ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]  (อ่าน 612266 ครั้ง)

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
น้องพิงค์ก็ก๊วนกวน พี่หมอก็ชอบดุน้อง สมกันดีๆๆ5555

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ชอบตอนเค้าเถียงกัน มันน่าร๊ากก

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 พิงค์เอ้ยยย ไปแหย่เค้าดีนัก ถึงต้องแบกร่างมาเจอหมอวิน

วินน่าสงสาร คือก็พยายาม ก็รักน่ะ แต่คงไม่ทันสำหรับใครอีกคน
ถึงขั้นร้องไห้ ใจต้องเจ็บขนาดไหน

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
เมื่อคืนฝันว่าคนเขียนมาต่อด้วยละ

คิดถึงจนเก็บเอาไปฝัน :m26:

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
รอนะ

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 8 : ก้าวแรก


เมื่อใกล้ถึงเวลาบ่ายสี่โมงตามที่นัดไว้ ภูพิงค์หยิบแฟ้มกระดาษที่เตรียมไว้ขึ้นมาแล้วเดินอาดๆ ไปยังบิ๊กไบค์ของตน

เพื่อนทั้งสามมองตาม “มึงจะไปไหนไอ้พิงค์”

“ไปธุระนิดหน่อย”

“ธุระอะไรของมึง” ซันถามอย่างงงๆ

“เออน่ะ” เขายังไม่บอกมันว่าเจอตัวพี่วินแล้ว เพราะเดี๋ยวมันโลภ อยากได้นู่นนั่นนี่เพิ่มอีก เขาสงสารพี่วิน เห็นว่าต้องทำคลินิกแทนเพื่อนด้วย คงจะเหนื่อย เกิดไอ้ซันไปวอแวมากๆ เดี๋ยวพี่แม่งองค์ลง จะชวดกันหมด

“ทำไมวะ แค่นี้บอกไม่ได้อ่อ” ดิวโวยตามหลัง

“เออ นี่พวกกูเพื่อนมึงป่ะ” ขิงชวนก่อดราม่าได้อีก ทำให้เด็กหนุ่มต้องหันกลับไปโกหกใส่

“ไปวัดโว้ย จะไปวิ่งแก้บน พวกมึงจะไปด้วยมั้ยล่ะ!”

ทั้งสามคนหยุดกึก หันหน้าหนีกันไปคนละทาง “เออๆ งั้นไปเหอะ”

ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา ไอ้พวกเวรนี่ พูดถึงวัดงี้เมินเชียว มันน่าเอาน้ำมนต์สาดนัก เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์แล้วรีบขี่ออกไป


อากาศยามบ่ายยังคงร้อนฉ่า ขนาดขี่มอเตอร์ไซค์ไปแค่ใกล้ๆ เด็กหนุ่มยังแทบจะละลายติดเบาะ เมื่อไปถึงคลินิก เอามอเตอร์ไซค์ไปจอดในที่จอดมอเตอร์ไซค์ในลานจอดรถด้านหลัง แล้วก็เดินวนมาเปิดประตูทางเข้าด้านหน้าเข้าไปในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ เขาเกือบจะแก้ผ้าล้มตัวลงนอนกลิ้งเกลือกบนพื้นเสียเดี๋ยวนั้น

“อา... สวรรค์ชัดๆ” สิ้นคำพูดก็มีเสียงร้องครวญครางดังแว่วออกมาจากห้องตรวจ เด็กหนุ่มหุบยิ้มทันควัน

“นั่งรอแป๊บนะคะ คุณหมอใกล้เสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ยิ้มรับ


“โอย ทำไมมันเจ็บจังอะ หมอออ~”

“อีกนิดเดียว อดทนหน่อยนะ”

“ไม่ไหวแล้วววว~”

“งั้นหมอฉีดยาชาเพิ่ม แต่จะชานานหน่อยนะครับ”

คนไข้คนนั้นเงียบไปชั่วครู่ หากสักพักก็พูดขึ้นเสียงอ่อย“ฉีดยาก็เจ็บอยู่ดี ผมทนก็ได้ หมอเบามือหน่อยนะ อีกนิดเดียวใช่มั้ย”

“นิดเดียว อดทนไม่ถึงสามวิฯ”


แล้วเสียงอุปกรณ์ในห้องตรวจก็ดังหวีดหวิวเข้ามาเสียดแทงโสตประสาทของภูพิงค์ต่อ ความเย็นชั่ววูบเมื่อครู่ กลับกลายเป็นเย็นแบบเสียวสันหลังวาบๆ เขาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง นั่งนานไปก็ชักฟุ้งซ่าน พาลนึกถึงตัวเองในอดีตเมื่อครั้งที่มารดาพาไปทิ้งไว้ที่ร้านทำฟันตามลำพัง ส่วนเธอไม่ชอบเสียงกรอฟันจึงไปรออยู่ข้างนอกร้าน ตอนนั้นเขาก็เสือกใจเสาะกลัวเข็มฉีดยา เลยยอมทำฟันไปแบบไม่ใช้ยาชา ทั้งเสียวทั้งเจ็บแบบฉิบหายวายวอด ครั้งนั้นครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเขาก็เกลียดกลัวการทำฟันเข้าไส้ไปเลย

ไม่นานคนไข้คนนั้นก็เดินเซออกมาจากห้องตรวจ ชายหนุ่มสบสายตากับภูพิงค์อย่างเห็นใจ เหมือนอยากจะบอกว่า ตามึงขึ้นเขียงแล้ว อย่างไรอย่างนั้น พอจ่ายเงินเสร็จก็รีบรุดออกจากคลินิกไป

หลังจากนั้นทันตแพทย์หนุ่มก็ชะโงกหน้าออกมาจากห้องตรวจ เมื่อเห็นภูพิงค์นั่งหน้าเจื่อนๆ อยู่ก็สงสัยนิดหน่อย เขาถอดผ้าปิดปากออกแล้วถาม “เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนโดนโกงค่าแชร์”

“น้องเขากลัวเสียงกรอฟันกับเสียงร้องของคนไข้หมอน่ะสิคะ เมื่อกี้เดินเข้าคลินิกมายังยิ้มหน้าบานอยู่เล้ย พอได้ยินเสียงกรอฟันเท่านั้น แข้งขาอ่อนเลย” หญิงสาวที่เคาน์เตอร์หันไปตอบแทนให้เสร็จสรรพ เธอหัวเราะร่วน แบบไม่นึกถึงใจปลาซิวของเด็กหนุ่มเลย

รวินท์ยิ้มมุมปาก ทำให้คนที่นั่งรออยู่หนวดกระตุก “ไม่เข้ากะหน้าเลยว่ะ”

ภูพิงค์เบือนหน้าหนี เสียฟอร์มหนุ่มวิศวะ พี่ว้ากมาดโหด โฉด และซกมกอย่างเขาฉิบหาย ดีที่ไม่มีใครในคณะมาเห็นเขาในสภาพแบบนี้ แม่งเอ๊ย

“เดี๋ยวผมมา ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง” ทันตแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปข้างในคลินิก ขึ้นห้องไปอาบน้ำ แล้วเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนแทนชุดที่ใส่ทำงาน จากนั้นจึงเดินลงมาข้างล่าง พอมาถึงผู้ช่วยฯ ทั้งสองคนก็ลากลับบ้านพอดี เขาพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้างเด็กหนุ่ม

“เอ้า ว่างละ จะถามอะไรก็ถาม” พูดจบก็ยืดตัวบิดไปมา

“ผมพรินต์คำถามมาแล้วพี่ เดี๋ยวพี่ตอบลงในกระดาษเลยก็ได้”

รวินท์ขมวดคิ้ว “ผมขี้เกียจเขียนว่ะ ลายมือคงอ่านลำบากด้วย ผมตอบแล้วคุณจดได้มั้ย”

“ได้ครับ” ภูพิงค์พยักหน้า วินาทีนี้ง้อสุดใจ และเพราะเห็นว่ารวินท์เพิ่งทำงานเสร็จมาหมาดๆ คงจะเหนื่อย เขาไม่ควรจะกวนประสาทอีกฝ่ายตอนนี้ “พี่วิน ผมว่าอัดเสียงพี่ไว้ด้วยดีกว่า จะเอาให้สโมฯ ฟังเทียบกับสัมฯ”

“เออๆ เอาไงก็เอา”

ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มอ่านคำถามในกระดาษ เด็กหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู แล้วนั่งนิ่งอยู่สักพักใหญ่

“ข้อหนึ่ง”

“เดี๋ยวพี่ อัดเสียงยังไงวะ”

คำถามของภูพิงค์เป็นผลให้รวินท์นิ่งอึ้งไปด้วย เขาก้มลงมองโทรศัพท์มือถือในมือฝ่าย จะตอบว่าไม่รู้ก็เดี๋ยวเสียฟอร์ม “ก็อัดเป็นคลิปไปสิคุณ”

“เออ ฉลาดๆ” คนอ่อนวัยกว่าพูดชม ก่อนจะกดโทรศัพท์แล้ววางพิงไว้กับแจกันบนโต๊ะตรงหน้า ให้โฟกัสไปยังคนที่นั่งข้างกัน “อ่ะ ตอบมาเลยครับ”

“ต้องแนะนำตัวด้วยมั้ยอะ”

“นิดนึงละกัน”

“สวัสดีครับ ผมรวินท์”

“แค่นี้เหรอ” ภูพิงค์หันไปมองหน้าทันตแพทย์หนุ่ม

รวินท์มองกลับ แล้วพูดต่อ “ผมรวินท์ เป็นหมอฟันครับ ยาวพอยัง”

“เออๆ ตอบคำถามเถอะพี่” เด็กหนุ่มตัดบท เพราะขี้เกียจเถียงให้เปลืองพื้นที่ในโทรศัพท์มือถือ

“ข้อหนึ่ง ผมมาดูขึ้นดอยครั้งนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้าก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่เพราะอยู่ที่กรุงเทพฯ ตลอดแล้วก็เรียนหนักด้วย เลยไม่เคยมีโอกาสมาดู สาเหตุที่สนใจก็เพราะผมบังเอิญได้เห็นรุ่นพี่พารุ่นน้องซ้อมวิ่ง...” ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก พลางขมวดคิ้ว “คนที่วิ่งนำน้องๆ ตอนซ้อมวิ่งที่ผมเห็น ใช่คุณรึเปล่าวะ”

“เอ๊า ผมจะรู้กับพี่มั้ยล่ะ”

“คุณไม่เห็นผมเหรอ ตอนที่วิ่งไปวิ่งมาข้างหลังมออะ”

ภูพิงค์ทำหน้างง “ผมวิ่งวันละไม่รู้กี่รอบ เห็นพี่ก็จำไม่ได้หรอก”

“ไหนบอกว่าหน้าแบบผมเห็นแล้วยังไงก็จำได้ไง”

“ตอนนั้นเหงื่อมันบังตา” เด็กหนุ่มแก้ตัว “เอาน่ะ ตอนนี้จำได้แล้วไง จำได้แม่นด้วย พูดต่อได้แล้วพี่”

“พอดีวันที่ขึ้นดอยผมว่าง ก็เลยไปดูของจริงสักครั้ง” รวินท์พูดร่ายยาวต่อไปเรื่อย ตอบคำถามทีละข้ออย่างตั้งใจ เขาบอกเล่าถึงความรู้สึกที่ได้เห็นนักศึกษาตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปบนถนนที่สูงชัน และประทับใจมากกับการที่พวกเขากอดคอกันวิ่งขึ้นโค้งขุนกัณฑ์โดยที่ไม่มีใครทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง

“ตอนแรกที่ได้ยินมา ผมก็นึกว่าคงโม้บ้างน่ะแหละ แต่ที่ผมได้เห็นกับตา และคิดว่าทุกคนในที่นั้นก็คงสัมผัสได้ด้วยหัวใจ ผมยืนยันได้เลยว่าที่เขาพูดกันนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกัน เป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง ไม่มีใครทิ้งกันเลย ทุกคนมีสปิริตมากครับ”

“ผมเข้าใจนะว่าเป็นประเพณีของพวกคุณ แต่การที่ทุกคนพร้อมใจกันแบบนั้น มันน่าทึ่งมากจริงๆ ผมเองไม่เคยผ่านการรับน้องแบบโซตัส เคยได้ยินข่าวไม่ดีมาก็เยอะ แต่สิ่งที่ผมได้เห็น มันคือการร่วมใจกัน คือความสามัคคี” ทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปทางคนที่กำลังก้มลงจดยิกๆ “ที่สวนสนข้างบนนั้น ผมได้ฟังเพลงที่พวกคุณร้อง ได้เห็นกิจกรรมสนุกๆ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นนักศึกษาอีกครั้ง...”

รวินท์มองกล้อง อมยิ้มแล้วชี้ไปที่เด็กหนุ่ม “เขาร้องเพลงเพราะดี”

ภูพิงค์เงยหน้าขึ้น หันขวับไปหาอีกฝ่าย “ฮะ ใครพี่”

“คุณไง ที่ร้องกรอกหูผม จำไม่ได้เหรอ”

“ผมร้องกรอกหูที่ไหน!”

“เอาล่ะ คำถามสุดท้าย มีอะไรอยากฝากถึงนักศึกษาคณะวิศวะเชิงดอยมั้ย... อืม... พี่ๆ และน้องๆ คณะนี้น่ารัก อยากให้รักษาความน่ารัก ความเป็นกันเอง และความมีน้ำใจแบบนี้ไปอีกนานๆ ครับ”

เด็กหนุ่มจดไปก็ชำเลืองมองอีกฝ่ายไป โอ้โห คนอะไร เป็นงานชะมัด ทั้งคำพูดคำจา คำตอบนี่แบบ เขาลอกไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องนั่งเกลาให้เหนื่อย สายตามองกล้องแบบเก๊กสุภาพสุดๆ พูดไปยิ้มไปด้วยอีกต่างหาก ท่าทางจะเคยรับงานแบบนี้บ่อยจริงๆ

“อ้อ! แล้วก็โจ๊กที่ประตูทางเข้าอร่อยดี ไปอุดหนุนกันเยอะๆ นะครับ ร้านจะได้ขายได้นานๆ ผมจะได้มีอะไรกินตอนเช้า”

ภูพิงค์รู้สึกหมั่นไส้หน้าตาและท่าทางทันตแพทย์หนุ่มตงิดๆ “ขอบคุณที่สละเวลานะครับ” เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดจบการอัดคลิปพลางเบ้ปากใส่ “พี่วินนี่โคตร...”

“รู้งานใช่มะ”

“ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าตอแหล้ตอแหลอะพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มคิ้วกระตุก “ชาวบ้านแถวไหนวะ จะไปเผาบ้านแม่ง!”

เด็กหนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อน “ผมล้อเล่นๆ” จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบคางที่มีเคราบางๆ อย่างครุ่นคิด สายตากวาดมองคำพูดของอีกฝ่ายที่จดลงกระดาษไว้คร่าวๆ “พี่วิน ตอนที่เขาวิ่งขึ้นดอยกัน พี่ยืนดูอยู่ตรงโค้งสปิริตใช่ปะ”

“อือ...” รวินท์ตอบหน้าตาย 

“ยืนดูเฉยๆ แค่นั้นอะเหรอ”

“เออสิวะ จะให้ผมดูไป เต้นดึงดาวไปด้วยรึไงล่ะ ทำไมเหรอ”

“พี่พูดได้เหมือนมาวิ่งกับพวกผมด้วยเลยว่ะ”

“อ้อ”

“อ้อ?” ภูพิงค์โน้มตัวเข้าไปหา

“ก็อ้อไง เพราะงี้เลยว่าผมตอแหลสินะ”

“เปล่าๆ ผมแค่คิดว่าพี่พูดได้ดีเหมือนเตี๊ยมกันมาเฉยๆ เมื่อก่อนพี่รับงานแบบนี้บ่อยอะดิ”

“เออ บ่อยมาก ทั้งคลิปโปรโมตคณะ โปรโมตมหาลัย สัมฯ ลงวารสารมหาลัย สัมฯ ลงเพจคณะ เพจมหาลัย สัมฯ แม่งทุกงานเทศกาล”

“โห... แต่ก็ดีว่ะ ผมไม่ต้องเหนื่อยเลย” เด็กหนุ่มกดรีเพลย์ดู “ผมว่าเอาคลิปพี่ไปลงเลยก็ยังได้”

รวินท์ส่ายหน้ารัว “อย่าเลยว่ะ โทรมฉิบหาย แค่ให้สโมฯ ดูก็พอแล้ว”

“ขนาดโทรมยังหล่อกว่าคณะผมทั้งคณะอ่ะ” ภูพิงค์พูดชมไปอย่างลืมตัว

ทันตแพทย์หนุ่มยกแขนขึ้นเท้าบนไหล่คนที่นั่งข้างกัน พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปดูภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอโทรศัพท์ในมืออีกฝ่าย “เออ ก็รู้ตัวอยู่ แต่ไม่ต้องชมบ่อยนักก็ได้นะ ฟังจนเบื่อแล้วว่ะ”

คนอ่อนวัยกว่าเงยหน้าขึ้นทันควัน “โห... ในพจนานุกรมพี่ไม่มีคำว่าถ่อมตัวเลยใช่มะ”

รวินท์ยิ้มกว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเอนหลังพิงพนักโซฟา มองดูหางม้าของเด็กหนุ่มแล้วจึงยกมือขึ้นจับเล่น “ผมยุ่งรุงรังแบบนี้ มีเหาบ้างเปล่าวะเนี่ย”

เด็กหนุ่มหันขวับ จากนั้นจึงเอนศีรษะทิ่มเข้าไปหาอีกฝ่าย “มีหมดแหละ เหา เห็บ ริ้น ไร เรือด”

พอทันตแพทย์หนุ่มผลักออก ภูพิงค์ก็ยิ่งไถศีรษะเข้าหา ผลักกันไปไถกันมาเป็นพัลวัน “นอกจากน่าถอนฟัน เย็บปากแล้วยังน่าจับโกนหัวด้วยวุ้ย!”

คนอ่อนวัยกว่าหยุดกึก แล้วหันหน้าไปสบสายตากับอีกฝ่าย “เออ จริงด้วย ผมยังไม่ได้ขอบคุณพี่เลยอ่ะ เรื่องยาเมื่อเช้า”

“อ่อ ไม่เป็นไร นิดเดียว”

“นิดเดียวไรวะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้พี่สักหน่อย”

ครั้งนี้ทันตแพทย์หนุ่มเป็นฝ่ายนิ่งไปบ้าง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “ผมก็ยังไม่ได้ขอบใจคุณเลย ที่คุณอยู่เป็นเพื่อนเมื่อคืน ถ้าไม่ได้คุณ ผมก็คงจะแย่”

ภูพิงค์ชะงัก ดูจากสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปแบบกะทันหัน เขาคิดว่าไม่ควรทำให้อีกฝ่ายนึกถึงเรื่องเมื่อวาน เดี๋ยวเกิดร้องไห้ขึ้นมาอีก เขาจะลำบาก เด็กหนุ่มจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “เออ แต่ผมหายปวดฟันแล้วนะ พี่ก็เป็นหมอฟันที่ใช้ได้นะ เก่งๆ”

“นั่นมันเพราะฤทธิ์ยารึเปล่าวะ ถ้าไม่เจ็บแล้วก็รีบไปคณะทันตะเลยนะเว้ย อย่าปล่อยทิ้งไว้นานนะ”

“ครับๆ ย้ำหลายรอบโคตรๆ ไม่เขียนป้ายติดไว้หน้าคลินิกเลยล่ะ”

“เขียนว่าไร ภูพิงค์ วิดวะปีสาม เกียร์อัลฟา มีฟันคุดสี่ซี่ ใครเจอให้เอาที่ครอบปากใส่ แล้วลากไปหาหมอฟันที่คณะทันตะด้วย แบบนี้เหรอ”

“ถ้าจะเขียนยาวขนาดนั้น ก็เอาให้ป้ายยาวจากหน้าคลินิกไปถึงยอดดอยเลยนะพี่”

รวินท์หัวเราะ น่าแปลกที่เขาหัวเราะได้ทั้งที่เมื่อวานอกหักแทบตาย อยู่กับไอ้เด็กผีนี่ เขาไม่มีเวลาจะคิดมากเลยจริงๆ ต้องคอยรับมือกับความกวนตีนของอีกฝ่ายอยู่ตลอด

“โรงบาลลำพูนเป็นไงมั่งอ่ะพี่”

“ก็...พอทน”

“แล้วพี่อยู่ไงอ่ะ บ้านอยู่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ”

“อยู่หอพักแพทย์ไง มันก็โออยู่นะ ห้องเก่าไปหน่อยแต่กว้างดี มีห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำพร้อม มีที่จอดรถให้ด้วย แย่หน่อยก็ตรงที่ร้อนฉิบหาย”

“ไม่ติดแอร์ล่ะ”

“ไม่รู้ต้องติดไงว่ะ แค่เลือกแอร์ยังเลือกไม่ถูกเลย”

หน้าตาดีๆ ไม่น่าจ๊าดง่าวเลย... ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “ในอินเทอร์เน็ตก็มีบอกป่ะวะ รีวิวก็มีตั้งมากมาย กดมือถือดูสองจึ๊กก็เจอแล้วทำไมไม่รู้จักหา หรือมือถือพี่ยังเป็นรุ่นจอขาวดำวะ”

“ขี้เกียจอะ ลองกดๆ ดูแล้วขึ้นมาเยอะ โควตาอ่านหนังสือผมหมดไปนานแล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มยื่นหน้าเข้าไปถาม “คุณอะ รู้เหรอว่าเลือกแอร์ยังไง”

“รู้สิวะ ก็ดูที่ชนิดกับขนาดห้องที่จะติดไง แล้วก็เลือกแอร์ที่มี BTU เหมาะกับขนาดห้อง เรื่องแค่นี้เด็กอนุบาลยังรู้เลย”

“อนุบาลไหนวะ” รวินท์ขมวดคิ้ว ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากพนักโซฟา เขายกมือขึ้นตบไหล่เด็กหนุ่มรัวๆ “เออ จะว่าไป... คุณนี่ก็ท่าทางฉลาดดีนะ งั้นช่วยผมเลือกแอร์หน่อยละกัน”

“คำพูดเหมือนจะชม แต่ทำไมผมไม่รู้สึกเหมือนถูกชมเลยวะ”

“ชมๆ ชมจริงๆ คือที่ห้องผมที่ลำพูนอะ ไม่มีอะไรเลยนอกจากพัดลมกับเตาแก๊สเก่าๆ ที่เจ้าของเดิมทิ้งไว้ให้เป็นฟอสซิลประดับห้อง”

“ไอ้เตาแก๊สเก่าๆ นี่มันเก่าแค่ไหน”

“ไม่รู้อะ รู้แต่เก่ามาก ยุคสร้างโรงบาลเลยมั้ง”

“เฮ้ย มีแก๊สรึเปล่าอ่ะ พี่อย่าเปิดใช้มั่วซั่วนะเว้ย เดี๋ยวระเบิดตูมตามขึ้นมาตายห่า”

ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้าเครียด “แล้วผมต้องดูไงอ่ะว่ามีแก๊สมั้ย”

“เอางี้ดิ ง่ายสุดเลยนะ ไม่ต้องไปแตะต้องมัน พี่ดูที่ถัง ปกติมันจะมีชื่อร้านแก๊สกับเบอร์โทร พี่ก็โทรให้เขามาเอากลับไป พอถอดแก๊สออกไปได้ก็เอาเตาไปทิ้งซะ แล้วซื้อเตาใหม่ดีกว่า ปลอดภัยกว่า นี่พี่ทำกับข้าวบ่อยมั้ยล่ะ”

“ไม่อ่ะ ยังไม่เคยทำเลย แต่ก็อยากทำเหมือนกัน เพราะร้านอาหารแถวโรงบาลแม่งเปิดๆ ปิดๆ ตามใจชอบมาก เบื่อจะกินมาม่าแล้วว่ะ” รวินท์นิ่งคิดไปชั่วครู่แล้วถามต่อ “คุณว่าผมซื้อไมโครเวฟ เตาไฟฟ้า หรือเตาแก๊สดีวะ อืม... ถ้าซื้อไมโครเวฟอย่างเดียว มันก็ทำอาหารไม่ได้ทุกอย่าง แต่จะซื้อทั้งหมดแม่งก็แพงเกิน”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นกุมขมับ “ถ้าพี่ยังไม่เคยทำกับข้าว พี่ก็คงต้องเริ่มทำอาหารง่ายๆ ก่อน งั้นผมว่าพี่ควรซื้อแค่กระทะไฟฟ้ากับหม้อหุงข้าวเล็กๆ ก็พอ กระทะไฟฟ้าพี่จะอุ่นอาหาร จะทอด จะทำแกงจืด ต้มยำอะไรน้ำๆ ด้วยก็ได้ น่าจะเวิร์คกว่าเตาเพียวๆ นะพี่ ไม่งั้นต้องถอยหม้อถอยกระทะต่างหากอีก”

“โห เด็กวิดวะนี่เก่งจังเว้ย”

เด็กหนุ่มอยากจะบ้า “ไม่ต้องวิดวะเขาก็รู้กันป่ะวะ!”

“งั้นไป! ไปช่วยผมซื้อหน่อย” ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นพรวด แล้วคว้าแขนคนที่นั่งข้างกันให้วิ่งตามออกไปด้วย “ว่างอยู่ใช่มั้ย”

“ว้างงง~ ก็ด้ายยยพี่~ ไม่ต้องล้ากกก~” คนอ่อนวัยกว่าตอบเสียงหลง เพราะถูกอีกฝ่ายกึ่งลากกึ่งจูงไปยังที่จอดรถทางด้านหลังคลินิกโดยไม่ทันได้ตั้งตัว


เมื่อไปถึงรถ สองหนุ่มก็เข้าไปนั่งเคียงข้างกัน ก่อนรวินท์จะเคลื่อนรถออกไปช้าๆ ขับออกไปสักพักก็หันไปถามเด็กหนุ่ม

“นั่งเงียบอยู่ได้ บอกทางหน่อยสิวะ”

“จะไปไหนล่ะพี่!”

“ก็ไปซื้อของไง!”

เด็กหนุ่มเกาศีรษะอย่างงงๆ จะไปไหนยังไม่รู้กันเลยเนี่ย เวรกรรมแท้ “อ่า... งั้นไปโฮมโปรละกันนะ ตรงไปก่อน เดี๋ยวถึงแยกนู้นค่อยเลี้ยว”

พอไปถึงห้างที่หมาย สองหนุ่มก็เดินเข้าไปในห้างอย่างมึนๆ

“ไปไหนก่อนดีอะ”

“เดี๋ยวนะ ตกลงพี่จะซื้ออะไรบ้างเนี่ย แค่กระทะกับหม้อหุงข้าวใช่มะ แล้วก็จะดูแอร์”

“ถ้าให้ตอบตรงๆ ก็คือไม่รู้เว้ย ประเด็นคือผมอยากมีของในครัวอ่ะ แบบให้ทำกับข้าวกินได้ แต่ผมงบน้อยนะ”

ภูพิงค์หันขวับไปแสกนทันตแพทย์หนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วขึ้นมาศีรษะอีกรอบ สงสัยว่าจะเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้าใส่เสียหมดละมั้ง ไหนอาจจะต้องผ่อนรถออดี้สปอร์ตสุดหรูนั่นด้วย “งบน้อยของพี่นี่เท่าไหร่วะ”

“ก็น้อยอ่ะ แบบ...ผมอยากได้แค่พอกินพออยู่ไปวันๆ ก่อน”

“คือห้องครัวพี่ไม่มีอะไรเลยเหรอ มีแต่ห้องเปล่าๆ เกลี้ยงๆ เลยรึไง”

“ไม่หรอก ก็มีบ้าง มีกระติกน้ำร้อน ชามพลาสติก ช้อนส้อมอย่างละอันกับตะเกียบไว้กินมาม่า”

เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง เขาว่าตอนตัวเองอยู่หอในรันทดแล้วนะ พี่วินนี่แม่งมาแรงกว่า โหดกว่าสิบเท่า “แล้วปกติในตู้เย็น...”

“ไม่มี”

“ฮะ!?”

“ผมไม่มีตู้เย็น”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “แล้วเวลาอยากกินอะไรเย็นๆ ทำไงอ่ะ”

“เวลาอยากดื่มน้ำเย็นก็ไปกดที่ตู้น้ำรวม พวกขนมหรืออาหารผมฝากเพื่อนแช่เอา”

คนอ่อนวัยกว่าอยากจะร้องไห้ เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะอยู่อย่างอนาถาขนาดนี้ “พี่มาอยู่ลำพูนนานแค่ไหนแล้ววะ”

“ก็หลายเดือนแล้วนะ คือผมก็อยากมีตู้เย็นนะคุณ แต่คุณก็เห็นป่ะ รถผมคันเล็กอ่ะ ผมไม่รู้จะแบกกลับห้องยังไง”

“เวลาซื้อแล้วเขาก็เอาไปส่งให้ป่ะวะพี่ เหมือนพวกแอร์ที่เขาเอาไปติดตั้งให้ไง”

“อ้าวเหรอ งั้นพาผมไปดูตู้เย็นด้วยละกัน ผมอยากได้ตู้เย็นแบบกดน้ำแข็งได้ด้วยอ่ะ”

“แบบนั้นมันมีแต่ตู้ใหญ่ๆ ป่ะวะ แพงตายห่า พี่อยู่คนเดียวซื้อไม่ต้องเกินสิบคิวหรอก น้ำแข็งก็ทำเอาเอง แช่ช่องน้ำแข็งข้างบน หรือซื้อน้ำแข็งจากเซเว่นไปใส่ไว้ก็ได้”

ดวงตาของรวินท์เป็นประกาย แบบนี้ท่าทางเขาจะประหยัดเงินได้ไม่ใช่น้อย

“อยู่มาได้ยังไงตั้งหลายเดือน ในบ้านที่ไม่เป็นบ้าน พี่จะมีความสุขได้ยังไงวะ ทำงานเหนื่อยๆ กลับบ้านไปนอนในห้องโล่งๆ ไม่รู้สึกโหวงเหวงบ้างรึไง พี่เป็นคนนะเว้ย ไม่ใช่ไส้เดือนในโพรงดิน จะได้ไชรูตรงไหนก็อยู่ได้” เด็กหนุ่มบ่นอุบ พลางเดินนำออกไป

เออ ก็จริงอย่างที่พิงค์พูดเหมือนกันนะ... ตลอดเวลาเขาไม่ค่อยใส่ใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะคิดแต่ว่าถ้ามีโอกาสย้ายไปหาขวัญข้าวได้ก็จะไป เพราะงั้นถึงได้ใช้ชีวิตในลำพูนแบบอยู่ไปวันๆ เท่านั้น

“ตอนอยู่บ้านไม่เคยเดินเข้าครัวเลยเหรอวะ หรือบ้านไม่มีครัว มีแต่ห้องนอนกับที่จอดรถรึไง” ภูพิงค์ยังคงบ่นต่อไปเรื่อยๆ

ทันตแพทย์หนุ่มเดิมตามหลังคนอ่อนวัยกว่าไปนิ่งๆ เขาเถียงอีกฝ่ายไม่ออกด้วย เพราะที่เด็กหนุ่มว่าหลายอย่างมันก็จริง งานนี้ไม่รู้ใครอายุมากกว่าใครกันแน่แล้ว

ภูพิงค์เดินไปดึงรถเข็นคันใหญ่ออกมาคันหนึ่ง จากนั้นจึงหันมาทางชายหนุ่ม “ไปดูกระทะไฟฟ้ากับหม้อหุงข้าวก่อนนะ”

“อือ ตามใจเลย”

“ตามใจผมทำไมวะ ซื้อของของพี่”

“ก็เลือกให้หน่อยสิวะ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอ่ะ”

“เออ ผมก็เชื่อแหละ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา “เรียนจบทันตะมาได้ยังไงวะเนี่ย”

“เรียนทำฟันเว้ย ไม่ได้เรียนทำกับข้าว”

“ผมก็เรียนวิดวะมะ ไม่ได้เรียนคหกรรม” คนอ่อนวัยกว่าถอนหายใจออกมาหนักๆ “พี่ใช้ชีวิตอยู่มาแบบไหนวะเนี่ย ไม่ไหวเล้ย เคยจริงจังกับอย่างอื่นนอกจากเรื่องเรียนมะ สังเกตอะไรรอบๆ ตัวบ้างป่ะวะ ตั้งแต่เกิดมานี่ นอกจากเวลาเรียนแล้วก็ปิดตาอุดหูไว้ตลอดเรอะ”

รวินท์นิ่งอึ้ง จะว่าไปเขาก็ไม่ได้เรื่องจริงๆ นั่นแหละ ที่ไม่เคยใส่ใจอะไรเลยก็เพราะเช้าตื่นมาที่บ้านก็เตรียมทุกอย่างให้พร้อมสรรพ ขับรถไปเรียน กลับบ้านมาที่บ้านก็แทบจะหามไปป้อนนมเข้านอน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต จนกลายเป็นนิสัย


“ขวัญอยากให้วินจริงจังกับตัวเอง กับหน้าที่ กับชีวิต และใส่ใจคนรอบข้างบ้าง”


คำพูดของขวัญข้าวแวบเข้ามาในความคิด เธอเอง...ก็คงมองเขาไม่ต่างกับที่พิงค์กำลังบ่นอยู่ในตอนนี้

ตลอดเวลาที่คบกันมา เธอจะรู้สึกอย่างไรกับความไม่เอาไหนของเขากันนะ

พอทันตแพทย์หนุ่มเงียบไป ภูพิงค์จึงหันกลับไปมอง สงสัยเขาจะพูดแรงไปแฮะ พี่วินหน้าจ๋อยเป็นหมาหงอยเลย เด็กหนุ่มหันมองซ้ายขวา ยกมือขึ้นเกาศีรษะ จากนั้นจึงเดินถอยหลังไปหาอีกฝ่าย “โทษทีพี่ ผมก็ปากหมาไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ ไม่มีใครรู้อะไรทั้งหมดมาแต่เกิดหรอก พี่ใส่ใจเรื่องเรียน ใส่ใจคนไข้ของพี่ มันก็ดีมากแล้วแหละ”

“ไม่หรอก คุณพูดถูก... ผมมันไม่เอาไหนเลยจริงๆ”

ฉิบหาย! ดูเหมือนเขาจะไปแตะโดนจุดเซนสิทีพเข้าอย่างจัง แถมเมื่อกี้ก็พ่นออกไปซะเยอะเลย ประโยคไหนโดนบ้างก็ไม่รู้ด้วย

“โหย ไม่กัดกับผมแบบนี้ทำตัวไม่ถูกเลยอ่ะ” ภูพิงค์เคลื่อนมือขึ้นไปโอบไหล่ทันตแพทย์หนุ่มพร้อมกับดึงเข้าหาตัว “อะไรที่ไม่รู้ ก็ค่อยๆ หัดไปก็ได้น่ะ เริ่มจากจัดการครัวของพี่กันก่อนนะ ป่ะ เราไปกัน”

เด็กหนุ่มแนะนำกระทะไฟฟ้าแบบง่ายๆ ให้ แล้วอธิบายวิธีการใช้งานให้พร้อมสรรพ เสร็จแล้วก็แนะนำให้ตามความคิดตัวเอง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงนึกภาพไม่ออก “พี่ยังไม่เคยทำอาหาร เพราะงั้นคงต้องเริ่มที่เมนูง่ายๆ เช่นของทอดต่างๆ ไข่ทอด ไส้กรอก หมูยอ อะไรแบบนี้ เอาแบบใช้ง่ายๆ ล้างง่ายๆ น่าจะดี เอาไว้พี่ทำอาหารเก่งขึ้น โปรขึ้น ค่อยซื้อเตาจริงจังก็ยังไม่สาย”

“อืม งั้นผมเอาอันนี้ดีมั้ย”

“ดีๆ ถ้าเป็นผมก็คงเลือกอันนี้แหละ”

ภูพิงค์เริ่มเข้าใจอีกฝ่ายมากขึ้น พี่วินต้องการแค่คำแนะนำ เพราะไม่มีประสบการณ์อะไรเลยจริงๆ แต่ก็น่าแปลกที่คนใกล้ตัวไม่ได้สนใจจะบอกกล่าวหรือติเตียนอะไร คงจะเอาใจ ตามใจกันเสียจนเคยตัว

“หม้อหุงข้าวเนี่ย ถ้าเป็นผมคงหุงกินมื้อเช้า เย็นกลับมาอุ่นกินต่อ หุงทีเดียวพอจะได้ไม่ต้องหุงบ่อยๆ เพราะงั้นซื้อแบบอุ่นได้น่าจะดี”

“ผมอยากได้แบบที่หุงข้าวได้หลายๆ อย่าง”

เด็กหนุ่มพยักหน้า “ก็ดีนะพี่ บางทีทำข้าวต้มกินกับปลาป๋องหรือหมูหยองก็อร่อยแล้ว”

รวินท์ยิ้มกว้าง “ใช่ๆ บางทีผมก็อยากกินแบบที่บ้านเคยทำให้กิน มีผักกาดดอง ไข่เค็มอ่ะ”

คนอ่อนวัยกว่าพลอยยิ้มไปด้วย “งั้นพวกนี้น่าจะดี”

หลังจากเลือกหม้อหุงข้าวกับกระทะไฟฟ้าได้ ภูพิงค์ก็พาทันตแพทย์หนุ่มไปเลือกซื้อจานชาม ช้อนส้อม ตะหลิว ทัพพี อุปกรณ์เครื่องครัว เครื่องดื่มและอาหารแห้งทั้งหลายต่อ ได้ของมาจนเต็มรถเข็นคันโตเลยทีเดียว

เด็กหนุ่มเข็นรถนำข้าวของมาช่วยจัดเก็บใส่รถให้ ซึ่งก็กินพื้นที่ในกระโปรงหลังยาวมาถึงเบาะหลังด้วย เสร็จแล้วพวกเขาก็เดินกลับเข้าไปดูแอร์กับตู้เย็นต่อ


(มีต่อค่ะ)


ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


ขณะที่กำลังเลือกดูตู้เย็นกันก็มีพนักงานคนหนึ่งมายืนเฝ้า คอยเชียร์ให้ซื้ออยู่ยี่ห้อเดียวจนน่ารำคาญ

รวินท์เริ่มทำตาขวาง ทว่าจู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมากดรับสายก่อน “ว่าไงวะเต้”

“กินข้าวยังวะ”

“ยังว่ะ มาซื้อของอยู่”

“หือ ซื้ออะไร ที่ไหนวะ”

“อยู่โฮมโปร...” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปมองคนที่มาด้วยกัน อีกฝ่ายดูจะหงุดหงิดกับพนักงานที่พูดมากไม่หยุด

“ผมขอดูก่อนนะพี่ ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อ...”

“ก็ตัดสินใจไปเลยสิน้อง ตอนนี้จัดรายการ ลดราคาพิเศษอยู่” พนักงานคนนั้นพูดไปเรื่อย พอเห็นภูพิงค์ไม่ใส่ใจก็เบ้ปากพึมพำ “ไม่มีเงินซื้อก็บอก”

“ไอ้วิน ไอ้วิน! ทำไมเงียบไปวะ”

“โทษที เดี๋ยวแป๊บนะ” รวินท์ตะโกนบอกเด็กหนุ่มที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน “พิงค์ ออกมานี่ก่อนเหอะ ผมคุยโทรศัพท์แป๊บ” พออีกฝ่ายหันมาพยักหน้า เขาจึงคุยต่อ “คนขายแม่งกวนประสาท”

“มึงอยู่กับใครวะ”

“อยู่กับ...เพื่อนสิวะ”

“เพื่อนไหน ใครวะ ทำไมกูไม่เคยได้ยิน ผู้ชายหรือผู้หญิง”

“ผู้ชายโว้ย เพิ่งรู้จักกันตอนไปดูวิดวะขึ้นดอยอ่ะ”

“มึงไม่เคยเล่าให้กูฟังเลยอ่ะ แล้วไปรู้จักกันได้ไง ไว้ใจได้รึเปล่าวะ”

รวินท์ชักจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง ไอ้เพื่อนเวรนี่ก็เสือกจะมาซักถามอะไรตอนนี้นักไม่รู้ ส่วนไอ้น้องเวรนั่นก็กำลังจะแดกหัวพนักงานขายอยู่แล้ว “ไอ้ห่า เดี๋ยวค่อยถามได้มะ ข้างหน้ากูนี่จะนองเลือดกันแล้วโว้ย”

“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะ! มึงรอเดี๋ยว!” เตชิตรีบกดวางสาย แล้วโทรใหม่เป็นวิดีโอคอล

“โว้ย! มึงเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย! จะคอลมาทำม้าย~” ทันตแพทย์หนุ่มโวยวาย

“ถ้านองเลือดกูจะได้เป็นพยานให้มึงได้ไง ไหน หมุนกล้องไปที่เกิดเหตุซิ กูจะดู...” เตชิตยังพูดไม่จบ เพื่อนรักที่ปลายสายก็ตะโกนเสียงหลง

“เฮ้ย! พิงค์! ใจเย็นเว้ย~ คุณจะแดกหัวเขาไม่ได้นะ!”

ภูพิงค์กระชากคอเสื้อพนักงานพูดมากเข้าหาตัว พร้อมกับทำหน้าเหี้ยมแบบพี่ว้ากที่ได้ฝึกปรือมาใส่ “ผมบอกว่าจะดูก่อน ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเรอะ ทำตัวมีปัญหาแบบนี้ อยากให้ลากคอไปหาผู้จัดการป่ะวะ!”

รวินท์ถลาเข้าไปดึงตัวเด็กหนุ่มออก “จะไปขายใครก็ไปเลยคุณ พวกผมยังไม่ตัดสินใจ เข้าใจมะ” จากนั้นก็ลากภูพิงค์ออกมาจากแผนกตู้เย็น

“ไปทะเลาะกับเขาให้เสียเวลาทำไม!” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงเข้ม

“ก็ไอ้ห่านั่น... หือ? เสียงใครวะพี่” คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้ว

“เออ! เพื่อนผมยังอยู่ในสาย” รวินท์ยกโทรศัพท์ขึ้น “โทษทีว่ะเต้”

“ไหนวะเลือด มีใครตายมั้ย กูต้องเรียกตำรวจกับรถโรงบาลรึเปล่า!”

“ไอ้ห่า ไม่มีโว้ย เอ้า นี่พิงค์ คนที่มาด้วยกัน รู้จักกันไว้ซะ” ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปยืนข้างภูพิงค์แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นให้เห็นพวกเขาสองคนชัดๆ

เตชิตสบสายตากับเด็กหนุ่ม พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก “สวัสดีครับคุณพิงค์”

“ไอ้นี่ชื่อเต้ เพื่อนผมเอง เป็นหมออีกคนที่คลินิกที่ผมเคยพูดถึงน่ะแหละ”

ภูพิงค์ยกมือไหว้อย่างงงๆ ทำไมต้องมาแนะนำตัวกันกลางโฮมโปรแบบนี้เขาก็ไม่เข้าใจ “สวัสดีครับพี่เต้”

เตชิตยิ้มกว้าง อย่างน้อยมีไอ้เด็กหน้าเถื่อนนี่อยู่ข้างๆ รวินท์ เขาก็สบายใจได้ว่าจะไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนรักของเขาแน่ ปลอดภัยหายห่วง “ผมฝากดูแลไอ้วินหน่อยนะ ไอ้นี่พอมันออกนอกคลินิกแล้วจะสติไม่ค่อยดี ป้ำๆ เป๋อๆ เอ๋อๆ สักหน่อย ฝากเตือนมันให้กินข้าวด้วย แล้วอย่าปล่อยให้เดินโง่ไปหลงที่ไหน เดี๋ยวคนอื่นจะเป็นอันตราย”

“โห ผมเข้าใจ... โอ๊ย พี่วิน!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะตรงที่ถูกทุบ พร้อมกับหันไปหาอีกฝ่าย

รวินท์ต่อว่าใส่โทรศัพท์ “พอแล้วเว้ย ห้างปิดพอดี ดูเด๊ะ ตู้เย็นก็ไม่ได้ซื้อ กูจะไปดูแอร์แล้วโว้ย!”

“เออๆ พรุ่งนี้อย่าลืมมารับด้วยนะ”

“ไม่ลืมหรอกน่ะ สามทุ่มครึ่งใช่มะ” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ

พอเตชิตกดวางสายไป ภูพิงค์ก็พูดโพล่งขึ้น “เมื่อกี้นี่เพื่อนหรือพ่อ...” แล้วรีบยกมือขึ้นปิดปาก เขาปากหมาอีกแล้ว เวรกรรม!

“เพื่อนที่บางทีก็เป็นพ่อไง มันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วแหละ เราไปดูแอร์กันเถอะ”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปเดินดูแอร์กันต่อ แต่ห้างใกล้ปิดแล้ว เด็กหนุ่มจึงสรุปว่ายังไม่ซื้อจะดีกว่า

รวินท์เสียใจนิดหน่อย อยากซื้อให้เสร็จๆ ไป เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่มาช่วยเลือกให้เขาอีก “จริงๆ ซื้อให้มันเรียบร้อยไปเลยก็ได้ รีบๆ ซื้อน่าจะทัน”

“พรุ่งนี้พี่เลิกงานเวลาเดียวกันกับวันนี้เปล่า เอาไว้เราไปดูที่เซนทรัลกันก่อนดีกว่า”

“คุณว่างเหรอ”

“อือ เดี๋ยวผมจะรีบทำการบ้าน ซักผ้าตากผ้าให้เสร็จ แล้วจะไปหาที่คลินิก”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง “โห ใจดีโคตรๆ ขอบใจนะ งั้นผมว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า ผมหิวแล้วอ่ะ กินแม็กกันมั้ย”

“ไปตลาดโต้รุ่งมั้ยพี่ ของกินเจ๋งๆ เพียบ”

“เฮ้ย ไป!” เรื่องกินขอให้บอก รวินท์สู้ตาย

เมื่อตกลงกันได้ รถออดี้สปอร์ตก็เคลื่อนออกจากที่จอดรถในโฮมโปร มุ่งหน้าสู่ตลาดโต้รุ่งช้างเผือกที่อยู่ใกล้ๆ พอได้ที่จอดรถสองหนุ่มก็พุ่งตรงเข้าไปในตลาดซึ่งละลานตาไปด้วยร้านอาหารแผงลอย

ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาปลายจมูก “มื้อนี้ให้ผมเลี้ยงบ้างนะ ถือเป็นการขอโทษละกัน ค่าปากหมาไปหลายที”

“ไม่ต้องหรอก คุณอุตส่าห์เสียเวลามาช่วยผมเลือกซื้อของ ผมจะให้คุณเลี้ยงได้ไง”

“พี่ก็ช่วยให้สัมฯ ผมไง”

“นั่นมันเรื่องเล็กน้อย เอาไว้คราวหน้าจะให้เลี้ยงละกัน ไปๆ กินไรดี เจ้าถิ่นแนะนำหน่อย”

หลังจากเดินวนกันอยู่สองสามรอบ พวกเขาก็นั่งลงกินสุกี้เจ้าดังกัน ตามด้วยลูกชิ้นปิ้งจานใหญ่ แล้วไปปิดท้ายที่ขนมบัวลอย

“อร่อยกว่าที่แถวคลินิกอีก” รวินท์ก้มหน้าก้มตากินมันทุกอย่างที่เด็กหนุ่มแนะนำ พอยัดลงท้องไปจนหนำใจเขาจึงลดสปีดในการกินลง แล้วเปลี่ยนมาพูดคุยกันบ้าง

“บ้านคุณอยู่กรุงเทพฯ เหมือนกันใช่มั้ย”

“ครับ แต่จริงๆ ชื่อภูพิงค์เนี่ย ฟังดูเหนือใช่มั้ยล่ะ เพราะพ่อแม่ผมเป็นคนเหนือ ผมเคยอยู่ที่นี่ตอนเด็กๆ”

“อ่อ ถึงว่า ผมก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเลือกมาเรียนซะไกลบ้านเลย”

“ว่าแต่ผม พี่ก็เลือกมาใช้ทุนซะไกลบ้านเหมือนกันป่ะวะ อุดมการณ์แรงกล้าโคตรๆ”

รวินท์ชะงักกึก สีหน้าเปลี่ยนทันควัน พาลทำให้เด็กหนุ่มเบรกเอี๊ยดไปด้วย

ภูพิงค์ยกมือขึ้นกุมศีรษะ “ผมพูดอะไรไม่ดีอีกแล้วแน่ๆ อะ!”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ พลางหลุบตาลงต่ำ “ผมเป็นหมอที่แย่ว่ะ... ที่จริงผมไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรหรอก ผมเลือกจังหวัดมาใช้ทุนเอามั่วๆ กะว่าให้ใกล้ผู้หญิงคนนึง... ก็เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจเลือกมาที่นี่หรอก”

น่าจะหมายถึงผู้หญิงที่ชื่อขวัญข้าว ที่พี่วินครางหงิงๆ ถึงเมื่อคืนสินะ

เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง เนื่องจากไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องความรักมานาน เขาเคยมีแฟนเหมือนกันนะ สมัยอยู่มอปลายกางเกงน้ำเงิน แต่มันก็หลายปีมาแล้ว ส่วนตอนนี้ก็เถื่อนอย่างกับจะไปแย่งที่คนงานในไร่อ้อย เขาคงไม่ใช่ที่ปรึกษาที่ดีในเรื่องความรักนัก

“ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะใช้ทุนด้วยซ้ำ ห่วงแต่ความสุข ความสบายของตัวเอง”

คนอ่อนวัยกว่าพอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ ตอนนั้นพี่วินคงตั้งใจจะตามแฟนเก่าไปทำงานใกล้ๆ กันเท่านั้น ใจจดจ่ออยู่กับเธอ เพราะงั้นถึงไม่ได้ใส่ใจจะซื้อของเข้าห้องพัก ไม่ได้ใส่ใจตัวเองมาจนถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มรู้สึกผิดหนักเข้าไปอีก เขาพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ หลุบตาลงต่ำ ก่อนจะพูดขึ้น

“ผมว่า นิยามคำว่าหมอที่แย่ คือหมอที่ไม่มีความรับผิดชอบกับคนไข้มากกว่านะ... ผมไม่คิดว่าพี่เป็นหมอที่แย่ คือแบบ จริงอยู่ที่เมื่อคืนพี่เมาแล้วยังเสือกจะตรวจฟันผม ผมก็ด่าในใจไปเยอะเหมือนกัน แต่พอมาคิดๆ ดูอีกที ผมว่านั่นเป็นจิตใต้สำนึกของพี่มากกว่า พี่ห่วงคนไข้เพราะพี่เห็นว่ามันฉุกเฉิน แล้วผมกับเพื่อนก็เล่นใหญ่ซะขนาดนั้น ทั้งที่จริงตอนที่พวกผมไปถึง คลินิกปิดไปแล้ว พี่จะไล่ผมให้ไปทำที่อื่นก็ได้ แต่พี่ก็ไม่ทำ” ภูพิงค์หัวเราะเจื่อนๆ เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นประสานสายตากับคนที่นั่งข้างกัน ใจจริงอยากจะบอกด้วยว่าปกติถ้าไม่ใช่ในประชุมเชียร์ก็ไม่เคยพูดอะไรมีสาระกับใครขนาดนี้ “และผมก็มั่นใจว่าพี่รับผิดชอบคนไข้ ใส่ใจกับคนไข้ของพี่อย่างดี ไม่อย่างนั้นเมื่อเช้า พี่คงไม่ลากผมเข้าไปตรวจฟันอีกรอบ”

เด็กหนุ่มเอื้อมมือออกไปตบไหล่รวินท์เบาๆ “จากที่เคยใส่ใจแค่กับคนไข้ของพี่ พี่ก็ค่อยๆ มองออกไปรอบตัวบ้างทีละเล็กละน้อยสิ อย่างวันนี้พี่ก็คิดเรื่องจะทำห้องพักของพี่ให้มันเป็นที่อยู่คนมากขึ้นแล้ว ผมว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดีออกนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าต้องมานั่งฟังเด็กสอน คงมีแค่อายุของเขาที่แก่กว่า ส่วนใบหน้ากับความคิดของเขาอ่อนวัยกว่าเด็กหนุ่มมากมาย “ขอบใจ”

“พูดดีๆ แบบนี้ไม่ชินเลยว่ะ”

“เออ ผมก็ไม่ชินหูเหมือนกัน”

พวกเขาหัวเราะร่วน รวินท์รู้สึกถูกชะตาและประทับใจในตัวเด็กหนุ่มเอามากๆ เขารู้สึกสบายใจชอบกล ทั้งที่อกหักอย่างแรงมาหมาดๆ ช่างน่าแปลก

ภูพิงค์ยืดแขนออกบิดขี้เกียจ “โอย อิ่มฉิบหาย กลับกันมั้ยพี่”

หากพอคนอ่อนวัยกว่าชวนกลับ หัวใจกลับไหววูบ เขายังไม่พร้อมที่จะอยู่คนเดียว ไม่อยากคิดย้อนกลับไปเรื่องของเขากับขวัญข้าวอีกแล้ว รวินท์ส่ายหน้าไปมา “ยังไม่กลับได้มั้ยอ่ะ”

“หือ? ยังไม่อิ่มอีกเหรอเนี่ย!”

“ไม่ใช่เว้ย คือ... ผมยังไม่อยากกลับอ่ะ เดินเล่นกันต่อเหอะ”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว พลางแสกนดูสีหน้าอีกฝ่าย เขาคว้าแขนชายหนุ่มให้ลุกขึ้น “งั้นผมจะพาไปที่ดีๆ”


*TBC*


โห อย่างยาวเลยเนอะตอนนี้ (หรือว่าฮัสกี้คิดไปเอง 555555)

สองหนุ่มสานสัมพันธ์กันแล้ว น้องพิงค์ได้สอนอะไรพี่วินหลายๆ อย่างด้วย น้องน่ารักจนพี่ลืมเฮิร์ตเลยเน้อออ

ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล อิอิ

แต่... อาทิตย์หน้าฮัสกี้ของดอัปนิยายนะคะ  :hao5: พบกันใหม่หลังงานพิธีค่ะ

ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากค่า พบกันตอนหน้า ฮัสกี้จะพาสองหนุ่มมาปะทะคารมกันต่อน้า~  :mew1:

ออฟไลน์ becrazie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 716
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #188 เมื่อ20-10-2017 08:39:47 »

 :mew1:

ออฟไลน์ idoloveyou555

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #189 เมื่อ20-10-2017 08:47:13 »

ใกล้เข้ามาอีกนิด #พิงค์วิน  :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
« ตอบ #189 เมื่อ: 20-10-2017 08:47:13 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #190 เมื่อ20-10-2017 08:48:21 »

ตอนพิงค์พาพี่วินซื้อหม้อซื้อกะทะนี่เชียร์พิงค์เป็นรับได้เลยนะเนี่ย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #191 เมื่อ20-10-2017 08:50:01 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #192 เมื่อ20-10-2017 08:57:11 »

อยากจะแหมมมมมม ให้ถึงเชียงใหม่  :laugh: ความสนิทสนมนี้

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #193 เมื่อ20-10-2017 09:08:21 »

ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #194 เมื่อ20-10-2017 09:35:16 »

โหยย อย่างยาว พี่วินเริ่มเปลี่ยนตัวเองแล้วสินะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #195 เมื่อ20-10-2017 09:49:49 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #196 เมื่อ20-10-2017 09:50:04 »

แค่พาพี่หมอไปซื้อของแค่นี้เกือบนองเลือดซะแล้ว อะไรจะใจร้อนแบบนี้ค่ะน้องพิงค์

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #197 เมื่อ20-10-2017 10:01:55 »

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #198 เมื่อ20-10-2017 10:10:21 »

ตายแล้วววว เลือกของเข้าบ้านนี่ยังกะเลือกของเข้าเรือนหอออออ อิ้วววว

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #199 เมื่อ20-10-2017 11:15:09 »

อยากอยู่กับน้องต่อก็บอกมาค่าาา //มโนเป็นเริ่ด บอกเลย

ตอนนี้ยาวอย่างจุใจ อ่านกันเพลินน ไม่อยากให้สิ้นสุด 55555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
« ตอบ #199 เมื่อ: 20-10-2017 11:15:09 »





ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #200 เมื่อ20-10-2017 14:21:19 »

ขนาดไปช๊อปปิ้งยังสามารถมีเรื่องได้

ความสามารถส่วนบุคคลจริงๆ :m4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #201 เมื่อ20-10-2017 14:57:25 »

เดทในหนึ่งวัน  :กอด1:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #202 เมื่อ20-10-2017 15:45:33 »

คิดซะว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีนะหมอวิน ลืมผู้หญิงคนนั้นไปซะแล้วหันมามองน้องพิงค์ดีกว่าเน้อออ//เชียร์สุดไรสุด555

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #203 เมื่อ20-10-2017 15:52:07 »

ใกล้กันอีกนิด กัดกันอีกหน่อย55555

ออฟไลน์ Tpicha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #204 เมื่อ20-10-2017 16:15:15 »

พี่หมอเริ่มใส่ใจรอบๆข้างแล้วว มีการไปเลือกซื้อของเข้าห้องไปอีก  :katai2-1:

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #205 เมื่อ20-10-2017 17:51:04 »



ฟินนนนนนนนนนนนนนน

สองหนุ่ม เขาคลิกกันแล้วใช่ไหม . :กอด1:...

ทั้งไปออกเดท ที่ Homepro ไปทานข้าว ตลาดโต้รุ่ง ชิลๆ :mew1:



 ถ้าสัปดาห์หน้าไม่อัพ ..Husky .มาอัพ วันเสาร์นี้เบยนะ   

 อยากรุ้ใจ จะขาดว่า ภูพิงค์จะพาพี่วินไปไหน


 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #206 เมื่อ20-10-2017 19:05:06 »

ใครรุกใครรับหว่าาาาา

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #207 เมื่อ20-10-2017 19:19:13 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ป้าแก่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #208 เมื่อ20-10-2017 19:45:19 »

เขาไปซื้อของเข้าห้องหอกันเหรอ อิอิอิ


 :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
«ตอบ #209 เมื่อ20-10-2017 20:46:47 »

ทำไมเขาสนิทสนมกันได้ไวปานนี้  กะหนุงกะหนิง หยอกล้อกันถึงเนื้อถึงตัว อย่างกับคู่รักเลย  :m1:
ชอบตอนที่อัดคลิป ที่พี่วินมองกล้องแล้วอมยิ้มชี้น้องพิงค์ว่า เขาร้องเพลงเพราะดี ทำไมรู้สึกเหมือนแฟนแซ็วกัน น่ารัก
เนี่ย ไม่ทันไร พี่วินก็อยากอยู่กับน้องพิงค์นาน ๆ ละ อยู่กับน้องแล้วมีความสุขใช่ไหมละ ลืมแฟนเก่าได้ด้วยเนอะ
ชอบการสอนวิธีการใช้ชีวิตให้พี่วินของน้องพิงค์อ่ะ อย่างที่เคยว่า ชอบน้องพิงค์ที่ดูกวน ๆ แต่เป็นคนมีความคิดดีมาก ๆ เลยนะ
นี่ติดใจ พี่วินหน้าอ่อนกว่าน้องพิงค์เหรอ เชียร์น้องพิงค์เป็นเคะน้อย ๆ ของพี่วินน้า เคะน้อยจะหน้าแก่กว่าเมะไม่ได้นะน้องพิงค์
หรือที่พี่วินเห็นน้องหน้าแก่ เพราะหนวดเครามันหลอกตาคะ เดี๋ยวรอน้องโกนหนวดเคราทิ้งก่อนนะ จะเห็นหน้าหวาน ๆ ของน้อง 555
อ่านเรื่องนี้แล้วอยากไปเชียงใหม่เลย ฮือออ ถึงกับไปเปิดหาตลาดช้างเผือก อยากตามไปกินทุกอย่างที่พี่วินน้องพิงค์กิน
รอตอนต่อไปนะคะ คืนนี้ของพวกเขายังอีกยาวไกลเนาะ แล้วพรุ่งนี้ก็ยังไปเดทกันต่ออีก ฟินกันยาว ๆ เลย > <
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด