บัวหลงจันทร์ ๒๒
หลายวันก่อนกลับศศิมณฑลเจ้าบัวงามก็คลุกอยู่กับเจ้าน้อยจากการเวก ดูท่าพระชายาศศิมณฑลจักเห่อสหายใหม่มิน้อย เจ้าแสงแรกหรือก็ตามใจคนพี่ทุกอย่าง คนพี่ว่านกก็ว่านก คนพี่ว่าไม้ก็ว่าไม้ มิมีขัดพระทัย
“ทรงค่อยๆ ดำเนินหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกประคองเจ้าบัวงามที่แอ่นพระขนอง หัตถ์บางข้างหนึ่งโอบประคองครรภ์โต แลอีกข้างประคองกฤษฎีตนไว้
“อ อืม...เจ้าพเยียท่าจักตัวใหญ่น่าดู ท้องข้าหนักจวนจักเดินมิไหวแล้ว”
“ดีแล้วพระเจ้าค่ะ ตัวใหญ่ก็แสดงว่าแข็งแรง”เจ้าแสงว่า
“นั่นหนาสิ...คิกๆ”เจ้าบัวคิดตาม หากลูกข้าแข็งแรงก็จักดีมากๆ
“ค่ำนี้ทรงใคร่อยากเสวยกระไรพระเจ้าค่ะ แสงจักลงห้องเครื่องทำสำรับถวายพี่บัวเองพระเจ้าค่ะ”
“รสมือเจ้าดีเลิศนัก ทำกระไรมาข้าก็โปรดทั้งนั้นแล หากแต่มิต้องเหนื่อยลงห้องเครื่องเองดอกหนา”เจ้าบัวว่าพลางแย้มโอษฐ์อย่างเอ็นดูว่าที่พระเชษฐภคินี
“ทรงตรัสกระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะพี่บัว แสงมิเหนื่อยดอกพระเจ้าค่ะ ให้แสงได้ลงห้องเครื่องทำสำรับถวายหนาพระเจ้าค่ะ อีกมิกี่วันก็ต้องเสด็จกลีบศศิมณฑลแล้ว แสงใคร่อยากทำสำรับถวายพี่บัวพระเจ้าค่ะ”
“เยี่ยงนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด ขอบใจหนา”เจ้าบัวว่าพลางลูบปรางนวลของเจ้าแสงเบาๆ
“พระเจ้าค่ะ”
.
.
.
“วันนี้เจ้าแสงลงห้องเครื่องอีกแล้วหรือ”เจ้าชมนาดตรัสเมื่อได้ลิ้มรสสำรับพระกายาหารค่ำคำแรก
“พระเจ้าค่ะ พระมารดา”เจ้าแสงวางมือที่กำลังส่งเครื่องเสวยเข้าโอษฐ์ แลหมอบกราบตรัสทูลว่าที่พระสัสสุ
“อืม...รสมือเจ้าดีเลิศนัก เห็นทีวันนี้ข้าคงจักกินจนแน่นท้องเป็นแน่”เจ้าชมนาดพยักพักตร์น้อยๆ พลางปรนนิบัติป้อนพระภัสดา
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบพระชายาภุมริกา
.
.
.
และแล้วก็มาถึงวันที่องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามต้องกลับศศิมณฑลแล้ว ขบวนเสด็จถูกตระเตรียมตั้งแต่สามวันก่อน พระชายาบัวงามพระครรภ์ใหญ่จวนให้ประสูติเช่นนี้จึงต้องเตรียมพร้อมให้มากที่สุด
“เดินทางปลอดภัยหนาเจ้าบัว องค์จันทร์”เจ้าชมนาดตรัสพลางยกหัตถ์ขึ้นลูบเกศานุ่มลื่นของโอรสองค์เล็กของตน
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ชมนาด”องค์จันทร์ตรัสพลางหมอบกราบพระสัสสุ แลพระสัสสุระ
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะเสด็จแม่”เจ้าบัวงามหมอบกราบมารดา พลางคลานเข่าเข้าไปกอดพระวรกายเล็ก
“เอาไว้เจ้าให้กำเนิดหลานพ่อเมื่อใด พ่อ แลแม่จักไปเยี่ยมที่ศศิมณฑลหนาลูก”องค์ภุมรินตรัสพลางลูบเกศานุ่มของโอรสในอ้อมกอดเจ้าชมนาด
“พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”
“พ่อจักขนของรับขวัญหลานไปให้เต็มเกวียนเชียวลูก”
“คิกๆ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามสรวลคิกคัก
“.....”ในขณะที่องค์จันทร์ทำเพียงยกมุมพระโอษฐ์ขึ้นเล็กน้อย ให้ตายเถิดพระสัสสุระท่านจักเห่อหลานมากเกินไปหรือไม่หนา
“เหลือไว้ให้ลูกหม่อมฉันกับเจ้าแสงบ้างหนาพ่ะย่ะค่ะ”จู่ๆ เจ้าภุชงค์คนพี่ก็ตรัสขึ้นทำเอาบิดา มารดา พระอนุชา พระเทวัน แลเจ้าแสงแรกที่อยู่ในท้องพระโรงชะงักงัน โดยเฉพาะเจ้าแสงแรกที่ประทับพับเพียบอยู่เฉยๆ ก็โดนพาดพิงถึง
“.....”
“.....”
“.....”
“.....”
“.....”
“ฮะ..ฮ่าๆๆๆ มิต้องกลัวดอกเจ้าภุชงค์ หากเป็นลูกเจ้าพ่อจักยกวังนี้ให้ทีเดียว”องค์ภุมรินสรวลแห้งๆ เหลือบพระเนตรลอบมองเจ้าน้อยการเวกที่ก้มพักตร์งุด จนพระหนุชิดพระอุระบาง ปรางนวล แลกรรณเล็กแดงก่ำราวกับถูกน้ำร้อนเดือดจัดลวกเอา
“หึหึหึ ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”เจ้าภุชงค์ยกหัตถ์พนมไหว้บิดา
“.....”เจ้าแสงแรกก้มพักตร์งุด สองหัตถ์น้อยขยุ้มผ้าโจงของตนแน่น ทรงตรัสกระไร ละ ลูกของพระองค์กับ...ขะ ข้าหนาหรือ เจ้าแสงคิดแลเขินอายจนหน้ามืด
“กระไรกันพระเจ้าค่ะเสด็จพี่ภุชงค์ ยังมิทันตบแต่งก็ดำริถึงตอนมีลูกแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามเย้าพระเชษฐาพลางส่งนัยน์ตากวางล้อเลียนพระเชษฐภคินี แต่เจ้าแสงแรกคงจักมิเห็น เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาซุกซ่อนพักตร์แดงก่ำจากสายตาคนทั้งท้องพระโรง
“หึหึหึ...เป็นถึงองค์รัชทายาทภุมริกาก็ต้องรู้จักวางแผนอนาคตไว้บ้างสิเจ้าบัว”ตรัสตอบพระอนุชา
“หากหม่อมฉันเป็นเจ้าแสงแรกคงจักดีใจน่าดูหนาพระเจ้าค่ะที่มีตนเองในอนาคตภัสดา”เจ้าบัวตรัส
“...ในอนาคตของพี่ก็มีเจ้า แลลูกเช่นกันหนาเจ้าบัวงาม”เมื่อได้สดับฟังที่เมียตัวน้อยตรัส องค์จันทร์จึงตรัสขึ้นให้เจ้าบัวได้อายม้วนซุกหน้ากับพระอุระของเจ้าชมนาด
“อะแฮ่ม....”องค์ภุมรินทรงพระกาสะขึ้นพลางทอดพระเนตรองค์จันทร์อย่างมิใคร่พอพระทัยที่กล้ามาหยอดคำหวานเจ้าบัวงามหน้าพระพักตร์ พระเนตรพระองค์ พยัคฆ์หวงลูกเช่นไรก็เช่นนั้นมิมีเปลี่ยน
“เอาล่ะๆ...ออกเดินทางเถิดองค์จันทร์ เจ้าบัวงาม ประเดี๋ยวจักค่ำมืดเสียก่อน”เจ้าชมนาดตรัส พลางก้มพักตร์ลงหอมขมับขาวของลูกในอ้อมอก
“เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ทรงดูแลองค์เองดีๆ หนาพระเจ้าค่ะ หากลูกให้กำเนิดหลานเมื่อใดจักให้องค์จันทร์ท่านส่งข่าวให้พระเจ้าค่ะ”
“จ้ะลูก...หากเจ้าให้กำเนิดหลานเมื่อใด แม่จักรีบไปรับขวัญทันที”
“พระเจ้าค่ะ”
.
.
.
ขบวนเสด็จของเจ้าหลวงศศิมณฑล แลพระชายาออกจากภุมริกาอย่างค่อยเป็นค่อยไป องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามประทับบนเกี้ยวตัวเดียวกัน พระกรแกร่งโอบประคองร่างเมียท้องแก่ไว้แนบพระอุระมิห่าง พระหัตถ์ก็วางลูบบนครรภ์นูนโตปลอบลูกน้อย แลเมียรัก
“เป็นเยี่ยงบ้างเจ้าบัวงาม รู้สึกมิดีหรือไม่”องค์จันทร์ตรัสถามน้องน้อยในอ้อมพระกร
“มิได้พระเจ้าค่ะ บัวมิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ”เงยพักตร์ตรัสตอบพระภัสดา องค์จันทร์ก้มพักตร์สบนัยน์ตากวางก่อนจักประทับโอษฐ์ลงบนนาสิกโด่งรั้นเบาๆ
“หากรู้สึกมิดีรีบบอกพี่เลยหนาเจ้า”
“พระเจ้าค่ะ หากบัวรู้สึกมิดีจักรีบทูลพระองค์ทันทีพระเจ้าค่ะ”
“ดีแล้วเจ้า พี่ห่วงเจ้ามากหนา รู้ใช่หรือไม่”
“พระเจ้าค่ะ”
“การเดินทางครานี้คงจักต้องเวลานานกว่าปกติเสียหน่อย แต่คงมิเกินสามวันดอก”
“พระเจ้าค่ะ”
“คืนนี้คงจักต้องตั้งกระโจมพักแรมในป่า น้องเคยนอนค้างอ้างแรมในป่าหรือไม่เจ้าบัวงาม”
“บัวมิเคยนอนค้างอ้างแรมในป่าพระเจ้าค่ะ ตั้งแต่เกิดมาก็อยู่แต่ในรั้วในวัง หากจักไปค้างอ้างแรมนอกวังหลวงก็คงจักเป็นเรือนของเจ้าคุณตาพระเจ้าค่ะ”
“เรือนของเจ้าคุณตาหรือ”
“พระเจ้าค่ะ”
“...จริงสิ เสด็จแม่ชมนาดท่านเป็นสามัญชนใช่หรือไม่”
“พระเจ้าค่ะ ก่อนจักตบแต่งเข้าวังหลวงเป็นสนมเอก เสด็จแม่ท่านเป็นสามัญชน”
“เป็นสามัญชน หากแต่ก็เป็นบุตรเศรษฐี ที่ร่ำรวยที่สุดทางตอนเหนือของภุมริกา ใช่หรือไม่”
“พระเจ้าค่ะ เจ้าคุณตาท่านเป็นเศรษฐีมีชื่อทางตอนเหนือของแคว้น ยิ่งเสด็จแม่ท่านเข้าวังได้เป็นพระชายาคนยิ่งรู้จักเจ้าคุณตามากยิ่งขึ้นพระเจ้าค่ะ”
“.....หึหึหึ พูดแจ้วเป็นนกขุนทองเชียวหนาเจ้า”ตรัสพลางจับปลายหนุแหลม แลเขย่าไปมา
“ฮื้อ...ก็ทรงชวนบัวคุยนี่พระเจ้าค่ะ”
“หึหึหึ...รู้หรือไม่ว่าตอนที่เจ้าเกิด พี่ได้มางานพิธีรับขวัญเจ้าด้วยหนา”
“จริงหรือพระเจ้าค่ะ”
“จริงสิเจ้า เสด็จพ่อเจ้าหรือหวงเจ้ามิต่างจากตอนนี้สักเท่าใด”
“คิกๆ...”
“พี่จำได้ว่าตอนนั้นพี่หอมปรางเจ้าด้วยหนา”
“จริงหรือพระเจ้าค่ะ”
“จริงสิ...เจ้าน้อยภุมริกาในห่อผ้าสีหวาน ปรางหอมนัก ตอนนั้นพี่สูดเข้าไปเต็มปอดเชียว”
“ทรงหื่นกามแต่เล็ก แต่น้อยเลยหนาพระเจ้าค่ะ”
“ประเดี๋ยวเถิด”
“คิกๆ”
“ตอนพี่หอมปรางเจ้า เสด็จพ่อภุมรินท่านแทบจักยกทัพมาตีศศิมณฑล”
“คิกๆ...กระนั้นเลยหรือพระเจ้าค่ะ”
“หึหึหึ แต่แล้วอย่างไร ดูตอนนี้สิ...อีกมิกี่วันพยานรักของพี่ แลเจ้าก็จักออกมาลืมตาดูโลกแล้ว”
“...เสด็จพี่”
“พี่รักเจ้าหนาเจ้าบัว...ตีตราจองมาตั้งแต่ยังเป็นทารก แลวันนี้ก็ได้เจ้ามาเป็นแม่ของลูกจริงๆ”
“...หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ...มิคิดว่าการเลือกคู่โดยที่มิเต็มใจวันนั้น จักทำให้บัวมีพระองค์ในวันนี้ ต้องขอบคุณฟ้าฝนวันนั้นกระมังพระเจ้าค่ะ ที่ตกลงมาทำให้เราติดฝนอยู่ที่น้ำตกท้ายวังหลวง จนผิดผีได้ตบแต่งกันเช่นนี้”
“นั้นสิเจ้า...ขอบคุณโชคชะตา ฟ้าฝน พระพรหมท่านที่ดลบันดาลเจ้าให้มาเป็นคู่พี่”
.
.
.
ผ่านไปหลายคืนวันที่เจ้าหลวง แลพระชายาเสด็จกลับมาถึงวังหลวงศศิมณฑล แลวันนี้ วังหลวงก็มีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้น ข้าหลวงตำหนักหลวงต่างวิ่งวุ่น เมื่อพระชายาบัวงามทรงเจ็บครรภ์ เจ้านายองค์น้อยกำลังจักประสูติแล้ว
“ฮึก....”เจ้าบัวงามทอดพระวรกายกับพระยี่ภู่ที่อยู่ในตำหนักประสูติ โดยมีสายหยุดคนสนิทค่อยปรนนิบัติดูแลอยู่มิห่าง
“พระทัยเย็นก่อนหนาพระเจ้าค่ะพระชายา”
“ฮึก...อื้อ...”
“ว้าย...พระชายาเพคะ อย่าเพิ่งเบ่งหนาเพคะ...ทรงรอหมองหลวงก่อนหนาเพคะ”ข้าหลวงแก่หวีดออกมาเมื่อพระชายาบัวงามทรงออกแรงเบ่ง
“มีใครไปตามฝ่าบาทหรือยัง”สายหยุดถามพลางใช้ซับพระพักตร์ซับพระเสโทบนพระพักตร์งาม
“ข้าให้ข้าหลวงไปตามแล้วเจ้าค่ะคุณสายหยุด”
“หมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะคุณสายหยุด”ข้าหลวงสาววิ่งหน้าตั้งเข้ามาในตำหนักประสูติ
“แลน้ำร้อนเล่า”
“เตรียมไว้หมดแล้วเจ้าค่ะคุณสายหยุด”
.
.
.
“กระไรหนาเจ้าบัวงามเจ็บท้องคลอดลูกแล้วหรือ”เมื่อกลับจากภุมริกาก็ทรงออกว่าราชการทุกวันมิได้ว่างเว้น เนื่องจากทิ้งบ้านทิ้งเมืองไปนาน
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าหลวงมาแจ้งข่าวให้ว่าพระชายาทรงเจ็บครรภ์ เพลานี้ทรงประทับอยู่ที่ตำหนักประสูติกาล แลกำลังรอฝ่าบาทเสด็จไปพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าเหมกราบทูลความที่ได้รับมาจากข้าหลวงตำหนักหลวง แด่เจ้าเหนือหัวของตน
“ประชุมหารือวันนี้เลื่อนออกไปก่อน...ข้าจักไปตำหนักประสูติกาล”ทรงตรัสแก่เหล่าขุนนางที่มาเข้าเฝ้าถวายฎีกา ก่อนจักเสด็จจากตั่งทองไปยังตำหนักประสูติกาลทันที
.
.
.
“เจ้าจันทร์”
“เสด็จแม่...เจ้าบัวงามเป็นเยี่ยงไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ยังมิทันได้เข้าไปข้างในเลยลูก แต่ข้าหลวงแจ้งว่าหมอหลวงท่านอยู่ด้านในแล้ว”
“เช่นนั้นทรงกลับไปประทับรอที่ตำหนักในก่อนหนาพ่ะย่ะค่ะ มิต้องกังวล หากหลานออกมาเมื่อใดลูกจักให้ข้าหลวงไปทูลเสด็จแม่ที่ตำหนัก”
“...เอาเยี่ยงนั้นหรือลูก”
“พ่ะย่ะค่ะ ทรงกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“จ้ะ...แม่จักกลับไปรอหลานที่ตำหนักก็แล้วกัน”
เมื่อพระมารดาศศิธรเสด็จกลับตำหนักในแล้ว องค์จันทร์ก็รีบรุดเสด็จเข้าตำหนักประสูติกาลทันที ก่อนจักถลาเข้าไปหาเมียรักที่นอนร้องโอดครวญอยู่บนพระยี่ภู่ แขนเรียวทั้งสองข้างยึดดึงผ้าที่ห้อยลงมาจากคาน ดวงหน้างามเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“เจ้าบัวงาม เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า”ทรงรับซับพระพักตร์จากสายหยุดมาซับหยาดเสโทให้เมียรัก
“ฮึก...ฝ่าบาท..อื้อออ”เจ้าบัวออกแรงเบ่งพลางยึดผ้าที่ห้อยลงมาจากคานให้จนแขนเรียวเกร็ง
“ฝ่าบาททรงประทับซ้อนหลังพระชายาเลยเพคะ...จักได้ช่วยกันข่ม ”หมอตำแยทูล องค์จันทร์จึงรีบเข้าประทับซ้อนหลังเจ้าบัวงาม ให้น้องน้อยพิงอุระกว้าง
“อื้อ......”เจ้าบัวครวญครางด้วยความทรมานจนพระภัสดาร้อนพระทัย
“เบ่งหนาเพคะพระชายา”
“อือ..อื้อออ...อื้อออออออออ”เจ้าบัวงามเบ่งจนตัวสั่น
“ทนหน่อยหนาคนดี”องค์จันทร์ตรัสปลอบ แตะพระนาสิกกับขมับชื้นเสโท พลางใช้พระหัตถ์กดรูดตั้งแต่หน้าอกของเจ้าบัวงามลงมาที่ครรภ์ใหญ่
“ฮึก...แฮ่กๆๆ .....ฮื้อออออออ”
.
.
.
“อื้อออออ”
“ทนหน่อยหนาคนดี”
“อื้อออออ”
“.....”
“ฮือออ...อือออออออออ”
“...เจ้าบัวงามทนหน่อยหนาน้อง...คนดีของพี่”
“อื้อออ...กรี๊ดดดดดดด”
“อีกนิดเพคะพระชายา...หม่อมฉันเห็นพระเศียรรัชทายาทแล้วเพคะ”หมอตำแยกราบทูล
“ฮึก...ฮือออ”
“เจ้าบัวอีกเดี๋ยวก็จักได้เห็นหน้าลูกแล้วหนาน้อง”
“อึก..อื้อออออออออออออ”
“อุแว้ๆๆๆๆ”เสียงเล็กแหลมที่แผดจนดังลั่นทำเอาผู้คนทั้งใน แลนอกตำหนักประสูติกาลเผยยิ้มกว้างจนเต็มดวงหน้า รัชทายาทองค์แรกขององค์จันทร์ประสูติกาลแล้ว
“ทรงได้โอรสเพคะ...เอ๊ะ!!!”หมอตำแยที่ประคองร่างเล็กของโอรสน้อย
“กลิ่น...ดอกไม้หรือ”ตำหนักประสูติกาลคลุ้งไปด้วยกลิ่นดอกไม้ กลิ่นคาวเลือดจากการประสูติหายไป แลแทนด้วยกลิ่นดอกไม้อย่างน่าอัศจรรย์
“เพคะ...กลิ่นดอกไม้...โอรสน้อยทรงประสูติกาลพร้อมกลิ่นดอกไม้ ช่างน่าอัศจรรย์นักเพคะ”
“ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามตรัสเรียกเจ้าบัวงามตรัสเรียกภัสดา
“เจ้าบัว...”
“หนะ น้องขอดูหน้าลูกหน่อยพระเจ้าค่ะ”
“ประเดี๋ยวหนาคนดี...ให้หมอตำแยท่านล้างเนื้อล้างตัวให้ลูกก่อนหนา”
.
.
.
แลหลังจากนั้นเรื่องที่โอรสองค์แรกขององค์จันทร์ แลพระชายาบัวงามประสูติกาลพร้อมกลิ่นบุบผาคลุ้งทั้งตำหนักก็กระจายไปทั่วทั้งวังหลวง แลแคว้นศศิมณฑล ดีมิดีก็อาจจักลามไปยังแคว้นข้างเคียงเสียด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของพระนาม ‘เจ้าน้อยพเยีย’
“เจ้าพเยีย...คนดีของพ่อ”องค์จันทร์โอบประคองร่างน้อยในห่อผ้าสีหวานพลางใช้พระนาสิกเกลี่ยปรางย่นของลูกน้อยอย่างหยอกเย้า
“งึ...อะหึ”พักตร์เล็กยับย่น ริมฝีปากเล็กเบะออกเตรียมแผดเสียง
“หิวนมแล้วกระมังพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามที่ประทับอยู่บนพระยี่ภู่ตรัสบอกภัสดา
“กระไรกันหิวอีกแล้วหรือเจ้าลูกหมู”
“อะหึ...งะ แง”
“โอ๋ๆๆ พ่อพาไปหาแม่หนาเจ้า”
“.....”เจ้าบัวงามแย้มโอษฐ์พลางปลดผ้าแถบสีหวานของตนออก แขนเรียวรับลูกน้อยจากภัสดามาเข้าเต้า เจ้าพเยียเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดมารดาก็มุดเข้าหาพระอุระ อ้าปากงับยอดถันของพระมารดา แลดูดกลืนน้ำนมอย่างหิวกระหาย
“โถ ลูกจ๋า ค่อยๆ เถิดเจ้าประเดี๋ยวจักสำลักเอา”เจ้าบัวงามตรัสพลางตบก้นกลมของเจ้าตัวน้อยเบาๆ
“หึหึหึ...น่าเกลียดน่าชังนัก”เจ้าจันทร์ตรัสพร้อมกับประคองเท้าเล็กของลูกขึ้นหอม
“พระองค์ส่งสารไปยังภุมริกา แจ้งเสด็จพ่อเรื่องเจ้าพเยียหรือยังพระเจ้าค่ะ”
“พี่ส่งม้าเร็วไปยังภุมริกาตั้งแต่คืนที่เจ้าพเยียเกิดแล้วเจ้า”
“พระเจ้าค่ะ”
“ป่านนี้สารคงจักถึงพระหัตถ์เสด็จพ่อท่านแล้วล่ะ...ดีมิดีเสด็จพ่อท่านคงแทบจักวิ่งมาทันทีที่อ่านสารจบ หึหึหึ”
“องค์จันทร์”เจ้าบัวครางใส่พระภัสดาอย่างอ่อนใจ
“หึหึหึ...เจ้าพเยียลูกพ่อ ประเดี๋ยวรอรับของรับขวัญจากเสด็จตาเจ้าให้ดีหนา ท่านคงจักขนมาจนท่วมหลงคาตำหนักหลวงเป็นแน่”
.
.
.
“หลานตาน่าเกลียดน่าชังกระไนปานนี้หนา...”องค์ภุมรินตรัสเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่มาถึงวังหลวงศศิมณฑลก็ทรงปรี่เข้าหาพระนัดดาในห่อผ้าสีหวาน พลางโอบอุ้มทารกน้อยมิยอมปล่อย พระนาสิกวนเวียนหอมปรางยับย่นเจือกลิ่นหอมหวานของเจ้าพเยียน้อยมิห่าง
“เสด็จพี่ให้น้องอุ้มหลานบ้างสิพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดตรัส พักตร์งามงองุ้มเมื่อภัสดามิยอมปล่อยหลานน้อยให้ใครได้จับต้องเสียเลย
“โธ่...เจ้าชมนาด ก็หลานน่าชังออกปานนี้”
“น้องก็ใคร่อยากอุ้มหลานนี่พระเจ้าค่ะ”
“...จ้ะๆๆ”ตัดพระทัยส่งหลานให้เมียรัก
“คิกๆ...เจ้าพเยียหลานยาย ฟอดดด”กดพระนาสิกโด่งรั้นที่ปรางนุ่มของหลานเสียฟอดใหญ่
“คิกๆ...เจ้าแสง”
“พระเจ้าค่ะพี่บัว”
“เจ้าพเยียลูกข้าน่ารักหรือไม่”
“พระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยพเยียทรงน่ารักน่าชังยิ่งนัก”
“...แลใคร่อยากมีเป็นของตัวเองบ้างหรือไม่”
“เอ๊ะ...มีกระไรหรือพระเจ้าค่ะ”
“อ้าว ก็ลูกอย่างไรเล่า เห็นเจ้าพเยียน่ารักน่าชังเยี่ยงนี้ใคร่อยากมีลูกเป็นของตัวเองหรือไม่...เจ้าหรือก็หน้าตางดงามหมดจด แลเสด็จพี่ภุชงค์ท่านก็รูปงามเป็นไหนๆ หากมีลกคงน่ารักน่าชังมิแพ้เจ้าพเยียดอก”
“..คะ...คือ...หม่อม..หม่อมฉัน..”
“เจ้าบัวงาม...ว่ากระไรเยี่ยงนั้น พี่กับเจ้าแสงยังมิทันได้ตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราวเลยหนา ว่าเยี่ยงนี้หากใครมาได้ยินเข้าเจ้าแสงจักเสียหายได้หนา”
“โธ่...ทรงเป็นคู่หมันคู่หมายกัน อย่างไรเสียก็ต้องตบแต่ง แลมีทายาท จักเป็นกระไรไปเจ้าค่ะ”
“...กระนั้นก็เถิดหนา น้องมิต้องกังวลแทนพี่ แลเจ้าแสงไปดอก อย่างไรเสียหากตบแต่งกันแล้ว พี่จักมีทายาทมาเป็นเพื่อนเล่นเจ้าพเยียทันทีเป็นแน่”เจ้าภุชงค์ตรัสพระสุรเสียงหนักแน่น
“.....”ส่วนเจ้าแสงแรกก็ได้แต่พักตร์แดงระเรื่อออย่างมิอาจโต้แย้งสิ่งใดได้
“หึหึหึ...เสด็จแม่ลูกขออุ้มหลานบ้างสิพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าภุชงค์ตรัส
“โธ่ เจ้าภุชงค์ แม่เพิ่งจักได้อุ้มหลานมินานเองหนา”
“คิกๆๆ...ยังประทับที่ศศิมณฑลอีกหลายวันมิใช่หรือพระเจ้าค่ะ จักแย่งกันอุ้มไปไย”
“หลานน่าชังออกปานนี้ จักแย่งกันอุ้มก็มิแปลกดอก”
“เจ้าแสงใคร่อุ้มหลานหรือไม่”
“...พระเจ้าค่ะ หากแต่หม่อมฉันกังวลว่าจักทำหลานเจ็บเอาหนาสิระเจ้าค่ะ”
“มิต้องกังวลดอก มา ข้าจักสอนให้”เจ้าบัวงามตรัส พลางรับลูกน้อยมาจากพระมารดาที่ส่งหลานให้อย่างเสียดาย
“...น่าชังนักพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงประคองร่างนุ่มนิ่มของเจ้าพเยียเข้าแนบอกโดยมีเจ้าภุชงค์ แลมารดาอย่างเจ้าบัวงามช่วยประคับประคอง
“หึหึหึ...แน่ล่ะเจ้า ก็เจ้าพเยียลูกข้านี่ คิก”
___________________________________________
มาล้าววววววว ขอโทษษษษษษที่หายไปนาน มาแล้วค่ะ มาแล้ววว //กราบบบบบ