว มิต้องกังวลไป”ขยับหมุนพระวรกาย รวบร่างนุ่มนิ่มเข้ากอด

“.....”

“ดูทำหน้าเข้า ป่านนี้เจ้าพเยียคงจักหน้าหงิกตามแม่แล้วกระมัง”

“ฮื่อ..ฝ่าบาทละก็”

“พี่ไปมินาน มิต้องกังวลหนาเจ้า”

“บัวจักพยายามพระเจ้าค่ะ”

“เด็กดี”

“.....”

“...เยี่ยงนั้นบัวขอไปช่วยเสด็จแม่ท่านดูแลเรื่องเสบียงก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”ว่าพลางขืนกายออกจากพระอุระพระภัสดา เตรียมขึ้นจากน้ำ

“มิต้องไปดอก....หนาเจ้า”

“.....”เจ้าบัวช้อนนัยน์ตากวางมองพระภัสดาอย่างฉงน

“อยู่กับพี่เถิด...วันพรุ่งก็พี่ก็ต้องไปการเวกแล้ว อยู่กับพี่ให้หายคิดถึงเจ้า แลลูกเถิดหนา”

“ฝ่าบาท...พระเจ้าค่ะ บัวจักอยู่กับพระองค์มิไปไหน”เข้าสวมกอดพระวรกายกำยำใบหน้างามซบพระอุระกว้าง องค์จันทร์ซบพระพักตร์ลงบนกลุ่มผมชื้น พระหัตถ์โอบกระชับร่างบาง พลางลูบเส้นผมเปียกแนบสะโพกกลึง

“บัวจ๋า...”

“พระเจ้าค่ะ”

“ระหว่างที่พี่มิอยู่ดูแลตัวเอง แลลูกดีๆหนาเจ้า ยุงอย่าให้ไต่ ไรอย่าให้ตอมหนา”

“พระเจ้าค่ะบัวจักดูแลตัวเอง แลลูกให้ดีที่สุด พระองค์มิต้องเป็นกังวลหนาพระเจ้าค่ะ ไหนจักเสด็จแม่ ไหนจักพี่สายหยุด ไหนจักอิ่ม...พระองค์ก็เช่นกัน ไปต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้ดูแลองค์เองดีๆหนาพระเจ้าค่ะ แลบัวฝากฝ่าบาทดูแลเสด็จพ่อ แลพระเชษฐาของบัวด้วยหนาพระเจ้าค่ะ”

“มันแน่อยู่แล้วเจ้า..พ่อเจ้า เชษฐาเจ้าก็เหมือนพ่อ แลเชษฐาพี่..พี่จักดูแลตัวเอง แลครอบครัวเราให้ดีที่สุด จักมิให้มีอันตรายใดๆ อย่ากังวลไปเลยหนาเจ้า”กดพระนาสิกหอมกระหม่อมน้องน้อย

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมมือกราบที่พระอุระ

“มิต้องกังวลหนาคนดี”ประคองมือน้อยทั้งสองข้างขึ้นจรดพระนาสิก กดพระโอษฐ์ที่หลังมือน้องซ้ำๆ


.
.
.


กำหนดการเดินทางวันนี้ คือ หลังพระกายาหารเช้า ดังนั้นพระกายาหารเช้าในท้องพระโรงวันนี้จึงพร้อมหน้าพร้อมตา

“เจ้าชมนาดโปรดน้ำพริกมะขามนี่เจ้า เยี่ยงนั้นกินเยอะๆหนาจ๊ะ”องค์ภุมรินเอาอกเอาใจเมียรักตลอดมื้ออาหารมิต่างกับชามาดาของพระองค์

“เจ้าก็กินยำทวายเยอะๆหนาเจ้าบัว รสชาติเปรี้ยวเยี่ยงนี้จักได้มิแพ้ท้อง”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”
มิต่างจากองครักษ์หลวงคนเก่ง แลคนสนิทพระชายาที่ประคบประหงมกันไม่น้อยหน้านายเหนือหัว

“พี่เหมกินเองบ้างเถิดจ้ะ..จักต้องเดินทางไกล มิต้องห่วงสายหยุดดอก”สายหยุดปรามพ่อเหมที่มัวแต่ตักกับข้าวให้ตนจนแทบมิได้กินเอง

“พี่ใคร่อยากดูแลสายหยุดนี่จ๊ะ ประเดี๋ยวอีกตั้งหลายวันกว่าจักได้กลับมาดูแลสายหยุดเยี่ยงนี้..แลหากลูกมาอยู่ในท้องสายหยุดแล้วพี่จักได้ดูแลลูกด้วยอย่างไรเจ้า”

“พี่เหม..สายหยุดเพิ่งจักกินโอสถของแม่เฒ่าท่านไปครั้งเดียว ลูกจักมาได้อย่างไรจ๊ะ”

“แลต้องกินกี่ครั้งกันสายหยุดจึงจักท้องลูกพี่”

“กี่ครั้งก็ไม่สำคัญเท่าพี่เหมมิได้อยู่ทำลูกดอกจ้ะ...กลับมาทำก็ยังมิสายดอก”พูดไปใบหน้าก็แดงระเรื่อ

“นั่นสิ...โอสถแม่เฒ่าหรือจักสู้น้ำยาพี่”

“พี่เหม..คนผีทะเล”มือเล็กตบตีอกกว้างเปาะแปะ


.
.
.


เมื่อแล้วพระกายาหารเช้าก็ถึงเวลาที่เหล่าพระภัสดาจักต้องเดินทางกันแล้ว

“ทรงดูแลองค์เองดีๆหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดกล่าวกับพระภัสดาคู่ทุกข์คู่ยากของตน มือเล็กแนบประคองพระปราง ในขณะที่พระหัตถ์ทั้งสองข้างขององค์ภุมรินประคองกุมมืออีกข้างของเมียขึ้นจรดพระนาสิก

“จ้ะ..พี่จักดูแลตัวเอง แลลูกให้ดี จักมิให้เจ็บ ให้ไข้”

“ดีพระเจ้าค่ะ...หม่อมฉัน แลลูกบัวจักรอพระองค์ ภุชงค์ แลองค์จันทร์หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“แล...ของแทนใจที่หม่อมฉันให้”

“พี่เอามาแล้วคนดี หอมกลิ่นชมนาดนัก”

“....”เจ้าชมนาดแก้มแดงระเรื่อ ของแทนใจที่ว่าก็ผ้าแถบของตัวที่อบกลิ่นดอกชมนาดเสียจนฟุ้ง

“คงจักช่วยให้พี่คลายความคิดถึงเจ้าไปไม่มากก็น้อย”

“เสด็จพี่”เงยหน้ากดจูบเบาๆพระโอษฐ์ไม่ล่วงล้ำ

“ชมนาดคนดี”กอดเมียแน่น ใคร่อยากจักงอแง มิไปการเวกเสียแล้ว


.
.
.


ทางด้านองค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามก็อาลัยอาวรณ์กันมิแพ้คนเป็นพ่อ แลแม่

“สายหยุด..ข้าฝากดูแลเจ้าบัวงาม แลลูกข้าด้วยหนา”องค์จันทร์ตรัส ในอ้อมพระกรมีร่างแน่งน้อยของเมียซุกซบอย่างออดอ้อนอยู่

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักดูแลพระชายา แลรัชทายาทในพระครรภ์ให้ดีที่สุดพระเจ้าค่ะ”

“ดี..ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ฝ่าบาท”

“จ๋า”

“บะ บัวให้พระเจ้าค่ะ จักได้คลายคิดถึง”ขืนกายออกจากอ้อมพระอุระ อิ่มหมอบคลานนำพานทองบรรจุผ้าแถบสีขาวปักลายดอกบัวเล็กๆทั่วผืน บนผ้าผืนงามมีซับพระพักตร์ที่เจ้าบัวงามเพียรปักถวายพระภัสดา แลดอกบัวตูมดอกโตสีขาวอมชมพูนอนนิ่งอยู่

“หืม...”ผ้าผืนนี้ช่างคุ้นพระเนตรนัก


อ่า.......


ก็ผ้าแถบที่เจ้าบัวนุ่งเมื่อวานอย่างไรเล่า...องค์จันทร์ยกมุมพระโอษฐ์พลางหยิบผ้าผืนนิ่มขึ้นจรดพระนาสิก กลิ่นกายหวานๆขงเจ้าบัวติดเจืออยู่จางๆ

“หึหึหึ คนดี”รั้งกายนุ่มนิ่มเข้ากอด

“ได้กลิ่นหม่อมฉัน แลลูกทุกวัน..จักได้คิดถึงกันทุกลมหายใจหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวกระซิบเบาติดพระกรรณ

“พี่จักคิดถึงเจ้า แลลูกทุกลมหายใจเลยเชียว”

“ดูแลองค์เองหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ..เจ้าก็ดูแลตัวเอง แลลูกดีๆหนา”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


หลังจากล่ำลาเมียรักแล้ว ก็ถึงเวลาออกเดินทาง ทั้งสามพระองค์ รวมถึงองครักษ์หลวงประจำพระองค์ต่างเดินทางด้วยม้าประจำตน ในขบวนเสด็จมีเพียงเกวียนขนเสบียง แลม้าเท่านั้น ทหารที่อยู่ในขบวนก็มีเพียงยี่สิบนาย หากแต่ทหารเงาของภุมริกาต่างซุกซ่อนอยู่ในป่า คอยอารักขานายเหนือหัวห่างๆ ขบวนเสด็จลัดเลาะตามชายป่ามุ่งหน้าแคว้นการเวก

“พักแถวนี้ก่อนเถิด คอยเดินทางต่อ”องค์ภุมรินว่า เมื่อแดดเริ่มหมด

“พะย่ะค่ะ”สุธีรับพระบัญชาก่อนจักจัดการตั้งกระโจมที่ประทับให้เจ้านายทั้งสาม รวมถึงที่หลับที่นอนของตน แลเหล่าทหาร



.
.
.


ที่หน้ากระโจมที่ประทับ มีเพียงองค์ภุมริน องค์จันทร์ รัชทายาทภุชงค์ แลองครักษ์หลวงประจำของแต่ละองค์ นั่งล้อมกองไฟ จิบชาร้อนๆคลายความหนาวจากอากาศยามค่ำคืน

“เฮ้อ พ่อล่ะคิดถึงแม่เจ้าเหลือเกินเจ้าภุชงค์ ยังดีที่แม่เจ้าให้ของแทนใจมาให้คลายคิดถึง”ว่าพลางหยิบผ้าแถบสีหวานขึ้นมาอวด

“.....”

“แลเจ้าบัวให้กระไรแทนใจเจ้ามาหรือไม่องค์จันทร์”ตรัสถามชามาดา

“เจ้าบัวงามให้ผ้าปัก ดอกบัวหลวง...”

“...แค่นี้หรือ”

“...แลผ้าแถบที่น้องบัวนุ่งเมื่อวานพะย่ะค่ะ”ทูลพระสัสสุระ แลแย้มพระโอษฐ์ยิ้มกริ่มราวกับเหนือกว่า พระหัตถ์หยิบของแทนใจที่ว่าทั้งสามออกมาให้พระสัสสุระทอดพระเนตร

“....”องค์ภุมรินจ้องชามาดาเขม็ง รู้เยี่ยงนี้ข้าคงจักเอาผืนที่เจ้าชมนาดนุ่งแล้วมา ดำริในพระทัย แลใช้ปลายพระองคุลีลูบผ้าแถบของเจ้าชมนาดเบาๆ

“แลเอ็งเล่าเหม..สายหยุดให้กระไรมาหรือไม่”องค์จันทร์หันมาถามองครักษ์คนสนิทของตน

“เอ่อ....”

“เหอะ...คงจักมิมีล่ะซิ”องค์ภุมรินตรัสเยาะ

“..สายหยุดให้ ‘ผ้าโจง’ หม่อมฉันมาพะย่ะค่ะ”ทูลพลางล้วงผ้าโจงผืนงามของคู่หมั้นคนงามออกมาจากห่อผ้า

“.....”องค์ภุมริน

“.....”องค์จันทร์


เอาล่ะ...เจ้าเหมชนะขาด เจ้านายทั้งสองเก็บผ้าแถบของเมียองค์เองพลางแยกย้าย ท่านสุธี องค์รัชทายาทภุชงค์ แลเจ้าสนองครักษ์หลวงประจำองค์รัชทายาทต่างยกกำปั้นขึ้นปิดรอยยิ้มขัน พระสัสสุระ แลชามาดาหรืออุตส่าห์เกทับกันสุดฤทธิ์ สุดท้ายเจ้าเหมกลับชนะขาดรอย


“หึหึหึ แยกย้ายกันไปนอนเถิดท่านสุธี เจ้าสน เหม วันพรุ่งจักต้องออกเดินทางแต่เช้า”

“พะย่ะค่ะ”

“พะย่ะค่ะ”

“พะย่ะค่ะ”

หมอบกราบส่งเสด็จ






หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 25-04-2018 22:59:58


บัวหลงจันทร์ ๑๖


“คืนนี้พี่สายหยุดมานอนเป็นเพื่อนข้าทีหนาจ๊ะ”เจ้าบัวว่า ยังมิทันพ้นวันก็คิดถึงพระภัสดาเสียแล้ว มือน้อยลูบครรภ์ตนไปมาปลอบลูกน้อยที่คงจักคิดถึงพ่อมิแพ้แม่เลย

“พระเจ้าค่ะ”

“...แลพี่สายหยุดกินโอสถของแม่เฒ่าท่านไปกี่ถ้วยแล้วจ๊ะ”

“สายหยุดเพิ่งจักกินไปเพียงสองถ้วยพระเจ้าค่ะ ที่พระชายาประทานให้หนึ่งถ้วย แลวันนี้อีกหนึ่งถ้วย”

“กินไปเรื่อยๆหนาจ๊ะ หากพ่อเหมกลับมามิแคล้วพี่สายหยุดคงจักท้องทันที เพราะบำรุงไปเสียเยอะ”

“พระชายา...”สายหยุดหน้าแดงระเรื่อ

“คิกๆ”

“....ทรงรับน้ำนมโคอุ่นๆก่อนบรรทมสักหน่อยดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ จักได้บรรทมสบาย”

“ก็ดีจ้ะ”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักให้นางข้าหลวงนำถวายหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


.
.
.


“บัวร้อยเยี่ยงนี้ถูกหรือไม่พระเจ้าค่ะเสด็จแม่”เจ้าบัวงามว่าพลางยื่นมาลัยดอกมะลิที่ร้อยใส่เข็มให้มารดาดู รุ่งอรุณวันใหม่เจ้าชมนาด แลเจ้าบัวงาม พร้อมด้วยสายหยุดต่างก็มารวมตัวกันร้อยมาลัยถวายตำหนักศาสน์เพื่อขอพรให้เหล่าพระภัสดา โอรส แลคู่หมั้นหนุ่มที่ไปต่างบ้านต่างเมืองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง แลมีชัยกลับมาฝากลูกเมีย

“อืม..ถูกแล้วลูก งามแล้วจ้ะ”เจ้าชมนาดว่าพลางยิ้มหวานให้ลูก

“พระเจ้าค่ะ”

“...สายหยุดนี่ร้อยมาลัยงามเชียว”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะพระชายาชมนาด ก่อนที่จักมารับใช้พระชายาบัวงามสายหยุดเคยร้อยมาลัยเข้าวังหลวงศศิมณฑลถวายตำหนักศาสน์มาก่อน ก็เลยร้อยได้งามพระเจ้าค่ะ”พนมมือกราบก่อนจักแจ้งแก่พระมารดา

“เยี่ยงนั้นหรือ ดีจริง”



   หลังจากที่ร้อยมาลัยแล้วแล้ว ทั้งสามก็เข้าตำหนักศาสน์ขอพรให้ลูกผัวตัว เจ้าชมนาดสวดมนต์ขอพรให้พระภัสดา โอรส แลชามาดาอยู่นาน หากแต่เจ้าบัวงามที่กำลังท้องกำลังไส้กลับนั่งสวดมนต์ได้เพียงมินานก็ถูกมารดารับสั่งให้กลับตำหนักในเพื่อพักผ่อน โดยมีสายหยุดติดตาม

“ไปพักผ่อนเถิดเจ้าบัว ท้องไส้เช่นนี้นั่งสวดมนต์นานๆมิไหวดอก ประเดี๋ยวแม่จักสวดมนต์ขอพรให้ทุกคนแทนเจ้า แลสายหยุดเอง”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะเสด็จแม่”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะพระชายาชมนาด”



   เจ้าบัวงาม แลสายหยุดหมอบกราบเจ้าชมนาดก่อนจักออกจากตำหนักศาสน์ สายหยุดประคองนายเหนือหัวคอยระแวดระวังทุกฝีก้าว

“พี่สายหยุด....”

“พระเจ้าค่ะพระชายา”

“ข้าใคร่ไปสูดอากาศที่สวนพฤกษาก่อนค่อยกลับเข้าตำหนัก พาข้าไปที”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“...ป่านนี้แล้วเสด็จพ่อ พระเชษฐา แลพระภัสดาจักเป็นเช่นไรหนอ จักกินอิ่ม นอนหลับหรือไม่หนา”เจ้าบัวรำพึงกับคนสนิท

“อย่าได้กังวลไปเลยเพคะประเดี๋ยวรัชทายาทในพระครรภ์จักทรงกังวลตามมารดาไปด้วยหนาพระเจ้าค่ะ”

“....”

“...สายหยุดหรือก็กังวลเป็นห่วงพี่เหมหนักหนา หากแต่สายหยุดเชื่อในพี่เหม แลสายหยุดเชื่อว่าทุกพระองค์เก่งกาจ แลปรีชาสามารถ มิมีใครทำกระไรฝ่าบาททั้งสามพระองค์ได้ดอกพระเจ้าค่ะ ขอพระชายาอย่าได้กังวลไป”

“..จ้ะ”

“เยี่ยงนั้นกลับตำหนักหนาพระเจ้าค่ะ บรรทมกลางวันสักตื่น ประเดี๋ยวสายหยุดจักให้ข้าหลวงห้องเครื่องนำผลมูลละมั่ง แลเยื่อเคยถวายดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ดีจ้ะ..ข้าก็ชักจักเบื่อผลอัมพวา แลเกลือแล้ว เปลี่ยนเป็นผลมูลละมั่ง แลเยื่อเคยบ้างก็ดี”

“เยี่ยงนั้นสายหยุดจักให้ข้าหลวงนำถวายพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


.
.
.


   หลังกายาหารค่ำพระชายาชมนาด แลเจ้าบัวงามก็ร่วมพูดคุยกันตามประสาแม่ลูก โดยมีสายหยุด แลอุ่นคนสนิทของสองพระองค์อยู่รับใช้

“ทูลพระชายาชมนาด แม่เฒ่าขอเข้าเฝ้าเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบคลานเข้ามากราบทูลความแก่นายเหนือหัวทั้งสอง

“เชิญแม่เฒ่าเข้ามา”

“เพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบกราบก่อนจักคลายถอยออกจากห้องบรรทมเพื่อเชิญแม่เฒ่า

“ถวายพระพรพระชายา แลเจ้าน้อยเพคะ”

“มิต้องมากพิธีดอกจ้ะแม่เฒ่า”เจ้าชมนาดรุดจากตั่งเข้าประคองร่างผอมบางของแม่เฒ่า โดยมีสายหยุดช่วยอีกแรง ค่อยๆประคองหญิงชราให้นั่งลงบนตั่งตัวเล็กที่อยู่ต่ำกว่าตั่งที่พระชายาประทับ

“ขอบพระทัยเพคะ”

“กราบท่านยายจ้ะ”เจ้าบัวงามพนมมือไหว้หญิงชรา

“มิได้เพคะเจ้าน้อย”

“แลแม่เฒ่าเข้าเฝ้าข้าเยี่ยงนี้มีเรื่องอันใดหรือจ๊ะ”

“...บัวหลงจันทร์ไปแล้ว...”สิ้นเสียงแหบพร่าเจ้าบัวก็พระพักตร์แดงซ่าน

“ก็ถึงคราว ‘ภุชงค์เล่นแสง’ แล้วเพคะ”

“หมายความว่าอย่างไรจ๊ะ”

“..หึหึ..หึหึ...ทรงเตรียมของรับขวัญสุณิสาเถิดเพคะ หม่อมฉันทูลลา”พนมมือสั่นๆขึ้นไหว้ก่อนจักเดินออกจากห้องบรรทมโดยมีนางข้าหลวงประคอง

“หมายความว่าอย่างไรกัน...สุณิสา...ไปการเวกครานี้เจ้าภุชงค์จักได้เมียกลับมาหรือ!!!”เจ้าชมนาดพระเนตรเบิกกว้าง

“เสด็จแม่..ภุชงค์ไปการเวกครานี้คงจักได้เมียกลับมาเป็นแน่แท้พระเจ้าค่ะ ท่านยายมิเคยทำนายสิ่งใดผิดเพี้ยนแม่แต่น้อย”เจ้าบัวว่า มือบางก็ลูบหน้าท้องตนไปมา

“แม่ควรจักตกใจ ดีใจ หรือ รู้สึกเยี่ยงไรดีเจ้าบัว”

“..ท่านยายท่านว่าให้เสด็จแม่เตรียมของรับขวัญเมียภุชงค์...”

“หากเจ้าภุชงค์ไปคว้าคนไม่ดีเข้าเล่าเจ้าบัวงาม”

“อย่าได้กังวลไปเลยพระเจ้าค่ะ ลูกเชื่อว่าชายาของภุชงค์จักต้องเป็นคนดีเป็นแน่ มิเช่นนั้นท่านยายท่านคงจักให้ท่านแม่เตรียมรับมือมากเสียกว่าเตรียมของรับขวัญหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....แม่ก็หวังเช่นนั้น”

“อย่ากังวลไปเลยพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


.
.
.


เจ็ดวันผ่านไป อีกมิเกินครึ่งวันคณะขององค์ภุมรินก็จักถึงการเวกแล้ว แน่นอนว่าการที่เจ้าหลวงภุมริกา แลองค์รัชทายาท พร้อมด้วยเจ้าหลวงศศิมณฑลเสด็จมาการเวกแล้วเป็นไปมิได้ที่ทางการเวกจักมิรู้ถึงการมาเยือน

“เร่งเข้าเถิดข้าใคร่อยากเห็นหน้าให้ตัวที่มันบังอาจกล้ารังแกลูกข้าเต็มทนแล้ว”องค์ภุมรินว่าขณะบัวคับอาชาประจำพระองค์ให้เร่งฝีเท้า

“พระทัยเย็นก่อนเถิดพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ อีกมิเกินครึ่งวันก็ถึงแล้ว”องค์รัชทายาทภุชงค์ตรัสกับบิดา

“นั่นสิพะย่ะค่ะ พระทัยเย็นก่อนเถิด”องค์จันทร์ว่า

“.....”

“การที่เรามาการเวกเช่นนี้คงรู้ไปถึงพระเนตรพระกรรณเจ้าหลวงสิงห์เข้าแล้ว หากวู่วามบุกเข้าไปคงมิเป็นผลดีแก่เราเป็นแน่พะย่ะค่ะ”องค์จันทร์กราบทูลพระสัสสุระ

“จริงดังองค์จันทร์ว่า...ข้าก็ร้อนใจไปหน่อย”องค์ภุมรินตรัส

“มิได้พะย่ะค่ะเสด็จพ่อ หม่อมฉันเข้าพระทัยว่าทรงเป็นห่วง แลคับแค้นใจที่การเวกรังแกน้องบัว”ตรัสพลางแย้มพระโอษฐ์ให้พระสัสสุระ

“.....”พระขนงกระตุกกับสรรพนามที่ชามาดาเรียก เสด็จพ่อเยี่ยงนั้นหรือ...อืมม ภัสดาลูก บิดาหลาน ได้....ได้ เสด็จพ่อก็เสด็จพ่อ


.
.
.


“อีกมิถึงครึ่งวันขบวนเสด็จขององค์ภุมริน แลคณะคงจักถึงวังหลวง”

“.....”

“...ครานี้การเวกคงราบเป็นหน้ากลอง สมใจเจ้าหรือยังเจ้าสิน!!”

“เสด็จพ่อ ใยเราจักต้องกลัวมันหัวหดเช่นนี้ด้วยพะย่ะค่ะ”

“ภุมริกาได้ชื่อว่าเป็นแคว้นที่มีกองกำลังทหารแข็งแกร่งเป็นที่หนึ่ง แลเจ้ายังกล้าไปทำเรื่องระยำกับเจ้าน้อยบัวงาม แก้วตาขององค์ภุมรินท่าน...แลไหนจักศศิมณฑล เจ้าคิดว่าทั้งองค์ภุมริน แลองค์จันทร์จักปล่อยการเวกให้รอดปลอดภัยเยี่ยงนั้นหรือ เช่นนี้เจ้าก็บอกข้าเถิดว่าเหตุใดเราจึงต้องกลัวหัวหดเช่นนี้!!”องค์สิงห์บริภาษองค์รัชทายาทตนด้วยความกริ้วโกรธ ก่อนจักเสด็จออกจากตำหนักทรงงานกลับตำหนักหลวง



“เสด็จพ่อ ลูกขอเข้าเฝ้าได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เสียงหวานของโอรสองค์เล็กดังขึ้นหน้าพระทวารห้องโถงตำหนักหลวง

“เจ้าแสงเข้ามาเถิดลูก”พระสุระเสียงอ่อนลง

“กราบเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“ไหว้พระเถิดเจ้า”

“ลูกเข้าห้องเครื่องทำขนมลืมกลืนมาถวายเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“......”

“เสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“หืม”

“ลูกได้ยินมาว่าวันนี้จักมีขบวนเสด็จจากแคว้นภุมริกามาที่วังหลวง จึงได้จัดเตรียมกายาหารคาวหวานไว้ต้อนรับอาคันตุกะหลายอย่างเทียวพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนาเจ้าแสง เหนื่อยเจ้าแล้วแล”

“มิได้พระเจ้าค่ะ กระไรที่ลูกช่วยได้ลูกก็เต็มใจจักช่วยพระเจ้าค่ะ”

“...เจ้าช่างเหมือนมารดาของเจ้านัก เสียดายที่นางมิมีโอกาสได้อยู่เคียงข้างข้า มองดูเจ้าเติบโตอย่างสวยงาม”

“.....”

“ประจบประแจงเก่งได้แม่เจ้านักหนาเจ้าแสง”สุระเสียงหวานของพระชายาในองค์สิงห์ แห่งการเวกดังขัดบทสนทนาของสองพ่อลูก

“ถวายพระพรพระชายาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบสตรีผู้เป็นชายาของบิดาตน



   องค์สิงห์นั้นเดิมทีรักใคร่อยู่กับนางข้าหลวงห้องเครื่องตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งการเวก หากแต่ถูกบังคับให้ตบแต่งกับบุตรีของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ด้วยเรื่องการเมือง จนมีองค์รัชทายาท นั่นก็คือ องค์สิน จากนั้นจึงได้แต่งตั้งหญิงอันเป็นที่รักขึ้นเป็นสนมเอกเป็นรองมารดาเจ้าสินแค่ขั้นเดียวเท่านั้น มินานนางข้าหลวงห้องเครื่องก็ให้กำเนิดโอรสให้องค์สิงห์ แต่หาได้สมชายชาตรีไม่ เมื่อเจ้าแสงมีอายุได้เพียงขวบเศษมารดาก็เสียชีวิตลง เนื่องจาก ร่างกายอ่อนแอจากการคลอดบุตร เจ็บออดๆแอดๆมาร่วมปีจึงได้สิ้นใจทิ้งลูก ทิ้งผัว มีข่าวลือว่านางถูกลอบวางยาพิษจากพระชายา แต่ก็หาได้มีใครกล้าพูดไม่ เนื่องด้วย รักตัวกลัวตายกัน องค์สิงห์รักใคร่เอ็นดูเจ้าแสงเป็นอย่างมาก ทรงเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน เป็นโซ่ทองคล้องใจของพระองค์กับนางอันเป็นที่รัก เป็นสิ่งมีค่าที่นางทิ้งไว้ให้พระองค์ องค์สิงห์จึงดูแล รักใคร่เจ้าแสงมาก แต่นั่นก็ทำให้พระชายา แลองค์รัชทายาทมิใคร่ชอบใจเจ้าแสง หาเรื่องกลั่นแกล้ง เจ้าแสงหรือก็แสนดีถูกรังแกเยี่ยงไรก็มิปากฟ้องบิดา อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตน ทั้งวังหลวงกว้างใหญ่เจ้าแสงมีสหายอยู่สองคน หรือก็คือคนสนิทที่คอยรับใช้ดูแลตนนั่นแล


“จักไปห้องเครื่องทำกายาหารต้อนรับอาคันตุกะของฝ่าบาทมิใช่หรือ แลใยยังจักมานั่งเสนอหน้าอยู่นี่”

“...ยะ เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัวพระเจ้าค่ะ กราบลาเสด็จพ่อ ทูลลาพระชายาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักค่อยๆคลานเข้าออกไป

“คงจักถนัดงานก้นครัวเหมือนแม่มัน ต่ำ”บริภาษตามหลังร่างอรชร

“...ข้าก็มิรู้เหมือนกันว่าปากของเจ้ากับเวจสิ่งใดจักสกปรกกว่ากัน”เมื่อลับร่างเจ้าแสง องค์สิงห์จึงหันมาตรัสกับชายา พลางเสด็จหนีไปที่อื่น

“ฝ่าบาท!!!”กรีดร้องอย่างคับแค้นใจ


.
.
.


   เจ้าแสงขลุกอยู่ในห้องเครื่องรังสรรค์พระกายาหารคาวหวานเพื่อต้อนรับอาคันตุกะต่างบ้านต่างเมืองเสียจนเหงื่อไหลตามกรอบพระพักตร์หวาน

“ซับพระเสโทสักหน่อยหนาพระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”ชงโค คนสนิททูลพลางใช้ซับพระพักตร์ที่อบบุหงารำไปจนหอมซับตามพระพักตร์งาม

“ขอบใจจ้ะชงโค”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ทูลเจ้าน้อย ขบวนเสด็จของอาคันตุกะต่างแคว้นมาถึงวังหลวงแล้วพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น คนสนิทอีกคนของเจ้าน้อยแสงรีบรี่เข้ามาทูลนายตน

“ยี่สุ่นวิ่งเข้ามาเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ประเดี๋ยวชนข้าวของเสียหายเข้าดอก ดีมิดีจักเจ็บตัวเอาหนา”

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นรีบมาทูลความแก่เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“ว่ามาเถิด”

“ขบวนเสด็จของอาคันตุกะต่างแคว้นมาถึงวังหลวงแล้วพระเจ้าค่ะ”

“...เยี่ยงนั้น พวกเจ้าก็เร่งมือกันหน่อยเถิด ประเดี๋ยวคณะอาคันตุกะที่มาเยือนท่านจักรอเอา”

“เพคะเจ้าน้อย”เหล่าข้าหลวงห้องเครื่องรับพระบัญชา พลางเร่งมือ


.
.
.


   เจ้าแสง แลคนสนิทขลุกอยู่ในครัวจนเหงื่อไหลไคลย้อย เร่งมือทำสำรับพระกายาหารของเหล่าอาคันตุกะ ทั้งคาวหวาน

“กระไรกัน ป่านนี้แล้วสำรับยังมิแล้วอีกหรือ”พระชายาเสด็จมาห้องเครื่อง ทำเอาเจ้าแสง แลเหล่าข้าหลวงต้องวางมือจากงานตรงหน้าแลรุดหมอบกราบ

“ใกล้แล้วแล้วพระเจ้าค่ะพระชายา”

“ชักช้านัก...แลก็มิต้องพาสารรูปมอมๆของเจ้าออกไปให้คณะอาคันตุกะทอดพระเนตรเสียล่ะ ไว้พระพักตร์เจ้าหลวงแลข้าเสียด้วย”

“...พระเจ้าค่ะ”

“....”สะบัดพระพักตร์ สาวพระบาทออกจากห้องเครื่องอย่างรังเกียจรังงอน

“เจ้าน้อย มิเป็นไรหนาพระเจ้าค่ะ”

“ข้ามิเป็นไรดอก เร่งมือเข้าเถิด”


.
.
.


“สำรับแล้วหมอแล้ว เจ้าน้อยทรงเสด็จกลับตำหนักพักผ่อนเถิดเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมพวกฉันจักทำที่เหลือเองหนาเพคะ”

“...เยี่ยงนั้นรบกวนพวกเจ้าแล้วหนา”

“มิได้เพคะ”

“เจ้าน้อยเสด็จกลับตำหนักเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉัน แลยี่สุ่นจักเตรียมอ่างทรงลอยดอกมัลลิกาหอมๆให้”ชงโคว่า

“จ้ะๆ...เยี่ยงนั้นข้าไปก่อนหนา”

“เพคะเจ้าน้อย”หมอบกราบ ส่วนเจ้าแสงก็เสด็จกลับตำหนักตนโดยมีคนสนิททั้งสองขนาบข้างมิห่าง


.
.
.


“เป็นเกียรติยิ่งนักที่ทรงเสด็จมาเยือนถึงการเวก”องค์สิงห์ตรัสพร้อมค้อมพระเศียรให้องค์ภุมริน

“มิได้ๆ..หากแต่พระองค์คงจักทราบแล้วว่าหม่อมฉันมาเยือนการเวกด้วยสาเหตุใด”

“...พะย่ะค่ะ หม่อมฉันทราบแล้ว”

“หึ..ดีพะย่ะค่ะ”

“..ทรงมาเหนื่อยๆ พักผ่อนก่อนเถิดพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเตรียมตำหนักรับรองให้แล้ว ทรงพักสรงน้ำให้คลายเหนื่อยเสียก่อนค่อยเสด็จรับพระกายาหารเย็นด้วยกันเถิดพะย่ะค่ะจักได้พูดคุยกัน”

“ได้พะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้น...”

“หม่อมฉันได้เตรียมตำหนักรับรองให้พระองค์แล้วพะย่ะค่ะ...หากแต่คงจักต้องให้องค์รัชทายาทภุชงค์พักตำหนักเดียวกับองค์ภุมริน แลองค์จันทร์พำนักอยู่ตำหนักข้างเคียงพะย่ะค่ะ”ยังมิทันที่องค์สิงห์จักตรัสจบ องค์รัชทายาทสินก็ตรัสแทรกขึ้นอย่างไรมารยาท

“เจ้าว่ากระไรเจ้าสิน ก็ข้า...”

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันจัดเตรียมไว้แล้วก็ตามนี้เถิด หวังว่าองค์ภุมรินจักมิว่ากันหนาพะย่ะค่ะ”

“มิเป็นไร ข้าพักกับเจ้าภุชงค์ได้ อันที่จริงจักให้พวกข้าพักตำหนักเดียวกันทั้งสามคนก็ย่อมได้ มิได้มีปัญหาอันใด”

“มิได้พะย่ะค่ะ..ตามนี้เหมาะสมแล้วพะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้น...ขอบใจพวกท่านมากที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี”

“มิได้พะย่ะค่ะ”


.
.
.
   

   ค่ำนี้มีเพียงองค์สิงห์ พระชายา แลองค์สินเท่านั้นที่ร่วมต้อนมื้อกายาหารรับอาคันตุกะทั้งสามพระองค์

“ตามสบายหนาพะย่ะค่ะ”องค์สิงห์ตรัสเมื่อข้าหลวงนำสำรับถวายแด่อาคันตุกะทั้งสามพระองค์แล้ว “ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

“มิได้พะย่ะค่ะ”พูดคุยกันเพียงมิกี่คำก็เริ่มเสวยพระกายาหาร องค์สิงห์เหลือบพระเนตรขึ้นมองก็เห็นองค์รัชทายาทภุชงค์ที่ดูท่าจักพอพระทัยสำรับพระกายาหารอยู่มิน้อยเลย

“เป็นเยี่ยงไรบ้างพะย่ะค่ะ สำรับถูกพระโอษฐ์หรือไม่พะย่ะค่ะ”

“พะย่ะค่ะ รสมือแม่ครัวของการเวกเป็นเลิศนัก”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ แต่สำรับทั้งหมดนี่หาใช่ฝีมือแม่ครัวห้องเครื่องไม่”

“.....”

“หากแต่เป็นฝีมือเจ้าแสง บุตรคนเล็กของหม่อมฉัน เจ้าน้อยแห่งการเวกพะย่ะค่ะ”

“เจ้าน้อยแสงหรือพะย่ะค่ะ..จริงสิ ตั้งแต่มา ข้ายังมิเห็นหน้าค่าตาของเจ้าน้อยแสงเลยหนาพะย่ะค่ะ”

“ต้องขออภัยองค์ภุมริน ที่เสียมารยาทพะย่ะค่ะ...หากแต่เจ้าแสงลงครัวทำสำรับถวายตั้งแต่บ่าย หม่อมฉันจึงได้ให้ลูกไปพักพะย่ะค่ะ หากแต่วันพรุ่งหม่อมฉันจักพาเจ้าแสงมากราบพระองค์แน่พะย่ะค่ะ”

“มิได้พะย่ะค่ะ หม่อมฉันเพียงใคร่อยากรู้จักเจ้าน้อยเพียงเท่านั้น”


.
.
.


“องค์รัชทายาท”เจ้าแสง แลคนสนิททั้งสองทรุดหมอบกราบองค์รัชทายาท

“จักไปไหนหรือเจ้าแสง”พระสุระเสียงอ่อนโยนผิดแผกไปจากเดิมทำเอาเจ้าแสงชะงัก

“...หม่อมฉันจักไปเก็บดอกแก้วมาลอยน้ำฝนพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ....”

“.....”

“เจ้าแสง..หากพี่จักวานกระไรน้องสักหน่อยจักได้หรือไม่”เจ้าแสงนิ่งชะงัก ตั้งแต่เกิดมามิมีสักคราที่องค์รัชทายาทจักนับญาติกับเจ้าแสงว่าเป็นพี่เป็นน้อง หากแต่บัดนี้กลับแทนตนเองว่าพี่

“พะ พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ว่าแคว้นเรามีอาคันตุกะมาเยือน”

“พระเจ้าค่ะ”

“หากมิใช่เจ้าที่มีสายเลือดของเสด็จพ่อ พี่ก็มิไว้ใจใคร”

“จักให้หม่อมฉันทำกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“...เจ้าช่วยนำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์จันทร์ เจ้าหลวงแคว้นศศิมณฑลที่ตำหนักรับรองหน่อยเถิด พี่นำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์ภุมริน แลองค์รัชทายาทภุมริกาด้วยตนเองมาแล้ว หากแต่เสด็จพ่อมีรับสั่งให้พี่เข้าเฝ้าเป็นการด่วน เช่นนั้นขอแรงน้องนำน้ำจัณฑ์ไปถวายองค์จันทร์ท่านทีเถิด”

“.....”

“..ได้หรือไม่เจ้าแสง”พระสุระเสียงเข้มบีบบังคับกลายๆ

“พระเจ้าค่ะ”

“ดี...เอาสำรับน้ำจัณฑ์ให้เจ้าน้อยเสียสิ”รับสั่งองค์รักษ์ประจำพระองค์ให้นำพานทองเหลืองบรรจุกา แลจอกน้ำจัณฑ์ให้เจ้าแสง

“ประเดี๋ยว พวกเจ้าจักแห่ตามไปเพื่อการใด...มิต้องตาม เกรงพระทัยองค์จันทร์ท่านบ้างเถิด วังหลวงหรือก็มีทหารยาม แลข้าหลวงเดินกันให้ควั่ก มิมีใครกล้าทำกระไรเจ้าน้อยดอก”

“..ตะ แต่”

“ข้าบอกว่ามิต้องตามเยี่ยงไรเล่า ขัดรับสั่งข้าใคร่อยากถูกโบยหรืออย่างไร”ตวาดจนชงโค แลยี่สุ่นตัวลีบ ตัวสั่น

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ..ชงโค แลยี่สุ่นไปเก็บดอกแก้ว แลกลับไปรอข้าที่ตำหนัก”

“เจ้าน้อย..”

“..ไปเถิด มิเป็นไร”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักคลานเข้าออกไป

“เยี่ยงนั้น หม่อมฉันขอตัวหนาพระเจ้าค่ะ”

“ไปเถิด ขอบใจเจ้ามากหนาเจ้าแสง...ปรนนิบัติองค์จันทร์ท่านให้ดีล่ะ”

“.....”เจ้าแสงนิ่งงันอย่างสงสัยในคำตรัสนั้น

“ไปเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบก่อนจักประคองพาสำรับน้ำจัณฑ์ไปทางตำหนักรับรอง

“.....ขอบใจหนาเจ้าแสง...ที่ช่วยข้าแก้แค้นพวกมัน ฮึๆ ฮ่าๆๆๆ”



   มันคงจักมิมีกระไร หากในกาน้ำจัณฑ์นั้นมิได้ผสมหญ้าเสน่ห์ลงไป ครานี้ละนอกเสียจากจักทำให้เจ้าบัวงามเจ็บช้ำน้ำใจแล้ว ยังได้ทำลายเจ้าแสงน้องนอกไส้ที่พระองค์ แลมารดาเกลียดแสนเกลียดอีก


.
.
.



“แปลกเสียจริง...ใยจึงมิมีองครักษ์ คอยอารักขาเจ้าหลวงท่านเลยหนา รอบตำหนักรับรองมีเพียงกลุ่มควันคบเพลิงลอยกรุ่น แลทหารยามที่มีอยู่บางตาเท่านั้น เจ้าแสงกระชับผ้าคลุมไหล่ให้มิดชิด ก่อนจักก้าวเข้าไปใกล้พระทวาร

“ทูลฝ่าบาท องค์สินให้หม่อมฉันนำสำรับน้ำจัณฑ์มาถวายพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ย

“...เอาเข้ามา”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงผลักบานประตูให้เปิดออกก่อนจักประคองพานสำรับน้ำจัณฑ์เข้าไปในห้องบรรทม หมอบกราบอ่อนช้อยมิให้
ขายหน้าเสด็จพ่อ แลแคว้นการเวก

“ปิดประตูด้วยสิเจ้า ประเดี๋ยวมดแมงก็เข้ามากันพอดี”

“...พระเจ้าค่ะ”

“องค์สินให้เจ้านำสำรับน้ำจัณฑ์มาให้ข้าเยี่ยงนั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“อืม..เยี่ยงนั้นเจ้าก็รินให้ข้าทีเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


ปั่ก!!

“ฮึก..อึก”

“..ฝะ ฝ่าบาทเป็นกระไรไปพระเจ้าค่ะ”

“อึก..ร้อน อ่า ขะ ข้า ระ ร้อน”

“ระ ร้อนหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหันรีหันขวางก่อนจักคว้าพัดหางนกยูงบนโต๊ะเครื่องพระสุคนธ์มาพัดให้ชายสูงศักดิ์

“อ่า..ฮึก”

“เป็นเช่นไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“...ในน้ำจัณฑ์มีกระไร”พระสุระเสียงตรัสกระท่อนกระแท่น

“..หา..”

“..เจ้า..ใส่กระไร..ในน้ำจัณฑ์!!”

“มิได้พระเจ้าค่ะ!!”

“ฮึก..”

“หม่อมฉันมิรู้เรื่องว่าในน้ำจัณฑ์มีกระไร”เจ้าแสงส่ายหน้าพลางกระถดกายหนี เมื่อชายสูงศักดิ์ทรงลุกจากพระแท่นบรรทมดำเนินมาที่ตน

“อ่า..”

“อ๊ะ”พระหัตถ์ร้อนคว้าที่ต้นแขนนุ่มทั้งสองข้าง ก่อนจักคว้าร่างบางลากไปที่พระแท่นบรรทม เหวี่ยงร่างแน่งน้อยลงบนพระยี่ภู่

“อั่ก...”เจ้าแสงกุมท้องด้วยความจุก หากแต่มิทันได้ตั้งตัวก็ถูกพระวรกายกำยำคร่อมเสียแล้ว พระหัตถ์จับตรึงข้อมือเล็กไว้กับพระยี่ภู่

“จะ จักทรงทำกระไร ปล่อยหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ”

“..ฮึก..”

“อ๊ะ...”เจ้าแสงหวีดร้องเมื่อถูกทึ้งผ้าคลุมไหล่ แลผ้าแถบที่นุ่งอยู่ออกจากตะกรุมตะกราม หน้าอกถูกบีบเค้นเสียเป็นรอยแดง เจ้าแสงที่มิเคยต้องมือชายใดได้แต่นอนไร้เรี่ยวแรงให้ชายสูงศักดิ์ย่ำยี

“มะ อื้อ...”ริมฝีปากอิ่มที่ร้องห้ามปรามถูกพระโอษฐ์ร้อยครอบครอง ดูดดึง พลางสอดพระชิวหาพลิกพลิ้ว ทรงบีบเค้นกายขาวเสียจนช้ำ

“อ่า...”




หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ - ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 26-04-2018 03:12:11
กำลังอ่านเพลินๆก่อนนอน จบค้างให้ตาแจ้งเลยค่ะ  :katai1: :katai1: :katai1: เจ้าแสงเจอภุชงค์เล่นแน่นอน ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ - ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-04-2018 10:56:45
ตัดจบได้ค้างมาก!
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ - ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 26-04-2018 14:10:51
  :katai4::serius2: :serius2: :serius2: ยังไม่สำนึกอีกนะเจ้าสิน :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ - ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 26-04-2018 15:17:46
ตัดฉับแบบ ค้างงงงงงงงงงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ - ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 26-04-2018 22:59:21
ภุชงค์เล่นแสงแล้ววววว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ - ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 27-04-2018 00:24:24
 :o12:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ - ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 27-04-2018 00:41:05
เจ้าน้อยบัวงามกลายร่างจากกวางน้อยเป็นแม่เสือสาวซะละ   :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ - ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-04-2018 21:16:54
แกล้งกันชัดๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ อ่านเพลินเลยอ่ะ
รีบมาไวไวๆๆๆน่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ - ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 27-04-2018 23:39:50
ค้างตึ่งเลยองค์จัน
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ - ๑๖ ๒๕.๐๔.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-04-2018 14:25:38
เป็นพี่ที่เลวใช้ได้เลย ภุชงค์ได้คู่แล้วซินะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 14-05-2018 16:52:35


บัวหลจันทร์ ๑๗


“ฮึก อ่ะ อ๊ะ...อ๊า”เป็นเพลาย่ำรุ่งแล้ว หากแต่เจ้าแสงก็ยังมิอาจหลุดออกจากวงพระกรของชายสูงศักดิ์ได้ ดวงเนตรงามหลับเน้นทุกคราที่พระโอษฐ์ร้อนขบกัดมอบรอยช้ำให้ติดผิวกายขาว ช่องทางช้ำถูกย่ำยี บดขยี้เสียจนแทบไร้ความรู้สึก เรียวขาไร้เรี่ยวแรงทั้งสองข้างถูกรั้งให้เกาะเกี่ยวพระกฤษฎีสอบ แรงกระทั้นทำให้ร่างบอบบางของเจ้าแสงไถลขึ้นลง แผ่นหลังบางเสียดสีกับพระบรรจถรณ์จนแดงระเรื่อ มือเล็กจิกกำผ้าคลุมพระองค์จนแทบขาดติดมือ

“อ่า...อืม”พระสุระเสียงคำรามฮึ่มในพระศอ พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอหอม พระชิวหาปาดเลียเม็ดเหงื่อที่ผุดตามผิวเนื้อนุ่ม พระกรกอดรัดร่างข้างใต้แนบพระวรกาย

“ฮึก อ่ะ อ๊ะ อ๊ะ พะ พอแล้ว อื้อ อ๊ะ อ๊าาาา”เจ้าแสงเกร็งกระตุก น้ำตาร้อนไหลอาบแก้มซีด สะอื้นเสียงแผ่ว

“อึก..อ่ะ อาาาา”พระพักตร์งามเหยเก พระโสณีสอบกระตุกบดแนบกายบาง หยาดธารระลอกสุดท้ายสาดซัดใส่เจ้าแสงจนเอ่อล้น หยดไหลลงบนคลุมพระบรรทมปะปนกับโลหิตสีคล้ำ

“ฮึก...ฮือ”สะอื้นไห้ สิ้นแล้วศักดิ์ศรีเจ้าน้อยแห่งการเวก ถูกย่ำยีจนบอบช้ำทั้งกาย แลใจ


.
.
.


ปัง!!!


“เจ้าแสง!!!”

   พระสุระเสียงที่ลั่นชื่อตนออกมาทำให้เจ้าแสงสะดุ้ง ดวงเนตรงามบวมช้ำแห้งผากค่อยๆปรือขึ้น เมื่อตื่นเต็มตาน้ำตาก็รื้นจนไหลอาบแก้ม ความเจ็บปวดรุมเร้าเสียจนขยับมิได้ แม้จักเปล่งเสียงขานรัยยังมิมีเรี่ยวแรง กายบอบช้ำถูกคลุมพระองค์คลุมมาถึงอกอย่างหมิ่นเหม่ เอวบางถูกท่อนพระกรหนักกอดก่าย ชายสูงศักดิ์บรรทมมิได้สติ พระพักตร์งามซีดเซียว พระวรกายร้อนอย่างให้รู้ว่าจับไข้มิต่างจากเจ้าแสง


พลั่ก!!!


พระบาทขององค์สิงห์กระแทกเข้าที่พระปรัศว์ของหนุ่มรุ่นลูก จนกลิ้งตกพระแท่นบรรทม พระวรกายกำยำล่อนจ้อนเดือนร้อนยี่สุ่น ชงโคต้องหาผ้าผ่อนมาคลุมพระวรกายกันอุจาดตา

“เจ้าแสงลูกพ่อ..โธ่ คนดีของพ่อ”องค์สิงห์ค่อยๆประคองลูกรักเข้าในวงพระกร พระหัตถ์สั่นระริกมิกล้าแตะต้องราวกับกลัวลูกน้อยจักแตกสลาย

“สะ..เด็จ..พ่อ ฮึก”ริมฝีปากบางแห้งแตกซีดเซียวเบะออก เสียงหวานแหบแห้งแทบมิได้ยิน

“ชู่ว มิเป็นไร มิเป็นไรหนาลูก พ่ออยู่นี่แล้วหนาคนดี มิต้องกลัวหนาเจ้า”

“ฮึก..ลูก..เจ็บ..พระ..เจ้า..ค่ะ..ฮึก”

“นิ่งเสียลูก มิไห้หนาเจ้า...ชงโคตามหมอหลวงไปที่ตำหนักเจ้าน้อย ส่วนยี่สุ่นตามข้า แลเจ้าน้อยกลับตำหนัก”

“พระเจ้าค่ะ”

“พะเจ้าค่ะ”



   องค์สิงห์จัดคลุมพระองค์ให้มิดชิดก่อนจักช้อนร่างลูกขึ้นแนบพระอุระอย่างทะนุถนอม พระโอษฐ์กดที่หน้าผากร้อนผ่าวเบาๆอย่างปลอบโยน

“เกิดกระไรขึ้นพะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกจากตำหนักรับรองที่จัดไว้ให้ชามาดาของตน ก็รีบรุดมาทันที

“.....”องค์สิงห์ทำเพียงจ้องพระพักตร์เจ้าหลวงต่างแคว้น ก่อนจักอุ้มลูกออกไปโดยมิกล่าวอันใด

“เกิดกระไรขึ้นพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

“ข้าก็มิรู้เช่นกัน เข้าไปดูเถิด”

“พะย่ะค่ะ”

“ภุชงค์!!!!”

“เจ้าภุชงค์”

“ภุชงค์ลูก เกิดกระไรขึ้น”



   องค์ภุมริน แลองค์จันทร์ที่ก้าวพระบาทเข้ามาในห้องบรรทมของตำหนักรับรองก็ตกพระทัย รีบสาวพระบาทไปช่วยกันพยุง ’องค์รัชทายาทภุชงค์’ ที่นอนกองอยู่บนพื้นมีผ้าคลุมตั้งแต่พระเศียรลงมาถึงข้อพระบาท โผล่มาให้เห็นเพียงนิ้วพระบาท

“เกิดกระไรขึ้นลูก”เจ้าหลวงสองแคว้นช่วยกันพยุงองค์รัชทายาทขึ้นนอนบนพระยี่ภู่

“...ลูกถูกวางยาพะย่ะค่ะ”

“หา..วางยาหรือเจ้า”

“...พะย่ะค่ะ”

“เป็นอย่างที่คิดไว้พะย่ะค่ะ”

“..ไอ้สิน!!”ตรัสพระสุระเสียงลอดไรพระทนต์


.
.
.


“เสด็จพ่อว่าองค์สินคิดการใดอยู่หรือไม่พะย่ะค่ะ”เมื่อเข้ามาในตำหนักรับรองที่การเวกจัดเตรียมไว้ให้ก็เอ่ยปากตรัสถามบิดา

“นั่นสิ แยกองค์จันทร์ออกไปเช่นนี้คิดการใดอยู่”

“หากแต่คงเป็นเรื่องมิดีเป็นแน่”

“พ่อเองก็คิดเช่นเจ้า เจ้าภุชงค์”

“เห็นทีเราคงต้องบอกองค์จันทร์ให้ระวังองค์เองแล้วพะย่ะค่ะ”

“อืม”


.
.
.


“เช่นนั้นองค์จันทร์เสด็จมาพักตำหนักเดียวกับเสด็จพ่อเถิดพะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักไปอยู่ตำหนักนั้นแทนองค์จันทร์เองพะย่ะค่ะ”เมื่อได้หารือกันแล้ว เจ้าภุชงค์ก็เสนอตัวสลับตำหนักกับภัสดาน้อง

“มันอันตรายเกินไปหรือไม่เจ้าภุชงค์”องค์จันทร์ปราม

“หากแต่มิทำเช่นนี้เราคงจักมิรู้ว่าองค์สินคิดการใดอยู่ หม่อมฉันคิดว่าคงไม่ร้ายแรงดอกพะย่ะค่ะ เพราะดูท่าองค์สิงห์จักเกรงพระทัยเสด็จพ่ออยู่มาก”

“.....”

“.....”

“มิต้องห่วงหม่อมฉันหนาพะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็ระวังองค์เองด้วย”

“พะย่ะค่ะ”


.
.
.


   
   เมื่อพระกายาหารค่ำแล้วเสร็จ องค์จันทร์ แลเจ้าภุชงค์ก็ลอบสลับตำหนักกันอย่างมิให้คนของการเวกได้รู้ตัวทัน เจ้าภุชงค์ทรงเข้าประทับอยู่ในห้องบรรทม โดยมีรับสั่งให้องครักษ์ประจำพระองค์ แลทหารติดตาม คอยอารักขาอยู่ห่างๆ เพื่อมิเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น



.
.
.


ทางด้านชงโค แลยี่หุบ เมื่อเพลาผ่านไปนานโข หากแต่ผู้เป็นนายยังมิเสด็จกลับตำหนักก็รีบรุดออกไปตาม แต่เมื่อเปิดบานประตูตำหนักออกไปกลับพบทหารสี่นายยืนเฝ้าอยู่

“จักไปไหนหรือ”

“ข้าจักไปตามเจ้าน้อย นานแล้วยังมิเสด็จกลับตำหนัก”

“หากแต่องค์รัชทายาทมีรับสั่งห้ามมิให้พวกเจ้าออกนอกตำหนักเป็นอันขาด”

“หา...หากแต่นี่ก็ดึกโขแล้ว ข้าจักไปตามเจ้าน้อย”

“มิได้”

“ถอยไปประเดี๋ยวนี้หนา”

“กลับเข้าไปเสีย”

“ข้ามิเข้าไป เจ้านั่นแลที่จักต้องถอยไป”

“..ข้ามิอยากใช้กำลังกับพวกเจ้าดอกหนา กลับเข้าไปเสียเถิด”

“.....”

“หากมิอยากเจ็บตัวก็เข้าไปเสีย”

“อ๊ะ”สิ้นเสียงข่มขู่ร่างบางทั้งสองก็ถูกผลักเข้าไปในตำหนักเสียจนล้มจ้ำเบ้า


ปัง


ประตูตำหนักถูกปิด แลลงกลอนจากด้านนอก เป็นอันว่าชงโค แลยี่สุ่นถูกขังไว้ในตำหนักเสียแล้ว กว่าที่ประตูตำหนักจักเปิดออกก็ย่ำรุ่ง เมื่อออกจากตำหนักได้คนสนิททั้งสองก็เร่งฝีเท้าไปที่ตำหนักหลวงเข้าเฝ้าเจ้าหลวงทูลความทันที องค์สิงห์เมื่อได้ฟังความจากคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงก็รุดออกจากตำหนักเสด็จไปยังตำหนักรับรองทันที พระพักตร์ขึงขัง ทรงกริ้วเสียจนแม้แต่พระชายายังมิกล้าปาก ทำได้เพียงส่งสายพระเนตรเชือดเฉือนให้ยี่สุ่น แลชงโค เจ้าตัวน้อยทั้งสองหลบพระเนตรพลางวิ่งตามเจ้าหลวงไปติดๆ


.
.
.


เพี๊ยะ!!!



พระหัตถ์ของเจ้าหลวงการเวกฟาดกระทบพระปรางขององค์รัชทายาทตนมิออมแรงจนพระพักตร์งามหัน

“ฝ่าบาท!!!”พระชายาหวีดร้องพระสุระเสียงแหลม พลางรุดมาดูโอรสตน มือบางประคองพักตร์ลูกอย่างทะนุถนอม

“เสด็จพ่อตบหม่อมฉันหรือพะย่ะค่ะ”

“เออ!!! เจ้าทำได้อย่างไรเจ้าสิน เจ้าแสงเป็นน้องเจ้าหนา!! ใยจึงส่งน้องไปให้ชายอื่นย่ำยีเยี่ยงนี้!!!!!”

“มันมิใช่น้องหม่อมฉัน!!!! หม่อมฉันเกลียดมัน ก็สมแล้วที่โดนย่ำยีเสียจนย่อยยับเช่นนี้ สมแล้ว!!!!!”



เพี๊ยะ!!!



“กรี๊ด...ฝ่าบาท หยุดประเดี๋ยวนี้หนาเพคะ”

“เจ้านั่นแลหยุด!!! ให้ท้ายลูกเสียจนเสียคน หากข้าจัดการเจ้าสินแล้วแล้ว เจ้าจักเป็นรายต่อไป!!!”ชี้หน้าพระชายาตรัสพระสุระเสียงเข้ม

“เสด็จแม่มิเกี่ยว ข้าทำของข้าเองหากเสด็จพ่อจักลงอาญาข้าจักรับไว้คนเดียว!!”ดึงมารดาไปหลบหลัง

“ได้!!”

“เจ้าสิน..ฝ่าบาทจักทำกระไรเพคะ!!”

“เยี่ยงนั้นข้าจักส่งเจ้าไปชายแดนเสีย!!!”

“กระไรหนาเพคะ...มิได้หนาเพคะ หม่อมฉันมิให้ลูกไป!!”

“หุบปากเจ้าเสีย ข้ารำคาญเต็มทน”

“.....”

“ข้าจักส่งเจ้าไปชายแดนเหนือ ไปปราบโจรเสีย หากปราบโจรได้เมื่อใด จึงค่อยกลับมา!!!”

“...มิได้!!! ข้ามิให้ไป!!”พระชายาหวีดร้องน้ำพระเนตรไหลอาบดวงหน้างาม

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”เจ้าสินหมอบกราบรับบัญชาบิดา

“เจ้าสิน!!!...มิไปหนาลูก ฮือออออ แม่มิให้ไปหนาลูก เจ้าสิน”

“.....”

“.....”

“ฮือออออออ”


.
.
.


“เจ้าน้อยเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”ชงโคค่อยๆประคองมือเล็กขึ้นจับ ใช้ผ้าชุบน้ำลอยดอกแก้วหอมกรุ่นเช็ดเบาๆไปตามแขนเรียว หลังจากที่เจ้าหลวงอุ้มเจ้าน้อยกลับตำหนักแล้วยี่สุ่น ชงโคก็ช่วยกันเช็ดพระวรกายบอบช้ำให้คนเป็นนายเสียจนสะอาดแล้ว จึงตามหมอหลวงมาตรวจอาการ

“...ชงโค”พระสุระเสียงหวานแหบแห้ง พระเนตรงามปิดสนิท

“เสวยน้ำหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....”พยักหน้าน้อยๆ หากแต่ยังมิลืมพระเนตร

“ยี่สุ่นมาช่วยข้าประคองเจ้าน้อยที”

“อืม..”ยี่สุ่นละมือจากงานมาช่วยชงโคประคองร่างบางของเจ้าแสงขึ้น

“อึก..”แม้คนสนิททั้งสองจักเบามือ แลระมัดระวังเพียงใดเจ้าแสงก็แสดงสีพระพักตร์เหยเก เจ็บปวดออกมา

“ค่อยๆเสวยหนาพระเจ้าค่ะ”ประคองขันเงินทองเหลืองใบเล็กชิดติดริมฝีปากแห้งผาก บรรจงป้อนน้ำนายเหนือหัว

“..พะ พอแล้วเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าน้อยพักผ่อนก่อนหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวยี่สุ่นจักปลุกพระองค์ขึ้นมาเสวยพระกายาหาร แลพระโอสถเองพระเจ้าค่ะ”

“..ขอบใจหนา”ตรัสเสียงแผ่ว

“มิได้พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“.....”

“.....”

“.....”

“.....”


สามเจ้าหลวง หนึ่งองค์รัชทายาทประทับในท้องพระโรง บรรยากาศมาคุ จนเหล่าข้าหลวงมิกล้าเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าภุชงค์แม้จักยังจับไข้ แลพระวรกายไร้เรี่ยวแรงก็ยังต้องมาตามรับสั่งองค์สิงห์

“...ว่าการของท่านมาก่อนเถิดองค์ภุมริน องค์จันทร์ จัดการเรื่องที่โอรสหม่อมฉันไปทำเรื่องไว้ให้แล้วเสร็จ หม่อมฉันจักได้จัดการเรื่องที่โอรสของพระองค์ทำร้ายโอรสข้า”

“คราแรกที่ข้ามาก็ด้วยเรื่องใหญ่ร้ายแรงที่รัชทายาทของท่านก่อไว้ องค์สินติดสินบนขุนนางแคว้นศศิมณฑลให้คนปลอมเข้าวังหวังวางยาเจ้าบัวงามลูกข้า!!!”เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่ลูกน้อยถูกรังแกองค์ภุมรินก็กริ้วเสียจนพระพักตร์ขึงขัง

“.....”

“องค์สินให้คนลอบเข้าวังปลอมเป็นหมอหลวงวางยาเจ้าบัวหากเจ้าบัวมิเฉลียวฉลาดป่านนี้หม่อมฉันก็คงจักเสียทั้งเมีย แลลูกไปแล้ว”เป็นคราวองค์จันทร์ตรัสบ้าง

“..หา...เจ้าน้อยบัวงาม...ทรงครรภ์หรือ”

“ก็ใช่หนาสิ...ทำคนท้องคนไส้ได้ลงคอก็ต้องถามแลว่าโอรสของท่านจิตใจทำด้วยกระไร!!!!”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”ขยับพระวรกายลงจากตั่งคุกพระพระชานุตรงหน้าองค์ภุมริน

“องค์สิงห์ หาดีทำไม่พะย่ะค่ะ ลุกขึ้นเถิด อย่าถึงกระนี้เลย”องค์ภุมรินตรงเข้าประคององค์สิงห์ขึ้น

“หม่อมฉันกราบขออภัยแทนโอรสมิได้ความของหม่อมฉันด้วยเถิดพะย่ะค่ะ”

“...เอาเถิด ครานี้เจ้าบัวงามมิได้เป็นกระไร หม่อมฉันจักมิเอาความ แลให้พระองค์กำราบโอรสด้วยตนเอง หากแต่มีคราหน้าคงจักมิว่าหากข้าลงไม้ลงมือด้วยตนเอง”

“หม่อมฉันมีรับสั่งให้เจ้าสินไปปราบโจรที่ชายแดนเป็นการลงโทษแล้วพะย่ะค่ะ”สามพระองค์ลอบมองพระพักตร์กัน เจ้าหลวงทรงส่งรัชทายาทองค์เดียวของแคว้นไปชายแดนเยี่ยงนี้ ก็เท่ากับเอาชีวิตลูกไปแขวนไว้บนเส้ยด้าย

“สุดแล้วแต่พระองค์เถิดพะย่ะค่ะ...หากแต่ขอมีเรื่องจักขอ”

“..เรื่องใดพะย่ะค่ะ”

“เรื่องเจ้าภุชงค์กับเจ้าน้อยแสง...ข้าใคร่ขอเจ้าน้อยให้เป็นชายาของภุชงค์พะย่ะค่ะ”

“หึ...โอรสของพระองค์ย่ำยีโอรสหม่อมฉันเสียจนย่อยยับเช่นนี้ จักให้ข้ายกลูกให้โอรสพระองค์ได้อย่างไร”

“...หากแต่นั่นเป็นเพราะข้าถูกพิษหญ้าเสน่ห์ จึงได้หักหาญน้ำใจเจ้าน้อยเยี่ยงนั้น”องค์รัชทายาทภุชงค์ตรัสด้วยพระสุระเสียงแหบแห้ง

“.....”เมื่อได้ฟังก็ตรัสมิออก มิใช่ความผิดรัชทายาทภุชงค์ หากเป็นเจ้าสินลูกตน พระทัยคนเป็นพ่อรวดร้าวยิ่งนัก

“.....”

“ให้เจ้าภุชงค์ได้รับผิดชอบเถิดพะย่ะค่ะ...ปล่อยไว้เจ้าน้อยจักเสื่อมเกียรติหนาพะย่ะค่ะ”

“.....”

“หม่อมฉันให้สัตย์สาบานว่าจักดูแลเจ้าน้อยให้เหมือนที่พระองค์ดูแล”เจ้าภุชงค์ตรัสพลางค้อมพระเศียรให้องค์สิงห์

“..มิได้...อย่าทำกับเจ้าแสงเช่นที่ข้าทำเลยหนา...”

“.....”

“..ข้าเป็นพ่อที่มิได้ความ..หาปกป้องลูกตนได้ไม่ กี่ปีแล้วที่ข้าปล่อยให้เจ้าแสงถูกรังแก...เช่นนั้นอย่าทำกับเจ้าแสงเยี่ยงข้า..”

“...อย่าได้กังวลไปพะย่ะค่ะ หม่อมฉันจักดูแลเจ้าน้อยให้สมเกียรติ จักปกป้องดูแลมิให้ทุกข์กาย ทุกข์ใจ..จักทะนุถนอมแก้วตาของพระองค์เป็นอย่างดี”

“.....”

“.....”

“.....หากท่านให้สัตย์สาบานเช่นนั้น ข้าก็ขอฝากแก้วตาของข้าไว้ในมือท่าน...อยู่ที่นี่เจ้าแสงคงจักลำบากกว่าเดิมเป็นแน่”ทรงส่งเจ้าสินไปชายแดนเยี่ยงนี้ แน่นอนพระชายาคงจักหันมาเล่นงานเจ้าแสงแทนเป็นแน่

“อย่าได้กังวลพะย่ะค่ะ..กษัตริย์ตรัสแล้วมิคืนคำ”

“..ขอบใจหนา”

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“...ข้าใคร่อยากขอให้เจ้าแสงหายเจ็บ แลแข็งแรงกว่านี้ก่อนค่อยเดินทางกลับพร้อมพวกท่านจักได้หรือไม่”

“แน่นอนพะย่ะค่ะ...”

“..แลข้าก็ใคร่อยากให้เจ้าแสง แลองค์ภุชงค์ทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือตามธรรมเนียมของการเวกจักได้หรือไม่”

“ยินดีพะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ตรัสตอบพลางแย้มพระสรวลน้อยๆ


.
.
.


“พักผ่อนเสียหนาเจ้าภุชงค์ พ่อแลองค์จันทร์จักอยู่ที่ตำหนักนู้น มีกระไรก็ให้เจ้าขันธ์ไปตามพ่อก็แล้วกันหนาลูก”

“พะย่ะค่ะ”


เมื่อองค์ภุมริน แลองค์จันทร์เสด็จออกจากห้องบรรทมแล้ว องค์ภุชงค์ก็ทอดพระวรกายลงนอนบนพระแท่นบรรทม พระกรยกขึ้นก่ายพระนลาฏ ดวงพระเนตรคมหลับพริ้มหากแต่ในพระทัยเอาแต่คิดถึงเรื่องคืนนั้น ผิวกายนุ่มเนียน หอมกลิ่นดอกแก้ว ไหนจักเสียงครางครวญหวานพระกรรณนั้นอีก เกศาดำสลวยแผ่กระจายเต็มพระเขนย ดวงหน้างามเปรอะน้ำตา ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ครวญครางอ้อนวอนให้ปล่อยตน หยาดเหงื่อรสหวานละมุนที่ติดผิวขาว

“...เฮ้อ”ลืมพระเนตรพลางถอนพระทัย คงจักเป็นเพราะพิษไข้เป็นแน่ที่ทำให้พระองค์เอาแต่คิดถึงร่างน้อยในคืนเร่าร้อนเช่นนี้


.
.
.



เพลาผ่านไปหลายวัน อาการบอบช้ำของเจ้าแสงก็ค่อยๆทุเลา จนสามารถลุกขึ้นเดินเหินได้ หากแต่ก็ยังมิถนัดนัก

“ชงโค ยี่สุ่น”พระสุระเสียงหวานตรัสเรียกคนสนิททั้งสอง

“พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”

“ทรงใคร่อยากได้กระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่อยากไปเดินสูดอากาศที่สวนพฤกษานัก อยู่แต่ในตำหนักช่างอุดอู้”

“...หากแต่พระวรกายเจ้าน้อ...”

“ข้าทุเลามากแล้วยี่สุ่น พาข้าไปเถิดหนา ยี่สุ่น ชงโคพาข้าไปหนา”พระสุระเสียงออดอ้อนเช่นนี้บ่าวเยี่ยงยี่สุ่น ชงโคจักทำเยี่ยงไรได้

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”




   ยี่สุ่น แลชงโคประคองร่างบางอรชรของเจ้าน้อยเข้ามาที่สวนพฤกษา เจ้าแสงค่อยๆระบายยิ้มอย่างพึงพระทัย ลมเย็นๆที่พัดผ่านทำให้รู้สึกสดชื่นจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“ใครอยากได้ดอกแก้วหรือไม่พระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นจักไปเก็บมาถวาย”

“เอาสิเจ้า...หากแต่เก็บมามิต้องมากดอกหนา”

“พระเจ้าค่ะ”รับพระบัญชาก่อนจักวิ่งไปที่ต้นดอกแก้วที่ปลูกเป็นแนวยาว บรรจงเด็ดดอกแก้วสีขาวนวลกลิ่นหอมมิให้ช้ำ

“...เจ้าน้อย”เจ้าแสงผินพระพักตร์ตามเสียงของชงโคคนสนิท แลก็ต้องพระพักตร์เจื่อนเมื่อพบเจอใครอีกคนเข้า ตั้งแต่คืนที่เกิดเรื่องก็มิได้พบหน้าค่าตากันอีก เท้าเล็กขยับถอยหนีจนชงโคต้องขยับตามไปประคองร่างน้อย

“..เจ้าน้อย...”เจ้าภุชงค์ขยับพระบาทก้าวตามน้องน้อยที่ถดกายถอยหนี

“.....”

“...ข้า...”

“ฮึก...ยี่สุ่น ชงโค พะ พาข้ากลับตำหนัก ข้าจักกลับตำหนัก”พระสุระเสียงหวานสั่นเครือ พระหัตถ์เล็กกอดเกี่ยวแขนเรียวของคนสนิทไว้แน่น

“เจ้าน้อย...ชงโค”ยี่สุ่นวิ่งกลับมาหานายตนพร้อมดอกแก้วสีขาวนวล

“พาข้ากลับตำหนัก...”พระสุระเสียงหวานตรัสแผ่วๆ ดวงหน้างามก้มเสียจนคางชิดอก

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”คนสนิททั้งสองรับคำก่อนจะจูงนายเหนือหัวออกจากสวนพฤกษา เมื่อต้องผ่านองค์รัชทายาทภุมริกาก็ค้อมศีรษะลงต่ำ ยามที่น้องน้อยก้าวผ่านพระวรกายกลิ่นหอมของดอกแก้วก็ลอยขึ้นแตะพระนาสิก เจ้าภุชงค์หันพระวรกายตาม สูดกลิ่นกายละมุนเข้าลึก ทอดพระเนตรตามจนร่างน้อยลับสายพระเนตรไป

“หืม....”ดวงพระเนตรทอดเห็นช่อดอกแก้วสีขาวนวลตัดกับหญ้าสีเขียว ตรงอยู่ที่ปลายพระบาท พระหัตถ์ใหญ่เอื้มหยิบช่อดอกไม้หอมขึ้น

“..ดอกแก้วเยี่ยงนั้นฤา”ตรัสพลางยกช่อดอกแก้วขึ้นจรดพระนาสิก กลิ่นหอมของดอกแก้วนี้เป็นกลิ่นเดียวกันกับกลิ่นที่ติดพระนาสิกมิห่าง ในคืนที่พระองค์ทำร้ายเจ้าแสงจนชอกช้ำ

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผิวกายขาวผ่อง

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนกลุ่มผมยาวแผ่สลายเต็มพระเขนย

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าคลุมไหล่สีขาวนวล

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าแถบสีหวาน

กลิ่นนี้ที่ติดเจืออยู่บนผ้าโจงสีมอคราม

กลิ่นนี้.....กลิ่นของเจ้าแสง

 





“   เต็งแต้วแก้วกาหลง   บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่ไม่รู้หาย         คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู ”


(  ต้นเต็ง ต้นแต้ว ต้นแก้ว และต้นกาหลง ต่างก็มีดอกบานหอม อบอวนไม่รู้หายเหมือนกลิ่นผ้าของน้อง )




กาพย์เห่เรือ บทเห่ชมไม้



หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-05-2018 19:09:48
ติดใจเจ้าแสงให้แล้ว อิอิ
พาน้องกลับด้วยเลย
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 14-05-2018 19:52:13
นึกว่าองค์จันจะเสียที่เข้่ให้แล้ว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-05-2018 20:13:16
โฮะ โฮะ โฮะ ติดใจดอกแก้วดอกนี่แล้วสินะภุชงค์
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 14-05-2018 21:18:03
ภุชงค์มีคู่แล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 14-05-2018 22:28:44


 
บัวหลงจันทร์ ๑๘


   หลังจากที่อาการเจ็บป่วยทุเทาลงมาก เจ้าแสงก็ใคร่อยากลงห้องเครื่อง หากแต่บ่าวคนสนิททั้งสองหาได้ยอมไม่ จึงทำได้เพียงแกะสลักผลหมากรากไม้อยู่แต่ในตำหนัก

“ยี่สุ่น...”พระสุรเสียงหวานเอ่ยเรียกคนสนิท มือก็จับมีดแกะสลักคว้านเนื้อผลอัมพวาไปด้วย

“พระเจ้าค่ะ”

“ประเดี๋ยวเจ้าเอาผลอุลิดที่ข้าแกะแล้วไปให้ห้องเครื่องนำถวายเสด็จพ่อ แลพระราชอาคันตุกะให้ข้าด้วยหนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“หากทรงแกะผลอัมพวาแล้วแล้ว ทรงพักผ่อนก่อนเถิดหนาพระเจ้าค่ะ เพิ่งจักหายประชวรพักให้มากเถิดหนาพระเจ้าค่ะ”ชงโคทูล

“จ้ะ...ไว้ข้าแกะผลอัมพวาแล้วแล้วข้าจักพักหนา”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“ทูลฝ่าบาท ยี่สุ่นบ่าวคนสนิทของเจ้าน้อยแสงแรกขอเข้าเฝ้าเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบคลานเข้ามากราบทูลองค์สิงห์ขณะร่วมเสวยพระกายาหารกับพระราชอาคันตุกะทั้งสาม โดยไร้เงาพระชายา

“ยี่สุ่นหรือ ให้เข้ามา”

“เพคะ”

“ทูลฝ่าบาท เจ้าน้อยแสงแรกให้บ่าวนำผลอุลิดแกะสลักมาถวายพระองค์ แลพระราชอาคันตุกะทั้งสามพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นประคองพานทองบรรจุผลอุลิดที่เจ้าน้อยแกะสลักอย่างงดงามเดินเข่าเข้ามาในท้องพระโรง ก่อนจักวางพานทองลงหมอบกราบชายสูงศักดิ์ทั้งสี่

“ขอบใจหนายี่สุ่น บอกเจ้าแสงให้ข้าด้วยว่าขอบใจมาก”

“พระเจ้าค่ะ”

“...หากมิมีกระไรแล้วก็กลับไปดูแลเจ้าแสงเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”

“...ประเดี๋ยวก่อน”เจ้าภุชงค์ตรัสขึ้น ขณะที่ยี่สุ่นค่อยๆคลานถอยหลังออกจากท้องพระโรง

“พระเจ้าค่ะ?”

“...ข้าฝากช่อดอกแก้วนี้ไปให้เจ้าน้อยแสงแรก นายของเจ้าด้วย”ตรัสพลางส่งช่อดอกแก้วขนาดเท่าฝ่ามือให้พ่อขันธ์องครักษ์ส่วนพระองค์นำไปให้ยี่สุ่น ทรงเสด็จไปที่สวนพฤกษาทุกวันเพื่อเก็บช่อดอกแก้ว หวังว่าจักได้มอบให้น้องน้อยสักช่อ หากแต่เจ้าแสงแรก แลบ่าวทั้งสองกลับมิยอมออกจากตำหนักในเสียเลย จนมีโอกาสในวันนี้ที่ได้พบบ่าวคนสนิทของเจ้าแสง มิได้ให้กับมือฝากบ่าวไปก็ยังดีกว่าปล่อยให้ดอกไม้หอมเหี่ยวแห้งเฉกเช่นทุกวัน น่าสงสารทั้งดอกไม้...แลพระทัยองค์ภุชงค์เอง

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นรับช่อดอกแก้วมาถือประคองแผ่วเบาราวกับกลัวช้ำ

“ชอบใจ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“ยี่สุ่น เจ้าไปสวนพฤกษามาหรือ ข้ากำลังใคร่อยากได้ดอกแก้วอยู่เทียว มิได้ไปสวนพฤกษาก็หลายวันแล้ว”เจ้าแสงตรัสขณะรับช่อดอกแก้วมาจากบ่าวคนสนิท มือเล็กยกช่อดอกไม้หอมขึ้นจรดพระนาสิกโด่งรั้น พระโอษฐ์จิ้มลิ้มแย้มออกมาอย่างพึงใจ

“มิได้พระเจ้าค่ะ...ยี่สุ่นมิได้ไปสวนพฤกษา”

“อ้าว..แลดอกแก้วนี่เล่า”

“องค์ภุชงค์ รัชทายาทภุมริกาท่านประทานให้พระเจ้าค่ะ”สิ้นความจากยี่สุ่นเจ้าแสงก็ชะงักงัน ค่อยๆวางดอกแก้วลงบนตักตน แม้แต่ชงโคที่แกะฟักทองอยู่ก็หยุดมือวางมีดลง

“...งั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ...ทรงรับสั่งให้ยี่สุ่นนำช่อดอกแก้วมาถวายเจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“..อื้ม”พยักพระพักตร์น้อยๆ ก่อนจักจับมีดแกะมะละกอต่อ

“.....”

“.....”ยี่สุ่น แลชงโคเงียบลอบมองหน้ากัน สลับกับลอบมองเจ้าน้อยที่ก้มหน้าก้มตาใช้มีดคว้านเนื้อมะละกอสุกต่อ

“ยี่สุ่น”พระสุรเสียง

“พะ พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นลนลานคลานเข่าเข้าไปรอรับพระบัญชา

“...เอาดอกแก้วไปลอยใส่ขันน้ำให้ข้าทีหนา”

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นจัดการนำดอกแก้วที่องค์ภุชงค์ประทานให้ไปลอยใส่ขันน้ำทองเหลืองใบเล็ก ก่อนจักนำมาตั้งไว้บนโต๊ะพระสุคนธ์

“...”

“เรียบร้อยแล้วพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“ผลอุลิดที่เจ้าน้อยแกะงามนักพะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินตรัส ฝีมือการแกะผลหมารากไม้ของว่าที่สุณิสาพระองค์ช่างงดงามนัก

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ เจ้าแสงเก่งเรื่องงานบ้านงานเรือนนัก อีกทั้งยังมีรสมือทำกับข้าวดีทีเดียว”

“พะย่ะค่ะ คราก่อนที่ได้ลิ้มรสมือเจ้าน้อย รสดีเสียจนหม่อมฉันติดใจทีเดียว”

“ฮ่าๆๆ หากเจ้าแสงไปอยู่ภุมริกา พระองค์คงจักได้เสวยจนเบื่อเป็นแน่...หากแต่ข้านี่สิเล่าคงจักมิมีโอกาสได้กินอีก”

“...ตรัสกระไรเยี่ยงนั้นพะย่ะค่ะองค์สิงห์”

“หึหึหึ”

“มิต้องกังวลพระทัยไปดอกพะย่ะค่ะ..หม่อมฉันจักพาเจ้าน้อยกลับมาเยี่ยมพระองค์บ่อยๆเป็นแน่พะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ ขอบใจหนาองค์ภุชงค์”

“...แลพระองค์ทรงตรัสกับเจ้าน้อยเรื่องตบแต่งกับเจ้าภุชงค์แล้วหรือยังพะย่ะค่ะ”

“..ยังดอก หากแต่วันนี้แล ข้าจักเข้าไปพูดคุยกับเจ้าแสง”องค์สิงห์ตรัส


.
.
.


“เสด็จพ่อ...มีกระไรหรือพระเจ้าค่ะ มาหาลูกถึงตำหนัก เหตุใดมิให้ข้าหลวงมาบอกลูกเล่าพระเจ้าค่ะ ลูกจักได้ไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักหลวง”เจ้าแสงกล่าวขณะนั่งพับเพียบอยู่แทบพระบาทองค์สิงห์

“มิต้องดอก เจ้าเพิ่งจักหายป่วยให้พ่อมาหานั่นแลดีแล้ว”องค์สิงห์ตรัสพลางลูบศีรษะบุตรด้วยความเอ็นดู

“ลูกมิเป็นกระไรแล้วพระเจ้าค่ะ ทุเลาขึ้นมากแล้ว”

“...เจ้าแสง”

“พระเจ้าค่ะ”

“...ใช่ว่าพ่อมิเสียใจที่เจ้าถูกย่ำยี พ่อเป็นพ่อที่แย่นักที่ปล่อยให้เจ้าถูกทำร้ายทั้งๆที่อยู่ในวังหลวง”

“..เสด็จพ่อ..มิได้พระเจ้าค่ะ..”

“พ่อปกป้องเจ้ามิได้ ทั้งๆที่อยู่ในรั้วเดียวกัน”

“.....”เจ้าแสงซบดวงหน้างามลงบนพระชานุของบิดา ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆไหลเอื่อยออกมา

“ขอโทษหนาลูก”องค์สิงห์ลูบผมลูกเบาๆปลอบประโลม

“มิได้พระเจ้าค่ะ ฮึก..มิได้พระเจ้าค่ะ”

“พ่อก็มิอยากทำเช่นนี้ แต่จักปล่อยให้เจ้าเสียศักดิ์ศรีมิได้”

“.....”

“องค์ภุชงค์จักต้องรับผิดชอบเจ้า”

“เสด็จพ่อ...”เจ้าแสงส่ายหน้า

“พ่อเชื่อว่าองค์ภุชงค์เป็นคนดี เขาจักดูแลแก้วตาดวงใจของพ่อได้เป็นอย่างดีเป็นแน่”

“...ฮึก”

“ใช่ว่าพ่ออยากขับไสเจ้า หากแต่พ่อจักปล่อยให้เจ้าเสื่อมเกียรติเยี่ยงนี้มิได้”

“ลูกมิสน อึก ลูกอยู่แต่ในตำหนักมิออกไปไหนอีกเลยก็ได้ทั้งชีวิต..ฮึก”

“มิได้เจ้าแสง มิได้ดอก...แต่งกับองค์ภุชงค์หนาลูก”

“ฮือออ”

“อย่าไห้ลูกจ๋า พ่อใจมิดีเลยเจ้า...หากเจ้าสินกลับมาครานี้เจาจักต้องลำบากเป็นแน่ องค์ภุชงค์จักปกป้องลูกได้ดีกว่าพ่อ ภุมริกาจักปกป้องลูกได้ดีกว่าการเวกเป็นแน่แท้”

“ฮึก..ฮึก..ฮือออ”

“เจ้าปฏิเสธมิได้ มิได้หนาลูก...หากเจ้าได้อยู่ใต้ร่มเงาของภุมริกาพ่อคงนอนตายตาหลับ”

“มิเอา..มิตรัสเช่นนี้หนาพระเจ้าค่ะ ฮึก...อย่าตรัสเช่นนี้ ลูกใจมิดี ฮือออ”

“.....”องค์สิงห์โน้มพระวรกายโอบร่างแน่งน้อยของลูกไว้ในอ้อมกอด

“..ฮือออ”

“.....”

“ฮึก...”

“...อีกเจ็ดวัน พ่อจักจัดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือให้เจ้า แลองค์ภุชงค์เตรียมตัวหนาลูก”

“ฮึก...ลูกปฏิเสธมิได้ใช่หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“.....”

“ฮึก..”

“.....เจ้าแสงแรก”

“ฮึก..พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


เจ็ดวันผ่านไป ช่างเร็วยิ่งนัก เจ้าแสงแรกตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง...หากแต่จักเรียกตื่นคงมิได้ ต้องบอกว่าเจ้าน้อยการเวกยังมิได้บรรทมเลยเสียมากกว่า บ่าวคนสนิททั้งสองประคองแขนเรียวของคนเป็นนายคนละข้าง ลูบแป้งร่ำกลิ่นหอมไปตามผิวนุ่มเบาๆมิให้ระคายเคือง แตะน้ำปรุงตามแอ่งชีพจร

“เจ้าน้อย..”

“หืม”

“ใยจึงทำพระพักตร์เศร้าเยี่ยงนั้นเล่าพระเจ้าค่ะ..”

“...ข้าควรมีความสุขหรือ ยี่สุ่น ชงโค”

“โถ เจ้าน้อยของบ่าว”ชงโค แลยี่สุ่นเข้ากอดเจ้าน้อยคนละข้างเมื่อเห็นว่าคนเป็นนายนั้นร่ำไห้น้ำตาไหลอาบปรางนวล

“.....”เจ้าแสงมิตรัสใดๆ ลูบบางลูบหัวบ่าวทั้งสองที่เข้ากอดปลอบ

“มิเป็นไรหนาพระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นจักอยู่เคียงข้างเจ้าน้อยมิไปไหนเป็นแน่”

“ชงโคก็ด้วยพระเจ้าค่ะ จักอยู่รับใช้เจ้าน้อยจนกว่าชีวิตจักหาไม่”

“..ขอบใจ...ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“.....”


.
.
.


ภายในท้องพระโรง วังหลวง แคว้นการเวก คลาคล่ำไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ องค์สิงห์ประทับบนตั่งทองตรงกลางตระหง่าน เยี่ยงซ้าย แลขวาเป็นองค์ภุมริน แลองค์จันทร์ ถัดจากองค์ภุมรินเป็นองค์รัชทายาทภุชงค์ที่ประทับอยู่บนตั่งที่เล็กกว่า ส่วนขุนนางก็นั่งหมอบกราบขนาบสองสองทางเดินตรงกลางท้องพระโรงที่ถูกปูด้วยพรมหนานุ่มสีทอง ไร้เงาพระชายา มารดาแคว้น

“ทูลฝ่าบาท เจ้าน้อยแสงแรกเสด็จมาถึงท้องพระโรงแล้วเพคะ”

“อืม...” ทรงครางรับในพระศอ



   เจ้าแสงเดินเข้าในท้องพระโรง ดวงหน้างามก้มต่ำมิมองใคร มีชงโคประคอง ส่วนยี่สุ่นก็เดินนำหน้าโปรยกลีบดอกไม้ตามทางเดินให้เท่าเล็กเหยียบย่ำ องค์รัชทายาทภุมริกาทอดพระเนตรร่างแน่งน้อยมิวางพระเนตร วันนี้เจ้าแสงช่างงดงามนัก เสื้อแขนกระบอกแขนยาวคอตั้งสีเหลืองไหล แลผ้าโจงสีครามปีกเลื่อมทอง ที่เอวคอดคาดเข็มขัดทองฝังทับทิม ผมยาวสลวยหอมกรุ่นกลิ่นดอกแก้วถูกมวยไว้ที่ท้ายทอย เสียบดอกแก้วประดับทั่วมวยผม

“เจ้าแสง...”

“ถวายพระพรเสด็จพ่อพระเจ้าค่ะ.....ถวายพระพรเจ้าหลวงทั้งสองพระองค์”คลานเข่าประทับพับเพียบหน้าตั่งทอง หมอบกราบบิดา แลเจ้าหลวงทั้งสองแคว้น

“หึหึหึ น่าเอ็นดูนักพะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินตรัสกับองค์สิงห์ น่าเอ็นดูเฉกเช่นเจ้าบัวงาม เห็นทีเจ้าชมนาดคงชอบใจอยู่มิน้อยเลย

“หึหึหึ ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”องค์สิงห์แย้มพระสรวลรับ

“...ถวายพระพรองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”พนมมือไหว้ หากแต่มิยอมสบตา

“ไหว้พระเถิดเจ้า”ถลายื่นพระหัตถ์ไปรับไหว้น้องน้อย

“.....”เจ้าแสงพักตร์แดง ค่อยๆดึงหัตถ์ตนออกจากหัตถ์ใหญ่อย่างนุ่มนวล

“นี่ก็ได้ฤกษ์งาม ยามดีแล้ว หม่อมฉันองค์ภุมรินเจ้าหลวงแคว้นภุมริกา ใคร่ขอเจ้าน้อยแสงแรกเจ้าน้อยแคว้นการเวกไปเป็นชายาคู่ขวัญเจ้าภุชงค์ โอรสของหม่อมฉัน รัชทายาทภุมริกาจักได้หรือไม่พะย่ะค่ะ”

“...ทรงให้เกียรติเช่นนี้หม่อมฉันจักปฏิเสธได้อย่างไรพะย่ะค่ะ”

“ขอให้วางพระทัย ภุมริกาจักดูแล ให้เกียรติเจ้าน้อยเป็นอย่างดีพะย่ะค่ะ”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

“วันนี้ หม่อมฉันมิได้เตรียมสินสอดทองหมั้นมา หากแต่เมื่อกลับภุมริกาแล้วจักส่งเรือมาอย่างสมเกียรติเจ้าน้อยเป็นแน่”

“มิได้ๆ ขอเพียงภุมริกาดูแล ให้เกียรติเจ้าแสงตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ เพียงเท่านี้หม่อมฉันก็พอใจแล”

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“...ในวันนี้หม่อมฉันมีเพียงธำมรงค์ประจำตำแหน่งรัชทายาทภุมริกาติดกายมา จึงใคร่ขอองค์สิงห์ หม่อมฉันจักใช้ธำมรงค์นี้หมั้นหมายเจ้าน้อยพะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ตรัสพลางถอดพระธำมรงค์ประจำตำแหน่งวางลงบนพานทองให้เจ้าขันธ์ องครักษ์ประจำพระองค์นำถวายเจ้าหลวงการเวก

“หากองค์รัชทายาทใช้ธำมรงค์ประจำตำแหน่งหมั้นหมายเจ้าแสงโอรสข้า ข้าก็จักขอใช้ธำมรงค์เพทาย ธำมรงค์ของต้นตระกูลข้าเป็นของหมั้นแก่องค์ภุชงค์”

“มิได้พะย่ะค่ะ ธำมรงค์เพทายนั้นมีค่ามากนัก”

“..เหมาะแล้ว กับคนที่จักมาดูแลเจ้าแสงต่อจากข้า อย่าได้ปฏิเสธเลยหนา”

“.....”

“.....”

“...ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

“.....”

“...ทูลฝ่าบาททั้ง 4 พระองค์ แลเจ้าน้อยแสงแรก บัดนี้ได้ฤกษ์งามยามดี หม่อมฉันขอประทานราชานุญาติดำเนินพิธีพะย่ะค่ะ”

“เชิญเถิดท่านโหรหลวง”



   เจ้าน้อยแสงแรกเสตาหลบเมื่อพระวรกายกำยำขององค์รัชทายาทภุมริกาประทับพับเพียบข้างตน กลิ่นบุรุษเพศทำเอาเจ้าแสงหายพระทัยสะดุด ความรู้สึกร้อนผ่าวแล่นเข้าสู่พระทัยดวงน้อย

“กราบองค์สิงห์ พระสัสสุระของเจ้าเสียเจ้าภุชงค์”องค์ภุมรินตรัสพร้อยรอยพระสรวล ทอดพระเนตรเห็นว่าที่สุณิสาปรางแดงระเรื่อดังลูกตำลึงแล้วก็นึกเอ็นดู แลทรงดำริว่าเจ้าชมนาดเมียรักก็คงเอ็นดูสุณิสาคนนี้มิน้อยไปกว่าตน

“พะย่ะค่ะ”หมอบกราบเจ้าหลวงการเวก

“ข้าฝากแก้วตาข้าด้วยหนาเจ้าภุชงค์”

“พะย่ะค่ะ หม่อมฉันจักดูแลทะนุถนอมแก้วตาพระองค์ดังดวงใจตนเองพะย่ะค่ะ”

“ธำมรงค์ประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทของเจ้าภุชงค์คงจักใหญ่เกินองคุลีของเจ้าน้อยแสงแรก ดังนั้นข้าจักประทานสร้อยพระศอให้เจ้าน้อยไว้ใส่ธำมรงค์”

“.....ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”สุรเสียงหวานตรัสพลางหมอบกราบเจ้าหลวงภุมริกา

“.....”เจ้าภุชงค์รับสร้อยพระศอทองคำเส้นยาวจากบิดา ร้อยธำมรงค์ของตนลงไป

“.....”

“...ขอประทานอภัยหนาเจ้า”ตรัสพลางโน้มพระวรกายเข้าใกล้เจ้าแสง พระหัตถ์อ้อมไปติดตะขอสร้อยให้น้อง แอบสูดกลิ่นแก้วหอมกรุ่นที่ติดกายปากเข้าเต็มพระปับผาสะ

“.....”เจ้าแสงเสพระเนตรหลบเมื่อพระวรกายกำยำโน้มเข้าใกล้คล้ายโอบกอดตน กลิ่นบุรุษเพศ แลความร้อนจากพระวรกายองค์รัชทายาทต่างแคว้นทำเอาพระทัยดวงน้อยไหวแกว่ง

“.....”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมมือไหว้

“...”เจ้าภุชงค์ยกพระหัตถ์รองหัตถ์เล็กรับไหว้

“เจ้าแสงสวมธำมรงค์ให้พี่เขาเสียลูก”องค์สิงห์ตรัส

“...พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงหยิบพระธำมรงค์ต้นตระกูลของบิดาจากพานทองที่ข้าหลวงสาวนำถวาย หัตถ์อีกข้างประคองหัตถ์ซ้ายขององค์ภุชงค์ขึ้น ค่อยๆบรรจงสวมธำมรงค์เพทายลงบนพระอนามิกาจนสุด

“ขอบน้ำใจหนาเจ้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”


.
.
.



   
   เมื่อเสร็จสิ้นพิธี บัดนี้เจ้าแสงก็ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมายขององค์รัชทายาทภุมริกาแล้ว แลวันพรุ่งก็ต้องเดินทางไปภุมริกา

“ยี่สุ่น...เจ้าเก็บเครื่องพระสุคนธ์หนา ประเดี๋ยวข้าจักเก็บอาภรณ์ของเจ้าน้อย”ชงโคว่าพลางเร่งพับผ้าใส่หีบ

“อืม...ประเดี๋ยวข้าจักเก็บเครื่องพระสุคนธ์เอง”

“.....”เจ้าแสงประทับพับเพียบอยู่บนพระแท่นบรรทม ทอดพระเนตรคนสนิททั้งสองที่เร่งเก็บข้าวเก็บของ วันพรุ่งก็ต้องไปอยู่ภุมริกาแล้ว จักเป็นเช่นไรหนอ หัตถ์เล็กยกจับพระธำมรงค์ที่ห้อยอยู่กลางอกตนเบาๆ พลางหวนนึกถึงเจ้าของธำมรงค์ หากแม้นมิได้เกิดเรื่องอัปยศระหว่างตน แลองค์รัชทายาทภุมริกาขึ้นคงจักดีกว่านี้ องค์ภุชงค์รูปงามทั้งกายา วาจา แลพระทัย หากมิได้เกิดเรื่องอดสูในคืนนั้นเจ้าแสงคงมีพระทัยปฏิพัทธ์ต่อองค์ภุชงค์ได้มิยาก


.
.
.


“เร่งเก็บข้าวของเข้า ข้าใคร่อยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว ป่านนี้ชมนาดของข้าคงชะเง้อรอจนคอยาวเป็นแน่”สิ้นสุรเสียงบิดา เจ้าภุชงค์ก็แย้มพระสรวล

“พระทัยเย็นเถิดพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

“ใจพ่อหรือใคร่อยากกลับมันเสียคืนนี้ หากมิใช่ว่าจักต้องให้เจ้าน้อยแสงแรกเตรียมตัวเสียก่อน”

“.....”เจ้าภุชงค์มิได้ตอบโต้ พระโอษฐ์แย้มพระสรวล ทอดพระเนตรธำมรงค์เพทายขอพระสัสสุระที่อยู่บนพระอนามิกาข้างซ้าย ไฉนเลยจะใคร่คิดว่ามาต่างบ้านต่างเมืองครานี้จักได้ชายารูปงามกลับไปกกกอด แลชายาที่ได้มาก็ถูกพระทัยมิน้อยเลย ทั้งกิริยามารยาทอ่อนน้อม นุ่มนวล วาจาอ่อนโยนเสนาะพระกรรณ อีกทั้งรูปโฉมงดงามตรึงพระทัย


.
.
.


“เดินทางปลอดภัยหนาพะย่ะค่ะ..หม่อมฉันฝากเจ้าแสงแรกแก้วตาของหม่อมฉันด้วย”องค์สิงห์ตรัส ขณะที่กอดปลอบลูกน้อยที่สะอื้นอยู่ในอ้อมพระกร

“หาได้กังวลไม่พะย่ะค่ะ”

“...เช่นนั้นหม่อมฉันก็อุ่นใจ...เจ้าแสงดูแลตัวเองหนาลูก พ่อรักเจ้าหนา”

“ฮึก..เสด็จพ่อ..ฮือออ”เสียงสะอื้นของเจ้าแสงช่างน่าสงสารนัก องค์ภุชงค์ใคร่อยากจักดึงร่างแน่งน้อยเข้ามากอดปลอบให้คลายทุกข์นัก

“นิ่งเสีย เจ้าไห้เยี่ยงนี้พ่อใจมิดีเลยหนาลูก”

“..ฮึก..ดะ ดูแล...อึก..องค์เอง...ด้วยหนาพระเจ้าค่ะ..ฮึก...ฮือออ”

“มิต้องห่วงพ่อดอกหนาลูก”กดพระนาสิกหอมศีรษะลูก

“ฮึก...”

“ไปเถิดเจ้าทั้งสามพระองค์ทรงคอยนานแล้วหนา”

“ฮึก..ละ...ลูกลาหนาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบแทบพระบาทบิดา

“รักษาเนื้อรักษาตัวหนาเจ้า”

“ฮึก....”เจ้าแสงเสด็จออกจากท้องพระโรง หัตถ์เล็กปาดป้ายเช็ดน้ำตาตน มีคนสนิททั้งสองขนาบข้าง เมื่อเสด็จมาถึงขบวนเสด็จกลับภุมริกาก็หยุดยืนนิ่งเห็นเพียงม้า แลเกวียนเสบียงเท่านั้น หาได้มีเกี้ยวไม่ แลจักไปอย่างไร

“ขบวนขามามีเพียงม้า แลเกวียนเสบียง หาได้มีเกี้ยวมาไม่...เจ้าน้อยสะดวกนั่งม้าหรือไม่”เจ้าภุชงค์ตรัสถามน้องน้อย ดวงหน้างามซีดเซียวหากแต่ดวงตาโศกแดงระเรื่อ

“...หม่อมฉันขี่ม้ามิเป็นพระเจ้าค่ะ”ตรัสสุรเสียงแผ่ว

“เช่นนั้นเจ้าน้อยประทับเจ้าดำกับข้า ส่วนคนสนิททั้งสองนั่งไปกับเกวียนเสบียง...เจ้าสองคนสะดวกหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันสองคนนั่งเกวียนเสบียงได้ หากแต่เจ้าน้อย..”

“อย่าได้กังวลไป ข้าจักดูแลนายเจ้าอย่างดี”

“อ๊ะ”เมื่อตรัสจบก็ทรงจับเข้าที่กฤษฎีบางของเจ้าแสง ออกแรงยกร่างแน่งน้อยขึ้นนั่งพาดข้างบนหลังอาชาตัวโตสีดำเงา ก่อนจักเหวี่ยงพระวรกายขึ้นซ้อนหลังน้อง พระกรเอื้อมจับบังเหียนกักเจ้าแสงไว้ในอ้อมพระกร เจ้าน้อยการเวกตกพระทัยเบิกพระเนตรกว้าง ริมฝีปากจิ้มลิ้มเผยออก

“มิต้องกลัวหนา..ข้ากอดไว้เยี่ยงนี้มิตกลงไปแน่”

“.....”เจ้าแสงก้มหน้างุด มิรู้จักวางไม้วางมือไว้ที่ใด จึงวางลงกำผ้าโจงบนตัก

“จับบังเหียนไว้ก็ได้”กระซิบที่ริมกรรณเล็ก

“.....”หัตถ์เล็กสั่นน้อยๆค่อยเลื่อนไปจับสายบังเหียน

“จับตรงนี้”กุมหัตถ์นุ่มประคองมิแน่น หากแต่ก็มิหลวม

“ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงก้มพักตร์ชิดพระอุระ ปล่อยให้องค์ภุชงค์กกกอดไว้ในอ้อมพระกร แลกอบกุมหัตถ์ตน

“เจ้าสองคนรีบเข้าเถิดประเดี๋ยวจักเลยฤกษ์เดินทาง”เจ้าขันธ์ที่นั่งอยู่บนหลังอาชาเอ่ยปากเรียกบ่าวคนสนิททั้งสองของเจ้าน้อยแสงแรกที่ยืนอ้าปากค้างมองนายตนถูกอุ้มขึ้นหลังอาชาคู่พระทัยขององค์รัชทายาท

“....”

“....”กุลีกุจรขึ้นเกวียนขนเสบียง



   ขบวนเสด็จออกเดินทางไปยังภุมริกา ผ่านมาได้ครึ่งวัน แสงแดดเริ่มแรงขึ้น พระเสโทผุดขึ้นบนพระนลาฏขาวของเจ้าแสง

“ร้อนหรือไม่เจ้าน้อย”กระซิบถาม

“..มิได้พระเจ้าค่ะ”

“..ขออภัยหนา”หยิบซับพระพักตร์ที่เหน็บตรงชายพกขึ้นซับหยาดเสโทของน้องน้อย ก่อนจักใช้ผ้าคลุมไหล่ของเจ้าแสงคลุมลงบนศีรษะเล็กจับชายผ้าด้านหนึ่งพาดอังสะแคบ

“.....”

“เอาผ้าคลุมไว้จักได้มิร้อน..แลซับพระพักตร์นี่ก็เก็บไว้ซับเสโทหนา”ตรัส เจ้าแสงน้อยผินพักตร์หันกลับมามองพระพักตร์งามขององค์รัชทายาทที่ควบม้าไปตามแนวป่าช้าๆ

“..ขอประทานอภัยหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสสุรเสียงแผ่วก่อนจักใช้ซับพระพักตร์ในหัตถ์ซับหยดพระเสโทที่หางพระขนงขององค์
ภุชงค์แผ่วเบา กลิ่นแก้วจากหัตถ์ขาวทำเอาองค์ภุชงค์แย้มพระสรวลน้อยๆให้เจ้าแสงปรางแดง

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“.....”

“.....”ต่างฝ่ายต่างเงียบ หากแต่หาใช่ความเงียบที่น่าอึดอัดไม่ สายลม แสงแดดในพนาราวกับค่อยๆหล่อหลอมความรู้สึกให้เป็นหนึ่งเดียว




หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-05-2018 22:37:13
ดีใจกับภุชงค์ด้วยที่มีคนรักแล้ว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 14-05-2018 23:54:43
สงสารเจ้าแสงง่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-05-2018 09:03:54
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 15-05-2018 09:19:21
น่ารักกกกเจ้าเเสง
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๘ ๑๔.๐๕.๖๑ หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 15-05-2018 11:27:58
ชอบชื่อเรื่องขอฃแต่ละคู่มากเลย ชมนาดเย้าภุมริม บัวหลงจันทร์ ภุชงค์เล่นแสง
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๕.๐๕.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 15-05-2018 14:39:51



 


บัวหลงจันทร์ ๑๙


หลังจากเดินทางมาทั้งวัน จักหยุดพักก็เพียงเสวยกายาหาร เพลานี้อาทิตย์ใกล้ลับฟ้าเต็มทีแล้ว ขบวนเสด็จจึงเร่งควบม้าให้ไวขึ้นเพื่อให้ถึงที่ตั้งกระโจมที่เหล่าข้าหลวงล่วงหน้าไปจัดเตรียมให้ก่อนฟ้าจักมืด ราตรีจักมาเยือน

“ขออภัยหนาเจ้าน้อย”ตรัสพลางรวบเอวน้อยให้แนบพระวรกายก่อนจักควบม้าให้ไวขึ้น

“อ๊ะ”เจ้าแสงที่ยังมิหายตกใจ เมื่ออาชาทะยานเร็วขึ้นหัตถ์เล็กก็ผวาจับฉลองพระองค์ตรงพระอุระขององค์รัชทายาท เบียดกายเข้าหา ซบพักตร์กับอุระอุ่นอย่างหวาดกลัว


กุบกับๆ


.
.
.



“...ถึงกระโจมที่พักแล้วเจ้าน้อย”แม้อาชาจักหยุดนิ่งแล้ว เจ้าแสงก็ยังคงมิรู้ตัว พักตร์งามซุกซบอุระอุ่นมิห่าง

“....”

“..เจ้าน้อย”

“พะ..พระเจ้าค่ะ”

“...ถึงกระโจมที่พักแล้วเจ้า”กระซิบบอกอีกคราเจ้าแสงจึงได้เอาพักตร์ออกจากอุระกว้าง กวาดพระเนตรไปรอบๆ เห็นกระโจมหลายหลัง มีทหารยามเดินถือคบเพลิงตรวจตราหลายนาย

“..ขะ ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไร...”ตรัสก่อนจักเหวี่ยงพระวรกายลงจากหลังอาชา เมื่อพระบาทยืนมั่นคงแล้วจึงจับเข้าที่เอวบางออกแรงยกน้องน้อยลงจากหลังม้า

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมมือไหว้

“...เจ้าน้อย”

“เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคที่เห็นนายตนก็รีบวิ่งจากเกวียนเสบียงมาประกบขนาบข้างเจ้าแสงทันที

“เจ้าสองคนพาเจ้าน้อยไปสรงน้ำก่อนเถิด ประเดี๋ยวค่ำมืดแล้วอากาศจักเย็น”

“พระเจ้าค่ะ”หมอบกราบองค์รัชทายาทต่างแคว้น ก่อนจักประคองร่างแน่งน้อยของนายตนเข้ากระโจม ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยกระโจมของฝ่าบาททั้งสามพระองค์




   เมื่อยี่สุ่น แลชงโคพานายตนเข้ามาในกระโจมที่พักแล้ว ก็ประคองเจ้าน้อยไปประทับที่ตั่งไม้ แลทรุดลงนั่งขนาบข้าง บ่าวทั้งสองออกแรงบีบนวดปลีน่องเล็กคนละข้างให้เจ้าน้อยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง

“เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ มิเคยนั่งอาชามาก่อน ทรงรู้สึกอย่างไรพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นทูลถามอย่างใคร่รู้ แม้จะอยู่ในเกวียนขนเสบียงแต่ก็พยายามชะเง้อคอดูนายตน ถึงจักเห็นเพียงพระขนองขององค์ภุชงค์ก็เถิดหนา

“..ก็...สนุกดีหนา..ข้ามิเคยนั่งมาก่อน หาได้น่ากลัวอย่างที่คิดไม่”เจ้าแสงตรัสตอบอ้อมแอ้ม

“สนุกหรือพระเจ้าค่ะ มิน่ากลัวสักน้อยเลยหรือพระเจ้าค่ะ”

“ก็...น่ากลัวบ้างตอนที่อาชาวิ่งเร็วๆ”

“.....”

“.....”

“..แต่องค์รัชทายาทท่านก็ค่อยตรัสปลอบว่ามิต้องกลัว...ก็...มิได้น่ากลัวนัก”พระสุรเสียงแผ่วจนแทบมิได้ความ หากแต่บ่าวทั้งสองที่เอียงหูฟังกลับได้ยินชัดเจน

“ทรงตรัสปลอบเจ้าน้อยมาตลอดทางเลยหรือพระเจ้าค่ะ”

“..อะ..อืม”

“งื้อออ”

“งื้อออ”

“..ปะ..เป็นกระไรกัน..ยี่สุ่น..ชงโค”เจ้าแสงสะดุ้งน้อยๆเมื่อคนสนิททั้งสองพากันกัดปากตนเองเปล่งเสียงประหลาดออกมาให้ได้ยิน

“หามิได้พระเจ้าค่ะ”

“หม่อมฉันสองคนเพียงเขินอายแทนเจ้าน้อยก็เท่านั้น”ชงโคว่า

“..ขะ เขินอายแทนข้าหรือ...พวกเจ้านี่ก็หนา”พระปรางแดงก่ำ มือน้อยตีเปาะแปะที่แขนคนสนิททั้งสองไปคนละที

“คิก..หม่อมฉันว่าสรงน้ำก่อนดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวมืดแล้วอากาศจักเย็นเอา แลจักประชวรเอาได้”ยี่สุ่นว่า

“อื้ม”




   หนึ่งนาย สองบ่าวผลัดผ้านุ่งเอาผ้าคลุมไหล่พันกายมิดชิด ก่อนจักพากันไปที่ลำธารด้านหลังกระโจม ยี่สุ่น แลชงโคถือตะเกียงคนละดวงขนาบข้างเจ้าแสงไปตามทาง

“อากาศเย็นนัก รีบสรงเถิดพระเจ้าค่ะ นี่ก็เริ่มมืดแล้วด้วย”บ่าวทั้งสองคนช่วยกันขึงผ้ากับต้นไม้บดบังนายตนจากสายตาผู้อื่น

“อื้ม”เจ้าแสงปลดผ้าคลุมไหล่ออกเผยให้เห็นลาดไหล่เนียน บ่าวทั้งสองก็เช่นกัน ทั้งสามพากันลงน้ำ ยี่สุ่น แลชงโคช่วยกันถูล้างคราบไคลตามพระวรกายขาว อีกทั้งยังใช้ผลมะกรูดสางพระเกศาให้สะอาดหมดจด

“พวกเจ้าก็อาบเถิด ประเดี๋ยวจักป่วยไข้เอา”

“เจ้าน้อยจักขึ้นก่อนหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ยังดีกว่า หากขึ้นจากน้ำคงหนาวเป็นแน่ ข้าแช่น้ำรอจักดีกว่า”

“พระเจ้าค่ะ”มิใช่เป็นเพียงนายบ่าว หากแต่เป็นสหายที่เห็นกันมาตั้งแต่จำความได้จึงได้สนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างมาก




“เจ้าขันธ์”พระสุรเสียงทุ้มตรัสเรียกองครักษ์คนสนิทที่คุกเข่าก้มหน้ารอรับพระบัญชา

“พะย่ะค่ะ”

“เจ้าออกไปก่อน แลอย่าให้ใครเข้ามาบริเวณลำธารเด็ดขาด”

“พะย่ะค่ะ”




   องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรเงาน้องน้อยผ่านผ้าที่ขึงกั้น ก่อนจักประทับยืนเฝ้ามิให้ใครผ่านไปทางลำธาร จนกระทั่ง นาย บ่าวทั้งสามขึ้นจากลำธาร ยี่สุ่น ชงโคช่วยกันเก็บผ้าที่ขึง ก่อนจักรีบประกบนายตนกลับกระโจม

“อ๊ะ”ทั้งสามสะดุ้ง เมื่อเห็นองค์รัชทายาทภุมริกาทรงประทับยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในเงามืด อีกทั้งยังเปลือยท่อนบน นุ่งเพียงโจงกระเบนสีดำเขม่าเท่านั้น

“เอ่อ...สรงน้ำแล้วแล้วหรือเจ้าน้อย”

“พะ..พระเจ้าค่ะ..ทรง..มาประทับยืนกระไรตรงนี้พระเจ้าค่ะ”

“อะ อ่อ..ข้า...ข้ามา..มา...มาเดินเล่น มิมีกระไรดอก รีบเข้ากระโจมเถิด เพิ่งขึ้นจากน้ำโดนลมมากๆจักประชวรได้”

“...พระเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยแสงแรกก้มพักตร์ลง ทรุดตัวลงหมายจักหมอบกราบ

“มิต้องดอก...รีบเข้ากระโจมเถิด”ประคองต้นแขนนุ่มไว้

“...พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าขันธ์ๆ”ลับหลังเจ้าน้อยแสงแรก แลบ่าว องค์ภุชงค์ก็ร้องเรียกหาองครักษ์คนสนิท

“พะย่ะค่ะองค์ภุชงค์...มีกระไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือพะย่ะค่ะ”วิ่งหน้าตั้งมาคุกเข่าพนมมือรับพระบัญชา

“ไปหาดอกแก้วมาให้ข้า”

“หา..ในป่านี่หรือพะย่ะค่ะ”

“เออ..ไปหาดอกแก้วมาให้ข้า”

“เอ่อ..พะย่ะค่ะ”





   หลังจากเจ้าขันธ์ตามหาดอกแก้วแทบจักพลิกผืนป่า องครักษ์หนุ่มก็กลับมาพร้อมดอกแก้วสีขาวนวล ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเต็มตะกร้าหวายขนาดย่อม เจ้าขันธ์เอาผ้าชุบน้ำรองก้นตะกร้าก่อนจักเอาดอกไม้บอบบางวางจนเต็มพื้นที่ แลใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดคลุม

“ได้มาแล้วพะย่ะค่ะ”นำตะกร้าหวายถวายนายเหนือหัว

“ขอบใจ”

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“...ไอ้ขันธ์”

“พะย่ะค่ะ”

“นี่เอ็งประชดข้าฤา”ตรัสถามเมื่อทอดพระเนตรดอกแก้วในตะกร้าหวาย

“มิได้ มิพะย่ะค่ะ”

“เอ็งเก็บมาเพียงนี้หมดป่าแล้วกระมัง”

“...เจ้าน้อยแสงแรกจักได้ทราบอย่างไรเล่าพะย่ะค่ะว่าพระองค์ทรงเอ็นดูเจ้าน้อยมากเพียงใด”

“.....”

“.....”

“เอ็งพูดดี...รอดไปก็แล้วกัน”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”



.
.
.


“เจ้าน้อย...”

“.....”

“เจ้าน้อยแสงแรก”

“พระสุรเสียงองค์ภุชงค์นี่พระเจ้าค่ะ”ชงโคที่ถวายงานบีบนวดปลีน่องเล็กทูลความ

“นั่นสิพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นที่กำลังจัดที่นอนหมอนมุ้งเอ่ยสำทับ

“เจ้าไปรับหน้าพระองค์ที่เถิดชงโค”เจ้าแสงตรัส

“..ถวายพระพรพระเจ้าค่ะองค์รัชทายาท”ชงโคออกไปหน้ากระโจมหมอบกราบชายสูงศักดิ์

“เจ้าน้อยเล่า..เจ้า..”

“ชงโคพระเจ้าค่ะ..ทูลองค์รัชทายาท เจ้าน้อยประทับอยู่ข้างในพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นข้าขอเข้าไปพบหน่อยหนาชงโค”ตรัสจบก็ดำเนินเข้ากระโจมทันทีมิรอให้ชงโคได้ทันห้ามปราม

“อ๊ะ..องค์รัชทายาท”ชงโครีบรุดลุกขึ้นตามหลังไปติด

“อ๊ะ”เจ้าแสงที่เห็นองค์รัชทายาทเข้ามาในกระโจมตนก็ตกพระทัย ลนลานคว้าผ้าคลุมไหล่สีหวานขึ้นคลุมอังสะบาง ปกปิดความขาวนวลเนียนให้พ้นจากสายพระเนตร

“..ขออภัยที่ข้าเสียมารยาท”

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ..ทรงเข้ามาหาหม่อมฉันถึงกระโจมมีอันใดหรือพระเจ้าค่ะ”

“ข้าจักมาบอกว่าข้าหลวงเตรียมสำรับแล้วแล้ว ออกไปกินเถิด เดินทางมาเหนื่อย อีกทั้งเมื่อกลางวัน เจ้ายังกินไปเพียงเล็กน้อยเยี่ยงแมวดม คงจักหิวแล้วกระมัง”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ หากแต่ให้ข้าหลวงมาตามก็ได้พระเจ้าค่ะ มิต้องลำบากมาด้วยพระองค์เองดอก”

“ลำบากที่ใดกันเจ้า ไปเถิด ข้าจักพาไป ข้างนอกมืดแล้ว”ยื่นพระหัตถ์ให้น้องน้อย

“.....”เจ้าแสงลอบทอดพระเนตรบ่าวทั้งสองของตน ก็เห็นว่าทั้งคู่หมอบกราบก้มหน้าหลบตาเป็นพัลวัน

“.....”

“..ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”วางหัตถ์ตนลงบนพระหัตถ์ใหญ่




   อยู่กลางป่าเช่นนี้ องค์ภุมรินจึงมีรับสั่งให้ตั้งสำรับรอบกองไฟ เจ้านายทั้งสี่พระองค์ประทับบนเสื่อที่ปูรอบกองไฟ มีสำรับตั้งให้ ส่วนเหล่าข้าหลวงต่างก็หมอบพับเพียบรอรับพระบัญชาอยู่มิห่าง

“มาแล้วหรือเจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัสขึ้นเมื่อทอดพระเนตรเห็นสุณิสาที่เข้ามาพร้อมโอรสองค์โต

“ขอประทานอภัยที่หม่อมฉันชักช้าพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบอ้อนช้อย

“มิเป็นไรๆ..มาแล้วก็ลงมือเสวยเถิด”เมื่อตรัสเช่นนั้น องค์จันทร์ แลเจ้าภุชงค์จึงลงมือจัดการสำรับของตน เจ้าแสงลอบมองพระองค์นั้น พระองค์นี้คนละที

“...เป็นกระไรไปเจ้า”องค์ภุชงค์ที่ประทับข้างๆ เอียงพักตร์มากระซิบถาม

“มิได้พระเจ้าค่ะ”เจ้าปฏิเสธก่อนจักลงมือเสวยสำรับของตน

“กินเยอะๆหนาเจ้า ประเดี๋ยวกลับถึงภุมริกาแล้ว ข้าจักให้แม่ครัวห้องเครื่องทำสำรับอาหารพื้นเมืองของภุมริกาให้”องค์ภุชงค์ตรัสพลางแย้มพระโอษฐ์อบอุ่นให้

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมมือไหว้

“...ประเดี๋ยวรับของคาวแล้ว กินผลไม้ล้างปากเสียหน่อยหนา ข้าให้เจ้าขันธ์ไปเก็บผลไม้ป่ามา รสหวานหอมนัก”

“พระเจ้าค่ะ”



   ในขณะที่เจ้าภุชงค์ แลเจ้าแสงพูดคุยกันเบาๆสร้างโลกส่วนตัวกันสองพระองค์ องค์ภุมริน องค์จันทร์ แลเจ้าเหมที่ต้องห่างอกเมียรักได้แต่มองด้วยความอิจฉาตาร้อน กอดผ้าแถบผ้านุ่งที่พกมาแนบอกแน่น

“...ลูกกูมันมิเห็นใจพ่อมันเลย”องค์ภุมรินตรัสพึมพำ

“.....”ในขณะที่องค์จันทร์รีบเสวยสำรับของตน รีบเข้ากระโจมบรรทม จักได้ถึงเช้าไวๆ

“หากเสวยแล้วแล้วไปเดินชมจันทร์กันดีหรือไม่เจ้าน้อย จักได้มิอึดอัดท้อง”องค์ภุชงค์ว่าพลางใช้พระองคุลีเกลี่ยเม็ดข้าวที่ติดปรางขาวออกให้

“อ๊ะ..ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงก้มพักตร์หลบ น่าอายนัก

“หึหึหึ...มิเป็นไรดอก น่าเอ็นดูนัก”

“.....”เจ้าแสงปรางแดงก่ำ

“แลว่าอย่างไร หากอิ่มแล้วจักไปเดินชมจันทร์กับข้าหรือไม่”

“...พระเจ้าค่ะ”



.
.
.


“ราตรีนี้ จันทร์ดวงโตนัก ว่าหรือไม่เจ้าน้อย”

“พระเจ้าค่ะ...ราตรีนี้จันทร์ดวงโต แลสว่างนัก”

“เจ้าขันธ์”ทรงตรัสเรียกองครักษ์คนสนิทที่คอนรับใช้อยู่ห่างๆ

“พะย่ะค่ะ”หมอบคลานนำตะกร้าดอกแก้วถวาย

“ดอกแก้วตะกร้านี้ ข้าให้เจ้าขันธ์ไปเก็บมาตั้งแต่เย็นแล้ว....ข้าให้เจ้าน้อย”

“...ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ประนมหัตถ์ไหว้คนพี่

“มิเป็นไรดอก”ยื่นพระหัตถ์เข้ารับไหว้หัตถ์เล็ก

“.....”เจ้าแสงค่อยๆ ดึงหัตถ์ตน ออกจากพระหัตถ์อุ่น ดวงหน้างามแดงระเรื่อ รับตะกร้าดอกแก้วหอมกรุ่นมาคล้องพระกรเรียวเล็กของตน


.
.
.


   เพลานี้ที่ตำหนักในที่ประทับของพระชายาบัวงามเงียบกริบ แม้จักมีข้าหลวงอยู่ถวายงานหลายคนก็มิมีเสียงใดเล็ดลอดออกจากปาก ด้วยพระชายาคนงามนั้นต้องห่างพระภัสดาหลายวัน หลายคืนไหนจักอาการแพ้ท้องที่ดูเหมือนลูกจักงอแงเหลือเกินที่พ่อมิอยู่ จึงได้พระพักตร์บึ้งตึง มีเพียงสายหยุดคนสนิทเท่านั้นที่เข้าพระพักตร์ติด

“ทูนหัวของสายหยุด อย่าโกรธกริ้วไปเลยหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเจ้าน้อยในพระครรภ์จักกริ้วตามหนาพระเจ้าค่ะ”

“ใช่ว่าข้าใคร่โกรธกริ้วเช่นนี้ไม่ พี่สายหยุด..หากแต่มันเป็นไปเอง”เจ้าบัวกึ่งนั่งกึ่งนอนเท้าหมอนขิด หัตถ์อีกข้างถือพัดจีนสะบัดไปมา

“เยี่ยงนั้นทรงรับผลหมากรากไม้สักหน่อยดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ จักได้รู้สึกดีขึ้น”บีบนวดแขนเล็กอย่างเอาพระทัย

“ก็ดีจ้ะ”เมื่อรับสั่งเช่นนั้น สายหยุดจึงได้พยักหน้าให้ข้าหลวงสาวเร่งไปห้องเครื่องนำผลหมากรากไม้ถวาย พร้อมน้ำขิงร้อนๆ


.
.
.


“เจ้าบัว.....”เจ้าชมนาดที่กำลังปักผ้าอยู่เงยพักตร์ขึ้นแย้มโอษฐ์ เมื่อเห็นโอรสองค์เล็กเข้ามาในคลองจักษุ

“ถวายพระพรเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ...เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า”

“...บัวรู้สึกมิค่อยจักดีพระเจ้าค่ะ จึงมาเข้าเฝ้าเสด็จแม่”

“เป็นกระไรไปเจ้าบัว ตามหมอหลวงหรือไม่ลูก เจ็บเคืองตรงไหนบอกแม่เถิด”เจ้าชมนาดวางผ้าที่ปักลงบนพานก่อนจักผุดลุกเข้าไปหาลูก

“มิได้พระเจ้าค่ะ..ลูกรู้สึกมิใคร่จักดี..ลูกเบื่อหน่าย แลมองกระไรก็ขัดหู ขัดตาไปหมดเลยพระเจ้าค่ะ”

“อ๋อ...หลานยายคงจักเกเรกระมังเยี่ยงนี้”

“...พระเจ้าค่ะ”

“หาใช่เรื่องแปลกไม่..ตอนแม่ท้องเจ้าหรือก็เป็น กำลังท้องกำลังไส้ พอห่างผัวมันก็กังวลเช่นนี้แล”

“.....”

“ตอนแม่ท้องเจ้าสองคนพี่น้อง ก็ต้องห่างพ่อเจ้าเช่นกัน...เจ้าหรือยังดีกว่าแม่นัก”

“อย่างไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“มา แม่จักเล่าให้ฟัง...หากแต่เรื่องมันยาวนัก”

“...”

“อุ่น...”

“เพคะ”

“ให้ข้าหลวงนำน้ำขิง แลขนมหวานมาให้ข้าที”

“เพคะ”

“เอาละ..ตอนที่แม่ท้องเจ้าทั้งสองคนนั้น.....”



.
.
.


“...คุณพระช่วย มีเรื่องเยี่ยงนี้เกิดขึ้นในวังหลวงด้วยหรือพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...”

“...ทูลพระชายาชมนาด แลพระชายาบัวงาม ขบวนเสด็จขององค์ภุมรินกลับมาถึงหน้าวังหลวงแล้วเพ....”ยังมิทันที่ข้าหลวงสาวจักได้ทูลความจนหมด เจ้าบัวงามก็วิ่งออกจากตำหนักหลวงเสียแล้ว

“เจ้าบัว!! หยุดประเดี๋ยวนี้หนาลูก...ตายแล้ว วิ่งเยี่ยงนี้ได้เยี่ยงไร ประเดี๋ยวหลานข้าก็หลุดออกมาพอดี สายหยุด อิ่มตามไปหยุดเจ้าบัวประเดี๋ยวนี้”เจ้าชมนาดลมแทบจับเมื่อโอรสองค์เล็กวิ่งฉิวออกไป

“พระเจ้าค่ะ”

“เพคะ”



.
.
.


“พระชายาอย่าวิ่งหนาพระเจ้าค่ะ”สายหยุดวิ่งฉิวมาประคองคนเป็นนาย

“อ๊ะ...”เจ้าบัวชะงักราวกับเพิ่งรู้องค์เองว่าตั้งครรภ์อยู่ หัตถ์เล็กกอดอุทรตนไว้

“ทรงวิ่งมิได้หนาพระเจ้าค่ะ”

“ขะ ข้าลืมตัว”

“ค่อยๆดำเนินพระเจ้าค่ะ”

“อะ อื้ม”ครานี้ค่อยๆย่างก้าว โดยมีคนสนิทประคองมิห่าง หัตถ์เล็กก็ลูบครรภ์ตนปลอบลูกน้อย





   ขบวนเสด็จหยุดลงที่หน้าตำหนักหลวง องค์ภุมริน แลองค์จันทร์รีบลงจากหลังอาชาดำเนินเข้าหาเมียรักที่ยืนรอด้วยความคิดถึง

“เจ้าชมนาด”คว้าเจ้าชมนาดเข้ากอดแนบพระอุระ

“เสด็จพี่...เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดประคองพักตร์พระภัสดาขึ้น

“คิดถึงเจ้าเหลือเกิน”

“หม่อมฉันก็คิดถึงพระองค์พระเจ้าค่ะ...ทรงหิวหรือไม่พระเจ้าค่ะ มาเหนื่อยๆ หม่อมฉันจักให้ข้าหลวงเตรียมสำรับให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ....”

“เยี่ยงนั้นไปสรงน้ำก่อนดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ก็ได้จ้ะ...หากแต่น้องต้องสรงให้พี่หนา”

“พระเจ้าค่ะ...”

“เสด็จแม่ ถวายพระพรพะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ที่ทอดพระเนตรบิดามารดาพูดคุยกับแล้วแล้วจึงเข้าหมอบกราบเจ้าชมนาด

“เจ้าภุชงค์ เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก”เข้ากอดโอรสองค์โต ลูบเศียร ลูบพักตร์

“ลูกสบายดีพระเจ้าค่ะ มิเจ็บมิไข้”

“ดีแล้วลูก เอ๊ะ แลนั่นใครกัน”นัยน์ตากวางเหลือบไปเห็นร่างบางที่หมอบกราบอยู่หลังโอรสองค์โตจึงตรัสถามขึ้น

“ถะ ถวายพระพรพระชายาภุมริกาพระเจ้าค่ะ”

“.....”เจ้าชมนาดพยักพักตร์ หากแต่ก็ยังสงสัยใคร่รู้

“เสด็จแม่...นี่เจ้าน้อยแสงแรก เจ้าน้อยแคว้นการเวกพะย่ะค่ะ”

“เจ้าน้อยแคว้นการเวกหรือ...”

“พะย่ะค่ะ...หากเรื่องเป็นมาเยี่ยงไรลูกขอทูลความคราหลังพะย่ะค่ะ”

“ก็ได้ลูก...เอาไว้ก่อน เจ้าไปพักก่อนเถิด แลค่ำนี้ค่อยมาร่วมเสวยกับพ่อ แลแม่ที่ตำหนักหลวงหนา”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”หมอบกราบมารดา เจ้าแสงเมื่อทอดเนตรเห็นดังนั้นจึงหมอบกราบตาม

“เจ้าบัวงามมาให้พ่อกอดให้คลายคิดถึงหน่อยเถิดลูก”องค์ภุมรินตรัส ตั้งแต่มาถึงตำหนักหลวงเจ้าบัวงามของพ่อก็ถลาเข้ากอดเจ้าหลวงศศิมณฑล จนป่านนี้ยังซุกอยู่ในอุระกว้างมิห่าง ให้องค์จันทร์กอดหอมคลอเคลีย

“พระเจ้าค่ะ”ผละออกจากพระภัสดา เข้าหมอบกราบบิดา

“เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า”กอดลูกน้อยแนบพระอุระ

“ลูกสบายดีพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ เหนื่อยหรือไม่”

“ได้เห็นหน้าแม่เจ้าพ่อก็หายเหนื่อยแล้ว”

“คิกๆ พระเจ้าค่ะ”

“แยกย้ายกันไปสรงน้ำท่าก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวค่ำนี้สำรับแล้วแล้วแม่จักให้ข้าหลวงไปตามที่ตำหนัก”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่พะย่ะค่ะ”


.
.
.


จ๋อม


   เจ้าบัวงามกวักน้ำรดลงบนพระอังสะกว้างของภัสดา บีบนวดเอาพระทัย หัตถ์นุ่มลูบกล้ามพระมังสาไปมา


ฟอด


ฟอด


“อื้อ..ฝ่าบาท”เจ้าบัวพักตร์แดงระเรื่อเมื่อองค์จันทร์กดพระนาสิกสูดกลิ่นหอมจากปรางขาว

“พี่คิดถึงเจ้าจักแย่”

“หม่อมฉัน แลพเยียก็คิดถึงพระองค์พระเจ้าค่ะ”เอนกายซบพระอุระ

“หึหึหึ ช่างออดช่างอ้อนนัก”พระดัชนีม้วนปลายเกศายาวระสะโพกมน พระโอษฐ์ประทับจูบที่ขมับน้อง

“...ฝ่าบาท”

“หืม...”

“ใยเจ้าน้อยการเวกจึงได้กลับมาภุมริกาด้วยหรือพระเจ้าค่ะ”ช้อนนัยน์ตากวางถาม

“รอฟังพร้อมเสด็จแม่ชมนาดท่านเถิด”

“...เจ้าน้อยมิได้ตามพระองค์กลับมาใช่หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ว่ากระไรเยี่ยงนั้น เจ้าบัว”จับปลายคางแหลมเขย่าไปมาอย่างเอ็นดู

“ก็หม่อมฉันกังวล เจ้าน้อยใช่ว่าจักรูปมิงาม...”

“รู้ไว้เถิดมิมีใครงามเกินเจ้าในสายตาพี่อีกแล้ว ‘เจ้าบัวงาม’ ”ตรัสนามเมียรักชัดถ้อยชัดคำ

“คิกๆ...”กรเรียวเสลาโอบกอดรอบพระกฤษฎีสอบแน่น ออดอ้อนออเซาะ



.
.
.


“อื้อ...พี่เหม พอก่อนหนาจ๊ะ”สายหยุดว่าพลางดันอกคู่หมายหนุ่มออก ริมฝีปากอิ่มบวมช้ำ

“พี่คิดถึงสายหยุด”

“สายหยุดก็คิดถึงพี่เหมจ้ะ”

“กลับศศิมณฑลเมื่อใด พี่จักให้พ่อแห่ขันหมากไปขอสายหยุดให้ไวที่สุด”

“พี่เหม....”แก้มขาวแดงระเรื่อ

“หากแต่งช้ากว่านี้ พี่คงจักต้องลงแดงเป็นแน่”

“คนบ้าว่ากระไรเยี่ยงนั้นเล่า”

“พี่พูดจริงหนาสายหยุดคนดี”

“อื้อ...พูดแต่ปากมิได้หรือพี่เหม...ใยต้อง...ใยต้องหน้าอกสายหยุดด้วย”

“พี่คิดถึง”

“ใจคอจักพูดอยู่คำเดียวนี่หรือจ๊ะ”


ฟอด


ฟอด


“อื้อ...พี่เหม”ปากว่า หากแต่กลับยื่นดวงหน้ามนให้เข้าสูดหอม


จุ๊บ


“อื้อ”เงยหน้ารับริมฝีปากพ่อเหมที่แทะเล็ม แลกดจูบเท่านั้นมิได้ล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปาก

“...จักจุกอกตายอยู่แล้วเจ้า”

“...อาบน้ำ..อะ อาบท่าก่อนเถิดจ้ะ ประเดี๋ยวสายหยุดจักไปห้องเครื่องทำกับข้าวให้พี่เหมหนาจ๊ะ”

“มิต้องเหนื่อยทำดอกเจ้า มีกระไรพี่ก็กินได้...มาช่วยพี่อาบน้ำจักดีกว่าหนา”

“.....”

“หนาสายหยุด”

“...ก็ได้จ้ะ”

“เยี่ยงนั้นไปกันเถิด พี่เหนียวตัวจักแย่”

“จ้ะ”

“สายหยุดช่วยพี่แก้ผ้าโจงทีสิเจ้า”

“...พี่เหม”

“หนาจ๊ะ...แก้ให้พี่ที”

“.....จ้ะ”





หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๕.๐๕.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 15-05-2018 14:57:55
แต่ละคู่ไม่เกรงใจคู่ใหม่เลย :-[ :-[
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๕.๐๕.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 15-05-2018 15:13:29
เค้ามีคูกกันหมดเเล้วววว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๕.๐๕.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 15-05-2018 15:13:53
เรื่องนี้อ่านไปก็ขำไป เจ้าชมนาดผลันตัวไปเป็นทั้งแม่ยายแม่ผัวเต็มตัว ส่วนเจ้าบัวผันตัวไปเป็นเมียเด็กช่างเอาใจผัวแล้ว
เป็นย้อนยุคที่นายเอกใส่จริตให้ผัวรักผัวหลงกันเต็มเหนี่ยว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๕.๐๕.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-05-2018 18:33:46
งานนี้เตรียมเลือดสำรองไว้ทุกขณะ อิอิ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๕.๐๕.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-05-2018 08:19:35
แต่ละคู่
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๕.๐๕.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 06-06-2018 22:29:42
น่ารักทุกคู่จ้าาาาา รออ่านคู่ภุชงค์ด้วย
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๕.๐๕.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 13-06-2018 02:21:11
 :katai5: :katai5: :katai5:  เมื่อไหร่จะมาต่อจ๊ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๙ ๑๕.๐๕.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: kakilover ที่ 13-06-2018 07:07:18
มารอองค์จันทร์กะเจ้าน้อย เมื่อไหร่จะมาหนอ :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๐ ๑๕.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 15-06-2018 14:13:12


บัวหลงจันทร์ ๒๐



    ภายในตำหนักหลวงวันนี้ดูคึกคักกว่าปกติ เนื่องว่า มีเจ้านายหลายพระองค์ร่วมเสวยมื้อค่ำด้วยกัน องค์ภุมริน แลพระมารดาชมนาดทรงประทับอยู่บนตั่งทอง ขนาบข้างด้วยองค์รัชทายาทภุชงค์ เจ้าแสงแรกถูกจัดให้นั่งอยู่บนตั่งเล็กถัดจากเจ้าภุชงค์ ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามเป็นองค์จันทร์ แลเจ้าบัวที่ประทับอยู่บนตั่งตัวใหญ่ด้วยกัน

“เหวยได้หรือไม่เจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัสถาม

“...พระเจ้าค่ะ อาหารภุมริการสเลิศนักพระเจ้าค่ะ”

“โปรดก็ดีแล้ว”ทรงตรัสอย่างพระทัยดี

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบ

“เหวยมากๆหนาเจ้า”เจ้าภุชงค์ว่า

“...พระเจ้าค่ะ”



   เจ้าชมนาด แลเจ้าบัวงามลอบมองเจ้าน้อยการเวกด้วยความแปลกพระทัย แลระแวดระวัง แม้จักเพิ่งเคยพบ หากแต่เป็นคนของการเวกแล้วไซร้ ระวังไว้ก่อนเป็นดี

“พี่รู้ว่าเจ้าสงสัย ไว้พี่จักแถลงให้แจ้งเองหนา”องค์ภุมรินตรัสกระซิบข้างกรรณเล็ก

“พระเจ้าค่ะ”เงยพักตร์แย้มโอษฐ์ให้พระภัสดา




   ส่วนเจ้าบัวงามที่ลอบมองคนแปลกหน้า หากแต่มือก็ยังมิหยุดปรนนิบัติองค์จันทร์ นัยน์ตากวางจดจ้องเจ้าน้อยการเวกที่ก้มพักตร์เสวยสำรับของตนเงียบๆ กิริยาเรียบร้อย สำรวม ผิดกับองค์สินผู้เป็นเชษฐานัก

“เจ้าบัวงาม”

“พระเจ้าค่ะ”ผิดพักตร์กลับมาสบพระเนตรองค์จันทร์

“มองกระไร หืม...เจ้าน้อยแสงแรกทำตัวมิถูกแล้วกระมัง”องค์จันทร์ตรัสเย้า

“กิริยาบัวโจ่งแจ้งเช่นนั้นเลยหรือพระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางเบิกกว้าง ลืมองค์ทำกิริยามิงามเข้าแล้ว

“หึหึหึ พี่รู้ว่าเจ้าคิดกระไรอยู่ หากแต่เจ้าน้อยมิเหมือนไอ้สินดอกหนา”จับเกศานุ่มทัดกรรณเล็ก

“...รู้ดีหนาพระเจ้าค่ะ”หรี่เนตรจับผิด

“มิต้องมามองด้วยสายตาเช่นนี้เลยหนา เด็กดื้อ”ยึดคางน้องน้อยไว้ ก่อนจักกดจูบลงบนปลายจมูกโด่งรั้น

“ฮื้อ..ฝ่าบาท”ทำโอษฐ์ยื่นอย่างแง่งอน

“อะแฮ่มๆ”พระสุรเสียงทุ้มขององค์ภุมรินที่ไอโคลกๆ ทำเอาองค์จันทร์ แลเจ้าบัวผละออกจากกันทันที

“ขออภัยพะย่ะค่ะ”องค์จันทร์ตรัสพลางค้อมพระเศียรลง หากแต่พระโอษฐ์ยังคงยกมุมน้อยๆ

“เจ้าบัวงามกำลังท้อง กำลังไส้ก็กินมากๆ หนาลูก”

“พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”

“...กินน้ำพริกนี่สิเจ้า”เอาผักเคียงช้อนน้ำพริกป้อนเมีย

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”อ้าโอษฐ์รับ

“เป็นเยี่ยงไรบ้าง”

“รสดีเหมือนเดิมพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นก็กินมากๆหนา เจ้าพเยียจักได้โตเร็วๆ”

“พระเจ้าค่ะ”




   หลังจากมื้อค่ำแล้วแล้ว เจ้าภุชงค์ก็เสด็จไปส่งเจ้าน้อยแสงแรกกลับตำหนักรับรอง โดยที่องค์ภุมรินจักเป็นผู้แถลงแจงความให้เจ้าชมนาด แลเจ้าบัวงามกระจ่างด้วยองค์เอง

“เรื่องมันเป็นมาอย่างไรพระจ้าค่ะเสด็จพี่”

“...ตัวต้นเหตุก็ไอ้สินนั่นแล”

“อีกแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดตรัสพลางชักสีหน้าเอือมระอา

“ใยจึงผูกใจเจ็บได้ขนาดนี้พระเจ้าค่ะ บัวมิเข้าใจเสียเลย”

“หึ...มันก็คงเสียหน้ากระมัง”

“แลเหตุใดเจ้าน้อยแสงแรกจึงได้ตามกลับมาบ้านเมืองเราเล่าพระเจ้าค่ะ”

“ก็ไอ้สินมัน.....”



.
.
.


“คุณพระช่วย...เลวชาตินัก”เจ้าชมนาดยกหัตถ์ทาบอุระตน

“เยี่ยงนี้เจ้าน้อยแสงแรกก็น่าสงสารหนาสิพระเจ้าค่ะ”

“นั่นแลลูก หากยังอยู่ที่การเวก ไอ้สินกลับมาคงลำบากเป็นแน่ แลอีกอย่างเจ้าภุชงค์แม้จักมิได้ตั้งใจให้เกิด หากแต่ก็ต้องรับผิดชอบ”

“เสด็จแม่!!!”อยู่เจ้าบัวงามก็แผดพระสุรเสียงขึ้นมาจนบิดา มารดา แลภัสดาสะดุ้งเฮือก

“กระไรเจ้าบัวงาม แม่ตกอกตกใจหมด”เจ้าชมนาดยกหัตถ์ทาบอกเป็นครั้งที่เท่าใดของวันแล้วก็มิอาจทราบ

“...ก็ที่ท่านยายทูลเสด็จแม่อย่างไรเล่าพระเจ้าค่ะ”

“ที่แม่เฒ่าทูลหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“นั่นสิเจ้า!!!”

“กระไรกันเจ้าชมนาด เจ้าบัวงาม”

“...หลังจากที่พระองค์เสด็จไปการเวก แม่เฒ่าก็ขอเข้าเฝ้าหม่อมฉันพระเจ้าค่ะ”

“ท่านว่าอย่างไรเจ้า”

“ท่านว่า...บัวหลงจันทร์ไปแล้ว...ก็ถึงคราวภุชงค์เล่นแสง”

“...ภุชงค์เล่นแสงหรือพะย่ะค่ะ”

“เจ้าภุชงค์”

“ท่านยาย ท่านทูลว่า ภุชงค์เล่นแสงหรือพะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ที่กลับจากไปส่งดำเนินเข้ามาในตำหนักทันได้ยินที่มารดาตรัสพอดี

“...ใช่จ้ะ ท่านว่า ภุชงค์เล่นแสง”

“.....”เจ้าภุชงค์มิตรัสตอบ หากแต่พระโอษฐ์แย้มน้อยๆ

“เจ้าโปรดเจ้าน้อยเยี่ยงนั้นหรือเจ้าภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสถามโอรสองค์โต

“...ลูกมิเคยโปรดใครมาก่อน หากแต่กับเจ้าน้อยแสงแรกนั้น...ลูกก็มิอาจทราบได้ว่าโปรดเจ้าน้อยหรือไม่”

“.....”

“หากแต่ ลูกรู้สึกอยากดูแล ทะนุถนอมน้อง มิใคร่ชอบใจเสียเลยพะย่ะค่ะ ยามเห็นน้องไห้ เศร้าโศกเสียใจ...”

“.....”พ่อ แลแม่ลอบมองพักตร์กัน

“แลจักตบแต่งกับเมื่อใดพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวตรัสถาม

“พี่ใคร่อยากให้เจ้าน้อยเต็มใจ แลพร้อมใจแต่ง หาใช่เพราะสถานการณ์บังคับไม่”

“.....”

“ลูกมิใคร่บังคับเจ้าน้อยพะย่ะค่ะ”

“เอาเถิดๆ ค่อยว่ากันก็ยังมิสายดอก”

“พะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“วันนี้ค่ำแล้ว แยกย้ายกันพักผ่อนก่อนเถิด วันพรุ่งค่อยว่ากัน”

“นั่นสิ เจ้าบัวกำลังท้องไส้ รีบเข้านอนเถิดลูก”

“พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”

“เยี่ยงนั้นลูกทูลลาพะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์

“ทูลลาพะย่ะค่ะ”องค์จันทร์

“ลูกทูลลาพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงาม

“จ้ะ”



.
.
.



   ภายในตำหนักรับรอง เจ้าน้อยแสงแรกนั่งพับเพียบอยู่บนพระยี่ภู่ หัตถ์เล็กประนมอยู่กลางอกสวดมนต์ ไหว้พระก่อนนอน ส่วนบ่าวทั้งสองก็ปัดที่หลับ ที่นอนอยู่ข้างพระแท่นบรรทม

“ชงโค ยี่สุ่น...ข้าสวดมนต์แล้วแล้วนอนเถิด”เจ้าแสงตรัสพลางเอนกายลงนอน

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นจัดคลุมพระองค์ให้คนเป็นนายจนถึงอุระบาง ปลดพระสูตรลูกไม้โปร่งแสงลงจากเสาพระแท่นบรรทมทั้งสี่มุม


   


   เจ้าแสงพลิกพระวรกายตะแคงข้าง พักตร์งามหนุนหัตถ์ตนก่อนจักหวนนึกถึงเมื่อหัวค่ำ องค์รัชทายาททรงเสด็จมาส่งตนถึงในตำหนัก หน้าห้องบรรทม


   “ขอบพระทัยที่เมตตามาส่งหม่อมฉันถึงตำหนักพระเจ้าค่ะ”ประนมมือไหว้เจ้าภุชงค์

   “มิเป็นไรดอก”ยื่นพระหัตถ์มารับไหว้น้องน้อย

   “.....”

   “วันพรุ่งหลังมื้อเช้า ข้าจักพาเจ้าชมรอบวังหลวง แลสวนพฤกษา”

   “ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

   “ค่ำนี้ก็นอนพักผ่อนมากๆ หนา เดินทางมาเหนื่อยๆ”



“...พระเจ้าค่ะ”

“หลับให้สนิท ฝันดีหนาเจ้า”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...พระองค์ก็...ทรงพระสุบินดีหนาพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ เยี่ยงนั้นคงจักต้องฝันถึงเจ้าแล้วแล”

“.....”ก้มพักตร์หลบสายพระเนตร

“...ข้าไปก่อนหนา ขาดเหลือกระไรก็บอกข้าจักหามาให้เจ้าทุกอย่าง”จับหัตถ์บางขึ้นเบาๆ พระอังคุฐลูบคลึงหลังหัตถ์นิ่ม

“พระเจ้าค่ะ”ค่อยๆ ดึงหัตถ์ตนออก

“ข้าไปหนา”ตรัสก่อนจักดำเนินออกจากตำหนักรับรอง จับจ้องเจ้าน้อยคู่หมายพระเนตรละห้อย




.
.
.



“บัวคิดถึงอ้อมพระกรของพระองค์เหลือเกินพระเจ้าค่ะ หลายราตรีที่ผ่านมาร่วมหลายเดือนมิมีอ้อมพระกรของพระองค์คอยกกกอดบัวนอนมิค่อยจักหลับเลยพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวตัดพ้อยามนอนซบพระอุระกว้าง แขนเรียวเสลากอดก่ายพระวรกายกำยำ

“มิได้กกกอดเจ้าเนื้อเย็น พี่ก็หลับได้มิเต็มตาเช่นกัน”โอบกอดร่างบางนุ่มนิ่ม เอียงพักตร์จูบขมับบาง

“...เจ้าพเยียก็คิดถึงพ่อพระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันแพ้ท้องเสียแทบทุกวัน”

“จริงหรือ เกเรเสียแล้วลูกพ่อ”

“ลูกคิดถึงพระเจ้าค่ะ หาได้เกเรไม่”

“พ่อก็คิดถึงเจ้าหนาพเยีย หากแต่เกเรเช่นนี้ แม่เจ้าจักเหนื่อยเอา”

“ได้เห็นพักตร์พระองค์หม่อมฉันกับลูกก็หายเหนื่อย เป็นเด็กดีเช่นเดิมแลพระเจ้าค่ะ”

“ออดอ้อนเช่นนี้ จักทำให้พี่รัก พี่หลงเกินไปแล้วหนา”

“ดีแล้วพระเจ้าค่ะ...หลงลูก หลงเมีย มิผิดดอก”

“ฮะฮ่าๆๆ ร้ายนัก...หากแต่ข้าก็รัก”



.
.
.



   อรุณนี้เจ้าบัวงามตื่นขึ้นก่อนผู้เป็นภัสดา หัตถ์บางลูบแผ่วเบาตามต้นพระหนุ ก่อนจักกดจูบบนพระปรางที่มีไรพระมัสสุขึ้นจนเขียวครึ้ม องค์จันทร์บรรทมสู่ห้วงนิทราลึก แลคงจักมิตื่นง่าย เนื่องด้วย เดินทางมาเหนื่อย เจ้าบัวงามประคองครรภ์ตนก้าวลงจากพระแท่นบรรทมอย่างเงียบเชียบ

“ถวายพระพรพระชายาพระเจ้าค่ะ”สายหยุดหมอบกราบเมื่อเจ้าบัวงามเปิดบานทวารห้องบรรทมออกมา

“จ้ะ...”

“ทรงล้างพระพักตร์ก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”ประคองอ่างทองเหลืองใบใหญ่ถวายคนเป็นนาย เจ้าบัวงามกวักน้ำลอยดอกมะลิขึ้นล้างพักตร์ แลบ้วนพระโอษฐ์ รับกิ่งข่อยจิ้มเกลือจากสายหยุดมาสีพระทนต์

“...พี่สายหยุด”ตรัสเรียกคนสนิทเมื่อวางผ้าซับพระพักตร์ลงบนพานทอง

“พระเจ้าค่ะ”

“พี่สายหยุดไปสวนพฤกษาเป็นเพื่อนข้าทีหนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นไปกันเถิดจ้ะ”

“ทรงไปทำกระไรที่สวนพฤกษาพระเจ้าค่ะ”ประคองนายพลางถาม

“ข้าจักไปเก็บดอกบัวมาถวายให้องค์จันทร์ท่าน”

“ให้บ่าวมาเก็บก็ได้พระเจ้าค่ะ”

“ข้าอยากมาเอง”

“พระเจ้าค่ะ...เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักไปเอาตะกร้ามาให้หนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“ทรงรอสายหยุดประเดี๋ยวหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”




   สายหยุดรีบวิ่งกลับไปเอาตะกร้าหวายใบเล็ก ก่อนจักรีบกลับมาประคองเจ้าบัวงาม เพลานี้พระชายาทรงตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว พระครรภ์ยื่นออกมาจนเห็นได้ชัด สายหยุดประคองพระชายามาจนถึงสวนพฤกษา

“ภุชงค์...”เจ้าบัวงามตรัสทักพระเชษฐา

“เจ้าบัวงาม”ดำเนินเข้าช่วยสายหยุดประคองอนุชา

“มาทำกระไรที่สวนพฤกษาแต่เช้าหรือพระเจ้าค่ะ”

“แลน้องมาทำกระไรที่สวนพฤกษาแต่เช้าเล่าเจ้าบัว”

“บัวมาเก็บดอกบัวไปถวายองค์จันทร์ท่านพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ”

“แลภุชงค์เล่าพระเจ้าค่ะ ยังมิตอบน้องเลยว่ามาทำกระไร”ปกติองค์รัชทายาทมิเคยเสด็จสวนพฤกษาตั้งแต่ย่ำรุ่งเช่นนี้ดอก

“...พี่...พี่มาเก็บดอกแก้ว”

“ดอกแก้วหรือพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“เก็บไปทำกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“...พี่มาเก็บไปให้เจ้าน้อยแสงแรก”

“ทรงเสด็จสวนพฤกษาตั้งแต่ย่ำรุ่งเพื่อเก็บดอกแก้วไปให้เจ้าน้อยแสงแรก.....”เจ้าบัวหรี่พระเนตรจับผิดพระเชษฐา

“.....”

“ใยจึงมองพี่เช่นนี้เล่าน้อง”

“ทรงชอบพอเจ้าน้อยหรือพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“ภุชงค์”

“...พี่ชอบพอเจ้าน้อยแสงแรก”

“.....”

“เจ้าน้อยแสงแรกมิเหมือนองค์สินดอกหนา...เจ้าน้อยน่าสงสารนัก”

“ทรงชอบพอเจ้าน้อย เพราะ สงสารหรือพระเจ้าค่ะ”

“...พี่ชอบพอเจ้าน้อย แต่หาใช่เพราะความสงสารไม่”

“.....เอาเถิดพระเจ้าค่ะ บัวมิยุ่งดอก”เจ้าบัวงามตรัส

“...เยี่ยงนั้นพี่เก็บดอกบัวให้หนาเจ้า กำลังท้องกำลังไส้มิดีใกล้น้ำ ใกล้ท่า ตกลงไปจักอันตราย”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”



.
.
.


“ทรงตื่นแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”

“ไหนมาหรือเจ้า”

“บัวไปเก็บดอกบัวมาถวายพระองค์พระเจ้าค่ะ”ตรัสก่อนจะพยักพระพักตร์ให้ข้าหลวงถืออ่างทองเหลืองบรรจุน้ำลอยกลีบดอกบัวสีชมพู แลข้าหลวงอีกคนถือพานทองที่มีดอกบัวหลวงดอกตูมวางบนซับพระพักตร์สีขาวสะอาดตามหลังพระชายาเข้ามาในห้องบรรทม

“ขอบใจพวกเจ้ามาก วางไว้ แลออกไปก่อนเถิด”

“เพคะพระชายา”

“...ล้างพระพักตร์ก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”ปรนนิบัติล้างพักตร์ให้องค์จันทร์ด้วยน้ำลอยกลีบบัว หัตถ์ขาวคว้าซบพระพักตร์เนื้อนุ่มซับหยาดน้ำบนพักตร์งามแผ่วเบา

“...คราหลังมิต้องลำบากไปเก็บดอกบัวถึงสระหลวงดอก แค่บัวงามดอกนี้ดอกเดียวก็พอแล้ว”ตรัสพลางรวบเอวคอดเอวเข้ากอด พระนาสิกหอมลาดอังสะขาวเนียน หยิบบัวดอกตูมไล้ไปตามซอกคอขาว ต่ำลงมาที่ขอบผ้าแถบ

“ฝ่าบาท...”เจ้าบัวงามหน้าม้าน

“หึหึหึ พเยีย...วันนี้เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก”ตรัสถามพลางดอกบัวตูมไล้เบาๆที่ครรภ์ยื่น

“วันนี้เจ้าพเยียเป็นเด็กดีพระเจ้าค่ะ มิเกเรแล้ว”เจ้าบัวตรัส อมยิ้มพลางลูบครรภ์ตนเบาๆ

“ดีมากเจ้าพเยียลูกพ่อ”โน้มพระพักตร์ลงจูบที่ครรภ์เมียแผ่วเบา ทะนุถนอมคนที่อยู่ในครรภ์

“ฝ่าบาท”เจ้าบัวลูบเบาๆที่หลังพระศอ

“.....”ซบพระพักตร์กับซอกคอหอมกรุ่นของเมียอย่างออดอ้อน พระหัตถ์ก็สอดประสานพระองคุลีกับหัตถ์เจ้าบัว เจ้าบัวแย้มยิ้มหวานซบดวงหน้างามลงบนกลุ่มพระเกศาสีปีกกา

“...ผลัดฉลองพระองค์เถิดพระเจ้าค่ะ มื้อเช้านี้จักต้องเสด็จไปรับสำรับที่ตำหนักหลงพร้อมเสด็จพ่อ เสด็จแม่ แลภุชงค์”เจ้าบัวเงยพักตร์ขึ้นเมื่อเพลาผ่านไปได้สักครู่

“จ้ะ”



.
.
.



   หลังพระกายาหารเช้าแล้วแล้ว ก็ถึงเพลาที่เจ้าน้อยแสงแรกจักแนะนำองค์เองอย่างเป็นทางการกับพระชายาชมนาด พระมารดาของพระคู่หมายแล้ว

“ถวายพระพรพระชายาชมนาดพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมีนามว่าแสงแรก...มีฐานันดรเป็นเจ้าน้อยแค้วนการเวกพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบหน้าตั่งทอง

“เจ้าน้อยการเวก...โอรสต่างมารดากับองค์สิน?”

“...พระเจ้าค่ะ มารดาหม่อมฉันเป็นสนมเอกในองค์สิงห์พระเจ้าค่ะ”

“.....”เจ้าชมนาดพยักพระพักตร์น้อยๆ

“.....”

“...เจ้าภุชงค์”

“พะย่ะค่ะ เสด็จแม่”องค์รัชทายาทขานรับคำพระมารดาหนักแน่น

“ใคร่อยากจักให้มีพิธีอภิเษกเมื่อใด”แม้ลูกจักบอกแล้วว่ามิใคร่จักบังคับใจเจ้าน้อยต่างเมือง หากแต่เจ้าชมนาดก็ใคร่อยากถามให้ได้ความอีกคราพร้อมหน้าทั้งสองคน

“.....”เจ้าแสงที่หมอบกราบอยู่ถึงกับหายพระทัยสะดุด แลก้มพักตร์ลงต่ำกว่าเดิม

“...ลูกมิใคร่ฝืนใจเจ้าน้อยพะย่ะค่ะ”

“.....”

“ลูกใคร่อยากให้เจ้าน้อยเต็มใจอภิเษกกับลูก มิใคร่บังคับฝืนใจพะย่ะค่ะ”

“...จักรอไปก่อนเยี่ยงนั้นหรือ”

“พะย่ะค่ะ”

“...ว่าอย่างไรเจ้าน้อยแสงแรก”

“หม่อมฉัน...เห็นด้วยกับองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะ”

“...ยังมิใคร่แต่งกันตอนนี้สิหนา”

“พะย่ะค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ตามใจเจ้าทั้งสองเถิด...หากพร้อมใจใคร่แต่งกันเมื่อใด ก็ให้มาบอกข้าก็แล้วกัน”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ พระมารดา”



.
.
.


“เดินเล่นอีกสักพัก แลกลับตำหนักหนาน้อง...กำลังท้องไส้เดินมากๆ มิดี”องค์จันทร์ตรัสขณะโอบเอวของเจ้าบัวงามดำเนินชมสวนพฤกษา

“พระเจ้าค่ะ”รับพระบัญชาอย่างว่าง่าย

“เก่งมากเด็กดี”หอมกลุ่มเกศานุ่มเป็นรางวัล

“...นั่น ภุชงค์นี่พระเจ้าค่ะ”มิไกลนักก็ทอดพระเนตรเห็นพระเชษฐา แลเจ้าน้อยต่างเมืองเข้ามาในคลองจักษุ

“คงจักพาเจ้าน้อยแสงแรกชมรอบวัง แลสวนพฤกษากระมัง”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามขานรับ หากแต่นัยน์ตากวางยังคงจับจ้องภาพเบื้องหน้า พระเชษฐาทรงเด็ดช่อดอกแก้วให้เจ้าน้อยการเวกที่พนมหัตถ์ไหว้อย่างอ่อนช้อย พระพักตร์เจ้าภุชงค์ทอประกายบางอย่างที่เจ้าบัวมิเคยเห็นมาก่อน ดวงพระเนตรจับจ้องเจ้าแสงแรก พลางแย้มพระโอษฐ์น้อยๆ

“...หืม จ้องกระไรเจ้า”

“บัวมิเคยเห็นเสด็จพี่ภุชงค์แสดงสีพระพักตร์เช่นนี้มาก่อน”

“แลมันดีหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ...บัวคิดว่า...”

“...ว่ากระไร”

“คิดว่าเสด็จพี่ภุชงค์คงจักมีความรักเป็นแน่พระเจ้าค่ะ”

“...พี่ก็เพิ่งจักรู้”

“พระเจ้าค่ะ?”

“พี่ก็เพิ่งจักรู้ว่าเมียพี่...”

“.....”

“เป็นศิราณีหรือเจ้า”ทรงตรัสเย้าแหย่

“ฝ่าบาท...บัวมิใช่ศิราณีพระเจ้าค่ะ บัวก็แค่พูดตามที่เห็น”ดวงหน้างามง้ำงอ

“...พี่หยอกดอกเจ้า...ไป กลับตำหนักกันเถิด ประเดี๋ยวพี่จักให้สายหยุดนำผลหมากรากไม้มาให้”ตรัสอย่างเอาอกเอาใจคนท้อง

“พระเจ้าค่ะ”



.
.
.


“เจ้าบัวงาม”

“พระเจ้าค่ะ”

“เรื่องการเวกก็จัดการเรียบร้อยแล้ว...เห็นทีเราคงจักต้องกลับศศิมณฑลแล้วกระมัง”

“กลับศศิมณฑลหรือพระเจ้าค่ะ”

“...นี่ก็หลายเดือนเข้าให้แล้ว พี่เป็นห่วงเสด็จแม่ศศิธร”

“นั่นสิพระเจ้าค่ะ บัวก็เป็นห่วงเสด็จแม่ท่าน...แลเราจักกลับศศิมณฑลเมื่อใดพระเจ้าค่ะ”

“มินานดอกเจ้า...”

“พระเจ้าค่ะ”




หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๐ ๑๕.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 15-06-2018 15:57:29
 :mew1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๐ ๑๕.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-06-2018 01:12:27
กำลังสนุกเลย
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๐ ๑๕.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 17-06-2018 10:59:13
ตอนใหม่มาแล้ววว ..  :mew1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๐ ๑๕.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 18-06-2018 22:44:18
ีรอตอนต่อไปหนาเจ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 26-06-2018 17:03:33

บัวหลงจันทร์ ๒๑


“แลเยี่ยงนั้นจักเดินทางกันเมื่อใด...”เจ้าชมนาดตรัสถามโอรสองค์เล็ก แลชามาดา

“อีกห้าวันพะย่ะค่ะเสด็จแม่ชมนาด”องค์จันทร์ตรัสตอบพระสัสสุ

“เจ้าบัวงาม”

“พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”

“ให้องค์จันทร์กลับไปองค์เดียวดีหรือไม่ลูก กำลังท้องกำลังไส้มิดีเดินทางดอกลูก”

“เสด็จพี่...”เจ้าชมนาดตรัสปรามเสียงอ่อน

“ก็มันจริงนี่น้อง”

“หากมิเร่งรีบเดินทาง ค่อยเป็นค่อยไปก็มิมีอันตรายดอกพระเจ้าค่ะ...แต่หากให้ลูกต้องห่างอกภัสดา มิแคล้วได้ตรอมใจเป็นแน่”

“.....”ตรัสมิออกเนื่องด้วยที่เมียพูดมาเป็นความจริงล้วนๆ

“คิดถึงตอนที่หม่อมฉันต้องห่างพระองค์ตอนตั้งครรภ์เจ้าภุชงค์ แลเจ้าบัวดูหนาพระเจ้าค่ะ ว่าเราสองคนทรมานเพียงใด”

“ก็ได้ๆ พี่ยอมแล้วเจ้า”

“เอาไว้เจ้าคลอดเมื่อใดพ่อ แม่ แลพี่เจ้าจักไปหาที่ศศิมณฑลหนาลูก”

“พระเจ้าค่ะเสด็จแม่”

“เยี่ยงนั้นแม่จักให้ข้าหลวงเตรียมเสบียงให้หนาลูก”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะเสด็จแม่ชมนาด”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะเสด็จแม่”องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามหมอบกราบบิดา แลมารดาที่ประทับอยู่บนตั่งทอง

“ไปพักผ่อนเถิดลูก คนท้องคนไส้ต้องพักมากๆ”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“อีกห้าวันจักกลับศศิมณฑลแล้วหรือพะย่ะค่ะ”ภุชงค์ตรัสถามองค์จันทร์ขณะที่ประทับอยู่ในศาลาริมสระหลวงพร้อมด้วยเจ้าบัวงาม แลเจ้าแสงแรก

“...ทิ้งบ้านทิ้งเมืองมานาน แลเป็นห่วงพระมารดาศศิธรท่านด้วย”องค์จันทร์พยักพระพักตร์ แลตรัสตอบ

“พะย่ะค่ะ หากเจ้าบัวคลอดเมื่อใดคงได้พบกันอีก”เจ้าภุชงค์ตรัสกับภัสดาน้อง จากนั้นจึงได้ตรัสหารือเรื่องการบ้านการเมือง พลางจิบพระสุธารสชาไปด้วย



   ส่วนทางด้านเจ้าบัวงาม แลเจ้าน้อยแสงแรกที่ประทับอยู่อีกมุมหนึ่งของศาลาก็กำลังกรองมาลัยถวายตำหนักศาสน์ เจ้าบัวกรองดอกไม้ใส่เข็มไปพลางลอบทอดพระเนตรเจ้าน้อยแสงแรก คู่หมายของพระเชษฐาไปด้วย เจ้าแสงแรกที่รู้องค์เองว่าถูกจ้องมองจึงเงยพักตร์ขึ้น เมื่อได้สบนัยน์ตากวางที่ทอดพระเนตรมองมาก็หลบพระเนตรวูบอย่างเกรงกลัว

“...กลัวข้าดอกหรือ”พระสุรเสียงหวานของเจ้าบัวงามที่ตรัสออกมาทำเอาสายหยุด ชงโค แลยี่หุบหยุดมือที่กรองมาลัยขึ้นมองนายตัว

“..มะ มิได้พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัสตอบ หากแต่ยังมิยอมเงยพักตร์ขึ้นมองคู่สนทนา

“มิต้องกลัวข้าดอก...ข้าเองก็พอจักแยกแยะออกว่าเจ้ากับองค์สินมันคนละคน”

“.....”

“แม้พี่ชายเจ้าจักทำเลวกับข้าไว้มากก็ตาม”กระนั้นก็อดตรัสแขวะมิได้

“...หม่อมฉันกราบขออภัยแทนองค์สินท่านด้วยพระเจ้าค่ะ”วางมาลัยลงบนพานทอง แลพนมหัตถ์ไว้กลางอุระ ค้อมเศียรไหว้เจ้าบัวงาม

“...ช่างเถิด”เจ้าบัวว่าอย่างมิใส่พระทัย แล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไปก็แล้วกัน

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“แลปีนี้อายุเท่าใดแล้ว”วางมาลัยลงบนพานทอง พูดคุยให้เป็นเรื่องเป็นราว

“ปีนี้หม่อมฉันอายุ ๑๖ ย่าง ๑๗ แล้วพระเจ้าค่ะ”

“อ่อนกว่าข้าปีหนึ่งย่างสองปีกระมัง”

“พระเจ้าค่ะ”

“มิต้องมากพิธีกับข้าก็ได้..เจ้าแสง”

“.....”

“ข้าเรียกเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะพระชายา”

“...เรียกข้าว่าพี่บัวก็ได้”

“.....”

“เรียกเถิด ข้าเป็นบุตรคนสุดท้องมิมีน้องมีนุ่ง หากเจ้ามิรังเกียจก็มาเป็นน้องข้าจักไดหรือไม่”

“มิได้พระเจ้าค่ะ..หม่อมฉันหาได้รังเกียจพี่บัวไม่ เป็นพระกรุณานักพระเจ้าค่ะที่เมตตาแสง”

“ดีแล้ว เสียดายที่อีกห้าวันข้าก็จักต้องกลับศศิมณฑลแล้ว”

“.....”

“ไว้บอกเสด็จพี่ภุชงค์ท่านให้พาไปหาข้าที่ศศิมณฑลบ้างหนาเจ้าแสง”

“พระเจ้าค่ะ”

“...ข้าได้ยินเสด็จพ่อ แลภุชงค์ท่านว่าเจ้ามีรสมือดีนัก จักลำบากเจ้าหรือไม่หากข้าใคร่อยากลิ้มรสมือเจ้าบ้าง”

“มิได้พระเจ้าค่ะ พี่บัวใคร่อยากเสวยกระไรพระเจ้าค่ะ แสงจักทำถวาย”

“อืม...กำลังท้องกำลังไส้ข้าใคร่อยากกินกระไรที่มีรสเปรี้ยว”เจ้าบัวว่า

“เช่นนั้นน้ำพริกปลาย่างดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ดี...ข้าใคร่อยากกินปลาย่าง”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักทำใส่สำรับถวายพระกายาหารเย็นหนาพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนาเจ้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“นี่ก็ใกล้เย็นแล้วเจ้าจักลงห้องเครื่องเลยหรือไม่ ข้าจักได้ไปช่วย”

“มิได้พระเจ้าค่ะ พี่บัวกำลังตั้งครรภ์ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักลงห้องเครื่องกับยี่สุ่น แลชงโคเองพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไรดอกให้ข้าไปเถิด ช่วยหยิบๆ จับๆ กระไรบ้างก็ยังดี หนาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”เมื่อถูกออดอ้อนก็ได้แต่ตกปากรับคำไปแต่โดยดี

“พี่สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะพระชายา”

“ไปทูลองค์จันทร์ให้ข้าทีว่าข้าจักลงห้องเครื่องกับเจ้าแสง”

“พระเจ้าค่ะ”

“ส่วนพวกเจ้านำมาลัยที่ข้า แลเจ้าแสงกรองแล้วแล้วไปถวายตำหนักศาสน์ให้ที”

“เพคะ”

“จักลงห้องเครื่องหรือเจ้าบัว”เจ้าบัวงามผินพักตร์ไปตามพระสุรเสียงของภัสดา

“พระเจ้าค่ะ บัวจักลงห้องเครื่องกับเจ้าแสง”

“ไหวหรือเจ้า ท้องโตเยี่ยงนี้”วางพระหัตถ์ลงบนหน้าท้องกลมโตของเมียรัก ลูบเบาตอบรับเท้าน้อยๆ ของเจ้าพเยียที่ถีบทักทายบิดา

“ไหวพระเจ้าค่ะ มิต้องกังวลดอก”

“เยี่ยงนั้นหากเมื่อยขบจักต้องหยุดทันทีหนา”

“พระเจ้าค่ะ”



.
.
.



“ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักย่างปลาก่อน แลจักให้ยี่สุ่นเตรียมเครื่องสมุนไพร”

“เยี่ยงนั้นข้าจักคั้นน้ำมะขามให้”

“พระเจ้าค่ะ”



เจ้าแสงแรกจัดการย่างปลาโดยมีชงโคห้องเครื่องช่วยหยิบจับ ส่วนยี่สุ่นก็เตรียมเครื่องสมุนไพรให้คนเป็นนาย ด้านเจ้าบัว แลสายหยุดก็คั้นน้ำมะขามรอ

“พี่สายหยุดให้ข้าทำบ้างเถิด”เจ้าบัวงามที่คิดไว้ว่าจักมาช่วย กลบกลายเป็นว่าสายหยุดทำเองทั้งหมดมิยอมให้เจ้าบัวงามได้หยิบได้จับกระไรเสียเลย

“สายหยุดเป็นห่วงพระองค์นี่พระเจ้าค่ะ ทรงประทับเถิดพระเจ้าค่ะประเดี๋ยวสายหยุดจักทำให้เอง”

“หึหึหึ ข้าทำไหวดอกน่าพี่สายหยุด อย่าห่วงนักเลย ขอบใจหนาจ๊ะ”ยกหัตถ์ลูบแก้มคนสนิทเบาๆ อย่างเอ็นดู



.
.
.



“ได้ยินว่าวันนี้เจ้าบัว แลเจ้าแสงลงห้องเครื่องทำสำรับมื้อเย็นหรือ”องค์ภุมรินตรัสถามเมื่อพร้อมหน้ากันในพระกายาหารเย็น

“สำรับวันนี้เป็นรสมือเจ้าแสงพระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ ลูกลงห้องเครื่องแต่หาได้หยิบจับกระไรไม่ พี่สายหยุดมิยอมให้ลูกจับต้องเสียเลย”

“หึหึหึ สายหยุดคงจักเป็นห่วงเจ้ากระมัง”

“คิกๆ พระเจ้าค่ะ”

“อืม...เจ้าทำเองทั้งสำรับเลยหรือเจ้าแสง”เจ้าชมนาดเปิดฝาถ้วยเบญจรงค์ในสำรับ มีกับข้าวสามอย่าง แลเครื่องเคียงอีกหลายอย่างทีเดียว

“พระเจ้าค่ะ หากแต่ก็มีคนสนิท แลข้าหลวงช่วยหยิบจับ”

“.....”เจ้าชมนาดพยักพักตร์ก่อนจักป้อนภัสดาก่อนจึงได้เสวยบ้าง รสชาติที่ได้รับทำเอาพระมารดาแห่งภุมริกาชะงัก ปลาย่างรสหวานมัน เสวยแกล้มน้ำพริกหอมกลิ่นสมุนไพรขึ้นพระนาสิก ไหนจักเนื้อปลาสีขาวนวลชุ่มฉ่ำที่มิได้ถูกเผาจนแห้งกระด้าง เข้ากันกับผักเคียง

“เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าชมนาด รสมือเจ้าแสงถูกปากเจ้าหรือไม่”องค์ภุมรินทรงตรัสถามเมียคู่ทุกข์คู่ยาก แม้จักรู้แก่พระทัยว่าเจ้าชมนาดพึงพอใจรสมือของเจ้าแสงเป็นอย่างมาก

“...พระเจ้าค่ะ รสมือเจ้าแสงดีเลิศดังที่พระองค์ แลเจ้าภุชงค์ว่า”เหลือบมองพักตร์ว่าที่สุณิสาที่รอคำตอบจากตนอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนจักตรัสตอบพระภัสดา

“หึหึหึ หากถูกปากก็กินมากๆ หนาน้อง”

“พระเจ้าค่ะ”
 


.
.
.



หลังจากแล้วมื้อเย็น องค์จันทร์ก็พาเจ้าบัวงามที่ท้องโตกลับตำหนักก่อน ในขณะที่พระองค์ที่เหลืออยู่พูดคุยกันที่ตำหนักหลวง

“พเยียดิ้นเก่งจริงเจ้า ดิ้นแรงเยี่ยงนี้แม่เจ้าจักเจ็บเอาหนา”องค์จันทร์ตรัสกับหน้าท้องกลมของเจ้าบัวพลางแนบพระโอษฐ์เบาๆลงไป

“คงจักซนน่าดูเลยหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามที่ประทับพิงหมอนขิดตรัส

“หึหึหึ นั่นหนาสิ”องค์จันทร์พยักพระพักตร์อย่างเห็นด้วย ก่อนจักไล่แนบพระโอษฐ์ตามรอยเท้าของเจ้าพเยียที่ถีบท้องมารดาจนเห็นเป็นรูปเป็นร่าง

“อะ โอย...”เจ้าบัวร้องพลางลูบท้องตนราวกับปลอบให้เจ้าตัวน้อยในครรภ์หยุดคึก

“เจ็บหรือเจ้า”

“จุกพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวตรัสตอบพลางหายพระทัยเข้าออกยาวๆ

“พี่ขอโทษหนาเจ้าบัว...เจ้าพเยียมิเล่นแล้วหนาลูกแม่เจ้าเจ็บไปหมดแล้ว พอก่อนหนาคนดี”เป็นเพราะพระองค์แหย่ลูกให้คึกเช่นนี้เมียจึงได้เจ็บตัว

“บัวใคร่อยากเจอหน้าลูกเสียแล้วพระเจ้าค่ะ”

“พี่ก็ใคร่อยากเห็นหน้าลูกแล้วเช่นกันเจ้า ว่าจักงามเหมือนเจ้าหรือไม่”

“.....”เจ้าบัวงามดวงหน้าแดงระเรื่อ หัตถ์นุ่มประคองพระพักตร์องค์จันทร์ก่อนจักแนบโอษฐ์นุ่มลงบนพระปรางขาวของพระภัสดา

“หึหึหึ”องค์จันทร์ทรงสรวลในพระศอก่อนจักยืดพระวรกายขึ้น พระหัตถ์อุ่นข้างหนึ่งประคองท้ายทอยน้องน้อยไว้ แลแนบพระโอษฐ์ลงบนกลีบปากนุ่มหยุ่น มอบจุมพิตรสหวานละมุนให้เจ้าคนงาม ส่วนพระหัตถ์อีกข้างก็กอบกุมเต้าเป็นกระเปาะเคล้นเบาๆ ผ่านผ้าแถบเนื้อนุ่ม

“อึก...อือ บัวเจ็บพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามถอนจุมพิตออก ปัดพระหัตถ์พระภัสดาออก

“เจ็บหรือเจ้า...เจ็บที่ใดกัน”องค์จันทร์กวาดพระเนตรทั่วร่างเมีย

“บัวเจ็บหน้าอกพระเจ้าค่ะ”ตรัสเสียงแผ่ว

“เจ็บหน้าอกหรือ”มิตรัสเปล่า แก้ผ้าแถบของเจ้าบัวออก เผยให้เห็นเต้าเป็นกระเปาะ แลเม็ดบัวสีหวานที่บวมตึง

“อะ อือ บัวเจ็บ”สะดุ้งตัวโยนเมื่อพระภัสดาแตะปลายพระองคุลีลงบนยอดถันตึง

“ตามหมอหลวงดีหรือไม่”

“ฮึก...”พยักหน้าน้อยๆ นัยน์ตากวางคลอน้ำ

“...สายหยุด”

“พระเจ้าค่ะฝ่าบาท”

“ตามหมอหลวงมาที”

“...พระเจ้าค่ะ”

“รอก่อนหนาคนดี”ตรัสปลอบพลางกดพระนาสิกกับปรางนวล เจ้าบัวงามเอนกายซบพักตร์กับพระอังสะกว้าง

“เกิดกระไรขึ้นเจ้าบัวงาม...องค์จันทร์”เจ้าชมนาดที่แวะมาดูลูกที่ตำหนักตรัสถามพักตร์ตื่น เมื่อเห็นข้าหลวงวิ่งวุ่น

“เสด็จแม่ชมนาด น้องบัวเจ็บหน้าอก แลยอดถันพะย่ะค่ะ หม่อมฉันให้สายหยุดไปตามหมอหลวงแล้ว”

“...มิต้องตามหมอหลวงดอกลูก”

“.....”

“.....”

“ตอนแม่ท้องเจ้าบัวแม่ก็เป็น...คนท้องคนไส้ก็เช่นนี้แล”

“มิมีอันตรายใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”

“มิมีดอก แต่หากองค์จันทร์ใคร่อยากสบายพระทัยให้ท่านหมอตรวจก็ได้”

“พะย่ะค่ะ”



.
.
.



“มิมีกระไรผิดปกติพะย่ะค่ะฝ่าบาท...อาการเจ็บคัดหน้าอกนั้นเป็นธรรมดาของคนท้องพะย่ะค่ะ”หมอหลวงกราบทูลเจ้าหลวงต่างแคว้นที่โอบประคองเจ้าน้อยไว้แนบพระอุระ แลพระมารดา

“ขอบใจท่านหมอมาก”เจ้าชมนาดตรัส

“มิได้พะย่ะค่ะ”หมอบกราบ แลคลานเข่าออกจากห้องบรรทมไป

“...เอาล่ะ พักผ่อนกันเถิดลูก แม่มิกวนแล้ว”เจ้าชมนาดตรัส

“ขอบพระทัยเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่พะย่ะค่ะ”

“จ้ะ...เยี่ยงนั้นแม่ไปก่อนหนา ประเดี๋ยวพ่อเจ้าจักรอเอา”ตรัส แลเสด็จกลับตำหนักหลวงโดยมีคนสนิทประคอง

“สายหยุดไปพักเถิด มิมีกระไรแล้ว ประเดี๋ยวข้าจักดูแลเจ้าบัวเอง”

“พระเจ้าค่ะฝ่าบาท”

“พวกเจ้าก็ออกไปเถิด ข้าใคร่อยากอยู่ตามลำพังกับเจ้าบัว”

“เพคะ”

“ง่วงหรือยังเจ้า”เมื่อข้าหลวงออกไปจนหมดแล้วจึงได้ตรัสถามเมียรักที่พิงพระอุระ

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามช้อนนัยน์ตากวางสบพระเนตรเฉี่ยวคม แลตอบรับ

“เยี่ยงนั้นนอนหนาคนดี”ประคองร่างนุ่มนิ่มลงนอน เจ้าบัวงามที่ท้องโตแล้วจึงนอนตะแคงหันพักตร์เข้าหาพระภัสดาที่ทอดพระวรกายเคียงข้าง พระกรท้าวกับพระยี่ภู่ วางพักตร์ลงบนพระหัตร์

“.....”

“หลับให้สนิทหนาคนดี”ลูบกลุ่มผมนุ่มกล่อม มินานเจ้าบัวงามก็เข้าสู่ห้วงนิทรา องค์จันทร์จึงได้บรรทม



.
.
.



“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทพระเจ้าค่ะที่เสด็จมาส่งหม่อมฉัน”เจ้าแสงหมอบกราบเจ้าภุชงค์เมื่อรัชทายาทหนุ่มมาส่งตนที่ตำหนักทุกคืน

“มิเป็นไรดอกเจ้าแสง ลุกขึ้นเถิด”ประคองพาหาน้องน้อยให้ลุกขึ้น

“.....”เจ้าแสงก้มพักตร์ หลบพระเนตรของเจ้าภุชงค์ที่ทอดมองมา ดวงหน้างามแดงระเรื่อ

“เข้าไปพักผ่อนเถิด...หลับให้สนิทหนา”มิตรัสเปล่า พระโอษฐ์ฉกวูบแตะที่กรรณขาวแผ่วเบาราวขนนกปลิวผ่าน

“.....”เจ้าแสงตกพระทัยตัวเกร็งเรียกรอยสรวลจากเจ้าภุชงค์ หากแต่ก็มิได้รุกหนักให้น้องน้อยเตลิด จึงต้องจำพระทัยปล่อยร่างนุ่มนิ่มออกจากพระหัตถ์ แลเสด็จกลับตำหนักตน เหลือบพระเนตรไปมองก็ทอดพระเนตรเห็นคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงปรี่เข้ามาประคองพระกรนายตนซ้ายขวาก็ปล่อยเสียงสรวลจนองครักษ์ประจำพระองค์ แลผู้ติดตามมองด้วยความแปลกใจ

“เจ้าน้อย...เสด็จเข้าตำหนักก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวถูกน้ำค้าง แลจักประชวรเอาได้”ชงโคทูลนายตนที่ประทับยืนค้างตั้งแต่ที่องค์รัชทายาทคู่หมายแตะพระโอษฐ์ลงบนพระกรรณเล็ก

“อะ อื้อ”เจ้าแสงพยักพักตร์พลางก้าวตามแรงจูงของคนสนิททั้งสอง



.
.
.


จ๋อม~


ชงโค แลยี่สุ่นวักน้ำรดลงบนพระกรเรียวเสลาของเจ้าน้อยค่อยๆ ขัดถูเบาๆ พลางเหลือบมองพระพักตร์งามของเจ้าน้อยที่ซีด สลับแดง

“เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ...”

“หะ..หืม”

“ทรงประชวรหรือไม่พระเจ้าค่ะ ยี่สุ่นเร่งมือเข้าเถิด เจ้าน้อยแช่น้ำนานไปจักมิดี”

“อืม”



   หลังจากเร่งมือสรงน้ำให้เจ้าน้อยแล้ว คนสนิททั้งสองก็ลงเครื่องหอมประทินพระฉวีให้เจ้าแสง เจ้าแสงแรกประทับนิ่งเป็นตุ๊กตา พระทัยทรงลอยไปหาองค์รัชทายาทคู่หมายที่อยู่อีกตำหนักถึงไหนต่อไหน องค์ภุชงค์ทรงเอาอกเอาใจเสียจนเจ้าแสงหวั่นไหว ไหนจักดอกแก้วแทนใจที่ทรงประทานให้ทุกคืนอีก

“เจ้....เจ้าน้อย...เจ้าน้อยพะเจ้าค่ะ!!”ยี่สุ่นเพิ่มเสียงจนเจ้าแสงแรกสะดุ้งหลุดจากภวังค์

“หะ หืม ยี่สุ่น”

“ทรงเป็นกระไรหรือไม่พระเจ้าค่ะ...”

“.....”ก้มพักตร์หลบตาคนสนิท

“หม่อมฉันว่าทรงบรรทมเถิดพระเจ้าค่ะ คืนนี้มิต้องสวดมนต์ดอก”

“ข้ามิเป็นไร...ใคร่อยากสวดมนต์ก่อนนอน”

“แต่...”

“ข้ามิได้เป็นกระไรจริงๆ”

“.....”

“.....”

“พวกเจ้าเตรียมที่หลับที่นอนเถิด จักได้สวดมนต์กัน”

“พระเจ้าค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”



   หลังจากสวดมนต์แล้วแล้ว ยี่สุ่น แลชงโคก็จัดการปลดพระวิสูตรคลุมพระแท่นบรรทมโปร่งแสงลง ห่มผ้าคลุมพระองค์ลงบนพระวรกายบอบบางของเจ้าแสง

“ทรงพระสุบินดีหนาพระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”

“จ้ะ...”เมื่อคนสนิททั้งสองล้มตัวลงนอนบนพื้นปูผ้าแล้ว เจ้าแสงแรกจึงได้ลืมพระเนตรขึ้น นัยน์ตากลมโตทอดพระเนตรดอกแก้วสีขาวนวล ส่งกลิ่นหอมระรวยที่วางไว้ข้าพระเขนยพลางคิดถึงคนให้ มิรู้ว่าเมื่อใดที่ความหวั่นไหวเข้ามาแทนที่ความหวาดกลัว หัตถ์บางยกขึ้นขยุ้มอุระตัวเมื่อเกิดความรู้สึกคันยุบยิบในพระทัย พยายามข่มพระเนตรให้บรรทม หากแต่กว่าจักเข้าสู่ห้วงนิทราก็ผ่านไปแล้วค่อนราตรี






หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 26-06-2018 19:06:33
ก็จะเขินๆกันไป  :o8: :-[ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 27-06-2018 05:52:16
:กอด1: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-06-2018 09:32:55
รอเจ้าบัวคลอดน้า~
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 27-06-2018 12:24:37
น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 27-06-2018 16:36:57
น่ารักกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-06-2018 20:42:07
เขินตะวแดงกันไปเลย
เอาอีกๆ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-06-2018 21:35:04
อดทนต่อไปนะ พี่เขม 555555
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: yoyothaka ที่ 02-07-2018 18:15:15
ชอบสำนวนการแต่งและการใช้ภาษาของผู้เขียนมากค่ะ ให้กำลังใจและรอติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: yoyothaka ที่ 02-07-2018 18:19:29
ชอบสำนวนการแต่งและการใช้ภาษาของผู้เขียนมากค่ะ ให้กำลังใจและรอติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: imkhimaut ที่ 15-07-2018 11:28:22
ได้อ่านตอนของลูก ๆ แล้ววววว ><
ชอบมาก ๆ เลยค่ะ เจ้าน้อยก็น่ารักมาก ๆ  :hao5:
ติดตามเสมอนะคะ~~~
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 22-07-2018 03:00:52
รอเจ้าบัวกับเจ้าแสงอยู่นะจ๊ะ   :mew6:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: imkhimaut ที่ 10-08-2018 00:07:18
หน่องยังรออยู่นะเคอะะะะ ㅠㅠㅠㅠㅠ  :hao5:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 08-09-2018 11:31:18
รอค่า
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: imkhimaut ที่ 08-09-2018 15:06:26
ยังรออ่านอยู่นะคะ ;_____;
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 10-09-2018 01:51:39
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:  เดือนเก้าแล้ว  คนแต่งติดฝนอยู่ที่ไหนน้าาาา
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๑ ๒๖.๐๖.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: monkeytwin ที่ 29-09-2018 11:36:42
 :mew2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๒๙.๐๙.๖๑ หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 29-09-2018 16:05:26
บัวหลงจันทร์ ๒๒


   หลายวันก่อนกลับศศิมณฑลเจ้าบัวงามก็คลุกอยู่กับเจ้าน้อยจากการเวก ดูท่าพระชายาศศิมณฑลจักเห่อสหายใหม่มิน้อย เจ้าแสงแรกหรือก็ตามใจคนพี่ทุกอย่าง คนพี่ว่านกก็ว่านก คนพี่ว่าไม้ก็ว่าไม้ มิมีขัดพระทัย

“ทรงค่อยๆ ดำเนินหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกประคองเจ้าบัวงามที่แอ่นพระขนอง หัตถ์บางข้างหนึ่งโอบประคองครรภ์โต แลอีกข้างประคองกฤษฎีตนไว้

“อ อืม...เจ้าพเยียท่าจักตัวใหญ่น่าดู ท้องข้าหนักจวนจักเดินมิไหวแล้ว”

“ดีแล้วพระเจ้าค่ะ ตัวใหญ่ก็แสดงว่าแข็งแรง”เจ้าแสงว่า

“นั่นหนาสิ...คิกๆ”เจ้าบัวคิดตาม หากลูกข้าแข็งแรงก็จักดีมากๆ

“ค่ำนี้ทรงใคร่อยากเสวยกระไรพระเจ้าค่ะ แสงจักลงห้องเครื่องทำสำรับถวายพี่บัวเองพระเจ้าค่ะ”

“รสมือเจ้าดีเลิศนัก ทำกระไรมาข้าก็โปรดทั้งนั้นแล หากแต่มิต้องเหนื่อยลงห้องเครื่องเองดอกหนา”เจ้าบัวว่าพลางแย้มโอษฐ์อย่างเอ็นดูว่าที่พระเชษฐภคินี

“ทรงตรัสกระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะพี่บัว แสงมิเหนื่อยดอกพระเจ้าค่ะ ให้แสงได้ลงห้องเครื่องทำสำรับถวายหนาพระเจ้าค่ะ อีกมิกี่วันก็ต้องเสด็จกลีบศศิมณฑลแล้ว แสงใคร่อยากทำสำรับถวายพี่บัวพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด ขอบใจหนา”เจ้าบัวว่าพลางลูบปรางนวลของเจ้าแสงเบาๆ

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“วันนี้เจ้าแสงลงห้องเครื่องอีกแล้วหรือ”เจ้าชมนาดตรัสเมื่อได้ลิ้มรสสำรับพระกายาหารค่ำคำแรก

“พระเจ้าค่ะ พระมารดา”เจ้าแสงวางมือที่กำลังส่งเครื่องเสวยเข้าโอษฐ์ แลหมอบกราบตรัสทูลว่าที่พระสัสสุ

“อืม...รสมือเจ้าดีเลิศนัก เห็นทีวันนี้ข้าคงจักกินจนแน่นท้องเป็นแน่”เจ้าชมนาดพยักพักตร์น้อยๆ พลางปรนนิบัติป้อนพระภัสดา

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบพระชายาภุมริกา


.
.
.


   และแล้วก็มาถึงวันที่องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามต้องกลับศศิมณฑลแล้ว ขบวนเสด็จถูกตระเตรียมตั้งแต่สามวันก่อน พระชายาบัวงามพระครรภ์ใหญ่จวนให้ประสูติเช่นนี้จึงต้องเตรียมพร้อมให้มากที่สุด

“เดินทางปลอดภัยหนาเจ้าบัว องค์จันทร์”เจ้าชมนาดตรัสพลางยกหัตถ์ขึ้นลูบเกศานุ่มลื่นของโอรสองค์เล็กของตน

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ชมนาด”องค์จันทร์ตรัสพลางหมอบกราบพระสัสสุ แลพระสัสสุระ

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะเสด็จแม่”เจ้าบัวงามหมอบกราบมารดา พลางคลานเข่าเข้าไปกอดพระวรกายเล็ก

“เอาไว้เจ้าให้กำเนิดหลานพ่อเมื่อใด พ่อ แลแม่จักไปเยี่ยมที่ศศิมณฑลหนาลูก”องค์ภุมรินตรัสพลางลูบเกศานุ่มของโอรสในอ้อมกอดเจ้าชมนาด

“พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”

“พ่อจักขนของรับขวัญหลานไปให้เต็มเกวียนเชียวลูก”

“คิกๆ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามสรวลคิกคัก

“.....”ในขณะที่องค์จันทร์ทำเพียงยกมุมพระโอษฐ์ขึ้นเล็กน้อย ให้ตายเถิดพระสัสสุระท่านจักเห่อหลานมากเกินไปหรือไม่หนา

“เหลือไว้ให้ลูกหม่อมฉันกับเจ้าแสงบ้างหนาพ่ะย่ะค่ะ”จู่ๆ เจ้าภุชงค์คนพี่ก็ตรัสขึ้นทำเอาบิดา มารดา พระอนุชา พระเทวัน แลเจ้าแสงแรกที่อยู่ในท้องพระโรงชะงักงัน โดยเฉพาะเจ้าแสงแรกที่ประทับพับเพียบอยู่เฉยๆ ก็โดนพาดพิงถึง

“.....”

“.....”

“.....”

“.....”

“.....”

“ฮะ..ฮ่าๆๆๆ มิต้องกลัวดอกเจ้าภุชงค์ หากเป็นลูกเจ้าพ่อจักยกวังนี้ให้ทีเดียว”องค์ภุมรินสรวลแห้งๆ เหลือบพระเนตรลอบมองเจ้าน้อยการเวกที่ก้มพักตร์งุด จนพระหนุชิดพระอุระบาง ปรางนวล แลกรรณเล็กแดงก่ำราวกับถูกน้ำร้อนเดือดจัดลวกเอา

“หึหึหึ ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”เจ้าภุชงค์ยกหัตถ์พนมไหว้บิดา

“.....”เจ้าแสงแรกก้มพักตร์งุด สองหัตถ์น้อยขยุ้มผ้าโจงของตนแน่น ทรงตรัสกระไร ละ ลูกของพระองค์กับ...ขะ ข้าหนาหรือ เจ้าแสงคิดแลเขินอายจนหน้ามืด

“กระไรกันพระเจ้าค่ะเสด็จพี่ภุชงค์ ยังมิทันตบแต่งก็ดำริถึงตอนมีลูกแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามเย้าพระเชษฐาพลางส่งนัยน์ตากวางล้อเลียนพระเชษฐภคินี แต่เจ้าแสงแรกคงจักมิเห็น เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาซุกซ่อนพักตร์แดงก่ำจากสายตาคนทั้งท้องพระโรง

“หึหึหึ...เป็นถึงองค์รัชทายาทภุมริกาก็ต้องรู้จักวางแผนอนาคตไว้บ้างสิเจ้าบัว”ตรัสตอบพระอนุชา

“หากหม่อมฉันเป็นเจ้าแสงแรกคงจักดีใจน่าดูหนาพระเจ้าค่ะที่มีตนเองในอนาคตภัสดา”เจ้าบัวตรัส

“...ในอนาคตของพี่ก็มีเจ้า แลลูกเช่นกันหนาเจ้าบัวงาม”เมื่อได้สดับฟังที่เมียตัวน้อยตรัส องค์จันทร์จึงตรัสขึ้นให้เจ้าบัวได้อายม้วนซุกหน้ากับพระอุระของเจ้าชมนาด

“อะแฮ่ม....”องค์ภุมรินทรงพระกาสะขึ้นพลางทอดพระเนตรองค์จันทร์อย่างมิใคร่พอพระทัยที่กล้ามาหยอดคำหวานเจ้าบัวงามหน้าพระพักตร์ พระเนตรพระองค์ พยัคฆ์หวงลูกเช่นไรก็เช่นนั้นมิมีเปลี่ยน

“เอาล่ะๆ...ออกเดินทางเถิดองค์จันทร์ เจ้าบัวงาม ประเดี๋ยวจักค่ำมืดเสียก่อน”เจ้าชมนาดตรัส พลางก้มพักตร์ลงหอมขมับขาวของลูกในอ้อมอก

“เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ทรงดูแลองค์เองดีๆ หนาพระเจ้าค่ะ หากลูกให้กำเนิดหลานเมื่อใดจักให้องค์จันทร์ท่านส่งข่าวให้พระเจ้าค่ะ”

“จ้ะลูก...หากเจ้าให้กำเนิดหลานเมื่อใด แม่จักรีบไปรับขวัญทันที”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


   ขบวนเสด็จของเจ้าหลวงศศิมณฑล แลพระชายาออกจากภุมริกาอย่างค่อยเป็นค่อยไป องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามประทับบนเกี้ยวตัวเดียวกัน พระกรแกร่งโอบประคองร่างเมียท้องแก่ไว้แนบพระอุระมิห่าง พระหัตถ์ก็วางลูบบนครรภ์นูนโตปลอบลูกน้อย แลเมียรัก

“เป็นเยี่ยงบ้างเจ้าบัวงาม รู้สึกมิดีหรือไม่”องค์จันทร์ตรัสถามน้องน้อยในอ้อมพระกร

“มิได้พระเจ้าค่ะ บัวมิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ”เงยพักตร์ตรัสตอบพระภัสดา องค์จันทร์ก้มพักตร์สบนัยน์ตากวางก่อนจักประทับโอษฐ์ลงบนนาสิกโด่งรั้นเบาๆ

“หากรู้สึกมิดีรีบบอกพี่เลยหนาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ หากบัวรู้สึกมิดีจักรีบทูลพระองค์ทันทีพระเจ้าค่ะ”

“ดีแล้วเจ้า พี่ห่วงเจ้ามากหนา รู้ใช่หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ”

“การเดินทางครานี้คงจักต้องเวลานานกว่าปกติเสียหน่อย แต่คงมิเกินสามวันดอก”

“พระเจ้าค่ะ”

“คืนนี้คงจักต้องตั้งกระโจมพักแรมในป่า น้องเคยนอนค้างอ้างแรมในป่าหรือไม่เจ้าบัวงาม”

“บัวมิเคยนอนค้างอ้างแรมในป่าพระเจ้าค่ะ ตั้งแต่เกิดมาก็อยู่แต่ในรั้วในวัง หากจักไปค้างอ้างแรมนอกวังหลวงก็คงจักเป็นเรือนของเจ้าคุณตาพระเจ้าค่ะ”

“เรือนของเจ้าคุณตาหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“...จริงสิ เสด็จแม่ชมนาดท่านเป็นสามัญชนใช่หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ ก่อนจักตบแต่งเข้าวังหลวงเป็นสนมเอก เสด็จแม่ท่านเป็นสามัญชน”

“เป็นสามัญชน หากแต่ก็เป็นบุตรเศรษฐี ที่ร่ำรวยที่สุดทางตอนเหนือของภุมริกา ใช่หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ เจ้าคุณตาท่านเป็นเศรษฐีมีชื่อทางตอนเหนือของแคว้น ยิ่งเสด็จแม่ท่านเข้าวังได้เป็นพระชายาคนยิ่งรู้จักเจ้าคุณตามากยิ่งขึ้นพระเจ้าค่ะ”

“.....หึหึหึ พูดแจ้วเป็นนกขุนทองเชียวหนาเจ้า”ตรัสพลางจับปลายหนุแหลม แลเขย่าไปมา

“ฮื้อ...ก็ทรงชวนบัวคุยนี่พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...รู้หรือไม่ว่าตอนที่เจ้าเกิด พี่ได้มางานพิธีรับขวัญเจ้าด้วยหนา”

“จริงหรือพระเจ้าค่ะ”

“จริงสิเจ้า เสด็จพ่อเจ้าหรือหวงเจ้ามิต่างจากตอนนี้สักเท่าใด”

“คิกๆ...”

“พี่จำได้ว่าตอนนั้นพี่หอมปรางเจ้าด้วยหนา”

“จริงหรือพระเจ้าค่ะ”

“จริงสิ...เจ้าน้อยภุมริกาในห่อผ้าสีหวาน ปรางหอมนัก ตอนนั้นพี่สูดเข้าไปเต็มปอดเชียว”

“ทรงหื่นกามแต่เล็ก แต่น้อยเลยหนาพระเจ้าค่ะ”

“ประเดี๋ยวเถิด”

“คิกๆ”

“ตอนพี่หอมปรางเจ้า เสด็จพ่อภุมรินท่านแทบจักยกทัพมาตีศศิมณฑล”

“คิกๆ...กระนั้นเลยหรือพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ แต่แล้วอย่างไร ดูตอนนี้สิ...อีกมิกี่วันพยานรักของพี่ แลเจ้าก็จักออกมาลืมตาดูโลกแล้ว”

“...เสด็จพี่”

“พี่รักเจ้าหนาเจ้าบัว...ตีตราจองมาตั้งแต่ยังเป็นทารก แลวันนี้ก็ได้เจ้ามาเป็นแม่ของลูกจริงๆ”

“...หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ...มิคิดว่าการเลือกคู่โดยที่มิเต็มใจวันนั้น จักทำให้บัวมีพระองค์ในวันนี้  ต้องขอบคุณฟ้าฝนวันนั้นกระมังพระเจ้าค่ะ ที่ตกลงมาทำให้เราติดฝนอยู่ที่น้ำตกท้ายวังหลวง จนผิดผีได้ตบแต่งกันเช่นนี้”

“นั้นสิเจ้า...ขอบคุณโชคชะตา ฟ้าฝน พระพรหมท่านที่ดลบันดาลเจ้าให้มาเป็นคู่พี่”


.
.
.


   ผ่านไปหลายคืนวันที่เจ้าหลวง แลพระชายาเสด็จกลับมาถึงวังหลวงศศิมณฑล แลวันนี้ วังหลวงก็มีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้น ข้าหลวงตำหนักหลวงต่างวิ่งวุ่น เมื่อพระชายาบัวงามทรงเจ็บครรภ์  เจ้านายองค์น้อยกำลังจักประสูติแล้ว

“ฮึก....”เจ้าบัวงามทอดพระวรกายกับพระยี่ภู่ที่อยู่ในตำหนักประสูติ โดยมีสายหยุดคนสนิทค่อยปรนนิบัติดูแลอยู่มิห่าง

“พระทัยเย็นก่อนหนาพระเจ้าค่ะพระชายา”

“ฮึก...อื้อ...”

“ว้าย...พระชายาเพคะ อย่าเพิ่งเบ่งหนาเพคะ...ทรงรอหมองหลวงก่อนหนาเพคะ”ข้าหลวงแก่หวีดออกมาเมื่อพระชายาบัวงามทรงออกแรงเบ่ง

“มีใครไปตามฝ่าบาทหรือยัง”สายหยุดถามพลางใช้ซับพระพักตร์ซับพระเสโทบนพระพักตร์งาม

“ข้าให้ข้าหลวงไปตามแล้วเจ้าค่ะคุณสายหยุด”

“หมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะคุณสายหยุด”ข้าหลวงสาววิ่งหน้าตั้งเข้ามาในตำหนักประสูติ

“แลน้ำร้อนเล่า”

“เตรียมไว้หมดแล้วเจ้าค่ะคุณสายหยุด”


.
.
.


“กระไรหนาเจ้าบัวงามเจ็บท้องคลอดลูกแล้วหรือ”เมื่อกลับจากภุมริกาก็ทรงออกว่าราชการทุกวันมิได้ว่างเว้น เนื่องจากทิ้งบ้านทิ้งเมืองไปนาน

“พ่ะย่ะค่ะ ข้าหลวงมาแจ้งข่าวให้ว่าพระชายาทรงเจ็บครรภ์ เพลานี้ทรงประทับอยู่ที่ตำหนักประสูติกาล แลกำลังรอฝ่าบาทเสด็จไปพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าเหมกราบทูลความที่ได้รับมาจากข้าหลวงตำหนักหลวง แด่เจ้าเหนือหัวของตน

“ประชุมหารือวันนี้เลื่อนออกไปก่อน...ข้าจักไปตำหนักประสูติกาล”ทรงตรัสแก่เหล่าขุนนางที่มาเข้าเฝ้าถวายฎีกา ก่อนจักเสด็จจากตั่งทองไปยังตำหนักประสูติกาลทันที


.
.
.


“เจ้าจันทร์”

“เสด็จแม่...เจ้าบัวงามเป็นเยี่ยงไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ยังมิทันได้เข้าไปข้างในเลยลูก แต่ข้าหลวงแจ้งว่าหมอหลวงท่านอยู่ด้านในแล้ว”

“เช่นนั้นทรงกลับไปประทับรอที่ตำหนักในก่อนหนาพ่ะย่ะค่ะ มิต้องกังวล หากหลานออกมาเมื่อใดลูกจักให้ข้าหลวงไปทูลเสด็จแม่ที่ตำหนัก”

“...เอาเยี่ยงนั้นหรือลูก”

“พ่ะย่ะค่ะ ทรงกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“จ้ะ...แม่จักกลับไปรอหลานที่ตำหนักก็แล้วกัน”


   เมื่อพระมารดาศศิธรเสด็จกลับตำหนักในแล้ว องค์จันทร์ก็รีบรุดเสด็จเข้าตำหนักประสูติกาลทันที ก่อนจักถลาเข้าไปหาเมียรักที่นอนร้องโอดครวญอยู่บนพระยี่ภู่ แขนเรียวทั้งสองข้างยึดดึงผ้าที่ห้อยลงมาจากคาน ดวงหน้างามเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

“เจ้าบัวงาม เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า”ทรงรับซับพระพักตร์จากสายหยุดมาซับหยาดเสโทให้เมียรัก

“ฮึก...ฝ่าบาท..อื้อออ”เจ้าบัวออกแรงเบ่งพลางยึดผ้าที่ห้อยลงมาจากคานให้จนแขนเรียวเกร็ง

“ฝ่าบาททรงประทับซ้อนหลังพระชายาเลยเพคะ...จักได้ช่วยกันข่ม ”หมอตำแยทูล องค์จันทร์จึงรีบเข้าประทับซ้อนหลังเจ้าบัวงาม ให้น้องน้อยพิงอุระกว้าง

“อื้อ......”เจ้าบัวครวญครางด้วยความทรมานจนพระภัสดาร้อนพระทัย

“เบ่งหนาเพคะพระชายา”

“อือ..อื้อออ...อื้อออออออออ”เจ้าบัวงามเบ่งจนตัวสั่น

“ทนหน่อยหนาคนดี”องค์จันทร์ตรัสปลอบ แตะพระนาสิกกับขมับชื้นเสโท พลางใช้พระหัตถ์กดรูดตั้งแต่หน้าอกของเจ้าบัวงามลงมาที่ครรภ์ใหญ่

“ฮึก...แฮ่กๆๆ .....ฮื้อออออออ”


.
.
.


“อื้อออออ”

“ทนหน่อยหนาคนดี”

“อื้อออออ”

“.....”

“ฮือออ...อือออออออออ”

“...เจ้าบัวงามทนหน่อยหนาน้อง...คนดีของพี่”

“อื้อออ...กรี๊ดดดดดดด”

“อีกนิดเพคะพระชายา...หม่อมฉันเห็นพระเศียรรัชทายาทแล้วเพคะ”หมอตำแยกราบทูล

“ฮึก...ฮือออ”

“เจ้าบัวอีกเดี๋ยวก็จักได้เห็นหน้าลูกแล้วหนาน้อง”

“อึก..อื้อออออออออออออ”

“อุแว้ๆๆๆๆ”เสียงเล็กแหลมที่แผดจนดังลั่นทำเอาผู้คนทั้งใน แลนอกตำหนักประสูติกาลเผยยิ้มกว้างจนเต็มดวงหน้า รัชทายาทองค์แรกขององค์จันทร์ประสูติกาลแล้ว

“ทรงได้โอรสเพคะ...เอ๊ะ!!!”หมอตำแยที่ประคองร่างเล็กของโอรสน้อย

“กลิ่น...ดอกไม้หรือ”ตำหนักประสูติกาลคลุ้งไปด้วยกลิ่นดอกไม้ กลิ่นคาวเลือดจากการประสูติหายไป แลแทนด้วยกลิ่นดอกไม้อย่างน่าอัศจรรย์

“เพคะ...กลิ่นดอกไม้...โอรสน้อยทรงประสูติกาลพร้อมกลิ่นดอกไม้ ช่างน่าอัศจรรย์นักเพคะ”

“ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามตรัสเรียกเจ้าบัวงามตรัสเรียกภัสดา

“เจ้าบัว...”

“หนะ น้องขอดูหน้าลูกหน่อยพระเจ้าค่ะ”

“ประเดี๋ยวหนาคนดี...ให้หมอตำแยท่านล้างเนื้อล้างตัวให้ลูกก่อนหนา”


.
.
.



   แลหลังจากนั้นเรื่องที่โอรสองค์แรกขององค์จันทร์ แลพระชายาบัวงามประสูติกาลพร้อมกลิ่นบุบผาคลุ้งทั้งตำหนักก็กระจายไปทั่วทั้งวังหลวง แลแคว้นศศิมณฑล ดีมิดีก็อาจจักลามไปยังแคว้นข้างเคียงเสียด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของพระนาม ‘เจ้าน้อยพเยีย’

“เจ้าพเยีย...คนดีของพ่อ”องค์จันทร์โอบประคองร่างน้อยในห่อผ้าสีหวานพลางใช้พระนาสิกเกลี่ยปรางย่นของลูกน้อยอย่างหยอกเย้า

“งึ...อะหึ”พักตร์เล็กยับย่น ริมฝีปากเล็กเบะออกเตรียมแผดเสียง

“หิวนมแล้วกระมังพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามที่ประทับอยู่บนพระยี่ภู่ตรัสบอกภัสดา

“กระไรกันหิวอีกแล้วหรือเจ้าลูกหมู”

“อะหึ...งะ แง”

“โอ๋ๆๆ พ่อพาไปหาแม่หนาเจ้า”

“.....”เจ้าบัวงามแย้มโอษฐ์พลางปลดผ้าแถบสีหวานของตนออก แขนเรียวรับลูกน้อยจากภัสดามาเข้าเต้า เจ้าพเยียเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดมารดาก็มุดเข้าหาพระอุระ อ้าปากงับยอดถันของพระมารดา แลดูดกลืนน้ำนมอย่างหิวกระหาย

“โถ ลูกจ๋า ค่อยๆ เถิดเจ้าประเดี๋ยวจักสำลักเอา”เจ้าบัวงามตรัสพลางตบก้นกลมของเจ้าตัวน้อยเบาๆ

“หึหึหึ...น่าเกลียดน่าชังนัก”เจ้าจันทร์ตรัสพร้อมกับประคองเท้าเล็กของลูกขึ้นหอม

“พระองค์ส่งสารไปยังภุมริกา แจ้งเสด็จพ่อเรื่องเจ้าพเยียหรือยังพระเจ้าค่ะ”

“พี่ส่งม้าเร็วไปยังภุมริกาตั้งแต่คืนที่เจ้าพเยียเกิดแล้วเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”

“ป่านนี้สารคงจักถึงพระหัตถ์เสด็จพ่อท่านแล้วล่ะ...ดีมิดีเสด็จพ่อท่านคงแทบจักวิ่งมาทันทีที่อ่านสารจบ หึหึหึ”

“องค์จันทร์”เจ้าบัวครางใส่พระภัสดาอย่างอ่อนใจ

“หึหึหึ...เจ้าพเยียลูกพ่อ ประเดี๋ยวรอรับของรับขวัญจากเสด็จตาเจ้าให้ดีหนา ท่านคงจักขนมาจนท่วมหลงคาตำหนักหลวงเป็นแน่”


.
.
.


“หลานตาน่าเกลียดน่าชังกระไนปานนี้หนา...”องค์ภุมรินตรัสเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่มาถึงวังหลวงศศิมณฑลก็ทรงปรี่เข้าหาพระนัดดาในห่อผ้าสีหวาน พลางโอบอุ้มทารกน้อยมิยอมปล่อย พระนาสิกวนเวียนหอมปรางยับย่นเจือกลิ่นหอมหวานของเจ้าพเยียน้อยมิห่าง

“เสด็จพี่ให้น้องอุ้มหลานบ้างสิพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดตรัส พักตร์งามงองุ้มเมื่อภัสดามิยอมปล่อยหลานน้อยให้ใครได้จับต้องเสียเลย

“โธ่...เจ้าชมนาด ก็หลานน่าชังออกปานนี้”

“น้องก็ใคร่อยากอุ้มหลานนี่พระเจ้าค่ะ”

“...จ้ะๆๆ”ตัดพระทัยส่งหลานให้เมียรัก

“คิกๆ...เจ้าพเยียหลานยาย ฟอดดด”กดพระนาสิกโด่งรั้นที่ปรางนุ่มของหลานเสียฟอดใหญ่

“คิกๆ...เจ้าแสง”

“พระเจ้าค่ะพี่บัว”

“เจ้าพเยียลูกข้าน่ารักหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยพเยียทรงน่ารักน่าชังยิ่งนัก”

“...แลใคร่อยากมีเป็นของตัวเองบ้างหรือไม่”

“เอ๊ะ...มีกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“อ้าว ก็ลูกอย่างไรเล่า เห็นเจ้าพเยียน่ารักน่าชังเยี่ยงนี้ใคร่อยากมีลูกเป็นของตัวเองหรือไม่...เจ้าหรือก็หน้าตางดงามหมดจด แลเสด็จพี่ภุชงค์ท่านก็รูปงามเป็นไหนๆ หากมีลกคงน่ารักน่าชังมิแพ้เจ้าพเยียดอก”

“..คะ...คือ...หม่อม..หม่อมฉัน..”

“เจ้าบัวงาม...ว่ากระไรเยี่ยงนั้น พี่กับเจ้าแสงยังมิทันได้ตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราวเลยหนา ว่าเยี่ยงนี้หากใครมาได้ยินเข้าเจ้าแสงจักเสียหายได้หนา”

“โธ่...ทรงเป็นคู่หมันคู่หมายกัน อย่างไรเสียก็ต้องตบแต่ง แลมีทายาท จักเป็นกระไรไปเจ้าค่ะ”

“...กระนั้นก็เถิดหนา น้องมิต้องกังวลแทนพี่ แลเจ้าแสงไปดอก อย่างไรเสียหากตบแต่งกันแล้ว พี่จักมีทายาทมาเป็นเพื่อนเล่นเจ้าพเยียทันทีเป็นแน่”เจ้าภุชงค์ตรัสพระสุรเสียงหนักแน่น

“.....”ส่วนเจ้าแสงแรกก็ได้แต่พักตร์แดงระเรื่อออย่างมิอาจโต้แย้งสิ่งใดได้

“หึหึหึ...เสด็จแม่ลูกขออุ้มหลานบ้างสิพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ตรัส

“โธ่ เจ้าภุชงค์ แม่เพิ่งจักได้อุ้มหลานมินานเองหนา”

“คิกๆๆ...ยังประทับที่ศศิมณฑลอีกหลายวันมิใช่หรือพระเจ้าค่ะ จักแย่งกันอุ้มไปไย”

“หลานน่าชังออกปานนี้ จักแย่งกันอุ้มก็มิแปลกดอก”

“เจ้าแสงใคร่อุ้มหลานหรือไม่”

“...พระเจ้าค่ะ หากแต่หม่อมฉันกังวลว่าจักทำหลานเจ็บเอาหนาสิระเจ้าค่ะ”

“มิต้องกังวลดอก มา ข้าจักสอนให้”เจ้าบัวงามตรัส พลางรับลูกน้อยมาจากพระมารดาที่ส่งหลานให้อย่างเสียดาย

“...น่าชังนักพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงประคองร่างนุ่มนิ่มของเจ้าพเยียเข้าแนบอกโดยมีเจ้าภุชงค์ แลมารดาอย่างเจ้าบัวงามช่วยประคับประคอง

“หึหึหึ...แน่ล่ะเจ้า ก็เจ้าพเยียลูกข้านี่ คิก”







___________________________________________
มาล้าววววววว ขอโทษษษษษษที่หายไปนาน มาแล้วค่ะ มาแล้ววว //กราบบบบบ






หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๒๙.๐๙.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 29-09-2018 18:10:44


โห  คนแต่งหายไปนานมากก
นึกว่าจะไม่มาต่อเสียแล้ว
ขอบคุณมากๆที่กลับมาต่อค่ะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๒๙.๐๙.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Rhapsody-PT ที่ 29-09-2018 20:22:18
ในที่สุด~~~ฮือ ชะเง้อรอมานาน ตอนเห็นนึกว่าตาฝาด โอยยย ฮู้เร่
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๒๙.๐๙.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 29-09-2018 21:54:48
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๒๙.๐๙.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: JanJanIsHappy ที่ 30-09-2018 02:46:07
ขอบคุณนะคะ นึกว่าจะไม่กลับมาซะแล้ว :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๒๙.๐๙.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 30-09-2018 23:45:58
มาต่อแล้ว นึกว่าจะทิ้งกันไป
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๒๙.๐๙.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 01-10-2018 00:39:10
มาแล้ว  มาต่อรอบนี้ มีหลานตัวน้อย มาเพิ่มอีกคน จุดพลุฉลองกัน  เฮฮฮฮฮ :mc3: :mc3:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๒๙.๐๙.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-10-2018 09:34:41
คลอดแล้ว~
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๒๙.๐๙.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: yoyothaka ที่ 01-10-2018 10:59:20
ดีใจจังค่ะที่ได้อ่านต่อ..ขอบคุณผู้เขียนมากนะคะ..คุ้มค่ากับการตั้งตารอจ้า
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๒ ๒๙.๐๙.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: imkhimaut ที่ 08-10-2018 10:30:53
รอคอยเธอมาแสนนานนนนน ทรมานวิญาณหนักหนา~~~~ ในที่สุดไรต์ก็มาอัพแต่ยิ่งกว่านั้นคือเจ้าพเยียออกมาลืมตาดูโลกแล้ว ;---;
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 21-10-2018 20:38:27

บัวหลงจันทร์ ๒๓



อรุณนี้ที่วังหลวงศศิมณฑลจักมีพิธีรับขวัญเจ้าน้อยพเยีย ทั้งองค์จันทร์ แลเจ้าบัวจึงต้องตื่นบรรทมตั้งแต่รุ่งสาง เจ้าบัวงามที่ปลดผ้าแถบเปลือยท่อนบนประทับอยู่หน้าโต๊ะเครื่องพระสุคนธ์ให้คนสนิทอย่างสายหยุดสางพระเกศานุ่มที่ทิ้งตัวระกฤษฎีบางให้ ในอ้อมพระกรมีร่างน้อยของเจ้าน้อยพเยียนอนซุกอุระมารดานิ่ง หากแต่โอษฐ์จิ้มลิ้มนั้นยังดูดดึงยอดถันของมารดาเสียงดังจุบจับ แม้พระเนตรจักปิดสนิท

"น่าเอ็นดูนักพระเจ้าค่ะ"สายหยุดว่าพลางลูบหลังพระบาทเท่าฝาหอยของเจ้าน้อยแผ่วเบา

"น่าเอ็นดูเช่นนี้ มิอยากมีลูกเป็นของตัวเองบ้างหรือสายหยุด"

"ตรัสกระไรเยี่ยงนั้นเล่าพระเจ้าค่ะ สายหยุดหรือยังมิทันได้ตบแต่งกับพี่เหมตามประเพณีเลยหนาพระเจ้าค่ะ"

"นั่นหนาสิ มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นตั้งมากมาย พี่สายหยุด แลพ่อเหมจึงยังมิได้ตบแต่งกันเสียที...ข้าต้องขอโทษด้วยหนาพี่สายหยุด"

"มิได้พระเจ้าค่ะ"

"เอาฤกษ์เข้าหอก่อน ฤกษ์แต่งเสียดีกระมัง"

"พระชายาบัวงาม"สายหยุดเขินเสียจนหน้าดำหน้าแดง

"คิกๆ...เอาล่ะ พี่สายหยุดอุ้มเจ้าพเยียให้ข้าทีเถิด ข้าจักได้ให้อิ่ม แลนางข้าหลวงแต่งกายให้"

"พระเจ้าค่ะ"

"อยู่กับป้าสายหยุดท่านก่อนหนาลูก"ตรัสพลางจูบเบาๆ ที่หน้าผากนูน

"งึ แอะ"เจ้าพเยียเมื่อถูกเปลี่ยนมือก็ปรือเนตรขึ้น ริมฝีปากเล็กดูดจุบจับเมื่อไม่เจอยอดถันมารดาก็เบะโอษฐ์ ส่งเสียงงอแง

"ชู่ววว ให้สายหยุดอุ้มหนาพระเจ้าค่ะเจ้าน้อย"สายหยุดประคองร่างแน่งน้อยไว้แนบอก พลางเขย่าโยกเบาๆ ขับกล่อมให้เจ้านายตัวน้อยเข้าสู่นิทรารมณ์อีกหน

"อื้อ"เจ้าพเยียส่งเสียง พร้อมกับมุดพักตร์เล็กกับอกสายหยุด ก่อนจักอ้าปากงับยอดถันสายหยุดผ่านผ้าแถบสีหวาน

"อ๊ะ เจ้าน้อย มิได้หนาพระเจ้าค่ะ"สายหยุดสะดุ้งตัวโยน

"คิกๆๆๆ"

"พระชายาพระเจ้าค่ะ"สายหยุดหน้าตื่นร้องเรียกนายเหนือหัวที่หัวร่อตนไม่หยุด

"เจ้าพเยียสายหยุดมิมีน้ำนมให้เจ้าดื่มเหมือนแม่ดอกหนาลูก"

"อือ งึ แอะ"ราวกับฟังรู้ความ เจ้าพเยียหยุดมุดพัตร์งับถันสายหยุด ยอมซบพักตร์กับอกสายหยุดนิ่ง พร้อมเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์

"..."สายหยุดถึงกับลอบถอนหายใจเบา ท่ามกลางรอยยิ้มขบขันของเจ้าบัวงาม แลนางข้าหลวง

"เอาผ้าชุบน้ำให้ข้าทีเถิด"ตรัสรับสั่งนางข้าหลวง

"เพคะ"หมอบกราบรับพระบัญชาก่อนจักยกอ่างไม้ลอยกลีบดอกไม้หลากชนิด มีผ้าสีขาวสะอาดตาพาดตรงขอบอ่างถวายพระชายา

"ขอบใจ"

"มิได้เพคะ"




เจ้าบัวงามรับผ้าชุบน้ำกรุ่นกลิ่นดอกไม้ขึ้นเช็ดรอบยอดถันตนทั้งสองข้าง ล้างคราบเหนียวจากน้ำนม ก่อนจักปล่อยให้นางข้าหลวงแต่งองค์ให้ นัยน์ตากวางก็เหลือบมองสายหยุด แลลูกน้อยเป็นระยะ


แอ๊ดดด


เสียงเปิดพระทวารเรียกสายตาของเหล่าข้าหลวงสาว แลสายพระเนตรของพระชายาบัวงามให้หันมอง ใครหนาจักกล้าบังอาจเข้ามาในห้องบรรทมยามที่พระชายากำลังแต่งองค์ หากมิใช่เจ้าหลวงผู้เป็นภัสดา แลพ่อของลูก

"ฝ่าบาท"เจ้าบัวงามยกหัตถ์เล็กปิดอุระเปลือยให้พ้นสายพระเนตรคมเฉี่ยว

"ยังมิแล้วอีกหรือ จักแต่งกระไรมากมาย แค่นี้ก็งามจนข้าโงหัวมิขึ้นแล้วหนา"มิตรัสเปล่า โน้มพระวรกายกดพระโอษฐ์ที่ปรางนวล

"ฮื้อ ฝ่าบาท...หม่อมฉันเพิ่งจักให้นมลูกแล้วพระเจ้าค่ะ จึงยังมิได้แต่งองค์"

"หึหึหึ...มาสายหยุด ข้าขออุ้มเจ้าพเยียสักหน่อยเถิด"ดำเนินไปรับลูกน้อยจากคนสนิทเมีย

"พระเจ้าค่ะ"ประคองพระวรกายเล็กส่งให้นายเหนือหัว

"อึ แอะ แอะ"เจ้าพเยียขมวดคิ้ว ใบหน้าเล็กยับย่น โอษฐ์จิ้มลิ้มอ้าออกเตรียมแผดเสียงร้อง นอนมิทันได้ฝันก็ถูกปลุกขึ้นจนใคร่อยากจักอาละวาดให้วังหลวงแตก

"ชู่ววว ลูกจ๋าขอพ่ออุ้มหน่อยหนาคนดี"ตรัสปลอบ พระนาสิกแตะลงบนปรางนุ่มของลูกน้อย หากแต่นั่นกลับเป็นการกวนใจให้เจ้าพเยียแผดเสียงร้องจ้าจนลั่นห้องบรรทม

"แอะ แงงงงง~"องค์จันทร์พระพักตร์เลิกลั่ก พระเนตรจับจ้องคนเป็นเมียอย่างขอความช่วยเหลือ

"ทรงปลอบลูกด้วยพระองค์เองหนาพระเจ้าค่ะ"เจ้าบัวว่าพลางสรวลคิกคัก

"โธ่ เจ้าบัวงาม...โอ๋~ พเยียลูกรักหยุดไห้หนาลูก ขอพ่อหอมให้ชื่นใจสักน้อยมิได้หรือเจ้า ชู่วๆ คนดี นิ่งเสีย"อุ้มลูกพาดำเนินรอบห้องบรรทมจนเสียงแหลมเล็กเงียบลง เหลือเพียงเสียงสะอื้นฮั่กๆ เท่านั้น

"ฮึก แอะ แอ้ อึก"นัยน์ตาคมเฉี่ยวที่ถอดแบบมาจากพระบิดาปรือปรอย แพขนตาหนาชุ่มน้ำดูน่าสงสาร

"ชู่ววว นิ่งเสียลูกรัก"พระอังคุฐปาดน้ำตาที่เปรอะปรางลูกน้อยแผ่วเบาราวกับกลัวผิวเนื้ออ่อนๆ นั่นจักช้ำเอาได้

"ฮึก แอะ แอะ"กำปั้นน้อยขยี้กรรณขยี้เนตรองค์เอง เมื่อถูกโอบประคอง เขย่าโยกแผ่วเบาก็ยอมเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครา

"คิกๆ เป็นเยี่ยงไรพระเจ้าค่ะ"เจ้าบัวงามสรวลคิกคัก ตรัสถามพระภัสดา

"โธ่ เจ้าบัวงาม"ได้แต่กระซิบตรัส เนื่องด้วยกลัวลูกน้อยที่เพิ่งจักหลับเนตรพริ้มจักตื่นขึ้นมาไห้อีก


.

.

.



เมื่อได้ฤกษ์งามยามดี พิธีรับขวัญเจ้าน้อยศศิมณฑลก็เริ่มขึ้น บายศรีปากชามหนึ่งคู่ เครื่องเซ่นไหว้ถูกจัดเตรียมอย่างดี ผู้ทำพิธีในพิธีวันนี้ก็เป็นศิษย์ของแม่เฒ่าจากภุมริกาที่องค์ภุมรินมีพระบัญชาให้มาอยู่ที่ศศิมณฑล ตลอดพิธีรับขวัญ เจ้าพเยียน้อยมิร้องงอแงให้เสียงานสักแอะ เป็นที่เอ็นดูแก่พระอัยกะ พระอัยกี แลพระอัยยิกาอย่างพระมารดาศศิธร

"เลี้ยงง่ายจนน่าเอ็นดูนักหลานย่า"พระมารดาศศิมณฑลตรัสกับหลานในอ้อมพระกร

"นั่นสิพระเจ้าค่ะ หลานของเราช่างน่าเกลียดน่าชังนัก"เจ้าชมนาดตรัส หัตถ์เล็กประคองมือน้อยของหลานขึ้นจูบหอม




แลเมื่อหมอทำพิธีป้อนน้ำให้เจ้าน้อยเสวย ๕ ช้อนแล้ว เจ้าพเยียก็เผยรอยสรวลน่ารักน่าชัง กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งไปทั่วท้องพระโรง ตอกย้ำเรื่องที่เจ้าน้อยประสูติพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้ให้เหล่าอาคันตุกะที่มาร่วมพิธีประจักษ์ว่าเป็นเรื่องจริง

.

.

.




เมื่อเสร็จสิ้นพิธีรับขวัญเจ้าพเยีย เจ้าบัวงามก็ถูกพระมารดาศศิธร แลมารดาอย่างเจ้าชมนาดพาเข้ากระโจมอยู่ไฟ กลิ่นสมุนไพรคลุ้งไปทั้งตำหนักหลวง เจ้าบัวงามประทับอยู่ในกระโจมอยู่ไฟ มีข้าหลวงสาวสองนางค่อยบีบนวดให้ ส่วนพระมารดาทั้งสองแคว้นก็ประทับสนทนากันอยู่ที่ตั่งหลังใหญ่ใกล้กระโจม ในเพลานี้เจ้าพเยียกำลังนอนอยู่ในห้องบรรทมหลังเจ้าบัวงามให้นม มีพระอัยกะอย่างองค์ภุมริน แลพระบิดาอย่างองค์จันทร์ประทับเฝ้ามิห่างด้วยความหลงลูก หลงหลาน

"อื้อ แอะ"ร่างน้อยขยับกายบิดเล็กน้อยส่งเสียงอ้อแอ้

"เจ้าพเยีย"องค์จันทร์ปรี่เข้ามาดูลูก หากแต่ก็ถูกขัดด้วยพระสัสสุระ

"หลบไปเสีย ข้าจักอุ้มหลานเอง เจ้าเพิ่งจักเคยมีลูกคงทำมิเป็นดอก ดูข้าไว้ แลจำไปทำตามเสีย"องค์ภุมรินตรัสพลางช้อนร่างน้อยของหลานรักขึ้นพาดพระอังสะ พระหัตถ์ตบก้นกลมเบาๆ ปลอบประโลม แลเหมือนจักเป็นเหตุการณ์ซ้ำรอย เจ้าพเยียหลานรักสะลึมสะลือเงยพักตร์ขึ้นมา แต่คอที่ยังมิแข็งทำให้พักตร์จิ้มลิ้มฟุบกระแทกกับพระอังสะของพระอัยกะ

"อึก แงงงง~"เสียงเล็กแผดลั่น

"เสด็จพ่อ เจ้าพเยียเป็นกระไรพ่ะย่ะค่ะ"องค์จันทร์ถลาเข้าลูบแผ่นหลังเล็กของลูกน้อยปลอบให้หยุด หากแต่เจ้าพเยียน้อยกลับร้องจ้าเสียจนหน้าดำหน้าแดง

"....."องค์ภุมรินตรัสมิออก เมื่อเหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง พยายามเขย่าโยกปลอบหลานน้อยให้หยุดร้อง

"แงงงงงงง~ อึก แงงงงงงง~"

"ขอหม่อมฉันอุ้มลูกหน่อยหนาพ่ะย่ะค่ะ"องค์จันทร์รับลูกมาจากพระสัสสุระ โอบประคองลูกไว้แนบอก

"แงงงงงงง~ อึก ฮึก"โอษฐ์เป็นกระจับเบะสะอื้นฮักๆ

"เสด็จพี่ องค์จันทร์ เกิดกระไรขึ้นพระเจ้าค่ะ"เจ้าชมนาดก้าวบาทเข้ามาในห้องบรรทม ปราดเข้าไปดูหลาน

"เจ้าชมนาด...อีกแล้วเจ้า"

"อีกแล้วกระไรพระเจ้าค่ะ...เอ๊ะ!"เจ้าชมนาดกวาดเนตรสำรวจหลานที่สะอื้นฮักๆ อยู่กับพระอุระบิดา ก่อนจะพบรอยแดงระเรื่อบนหน้าผากเล็ก

"แหะๆๆ"องค์ภุมรินทรงสรวลแห้งๆ เมื่อเมียรักตวัดนัยน์ตากวางใส่

"เสด็จพี่!"

"จ๋าาาา~"

.

.

.


"โถ ลูกแม่...คิกๆ"เจ้าบัวงามประคองลูกน้อยเข้าเต้า ทอดพระเนตรมองรอยแดงระเรื่อบนนลาฎเล็กแล้วสรวลออกมาน้อยๆ เสด็จพ่อถูกเสด็จแม่เอ็ดจนหมดคราบเจ้าหลวง กว่าเจ้าพเยียจักเงียบองค์จันทร์ก็แทบหมดแรง ให้ออกรบ ปราบโจร ถกกับเหล่าขุนนางในท้องพระโรง ยังมิเหนื่อยเท่าปลอบลูกให้หยุดไห้ เจ้าตัวน้อยแก้วตาของทุกคนสะอื้นฮั่กๆ พักตร์เล็กแดงก่ำ

"กว่าจักปลอบให้ลูกหยุดไห้ได้ พี่แทบจักร้องตามแล้วเจ้า"องค์จันทร์ตรัสพลางทอดพระเนตรลูกน้อยที่ดูดยอดถันของเมียอย่างตะกรุมตะกราม จนน้ำนมไหลซึมออกมาตามขอบโอษฐ์จิ้มลิ้ม

"หึหึหึ เจ้าพเยียทำเอาวุ่นไปทั้งวังหลวงเชียวพระเจ้าค่ะ"

"หึหึหึ เห็นเสด็จแม่ชมนาดท่านว่าเสด็จพ่อท่านก็เคยทำเจ้าหน้าผากกระแทกบ่าเช่นกันใช่หรือไม่"

"คิกๆๆ พระเจ้าค่ะ"


.

.

.


วันนี้เจ้าบัวงามต้องเข้ากระโจมสมุนไพรเพื่ออยู่ไฟดังเช่นวันที่ผ่านมา บิดา พี่ชาย แลผัวก็ประทับที่ตำหนักทรงงานหารือเกี่ยวการบ้านการเมือง หน้าที่เลี้ยงดูเจ้าพเยียจึงตกเป็นของย่า ยาย แลเจ้าแสงที่พระมารดาชมนาดหอบหิ้วมาด้วย

"ใคร่อยากอุ้มหลานหรือไม่เจ้าแสง"พระมารดาชมนาดตรัสถามว่าที่สุนิสา

"ได้หรือพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเกรงว่าจักทำเจ้าน้อยระคายเอาได้"เจ้าแสงว่า หากแต่นัยน์ตาหวานกลับจ้องร่างเล็กของทารกน้อยมิวางตา

"มิเป็นไรดอก มาเถิด หัดเอาไว้ประเดี๋ยวมีลูกมีเต้าเป็นของตัวเองจักได้คุ้นมือ"

"...พะ พระเจ้าค่ะ"คลานเข่าเข้าไปหาพระมารดาชมนาดที่ประทับอยู่บนตั่งข้างพระมารดาศศิธร

"ขึ้นมานั่งข้างข้านี่"

"..."เจ้าแสงช้อนเนตรมองพระมารดาชมนาด จักให้ขึ้นนั่งบนตั่งตีตนเสมอพระองค์หนาหรือ

"ขึ้นมาเถิด มิเป็นไรดอก ข้ามิถือ"

"...เช่นนั้น หม่อมฉันขอประทานนุญาตหนาพระเจ้าค่ะ"ตรัสแลกราบลงบนพระเพลาเจ้าชมนาด ก่อนจักลุกขึ้นประทับข้างพระวรกายเล็กอย่างสำรวม

"แอ๊ะ แอะ"เจ้าพเยียส่งเสียงอ้อแอ้ นัยน์ตาคมเฉี่ยวที่ถอดแบบองค์จันทร์มากระพริบปริบๆ เจ้าแสงประคองร่างเล็กนุ่มนิ่มของเจ้าพเยียอย่างทะนุถนอมแนบอกตัว เจ้าพเยียน้อยเนตรปรือปรอย โอษฐ์เล็กอ้าหาววอดใหญ่จนผู้ใหญ่เอ็นดู เจ้าแสงแรกอดมิได้ก้มพักตร์แตะปลายพระนาสิกบนนลาฎเล็กแผ่วเบา ครั้นเมื่อปลายนาสิกสัมผัสฉวีบอบบางของทารกน้อย กลิ่นมวลดอกไม้หอมหวานจากเจ้าพเยียก็คลุ้งไปทั้งห้องบรรทม

"ดูท่าเจ้าพเยียจักโปรดเจ้าน้อยแสงแรกหนาพระเจ้าค่ะเจ้าชมนาด"พระมารดาศศิธรตรัสเมื่อหลานตัวน้อยปล่อยกลิ่นดอกไม้หอมหวานคลุ้ง

"นั่นหนาสิพระเจ้าค่ะ เสด็จพี่ศศิ"

"..."เจ้าแสงแรกเงยพักตร์แย้มสรวลให้พระมารดาทั้งสองแคว้น ก่อนจักหันไปแย้มสรวลให้คนสนิททั้งสองที่หมอบอยู่มิไกล ชงโค แลยี่สุ่นยิ้มกว้างตอบนายตน

"เจ้าน้อยพเยียน่าเกลียดน่าชังนักพระเจ้าค่ะพระมารดา"เจ้าแสงตรัส หัตถ์เรียวตบก้นเล็กเบาๆ ขับกล่อมทารกน้อยให้หลับใหล

"...เจ้าน้อยแสงแรกช่างน่าเอ็นดูนักพระเจ้าค่ะ...ผิดกับเชษฐานัก"พระมารดาศศิธรเอนพระวรกายตรัสกระซิบที่ริมกรรณเจ้าชมนาด

"นั่นสิพระเจ้าค่ะ..."

"เสด็จแม่"

"อ้าว เจ้าภุชงค์ หารือแล้วแล้วหรือลูก"เจ้าชมนาดตรัสเมื่อโอรสองค์โตก้าวบาทเข้ามาในห้องบรรทม

"องค์จันทร์ แลเสด็จพ่อท่านยังหารือกันอยู่พ่ะย่ะค่ะ ลูกจึงปลีกตัวออกมาก่อน"
เช่นนั้นดอกหรือ...เยี่ยงนั้นลูกอยู่เลี้ยงหลานเป็นเพื่อนเจ้าแสงทีหนา ประเดี๋ยวแม่ แลพระมารดาศศิธรจักไปยืดเส้นยืดสายที่สวนพฤกษาสักหน่อย"เจ้าชมนาดตรัส

"พ่ะย่ะค่ะ"

"ไปเดินคลายเมื่อยขบกันสักหน่อยเถิดพระเจ้าค่ะ เสด็จพี่ศศิ"

"จ้ะ"พระมารดาทั้งสองเสด็จออกจากห้องบรรทมพร้อมคนสนิท เหลือเพียงเจ้าภุชงค์ เจ้าแสง แลบ่าวคนสนิท

"เจ้าพเยียหลับอยู่หรือเจ้าแสง"

"พระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยเพิ่งจักบรรทมไปเมื่อครู่เองพระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงตรัสตอบ หากแต่ก็มิยอมสบเนตรของเจ้าภุชงค์ นัยน์ตาหวานจับจ้องเพียงดวงพักตร์ของทารกน้อยในอ้อมกอด

"ข้าใคร่อยากอุ้มหลานเสียจริง"

"เจ้าน้อยเพิ่งจักบรรทม หม่อมฉันเกรงว่าหากเปลี่ยนมือจักสะดุ้งตื่นเอาได้พระเจ้าค่ะ"

"เยี่งนั้นหรือ..."

"พระเจ้าค่ะ"

"เช่นนั้น"เจ้าภุชงค์ขยับพระวรกายไปอยู่ด้านหลังเจ้าแสง พระกรแกร่งโอบร่างน้องน้อยไว้แนบพระอุระ หัตถ์อุ่นประคองซ้อนทับมือบางที่โอบอุ้มร่างเล็กของหลานเอาไว้

"...ฝะ ฝ่าบาท"เจ้าแสงสะดุ้งจนเจ้าพเยียสะดุ้งตาม หากแต่มิได้ตื่นจากฝันหวาน

"เช่นนี้ข้าก็จักได้อุ้มหลาน หลานก็มิต้องตืนขึ้นมาไห้งอแง"...แลยังได้กอดเจ้าอีกด้วย

"....."เจ้าแสงเกร็งมิกล้าขยับวรกาย ไอร้อนจากพระอุระกว้าง แลกลิ่นอายบุรุษเพศทำเอาพักตร์งามแดงระเรื่อ

"เจ้าพเยียน่าเอ็นดูนัก"ตรัสชมหลาน หากแต่เนตรมิได้จับจ้องไปที่หลานเลยแม้แต่น้อย พระเนตรทอดมองดวงพักตร์งามของเจ้าน้อยการเวก

"..."

"งามนัก"ขยับพักตร์กระซิบที่ริมกรรณเล็ก สูดกลิ่นแก้วเข้าเต็มพระปับผาสะ

"จะ เจ้าน้อยพเยียงามได้เสด็จพี่บัวเป็นแน่พระเจ้าค่ะ"เจ้าแสงตรัสตอบ

"มิใช่..."

"..."

"...เจ้าต่างหาก...งามจับใจนัก"มิตรัสเปล่า ไล้ปลายพระนาสิกกับขอบกรรณเจ้าแสง

"...ฝะ ฝ่าบาท"เจ้าแสงก้มพักตร์ พระทัยสั่นระรัวคล้ายจักเป็นลม ประคองสติตนโอบอุ้มทารกน้อยไว้มั่น ความร้อนจากพระกรของคนที่โอบกอดตนทางด้านหลังทำเอาแขนเรียวสั่นน้อยๆ

"หึหึหึ"สรวลน้อยๆ ในพระศอ ทรงวางพระหนุบนลาดอังสะเล็กสูดกลิ่นแก้ว พลางทอดพระเนตรหลาน แลเนินอุระเนียนขาวผ่องที่โผล่พ้นขอบผ้าแถบมาให้ยล


ชงโค แลยี่สุ่นที่หมอบอยู่ริมห้องบรรทมลอบมองหน้ากันเลิกลั่ก องค์รัชทายาทภุชงค์ทรงกกกอดเจ้าน้อยของตน โดยใช้เจ้าน้อยพเยียเป็นข้ออ้าง...


.


.


.



"ฝะ ฝ่าบาท"เจ้าแสงตรัสขึ้นเมื่อถูกองค์รัชทายาทกกกอดมาหลายชั่วครู่

"หืม..."

"หม่อมฉันว่าทรงเอาเจ้าน้อยพเยียลงเปลเถิดพระเจ้าค่ะ อุ้มไว้เยี่ยงนี้จักบรรทมได้มินาน"

"ก็ได้เจ้า"จำพระทัยปล่อยร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่น แม้จักเสียดายเหลือแสน ประคองเจ้าแสงที่โอบอุ้มหลานไปส่งที่เปล เจ้าแสงค่อยๆ วางทารกน้อยลงในเปล ก่อนจักไกวเบาๆ ขับกล่อมเจ้าพเยียให้หลับใหลต่อเนื่อง

"..."เจ้าแสงส่งให้ข้าหลวงไกวเปลต่อ แลดำเนินมายังตั่งที่ตนประทับตอนแรก

"อุ้มเจ้าพเยียไว้นานเช่นนี้ แขนเจ้าคงจักเมื่อยขบ"ดำเนินมาประทับข้างกายแนบชิดเจ้าแสง จนคนน้องต้องกระถดกายออกห่าง

"มิได้พระเจ้าค่ะ"

"ส่งแขนมาเถิด ข้าจักนวดให้"

"มิได้พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันให้ชงโค แลยี่สุ่นนวดให้พระเจ้าค่ะ"

"มาเถิดเจ้าแสง ให้ข้าทำเถิดหนา"มิตรัสเปล่า คว้าแขนเรียวขึ้นวางบนพระเพลา พระหัตถ์แนบลงบนผิวนุ่มขาวผ่องออกแรงลูบไล้ บีบนวดเบาๆ จนเจ้าแสงหน้าม้าน

"ฝะ ฝ่าบาท พะ พอแล้วพระเจ้าค่ะ"

"ชู่ว นิ่งเสีย...เจ้าสองคน"ตรัสปรามน้องน้อยพระสุรเสียงอ่อนโยน ก่อนจักหันไปสั่งงานชงโค แลยี่สุ่น

"พระเจ้าค่ะ"

"พระเจ้าค่ะ"หมอบกราบรับพระบัญชา

"ไปห้องเครื่องนำของว่าง แลน้ำชาถวายนายเจ้าทีเถิด"

"พระเจ้าค่ะ เยี่ยงนั้นชงโคจักไปห้องเครื่องนำพระกายาหารว่างถวาย"

"ประเดี๋ยวยี่สุ่นจักอยู่รับใช้เจ้าน้อ..."

"มิต้องดอก...ไปทั้งคู่นั่นแล"เจ้าภุชงค์ตรัสพลางทอดพระเนตรจดจ้องบ่าวสองคนเขม็ง

"เอ่อ พระเจ้าค่ะ"หมอบกราบก่อนจักคลานเข่าออกไป ภายในห้องบรรทมเหลือเพียงเจ้านายทั้งสอง เจ้าพเยียที่กำลังหลับใหล แลข้าหลวงสาวที่ก้มหน้าไกวเปลเจ้าน้อยอยู่คนละฝากห้อง

"เจ้าแสง"

"พระเจ้าค่ะ"

"...ตั้งแต่เกิดเรื่อง ข้าก็มิได้พูดเรื่องนี้กับเจ้าเสียเลย"ตรัสพลางประคองหัตถ์เล็กทั้งสองขึ้นกอบกุม

"..."

"ข้าขออภัยที่ข่มแหงย่ำยีน้ำใจเจ้า"จับปอยผมนุ่มทัดกรรณเล็ก

"มิได้พระเจ้าค่ะ...เรื่องนี้ฝ่าบาทหาได้ผิดไม่"

"ชู่ว...อย่างไรเสียข้าก็ผิด"มิตรัสเปล่าดึงร่างบอบบางเข้ามาในอ้อมพระกร ดวงหน้างามซบแนบกับพระอุระ พระกรแกร่งโอบกอดน้องน้อย พลางลูบกลุ่มผมนุ่มปลอบประโลม

"ฝะ ฝ่าบาท"

"หากเราได้เริ่มต้นกันด้วยดี คงจักดีกว่านี้โข"

"..."เจ้าแสงขบกลีบโอษฐ์ตนแน่น

"...แม้นข้าจักลั่นวาจาไว้ว่าใคร่อยากให้เจ้าพร้อมใจก่อนจึงค่อยตบแต่ง"

"..."

"หากแต่ข้าใคร่อยากให้เจ้าเมตตา อย่าให้พี่รอนานเลยหนา"

"ฝะ ฝ่าบาท"เจ้าแสงช้อนตามองพระพักตร์งามคมคล้ามขององค์รัชทายาท เจ้าภุชงค์เชยหนุมนของน้องขึ้น โน้มพักตร์เข้าใกล้ เจ้าแสงหลุบเนตรหลบ กลั้นหายใจเมื่อพระโอษฐ์อุ่นแนบคลึงลงบนกลีบโอษฐ์นุ่มหยุ่นของตน เจ้าภุชงค์ทำเพียงคลึงเคล้าโอษฐ์น้องมิลุกล้ำ ก่อนจักถอนออก กดจูบที่นลาฎขาว เจ้าแสงรีบผละออกจากพระวรกายเจ้าภุชงค์ราวกับต้องของร้อน

"หมะ หม่อมฉัน...หม่อมฉัน..."เจ้าแสงก้มพักตร์หนุชิดอก ตรัสอึกๆ อักๆ

"ทูลฝ่าบาทพระกายาหารว่างมาแล้วพระเจ้าค่ะ"

"...กินขนมสักหน่อยหนาเจ้าแสง"

"พะ พระเจ้าค่ะ"





หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 21-10-2018 23:31:01
เอ็นดูเจ้าพเยียน้อย รอพ่อแม่หวานใส่กัน ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: BaNoFfEe ที่ 22-10-2018 08:54:05
อยากแนะนำอะไรนิดนึงค่ะ เด็กทารกตั้งแต่แรกเกอดจนถึง 6 เดือนกินได้แค่นมแม่นะคะ เห็นตอนทำพิธีมีป้อนน้ำให้กินด้วย เรารู้ว่าเป็นนิยาย แต่ต้องมีการนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้องเนาะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-10-2018 09:35:29
รอๆ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-10-2018 10:02:23
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 22-10-2018 10:37:42
น่ารักมากๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 22-10-2018 19:13:48
เจ้าพเยียน่าเกลียดน่าชังจริงๆ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 22-10-2018 22:33:02
ท่านปู่เอาอีกแล้ววว 5555
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-10-2018 09:07:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๑๐๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-11-2018 07:32:44
เอ็นพเยีย
รอลุ้นอีกคู่ รุกเยอะๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๓ ๑๐๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 25-11-2018 07:57:18
อ้อนเข้าไว้ๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๒.๑.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 29-11-2018 08:02:14


บัวหลงจันทร์ ๒๔



                หลังจากรอมานาน วันนี้พ่อเหมก็ได้ตบแต่งสายหยุดเป็นเมียเสียที องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามเสด็จมาที่บ้านของสายหยุดตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง องค์จันทร์ท่านทรงพูดคุยอยู่กับผู้ใหญ่ที่ชานบ้าน ส่วนเจ้าบัวงาม แลเจ้าพเยียนั้นอยู่ในห้องนอนของสายหยุด เจ้าบัวงามลงหัตถ์แต่งกายให้คนสนิทด้วยองค์เอง ส่วนเจ้าพเยียตัวน้อยก็นอนอุตุบนเตียงของสายหยุดโดยมีอิ่มค่อยเฝ้า

“ขอบพระทัยพระชายาหนาพระเจ้าค่ะ เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง”สายหยุดกล่าวกับพระชายาบัวงามที่กำลังสางผมให้ตน

“หึหึหึ มิเป็นไรดอก พี่สายหยุดก็เปรียบเป็นพี่ข้า แค่นี้เล็กน้อยนัก”

“เป็นบุญของสายหยุดพระเจ้าค่ะ”

“คิกๆๆ เอาเถิดๆ มาข้าจักผลัดแป้งให้”เจ้าบัวตรัส แลผลัดแป้งร่ำกลิ่นหอมลงบนใบหน้านวลของสายหยุด แลทาชาดสีแดงลงบนกลีบปากอิ่ม วันนี้คนสนิทของพระชายางามล้ำ ความอิ่มเอมใจฉายออกมาอย่างเห็นได้ชัด ข้าหลวงสาวที่ถูกเรียกมาช่วยงานเกล้ากลุ่มผมหนาของสายหยุดก่อนจักเสียบด้วยปิ่นเล่มงามที่พระชายาประทานให้

“วันนี้คุณสายหยุดงามนักเจ้าค่ะ”ข้าหลวงสาวอดมิได้ที่จะชม เมื่อคนสนิทของพระชายางามผุดผาดผิดหูผิดตาเช่นนี้

“ขอบใจจ้ะ”

“ถวายพระพรพระชายาเพคะ สายหยุดขบวนขันหมากของพ่อเหมมาถึงแล้วเจ้า”มารดาของสายหยุดหมอบคลานเข้ามาในห้องนอนของบุตร หมอบกราบพระชายา บอกกล่าวบุตรของตนว่าขบวนขันหมาก แลเจ้าบ่าวรูปงามมาถึงเรือนแล้ว

“จ้ะ แม่”สายหยุดขานรับ ใจดวงน้อยสั่นรัว ดวงหน้างามแดงระเรื่อ อีกมิกี่ชั่วยามสายหยุดก็จักเป็นเมียพ่อเหมอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีแล้ว



.

.

.



ขบวนขันหมาก แลเจ้าบ่าวเช่นพ่อเหมมาหยุดอยู่ที่ชานบันไดบ้านของสายหยุด แน่ล่ะ ว่าต้องมีเด็กน้อยลูกๆ หลานๆ ของสองบ้านถือสร้อยเงินสร้อยทองกั้นไว้มิให้พ่อเหมได้ขึ้นเรือนโดยง่าย พ่อเหมเผยยิ้มเต็มดวงหน้า แจกจ่ายถุงอัฐให้มิมีอิดออด ใคร่อยากได้เมียใจจักขาดแล้ว

"ให้ข้าเข้าไปหาสายหยุดเถิดหนา"เจ้าเหมกล่าวกับญาติสาวของสายหยุด

"หากใคร่อยากเข้าไปหาพี่สายหยุดก็จ่ายถุงอัฐมาก่อนสิจ๊ะ พี่เหม"

"ได้เจ้า"

"กระไรกันจ๊ะ ถุงเดียวเองหรือ เช่นนี้ข้าควรจักให้พี่เข้าไปหาพี่สายหยุดได้โดยง่ายหรือ"

"โธ่...แลพวกเจ้าใคร่อยากได้กี่ถุงกันเล่าจึงจักพอใจให้ข้าไปหาสายหยุดได้"

"สักสามก็ดีกระมังจ๊ะ"

"สามก็สาม"

"คิกๆๆ ขอบน้ำใจจ้ะพี่เหม เชิญพี่เข้าไปหาพี่สายหยุดเถิด"

"จ้ะ"เจ้าบ่าวก้าวขึ้นเรือนจนไปถึงหน้าห้องนอนเจ้าสาว หากแต่ก็ต้องรีบทรุดหมอบกราบทั้งขบวน เมื่อเจ้าหลวงท่านทรงดำเนินมาขวางไว้

"ถวยพระพรฝ่าบาท"

"เอ็งจักเข้าไปหาสายหยุดได้อย่างไรเจ้าเหม...จ่ายค่าผ่านทางมาก่อนเถิด"

"ทรงใคร่อยากได้กระไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"พระองค์คงมิใคร่อยากได้ถุงอัฐดอกกระมัง

"อัฐข้าหรือก็มีมากมาย มิอยากได้จากเจ้าอีก...ไอ้ที่ข้าใคร่อยากได้จากเจ้าคงจักเป็นคำสัตย์สาบานกระมัง สายหยุดก็เปรียบเหมือนน้องข้า..."

"ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันให้สัตย์สาบานว่าจักรัก จักบูชาสายหยุด มีสายหยุดเป็นเมียแต่เพียงผู้เดียว จักมิมีวันทำสายหยุดเสียใจ หากหม่อมฉันผิดคำสาบานขอให้หม่อมฉันมีอันเป็นไปด้วยเถิด"เจ้าเหมพนมมือกล่าวคำสัตย์สาบานชัดถ้อยชัดคำหนักแน่น จนสายหยุดที่อยู่ในห้องได้ยิน ดวงตาหวานคลอน้ำอย่างตื้นตันใจ

"หากเจ้ากล้าให้คำสัตย์สาบานเช่นนี้ ก็เข้าไปรับคู่ชีวิตเจ้าเถิด"ทรงหันพระวรกายผลักบานประตูห้องนอนของสายหยุดให้อ้าออกกว้าง รับเมียที่อุ้มลูกเข้ามาในอ้อมกอด ประคองออกมา แลปล่อยให้เจ้าเหมได้เข้าไปหาสายหยุด

"ฝ่าบาท"เจ้าบัวงามตรัสเรียกภัสดาที่ประคองตนออกมา

"หืม มาพี่อุ้มลูกให้หนาเจ้า"รับร่างน้อยของลูกมาอุ้มพาดพระอังสะ เจ้าพเยียวางปรางกลมลงบนพระอังสะของพระบิดา นัยน์ตาคมเฉี่ยวที่ได้จากพระบิดานั้นหลับพริ้มน่าเอ็นดู



.

.

.



พ่อเหมก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนของสายหยุด ดวงตาจับจ้องร่างบอบบางในชุดงามที่นั่งพับเพียบรอตนอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องสุคนธ์ วันนี้สายหยุดงามผุดผาดต้องตาต้องใจพ่อเหมเป็นยิ่งนัก ร่างสูงใหญ่ทรุดคุกเข่าตรงหน้าคนงาม ฝ่ามือใหญ่สั่นน้อยๆ แตะเข้าที่แก้มนวล ประคองดวงหน้าหวานไว้

"วันนี้สายหยุดของพี่งามนัก ราวกับนางอัปสรก็มิปาน"

"วันนี้พี่เหมก็งามจ้ะ"สายหยุดตอบพลางก้มหน้าหลบสายตาพ่อเหมที่จับจ้องมา

"ออกไปกันเถิด พี่ใคร่อยากได้สายหยุดเป็นเมียจักแย่แล้ว"

"...พี่เหม"อายม้วนต้วน หากแต่ก็ลุกออกจากห้องนอนตนตามแรงจับจูงของเจ้าบ่าวรูปงาม


​.
.
.


"เป็นคู่ผัว ตัวเมียกันแล้วหนักนิด เบาหน่อยก็ให้อภัยกันหนาลูก"

"จ้ะ แม่"

"ขอรับ ท่านป้า"

"ตายแล้วพ่อเหม เพลานี้แล้วยังจักเรียกป้าอีกหรือเจ้า เรียกแม่เถิด"มารดาของสายหยุดกล่าว พ่อเหมหน้าแดงระเรื่อ ยิ้มกว้างเสียจนปากแทบจักถึงหู

"ขอรับท่านแม่"

"..."ฝ่ายเจ้าสาวเมื่อได้ยินชายหนุ่มกล่าวดังนั้นก็หน้าแดงซ่าน มือบางกำผ้าโจงตนแน่น
"พ่อก็มิรู้จักอวยพรกระไรดี เห็นสายหยุดเป็นฝั่งเป็นฝากับพ่อเหมเช่นนี้ก็ตื้นตันใจนัก รักกัน ดูแลกันไปนานๆ ชั่วลูกชั่วหลานหนาลูก"

"ขอบน้ำใจจ้ะพ่อ"สายหยุดกราบลงแทบเท้าบิดา มือหนาลูกหัวลูกอย่างรักใคร่

"ข้าให้สัญญาว่าจักรัก แลดูแลลูกพ่อไปจนกว่าชีวิตจักหาไม่ขอรับ"

"พ่อเชื่อว่าพ่อเหมทำได้"บิดาของสายหยุดกล่าวพลางตบบ่าลูกเขย

"พ่อ แลแม่รู้ว่าเจ้ารักสายหยุดมาก ดูแลน้องให้ดีหนาลูก เอาลูกเขามาเป็นเมียก็ต้องดูแล แลรักใคร่ให้เหมือนที่พ่อแม่เขารัก เขาดูแล"ท่านเขมบิดาพ่อเหมสั่งสอนบุตรชาย

"ขอรับท่านพ่อ"

"พ่อเจ้าก็พูดไปหมดแล้ว แม่ขออวยพรให้เจ้าทั้งสองก็แล้วกันหนา อยู่เย็นเป็นสุข แคล้วโรค แคล้วภัยหนาลูกหนา"

"ขอบใจจ้ะแม่"บ่าวสาวก้มกราบเท้าบิดา แลมารดาของตน

"ข้าเองก็มิรู้อวยพร แลฝากฝังกระไร แค่คำสัตย์สาบานที่เจ้าเหมมันให้ไว้ก็เพียงพอแล้ว"องค์จันทร์ตรัส ในอ้อมพระกรยังคงมีเจ้าน้อยพเยียซุกซบอยู่แนบพระอังสะ

"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะองค์จันทร์"

"ข้าขอให้พ่อเหม แลพี่สายหยุดมีความสุขมากๆ หนาจ๊ะ แลก็ขอให้มีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมือง จักได้มาเป็นสหายกับเจ้าพเยียของข้า"เจ้าบัวตรัสพลางแย้มพระโอษฐ์

"พระชายา...ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"สายหยุดครางในลำคอก่อนจักหมอบกราบนายเหนือหัว

"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะพระชายาบัวงาม มิต้องกังวลไปหนาพ่ะย่ะค่ะ มิเกินสิ้นปีนี้ เจ้าน้อยพเยียจักมีเพื่อนเล่นแน่นอน"เจ้าเหมกราบทูล

"พี่เหม"สายหยุดยกกำปั้นทุบอกกว้างตุบตับเป็นที่เอ็นดู


.

.

.



เมื่อพิธีศาสน์ตามขนบประเพณีเสร็จสิ้นตามฤกษ์ยามมงคลที่มารดาของบ่าวสาวหามาให้ ต่อไปก็ถึงฤกษ์พิธีร่วมหอที่พระชายาท่านทรงเมตตาหามาให้ โดยฤกษ์ร่วมหอจักมีขึ้นในอีกสามวันถัดจากวันแต่งงานของทั้งคู่ หากแต่เจ้าบัวงามมิยอมปริปากบอกให้พ่อเหมได้รู้ว่าฤกษ์ร่วมหอจักมีขึ้นเมื่อใด แลรับสั่งห้ามผู้ใดที่รู้เวลาฤกษ์ร่วมหอบอกกล่าวพ่อเหมอีกด้วย เมื่อแต่งกันแล้ว ยังมิได้ร่วมหอบ่าวสาวห้ามพบกัน เพื่อมิให้เผลอใจชิงสุกก่อนห่ามก่อนจักถึงฤกษ์ร่วมหอ หากฤกษ์ร่วมหอต้องรอนานเป็นปีพ่อเหมจักมิขาดใจตายก่อนหรือ

วันรุ่งขึ้นหลังจากวันแต่งงาน พอเหม แลสายหยุดก็กลับเข้าวังหลวงถวายการรับใช้เจ้านายตน โดยที่พ่อเหมมิรู้เลยว่าคืนมะรืนนี้แล้วที่จักถึงฤกษ์ร่วมหอ

“หึหึหึ ทนเอาหน่อยก็แล้วกันหนาเจ้าเหม”องค์จันทร์ทรงสรวลขณะใช้ผ้าอ้อมซับน้ำลายที่มุมปากจิ้มลิ้มของลูกน้อย ส่วนเจ้าบัวงามนั้นทรงอยู่กับสายหยุด เตรียมตัวสำหรับการร่วมหอคืนมะรืนนี้

“โธ่ ฝ่าบาท พระชายาทรงมิยอมบอกว่าทรงได้ฤกษ์ร่วมหอเป็นวันไหนเยี่ยงนี้ หม่อมฉันอึดอัดใจนัก หากฤกษ์ร่วมหอเป็นปีหน้าเล่าพ่ะย่ะค่ะ เยี่ยงนี้หม่อมฉันจักมีลูกทันเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าน้อยพเยียได้อย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ ลูกอยากมีเพื่อนหรือไหมเจ้าพเยีย”ทรงตรัสถามลูกน้อยในอ้อมพระกร นัยน์ตาเฉียวคมของเจ้าพเยียจ้องพักตร์บิดา ก่อนที่ปากจิ้มลิ้มจักอ้าหาวออกมาหวอดใหญ่

“ต้องทรงอยากมีเพื่อนสิพ่ะย่ะค่ะ”

“ฮะฮ่าๆๆ เอ็งจักมารู้ใจเด็ก ๑ เดือนได้อย่างไร”ทรงสรวล ก่อนจักรีบลูบหลังปลอบลูกที่สะดุ้งจนเบะปาก ใบหน้าเล็กเตรียมแผดเสียงร้อง

“แอ๊ะ..”

“อะ...โอ๋ ลูกจ๋า พ่อขอโทษหนาเจ้า มิร้องหนาเด็กดี”พระนาสิกแตะแผ่วเบาที่ปรางนุ่มหอมกลิ่นน้ำนม เจ้าพเยียน้อยยกกำปั้นขึ้นอม

“ฮึก แอ๊”ร้องประท้วง เมื่อบิดาจับมือน้อยออกจากปากจิ้มลิ้ม พลางใช้ผ้าอ้อมซับคราบน้ำลายที่ชุ่มกำปั้นเล็ก

“หม่อมฉันก็ใคร่อยากอุ้มลูก ปลอบลูกเช่นกันหนาพ่ะย่ะค่ะ”พ่อเหมบ่นอุบเมื่อเห็นองค์จันทร์ทรงหยอกล้อเจ้าน้อยพเยีย

“หึหึหึ เจ้าบัวห้ามมิให้ข้าบอกเจ้าว่าฤกษ์ร่วมหอของเจ้า แลสายหยุดเป็นเมื่อใด หากแต่ข้าจักบอกให้ก็แล้วกันหนา เจ้าจักได้มิอกแตกตายไปเสียก่อน”

“...”

“มินานอย่างที่เจ้าคิดดอกเจ้าเหม บัวงามของข้ามิใจร้ายกับเจ้าดอก”

“ขอให้ทรงเมตตาหม่อมฉันมากๆ เถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ มิเกินสิ้นปีดอก เจ้าก็จักมีลูกมาเป็นเพื่อนเล่นลูกข้าแน่”

“เป็นพระมหากรุณาพ่ะย่ะค่ะ”



.

.

.



ทางด้านเจ้าบัวงามที่ยึดตัวสายหยุดไว้ก็กำลังนั่งกำกับข้าหลวงสาวทั้งหลายที่รุมล้อมขัดสีฉวีวันให้คนสนิทของพระชายา เจ้าบัวงามนั่งพับเพียบอิงหมอนขิดบนตั่งไม้สักทองตัวใหญ่ หัตถ์เรียวสะบัดพัดจีนเบาๆ เป็นจังหวะดูสง่า

“ลงขมิ้นอีกหน่อยหนาอิ่ม ผิวพี่สายหยุดจักได้ผ่องๆ”

“เพคะ พระชายา”



.

.

.



เพลาผ่านไปจนถึงวันร่วมหอขององครักษ์หนุ่ม แลคนสนิทของพระชายา เรือนท้ายวังหลวงของพ่อเหมถูกตระเตรียมสำหรับพิธีร่วมหอที่จักเกิดขึ้น โดยที่เจ้าของเรือนอย่างพ่อเหมมิได้ล่วงรู้ด้วย เหล่าข้าหลวงต่างช่วยกันปัดกวาดเช็ดถู เปลี่ยนที่นอนหมอนมุ้งใหม่ บนหมอนมีมาลัยมะลิพวงโตนอนนิ่งส่งกลิ่นหอม หน้าต่างทุกบานถูกประดับด้วยอุบะเครื่องแขวนทรงพู่กลิ่น ๕ ชั้น เปลี่ยนห้องนอนองครักษ์ทหารหาญ ให้กลายเป็นลานพิธีร่วมหอที่สมบูรณ์

 “ออกแรงหน่อยสิวะ! เช่นนี้จักไปสู้ศัตรู ได้เยี่ยงไร!”พ่อเหมตะคอกทหารที่กำลังฝึกวิชาดาบอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน มิได้เจอเมียมาสามวันแล้วจักไปใคร่อารมณ์ดีได้อยู่ใย แผ่นอกกว้างเปลือยอาบไปด้วยเหงื่อไคล

“ขอประทานอภัยขอรับท่านเหม”

“เริ่มใหม่!”

“ขอรับ”



.

.

.



“ท่านเหมขอรับ ท่านเหม”

“เออ...มีกระไรวะ”

“ฝ่าบาททรงเรียกหาท่านเหมขอรับ”

“ฝ่าบาทหรือ ทรงมีกระไรเยี่ยงนั้นหรือ เอ็งรู้หรือไม่”

“มิทราบขอรับ ทรงรับสั่งเพียงแต่ให้มาตามท่านเหมไปเข้าเฝ้าขอรับ”

“...”

.

.

.



“ฝ่าบาท ทรงเรียกหาหม่อมฉัน มีกระไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไปอาบน้ำ อาบท่า แลแต่งตัวให้งามเตรียมเข้าพิธีร่วมหอไปไอ้เหม”

“...”

“ยัง...ยังมิไปอีก เอ็งจะเข้าหอกับสายหยุดหรือไม่วะ”

“ข เข้าพ่ะย่ะค่ะ เข้า หม หม่อมฉันจักไปอาบน้ำอาบท่าประเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”หมอบกราบนายเหนือหัว แลวิ่งออกจากตำหนักทรงงาน ลืมเสียสิ้นความสำรวม

“หึหึหึ”องคืจันทร์ทอดพระเนตรตามหลังองครักษ์คนสนิท แลสรวลเบาๆ



.

.

.



                เมื่อวิ่งออกจากตำหนักทรงงาน พ่อเหมก็ถูกทหารในปกครองลากไปยังลำธารท้ายวังหลวง ทหารหนุ่มสี่นายช่วยกันขัดถูขี้ไคลให้ลูกพี่อย่างขมักเขม้น

“ไอ้ด้วง เบาๆ หน่อยสิวะ หนังกูจักหลุดติดใยบวบออกมาแล้วหนาโว้ย”พ่อเหมโวยวายหน้าดำ หน้าแดง

“โธ่ พี่เหม จักได้สะอาดหมดจดเยี่ยงไรเล่า นี้คืนเข้าหอเชียวหนาพี่”ไอ้ด้วงว่าพลางโปะขมิ้นบดผสมดินสอพองลงบนแขนกำยำของลูกพี่

“นั่นซีพี่เหม หากมิขัดถูให้สะอาด ประเดี๋ยวสายหยุดจักรังเกียจ แลพาลมิให้จับต้องเอาหนา”ไอ้ปานทหารหนุ่มว่ากระเซ้า แลหัวร่อคิกคักกับเพื่อนอีกสามคน

“ประเดี๋ยวเถิดมึง”รังเกียจกระไร มิให้จับต้องกระไร สายหยุดเป็นเมียกูมาตั้งนมนานแล้วต่างหาก ก่นด่าอยู่ในใจ

“เอ้า ไอ้เขียว มึงล้างผมให้พี่เหมหน่อยซีว”

“เออๆ”ว่าแล้วก็ยกถังน้ำขึ้นเทราดหัวลูกพี่จนน้ำหมดถัง

“ไอ้พวกเวร”พ่อเหมสบถพลางลูบน้ำออกจากหน้า

“คิกๆ”นี่พวกมึงมาช่วยขัดสีกู หรือ มาเอาคืนกูกันแน่



.

.

.



“แล้วแล้วพี่เหม”

“งามราวกับรุกขเทวดาเชียวพี่เหม”

“ขอบใจโว้ย”

“คิกๆ”

“พี่เหม นี่เป็นของขวัญที่พวกข้าตั้งใจเอามาให้พี่ในวันร่วมหอเชียว”

“กระไรวะ”

“นี่จ้ะ”ไอ้เขียวว่าพลางเอาไหเหล้าออกมาจากด้านหลัง

“รับรองเพียงแค่สามอึก พี่คึกเป็นม้าศึกแน่นอน”

“ไอ้พวกเวร”ตั้งท่าจักไล่เตะ

“เหวอ ประเดี๋ยวพี่เหม พวกข้าตั้งใจเอามาให้จริงๆ หนา”

“...เห็นแก่น้ำใจพวกมึงดอกนะ หากแต่พวกมึงจงรู้ไว้เลยว่ากูมีน้ำยาพอ มิต้องพึงของพวกนี้ดอกโว้ย”กล่าวพลางคว้าไหเหล้ามากระดกเสียครึ่งไห

“ล่อเสียครึ่งไหเลยหนาพี่เหม”

“อะแฮ่ม เหล้ามันรสดีดอกโว้ย พวกมึงนี่”

“จ้าๆ”



.

.

.



                พ่อเหมกลับมายังเรือนของตนที่ใช้เป็นลานพิธีร่วมหอของตน แลสายหยุด องค์จันทร์ แลพระชายาทรงประทับอยู่บนแคร่หน้าเรือน

“ถวายพระพรฝ่าบาท แลพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”

“สายหยุดรอเจ้าอยู่ในห้องนอนแล้ว”องค์จันทร์ตรัสจบ พ่อเหมก็เหลือบมองหน้าต่างห้องนอนตนที่ถูกประดับด้วยอุบะเครื่องแขวนดอกไม้สดทันที

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เอาล่ะๆ ใจเอ็งคงไปรอกายอยู่ในห้องแล้วเป็นแน่ ข้า แลเจ้าบัวมาส่งแค่นี้แล”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท แลพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”

“...”

“...”ทั้งสองพระองค์มิตรัส เพียงแต่แย้มสรวลให้ก่อนจักเสด็จกลับตำหนักหลวง เมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จกลับแล้ว พ่อเหมก็รีบวิ่งขึ้นเรือนทันที

แอ๊ด

สองมือผลักบานประตูไม้ออก กลิ่นหอมหวานของดอกไม้ที่ประดับประดา แลกลิ่นกำยานที่ถูกจุดลอยเข้าจมูกโด่งให้สูดดม

“...สายหยุด”ภาพตรงหน้าแทบจักทำให้พ่อเหมลงไปนอนแดดิ้น สายยหุดคนงามนั่งพับเพียบรออยู่กลางฝูกนอนที่ถูกเปลี่ยนใหม่อบบุหงารำไปจนหอมคลุ้ง

                สายหยุดคนงามนุ่งผ้าแถบผืนบางเฉียบสีกลีบบัว แทบมิปกปิดเม็ดบัวงามที่ชูชันดันเนื้อผ้า ไหนจักผ้าโจงผืนนิ่มที่บางมิแพ้กันอีก พ่อเหมลมแทบจับ ยกมือทาบอกตัวลูบไปมา

“พี่เหม”

“จ๋า”ปิดประตูลงกลอน แลสาวเท้าเข้าไปหาเมียคนงาม พ่อเหมนั่งลงข้างร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่น

“สายหยุดฝากตัวด้วยหนาจ๊ะ”สายหยุดว่าพลางวางมาลัยพวงโตลงบนตักแกร่ง แลหมอบกราบฝากเนื้อ ฝากตัวกับผัว

“พี่รับฝาก พี่รับฝากเจ้า สัญญาจักดูแลอย่างดี ยุงมิให้ไต่ ไรมิให้ตอม”ประคองต้นแขนนุ่มมือ ช้อนคางมนให้เงยหงาย พิศดวงหน้างามอย่างหลงใหล ก่อนจักแตะริมฝีปากลงบนกลีบปากนิ่ม บดเบียดตะกรุมตะกราม ฝ่ามือร้อนดันร่างบางให้นอนลงบนฟูกหอมกลิ่นบุหงารำไป ใบหน้าคมคร้ามซุกไซร้ซอกคอขาว ปัดป่ายมือไปทั่วร่างงาม

“อ๊ะ พี่เหม”

“สายหยุดจ๋า คนดีของพี่เหม”













หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 29-11-2018 10:11:43
เพิ่งเจอเรื่องนี้ ชอบมากเลยยยยยย
ตามอ่านก่อนนน
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 29-11-2018 10:50:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 29-11-2018 14:45:51
มาต่อแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-11-2018 14:55:00
ไม่เกินสิ้นปีนี้ แหง่ล่ะก็เล่นปั้มกันมาก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่ป่านนี้ติดไปแล้วหรือพ่อเหม
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: FXEXRXN ที่ 19-12-2018 20:30:51
เอ็งตายแน่ไอ้สิน!!!!
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 20-12-2018 02:03:31
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: เข้ามารอ รอ ร๊อ รอ ค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๕๐% ๒๑.๑๐.๖๑ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: FXEXRXN ที่ 20-12-2018 12:03:24
หวานกันเหลือเกินนนน :katai1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๒.๑.๖๒ หน้า ๖ ครบร้อย
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 02-01-2019 16:28:28
เพิ่มเนื้อหาครบร้อยที่กระทู้ ตอนที่ ๒๔ ค่ะ ไปอ่านได้เลยยย
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๒.๑.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-01-2019 17:19:05
หมดไปเสียครึ่งค่อนไห ถ้าว่าคืนนี้คงมิได้นอนเป็นแน่แท้แล้ว  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๒.๑.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-01-2019 20:42:47
หลังจากหายไปนาน  กลับมาพ่อเหมกับสายหยุดก็เข้าหอกันแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๒.๑.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 02-01-2019 23:01:28
เข้าหอกันอีกคู่แล้วว หวานชื่นน รอคู่ภุชงค์กับเจ้าแสงน้อยหนาเจ้า
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ ๒.๑.๖๒ หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 03-01-2019 00:26:04
ได้เข้าหอกันซะทีคู่นี้ ต่อไปลุ้นเจ้าแสงให้ยอมแต่งงานกับเจ้าภุชงค์สักที (หุ หุ หุ)  :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 06-01-2019 20:25:08


บัวหลงจันทร์ ๒๕


๑๐ เดือน หลังจากพิธีร่วมหอของพ่อเหม แลสายหยุด ก็มิอาจทราบได้ว่าน้ำยาของพ่อเหม หรือ โอสถของแม่เฒ่าที่มีอานุภาพมากกว่ากัน เพลานี้คนสนิทของพระชายาจึงได้ท้องโย้จวนใกล้คลอดเยี่ยงนี้ คนสนิทของพระชายานุ่งเพียงผ้าแถบคาดอกสีหวาน แลผ้าโจงถวายการรับใช้

“พี่สายหยุดเป็นกระไรไปจ๊ะ ใยจึงหน้าซีดเซียวเยี่ยงนั้น”เจ้าบัวงามส่งลูกน้อยในวัยกำลังหัดเดินให้พระพี่เลี้ยง ก่อนจักดำเนินเข้าดูอาการคนสนิท

“อึก สายหยุด จ เจ็บท้องพระเจ้าค่ะ”มือเรียววางผ้าที่กำลังพับก่อนจะโอบกอดรอบครรภ์ตน

“ตายแล้ว จักคลอดหรือ”

“ม มิทราบพระเจ้าค่ะ”

“ว้าย พระชายาเพคะ คุณสายหยุดน้ำเดินแล้วเพคะ”ข้าหลวงสาวร้องออกมาเมื่อผ้าโจงของคนสนิทพระชายาชุ่มนองไปด้วยน้ำ

“ตายจริง เจ้าตามหมอตำแยไปที่เรือนพ่อเหม แลเจ้าไปตามพ่อเหมมาประเดี๋ยวนี้”

“เพคะ”

“เพคะ”

“ส่วนพวกเจ้าประคองพี่สายหยุดกลับเรือนพ่อเหม”

“เพคะ”ข้าหลวงสาวสี่นางประคองร่างอุ้ยอ้ายของคนสนิทพระชายากลับเรือน

“อึก”สายหยุดคนงามข่มความเจ็บไว้ แลค่อยๆ ก้าวเดินกลับเรือน มือน้อยประคองครรภ์ตนพลางลบปลอบเจ้าตัวน้อยที่ใคร่อยากออกมาจักแย่เบาๆ

.
.
.

“สายหยุดเจ็บท้องหรือ”องค์จันทร์ทวนคำที่ข้าหลวงสาวนำมากราบทูล หากแต่คนเป็นพ่ออย่างพ่อเหมนั้นวิ่งสับขาหน้าตั้งกลับเรือนไปจนมิเห็นฝุ่นตั้งแต่ที่ข้าหลวงสาวกราบทูลจบ

“เพคะ”

“อ ไอ้เหม”หันพักตร์มาทันทอดพระเนตรหลังองครักษ์คนสนิทลิบๆ

.
.
.


“อึก โอย”สายหยุดนอนครวญครางด้วยความเจ็บ

“คุณสายหยุดจับเชือกนี่ไว้หนาเจ้าคะ”ข้าหลวงสาวที่มาช่วยทำคลอดกล่าวพลางส่งเชือกที่ห้อยลงมาจากขื่อให้คนสนิทพระชายาจับ

“พ พี่เหม”

“คุณเหมกำลังมาเจ้าค่ะ”

“ฮึก”

“หายใจลึกหนาเจ้าคะ”หมอตำแยว่าพลางจัดแข้งจัดขาของคนเป็นแม่ให้พร้อมคลอด


ปัง


“ว้าย”ข้าหลวงสาว แลหมอตำแยสะดุ้งร้องเสียงหลงเมื่อประตูเรือนถูกผลักออกเต็มแรง

“สายหยุด”พ่อเหมถลามากุมมือเมียไว้แนบอก

“พี่เหม ฮึก สายหยุดเจ็บจ้ะ”

“ทนหน่อยหนาเจ้า ประเดี๋ยวก็ได้เห็นหน้าลูกแล้ว”

“อึก จ้ะ”

“แลนี่ใกล้จักคลอดได้หรือยัง”ผละออกจากเมียรัก ชะโงกหน้าไปดูที่หว่างขาเมีย จนหมอตำแยเฒ่าแทบหัวใจวาย ทำคลอดมาก็มาก มิเคยพบเจอคนเป็นพ่อที่เสียสติเยี่ยงนี้

“ว้าย ไปนั่งให้แรงใจเมียเฉยๆ เถิดพ่อ”

“พ พี่เหม”สายหยุดเอ่ยเรียกผัว เพลานี้ทั้งเจ็บทั้งอาย

“เอาล่ะ หากข้าบอกให้เบ่งก็เบ่งเลยหนาคุณสายหยุด”

“อื้อ”

“เอ้า เบ่ง”

“อึก อื้อออ”สายหยุดยึดผ้าที่ห้อยลงมาจากขื่อพลางยกตัว แลออกแรงเบ่ง

“อื้อออ สายหยุดคนดี อื้อออ”พ่อเหมที่นั่งซ้อนหลังเมียก็ออกแรงเบ่งตาม

.
.
.


“อื้อออ”

“อีกหน่อยเจ้าค่ะ เห็นหัวเด็กแล้ว”

“อึก อื้อออ”

“อื้อออ โอย สายหยุด พี่จักเป็นลม”หากจักหาใครหน้าซีดหน้าเซียวกว่าสายหยุดคนงาม ก็พ่อเหมนี่แล

“อื้อออ”


“อุแว้ อุแว้”เสียงหวีดร้องของทารกน้อย ทำเอาคนเป็นพ่อ แลแม่น้ำตาไหลพราก สายหยุดคนงามหลับตาลงทั้งๆ ที่ปากอิ่มแย้มออกกว้าง

“ฮึก ลูกพ่อ”องครักษ์คนสนิทของเจ้าหลวงนั่งปาดน้ำตาออกจากหน้า สะอื้นฮักๆ

“ชายเจ้าค่ะ งามเหมือนแม่นักเจ้าค่ะ”หมอตำแยว่าพลางเอาผ้าชุบน้ำเช็ดคราบเลือดออกจากทารกน้อย

“ข ข้าอุ้มลูกได้หรือไม่”

“เจ้าค่ะ”ส่งทารกน้อยให้คนเป็นพ่อ

“งาม งามเหมือนแม่เจ้ามิมีผิด”

“พ พี่เหม ขอสายหยุดดูหน้าลูกหน่อยจ้ะ”

“ลูกงามเหมือนน้องนักสายหยุด”

“ตัวน้อยของแม่”

.
.
.


“แลจักตั้งชื่อเจ้าตัวน้อยว่ากระไรหรือพ่อเหม พี่สายหยุด”เจ้าบัวงามตรัสถาม ในอ้อมพะกรมีทารกเกิดใหม่นอนหลับตาพริ้มอย่างน่าเอ็นดูอยู่

“ยาเยียพระเจ้าค่ะ”

“ยาเยียหรือ”

“ยาเยีย มีความหมายว่า บำรุง รักษา พระเจ้าค่ะ โตขึ้นจักได้รับใช้เจ้านายเหนือหัว”

“อืม คล้ายเจ้าพเยียของข้า แลมีความหมายดีนัก”เจ้าบัวงามตรัส

“พระเจ้าค่ะ”

“ยาเยียน้อย สหายเจ้าพเยียของข้า โตวันโตคืนหนาเจ้า”กดพระนาสิกลงบนแก้มย่นนุ่มนิ่มเบาๆ แลส่งทารกน้อยคืนพ่อ แลแม่

“เจ้าพเยีย นั่นน้องหนาลูก ยาเยียจักเป็นสหายของเจ้า”หัตถ์นุ่มประคองแก้มกลมของลูกที่นั่งอยู่บนพระเพลาของพระภัสดา พลางตรัสด้วยพระสุรเสียงนุ่มนวล

“แอ๊ะ มะ แอ๊”เจ้าพเยียอ้าโอษฐ์อ้าสรวลกว้าง เผยให้เห็นพระทนต์เล็กสองซี่ด้านบน แลทันตมังสะสีแดงสด

“หึหึหึ รู้เรื่องหรือเจ้าพเยียว่าแม่เจ้าว่ากระไร”องค์จันทร์ตรัสพลางบีบแก้มนุ่มกลมของลูกเบาๆ จนโอษฐ์เล็กยู่

“แอะ ปะ”หัตถ์กลมปัดป่ายไปมา

“อย่าแกล้งลูกสิพระเจ้าค่ะ”ตรัสพลางรับเจ้าตัวน้อยที่โผเข้าหามาอุ้ม

“ปะๆ มะๆๆ แอ้”โวยวายราวกับฟ้อง

“เสด็จพ่อท่านทรงรังแกเจ้าใช่หรือไม่”

“เอ๊อออ”


.
.
.


   เมื่อนายเหนือหัวเสด็จกลับแล้ว ก็เป็นเพลาของพ่อ แม่ แลลูก สายหยดคนงามปลดผ้าแถบออก อุ้มลูกเข้าเต้า ยาเยียน้อยอ้าปากรับยอดถันมารดา แลดูดดึงรีดน้ำนมเสียงดังจุบจับ

“เจ้ายาเยียน่าเอ็นดูนัก ลูกพ่อ”ประคองเท้าเล็กขึ้นจูบหอม ก่อนจักลามไปยังต้นแขนของคนเป็นแม่ ไต่ริมฝีปากขึ้นไปที่หัวไหล่ใน ลาดไหล่ขาว แลซอกคอหอมกรุ่น

“พ พี่เหม สายหยุดให้นมลูกอยู่หนาจ๊ะ”

“พี่รักสายหยุดกับลูกหนา”

“สายหยุดก็รักพี่เหมกับลูกจ้ะ”ผินหน้ามากดจมูกที่แก้มสากของผัวเบาๆ อย่างเอียงอาย

“พี่ขอลองกินน้ำนมของสายหยุดได้หรือไม่”

“พ พี่เหม”

“เห็นเจ้ายาเยียกินน่าอร่อย พี่ใคร่อยากลองว่ารสชาติจักเป็นเช่นไร”

“ต แต่”

“หนาสายหยุด คนดี”

“ห ให้ลูกกินอิ่มก่อนหนาจ๊ะ”

“จ้ะ”

สายหยุดกล่อมลูกจนเจ้ายาเยียหลับสนิท ยอดถันหลุดออกจากปากจิ้มลิ้ม คนเป็นแม่จึงค่อยๆ วางลูกลงบนฟูกนุ่ม มือเรียวตบก้นเล็กต่อเบาๆ แลดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างเล็กของลูก ยกมือน้อยขึ้นจูบอย่างรักใคร่

“พี่เหม”หันมาเจอผัวที่จ้องยอดถันตนเขม็งก็หน้าม้าน

“มาเจ้า ให้พี่ลองกินหน่อยหนา”อุ้มเมียให้นั่งคร่อมตัก นิ้วสากลากวนรอบยอดถันสีแดงช้ำ

“เจ้ายาเยียทำถันแม่เจ้าช้ำหมดเลย”พึมพำเบาๆ หากแต่สายหยุดที่นั่งอยู่บนตักก็ได้ยินเต็มสองหู

“พี่เหม ลูกมิได้ตั้งใจดอกจ้ะ”

“จ้ะ ตัวเท่าเมี่ยงจักไปรู้ความกระไร”

“อ อือ”สายหยุดคนงามหลุดเสียงครางเมื่อพ่อเหมกดจูบลงบนจุกเล็กกลางอก ริมฝีปากอุ่นอ้าออกรับยอดถันเข้าดูดดึงกลืนกินน้ำนม

“อืม รสชาติจืดๆ มันๆ หากแต่ก็หวานติดปลายลิ้น มิน่าเจ้ายาเยียดูดเอาๆ”

“พ พี่เหมล่ะก็ ทะลึ่งตึงตังนัก”

“พี่พูดจริงหนาสายหยุด มิเชื่อหรือ เจ้าลองดูก็ได้หนาเจ้า”ว่าพลางคว้าคอเมียเข้ามาใกล้ แนบริมฝีปากส่งผ่านรสชาติน้ำนมผ่านปลายลิ้น

“อื้อ”

“เป็นเยี่ยงไรเจ้า”

“ก็...หวานเล็กน้อย หากแต่มีกลิ่นคาว...พ พี่เหม สายหยุดว่าเข้านอนเถิดจ้ะ”มิรู้สายหยุดหน้าบาง หรือ พี่เหมหน้าด้านกันแน่ เหตุใดจึงพูดคุยเรื่องนี้กันได้หน้าตาเฉย บ้าจริงเชียว

.
.
.


๕ ปีต่อมา


เจ้าน้อยพเยียในวัย ๕ ปี ยาเยียคนสนิท แลองค์รัชทายาทพบูในวัย ๔ ปี กำลังประทับอยู่ที่ศาลาริมสระหลวง โดยมีข้าหลวงคอยดูแลห่างๆ

“พบู เอามาลัยของพี่คืนมาหนา”เจ้าน้อยพเยียเท้าพระกฤษฎี ดวงพักตร์งามบึ้งตึง พระเนตรคมเฉี่ยวที่ได้มาจากพระบิดาจ้องพระอนุชาเขม็ง

“ม่าย บูจักเอา”

“หากแต่นี่มันของพี่หนา”

“บูจักเอา”

“งื้อ”ส่งพระสุรเสียงมิพอพระทัยในพระศอ หัตถ์เล็กผลักน้องจนล้มก้นจ้ำเบ้า

“อ๊ะ องค์รัชทายาท”เจ้ายาเยียที่เสด็จตามเจ้าน้อยรีบถลาออกไปหาองค์รัชทายาทน้อยเมื่อเด็กชายล้มลงไปด้วยความตกอกตกใจ ผิดกับเด็กน้อยที่จ้องคนเป็นพี่ตอบอย่างมิเกรงกลัว

“ยาเยียอย่าไปเล่นกับพบูหนา เด็กมิดี”

“ยาเยีย บูเจ็บเจ้าค่ะ”คว้าแขนเล็กของคนสนิทพี่ไว้พลางซบพักตร์ลงบนอกบาง

“โอ๋ๆ มิเจ็บหนาพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยพระทัยเย็นก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ มาลัยพวงนี้ให้องค์รัชทายาทไปเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวยาเยียจักกรองให้ใหม่หนาพระเจ้าค่ะ”


พรึ่บ


องค์รัชทายาทพบูทรงยื่นมาลัยสีขาวนวลคืนให้คนเป็นพี่ทันที เมื่อได้ยินว่ายาเยียจักกรองให้ใหม่

“พเยียเอาคืนไปหนา บูคืนให้”เจ้าน้อยพเยียทอดพระเนตรพระอนุชาอย่างระแวดระวัง ก่อนจักคว้ามาลัยของตนคืนมา

“คืนพี่มาตั้งแต่แรกก็จบแล้ว”

“ยาเยีย ยาเยียกรองมาลัยให้บูใหม่หนาเจ้าค่ะ”มิฟังที่คนเป็นพี่ตรัส หากแต่หันพักตร์กลับมาซุกซบอกเล็กของยาเยียคนงาม แลออดอ้อนให้กรองมาลัยให้ตนใหม่

“พระเจ้าค่ะ”

“ยาเยียคนดี”จับมือเล็กขึ้นจุมพิต

“พี่จักฟ้องเสด็จแม่ แลท่านอาสายหยุดว่าพบูทำรุ่มร่ามใส่ยาเยีย”

“บูมิได้ทำรุ่มร่ามใส่ยาเยีย บูเพียงแต่เอ็นดูยาเยียก็เท่านั้น”

“เจ้าลืมไปเสียแล้วกระมังพบูว่ายาเยียนั้นเป็นพี่เจ้า เจ้าจักมาเอ็นดูยาเยียได้อย่างไร”

“ใยจักมิได้ หากโตขึ้นข้าจักตบแต่งกับยาเยีย”

“องค์รัชทายาท”เจ้ายาเยียน้อยตกใจหน้าตื่น

“บูพูดจริงหนายาเยีย หากโตขึ้น บูจักตบแต่งยาเยีย”

“ฝันเฟื่อง ไปเล่นดอกไม้กันเถิดยาเยีย ปล่อยพบูไว้ตรงนี้แล”ตรัสแล้วก็ดึงคนสนิทออกจากอ้อมกอดของอนุชา

“ยาเยียต้องเล่นกับบูหนา มิต้องไปเล่นกับพเยีย”

“ไม่ ยาเยียเป็นคนสนิทของพี่ จักต้องเล่นกับพี่”

“ไม่ ยาเยียเป็นของข้า”

“อ๊ะ แงงงงง”มิตรัสเปล่าผลักพี่เสียจนหงายหลังล้มตึง เจ้าพเยียตกพระทัยไห้จ้า

“เจ้าน้อย”ยาเยียจักไปหาก็มิได้ องค์รัชทายาทมิยอมปล่อยยาเยีย อีกทั้งยังกอดไว้แน่น

“เกิดกระไรขึ้นพระเจ้าค่ะ ใยเจ้าน้อยจึงไห้เยี่ยงนี้”สายหยุดที่ได้ยินเสียงไห้จ้าของเจ้าน้อยก็รีบรุดมาดูทันที

“แงงงง ท่านอาสายหยุด ฮือ”

“โอ๋ เกิดกระไรขึ้นพระเจ้าค่ะ ยาเยียเกิดกระไรขึ้นลูก”เมื่อเจ้าน้อยมิยอมตรัสเอาแต่ไห้ จึงหันไปถามลูกตัวเอง

“ท่านแม่”

“ฮึก พบู อึก ผลักพเยียเจ้าค่ะ ฮือ”เจ้าพเยียสะอึกสะอื้นฟ้อง

“โธ่ ใยจึงผลักพี่เช่นนี้เล่าพระเจ้าค่ะองค์รัชทายาท”กอดปลอบเจ้าน้อยที่ไห้มิยอมหยุด พลางหันมาถามหาความกับคนน้อง

“ก็พเยียจักแย่งยาเยียของบู”

“โธ่ องค์รัชทายาท”


.
.
.


“ใยจึงทำกับพี่เช่นนั้นเล่าลูก”เจ้าบัวงามตรัสถามโอรสองค์เล็ก

“ก็พเยียจักแย่งยาเยียของลูกนี่พ่ะย่ะค่ะ”

“แย่งยาเยียจากเจ้าหรือ หากแต่ยาเยียเป็นคนสนิทของเจ้าพเยียหนา”

“หากแต่โตขึ้นลูกจักตบแต่งยาเยียนี่พ่ะย่ะค่ะ”ตรัสจบคนเป็นพ่อก็พ่นพระสุธารสชาเสียจนกระจายฟุ้งในอากาศ ส่วนพ่อของยาเยียนั้นคิ้วกระตุกยิกๆ หากแต่ยังนิ่ง

“ใจเย็นหนาไอ้เหม นี่ลูกกู”

“หึหึหึ ยาเยียมาหาพ่อมาคนดี”พ่อเหมหัวเราะในลำคอเสียงขรึม ก่อนจักกวักมือเรียกบุตรที่นั่งอยู่บนตักแม่

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”คลานจากตักแม่ ไปทิ้งตัวลงบนตักกว้างของคนเป็นพ่อ พ่อเหมกอดร่างน้อยของลูกไว้ กดจูบเบาๆ ที่ขมับขาว ยาเยียยิ่งโตก็ยิ่งถอดแบบความงามมาจากแม่

“เจ้าพบูตัวแค่นี้ ลูกคิดเรื่องตบแต่งแล้วหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ ลูกจักตบแต่งยาเยีย”

“ฮึก ลูกมิยอม โฮ ยาเยียเป็นสหายของลูก พบูจักมาแย่งมิได้”เจ้าน้อยพเยียผละออกจากพระอุระของมารดามาโต้แย้ง

“ชู่ว หยุดไห้ก่อนหนาลูก ตาบวมหมดแล้วเจ้า”องค์จันทร์ตรัสพลางรับลูกน้อยจากเมียมาปลอบ

“ฮึก”ซบพักตร์ลงบนพระอังสะกว้างของพระบิดา

“เอาล่ะ เจ้าพเยียน้องมิได้ตั้งใจผลักเจ้าดอกลูก”

“ลูกตั้งใจพ่ะย่ะค่ะ”

“ฮือออ”พอได้ยินน้องตรัสเยี่ยงนั้นก็ปล่อยโฮอีกระลอก

“...”

“...”

“...”

“...”

“พบู”เจ้าบัวตรัสเรียกโอรสองค์เล็กด้วยความอ่อนพระทัย


.
.
.


“มาให้แม่ดูหน่อยหนาลูก”เจ้าบัวตรัสพลางแก้ผ้าโจงของลูกออกหลังจากที่พระภัสดาพาโอรสองค์เล็กออกไปเดินเล่นที่สวนพฤกษา นัยน์ตากวางทอดพระเนตรก้นขาวของลูกที่มีรอยช้ำจางๆ ปลายพระองคุลีลูบเบาๆ ที่รอยช้ำ

“เสด็จแม่ เจ็บพระเจ้าค่ะ”

“ประเดี๋ยวแม่ใส่ยาให้หนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“หากแต่แม่ก็ได้ยินมาว่า เจ้าเองก็ผลักน้องล้มเช่นกันมิใช่หรือเจ้าพเยีย”

“ก็...ก็เจ้าพบูแย่งยาเยียลูกก่อนนี่พระเจ้าค่ะ”

“แลเหตุใดจึงต้องผลักน้องกันเล่า น้องผลักเจ้า เจ้ายังเจ็บ แลเจ้าผลักน้อง น้องจักมิเจ็บหรือลูก”

“ล ลูก ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“คราหลังมิเอาแล้วหนาลูก ห้ามทำน้อง แลแม่ก็จักสอนน้องเช่นกันว่ามิให้ทำเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


นัยน์ตากวางเหลือบมองคนเป็นน้องที่นั่งเล่นอยู่ข้างยาเยีย ก่อนจักหลุบตามองดอกไม้ในหัตถ์ตน เหลือบมองน้อง แลหลุบตามองดอกไม้ สลับกันไปมา

“พบู”

“อื้ม”

“พี่ขอโทษหนาที่ผลักเจ้า”ตรัสแล้วก็ยื่นดอกไม้ให้น้อง

“บูก็ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะที่ผลักเสด็จพี่”

“อื้ม มิเป็นไร”

“ดีจังเลยพระเจ้าค่ะ ทั้งสองพระองค์ดีกันเช่นนี้ดีกว่าตอนตีกันโข”

“จริงหรือยาเยีย”

“พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นบูจักมิตีกับพเยียอีก ดีหรือไม่ยาเยียจักได้สบายใจ”

“อ่า พระเจ้าค่ะ”

“ใคร่อยากกินขนมหรือไม่”

“เอาสิเจ้า พี่ใคร่อยากกิน”

“ข้าถามยาเยีย หาใช่ท่านไม่”

“พบู นี่พี่หนา”

“เอ่อ”ยาเยียมองสองพี่น้องที่ดีกันได้มินาน ก็ตีกันอีกอย่างอ่อนใจ





หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Lotsa ที่ 06-01-2019 22:31:28
ลูกๆน่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 06-01-2019 22:48:39
แย่งยาเยียแล้วววว สหายก็มีลูกไปแล้ววว
เด็กๆน่ารักจังเลยยยยย
ท่านพี่ภุงชงค์ล่ะเจ้าคะ เป็นเยี่ยงไรอยากทราบสถานการณ์
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยยยย ร้ากกก
ป.ล.ขำพี่เหม 55555 มองตรงนั้นหมอตำแยตกใจหมด
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 06-01-2019 23:03:39
สนุกมากกกกก  o13
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-01-2019 00:04:59
ฉายแววตั้งแต่ตอนนี้ 55555555555555
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-01-2019 09:35:48
น่ารัก~
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-01-2019 10:15:41
แย่งกันซะแล้ว แล้วอีกนานไหมคู่ของพเยียจะมาเนี่ย
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 08-01-2019 08:39:38
5555 ลูกรักกันมากกกกกก
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 08-01-2019 21:07:18
รักกันดีจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-01-2019 23:33:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-01-2019 19:41:15
น่ารักจังเล็กๆๆๆ แอบอยากอ่านรุ่นลูก อิอิ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 14-01-2019 01:19:36
หลง รัก เรื่องนี้
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-01-2019 02:41:31
 :z2: พบู จองเจ้าสาวแต่เด็กเลยหรอ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๕ ๖.๑.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: yoyothaka ที่ 09-02-2019 09:52:57
ตั้งตารอผู้เขียน..และลูกๆที่น่ารักอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 15-02-2019 12:26:50
บัวหลงจันทร์ ๒๖ (จบ)



เพลาบ่ายคล้อย องค์รัชทายาท เจ้าน้อย แลสหายคนสนิท ทรงประทับอยู่ ณ ศาลาริมสระหลวง

“ยาเยียเจ้าเป็นคนซื้อหนา ประเดี๋ยวข้าจักเป็นคนขาย”เจ้าน้อยพเยียจัดแจงให้สหายคนสนิทนั่งอยู่ตรงข้ามพระองค์ แลมีถ้วยเล็กถ้วยน้อยคั่นกลาง

“แลองค์รัชทายาทเล่าพระเจ้าค่ะ”ยาเยียเอ่ยถามเมื่อเจ้าน้อยมิได้จัดแจงให้ว่าจักให้องค์รัชทายาทเล่นเป็นผู้ใด

“อืม...”เจ้าพเยียกอดอุระตน ดวงพักตร์งามเงยขึ้นเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด ดรรชนีเล็กเคาะเบาๆ ที่ข้างปรางขาว

“ข้าจักเล่นเป็นสามียาเยีย มาซื้อของเสด็จพี่”เจ้าพบูว่าพลางวาดพระกรพาดบนไหล่เล็กของยาเยียคนงาม

“อืม...ตกลง ข้าเล่นเป็นคนขาย ยาเยียเป็นคนซื้อ แลพบูเล่นเป็นสามียาเยียอีกทอดหนึ่งก็แล้วกันหนา”

“อื้ม”สองพี่น้องตรัสเอง เออเอง หาได้หารือกับคนกลางอย่างยาเยียน้อยไม่

“เยี่ยงนั้นจักรับกระไรดีจ๊ะ”ตรัสแล้วก็สวมบทบาทแม่ค้าในตลาดทันที

“มีกระไรขายบ้างหรือจ๊ะ”ยาเยียน้อยก็เล่นตามน้ำทันที

“อืม...ข้ามีขนมบัวสาว ขนมสอดไส้ แลขนมบัวตอง จักรับกระไรดีจ๊ะ”

“เยี่ยงนั้นข้าเอาขนมบัวสาวสองห่อ แลขนมสอดไส้สามห่อจ้ะ”

“รอประเดี๋ยวหนา”ตรัสจบ หัตถ์เล็กก็แสร้งหยิบจับดอกไม้ ใบไม้ใส่กระทงใบตองส่งให้สหายคนสนิท

“เท่าใดหรือจ๊ะ”

“อืม...เท่าใดดีหนายาเยีย”

“หม่อมฉันก็มิทราบพระเจ้าค่ะ”ยาเยียคนงามส่ายหน้า คิ้วบางขมวดมุ่นเมื่อมิสามารถหาคำตอบได้ว่าที่ตลาดพวกชาวบ้านขายขนมราคาเท่าใดกัน

“อืม...ที่ตลาดพวกชาวบ้านขายของกันอย่างไรหนา”กลายเป็นว่าการเล่นขายของของเด็กๆ หยุดชะงักเมื่อมิสามารถหาคำตอบได้ว่าขนมราคาเท่าใด

“เล่นกระไรกันอยู่หรือลูก ไยจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกันเช่นนี้”เจ้าบัวงามดำเนินเข้ามาที่ศาลาริมสระหลวงที่ลูก แลหลานอยู่ทันได้ยินเรื่องที่เด็กๆ กำลังสนทนากัน

“เสด็จแม่”เจ้าพเยียลุกขึ้นวิ่งเข้าไปกอดกฤษฎีบางของคนเป็นแม่ พลางเงยพักตร์ช้อนนัย์ตาคมเฉี่ยวที่ทอดแบบมาจากบิดาออดอ้อนพระมารดา

“เล่นกระไรกันอยู่หรืฮเจ้า”ช้อนเจ้าตัวน้อยที่เป็นพี่ แต่กลับตัวเล็กกว่าน้องขึ้นอุ้ม พระนาสิกโด่งรั้นจรดลงบนแก้มกลมนุ่มนิ่มของลูก ดำเนินไปประทับที่ตั่งตัวใหญ่

“ลูกกำลังสงสัยพระเจ้าค่ะ”วาดกรเล็กกอดรอบพระศอมารดา ก่อนจักตรัสเจื้อยแจ้ว

“สงสัยกระไรจ๊ะ เจ้าพบูมาให้แม่หอมทีเถิดเจ้า”จับโอรสองค์โตนั่งบนพระเพลา แลกวักหัตถ์เรียกโอรสองค์เล็ก

“บูโตแล้วหนาพ่ะย่ะค่ะ”ตรัส แต่กระนั้นก็ยอมลุกไปให้มารดากอดหอม

“ฮื้อ”เจ้าพเยียครางใส่อย่างมิพอพระทัย ขนงค์บางขมวดมุ่น เมื่อมารดากอดหอมอนุชา หัตถ์เล็กทั้งสองข้างจับพักตร์ของคนเป็นแม่ให้หันมาทอดพระเนตรตน

“กระไรเจ้าพเยีย”

“พอแล้วพระเจ้าค่ะ”ตรัสพลางจับพระกรทั้งข้างของมารดาให้โอบกอดตน แลซุกซบพักตร์จิ้มลิ้มกับอุระบาง

“หึหึหึ หวงแม่แม้กระทั่งกับน้อง เจ้านี่จริงๆ เลยหนา”ตรัสกลั้วสรวล กดจูบที่นลาฏขาวของโอรสองค์โตซ้ำๆ

“คิกๆ พเยียรักเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ”บิดพระวรกายไปมา ถูไถพักตร์กับพระอุระมารดาอย่างออดอ้อน

“จ้ะๆ แม่ก็รักพวกเจ้าทั้งสองคน แลพวกเจ้าสงสัยเรื่องกระไรกัน หืม”

“ลูกกำลังเล่นขายของกับยาเยีย แลพบูพระเจ้าค่ะ”

“จริงหรือ แลใครเล่นเป็นคนซื้อ คนขายเล่า”

“ลูกเป็นคนขายพระเจ้าค่ะ ยาเยียเป็นคนซื้อ แลพบูเล่นเป็นสามียาเยีย”

“พบูเล่นเป็น ส สามียาเยียหรือลูก”ตรัส แลผินพักตร์ไปสรวลแห้งๆ ให้มารดาของยาเยีย

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เสด็จแม่ ลูกเล่นพระเจ้าค่ะ หากแต่เล่นไปเล่นมาก็สงสัยว่าพวกชาวบ้านในตลาดขายขนมกันอย่างไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“หืม ขนมหรือลูก”

“พระเจ้าค่ะ ลูกขายขนมให้ยาเยีย แลพบูหากแต่มิรู้ว่าขนมนั้นราคาเท่าใด”

“เยี่ยงนั้นพ่อจักพาเจ้าไปตลาดดีหรือไม่ จักได้รู้ว่าเขาขายขนมกันอย่างไร ราคาเท่าใดดีหรือไม่”สุรเสียงของผู้มาใหม่เรียกสายตาทุกคู่ในศาลาริมสระหลวงให้หันไปมอง

“เสด็จพ่อ”เจ้าพเยียร้องเรียกบิดาที่ดำเนินเข้ามาในศาลาพร้อมองครักษ์ประจำพระองค์อย่างท่านอาเหมบิดาของยาเยีย

“ท่านพ่อ”ยาเยียคนงามร้องเรียกบิดา คนงามลุกขึ้นเดินเตาะแตะไปหมอบกราบเจ้าหลวงก่อนจักคลานเข้าไปกอดคนเป็นพ่อ

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ”

“ไหว้พระเถิดยาเยีย”วางพระหัตถ์ลงบนศีรษะทุยของเด็กน้อย

“ยาเยียมาให้พ่อชื่นใจทีเถิดคนดี”พ่อเหมอ้าแขนออกรอรับร่างแน่งน้อยของลูก

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”คนงามคลานไปทิ้งตัวนั่งลงบนตักคนเป็นพ่อ

“เสด็จพ่อ จักพาลูกไปตลาดหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าพเยียรีบตรัสถามบิดาทันที

“ใคร่อยากไปหรือไม่ หืม”

“พระเจ้าค่ะ”

“แลเจ้าเล่า เจ้าพบูใคร่อยากไปหรือไม่”

“ใคร่ไปพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าน้อย แลองค์รัชทายาทดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีที่พระบิดาจักพาไปตลาดนอกวังหลวง

“ท่านพ่อเจ้าขา”ยาเยียน้อยก็ใคร่ไปบ้างจึงได้กระซิบเรียกคนเป็นพ่อเสียงแผ่ว

“หืม ว่าอย่างไรลูก”พ่อเหมก้มลงมองลูกน้อยที่เอนซบอกกว้างของตน

“ยาเยีย...”ใคร่อยากไปด้วย หากแต่ก็มิกล้าเอ่ยขอ

“ว่าอย่างไรทูนหัวของพ่อ”พ่อเหมถามพลางใช้มือปัดเส้นผมที่ร่วงปรกหน้าลูกออก

“...ลูก”ช้อนตามองคนเป็นพ่อ แลกัดปากตัวเองแน่น

“ชู่ว...มิดีกัดปากตัวเองเยี่ยงนี้หนาลูก ประเดี๋ยวก็ได้แผลกันพอดี”ใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ ที่ปากเล็ก

“ยาเยีย”องค์จันทร์ที่ทอดพระเนตรเด็กน้อยอยู่นานตรัสเรียก

“พระเจ้าค่ะ”สะดุ้งน้อยๆ แลขานรับเจ้าหลวงเสียงแผ่ว

“มาหาข้ามาเด็กดี”

“พระเจ้าค่ะ”ค่อยๆ คลานจากตักพ่อไปหาเจ้าหลวง

“ฮึบ ใคร่อยากไปตลาดนอกวังหลวงด้วยกันหรือไม่”ตรัสถามหลังจากที่ทรงอุ้มหลานขึ้นนั่งบนพระเพลาแล้ว

“ยาเยีย...ไปด้วยได้หรือพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ  ริมฝีปากบางเบะออก ดวงตาเรียวสั่นระริกคลอน้ำจนองค์จันทร์ต้องกอดปลอบ

“โธ่...ไปได้อยู่แล้วเจ้า มิไห้หนาคนดี”พระหัตถ์อุ่นลูบแผ่นหลังเล็กไปมา

“ฮึก...ยาเยียใคร่ไปด้วยพระเจ้าค่ะ”

“นิ่งเสีย หากใคร่ไปด้วยก็ไป มิมีใครว่ากระไรเจ้าดอก มิต้องไห้หนาเด็กดี”รับซับพระพักตร์มาจากเจ้าบัวงาม ก่อนจักซับน้ำตาให้ยาเยียคนดี

“อึก...ท่านแม่...อนุญาตให้ข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ”ถึงกระนั้นยาเยียเด็กดีก็ยังหันไปขออนุญาตมารดา เรียกสายตาเอ็นดูจากผู้ใหญ่

“แม่อนุญาตจ้ะ...ไปเถิด แม่ก็จักไปกับเจ้าด้วยดีหรือไม่”

“เจ้าค่ะ”ยิ้มหวานออกมาทั้งน้ำตา


.
.
.


“ท่านแม่ ยาเยียแต่งกายแล้วแล้วเจ้าค่ะ”ยาเยียคนงามที่วันนี้จักได้ไปเที่ยวตลาดนอกวังหลวงวิ่งเข้ามาหามารดาที่นั่งพับเพียบอยู่หน้ากระจกเงาโต๊ะเครื่องแป้งข้างเตียงนอนในห้อง

“มิวิ่งหนาลูก”หันมารับร่างเล็กของลูก

“ขออภัยเจ้าค่ะ ลูกดีใจไปหน่อย”ยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันกระต่ายสองซี่โดดเด่น

“หึหึหึ”หัวเราะอย่างเอ็นดู จับร่างเล็กหมุนหน้า หมุนหลัง วันนี้ยาเยียเด็กดีงามนัก เด็กน้อยผิวขาวราวหยวกกล้วยใส่เสื้อคอกระเช้าสีกลีบบัว แลโจงกระเบนสีม่วงดอกตะแบก ผมยาวถูกรวบเป็นหางม้าเผยให้เห็นดวงหน้าหวานขาวผ่องน่าเอ็นดู สายหยุดอดไม่ได้ที่จักกดจูบลงบนปรางนุ่มของลูกอย่างรักใคร่

“ท่านแม่แล้วแล้วหรือยังเจ้าค่ะ”

“แล้วแล้วลูก”

“เยี่ยงนั้นเราออกไปรอท่านพ่อที่ชานเรือนดีหรือไม่เจ้าค่ะ”

“จ้ะ”ว่าแล้วก็ลุกตามแรงจูงของยาเยียคนงามออกไปรอพ่อเหมที่ชานเรือน เมื่อครั้งสายหยุดให้กำเนิดยาเยียน้อย ฝ่าบาท แลพระชายาก็ทรงเมตตาประทานเรือนหลังใหม่ให้ ซึ่งใหญ่กว่า แลมีพื้นที่รอบๆ เรือนมากกว่าหลังเดิมของพ่อเหมมากโข อีกทั้งยังอยู่มิไกลจากตำหนักในเท่าเรือนข้าหลวงอื่น

“อ๊ะ ท่านแม่...ท่านพ่อมาแล้วเจ้าค่ะ”ยาเยียน้อยกระตุกมือมารดาเมื่อเห็นบิดา

“แล้วแล้วหรือ แม่ลูก”

“แล้วแล้วจ้ะพี่เหม”สายหยุดตอบสามี

“เยี่ยงนั้นก็ไปรอที่ตำหนักหลวงกันเถิด ประเดี๋ยวเจ้านายก็คงแล้วกันแล้ว”

“จ้ะ”จากนั้นคนเป็นพ่อ แลแม่จึงได้จูงมือลูกคนละข้างไปยังตำหนักหลวง


.
.
.


“เสด็จแม่ เมื่อใดจักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทน้อยที่ประทับบนพระเพลาคนเป็นพ่อตรัสถามมารดาที่กำลังแต่งองค์ให้เจ้าน้อยพเยียผู้เป็นพี่

“ประเดี๋ยวแม่รวบเกศาให้พี่เจ้าแล้วก็แล้วแล้วลูก”เจ้าบัวงามตรัสขณะรวบผมยาวของเจ้าพเยีย

“เสด็จพี่มิเห็นจักงามสู้ยาเยียได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ตรัสขึ้น

“เสด็จแม่...ฮึก”เจ้าพเยียเบะโอษฐ์ คิ้วบางแทบจักขมวดเป็นปม

“ชู่วๆ”เจ้าบัวงามดึงลูกเข้ามากอดปลอบ เจ้าพเยียทำตัวอ่อนซบพระอังสะมารดาอย่างหมดแรง

“ไยจึงว่าพี่เช่นนี้เล่าลูก”องค์จันทร์ทรงตรัสถามโอรสบนพระเพลา

“ลูกมิได้ว่า หากแต่ลูกพูดความจริงพ่ะย่ะค่ะ สำหรับลูกยาเยียงามที่สุด”เจ้าพบูตรัส

“...”

“งามกว่าแม่อีกหรือเจ้า”เจ้าบัวงามแสร้งตรัสถาม

“...เสด็จแม่งามกว่าข้อนิ้วหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“ฮะฮ่าๆๆ เข้าใจตอบหนาเจ้า”องค์จันทร์ทรงสรวลทันทีที่ได้ฟังคำตอบของโอรส

“หึหึหึ...พเยียของแม่งามที่สุดแล้วเจ้า”เจ้าบัวงามส่ายพักตร์ ก่อนจักก้มพักตร์ลงไปตรัสกับโอรสตัวน้อย

“จริงหรือพระเจ้าค่ะ”

“จริงสิเจ้า มิเชื่อหรือ ถามพ่อเจ้าดูสิ”

“เสด็จพ่อ”ตรัส แลผละออกจากอกมารดา เดินเตาะแตะไปหาบิดาที่ประทับอยู่บน

“จ๋า คนดี”อ้าพระกรรับคนพี่เข้ามากอดแนบพระอุระ พระนาสิกหอมเบาๆ ที่กระหม่อมลูก

“พเยียงามหรือไม่พระเจ้าค่ะ”ช้อนนัยน์ตาที่ทอดแบบพระบิดามาขึ้นจ้องพระพักตร์

“งามลูก ลูกพ่องามที่สุด”

“คิกๆ เห็นหรือไม่พบู เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ท่านว่าพี่งามที่สุด เจ้ามีตาหามีแววไม่”คนพี่ได้ทีตรัสว่าน้อง

“ชู่วๆ มิเอา มิตีกันหนาลูก”องค์จันทร์ตรัส

“พระเจ้าค่ะ”

“ไปเถิด ป่านนี้ยาเยียมารอแล้วกระมัง”เจ้าบัวงามตรัส

“พ่ะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทน้อยรีบรับคำ แลลงจากพระเพลาพระบิดา ดำเนินนำออกไปคนแรก เมื่อทอดพระเนตรเห็นยาเยียคนงามก็ตรงเข้าไปกอดทันที


หมับ


“อ๊ะ องค์รัชทายาท”ยาเยียเด็กดีสะดุ้งตกใจ

“ยาเยียของบูงามจริงเจ้า”ตรัส แลกดพระนาสิกกับปรางนุ่มของคนเป็นพี่

“อะแฮ่ม องค์พบูพ่ะย่ะค่ะ”พ่อเหมขัดขึ้น

“หืม”

“ปล่อยยาเยียก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอรับ...ยาเยีย เอาไว้ถึงตลาดแล้ว ยาเยียใคร่ได้กระไร บูจักซื้อให้ทุกอย่างเลยหนา”ยอมผละออกจากยาเยียคนงาม หากแต่ก็คว้ามือน้อยขึ้นมากุมแนบพระอุระ

“ข ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะองค์พบู”

“มิเป็นไรดอก”

“เจ้าพบู มาหาแม่มาเจ้า จักได้ไปกันเสียที ปะเดี๋ยวอากาศจักร้อนหนา”

“พ่ะย่ะค่ะ”


.
.
.


เจ้านายทั้งสี่พระองค์ทรงดำเนินดูร้านรวงในตลาดนอกวังหลวง โดยมีองครักษ์ประจำพระองค์เจ้าหลวง แลคนสนิทพระชายาพร้อมลูกน้อยเดินตามหลัง

“ยาเยียมานี่สิเจ้า”เจ้าพบูตรัสเรียกยาเยียคนงามเมื่อดำเนินมาถึงร้านขนม

“ยาเยียไปได้หรือไม่เจ้าค่ะท่านแม่”เด็กน้อยเงยหน้าถามมารดาที่จูงมือตนอยู่

“ไปเถิดจ้ะคนดี”เมื่อคนเป็นแม่อนุญาตจึงได้เดินไปหาองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยที่ประทับยืนรอตนอยู่

“ใคร่อยากกินขนมกระไรหรือยาเยีย บูจักซื้อให้”องค์รัชทายาทตรัสถาม พลางจับมือคนงามไว้แน่น

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ยาเยียใครอยากกินขนมทองฟูพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้น บูซื้อให้หนา”

“มิเป็นไรดอกพ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ประเดี๋ยวหม่อมฉันซื้อให้ยาเยียเอง”พ่อเหมเอ่ยขึ้น

“มิเป็นไรดอกท่านอาเหม ข้าจักหมั้นยาเยียด้วยขนมทองฟูหนา”ตรัสกับบิดายาเยีย ก่อนจักผินพักตร์กลับมาตรัสกับยาเยียคนงาม

“หา...”ยาเยียคนงามร้องเสียงหลง

“แต่มิต้องกังวลหนา แม้นเพลานี้ข้าจักหมั้นเจ้าด้วยขนมทองฟู หากแต่โตขึ้นข้าจักหาแก้วแหวนเงินทองมาหมั้นยาเยียเองหนา”

“...”สายหยุด แลพระชายาถึงกับพูดมิออก องค์จันทร์ทรงสรวลน้อยๆ ให้ความแก่แดดแก่ลมของโอรสองค์เล็ก ในขณะที่พ่อเหมร่ำไห้อยู่ในใจผู้เดียว

“ยาเยียเมื่อยหรือไม่ทูนหัว ให้พ่ออุ้มมาเจ้า”พ่อเหมกวักมือเรียกลูก

“หากแต่ยาเยียยังมิได้ขนมเลยหนาเจ้าค่ะท่านพ่อ”ช้อนตามองหน้าพ่อ น่าสงสารจนคนเป็นพ่อใจอ่อน

“เช่นนั้นหากลูกเมื่อยก็บอกพ่อแล้วกันหนาลูก”

“เจ้าค่ะ”ยิ้มกว้างจนน่าเอ็นดู


.
.
.


“ท่านแม่ ยาเยียโปรดเจ้าค่ะ”ยาเยียคนงามว่าหลังจากกลืนขนมทองฟูที่มารดาป้อนให้

“เยี่ยงนั้น คราหลังแม่จักทำให้เจ้ากินดีหรือไม่”

“เจ้าค่ะ รสมือท่านแม่คงอร่อยกว่าเป็นแน่”

“ปากหวานนักหนาเจ้า”จับปลายคางมนของเด็กดีเขย่าเบาๆ

“คิกๆ”

“ท่านอาสายหยุด”

“พระเจ้าค่ะองค์รัชทายาท”พบูน้อยวิ่งทั่กๆ เข้ามาหาสองแม่ลูกคนงาม

“ข้าพายาเยียไปดูไก่ตรงนั้นได้หรือไม่ขอรับ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ขอบน้ำใจขอรับ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ยาเยียไปดูไก่ตรงนู้นกันหนา บูจักพาไป”ผินพระวรกายมาหายาเยียคนงาม

“...พระเจ้าค่ะ”เหลือบมองมารดา เมื่อเห็นว่าท่านพยักหน้าจึงได้ตอบรับ แลเดินตามแรงจูงขององค์รัชทายาท ไปดูไก่ชนที่ชาวบ้านขังไว้ในสุ่ม เด็กน้อยทั้งสองทรุดกายนั่งยองอยู่ข้างสุ่มไก่

“ยาเยียมิต้องกลัวหนา”ตรัส แลกุมมือน้อยไว้แน่น

“พระเจ้าค่ะ...อ๊ะ”พยักหน้าให้องค์พบู ก่อนจักสะดุ้งตกใจ ดวงตาหวานเบิกขึ้นเมื่อไก่ตัวโตกระพือปีกใส่

“ชู่วว มิต้องกลัวหนา บูอยู่นี่หนายาเยียคนดี”ตรัส แลดึงคนตัวเล็กมากอด กดดวงหน้างามให้ซบกับพระอุระ แอบแตะพระโอษฐ์ที่ขมับขาว

“ยาเยียกลัวพระเจ้าค่ะ”ซุกหน้ากับอุระขององค์รัชทายาท

“มิต้องกลัวหนาคนดี บูปลอบหนาเจ้า”

“ยาเยียเป็นกระไรไปลูก”พ่อเหมที่ผละออกจาองค์จันทร์มาตามหาลูกน้อย เจอเข้ากับภาพองค์รัชทายาทกอดยาเยียทูนหัวจนกลมก็รีบเข้าไปถามไถ่

“ท่านพ่อ”

“ท่านอาเหม”

“องค์รัชทายาททรงเป็นกระไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ย่อกายลงให้เสมอเด็กน้อยทั้งสอง

“ท่านพ่อ ยาเยียกลัวไก่เจ้าค่ะ”

“โถ มิต้องกลัวหนาลูก”

“มันจักจิกยาเยีย แลองค์พบูเจ้าค่ะ”

“มันอยู่ในสุ่ม ออกมาจิกลูก แลองค์รัชทายาทมิได้ดอก มิเป็นไรหนาทูนหัวของพ่อ”ปลอบลูกน้อย

“เจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นทรงกลับไปหาเจ้าหลวง แลพระชายากันเถิดพ่ะย่ะค่ะ จักได้เดินไปดูร้านรวงข้างหน้าต่อ”พ่อเหมกล่าวกับองค์รัชทายาท

“ขอรับ”

“ยาเยียให้พ่ออุ้มไหมลูก”

“เจ้าค่ะ...”ชูแขนให้คนเป็นพ่ออุ้มแนบอก

“กระหม่อมจูงหนาพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอรับ”


.
.
.


“เสด็จพ่อ คราหน้าพาลูกไปที่ตลาดอีกได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยพเยียตรัสถามพระบิดา เมื่อกลับมาถึงวังหลวงแล้ว

“ได้สิเจ้า คราหน้าพ่อจักพาเจ้าไปอีกหนาคนดี”พระหัตถ์อุ่นประคองปรางกลมของลูกก่อนจักตรัส

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ฉีกพระโอษฐ์แย้มสรวลกว้างให้คนเป็นพ่อ

“พายาเยียไปด้วยหนาพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าพบูตรัส

“จ้ะ ลูก”เจ้าบัวงามตรัสตอบโอรสองค์เล็ก

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่”

“หืม ว่าอย่างไรลูก”

“หากโตขึ้น บูจักแต่งยาเยียเป็นชายาจริงๆ หนาพ่ะย่ะค่ะ”

“โธ่...เจ้าพบู เอาไว้เจ้าโตกว่านี้ก่อนเถิด แลค่อยว่ากันหนาลูก”

“พ่ะย่ะค่ะ หากแต่บูมิเปลี่ยนใจจากยาเยียง่ายๆ เป็นแน่”


.
.
.


๑๒ ปีต่อมา


องค์รัชทายาทพบูในวัย ๑๕ ชันษาทรงเสด็จมาที่ตำหนักในของเจ้าน้อยพเยียผู้เป็นพี่ทันทีที่ออกว่าราชการกับคนเป็นพ่อแล้วแล้ว

“ทูลองค์รัชทายาท เจ้าน้อยมีรับสั่งห้ามมิให้องค์รัชทายาททรงเข้าตำหนักเพคะ”ยังมิทันที่องค์พบูจักได้ดำเนินไปถึงพระทวารตำหนักใน ข้าหลวงสาวก็ปรี่เข้ามาหมอบกราบทูลความอันมิน่าฟังแก่พระองค์

“ว่ากระไรหนา”

“เจ้าน้อยทรงมีรับสั่งมิให้องค์รัชทายาทเข้าเฝ้าเพคะ”

“หากแต่ข้ามาหายาเยียคนงาม หาใช่เจ้าพี่ไม่”

“ขอประทานอภัยเพคะ”ก้มหน้าหลบตาองค์รัชทายาทของแคว้น

“หึ่ม พเยีย!!!!”ทรงคำรามพระสุรเสียงดัง


.
.
.


“อุ๊บ คิกๆๆ”เจ้าน้อยพเยียที่ทรงประทับอยู่ในห้องบรรทม ทรงสรวลออกมาเมื่อได้ยินสุรเสียงทุ้มของอนุชาคำรามพระนามตน

“เจ้าน้อย แกล้งองค์รัชทายาทเช่นนี้จักดีหรือพระเจ้าค่ะ”ยาเยียได้แต่เอ่ยอย่างอ่อนใจ แม้ว่าจักโตกันแล้ว หากแต่เจ้าน้อย แลองค์รัชทายาทก็ยังตีกันเหมือนเมื่อครั้งยังเยาว์วัยมิมีผิด

“เอาน่ายาเยีย คิกๆๆ...อืม ผ้าแถบสีนี้เหมาะกับเจ้านัก”เจ้าพเยียหาได้สนใจมิว่าอนุชาจักกริ้วเพียงใด หัตถ์เล็กหยิบผ้าแถบสีหวาน ผืนงามมาทาบเทียบสีผิวยาเยียหลายต่อหลายผืน

“โธ่ เจ้าน้อย...ผ้าแถบที่ทรงประทานให้หม่อมฉันมากจนหม่อมฉันใส่มิทันแล้วพระเจ้าค่ะ”ยาเยียว่า

“ใส่ๆ ไปประเดี๋ยวก็ใส่ครบ เยี่ยงนั้นดูผ้าโจงบางดีกว่า”ตรัสจบก็รื้อหีบผ้า หาผ้าโจงมาทาบบนตัวยาเยียราวกับตุ๊กตา


ปัง!!!


“พเยีย”องค์พบูกระแทกบานทวารห้องบรรทมคนเป็นพี่เต็มแรง จนอ้าออกเสียงดัง พระสุรเสียงทุ้มเข้มตรัสเรียกเจ้าน้อยผู้เป็นพี่อย่างหงุดหงิด

“อุ๊บ คิกๆๆ ยาเยียเจ้าอย่าไปใกล้เจ้าพบูหนาประเดี๋ยวจักถูกขบเอา คิกๆๆ”ยกผ้าในมือขึ้นขึงบังพระโอษฐ์ที่สรวลอย่างอารมณ์ดี

“ใช่ อย่ามาใกล้ข้าประเดี๋ยวจักถูกขบเอา”มิตรัสเปล่า ทรงโน้มพระพักตร์งามลงมาใกล้ยาเยียคนงาม อ้าโอษฐ์ออกขบกัดไหล่เปลือยของยาเยียเบาๆ อย่างหยอกล้อ

“อ๊ะ องค์รัชทายาท”ยาเยียคนดีสะดุ้งตกใจจนตัวโยน

“พบู!! พี่จักทูลเสด็จแม่ว่าเจ้าทำรุ่มร่ามกับยาเยีย”

“หึหึหึ ทรงทำตัวติดกับยาเยียเช่นนี้ไงเล่า ถึงได้มิมีชายใดมาขอเป็นเมียเสียที”ทรงตรัสเย้าแหย่

“พบู!! หาใช่มิมีชายใดมาขอพี่ไม่ เป็นเพราะพี่มิเอาชายพวกนั้นเองต่างหาก”เชิดพระพักตร์ขึ้นอย่างถือดี

“ทำพระทัยไว้บางเถิด อีกมินานยาเยียก็ต้องตบแต่งเป็นชายาของน้อง อย่างไรเสียเสด็จพี่ก็ต้องหาคนสนิทใหม่”

“ไม่ ข้ามิเอาใครเป็นคนสนิททั้งนั้น นอกเสียจากยาเยีย”

“แล้วแต่เสด็จพี่เถิด หากแต่อย่างไรเสียยาเยียก็ต้องเป็นชายาข้า”

“ถามท่านอาเหมแล้วหรืออย่างไร ว่าท่านจักยกยาเยียให้เจ้าหรือไม่”

“ฮึ”องค์พบูทรงยกมุมพระโอษฐ์ขึ้น ส่งพระสุรเสียงในลำคอ พระเนตรคมเฉี่ยวสองคู่สบกันอย่างมิมีใครยอมใคร

“องค์รัชทายาท เจ้าน้อย”ยาเยียคนดีรีบเอ่ยหวังห้ามศึกระหว่างสองพี่น้อง

“ยาเยีย แดดร่มลมตกแล้ว ไปเดินเล่นที่สวนพฤกษากับบูหนา”ละสายพระเนตรจากคนเป็นพี่แล้ว หันพักตร์มาออดอ้อนยาเยีย

“ขะ...”

“น้องขอไปกับยาเยียสองคนหนาพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพี่คงมิขัดดอกหนา”ยังมิทันที่คนเป็นพี่จักได้เอ่ยปากตรัส คนน้องก็ขัดออกมาเสียก่อน

“...”แลจักทำกระไรได้ นอกเสียจากกระแทกพระวรกายประทับลงบนตั่งเยี่ยงเดิม

“ไปกันเถิดยาเยียคนดี”

“...พระเจ้าค่ะ”เหลือบตามองพักตร์บึ้งตึงของเจ้าน้อย เมื่อเห็นว่าทรงพยักพักตร์ให้จึงได้ตอบรับองค์รัชทายาท




.
.
.
.



องค์รัชทายาท แลคนสนิทของเจ้าน้อยจับจูงมือกันอยู่ในสวนพฤกษา โดยมีข้าหลวง แลทหารองครักษ์ตามเสด็จ ยาเยียคนดีก้มมองพระหัตถ์อุ่นที่กอบกุมมือตนไว้แน่นแล้วปรางแดงระเรื่อ พระหัตถ์ขององค์พบูทรงอุ่น แลทำให้ยาเยียรู้สึกปลอดภัยยามได้กอบกุม

“พวกเจ้าออกไปก่อน”ทรงหยุดดำเนินเมื่อมาอยู่ท่ามกลางพุ่มดอกมะลิหอม ทรงมีรับสั่งให้ข้าหลวง แลองครักษ์ตามเสด็จออกไปจากบริเวณนี้

“เพคะ”

“พ่ะย่ะค่ะ”หมอบกราบองค์รัชทายาท แลคลานเข่าออกไปจนเหลือเพียงองค์พบู แลยาเยียคนดี

“ยาเยีย”ทรงประคองร่างบางให้หันมาประจันหน้า

“พระเจ้าค่ะ”

“ปีนี้ข้าอายุ ๑๕ แลยาเยียก็อายุ ๑๖ แล้ว”

“...พระเจ้าค่ะ”หลุบดวงตาลงมองมือตน

“บูใคร่อยากได้ยาเยียเป็นชายา...ยาเยียตบแต่งเป็นเมียบูหนา”ช้อบปลายคางมนของยาเยียขึ้น

“องค์พบู”ยาเยียหน้าแดงระเรื่อ หากจักหู้ดว่ามิมีใจให้องค์รัชทายาทเลย ก็คงจักเป็นไปมิได้ ก็ในเมื่อทรงเที่ยวไล้เที่ยวขื่อ เกี้ยวพาราสีมาตั้งแต่ยาเยีย ๔ ขวบ

“ยาเยียจักยอมปลงใจเป็นชายาของบูหรือไม่”มิตรัสเปล่า เพิ่มลูกอ้อนด้วยการโอบร่างแน่งน้อยเข้ามากอดแนบพระอุระ ทรงวางพระหนุลงบนไหล่บางหอมกรุ่นของยาเยีย แอบกดโอษฐ์ลงบนผิวนุ่มเบาๆ

“...ย ยาเยีย”

“...”

“ย ยาเยีย...พระเจ้าค่ะ”เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ยาเยียคนดีตัดสินใจทำกระไรโดยที่มิขอบิดา แลมารดาก่อน

“ยาเยีย...ปลงใจกับบูใช่หรือไม่”ผละออกมาตรัสถามคนงามให้ชัดเจน

“พระเจ้าค่ะ...อ๊ะ”สะดุ้งเมื่อถูกรวบเข้าไปกอดแน่น ก่อนจักยกมือขึ้นโอบกอดพระวรกายแกร่งขององค์รัชทายาทตอบ

“ยาเยียคนดี ทูนหัวของบู”กระซิบข้างใบหูเล็ก ทรงผละพระพักตร์ออกจากซอกคอหอม หัตถ์อุ่นประคองปรางนุ่มให้เงยขึ้นรับพระโอษฐ์อุ่นที่ไล่ประทับตั้งแต่ปรางขาวไปที่มุมปากจิ้มลิ้ม ก่อนจักแนบสนิทลงบนกลีบปากนุ่ม หากแต่ทรงทำเพียงแต่บดจูบ ขบกัดหยอกเย้ามิล่วงล้ำให้กลีบปากงามชอกช้ำนัก


.
.
.


เพลาผ่านไป จนกระทั่งมาถึงวันที่วังหลวงศศิมณฑลมีงานใหญ่ หรือก็คือ งานอภิเษกขององค์รัชทายาท แลคุณยาเยียบุตรคนเดียวขององครักษ์ประจำพระองค์เจ้าหลวง แลคนสนิทของพระชายา องค์จันทร์ เจ้าบัวงาม แลสายหยุดยิ้มมิหุบ ผิดกับท่านเหมผู้เป็นบิดาของเจ้าสาวในวันนี้ ใครจักรู้ว่าพ่อเหมร่ำไห้ในใจไปกี่รอบที่ลูกจักออกเรือนเช่นนี้ หากแต่ก็ดีแล้วที่เป็นองค์พบู หากเป็นชายอื่น พ่อเหมคงจักต้องอกแตกตายเป็นแน่

“ดูแลยาเยียให้ดีหนาเจ้าพบู”องค์จันทร์ตรัส

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ลูกจักรัก จักดูแล ให้เกียรติยาเยีย มิทำให้ยาเยียต้องเสียใจเป็นแน่”เจ้าพบูกราบทูลพระบิดา

“ย ยาเยียก็จักรัก แลดูแลองค์พบูให้สมกับที่ทรงเมตตาเลือกยาเยียเป้นชายาพระเจ้าค่ะ”

“ดีแล้ว รักกันให้มาก ยอมอ่อนให้กัน ประคับประคองกันให้มั่นหนาลูก”องค์จันทร์ทรงตรัส

“แม่มิรู้จักอวยพรกระไรให้ แม่เชื่อว่าพบูจักทำอย่างที่ให้คำมั่นกับเสด็จพ่อได้แน่”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”

“หม่อมฉันก็เชื่อพระเจ้าค่ะว่าองค์รัชทายาทจักดูแลยาเยียของหม่อมฉันได้”สายหยุดกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ส่วนหม่อมฉันเชื่อเช่นสายหยุดว่าพระองค์จักทรงดูแลแก้วตาดวงใจของหม่อมฉันได้ดีอย่างที่ทรงตรัส แลหากทรงผิดคำพูดเมื่อใด หม่อมฉันจักเอาลูกคืนเป็นแน่”พ่อเหมว่าเสียงขรึม หวังข่มขวัญลูกเขย

“จักมิมีวันที่ท่านเอายาเยียคืนไปได้เป็นแน่ขอรับท่านพ่อ”

“หึหึหึ”องค์จันทร์ทรงสรวลให้ความแสบสันของโอรสองค์เล็กของตน

“ถึงเจ้าพบูจักเป็นน้องที่มิได้ความ หากแต่ข้าเชื่อว่าน้องข้าจักดูแลเจ้าได้เป็นแน่หนายาเยีย”

“พระเจ้าค่ะเจ้าน้อย”

“หึหึหึ สมเป็นพเยีย”มิมีดอกที่จักทรงมิจิกกัดน้อง

“แลหากเจ้าพลั้งเผลอทำสหายคนสนิทของข้าเสียใจ ข้าเอาเจ้าตายแน่เจ้าพบู”

“มิมีวันนั้นดอกพ่ะย่ะค่ะ”

“ชิส์”



.
.
.



เมื่อจบพิธีแล้วเจ้าหลวง แลพระชายาจึงได้กลับตำหนักหลวงเพื่อพักผ่อน เจ้าบัวงามประทับอยู่บนพระยี่ภู่ มีพระภัสดาประทับซ้อนด้านหลังโอบกอดร่างแน่งน้อยของเมียไว้

“เป็นกระไรปเจ้าบัวงาม”

“น้องกำลังคิดพระเจ้าค่ะ ว่าเพลาช่างผ่านไปเร็วนัก ราวกับเมื่อวานเจ้าพบู แลยาเยียยังเป็นเด็กน้อยวิ่งเล่นที่ศาลาริมสระหลวง หากแต่วันนี้กลับเติบโตขึ้นจนตบแต่งกันแล้ว”

“หึหึหึ นั่นสิ...เพลาช่างผ่านไปรวดเร้วเสียจริง...หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่มิมีเปลี่ยนแปลงไปว่าจักผ่านไปกี่สิบปี”ทรงตรัสกระซิบข้างริมกรรณขาว

“กระไรหรือพระเจ้าค่ะ”ผินพักตร์มาตรัสถามภัสดา

“ก็ความรักที่พี่มีต่อเจ้าอย่างไรเล่าเจ้าบัวงาม”

“ฝ่าบาท โอษฐ์หวานนักหนาพระเจ้าค่ะ ลูกหรือก็โตจนออกเรือนแล้ว ตรัสราวกับเป็นหนุ่มมากรัก”

“หึหึหึ รักเจ้าผู้เดียวนั่นแล”ตรัส แลแตะพระโอษฐ์กับโอษฐ์ของเจ้าบัวงาม

“หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ”

“ข้าหลงเจ้าจนมิรู้จักหลงอย่างไรแล้วเจ้าบัวงาม”บัวหลงจันทร์ในวันนั้น หรือ จักสู้จันทร์หลงบัวในวันนี้








จบบริบูรณ์
[/i][/b]
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-02-2019 13:51:09
ตอนจบแล้ว รอๆ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-02-2019 14:20:57
ออกแววมากเจ้าพบู  :-[
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ๕๐% ๑๕.๒.๖๒ หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 15-02-2019 14:40:20
จะจบแล้วววว งื้อออ คิดถึงแย่
เจ้าพบูออกแววสามียาเยียมากเลยยยยย แต่ทำไมว่าพี่ตัวเองแบบน้าน 555555555555555
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: yoyothaka ที่ 08-03-2019 17:18:14
มีความสุขค่ะ..ขอบคุณผู้เขียนมากนะคะ ชื่นชมและติดตามผลงานเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 08-03-2019 21:10:01
หวานฉ่ำไปหมด เด็กๆลูกหงานทั้งหลายโตกันหมดแล้วววว ปลิ้มปริ่มใจ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 08-03-2019 21:56:07
 :pig4: :pig4: ใครอ่านเรื่องนี้ โปรดระวังเบาหวาน และอาการตาร้อน
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 10-03-2019 10:36:35
  :pig2: :pig4: :pig4: :pig4:
 :mew1: :mew1: :mew1:
น่ารัก  ทุกๆบทบาท ชอบมากๆ
เป้าหมายต่อไป เป็นแรงใจให้น้าาาา
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 10-03-2019 14:23:25
 :L2:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 10-03-2019 19:17:12
 :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 10-03-2019 21:24:17
จบดีมากเลยยยยย แต่พเยียไม่มีคู่  :pigha2: โถ่หนู กอดๆ
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องดีๆ ร้ากกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 11-03-2019 11:37:14


น่ารัก

อบอุ่น

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-03-2019 22:44:13
ชอบมาก ภาษาสลวย อ่านแล้วมีความสุข :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 17-03-2019 00:35:59
ชอบภาษามากก ถ่ายทอดเรื่องราวได้ลื่นไหลน่าติดตาม อ่านได้เพลินๆไม่ติดขัดเลยค่ะ
ชอบทุกคู่เลย น่ารัก น่าเอ็นดู ฝากหาคู่ให้พเยียทีค่ะ สงสารน้อง ไร้คู่อยู่คนเดียว  :m26:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 17-03-2019 17:24:55
หวานมาก เขินมาก ชอบทุกคู่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 17-03-2019 17:41:42
 แสบจริงจังเลยพบู
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 20-03-2019 22:25:41
ตอนเห็นชื่อเรื่องครั้งแรกก็กลัวเจอมาม่าเพราะกลัวว่าบัวจะหลงจันทร์ข้างเดียวก่อน ที่ไหนได้อ่านๆมาจันทร์นี่แหละที่หลงบัวเอาซะมาก ขอบคุรคนเขียนนะเขียนสนุกมาก รุ่นหลานก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 22-03-2019 00:46:52
 o13
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 24-03-2019 16:39:35
ตามตั้งแต่รุ่นพ่อ-แม่
ถึงจะไม่แซ่บเท่าชมนาด
แต่ก็บัวก็เอาสามีอยู่เหมือนกัน
อยากรู้คู่ของภุชงค์-แสง
แต่งกันตอนไหน มีลูกเป็นใคร
แต่ที่สุดคือ คู่ของพเยียเป็นใคร
น่าแซ่บเท่าชมนาดนะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-03-2019 21:43:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 30-03-2019 11:11:17
เนื้อเรื่องหวานฉ่ำละมุนดีต่อใจมาก ๆ
อ่านสบาย ๆ ยิ้มไม่หุบ ไม่มีดราม่าให้หนักใจ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 04-04-2019 23:36:30
ชอบมาก ชอบภาษาแบบนี้ สนุกมาก เหมือนคู่พ่อแม่ :hao5:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 09-04-2019 16:52:44
บูน่ารัก หลงยาเยียหัวปักหัวปรำ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 09-04-2019 23:56:20
 :-[
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 11-04-2019 15:16:08
เด็กๆน่ารักมากก
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-04-2019 10:17:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-04-2019 15:47:00
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 20-05-2019 23:13:55
ดีมากกกก
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 24-05-2019 12:21:00
พเยียขึ้นคานรึนี่5555545
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 02-06-2019 19:39:19
น่ารักมากเลยย ชอบมากค่า งือ  :o8: :-[ 
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 07-06-2019 23:16:11
น่ารัก อ่านเพลิน เรียบเรียงดีมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 14-06-2019 21:15:34
 o13สนุก
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 16-07-2019 17:02:01
สนุกมากเลยค่า
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 19-07-2019 11:41:27
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 19-07-2019 18:46:58
เรื่องนี้ละมุนมาก
น้องบัวกับพี่จันทร์ก็ละมุน  o13 :hao7:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 20-07-2019 19:54:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 21-07-2019 16:52:26
       พึ่งมีโอกาศได้มาอ่านค่ะ
สนุกมากตั้งแต่รุ่นแม่รุ่นพ่อ
มารุ่นลูก
พบูกับยาเยียก็มีคู่ละ
เหลือแต่พเยีย
ที่ยังไม่มีคู่
    เป็นนิยายที่ภาษาสวยมาก
อ่านเพลินมากอีกเครื่องหนึ่งเลยค่ะ
ไม่หน่วงมากหรือจะเรียกว่าไม่มีก็ได้
ทุกๆ ตอนล้วนสนุกชวนอ่าน...
       ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะ :pig4:

     
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 23-07-2019 17:54:11
ชอบอ่ะแต่แอบสงสัยคลอดลูกยังไงหนอ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 23-07-2019 22:12:06
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 26-07-2019 10:45:49
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 10-08-2019 08:38:28
ีสนุกมากเลยค่าเเง้ :mew1:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Yumitun ที่ 11-08-2019 10:39:53
สนุกมากค่ะ ภาษาสวยงามอ่านเพลินมากไม่มีตรงไหนขัดใจเลยและแม้เป็นแนวย้อนยุคแต่บัวก็ฉลาดไหวพริบดี มากๆ ชอบตรงนี้มาก อีอ ขัดใจนิดนึง สรุปคู่ ภุชงค์หลงแสงจะเป็นอย่างไรต่อไป จะขึ้นเรื่องใหม่รึเปล่าค่ะ รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 12:08:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 16-04-2020 19:31:24
 :o8:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 12-07-2020 00:52:10
อ่านทั้ง 2 ภาคแล้ว..ดีงามต่อใจมาก
ขอบคุณนักเขียน..

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-07-2020 23:12:05
เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ หวานทั้งเรื่องเลย
ชอบทุกคู่เลยน่ารักกดีค่ะ
เราชอบแนวย้อนยุคมาๆ
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 22-11-2020 07:33:17
 :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 30-11-2020 19:58:25
สนุกน่ารักมาก ๆ .......... ขอบคุณครับ