พิมพ์หน้านี้ - ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: huskyhund ที่ 20-09-2017 16:45:18

หัวข้อ: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 20-09-2017 16:45:18
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


นิยายเรื่องนี้อ้างอิงมหาวิทยาลัยเชิงดอยมานิดหน่อยนะคะ อาจมีบางส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่องและจริตของฮัสกี้เองค่ะ 55555555


สารบัญ

Chapter 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3707500#msg3707500) Chapter 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3708359#msg3708359) Chapter 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3710975#msg3710975) Chapter 4 1/2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3712931#msg3712931) Chapter 4 2/2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3713530#msg3713530) Chapter 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3715692#msg3715692) Chapter 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3717687#msg3717687) Chapter 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3720966#msg3720966) Chapter 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3722993#msg3722993) Chapter 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3727238#msg3727238) Chapter 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3731017#msg3731017) Chapter 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3734190#msg3734190) Chapter 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3737918#msg3737918) Chapter 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3741255#msg3741255) Chapter 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3744694#msg3744694) Chapter 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3746718#msg3746718) Chapter 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3750562#msg3750562) Chapter 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3754154#msg3754154) Chapter 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3758107#msg3758107) Chapter 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3761128#msg3761128) Chapter 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3764448#msg3764448) Chapter 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3768083#msg3768083) Chapter 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3770531#msg3770531) Chapter 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3773525#msg3773525) Chapter 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3776996#msg3776996) Chapter 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3780496#msg3780496) Chapter 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3784192#msg3784192) Chapter 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3786665#msg3786665) Chapter 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3791207#msg3791207) Chapter 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3794169#msg3794169) Chapter 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3797143#msg3797143) Chapter 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3800484#msg3800484) Chapter 32 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3802567#msg3802567) Chapter 33(1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3805144#msg3805144) Chapter 33(2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3805731#msg3805731) Chapter 34 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3809041#msg3809041) Chapter 35 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3810685#msg3810685) Chapter 36 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3812596#msg3812596) Chapter 37 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3813712#msg3813712) Chapter 38 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3816199#msg3816199) Chapter 39 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3818977#msg3818977) Chapter 40 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3820279#msg3820279) Chapter 41 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3822488#msg3822488) Chapter 42 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3824846#msg3824846) Chapter 43 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3827150#msg3827150) Chapter 44 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3829399#msg3829399) Chapter 45 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3832159#msg3832159) Chapter 46 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3838712#msg3838712) Chapter 47 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3841351#msg3841351) Chapter 48 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3844884#msg3844884) Chapter 49 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3846922#msg3846922) Chapter 50 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3849248#msg3849248) Chapter 51 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3851617#msg3851617) Chapter 52 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3854879#msg3854879) Chapter 53 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3858573#msg3858573) Chapter 54 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3861077#msg3861077) Chapter 55 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3865832#msg3865832) Chapter 56 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3868727#msg3868727) Chapter 57 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3872141#msg3872141) Chapter 58 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.msg3877598#msg3877598)



 :mew1: เพจสำหรับอัปเดตนิยายของฮัสกี้ค่ะ -->Facebook (https://www.facebook.com/pages/Husky_novel/1432563496996295?ref=hl)


อ้างถึง
นิยายของฮัสกี้เรื่องอื่นๆ ค่ะ  :กอด1:

Nisreen, the white rose of the desert (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44832.msg2905201#msg2905201)
เงาจันทร์ในม่านหมอก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2931321#msg2931321)
เบลอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45395)
เหนือเมฆ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48008)
แต่กาลก่อน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56263.0)
เดือนอิงดอย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304)


**นิยายทุกเรื่องของฮัสกี้ ไม่อนุญาตให้นำออกจากเล้า และไม่อนุญาตให้ใครนำไปโพสต์ที่บอร์ดอื่นๆ เด็ดขาดค่ะ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 1 : รวินท์ (หมอฟันป้ายแดง)][200917]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 20-09-2017 17:00:51


Chapter 1 : รวินท์


เม็ดฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้ามืดครึ้มตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เฉอะแฉะไปหมด เป็นผลให้รวินท์ ทันตแพทย์หนุ่มที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ ขี้เกียจจะหอบสารร่างออกไปไหน หลังจากตื่นแล้วเขาก็ยังนอนนิ่งๆ รอให้ราขึ้นอยู่บนเตียงภายในหอพักแพทย์สักพักใหญ่ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าหญิงสาวในดวงใจออนไลน์อยู่ในเฟซบุ๊กก็รีบกดส่งข้อความไปหา

ชายหนุ่มยิ้มหน้าบาน ขณะพิมพ์ข้อความส่งไปรัวๆ หากคนที่อยู่ปลายทางอ่านแล้วก็ไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งนั้น

บางทีเธออาจคิดอยู่ว่าจะพิมพ์อะไร


จุ๊...จุ๊...


รวินท์เงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียง แล้วบ่นใส่จิ้งจกสองตัวประจำห้องของเขา “พวกมึงอย่าทักสิวะ”

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีข้อความใดๆ ตอบกลับมา ก่อนเธอจะออฟไลน์ไป

รอยยิ้มของเขาจางหายไปทีละน้อย นั่งนิ่งอยู่อีกสักพักจึงถอนหายใจหนักๆ โยนโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้บนเตียงแล้วเดินโซซัดโซเซเข้าครัว

ทันตแพทย์หนุ่มยืนนิ่งอยู่ที่หน้าเตาแก๊สที่มีคราบน้ำมันเกรอะกรัง สีดำและเหนียวหนึบ ตั้งแต่เขาย้ายเข้ามาที่ห้องพักแพทย์ห้องนี้ก็ยังไม่เคยแตะมันเลย ไม่รู้ว่าใช้งานได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ เจ้าของคนเก่าของห้องอาจจะทิ้งมันไว้เป็นอนุสรณ์เพื่อหลอนคนรุ่นหลัง
เสียงท้องร้องดังโครกครากครั้งแล้วครั้งเล่า จนเขาต้องยกมือขึ้นกุมท้องไว้

“เอาไงดีวะ กินมาม่าอีกแล้วเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มพึมพำพลางยกมือขึ้นเกาศีรษะ สายตาหยุดอยู่ที่กระติกต้มน้ำร้อนโปเกซึ่งเป็นเครื่องครัวเพียงอย่างเดียวที่เขาเคยใช้งาน เขาเอื้อมมือไปเปิดตู้เหนืออ่างล้างจานแล้วควานหาบะหมี่สำเร็จรูปที่ซื้อตุนไว้

“อ้าว ฉิบหาย มาม่าหมด” พอคิดว่าจะกินหมูหยองหมูแผ่นที่มีไปพลางๆ ในตู้ก็เหลือแต่ซากถุงพลาสติกเท่านั้น เขาส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ “สงสัยต้องเดินไปซื้อที่เซเว่นในโรงบาล หรือจะขับรถไปบิ๊กซีดีวะเนี่ย โธ่โว้ย! คนยิ่งขี้เกียจอยู่”

ครั้นจะชวนเพื่อนไป... อากาศน่านอนแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่ามันอัญเชิญตัวเองออกจากที่นอนได้หรือยัง

รวินท์หันหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง ยิ่งเมื่อเห็นฝนยังกระหน่ำเทลงมาจนมองไม่เห็นอะไร เขาก็ยิ่งถอดใจ นอนหิวต่อไปอีกสักพักรอให้ฝนซาหน่อยก็แล้วกัน

หลังจากตัดสินใจได้ก็เดินไปล้มตัวลงนอนบนที่นอนเช่นเดิม

อา... นี่หรือชะตากรรมทันตแพทย์ใช้ทุนอย่างเขา

“หิวโว้ยยย~”


จุ๊... จุ๊...


รวินท์แหงนหน้าขึ้นมองจิ้งจกสองตัวเดิมบนเพดานอย่างเคียดแค้น “มันน่าจับแดกนัก”

แรกๆ เขาก็ไม่ค่อยชอบจิ้งจกนักหรอก แต่ไหนๆ ก็ต้องอยู่ร่วมกันแล้ว เขาคงต้องปล่อยเลยตามเลย ตอนนี้นึกแปลกใจมากกว่าที่พวกมันอยู่ห้องเขาได้โดยไม่อดตาย ในเมื่อห้องเขากันดารเสียขนาดนี้ อาหารอะไรก็ไม่เคยให้ แมลงยังไม่ค่อยจะบินผ่านเลยด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มมาใช้ทุนที่โรงพยาบาลลำพูนได้สักพักแล้ว และเขาก็เพิ่งสัมผัสได้ว่าเมืองลำพูนไม่ได้เป็นอย่างที่คาดไว้เลยสักนิด เขาคิดว่าอยู่อำเภอเมืองแล้วจะคึกคักไม่ต่างกับกรุงเทพฯ แต่ที่ไหนได้ นอกเหนือจากในโรงพยาบาลแล้ว ที่อื่นก็เงียบกริบ ผู้คนโหรงเหรงแม้กระทั่งในห้าง ถ้าที่นี่ไม่มีไอ้เต้เพื่อนรักกับพี่สิงหาซึ่งเป็นรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยเดียวกันอยู่ล่ะก็ เขาคงทั้งเหงาทั้งเฉาจนขาดใจตาย


รวินท์ กิจโสภณ อายุยี่สิบสี่ปี เป็นทันตแพทย์จบใหม่จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ ชายหนุ่มจัดว่าเป็นคนที่มีหน้าตาโคตรดี โดดเด่นทั้งในระยะใกล้ไกล ดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์สีน้ำตาลอ่อน ผมเส้นเล็กบางสีน้ำตาลนุ่มนิ่มราวกับขนแมว เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวออร่าคล้ายกลืนหลอดนีออนเข้าไป เวลายืนนิ่งๆ ก็ว่าหล่อมากแล้ว แต่พอยิ้มโชว์ฟันขาวเรียงตัวสวยก็ยิ่งทั้งหล่อและน่ารัก แถมฐานะทางบ้านค่อนข้างดี ส่งเสริมให้ชายหนุ่มดูดีมากยิ่งขึ้นไปอีก เขาเป็นเหมือนเดือนเต็มดวงที่ส่องแสงเด่นชัดบนท้องฟ้า ซึ่งดึงดูดความสนใจของคนทั่วไปได้เสมอ

เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาเขาเป็นคนดังประจำมหาวิทยาลัย ใครๆ ก็รู้จัก ทั้งที่ไม่ได้เป็นเดือน เป็นลีดคณะหรือลีดมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด หากแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่เขาหนีรุ่นพี่ไม่ทัน โดนจับไปถือธงมหาวิทยาลัยในงานฟุตบอลประเพณี ขนาดใส่ชุดนักศึกษาธรรมดายังกลายเป็นจุดสนใจ แจ้งเกิดได้ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องและศิษย์เก่าในสนามลืมบรรดาลีดมหาวิทยาลัยไปเลยทีเดียว

ตั้งแต่ครั้งนั้นมา รวินท์ก็กลายเป็นนายแบบประจำคณะไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายโฆษณาโปรโมตอะไรจะมีรูปเขาเป็นพรีเซนเตอร์อยู่เสมอ ตั้งแต่คลิปวิดีโอสอนแปรงฟัน สอนใช้ไหมขัดฟัน ชักชวนน้องๆ มัธยมให้มาสนใจเข้าเรียนทันตแพทย์ ยาวไปถึงงานวิชาการและอื่นๆ อีกมากมาย บางครั้งก็โดนเรียกให้ไปเป็นนายแบบจำเป็นให้มหาวิทยาลัยด้วย รับจ๊อบแบบเหมาอยู่คนเดียวยาวตลอดหกปีที่เรียนนั่นล่ะ

เสียเวลา เงินก็ไม่ได้ แต่คนมันเกิดมาหล่อ จะทำอย่างไรได้

ชายหนุ่มจัดอยู่ในกลุ่มพวกมีมันสมองดี แต่รักสบายล้ำหน้าทุกสิ่ง ส่วนความขี้เกียจไม่ต้องพูดถึง บางครั้งเขาก็ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะเลือกเรียนทันตแพทย์ตามที่บ้านให้มันเหนื่อยทำไม แต่ในเมื่อเลือกแล้วก็ต้องเรียนให้ดีและเรียนให้จบ ความตั้งใจของเขามีแค่เฉพาะเวลาเรียน ขึ้นคลินิกและตอนใกล้สอบเท่านั้น ส่วนเวลานอกเหนือจากนั้น เขาทุ่มเทให้กับการนอนเป็นอันดับแรก

แต่รวินท์จะจริงจังมากเรื่องการดูแลรักษาคนไข้ เพราะนั่นเป็นชีวิตของคนอื่นซึ่งเขาจะต้องรับผิดชอบ ไอ้เรื่องชิลๆ น่ะ เขาจะชิลๆ กับตัวเองเท่านั้น และก็คงเพราะมันอยู่ในดีเอนเอของเขาด้วยนั่นล่ะ เนื่องจากทั้งบ้าน บิดามารดา พี่ชายพี่สาวต่างก็เป็นทันตแพทย์ด้วยกันทั้งนั้น

ถึงแม้รวินท์จะได้ชื่อว่าฮ็อตยิ่งกว่าอากาศในเดือนเมษายนของประเทศไทย มีหญิงสาวและอาจจะชายหนุ่มอีกมากมายอยากจะคบหาเป็นแฟนด้วย แต่หญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนจริงๆ กลับมีเพียงคนเดียวเท่านั้น

ขวัญข้าวเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาจัดว่าแบ๊วค่อนข้างมาก แต่บุคลิคตรงข้ามสุดๆ เธอมีความเป็นผู้นำและความรับผิดชอบสูงมาก เป็นที่รักของรุ่นพี่และอาจารย์ แล้วยังเป็นที่เคารพของรุ่นน้อง นอกจากนั้นยังมีสไตล์การใช้ชีวิตต่างกับเขาราวกับฟ้าเหว เธอเรียนแพทย์รุ่นเดียวกันในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เป็นประธานรุ่น จริงจังไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง ยกเว้นกับแฟน สำหรับเธอการเรียนต้องมาที่หนึ่ง กิจกรรมเพื่อสังคมมาที่สอง ส่วนแฟนกับครอบครัวนั้นมาเป็นอันดับสาม 

รวินท์และขวัญข้าวคบหากันมาตั้งแต่ตอนที่ทั้งสองอยู่ปีสอง ฝ่ายที่งอแงจนเกือบต้องเลิกกันอยู่หลายหนก็มีแต่รวินท์นั่นล่ะ เพราะว่าเธอไม่ค่อยจะมีเวลาไปเดต ไปกินข้าว ไปดูหนัง หรือไปเที่ยวกับเขาเลย ไอ้ตอนปีสามปีสี่ก็ยังพอมีเวลาให้กันบ้าง แต่พอขึ้นปีห้าปีหก ต่างคนต่างเรียนหนัก นานๆ ถึงจะได้เจอกันสักครั้ง จนบางทีเขาแทบจะลืมหน้าแฟนตัวเองไปแล้ว

ในช่วงที่ห่างกัน รวินท์ก็มีแอบเกเรไปกิ๊กกับผู้หญิงคนอื่นอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ซมซานกลับไปตายรังนั่นล่ะ เพราะสำหรับเขา ขวัญข้าวเป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด มีความสุขที่สุด อนาคตแม่ของลูกเขาแบบที่เคยวาดฝันไว้เลยทีเดียว


ทว่าในเทอมสุดท้ายก่อนเรียนจบ จู่ๆ หญิงสาวก็โทรศัพท์มาเรียกเขาให้ออกไปพบที่ใต้หอพักของเธอกลางดึก เขายังจำสีหน้านิ่งราวกับฉาบไว้ด้วยปูนในวันนั้นได้แม่น

“วิน ตกลงว่าจะเลือกไปใช้ทุนที่ไหน ขวัญถามวินหลายทีแล้วนะ”

“ก็ขวัญยังไม่บอกผมเลย ขวัญจะไปที่ไหนผมก็จะไปที่นั่นแหละ”

ขวัญข้าวถอนหายใจยาว “วินคิดว่าเราจะจับฉลากไปที่โรงบาลเดียวกันได้ง่ายๆ งั้นเหรอ”

“เราก็เลือกโรงบาลที่มีโควตาทั้งหมอและหมอฟันเยอะๆ สิ”

“ขวัญมีโรงบาลในใจแล้ว... แต่ปีนี้ที่นั่นไม่มีโควตาหมอฟัน”

“ถ้างั้นผมก็ไม่จับฉลากหรอก เดี๋ยวจ่ายเงินแทนใช้ทุนเอา แล้วค่อยไปหาคลินิกแถวโรงบาลขวัญทำงานก็ได้” รวินท์เอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้ “ผมไม่อยากอยู่ห่างขวัญอ่ะ”

หญิงสาวลดสายตาลงมองมือชายหนุ่ม แววตาของเธอสั่นไหว ขณะที่ค่อยๆ ดึงมือออกจากการเกาะกุม

“ขวัญ?”

“ขวัญว่า... เราเลิกกันเถอะวิน”

“ฮะ!? เดี๋ยวๆ ผมทำอะไรผิดเนี่ย!” ทันตแพทย์หนุ่มถลาเข้าไปคุกเข่าลงตรงข้างม้านั่งที่เธอนั่งอยู่ พร้อมกับคว้ามือเธอกลับมากุมไว้แน่น “เกิดอะไรขึ้น ผมไม่เข้าใจ”

“วินไม่เคยจริงจังกับอะไรเลย รู้ตัวบ้างมั้ย”

“ผมจริงจังกับขวัญไง ยังไม่พออีกเหรอ”

“จริงจัง? วินเคยเข้าใจความหมายของคำว่าจริงจังด้วยเหรอ” หญิงสาวพูดเสียงขึ้นจมูก

“หมายความว่ายังไงน่ะขวัญ ผมคบกับขวัญมาห้าปี นี่ยังไม่เรียกจริงจังอีกเหรอ”

ขวัญข้าวส่ายหน้าไปมา เธอยังเลี่ยงที่จะสบสายตากับเขาอยู่ “เราไปกันไม่รอดหรอกวิน... ขวัญกับวินน่ะ เราแตกต่างกันมากเกินไป”

“แตกต่างอะไร เราคบกันมาห้าปีแล้วนะขวัญ ถ้าจะไม่รอด มันก็ไม่รอดมาตั้งนานแล้วมั้ย” รวินท์พูดเสียงเข้ม “หรือขวัญมีคนอื่น?”

“ถามตัวเองดีกว่ามั้ย วินคิดว่าขวัญไม่รู้เหรอ ในระหว่างที่เราคบกันมา วินนอกใจขวัญไปกี่ครั้งแล้ว”

ทันตแพทย์หนุ่มหน้าซีดเผือด ครั้งนี้เถียงไม่ออก เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ

“สำหรับวิน ไม่จำเป็นต้องเป็นขวัญก็ได้”

“ไม่จริง” รวินท์พูดเสียงอ่อย “ผมยอมรับว่าผมเคยนอกใจขวัญ แต่ผมก็กลับมาหาขวัญทุกครั้งไม่ใช่เหรอ ผมขอโทษที่ทำให้ขวัญโกรธและเสียใจ ถ้านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ขวัญจะเลิกกับผม ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ขวัญสำคัญสำหรับผมมากนะ” เขาทำหน้าอ้อน จ้องมองตาเธอในแบบที่ทำให้สาวๆ และหนุ่มๆ ทุกคนใจอ่อนได้เสมอ

หากคราวนี้ใช่ไม่ได้ผล...

“แต่ขวัญสำคัญสำหรับวิน... เหมือนกับที่ทุกคนสำคัญสำหรับวิน”

“ขวัญหมายความว่ายังไง? ผมไม่เข้าใจ”

หญิงสาวมองลึกเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม พลางถอนหายใจ “ขวัญไม่อยากเป็นเหมือนทุกคนของวิน”

รวินท์นิ่งอึ้ง งุนงงหนักเข้าไปอีก เขาไม่แน่ใจว่าเธอพูดจาวกวน หรือเขาโง่กันแน่ “แต่... แต่ผมต้องการขวัญ... ไม่มีขวัญผมจะอยู่ได้ยังไงกัน”

“วินก็อยู่มาตั้งแต่เกิดได้โดยไม่มีขวัญไม่ใช่เหรอ ตอนขวัญขึ้นวอร์ด วินก็อยู่ได้สบายๆ นี่” ขวัญข้าวยิ้มบาง หากดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอ “อีกอย่าง... ยังมีคนที่ต้องการขวัญจริงๆ แล้วก็ยังมีอีกหลายๆ คนที่ต้องการวิน”

“ขวัญฟังผมนะ ผมจะปรับปรุงตัวตามที่ขวัญต้องการทุกอย่าง... ขอแค่ขวัญบอกผม”

“ขวัญอยากให้วินจริงจังกับตัวเอง กับหน้าที่ กับชีวิต และใส่ใจคนรอบข้างบ้าง”

ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก “ตกลง ผมจะปรับปรุงตัวตามที่ขวัญบอก ผมสัญญา เพราะงั้น... ให้โอกาสผมนะ”

หญิงสาวไม่ตอบคำถามของเขา เธอเบือนหน้าหนีไปอีกทาง “ขวัญเลือกโควตาไปโรงบาลที่เชียงราย”

“ถ้างั้นผมก็จะไปเชียงราย”

“....”

“ไปใกล้ๆ เชียงรายก็ได้ ยังไงผมก็ขับรถไปหาขวัญได้”

ขวัญข้าวลุกขึ้นแล้วหันหลังเดินออกไป

“ไม่สิ! ผมจะจับฉลาก! ได้ที่ไหนก็เอาที่นั่น!”

ครั้งนี้หญิงสาวหยุดกึก หากเธอก็ไม่ได้หันหน้ากลับไปหาอีกฝ่าย เธอกำมือแน่นแล้วสาวเท้าเดินจากไป


หลังจากวันนั้นมา ไม่ว่ารวินท์จะพยายามติดต่อเธอหรือมารอพบเธอ หลายครั้งหลายหนแล้วก็ยังไม่เป็นผล เขาเพียรพยายามส่งข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือ แต่เธอก็ไม่เปิดอ่านเลย

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนที่เพอร์เฟ็กต์อย่างเขาจะอกหัก รวินท์เสียศูนย์ไปไม่น้อย หากก็ยังโชคดีที่มีเพื่อนรักคอยช่วยพยุงอาการของเขาไว้


เต้ หรือเตชิต เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่ชั้นมัธยมปลายจนจบปีหกของรวินท์ คบหากันมานานจนรู้ใจกันดี หลังจากรวินท์อกหัก ก็ได้เตชิตนี่แหละ ช่วยปลอบใจและเป็นที่ปรึกษาให้

เตชิตเป็นลีดมหาวิทยาลัย ปีเดียวกันกับที่รวินท์โดนจับไปถือธงนั่นล่ะ วิบากกรรมของเขาเริ่มจากการคัดเลือกลีดคณะ ซึ่งเดิมทีทั้งตัวเขาและรวินท์เป็นตัวเต็ง ไอ้ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจจะเป็นลีดสักเท่าไหร่หรอก แต่พอถึงวันคัดเลือก รวินท์... เรียกไอ้วินเถอะ มันชิงผลักเขาเข้าใส่รุ่นพี่ที่มาตามตัว วิ่งหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว แล้วปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ตามยถากรรม

แต่เตชิตคิดว่า ไหนๆ เขาก็ได้เป็นลีดคณะแล้ว กะจะขอแจ้งเกิดในงานฟุตบอลประเพณีสักหน่อย อุตส่าห์ไปคัดตัวเป็นลีดมหาลัยแล้วดันฟลุ๊กได้ซะด้วย แต่ที่ไหนได้ พอถึงวันงานไอ้วินมันเสือกชิงเขาเกิดไปเสียอย่างนั้น กรรมที่ทำไว้กับมันในชาติก่อนคงมีมากโข

หากก็ว่าใครไม่ได้ นอกจากตัวเองนี่แหละ เพราะไอ้ตอนที่พวกรุ่นพี่เขาเตรียมหาคนถือธง ถือลูกบอล จัดขบวนพาเหรดเข้าสนามกัน เขาสมหัวร่วมคิดกับพี่ๆ เสนอให้จับไอ้วินมาถือธงมหาวิทยาลัย เขาทำเป็นชวนมันมานั่งดูเขาซ้อมลีดโดยใช้สาวๆ เป็นตัวล่อ แล้วเอาเนกไทมัดขามันไว้กับเก้าอี้ ครั้งนี้มันเลยหนีไม่รอด ถูกรุ่นพี่รุมโทรมจนต้องตบปากรับคำ


เตชิตยกมือขึ้นลูบศีรษะเพื่อน ทำหน้าเอ็นดูไปตามหน้าที่เพื่อนที่แสนดี หลังจากนั่งฟังรวินท์ครางหงุงหงิงมาพักใหญ่ “มันก็ยังไม่แน่ป่ะวะว่ามึงอกหักอะ ขวัญก็ดูเหมือนจะให้โอกาสมึงไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็ยังไม่ได้บล็อกเฟซหรือเบอร์มือถือมึงนะเว้ย”

“แต่ไม่ตอบข้อความ ไม่ยอมเจอกู ไม่รับโทรศัพท์กู มึงไม่เรียกว่าอกหัก แล้วเรียกว่าอะไรวะ”

“เรียกโดนเท...” พอพูดจบเห็นหน้าตาที่เหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้วก็สงสาร เตชิตจึงดึงเพื่อนรักเข้ามากอด “โอ๋ๆ มึงก็ปรับปรุงตัว ฮึดสู้หน่อยเด๊”

“กูก็ทำทุกอย่างแล้วนี่ไงวะ นี่กูไปอ้อนอาจารย์ที่ปรึกษาขวัญถามเรื่องโควตาโรงบาลที่ขวัญเลือก มึงรู้มั้ยว่าอาจารย์บอกว่าขวัญเลือกไปโรงบาลไกลที่สุดตีน เหนือสุด เงียบสุด โอกาสจะได้ก็มีเยอะด้วย แต่อาจารย์ก็บอกว่า ถ้ากูคิดจะไปโรงบาลเดียวกับขวัญ หรือหาคลินิกแถวนั้นทำก็ให้ลืมไปได้เลย เพราะโรงบาลที่ขวัญเลือกปีนี้ไม่มีโควตาหมอฟัน แล้วคลินิกหมอฟันก็หายากมากด้วย คนแถบนั้นมักจะเข้าเมืองใหญ่ๆ ไปทำนู่น มึงดูสิ ห่างกันแบบนี้กูจะเอาอะไรไปพิสูจน์ว่ากูปรับปรุงตัวเองแล้ววะ”

“เออ ก็สมเป็นขวัญดีว่ะ”

“กูไม่ได้ให้มึงชมขวัญ กูให้มึงช่วยกูคิด กูจะทำไงดีวะ”

“มันไม่จำเป็นว่ามึงต้องไปป้วนเปี้ยนรอบตัวเขาเพื่อพิสูจน์ตัวเองป่ะวะ มึงเป็นหมอนะไอ้เหี้ย คิดอะไรให้เหมือนหมอหน่อย”

“กูเป็นหมอฟัน”

“เออ กูก็เป็นหมอฟันเหมือนมึงนี่แหละ หมอฟัน เขาหมายถึงหมอที่ทำฟันให้คนไข้ ไม่ใช่หมอที่ฟันไปทั่วอย่างมึง รู้ตัวบ้างเปล่าวะ”

“รู้ กูอาจจะเหี้ย แต่ไม่ได้โง่เว้ย แล้วกูก็ไม่ได้ฟันไปทั่ว กูก็เลือกมะ”

เตชิตกลอกตาไปมา “เอางี้ กูกับมึง เลือกไปโรงบาลทางเหนือที่มีโควตาหมอฟันเยอะหน่อย จะได้อยู่ไม่ไกลขวัญนัก ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งไปวอแวเขามาก ให้เวลาเขาตกตะกอนความคิดสักหน่อย แล้วกูจะช่วยมึงหาทางส่งข่าวให้ขวัญอีกที แบบนี้มึงจะได้ดูมีจิตวิญญาณหมอขึ้นมาอีกจึ๋งนึง เผื่อขวัญจะได้มองมึงดีขึ้น”

“มันจะช่วยได้จริงๆ เหรอวะ” นาทีนั้นรวินท์คิดหนัก เพราะไม่อยากไปอยู่ต่างจังหวัดสักเท่าไหร่ ไปอยู่ตัวคนเดียวไม่ลำบากแย่เหรอวะ ถึงจะมีไอ้เต้ไปด้วย ก็ใช่ว่ามันจะซักผ้ารีดผ้าให้เขาไหม ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรเองเสียด้วย เพราะที่บ้านมีคนเยอะ และเขาก็เป็นลูกคนสุดท้อง จึงมีทุกคนคอยดูแลอยู่ตลอด

“ต่างจังหวัดมันก็ไม่ได้ต่างจากกรุงเทพฯ มากมายหรอกมึง ตอนกูไปเที่ยวเชียงใหม่กับที่บ้าน ก็เห็นมีโรงหนังหรูๆ มีสตาร์บัคส์ มีที่โยนโบลว์ มีร้านอาหารนานาชาติแบบพรีเมียม กลางคืนก็มีที่เที่ยวมากมายมหาศาล แต่เพิ่มเติมจากกรุงเทพฯ คือมีวิวสวยๆ มีภูเขามีน้ำตกให้เที่ยวใกล้ๆ ไม่เชื่อมึงเปิดแผนที่ประเทศไทยดูเลย ทางเหนือภูเขากับน้ำตกเยอะยิ่งกว่าปั๊มน้ำมันที่กรุงเทพฯ อีก มึงคิดภาพดิ ทำงานแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นภูเขา เห็นทุ่ง โอ้โห... ที่ทำงานในฝันเลยนะมึง”

“อือ ก็จริง ถึงกูจะไม่ได้ฝันเหมือนมึงก็เหอะ แต่...จังหวัดที่กูกับมึงเลือก จะเหมือนเชียงใหม่เหรอวะ”

“จังหวัดไหนก็เหมือนๆ กันแหละ มึงก็เคยไปหัวหิน พัทยา ภูเก็ต หาดใหญ่นี่ ก็มีอย่างที่กูพูดเหมือนกันมะ แถมมึงก็ไม่ได้อยู่คนเดียว มีกูอยู่ด้วยไง”

รวินท์พยักหน้าหงึกๆ “ก็ใช่”

“เพื่อความรักของมึง ทุ่มเทหน่อยเว้ย”

“เออ เอาไงเอากันวะ” เขาตอบเสียงอ่อย

หลังจากหลับตาจิ้มเลือกโรงพยาบาลกับเพื่อนรักอยู่หลายที พวกเขาก็เลือกที่จะไปที่โรงพยาบาลลำพูน เพราะโรงพยาบาลอยู่ในอำเภอเมือง ที่นั่นคงไม่ต่างกับกรุงเทพฯ มากนัก ชื่อเมืองก็เพราะดี แถมอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มากด้วย อันที่จริงพวกเขาก็ไม่เคยไปลำพูนหรอก ในเมืองนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ แต่มีรุ่นพี่ใช้ทุนอยู่ที่นั่นหนึ่งคน รวมเขากับไอ้เตชิตก็เป็นสาม อย่างน้อยก็มีพวก คงไม่น่าเบื่ออะไร

โควตาโรงพยาบาลลำพูนเปิดรับทันตแพทย์สามคน มีทันตแพทย์เลือกไปใช้ทุนที่นั่นเพียงสองคน คือรวินท์กับเตชิตนั่นล่ะ พวกเขาจึงได้ไปลำพูนตามที่เลือกไว้โดยไม่ต้องจับฉลากลุ้นให้เหนื่อย

เมื่อมีการประกาศผลโรงพยาบาลที่เหล่าทันตแพทย์มือใหม่จะไปใช้ทุนอย่างเป็นทางการ รวินท์รีบส่งข้อความไปบอกกับขวัญข้าวทันที ซึ่งครั้งนี้ เธอเปิดอ่านข้อความและตอบกลับมาสั้นๆ ว่า

“ขอให้มีช่วงเวลาดีๆ ที่นั่นนะ”

รวินท์ยิ้มกว้าง เขาคิดว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว เพราะอย่างน้อย เธอก็ยอมอ่านข้อความและตอบกลับ อีกไม่นานก็คงใจอ่อน ยอมกลับมาคืนดีกับเขา

“จะว่าไป มึงยอมไปใช้ทุนกูก็ว่าแปลกมากแล้ว แต่ที่บ้านมึงยอมให้ไปด้วยนี่แปลกกว่า เป็นไปได้ไงวะเนี่ย กูละงง” เตชิตงงหนักยิ่งกว่า เมื่อเห็นว่าที่บ้านของเพื่อนรักสุดคุณชายยอมให้ไปใช้ทุนที่ต่างจังหวัดจริงๆ

“มึงก็รู้ พ่อแม่พี่กูก็หมอฟันป่ะ ทุกคนก็ใช้ทุนเหมือนกัน แล้วทำไมจะไม่ให้กูไปใช้ทุนวะ”

“เออ ก็เห็นมึงลูกคนเล็ก ที่บ้านอาจจะหวง”

“กูว่าเพราะคนเล็กนี่แหละว่ะ เลยปล่อย”

“โถ พ่อแม่กับพี่ๆ มึงโอ๋มึงจะตายห่า เห็นประคบประหงมกันจะตาย แต่ตอนนี้มึงก็อายุมากแล้วนี่นะ คงอยากให้ลูกแหง่หย่านมแหละว่ะ”

“ลูกแหง่พ่องส์” รวินท์ยกขาถีบเพื่อนรักไปหนึ่งที

เตชิตหัวเราะร่วน แต่เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ นะ ไอ้วินน่ะ เป็นคุณชายเสียจนเคยตัว มันไม่ซีเรียสกับอะไรสักอย่างในชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างมันได้มาง่ายๆ บางทีไม่ทันได้อ้าปาก แค่ชำเลืองมองทุกคนก็หาประเคนใส่พานมาให้มันแล้ว จีบผู้หญิงมันยังไม่เคยต้องจีบเองเลย ขนาดตอนที่พวกเขาเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ คนอื่นวิ่งวุ่นหาเคสกันแทบตาย แต่ไอ้วินน่ะ มีคนไข้มาต่อคิวรอให้เลือกเลย ชีวิตของมันสบายขนาดนั้น พ่อแม่ของมันก็คงอยากให้มันโตเป็นผู้ใหญ่บ้าง เลยยอมให้ไปอยู่ต่างจังหวัดตามลำพัง


(มีต่อนะคะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 1 : รวินท์ (หมอฟันป้ายแดง)][200917]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 20-09-2017 17:01:20


ดังนั้นหลังเรียนจบ ทันตแพทย์ป้ายแดงทั้งสองจึงเก็บผ้าผ่อนเดินทางไปยังโรงพยาบาลซึ่งเป็นที่หมาย  บิดามารดาของรวินท์มาส่งเขาถึงหน้าหอพักโดยที่ไม่ให้พี่ชายและพี่สาวของเขาตามมาด้วย เพราะทั้งสองไม่เห็นด้วยกับการส่งรวินท์ไปทำงานที่ไกลๆ เมื่อบอกลากันเสร็จ บิดามารดาของรวินท์ก็โบกมือลาบ๊ายบายแล้วก็ปล่อยบุตรชายคนเล็กไปตามเวรตามกรรม ส่วนพวกเขาก็ไปเที่ยวเชียงใหม่กันต่อ

โรงพยาบาลลำพูนไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่ก็ดูสะอาดสะอ้าน มีตึกเก่าๆ ด้านหลังโรงพยาบาลเป็นหอพักแพทย์ซึ่งให้พักได้ห้องละคน ภายในห้องกว้างขวาง มีห้องนอน ห้องครัว ห้องอาบน้ำและห้องนั่งเล่นให้พร้อม เตชิตได้ห้องพักที่ชั้นห้า ส่วนห้องของรวินท์อยู่ที่ชั้นสาม ในห้องนอนของรวินท์มีพัดลมโปเกบนผนังหนึ่งเครื่อง ซึ่งเปิดทีเสียงดังกระหึ่มขึ้นไปถึงห้องของเตชิตที่ชั้นห้า ส่ายคอเหมือนจะร่วงลงมาอยู่รอมร่อ แถมแรงลมเบายิ่งกว่าตดมดเสียอีก ตรงมุมห้องข้างหน้าต่างมีตู้เสื้อผ้าแบบผ้าใบพลาสติกที่รูดซิปไม่ขึ้น เปิดค้างไว้อ้าซ่า ภายในตู้มีไม้แขวนเสื้อพังๆ สองสามอัน กลางห้องมีเตียงไม้เก่าๆ เป็นเฟอร์นิเจอร์แถมให้ด้วย ส่วนในห้องครัวมีเตาแก๊สกับถังแก๊สเก่าที่แพทย์คนเดิมทิ้งไว้ นอกจากนั้นในห้องอื่นๆ ก็โล่งว่าง แม้แต่ผ้าม่านยังไม่มีให้ มีอย่างเดียวที่พอดูได้ก็คือกระเบื้องสีขาวที่ปูพื้นห้อง ถึงแม้จะเก่ามีรอยขีดข่วนมากมายก็ตามที

พอได้เห็นห้องพักครั้งแรกทันตแพทย์มือใหม่สองคนก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่ป้าแม่บ้านอุตส่าห์ทำความสะอาดไว้ให้เป็นอย่างดี พวกเขาจึงไม่พูดอะไรมากนัก ได้แค่ส่งสายตาปลอบใจกันเองไปมา

เมื่อขนกระเป๋าเข้าห้องแล้ว สองหนุ่มจึงต้องออกไปหาซื้อของเข้าห้องพักกันต่อ พวกเขานำรถส่วนตัวจากกรุงเทพฯ มาใช้งานด้วย รถของรวินท์เป็นออดี้สปอร์ตสองประตูซึ่งบิดาให้บริษัทขนส่งจัดการนำมาส่งให้ถึงหน้าหอพัก ส่วนของเตชิตเป็นฮอนด้า CR-V ดังนั้นเมื่อจะไปซื้อของจำนวนมากกัน รวินท์ผู้ซึ่งเอารถมาใช้แบบไม่ได้คิดหน้าคิดหลังอะไรเลยจึงต้องอาศัยรถเพื่อนไปแทน

ระหว่างทางที่รถแล่นผ่านไปช้าๆ รวินท์เกาะกระจกรถมองสองข้างทางที่ดูสงบ บ้านแต่ละหลังปิดเงียบเชียบ มีต้นไม้ร่มรื่นเขียวขจี มองเห็นภูเขาอยู่ไกลๆ ลำพูนก็เป็นเมืองที่สวยดี แต่ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้สักเท่าไหร่ “ไอ้เต้ กูว่าต่างจังหวัดไม่ได้เหมือนกันไปหมดทุกจังหวัดหรอกว่ะ”

“มึงเพิ่งรู้ตัวเหรอวะ กูฉุกใจตั้งแต่ตอนมาถึงแล้ว ที่นี่เงียบกว่าที่กูคิดไว้เยอะเลย”

“แต่อย่างน้อยก็มีห้างอยู่ใกล้ๆ โรงบาลด้วยนะมึง” เขาพูดปลอบใจตัวเองและเพื่อน มาถึงขนาดนี้พวกเขาก็หันหลังกลับไม่ได้แล้วล่ะ

รวินท์พยายามแต่งตัวบ้านๆ เพื่อไม่ให้ดูเด่นมากนัก แค่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีน เข็มขัดและกระเป๋าสตางค์ลายพื้นๆ แต่ราคารวมกันเหยียบแสนที่พี่ๆ ขนซื้อไว้ให้ ซึ่งที่จริงเขายังไม่เคยรู้ราคาของสิ่งของเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ ชีวิตของรวินท์น่ะ เคยจ่ายเองก็มีแค่ค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ ค่าโยนโบว์แล้วก็ค่าตั๋วหนังเท่านั่นละ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้บัตรเครดิตของที่บ้านรูดไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก

หากด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาระดับคนดังของมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่มาแบบแพ็กคู่แล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องมองทั้งนั้น จ้องกันจนเหลียวหลัง ชนิดที่ว่า ขนาดเขาคิดว่าตัวเองชินกับการถูกมองแล้วยังรู้สึกแปลกๆ

“ไอ้เต้ กูว่ารีบซื้อรีบกลับเหอะว่ะ”

“กลัวเขาเข้ามาจับตัวมึงไปปล่อยป่ารึไงวะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ ที่นี่ไม่ใช่สวนลุมฯ เอ๊ะๆ หรือว่ามึงเคยไปขโมยไก่เขาแล้วหนีลงน้ำวะ”

“ก็ตามหลังมึงลงไปนั่นแหละ ไอ้ห่า”

เตชิดหัวเราะร่วน “ก็ให้คนเขามองหน่อยไม่ได้รึไง มึงไม่สึกหรออะไรหรอกน่ะ” เขาพูดพลางยกมือขึ้นโอบไหล่เพื่อนรัก “ไปๆ อยู่กับพี่เต้ ไม่ต้องกลัวห่าอะไรหรอก”

“กลัวความห่าของไอ้พี่เต้นี่แหละ ไปไกลๆ ตีนกูเลยไป กวนส้นตีนฉิบหาย” รวินท์ผลักมืออีกฝ่ายออกแล้วเดินไปดึงรถเข็นมาหนึ่งคัน “กูไปของกู มึงไปของมึง อีกชั่วโมงเจอกันตรงนี้”

“อ้าวๆ มึงจะไหวเหรอวะ รู้ยังว่าต้องซื้อไรบ้างอ่ะ”

“รู้โว้ย กูไม่ได้โง่!” ชายหนุ่มตอบพลางเข็นรถเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่หลังจากเดินวนในห้างบิ๊กซีครบรอบ รวินท์ก็ยังไม่รู้ว่าตนเองควรจะต้องซื้ออะไรบ้าง ก็ทั้งชีวิตเขาเคยซื้อของเข้าบ้านเองซะที่ไหน

อืม... ที่ห้องมีเตียงแล้วก็ต้องมี...

“หมอน หมอนข้าง ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ยกู ต้องซื้อพัดลมด้วย อันในห้องนี่ วันดีคืนนี้คงจะร่วงจากผนังแหง อืม... แล้วก็ไม้แขวนเสื้อด้วย” เขาเลือกของหยิบโยนใส่รถเข็นไปเรื่อยๆ

“ของกินๆ มาม่า ปลากระป๋อง หมูยอง... ขนม” ใช้เวลาไม่นานก็เลือกสารพัดของกินมาเต็มคันรถ แค่นี้เขาก็น่าจะอยู่ได้ไปอีกสักสัปดาห์ ถ้าขาดเหลืออะไรค่อยออกมาหาซื้ออีกที

หลังจากซื้อของเสร็จก็เข็นรถเข็นออกมาหาเพื่อนรักซึ่งยืนอ้าปากหาวรออยู่

“ไง ของครบนะมึง”

“เออ ครบ ซื้อเยอะขนาดนี้เหลือใช้ไปทั้งเดือน” รวินท์ตอบอย่างมั่นใจ


พอกลับไปถึงห้องพัก รู้สึกหิวขึ้นมาตงิดๆ และตั้งใจจะต้มมาม่ากินนั่นล่ะ เขาจึงนึกขึ้นได้... มีมาม่า แต่ไม่มีน้ำร้อน ไม่มีจานชาม ช้อนส้อม แล้วจะกินยังไงวะ!

แต่เพื่อไม่ให้เตชิดสบประมาท เขาจึงทำเป็นโทรศัพท์ไปชวนอีกฝ่ายออกไปกินข้าวข้างนอกแทน แล้วแวะร้านสะดวกซื้อซื้อของที่ขาดมาเพิ่ม และนั่นก็คือที่มาของกระติกน้ำร้อนพลาสติกกระติกเดียวที่ตั้งโด่เด่อยู่ในห้องครัว

หลังจากนั้นรวินท์ก็ไม่ได้ซื้ออะไรเข้าห้องอีก เขาปล่อยห้องนั่งเล่นโล่งว่าง ม่านยังไม่คิดจะซื้อมาติด ถ้ามีเวลาว่างส่วนใหญ่ก็จะไปนอนใช้แล็ปท็อปท่องโลกอินเทอร์เน็ตอยู่ในห้องนอน บนเตียงนอนที่...ไม่ว่าจะนั่งหรือนอนตรงไหนของเตียง ตัวเขาก็จะไหลลงไปตรงกลาง เพราะความเก่าของฟูก

จนกระทั่งวันที่เตชิตมาเยี่ยมห้องแล้วบ่นว่าไม่มีที่นั่ง เขาจึงขับรถไปซื้อที่นอนปิกนิกมาปูไว้ให้มันนั่ง จะได้ไม่พูดมากอีก


ส่วนห้องพักของเตชิตต่างกับห้องของเพื่อนรักราวกับฟ้าเหว ในครัวของเขามีเตาไฟฟ้า หม้อหุงข้าว ตู้เย็น ไมโครเวฟและจานชามหม้อไหพร้อม เขาซื้อผ้าม่านสำเร็จรูปมาติดในห้องทุกห้อง มีโต๊ะญี่ปุ่นกับเบาะสำหรับนั่งพื้นในห้องนั่งเล่นเอาไว้สำหรับนั่งอ่านหนังสือและกินข้าว มีชั้นวางหนังสือ เครื่องเสียง โทรทัศน์จอใหญ่และโซฟาเล็กๆ ห้องนอนมีที่นอนใหม่บนเตียง มีตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้ ดูเป็นห้องที่มีคนอยู่อาศัยมากกว่าเป็นกอง ที่จริงเขาก็แนะนำไอ้วินได้แหละว่าควรต้องเริ่มต้นซื้ออะไรเพิ่มบ้าง แต่ที่ไม่ทำ ก็คงเพราะ... เขาอยากจะช่วยสนองเจตนารมณ์ของพ่อแม่มันล่ะมั้ง

..

.....

..

เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังแว่ว รวินท์กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วเอื้อมไปหยิบมากดรับสาย

“ไอ้เต้ โหย กูหิวฉิบหาย ห้องกูไม่มีของกินเลยอ่ะ”

“กูทำข้าวผัด กินป่ะ”

“กิน! เดี๋ยวไปหาที่ห้องเว้ย”

“เออ มาไวๆ กูรออยู่” เตชิดกดวางสาย พลางอมยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา


*TBC*


ฮัสกี้กลับมาแย้วววว หลังจากแต่กาลก่อนจบไปก็หายหัวววไปพักนึง มีใครคิดถึงเก๊ามิ๊  :hao5:

มาคราวนี้พาหมอฟันสุดหล่อมากราบฝากเนื้อฝากตัวกับคนอ่านทุกๆ คนด้วยนะคะ /นุ้งวินกราบแทบอกพี่ๆ น้องๆ สิลูกกก

ช่วงแรกของเรื่องจะเป็นการแนะนำชีวิตตัวเอกของเรื่องก่อนนะคะ ฮัสกี้จะพยายามลงถี่หน่อย ก่อนแมงอู้จะเข้าครอบงำ 5555555555 วันนี้ได้รู้จักกับรวินท์แล้ว ตัวเอกอีกคนเป็นหนุ่มน้อยวิดวะปีสาม เรียนที่เชียงใหม่ค่ะ สปอยล์ไว้ล่วงหน้าเลย แหะแหะ

ฟิตรอขึ้นดอยกับหนุ่มวิดวะกันนะคะ  :impress2:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่าาา

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 1 : รวินท์ (หมอฟันป้ายแดง)][200917]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 20-09-2017 17:30:11
แวบแรกอิมเมจตัวเอกที่เราคิดคืออิน สารินเลยค่ะ แงง ติดตามนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 1 : รวินท์ (หมอฟันป้ายแดง)][200917]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 20-09-2017 19:13:16
งือออออ หนุ่มวิศวะปี 3 เรียนเชียงใหม่ ที่จะมาเปิดตัวอีกคนนี่มีต้นแบบมาจากใครกันน๊าาาา เรานี่นึกภาพเดือนวิศวะ มช รอเลยค่า 55555555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 1 : รวินท์ (หมอฟันป้ายแดง)][200917]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-09-2017 19:23:14
ติดตามๆๆๆ ชีวิตหมอใช้ทุน เต้ต้องดูแลเพื่อนอย่างดีแน่นวลลล
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 1 : รวินท์ (หมอฟันป้ายแดง)][200917]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-09-2017 22:29:01
วินจะอยู่รอดมั้ยเนี่ยะ เต้ดูแลดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 1 : รวินท์ (หมอฟันป้ายแดง)][200917]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-09-2017 18:28:06
หมอฟันป้ายแดงเขาจะใช้ชีวติได้อยู่รอดมั้ยคะเนี่ยย555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 1 : รวินท์ (หมอฟันป้ายแดง)][200917]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 21-09-2017 18:42:22
งุ้ยยยยยชอบบบ ติดตามค่าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 1 : รวินท์ (หมอฟันป้ายแดง)][200917]
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 21-09-2017 20:42:39
แค่ตอนแรกก็รู้สึกว่าหมอช่างน่าเอ็นดูจริงๆ ช่างเหมือนเราตอนไปเรียนต่อเมืองนอกเด๊ะเลย 555
ไปแบบทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แล้วก็ไปทำเป็นที่นู่นเพราะสภาพแวดล้อมมันบังคับว่าต้องทำให้เป็น  :sad4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 1 : รวินท์ (หมอฟันป้ายแดง)][200917]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 22-09-2017 18:40:24


Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุน


หลายเดือนผ่านไป รวินท์คุ้นเคยกับสถานที่ทำงาน หอพักแพทย์ บิ๊กซีและความเงียบเหงาของเมืองลำพูนมากขึ้น เขาค่อยๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตนเองช้าๆ ช้าระดับหอยทากคลานบนขี้เถ้า ด้วยความที่ไม่ค่อยใส่ใจกับอะไรรอบๆ ตัว จนกว่าตัวเองจะเอะใจหรือมีใครมาสะกิดทัก

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน รวินท์ลุกขึ้นถอดเสื้อกาวน์ออกแล้วม้วนๆ ไว้ จากนั้นก็บิดขี้เกียจแบบสุดแรง ชนิดที่ไม่อายทันตแพทย์คนอื่นๆ และผู้ช่วยเลยสักนิด

“รักษามาดหน่อยเว้ยไอ้วิน” สิงหาหัวเราะ ชายหนุ่มเป็นรุ่นพี่ของรวินท์ มาใช้ทุนที่โรงพยาบาลแห่งนี้ก่อนหน้าเขากับเตชิดได้ปีกว่าแล้ว “มึงกลับเลยรึเปล่าวะเนี่ย ไอ้เต้มันอยู่เวรนี่”

รวินท์ยังไม่ทันจะตอบ พยาบาลจากแผนกอื่นก็กรูกันเข้ามาเกาะที่ประตูหน้าห้อง ส่งเสียงวี้ดว้าย เรียกทันตแพทย์หนุ่มให้เดินเข้าไปหา

“คนหล่อก็ดีอย่างงี้แหละโว้ย ไปๆ ไปหาสาวๆ เขาหน่อย” สิงหาผลังไหล่รุ่นน้องไปเบาๆ

ชายหนุ่มยิ้มรับ ขณะที่ก้าวเข้าไปหาพยาบาลกลุ่มนั้น “มีอะไรเหรอครับ”

“หมอวิน~ มื้อเย็นจะทานอะไรดี ให้ไข่มุก โบว์แล้วก็แก้มไปทำให้ทานดีมั้ยคะ นี่ๆ ซื้อของสดมาแล้วด้วย เดี๋ยวทำต้มยำกุ้ง ผัดผักคะน้าหมูกรอบ แล้วก็ยำวุ้นเส้น”

ทันตแพทย์หนุ่มมองตามถุงในมือพยาบาลสาวๆ พลางกลืนน้ำลายเอื๊อก “โห น่ากินจัง แต่จะดีเหรอครับ ผมเกรงใจอะ” ปากพูดไปเช่นนั้นแต่ในใจลิงโลด เขาเบื่อมาม่ากับร้านข้าวแกงข้างโรงบาลจะตายอยู่แล้วโว้ย

“หมอวินไม่ต้องเกรงใจเลย พวกเราเต็มใจ จะเรียกใช้เมื่อไหร่ก็ได้”

“จริงเหรอ ใจดีจังเลยครับ ถ้างั้น...” เขายังพูดไม่ทันจบ เพื่อนรักก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวแล้วยกแขนขึ้นโอบไหล่

“เฮ้ย ไอ้หมอวินครับ ในครัวมีแค่เตาแก๊สเก่าๆ กับกระติกน้ำร้อน จะทำอะไรกินได้ ไม่อายสาวๆ เขาบ้างหรือไงครับ” เตชิดพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ

แต่ทำให้รวินท์ต้องหุบยิ้มทันควัน ไอ้เพื่อนเวร เสือกพูดความจริงต่อหน้าสาวๆ ได้ “เอ่อ...”

“หม้อกับกระทะมันยังไม่มีเลย เตาแก๊สลงยันต์นั่นก็ไม่รู้ใช้งานได้มั้ย แหม น่าเสียดายที่วันนี้ผมติดเวร ไม่งั้นจะชวนไปทำที่ห้องผมแทน”

สาวๆ พยาบาลงอแงเล็กน้อย หากก็ยอมถอยกันไป “ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเอาไว้คราวหน้าเนอะ”

“ขอโทษด้วยนะครับ เอาไว้ผมจะไปหาซื้อเครื่องครัว” รวินท์พูดเสียงอ่อย

“หมอวินจะไปเมื่อไหร่ให้พวกเราไปช่วยเลือกก็ได้น้า”

“ครับๆ ขอบคุณมาก” ทันตแพทย์หนุ่มแจกยิ้มรับอีกครั้ง พร้อมกับโบกมือลาขณะพวกเธอถอยออกไป เสียดายก็เสียดาย ท้องก็ร้องหิว เขามองตามตาละห้อย

เตชิตบ้องศีรษะเพื่อนรักไปหนึ่งที แล้วส่งกุญแจห้องให้ “เอ้านี่ มีไข่พะโล้อยู่ในหม้อ ตักใส่ข้าวแล้วก็อุ่นในไมโครเวฟเอาละกัน แค่นี้คงทำเองได้นะมึงอะ”

นัยน์ตาเรียวเบิกกว้าง “มึงทำไข่พะโล้เป็นด้วยเหรอวะ”

“ก็ไม่ได้ยากมั้ยล่ะ แดกได้ก็แล้วกัน”

“เออ ขอบใจ ก็ยังดี” รวินท์คว้ากุญแจห้องของเพื่อนรักแล้วก้าวฉับๆ ออกไป

ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มเดินดุ่มๆ กะว่าจะกลับไปอุ่นอาหารของเพื่อนกินตามที่อีกฝ่ายบอก แต่ระหว่างทางก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ไอ้เต้มันให้เขาไปกินไข่พะโล้ที่มันทำไว้ก่อน แล้วตัวมันค่อยกินที่เหลือเนี่ยนะ คงไม่แฟร์สักเท่าไหร่รึเปล่าวะ เขาควรจะรอกินพร้อมกันมากกว่า

แต่ระหว่างนี้จะทำอะไรดี จะหาอะไรกินรองท้อง ขนมที่ห้องก็หมดแล้ว

หลังจากยืนคิดสักพัก เขาก็ตัดสินใจว่าจะไปห้างสักหน่อย ไปหาของกินและซื้อเสื้อผ้าไว้ใส่อยู่ห้องด้วย เขาอยู่หอพักแพทย์มาได้สี่เดือนกว่าแล้ว หากไม่เคยสังเกตเลยว่าห้องอื่นๆ ในชั้น ไม่มีใครที่ใส่เสื้อเชิ้ตหรือเสื้อยืดกับกางเกงยีนอย่างเขาตลอดวันหยุดเลยสักคน จนกระทั่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่แพทย์ห้องข้างๆ ทักเขานั่นล่ะ

“คุณวินไม่ร้อนเหรอครับ”

เจ้าของชื่อเรียกที่เดินถือถุงพลาสติกใส่มาม่ากับขวดน้ำดื่มหยุดกึก มองคนถามซึ่งใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นแค่เข่า ทาแป้งเย็นเป็นปื้นๆ ตามเนื้อตัว ในมือถือพัดที่กำลังใช้พัดรัวๆ ด้วย

เออ นั่นสิ เขาก็ว่ามันร้อนฉิบหาย

ชายหนุ่มก้มลงมองตนเองในเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีน จากนั้นจึงพยักหน้าหงึกหงัก “ร้อนครับ”

แพทย์หนุ่มห้องข้างๆ หัวเราะ “ก็นั่นสิ ผมเห็นคุณวินอยู่ห้องก็แต่งตัวเต็มยศทุกที จนผมอายสภาพตัวเองเลยเนี่ย ถ้ามันอุจาดตามาก คุณวินต่อว่าได้ ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกนะครับ”

รวินท์หัวเราะตามแบบเจื่อนๆ แต่ในใจก็ฉุกคิดได้

เออ จริงด้วยว่ะ เขาแต่งตัวแบบนี้ทุกครั้งที่ก้าวออกจากห้องนอน เพราะไอ้ตอนที่เก็บเสื้อผ้ามาที่นี่ เขาลืมนึกไปว่าในหอพักไม่มีเครื่องปรับอากาศให้ พอเข้าห้องนอนไปก็ถอดเสื้อออกเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวแล้วนอนให้พัดลมเป่า แต่เขาอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องไปหาเสื้อผ้าสำหรับใส่อยู่กับบ้านแบบคนอื่นบ้าง

รถออดี้สปอร์ตคันหรูแล่นออกจากโรงพยาบาลไป ก่อนจะไปจอดเด่นสง่าอยู่ภายในที่จอดรถของบิ๊กซีลำพูน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะซื้อเสื้อผ้าเอง ชายหนุ่มเดินเข้าไปดูเสื้อผ้าแบบงงๆ

ทำไมมันมีน้อยจังวะ?

แต่คงเป็นเรื่องปกติของร้านค้าในเมืองนี้ล่ะมั้ง อันที่จริงตั้งแต่เขาย้ายมาที่นี่ก็ยังไม่เคยขับรถไปไหนไกลกว่าบิ๊กซี หากมาทีไรก็เห็นมีผู้คนแค่หรอมแหรม ทำให้เขาแปลกใจได้ทุกทีว่าทำไมห้างถึงยังอยู่ได้ และคงเพราะอย่างนี้จึงไม่นำเสื้อผ้ามาขายเยอะๆ ให้ขาดทุนเปล่าๆ ปลี้ๆ

ชายหนุ่มเลือกเสื้อยืดและกล้ามมาอย่างละห้าตัว กางเกงขาสั้นแค่เข่าอีกห้าตัว แต่พอเดินๆ ไปเห็นตู้เสื้อผ้าพลาสติกสีแดงลายแองกรี้เบิร์ดกำลังลดราคาก็เลยซื้อมาด้วย เขาจะได้รูดซิปปิดตู้ได้กับเขาบ้าง ตู้เก่าเปิดค้างอ้าซ่ามาหลายเดือนแล้ว ต่อจากนั้นก็ไปซื้อแป้งเย็น พัดลมตั้งโต๊ะเพิ่ม ที่จริงเขาก็อยากซื้อตู้เย็นด้วย จะได้มีน้ำเย็นๆ ไว้ดื่มโดยที่ไม่ต้องเดินแกว่งออกไปกดน้ำในตู้น้ำข้างนอก หากก็ไม่รู้จะขนใส่รถกลับหอพักอย่างไรดี ตู้หนังสือ โฮมเธียเตอร์ก็อยากได้ เครื่องครัวก็อยากมีกับเขา เตาไฟฟ้า เตาอบ ไมโครเวฟ กระทะ หม้อ จาน ชาม มองดูแล้วก็อยากได้ไปเสียทุกอย่าง เครื่องปรับอากาศก็อยากได้ แต่ไม่รู้ว่าจะติดได้หรือเปล่า เขาคงต้องถามทางหอพักก่อน

รวินท์เดินไปดูเครื่องปรับอากาศที่ตั้งโชว์อยู่ เห็นราคาแล้วก็ผงะไปเล็กน้อย เขาทำงานมาหลายเดือน ไม่ค่อยได้ใช้เงินมากมายก็จริง แต่ถ้าจะติดแอร์ทั้งห้องนอนห้องนั่งเล่น ไหนจะซื้อตู้เย็น เตากับเครื่องครัว เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้องอีก แล้วเขาจะเหลืออะไร ไม่ต้องกินแกลบหรือนี่

ที่จริงของที่เขาอยากได้พวกนี้ เขาก็สามารถได้มาง่ายๆ เพียงแค่เขาเอ่ยปากบอกพี่ชายกับพี่สาว...

ไม่ได้สิวะ!

จะขอเงินที่บ้านใช้ ตอนนี้ก็รู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เขาทำงานมีเงินเดือน เป็นทันตแพทย์เต็มตัว แค่นึกถึงสายตากับรอยยิ้มเยาะตรงมุมปากของบิดามารดาเหมือนตอนที่เขาบอกว่าจะมาใช้ทุนที่ลำพูนนี่ เขาก็ทนไม่ได้แล้ว

สรุปว่าก็ไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มอีก เอาแค่เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าพลาสติก แป้งเย็นแล้วก็พัดลมนั่นล่ะ สำหรับอย่างอื่นเขาคงต้องเก็บเงินเพิ่มอีกสักหน่อย


พอกลับมาถึงหอพัก เอาของไปโยนไว้ที่ห้องแล้วก็รีบขึ้นไปที่ห้องของเตชิต จัดการเปิดเตาไฟฟ้าอุ่นไข่พะโล้ แล้วกดอุ่นข้าวไว้รออีกฝ่ายกลับมา

“ทำไมมึงรวยจังวะไอ้เต้ เงินเดือนมึงไม่ได้เท่ากูเรอะ” รวินท์บ่นพึมพำพลางหันมองไปรอบๆ ซึ่งแม้กระทั่งพื้น เตชิตก็มีพรมสำเร็จรูปปูไว้

ไม่นานเจ้าของห้องก็มาถึง เขาทำจมูกฟุดฟิด เดินเข้าไปในห้องพักแล้วมองหาเพื่อนรัก พอเดินเข้าไปในครัวจึงเห็นว่าอีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่ที่หน้าเตาไฟฟ้า

“โอ้โห ไอ้วิน อุ่นไข่พะโล้เป็นด้วย”

เจ้าของชื่อหันขวับ “กูไม่ได้โง่ป่ะวะ”

เตชิตหันไปเห็นไฟบนหม้อหุงข้าว เขาเบิกตากว้างแล้วชี้ไปที่หม้อใบนั้น “เฮ้ย อุ่นข้าวก็เป็น”

“ไอ้สัสนี่ เห็นมึงทำให้ดูมาหลายเดือนแล้ว แค่นี้ทำไมกูจะทำไม่ได้วะ”

“เออๆ มึงเก่งมาก เก่งๆ” เตชิดก้าวเข้าไปโอบไหล่แล้วลูบศีรษะเพื่อนรักเบาๆ

รวินท์ถีบอีกฝ่ายให้ออกห่าง “ไม่ต้องมาตอแหลใส่กู กลับมาก็ดีแล้ว จะได้แดกสักที หิวฉิบหาย”

“มึงกลับมาตั้งนานแล้วทำไมไม่แดกล่ะวะ”

“ก็รอแดกพร้อมมึงไง แล้วกูก็ไปบิ๊กซีมาด้วย”

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น “ไปทำห่าไร”

“ไปบิ๊กซี กูไปดูเพนกวินมั้ง ไปซื้อของสิวะ”

“ของไรวะ”

“เสื้อผ้า”

“มึงเนี่ยนะ!? ไปซื้อเสื้อผ้าอะไรที่บิ๊กซีวะ” คนถามงงหนักเข้าไปอีก

“เสื้อผ้าไว้ใส่อยู่ห้อง” รวินท์ตอบพลางตักไข่พะโล้ใส่ชาม “แม่งมีน้อยฉิบหาย”

“ก็แหงล่ะ อยากเลือกเยอะๆ มึงก็ไปเซนทรัลสิวะ”

“ที่นี่มีเซนทรัลด้วยเหรอ”

“ไม่มี แต่มีที่เชียงใหม่ไง ไม่ไกลมากหรอก ขับรถไปประมาณสี่สิบโลได้มั้ง”

“อ่อ งั้นช่างเหอะ เอาไว้ไปวันเสาร์อาทิตย์คงเหมาะกว่า หลังเลิกงานกูไม่อยากไปไหนไกลๆ เหนื่อย อยากแดกๆ แล้วก็นอน”

เตชิตยิ้มกว้าง “ถ้าขี้เกียจนักล่ะก็ เอาไว้มึงจะไปก็บอก กูขับรถไปให้เอง”

รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก หันไปตักข้าวใส่จานแล้วนำมาวางบนโต๊ะ “เออๆ แดกกันเหอะ หิวแล้วว่ะ”


สองหนุ่มนั่งลงข้างกันบนเบาะรองนั่งที่บนพื้น กินข้าวไปคุยกันไปเรื่อยๆ จนหมดจาน รวินทร์เอนหลังลงนอน ขณะที่เพื่อนรักยกจานชามไปเก็บล้าง เขากลิ้งไปกลิ้งมา สอดมือเข้าไปเกาพุงในเสื้อ แล้วเท้าแขนยันศีรษะขึ้น

“ไอ้เต้ มึงได้ข่าวขวัญบ้างป่ะวะ ช่วงนี้ขวัญไม่ตอบแชตกูเลย โทรไปหาก็สายไม่ว่างตลอด”

“ไม่ว่ะ กูลองโทรหาขวัญแล้ว สายไม่ว่างเหมือนกัน สงสัยจะโดนบล็อกไปพร้อมกับมึงเนี่ยแหละ”

“ถึงกับบล็อกเลยเหรอวะ”

“ไม่ก็อาจจะยุ่งมั้ง หมอไม่ได้มีเวลาว่างเยอะเหมือนกูกับมึงนะเว้ย”

“มึงว่า... ขวัญมีคนใหม่ยังวะ”

เตชิตหยุดกึก ก่อนจะหันกลับมาสบสายตากับเพื่อนรัก “ถ้าเขามีจริงๆ มึงจะทำไง”

รวินท์เอนศีรษะลงนอนบนพื้น มองเพดานไปพลางถอนหายใจ “กูจะทำไงได้วะ คงต้องตัดใจมั้ง” เขานอนนิ่งอยู่เช่นนั้นจนเจ้าของห้องเดินกลับมานั่งลงข้างกัน อีกฝ่ายยกมือขึ้นลูบศีรษะเขาเบาๆ ชายหนุ่มจึงหันไปหา แล้วจับมือเพื่อนรักไว้ “ขอบใจเว้ย กูไม่ได้เป็นอะไร”

“มึงเผื่อใจไว้บ้างนะ ขวัญรักมึงก็จริง แต่ถ้าที่นั่นมีคนที่รักและเข้าใจเขา...”

“เออ กูจะพยายาม”

เตชิตถอนหายใจ หากก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

รวินท์นอนนิ่งไปอีกสักพักก็พูดขึ้น “ไอ้เต้ กูอยากทำคลินิกว่ะ”

“หือ นึกยังไงขึ้นมาอีกวะ”

“กูอยากมีเงิน”

เตชิตหัวเราะเสียงดัง “ไอ้เหี้ย กูไม่เคยนึกว่าจะได้ยินคำนี้จากปากมึง คุณชายรวินท์เนี่ยนะ อยากมีเงิน ที่มีอยู่ยังไม่พอถมตัวตายอีกเหรอวะ”

“ไอ้ที่มีเยอะๆ นั่นมันเงินพ่อแม่พี่กูโว้ย กูก็เป็นหมอฟันไส้แห้งเหมือนมึงนี่แหละ” คนพูดผงกศีรษะขึ้นพลางเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อนรัก “ว่าแต่มึงเอาเงินที่ไหนมาซื้อของในห้องวะ มีเจ๊เปย์ให้เหรอ”

“เจ๊พ่องส์ เงินกูนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่แม่กูจัดการให้”

รวินท์ทำหน้าเศร้า “ทำไมแม่กูไม่เห็นสนใจกูบ้างเลยวะ มีแต่ดูถูกกันว่ากูจะอยู่ที่นี่ไม่ได้นานอะ พอกูจะซื้ออะไรก็ว่าเปลืองเปล่าๆ”

“เอาน่ะ เดี๋ยวลองหาคลินิกแถวๆ นี้ทำละกัน อาจจะหายากสักหน่อยว่ะ ถ้ามีก็คงมีหมอประจำแล้ว แต่ที่จริงตั้งแต่อยู่มากูก็ยังไม่เคยเห็นเลยนะ”

“ในรัศมีโรงบาลกับบิ๊กซี กูก็ยังไม่เคยเห็นคลินิกเลย คงต้องไกลออกไปหน่อย แต่จะไปหาสมัครที่ไหนยังไงวะ”

“ใจเย็นน่ะ ค่อยๆ หาไปก็แล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ลองถามพี่ๆ ที่โรงบาลดู”



ไม่กี่วันถัดมา โชคก็วิ่งพุ่งเข้าชนรวินท์โดยที่ไม่ต้องไปตามหาคลินิกให้เหนื่อย

สิงหานัดให้สองหนุ่มออกไปกินมื้อเย็นด้วยกันที่แถวๆ หอพัก เขายิ้มรับรุ่นน้องทั้งสอง พร้อมกับยกสองมือขึ้นเรียกให้ไปที่โต๊ะ

“เฮ้ย พวกมึงสนใจจะทำคลินิกกันมั้ยวะ คลินิกใหม่ของผอ. ทำวันเสาร์อาทิตย์ สลับกับพี่”

รวินท์เบิกตากว้าง “ทำพี่! ที่ไหน อะไร ยังไง ได้ตังค์เท่าไหร่!”

“ได้ตังค์เยอะอยู่นะเว้ย แต่ต้องแล้วแต่ว่าจะมีคนไข้เยอะขนาดไหนด้วย คลินิกอยู่ใกล้มหาลัยในเชียงใหม่ สาวๆ เพียบ”

เตชิตขมวดคิ้ว “ขับรถไปกลับเหรอพี่ เหนื่อยตายห่า”

“พวกมึงก็ไปเย็นวันศุกร์ กลับเย็นวันอาทิตย์สิวะ ข้างบนคลินิกเป็นห้องพัก นอนสบาย มีแอร์ด้วย มีห้องให้พวกมึงคนละห้องเลย แถวมหาลัยมีของกินอร่อยๆ เพียบ ถ้าคนไข้น้อย มึงก็ทำคนละวัน จะได้มีเวลาไปแรดตามห้างด้วยไง ถ้าวันไหนคนไข้เยอะเราสามคนก็มาผลัดเวรกันทำ แบบนี้ดีป่ะ”

สำหรับรวินท์ เขาเทใจให้หมดตั้งแต่เรื่องเงินแล้วล่ะ “ดีครับ เอาๆ ผมเอา”

เตชิตชำเลืองมองเพื่อนรัก ก่อนจะพยักหน้า “อือ งั้นผมเอาด้วยก็ได้พี่”


เตชิตและรวินท์เริ่มต้นรับจ๊อบทำคลินิกกันในเดือนใหม่ หลังเลิกงานในเย็นวันศุกร์ เตชิตเป็นคนขับรถพาพวกเขาจากลำพูนไปยังคลินิกที่อยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อไปถึงแม้ท้องฟ้าจะเริ่มมืดลงแล้ว ทว่าแถวๆ มหาวิทยาลัยกลับยิ่งคึกคัก ทั้งร้านอาหารและรถเข็นขายอาหารเปิดไฟ ตั้งโต๊ะมากมาย มีนักศึกษาเดินไปเดินมาอยู่ตลอด

รวินท์เบิกตากว้าง อยากจะซื้ออาหารมันทุกร้านแล้วกินให้หายอยาก ความคึกคักและแสงสีเมืองกรุงที่เขาคิดถึง พอเห็นแล้วก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง ยิ่งเมื่อไปเห็นห้องพักที่ชั้นบนของคลินิกซึ่งมีให้พวกเขานอนประจำกันคนละห้อง ชายหนุ่มก็ยิ่งสุขใจ เพราะมีทั้งเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ เตียงนอนสุดนุ่ม และในห้องอาบน้ำก็มีน้ำอุ่นให้อาบด้วย

หลังจากชื่นชมห้องพักกันแล้ว สองหนุ่มก็เดินลงไปหาของกินกัน กินไปเรื่อยๆ จนแทบเดินไม่ไหวจึงกลับขึ้นห้องไปอาบน้ำนอน
เช้าของวันใหม่ สิงหาแวะมาสอนงานให้น้องๆ ก่อน แล้วก็แนะนำให้พวกเขาได้รู้จักกับนิ้ง หมวยและเอื้อง ผู้ช่วยในคลินิกอีกสามคน ซึ่งพวกเธออายุมากกว่าทันตแพทย์ทั้งสอง แถมยังมีประสบการณ์เป็นผู้ช่วยกันมานาน จากนั้นพวกเขาก็นั่งๆ นอนๆ รอคนไข้ตามเวลานัดกันไป

วันนี้สองหนุ่มมีคิวเต็มจนเลิกงาน แต่เพราะได้กินอิ่มนอนหลับดี รวินท์จึงไม่ปริปากบ่น เมื่อถึงตอนบ่ายแก่ๆ เขาเสร็จงานก่อนเตชิต ชายหนุ่มจึงออกไปเดินยืดเส้นยืดสายแถวๆ คลินิก


“...We are all Entaneer!”


เสียงร้องเพลงบูมคณะดังแว่ว เรียกความสนใจของทันตแพทย์หนุ่มไปที่ต้นเสียง

พอเสียงร้องเพลงจบลง รุ่นพี่หน้าหนวดในเสื้อชอปสีน้ำเงินก็พูดคุยกับรุ่นน้องด้วยถ้อยคำสุภาพเสียงดังฟังชัด แล้วพาวิ่งเหยาะๆ ออกไป

“ฝึกกันเป็นทหารเลยว่ะ” รวินท์พึมพำ คณะที่เขาเรียนไม่มีระบบโซตัส แต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดต่อต้านอะไร เขามองตามกลุ่มนักศึกษาไปอย่างรู้สึกสนุก เห็นรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้องกันดี ถึงจะพูดเสียงดัง แต่คำพูดที่ใช้ก็สุภาพ ดูจากความพร้อมเพรียงกันของรุ่นน้องแล้วก็คิดว่าน่าประทับใจดี เขาเดินมองตามนักศึกษากลุ่มนั้นไปเรื่อยๆ รุ่นพี่พารุ่นน้องวิ่งไปจนสุดเขตมหาวิทยาลัยแล้วก็พาวิ่งกลับมาจนสุดอีกฝั่ง วิ่งไปวิ่งมาอยู่แบบนั้น

“จะซ้อมไปมาราธอนที่ไหนกันวะ”

“อ้าว หมอวิน มายืนงงอะไรอยู่ที่นี่คะ หาทางกลับคลินิกไม่ถูกเหรอ”

รวินท์หันขวับไปตามเสียงเรียก “อ้าว พี่นิ้ง พูดผมซะเสียหายเลย ปิดร้านแล้วเหรอพี่”

“ยังค่ะ หมอเต้ยังไม่เสร็จงาน พี่ออกมาซื้อทิชชูที่ร้านตรงนู้น เห็นหมอยืนมึนๆ อยู่เลยเดินมาถาม”

“ผมยืนมึนที่ไหน ผมดูน้องๆ เขาซ้อมวิ่งกันอยู่ วิ่งกันเอาเป็นเอาตายเลยนั่น”

“อ๋อ ช่วงนี้ฝึกหนักค่ะหมอ เสาร์หน้าเขาจะขึ้นดอยกันแล้ว”

ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “หือ? ขึ้นดอย? รับน้องขึ้นดอยน่ะเหรอครับ”

“ใช่ค่า นี่เดี๋ยวพวกรุ่นพี่เสื้อชอปน้ำเงินนั่นก็จะมาซ้อมวิ่งกันเองอีก เสาร์หน้าหมอเต้กับหมอสิงหาทำคลินิกนี่คะ หมอว่างก็ขึ้นดอยไปดูสิ”

“ผมขึ้นไปดูได้ด้วยเหรอ น่าสนนะ ผมเคยได้ยินแต่ชื่อนะเนี่ย อยากเห็นของจริงเหมือนกัน แต่จะขึ้นไปยังไงดี”

“เอางี้หมอ เดี๋ยวไปกับไอ้ตึ๋งลูกชายพี่ ให้มันขี่มอไซค์พาไปดู แต่หมอต้องออกเช้าหน่อยนะ เพราะวิศวะเขาออกกันตั้งกะฟ้ายังไม่สว่าง เด็กๆ วิศวะเขาจะแบกเสลี่ยงกัน เท่มาก พี่ฟันเฟิร์ม”

“แต่เช้ามากๆ ผมสงสารลูกพี่” ...แต่ที่จริงก็สงสารตัวเองนี่แหละ

“โอ๊ย ไม่ต้องสงสารมันหรอก มันไปมาสองปีแล้วน่ะ มันอยากเรียนวิศวะที่นี่”

“งั้นเดี๋ยวผมให้ตังค์ค่าน้ำมัน...”

“ไม่ต้องหมอ ช่วยสอนการบ้านมันสักสองสามครั้งก็พอนะ”

รวินท์ยังลังเลนิดหน่อย หากสักพักก็ได้ยินเสียงจากกลุ่มนักศึกษาวิศวะแว่วมาอีก เขาหันไปมอง สบสายตากับเด็กหนุ่มในเสื้อช็อปสีน้ำเงินคนหนึ่ง สภาพเปียกมะล่อกมะแล่กเหงื่อโทรมกาย ก่อนนักศึกษากลุ่มนั้นจะวิ่งห่างออกไป

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ ไม่อยากตื่นเช้า แต่อยากขึ้นดอยก็คงต้องอดทน แค่วันเดียวเอง

“ตกลงครับ ได้เลย เอาไงเอากัน”


*TBC*


ตอนสองเอามาลงอย่างไว ได้พบตัวละครหลักทั้งสองคนแล้วนะคะ กร๊าก

เดี๋ยวตอนหน้าจะพาน้องภูพิงค์มาแนะนำให้ทุกคนรู้จักค่ะ ตอนนี้เอ็นดูพี่วินของเราไปกันก่อนนะคะ แหะแหะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่า

PS. คุณ Bradly ตอนที่ฮัสกี้มโนพี่วินขึ้นมา ใช้อิมเมจของหลายคนค่ะ แต่อินก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย 555555555 คุณ Bradly แม่นมากกกก
คุณ singalone เดี๋ยวจะให้น้องภูพิงค์ทำท่ามินิฮาร์ตมาแข่งกับเดือนวิดวะมชนะคะ 5555555 /วันก่อนเราดูไลฟ์อยู่ด้วยกันใช่มั้ย
คุณ aiyuki เต้เป็นทั้งเพื่อนและทั้งพ่อค่า 55555555
คุณ songte เต้ดูแลดีอยู่แร้วว นี่เพื่อนรัก ><
คุณ colorofthewind21 นั่นสิคะ น่าเป็นห่วง ต้องหาคนมาสอนงานซะแว้ว 5555
คุณ Petit.K ขอบคุณค่า ซอยเท้าเตรียมขึ้นดอยกันนะคะ
คุณ FiZZ พี่วินก็เหมือนกันเลย 5555 ต้องโดนบีบเยอะๆ ถึงจะเก่งค่ะ (บีบอัลรัย)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 22-09-2017 19:11:12
ตอนแรกเข้าใจว่าวินเป็นนายเอก แต่เห็นชื่ออีกคนแล้วทำไมชื่อว้านหวาน 555 เดาโพไม่ถูกละ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-09-2017 19:28:24
ฟันเฟิร์มอีกเสียงนะวิน ว่าวิศวะขึ้นดอยนั้นเท่มากกกกก ว่าแต่น้องวิศวะเราอยู่ไหนคะ ค่าตัวแพงเหลือเกินนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 22-09-2017 19:58:02
 :katai2-1: :katai2-1:ติดตาม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 22-09-2017 20:22:15
อยากซ้อนท้ายหมอไปแอบดูวิศวะขึ้นดอยด้วยจัง :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-09-2017 22:06:11
วิน นิสัยติดสบายๆ ไม่ทะเยอทะยาน แถมว่อกแว่กตอนคบกับขวัญอีก
แต่ขวัญ เอาจริงเอาจัง เป็นการเป็นงานทุกอย่าง
นิสัยมันไปด้วยกันไม่ได้อยู่แล้ว เลิกๆไปก็ดี
ไม่งั้นทุกข์ทั้งคู่นะดูแล้ว

ใครจะมาคู่วินนะ
เป็นหนุ่มวิศวะที่สบตา
ใส่เสื้อช็อปสีน้ำเงิน ที่เปียกมะล่อกมะแล่กเหงื่อโชกตัวปะ

วิน จะได้ขึ้นดอยแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-09-2017 23:03:18
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-09-2017 23:06:37
น้องภูพิงค์ชื่อน่ารักน่ากินกรุบกริบๆ :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 22-09-2017 23:18:51
ตื่นเต้นจังค่ะ อยากขึ้นดอยไปเจอหนุ่มๆแล้วว :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-09-2017 23:42:34
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 23-09-2017 06:19:11
ได้บรรยากาศมากๆ เพิ่งจบขึ้นดอยของจริงไปไม่นานเอง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 23-09-2017 14:22:43
งื้ออออออ อยากอ่านตอนขึ้นดอยแล้วค่ะ อยู่มา 3 ปี ไม่เคยเห็นวิศวะขึ้นดอยกับตาซักครั้ง เพราะต้องไปคณะตัวเองก่อน 55555555555 เลยเห็นแต่วิ่งผ่านหน้าคณะเรา มันเท่ห์มากจริงๆค่า คอนเฟิร์มมมมมม
สบตากันวันนี้เป็นแฟนกันวันหน้าใช่มั้ยคะ อิอิ


ปล. มินิฮาร์ทหนุ่มวิศวะ น้องบอสคือเดอะเบสต์ของเราค่ะ 5555555 เด็กอะไร น่ารักน่าหยิกเป็นที่สุดดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-09-2017 11:38:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-09-2017 18:14:43
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 24-09-2017 20:19:27
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-09-2017 21:18:43
รอๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 26-09-2017 03:27:05
น้องภูพิงค์ชื่อมุ้งมิ้งมาก โอ้ยนี่แรงบันดาลใจมาจากคลิปน้องหมากับเสลี่ยงวิศวะหรอคะเนี่ย เราวนดูตั้ง5รอบ  :o8:
แต่เซ้นส์มันบอกว่าอย่างหมอวินนี่ต้องหาคนมาดูแลมากกว่าจะไปดูแลใครนะ
ยิ่งวิศวะ คณะอึดถึกทน เป็นการเป็นงาน ยิ่งถ้าเป็นพ่อศรีเรือนไรงี้ งานบ้านเลิศ ทำกับข้าวอร่อย แค่นี้หมอก็น่าจะไปไหนไม่รอดนะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 26-09-2017 09:33:30
เข้ามาติดตามเรื่องใหม่ครับ :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 26-09-2017 11:30:19
จองที่ รอขึ้นดอย :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 26-09-2017 18:07:18
แอบคิดว่าวินเป็นนายเอกนะคะเนี่ย แต่ฟังชื่อน้องภูพิงแล้วมีลังเล ชื่อหวานน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 26-09-2017 18:40:10
 :o8: :o8: รอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 2 : ชีวิตการใช้ทุนของหมอฟันป้ายแดง][220917]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 27-09-2017 15:59:52


Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน


หลังจากฝึกซ้อมวิ่งตลอดช่วงบ่าย ภูพิงค์ก็ซมซานกลับมานอนอ้าซ่าในบ้านเช่าข้างนอกมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาเช่าอยู่ด้วยกันกับเพื่อนอีกสี่คน เพื่อนสามคนจากคณะเดียวกัน ชื่อว่า ขิง ซันและดิว พวกเขาเรียนปีสาม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้าเหมือนกัน แต่ละคนล้วนมาจากกรุงเทพฯ ส่วนเพื่อนอีกคนมาจากคณะวิจิตรศิลป์ ชื่อว่า แสนดี เขาเป็นคนเดียวที่มาจากจังหวัดในภาคเหนือ และที่จริงบ้านเช่าแห่งนี้เป็นของญาติของแสนดีอีกที พวกเขาจึงได้เช่าอยู่กันในราคาพิเศษ

“อีแสนดี~ อีแสนดีไปไหนวะ หิวแล้วเนี่ย~ ไส้กูจะขาดแล้ว โอยยย~” ดิวโวยวาย

“มึงเรียกมันแสนดี เดี๋ยวก็โดนด่าหูชาอีกหรอก” ภูพิงค์หันไปขัด

“เออๆ นังแซนดี้ก็ได้”

“มันบอกเมื่อเช้าไงว่าช่วงนี้กลับดึก จะขึ้นดอยแล้ว คณะมันต้องทำดอกไม้เตรียมของอะไรเนี่ยแหละ งานเยอะมาก”

“แล้วใครจะหาข้าวให้กูกินเนี่ย” สามหนุ่มคร่ำครวญ

“พวกมึงไม่มีตีนรึไงวะ อีแซนดี้ก็ตามใจพวกมึงซะจนง่อย”

“พวกกูไม่ได้ง่อยป่ะวะ แต่วันนี้ทั้งวิ่งทั้งฝึกแบกเสลี่ยง พวกกูจะเหลือเรี่ยวแรงที่ไหนไปหาข้าวกิน”

ภูพิงค์ลุกขึ้นนั่ง ตัวเขาก็เหนื่อยคือกัน ยังไม่อยากลุกออกไปไหน “สั่งพิซซ่าแดกกันเหอะ”

“เออดีๆ มึงโทรเลย”

เด็กหนุ่มหันไปมองเพื่อนอีกสามชีวิตที่ยังนอนอ้าซ่าอยู่ในท่าเดิม ไอ้พวกเวรนี่ ถ้าขาดเขากับอีแซนดี้ไป คงนอนรอให้มดแมลงมาตอมแล้วจับแดกแทนข้าวแหงๆ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรสั่ง ก่อนจะเอนหลังลงนอน รอเวลาพิซซ่ามาส่ง


ภูพิงค์ วงศ์เมือง หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า พิงค์ เฉยๆ เป็นหนุ่มน้อยอายุยี่สิบปี ครอบครัวของเขามีพื้นเพมาจากทางเหนือ เขาเกิดและโตขึ้นมาที่เชียงใหม่ เรียนอยู่ที่นี่จนถึงจบชั้นประถม จากนั้นบิดามารดาจึงพาย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ในช่วงแรกๆ ก็กลับมาอยู่เชียงใหม่ทุกปิดเทอม จนกระทั่งครอบครัวขายบ้านที่เชียงใหม่ไป

เด็กหนุ่มมีผิวขาวเหมือนชาวเหนือทั่วไป แต่เพราะชอบเล่นกีฬา ทำกิจกรรมออกแดดอยู่บ่อยๆ จึงคล้ำไปบ้างเป็นส่วนๆ ดวงตาคมกริบ จมูกโด่งเข้ากับใบหน้ารูปไข่ หน้าตาจัดอยู่ในระดับดูดีพอไปวัดไปวาได้ หากก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไรเป็นพิเศษในสายตาของเพื่อนๆ เพราะถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปด้วยไรหนวดและเคราบางๆ กับผมที่ยาวจนถึงหัวไหล่ซึ่งเขาใช้หนังยางมัดไว้เป็นประจำ แต่ก็ยุ่งชี้ไปคนละทิศละทางเมื่อโดนลมพัดและเจ้าของศีรษะนั้นไม่คิดจะแกะหนังยางออกมารัดใหม่ เขามีรูปร่างสูงโปร่งและขายาว แบบที่ไม่ต้องเอากางเกงยีนไปตัดขาให้ลำบากเลย

เมื่อตอนอยู่ปีหนึ่ง ภูพิงค์ก็อยู่หอของมหาวิทยาลัยเหมือนคนอื่นๆ นั่นล่ะ หากพอจะขึ้นปีสอง เขากับเพื่อนอีกสามคนจากกรุงเทพฯ ซึ่งกลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้วคิดจะหาบ้านเช่าเล็กๆ อยู่ด้วยกัน เอาที่มีเนื้อที่พอให้ล้มลงนอนกลิ้งเกลือก มีครัวให้ทอดไข่กินสบายๆ อ่านหนังสือได้เงียบๆ มีที่จอดรถในรั้วบ้านปลอดภัยกับมอเตอร์ไซค์แบบบิ๊กไบค์รุ่นเล็กๆ ของพวกเขา และมีอิสระมากกว่าอยู่หอในหรือหอนอก

แต่บ้านเช่าเป็นหลังนั้นหายาก สี่หนุ่มขี่บิ๊กไบค์วนกันจนยางล้อแทบสึกก็ยังหาไม่ได้ พวกเขาเริ่มจะถอดใจ คิดว่าคงต้องไปอยู่หอเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ในคณะแน่แล้ว

ขณะที่พักจอดมอเตอร์ไซค์ไปนั่งกินข้าวมันไก่กันอย่างเซ็งๆ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงท่อมอเตอร์ไซค์ดังลั่น ตามมาด้วยเสียงคนทะเลาะกัน พอพวกเขาหันมองไปยังต้นเสียง แวบแรกก็เห็นว่ากลุ่มเด็กแว้นกำลังรุมทำร้ายคนคนหนึ่งอยู่ แถมยังทั้งผลักทั้งตวาดใส่เสียงดัง

สี่หนุ่มลุกขึ้นพรวด แม้พวกเขาอยู่ในสภาพซอมซ่อ ดูเหมือนกุ๊ยที่ใส่แค่เสื้อกล้าม กางเกงขาสามส่วนกับรองเท้าแตะ แต่ภายในใจเป็นเจนเทิลแมนแบบใส่สูทสามชิ้นและสวมหมวกแถมด้วย

“เฮ้ย! ทำไรวะ!” ภูพิงค์ตะโกนลั่นพร้อมชี้หน้าด้วย เขาและทีมเพื่อนอีกสามคนตัวโตและท่าทางนักเลงกว่าเด็กแว้นกลุ่มนั้นหลายขุม ทำให้อีกฝ่ายถอยกรูด

หนึ่งในกลุ่มเด็กแว้นชี้ไปยังคนที่ถูกพวกเขารุมในตอนแรก จากนั้นก็ชิงฟ้องภูพิงค์ก่อนว่าพวกเขาเป็นผู้เสียหาย “อีนี่มันหลอกพวกผมอะ!”

“ทำไมเรียกเขาแบบ...นี้” สี่หนุ่มหันมองไปตามที่อีกฝ่ายชี้ แล้วเกิดอาการอ้ำอึ้ง “เขาหลอกอะไรพวกคุณวะ”

“ก็พวกผมนึกว่ามันเป็นผู้หญิง แต่มันเป็นตุ๊ดอะพี่!”

สี่หนุ่มนิ่งค้าง ผู้ถูกกล่าวถึงคนที่ว่าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา อยู่ในชุดของหญิงสาวก็จริง หากไม่ว่าจะมองตรงๆ ตีลังกามอง หรือว่ามองจากดวงจันทร์ก็ยังรู้เลยว่าเป็นตุ๊ดแน่นอน แบบนี้ยังเรียกว่าหลอกได้อีกเหรอวะ

“มันหลอกให้พวกผมพาไปแว้นมาสามวันแล้วเนี่ย! หลอกแดกไปตั้งเท่าไหร่!”

“กูไม่ได้หลอกแดกป่ะวะ พวกมึงเลี้ยงกูเอง จ๊าดง่าว(โคตรโง่)!” เด็กหนุ่มในชุดของหญิงสาวเถียง

สี่หนุ่มทึ่งหนักกว่าเดิม ตั้งสามวัน! พวกมึงใช้เวลาตั้งสามวันถึงจะรู้ว่าเป็นตุ๊ดเหรอวะ? พวกเขามองด้วยหางตาก็รู้แล้ว เด็กอนุบาลยังดูรู้เลยโว้ย!

“ปากดี! เดี๋ยวกระทืบแม่งไส้แตก!” กลุ่มเด็กแว้นทำท่าจะเข้ามารุมอีก ขิงจึงวิ่งเข้าไปขวาง

“ใจเย็นเว้ยคุณ”

เด็กหนุ่มในชุดหญิงสาวโยนเงินคืนให้ “มึงอยากได้เงินคืนก็เอาไปเลย เลี้ยงกูแค่ไอติมเซเว่นกับก๋วยเตี๋ยวในตลาด ยังจะทวงอีก ไอ้งัว บ่าห้าปั๊ก(งี่เง่า)!”

ครั้งนี้ซันสุดจะสงสัย จำเป็นต้องถามออกไป “เดี๋ยวนะ แล้วพวกคุณจับได้ได้ไงวะ ว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิงอะ”

กลุ่มเด็กแว้นหยุดกึก จากนั้นจึงหันมองหน้ากัน

“มันล้วงเข้ามาในกระโปรงแล้วจั๊บขลำฮา!” เด็กหนุ่มในชุดแซกกระโปรงบานตะโกนลั่น

“อ้าว ไม่ได้แต๊บไว้เหรอวะ” ดิวหลุดปากถามต่อ

“แต๊บแล้วโว้ย อันสก็อตเตปมันหลุดก่อ!”

ก่อนที่เรื่องราวจะออกทะเลไปกันใหญ่ ภูพิงค์ก็รีบหันไปคุยกับกลุ่มเด็กแว้น “อ้าว เดี๋ยวเว้ย พวกคุณลวนลามเขานี่หว่า นี่เขาแจ้งตำรวจได้นะเว้ย”

พอได้ยินเข้าแบบนั้น กลุ่มเด็กแว้นก็หน้าเสีย พวกเขาสบถเสียงดังพลางเข็นมอเตอร์ไซค์ถอยออกไป หากก็ยังขอไว้ลายอีกนิดเพื่อไม่ให้เสียเกียรติเด็กแว้น พวกเขามองไปที่หญิงสาวในร่างเด็กหนุ่มพร้อมกับชี้นิ้ว “จำไว้ให้ดีมึง!”

“หมู่คิงเขียนป้ายติดไว้หน้าคณะฮากะ!” (พวกมึงก็เขียนป้ายติดไว้หน้าคณะกูซิ!)

เสียงมอเตอร์ไซค์แต่งท่อเบาะปาดวิ่งห่างออกไปแล้ว หลงเหลือไว้เพียงฝุ่นควัน เด็กหนุ่มอีกสี่ชีวิตและตุ๊ดอีกหนึ่งคน

เด็กหนุ่มในชุดกระโปรงบานหายใจฟืดฟาด “แม่ง โมโหจนลืมตัว อู้กำเมืองเป็นพรืดเลยกู” เขายกมือขึ้นปัดฝุ่นตามตัว ปัดจริตหญิงสาวออกไปพร้อมกับเสียงที่บีบให้แหลมเล็กในตอนแรก แล้วหันไปตบไหล่ภูพิงค์เบาๆ อย่างเป็นกันเอง “ขอบใจที่ช่วยเว้ย”

“เออ ทีหลังไปกับใครก็ระวังด้วย” ภูพิงค์หันไปตอบ เขากำลังจะเดินกลับไปร้านข้าวมันไก่ แต่เห็นสภาพอีกฝ่ายที่ชุดแซกยับเยินหลุดลุ่ย สองมือหิ้วรองเท้าส้นสูงที่ยาวกว่าหน้าเขาแล้วก็สงสาร “อยู่ไหนเนี่ย เดินไหวรึเปล่าวะ เดี๋ยวไปส่งให้”

คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เพราะสี่หนุ่มตรงหน้านี่ ถึงจะดูโคตรเถื่อนและซอมซ่อ หากมาดแมนแสนดี แถมยังมีน้ำใจให้กับเขาด้วย “อยู่บ้านเช่าในซอยตรงนั้นเอง”

“บ้านเช่าเหรอ!” สี่หนุ่มพูดขึ้นพร้อมกัน พวกเขาขี่รถวนตั้งหลายรอบ ไม่ยักสังเกตเห็น “มีด้วยเหรอวะ ขี่มอไซค์วนหาตั้งหลายรอบไม่เห็นป้าย”

“เออ ไม่มีป้ายหรอก บ้านของญาติน่ะ ไม่มีคนอยู่ ไม่มีคนดูแล แม่กูก็เลยขอเช่าให้กูอยู่ไปก่อน”

“มีห้องว่างมั้ยวะ พวกกูกำลังหาบ้านเช่าเนี่ย”

คราวนี้พวกเขาทำให้อีกฝ่ายงงมากกว่า อันที่จริงก็ไม่คิดว่าตุ๊ดกับผู้ชายห่ามๆ จะอยู่ร่วมกันได้ด้วย แต่ก็ไม่แน่... สี่คนนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อการพรางตัวของเขา “ห้องว่างอะมี จะไปดูบ้านมั้ยล่ะ”

“ไป!” สี่หนุ่มตอบอย่างพร้อมเพรียง

จากถนนใหญ่เข้าซอยไปจะเจอซอยเล็กน้อยทั้งด้านซ้ายขวา ตลอดซอยมีตึกแถวซึ่งชั้นล่างเป็นร้านต่างๆ มากมาย มีคลินิกสำหรับทั้งคนและสัตว์ คลินิกหมอฟัน ร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด ร้านถ่ายเอกสาร มีร้านสารพัดร้าน หลังจากวิ่งต่อไปสักพัก ถึงซอยยี่สิบกว่าๆ เมื่อเลี้ยวเข้าไปแล้วก็พบกับบ้านเช่าที่ว่าซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ภายในซอยนั้นมีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง ตั้งอยู่ห่างๆ กัน
ในพื้นที่ใต้หลังคาหน้าบ้านมีรถ BMW รุ่นเล็กสุดแต่งไว้ซะสวย ขัดจนเป็นเงาวาบทั้งคันจอดอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีที่ว่างให้จอดรถคันโตๆ ได้อีกสองคันเลยทีเดียว

“เข้ามาเลย เชิญๆ”

“นี่รถใครเหรอ”

“รถกูเอง”

“มีรถเจ๋งๆ แบบนี้แล้วไปแว้นมอไซค์ทำไมวะ”

“ก็บางทีกูก็อยากเป็นสก๊อยมั้ยวะ” หญิงสาวในร่างเด็กหนุ่มเถียง “กูก็อยากเป็นพริตตี้ถือธงตอนเขาซิ่งมอไซค์แข่งกันบ้างไรบ้าง”

“แล้วใส่กระโปรงบานแบบนี้ไปแว้นเนี่ยนะ แต๊บก็ไม่ดีอะ”

“แดดออกเหงื่อมันก็ออก กาวมันก็หลุดป่ะวะ”

“คราวหน้าก็ใช้สก็อตเทปกันน้ำสิวะ”

“เออๆ พวกมึงเลิกบ่นเป็นพ่อกูได้แล้วโว้ย”

จากประตูบ้านเข้ามาเป็นห้องนั่งเล่นกว้างขวาง มีชุดโซฟาและโทรทัศน์จอแบนเครื่องเบ้อเริ่มกับเครื่องเสียงพร้อม พื้นห้องสะอาดสะอ้าน แถมยังมีเครื่องปรับอากาศด้วย

พอเข้ามานั่งในบ้านกันแล้ว หลานเจ้าของบ้านก็เอาน้ำอัดลมกับเฉาก๊วยใส่น้ำแข็งมาเสิร์ฟให้ จากนั้นจึงนั่งลงแล้วแนะนำตัว “กูชื่อแซนดี้ อยู่วิจิตรศิลป์ปีหนึ่ง พวกมึงชื่อไร”

สี่หนุ่มหันขวับ แสกนเจ้าหล่อนตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า “ขอชื่อจริงได้ป่ะวะ”

เจ้าหล่อนถลึงตาใส่ “พวกมึงจะรู้ไปทำไมวะ!” จากนั้นจึงพูดเสียงค่อย “แสนดี”

“อ่ะๆ กูนี่ชื่อพิงค์ ไอ้นั่นขิง ดิว แล้วก็ซัน อยู่วิดวะไฟฟ้าปีหนึ่งเหมือนกัน”

“แล้วทำไมพวกมึงไม่ไปอยู่หอนอกเหมือนคนอื่นวะ ทำไมถึงอยากอยู่บ้านเช่าอะ”

“ทีมึงอยู่ปีหนึ่งยังไม่อยู่หอในกับคนอื่นเลยป่ะวะ”

“กูไม่ชอบความลำบากไง อยากอยู่สบายๆ มีห้องส่วนตัว แล้วพวกมึงล่ะ จะบอกได้ยังวะ”

“ก็อยากอยู่ที่กว้างๆ มีครัว มีที่เงียบๆ ให้อ่านหนังสือ มีอิสระ มีที่จอดมอไซค์อะดิ”

แซนดี้จ้องเพื่อนใหม่ทั้งสี่คนบ้าง ดูๆ แล้วก็น่าจะเป็นคนดี นิสัยดี คงจะพออยู่ร่วมกันได้ ถ้า... “ถ้าพวกมึงไม่รังเกียจ มีห้องว่างชั้นบนอีกสองห้อง มีห้องอาบน้ำในตัวด้วยเว้ย”

“รังเกียจอะไรวะ นี่มันสวรรค์ชัดๆ!”

“สวรรค์เหี้ยไร เดี๋ยวกูพาไปดูห้องก่อน มันเป็นห้องว่างๆ ไม่มีอะไรเลยนะเว้ย”

ห้องชั้นบนไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ ทั้งสิ้นอย่างที่แซนดี้ว่า แต่มีขนาดกว้างขวาง มีห้องน้ำแบบฝักบัว สภาพใหม่เอี่ยมเพราะตั้งแต่เจ้าของซื้อบ้านมาก็ยังไม่เคยใช้งาน

“คือญาติกูเนี่ย ตอนแรกลูกเขาอยากจะเข้ามหาลัยที่นี่ไง พ่อแม่เลยซื้อเตรียมไว้ให้ แต่พอจบมอหกเข้าจริงๆ เสือกเกิดเปลี่ยนใจจะไปต่อนอกเว้ย บ้านเลยไม่มีใครอยู่เลย”

“ไอ้เหี้ย ญาติมึงนี่ต้องรวยขนาดไหนวะ มึงก็ด้วย กูสงสัยตั้งแต่รถมึงแล้ว”

แซนดี้ไม่ตอบ เขากวักมือเรียกให้กลับลงไปนั่งข้างล่างกันเพราะรู้สึกร้อน “คือห้องข้างบนนี่มันไม่มีอะไรเลยอ่ะ ปกติกูก็อยู่แค่ข้างล่าง ห้องกูอยู่ชั้นล่างนี่ เพราะงั้นถ้าพวกมึงอยู่กันได้ กูก็ยินดีจะแบ่งข้างบนให้เช่าเว้ย ส่วนห้องครัวห้องนั่งเล่นนี่ ถ้าใช้รวมกันได้ก็โอเค”

“แล้วมึงจะคิดค่าเช่ายังไงวะ”

แซนดี้คิดค่าเช่าพวกเขาคนละพันบาทต่อเดือน ค่าน้ำกับค่าอินเทอร์เน็ตหารกัน ส่วนค่าไฟเขาจ่ายเอง เพราะเป็นคนเดียวที่ใช้เครื่องปรับอากาศ 

“ไอ้เหี้ย ถูกไปมั้ยเนี่ย”

“เออ แม่กูเช่าบ้านนี่มาก็ไม่แพงหรอกเว้ย แต่กูมีงานอย่างนึงที่พวกมึงต้องคอยช่วยกู งานนี้สำคัญมาก...”

เสียงเคร่งขรึมของแซนดี้ทำให้สี่หนุ่มต้องรอฟังอย่างลุ้นระทึก “งานอะไรวะ”

“คือว่า... พ่อแม่กูจะมาที่นี่ทุกวันเสาร์อาทิตย์ต้นเดือน มาค้างที่ห้องกูเนี่ย แล้วที่สำคัญมากคือกูจะต้องแมน! พวกมึงจะต้องเล่นบทเพื่อน โหด โฉด เถื่อนของกู กลบเกลื่อนความตุ๊ดของกูไม่ให้เหลือซากด้วย! วันธรรมดากูเป็นดอกโบตั๋น แต่วันนั้นของเดือนกูต้องเป็นมังกร พวกมึงเข้าใจมั้ย มังกรรรร~” แซนดี้รัวลิ้นแถมให้ด้วย

“สัส มึงอยากกินหมี่เหรอ” ภูพิงค์แถมให้

สามหนุ่มชะงัก ก่อนจะหัวเราะลั่น หัวเราะกันไม่หยุดจนแซนดี้อยากจะเอาน้ำร้อนสาดแม่ง

“ไม่กินเว้ย แม่งติดฟัน ในปอดกูเนี่ยจะมีแต่เส้นหมี่แล้วเว้ย”

“พอๆ อีเวร มึงไม่ต้องบรรยายให้พวกกูนึกภาพ” ขิงรีบห้าม “แล้วนี่มึงเอาเสื้อผ้ามึงไปซ่อนไว้ที่ไหนวะเนี่ย”

“นี่ชุดแม่กู เครื่องสำอางบนหน้านี่ก็ของแม่กู” แซนดี้ตอบ

“เออ ไอ้บทโหด โฉด เถื่อน พวกกูคงไม่ลำบากสักเท่าไหร่ แต่ไอ้เรื่องกลบเกลื่อนความตุ๊ดของมึงเนี่ย พวกกูจะพยายามละกันว่ะ”

และนั่นก็คือการโคจรมาพบกันของทั้งห้าหนุ่ม หลังจากพวกเขาตกลงเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน ช่วงแรกๆ สี่หนุ่มก็ขึงราวเอาไว้แขวนไม้แขวนแทนตู้เสื้อผ้าในห้อง นั่งอ่านหนังสือกันบนที่นอนปิกนิกและโต๊ะญี่ปุ่น ส่วนห้องครัวมีไว้หุงข้าวกินกับไข่เจียวหรือไม่ก็ไข่ต้ม มอเตอร์ไซค์สี่คันก็จอดไว้หน้าบ้านคู่กับรถ BMW ของแซนดี้ ซึ่งนานๆ ทีจะกลายเป็นแสนดีแทน

บิดามารดาของแซนดี้มาเยี่ยมและส่งคนมาทำความสะอาดบ้านให้เป็นประจำ หากพอนานไปเริ่มถูกคอกับเพื่อนของลูกชาย เห็นว่าทั้งห้าคนสนิทสนมกันดี พวกเขาจึงซื้อที่นอน ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะหนังสือมาใส่ในห้องให้ แถมยังนำอาหาร ขนมและผลไม้มากมายมาเผื่อสี่หนุ่มด้วยเสมอๆ

งานนี้ทั้งสี่มีแต่เปรมกับเปรม

เมื่ออยู่ด้วยกันนานวันเข้า ความสนิทสนมของทั้งห้าคนก็เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างงงๆ เช่นกัน ทั้งที่แตกต่างกันไปคนละขั้ว หากเพราะพวกเขาไม่ก้าวก่ายกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เวลาไปเรียนต่างคนต่างไป แต่ก็มักจะกลับมานั่งกินมื้อเย็นที่แซนดี้ทำให้เป็นประจำ จากนั้นก็นั่งทำการบ้านด้วยกัน และคอยถามไถ่ทุกข์สุขกันเสมอ

สำหรับแซนดี้นั้น ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมากหลังจากที่มีสี่หนุ่มเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย พวกเขาเป็นเพื่อนกลุ่มแรกของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะเขาไม่สนิทกับใครในคณะเลยสักคน ด้วยความที่เมื่อสมัยเป็นนักเรียนถูกคนอื่นๆ ในโรงเรียนรังแกบ่อยๆ เขาจึงไม่ค่อยเปิดใจให้กับใครนัก

หากการพบกันของพวกเขาแตกต่างออกไป แซนดี้คิดว่าเขาไว้ใจเพื่อนทั้งสี่คนนี้ได้ คงเป็นเพราะพวกเขายอมรับในตัวเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน

อาห์... พูดซะดูหรูดูดี 

ความจริงน่ะหรือ... ไอ้พวกนี้ทำให้เขาปวดหัวแม่งทุกวัน


อย่างเช่นเมื่อวันก่อน

“ไอ้พวกเหี้ย ใครเอาสติ๊กเกอร์ไปติดหลังรถกูวะ!” แซนดี้โวยวาย

“อ๋อ กูเอง” ภูพิงค์ยิ้มรับ “ดูแมนดีนะเว้ย พ่อแม่มึงต้องภูมิใจแน่”

“เขียนว่า ไม่อยากเจ็บจิ๋มอย่ายิ้มให้พี่ เนี่ยนะ! พ่อแม่กูคงภูมิใจมากเลยสัส!”


แล้ววันถัดๆ มา

“อีแซนดี้ มีพาราฯ มั้ยวะ” ภูพิงค์พูดขึ้นขณะนั่งทำการบ้านส่งอาจารย์รวมกับทุกคนในห้อง

“พาราฯ เหี้ยไร พาราณสีเหรอ มึงคิดว่ากูเป็นนางสีดารึไง” คนถูกถามจีบปากจีบคอตอกกลับไปทันใด เขารอโอกาสปะทะคารมกับไอ้พิงค์มานานแล้ว

“นางสีดานั่นมันกรุงลงกาป่ะวะอีเหี้ย” ซันหันไปตอบให้

ภูพิงค์ยกมือขึ้นกุมขมับ อยากจะเถียงกับไอ้พวกเวรนี่ด้วย แต่ตอนนี้สภาพหัวไม่อำนวย “กูปวดหัวโว้ย ยาพาราฯ น่ะพาราเซตตามอล”

“อยู่บนโต๊ะในห้องอะ ไปหยิบเอา”

เด็กหนุ่มลุกเดินเข้าไปในห้อง พอไปถึงโต๊ะ หยิบขวดยาขึ้นมาดู สายตาก็ไปสังเกตเห็นมุมโต๊ะที่มันมู่ทู่ ไม่แหลมเหมือนมุมโต๊ะทั่วไป เขาจึงตะโกนถาม “อีแซนดี้ มึงแทะมุมโต๊ะเหรอวะ”

“พูดอะไรของมึงเนี่ย” เจ้าของห้องตอบกลับมา

ซันเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงของภูพิงค์จึงชะโงกหน้าเข้าไปดู “มีอะไรวะมึง”

ภูพิงค์กวักมือเรียกเพื่อนให้เข้ามาดูใกล้ๆ “เหี้ยซัน มึงดูมุมโต๊ะอีแซนดี้ดิ”

ซันทำหน้าตกใจ พร้อมกับยกมือขึ้นทาบอก “เฮ้ย! กูรู้! กูเคยอ่านในการ์ตูน! ใช่แน่!”

“ใช่อะไรของมึง”

ซันขยับเข้าไปกระซิบ ก่อนภูพิงค์จะอุทาน “โอ้โห อะเมสซิ่ง!”

ขณะเดียวกันเจ้าของห้องเดินเข้ามาสมทบด้วย “พวกมึงมามุงดูอะไรกันเนี่ย”

สองหนุ่มหันขวับไปทางแซนดี้ “อีแซนดี้! มึงเอาจู๋ถูขอบโต๊ะเวลาน้ำเดินใช่มะ! นี่มึงต้องน้ำเดินวันละกี่รอบวะ ขอบถึงทู่ขนาดนี้!”

“ไอ้สัส! กูเอากระดาษทรายถูเพราะขอบมันแหลมทิ่มเจ็บโว้ย!”

“อ๋อ! เอากระดาษทรายถูก่อนแล้วมึงค่อยเอาจู๋ถูใช่มะ!” ภูพิงค์สรุปให้

“ไอ้เหี้ย ไม่ปวดหัวแล้วเหรอ แดกยาทั้งขวดไปเลยนะกูขอร้อง!”


ในคืนที่มีแข่งฟุตบอล ห้าหนุ่มจะนั่งดูฟุตบอลด้วยกันเสมอ ซึ่งแซนดี้ก็จะเตรียมอาหารและขนมไว้อุดปาก ไม่ให้ไอ้สี่คนนี่โวยวายกับผลบอลมากจนน่ารำคาญ

แซนดี้กวาดสายตามองเพื่อนร่วมบ้านเช่าทั้งสี่ พวกเขาอยู่ด้วยกันมาเป็นเทอมแล้ว ทว่าเขาไม่เคยเห็นพวกมันโกนหนวดหรือเปลี่ยนทรงผมกันเลย “นี่ พวกมึงไม่คิดจะตัดผมโกนหนวดกันบ้างเลยเหรอวะ”

“ทำไมวะ ทีมึงยังไม่เลิกหาเด็กแว้นแดกเลยอ่ะ”

“แหม เด็กแว้นมันแซ่บนะเว้ย ไม่เอาดิ กูถามจริง ทำไมไม่ตัดผมโกนหนวดกันวะ”

“เก็บไว้ว้ากน้องไง” ภูพิงค์ตอบให้ “นี่กูไว้มาตั้งแต่รู้ว่าเข้ามหาลัยได้เลยนะเว้ย”

ขิงพูดแทรก “คือพวกกูอะ ต่อให้โกนหนวดก็ยังดูเถื่อน แต่ไอ้พิงค์นี่ ถ้าโกนหนวดมึงต้องตกใจ พวกกูเคยเห็นรูปมันสมัยมอปลายมาแล้ว แม่งหน้าหวานฉิบหาย ไหนๆ ก็ไหนๆ พวกกูเลยไว้หนวดเป็นเพื่อนมัน”

“จริงอะ ความจริงมึงสวยกว่ากูใช่มะ” แซนดี้หันไปถาม

“ผู้ชายทั้งคณะกูสวยกว่ามึงหมดอะสัส” ภูพิงค์ตอบ

“มึงมาแต่งหญิงแข่งกับกูเลยดีกว่า”

“แค่นั่งข้างกูนี่มึงยังเสียความมั่นใจไม่พออีกเหรอ”

แซนดี้เบะปากใส่ “ทำไม มึงเป็นมิสยูนิเวิร์สรึไง อีสลิด!”

“อ้าว บ่าจ๊าดหมานี่! ไอ้ผีเบื่อ สลิดดก ง่าวใบ้ง่าวง่าว บ่าฮ่ากิ๋นตับ!” ภูพิงค์ตอกกลับไปชุดใหญ่ ถึงเขาจะอู้กำเมืองบ่ได้ แต่ด่าได้โว้ย!

แซนดี้อ้าปากค้าง “โอ้โห! ไอ้พิงค์ กูขอร้อง อย่าปากจัดกว่ากูได้มะ เสียสถาบันตุ๊ดหมด บ่าฮ่า”

“พวกมึงหยุดเถียงกันทีได้โปรด” ขิงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดไล่หารูปเมื่อตอนมัธยมปลายของภูพิงค์ให้อีกฝ่ายดู “เอ้า ดูๆ”

“ทำไมมึงมีรูปกูวะ” เจ้าของรูปคิ้วกระตุก

“เซฟมาจากเฟซมึงโดยเฉพาะ เอาไว้แบล็กเมลมึงไง”

“สัส!”

แซนดี้เบิกตากว้าง “ไอ้พิงค์เป็นเด็กกางเกงน้ำเงินเหรอวะเนี่ย ไอ้เหี้ย โอปป้ามากมึง โหย ถ้ามึงตัดผมโกนหนวดนี่ เป็นเดือนคณะได้เลยเว้ย”

“เดือนคณะพ่องส์ มึงไปแหกตาดูผู้ชายคณะกูก่อน มีเป็นล้าน ละลานตาจนมึงเลือกไม่ถูกแน่”

“กูไม่สนเด็กวิดวะอ่ะ”

ซันพยักหน้าหงึกหงัก “มึงก็รู้ เสป็กมันต้องเด็กแว้น”

“นี่เด็กแว้นทั้งเชียงใหม่ไม่รู้จักมึงหมดแล้วเหรอวะ อีแซนดี้”

“เออ กูก็ว่าอยู่ ว่าจะขยายพื้นที่หากินไปจังหวัดข้างๆ บ้างละ”

สี่หนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ นึกสงสารเด็กแว้นขึ้นมาก็คราวนี้แหละ “มึงไม่กระอักกระอ่วนใจบ้างเหรอวะ ไปไหนก็เจอแต่อดีตผัว ลดๆ จำนวนผัวลง เอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบบ้างนะเว้ย”

“ความจริงอะ ในทางปฏิบัติจำนวนผัวกูลดลงแล้วเว้ย”

“ลดลงห่าไร กูเห็นมึงเปลี่ยนหน้าควงทุกอาทิตย์”

“เออ แต่จำนวนเมียในร่างผัวเพิ่มขึ้นไงค้า~”

สี่หนุ่มแทบจะพ่นขนมในปากออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน

ภูพิงค์ร้องลั่น “อีเหี้ย! อะไรของมึงวะเนี่ย มึงอย่าบอกนะว่า...”

“เออ... ก็เพราะพวกมึงแหละ แพร่เชื้อแมนมาให้กู หลังๆ มานี่ กูเลยรุกบ้าง รับบ้าง แล้วแต่อารมณ์”

“อีซัสสสส~ ไม่ต้องบอกพวกกูทุกเรื่องก็ด้ายยย~” พวกเขาร้องเสียงหลง “นี่หมายความว่าเด็กแว้นที่มารับมึงเนี่ย บางคนก็เป็นเมียในร่างผัวของมึงเรอะ!”

“ช่ายยย ยังมีอีกนะ คือบางคนก็เป็นทั้งผัวทั้งเมียในร่างเดียว ทูอินวันอะมึง”

“เย้ย~”

“พวกมึงไม่ต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีก็ได้ป่ะวะ กูมีของดี กูก็อยากใช้บ้างไรบ้าง ยุคนี้แล้ว บทบาทมันต้องสลับกันได้เว้ย แฟร์ๆ อะเข้าใจปะ นี่ความลับสุดยอด บอกพวกมึงเท่านั้นเลยนะเนี่ย”

“โอ้โห ซึ้งฉิบห้าย~ ถามพวกกูบ้างมั้ยว่าอยากรู้รึเปล๊า!”

สี่หนุ่มวิศวะได้เปิดโลกทัศน์กว้างขึ้นก็ครั้งนี้นี่แหละ!


แล้ววันดีคืนดี แซนดี้ก็เอาเสื้อผ้าที่ซื้อมาใส่เองแต่อ้างว่าจะซื้อมาให้มารดามาใส่อวดสี่หนุ่ม “เป็นไงบ้างพวกมึง~” เขาจับชายกระโปรงโบกสะบัดไปมา

“สลิด”

“แฮ่น”

“ไค่ฮาก (อยากอาเจียน)”

“พวกมึงนิ อยากเป็นเมียกูอ่อ ด่าได้ด่าดี เดี๋ยวกูปล้ำแม่ง!”

ภูพิงค์อ้าปากกำลังจะเอ่ยปากชื่นชมต่อจากเพื่อน แต่โดนอีกฝ่ายสั่งให้หยุดไว้ก่อน

“ไอ้พิงค์ มึงหยุด แค่นี้กูก็เจ็บช้ำพอแล้วมะ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะปะทะคารมกับมึงเว้ย!” แซนดี้ขึงตาใส่ แล้วเดินสะบัดตูดกลับเข้าห้องไป

หากสักพักสี่หนุ่มก็ตามไปง้อ ชมว่าสวยเลิศสารพัด เพื่อให้เจ้าหล่อนยอมกลับมาทำมื้อเย็นให้กิน

กิจวัตรประจำวันทั่วไปของพวกเขาก็มีแค่นี้ล่ะ จนถึงตอนนี้ก็อยู่ร่วมกันมาปีกว่าแล้ว ทั้งห้าคนขึ้นปีสาม สี่หนุ่มเป็นพี่ว้าก และจะร่วมหามเสลี่ยงขึ้นดอยในปีนี้ด้วย ส่วนแซนดี้นั้นก็ยังคงไล่ล่าเด็กแว้นเป็นกิจวัตร และก็ยังคงตบตาบิดามารดา สร้างภาพไว้ว่าว่าบุตรชายสุดที่รักของพวกเขานั้น สุดแสนจะแมนแฮนซัมจริงๆ


*TBC*


พาน้องภูพิงค์มาให้รู้จักแล้วค่า น้องน่ารักชิมิ๊~ กับเพื่อนยังพากันป่วนจนปวดหัวขนาดนี้ แล้วเจอพี่หมอ พี่หมอจะปวดกบาลขนาดไหนเนี่ย 55555555

ตอนนี้เป็นชีวิตน้องพิงค์กับผองเพื่อน ให้พี่วินพักเตรียมขึ้นดอยก่อนนะคะ

แล้วตอนหน้าเรามาขึ้นดอยกัน ซอยเท้ารอกันไปพลางๆ นะคะ 555555

ฮัสกี้จะไปต่างจังหวัด แต่คิดว่าน่าจะเอาตอนขึ้นดอยมาลงได้วันเสาร์หรือวันอาทิตย์ล่ะมั้ง

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า จุ๊บๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-09-2017 16:48:09
ป๊าดดดด แซนดี้อย่างฮาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-09-2017 17:11:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-09-2017 18:14:29
 :laugh:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 27-09-2017 21:48:34
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 27-09-2017 21:48:50
ภูพิงค์นี่ใคร 5555 กลายเป็นว่าตอนนี้แซนดี้แย่งซีนนายเอกเราแล้วค่าาา :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-09-2017 22:23:13
แสนดีนี่แซ่บจริงๆ ครบรสสุดๆ
แต่ว่าน้องพิงค์หน้าหวาน แล้วกะคุณหมอนี่ จะแบ่งโพสิชั่นยังไง
รึจะเดินตามรอยแซนดี้ สลับไปมางี้เหรอ ม่ายยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 28-09-2017 04:04:15
โอ้โห ปากเดอะแก๊งแต่ละคน ยอมอะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-09-2017 05:21:38
แซ่บ แซ้บ แซ่บ  :ling1: :ling1: :ling1:

ภูพิงค์ ผองเพื่อน กับแซนดี้
แซนดี้  น่าฮักขนาด แต๊บดีแล้วใช่ก่อ
(ว่าแต่สี่หนุ่มทำไมรู้เรื่องแต๊บดีขนาดนี้ สงสัยเคยแต๊บกันมาก่อนแน่ๆ)

แซนดี้ ได้เพื่อน เถื่อน โหด โฉด มาเพื่ม
เดี๋ยวนี้เลยพัฒนา ได้ทั้งรุกทั้งรับ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

หมอวิน ไม่ออกฉากเลย คิดถึง  :mew2: :mew2: :mew2:
กะ กะ ก็ สงสัยเหมียนกันเน้าะ ว่าพิงค์ วิน หรือ พิงค์ วิน หรือจะเหมือนแซนดี้  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 28-09-2017 09:05:19
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 28-09-2017 10:28:32
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-09-2017 11:14:08
มีความเอ็นดูภูพิงค์ แค่ชื่อก้อปริ่มมากกกกกก :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-09-2017 12:58:50
เรื่องนี้แซนดี้เป็นนางเอกใช่ไหมคะ นางเริ่ดมาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 28-09-2017 17:27:38
ชอบแซนดี้กะภูพิงค ปะทะคารมกัน ตลกดี  :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 28-09-2017 20:19:40
น่ารักค่ะะะ 555555555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-09-2017 11:16:57
พิงค์และผองเพื่อนฮามากอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-09-2017 19:56:37
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-10-2017 12:27:04
เพื่อนๆแต่ล่ะคนน่ารักทั้งนั้น มาลุ้นค่ะว่าจะเจอคุณหมอในแบบไหนนน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-10-2017 13:38:13
แซนดี้ฮาดี ชอบๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 01-10-2017 18:28:32


Chapter 4 : ขึ้นดอย (ครึ่งแรก)


รวินท์


เช้ามืดของวันรับน้องขึ้นดอย รวินท์ตื่นมารอตึ๋ง ลูกชายของพี่ผู้ช่วยทันตแพทย์ด้วยความตื่นเต้น หากเขาไม่ได้นั่งรอเด็กหนุ่มอยู่ตามลำพัง ไอ้เต้เพื่อนรักก็ตื่นมาบ่นให้เขาฟังต่อจนหูชาแล้วชาอีก มันบ่นมาตั้งแต่เขาบอกมันเรื่องจะไปขึ้นดอยนี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว บ่นตลอดสัปดาห์มาจนถึงวันนี้ หาว่าเขาทิ้งให้มันทำงานแล้วไปสนุกคนเดียว

“ไอ้เต้ มึงกลับไปนอนเลยไป๊ กูรำคาญจะฟังเสียงแมลงหวี่แมลงวันของมึงแล้วโว้ย”

“มึงใจร้ายกับกูอ่ะ มีอย่างที่ไหนวะ ไปขึ้นดอยคนเดียว กูก็อยากดูมะ”

“เอ๊า ก็กูว่างคนเดียวรึเปล่าวะ ถ้ามึงไม่ได้ทำงานกูก็ต้องไปดูกับมึงอยู่แล้ว” รวินท์มองเพื่อนซึ่งทำหน้าบึ้งเบ้ปากใส่เขาอย่างปลงๆ “คิดว่าทำแล้วน่ารักเหรอมึงอะ เดี๋ยวกูถ่ายรูปมาฝากน่ะ ถ่ายวิดีโอด้วย”

“อย่าตากแดดจนไม่สบายล่ะ มึงยิ่งโง่ๆ อยู่”

“เออๆ กูมีหมวกนี่ไง น้ำก็มี ขนมก็มี แหกตาดูซะ พอใจยัง พ่อกูฝากมึงให้ดูแลกู ไม่ได้ฝากให้มึงเป็นพ่อแทนพ่อกูนะเว้ย”

ระหว่างนั้นก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าคลินิก คนขับเป็นเด็กหนุ่มหน้าตี๋ ได้รับเค้าโครงหน้าของพี่นิ้งมาแบบเต็มๆ เขายกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีครับพี่หมอ”

สองหนุ่มยกมือขึ้นรับไว้ ก่อนเตชิตจะบ่นต่อ “จะรับมือไอ้วินไหวมั้ยเนี่ย น้องยังเด็กอยู่เลย”

“โห ผมมอหกแล้วนะพี่หมอ ปีหน้าจะไปวิ่งขึ้นดอยแล้ว” ตึ๋งยิ้มกว้าง “ไว้ใจไอ้ตึ๋งเถอะ”

ทันตแพทย์หนุ่มผลักเพื่อนออกไปเบาๆ “มึงไปนอนต่อไป กูจะไปแล้ว”

“ช่วยน้องดูทางด้วยนะมึง ขี่รถกันระวังๆ”

“เออๆ กูไปแล้วครับพ่อ” รวินท์หันไปยกมือไหว้ประชด แต่พอตึ๋งเห็นอย่างนั้นก็รีบยกมือไหว้บ้าง จากนั้นทันตแพทย์หนุ่มก็รับหมวกกันน็อกมาสวม ขึ้นนั่งซ้อนหลังอีกฝ่าย แล้วรถมอเตอร์ไซค์ก็เคลื่อนออกไป


ท้องฟ้าเบื้องบนยังคงมืดสนิท แต่ภายในตัวเมืองเชียงใหม่เปิดไฟไว้สว่างไสว ตึ๋งขี่รถออกไปหามุมดีๆ ก่อนจะปักหลักร่วมกับตากล้องอีกหลายชีวิตอยู่ที่ข้างหน้าประตูมหาวิทยาลัย

“เดี๋ยวดูพี่ๆ แบกเสลี่ยงออกจากมหาลัยก่อนนะพี่หมอ แล้วเราจะไปหยุดดูต่อที่ครูบาศรีวิชัย”

“ตามใจตึ๋งเลย พี่ไม่รู้จักหรอกว่ะ”

“พี่หมอเพิ่งมาดูครั้งแรกเหรอ”

“อือ ข้างในมหาลัยนั่นยังไม่เคยเข้าไปเลย”

“เอาไว้วันหลังพี่หมอเดินเข้าไปดูสิ สวยดี สาวๆ ก็สวย อย่างพี่หมอนี่ เข้าไปแล้วต้องได้ติดมือออกมาเป็นพวงแหงๆ”

“ติดมือเป็นพวงนี่คนหรือปลาดุกวะน้องตึ๋ง”

ขณะที่พูดคุยกันก็ได้ยินเสียงเฮดังแว่ว ตึ๋งยืนไม่อยู่สุขเลยทีเดียว เขายิ้มกว้างพลางหันมองไปที่ประตู “เดี๋ยวขบวนเสลี่ยงจะออกมาแล้ว!”

สักพักก็มีนักศึกษากลุ่มใหญ่แบกเสลี่ยงที่ประดับประดาไว้ด้วยดอกไม้สวยงามวิ่งออกมาจากประตูมหาวิทยาลัย ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวินท์ยังไม่ทันโฟกัสชัตเตอร์ในโทรศัพท์มือถือได้ ขบวนเสลี่ยงก็วิ่งผ่านไปเรียบร้อยแล้ว

“อะไรวะเนี่ย จะรีบไปไหนกัน!”

“วิดวะเขาต้องวิ่งนะพี่หมอ เขาวิ่งกันทุกปี วิ่งเร็วบ้างช้าบ้าง แต่วิ่งตลอดจนถึงดอยสุเทพนู่นเลย อย่าเผลอไปยืนขวางขบวนล่ะ ไม่งั้นพี่หมอโดนเหยียบแบนแน่ๆ”

“โห มิน่า เห็นซ้อมวิ่งกันแบบเอาเป็นเอาตาย”

“ไปๆ ขึ้นมอไซค์ต่อเหอะพี่หมอ ไปดักรอที่ครูบาศรีวิชัยกัน”

รถมอเตอร์ไซค์วิ่งออกไปไม่นานก็ทันกลุ่มนักศึกษาที่กำลังแบกเสลี่ยงอยู่ลิบๆ รวินท์อยากจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปไว้ให้ไอ้เต้เพื่อนรักดู แต่เห็นแค่ไกลๆ เพียงแวบเดียวเท่านั้น เขาเลยช่างแม่ง

หลังจากหยุดดูเหล่านักศึกษากันที่อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยแล้ว ตึ๋งก็พาขี่รถขึ้นไปบนเขาต่อ เขาขี่ไปช้าๆ ผ่านโค้งสูงชันโค้งแล้วโค้งเล่า ทำให้รวินท์เสียวสันหลังวาบๆ อยู่บ่อยๆ

“ตึ๋งขี่รถเก่งว่ะ ไม่น่าเชื่อ”

“ผมขี่ขึ้นดอยมาเป็นร้อยรอบแล้วพี่หมอ เป็นละอ่อนเจียงใหม่ ขี่รถขึ้นดอยบ่ไหวก็แย่แล้ว”

สักพักตึ๋งก็พาขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปถึงหัวโค้งหนึ่งซึ่งมีคนยืนรออยู่เต็มไปหมด ทั้งที่ยังเช้ามาก ดวงอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้ามานิดเดียว

ทันตแพทย์หนุ่มชะเง้อมองพลางขมวดคิ้ว “นี่เขามารอดูวิดวะแบกเสลี่ยงกันหมดเลยเรอะ”

“พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้วน่ะพี่หมอ พวกเขามาให้กำลังใจรุ่นน้องกัน” ตึ๋งพูดพร้อมกับจูงแขนพาทันตแพทย์หนุ่มไปหาที่ยืนมุมเหมาะๆ ที่เขามายืนดูอยู่ทุกปี “ตรงนี้เขาเรียกว่าโค้งขุนกัณฑ์ เดี๋ยวพวกพี่ๆ เขาขึ้นมาถึงก็จะมาหยุดตั้งหลัก จัดแถวใหม่กันตรงก่อนถึงหัวโค้งนั่น แล้วก็กอดคอวันวิ่งขึ้นไปจนถึงข้างบนนู่น เจ๋งสุดๆ ไปเลยแหละพี่”

รวินท์หันมองไปรอบๆ จะว่าไปหลายคนก็ใส่ชอปสีน้ำเงินกับยีนเหมือนกัน บางคนก็ใส่เสื้อยืดของคณะ บนศีรษะผูกผ้าคาดสีดำ บ้างก็คล้องไว้ที่คอ แต่ทุกผืนเขียนคำว่า SOTUS ไว้ทั้งนั้น “รุ่นพี่จบไปแล้ว แต่ยังกลับมาให้กำลังใจรุ่นน้องเยอะมาก ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ”

“มาตั้งแต่รุ่นแรกเลยแหละครับ รุ่นพี่คณะนี้สุดยอดแล้ว พี่หมอดูผ้าที่เขียนว่า SOTUS อ่ะ ผ้าสีน้ำเงินคือปีสอง สีขาวปีสาม สีแดงปีสี่ ถ้าจบไปแล้วก็สีดำ”

ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักอย่างสนใจ บรรยากาศตอนนี้น่าสนุก โคตรคึกคัก และยังน่าสนใจสุดๆ ไปเลย ยืนไปไม่นานก็เห็นขบวนนักศึกษาแบกเสลี่ยงขึ้นมาลิบๆ แต่เสียงเฮโลเรียกพลังกันดังกระหึ่มพื้นที่ ฟังแล้วอดขนลุกไปกับความบ้าพลังด้วยไม่ได้
เสียงบูมจากรุ่นพี่ที่รออยู่ดังก้องไปทั่วโค้งขุณกัณฑ์เพื่อต้อนรับขบวนเสลี่ยง ก่อนทีมแบกเสลี่ยงจะหยุดตั้งหลักกันตรงก่อนถึงหัวโค้งขุนกัณฑ์

“แล้วทำไมต้องกอดคอกันวิ่งที่โค้งนี้ด้วยอ่ะตึ๋ง” รวินท์หันไปถามอีก

เด็กหนุ่มหันขวับมาจะตอบ แต่ไม่ทันคนที่ยืนอยู่แถวนั้น

“พี่น้องวิศวะรวมใจร่วมวิ่งไปด้วยกัน กอดคอกันไว้ ลากกันไปให้ถึงยอดดอย มันคือสปิริตของเราไงล่ะ โค้งนี้เลยชื่อว่าโค้งสปิริต เป็นตัว S สุดท้ายของคำว่า SOTUS ของเรา” 

“อ่อ ขอบคุณนะครับ” ทันตแพทย์หนุ่มโปรยยิ้มพร้อมกับผงกศีรษะขอบคุณหญิงสาวที่ช่วยตอบให้

“คุณวินคะ”

“ครับ”

“ตอบให้แล้ว ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยนะคะ”

“หือ รูปผมเนี่ยเหรอ” รวินท์ชี้ไปที่ตัวเองอย่างงงๆ เพราะไม่นึกว่าที่นี่จะมีคนรู้จักตนเองด้วย แต่ไหนๆ ตรงนี้นี่ก็เป็นโค้งสปิริต เขาเองก็มีสปิริตที่จะตอบแทนหญิงสาวเช่นกัน “เอาๆ มาเลยครับ”

หญิงสาวในเสื้อชอปสีน้ำเงิน ผ้าคาดศีรษะสีดำหันไปโบกมือเรียกเพื่อนๆ ของเธอ “พวกแก๊~ คุณวินไง คนที่ถือธงมหาลัยงานบอลคนนั้นไงเว้ย! ตัวจริงเสียงจริงเล้ย! เขาให้ถ่ายรูปด้วยเว้ย มาเร้ว!” สิ้นคำเรียก เพื่อนๆ ทั้งหญิงแท้และไม่แท้ก็กรูกันเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ถ่ายรูปคู่รูปหมู่รูปเดี่ยวจนคุ้มกับคำตอบที่ตอบไปหลายประโยค

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มซะจนปากแห้ง เมื่อยปากมากแล้วด้วย เขาหันไปหาตึ๋งเพื่อจะใช้เด็กหนุ่มในการตัดบทเอาตัวรอดสักหน่อย ทว่าอีกฝ่ายกำลังกระดี๊กระด๊า ลืมสนใจเขาไปเลย เพราะได้พูดคุยกับรุ่นพี่วิศวะจากคณะที่ชื่นชมมากมาย

กรรมของกูแท้!

“คุณวินขึ้นไปดูข้างบนด้วยกันเปล่า เดี๋ยวเป็นไกด์ให้ วงในสุดเลยนะเนี่ย ปกติคนนอกไม่ได้เข้าไปดูหรอกน้า~”

“ผมจะเข้าไปได้จริงๆ เหรอ ไม่ใช่พอเข้าไปแล้วก็โดนไล่ออกมานะ”

“ได้สิ เนียนๆ เป็นรุ่นพี่ไป อย่าเกะกะก็พอ อ่ะ เปลี่ยนเสื้อซะหน่อย นี่เป็นเสื้อกับหมวกคณะค่ะ ให้คุณวินไว้เป็นที่ระลึกด้วย”

เจ้าของชื่อยังไม่ทันได้อ้าปาก ไอ้น้องตึ๋งก็ตอบแทนไปด้วยความเร็วแสง “ต้องให้ผมไปด้วยนะ ไม่งั้นพี่หมอไม่ไปหรอก เดี๋ยวไม่มีคนพาพี่หมอกลับ”

“ไปสิไป น้องตึ๋งมาเอาเสื้อไปอีกตัวเลย มาๆ” สาวๆ รีบเอาอกเอาใจ

ตึ๋งถลาไปเกาะแขนรวินท์ไว้ “ไปกันนะพี่หมอ จะได้ไปดูวิดวะทำกิจกรรมกันข้างบนไง”

คุ้มเลยนะมึง ไอ้น้องตึ๋ง!

“อยากได้เสื้ออะดิ”

“แหงสิครับ อยากดูพี่ๆ เขาทำกิจกรรมด้วยอ่ะ นะ นะ น้า~ พี่หมอคนดี”

“เออๆ ไหนๆ ก็มาแล้ว” รวินท์หันไปแจกยิ้มมหาเสน่ห์ให้สาวๆ อีกรอบพร้อมกับรับเสื้อมา “ขอบคุณมากนะครับ ผมต้องขอรบกวนทุกคนด้วยละกัน”

ชายหนุ่มกล่าวขอตัวชั่วครู่ เขาเดินไปหลบมุมเพื่อถอดเสื้อเปลี่ยน แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่พ้นสายตาสาวๆ กับตากล้องหรอก เขาแค่ไม่อยากประเจิดประเจ้อก็เท่านั้น

ถ้ารู้ว่าจะมาถอดเสื้อโชว์สาวๆ และอาจจะถูกถ่ายรูปด้วย เขาจะฟิตหุ่นมาก่อนสักหน่อย ตอนนี้มีแต่ก้าง ไม่รู้ลงพุงรึเปล่าด้วย


ในขณะที่เปลี่ยนเสื้ออยู่ก็มีรถคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจอดไม่ไกลออกไปนัก จากนั้นพวกรุ่นพี่คณะวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งทำหน้าที่พยาบาลก็ค่อยๆ พยุงรุ่นน้องชั้นปีหนึ่งที่ขาใส่เฝือกลงมา ตามมาด้วยรถเข็นอีกหนึ่งคัน สีหน้าของเด็กหนุ่มดูไม่ค่อยดีนัก เขาถูกพยุงไปนั่งลงบนรถเข็น มีรุ่นพี่รายล้อมและใช้พัดช่วยพัดให้ ส่วนตัวเด็กหนุ่มเองนั่งนิ่ง เม้มริมฝีปากแน่นพลางทอดสายตามองไปยังตรงที่รุ่นพี่ปีสี่กำลังทยอยนำขบวนน้องๆ ขึ้นมารวมตัวกัน

รวินท์หันไปมองอย่างสนใจ เด็กหนุ่มคนนั้นแต่งตัวเหมือนกลุ่มปีหนึ่ง ดูจากสีหน้าก็คงอยากจะเดินขึ้นดอยกับเพื่อนๆ หากเพราะบาดเจ็บที่ขาจึงไม่อาจทำได้ดังใจ

รุ่นพี่ที่จบไปแล้วเข้ามารุมล้อมเป็นวงกลมเพื่อบูมต้อนรับเด็กหนุ่ม ทว่าสีหน้าเขาก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย สักพักน้ำตาก็ไหลออกมาเปื้อมแก้ม รุ่นพี่จึงใช้กระดาษทิชชูช่วยซับน้ำตาให้

“พี่หมอ ทำไมเหรอ” ตึ๋งสะกิด เพราะเห็นทันตแพทย์หนุ่มจ้องไปทางนั้นเขม็ง

เสียงพวกรุ่นพี่คุยกันดังแว่ว “เฮ้ย แถวนี้มีหมอหรือพยาบาลมั้ยวะ! น้องน่าจะเจ็บแผลที่ขา แต่น้องยังไม่อยากลง อยากดูเพื่อนก่อน!”

แล้วจู่ๆ สาวๆ ที่ให้เสื้อยืดคณะกับรวินท์ก็หันมาทางชายหนุ่มกันอย่างพร้อมเพรียง

ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “คือผมเป็นหมอฟัน... เฮ้ย! เดี๋ยวครับ!” หากไม่ทันไรเขาก็โดนลากเข้าไปหาเด็กปีหนึ่งคนนั้นแล้ว

“พาหมอมาแล้วค่ะ!”

รวินท์ยืนอึ้งอยู่ที่หน้าเด็กหนุ่มบนรถเข็น เขาหันมองซ้ายที ขวาที สายตาของทุกคนดูจะฝากความหวังไว้ที่เขากันเหลือเกิน ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มแห้งๆ จากนั้นจึงค่อยๆ ค้อมตัวลงเล็กน้อย แล้วทำท่าขรึมให้สมกับเป็นหมอสักหน่อย  “เอ่อ มีอาการยังไง เจ็บแบบไหน ตรงไหนครับ” 

ตึ๋งวิ่งตามมาด้วย เขาย่อตัวลงนั่ง สองมือเกาะบนที่เท้าแขนของรถเข็น “พี่เป็นไรอ่ะ ร้องไห้ทำไม ถ้าเจ็บขาตรงไหนก็บอกพี่หมอสิ พี่หมอช่วยได้นะ”

เฮ้ย ไอ้น้องตึ๋ง! ช่วยถามกูก่อนด้วยว่าจะช่วยได้ไหม กูเป็นหมอฟันโว้ย! รวินท์ด่าอยู่ในใจ แต่ยังคงเก๊กหน้าไว้ให้ดูน่าเชื่อถือ

พวกรุ่นพี่ที่ล้อมอยู่มีสีหน้าเป็นกังวลกันทุกคน “นั่นสิ เจ็บตรงไหนบอกหมอสิครับ/คะน้องโจ้”
 
เด็กหนุ่มบนรถเข็นซึ่งนิ่งเงียบอยู่นานยิ้มบาง แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ได้เป็นไรครับ แค่เสียใจเฉยๆ”

ตึ๋งขมวดคิ้ว “พี่คงอยากวิ่งขึ้นดอยสินะ ให้เพื่อนหรือพี่ๆ ช่วยเข็นขึ้นไปก็ได้นี่”

“โธ่ เรื่องนั้นให้พวกพี่เข็นก็ได้ ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย” พวกรุ่นพี่ช่วยกันปลอบโยน

เด็กหนุ่มบนรถเข็นส่ายหน้า “ผมเกรงใจเพื่อนๆ กับพี่ๆ ผมอยากให้ทุกคนได้กอดคอกันวิ่งขึ้นไปมากกว่าต้องมาคอยพะวงกับผม”

“โอ๊ย ไม่เห็นเป็นไรเลย พวกพี่เคยวิ่งขึ้นด้วยกันมาแล้ว แต่ของปีหนึ่งสำคัญกว่านะ พี่อยากให้โจ้ได้มีประสบการณ์ดีๆ พร้อมกันกับเพื่อนๆ นะ”

“ไม่เอาครับ” ปากตอบปฏิเสธ แต่น้ำตากลับยิ่งไหลเป็นเขื่อนแตก

ตึ๋งวางมือลงบนแขนอีกฝ่ายแล้วบีบเบาๆ “เฮ้ย ไม่เห็นยากเลย ก็ให้คนอื่นเข็นขึ้นไป แล้วพี่ก็จับมือเพื่อนกับรุ่นพี่ไว้แทนสิ”

“แล้ว...ใครจะเข็นผม”

“พี่หมอไง”

“ฮะ!?” รวินท์หันหน้าขวับไปทางคนพูด

ถามกูก่อนมั้ยไอ้น้องตึ๋ง! แล้วทำไมไม่ไปเข็นซะเองล่ะวะ!

ทันตแพทย์หนุ่มยังไม่ทันได้ตอบตกลง ทุกคนในที่นั้นก็หันมาทางเขากันรัวๆ สายตาบ่งบอกชัดเจนว่าอยากให้เขารับหน้าที่นี้

ตึ๋งยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ “ไหนๆ พี่หมอก็ใส่เสื้อคณะเขาแล้ว ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยน่า”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมน้องตึ๋งไม่ไปซะเองวะครับ เสื้อก็ใส่เหมือนกันนี่”

“โธ่ ผมอะ เดี๋ยวปีหน้าก็ได้วิ่ง แต่พี่หมอน่ะ ไม่มีโอกาสแล้วนา ครั้งอื่นคงไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้”

“นี่เรียกโชคดีเหรอวะ!”

“ผมรู้ว่าพี่หมอแก่แล้ว แต่พี่หมอน่าจะยังพอวิ่งไหว แค่โค้งเดียวเอง” ตึ๋งจงใจพูดเสียงดังให้ทุกๆ คนในบริเวณนั้นได้ยิน

โห ไอ้เด็กเปรต แก่ผีอะไร กูเพิ่งเรียนจบเว้ย!

“คุณวินไหวมั้ยคะ โค้งมันชันเหมือนกัน ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ออกกำลังมานานอาจจะลำบาก” รุ่นพี่สาวๆ หันไปถามย้ำ หากแทงใจทันตแพทย์หนุ่มอย่างแรง

“ผม...” รวินท์ก้มหน้าลงหลบสายตา หากเสือกไปประสานสายตากับเด็กหนุ่มบนรถเข็นเข้าเต็มๆ นัยน์ตาอีกฝ่ายเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ทำให้เขาจนใจต้องจำยอม เอาก็เอาวะ วิ่งแค่นี้คงไม่ถึงกับตาย “ก็ได้ครับ แต่อย่าบอกใครนะว่าผมเป็นคนนอก ให้คิดว่าเป็นรุ่นพี่ในคณะก็แล้วกัน”

“ขอบคุณมากครับพี่หมอ ผมสัญญาเลย” โจ้ยกมือไหว้พร้อมยิ้มกว้าง

“เดี๋ยวผมถ่ายคลิปเก็บไว้ให้นะพี่หมอ” ตึ๋งหัวเราะร่วน โดยไม่สนว่าทันตแพทย์หนุ่มจะอยากถีบเขาตกดอยจะแย่แล้ว

“ไม่ต้องถ่ายเว้ย เกิดวิ่งๆ แล้วเป็นลมล้มพับไปก่อน อายเขาตาย”

“โธ่ ต่อให้ผมไม่ถ่าย คนอื่นๆ ก็ถ่ายน่ะ อีกอย่างวิ่งแบบนี้เด่นแน่ๆ ไหนจะหน้าตาแบบพี่หมอด้วย ดังระเบิดระเบ้อแน่นอน”

“ฉิบหาย พี่ไม่ได้อยากดังเว้ย” รวินท์พึมพำ ก่อนจะหันไปทางรุ่นพี่วิศวกรรมศาสตร์ที่รับหน้าที่เป็นพยาบาล “มีผ้าปิดจมูกมั้ยครับ ขอสักชิ้นนะ เอามาปิดหน้าหน่อย”

“โธ่ หน้าตาอย่างพี่หมอจะปิดทำไมกันคะ เสียดาย” หญิงสาวบ่น แต่ก็ส่งผ้าปิดจมูกให้

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มแหยๆ แล้วรีบใส่ผ้าปิดจมูกไว้ทันที โชคดีที่วันนี้เขาใส่ยีนสีบ้านๆ ไม่ต่างคนอื่นๆ มากนัก พอใส่เสื้อยืดของคณะวิศวะแล้วก็พอดูกลมกลืนเป็นเด็กวิศวะกับเขาได้ จากนั้นจึงแก้ตัวออกไป “ให้ผมปิดหน้าไว้น่ะดีแล้วครับ มันเป็นการวิ่งของคณะวิศวะ ผมอยากให้ทุกคนคิดว่าผมเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งเท่านั้น” แต่ความจริงน่ะหรือ เผื่อว่าถ้าหากเขาสะดุดล้มหน้าคว่ำกลิ้งตกดอยไป ตอนเข้าโรงพยาบาลจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าตัวเองเด่นหราบนข่าวหน้าหนึ่งน่ะสิ

“คุณวินน่ารักจริงๆ เลย” พวกสาวๆ เอ่ยชื่นชมกันไม่ขาดปาก “พวกเราสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับค่ะ”

พวกรุ่นพี่พารวินท์และโจ้ไปส่งท้ายแถวเด็กปีหนึ่ง ซึ่งพอพวกเพื่อนๆ เห็นก็พากันดีใจ โบกมือโบกไม้เรียก

“เดี๋ยวพี่เขาจะช่วยเข็นโจ้ขึ้นไปให้เป็นแถวสุดท้ายก่อนรุ่นพี่ปีที่เหลือจะขึ้นตาม” รุ่นพี่ช่วยแนะนำให้เสร็จสรรพ “ฝากพี่เขากับเพื่อนเราด้วยนะ”

“ได้ครับพี่” พวกเด็กปีหนึ่งพยักหน้ารับ จากนั้นจึงหันไปพูดกับเพื่อนตนที่นั่งอยู่บนรถเข็น “ไอ้โจ้ ในที่สุดมึงก็ยอมมา พวกกูรออยู่รู้ป่ะ”

“พวกกูบอกแล้วว่าพวกกูเข็นมึงจากตีนดอยขึ้นมาก็ยังได้ เพื่อนคนเดียวแค่นี้ทำไมจะช่วยกันไม่ได้วะ”

“กูก็บอกพวกมึงแล้วไงว่ากูอยากให้พวกมึงได้กอดคอกันวิ่ง อีกอย่าง ถ้าเข็นกูตลอดทางแล้วพวกมึงจะเหลือแรงที่ไหนมาวิ่งอีก” โจ้เถียงกับเพื่อนๆ

“แล้วทิ้งมึงให้นั่งดูคนเดียวเนี่ยนะ แบบนี้จะเรียกว่า Unity ได้ไงวะ ไอ้ดื้อ” คนพูดตบศีรษะโจ้ไปอีกฉาด

ใช่ ตบหลายๆ ทีเลย ดื้อฉิบหาย ลำบากกูเนี่ย... รวินท์พยักหน้าหงึกๆ เขาแอบเห็นด้วยอยู่ในใจ

“แล้วพี่เป็นใครเหรอครับ อยู่เกียร์ไหนเหรอ”

ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเมื่อจู่ๆ พวกเด็กปีหนึ่งก็เบนคำถามมาที่เขา “เอ่อ... ผม...”

“พี่เขาชื่อวิน เกียร์ตะกั่ว พี่เขามาช่วยเข็นกูให้จะได้ขึ้นพร้อมกับพวกมึงได้ไง” 

พวกปีหนึ่งตรงนั้นพร้อมใจกันยกมือไหว้ “ขอบคุณพี่วินมากนะครับ ไอ้โจ้มันฝึกวิ่งกับพวกเราไม่เคยขาด เราสัญญาว่าจะวิ่งกอดคอกันขึ้นดอย แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมันโดนรถเฉี่ยวจักรยานล้มน่ะครับ”

“ไม่เป็นไร ผมก็อยากให้น้องๆ ได้ทำตามความตั้งใจนะ อุตส่าห์ฝึกซ้อมกันมานาน” โอ้โห... ตอบได้พระเอกจังเลยกู ทันตแพทย์หนุ่มแอบทึ่งกับคำตอบของตัวเอง

ไม่นานเสียงสัญญาณจากรุ่นพี่ก็ดังขึ้น พวกเด็กปีหนึ่งจึงหันไปตั้งแถวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบด้วยความรวดเร็ว เสียงร้องเพลงประจำคณะดังสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ ทุกคนร้องได้อย่างพร้อมเพรียงกัน ฟังดูมีมนต์ขลัง เป็นผลให้หัวใจของทันตแพทย์หนุ่มเต้นระรัว

..

...

(ตัดจบซะงั้น)

..

*TBC*


คริคริ เอามาลงช้าแล้วยังลงแค่ครึ่งตอนอีก /นอนแผ่รอให้เหยียบ 555555

ฮัสกี้หนีไปเที่ยวมาาาา เพิ่งกลับมาเมื่อคืน Edit ก็ไม่ทัน เพราะงั้นเลยตัดครึ่งตอนดื้อๆ กรั่กๆ ลงแค่พี่วินขึ้นดอยก่อนเนอะ

มาพูดถึงวิดวะขึ้นดอยกันดีก่า ถ้าใครติดตามเพจฮัสกี้ก็คงจะได้เห็นบ่อยๆ ว่าฮัสกี้ติ่งวิดวะขึ้นดอยมากๆ 5555555 ติ่งทั้งผู้ชายและการขึ้นดอยด้วย แบบว่าชอบบบ รู้สึกว่ามันมีพลัง มันคือความสามัคคีที่แม้แต่คนนอกอย่างฮัสกี้ก็ยังสัมผัสได้นะคะ

ฮัสกี้เองก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชาวมชนะคะ เชียงใหม่ก็...เคยไปเมื่อหลายปีมากแล้ว จำอะไรไม่ได้แล้ว 555555 (ทุกวันนี้รักและสนิทสนมกลมเกลียวกับกูเกิลมาก แทบทุกอย่างเขียนออกมาจากภาพ คลิป และการมโน) แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากเขียนค่ะ เพราะงั้นถ้าหากมีอะไรผิดพลาดก็ขอโทษด้วยนะคะ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่เขียนจากใจรัก(ผู้ชาย)จริงๆ ค่ะ  :mew1:

อันที่จริงฮัสกี้ก็มั่นใจว่าจากเหตุการณ์ในเรื่อง ถ้าเป็นเหตุการณ์จริงน้องๆ ก็เข็นขึ้นดอยกันเองได้แหละ แต่ถ้าเข็นกันเองแล้วพี่วินจะมามีส่วนร่วมได้ไงเนอะ เดี๋ยวไม่ได้เจอน้องพิงค์

เกียร์ของวิดวะมชมีชื่อเรียกต่างกันไปในแต่ละรุ่น แต่ในเรื่องนี้ฮัสกี้ตั้งขึ้นมาเองนะคะ ไม่อยากให้ไปซ้ำกับของจริงค่ะ (แฮร่)

โห โม้ยาวกว่าเนื้อเรื่องอีกมั้ง... 5555555 เดี๋ยวเอาครึ่งตอนหลังมาลง เป็นตอนของภูพิงค์และการพบกันแบบจะจะครั้งแรกของสองหนุ่มนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่าาาาาา

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 01-10-2017 19:03:19
หลงพี่วินอ่ะ พี่วินออร่าจับมาก  :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 01-10-2017 19:22:50
รออ่านตอนพี่วินกับน้องพิงค์เจอกัน

สนุกดี ขอบคุณไรท์มากๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-10-2017 19:35:34
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-10-2017 19:47:04
หมอวินเนียนเลย วิ่งเสร็จได้เกียร์เลยด้วยมั้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-10-2017 19:55:03
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: ares ที่ 01-10-2017 20:02:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-10-2017 20:55:33
โห หมอวินเนียนเลยน้าาา รอดูหมอวินวิ่งละกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-10-2017 22:28:05
ความเกี่ยวดองกับคุณหมอกับวิศวะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-10-2017 22:39:14
หมอวินสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 01-10-2017 22:40:26
 :hao3: หมอวินอย่างเมฝท่อะ ...แต่พอเป็นอย่างนี้เริ่มงงว่าใครจะลุกใครจะรับหละเนี้ย...  :hao3: มาต่อไวๆนะค่ะ อยากอ่านเร็วๆตอนเขาเจอกัน...จีบกัน....หวานกัน  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-10-2017 23:00:40
ถถถถถถ......วิน มาดูเขาวิ่งขึ้นดอยแท้ๆ
หมอฟันวิน กลายมาเป็นรุ่นพี่วิศวะ  o22
แถมต้องเข็นโจ้ขึ้นดอย  :ling1:
แม้จะโค้งเดียวก็เหอะ จะไหวมั้ยเนี่ย  :z3: :z3: :z3:
ว่าแต่จะเจอพิงค์ ยังไงเนี่ย
รอตอนใหม่
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-10-2017 23:14:08
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-10-2017 23:36:12
ขำความตกกระไดพลอยโจนของหมอวินมาก ถึงกับปล่อยก๊าก
ตั้งใจแค่มาดู นี่ได้วิ่งขึ้นดอยกับเขาด้วย วิ่งไม่พอต้องเข็นรถอีก นึกภาพตาม ขำน้ำตาเล็ด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 02-10-2017 07:49:46
รอจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 02-10-2017 08:24:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-10-2017 09:29:48
 :z3: ค้างค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-10-2017 11:28:12
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 02-10-2017 13:58:54
พี่วินจะไปเจอน้องภูพิงค์ตอนไหนน้ออออออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-10-2017 15:22:29
แค่มาดูแต่กลายเป็นได้วิ่งขึ้นดอยกับเด็กวิศวะ
แค่หมอฟันแต่ก็เหมือนเป็นหมอที่รักษาได้ทุกโรค
หวังว่าพี่หมอจะเข็นน้องโจ้ขึ้นดอยได้สำเร็จ ไม่ล้มหน้าแหกให้เสียหน้านะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : พี่วินขึ้นดอย][011017]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 02-10-2017 20:09:46


Chapter 4 : ขึ้นดอย (ครึ่งหลัง)


ภูพิงค์


ท้องฟ้าเบื้องบนยังคงมืดมิด หากภายในรั้วมหาวิทยาลัยคึกคัก เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ต่างมารอเก็บเกี่ยวประสบการณ์การขึ้นดอยในวันนี้ร่วมกัน

นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องและรุ่นพี่ที่จบไปแล้วตั้งแถวกันอย่างเป็นระเบียบ ขบวนเสลี่ยงช้างแก้วเตรียมพร้อมรอออกเดินทาง

เสียงของรุ่นพี่ส่งข้อความถึงรุ่นน้องของพวกเขาดังก้องไปทั่วบริเวณ

“ปีหนึ่ง! ผมรู้ดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ พวกคุณทั้งเหนื่อยและท้อ แต่ขอให้พวกคุณรู้ไว้ว่า พวกคุณไม่ได้เหนื่อยตามลำพัง พวกคุณจะมีพวกผมอยู่ข้างๆ เสมอ พวกเราจะก้าวไปด้วยกัน พวกผมจะประคองพวกคุณไปให้ถึงยอดดอย แต่อย่าลืม พวกคุณต้องช่วยเหลือกันและกันด้วย จงแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงความสามัคคีของพวกเรา ให้ทุกคนได้เห็นว่าพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน และพวกเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง!”

“ผมขอให้พวกคุณเก็บทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ไว้ เป็นประสบการณ์ เป็นความทรงจำที่มีค่า เหงื่อที่ไหลออกมา กับความเหนื่อยล้าน่ะ นั่งพักแป๊บเดียวมันก็หาย แต่มิตรภาพ พี่น้อง และความภูมิใจ มันจะอยู่ในใจพวกคุณไปตลอด จำคำผมไว้ให้ดี พวกเราจะไม่เป็นเพียงแค่วิศวะเชิงดอย แต่จะเป็นวิศวะที่พิชิตยอดดอยด้วย!”

สิ้นเสียงของรุ่นพี่ปีสี่ รุ่นน้องก็ขานรับอย่างพร้อมเพียง พวกเขาบูมเรียกพลัง เสียงดังกระหึ่มไปทั้งบริเวณ


นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่สามกลุ่มใหญ่ ทุกคนสวมเสื้อชอปสีน้ำเงินมีดวงตราของมหาวิทยาลัยอยู่บนอกด้านซ้ายกับกางเกงยีน ที่คอมีผ้าสีขาวเขียนคำว่า SOTUS คล้องไว้ พวกเขาแบกไม้ไผ่ซึ่งข้างบนเป็นเสลี่ยงช้างแก้วของมหาวิทยาลัยประดับประดาไว้ด้วยพวงมาลัยสวยงามบนบ่า เพื่อที่จะนำขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุดอยสุเทพ อากาศในยามเช้ามืดแม้จะยังไม่ร้อนมาก หากเพราะความหนักของเสลี่ยง ระยะทางไกลและถนนที่สูงชัน ทำให้เนื้อตัวพวกเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ดวงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาทีละน้อย สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นเขียวขจี พวกเด็กหนุ่มแบกเสลี่ยงผ่านโค้งแล้วโค้งเล่า ต่างคนต่างเผยอริมฝีปากหอบ แต่ก็ไม่มีใครปริปากบ่น

ยิ่งเมื่อสูงขึ้นไป แรงก็ยิ่งถดถอย หากเมื่อหันไปมองเพื่อนซึ่งแบกเสลี่ยงอยู่ด้วยกันแล้ว พวกเขาก็ยิ้มออกมาได้ แม้แต่ละคนจะเหงื่อโซมกาย เส้นผมเปียกชื้นจนลีบติดหนังศีรษะ ทว่านี่เป็นครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้นที่พวกเขาจะได้ทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ร่วมกัน

การรับน้องขึ้นดอยเป็นประเพณีของมหาวิทยาลัยที่รุ่นพี่ทุกคณะ ทุกชั้นปีจะร่วมเดินทางไปด้วยกันกับรุ่นน้องปีหนึ่งที่เพิ่งเข้าเรียนใหม่ เดินเท้าจากมหาวิทยาลัยขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุดอยสุเทพ ซึ่งรวมระยะทางแล้วเกือบสิบสี่กิโลเมตร

คณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นคณะแรกที่ออกเดินทาง และเป็นหน้าที่ของนักศึกษาชั้นปีที่สาม ที่จะอัญเชิญเสลี่ยงของมหาวิทยาลัยขึ้นไปยังพระบรมธาตุ โดยที่วิ่งขึ้นไปตลอดเส้นทาง

นักศึกษาทุกคณะจะมาหยุดตั้งหลักกันที่โค้งขุนกัณฑ์ หรือที่นักศึกษาตั้งชื่อให้ว่าเป็นโค้งสปริต มันเป็นโค้งสูงชันสุดท้ายก่อนถึงดอยสุเทพซึ่งนักศึกษาจะกอดคอกันวิ่งขึ้นไป เพื่อนจะช่วยประคองเพื่อน พี่จะช่วยประคองน้อง น้องช่วยประคองกันและกัน


ธงสีแดงในมือรุ่นพี่ปลิวไสวไปตามแรงลม หลังจากที่วิ่งขึ้นเขามาเป็นสิบกิโลเมตร นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็ขึ้นมาถึงโค้งขุนกัณฑ์กันแล้ว พวกเขาตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ รอฟังคำสั่งจากรุ่นพี่ แต่ละคนเหนื่อยหอบ ร่างกายอ่อนล้า หากนัยน์ตายังฉายแววแรงกล้า

“โค้งนี้เป็นโค้งสุดท้ายแล้ว พวกผมขอให้พี่ช่วยประคองน้อง น้องช่วยเหลือกันและกัน กอดคอกันไว้ พากันไปให้ถึงยอดดอย” เสียงของรุ่นพี่ดังชัดเจน

รุ่นพี่รุ่นน้องบูมเรียกพลังอีกครั้ง เสียงดังก้องไปทั่วขุนเขา ทำให้รวินท์ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ขนลุกซู่ด้วยความประทับใจ แม้จู่ๆ จะต้องตกกระไดพลอยโจนเข้ามามีส่วนร่วมแบบงงๆ ก็ตามที


แล้วก็ถึงเวลาสำหรับการวิ่งผ่านโค้งสุดท้าย

นักศึกษาชั้นปีที่สามหันมองหน้ากัน แล้วรอฟังเสียงของภูพิงค์ ประธานรุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่หามเสลี่ยงในโค้งสุดท้ายนี้ด้วย

“พร้อมรึยัง!”

“พร้อม!”

เสียงเป่านกหวีดให้สัญญาณดังขึ้น ก่อนพวกเขาจะก้าวขาออกไปพร้อมกัน สองขาใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่พาเจ้าของซึ่งแบกน้ำหนักเสลี่ยงไว้บนบ่าวิ่งขึ้นไปบนโค้งหักศอกสูงชัน เสียงปรบมือให้กำลังใจดังกึกก้อง แต่วินาทีนั้นพวกเขามองไม่เห็นใบหน้าของใครแล้ว รู้เพียงแค่ว่า ต้องทำหน้าที่แบกเสลี่ยงนี้ขึ้นไปให้จนสุดทาง

หลังจากขบวนเสลี่ยงของนักศึกษาชั้นปีที่สามวิ่งผ่านโค้งไป ตัวแทนนักศึกษาชั้นปีที่สี่ก็ถือธงอันเป็นสัญลักษณ์ของคณะและภาควิชาที่เรียนวิ่งนำเพื่อนๆ ในชั้นปีขึ้นตาม พวกเขากอดคอกันวิ่ง ใบหน้าฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทั้งที่เหงื่อโซมกาย ขบวนถัดมาเป็นของรุ่นน้องปีหนึ่งและปีสอง พี่และน้องกอดคอกันวิ่ง ช่วยพยุงกันจนผ่านโค้งที่สูงชันไปทีละแถว


“ใกล้ถึงคิวพวกเราแล้ว พี่วินพร้อมมั้ย”

“พร้อมครับ” ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมล่ะวะ!

เด็กปีหนึ่งพูดพลางตบไหล่เขาเบาๆ “ไม่ต้องวิ่งเร็วนักนะครับพี่ พวกเราเป็นปีหนึ่งกลุ่มสุดท้าย ผมบอกพี่ๆ ที่จะมาวิ่งกับพวกเราไว้แล้ว เราจะวิ่งขึ้นไปด้วยกันช้าๆ”

รวินท์พยักหน้ารับ เขาชำเลืองมองไปทางด้านหลังซึ่งพวกนักศึกษาปีสามที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มแบกเสลี่ยงและรุ่นพี่ที่จบไปแล้วทั้งหลายกำลังตั้งแถวกอดคอกัน ทันตแพทย์หนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึก สองมือกำที่จับรถเข็นไว้แน่น ตื่นเต้นกว่าเด็กปีหนึ่งทุกคนก็คงเป็นเขานี่แหละ

“ใกล้แล้ว” น้องปีหนึ่งกับพี่ปีสองที่อยู่แถวสุดท้ายแหวกที่ให้รวินท์เข็นรถโจ้เข้าไปตรงกลางแถว พวกเขากอดคอกันและกอดคอโจ้ไว้หลวมๆ โดยให้สองมือของเพื่อนจับที่เท้าแขนของรถเข็นไว้

เสียงสัญญาณดังขึ้นแล้ว กลุ่มเด็กๆ ข้างหน้ารวินท์ทยอยวิ่งออกไปทีละแถว จนกระทั่งถึงคิวเขา

“ไปกันไอ้โจ้ พี่วิน!” รุ่นพี่รุ่นน้องประคองกันวิ่งออกไปอย่างไม่เร็วนัก พยายามรักษาระดับให้ความเร็วใกล้เคียงกับรถเข็น

สำหรับรวินท์แล้ว วินาทีนั้นหูเขาอื้อไปหมด ได้ยินเสียงเชียร์ เสียงปรบมือและเสียงให้กำลังใจดังสนั่นไปตลอดทาง เขาลืมสนใจไปเลยว่าโค้งนั้นทั้งสูงและชันมากขนาดไหน ในขณะที่เขาหอบหนักๆ มองไปตรงหน้าพวกน้องๆ ก็ยังกอดคอกันไว้เช่นเดิม

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะกับตัวเอง สองขาเริ่มอ่อนแรงลงบ้าง หากก็ยังก้าวออกไป ทั้งเสียงและภาพที่ได้เห็น การได้เป็นส่วนหนึ่งในการวิ่งขึ้นดอยครั้งนี้ช่างน่าประทับใจ มันจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีของเขาเช่นกัน

ในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นไปถึงจุดหมายพร้อมกันได้สำเร็จ

รวินท์ยืนหอบแฮกๆ พลางหันไปมองนักศึกษาชั้นปีสามกอดคอกันวิ่งตามขึ้นมา

“ขอบคุณพี่วินมากนะครับ” โจ้หันมายกมือไว้ พวกเพื่อนๆ และพี่ๆ ข้างๆ เขาก็เช่นกัน

ทันตแพทย์หนุ่มตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ “ไม่เป็นไร ผมก็สนุกดี ได้กอดคอขึ้นมาพร้อมเพื่อนๆ อย่างที่หวังไว้แล้ว ดีใจด้วยนะ”

“เพราะพี่วินช่วยไว้แท้ๆ ครับ”

สีหน้าและคำพูดของโจ้บ่งบอกถึงความซาบซึ้งในการช่วยเหลือของเขาอย่างจริงใจ พูดซะเขารู้สึกผิดที่ลังเลในตอนแรกเลย

พวกรุ่นพี่พยาบาลที่รออยู่เข้ามาช่วยดูแลเด็กหนุ่มต่อให้ พวกเธอกล่าวขอบคุณเขากันเป็นการใหญ่ “เดี๋ยวจะพาโจ้ไปขึ้นกระเช้า จะขึ้นไปด้วยกันมั้ยคะ”

รวินท์หันไปมองพวกนักศึกษาที่กำลังกอดคอทยอยขึ้นบันไดไปไหว้พระบรมธาตุกัน วิ่งขึ้นดอยมาเหนื่อยแทบตายก็ยังขึ้นบันไดกันต่ออีก แต่ไม่รู้สิ ภาพตรงหน้ามันทำให้เขายิ้มได้

“ไม่ล่ะครับ” รวินท์ปฏิเสธอย่างนิ่มนวล เขาเห็นว่าวันนี้เป็นวันพิเศษของน้องๆ นักศึกษา ปล่อยให้รุ่นพี่รุ่นน้องไปไหว้พระขอพรกันก่อนดีกว่า ส่วนตัวเขาจะขึ้นมาไหว้พระบรมธาตุเมื่อไหร่ก็ได้ ทันตแพทย์หนุ่มถอยออกไปยืนรออยู่ห่างๆ เขาถอดผ้าปิดจมูกออกมาใส่กระเป๋ากางเกงยีนไว้ หลังจากยืนแกร่วอยู่สักพัก ลมหายใจยังไม่ทันเป็นปกติดีตึ๋งก็วิ่งเข้ามาหา

“สนุกมั้ยพี่หมอ ไปตรงนู้นกัน ผมนัดพวกพี่สาวไว้” เด็กหนุ่มยิ้มหน้าบาน ก่อนจะจูงอีกฝ่ายเดินออกไป

“โห จะไม่ให้พักเลยใช่มั้ยเนี่ย หมดแรงจะเดินแล้วเว้ย”

“โธ่ วิ่งแค่นี้ทำเป็นหมดแรง” ตึ๋งหัวเราะใส่อย่างสาแก่ใจ “ผมถ่ายคลิปไว้ให้พี่หมอแล้วด้วย จะบอกว่าพี่หมอเท่มาก ได้ยินเสียงเชียร์หรือเปล่าพี่ ตรงที่ผมยืนน่ะ เชียร์กันเสียงดังสุดๆ เสียงชัตเตอร์กล้องงี้รัวอย่างกับปืนกล”

“เท่กับผีน่ะสิ เหนื่อยจนตับแทบจะปลิ้นออกมาจากปากอยู่แล้ว”

ดีนะที่เขาใส่ผ้าปิดจมูกไว้ ไม่อย่างนั้นใบหน้าเขาตอบหอบแฮ่กๆ ลิ้นห้อยเป็นหมาหอบแดด คงไปอยู่ในกล้องของทุกคนแน่
ไม่นานพวกรุ่นพี่ผู้หญิงทั้งแท้และเทียมที่นัดกันไว้ก็พาเขาไปนั่งปักหลักที่สวนสน เพื่อรอดูกิจกรรมต่อจากการขึ้นไปไหว้พระบรมธาตุ พวกเธอเอ่ยชมเขาตลอดทางเลยทีเดียว

“คุณวินเท่มากเลยรู้มั้ย เท่สุดๆ ไปเลย เสียดายมากๆ ที่ไม่เปิดหน้าอะค่ะ”

“คุณวินเท่จนละสายตาไม่ได้เลย มีแต่คนถามถึงว่าคุณวินเป็นใคร เกียร์ไหน”

พอโดนชมมากๆ เข้า รวินท์ก็ยิ้มหน้าบานไปอย่างไม่รู้ตัว

ระหว่างที่นั่งอยู่ในเต็นท์ พวกรุ่นพี่ของคณะที่มาด้วยกันวุ่นวายตระเตรียมอาหารและน้ำไว้แจกรุ่นน้อง แต่ระหว่างนั้นก็หาข้าวกลางวันกับน้ำให้เขากับไอ้น้องตึ๋งกินด้วยกันเสร็จสรรพ ไอ้เขาก็เกรงใจอยู่หรอก แต่พอหันไปเห็นไอ้น้องตึ๋งกระซวกข้าวใส่ปากอย่างกับไดโว่ จะปฏิเสธตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว

ทันตแพทย์หนุ่มนั่งกินข้าวไปก็รู้สึกเหมือนว่ามีคนแวะมาถ่ายรูปเขาไปด้วยเป็นระยะ ดูเหมือนพวกตากล้องจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นหนึ่งในรุ่นพี่ของคณะนี้เช่นกัน

สักพักเมื่อนักศึกษาปีหนึ่งเข้ามาตั้งแถวกันก็มีการเปิดสายรหัส กินข้าวเที่ยงร่วมกัน หลังจากนั้นพวกรุ่นพี่ก็ผลัดกันเข้าไปเอนเตอร์เทนรุ่นน้อง เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่ว ใบหน้าของทุกคนยิ้มแย้ม แม้จะมีสายฝนโปรยลงมาบางเบาเป็นพักๆ มาถึงตอนนี้รวินท์รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ไปด้วยแล้ว เขายิ้มและหัวเราะไปกับทุกคน

“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่หมอนี่ผมต้องรอปีหน้าเลยนะเนี่ยถึงจะได้มาที่นี่”

รวินท์ผลักศีรษะเด็กหนุ่มที่เข้ามากระซิบกระซาบออกไป “เอาไว้เข้าได้ก่อนเหอะค่อยโม้”

“โหย ผมระดับท็อปโรงเรียนนะพี่ โควตาที่นี่ต้องมีที่นั่งผมแน่”

ขณะที่เถียงๆ กันอยู่ก็มีนักศึกษาในเสื้อชอปสีน้ำเงิน มีผ้าสีขาวคล้องคอเดินเซเข้ามาใกล้ๆ ตรงที่พวกเขานั่งกันอยู่ รวินท์หันซ้ายหันขวา เห็นว่าทุกคนกำลังยุ่งๆ เขาจึงสวมวิญญาณรุ่นพี่วิศวะ ลุกขึ้นไปช่วยประคองนักศึกษาคนนั้นไว้

“เป็นอะไรรึเปล่าน้อง”

“แมลงหวี่เข้าตาว่ะพี่ ขอน้ำหน่อย”

“รอเดี๋ยว” เขาวิ่งไปคว้าขวดน้ำที่ไอ้น้องตึ๋งกำลังจะเปิดดื่มมาเพราะอยู่ใกล้มือมากที่สุด แล้วรีบเอาไปส่งให้ “แมลงเข้าตาข้างไหน เอียงหัวไปข้างนั้น แล้วลืมตาไหวมั้ย เดี๋ยวผมเทน้ำให้”

อีกฝ่ายพยายามลืมตา แต่ก็ระคายเสียจนเปิดตาขึ้นไม่ไหว “เจ็บว่ะพี่ ไม่ไหวอ่ะ”

“มา เดี๋ยวผมช่วยแหวกตาไว้ให้เองนะ” ทันตแพทย์หนุ่มจับศีรษะอีกฝ่ายไว้พร้อมกับค่อยๆ กดเปลือกตาบนล่างดูว่าแมลงอยู่ตรงไหน จากนั้นก็ค่อยๆ เทน้ำใส่อย่างเบามือ “ใจเย็นๆ หลุดแล้วๆ”

พอเด็กหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็จะยกศีรษะขึ้น หากรวินท์กดกลับลงมาอีกครั้ง “ล้างอีกทีนะเผื่อมีอะไรตกค้าง”

“อะไรจะตกค้างได้วะพี่ ขาแมลงหวี่เหรอ แมลงห่าอะไรเนี่ย แม่งสำออย เอาน้ำราดแค่นี้ทำเป็นขาหลุด”

“โห ปาก... แมลงหวี่ควรบินเข้าปากแทนเข้าตานะเนี่ย” รวินท์พูดกลั้วหัวเราะ พลางก้มหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ ดวงตาอีกฝ่าย “ไหนกะพริบตาซิ ยังเจ็บหรือเคืองตามั้ย”

“ไม่แล้วพี่ ขอบคุณครับ” คนอ่อนวัยกว่าตอบ เขายกแขนขึ้นเพื่อเช็ดหน้า ทว่ารวินท์รีบห้ามไว้

“เฮ้ย สกปรก เดี๋ยวเอาทิชชูให้ รอก่อน” ทันตแพทย์หนุ่มวิ่งไปหากระดาษทิชชูกลับมาส่งให้ “เดี๋ยวตัวอะไรต่อมิอะไรก็ตะบี้ตะบันเข้าไปในตาอีกหรอก”

หลังจากเช็ดหน้าเสร็จ เด็กหนุ่มก็พยายามลืมตาขึ้นอีกครั้ง พอเห็นคนตรงหน้าแล้วก็ขมวดคิ้ว เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน “พี่เกียร์ไหนเนี่ย ผมไม่เคยเห็นพี่เลยอ่ะ ผมปีสาม เกียร์อัลฟา”

รวินท์ชักนึกสนุก “ผมเกียร์ตะกั่ว จบมาหลายปีแล้ว”

เด็กหนุ่มยิ่งทำหน้างงหนัก “เกียร์ตะกั่ว? แต่พี่ดูเด็กมากเลยอ่ะ รุ่นเราไม่น่าห่างกันมากเลยนะเนี่ย ที่จริงผมน่าจะจำพี่ได้”

“ผมไม่ได้มาดูน้องๆ สักพักแล้วน่ะ ปีนี้เพิ่งมีเวลาว่าง” จู่ๆ เสียงท้องร้องของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นแทรก รวินท์หยุดกึก แล้วหัวเราะลั่น

“ชู่ว์ พี่อย่าเสียงดังดิ เดี๋ยวน้องเห็น เสียฟอร์มหมด”

“ยังไม่ได้กินอะไรกะเขาเหรอ”

“ยังอะดิ ผมกับเพื่อนเพิ่งว่าง” ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ รุ่นพี่คณะก็เดินเข้ามาทักพอดี

“พิงค์ กินไรยังวะ”

“ยังเลยพี่ หิวฉิบหาย”

“มาๆ มาเอาข้าว อยู่ตรงนั้นอะ เอาไปเผื่อเพื่อนด้วย พี่เตรียมไว้ให้แล้ว” รุ่นพี่ชี้ไปที่กองถุงใส่ห่อข้าว ก่อนจะรีบวิ่งออกไป

เด็กหนุ่มเดินฉับๆ ตรงไปยังกองถุงใส่ห่อข้าว แต่เพราะมีหลายถุง เขาคงจะหิ้วคนเดียวไม่ไหว เขาจึงหันหน้าไปส่งสายตาลูกหมาใส่รวินท์ ทั้งที่ไม่ได้เข้ากับหนวดบนหน้าเอาเสียเลย

ทันตแพทย์หนุ่มจึงต้องเข้าไปช่วยทำหน้าที่รุ่นพี่จำเป็นต่อ เขาหันไปทำท่าบอกตึ๋ง พออีกฝ่ายรับรู้แล้วเขาก็ก้าวเข้าไปยกถุงใส่กล่องข้าวขึ้นมาไว้ในมือ

“ยกไปไหนเนี่ย”

“พวกผมอยู่ตรงนู้น” ภูพิงค์เดินนำออกไป สักพักก็หันกลับมาหาคนที่เดินตามมาทางด้านหลัง “พี่ชื่อไรอ่ะ”

“วิน”

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกว้าง “ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่วินเกียร์ตะกั่ว”

รวินท์ชักรู้สึกผิด แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว จะบอกว่าโกหกก็อาจจะโดนอีกฝ่ายยกกล่องข้าวทุ่มใส่เอาได้ “เออ ยินดีที่ได้รู้จัก น้องพิงค์เกียร์อัลฟา”

พอเดินไปถึงตรงกลุ่มที่เพื่อนของภูพิงค์นั่งรวมกันอยู่ เขาก็ต้องทำหน้าที่ช่วยแจกข้าวต่อ เสร็จแล้วก็ยังโดนภูพิงค์ลากไปหิ้วถุงใส่ขวดน้ำดื่มมาแจกเพื่อนๆ อีก

ใช้งานกูซะคุ้มเลย ไอ้น้องพิงค์... รวินท์ได้แต่ด่าอยู่ในใจ

หลังจากเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบจนเหนื่อยหอบ ภูพิงค์ก็ฉุดแขนคนแก่กว่าให้นั่งลงข้างกัน “โทษทีเว้ยพี่ ใช้งานซะเยอะเลย”

“ไม่เป็นไร” ...ไหนๆ วันนี้เขาก็สาหัสสากรรจ์มาทั้งวันแล้ว   

รวินท์เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมาเปิดไว้ให้เด็กหนุ่ม ก่อนจะวางไว้ข้างตัวอีกฝ่าย เขาคิดว่าควรต้องทำตัวให้สมบทบาทรุ่นพี่สักหน่อย จะได้ไม่ดูน่าสงสัย จากนั้นจึงทอดสายตามองไปยังลานที่พวกนักศึกษากำลังทำกิจกรรม ฟังเพลงที่รุ่นพี่รุ่นน้องร่วมกันร้องไปเรื่อยๆ

ภูพิงค์หันไปส่งกล่องข้าวที่เขากินเสร็จแล้วให้เพื่อนรวมเก็บใส่ถุงขยะ พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นว่าคนที่นั่งข้างกันกำลังอินกับเพลงสุดใจ เขาอมยิ้มเล็กน้อย


“จากบทเพลงเราเคยร่วมร้อง ก้องกังวานสะท้านห้องเชียร์”


“ปิดกิจกรรมแล้วพี่” คนอ่อนวัยกว่าสะกิดบอก จากนั้นจึงร้องคลอไปกับเสียงเพลงที่ได้ยิน “ดอยที่สูงเสียดฟ้า ด้วยสองขาเราก้าวขึ้นไป ใครไม่ไหวกอดคอเพื่อนไว้ ลากกันไปให้ถึง...”

รวินท์ยิ้มอย่างลืมตัว เพลงมีความหมายดีจังแฮะ ช่างเข้ากับความรู้สึกในตอนที่อยู่ท่ามกลางรุ่นพี่รุ่นน้องประคองกันวิ่งขึ้นดอยดีแท้ “เพราะดี”

“จริงๆ เพลงนี้น่ะ ปีหนึ่งยังไม่เคยหัดร้อง เพราะงั้นเลยเป็นเพลงที่พี่ๆ ร้องตอนปิดกิจกรรมแทน ตอนสมัยปีหนึ่งผมได้ยินครั้งแรกนี่ ขนลุกเลยแหละ”

“อือ ก็น่าอยู่”

“เอ๊ะ ผมจะพล่ามทำไมเนี่ย พี่ต้องรู้อยู่แล้วล่ะเนอะ” ภูพิงค์พูดกลั้วหัวเราะ

ชายหนุ่มชะงัก ร้องฉิบหายอยู่ในใจ เขามัวแต่ฟังเพลิน หลงกลไอ้เด็กนี่ซะแล้ว!

“เดี๋ยวพวกผมจะไปหลอกน้องว่าจะขึ้นดอยปุยต่อ พี่วินอย่าลืมอยู่ดูด้วยล่ะ”

“เออ” รวินท์ตอบพลางเสตาหลบ ขณะที่อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมา

ภูพิงค์ก้มลงส่งมือให้รุ่นพี่ใช้ฉุดลุกขึ้น “เอ้า ลุกไหวป่ะ กระดูกกระเดี้ยวพี่ยังไหวอยู่มะ”

“ยังไม่แก่ขนาดนั้นโว้ย” ทันตแพทย์หนุ่มปัดมือเด็กหนุ่มออก จากนั้นจึงยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่เห็นอีกฝ่ายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วก็ประหลาดใจอยู่หน่อยๆ ไอ้เด็กนี่มีแผนอะไรอยู่ในใจอีกวะ

“ก็เห็นว่าพี่รุ่นเกียร์ตะกั่วแล้ว... ว่าแต่พี่ได้เห็นผมแบกเสลี่ยงป่ะ”

“ไม่เห็น ผมก็ตั้งแถวรอวิ่งอยู่เหมือนกันไง”

“โห แย่จัง อย่างเท่เลยน้า~” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกริ่ม “แต่สมัยพี่ก็มีแบกเสลี่ยงแบบนี้นี่นะ แล้วพี่เคยได้แบกมั้ยอะ ตอนนั้นแต่ละคณะน่าจะยังแข่งกันวิ่งขึ้นดอยใช่ปะ”

รวินท์อ้ำอึ้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ “เออ สารภาพก็ได้วะ ผมแค่ติดรุ่นพี่คุณเข้ามาดู ไม่ได้เรียนที่นี่หรอก”

“ผมก็รู้แต่แรกแล้วแหละ”

“รู้ได้ไงวะ ผมว่าผมก็เนียนมากแล้วนะ”

“โธ่ พี่! รุ่นเกียร์ตะกั่วน่ะ มันรุ่นแรกๆ ของวิดวะที่นี่เมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้ว พี่น่ะ ดูยังไงอายุก็ไม่น่าถึงห้าสิบป่ะวะ”

อ้าว! ไอ้น้องโจ้เล่นกูแล้วไง! รู้งี้น่าเข็นให้ตกดอยจริงๆ เว้ย!

“อีกอย่างนะ หน้าตาไม่เหมือนใครอย่างพี่เนี่ย ถ้าเป็นรุ่นพี่ผมไม่กี่ปี ยังไงผมก็จำได้”

“หน้าตาไม่เหมือนใครนี่ยังไงวะ”

“เอ๊า พี่ก็หันมองไปรอบๆ ดิ มีใครหน้าเหมือนพี่มั้ยล่ะ”

โว้ย! ไอ้เด็กนี่กวนประสาทโคตรๆ “คุณรู้แต่แรกแล้วทำไมไม่บอกผม”

“ก็เห็นพี่กำลังสนุก ผมเลยเล่นด้วย”

ทันตแพทย์หนุ่มนึกอยากจะเลาะฟันไอ้เด็กนี่ออกมาให้หมด จะด่าก็กลัวพรรคพวกอีกฝ่ายลุกขึ้นมากระทืบ เขาเลยคิดว่าควรจะถอยก่อน “งั้นผมไปละ ลงดอยกันดีๆ ล่ะ”

“คร้าบ รุ่นพี่”

ฝากไว้ก่อนเว้ย! รวินท์รีบก้าวฉับๆ หนี

“แล้วแวะมาเที่ยวคณะผมบ้างนะพี่” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างสาแก่ใจสุดๆ อีกระลอก

ไอ้เด็กเวร!

ภูพิงค์ยืนมองอีกฝ่ายเดินฉับๆ ออกไป พอหันกลับไปตรงที่พวกเขานั่งด้วยกันเมื่อครู่ก็เห็นว่ามีผ้าปิดจมูกหล่นอยู่ เขาจึงก้มเก็บมันขึ้นมาไว้ในมือ “สงสัยของพี่วิน”

ฝ่ายรวินท์นั้น พอเดินกลับไปเห็นตึ๋งนั่งหน้าบานอยู่ก็ถลาเข้าไปหิ้วเด็กหนุ่มออกมา ก่อนจะกึ่งบังคับกึ่งขอร้องให้อีกฝ่ายพาลงดอย
ตึ๋งอิดออดนิดหน่อย หากก็เห็นว่ากิจกรรมจบแล้ว เขาจึงเออออไปกับชายหนุ่ม จากนั้นจึงพาแว้นลงดอยสวนกับนักศึกษาจากคณะอื่นๆ ที่กำลังเดินขึ้นมาตลอดเส้นทาง


*TBC*


เป็นไงม่างงง การพบกันครั้งแรกของสองหนุ่ม โรแมนติกมว้ากกกกชิมิคะ มีสายฝนพรำๆ และแมลงหวี่เป็นพยานรัด (ไม่ได้เขียนผิด) 55555555

ในส่วนของคำพูดให้กำลังใจตอนต้นของรุ่นพี่ก่อนจะเริ่มออกวิ่งกันนั้น ฮัสกี้ดัดแปลงเอาจากหลายๆ คลิปของวิศวะขึ้นดอยนะคะ ซึ้งมากเลยอะ ชอบบบบบ รู้สึกถึงพลังของหนุ่มๆ แฮ่กกกกแฮ่กกก

ส่วนตรงขึ้นดอย ฮัสกี้ไม่ได้เขียนตามความเป็นจริงทั้งหมดนะคะ บอกกงๆ ว่าก็ไม่รู้ทั้งหมดอะค่ะ เขียนเอาจากการดูคลิปกับข้อมูลในเน็ตล้วนๆ 555555 ก็เลยมีแต่งเสริมเข้าไปบ้างนะคะ แหะๆ

ช่วงแรกๆ นี้อาจจะปักธงยากสักนิดว่าใครจะเคะหรือใครจะเมะ เพราะสองหนุ่มเองก็ยังไม่รู้ตัวอะค่ะ เขาเพิ่งรู้จักกันเนอะ รออีกหน่อยเดี๋ยวก็น่าจะพอมองออกนะคะ ใจเย็นๆ 555555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า แล้วพบกันตอนหน้านะคะ อะไรจะพาน้องพิงค์ให้กลับมาเจอพี่วินอีกครั้งหน้ออออ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 02-10-2017 20:52:25
น่ารักจังเลย   :-[  เพราะความใจดีมีน้ำใจของพี่วิน และแมลงหวี่นะเนี่ย เขาถึงได้เจอกัน 555
ตอนแรกคิดว่าน้องพิงค์จะโดนพี่วินอำไปอีกนาน ที่ไหนได้ พี่วินต่างหากที่โดนหลอก โถ ๆ
น้องพิงค์น่ารักอ่ะ อยากให้น้องพิงค์เป็นเคะ แต่ติดใจตรงหนวดน้องพิงค์เนี่ย ถึงน้องจะไว้หนวด
ก็ยังเชียร์น้องพิงค์เป็นเคะน้อย ๆ พี่วินเป็นเมะผู้อบอุ่นอยู่น้า แต่โกนหนวดเถอะน้องพิงค์ ขอร้อง T^T
เรื่องน่ารักมากเลย อ่านแล้วสบาย ๆ คลายเครียดดีค่ะ ชอบตามดูคลิปรับน้องขึ้นดอยเหมือนกัน
รู้สึกถึงความขลังมาก แล้วก็ชอบตามหาพี่เตี้ยด้วยค่ะ 555
รอตอนต่อไปน้า ขอบคุณมากค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 02-10-2017 21:04:16
น้องพิงค์น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-10-2017 21:17:29
อยากรู้จังว่าใครรุกใครรับ
 
มาต่อเร็วๆน้า :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-10-2017 21:25:05
โถหมอวิน หน้าใสซื่อ ถูกเขาหลอกกลับซะนี่
แต่ก็นับเป็นวันที่ดีนะ ได้เจอใครบางคนด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-10-2017 21:41:46
เด็ดวิดวะแสบนะตั้งแต่ไอ้น้องโจ้ แล้วก็น้องพิงค์อีก แต่รักเด็กวิดวะนะ o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-10-2017 21:59:52
เจอกันแล้ว วิน พิงค์
แมงหวี่เข้าตา โอ๊.....หมอวินได้ช่วยล้างตาให้พิงค์ด้วย
มีการบอกเกียร์กันด้วย เกียร์อัลฟ่า เกียร์ตะกั่ว
ชื่อเกียร์ช่างต่างกันเหมือนเกียร์หมาป่า กับเกียร์ช่างบัดกรีๆเลย
หน้าตาวินก็ไม่เข้ากับพวกวิศวะซะด้วย  :laugh: :laugh: :laugh:

แล้ววิน ก็ถูกจับได้ ทั้งที่เจ้าตัวว่าเนียนแล้วนะ
วิน พิงค์   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-10-2017 22:15:24
ว้าาา โดนเด็กจับได้ซะแระ  :laugh:
ไม่เนียนว่ะพี่วิน ไปฝึกมาใหม่นะ แล้วค่อยมาอ่อย(?)เด็กที่นี่ต่อ 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-10-2017 22:31:06
การรุ้จักกะนครั้งแรกของทั้งคู่ดูจะราบรื่นดีนะ ก็มาลุ้นกันต่อไปใครจะตามจีบใครก่อน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 02-10-2017 23:03:36
วันรับน้องขึ้นดอยของปีนี้ เราก็ไปยืนดูมา มีฝนตกด้วย ละตอนนี้ก็บรรยายว่ามีฝนตก นึกภาพวันนั้นออกมาเป็นฉากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-10-2017 23:34:42
55555 คุณหมอฟัน ไม่รุ้จะได้ฟันไหม หลงกลพิงค์ซะงั้น

วินก็ดูรั่วๆ นะ ไม่ได้ทำตัวสุดโต่งอะไร น่ารักดี แต่ทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่ก็พอเดาทางได้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 02-10-2017 23:40:05
น้องพิงค์ พี่วิน เค้าดูเข้ากันได้ดีนะคะ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-10-2017 01:27:35
เจอกันครั้งแรกคือช่วยเอาแมลงหวี่ออกจากตา 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-10-2017 08:11:23
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 03-10-2017 10:21:20
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 03-10-2017 20:57:16
ชอบมากกก พี่วินละมุนอ่าา น้องพิงค์ก็หยอกพี่หมอได้น่ารักก เขินตัวบิดแล้วว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-10-2017 22:52:06
 :3123: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 04-10-2017 00:59:29
พี่วินดูอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่ ปกป้องดูแลคนอื่นได้ น้องพิงค์น่ารัก กวนๆดีอ่า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 04-10-2017 11:08:43
ตามมม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 05-10-2017 02:08:16
    ยินดีกับเรื่องใหม่ด้วยนะค่ะเดี๋ยวมาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 05-10-2017 18:43:50
รอตอนต่อไป
วินพิงค์ป๊ะกันอีก ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 4 : วิศวะขึ้นดอย][021017]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 06-10-2017 20:01:59


Chapter 5 : ตามหาเดือน


หลังจากการรับน้องขึ้นดอยเสร็จสิ้นไป คลิปวิดีโอและภาพถ่ายมากมายก็ถูกนำมาโพสต์ลงยูทูปและเพจของคณะ ซึ่งหลายๆ คนก็เฝ้ารอที่จะได้ดูภาพประสบการณ์ครั้งนั้นกันอย่างใจจดใจจ่อ

ภูพิงค์นั่งปวดขาปวดไหล่อยู่ที่ใต้ตึกเรียน ได้ยินเสียงหัวเราะสลับวี้ดว้ายของเพื่อนผู้หญิงในคณะดังแว่วมาเป็นระยะๆ แต่ก็ขี้เกียจลุกขึ้นไปดูว่ามีอะไรกัน “แม่ง ยังยอกไม่หายเลยกู”

“ของมึงยังดี ไหล่กูยังม่วงอยู่เลย ปวดฉิบหาย” ดิวหันไปบอก พลางบีบเคาน์เตอร์เพนใส่มือแล้วยกขึ้นไปทาไหล่ “เขากรี๊ดกร๊าดอะไรกันนักวะ”

“สงสัยเขาโพสต์รูปลงเพจกันแล้วว่ะ” ขิงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูบ้าง “เออ พี่คนไหนมาช่วยเข็นรถเข็นน้องก็ไม่รู้ รูปเยอะมาก เท่ดีฉิบหาย”

“เข็นรถเข็น? ให้น้องปีหนึ่งอะเหรอวะ”

“เออ น้องโจ้อะ”

“กูได้ยินแค่ว่าเป็นรุ่นพี่ ไม่รู้รุ่นไหนเหมือนกันว่ะ คงต้องไปถามน้องมันนั่นแหละ” ภูพิงค์ชะโงกหน้าเข้าไปดูรูปแบบผ่านๆ “อือ เท่จริงว่ะ ดีนะที่คณะเรามีโมเมนต์แบบนี้ ไอ้พี่ต่ายตากล้องสโมฯ คงฟินสุด โมนเมนต์ประทับใจ ขายได้อีกนานๆ”

ขิงกดไล่ดูรูปต่อไปอีกหลายรูป แต่ไปๆ มาๆ พอเห็นจำนวนโพสต์และจำนวนรูปก็เปลี่ยนใจ วางโทรศัพท์ลง “รูปเยอะฉิบหาย เอาไว้ดูทีหลังละกัน เมื่อยแขน”

“ไอ้ซันไปไหนวะ”

“ประชุมสโมฯ ไง มึงถามกูสามรอบแล้วนะไอ้พิงค์”

“เออ แล้วไอ้ซันไปไหนวะ” เจ้าของชื่อลอยหน้าลอยตาถาม

“สัส มึงจะกวนตีนให้ได้โล่เรอะ” คนตอบยกขาถีบ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากในกางเกงของภูพิงค์ แต่เจ้าตัวเสือกนึกว่าเป็นของคนอื่น ลำบากไปถึงเพื่อนต้องใช้ข้อศอกกระทุ้งบอก

“จะปล่อยให้โทรศัพท์มึง hum ข้าง hum มึงอีกนานมะ”

เด็กหนุ่มทำหน้าเซ็ง แต่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูสปีกเกอร์แล้ววางไว้บนโต๊ะเพราะขี้เกียจถือ “ว่าไงวะไอ้ซัน”

“มึงมาที่สโมฯ หน่อยดิ พี่ๆ เขาอยากคุยด้วย”

“คุยไรวะ”

“ก็มาคุยที่นี่เด๊”

“กูขี้เกียจอ่ะ ปวดขา ปวดแขน ปวด...”

“มึงจะมาหรือไม่มา ไอ้พิงค์!” เจ้าของเสียงไม่ใช่ซัน แต่เป็นนายกสโมฯ เนื่องจากซันเปิดสปีกเกอร์ให้ทุกคนได้ยินลีลาความขี้เกียจของภูพิงค์ด้วย

แต่นั่นยังไม่พอ เสียงอาจารย์ดังตามมาแว่วๆ “ถ้าไม่มาในห้านาที เตรียมควิซบ่ายนี้ได้เลย”

คราวนี้ภูพิงค์ไม่ต้องลุกเองให้เหนื่อย หากเพื่อนๆ อีกสองชีวิตพร้อมใจกันถีบให้เขาลุกขึ้นจากม้านั่ง “ไปเดี๋ยวนี้เลยไอ้เหี้ย! วิ่ง!”

“ไปแล้วโว้ย~ พวกมึงไม่ต้องส่งกูกันแรงขนาดนี้ก็ได้” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์แล้ววิ่งแบบไม่คิดชีวิต สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เขาเอาแต่ฝึกซ้อมขึ้นดอยแล้วก็ขี้เกียจหนักมากเสียด้วย ถ้าขืนจู่ๆ ควิซขึ้นมาล่ะก็ ไม่ใช่เขาคนเดียวที่จะตาย แต่พร้อมใจกันตายยกห้อง

เมื่อไปถึงห้องประชุมเขาก็เคาะประตูรัวๆ แล้วเปิดเข้าไปหยุดหอบแฮกๆ

“มีไรให้ผมรับใช้คร้าบ~”

“แหม เกือบห้านาทีเลยนะเนี่ย รอดหวุดหวิด” อาจารย์ยิ้มรับ “เอ้ามา นั่งๆ”

ภูพิงค์เดินโซเซไปนั่งลงข้างๆ อาจารย์ตามที่อาจารย์สั่ง แล้วจึงเห็นว่าบนจอแล็ปท็อปข้างหน้าอาจารย์น่ะ มีรูปเขากับพี่วินเกียร์ตะกั่วคนนั้นเปิดหราคาไว้ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

รูปนั้นเป็นรูปตอนที่พี่วินเปิดขวดน้ำให้กับเขา อีกฝ่ายหันหน้ามองมาที่เขาแล้วอมยิ้มเล็กน้อย ใส่ฟิลเตอร์ให้ดูละมุนโคตรๆ เสียด้วย

“รูปสวยเว่อร์” เด็กหนุ่มเปรย

“สวยใช่มะ นี่จารย์เลยว่าจะให้ทำคอลัมน์พิเศษเพิ่มในเพจของคณะเรา ให้คนนอกรีวิวการขึ้นดอยของคณะเราไง หน้าตาเรียกแขกแบบนี้ ต้องมีคนเข้ามาดูเยอะแน่ๆ”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “แหม เขินอะจารย์ ผมก็ไม่ได้หล่อขนาดนั้นป่ะ”

ซันเอื้อมมือมาตบกะโหลกเพื่อนรักแทนอาจารย์ให้ “จารย์เขาหมายถึงคนข้างๆ มึงมะ ไอ้งัว”

อาจารย์ร่วมพยักหน้า “ดีๆ ซันทำดี” ก่อนจะหันไปบอกกับเด็กหนุ่ม “ร่างหัวข้อไว้แล้ว เดี๋ยวเราเอาไปสัมฯ เพื่อนเรามาทีนะ”

“ใครเพื่อนผมครับ” ภูพิงค์งงหนักกว่าเดิม

“เอ๊า ไอ้หอยขมนี่! ทิ้งสมองไว้บนดอยเรอะ ก็เพื่อนที่นั่งกับมึงนี่ไง” คราวนี้นายกสโมฯ ออกแรงด่าเอง

“เฮ้ย ไม่ใช่เพื่อนพ้มมม~ ผมไม่รู้จักอ้ะ”

“ไม่รู้จัก? คนถ่ายรูปมึงกับเขานั่งคุยกันงุ้งงิ้ง เดินคุยกันกระหนุงกระหนิงมาเป็นร้อยๆ รูป แต่พวกมึงไม่รู้จักกันเนี่ยนะ”

“ฮะ!?”

“มึงดูๆ”

เด็กหนุ่มหันไปมองตามที่เพื่อนรักสะกิดบอก ซันกดไล่รูปในเครื่องแบบผ่านๆ มีรูปตั้งแต่ตอนที่เขามีแมลงหวี่เข้าตา ที่พี่วินช่วยปฐมพยาบาลให้ ตอนที่ช่วยหอบถุงข้าวกับน้ำไปแจก ตอนนั่งกินข้าวข้างกันแล้วพี่วินช่วยเปิดขวดน้ำให้ ตอนที่เขานั่งร้องเพลงและพูดคุยกับอีกฝ่าย โอ้โห แม่งเก็บช็อตต่อช็อต ทุกวินาทีเลยจริงๆ เขาถึงกับหลุดปากชม “ไอ้เหี้ย~ เสือกถ่ายกันออกมาซะอย่างกับพรีเว็ดดิ้ง”

“ใช่มะ บรรยากาศโคตรดีเลย มีฝนปรอยๆ บ้าง ละมุนโคตร”

“แต่เดี๋ยว! ใครถ่ายวะเนี่ย! ถ้าตอนนั้นว่างกันอยู่ทำไมไม่ช่วยกูถือของ!”

ทุกคนในห้องหันไปทางตากล้องของสโมฯ ทั้งที่จริงก็มีรูปจากหลายๆ คน แต่ในที่นั้นมีตากล้องอยู่คนเดียว เขาเลยต้องเป็นตัวแทนของตากล้องทั้งหมดตอบไป

“กูก็ไม่ว่างป่ะ ถ่ายรูปพวกมึงอยู่นี่ไง”

“ดีๆ มึงทำดีแล้ว ตาถึงเว้ย” นายกสโมฯ พยักหน้าเห็นด้วย พลางยื่นไม้เสียบลูกชิ้นที่ตี๊ต่างว่าเป็นไมค์ไปทางตากล้อง “ขอสัมฯ คุณต่าย ตากล้องชื่อดังของวิดวะหน่อยครับ ทำไมถึงเสือกกระหน่ำถ่ายรูปคู่สองคนนี้มาเป็นร้อยแบบนี้ครับ”

ตากล้องสโมฯ ทำท่ากระแอม เก๊กท่าอีกนิดก่อนจะตอบ “ยุคนี้ จะเรียกความสนใจจากสาวๆ เอ๊ย คนกลุ่มใหญ่ๆ ก็ต้องแบบนี้ล่ะครับ ต้องแอบมี material ให้ได้จิ้นกัน คนจะได้พูดถึง เข้ามาดูผลงานกู เอ๊ย คณะเราเยอะๆ เป็นการโฆษณาคณะเราแบบอ้อมๆ แต่ได้ผลตอบรับแบบแรงๆ น่ะครับ”

เสียงปรบมือจากสมาชิกสโมฯ และอาจารย์ดังเปาะปะ เป็นเชิงชื่นชมกับความคิดและเหน็บแนมไปพร้อมๆ กันในคราวเดียว

“นั่นแหละ สรุปว่าไอ้พิงค์ มึงไปสัมภาษณ์เขามาให้เรียบร้อยนะ”

“เฮ้ยๆ ผมไม่รู้จักจริงๆ จะไปสัมฯ ได้ยังไงอ่ะ ผมแค่รู้จักชื่อเล่นเขาเท่านั้น...”

“เขาชื่อรวินท์ กิจโสภณค่ะน้องพิงค์” หญิงสาวผู้เรียบร้อย ซึ่งเป็นสมาชิกหญิงของสโมฯ เพียงคนเดียวพูดขึ้น

ภูพิงค์หันขวับ “อ้าว รู้จักเหรอ แล้วไมพี่ไม่ไปสัมฯ เองวะ”

“รู้จักแค่ชื่อน่ะค่ะ ก็ไม่ได้หายากนี่คะ เขาเป็นคนดังของมหาลัยเขานี่”

“ดังด้วยเหรอพี่ ดังแบบไหนอะ”

“ก็เคยถือธงในงานบอล เขาลือกันว่าปีนั้นเกิดยิ่งกว่าลีดมหาลัยอีกนะ แล้วก็เป็นนายแบบประจำคณะประจำมหาลัยแบบเหมารวดหกปีอะค่ะ เข้าเพจคณะเขาไปยังเห็นรูปกับคลิปเขาเด่นหราอยู่เลย”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก “เหรอๆ พี่รู้ดีจังเนอะ แล้วดังแบบไหนอีก ดังกว่าประทัดมั้ยวะ”

เส้นเลือดบนหน้าผากหญิงสาวกระตุกดังเปรี๊ยะ “ดังว่า พ่อมึง พ่อมึง มั้ง ไอ้ห้าปึ๊ด กวนตีนฉิบหาย!” เธอลุกขึ้นพรวดแล้วกรีดนิ้วชี้หน้าเด็กหนุ่มด้วยฟิลลิ่งกิ๊กสุวัจนี “ไอ้พิงค์ มึงนี่โชคดีแค่ไหน พวกกูจับคู่ให้กับเขาเนี้ยะ ดูซิ! เป็นมึงเนี่ย! แทนที่จะเป็นกู! ทั้งที่กูเป็นชะนีเดียวในสโมฯ แท้ๆ!”

“พี่จ๋าๆ พี่เป็นผู้หญิงเว้ย อย่าลืมตัว” ซันหันไปสะกิดรุ่นพี่แล้วดึงให้นั่งลง

“เออ โทษที ไอ้พิงค์แม่งกวนตีน สาวแตกเลยกู”

ซันหันไปอธิบายให้เพื่อนรักเข้าใจ “พี่เขาหมายถึง สาวแตกไปหมด เหลือแต่ความแมนน่ะมึง”

ภูพิงค์รีบพยักหน้าหงึกๆ ในใจกลัวพี่จ๋าจับแดกมากกว่า “แล้วผมจะทำไงดีอะ”

หญิงสาวอดทนสงบเสงี่ยมกับรุ่นน้องต่อไปไม่ไหวแล้ว “มึงก็แอ๊ดเฟซบุ๊กเขาไปสิวะ! ทีเรื่องแบบนี้ทำไมจ๊าดง่าวนัก บ่าฮ่านี่!”

“โห! พี่รู้แล้วทำไมไม่แอ๊ดไปถามเองเลยวะ” เด็กหนุ่มโวยวาย

“กูแอ๊ดไปหลายทีแล้วโว้ย แอ๊ดตั้งกะกูอยู่ปีหนึ่ง จนปีสี่แล้วเนี่ย เปลี่ยนชื่อก็แล้ว เลือกรูปที่สวยสุดก็แล้ว เขาก็ยังไม่รับแอ๊ด! มึงเข้าใจมั้ย! เขาไม่รับกู!”

“โอ๋ๆ ขอโทษครับที่ถาม” ภูพิงค์หันไปทางนายกสโมฯ กับไอ้ซันเพื่อนรัก “งั้น...”

“เออ พวกกูก็แอ๊ดแล้ว แต่เขาไม่รับ!”

เด็กหนุ่มหันไปทางอาจารย์บ้าง

"เขาก็ไม่รับจารย์เหมือนกัน!"

“แล้วเขาจะรับผมเหรอ ไม่เอาอะ” 

เพราะมัวแต่ลีลา ไอ้ซันเพื่อนรักจึงคว้าโทรศัพท์มือถือเขาไปปลดล็อกเองเสร็จสรรพ แล้วเปิดเฟซบุ๊กขึ้นมาจัดการแอ๊ดให้อย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย! ไอ้เหี้ยซัน!”

“ไม่ลองก็ไม่รู้ป่ะวะ”

“มึงจะไม่ถามกูหน่อยเหรอว่ากูอยากแอ๊ดเขามั้ยอ่ะ!”

“อ้าว! คุยมาตั้งนานนี่ ตกลงว่ามึงจะไม่ช่วยคณะทำงานเหรอ! นี่เหรอความรักคณะ รักพี่น้องผองเพื่อนของประธานรุ่น!” ซันสวนกลับไปแบบหมัดอัปเปอร์คัต ให้อีกฝ่ายเถียงไม่ออก ชนะน็อกไปแบบใสๆ

ภูพิงค์หยุดกึก ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ค้างไว้ มองไปก็คล้ายปลาเกยหาด

“เดี๋ยวเขากดรับแล้วรีบบอกด้วย” เพื่อนรักคืนโทรศัพท์ให้พลางยิ้มเยาะแบบผู้ถือไพ่เหนือกว่า

“พวกมึงเขายังไม่รับเล้ย แล้วเขาจะรับกูเรอะ เขาไม่รู้จักกูสักหน่อย” เด็กหนุ่มโวยต่อ แต่โวยไปก็เท่านั้น ทุกคนในห้องประชุมต่างพากันเมินเขาไปหมด


ภายในแผนกทันตกรรม โรงพยาบาลลำพูน

วันนี้เตชิตเสร็จงานแล้ว แต่เพราะรวินท์อยู่เวรจนถึงสองทุ่ม เขาจึงนั่งเอ้อระเหย คุยกับคนนู้นคนนี้ฆ่าเวลารอเพื่อนรักไปพลางๆ

ขณะที่นั่งคุยแชตกับเพื่อนทันตแพทย์คนอื่นๆ และที่บ้านอยู่ กลุ่มพยาบาลสาวเจ้าเดิมก็เดินเข้ามานั่งชวนคุยด้วย

“หมอเต้ เห็นรูปหมอวินในเพจวิศวะเชิงดอยรึยัง”

“เห? ไหนๆ ครับ” ทันตแพทย์หนุ่มชะเง้อไปดูภาพบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของสาวๆ พยาบาลทันที

“คนหล่อก็งี้ ขนาดคณะเขาลงไว้แค่สองรูป คนยังแห่มากดไลค์กันเป็นหมื่นเลยค่ะ”

“นี่ยังน้อยนะ สมัยมันอยู่มหาลัยยิ่งกว่านี้เยอะ เมื่อก่อนมีคนมาติดต่อมันไปถ่ายแบบถ่ายละครด้วยนะ แต่มันขี้เกียจ มันว่าแค่เรียนก็เหนื่อยจะตายแล้ว”

“โห แต่หมอเต้ก็เป็นลีดมหาลัยเนอะ โรงบาลเราโชคดีจริงๆ เลย~ มีคุณหมอคนดังมาอยู่ตั้งสองคน”

“ผมสู้ไอ้หมอวินไม่ได้เลยครับ มันน่ะ คนดังตัวจริงเสียงจริง” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ

หลังจากพวกพยาบาลกลับกันไป เตชิตก็เปิดดูรูปในเพจวิศวะเชิงดอยอีกรอบ เพื่อนรักของเขานั่งอยู่ท่ามกลางนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์กลุ่มใหญ่ ไม่รู้มันไปเจ๋ออีท่าไหนถึงได้เสื้อคณะเขามาใส่ด้วย แถมยังทำเนียนกลมกลืนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกับเขาอีก กระแดะเป็นที่สุด ชายหนุ่มนินทาอยู่ในใจ

เมื่อตอนเย็นวันเสาร์ ตอนที่ไอ้วินกลับมาจากดอย ดูท่ามันจะประทับใจเอามากๆ กลับมาเหนื่อยๆ แต่ก็พูดถึงไม่หยุดปาก เขาไม่ได้เห็นท่าทางกระตือรือร้นแบบนี้ของเพื่อนรักมานานแล้ว ตั้งแต่ขวัญข้าว...ทิ้งมันไป

เตชิดกดไล่ดูรูปไปจนถึงรูปของเด็กหนุ่มบนรถเข็นซึ่งเพื่อนๆ กอดคอพากันวิ่งโดยมีอีกคนช่วยเข็นให้ คนที่เข็นรถเข็นนั้นใส่หมวกและมีผ้าปิดจมูกไว้จึงมองไม่เห็นใบหน้า แวบแรกเขากดผ่านไป หากไม่รู้เพราะเหตุใดเหมือนกัน ที่ทำให้เขากดกลับมาที่หน้าเดิมอีกครั้ง
 
จะว่าไป... คนที่เข็นรถเข็นอยู่นี่ ถึงจะมองไม่เห็นหน้า แต่มันคุ้นชอบกลว่ะ

“เป็นบ้าเหรอวะ นั่งยิ้มปากห้อย”

เตชิตหันขวับไปทางต้นเสียง “อ้าว เสร็จแล้วเหรอมึง”

“เออ ใกล้สองทุ่มละ คงไม่มีใครมาแล้วมั้ง”

สิ้นคำพูดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที รวินท์หันมองซ้ายขวา ผู้ช่วยทันตแพทย์กำลังเก็บอุปกรณ์ในห้องทำฟันเพื่อนำไปทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ เขาจึงเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์แทน

คนที่ปลายสายพูดรัวเป็นภาษาเหนือ แน่นอนว่ารวินท์ฟังไม่ออก “ใจเย็นๆ ก่อนครับ พูดภาษากลางได้มั้ย ผมฟังไม่ออกหรอก”

“อ้าว คุณหมอ คุณหมอยังอยู่ใช่มั้ยคะ มีเคสฉุกเฉินนิดหน่อย คุณหมอพอจะช่วยดูให้หน่อยได้มั้ย”

“อ๋า...” รวินท์หันไปมองนาฬิกา อีกห้านาทีจะสองทุ่มแล้ว เขาเหนื่อยแล้วก็หิวด้วย แต่...ถ้าคนไข้อาการหนักล่ะ ถึงกับมาเวลานี้... “ส่งมาเลยครับ”

“ไอ้วิน” เตชิตเลิกคิ้วขึ้น “มึงจะยังรับเคสอีกเหรอ”

“ดูก่อน ถ้าไม่ฉุกเฉินก็ค่อยให้มาทำวันหลังได้นี่”

ไม่นานพยาบาลก็เข็นรถเข็นที่มีเด็กผู้หญิงอายุไม่น่าจะเกินห้าขวบเข้ามาในแผนก มีบิดามารดาวิ่งตามหลังมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล ใบหน้าของเด็กหญิงเปื้อนน้ำตา สะอื้นไห้ฮักๆ เธอเม้มริมฝีปากซึ่งมีเลือดแห้งเกรอะกรังไว้พร้อมกับกำมือไว้แน่น

รวินท์เบิกตากว้าง ในใจอุทานว่าฉิบหายแน่ๆ เขาเป็นแค่ทันตแพทย์จบใหม่ป้ายแดง ไม่ค่อยจะมีประสบการณ์กับคนไข้ที่เป็นเด็กเล็กเสียด้วย เกิดเป็นเคสฉุกเฉินมากๆ เขาจะทำอย่างไรดีวะเนี่ย

พอบิดามารดาเข้ามาถึง ด้วยความตื่นตระหนกเป็นผลให้พวกเขาต่างคนต่างเล่าอาการของเด็กหญิงเป็นภาษาเหนือสลับภาษากลาง ทำให้ทันตแพทย์หนุ่มงงหนักเข้าไปอีก เมื่อเขาขอให้ใจเย็นและเล่าอาการใหม่ก็ได้ผลเหมือนเดิม จะขอความช่วยเหลือจากผู้ช่วยทันตแพทย์ อีกฝ่ายก็เอาอุปกรณ์ไปทำความสะอาดยังไม่กลับมาเลย

“หมอเต้”

“ผมก็ฟังไม่ออกครับหมอวิน” เตชิตหันไปทางพยาบาลแทน “พี่พยาบาลครับ ช่วยหน่อยเถอะ”

พยาบาลสาวช่วยสรุปได้ความมาว่า เด็กหญิงอยู่บ้านกับตายาย หากมาเล่นอยู่ที่หน้าบ้านตามลำพัง ส่วนบิดามารดาไปทำงาน พอกลับมาก็พบว่าเธอมีเลือดไหลออกจากปากแล้วก็ร้องไห้ ตายายบอกว่าเธอหกล้ม ทว่าเด็กหญิงไม่ยอมเปิดปากพูดจา ข้าวก็ไม่ยอมกิน น้ำก็ไม่ยอมดื่ม พวกเขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาล

รวินท์เหงื่อตก เขาสบสายตากับบิดามารดาของเด็กน้อยและพยาบาลซึ่งดูจะฝากความหวังไว้ที่เขาเต็มๆ ก่อนจะหันไปทางเพื่อนรัก “เอ่อ...”

เตชิตโน้มเข้าไปกระซิบบอก “เอาเลยมึง เดี๋ยวกูช่วย”

“เอาเลยนะ”

รวินท์ย่อตัวลงนั่งให้สายตาอยู่ระดับเดียวกันกับเด็กหญิง เขายิ้มกว้าง โยกศีรษะไปมาแล้วใช้เสียงสองพูดกับเธอ “หมอชื่อวินนะครับ แล้วนี่หมอเต้” จากนั้นก็โยนต่อให้อีกฝ่าย

เตชิตรับมุกต่อด้วยเสียงสองเช่นกัน “พวกเรา หมอวินและหมอเต้ จะดูแลน้อง...” เขาชะงัก หันไปกระซิบถามพยาบาล “น้องอะไรครับ”

“น้องเอื้องค่ะ”

เตชิตพยักหน้าหงึกหงัก “พวกเรา หมอวินและหมอเต้ จะดูแลน้องเอื้องเอง~”

สิ้นคำพูดของทันตแพทย์ทั้งสอง ภายในห้องก็เงียบกริบลง ได้ยินเสียงจิ้งหรีดจากทางด้านนอกโรงพยาบาลร้องมาแว่วๆ เด็กหญิงที่ร้องไห้อยู่จำใจต้องหยุดร้องไปด้วย อาจจะเพราะไม่แน่ใจว่าบิดามารดาพาเธอมาหาทันตแพทย์แน่หรือเปล่า

“อะแฮ่ม...” ชายหนุ่มทั้งสองหันมองหน้ากัน พวกเขาอุตส่าห์ทำเสียงให้น่ารัก ในเมื่อไม่มีใครเห็นว่าน่ารักก็ช่างแม่ง

รวินท์ลุกขึ้นเดินไปเข็นรถเข็นด้วยตัวเอง “เข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ ให้หมอเช็กในปากก่อนนะ”

ทันตแพทย์ผู้น่าสงสารทั้งสองหลอกล่อเด็กน้อยอยู่นานสองนาน ให้เธอเปิดปากให้พวกเขาตรวจ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สำเร็จสักที เด็กหญิงยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิม

เตชิตชักจะหงุดหงิด “อ้าปากให้หมอดูสักทีเถอะ หมอหิวแล้วนะ หนูไม่หิวเรอะ อ้าปากแล้วหมอจะให้รางวัล” เขาหันไปทางเพื่อนรัก “มีรางวัลมั้ยมึง อะไรก็ได้”

รวินท์ขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ เขามีตุ๊กตาตัวเล็กๆ เยอะมาก มีทั้งเซตปิกาจู้และเซตหมีริลัคคุมะอยู่ในลิ้นชักที่โต๊ะทำงาน พยาบาลสาวๆ ชอบเอามาให้ เขาจึงรีบเดินไปหยิบตุ๊กตาออกมาสองตัว

“อยากได้มั้ย ถ้าอ้าปากให้หมอดูดีๆ หมอให้ตุ๊กตาสองตัวนี่เลย”

เด็กหญิงเบิกตาโพลง อ้าปากกว้างทันควัน

“โอ้โห! สำเร็จแล้วเว้ย!”

สองหนุ่มรีบใช้โอกาสนั้นช่วยกันตรวจดูภายในช่องปากของเด็กหญิงทันที ไม่นานก็ได้ผลสรุปว่า เธอคงเล่นซน หกล้มจนฟันน้ำนมหลุดออกมา แต่เบื้องต้นไม่มีแผลอันตรายอะไร ที่เลือดออกก็น่าจะเพราะปากแตกด้วย ทันตแพทย์ป้ายแดงทั้งสองจึงรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด

เมื่อตรวจเสร็จ เด็กหญิงเอื้อมมือออกไปทวงถามตุ๊กตาของเธอ และเมื่อเธอแบมือออก ก็เห็นฟันน้ำนมซี่ที่หักอยู่ในมือ

“ฮื้อคุณหมอเป็นที่ระลึกเจ้า”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ “ขอบใจ”

บิดามารดาและพยาบาลกล่าวขอบคุณทันตแพทย์ทั้งสองที่มีเมตตากับเด็กหญิง ก่อนจะพากันกลับไป

รวินท์เก็บฟันของเด็กหญิงใส่ขวดเล็กๆ แล้วเอาใส่ลิ้นชักโต๊ะทำงานไว้เป็นที่ระลึก สำหรับเคสที่ต้องดูแลฟันเด็กแบบฉุกเฉินเคสแรกในชีวิต

“เหนื่อยกว่าทำฟันมาทั้งวันอีกมึ้ง” เตชิตบิดขี้เกียจสุดแรง “ไปหาไรแดกกันเหอะ”

“เออ วันนี้แดกแถวๆ นี้แหละ กูจะรีบกลับไปอาบน้ำนอน หมดแรงแล้วว่ะ”

ทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองตั้งใจจะไปฝากท้องกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวๆ โรงพยาบาล ทว่าร้านก๋วยเตี๋ยวแถวๆ นี้น่ะ เป็นที่เลื่องลือว่าเปิดปิดตามใจฉัน เวลาหิวๆ ต้องการอาหาร ดันปิดหมดซะงั้น พวกเขาเลยต้องถ่อไปถึงตลาดโต้รุ่ง และเมื่อสองหนุ่มผู้หิวโหยมาถึงถิ่นของกินแล้ว พวกเขาก็กินมันทุกอย่างที่ขวางหน้า ซื้อกลับไปกินต่อที่ห้องและเอาไว้กินต่อมื้อเช้าด้วย เอาให้คุ้ม

หากเอาเข้าจริงๆ พอกลับถึงห้องรวินท์ก็ไม่ได้กินอะไรต่ออีก พออาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง หลับเป็นตาย


หลายวันผ่านพ้นไป สมาชิกสโมสรนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในไร่แห้วกันเหมือนเคย เนื่องจากทันตแพทย์หนุ่มเป้าหมายไม่กดรับใครเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กเลยสักคน รวมทั้งภูพิงค์ด้วย

“แย่ว่ะ ไอ้พิงค์แม่งห่วย ช่วยอะไรไม่ได้เลย”

“ไอ้เหี้ยนี่ มันความผิดของกูมะ ก็บอกแล้วว่าไม่รู้จักอะ บอกสโมฯ ให้ตัดใจเหอะว่ะ”

ซันมองรูปบนจอแล็ปท็อปแล้วทอดถอนใจ จากนั้นจึงส่ายหน้ารัว “มึงแหกตาดูยอดไลค์รูปมึงกับพี่เขาบ้างมะ ขนาดลงไว้แค่สองรูป ตั้งแต่เปิดเพจมาจนถึงวันนี้ยังไม่เคยมียอดไลค์เยอะขนาดนี้มาก่อนเลยนะเว้ย นี่กูกั๊กรูปเด็ดๆ ไว้เป็นเซต กะว่าจะลงพร้อมสัมภาษณ์ เพจแตกแน่ๆ”

“แต่ก็ไม่รู้จะติดต่อพี่เขายังไงอยู่ดีมะ”

“มึงลองส่งข้อความไปดิวะ”

“ไม่เอาแล้วเว้ย แค่ไปขอแอ๊ดนี่กูก็หน้าด้านจะตายแล้วป่ะวะ”

“มึงไม่ได้ขอแอ๊ดสักหน่อย กูขอป่ะ”

“แต่มันแอ็คเคาทน์กู!” ภูพิงค์ตบกบาลเพื่อนรักไปหนึ่งที รีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนที่จะโดนเอาไปทำมิดีมิร้ายอีก แค่นี้เขาก็เสียเซลฟ์จะแย่

ไอ้พี่วินนั่น ทำไมไม่รับแอ๊ดวะ หรือจำชื่อเขาไม่ได้ ควรเข้าไปเปลี่ยนชื่อในเฟซเป็นพิงค์เฉยๆ แทนภูพิงค์ดีไหม เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ให้ชัดๆ ด้วย เผื่อว่าอีกฝ่ายจะจำได้ เด็กหนุ่มคิดไปพลางถอนหายใจ


*TBC*


น้องพิงค์ต้องสู้นะ ตามหาพี่วินให้เจอ 555555 งานนี้เขาจะเจอกันอีกได้ยังไง ติดตามตอนหน้านะค้าาา

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 06-10-2017 20:21:45
ใครเป็นพระเอกละเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-10-2017 20:41:23
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 06-10-2017 20:53:52
โอ๋ๆๆพี่หมอเขาไม่ได้เมินหนูนะลูก พี่หมอเขาแค่ยุ่งลูก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 06-10-2017 21:08:04
ขอบคุณครับ ^^
รอตอนพิงค์วินพบกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-10-2017 21:14:14
หมอวินเป็นหนุ่มฮ็อตที่หาตัวจับยากจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-10-2017 21:29:28
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 06-10-2017 21:49:30
หารู้ไม่ พี่หมองานยุ่งมากกกก นุ้งพิ้ง อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 06-10-2017 21:56:45
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-10-2017 21:58:39
 :katai2-1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 06-10-2017 22:02:44
พี่หมอวินคนฮอตรับแอ๊ดน้องพิงค์ด้วยค่าา อย่าปล่อยให้น้องมันรอเก้อเด้อออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-10-2017 22:06:39
หมอวิน ไม่รับแอ็ดใคร เพราะไม่เล่นเฟซละซี่  o18

หรือต้องใช้ชื่อพิงค์ ถึงจะจำได้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-10-2017 22:19:57
หมอวินลืมพิงค์ได้ย้งไง หนูพิงค์เสียเซลมั้ยล่ะ
จะตามหากันเจอได้ไงนี่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าแก่ ที่ 06-10-2017 22:45:50
คุณหมอวินทำไม. ใจร้ายกับน้องพิงค์ขนาดนี้

                :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 06-10-2017 23:02:24
พี่วินคงไม่มีเวลาเล่นเฟซละมั้งคะเลยไม่ได้รับแอดใคร
ลุ้นว่าใครเป็นพระเอกกันแน่ 555 สับสน น้องภูพิงค์ถึงชื่อจะหวานแต่คาแรคเตอร์น้องก็แมนๆเตะบอลน้าแถมกวนด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 06-10-2017 23:22:35
ภูพิงค์น่ารักอ่ะ พี่วินต้องชอบน้องบ้างดิ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 07-10-2017 01:11:09
อ่านเรื่องนี้แล้ว คถ เหนือเมคเลย
ชอบมากๆเลยคะ ยังคงเดากันตามแบบนิยายคุณฮัสกี้ เหมือนเดิมว่าใคร รุก รับ
นี้มีในดวงใจละ ตอนเหนือเมคนี้ถายถูกแทบกรี็ดดด เพราะชอบเมคมากนางน่ารัก

นี้ชอบคาแรคตอพิงมาก แมน ตรงๆ ไว้นวด แต่ข้างใน.... หึหึ

ขอไห้พี่วินรับแอดน้องพิงซักที 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-10-2017 09:24:33
ภูเองก็อยากให้พี่วินรับแอดตัวเองเร็วๆซินะ ถึงได้คิดจะเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เพื่อให้พี่วินจำได้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-10-2017 10:55:51
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-10-2017 11:09:01
5555 ตามหากันให้วุ่น ไปส่องหลังมอสิค่ะ วันหยุดเสาร์อาทิตย์น่ะ

พิงค์อยากเจอพี่อีกหรอ หรือนอยด์ว่าขนาดรู้จักแล้วยังไม่รับแอดเฟรนด์

หมอก็ไม่ว่างอะเนาะ งานเข้ารัวๆ แถมไม่ค่อยชอบส่องด้วย
รูปหมอมีความหมายนะ มีความดัง 5555 เรียกคะแนนได้ คงต้องเป็นฟ้าลิขิตถึงจะเจออีก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 07-10-2017 13:24:48
ฟ้าลิขิตหรือจะสู้คนเขียนบรรจงแต่ง 555

ให้ทายนะ เราว่าเค้าจะเจอกันแบบบังเอิญอีกแหละ

แบบเพื่อนปวดพันอะไรแบบนี้ เดาเอาจ้า

รอนะจ๊ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: namchok ที่ 07-10-2017 19:53:45
รีบมาต่อนะครับ........ค้าง :o8: :mew2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 07-10-2017 21:42:15
      สนุกมากเลยฮัสกี่รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 07-10-2017 23:33:51
พี่หมอไม่ได้เมินน้องพิงค์นะจ๊ะ พี่หมอยังไม่ว่าง :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-10-2017 00:06:42
ขอให้พี่หมอรับแอดไวๆนะ 5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-10-2017 10:25:13
หมอจะได้รับแอดไหมเนี่ย ทำงานอย่างหนักกลับมาก็สลบเหมือดแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 08-10-2017 13:37:04
ตามมมม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 09-10-2017 12:43:05
พี่วิน รับแอดน้องหน่อยค่า มาช่วยน้องทำงานหน่อย
พี่วินนี่ก็ดังจริงจังมากอ่ะ ขนาดไม่ได้เรียนที่นี่ แถมเรียนจบแล้ว ความดังยังไม่ลดเลย
แต่เท่ากับ น้องพิงค์ไม่รู้ว่า พี่คนที่เข็นรถให้น้องโจ้ กับพี่วินเกียร์ตะกั่ว คือคนเดียวกันสินะ
ชอบการถ่ายรูปธรรมดาให้ออกมาเป็นพรีเว็ดดิ้งได้อ่ะ สามารถจริง ๆ พี่ต่าย 555
เขาจะเจอกันยังไงน้อ นี่ยังแอบคิดว่า คลีนิคพี่วิน น่าจะอยู่ใกล้ ๆ บ้านน้องพิงค์หรือเปล่า
เรื่องน่ารัก สบาย ๆ อ่านไปก็นั่งอมยิ้มไป อ่านแล้วอารมณ์ดีจัง ^^
รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณคนเขียนค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-10-2017 20:59:37
แล้วจะได้ป๊ะกันอีกทีเมื่อไหร่นิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 5 : ตามหาเดือน][061017]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 10-10-2017 15:38:44


Chapter 6 : ภูพบเดือน


โทรศัพท์มือถือสั่นสะเทือนทันทีที่หมดเวลาทำงานประจำวัน ราวกับว่าคนที่ต้นสายรอเวลาเลิกงานอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

เตชิตขมวดคิ้ว พลางเดินไปหยิบโทรศัพท์มาดู เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาคือมารดา ซึ่งปกติแล้วจะโทรมาวันเสาร์อาทิตย์เสียมากกว่า เขาก็รีบกดรับสาย

“หา ไอ้เตยขับรถชน! มันเป็นไรมากเปล่าแม่”

“มันเป็นคนเดียวไม่พอน่ะสิ มันพาพ่อมันเจ็บไปด้วย เขาไปซื้อซีฟู้ดกันที่ตลาดทะเลไทยนู้น แล้วไอ้เตยมันซิ่ง จะรีบกลับบ้านมาเล่นเกม ตอนนี้ก็เลยนอนคู่กันอยู่ในโรงบาลนั่นล่ะ แต่พ่อแกงอแง อยากให้ลูกชายคนโตมาเฝ้า”

เตชิตหน้าเสีย เขารีบหยิบตารางงานขึ้นมาดู “เดี๋ยวผมโทรกลับนะแม่ ขอคุยกับไอ้วินก่อน”

“จ้ะๆ ฝากบอกวินด้วยว่าแม่คิดถึงนะ”

รวินท์เก็บของเสร็จพอดี เขาหันไปเห็นเพื่อนรักซึ่งยืนหน้าซีดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานจึงรีบเดินเข้าไปหา “เกิดอะไรขึ้นวะ”

“ไอ้เตยพาป๊าไปซิ่ง รถชน นอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่โรงบาล”

“เฮ้ย! เป็นไรมากเปล่าวะ”

“เสียงแม่ไม่ค่อยซีเรียส แต่แม่กูอ่ะ เก็บความรู้สึกเก่ง กูเลยไม่มั่นใจ”

“ใจเย็นนะเว้ย อย่าเพิ่งคิดมาก” รวินท์ก้าวเข้าไปสวมกอดเพื่อนรัก “อย่างน้อยพ่อกับน้องมึงก็ปลอดภัย”

เตชิตซบใบหน้าลงบนหัวไหล่อีกฝ่าย “ขอบใจ แต่กูคงต้องลางานพรุ่งนี้ แล้วก็วันเสาร์อาทิตย์นี้ด้วย กะว่าจะบินพรุ่งนี้เช้า กลับอาทิตย์เย็นๆ”

“เออ มึงรีบไปหาพ่อกับน้องมึงเถอะ เวรกับคลินิกของมึง เดี๋ยวกูทำแทนให้เอง แล้วนี่มึงจะไปสนามบินยังไงวะ ให้กูไปส่งมั้ย”

“เดี๋ยวไปกับพี่ก็ได้”

สองหนุ่มหันขวับไปทางต้นเสียง “พี่สิงหา”

“พรุ่งนี้เช้าพี่ต้องไปส่งพ่อที่สนามบินเหมือนกัน มึงรีบไปลางานเลยไอ้เต้ หัวหน้ายังอยู่พอดี”

“เออ ไปเลยมึง เดี๋ยววันอาทิตย์กูไปรับมึงกลับมาพร้อมกูเอง มึงรีบไปยื่นใบลาก่อน เดี๋ยวกูช่วยหาตั๋วให้”

“ขอบใจเว้ย” เตชิตรีบรุดเดินออกไป เขาอดภูมิใจในตัวเพื่อนรักไม่ได้ ที่เวลาแบบนี้มันก็เป็นที่พึ่งให้กับเขาได้เหมือนกัน ทั้งที่ปกติมันเป็นคนไม่สนใจอะไรแท้ๆ



เมื่อถึงวันศุกร์ หลังเลิกเวรรวินท์จึงต้องขับรถไปคลินิกที่เชียงใหม่ตามลำพัง ทำให้เขาสำนึกได้ว่าระยะทางใกล้ๆ กลับกลายเป็นไกลได้เมื่ออยู่คนเดียว พอไปถึงก็หิวโซ เขาจึงเดินไปร้านบะหมี่ที่อยู่ใกล้ๆ กับคลินิก

ขณะที่นั่งกินบะหมี่อยู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบมากดรับสาย “ว่าไงไอ้เต้ พ่อกับน้องมึงเป็นไงบ้าง”

“ก็สาหัสอยู่ ต้องนอนรพ.อีกสักพักใหญ่ๆ เลยว่ะ คงต้องทำกายภาพด้วย”

“เฮ้ย หนักเลยอะดิ”

“เฮ้อ กูคงต้องบินไปบินมาอีกระยะ แม่อยู่คนเดียว พ่อกับไอ้เตยก็งอแงฉิบหาย แล้วนี่มึงเป็นไงบ้าง ถึงคลินิกยังวะ”

“ถึงแล้ว เพิ่งถึง กำลังแดกบะหมี่อยู่”

“คิดถึงกูอะดิ อยู่คนเดียวแบบนี้”

“เออ คิดถึง” รวินท์พูดกลั้วหัวเราะ “นี่มึงอยู่โรงบาลป่ะวะ”

“อือ มานอนเฝ้าพ่อกับไอ้เตย” เตชิตหยุดถอนหายใจยาว “ขอโทษที่ทำให้มึงลำบากไปด้วย”

“ลำบากเหี้ยไร ทำงานแทนมึงก็ได้เงินมะ กูยิ่งหิวเงินอยู่ตอนนี้”

“งั้นก็ดีเว้ย จะได้ไม่ต้องห่วงมาก กูไม่อยู่ไม่รู้ว่ามึงจะไปแรดที่ไหนนัก”

“สัส ไปนอนพักไป กูจะแดกต่อละ” รวินท์ยิ้มพลางส่ายหน้าช้าๆ เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เลื่อนหน้าจอไปมา แล้วเพิ่งสังเกตเห็นว่าแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กของตนมี Notifications ขึ้นพรืด ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งๆ เขาจึงลืมสนใจไปเลย

พอนิ้วแตะเปิดแอพพลิเคชั่นขึ้นมา ทันตแพทย์หนุ่มก็ต้องชะงัก เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาส่องดูรูปภาพที่ปรากฏขึ้น มันเป็นรูปของขวัญข้าวกับผู้ชายคนหนึ่ง เธอเป็นคนลงรูปและ tag ชื่อผู้ชายคนนั้นเอง ทั้งที่ไม่ได้อัปเดตข่าวคราวในเฟซบุ๊กมานาน ครั้งสุดท้ายก็ก่อนที่จะเดินทางแยกย้ายกันไปใช้ทุนนู่น

“ใครวะ”

หัวใจเจ็บหน่วง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ

ใบหน้าของขวัญข้าวดูมีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส เธอกับผู้ชายคนที่ยืนข้างๆ ประสานมือกัน พวกเขายืนอยู่ข้างหน้าบ้านหลังหนึ่ง

“ไอ้เหี้ย ไม่จริง...”

นิ้วมือที่สั่นเล็กน้อยกดเลื่อนอ่านข้อความจากเพื่อนๆ ของเธอที่ใต้ภาพ ซึ่งหลายคนแซวเรื่องการเปลี่ยน status ของเธอเป็น in a relationship บางคนก็แสดงความดีใจด้วย แต่ไม่มีใครเอ่ยถึงเขาเลยสักคน

นี่เพื่อนๆ ของขวัญข้าวรู้กันหมดเลยหรือว่าเขากับเธอเลิกกัน ทั้งที่ตัวเขาเองไม่เคยบอกใคร นอกจากไอ้เต้ แปลว่าขวัญข้าวเป็นคนบอกอย่างงั้นหรือ

มาถึงตอนนี้ รวินท์เพิ่งจะนึกสงสัย ตอนที่เขากับขวัญข้าวคบกัน เธอเคยได้เปลี่ยน status หรือ tag ชื่อเขาบ้างหรือเปล่า เขาไม่เคยสังเกตเลย แต่ที่แน่ๆ เขาไม่เคยเปลี่ยน status เพราะไม่ได้ใส่ใจเรื่องอะไรแบบนี้ เฟซบุ๊กสำหรับเขามีไว้ลงรูปนานๆ ครั้งเท่านั้น

หรือบางทีขวัญข้าวก็อาจจะไม่ได้ต้องการยอมรับความสัมพันธ์ของเขากับเธอก็ได้

รวินท์รู้สึกเหมือนโลกถล่มลงมาทับตัวเขาทั้งใบ สิ่งที่เขาพยายามจะพิสูจน์ให้เธอเห็น มันไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปหาเธอทันที

ปกติแล้วเมื่อเขาโทรศัพท์ไปหาเธอจะเจอแต่เสียงสัญญาณสายไม่ว่าง หากคราวนี้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คนที่ปลายสายไม่สนใจจะกดรับสาย

รวินท์ลุกขึ้นจ่ายเงินค่าอาหาร จากนั้นจึงเดินกลับไปยังคลินิกอย่างเลื่อนลอย เขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าคลินิก แล้วกดโทรศัพท์ออกไปอีก

ในที่สุดคนที่ปลายสายก็ยอมรับสาย

“ขวัญ ไอ้รูปในเฟซมันคืออะไรกันน่ะ”

“วินดูไม่ออกเหรอ” ขวัญข้าวตอบเสียงเรียบ “วิน ขวัญขอร้อง อย่าโทรมาอีก อย่าติดต่อมาอีก ขวัญไม่อยากให้คนของขวัญไม่สบายใจ... นะ ขวัญขอร้อง”

“แต่...”

“นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ขวัญจะขอร้องวิน...นะคะ ให้ขวัญได้เจอคนที่รักขวัญจริงๆ เถอะนะ”

ชายหนุ่มขึ้นเสียง “ขวัญรู้ได้ยังไงว่าเขารัก...” หากไม่ทันเสียแล้ว ขวัญข้าวชิงกดวางสายไปก่อน

รวินท์ยังไม่ยอมแพ้ เขาพิมพ์ส่งข้อความเข้าไปในแชตแทน “แต่ผมรักขวัญ” ทว่าเมื่อกดส่ง เขาจึงได้รู้ว่า... เธอบล็อกเขาไปแล้ว

พอเปิดเฟซบุ๊กขึ้นมาอีกรอบ เธอก็ไม่ได้อยู่ในรายชื่อเพื่อนของเขาอีกแล้ว ที่เธอปลดบล็อกโทรศัพท์ของเขาชั่วคราวก็เพื่อที่จะบอกลาเท่านั้น เขาไม่สามารถติดต่อเธอได้อีก เธอตัดช่องทางการติดต่อไปทั้งหมด

ทันตแพทย์หนุ่มได้แต่ยืนช็อกค้างอยู่กับที่ เขาไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าหยดน้ำตาหลั่งรินเปื้อนแก้ม

“ทำไมอะขวัญ ผมทำอะไรผิดอีก ผมพยายามพิสูจน์ตัวเองทุกอย่าง ทำไมคุณไม่ให้โอกาสผม”

รวินท์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เขาตั้งใจจะโทรไปหาเพื่อนรัก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายก็กำลังมีเรื่องกลุ้มใจอยู่เช่นกัน แล้วอยู่ในโรงพยาบาลกับบิดาและน้องชายแบบนั้น เขาโทรศัพท์ไปดึกๆ แบบนี้คงไม่ดี

ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนขั้นบันไดข้างหน้าคลินิกนั่นล่ะ เขายกสองมือกุมใบหน้า พยายามกลั้นไม่ให้สะอึกสะอื้นเสียงดังมากนัก

เสียงประตูเปิดปิดของร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกลออกไปดังแว่วมาเป็นระยะๆ รวินท์เงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมอง ก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา เขาลุกขึ้นเดินโซเซไปหยิบเบียร์มาเต็มตะกร้า พอจ่ายเงินเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในคลินิก



ภายในบ้านเช่าที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก แก๊งวิศวะสี่คนนั่งจกข้าวเหนียวไก่ทอดอยู่กับหลานเจ้าของบ้าน วันนี้เป็นวันศุกร์ต้นเดือน แซนดี้ก็เพิ่งจับเด็กแว้นคนใหม่มาเป็นแฟนได้ เจ้าหล่อนจึงฉลองใหญ่ ซื้อไก่ทอดข้าวเหนียวและเบียร์มาเลี้ยงผองเพื่อนมากมาย

“แต่ แด แด แด แต่ แด๊ แด่ แด ขอให้คุณแซนดี้มีความสุขมากๆ” ดิวร้องเพลงเว็ดดิ้งมาร์ชพร้อมกล่าวอวยพรให้

ซันเอาบ้าง “ผลบุญครั้งนี้ ขอให้เด็กใหม่กรุบกรอบ สดซิง แดกได้อร่อยสะใจ”

“ขอให้รักกันยืดยาว ถือไม้เท้าดอกทอง ตะบองยาวเย...”

“หยุด ไอ้พิงค์! เดี๋ยวไม่ให้แดกเลยนี่” แซนดี้หันไปด่าก่อนที่ภูพิงค์จะพูดจบ “พวกมึง มึง มึงและมึง คอยดูนะ คนนี้แหละตัวจริงของกู”

“พวกกูก็เห็นมึงบอกแบบนี้ทุกคนป่ะวะ” ขิงส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองเพื่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “แต่งตัวซะแรดเชียว แต่งหน้าหนาแข่งกับพื้นซีเมนต์หน้าบ้านเหรอวะ แล้วนี่จะไปไหนดึกๆ ดื่นๆ”

“พูดมากฉิบหาย เป็นผัวกูเหรอพวกมึงน่ะ ก้มหน้าแดกไก่หรือไม่ก็ลากไปแดกในน้ำเลยไป” แซนดี้ตวาด แต่แล้วก็อมยิ้มปริ่มสุข เจ้าหล่อนหันไปหยิบถุงที่มีตราเซนทรัลมาวางตรงหน้า แล้วหยิบบราที่เพิ่งซื้อมาใหม่ขึ้นมาโชว์ “เดี๋ยวคืนนี้กูจะไปเดต ห้าทุ่มเด็กกูจะแว้นมารับ มึงดู นี่กูเพิ่งสอยมาใหม่ เอาไว้ใส่ครั้งหน้า บราน้ำหนาสองนิ้ว เจ๋งมะ โดนแล้วไม่ยุบ ขยับไปขยับมาได้เหมือนนมจริง” ไม่ถามเฉยๆ แต่ใส่ทับชุดแซกรัดเปรี้ยะที่สวมอยู่ก่อนอวดทุกคนด้วย

ภูพิงค์แทบจะพ่นไก่ในปากทิ้ง “อีแซนดี้ มึงจะให้พวกกูแดกดีๆ ไม่ได้เหรอวะ”

ส่วนอีกสามคนน่ะหรือ พากันยื่นมือไปจิ้มดูอย่างสนใจ “โหๆ เจ๋งๆ เหมือนจับนมจริงๆ เลยว่ะ”

“พวกมึงเคยจับนมจริงๆ เหรอวะ”

“ไม่เคยว่ะ แต่กูจินตนาการไว้ว่ามันคงเป็นแบบนี้”

แซนดี้ดีดดิ้นพอเป็นพิธี แต่ใส่จริตลงไปเต็มที่ “อร๊าง... อร๊างง... ผัวๆ ขา จิ้มเบาๆ เดี๋ยวนมหนูแตก”

ภูพิงค์รีบกินไก่ที่คาอยู่ในมือเพื่อที่จะได้ด่าได้โดยไม่สะดุด “อีสลิ... กึก!”


กร๊อบ!



แต่เสือกกัดลงไปบนกระดูกไก่เต็มแรง เสียงดังฟังชัดจนทั้งห้องนิ่งอึ้ง หันมามองที่เขาเป็นตาเดียว

“ไอ้สัสพิงค์! ฟันมึงยังอยู่ดีมั้ย!”

“หรือเสียงเมื่อกี้คืออะไรหัก”

เด็กหนุ่มอ้าปากค้างไว้ในท่าเดิม พลางก้มหน้าลงเททุกสิ่งในปากออกมากองบนฝ่ามือ “ไอ้เหี้ย ในนี้มีซากฟันกูมั้ยเนี่ย”

“เดี๋ยวดูในปากก่อนเว้ย” สี่หนุ่มที่เหลือในห้องพุ่งเข้าไปจับภูพิงค์แหกปากไปคนละทิศ แล้วก็ผงะ ถอยไปคนละมุมห้อง “แย่แล้วมึง”

“ไอ้พวกเหี้ย พวกมึงเห็นอะไร”

“หมา เอ๊ย เลือดเต็มกระพุ้งแก้มมึงเลย!”

ภูพิงค์หน้าเสีย เขารีบดึงกระดาษทิชชูมาถุยน้ำลายออกดู ยิ่งเห็นเลือดก็ยิ่งวิตกจริต เขาปวดแก้มซ้าย แต่เสือกยกมือขึ้นกุมแก้มขวา จากนั้นจึงยัดกระดาษทิชชูเข้าไปเช็ดๆ ในปาก บ้วนน้ำลายอีกทีสองทีก็ไม่ได้มีเลือดออกมาอีก ทว่า... “โอย ปวดๆ ในปากอะ”

“ปวดแบบไหนวะ ตุ้บๆ หนึบๆ หรือจี๊ดๆ”

“ปวดอะ กูพูดจริงนะเว้ย แย่แล้วพวกมึง~” ภูพิงค์หน้าซีดเป็นไก่ต้ม “ทำไงดีวะ”

“กูว่าท่าจะไม่ค่อยดี ไปหาหมอก่อนเหอะ” แซนดี้วิ่งไปคว้ากุญแจรถ “ฉิบหาย จะห้าทุ่มแล้ว เด็กกูใกล้จะมาแล้วด้วย!”

“แต่กูไม่อยากไปหาหมอฟันอะ กูกลัว~”

“ไอ้สัส บ่าฮ่านี่ โตเป็นควายแล้วยังเสือกกลัวหมอฟันอีก ไปเว้ย ลุก!”

“ไม่เอาโรงบาลของมหาลัยนะมึง เดี๋ยวเจอคนรู้จัก”

“โว้ย มึงนี่ ฉุกเฉินขนาดนี้ยังจะเรื่องมากอีก ไปขึ้นรถก่อนเว้ย!” สี่หนุ่มกึ่งลากกึ่งจูงภูพิงค์ไปโยนใส่รถ ขิงตามขึ้นไปนั่งขวางและจับตัวเพื่อนรักไว้ แต่พออีกสองหนุ่มจะก้าวขึ้นรถตาม เจ้าของรถก็ลากพวกเขากลับออกมาแล้วสั่ง “พวกมึงรอเด็กกูอยู่ที่นี่แหละ บอกเด็กกูรอก่อนเข้าใจมั้ย!”

“เด็กไหนวะ!” ซันมัวแต่ตกใจจนลืม เขาเลยโดนไอ้ดิวถีบไปอีกที

“เด็กแว้นของมันไงโว้ย”

หลังจากสั่งเสียเสร็จเรียบร้อย แซนดี้ก็สตาร์ตรถแล้วบึ่งออกจากบ้านไปทันที

ส่วนซันกับดิวก็ได้แต่ยืนงง “แล้วทำไมมันไม่อยู่รอเองวะ! ให้พวกกูขับรถพาไอ้พิงค์ไปก็ได้!”

ขิงนั่งอยู่บนเบาะหลังในรถที่กำลังแล่น เขาล็อกคอเพื่อนรักไว้ด้วยเพื่อกันไม่ให้มันดิ้นหนีไปได้ “ถ้าไม่ใช่ที่โรงบาลของมหาลัย จะไปหาหมอฟันที่ไหนเวลานี้วะ” ระหว่างนั้นก็หันไปเห็นคลินิกที่อยู่ในซอยใหญ่เดียวกันเข้าพอดี “เฮ้ยๆ อีแซนดี้ หยุด!” เขาเอื้อมมืออีกข้างไปตบคนที่ขับรถอยู่รัวๆ “คลินิกข้างหน้ายังเปิดไฟอยู่เว้ย น่าจะยังมีคนอยู่ข้างใน ลองไปดูก่อนมะ”

“เออ ดี ใกล้ดี” แซนดี้จอดรถมันที่ข้างถนนหน้าคลินิกนั่นล่ะ แต่ภูพิงค์ไม่ยอมลง เขาเกาะเบาะรถไว้แน่น

“ไอ้เหี้ย! กูกลัว! กูไม่ลงเว้ย!”

“โว้ย ไอ้ปัญญาอ่อน!” แซนดี้กระชากอีกฝ่ายลงมาจากรถ ล็อกคอแล้วลากตรงไปยังประตูทางเข้าคลินิก “ไอ้ขิง มึงไปกดออดเรียกหมอเร้ว!”

ขิงถลาลงจากรถไปก่อนที่จะโดนลากลงไปอีกคน “อีห่า มึงจะพามันไปหาหมอหรือโรงฆ่าสัตว์วะ! มึงเอาเรี่ยวแรงโคถึกแบบนี้มาจากไหนเนี่ย!” เขาปราดเข้าไปยืนหน้าคลินิก ทั้งกดออดและเคาะเรียก แล้วเกาะกระจกชะเง้อมองเข้าไปข้างใน

สักพักก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินโซเซออกมาจากห้องด้านในสุด จากนั้นก็มาหยุดยืนมองอยู่ที่ประตูกระจกด้านใน

แซนดี้แหกปากเสียงดังสนั่นลั่นไปทั้งซอย เวลาโมโหจัดๆ เจ้าหล่อนมักจะหลุดกำเมืองออกมาร่วมด้วยเสมอ “บะห้าปักขะใจ๋เปิดประตู ผัวเฮาจะต๊ายอยู่แล้ว!”

“อีแซนดี้ มึงหลุดกำเมืองของมึงอีกแล้ว เกิดหมอฟังไม่ออกละวะ เอาใหม่มึง”

เจ้าของชื่อพยักหน้า เมื่อกี้อารมณ์ขึ้น เขาเลยลืมตัวไปนิด “เปิดประตูสิเว้ย ผัวกูจะตายแล้ว!”

เมื่อบานประตูเปิดออก แซนดี้ก็พุ่งเข้าไปข้างในทันที

“ห้องตรวจอยู่ไหน!”

รวินท์ซึ่งซัดเบียร์เข้าไปหลายกระป๋องยืนงง แต่มือก็ชี้ไปที่ห้องตรวจฟัน

“เฮ้ย ไอ้น้อง นี่หมออยู่มั้ยเนี่ย” ขิงจับแขนทันตแพทย์หนุ่มเขย่า เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายดูหน้าเด็กๆ ไม่น่าจะเป็นทันตแพทย์ได้

“อยู่ ผมนี่แหละ หมอ”

“ใช่เหรอวะ เฮ้ย! อีแซนดี้! ทำไมหมอท่าทางแปลกๆ วะ!”

เสียงแซนดี้และภูพิงค์ดังอื้ออึงออกมาจากข้างในห้องตรวจ คนหนึ่งเอาแต่โวยวายว่าจะกลับ ส่วนอีกคนก็จะรีบกลับไปหาผัว

“หมอโว้ย เข้ามาดูปากมันหน่อย!”

รวินท์เดินโซเซตรงไปยังห้องตรวจ พอขิงเห็นก็ชักไม่มั่นใจ เขาวิ่งไปคว้าแขนทันตแพทย์หนุ่มไว้ “เดี๋ยว! คุณจะทำอะไรเพื่อนผม! มันยังเรียนไม่จบ อนาคตยังมืดมัว เมียก็ยังไม่ทันได้มีกับเขาเลยนะเว้ย!”

“ไอ้ขิงช่วยกูด้วย!” เมื่อภูพิงค์ดิ้นหลุดได้ เขาก็ถลาไปที่ประตูห้องตรวจ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รวินท์เดินมาถึงพอดี ทำให้ทั้งสองที่ประจันหน้ากันหยุดกึก

เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง “พี่วินนี่หว่า”

รวินท์ขมวดคิ้ว “คุณ...พิงค์?”

“อ้าว รู้จักกันเหรอ” แซนดี้และขิงถามขึ้นพร้อมกัน “นี่หมอฟันจริงๆ ใช่ป่ะเนี่ย”

ภูพิงค์หันไปถามชายหนุ่มต่อ “เออ พี่วินเป็นหมอฟันเหรอ”

“นี่มึงรู้จักกันยังไงเนี่ย” ขิงถามอย่างงงๆ

“ฉิบหาย ห้าทุ่มแล้ว รู้จักกันก็ดี งั้นฝากไอ้พิงค์หน่อยนะหมอ ไอ้ขิง เดี๋ยวมึงขี่มอไซค์มารับไอ้พิงค์ละกัน กูต้องรีบไปแล้ว”

“อ้าว อีแซนดี้~” ขิงยังไม่ทันแม้แต่จะขัดขืน เขาโดนแซนดี้ล็อกคอลากออกไปจากคลินิกอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดเสียงดังโวยวายยิ่งกว่าอยู่กลางตลาดสดยามเช้าตอนที่แม่ค้าใช้เปลือกทุเรียนตบตีกันก็เงียบกริบลง เหลือแค่สองหนุ่ม ทันตแพทย์กับคนไข้เท่านั้น

“เดี๋ยวผมล็อกประตูก่อน ข้างหน้าไม่มีใครอยู่ คุณไปนั่งรอบนเก้าอี้ตรวจนะ” รวินท์เดินเซออกจากห้องตรวจไป ไม่นานก็เดินกลับมา หากอีกฝ่ายยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม “เป็นอะไร กลัวเหรอ แค่ตรวจเฉยๆ ก็ไม่กล้าอ้าปากรึไง” น้ำเสียงคนเมาฟังดูกวนกว่าปกติสามสิบเปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้คนอ่อนวัยกว่าชักสีหน้า แล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำฟันอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

รวินท์หยิบผ้าปิดปากกับถุงมือมาสวม “ไปทำอะไรมา แล้วมีอาการยังไงบ้าง”

“คือผมกินไก่ กัดกระดูกไก่แรงไปหน่อย เสียงหักดังกึก ไม่รู้อะไรหักบ้าง เมื่อกี้มีเลือดออกในปากเต็มไปหมด แล้วตอนนี้ก็ปวดๆ ฟันด้วย”

“อืม เดี๋ยวขอดูในปากก่อนนะ” ชายหนุ่มเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ทันตแพทย์ เปิดไฟแล้วกดสวิตช์เก้าอี้คนไข้ให้เอนหลังลง “เอ้า อ้าปาก”

ภูพิงค์อ้าปาก กลั้นหายใจแล้วปิดตานิ่ง สองมือกำไว้แน่น กะว่าถ้ารู้สึกเจ็บเมื่อไหร่ จะทุบไอ้พี่วินแม่งให้สลบไปเลย

หลังจากตรวจอยู่สักพักเขาก็ดึงผ้าปิดปากลง พูดเสียงงึมงำ “ที่เลือดออกเพราะเหงือกเป็นแผล น่าจะถูกกระดูกบาดเอา ส่วนฟันคุณปกติดีนะ ไม่มีตรงไหนหักหรือแตก หินปูนเยอะ มีผุด้วยเล็กน้อย แต่ที่ปวดผมว่าน่าจะมาจากฟันคุดมากกว่า เหงือกคุณบวมนิดหน่อยน่ะ ฟันโผล่ขึ้นมานิดนึงแล้ว” จากนั้นก็กดสวิตช์ยกพนักเก้าอี้ขึ้น “เดี๋ยวผมจะให้ยาไปกินก่อน พออาการดีขึ้นแล้ว คุณรีบไปให้ที่คณะทันตะในมหาลัยผ่าออกนะ นักศึกษาน่าจะทำฟรี จะได้ช่วยเป็นเคส...”

รอดแล้วเว้ย... เด็กหนุ่มถอนหายใจพลางลุกขึ้นตั้งหลัก สองขาเตรียมก้าวสับหนีออกจากห้องตรวจ

“เฮ้ย! พี่วิน!”

จู่ๆ ทันตแพทย์หนุ่มก็ทรุดฮวบ เกือบจะล้มลงจากเก้าอี้ โชคดีที่ภูพิงค์ยื่นมือออกไปประคองไว้ได้ทัน “แบตหมดเหรอวะพี่ เฮ้ย!” แล้วอีกฝ่ายก็เอนตัวทิ้งน้ำหนักทั้งหมดมาที่เขาเสียอย่างนั้น

“พี่วิน... พี่วิน...ไอ้พี่วิน เฮ้ย! พี่แม่งหลับกลางอากาศเหรอวะ!” เด็กหนุ่มเขย่าตัวคนในอ้อมแขนรัวๆ เขาย่อตัวลงมอง เมื่อใบหน้าของพวกเขาห่างกันแค่ปลายนิ้วกั้นจึงได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ “ไอ้พี่วินแม่งเมานี่! เมาแล้วยังเสือกมาทำฟันอี้กกก~ ดีนะยังไม่ทันทำอะไรกู ไม่งั้นถอนฟันกูผิดซี่แน่!” เขาก็ว่าแล้ว ทำไมอีกฝ่ายทำตาขวางๆ พูดจาแปลกๆ ชอบกล

เวรกรรมของกูแท้!

“เอาไงดีวะเนี่ย” ภูพิงค์หันรีหันขวาง ก่อนจะลากอีกฝ่ายไปนอนลงบนโซฟาสำหรับให้คนไข้นั่งรอ เขายืนเกาหัวอย่างงงๆ ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตต่อดี

สักพักขิงก็นำมอเตอร์ไซค์มาจอดที่ข้างหน้าคลินิก เด็กหนุ่มจึงเดินไปเปิดประตูให้เพื่อน

“เป็นไงวะมึง แล้วไมหมอมานอนสลบอยู่นั่นวะเนี่ย เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน! มึงทำไรหมอ! ไม่ได้ต่อยหมอหน้าแหกใช่มั้ยเนี่ย!”

“ไม่ใช่เว้ย! พี่วินแม่งเมา”

“อ้าว ฉิบหาย!”

“แต่พี่เขาดูฟันกูแล้วเว้ย ไม่เป็นไร เห็นบอกว่ามีฟันคุดอ่ะ”

“เชื่อได้เปล่าวะเนี่ย!” ขิงหันไปมองทันตแพทย์หนุ่มที่นอนนิ่งเป็นท่อนไม้อยู่บนโซฟา “แล้วจะเอาไงต่อดีวะ”

“มึงไปซื้อน้ำมาที กูจะเข้าไปหาเอาข้างในก็ไม่กล้าว่ะ”

“เออ ได้ๆ” ขิงวิ่งไปร้านสะดวกซื้อข้างๆ ไม่นานก็วิ่งกลับมา

สองหนุ่มช่วยกันประคองรวินท์ให้ลุกขึ้น ขิงเทน้ำลงบนกระดาษทิชชูแล้วส่งให้ภูพิงค์ใช้เช็ดรอบๆ กรอบหน้าของทันตแพทย์หนุ่ม

“พอได้เห็นหน้าใกล้ๆ ตอนอยู่นิ่งๆ แบบนี้แล้ว โห หน้าตาดีจนขนลุกเลยว่ะ ดูผิวหน้าดิ พี่สาวกูโบกรองพื้นสามชั้นยังไม่ได้เนียนเท่านี้เลยเว้ย”

“เห็นเขาว่ากันว่าเป็นคนดังที่มหาลัยเก่าอะ” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำจากในมือเพื่อน

“อืมม... แต่ว่าหน้าคุ้นๆ ว่ะ ใช่คนที่อยู่ในรูปกับมึงป่ะวะ”

“ใช่ คนนั้นแหละ เฮ้ย ไอ้ขิง กูว่าทิชชูไม่เวิร์ค มึงหาผ้า...” พูดยังไม่ทันขาดคำ คนที่นอนอยู่จู่ๆ ก็ดันยกมือขึ้นปัดขวดน้ำเสียอย่างนั้น

น้ำเย็นเฉียบในขวดเทรดลงบนใบหน้าของรวินท์ ไหลลงไปตามลำคอจนเปียกเสื้อ ความเย็นของน้ำปลุกให้เขาตื่นขึ้น

นัยน์ตาเรียวลืมขึ้นช้าๆ “....”

“เฮ้ย! ฟื้นแล้วว่ะ!” ภูพิงค์เขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆ “พี่วิน พี่เมามากเลยอะ เดี๋ยวผมพาไปนอนนะ พี่พักที่ไหนวะ”

“ข้างบน ชั้นสาม”

“งั้นพวกผมพาขึ้นไปนอนนะ โอเคใช่มะ”

พอรวินท์พยักหน้าหงึกหงัก สองหนุ่มก็ค่อยๆ ประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้น แล้วพาเดินออกไปอย่างทุลักทุเล


บันไดไม่ได้กว้างพอที่จะให้ผู้ชายวัยกำดัดสามคนเบียดกันขึ้นไปได้ ภูพิงค์จึงหันไปบอกเพื่อน “เดี๋ยวกูหิ้วปีกพี่เขาเอง มึงคอยดันตูดพี่เขาไว้นะ เผื่อหงายหลัง”

“มึงจะไหวเหรอวะ”

“หรือมึงจะหิ้วพี่เขาล่ะ”

“มึงตัวใหญ่กว่ากูอะ กูเกรงใจ”

“สัส” เด็กหนุ่มสบถใส่ ก่อนจะหันไปทางทันตแพทย์หนุ่ม “พอเดินไหวนะพี่”

“อือ”

“ก้าวระวังๆ นะ เอ้า ยกขาซ้าย...”

สองหนุ่มค่อยๆ ก้าวขึ้นไปทีละชั้น โดยมีอีกคนคอยระวังหลัง หลังจากขึ้นไปได้สองชั้นภูพิงค์ก็หอบแฮก ส่วนไอ้พี่วินน่ะเหรอ ทิ้งน้ำหนักมาที่ตัวเขาซะเต็มที่เลยแม่ง

“ไหวมั้ยวะไอ้พิงค์”

“ไหวๆ อีกแค่ชั้นเดียว ดีนะเนี่ยกูฝึกแบกเสลี่ยงมา” ภูพิงค์พึมพำ แล้วหันไปบอกทันตแพทย์หนุ่ม “กอดคอผมไว้แน่นๆ นะพี่ อย่าหงายหลังร่วงไปทับไอ้ขิงมันล่ะ”

กว่าจะขึ้นไปถึงชั้นสามได้ เด็กหนุ่มก็แทบหมดแรง เขายืนนิ่งสักพัก หายใจเข้าปอดลึกๆ ให้หายเหนื่อยไวๆ แต่คนที่เขาพยุงขึ้นมานี่สิ ยืนพิงเขาสบายเลย เขาจึงรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเขย่าอีกฝ่ายรัวๆ ด้วยความหมั่นไส้ “อย่าเพิ่งหลับสิวะพี่ นี่ๆ เขย่าบน เขย่าล่าง เขย่าซ้าย เขย่าขวา”

“สัสพิงค์ มึงอย่าเขย่ามาก เดี๋ยวไส้พี่เขาก็ลงไปกองรวมกันเป็นโคอาล่ามาร์ชหรอกมึง” ขิงยกขาถีบเตือนสติเพื่อนรัก

“ห้องไหนวะพี่”

รวินท์ปรือตาขึ้น “ห้องซ้าย”

พอเข้าไปถึงห้อง ภูพิงค์ก็ค่อยๆ ปล่อยทันตแพทย์หนุ่มลงบนเตียง ทว่าอีกฝ่ายกอดคอเขาไว้แน่นพร้อมกับดึงให้ล้มลงนอนไปพร้อมกันด้วย

“เฮ้ย! ไอ้พี่วิน!”

เจ้าของชื่อเรียกขยับขึ้นมานอนทับตัวคนอ่อนวัยกว่าไว้ เอาแขนกั้นข้างซ้ายขวาไม่ให้ขยับไปไหนได้ เขาหันหน้าเข้าหาเด็กหนุ่มพลางซบใบหน้าลงบนหมอน

ภูพิงค์นอนตัวแข็งเกร็ง ตาเหลือกและอ้าปากค้าง

“เย้ย ไอ้พิงค์โดนผิดผีแล้ว!” ขิงเบิกตาโพลง

“ผิดผีพ่องส์ ช่วยกู...” ภูพิงค์โวยวาย แต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาจากดวงตาของคนบนร่าง ตามมาด้วยเสียงสะอื้นเบาๆ ฟังดูน่าสงสาร พอเห็นเพื่อนรักทำท่าจะเข้ามาแงะตัวชายหนุ่มออก เขาจึงยกมือขึ้นห้าม “เดี๋ยวมึง”

“ทำไมวะ”

ภูพิงค์ลังเล ขณะมองทางน้ำตาบนผิวแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เขาถอนหายใจเบาๆ “ช่างเหอะว่ะ”

“ฮะ! ช่างอะไรวะ”

เด็กหนุ่มหันไปคว้าผ้าห่มมาคลุมศีรษะคนบนร่างไว้ ไม่ให้เพื่อนรักเห็นสภาพของอีกฝ่าย เขาคิดเองเออเองว่าไอ้พี่วินก็คงไม่อยากให้ใครเห็นตัวเองในสภาพที่เมาแล้วครางหงิงๆ แบบนี้หรอก “มึงกลับไปเหอะ กูจะอยู่ดูแลพี่วินที่นี่ก่อน”

“เฮ้ย เอาจริงเหรอวะ”

“เออ พี่เขาเมา จะปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ไงวะ”

“งั้นกูอยู่เป็นเพื่อน”

“ไม่เป็นไรเว้ย มึงไปเหอะ ยังไงเตียงนี่ก็แคบ มึงจะนอนไหน ปลายตีนกูเหรอ”

ขิงขมวดคิ้วอย่างลังเล “จะดีเหรอวะมึง”

“เออ กูรู้จักกับพี่เขาไง ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจที่มารับเว้ย เดี๋ยวลงไปแล้วฝากล็อกประตูข้างหน้าให้ด้วย”

“ตามใจมึงละกัน งั้น... กูไปนะ มีอะไรก็โทรเรียก” ขิงชะเง้อมองไปมา สักพักก็ถอยกลับไป
 

*TBC*


น้องพิงค์ที่แสนดี ดูแลพี่วินดีๆ นะลู๊กกกกก~

ตอนนี้วุ่นวายกันหน่อยนะคะ 55555 แต่สองหนุ่มก็ได้เจอกันอีกแล้วน้าาาา~

มีคนทายถูกด้วยล่ะว่าสองหนุ่มจะเจอกันอีกโดยบังเอิญ ฮี่ๆ

ครั้งนี้ก็ขอแอ๊ดเฟซให้ได้ล่ะน้องพิงค์

แล้วมาวุ่นวายกันต่อในตอนหน้านะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า จุ๊ฟๆ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-10-2017 16:19:34
ดีนะพี่วินไม่ถอนฟันให้น้อง สภาพเมาๆแบบนี้ไม่อยากจะคิดเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-10-2017 16:23:38
พี่วินโคตรน่าสงสาร อกหักสมบูรณ์แบบ น้องพิ้งดูแลพี่เค้าดีๆน้าา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 10-10-2017 16:34:45
ก้าวแรกของความสัมพันธ์หรือเปล่า

เห็นใจพี่วินจังอกหักซะแล้ว

เดี๋ยวเอาน้องพิงไปช่วยดามใจนะจ๊ะคนดี  :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 10-10-2017 16:36:54
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 10-10-2017 16:52:40
เราว่าเรารู้แล้วนะค่ะใครรุกใครรับ

ภูพิ้ง รุกแน่นอนเลย

ดูจากชื่อเรื่องนะค่ะ5555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 10-10-2017 17:04:22
น้องพิงค์เอามือถือพี่วินกดรับเฟสเองเลยค่ะ เมาขนาดนี้แล้วพี่มันคงไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 10-10-2017 17:24:52
เอ็นดูน้องพิงค์จังเลยเกือบฟันหักแล้วมั้ยละนั่น 5555  อยากรู้ว่าพี่วินเวลาตื่นแล้วจะเป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-10-2017 17:34:38
ฮือออ สงสารหมอวิน พิงค์ดูแลพี้เขาด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-10-2017 17:38:49
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-10-2017 18:26:06
วิน ทำใจเถอะ  :mew2:
ถึงวินจะรักขวัญจริงๆ แต่ขวัญไม่รับรู้ความรู้สีกของวินไง
ขวัญ เลยเลิกกับวิน และมีแฟนใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

เดี๋ยววิน ก็เจอคนที่รักวินอย่างจริงใจ
และวิน ก็รักเขาเช่นกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


 


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 10-10-2017 18:48:09
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-10-2017 19:40:18
พี่วินน่าสงสารอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 10-10-2017 19:50:32
      น่ารักน่ารเอ็นดูน้องพิงค์จังค่ะกินไก่ก็ดันไปกัดโดนกระดูกเข้าพอมาหาหมอฟันหมาดันมาเมาใส่555
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะถ้าพี่วินตื่นมาแล้วจะทำไงนะดันมาเมาและหลับใส่คนอื่นแบบนี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-10-2017 20:02:41
พี่หมอน่าสงสารนะคะ แต่ได้น้องมานอนกอดปลอบใจคงหายไวละเนอะ
แต่น้องพิงค์คะหนูแบ้วไปมั้ย จะได้กดหมอรึจะถูกหมอกดละนี่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-10-2017 20:17:53
พี่วินจะจำได้ไหมว่าเมาจนหลับทับน้องน่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-10-2017 20:21:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 10-10-2017 20:26:06
ชอบตรงพี่วินนอนอยู่บนตัวนี่แหบะ ดูน่าเอ็นดูจังงงง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: namchok ที่ 10-10-2017 21:19:14
ดีใจมากๆๆ.......มาต่อแล้ว อิจฉาภูมากๆครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าแก่ ที่ 10-10-2017 21:23:12
สงสารหมอวินจัง  เขามีใหม่ได้เราก็มีได้. น้องพิงค์ของป้าก็ยังโสด


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-10-2017 21:33:08
พิงค์มาได้จังหวะพอดีเลย หมอกำลังอกหัก อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-10-2017 21:55:28
น้องพิงค์มาดามใจให้ถึงที่เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-10-2017 21:56:02
พอขวัญไปพิงค์ก็มาได้เวลาพอดี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-10-2017 23:50:54
ผิดผีกันแล้วเป็นแฟนกันเลยยยๆๆๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 11-10-2017 13:05:50
เจอกันเสียทีเน้อ เจอกันแต่ละที ไม่เคยจะโรแมนติดอ่ะคู่นี้  555
ผิดผีน้องพิงค์แล้วต้องรับผิดชอบนะคะ นี่พี่วินอกหัก เราก็ยังฮาได้อีก แหะ ๆ
แต่น้องพิงค์ก็แสนดีอ่ะ เพิ่งรู้จักกัน ยังเป็นห่วงแล้วยังช่วยดูแลพี่วินอีก น่ารักมาก
ขวัญข้าวมีแฟนใหม่แล้ว แถมมีความสุขด้วย พี่วินก็ตัดใจซะเถอะนะ
พี่วินก็ดูเหมือนจะรักขวัญข้าวดี แต่ก็คงมีสิ่งที่ทำให้ขวัญข้าว รู้สึกได้ว่าพี่วินไม่ได้รักเธอจริง ๆ
ความไม่ค่อยใส่ใจ แล้วยังนอกใจอีก ถ้ารักจริง ก็ควรซื่อสัตย์และใส่ใจกับคนที่รักนะพี่วิน
เก็บไว้เป็นบทเรียนเลย รักกับน้องพิงค์เมื่อไหร่ ห้ามนอกใจเด็ดขาดนะบอกเลย
อยากรู้แล้วว่า กับคนที่รักจริง ๆ พี่วินจะเปลี่ยนตัวเองยังไงบ้างนะ
อยากอ่านต่อแล้ววว  พี่วินตื่นมาเจอสภาพนี้ จะตกใจขนาดไหนเนี่ย ฮาาา
ขอบคุณคนเขียนค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 11-10-2017 15:13:34
เกลียดนีเรื่องนี้ แบบ  อ้าวเห้ยยยย แต่ก็ดีแล้วหล่อนไปซะก็ดี พี่วินจะได้เป็นของชั้น (มั่นหน้า ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-10-2017 11:24:36
สงสารพี่วินอ่ะ พิงดามใจให้พี่หน่อย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 14-10-2017 06:56:13
  :m13: มาตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 14-10-2017 10:36:22
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 14-10-2017 15:37:40
หายไปนานและมาสักที :m16:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-10-2017 00:04:02
น้องพิงค์ช่วยมาดามใจพี่เค้าหน่อยสิ :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 6 : ภูพบเดือน][101017]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 16-10-2017 09:10:15


Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี


“เฮ้อ... ปวดฟันก็ปวด กูหนอกู ทำไมถึงได้เกิดมาเป็นคนดีแบบนี้วะเนี่ย” ภูพิงค์ผ่อนลมหายใจออกยาว ขณะที่เอนศีรษะลงบนหมอน เขาพยายามเลี่ยงไม่หันหน้าไปหาอีกฝ่าย เพราะใบหน้าอยู่ใกล้ชิดเสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

ภายในห้องเงียบกริบหลังจากที่ขิงกลับออกไป ส่วนคนที่หลับอยู่บนตัวเขาก็หลับอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อความวุ่นวายจบสิ้นลง เขาก็กลับมาปวดฟันหนึบๆ อีกแล้ว จะขยับตัวก็ไม่ได้ ส่วนไอ้พี่วินนี่ก็ตัวหนักเหมือนกัน

แต่จะว่าไป ตั้งแต่ตอนที่เขาเข้าห้องมายังไม่ทันได้เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศเลย ทำไมรู้สึกเย็นๆ

“เฮ้ย เสื้อพี่วิน! ลืมไปเลย!”

เอาไงดีวะ?

ปล่อยไว้แบบนี้จะเป็นไรไหม? คือไม่ได้ห่วงเขา แต่กูเนี่ย จะเป็นไรไหม? ถ้าทิ้งไว้จนเช้าราจะขึ้นหัวนมรึเปล่า?

“พี่วิน เสื้อพี่มันเปียกน้ำอะ เปียกมาถึงเสื้อผมแล้วเนี่ย” เขาบ่นไปอย่างนั้นแหละ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องหรอก เมาหนักขนาดนี้ แดกไปขนาดไหนวะเนี่ย

ทว่าผิดคาด จู่ๆ คนบนร่างก็ลุกขึ้น ประสานสายตากับเด็กหนุ่ม

“เอ้อ ตื่นแล้วก็ดี ขยับออกไปหน่อยพี่ หนักอ่ะ”

รวินท์ถอดเสื้อที่เปียกชื้นตรงลำคอและแผ่นอกออก สายตาจับจ้องคนใต้ร่างนิ่ง ก่อนจะกดหัวไหล่ของเด็กหนุ่มทั้งสองข้างลงกับเตียง

“เฮ้ย! พี่จะทำไรผมวะ! ผมยังเรียนไม่จบ มีพ่อมีแม่มีน้องสาวมีปลาเป็นฝูงต้องดูแลนะ!”

ทันตแพทย์หนุ่มโน้มใบหน้าลงมา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนภูพิงค์ต้องกลั้นหายใจ

“ถ้าพี่จะปล้ำผม ไปขอผมกับพ่อแม่ก่อนสิวะ~” เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง

แต่แล้วรวินท์ก็ทิ้งตัวลงทาบทับอีกฝ่ายเช่นเดิม

ภูพิงค์กะพริบตาปริบๆ แล้วผงกศีรษะขึ้น “อ้าว ไอ้พี่วิน เมื่อกี้ละเมอเหรอวะ แล้วทำไมไม่ขยับออกไปด้วย”


“ฮือ... ขวัญข้าว”


“ฮะ? หิวข้าวเหรอพี่?”

ทันตแพทย์หนุ่มซุกใบหน้าลงบนหมอน สองมือขยุ้มเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้แน่น เขาสะอึกสะอื้นไห้เบาๆ “กูมาทำอะไรอยู่ที่นี่วะ... ทั้งที่ยอมลำบากทุกอย่าง ปรับปรุงตัวเองก็แล้ว พยายามเป็นหมอที่ดีก็แล้ว ทำไมขวัญไม่เห็นความพยายามของกู”

“ลำบากทุกอย่างนี่อะไรลำบากมั่งวะพี่”

ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบ ภูพิงค์จึงบ่นต่อไปตามเรื่อง

“ปรับปรุงตัวเองก็ได้ประโยชน์เองด้วยไม่ใช่เหรอวะ แล้วพยายามเป็นหมอที่ดีอะไร เมาเป็นหมามาตรวจฟันกูเนี่ย” พอคิดไปเด็กหนุ่มก็อยากจะร้องไห้บ้างแล้ว ไม่ใช่เพราะสงสารอีกฝ่าย แต่สงสารตัวเอง

หากเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของคนบนร่างแล้วก็รู้สึกหดหู่ไปด้วย จะว่าไปก็ไม่น่าเชื่อ หน้าตาดีขนาดนี้ยังถูกทิ้งได้ แล้วอย่างเขานี่จะเหลือหรือ ชาตินี้อย่าคิดมีเมียกับเขาเลย

ภูพิงค์ยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังทันตแพทย์หนุ่มให้เพื่อปลอบโยน พอทำให้คนบนร่างสงบลงไปได้บ้าง จากนั้นจึงโอบกอดไว้หลวมๆ “ไม่เป็นไรน่ะพี่ ปรับตัวใหม่ให้ดีขึ้นอีก เอาให้เขาน้ำตาตกเพราะเสียดายพี่ไปเลยนะ โอ๋ๆ”

ครั้งนี้ได้ผลชะงัด รวินท์เงียบไปแล้ว พอเด็กหนุ่มชำเลืองมองด้วยหางตาก็เห็นว่าดวงตาปิดสนิท หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ คงจะหลับไปได้สักที

“ปวดฟันว่ะแม่ง” ภูพิงค์พึมพำ ก่อนจะข่มตา พยายามหลับๆ ไปสักที อยากให้คืนนี้มันผ่านไปเร็วๆ เหลือเกินแล้ว


เช้าของวันใหม่ รวินท์ตื่นขึ้นมาก่อนเสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือที่เขาตั้งไว้จะดังขึ้นเสียอีก เขาลืมตา ผงกศีรษะขึ้นมองคนที่ให้เขานอนทับมาได้ตลอดทั้งคืน อีกฝ่ายยังคงหลับสนิทเป็นตาย ถ้าหากไม่ส่งเสียงกรนคร่อกๆ เขาก็คงคิดว่าตายจริงๆ แล้วแหละ

ไอ้เด็กนี่ก็บ้าว่ะ ปล่อยให้เขานอนทับอยู่ได้

ทันตแพทย์หนุ่มพลิกตัวออกช้าๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง เขาก้มลงหยิบเสื้อที่ถอดทิ้งไว้เมื่อคืน เอาไปเก็บใส่กระเป๋าเป้ไว้แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมา ก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำไปอาบน้ำเตรียมตัวทำงาน

ที่จริงเมื่อคืนพอขึ้นมาถึงห้องแล้วเขาก็พอรู้สึกตัวแหละ ก็ไอ้เด็กเวรเล่นเขย่าเขาซะตับไตไส้พุงแทบจะรวมกันเป็นชิ้นเดียว แต่เพราะไม่อยากอยู่คนเดียว อยากมีใครอยู่ฟังตัวเขาฟูมฟาย ถึงได้พยายามรั้งเด็กหนุ่มไว้

นึกๆ ไปแล้วก็... กูนี่หนอ ไม่ได้อายเด็กมันเลย เสียฟอร์มฉิบหาย

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ รวินท์เดินออกมาจากห้องน้ำไปหยุดยืนอยู่ที่ข้างเตียง คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง เขาจึงนั่งลงตรงที่ว่างแล้วเขย่าแก้แค้น

“พิงค์ ตื่นๆ ตื่นนนน... ตื่นได้แล้วโว้ย”

ภูพิงค์ลืมตาขึ้นมองคนเรียก จากนั้นจึงกระเด้งตัวลุกขึ้นทำหน้าเหมือนเจอผี

รวินท์โยนแปรงสีฟันกับยาสีฟันให้ “เอ้า ไปล้างหน้าแปรงฟันซะ เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกัน แล้วผมจะดูฟันคุณให้อีกที”

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเกาศีรษะ “เออ ผมปวดฟันจนหลับไปเลย” ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ สอดมือเข้าไปเกาพุงต่อพลางหมุนตัวมองไปรอบๆ

“นู่น ห้องน้ำอยู่ตรงนู้น”

“ขอบคุณครับ” เมื่อเข้าห้องน้ำไปก็ก้มลงล้างหน้าแปรงฟันไปอย่างงงๆ เขาคิดว่าตัวเองจะตื่นก่อนคนเมาเสียอีก ดันนอนเพลินซะได้ ภาพในจินตนาการว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาแล้วตกใจที่โป๊ไม่ได้ใส่เสื้อแบบในละครหลังข่าวมลายหายไปสิ้น ไอ้พี่วินไม่ได้เหลือคราบคนเมางอแงเมื่อคืนเลย แม่ง...

พอภูพิงค์เดินโงนเงนออกมาจากห้องน้ำ ทันตแพทย์หนุ่มก็เก็บที่นอนเสร็จพอดี

“กินไรดี ปวดฟันอยู่กินโจ๊กดีมั้ย”

“มันก็ไม่ได้ปวดขนาดนั้นหรอกพี่ แค่ปวดตุ๊บๆ หนึบๆ หน่วงๆ กินอะไรก็ได้”

รวินท์เดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มพลางยกมือขึ้นจับคางอีกฝ่ายไว้ “ไหนอ้าปากซิ”

เนื่องจากถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว ภูพิงค์จึงอ้าปากกว้างตามที่ทันตแพทย์หนุ่มสั่ง

“อืม... เดี๋ยวกินข้าวแล้วผมจะตรวจให้ละเอียดอีกทีนะ เพราะงั้นอยากกินอะไรก็กินตุนไว้เลย เผื่อกินไม่ได้อีก”

“ฮะ!?” ภูพิงค์หน้าซีดเผือด “เอาจริงดิพี่!”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ ปกติแล้วรวินท์ไม่พูดกับคนไข้แบบนี้หรอก แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหวอแล้วขำชะมัด “ไปกินโจ๊กนั่นล่ะ ไปร้านไหนดี เจ้าถิ่นแนะนำหน่อยดิ”

“ร้านอร่อยที่ผมกินบ่อยๆ ก็ตรงประตูวิดวะน่ะแหละ แต่เดินไกลนิดนึงนะ ผมไม่ได้เอามอไซค์มา ไม่งั้นจะพาไป”

“ประตูอยู่ไกลมั้ยอะ ผมมีนัดคนไข้เก้าโมง”

“โหย นี่มันยังไม่แปดโมงเลยนะพี่ มหาลัยก็อยู่แค่เนี้ยะ พี่คิดว่าประตูวิดวะอยู่บนเขาอีกลูกเหรอ”

“ตอบดีๆ ไม่ต้องกวนก็ได้มั้ยวะ แล้วมีที่จอดรถมั้ย”

“ถ้าต้องวนหาที่จอดรถ ผมว่าเราเดินไปดีกว่าว่ะ”

รวินท์ขมวดคิ้ว ขี้เกียจเดินก็ขี้เกียจ แดดก็น่าจะร้อนแล้วด้วย แต่ถ้าขืนพูดออกไป เขาต้องโดนไอ้เด็กนี้แซะแน่นอน “เออ เดินก็เดิน”

“โหย คิดนานยังกะจะไปซื้อที่ แค่ไปกินโจ๊กมั้ยวะเนี่ย” ภูพิงค์พูดพลางเดินนำออกไป

ดูมัน ยังหาเรื่องกัดเขาจนได้สิน่ะ!

“ปากแบบนี้มันน่ารื้อฟันออกให้หมดจริงๆ จะได้ไม่กัดไปทั่ว” ทันตแพทย์หนุ่มพึมพำ

“เย็บปากเลยง่ายกว่ามั้งพี่”

“นี่คุณปวดฟันจริงๆ เหรอวะ”

“พี่เป็นหมอ ดูไม่ออกรึไงล่ะ”

“เออ ผมว่าเย็บปากเลยก็คงดีกว่าจริงๆ แหละ”

สองหนุ่มเดินเคียงคู่กันไปก็เถียงกันไป ไม่ได้สนใจรอบๆ ตัวเลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา
ยังเถียงกันไม่ทันเสร็จก็ถึงร้านโจ๊กซะแล้ว พวกเขาสั่งโจ๊กก่อนจะนั่งลงข้างกัน

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าแบบแปลกใจสุดๆ “หือ? พี่ไม่กินเครื่องในเหรอเนี่ย”

“หน้าผมเหมือนชอบกินตับไตไส้พุงรึไงล่ะ ชอบกินก็กินไปคนเดียวสิวะ”

“เปล่า ผมก็ไม่กิน”

“แล้วจะพูดทำไมเนี่ย!”

“ชวนคุยเฉยๆ”

นี่มันเรียกชวนคุยเรอะ! แถวบ้านเขาเรียกกวนตีน!

“เออ พี่วินเห็นรูปยัง”

“เห็น”

“เป็นไง”

“อืม ก็น่ากินดี”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “รูปอะไรวะ”

“รูปโจ๊ก” รวินท์ชี้ไปที่รูปโจ๊กที่ติดไว้กับรถเข็น

“ผมไม่ได้หมายถึงรูปโจ๊กรึเปล่าวะ ผมหมายถึงรูปในเพจวิดวะเชิงดอยโว้ย”

“เอ้า ก็ถามว่าเห็นรูปมั้ยไง แล้วไอ้นั่นคุณเรียกว่าอะไร”

“เรียกรถเข็น”

สายตาของทั้งคู่ที่จ้องมองกันอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายราวกับมีไฟช็อตลั่นเปรี๊ยะๆ ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ภูพิงค์คิดว่าวันนี้เขากับไอ้พี่วินคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ

“เรามาสงบศึกกันชั่วคราวเหอะพี่ เพื่อความสุขในการกิน”

“เออ ไหนล่ะ รูปอะไร”

เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรูปให้อีกฝ่ายดู “นี่ไง เพจลงไว้สองรูป”

รวินท์มองดูรูปในโทรศัพท์มือถือไปด้วยสีหน้านิ่งๆ หากก็คิดว่าคนถ่ายเลือกมุมได้ดีจริงๆ แม่งเหมือนนั่งจีบกันอยู่เลย


“พี่วินครับ”


จู่ๆ คนอ่อนวัยกว่าก็พูดดีด้วย เล่นเอาทันตแพทย์หนุ่มขนลุกซู่ เขาหันไปมองคนอ่อนวัยกว่าอย่างหวาดๆ “อะไร”

“พี่ไม่ยอมรับแอ๊ดผมในเฟซอ่ะ”

“แอ๊ดมาเหรอ”

“เออ แอ๊ดไปตั้งหลายวันแล้ว”

“โทษที ผมไม่เห็น ไม่ได้เข้าเฟซเลยน่ะ” รวินท์หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมากดดูบ้าง “โอ้โห คนแอ๊ดมาเพียบเลย พิงค์...พิงค์...พิงค์... อยู่ไหนวะ” เขาพึมพำไปขณะมองหาชื่อ

“ภูพิงค์ครับ” เจ้าของชื่อชะโงกหน้าไปช่วยดู “นี่ไง”

“กดรับแล้ว พอใจยัง”

“ยังครับพี่” ภูพิงค์พูดเสียงอ่อย “คือผมมีเรื่องอยากให้พี่ช่วยนิดหน่อยอ่ะครับ เกี่ยวกับคณะผม”

ดวงตาเรียวจับจ้องท่าทางของเด็กหนุ่ม ซึ่งทำให้เขาอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ พอถึงเวลามีเรื่องขอร้องเขางี้ พูดซะเพราะ ทำหน้าหงอเชียวนะ ไอ้เด็กผี มารยาสาไถโคตรๆ “ช่วยอะไร”

“คือ... สโมฯ อ่ะ อยากสัมภาษณ์ความคิดเห็นพี่เรื่องขึ้นดอยไง ไหนๆ พี่ก็อยู่ที่นั่นด้วย อยากรู้ว่าในสายตาคนนอกมองเข้ามาเป็นยังไง มีคำถามนิดๆ หน่อยอะไรอย่างเงี้ย จะขอเอาไปลงเพจคณะกับรูปพี่อะครับ”

รวินท์หยุดคิด เรื่องแค่นี้เขาก็ช่วยได้แหละ เพราะยังไงพิงค์ก็อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนเขาตอนเมาเมื่อคืน

“คณะผมอ่ะ ใช้ระบบโซตัสไง พี่ก็คงได้ยินว่ามีคนแอนตี้เยอะ ผมก็เข้าใจนะถ้ารุ่นพี่ห่วยๆ ระบบมันก็แย่กับรุ่นน้องจริงๆ แต่ผมมั่นใจเลยว่าคณะผมไม่ใช่แน่ พวกผมอยากให้คนนอกเข้าใจเราบ้าง อยากให้มองคณะผมดีขึ้น”

“โห พูดอย่างกะจะไปหาเสียงที่ไหน”

“แหม เห็นแบบนี้ผมก็เป็นพี่ว้ากนะพี่ พ่วงตำแหน่งประธานรุ่นด้วย”

“เออ ก็ได้ จะถามอะไรก็เอาไว้ถามทีหลังละกัน”

ภูพิงค์ยิ้มกว้าง “เย้ ขอบคุณครับ”   

“แต่จะลงรูปไหนบ้าง เอามาดูก่อนนะเว้ย เดี๋ยวทำหน้าเหวอๆ อายเขาตาย”

“ใครเขาจะลงรูปหน้าเหวอๆ ของคนให้สัมภาษณ์วะพี่”

“ไม่รู้ล่ะ เอามาให้ดูก่อน”

“หน้าอย่างนี้ยังกลัวมีมุมไหนไม่หล่ออีกเหรอวะ” เด็กหนุ่มแอบต่อว่าเบาๆ

หากรวินท์หันไปยิ้มแล้วผงกศีรษะลงเล็กน้อย “ขอบใจที่ชม”

เมื่อคนขายนำโจ๊กมาเสิร์ฟ การปะทะคารมกันก็ถูกหยุดไว้ชั่วครู่ พวกเขานั่งกินกันไปเงียบๆ ด้วยความหิว เดี๋ยวมีแรงแล้วค่อยหาเรื่องกันต่อ

หลังจากกินเสร็จ ภูพิงค์ก็เรียกคนขายมาเก็บเงิน แต่ยังไม่ทันจ่ายคนที่นั่งข้างกันก็ชิงส่งเงินให้คนขายไปก่อน

“ผมเลี้ยงเอง”

“ขอบคุณครับ แหม เปย์เด็กบ่อยอะดิ เงินเดือนเยอะมากเหรอพี่” หากก็ไม่วายหาเรื่องแซะอีกฝ่ายจนได้

“ผมเป็นหมอฟันใช้ทุน คิดว่าจะรวยมั้ยล่ะ ต้องถ่อจากลำพูนมาทำคลินิกที่เชียงใหม่เนี่ย”

สองหนุ่มเดินเคียงกันกลับไปที่คลินิก ระหว่างทางก็คุยกันต่อไปเรื่อยๆ

“พี่เป็นหมอฟันที่ลำพูนเหรอ ไกลมากมั้ยอ่ะ”

“ไม่ไกลหรอก โรงบาลลำพูนอะ ถ้ารถไม่ติดก็ขับรถประมาณชั่วโมง”

“โห ชีวิตต้องสู้เนอะ ทำงานทุกวันไม่มีพักเลย”

“จริงๆ ก็มีแหละ ปกติผมจะทำคลินิกสลับกับเพื่อน แต่ช่วงนี้มันไม่ว่าง ผมเลยต้องทำแทนมัน”


พอกลับไปถึงคลินิก ทันตแพทย์หนุ่มก็ไล่ให้อีกฝ่ายไปแปรงฟันแล้วมาขึ้นเขียงให้เขาตรวจดูอีกรอบ

ภูพิงค์อิดออดตามระเบียบ แต่เพราะโดนขู่ว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์ เขาจึงต้องจำใจยอมทำตามโดยดี กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด ก็สายไปแล้ว

หลังจากเอ็กซเรย์ฟันเสร็จ เด็กหนุ่มก็เดินมึนเข้าไปห้องตรวจ คราวนี้ในห้องมีผู้ช่วยทันตแพทย์อยู่ด้วย ส่วนพี่วินน่ะ ใส่กาวน์กับผ้าปิดปากพร้อมรอเขาอยู่แล้ว เขารู้สึกใจหวิวๆ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม พอนั่งลงบนเก้าอี้ทำฟันก็รู้สึกเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง และพอเขาอ้าปากเท่านั้น อีกฝ่ายก็ลงมือแบบไม่เกรงใจกันเลย

“อื้อ! อื้อ!”

“จะร้องทำไมนักเล่า แค่ขูดหินปูนนิดๆ หน่อยๆ ผมแค่จะดูว่ามีตรงไหนผุบ้างเท่านั้น” รวินท์พูดเสียงดุ พลางง้างมือตบกบาลไปอีกหนึ่งที

หมออะไรวะ! ตบกบาลคนไข้เนี่ย! โอ๊ย! เจ็บโว้ย! ภูพิงค์จิกมือลงบนขาตัวเองอย่างแรง ถึงจะไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย หากเสียงเครื่องกรอฟันที่ฟังดูหวีดหวิวราวกับเสียงไซเรนช่างบาดหู เป็นผลให้เสียวจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจ เขารู้สึกถึงน้ำลายตัวเองที่มันไหลออกจากมุมปากลงไปยังลำคอ ขนาดมีเครื่องดูดน้ำลายแล้วด้วยนะ โอ้โห สภาพ... น่าทุเรศอย่าบอกใคร

ภูพิงค์ได้ยินทันตแพทย์หนุ่มพูดกับผู้ช่วยฯ ด้วยคำศัพท์ที่เขาไม่รู้จัก แต่ฟังดูเหมือนไม่ใช่เรื่องดี เขาอยากจะหนี อยากจะร้องไห้ อยากจะ...

“เอ้า ลุกขึ้นมาบ้วนปากหน่อย”

เสียงนั้นราวกับเป็นเสียงจากสวรรค์ เด็กหนุ่มลุกขึ้นพรวด หากพอบ้วนปากออกมาเป็นสีเลือดข้นๆ ก็ทำให้ปอดแหกหนักไปอีก “พี่จะฆ่าผมใช่มั้ยเนี่ย!”

“เก่งสารพัด หัวใจเท่ามดลูกปลาซิว” รวินท์ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ “เอ้า นอนต่อ”

“ยังมีต่ออีกเรอะ!”

“อีกนิดเดียวน่ะ”

“พอแล้วไม่ได้เหรอพี่”

“ไม่ได้!” ทันตแพทย์หนุ่มกดไหล่ของภูพิงค์ลงแนบพนักเก้าอี้ กดหน้าผากเด็กหนุ่มไว้ แล้วพูดเสียงดุ “อ้าปากไวๆ ไม่เจ็บแล้วน่ะ!”

“นิดเดียวจริงๆ นะเว้ย”

“เออๆ”

หลังจากต่อรองกันจนเหนื่อย ภูพิงค์ก็ยอมเปิดปากให้อีกฝ่ายจัดการกับตัวเองต่อ ครั้งนี้แป๊บเดียวอย่างที่พี่วินว่าจริงๆ ไม่นานก็ได้ลุกขึ้นมาบ้วนปากมองดูเลือดตัวเองอีกหน

“ทำไมเลือดออกเยอะขนาดนี้วะเนี่ย”

“ก็เอาเลือดไม่ดีออกบ้าง จะได้หายปากเสียไง” ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปหยิบแผ่นกระดาษที่มีรูปฟันมาจากผู้ช่วยฯ แล้วส่งให้เด็กหนุ่มดู “ดูนะ คุณมีฟันผุนิดหน่อย ตรงนี้กับตรงนี้ โตจนป่านนี้ยังแปรงฟันไม่เกลี้ยงอีก”

โห ได้ทีด่าใหญ่

“ส่วนฟันคุด มีคุดสี่ซี่เลย ดีใจด้วยนะ แต่ซี่นี้ควรต้องผ่าก่อน ที่มันปวดก็เพราะเหงือกอักเสบ ผมจะให้ยาคุณไปกินก่อนนะ” รวินท์ชี้ไปที่ภาพเอ็กซเรย์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ระหว่างนี้ก็ไปให้ที่คณะทันตะเขาเอ็กซเรย์อีกรอบ แล้วรอนัดวันผ่า อาจจะต้องรอคิวนานสักหน่อย หรือถ้าไม่อยากรอนานก็มาหาผมได้ แต่ควรจะรีบผ่าเอาออก เข้าใจมั้ย”

ภูพิงค์ไม่เข้าใจหรอก แต่พยักหน้าไปงั้น ไอ้พี่วินจะได้หยุดพูดเรื่องเสียวไส้ซะที

“เอ้า ออกไปนั่งรอเอายาข้างนอก เดี๋ยวจะได้เวลานัดคนไข้แล้ว”

“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มลุกขึ้น สภาพไร้เรี่ยวแรงเหมือนโดนรุมโทรมมาหมาดๆ ใจอยากออกไปให้ไกลจากเก้าอี้ทำฟันให้เร็วที่สุด แต่เดินไปได้สองสามก้าวก็นึกขึ้นได้ เขารีบหันกลับไปทวง อุตส่าห์ยอมเอาตัวเข้าแลกขนาดนี้แล้ว “แล้วสัมฯ ผมล่ะพี่”

“เดี๋ยวตอนบ่ายๆ ค่อยมาสัมฯ ละกัน วันนี้ผมเลิกสี่โมง ระหว่างวันคนไข้เยอะคงไม่ว่างอ่ะ แล้วนี่จะกลับไง”

“ผมโทรเรียกเพื่อนให้เอามอไซค์มารับได้พี่ งั้นเดี๋ยวสี่โมงเจอกัน ผมจะได้กลับไปพรินต์คำถามไว้ด้วย”

“เออๆ”

“ขอบคุณคร้าบพี่หมอวิน~” ภูพิงค์ยกมือไหว้ จากนั้นก็เดินลัลลาออกไปยังเคานท์เตอร์ข้างหน้าเพื่อรอรับยา สวนกับคนไข้ที่เพิ่งมาถึงพอดี เขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าเคาทน์เตอร์พลางโน้มใบหน้าลงไปถามคนที่นั่งอยู่ “เท่าไหร่ครับ”

ผู้ช่วยทันตแพทย์ส่งถุงยาให้ “หมอไม่คิดตังค์ค่า เดี๋ยวน้องกินยาได้เลยนะ กินให้ครบแผงด้วย แล้วอย่าลืมไปติดต่อที่คณะทันตะตามที่คุณหมอสั่งรู้มั้ย”

“ไม่คิดตังค์เหรอ” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น หากพอจะวิ่งกลับไปยังห้องตรวจ คนไข้ก็เดินเข้าไปแล้ว เขาได้ยินเสียงพี่วินคุยกับคนไข้แว่วมาเบาๆ “อ่า ขอบคุณนะครับ”

ภูพิงค์เดินไปกดน้ำในตู้น้ำที่คลินิกมีไว้บริการใส่แก้ว โยนยาใส่ปากแล้วโทรศัพท์ไปเรียกเพื่อนรัก สักพักขิงซึ่งเป็นตัวแทนของทุกคนก็ขี่มอเตอร์ไซค์มารับกลับไปยังบ้านเช่าด้วยกัน


เมื่อกลับไปถึงบ้านเช่า อีกสองหนุ่มในบ้านก็ถลาเข้ามาโอบกอด

“มึงยังมีชีวิตอยู่ด้วย ไอ้พิงค์ คิดถึงมึงโคตรๆ”

“อย่ามาตอแหล แล้วนี่อีแซนดี้ล่ะ”

“ไปกับเด็กมันตั้งกะเมื่อคืนยังไม่กลับ”

“เด็กมันเอาไปฝังข้างรากต้นลิ้นจี่แล้วป่ะวะเนี่ย” ภูพิงค์เอ่ยถึงด้วยความเป็นห่วง

“แล้วฟันมึงเป็นไงบ้างวะ”

“เออ พวกมึงมีฟันคุดกันมั้ยวะ หมอว่ากูควรไปผ่าออก” เด็กหนุ่มย้อนถาม

ซันเป็นคนเดียวที่เคยผ่านประสบการณ์โหดร้ายนี้มาก่อน เขารีบเสนอหน้าก่อนใคร “ของกูเอาออกไปแล้วทั้งสี่ซี่เลยเว้ย”

“เป็นไงบ้างวะ”

“โหย มึงเอ๊ย คือปกติเขาต้องผ่าทีละข้างใช่มะ ปากแม่งบวมเหมือนอมเงาะอยู่ข้างเดียวอะ แดกอะไรไม่ได้ไปหลายวัน”

ขิงเบ้ปากใส่ “มึงอย่าเว่อร์”

“กูไม่ได้เว่อร์เว้ย นี่เรื่องจริง กูถึงผ่าตอนปิดเทอมไง พวกมึงจะได้ไม่เห็น”

“แล้วเจ็บมั้ยวะ”

“ไอ้ตอนผ่าอะ ใช้ยาชาไง ไม่เจ็บหรอก แต่หลังจากนั้นสิมึ้งงง~ เจ็บปวดรวดร้าวยิ่งกว่าตอนเรียนแคลฯ กับจารย์จี๊ดเลยมึง”

ภูพิงค์ฟังแล้วเสียววาบ แต่ตอนนี้เขาไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว รอทำใจอีกสักพักคงไม่เป็นไรมั้ง “เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน” จากนั้นก็รีบสาวเท้าขึ้นห้องไป


*TBC*


พี่วินแอ๊ดเฟซแล้วน้าาาา ความสัมพันธ์คืบหน้าใช่มั้ยล่า 55555555

แถมมีนัดกันต่อด้วย น้องพิงค์ของเราเก่งจิมๆ สมแล้วที่เอาตัวเข้าแลก /โดนน้องพิงค์เตะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ ติดตามตอนหน้าน้าาาา~
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-10-2017 09:44:29
เขาเถียงทันกันดีเนาะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 16-10-2017 09:55:41
อยากให้อยู่ด้วยนี่เรียกอ่อยมั้ยอะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-10-2017 09:55:49
น้องพิ้งเอ้ยยย เอาตัวเข้าแลก เอาฟันเข้าแลกเลยทีเดียว 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-10-2017 10:19:30
เข้าใจพิงเลยกลัวไปหาหมอฟันเหมือนกัน เหมือนจะโดนเชือดอ่ะ :sad4: นี่ค่อยๆคืบหน้าแล้วนะพี่เค้าแอดเฟรนด์แร่ะ - - ถ้าจะให้คืบหน้าเร็วๆ กว่านี้ต้องมาผ่าฟันคุดกับพี่วิน 4 ซี่เลย555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 16-10-2017 11:05:06
 :m3: น่ารักจังคู่นี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 16-10-2017 11:34:55
เค้าเถียงกันน่ารักขนาดนี้ นี่ก็ยังไม่รู้เลยใครเป็นเมะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-10-2017 12:00:56
ฟื้นคืนชีพแล้ว
วิน ก็เป็นหมอฟันที่น่าเชื่อถือ

ภูพิงค์ กับหมอวิน ก็ปากเก่งพอกันและ
รอพิงค์ สัมภาษณ์พี่วิน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-10-2017 12:18:13
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 16-10-2017 12:44:00
เด่วน้องภูพิงค์ได้มีเจ็บปวดจากฟันคุดแน่ ดูแล้วจะไม่ยอมหาหมอจนกว่าจะปวดขึ้นมาอ่ะ พี่หมอรอช่วยเลยนะค่าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 16-10-2017 12:46:28
ฮื่ออออออ   อ่านเรื่องนี้แล้วอารมณ์ดีจัง   :-[
น้องพิงค์ อะไรคือถ้าจะปล้ำให้ไปขอพ่อแม่ก่อน คือไม่ได้กลัวถูกปล้ำ
แต่ก่อนปล้ำ ต้องทำให้ถูกต้องตามประเพณีงี้เหรอ 555 พิงค์เอ้ย
พี่วินเศร้า แต่เราฮาน้องพิงค์มากกว่าอ่ะ ปากดีจริง ๆ โทษทีนะพี่วิน
แต่ถึงจะปากเสีย ดูเฮฮาบ้าบอ แต่น้องพิงค์นี่เป็นคนมีความคิดดีมากนะ ชอบ
คิดว่าพี่วิน ตื่นมาจะจำอะไรไม่ได้ซะอีก จริง ๆ คือมีสติดีอยู่แล้วด้วย แหม
แถมพอวันใหม่ ก็สามารถเข้มแข็งได้เร็วเลย คำปลอบน้องพิงค์นี่ได้ผลชะงัดสินะ
ชอบความออดอ้อนของน้องพิงค์อ่ะ ถึงจะดูน่าหมั่นไส้ แต่ก็ยังน่ารักนะ ฮาาา
พอพูดเรื่องฟันคุดแล้วกลัวอ่ะ เข้าใจน้องพิงค์ นี่ก็ไม่กล้าผ่าเหมือนกัน ฮืออ T^T
นิสัยเดียวกันเลย พอไม่ปวดก็ไม่ไปผ่า แต่น้องพิงค์คงรอดยากอ่ะนะ พี่วินตามจิกแน่
นี่ยังคงเชียร์น้องพิงค์เป็นเคะน้อย ๆ อยู่เหมือนเดิม ชอบนายเอกเด๋อด๋าปากจัดอ่ะ น่ารัก
รอตอนต่อไปน้า ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-10-2017 14:58:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 16-10-2017 15:26:29
ชอบอะ น่ารักดีเอาอีกค่าเอาอีก :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-10-2017 15:38:25
โอ้ยยยย ขำน้องพิงค์ 5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-10-2017 15:55:43
ได้สานสัมพันธ์กันยาวล่ะทีนี้ ขอบคุณฟันคุดสี่ซี่จ้า   :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-10-2017 16:43:47
มัวแต่กลัวเดี๋ยวก็ได้ปวดฟันคุดหรอกน้องพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าแก่ ที่ 16-10-2017 16:47:09
ชอบบรรยากาศ ระหว่างหมอวินกับพิงค์จัง


อ่านมาจนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครจะกดใคร อิอิอิ


 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-10-2017 18:30:51
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 16-10-2017 19:06:24
ผ่าฟันคุดปากระบมแน่น้องพิงค์ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-10-2017 19:32:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-10-2017 19:53:45
ผ่านคืนวันอันเจ็บปวดมาด้วยกัน ก็เลยสนิทกันเร็วอะเนอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 16-10-2017 19:54:35
 o18 o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-10-2017 21:05:09
กวนกันไปกันมาช่างน่ารัก พิงค์ไปต้องไปคณะทันตะหรอก มาผ่ากับพี่วินนี่แหล่ะ เจอหน้าหมอจะได้มีกำลังใจผ่านพ้นการผ่าฟันอันโหดร้ายไปได้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 16-10-2017 21:15:07
ชอบตอนพวกเขาเถียงกันอ่ะ น่าร้ากกกก
อยากอ่านอีกกกก อยากอ่านตอนพวกเขาอยู่ด้วยกันอีกจางงง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 16-10-2017 22:47:20
 :hao7: :hao7: อย่างงี้ เพื่อนเต้ก็แห้วอะดิ  น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: Mod40 ที่ 17-10-2017 01:18:17
ลงชื่อติดตามฮะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-10-2017 02:51:24
      พี่หมอค่าาน้องอุส่าห์เอาตัวเข้าแลกแล้วนะค่าาา
อิอิรอบหน้าจัสัมภาษณ์อะไรกันนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 17-10-2017 06:26:55
จะเป็นไปได้ไหมน้อว่าพรุ่งนี้ คนเขียนจะมาต่อตอนที่8

แค่ถามเฉยๆ นะ แหะๆ อยากอ่านต่อนะ  :katai4: :m23:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 17-10-2017 07:10:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 17-10-2017 08:40:38
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-10-2017 11:13:50
น้องพิงค์ก็ก๊วนกวน พี่หมอก็ชอบดุน้อง สมกันดีๆๆ5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-10-2017 19:51:01
ชอบตอนเค้าเถียงกัน มันน่าร๊ากก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-10-2017 01:17:01
55555 พิงค์เอ้ยยย ไปแหย่เค้าดีนัก ถึงต้องแบกร่างมาเจอหมอวิน

วินน่าสงสาร คือก็พยายาม ก็รักน่ะ แต่คงไม่ทันสำหรับใครอีกคน
ถึงขั้นร้องไห้ ใจต้องเจ็บขนาดไหน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 19-10-2017 18:46:46
เมื่อคืนฝันว่าคนเขียนมาต่อด้วยละ

คิดถึงจนเก็บเอาไปฝัน :m26:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 19-10-2017 22:08:20
รอนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 20-10-2017 08:08:57


Chapter 8 : ก้าวแรก


เมื่อใกล้ถึงเวลาบ่ายสี่โมงตามที่นัดไว้ ภูพิงค์หยิบแฟ้มกระดาษที่เตรียมไว้ขึ้นมาแล้วเดินอาดๆ ไปยังบิ๊กไบค์ของตน

เพื่อนทั้งสามมองตาม “มึงจะไปไหนไอ้พิงค์”

“ไปธุระนิดหน่อย”

“ธุระอะไรของมึง” ซันถามอย่างงงๆ

“เออน่ะ” เขายังไม่บอกมันว่าเจอตัวพี่วินแล้ว เพราะเดี๋ยวมันโลภ อยากได้นู่นนั่นนี่เพิ่มอีก เขาสงสารพี่วิน เห็นว่าต้องทำคลินิกแทนเพื่อนด้วย คงจะเหนื่อย เกิดไอ้ซันไปวอแวมากๆ เดี๋ยวพี่แม่งองค์ลง จะชวดกันหมด

“ทำไมวะ แค่นี้บอกไม่ได้อ่อ” ดิวโวยตามหลัง

“เออ นี่พวกกูเพื่อนมึงป่ะ” ขิงชวนก่อดราม่าได้อีก ทำให้เด็กหนุ่มต้องหันกลับไปโกหกใส่

“ไปวัดโว้ย จะไปวิ่งแก้บน พวกมึงจะไปด้วยมั้ยล่ะ!”

ทั้งสามคนหยุดกึก หันหน้าหนีกันไปคนละทาง “เออๆ งั้นไปเหอะ”

ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา ไอ้พวกเวรนี่ พูดถึงวัดงี้เมินเชียว มันน่าเอาน้ำมนต์สาดนัก เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์แล้วรีบขี่ออกไป


อากาศยามบ่ายยังคงร้อนฉ่า ขนาดขี่มอเตอร์ไซค์ไปแค่ใกล้ๆ เด็กหนุ่มยังแทบจะละลายติดเบาะ เมื่อไปถึงคลินิก เอามอเตอร์ไซค์ไปจอดในที่จอดมอเตอร์ไซค์ในลานจอดรถด้านหลัง แล้วก็เดินวนมาเปิดประตูทางเข้าด้านหน้าเข้าไปในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ เขาเกือบจะแก้ผ้าล้มตัวลงนอนกลิ้งเกลือกบนพื้นเสียเดี๋ยวนั้น

“อา... สวรรค์ชัดๆ” สิ้นคำพูดก็มีเสียงร้องครวญครางดังแว่วออกมาจากห้องตรวจ เด็กหนุ่มหุบยิ้มทันควัน

“นั่งรอแป๊บนะคะ คุณหมอใกล้เสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ยิ้มรับ


“โอย ทำไมมันเจ็บจังอะ หมอออ~”

“อีกนิดเดียว อดทนหน่อยนะ”

“ไม่ไหวแล้วววว~”

“งั้นหมอฉีดยาชาเพิ่ม แต่จะชานานหน่อยนะครับ”

คนไข้คนนั้นเงียบไปชั่วครู่ หากสักพักก็พูดขึ้นเสียงอ่อย“ฉีดยาก็เจ็บอยู่ดี ผมทนก็ได้ หมอเบามือหน่อยนะ อีกนิดเดียวใช่มั้ย”

“นิดเดียว อดทนไม่ถึงสามวิฯ”


แล้วเสียงอุปกรณ์ในห้องตรวจก็ดังหวีดหวิวเข้ามาเสียดแทงโสตประสาทของภูพิงค์ต่อ ความเย็นชั่ววูบเมื่อครู่ กลับกลายเป็นเย็นแบบเสียวสันหลังวาบๆ เขาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง นั่งนานไปก็ชักฟุ้งซ่าน พาลนึกถึงตัวเองในอดีตเมื่อครั้งที่มารดาพาไปทิ้งไว้ที่ร้านทำฟันตามลำพัง ส่วนเธอไม่ชอบเสียงกรอฟันจึงไปรออยู่ข้างนอกร้าน ตอนนั้นเขาก็เสือกใจเสาะกลัวเข็มฉีดยา เลยยอมทำฟันไปแบบไม่ใช้ยาชา ทั้งเสียวทั้งเจ็บแบบฉิบหายวายวอด ครั้งนั้นครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเขาก็เกลียดกลัวการทำฟันเข้าไส้ไปเลย

ไม่นานคนไข้คนนั้นก็เดินเซออกมาจากห้องตรวจ ชายหนุ่มสบสายตากับภูพิงค์อย่างเห็นใจ เหมือนอยากจะบอกว่า ตามึงขึ้นเขียงแล้ว อย่างไรอย่างนั้น พอจ่ายเงินเสร็จก็รีบรุดออกจากคลินิกไป

หลังจากนั้นทันตแพทย์หนุ่มก็ชะโงกหน้าออกมาจากห้องตรวจ เมื่อเห็นภูพิงค์นั่งหน้าเจื่อนๆ อยู่ก็สงสัยนิดหน่อย เขาถอดผ้าปิดปากออกแล้วถาม “เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนโดนโกงค่าแชร์”

“น้องเขากลัวเสียงกรอฟันกับเสียงร้องของคนไข้หมอน่ะสิคะ เมื่อกี้เดินเข้าคลินิกมายังยิ้มหน้าบานอยู่เล้ย พอได้ยินเสียงกรอฟันเท่านั้น แข้งขาอ่อนเลย” หญิงสาวที่เคาน์เตอร์หันไปตอบแทนให้เสร็จสรรพ เธอหัวเราะร่วน แบบไม่นึกถึงใจปลาซิวของเด็กหนุ่มเลย

รวินท์ยิ้มมุมปาก ทำให้คนที่นั่งรออยู่หนวดกระตุก “ไม่เข้ากะหน้าเลยว่ะ”

ภูพิงค์เบือนหน้าหนี เสียฟอร์มหนุ่มวิศวะ พี่ว้ากมาดโหด โฉด และซกมกอย่างเขาฉิบหาย ดีที่ไม่มีใครในคณะมาเห็นเขาในสภาพแบบนี้ แม่งเอ๊ย

“เดี๋ยวผมมา ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง” ทันตแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปข้างในคลินิก ขึ้นห้องไปอาบน้ำ แล้วเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนแทนชุดที่ใส่ทำงาน จากนั้นจึงเดินลงมาข้างล่าง พอมาถึงผู้ช่วยฯ ทั้งสองคนก็ลากลับบ้านพอดี เขาพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้างเด็กหนุ่ม

“เอ้า ว่างละ จะถามอะไรก็ถาม” พูดจบก็ยืดตัวบิดไปมา

“ผมพรินต์คำถามมาแล้วพี่ เดี๋ยวพี่ตอบลงในกระดาษเลยก็ได้”

รวินท์ขมวดคิ้ว “ผมขี้เกียจเขียนว่ะ ลายมือคงอ่านลำบากด้วย ผมตอบแล้วคุณจดได้มั้ย”

“ได้ครับ” ภูพิงค์พยักหน้า วินาทีนี้ง้อสุดใจ และเพราะเห็นว่ารวินท์เพิ่งทำงานเสร็จมาหมาดๆ คงจะเหนื่อย เขาไม่ควรจะกวนประสาทอีกฝ่ายตอนนี้ “พี่วิน ผมว่าอัดเสียงพี่ไว้ด้วยดีกว่า จะเอาให้สโมฯ ฟังเทียบกับสัมฯ”

“เออๆ เอาไงก็เอา”

ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มอ่านคำถามในกระดาษ เด็กหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู แล้วนั่งนิ่งอยู่สักพักใหญ่

“ข้อหนึ่ง”

“เดี๋ยวพี่ อัดเสียงยังไงวะ”

คำถามของภูพิงค์เป็นผลให้รวินท์นิ่งอึ้งไปด้วย เขาก้มลงมองโทรศัพท์มือถือในมือฝ่าย จะตอบว่าไม่รู้ก็เดี๋ยวเสียฟอร์ม “ก็อัดเป็นคลิปไปสิคุณ”

“เออ ฉลาดๆ” คนอ่อนวัยกว่าพูดชม ก่อนจะกดโทรศัพท์แล้ววางพิงไว้กับแจกันบนโต๊ะตรงหน้า ให้โฟกัสไปยังคนที่นั่งข้างกัน “อ่ะ ตอบมาเลยครับ”

“ต้องแนะนำตัวด้วยมั้ยอะ”

“นิดนึงละกัน”

“สวัสดีครับ ผมรวินท์”

“แค่นี้เหรอ” ภูพิงค์หันไปมองหน้าทันตแพทย์หนุ่ม

รวินท์มองกลับ แล้วพูดต่อ “ผมรวินท์ เป็นหมอฟันครับ ยาวพอยัง”

“เออๆ ตอบคำถามเถอะพี่” เด็กหนุ่มตัดบท เพราะขี้เกียจเถียงให้เปลืองพื้นที่ในโทรศัพท์มือถือ

“ข้อหนึ่ง ผมมาดูขึ้นดอยครั้งนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้าก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่เพราะอยู่ที่กรุงเทพฯ ตลอดแล้วก็เรียนหนักด้วย เลยไม่เคยมีโอกาสมาดู สาเหตุที่สนใจก็เพราะผมบังเอิญได้เห็นรุ่นพี่พารุ่นน้องซ้อมวิ่ง...” ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก พลางขมวดคิ้ว “คนที่วิ่งนำน้องๆ ตอนซ้อมวิ่งที่ผมเห็น ใช่คุณรึเปล่าวะ”

“เอ๊า ผมจะรู้กับพี่มั้ยล่ะ”

“คุณไม่เห็นผมเหรอ ตอนที่วิ่งไปวิ่งมาข้างหลังมออะ”

ภูพิงค์ทำหน้างง “ผมวิ่งวันละไม่รู้กี่รอบ เห็นพี่ก็จำไม่ได้หรอก”

“ไหนบอกว่าหน้าแบบผมเห็นแล้วยังไงก็จำได้ไง”

“ตอนนั้นเหงื่อมันบังตา” เด็กหนุ่มแก้ตัว “เอาน่ะ ตอนนี้จำได้แล้วไง จำได้แม่นด้วย พูดต่อได้แล้วพี่”

“พอดีวันที่ขึ้นดอยผมว่าง ก็เลยไปดูของจริงสักครั้ง” รวินท์พูดร่ายยาวต่อไปเรื่อย ตอบคำถามทีละข้ออย่างตั้งใจ เขาบอกเล่าถึงความรู้สึกที่ได้เห็นนักศึกษาตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปบนถนนที่สูงชัน และประทับใจมากกับการที่พวกเขากอดคอกันวิ่งขึ้นโค้งขุนกัณฑ์โดยที่ไม่มีใครทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง

“ตอนแรกที่ได้ยินมา ผมก็นึกว่าคงโม้บ้างน่ะแหละ แต่ที่ผมได้เห็นกับตา และคิดว่าทุกคนในที่นั้นก็คงสัมผัสได้ด้วยหัวใจ ผมยืนยันได้เลยว่าที่เขาพูดกันนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกัน เป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง ไม่มีใครทิ้งกันเลย ทุกคนมีสปิริตมากครับ”

“ผมเข้าใจนะว่าเป็นประเพณีของพวกคุณ แต่การที่ทุกคนพร้อมใจกันแบบนั้น มันน่าทึ่งมากจริงๆ ผมเองไม่เคยผ่านการรับน้องแบบโซตัส เคยได้ยินข่าวไม่ดีมาก็เยอะ แต่สิ่งที่ผมได้เห็น มันคือการร่วมใจกัน คือความสามัคคี” ทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปทางคนที่กำลังก้มลงจดยิกๆ “ที่สวนสนข้างบนนั้น ผมได้ฟังเพลงที่พวกคุณร้อง ได้เห็นกิจกรรมสนุกๆ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นนักศึกษาอีกครั้ง...”

รวินท์มองกล้อง อมยิ้มแล้วชี้ไปที่เด็กหนุ่ม “เขาร้องเพลงเพราะดี”

ภูพิงค์เงยหน้าขึ้น หันขวับไปหาอีกฝ่าย “ฮะ ใครพี่”

“คุณไง ที่ร้องกรอกหูผม จำไม่ได้เหรอ”

“ผมร้องกรอกหูที่ไหน!”

“เอาล่ะ คำถามสุดท้าย มีอะไรอยากฝากถึงนักศึกษาคณะวิศวะเชิงดอยมั้ย... อืม... พี่ๆ และน้องๆ คณะนี้น่ารัก อยากให้รักษาความน่ารัก ความเป็นกันเอง และความมีน้ำใจแบบนี้ไปอีกนานๆ ครับ”

เด็กหนุ่มจดไปก็ชำเลืองมองอีกฝ่ายไป โอ้โห คนอะไร เป็นงานชะมัด ทั้งคำพูดคำจา คำตอบนี่แบบ เขาลอกไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องนั่งเกลาให้เหนื่อย สายตามองกล้องแบบเก๊กสุภาพสุดๆ พูดไปยิ้มไปด้วยอีกต่างหาก ท่าทางจะเคยรับงานแบบนี้บ่อยจริงๆ

“อ้อ! แล้วก็โจ๊กที่ประตูทางเข้าอร่อยดี ไปอุดหนุนกันเยอะๆ นะครับ ร้านจะได้ขายได้นานๆ ผมจะได้มีอะไรกินตอนเช้า”

ภูพิงค์รู้สึกหมั่นไส้หน้าตาและท่าทางทันตแพทย์หนุ่มตงิดๆ “ขอบคุณที่สละเวลานะครับ” เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดจบการอัดคลิปพลางเบ้ปากใส่ “พี่วินนี่โคตร...”

“รู้งานใช่มะ”

“ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าตอแหล้ตอแหลอะพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มคิ้วกระตุก “ชาวบ้านแถวไหนวะ จะไปเผาบ้านแม่ง!”

เด็กหนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อน “ผมล้อเล่นๆ” จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบคางที่มีเคราบางๆ อย่างครุ่นคิด สายตากวาดมองคำพูดของอีกฝ่ายที่จดลงกระดาษไว้คร่าวๆ “พี่วิน ตอนที่เขาวิ่งขึ้นดอยกัน พี่ยืนดูอยู่ตรงโค้งสปิริตใช่ปะ”

“อือ...” รวินท์ตอบหน้าตาย 

“ยืนดูเฉยๆ แค่นั้นอะเหรอ”

“เออสิวะ จะให้ผมดูไป เต้นดึงดาวไปด้วยรึไงล่ะ ทำไมเหรอ”

“พี่พูดได้เหมือนมาวิ่งกับพวกผมด้วยเลยว่ะ”

“อ้อ”

“อ้อ?” ภูพิงค์โน้มตัวเข้าไปหา

“ก็อ้อไง เพราะงี้เลยว่าผมตอแหลสินะ”

“เปล่าๆ ผมแค่คิดว่าพี่พูดได้ดีเหมือนเตี๊ยมกันมาเฉยๆ เมื่อก่อนพี่รับงานแบบนี้บ่อยอะดิ”

“เออ บ่อยมาก ทั้งคลิปโปรโมตคณะ โปรโมตมหาลัย สัมฯ ลงวารสารมหาลัย สัมฯ ลงเพจคณะ เพจมหาลัย สัมฯ แม่งทุกงานเทศกาล”

“โห... แต่ก็ดีว่ะ ผมไม่ต้องเหนื่อยเลย” เด็กหนุ่มกดรีเพลย์ดู “ผมว่าเอาคลิปพี่ไปลงเลยก็ยังได้”

รวินท์ส่ายหน้ารัว “อย่าเลยว่ะ โทรมฉิบหาย แค่ให้สโมฯ ดูก็พอแล้ว”

“ขนาดโทรมยังหล่อกว่าคณะผมทั้งคณะอ่ะ” ภูพิงค์พูดชมไปอย่างลืมตัว

ทันตแพทย์หนุ่มยกแขนขึ้นเท้าบนไหล่คนที่นั่งข้างกัน พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปดูภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอโทรศัพท์ในมืออีกฝ่าย “เออ ก็รู้ตัวอยู่ แต่ไม่ต้องชมบ่อยนักก็ได้นะ ฟังจนเบื่อแล้วว่ะ”

คนอ่อนวัยกว่าเงยหน้าขึ้นทันควัน “โห... ในพจนานุกรมพี่ไม่มีคำว่าถ่อมตัวเลยใช่มะ”

รวินท์ยิ้มกว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเอนหลังพิงพนักโซฟา มองดูหางม้าของเด็กหนุ่มแล้วจึงยกมือขึ้นจับเล่น “ผมยุ่งรุงรังแบบนี้ มีเหาบ้างเปล่าวะเนี่ย”

เด็กหนุ่มหันขวับ จากนั้นจึงเอนศีรษะทิ่มเข้าไปหาอีกฝ่าย “มีหมดแหละ เหา เห็บ ริ้น ไร เรือด”

พอทันตแพทย์หนุ่มผลักออก ภูพิงค์ก็ยิ่งไถศีรษะเข้าหา ผลักกันไปไถกันมาเป็นพัลวัน “นอกจากน่าถอนฟัน เย็บปากแล้วยังน่าจับโกนหัวด้วยวุ้ย!”

คนอ่อนวัยกว่าหยุดกึก แล้วหันหน้าไปสบสายตากับอีกฝ่าย “เออ จริงด้วย ผมยังไม่ได้ขอบคุณพี่เลยอ่ะ เรื่องยาเมื่อเช้า”

“อ่อ ไม่เป็นไร นิดเดียว”

“นิดเดียวไรวะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้พี่สักหน่อย”

ครั้งนี้ทันตแพทย์หนุ่มเป็นฝ่ายนิ่งไปบ้าง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “ผมก็ยังไม่ได้ขอบใจคุณเลย ที่คุณอยู่เป็นเพื่อนเมื่อคืน ถ้าไม่ได้คุณ ผมก็คงจะแย่”

ภูพิงค์ชะงัก ดูจากสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปแบบกะทันหัน เขาคิดว่าไม่ควรทำให้อีกฝ่ายนึกถึงเรื่องเมื่อวาน เดี๋ยวเกิดร้องไห้ขึ้นมาอีก เขาจะลำบาก เด็กหนุ่มจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “เออ แต่ผมหายปวดฟันแล้วนะ พี่ก็เป็นหมอฟันที่ใช้ได้นะ เก่งๆ”

“นั่นมันเพราะฤทธิ์ยารึเปล่าวะ ถ้าไม่เจ็บแล้วก็รีบไปคณะทันตะเลยนะเว้ย อย่าปล่อยทิ้งไว้นานนะ”

“ครับๆ ย้ำหลายรอบโคตรๆ ไม่เขียนป้ายติดไว้หน้าคลินิกเลยล่ะ”

“เขียนว่าไร ภูพิงค์ วิดวะปีสาม เกียร์อัลฟา มีฟันคุดสี่ซี่ ใครเจอให้เอาที่ครอบปากใส่ แล้วลากไปหาหมอฟันที่คณะทันตะด้วย แบบนี้เหรอ”

“ถ้าจะเขียนยาวขนาดนั้น ก็เอาให้ป้ายยาวจากหน้าคลินิกไปถึงยอดดอยเลยนะพี่”

รวินท์หัวเราะ น่าแปลกที่เขาหัวเราะได้ทั้งที่เมื่อวานอกหักแทบตาย อยู่กับไอ้เด็กผีนี่ เขาไม่มีเวลาจะคิดมากเลยจริงๆ ต้องคอยรับมือกับความกวนตีนของอีกฝ่ายอยู่ตลอด

“โรงบาลลำพูนเป็นไงมั่งอ่ะพี่”

“ก็...พอทน”

“แล้วพี่อยู่ไงอ่ะ บ้านอยู่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ”

“อยู่หอพักแพทย์ไง มันก็โออยู่นะ ห้องเก่าไปหน่อยแต่กว้างดี มีห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำพร้อม มีที่จอดรถให้ด้วย แย่หน่อยก็ตรงที่ร้อนฉิบหาย”

“ไม่ติดแอร์ล่ะ”

“ไม่รู้ต้องติดไงว่ะ แค่เลือกแอร์ยังเลือกไม่ถูกเลย”

หน้าตาดีๆ ไม่น่าจ๊าดง่าวเลย... ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “ในอินเทอร์เน็ตก็มีบอกป่ะวะ รีวิวก็มีตั้งมากมาย กดมือถือดูสองจึ๊กก็เจอแล้วทำไมไม่รู้จักหา หรือมือถือพี่ยังเป็นรุ่นจอขาวดำวะ”

“ขี้เกียจอะ ลองกดๆ ดูแล้วขึ้นมาเยอะ โควตาอ่านหนังสือผมหมดไปนานแล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มยื่นหน้าเข้าไปถาม “คุณอะ รู้เหรอว่าเลือกแอร์ยังไง”

“รู้สิวะ ก็ดูที่ชนิดกับขนาดห้องที่จะติดไง แล้วก็เลือกแอร์ที่มี BTU เหมาะกับขนาดห้อง เรื่องแค่นี้เด็กอนุบาลยังรู้เลย”

“อนุบาลไหนวะ” รวินท์ขมวดคิ้ว ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากพนักโซฟา เขายกมือขึ้นตบไหล่เด็กหนุ่มรัวๆ “เออ จะว่าไป... คุณนี่ก็ท่าทางฉลาดดีนะ งั้นช่วยผมเลือกแอร์หน่อยละกัน”

“คำพูดเหมือนจะชม แต่ทำไมผมไม่รู้สึกเหมือนถูกชมเลยวะ”

“ชมๆ ชมจริงๆ คือที่ห้องผมที่ลำพูนอะ ไม่มีอะไรเลยนอกจากพัดลมกับเตาแก๊สเก่าๆ ที่เจ้าของเดิมทิ้งไว้ให้เป็นฟอสซิลประดับห้อง”

“ไอ้เตาแก๊สเก่าๆ นี่มันเก่าแค่ไหน”

“ไม่รู้อะ รู้แต่เก่ามาก ยุคสร้างโรงบาลเลยมั้ง”

“เฮ้ย มีแก๊สรึเปล่าอ่ะ พี่อย่าเปิดใช้มั่วซั่วนะเว้ย เดี๋ยวระเบิดตูมตามขึ้นมาตายห่า”

ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้าเครียด “แล้วผมต้องดูไงอ่ะว่ามีแก๊สมั้ย”

“เอางี้ดิ ง่ายสุดเลยนะ ไม่ต้องไปแตะต้องมัน พี่ดูที่ถัง ปกติมันจะมีชื่อร้านแก๊สกับเบอร์โทร พี่ก็โทรให้เขามาเอากลับไป พอถอดแก๊สออกไปได้ก็เอาเตาไปทิ้งซะ แล้วซื้อเตาใหม่ดีกว่า ปลอดภัยกว่า นี่พี่ทำกับข้าวบ่อยมั้ยล่ะ”

“ไม่อ่ะ ยังไม่เคยทำเลย แต่ก็อยากทำเหมือนกัน เพราะร้านอาหารแถวโรงบาลแม่งเปิดๆ ปิดๆ ตามใจชอบมาก เบื่อจะกินมาม่าแล้วว่ะ” รวินท์นิ่งคิดไปชั่วครู่แล้วถามต่อ “คุณว่าผมซื้อไมโครเวฟ เตาไฟฟ้า หรือเตาแก๊สดีวะ อืม... ถ้าซื้อไมโครเวฟอย่างเดียว มันก็ทำอาหารไม่ได้ทุกอย่าง แต่จะซื้อทั้งหมดแม่งก็แพงเกิน”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นกุมขมับ “ถ้าพี่ยังไม่เคยทำกับข้าว พี่ก็คงต้องเริ่มทำอาหารง่ายๆ ก่อน งั้นผมว่าพี่ควรซื้อแค่กระทะไฟฟ้ากับหม้อหุงข้าวเล็กๆ ก็พอ กระทะไฟฟ้าพี่จะอุ่นอาหาร จะทอด จะทำแกงจืด ต้มยำอะไรน้ำๆ ด้วยก็ได้ น่าจะเวิร์คกว่าเตาเพียวๆ นะพี่ ไม่งั้นต้องถอยหม้อถอยกระทะต่างหากอีก”

“โห เด็กวิดวะนี่เก่งจังเว้ย”

เด็กหนุ่มอยากจะบ้า “ไม่ต้องวิดวะเขาก็รู้กันป่ะวะ!”

“งั้นไป! ไปช่วยผมซื้อหน่อย” ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นพรวด แล้วคว้าแขนคนที่นั่งข้างกันให้วิ่งตามออกไปด้วย “ว่างอยู่ใช่มั้ย”

“ว้างงง~ ก็ด้ายยยพี่~ ไม่ต้องล้ากกก~” คนอ่อนวัยกว่าตอบเสียงหลง เพราะถูกอีกฝ่ายกึ่งลากกึ่งจูงไปยังที่จอดรถทางด้านหลังคลินิกโดยไม่ทันได้ตั้งตัว


เมื่อไปถึงรถ สองหนุ่มก็เข้าไปนั่งเคียงข้างกัน ก่อนรวินท์จะเคลื่อนรถออกไปช้าๆ ขับออกไปสักพักก็หันไปถามเด็กหนุ่ม

“นั่งเงียบอยู่ได้ บอกทางหน่อยสิวะ”

“จะไปไหนล่ะพี่!”

“ก็ไปซื้อของไง!”

เด็กหนุ่มเกาศีรษะอย่างงงๆ จะไปไหนยังไม่รู้กันเลยเนี่ย เวรกรรมแท้ “อ่า... งั้นไปโฮมโปรละกันนะ ตรงไปก่อน เดี๋ยวถึงแยกนู้นค่อยเลี้ยว”

พอไปถึงห้างที่หมาย สองหนุ่มก็เดินเข้าไปในห้างอย่างมึนๆ

“ไปไหนก่อนดีอะ”

“เดี๋ยวนะ ตกลงพี่จะซื้ออะไรบ้างเนี่ย แค่กระทะกับหม้อหุงข้าวใช่มะ แล้วก็จะดูแอร์”

“ถ้าให้ตอบตรงๆ ก็คือไม่รู้เว้ย ประเด็นคือผมอยากมีของในครัวอ่ะ แบบให้ทำกับข้าวกินได้ แต่ผมงบน้อยนะ”

ภูพิงค์หันขวับไปแสกนทันตแพทย์หนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วขึ้นมาศีรษะอีกรอบ สงสัยว่าจะเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้าใส่เสียหมดละมั้ง ไหนอาจจะต้องผ่อนรถออดี้สปอร์ตสุดหรูนั่นด้วย “งบน้อยของพี่นี่เท่าไหร่วะ”

“ก็น้อยอ่ะ แบบ...ผมอยากได้แค่พอกินพออยู่ไปวันๆ ก่อน”

“คือห้องครัวพี่ไม่มีอะไรเลยเหรอ มีแต่ห้องเปล่าๆ เกลี้ยงๆ เลยรึไง”

“ไม่หรอก ก็มีบ้าง มีกระติกน้ำร้อน ชามพลาสติก ช้อนส้อมอย่างละอันกับตะเกียบไว้กินมาม่า”

เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง เขาว่าตอนตัวเองอยู่หอในรันทดแล้วนะ พี่วินนี่แม่งมาแรงกว่า โหดกว่าสิบเท่า “แล้วปกติในตู้เย็น...”

“ไม่มี”

“ฮะ!?”

“ผมไม่มีตู้เย็น”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “แล้วเวลาอยากกินอะไรเย็นๆ ทำไงอ่ะ”

“เวลาอยากดื่มน้ำเย็นก็ไปกดที่ตู้น้ำรวม พวกขนมหรืออาหารผมฝากเพื่อนแช่เอา”

คนอ่อนวัยกว่าอยากจะร้องไห้ เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะอยู่อย่างอนาถาขนาดนี้ “พี่มาอยู่ลำพูนนานแค่ไหนแล้ววะ”

“ก็หลายเดือนแล้วนะ คือผมก็อยากมีตู้เย็นนะคุณ แต่คุณก็เห็นป่ะ รถผมคันเล็กอ่ะ ผมไม่รู้จะแบกกลับห้องยังไง”

“เวลาซื้อแล้วเขาก็เอาไปส่งให้ป่ะวะพี่ เหมือนพวกแอร์ที่เขาเอาไปติดตั้งให้ไง”

“อ้าวเหรอ งั้นพาผมไปดูตู้เย็นด้วยละกัน ผมอยากได้ตู้เย็นแบบกดน้ำแข็งได้ด้วยอ่ะ”

“แบบนั้นมันมีแต่ตู้ใหญ่ๆ ป่ะวะ แพงตายห่า พี่อยู่คนเดียวซื้อไม่ต้องเกินสิบคิวหรอก น้ำแข็งก็ทำเอาเอง แช่ช่องน้ำแข็งข้างบน หรือซื้อน้ำแข็งจากเซเว่นไปใส่ไว้ก็ได้”

ดวงตาของรวินท์เป็นประกาย แบบนี้ท่าทางเขาจะประหยัดเงินได้ไม่ใช่น้อย

“อยู่มาได้ยังไงตั้งหลายเดือน ในบ้านที่ไม่เป็นบ้าน พี่จะมีความสุขได้ยังไงวะ ทำงานเหนื่อยๆ กลับบ้านไปนอนในห้องโล่งๆ ไม่รู้สึกโหวงเหวงบ้างรึไง พี่เป็นคนนะเว้ย ไม่ใช่ไส้เดือนในโพรงดิน จะได้ไชรูตรงไหนก็อยู่ได้” เด็กหนุ่มบ่นอุบ พลางเดินนำออกไป

เออ ก็จริงอย่างที่พิงค์พูดเหมือนกันนะ... ตลอดเวลาเขาไม่ค่อยใส่ใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะคิดแต่ว่าถ้ามีโอกาสย้ายไปหาขวัญข้าวได้ก็จะไป เพราะงั้นถึงได้ใช้ชีวิตในลำพูนแบบอยู่ไปวันๆ เท่านั้น

“ตอนอยู่บ้านไม่เคยเดินเข้าครัวเลยเหรอวะ หรือบ้านไม่มีครัว มีแต่ห้องนอนกับที่จอดรถรึไง” ภูพิงค์ยังคงบ่นต่อไปเรื่อยๆ

ทันตแพทย์หนุ่มเดิมตามหลังคนอ่อนวัยกว่าไปนิ่งๆ เขาเถียงอีกฝ่ายไม่ออกด้วย เพราะที่เด็กหนุ่มว่าหลายอย่างมันก็จริง งานนี้ไม่รู้ใครอายุมากกว่าใครกันแน่แล้ว

ภูพิงค์เดินไปดึงรถเข็นคันใหญ่ออกมาคันหนึ่ง จากนั้นจึงหันมาทางชายหนุ่ม “ไปดูกระทะไฟฟ้ากับหม้อหุงข้าวก่อนนะ”

“อือ ตามใจเลย”

“ตามใจผมทำไมวะ ซื้อของของพี่”

“ก็เลือกให้หน่อยสิวะ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอ่ะ”

“เออ ผมก็เชื่อแหละ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา “เรียนจบทันตะมาได้ยังไงวะเนี่ย”

“เรียนทำฟันเว้ย ไม่ได้เรียนทำกับข้าว”

“ผมก็เรียนวิดวะมะ ไม่ได้เรียนคหกรรม” คนอ่อนวัยกว่าถอนหายใจออกมาหนักๆ “พี่ใช้ชีวิตอยู่มาแบบไหนวะเนี่ย ไม่ไหวเล้ย เคยจริงจังกับอย่างอื่นนอกจากเรื่องเรียนมะ สังเกตอะไรรอบๆ ตัวบ้างป่ะวะ ตั้งแต่เกิดมานี่ นอกจากเวลาเรียนแล้วก็ปิดตาอุดหูไว้ตลอดเรอะ”

รวินท์นิ่งอึ้ง จะว่าไปเขาก็ไม่ได้เรื่องจริงๆ นั่นแหละ ที่ไม่เคยใส่ใจอะไรเลยก็เพราะเช้าตื่นมาที่บ้านก็เตรียมทุกอย่างให้พร้อมสรรพ ขับรถไปเรียน กลับบ้านมาที่บ้านก็แทบจะหามไปป้อนนมเข้านอน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต จนกลายเป็นนิสัย


“ขวัญอยากให้วินจริงจังกับตัวเอง กับหน้าที่ กับชีวิต และใส่ใจคนรอบข้างบ้าง”


คำพูดของขวัญข้าวแวบเข้ามาในความคิด เธอเอง...ก็คงมองเขาไม่ต่างกับที่พิงค์กำลังบ่นอยู่ในตอนนี้

ตลอดเวลาที่คบกันมา เธอจะรู้สึกอย่างไรกับความไม่เอาไหนของเขากันนะ

พอทันตแพทย์หนุ่มเงียบไป ภูพิงค์จึงหันกลับไปมอง สงสัยเขาจะพูดแรงไปแฮะ พี่วินหน้าจ๋อยเป็นหมาหงอยเลย เด็กหนุ่มหันมองซ้ายขวา ยกมือขึ้นเกาศีรษะ จากนั้นจึงเดินถอยหลังไปหาอีกฝ่าย “โทษทีพี่ ผมก็ปากหมาไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ ไม่มีใครรู้อะไรทั้งหมดมาแต่เกิดหรอก พี่ใส่ใจเรื่องเรียน ใส่ใจคนไข้ของพี่ มันก็ดีมากแล้วแหละ”

“ไม่หรอก คุณพูดถูก... ผมมันไม่เอาไหนเลยจริงๆ”

ฉิบหาย! ดูเหมือนเขาจะไปแตะโดนจุดเซนสิทีพเข้าอย่างจัง แถมเมื่อกี้ก็พ่นออกไปซะเยอะเลย ประโยคไหนโดนบ้างก็ไม่รู้ด้วย

“โหย ไม่กัดกับผมแบบนี้ทำตัวไม่ถูกเลยอ่ะ” ภูพิงค์เคลื่อนมือขึ้นไปโอบไหล่ทันตแพทย์หนุ่มพร้อมกับดึงเข้าหาตัว “อะไรที่ไม่รู้ ก็ค่อยๆ หัดไปก็ได้น่ะ เริ่มจากจัดการครัวของพี่กันก่อนนะ ป่ะ เราไปกัน”

เด็กหนุ่มแนะนำกระทะไฟฟ้าแบบง่ายๆ ให้ แล้วอธิบายวิธีการใช้งานให้พร้อมสรรพ เสร็จแล้วก็แนะนำให้ตามความคิดตัวเอง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงนึกภาพไม่ออก “พี่ยังไม่เคยทำอาหาร เพราะงั้นคงต้องเริ่มที่เมนูง่ายๆ เช่นของทอดต่างๆ ไข่ทอด ไส้กรอก หมูยอ อะไรแบบนี้ เอาแบบใช้ง่ายๆ ล้างง่ายๆ น่าจะดี เอาไว้พี่ทำอาหารเก่งขึ้น โปรขึ้น ค่อยซื้อเตาจริงจังก็ยังไม่สาย”

“อืม งั้นผมเอาอันนี้ดีมั้ย”

“ดีๆ ถ้าเป็นผมก็คงเลือกอันนี้แหละ”

ภูพิงค์เริ่มเข้าใจอีกฝ่ายมากขึ้น พี่วินต้องการแค่คำแนะนำ เพราะไม่มีประสบการณ์อะไรเลยจริงๆ แต่ก็น่าแปลกที่คนใกล้ตัวไม่ได้สนใจจะบอกกล่าวหรือติเตียนอะไร คงจะเอาใจ ตามใจกันเสียจนเคยตัว

“หม้อหุงข้าวเนี่ย ถ้าเป็นผมคงหุงกินมื้อเช้า เย็นกลับมาอุ่นกินต่อ หุงทีเดียวพอจะได้ไม่ต้องหุงบ่อยๆ เพราะงั้นซื้อแบบอุ่นได้น่าจะดี”

“ผมอยากได้แบบที่หุงข้าวได้หลายๆ อย่าง”

เด็กหนุ่มพยักหน้า “ก็ดีนะพี่ บางทีทำข้าวต้มกินกับปลาป๋องหรือหมูหยองก็อร่อยแล้ว”

รวินท์ยิ้มกว้าง “ใช่ๆ บางทีผมก็อยากกินแบบที่บ้านเคยทำให้กิน มีผักกาดดอง ไข่เค็มอ่ะ”

คนอ่อนวัยกว่าพลอยยิ้มไปด้วย “งั้นพวกนี้น่าจะดี”

หลังจากเลือกหม้อหุงข้าวกับกระทะไฟฟ้าได้ ภูพิงค์ก็พาทันตแพทย์หนุ่มไปเลือกซื้อจานชาม ช้อนส้อม ตะหลิว ทัพพี อุปกรณ์เครื่องครัว เครื่องดื่มและอาหารแห้งทั้งหลายต่อ ได้ของมาจนเต็มรถเข็นคันโตเลยทีเดียว

เด็กหนุ่มเข็นรถนำข้าวของมาช่วยจัดเก็บใส่รถให้ ซึ่งก็กินพื้นที่ในกระโปรงหลังยาวมาถึงเบาะหลังด้วย เสร็จแล้วพวกเขาก็เดินกลับเข้าไปดูแอร์กับตู้เย็นต่อ


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 7 : เกิดมาเป็นคนใจดี][161017]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 20-10-2017 08:09:32


ขณะที่กำลังเลือกดูตู้เย็นกันก็มีพนักงานคนหนึ่งมายืนเฝ้า คอยเชียร์ให้ซื้ออยู่ยี่ห้อเดียวจนน่ารำคาญ

รวินท์เริ่มทำตาขวาง ทว่าจู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมากดรับสายก่อน “ว่าไงวะเต้”

“กินข้าวยังวะ”

“ยังว่ะ มาซื้อของอยู่”

“หือ ซื้ออะไร ที่ไหนวะ”

“อยู่โฮมโปร...” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปมองคนที่มาด้วยกัน อีกฝ่ายดูจะหงุดหงิดกับพนักงานที่พูดมากไม่หยุด

“ผมขอดูก่อนนะพี่ ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อ...”

“ก็ตัดสินใจไปเลยสิน้อง ตอนนี้จัดรายการ ลดราคาพิเศษอยู่” พนักงานคนนั้นพูดไปเรื่อย พอเห็นภูพิงค์ไม่ใส่ใจก็เบ้ปากพึมพำ “ไม่มีเงินซื้อก็บอก”

“ไอ้วิน ไอ้วิน! ทำไมเงียบไปวะ”

“โทษที เดี๋ยวแป๊บนะ” รวินท์ตะโกนบอกเด็กหนุ่มที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน “พิงค์ ออกมานี่ก่อนเหอะ ผมคุยโทรศัพท์แป๊บ” พออีกฝ่ายหันมาพยักหน้า เขาจึงคุยต่อ “คนขายแม่งกวนประสาท”

“มึงอยู่กับใครวะ”

“อยู่กับ...เพื่อนสิวะ”

“เพื่อนไหน ใครวะ ทำไมกูไม่เคยได้ยิน ผู้ชายหรือผู้หญิง”

“ผู้ชายโว้ย เพิ่งรู้จักกันตอนไปดูวิดวะขึ้นดอยอ่ะ”

“มึงไม่เคยเล่าให้กูฟังเลยอ่ะ แล้วไปรู้จักกันได้ไง ไว้ใจได้รึเปล่าวะ”

รวินท์ชักจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง ไอ้เพื่อนเวรนี่ก็เสือกจะมาซักถามอะไรตอนนี้นักไม่รู้ ส่วนไอ้น้องเวรนั่นก็กำลังจะแดกหัวพนักงานขายอยู่แล้ว “ไอ้ห่า เดี๋ยวค่อยถามได้มะ ข้างหน้ากูนี่จะนองเลือดกันแล้วโว้ย”

“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะ! มึงรอเดี๋ยว!” เตชิตรีบกดวางสาย แล้วโทรใหม่เป็นวิดีโอคอล

“โว้ย! มึงเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย! จะคอลมาทำม้าย~” ทันตแพทย์หนุ่มโวยวาย

“ถ้านองเลือดกูจะได้เป็นพยานให้มึงได้ไง ไหน หมุนกล้องไปที่เกิดเหตุซิ กูจะดู...” เตชิตยังพูดไม่จบ เพื่อนรักที่ปลายสายก็ตะโกนเสียงหลง

“เฮ้ย! พิงค์! ใจเย็นเว้ย~ คุณจะแดกหัวเขาไม่ได้นะ!”

ภูพิงค์กระชากคอเสื้อพนักงานพูดมากเข้าหาตัว พร้อมกับทำหน้าเหี้ยมแบบพี่ว้ากที่ได้ฝึกปรือมาใส่ “ผมบอกว่าจะดูก่อน ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเรอะ ทำตัวมีปัญหาแบบนี้ อยากให้ลากคอไปหาผู้จัดการป่ะวะ!”

รวินท์ถลาเข้าไปดึงตัวเด็กหนุ่มออก “จะไปขายใครก็ไปเลยคุณ พวกผมยังไม่ตัดสินใจ เข้าใจมะ” จากนั้นก็ลากภูพิงค์ออกมาจากแผนกตู้เย็น

“ไปทะเลาะกับเขาให้เสียเวลาทำไม!” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงเข้ม

“ก็ไอ้ห่านั่น... หือ? เสียงใครวะพี่” คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้ว

“เออ! เพื่อนผมยังอยู่ในสาย” รวินท์ยกโทรศัพท์ขึ้น “โทษทีว่ะเต้”

“ไหนวะเลือด มีใครตายมั้ย กูต้องเรียกตำรวจกับรถโรงบาลรึเปล่า!”

“ไอ้ห่า ไม่มีโว้ย เอ้า นี่พิงค์ คนที่มาด้วยกัน รู้จักกันไว้ซะ” ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปยืนข้างภูพิงค์แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นให้เห็นพวกเขาสองคนชัดๆ

เตชิตสบสายตากับเด็กหนุ่ม พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก “สวัสดีครับคุณพิงค์”

“ไอ้นี่ชื่อเต้ เพื่อนผมเอง เป็นหมออีกคนที่คลินิกที่ผมเคยพูดถึงน่ะแหละ”

ภูพิงค์ยกมือไหว้อย่างงงๆ ทำไมต้องมาแนะนำตัวกันกลางโฮมโปรแบบนี้เขาก็ไม่เข้าใจ “สวัสดีครับพี่เต้”

เตชิตยิ้มกว้าง อย่างน้อยมีไอ้เด็กหน้าเถื่อนนี่อยู่ข้างๆ รวินท์ เขาก็สบายใจได้ว่าจะไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนรักของเขาแน่ ปลอดภัยหายห่วง “ผมฝากดูแลไอ้วินหน่อยนะ ไอ้นี่พอมันออกนอกคลินิกแล้วจะสติไม่ค่อยดี ป้ำๆ เป๋อๆ เอ๋อๆ สักหน่อย ฝากเตือนมันให้กินข้าวด้วย แล้วอย่าปล่อยให้เดินโง่ไปหลงที่ไหน เดี๋ยวคนอื่นจะเป็นอันตราย”

“โห ผมเข้าใจ... โอ๊ย พี่วิน!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะตรงที่ถูกทุบ พร้อมกับหันไปหาอีกฝ่าย

รวินท์ต่อว่าใส่โทรศัพท์ “พอแล้วเว้ย ห้างปิดพอดี ดูเด๊ะ ตู้เย็นก็ไม่ได้ซื้อ กูจะไปดูแอร์แล้วโว้ย!”

“เออๆ พรุ่งนี้อย่าลืมมารับด้วยนะ”

“ไม่ลืมหรอกน่ะ สามทุ่มครึ่งใช่มะ” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ

พอเตชิตกดวางสายไป ภูพิงค์ก็พูดโพล่งขึ้น “เมื่อกี้นี่เพื่อนหรือพ่อ...” แล้วรีบยกมือขึ้นปิดปาก เขาปากหมาอีกแล้ว เวรกรรม!

“เพื่อนที่บางทีก็เป็นพ่อไง มันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วแหละ เราไปดูแอร์กันเถอะ”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปเดินดูแอร์กันต่อ แต่ห้างใกล้ปิดแล้ว เด็กหนุ่มจึงสรุปว่ายังไม่ซื้อจะดีกว่า

รวินท์เสียใจนิดหน่อย อยากซื้อให้เสร็จๆ ไป เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่มาช่วยเลือกให้เขาอีก “จริงๆ ซื้อให้มันเรียบร้อยไปเลยก็ได้ รีบๆ ซื้อน่าจะทัน”

“พรุ่งนี้พี่เลิกงานเวลาเดียวกันกับวันนี้เปล่า เอาไว้เราไปดูที่เซนทรัลกันก่อนดีกว่า”

“คุณว่างเหรอ”

“อือ เดี๋ยวผมจะรีบทำการบ้าน ซักผ้าตากผ้าให้เสร็จ แล้วจะไปหาที่คลินิก”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง “โห ใจดีโคตรๆ ขอบใจนะ งั้นผมว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า ผมหิวแล้วอ่ะ กินแม็กกันมั้ย”

“ไปตลาดโต้รุ่งมั้ยพี่ ของกินเจ๋งๆ เพียบ”

“เฮ้ย ไป!” เรื่องกินขอให้บอก รวินท์สู้ตาย

เมื่อตกลงกันได้ รถออดี้สปอร์ตก็เคลื่อนออกจากที่จอดรถในโฮมโปร มุ่งหน้าสู่ตลาดโต้รุ่งช้างเผือกที่อยู่ใกล้ๆ พอได้ที่จอดรถสองหนุ่มก็พุ่งตรงเข้าไปในตลาดซึ่งละลานตาไปด้วยร้านอาหารแผงลอย

ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาปลายจมูก “มื้อนี้ให้ผมเลี้ยงบ้างนะ ถือเป็นการขอโทษละกัน ค่าปากหมาไปหลายที”

“ไม่ต้องหรอก คุณอุตส่าห์เสียเวลามาช่วยผมเลือกซื้อของ ผมจะให้คุณเลี้ยงได้ไง”

“พี่ก็ช่วยให้สัมฯ ผมไง”

“นั่นมันเรื่องเล็กน้อย เอาไว้คราวหน้าจะให้เลี้ยงละกัน ไปๆ กินไรดี เจ้าถิ่นแนะนำหน่อย”

หลังจากเดินวนกันอยู่สองสามรอบ พวกเขาก็นั่งลงกินสุกี้เจ้าดังกัน ตามด้วยลูกชิ้นปิ้งจานใหญ่ แล้วไปปิดท้ายที่ขนมบัวลอย

“อร่อยกว่าที่แถวคลินิกอีก” รวินท์ก้มหน้าก้มตากินมันทุกอย่างที่เด็กหนุ่มแนะนำ พอยัดลงท้องไปจนหนำใจเขาจึงลดสปีดในการกินลง แล้วเปลี่ยนมาพูดคุยกันบ้าง

“บ้านคุณอยู่กรุงเทพฯ เหมือนกันใช่มั้ย”

“ครับ แต่จริงๆ ชื่อภูพิงค์เนี่ย ฟังดูเหนือใช่มั้ยล่ะ เพราะพ่อแม่ผมเป็นคนเหนือ ผมเคยอยู่ที่นี่ตอนเด็กๆ”

“อ่อ ถึงว่า ผมก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเลือกมาเรียนซะไกลบ้านเลย”

“ว่าแต่ผม พี่ก็เลือกมาใช้ทุนซะไกลบ้านเหมือนกันป่ะวะ อุดมการณ์แรงกล้าโคตรๆ”

รวินท์ชะงักกึก สีหน้าเปลี่ยนทันควัน พาลทำให้เด็กหนุ่มเบรกเอี๊ยดไปด้วย

ภูพิงค์ยกมือขึ้นกุมศีรษะ “ผมพูดอะไรไม่ดีอีกแล้วแน่ๆ อะ!”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ พลางหลุบตาลงต่ำ “ผมเป็นหมอที่แย่ว่ะ... ที่จริงผมไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรหรอก ผมเลือกจังหวัดมาใช้ทุนเอามั่วๆ กะว่าให้ใกล้ผู้หญิงคนนึง... ก็เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจเลือกมาที่นี่หรอก”

น่าจะหมายถึงผู้หญิงที่ชื่อขวัญข้าว ที่พี่วินครางหงิงๆ ถึงเมื่อคืนสินะ

เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง เนื่องจากไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องความรักมานาน เขาเคยมีแฟนเหมือนกันนะ สมัยอยู่มอปลายกางเกงน้ำเงิน แต่มันก็หลายปีมาแล้ว ส่วนตอนนี้ก็เถื่อนอย่างกับจะไปแย่งที่คนงานในไร่อ้อย เขาคงไม่ใช่ที่ปรึกษาที่ดีในเรื่องความรักนัก

“ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะใช้ทุนด้วยซ้ำ ห่วงแต่ความสุข ความสบายของตัวเอง”

คนอ่อนวัยกว่าพอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ ตอนนั้นพี่วินคงตั้งใจจะตามแฟนเก่าไปทำงานใกล้ๆ กันเท่านั้น ใจจดจ่ออยู่กับเธอ เพราะงั้นถึงไม่ได้ใส่ใจจะซื้อของเข้าห้องพัก ไม่ได้ใส่ใจตัวเองมาจนถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มรู้สึกผิดหนักเข้าไปอีก เขาพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ หลุบตาลงต่ำ ก่อนจะพูดขึ้น

“ผมว่า นิยามคำว่าหมอที่แย่ คือหมอที่ไม่มีความรับผิดชอบกับคนไข้มากกว่านะ... ผมไม่คิดว่าพี่เป็นหมอที่แย่ คือแบบ จริงอยู่ที่เมื่อคืนพี่เมาแล้วยังเสือกจะตรวจฟันผม ผมก็ด่าในใจไปเยอะเหมือนกัน แต่พอมาคิดๆ ดูอีกที ผมว่านั่นเป็นจิตใต้สำนึกของพี่มากกว่า พี่ห่วงคนไข้เพราะพี่เห็นว่ามันฉุกเฉิน แล้วผมกับเพื่อนก็เล่นใหญ่ซะขนาดนั้น ทั้งที่จริงตอนที่พวกผมไปถึง คลินิกปิดไปแล้ว พี่จะไล่ผมให้ไปทำที่อื่นก็ได้ แต่พี่ก็ไม่ทำ” ภูพิงค์หัวเราะเจื่อนๆ เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นประสานสายตากับคนที่นั่งข้างกัน ใจจริงอยากจะบอกด้วยว่าปกติถ้าไม่ใช่ในประชุมเชียร์ก็ไม่เคยพูดอะไรมีสาระกับใครขนาดนี้ “และผมก็มั่นใจว่าพี่รับผิดชอบคนไข้ ใส่ใจกับคนไข้ของพี่อย่างดี ไม่อย่างนั้นเมื่อเช้า พี่คงไม่ลากผมเข้าไปตรวจฟันอีกรอบ”

เด็กหนุ่มเอื้อมมือออกไปตบไหล่รวินท์เบาๆ “จากที่เคยใส่ใจแค่กับคนไข้ของพี่ พี่ก็ค่อยๆ มองออกไปรอบตัวบ้างทีละเล็กละน้อยสิ อย่างวันนี้พี่ก็คิดเรื่องจะทำห้องพักของพี่ให้มันเป็นที่อยู่คนมากขึ้นแล้ว ผมว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดีออกนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าต้องมานั่งฟังเด็กสอน คงมีแค่อายุของเขาที่แก่กว่า ส่วนใบหน้ากับความคิดของเขาอ่อนวัยกว่าเด็กหนุ่มมากมาย “ขอบใจ”

“พูดดีๆ แบบนี้ไม่ชินเลยว่ะ”

“เออ ผมก็ไม่ชินหูเหมือนกัน”

พวกเขาหัวเราะร่วน รวินท์รู้สึกถูกชะตาและประทับใจในตัวเด็กหนุ่มเอามากๆ เขารู้สึกสบายใจชอบกล ทั้งที่อกหักอย่างแรงมาหมาดๆ ช่างน่าแปลก

ภูพิงค์ยืดแขนออกบิดขี้เกียจ “โอย อิ่มฉิบหาย กลับกันมั้ยพี่”

หากพอคนอ่อนวัยกว่าชวนกลับ หัวใจกลับไหววูบ เขายังไม่พร้อมที่จะอยู่คนเดียว ไม่อยากคิดย้อนกลับไปเรื่องของเขากับขวัญข้าวอีกแล้ว รวินท์ส่ายหน้าไปมา “ยังไม่กลับได้มั้ยอ่ะ”

“หือ? ยังไม่อิ่มอีกเหรอเนี่ย!”

“ไม่ใช่เว้ย คือ... ผมยังไม่อยากกลับอ่ะ เดินเล่นกันต่อเหอะ”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว พลางแสกนดูสีหน้าอีกฝ่าย เขาคว้าแขนชายหนุ่มให้ลุกขึ้น “งั้นผมจะพาไปที่ดีๆ”


*TBC*


โห อย่างยาวเลยเนอะตอนนี้ (หรือว่าฮัสกี้คิดไปเอง 555555)

สองหนุ่มสานสัมพันธ์กันแล้ว น้องพิงค์ได้สอนอะไรพี่วินหลายๆ อย่างด้วย น้องน่ารักจนพี่ลืมเฮิร์ตเลยเน้อออ

ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล อิอิ

แต่... อาทิตย์หน้าฮัสกี้ของดอัปนิยายนะคะ  :hao5: พบกันใหม่หลังงานพิธีค่ะ

ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากค่า พบกันตอนหน้า ฮัสกี้จะพาสองหนุ่มมาปะทะคารมกันต่อน้า~  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 20-10-2017 08:39:47
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 20-10-2017 08:47:13
ใกล้เข้ามาอีกนิด #พิงค์วิน  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-10-2017 08:48:21
ตอนพิงค์พาพี่วินซื้อหม้อซื้อกะทะนี่เชียร์พิงค์เป็นรับได้เลยนะเนี่ย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-10-2017 08:50:01
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 20-10-2017 08:57:11
อยากจะแหมมมมมม ให้ถึงเชียงใหม่  :laugh: ความสนิทสนมนี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 20-10-2017 09:08:21
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 20-10-2017 09:35:16
โหยย อย่างยาว พี่วินเริ่มเปลี่ยนตัวเองแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-10-2017 09:49:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-10-2017 09:50:04
แค่พาพี่หมอไปซื้อของแค่นี้เกือบนองเลือดซะแล้ว อะไรจะใจร้อนแบบนี้ค่ะน้องพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 20-10-2017 10:01:55
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-10-2017 10:10:21
ตายแล้วววว เลือกของเข้าบ้านนี่ยังกะเลือกของเข้าเรือนหอออออ อิ้วววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 20-10-2017 11:15:09
อยากอยู่กับน้องต่อก็บอกมาค่าาา //มโนเป็นเริ่ด บอกเลย

ตอนนี้ยาวอย่างจุใจ อ่านกันเพลินน ไม่อยากให้สิ้นสุด 55555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 20-10-2017 14:21:19
ขนาดไปช๊อปปิ้งยังสามารถมีเรื่องได้

ความสามารถส่วนบุคคลจริงๆ :m4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-10-2017 14:57:25
เดทในหนึ่งวัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 20-10-2017 15:45:33
คิดซะว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีนะหมอวิน ลืมผู้หญิงคนนั้นไปซะแล้วหันมามองน้องพิงค์ดีกว่าเน้อออ//เชียร์สุดไรสุด555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-10-2017 15:52:07
ใกล้กันอีกนิด กัดกันอีกหน่อย55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: Tpicha ที่ 20-10-2017 16:15:15
พี่หมอเริ่มใส่ใจรอบๆข้างแล้วว มีการไปเลือกซื้อของเข้าห้องไปอีก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 20-10-2017 17:51:04


ฟินนนนนนนนนนนนนนน

สองหนุ่ม เขาคลิกกันแล้วใช่ไหม . :กอด1:...

ทั้งไปออกเดท ที่ Homepro ไปทานข้าว ตลาดโต้รุ่ง ชิลๆ :mew1:



 ถ้าสัปดาห์หน้าไม่อัพ ..Husky .มาอัพ วันเสาร์นี้เบยนะ   

 อยากรุ้ใจ จะขาดว่า ภูพิงค์จะพาพี่วินไปไหน

 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-10-2017 19:05:06
ใครรุกใครรับหว่าาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-10-2017 19:19:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าแก่ ที่ 20-10-2017 19:45:19
เขาไปซื้อของเข้าห้องหอกันเหรอ อิอิอิ


 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 20-10-2017 20:46:47
ทำไมเขาสนิทสนมกันได้ไวปานนี้  กะหนุงกะหนิง หยอกล้อกันถึงเนื้อถึงตัว อย่างกับคู่รักเลย  :m1:
ชอบตอนที่อัดคลิป ที่พี่วินมองกล้องแล้วอมยิ้มชี้น้องพิงค์ว่า เขาร้องเพลงเพราะดี ทำไมรู้สึกเหมือนแฟนแซ็วกัน น่ารัก
เนี่ย ไม่ทันไร พี่วินก็อยากอยู่กับน้องพิงค์นาน ๆ ละ อยู่กับน้องแล้วมีความสุขใช่ไหมละ ลืมแฟนเก่าได้ด้วยเนอะ
ชอบการสอนวิธีการใช้ชีวิตให้พี่วินของน้องพิงค์อ่ะ อย่างที่เคยว่า ชอบน้องพิงค์ที่ดูกวน ๆ แต่เป็นคนมีความคิดดีมาก ๆ เลยนะ
นี่ติดใจ พี่วินหน้าอ่อนกว่าน้องพิงค์เหรอ เชียร์น้องพิงค์เป็นเคะน้อย ๆ ของพี่วินน้า เคะน้อยจะหน้าแก่กว่าเมะไม่ได้นะน้องพิงค์
หรือที่พี่วินเห็นน้องหน้าแก่ เพราะหนวดเครามันหลอกตาคะ เดี๋ยวรอน้องโกนหนวดเคราทิ้งก่อนนะ จะเห็นหน้าหวาน ๆ ของน้อง 555
อ่านเรื่องนี้แล้วอยากไปเชียงใหม่เลย ฮือออ ถึงกับไปเปิดหาตลาดช้างเผือก อยากตามไปกินทุกอย่างที่พี่วินน้องพิงค์กิน
รอตอนต่อไปนะคะ คืนนี้ของพวกเขายังอีกยาวไกลเนาะ แล้วพรุ่งนี้ก็ยังไปเดทกันต่ออีก ฟินกันยาว ๆ เลย > <
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-10-2017 20:57:20
ก็แค่พูดคุยกันมากขึ้น เริ่มสนิทกันมากขึ้น เปิดใจกันมากขึ้น
ไม่มีหยอด ไม่มีจี แต่ทำไมอ่านแล้วเขิน :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 20-10-2017 22:41:54
ให้ความรู้สึกเหมือนคู่รักพากันมาซื้อของเข้าบ้านเลย :pig4: :pig4: :pig4:ค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-10-2017 23:09:20
เดทใช่มะ เดทกันนินา ถึงจะไม่หวานแต่มันก็ละมุนๆ อยู่หน่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 21-10-2017 06:42:02
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 21-10-2017 11:46:34
พี่วินเหมาะแก่การถูกน้องพิงค์ดูแลมากๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 21-10-2017 17:09:13
สู้ๆนะวิน เด่วก็เจอคนดีๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 21-10-2017 19:31:18
เด่วพี่หมอได้ดังอีกรอบแน่ คลิปละลายใจขนาดนี้ น้องสโมต้องแบ่งปันคนอื่นด้วยแน่นอน รอหน้าเพจเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-10-2017 20:01:48
ก้าวหน้าไปเยอะเลย เดินช้อปของเข้าบ้าน คุยกันหนุงหนิง กินข้าวแล้วยังชวนกันไปไหนต่ออีก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-10-2017 20:21:04
ให้ความรู้สึกเหมือนซื้อของเข้าเรือนหอเลยอ่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 21-10-2017 22:21:42
ง้อวววว..........เขาเหมาะกันค่ะคู๊ณณ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 22-10-2017 01:49:21
โอ้ยยยย มันนัวมันละมุนละไมมันน่ารักจนอยากจะจิกหมอนกรีดร้อง  :mew3:
ตอนปากหมาใส่กันก็ขำจนลั่นบ้าน รู้สึกพี่วินน่าเอ็นดูมากจริงๆนะ น่าเอ็นดูระดับอินฟินิตี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-10-2017 11:59:33
5555 สนิทกันดี คุ้นเคยกันไว
ปากร้ายแต่ใจดีต้องภูพิงค์
คนซื่อแต่ไม่บื้อนะต้องหมอวิน

เต้ก็ห่วงเวอร์มาก ไม่ปล่อยแล้วเมื่อไหร่จะทำเป็น บางทีก็คิดว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 22-10-2017 20:03:34
รอนานแล้วนะ :katai5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-10-2017 20:29:07
หูยยยยยย ยังกับช่วยกันซื้อของเข้าเรือนหอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 25-10-2017 19:39:27
รอเก้าที่สองอยู่นะค่ะ :catrun:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 27-10-2017 13:55:35
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 28-10-2017 20:04:21
ไม่อยากกดดันนะ แต่เรื่องนี้สนุกมาก
เรามีรอที่ท่าน้ำทุกวันเลยจ๊ะ พี่จ๋าาาาาา

รอชั้นรอเทออยู่~ ฮือออออ อยากอ่านง่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: namchok ที่ 28-10-2017 20:25:34
รีบๆมาต่อนะครับ จะลงแดงอยู่แล้ววววววววว :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 29-10-2017 08:13:45


Chapter 9 : ปะทะคารม


“ข้างหน้าเป็นโค้งซ้าย ชิดซ้ายไว้เลยพี่”

“จำถนนได้ทั้งเส้นเลยมั้ยเนี่ย”

“แหงสิพี่ ผมขึ้นลงมาไม่รู้กี่รอบแล้ว ทั้งขี่รถ ทั้งเดินขึ้น”

รถออดี้สปอร์ตวิ่งไปบนถนนซึ่งในยามนี้ไม่ค่อยมีใครผ่านมาใช้งานมากนัก มุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดดอยสุเทพ รวินท์ขับไปช้าๆ ถึงเขาจะขับรถมานาน แต่เส้นทางไม่คุ้นแล้วก็ขึ้นเขาเสียด้วย เขายังไม่อยากพาเด็กหนุ่มไปเทกระจาด

“พี่ก็ขับรถเก่งนะเนี่ย”

“เอาจริงๆ มะ ผมเพิ่งเคยขับขึ้นดอยครั้งแรกนี่แหละ”

“อ้าว ฉิบหาย!”

“ไม่ต้องกลัวหรอกน่ะ รถผมมีประกัน”

“ตั้งใจขับไปเลยพี่ ผมงดกวนตีนชั่วคราว” ถึงจะพูดเช่นนั้น หากพอเอาเข้าจริงก็เงียบไปได้ไม่ถึงสามสิบวินาทีเลย พอภูพิงค์หันไปทางเจ้าของรถ เขาก็อดคันปากไม่ได้ “พี่ ถามจริงเหอะ ใครไปเข้าฝันให้เอารถสปอร์ตแบบนี้มาใช้ที่นี่วะ”

“ทำไมต้องรอให้ใครมาเข้าฝันด้วยวะ ผมขับคันนี้มาสองปีแล้ว ก็เอามาใช่ที่นี่ต่อไง แปลกตรงไหน”

“ก็แบบ รถพี่มันเหมาะกับใช้ในเมืองมากกว่าไง เวลาพี่จะขับไปขึ้นเขาลงห้วย หรือจะขนของเยอะๆ มันก็ไม่ค่อยเหมาะใช่ป่ะล่ะ”

“เออ ก็จริง” รวินท์ขมวดคิ้ว “ทำไมตอนเอารถมาใช้ที่บ้านไม่มีใครพูดอะไรเลยวะ”

กรรมแท้ ไอ้พี่วินแม่งไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ย มีสมองไว้คั่นระหว่างหูอย่างแท้จริง... เด็กหนุ่มได้แต่นินทาอยู่ในใจ

“ไอ้เต้ก็ชอบบ่นว่ารถผมแคบฉิบหาย” ทันตแพทย์หนุ่มพึมพำ “แต่จะซื้อใหม่ก็ยังไม่มีตังค์”

“พูดจาไม่เข้ากับหน้าเลยว่ะพี่”

“ผมเป็นทันตแพทย์ไส้แห้งนะเว้ยคุณ”

“มีด้วยเหรอวะ หมอฟันไส้แห้ง... งั้นไม่ขอตังค์ที่บ้านล่ะ”

“ผมทำงานแล้วนะ จะให้ไปแบมือขอที่บ้านซื้อนู่นซื้อนี่ได้ไงวะ”

“โห... ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากพี่วินเลยว่ะ ไม่เข้ากับหน้ายิ่งกว่าเดิมอีก”

“หมายความว่าไงวะ คุณอยากเดินลงเขามากใช่มะเนี่ย”

“โอ๊ะๆ จะถึงแล้วคร้าบพี่” ภูพิงค์รีบเปลี่ยนเรื่องเอาตัวรอดทันที

ไม่นานทั้งสองหนุ่มก็ขึ้นไปถึงจุดชมวิวของดอยสุเทพฯ จนได้ เมื่อจอดรถแล้วเด็กหนุ่มก็เดินนำพาไปยังศาลา จากจุดนั้นมองเห็นเมืองเชียงใหม่เบื้องล่างซึ่งเปิดไฟไว้สว่างไสว

“นี่จุดชมวิว สวยมั้ยล่า”

“อือ สวยดี” รวินท์เท้าแขนลงบนรั้วกั้น อากาศตอนกลางคืนแบบนี้กำลังเย็นสบาย ทิวทัศน์ก็สวยงาม เขาทอดสายตามองไกลออกไป
 
“ตอนเช้าคนก็ฮิตขึ้นมารอดูพระอาทิตย์ขึ้นกันนะ แต่ผมไม่เคยมารอดูหรอก เคยเห็นตอนรับน้องขึ้นดอยนั่นแหละ สามรอบละ”

“น้องๆ วิดวะ ถึกฉิบหาย วิ่งไหวได้ยังไงวะเนี่ย”

“นั่นสิ เมื่อก่อนผมก็สงสัย เลยเลือกเข้าที่นี่ จะได้รู้ซึ้ง ตอนนี้เลยโคตรซึ้งเลย”

รวินท์หัวเราะ “ปีหน้าขึ้นอีกมั้ย”

“ไม่พลาดอยู่แล้ว พี่รอดูได้เลย”

“เออ ไอ้น้องตึ๋งที่พาผมมาดูขึ้นดอยก็บอกว่าจะเข้าวิดวะที่นี่ งั้นปีหน้าผมจะมาดูคุณกับไอ้น้องตึ๋งมันนะ”

ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก “แล้วผมจะสอนให้พี่ปลอมตัวเป็นเด็กวิดวะให้เนียนกว่าเดิมนะ จะได้มารอดูพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกันด้วย” คนอ่อนวัยกว่าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเปิดรูปให้ดู “วันที่แบกเสลี่ยง พระอาทิตย์ขึ้นเป็นแบ็คกราวด์สวยมากเลย นี่ผมเซฟรูปมาจากตากล้องสโมฯ”

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะปลอมตัวเว้ย ก็รุ่นพี่คุณชวนไปดูกิจกรรม ไอ้น้องตึ๋งมันก็ระริกระรี้ ผมเลยเออออไป” รวินท์เถียงพลางชำเลืองมองดูรูปในโทรศัพท์มือถืออีกฝ่าย “เออ สวยก็สวย”

“โห ไม่จริงใจเลยอะ ที่พูดเนี่ยเห็นรูปรึยังหรอก”

“เห็นแล้วดิ ถึงได้บอกว่าสวยไง”

“พี่วินแม่งโคตรกวนตีน”

“กวนตรงไหนวะ!” ทันตแพทย์หนุ่มคิ้วกระตุก จากนั้นจึงก้มหน้าลงไปดูรูปใกล้ๆ “สวยยยจังเลยครับน้องพิงค์” แล้วเงยหน้าขึ้นถาม “จริงใจพอยัง”

ภูพิงค์ยักไหล่ “ก็พอทน”

“ใครกันแน่ที่กวนตีนวะเนี่ย!”

เด็กหนุ่มหัวเราะ “เอ๊า ผมกวนตีนตรงไหน เวลาพี่จะชมอะไรก็ควรต้องแสดงความสนใจสักหน่อยป่ะวะ มันถึงจะดูจริงใจ ไม่ต้องเก๊กให้มากนักหรอก ที่พูดนี่หวังดีหรอกนะเนี่ย”

“ผมไม่ได้เก๊กเว้ย อยู่กันสองคนจะเก๊กไปทำไมวะ”

“นั่นดิ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่จะเก๊กไปทำไมอะ”

“บอกว่าไม่ได้เก๊กโว้ย!” รวินท์ยกมือขึ้นคลึงขมับ ทำไมไอ้เด็กเวรนี่มันกวนประสาทเขาเก่งจังวะ ชาติที่แล้วเขาเคยไปเผาโรงงานผลิตไม้พายของญาติแม่งเหรอ!

ภูพิงค์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กวนประสาทใครก็ไม่มันส์เท่าพี่วินเลยจริงๆ “เออ พี่ได้เห็นเปล่า วันนั้นมีเรื่องซึ้งๆ ด้วยนะ” ขณะที่เปิดรูปผ่านๆ ไป เด็กหนุ่มก็ไปหยุดอยู่ที่รูปน้องปีหนึ่งบนรถเข็น ตอนแรกตั้งใจจะพูดถึงรุ่นน้องในตอนนั้น หากคนที่เข็นรถเข็นอยู่นั้น พอมาดูอีกทีแล้ว แม้จะใส่หมวกและมีผ้าปิดปากปิดไปครึ่งหน้าแต่ก็ดูคุ้นๆ ชอบกล

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว พลางนึกย้อนกลับไป... จะว่าไป วันนั้นไอ้พี่วินก็มีผ้าปิดปากนี่หว่า

“เฮ้ยพี่...” เด็กหนุ่มมองรูปสลับกับคนที่ยืนอยู่ข้างกัน


หรือว่า?


เขากดขยายภาพให้เห็นคนที่เข็นรถเข็นชัดๆ “เฮ้ย!”

คนในภาพรีบหันหน้าหนี “....”

“พี่วินนี่หว่า!”

“ทำไมตาดีจังวะ!”

“รูปนี้คนพูดถึงกันเยอะมากเลยนะ แต่ใครๆ ก็บอกว่าเป็นรุ่นพี่วิดวะที่จบไปแล้ว โห ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเป็นพี่ไปได้เลยแฮะ มีแรงวิ่งกับเขาด้วย เข็นรถเข็นอีกต่างหาก”

“บอกตรงๆ ว่าวันนั้นตกกระไดพลอยโจนมาก หอบแฮ่กๆ เป็นหมาหอบแดด เหนื่อยแทบตาย ไอ้ตอนแรกน่ะ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปยุ่งหรอก แต่พวกรุ่นพี่คุณรุมขอร้องอะดิ แล้วก็สงสารน้องบนรถเข็นด้วย น้องเขาอยากวิ่งกับเพื่อน แต่กลัวว่าถ้าเพื่อนต้องมาคอยเข็นรถตัวเองจะไม่ได้กอดคอกันวิ่งขึ้นดอยไง”

“แต่ถ้าเป็นพี่วิน ก็น่าจะมีคนรู้จักนะ อย่างน้อยก็ไอ้น้องโจ้ที่นั่งรถเข็นนี่ ทำไมไม่มีใครพูดถึงเลยวะ”

“ผมขอให้เขาบอกทุกคนว่าเป็นรุ่นพี่วิดวะเองแหละ มันเป็นการวิ่งของคณะคุณนี่ คุณรู้แล้วก็เงียบๆ ไว้ละกัน”

ภูพิงค์ยิ้มกว้าง “อาจารย์เลือกให้มาสัมภาษณ์ถูกคนจริงๆ ด้วย ถึงพี่จะไม่ได้เป็นรุ่นพี่วิดวะ แต่พี่ก็ได้อยู่ร่วมในช่วงเวลาสำคัญของคณะเรา” เขาส่ายหน้าไปมา “โธ่ ตอนแรกผมก็คิดว่าคำตอบของพี่ตอแหลล้วนๆ”

“แล้วตอนนี้คิดว่าไง”

“คิดว่าตอแหลครึ่งเดียว”

“พูดไรดูหน้าตาผมด้วย หน้าตาดีแบบนี้ตอแหลไม่เป็นหรอก”

เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงดัง “ปีหน้าปลอมเป็นปีหนึ่งดิพี่ จะได้มาวิ่งด้วยกันอีกไง”

“ไม่เอาแล้วเว้ย เหนื่อยตายห่าพอดี แค่โค้งเดียววันนั้นก็ปางตาย” ทันตแพทย์หนุ่มชี้ไปที่ใบหน้าของตน “อีกอย่าง ช่วยดูหน้าผมด้วย ใครจะเชื่อว่าอยู่ปีหนึ่งวะ”

“เหยยย.. ผมว่าพี่ดูเด็กออกนะ บอกว่ายังเรียนอยู่ก็เชื่อ” เด็กหนุ่มพูดไปตามที่คิด “หน้าเด็ก สมองก็...”

“หยุด! ที่ผมดูเด็ก เพราะเอาหน้าผมไปเทียบกับหน้าคุณอะดิ”

“โห ถ้าคิดแบบนี้แล้วสบายใจก็เอาเถอะพี่ ผมยอมให้ก็ได้”

“กวนตีน!”

“วุ้ย หมออะไร หยาบคาย”

รวินท์อ้าปากพะงาบๆ อยากจะเถียงแต่นึกคำไม่ออก เถียงไม่ทันแล้วโว้ย “ไอ้... ไอ้...”

“โอ๋ๆ ใจเย็นพี่ เดี๋ยวความดันขึ้น” คนอ่อนวัยกว่าเอื้อมมือมาโอบไหล่แล้วเขย่า “คุยกับผมมันส์ดีใช่มะ”

“มันส์พ่องส์” ทันตแพทย์หนุ่มพึมพำ พร้อมกับผลักเด็กหนุ่มออก

“แน่ะ มีงอนด้วยแฮะ” ภูพิงค์หัวเราะร่วน เขาหันมองออกไปยังแสงไฟเบื้องล่าง พลางเท้าแขนลงบนราวกั้น “ที่จริง มันไม่ใช่ว่าจู่ๆ จะวิ่งขึ้นดอยเป็นสิบกิโลฯ กันได้ พวกเราต้องฝึกวิ่งกันทุกวัน ตอนผมอยู่ปีหนึ่ง คิดว่ามันร้อนมาก เหนื่อยมาก เหงื่อออกจนเสื้อผ้าเปียกชุ่ม วิ่งจนคลานกลับหอแทบทุกวัน แต่ก็สนุกฉิบหาย เพื่อนผม พี่ผม ทุกคนก็เหนื่อย แต่เราก็พยายามไปด้วยกัน” เขาหันไปยิ้มให้คนที่ยืนอยู่ข้างกัน “ครั้งล่าสุดที่วิ่งแบกเสลี่ยง เหงื่อออกกางเกงในเปียก กว่าจะลงดอย ราแทบขึ้นไข่”

รวินท์หันไปมองเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่ม เวลาที่ไม่กวนประสาทกัน พูดจาดีๆ แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย “คุณเป็นพี่ว้ากกับเขารึเปล่า”

“ดูหน้าแบบนี้เดาไม่ออกเหรอวะพี่ นี่ผมตั้งใจไว้หนวดไว้ผมยาวเพื่อว้ากเลยนะ”

“นึกภาพตอนว้ากไม่ค่อยออกเลยแฮะ นึกออกแต่ตอนกวนประสาทเนี่ย”

“โห เห็นแบบนี้ ตอนว้ากผมโหดนะเว้ย ทำรุ่นน้องผู้ชายหลั่งน้ำตามาแล้ว”

“ไปทำไรเขาล่ะ”

“ไม่ได้ทำ น้องมันง่วง หาวปากกว้างตอนผมกำลังว้ากเลยแม่ง”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะบ้าง “ผมอยากเห็นรูปตอนคุณว้าก มีบ้างมั้ย”

“เดี๋ยวไว้หาให้ดู ในเครื่องผมมีเก็บไว้รึเปล่าก็ไม่รู้” ภูพิงค์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาไถรูปไปเร็วๆ ไถไปยังไม่ทันถึงตอนประชุมเชียร์ก็หยุดเสียก่อน “พี่เห็นรูปผมตอนแบกเสลี่ยงขึ้นโค้งสปิริตยัง นี่ผมไปติดสินบนตากล้องสโมฯ ไว้ยี่สิบบาท ขอแบบหล่อๆ เท่ๆ สักสิบรูป”

“โอ้โห โคตรคุ้ม” ทันตแพทย์หนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปดูภาพบนจอโทรศัพท์ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาจ้อง เม้มปากและขมวดคิ้ว

“ทำไมต้องทำท่าจับผิดขนาดนี้ด้วยวะพี่ แค้นอะไรผมมาตั้งแต่ชาติปางไหน”

“ผมไม่ได้จับผิดเว้ย แค่คิดว่าตากล้องถ่ายดีจริงๆ”

“นี่ชมใช่ป่ะ”

“ชมตากล้องน่ะใช่”

เอาจริงๆ แวบแรกภูพิงค์อาจจะดูเถื่อนๆ และซกมกอยู่บ้าง แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะหนวดกับทรงผมก็ได้ เส้นผมที่เขาลองสัมผัสดูนุ่มนิ่มแล้วก็เรียบลื่น ไม่ได้รู้สึกเหมือนจับไม้กวาด เด็กหนุ่มกับเขาความสูงไม่ต่างกันมาก ถ้าแค่ดูจากในรูปนี่... ก็เรียกว่าดูดีล่ะนะ เด่นกว่าทุกคนในรูปเลย

“จ้องอะไรนักวะพี่”

“ทำไมเอวกางเกงคุณมันอยู่สูงกว่าคนอื่นจังวะ ปกติดึงขึ้นมาถึงใต้ราวนมเหรอ”

“จะบ้าเรอะ ผมขายาวเว้ย ไหนว่าไม่ได้จับผิดไง ไอ้พวกนี้แม่งขาสั้นเองต่างหาก!” คนอ่อนวัยกว่าชี้ไปที่เพื่อนๆ ซึ่งหามเสลี่ยงอยู่ด้วยกัน “ขาผมนี่เรียกว่าขานายแบบนะเว้ย เวลาไปซื้อกางเกงไม่ต้องหาร้านตัดขาเลย”

“เออ ดีเนอะ”

ภูพิงค์ยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางก้มลงมองขาอีกฝ่าย “ของพี่อะ ตัดเยอะป่ะวะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน ได้มาก็ยาวเท่าขาพอดี”

“พูดเหมือนไม่ได้ซื้อเอง”

“ก็ไม่ได้ซื้อเองอะดิ นี่แม่กับพี่ๆ ซื้อให้”

เด็กหนุ่มขยับออกไปตั้งหลัก ตอนแรกกะว่าจะแซวเรื่องขา ซึ่งที่จริงก็ยังไม่เคยวัดกันว่าขาใครยาวกว่า แต่พอเจอคำตอบเข้าไปเลยไปต่อไม่ถูก “เคยซื้อเสื้อผ้าเองบ้างป่ะเนี่ย”

“เคยสิวะ” รวินท์ตอบกลับไปทันควัน ดีนะเนี่ย ที่เขาเคยไปซื้อเสื้อผ้าใส่อยู่บ้านที่บิ๊กซีในจังหวัดมาก่อน ไม่อย่างนั้นไอ้เด็กนี่คงมีเรื่องถากถางเขาสนุกปากอีกแหงๆ “เอารูปมาดูต่อเหอะ”

“เออ จริงสิ พี่จะดูรูปพี่ที่สโมฯ เลือกไว้นี่หว่า ผมมีในคอมฯ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาให้ดูนะ สัมฯ กับรูปของพี่ คงจะเอาลงเพจภายในอาทิตย์หน้านี่แหละ”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก สายตาจับจ้องอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ มือก็กดเปลี่ยนรูปไปเรื่อยๆ

“รูปพี่เยอะมาก แม่งพร้อมใจกันถ่ายมา ผมว่ารูปพี่คนเดียวเท่ากับรูปพวกเราทั้งคณะเลยมั้ง”

“อย่าเว่อร์ๆ”

“ไม่ได้เว่อร์เว้ยพี่ เยอะจริงๆ มีทุกอิริยาบถ ทุกซอกทุกมุมเลยแหละ”

รวินท์เงยหน้าขึ้นแล้วขมวดคิ้ว “เวรกรรม อย่างนี้ผมไม่โดนเหม็นหน้าแย่เหรอวะ แบบนี้ผมไม่กล้าเข้าไปใกล้คณะคุณแน่ๆ”

“แต่สมัยเรียนพี่ก็เป็นคนดังไม่ใช่เหรอ ถ้าจะเหม็นก็เหม็นไปทั่วแล้ว ยังไม่ชินอีกเหรอวะ”

“ผมไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้นป่ะวะ แค่โดนมหาลัยเรียกใช้งานบ่อยก็เลยมีคนรู้จักบ้าง” ตอบไปแล้วก็ก้มลงดูรูปในโทรศัพท์มือถือต่อ

ภูพิงค์ชำเลืองมองอีกฝ่าย “แต่ เออ...น่าสนใจว่ะ เอาไว้ผมไปหาดูคลิปพี่บ้างดีกว่า”

“อือๆ เข้าเพจคณะไปดูนะ ดูเยอะๆ โดยเฉพาะคลิปสอนแปรงฟันอะ คลิปสอนใช้ไหมขัดฟันด้วย”

“ไม่เอาดิ อยากเห็นตอนถือธงที่เขาลือกัน”

“ใครลือวะ คุณไปได้ยินมาจากไหนเนี่ย”

“พวกผู้หญิงในคณะอะดิ”

“อย่าดูเลยว่ะ วันนั้นแต่งหน้าหนามาก ผมดูรูปตัวเองตอนนั้นยังแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้”

“โห ยิ่งน่าดูเข้าไปใหญ่” ภูพิงค์หัวเราะลั่น “จะพรินต์ออกมาติดหน้าคลินิกพี่ด้วยเลย”

“คู่กับป้ายฟันคุดของคุณใช่มะ”

“ถ้าได้จริงจะถือเป็นเกียรติอย่างสูงเลยครับพี่ แล้ว... ทำไมตอนนั้นไม่ได้เป็นลีดอะ หน้าตาอย่างพี่ไม่น่ารอดมาได้”

“ขี้เกียจ แต่ไอ้เต้เป็นนะ เป็นลีดมหาลัยด้วย”

เด็กหนุ่มเท้าแขนลงบนรั้วกั้นพลางหันหน้าไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างกัน “แล้วทำไงถึงจับพลัดจับผลูไปถือธงได้วะพี่”

“หนีไม่ทันอะดิ โดนกล่อมกรอกหูเหมือนที่คุณกล่อมผมนี่แหละ”

“อ้อ...” คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้าอย่างเข้าใจสุดๆ เพราะตัวเขาก็แพ้การกล่อมของไอ้พี่ๆ สโมฯ มาอีกทีเหมือนกัน

สองหนุ่มคุยกันเรื่องไร้สาระได้เป็นวรรคเป็นเวร นานสองนานอีกต่างหาก ยืนกันไปจนเกือบถึงเที่ยงคืน พอเมื่อยแล้วทันตแพทย์หนุ่มจึงชวนไปนั่งเอนหลังคุยกันในรถต่อ โดยเปิดหน้าต่างไว้รับลม

รวินท์หยิบขวดน้ำจากในถุงที่ซื้อมาจากบิ๊กซีส่งให้เด็กหนุ่ม “พูดมากจนคอแห้งเลยว่ะ”

คนอ่อนวัยกว่ารับขวดน้ำมายกดื่ม “ที่จริงลงจากดอยไปก็กลับไปตลาดโต้รุ่งต่อได้อีกรอบเลยนะเนี่ย”

“ถ้าพรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานก็ว่าจะชวนไปกินต่ออยู่”

“พี่นี่ก็สายแดกเหมือนกันนะ หุ่นไม่ให้แต่ใจรัก”

“มีอะไรอร่อยๆ ให้กินผมก็ต้องกินๆ ตุนไว้ก่อน” ทันตแพทย์หนุ่มเอนหลังพิงเบาะ “เมื่อก่อนก็ไม่ได้สายแดกขนาดนี้หรอก เพราะแถวมหาลัยเป็นย่านของกิน เลือกกินได้ตามใจชอบทุกวัน แต่พอมาใช้ทุน ของกินไม่ได้มีเยอะเหมือนก่อน แถมเลือกไม่ค่อยจะได้อีก บางทีอยากกินก๋วยเตี๋ยว แถวนั้นก็มีอยู่ร้านเดียว ไปถึงแม่งก็ปิดอีก ปิดแบบ...ไม่ต้องมีสาเหตุด้วยนะเว้ยคุณ คือวันนี้ขี้เกียจขาย เปิดแค่สองชั่วโมงแล้วปิดอะไรแบบนี้เลย”

“เพราะคนกินน้อยด้วยแหละพี่ เปิดทั้งวันอาจจะนั่งตบยุงจนเบื่อ”

“เออ เมืองก็เงียบๆ นะ ทั้งที่โรงบาลคนแน่นตลอด ผมก็ไม่รู้ว่าปกติคนที่นี่เขาไปเดินเล่นที่ไหนกัน”

“ส่วนใหญ่ก็คงเข้ามาเดินในเชียงใหม่อะพี่ มันไม่ไกลนี่ อีกอย่างเพราะลำพูนเป็นเมืองทางผ่านมาเชียงใหม่ด้วย คนเลยจะแห่กันเข้ามาเดินเล่นในเชียงใหม่มากกว่า เมืองเลยเงียบไง แล้วนี่พี่ไปเที่ยวไหนมาบ้างแล้วล่ะ”

รวินท์ส่ายหน้าแล้วยิ้มเจื่อนๆ “ปกติผมก็อยู่แค่โรงบาลกับบิ๊กซีเท่านั้นแหละ ตั้งแต่มานี่ก็ทำงานทุกวัน ส่วนเสาร์อาทิตย์ถ้าไม่ได้ทำคลินิกก็นอนขี้เกียจ”

“โห ทางเหนือนี่ที่เที่ยวเยอะออกนะ ผมมาอยู่ปีแรกก็เที่ยวจนพรุน”

“งั้นลำพูนมีอะไรให้เที่ยวบ้าง”

ภูพิงค์ยกแขนขึ้นเท้ากับพนักพิงของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปหา “อืม... แถวๆ ในเมืองก็วัดพระธาตุหริภุญชัยไง แล้วก็อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี”

“เออๆ ที่หลังนี่เคยไป”

“เพราะมีตลาดโต้รุ่งใช่มะ สายแดกของแท้” เด็กหนุ่มอมยิ้ม “เห็นมะ ก็เคยไปไหนมาเหมือนกันนี่ ทีหลังใครถามจะได้บอกได้ ที่ใกล้ๆ กันมีวัดด้วยนะ แต่ผมยังไม่เคยเข้าไปหรอก”

“เอาไว้มาอีกสิ จะได้ไปด้วยกัน”

“ได้อยู่แล้ว อยู่ใกล้ๆ กันแค่นี้เอง ผมชอบถนนเส้นเชียงใหม่ลำพูน ตอนช่วงใกล้ๆ สงกรานต์ชอบไปขี่รถดูดอกเอื้อง”

“ดอกเอื้องเหรอ ชื่อคุ้นๆ แฮะ หน้าตาเป็นยังไงอะ” ทันตแพทย์หนุ่มถามอย่างสนใจ บางทีก็สงสัยว่าไอ้เด็กนี่มันมาเรียนหรือมาทำอะไร ทำไมรู้เยอะจังวะ

“ชื่อเต็มๆ ว่าเอื้องผึ้ง ดอกมันเป็นพวงสีเหลืองๆ คือถนนเส้นเชียงใหม่ลำพูนมันจะมีต้นยางปลูกเป็นแนวสองข้างทาง พอเข้าลำพูนไปจะเป็นต้นขี้เหล็กป่า เขาจะเอาต้นเอื้องผึ้งไปแปะไว้บนต้นไม้ใหญ่พวกนี้ เวลามันออกดอกพร้อมๆ กัน สวยมาก โรแมนติกโคตรๆ”

“ผมไม่ทันสังเกตแฮะ คงเพราะขับตอนกลางคืนทุกที”

“ช่วงนี้ยังไม่ออกดอกหรอกพี่ ปีนึงออกดอกครั้งเดียวตอนสงกรานต์นั่นล่ะ แล้วพี่ก็อาจจะขับคนละเส้นกับผมก็ได้นะ”

“อ่อ...” รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก “ต้องรอดูปีหน้าสินะเนี่ย”

“ก็อีกไม่นานหรอก ถ้าผมมีชีวิตรอดไปถึงตอนนั้นจะพาขี่มอไซค์ไปดู”

“แค่ฟันคุดไม่ตายหรอกนะคุณ”

“ไม่ใช่เว้ยพี่ เดือนหน้านี่มิดเทอม ถัดไปอีกเดือนกว่าก็ไฟนอล ก่อนดอกเอื้องจะบานก็น่าจะมิดเทอมของเทอมสองอีก โอย แค่คิดก็จะตาย”

“เพราะงั้นถึงต้องรีบผ่าฟันคุดรู้ป่ะ จะได้มีสมาธิอ่านหนังสือ”

“ทำไมคนเราต้องมีไอ้ฟันซี่นี้ด้วยวะพี่ ในเมื่อขึ้นมาแล้วก็ต้องผ่าเอาออก”

“สำหรับคนอื่นผมก็ไม่รู้ว่ะ แต่กรณีของคุณมันคงเป็นกรรมของคนที่ชอบกวนประสาทคนอื่นไง”

ภูพิงค์คิ้วกระตุก อันนี้เถียงไม่ออก ยอมให้ไอ้พี่วินชนะไปก็ได้

“รีบไปผ่าซะให้โล่งๆ อย่าเก็บไว้นาน” รวินท์ยิ้มกริ่ม “รู้มั้ย มีฟันคุดในปากมันมีผลเสียเยอะนะคุณ อย่างฟันคุดของคุณนี่ มันไม่ยอมขึ้นตรงๆ แถมยังไปกดฟันซี่อื่นอีก พอแปรงฟันไม่สะอาด มันจะพากันหมักหมมแล้วผุได้ แต่คุณยังโชคดีนะ บางคนรากไปกดทับเส้นประสาท ผ่ายากไปอีก บางคนฟันซี่ใหญ่มากแต่ไม่ยอมขึ้น ก็ต้องผ่าเปิดเหงือก แบ่งฟันเป็นชิ้นๆ แล้วค่อยๆ งัดออกมา คงไม่ต้องบอกนะว่าเลือดออกเยอะกว่าที่คุณเห็นเมื่อเช้าขนาดไหน”

แค่ได้ฟังภูพิงค์ก็ขนหัวลุกไปถึงขนตูดแล้ว “พี่จะเล่าให้มันได้พระแสงอะไรวะ!”

“เอ้า ก็แลกเปลี่ยนความรู้กันไง เห็นคุณเล่ามาเยอะแล้วอ่ะ”

“เรื่องแบบนี้ไม่อยากรู้เว้ย”

ท่าทางของเด็กหนุ่มไม่ได้เข้ากับความโหดบนใบหน้าเอาเสียเลย ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ เขาเอื้อมมือไปตบลงบนต้นขาอีกฝ่ายเบาๆ “จะตีหนึ่งละ คงต้องกลับล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ทำงานไม่ไหว”

“ขับกลับตามถนนเส้นที่ขึ้นมานะเว้ยพี่ อย่าใช้ทางลัด ผมไม่รีบ”

“รู้แล้วน่า คุณได้ผ่าฟันคุดแน่ๆ ไม่ต้องกลัว”

“ตั้งใจขับรถไปเลย ผมไม่ต่อปากต่อคำกับพี่หรอก”


(มีต่อค่า)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 8 : ก้าวแรก][201017]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 29-10-2017 08:14:05


รวินท์ส่ายหน้าไปมา รอยยิ้มไม่จางหายไปจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาเลย เขาเคลื่อนรถไปช้าๆ ไม่นานก็ลงไปถึงตีนเขาได้
หากเมื่อขับเข้าไปจอดในที่จอดรถของคลินิก รอยยิ้มของทันตแพทย์หนุ่มกลับเจื่อนลง แค่เห็นที่จอดรถโล่งว่าง มีรถของเขาแค่คันเดียวกับมอเตอร์ไซค์ของภูพิงค์ก็ใจหาย เพราะเมื่อเด็กหนุ่มกลับไป เขาก็จะต้องอยู่ตามลำพังคนเดียว คงไม่พ้นนึกถึงเรื่องอกหักเดิมๆ คร่ำครวญไปเรื่อย จะนอนหลับลงหรือเปล่าก็ไม่รู้

ภูพิงค์ก้าวลงจากรถไปก่อน เขาเดินดุ่มๆ ไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้ จากนั้นจึงหันไปทางชายหนุ่มเจ้าของรถที่ยืนพิงประตูมองมาทางตน “ผมกลับละนะ”

“อืม ขี่รถดีๆ”

เด็กหนุ่มก้าวขึ้นไปนั่ง เขาชำเลืองมองรวินท์แล้วลังเลอยู่ชั่วครู่ ยังไม่ทันสตาร์ตรถก็หันกลับไปทางที่อีกฝ่ายยืนอยู่อีกครั้ง ชายหนุ่มมองตามเขาตาละห้อยเลยทีเดียว รู้ตัวบ้างไหมเนี่ยว่าทำหน้าห่อเหี่ยวใส่เขาขนาดไหน จะทิ้งไปทั้งแบบนี้ก็รู้สึกผิดฉิบหาย

กูหนอกู~

คนอ่อนวัยกว่าถอนหายใจหนักๆ “ยังเฮิร์ตจัด ไม่อยากอยู่คนเดียวก็บอกดิวะพี่ ปากอมอะไรอยู่”

รวินท์เลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าเหรอหราด้วยความตกใจ ทำไมไอ้เด็กนี่มัน... รู้ดีฉิบหาย!

“จริงๆ ผมก็อยากชวนพี่ไปนอนเล่นที่บ้านเช่า แต่ห้องผม มีผมกับเพื่อนอ่ะ เกรงใจมัน” ภูพิงค์เตะขาตั้งมอเตอร์ไซค์ลง ก่อนจะก้าวลงมาแล้วเดินตรงเข้าไปประจันหน้ากับทันตแพทย์หนุ่ม “ผมนอนเป็นเพื่อนพี่อีกคืนก็ได้ แต่ไม่นอนพื้นนะ”

นัยน์ตาเรียวประสานสายตากับคนตรงหน้านิ่ง เขาอ้ำอึ้ง “เอ่อ...”

“เอ้า ให้เวลาสามวิฯ ถ้าไม่ชวนจะกลับละนะ หนึ่ง สอง สา...” เด็กหนุ่มทำเป็นหันหลังจะเดินกลับไปที่มอเตอร์ไซค์ แต่แล้วรวินท์ก็คว้าแขนเขาไว้ตามคาด เขากระตุกยิ้มมุมปาก อยากจะหัวเราะก็สงสาร “ว่าไงล่ะ”

“อยู่เป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”

ภูพิงค์หันขวับกลับไปหาอีกฝ่าย “ได้อยู่แล้ว” เขายกมือขึ้นตบไหล่ทันตแพทย์หนุ่มป้าบใหญ่ เป็นผลให้อีกฝ่ายเซแท่ดๆ ไปนิดหน่อย “เราขึ้นดอยด้วยกันมาแล้วก็เท่ากับว่าเป็นพี่น้องกันใช่มะ เป็นพี่น้องกันแล้วก็ไม่ทิ้งกันหรอกน่ะ”

“ตบเบาๆ ก็ได้เว้ย แขนผมต้องใช้ทำมาหากิน” คนพูดเสตาหลบไปอีกทาง “แต่ผมมีเตียงเดียวอย่างที่คุณเห็นน่ะแหละ  นอนด้วยกันได้มั้ยอะ”

“เออ ได้ ขอแค่ไม่นอนพื้นก็พอ แต่ดึกๆ อย่าเผลอปล้ำผมก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มเดินนำไปที่ประตูทางเข้าคลินิก “มาเปิดไวๆ”

“มีตรงไหนน่าปล้ำบ้างวะ” รวินท์พึมพำ พลางสาวเท้าไปเปิดล็อกประตูคลินิกออก

สองหนุ่มเดินตามกันเข้าไปภายใน แล้วจึงตรงขึ้นไปยังห้องพักที่ชั้นบน

รวินท์เปิดประตูเข้าไปในห้อง เอื้อมมือไปควานหาสวิตช์ไฟแล้วก็หยิบรีโมตเครื่องปรับอากาศมากดเปิด “จะอาบน้ำมั้ยเนี่ย”

“อาบก็ดี พี่มีกางเกงให้ผมยืมใส่นอนสักตัวป่ะ”

ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้ เขาทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่คลินิกหลายชุด ก่อนจะหยิบเสื้อยืดสีขาวล้วนกับกางเกงลายแมวยิ้มที่เคยซื้อจากบิ๊กซีออกมาส่งให้

“ขอบ...คุณ” ภูพิงค์รับมาอย่างงงๆ เพราะคิดว่าท่าทางอย่างพี่วิน น่าจะใส่ชุดนอนสุดหรูไฮเอนด์แบบเข้าเซตกันอะไรแบบนี้

หลังจากอาบน้ำกันเสร็จ สองหนุ่มก็มานั่งลงบนเตียงข้างกัน คนหนึ่งใส่เสื้อยืดกับกางเกงลายแมว อีกคนใส่เสื้อกล้ามสีแดงกับกางเกงสีเขียวลายมะเขือเทศสีแดง

“คริสต์มาสยังมาไม่ถึงเลยพี่”

“ก็บิ๊กซีมีแต่แบบนี้นี่หว่า”

“หรือว่าที่บอกว่าซื้อเอง...” เด็กหนุ่มชี้ไปที่เสื้อผ้าซึ่งเขาสวมอยู่กับอีกฝ่าย

“เออ ผมซื้อเอง ในหอพักแพทย์ก็เห็นเขาใส่กันแบบนี้ทั้งนั้น”

ภูพิงค์หลุดขำเสียงดัง เขาเอนหลังลงนอนชักดิ้นชักงอ “หมอหอพักนี้แม่งบันเทิงฉิบหาย”

“ทำไมวะ” รวินท์ก้มลงมองเสื้อผ้าที่ตนเองใส่ “ที่บิ๊กซีลำพูนมันไม่ค่อยมีเสื้อผ้าให้เลือกหรอก ผมก็ซื้อเท่าที่มีขายอะ”

“ก็ไม่แปลกหรอก แต่ปกติพี่แต่งตัวโคตรเนี้ยบ ผมเลยนึกไม่ถึงไง”

“เนี้ยบยังไงวะ”

“แปลว่าไอ้ที่ใส่ทำงานนี่ ก็ไม่ได้ซื้อเองใช่มะ”

“หยุดหัวเราะได้แล้วโว้ย” ทันตแพทย์หนุ่มคว้าหมอนมาฟาดคนที่นอนอยู่ “กินยาก่อนนอนแล้วใช่ป่ะเนี่ย”

“กินแล้วตอนพี่อาบน้ำอ่ะ”

“งั้นปิดไฟนอนนะ” เจ้าของห้องลุกไปปิดไฟ แล้วจึงเดินกลับมาเอนตัวลงนอน

ทั้งสองคนนอนนิ่งอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ดวงตาเรียวยังคงเปิดกว้าง เขาผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ก่อนจะหันไปหาคนที่นอนข้างกันช้าๆ “พิงค์...”

เจ้าของชื่อเรียกลืมตาขึ้น “หือ”

“ขอบใจนะ”

“อือ เล็กน้อยน่ะพี่”

รวินท์หลุบตาลงต่ำ “...โชคดีที่เจอคุณ ไม่อย่างนั้น สองวันที่ผ่านมานี่ ผมคงแย่”

“ถ้าไม่เจอพี่ผมก็คงแย่เหมือนกัน ต้องฟังสโมฯ กับอาจารย์ด่าไปจนเรียนจบแหงๆ” ภูพิงค์ยกมือขึ้นลูบศีรษะทันตแพทย์หนุ่ม “วันนี้พี่ต้องได้ตู้เย็นกับแอร์ถูกใจแน่ๆ นอนเอาแรงเหอะครับ เดี๋ยวทำคลินิกไม่ไหวจะไส้แห้งหนักกว่าเดิม”

รวินท์อมยิ้ม เขาหลับตาลง พยายามข่มตาให้หลับอย่างที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่าย

ดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องใบหน้าหล่อเหลา ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะกลายมาเป็นเพื่อนกันได้แบบงงๆ แต่พวกเขาก็เคยขึ้นดอยมาด้วยกันแล้วนี่นะ ก็ถือว่าเป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องกันนั่นล่ะ

...พี่วินแม่ง... เขาก็ไม่อยากจะชมนักหรอกนะ แต่ยิ่งมองใกล้ๆ แบบนี้ก็ยิ่งโคตรหน้าตาดี ผิวจะละเอียดไปไหน ขนตางี้ยาวเป็นแผงเชียว

หมั่นไส้โว้ย!

ภูพิงค์ปิดตาลง ก่อนที่ตัวเขาจะอดใจไม่ไหว ถีบเจ้าของเตียงกลิ้งตกเตียงไปก่อนด้วยความหมั่นไส้


เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกไปกินโจ๊กที่ประตูวิศวะเหมือนเมื่อวาน จากนั้นเด็กหนุ่มก็กลับบ้านเช่าไปก่อน ส่วนทันตแพทย์หนุ่มกลับไปทำงานของตน

“แล้วบ่ายเจอกัน”

“ครับพี่”

รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดของบ้านเช่า จากนั้นภูพิงค์ก็เดินฮัมเพลงเปิดประตูเข้าไปข้างในบ้านอย่างอารมณ์ดี หากพอก้าวเข้าไปในบ้านก้าวแรกก็ต้องหยุดชะงัก เพราะไอ้เพื่อนเวรอีกสี่คนยืนเข้าแถวถือสาก กระทะ ตะหลิว และฝาหม้อรอเขาอยู่ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม

“มึงไปไหนมา! ไอ้พิงค์! เมื่อคืนทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง!”

“เดินฮัมเพลง อารมณ์ดีเชียวนะมึง!” แซนดี้ใช้สากกระเบือในมือชี้ “กูว่ากูแรดแล้วยังแพ้มึงเลยเนี่ย!”

“แหม ไปวิ่งแก้บนในวัด ไปวิ่งไล่จับไก่แถววัดแล้วลากไปแดกในคลองอะดิ!”

“ฟลาวเวอร์มากๆ ใจง่ายฉิบหาย ไปค้างกับผู้ชายไม่เลือกหน้า!”

“นี่พวกมึงเป็นเมียกูเรอะ!” ภูพิงค์ถอยหลังกลับออกไปตั้งหลัก “ไอ้พวกเหี้ย ด่าซะชุดใหญ่ กูสำนึกไม่ทันเลยแม่ง แล้วทำไมต้องออกมารอต้อนรับกูขนาดนี้ พวกมึงไปกินอะไรผิดสำแดงมารึไงวะ!”

ซันหยิบไอแพดขึ้นมากดเปิดรูปที่แท็กกันรัวๆ ในเฟซบุ๊ก แล้วหันไปให้อีกฝ่ายดู “ไหนว่าไม่รู้จัก ไม่รู้จักเล้ยยย~ ไอ้ตอแหล!”

“เฮ้ย!” ภูพิงค์ถลาเข้าไปคว้าไอแพดในมือเพื่อนมาดูใกล้ๆ ภาพบนจอนั้นคือภาพของเขากับรวินท์ ตอนไปซื้อของในโฮมโปรเมื่อวาน

“บอกสิว่าเจอกันโดยบังเอิญ เลยต้องควงกันไปแดกข้าวน่ะ” ซันดึงไอแพดกลับมาเปิดรูปใหม่ คราวนี้เป็นรูปของสองหนุ่มในตลาดโต้รุ่ง “เขาส่งกันว่อนเห็นกันทั้งมหาลัยแล้ว!”

“เย้ย! จะมีรูปบนดอยด้วยมั้ยวะเนี้ยะ!”

“อ๋อ ที่หายไปนี่ไปขึ้นดอยด้วยกันด้วย ร้ายนะมึงอะ! ตอนไปหาเขาที่ร้านหมอฟันนี่ปวดฟันจริงหรือตอแหลวะ!” แซนดี้กระแนะกระแหนด้วยเสียงสูงจนต้องต่อบันไดเสียงขึ้นไปอีกเจ็ดชั้น

“ไอ้พวกเวร! พี่วินเขาเป็นผู้ชายนะโว้ย! เอามาพูดงี้พี่เขาเสียหาย!” ภูพิงค์หันขวับไปทางซัน แล้วถามเสียงเข้ม “กูได้สัมฯ พี่วินมาแล้ว จะเอาไม่เอา!”

คนถูกถามเปลี่ยนกระแสเสียงและสีหน้าทันควัน เขารีบเปลี่ยนข้างไปยืนข้างเพื่อนรัก “เฮ้ย! ไอ้พิงค์มันทำเพื่อคณะเว้ย แยกย้ายๆ” ความวุ่นวายในบ้านเช่าจึงสงบลงได้

แล้วพวกเขาก็ทยอยกันเดินกลับเข้าไปนั่งลงในห้องนั่งเล่นด้วยกันเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นซะอย่างนั้น

“สรุปว่ามึงไปได้สัมฯ มาได้ไง ไม่ได้เอาตัวเข้าแลกใช่ป่ะวะ”

“ไอ้ห่า เสนอให้ฟรีแถมข้าวสารสามถังเขายังไม่เอากูเลย” ภูพิงค์ยกขาถีบคนถามแถมไปอีกสองสามที “พอดีพี่เขามีปัญหานิดหน่อย กูช่วยเขา เขาเลยให้สัมฯ แค่นั้นแหละ”

“มึงไปช่วยอะไรพี่เขาวะ”

เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง คิดอย่างหนักว่าจะตอบอย่างไรไม่ให้พี่วินดูงี่เง่าจนเกินไป “ช่วยเขาเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าว่ะ พอดีพี่เขาจะซื้อของหลายอย่าง แต่เลือกไม่ถูก”

“แล้วนี่มึงไปค้างกับเขามาอีกเหรอ” ขิงถาม

“เออ พี่เขาอยู่คนเดียว คลินิกตอนกลางคืนมันก็น่ากลัว กูเลยอยู่เป็นเพื่อน ก็เพื่อนกันอะมึง ที่สำคัญห้องมีแอร์ด้วย”

“อ่อ... มึงนี่ก็โชคดีฉิบหายเลยเนอะ คนอยากเข้าใกล้พี่เขาเป็นร้อย มึงนี่เดินมึนอยู่ดีๆ แท้ๆ”

“เออ กูไปเอาผ้าใส่เครื่องซักก่อน พวกมึงทำการบ้านอจ.เอกยังวะ”

“ยังน่ะสิโว้ย รอมึงอยู่เนี่ย”

ภูพิงค์รีบวิ่งปรู๊ดออกไป “รอแป๊บเว้ยยย~”


*TBC*


กลัวทุกคนจะลืมน้องพิงค์กับพี่วิน ลงยาวๆ เลยเนอะะะะ  :hao3:

สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาโศกเศร้าของชาวไทยทุกคน จริงๆ ฮัสกี้ตั้งใจว่าจะลงตอนนี้เมื่อขึ้นเดือนใหม่ แต่มาคิดอีกที ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรอยยิ้มให้คนอ่านสักนิดดีกว่า /กอดดดดทุกคนเลยนะคะ

ตอนนี้สองหนุ่มก็สนิทกันมากขึ้นอีกนิดนึงแล้วเนอะ เดี๋ยวตอนหน้าน้องพิงค์จะพาพี่วินไปชอปปิ้งต่อนะคะ จะตีกันตายคาเซ็นทรัลหรือไม่ โปรดติดตามมมม~

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 29-10-2017 08:32:05
ในที่สุดก็มา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 29-10-2017 08:47:45
พี่วินน่ารัก น้องโคตรกวน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-10-2017 08:51:58
 o13


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าแก่ ที่ 29-10-2017 09:53:06
พี่วินน่ารักจัง


 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-10-2017 09:59:19
ตอนเพื่อนๆมายืนรอพร้อมอาวุธในมือนี่นึกว่าบรรดาเมียๆมายืนรอรับสามีกลับบ้านเลยอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-10-2017 10:07:02
  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 29-10-2017 10:16:21
สองคนนี้แค่กวนตีนกันไปมา ยังไม่จีบกัน ไม่มีคำหวานๆ แต่ก็ทำเอาเขินได้ เคมีเค้าเข้ากั๊นเข้ากัน
พี่วินคิดอะไร น้องพิงค์รู้ทันไปซะหมด โอยยยยย ไม่อยากจะคิดถึงตอนเค้าคบกัน คงจะหวานมดขึ้น :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 29-10-2017 10:35:11
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-10-2017 10:58:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 29-10-2017 11:17:17
น่ารักมาก อ่านแล้วยิ้มกว้างเลย ขำด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 29-10-2017 11:55:19
ใครรุก ใครรับหน๊ออออออ เดาใจไรท์ไม่ถูก ก้ำกึ่งทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 29-10-2017 11:55:42
อยากอ่านต่อแล้ว  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 29-10-2017 13:02:44
ขอบ...คุณ” ภูพิงค์รับมาอย่างงงๆ เพราะคิดว่าท่าทางอย่างพี่วิน น่าจะใส่ชุดนอนสุดหรูไฮเอนด์แบบเข้าเซตกันอะไรแบบนี้

หลังจากอาบน้ำกันเสร็จ สองหนุ่มก็มานั่งลงบนเตียงข้างกัน คนหนึ่งใส่เสื้อยืดกับกางเกงลายแมว อีกคนใส่เสื้อกล้ามสีแดงกับกางเกงสีเขียวลายมะเขือเทศสีแดง

“คริสต์มาสยังมาไม่ถึงเลยพี่”


อ่านตรงนี้แล้วขำมากๆ :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 29-10-2017 13:59:25
นอนด้วยกันอีกแล้ว ชอบความสนิทสนม เข้ากันได้ดี๊ดีของคู่นี้มากเลย  :-[
เถียงกัน จิกกัดกันไปมาน่ารักจัง แต่เหมือนพี่วินจะสู้ความกวนระดับเทพของน้องพิงค์ไม่ได้นะ 555
แต่นี่แสดงว่าน้องพิงค์ของเราหล่อจริง ขนาดอยู่ในสภาพหนวดเครารุงรัง พี่วินยังสัมผัสได้ถึงความดูดีของน้อง
นี่ถ้าได้แปลงร่างแล้ว น้องพิงค์เราต้องโดดเด่นดูดีเหมาะสมเคียงคู่พี่วินคนดังแน่เลย > <
น้องพิงค์ เป็นคนที่มีความรู้รอบตัวเยอะมาก ๆ อ่ะ เป็นคนที่ไม่เคยปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่า ๆ
เหมาะกับที่จะมาเป็นคนนำพาพี่วินให้เรียนรู้การใช้ชีวิต เรียนรู้ผู้คนรอบข้าง เรียนรู้โลกกว้าง ๆใบนี้มาก ๆ

กำลังอยากได้อะไรมาฮีลตัวเอง ตอนกำลังหน่วง ๆ อยู่เลยค่ะ พี่วินน้องพิงค์ช่วยได้จริง ๆ
รอตอนต่อไปนะคะ ชอบเรื่องนี้มากกก  ขอบคุณคนเขียนจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 29-10-2017 14:41:13
จุดพลุฉลองงงง ดีจายย มาอัพแล้ววววว

ยาวจุใจ อ่านกันเพลินๆไปเลยย
อ่านยังไง ก็อยากให้พิงค์เป็นนายเอกอยู่ดี
แบบคนที่ดูเหมือนจะพึ่งไม่ได้ แต่สุดท้ายก็เป็นที่พึ่งได้อ่ะ แค่คิดก็ฟินแล้ววว

อยากเห็นพิงค์เขินจนกวนประสาทไม่ด้ายยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 29-10-2017 15:10:49
ชอบเพื่อนๆของพิงค์ตั้งขบวนรอรับเชียว น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-10-2017 16:34:25
5555 ภูพิงค์แพ้ทางวินมากอะ มีเป็นห่วงด้วยนะ

หมอวินน่ารักมากค่ะ ก็คนมีอันจะกิน แล้วถูกเลี้ยงมาแบบนั้นเนาะ จะให้ทำไรเป็นทุกอย่างก็ยาก
แต่ภูพิงค์ช่วยหมอได้นะ ทำดีมาก

ตลกทีมเพื่อนภูพิงค์ คือรอเผือกหรืออะไร ทำไมจัดเต็มขนาดนั้น 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 29-10-2017 16:38:48
น้องพิงค์น่ารัก ไว้หนวดเครา กวนตีน แต่ใจดมากกกก พี่วินนี้เหมือนเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะภูพิงค์เลยนะ

นี้เชียร์พิงเป็นนายเอกนะ อยากเห็นคนกวนตีน เขิน จนพูดไม่ออก อยากเห็นพี่วินโตขึ้น และเป็นที่พึ่งไห้พิงค์ได้ๆ ฮ่าๆๆ ฟินนน อยากเห็นคนบแบบพี่วินหยอกไห้พิงค์เขินจนพูเไม่ออกเลย

นี้คิดว่าพิงค์หน้าตาดีนะ อาจไม่ดีเท่าพี่วิน แต่ก็ดี เพราะ อ่านตอนแนกๆเหมือนเพื่อนพิงค์พิงเคยบอกว่าพอไม่มีหนวดเครา แล้วพิงต์หน้ารัก หรือหน้าตาดีนี้ละ ลางๆๆ

ความสัมพันเริ่มขยับแล้ว น่่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-10-2017 16:41:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-10-2017 17:06:53
สนิทกัน
กวนตีนกันและ
เอ่อ......นอนเตียงเดียวกันแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 29-10-2017 17:07:36
น้องพิงโคตรกวนเลย  น่ารักดี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 29-10-2017 18:22:12
เรื่องนี้ขอยาว ๆ เลยนะคะ น่าร้ากกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-10-2017 19:51:38
ยิ่งอ่านยิ่งเจอแต่ความน่ารักของพี่วินค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 29-10-2017 20:28:27
พี่วินกับน้องพิงค์ปากมอมกันทั้งคู่ 55555 อยู่ด้วยกันง่ายหน่อย (หรอ)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-10-2017 21:31:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 29-10-2017 21:49:00
      นิยายสนุกนะค่ะน้องพิงค์กับพี่วินก็น่ารักดี
แต่ไม่สนุกและยี่มากๆๆๆๆๆๆๆๆตอนที่บรรยายฝันคุดนะซิค่ะ555พอดีเรามีฟันคุดนะค่ะเลยเข้าใจหัวอกน้องพิงค์ดีค่ะ
ของเราก็ไม่ผ่าออกทีนะค่ะหมอที่โรงพยาบาลก็บอกว่าถ้าไม่เจ็บก็ไม่เป็นไรเพียงแต่ควรเอามันออกเพราะมันรักษาความสะอากยาก
เพราะอยู่ในสุดแต่เราพยายามสุดริดค่ะเพื่อให้สะอาดและไม่ต้องผ่า555
      สนุกค่ะรออ่านตอนไปซื้อของกันค่ะว่าจะได้โมเม้นต์คู่รักหรือคู่กัดกันค่ะ.....รออ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-10-2017 22:28:03
เพื่อนพิงค์นี่เหมือนเมียๆรอสามีกลับบ้าน 555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 29-10-2017 22:28:58
ขำไอ้พี่วิน นี่ทะเลาะกะน้องทำไม  :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 29-10-2017 23:27:18
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 30-10-2017 20:52:24
มีลูบหัวกันด้วยอ่ะ โอ้ย มันดีต่อใจ พี่วินน่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-10-2017 21:58:00
คนจะเป็นเนื้อคู่กัน เขาก็เป็นแบบนี้แหละ กินข้าว ซื้อของ คุยเรื่องไร้สาระไม่มีเบื่อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-10-2017 22:08:21
ความสัมพันธ์พัฒนาแบบก้าวกระโดด รุ้จักรุ้ใจเหมือนรุ้จักกันมาทั้งชีวิต อิอื
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 30-10-2017 22:11:00
อ่านๆไปดูเหมือนพี่วินจะเป็นนายเอก แต่จำได้ในช่วงแรกๆคลับคล้ายว่าน้องพิงค์ตอนไม่ไว้หนวดจะแอบหน้าหวาน มีออร่าเคะอยู่ 555 งั้นเดาว่าน้องพิงค์เป็นนายเอก พี่วินเป็นพระเอกละกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-10-2017 23:16:34
ไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 31-10-2017 23:34:18
อ่านมาจนป่านนี้แล้วยังไม่สามารถระบุโพสิชั่นได้เลย

แต่เอาจริงๆนะคะ ตอนนี้ให้ใครเป็นอะไรก็โอทั้งนั้น
มีความทันกัน ทั้งฝีปาก ทั้งความคิด

อยากรู้จริงๆว่าใครจะเริ่มเอนเอียงไปจากความรู้สึกแบบเพื่อน-พี่-น้องก่อนกัน

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 01-11-2017 17:36:46
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 01-11-2017 21:06:47
ภูไม่มาสักที
หมอรอที่คลินิคนานแล้วนะ
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-11-2017 17:19:29
“ไอ้พวกเวร! พี่วินเขาเป็นผู้ชายนะโว้ย! เอามาพูดงี้พี่เขาเสียหาย!” ภูพิงค์หันขวับไปทางซัน แล้วถามเสียงเข้ม “กูได้สัมฯ พี่วินมาแล้ว จะเอาไม่เอา!”

คนถูกถามเปลี่ยนกระแสเสียงและสีหน้าทันควัน เขารีบเปลี่ยนข้างไปยืนข้างเพื่อนรัก “เฮ้ย! ไอ้วินมันทำเพื่อคณะเว้ย แยกย้ายๆ” ความวุ่นวายในบ้านเช่าจึงสงบลงได้

อืมมมมม เป็นเพื่อนที่เข้าใจอะไรได้เร็วมากกกกกก ดีจริง :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-11-2017 19:14:45
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 03-11-2017 09:20:28
น้องพิงค์กับพี่วิน..ปาก..พอกันเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 03-11-2017 19:43:04
โอ้ยยยยยยยย  ชอบบรรยากาศของ 2 คนนี้ตอนอยู่ด้วยกันคือดีมากอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 9 : ปะทะคารม][291017]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-11-2017 20:55:54


Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง


ภายในห้องนั่งเล่นในบ้านเช่า วันนี้แซนดี้อารมณ์ดี จิตไม่มีหงุดเงี้ยวเพราะช่วงนี้มีผู้ชายเป็นของตัวเอง เจ้าหล่อนจึงนอนเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำอย่างสบายใจ เด็กหนุ่มวิศวะทั้งสี่จึงได้ผลบุญนั้นไปด้วย

สี่หนุ่มนั่งก้มหน้าก้มตาทำการบ้าน ต่อด้วยทำแบบฝึกหัดกองโตยาวไปจนถึงเที่ยง จากนั้นจึงเข้าครัวไปทำกับข้าวกิน พอเข้าช่วงบ่ายก็สลับกันไปรีดผ้ากับอ่านหนังสือ เมื่อเสร็จงานทั้งหมดแล้วภูพิงค์จึงนำแล็ปท็อปมาเปิดดู เพื่อปรึกษาเรื่องที่จะลงสัมภาษณ์ของรวินท์ในเพจของคณะกัน แล้วก็จะได้โหลดรูปลงโทรศัพท์มือถือไว้ให้คนในรูปได้ดูด้วย

“มึงอ่านสัมฯ ดิ๊ โอมะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มกูจะได้ถามให้ บ่ายนี้จะไปช่วยพี่เขาซื้อของต่อ”

ซันรับแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยลายมือไก่เขี่ยมาอ่าน “นี่มึงเตี๊ยมคำตอบกับพี่เขาก่อนป่ะวะ”

“ไม่ได้เตี๊ยมเว้ย แต่พี่แม่งโคตรรู้งาน มีคลิปด้วยนะ จะดูเลยป่ะล่ะ”

“เออ ดูดิ ไหนๆ”

ภูพิงค์หยิบโทรศัพท์มากดหาคลิปแล้วโยนให้เพื่อน ก่อนจะหันมาตรวจสอบรูปภาพที่จะนำไปให้อีกฝ่ายดู “ไอ้ซัน รูปพี่วินที่มึงว่าจะเอาไปลงเพจ ทำไมมีรูปคู่กะกูหลายรูปจังวะ”

“มันเป็นธีมเว้ย”

“ธีมอะไรของมึง”

“เทวดากับหมาวัด”

“ไอ้เหี้ย!”

ซันหัวเราะร่วน เขากดเล่นคลิปในโทรศัพท์ของเพื่อนรักแล้วก้มลงดู แต่จู่ๆ ก็เสือกหน้าแดง ตาเยิ้ม ยิ้มตามคนในคลิปขึ้นมาเสียอย่างนั้น

พอภูพิงค์เงยหน้าขึ้นจากแล็ปท็อป เขาก็ขมวดคิ้วพร้อมกับชะโงกหน้าไปดู “เป็นอะไรของมึง ทำหน้าแปลกๆ ดูผิดคลิปป่ะวะเนี่ย”

“มึงได้ดูคลิปนี้มาก่อนป่ะวะ”

“ดูสิวะ ก็นั่งดูกับพี่วิน”

“ไอ้เหี้ย แล้วมึงไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ ดูที่มึงกับพี่หมอคุยกันสิ แม่งยังกะจีบกันอยู่ แถมพี่หมอนั่งยิ้มตาเยิ้มไปเยิ้มมาขนาดนี้ กูเป็นผู้ชายยังต้องยอมรับเลยว่าพี่หมอแม่งมีของ”

“ของอะไรวะ กูกับพี่เขาก็คุยกันปกติมะ มึงเพี้ยนไปแล้วเหรอไอ้ซัน”

“ดูสายตาพี่หมอที่มองมึงดิ โอ้โห มึงทนได้ไงวะ”

“ทนไม่ได้แล้วจะให้ทำไรวะ ร้องไห้ให้พี่เขาหยุดยิ้มเหรอ” เด็กหนุ่มคว้าคอเสื้อเพื่อนรักมาดูรูปภาพในจอแล็ปท็อป ซึ่งเป็นภาพของรวินท์กำลังยืนคุยกับสาวๆ วิศวะรุ่นพี่ของพวกเขาในวันขึ้นดอยนั่นแหละ “ถ่างตาดู เวลาคุยกับคนอื่นก็ยิ้มแบบนี้มั้ยวะ แม่งออกมาชวนให้เข้าใจผิดได้ทุกรูป”

“เออ ก็จริงว่ะ โห... ผัวของแผ่นดินตัวจริง ใครได้เป็นแฟนคงระทมตายห่า” ซันโยนโทรศัพท์มือถือคืนให้ จากนั้นก็หันไปพิมพ์ข้อความสัมภาษณ์ลงในแล็ปท็อปของตน

ภูพิงค์หันขวับ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย รอโอกาสเพื่อนรักเผลอจึงค่อยกดเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของรวินท์

ตัวรวินท์เองไม่ค่อยได้โพสต์อะไร แต่มีคนแท็กชื่อเขาไว้มากมาย ถ่ายรูปกับใครก็ดูเป็นกันเองไปเสียหมดกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง มีรูปถ่ายกับลีดมหาวิทยาลัย โอบไหล่โอบเอวกัน แล้วยังมีหอมแก้มกันด้วย โอ้โห เขาควรจะแปลกใจมากกว่าที่แฟนพี่วินเพิ่งมาบอกเลิกตอนนี้

พี่ผู้หญิงคนนั้นคงต้องถึกทนโคตรๆ! ถ้าเขาต้องมีแฟนอย่างไอ้พี่วิน คงคบกันได้ไม่เกินวัน ก่อนจะตรอมใจตาย!

เด็กหนุ่มกลอกตาไปมา คิดไปคิดมา เขาว่าไอ้พี่วินคงเป็นคนประเภทที่อ่อยไปทั่วโดยไม่รู้ตัวล่ะมั้ง

“ไอ้ซัน หาคลิปพี่วินตอนเดินถือธงให้ดูหน่อยดิ”

ซันเงยหน้าขึ้นตอบ “คอมฯ มึงไม่มีกูเกิลรึไงวะ”

“หาเองก็ได้วะ เสิร์ชว่าไรดีอ่ะ พี่เขาถือธงปีไหน” พอได้คำตอบมา ภูพิงค์ก็ลองเสิร์ชดูในยูทูป ซึ่งมีคลิปขึ้นมาเป็นพรืด หลังจากกดดูผ่านๆ ไปได้ไม่กี่คลิปเขาก็กดปิดไป

ไอ้พี่วินตอนนั้นก็ดูดีอะแหละ เด่นและเตะตาโคตรๆ ขนาดใส่แค่ชุดนักศึกษานะนั่น แต่ตัวจริงดูดีกว่ามหาศาลในสายตาของเขา ท่าทางเวลาถูกสัมภาษณ์ก็เหมือนกับตอนที่เขาสัมภาษณ์เป๊ะๆ ยืนยิ้มส่งสายตาเยิ้มๆ ให้คนสัมภาษณ์และเล่นกล้อง ดูเป็นคนละคนกับคนที่นั่งเถียงกับเขาอย่างเอาเป็นเอาตายเลย

ซันชะโงกหน้ามองดูเพื่อนที่กำลังนั่งทำหน้าเครียด “ไอ้พิงค์ มึงนัดพี่เขาไว้กี่โมง จะสี่โมงแล้วนะเว้ย”

“เออ! ลืมไปเลย งั้นกูไปก่อนล่ะ”

“จะแรดไปค้างกับพี่เขาอีกเปล่าวะ”

“ไม่แล้วเว้ย วันนี้เพื่อนพี่เขากลับมาแล้ว” ภูพิงค์รวบเก็บของไปวางกองรวมกันไว้ จากนั้นก็รีบรุดเดินออกจากบ้าน แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป

พอไปถึงคลินิก ก็เห็นว่ารวินท์ออกมานั่งที่โซฟาในห้องรอตรวจแล้ว เขานั่งอยู่กับผู้หญิงสองคน คงจะเป็นคนไข้ กำลังคุยกันเรื่องอะไรไม่รู้ แต่ไอ้พี่วินน่ะทำสีหน้าและสายตาแบบในคลิปตอนที่เขาสัมภาษณ์เลย ส่วนผู้หญิงอีกสองคนน่ะเหรอ ยิ้มหน้าบานฟินกันสุดๆ นี่คงโดนพิษอ่อยของไอ้พี่วินไปแหงๆ สงสัยจะติดใจจนได้ทำฟันทั้งปากแน่นอน

ภูพิงค์นึกขำอยู่ในใจ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปข้างใน

รวินท์หันขวับไปทางคนอ่อนวัยกว่าทันที “รอแป๊บ ผมเสร็จงานแล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปบอกขอตัวกับคนไข้ เสร็จแล้วก็รีบเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พอกลับออกมาก็เดินไปบอกกับผู้ช่วยทันตแพทย์ที่กำลังเก็บของกันอยู่ “ผมกลับก่อนนะครับ อาทิตย์หน้าเจอกัน”

“ค่า หมอวินขับรถดีๆ นะคะ”

ระหว่างที่เดินไปยังลานจอดรถกัน เด็กหนุ่มก็พูดขึ้น “ที่จริงผมขี่มอไซค์ไปก็ได้นะ พี่จะได้ไม่ต้องกลับมาส่ง”

รวินท์ส่ายหน้าพลางยิ้มกว้าง “เฮ้ย ไม่ได้หรอก ผมขอให้คุณมาช่วยนะเว้ย แค่ขับกลับมาส่งแค่นี้ ทำไมจะทำไม่ได้”

ภูพิงค์หยุดกึก “แหมๆ หมดเวลางานแล้วเว้ยพี่ ปิดโหมดยิ้มอ่อยได้แล้ว”

“เอ้า ก็เผื่อได้ลูกค้าเพิ่มไง”

“ผมมีภูมิต้านทานเยอะ ไม่หลงกลพี่ง่ายๆ หรอกน่ะ”

“ไรว้า... แย่จัง”

“ไหนบอกให้ไปทำฟันที่คณะทันตะในมหาลัยไง” ภูพิงค์ถามพร้อมกับก้าวขึ้นไปนั่งในรถ

ทันตแพทย์หนุ่มก้าวขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้ “ก็อยากเห็นหน้าคุณตอนกำลังจะโดนฉีดยาชา กับตอนจะโดนผ่าฟันออกไปไง”

“โห... ร้าย... ร้ายกาจ”

“แล้วเป็นไงบ้าง ไม่ปวดฟันแล้วใช่ป่ะ”

“ไม่แล้วๆ เมื่อตอนกลางวันกินเนื้อเค็มได้สบายๆ เออ ผมเอารูปพี่ที่จะลงในเพจใส่มือถือไว้แล้ว เดี๋ยวพี่ดูของเสร็จจะเอาให้ดู”

“โอเค ขอบใจนะ”


รถออดี้สปอร์ตเคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถของห้างขนาดใหญ่ จากนั้นสองหนุ่มก็พากันเดินไปยังแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าทันที

ภายในแผนกมีป้ายโปรโมชั่นแขวนเต็มไปหมด เสียงเพลงเปิดไว้ดังกระหึ่มแบบเรียกลูกค้าสุดๆ เด็กหนุ่มจึงชี้ให้คนที่มาด้วยกันดู

“โชคดีแฮะพี่ มาช่วงมีโปรฯ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผมว่าราคากำลังดีเลย เราไปดูตู้เย็นกันก่อนเนอะ แอร์คงต้องเลือกนานหน่อยอ่ะ”

“โอเค”

รวินท์ใช้เวลาในการตัดสินใจเลือกตู้เย็นไม่นานนัก พอเจอถูกใจก็ตกลงซื้อทันที เขาอยากจะมีเวลาไปเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศนานๆ หน่อยด้วย

สำหรับเครื่องปรับอากาศเขาก็โทรศัพท์ไปถามเรื่องพื้นที่และค่าใช้จ่ายสำหรับที่จะติดเครื่องปรับอากาศในหอพักแพทย์มาเรียบร้อย เรียกว่าวันนี้พร้อมเสียเงินเต็มที่

“ผมคงติดแอร์ในห้องนอนก่อน ติดทีเดียวสองห้องเลยแม่งแพง อย่างน้อยๆ เวลากลับจากทำงานเหนื่อยๆ ก็ขอนอนสบายๆ ตอนกลางคืนหน่อยเหอะ”

“ผมก็ว่างั้นนะพี่ ข้างนอกห้องพี่จะได้ใช้เวลาอยู่นานๆ ก็เฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้น แต่พี่ก็มาทำคลินิกที่นี่อีก” ภูพิงค์ชี้ไปที่เครื่องปรับอากาศหลายๆ รุ่น แล้วอธิบายไปเรื่อยๆ เผื่อเอาไว้ถ้าอีกฝ่ายจะมาซื้อสำหรับติดห้องนั่งเล่นทีหลัง หลังจากบรรยายอยู่นานก็สรุปให้เสร็จ “สำหรับห้องนอนเอาแบบเงียบๆ หน่อยดีกว่า บ้านผมใช้ยี่ห้อนี้นะ ผมว่าทนดี เดี๋ยวเรียกพนักงานมาคุยก่อน”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก พวกเขายืนคุยกับพนักงานอีกพักใหญ่ ในที่สุดรวินท์ก็ตกลงใจซื้อตามที่เด็กหนุ่มแนะนำ เขายิ้มหน้าบาน

“ซื้อแอร์รุ่นนี้ ช่วงนี้แถมเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วยนะครับ”

“ฮะ! แถมเลยเหรอ”

“ให้ติดตั้งพร้อมกันเลยมั้ยครับ”

รวินท์เบิกตากว้าง หมายความว่าเขาจะไม่ต้องทนอาบน้ำเย็นอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย

“เอาครับ! ให้ฟรีจริงๆ น่ะเหรอ”

ภูพิงค์ขยับไปกระซิบ “พี่วิน หุบหน้าลงหน่อย อายเขา มันเป็นโปรโมชั่นพี่ ไม่ต้องตื่นเต้นเว่อร์ๆ”

“ก็ผมไม่เคยรู้มาก่อนนี่หว่า”

หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยตกลงกับพนักงานขายเรื่องการนำสินค้าไปส่งและติดตั้งให้ เสร็จแล้วก็เดินตัวปลิวปริ่มสุขออกมาจากแผนก

“ขอบใจนะพิงค์ เพราะคุณแท้ๆ ผมประหยัดเงินไปได้เยอะเลยอะ”

“จริงๆ แค่พี่ไม่ซื้อตู้เย็นกดน้ำแข็งได้แบบที่จะซื้อตอนแรก พี่ก็ประหยัดไปได้มหาศาลแล้วแหละ”

“ไปหามื้อเย็นกินกันดีกว่า”

“พี่เลือกละกัน ผมกินไรก็ได้”

“งั้นกินอาหารญี่ปุ่นกัน”

เมื่อสองหนุ่มมานั่งในร้านอาหารและสั่งอาหารแล้ว ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ภูพิงค์ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรูป แล้วส่งให้อีกฝ่ายดู

“รูปที่จะลงเพจมีสิบห้ารูป เพื่อนผมมันว่าคัดมาเน้นๆ แล้ว จะตัดออกอีกก็เสียดาย เลยจะลงแม่งหมดสิบห้ารูปเลย”

รวินท์ก้มหน้าลงมองรูปไปเรื่อยๆ ซึ่งรูปส่วนใหญ่ก็เป็นรูปเขากับเด็กหนุ่ม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร “ลงรูปแล้วโทรมาบอกผมด้วยนะ จะได้เข้าไปดูเรตติ้ง”

“เดี๋ยวเมสเสจไปพี่”

“ผมไม่ได้เช็กบ่อยๆ อ่ะ ที่จริงโทรศัพท์ก็ไม่ค่อยมีเวลารับ แต่ถ้าเป็นคุณโทรมาจะพยายามรับสายนะ” ทันตแพทย์หนุ่มกดปิดอัลบั้มรูปแล้วเปิดแผงโทรศัพท์ขึ้นมา ตามด้วยกดหมายเลขโทรศัพท์ของตนเองลงไป

“พี่ทำไรอ่ะ”

“เมมเบอร์ไง”

“โห แจกเบอร์กันแบบนี้เลยเหรอ ไม่ถามผมก่อนเหรอว่าอยากได้มั้ยอะ”

“ไม่อยากได้ก็เรื่องของคุณเว้ย ผมเมมไว้แล้ว” รวินท์จัดการโทรศัพท์เข้าเครื่องตัวเองด้วย พอส่งโทรศัพท์คืนเด็กหนุ่มก็หยิบของตัวเองขึ้นมาบันทึกหมายเลขโทรศัพท์อีกฝ่ายไว้

ภูพิงค์ยิ้มกริ่ม “ผมเอาเบอร์พี่ไปขายดีกว่า”

“เอาสิ ผมจะได้เอาเบอร์คุณไปโพสต์ในเพจหาคู่บ้าง”

“โห ไม่ต้องหวังดีขนาดนั้นก็ได้ ผมอยากจะคงความโสดไว้ให้ผู้หญิงทั้งโลกเสียใจอ่ะ”

“อือ ผมว่าพวกผู้หญิงคงเต็มใจเสียใจไปอีกนานๆ เลยแหละ”

ระหว่างที่พูดคุยกันไป พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟให้ เป็นอันยุติการปะทะคารมกันชั่วครู่ พออิ่มแล้ว รวินท์ก็ชวนเด็กหนุ่มให้ไปเดินซื้อของกันในซูเปอร์มาร์เกตต่อ

“พี่เลี้ยงผมอีกแล้วอ่ะ วันนี้พี่อยู่ในอารมณ์อยากเสียเงินมากเลยสินะ”

“ปากว่างแล้วไม่ต้องเห่าตลอดก็ได้ พูดแค่ขอบคุณก็พอเว้ย”

“ขอบคุณคร้าบ~ แล้วนี่อยากได้อะไรอีก เมื่อวานก็ซื้อไปตั้งเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ว่าจะซื้อขนมกับพวกซอสที่ใช้ปรุงใช้จิ้มอะไรแบบนี้อ่ะ ร้อนวิชา ผมกะว่าพรุ่งนี้จะตื่นมาลองทำข้าวไข่ดาวแต่เช้าเลย”

“ก็ดีนะพี่ ทำง่ายๆ บื้อดักดานแค่ไหนก็รอด”

รวินท์ขมวดคิ้ว “หมายความว่าไงวะ”

“ลองทำแล้วอย่าลืมเอามาอวดผมนะ” คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะร่วน

หลังจากซื้อของเสร็จ เบาะหลังในรถของรวินท์ก็แทบจะไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว เขาก็ได้แต่หวังว่าไอ้เต้จะไม่ได้หอบอะไรมาจากกรุงเทพฯ มากนัก

ทันตแพทย์หนุ่มขับรถกลับไปส่งภูพิงค์ที่ในที่จอดรถของคลินิก เขาจอดรถติดเครื่องค้างไว้ ขณะลงมาส่งเด็กหนุ่มขึ้นมอเตอร์ไซค์

“ขอบใจมากนะพิงค์ แล้วอย่าลืมไป...”

“คณะทันตะ ผมรู้แล้วน่า!”

“รีบๆ ไปผ่าซะ เกิดปวดขึ้นมาตอนช่วงสอบจะแย่นะเว้ย”

“อย่าแช่งดิพี่” ภูพิงค์ยิ้มกว้างพลางโบกมือลา “ผมไปแล้ว ถ้ามีปัญหากับเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกนี้ ก็โทรมาถามผมละกัน”

“อือ”

รวินท์ยืนพิงรถของเขา มองดูเด็กหนุ่มขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไป เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกลับขึ้นไปนั่งบนรถอีกครั้ง แล้วขับไปยังสนามบินเชียงใหม่


“เย้ย! ขนซื้ออะไรมาเต็มรถเลยวะ” เตชิดถึงกับเหงื่อตกเมื่อเดินมาถึงรถในที่จอดรถ เขาหันขวับไปทางเจ้าของรถ “มึงเพี้ยนอะไรขึ้นมา หรือที่จริงไอ้เด็กนั่นมันเป็นเซลล์ขายตรงกันแน่วะ!”

“ไอ้เหี้ย ไม่ต้องตกใจเวอร์ นี่ของกูซื้อเอง เอาไว้ใช้ในครัวเว้ย แล้วมึงคิดว่าหน้าอย่างไอ้น้องพิงค์มันจะเป็นเซลล์ขายอะไรใครได้เหรอ มีแต่เขาจะกลัวเปิดตูดหนีไปหมดป่ะวะ ไปๆ ขึ้นรถ ดีนะมึงเอาเป้มาแค่ใบเดียวเนี่ย”

เตชิดก้าวขึ้นไปนั่งในรถพลางหันไปมองด้านหลังอย่างงงๆ อีกรอบ “ชอปปิ้งมันส์ไหมล่ะมึง”

รวินท์เคลื่อนรถออกไปช้าๆ “ไอ้ตอนเลือกของก็มันส์อยู่ แต่ตอนจ่ายนี่โคตรตกใจ แม่ง... ทำไมไม่เคยมีใครบอกกูเลยว่ารายได้กับรายจ่ายมันจะโคตรไม่บาลานซ์ขนาดนี้”

“ปกติชนเขาก็รู้กันมั้ยมึง”

“งั้นตอนนี้กูก็เป็นปกติชนแล้วเว้ย” ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ “แล้ว... ป๊ากับน้องมึงเป็นไง”

“ก็ยังน่าห่วงอะมึง ไอ้เจ็บที่ตัวไม่เท่าไหร่ แต่สภาพจิตใจไม่ค่อยดี ยังต้องนอนโรงบาลต่ออีกสักพักนึงอะ แม่กูเทียวไปเทียวมา บ้าน ที่ทำงาน โรงบาล จนโทรมไปเลย เสาร์อาทิตย์หน้ากูก็ต้องลงไปกรุงเทพฯ อีก ไปช่วยเฝ้าพ่อกับน้อง”

“อืม ดีแล้วที่มึงไป ถึงป๊ากับน้องต้องนอนโรงบาลนาน แต่อย่างน้อยก็ปลอดภัยเว้ย อย่าคิดมากล่ะ เดี๋ยวมึงจะป่วยไปอีกคน” รวินท์พูดพลางเอื้อมมือไปตบลงบนตักเพื่อนรักเบาๆ พวกเขานั่งคุยกันไปไม่ทันไรรถก็เคลื่อนเข้าเขตโรงพยาบาลในจังหวัดลำพูนแล้ว จากนั้นสองหนุ่มก็ต้องช่วยกันขนของขึ้นห้องรวินท์กันต่ออีกหลายรอบ

“ให้กูช่วยจัดของป่ะวะ”

“ไม่ต้องเว้ย มึงมาเหนื่อยๆ ไปนอนไป”

“แต่ของมึงเยอะมากนะเว้ย”

“เออน่ะ กูจะได้รู้ว่ากูเก็บอะไรไว้ที่ไหน” รวินท์ทำมือไล่เพื่อนรักออกจากห้องไป ส่วนตัวเขานั่งลงแกะกล่องกระทะที่ซื้อมาออกดูอย่างตื่นเต้น

“งั้นกูไปนะ”

เจ้าของห้องเงยหน้าขึ้น “โว้ย ยังยืนทำหน้าโง่อยู่อีก ไปได้แล้วไป๊!”

พออีกฝ่ายเดินออกจากห้องไป เขาก็ลุกไปล็อกกลอนประตูกันมันกลับเข้ามาใหม่ จากนั้นจึงนั่งลงที่เดิมเพื่อแกะกล่องของที่ซื้อมาต่อ เขานำหม้อหุงข้าวและกระทะไฟฟ้าไปจัดไว้ในครัว เอาจานชามออกมาล้างก่อนจะจัดวางไว้ในตู้เหนืออ่างล้างจาน ตามด้วยจัดอาหารแห้ง น้ำมัน ซอสต่างๆ และข้าวสารที่มาใส่ตู้ที่ว่าง เขาเปิดประตูตู้คาไว้ ถอยหลังออกไปยืนมองห้องครัวของตนแล้วยิ้มเหมือนคนบ้า

จริงของไอ้น้องพิงค์ ครัวของเขาเริ่มดูเหมือนมีคนอยู่ขึ้นมาบ้างแล้ว

“แบบนี้ค่อยดูเป็นบ้านขึ้นมาอีกหน่อย” เขาเดินวนมองไปรอบๆ ห้องครัวพลางมองหาว่าจะวางตู้เย็นที่ซื้อมาไว้ตรงไหนดี “กูนี่จะขี้เห่อไปไหนวะเนี่ย”

เมื่อหันไปมองนาฬิกาจึงเห็นว่าเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เขาจึงรีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ลืมที่จะตั้งนาฬิกาปลุกแล้วก็เข้านอน


เมื่อดวงอาทิตย์สาดแสงเข้ามาแยงลูกตาในห้องนอนที่ไม่มีผ้าม่าน ซึ่งเจ้าของห้องก็ไม่เคยจะเอะใจว่าหน้าต่างห้องเขามันโล่งกว่าห้องคนอื่น รวินท์ลุกขึ้นนั่งพลางสะบัดหน้าไปมา จากนั้นจึงเดินโซเซไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเดินเข้าห้องครัวไปอย่างอารมณ์ดี

ประตูตู้ยังคงเปิดอ้าซ่าค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เหตุก็เพราะรวินท์รู้สึกดีที่เห็นมันเต็ม รู้สึกเหมือนห้องครัวมีสีสัน สมกับที่มีสิ่งมีชีวิตสิงอยู่

ขณะที่กำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างหน้ากระทะไฟฟ้า เสียงเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องก็ดังขึ้น ทันตแพทย์หนุ่มจึงเดินออกไปดู

คนที่ยืนอยู่หน้าห้องเป็นหญิงวัยกลางคน เธอเป็นหนึ่งในแม่บ้านสามคนประจำตึกหอพักซึ่งพวกหมอๆ เหมาจ้างรวมไว้ทำความสะอาดและดูแลซักผ้ารีดผ้าให้ หากปกติพวกเธอจะเข้ามาทำความสะอาดเมื่อบรรดาหมอออกไปทำงานกันแล้ว

“สวัสดีครับป้าพิม ทำไมวันนี้มาเช้าจัง”

“ขอโทษทีค่ะหมอวิน คือวันนี้ป้าจะขอกลับเร็วสักหน่อย ลูกชายมาเยี่ยมนะค่ะ ถ้าหมอไม่ว่าอะไรป้าก็จะขอเก็บกวาดห้องหมอแล้วเอาผ้าลงไปส่งซักก่อน”

“ได้ครับ เข้ามาเลย” รวินท์ยิ้มรับ เขาเปิดประตูกว้างให้ป้าพิม ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว

ป้าพิมถือไม้กวาดเดินงุดๆ เข้ามาในห้องแล้วเริ่มงานของเธอทันที ขณะที่กวาดๆ ไปก็หันไปเห็นห้องครัวของทันตแพทย์หนุ่ม เธอเลิกคิ้วขึ้น “โอ้โห! หมอวินซื้อของเข้าครัวแล้ว! เต็มไปหมดเลย!”

เจ้าของห้องหันขวับ พอเห็นท่าทางป้าพิมซึ่งดูจะตื่นเต้นดีใจกว่าเขาเสียอีกก็หัวเราะออกมาอย่างเขินๆ “เจ๋งไปเลยใช่มั้ยครับป้าพิม นี่ผมกำลังจะทอดไข่ เมื่อกี้หุงข้าวไว้แล้ว”

หญิงวัยกลางคนเดินเข้าไปดูพลางยิ้มกว้าง “ป้าเห็นแล้วดีใจ ตอนแรกเห็นห้องหมอโล่งๆ นึกว่าหมอจะอยู่ที่นี่กับพวกเราไม่นานซะแล้ว”

รวินท์นิ่งอึ้ง ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ

“หมอจะทอดไข่อะไรเนี่ย”

“ไข่ดาวครับ จริงๆ ก็อยากกินไข่เจียวแหละ แต่ยังไม่กล้า”

ป้าพิมหัวเราะลั่น “ไม่กล้าอะไร มาๆ เดี๋ยวป้าสอน” เธอหันไปล้างมือ หยิบไข่มากับชามแล้วส่งให้ “เอ้า หมอตอกไข่”

ทันตแพทย์หนุ่มตอกไข่อย่างงกๆ เงิ่นๆ ไข่แดงแตกด้วย แต่ไม่เป็นไร ไหนๆ ก็จะทำไข่เจียวแล้ว พอตอกเสร็จป้าพิมก็ส่งส้อมให้ตี

“เอาซีอิ้วขาวกับพริกไทยใส่สักหน่อย จะได้มีรสชาติ อย่าใส่เยอะล่ะหมอ เดี๋ยวไข่เค็ม” เธอช่วยควบคุมปริมาณซีอิ้วให้พ่อครัวมือใหม่สักหน่อย พออีกฝ่ายเริ่มตีไข่ เธอก็ชี้ไปที่กระทะ “เทน้ำมันใส่กระทะ ถ้าอยากได้ไข่ฟูๆ ก็ต้องน้ำมันเยอะหน่อย รอให้กระทะร้อนจัดๆ ก่อนค่อยใส่ไข่นะ”

รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก ทำตามที่เธอสอนอย่างรวดเร็ว

ไม่นานไข่เจียวก็ลงไปนอนพองฟูอยู่ในกระทะ ชายหนุ่มกระดี๊กระด๊าออกนอกหน้า จนป้าพิมรู้สึกเอ็นดู

“หมอไม่เคยทำเองเลยสินะ นี่ ตู้เนี่ย หมอจะเปิดคาไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอกนา เดี๋ยวตัวอะไรเข้าไปกินของข้างในหมด”

“อ๋า ครับ” ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปปิดประตูตู้ทันที จากนั้นก็หันไปอวดป้าพิม “ผมซื้อตู้เย็นแล้วด้วยนะ เดี๋ยวเขาจะเอามาส่งวันพุธ”

“ดีค่า” ป้าพิมยิ้มกว้าง “หมอควรจะแบ่งถังขยะด้วยนะ ถังขยะไว้ทิ้งพวกเศษอาหารที่เหลือในครัวเนี่ย พวกพลาสติกก็ทิ้งอีกถัง เอ้า กลับไข่ได้แล้วค่ะ แล้วก็ปิดไฟให้ดี กินให้อร่อยนะ ป้าไปกวาดห้องต่อก่อน”

“ครับ ขอบคุณครับ เออ ป้าพิมครับ ช่วยผมติดต่อร้านแก๊สให้ผมที ผมจะให้เขามาเอาถังแก๊สกลับอ่ะครับ”

“ได้ค่า เดี๋ยวป้าจัดการให้นะ”

รวินท์ตักไข่เจียวฟองแรกในชีวิตใส่ลงในจาน ปิดไฟและกดสวิตช์ปิดปลั๊กไฟตามที่ภูพิงค์เคยสอน กลิ่นข้าวสุกหอมกรุ่น ให้ทันตแพทย์หนุ่มสูดเข้าปอดแบบฟินๆ เขารีบตักข้าวใส่จานแล้วเขี่ยไข่เจียวมาโปะ ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปไว้อวดชาวโลกสักหน่อยด้วย จากนั้นจึงคว้าขวดซอสพริกเตรียมจะไปนั่งกินมื้อเช้าแบบมนุษย์ปุถุชนทั่วไป

อาห์ วันนี้รู้สึกไฮโซกว่าปกติ

แต่พอเดินออกจากครัวไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักกับพื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้า

เพราะว่า... เขาไม่มีโต๊ะ

“ทำไมกูโง่ขนาดนี้วะเนี่ย!” รวินท์อยากจะร้องไห้ให้กับความบื้อของตัวเอง เขาอยู่หอพักนี้มาก็นานพอสมควรแล้วนะ แต่เสือกเพิ่งเอะใจว่าตัวเองไม่มีโต๊ะ เพราะปกติมื้อเช้าก็เคยกินแต่ขนมปังเซเว่น กินไปเดินไปแล้วก็ไปอาศัยกาแฟที่ทำงานเอา ส่วนมื้อเย็นถ้าไม่ออกไปกินข้างนอกก็กินแต่บะหมี่สำเร็จรูปโดยที่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนพื้น

แต่จะเสกมาตอนนี้ก็คงไม่ได้ ทันตแพทย์หนุ่มจึงเดินดุ่มๆ ไปนั่งกินข้าวบนที่นอนพับได้ที่ปูไว้บนพื้นในห้องนั่งเล่น กินไปมองป้าพิมถูพื้นห้องไปอย่างคล่องแคล่ว ก่อนเธอจะยกตะกร้าผ้าของเขาออกจากห้องไป

“กินเสร็จแล้วก็วางไว้ในอ่างนะคะ เดี๋ยวป้ามาล้างให้ จะมาล้างห้องน้ำด้วย”

“ครับ ขอบคุณครับ”

แม่บ้านทั้งสามคนของหอพักชื่อป้าพิม ป้าไข่และป้าสร้อย เป็นผู้ถูกคัดเลือกให้ดูแลความเป็นอยู่ของบรรดาหมอๆ ในหอพัก มีการทำสัญญาจากโรงพยาบาลและหักเงินจากพวกหมอๆ ไว้จ่ายเงินให้เป็นรายเดือนไป พวกเธอจะมาทำงานตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ดูแลให้ทุกอย่าง ซึ่งก็ถือว่าสะดวกดีโดยเฉพาะกับแพทย์ที่ทำงานอยู่เวรกันหนักๆ

ทันตแพทย์หนุ่มมักจะพบเจอพวกเธออยู่บ่อยๆ เวลาเดินเข้าออกตึก แต่นอกจากทักทายกันสั้นๆ แล้วก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกันอีก นี่เป็นครั้งแรกที่ป้าพิมพูดคุยกับเขามากกว่าสองประโยค และก็ทำให้รู้ถึงสิ่งที่คนอื่นคิด เมื่อมองมาที่ตัวเขา

ก่อนหน้าเขาไม่เคยใส่ใจสิ่งรอบตัวเลยจริงๆ เสียด้วย จนดูเหมือนไม่คิดจะอยู่ที่นี่เลยด้วยซ้ำ ทั้งที่ความจริงก็อยู่มาตั้งหลายเดือนแล้ว

“เอาเหอะ ไม่มีโต๊ะ แต่ก็ยังมีกระทะกับหม้อหุงข้าว แล้วตู้เย็น แอร์ กับเครื่องทำน้ำร้อนกำลังจะตามมาอีก ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีน่ะแหละ”

รวินท์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูภาพข้าวไข่เจียวของตน เขาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก แท็กทุกคนในครอบครัว เตชิด แล้วก็ไม่ลืมที่จะแท็กภูพิงค์ ซึ่งเป็นคนที่ช่วยเลือกซื้อเตาไฟฟ้าให้ด้วย จากนั้นก็เดินเอาจานข้าวไปวางไว้ในอ่างล้างจาน พอแต่งตัวเสร็จก็เดินออกจากหอพักไปยังโรงพยาบาลตามปกติ


*TBC*


แอ๊ดเฟซกันแล้ว แลกเบอร์กันแล้ว งานนี้น้องพิงค์ไม่รอดมือพี่หมอ หรือพี่หมอไม่รอดมือน้องแน่ๆ 55555555

แต่น้องพิงค์เห็นไข่(เจียว)พี่หมอแล้วจะปลื้มมั้ยนะ  :hao3:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ จุ๊ฟๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-11-2017 21:15:29
ตายๆๆๆๆๆ เห็นแบบนี้อยากจะไปช่วยพี่หมอกลับไข่(เจียว)เลย สามีแห่งชาติ ดีต่อใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 04-11-2017 21:17:10
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ พลาดๆๆ แต่ก็อ่านทันละ สนุกมากๆ เลย ชอบทั้งสองคนจังดูลงตัวแบบแปลกๆ 5555 เชียร์ให้หนูพิงค์รับคับ แล้วเมื่อไหร่หนูจะโกนหนวดซะที :z2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-11-2017 21:18:49
เมื่อไหร่จะหลงซึ่งกันและกันซักที ตัวติดกันขนาดนี้แล้ว
ใครจะรุ้สึกตัวก่อนนะ ลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 04-11-2017 21:26:49
อยากกินข้าวไข่เจียวขึ้นมาเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 04-11-2017 21:29:58
ในห้องมีเกือบครบทุกอย่างแล้ว ขาดแต่คนรู้ใจนะเออพี่วิน o18
ไปชวนน้องพิงค์มาทอดไข่มา 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 04-11-2017 21:31:08
ขำจะบ้าตรงที่คนนึงจะเอาเบอร์ไปขาย อีกคนจะเอาไปลงเพจหาคู่  :m20: ไม่มียอมกันเล้ยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-11-2017 22:13:19
หมอวินน่ารักกก เหมือนเด็กเพิ่งหัดทำอะไรครั้งแรก ยิ้มขำตอนคิดภาพหมอวินยืนมองห้องครัว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 04-11-2017 22:30:28
น่ารักกกกกก
หมอผ้าม่านไหม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 04-11-2017 22:45:25
ป่ะค่ะพี่หมอ  อาทิตย์หน้าชวนพิงค์ไปซื้อโต๊ะกับผ้าม่านอีก   เเล้วนี่เค้าแท็กรูปไข่เจียวในเฟสกันเเล้ว  พวกกองเชียร์อย่ารอช้ารีบทำหน้าที่ด้วยค่ะรีบชงจะได้รีบดื่ม =____,=    ชอบคู่นี้อัพทุกวันก็ได้เราเเวะมารีเฟขบ่อยมากเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-11-2017 22:48:41
เอ็นดูพี่หมอเหลือเกิน ไข่เจียวมื้อแรกของชีวิตก็ต้องอัพอวดชาวโลกด้วย 5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-11-2017 23:46:43
น้องพิงค์ ไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 04-11-2017 23:48:51
ใครรุกใครับน๊ออออออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-11-2017 23:57:40
พิงค์ คิดได้ตรงเป๊ะเลย
ที่ว่าไอ้พี่วิน คุยกับใครก็ยิ้มตาเยิ้ม
เป็นคนที่อ่อยเรี่ยราด อ่อยแบบไม่รู้ตัว
เป็นคนเฟรนด์ลี่ นี่เอง
สงสัยพิงค์ต้องบอกพี่วินละมั้ง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-11-2017 00:08:49
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-11-2017 00:19:40
 o13

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 05-11-2017 00:22:41
เอ็นดูพี่อ่ะ มีความอวดอาหารทำเองครั้งแรก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 05-11-2017 00:47:05
พอทอดไข่ได้แล้ว ดีใจเป็นเด็กๆเลยนะหมออ
55555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-11-2017 00:57:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-11-2017 01:23:29
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 05-11-2017 03:17:14
รอตอนต่อไปจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-11-2017 10:34:10
วินเริ่มเรียนรู้และเข้าใจอะไรมากขึ้น ได้ภูพิงค์ช่วยมันดีแบบนี้เอง

ชอบโมเมนท์พิงค์วิน จะเหี้ยมจะหวานใส่กันยังไงก็ได้ คือคุ้นกันไวมาก
 
เต้ถึงกับตกใจ 5555 ผิดปกติของวินนอะเนาะ แต่ตอนนี้หยิบจับอะไรเป็นแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-11-2017 10:39:00
หิวอยากกินข้าวไข่เจียว รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-11-2017 10:43:59
พี่หมอเริ่มเป็นผู้เป็นคนแล้วดีจริงค่ะ เริ่มสนใจรอบข้างแบบนี้เป็นสัญญาณที่ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 05-11-2017 13:42:19
อ่านแล้วยิ้มมีความสุขจังเลย

มาต่อเร็วนะเราอยากให้ถึงฉากรุกรับเร็วๆจัง

ไม่หื่นเลยเน้ออยู่ในศิลในธรรมตลอดนะค่ะ :haun4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 05-11-2017 14:18:35
เข้าใจความรู้สึกของพี่หมอเลย มีความสุขตามพี่หมอไปด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 05-11-2017 17:17:52
โถ่ววววว เอ็นดูววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 05-11-2017 19:45:21
เอาอีกเอาอีกเอาอี๊ก :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-11-2017 19:53:21
“ไอ้วิน มึงนัดพี่เขาไว้กี่โมง จะสี่โมงแล้วนะเว้ย”////// ตรงนี้น่าจะเป็นภูพิงค์นะคะ

หมอวินน่าเอ็นดูจริง ๆ หัดไว้นะคะวันข้างหน้าจะได้เป็นเจ้าสาวของนายช่าง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-11-2017 22:06:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 06-11-2017 12:27:16
ตอนนี้เขาแลกเบอร์กันแล้วนะจ้ะ ถ้าเป็นน้องพิงค์จะพยายามรับสายด้วย เขิน
พี่หมอวินน่ารัก เป็นเด็กน้อยมากอ่ะ ขี้เห่อกับการจัดห้องมาก ตื่นเต้นดี๊ด๊าตอนทำกับข้าว
ให้ป้าพิมสอนทำกับข้าวก็น่ารัก แต่ถ้าเป็นน้องพิงค์มาสอนคงจะฟินยิ่งกว่านี้เนอะ  :-[
จะให้ดี ทำไปให้น้องกินด้วยสิคะพี่หมอ น้องคงปลื้มปริ่มน่าดูน้า
น่ารักมากเลย รอตอนต่อไปค่า  ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 06-11-2017 12:31:10
พี่หมอน่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-11-2017 11:12:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 07-11-2017 12:36:55
วันนี้จะมาไหมน้า :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-11-2017 19:42:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 08-11-2017 08:43:41
เอ็นดูพี่หมอจังเลย น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 08-11-2017 08:50:45
รอพี่หมอกับน้องพิงนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-11-2017 11:33:06
พี่หมอน่ารักขึ้นทุกตอนเลย ชอบความคุยกับใครแล้วยิ้มอ่อยเขาไปทั่ว คราวหน้าพิงค์ต้องมาสังเกตต่อหน้าแล้ว ว่าอ่อยแบบนี้ได้ผลไหม  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 08-11-2017 20:43:10
เป็นแฟนอ่านเรื่องที่คุณเขียนมาทุกเรื่องค่ะ
ชอบภาษามากๆ เนื้อเรื่องก็ดีงาม
คิดถึงและรออ่านอยู่เสมอนะค่ะ
สัญญาว่าจะติดตามตลอดไปนะค่ะ
ห้ามเลิกเขียนเด็ดขาด^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 08-11-2017 22:58:17
อ่านทีเดียว 10 ตอนรวด
เดาว่าพี่หมอเป็นพระเอกแน่ๆ
มโนส่วนตัว
น้องพิงค์ก็น่ารัก
รอติดตามนะค่ะ
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 09-11-2017 14:35:55
 o13 สนุกมากจ้า คุณหมอจากไม่เคยสนใจสิ่งรอบข้างก็เริ่มเรียนรู้แล้ว เพราะน้องพิงค์คนแมน  :katai2-1:
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-11-2017 22:21:10
พิงค์สอนพี่เค้าทำอะไรหลายๆอย่างเลยนะ จะได้อยู่ใกล้ๆกันบ่อยๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 10-11-2017 02:50:35
ทำไข่เจียวเป็นแล้วววว เราหิววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 10 : ห้องที่เริ่มเป็นห้อง][041117]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 10-11-2017 13:25:47


Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ


รถมอเตอร์ไซค์แบบบิ๊กไบค์สี่คันเคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถ ก่อนเด็กหนุ่มหนึ่งในสี่เจ้าของรถจะก้มหน้าก้มตาเดินฉับๆ ตรงไปยังตึกเรียน

“ไอ้พิงค์ๆ”

“อะไรวะ เร็วๆ เข้ามึง จะสายแล้ว”

“มึงว่ามีคนจ้องมาที่มึงเยอะผิดปกติมั้ยวะ”

ภูพิงค์หันไปยักคิ้วให้เพื่อนรัก “เขาก็มองคนหล่อกัน ผิดตรงไหน”

“เออ กูไม่สงสัยแล้วก็ได้ ฟังมึงตอบแล้วจะอ้วก” ขิงไม่เพียงแค่พูด แต่ทำท่าประกอบด้วย

“โดนไอ้ดิวทำท้องเหรอ กูบอกแล้วให้แดกยาคุม”

“ไอ้เหี้ยพิงค์! มึงจะไม่กวนส้นตีนสักห้านาทีเนี่ย ตายห่ามั้ยวะ”

เจ้าของชื่อเรียกหัวเราะ ระหว่างที่สาวเท้าออกไป ครั้งนี้ตัวเขาก็เริ่มสังเกตเห็นบ้างละ พวกรุ่นน้องผู้หญิงมองมาแล้วอมยิ้ม รุ่นพี่ก็ยักคิ้วให้แบบแปลกๆ

เกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ย

เด็กหนุ่มหยุดกึกพลางก้มลงมองเป้ากางเกงก่อนเป็นอย่างแรก “ซิปก็รูดดีนี่หว่า”

ไม่นานก็มีคนใจดีเดินมาเฉลยให้ ซึ่งก็คือหนึ่งในรุ่นพี่สโมฯ นั่นเอง

“เฮ้ย ไอ้พิงค์ แหม เสน่ห์แรงเนอะ อย่าลืมเข้าเฟซไปกดไลค์ให้เขาล่ะ” รุ่นพี่สโมฯ ปีสี่เดินมาตบไหล่เด็กหนุ่มหนักๆ รีบสั่งแล้วรีบสะบัดตูดไปเรียน “เฮียอ่านสัมฯ กับดูคลิปของมึงแล้วนะ เดี๋ยวเลิกเรียนพุ่งมาห้องประชุมสโมฯ ด่วนๆ”

“ไลค์อะไรในเฟซวะ” ภูพิงค์เปรยอย่างงงๆ

“ขึ้นห้องก่อนเถอะมึง เดี๋ยวสายจารย์ล็อกห้องเว้ย”

สี่หนุ่มวิ่งพรวดๆ ขึ้นบันไดตรงไปยังห้องเล็กเชอร์ พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ได้รับการต้อนรับเป็นเสียงโห่สลับผิวปากวี้ดวิ้ว

ภูพิงค์ชักเสียวสันหลังชอบกล แต่ขอให้ได้ด่าไว้ก่อน “พ่อพวกมึงเป็นพญาครุฑเรอะ!” เด็กหนุ่มนั่งลงแล้วคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูในเฟซบุ๊กทันที และสิ่งแรกที่เขาเห็นบนไทม์ไลน์ก็คือข้าวไข่เจียว

“พวกมึงอยากแดกนักก็รอเที่ยงมะ!” เขาหันไปตวาดใส่เพื่อนพ้องในห้อง

“แหม มันก็คงไม่น่ากินเหมือนไข่พี่เขาป่ะว้า~”

“พี่?” ภูพิงค์ก้มหน้าลงมองในจอโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง “ไอ้พี่วินทอดไข่เจียวมาอวด แค่เนี้ยะ”

“ไข่รูปหัวใจด้วยนะมึง~” เสียงแซวจากเพื่อนสาวในห้องดังแว่ว เป็นผลให้คนถูกแซวต้องก้มลงมองไข่อีกครั้ง

“มันเป็นรูปหัวใจตรงไหนวะ!”

“มึงต้องใช้จินตนาการหน่อยสิวะ นี่พี่เขาคงบอกมึงแบบอ้อมๆ”

กูว่าไม่ใช่... ถ้าพี่วินจะบอกอะไรกู ไข่นี่คงเป็นรูปตีนมากกว่า

ภูพิงค์อยากจะร้องไห้กับความเพ้อเจ้อของเพื่อนๆ ไอ้พี่วินก็แค่โพสต์รูปเฉยๆ แถมยังแท็กตั้งหลายคน ไอ้พวกเวรมันจะเจาะจงว่าส่งหัวใจให้เขาเนี่ยนะ จินตนาการระดับพระกาฬเกินไปแล้วโว้ย

โชคดีที่เด็กหนุ่มไม่ต้องลุกขึ้นเถียงให้เปลืองพลัง เนื่องจากอาจารย์ผู้สอนเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องแล้วเริ่มต้นการสอนทันที เสียงดังฮือฮาอื้ออึงจึงเงียบกริบไป ช่วยให้เขาได้หายใจหายคอคล่องขึ้น


เมื่อถึงเวลาพัก ภูพิงค์ยังเก็บของไม่ทันเสร็จ ไอ้ซันเพื่อนรักก็เข้ามาลากเขาออกไป พร้อมกับสั่งเพื่อนที่เหลือว่าให้เก็บของออกไปให้ด้วย

“ไอ้ซัน! มึงจะรีบไปไหนวะ สโมฯ ไม่ใช่พ่องส์นะ”

“ก็กูหิวอะ รีบไปคุยแล้วจะได้รีบไปแดก”

จะว่าไปไอ้เพื่อนรักก็มีเหตุผล คราวนี้เขาออกตัววิ่งล้ำหน้ามันไปอีก “เร็วโว้ย~”

แต่ผิดคาดไปนิด เมื่อไปถึงห้องประชุมสโมฯ วันนี้รุ่นพี่ใจดีซื้อข้าวไว้เลี้ยงพวกเขาด้วย ถึงภูพิงค์จะคิดว่ามันแปลกๆ ชอบกลก็เถอะ แต่ด้วยความหิวเขาจึงจ้วงใส่ปากไปเรื่อยๆ

“เอาล่ะ ไอ้พิงค์ เรามาคุยเรื่องสำคัญกัน กินไปฟังไปละกันนะ คือว่า ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะเอาคลิปที่มึงอัดมาลงเพจด้วย”

เด็กหนุ่มพ่นข้าวพรวดออกจากปาก “เย้ย ไหงงี้ล่ะพี่! รูปก็ตั้งเยอะแล้วป่ะวะ พี่วินเขาก็ยอมให้ลงรูปก็น่าจะพอแล้ว จะลงคลิปไปหานรกสวรรค์ทำไมอีกอะ”

“เฮ้ย คลิปมันเป็นหลักฐานว่าพี่เขาพูดจริงป่ะวะ ไอ้เขียนนี่ ใครๆ ก็เขียนได้ พี่เขาอุตส่าห์พูดไว้ดีขนาดนี้เลยนะเว้ย”

ภูพิงค์อึกอัก “แต่พี่วินเขาบอกไม่อยากให้ลงคลิปนะพี่”

“แน่ะๆ พี่วิน~ พี่วินอย่างนั้นพี่วินอย่างนี้ สนิทกันเว้ยเฮ้ย” ทีมลูกไล่นายกสโมฯ ผิวปากวี้ดวิ้ว

“สนิทกะผี แค่รู้จักกันเว้ย!”

“อย่าไปเชื่อมันพี่ มันไปค้างกับพี่เขามาตั้งสองคืนติด”

ภูพิงค์หันไปชี้หน้าไอ้เพื่อนตัวดี “ไอ้ซัน! ไอ้... ไอ้... แม่งเย...” หากยังไม่ทันด่าออกไป เขาก็ถูกรุ่นพี่เอามือบีบปากไว้ก่อน

“ขอเชิญไอ้ต่าย ตากล้องสโมฯ ผู้มีประสบกามขึ้นแถลงครับ” รองนายกสโมฯ เอ่ยขึ้นพลางผายมือออกไป

“คือว่านะไอ้พิงค์ มึงก็เห็นว่าสาวๆ เขาชอบรูปมึงกับพี่หมอมากแค่ไหน แต่คลิปเนี้ยะ จะสร้างปรากฏกามคู่จิ้นให้ถล่มทลายยิ่งขึ้น เพราะองค์ประกอบสุดจะเวิร์ค ทั้งแสงสีและเสียง แถมพวกมึงยังนั่งชิดกันคุยกันมุ้งมิ้งอยู่สองคน ถือเป็น material ระดับ A++” รุ่นพี่ตากล้องกระแอมเบาๆ “ผลจากการวิจัยตอนเดินตลาดหน้ามหาลัยสรุปว่า เมื่อคนรู้จักมึงเยอะขึ้นก็จะสนใจเข้ามาติดตามเรื่องของมึง ทำให้คนอื่น รู้จักคณะเราโดยผ่านทางมึงมากขึ้นไปด้วย ไหนๆ มึงก็สนิทกับพี่เขาแล้ว ก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อคณะเราสิวะ ไปขอร้องพี่เขาให้หน่อย ส่วนไอ้เรื่องจิ้นน่ะ ยังไงมันก็แค่จิ้นเว้ย โอเค พี่เขาอาจจะเสียหายนิดหน่อย ที่ถูกจิ้นกับไอ้ซกมกอย่างมึง ตรงนี้เราก็เงียบๆ ไว้ อย่ากระโตกกระตากไปให้พี่เขารู้ได้”

“อื้อ!” ปรากฏกามพ่องส์! แล้วจิ้นกับกูนี่มันเสียหายตรงไหนวะ!

ภูพิงค์อยากจะเถียง แต่ไอ้รุ่นพี่ยังล็อกคอบีบปากไว้ไม่ปล่อย เขาจึงทำได้แค่ส่งนิ้วกลางให้รัวๆ

คราวนี้เหรัญญิกสโมฯ จึงรับไม้ผลัดต่อ เขาขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นมาเกลี้ยกล่อมบ้าง “เรายังมีงานต้องโปรโมตอีกหลายงาน ไหนจะงานไนท์ งานกีฬา งานเปิดร้านขายของ ถ้ามึงสามารถทำให้มีกระแสคู่จิ้นมึงกับพี่เขาได้ คนก็จะสนใจมาอ่านข่าว มาติดตามการเคลื่อนไหวของมึง ผลที่ได้ตามมา นอกจากได้กระจายข่าว ได้โปรโมตงานแล้ว ยังมีคนสนใจมาจับจ่าย มาเข้าร่วมกิจกรรมให้เงินสะพัดมากมาย” รุ่นพี่หยุดกระแอมเล็กน้อย พลางหันไปกดเปิดภาพจากแล็ปท็อปให้ขึ้นฉายบนจอใหญ่ แล้วยังกดเปิดเพลงบรรเลงคลอไปด้วยเบาๆ 

ภาพกิจกรรมต่างๆ ของคณะวิศวกรรมศาสตร์หลายๆ ปีที่ผ่านมาปรากฏขึ้นบนจอ ขณะที่เหรัญญิกหนุ่มบรรยาย “เงินที่ได้มาก็เพื่อนำไปทำประโยชน์คืนสู่สังคม ทำโครงการเพื่อน้องๆ ในถิ่นทุรกันดาร ซื้อข้าวของเครื่องใช้เพื่อการศึกษาสำหรับน้องๆ บนดอย หยูกยาเพื่อชาวบ้าน เสื้อผ้าและผ้าห่มหน้าหนาว ร่มและเสื้อกันฝนในหน้าฝน เราต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเป็นประจำทุกปี แต่ก็ไม่เคยกระจายความช่วยเหลือไปได้ครบทุกโรงเรียนในจังหวัดเลย แล้วตอนนี้ ในเมื่อโอกาสมาถึงมือแบบนี้แล้ว มึงจะพยายาม จะเสียสละเพื่อคณะ เพื่อน้องๆ และชาวบ้านยากจนบนดอยหน่อยไม่ได้เลยเหรอวะ ดูหน้าน้องๆ สิ ดูรอยยิ้ม แล้วบอกกู ว่ามึงจะใจจืดใจดำได้ลงคอ” รุ่นพี่เอื้อมมือไปเปลี่ยนจากเพลงบรรเลง เป็นเพลงดอกไม้จะบานแทน


‘ชีวิต อุทิศยอมตน ฝ่าความสับสน เพื่อผลประชา~’

กดฟังเพลงไปพร้อมกับน้องพิงค์กันค่ะ (https://www.youtube.com/watch?v=--Mx5ldSx28)


ภูพิงค์หยุดดิ้นเพราะจำยอมด้วยเหตุผล เขาหลุบตาลงต่ำพลางถอนหายใจ “เออ ผมจะไปขอร้องพี่วินให้ละกัน แต่ผมบอกเลยนะ ไอ้เรื่องคู่จิ้นอะไรนี่ ผมไม่ยุ่ง ผมไม่เล่นด้วยนะเว้ย”

“เออ มึงก็เฉยๆ ไปนั่นล่ะ สาวๆ เขาจิ้นเขาชงเองได้น่ะ”

“หมดเรื่องจะคุยยังเนี่ย”

“หมดก็ได้ เชิญแดกต่อครับ”

“แดกไม่ลงแล้วเว้ย” เด็กหนุ่มทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่ เขาลุกขึ้นพรวดแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากห้องไป โดยมีไอ้ซันเพื่อนรักวิ่งตามไปติดๆ

ทว่าก่อนจะพุ่งออกจากห้องไป ซันก็หันไปสบสายตากับทุกคนในห้องประชุมแล้วขยิบตาให้ เป็นการตอบรับว่าเขาจะช่วยจัดการกล่อมไอ้พิงค์ต่อให้เอง

“ไอ้พิงค์~ รอกูด้วย~”

ภูพิงค์หันไปหาคนเรียกพลางทำตาขวาง เขาอยากจะบีบคอมันนัก

“มึงจะโกรธเกรี้ยวอะไรขนาดนี้วะ ก็เมื่อวานยังเห็นเห็นหน้าบานไปหาพี่เขาหลัดๆ”

“ถ้าทุกคนจิ้นกันโปมๆ แล้วกูจะมองหน้าพี่เขายังไงวะไอ้เหี้ย”

“โธ่ พี่เขาก็เป็นคนดังจากมหาลัยเขาป่ะวะ ต้องเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาบ้างล่ะ มึงอย่าเพิ่งคิดแทนพี่เขาดิ พี่เขาอาจจะโนสนโนแคร์ก็ได้”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว จะว่าไป... ก็มีโอกาสมากๆ ที่พี่วินจะโนสนโนแคร์ เพราะเป็นนิสัยของอีกฝ่าย แก่ปูนนี้แล้วก็ไม่น่าจะแก้หายได้ง่ายๆ ด้วย เขาจึงค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลง

“ถึงพี่เขาจะไม่รู้ตัว แต่ก็ได้บุญไปด้วย ไม่ต้องทำอะไรอีกต่างหาก มึงก็ชิลๆ ไปเถอะ คุยกับพี่เขาเหมือนเดิม แต่อย่าลืมไปไลค์แล้วเม้นรูปไข่พี่เขาด้วยนะ”

“ทำไมต้องไลค์ต้องเม้นด้วยวะ”

“เฮ้ย ไอ้ห่า ก็มารยาทป่ะวะ เขาแท็กชื่อมึงมา มึงควรมีปฏิกิริยาโต้ตอบ สมบัติผู้ดีนี่ไม่ได้เรียนมาบ้างเลยเหรอ เม้นเบิกทางไว้ก่อน แล้วเย็นๆ ค่อยโทรไปคุยกับพี่เขาเรื่องคลิป”

ภูพิงค์พาซื่อ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดแอปพลิเคชั่น เห็นยอดไลค์กับยอดแชร์แล้วก็ตกใจนิดหน่อย เขากดไลค์ไปก่อน หากพอลังเลว่าจะพิมพ์อะไรลงไปดี ไอ้เพื่อนรักก็ใช้ข้อศอกถองเร่งเขาถี่ๆ

“พิมพ์ๆ ไปเหอะน่า แค่สั้นๆ ตามมารยาท คิดไรมากว้า”

เด็กหนุ่มย่นคิ้วเข้าหากัน คิดอยู่สักพักก็พิมพ์ข้อความที่คิดสุภาพที่สุดลงไป “กินได้มั้ย” จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินดุ่มๆ ออกไป “ไปหาไอ้พวกนั้นดีกว่า”


เมื่อเสร็จงาน รวินท์ลุกขึ้นเก็บข้าวของเช่นเคย เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี ใจลอยไปถึงกระทะไฟฟ้าที่ในครัวเรียบร้อยแล้ว “เฮ้ย ไอ้เต้ เย็นนี้มาแดกข้าวห้องกู”

“ฮะ!? ไม่ออกไปหาไรกินอ่อ”

“ไม่ต้องเว้ย มื้อเย็นนี่กูจะโชว์ฝีมือ”

เสียงวี้ดว้ายของเหล่าพยาบาลสาวดังแว่วมาจากหน้าห้องทำงานทันตแพทย์

“ให้ไข่มุก โบว์ แก้มไปด้วยสิค้าหมอวินขา”

รวินท์หันไปยิ้มรับ ครั้งนี้ไม่รอให้ไอ้เต้ได้ขัดขา เขาชิงพูดก่อนทันควัน “มาสิครับ ถือเป็นการขอโทษที่วืดครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ผมเลี้ยงทุกคนเอง แต่ห้องผมอาจจะโล่งไปหน่อยนะ”

“ไม่เป็นไรค่า เดี๋ยวพวกเราไปนั่งก็เต็มเอง”

“ไอ้...” เตชิตอ้าปากจะโวย หากโดนรวินท์ดึงตัวเข้าไปล็อกคอไว้เสียก่อน “ไปเว้ย ไอ้เต้ มื้อนี้มึงจะต้องทึ่ง”

สามสาวพยาบาลเดินหัวเราะคิกคักตามหลังสองหมอหนุ่ม ตรงไปยังหอพักแพทย์ชั้นสามห้องริมสุดซึ่งเป็นที่ตั้งห้องของรวินท์

ทันตแพทย์หนุ่มเปิดประตูห้องแล้วกล่าวเชื้อเชิญ “เชิญเลยครับทุกคน เดี๋ยวนั่งรอก่อนนะ ผมจะรีบหุงข้าว”

แวบแรกที่ก้าวเข้ามาในห้อง สามสาวก็ถึงกับผงะ เพราะพวกเธอพบกับห้องโล่งๆ ที่ไม่มีแม้แต่ม่าน ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งโต๊ะอาหาร สิ่งเดียวที่มีอยู่คือที่นอนพับบนพื้น

เตชิตเห็นสีหน้าของพยาบาลสาวแล้วก็อยากจะหัวเราะให้ไส้ไหล เขาเดินไปคลี่ที่นอนพับออก แล้วตบลงบนเบาะเบาๆ “เชิญครับ เชิญๆ นั่งกัน” ส่วนตัวเองเสียสละนั่งพื้นให้

พวกเธอยิ้มแห้งๆ ก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งพับเพียบ “ห้องหมอวินนี่... โล่งดีจังนะคะ รู้สึกลมโกรกดี”

“หูย นี่ดีแล้ว เมื่อก่อนโล่งกว่านี้ ลมพัดทีตัวผมเองยังแทบปลิว”

“ยังโล่งกว่านี้ได้อีกเหรอคะ!” หนึ่งในพยาบาลสาวอุทานอย่างลืมตัว

สักพักรวินท์ก็เดินมาร่วมวงด้วย เขานั่งยองๆ ลงข้างเพื่อนรัก

“ไอ้หมอวินครับ ไม่หาน้ำให้แขกหน่อยวะ”

“ไม่มีแก้วอ่ะ แต่มีจานช้อนส้อมนะ ผมซื้อมาเป็นโหลเลย เพราะงั้นเดี๋ยวกินข้าวที่นี่แล้วกลับไปดื่มน้ำที่ห้องกันนะครับ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มพิมพ์ใจแจกให้ทุกคน

เตชิตอยากจะล้มลงไปนอนหัวเราะให้สะเทือนไปทั้งตึก หากก็ยังพยายามช่วยรักษาหน้าเพื่อนรักไว้ “ว่าแต่หมอวินจะทำอะไร เดี๋ยวผมช่วย...”

“เฮ้ยไม่ต้อง วันนี้หมอเต้เป็นแขก คุณมึงนั่งคุยกับคุณมุก คุณแก้ม คุณโบว์ไปก่อนนะ”

“เออๆ”

สี่ชีวิตมองตามหลังทันตแพทย์หนุ่มเจ้าของห้องไปอย่างระแวง แต่ก็นั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ได้กลิ่นหอมลอยมาเตะปลายจมูก

แต่กลิ่นคุ้นๆ ชอบกล

สักพักรวินท์ก็ยกจานมาวางลงตรงหน้าผู้มาเยือนทั้งสี่คน ในจานมีข้าว โปะไข่เจียวไว้พร้อมกับราดซอสพริกบนไข่เป็นชื่อแขกทั้งสี่ที่มาร่วมกินด้วยเสร็จสรรพ จากนั้นเจ้าภาพจึงนั่งลงร่วมวงด้วยกัน

“เชิญครับ ผมทำสุดฝีมือเลยนะ”

เตชิตยกจานขึ้นมาดมพร้อมกับพิจารณาสิ่งที่อยู่ในจานไปด้วย “...ไอ้หมอวิน ทำเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

“เมื่อเช้า ป้าพิมสอนให้”

“เออ เก่งว่ะ ไม่น่าเชื่อ” เพื่อนรักลงมือตักกินเป็นคนแรก สำหรับเขาก็รู้ดีว่าไอ้วินมันพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ “อือๆ อร่อยดี”

“จริงเหรอ เฮ้ย กูรักมึงว่ะไอ้เต้” รวินท์หันไปโอบกอดเพื่อนรักด้วยความดีใจ

พยาบาลทั้งสามอ้ำอึ้งกับท่าทางของสองหมอนิดหน่อย เพราะแค่ไข่เจียวจะต้องทำท่าดีใจเว่อร์วังขนาดนี้เชียวหรือ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ เล่นตามน้ำไปก็แล้วกัน

“อร่อยค่ะหมอวิน” แต่นั่งพับเพียบกินนี่ทรมานฉิบหาย อาหารไหลลงทางเดินอาหารได้ไม่ค่อยจะคล่อง พยาบาลสาวคิดในใจ

หากเมื่อชมไปแล้ว ใบหน้าที่แสดงออกถึงความดีอกดีใจอย่างซื่อๆ ของทันตแพทย์หนุ่มที่พวกเธอได้เห็นก็ทำให้รู้สึกว่าคุ้มกับความทรมานอยู่ไม่น้อย แต่คราวหน้านอกจากต้องพกแก้วน้ำมาเองแล้ว พวกเธอคงต้องพกเก้าอี้มาเองด้วย ให้นั่งพับเพียบกินบนพื้นแบบนี้ ทรมานลำไส้เหลือเกิน

หลังจากกินเสร็จ พยาบาลสาวก็ขอตัวกลับกันไปก่อนเพราะรู้สึกเมื่อย ทว่าเตชิตยังอยู่ พอเหล่าพยาบาลออกจากห้องไปเขาก็เอนหลังลงนอน “เดี๋ยวนี้ไอ้วินเก่งแล้ว ได้อวดที่บ้านยังวะ”

“เมื่อเช้าโพสต์รูปลงเฟซไปแล้ว แท็กมึงไปด้วย เสือกไม่ดู”

“จะเอาเวลาที่ไหนดูวะ ตื่นมาก็ต้องซิ่งไปโรงบาลละ” เตชิตมักจะกินมื้อเช้าแค่ขนมปังกับกาแฟ เหตุเพราะตื่นสายมันทุกวัน จึงต้องรีบกินรีบไปทำงาน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชั่น มองหารูปไข่เจียวที่รวินท์พูดถึง ไม่นานก็เจอ “อีกคนที่มึงแท็กหานี่ใครวะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เพราะยอดไลค์ยอดแชร์เยอะผิดปกติ แค่รูปไข่เจียวเนี่ยนะ

“ไอ้น้องพิงค์ไง แม่งสบประมาทกูไว้เยอะ กูเลยต้องแท็กไปอวด”

เตชิตกดไล่ดูคอมเมนต์ แล้วเอ่ยขึ้น “น้องมันถามว่ากินได้มั้ยอะมึง”

“เดี๋ยวกูว่างค่อยปะทะคารมกับแม่ง เก็บจานไปล้างก่อน”

เมื่อเพื่อนรักคล้อยหลังไป เตชิตก็จัดการกดเข้าไปในเฟซบุ๊กภูพิงค์ทันที ทว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยเปิดอะไรไว้เป็นสาธารณะ เขาไม่ได้เป็นเพื่อนกับเด็กหนุ่มไว้จึงไม่เห็นอะไร แม้กระทั่งรูปโฟรไฟล์ อีกฝ่ายก็ใช้รูปจุกหางม้าเป็นรูปโฟรไฟล์เท่านั้น

“ไอ้เต้ มึงนั่งเล่นไปก่อนนะ กูอาบน้ำล่ะ”

“เออ งั้นกูกลับห้องละ เดี๋ยวจะโทรไปหาป๊ากับไอ้เตยด้วย” เตชิตตอบกลับ

“โอเค พรุ่งนี้เจอกันเว้ย”


ภายในห้องนอนในบ้านเช่าของสองหนุ่มวิศวะ

ภูพิงค์พยายามจะนอนหนีปัญหามาตั้งแต่สามทุ่มแล้ว หากไม่เป็นผล เขาไม่น่าจับคู่ห้องนอนกับไอ้ซันมันเลยจริงๆ มันเซ้าซี้บอกให้เขาโทรศัพท์ไปหาพี่วินมาตั้งแต่เย็น พอเขาเฉยมันก็เปิดเพลงดอกไม้จะบานกรอกหูเขา เปิดวนไปวนมาเป็นสิบรอบ จนเขาเริ่มหลอน

“ไอ้ซัน! มึงพอที! กูร้องได้แล้วโว้ย!”

“มึงก็โทรไปหาพี่เขาสักทีสิวะ!”

เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ จากนั้นจึงหันไปตวาด “เออ กูรู้แล้วโว้ย! โทรเดี๋ยวนี้แหละ!”

เสียงเรียกเข้าดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เขารออยู่พักใหญ่จนปลายสายตัดเข้าบริการรับฝากข้อความอัตโนมัติจึงกดวางสายไป “พี่วินไม่รับสาย”

ทำไมไม่รับโทรศัพท์กูวะ!

ภูพิงค์โยนโทรศัพท์ลงข้างหมอนพลางเอนตัวลงนอน ไอ้พี่วินนี่แม่ง ช่างขยันทำให้เขาเสียเซลฟ์ชะมัด เพราะอย่างนี้เขาถึงได้ไม่อยากเป็นฝ่ายติดต่อไปก่อน ไหนบอกว่าถ้าเป็นเขาโทรไปหา จะรับสายไงวะ

“อาจจะไม่ว่าง มึงก็รออีกนิดค่อยโทรไป”

“สี่ทุ่มแล้วนะมึง ใครจะไม่ว่างตอนสี่ทุ่มวะ” เด็กหนุ่มย่นคิ้วเข้าหากัน

แต่ก็ไม่แน่แฮะ ถึงเมืองลำพูนจะเป็นเมืองเงียบๆ แต่ยังมีตลาดโต้รุ่งนะ ไอ้พี่วินสายแดกซะด้วย บางทีอาจจะกำลังถล่มแดกร้านไหนอยู่ก็ได้


ขณะที่รวินท์กำลังกระโดดหยองแหยงภายใต้น้ำเย็นในห้องอาบน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น มันดังอยู่สักพักก็เงียบไป เพราะทันตแพทย์หนุ่มไม่อยากวิ่งออกไปรับสายแล้วกลับมาทำใจเผชิญกับน้ำเย็นอีกครั้ง เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาดู

คนที่โทรมาคือภูพิงค์ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะโทรกลับไป

คนที่ปลายสายตอบรับแทบจะในทันที “เมื่อกี้ทำไมพี่ไม่รับโทรศัพท์ผมอ่า ไปถล่มตลาดโต้รุ่งอยู่เหรอวะ”

“อาบน้ำเว้ย ผมนั่งว่างอยู่ตั้งนานไม่โทรมาล่ะ”

“จะโทรก่อนหน้านี้ก็เกรงใจอะครับ เลยต้องเลือกเวลาดีๆ กลัวพี่วินไม่สะดวก”

“แหม เกรงใจ...” ทันตแพทย์หนุ่มพูดไปแล้วก็ชะงัก รีบถามต่อ “พูดจาแบบนี้จะให้ทำอะไรอีกแน่ๆ เลยว่ะ”

“โห แสนรู้โคตร! คือแบบ... พี่วินจ๋า...”

“หยุดเลย ขนลุกเว้ย! จะขออะไรก็ว่ามา”

“คลิปที่ผมอัดอ่ะ เอาให้สโมฯ ดูแล้วแม่ง... เสือกชอบกัน จะเอาไปลงเพจให้ได้ซะงั้น”

“ก็เลยจะมาขอผมงั้นสิ ไม่เอาเว้ย”

“โธ่ อย่างกเด๊... แค่คลิปเองอ่ะ”

“หน้าแม่งทั้งโทรมทั้งเมือก เห็นใจผมบ้างสิวะ อายเขา”

“โห อย่ามาๆ เมือกอะไร พี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จอะตอนนั้น แล้วอีกอย่างถ้าพี่เรียกว่านั่นทั้งโทรมทั้งเมือก คนในคณะผมนี่ก็เป็นลูกครึ่งหอยทากกับปลาไหลกันหมดแล้วป่ะวะ”

รวินท์ถอนหายใจยาว “ทำไมจำเป็นจะต้องเอาทั้งรูปทั้งคลิปทั้งสัมฯ ด้วยวะ ไม่เอารูปปั้นผมไปตั้งหน้าคณะด้วยเลยล่ะ”

“เฮ้ย ได้เหรอพี่ ขอบคุณครับ”   

“ไอ้เด็กเวร! ไม่ได้โว้ย!”

“คือ...” ภูพิงค์หยุดคิดเรียบเรียงหาเหตุผล เขาจำได้ว่าไอ้พี่วินแพ้การกล่อม ถ้างั้นเลียนแบบคำพูดของเหรัญญิกสโมฯ ท่าจะดี แบบที่เขาโดนมาเมื่อตอนกลางวัน จนถึงตอนนี้ยังสะเทือนใจไม่หาย “คืองี้เว้ยพี่ เพจคณะผมอ่ะ ตั้งแต่ลงรูปที่มีพี่ติดไปด้วยครั้งนั้นก็มีคนเข้ามาสนใจคณะเพิ่มมากขึ้น แล้วพี่ๆ สโมฯ เขาเตรียมการโปรโมตกิจกรรมของปีนี้ไว้อีกหลายกิจกรรม เขาเลยคิดว่าถ้าดึงคนเข้าเพจได้เยอะๆ เรื่อยๆ กิจกรรมของคณะก็จะมีคนมาสนใจเยอะขึ้นด้วย จะได้ใช้ประโยชน์ตอนระดมทุนไปช่วยน้องๆ กับชาวบ้านที่ยากจนบนดอยอะพี่ คือมันเป็นกิจกรรมที่คณะผมทำทุกปีไง”

“สรุปง่ายๆ ก็คือจะเอาผมไปช่วยเรียกแขก ทั้งที่ผมไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคณะคุณเลยเนี่ยนะ”

“โธ่ เกี่ยวสิพี่ ก็พี่เคยขึ้นดอยกับพวกผมแล้ว เราก็เหมือนพี่น้องกันไง”

“โหย ไอ้ปลาไหลทาน้ำมัน!” ต่อว่าไปเช่นนั้น หากรวินท์ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“น่านะ เป็นพี่น้องกันก็ช่วยกันหน่อยนะ ถ้าพี่มีอะไรให้ผมช่วยผมก็จะช่วยด้วยความเต็มใจเลย”

ระหว่างที่คุยกันรวินท์ก้าวออกมาจากในห้องพอดี กะว่าจะหาน้ำดื่มสักหน่อย หากก็มาหยุดกึกที่คำพูดของเด็กหนุ่ม เขามองไปที่ห้องนั่งเล่นแสนว่างเปล่าของตน แล้วก็มองไปรอบๆ ตัว

ที่จริง... ถ้าหากทำให้ห้องเป็นเหมือนบ้านมากขึ้นอีกนิดได้ก็คงดี อีกอย่างเขาพอมีเงินเหลือ เพราะพิงค์ช่วยเขาเลือกซื้อของ ช่วยตัดสินใจ

“ก็ได้”

“เย้!”

“แต่มีข้อแม้นะ”

“ข้อแม้อะไรอีกคร้าบพี่วิน~” เด็กหนุ่มที่ปลายสายร้องเสียงหลง

“วันพุธนี้คุณว่างกี่โมง มาหาผมหน่อยดิ”

“ฮะ!?”

“เขาจะเอาตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่นกับแอร์มาติดตั้ง ผมลางานช่วงบ่ายไว้แล้วล่ะ แต่อยากไปซื้อของเพิ่มสักหน่อยอ่ะ”

“ซื้อวันเสาร์อาทิตย์ไม่ได้เหรอวะพี่ ผมขี้เกียจถ่อไปอ่ะ” ภูพิงค์ต่อรอง พอชำเลืองมองไปที่ซันเพื่อนรัก อีกฝ่ายก็ยกโทรศัพท์มือถือเตรียมกดเปิดเพลงดอกไม้จะบานกรอกหูเขาอีกแล้ว

“ไม่ได้อ่ะ เพราะผมอยากให้คุณมาดูห้องผมก่อนว่ามันขาดอะไรบ้าง”

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังเพียะ “เวรกรรม”

“ไหนว่าพี่น้องต้องช่วยกันไงวะ”

คนอ่อนวัยกว่าก็ต้องจนใจจำยอมด้วยคำพูดของตัวเอง ไอ้พี่วินนี่แม่ง... “เออ ไปก็ไป ผมเลิกเรียนบ่ายสามนะ แล้วจะซิ่งมอไซค์ไปเลย”

“รู้จักโรงบาลลำพูนใช่มั้ย มาถึงแล้วก็โทรเข้ามาละกัน จะเดินไปรอรับ”

“ครับๆ”

หลังจากกดวางสายไป ภูพิงค์ก็หันขวับไปทางเพื่อนรักซึ่งกำลังจ้องตนเองอยู่เขม็ง “มองหาพ่องส์ เก็บโทรศัพท์กับเพลงมึงไปด้วย”

ซันยิ้มระริกระรี้ ยอมเก็บโทรศัพท์ไปตามที่ภูพิงค์ขอ “แหม ตอนแรกบอกไม่อยากโทร แล้วเป็นไง คุยกันกระหนุงกระหนิงเชียวนะมึง”

“มึงฟังยังไงว่าหนุงหนิงวะ ดูซิ แลกกับคลิปที่พวกมึงจะเอา กูต้องถ่อไปถึงโรงบาลลำพูนเลยนะเว้ย”

“โหย เนี่ย มึงได้บุญเยอะเลยนะ เพื่อน้องๆ เว้ย ท่องไว้” ซันพูดกลั้วหัวเราะ “ว่าแต่ไปทำไมวะ”

“ไปช่วยซื้อของ พี่แม่งเห็นกูเป็นเบ๊ไปแล้ว”

“แต่พี่เขาคงไว้ใจมึงมากเลยนะเว้ย คนอย่างพี่หมอน่าจะมีคนเข้าหาเยอะจะตาย แต่พี่เขากลับเลือกจิกใช้มึงเนี่ย แปลว่ามึงโคตรพิเศษ รู้งาน แสนรู้”

“นี่มึงชมหรือด่ากูวะ”

ซันทำเป็นไม่สนใจ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความเข้าไปในห้องแชตรวมของสมาชิกสโมฯ “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าโพสต์สัมฯ รูปกับคลิป พร้อมโฆษณาเชิญชวนเข้าร่วมงานวิ่งมาราธอนของมหาลัยหลังสอบมิดเทอม งานนี้จะรวมเงินไปให้โรงบาลบนดอยเว้ย มึงคอยดูจำนวนคนเข้ามาดูนะ ต้องมากสุดเป็นประวัติการณ์”

“เออๆ กูอิ่มบุญจัง” ภูพิงค์เรอเอิ๊กใหญ่ เขายื่นเท้าไปเขี่ยเพื่อนรัก “ปิดไฟด้วยเว้ย กูจะนอนแล้ว”

“ครับๆ ไอ้คุณพิงค์”

เด็กหนุ่มพลิกตัวหันหน้าเข้าหากำแพง เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าไอ้วิธีของสโมฯ นี่มันจะได้ผลจริงเหรอวะ แต่ก็นะ ไอ้พี่วินเป็นคนดัง ต้องมีคนกดเข้ามาดูบ้างล่ะ แล้วอย่างน้อยก็คงมีคนเห็นประกาศงานมาราธอนด้วย ถ้าได้ทุนไปให้โรงพยาบาลได้เยอะๆ จริงๆ เขาจะยอมให้ไอ้พี่วินจิกหัวใช้ได้ตลอดเลยก็ได้เว้ย


*TBC*


มีใครคิดถึงน้องพิงค์กับหมอวินบ้างงงง~

หมอวินป๋ามั้ยล่ะคะ มีชวนทุกคนมาเลี้ยงข้าวที่ห้องด้วย  :mew5: แบบไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลย /ภาษาท้องถิ่นเรียกว่าโคตรไม่เจียม

ส่วนน้องพิงค์ก็... ฟังเพลงดอกไม้จะบานต่อไปนะหนู ยังไงหนูก็คงจะต้องทนฟังไปอีกนาน 555555

ด้วยความวุ่นวายต่างๆ นาๆ พี่วินก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของคณะน้องพิงค์ไปแบบงงๆ จะมีแฟนเป็นเด็กวิดวะก็คราวนี้ ฮิ้วววว~ /แซวเองก็ได้

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ อ้อนขอกำลังใจเย้อๆๆๆๆ  :กอด1:

ขอบคุณที่ช่วยทักคำผิดด้วยนะคะ บางทีฮัสกี้ก็มึนไปหน่อย แหะแหะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 10-11-2017 13:43:18
ปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-11-2017 13:49:51
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-11-2017 13:52:07
พี่หมอวินน่ารักมากก ตลกความซื่อไปทอดไข่เจียวให้ทุกคนกินที่ห้องค่ะ น่ารักอะไรขนาดนี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 10-11-2017 13:55:39
เรื่องน่ารักมาก ตอนน้องกับพี่คุยกันก็ฮา ฉากเล็กๆน้อยๆ เรียกรอยยิ้มได่้ตลอด ชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 10-11-2017 13:57:33
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-11-2017 14:07:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-11-2017 14:17:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-11-2017 14:40:35
เอ็นดูพี่หมออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 10-11-2017 14:42:53
คิดถึงพี่วินกับน้องพิงค์
ตอนหน้าต้องสนุกมากๆแน่ๆ จะได้เจอกันอีกแล้ว
อยากเห็นการบ่นของน้องพิงค์ เมื่อเจอห้องหมอวินจัง
ต้องตลกแน่ๆ 555555555

ตลกความคิดของพยาบาลจัง สงสารรรรร
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-11-2017 14:46:44
เอ็นดูพี่หมอที่มีคนชมเรื่องทำไข่เจียวอร่อย พี่หมอน่ารักกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 10-11-2017 14:47:40
 :katai2-1: เขาทำบุญร่วมกันค่ะคุณข๊า แต่สโมฯที่นี่กล่อมคนเก่งเน๊าะ ว่างๆ หากมีใครจิตตก โดนตึกน่าจะพาชุดนี้ไป  :katai3:
รู้สึกอิ่มบุญไปด้วยเลย  :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 10-11-2017 14:50:27
พี่วินนี่แกเป็นที่สุดของความที่สุด ทำไข่เจียวเลี้ยงด้วยเว้ย

ห้องผมไม่มีแก้วมีแต่จานชามช้อน  :hao7:

ทำไหมน้องพิงไม่ดูแลพี่วินให้เรียบร้อย o12

ผิดที่น้องพิงนะนี่นะ 555 ขำว่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 10-11-2017 14:55:13
หมอวิน จานชามซื้อมาเป็นโหล แต่แ้วน้ำไม่มี  :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-11-2017 15:07:13
พี่วินได้เกี่ยวข้องกับคณะวิศวะแน่ ๆ ไม่เขยก็สะใภ้ เลือกเอา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 10-11-2017 15:24:08
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 10-11-2017 15:31:27
ขอบคุณค้าาาาาา :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
อัพทุกวันก้ดีน้าอิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-11-2017 15:41:26
พี่หมอน่ารักอ่ะ ทอดไข่เจียวให้ทุกคนกินทำให้เราอยากกินไปด้วยเลยอ่ะ พี่หมอค่ะหนูขอด้วยจานนึงซิ555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 10-11-2017 15:46:57
เอ็นดูพี่หมอวิน เจียวไข่เป็นแล้วไม่อดตายแล้ววว ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-11-2017 15:48:21
ไม่มีแก้วน้ำให้กลับไปกินน้ำเองที่บ้าน ถ้าหมอทำแกงจืดยังพอได้แต่นี่หมอทำข้าวไข่เจียวมาให้กิน :laugh: :laugh: :laugh:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 10-11-2017 16:03:10
คิดถึงซิคะ  รีเฟชทุกวันเลย  อยากให้อัพบ่อยๆจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-11-2017 16:24:31
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 10-11-2017 16:58:38
อยากกินไข่เจียวตามพี่วินเลย 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 10-11-2017 18:07:58
พี่หมอน่ารักเกินไปแล้ว อยากกินไข่เจียวพี่หมอบ้าง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-11-2017 18:42:54
หมอวินน่ารัก รอวันที่เค้าจะไปซื้อของเข้าห้องหอ เอ้ยเข้าห้องหมอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-11-2017 18:54:38
ชอบเรื่องนี้มาก อยากอ่านทุกวันเลย น่ารักมุ้งมิ้งกิ๊วก๊าว  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 10-11-2017 20:58:34
พี่วินนี่พ่อพระมาก คนดีอะไรเบอร์นั้นนน :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-11-2017 21:11:11
55555 เคมีเข้ากันมาก พูดไรไปก็ทันกันตลอด

แล้วภูพิงค์ก็หลงกลซันกับทีมสโม น่าสงสารภูพิงค์ คนเข้าจิ้นกันจนคิดไปไกล แต่ภูพิงค์ก็ยังไม่เข้าใจ
หมอวินน่ารักดีนะ คือคนไม่เคยทำอะเนาะ เลยดูซื่อไปหมด สงสารคุณพยาบาล จะกล้ามากอีกไหมล่ะ
ตลกเต้ คือเป็นคนปกติที่สุดละ

พ่อบ้านแม่บ้านจะไปช็อปปิ้งแล้วนะคะ รอไปเที่ยวด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-11-2017 21:14:47
หมอวินน่ารักง่า เหมือนเด็กที่กำลังเห่อของ แล้วอยากอวดเพื่อนๆ
เอ็นดู๊วววววววววววว  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 10-11-2017 21:18:21
รอปรากฏการณ์หลังโพสต์คลิปเลย มีเฮแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-11-2017 22:26:26
ฮาทั้งหมอวินทั้งร้องพิงค์เลย อ่านไปหัวเราะไป
คิคิ ตอนหน้าเค้าจะไปหากันถึงห้องเลย จัดห้องกันงุงิๆ :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-11-2017 22:50:47
พี่หมอวินเด็กน้อย ชวนเพื่อนมาเลี้ยวข้าวที่ห้องเป็นข้าวไข่เจียวที่ทำเอง อยากกินบ้าง o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-11-2017 03:50:24
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 11-11-2017 10:28:05
เรื่องน่ารักมากเลย ชอบหมอวินกับน้องพิงค์ รีบมาต่อนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 11-11-2017 15:49:40
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 11-11-2017 16:33:27
น้องพิงค์ไมมุ้งมิ้งจังลูกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 11-11-2017 16:46:44
ใครจะเริ่มรักใครก่อนน๊าาาาา แต่ยังไงก็อยากให้น้องพิงค์เป็นเคะน้อย อิอิ ขอบคุณมากๆ นะคับ เนื้อเรื่องน่ารักมากมายจริงๆ ตอนนี้รอน้องพิงค์ถอดรูปก่อน อยากเห็นคนหน้าหวานแว้ววววว :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 12-11-2017 14:25:27
พี่วิน จะให้น้องพิงค์มาอยู่ด้วยเหรอคะ ต้องให้น้องมาช่วยเลือกของเข้าห้องเนี่ย แหม  :-[
น้องพิงค์ต้องภูมิใจ ที่ได้เป็นเบ๊กิตติมศักดิ์ของพี่วินคนฮอทเลยนะ
มาช่วยพี่วิน ก็จะได้ชิมฝีมือไข่เจียวของพี่วินแล้วสิน้า สอนพี่วินทำอย่างอื่นกินด้วยก็ดีนะน้องพิงค์
เดี๋ยวพี่เขาจะเห่อ กินแต่ไข่เจียวอย่างเดียวทุกวี่ทุกวันนี่แย่เลยนะ ฮาาา
ตอนนี้ น้องมีแอบงอนที่พี่วินไม่รับโทรศัพท์ด้วยแหละ แต่พี่เขาก็โทรกลับทันทีเลยนะ
แสดงว่าน้องพิงค์สำคัญพอตัวเลยนะเนี่ย น่ารัก ชอบเวลาจะขอให้พี่วินช่วยอะไร
จากปากจัด ๆ กลายเป็นพูดเพราะออดอ้อนพี่วินเชียว มีจ้ะมีจ๋า หมั่นไส้เบา ๆ 555
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววววว   เขาจะไปเดทกันอีกแล้วค่ะคู่นี้ >////<   
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-11-2017 19:23:19
ชอบเวลาเค้าคุยกัน น่ารักดี :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-11-2017 16:49:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 13-11-2017 21:32:00
อิ่มบุญด้วยจ้า แถมอิ่มใจด้วย รอเขาซื้อของเข้าหอ เอ้ยย ห้อง 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 14-11-2017 15:27:57
 :catrun:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 14-11-2017 17:00:19
พึ่งเข้ามาอ่านชอบจังทั้งพี่และน้อง...ไม่ต้องรู้ว่าเราครบกันแบบใหน..อยู่ด้วยแล้วมีความสุข
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-11-2017 12:08:25
      555สงสารน้องพิงค์ค่ะอิอิโดนพี่ๆเพื่อนๆใช้เป็นสะพานไปหาพี่หมอวิน
สนุกน่าติดตามมากค่ะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะรออ่านความน่ารักแบบกวนๆค่ะ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 11 : เกิดมาเป็นคนใจบุญ][101117]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 16-11-2017 17:26:18


Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน


ในตอนเช้าของวันพุธ อากาศสดชื่นแจ่มใส ท้องฟ้าสีน้ำเงินมีปุยเมฆขาวลอยประปราย แซนดี้ขับรถหรูของเจ้าหล่อนออกไปรับเด็กในคอนโทรลแต่เช้าเพราะมีนัดไปกินข้าวกับต้มเลือดหมูด้วยกัน เด็กหนุ่มสี่คนจึงโดนลอยเพ ต้องหามื้อเช้ากินกันเอง พวกเขาขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามหาวิทยาลัยกันไปอย่างรีบเร่ง ท้องร้องโครกครากตลอดทาง

วันนี้ที่ข้างหน้าตึกเรียนของเขามีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะกว่าปกติอยู่สักหน่อย แต่ภูพิงค์ก็ไม่ได้ใส่ใจ พอจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ในที่จอดแล้วก็เดินฉับๆ ไปยังโรงอาหารของคณะพร้อมกับเพื่อนอีกสามชีวิต

เด็กหนุ่มซื้อข้าวราดแกงสองอย่างมานั่งกิน ครึ่งเช้านี้เขาต้องเรียนสองวิชาจึงต้องใช้พลังงานมากอยู่สักหน่อย ขณะที่จ้วงข้าวใส่ปากไปก็หยิบหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดขึ้นมาพลิกดูวันที่ต้องคืน เขากะว่าถ้าต้องคืนวันนี้ก็จะได้รีบเอาไปคืนตอนเที่ยง เพราะเลิกเรียนต้องซิ่งไปหาไอ้พี่วินถึงโรงพยาบาลลำพูน

ทว่านั่งไปสักพักก็เริ่มเอะใจ เนื่องจากวันนี้ในโรงอาหารเสียงดังผิดปกติ

ภูพิงค์เงยหน้าขึ้นพรวด เป็นผลให้โต๊ะอื่นที่ในกำลังมองมาทางเขาส่งเสียงวี้ดว้ายเบาๆ บางคนก็ยังถือโทรศัพท์มือถือคาอยู่ในมือ

แต่เดี๋ยว... ทำไมวันนี้ผู้หญิงเยอะจังวะ ไม่ใช่คนในคณะเขาด้วย

เด็กหนุ่มกวาดสายตามองไปโดยรอบช้าๆ พลางกลืนข้าวลงคอ หรือว่า...

ซันยื่นใบหน้าเข้าไปกระซิบ “มึงเห็นยอดวิวคลิปสัมฯ กับยอดไลค์ยอดแชร์ในเพจรึยังไอ้พิงค์”

“ยัง”

“โธ่ กูก็นึกว่ามึงเห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว บอกให้สั้นๆ ว่ายอดไลค์จากปกติมากสุดร้อยสองร้อย ตอนนี้พุ่งขึ้นมาถึงสามสี่หมื่น สาวๆ หวีดกันให้ลึ่ม! มึงดังแล้วไอ้พิงค์”

“พี่วินรึเปล่าวะที่ดัง กูเกี่ยวไรด้วย”

“เอ๊า ก็เขาจิ้นมึงกับพี่หมอกันไง มึงลองไปอ่านคอมเม้นต์ในเพจสิวะ โหย ถามถึงมึงกับพี่หมอกันกระจาย”

ดิวกับขิงโผล่หน้าเข้ามาร่วมวงด้วย “กูว่าพวกผู้หญิงน่าจะมารอดู เผื่อจะเจอมึงกับพี่หมอ”

“พี่วินจะมาที่นี่ทำไมวะ คอยเก้อไปเหอะ” เด็กหนุ่มหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าไปมา “รีบๆ แดก รีบๆ ไปเหอะ กูรู้สึกเหมือนหลินปิงเข้าไปทุกที”

ภูพิงค์คิดว่าในเมื่อเขากับพี่วินไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ และก็คงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ ต่อหน้าคนอื่น ไม่นานไอ้ที่เขาจิ้นๆ กันก็คงสร่างซาไปเองนั่นล่ะ เพราะงั้นเขาจะเฉยๆ ไว้ อยากจิ้นก็จิ้นกันไป อย่างน้อยงานวิ่งมาราธอนก็ได้โฆษณาไปด้วยแล้วล่ะวะ

เด็กหนุ่มใช้ช้อนเขี่ยข้าวในจานไปมา ก่อนจะถอนหายใจยืดยาว

“เฮ้อ...”

อิ่มบุญจนแดกข้าวต่อไม่ลงเลยกู


หลังจากเลิกงานตอนบ่าย ทันตแพทย์หนุ่มรีบวิ่งกลับมาที่หอพักทันที ในมือถือโทรศัพท์มือถือบอกทางกับพนักงานกลุ่มแรกที่นำตู้เย็นมาส่งให้ด้วย พอมาถึงหอก็หอบแฮ่กๆ เขาผงกศีรษะทักทายแม่บ้านประจำหอที่กำลังยืนรีดผ้าอยู่ จากนั้นจึงเดินนำพนักงานไปยังลิฟต์โดยสาร

เมื่อขึ้นไปถึงห้องแล้ว รวินท์ก็ไปยืนดูพนักงานสองคนนำตู้เย็นไปตั้งวางให้ในครัวด้วยความตื่นเต้น บ่ายนี้จะมีพนักงานนำของทั้งสามอย่างมาส่ง และร้านแก๊สก็จะมาเอาถังแก๊สคืนด้วย เขานัดทั้งหมดไว้ภายในบ่ายเดียวเพราะถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากลากิจบ่อยนัก

พอพนักงานชุดแรกติดตั้งเสร็จก็ถอยกลับกันไป รวินท์ยังไม่ทันได้ชื่นชมตู้เย็นใหม่ พนักงานส่งของอีกกลุ่มก็ตามมาติดๆ ครั้งนี้คงจะอยู่นานหน่อยเพราะติดเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย

ป้าพิมยกถาดใส่แก้วน้ำกระดาษเข้ามาเสิร์ฟน้ำให้พนักงานในห้องทันตแพทย์หนุ่ม เธอแวะมาช่วยเขาจัดการกับของใหม่ที่นำมาส่ง เพราะคิดว่าเขาคงจะไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่

“โอ้โห ซื้อของใหม่เพียบเลย แต่ตู้เย็นน่ะ หมอต้องเช็ดทำความสะอาดสักหน่อย เปิดทิ้งไว้ให้เย็นแล้วค่อยเอาอะไรเข้าไปแช่นะคะ”

รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก “อ่อ ครับๆ ขอบคุณนะครับ”

“งั้นป้าไปนะคะ มีอะไรให้ช่วยก็โทรไปตามป้านะ”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง ตั้งแต่วันนั้นป้าพิมก็พูดคุยกับเขามากขึ้น คอยช่วยเหลือเขาอยู่บ่อยๆ เป็นผลให้ป้าไข่กับป้าสร้อยสบสายตาเขาเวลาเดินเข้ามาในตึก ทักทายเรียกชื่ออย่างเป็นกันเองและก็ยิ้มให้บ่อยขึ้นด้วย

ขณะที่เช็ดตู้เย็นไป รอช่างติดตั้งเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำน้ำอุ่นไปด้วย ท้องของรวินท์ก็ร้องโครกคราก เขายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย เพราะทำฟันให้คนไข้เลตไปจนถึงบ่าย แล้วพอออกจากโรงพยาบาลมาพนักงานก็นำของมาส่งพอดี ไอ้ตอนนี้จะเดินไปทอดไข่กินก็เกรงใจพนักงานที่เดินไปเดินมากันอยู่

ชายหนุ่มหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา ซึ่งบนหน้าจอบอกว่าเพิ่งจะบ่ายสามโมงกว่าๆ พิงค์คงเพิ่งจะออกจากมหาวิทยาลัย เขาเอนหลังพิงกับผนังห้อง หิวจนไม่อยากทำอะไร

จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น รวินท์หันไปมองแล้วคว้าขึ้นมากดรับสาย “ว่าไง ถึงไหนแล้ว”

“ถึงแล้วพี่ หอพี่นี่อยู่ตรงไหนวะ”

“เฮ้ย ทำไมถึงเร็ว! ตึกสูงหกชั้นฝั่งติดถนนอ่ะ จอดมอไซค์ไว้ใต้หอเลย เดี๋ยวผมโทรไปบอกข้างล่างไว้ให้ ตอนนี้ช่างอยู่ในห้องพอดี”

“โอเค โทรเลยนะพี่ ผมอยู่ใต้หอละ”

ทันตแพทย์หนุ่มรีบโทรศัพท์ไปบอกป้าพิมทันที นั่งรอไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังแว่ว เขาจึงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู แล้วยิ้มกว้างเมื่อห็นภูพิงค์กับป้าพิมเดินตรงเข้ามาหา

เด็กหนุ่มอยู่ในเสื้อชอปสีน้ำเงินกับกางเกงยีน สะพายเป้ใหญ่มาด้วย พอเห็นอีกฝ่ายออกมายิ้มหน้าบานต้อนรับ เขาก็เผลอยิ้มตอบ

ป้าพิมมองสองหนุ่มไปมา จะว่าไปหน้าตาก็ไม่ได้มีส่วนคล้ายกัน หากเด็กหนุ่มบอกว่าเป็นน้อง เธอก็เออออไปล่ะวะ

“งั้นป้าไปละนะคะ ข้างล่างไม่มีคนอยู่”

ภูพิงค์หันไปยกมือไหว้ ทันตแพทย์หนุ่มจึงรีบยกมือขึ้นไหว้ตาม “ขอบคุณป้ามากครับ”

ป้าพิมยิ้มกว้างรับ พลางตบแขนเด็กหนุ่มเบาๆ “จ้า ช่วยพี่หมอเขาดูงานหน่อยนะลูก” จากนั้นจึงเดินฉับๆ ออกไป

“โอ้โห ใครๆ ก็รู้สินะว่าพี่วินไม่ค่อยได้เรื่อง”

“มาถึงก็ปล่อยสัตว์เลี้ยงวิ่งพล่านเลยนะ”

ภูพิงค์หัวเราะร่วน ที่จริงถ้าให้เขาเดินหาห้องของพี่วินเอง เขาก็เดาถูกล่ะว่าห้องไหน เพราะห้องอื่นๆ จะมีต้นไม้จัดวางประดับหน้าห้องบ้าง พอดูเป็นห้องที่มีคนอยู่อาศัย แต่มีอยู่ห้องเดียวนี่ล่ะที่โล่งสนิท

“เข้าห้องสิ ยืนทำอะไรวะ” 

เด็กหนุ่มถอดรองเท้า พอก้าวเข้าไปในห้องเท่านั้น เขาก็แทบจะล้มลงหัวเราะให้ตายไปเลย

“หัวเราะอะไรนักวะ!” รวินท์รู้สึกเสียหน้าชอบกล

“โห พี่วินแม่ง ขนาดผมคิดไว้แล้วว่าห้องพี่ต้องโล่ง แต่นึกไม่ถึงว่าจะโล่งขนาดนี้ว่ะ ดีนะเนี่ยยังมีกำแพง” ภูพิงค์พูดไปหัวเราะไป “ตู้ยามในมหาลัยยังมีข้าวของมากกว่าที่นี่เลยอ่ะ แม่ง ผ้าม่านยังไม่มี อยู่มาได้ไงวะเนี่ย ตอนเช้าแดดไม่แยงตาเหรอ”

“ยังไงก็ต้องตื่นเช้าอยู่แล้วนี่หว่า” ทันตแพทย์หนุ่มพึมพำ

“นี่ช่างทำงานอยู่เหรอ ติดตั้งอะไรไปแล้วบ้าง”

“ตู้เย็นอ่ะ ส่วนแอร์กับเครื่องทำน้ำอุ่นกำลังติดตั้ง ไปดูไหม”

“อือ” เด็กหนุ่มเดินตามเจ้าของห้องไป พอเข้าไปในครัวเขาก็เดินเข้าไปตรวจตู้เย็น “อืม ติดสายดินให้เรียบร้อย ตู้เย็นเริ่มเย็นละ” จากนั้นก็เดินไปคุยกับช่างในห้องน้ำ กับช่างแอร์ในห้องนอน สักพักก็เดินกลับออกมานั่งลงข้างเจ้าของห้อง

“ช่างเขาว่าไงอ่ะ”

“ใกล้เสร็จละพี่ ห้องน้ำเสร็จละ ผมเช็กน้ำอุ่นกับสายดินให้แล้วนะ เออ แล้วเตาแก๊สอ่ะ”

“นัดร้านแก๊สให้มาเอาถังแก๊สกลับบ่ายนี้แหละ แต่ยังไม่มาสักที”

“เดี๋ยวผมดูให้ ขอกินก่อน” ภูพิงค์หยิบเป้มาเปิดออก หยิบเอาขนมปังออกมากัดหงับ “ตอนเที่ยงกินไปนิดเดียว หิวฉิบ...หาย” เขาชะงักเมื่ออีกฝ่ายดึงมือที่ถือขนมปังอยู่เข้าหาตัวแล้วกัดคำโต

“เฮ้ย แย่งกันกินแบบนี้เลยเรอะ”

“อยากกินให้เห็นเองนี่หว่า หิวจะตายอยู่แล้ว”

“แล้วทำไมพี่ไม่กินอะไรก่อนล่ะวะ”

“จะกินได้ไงวะ เลิกงานก็มานั่งเฝ้าตลอดเนี่ย” รวินท์เถียงพลางกัดขนมปังในมือเด็กหนุ่มอีกคำใหญ่

เด็กหนุ่มรีบดึงมือกลับมากัดบ้าง ก่อนที่จะโดนแย่งกินเสียหมด “งั้นเดี๋ยวผมเฝ้าให้ก่อน พี่ลงไปหาอะไรกินก่อนไป เดี๋ยวเป็นลม ลำบากผมต้องหามส่งโรงบาลอีก”

“อือ ก็ดี งั้นเดี๋ยวผมมา ฝากหน่อยนะ” ทันตแพทย์หนุ่มรีบรุดออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภูพิงค์นั้น หลังกินขนมปังที่เหลือหมดก็ลุกไปดูช่างแอร์ต่อ

ไม่นานพวกช่างก็ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเรียบร้อย ขณะที่พวกเขาเปิดทดลองความเย็นกัน รวินท์ก็วิ่งเหงื่อตกกลับมาที่ห้อง

“อ้าว มาเร็วจังว่ะพี่ แอร์เสร็จแล้ว มาๆ ตากแอร์กัน”

หลังจากนั้นพนักงานก็ทยอยกันกลับไป เหลือให้สองหนุ่มยืนตากแอร์กันอยู่ในห้องตามลำพัง

รวินท์ค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งตรงขอบเตียง พลางเงยหน้าขึ้นรับลมเย็น “โห อย่างฟิน เสียงเงียบดีด้วย”

“เจ๋งไปเลยใช่มะ” ภูพิงค์ทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน ก่อนจะเสียหลักหงายท้องผลึง ไหลลงไปตามรอยยุบของเตียง “เฮ้ย! เตียงพี่มันจะกินผมแล้ว” เด็กหนุ่มร้องลั่น พร้อมกับคว้าเสื้อทันตแพทย์หนุ่มไว้แล้วดึงให้ล้มไปพร้อมกันด้วย แต่เพราะน้ำหนักตัวของทั้งสองคน ที่นอนที่เก่ามากแล้วจึงยิ่งยุบตัวลงไปอีก เป็นผลให้พวกเขาล้มลงไปนอนกองรวมกันอยู่ตรงรอยยุบกลางเตียง

“เตียงอะไรของพี่วะเนี่ย!”

“คุณตัวหนักอะ! เตียงผมเลยยุบ มันระบบเซนส์สิถีพเว้ย!”

“ยุบขนาดนี้เรียกว่าธรณีสูบเถอะว่ะพี่!”

สองหนุ่มกระเสือกกระสนออกมาจากหลุมยุบนั้นอย่างทุลักทุเล ก่อนทั้งคู่จะลุกขึ้นมายืนมองสภาพของหลุมยุบกลางเตียง

“พี่นอนไปได้ยังไงวะ! อยู่มากี่เดือนแล้วเนี่ย!”

รวินท์ยกมือขึ้นเกาปลายจมูก “ปกติก็ไม่ยุบเยอะขนาดนี้หรอก แล้วผมก็นอนเลี่ยงๆ ตรงหลุมด้วย แต่บางทีผมก็เอาที่นอนปิกนิกมานอนพื้นเอาน่ะ”

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นคลึงขมับ “เดี๋ยวไปซื้อที่นอนมาเปลี่ยนด้วยเลย ให้ที่ร้านรีบเอามาส่ง”

“เออๆ ก็ไม่รู้ซื้อที่ไหนนี่หว่า เดี๋ยวคุณก็ช่วยผมดูหน่อยละกัน”

“เดี๋ยวลองกูเกิลหาร้านดู” ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ แล้วหันไปมองตู้เสื้อผ้าพลาสติกสีแดงลายแองกรี้เบิร์ด กับอีกตู้ที่เปิดอ้าซ่าทิ้งไว้อย่างสุดจะเพลีย

“คุณยังหิวอยู่รึเปล่า”

“หิว เออ แล้วทำไมกลับมาเร็ว ไปกินอะไรมาวะเนี่ยพี่”

“ยังไม่ได้กิน ผมซื้อขึ้นมากินด้วยกัน”

“ซื้อไรมาอ่ะ”

“ข้าวเหนียวหมูทอด ไปๆ กินกันก่อนดีกว่า”

สองหนุ่มนั่งลงบนพื้นแล้วจกข้าวเหนียวหมูทอดกินกัน ถึงแม้รวินท์จะซื้อมาถุงใหญ่เบ้อเริ่ม แต่ก็หมดได้ในพริบตา

“เฮ้อ...” ภูพิงค์เอนหลังลงนอนแผ่หลาบนพื้นห้อง พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากูเกิลหาร้านที่นอนใกล้ๆ “มีร้านนึง น่าจะโออยู่”

ทันตแพทย์หนุ่มยื่นขาออกไปเขี่ยขาอีกฝ่ายเบาๆ “เดี๋ยวไปซื้อที่นอน ไปซื้อของแล้วค่อยหาอะไรกินข้างนอกต่อละกัน”

เด็กหนุ่มผงกศีรษะขึ้น “แล้วไอ้ที่พี่ว่าจะซื้อของเข้าห้องเนี่ย นึกไว้บ้างหรือยังว่าอยากได้อะไรบ้างอ่ะ”

“อยากได้โต๊ะกับเก้าอี้ไว้นั่งกินข้าว”

“โว้ะ ดีนะเนี่ยยังพอรู้ว่าอยากได้อะไร ซื้อม่านเพิ่มก็ดีนะพี่ แล้วก็ชั้นวางของในครัว” คนอ่อนวัยกว่าค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง “ห้องนี้ถ้าจะเอาไว้นั่งพื้นก็ซื้อโต๊ะเตี้ยๆ กับเบาะรองนั่ง”

“ดีๆ”

“ตู้เสื้อผ้า... ซื้อใหม่มั้ยอะ ใช้เป็นตู้ไม้น่าจะดูดีกว่านิดนึง”

“อือ ก็ดีเหมือนกัน”

“จริงสิ ผมว่าตู้เย็นพี่เย็นแล้วแหละ เอาของใส่ได้แล้วนะ”

“ของมีซะที่ไหน ก็รอจะออกไปซื้อด้วยกันนี่ไง ร้านแก๊สก็ไม่มาสักที”

เด็กหนุ่มเริ่มจะปลง “เออๆ งั้นเดี๋ยวผมเอาถังแก๊สออกให้ แล้วเอาลงไปฝากข้างล่างไว้ละกัน จะได้ไม่ต้องรอ”

“ดีๆ คุณนี่มีประโยชน์ดีชะมัด”

“พี่ก็ยังดีนะที่ทำฟันเป็น”

รวินท์คิ้วกระตุก หมายความว่านอกเหนือจากทำฟันเป็นนี่เขาไม่มีประโยชน์เลยหรือไงวะ! เขาอยากจะเถียง แต่ตอนนี้ต้องง้อภูพิงค์ไว้ใช้งาน เขาจะรอก่อนก็ได้

ภูพิงค์ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจนมุมเถียงไม่ออก “เออ ลืมบอกพี่ไปเลย สัมฯ คลิปกับรูปพี่โพสต์ลงเพจละนะ ผมจะเอาให้ดูทีหลังละกัน แต่ตอนนี้ไปจัดการกับเตาแก๊สกันก่อน”

“งั้นรอแป๊บ” ทันตแพทย์หนุ่มลุกเดินเข้าห้องไปหยิบเสื้อเชิ้ตมาส่งให้ “เอ้า เปลี่ยนเสื้อหน่อย เดี๋ยวเสื้อคุณเลอะหมด อีกอย่างออกไปข้างนอกแบบนี้เดี๋ยวโดนดักตีหัวด้วย”

“โห ตัวนี้ไม่เอาอ่ะ เสื้อพี่แม่งแพง เอาตัวที่ซื้อบิ๊กซีได้มะ”

“ตอนนี้มีแต่เสื้อกล้ามอ่ะ”

“งั้นเอาเสื้อกล้ามมาก่อนก็ได้ เอามาใส่แบกถังแก๊สก่อน”

หลังจากต่อรองกันเสร็จ ภูพิงค์ก็เปลี่ยนใส่เสื้อกล้าม เดินอาดๆ เข้าไปในห้องครัวโดยมีเจ้าของห้องตามไปติดๆ เขาย่อตัวลงสำรวจถังแก๊สขนาดเล็ก ตัวถังและวาล์วปิดยังอยู่ในสภาพดีเมื่อเทียบกับเตาแก๊สข้างบน “โห เจ้าของคนเก่าเคยทำความสะอาดบ้างป่ะวะเนี่ย คราบน้ำมันเหลืองจนดำ ขึ้นราเป็นร้อยรอบละมั้ง” เขาชำเลืองมองคนที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ด้านหลัง “อีกหน่อยกระทะไฟฟ้าพี่คงเป็นแบบนี้แหละ ดูไว้นะ”

“หมายความว่าไงวะ เมื่อเช้าผมล้างสะอาดแล้วนะ”

“เออ ทอดได้แค่ไข่เจียวน้ำมันก็คงไม่กระเด็นเลอะเทอะมากหรอก”

“แค่ไข่เจียวแต่ก็เจียวหลายทีแล้วเว้ย”

“เอาไว้ทำเมนูล้ำๆ ได้ค่อยอวดเหอะพี่ เด็กอนุบาลแถวบ้านเช่ายังทำได้หลายอย่างกว่าพี่เล้ย” เด็กหนุ่มพูดไปพลางค่อยๆ ถอดหัวต่อถังแก๊สออก

รวินท์อยากจะจับคออีกฝ่ายเขย่านัก นี่ถ้าไม่เห็นว่ายุ่งกับถังแก๊สอยู่ เขาจะยกหม้อหุงข้าวทุ่มใส่

ภูพิงค์ลองยกถังแก๊สขึ้นดู “อือ พอยกมือเดียวไหว พี่ยกเตานี่กับผมคนละข้างละกัน”

“ได้ๆ” ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปใต้เตาแก๊สเพื่อจะยกขึ้น แต่แล้วก็ชะงัก หน้าเสียทันควันเพราะความรู้สึกที่ทั้งเหนียว แหยะๆ หนึบๆ จนต้องรีบดึงมือออก “โอย... ทำไมมันเหนียวขนาดนี้วะ”

เด็กหนุ่มหัวเราะ เขาล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเศษกระดาษขึ้นมารองมือ “ก็เออดิ ทำไมไม่ใช้กระดาษรองมือก่อนล่ะพี่”

“คุณควรจะบอกผมก่อนจะลองยกเปล่าวะ!”

“เอ๊า ไม่ลองก็ไม่รู้ไง คราวหน้าจะได้ฉลาดขึ้น”

“คุณนี่แม่ง!” รวินท์เอื้อมมือไปจะเอามือที่จับเตาแก๊สเมื่อครู่ป้ายหน้าอีกฝ่าย หากเด็กหนุ่มคว้าข้อมือเขาไว้แล้วร้องลั่น

“เฮ้ยๆ เป็นหมอเล่นอะไรสกปรกไม่ดีนะพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมืออีกข้างไปรูดเตาแก๊ส ก่อนจะย้ายไปบีบจมูกเด็กหนุ่ม “ให้ถูไม่ออกไปจนตายเลย!”

“โอ๊ย! ไอ้หมอโหด!”

สองหนุ่มมัวแต่โวยวายใส่กันจนไม่ทันได้ยินเสียงอีกคนที่เพิ่งเลิกงานและตามเข้ามาสมทบ เตชิตยืนอยู่ที่หน้าห้อง ได้ยินเสียงโวยวายจึงเดินเข้ามาดู แล้วพบว่า... เพื่อนรักกำลังจะฆ่าใคร? เขาจึงถลาเข้าไปคว้าแขนรวินท์ไว้

“ไอ้วิน! เกิดอะไรขึ้นวะ! ถึงกับต้องฆ่ากันเลยเรอะ!”

“อ้าว เลิกงานแล้วเหรอไอ้เต้” คนพูดดึงมือออกแล้วชี้ไปที่เด็กหนุ่ม “นี่พิงค์ รู้จักกันแล้วนี่”

“โห พี่เต้มาทันพอดี ผมเกือบตายกลายเป็นผีเฝ้าห้องแล้วเนี่ย หวัดดีครับพี่” ภูพิงค์ยกมือไหว้

รวินท์เดินไปล้างมือพลางหันหน้ากลับมาบ่น “มึงมาก็ดีแล้ว ช่วยกูยกเตาแก๊สลงไปข้างล่างที ให้กูยกกับพิงค์ กูต้องตีกับแม่งตายระหว่างทางแน่ๆ”

“ใช่ ไม่งั้นผมต้องกลายเป็นผีเฝ้าถังแก๊สอยู่ในห้องโล่งๆ นี่แหงๆ เหงาตายห่า”

“คุณต้องเป็นผีถังแก๊สที่รั่วตลอดเวลาด้วยอีกต่างหาก”

“ผมจะหลอกจนเจ้าของถังแม่งทำได้แต่ไข่เจียวเลย เอ๊ะ แต่กับพี่วินนี่ หลอกหรือไม่หลอกก็มีค่าเท่ากันป่ะวะ ไม่คุ้มเลยอ่ะ”

“เดี๋ยวๆ หยุดก่อนทั้งสองคนเลย” เตชิตยกมือขึ้นกุมขมับ “เออ ว่าแต่คุณพิงค์มายังไงเนี่ย ไม่มีเรียนเหรอ”

“เรียนสิพี่ แต่วันนี้เลิกเรียนแล้ว พี่วินอะดิ จิกใช้ผมให้มาถึงนี่อ่ะ”

เตชิตหันขวับไปถามเพื่อนรัก “มึงจิกใช้น้องข้ามจังหวัดเลยเนี่ยนะ”

“จิกที่ไหนวะ เรียกดีๆ หรอก” รวินท์เถียงทันควัน “เขาเรียกยื่นหมูยื่นหมาเว้ย กูช่วยน้องมัน น้องมันก็ช่วยกูไง เนอะพิงค์เนอะ”

“อยากให้ผมพูดความจริงป่ะ”

“ไม่ต้องพูดอะไรเลยดีสุด”

“แล้วจะถามผมทำไมวะ”

“ไม่ได้ถามเว้ย แค่ต้องการให้พยักหน้าเออออเฉยๆ”

“เอ้าๆ ไปๆ ยกเตาลงข้างล่างกัน” เตชิตรีบขัดจังหวะ เพราะรวินท์กับเด็กหนุ่มที่กัดกันอย่างกับหมา ชวนให้เขารู้สึกปวดหัวฉิบหาย เขาเดาไม่ออกเลยว่าไอ้สองคนนี้โคจรมาเจอกันได้อย่างไร

“เดี๋ยวผมกับไอ้เต้ยกเตาแก๊ส คุณยกถังไปนะ”

“โอเค งั้นไปเลยนะ” ภูพิงค์ยกถังแก๊สเดินนำลิ่ว

“กดลิฟต์รอด้วย” รวินท์ตะโกนไล่หลัง เขาหันไปหยิบทิชชูส่งให้เพื่อนรัก จากนั้นก็ช่วยกันยกเตาออกมา

“ดีนะที่มึงตัดสินใจทิ้งไอ้เตานี่สักที กูก็นึกว่าจะเก็บไว้เป็นอนุสรณ์”

“ก็ไม่รู้จะเอาออกยังไงนี่หว่า นี่ตอนแรกรอร้านแก๊สมาถอดให้ แต่แม่งก็ไม่มาสักที พิงค์เลยจัดการถอดให้”

“แล้วนี่เรียกน้องมันมาเพื่อถอดถังแก๊สเนี่ยนะ”

“เปล่าเว้ย เรียกมาช่วยดูของ จะซื้อของเข้าห้องไง”

“ทำไมต้องให้น้องมันดูด้วยวะ”

“ก็พิงค์แม่งเก่งไง ทั้งกระทะไฟฟ้า หม้อหุงข้าว แอร์ ตู้เย็น ที่ซื้อมานี่ก็ได้น้องมันช่วยให้คำปรึกษากูทั้งนั้น น้องแม่งเรียนวิดวะไฟฟ้าไง”

“อ่อ... เข้าใจละ” เตชิตพยักหน้าหงึกหงัก วิศวะไฟฟ้าเกี่ยวอะไรกับการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เขาเองก็ยังงงๆ แต่มีคำว่าไฟฟ้าเหมือนกัน น่าจะพอเชื่อมโยงกันได้

“เดี๋ยวกูกับพิงค์จะไปบิ๊กซี มึงไปมะ”

ถ้าในยามปกติ เตชิตคงจะตอบตกลง หากวันนี้ทำงานมาเหนื่อย เดี๋ยวต้องโทรกลับบ้านไปคุยกับพ่อกับไอ้เตยอีก แล้วถ้าไปกับไอ้สองคนนี้ ต้องทนฟังทั้งคู่ปล่อยหมาออกมากัดกันตลอดทางก็คงปวดหัวแย่ อีกอย่าง รวินท์ไปกับภูพิงค์เขาก็คงไม่ต้องห่วงอะไรมาก เพราะหน้าตาของเด็กหนุ่มที่ดูเผินๆ ก็เหมือนจะดุแบบนั้นคงไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้มากนัก พอจะเป็นบอดี้การ์ดให้ไอ้วินเพื่อนเขาได้

“จะซื้อของเยอะเปล่าวะ เอารถกูไปมะ”

“เฮ้ย เอา!”

“เออ งั้นเดี๋ยวไปเอากุญแจที่ห้อง”

หลังจากจัดการกับเตาแก๊สผีสิงเรียบร้อยแล้ว สามหนุ่มจึงขึ้นลิฟต์ตรงไปที่ห้องของเตชิตก่อนเพื่อไปเอากุญแจรถ ขณะที่เจ้าของห้องเดินเข้าห้องไป ภูพิงค์ก็หันมองไปรอบๆ ห้องแล้วเปรยกับคนข้างกัน

“ห้องเพื่อนก็มีไม่ดูเป็นตัวอย่างวะพี่”

“ก็ดูแล้วเว้ย แต่ไอ้เต้มันรวย ผมไม่มีปัญญาซื้อของเต็มห้องเหมือนมันหรอก”

“โห พูดซะรันทด” ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “เอาจริงๆ ม่านคงเป็นอย่างแรกๆ ที่ผมจะซื้อมาติดก่อนเลยนะ ผมกลัวมองออกจากห้องไปเจอของดีอะดิ แบบมาแต่หัว ไม่มีตัวมีแต่ไส้ไรงี้”

“เย้ย! จะมาเจออะไรในเขตโรงบาลวะ”

“โรงบาลนี่แหละตัวดี โรงบาลไม่ใช่วัดนะเว้ยพี่”

“วันนี้คุณต้องช่วยผมหาม่านมาติดให้ได้นะเว้ย”

“พี่ก็ทนมาได้หลายเดือนแล้ว ทำไมเพิ่งมากลัววะ!”

เตชิตก้าวเข้ามาขวาง “เฮ้ยๆ ต้องเอาน้ำร้อนสาดมั้ยวะเนี่ย เงียบๆ กันหน่อย หมอห้องข้างๆ มีลูกอ่อนนะเว้ย เดี๋ยวเขาก็เอาผ้าอ้อมออกมาไล่ฟาดหรอก เอ้า นี่กุญแจ”

“ขอบใจเว้ย แล้วมึงจะแดกไร รอไหวป่ะวะ”

“ไหวๆ อะไรก็ได้ เดี๋ยวกูว่าจะนอนแป๊บก่อนค่อยโทรหาพ่อ”

“โอเค งั้นกูไปนะ พักผ่อนเว้ยมึง” รวินท์ตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ

“อย่ากัดกันตลอดทางนะเว้ย สงสารชาวบ้านบ้าง” เตชิตพูดไล่หลังแล้วเดินโซเซเข้าห้องไป

รวินท์พาคนอ่อนวัยกว่าไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องก่อน เสร็จแล้วก็พากันเดินลงไปชั้นล่าง

ไม่นานรถ Honda cr-v ก็เคลื่อนออกจากโรงพยาบาล สองหนุ่มแวะร้านขายที่นอนระหว่างทาง โชคดีที่ร้านเปิดและมีรถว่างสำหรับขนส่ง พวกเขาจึงซื้อที่นอนแล้วบอกให้เอาไปส่งไว้กับป้าผู้ดูแลหอ ก่อนจะตรงไปยังบิ๊กซีที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก ขณะที่ขับรถไป สองหนุ่มก็พูดคุยปรึกษากันต่อว่าจะซื้ออะไรบ้าง สักพักก็ไปถึงลานจอดรถเรียบร้อย

พวกเขาเลือกซื้อผ้าม่านสำเร็จรูป โต๊ะกินข้าว แก้วน้ำ มีด เขียง เก้าอี้แบบพับได้ โต๊ะญี่ปุ่น เบาะรองนั่ง โคมไฟสำหรับห้องนอน ตู้เสื้อผ้าแบบเอามาประกอบเอง ราวสำหรับตากผ้าเช็ดตัว ซื้อไปซื้อมาก็เต็มรถเหมือนกัน ดีที่วันนี้รวินท์เอารถของเตชิตมา ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องขับไปขับมาหลายรอบ

“ไปซื้อของกินกันบ้างดีกว่า”

“ซื้อน้ำผลไม้ไว้ดื่มเวลาซมซานกลับจากทำงานด้วยก็ดีนะพี่ ได้ดื่มน้ำอร่อยๆ ตอนเหนื่อยๆ ฟินดีนะ”

“เออ ความคิดดี แต่งานผมก็ไม่ได้เหนื่อยขนาดต้องซมซานกลับห้องหรอกน่ะ”

“แหม ไอ้ผมก็นึกว่าพี่ทำไร่อ้อย เห็นชอบแจกอ้อยเหลือเกิ๊น”

“ส่วนน้องพิงค์ก็คงกินอ้อยในไร่ผมไปสินะครับเนี่ย กินของหวานๆ ถึงได้เห่าไม่หยุดแบบนี้น่ะ”

ภูพิงค์หัวเราะชอบใจ “พี่วินแม่งกวนตีน”

“น้องพิงค์ไม่กวนเลยนะ”

เด็กหนุ่มเข็นรถเข็นไปแถบตู้แช่เย็น “ไส้กรอก เบคอน หมูยอดีมั้ยพี่ ทอดง่ายๆ เอาไว้โม้ได้ว่าทำอาหารได้หลายอย่าง”

“ดีๆ เอาไว้กินตอนเช้า เออ...” รวินท์ยกมือขึ้นเกาจมูก “คุณว่าผมควรซื้ออะไรไปให้ป้าพิมบ้างมั้ยอ่ะ”


“ป้าที่พาผมไปหาพี่อะเหรอ สนิทกันมั้ยล่ะ ถ้าเขาช่วยเหลือพี่บ่อยๆ ก็ซื้อขนมเล็กๆ น้อยๆ ไปให้เขาสิ เป็นสินน้ำใจไง”

“อือ... ขนมเล็กๆ น้อยๆ เหรอ ผมซื้อผลไม้ได้มั้ยอะ เห็นป้านั่งกินส้มกับแตงโมอยู่บ่อยๆ น่าจะชอบมั้ง”

“เอาดิ งั้นเดี๋ยวไปตรงผลไม้กัน” ภูพิงค์เดินเข้าไปกระแซะไหล่ทันตแพทย์หนุ่ม “เดี๋ยวนี้สังเกตคนรอบข้างเยอะขึ้นแล้วเนอะ ใช้ได้นะเนี่ย”

รวินท์อมยิ้ม “ตอนที่ป้าพิมเห็นผมซื้อของเข้าครัว เขาบอกว่าดีใจ... เพราะตอนแรกคิดว่าจะอยู่ที่โรงบาลไม่นาน”

“ก็ท่าทางของพี่ก็เหมือนจะไม่อยู่นานจริงๆ นั่นล่ะ ดูห้องตัวเองซะก่อน โรงแรมที่คนมาค้างรายคืนยังมีของเยอะกว่าเลย”

“คุณพูดถูกนะ พอทำห้องให้เป็นเหมือนบ้าน มันให้ความรู้สึกแตกต่างกันเยอะเลย”

ภูพิงค์พยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปาก เขาหันไปประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม “ผมดีใจที่พี่ไม่คิดมากแล้ว”

รวินท์เบือนหน้าหลบ “คิดมากเรื่องอะไรวะ ไร้สาระ”

“เอ๊... ใครน้า ไม่ยอมปล่อยผมกลับห้อง...”

“เฮ้ย! หยุดเลย” ทันตแพทย์หนุ่มยกขาเตะตูดอีกฝ่ายไปเบาๆ “รีบซื้อแล้วไปตลาดโต้รุ่งกันดีกว่า”

หลังออกจากบิ๊กซี สองหนุ่มก็ไปกว้านซื้ออาหารมากมายจากตลาดโต้รุ่ง ซื้ออย่างไม่รู้ไปตายอดตายอยากกันมาจากไหน ซื้อเหมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้ซื้อ ภูพิงค์ระริกระรี้เพราะได้กินฟรี เขาต้องกินให้คุ้มที่ขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามจังหวัดมาเป็นข้ารับใช้ ส่วนทันตแพทย์หนุ่มก็สายแดกเพียวๆ อยู่แล้ว พวกเขาจึงซื้อกันจนสี่มือหิ้วถุงเต็มไปหมด


*TBC*


ค่ำคืนนี้ของสองหนุ่มยังอีกยาวไกลลลล~ แค่เจอกันก็ตีกันได้อีกแล้ว สงสารห้องข้างๆ เขานะคะ  :jul3:

แต่ห้องของพี่วินก็เริ่มเป็นห้องหอขึ้นมาแย้วล่ะ น้องพิงค์น่าร้ากกก ที่สุดเลย /มองเบลอๆ ผ่านหนวดเคราไป

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-11-2017 18:00:47
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 16-11-2017 18:02:02
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 16-11-2017 18:33:00
อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ รักเรืีองนี้จัง เราชอบอารมณ์แมนๆเรื่อยๆแบบนี้ เฮฮาและfeelgood อีกตังหาก ขอบคุณมากค้าบบบบบ :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 16-11-2017 18:56:08
 :z3: มาน้อยจังเลยอ่ะ  :ling1: เค้ารอตั้งหลายวัน

สองคนนี้เค้าทันกันดีเน้อ เค้าช่วยกันเลือกที่นอนแสดงว่าจะมานอนด้วยหรือเปล่า   :haun5:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-11-2017 19:06:53
พี่วินกำลังพัฒนา  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 16-11-2017 19:31:59
รอวันพิงค์เปลี่ยนโฉม55
ชอบมาก เห็นพัฒนาการของหมอ
ดีนะมีน้องพิงค์ อยู่ไปได้ไงก็ไม่รู้คนเรา55
รออ่านตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 16-11-2017 19:34:34
หิวอีกแล้ว อยากไปโต้รุ่งบ้างเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-11-2017 19:35:44
ถึงจะทะเลาะกันตลอด แต่ไอ้ที่ฟุ้งๆสีชมพูม่วงๆนี่คืออะไร ทำไมหวานน5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 16-11-2017 19:50:37
อ่านไปยิ้มไปน่ารักมากค่ะ ดีใจที่หมอวินเปลี่ยนแปลงตัวเองใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้นสองหนุ่มจิกกัดกันได้น่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-11-2017 19:51:40
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 16-11-2017 19:55:40
ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 16-11-2017 20:01:46
อยากจะรู้ว่าใครจะรู้ตัวก่อน ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาเข้ากัน ขยับความสัมพันธ์มารักกับฉันไหมเธอ
แหมถึงเนื้อถึงตัวตลอด กว่าจะรู้ตัวนี่ก็ชินมือไปแล้ว ฮ่าๆ
ขอเป็นFCด้วยคน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-11-2017 20:10:28
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-11-2017 20:21:46
ขนาดเค้ายังไม่ได้จีบกัน ยังฟินขนาดนี้
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-11-2017 20:21:56
ยังกะคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
ซื้อของเข้าเรือนหอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-11-2017 20:24:15
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 16-11-2017 20:30:40
กวนกันไปมา น่ารักกก 55
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-11-2017 20:33:58
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-11-2017 20:35:14
ชอบบรรยากาศของสองคนนี้ การเรียกกันก็ขำนะ

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 16-11-2017 21:25:53
มาแล้ว ๆ ฮือออ มาตอนกำลังต้องการเลย T^T
มีเรื่องไม่สบายใจ อ่านพี่วินน้องพิงค์ แล้วเหมือนได้ฮีลตัวเองเลยค่ะ
คู่จิ้นดังใหญ่แล้ว แต่สาว ๆ เค้าจิ้น วินพิงค์ หรือ พิงค์วิน กันล่ะเนี่ย
ยังไม่ใช่แฟน ก็เหมือนแฟนแล้ว อ่านไปก็เขินไป ฟินอะไรจะขนาดนี้ > <
พี่วิน เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างขึ้นได้ทีละนิด ๆ แล้ว
ตั้งแต่เจอน้องพิงค์ ก็มีแต่ได้เรียนรู้เรื่องดี ๆ เนอะ น้องน่ารัก
ชอบเรื่องนี้มากกกก ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 16-11-2017 21:38:51
      ตอนใหม่มาแล้ว :katai2-1: :katai2-1:
เวลาอ่านสองคนนี่ตีกันแล้วน่ารักนะค่ะ ตอนนี้หอเริ่มเป็นหอขึ้นมาแล้วแล้วทีนี้จะยังไงต่อค่ะอิอิ
รอตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 16-11-2017 22:22:27
หมอวินพัฒนาขึ้นเยอะเลยน้าา
ชอบตอนพวกเขาทะเลาะกันจัง
มีอยู่หลายช่วงที่เราโคตรฟินเลย ขนาดพวกเขากัดกันอยู่นะเนี้ย ยังฟินขนาดนี้เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 16-11-2017 22:25:43
ทะเลาะกันบ่อยๆลูกดกนะเอ่อ555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-11-2017 22:37:32
สองคนนี่เหมาะกันมากๆๆ ทันกันทุกมุก
ว่าแต่ว่าน้องพืงึจะค้างกะพี่หมอมั้ย ขี่รถมาไกล ไปกลับมันเหนื่อยนะ นอนมันที่ห้องพี่นี่แหล่ะเนอะๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-11-2017 22:43:57
คนเค้าคู่กันเค้าก็จะนิสัยเหมือนๆกัน ชอบเหมือนๆ กัน ใครจะชอบใครก่อนนิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-11-2017 00:57:39
ซื้อของแต่งเรือนหอกันอยู่หรือค่ะทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-11-2017 01:57:26
ตลกพี่วินตรงให้วิศวะไฟฟ้ามาช่วยซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 17-11-2017 02:20:51
น่ารักโฮก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 17-11-2017 02:26:31
สงสารเต้ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ นายคือคนที่เป็นคนที่สุดในเรื่องแล้ว  :katai2-1:
อยากอ่านตอนพิเศษของแซนดี้ อยากดูชีวิตสก๊อย 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 17-11-2017 06:14:58
ค้างอ้างแรมด้วยกันแน่นวลลลล
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 17-11-2017 06:51:52
กัดขนมปังชิ้นเดียวกัน ฮื่ออออ จูบทางอ้อม ๆ  :m3:
นี่ขนาดยังไม่ใช่แฟนนะเนี่ย เป็นแฟนกันแล้วจะขนาดไหน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 17-11-2017 07:31:25
เถียงกันไปมาขนาดนี้ ลูกดกนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-11-2017 08:31:35
ซื้อของเข้าห้องครบแล้วแบบนี้ พี่วินจะได้เจอน้องเพราะสาเหตุอะไรอีกหนอ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 17-11-2017 10:18:33
มีความซื้อของเข้าหอนะคะ  อิอิทำตัวเหมือนคู่บ่าวสาวขึ้นบ้านใหม่ไปอีก :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-11-2017 10:23:19
 :impress2: คู่รักคู่กัดเพราะเขาคู่กันไงค่ะ งี้แระอยู่ๆไปรับรองลูกเต็มบ้าน เชื่อเรา  :katai3:
                                         :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 17-11-2017 15:03:13
เอ็นดูพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Mod40 ที่ 18-11-2017 10:44:20
อ้างถึง
วิศวะไฟฟ้าเกี่ยวอะไรกับการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เขาเองก็ยังงงๆ แต่มีคำว่าไฟฟ้าเหมือนกัน น่าจะพอเชื่อมโยงกันได้
โคตรลั่น555 :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 18-11-2017 13:05:32
รอน้องพิงค์ โกนหนวดโกนเครา ออร่าน่ารักเปล่งปลั่งแน่เลย  :o8:
รอพี่ิวิน เลิกแทนตัวว่าคุณกับผม เป็นพี่กับพิงค์
พี่เต้ จะมีคู่กับเขาไหมน้อ เลือกเพื่อนน้องพิงค์ไปสักคนสิคะพี่เต้ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-11-2017 14:36:21
ถ้าซื้อของเข้าห้องหอ (?) ครบแล้ว ก็รีบย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 18-11-2017 16:06:10
น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: maii ที่ 18-11-2017 21:05:19
ยังไม่เป็นอะไรกันแต่คุยโทรศัพท์ได้มิ้งมากเวอร์ อนาคตเป็น #คู่รักสายแดก แน่นอน  o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-11-2017 06:10:18
55555 น่ารักดี เต้ไว้ใจ ก็ผ่านไปได้ขั้นหนึ่ง

วินท์ก็ซื่อนะบางเวลา แต่พอเจอพิงค์แล้ว เหมือนได้ปลดปล่อย
พิงค์ก็ปากร้าย จิกกัดพี่ตลอด

แต่ตอนอยู่ด้วยกัน ก็น่ารักดี ตลกด้วย บ้านจะพัง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-11-2017 21:29:46
รวดเดียวจบ กวนกันได้ใจจิงๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-11-2017 22:03:22
ห้องพี่วินหรือห้องน้องพิงค์คะเนี่ย อยู่ด้วยกันเลยดีไหม :mew3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 12 : ห้องที่เริ่มเป็นบ้าน][161117]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 22-11-2017 15:37:02


Chapter 13 : เรียนรู้


เมื่อกลับมาถึงหอพัก ที่นอนใหม่ของรวินท์นำมาส่งไว้แล้ว สองหนุ่มจึงช่วยกันยกขึ้นไปชั้นบน หลังจากหอบข้าวของที่ซื้อมาขึ้นไปเก็บบนห้องหมด พวกเขาก็ช่วยกันเอาอาหารสดใส่ตู้เย็นก่อนเป็นอย่างแรก

“ปกติช่องล่างสุดเอาไว้ใส่ผักผลไม้ แล้วพวกเนื้อสัตว์เนี่ย แบ่งใส่ถุงแช่แข็งไว้ เวลาจะกินค่อยเอาออกมาละลาย จะได้เก็บไว้ ได้นานๆ ส่วนพวกขวดน้ำผมใส่ไว้ตรงนี้นะ”

เจ้าของห้องพยักหน้า “ไข่ใส่ตรงนี้ใช่มะ”

“เออ ฉลาด รู้แล้วก็เอาใส่ซะ เดี๋ยวผมไปตั้งโต๊ะไว้กินข้าวก่อน” ภูพิงค์ก็จัดการเอาโต๊ะญี่ปุ่นที่ซื้อมากางออก วางเบาะนั่งพร้อมเตรียมกินอาหารมื้อเย็น “พี่วินโทรเรียกพี่เต้ดิ บอกมาเร็วๆ เดี๋ยวของกินเย็นหมด”

“โอเค” เมื่อรับปากแล้วก็รีบกดโทรศัพท์โทรไปตามเพื่อนรักทันที

เตชิตลังเลนิดหน่อย เขากลัวจะหูชาอีก หากความหิวชนะทุกสิ่ง เขาจึงตัดสินใจมาร่วมวงด้วย

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด อาหารวางเต็มโต๊ะดูน่ากิน แต่รวินท์กับเด็กหนุ่มน่ะสิ ยังหาเรื่องปะทะคารมกันได้ตลอด

“ผมบอกแล้วว่าโต๊ะเอาลายไม้ดีกว่า พี่วินอะ จะเอาลายภูเขาน้ำตก ดูดิ พอวางของแล้วก็ไม่เห็นลาย ดูรกด้วย”

“เวลากินข้าวก็ดูข้าวสิวะ จะดูลายทำไมเล่า อีกอย่างโต๊ะนี้ซื้อไว้อ่านหนังสือเว้ย”

“อ่านหนังสือก็ไม่เห็นลายโต๊ะอยู่ดีปะ แล้วจะซื้อภูเขาน้ำตกนี่มาทำไมอะ”

ในขณะที่สองคนที่นั่งอยู่ก่อนเถียงกันไป เตชิตก็ตักอาหารใส่ปากไปด้วย มือข้างหนึ่งถือช้อน มืออีกข้างกุมขมับ ปวดศีรษะจี๊ดๆ

“นี่พวกคุณมึงจะอยู่อย่างสงบสักห้าวิฯ ได้มั้ยวะ”

“ห้า...” รวินท์นับถอยหลังทันที

“สี่...” ภูพิงค์ช่วยนับต่อ

งานนี้เตชิตต้องยอมแพ้ ประกอบกับที่รู้สึกปวดศีรษะ ไม่ค่อยสบายด้วย ให้ต่อล้อต่อเถียงกับไอ้สองคนนี้เขาคงไม่ไหวแน่ๆ เขาจึงกินพออิ่มท้องแล้วก็รีบชิ่งกลับห้องไป

“ไอ้เต้มันแปลกๆ สงสัยไม่ชอบหน้าคุณแหงๆ อยู่แป๊บๆ แล้วก็รีบหนีทุกที” รวินท์บ่นใส่คนที่นั่งอยู่ด้วย

“ผมว่าพี่เขารำคาญเสียงพี่น่ะแหละ”

“เสียงผมเนี่ย ทำคนไข้หลับมาแล้วหลายราย”

“หลับเพราะเสียงหรือกลัวพี่จนสลบ เอาให้แน่ๆ” ภูพิงค์ตอบพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู “เออ นี่ครับ คลิปกับสัมฯ ของพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มรับมาดู เขาไถหน้าจอไปเรื่อยๆ พลางอ่านคอมเมนต์ไปคร่าวๆ “ดูพวกเขาจะชอบรูปคุณกับผมมากเลยนะ”

เด็กหนุ่มสะดุ้งตัวเบาๆ เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะตอบส่งๆ ไป “ก็มันมีแค่รูปผมกะพี่ จะให้เขาชอบรูปใครวะ”

“อือ ก็จริง”

แน่ะ เชื่ออีก! ทำไมเชื่อง่ายจังวะ!

“จะมีวิ่งมาราธอนเหรอ โห เหนื่อยกันอีกแล้วเนอะ”

“จริงๆ ผลัดกันวิ่งพี่ แล้วก็มีอาจารย์กับคณะอื่นๆ มาร่วมวิ่งด้วย แต่ปีนี้คณะผมเป็นตัวแทนจัด เอาจริงๆ ก็วิ่งแค่ในเมืองเอง งานนี้เพื่อหาเงินซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงบาลบนดอยน่ะครับ”

รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก “คณะคุณนี่ดีจังนะ จัดกิจกรรมมีประโยชน์ดี”

“คณะผมอาจารย์กับรุ่นพี่จะสอนต่อกันมาว่า เราเป็นฟันเฟืองของชุมชน เราเคลื่อนตัวเพื่อพัฒนาชุมชนของเรา ยังมีกิจกรรมอีกเรื่อยๆ แหละพี่ เดี๋ยวเทอมสองก็จะมีกิจกรรมหาทุนไปค่ายอาสาอีก”

“อืม...”

ภูพิงค์ยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย “สนมั้ยวะพี่”

“สนอะไร”

“วิ่งมาราธอนไง”

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว เขาหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับเหงื่อพอไม่ให้หน้าเมือก “วันวิ่งมาราธอน... ถ้าเป็นตอนเช้าก่อนคลินิกเปิดผมคงไปดูได้”

“พี่มาได้ก็ดี อะ!”

รวินท์กอดคอเด็กหนุ่มพร้อมกับดึงเข้าหาตัว เขายิ้มกว้าง เปิดกล้องวิดีโอในโทรศัพท์มือถือแล้วยกขึ้นถ่ายพวกเขาทั้งสองคน “ดูสิใครมาชวนผมไปงานวิ่งมาราธอน แล้วเจอกันที่งานละกันนะครับ วิ่งกันให้เต็มที่เลยนะ” จากนั้นจึงกดปิดแล้วส่งคืนให้อีกฝ่าย “เอ้า จะเอาไปทำอะไรก็เอาไป”

ภูพิงค์อ้าปากค้าง “โห ใจบุญสุนทาน” แต่ในใจอุทาน พี่วินแม่งโคตรรู้งาน!

“ถ้าคนเขาชอบรูปคุณกับผมกัน คลิปนี้มันก็คงใช้ประโยชน์ได้บ้างล่ะมั้ง”

“อิ่มบุญมากมั้ยเนี่ยพี่ ผมอิ่มจะอ้วกแล้ว!” ไม่ได้รู้เลยนะว่าไอ้ที่คนอื่นชอบพวกเขา บอกว่าน่ารักสารพัดเนี่ย เพราะอะไร! เขาเอาพี่กับผมไปจิ้นกันนะเว้ย! ยังจะมาราดน้ำมันลงกองไฟอี้ก!

“ทำไมทำหน้าแปลกๆ ไม่ดีรึไงวะ”

“ดี... ดีครับ ขอบคุณมาก ไอ้พวกสโมฯ ต้องยกย่องเชิดชูผมแน่” เด็กหนุ่มพูดพลางยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา “ผมคงต้องกลับแล้วพี่ น่าจะถึงมหาลัยสักห้าทุ่ม”

ทันตแพทย์หนุ่มยืดแขนขึ้นบิดขี้เกียจ “อย่าเพิ่งกลับดิ ม่านยังไม่ได้ติดเลย โต๊ะกับตู้ก็ยังไม่ได้ประกอบอ่ะ ที่นอนเก่าก็ยังต้องยกลงไปทิ้งข้างล่างอีก”

“หือ?” ภูพิงค์หันไปส่งสายตาขุ่นๆ ใส่ “ใจคอพี่จะใช้งานผมทั้งคืนไม่ให้กลับเชียงใหม่เลยรึไงวะ”

“แหม ก็เราพี่น้องกันไง คุณบอกว่าจะช่วยผมไม่ใช่เหรอ แล้วจะทิ้งให้ผมงมหาวิธีประกอบโต๊ะตู้คนเดียวได้ลงคอรึไง”

“ใจจริงล่ะพี่ พูดมาตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมเว้ย”

รวินท์หัวเราะร่วน “ก็ไหนๆ มาถึงนี่แล้ว มาทั้งทีต้องใช้ให้คุ้ม อีกอย่างกลับตอนนี้กว่าจะถึงก็ดึกดื่น คุณก็ค่อยกลับพรุ่งนี้สิ มีเรียนกี่โมงอ่ะ”

“เก้าโมงครึ่ง”

“เออ เห็นมะ เช้าค่อยขี่รถกลับ สว่างดีด้วย ปลอดภัยกว่า”

เด็กหนุ่มถอนหายใจหนักๆ “ทำไมพี่ไม่บอกผมก่อนวะ ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเลยเนี่ย”

“แก้ผ้านอนไปละกัน”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นกอดลำตัว “แต่พี่ต้องสัญญาว่าจะไม่ลวนลามผมนะ”

“ผมไม่คิดสั้นขนาดนั้นหรอกน่ะ”

“โหย เนี่ยกางเกงในก็ไม่มีเปลี่ยนอ่ะ”

“ก็ไม่ต้องใส่ดิ เวลานอนใครเขาใส่กันวะ”

“ปกติผมนอนกับไอ้ซันอ่ะ ถ้าไม่ใส่เดี๋ยวเช้าขึ้นมาต้องชักธงแข่งกับแม่ง” เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมทำท่าประกอบ “หรือพี่อยากแข่งกับผม”

รวินท์ยกขาถีบอีกฝ่ายไปหนึ่งที “เห็นภาพชัดเจนเลยไอ้เด็กเวร”

ภูพิงค์หัวเราะร่วน “งั้นเดี๋ยวผมติดม่านให้พี่ก่อนดีกว่า คนอื่นจะได้แอบดูเราไม่ได้นะ”

“ใครเขาจะอยากดูกันวะ!”

ขณะที่คนหนึ่งเก็บจานชามไปล้าง อีกคนก็จัดการติดผ้าม่านอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ช่วยกันเอาขยะกับที่นอนเก่าลงไปทิ้งข้างล่าง แล้วขึ้นมาประกอบตู้เสื้อผ้ากันต่อ ปิดท้ายด้วยการประกอบโต๊ะอาหาร

ภูพิงค์ไขน็อตที่ขาโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว ใช้เวลาเพียงแค่ครู่เดียว โต๊ะกินข้าวก็เสร็จเรียบร้อย

พวกเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่ตรงโต๊ะอาหารแล้วกวาดสายตามองไปภายในห้องช้าๆ

รวินท์ไม่อาจหุบยิ้มได้เลย “ขอบใจมากนะพิงค์ คุณช่วยผมได้เยอะมาก ประหยัดตังค์ไปเยอะด้วย ห้องผมดูเป็นห้องมากขึ้นเป็นกอง”

“มันก็ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอะไรหรอกพี่”

“จริงสิ คุณไปคณะทันตะหรือยัง นัดได้เมื่อไหร่”

คนอ่อนวัยกว่าชะงัก แล้วยิ้มแหยๆ “คือ...”

“ยังไม่ได้ไปล่ะสิ”

“ก็ยังไม่ว่างอะพี่~”

ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้าเครียดขู่ “เดี๋ยวถ้าปวดตอนสอบขึ้นมาจะแย่นะเว้ย”

เด็กหนุ่มโน้มตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วอ้าปากกว้าง “พี่ดูสิดู ทุกอย่างปกติเห็นป่ะ แต่ยังไงเพื่อความสบายใจ ผมจะไปคณะทันตะแน่นอนน่ะ”

“ให้มันจริง... งั้นเราไปอาบน้ำนอนกันเหอะ เหนื่อยชะมัดเลยวันนี้”


รวินท์เปิดเครื่องปรับอากาศในห้องนอนทิ้งไว้ก่อน ระหว่างที่เขาไปอาบน้ำเด็กหนุ่มก็ถอดเสื้อผ้าแขวนไว้แล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวรอ

ภูพิงค์หันมองไปรอบๆ ห้องซึ่งไม่มีแม้กระทั่งโต๊ะอ่านหนังสือ ดีหน่อยที่มีที่นอนกับตู้เสื้อผ้าใหม่แล้ว นั่งรอไปสักพักก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งข้อความไปบอกเพื่อนๆ ว่าจะค้างข้างนอกและดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานเจ้าของห้องก็กลับเข้ามาในห้อง

“นั่งให้ดีๆ หน่อย เห็นไปถึงไส้อ่อนแล้ว”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหุบหาทันควัน ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ผมก็ใส่กางเกงในป่ะวะ”

“นั่งแบบนี้เหมือนอีหนูรอเสี่ยมาเปิดซิงเลยว่ะ”

คนอ่อนวัยกว่าวางโทรศัพท์มือถือลง เขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วยกมือขึ้นปิดติ่งไตบนแผ่นอกไว้ “ถึงผมจะน่ากินขนาดไหนพี่ก็ควรอดใจไว้บ้าง ให้ที่บ้านมาขอก่อนนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มเบ้ปากใส่ “ดีนะผมยังอิ่มอยู่ ไปอาบน้ำได้แล้วไป๊”

หลังจากอีกฝ่ายออกจากห้องไป เขาก็ปิดไฟดวงใหญ่ เปิดโคมไฟที่หัวเตียงแทน แล้วเอนตัวลงนอน ระหว่างที่รอให้เด็กหนุ่มกลับมาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าไปในเฟซบุ๊ก ในไทม์ไลน์มีภาพถ่ายของภูพิงค์ในกิจกรรมประชุมเชียร์และรับน้องขึ้นดอยซึ่งถูกแท็กมาขึ้นเป็นระยะๆ แต่แล้วรวินท์ก็กดเข้าไปดูในอัลบั้มรวมรูปทั้งหมด เพราะอยากเห็นอีกฝ่ายตอนรับบทพี่ว้าก

ตอนประชุมเชียร์ทำหน้าโหดฉิบเป๋งเลย อย่างกับคนละคน จะว่าไปเป็นพี่ว้ากก็ดูเท่ดีเหมือนกัน

แต่พอหลุดเก๊กเท่านั้น ไม่เหลือมาดพี่ว้ากเลยสักนิด

รวินท์หัวเราะพลางกดดูรูปต่อไปเรื่อยๆ เขาเห็นรูปตัวเองตอนเข็นเด็กปีหนึ่งที่ชื่อโจ้ขึ้นเขาด้วย หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ไม่รู้อีกฝ่ายเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากนั้นก็ยังมีรูปของเขากับรุ่นพี่คณะที่จบไปแล้ว รูปตอนพบกับพิงค์ครั้งแรกและนั่งคุยกัน เมื่อเลื่อนลงมาอ่านคอมเมนต์ก็เห็นรูปหัวใจกับคำว่าน่ารักเต็มไปหมด ทำให้เขายิ้มออกมาอย่างลืมตัว

นานแล้วนะเนี่ย ที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้ เหมือนกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้งเลย

ทันตแพทย์หนุ่มชะงักพลางขมวดคิ้ว... แต่จะว่าไป เขาชีวิตในมหาวิทยาลัยของเขา หลักๆ ก็มีแต่เรียน แล็บ แล้วก็ขึ้นคลินิกนี่หว่า

เลื่อนๆ รูปไปอีกก็ไปเจอรูปภูพิงค์ตอนกำลังซ้อมวิ่งแบกเสลี่ยง หัวฟูหยอยเป็นทรงแอโฟรเลยทีเดียว เป็นผลให้รวินท์หัวเราะออกมาได้อีกครั้ง นิ้วมือก็กดไล่ดูรูปต่อไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลิน

“นอนยิ้มตาเยิ้มแบบนี้ ดูหนังโป๊อยู่แหงๆ”

คนที่นอนอยู่บนเตียงผงกศีรษะขึ้น “ระดับผมต้องดูด้วยเรอะไง เล่นเองก็ได้มะ”

ภูพิงค์พยักหน้ารัว “อือ ก็น่าอยู่” เขาเดินไปนั่งลงบนเตียงตรงที่ว่างแล้วเอนหลังพิงหมอน “พี่วินท่าจะเชี่ยวว่ะ”

“เชี่ยวอะไรวะ”

“เรื่องอย่างว่าไง” เด็กหนุ่มตอบแล้วก็หันไปหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองมากดดูบ้าง

“ทำไมถึงคิดงั้น”

“หือ คิดอะไร”

“เป็นอัลไซเมอร์เหรอวะ” รวินท์หันไปส่งสายตาดุใส่ “ทำไมถึงคิดว่าผมเชี่ยว”

“อ๋อ ไม่รู้ดิ เดาเอา”

“แล้วทำไมถึงเดาอย่างนั้นล่ะวะ”

“ก็ผมคิดว่าพี่คงมีคนเข้าหาเยอะไง”

“คิดว่าผมฟาดหมดทุกคนที่เข้ามาเลยเหรอ”

“อือ” เด็กหนุ่มตอบไปตามตรง “แบบคลำดูไม่มีหางก็เอา”

ทันตแพทย์หนุ่มยกขาขึ้นถีบอีกฝ่ายไปเบาๆ “เห็นแบบนี้ก็เลือกนะเว้ย แล้วผมไม่ได้ตายอดตายอยากขนาดนั้นป่ะวะ”

ภูพิงค์หัวเราะ “เลือกบ้างก็ดีไง แล้วพี่จะถีบผมทำไมเนี่ย!”

รวินท์รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ เขาขมวดคิ้วพลางพลิกตัวหันหลังให้คนที่นอนอยู่ข้างกัน

หากคนอ่อนวัยกว่าไม่ได้สนใจ เพราะมัวแต่อ่านประกาศจากอาจารย์เรื่องการสอบมิดเทอม แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเงียบไป เขาจึงหันไปมอง “พี่วินหลับแล้วเหรอ” เมื่อทันตแพทย์หนุ่มไม่ตอบ เขาจึงเอื้อมมือไปปิดไฟที่โคมไฟหัวเตียงฝั่งที่อีกฝ่ายนอนอยู่

ทว่าขณะที่ยื่นมือออกไปก็สังเกตเห็นว่ารวินท์ยังคงลืมตาอยู่ เขาจึงรีบชักมือกลับ “ผมนึกว่าพี่หลับแล้ว โทษที” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “เป็นไรอะพี่ กินเยอะไปรึไง ทำหน้าเหมือนปวดขี้”

เจ้าของห้องยังคงมีสีหน้ายุ่ง แต่ก็พลิกตัวหันกลับมาหาคนถาม “คุณว่า... ใครๆ ก็มองผมเหมือนที่คุณพูดเมื่อกี้มั้ยวะ”

“โธ่ นึกว่าอะไร”

รวินท์ยังคงจ้องเด็กหนุ่มเขม็ง เพื่อเค้นเอาคำตอบให้ได้

“ใครๆ ที่ว่าเนี่ย หมายถึงแฟนเก่าใช่มะ” ภูพิงค์ถอนหายใจยาว “ผมตอบแทนแฟนเก่าพี่ไม่ได้หรอกนะเว้ย ถ้าพี่อยากรู้ พี่ต้องฟังจากปากของเขาเอง”

“อันที่จริง เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะอกหักได้เลยด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่เคยมีทีท่าอะไรเลย”

“เขามีแต่พี่ไม่สนใจรึเปล่าวะ ดูจากนิสัยพี่แล้วก็น่าจะใช่”

“แต่เขาไม่เคยพูดอะไร ไม่ว่าผมจะทำตัวแย่ หรือทำอะไรผิดมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยโกรธ ไม่เคยต่อว่า จนกระทั่งจู่ๆ ก็มาบอกเลิกกันนั่นละ

“ก็เพราะเขาเก็บสะสมไว้ในใจไง ที่จริงก็คงอยากด่าพี่ให้ถึงโคตรเหง้าศักราชอยู่เหมือนกันนั่นละ แต่เลือกที่จะเก็บไว้ เก็บไปเรื่อยๆ จนทนไม่ไหวก็เลยระเบิดออกมา” เด็กหนุ่มอ้าปากหาวกว้าง “บางทีถ้าตอนนั้นพี่รู้จักสังเกตบ้าง พี่ก็อาจจะเห็นความผิดปกติของเขาก็ได้”

“นั่นสินะ ผมนี่มันโง่ชะมัด ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ นั่นละ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงเศร้า

“เออ ก็สายไปจริงๆ นั่นล่ะ ถามจริงเหอะ ถ้าผมไม่ยกมาพูด จนถึงวันนี้พี่จะรู้ตัวมะวะ”

ปากพล่อยไปแล้วภูพิงค์ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ฉิบหาย... ไม่น่าไปแตะจุดเซนส์สิถีพของพี่วินเลยกู!

“เอ่อ... ที่จริง คำพูดของผมก็เอาไปตัดสินอะไรพี่ไม่ได้หรอก เพราะผมกับพี่นิสัยไม่เหมือนกัน เป็นแบบที่เรียกว่าตรงข้ามกันสุดๆ อะ”

สีหน้าของทันตแพทย์หนุ่มนิ่งขรึม เขากำลังพยายามเปรียบเทียบตัวเองกับเด็กหนุ่มอยู่ในใจ “......”

“แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสักหน่อย อย่าคิดมากเลยพี่ นอนกันเหอะ” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มบาง พร้อมกับยกมือขึ้นตบหลังมืออีกฝ่ายเบาๆ “พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวทำข้าวต้มให้กิน เรียกพี่เต้มากินด้วยกันนะ”

นัยน์ตาเรียวหลุบลงต่ำ เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แค่พลิกตัวนอนหงายแล้วกะพริบตาปริบๆ

“ปิดไฟด้วยสิพี่ ผมจะได้ไม่ต้องเอื้อมให้เหนื่อย”

“เอื้อมแค่นี้ก็ต้องบ่น คุณอายุเท่าไหร่กันแน่วะ”

“เด็กก็เมื่อยเป็นนะลุง” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปเพื่อจะปิดไฟที่โคมไฟเสียเอง แล้วแกล้งเอนตัวทับลงไปบนตัวอีกฝ่าย

“หนัก!”

“โธ่ ผมก็นึกมาตลอดว่าตัวเองเบ๊าเบา” ภูพิงค์รีบขยับออกก่อนที่เขาจะโดนถีบตกเตียง เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือมาหยิกพุงตน “โอ๊ยๆ อย่าหยิกผิดนะพี่ เดี๋ยวผมสูญพันธุ์”

“ไม่ต้องห่วง ผมหาไม่เจอหรอก”

“โห! แรง~”

“นอนได้แล้วเว้ย กวนประสาทอยู่ได้”

“ก็เห็นชอบให้ผมกวน”

“คุณนั่นล่ะที่ชอบกวนผม” รวินท์ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม พวกเขาต้องใช้ผ้าห่มผืนเดียวกัน แต่โชคดีที่ผ้าห่มของเขาผืนใหญ่ ชายหนุ่มซบใบหน้าลงบนหมอนพลางข่มตาให้หลับลง

ในความมืดนั้น ภูพิงค์ลืมตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ติซึ่งอยู่บนหมอนใกล้ๆ

เขาชักอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้คนดังอย่างพี่วินลืมไม่ลงแล้วแฮะ ดูพี่วินท่าจะรักมากๆ

แต่ก็นะ เขาคิดว่านับถอยหลังรอพี่วินมีแฟนใหม่ได้เลย พนันกันได้ว่าอีกไม่นานชัวร์

เด็กหนุ่มปิดตาลงอีกครั้งพร้อมกับถอนหายใจยืดยาว


เช้าตรู่วันใหม่ที่อากาศสดใส ท้องฟ้าโปร่งโล่ง ดวงอาทิตย์แผดรังสีความอบอุ่นไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เตชิตผู้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเร็วกว่าปกตินั่งหน้าง่วงอยู่ที่โต๊ะอาหารใหม่เอี่ยม บนโต๊ะมีไข่เจียว ไข่เค็ม ผักกาดดองวางไว้พร้อม ในมือของทันตแพทย์หนุ่มถือถ้วยกาแฟควันโขมง ส่วนรวินท์เพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังรีบแต่งตัว

“เมื่อคืนไม่ได้กลับหรอกเรอะ” เตชิตถามเด็กหนุ่มที่กำลังตักข้าวต้มอยู่ในครัว

“กลับอะไรล่ะพี่ พี่วินใช้งานผมทั้งคืนอ่ะ เรียกมาทีใช้คุ้มฉิบหาย อ่ะ พี่ ข้าวต้ม”

“ขอบใจ” 

“เสียดายไม่มีผักบุ้งกับพริกอ่ะ เมื่อวานดันลืมซื้อ ไม่งั้นจะทำยำไข่เค็มกับผัดผักบุ้งให้ด้วย”

“โห แค่นี้ก็หรูมากแล้ว ปกติผมกินแค่ขนมปังกับกาแฟเอง”

“แค่นั้นพี่จะมีแรงทำฟันคนไข้ได้ไงอะ ผมแค่นั่งเรียนเฉยๆ กินข้าวต้มนี่ยังไม่ค่อยจะพอ” ภูพิงค์พูดกลั้วหัวเราะ

“แล้วเดี๋ยวนี้ต้องขี่รถกลับมหาลัยสินะ เหนื่อยแย่”

“ไม่หรอกพี่ แค่ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว”

เตชิตส่ายหน้าไปมา “ไอ้วินนี่รบกวนเขาไปทั่วเลยจริงๆ”

เด็กหนุ่มโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “พี่วินช่วยคณะผม ผมก็ต้องช่วยพี่วินตอบแทนบ้าง เรื่องธรรมดาอะพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “ช่วยอะไรเหรอ”

“วันก่อนพี่วินให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคณะผมในฐานะคนที่ไปดูการขึ้นดอย สัมภาษณ์ของพี่วินช่วยให้คนมองระบบโซตัสของคณะผมดีขึ้น ให้คนรู้จักวิศวะขึ้นดอยมากขึ้น” ภูพิงค์หัวเราะแหะแหะ พลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “คือเรื่องสัมภาษณ์มันก็ไม่ใช่ความคิดของผมหรอก ผมโดนสโมฯ สั่งมาอีกที”

เตชิตพยักหน้าหงึกๆ “อ่อ เรื่องแบบนี้ไอ้วินมันถนัด มันทำมาตลอดหกปีแล้วอะนะ”

ในขณะเดียวกันรวินท์ก็เดินเข้ามาสมทบ “มาแล้วๆ กินกันได้ยัง”

“ก็รอพี่วินอยู่คนเดียวนี่แหละ พี่เต้ท้องร้องดังไปถึงโรงบาลแล้ว”

“แต่ท้องพิงค์ร้องดังไปถึงเชียงใหม่แล้วใช่ป่ะ”

เด็กหนุ่มหันขวับ “โห พี่เต้... เห็นเงียบๆ แบบนี้ก็ร้ายอะ ผมต้องระวังหมอฟันทั้งหลายให้มากกว่านี้ซะแล้ว”

รวินท์ตอกกลับไปทนควัน “โหย ไม่ต้องเลย ผมกับไอ้เต้สองคนยังปากร้ายไม่เท่าคุณ”

“ผมปากร้ายตรงไหน เขาเรียกจริงใจ คิดอะไรก็พูด”

“ปากไม่มีหูรูดว่างั้น”

“ปากใครมีหูรูดบ้างวะ เรียนหมอมาจริงเปล่าวะพี่น่ะ”

“เรียนหมอฟันเว้ย เรียกให้ครบๆ”

“โอยๆ กินข้าวกันเหอะ” เตชิตรีบยกมือขึ้นห้ามทัพ ก่อนอาหารตรงหน้าจะกองอยู่ในน้ำลายเสียหมด

 หลังเสร็จจากมื้อเช้า ทันตแพทย์ทั้งสองก็เดินไปส่งเด็กหนุ่มที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้

“ขี่รถกลับดีๆ อย่าไปหาเรื่องใครระหว่างทางรู้มั้ย” เตชิตตบไหล่คนอ่อนวัยกว่าเบาๆ

“โห พี่เต้ เห็นผมเป็นคนยังไงวะเนี่ย”

“อย่าลืมไปคณะทันตะด้วยนะเว้ย” รวินท์ย้ำเป็นรอบที่สิบ

“คร้าบๆ” ภูพิงค์รีบก้าวขึ้นนั่งมอเตอร์ไซค์ก่อนที่เขาจะโดนรุม อยากจะเถียงกลับรัวๆ แต่ก็เห็นว่าเป็นทันตแพทย์ทั้งสองคน เขาอาจจะโดนรุมเลาะฟันออกได้ เด็กหนุ่มจึงรีบสตาร์ตรถแล้วแว้นออกไปโดยเร็ว

จากนั้นทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองคนจึงเดินต่อไปยังโรงพยาบาลด้วยกัน

ระหว่างทางที่เดินไป รวินท์หันไปบอกกับเพื่อนรักเสียงเรียบ “ไอ้เต้ รู้เรื่องขวัญรึยัง”

เตชิตหันขวับ “เรื่องขวัญ? ทำไมวะ ขวัญติดต่อมึงมาเหรอ”

“เปล่า แต่ขวัญมีคนใหม่แล้วว่ะ”

“....” เตชิตอ้ำอึ้ง

“เพื่อนมึงโดนทิ้งแบบถาวรซะแล้ว”

“...กูเสียใจด้วย”

“เออ กูก็เสียใจ”

เพื่อนรักยกแขนขึ้นโอบไหล่ “แต่มึงดูโอเคนะ ทำใจได้แล้วเหรอวะ”

“จะต้องให้กูเดินร้องไห้ฟูมฟายเหรอวะ โรงบาลแตกพอดี” รวินท์หัวเราะเจื่อนๆ “แต่กูก็พอรู้ตัวอยู่แล้ว เลยทำใจไว้ล่วงหน้านิดหน่อย”

เตชิตลูบศีรษะคนที่เดินอยู่ข้างกันเพื่อปลอบโยน “ทำใจไว้บ้างก็ดีแล้วมึง”

“ถึงกูจะรู้ตัว แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็เจ็บฉิบหายเลยว่ะ กูรักขวัญมาห้าปีเลยนะเว้ยมึง ถึงกูจะเหี้ยยังไง แต่ขวัญก็เป็นแฟนคนเดียวของกู”

เตชิตถอนหายใจ จากนั้นจึงสวมกอดเพื่อนรักพลางลูบหลังให้

“ขอบใจเว้ย กูไม่เป็นไร”

“แล้ว... มึงจะเอาไงต่อไป”

“จะเอาไงได้ ขวัญบล็อกการติดต่อทุกช่องทางไปแล้ว กูไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ คงได้แต่ทำใจว่ะ”

“ถ้างั้นมึงจะใช้ทุนที่นี่ต่อไปมั้ย”

“ต่อสิวะ มึงคิดว่ากูซื้อแอร์ซื้อตู้เย็นมาประดับห้องเล่นๆ เรอะ”

“มึงตั้งใจจะรอขวัญเหรอ”

รวินท์มองตรงไปข้างหน้าพลางยิ้มบาง “ไม่รู้เหมือนกัน... บางทีกูอาจอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง เพราะงั้นก็...ให้เวลาตัดสินเถอะ”

เตชิตชำเลืองมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนรักเป็นระยะ ก่อนจะถอนหายใจยาว


เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ สี่หนุ่มวิศวะในบ้านเช่ายังคงนอนหลับกันเป็นตาย แต่จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงท่อมอเตอร์ไซค์ที่ดังกระหึ่มอยู่หน้าบ้าน ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องของแซนดี้

“เฮ้ย อะไรวะเนี่ย เสียงอีแซนดี้นี่หว่า” ภูพิงค์ตื่นขึ้นเป็นคนแรก เขารีบลุกขึ้นไปดูจากหน้าต่างชั้นบน

ข้างล่างนั้นมีแก๊งมอเตอร์ไซค์สองฝั่ง กำลังเร่งท่อไอเสียแข่งกัน ส่วนตรงกลางนั้น แซนดี้ยืนหวีดร้อง หันไปทางซ้ายทีและขวาที

ซันคลานมาเกาะขอบหน้าต่างดูบ้าง “มึงว่ามันแข่งกัน ใครแพ้ได้อีแซนดี้ไป หรือมันจะรุมกระทืบอีแซนดี้กันวะ”

“ใจกูว่าน่าจะอย่างหลัง แต่ดูท่าทางระริกระรี้ของอีแซนดี้แล้วไม่น่าจะใช่”

สักพักก็มีอีกสองหนุ่มโผล่หน้ามาจากหน้าต่างบานใกล้ๆ “ไม่น่าเชื่อว่าอีแซนดี้จะมีวันรถไฟชนกัน”

“รถมอไซค์ป่ะวะ” ภูพิงค์หันไปแก้คำผิดให้ “พวกมึงว่าเอาไงดี”

“ถ้าลงไปช่วยมันตอนนี้ พวกเราจะกลายเป็นแว้นอีกกลุ่มที่มาแย่งอีแซนดี้ป่ะวะ” ขิงหันไปปรึกษากับทุกคน

“ดีไม่ดีอีแซนดี้อาจจะด่าให้ ดูหน้ามันสิ กำลังฟินชัดๆ”

“นี่อาจจะเป็นโอกาสในฝันของมัน เดี๋ยวอาจจะมีแข่งซิ่งรถ อีแซนดี้คงได้เป็นพริตตี้ถือธงสมใจ”

ภูพิงค์พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับเพื่อนๆ หากพอมองไกลออกไป เห็นรถคุ้นตากำลังเคลื่อนเข้ามาในซอย เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วชะโงกหน้าออกไปมอง

“มีไรวะไอ้พิงค์”

“ไอ้ซัน วันนี้เสาร์อาทิตย์ต้นเดือนเหรอวะ”

“เปล่านี่ อีกสองอาทิตย์นะมึง ทำไมวะ” ซันชะเง้อมองออกไปบ้าง

“มึงเห็นอย่างที่กูเห็นมั้ย”

“แค่รถคล้ายๆ ป่ะวะ รอดูทะเบียน...”

จู่ๆ ดิวก็ร้องขึ้น “ไอ้เหี้ย~ พ่อแม่อีแซนดี้มา! มันยังใส่แซกรัดรูปของแม่มันอยู่เล้ย!”

สี่หนุ่มกรูกันลงไปชั้นล่างของบ้านเช่า วิ่งพรวดพราดออกไปที่หน้าบ้านอย่างรวดเร็ว พวกเขาตะโกนเรียกเสียงดัง

“อีแซนดี้ เข้าบ้าน!”

“มาพอดีเลยพวกมึง! โอ๊ย กูกำลังหนักใจ เลือกไม่ถูก ทางนู้นก็ผัว ทางนี้ก็ผัว...” แซนดี้กรีดนิ้วชี้ไปทางขวาทีแล้วหันมาซ้ายอีกที ก่อนจะชะงักกึกเมื่อเห็นรถยนต์คุ้นตาเคลื่อนเข้ามาจอด

มารดาของแซนดี้ถลาลงมาจากรถแล้วตะโกนลั่น “แสนดี!”


*TBC*


ฮรือออ... น้องภูกับพี่วินโต้คารมกันได้มุ้งมิ้งน่ารักเนอะ /ชมเองก็ได้

เขาก็สนิทกันมากขึ้นอีกนิดแล้วนะคะ ส่วนพี่หมอนี่ก็ช่างรู้จักวิธีเอาตัวเองไปพัวพันกับคณะวิดวะเนอะ รู้งานอะ 555555555 เดี๋ยวจะโดนกล่อมด้วยเพลงดอกไม้บานไปอีกยาวๆ ระวังตัวให้ดีเถอะพี่หมอ 55555555

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามค่า  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 22-11-2017 15:57:09
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-11-2017 16:11:34
แซนดี้งานเข้า เด็กแว้นแย่งกันไม่พอแม่ยังมาเห็นจะๆคาตาด้วย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 22-11-2017 16:20:00
 :hao7: ปากดีจริงๆเลยน้องพิง  เจอกันที่ไรกัดกันทุกที่

ตอนที่13แล้วนะ ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย

อยากเห็นตอนรักกันจังเลย  :m3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 22-11-2017 16:21:42
แซนดี้จะทำยังไงดี แม่มาแล้วจ้าาา ลุ้นๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-11-2017 16:34:53
ถถถถ แซนดี้ แม่มาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 22-11-2017 16:45:46
งานเข้าน้องแสนดีซะแว้วววววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 22-11-2017 17:00:24
แสนดีคุณแม่มาหา งานเข้าเต็มๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-11-2017 17:24:11
พี่วินท์น้องพิงค์ยังเถียงกันน่ารักเหมือนเดิม  :-[
ส่วนแซนดี้งานเข้าละ ขุ่นแม่มา จะขำก็ขำ จะสงสารก็สงสาร เอาใจช่วยอยู่ห่างๆนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-11-2017 17:30:10
เอ้างานเข้าแล้วแซนดี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-11-2017 17:39:41
"โอ๊ย กูกำลังหนักใจ เลือกไม่ถูก ทางนู้นก็ผัว ทางนี้ก็ผัว...”
ถถถถถถถถ.......แซนดี้  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ดูท่าภูพิงค์ คงห่างหมอวินไม่ได้ละ
กิจกรรมตามมาติดๆและ
ไหนจะช่วยงานห้งหมอวิน
นี่ก็ค้างกันจนคุ้น กกน.ไม่ต้องใส่นอนก็ไม่ถือกันแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 22-11-2017 17:50:25
สงสารแซนดี้ กำลังฟิน คุณพ่อคุณแม่มาหาซะงั้น 5555555
คู่หลักเข้าน่ารักอ่ะ รอน้องพิงค์มาดามใจพี่หมออยู่อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-11-2017 17:51:18
 :laugh:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 22-11-2017 18:00:52
แสนดีหนูต้องมีชีวิตรอดนะลูก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 22-11-2017 18:47:56
กรี๊ดดดด งานเข้าแซนดี้แล้ววว :mew5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 22-11-2017 19:01:12
สนุกมากครับ ตามต่อไป :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 22-11-2017 19:08:59
ฮาหมอเต้ อยู่กับหมอวินพิงค์ จะปวดหัวขนาดไหน

แสนดี เฮ้ย แซนดี้ หนูต้องเอาตัวรอดมาให้ได้นะ ไม่งั้นตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-11-2017 19:24:36
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าแก่ ที่ 22-11-2017 20:08:06
รู้สึกว่าแซนดี้จะงานเข้า.  555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-11-2017 20:20:42
“แสนดี!” :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 22-11-2017 20:28:10
ตอนนี้มีความละมุนมากครับ ได้บรรยากาศของคนที่กำลังเริ่มรู้สึกดีๆ กัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 22-11-2017 20:30:41
แซนดี้ใจเย็น พ่อกะแม่อาจจะจำไม่ได้ก็ได้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-11-2017 20:46:28
5555. แสนดี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 22-11-2017 20:47:35
งานเข้าทั้งหมดแน่  o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-11-2017 20:48:39
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 22-11-2017 21:12:43
แซนดี้งานเข้าไปอี๊กก :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-11-2017 21:47:16
จิกๆกัดๆ เดี๋ยวก็รักกันไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 22-11-2017 21:53:36
อยากเห็นคู่นี้ตอนเป็นแฟนกันเร็วๆจัง คงจะน่ารักและกวนตีนสุดๆ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: maii ที่ 22-11-2017 21:54:08
ช่วยแซนดี้ด้วยค่ะทุกคนนนน :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 22-11-2017 22:03:50
พี่หมอที่แสนดีของน้อง ทำไมต้องทำอะไรเปลืองตัวด้วยคะ
เดี๋ยวเด็กมันหลงจะทำยังไง น้องไม่ยอม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 22-11-2017 22:05:11
เถียงกันไฟแลป 5555. สงสารหูเต้เลยจริงฟ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-11-2017 22:35:56
อ้อยกันยังไงไม่ให้รุ้ว่าอ้อย หยอดกันยุ่นั่นแหล่ะจะจีบก็จีบเลยซิ
ส่วนแสนดีงานเข้าเต็มๆ เอาใจช่วยแล้วกันนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-11-2017 22:43:52
น้องพิงค์ดามใจพี่วินด่วนๆๆๆ

ไว้อาลัยให้แซนดี้ o22
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 22-11-2017 23:16:49
แสนดี!!!  555555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-11-2017 03:42:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-11-2017 06:08:15
เอาละไงน้อวแสนดี (5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 23-11-2017 07:14:11
ใกล้กันมากขึ้น ค่อยๆเรียนรู้กันไป น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 23-11-2017 07:32:47
นอนด้วยกันอีกแล้ว ฮื่ออ  :-[
แล้วก็ต้องถามคำถามเดิม ๆ ว่า นี่เค้าเพิ่งรู้จักกันจริงเหรอ
ทำไมถึงอยู่ด้วยกันได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้เนี่ย > <
สงสารพี่เต้ ขยาดจะอยู่ด้วยกับสองคนนี้ไปเลย 555
ชอบความพูดตรง ๆ ของน้องพิงค์มาก ๆ อ่ะ คู่ที่เหมาะสมของพี่วิน
อย่างพี่วิน ถ้าไม่พูดไม่บอกอะไรตรง ๆ ก็คงไม่เข้าใจง่าย ๆ
รีบ ๆ ลืมแฟนเก่าให้ได้น้า เดี๋ยวก็ได้แฟนใหม่แล้ว น้องพิงค์ทายแม่นเน้อ
ตัดมาที่แซนดี้ งานเข้าจัง ๆ น่าจะแก้ตัวอะไรไม่ได้แล้ว
หาวิธีทำให้พ่อแม่ยอมรับสิ่งที่เป็นให้ได้ดีกว่า ซึ่งคงยากใช่เล่นเลย
แล้วจะมากระทบอะไรกับหนุ่ม ๆ ร่วมบ้านไหมเนี่ย เอาใจช่วย ๆ
ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 23-11-2017 08:46:11
ค่อยๆ ซึมซับการมีของกันและกัน น่ารักอ่ะ จิกกัดกันไป คอยดูเดี๋ยวก็จะขาดกันไม่ได้  :-[
อิ่มบุญกันถ้วนหน้า ชอบการเป็นไปของคู่นี้จริงๆ รอฟิน กันต่อไป
อ๊ะ...อ่ะ...อู๊ย...น้องแซนดี้ เอ้ยแสนดี เหมือนมีงานงอกน่ะจ๊ะ กำลังฟินผู้มาแย่ง  o22 คู๊ณแม่มายังไงค่ะ
สามสหายจะช่วยกับสถานะการณ์นี้ยังไงหนอ ขอให้รอดน่อ  :call: แม่สก๊อยสาวสุดแซ่บในสามโลก  :m20:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 23-11-2017 12:35:14
ขอสองคนเลยได้ใหม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-11-2017 13:46:19
อิแซนงานเข้าแล้วค่ะมึง นั่นก็ผัว นี้ก็ผัว แต่โน้นอ่ะแม่มึงค่ะอิแซนดี้ ตายแน่งานนี้ (อภัยที่หยาบด้วยนะคะ)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 23-11-2017 14:49:40
อยากบอกว่าสนุกมากกกกกกกก

สนุกจริงๆ ค่ะ ชอบๆ อยากให้มาต่อเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-11-2017 21:32:38
รอวันคู่จิ้นเป็นคู่จริงค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-11-2017 09:53:20
งานเข้าแล้วไหมล่ะแซนดี้ 5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 24-11-2017 21:45:34
รอน้าาาาา :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 25-11-2017 16:15:47
่แซนดี้กลับเป็นแสนดีให้พ่อแม่ไม่มัน แถมผังมาชนกันอีก จะยังไงต่อล่ะเนี่ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 25-11-2017 22:24:36
 :hao5: น่ารักจัง แต่ทิ้งท้ายด้วยแสนดี ที่ไม่รู้จะออกมาแบบไหน คิคิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 26-11-2017 18:15:17
น่ารัก มุ๊งมิ๊ง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 26-11-2017 18:46:03
น้องพิงค์ คือ ผู้เปิดหลักสูตรเรียนรู้การใช้ชีวิตให้พี่วิน  :m1:
ปากอย่างน้องพิงค์นี่แหละ เหมาะสมกับคนแบบพี่วินที่สุดจ้า 555
รักเรื่องนี้มากมาย > <
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 26-11-2017 22:36:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-11-2017 13:04:29
55555 แหย่กันแบบนี้ มีลูกได้ ลูกดกแน่

หมอน่ารักนะ สดใสขึ้น พิงค์ช่วยได้
พิงค์ก็กวนประสาท แล้วไปป่วนพี่เค้าซะ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 27-11-2017 16:07:15
 :catrun:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 27-11-2017 17:22:33
พี่วินดูมีการพัทนาขึ้นาำหรับการใช้ชีวิตขึ้น ต้องของคุณปาก อย่างพิงละนะ

พี่หมอนี้กลัวน้องเข้าใจผิดเรื่อง "เชี่ยว"ฮ่าๆๆๆ

แหนะๆๆ

พี่หมอถ้าจะใช้น้องขนาดนี้ รบกวนไปสู่ขอน้องที่คณะ เลยคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 28-11-2017 03:35:12
แซนดีงานงอก55
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 28-11-2017 13:30:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 28-11-2017 17:03:02

Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน


การมาถึงของบิดามารดาของแซนดี้ทำให้กลุ่มเด็กแว้นหยุดชะงักและตะลึงงึงงัน ก่อนจะแตกฮือกันไปคนละทิศละทาง เนื่องจากมารดาของเขาต่อว่าทุกคนบนมอเตอร์ไซค์อย่างเกรี้ยวกราด เสียงดังกลบเสียงท่อไอเสียนับสิบไปเสียสนิท ส่วนบิดาก็พยายามที่จะห้าม แต่ก็ไม่เป็นผล

พอภูพิงค์กับเพื่อนถลาจะเข้าไปช่วยห้าม มารดาของแซนดี้ก็ชี้กราดใส่เป็นรายบุคคล “พวกเธอก็เหมือนกัน เป็นผัวแสนดีทั้งนั้นเลยใช่มั้ยเนี่ย!”

สี่หนุ่มยืนหน้าเสียหลังจากโดนข้อกล่าวหาร้ายแรงเข้าไป อะไรที่ทำให้เธอคิดว่าพวกเขาจะเอาอีแซนดี้ทำเมียได้วะเนี่ย!

“เข้าไปข้างในก่อนเถอะแม่!” ในที่สุดบิดาของแซนดี้ก็ฉุดแขนพาภรรยาเข้าไปข้างในบ้านเป็นผลสำเร็จ เขาหันมาสั่งกับพวกเด็กหนุ่ม “พาแซนดี้เข้ามาด้วยเร็ว”

บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นคุกรุ่น เครื่องปรับอากาศซึ่งเปิดไว้ที่อุณหภูมิ 18 องศาเซลเซียสยังไม่ช่วยอะไร

สี่หนุ่มยืนกุมเป้าพิงกำแพงอยู่ทางด้านหลังโซฟาที่แซนดี้นั่งอยู่ พวกเขาฟังมารดาของเพื่อนรักต่อว่าจนหูชา

“ฉันก็นึกว่าเพื่อน นี่แกเอาผัวมาอยู่บ้านตั้งสี่คนเชียวเหรอ! สลับกันใช้ทุกคืนเลยรึไง!”

แซนดี้ตอบโดยไม่ยอมสบสายตากับมารดา “แม่จะบ้ารึไง ไอ้พวกนี้มันเป็นเพื่อนผมทั้งนั้น!”

“อย่ามาโกหกฉัน นึกว่าฉันโง่เรอะ แล้วนี่แกเอาเสื้อผ้าฉันมาใส่ยั่วพวกมันใช่มั้ย!”

“แม่! พูดจาดีๆ หน่อย ไอ้พวกนี้มันเพื่อนแสนดีมั้ย” บิดาเถียงแทน

มารดาหันไปตวาดใส่ “คุณจะไปรู้อะไร!”

บิดาคิ้วกระตุก เขาตอบกลับไปเสียงเข้ม “ทำไมฉันจะไม่รู้เล่า! แสนดีมันเป็นตุ๊ดฉันยังรู้มาตั้งนานแล้วเลย!”

คำพูดของบิดาแสนดีทำให้ทั้งห้องเงียบกริบลงทันควัน หญิงวัยกลางคนเบิกตากว้างพร้อมกับอ้าปากค้าง

“ใช่ เพราะฉันเป็นพ่อมันไง แค่นี้ทำไมฉันจะดูไม่รู้ และฉันก็รู้ด้วยว่าเด็กสี่คนนี่ช่วยแสนดีปิดบังมาตลอด แล้วเธอล่ะ เป็นแม่ประสาอะไร เคยใส่ใจ เคยสังเกต เคยฟังลูกมันพูดอะไรบ้างมั้ย เอาแต่โวยวาย ใช้แต่อารมณ์ ไม่ได้เรื่อง!”

มารดาของแสนดีง้างมือตบหน้าสามีเธอดังฉาดใหญ่

“แม่! ทำไมทำแบบนี้!” แซนดี้อ้าปากค้าง เขาถลาเข้าไปขวางทันที “ทำพ่อทำไม! พ่อไม่ได้ผิด ผมนี่แหละผิด! ถ้าอยากจะตบก็ตบผมนี่” สิ้นคำท้ามารดาก็ง้างมือตบลูกชายไปอีกฉาด

แซนดี้นิ่งอึ้ง ดราม่ายิ่งกว่าชีวิตของดาวพระศุกร์ ตั้งแต่เกิดมาแม้แต่ตีสักเพียะบิดามารดายังไม่เคย แล้วนี่ถึงกับตบเขาหน้าหัน เขายกมือขึ้นสัมผัสจุดที่โดนฝ่ามือพิฆาตของมารดาไปเมื่อครู่ แล้วน้ำตาก็รินไหลออกมาอาบแก้ม

“ตบอีกสิ ตบให้ผมตายไปเลย จะได้สาแก่ใจแม่ไง”

“ดี ฉันจะตบให้แกตายคามือที่เลี้ยงแกมานี่แหละ” เธอถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อลูกชายมากระหน่ำตบแบบไม่ยั้งมือ

“หยุดนะ!” บิดากระชากแขนเธอออก “พิงค์ ซัน! ไปแจ้งตำรวจ!”

“ฮะ!” สองหนุ่มเบิกตาโพลง

“เอาแม่ไอ้แสนดีไปเข้าคุกซะ จะได้หายบ้า!”

“นี่คุณ!”

“หยุดนะ! จะฟังฉันหรือจะให้ฉันตบเธอเท่าที่เธอตบลูก!” บิดาซึ่งดูนิ่งๆ ท่าทางใจดีอยู่ตลอดเวลาแผดเสียงดังก้องไปทั้งบ้าน เขาง้างมือออกเตรียมตบถ้าหากอีกฝ่ายท้า เป็นผลให้มารดาอ้าปากค้าง

“พ่อ! อย่าทำแม่ครับ!” แซนดี้ถลาเข้าไปกอดบิดาไว้

“ปล่อยพ่อ! แม่แกเสียสติไปแล้วไม่เห็นรึ! แกเป็นลูกคนเดียวของฉัน เป็นหัวใจของฉัน! ใครก็แตะต้องแกไม่ได้!”

สิ้นเสียงดุของบิดา มารดาก็ตัวสั่น ร้องไห้ออกมาเสียงดัง

“ฉันแค่ดุเธอ เธอร้องไห้ แล้วที่เธอทำลูกล่ะ! คิดบ้างมั้ย! มันต้องเจ็บทั้งใจเจ็บทั้งกาย! เธอเป็นแม่ประสาอะไร!”

“พ่อ...” แซนดี้กอดบิดาแน่น เขาสะอึกสะอื้นไห้ ระหว่างบิดากับมารดาซึ่งเขาพยายามปิดบังความลับนี้ไว้ เขากลัวบิดาจะไม่เข้าใจตนเองมากที่สุด กลัวว่าบิดาจะรับไม่ได้ ทว่า... ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด คำพูดของบิดาทำให้เขารู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีก “พ่อครับ ผมผิด ผมมันเลว ผมทำให้ทุกคนผิดหวัง”

“แกจะเป็นอย่างไรก็ช่าง พ่อรักของพ่อ”

คำพูดของบิดากรีดลึกไปถึงขั้วหัวใจ แซนดี้หันไปมองมารดาซึ่งยังร้องไห้ฟูมฟาย ก่อนจะหันไปทางเพื่อนทั้งสี่คนที่ยืนอ้ำอึ้งไม่รู้จะทำอย่างไร “ผมขอโทษ ผมขอโทษทุกคน ไอ้พิงค์ ไอ้ซัน ไอ้ดิว ไอ้ขิง กูขอโทษ ขอโทษจริงๆ”

“ไอ้...” ดิวอ้าปากจะปลอบเพื่อน หากแซนดี้พุ่งตรงเข้าไปชาร์จเขา แล้วล้วงหยิบเอากุญแจมอเตอร์ไซค์ในกระเป๋ากางเกงซึ่งเขามักจะพกติดตัวไว้เสมอๆ ขึ้นมา

“กูขอโทษนะดิว แล้วกูจะชดใช้ให้” พูดจบแซนดี้ก็วิ่งพุ่งออกจากบ้านไป

“เฮ้ย! อีแซนดี้!” สี่หนุ่มถลาเข้าไปขวาง ก่อนจะโดนถีบกระเด็นกระดอนไปคนละทิศทาง

“เรื่องนี้กูเป็นต้นเหตุ กูจะจัดการปัญหานี้เอง”

“แสนดีจะทำอะไร หยุดนะลูก!” บิดาร้องเรียกด้วยความตกใจ

“พ่อ... แม่... ผมขอโทษ” แซนดี้ยกมือไหว้ แล้วแว้นมอเตอร์ไซค์กระโปรงปลิวออกไปอย่างรวดเร็ว

หญิงวัยกลางคนช็อกเสียยิ่งกว่าช็อก ไหนจะเรื่องของสามี ไหนจะลูกชาย กว่าเธอจะได้สติ ลูกชายเพียงคนเดียวก็ขี่มอเตอร์ไซค์ลับสายตาไปเสียแล้ว

“แสนดี แสนดี! จะไปไหนลูก!” เธอหวีดร้องเสียงดัง

“มันหนีไปก็เพราะเธออยากให้มันตายไม่ใช่รึไง” บิดาตวาดใส่อีกรอบ

“ไม่! ไม่นะ! คุณรีบไปตามลูกสิ!”

“ตามมาให้เธอตบอีกรึ! ที่ทำร้ายมันไปยังไม่พอเรอะ!”

“ไม่!” มารดาของแสนดีร้องลั่น เธอถลาเข้าไปเกาะแขนภูพิงค์ไว้แล้วร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่ “ช่วยแสนดีด้วย ฉันขอโทษ ฉันยอมรับผิดทุกอย่าง ช่วยพาฉันไปหาแสนดีที”

“คุณน้า นั่งรอที่นี่เถอะ เดี๋ยวพวกผมจะไปตามแสนดีให้เองครับ”

“แต่... แต่...”

“ถึงแสนดีกับพวกเราจะแตกต่าง ไม่มีอะไรคล้ายกันเลยสักอย่าง ดูไม่น่าจะคบหาเป็นเพื่อนกันได้ แต่แสนดีก็เป็นเพื่อนที่พวกเรารัก คุณน้าทำใจดีๆ รออยู่ที่นี่ละ พวกผมจะไปตามแสนดีให้เองนะ” ภูพิงค์พูดเสียงหนักแน่นให้มารดาของแสนดีเบาใจ หากก่อนจะวิ่งออกไปหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ บิดาของแสนดีก็เรียกไว้

“พิงค์ เอารถพ่อไปลูก ขับรถเป็นใช่มั้ย”

“เอ่อ... ครับ”

“ดิว เอารถแสนดีไปนะ”

“ครับ”

และแล้วรถสองคันก็แล่นออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้สองสามีภรรยาอยู่ปรับความเข้าใจกันตามลำพัง


รถยนต์ออดี้สปอร์ตไต่ขึ้นเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขาตั้งแต่ฟ้าเพิ่งเริ่มสาง ดวงอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาได้เพียงนิดเดียว อากาศในยามเช้าเย็นสบาย รวินท์จึงปิดเครื่องปรับอากาศในรถ แล้วเปิดหน้าต่างออกรับลม

ทันตแพทย์หนุ่มขับรถจากลำพูนมาถึงเชียงใหม่เมื่อเย็นวาน หลังจากพาเตชิตไปกินมื้อเย็นแล้วก็ไปส่งที่สนามบิน พอกลับถึงคลินิกก็พบพี่สิงหาพอดี สุดสัปดาห์นี้เขาไม่ต้องนอนคนเดียว แถมไม่ต้องเริ่มงานแต่เช้า เพราะมีพี่สิงหามาทำคลินิกพิเศษด้วย
หากก่อนคลินิกจะปิด พี่นิ้งกับไอ้น้องตึ๋งเข้ามาขอร้องให้เขาขับรถพาขึ้นมาไหว้พระแก้บนที่วัดพระธาตุดอยคำในตอนเช้าของวันเสาร์สักหน่อย ส่วนตัวเขาเองก็ยังไม่เคยขึ้นมาไหว้พระที่นี่เลยสักครั้ง ก็เลยตอบตกลงไป

พี่นิ้งกับตึ๋งเตรียมดอกไม้ธูปเทียนมาถุงใหญ่เพื่อถวายพระแก้บน และก็เตรียมไว้เผื่อเขาด้วยเสร็จสรรพ พอจอดรถแล้วสองแม่ลูกก็พากันเดินไปอย่างรวดเร็ว แต่เพราะเขาเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก เดินไปก็หันมองซ้ายขวาอยู่บ่อยๆ จึงช้ากว่าคนอื่น

“ผมต้องเรียกพี่หมอว่าลุงแล้วเนี่ย ไวๆ หน่อยคร้าบ”

รวินท์คิ้วกระตุก “เดี๋ยวปั๊ดให้เดินกลับเองเลยนี่”

เมื่อเข้าไปไหว้พระในวัด ทันตแพทย์หนุ่มขอพรเผื่อเพื่อนของเขาด้วย ขอให้บิดาและน้องชายที่อยู่ในโรงพยาบาลฟื้นตัวโดยเร็ว จากนั้นก็เดินตามหลังเด็กหนุ่มกับพี่นิ้งไปเรื่อยๆ อยู่ภายในบริเวณวัด

ระหว่างนั้นก็นึกย้อนไปถึงท่าทางแปลกๆ ของเพื่อนรักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไอ้เต้มันดูเครียดผิดปกติ คงจะคิดมากเรื่องที่บ้านนั่นล่ะ แถมต้องเดินทางไปเดินทางมา ไม่มีวันหยุดให้พักเลย เขาเองก็ห่วงว่าสุขภาพมันจะทรุดลงไปเสียก่อน ถ้าหากโรงพยาบาลขาดทันตแพทย์ไปสักคน เขาคงเหนื่อยตาย

“พี่หมอ อย่ามัวแต่เหม่อสิครับ เดี๋ยวก็เดินตกเขาไม่รู้ตัวหรอก”

“โทษทีๆ คิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ”

พี่นิ้งยกมือขึ้นป้องดวงตาพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้า “แดดออกแล้ว พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า หมอจะได้มีเวลาพักก่อนเริ่มงาน”

“ครับ” รวินท์หันไปยิ้มพลางพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นพวกเขาจึงเดินกลับไปยังรถที่จอดอยู่

หากพอเคลื่อนรถออกไปจากที่จอดรถได้สักพัก ตึ๋งก็สะกิดบอกเจ้าของรถรัวๆ

“พี่หมอ! มีคนกับหมาทะเลาะกันอยู่ตรงนั้น! จอดรถก่อนพี่!” ตึ๋งโวยวายเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่ใส่แค่เสื้อสายเดี่ยวตัวบางกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วถือไม้ขู่สุนัขตัวเตี้ยๆ อยู่ตรงที่ว่างริมถนนข้างทาง ส่วนเจ้าสุนัขก็เห่าใส่อีกฝ่ายเสียงดัง

“ฮะ!” รวินท์รีบเบี่ยงรถเข้าไปจอดข้างทาง ก่อนตึ๋งและพี่นิ้งจะรีบรุดลงจากรถ แล้วพุ่งเข้าไปหาหนึ่งคนกับสุนัขอีกหนึ่งตัวอย่างรวดเร็ว

แต่แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็วิ่งไปเกาะต้นไม้ใกล้ๆ พลางร้องโวยวายเสียงลั่น “จ่วยตวยเจ้า!(ช่วยด้วยค่า!) ไอ้หมาวอก มาไล่ฮายิหยัง!”

ตึ๋งและพี่นิ้งช่วยกันทำเสียงดังไล่สุนัขไป มันเป็นสุนัขของวัด ซึ่งปกติไม่ดุอะไร แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้มันถึงเฮี้ยนไล่กัดคนได้ จากนั้นทั้งสองก็หันไปทางเด็กหนุ่มอีกคน “บ่เป็นหยังแม่นก่อ...เจ้า”

คนถูกถามหันหน้าขวับ ใบหน้าของเขามีเครื่องสำอางเลอะเปรอะเปื้อนไปหมด ขนตาปลอมหลุดลงมาบนแก้ม อายไลเนอร์เยิ้มรอบตาเป็นหมีแพนด้า ไหลลงมาเป็นทางถึงคาง ลิปสติกเลอะเป็นปื้นรอบริมฝีปาก ตามเนื้อตัวมีรอยขีดข่วน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย คงจะมาจากตอนที่เขาตะกุยต้นไม้นั่นล่ะ

สองแม่ลูกผงะไปเล็กน้อย เข้าใจสุนัขแล้วว่าเห่าทำไม

เมื่อจอดรถเสร็จรวินท์ก็วิ่งตามเข้ามา “เป็นอะไรรึเปล่า เรียกรถพยาบาลมั้ย”

เด็กหนุ่มในเสื้อกล้ามหันมองไปทางทันตแพทย์หนุ่ม หน้าตาอย่างนี้เขาจำได้แม่น “หมอ!”

“ฮะ!”

ตึ๋งหันไปถามแบบงงๆ “รู้จักพี่หมอด้วยเหรอ”

“หมอจำผมได้มั้ย คนที่ลากไอ้พิงค์ไปหาหมอไง ที่โวยวายๆ เสียงดังลั่นคลินิกกันคืนนั้นน่ะ”

รวินท์เลิกคิ้วขึ้น เขาพอจะจำได้รางๆ เหมือนกันนะ “เพื่อนพิงค์เหรอ” พอนึกได้ก็โปรยยิ้มออกมาอย่างลืมตัว “แล้วมาแก้ผ้าทำอะไรอยู่ที่นี่ล่ะเนี่ย”

“ผมชื่อแซนดี้” เจ้าของชื่อยกมือไหว้กราดไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ “ทะเลาะกับที่บ้านมาแล้วหัวร้อน ผมเลยหนีออกมาขี่มอไซค์ให้ลมโกรก กะว่าจะมาเข้าวัดให้ใจสงบลงสักหน่อยด้วย แต่ยังไม่ทันเข้าเขตวัดเลย ไอ้หมานี่ก็มาไล่เห่าผมซะงั้น”

“เข้าใกล้วัดแล้วร้อนมากเหรอพ่อหนุ่มเอ๊ย เสื้อผ้าเลยเหลือน้อยชิ้นแบบนี้น่ะ อีกนิดตำรวจจะไล่จับแล้วเนี่ย” พี่นิ้งถามพร้อมกับยกมือกุมอก

“ตอนออกมาก็ใส่เสื้อผ้าครบอยู่พี่ แต่ชุดข้างบนมันรัด ข้างล่างลมก็ตีกระโปรงสั่นพั่บๆ ผมหงุดหงิดด้วยโมโหด้วย เลยถอดเขวี้ยงทิ้งไประหว่างทาง กะว่าจะมาขอยืมเสื้อผ้าวัดใส่ไปก่อน”

ทันตแพทย์หนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกของเขาออก เหลือเสื้อยืดข้างในอีกตัว เนื่องจากเมื่อเช้าอากาศเย็นๆ เขาจึงใส่เสื้อมาสองชั้น จากนั้นก็เอาเสื้อเชิ้ตที่ถอดออกมาไปคลุมไหล่ให้แซนดี้ “คลุมไว้ก่อนนะ”

แซนดี้อ้าปากค้าง ในชีวิตไม่เคยคิดว่าตนเองจะได้อยู่ในฉากนางเอกแสนโรแมนติกขนาดนี้ ท่าถอดเสื้อของพี่หมอก็เท่เป็นบ้า รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นแอฟ ทักษอรอย่างไรอย่างนั้น “ขะ... ขอบคุณครับ”

“แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไร”

พอถูกถามด้วยคำถามแทงใจ แซนดี้ก็ร้องไห้กระซิกๆ “ผมเป็นตุ๊ดน่ะพี่ แม่จับได้ ทะเลาะกันรุนแรง ผมเลยหนีออกมาตั้งหลัก”

“ดีนะที่รู้จักถอยมาตั้งหลัก” รวินท์ยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “ผมว่าเรากลับไปคุยกันที่คลินิกดีกว่า คุณยืนโล่งโจ้งแบบนี้ เดี๋ยวอะไรๆ ที่แต๊บไว้ก็ร่วงลงมาพอดี ดีไม่ดีฟ้าผ่าซ้ำอีก”

แซนดี้พยักหน้า ไปซ่อนตัวที่คลินิกยังดีกว่ายืนตากแดดตากลมแบบนี้ เดี๋ยวผิวเสีย อากาศก็เริ่มร้อนแล้วด้วย “งั้นเดี๋ยวผมขี่รถตามไป”

“พี่แซนดี้ไปกับพี่หมอเถอะ เดี๋ยวผมขี่มอไซค์ตามไปให้ ผมล่ะกลัวพี่จะโดนตำรวจซิวไปซะก่อนจริงๆ”

“ไปเถอะ ขึ้นรถนะครับ” รวินท์เอื้อมมือไปโอบไหล่แซนดี้ไว้หลวมๆ เขาพาไปที่รถ เปิดประตูแล้วขยับเก้าอี้ให้อีกฝ่ายขึ้นไปนั่งบนเบาะหลัง

แซนดี้หันมองอย่างงงๆ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีใครปฏิบัติแบบนี้กับเขา

โห... พี่หมอโคตรเจนเทิลแมน เสียดาย... น่าจะเป็นเด็กแว้น

ใช้เวลาไม่นานรถออดี้สปอร์ตและมอเตอร์ไซค์อีกคันก็เคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถของคลินิก จากนั้นพวกเขาจึงทยอยเข้าไปนั่งภายในห้องที่อยู่ด้านหลังคลินิกกัน

พี่นิ้งต้องขอตัวไปก่อนเพื่อเตรียมทำงาน เธอนำน้ำมาเสิร์ฟให้ทันตแพทย์หนุ่มกับแซนดี้ กำชับลูกชายให้ช่วยปลอบอีกฝ่ายแล้วเดินออกจากห้องไป

“พี่แซนดี้ไปล้างหน้าหน่อยเหอะ ตาจมูกปากแลกที่กันหมดแล้ว”

“เดี๋ยวผมเอาเสื้อผ้าให้ยืมเปลี่ยนนะ” รวินท์เดินขึ้นห้องไปหยิบเอาเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเท่าหัวเข่ามาส่งให้

ซึ่งเมื่อแซนดี้เห็นเข้าก็ผงะไปเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึง ก็แบบว่า... ทำไมมันต่างจากเสื้อเชิ้ตที่เอามาคลุมไหล่ให้เขาจังวะ

“เสื้อผ้าใส่อยู่บ้านผมมีแต่แบบนี้แหละ ชุดใส่ทำงานมีอีกชุดเดียว ผมต้องใช้พรุ่งนี้ ขอโทษด้วยนะ”

“เปล่า... เปล่า...ไม่เป็นไรครับพี่หมอ”

ทันตแพทย์หนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “คุณทำหน้าเหมือนพิงค์ตอนเห็นเสื้อผ้าผมเลยน่ะ สมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน ไปเถอะ ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย”

แซนดี้เลิกคิ้วขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว เขาจ้องมองอีกฝ่ายพลางเอียงคอเล็กน้อย “พี่หมอ ดูสนิทกับไอ้พิงค์จังเนอะ”

“หือ?”

“เอ้อ เปล่าๆ ครับ ขอบคุณครับ”

หลังเดินออกมาจากห้องน้ำ แซนดี้ก็พอดูเป็นคนขึ้นมาบ้าง แม้เครื่องสำอางจะยังล้างออกไปไม่หมดก็ตามที

“เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง”

“ขอบคุณพี่หมอ ขอบคุณน้อง...”

“ตึ๋งครับ” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มอย่างเป็นมิตร

“น้องตึ๋ง” แซนดี้ยิ้มบาง จะว่าไปชีวิตเขาก็ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว เพราะมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออยู่บ่อยๆ เขาค่อยๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังโดยไม่ปิดบัง ตั้งแต่โดนมารดาตบเอาครั้งแรกในชีวิตจนถึงบิดามารดาทะเลาะกัน

งานนี้รวินท์ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ เขาเองก็ไม่รู้จะปลอบใจอีกฝ่ายอย่างไร ใจนึกถึงภูพิงค์ ถ้าเป็นภูพิงค์ล่ะก็ จะต้องช่วยพูดอะไรได้บ้างแน่ๆ

“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่แม่พี่เขาจะโกรธน่ะพี่แซนดี้ พี่เป็นลูกชายคนเดียว จู่ๆ ได้มาเห็น ได้มาได้ยินอะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อน คงทั้งเสียใจ ตกใจ ผิดหวังปะปนกัน มันก็ต้องใช้เวลาป่ะ ถ้าพี่นึกย้อนกลับไปดีๆ มันก็คงมีช่วงเวลาที่พ่อพี่เริ่มเอะใจสงสัย แล้วเปลี่ยนไป มาถึงตอนนี้ท่านปรับตัวได้แล้ว แต่สำหรับแม่พี่มันแค่เริ่มต้น”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับไปทางตึ๋ง อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าเขาตั้งหลายปี แต่มีความคิดละเอียดอ่อนมากกว่าเขาเสียอีก อายเด็กไหมวะนี่!

แซนดี้นึกย้อนกลับไปตามที่คนอ่อนวัยกว่าบอก จะว่าไปมันก็มีช่วงเวลาที่เขากับบิดาห่างๆ กัน “นั่นสินะ พ่อต้องอดทนแค่ไหนที่จะยอมรับผม เข้าใจผมแบบนี้”

“พี่โชคดีมากเลยน้า เท่าที่เคยได้ยินมา ผมเห็นแต่เขามีปัญหากับพ่อกัน กับแม่น่ะ พูดไม่ยากหรอก พี่น่าจะรู้ดีว่าแม่พี่สปอยล์พี่ แล้วก็ตามใจพี่มากแค่ไหน”

แซนดี้พยักหน้าหงึกหงัก “เพราะงั้นแม่เลยเสียใจมาก ผิดหวังในตัวผมมาก...”

“ไม่หรอกพี่ เสียใจแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นแหละ เนี่ย ป่านนี้นั่งร้องไห้รอพี่กลับไปบ้านแล้ว”

รวินท์ยกมือขึ้นเขกศีรษะตึ๋งไปเบาๆ “ทำไมคล่องเรื่องแบบนี้จังวะ”

“เพื่อนในห้องเรียนผมก็เป็นตุ๊ดพี่ แต่...มันไม่โชคดีเหมือนพี่แซนดี้หรอก” ตึ๋งพูดเสียงเศร้า “พ่อแม่มันรับไม่ได้ ตอนนี้มันต้องออกจากบ้านมาอยู่คนเดียว ดีหน่อยที่ยายมันคอยแอบช่วยส่งเงินให้บ้าง มันพยายามจะเรียนให้จบมอหก แล้วก็จะหางานทำ นี่ทุกเย็นมันก็ไปทำงานเซเว่นนะพี่ แต่แค่จ่ายค่าหอก็ลำบากแล้ว มันน่าสงสารมาก เพื่อนในห้องก็พยายามช่วยเท่าที่ช่วยไหว ผมเองก็เป็นที่ปรึกษาให้มันบ่อยๆ”

แซนดี้ฟังไปพลางน้ำตาไหลพรั่งพรู ที่ผ่านมาเขาทำตัวย่ำแย่มากเหลือเกินเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในขณะที่พวกของไอ้พิงค์ตั้งใจเรียนและทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ เขากลับเที่ยวแรดแว้นไปวันๆ พวกมันพยายามต่อว่าเขาแรงๆ ให้สำนึก หากก็ไม่เป็นผล จนเกิดเรื่องแบบนี้

รวินท์พลอยหดหู่ไปกับเรื่องที่ได้ยินด้วย งานนี้ตึ๋งสอนทีเดียวได้สองคนเลยทีเดียว

“พี่วิน เดี๋ยวจะได้เวลาทำคลินิกแล้วไม่ใช่เหรอ” ตึ๋งสะกิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไป

“เออ จริงด้วย งั้นผมขอตัวก่อน แซนดี้กินอะไรมารึยัง ให้ตึ๋งช่วยหาอะไรให้กินนะ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดพลางหยิบเงินส่งให้คนอ่อนวัยกว่า

“พี่หมอก็ยังไม่ได้กินอะไรนี่”

“ไม่เป็นไร ซื้อมาเผื่อพี่ด้วยละกัน เดี๋ยวว่างจากคนไข้จะมากิน” รวินท์หันไปตบไหล่แซนดี้เบาๆ “ผมโทรหาพิงค์ให้มั้ย เขาคงเป็นห่วงแย่”

“อย่าเพิ่งเลยครับ ผมขอหลบอยู่ที่นี่อีกสักพัก”

“ตามสบาย งั้นให้ตึ๋งอยู่เป็นเพื่อนนะ ผมไปทำงานก่อน”

แซนดี้พยักหน้าหงึกหงัก ใจเขาคิดว่าควรจะกลับไปขอโทษบิดามารดา หากยังไม่กล้า เขาขอเวลาทำใจอีกหน่อย

หากเมื่อทันตแพทย์หนุ่มเดินออกจากห้องไป เขาก็หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกไปทันที


ฝ่ายภูพิงค์กับเพื่อนๆ นั้น พวกเขาขับรถแยกกันไปคนละทาง คันหนึ่งภูพิงค์ขับ ซันเป็นคนมองซ้ายขวา อีกคันดิวขับและขิงเป็นคนมองหาให้

ระหว่างที่ขับไปช้าๆ ซันก็ร้องลั่น “ไอ้พิงค์! จอด!”

เจ้าของชื่อเรียกรีบเบี่ยงรถเข้าจอดข้างทาง ส่วนซันก็ถลาลงจากรถ แล้ววิ่งตรงเข้าไปในพงหญ้าใกล้ๆ

“ระวังงูด้วยโว้ย!”

“ไอ้พิงค์ นี่มันชุดแซกอีแซนดี้ป่ะวะ!”

“เฮ้ย!” ภูพิงค์ถลาเข้าพงไปอีกคน หากที่ตรงนั้นไม่มีร่องรอยของคนเลย พวกเขาจึงถอยกลับไปยืนข้างถนนก่อนจะเจองูเข้าจริงๆ “โทรหาไอ้ดิวกับไอ้ขิงก่อน”

ไม่นานสี่หนุ่มก็มายืนเรียงแถวหน้ากระดานกันอยู่ที่หน้าพงหญ้า พวกเขาตะโกนเรียกชื่อแซนดี้นับสิบครั้งจนผู้คนที่ผ่านไปมาเข้ามามุงดูด้วยความสงสัย และก่อนที่จะมีใครแจ้งตำรวจ สี่หนุ่มก็ถอยกลับไปที่บ้านเช่ากันก่อน

เมื่อได้เห็นชุดแซกของลูกชาย มารดาของแซนดี้ก็ร้องห่มร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ร่างกายสั่นสะท้านอย่างน่าสงสาร สามีจึงโอบกอดเธอไว้เพื่อปลอบโยน

“ใจเย็นๆ นะคุณ ชุดไม่ได้เปื้อนเลือดหรืออะไรสักหน่อย”

“แจ้งตำรวจเถอะค่ะคุณ ฉันขอโทษ แม่ขอโทษนะทุกคน”

ภูพิงค์หันไปสบสายตากับเพื่อนๆ พวกเขาสงสารหญิงวัยกลางคนจับใจ “เดี๋ยวพวกผมจะออกไปตามหาเขาอีกที”

“พ่อแจ้งตำรวจไว้ด้วยดีกว่า” บิดาเอ่ยอย่างเป็นกังวล ทว่าเขาพอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เสียงโทรศัพท์ของภูพิงค์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เรียกทุกคนให้หันหน้ามองไปทางต้นเสียง

เด็กหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย แล้วพูดใส่หูโทรศัพท์รัวๆ “พี่วิน เดี๋ยวผม...” หากคนที่ต้นสายไวกว่า

“แซนดี้อยู่ที่คลินิกน่ะ จะเอายังไงดี”

“หา! ทำไมไปอยู่ที่นั่นได้อะพี่!”

“เจอเขาตอนไปไหว้พระบนดอย เลยสอยมาด้วย” รวินท์พูดพลางชำเลืองมองซ้ายขวา “เขาดูไม่ค่อยดีเลย ถึงตอนนี้จะสงบลงมากแล้วก็เหอะ จะเอายังไงดี คุณจะมารับหรือจะรอให้ผมไปส่ง แต่ตอนนี้ติดคนไข้ ผมคงไปส่งได้ตอนเที่ยง”

“เดี๋ยวผมไปรับเองพี่ ขอบคุณมาก” ภูพิงค์ตอบไปยังไม่ทันขาดคำ มารดาของแซนดี้ได้ยินเข้าก็กระโจนเข้าคว้าแขนเขาไว้ทันที

“เจอแสนดีแล้วเหรอลูก!”

“เจอแล้วครับ อยู่กับเพื่อนผม เดี๋ยวผมไปรับ”

“ให้แม่ไปด้วยนะ แม่จะไปหาแซนดี้ ป่านนี้คงใจเสียแย่แล้ว!”

รถสองคันแล่นออกจากบ้านเช่าไปอีกรอบ คราวนี้ขนกันไปหมดทั้งบ้าน ตรงไปยังคลินิกที่อยู่ในซอยใหญ่ซอยเดียวกัน เมื่อจอดรถแล้ว ทุกคนก็เดินไปยืนรอกันอยู่ที่ตรงประตูหลังก่อน ก่อนจะส่งภูพิงค์เป็นตัวแทนบุกเข้าไปที่ประตูหน้า

หากพอเขาเข้าไปถึง...

“คุณหมอมีคนไข้อยู่ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

เสียงกรอฟันดังก้อง วันนี้มีสองเสียงจากห้องตรวจสองห้องเลยด้วย ยิ่งพอฟังรวมกันก็ยิ่งเสียดโสตประสาทของเด็กหนุ่มจนเขาแทบจะวิ่งทึ้งหัวหนีออกไป หากถ้าเขากลับไปที่ประตูหลังมือเปล่า เขาต้องโดนทุกคนรุมประณามหยามเหยียดเป็นแน่ เด็กหนุ่มจึงนั่งลงบนโซฟาแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ

ไม่นานก็มีคนไข้เดินฉับๆ ออกมาจากห้องทำฟัน ก่อนรวินท์จะก้าวตามออกมา เขาเห็นท่าทางเหมือนจะเป็นลมของอีกฝ่ายแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“พิงค์ ตามมานี่”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นพรวด “พี่วิน!” แล้วรีบวิ่งตามหลังคนเรียกไป “พี่วิน พ่อแม่อีแซนดี้รออยู่ข้างหลัง”

รวินท์พยักหน้า “อือ ไปหาแซนดี้ก่อนละกัน”

เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องด้านหลัง แซนดี้ซึ่งกำลังนั่งกินบะหมี่หมูแดงอยู่กับตึ๋งก็เบิกตากว้าง “เฮ้ย! ไอ้พิงค์! มึงมาได้ไงเนี่ย!”

“ก็ขับรถพ่อมึงมาไง คิดว่ากูขี่เมฆมารึไงล่ะ เอ้า รีบๆ แดก จะได้กลับกัน สัส ทำให้เป็นห่วงนะมึงน่ะ”

“แล้วพ่อแม่...”

ขณะเดียวกันรวินท์ก็เดินไปเปิดประตูด้านหลัง เขาอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของบิดามารดาแซนดี้ โดยเฉพาะใบหน้าของมารดา เครื่องสำอางเลอะเหมือนลูกชายเลยเชียว สมกับที่เป็นแม่ลูกกัน

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน “อย่าเสียงดังนะครับ ในคลินิกมีคนไข้ เชิญข้างในครับ”

ทั้งห้าคนก้าวเข้ามาข้างในห้องช้าๆ เมื่อเปิดประตูห้องที่แซนดี้นั่งอยู่ออก เขาก็หันมาตามเสียงประตูทันที พอเห็นบิดามารดาก็ลุกขึ้นพรวด จะเข้าไปหาก็ไม่กล้า จะถอยหนี ไอ้พิงค์ก็เอาตีนยันตูดเขาไว้

“แสนดี แม่ขอโทษ” หญิงวัยกลางคนถลาเข้าไปสวมกอดลูกชายไว้แน่นแล้วร้องไห้จนตัวโยน “แม่ขอโทษนะลูก”

แซนดี้กอดตอบ ก่อนจะร้องไห้ไปกับเธอด้วย “แม่... แม่ไม่ต้องขอโทษ ผมผิดเอง ผมขอโทษ” เขาเงยหน้าขึ้นสบสายตากับบิดา “ผมขอโทษครับพ่อ”

บิดายิ้มบาง “หน้าตาดูไม่ได้เลย ทั้งแม่ทั้งลูก” จากนั้นจึงก้าวเข้าไปโอบกอดสองแม่ลูกไว้ “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องขอโทษกันแล้วล่ะ อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ”

หลังจากนั้นสามคนพ่อแม่ลูกก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก มีเพียงแค่เสียงสะอึกสะอื้นไห้แว่วมาเป็นระยะ ทว่าภาพที่เห็นทำให้ทันตแพทย์หนุ่ม เด็กหนุ่มทั้งสี่และตึ๋งยิ้มออกมาได้หลังจากที่ตึงเครียดกันมาหลายชั่วโมง


(มีต่อค่า)


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 28-11-2017 17:03:26


เมื่อบรรยากาศผ่อนคลายลง ดิวเดินไปตบไหล่แซนดี้เบาๆ “สัส แล้วพูดว่าจะชดใช้ให้อะไรแบบนั้น พวกกูใจหายหมดรู้มั้ย อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะเว้ย”

“ก็จะชดใช้ค่าน้ำมันรถมึงให้ไง ไม่เอาอ่อ” แซนดี้ตอบพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตา

ภูพิงค์หันไปยกมือไหว้ทันตแพทย์หนุ่ม “ขอบคุณพี่วินมากครับ พวกผมขับรถวนหากันเป็นชั่วโมง เจอแต่ชุดแซกของมัน เป็นห่วงแทบแย่ นึกว่ามันจะลากใครเข้าไปแดกในพงหญ้าซะแล้ว”

“ต้องยกความดีความชอบให้เจ้าตึ๋ง เขาเป็นคนเห็นแซนดี้ก่อน” รวินท์พูดกลั้วหัวเราะ พร้อมกับหันไปกวักมือเรียก “ตึ๋ง มานี่สิ นี่พิงค์ ว่าที่รุ่นพี่คณะเราไง”

ตึ๋งเบิกตากว้าง แล้วปราดเข้าไปฝากเนื้อฝากตัว “สวัสดีคร้าบ”

บานประตูห้องเปิดออกจากทางด้านหน้าอีกครั้ง “หมอวินคะ คนไข้มาแล้วค่ะ”

“จะไปเดี๋ยวนี้ครับ” รวินท์พยักหน้ารับ แล้วหันไปบอกกับตึ๋งและภูพิงค์ “ผมต้องขอตัวก่อน ถ้าจะกลับกันก็ฝากล็อกประตูหลังด้วย”
ภูพิงค์หันขวับไปทางแซนดี้ เขาตั้งใจจะเรียกให้อีกฝ่ายมาขอบคุณและบอกลา หากทันตแพทย์หนุ่มชิงพูดขึ้นก่อน

“ไม่เป็นไรพิงค์ เอาไว้โอกาสหน้านะ” เมื่อพูดจบทันตแพทย์หนุ่มก็รีบรุดเดินตามผู้ช่วยฯ ออกไป

“พี่หมอยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า” ตึ๋งเปรย

“แล้วไปเจอแซนดี้กันได้ยังไงเหรอ”

“แม่กับผมขอให้พี่หมอพาไปไหว้พระที่วัดพระธาตุดอยคำอะครับ แล้วระหว่างทางลงดอยก็เจอพี่แซนดี้ยืนหน้าเละทะเลาะกับหมาอยู่ที่ข้างทาง พี่หมอเลยพามาที่คลินิกก่อน”

บิดาของแซนดี้ขยับออกจากสองแม่ลูกที่กอดกันกลม เขาหันมองไปรอบๆ ห้อง “อ้าว คุณหมอไปไหนแล้ว”

“พี่หมอมีคนไข้ครับ” ตึ๋งรีบตอบแทนให้

“ถ้างั้นเรากลับบ้านกันก่อนดีไหมลูก อยู่ที่นี่หลายคนเดี๋ยวจะเกะกะหมอเขา”

“ดีเหมือนกันครับ ไป ตึ๋ง ไปด้วยกันก่อน เดี๋ยวพี่กลับมาส่งให้”

ตึ๋งระริกระรี้รีบตอบรับทันควัน มีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่วิศวะทั้งที เขาไม่มีทางพลาดแน่ “ไปครับ!”

หลังจากนั้นทุกคนก็ทยอยกันออกจากประตูทางด้านหลังร้านไป


*TBC*


เคยมั้ยคะ ความรู้สึกที่บั่บบบ สนิทใจกับใครสักคน ทั้งที่รู้จักกันได้ไม่นานแท้ๆ

งานนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนเอะใจก่อนพี่หมอและน้องพิงค์ซะแว้ว

ใครกันน้าาาา หายใจเข้าก็น้อง หายใจออกก็น้อง

แล้วน้องล่ะ อิอิอิ ติดตามความรู้สึกคนน้องตอนหน้านะค้า

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-11-2017 17:32:09
 o13

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 28-11-2017 17:42:23
 :sad4: น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 28-11-2017 17:52:02
ขำยืนทะเลาะกับหมา 5555555 แซนดี้ลูกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 28-11-2017 18:11:54
แรกๆ เหมือนจะดราม่า แต่ไหงทำไมเราขำแซนดี้ 55555 แต่ลงเอยด้วยดีก็ดีแล้ว ว่าแต่ใครเอะใจ น่าจะตึ๋งป่ะ รอตอนต่อไปขอบคุณค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 28-11-2017 18:14:05
จะเศร้าเพราะสงสารแซนดี้ดีไหม :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 28-11-2017 18:24:09
ชอบเวลาอยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 28-11-2017 18:27:41
ชอบคุณพ่อของแซนดี้มากเลย รักแซนดี้มากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 28-11-2017 18:39:42
ทะเลาะกับหมา เก่งจริงๆ

รออ่านความรู้สึกน้องตอนหน้าน้า อย่าให้เค้ารอนานนะตะเอง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 28-11-2017 18:44:48
ขอบคุณที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจในสิ่งที่แซนดี้เป็นนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 28-11-2017 19:02:33
ในบรรดาเรื่องที่ติดตามอยู่ในเล้าช่วงนี้ ยกให้เรื่องนี้เป็นที่หนึ่งเลยครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 28-11-2017 19:28:52
ขำแซนดี้ ทะเลาะกะหมาก็ได้นะเรา 
พี่หมอวินยังไม่ได้กินข้าว น้องพิงค์จัดการเสิร์ฟอาหารหน่อยเดี๋ยวเป็นลม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 28-11-2017 19:31:09
เจ้าตัวทั้งสองคนจะรู้ตัวไหมเนี้ยยยยย  หึหึ :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-11-2017 19:50:34
ดีนะที่ไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับแซนดี้

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 28-11-2017 19:51:38
พาร์ทนี้มี้ทั้้งซึ้งและฮาชอบครอบครัวแสนดีมากพ่อน่ารักมาก แสนดีโชคดีมากที่ครอบครัวและเพื่อนเข้าใจ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 28-11-2017 19:58:23
หวังว่าแฟนใหม่ของแฟนเก่าพี่หมอวินจะไม่ใช่เพื่อนสนิทอย่างเตชิตนะ ปูเรื่องมาดีแล้ว อย่าลงแบบนี้นะ มันจะเน่าไปรับไม่ได้ มันเดิมๆ เกินไปอ่ะ...เราแค่มโนเพ้อไปเอง อ่านข้ามๆ ไปเหอะ ^_^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-11-2017 20:09:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-11-2017 20:10:29
 :hao5: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 28-11-2017 20:39:41
ขนาดพี่หมอเจนเทิลแมนขนาดนี้ ยังสู้เด็กแว้นไม่ได้เลย ฮามาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 28-11-2017 20:41:45
อยากอ่านต่อแล้วเนี้ยยยย
สนุกมากเลย ดีใจที่พ่อเข้าใจแซนดี้อ่ะ
ถ้าพึ่งรู้ทั้งสองคน ต้องแย่กว่านี้แน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 28-11-2017 20:46:29
                          :pig4: :pig4: :pig4:ต้องบอกว่าแซนดี้คือตุ๊ดที่โชคดีมากที่สุด :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-11-2017 21:15:30
แซนดี้ พ่อแม่เข้าใจก็ดีแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-11-2017 21:17:51
แม่เข้าใจแล้วนะแซนดี้ ต้องขอบคุณพ่อด้วยนะแซนดี้ที่เข้าใจ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 28-11-2017 21:28:19
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 28-11-2017 21:35:10
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-11-2017 21:41:11
กลับบ้านไปแสนดีต้องพูดถึงแต่พี่วินแน่ๆ
นเองพิงค์จะรู้ใจตัวเองเพราะแสนดีชงชัวร์ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 28-11-2017 22:02:05
แหม ก็คนมันเคยๆอะเนอะ อะไรๆก็ชินๆคิดถึงเป็นเรื่องปกติ
แต่คิดว่าอีกสักพักไม่ใครก็ใครก็จะไม่ปกติละ

รู้ตัวช้ากินจริงเชียว พี่น้องสลอต
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 28-11-2017 22:31:58
ตลกตรงทะเลาะกับหมาเนี่ยแหละค่ะ555555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 28-11-2017 22:51:41
เฝ้ารอทุกวันเลย อิอิ พี่หมอดีขึ้นทุกวันเพราะมีน้องพิงค์อยู่ข้างๆ55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 28-11-2017 23:33:59
สองวันลงทีหนึ่งได้ใหมครับ...มันอยากอ่านแรง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-11-2017 23:51:28
โถ่ แซนดี้ ตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพ่อแม่แล้วนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-11-2017 23:55:31
แซนดี้ ฮามาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
กลัวจะออกไปแวนซ์ แล้วเกิดอะไรร้ายๆ
ที่ไหนได้ ไปทะเลาะกับหมาวัดซะนี่
จบลงด้วยดีแล้วนะแซนดี้
ที่ยังไงก็มีชายในดวงใจเป็นเด็กแวนซ์
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-11-2017 00:32:56
ถึงวันนี้พี่หมอกับน้องพิงค์เป็นตัวประกอบ แต่ก็ทำงานประสานกันจนครอบครัวแซนดี้ลงเอยด้วยดี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 29-11-2017 01:44:37
พิงค์เริ่มชอบพี่หมอรึยังงง ใครจะรู้ตัวก่อนนะว่าตัวติดกันแค่ไหน 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-11-2017 09:22:31
แสนดียังดีที่มีพ่อที่เข้าใจนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 29-11-2017 12:56:06
คุณพ่อแซนดี้ สุดยอดคุณพ่อเลย รักลูกบนความเข้าใจจริง ๆ
ดีใจกับแซนดี้ด้วย ต่อไปจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นตัวเองเต็มที่สักที
แล้วก็ปรับปรุงตัว ตั้งใจเรียน ให้สมกับความรักความเชื่อใจของพ่อกับแม่น้า

พี่เต้ มีเรื่องเครียดอะไรน้อ ไม่น่าใช่แค่เรื่องที่บ้าน มันต้องมีอะไรอีกแน่ ๆ
เกี่ยวอะไรกับเรื่องแฟนเก่าพี่วินหรือเปล่า

ส่วนพี่วินน้องพิงค์ตอนนี้ แม้จะไม่ได้กระหนุ๋งกระหนิงกันสองต่อสอง
แต่ก็คิดถึงอีกฝ่ายตลอดอ่ะเนอะ พี่วินดูแลแซนดี้ดีขนาดนี้
เพราะเป็นเพื่อนน้องพิงค์ด้วยนั่นแหละนะ
รักกันแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้ น่ารักมากเลย ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-11-2017 20:58:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 30-11-2017 08:17:03
FC คุณพ่อของแซนดี้เลยอ่ะ
ชอบความสุขุมความนิ่งของคุณพ่อมาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-11-2017 09:03:14
คุณพ่อน่ารัก ขำแซนดี้ จะฮาไปไหน ถอดชุดทิ้งไว้แล้วยังไปทะเลาะกับหมาอีก :laugh:
พี่หมอนี่ก็สุภาพบุรุษไปอีก น้องตึ๋งก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 30-11-2017 09:07:16
ดีใจกับแซนดี้ ที่พ่อแม่ยอมรับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaamnutt ที่ 30-11-2017 18:20:48
 แบบว่า หัวเราะทั้งน้ำตา จริงๆๆ ตอนนี้ :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: maii ที่ 01-12-2017 05:00:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-12-2017 10:41:45
พี่หมอก็ได้เรียนรู้เพิ่มอีกหนึ่งอย่างแล้ว ตอนแรกนึกว่าจะเครียดแรงกว่านี้่
โอ๊ย...ฮาตอนไปกัด เอ้ย ทะเลาะกะหมา ชอบความสัมพันธ์ของเพื่อนๆ น่อ ดีจัง
และก็ถือว่าโชคดีที่พ่อแม่ของแสนดียอมรับเข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็น  o13
แหมะพี่หมอเขายังไม่กินข้าวเลยน่อน้องพิงค์ อย่าลืมหาอะไรให้พี่เขาละ
 :3123:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 01-12-2017 11:13:54
คิดภาพเมื่อเจอแซนดี้ข้างทาง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: SIRINN ที่ 02-12-2017 13:35:10
ชอบจัง ปีนี้เพิ่งกลับไปดูน้องขึ้นดอยมาด้วย อ่านแล้วนึกถึง ม เลย   :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-12-2017 14:45:03
ตึ๋ง จะเส้ดแสนดีมั้ย 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 02-12-2017 16:33:48
โอ๊ยยยย น่ารักที่สุดอ่ะเรื่องนี้ ติดตามๆค่ะ
จะเร็วไปมั้ยถ้าจะบอกว่า อยากได้รูปเล่มแล้ว อิอิ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน][281117]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 02-12-2017 17:15:16


Chapter 15 : สะกิดใจ


บ้านเช่ากลับมาสงบสุขอีกครั้ง บิดามารดาของแซนดี้นั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟา ส่วนแซนดี้นั่งพื้นเอนศีรษะซบลงบนตักมารดาของเขา ส่วนหนุ่มวิศวะอีกสี่คนกับเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในที่นั้นถอยไปนั่งชิดกับแพงเป็นพร็อพประกอบฉาก

“แม่ขอโทษทุกคนด้วยที่พูดจาไม่ดี” เธอหันไปบอกกับเหล่าพร็อพทั้งหลาย “แล้วก็ขอบใจน้องตึ๋งมากนะคะลูก”

“พ่อก็ต้องขอบใจทุกคน ไอ้แสนดีมันโชคดีที่มีเพื่อนดีๆ แบบนี้” บิดาก้มลงเขกศีรษะลูกชายเบาๆ “มีเพื่อนดีนะลูก รักษาไว้ให้ดี”

แซนดี้พยักหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้น “พ่อแม่...” เขาหันไปทางเพื่อนทั้งสี่คนแล้วหันกลับมาที่บิดามารดาอีกครั้ง “ผมสัญญาว่าจะเลิกแรด จะเลิกไล่ฟันเด็กแว้น ผมจะตั้งใจเรียน”

“ทำอะไรที่ลูกมีความสุขเถอะ” มารดาส่ายหน้าไปมา เธอได้รับบทเรียนมาแล้ว ใจนึกกลัวว่าลูกชายจะเตลิดหนีไปอีกเป็นครั้งที่สอง

“ผมจะมีความสุขก็ต่อเมื่อพ่อแม่มีความสุข แต่ผมคงแก้ความเป็นตุ๊ดของผมไม่ได้”

“พ่อก็ไม่ได้หวังจะได้ลูกแก้... พ่อแค่อยากให้แสนดีเป็นเด็กดี มีความสุขที่สุด”

แซนดี้เม้มปากแน่น แล้วปล่อยโฮออกมาอีก

“เราเพิ่งขึ้นปีสามกันเองเว้ย” ภูพิงค์พูดขึ้น “มึงยังมีเวลาอีกตั้งมากมายที่จะทำให้ตัวมึง พ่อแม่มึงมีความสุข”

“ขอบใจเว้ย... กูขอบใจพวกมึงมาก”

“พวกกูเคยด่า เคยว่าให้มึงเลิกยุ่งกับเด็กแว้น เพราะขี่มอไซค์ไปซิ่งมันอันตราย พวกกูขอแค่มึงรักตัวเองให้มากขึ้นเท่านั้น” ดิวพูดเสริม

“กูสัญญาว่าต่อไปนี้กูจะปรับปรุงตัว เออ... แต่กูยังไม่ได้ขอบคุณพี่หมอกับพี่นิ้งเลย”

“ไม่รู้ป่านนี้เป็นลมล้มพับคาเตียงคนไข้ไปรึยังเนี่ยพี่” ตึ๋งเอ่ยอย่างเป็นกังวล

“ปกติพี่วินสายแดกซะด้วย” คิดๆ ไปภูพิงค์ก็ชักจะเป็นห่วง เพราะถึงอีกฝ่ายไม่ค่อยจะใส่ใจอะไรรอบตัว แต่กับคนไข้ดูจะมีความรับผิดชอบสูงมาก คงจะยอมอดไปจนถึงเวลาพักแน่ๆ

“วันนี้พี่หมอได้พักบ่ายโมงถึงบ่ายสาม แล้วทำคลินิกบ่ายสามถึงห้าโมงต่อ สลับกับพี่หมออีกคนน่ะครับ”

“ถ้างั้นเดี๋ยวสั่งอาหารมากินกัน แล้วพิงค์ไปรับคุณหมอกับคุณแม่น้องตึ๋งมาทีได้ไหมลูก เอารถพ่อเขาไป” มารดาของแซนดี้พูดขึ้น

“ได้ครับ”

เมื่อบรรยากาศกลับเป็นปกติ เสียงพูดคุยปะปนเสียงหัวเราะในบ้านก็ดังขึ้น แซนดี้โดนไล่ให้ไปอาบน้ำลบคราบเครื่องสำอางบนใบหน้าออก เขาเปลี่ยนเสื้อแล้วเอาเสื้อผ้าของรวินท์ไปใส่เครื่องซักไว้ก่อนจะเอาไปคืนให้เจ้าของ

ขณะที่จัดการกับเครื่องซักผ้าอยู่ในครัว แซนดี้หันไปเห็นภูพิงค์กับซันกำลังล้านจานกองโต เอาไว้เตรียมต้อนรับแขก เขาจึงเดินเข้าไปสะกิดภูพิงค์แล้วชวนให้ออกไปคุยกันที่ราวตากผ้า “สัสพิงค์ มานี่หน่อย”

“มีไรวะ” เจ้าของชื่อวางผ้าเช็ดจานลง จากนั้นจึงก้าวตามอีกฝ่ายออกไปยืนตากแดดกันที่ตรงราวตากผ้า “มึงเลือกที่คุยได้ร้อนรุ่มมาก อีห่า ชวนกูมาฝึกลงนรกเหรอ”

“แบบนี้จะได้ไม่มีใครตามมาแอบฟังไง” แซนดี้เงยหน้าขึ้นท้าไอแดด ซึ่งทำให้หน้าเขาแทบจะเปลี่ยนเป็นสีเทาทันควัน “ไอ้พิงค์ กูถามหน่อยเหอะ ที่มึงสนิทกับพี่หมอเนี่ย เขาเรียกทีไรก็ห้อแรดไป แถมยังหายหัวไปนอนค้างกับเขา มึงคิดไรกับเขาป่ะวะ”

ภูพิงค์เบิกตาโพลง “อีเหี้ย จู่ๆ ถามแบบนี้ทำไมเนี่ย! กูกับพี่วินเคยเจอกันไม่กี่ครั้งเองนะ ก็แค่คนรู้จักกันโว้ย!”

“เออ ถ้ามึงไม่คิดอะไรก็แล้วไป กูก็แค่ถามดู”

“แล้วมึงจะถามทำไม สัส ทำให้กูอยากรู้เลย”

แซนดี้หันไปสะบัดผ้าพึ่บๆ แล้ววางพาดบนราว “ถ้ามึงคิดจะจีบพี่หมอ กูจะได้เตือนมึงไง”

“ฮะ!?”

“พี่หมอเป็นคนมีเสน่ห์ หน้าตาก็โคตรดี รวยอีก นิสัยเจนเทิลแมนแบบนั้น มันดูเพียบพร้อมไปหมด คนน่าจะแย่งกันจีบเป็นล้าน มึงคงมีคู่แข่งมหาศาล”

“มึงก็เว่อร์ไปว่ะ”

“อีกอย่าง กูว่าพี่เขาเป็นคนอัธยาศัยดีเกิน ถ้าเขาดีแบบนี้กับทุกคน แถวบ้านกูจะเรียกว่าขี้อ่อยแบบธรรมชาติ ชวนให้เข้าใจผิดได้ง่าย”

“อือ แถวบ้านมึงกับบ้านกูน่าจะอยู่ใกล้กัน... แต่มึงนี่เก่งนะ เจอแค่แวบเดียวยังอ่านออกเป็นฉากๆ ไวไปเปล่าวะ”

แซนดี้ไม่ใส่ใจคนที่พยายามกวนตีนและพูดขัด เขาเดินหน้าท้าแดดพูดตามที่ใจคิดต่อไปเรื่อยๆ “แต่ถึงขี้อ่อยกูก็คิดว่าลึกลงไปเขาเป็นคนดีนั่นแหละ”

“สรุปว่าดีหรือไม่ดีเนี่ยอีหอย” ภูพิงค์หัวเราะ

“พูดง่ายๆ ก็คือ ถึงตอนนี้ปากมึงบอกไม่คิดอะไร แต่ถ้าได้ใกล้ชิดกับพี่หมอต่อไปอีกหน่อยมึงคิดแน่ และถ้ามึงคิดจะคบกับเขา มึงต้องใช้เวลา ต้องอดทนให้มากๆ ต้องค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน แต่กูว่าตอนนี้มึงเดินมาถูกทางแล้วแหละ”

“อะไรที่ทำให้มึงมโนเป็นฉากๆ ไปได้แบบนี้วะ กูไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขาเล้ย กูไม่เคยคิดจะชอบผู้ชาย พี่วินก็เหมือนกันโว้ย”

“อีห่า อย่ามาตอแหล กูไม่ได้มโน... แต่กูเจอเด็กแว้นมาเยอะ ผู้ชายผ่านมือกูมาเป็นร้อย กูบอกเลยว่ากูดูออกแทบทุกคน”

“เด็กแว้นเกี่ยวไรด้วยวะเนี่ย”

“มันดูกันที่แววตาออกเว้ย”

“ดูออกแล้วทำไมโดนหลอกโดนทิ้งบ่อยๆ วะ”

“นั่นกูก็จงใจป่ะวะ มันเป็นความสุขของกูโว้ย” แซนดี้ม้วนผ้าในมือแล้วฟาดลงไปที่ตูดคนยืนข้างกัน “แต่ที่กูว่าพี่หมอเขาดี ก็เพราะพี่เขา...ไม่รังเกียจกู เขาปฏิบัติกับกูเหมือนคนคนหนึ่ง เหมือนพวกมึงไง”

ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “ทำไมมึงชอบพูดเรื่องรังเกียจไม่รังเกียจจังวะ มึงให้ค่าตัวเองน้อยไปป่ะวะ”

“ไอ้พิงค์ สมัยอยู่โรงเรียนกูโดนมาเยอะ ทั้งแกล้งทั้งด่าแรงๆ สารพัด มีพวกมึงนี่แหละ เป็นกลุ่มแรกที่ดีกับกู พี่หมอ น้องตึ๋ง พี่นิ้งก็เหมือนกัน”

“เพราะงี้มึงถึงไม่สนิทกับใครในคณะสินะ มึงปิดใจตัวเองมากไปรึเปล่า คิดอยู่แต่ว่าคนอื่นมองมึงแปลกแยกออกไป ลองเปิดใจให้เพื่อนในคณะมึง ให้คนรอบตัวมึงบ้าง มึงอาจจะได้เจอคนดีๆ ที่เขาจริงใจกับมึงอีกหลายๆ คน”

แซนดี้ยิ้มบาง “เออเนอะ กูเพิ่งขึ้นปีสาม มันคงยังไม่สายไป”

“ไม่มีอะไรสายไปหรอกเว้ย” ภูพิงค์เอื้อมมือไปขยี้ศีรษะอีกฝ่าย ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินกลับเข้าบ้าน เขาร้อนจะละลายอยู่แล้ว

“ไอ้พิงค์”

“อะไรอีกวะ”

“กูว่ามึงมีสิทธิ์มากกว่าคนอื่น”

“สิทธิ์เหี้ยไรอีกวะ”

“ถ้าเป็นมึง บางทีพี่หมอเขาอาจจะใจอ่อนก็ได้”

“อีสัส” เด็กหนุ่มหันกลับไปส่งนิ้วกลางให้ แล้วก้าวฉับๆ เข้าบ้านไป

“จ๊าดง่าว ปากแข็งไปเถอะมึง”  แซนดี้เบะปากใส่ ที่จริงเขารู้สึกได้เพราะทั้งไอ้พิงค์และพี่หมอมักจะพูดถึงกันอยู่บ่อยๆ โดยไม่รู้ตัว พอพูดชื่อกันแต่ละครั้ง แววตาก็จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

คนเราน่ะทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกหวั่นไหวในหัวใจ ก็มักจะแสดงออกมาทางแววตานี่แหละ

เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ “คอยดูเหอะ ไม่เกินสามเดือนจากนี้หรอกไอ้พิงค์ เดี๋ยวมึงรู้!”   


เมื่อนาฬิกาบอกเวลาอีกสิบนาทีจะบ่ายโมง ภูพิงค์จึงขับรถออกจากบ้านเช่าไปยังคลินิกอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่หลงเดินเข้าประตูหน้าให้เสียงกรอฟันมาเขย่าโสตประสาทเล่นแล้ว เพราะเขาชิงให้ไอ้น้องตึ๋งโทรศัพท์ไปบอกไว้ก่อนแทน

หากพอรถยนต์เคลื่อนไปเกือบจะถึงทางเข้าที่จอดรถ เขาก็หันเห็นว่าพี่นิ้งกับพี่วินมายืนรออยู่ตรงใต้ที่ร่มในที่จอดรถแล้ว ทว่าไม่ได้ยืนอยู่แค่สองคน มีหญิงสาวสวยอีกคนยืนคุยกับพี่วินอยู่ด้วย

ภูพิงค์หยุดรถข้างนอกก่อน เขาเอนตัวพิงกับพวงมาลัยพลางมองผ่านกระจกรถออกไป

พี่วินก็เหมือนเคย ยิ้มหน้าบานอ่อยเรี่ยราด ปล่อยให้ผู้หญิงเกาะแขนบ้าง เกาะไหล่บ้าง ไม่ได้หวงตัวเลยสักนิด ทำตัวเป็นมิตรกับชาวบ้านไปทั่วเลยจริงๆ

ไอ้ที่พี่วินดูสนิทกับเขามากกว่าใคร เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าทำไม เพราะเขาเข้ามารู้จักกับพี่วินตอนที่อีกฝ่ายอยู่ในช่วงอกหักพอดีน่ะสิ เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว จากนั้นจึงเคลื่อนรถเข้าไปในลานจอดรถ

พอทั้งสองคนขึ้นรถมาได้ พี่นิ้งก็บ่นอุบ

“สาวๆ สมัยนี้นี่อะไรกัน รุกเข้าหาผู้ชายไม่พอ ยังหาเศษหาเลยแต๊ะอั๋งผู้ชายอีก” เธอเอื้อมมือไปตีทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “หมอวินไม่ควรให้เบอร์ใครไปทั่วแบบนี้”

รวินท์หัวเราะ “โธ่ พี่นิ้ง แค่เบอร์โทรเอง แล้วปกติผมก็ไม่ได้รับสายสักเท่าไหร่หรอก” หากพอหันไปทางภูพิงค์ เห็นอีกฝ่ายทำหน้านิ่งๆ ก็หุบยิ้มทันควัน เขารีบพูดต่อ “แต่เฟซกับไลน์ผมไม่ได้แอ๊ดนะ”

ภูพิงค์ตอบเสียงเรียบ “ถึงแอ๊ดผมก็ไม่แปลกใจหรอก ระดับพี่อะ จะให้ที่อยู่บ้านไปถึงที่ตั้งฮวยซุ้ยบรรพบุรุษก็คงไม่แปลกว่ะ”

บรรยากาศภายในรถดูจะอึมครึมทันควัน แต่โชคดีที่บ้านเช่าอยู่ไม่ไกล เมื่อไปถึงก็ต่างคนต่างลงจากรถแล้วพากันเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

บิดามารดาของแซนดี้ปราดเข้ามาขอบคุณรวินท์กับพี่นิ้งทันทีที่หันมาเจอ จากนั้นจึงชวนให้นั่งกินข้าวร่วมกัน

ภายในห้องนั่งเล่นเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ กลิ่นอาหารสารพัดอย่างลอยกรุ่น บิดามารดา ทันตแพทย์หนุ่มและพี่นิ้งนั่งกินข้าวกันบนโต๊ะ ส่วนที่เหลือก็นั่งบนพื้นประปราย

หลังจากกินไปสักพัก พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน

“โห แสนดีเอ๊ย ทำไมไม่จีบคุณหมอล่ะลูก หล่อขนาดนี้ แม่อนุญาต”

รวินท์ยิ้มรับตามปกติ แต่นั่นยังไม่พอ เขาหันไปยิ้มอ่อยแซนดี้อีกด้วย

“ไม่เอาหรอกแม่ ผมไม่อยากแย่งใคร”

“หือ แย่งใคร? คุณหมอยังโสดอยู่ไม่ใช่รึ” บิดาถามบ้าง

“ก็อย่างพี่หมอน่ะ คนจีบเยอะแน่ๆ”

“จริงค่ะ!” พี่นิ้งกระโจนเข้ามาร่วมวงด้วย “ให้หมอวินอยู่เป็นโสดไปแบบนี้แหละ อย่ามีแฟนเลย สงสารแฟนหมอค่ะ”

“อ้าว พี่นิ้ง ไหงงั้น!” ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว

ในขณะเดียวกัน สี่หนุ่มวิศวะกลับนั่งนิ่งกินอาหารกันไปเงียบๆ แต่ก็ชำเลืองมองกันไปมาเป็นพักๆ

“ผมได้เห็นรูปพี่ๆ แบกเสลี่ยงแล้วนะ เท่ฉิบหายวายวอด” เด็กหนุ่มอ่อนวัยที่สุดในห้องผู้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรพูดขึ้น ความไร้เดียงสาของเขาดูจะช่วยให้บรรยากาศภายในห้องดีขึ้นบ้างเล็กน้อย

“ฉิบหายวายวอดเลยเหรอวะ ดีหรือไม่ดีเนี่ย!”

“สักวันผมจะต้องได้แบกเสลี่ยงบ้าง” ตึ๋งขยับเข้าไปกระแซะว่าที่รุ่นพี่ “ปีหน้ารับน้องเบาๆ น้า~ เอ็นดูผมด้วย”

“แล้วมีหนังสือเตรียมสอบรึยังเนี่ย เดี๋ยวผมถามน้องรหัสให้นะ ถ้าเขายังมีจะขอมาให้”

เด็กหนุ่มรีบยกมือไหว้ “จริงเหรอพี่ ขอบคุณครับ!”

“เออ ตึ๋ง...” แซนดี้หันไปทางเด็กหนุ่ม

“ครับพี่แซนดี้”

“พี่อยากเจอเพื่อนตึ๋งคนนั้น เอาไว้นัดให้หน่อยนะ”

ตึ๋งยิ้มกว้าง “ได้สิครับพี่ ผมว่ามันต้องดีใจมากแน่ๆ”

ในระหว่างที่ทุกคนพูดคุยกันไป ภูพิงค์ก็ชำเลืองมองทันตแพทย์หนุ่มเป็นระยะๆ

มีเสน่ห์ หน้าตาโคตรดี รวย นิสัยเจนเทิลแมน... เออ ดูเผินๆ พี่วินก็เป็นอย่างที่อีแซนดี้ว่าจริงๆ นั่นล่ะ

ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาไรหนวด พลางถอนหายใจยืดยาว

เพราะอีแซนดี้แท้ๆ ทำให้เขาคิดฟุ้งซ่าน คนอย่างพี่วินน่ะเหรอ จะมาใจอ่อนกับเขา ผู้ชายเหมือนๆ กันเนี่ยนะ มันไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหนวะ

...แล้วนั่นมันหมายความว่าเขาต้องจีบพี่วินก่อน พี่วินถึงจะใจอ่อน หรือไม่ต้องจีบก็อ่อนวะ

แต่พี่วินจะคิดสั้น มาสนผู้ชายหน้าหนวดแทนสาวๆ สวยๆ หน้าอกบึ้มๆ ที่มีเข้ามาให้เลือกเป็นร้อยเนี่ยนะ อีแซนดี้คงมโนจริงๆ นั่นล่ะ

ขณะที่กำลังบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ในใจ รวินท์ก็หันมาประสานสายตากับเขาพอดี เป็นผลให้ภูพิงค์สะดุ้งตัวเบาๆ แล้วรีบพูดอะไรแก้เก้อ “จะบ่ายสามละพี่ กลับคลินิกไปได้แล้ว”

“หืม? ยังมีเวลาอีกตั้งสิบห้านาทีกว่าๆ”

“กว่าจะขับรถไปอีก มันเป็นเวลางานพี่ไม่ใช่รึไง รับผิดชอบหน่อยสิวะ นี่พวกผมเสียเวลากับอีแซนดี้มาทั้งวันแล้วยังต้องมาเสียเวลากับพี่อีกเนี่ย พวกผมก็มีงานอย่างอื่นต้องทำเหมือนกันนะเว้ย”

“ไอ้พิงค์! ทำไมพูดแบบนี้ บอกพี่หมอเขาดีๆ ไม่ได้เหรอวะ” ซันยื่นขาไปเขี่ยเพื่อนรักทันควัน

“นั่นสิเนอะ งั้น...พี่นิ้งเรากลับกันเถอะ” รวินท์ยิ้มเจื่อนๆ พลางหันไปมองนาฬิกา เขาลุกขึ้นช้าๆ แล้วหันไปยกมือไหว้บิดามารดาของแซนดี้ “ขอบคุณสำหรับอาหารครับ อิ่มอร่อยเลย”

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับพี่หมอ เออ เสื้อผ้าพี่ผมซักตากไว้แล้ว เดี๋ยวแห้งจะเอาไปคืนนะครับ” แซนดี้ยกมือไหว้

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้า เขาเดินไปตบไหล่อีกฝ่ายสองสามครั้ง “ดีใจด้วยนะที่เข้าใจกันกับทุกคนดีแล้ว”

“ครับพี่หมอ”

“งั้นเดี๋ยวพ่อขับไปส่งให้เอง พ่อกับแม่จะไปธุระที่เซนทรัลสักหน่อย” บิดาของแซนดี้ยิ้ม เขาลุกขึ้นจูงมารดาเดินนำออกจากห้องไป โดยที่รวินท์เดินตามไปติดๆ

“ไปตึ๋ง รบกวนพี่ๆ เขามากแล้ว กลับไปอ่านหนังสือบ้าง”

เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเบ้ปาก เขาหันไปยกมือไหว้ลาทุกคน ก่อนจะถูกมารดากึ่งลากกึ่งจูงเดินตามหลังทันตแพทย์หนุ่มออกไป


หลังจากเก็บจานชามไปล้างและเช็ดทำความสะอาดห้องแล้ว ห้าหนุ่มก็จัดการเปิดประตูหน้าต่าง เปิดพัดลมไล่กลิ่นอาหาร จากนั้นก็ปิดทั้งหมดแล้วเปิดเครื่องปรับอากาศใหม่อีกครั้ง

ในตอนแรกพวกเขาตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือไว้เตรียมสอบ อุตส่าห์ไปขนลงมาจากห้องชั้นบนกันเรียบร้อย หากพอท้องตึงหนังตาก็หย่อนยาน แถมเมื่อเช้าพวกเขาตื่นมาผจญภัยกันแต่เช้าด้วย เมื่อรู้สึกสบายตัว ไม่นานก็พากันหลับกรนคร่อกๆ ไป

ขณะที่ภูพิงค์กำลังฝันหวานเห็นหมูทอดเจียงฮายในกระทะบนเตาขนาดใหญ่ ที่บนเตาข้างกันมีซึ้งนึ่งข้าวเหนียว เขาเร่งคลานตรงเข้าไปหาอาหารกลิ่นหอมนั้นพร้อมกับยื่นมือออกไปไขว่คว้า หากจู่ๆ ซึ้งนั้นก็ล้มลงทับตัวเขา มันหนักเสียจนขยับไม่ได้ ทั้งที่อีกนิดก็จะได้กินหมูทอดเจียงฮายแล้วแท้ๆ

“โอย...”

นัยน์ตาคมกริบลืมขึ้นช้าๆ ก่อนจะเห็นใบหน้าปะแป้งของแซนดี้ลอยอยู่ใกล้ๆ อีนังเพื่อนเวรมันนั่งทับอยู่บนอกเขา

“ว้าก! อี...อื้อ!” เขาอ้าปากจะด่า ทว่าอีกฝ่ายรีบเอาไข่ไก่ยัดใส่ปากเขาไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กดแขนเขาไว้กับพื้น

“มึงอย่าส่งเสียงดัง เดี๋ยวไข่ในปากแตกไหลลงคอกูไม่รู้ด้วยนะ”

อีแซนดี้ อีฉิบหาย! เช็ดขี้ไก่ก่อนรึเปล่าวะ! แล้วจู่ๆ เอาไข่มายัดปากกูทำไมเนี่ย! ภูพิงค์ด่ารัวๆ อยู่ในใจ

แซนดี้หันไปทางเสื้อกับกางเกงที่วางอยู่ข้างศีรษะคนที่ตนนั่งทับอยู่ “นั่นเสื้อผ้าพี่หมอ เอาไปคืนให้กูด้วย”

“แอ้วอำไออ้องเองอูอะ!” (แล้วทำไมต้องเป็นกูวะ!) พอทำเสียงอู้อี้เถียง น้ำลายที่ไม่กล้ากลืนลงคอก็ไหลออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง

“น่าเกลียดฉิบหาย ถ้ามือกูว่างจะถ่ายรูปไว้ประจานมึงที่หน้ามอ”

“อีเอี้ย อูไออำอะไอไอ้อึงเอี้ย!” (อีเหี้ย กูไปทำอะไรให้มึงเนี่ย!)

“มึงฟังกูนะ ที่มึงพูดกับพี่หมอเมื่อตอนบ่ายแม่งเหี้ยมาก พี่หมอเขาช่วยกูไว้นะมึง”

ภูพิงค์เสตาหลบ “เอ๊าะอึงแอะ” (เพราะมึงแหละ)

“กูเกี่ยวไรด้วยวะ”

“เออ อ๋อโอ้ด อูไอ้ไอ้อั้งอัย” (เออ ขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ)

“เพราะงั้นมึงต้องเอาเสื้อผ้านั่นไปคืน แล้วหาโอกาสขอโทษพี่หมอซะ พี่เขาก็ช่วยมึงไว้หลายเรื่องไม่ใช่รึไง”

ภูพิงค์ยอมจนด้วยเหตุผล เขาหยุดดิ้นพล่านแล้วถอนหายใจหนักๆ “เออ”

“ดีมาก” แซนดี้ลุกขึ้นช้าๆ พอเขาปล่อยมือ อีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นงัดไข่ออกจากปากทันที

เด็กหนุ่มวิ่งพรวดไปอ่างล้างจานแล้วบ้วนน้ำหลายๆ รอบ ส่งเสียงดังโอ้กอ้ากให้เพื่อนๆ ตื่นขึ้นมามองอย่างสงสัย

“ไอ้พิงค์แม่งแพ้ท้องเหรอวะ”

“แพ้ท้องพ่องส์” เจ้าของชื่อแจกนิ้วกลางให้ทุกคน จากนั้นก็เอาไข่ปาใส่แซนดี้ทันที “มึงเอาไข่มึงคืนไปเลยอีแซนดี้”

ไข่ตกลงบนพื้นดังแปะ มันไม่ใช่ไข่สดอย่างที่แซนดี้ขู่ แต่ต้มไว้เรียบร้อย จึงแค่เปลือกร้าวเท่านั้น

“แหม อมไข่กูไว้ตั้งนาน ไม่ผูกพันกันบ้างเหรอ” แซนดี้หัวเราะร่วน

“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง”

“ใกล้จะห้าโมงแล้วโว้ย”

ภูพิงค์ทำท่าอ้ำอึ้ง “กูไปเอากุญแจมอไซค์ก่อน” เขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะเดินกลับลงมา หยิบเสื้อกับกางเกงที่แซนดี้วางไว้ให้แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านเช่าไป

“ไอ้พิงค์ไปหาพี่หมอเหรอ อาบน้ำแต่งตัวซะเป็นผู้เป็นคนเชียว”

“ทำไมพวกมึงรู้วะ” แซนดี้หันขวับ

“ก็ช่วงนี้มันออกไปไหนก็เห็นมีแต่ไปหาพี่หมอตลอด” ดิวสอดมือเข้าไปในเสื้อแล้วเกาพุง พลางอ้าปากหาว “พ่อแม่มึงจะกลับมากี่โมงวะ”

“เออ พ่อแม่บอกว่าถ้าเดี๋ยวพวกมึงตื่นแล้วให้ไปหา จะได้ไปกินมื้อเย็นกัน”

“โห งั้นพวกกูต้องรีบแล้วเว้ย” สามหนุ่มสายแดกวิ่งปรู๊ดขึ้นชั้นสองของบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอย่างรวดเร็ว


ท้องฟ้ายามบ่ายแก่ๆ ยังคงเป็นสีน้ำเงินสดใส ภายในที่จอดรถยังมีรถของพี่วินจอดอยู่ อีกคันคงเป็นของทันตแพทย์อีกคน และอีกคันคงเป็นของคนไข้

ภูพิงค์ยืนเก้ๆ กังๆ จากนั้นจึงเดินไปด้อมๆ มองๆ ที่ตรงประตูหลัง เขาจะโทรศัพท์ไปเรียกพี่วินดีไหมวะ เห็นบอกไม่ค่อยรับโทรศัพท์ด้วยสิ หรือจะส่งข้อความ... แต่พี่วินจะอ่านไหมอะ

ทำไมเขาต้องรู้สึกเหมือนคนทำผิดด้วยวะ ปกติเขาก็พูดจาแบบนี้กับพี่วินอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

อีแซนดี้ เพราะมึงแน่ๆ

เด็กหนุ่มเริ่มพาล อยากจะฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว เขาจึงเดินไปเขี่ยถังขยะหลังร้านเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด ใจอยากเตะไปแรงๆ แต่ก็เสือกกลัวจะทำเสียงดัง

จู่ๆ ประตูทางด้านหลังก็เปิดออกผาง ก่อนทันตแพทย์คนหนึ่งกับคนไข้จะก้าวออกมา

ฉิบหาย! จะหนีก็ไม่ทันแล้ว!

สิงหาสบสายตากับเด็กหนุ่ม “มีธุระอะไรรึเปล่าครับ”

“เอ่อ... อ่า... ผมมาหาพี่วิน... ครับ”

“อ่อ เดี๋ยวนะ” ชายหนุ่มหันขวับกลับไปด้านหลังแล้วตะโกนเสียงดัง “หมอวิน มีคนมาหาครับ”

“ครับพี่” เจ้าของชื่อเรียกกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาทันที พอเห็นคนที่ยืนรออยู่ก็ยิ้มกว้าง แบบที่เขายิ้มให้กับคนไข้เป็นประจำ “ว่าไงพิงค์”

ภูพิงค์ชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตรอยยิ้มของอีกฝ่าย มันเป็นรอยยิ้มที่ดู...ผิวเผิน เสแสร้งยังไงชอบกล

“อีแซนดี้มันสั่งให้ผมเอาเสื้อผ้ามาคืน ซักรีดแล้วครับ” เขาตอบพลางยื่นเสื้อผ้าให้

รวินท์เอื้อมมือออกไปรับ ปลายนิ้วของพวกเขาสัมผัสกันเล็กน้อย หากก็พอที่จะทำให้รู้สึกได้ว่าปลายนิ้วของคนอ่อนวัยกว่าเย็นเฉียบ ทันตแพทย์หนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับอีกฝ่าย

เด็กหนุ่มเม้มปาก... เขาไม่รู้ควรจะพูดอะไรต่อดี ธุระอะไรก็ไม่มีแล้ว จู่ๆ จะให้ขอโทษเรื่องเมื่อบ่าย... ก็ยอมรับตรงๆ ว่าปอดแหก “ผมไปล่ะ” เขาก้าวฉับๆ ออกไปสองสามก้าวก็หยุด ก่อนจะหันกลับไปทางด้านหลัง

รวินท์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ถือเสื้อผ้าซึ่งเขาคืนให้เมื่อกี้อยู่ในมือ หากสีหน้าดูเศร้าสลด ไม่มีแม้กระทั่งรอยยิ้มการค้าหลงเหลืออีกแล้ว
ภูพิงค์ถอนหายใจยาว เขาได้ยินเสียงรถจึงหันไปดู ก็เห็นว่าทันตแพทย์อีกคนเคลื่อนรถออกไปแล้ว ถ้างั้นพี่วินก็คงอยู่คนเดียว... เพราะงั้นถึงได้เศร้าอย่างนั้นสินะ

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเกาศีรษะ “จะไปกินมื้อเย็นด้วยกันมั้ยล่ะ”

ฉิบหาย หลุดปาก! เขารีบยกมือขึ้นปิดปากไว้ “เอ่อ...”

“ไป”

“ฮะ!” ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น ทว่ารอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้งนั่น... มันต่างออกไปจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง

แปลว่าดีใจที่เขาชวนงั้นเหรอ ดีใจจริงๆ เหรอวะ?

“ไปกินไหนดีอ่ะ เดี๋ยวผมไปเอากุญแจรถก่อน”

“เดี๋ยวพี่วิน”

“หือ?”

เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง แล้วพูดต่อ “อยากลองขี่บิ๊กไบค์ป่ะ เดี๋ยวผมไปยืมหมวกกันน็อกไอ้พวกนั้นให้”

“เอาสิ!”

“งั้นเดี๋ยวผมมา” ท่าทางกระตือรือร้นกับรอยยิ้มของอีกฝ่ายเป็นผลให้ภูพิงค์ยิ้มออกมาได้ เขาขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านเช่าไป ซึ่งพอไปถึงที่นั่นก็ไม่มีใครอยู่แล้ว รถของอีแซนดี้หายไป พวกมันคงออกไปหาอะไรกิน แต่มอเตอร์ไซค์ยังอยู่ เขาจึงหยิบหมวกกันน็อกมาดู ถอดของตนเองออกใส่ของเพื่อนแทนแล้วรีบขี่กลับไปยังคลินิก เมื่อไปถึงก็เห็นว่าอีกฝ่ายยืนรออยู่ตรงที่เดิม

“เอ้า ใส่หมวก อันนี้หมวกผมเอง ใหม่หน่อย ของไอ้พวกนั้นซกมกชะมัด”

“ไม่มีเหาใช่ป่ะ”

“มีแต่เห็บอะ” ภูพิงค์พูดกลั้วหัวเราะ พอเห็นอีกฝ่ายหยิบหมวกใส่อย่างงงๆ เขาจึงเอื้อมมือไปช่วยใส่ให้ “เคยนั่งมอไซค์บ้างเปล่าวะพี่”

“เคยนั่งมอไซค์ตึ๋งครั้งนึง แต่อย่าขี่เร็วนักละกัน เดี๋ยวร่วง”

เมื่อใส่หมวกกันน็อกให้เสร็จ เด็กหนุ่มจึงหันไปตบๆ ลงบนเบาะ “มาๆ ขึ้นมานั่ง”

รวินท์ก้าวขึ้นไปนั่งซ้อนด้านหลัง เขาเอามือเกาะเสื้ออีกฝ่ายไว้ “โอเค ออกไปช้าๆ ก่อนนะ”

“อือ” ภูพิงค์ขี่ออกไปแล้วเบรกเอี๊ยด ขี่ออกไปอีกแล้วก็เบรกอีก ทำแบบนี้สามสี่ครั้งจนคนที่นั่งข้างหลังถลาเข้ามาชนหลังเขาหลายต่อหลายครั้ง และในที่สุดก็เขยิบเข้ามาจนชิด สองแขนเอื้อมมากอดลำตัวเขาไว้

“เล่นอะไรวะคุณ!”

เด็กหนุ่มหัวเราะลั่น “เนี่ยคือประโยชน์ของมอไซค์ รู้ยัง”

“ไม่รู้เว้ย” รวินท์โวย

“เวลาสาวๆ ซ้อนท้าย หน้าอกจะได้กระแทกเข้ามารัวๆ ไง”

“โว้ย! แล้วผมมีหน้าอกมั้ยวะ! เอาไว้ไปเล่นกับสาวๆ นู่น กระแทกถี่ๆ แบบนี้ ไข่ผมแบนหมดพอดี”

เด็กหนุ่มหัวเราะต่อไปอีกสักพัก เขาขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปบนถนนใหญ่ แล้วก็ขี่ตรงไปเรื่อยๆ ไปในทิศทางไกลออกไปจากใจกลางตัวเมือง

“จะไปไหนอะพิงค์”

“จะพาพี่ไปกินอาหารเหนือร้านอร่อย”

“เฮ้ย จริงอะ ดีๆ” รวินท์หันมองซ้ายขวาตามทางไปเรื่อยๆ เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี ท้องฟ้าเบื้องบนเริ่มสีหม่นลงบ้าง ทว่าก็ยังมองเห็นสองข้างทางได้อย่างชัดเจน ระยะห่างระหว่างบ้านคนและร้านค้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีต้นไม้สีเขียวชอุ่มขึ้นแทรกมากมาย


*TBC*


แล้วก็ไปเดตกันได้แบบงงๆ อะไรกันเนี่ยคู่นี้  :laugh:

ค่ำคืนของสองหนุ่มยังอีกยาวไกลนะคะ สองคนนี้เขาชอบจีบกันดึกๆ 55555555 ยังไงติดตามต่อตอนหน้านะค้าาา~

ตอนนี้ฮัสกี้เอามาลงอย่างไวเลยน้าาา~ แต่ตอนหน้าอาจจะช้านิดนึง เพราะฮัสกี้หนีเที่ยวค่ะ อิอิอิ๊

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-12-2017 17:43:21
จีบกันแบบงงๆ เดตก็ยังงงๆ แล้วจะรักกันแบบงงๆ ด้วยป่าวเนี้ย
น้องแสนดีทำดีมากหย่อนระเบิดให้น้องมันคิด ส่วนพี่ก็คนเหงาๆ นึงเน๊าะ
รอลุ้นว่าจะจีบกันแบบไหน
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 02-12-2017 18:01:58
ชอบตอนคู่นี้อยู่ด้วยกันมาก ตอนคุยกันเถียงกันนี่ชอบมาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 02-12-2017 18:07:13
คนน้องเริ่มคิดแล้วคนพี่คิดได้หรือยังเนี่ย สรุปเป็นแสนดีที่มองทะลุ เหอๆ พี่หมอใจดีกับทุกคนเรี่ยราดไปหมดแล้วจะมีคนพิเศษไปทำไมล่ะคับ ระวังน้องพิงค์จะเคืองอีก :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 02-12-2017 18:41:31
พิงค์พูดกับพี่เค้าดีๆค่ะลูกเห็นมั้ยพี่เค้าซึมเลย ชอบคู่นี้นะความสัมพันธ์เหมือนจะพัฒนาไปเรื่อยไปได้อารมณ์แบบเหมือนพี่น้อง แบบเพื่อนและบางครั้วก็แอบหวานเล็กๆโดยไม่รู้ตัวมันน่ารักแบบบอกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 02-12-2017 18:57:42
พี่วินก็เงียบไปนิดนึงนะ ตอนน้องพิงค์มารับแล้วทำหน้านิ่งๆ ใส่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 02-12-2017 19:00:56
แซนดี้คือผู้รู้ผู้ตื่นและเบิกบาน ต้องขอบคุณแซนดี้มาก
ที่ชี้ืทางสว่างให้พิงค์ไม่งั้นคนอ่านคงนั่งลุ้นจนหนังเหี่ยวแน่ๆ
คู่นี้ก็แบบนั้น อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันไปเอง
พิงค์ก็ใช้สิทธิพิเศษนี้ให้คุ้มนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-12-2017 19:01:11
งานนี้ต้องขอบคุณเจ้แซนดี้ค่ะ 5555 กระตุ้นเยอะๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-12-2017 19:05:02
เดตกันแบบเนียนๆ ซิน่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-12-2017 19:07:35
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-12-2017 19:12:08
หนทางยังอีกยาวไกล มึนกันขนาดนี้ ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-12-2017 19:18:03
พิงค์ ไม่ชอบนิสัยใจดีเรี่ยราด อ่อยเป็นธรรมชาติของหมอวิน
ยอมให้สาวๆเกาะแขน เกาะไหล่ ให้เบอร์ง่ายๆ
ทั้งที่ใจไม่คิดอะไร แต่ก็เหมือนให้ความหวัง

แต่ที่พิงค์แสดงออกเหมือนกับหึงหมอวินแล้วนะ
ให้หมอวินหน้าสลดเลย
แต่พอพิงค์ชวนไปกิน ก็หน้าชื่นขึ้นมาเลย
เหมือนหมอวินก็ผูกพันกับพิงค์มากกว่าคนอื่น
พิงค์ หมอวิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 02-12-2017 19:22:58
แซนดี้ทำดีมากกก ขอให้ผู้ติดเยอะๆนะแซนดี้นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 02-12-2017 19:37:23
 :-[
มาเจอพอดี เย้ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 02-12-2017 19:48:58
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-12-2017 19:50:44
พิงค์พาพี่หมอวินไปกินข้าวที่ไหน  (แอบพาไปบ้านป่ะ)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-12-2017 20:11:17
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 02-12-2017 20:38:59
ไม่พอจะเอาอีก o9 o9
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 02-12-2017 20:53:00
 :o8: เว้ยยยย เขินนน :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 02-12-2017 20:58:00
นั่นแน่พิงค์พาพี่หมอไปกินข้าวที่บ้านป่าวเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-12-2017 21:02:45
พี่วินดูเป็นคนขี่เหงาจัง

ต้องให้น้องวินช่วยปลอบซะแล้ว :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 02-12-2017 21:07:32
โอ้ยยย พี่หมอก็ใจง่ายจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-12-2017 21:56:35
กำลังจะงอนพิงค์ๆพอดี นิสัยไม่ดี แต่พาพี่วินซ้อนท้ายเบรคจึ๊กๆไม่งอนแล้วก็ได้
จีบแบบมึนงงกันไปนะ มีอะไรปรึกษาตัวแม่อย่างแสนดีนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-12-2017 22:17:42
คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข ก็อยู่กันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เน้อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 02-12-2017 22:35:33
เดตอีกแล้วคู่นี้!!!!!
ชอบเดตกันตอนเย็น ด้วยของกิน สายตะลุยกินทั้งคู่อ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-12-2017 22:58:49
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-12-2017 23:07:11
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 03-12-2017 00:24:45
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกได้ว่า พี่วินยิ้มได้อย่างจริงใจเพราะน้องพิงค์  :-[ ฮิ้วววววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-12-2017 00:37:38
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 03-12-2017 00:46:08
เมื่อไหร่จะรู้ใจกันน้อออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-12-2017 00:46:59
เต้เครียดอะไรคะ

แสนดีคือหนีไปหัวซุกหัวซุนได้โล่มาก สมควรที่น้องหมาจะตกใจสภาพ
แหมมม พึ่งเจอกันจังๆ ครั้งแรก แสนดีก็แอบรู้มานะว่า เค้าสองคนมีโมเมนท์ถึงกัน

ไม่รู้ใครจะหลงใครก่อน แต่รับรู้แค่ว่า อีกคนมีผลต่อความคิด ความรู้สึกพอตัว
ภูพิงค์เอ้ยยย คนหล่อของวิดวะจะรอดไหม
หมอคะ อย่าอ่อยไปทั่วค่ะ น้องพิงค์เค้าหวงโมเมนท์ยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 03-12-2017 10:13:36
คนมันเคมีเข้ากันอ่ะนะ อะไรนิดๆหน่อยๆแป๊บๆก็ดีกันแล้ว กว่าจะได้รู้ตัวกันจริงๆ ตอนนั้นก็คงขาดกันไม่ได้แล้วล่ะ
 :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-12-2017 11:16:23
อยากจะตบพิงค์ด้วยปากจริงๆ ไปไล่พี่หมอวินแบบนั้น พี่หมอเสียใจนะกอดปลอบพี่หมอ :กอด1: ไถ่โทษด้วยการพาไปกินของอร่อยๆ ตามวิถีสายแดกทั้งคู่555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-12-2017 12:06:09
เราเป็นพี่วินจะโกรธให้หงอยเลย พี่วินใจอ่อนเกิน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 03-12-2017 12:30:57
เอาล๊า น้องเริ่มเอ๊ะแล้ววววว~~~
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 03-12-2017 15:47:39
ความรักสวยงามเสมอ..เราจะรักกันโดยไมรู้ตัว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 03-12-2017 15:58:58
น้องเอ๊ะแล้วววว แล้วพี่เมื่อไหร่จะเอ๊ะ
 :impress3: :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 03-12-2017 16:17:46
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-12-2017 19:57:56
น้องภูพูดไม่รักษาน้ำใจพี่เขาเลยนะเดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-12-2017 20:25:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 03-12-2017 21:05:08
เป็นแฟนหมอต้องทำใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-12-2017 22:38:37
ไปมาแบบงงๆเนาะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-12-2017 23:49:40
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: maii ที่ 05-12-2017 08:49:16
นอกจากชอบจีบกันดึกๆแล้ว ก็มีเรื่องกินนี่แหละที่ไม่เคยขาด555 #คู่รักสายแดก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 05-12-2017 23:44:58
หมอขี้อ่อยจริงๆนั่นแหละ :ling1:
เป็นกำลังใจให้พิงค์ :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 07-12-2017 18:34:50
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-12-2017 23:12:28
เพลินจัง หัวใจพองฟู เค้าสองคนกำลังซึมซับใยแมงมุมกันล๊าว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 08-12-2017 13:26:34
เมื่อไหร่จะมา :impress3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 08-12-2017 13:55:27
โอ๊ย หลงรักเรื่องนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นค่ะ
รอตอนต่อไปแต่ละทีนี่เหมือนติดสารเสพติด จะลงแดง 555
ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะที่แต่งเรื่องหนุกๆแบบนี้มาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: maybe0111 ที่ 09-12-2017 01:22:50
หลงรักเรื่องนี้มาก  ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 09-12-2017 08:33:54

Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ


หลังจากขี่มอเตอร์ไซค์ไปเป็นเวลาประมาณสิบห้านาทีเด็กหนุ่มก็เลี้ยวเข้าไปในซอย ไม่นานก็ไปถึงร้านที่เป็นเรือนไทยขนาดใหญ่ เมื่อจอดมอเตอร์ไซค์แล้วเขาก็เดินนำคนที่มาด้วยกันเข้าร้านไป

พนักงานในร้านเอ่ยทักทายเด็กหนุ่มทันทีที่หันมาเจอ ดูท่าเขาจะเป็นแขกประจำที่นี่

“ขอโต๊ะสองคนครับ”

“ได้เลยน้องพิงค์ อุ๊ย!” พนักงานชะงักเมื่อหันมาเห็นคนที่มาด้วยกันกับเด็กหนุ่ม เธอหลุดปากพูดออกมาทันที “คนในเพจกับน้องพิงค์นี่นา!” จากนั้นก็วิ่งปรู๊ดเข้าหลังร้านไป

“เฮ้ย! พี่หญิง เดี๋ยว~” ภูพิงค์วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว

รวินท์ทำหน้างง คนอ่อนวัยกว่าปล่อยให้เขายืนอยู่ตามลำพังท่ามกลางแขกเหรื่อในร้านมากมาย สายตาทุกคนดูจะพุ่งตรงมาที่เขา ส่วนอีกฝ่ายวิ่งไปโวยวายอะไรกับพนักงานก็ไม่รู้

หากสักพักภูพิงค์ก็เดินกลับออกมา “โทษทีพี่”

“ท่าจะรู้จักกันดี คุณมาที่นี่บ่อยเหรอ”

“เจ้าของร้านเป็นน้าผมเอง ผมเลยพาเพื่อนมากินบ่อยจนพี่ๆ เขารู้จักหมดอ่ะ พี่รอแป๊บนะ เขากำลังจัดโต๊ะให้ ผมสั่งอาหารไปบ้างแล้วด้วย พี่จะได้ไม่ต้องรอนาน เดี๋ยวนั่งโต๊ะแล้วค่อยสั่งเพิ่มนะ”

“อ่อ... อือ ดีแล้วแหละ ผมไม่เคยกินอาหารพื้นเมือง ไม่รู้หรอกว่าอะไรอร่อย”

ยืนรอสักพักพนักงานคนเดิมก็มาเชิญไปยังที่นั่ง มันเป็นโต๊ะไม้สำหรับนั่งพื้น ตั้งอยู่ริมสวนซึ่งมีน้ำพุและต้นไม้จัดไว้สวยงาม มีเบาะกับหมอนสามเหลี่ยมจัดวางไว้ให้นั่งตรงข้ามกัน บนโต๊ะมีเทียนเล่มเล็กๆ ซึ่งตรงเชิงเทียนมีดอกไม้สดประดับ มีแก้ว จานและช้อนส้อมจัดไว้พร้อม มีโคมไฟขนาดเล็กห้อยลงมาจากเพดาน ให้แสงไฟแค่พอสลัวแต่โรแมนติกสุดๆ และยังมีเสียงดนตรีพื้นเมืองดังแว่ว

ภูพิงค์อยากจะร้องไห้ เขาบอกให้จัดโต๊ะธรรมดาให้ นี่ล่อซะ...

“แบบนี้ที่เขาเรียกขันโตกเหรอ”

“ไม่ใช่พี่ แค่จัดเอาฟิลเหนือๆ นิดหน่อย แบบโต๊ะธรรมดาก็มีนะ ถ้าพี่นั่งลำบาก”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร ผมชอบ” รวินท์รีบถอดรองเท้าแล้วก้าวเข้าไปนั่ง

เด็กหนุ่มก้าวตามเข้าไปนั่งช้าๆ จากนั้นก็หยิบเมนูส่งให้ “ผมสั่งชุดนี้ไป มันเป็นจานเล็กๆ น่ะพี่ มีไส้อั่ว หมูยอ คั่วเห็ดถอบ แกงฮังเล น้ำพริกอ่อง แล้วก็อีกชุดเป็นแคปหมูกับน้ำพริกหนุ่ม”

“อือ น่ากินๆ ผมเคยกินแค่น้ำพริกหนุ่มกับแคปหมูนี่แหละ พี่นิ้งเคยซื้อมาให้กิน” พอพูดจบก็หันมองไปรอบๆ “มุมนี้ดีชะมัด เหมาะกับนั่งชิลหลังทำงานมาเหนื่อยๆ นั่งสบาย น่านอน” เขาพูดพลางเอนตัวพิงหมอนสามเหลี่ยม

“เอ้าๆ อย่าเพิ่งนอนนะพี่ กินก่อน ไหนว่างานไม่เหนื่อยไง”

“เหนื่อยเว้ย แต่ไม่เหนื่อยมาก”

สองหนุ่มคุยกันไปไม่ทันไร พนักงานก็ยกถาดไม้ทรงกลมซึ่งบนนั้นมีจานชามใบเล็กๆ จัดไว้อย่างสวยงามและกระติ๊บข้าวเหนียวมาเสิร์ฟให้ “เชิญค่ะ” แล้วก็ไม่วายแอบชำเลืองมองรวินท์พร้อมกับอมยิ้ม

“พี่จะสั่งอะไรเพิ่มดี”

“เดี๋ยวชิมก่อนละกัน”

ดูเหมือนอาหารจะถูกปากรวินท์ไม่ใช่น้อย เขาสั่งจานใหญ่มาเพิ่มอีกหลายอย่าง กินกันจนแทบจะจุกขึ้นมาถึงคอหอย

“น้ำพริกอ่องนี่โคตรอร่อย”

“เอาไว้จะพาไปชิมฝีมือแม่ผม อร่อยกว่านี้อีกสิบเท่า”

“จะไปเมื่อไหร่บอกเลย ผมจะอดข้าวรอ” ทันตแพทย์หนุ่มกินไปยิ้มไปอย่างมีความสุข จนทำให้เด็กหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกันหัวเราะออกมาเบาๆ

“หน้าตาพี่ตอนกินนี่โคตรมีความสุข สายแดกของแท้”

“ใช้ทุนไปสักปี ผมคงลงพุงแหงๆ สงสัยต้องตื่นเช้ามาวิ่งรอบโรงบาลบ้างแล้วเนี่ย”

เมื่อสองหนุ่มกินเสร็จแล้วพนักงานสองสามคนก็มาเก็บกวาดเช็ดโต๊ะให้อย่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นำจานผลไม้ในถาดไม้แกะสลักทรงกลมสวยมาเสิร์ฟให้

สองหนุ่มทำหน้างง “เดี๋ยวพี่หญิง ผมไม่ได้สั่งนี่”

“คืออันนี้สมนาคุณค่ะน้องพิงค์ เดี๋ยวลดค่าอาหารให้อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลย แต่ขอถ่ายรูปไว้ลงเพจร้านหน่อยนะคะ”

ทำไมชีวิตเขาถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้วะ! ภูพิงค์อยากจะลุกขึ้นสะบัดเหาบนหัวใส่ทุกคน ติดก็ตรงที่เขาไม่มีเหา หากยังไม่ทันจะตอบ คนที่มาด้วยกันก็แจกยิ้มเพื่อการค้าอีกแล้ว

“ได้สิครับ ขอบคุณมาก”

“ไอ้พี่วิน!”

“ทำไมอ่ะ ก็ร้านคุณน้าของคุณไม่ใช่เหรอ”

ภูพิงค์ถอนหายใจยาว แต่สุดท้าย เขาก็นั่งแอ็คท่าแจกยิ้มการค้าไปกับรวินท์ให้พนักงานถ่ายรูปจนพอใจนั่นล่ะ ไปๆ มาๆ ทางร้านก็ยกอาหารมาจัดไว้เต็มโต๊ะอีก

“เอาๆ ให้เต็มที่เลยนะพี่หญิง”

“เอาน่า เดี๋ยวให้ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่มกับแคปหมูไว้ไปกินเล่นคนละถุง”

“ใจดีจังครับ ขอบคุณมาก”

ไอ้พี่วินนี่ก็ปฏิเสธอะไรบ้างเป็นมั้ยวะ! เด็กหนุ่มด่าอยู่ในใจ

วันนี้ภูพิงค์อาสาจะเลี้ยงเอง ที่จริงก็เพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่ปากเสียไปเมื่อบ่าย หลังจากจ่ายเงินแล้วเขาก็พาทันตแพทย์หนุ่มเดินดุ่มๆ กลับไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้

“น่าเสียดาย น่าจะแถมน้ำพริกอ่องด้วย”

“จะกินเข้าไปไหวมั้ยน่ะพี่ ได้มาตั้งเยอะยังจะบ่นอีก”

“อันนี้เดี๋ยวกลับไปกินคืนนี้ก็หมดแล้วอ่ะ”

“คนหรือไดโว่วะ” เด็กหนุ่มพึมพำ เขาหยิบหมวกกันน็อกส่งให้อีกฝ่าย เอาถุงอาหารแขวนไว้กับกระจกมองหลัง ก่อนจะใส่หมวกของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วขึ้นไปนั่งรอ ไม่นานเบาะหลังก็ยวบลงเล็กน้อย

“พิงค์... ยังไม่กลับได้มั้ย”

เจ้าของชื่อหันขวับ “หือ? ทำไมอ่ะ วันนี้อยู่คนเดียวอีกแล้วเหรอ”

“เปล่า วันนี้พี่สิงหามาค้าง แต่ผมยังไม่อยากกลับ”

“ทำไมอะ”

“ก็ยังไม่อยากกลับไง อยากไปต่อ ไปไหนกันดี”

ภูพิงค์ขมวดคิ้วนิ่งคิด กลางคืนแบบนี้จะพาไปไหนดีล่ะเนี่ย “อือ...”

“เราไปไนท์ซาฟารีกันเหอะ ผมเห็นโฆษณาหลายทีแล้ว น่าสนอ่ะ”

“ต้องขี่มอไซค์ไปอีกสักพักเลยนะ ไหวป่ะล่ะ”

“ไหวสิ คุณว่างอยู่แล้วใช่มั้ย”

“อือ ก็ว่างแหละ”

ทำไมเขาถึงตามใจไอ้พี่วินแบบนี้ ตัวเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน หรือเพราะแค่เลี้ยงข้าวยังไม่หายรู้สึกผิดกันวะ ภูพิงค์ได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ


รถมอเตอร์ไซค์แบบบิ๊กไบค์วิ่งไปบนถนนโล่งๆ ในตอนนี้ฟ้ามืดลงสนิทแล้ว ไฟบนเสาไฟสองข้างทางเปิดไว้สว่างไสว ขี่รถไปไม่นานก็ถึงทางเข้าไนท์ซาฟารีซึ่งเป็นจุดหมาย

ครั้งนี้รวินท์เป็นคนจัดการซื้อตั๋วให้ เสร็จแล้วพวกเขาก็พากันเดินเข้าไปข้างใน

“ถ่ายรูปๆ” ทันตแพทย์หนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดชัตเตอร์รัวๆ “พิงค์ มาถ่ายรูปกันเร็ว” เขาดึงแขนอีกฝ่ายเข้ามาแล้วล็อกคอไว้ จากนั้นก็กดชัตเตอร์อีก

“พี่ก็ถ่ายไปสิวะ จะเอารูปผมไปไล่ผีเรอะ!” เด็กหนุ่มโวยวาย

“ที่ระลึกเว้ย จะได้ไม่ดูเหมือนมาคนเดียว ไม่งั้นมันดูอนาถาไปหน่อย”

ภูพิงค์หัวเราะ “อย่างพี่คงไม่มีใครคิดว่ามาคนเดียวอยู่แล้วน่ะ” 

“ทำไมวะ เพราะผมดูเป็นคนใจง่าย ไปกับใครง่ายๆ ก็ได้งั้นรึไง”

“อือ”

เพราะอีกฝ่ายตอบแบบไม่เกรงใจเลย รวินท์จึงยกขาเตะตูดไปที

“เอ้า! เตะผมทำไมเนี่ย”

“ผมไม่ได้ไปกับใครเขาไปทั่วนะเว้ย”

“ครับๆ” เด็กหนุ่มเออออ เนื่องจากขี้เกียจจะเถียง “งั้นส่งรูปให้ผมด้วยละกัน” จากนั้นเขาจึงเดินดุ่มๆ ออกไปยังโซนแรกที่ทางสวนสัตว์จัดไว้ หากเพราะความมืดจึงทำให้มองไม่ค่อยเห็นอะไรสักเท่าไหร่

สองหนุ่มหยุดยืนหรี่ตามองเป็นจุดๆ เห็นสัตว์บ้างไม่เห็นบ้าง แต่ตาใกล้จะเหล่แล้ว

หลังจากนั้นก็เปลี่ยนโซนไปนั่งรถบ้าง คราวนี้ได้เห็นสัตว์มากหน่อย รวินท์ดูจะเพลินกับการเที่ยวดูสัตว์ ส่วนเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันก็ดูจะสนุกกับท่าทางเด๋อๆ ของอีกฝ่าย

เมื่อออกจากโซนดูสัตว์ พวกเขาก็ไปนั่งดูน้ำพุดนตรีปิดท้ายกัน

พอไฟดับลงเสียงเพลงและการแสดงน้ำพุเข้าจังหวะก็เริ่มขึ้น รวินท์อมยิ้มขณะที่มองนิ่งไปข้างหน้า ส่วนภูพิงค์ เขาคอยชำเลืองมองเสี้ยวหน้าที่มีแสงไฟฉาบไล้มาเป็นระยะๆ เพื่อสังเกตรอยยิ้มนั้น

สักพักทันตแพทย์หนุ่มก็หันไปสบสายตากัน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่า...” คนอ่อนวัยกว่าเสตาหลบ

“มีแน่ๆ อะ”

“ดูน้ำพุไปเหอะน่ะพี่”

รวินท์ยังคงสงสัย แต่ตอนนี้เสียงเพลงดังสนั่นไปทั่วทำให้พูดคุยกันได้ลำบาก เขาจึงหันกลับไปมองการแสดงน้ำพุก่อน กะว่าจะเค้นถามอีกฝ่ายอีกทีเมื่อการแสดงจบลง

เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง ทั้งสองก็เดินออกไปยังที่จอดรถพร้อมกับผู้คนประปราย

“ถ้าเป็นกลางวันคงได้เห็นสัตว์เยอะกว่านี้ แต่ก็คงไม่ได้เห็นน้ำพุอะพี่”

“กลางวันน่าจะร้อนด้วย แค่นี้ก็โอเคแล้ว สนุกดีเหมือนกัน”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นโอบไหล่คนที่เดินอยู่ข้างกัน “พี่นี่เลี้ยงง่ายฉิบเป๋ง”

ทันตแพทย์หนุ่มหันไปหาอีกฝ่าย “เออใช่! บอกมาก่อน เมื่อตอนดูน้ำพุมีอะไรวะ”

คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้ารัว “บอกแล้วว่าไม่มี ผมแค่มองหน้าพี่เฉยๆ”

รวินท์ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าอย่างงงๆ “มองทำไมอะ”

“ผมแค่พยายามดูว่าพี่กำลังยิ้มแบบไหน”

“หือ ผมยิ้มได้หลายแบบเหรอ”

“ไม่รู้ตัวเลยอะดิ บางทีก็ยิ้มแบบ...เสแสร้งโคตรๆ แบบยิ้มเพื่อการค้า บางทีก็ดูยิ้มแบบ... เหมือนยิ้มจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ในใจคิดอะไรอยู่”

คราวนี้ทันตแพทย์หนุ่มเคลื่อนมือมาจับริมฝีปากตัวเอง พลางย่นคิ้วเข้าหากัน “งั้นเหรอ... ผมไม่เคยสังเกตมาก่อนแฮะ”

ภูพิงค์กลอกตาไปมา ยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างชั่งใจว่าเขาควรจะพูดออกไปไหม หากก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะพูดความคิดของเขาออกไป เผื่ออีกฝ่ายอาจจะไม่เคยรู้ตัวมาก่อน “สำหรับผม ผมคิดว่าบางทีพี่ก็ดูยาก ผมไม่รู้เลยว่าไอ้ที่ผมเห็นพี่ยิ้มเหมือนจะดีใจอยู่อย่างเมื่อตอนดูดอกไม้ไฟเนี่ย มันเป็นการยิ้มแบบเสแสร้งขึ้นไปอีกระดับหรือเปล่า เพราะพี่อยากให้ใครๆ เห็นว่าพี่กำลังสนุก ให้ผมรู้สึกดีที่พาพี่ขี่มอไซค์มา หรือพี่กำลังมีความสุขอยู่จริงๆ”

รวินท์อึ้งไปเล็กน้อยที่เด็กหนุ่มพูดกับเขาตรงๆ “ผมไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นหรอก แล้วผมก็ไม่ได้เสแสร้งขนาดนั้นมั้ยวะ คนอะไรจะบ้าแกล้งยิ้มได้ตลอดเวลาล่ะ”

“อืม คงงั้นมั้ง” เมื่อถึงที่จอดรถ คนอ่อนวัยกว่าก็เดินไปเข็นรถมอเตอร์ไซค์แบบบิ๊กไบค์ของเขาออกมา แล้วส่งหมวกกันน็อกให้คนที่ยืนรออยู่ก่อนจะขึ้นไปนั่ง

หากพอทันตแพทย์หนุ่มรับหมวกกันน็อกมา เขากลับยืนนิ่ง “ในสายตาของคุณ ผมมีอะไรดีบ้างมั้ยวะเนี่ย”

เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง “เฮ้ย! ทำไมถามแบบนั้น”

“ก็ทั้งใจง่าย ขี้อ่อย เชี่ยว ยิ้มเสแสร้ง ไม่สนใจอะไรสักอย่าง...” เขาอดคิดไม่ได้ว่าขวัญข้าวก็คงคิดแบบเดียวกัน

“ไอ้ที่ดีๆ ทำไมไม่จำบ้างวะพี่ ผมบอกว่าพี่เป็นหมอที่ดีไง” ภูพิงค์เอื้อมมือออกไปแตะไหล่คนตรงหน้าแล้วตบเบาๆ ทว่าสีหน้าอีกฝ่ายไม่ดีขึ้น เขาจึงต้องพยายามนึกคำชมเพิ่ม “หล่อด้วย โห นี่กัดฟันชมเลยนะ... อ่า... แล้วก็รวย เรียนเก่ง รถเท่...” หากยิ่งชม สีหน้าทันตแพทย์หนุ่มยิ่งแย่ลง

ทำไมวะ! สงสัยไปเตะโดนจุดเซนส์สิถีบอย่างแรงแน่เลยกู!

คนอ่อนวัยกว่าเคลื่อนมือไปโอบไหล่รวินท์พลางดึงเข้ามากอดไว้หลวมๆ จากนั้นก็ตบหลังเบาๆ “ที่ผมพูดไป เพราะผมยังไม่รู้จักพี่ดีก็เท่านั้น ถ้าผมคิดว่าพี่ไม่มีอะไรดีเลย ผมคงไม่มาเป็นลูกไล่ให้พี่บ่อยๆ แต่นี่ถึงกับข้ามจังหวัดไปให้จิกใช้เลยนะเว้ย”

“นั่นไม่ใช่เพราะอยากได้สัมภาษณ์กับคลิปจากผมเหรอวะ”

“เหย อย่างวันนี้ก็พาที่มาเที่ยวเองเปล่า” ภูพิงค์เถียง แต่แล้วก็ชะงัก “คือ... ที่จริงก็มีสาเหตุแหละ” เขาถอนหายใจยาว “เพราะผมอยากขอโทษ... ที่เมื่อบ่ายพูดจาหมาๆ ใส่พี่”

“ปากคุณนี่มัน...แค่เลาะฟันออกคงไม่พอ”

“แหงสิพี่ ต้องเอาหมาออกไปด้วย” คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะเจื่อนๆ เขาคลายอ้อมแขนออก พร้อมกับค้อมศีรษะลงแล้วแหงนหน้าขึ้นประสานสายตากับคนที่ก้มหน้าอยู่ “คงเพราะนิสัยผมกับพี่ต่างกัน มันก็ไม่แปลกป่ะวะที่ผมอาจจะมองพี่แง่ร้ายไปบ้าง”

“ผมยังไม่เคยมองคุณแย่แบบที่คุณมองผมเลยนะเว้ย”

“ก็ผมนิสัยดีอ่ะ”

รวินท์หมั่นไส้จนต้องยกขาถีบมอเตอร์ไซค์ไปพร้อมกับคนที่นั่งอยู่

“แต่ผมจะพยายามเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ จะมองพี่ในแง่ดีขึ้นนะ อย่างเช่นที่ให้เบอร์สาวๆ ไปทั่ว ผมจะมองว่าพี่ใจง่ายขี้อ่อยก็ไม่ถูก เพราะตอนนี้พี่เองก็ไม่มีใคร ถ้าไม่เปิดใจทำความรู้จักกับคนอื่นเลย พี่จะรู้ได้ไงว่าเขาดีหรือไม่ดี”

ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งฟัง แล้วถามกลับ “แล้วถ้าเป็นคุณ ทำไมคุณถึงจะไม่ให้เบอร์คนที่มาขอ”

“ถ้าผมสนใจเขา ผมจะให้ แต่ถ้าคิดว่ายังไงก็ไม่มีโอกาสหรือยังไงก็ไปกันไม่ได้ ผมก็ไม่ให้ ผมจะไม่ให้ความหวังใคร ถ้ามันไม่มีหวัง และถ้าผมมีแฟน ผมจะไม่ให้เบอร์ใครที่มาขอทั้งนั้น เพราะแฟนผมคงไม่ชอบ และผมจะไม่ทำให้เขาต้องเป็นกังวล”

“เข้าใจแล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “ที่คุณพูดมันก็ถูก ผมจะไม่ทำอีก”

คนอ่อนวัยกว่าเลิกคิ้วขึ้น ตกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายรับฟังความคิดเห็นของเขาแล้วออกปากว่าจะทำตามง่ายๆ “เฮ้ย คิดเองไม่เป็นหรือไงวะพี่ ที่จริงพี่จะคิดจะทำอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับผมมั้ย”

“แต่ผมอยากให้คุณช่วยเตือน ผมอยากฟังความคิดเห็นของคุณ เพราะผมเองก็อยากปรับปรุงตัวเองเหมือนกัน รอบตัวผม... ไม่เคยมีใครพูดตรงๆ กับผมแบบนี้” ...แม้แต่ขวัญข้าว... เธอเลิกกับเขาไปโดยไม่พูดอะไรให้ชัดเจนเลยสักอย่าง เขาอยากจะปรับปรุงตัวเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร จะเริ่มยังไงยังไม่รู้เลย “ถือซะว่าช่วยผมหน่อยละกัน”

“ผมพูดสิ่งที่ผมคิดได้ แต่พี่ต้องเป็นคนตัดสินใจเองว่าอะไรดีหรือไม่ดี พี่ไม่จำเป็นต้องทำตามที่ผมพูดไปทุกอย่าง เพราะผมเองก็ไม่ได้รู้ดีไปหมด บางอย่างที่ผมว่าดี ในสายตาคนอื่นมันอาจจะแย่มากก็ได้”

“อืม ผมแค่อยากมองให้กว้างขึ้นเท่านั้น เวลาโดนคุณด่าแรงๆ เหมือนจะทำให้คิดอะไรได้มากขึ้น”

“โห พูดซะผมรู้สึกดีที่ปากหมาเลย”

รวินท์ยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม แววตาของเขาสั่นไหวน้อยๆ “ขอบใจนะ พิงค์”

รอยยิ้มครั้งนี้ดูน่ารักเสียจนภูพิงค์เผลอยิ้มตอบ รวินท์ช่างมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ แม้กระทั่งกับผู้ชายอย่างเขา แวบหนึ่งก็ยังอดคล้อยตามไม่ได้ มือของคนอ่อนวัยกว่าเคลื่อนไปบีบหัวไหล่ทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ ก่อนเขาจะใช้ปลายนิ้วสัมผัสแก้มอีกฝ่ายไปอย่างลืมตัว ใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเท่านั้น

เสียงสตาร์ตรถจากคันที่อยู่ห่างไปเล็กน้อยดังขึ้น เด็กหนุ่มจึงรีบชักมือกลับ เขาตกใจการกระทำของตัวเองมากกว่าเสียงรถนั่นเสียอีก “ใส่หมวกเหอะ จะได้กลับกัน”

“อือ”

รถบิ๊กไบค์วิ่งไปบนถนนที่เงียบสงัดในยามค่ำคืน ผ่านไปสักพักมือที่เกาะอยู่กับเอวเด็กหนุ่มก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามากอด แล้วคนที่นั่งอยู่ด้านหลังก็เอนศีรษะซบบนไหล่เขา

ภูพิงค์เบิกตาโพลง หากเมื่อมองในกระจกมองหลังก็เห็นว่า... ไอ้พี่วินหลับ! จะสบายไปแล้วโว้ย! ดีนะเนี่ยที่ใส่หมวกกันน็อก ถ้าใครมาเห็นเข้า พวกเขาคงได้ไปแจ้งเกิดในมิวสิกวิดีโออีกหลายเพลงเลย!

เด็กหนุ่มทอดถอนใจยาว เขาคงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ เวลาที่อยู่ใกล้ๆ กับพี่วิน ไม่อย่างนั้น...

“กูต้องแย่แน่ๆ” เขาส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ


*TBC*


โหหหห กว่าจะเอามาลงได้ 5555 /เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชาาาาา

ฮัสกี้ยุ่งมากทุกวันเลย ระหกระเหิยออกจากบ้านตลอด มีวันนี้ได้ตื่นสายหน่อยค่ะ

แต่ว่าร้อนอิ๊บอ๋ายเลยเนอะ เดือนธันวาจริงเหรอนี่  55555

ตอนนี้สองหนุ่มก็พัฒนาไปเยอะแล้วเนอะ แหมมมมมม~ น้องพิงค์กับพี่วิน ใครเก็บแต้มแต๊ะอั๋งใครได้มากกว่ากันน้าาาา~ /ย้อนไปอ่านแต่แรกกันเถอะ 55555

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ จุ๊ฟๆ



หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 09-12-2017 09:00:19
สู้ๆ ค่าา งานเพียบเช่นกัน ดีนะที่แวะมาได้อ่านสมความคิดถึงพี่วินน้องพิง
ชอบประโยคนี้โคตร “โห พูดซะผมรู้สึกดีที่ปากหมาเลย”  :m20:
น่ารักจ้าคู่นี้ เขาค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ แต่แนบแน่น  :mew1:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-12-2017 09:22:47
ค่อยๆพัฒนา ค่อยๆเรียนรู้ตัวตนของแต่ละคน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 15 : สะกิดใจ][021217]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 09-12-2017 09:41:44
อะฮ้าาา เริ่มมองเห็นนิดๆ ละว่าใครตำแหน่งไหน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 09-12-2017 09:44:58
ไหนว่าพี่วินเป็นหมอฟัน

นี่มันชาวไร่อ้อยชัดๆ  :m12:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-12-2017 10:33:38
ค่อยๆ เรียนรู้กันไปซินะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-12-2017 11:03:59
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 09-12-2017 11:36:36
ตอนนี้พี่วินดูเคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: xkoxko ที่ 09-12-2017 11:45:03
แง แต่งดีมากๆเลยค่ะ ชอบความสัมพันธ์แบบนี้ค่ิอยเป็นค่อยไป ค่อยๆรู้ใจตัวเอง มันดูจริงมากๆเลย ฟินเฟ่อ :katai2-1: 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 09-12-2017 12:05:38
พี่วินขยันแจกอ้อยเรี่ยราดมาก 5555 อ้อยแบบไม่รู้ตัวสะด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-12-2017 12:06:50
มันก๊าวใจดี ค่อยๆพัฒนาไม่ปุปับ
ชอบน้องพิงค์คนปาก......
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 09-12-2017 12:20:18
ค่อยๆรักกันเบาๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 09-12-2017 12:25:04
เริ่มพัฒนาขึ้นแล้ว
รักกันเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: SIRINN ที่ 09-12-2017 13:12:41
หมอมีแววยอมน้องนะ เอ๊ะ หรือจะไม่ใช่ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-12-2017 13:21:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 09-12-2017 14:48:20
แย่แน่ๆแล้ว พิงค์เอ้ย แกเสร็จพี่หมอแน่  555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 09-12-2017 15:11:53
5555555555   ไอ้น้องพิงค์มารู้ตัวตอนนี้ว่าเเย่เเน่เเล้วก็ช้าไปแล้วค่ะคุณน้องขาาา   ไม่น่าจะรอดทำนายว่าจะได้แฟนอายุมากกว่า   ว่าแต่ร้านที่ถ่ายรูปไปลงเพจอย่าลืมแท็กทั้งพิงค์ทั้งพี่วินนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-12-2017 15:41:17
พี่วินอ่อยเรี่ยราดจริงๆค่ะ โดยเฉพาะอ่อยอิน้องพิงค์เนี่ย เด็กมันจะไม่อดทนเอานะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-12-2017 15:45:28
หมอวิน รู้สึกดีๆที่พิงค์เตือนแบบหวังดี
ที่ผ่านมาทั้งยิ้มการค้า อ่อยแบบไม่รู้ตัว สงสัยเฟรนลี่จัด
พิงค์คนแรกที่บอก เหมือหมอชิลๆ ไม่คิดลึกๆมากกว่า

แต่พิงค์ รู้ตัวแล้วว่าหมอวินยิ้มหวานจริงใจ มีเสน่ห์มาก
แบบสะท้านสะเทือน จนหัวใจหวั่นไหว  :o8: :-[ :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 09-12-2017 16:07:34
เค้าเดตกันแล้วค่ะแม่ :z2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 09-12-2017 16:37:20
คนน้องนี่เริ่มรู้ตัวละ อีกหน่อยต้องคิดไม่ซื่อแน่ๆ
มีกอดองกอดเอว ไม่มีหวงเนื้อหวงตัวทั้งพี่ทั้งน้องเลย
บอกเลยคนพี่ใสมาก ถ้าน้องไม่ชัดเจนนะเรื่องปวดหัวตามมาอีกเยอะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 09-12-2017 16:52:25
ไม่รอดหร้อกกกกก อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 09-12-2017 16:53:44
แว้กกก ตอนนี้มัน ฟหกด่าสวงง ดีต่อใจสุดๆเลยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 09-12-2017 17:19:15
พี่วินขี้อ่อย อ่อยแบบไม่รู้ตัว 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-12-2017 17:54:35
พี่วินแบ้วมากๆๆๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 09-12-2017 18:06:30
5555555 เรายังไม่ความหวังที่พี่วินยังเป็นเมะอยู่ไหมเนี้ย ตอนนี้ทำเรือเริ่มสั่นคลอน เราอยากให้เคะปากหมาแบบพิงค์ 5555555

แต่ตลกพิงค์มากอ่ะ ชอบตอบ สะบัดเหา กับ ขอบคุณที่ตัวเองปากหมา และ ตอนสุดท้ายที่บอกว่าต้องแย่แน่ๆ คือตลกมากกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 09-12-2017 19:05:05
รอจากคู่จิ้นเป็นคู่จริงนะค้าา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 09-12-2017 19:13:45
หมั่นไส้อิพี่วินอ่ะ ชอบอ่อย อ่อยจนน้องพิงค์มันคิดไปไกลแล้วเนี่ยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-12-2017 19:24:49
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-12-2017 19:51:07
อ่านเรื่องนี้ทีไร มันจั๊กกะจี้หัวใจจริงๆ
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 09-12-2017 20:02:57
ชอบพี่วินน้องพิงค์จังเลยค้า. เข้ามาเฝ้ารอทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 09-12-2017 20:14:15
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 09-12-2017 20:25:57
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 09-12-2017 21:15:33
ชอบจัง เค้าเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์แล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-12-2017 21:55:14
พิงค์เอ้ยยย ใจมันเซใช่ไหม ถึงขั้นต้องมาง้อพี่น่ะ

วินท์ก็น่ารักนะ ทำไงได้ คนเคยอยู่แบบไม่มีใครว่า
มาเจอพิงค์ไป ก็มีนอยด์บ้าง แต่น้องมาง้อก็หายแล้ว

แล้วใครจะรู้ตัวก่อน ได้ก้าวก่อนล่ะ


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 09-12-2017 22:32:02
มาทุกวันเลยได้ใหมครับ..
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-12-2017 23:21:09
พี่วืน ชีวิตนี้ขาดพิงค์ๆไม่ได้แล้วใช่มะ
ถึงยังไม่ได้คิดว่ารุ้สึกอะไรกันกัน แต่บรรยากาศแบบนีมันก็เหมาะกับทั้งคู่ดี
พิงค์เริ่มรุ้สึกหวั่นไหวแล้วใช่ป่าว จีบเลยค่ะจีบอย่าลังเล
พี่วินนี่ลิมิเต็ดอิดิชั่นนะจจะหาแบบนี้ได้ที่ไหนอีก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 09-12-2017 23:23:26
       อ้อยมาทั้งสวนเลยค่าาา :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-12-2017 23:51:13
กว่าหมอวินจะรู้สึกตัวก็คงขาดน้องพิงค์ไม่ได้แล้วล่ะ
ส่วนอิน้องพิงค์ก็คงหลงเสน่ห์พี่หมอวินจนโงหัวไม่ขึ้น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-12-2017 01:51:11
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 10-12-2017 13:41:18
น้องพิงค์โดยพลังแอทแทคจากพี่หมอไปอีกหนึ่ง
 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 10-12-2017 20:03:46
ลงเรือไม่ถูกเลย วินท์พิงค์หรือพิงค์วินท์  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-12-2017 22:40:34
หมอวินอ่อยนังน้องพิงค์แบบไม่รู้ตัวจริงๆ 555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-12-2017 01:25:25
หึหึ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-12-2017 03:08:22
น่ารักขึ้นทุกทีที่เจอกันเลยอะคู่นี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 11-12-2017 07:44:22
จงอัพจงอัพ :oni3: :oni3: :oni3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-12-2017 12:36:36
ถ้ามีรูปหลุดว่ามาเที่ยวตอนกลางคืนด้วยกัน ดังกว่าเดิมอีกแน่ๆ คราวนี้คิดว่าคู่เรียลแน่นอน ฟินนนนนน o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: somuch ที่ 11-12-2017 20:44:50
โง้ยยยยยยย ชอบมากกกกกก งื้อๆๆๆๆๆ

//ดิ้นพราดๆ

นี่นั่งครุ่นคิดค่ะ อย่างเรื่องก่อน เหนือเมฆ คุณคนเขียนก็มี hint ให้จากชื่อเรื่องว่าอปป้าน้ำเมะ (เราเดาโพสิชั่นออกตั้งกะอ่านชื่อเรื่อง)

แต่เรื่องนี้ อะแฮ่ม ถามตรงๆนะคะ ภูสอยเดือนแล้ว...จะเสียบด้วยไหมคะ? //ปิดหน้าเขิน

คือบั่น ค้างคาใจอ่ะค่ะ ตอนแรกว่าพี่วินเมะ อ่านๆไป เอ๊ะ ชักสับสน

ลงเรือไม่ถูก มันเลยมึนๆ งงๆ ตอนแรกเราขึ้นเรือหนุ่มวิศวะเมะนะคะ แต่พี่วินทำเราเซ พอเราปีนขึ้นเรือวินพิง ตอนล่าสุดเรือเราก็เริ่มเป๋ๆ โฮวววววววว บอกโพสิชั่นหน่อยสิค้าาาา //กอดขา

รอติดตามค่ะ ♡♡♡

ปอลุง. แก้ไขชื่อค่ะ เราเมาๆ จำชื่อพี่วินผิด แงงงง :z3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-12-2017 19:47:35
น้องพิงค์พัฒนาความรักเร็วแฮะ ส่วนหมอวินจะตามทันมั๊ยล่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 13-12-2017 21:22:24
อ่านไปยิ้มไป ลุ้นด้วย ไม่อยากให้จบตอน 5555  :katai5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: Cuddlemoon ที่ 15-12-2017 15:41:11
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-12-2017 15:48:49
Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่


เช้าตรู่ของวันจันทร์ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีเทาลอยต่ำ สายฝนพรั่งพรูลงมาตั้งแต่เมื่อคืน หลังจากที่รวินท์และเตชิตกลับมาจากเชียงใหม่ได้สักพัก

รวินท์ทอดหมูยอที่พี่นิ้งให้มากินกับข้าวเป็นอาหารมื้อเช้า เขาเสียเวลาแกะห่อใบตองไปนานโข ได้หมูยอมาตุ้มใหญ่กว่าหัวนิ้วโป้งนิดเดียว ถึงว่าสิ พี่นิ้งให้มาถุงเบ้อเริ่ม เขาก็หลงดีใจคิดว่าจะกินได้หลายวัน แต่นี่แค่วันแรกเขาก็แกะมากินไปเสียครึ่งถุงแล้ว

มันก็อร่อยดีนะ แต่ถ้าเขาอยากซื้อมาไว้ทอดกินสักอาทิตย์ คงต้องเอารถบรรทุกไปขน

ขณะที่นั่งกินข้าวมื้อเช้า ทันตแพทย์หนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถือค้างไว้ในมือ พลางนึกไปถึงคนที่ไม่ได้พบกันมาเป็นสัปดาห์แล้ว เนื่องจากเมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่๋ผ่านมาภูพิงค์หายหัวไปอ่านหนังสือสอบมิดเทอม ทั้งที่พวกเขาก็เพิ่งเจอกันไปไม่นานแท้ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันนานมาก เหงาด้วย คงเพราะไม่มีใครมากวนประสาท เขาถอนหายใจ ลังเลอยู่สักพักจึงกดเปิดเฟซบุ๊กขึ้นมาดู

รวินท์ไม่ค่อยสนใจโซเชียลเน็ตเวิร์คสักเท่าไหร่ แต่ที่มีไว้ก็เพราะเมื่อก่อนใช้เช็กเรตติ้งของตัวเอง หากตั้งแต่เรียนจบ เลิกกับขวัญข้าวและมาใช้ทุน เขาก็ไม่ค่อยได้เข้าไปทำอะไรมากมายนัก นานๆ จะอัปรูปสักที ดูไทม์ไลน์ไปเพลินๆ บ้าง ถ้าไม่ขี้เกียจ

ทว่าครั้งนี้เขาตั้งใจจะเข้ามาดูเฟซบุ๊กของภูพิงค์ พอกดเข้าไปดูก็เห็นว่ามีคนแท็กรูปเด็กหนุ่มมาบ่อยๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในคณะนั่นล่ะ และหลายรูปที่ถูกแท็กมานั้นก็มีรูปพวกเขาวันที่ไปร้านอาหารพื้นเมืองเมื่อวันก่อนด้วย

ทางร้านแต่งรูปซะสวยเลย มีคนเข้ามาทั้งไลค์และให้หัวใจเพียบ คอมเมนต์ใต้ภาพมีคำว่าน่ารักเรียงเป็นตับ แต่ไม่มีใครพูดถึงของกินบนโต๊ะกันเลย

ปกติแล้วเขาจะอ่านคอมเมนต์ผ่านๆ หากวันนี้ตื่นเช้าและมีเวลาว่างเยอะ เขาเลยไถอ่านข้อความไปเรื่อยๆ เพลินดีเหมือนกัน

ชายหนุ่มอ่านไปหัวเราะไป จนกระทั่งไปเจอคอมเมนต์จากคนในคณะเดียวกันกับอีกฝ่าย ซึ่งเป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่

“ไอ้พิงค์แม่งปีนเกลียว หวังของสูง”

ของสูงไหนวะ เพดานเหรอ

“สมกันดี จีบให้ติดนะมึง”

จีบ?

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่แน่ใจว่าคอมเมนต์พวกนั้นหมายถึงใคร พนักงานคนที่จัดโต๊ะ คนที่ถ่ายรูป หรือว่า... เขา?

“กิ่งทองใบหยกว่ะ ต่อไปจะได้ทำฟันฟรีแล้วไอ้พิงค์”

“ไปเดตกับพี่วินด้วยอ่ะ ร้ายว่ะมึง~”

ชัวร์แล้วเว้ย! นี่หมายถึงตัวเขาแน่ๆ ล่ะ!

รวินท์หัวเราะร่วน แบบภูพิงค์อะนะ ปล่อยหมาใส่เขาทุกทีที่เจอกันแบบนั้น พจนานุกรมฉบับไหนแปลว่าจีบวะ คงเพราะเด็กหนุ่มไปไหนมาไหนกับเขาสองคนบ่อยๆ เพื่อนเลยเอาไปแซวกันเล่น

ที่สำคัญน่ะพวกเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่นะเว้ย

แต่เมื่อสมัยเรียนเขาก็เคยมีผู้ชายมาจีบเหมือนกันนะ แล้วตอนนั้นเขาทำยังไงวะ?

รวินท์ยกแขนขึ้นกอดอก พลางขมวดคิ้ว... จำไม่ได้ว่ะ เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรรอบตัวเลยจริงๆ แม่งเอ๊ย

หากแวบหนึ่งก็คิดว่าถ้าหากเป็นจริงอย่างที่ทุกคนแซ็วก็คงดีเหมือนกัน เพราะเวลาอยู่ด้วยกันกับภูพิงค์ก็สนุกดี

ถ้าสมมติว่าเด็กหนุ่มจีบเขาจริงๆ... เขาจะทำยังไงวะ

ก็อาจจะดีนะ จากที่เคยลองกอดดูก็เต็มไม้เต็มมือดี น่าจะฟัดได้เต็มที่แบบไม่ต้องกล้วอะไรจะหัก

ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างงงๆ กับความคิดของตัวเอง “กูเป็นบ้าไปแล้วเหรอวะเนี่ย จู่ๆ เสือกอยากให้ผู้ชายมาชอบ”

รวินท์ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ แล้วส่ายหน้าไปมา นี่เขาอกหักจากขวัญข้าวหนักจนเสียศูนย์ เลยจะหักมุมไปสนใจผู้ชายแทนเหรอวะ เขาถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างอ่อนใจ

“นั่งพึมพำอะไรอยู่คนเดียววะ คุยกับกุมารทองหรือแม่ซื้อรึไง” เสียงของเตชิตดังมาก่อนเสียงเคาะประตูห้อง เขายืนมองเพื่อนรักอยู่ตรงบานหน้าต่างมุ้งลวดฝั่งที่ติดกับทางเดิน “กินเสร็จยัง วันนี้กูตื่นเช้าว่ะ เลยว่าจะเดินไปโรงบาลพร้อมมึงด้วย”

“เสร็จแล้วๆ รอแป๊บเว้ย” เจ้าของห้องลุกไปเปิดประตูให้ เขารีบยกจานที่กินเสร็จแล้วไปวางในอ่างล้างจาน จากนั้นจึงวิ่งเข้าห้องนอนไปเอาของ

พอเตชิตเดินมาถึงโต๊ะ เขาก็ก้มหน้าลงมองภาพที่ค้างอยู่บนหน้าจอก่อนที่โทรศัพท์จะดับลง “ภูพิงค์?”

..

....

..

ฝนตกหนัก...ห่าใหญ่แล้วใหญ่อีก ตกๆ หยุดๆ แบบนี้มาจะเป็นสัปดาห์แล้ว ท้องฟ้ามืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังมาฮึ่มๆ เป็นพักๆ ทั้งกลางวันกลางคืน เสื้อผ้าที่ซักแขวนเอาไว้บนราวใต้ร่ม ตากเท่าไหร่ก็ไม่แห้ง เพราะอากาศชื้นมาก และตากไปไม่นานฝนก็สาดเข้ามาให้เปียกอีกรอบ กางเกงในจวนเจียนจะขึ้นราอยู่รอมร่อ หนำซ้ำยังเป็นช่วงสอบมิดเทอมอีก ทำให้บรรยากาศเหมือนมีผู้คุมวิญญาณอยู่ด้วยทุกหนแห่ง

ภูพิงค์สอบมิดเทอมวันนี้เป็นวันสุดท้าย ส่วนวันพรุ่งนี้ได้หยุดเพราะปีหนึ่งกับปีสองบางภาคยังเหลือสอบอีกหนึ่งวัน ทันทีที่สอบเสร็จเขากับเพื่อนๆ ก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้านเช่า เนื่องจากจะรีบกลับไปเก็บผ้าเอาเข้าห้องไปตากกับพัดลม

ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกจากตึกเรียน เขากับเพื่อนรักก็ถูกเรียกไว้เสียก่อน

“ไอ้ซัน ไอ้พิงค์ มีเรื่องด่วนเว้ย” นายกสโมฯ ของคณะวิ่งกางร่มเข้ามาหาจากตึกข้างๆ กัน

สองหนุ่มง้างเท้าเตรียมวิ่งหนี แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเหตุผล

“หมู่บ้านกับโรงเรียนน้องถูกดินโคลนถล่มว่ะ!” โรงเรียนน้องกับหมู่บ้านที่ว่าคือโรงเรียนบนดอยที่นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์มีกิจกรรมค่ายอาสาไปช่วยเหลือดูแลเป็นประจำทุกปี

“ฮะ! ถล่มได้ไงวะพี่!”

“ฝนตกหนักติดกันหลายวันเกิน ดินอุ้มน้ำไม่ไหวกลายเป็นโคลน ไหลจากบนเขาเข้าหมู่บ้านกับโรงเรียน”

“แล้วเป็นไงบ้าง”

“ไปห้องประชุมก่อนเว้ย” นายกสโมฯ สั่งเสร็จก็รีบวิ่งออกไปตามจิกสมาชิกสโมฯ คนอื่นที่สอบเสร็จแล้วต่อ งานนี้ภูพิงค์ไม่เกี่ยว แต่มีเอี่ยวเพราะเสือกเป็นประธานรุ่น สองหนุ่มจึงลากเพื่อนอีกสองคนที่เหลือไปรอกันที่ห้องประชุมด้วย งานนี้คนเยอะ หลายหัวคิดจะได้เปรียบ

ภายในห้องมีอาจารย์จากหลายภาควิชา รุ่นพี่และเพื่อนพ้องซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกสโมสรนักศึกษานั่งรวมกับเหล่าสมาชิกสโมฯ อยู่หลายสิบชีวิต บนจอฉายสไลด์มีภาพที่ถูกส่งมาจากบนดอยเปิดทิ้งไว้ สภาพของโรงเรียนในตอนแรกถูกโคลนทับถมเสียหาย แต่ก็มีการนำกระสอบทรายมากั้นและตักโคลนออก ใต้หลังคาสนามกีฬาเล็กๆ ที่พวกนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์เคยออกทุนลงแรงสร้างไว้ ตอนนี้กลายเป็นที่หลบภัยของชาวบ้านหลายครอบครัว

“โรงเรียนตอนนี้มีคนเข้าไปช่วยเหลือแล้ว ให้คนที่บ้านเสียหายย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนชั่วคราว ตอนนี้ขาดเสื้อผ้า ยากับอาหาร แล้วก็เงินทุนปรับปรุงโรงเรียน ทางมหาลัยได้นำเงินบริจาคส่วนหนึ่งซื้อของส่งไปช่วยบ้างแล้ว แต่คงไม่พอ เราจึงต้องหาทางช่วยระดมทุนเพิ่ม”

“คณะเราจะไม่เปิดรับบริจาคเฉยๆ แต่จะจัดกิจกรรมเพื่อรวบรวมเงินด้วย ไหนๆ พรุ่งนี้ก็สอบเสร็จกันแล้ว มีเวลาอีกอาทิตย์กว่าๆ ให้เตรียมตัว วันเสาร์ถัดไปเราจะจัดงานไนต์กัน ตอนนี้มีสปอนเซอร์สนใจเข้าร่วมบ้าง ทางอาจารย์ก็พูดคุยกับทางมหาลัยไว้แล้วนิดหน่อย ไม่น่ามีปัญหา”

“งานไนต์ของเรามีคอนเสิร์ตด้วย ได้ศิษย์เก่าที่จบไปแล้วมาช่วยเป็นนักร้องนักดนตรีให้”

“จัดเพิงขายน้ำ ขายขนมและของจากที่สปอนเซอร์ให้มา”

“มีขายตั๋วสำหรับเข้างาน”

ภูพิงค์กับเพื่อนอีกสองคนยืนมองทุกคนในห้องปรึกษากันไปมาอย่างเงียบๆ งานนี้พวกเขาต้องใช้แรงงานกันหนักอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไร คณะเขาคนเยอะ เรื่องแสดงสปิริตขอให้บอก

“พวกรุ่นพี่ที่จะมาเป็นนักร้องให้ คงจะพอเรียกแขกได้อยู่ใช่มั้ยครับจารย์ ไม่งั้นในงานหลอนแน่ๆ” สมาชิกสโมฯ คนหนึ่งพูดขึ้น

“เฮ้ย งานแบบนี้เขาก็มาด้วยใจอยากทำกุศล ฟังเพลงชิลๆ ป่ะวะ” หนึ่งในสมาชิกเอ่ยขัด

“หนุ่มๆ สาวๆ ในคณะเราก็...” อาจารย์พูดพลางกวาดสายตามองหน้าแต่ละคนในห้อง หยุดทำใจสักพักจึงพูดต่อ “...ก็หน้าตาดีๆ กันทั้งนั้น คงพอเรียกแขกได้เหมือนกัน”

แล้วจู่ๆ ทั้งห้องก็เงียบสงัด จนได้ยินเสียงฝนตกเปาะแปะและกบเขียดร้องชัดเจน

พวกอาจารย์พากันถอนหายใจ ก่อนอาจารย์คนหนึ่งจะเอ่ยขึ้น “เสาร์นี้มีงานวิ่งมาราธอนนี่ ก็โฆษณางานไนต์ในงานวิ่งไปด้วยเลย”

ซันเลิกคิ้วขึ้นเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันขวับไปทางภูพิงค์ “เออ จริงสิ คลิปพี่หมอที่มึงเอามาครั้งนั้น พี่หมอบอกจะมางานมาราธอนด้วยนี่”

“หมอไหน” อาจารย์บางคนยังไม่รู้เรื่องของรวินท์จึงหันไปถาม

“คนที่หน้าหล่อโคตรๆ ในคลิปกับรูปที่แปะอยู่ในเพจวิดวะเชิงดอยไงจารย์ ที่คนเข้ามาดูกันเยอะๆ อะครับ”

“อ้อ คนนั้นน่ะเอง เป็นหมอเหรอเนี่ย”

“เป็นหมอฟันอะจารย์ ไอ้พิงค์มันซี้” ซันรีบรายงานอาจารย์เสร็จสรรพ

“โอ้...” อาจารย์หรี่ตามอง จากนั้นจึงหันไปส่งสัญญาณให้ตากล้องสโมฯ ตัวดี

ว่าแล้วตากล้องสโมฯ ตัวหัวหอกก็กวักมือเรียกสมาชิกสโมฯ ทุกคนเข้าไปสุมหัวปรึกษากัน ก่อนจะขยับไปรายงานอาจารย์ จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหันไปทางภูพิงค์กันเป็นตาเดียว

เด็กหนุ่มหัวใจร่วงไปอยู่ใต้ตาตุ่ม เพียงแค่สบสายตากับทุกคนปราดเดียวเท่านั้น เขาก็มองเห็นชะตากรรมของตนเองรำไร “เดี๊ยว~”

“ไอ้พิงค์ ชวนพี่หมอเขามาวิ่งมาราธอนแป๊บดิ เอาแค่วิ่งไปวิ่งกลับกิโลฯ แรกก็พอ”

“เดี๋ยวพี่! จู่ๆ จะให้พี่เขามาวิ่งกับคณะเราคนเดียวโด่ๆ เนี่ยนะ”

“ไม่ได้ให้วิ่งคนเดียวเว้ย”

“ฮะ”

“วิ่งกับมึงนี่ไง”

กูว่าแล้ว!

ภูพิงค์ยังไม่ทันได้โต้เถียงอะไร อาจารย์ก็พูดขึ้นเสียงขรึม

“ภูพิงค์ ในฐานะประธานรุ่นเธอต้องทำอะไรให้เป็นตัวอย่างกับนักศึกษาคนอื่นๆ หน่อยนะ”

นั่น ลูกแรกมาแล้ว

นายกสโมฯ รับช่วงต่อจากอาจารย์อย่างรู้งาน “พวกเราเกิดมาโชคดี มีโอกาสได้เล่าเรียนสูงๆ แต่ต้องอย่าลืมว่าพวกเราชาววิศวะคือฟันเฟืองของชุมชน ไอ้พิงค์ มึงแหกตาดูหน้าน้องๆ ดูสภาพน้องๆ สิ มีอะไรที่มึงพอจะทำได้ มึงจะไม่ลงมือเชียวเหรอ”

เหรัญญิกสโมฯ เอื้อมมือไปเปิดเพลงดอกไม้จะบานคลอ

ไอ้พวกนี้แม่ง... รู้จุดอ่อนเขาจริงๆ โว้ย

เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวๆ อย่างอ่อนใจ เขาไม่ได้เจอพี่วินมาจะสองอาทิตย์ได้แล้วเพราะติดสอบ ถ้าให้โทรไปชวนมากินข้าวน่ะเขาคงชิลๆ แต่จะให้โทรไปชวนมาวิ่งมาราธอนเนี่ย... “ผมจะลองคุยกับพี่เขาดูนะครับ แต่ไม่สัญญานะว่าจะได้” ...ไอ้พี่วินแม่งยิ่งขี้เกียจอยู่ด้วย ให้มางานยังพอลุ้น แต่ให้มาวิ่งด้วยนี่... ฆ่ากูเถอะ!


ภายในห้องครัวจุ๋มจิ๋มของทันตแพทย์หนุ่ม เจ้าของห้องยืนทอดหมูยออยู่ที่ในครัว หลายวันที่ผ่านมานี่เขากินแต่หมูยอทุกวัน เนื่องจากดันไปเปรยกับเหล่าพยาบาล คนไข้และผู้ช่วยฯ ไว้ว่าอร่อย หลังจากนั้นก็มีคนเอามาให้เพียบ เขาเอาใส่ช่องแช่แข็งไว้จนเต็มหมดแล้ว ส่วนที่ยัดใส่ช่องแช่แข็งไม่ได้ เขาก็พยายามเอามาทอดกิน แจกให้หมอข้างห้อง พี่สิงหากับไอ้เต้ไปกินด้วย หากก็ยังเหลืออีกตั้งมากมาย

หลังจากทอดเสร็จ ตักหมูยอโปะข้าวแล้วรวินท์ก็เดินมานั่งลงที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูไปกินไป เฟซบุ๊กของภูพิงค์ยังคงนิ่งกริบ แต่ถ้าเขาจำไม่ผิด เด็กหนุ่มน่าจะสอบเสร็จวันนี้นี่ล่ะ

ขณะที่กดๆ โทรศัพท์ไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี

“อ้าว ตายยากแฮะ”

“แหม ทักกันดีๆ ก็ได้พี่ คิดถึงผมอยู่ก็บอก”

“ใครคิดถึงใครกันแน่วะ สอบเสร็จปุ๊บก็โทรหากันปั๊บเลยน้า~”

“เขินว่ะพี่ อย่าพูดตรงๆ สิคร้าบ แล้ว... พี่วินสบายดีรึเปล่า ไม่ได้เจอกันน้านนาน~”

รวินท์ยิ้มมุมปาก ถ้าอีกฝ่ายมาแนวนี้ล่ะก็ ใช่เลย... “มีอะไรจะให้ช่วยก็ว่ามา”

“เว้ย~ พี่รู้ได้ไงอะ!”

“นั่นไง เดาไว้ไม่มีผิด ทำเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้น่ะ ชัวร์!”

“โห... หล่อด้วย แสนรู้ด้วยนะพี่วินเนี่ย คือ... เสาร์นี้มีงานวิ่งมาราธอน...”

“อือ รู้แล้ว ผมจะไปดูนะ”

“แหะๆ คือไม่แค่ดูได้มั้ยวะพี่ มาวิ่งกับผมหน่อย”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ ส่งผลให้คนที่อยู่ปลายสายหัวเราะไปพร้อมๆ กันด้วย

“ไม่เว้ย!”

“โธ่ วิ่งแค่นิดเดียว กิโลเดียว ไปกลับสองโล”

“ตกลงวิ่งกี่โลกันแน่วะ!”

“ก็ขาไปโลนึง กลับอีกโลไงพี่ เรียนจบหมอมาได้ไงวะ แค่คิดเลขง่ายๆ”

“นี่จะมาขอร้องหรือจะมาหาเรื่องผมวะ”

“วิ่งเพื่อการกุศลนะพี่ เพื่ออิสรภาพทางการบุญ คือพี่หล่ออยู่แล้ว รวยด้วย ขาดแต่บุญนะตอนนี้ ถ้าผมไม่หวังดีนี่จะไม่โทรมาถามเลย แต่นี่เห็นว่าเป็นพี่วิน มีของดีเลยต้องบอกต่อ”

“นี่จะมาชวนไปทำบุญหรือไปขายตรงวะเนี่ย”

“นั่นแหละๆ คือแบบ... พี่... อาทิตย์ที่ผ่านมาฝนมันตกบ่อย ตกหนักด้วย โรงเรียนบนดอยที่คณะเราดูแล โดนดินโคลนถล่มทับเสียหาย พวกผมเลยจะจัดงานไนต์กันเสาร์ถัดจากเสาร์มาราธอนเนี่ย เพื่อหาเงินซื้อของให้โรงเรียนน้องกับชาวบ้านไง ทีนี้ก็จะถือโอกาสประชาสัมพันธ์งานไนท์ในงานมาราธอนไปด้วย ก็เลยอยากรบกวนพี่เอาหน้ามาเรียกแขกให้หน่อย”

“คือผมก็รู้อะนะว่าผมหน้าตาโคตรดี แต่แบบ... โห พูดตรงมากๆ”

“ผมคนจริงใจ”

“แต่ทำไมฟังดูตอแหล”

“พี่วินอ่า นะๆ น้า~ เดี๋ยวผมพาเที่ยวอีก พี่อยากไปไหนขอให้บอก ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดก็พาไปด้าย~”

“เดี๋ยวนะ จะให้ผมเรียกแขกในงานมาราธอนให้ไปงานไนต์ ก็หมายความว่า...”

“ใช่เลย พี่ตอบโอเคครั้งเดียว เหมาทั้งสองงานเลยคร้าบ งานนี้วิ่งก็จริง แต่อีกงานแค่มาเที่ยวฟังเพลงชิลๆ เองพี่”

รวินท์ถอนหายใจยาว ไอ้ไปงานเฉยๆ น่ะ โอเคอยู่ แต่เขาไม่ได้อยากวิ่งเลย หากก็ไม่รู้เพราะเป็นเรื่องงานทำบุญ หรือเพราะภูพิงค์เป็นคนขอร้อง เขาจึงปฏิเสธไม่ลง “กี่โมงถึงกี่โมง ถ้าไม่ชนกับทำคลินิก...”

“ไม่ชนหรอกพี่ วิ่งเจ็ดโมง สองกิโลยังไม่ถึงชั่วโมงเลย เสร็จแล้วก็มีสัมภาษณ์นิดหน่อย พี่ก็โฆษณางานไนต์ให้ผม แค่นี้เอง”

“อือ ก็ได้ แล้วต้องแต่งตัวยังไง”

“เดี๋ยวผมเตรียมเสื้อไว้ให้เปลี่ยน พี่ใส่กางเกงวอร์มมาก็พอ มีกางเกงวอร์มใช่ป่ะ”

“ไม่มีอ่ะ มีแต่สแล็กซ์กับยีน”

“โว้ย~ งั้นเดี๋ยวผมเตรียมไว้ให้ก็ได้วะ งั้นวันเสาร์หกโมงเช้า ผมไปรับพี่ที่คลินิกนะ”

“เช้าฉิบหาย...”

“แล้วเจอกันนะพี่~” ภูพิงค์ทำหูทวนลมพลางกดวางสายทันที วินาทีนี้เขาถือว่าอีกฝ่ายตกลงแล้ว ถ้าหกโมงไม่ออกมาจากคลินิก เขาจะพังประตูเข้าไปอุ้มออกมาเลยแม่ง

ทันตแพทย์หนุ่มลดโทรศัพท์มือถือในมือลง จากนั้นจึงหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา

“สำลักบุญแน่ๆ เลยกู”

..

.....

..

(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 16 : เดตกันแบบงงๆ][091217]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-12-2017 15:49:47


เช้าตรู่ของวันเสาร์ ท้องฟ้ายังสลัวๆ มีลมเย็นพัดมาเป็นระยะๆ หากโชคดีที่ฝนไม่ตก ไม่อย่างนั้นเหล่านักศึกษาและอาจารย์ที่จะเข้าร่วมวิ่งมาราธอนคงต้องเปียกปอนเป็นลูกนกตกน้ำกันหมดแน่ๆ

รวินท์ใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นแค่เข่าซึ่งเป็นชุดที่เขาใส่นอนมานั่งรอเด็กหนุ่มอยู่ที่หน้าร้าน อีกฝ่ายมาตรงเวลาเผง พอนาฬิกาบอกเวลาหกโมงรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ก็มาจอดเอี๊ยดที่ด้านหน้าคลินิกพอดี

“พี่วินจ๋า~”

ทันตแพทย์หนุ่มอดอมยิ้มกับท่าทางออดอ้อนของอีกฝ่ายไม่ได้ “ขนลุกเว้ย”

“แหม ผมอุตส่าห์ทำตัวน่ารัก เอ้านี่พี่ เสื้องานมาราธอน ส่วนกางเกงวอร์มของผมเอง เก่านิดหน่อย แต่ใส่ๆ ไปเหอะ”

“เออ รอแป๊บ”

รวินท์รีบวิ่งกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อหลังร้าน เขาโยนเสื้อผ้าตัวเองไว้ที่ตีนบันได จากนั้นก็รีบวิ่งกลับออกมา

หากเนื่องจากภูพิงค์เป็นคนขายาวมาก พอรวินท์ใส่กางเกงของเขา ชายขาจึงลงมากองอยู่บนข้อเท้าเล็กน้อย เด็กหนุ่มเห็นดังนั้นก็รีบก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์ เขาย่อตัวลงนั่งบนเข่าแล้วพับขากางเกงให้อีกฝ่าย

ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงมองคนอ่อนวัยกว่าค่อยๆ พับขากางเกงให้เขาทั้งสองข้าง มีการวัดดูให้เท่ากันด้วยเสร็จสรรพ “บริการดีโคตร”

“ก็จะพาพี่ไปใช้แรงงาน ก็ต้องเอาใจกันหน่อย ไปกันเหอะพี่ ขึ้นมอไซค์มามะ” ภูพิงค์ลุกขึ้น หันไปหยิบหมวกกันน็อกโยนให้ ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนมอเตอร์ไซค์แล้วติดเครื่องรอ

หลังจากรวินท์ขึ้นไปนั่งแล้ว เด็กหนุ่มก็พาบึ่งมอเตอร์ไซค์เข้าไปยังจุดเริ่มต้นการวิ่งมาราธอนที่ลานเกียร์ข้างหน้าตึกวิศวกรรมศาสตร์

ที่ในลานมีผู้คนมากมาย ส่วนใหญ่จะใส่เสื้อของงานมาราธอนกัน มีป้ายโฆษณาจากสปอนเซอร์เรียงเป็นแถบ มีเวทีเล็กๆ จัดไว้สำหรับพิธีกรในงาน เสียงดนตรีดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ

แต่เสียงดนตรีที่ว่าดังแล้วก็ยังเบาไปเมื่อเทียบกับเสียงวี้ดว้ายเซ็งแซ่เมื่อสองหนุ่มที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดและถอดหมวกกันน็อกออก

“คนเยอะมากเลยแฮะ” ทันตแพทย์หนุ่มเปรย

ส่วนภูพิงค์กำลังเหงื่อตก เขาก็สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าทำไมไอ้พวกสโมฯ บอกให้เขาเอามอเตอร์ไซค์มาจอดตรงที่ใกล้ๆ เวที ไอ้ตอนแรกก็คิดว่าเพราะสะดวกดี แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่

สัส ถ้าจะทำแบบนี้ไม่ให้เขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปจอดบนเวทีแม่งเลยล่ะ!

“พี่วิน ไปเตรียมตัววิ่งก่อน” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าแขนคนที่มัวแต่หันมองไปรอบๆ อย่างงงๆ เนื่องจากรวินท์เข้ามาที่คณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้เป็นครั้งแรก แถมวันนี้มีงาน คนมหาศาลอีกต่างหาก

“อื้อหือ งานใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย มีงานติดกันสองเสาร์ แล้วเสาร์หน้าจะมีคนมามั้ยอ่ะ”

“โห แทงใจดำดังฉึกเลยพี่ พวกผมก็กลัวอยู่นี่แหละ แต่ก็ต้องทำไง เพื่อช่วยโรงเรียนน้อง”

“พี่วิน พี่วินค้า~”

“ครับ” เจ้าของชื่อเรียกหันขวับ แต่พอเขาหันไปเท่านั้น เสียงกรีดร้องก็ดังสนั่นกลบเสียงเพลงในงาน พวกสาวๆ กำลังจะกรูกันเข้ามารุมล้อมในไม่ช้า หากภูพิงค์ไวกว่า

เด็กหนุ่มรีบคว้าตัวรวินท์ไว้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะโดนสาวๆ ฉุดไป เขาต้องลำบากออกตามหาอีก “เดี๋ยวๆ ให้พี่วินไปวิ่งก่อน เสร็จงานค่อยมารุมนะ”

รวินท์หันขวับไปทางเด็กหนุ่ม “เสร็จงานแล้วผมก็ยังต้องไปทำงานต่อนะเว้ย”

“เออ น่า เอาชีวิตจากตรงนี้ให้รอดก่อนเหอะพี่ แล้วค่อยคิดเรื่องงาน”

“นี่คุณพาผมมาวิ่งหรือพามาให้รุมประชาทัณฑ์กันแน่วะ”

สองหนุ่มเถียงกันไป โดยที่แขนของคนอ่อนวัยกว่าโอบเอวรวินท์ไว้ รอบๆ ตัวพวกเขาเริ่มมีคนเข้ามามุงเยอะขึ้น เสียงชัตเตอร์ดังรัวยิ่งกว่าปืนกล ทว่าโชคดีที่พี่ๆ ชาวสโมฯ มาช่วยพาตัวสองหนุ่มไปยังจุดรวมตัวได้ ก่อนที่ภูพิงค์จะโดนเหยียบตายด้วยความหมั่นไส้ปนอิจฉา

จากนั้นสมาชิกสโมฯ ก็มารวมตัวกันเพื่อขอบคุณทันตแพทย์หนุ่ม พวกเขาพร้อมใจกันยกมือไหว้ แต่ที่จริงแล้วเพราะอยากเห็นตัวจริงใกล้ๆ มากกว่า

“ขอบคุณพี่หมอมากคร้าบ”

“ไม่เป็นไรๆ นิดหน่อยเองครับ”

“เดี๋ยวไอ้พิงค์กับพวกผมนี่จะวิ่งไปพร้อมๆ พี่หมอนะ พอวิ่งกลับมาแล้วเดี๋ยวขึ้นเวทีไปให้สัมฯ นิดนึงนะครับ”

“จะสัมฯ ว่าอะไรบ้างครับ บอกให้ผมเตรียมตัวหน่อย”

ภูพิงค์ขยับเข้ามากระซิบ “สัมฯ เกี่ยวกับงานอาทิตย์หน้าน่ะพี่ เดี๋ยวผมบอกรายละเอียดให้อีกทีตอนวิ่งนะ”

“อ่อๆ โอเค”

“อีกสักพักประธานจะขึ้นไปเปิดงานบนเวที ระหว่างนี้ก็วอร์มอัปไปก่อน โอเคนะครับพี่”

“อือๆ ได้ครับ”

“ก่อนเริ่มงานขอถ่ายรูปหน่อยนะครับพี่หมอ เอ้า ไอ้พิงค์ ขยับเข้าไปยืนชิดๆ” ตากล้องสโมฯ วิ่งถือกล้องเข้ามาขวาง

เด็กหนุ่มยิ้มแหยๆ ไอ้ห่าพี่ต่าย นี่แม่ง จงใจเกินไปมะ สมาชิกสโมฯ ยืนอยู่เป็นสิบ เสือกให้พี่วินถ่ายกับเขาสองคน

“โอบไหล่หน่อยๆ”

ขณะที่ภูพิงค์กำลังด่าในใจ ทันตแพทย์หนุ่มกลับเป็นคนยกแขนขึ้นโอบอีกฝ่ายแทนซะอย่างนั้น ตามด้วยรอยยิ้มเพื่อการค้าอย่างที่เคยชิน

หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จ บนเวทีก็เริ่มต้นด้วยการนำวอร์มร่างกาย จากนั้นประธานก็ก้าวขึ้นไปกล่าวเปิดงาน แล้วการวิ่งมาราธอนก็เริ่มต้นขึ้น

ช่วงแรกๆ ของการวิ่ง รวินท์ก็วิ่งตามกลุ่มไปช้าๆ ฟังภูพิงค์บอกบทสำหรับการสัมภาษณ์บนเวทีที่จะมีขึ้นหลังจากวิ่งเสร็จไปพลางๆ หากวิ่งไปได้ครึ่งทางก็เริ่มหอบ

“ทำไมเหนื่อยไวจังวะพี่ อายุเท่าไหร่กันแน่เนี่ย”

“ผมไม่ได้ฝึกวิ่งขึ้นดอยมาเหมือนคุณนะเว้ย”

“สองโลนี่จะไหวป่ะเนี่ย”

“ถ้าไม่ไหวจะให้ขี่หลังมั้ยล่ะ”

“เอางี้ดิ ถ้าจับผมทันให้ขี่คอเลย” พูดจบเด็กหนุ่มก็สปีดออกไป

“เฮ้ย! ไอ้ขี้โกง!” รวินท์เร่งสปีดตามไปแบบไม่เจียมสังขาร ทว่าวิ่งไปได้ไม่นานก็หยุดหอบแฮ่กๆ ภูพิงค์จึงชะลอความเร็วลง

“โห ลุงเอ๊ย! ที่จริงโกงอายุมาใช่มะ!”

“ลุงพ่องส์” ทันตแพทย์หนุ่มวิ่งต่อ พลางยกขาไล่เตะคนช่างกวนประสาทที่วิ่งอยู่ใกล้ๆ กันไปด้วย

กว่าจะไปถึงจุดที่กำหนดไว้ รวินท์ก็เหงื่อโซมกาย เขาได้หยุดพักชั่วครู่ ก่อนตัวเขา ภูพิงค์ และกลุ่มสมาชิกสโมฯ บางส่วนจะวกกลับไปยังจุดเริ่มต้น ปล่อยให้สมาชิกที่เหลือกับคนอื่นๆ วิ่งกันต่อไป ส่วนพวกเขาจะกลับไปโฆษณางานไนต์กันต่อ

เมื่อพวกเขาวิ่งกลับเข้ามาถึงในงาน เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอีกครั้ง ภูพิงค์พาทันตแพทย์หนุ่มไปยืนหอบหมดสภาพอยู่ที่ข้างเวที เตรียมขึ้นไปให้สัมภาษณ์ต่อ

“พี่หายเหนื่อยไวๆ หน่อยดิ”

“คนนะเว้ย ไม่ได้เปิดปิดสวิตช์ได้”

เด็กหนุ่มหันไปหยิบแผ่นพับมาช่วยพัดให้ “เอายาดมมั้ยลุง”

“เรียกแบบไม่ดูหน้าตัวเองเลยว่ะ  กระดากปากบ้างมั้ยถามจริง”

ภูพิงค์หัวเราะ “เหนื่อยจะตายยังมีอารมณ์เถียงอีกเนอะ คนเรา” นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าที่มีเม็ดเหงื่อผุดพราย ริมฝีปากที่เผยอหอบเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ผมยุ่งและเปียกชื้น หมดมาดคุณหมอสุดหล่อไปเลย

“พี่หมอพร้อมยังครับ” หนึ่งในสตาฟฟ์ก้าวเข้ามาถาม “ขึ้นไปรอข้างบนเลยพี่”

ทว่าเมื่อก้าวขึ้นบันไดไป พอหันกลับมาก็เห็นว่าคนอ่อนวัยกว่ายังยืนอยู่ที่เดิม “เฮ้ย เดี๋ยวๆ สัมฯ ผมคนเดียวเหรอ”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือให้ “ผมรออยู่ข้างเวทีเนี่ยพี่ สู้ๆ นะ” จากนั้นก็พยักหน้าหงึกหงักส่งสัญญาณกับสตาฟฟ์ที่ข้างบนเวที

“พี่หมอออกไปได้แล้วครับ” สตาฟฟ์คนเดิมผลักทันตแพทย์หนุ่มออกไปเบาๆ

โชคดีที่รวินท์เคยมีประสบการณ์ต่อหน้าคนมากมายมาก่อน เขาจึงไม่ได้ประหม่าอะไรมาก อีกอย่าง ไหนๆ ก็รับปากกับพิงค์มาแล้วด้วย เขาก็คงต้องช่วยให้เต็มที่

พิธีกรบนเวทีมีสองคน เป็นคู่ชายหญิง พวกเขายืนประกบทันตแพทย์หนุ่มไว้คนละข้าง

“แนะนำตัวหน่อยครับพี่หมอ”

“สวัสดีครับ รวินท์ กิจโสภณ เป็นทันตแพทย์ครับ”

“พี่หมอบอกหน่อยสิคะ ว่าเป็นไงมาไงถึงมาวิ่งมาราธอนกับพวกเราได้คะเนี่ย”

รวินท์ยิ้มละมุน พลางชี้ไปที่ข้างเวที “พิงค์ชวนมาครับ” เรียกเสียงหวีดร้องได้ดังก้อง

“งานนี้ต้องขอบคุณไอ้คุณพิงค์นะครับเนี่ย สาวๆ เลยมากันเต็มงานเลย แต่ไหนๆ พี่หมอก็อยู่กับพวกเราที่ตรงนี้แล้ว ขอถามคำถามที่หลายๆ คนอยากรู้สักหน่อยนะครับ”

“คะ...ครับ”

“พี่หมอยังโสดหรือเปล่า”

คราวนี้ทั้งภูพิงค์และรวินท์ชะงักกึก เพราะคำถามนี้ไม่มีตอนเตี๊ยมกันนี่หว่า!

“เฮ้ย! อย่าถามนอก...!” เด็กหนุ่มโวยวาย หากถูกไอ้ซันเพื่อนรักเอามือปิดปากไว้เสียก่อน “อื้อๆ!”

“เอ่อ... จะว่าโสดก็ได้ ไม่โสดก็ได้ แล้วแต่จะคิดก็แล้วกันนะครับ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มเจื่อนๆ

“อ้าว พี่หมอตอบแบบนี้ หมายความว่ายังไงน้อ~ งั้นถามใหม่นะคะ สเป็กของพี่หมอเป็นแบบไหน ชอบผู้หญิงแบบไหนค้า”

“ชอบคนใจดีน่ารักครับ”

“บรรยายหน้าตาตามสเป็กหน่อยสิคะ”

“เอ่อ แบ๊วๆ ตาคมๆ โตๆ มั้งครับ”

“แล้ว... งานไนต์เสาร์หน้า พี่หมอจะมามั้ยเอ่ย มีสาวๆ หน้าตาแบ๊วๆ ใจดีน่ารักๆ เพียบเลยน้า”

รวินท์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะเขาไม่ค่อยอยากพูดเรื่องส่วนตัวสักเท่าไหร่ ดีที่ไม่โดนถามอะไรมาก ในที่สุดก็วกกลับมาเข้าเรื่องสักที “มาสิครับ นัดกับพิงค์ไว้แล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่ยืนล้อมเวทีกันอยู่ “เสาร์หน้าเจอกันนะครับ”

เสียงตอบรับดังลั่น ขณะเดียวกันพิธีกรก็พูดขึ้นแทรก “เสาร์หน้ามีเซอร์ไพรส์ใช่มั้ยคะพี่หมอ”

“ฮะ!?” อะไรอีกวะ!

รวินท์กับภูพิงค์หันไปสบสายตากันอีกรอบ

“ถ้าพิงค์เป็นพิธีกรงานไนต์เสาร์หน้า พี่หมอจะมาเป็นพิธีกรคู่กับพิงค์ได้มั้ยค้า~”

โอ้โห พวกกูนี่แหละเซอร์ไพรส์!

“เอี๋ยวอ่อน อูออกออนไอ๋เอี้ยอ้าอะเองอิ๊อีออน!” (เดี๋ยวก่อน กูบอกตอนไหนเนี่ยว่าจะเป็นพิธีกร) เด็กหนุ่มโวยผ่านฝ่ามือเค็มๆ ที่ปิดปากตัวเองไว้ “ไอ้อัน อ่อยอู๊” (ไอ้ซัน ปล่อยกู๊)

“เอ่อ ขอผมคิดดูก่อนแล้วกัน”

“ได้ครับ พี่หมอคิดไวๆ นะครับ เอาล่ะ ตอนนี้เรามาดู VTR จุดประสงค์ของงานไนต์กันสักนิดดีกว่า เชิญพี่หมอถอยมาทางนี้นิดนึงครับ จะได้เห็นชัดๆ”

หลังจากคลิปถูกฉายขึ้นบนจอ VTR พร้อมกับเพลงบรรเลงสุดเศร้า เสียงอื้ออึงของผู้คนในบริเวณนั้นก็เบาบางลง ภาพของบ้านเรือนที่ถูกดินโคลนทำลาย ผู้คนมากมายไม่มีเสื้อผ้า อาหารและยา ทุกครั้งที่ฝนตกลงมาก็ได้แต่นั่งรอเวลาอย่างสิ้นหวัง เด็กๆ ที่ตัวเปียกโชกตั้งแต่ศีรษะจรดเท้านั่งกอดกันที่หน้ากองไฟเพื่อความอบอุ่น ในชามข้าวมีเพียงข้าวต้มใสๆ คนสูงวัยยืนน้ำตาคลอเบ้า มองบ้านที่ถูกดินโคลนทำลายไปเสียครึ่งหลัง ภาพเหล่านั้นทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในลำคอ รวมทั้งรวินท์ด้วย

เมื่อฉายจบในส่วนของเรื่องเล่าบนดอย ก็เป็นการโฆษณาและบอกเล่ารายละเอียดของงานไนต์ การแสดงบนเวทีและสินค้าจากสปอนเซอร์ที่จะนำมาขายทั้งหลาย

แน่นอนว่าต้องเปิดเพลงดอกไม้จะบานคลอไปด้วย

“ตั๋วเข้างานใบละสามสิบบาท วันนี้ซื้อได้ที่โต๊ะข้างเวทีทางนั้นนะคะ ส่วนวันอื่นๆ มาซื้อได้ที่ใต้ตึกคณะวิศวะด้านหน้าสุดค่ะ เงินกำไรทั้งหมดจะนำไปซื้อเสื้อผ้า อาหารและยาให้กับน้องๆ และครอบครัวบนดอยของเราค่ะ”

“เอาล่ะ กลับมาที่พี่หมอของเรากันครับ อาทิตย์หน้าเจอกันนะครับพี่ วันนี้ขอบคุณมากครับ”

รวินท์ยิ้มบาง ถ้าหากเขาปฏิเสธก็คงเป็นคนโคตรใจร้าย เขาหันไปมองภูพิงค์ซึ่งก็กำลังมองมาทางเขาเช่นกัน ก่อนจะพยักหน้า “ครับ แล้วเจอกัน”

พอหลุดจากเวทีออกมาได้ เด็กหนุ่มก็รีบขอโทษขอโพยอีกฝ่ายเป็นการใหญ่ “พี่วิน ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเตี๊ยมอะไรกันไว้ ขอโทษนะครับ”

“เออๆ ไม่เป็นไรหรอกน่ะ ผมแค่ตกใจนิดหน่อย”

“แล้ว... อาทิตย์หน้า...”

“ก็สัญญาว่าจะมาแล้วนี่”

“คือผมยังไม่รู้เลยว่าต้องเป็นพิธีกรด้วย ไอ้พวกนั้นมันพูดเองเออเองชัดๆ”

“เอาเถอะ มันก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไร”

“ผมขอโทษจริงๆ นะพี่”

“ไม่ต้องขอโทษแล้ว ไปเหอะ พาผมกลับคลินิกก่อน เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน” รวินท์เดินนำไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่

“งั้นเดี๋ยวตอนเย็นผมมารับพี่ไปกินข้าวนะ ถือว่าผมขอโทษก็แล้วกัน”

“ดีๆ ทั้งเย็นวันนี้แล้วก็พรุ่งนี้ด้วยนะเว้ย”

“คร้าบ~ เอาให้คุ้มเลยคร้าบเพ่~”

ในระหว่างที่ยืนเถียงกันอยู่ในลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ก็มีสาวๆ กลุ่มใหญ่ก้าวเข้ามาหา พร้อมกับนำขนมและของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ติดมือมาด้วย พวกเธอเรียกทันตแพทย์หนุ่มด้วยเสียงสอง แบบที่เรียกว่าบีบให้แบ๊วกันสุดๆ “พี่วินค้า รับขนมหน่อยน้า”

เจ้าของชื่อเรียกหันไปมอง ใจหนึ่งที่เห็นแก่กินก็อยากจะรับให้หมด แต่อีกใจ อยู่ต่อหน้าพิงค์แบบนี้ เดี๋ยวเขาจะโดนมองว่าใจง่ายขี้อ่อยอีก

ส่วนภูพิงค์ก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปสตาร์ตรถรอแล้ว เขากะว่าถ้าคราวนี้รวินท์โดนรุมเพราะความขี้อ่อย เขาจะปล่อยอีกฝ่ายทิ้งไว้ตรงนี้นี่แหละ

รวินท์หันมองซ้ายขวา ก่อนจะบอกกับสาวๆ ที่มารอ “ขอโทษนะ ผมรับของใครไม่ได้หรอก เขาไม่ชอบ” แล้วชี้ไปที่เด็กหนุ่มบนมอเตอร์ไซค์เสร็จสรรพ เรียกเสียงหวีดร้องดังแว่วมาเป็นระลอกๆ

“ว้าย พี่พิงค์ขี้หวงอ้ะ หวงมากก็เอาไปกินด้วยกันสิค้า~”

“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ แต่ผมต้องขอโทษจริงๆ คราวหน้ามาเจอกันเฉยๆ ก็พอนะ เสาร์หน้าทุกคนจะมาอยู่แล้วใช่มั้ย”

“ค่า~” สาวๆ ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง แล้วพวกเธอก็หวีดร้องอีกครั้งเมื่อรวินท์ขึ้นนั่งซ้อนท้ายเด็กหนุ่ม หวีดครางหงุงหงิงกันจนกระทั่งสองหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปลับสายตา


*TBC*

/เปิดเพลงดอกไม้จะบานกล่อมทุกคน

พี่วินดูท่าจะหนีไปไม่พ้นคณะวิดวะแร้ววววว สงสัยต้องได้แฟนคณะนี้แหงๆ

บอกเลยว่าตอนงานไนท์ฟินแน่ๆ รอติดตามกันนะค้า

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า รักน้า เยิฟๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 15-12-2017 16:13:49
ขายของเก่งต้องพี่หมอช่ะม่ะ  อ่อยยยยยยย    ดีต่อใจ จังค่าพี่วินนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 15-12-2017 16:39:42
คนพี่ก็เริ่มคิดแล้วว้อยยย วิ่งไปจุดพลุแปบ 555555 รอฉากฟินๆ ค้าบบบบบ ~  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 15-12-2017 16:41:37
น่ารักกกกกกก รอนะค้า
ปล. อยากให้พี่วินแทนตัวเองว่าพี่กับพิงค์ :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 15-12-2017 16:56:44
แหมะ น้องพิงค์ดูแลพี่วินดีขนาดนี้  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 15-12-2017 16:59:42
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-12-2017 17:32:45
พี่วินอ่อยแบบไม่รู้ตัวเลยยย พ่อหนุ่มไร่อ้อย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-12-2017 17:49:46
น้องพิงค์ดูแลพี่วินดีๆ นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-12-2017 17:56:49
เราว๊าปปปปไปงานไนท์เลยได้ไหม
เราพร้อมฟินแล้ววววววววว

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 15-12-2017 18:21:23
ฮรืออ น่ารักก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-12-2017 18:42:46
ตั้งแต่พี่วินมาเจอน้องภูได้ทำบุญเยอะน่าดู ดีแล้วถือซะว่าทำบุญร่วมชาติเหลือตักบาตรร่วมขันนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-12-2017 18:51:06
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 15-12-2017 18:52:55
พี่วินแคร์ความรู้สึกของน้องพิงค์ล่ะสิ แหมๆๆๆๆๆๆ :haun5:
มีทิ้งระเบิดปิดท้ายด้วยการโบ้ยว่า "เขาไม่ชอบ" เขินวุ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 15-12-2017 19:09:20
โอ้ยยย ทำไมดูหวานกันจังงง ระทวยไปหมดแล้วว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 15-12-2017 19:19:03
คู่นี้น่ารักอ่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 15-12-2017 19:57:24
โธ่~~~พี่หมอ อยากกินก็อยากกิน แต่กลัวน้องไม่พอใจมากกว่าาา ~~~~~ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-12-2017 20:04:17
งื้อออออออออออ
อะไรคือรับขนมไม่ได้ เค้าไม่ชอบคะคุณหมอ
โอยยยยยย ทำอย่างกับรับขนมสาวๆแล้วแฟนหึงอย่างงั้นล่ะ
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 15-12-2017 20:06:47
น่ารักทั้งคู่เลยค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-12-2017 20:50:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 15-12-2017 21:09:41
 :sad4: รอจนถึงงานไนต์ไม่ไหวแล้ววววว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 15-12-2017 22:04:42
อ๊ายยยยยยยย ไร่อ้อยกระจาย  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 15-12-2017 22:09:15
อะไรคือ เขาไม่ชอบ ล่ะพี่หมอออ หวีดดดมากค่ะพี่!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 15-12-2017 22:18:58
โอ้ยยยย

เขินแทนเลยเด้อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-12-2017 22:22:08
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 15-12-2017 22:25:22
มาต่อพรุ้งนี้เลยเถอะ พลีส!!!!!!

นี้ราพิงค์เป็นพิธีกรอยู่
พี่วิน กลัวน้องหาว่าใจง่ายอีกละสิ แคร์เขาก็บอก!!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 15-12-2017 22:40:46
ฮื้ออ เพิ่งเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้อ่านแบบไม่มองชื่อคนแต่ง สุดท้ายจำสำนวนได้ตั้งแต่บทนำว่าคุณฮัสกี้แน่ๆ  :-[ แล้วก็ใช่จริงด้วยยยย
คุณฮัสกี้เขียนนิยายเด็กวิศวะบ่อยๆ เพราะเรียนวิศวะหรือเปล่าคะ เราเห็นคุณฮัสกี้ชอบ ซึ่งเราก็ชอบมาก ฮ่าาา  :laugh: ตัวละครเรื่องนี้น่ารักมากๆเลย อบอุ่นปนคอมเมดี้(มากๆ) อ่านแล้วสดชื่นหัวใจประหนึ่งย้อนวัยไปเฟรชชี่  :laugh: ยิ่งอ่านยิ่งหยุดไม่ได้ ผูกเรื่องได้น่าอ่านมากเลยค่าา โง้ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-12-2017 22:50:45
      พี่หมอน่ารักที่สุดหลงรักพี่หมอ แต่ พี่หมอคือหมอฟันซึ่งในชีวิตนี้เกลียดหมอชนิดนี่ที่สุด555ฝังใจมากเพราะเคยผ่าฟันคุด :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-12-2017 22:54:38
แหมะวิดวะใช้งานว่าที่เขย/สะใภ้หนักเลยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 15-12-2017 23:11:43
คำว่า “เกรงใจ“ สะกดกันเป็นไหมคณะนี้ แล้ว “มารยาท“ ล่ะ รู้จักและเข้าใจกันไหม  ทำไมยิ่งอ่านยิ่งดูเห็นแก่ตัวกันล่ะวิศวะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-12-2017 23:26:58
พิงค์ไม่ชอบพี่วินขี้อ่อยจริงเหรอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 16-12-2017 01:14:19
ฮรืออออ  ‘ ผมรับของใครไม่ได้หรอก เขาไม่ชอบ’  อั๊กกกก อ่อออก  ตายอยู่ตรงนี้ร่วมหวีดด้วยค่าาาา      รีเฟรชเรื่องนี้รอให้คนเขียนมาอัพทุกวันเลย  -///-
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 16-12-2017 08:42:25
ชอบคู่นี้ๆๆๆๆ 55555พี่หมอมีความรู้งาน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-12-2017 09:33:28
ไม่ใช่แค่งานเข้าอย่างเดียวแล้วค่ะ ใจก็ขยับเข้าใกล้กันไปอีก

หมอคะ แหมมมม ห่างกันไม่กี่วันถึงขั้นเพ้อหาเลยนะ
พิงค์คะ ทำเนียนนะ ดูแลพี่ดีซะขนาดนี้ ไม่รู้ว่าห่วงหรือหวง

หมอวินท์ทำแบบนี้ ไม่รับของจากใคร ไม่อ่อยให้พิงค์คิดมาก
สงสัยจะรุ่งแน่เลยค่ะ ตอนนี้เรามีคิดไกลนะคะ 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-12-2017 09:46:03
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-12-2017 10:11:22
เขาคิดว่าเป็นแฟนกันหมดแล้วมั้ยยยย  :hao7:
ทีมพี่วินเคะอยู่ตรงนี้นะคะ ภูจะสอยเดือนลงมาฟัดเอง พี่วินดีต่อใจมากกกก  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 16-12-2017 10:36:37
ความสัมพันธ์เริ่มพัฒนากันแล้ว พี่หมอกับน้องพิงค์ก็เริ่มผูกพันธ์กันแล้วด้วย
แต่ไม่ชอบความยัดเยียดงานต่างๆให้ทั้งพิงค์กับหมอเเลย ดูไม่มีความเกรงใจ เอะอะก็โบ้ยให้ทั้งสองคน ถ้าปฏิเสธก็คงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว  น่าจะคิดบ้างว่าเขาเต็มใจมาทำให้หรือเปล่า นี่ถ้าเขามาช่วยแล้วงานเขาเสีย จะยิ่งแย่นะ  :hao4:
ปล. เขียนดีจนอินมากเลยค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-12-2017 12:30:50
อยากให้ถึงงานไนท์เร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 16-12-2017 12:56:33
ยิ้มจนปากฉีก...เกิดอีกกี่ชาติจะเจอแบบนี้นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 16-12-2017 14:00:13
น่ารักจัง  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: wichta ที่ 16-12-2017 16:03:21
อยากวาร์ปไปวันที่อัพตอนต่อไปเลย จงอัพจงอัพจงอัพ ทุกวัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 16-12-2017 17:54:19
ซิสคะ..อะไรคือเค้าไม่ชอบ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-12-2017 21:46:54
โหหหหห งานนี้พี่หมอพายเรือเองเลยอ่ะ 555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-12-2017 23:31:29
พี่วิน รู้ตัวแล้ว ไม่อ่อยแล้ว  :hao3:
แถมบอกให้รู้อีกที่ไม่รับของที่สาวๆเอามาให้ว่า เขาไม่ชอบ
เขาไม่ชอบ ก็ภูพิงค์ คนที่ว่าตัวเองชอบอ่อยน่ะสิ  :sad4:
ไม่งั้นหมูยอที่เต็มตู้เย็นถูกเบียดออกนอกตู้แน่ๆ
เพราะความอ่อยตลอดของตัวเอง
แถมจะถูกพิงค์ทิ้งซะด้วยน่ะสิ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-12-2017 23:59:15
พี่วินคะะ ทำไมปั่นกระแสขนาดนี้คะ
แต่ละคำตอบ โอ้โหหหห
คิดดีไม่ได้เลยค่ะ5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-12-2017 00:19:03
พี่หมอวินไม่แคล้วตำแหน่งสะใภ้คณะวิดวะหรอกค่ะ :-[ ทำให้จิ้นแบบไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-12-2017 00:31:01
อ่อยตั้ลล้าวว. เขาไม่ชอบเราก้อเลยไม่ทำ งื้อออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 17-12-2017 02:30:09
พี่วินสำลักบุญแน่ :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 17-12-2017 07:45:11
 :oo1: ลุ้นให้ยัยพิ้งตัดผม 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 18-12-2017 17:38:12
พี่วินเมะหรอ เอ๊ะรึเคะนะ งงไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 21-12-2017 11:32:59
รออออออคิดถึง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 21-12-2017 12:08:30
หัวใจขยับเข้าใกล้กันทีละนิด ๆ หู้ย เขิน   :-[
ขวัญข้าวมาเจอพี่วินอีกทีต้องตกใจกับความเปลี่ยนแปลงนี้
นี่ขนาดยังไม่เป็นแฟนกัน พี่วินยังแคร์น้องพิงค์ขนาดนี้แล้ว
เดี๋ยวต่อไปก็เลิกอ๋อยไปทั่วได้แน่ ๆ เพราะน้องพิงค์ท่าทางจะขี้หึงมากกกก 555

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-12-2017 12:50:21
ดูมันจะเขินๆ :o8: :o8:
รองานวิ่งมาราธอน 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-12-2017 21:14:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 22-12-2017 11:54:36


Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน


“แค่สามวันเท่านั้น ขายบัตรไปได้พันห้าร้อยใบแล้ว! พวกมึงเชื่อมั้ย! สปอนฯ เข้ามาอีกเพียบ งานนี้ไม่ธรรมดาแล้วเว้ย!”

ภูพิงค์ที่กำลังตอกตะปูสร้างซุ้มโป๊กๆ อยู่กับเพื่อนอีกนับสิบชีวิตหันไปมองอย่างเซ็งๆ งานก็เร่ง ซุ้มก็ต้องสร้างเพิ่มเอาๆ บทพิธีกรก็ต้องท่อง อยู่ดีๆ ก็ต้องกลายไปเป็นพิธีกรบนเวทีเฉยเลย ชีวิตแม่งโคตรจับฉ่าย เจเนอรัลเบ๊ที่แท้จริง... โชคดีที่ไอ้พี่วินไม่บ่นอะไรหลังจากที่เขาอีเมลสคริปต์ไปให้ พวกเขานั่งอ่านด้วยกันทางโทรศัพท์ไปแล้วหนึ่งรอบ วางแผนไว้ว่าวันศุกร์เย็นจะมาซ้อมใหญ่ด้วยกันบนเวทีอีกครั้งก่อนงานจริง

“ไอ้พิงค์ จารย์เรียก ด่วนๆ”

เด็กหนุ่มวางค้อนในมือลงแล้วรีบวิ่งออกไป อาจารย์ที่ปรึกษาสโมฯ ยืนอยู่กับตากล้องหัวหอกจอมวางแผน กำลังกระซิบอะไรกันก็ไม่รู้ หัวเราะคิกคักเชียว หากท่าทางแบบนั้นทำให้เขาเสียววาบไปถึงปลายไส้ติ่ง

“จารย์ เอ่อ... มีไรครับ”

“พิงค์ จารย์อยากให้เธอตัดผมโกนหนวดได้มั้ย”

“ฮะ!” ขณะที่เด็กหนุ่มตกใจก็มีรุ่นพี่ตัวโตเข้ามาล้อมเตรียมกันเขาหนีเรียบร้อย “เดี๋ยวจ๊านนน~ ทำม้าย~”

“เพราะพี่หมอเขาบอกว่าชอบสาวแบ๊วๆ น่ารักๆ ไง มึงก็ต้องทำตัวให้ดูแบ๊วน่ารักหน่อยสิวะ ดีนะเนี่ยที่มึงตาโตอยู่แล้ว ไม่งั้นลำบากพวกกูต้องไปหาบิ๊กอายมาให้มึงใส่อีก”

“โอ้โห! ไอ้พี่ต่าย มึงวางแผนทั้งหมดไว้ใช่มั้ยเนี่ย!” ภูพิงค์ชี้หน้าตากล้องสโมฯ มือสั่น “ผมไม่ใช่ผู้หญิงมั้ยวะ! ตัวก็ใหญ่เป็นควายแบบนี้อะ! คิดอะไรนึกถึงความจริงด้วยเว้ย!”

“ไม่ใช่ก็ไม่เห็นเป็นไร ตัวใหญ่แล้วไง แค่แบ๊วก็พอน่ะ บนเวทีใครเขาจะพูดกันล่ะ ว่าชอบภูพิงค์แบบแบ๊วๆ”

“ไม่เอาเว้ย ฝันอยู่เหรอวะพี่ ให้ผมไปขอร้องพี่วิน ผมก็ขอแล้ว ให้ผมเป็นพิธีกรผมก็เป็น แล้วจะให้โกนหนวดตัดผมอีก เกินไปรึเปล่าวะ!”

อาจารย์ผลักตากล้องสโมฯ ตัวชงหัวหอกออกไป แล้วก้าวเข้ามากล่อมเด็กหนุ่มเอง “นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวหรอกนายพิงค์ งานนี้มีสปอนเซอร์ใหญ่น้อยมาร่วมหลายราย จารย์ก็อยากให้พิธีกรดูเป็นผู้เป็นคน แต่งตัวทำผมเรียบร้อยหน่อย ให้สมกับที่เป็นหน้าเป็นตาของคณะ”

“มึงไม่จำเป็นต้องไว้หนวด ไว้ผมยาวเพื่อให้รุ่นน้องกลัวและเกรงใจ แค่นี้พวกมันก็ทั้งเคารพทั้งรักมึงจะแย่อยู่แล้วป่ะวะ นี่มันยุคไหนแล้ว พี่ว้ากไม่ต้องดูเถื่อนก็ได้โว้ย” พวกกลุ่มเพื่อนของภูพิงค์ร่วมวงช่วยเกลี้ยกล่อมด้วย

“ไอ้เหี้ย พวกมึงก็พูดได้”

“ถ้ามึงตัดผมโกนหนวด กูกับไอ้ดิวไอ้ขิงก็จะตัดเป็นเพื่อนมึง มึงจะไม่เด๋อคนเดียว พวกกูรับรอง”

“เสียสละมาก จารย์ปลื้มใจ นี่สิ SOTUS ที่แท้จริง”

“นี่ ร้านตัดผมไฮโซสุดดังเป็นสปอนเซอร์ให้พวกมึงตัดเลยนะเว้ย ปกติต้องนัดล่วงหน้า แต่สำหรับพวกมึงนี่พิเศษสุด เขาให้คิวมาเรียบร้อยแล้ว นี่เดี๋ยววันงานเขาก็จะมาทำผมแต่งหน้าให้มึงกับพี่หมอด้วย”

“คิวที่ว่านี่มันเมื่อไหร่วะพี่”

“เดี๋ยวนี้”

“ฮะ! จะไม่ให้เวลาผมสั่งเสียทรงผมเก่าเลยเหรอวะ”

“ไม่ให้เว้ย เดี๋ยวมึงเปลี่ยนใจ”

ภูพิงค์อ้ำอึ้ง เขาไว้ผมยาวไว้หนวดมาเป็นปีๆ จนชินหน้าตาตัวเองไปแล้ว จู่ๆ จะให้ตัดออกแบบนี้มันก็เสียดายนะเว้ย

เพลงดอกไม้จะบานดังขึ้นอีกแล้ว ใครแม่งเปิดก็ไม่รู้ เวลานี้ภูพิงค์ไม่มีอารมณ์จะสนใจ

นายกสโมฯ เดินเข้ามาประจันหน้า พร้อมกับวางมือทั้งสองข้างลงบนหัวไหล่เด็กหนุ่ม “ที่สำคัญ มึงอย่าลืมว่างานนี้เพื่อโรงเรียนน้อง มึงเป็นประธานรุ่น การเสียสละของมึงจะเป็นตัวอย่างที่ดีของทุกคนนะ”

กูอยากจะร้องไห้... ขนาดนี้แล้ว กูยังปฏิเสธอะไรได้อีกเหรอ ถ้าไม่ยอมเดินไปตัดดีๆ ก็คงถูกลากไปตัดอยู่ดี ถุยชีวิต

“ครับ” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อย

“ให้มันได้อย่างนี้! พวกผมประทับใจในตัวคุณมากนะ”

ปากดีฉิบหาย แน่จริงพวกพี่ก็ไปตัดผมกับผมด้วยสิวะ ภูพิงค์ด่าอยู่ในใจ ก่อนจะถูกรวบตัวขึ้นรถอาจารย์แล้วมุ่งตรงไปยังร้านตัดผมทันที


ชีวิตหลังจากถูกตัดผมสั้นเป็นมนุษย์มนาทั่วไป หน้าตาเกลี้ยงเกลาไร้หนวดนั้น... เขารู้สึกเหมือนสุนัขที่โดนเจ้าของกร้อนขนในฤดูร้อนนั่นล่ะ มันทั้งโล่ง ทั้งหวิว รู้สึกหน้าบางขึ้นด้วย คนหันมองหน่อยก็รู้สึกเขิน อยากจะไปหลบอยู่ในซอกตู้

ภูพิงค์แทบไม่อยากจะก้าวออกมาจากร้านตัดผม ถ้าทำได้เขาก็อยากจะโกยเศษผมตัวเองมาแล้วเอากาวติดคืนที่เดิม

ก้าวแรกที่สี่หนุ่มเดินออกมาจากร้าน สายลมที่พัดมาก็ทำให้พวกเขาถึงกับสะดุ้งโหยง

“ไอ้เหี้ย กูหนาวหน้า”

“โล่งจริงๆ ว่ะ” สี่หนุ่มหันมองหน้ากัน พลางสลับกันสัมผัสใบหน้าเกลี้ยงเกลา “เหี้ยแม่ง ไม่คุ้นเลย”

“หล่อแล้วน่ะ แบบนี้ค่อยดูเป็นมนุษย์ยุคปัจจุบันหน่อย”

“โธ่ จารย์คิดว่าพวกผมออกมาจากยุคโครมันยองเหรอ”

“ไม่หรอก โครมันยองใหม่ไป อย่างพวกนายนี่น่าจะรุ่นมนุษย์ชวา” อาจารย์จิกตามองเล็กน้อย แล้วยิ้มมุมปาก “เอาล่ะ กลับไปทำงานกันต่อได้ละ แล้วก็ นายพิงค์! อย่าลืมท่องสคริปต์ให้แม่นๆ ด้วยนะ”

“ครับๆ”

“หงอเชียวนะมึง”

ภูพิงค์หมดอารมณ์จะเถียง พอกลับมาถึงคณะ เขาก็เดินคอตกกลับไปทำงานต่ออย่างเซ็งๆ ท่ามกลางเสียงวี้ดวิ้วของเพื่อนพ้อง

“วิ้วววว น่ารักจังเลย แบ๊วจังเลยยย~”

“แดกนกหวีดเข้าไปเหรอพวกมึงน่ะ” เด็กหนุ่มกรีดนิ้วกลางโชว์ เขาทิ้งตัวลงนั่ง แล้วคว้าค้อนมาทุบโป๊กๆ ระบายอารมณ์ ระหว่างนั้นก็หยิบเอาสคริปต์มาวางข้างๆ เพื่อท่องไปพร้อมกันด้วย

พิธีกรในงานมีสองช่วง ภูพิงค์กับรวินท์รับช่วงแรก ส่วนพิธีกรคู่เดิมจากงานมาราธอนจะมารับต่อช่วงหลัง ซึ่งเด็กหนุ่มคิดว่าก็ดีเหมือนกัน พวกเขาจะได้ไม่ต้องจำบทเยอะนัก

..

....

..

เมื่อถึงวันศุกร์ ภูพิงค์บอกกับรวินท์ไว้ว่าจะมารับเขาที่คลินิกตอนหกโมงเย็นเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยไปดูเวทีและซักซ้อมบท วันนี้ทันตแพทย์หนุ่มจึงรีบไปส่งเตชิตที่สนามบินก่อน แล้วจึงกลับมารอที่คลินิกตามเวลาที่นัดไว้ เขานั่งรออยู่บนโซฟาในคลินิกที่เดิม แต่ว่าวันนี้แปลก เพราะเด็กหนุ่มไม่มาก่อนเวลาเช่นเคย

รวินท์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งออกไป ‘ทำไมวันนี้ช้าวะ’

‘ทำใจอยู่ จะถึงร้านพี่แล้ว’

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว “ทำไมต้องทำใจวะเนี่ย”

สักพักก็มีรถมอเตอร์ไซค์คุ้นตาแล่นเข้ามาจอด หากคนที่ขี่มาไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย รวินท์เงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ก้มลงพิมพ์ข้อความลงในโทรศัพท์

‘มาไวๆ หน่อย รีบซ้อมแล้วจะได้ไปหาอะไรกิน ผมหิว’

ขณะที่ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ เด็กหนุ่มก็เดินมาเคาะกระจกหน้าร้าน รวินท์จึงเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง

“เฮ้ย!”

“ไม่ต้องผงะขนาดนั้นก็ได้ป่ะวะพี่”

“เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!” ทันตแพทย์หนุ่มถลาไปเปิดประตูร้านออก นัยน์ตาจับจ้องคนตรงหน้าเขม็ง “อย่างกะคนละคน หนูแทะเหรอวะ”

“โห ถ้าหนูแทะได้ขนาดนี้ ช่างผมก็ตกงานหมดแล้วป่ะวะพี่” ภูพิงค์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยพลางขมวดคิ้ว “ยังหวิวไม่หายเลยแม่ง”

รวินท์ยิ้มกริ่ม “น่ารักดีออก”

เด็กหนุ่มมองกลับไปอย่างหวาดๆ “ได้คำชมจากพี่นี่แม่ง...”

“ทำไมวะ”

“เชื่อไม่ได้อะดิ” คนอ่อนวัยกว่าพูดพลางหันหน้าหนี

“โห เสียใจว่ะ นี่พูดจากใจเลยนะ” ทันตแพทย์หนุ่มก้าวเข้าไปประจันหน้าประสานสายตาด้วย แล้วอมยิ้ม “น่ารักๆ ทรงนี้ดูแบ๊วไปเลยว่ะ”

ภูพิงค์คิ้วกระตุก ไอ้พี่วินแม่ง ท่าจะชอบแนวแบ๊วๆ จริงๆ ว่ะ ดูทำหน้าทำตาเข้าดิ กะลิ้มกะเหลี่ยโคตรๆ

“ชมไปเหอะ ผมไม่หลงคารมพี่หรอกเว้ย”

รวินท์หัวเราะชอบใจ “อ้อ... เมื่อเสาร์ที่แล้ว ติดสินบนพิธีกรให้มาถามสเป็กผมก็บอกมาตามตรงดิ โธ่เอ๊ย แล้วทำเป็นบอกไม่รู้เรื่อง”

“เฮ้ย ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ เว้ยพี่”

“ทีหลังถามตรงๆ ก็ได้นะเว้ย ไม่ต้องเขินกันหรอก น้องพิงค์นี่น่ารักจริงๆ เลยน้า~ ถ้าจะน่ารักขนาดนี้ ผมก็เต็มใจช่วยทุกงานแหละ”

“ไอ้พี่วินนี่...” ภูพิงค์ยกมือขึ้นหยิกแก้มของทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว แต่อีกฝ่ายก็ยังหัวเราะไม่หยุด “หยุดหัวเราะซะทีเว้ย เดี๋ยวผม...” เด็กหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ยื่นหน้าเข้ามาหาเสียจนชิด ปลายจมูกแทบจะสัมผัสกันอยู่แล้ว

“ทำไม จะทำอะไรเหรอครับน้องพิงค์”

เจ้าของชื่อเรียกกลั้นหายใจทันที จะขยับก็ไม่กล้า

ไอ้พี่วินแม่งวอนจริงๆ!

ภูพิงค์ชักจะเหลืออดกับทันตแพทย์หนุ่ม เขาเลื่อนมือลงไปจับหัวไหล่อีกฝ่ายพร้อมกับลดสายตาลงมองริมฝีปากที่อยู่ใกล้ๆ “ผมจะ...”

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เด็กหนุ่มจึงปล่อยคนตรงหน้าไปแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ครับๆ จะพาพี่วินไปเดี๋ยวนี้ เออๆ ได้ครับ”

พอวางสายไป ภูพิงค์ก็หันกลับไปสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม พลางถามตัวเองอย่างงงๆ ว่าเมื่อกี้เขาเกือบจะทำอะไรไปแล้ววะเนี่ย “เอ่อ...”

รวินท์ยังคงทำหน้ากรุ้มกริ่มเหมือนเดิม “ที่คณะโทรตามแล้วเหรอ”

“อือ ต้องไปลองชุดด้วยว่ะพี่”

“งั้นก็ไปกันเหอะ”

ภูพิงค์เดินกลับไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ แต่พอทันตแพทย์หนุ่มขึ้นนั่งข้างหลังก็โอบกอดเขาไว้ทันที ทำให้เด็กหนุ่มรีบหันขวับไปมอง “ทำไรวะพี่”

“กอดไง น้องพิงค์น่ารัก สเป็กผม” รวินท์ยักคิ้วหลิ่วตาให้รัวๆ

“ไอ้พี่วิน!”

คนแก่กว่าหัวเราะร่วน แบบที่เด็กหนุ่มอยากจะเหวี่ยงให้ตกมอเตอร์ไซค์นัก หากก็คิดว่าอย่าไปต่อล้อต่อเถียงเลย พอไม่มีผมรุงรังกับหนวดแล้วเขารู้สึกเลเวลตก เถียงไม่ค่อยออก

“ผิดผีกับผมแล้วต้องรับผิดชอบด้วยนะเว้ย

“ได้อยู่แล้ว น่ารักขนาดนี้”

โว้ย! ไอ้พี่วิน! ฝากไว้ก่อนเหอะ!

ภูพิงค์พาทันตแพทย์หนุ่มไปลองชุดกันที่ในห้องว่างในตึกคณะ พอเสร็จแล้วก็พาอีกฝ่ายไปที่เวที ซักซ้อมคิวกับรุ่นพี่ที่มาเป็นนักร้องกับนักดนตรีกันอยู่สักพักใหญ่ๆ จากนั้นจึงออกไปหามื้อเย็นกินกัน

ระหว่างทางที่เดินกลับไปยังมอเตอร์ไซค์ ทั้งสองเดินผ่านซุ้มที่จัดแต่งไว้สวยงามมากมาย พวกนักศึกษากำลังเร่งตรวจสอบความเรียบร้อยกันแล้ว

รวินท์หันมองไปรอบๆ อย่างสนใจ “ซุ้มเยอะมากเลยว่ะ”

“ขายบัตรไปสามพันกว่าใบ ซุ้มนี่ก็สปอนฯ ให้มาล้วนๆ ทางคณะขอรับเป็นของ เอามาขายต่ออีกทอด นักศึกษาจะได้มีส่วนร่วมน่ะพี่”

“เออ ดีๆ น่าจะได้เงินไปช่วยโรงเรียนน้องบนดอยเยอะอยู่”

“ก็อยู่ที่คนที่จะมางานพรุ่งนี้ล่ะครับ เพราะงั้นพี่ต้องเรียกแขกให้ได้เยอะๆ นา”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มมุมปาก “แหม น้องพิงค์น่ารักขนาดนี้ก็คงเรียกได้เยอะอะครับ นี่ถ้าให้วิ่งมาราธอนอีกรอบ แล้วมีน้องพิงค์มาวิ่งข้างๆ ผมก็คงมีแรงวิ่งได้ถึงเบตง ซิ่งใส่พี่ตูนให้ปลิวไปเลย”

“แหม จะให้ผมเป็นพี่ก้อยของพี่ใช่มั้ย”

“แน่นอนสิครับ”

“ขนลุกว่ะพี่”

“ใครเริ่มก่อนล่ะ”

สองหนุ่มย้ายออกมานั่งกินบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงกันไปที่ร้านข้างหลังมหาวิทยาลัย สั่งกันมาคนละสองชาม แล้วก็ก้มหน้าก้มตาโซ้ยด้วยความหิว

พออิ่มท้องทันตแพทย์หนุ่มถึงเริ่มรู้สึกตัวว่ามีสายตาหลายคู่กำลังมองมาที่เขากับเด็กหนุ่ม เขาหันมองไปรอบๆ ช้าๆ

สักพักก็มีเสียงใสแจ๋วซึ่งเป็นตัวแทนของสาวๆ หลายคนดังขึ้น “พี่วินนอกใจพี่พิงค์อะ”

“ฮะ!?”

วินาทีนั้น ภูพิงค์แทบจะพ่นบะหมี่ออกจากปาก แต่ด้วยความเสียดายจึงรีบเคี้ยวรีบกลืนลงท้องไปก่อน

“ทำไมพี่วินมากับคนอื่นล่ะคะ พี่พิงค์ไปไหนอ่า”

รวินท์กระตุกยิ้ม แหม้... เข้าทางเขาพอดี! “พิงค์ ดูดิ น้องๆ จำคุณไม่ได้แล้วอ่ะ”

กูว่าแล้วไอ้พี่วินต้องย้อนกลับมาเล่นกูแน่!

“ตอนแรกพี่ก็จำผมไม่ได้นี่” ภูพิงค์พยายามตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“แหม ก็ตกใจอ่ะ ไม่นึกว่าพิงค์จะตัดผมโกนหนวดเอาใจผม” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปถามสาวๆ โต๊ะข้างๆ ซึ่งส่องรังสีเหนือม่วงแผ่กระจายออกมาเป็นระยะๆ พร้อมกับชี้ไปทางคนที่นั่งตรงข้ามกัน “แบ๊วมั้ยๆ”

พวกเธอพยักหน้าหงึกหงักอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแปร๊ดด้วยความฟิน

“น่ารักเนอะ พอเขารู้ว่าผมชอบแบ๊วๆ ก็ตัดผมโกนหนวดเลยอะ”

นั่น... ไอ้พี่วินได้ที ขยี้ใหญ่เลยเว้ย! เด็กหนุ่มส่งสายตาดุๆ ใส่ หากอีกฝ่ายไม่ใส่ใจ ทันตแพทย์หนุ่มยังคงอ้อล้อกับสาวๆ โต๊ะข้างๆ ต่อ

“พรุ่งนี้อย่าลืมมางานนะครับ ซื้อบัตรกันยังเอ่ย”

“ซื้อแล้วค่า~ พี่วิน ขอถ่ายรูปพี่วินกับพี่พิงค์หน่อยน้า ขอรูปเดียวค่ะ นะๆ”

รวินท์หันไปหาเด็กหนุ่ม “ให้น้องถ่ายมั้ย พิงค์ยังเขินผมอยู่รึเปล่าอ่ะ”

ไอ้พี่วิน~ ภูพิงค์อยากจะยกโต๊ะทุ่ม ไม่ไหวแล้วเว้ย เขาจะทำตัวเป็นสาวน้อยขี้เขินให้ไอ้พี่วินเต๊าะต่อไปไม่ได้แล้ว! เมื่อคิดได้แล้วก็ขยับเก้าอี้เข้ามานั่งข้างทันตแพทย์หนุ่มทันควัน เขายกแขนขึ้นโอบไหล่แล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามาแนบแก้ม “เขินอะไรกันครับ เราคนกันเอง”

“พิงค์ หนวดคุณทิ่มผมว่ะ”

“เมื่อวานไม่ได้โกน เก็บไว้โกนพรุ่งนี้เช้าทีเดียว”

“น่ารักระยะสองเมตรสินะ จะน่ารักทั้งที น่ารักให้สุดหน่อยก็ไม่ได้”

“รอพรุ่งนี้นะครับพี่วิน ผมจะน่ารักให้พี่ละลายเลย”

สาวๆ ถ่ายรูปเสร็จไปนานแล้ว หากสองหนุ่มก็ยังคงหันหน้าเข้าหากัน ต่อปากต่อคำกันไปเรื่อยๆ จากที่จะขอถ่ายแค่รูปเดียว พวกเธอเลยกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ บ้าง

“อะไรจะอยากตรงสเป็กผมขนาดนั้น”

“ก็จะมัดใจพี่วินสุดหล่อนี่ครับ”

“แค่นี้ผมก็อ่อนไปทั้งใจแล้ว~”

“ปัญญาด้วยใช่มั้ยครับ” ภูพิงค์ยักคิ้วรัวๆ ใส่ เป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะลั่น

“ไม่เถียงกับคุณแล้วเว้ย พอเหอะว่ะ กลับกันดีกว่า”

สองหนุ่มหันไปผงกศีรษะบอกลาสาวๆ โต๊ะข้างๆ ซึ่งพวกเธอฟินจนกินอะไรต่อไม่ลงแล้ว ก่อนจะลุกเดินเคียงข้างกันออกจากร้านไป

รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์วิ่งไปบนถนนที่ยังคึกคักแม้ในเวลาค่ำคืน ไม่นานก็เข้าไปจอดเทียบที่ด้านหน้าคลินิก “พรุ่งนี้เจอกันพี่ เดี๋ยวผมมารับสี่โมงนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มก้าวลงมาจากมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน็อกออกแล้วส่งคืนให้ “อือ” จากนั้นจึงยืนรอส่งอีกฝ่าย

ภูพิงค์รับหมวกกันน็อกมา จากนั้นจึงหลุบตาลงมองต่ำพลางถอนหายใจยาว “พี่วิน ผมขอโทษแทนทุกคนที่คณะด้วยนะ ที่รบกวนพี่แบบนี้ พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่อยากทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือคนที่ลำบากอยู่ก็เท่านั้น และพี่ก็ช่วยได้มากเลยด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ ไหนๆ ก็ได้ไปวิ่งขึ้นดอยกับพวกคุณมาแล้ว อะไรที่เป็นประโยชน์กับคนอื่นได้ผมก็ยินดีนะ ยังไงก็ทำมาตั้งแต่สมัยอนู่มหาลัยแล้ว”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้วหรี่ตามอง “ใจจริงล่ะ”

รวินท์กระตุกยิ้มมุมปาก “ก็น้องพิงพ์น่ารักแบบนี้ ผมจะปฏิเสธอะไรน้องพิงค์ลงล่ะครับ”

“โว้ย ไอ้พี่วิน!” ภูพิงค์ส่ายหน้ารัว “แล้วนี่ไม่เข้าข้างในเหรอ”

“รอให้คุณไปก่อนไง”

“พี่นั่นแหละเข้าไปก่อน เข้าไปเร็วๆ”

“เออๆ ไม่ต้องไล่ ไปแล้วเว้ย พรุ่งนี้เจอกัน” รวินท์ยิ้มกว้าง เขาเดินไปไขกุญแจเปิดประตูคลินิกออก หันกลับมาโบกมือลาแล้วผลุบเข้าประตูไป

ฝ่ายเด็กหนุ่มพอได้เห็นรอยยิ้มน่ารักแบบนั้น เขาเองก็เผลอยิ้มตามไปด้วย ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปและคงรอยยิ้มนั้นไว้ตลอดทาง


*TBC*


แหมมมมมม ช่วยกันแหมอิพี่น้องคู่นี้ไปให้ถึงอีกกาแล็กซี่เรยค่ะ

ถามว่าความจริงน้องพิงค์น่ารักและแบ๊วอย่างที่ไอ้พี่วินว่ามั้ย อันที่จริงก็ไม่ใช่ขนาดนั้นหรอกนะคะ แค่ต่างจากเดิมที่มีหนวดเคราเท่านั้นเอง แต่ไอ้พี่วินกวนตรีนน้องค่ะ

ตอนหน้าเป็นงานไนต์ ทุกคนซื้อตั๋วไว้รอดูสองหนุ่มรึยังค้าาาา อิอิ

ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนมากๆ ค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-12-2017 12:07:25
อ้อยจริงอะไรจริง พี่วินเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 22-12-2017 12:41:41
ทั้งเต๊าะทั้งอ้อย อะไรจะขนาดนั้น  :z1:

พี่วินนี่ก็ใช่เล่น ทำน้องพิงไปไม่เป็นเลย :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-12-2017 12:43:35
ขี้อ่อยกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ งงมากใครจะบนจะล่างง รอแล้วกันนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-12-2017 12:51:50
อ่อยกันไป อ่อยกันมาแรงขนาดนี้ ไม่ได้กันให้มันรู้ไปค่ะ !!!
//ฟินตัวแตก :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 22-12-2017 12:52:44
อ้อยมาอ้อยกลับไม่โกง น่ารักจังเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: VICTORY ที่ 22-12-2017 13:58:28
เขิลลลล
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-12-2017 14:33:18
จองตั๋วงานไนท์ 1 ที่ด้วยคน
ตลกเวลาจะให้ภูช่วยทำอะไรสักอย่างเป็นต้องเปิดเพลงดอกไม้จะบานใส่ตลอด :laugh: :laugh:
เป็นกันทั้งคณะตั้งแต่อาจารย์ คณะสโม หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆภูเองก็ตามที

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: SIRINN ที่ 22-12-2017 17:04:55
ป่ะ เตรียมเข้างานนนนกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-12-2017 17:22:22
อาบน้ำรอไปงานไนงานไนท์ด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-12-2017 19:01:01
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 22-12-2017 21:11:15
ในที่สุดน้องพิงค์ของเรา ก็เผยโฉมที่แท้จริงแล้ว เย้ๆๆๆ  แบ๊วตรงสเป็คสิน้าพี่วิน  :-[
แล้วถ้าจะกระหนุงกระหนิง หน้าแนบจนหนวดทิ่มแก้มกันขนาดนี้ ก็เป็นแฟนกันไปเลยเถอะจ้า
ไม่ต้องจ่งไม่ต้องจีบกันแล้ว แหม >////<  อย่างกับคู่ข้าวใหม่ปลามัน
พี่วินทำเป็นแกล้งน้องนะ เดี๋ยวน้องพิงค์รุกใส่บ้าง ระวังจะไปไม่เป็นเน้อ 555
รอตอนต่อไปค่า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 22-12-2017 21:46:24
อิพี่วินเล่นแบบนี้ ใจน้องพิงค์ไปไม่เป็นเลย :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 22-12-2017 22:15:55
พี่วินนางร้ายนะ เหมือนจะไม่รู้เรื่อง ใสๆ แต่สกิลการเต็าะ น้องนี้ไม่เบาเลยนะ นี้แค่แกล้งเต็าะ ยังถึงเนื้อถึงตัวน้องขนาดนี้เลยเรอะ อิพี่!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 22-12-2017 22:20:31
จดจ่อรองานไนท์   :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 17 : งานเข้าแบบแพ็กคู่][151217]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-12-2017 22:53:42
พี่วินทำไมขี้อ่อย
แต่จริงๆก็ขี้อ่อยกันทั้งคู่อ่ะ
อยากรู้จังใครจะตกหลุมใครก่อน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-12-2017 23:43:51
เงาะถอดรูปแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-12-2017 23:58:40
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 22-12-2017 23:59:53
พี่วินน่ารัก อ้อยใส่น้องหกเรี่ยราดไปหมด อ๊ายยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 23-12-2017 00:33:05
แบบนี้ลูกจะดกนะ..อิอิ น่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 23-12-2017 00:57:28
พี่วินชงเองเลยงานนี้ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-12-2017 01:53:23
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 23-12-2017 03:45:54
 :-[ :-[ :-[. ฟินมากกกกก....
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-12-2017 04:04:25
พี่วินขี้อ่อย ชงเข้มมากกกอะ
เป็นกัปตันเรือที่ดี งือออ
น้องพิงค์เขินทรงผมไม่พอ ยังต้องมาเขินพี่ล้ออีก
แล้วตอนต้นๆนี่ตะทำอะไรพี่เค้าคะ
ถ้าโทรศัพท์ไม่ดังนะ!! มีลุ้นนน
เเาตำแหน่งไม่ค่อยออกเลยค่ะ เดาจากชื่อเรื่องยังไม่ชัวร์เลย
ภู(พิงค์)สอย(อดีต)เดือน รึป่าวอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 23-12-2017 05:06:25
นี่พี่วินแกตั้งใจหว่านอ้อยจริงๆหรือว่าอ้อยโดยไม่รู้ตัวคะ อยากให้ถึงวันที่เขาสองคนเป็นกันแล้วค่าา นี่ขนาดยังไม่ได้คบกันยังขนาดนี้ ถ้าคบกนเราต้องเมาน้ำตาลแน่เลย~~~~ :mew3: :mew4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: evanescence_69 ที่ 23-12-2017 07:15:14
อ่อยเล่นๆระวังถอนตัวไม่ขึ้นนะ วินนนนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 23-12-2017 07:38:54
เตรียมตัวไปงานเลย
น่ารักนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-12-2017 07:57:03
พี่วินนี่ก็อ่อยจริงอ่อยจัง น้องพิงค์เขินไปหมดแล้วค่าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 23-12-2017 10:23:55
ชอบเวลาเค้าคุยกวนกันไปกวนกันมา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 23-12-2017 10:46:01
ทำไม๊ ทำไม น้องพิงค์ไม่ทำละ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: yozz ที่ 23-12-2017 11:28:10
อ้อยอะไรขนาดนั้นคะ หยอดใส่กันรัวๆ เพราะนอกจากน้องๆโต๊ะข้างๆจะฟินแล้ว เราเองก็ฟินค่ะ รองานไนต์ตอนหน้าว่าจะอ้อยเบอร์ไหน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 23-12-2017 11:30:25
ไม่รู้ทำไม แต่หมั่นไส้มากเลย หมั่นไส้ความระริกระรี้ ความร่างเริงของวิน มันดูเสแสร้งในบางช่วงอย่างที่พิงค์บอกอะ
ไม่ได้เสแสร้งในทางที่ดูไม่ดีนะ แต่ดูเป็นการเสแสร้งเพื่อเก็บซ่อนตัวตน หรืออารมณ์ที่แท้จริงในใจ
รวินทร์นี่ถือว่าเป็นตัวละครที่เราไม่ค่อยไว้ใจยังไงไม่รู้ 55 กลัวใจคนเขียนจะจับมือรวินทร์พาคนอ่านดริฟท์ลงเหวหลังหลอกให้ตายใจ
 :katai1:

ว่าไปนั้น...ความจริงระหว่างอ่านก็แอบยิ้มให้กับความ hard sale ของรวินทร์นั่นแหละ ดูเจนงานมากๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-12-2017 11:43:16
ไม่ต้องส่ง วินขยี้เอง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 23-12-2017 13:39:23
พี่วินหมาหยอกไก่นะ อย่ามาทำให้น้องพิงค์เสียใจทีหลังล่ะ เราจะยึดไม่คืนให้เลย o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: somuch ที่ 23-12-2017 13:57:00
โง้ยยยยยยยยยยยยยยย //เกาะเรือพิงค์วินที่โดนคลื่นกระแทก

พี่วินรุกอ่ะ ฮืออออ สับสนมากว่าควรจะดีใจหรือหวั่นดี น้องพิงค์ พี่เชียร์อยู่นะคะ โกนหนวดนิดหน่อยน้องอย่าใจเสาะสิคะ พี่เครียด พี่กลัวน้องตกเป็นเมีย

แต่ในใจเรา เราก็ยังว่า พิงค์น่าจะรุกอยู่นะคะ //โบกธงพิงค์วินไปมา

รออ่านอยู่นะค้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 23-12-2017 15:18:46
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 23-12-2017 16:05:06
 :-[ พี่วินอย่างแกล้งน้องพิงค์เยอะเดี๋ยวนางทนไม่ไหวจับ  ....  อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-12-2017 16:58:51
หมอวินขี้แกล้ง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-12-2017 18:57:41
เฉลยโพสิชั่นตอนไหนดีคะ ลุ้นไปหมดแล้ว ทีมพี่วินเคะอย่างเหนียวแน่น  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-12-2017 19:45:51
วั้ยยยย น่ารักที่สุด

ทำไมขี้แกล้งแบบนี้ หรือว่าจริงจังคะหมอวินท์
พิงค์ก็อย่าเคลิ้มนะ ทำมาอมยิ้ม อารมณ์ดี

เข้าใกล้กันอีกนิดแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 23-12-2017 19:48:57
พี่วินขี้แกล้งอ่า  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 23-12-2017 21:45:06
เราว่าพี่วินรับ น้องพิงค์ลุก เดา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: pkjoe ที่ 23-12-2017 22:47:08
รองานไนท์ มาได้ล่ะน้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 24-12-2017 01:54:55
อ่อยมาอ่อยกลับไม่โกงค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: Mukmarisa ที่ 24-12-2017 11:11:37
รักเรื่องนี้จังเลยค่ะ ถูกจริตกับเรื่องนี้มาก
ช่วงนี้ยกให้เป็นนิยายในดวงใจไปเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-12-2017 12:17:47
พี่วินเล่นมากผีผลักนะจ๊ะ แล้วถ้าผิดผีแล้วต้องรับผิดชอบน้องด้วยนะ ที่นั่นเค้าถือ ขนาดแค่เถียงกันยังทำให้ฟินได้ขนาดนี้ ถ้ามีซีนหวานล่ะ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2017 12:50:20
เกิดอะไรกับใจ ทำไมหวั่นไหวต่อกัน  :ling1:
แต่คนอ่านชอบบบบบ  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 24-12-2017 14:10:25
แหมะ..เบาหวานจะกำเริบละ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 24-12-2017 19:07:19
ผิดผีกับน้องพิงค์แล้วต้องรับผิดชอบจริง ๆ น้าพี่วิน งื้ออออ   :m1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 25-12-2017 00:21:35
พี่วินน เต๊าะเข้าไปค่ะ เต๊าะเข้าปายยยย 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 25-12-2017 18:56:53
โอยยยยย   ยิ้มแก้มจะแตกค่า  นี่เขินแทนน้องพิงค์เลย
พี่วินคนขี้อ่อย  อ่อยมากเข้าจะตกหลุมรักซะเองนะคะ ฮี่ๆๆๆ
อ่านแล้วคิดถึงเชียงใหม่ขึ้นมาเลยค่ะ  อยากไปส่องหนุ่ม ฮี่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-12-2017 19:38:52
สาวๆ ในร้านได้ไปฟินแลนด์กันถ้วนหน้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 25-12-2017 21:43:40
 :o8: ฟินจนหุบยิ้มไม่ได้   :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-12-2017 02:40:07
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-12-2017 14:10:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 27-12-2017 16:00:14


Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ


เมื่อถึงเวลาบ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์ เสียงเพลงจากวงดนตรีซึ่งกำลังทดลองเครื่องเสียงกันดังแว่วมาเป็นระยะๆ หลังจากเลิกงาน ภูพิงค์ก็ไปรับรวินท์มานั่งจ๋องอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัวซึ่งทางสโมฯ จัดไว้ให้ วันนี้มีทั้งช่างผมช่างแต่งหน้าพร้อม พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ สองหนุ่มก็มานั่งเป็นตุ๊กตาให้บรรดาช่างได้ทดสอบฝีมือกัน

“อาจารย์สั่งว่าของน้องพิงค์ให้แต่งแบบแบ๊วสุดๆ”

พอได้ยินมาเช่นนั้น รวินท์ก็ขำพรืด

“แต่ที่จริงแต่งให้คุณหมอแบ๊วๆ น่าจะง่ายกว่านะเนี่ย”

“พี่ตาถึงมากครับ” ภูพิงค์ยิ้มกริ่ม แล้วหันไปยักคิ้วให้ทันตแพทย์หนุ่ม

รวินค์คิ้วกระตุก “ผมว่าทำตามอาจารย์สั่งดีแล้วครับ” 

ใช้เวลาไม่นานก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ สองหนุ่มในชุดสูทที่สปอนเซอร์ให้ยืมมาจึงเดินไปประจำที่กันที่ข้างหลังเวที งานจะเริ่มตอนหนึ่งทุ่ม พวกเขายังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยจึงตระเตรียมซ้อมบทกัน

“พี่วินหิวเปล่าอ่ะ จะกินอะไรก่อนมั้ย”

“ไม่อะ เดี๋ยวรอเสร็จงานดีกว่าว่ะ ตอนนี้กินไม่ลง”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “พี่ก็ตื่นเต้นกับเขาเป็นด้วยเหรอเนี่ย”

“แหงสิวะ ผมไม่เคยรับหน้าที่พิธีกรนะเว้ย นี่ครั้งแรก”

“โห เปิดซิงกับผมเลย รู้สึกเป็นเกียรติมากขอรับท่านพี่”

“ถ้าล่มก็ล่มไปด้วยกันนะท่านน้อง”

“ไม่ล่มหรอกน่า เราซ้อมกันดีแล้วนี่” ภูพิงค์ยกมือขึ้นวางบนหัวไหล่ทันตแพทย์หนุ่มแล้วบีบเบาๆ “ทำใจให้สบาย แจกยิ้มการค้าของพี่ไปเราก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว”

“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“มันเป็นความสามารถพิเศษของพี่ต่างหากเว้ย”

รวินท์หัวเราะออกมาเบาๆ “ขอบใจ”

“พิงค์ พี่หมอ พร้อมยัง เตรียมตัวนะ” สตาฟฟ์จากบนเวทียื่นหน้าเข้ามาบอก

“โอเคเว้ย” ภูพิงค์พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปโอบไหล่ทันตแพทย์หนุ่ม “ลุยเว้ยพี่ ปะ!”

สองหนุ่มก้าวขึ้นไปบนเวทีพร้อมกันด้วยรอยยิ้ม พวกเขาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นจำนวนคนในงานจากบนเวที ข้างล่างแน่นขนัดไปหมด มองดูแล้วเหมือนถั่วงอกที่ปลูกไว้ในกะละมังอย่างไรอย่างนั้น

แสงแฟลชสว่างวาบจนตาพร่า แม้รวินท์จะเคยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนก็ยังต้องตกใจ ผู้คนให้ความสนใจกับงานการกุศลครั้งนี้อย่างมากมายเหลือเชื่อ


“สวัสดีครับผม ภูพิงค์ คณะวิศวะปีสาม”

“สวัสดีครับ ผมรวินท์ เป็นพิธีกรรับเชิญของคณะวิศวะครับ”


เสียงปรบมือผิวปากต้อนรับดึงกึกก้อง พวกเขาทำหน้าที่ตามโพยที่ท่องไว้ เริ่มจากการกล่าวถึงจุดประสงค์ของงาน ขอบคุณสปอนเซอร์ แนะนำนักดนตรี จากนั้นก็ย้ายไปนั่งรออยู่บนแท่นพิธีกรซึ่งมีลูกโป่งจัดแต่งไว้อย่างน่ารัก

รุ่นพี่คณะเปิดการแสดงเพลงแรกด้วยเพลงร็อคสุดมันส์ เสียงกลอง เบสและกีตาร์ดังจนสะเทือนไปทั้งเวที รวินท์นั่งมองไปพลางอมยิ้ม เขานึกไม่ถึงเลยนะว่าทั้งหมดนี่จะเป็นฝีมือนักศึกษา ซึ่งใช้เวลาจัดการทั้งเวที เพิงร้านค้าและร้านอาหารเพียงแค่สัปดาห์กว่าๆ เท่านั้น

“รุ่นพี่คุณสุดยอดไปเลยว่ะ ร้องเพลงได้อย่างกับนักร้องจริงๆ แสงสีในงานก็เกือบจะเป็นมืออาชีพกันได้เลย”

“โห ปลื้มเลยว่ะพี่ พูดจริงหรือพูดจริงครับเนี่ย” ภูพิงค์หันมองไปรอบๆ ช้าๆ แล้วพูดต่อ “คณะเราจัดงานไนต์มาหลายปี ปกติไม่ฉุกละหุกขนาดนี้ด้วยซ้ำ แต่ตั้งแต่ผมอยู่มาก็มีปีนี้แหละที่คนแน่นมากขนาดนี้”

“อือ ผมว่าส่วนหนึ่งคงเพราะสโมฯ คุณเตรียมการประชาสัมพันธ์ดีด้วย VTR ที่นำเสนอตอนงานวิ่งมาราธอนก็ทำได้ซึ้งมากๆ”

“เรื่องแบบนี้ไอ้พวกพี่ๆ สโมฯ ถนัดนักละครับ ผมเองก็โดนเกลี้ยกล่อมแนวนั้นประจำ สุดท้ายก็ยอมให้เขาใช้งานมันได้ทุกที”

“แต่ถึงกับยอมตัดผมโกนหนวดเพื่องานนี้ ผมว่าถ้าน้องๆ กับชาวบ้านได้รู้ คงปลื้มในตัวคุณมากนะ” รวินท์เอื้อมมือไปตบลงบนหลังมืออีกฝ่ายเบาๆ

เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก “เปล่าซะหน่อย ผมตัดผมโกนหนวดให้แบ๊วเอาใจพี่ต่างหาก”

“ผมก็ปลื้มมาก ปลื้มมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ

พิธีกรจำเป็นทั้งสองกลับไปยืนกลางเวทีเป็นระยะๆ เพื่อให้รุ่นพี่นักร้องนักดนตรีได้หยุดพัก พวกเขาพูดคุยกันตามสคริปต์ แนะนำซุ้มอาหารและเครื่องดื่ม แนะนำของที่สปอนเซอร์มอบให้นำมาขาย สลับกับการแสดงดนตรีไปเรื่อยๆ กระทั่งงานดำเนินไปเกือบครึ่งงาน หน้าที่ของสองหนุ่มใกล้จะเสร็จสิ้นลง ทว่าบรรยากาศในงานกำลังสนุกครึกครื้น จนรวินท์ไม่อยากให้หน้าที่ของเขาจบลงไปเลย

ทันตแพทย์หนุ่มวางแขนพาดบนพนักเก้าอี้ที่คนอ่อนวัยกว่านั่งอยู่ ถอนหายใจเบาๆ พลางขยับเข้าไปหา “เพลงต่อไปนี่เป็นเพลงสุดท้ายของครึ่งแรกแล้วใช่มั้ย”

“ใช่ครับ ทำหน้างี้เสียดายอะดิ”

“อือ อยากนั่งฟังต่อ กำลังมันส์เลย”

“เสร็จงานเราก็ยังฟังต่อได้มะ” ขณะที่เด็กหนุ่มขยับเข้าไปตอบ รุ่นพี่นักดนตรีกำลังพูดคุยถึงเพลงที่จะร้องต่อไปกับผู้คนในงานพอดี พอได้ยินชื่อเพลงเขาก็เลิกคิ้วขึ้น ยกโพยขึ้นดูชื่อเพลงอีกครั้งแล้วอมยิ้ม “พี่วินๆ รู้จักเพลงที่พี่เขากำลังจะร้องนี่มะ”

“หือ เพลงอะไร ผมยังไม่ทันได้ยินชื่อเลย” เจ้าของชื่อตอบพร้อมกับยกโพยขึ้นดูบ้าง

ภูพิงค์เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เมื่อจังหวะแรกของเพลงจากวงดนตรีที่กลางเวทีเริ่มขึ้น พลางร้องคลอตามที่ข้างๆ ใบหูของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อยถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง...”

รวินท์หันขวับไปสบสายตากับคนอ่อนวัยกว่า ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ทว่ายังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรสตาฟฟ์ของงานก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

“เดี๋ยวเพลงนี้จบ พอพิธีกรอีกคู่ขึ้นมาบนเวที รบกวนพี่หมอกับพิงค์อยู่ให้สัมฯ ต่อ แล้วก็จะมีเล่นเกมอะไรกันนิดหน่อย โอเคมั้ยครับ”

“โอเค”

“จะฟังรายละเอียดเกมก่อนมั้ยครับ”

“ไม่ล่ะ จัดมาเลย” สองหนุ่มผู้ถูกถามส่ายหน้ารัว ไม่ได้สนใจจะฟังรายละเอียดอะไรของเกม เพราะใจกำลังจดจ่ออยู่กับเพลงเมื่อครู่

ทันทีที่สตาฟฟ์ถอยกลับไป ทันตแพทย์หนุ่มก็หันไปสะกิดบอกกับคนข้างๆ กัน “ร้องต่อดิ”

“ฮั่นแน่ ติดใจเสียงผมใช่มะ”

“อือ หายง่วงดี”

“โห พูดงี้ไม่ร้องต่อละ”

“เล่นตัวชะมัด” รวินท์ส่ายหน้าไปมา

ภูพิงค์หัวเราะร่วน “จำเนื้อไม่ได้แล้วว่ะพี่ ร้องได้แค่ที่ร้องไปนั่นแหละ”

ทันตแพทย์หนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับเบือนหน้าไปทางเวทีแทน “โธ่เอ๊ย”

“ก็ฟังนักร้องร้องไปดิ”

รวินท์นั่งนิ่ง ไม่ได้สนใจจะหันไปมองคนที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างกันอีก

เมื่อเพลงจบลงก็ถึงเวลาที่พิธีกรอีกคู่จะขึ้นมาบนเวที สองหนุ่มจึงอยู่รอตามที่เตี๊ยมกันไว้

หลังจากพิธีกรคู่ใหม่แนะนำตัวเสร็จ เสียงใสแจ๋วของพิธีกรสาวก็ดังขึ้น “เอาล่ะ ก่อนอื่นเลย เรามาสัมภาษณ์สองหนุ่มคนดังประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาลัยเรากันสักหน่อยดีกว่านะคะ”

เสียงกรีดร้องจากแฟนๆ ด้านหน้าเวทีดังกระหึ่ม ออร่าสีม่วงจากพวกทุกคนสว่างวาบๆ พอๆ กับแสงไฟจากบนเวที จนสองหนุ่มต้องถามตัวเองกันรัวๆ ว่า... นี่พวกเขาดังแบบไหนกันวะเนี่ย!

รวินท์กับภูพิงค์หันมองหน้ากัน หางคิ้วกระตุกแบบแปลกๆ มีลางสังหรณ์ว่าพวกเขาต้องพลาดท่าแน่แล้ว หากเวลานี้จะเปลี่ยนใจวิ่งหนีไปหลังเวที ก็คิดว่าคงจะไม่รอด

“เอาล่ะ ขอสัมภาษณ์น้องพิงค์หน่อยค่า อะไรดลใจให้ตัดผมโกนหนวดคะเนี่ย”

คนถูกถามคิ้วกระตุก

ก็ถูกบังคับไงโว้ย รู้แล้วยังจะถาม!

“เอ๊ะๆ หรือว่าเพราะเสาร์ที่แล้ว พี่หมอบอกว่าชอบแบ๊วๆ กันน้า~”

นั่น ชงกันเองได้อีก

ภูพิงค์เอื้อมมือไปขอไมค์มาเพื่อจะตอบ ทว่าพิธีกรทั้งสองรู้ทันว่าเขาต้องปฏิเสธ ทั้งคู่จึงดึงไมค์หนีแล้วหันไปทางรวินท์แทน
“พี่หมอรู้สึกยังไงครับที่น้องพิงค์เปลี่ยนแนวจากเถื่อนมาแบ๊วแบบนี้”

รวินท์โปรยยิ้มทันที “รู้สึกว่าเขาน่ารักมากเลยครับ”

“เด็กวิดวะของมหาลัยเราก็น่ารักทั้งนั้นเลยนะครับ พี่หมอว่ามั้ย”

“อืม... ผมว่าน้องพิงค์น่ารักที่สุดแล้วล่ะครับ”

ไอ้พี่วิน! ภูพิงค์หันไปทำหน้าดุใส่

“ว้าย~ น้องพิงงงงงค์~” ฝ่ายพิธีกรหญิงก็หันไปกรีดร้องกับสาวๆ ที่ข้างหน้าเวที “แล้วๆ... พี่หมออยากมีแฟนอยู่วิดวะบ้างเปล่าค้า”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นลูบท้ายทอย พร้อมกับแจกยิ้มไปทั่วตามธรรมเนียม “แหม ถามแบบนี้ผมเขินแย่เลย”

คนอ่อนวัยกว่าที่ยืนอยู่ข้างกันอยากจะเบ้ปากแรงๆ มุมปากเขากระตุกยิกๆ

“แล้วน้องพิงค์ล่ะครับ อยากมีแฟนเป็นวิดวะเหมือนกัน หรืออยากได้แฟนเป็นหมอ”

โอ้โห... ชงเข้มข้นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ภูพิงค์อ้าปากจะพูดบ้าง แต่ถูกพิธีกรหนุ่มเหยียบเท้าไว้ เขาจึงทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ

“เขินกันใหญ่เลยเนอะ เอาล่ะ ไม่แซวแล้วดีกว่า เรามาเล่นเกมกันเถอะ”

“เกม!?” สองหนุุ่มชักไม่มั่นใจ พวกเขากลืนน้ำลายฝืดลงคอ ตอนนั้นพวกเขาไม่น่าเสือกรีบรับปากเล้ย มาถึงตอนนี้ก็ชักจะเสียวๆ สันหลังซะแล้วสิ

“เราจะประมูลเงินบริจาคกันโดยใช้เวลาสิบนาที ใครเป็นผู้บริจาคสูงสุดจะสามารถจับฉลาก แล้วเลือกใครคนหนึ่งหรือสองคนจากพวกเราสี่คนหรือรุ่นพี่นักร้องนักดนตรีบนเวทีนี่ มาจับคู่ทำอะไรกันตามฉลากที่จับได้นั้น ให้เวลาปรึกษากันก่อนสามนาทีนะครับ”

“ฮะ!?” ลางสังหรณ์ของพวกเขาถูกเป๊ะเลยเว้ย!

ขณะที่สองหนุ่มหันมองหน้ากัน เสียงปรึกษากันของสาวๆ ที่จะร่วมประมูลก็ดังอื้ออึง ทำให้พวกเขาเริ่มเหงื่อตก รู้สึกหวั่นใจอย่างไรชอบกล

“เอาล่ะ ครบสามนาทีแล้ว เริ่มที่หนึ่งร้อยบาทครับ!” สิ้นเสียงพิธีกรหนุ่ม จำนวนเงินก็เพิ่มขึ้นพรวดๆ แฟนคลับของรุ่นพี่นักร้องเองก็มีไม่ใช่น้อย ส่วนสาววายทั้งหลายก็สู้ตายเพื่อใส่เชื้อไฟให้เรือลำใหญ่ของพวกเธอ

จากการลงขันกันแบบทุ่มสุดตัว ในที่สุดบรรดาสาววายก็เป็นผู้ชนะไป พวกเธอส่งตัวแทนขึ้นเวทีไปแล้วกระชับกล้องในมือรอฉากฟินๆ

“เชิญผู้ชนะมาจับฉลากครับ”

ฉลากทั้งหมดมีสี่ใบ อยู่ในซองสี่ซอง เมื่อหญิงสาวผู้ชนะเลือกมาซองหนึ่งแล้ว พิธีกรก็เปิดออกอ่าน “ผลัดกันหอมแก้ม”

ฉิบหาย! สองหนุ่มอุทานอยู่ในใจ ได้แต่ภาวนาว่าเธอจะเป็นแฟนคลับของรุ่นพี่นักร้อง ไม่ใช่พวกเขา

แต่ดูท่าจะไม่เป็นอย่างที่หวัง เสียงภาวนาของพวกเขาเดินทางไปยังไม่ทันพ้นขอบเวทีเลย หญิงสาวผู้ชนะก็ชี้มือมาทางพวกเขาแล้ว “เลือกพี่วินกับพี่พิงค์ค่ะ”

เสียงหวีดร้องดังสนั่นจนพื้นเวทีสะเทือน หากสองหนุ่มหูอื้อ หน้ามืดตามัวไปก่อนเรียบร้อย

“เดี๋ยวให้เวลาพี่หมอกับน้องพิงค์ทำใจสักครู่ ระหว่างนี้ผมจะเฉลยฉลากใบอื่นๆ ก่อนนะครับ มีเล่นละครบอกรักกัน ผลัดกันอุ้มแบบเจ้าหญิง และกินป๊อกกี้ให้ได้เหลือน้อยกว่าครึ่งเซนติเมตร”

“ผลัดกันหอมแก้มง่ายที่สุดแล้วนะคะเนี่ย~”

ง่ายก็มาทำเองมั้ยวะ! ภูพิงค์อยากจะยกกลองชุดทุ่มใส่รุ่นพี่พิธีกรนัก

เด็กหนุ่มหันไปประสานสายตากับรวินท์อย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะพี่วิน” ทว่าสีหน้าอีกฝ่ายไม่ได้สลดเลยสักนิดเดียว

“อยากหอมแก้มผมก็บอกมาตรงๆ ดิวะ ติดสินบนรุ่นพี่พิธีกรของคุณไว้อีกแล้วใช่เปล่าวะเนี่ย”

ภูพิงค์คิ้วกระตุก ไอ้พี่วินนี่ ซีเรียสหน่อยไม่ได้เลยเว้ย “แหม ที่จริงพี่เป็นคนติดสินบนมากกว่าป่ะ ผมแบ๊วน่ารักเลยอยากหอมแก้มอะดิ”

“เมื่อเช้าโกนหนวดแล้วใช่ป่ะวะ”

“มีเรื่องน่าห่วงมากกว่าโกนหนวดมั้ยวะพี่”

“ห่วงอะไร หอมหมาหอมแมวผมยังหอมได้เลย”

“เหอะ อย่าติดใจผมก็แล้วกัน”

รวินท์ยักคิ้วให้ “แต่ถ้าคุณหอมแก้มผมแล้วติดใจ ให้หอมสองข้างเลยก็ได้นะ”

เว้ย~ ไอ้พี่วินนี่แม่ง!

“เอาล่ะ เชิญพี่หมอกับน้องพิงค์กลางเวทีเลยค่า ตกลงกันได้รึยังว่าใครจะเริ่มก่อนค้า”

“ผมเริ่มเองครับ” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้น

“เพราะน้องพิงค์น่ารักจนอดใจไม่ไหวแล้วใช่มั้ยพี่หมอ”

รวินท์อมยิ้ม “ครับ”

เด็กหนุ่มหมั่นไส้ท่าทีอีกฝ่ายจนไม่รู้จะกลั่นคำพูดออกมาอย่างไร เขายื่นหน้าเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่มแล้วทำแก้มพองลม “เชิญเลยครับพี่วิน”

รวินท์ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มช้าๆ จงใจให้ได้ยินเสียงดังฟอดใส่ไมค์ เอาให้สาวๆ หวีดร้องกันจนคอแห้งไปเลย พอถอนจมูกออกมา หันไปทางพิธีกรสาวก็เห็นว่าเธอยืนบีบจมูกตัวเองไว้ เพราะเลือดกำเดาใกล้จะไหลแล้ว

“อะ... อะ! ตาน้องพิงค์บ้าง หอมแก้มพี่หมอสิ” พิธีกรหนุ่มอ้ำอึ้ง เขารู้สึกราวกับว่าเป็นพิธีกรอยู่ในงานแต่งงานแล้วเนี่ย

ภูพิงค์ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาโอบไหล่ทันตแพทย์หนุ่มแล้วดึงเข้าหาตัว จากนั้นก็หอมแก้มฟอด ซ้ายทีขวาอีกทีตามคำท้าของอีกฝ่ายเลยทีเดียว

เสียงตบมือ เสียงหัวเราะ และเสียงกรีดร้องดังก้องจนเวทีแทบถล่ม พอหอมกันเสร็จ เด็กหนุ่มก็ถือโอกาสที่ทุกคนบนเวทีไม่ทันตั้งตัว คว้าแขนทันตแพทย์หนุ่มกลับเข้าไปที่ข้างหลังเวที ให้งานได้ดำเนินต่อก่อนจะกลายเป็นงานแข่งขันหอมแก้มของเขากับไอ้พี่วินแทน

สองหนุ่มนั่งหน้าแดงเถือกกันอยู่ที่ด้านหลังเวที โดยมีเพื่อนๆ ของภูพิงค์ถือพัดช่วยพัดและส่งยาดมให้

“ผมทำอะไรลงไปวะเนี่ย” รวินท์ส่ายหน้ากับความเพี้ยนของตัวเองรัวๆ

“พี่เริ่มก่อนนะเว้ย”

“เรื่องแบบนี้มันไม่ควรต้องแข่งกันเปล่าวะ”

ซันพูดตัดบท “เอาน่ะๆ ได้เงินประมูลมาเยอะเลยนะ คิดซะว่าหอมแก้มเพื่อการกุศล”

“พี่หมอกับไอ้วินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ จะได้ไปหาอะไรกิน”

“เออ ในซุ้มจะมีอาหารเหลือมั้ยเนี่ย” ภูพิงค์เงยหน้าขึ้นถามเพื่อนๆ

“มึงยังจะกล้าออกไปกินตามซุ้มให้โดนรุมอีกเหรอไอ้พิงค์ พาพี่วินไปกินหลังมอนู่นไป๊” ซันยัดเงินใส่มือเพื่อนรัก “พาพี่หมอไปเลี้ยงสักมื้อก่อน เต็มที่เลยเว้ย”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “แต่พี่วินอยากฟังเพลงต่อด้วยนี่หว่า”

รวินท์บอกกับเด็กหนุ่มพร้อมกับตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “ไม่เป็นไรๆ ไปหาอะไรกินกันเถอะ ผมหิวแล้วอะ”

และแล้วสองหนุ่มผู้น่าสงสารก็ต้องระเห็จกันไปกินบะหมี่หมูแดงร้านเดิม หากวันนี้ในร้านไม่มีใครรู้จักพวกเขา จึงได้กินกันอย่างสงบหน่อย

“เดี๋ยวพี่วินจะกลับเลยเปล่า”

“ยังไม่อยากกลับเลยว่ะ ที่จริงก็อยากเดินดูบรรยากาศในงานต่ออะนะ กำลังสนุกเลย แต่คงทำให้คนอื่นลำบากเปล่าๆ”

“ผมว่าอยู่ห่างๆ งานไว้ดีกว่า เผื่อว่าไอ้พี่พิธีกรคู่นั้นจะเกิดเพี้ยนหาเรื่องอะไรมาให้อีก”

“อือ ก็จริง”

สรุปแล้วพวกเขาจึงกลับไปปักหลักกันที่ข้างหน้าคลินิก ทั้งสองคนนั่งคู่กันบนขั้นบันได จากตรงที่นั่งก็ได้ยินเสียงเพลงดังมาแว่วๆ

ภูพิงค์ทอดสายตามองไปทางมหาวิยาลัย เขานิ่งเงียบไปสักพักใหญ่จึงพูดขึ้น “วันนี้เหนื่อยมั้ย พี่ช่วยพวกผมไม่รู้กี่รอบแล้วเนี่ย”

“ไม่หรอก สนุกดีนะ รู้สึกเหมือนได้กลับมาเป็นนักศึกษาอีกครั้งเลย” รวินท์อมยิ้ม “ผมเองก็ขอบใจพวกคุณมากนะ ที่ชวนผมให้มาร่วมในงานสนุกๆ แบบนี้ด้วย”

“เพราะทำให้พี่ได้รู้สึกกระชุ่มกระชวย เหมือนกลับเป็นหนุ่มอีกครั้งใช่มั้ยล่ะ”

“นี่ผมแก่กว่าคุณไม่กี่ปีเองนะเว้ย หมอฟันเขาเรียนหกปี ไม่ใช่สิบปี”

“ก็พี่ชอบเก๊กแก่ใส่ผมอ่ะ”

“เขาเรียกวางมาดให้ดูน่าเคารพต่างหาก”

“อื้อหือ นี่วางแล้ว? งั้นกลับไปถือไว้สักหน่อยเหอะพี่”

รวินท์ผลักศีรษะเด็กหนุ่มออกห่าง “เก็บปากไว้อ้าตอนผ่าฟันคุดบ้างเหอะ แล้วนี่ไปตรวจมายังวะ”

“ยังคร้าบ~”

“จะเก็บไว้ให้ฟันผุเน่าหนอนเป็นอาหารให้หมาในปากรึไง”

“ผมแปรงฟันดีน่า!”

ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ “แบบคุณนี่ ถ้ามาผ่ากับผมคงต้องทุบหัวให้สลบก่อนแล้วค่อยผ่า”

“คนนะพี่ไม่ใช่ปลาช่อน” ภูพิงค์เอนตัวเบียดเข้าไปหาอีกฝ่าย “พี่วิน งานนี้ผมขอบคุณพี่มากจริงๆ นะ... ถ้ามีไรให้ผมช่วยก็เรียกได้ตลอด”

“จริงอะ”

“จริง”

“ผมอยากกินน้ำพริกอ่อง”

เด็กหนุ่มหัวเราะพลางหยักหน้า “เลี้ยงง่ายดี”

“อยากฟังเพลงเมื่อตอนนั้นอีกรอบด้วย”

ภูพิงค์หยุดกึก ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาเพลงในยูทูป แล้วเปิดให้อีกฝ่ายฟัง

“ไม่เอาแบบนี้อะ คุณร้องดิ”

“ฟังของจริงไม่ดีกว่ารึไงวะพี่”

“ก็ไม่ได้อยากฟังคนอื่นร้องนี่หว่า”

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มมุมปาก “ร้องนิดเดียวพอนะ”

“เออ”

ภูพิงค์ปล่อยให้เพลงเล่นไปชั่วครู่ จึงค่อยร้องคลอตามเบาๆ “ได้เกิดมาเจอเธอทั้งที ไม่ว่ายังไงจะลองดีสักวัน อยากรักก็ต้องเสี่ยง ไม่อยากให้เธอเป็นเพียงภาพในฝัน... พอละ”

“โห กำลังเคลิ้มเลย”

เด็กหนุ่มหันหน้าไปหาสบสายตากับรวินท์ “เอาไว้ถ้ามีอารมณ์จะร้องให้ฟังต่อละกัน” จากนั้นจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

รวินท์เสตามองตามมือของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “ทำไม”

“ไม่รู้เหมือนกัน อยากลูบ”

ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือออกไปหยิกแก้มคนอ่อนวัยกว่าบ้าง “อยากหยิก”

“เดี๋ยวถ้าผมเกิดอยากหอมแก้มพี่ขึ้นมาอีกพี่จะทำไงเนี่ย”

“เมื่อกี้ยังไม่พอรึไง”

“ติดใจอะ” ภูพิงค์ไม่พูดเปล่า เขายื่นหน้าเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่มด้วย หากเมื่อปลายจมูกเกือบจะถึงผิวแก้ม อีกฝ่ายก็หันหน้ามาประสานสายตากัน ปลายจมูกของพวกเขาอยู่ห่างกันแค่ปลายเล็บกั้น

รวินท์รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเด็กหนุ่ม ซึ่งทำให้เขาชะงัก แต่ก็ไม่ยอมถอยออกห่าง

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกว้าง “แอบหวังให้ผมทำจริงอะดิ”

ทันตแพทย์หนุ่มคิ้วกระตุก “ผมรู้ว่าคุณไม่กล้าหรอกน่ะ”

“แหม่ มีท้า”

“ผมไปแล้วดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นเช้าไม่ไหว”

“พี่หนีผมอ่ะ”

รวินท์ลอยหน้าลอยตาท้า “จะไปนอนด้วยกันเปล่าล่ะ ถ้าอยากหอมนักผมจะให้หอมทั้งคืนเลย”

ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก “ผมรับคำท้านะ แต่เอาไว้จะทวงวันหลัง วันนี้ต้องไปช่วยเขาเก็บงานก่อนอ่ะ”

“หมดเขตเที่ยงคืนเว้ย” ทันตแพทย์หนุ่มดีดหน้าผากอีกฝ่ายไปหนึ่งที “ผมไปแล้ว”

“ฝันดีคร้าบพี่”

รวินท์ชำเลืองมองอีกฝ่าย “อือ ฝันดี อย่าลืมน้ำพริกอ่องด้วยนะ” ก่อนจะรีบรุดเปิดประตูคลินิกเข้าไปข้างใน


*TBC*


วรั้ยยยยย! ผู้ชายเขาเล่นอะไรกันคระเนี่ย เขิลแทน 5555555

อยากให้น้องพิงค์มาร้องเพลงข้างๆ หูม่างอ่าาาา~ /พี่วินถีบ

แล้วๆๆๆ แก้มพี่วินจะหอมขนาดไหนน้าาาา~ อิอิ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ ฮัสกี้เอาตอนฟินๆ มาลงให้อย่างเร็ว ส่งท้ายปีเก่าเลยนะคะ  o18

แล้วก็ ขอ Happy New Year 2018 ทุกคนล่วงหน้าเลยนะคะ พบกับตอนใหม่ของภูสอยเดือนปีหน้าค่า รักน้องพิงค์และพี่วินไปกันนานๆ น้าาาาาาา  :mew1:

ปล. แปะเพลง เล่นของสูง (https://www.youtube.com/watch?v=bAQw8ZS_0kg) ที่น้องพิงค์ร้องกรอกหูพี่วินค่ะ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: yozz ที่ 27-12-2017 16:11:55
แก!!! มาแล้ววว แก แก้ม แกกกกก เค้าหอมแก้มกัน ตายอย่างสงบ ศพสีม่วงงงง อยากยืนอยู่ตรงนั้น กรีดร้องและทรุดตัวลงไป
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-12-2017 16:37:57
อูยยยยย...........หอมแก้มกัน ฟินนนนนน
ไม่ได้ฟินน เฉพาะสาววายในงาน
คนอ่านก็ฟินน ตามไปด้วย   :heaven :heaven :heaven

แอ๊ะๆ.......พี่วิน น้องพิงค์ หวั่นไหวกันแล้ว  :o8: :impress2:
พิงค์ วิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 27-12-2017 17:05:57
อ๊ายๆ ปู้จายเค้าเล่นเกมส์ แข่งจูบกันอ่ะตะเอง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 27-12-2017 17:17:19
ต่างคนก็ต่างอ้อยใส่กัน  :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 27-12-2017 17:28:26
 :hao5:   :sad4:  เขินประหนึ่งยืนอยู่หน้าเวทีตอนเขาหอมกันนนน 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-12-2017 17:30:27
อิจฉาน้องพิงค์ ได้หอมแก้มพี่หมอด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 27-12-2017 17:41:55
 :jul1: :jul1: ทำไมรู้สึกว่าพี่วินมันอ่อยน้อง ไห้น้องเข้ามาไกล้วะ ตอนกระตุกยิ้มนี้คือ นี้ร่างจริงพี่ไช่ไหม ตอบ!!!!! น้องพิงค์ของเจ้ น่ารัก ชอบมากๆ ว่าแต่เมื่อไหร่จะไปผ่าฟันครุละลูกกก !!  ยกป้ายไฟ วินพิงค์คะ พี่หมอแกเขินน้องไช่มะ รีบหนีเลย

นี้ยังเชียพิงค์รับอย่างเหนียวแน่น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 27-12-2017 17:55:59
ฟิน~ เล่นกันมากๆ น๊าาาา ระวังเถอะ กว่าจะรู้ตัวก็ถอนตัวจากกันไม่ขึ้นแล้วนะ  :z2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-12-2017 17:57:35
เอ๊ะๆๆๆ ติดใจน้องหรือเปล่าน้าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 27-12-2017 18:39:02
       เป็นชาวไร่อ้อยทั้งคู่เลยค่ะอ้อยมากกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 27-12-2017 19:34:29
นึกชังในความหมายหยอกไก่ของทั้งสองคนมาก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 27-12-2017 19:50:20
โอยยยย รู้สึกเหมงฟามรัก โลกสีชมพูไปหมด 5555 น้องพิงค์น่ารัก พี่หมอก็น่ารัก :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-12-2017 19:55:53
อ่อยกันขนาดนี้ สาววายจะตายกันหมดแล้วๆๆๆๆๆ
เชียร์ใครดี นี่ก็ยังอยากให้พิงค์รุกนะ แต่พี่หมอนี่เป็นงานชั้นเชิงเยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 27-12-2017 20:01:33
พิงค์รีบไปเก็บของให้ทันเที่ยงคืน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-12-2017 20:21:38
ถึงจะยังไม่รู้ว่าใครเมะใครเคะแต่เขาก็หอมแก้มกันแล้วววววววว :m1: :m1: :m1:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-12-2017 20:32:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-12-2017 20:32:39
 :heaven
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-12-2017 20:41:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: somuch ที่ 27-12-2017 20:47:45
โง้ยยยยยยยยยย ดีอ่ะค่ะ ดี้ดี

ตอนนี้มีความสื่อให้เห็นถึงพิงค์วินอย่างชัดเจน (ชัดไม่ชัดไม่รู้ เอาเป็นว่าเรามโนว่าชัด)

นั่ลล้ากกกกกกกกกกก ชอบค่ะ รักอ่ะ

//ปักธงพิงค์วินแบบเหนียมๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 27-12-2017 20:54:22
แงงงงงงงงง้ หอมแก้มแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 27-12-2017 21:15:13
บทลงโทษเบาๆ
แต่ได้ใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 27-12-2017 21:16:18
เขาจีบกันอยู่ถูกไหม?  :haun5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-12-2017 21:32:13
เห็นแบบนี้แล้วหมันไส้พี่วิน อยากให้โดนสักที  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-12-2017 22:40:24
แหนะ ๆๆ ทำเป็นเล่น เดี๋ยวก็เป็นแฟนกันจริง คอยดูเหอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-12-2017 22:43:03
โถๆๆ เอาคำว่าท้า มาบังหน้าอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-12-2017 23:13:00
 :katai2-1: o13 :katai2-1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 28-12-2017 01:03:07
หยอกกันน่ารักเนอะ ทำเอาเราเขินเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-12-2017 01:30:48
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-12-2017 01:37:17
อ้อยใส่กันรัวๆ แบบนี้ คนอ่านเขินนะ
 :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 28-12-2017 03:26:47
โหยยยย อยากรู้อันที่ยากสุดเลยอะะะะ :jul1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 28-12-2017 04:30:48
เค้าหอมแก้มกันแล้ววว
ทำไมขี้อ่อยขี้หยอดขนาดนี้คะ ทั้งคู่เลยอะ
คิดดีไม่ได้จริงๆอะ
เต๊าะกันขนาดนี้ ถามจริงๆว่าหวั่นไหวบ้างยังคะ
นี่ว่าใจอะไปแล้ว แค่สมองยังตามไม่ทันน
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-12-2017 05:46:43
ถึงจะแค่เกมแต่ก็หอมแก้มกันแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 28-12-2017 07:34:31
 o13 :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-12-2017 07:48:41
เล่นอย่างนี้ใจบ่ดีเลย รู้สึกเหมือนจะเป็นโรคหัวใจ เต้นแรงยังกะแผ่นดินไหว เขิลแทน ฟินนนน~~ :-[ แล้วเพลงนี่มันเรียลมากจะบอกอะไรพี่วินป่าวจ๊ะน้องพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 28-12-2017 09:29:10
ใจบ่าดีเจ้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 28-12-2017 10:20:20
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 28-12-2017 12:41:51
ขี้อ่อยทั้งคู่แหละ
 ระวังจะติดใจแก้มหอมๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-12-2017 16:41:57
น้ออออออ ทำไมทำกันแบบนี้ ดีดดิ้นมาก

ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าใครออกตัวแรง
เหมือนกลัวเสียแต้มกันเลยนะ

ละเมอหากันบ้างไหมล่ะ ตอนนอน

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 29-12-2017 16:54:06
ทำไมรัศมีพี่วินมาเคะล่าาาา :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 30-12-2017 23:01:30
น้องงงงงง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 31-12-2017 11:25:56
น้องพิงค์ รีบไปทวงก่อนเที่ยงคืนเลย เร็วววว   :ling1:
พี่หมอ อยากให้น้องพิงค์คนเดียวที่ร้องเพลงนี้ใส่ หมายความว่าไงคะ
อยากให้น้องจีบก็ไม่พูดตรง ๆ นะ แหมมมมมม   :-[
ตอนนี้พี่วิน เหมือนเคะน้อยมาก ๆ อ่ะ นี่เชียร์น้องพิงค์เป็นเคะมาตลอด 555
แต่ไม่เป็นไร ใครจะเคะจะเมะ ก็รับได้ทั้งนั้น  ยังไงก็รักทั้งคู่อยู่ดี > <
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 31-12-2017 17:18:15
วรั้ยยยยย อ่อยทำไมอ่ะพี่หมอ   :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: มะฮอกกานี ที่ 01-01-2018 20:03:20
ต่างคนต่างอ่อย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 18 : แปลงโฉมออกงาน][221217]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-01-2018 21:37:53
อ่อยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: PupleBetterfly ที่ 01-01-2018 21:59:57
 :mew3: น่ารักอ่ะ รีบมาต่อนะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 02-01-2018 19:08:09


Chapter 20 : ความระแวง


งานไนต์จบไปไม่นาน งานใหม่ก็จ่อคิวมารอเรียบร้อยแล้ว

วันนี้ภูพิงค์มีนัดกับอาจารย์ ประธานรุ่นแต่ละรุ่น ตัวแทนจากทุกภาคและไอ้พวกสโมฯ เพื่อประชุมเรื่องขบวนแห่กระทงใหญ่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่จะส่งเข้าร่วมในงานประเพณียี่เป็งของจังหวัด งานนี้เขามีส่วนรับผิดชอบจึงอู้หรือโอดครวญไม่ได้ หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จ เด็กหนุ่มจึงต้องควงกันไปเข้าประชุมพร้อมกับไอ้ซันเพื่อนรัก

งานนี้เป็นงานใหญ่พอควร ดังนั้นจำนวนคนที่เข้าประชุมจึงเยอะไปด้วย พวกเขาจึงนัดไปประชุมกันในห้องประชุมใหญ่ของคณะ
อาจารย์และนายกสโมสรนักศึกษากล่าวเปิดประชุมกันอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็พูดถึงแบบขบวนที่พวกรุ่นพี่รุ่นน้องได้ร่วมกันออกแบบไว้เรียบร้อย บรรยายไปพร้อมกับฉายแบบร่างขึ้นจอใหญ่

“ขบวนของเราแบ่งออกเป็นสามท่อน ท่อนแรกถือตุงถือป้ายนำ ท่อนที่สองเป็นการแสดงพื้นบ้าน ส่วนกระทงใหญ่อยู่ท่อนสุดท้ายเพื่อปิดท้ายขบวน”

“ส่วนเรื่องการแสดงปีนี้ต้องหรูหน่อย เพราะคณะเราครบรอบสี่สิบเก้าปี”

ภูพิงค์เบือนหน้าหนีอย่างเซ็งๆ ได้ข่าวว่าปีที่แล้วอาจารย์ก็พูดไดอะล็อกเดียวกันเป๊ะ เปลี่ยนตัวเลขครบรอบเท่านั้นนั่นล่ะ

“จารย์ให้สมาชิกสโมฯ เป็นตัวแทนโหวตว่าจะแสดงอะไร และผลที่ได้ออกมาก็คือ...”

เหล่าสมาชิกสโมฯ ตีมือรัวลงบนโต๊ะพร้อมทำเสียงซาวด์เอฟเฟ็กต์ให้ “แท่นแทนแท้นนนน~”

“การแสดงของเราปีนี้คือการฟ้อนเจิงประกอบตีกลองสะบัดชัย เอ้าทุกคนปรบมือ”

เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องทั้งที่ไม่รู้ว่าจะปรบมือกันไปทำไม หากสำหรับภูพิงค์นั้น พอได้ยินคำว่าตีกลองสะบัดชัย เขาก็เสียวสันหลังวาบแบบแปลกๆ เนื่องจากตัวเขาเคยเรียนตีกลองสะบัดชัยมาก่อนเมื่อตอนปิดเทอมช่วงอยู่มัธยมต้น บิดามารดาให้เรียนไว้พอให้ได้ฟิลไว้อวดเพื่อนบ้านได้ว่ามีเชื้อสายทางเหนืออะไรประมาณนั้น เคยไปแสดงงานวันเด็กมาแล้วด้วย ไอ้เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากเพื่อนในกลุ่ม แต่เพราะในกลุ่มเขามีไอ้ซัน...

เขาอาจจะคิดมากไปเอง แต่ก็ไม่แน่... “ผมถามนิด ไอ้ที่โหวตมาได้เนี่ย ไอเดียใครครับ”

นายกสโมฯ ตอบอย่างฉะฉาน “ไอ้ต่าย ตากล้องประจำสโมฯ กับไอ้ซันของเราน่ะสิครับ” ต่ายหันไปทางรุ่นน้องแล้วขยิบตา ให้

ส่วนไอ้ซันน่ะเหรอ มันยิ้มกว้างแล้วก็ยกนิ้วโป้งให้เขาด้วย

เด็กหนุ่มแทบหงายหลัง ดูรอยยิ้มนั่น! ไม่ต้องรอฟังดีเทล เขาก็รับรู้ได้ว่า...


กูไม่รอดแน่แล้ว!


ไอ้พี่ต่ายกับไอ้ห่าซันมันไปแค้นเคืองกูมาแต่ชาติปางไหนวะ ชาติที่แล้วกูไปบังคับให้พวกมันขืนใจกันเองเหรอ!

“นักศึกษาหญิงสิบคนที่จะฟ้อนเจิงเริ่มซ้อมท่ากันแล้ว ส่วนทีมตีกลองสะบัดชัย เราจะใช้นักแสดงของพ่อครูบางส่วน ปะปนกับนักศึกษาของเรา ซึ่งก็คัดเลือกไว้เรียบร้อย”

เฮ้ย! หรือจะรอดเว้ย!

“แต่คนตีกลองต้องเป็นของคณะเรา”

อ้าว ไม่รอด!

แล้วทุกสายตาของสมาชิกสโมฯ ก็พุ่งตรงไปที่เด็กหนุ่ม ถ้าเปิดสปอตไลต์ส่องลงมาได้พวกเขาก็คงทำไปแล้ว

“พิงค์ เริ่มซ้อมตั้งแต่เย็นนี้เลยนะ เดี๋ยวจะมีพ่อครูมาช่วยฝึกซ้อมให้”

“ผมอีกแล้วเรอะ!” เด็กหนุ่มลุกขึ้นประท้วง “ผมรับงานกิจกรรมคณะแทบจะทุกงานแล้วนะ ให้ผมทำอย่างอื่นบ้างเซ่!”

“พิงค์เอ๊ย เราน่ะ หน้าตาดี เรียนดี กิจกรรมเด่น เป็นตัวอย่างที่ดีของรุ่นน้องนะ จะหาใครเด่นเหมือนเราน่ะไม่มีอีกแล้ว” อาจารย์ปลอบผสมกล่อมในรวดเดียว “แล้วอีกอย่าง ตีกลองสะบัดชัยคิดว่าจะหาคนตีได้ง่ายๆ เรอะ หาดูก็ยากด้วย จารย์เชื่อว่าเราทำได้ และมันต้องเป็นการแสดงที่เท่สุดๆ ไปเลย”

“อีกอย่างมึงเคยเรียน มีครูแล้ว ฝึกซ้อมอีกนิดหน่อยก็สบาย” ซันพูดแจม

นายกสโมฯ พยักหน้าหงึกหงัก “ใช่แล้ว นักแสดงคนอื่นที่ร่วมตีฆ้องกับฉาบ และฟ้อนเจิงจะอยู่ข้างล่างทั้งหมด บนเวทีรถจะมีน้องพิงค์สุดหล่อกับกลองแล้วก็คนถือกลองเท่านั้น”

โอ้โห ปลื้มฉิบหาย!

“เอาล่ะ เดี๋ยวแยกย้ายไปตามหน้าที่ที่แบ่งไว้เลยนะ ใครดูแลการแสดง ใครดูแลกระทงใหญ่ เสื้อผ้า คุยกันแบ่งงานกันให้เรียบร้อยล่ะ”

ซันเดินมาเกาะแขนเพื่อนรักแล้วทำท่าระริกระรี้ “มึง~ ต้องเท่มากแน่ๆ สาวตรึมๆ”

ภูพิงค์ตบกบาลอีกฝ่ายไปที “มึงจะหาเรื่องให้กูเหนื่อยทำไมนักวะเนี่ย!”

“เอ๊า! ไม่อยากเท่อ่อ”

“ไม่เว้ย!”

“จะได้เรียกเรตติ้งไงมึง”

“เอาไปแลกข้าวแดกได้เหรอวะสัส”

“แต่พี่หมอเห็นต้องทึ่งแหงๆ อะ ปลื้มแบบไม่มีวันลืมเลยนะมึง มึงนึกหน้าพี่หมอตอนเห็นมึงตีกลองสะบัดชัยดิ!”

ภูพิงค์ชะงัก “ไอ้... ไอ้เหี้ย~ พี่วินเกี่ยวไรด้วย” ทว่าดันเถียงกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงยวบๆ ใจหนึ่งก็อยากโชว์ของดีที่บิดามารดาอุตส่าห์เสียเงินส่งไปเรียนกับพ่อครูชื่อดัง แต่อีกใจ... ก็เขินว่ะ ไอ้พี่วินเห็นแล้วจะพูดว่าอะไรบ้างวะเนี่ย

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบท้ายทอย พยายามหาคำตอบให้ตัวเองอย่างงงๆ

พอนึกถึงหน้าตาตื่นเต้นของพี่วินพร้อมกับคำชื่นชมตัวเขาว่าเท่แล้วก็หน้าแดง มโนเองเขินเองเสียอย่างนั้น

แต่เดี๋ยวก่อน! แล้วสรุปว่า...ไอ้พี่วินเกี่ยวอะไรด้วยวะ!

ขณะที่ภูพิงค์มัวแต่มึงงงอยู่กับความคิดของตัวเอง ซันก็ถือโอกาสนั้นสั่งงานซะเลย “เดี๋ยวบ่ายเขาจะขนกลองมาไว้ที่ห้องประชุมแล้ว มึงก็เตรียมตัวคุยกับพ่อครูด้วยนะเว้ย ไม่ต้องกลัวเหงา ในทีมมีคนเพียบ อย่าลืมนัดวันไหว้ครูกันด้วย”

“เอ้า ไอ้สัส! โยนหน้าที่ให้กูหมดเลย” เด็กหนุ่มจำใจต้องยอมรับหน้าที่ไปอย่างอ่อนใจ บอกกับตัวเองว่าก็ในเมื่อทั้งคณะพร้อมใจกันโยนหน้าที่นี้ให้เขาแล้วนี่ ไม่ได้เกี่ยวกับไอ้พี่วินเลยจริงจริ๊ง~

..

...

..

ในช่วงพักกลางวัน หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ รวินท์ก็มานั่งพักในห้องพักทันตแพทย์รอเวลาเริ่มงานเช่นเคย เขาหันมองไปรอบๆ ห้องอย่างงงๆ เพราะเพื่อนสนิทที่เดินตามหลังกันมาดีๆ จู่ๆ ก็เสือกหายหัวไป คนอื่นๆ ก็ยังไม่มา เหลือเขาอยู่คนเดียวในห้องพักแพทย์เสียอย่างนั้น

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ชายหนุ่มจึงหันขวับไปที่บานประตู ทว่าคนที่เปิดเข้ามาไม่ใช่เตชิต

“วิน เสาร์อาทิตย์นี้คลินิกปิดว่ะ แอร์เสียต้องติดตั้งใหม่ แล้วก็จะทำความสะอาดครั้งใหญ่ด้วยน่ะ” สิงหาพูดพลางเดินไปนั่งลงที่่โต๊ะของตน “นานๆ จะได้ว่างวันเสาร์อาทิตย์ ไปเที่ยวสิ”

“โห นี่มันวันศุกร์แล้วนะพี่ ผมจะวางแผนไปไหนทัน ไม่บอกซะพรุ่งนี้เช้าเลยล่ะ

“โทษทีว่ะ มันฉุกละหุกไปหน่อย แอร์เสียเมื่อวาน ช่างมาดูเมื่อเช้าแล้วบอกว่าต้องเปลี่ยนใหม่ วันนี้คลินิกก็ต้องปิด อาจจะยาวถึงวันจันทร์ด้วยน่ะ”

“ครับ” รวินท์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “แล้วพี่จะไปไหน”

“พี่ว่าจะลงไปกรุงเทพฯ ไปด้วยกันมั้ยล่ะ ยังไงไอ้เต้ก็ต้องไปอยู่แล้วนี่”

คนอ่อนวัยกว่าถอนหายใจ เขาขมวดคิ้วแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ในห้องพักแพทย์ “ไม่อะพี่ ขี้เกียจ” จากนั้นก็ชะเง้อมองไปที่ประตูห้อง “ไอ้เต้ไปไหนของมันวะเนี่ย”

“เห็นมันยืนคุยโทรศัพท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงทางหนีไฟน่ะ”

“โห หายหัวไปตั้งนาน ไปคุยโทรศัพท์นี่เอง” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปมองนาฬิกา ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป “งั้นเดี๋ยวผมมานะพี่”

“อือ บอกไอ้เต้คุยเร็วๆ ใกล้เริ่มงานแล้ว”

รวินท์เดินหน้ามุ่ยไปตามทางเดิน คลินิกปิด เขาก็ว่างน่ะสิ ไม่ได้มีเวลาว่างแบบนี้มาสักพักใหญ่แล้ว เขาจะทำอะไรดีล่ะ จะไปเชียงใหม่ดีไหม แต่ไม่รู้ห้องข้างบนจะนอนได้หรือเปล่า หรืออาจจะต้องระเห็จไปนอนโรงแรม

แล้วทำไมต้องไปเชียงใหม่วะ?

เมื่อไปถึงบันไดหนีไฟ ตอนแรกกะว่าจะเคาะเรียกให้เตชิตออกมา แต่คิดดูอีกที เขาไม่รู้ว่ามันอยู่ข้างในแน่หรือเปล่า อาจจะออกไปแล้วก็ได้ เขาจึงลองแง้มประตูดู

“ขวัญจะเอาอะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวผมรีบจัดการไว้ให้ก่อน”

คำพูดที่ได้ยินเป็นผลให้มือที่จับลูกบิดหยุดกึก เสียงที่ได้ยินเป็นของเตชิตแน่นอน แต่มันกำลังคุยกับใคร? ทำไมมีชื่อขวัญ? รวินท์ยืนนิ่งค้างเป็นก้อนหิน เขากลืนน้ำลายฝืดลงคอ

“ได้ๆ เสาร์เช้านะ พ่อกับไอ้เตยก็บอกอยากเจอเหมือนกัน ผมต้องพาแม่ไปวัดก่อนอะ แต่จะรีบกลับมา”

“อืม วินไม่รู้หรอก มันสบายดี ไม่ต้องห่วง มันก็เหมือนเดิมแหละ อ่อยไปทั่ว” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ “เสาร์อาทิตย์มันไปเชียงใหม่ ต้องทำคลินิกแทนผมด้วย”

“โอเค ถ้ามาเร็วแล้วไม่เจอผมก็บอกพยาบาลนะ ผมจะสั่งไว้ว่าให้พาคุณขวัญข้าวเข้ามาพบพ่อก่อน”

ชัดเลย! ไอ้เต้คุยกับขวัญ! เขาไม่สามารถติดต่อขวัญได้ แต่ไอ้เต้ติดต่อได้อย่างนั้นเหรอ? ไหนมันว่ามันถูกบล็อกโทรศัพท์ไปแล้วไงวะ!

ไอ้เต้โกหกเขา

เพื่อนที่ไว้ใจกัน คบหากันมานาน กับผู้หญิงที่เขาเคยรัก พวกเขานัดพบกัน พูดคุยกันลับหลังเขา

ทำไม? เพื่ออะไร?

ทันตแพทย์หนุ่มอ้าปากค้าง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก หัวใจหนักอึ้งแบบแปลกๆ เขาคิดว่าตัวเองทำใจเรื่องขวัญข้าวได้แล้ว แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของขวัญข้าวน่ะสิ

“อือๆ แล้วเจอกัน”

พอได้ยินอีกฝ่ายบอกลากับคนในสาย รวินท์ก็รีบถอยไปหลบในห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนเพื่อตั้งหลัก เขายืนงงอย่างไม่เข้าใจอยู่สักพักใหญ่ๆ จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือในมือดังขึ้น และเตชิตเป็นคนโทรศัพท์มาหาเขา

ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงมองโทรศัพท์ หากไม่กดรับสาย “....”

บานประตูห้องน้ำเปิดออกผาง ก่อนเตชิตจะชะโงกหน้าเข้ามา “อยู่นี่เอง ไอ้วิน คนไข้มารอแล้วเว้ย”

“อะ เออ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” รวินท์เดินตามอีกฝ่ายออกไป ในศีรษะเต็มไปด้วยคำถามมากมายเสียจนไม่รู้จะเริ่มต้นถามอย่างไรดี แต่ถึงอย่างไรก็คงพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้ เขาต้องเก็บความข้องใจเหล่านั้นไว้ภายใน แล้วกลับไปทำหน้าที่ของตนก่อน

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ขณะที่รวินท์กับเตชิตกำลังถอดเสื้อกาวน์ หมวกคลุมศีรษะกับผ้าปิดจมูก สิงหาก็เดินเข้ามาหา

“ว่าไงวะวิน จะกลับกรุงเทพฯ กับไอ้เต้รึเปล่า”

เตชิตเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างกัน “อ้าว ไม่ทำคลินิกเหรอมึง”

“เสาร์อาทิตย์นี้คลินิกปิด” รวินท์ตอบเสียงเรียบ เขาอ้ำอึ้ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วจึงพูดขึ้น “กลับกรุงเทพฯ กับมึงก็น่าจะดี จะได้ไปเยี่ยมพ่อมึงกับเตยด้วย”

“เสาร์อาทิตย์นี้ไม่ค่อยสะดวกว่ะ กูต้องพาแม่ไปธุระหลายที่ แล้วพ่อก็มีแขกด้วย”

“กูไปเยี่ยมเตยก่อนก็ได้”

“มันนัดเพื่อนมาติวหนังสือ เอาไว้คราวหน้าเหอะมึง รอวันหยุดหลายวันหน่อยค่อยกลับพร้อมกันดีกว่า”

รวินท์จ้องตาเพื่อนรักนิ่ง “มึงไม่อยากให้กูไปด้วยเหรอ”

เตชิตยกแขนขึ้นโอบไหล่อีกฝ่าย “โธ่ อยากสิวะ แต่มึงทำงานเหนื่อยๆ ทำคลินิกแทนกูมาหลายอาทิตย์ มีโอกาสได้พักแค่สองวันก็พักบ้างเหอะว่ะ ถ้ากลัวว่าจะเหงาเดี๋ยวกูโทรหา”

“หวังดีจังว่ะมึงนี่” รวินท์แค่นหัวเราะ ถ้ามันหวังดีกับเขาจริงอย่างที่พูดก็คงดี เขารู้สึกเจ็บหน่วงในอกอีกแล้ว “กูอยู่คนเดียวได้ มึงไม่ต้องห่วง”

“อยากแดกอะไรก็บอก เดี๋ยวหิ้วมาให้ ถ้ามีอะไรก็โทรมาหากูได้ตลอด”

รวินท์ผลักคนที่โอบไหล่อยู่ออกไปเบาๆ “มึงจะไปสองวันหรือสิบปีวะ”

“หน้าตามึงดูอมทุกข์แปลกๆ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”

“เปล่าเว้ย แค่เหนื่อยแหละ เอาเถอะ เสาร์อาทิตย์ได้หยุดก็ดีเหมือนกัน กูจะได้นอนยาวเลย”

เตชิตยิ้ม แล้วลูบศีรษะเพื่อนรักอย่างอ่อนโยน “งั้นกูไปนะ พี่สิงหาจะเอารถไปจอดทิ้งไว้ที่สนามบินพอดี”

นัยน์ตาเรียวจับจ้องคนตรงหน้าเขม็ง เขาไม่เชื่อว่าเตชิตจะคิดร้ายอะไรกับเขาแน่ๆ มันคอยอยู่ใกล้ๆ ดูแลและเป็นเพื่อนเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร รอยยิ้มของมันเขามั่นใจว่าไม่ได้เสแสร้ง แววตาที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย ถ้าทั้งหมดนั่นเป็นการแสดง มันคงต้องได้ออสการ์สิบตัวซ้อน

แต่ทำไม... เรื่องขวัญข้าว...

ไม่หรอก ไอ้เต้เป็นเพื่อนรักคนเดียวของเขานะเว้ย

“เดินทางดีๆ เว้ย ซื้อชีสเค้กมาฝากด้วยละกัน”

“ได้เลย”

รวินท์เก็บความข้องใจไว้ภายใน เขาโบกมือลาอีกฝ่าย จากนั้นก็รีบรุดกลับไปยังห้องพักโดยไม่สนใจใครๆ ไม่มีการหยุดรับไหว้ ทักทายหรือยิ้มให้ใครเหมือนอย่างเคย หากเมื่อไปถึงหอพัก ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องของตนเองก็พบนายแพทย์ที่พักอยู่ห้องข้างๆ กันกำลังรดน้ำต้นไม้ในกระถางข้างหน้าห้อง มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือไว้ เมื่อเห็นเขาเข้าก็วางหูพอดี นายแพทย์เพื่อนบ้านจึงยิ้มรับและทักทาย

“ไงครับคุณวิน กินอะไรมารึยัง”

“ยังครับ...” สายตาเขาเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่โทรศัพท์มือถือในมืออีกฝ่าย ทันตแพทย์หนุ่มเม้มปาก ก่อนจะพูดขึ้น “ผมขอยืมมือถือแป๊บนึงได้มั้ยครับ”

“หือ ได้สิครับ” นายแพทย์ส่งให้อย่างงงๆ

“ขอบคุณมากนะครับ” รวินท์รับโทรศัพท์มือถือจากนายแพทย์ข้างห้องมา เขาเดินตรงเข้าไปในห้องแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดดูเบอร์โทรของขวัญข้าว จากนั้นก็กดเบอร์ลงไปในโทรศัพท์มือถือของนายแพทย์หนุ่ม

ทว่าเมื่อจะกดปุ่มโทรออกไป เขากลับชะงัก... เขาจะโทรไปเพื่ออะไรวะ เขาต้องการจะรู้อะไร ขวัญข้าวกับเขาจบกันไปแล้ว เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจ โทรไปแล้วจะได้อะไรอย่างนั้นเหรอ

ส่วนเรื่องไอ้เต้... บางทีมันอาจมีความจำเป็นอะไรก็ได้ ไอ้เต้ไม่มีวันทรยศหักหลังเขาแน่ เพราะมันเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเขามาตลอดเกือบสิบปี

หากลึกลงไปในหัวใจของรวินท์นึกกลัว

ทันตแพทย์หนุ่มกัดริมฝีปากแน่น เขาตัดสินใจลบเบอร์โทรศัพท์ที่กดไว้ออก เอาโทรศัพท์มือถือไปคืน เสร็จแล้วก็ไปนอนนิ่งเหมือนโดนผีอำอยู่ในห้องนอนของตน

รวินท์นึกย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อครั้งที่ตกลงคบกับขวัญข้าว ทบทวนช่วงเวลาที่สนิทสนมกับเตชิตไปพร้อมกันด้วย ตลอดเวลาที่มีขวัญข้าว ตัวเขาก็มีเตชิตอยู่ข้างกายเสมอ ในยามที่หญิงสาวห่างเหิน เขาก็ได้เตชิตนี่ล่ะ ที่คอยอยู่เป็นเพื่อน คอยเป็นที่พึ่ง เยียวยาหัวใจ

หากยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บหน่วงๆ ชอบกล

หลังจากนอนตกตะกอนความคิดอยู่พักใหญ่ รวินท์ก็ลุกขึ้นหยิบแล็ปท็อปมากดเปิด เขากดเข้าเฟซบุ๊กไปเพื่อจะดูไทม์ไลน์ของเตชิต หากไปชะงักกับรูปของภูพิงค์ที่ถูกแท็กมาเป็นแผงเสียก่อน

ภาพหอมแก้มบนเวทีเมื่อวันเสาร์ที่แล้วเรียงกันมาแบบช็อตต่อช็อต ทุกมุมกล้องเลยทีเดียว เขาหยุดมองแล้วก็หัวเราะลั่น นึกอยากเห็นหน้าภูพิงค์ตอนที่เห็นรูปพวกนี้ซะจริงๆ

รวินท์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรไปหาเด็กหนุ่มทันที โดยไม่มีการหยุดคิดแม้เพียงนิดเดียว เขาอยากพบอีกฝ่าย อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง อยากให้เด็กหนุ่มเรียกรอยยิ้มของเขากลับคืนมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ภูพิงค์ก็รับสาย “ว่าไงพี่วินสุดหล่อ วันนี้มาเปล่าคร้าบ ไปกินไรกันดี”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ เขาพูดเสียงเศร้าโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเช่นไร “...วันนี้ไม่ไปเชียงใหม่ เสาร์อาทิตย์นี้คลินิกปิดน่ะ”

“อ้าว งี้ก็อดเจอพี่วินดิ แล้วผมจะกวนตีนใคร”

“.....”

“พี่วิน? เป็นไรวะ ทำไมเงียบๆ แปลกๆ ไม่เถียงผมกลับแบบนี้ไม่คุ้นเลย ตัวปลอมเปล่าวะ”

“พิงค์... มาหาผมหน่อยดิ อยากเจอ”

“ฮะ!?”

รวินท์ขมวดคิ้ว งงกับตัวเองไปอีก เขาพูดอะไรออกไปวะเนี่ย “ล้อเล่นๆ ผมแค่จะโทรมาบอกว่าเสาร์อาทิตย์นี้คงไม่ได้...เจอกัน” ทำไมเขาพูดเสียงอ่อยเหมือนหมดแรง เพราะเหนื่อยใจกับเรื่องที่เจอมาวันนี้งั้นเหรอ

ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมา “แค่นี้แหละ” เขารีบบอกกับคนในสายแล้วกดวางสายไปทันที จากนั้นก็เอนหลังลงนอนยกมือปิดหน้า วินาทีหนึ่งก็เศร้า อีกวินาทีหนึ่งก็หัวเราะ เขาคงใกล้บ้าแล้วจริงๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขาวะเนี่ย

รวินท์นอนนิ่งไปอีกสักพักก็หลับไปทั้งชุดที่ใส่ทำงานและยังไม่ได้กินมื้อเย็นเลยด้วยซ้ำ


เวลาเกือบสองชั่วโมงผ่านไป ทันตแพทย์หนุ่มยังคงหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในห้องนอนของตน หากจู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงจากโทรศัพท์มือถือ เขาผงกศีรษะขึ้น คิดว่าคงเป็นเตชิตโทรมาจากกรุงเทพฯ เหมือนเคยนั่นล่ะ ทว่าพอหยิบโทรศัพท์มาดูกลับต้องแปลกใจ เขารีบกดรับสายทันที “พิงค์?”

“ลงมาเปิดประตูให้หน่อยดิพี่ ข้างล่างนี่ไม่มีใครอยู่เลยอะ”

“ฮะ? คุณอยู่ไหนวะเนี่ย”

“จะอยู่ไหนได้วะ ก็อยู่หน้าหอพี่นี่ไง”

“เฮ้ย!” รวินท์กระเด้งตัวลุกขึ้นพรวด

“ลงมาเร็วๆ นะ รออยู่”

ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงมองโทรศัพท์มือถือในมือ เขายังไม่ทันหายงัวเงียเลย แต่ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปใส่รองเท้า ลงลิฟต์ไปยังชั้นล่างทั้งที่เส้นผมยุ่งเหยิงเป็นรังนก เมื่อบานประตูลิฟต์เปิดออกก็เห็นเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างหน้าจริงๆ

“พี่นอนอยู่เหรอเนี่ย” ภูพิงค์ทักทันทีที่ทันตแพทย์หนุ่มเปิดประตูข้างหน้าหอพักออก เขารีบก้าวฉับๆ เข้าไปหาอีกฝ่ายพลางยิ้มกว้าง “สกปรกว่ะ นอนทั้งชุดทำงานเลยเนี่ยนะ ดูดิ ปากยังมีคราบน้ำลายเลยอะ”

รวินท์รีบยกมือขึ้นเช็ดปาก แล้วก้มลงมองบนมือตน “ไม่ได้ไหลสักหน่อยเว้ย” เขายืนกะพริบตาปริบๆ มองคนตรงหน้าอย่างงุนงง “มาไงวะเนี่ย”

“ขับรถอีแซนดี้มาอะดิ” เด็กหนุ่มสาวเท้าตรงไปยังลิฟต์โดยสารราวกับเป็นคนที่อาศัยอยู่ในหอพักนั้นเสียเอง พออีกฝ่ายเดินตามเข้ามาก็กดปิดลิฟต์ “ทำหน้างงอะไร ก็อยากให้มาไม่ใช่เหรอ”

“ก็ไม่นึกว่าจะมาจริง”

“เสียงพี่ฟังดูแย่ๆ อะ ผมเป็นห่...วง” ภูพิงค์ชะงัก เลิกคิ้วขึ้นอย่างงงๆ เมื่ออีกฝ่ายก้มหน้าลงแล้วเอาศีรษะเข้ามาชนไว้กับอกตน เขายกสองมือขึ้น กรีดนิ้วไปมาเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี แต่ที่แน่ๆ ไอ้พี่วินคงไปเจอเรื่องแย่ๆ มา อาการคล้ายคลึงกับวันที่เมาตอนนั้น เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นกลอกตาไปมา ก่อนจะใช้สองมือขยี้เส้นผมทันตแพทย์หนุ่ม “ไม่ได้เจอหน้าผมไม่กี่วันนี่จะตายเลยรึไง ลืมความแบ๊วไม่ลงอะดิ นี่ผมอุตส่าห์โกนหนวดก่อนออกมาเลยนะ แก้มเนียนเหมือนตูดเด็กเลยเนี่ย เผื่อว่าพี่อยากจะหอมอีกรอบ”

รวินท์หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับผลักเด็กหนุ่มออก “ไม่อยากเว้ย” พอดีกับที่ประตูลิฟต์โดยสารเปิดออก เขาจึงเดินนำออกไป เมื่อถึงห้องก็เปิดประตูออกให้คนที่เดินตามมาเข้าไปก่อน

“อะไรเนี่ย ออกจากห้องประตูก็ไม่ล็อกอะ สะเพร่านะพี่นะ แก่จนหมาเขย่งยังเลียตูดไม่ถึงแล้วป่ะวะ” เด็กหนุ่มโวยวาย

“ก็รีบลงไปสอยคุณขึ้นมานี่ไง แล้วกินไรมายัง”

“กินมาแล้วนิดหน่อย พี่ล่ะ”

“ยังอ่ะ หิวด้วย”

“อยากกินไรอ่ะ ในห้องมีไรกินมั้ยเนี่ย” ภูพิงค์พูดพลางเดินไปเปิดตู้เย็นดู “โห ถุงอะไรเนี่ย เต็มไปหมดเลย”

“หมูยออ่ะ มีคนให้มา”

เด็กหนุ่มก้มๆ เงยๆ แล้วเดินเข้าไปเปิดดูหม้อหุงข้าวในครัว จากนั้นก็เดินกลับมาหยิบไข่กับหมูยอจากในตู้เย็น “เดี๋ยวผมทำข้าวผัดให้กิน โอเคมะ”

“อือ” รวินท์ยิ้มกว้าง เขาเดินไปยืนข้างคนอ่อนวัยกว่าเพื่อที่จะได้ดูวิธีทำข้าวผัดไปด้วย ภูพิงค์ทำกับข้าวได้คล่องแคล่ว หยิบหมูยอมาแกะหั่นอย่างรวดเร็ว แป๊บเดียวทุกอย่างก็ลงไปผสมรวมกันอยู่ในกระทะแล้ว “พิงค์นี่น่ารักจริงๆ เลยน้า”

เด็กหนุ่มที่กำลังใช้ช้อนตักข้าวผัดขึ้นชิมหันขวับไปทางคนชม แล้วเปลี่ยนเป็นเป่าข้าวในช้อนใส่อีกฝ่ายแทน

“เว้ย~ เลอะเทอะหมด”

“โทษทีพี่ ตกใจที่โดนชมเลยเผลอเป่าแรงไปนิด”

“จงใจชัดๆ อย่ามาตอแหล”

ภูพิงค์หัวเราะ เขาตักข้าวผัดในกระทะขึ้นมาใหม่ เป่าเบาๆ แล้วเอาไปจ่อปากคนที่ยืนข้างกัน “เอ้า ชิม”

ทันตแพทย์หนุ่มอ้าปากรับ เคี้ยวหยุบหยับพร้อมพยักหน้า “อือ อร่อยแล้ว แต่ผมกินคนเดียวหมดกระทะนี่ไม่ไหวหรอกนะเว้ย”

“เดี๋ยวผมกินเป็นเพื่อน”

สองหนุ่มนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ต่างคนต่างจัดการอาหารในจานตนไปอย่างเงียบๆ ในช่วงแรก เมื่อเริ่มอิ่มท้องสปีดในการกินก็ลดลง รวินท์เริ่มเขี่ยข้าวในจานไปมาเหมือนเด็กๆ

“อิ่มแล้วก็หยุด ไม่ต้องยัดลงไปหมดจานก็ได้พี่”

“ยังกินไหวอยู่ ว่าแต่คุณเห็นรูปวันงานไนต์ในเฟซรึยัง”

“ที่ผมกับพี่หอมแก้มกันอะเหรอ พี่เพิ่งเห็นรึไง ผมโดนแท็กรูปตั้งแต่คืนวันนั้นจนถึงตอนนี้เขายังไม่เลิกแท็กกันเลย”

“โห ท่าจะรูปเยอะ ผมเพิ่งเข้าไปดูน่ะ”

“เห็นสโมฯ ว่าได้เงินมาหลายแสน ซื้อของส่งไปส่วนนึงแล้ว อาทิตย์หน้าจะส่งไปอีกรอบ”

“อืม ดีๆ”

“อิ่มบุญมั้ยล่ะพี่”

รวินท์หลุบตาลงต่ำ คิ้วย่นเข้าหากันเล็กน้อย “สงสัยผมคงทำกรรมไว้เยอะว่ะ ที่ทำบุญไปคงยังไม่พอ”

คนอ่อนวัยกว่ายกมือขึ้นขยี้เส้นผมคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน “ไม่เศร้านะ โอ๋ๆ เดี๋ยวถ้ามีงานบุญอีก ผมจะรีบเรียกใช้บริการพี่ เอาให้อิ่มบุญท้องแตกตายห่าไปเล้ย”

ปากไอ้เด็กนี่แม่ง! ทันตแพทย์หนุ่มจับมือคนอ่อนวัยกว่าลงมา เขาอมยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่ได้ถืออะไรที่ถูกเด็กเล่นหัว ออกจะขำกับความพยายามที่จะปลอบใจเขาของเด็กหนุ่มเสียมากกว่า ก่อนจะหยุดมองมืออีกฝ่ายที่เขากุมไว้ “พิงค์ ไปเที่ยวกันเหอะ”

“ฮะ?”

“เสาร์อาทิตย์นี้ว่างมั้ย”

ภูพิงค์อ้ำอึ้ง... ที่จริงควรจะมีซ้อมการแสดงในงานยี่เป็ง ทว่าพ่อครูไม่ว่าง เลยได้งด เขาเห็นเพื่อนๆ นัดกันไปซ้อมตีโหม่งตีฆ้องอยู่นะ แต่ไม่มีใครมาชวนเขาไปด้วยนี่หว่า อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ได้ซ้อมร่วมกัน ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเรียกว่าว่าง “เอ่อ ก็ว่างอยู่”

“พาผมเที่ยวหน่อยดิ ไปไหนก็ได้” รวินท์กระตุกมือเด็กหนุ่มเบาๆ “ไปที่วิวสวยๆ คลายเครียดไง สอบมิดเทอมมาคุณก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนไม่ใช่เหรอ”

“ไปกันสองคนเหรอ”

“อือ หรือคุณจะชวนเพื่อนคุณมาด้วยมั้ยล่ะ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว พวกเพื่อนเขาน่าจะไปทำกระทงใหญ่กัน และถ้าเขาไปชวน พวกมันก็คงไม่ยอมให้เขาไปเที่ยวกับพี่วิน แล้วจับเขาไปช่วยทำกระทงใหญ่หรือฝึกซ้อมตีกลองแทน เด็กหนุ่มคิดหาเหตุผลที่จะไม่ชวนคนอื่นไปให้ตัวเองอยู่สักพักจึงพูดขึ้น “ไปเที่ยวดอยกันมั้ย”

“ดอยสุเทพไม่เอานะเว้ย ไปหลายรอบแล้ว”

“งั้นไปดอยอินทนนท์มั้ยล่ะ พี่เคยไปยัง”

รวินท์ส่ายหน้า “ยัง ไปดอยอินทนนท์ก็ได้”

“อยากค้างคืนมั้ย แต่ฉุกละหุกแบบนี้ ไม่รู้จะมีบ้านพักหรือเปล่า อาจจะต้องนอนเต็นท์นะพี่”

“ค้างสิ นอนบ้านหรือเต็นท์ก็ได้ทั้งนั้น ถนนขึ้นดอยมันไม่ลำบากใช่มั้ยอ่ะ”

“ผมว่ารถพี่ไม่น่ามีปัญหานะ นอกจากแคบไปหน่อยเท่านั้นล่ะ หรือจะให้ผมยืมรถอีซินดี้ไปก็ได้ เดี๋ยวโทรไปถามมันให้”

“ไม่เป็นไร เอารถผมไปนั่นแหละ ผมขับเองถนัดสุด คุณก็คอยช่วยดูทาง แล้วนี่คุณเอาเสื้อผ้ามามั้ยเนี่ย”

“ผมมาแต่ตัวอะดิ ตอนรับโทรศัพท์พี่นั่งอยู่กับอีซินดี้พอดี ผมจะขี่มอไซค์มา แต่มันบอกให้ขับรถมันมาดีกว่า”

รวินท์ยิ้มมุมปาก “โห เป็นห่วงผมมากเลยอะดิ รีบออกมาแบบไม่ทันหยิบอะไรมาเลย”

“อื้อ กลัวพี่ทนคิดถึงผมไม่ไหวไง เดี๋ยวลงแดงซะก่อน ผมยังต้องเก็บหน้าพี่ไว้ใช้อีกหลายงาน”

ทันตแพทย์หนุ่มยกขาถีบเก้าอี้ที่คนอ่อนวัยกว่านั่งอยู่ไปหนึ่งที “งั้นเดี๋ยวใส่เสื้อผมละกัน ส่วนกางเกงในเดี๋ยวออกไปซื้อกัน เราจะได้ไปซื้อขนมไว้กินตอนเที่ยวด้วย”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 19 : งานไนต์ของวิศวะ][271217]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 02-01-2018 19:08:34


พวกเขาตกลงกันว่าจะออกเดินทางเช้าตรู่วันเสาร์ กลับเย็นวันอาทิตย์ และค้างที่บนดอยหนึ่งคืน เมื่อสรุปได้ รวินท์ก็พาเด็กหนุ่มขับรถออกไปบิ๊กซี ไปเลือกซื้อกางเกงในให้เด็กหนุ่มใส่ชั่วคราว เสร็จแล้วก็ซื้อขนมกับน้ำดื่มน้ำอัดลมใส่หลังรถไว้

คืนนั้น หลังกลับจากซื้อของ สองหนุ่มก็ผลัดกันไปอาบน้ำ เก็บกระเป๋าและมานอนบนเตียงเคียงข้างกัน ภายในห้องนอนปิดไฟมืดสนิทแล้ว หากดวงตาของทันตแพทย์หนุ่มยังคงลืมอยู่ เขารู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อตอนเย็นมาก พอมีภูพิงค์มาอยู่ใกล้ๆ ก็ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องที่เป็นกังวลอยู่ไปเสียหมด เขาชำเลืองมองเด็กหนุ่มเป็นระยะๆ

“หาโอกาสแต๊ะอั๋งผมอยู่รึไง ไม่หลับไม่นอนสักทีอะ”

“มีส่วนไหนน่าแต๊ะอั๋งบ้างวะ ช่วยแนะนำหน่อยเหอะ”

“ก็แหม... พี่อยากจับส่วนไหนของผมมากสุดล่ะ”

“ปาก”

“จ้องแต่จะถอนฟันผมอะดิ”

“แสนรู้เนอะ” รวินท์หัวเราะพลางพลิกตัวหันหน้าเข้าหาคนที่นอนอยู่ข้างกัน เขาเอื้อมมือไปหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆ “พิงค์ ขอบใจนะที่มา”

เด็กหนุ่มยิ้มรับ “ไม่เป็นไร ไม่ได้มาฟรี ได้กางเกงในมาตั้งสามตัว” เขายกมือขึ้นลูบศีรษะคนที่นอนอยู่ข้างกันบ้าง ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือลงมากุมหัวไหล่ไว้ “ผมบอกแล้วไงว่าถ้าพี่มีอะไรให้ช่วย ก็เรียกผมได้เสมอ”

“อือ ซึ้งเลยว่ะ”

“แล้วรู้สึกดีขึ้นบ้างรึยังล่ะ”

ไม่มีคำถามถึงสาเหตุที่ทำให้ตนเองต้องขับรถมาจากเชียงใหม่ เพราะภูพิงค์ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด เขาก็แค่เป็นห่วง เลยมาดูอาการก็เท่านั้น

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “ดีแล้ว”

“งั้นก็นอนเอาแรงกัน พรุ่งนี้จะได้เที่ยวให้คลานไปเลย”

“ถ้าเอาแรงๆ ก็คงคลานตั้งแต่คืนนี้แล้วแหละว่ะ”

“เว้ย ไอ้พี่วิน!” ภูพิงค์ถีบเจ้าของเตียงไปจนเกือบตกเตียง ต่างคนต่างหัวเราะเสียงดังจนกระทั่งหอบฮั่กๆ แล้วสักพักพวกเขาก็เงียบไป

รวินท์ยังคงนอนหันหน้าเข้าหาเด็กหนุ่ม พยายามข่มตาให้หลับลง หากภายในใจเอาแต่คิดถึงเรื่องของตัวเขากับคนที่นอนข้างกันเสียอย่างนั้น

เมื่อภูพิงค์มาถึงที่นี่ มาอยู่ข้างๆ กัน ความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจก็ดูเหมือนจะทุเลาลงไปได้ เขากลับมายิ้มและหัวเราะได้อีกครั้ง

นึกๆ ไปแล้วถ้าหากภูพิงค์คิดอะไรกับเขาบ้างจริงๆ ก็คงดี เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาแค่รู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกัน แต่ภูพิงค์คงไม่ได้สนใจเขาแบบนั้น


น่าเสียดาย ที่พวกเขาเป็นได้แค่เพื่อนกัน


คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไม่นานก็เริ่มจะสะลึมสะลือ แต่พอใกล้จะหลับทันตแพทย์หนุ่มก็รู้สึกว่ามีมืออุ่นๆ ไล้สัมผัสแก้มตนอย่างแผ่วเบา เขาปรือตาขึ้นมอง ทว่าเจ้าของมือนั้นพลิกตัวหันหลังให้เขาไปแล้ว เขาจึงปิดตาลงอีกครั้ง ไม่นานก็หลับสนิทไป


*TBC*


น่ารักบั่บเน้จะไม่ให้พี่ใจอ่อนได้ไงเนี้ยะะะะ  :katai1:

หรือที่จริงพี่หมอก็อ่อนไปหมดแย้วกันน้าาาา 55555555

ส่วนเรื่องของหมอเต้ก็คงต้องติดตามกันต่อไปนะคะ เราเริ่มต้นปีใหม่กันแบบเจ้มจ้นขึ้นจิ๊ดดดดดนุง (จิ๊ดเดียวเจงๆ) 5555555

ตอนหน้าเราไปเที่ยวน้ำตกกันก่อนดีฝ่า เชิญคนอ่านขึ้นรถแดงตามสองหนุ่มมาเร้ย ชิดในล่วยๆๆๆ ค่า  :jul3:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า  :mew1:

ปล. ฮัสกี้อาจไม่กล่าวถึงการเรียนของเด็กๆ วิดวะมากนัก เน้นแต่กิจกรรม นั่นก็เพราะในเรื่องนี้กิจกรรมเป็นตัวเชื่อมโยงน้องพิงค์กับพี่หมอเข้าหากันน่ะค่ะ ขอให้เข้าใจฮัสกี้นิดนึงน้าาาา

ปล.อีกที ขอแทรกเรื่องกลองสะบัดชัยเล็กน้อยเผื่อมีใครสนใจค่ะ

กลองสะบัดชัยเป็นการแสดงศิลปะพื้นบ้านล้านนา สมัยก่อนใช้ตีปลุกใจก่อนออกรบนะคะ ลักษณะการตีกลองก็เลยเป็นท่าทางที่ใช้ในการต่อสู้ การเตะต่อยจับดาบอะไรแบบนี้ เอามาผสมกับการฟ้อนรำ ดูแล้วแบบว่าทั้งอ่อนช้อยและแข็งขันไปด้วยเลย พอมโนว่าคนที่มีหลายบุคลิคโคตรๆ อย่างน้องพิงค์มาตีแล้ว ฮัสกี้ว่าเท่ดียยยย์ มันฟินค่อดๆ เห็นด้วยมั้ยล่าาา 555555


คลิปตีกลองสะบัดชัยค่ะ (https://www.youtube.com/watch?v=duZvX75_y_k)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 02-01-2018 19:39:55
ขอบคุณที่มาต่อครับ
ชอบเรื่องน้ีมากเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 02-01-2018 19:43:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-01-2018 19:45:56
ได้แต่หวังว่าหมอเต้จะไม่เป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 02-01-2018 19:59:48
หมอเต้นี่ยังงายยยยยย
หวั่นไหวกันแล้วนะ  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: somuch ที่ 02-01-2018 20:00:12
โห ถ้าแย่งแฟนจริง ต่อให้มีเหตุผลหนักหนาแค่ไหน แต่แย่งแฟนคือแย่งแฟน เป็นเรา ชาตินี้ก็ไม่มีทางญาติดีเหมือนเดิม เหมือนถูกทำลายความเชื่อใจอ่ะค่ะ โดนหักหลัง โคตรแย่เหอะ //อิน

เกลียดค่ะ คนแบบนี้ ฮึ่ย

ช่างพวกนี้ค่ะ เราจะไม่สนใจ โฟกัสที่เรือเรา ฮืออออออออ พิงค์วิน เรือแล่นฉิว ดีจรัยยยยยย

รอดูน้องพิงค์ตีกลองสะบัดชัย ประกาศความเป็นสายรุก แค่กๆ หมายถึง ความแมนของน้อง

//ปักธงพิงค์วินพร้อมตอกเสาเข็ม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-01-2018 20:04:11
เหตุการณ์สื่อให้คิดเยี่ยงนั้น

ว่าแต่...คู่กัดเริ่มมีใจให้กันแล้วเนอะ

 :mc4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 02-01-2018 20:07:40
โอ้ยยยหมออออ รู้ใจตัวเองก่อนน้องอีกอ่ะ  :katai1:

อีหมอเต้  :m16: แค้นแทนว่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-01-2018 20:08:09
เต้กับขวัญจะแอบคบกันลับหลังวินจริงๆเหรอ
 :katai1: :katai1:
แต่ก็ดีพิงค์จะได้มาดูแลวิน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-01-2018 20:09:03
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ
       
ให้รู้สึกว่าขวัญ กับเต้ คงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแล้ว
ขวัญ กับเต้ คงชอบกัน
ก็เต้ คงปลอบทั้งวินทั้งขวัญ
แล้วก็คงเกิดความรู้สึกดีๆต่อกัน

ในสายตาขวัญ คงไม่เชื่อมั่นในวิน ที่ดูไม่จริงจัง อ่อยไปทั่ว
ถ้าอดีตคนรัก มารักกับเพื่อนสนิท วินจะหน่วงจะเฮิร์ทก็ไม่แปลก
แต่จะให้เขาคบกันเปิดเผย ก็แปลกๆเหมือนทำร้ายวิน
แต่ไม่ว่ายังไง คบกันลับหลังวินมันก็ทำร้ายวินยิ่งกว่า  :fire: :fire: :fire:
 
วิน พิงค์ก็เลยสนิทกันยิ่งขึ้น  เพราะแค่ฟังเสียงวินที่เศร้าๆ
พิงค์ก็เข้าใจอารมณ์ของวิน แล้วรีบมาหาทันที สุดยอดดดดด   :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 02-01-2018 20:21:43
คิดแล้วเชียวเต้กับขวัญมันคิดไม่ซื่ออ่ะ  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-01-2018 20:37:30
เป็นไปได้เหรอที่หมอเต้จะแย่งแฟนหมอวิน

ถ้าใช่นี้เลือดเย็นมากเลยนะนี่นะ

ระหว่างหมอวินกับน้องพิงยังไม่ชัดเจนเท่าไร

หมาหยอกไก่ทั้งคู่ :z13:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 02-01-2018 20:41:26
เราว่าเต้คงกำลังคบกับขวัญข้าวแน่ๆ จุกแทนหมอวินเลย เพื่อนยิ่งรักมากก็ยิ่งเจ็บมากเมื่อถูกหักกลัง :ling2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-01-2018 20:46:29
หมอเต้จะตีท้ายครัวพี่วินจริงหรอ ยังไม่อยากปักใจเชื่อเรื่องนี้ซะเท่าไหร่เลยแหะ แต่ถ้าจริงนี่ก็รับไม่ได้อย่างแรง :mew5:
แต่ช่างเหอะ อยู่กับคนไหนสบายใจ ก็คนนั้นแหละพี่วิน แน่นอนว่าเป็นน้องพิงค์อยู่แล้ว 5555 คิดไรมากกก คิดมากหัวล้านนะเอออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 02-01-2018 20:51:03
หมอเต้นี่คืออะไร!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 02-01-2018 20:56:21
เต้ พูดลับหลังถึงวินไม่ดีเลย "อ่อยไปทั่ว" พูดแบบนี้เหมือนไม่ใช่เพื่อนดีๆ เลย ดูไม่น่าไว้ใจอย่างแรง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-01-2018 20:58:29
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 02-01-2018 21:01:59
น่ารักข้ามปีเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 02-01-2018 21:05:28
อ่าวไอ้เต้ มีการพูดลับหลัง ไปเถอะทั้งคู่ไปไหนก็ไปไม่ต้องมาเข้าซีนยิ่งดี ชะนีขวัญอ่านถึงทีไรต้องรีบเลื่อนหนี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 02-01-2018 21:07:29
ยังขอเชื่อมั่นในตัวหมอเต้ไปก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-01-2018 21:34:34
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 02-01-2018 22:07:33
พี่วินสู้ๆ :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-01-2018 22:14:46
เต้กลายเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดไปเหรอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 02-01-2018 22:20:39
คบกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยค่ะ   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 02-01-2018 22:20:46
ถ้าหมอเต้เป็นอย่างที่พวกเราคิด..ผมคงถอยหรือหยุดคำว่าเพื่อนกับหมอเต้เลยละ...
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-01-2018 22:28:18
หมอเต้จะแอบคบขวัญข้าวหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ คือมีเรื่องโกหกและแอบปิดบังหมอวิน
น้องพิงค์พ่อคนสารพัดประโยชน์ ขอให้บุญกุศลอันมหาศาลได้กินหมอหรือถูกหมอกินทีเถอะ สาธุ
อ้อ หมอต้องชื่อวินด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 02-01-2018 23:13:11
ไม่น้าาา หวังว่าหมอเต้จะไม่ได้เป็นแบบที่หมอวินคิด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 02-01-2018 23:26:35
หมอเต้ ทำงี้หรอวะ เคืองอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-01-2018 23:27:28
 :a5: อ้าว... เฮ้ย...อย่าบอกนะว่าแอบคบกันนะ แล้วอะไรคือว่าเพื่อนแบบนั้นอ่ะ แล้วต่อให้ห่วงเพื่อน จริงใจกับ เพื่อนจริงๆ เราว่ารับไม่ไหวแน่ๆ   o22
เฮ้อ... ดราม่ามา แต่ความหวานแบบงงๆ ยังคงส่งมาอย่างต่อเนื่อง น่ารักอ่ะ คุณหมอค่ะอย่าเพิ่งสรุปสค่ะ ถามน้ องก่อน ๆ
 :L2:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 02-01-2018 23:46:25
ลุ้นคู่นี้มาก แอบมีใจให้กันซะขนาดนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-01-2018 00:04:45
        ในระหว่างที่ฟินและจิกหมอนไปเราก็คงคิดว่าหมอเต้กำลังทำอะไรอยู่   :hao7:   :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 03-01-2018 00:06:04
พี่วินคิดอะไรกับน้องงงง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 03-01-2018 00:11:04
ไม่ชอบเต้ พูดถึงเพื่อนไม่ดีเลย พี่วินไปอ่อยใครไหนพูด
ที่ทิ้งๆงานไป ไปหาที่บ้านจริงรึเปล่าเหอะ โคตรแย่
รอคู่หมอวินกับน้องพิงค์ไปเดทกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-01-2018 00:22:39
ไม่อยากจะคิด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-01-2018 00:35:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 03-01-2018 01:00:13
พิงค์ขอบคุณมากๆนะคะที่ดูแลและไม่ทอดทิ้งหมอวินท์ช่วยอยู่ข้างๆเวลาหมอเค้าไม่สบายใจนะตอนนี้วินท์กำลังสับสนและอ่อนแอช่วยอยู่ข้างๆและเป็นกำลังใจด้วยนะคะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-01-2018 01:26:45
 :เฮ้อ: :m16: :เฮ้อ:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 03-01-2018 01:29:57
ชะนีนั่นก็ตัดทิ้งไปเถอะค่ะ อย่าได้แคร์ แต่ถ้าเพื่อนมาคาบไป

ก็คงต้องจัดการกันหน่อยนะคะ นี่ไม่คิดลยว่าน้องวินจะมาเจอเรื่องน้ำเน่า อย่างเพื่อนแย่งแฟน แต่ประสบการณ์ครั้งนี้ก็จะทำให้น้องโตขึ้นได้ค่ะ

สู้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-01-2018 05:10:53
ยังไม่เชื่อว่าหมอเต้จะทำงั้นจริงๆ
อ่านๆมาบางทียังแอบเผลอคิดเลยว่าหมอเต้คิดอะไรกับหมอวิน
จะมาหักหลังกันก้แปลกๆ ถึงเหตุผลจะมากมายขนาดไหนก้เถอะ
ในส่วนของเรือเรานั้นนน นอกจากจะแล่นฉิวแล้ว
ยังมีแววจะได้อัพเกรดเป็นเรือหลวงเร็วๆนี้ด้วยนะสิ55555
น้องพิงค์เป็นห่วงพี่วินมากเลยระเนี่ย รีบมาหาเลย
หมอวินก้อ้อนนนซะ รู้ตัวมั้ยว่าอ้อนน้องหนักมาก!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-01-2018 06:06:28
อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น :katai1: ไม่อยากให้พี่วินเสียใจ ดีนะมีน้องพิงค์มาช่วยดูแลจิตใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 03-01-2018 07:28:02
หมอเต คงไม่ทำร้ายหมอวินนะ
สงสารหมอวินจะถามก็กลัว
ไม่เป็นไรคนน่ารักมาปลอบแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 03-01-2018 07:30:10
อ่อยน้องเลยๆๆๆ พี่วินจะได้ไม่เหงา อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 03-01-2018 07:30:39
ยังเชื่อนะ ว่าพี่เต้ไม่มีทางหักหลังพี่วิน
คิดว่าพี่เต้คงไม่ได้แอบคบขวัญข้าวลับหลังหรอก
ก็ขวัญข้าวกำลังคบกับผู้ชายที่ลงรูปคู่ ที่พี่วินไม่รู้จักนี่นา
เพียงแต่พี่เต้ ต้องมีอะไรปิดพี่วินอยู่ เพราะตั้งแต่รู้เรื่องขวัญข้าวมีแฟนใหม่
ก็มีอาการเครียดแปลก ๆ อาจจะรู้จักกับผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า
ขวัญข้าวอาจมีเหตุอะไรให้ได้มาดูแลอาการคุณพ่อพี่เต้
แต่ไม่อยากให้พี่วินรู้ ก็เลยให้พี่เต้ช่วยปิดก็ได้ แต่ใครจะทำอะไรก็ช่าง
นี่แค่พี่วินคิดถึงน้องพิงค์ อยากให้น้องมาอยู่ใกล้ๆ ให้สบายใจ ก็ฟินแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-01-2018 08:14:31
หมอเต้คือไร เพื่อนรักหักเหลี่ยมเหรอ ไม่ทำกับวินอย่างงี้อ่ะ ใจร้ายนะ
ส่วนน้องพิงค์น่ารัก พี่ร้องหาปุ้บก็มาปั๊บเลย เห็นมั้ยอยู่ด้วยกันดีจะตาย
เมื่อไหร่จะรู้ว่าใจตรงกันซักที หยอดกันหยอดมาขนาดนี้ เป็นแฟนกันไปเถอะะะะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-01-2018 09:12:36
เต้ ขวัญ ? ยังไง ?
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 03-01-2018 09:18:59
ให้หมอเต้ไปคบกับขวัญข้าวเหอะ พี่วินจะได้คู่กับน้องพิงค์ :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 03-01-2018 09:39:24
ยังไม่อยากปักใจเชื่อเรื่องหมอเต้ มันต้องมีอะไรซักอย่าง ไม่น่าจะหักหลังกันหรอกมั้ง

ส่วนน้องพิงค์นี่ พี่อยากให้มาหา ก็รีบมาแบบทันด่วนเลย ดูๆแล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นนะ อ่านแล้วก็ยิ่งชวนเขินขึ้นเรื่อยๆ ชอบมากค่ะ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-01-2018 10:57:55
พี่วินเกิดอาการระแวงหมอเต้  ก็นะมาได้ยินพอดี
พิงค์ก็ช่วยๆเป็นกำลังให้พี่วินด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 03-01-2018 12:12:28
ถ้าเต้แอบคบกับขวัญ
เราคงตกใจมาก คือตอนวินามเรื่องจะไปกรุงเทพด้วย เต้ตอบได้แนบเนียน ไม่มีพิรุธ ไม่หยุดคิดเลยอะ คนแบบนี้น่ากลัว

แต่อย่างที่คห.ว่าค่ะ ว่าบางครั้งเรารู้สึกเหมือนเต้คิดอะไรกับวิน
แล้วตอนนี้ทำท่าว่าจะมีอะไรปิดบังอยู่?

เราเป็นว่ายังไม่ปักใจเชื่อค่ะ

รอฟินพี่วินกับน้องพิงค์ดีกว่า  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 03-01-2018 12:20:13
น้องพิงค์น่ารักขนาด พี่หมอก็ใช่เสน่ห์ของพี่มัดใจน้อลสิจ๊ะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 03-01-2018 13:29:07
เต้กับขวัญคือหักหลังพี่วินแน่นอนแต่ตอนนี้ต่างคนต่างหวั่นไหวกันโดยไม่รู้ตัวแน่นอน
สวัสดีปีใหม่ไรท์นะคะ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 03-01-2018 13:57:28
พี่หมอ น้องทำไห้ชนาดนี้ ถ้าทำไห้พิง เด็กป้าเสียใจเมื่อไหร่ แกตายแน่!!!!! แล้วไอตอนท้ายนะว่า อยุ่กับน้องแล้วรุ้สึก หัวเราะ นี้คงไม่ได้ไห้น้องมาเป็นตัวแทนกดความรุ้สึกหรอดนะ

ชอบๆๆเด้ๆ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-01-2018 16:13:08
เฮ้ยยยย หมอเต้คบกับขวัญหรอ บทสนทนานั้นตีความเป็นแบบอื่นไม่ได้เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 03-01-2018 18:40:46
 :z13: ลูบแก้มแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 04-01-2018 00:13:07
ชอบ  ชอบ  :haun4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 04-01-2018 09:32:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: yozz ที่ 04-01-2018 09:51:00
          เริ่มปีใหม่มาก็เจ้มจ้นเลยย ใจไม่ดียังไงไม่รู้เรื่องหมอเต้กับขวัญข้าว ดีที่หมอวินทำเป็นไม่รู้ไว้ แอบสืบไปเรื่อยๆ พอมีหลักฐานค่อยซัดทีเดียว เอาให้ตายกันไปข้าง แล้วก็อย่างน้อยยังมีภูพิงค์อยู่ ไม่ต้องกลัวเหงาคนเดียวอีก ค่อยจิ้น ฟิน อ้อย กันต่อไปนะจ๊ะ
          สวัสดีปีใหม่คุณฮัสกี้ด้วยนะคะ มีความสุขมากๆ ร่ายกายแข็งแรงค่าา  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-01-2018 23:30:19
ถึงไม่ได้แอบคบเราก็ว่าไม่โอเคอ่ะ แต่ยิ่งกีดกันพี่วินแบบนี้ยิ่งน่าสงสัย น้องพิงค์เยียวยาพี่เขาหน่อยนะลูกก รีบคิดอะไรกับพี่เขาได้แล้วววว  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 07-01-2018 14:37:40
ง้ววววววววว !!! เค้าชอบกันแล้วชิมิ ชิมิ

น้ำตาลจะอาบดอยอินทนนท์ใช่ม๊ายยยย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-01-2018 16:13:48
เรื่องเต้เอาไว้ก่อน จริงไม่จริงยังไง
อยากรู้จากเต้ว่าทำไม

หมอก็ใจเย็นนะ หรือมัวแค่อึ้งหนักมากไม่รู้
พิงค์ก็ไวเหลือเกิน ก็นะคนเค้าเป็นห่วง จะให้ช้ายังไงไหว

หมอคะ อย่าเพ้อค่ะ ต้องรุกค่ะ พิงค์ออกจะหวั่นไหวนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 20 : ความระแวง][020118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 08-01-2018 17:47:53


Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก


รถออดี้สปอร์ตเคลื่อนออกไปจากหอพักแพทย์ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ทั้งคนขับและคนที่นั่งข้างกันหาวหวอดๆ แต่เพราะเป็นห่วงว่าจะเที่ยวได้ไม่คุ้ม พวกเขาเลยต้องอดทน

“พี่วินอย่าขับไปหลับไปนะเว้ย”

รวินท์แกล้งขับรถส่ายไปมาเล็กน้อย แล้วสะดุ้ง “อย่าเสียงดังดิ ผมตกใจตื่นเลยเห็นมะ”

“จะถึงดอยมั้ยวะเนี่ย!”

“ถ้าไอ้เนวิเกชั่นนี่บอกทางถูกก็ถึงอ่ะ”

ภูพิงค์มองคนที่ขับรถอยู่อย่างหวาดๆ “อย่าพาไปโผล่พม่านะพี่ วันจันทร์ผมมีเรียน เดี๋ยวกลับมาไม่ทัน”

“ผมก็ต้องทำงานเหมือนกันเว้ย ว่าแต่มื้อเช้ากินไรดี ผมหิวแล้วอ่ะ”

“กินข้าวมันไก่กัน จะได้มีแรงเล่นน้ำด้วย เพราะเดี๋ยวเราจะไปน้ำตกแม่ยะกันก่อน”

“ที่บอกให้เอาเสื้อผ้ามาเล่นน้ำด้วยนี่คือเล่นน้ำตกเหรอ”

“อือ เคยเล่นป่ะ”

“มีปลิงมั้ยวะ”

“เดี๋ยวก็รู้น่ะ”

“ทากล่ะ”

“ถ้ามีเดี๋ยวก็เจอเอง”

“ผมไม่ไปแล้วดีกว่าว่ะ”

ภูพิงค์หัวเราะ “ตัวออกจะโต กลัวอะไรตัวเล็กๆ วะพี่”

“คุณก็ตัวโตยังกลัวหมอฟันเลยนี่หว่า”

“หมอฟันตัวใหญ่กว่าทากป่ะวะ”

รวินท์ย่นคิ้วเข้าหากัน เขาไม่รู้จะสรรหาอะไรมาเถียงกับไอ้เด็กนี่แล้วโว้ย พอคิดได้แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยจะดีกว่า “ไหนล่ะร้านข้าวมันไก่”

เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย “ตรงไปอีกหน่อยค่อยชิดซ้ายครับ”

หลังจากหยุดกินข้าวมันไก่เติมพลังกันแล้ว สองหนุ่มก็ออกเดินทางต่อ ทันตแพทย์หนุ่มขับรถผ่านทุ่งนาและไต่ขึ้นไปภูเขาซึ่งมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ พร้อมกับมองเนวิเกชั่นในรถเทียบกับป้ายไปเรื่อยๆ กันพลาด ไม่นานก็ถึงที่หมายแห่งแรกในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

รวินท์ก้าวลงมาจากรถอย่างงงๆ “ไหนวะน้ำตก”

“โหยพี่ น้ำตกอะไรมันจะมาอยู่ตรงนี้ ต้องเดินเข้าไปอีกดิ” ภูพิงค์หยิบเสื้อผ้ากับขนมออกมาใส่กระเป๋าเป้ที่ยืมมาจากรวินท์ แล้วบอกให้อีกฝ่ายหยิบเสื้อผ้าออกมาอีกชุดด้วย จากนั้นก็สะพายเป้ไว้พร้อมกับเดินนำออกไป

สองหนุ่มเดินไปตามทางซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี พื้นถนนแฉะเล็กน้อยจากละอองฝนเมื่อคืน อากาศเย็นสบายกำลังดี ทำให้เดินได้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อยมากนัก

ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปก็หันมองซ้ายขวาไปอย่างสนใจ “เดินป่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

ภูพิงค์อมยิ้ม “ผมนึกว่าจะต้องฟังพี่บ่นตลอดทางซะอีก”

“เดินแค่นี้จะบ่นทำไม ถนนก็โอเคอยู่”

“เดี๋ยวต้องมีผาดโผนนิดหน่อย พี่ไหวนะ”

“ถ้าไม่ไหวจะให้ขี่คอรึไง”

“จะทิ้งให้นั่งรออยู่แถวนั้นแหละ แล้วผมจะไปถ่ายรูปน้ำตกมาให้ดู”

“โห ซึ้ง แบบนั้นผมกูเกิลดูรูปเอาก็ได้” รวินท์หัวเราะ เขายกขาเตะอีกฝ่ายไปเบาๆ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปคว้าเป้ “ผมช่วยถือ หนักมั้ย”

“ไม่ต้องหรอก เอาตัวพี่ให้รอดเหอะ หนักกว่านี้ผมก็แบกมาแล้วน่ะ”

หลังจากเดินกันแบบสบายๆ ไปสักระยะ ก็ถึงทางเดินไปตีนน้ำตกช่วงสุดท้ายที่ต้องออกแรงสักหน่อย รวินท์หอบเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร เพราะไม่อยากถูกเด็กหนุ่มสบประมาท

“ใกล้ถึงละๆ อดทนอีกนิด”

ทันตแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่บนที่สูงกว่าข้างหน้า “คุณบอกใกล้ถึงมาหลายทีแล้วนะ”

ภูพิงค์ยิ้มกริ่ม พลางส่งมือให้อีกฝ่าย “เอาน่าลุง บอกว่าใกล้ถึงก็ใกล้ถึงดิ ได้ยินเสียงน้ำแล้วนี่ไง”

รวินท์แยกเขี้ยวใส่ แต่ก็คว้ามือเด็กหนุ่มไว้ด้วย แล้วก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทั้งดึงทั้งจูงเขาขึ้นบันไดที่ทำจากหินอย่างลวกๆ ไป

“เดี๋ยวเล่นน้ำก่อนค่อยมานั่งกินอะไรเล่นกันตรงนั้น”

“กินอีกแล้วเหรอ”

“เออน่ะ เดี๋ยวพี่หิวแน่นอน  กองทัพต้องเดินด้วยท้องเว้ย”

“เดินด้วยขาก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” เม็ดเหงื่อผุดขึ้นรอบกรอบหน้าหล่อเหลา เขาก้มหน้าก้มตาก้าวขึ้นบันไดตามเด็กหนุ่มพร้อมกับหอบแฮ่กๆ ไปด้วย นึกรำคาญตัวเองอยู่เหมือนกันที่เดินขึ้นบันไดนิดหน่อยก็เหนื่อย ตกลงนี่เขาอายุเท่าไหร่กันแน่วะเนี่ย

“พี่วิน เงยหน้าขึ้นได้แล้ว”

“ฮะ” เจ้าของชื่อเรียกเงยหน้าขึ้นพรวด ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อได้เห็นน้ำตกขนาดใหญ่โต เป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันลงมาตรงหน้า ตื่นตาตื่นใจจนลืมเหนื่อยไปเลย “โอ้โห!”

“สวยใช่มั้ยล่า”

“โคตรๆ เลย” รวินท์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายรูปรัวๆ ท่าทางของเขาทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเอ็นดู จนอดยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปทันตแพทย์หนุ่มไว้บ้างไม่ได้ จากนั้นพวกเขาก็ถ่ายรูปคู่กันอีกหลายๆ รูป รอยยิ้มของทั้งสองคนสดใส บ่งบอกถึงความสุขในหัวใจ

“ไปพี่วิน ลงน้ำกัน” คนอ่อนวัยกว่าคว้ามือชายหนุ่มเดินตรงไปยังแอ่งน้ำ บริเวณนั้นมีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น เขาถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่และรองเท้าออก วางเป้ไว้ข้างๆ แล้วจึงนั่งลงบนก้อนหินเพื่อหย่อนขาลงไป

พอเห็นเด็กหนุ่มถอดเสื้อ รวินท์จึงถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออกบ้าง ก่อนจะนั่งลงข้างกัน หากเมื่อหย่อนเท้าลงในน้ำก็ร้องลั่น “น้ำเย็นฉิบหาย!”

“แบบนี้แหละ สะใจ” ภูพิงค์ไม่พูดเปล่าแต่คว้าคออีกฝ่ายกระโดดลงน้ำไปด้วยกันเสียงดังตูมใหญ่

แอ่งน้ำไม่ได้ลึกอะไร พอทันตแพทย์หนุ่มตั้งหลักยืนได้ก็อ้าปากโวยวายทันที “จะฆ่ากันรึไงวะ!” เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำบนใบหน้า เส้นผมที่เปียกน้ำลู่ลงไปตามแนวศีรษะ หยดน้ำกลิ้งไปบนลำคอและแผ่นอกช่วงบน

เด็กหนุ่มยืนจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “โห พี่วินแม่งอย่างขาว ข้างนอกว่าขาวแล้ว ข้างในขาวกว่าได้อีก ในชีวิตเคยโดนแดดมั้ยวะเนี่ย”

“ก็ทำแต่งานจะไปโดนแดดที่ไหนวะ แล้วคุณอะ ขาวเป็นปล้องๆ นี่เป็นญาติกับม้าลายเหรอวะ”

“ก็ไม่ได้แก้ผ้าทั้งตัววิ่งตากแดดนี่หว่า แต่ข้างในกางเกงขาวมากนะ ดูมะ”

“ไม่เว้ย เสียสายตา วันจันทร์ยังต้องใช้ทำงาน”

ภูพิงค์หัวเราะเบาๆ พลางว่ายน้ำออกไป ส่วนรวินท์ถอยไปยืนพิงโขดหินที่ถอดเสื้อวางไว้ สักพักก็รู้สึกหนาว เขาจึงยืนๆ มุดๆ น้ำอยู่บริเวณนั้น

เสียงของน้ำตกทำให้ใจรู้สึกสงบ รวินท์หันมองไปยังต้นไม้สีเขียวชอุ่มโดยรอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสายน้ำที่ไหลลดหลั่นลงมาจากหน้าผาสูงชัน เขาเอนหลังพิงก้อนหินใหญ่ ริมฝีปากที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเพราะความเย็นของน้ำอมยิ้มน้อยๆ

ทันตแพทย์หนุ่มชะเง้อมองหาเด็กหนุ่มที่ในตอนแรกว่ายน้ำไกลออกไป สักพักก็เห็นเงาดำๆ มุดน้ำตรงเข้ามาหาตนช้าๆ เขากระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมกับค่อยๆ ว่ายน้ำออกจากก้อนหินไปเล็กน้อย รอให้เงานั้นเข้ามาใกล้ และพุ่งเข้ามากอดเอวเขาไว้

รวินท์รีบกดศีรษะเจ้าของเงานั้นไว้ไม่ให้โผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้ “คิดจะแกล้งผมเหรอ ไปฝึกมาใหม่เว้ย” เป็นผลให้อีกฝ่ายกอดเขาแน่นขึ้น แล้วผลักให้หงายหลังล้มลงไปในน้ำ “เฮ้ย!”

สองหนุ่มกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ในน้ำ พอคนนึงผลัก อีกคนก็ไล่กอด แต่ไปๆ มาๆ คนผลักกลับกลายเป็นกอดอีกฝ่ายไว้แน่นเสียอย่างนั้น จนกระทั่งพวกเขากลั้นหายใจไม่ไหวจึงผุดขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมๆ กัน

“เล่นอะไรวะพี่ ผมกินน้ำไปตั้งหลายอึกเนี่ย!”

“คุณแกล้งผมก่อนนะเว้ย!”

ภูพิงค์ยกแขนขึ้นเช็ดหน้า แล้วสะบัดผมใส่อีกฝ่าย “เล่นกับคนรู้ทันไม่หนุกเลยแม่ง”

รวินท์หันหน้าหลบ พร้อมกับยกขาถีบเด็กหนุ่ม “คิดแต่จะแกล้งผมอยู่ได้ ถ้าผมหัวใจวายตายขึ้นมา จะเป็นผีเกาะหลังคุณไปตลอดชีวิตเลยคอยดู”

“เออๆ ไม่แกล้งละก็ได้” คนอ่อนวัยกว่าทำท่าหยุดคิด จากนั้นจึงยกมือขึ้นตบๆ ไปที่ไหล่ของตัวเอง “มาๆ มาเกาะผมไว้”

ทันตแพทย์หนุ่มจ้องอย่างระแวง “เกาะทำไมวะ”

“เดี๋ยวพาว่ายไปใกล้ๆ น้ำตกหน่อยไง ไปด้วยกันจะได้ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะแกล้งผม หรือผมจะแกล้งพี่”

“แหม คิดได้เนอะว่าผมจะแกล้งคุณ ตั้งแต่มานี่ก็มีแต่คุณแกล้งผมมั้ยวะ” รวินท์เอื้อมมือไปหาคนอ่อนวัยกว่า ตอนแรกก็ว่าจะเกาะไหล่ หากเกิดเปลี่ยนใจกลางคัน เขาก้าวเข้าไปกอดเด็กหนุ่มไว้จากทางด้านหลังแทน

ภูพิงค์หันขวับ “ผมบอกให้เกาะเว้ย ไม่ใช่ให้กอด!”

“อ้าวเหรอ เสียงน้ำมันดัง ผมเลยฟังผิด”

“แล้วพี่จะลูบผมทำไมเนี่ย!”

“หาที่จับ”

เด็กหนุ่มก้มลงมองฝ่ามือที่เคลื่อนขึ้นมาบนแผ่นอกเขาช้าๆ “หาที่จับอะไรของพี่วะ!”

“แบนฉิบหาย จับไม่เจออะไรเลยว่ะ”

“ก็แหงสิวะ ผมเป็นผู้ชายเว้ย” คนอ่อนวัยว่าพูด ก่อนจะโวยวาย “แล้วจะเขี่ยหัวนมผมทำไมวะ!”

“อยากลองทำแบบในหนังโป๊บ้าง”

“โว้ย! ไอ้พี่วิน~” ภูพิงค์จับมืออีกฝ่ายออก “เกาะไหล่เว้ย”

“เออๆ เล่นด้วยหน่อยก็ไม่ได้”

“เล่นไรวะ หนังโป๊ในน้ำตกเหรอ”

“ก็น่าสนอยู่นะ”

“พี่ไปเล่นกับหินก้อนนั้นเลย เดี๋ยวผมถ่ายคลิปให้”

รวินท์หัวเราะร่วน พลางเอื้อมมือไปเกาะไหล่คนอ่อนวัยกว่าไว้หลวมๆ “ไม่เล่นแล้วก็ได้ ไปๆ ไปดูน้ำตกกันดีกว่า”

ภูพิงค์ว่ายน้ำออกไปช้าๆ ไม่ลืมที่จะทำหน้าที่เป็นไกด์บรรยายไปด้วย “น้ำตกที่นี่น่ะ เขาว่าสูงลดหลั่นลงมาสามสิบกว่าชั้น สวยติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศเลยนะพี่”

“อือ ก็สวยจริง”

เด็กหนุ่มพาว่ายเข้าไปดูน้ำตกใกล้ๆ ระหว่างนั้นก็ชำเลืองมองรวินท์เป็นระยะๆ แล้วอมยิ้ม ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกาย น้ำเย็นทำให้แก้มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ และริมฝีปากเป็นสีแดงจัด ท่าทางจะสนใจน้ำตกเอามากๆ ดูน่ารักไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ จนไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างไอ้พี่วินจะมีมุมที่ดูไร้พิษภัยแบบนี้กับเขาด้วย โคตรหลอกลวงเลย ภาพลักษณ์กับความเป็นจริงต่างกันแบบสวรรค์กับนรก

ที่จริงเขาชอบไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เป็นกลุ่มใหญ่ๆ มากกว่า แต่กับพี่วิน อยู่ด้วยกันสองคนก็สนุกได้ คงเพราะอีกฝ่ายมีอะไรที่คาดไม่ถึงให้เห็นอยู่บ่อยๆ

“โว้ะ ตรงนั้นมีรุ้งด้วย”

“เออๆ มีน้ำมีแสงก็เกิดรุ้งสิครับ เรียนมานานแล้วลืมรึไง” ภูพิงค์แขวะไปตามเรื่อง พอเห็นทันตแพทย์หนุ่มกำลังเพลินก็นึกอยากจะแกล้งขึ้นมาอีก ขณะที่เขาว่ายๆ น้ำไป จู่ๆ ก็หันไปกอดคนที่เกาะไหล่เขาอยู่แล้วพาอีกฝ่ายผลุบลงไปในน้ำด้วยกันเสียอย่างนั้น

ด้วยความตกใจและไม่ทันตั้งตัว ทำให้รวินท์กอดเด็กหนุ่มไว้แน่น เขาหลับตาปี๋ ส่ายหน้าไปมาอยู่ใต้น้ำชั่วครู่ ก่อนจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาพร้อมกันกับคนช่างแกล้ง

“สำเร็จ!” คนอ่อนวัยกว่าตะโกนอย่างดีใจ ทว่าอีกฝ่ายไม่คิดเหมือนกัน

รวินท์นึกอยากจะจับเด็กหนุ่มกดน้ำซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็กลัวว่าสถานการณ์จะพลิกผันให้ตัวเขาเป็นฝ่ายถูกกดเสียเอง “ไหนว่าไม่แกล้งแล้วไงวะ!”

คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะ “ก็สนุกดีไม่ใช่เหรอ”

“ไม่สนุกเว้ย!”

“อ้าว ก็เห็นเมื่อกี้บอกว่าอยากจะเล่นกับผม”

“ฮึ่ย! เล่นแบบนี้คราวหน้าจะถีบให้!” รวินท์ผลักตัวเองออกห่างพลางยกมือขึ้นเช็ดหน้า

ภูพิงค์จับจ้องคนตรงหน้าไปอย่างลืมตัว เมื่อกี้ได้กอดพี่วินไปหลายที รู้สึกว่าขนาดตัวกำลังน่าฟัด ขนาดเป็นผู้ชายยังน่ากอด ผิวเนียนน่าลูบ เนื้อเด้งน่าขยำไม่เหมือนไอ้พวกเพื่อนๆ เขาที่บ้านเช่าเลยแฮะ

“ขึ้นกันเหอะ นิ้วเหี่ยวแล้วว่ะ”

“โอเค มาๆ เกาะไหล่”

คราวนี้รวินท์ถลาเข้ามากอดคอเด็กหนุ่มไว้ “ถ้าแกล้งอีกจะรัดคอให้ตายเป็นผีเฝ้าน้ำตกแม่งเลย”

“โหดร้าย~” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกว้าง เขารู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวบนแผ่นหลังตน ไอ้พี่วินคงตกใจมากจริงๆ เขารู้สึกผิดเลยเนี่ย

ว่ายน้ำไปสักพักทั้งสองคนก็ถึงฝั่ง ภูพิงค์ก้าวขึ้นไปก่อน จากนั้นจึงหันมาส่งมือให้ชายหนุ่มใช้จับยึด

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้วอย่างลังเล เพราะไม่อยากไว้ใจคนอ่อนวัยกว่าสักเท่าไหร่ จะแกล้งปล่อยมือเขาร่วงลงน้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ไม่แกล้งแล้วจริงๆ”

พอเด็กหนุ่มให้สัญญาแล้ว รวินท์จึงยอมเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่าย

ในที่สุดก็ขึ้นมาบนฝั่งได้ ทันตแพทย์หนุ่มหยุดยืนหอบ หากสายตาก็ยังคอยชำเลืองมองภูพิงค์อย่างระแวง

“แหม มองผมตาขวางแบบนี้ ติดใจอะไรผมอะ” ภูพิงค์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ในระหว่างนั้นต่างฝ่ายต่างก็ได้เห็นท่อนบนที่ไม่ได้ใส่อะไรของกันและกันชัดๆ เขาจึงใช้สายตาค่อยๆ พิจารณามองทันตแพทย์หนุ่ม พลางเอียงคอหามุมเหมาะเจาะทั้งด้านซ้ายและขวา “พี่เนี่ย... กินอย่างกับยัดทะนาน เอาไปเก็บไว้ที่ไหนหมดวะ พุงก็ไม่มี นี่แขม่วอยู่เหรอ”

“แขม่วพ่อง! ผมกินเยอะก็ทำงานหนักปะวะ”

“งานอะไรหนักวะ พี่แบกคนไข้จากหน้าโรงบาลเข้าห้องตรวจเหรอ”

“ทำฟันก็ต้องก้มๆ เงยๆ บ่อยไง เลยไม่ทันลงพุง” รวินท์พูดแก้ตัวไปมั่วๆ “คุณก็ไม่มีพุงเหมือนกัน ปกติแบกกระสอบข้าวสารไปเรียนด้วยรึไง”

ภูพิงค์หัวเราะร่วน “ไม่มีพุงอะไรวะ โคตรหยาบคาย นี่ ดูกล้ามซะก่อน ผมซิตอัปวันละเป็นร้อยนะเว้ย” เขาพูดพร้อมกับทุบลงบนหน้าท้องตัวเองเบาๆ

“เออ อวดไปเหอะ ปกติไม่มีใครให้อวดใช่มะ”

เด็กหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จากนั้นจึงก้มลงหยิบผ้าเช็ดตัวกับกางเกงตัวใหม่โยนให้ “เอ้า ให้เกียรติผู้สูงอายุเปลี่ยนก่อน”

“ขอบใจ” รวินท์ขี้เกียจจะเถียงด้วยแล้ว ไอ้เรื่องที่ไม่ชนะ เถียงไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ แต่อย่าให้ถึงทีเขาบ้างก็แล้วกัน เขารีบเอาผ้าเช็ดตัวพันไว้ที่สะโพก ถอดกางเกงออกพรวดแล้วใส่ตัวใหม่ จากนั้นจึงโยนผ้าเช็ดตัวให้คนอ่อนวัยกว่าบ้าง

“อย่าแอบดูนะพี่”

“เออๆ ให้มองคุณน่ะ แถมเงินอีกสองพันยังคิดหนักเลย” ทันตแพทย์หนุ่มสะบัดหน้าไปมาให้ตัวเองสะเด็ดน้ำ ก่อนจะก้มลงหยิบกางเกงที่เพิ่งถอดออก

แต่จู่ๆ เด็กหนุ่มก็ใช้สองมือตะปบศีรษะเขา

“เย้ย! ไอ้เด็กบ้า ปล่อยหัวผมเดี๋ยวนี้!” 

“เอ้า ก็จู่ๆ เห็นพี่หน้าพุ่งลงพื้น ผมก็ตกใจอะดิ นึกว่าพี่ความดันขึ้น จะเป็นลมอะไรแบบนี้ แล้วตรงนี้พื้นก็เปียก ลื่นด้วย”

รวินท์ผลักเจ้าของมือทั้งสองข้างออก “ถ้าจะช่วยก็ประคองที่ตัวสิวะ จับหัวทำพ่อง!”

“แหม ก็ห่วงหน้าพี่อะ ยังต้องใช้อีกหลายงานนะเว้ย”

ทันตแพทย์หนุ่มอยากจะถีบอีกฝ่ายให้ตกน้ำนัก “ห่วงผมบ้างก็ได้โว้ย”

“ก็นี่แหละห่วงพี่ ไม่มีหน้าแล้วจะอยู่ยังไงวะ” คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะ แล้วก็ก้มลงจับมือทันตแพทย์หนุ่ม

“จะทำอะไรอีกวะ!”

เด็กหนุ่มจูงมืออีกฝ่ายเดินไปยังก้อนหินแห้งๆ ที่อยู่ถัดออกไปเล็กน้อย “เอ้า รอตรงนี้ดีกว่า จะได้ไม่ลื่น ตรงเมื่อกี้มันเปียก”

พอเท้าสัมผัสพื้นแห้ง รวินท์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ ตอนแรกเขานึกว่าไอ้เด็กเปรตนี่จะฉุดเขาไปลงน้ำอีกรอบน่ะสิ จากนั้นก็ยืนมองอีกฝ่ายเปลี่ยนกางเกงไป

สายลมที่พัดมาทำให้รู้สึกเย็นหวิวๆ ทันตแพทย์หนุ่มจึงต้องยกแขนขึ้นกอดลำตัวยืนบิดไปบิดมา “พิงค์ หนาวอะ โยนเสื้อผมให้หน่อย”

ภูพิงค์ใส่เสื้อของตัวเองเพิ่งเสร็จ เขากำลังเก็บเสื้อผ้าเปียกใส่ถุงพลาสติก เมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกจึงหันไปหยิบเสื้อที่อีกฝ่ายถอดกองไว้เดินเอาไปส่งให้ “เอ้า...” แล้วดวงตาเจ้ากรรมก็ไปหยุดมองติ่งไตสีชมพูที่มันรัดตัวแข็งอยู่บนแผ่นอกขาว “ทำไมนมพี่ชมพูจังวะ”

“ลงน้ำนานแล้วสีมันซีดมั้ง” รวินท์ยกมือขึ้นเขกศีรษะเด็กหนุ่มแล้วคว้าเสื้อตัวเองมาสวม ปกติก็ไม่เคยอายเวลาต้องถอดเสื้อหรอกนะ แต่สายตาไอ้เด็กนี่น่ะสิ... แล้วดูมันทักเข้า โว้ย!

คนอ่อนวัยกว่ามองแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีระเรื่อแล้วยิ้มมุมปาก เวลาที่ไอ้พี่วินทำท่าทางแบบนี้โคตรน่ารัก ไอ้พวกเพื่อนที่คณะก็ถอดเสื้อเดินกันบ่อยๆ นะ แต่ไม่มีใครดูน่ารักเหมือนพี่วินเลยน่ะสิ เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่มองอีกฝ่ายเร่งติดกระดุมเสื้อ เมื่อทันตแพทย์หนุ่มติดเสร็จ เขาจึงก้าวไปยืนประจันหน้า

“มีอะไรอีก”

“พี่ติดกระดุมผิดอะ” ภูพิงค์หัวเราะเสียงดัง “รีบอะไรจะขนาดนั้นเนี่ย มาๆ ผมติดให้”

รวินท์ก้มลงมองมือของเด็กหนุ่มที่ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อของเขาออก แล้วติดให้ใหม่ช้าๆ เขาอมยิ้มเล็กน้อย

“หิวยัง”

“ก็นิดหน่อย”

“เดี๋ยวลงไปนั่งกินกันตรงนู้น” คนอ่อนวัยกว่าหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดลำคอตัวเองอยู่มาคลุมศีรษะชายหนุ่ม “เช็ดผมไปก่อน ผมเก็บของแป๊บ”

“อือ” ไม่รู้ว่าใครแก่กว่าใครกันแน่ แต่เขาก็ชอบให้พิงค์ดูแลเขาแบบนี้นะ รวินท์ยกมือขึ้นจับผ้าเช็ดตัวเช็ดผมตัวเองในระหว่างที่เด็กหนุ่มเก็บของใส่เป้ สักพักอีกฝ่ายก็เดินฉับๆ มาแล้ววางรองเท้าของเขาลงตรงหน้าให้ ก่อนจะเดินนำออกไปช้าๆ

ทันตแพทย์หนุ่มรีบใส่รองเท้า แล้วสาวเท้าตามคนอ่อนวัยกว่าไปพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือเด็กหนุ่มไว้

ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก บางทีไอ้พี่วินก็ทำตัวน่ารักฉิบหาย เขาไม่ได้หันกลับไปมองคนที่เดินตามหลังมา และปล่อยให้มืออุ่นๆ จับมือเขาไว้อย่างนั้น

ทั้งสองเดินกันไปเงียบๆ ไม่นานก็ถึงโต๊ะเก้าอี้ริมทางน้ำตก เด็กหนุ่มเดินอาดๆ ไปนั่งลงก่อน พอจะหันไปหาคนที่เดินมาด้วยกัน อีกฝ่ายก็เอาผ้าเช็ดตัวคลุมศีรษะเขาไว้

“เช็ดซะด้วย เดี๋ยวไม่สบาย”

“มือไม่ว่างอะ พี่เช็ดให้หน่อย”

รวินท์คิ้วกระตุกเล็กน้อย คือเขาก็เห็นอยู่ว่ามือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มถือของมา แต่ก็วางลงบนโต๊ะแล้ว มือก็น่าจะว่างไหมวะ

หากพอคิดอีกที พิงค์ก็ช่วยเหลือเขาหลายอย่าง อะไรเล็กๆ น้อยๆ เขาช่วยได้... ก็ช่วยก็ได้วะ

ทันตแพทย์หนุ่มจึงช่วยเช็ดผมคนอ่อนวัยกว่าให้ เมื่อเช็ดเสร็จก็เอาผ้าคล้องไว้ที่คออีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอีกตัว

ภูพิงค์ส่งขวดน้ำอัดลมให้ “เป็นไง เหนื่อยป่ะพี่”

“เหนื่อยเพราะโดนแกล้งอะดิ”

“โหย วัยรุ่นชวนเล่นสนุกแค่นี้ทำเป็นเหนื่อย” คนพูดรื้อเอาห่อขนมออกมาวางบนโต๊ะให้ “เอ้า กินๆ จะได้มีแรงเดินลง”

รวินท์เอื้อมมือไปหยิบถุงขนมมาแกะออก “ต่อจากที่นี่เราจะไปไหนต่อ”

“เดี๋ยวไปหามื้อเที่ยงกินกันก่อน แล้วค่อยไปพระมหาธาตุเจดีย์ต่อ”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง “มีไกด์นี่ดีจริงๆ แฮะ” เขาพูดพลางเอื้อมมือไปหยิกแก้มคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน “พิงค์นี่น่ารักจริงๆ เลยน้า~”

ภูพิงค์กระตุกยิ้ม “แหม ใช้ผมได้นี่ชมใหญ่เลยนะ” เขาหยิบขนมใส่ปากตัวเองแล้วเคี้ยวหยับๆ จากนั้นก็หันมองไปบนท้องฟ้า สักพักก็พูดขึ้น “ท้องฟ้าอึมครึมชอบกล ฝนจะตกมั้ยเนี่ย”

“ถนนลื่นหน่อยผมก็ขับได้นะ ไม่ต้องห่วง ไม่พาลงเหวแน่ๆ”

“โห ผมไม่ได้ห่วงเลย ฝีมือพี่วินซะอย่างน่ะ ว่าแต่...พี่ขับรถมานานยัง”

“ขับมาตั้งแต่ก่อนมีใบขับขี่อะคิดดู แต่เอาจริงๆ เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยได้ขับไปไหนไกลนักหรอก ส่วนใหญ่ก็แค่บ้านกับมหาลัย แล้วก็ขับไปทะเลบ้าง ภูเขาบ้าง”

“อือ... ทะเลเหรอ ผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยวทะเลเลยพี่เชื่อมั้ย เอาจริงๆ ก็นับได้ไม่ถึงสามครั้งเลยมั้ง”

“บ้านอยู่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ พัทยาหัวหินก็ไม่ไกลนี่”

“อือ แต่ตอนปิดเทอมก็มักจะขึ้นเหนือกัน ทะเลนี่ ผมไม่เคยไปกับที่บ้านด้วยซ้ำ มีแต่ไปเข้าค่ายกับโรงเรียน”

ทันตแพทย์หนุ่มยื่นมือไปตบแขนคนอ่อนวัยกว่าเบาๆ “งั้นเอาไว้ถ้าเราได้ไปกรุงเทพฯ พร้อมกันเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณไปเที่ยวทะเลบ้างนะ”

ภูพิงค์ยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที “จริงป่ะ ผมอยากเห็นโลมาอ่ะ”

“อยากเห็นมันพี้ยาเหรอ”

“พูดถึงสัตว์โลกน่ารักได้เสียหายมากว่ะพี่”

“เอ้า นี่เรื่องจริงเว้ย” รวินท์พูดกลั้วหัวเราะ เขาจัดการหยิบโทรศัพท์มือถือที่เปิดเป็นโหมดเครื่องบินไว้ขึ้นมา เมื่อปิดปุ๊บ ข้อความเตือนสารพัดก็เด้งขึ้นมาถี่ยิบ หากรวินท์ไม่สนใจ เขากดไล่หาคลิปโลมาที่ว่า ขยับไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกันกับเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงกดเล่นคลิปให้ดู “ดูดิ โลมาผลัดกันตบปลาปักเป้าเป็นลูกวอลเลย์เลยเห็นป่ะ เสร็จแล้วก็เสพพิษปลาปักเป้ากัน ตาลอยเลยแม่ง”

“เหยด... ทำไมพี่ทำลายโลมาน่ารักในความฝันวัยเด็กผมแบบนี้วะ”

“ยังมีอีกนะ นี่ๆ” ทันตแพทย์หนุ่มกดไล่หาคลิปไปเรื่อยๆ จนเจอคลิปเด็ดอีกคลิป “นี่มันกุดหัวปลาตัวอื่นแล้วเอามาทำจิ๋มกระป๋อง”

ภูพิงค์เงยหน้าขึ้นพรวด พร้อมกับถลึงตาใส่อีกฝ่าย “.....”

“พูดไม่ออกเลยเหรอ”

“ตกใจที่พี่รู้จักจิ๋มกระป๋องอะ”

“ตกใจทำไมวะ”

“ระดับพี่ไม่น่าเคยต้องใช้”

“ทำไมต้องใช้ถึงจะรู้จักวะ ยานอวกาศผมก็รู้จัก แต่ก็ไม่เคยใช้ขับไปทำงานมั้ยล่ะ” รวินท์หรี่ตามองอีกฝ่าย “แต่คุณก็รู้จักนี่ หรือคุณเคยใช้”

“ไม่เคยเว้ย!” คราวนี้ภูพิงค์เป็นฝ่ายหน้าแดงบ้าง จากการคุยเรื่องสัตว์โลกแสนน่ารัก มันกลายเป็นเรื่องติดเรตแบบนี้ไปได้ไงวะเนี่ย!

หากท่าทางลุกลี้ลุกลนแบบเขินๆ ของคนอ่อนวัยกว่าทำให้ทันตแพทย์หนุ่มต้องอมยิ้มอย่างเอ็นดู เขาคิดว่าอีกฝ่ายต้องไม่เคยมีประสบการณ์กับหญิงสาวมาก่อนแหงๆ ไก่อ่อนของแท้แน่นอน

รวินท์ขยับเข้าไปเบียดเด็กหนุ่ม ยกแขนขึ้นล็อกคอไว้ พร้อมกับเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ “พิงค์... ถามจริงๆ นะ คุณยังซิงอยู่ใช่มะ”

ใบหน้าของภูพิงค์ร้อนวาบ ควันแทบจะพุ่งออกหู “ไอ้พี่วิน! ถามอะไรวะเนี่ย!”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะเสียงดัง เขายกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่าย “โทษทีๆ”

“ใครมันจะโชกโชนเหมือนพี่วะ!”

“เฮ้ย ผมไม่ได้โชกโชนเว้ย” ทว่าตอบไปแล้วก็ยังหัวเราะไม่หยุด

“เชื่อตายห่าล่ะ แล้วจะหัวเราะทำไมนักวะพี่”

รวินท์ยกมือขึ้นปาดน้ำตา “ไม่หัวเราะแล้ว” เขาเอียงคอไปสบสายตากับเด็กหนุ่ม “น่าแปลก ผมว่าอย่างคุณน่าจะเคยมีแฟนนะ”

“มีแฟนก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องอย่างว่าป่ะวะ ในหัวพี่มีแต่เรื่องแบบนี้รึไง”

“อื้อ” ทันตแพทย์หนุ่มตอบไปตามตรง

ภูพิงค์เบือนหน้าหนีแล้วพูดเสียงเบา “ผมคบกับใครไม่ได้นานขนาดจะไปถึงเรื่องอย่างว่าหรอก”

“ทำไมล่ะ”

“ก็เลิกกันก่อนอะดิ”

“เออ รู้เว้ย แล้วทำไมถึงเลิกเล่า”

“ผมขี้หึง”

“......”

เด็กหนุ่มหันกลับมาประสานสายตาด้วย “ต่างกับพี่แบบฟ้ากับนรกเลยใช่ป่ะ ผมว่าพี่ไม่เคยหึงใครแหงๆ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

“ทำไมล่ะ”

รวินท์นิ่งอึ้ง มาถึงตอนนี้ก็เพิ่งฉุกใจคิด เขาไม่เคยหึงใคร แม้แต่กับขวัญข้าวก็ไม่เคยหึงเลยสักครั้ง คงเพราะรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็รักเขา... เพราะเอาแต่คิดแบบนั้น

“ช่างเหอะ... เราไปกันเหอะพี่ เดี๋ยวเที่ยวได้ไม่ครบตามเป้า” คนอ่อนวัยกว่ารวบถุงพลาสติกแยกเอาไว้ไปทิ้งถังขยะ ส่วนขนมกับน้ำที่เหลือเอาเก็บใส่เป้ ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกไป

ทันตแพทย์หนุ่มลุกตาม เขาเดินตามหลังภูพิงค์ไปติดๆ หากไม่กล้าเอื้อมมือไปจับอีกฝ่ายไว้อย่างในตอนแรก นัยน์ตาเรียวจ้องมองแผ่นหลังตรงหน้า เขาเดาไม่ถูกว่าตอนนี้สีหน้าของพิงค์จะเป็นเช่นไร อยู่ในอารมณ์แบบไหน

พอไปถึงถนนเรียบ ภูพิงค์ก็เดินช้าลงเล็กน้อยเพื่อให้รวินท์ก้าวขึ้นมาเดินข้างกัน จากนั้นพวกเขาก็เดินคู่เคียงกันไปช้าๆ

รวินท์เงยหน้าขึ้นรับสายลมบางเบา “เสียงใบไม้เวลาลมพัดมานี่เพราะดีนะ”

“อือ กลิ่นป่าก็หอมดี”

“มีกลิ่นด้วยเหรอ”

“ดมดีๆ สิพี่”

รวินท์ทำจมูกฟุดฟิด เขาหมุนตัวไปรอบๆ พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลายๆ ครั้ง

“เดินดูทางด้วยสิพี่ เดี๋ยวก็กลิ้งตกข้างทางหรอก ผมไม่ลงไปเก็บขึ้นมานะ”

“ใจร้ายว่ะ”

“ก็เหมาะกับพี่แล้ว” ภูพิงค์ตอบเสียงเรียบ พลางสาวเท้าฉับๆ เดินนำหน้าออกไป

ทันตแพทย์หนุ่มย่นคิ้วเข้าหากัน อดคิดไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มแปลกไปนิดหน่อย อาการเหมือนกำลัง... โกรธ? โมโห? หงุดหงิดกับอะไรสักอย่าง? มือของรวินท์ยื่นออกไปคว้าข้อมือคนอ่อนวัยกว่าก่อนที่สมองของเขาจะสั่งการเสียอีก “พิงค์”

“หือ?”

“เอ้อ...” พออีกฝ่ายหันมาด้วยสีหน้าปกติ รวินท์จึงชวนเปลี่ยนเรื่องคุย “เล่นน้ำตกสนุกดีเนอะ” แล้วก็ถือโอกาสเคลื่อนมือไปโอบไหล่คนอ่อนวัยกว่าไว้

“แถวนี้ยังมีอีกหลายแห่งเลย ถ้าอยากไปอีกก็เอาไว้คราวหน้านะ”

รวินท์ยิ้มพลางพยักหน้าหงึกหงัก “ถ้าคุณจะเป็นไกด์ให้อีกก็โอเค”

ภูพิงค์ยิ้มรับ “ได้อยู่แล้ว”

สองหนุ่มเดินเคียงข้างกันไปอีกพักใหญ่ก็ถึงจุดที่จอดรถทิ้งไว้ ยังไม่ทันได้ขับออกไปสายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาบางเบา และเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

ทันตแพทย์หนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เขาลืมกดเป็นโหมดเครื่องบินไว้ จึงรีบกดเปิด แล้ววางโทรศัพท์ลง ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปช้าๆ

“ไม่รับโทรศัพท์เหรอพี่ เผื่อมีเรื่องสำคัญ”

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก”

คนอ่อนวัยกว่าชำเลืองมองคนที่ขับรถอยู่อย่างงงๆ สีหน้ากับน้ำเสียงของพี่วินเปลี่ยนไปหลังจากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจและพยายามหลีกหนีอยู่ในตอนนี้ เขาชักอยากจะถาม แต่ก็ไม่กล้าพอ สุดท้ายแล้วก็เลยหันหน้ามองออกไปทางด้านนอกหน้าต่างแทน


*TBC*


พักเรื่องเครียดๆ ไว้ แล้วสนใจปู้จายฟัดกันดีก่าาาา ถึงเนื้อถึงตัวกันสุดแรงเลยตอนนี้ พี่น้องไม่ยอมแพ้กันเล้ย น่าปล่อยให้เล่นน้ำตกกันจนตัวเปื่อยนะคะ เล่นนานกว่านี้อาจได้เสียกัน 55555

ส่วนคลิปปลาโลมา หาดูได้ในยูทูปเลยค่ะ แล้วเราจะได้รู้ว่า "บางทีไอ้สิ่งที่เราคิดว่าน่ารักๆ ใสๆ จริงๆ แล้วมันร้ายกว่าที่คิดนะคะหัวหน้า!"

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ อย่าเพิ่งสาบแช่งพี่เต้กันมาก เก็บไว้แช่งตอนอื่นบ้าง เอ๊ยไม่ใช่!! 555555 รักทุกคนเรยยยย ชุ๊ฟๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-01-2018 18:29:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-01-2018 18:32:02
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 08-01-2018 18:33:26
 เครียดกว่าเดิมอีก ไม่รู้ว่าตอนหน้าจะเป็นแบบไหน :mew5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 08-01-2018 18:35:20
อะโหววว ตอนนี้  :m20: อ่อยมาอ่อยกลับกันน่าดู
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 08-01-2018 18:44:43
บรรยากาศตอนนี้มันแปลกๆเนอะว่าไหม :haun5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 08-01-2018 19:02:39
อะไรแค่ไปเดตกันแค่นี้ต้องมุ้งมิ้งด้วยหรอ คนอ่านอิจฉานะรู้มั้ยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-01-2018 19:09:51
เต้ โทรมาใช่ไหม  :hao3:

พิงค์ วิน เล่นกันถึงเนื้อถึงตัวละ
พิงค์ วิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แถมพิงค์ ยังคิดว่าวินผิวเนียน ผิดกับเพื่อนๆ  :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: somuch ที่ 08-01-2018 19:15:03
โง้ยยยยยยย น้องพิงค์ กูดจ๊อบ!!!

ความผัวชนะเลิศคร่ะ ดีงามมาก ฟิตกล้ามไว้นะคะ เดี๋ยวในอนาคตอาจต้องใช้กำลัง เอ้ย จำได้แข็งแรงๆ โตไวค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ส่วนนังโทรศัพท์ปริศนา จะไม่พูดถึง นึกถึงละหัวร้อน ฮึ่ม

//ปักธงพิงค์วินอย่างร่าเริง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-01-2018 19:35:40
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 08-01-2018 19:36:47
ถึงพิงค์จะซิง แต่พิงค์ต้องเปงผัว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 08-01-2018 20:18:46
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-01-2018 20:24:39
เค้าต้องเล่นน้ำตกกันถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้เลยหรา กอดรัดกันขนาดนี้ยังกะแฟนกันเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 08-01-2018 20:43:12
เล่นน้ำกันแบบ... อ้อออออ พี่น้องเนอะ รุ่นพี่รุ่นน้องกันเฉยๆ แกอย่าคิดมาก 5555
รังสีพิงค์วินมาเต็มมาก 555 ตอนแรกเราออกเรือวินพิงค์นะ แต่ช่วงนี้ไม้พายเริ่มง่อนแง่น แถมเรือยังดูร่อแร่

ส่วนเรื่องเต้นี่ 50-50 นะ มันแบบ ไม่อยากคิดมากเกินไป แต่มันก็แอบคิดไม่ได้เมื่อสิ่งที่ได้ยินมันเหมาะเหม็งเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 08-01-2018 20:45:59
พออ่านตอนนี้จบปุ๊ป อย่างแรกที่ทำคือไปหาดูคลิปโลมา  :laugh:
ให้ตายเถอะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าโลมานี่มันเป็นต้นแบบพระเอกนิยายวานสายดาร์กชัดๆ
ทั้งขี้เมา ใช้กำลังปลุกปล้ำ ไบเซ็กช่วล โอยยยอิแม่จะเป็นลมคร่ะ คุณขา
เอาภาพโลมาอันแสนน่ารักคืนม๊าาา

ปล. น้องพิงค์นี่มาถึงตอนนี้ ความผัวชัดเจนมาก ทั้งช่างดูแล ขี้หึง กล้ามทัองแข็งปั๋ง ส่วนพี่วินมีความหัวนมชมพู คืออาร้ายยย  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 08-01-2018 21:09:51
ชอบบบบบพิงค์หรือวินใครจะจีบใครก่อน แนะนำพิงค์จีบพี่หมอเลย  นมชมพูเลยนะ อิอื
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-01-2018 21:25:03
รอดูภูหึงพี่วินอ่ะ จะมีวันนั้นไหมหนอออออ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 08-01-2018 21:26:15
 :-[ หมอออออ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-01-2018 21:41:30
ฟินๆๆๆๆๆ
กอดกัน จับมือกัน ความรักนี้มันหวานเนอะๆ
ตกลงหนูพิงค์ยังซิงอ่ะ แบบนี้จะกดพี่วินได้เหรอ
จะเป็นพิงค์วิน มั้ยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 08-01-2018 21:52:22
 :impress2: ปู้จายฟัดกันในน้ำ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 08-01-2018 22:41:22
หัวนมชมพูคืออะไร :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-01-2018 22:49:50
ให้น้องได้มีครั้งแรกกับพี่วินไหมคะ จะได้มีประสบการณ์ รุกครั้งแรกกับหมอฟัน สอนน้องหน่อยยยย :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 08-01-2018 23:02:27
รีบครบกันเถอะ พรีดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-01-2018 23:32:14
หูยยยยยย เล่นกันยังกับคนเป็นแฟนกันแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 08-01-2018 23:33:41
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-01-2018 05:21:51
โอ้ยยย หนุ่มๆเล่นน้ำ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 09-01-2018 07:54:31
ทีม วินพิงค์

ทำไมนึกถึงปลาโลมาละนึกถึงมุมที่น้องพิงค์มองพี่วินวะ ซื่อๆน่ารัก แต่จริงๆแล้ว หึหึหึหึ


นี้ก็แอบดีใจไช่ไหมละ ที่น้องซิงหนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-01-2018 09:36:18
มุ้งมิ้งน่ารักดีนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-01-2018 10:00:29
ทำไมบรรยากาศเป็นสีชมพูอมม่วงฟุ้ง ๆ อยู่รอบ ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 09-01-2018 13:06:54
ยังไงเราก็ไม่ชอบที่เต้พูดถึงหมอวินให้ขวัญข้าวฟัง มันฟังดูแปลกๆ จี๊ดๆ เหมือนร่วมนินทากันมานาน ขอให้เรื่องเคลียร์เร็วๆ ถ้านิ้วไหนมันติดโรคจริงๆ ก็อยากให้วินตัดทิ้งไปเลย o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-01-2018 13:48:46
พี่วินไม่เคยหึงใครเลยเหรอเนี่ย แล้วขวัญที่เป็นแฟนก็ไม่เคยด้วยเหรอแปลกนะ
แต่ที่แน่ๆ เรารอดูพี่วินหึงพิงค์อยู่ล่ะงานนี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 09-01-2018 14:13:45
พิงค์กับพี่วินท์เล่นกันแบบนี้เราก็เขินแย่ดิอร้ายยยผู้ชายเค้าหยอกกันค่ะแม่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 09-01-2018 21:47:28
อยากเห็นพิงค์ขี้หึง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 10-01-2018 09:37:54
ผู้ชายเล่นกันแบบนี้รู้สึกใจบ่ดีเลยน่อออออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-01-2018 17:54:29
น่ารัก เค้างอแงกัน เค้าแหย่กัน
ช่วยพี่ได้เยอะเลยพิงค์

สงสารหมอวินท์ คนรู้ตัวช้าไม่รู้จะนอยด์เพื่อนอีกนานไหม

พิงค์เป็นอะไร ชอบพี่แล้วหรอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 11-01-2018 19:46:18
ชอบความมุ้งมิงของคู่นี้จริงๆเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-01-2018 17:28:16
ง่า...คิดถึงสองหนุ่มแล้ว

รอคอยสองหนุ่มมาโลดแล่น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 13-01-2018 01:26:17
       บรรยากาศเริ่มกลายเป็นสีชมพูอมม่วงละ
พี่วินนี้นะนิสับทำลายความฝันน้องซะจากสัตว์โลกสุดน่ารักกลายเป็น18+ซะงั้น :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 13-01-2018 08:59:02
อ่านถึงตอนล่าสุดละ เอาเป็นว่าขอเม้นก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
ชอบตัวละครทั้งสองคนมาก ตอนแรกอ่ะนะ ตอนที่สโมยังไม่เยอะสิ่งขนาดนี้
ถ้าเป็นเรื่องจริงเราจะบอกว่าเป็นสโมที่เยอะและเห็นแก่ตัวมาก ยัดเยียด จัดฉากจนน่าเอียน แต่นี่เป็นเรื่องแต่งขึ้นเราอยากจะบอกว่าเอาแต่พอดีๆดีกว่า
เรารู้ว่าอยากให้ฟินกัน เพื่อนๆช่วยลุ้นงี้ แต่มันกลายเป็นอะไรๆก็ พี่วิน พิงค์ งานไหนของคณะที่ต้องการเงิน ต้องการกระแสก็พี่วิน คือคนในคณะคนอื่นไม่สามารถทำอะไรได้แล้วเหรอ ต้องสำนึกอยู่เสมอนะว่า หมอวินเป็นคนนอกคณะ ถึงพี่วินมันจะเป็นงานและขายของเก่งก็ตาม แต่งไปแต่งมามันไม่น่ารักเลย ยอมรับว่าเราอ่านผ่านมากตอนงานวิ่ง งานไนท์ จะจิกหมอน จะแปลงร่าง จะฟินขนาดไหนไม่รู้ รู้แค่มันไม่ไหว เราไม่อยากเอียนกับเรื่องนี้เพราะบทของสโมเลยเลื่อนผ่านดีกว่า มาอ่านสองตอนล่าสุด เริ่มกลับมาโอเคขึ้นเหมือนตอนอ่านพาร์ทแรกๆ
ส่วนตอนที่เค้าอยู่ด้วยกันสองคนเราชอบนะ ดูเป็นผู้ชายดี เพื่อนกัน ผู้ชายสองคนที่ไม่ต้องแบบ คนนึงตัวเล๊กกกก ละมุน อีกคนก็แมน เถื่อนมากอย่างชัดเจนก็ทำให้มันน่ารักได้ คอยเป็นกำลังใจให้กัน น้องมีประสบการด้านการใช้ชีวิต การเลือกของก็บอกพี่วิน มีกวนตีนกันบ้าง ไม่ยัดเยียด โอเคกว่า 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 13-01-2018 10:10:26


Chapter 22 : ดอยอินทนนท์


หลังจากไปเยี่ยมชมพระมหาธาตุเจดีย์ในยามฝนพรำ รวินท์และภูพิงค์ก็ไปถ่ายรูปกับป้ายจุดสูงสุดในประเทศไทย พวกเขาเดินเที่ยวบริเวณนั้นอีกพักใหญ่ๆ จึงค่อยเดินทางไปหาที่พักกัน

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ จุดกางเต็นท์ของอุทยานมีเต็นท์อยู่เพียงไม่กี่หลัง บ้านพักก็ยังพอมีห้องว่าง สองหนุ่มได้บ้านสำหรับสองคนหลังสุดท้ายพอดี

“โห ฟลุคโคตรๆ ผมมาทีไรก็ได้นอนแต่เต็นท์”

“ผมก็อยากลองนอนเต็นท์เหมือนกันนะ แต่เอาไว้คราวหน้าค่อยนอนเต็นท์กัน ครั้งนี้นอนเตียงดีแล้ว วันนี้เดินเยอะ เมื่อยฉิบหาย”

“ฝนตกเฉอะแฉะด้วยแหละพี่ นอนเต็นท์ตอนนี้คงไม่สนุกเท่าไหร่” จู่ๆ ภูพิงค์ก็ชะงักกึก แล้วหันไปประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม

“มีอะไร”

“หรือว่า... มันจะเป็นบ้านหลังที่แบบ...” คนอ่อนวัยกว่าทำหน้าเครียด

“แบบ... ไหน...” รวินท์ชักจะเสียวสันหลังวูบๆ

“มีอย่างว่าไง เลยไม่มีใครเอา”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นเขกศีรษะอีกฝ่าย ตอนแรกก็เกือบจะกลัวแล้ว จนกระทั่งเด็กหนุ่มหลุดยิ้มนั่นแหละ “มีอย่างว่าคือมีใครมาเอากันหรือมีผีวะ อยากจะหลอกให้กลัวก็พูดให้ชัดๆ”

“โหย พี่วินอะ” ภูพิงค์ยกมือขึ้นลูบศีรษะป้อยๆ “อันที่จริงผมก็กลัวๆ เหมือนกันนะ พี่ไม่กลัวอ่อ”

“กลัวอะไร ผมเป็นหมอนะเว้ย”

“ทำไมเสียงพี่ฟังดูไม่ค่อยมั่นใจวะ”

“เข้าป่าเขาไม่ให้พูดเรื่องผี ไม่เคยได้ยินรึไง”

“เคยได้ยินแต่ไม่ให้พูดเรื่องเสือเว้ยพี่”

“นั่นแหละๆ เหมือนกันแหละ”

สองหนุ่มเดินผ่านป่าสนไปเรื่อยๆ สักพักก็ไปถึงบ้านพักหลังเล็กๆ ซึ่งโดยรอบก็มีแต่ต้นสนสูงตระหง่าน ข้างหน้าบ้านมีพื้นที่ให้พอนั่งเล่นได้ พื้นบ้านเป็นกระเบื้องเย็นๆ ข้างในบ้านมีเตียงนอนขนาดเล็กสองเตียง คั่นด้วยตู้ตัวเล็กตรงหัวเตียง และมีห้องน้ำให้

“บ้านพักโทรมไปนิด แต่ก็ยังดูดีกว่าห้องพี่วินเลยนะเนี่ย”

รวินท์หันไปเตะเด็กหนุ่มเบาๆ “อย่างน้อยห้องผมก็มีครัวนะเว้ย”

“โห พี่เรียกห้องที่มีแค่กระทะไฟฟ้าว่าครัวเหรอ”

“ตู้เย็นกับกระติกน้ำร้อนก็มีป่ะวะ”

ภูพิงค์หัวเราะ พอเดินเข้าไปในบ้านพักแล้วก็จัดการเลื่อนเตียงสองเตียงมาชิดกันเป็นอย่างแรก

เมื่อทันตแพทย์หนุ่มเห็นก็เดินเข้าไปช่วยเลื่อนพลางอมยิ้ม “จริงๆ ก็กลัวอะดิ๊”

“ผมขี้หนาว ต้องการไออุ่น” ขณะที่รวินท์หลุดหัวเราะเด็กหนุ่มก็ยิ้มมุมปาก “พี่ก็เคยเรียน...แบบที่เขาเรียกว่า เรียนกับอาจารย์ใหญ่ใช่มะ”

“แหงดิ ตอนแลปกรอสไง เป็นทันตแพทย์ก็ต้องรู้จักส่วนสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะช่วงบนของร่างกายด้วย”

“แล้ว... เป็นไงอะ”

“ก็... ตอนแรกๆ มันก็จะตื่นเต้นแหละ ประหม่ามากด้วย ครั้งแรกที่จับมีดก็จะมือสั่นอยู่หน่อยๆ แล้วกลิ่นฟอร์มาลีนก็แรงมาก จมูกตื้อไปช่วงนึงเลย”

“พี่ไม่กลัวเลยเหรอวะ”

“เอาจริงๆ ก็กลัว แต่ก็เข้าใจว่าท่านเป็นอาจารย์ เป็นผู้เสียสละนะ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “แล้วอาจารย์เคยมาหาพี่หรือเพื่อนพี่บ้างมั้ยอะ”

“.....” รวินท์นิ่งคิด

“ผมว่าอย่างพี่วิน อาจจะมาหาเป็นร้อยรอบแล้วแต่พี่ไม่สนใจแหงๆ” ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “แล้วเข้าๆ ออกๆ โรงบาลบ่อยๆ เคยเจอผีบ้างมั้ยวะพี่”

“มาถามเรื่องแบบนี้ตอนนี้ทำไมวะ ผมบอกแล้วไง เข้าป่าอย่าพูดเรื่องผี!”

“เรื่องเสือเว้ย!”

รวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก “นี่คุณ เพื่อนผมเคยบอกนะ เคล็ดกันผีเวลาไปต่างจังหวัดอะ เขาให้เอากางเกงในใช้แล้วไปแขวนไว้ที่ลูกบิดประตูเว้ย”

“ทำไมต้องใช้แล้วด้วยวะ พี่จะหลอกดูกางเกงในผมอะดิ”

“จะหลอกดูทำไมวะ ผมก็ไปซื้อกับคุณไง เห็นหมดแล้ว” 

“หวา... พี่วินทะลึ่งว่ะ” ภูพิงค์รีบเอามือไปกุมเป้ากางเกงตัวเอง

“น่าดูตายล่ะ ของผมก็มีป่ะวะ ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย” รวินท์หัวเราะ พลางผลักไหล่เด็กหนุ่มออกไปเบาๆ

คนอ่อนวัยกว่าเดินหัวเราะ เอาโทรศัพท์มือถือไปชาร์จไฟ ก่อนจะหันไปถามอีกฝ่าย “พี่วินจะชาร์จด้วยเปล่า”

“อือ ชาร์จให้ที” ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงรื้อในกระเป๋าเป้ แล้วหยิบโทรศัพท์ส่งให้พร้อมกับสายชาร์จ

เมื่อเสียบไฟก็เห็นว่าโทรศัพท์ยังคงไม่เปิดรับสาย ไม่เปิดไวไฟ ไม่เปิดอะไรทั้งสิ้น มีไว้เพื่อเป็นกล้องเท่านั้นจริงๆ เด็กหนุ่มก้มลงมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันไปถามเจ้าของเครื่อง “พี่วิน... เอ้อ ไม่เปิดมือถือเหรอ” ในที่สุดก็หลุดปากถามออกไปจนได้

รวินท์กระโดดลงนอนบนเตียง จากนั้นจึงหันหน้าไปทางคนถาม “....”

ภูพิงค์วางโทรศัพท์ในมือลง เดินไปนั่งลงบนเตียงข้างกันแล้วก้มลงหาขนมจากในถุงพลาสติกมากินเล่น เขาไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ “พี่กินหนมมั้ย หือ?” แต่พอหันไปหาอีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาคว้าชายเสื้อเขาไว้

“พิงค์ คุณเคยถูกเพื่อนหักหลังมั้ย”

“...ไม่เคยมั้ง...”

“ทำไมต้องมั้งวะ”

“ก็อาจจะเคยไง แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่คบกันแค่ผิวเผินผมก็ไม่แคร์หรอก ถ้าหักหลังกันก็ตัดเพื่อนโลด แต่ถ้าเป็นเพื่อนสนิท อย่างไอ้ขิง ไอ้ดิว ไอ้ซัน อีซินดี้ ผมมั่นใจว่าพวกมันไม่หักหลังผมแน่”

“ต่อให้เห็นว่าเขาไปทำอะไรลับๆ ล่อๆ ลับหลังเราน่ะเหรอ”

“แล้วพี่รู้ได้ไงว่าไอ้ที่ลับๆ ล่อๆ มันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ถ้าพี่ยังไม่รู้จุดประสงค์ของเขา ก็อย่าเพิ่งตัดสินเขาสิ เพื่อนที่เป็นเพื่อนสนิทน่ะ ก็หมายความว่าคบกันมานาน รู้ใจกันดีไม่ใช่เหรอ”

“นั่นสินะ”

“เพื่อนสนิทเขาไม่หักหลังกันง่ายๆ หรอกพี่ เชื่อมั่นในตัวเพื่อนพี่ก่อนสิวะ เพื่อนสนิทเชียวนะเว้ย”

“อืม ผมก็หวังอย่างนั้น เพราะถ้ามันเป็นเรื่องจริง ผมคงจะเสียใจน่าดู” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงเศร้า

เด็กหนุ่มเม้มปากอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถามออกไป “พี่เต้ทำอะไรเหรอ”

รวินท์ชะงักกึก “ทำไมถึงคิดว่าเป็นไอ้เต้”

“ก็เห็นพี่มีเพื่อนอยู่กับเขาคนเดียว”

คำพูดของคนอ่อนวัยกว่าแทงใจอย่างจัง ทันตแพทย์หนุ่มรีบเถียง “นอกเหนือจากไอ้เต้ก็มีเว้ย!”

“ใครอ่ะ”

“คุณไง” รวินท์ตอบเสียงอ่อย

ภูพิงค์หัวเราะร่วน เขาหยิบถุงขนมที่พองลมเพราะความกดอากาศขึ้นมาตบดังปัง ให้อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก ขนมในถุงหล่นกระจัดกระจาย

“เว้ย! เล่นอะไรอีกแล้วเนี่ย! เลอะเทอะหมด เดี๋ยวมดก็แห่กันมาหามไปทิ้งหน้าผาหรอก!”

“เศษขนมแค่ปัดๆ ก็ออกแล้วน่ะ” เด็กหนุ่มหยิบขนมไปจ่อปากอีกฝ่าย “โวยวายเป็นลุงแบบนี้เหมาะกับพี่วินมากกว่า ทำหน้าหงิกงอมากเดี๋ยวก็เหี่ยวหมดหรอก เอ้า กินหนมๆ”

รวินท์อ้าปากรับขนมพลางปัดเศษขนมออกจากเตียงไปด้วย

“ใส่เสื้อหนาวก่อนพี่ เดี๋ยวออกไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตกดินกัน แล้วไปกินข้าวก่อนค่อยกลับมาอาบน้ำ ดึกๆ จะได้ออกมานั่งดูดาวกันเนอะ”

“อือ”

“ป่ะ” เด็กหนุ่มลุกขึ้นพร้อมกับส่งมือให้คนที่นอนอยู่ ซึ่งอีกฝ่ายก็จับมือเขาตอบทันที

ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงมองมือของพวกเขาที่สัมผัสกันพลางยิ้มบาง

มือของพิงค์นี่อุ่นดีชะมัด

เมื่อดวงอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้าไป อุณหภูมิบนดอยก็ลดลงเรื่อยๆ ทำให้สองหนุ่มที่ยืนมองลำแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ค่อยๆ จางหายไปต้องยกมือกอดลำตัว แม้จะใส่เสื้อหนาวไว้แล้วก็ตามที

“ไหวมั้ย จะกลับบ้านพักไปเอาเสื้อเพิ่มอีกสักตัวเปล่าพี่”

“ไม่เป็นไร ขี้เกียจเดินว่ะ”

พวกเขาไปนั่งร้านอาหารซึ่งภายในร้านมีโต๊ะที่มีคนนั่งอยู่เพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้น สองหนุ่มสั่งมื้อค่ำกันมาเต็มโต๊ะ กินให้สมกับที่เที่ยวจนเหนื่อยมาตลอดวัน

“บรรยากาศดีๆ นี่ทำให้กินจุชะมัด”

“กินยัดทะนานแบบนี้พี่ต้องกลับไปลำพูนพร้อมพุงแน่ๆ”

รวินท์ไม่ใส่ใจกับการแซะของเด็กหนุ่ม เขาตักอาหารใส่ปากไปเรื่อย จนยัดเข้าไปไม่ลงแล้วนั่นล่ะถึงยอมหยุด หากกินไปกินมาก็ชักเป็นห่วงเหมือนกัน เพราะถ้าหากเขาลงพุงคงก้มลงทำฟันให้คนไข้ลำบาก

“พี่วินเดินกลับไหวมั้ยเนี่ย หรือต้องกลิ้ง”

“ไหวน่ะ นานๆ จะเจอของอร่อยก็ต้องกินตุนให้คุ้ม”

“ผมเห็นพี่ไปกินที่ไหนก็อร่อยไปหมดอ่ะ” ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก “อร่อยเพราะไปกินกับผมใช่ม้า~”

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้วพลางนึกย้อนกลับไป ที่อีกฝ่ายพูดก็มีส่วนถูกนะ เพราะทุกที่ที่ไปกินด้วยกัน เขาฟาดแหลกทั้งนั้นเลย “ก็คุณพาไปกินแต่ของอร่อยทั้งนั้น ถ้าผมก้มทำฟันคนไข้ไม่ไหว ก็ต้องโทษคุณนี่แหละ”

“ถ้าก้มไม่ได้ก็หงายสิวะ”

“ไว้รอทำฟันให้คุณเถอะ ผมจะหงายทำให้เป็นคนแรกเลย”

“โห ปลื้มใจจัง เป็นเกียรติของผมมากเลยคร้าบ”

รวินท์หันไปเรียกพนักงานมาเก็บเงิน ก่อนที่เขาจะอดใจไม่ไหวแล้วลุกขึ้นวิ่งไล่เตะเด็กหนุ่มกลับบ้านพักให้เปลืองพลังเปล่าๆ ปลี้ๆ

หลังจากนั้นสองหนุ่มก็เดินคู่เคียงกันในความมืดกลับไปยังบ้านพัก พวกเขาใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือช่วยส่องทาง ระหว่างที่เดินไปก็หันมองรอบๆ ไปด้วย บ้านพักแต่ละหลังตั้งห่างกันเหลือเกิน ระหว่างทางเดินไม่มีไฟเลยแม้แต่น้อย มืดสนิทไปทุกหนแห่ง พวกเขาเร่งสาวเท้าฉับๆ จนกระทั่งถึงบ้านพักกันได้ในที่สุด

เมื่ออาบน้ำเสร็จก็ออกมายืนดูดาวกันตามแผน พวกเขานั่งไม่ลงเพราะอากาศที่หนาวเย็น จึงต้องยืนเต้นแร้งเต้นกาไปมา

ใบหน้าหล่อเหลาแหงนมองขึ้นไปบนท้องนภาแห่งยามรัตติกาล จันทร์เสี้ยวลอยเด่น มีดวงดาวน้อยใหญ่กะพริบระยิบระยับสวยงาม “ที่นี่สงบดี บรรยากาศก็ดี น่าเสียดายนะที่ได้มาค้างแค่คืนเดียว ผมอยากจะเที่ยวให้นานกว่านี้”

“บนดอยนี่ยังมีที่เที่ยวอีกเพียบ น้ำตกอีกหลายแห่ง พี่ยังมาได้อีกหลายรอบเลยล่ะ”

“เรามาด้วยกันอีกได้มั้ยอะ”

ภูพิงค์หันไปยิ้มรับ “ถูกใจผมอะดิ ใช้งานง่ายใช่มะ สะดวกเหมือนมีกูเกิลแม็ปติดตัว”

รวินท์หัวเราะเบาๆ “เออ รู้ตัวก็ดี”

คนอ่อนวัยกว่าหันกลับไปมองเบื้องหน้า แต่ก็ชำเลืองมองทันตแพทย์หนุ่มเป็นระยะๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นโอบไหล่อีกฝ่าย “เฮ้อ~”

“เป็นไร”

“เวลาผ่านไปเร็วเนอะ แป๊บๆ เดี๋ยวก็จะสอบอีกแล้ว ขี้เกียจอ่านหนังสือชะมัด”

“จะสอบอีกเมื่อไหร่น่ะ”

“เรียนจบมาไม่นานลืมแล้วเหรอวะ ต้นธันวาฯ ครับพี่”

“ตอบกันดีๆ สักครั้งฟันคุณมันจะร่วงรึไงวะ” ทันตแพทย์หนุ่มส่งสายตาขุ่นๆ ให้ “อย่าลืมไปผ่า...”

“ฟันคุด รู้แล้วพี่ ย้ำจัง”

“ระวังปวดช่วงสอบนะเว้ย จะเก็บไว้ในปากนานๆ ทำไมก็ไม่รู้ ผ่าๆ ออกไปให้เสร็จก็หมดเรื่อง”

“ก็มันไม่ปวดแล้วอะ ผมจะรีบไปผ่าให้เจ็บตัวทำไมวะ” เด็กหนุ่มเถียง

“มันอักเสบมาครั้งนึงแล้วนะเว้ย ระวังเถอะ เดี๋ยวมันไปเบียดฟันซี่อื่น พากันผุทั้งแถบ คราวนี้ปากเน่าของแท้แน่ เดี๋ยวได้รื้อทั้งปาก”

“หมอฟันขู่คนไข้แบบนี้ได้ด้วยเหรอวะ”

“ตอนนี้คุณไม่ใช่คนไข้ผมนี่หว่า ถือว่าขู่ได้”

ภูพิงค์ทำหน้าเบ้ใส่ เพราะคุยกันเรื่องฟันนี่สะเทือนใจเขาเหลือเกิน “แต่ก่อนสอบยังมีงานใหญ่อีก เสาร์อาทิตย์หน้าผมคงไม่ว่างมาทะเลาะกับพี่นะ แล้วจะคิดถึง”

“ทำไมอะ คุณจะไปไหน”

“เปล่า ติดธุระเฉยๆ”

“ธุระอะไร”

“ธุระเรื่องงานยี่เป็ง”

“ยี่เป็ง? ที่ลอยโคมขึ้นไปบนฟ้าอะเหรอ”

“ใช่พี่ ทางเหนือนี่ นอกจากจะมีลอยกระทงในแม่น้ำแล้วเขาก็มีลอยโคมยี่เป็งด้วยไง แล้วทางคณะก็จะส่งขบวนไปร่วมในขบวนแห่กระทงใหญ่ของจังหวัด พวกผมเลยต้องช่วยเขาทำงาน”

“ไม่ว่างทั้งวันเลยเหรอ”

“อือ คงต้องซ้อมกันยันเที่ยงคืนแหงๆ เพราะอีกสองอาทิตย์ก็จะมีงานแล้ว”

ทันตแพทย์หนุ่มยื่นหน้าเข้าไปถามอย่างสงสัย “ซ้อมอะไรอะ”

“เอ๊ย! ผมหมายถึงต้องเร่งทำกระทงน่ะพี่” เด็กหนุ่มยังไม่กล้าบอกรวินท์เรื่องกลองสะบัดชัย เพราะที่ฝึกซ้อมไปรู้สึกว่ายังไม่เข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่ พูดง่ายๆ ก็คือยังไม่เท่ เอาไว้ใกล้ๆ ค่อยบอกแล้วชวนอีกฝ่ายมาดูดีกว่า เขาจึงรีบตัดบท “เข้าข้างในกันเหอะ หนาวฉิบหาย”

“อือ ดีเหมือนกัน ผมก็ง่วงแล้ว”

ภูพิงค์เปิดประตูบ้านพักเดินเข้าไปก่อน โดยที่รวินท์เดินตามไปติดๆ พอปิดประตูบ้านลงเขาก็ชะงัก ก้มลงมองลูกบิดประตูซึ่งมีกางเกงในสองตัวแขวนอยู่แล้วก็เบิกตากว้าง

“เฮ้ย!”

คล้องไว้ด้วยกันเป็นกางเกงในคู่รักเลยแม่ง นี่ซีรีส์เกาหลีเหรอวะ!

เดี๋ยวก่อน ไอ้ที่เขาใช้คล้องกันนั่นมันกุญแจคู่รักเว้ย!

รวินท์หันขวับไปทางคนอ่อนวัยกว่า “นี่คุณเอากางเกงในผมมาแขวนด้วยเรอะ!”

เด็กหนุ่มคลานขึ้นไปนั่งบนเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมเรียบร้อย “ก็เห็นพี่โยนไว้ข้างๆ กางเกงในผม ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมเลยเอามาห้อยคู่กับผมไง สองคนแรงกำลังสอง ผีที่ไหนก็ไม่กล้าเข้ามาแน่ๆ”

รวินท์อยากจะบ้า ไอ้เด็กนี่ก็ดันเชื่อเคล็ดที่เขาพูดถึงจริงๆ ด้วย แต่ก็ช่างแม่งเถอะ บางทีอาจจะช่วยได้จริงๆ ก็ได้ ยังไงก็ปลอดภัยไว้ก่อน เขาหัวเราะออกมาเบาๆ

“แน่ะ ยืนยิ้มอะไร ตื้นตันใจที่ได้เห็นกางเกงในผมคู่กับกางเกงในพี่เหรอวะ”

“เออ ปลื้มฉิบหาย” ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปปิดไฟ พอล้มตัวลงนอนแล้วจึงค่อยเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง ไม่นานก็ได้ยินเสียงกรนคร่อกๆ มาจากคนที่นอนอยู่ข้างกัน “หลับแล้วเหรอ ทำไมหลับง่ายจังวะ”

หากไม่มีเสียงตอบกลับมา รวินท์จึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รอบกายเงียบและมืดเสียจนมองไม่เห็นอะไร ทำให้ตัวเขารู้สึกโหวงๆ เขาควรจะนอนให้หลับๆ ไปจะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน แต่ก็ยังคงลืมตาอยู่ในความมืดค้างอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงซ่อกแซ่ก และผืนเตียงของเขายุบลงเล็กน้อย เมื่อหันไปมองดูก็เห็นว่าคนที่นอนข้างๆ กันกระเถิบเข้ามาใกล้ๆ

“หลับไปแล้วไม่ใช่รึไง”

พอเด็กหนุ่มไม่ตอบ รวินท์จึงเอื้อมมือไปลูบๆ คลำๆ เหนือผ้าห่มที่คลุมตัวอีกฝ่ายอยู่ จากนั้นจึงค่อยๆ สอดมือเข้าไปข้างใน พอจับโดนหน้าท้องเข้าเด็กหนุ่มก็สะดุ้งโหยง

“เว้ย~ คลำหาอะไรวะพี่!”

“อ้าว นึกว่าหลับอยู่”

“ก็ตื่นเพราะพี่จะแต๊ะอั๋งผมอะ”

“เปล่าแต๊ะอั๋งเว้ย ผมแค่คลำดูให้แน่ใจว่าคนหรือผีต่างหาก”

“รู้แล้วก็เอามือออกไปได้แล้วโว้ย”

“ทำไมวะ แขม่วไม่ทัน กลัวผมจับเจอพุงเรอะ”

“กลัวอนาคอนด้ามันกัดมือพี่”

รวินท์หัวเราะลั่น “อนาคอนด้าบ้านคุณตัวเท่าหนอนแก้วเหรอวะ” เขายกศีรษะขึ้นมองดูตรงที่คนอ่อนวัยกว่านอน แล้วเอื้อมมือไปสะกิด “นอนตรงรอยแยกพอดีจะสบายเหรอวะ ขยับมาอีกดิ” ก่อนจะเขยิบตัวไปให้อีกฝ่ายมานอนเบียดบนเตียงเดียวกัน

ภูพิงค์ขยับตามที่ทันตแพทย์หนุ่มบอกทันที “นอนเบียดกันจะได้อุ่นๆ”

“ไม่ใช่เพราะกลัวผีใช่มั้ย”

“โห กลัวอะไร แขวนกางเกงในไว้ตั้งสองตัวแล้ว นอนกันเหอะพี่ พรุ่งนี้จะตื่นเช้าไปดูทะเลหมอกนี่”

“เออๆ อย่าเบียดผมตกเตียงก็แล้วกัน”

หลังจากสองหนุ่มนอนเบียดกันไปสักพัก ต่างคนต่างก็หลับไปอย่างง่ายดาย อากาศในยามค่ำคืนเย็นสบายแบบไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศเลย บรรยากาศรอบๆ ก็เงียบสงบดี พวกเขาหลับสบายจนเช้าตรู่ของวันใหม่จึงรีบตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกด้วยกัน

รวินท์หาวอ้าปากกว้างจนน้ำตาไหล ไอ้สวยมันก็สวยอยู่นะ แต่เช้ามากเหลือเกิน เมื่อชมวิวกันเสร็จและกินมื้อเช้ากันแล้ว เขาก็เดินสะโหลสะเหลไปยังรถที่จอดอยู่ โดยที่เด็กหนุ่มเดินตามมาติดๆ

“พี่จะขับรถลงเขาไหวมั้ยวะเนี่ย” ภูพิงค์มองอย่างหวาดๆ

“จะขับให้ผมได้มั้ยล่ะ” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปถามพร้อมกับส่งกุญแจรถให้

“เอาจริงอ่ะ”

“อือ อากาศเย็นสบายน่านอนเกินไป”

“ก็ได้” คนอ่อนวัยกว่ารับกุญแจรถมา พอเอาของใส่รถเรียบร้อยแล้วเขาก็ขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ ขณะที่ปรับเบาะปรับกระจก คนที่นั่งข้างกันก็เอนหลังนอนไปเรียบร้อย ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้พี่วิน!

ภูพิงค์ขับรถลงดอยไปช้าๆ ไม่นานก็ปลุกเจ้าของรถขึ้นมาเที่ยวต่อที่ตลาดม้ง แวะเติมพลังมื้อเที่ยงกันแล้วไปต่อที่สถานีเกษตรหลวง

ตอนแรกรวินท์คิดว่าหลังกินมื้อเที่ยงเข้าไปเขาคงจะเดินต่อไม่ไหวแล้ว หากเมื่อได้เห็นต้นไม้ดอกไม้สวยงามของสถานีเกษตรหลวง เขาก็เริ่มจะคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาเป็นประกายวิบวับ ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายภาพไม่หยุด

“ใจเย็นๆ เดี๋ยวความดันขึ้นหรอกพี่”

“เก็บปากไว้ผ่าฟันคุดเถอะน่ะ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดพลางดึงอีกฝ่ายให้มาถ่ายรูปด้วยกัน จากนั้นก็เดินเล่นกันต่อ แล้วก็ไปนั่งพักดูหงส์กัน

รวินท์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา “เวลาผ่านไปเร็วชะมัด”

“พรุ่งนี้ก็ต้องเรียนอีกแล้ว เฮ้อ~”

“คืนนี้จะค้างกับผมอีกคืนมั้ย หรือจะกลับเลย”

คนอ่อนวัยกว่าหันไปถาม “อยากให้ผมค้างด้วยมั้ยล่ะ”

“อยาก”

“งั้นค้างก็ได้”

“ใจง่ายดี”

“ติดมาจากพี่วินมั้ง”

รวินท์เตะขาคนที่นั่งอยู่ด้วยกันไปหนึ่งที “ผมไม่ได้ใจง่ายนะเว้ย”

ภูพิงค์หัวเราะ แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรต่อ เขาวางมือลงข้างตัวแล้วมองตรงออกไป มองหงส์ว่ายน้ำผ่านหน้าไปมา หากอีกฝ่ายไม่ยอมจบด้วย

ทันตแพทย์หนุ่มจับแขนคนอ่อนวัยกว่าเขย่ารัวเป็นอังกะลุง “ทำไมคุณชอบว่าผมจังวะ ผมไม่ได้ใจง่ายนะ”

“อือๆ ครับๆ” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก

รวินท์คิ้วกระตุก “แฟนผมก็เคยมีกับเขาแค่คนเดียวเองนะเว้ย”

“แต่กิ๊กเป็นแผงใช่มั้ยวะพี่”

“.....”

“มีแฟนแต่ตัวกับใจเสือกไม่อยู่กับแฟน ไปกับคนนู้นทีคนนี้ที สรุปว่าก็ใจง่ายมะ”

คราวนี้ชายหนุ่มเถียงไม่ออก เขาได้แต่อ้ำอึ้ง บางทีก็นึกเกลียดตัวเองในอดีตเหมือนกัน ทำไมตอนนั้นไม่มีใครคิดจะต่อว่าเขาแรงๆ ให้สำนึกบ้างวะ ปล่อยให้ทำตัวแย่ๆ อยู่ได้ เขาลดสายตาลงต่ำพลางทอดถอนใจ

ขวัญข้าวก็คงคิดแบบเดียวกันกับที่ภูพิงค์พูดนั่นล่ะ แต่เธอก็ไม่เคยเปิดปากพูดอะไรเลยเช่นกัน

ภูพิงค์หันไปหาทันตแพทย์หนุ่ม พลางเอื้อมมือออกไปหยิบเศษใบไม้ที่ติดเส้นผมอยู่ออกให้อย่างเบามือ สัมผัสของเขาทำให้อีกฝ่ายหันมาสบสายตาด้วยช้าๆ นัยน์ตาเรียวฉายแววขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย พอเด็กหนุ่มเห็นเข้าก็อมยิ้ม คิดว่าอีกฝ่ายทำท่างอนน่ารักดีเหมือนกัน

“ยิ้มทำบ้าอะไร”

“ขำลุง ทำหน้างอนเป็นเด็กๆ”

“ไม่ต้องมาเรียกลุง ผมไม่นับญาติด้วยหรอกเว้ย”

คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะ พร้อมกับลูบศีรษะอีกฝ่าย “โอ๋ๆ เดี๋ยวผมพาไปซื้อผักสดๆ เอาไว้ทำกินเย็นนี้กัน รับรองอร่อยไม่แพ้ที่ร้านเลย”

“ให้มันจริงเถอะ” รวินท์ทำหน้ายุ่ง    


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 13-01-2018 10:10:53


หลังจากซื้อผักผลไม้จากโครงการหลวงเสร็จ ภูพิงค์ก็รับหน้าที่เป็นโชเฟอร์ต่อ เขาขับรถลงดอย พาทันตแพทย์หนุ่มมุ่งหน้ากลับไปยังโรงพยาบาลลำพูน

สองหนุ่มกลับมาถึงหอพักแพทย์ในตอนบ่ายแก่ๆ เมื่อมาถึงก็ช่วยกันหอบเสื้อผ้ากับของที่ซื้อมาขึ้นไปบนห้อง นั่งพักกันสักพักแล้วก็เริ่มต้นทำอาหาร

ภูพิงค์หุงข้าวไว้ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงหยิบห่อยอดฟักแม้วขึ้นมาล้างน้ำ จัดการเด็ดเฉพาะตรงที่อ่อนๆ ใส่จานไว้ แล้วเอาผลฟักแม้วมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ต่อ ส่วนรวินท์ก็หั่นหมูยอเตรียมไว้ทอด

“นี่พิงค์ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาหมูยอกลับไปกินที่บ้านเช่ากับเพื่อนๆ ด้วยนะ ผมมีเยอะว่ะ กินไม่ไหวแล้ว”

เด็กหนุ่มยิ้มรับ “เออ ดีพี่ หมูยอทำกินง่ายดีด้วย ขอบคุณครับ”

ใช้เวลาไม่นานสองหนุ่มก็ยกกับข้าวมาตั้งโต๊ะกินกับข้าวที่เพิ่งสุกใหม่ๆ พวกเขาเคี้ยวแก้มตุ่ย กินไปยิ้มไปตามประสาสายแดกทั้งคู่

“ผักนี่อร่อยดี เห็นในซูเปอร์ฯ ขายประจำแต่ไม่เคยซื้อเลย เพิ่งรู้ว่าผัดง่ายขนาดนี้”

“ยังมีเหลือนะพี่ ผมเอาใส่ช่องกระบะไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผัดกินได้อีกรอบ”

“มีคุณอยู่นี่สะดวกดีจริงๆ มาค้างบ่อยๆ ดิ”

“คิดถึงผมก็ไปหาที่มหาลัยดิ๊”

“เออ...” รวินท์กินข้าวหมดจานพอดี เขารวบช้อนส้อมไว้แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

“เออ อะไรวะพี่”

“อยากไปเดินดูในมหาลัย ตอนงานไนต์ไม่ทันได้เห็นอะไรเลย มืดแล้ว เดินเข้าเดินออกตึกแบบเร่งๆ ด้วย”

“แหม ไม่ต้องหาเหตุผลสารพัดหรอก อยากมาหาผมก็มาเหอะ มาเมื่อไหร่ก็ได้”

ทันตแพทย์หยุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก “ก็อยากไปหา แต่จะโดนสโมฯ ของคุณจับไว้ขายอะไรอีกมะ”

“โดนแน่ ผมบอกเลย ไอ้พวกนั้นแม่งกล่อมเก่งฉิบหาย ผมไม่เคยปฏิเสธอะไรแม่งได้เลย”

รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก เขาเองก็เคยเจอไปครั้งนึง เข้าใจอย่างสุดซึ้งเลย

ระหว่างที่คุยกันไปก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของลูกบิดประตู จากนั้นบานประตูก็เปิดออกผาง

เตชิตเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหงุดหงิด ยิ่งเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของเพื่อนรักอยู่กับคนอื่นก็ยิ่งอารมณ์เสีย เขากระแทกถุงใส่ชีสเค้กลงบนโต๊ะ

“อ้าว กลับมาแล้วเรอะ” เจ้าของห้องเอ่ยทักทาย

“โทรศัพท์เป็นอะไร ทำไมมึงไม่รับโทรศัพท์กู”

“ไปเที่ยว อยู่บนดอย ไม่มีสัญญาณ” รวินท์ตอบเสียงเรียบ

“ดอยเหี้ยอะไร กันดารมากเลยรึไงวะ”

“แล้วมึงมีธุระอะไรสำคัญมากรึไง”

โอ้โห คุยกันแบบไม่เห็นหัวกูเล้ย!

เวลานี้ภูพิงค์อยากมุดโต๊ะหนีแล้ว เขาชำเลืองมองสีหน้านิ่งของพี่วิน สลับกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของเตชิต ขนาดนี้แล้วไอ้พี่วินยังเฉยได้ เขานับถือจริงจริ๊ง~

“เอ่อ ผมไปล้างจานให้นะ” เด็กหนุ่มรีบตัดช่องน้อยแต่พอตัว เขารีบเก็บจานวางซ้อนๆ กันแล้วหอบเข้าครัว

เตชิตนั่งลงแทนที่ภูพิงค์ ระหว่างทั้งสองคนเงียบกริบไปสักพักใหญ่ จนกระทั่งอารมณ์เย็นลงเขาจึงพูดขึ้น “หิว”

“เดี๋ยวโทรสั่งพิซซ่าให้ จะแดกหน้าไร”

“เอาเหมือนมึง”

“กูแดกแล้วเมื่อกี้ อิ่มจะตายห่า”

“อ้าว แล้วมึงจะให้กูนั่งแดกคนเดียวเนี่ยนะ”

รวินท์หันมองไปในครัว พลางถอนหายใจเบาๆ “ยังมีข้าวเหลือ แดกหมูยอมั้ยล่ะ”

“อือ”

เจ้าของห้องลุกขึ้นเดินเข้าครัว ซึ่งภูพิงค์ยืนเช็ดจานที่ล้างไว้จนวาววับมันทุกใบแล้ว

“พี่วินไปนั่งเหอะ เดี๋ยวผมทอดให้” เด็กหนุ่มกระซิบ

“ไม่ล่ะ ผมทอดเอง คุณหั่นให้ทีละกัน”

ภูพิงค์เดินตัวลีบไปเปิดตู้เย็นหยิบหมูยอออกมา ก่อนจะหั่นเป็นแว่นๆ ให้อย่างรวดเร็ว “ใส่ลงกระทะเลยนะพี่ เดี๋ยวผมตักข้าวรอให้”

“อือ คุณจะไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ ไปรื้อเอาเสื้อผ้าในห้องนอนเลย ผมขอโทษแทนไอ้เต้มันด้วย ไม่รู้แม่งไปแดกต่อแตนที่ไหนมาว่ะ”

“พี่ก็ใจเย็นๆ หน่อยละกัน อย่าตีกันตายนะ เมืองไทยยังขาดหมอฟันนะรู้ป่ะ”

รวินท์หัวเราะ เป็นครั้งแรกที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ตั้งแต่เตชิตโผล่มา “เออ รู้แล้วน่ะ” เมื่อทอดหมูยอเสร็จก็ตักใส่จาน เอาไปเสิร์ฟให้คนที่นั่งรออยู่

ฝ่ายภูพิงค์ พอเจ้าของห้องเดินออกไปจากครัว เขาก็วิ่งปรู๊ดไปรื้อหาเสื้อผ้าในห้องนอน แล้วโอ้เอ้อยู่ในห้องสักพัก

เตชิตมองตามเด็กหนุ่ม หากยังไม่พูดอะไร เขาตักข้าวในจานกินไปสองสามคำจึงค่อยถาม “ไอ้หมอนั่นใคร”

“ไอ้หมอนั่น?”

“ก็ไอ้คนที่นั่งกับมึงน่ะใคร”

“พิงค์ไง กูไปเที่ยวกับพิงค์มา ไปขึ้นดอยอินทนนท์ เพิ่งกลับมาก่อนมึงไม่นานหรอก”

เตชิตหลุบตาลงต่ำ ตักข้าวกินต่อไปเรื่อยๆ พอท้องอิ่มก็เริ่มสำนึกผิดเล็กน้อย “เออ โทรหามึงไม่ได้ก็นึกว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า เป็นห่วง”

“ขอบใจเว้ย แต่กูไม่ได้อายุสามขวบนะเว้ย ไม่ต้องห่วงอะไรให้มันเว่อร์นัก” รวินท์ส่ายหน้าไปมา เขาหันมองไปทางห้องนอน  เห็นว่าเด็กหนุ่มแอบมองออกมาจากทางช่องประตูที่เปิดค้างไว้แล้วก็อมยิ้ม “แต่ก็ขอบใจเว้ย แล้วพ่อกับน้องมึงเป็นไงบ้าง”

“ทำกายภาพอยู่ตอนนี้ พอลุกเองได้แล้ว แต่ก็ยังงอแงกันทั้งคู่”

“ถ้างั้นมึงก็ยังต้องเดินทางไปมาบ่อยๆ สินะ”

“อือ จะทำไงได้” เตชิตเงยหน้าขึ้น เห็นภูพิงค์ย่องออกมาจากห้องนอนของเพื่อนรักพอดี เขาจึงเอ่ยขึ้น “หวัดดีพิงค์ เมื่อกี้ผมจำไม่ได้ โทษทีนะ”

เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ “หวัดดีครับพี่ ตั้งแต่โดนจับตัดผมโกนหนวดมาก็ไม่ค่อยมีใครจำหน้าผมได้หรอกพี่ เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” พูดจบก็สาวเท้าฉับๆ เข้าห้องอาบน้ำไป

“วันนี้พิงค์ค้างด้วยเหรอ”

“อืม”

“ตัดผมซะจำไม่ได้เลยว่ะ”

“น่ารักดีใช่มะ” รวินท์ยิ้มน้อยๆ

เตชิตจ้องใบหน้าของเพื่อนรักเขม็ง หากก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาก้มลงกินข้าวในจานต่อไปเงียบๆ

ระหว่างที่รออีกฝ่ายกินข้าว รวินท์จึงพูดถึงทริปบนดอยของเขาฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ “กูเพิ่งเคยไปดอยอินทนน์ครั้งแรก แต่ขับรถขึ้นดอยสนุกดี น้ำตกก็สวย ต้นไม้ดอกไม้เยอะมาก”

“แล้วไปค้างที่ไหนวะ”

“ที่บ้านพักบนดอยเลยเว้ย กลางคืนหนาวฉิบหาย มืดมาก หลอนนิดๆ ด้วย แต่ตอนเช้าได้เห็นทะเลหมอกจึ๋งนึง” เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักกินเสร็จแล้วก็พูดต่อ “สนุกแต่เหนื่อยเหี้ยๆ เดินจนขาลาก นี่ขนาดกูหลับมาแทบตลอดทาง ยังเพลียๆ อยู่เลย มึงเองกลับมาเหนื่อยๆ รีบไปอาบน้ำนอนซะนะเว้ย เดี๋ยวกูจะอาบน้ำนอนแล้วเหมือนกัน” เป็นเชิงไล่อีกฝ่ายกลายๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นบิดตัวไปมา

เตชิตยังไม่อยากกลับห้องสักเท่าไหร่ แต่เพราะคิดว่ารวินท์คงจะเหนื่อยจริงๆ และตัวเขาเองก็เช่นกัน “เออ มึงพักเยอะๆ ก็แล้วกัน พรุ่งนี้จะได้มีแรงทำงาน”

“มึงก็เหมือนกัน” เมื่อทันตแพทย์ทั้งสองลุกขึ้น รวินท์ก็หยิบถุงชีสเค้กขึ้นมาพลางยิ้มบาง “ขอบใจนะเว้ย ฝันดี”

“อือ ฝันดีเว้ย อย่าลืมล็อกห้องด้วยล่ะ”

“เออๆ ไม่ลืมหรอก ใครจะกล้าขึ้นมาปล้นหอพักแพทย์วะ”

รวินท์เดินถือจานเข้าไปในครัว ล้างจานเสร็จจึงเดินไปล็อกกลอนประตู และปิดผ้าม่านหน้าต่างให้เรียบร้อย เมื่อหันหน้ากลับมาก็เห็นว่าเด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องอาบน้ำพอดี คงจะรอให้เตชิตกลับไปก่อนค่อยออกมา เขาอมยิ้ม เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของเด็กหนุ่มแล้วก็ต้องแซ็วสักหน่อย

“อาบน้ำนานชะมัด ขัดหนอนเหรอวะ”

“ไอ้พี่วิน! ใครจะมีอารมณ์ขัดตอนนี้วะ!”

“แปลว่าถ้าเป็นตอนอื่นขัดได้?”

“เออๆ ปกติก็ได้หมดแหละ ผมยังหนุ่มอยู่เว้ย” ภูพิงค์ขี้เกียจจะเถียง เขาเดินฉับๆ เข้าห้องนอนไป แต่แล้วก็โผล่หน้าออกมาอีกครั้งพร้อมกับส่งผ้าเช็ดตัวและชุดนอนให้เจ้าของห้อง “พี่ไปอาบน้ำเร็วๆ ดิ ผมจะนอนขัดหนอนรอพี่ไปพลางๆ”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ เขาเดินไปรับผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนมาถือไว้ “ไปขัดที่ระเบียงเลยเว้ย ไม่ขึ้นเงาไม่ต้องกลับเข้ามานะ”

“ไม่เอาอะ หนาวตูด” เมื่อพูดจบก็ผลุบกลับเข้าไปในห้องนอน

รวินท์ส่ายหน้าไปมา หากก็คงรอยยิ้มไว้เช่นนั้นจนกระทั่งอาบน้ำเสร็จ


*~TBC~*


พี่น้องกำลังสวีต หมอเต้มาทีวงแตกเลยน้าาา 555555

ใครไปเที่ยวต่างจังหวัด อย่าลืมลองเคล็ดกันผีของพี่วินนะคะ ได้ผลเป็นไงมาเล่าให้ฮัสกี้ฟังบ้างน้า 55555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ แล้วก็สุขสันต์วันเด็กนะคะ (อยากแจก porn แต่ตอนที่ว่ายังอยู่อีกไกล 55555)


ปล.​ขอพูดถึงเรื่องกิจกรรมของสโมฯ ที่อาจจะทำให้หลายๆ คนไม่พอใจนะคะ จุดนี้ฮัสกี้จะรีไรต์ในต้นฉบับให้ซ็อฟต์ลงเล็กน้อย ให้ดูเป็นการขอร้องของทางสโมฯ มากกว่ายัดเยียดให้ค่ะ แต่อย่างหนึ่งที่คงเปลี่ยนไม่ได้ คือการที่ทางสโมฯ ขอแรงจากพี่วินมาช่วยเหลือในกิจกรรมต่างๆ (กิจกรรมคณะตามมหาลัยทั่วไปก็มีการขอให้คนดังๆ หรือดารานักร้องมาร่วมทำกิจกรรมการกุศลนะคะ ขอร้องว่าอย่ามองว่าคนในคณะทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ ฮัสกี้ว่ามันเป็นไอเดียอย่างหนึ่งของการเรียกคนให้มาร่วมงานมากกว่านะคะ) และในมุมมองของฮัสกี้ จุดที่อยากเน้นตั้งแต่ในตอนแรกๆ ก็คือการที่พี่วินได้มาร่วมวิ่งขึ้นดอยกับน้องๆ วิศวะค่ะ นั่นทำให้พี่วินได้พบกับน้องพิงค์ ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะวิศวะ และน้องๆ ในคณะเองก็คิดว่าพี่วินเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาเช่นกัน แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้มาจากการรับน้องขึ้นดอยของวิศวะมชค่ะ

ตัวพี่วินในเรื่องเอง ถึงแม้ตอนแรกจะตกกระไดพลอยโจนมาเข็นรถเข็นให้น้องวิศวะขึ้นดอยพร้อมกับเพื่อนๆ ได้ ที่จริงตรงนี้ไม่ใช่เพียงแค่เด็กๆ วิศวะในเรื่องที่ได้ประโยชน์ แต่พี่วินก็เช่นกัน พี่วินได้เห็นความสามัคคี ได้เห็นความรักกันของน้องๆ เป็นประสบการณ์ที่พี่วินเองก็ไม่เคยมีมาก่อน และจากการได้มาร่วมกิจกรรมหลายๆ อย่างของคณะ นั่นทำให้พี่วินได้ประสบการณ์ดีๆ (รวมถึงน้องพิงค์)กลับไปด้วยเช่นกัน อยากให้เปิดใจมองที่ตรงจุดนี้ด้วยค่ะ

สุดท้ายสิ่งที่สำคัญสุด การวิ่งขึ้นดอย กิจกรรมเพื่อชุมชนของคณะวิศวะ เป็นสิ่งที่ทำให้พี่วินและน้องพิงค์ค่อยๆ เข้ามาใกล้ชิดกัน ผูกพันกัน และจะมีกิจกรรมต่อไปอีกเรื่อยๆ ค่ะ จนเขารักกันนั่นล่ะ รักกันแล้วก็ยังมี เพราะมันเป็นจุดที่ฮัสกี้ใช้ดำเนินเรื่องค่ะ 555555

ปล.อีกที ฮัสกี้ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ ขอบคุณที่บอกกล่าวในส่วนที่ชอบหรือไม่ชอบในนิยายนะคะ ฮัสกี้รับฟังความคิดเห็นของทุกคนเสมอและจะพยายามปรับปรุงแก้ไขค่ะ แต่บางข้อความอ่านแล้วก็รู้สึกเจ็บและท้อได้เหมือนกันนะคะ ขอให้นึกถึงใจคนเขียนสักนิดนึง ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจเสมอมาค่ะ  :hao5:


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 21 : เที่ยวน้ำตก][080118]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 13-01-2018 10:22:39
รู้สึกว่าความรักของสองคนนี้ มันค่อย ๆ โตอะ แต่รู้สึกว่าเรื่องเต วินต้องรีบ ๆ เคลียร์ เด้อ สงสารอะ

เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งค่ะ สู้ ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: xkoxko ที่ 13-01-2018 10:46:01
งืออ ดีงามมากเลยค่ะ ทุกอย่างเลย อ่านไปยิ้มไป ฟินนนนน :katai2-1: อยากให้ถึงอาทิตย์หน้าไวๆ อยากอ่านต่อแล้วง่าา :hao5:

ปล.เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ อย่าให้การคอมเม้นใดๆมาเปลี่ยนแปลงจุดมุ่งหมายแรกของการแต่งนิยายเลยค่ะ เราไม่สามารถทำให้ทุกคนพึงพอใจได้ทั้งหมดหรอก เราชอบนิยายของคุณนะคะ ภาษา ไอเดีย การแต่ง มันเจ๋งมากเลยย สนุกมากกก สู้ๆนะคะ 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 13-01-2018 11:13:23
พัฒนา ไปแบบเรื่อย ๆ สินะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 13-01-2018 11:14:49
ทำไมขำสองคนนี้คลอด  :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 13-01-2018 11:21:44
สองคนนี้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีค่ะ ชอบความสัมพันธ์แบบนี้ ส่วนเรื่องเต้ ดูๆแล้วคงไม่น่าจะเป็นเพื่อรักหักเหลี่ยมโหด ถ้าหักหลังกันจริงคงไม่มาห่วงวินแบบนี้หรอกมั้ง

รอตอนต่อไปค่า


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 13-01-2018 11:24:55
มากกว่าความฟินเวลาที่อ่านหมอวินและพิ้งค์อยู่ด้วยกัน คืออยากรู้เรื่องหมอเต้กับหมอขวัญข้าว สรุปอะไรยังไง เก๊าไม่อยากให้หมอวินเสียใจเน้ออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 13-01-2018 11:35:26
“เปล่าแต๊ะอั๋งเว้ย ผมแค่คลำดูให้แน่ใจว่าคนหรือผีต่างหาก”

หรอวะอิพี่!!!!เคยเจอแต่แบบไม่แน่ใจว่าพี่ ก็ลองเรียกหรือขยับออก

อิพี่นี้ลวนลามผี
แล้วทำไมไม่เอามือออกซกที!!!!!!! :ling1:

น่ารักมาก ดูจับหัว จับแก้ม จับมือกันเป็นปกติ เป็นแฟนกันโดยไม่รู้ตัวซินะ

รอดูตอนงาน ว่าน้องพิงค์ต้องแต่งตัวแบบคนตีกองสะบัดชัยไหม ถ้าแต่งรับรอง อิพี่หวงโหดแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 13-01-2018 12:04:34
อ่านไปลุ้นไป ไม่รู้ใครจะล่อลวงใครได้ก่อน 555

 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกให้อ่าน เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 13-01-2018 12:13:37
เตชิดแอบรักพี่วินหรือเปล่า

เลยหึงน้องพิง :z10:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-01-2018 12:24:04
สงสัยเต้ อยู่ 2 สถานะ จะเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หรือ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 13-01-2018 12:26:25
โอ๊ยยยยย เหม็นความรัก! 555 พี่น้องกันเน้อออออ พี่น้องมากกกกกก

ส่วนเต้นี่เราแบเข้าใจนะ ถ้าคิดในแง่ที่ว่าเราติดต่อเพื่อนไม่ได้เลย พอเจอหน้านี่ขอด่าก่อนเถอะ
แต่พอมานึกๆแล้วก็แบบ...ยังคาใจเรื่องเต้กับขวัญ เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-01-2018 12:37:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 13-01-2018 13:24:00
อ้อยใส่กันแบบไหลลื่นมาก น่ารักกกกกกก
สรุปหมอเต้นี่ยังไง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-01-2018 14:00:20
ชอบความเรื่อยๆของคู่นี้จัง
อยู่ด้วยกันแล้วน้ารักมากก
เรื่อยๆแบบนี้ไปนานๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-01-2018 14:38:50
ชอบบรรยากาศเวลาที่หนุ่มๆเค้าอยู่ด้วยกันสองคน  น่ารักมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-01-2018 15:25:00
ไหนบอกไม่กลัว แล้วไหงถึงเอากางเกงในพี่วินเขาไปห้อยที่ลูกบิดด้วยล่ะภู :laugh: :mew4:



 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-01-2018 15:49:49
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 13-01-2018 16:00:16
ตอนล่าสุดสนุกดี ชอบความสัมพันธ์ของทั้งคู้เป็นไปอย่างมั่นคงแบบนี้ เตชิตต้องรอดูต่อไป ดูเตจริงใจกับวินอยู่นะอาจจะไปได้ตีท้ายครัวเพื่อนก็ได้ //
ส่วนคำชี้แจง ไม่ได้ตั้งใจติว่ายัดเยียดจนเสียกำลังใจนะ มันก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน เราเคารพผลงานที่เขียนออกมาแล้วของทุกคน อย่าท้อเลยที่จะเขียนมันต่อไป อย่างที่บอกว่าเพราะไม่ชอบที่สโมทำแบบนั้น อ่านละหงุดหงิดเลยเม้นไปตามนั้น แต่ส่วนอื่นๆทั้งหมอวิน ทั้งพิงค์เราชอบความสัมพันธ์ทั้งคู่ ดังนั้นเพราะว่าชอบจึงจะพยายามอ่านผ่านๆไปก่อน ไว้ถ้ามีอารมณ์หวานเมื่อไหร่ค่อยกลับไปอ่านอีกที
ส่วนพ้อยท์ขึ้นดอย ความสามัคคี ความมุ่งมั่นต้องการให้เป็นหนึ่งเดียวกัน มีนนิ่งที่สื่อผ่านการรับน้องขึ้นดอยอันนั้นเราทราบเต็มหัวใจเพราะเคยสัมผัสวินาทีนั้นมา(ไม่บอกว่าคณะไหนเพราะจบมาแล้ว)
อย่าท้อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 13-01-2018 16:54:03
เราเฉยๆกับสารพัดกิจกรรมที่โถมมาให้พี่วิน กับ ภูพิงค์ทำนะคะ  มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของบทที่จะส่งเสริมทิศทางความสัมพันธ์ของคู่นี้  แล้วนี่ก็คือนิยายคิดว่าไม่มีข้อจำกัดอะไรทั้งนั้น  แต่ถ้าคนที่อยากได้ความเรียลมากๆก็คงรู้สึกเหมือนยัดเยียดมั้งคะ ถ้าคุณฮัสกี้ปรับได้อีกก็คงเรียลมากๆเลย  แต่เท่าที่อ่านมาก็รู้สึกโอเคมากเลยค่ะ คิดว่านิยายมันก็ต้องมีความจับพลัดจับผลูนิดนึงอ้าว! สถานการณ์พาไปอะไรแบบนี้ มันเป็นสเนห์ของคำว่านิยาย ซึ่งชีวิตจริงไม่ค่อยจะมีอย่างนี้หรอกค่ะ  ก็ทำให้ลุ้นดี   แต่ถ้าจะปรับแก้ก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: maybe0111 ที่ 13-01-2018 18:26:42
น่ารัก  เขินวันละหลายๆครั้ง  ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมา
ให้อ่านนะคะ  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-01-2018 19:09:36
ค่ะ แหย่กันไปมา ก็ลงเอยด้วยดีนะ

น่ารักดี หมอยิ้มได้เพราะพิงค์นะ
เต้อยากพูดอะไรอีกไหม เหมือนมีอะไรจะบอก

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 13-01-2018 21:13:52
คุณฮัสกี้ เราเห็นด้วยที่จะรีไรต์เรื่องสโมกะพี่วิน ยิ่งตอนคำถามนอกรอบที่พิธีกรถามพี่วินบนเวทีนี่ ตามหลักพิธีกรอีเวนท์ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะบางเรื่องมันส่วนตัวมาก แขกรับเชิญอาจไม่สะดวกใจ และเคืองได้ ต้องกันเองมากกกกกถึงจะทำได้ อันนี้เราเคืองแทนพี่เขามากอ่ะ ถ้าเราเป็นหนึ่งในีมงาน น้องคนนี้จะไม่ได้ขึ้นเวทีอีกจนกว่านางจะเข้าใจจุดนี้และไม่ทำอีก เป็นเราครั้งหน้าจะไม่มาช่วยอีกพูดเลย ที่สำคัญ คำถามที่ไม่ได้เตี๊ยมมาก่อน จะทำให้เกิดเดดแอร์หรือตอบผิดประเด็น แล้วจะเกิดผลเสียมากกว่าดีกับอีเวนท์นั้นๆ ถึงน้องพิธีกรจะเป็นแค่นศษ. แต่ความเจนเวทีก็พอสมควรเราว่าอันนี้ผิดมารยาทมาก และก็็ไม่ได้มาขอโทษด้วยตัวเองด้วยถือว่าแย่มาสำหรับเรา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-01-2018 21:24:49
อยู่กับใครแล้วสบายใจก็อยากอยู่กับคนนั้นนาน ๆ
มีน้องพิงค์อยู่ด้วยมันดีต่อใจมาก วันไหนไม่เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง ต้องเหงาแน่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-01-2018 22:00:35
พี่วิน เอะอะๆชวนน้องนอนด้วยตลอดเลย ตัวติดกันม๊ากมาก หยอกกันหยอดกันไปกันมาอยุ่นั่น เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกัน
แต่รู้สึกแปลกๆกับหมอเตอ่ะ เห็นวินอยู่กับคนอื่นทำไมต้องเหวี่ยงขนาดนั้น แอบรักวินก็ไม่น่าใช่ปะรึไม่แน่วะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 13-01-2018 22:07:10
ฮาตรงใช้กางเกงในที่ใช้แล้วคล้องลูกบิดประตูนี่แหละ สรุปมันกันผีได้จริงๆ ใช่ป่ะ 55555 เรารักทุกอย่างที่เป็นวินกับพิงค์นะ มันให้ความรู้สึกที่พอดี ไม่ว่าจะเป็นการหยอดมุกหรือตบมุก มันพอดีไม่มากหรือน้อยไป ขำอย่างเป็นธรรมชาติ

ส่วนเรื่องสโมเรามองเฉยๆ นะ เพราะที่เราผ่านๆ มา มันก็มีแบบนี้จริงๆ แบบอะไรที่เป็นจุดขายได้ก็ทำหมด พี่ป้าน้าอาใครเป็นศิลปิน เน็ตไอดอล เป็นอันต้องโดนขอให้มาช่วย เราจึงไม่ซีจุดนี้ ถือว่าอ่านได้เรื่อยๆ เพลินๆ แล้วก็เห็นว่ามันเป็นโอกาสให้พิงค์กับหมอวินใกล้ชิดกันอีก

สุดท้ายเป็นกำลังให้คนเขียนนะคับ เรารักเรื่องนี้ รักทุกตัวละคร เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราตั้งตารอเพราะอ่านแล้วสุขใจ ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-01-2018 22:45:20
เต้ จำพิงค์ไม่ได้
แต่เต้ ออกแนวไม่พอใจ ที่เห็นคนหล่ออยู่กับวินนะ
เหมือนจะหึงหรือเปล่านะ

อยากอ่านพาร์ทเต้บ้างอ่ะ ปิดวินทำไมเรื่องขวัญ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 13-01-2018 23:53:15
 :sad4: มาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-01-2018 23:56:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-01-2018 00:15:39
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 14-01-2018 00:32:42
 :z13:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-01-2018 01:03:27
อยากรู้เรื่องหมอเต้ไวๆ มันข้องใจไม่หายสักที
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 14-01-2018 04:28:39
เป็นอดีตสโมนะคะ ต้องยอมรับว่าการดึงคนที่มีชื่อเสียงมาร่วมกิจกรรมเป็นการเรียกแขกอีกอย่าง แต่ไม่ได้ยัดเยียดนะคะมีการประสานงานล่วงหน้าหลายเดือน เหนื่อยมากกแต่สนุก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 14-01-2018 04:39:28
ค่อยๆรักกันเบาๆ :L2: :3123: :L1:
ส่วนนังเต้นี่จะเป็นเพื่อนรัก รักแฟนเพื่อนมั้ย.....ไม่น่านะ แต่ถ้าเป็นพื่อนรัก รักเพื่อนเนี๊ย...ไม่แน่  :hao4: :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 14-01-2018 07:02:31
เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันอะ. รออยู่น้าๆๆ. หวังว่าเต้จะไม่ได้แอบชอบพี่วินนะ. ไม่งั้นหน่วงกว่าเดิมแน่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 14-01-2018 07:33:38
หมอเต้หงุดหงิดอะไร หึงอ่ะเด้ หึงอะเด้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-01-2018 11:06:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 14-01-2018 11:22:29
เหมือนพี่เต้ จะเริ่มจับความรู้สึกได้แล้ว ว่าพี่วินรู้สึกกับน้องพิงค์ไม่ธรรมดา
ว่าแต่ พี่เต้เองอ่ะ รู้สึกอะไรพิเศษกับเพื่อนสนิทหรือเปล่า น่าสงสัย

ชอบเรื่องนี้มากกกกก รักพี่วินน้องพิงค์มากกกก 
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ กอดแน่น ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 14-01-2018 11:25:27
ค่อยๆรักกันเบาสินะคะ  :katai2-1: ขอให้เป็นความช้าแต่มั่นคง

ส่วนของหมอเต้ ไม่ว่าทางไหนก็ดูท่าจะเสียความรู้สึกกันทั้งสองฝ่ายแน่เลย :ling2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 14-01-2018 18:40:02
พี่วินนี่นอกจากจะมีไร่อ้อยแล้วยังขี้ลวนลามน้องพิงค์ด้วยอ่ะ แหมมมมๆๆๆๆๆๆ น่าคิดเลยนะคะเนี้ย55555555
ส่วนเรื่องหมอเต้นี่ดูๆแล้วน่าจะมีความลับมากมาย ส่วนตัวเราคิดว่าขวัญอาจจมาปรึกษากับเต้พอนานไปเลยถูกใจอะไรแนวๆนี้มั้ง เราก็เดาไปเรื่อย555555555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-01-2018 18:53:57
กางเกงในกันผี  o22  :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-01-2018 19:43:59
มีโมเม้นท์แบบหวานๆ เรื่อยๆ ทั้งที่เจ้าตัวจะรู้ตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เราฟิน พิงค์แค่มองพี่วินก็รู้แล้วว่าพี่ไม่สบายใจ น่ารักอ่ะ

รอตอนต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 14-01-2018 19:57:11
ขึ้นดอยทั้งทีน่าจะมีโมเม้นหนาวเนื้อห่มเนื้อสักหน่อย 5555  :haun5:
พี่หมอเต้นี่ยังไง เริ่มไม่เข้าใจกับการกระทำของพี่แล้วนะ ฮึ่ยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-01-2018 20:13:11
หวาดระแวงหมอเต้นะคะ ถึงไม่ได้หักหลังแต่ทำไมต้องแอบคุยกันแบบนี้ด้วย ก็รู้ว่าพี่วินฝังใจกับขวัญข้าว  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 14-01-2018 22:36:20
เตชิตนี่ยังไงเหนอ...  จะเป็นมาแบบแนวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หรือแนวเพื่อนกูรักมึงหว่ะ  กันนะ?
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 16-01-2018 10:44:50
มาต่อได้แล้วครับ  รอทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: Khaoggg ที่ 17-01-2018 01:29:47
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-01-2018 06:49:13
       ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบรู้สึกหรอกค่ะว่ารักหรือชอบ
 เอาแค่สนิทแบบนี้ไปเรื่อยๆพอเเล้วค่ะ
เวลาเหงาก็คิดถึง เวลาเหนื่อยก็คิดถึง เวลาที่อีกคนไม่สบายใจก็นึกถึงกันไว้มากๆ
      เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆสักวันหนึ่งพอรู้ตัวก็สายไปละค่ะ  :mc4:
เพราะกว่าจะรู้ก็รักกันมากแคร์กันมากและไม่อยากอยู่ห่างกันไปละอิอิ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-01-2018 08:49:21
รู้ไหม ว่าฉันนั้นใกล้จะลงแดง?

 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 18-01-2018 09:40:10
เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่ากางเกงในกันผีได้  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 18-01-2018 10:05:15


Chapter 23 : ซ้อมหนัก


หลังเสร็จจากมื้อเช้า ภูพิงค์ก็ขับรถกลับไปยังบ้านเช่าที่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยในเชียงใหม่ โชคดีที่เขากับรวินท์ตื่นมากินมื้อเช้ากันเร็ว อีกฝ่ายจึงเลี่ยงที่จะไม่ตามเตชิตมากินด้วยกันได้

ขณะที่ขับรถไปก็คิดไป ทั้งพี่วินและพี่เต้ดูท่าทางแปลกๆ ทั้งคู่ ไอ้พี่เต้ทำอะไรก็ไม่รู้ แต่ดูพี่วินจะระแวงเอามากๆ เลย

เมื่อวันก่อนพี่วินพูดถึงเรื่องหักหลัง ดูท่าเรื่องนี้จะเป็นสาเหตุของความกลุ้มใจทั้งหมด ที่ทำให้พี่วินดูเหี่ยวๆ ไป

ต่อมเสือกเขาก็สั่นสู้อยู่หรอก แต่ยังพอมีความเกรงใจหลงเหลืออยู่นิดหน่อย ได้แต่ปลอบตัวเองว่าถ้าพี่วินอยากให้เขารู้ เดี๋ยวก็คงเล่าให้ฟังเองนั่นล่ะ

เมื่อกลับถึงบ้านเช่า เอากุญแจรถคืนให้ซินดี้และเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเขาจึงขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของตนไปยังมหาวิทยาลัย พอจอดรถเสร็จ เด็กหนุ่มเดินถือเป้เข้าตึกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงคุ้นเคยของนายกสโมสรนักศึกษาก็ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาททันที


“พิงค์เอ๊ย~”


ภูพิงค์ทำเป็นหูทวนลมแล้วสับเท้ารัว

นายกสโมฯ วิ่งเข้ามาโอบไหล่ “ไอ้พิงค์!”

“ผมมีเรียนเว้ยพี่ กำลังรีบ”

“อย่ามาตอแหล เมื่อกี้ไอ้ซันเพื่อนมึงยังนั่งเม้าท์อยู่ในห้องกับพวกกูอยู่เลย”

“ผมหิวข้าว ยังไม่ได้กินข้าวเช้า”

“เดี๋ยวพี่พาไปกินก็ได้ มีรอยัลคานิน เหมาะสำหรับมึง”

“สัสพี่ ไม่อร่อย ผมเคยลองแล้ว” เด็กหนุ่มพยายามเบี่ยงตัวออก แต่หนีไม่พ้น “ผมยังไม่ได้ทำการบ้านเลยอ่ะ ต้องรีบไปหาลอก”

“ไม่เป็นไร ไอ้ซันมันทำเสร็จแล้ว เดี๋ยวให้มันทำให้มึงต่อ มึงไม่ต้องหาอะไรมาอ้างละ” พอพูดจบก็จับรุ่นน้องล็อกคอแล้วกึ่งลากกึ่งจูงไปยังห้องที่สมาชิกสโมฯ นั่งสุมหัวกันอยู่

ทันทีที่บานประตูห้องเปิดออก ภูพิงค์ก็เอ่ยทักไอ้ซัน เพื่อนสนิทของตน “แหกขี้ตามาวางแผนทำอะไรกูแต่เช้าเลยล่ะมึง”

“แหม กูความรับผิดชอบสูงเฉยๆ เว้ย พี่เขานัดประชุม กูก็มาไง”

เด็กหนุ่มนั่งลงอย่างเซ็งๆ “อ่ะ มีไรให้ผมรับใช้อีกไม่ทราบ”

“พิงค์ เดี๋ยวเย็นนี้เราจะถ่ายคลิปโฆษณากัน จะได้ลองแต่งหน้าใส่ชุดจริงดูด้วย” อาจารย์เอ่ยขึ้น

“ทำไมเร่งจังครับ ถ่ายคลิปนี่จะเอาแค่ไหนอะ ผมยังฝึกไม่จบเพลงเลยนะจารย์ ซ้อมถึงแค่ใช้หัวศอกเข่าหน้าตีกลองเท่านั้นเอง”

“จะโฆษณาก็ต้องถ่ายไว้แต่เนิ่นๆ หน่อยสิ แล้วนี่เหลือต้องซ้อมอะไรบ้าง”

“ตามที่พ่อครูบอกก็เหลือท่าตีด้วยศอกด้านหลังกับจระเข้ฟาดหางอะครับ ยังไม่ได้ซ้อมทั้งวงด้วย”

“ทำไมเหลือเยอะจังล่ะเนี่ย”

“ผมเพิ่งซ้อมมาอาทิตย์เดียวเองนะจารย์! นี่ไม่ได้แตะกลองมาตั้งหลายปีแล้ว~” เด็กหนุ่มครางเสียงหลง

“ไม่เป็นไร เอาแค่ท่อนสั้นๆ บางท่าก็พอ จะถ่ายคลิปโฆษณา ไม่ใช่มิวสิควิดีโอ แต่คลิปนี่ต้องรีบใช้ลงโฆษณาก่อน”

ภูพิงค์พยักหน้าหงึกหงัก “ครับๆ”

“ขยันซ้อมหน่อยนะพิงค์ นี่งานใหญ่ เป็นหน้าตาของคณะเราเชียวนะ เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาซ้อมกัน มาทำกระทงกัน เราก็หายหัว”

“อ้าว ก็พ่อครูไม่ว่างนี่ครับ”

“แล้วไม่คิดจะซ้อมเลยรึไงยะ!” อาจารย์แว้ดใส่ เพราะชักจะหงุดหงิดที่ไอ้เด็กนี่มันเถียงจั๊ง!

ซันรีบช่วยเพื่อนรักแก้ตัว “จารย์เห็นใจมันเหอะ นานๆ มันจะได้เจอแฟนมันอะ ให้มันไปเจอจะได้มีแรงตีกลอง”

“สัส!” ภูพิงค์หันไปส่งนิ้วกลางให้คนพูดทันที

“อ่อออ...” อาจารย์ยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไปเจอพี่หมอของเรามาสินะ”

เพื่อนที่แสนดีรีบชงต่อ “ใช้คำว่าเจอคงไม่ได้ครับจารย์ เพราะมันเปิดตูดหายหัวไปตั้งกะเย็นวันศุกร์ ผมเพิ่งจะได้เจอมันอีกทีก็วันนี้พร้อมทุกคนในห้องเนี้ยะ”

ทั้งโต๊ะหันขวับ พร้อมใจกันส่งเสียงแซว “เหยยย~ ตกลงมึงกับพี่หมอเอาจริงแล้วเหรอวะ”

“พิษรักแรงหอมแน่ๆ”

ภูพิงค์โวยวาย “เว้ย! เอาจริงอะไรวะ แค่เพื่อนกันเว้ย!”

“พูดงี้ระวังพี่หมอเสียใจนา มึงไปหอมแก้มเขาตั้งสองครั้ง ผิดผีกันขนาดนั้นแล้ว”

“ที่หอมไปก็เพราะใครล่ะวะ” เด็กหนุ่มแก้ตัว แต่ไม่รู้ทำไมเขาชักรู้สึกร้อนๆ บนใบหน้าชอบกล

“ถามจริงเหอะ แก้มพี่หมอนุ่มนิ่มดีมั้ยวะ”

“หมดเรื่องคุยแล้วใช่มะ ผมจะไปเรียนแล้ว ไป! ไอ้ซัน ลุกโว้ย!”

“แหม เกรี้ยวกราดว่ะ”

“ไอ้พิงค์มันเขิน เห็นใจมันนิด”

ภูพิงค์อยากจะล้มโต๊ะ ปิดหูแล้ววิ่งออกจากห้องไป เขาฉุดซันให้ลุกจากที่นั่ง จากนั้นก็ล็อกคอลากอีกฝ่ายออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทางก็หันไปเหวี่ยงใส่ไอ้เพื่อนรักที่ขยันหาเรื่องให้เขาสักที ไม่รู้ชาติก่อนมันเป็นเครื่องทำกาแฟหรืออย่างไรถึงได้ชงเก่งนัก “ไอ้สัสซัน มึงอย่าหาเรื่องให้กูนักได้มั้ย กูขอร้อง”

“เรื่องไหนวะ”

“เรื่องพี่วินไงโว้ย”

“เอ๊า นี่งานยี่เป็งก็ไม่ได้มีพี่หมอมาเอี่ยวเลยนะ ยังไม่พอใจอ่อ...”

“กูหมายถึงอย่าชงให้เว่อร์นัก กูกับพี่วินแค่เพื่อนกัน มึงชงกันหนักแบบนี้ ถ้าพี่วินรู้เข้าจะทำให้กูกับพี่เขาเข้าหน้ากันลำบาก”

ซันยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ถามจริงเหอะ มึงยังไม่ชินอีกเหรอวะ กูกับพี่ๆ ก็แซวมึงแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำไมจู่ๆ เพิ่งจะมาเกรี้ยวกราด แล้วมึงกับพี่หมอก็ถึงกับหอมแก้มกันบนเวทีต่อหน้าสายตาเป็นพันคู่มาแล้ว มึงจะห้ามไม่ให้คนจิ้นได้ยังไงวะ”

ภูพิงค์ชะงัก ก่อนจะขมวดคิ้ว... ก็นั่นน่ะสิ ทำไมเขาเพิ่งจะมาเกรี้ยวกราด?


ทำไม?


ทำไมวะ?


“ถ้ามึงกับพี่หมอคิดอะไรกันจริงๆ มึงจะไม่เกรี้ยวกราดรึไง”

เจอคำถามแบบนี้เข้าไป ภูพิงค์ยิ่งอึ้งหนัก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “.....”

“เอ้า ใบ้แดกไปเลย”

“ไป... ไปเรียนเหอะ” เด็กหนุ่มเดินนำเพื่อนรักออกไป ระหว่างทางก็ทวนคำถามของซันไปด้วย


ทำไมเขาถึงเกรี้ยวกราดนักวะ?

เพราะเขาไม่อยากให้คนอื่นจิ้นตัวเขากับพี่วิน หรือ... เพราะไม่อยากให้มันเป็นแค่เรื่องจิ้นกันแน่



เมื่อถึงเวลานัดซ้อมหลังเลิกเรียน นักแสดงตีกลองสะบัดชัยทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ในห้องห้องประชุมเล็ก เด็กหนุ่มฝึกซ้อมท่าตีกลองที่จะใช้ถ่ายคลิปกับพ่อครูก่อน พวกนักแสดงในคณะของพ่อครูร่วมด้วยช่วยกันออกความคิดเห็นว่าเขาควรจะตีกลองด้วยท่าจระเข้ฟาดหาง ด้วยเหตุผลง่ายๆ แต่ชัดเจนว่า เพราะมันดูเท่ดี

กลองสะบัดชัยสมัยก่อนใช้ตีในเวลาออกศึก ไม้ตีกลองในมือเปรียบได้กับดาบ มีการใช้อวัยวะที่ใช้ในการต่อสู้ เช่นศีรษะ ข้อศอก เข่า และเท้า เข้ามาใช้ตีกลองร่วมกับการใช้ไม้ตี แล้วก็ยังใช้ท่าแม่ไม้ที่ใช้ในการต่อสู้เข้ามาผสมผสานด้วย เช่น ตีเข่า ตีศอก และจระเข้ฟาดหาง ทั้งหมดนี้ภูพิงค์เคยเรียนมาหมดแล้ว หากเพราะห่างเหินมานาน เขาจึงต้องใช้เวลาในการรื้อฟื้นสักหน่อย

นักแสดงแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกตีโหม่งกับฉาบให้จังหวะ ครึ่งหนึ่งเป็นนักศึกษา อีกครึ่งเป็นนักแสดงของพ่อครู กลุ่มที่สองมีสองคน ทำหน้าที่แสดงการร่ายรำประกอบการตีฉาบ อันนี้ยากสักหน่อย ถ้าหากไม่เคยฝึกมาก่อนก็จะลำบาก พวกเขาจึงตกลงจะใช้นักแสดงของพ่อครูทั้งสองคน กลุ่มที่สามมีสามคน คนหนึ่งตีกลองสะบัดชัย อีกสองคนช่วยหามกลองไว้ ทั้งสามคนเป็นนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์

หลังจากวอร์มร่างกายเสร็จก็ซ้อมท่าอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนจะเริ่มซ้อมเข้าวงร่วมกับการตีโหม่งและฉาบ

“เอ้า เตรียมตัวนับ หนึ่ง สอง สาม สี่ หนึ่ง สอง สาม สี่... ห้า หก...” พ่อครูนับจังหวะเสียงดังไปพร้อมกับตบมือให้

เด็กหนุ่มง้างมือที่ถือไม้ตีกลองขึ้น ก่อนจะตีลงไปบนหน้ากลองให้เกิดเป็นเสียงดังกังวาน แล้วยกขาขึ้นสลับกันไปตามจังหวะ ไอ้ตอนตีธรรมดาก็สบายอยู่หรอก แต่ท่าที่จะใช้ถ่ายวิดีโอนี่สิ ทำเขาจังหวะหลุดไปสามสี่รอบแล้ว

“ช้าไป! เอาใหม่! แข็งขันอีก!” พ่อครูร้องบอกเป็นะระยะๆ “อีก! ยังดูแข็งแรงไม่พอ ต้องให้ฮึกเหิมหน่อยสิ! ออกรบนะ ไม่ใช่สาวไหม!”

“ขอผมพักก่อนเถอะครู” ภูพิงค์หอบแฮ่ก

“ยังหนุ่มยังแน่น แค่นี้เหนื่อยแล้วรึ”

“โหย นี่มันท่ายากนะครู ผมหิวข้าวด้วยอ่ะ” เด็กหนุ่มเริ่มจะงอแง หากจะไปกินข้าวแล้วค่อยมาซ้อมต่อก็เกรงว่าจะจุก เขานั่งพักฟังเสียงโหม่งกับฉาบไปชั่วครู่ แล้วลุกขึ้นซ้อมต่อ

“หนึ่ง สอง สาม สี่ หนึ่ง สอง สาม สี่... โดด! หก โอเค! อีกรอบ! เกือบดีแล้ว!”

กว่าจะตีได้อย่างที่พ่อครูพอใจ ภูพิงค์รู้สึกว่าไส้เขาจะไหลลงไปกองที่พื้น นี่แค่ท่าเดียวนะ วันจริงเขาต้องตีทั้งเพลง ถึงจะแค่รอบเดียวไม่กี่นาทีก็เถอะ

“เจ๋งไปเลยว่ะพี่พิงค์ โห ไม่เคยรู้เลยว่าคณะเรามีของดี แรร์ไอเทมอยู่ตรงนี้” เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่มาทำหน้าทีตีฉาบกับโหม่งให้จังหวะชมเปาะ “จบงานแสดงพี่ได้แฟนคลับอีกเพียบแน่ พี่หมอคงต้องหึงต้องหวงจนเหนื่อย”

ภูพิงค์คิ้วกระตุก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็หนีไม่พ้นการโดนแซวจริงๆ นี่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงเขาจะไม่ว่าเลยนะ!

ถ้ามันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?

โว้ย! คิดอะไรอีกแล้วเนี่ยกู!


“พิงค์ มาแต่งตัวแต่งหน้าเว้ย เดี๋ยวจะเริ่มถ่ายแล้ว”

เสียงนั้นเรียกให้เด็กหนุ่มหลุดจากความคิดของตนเองไปได้ เขาวิ่งเข้าไปทางกลุ่มคนที่กวักมือเรียก “ครับ!”

ทีมจัดเสื้อผ้ายิ้มแปล้พร้อมส่งรูปชุดให้เขาดูซึ่งก็มีแค่โจงกระเบนสั้นจุ๊ดจู๋กับผ้าผูกเอว พร้อมกับหยิบผ้าที่จะใช้ทำโจงกระเบนขึ้นมาให้ดูด้วย “ใส่แบบนี้นะ”

เมื่อเห็นชุดที่จะต้องใส่ภูพิงค์ก็ชะงัก จากนั้นก็โวยวายทันที “ฝันไปเหอะว่าผมจะใส่ วาบหวิวฉิบหาย! ถ้าจะให้ใส่แบบนี้แล้วจะวัดตัวไปตั้งมากมายทำไมวะ!”

“แหม ล้อเล่นนิดเดียว ชุดจริงคือชุดนี้ต่างหาก” ทีมจัดเสื้อผ้าหัวเราะคิก แล้วส่งรูปใหม่ให้ดู ก่อนจะช่วยแต่งตัวให้ “โธ่ เสียดายชะมัด นึกว่าจะหลงกล”

“ซิกแพ็กผมเก็บไว้ให้แฟนดูเท่านั้นเว้ย”

“เก็บไว้ให้พี่หมอดูเหรอ~”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มร้อนวาบขึ้นมาทันที เขาหลบสายตาของทุกคนแล้วเลี่ยงตอบ “เปลี่ยน... เปลี่ยนเสื้อผ้าสักทีเว้ย”

ชุดที่ภูพิงค์จะใส่แสดงเป็นกางเกงผ้าฝ้ายขายาวสีแดง เสื้อสีครีมแขนกุด มีผ้าผูกเอวสีทองเพื่อให้ดูเด่นเป็นพิเศษเวลาขยับตัว และมีผ้าคาดศีรษะสีเดียวกับกางเกง ในวิดีโอส่วนที่จะถ่ายสำหรับการโฆษณาตีกลองสะบัดชัยจะเน้นถ่ายภูพิงค์คนเดียว ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ จะถ่ายผ่านแวบๆ เท่านั้นจึงไม่ต้องแต่งตัวแต่งหน้าเป็นพิเศษ

“ถ่ายรูปหน่อยพิงค์” ตากล้องตัวดีโผล่หน้าเข้ามาทำหน้าที่

“แต่งหน้าหนาฉิบหาย พี่อย่าทำผมหน้าเทานะเว้ย”

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่เกลี่ยให้เรียบ หล่อเด้งแน่นอน เอ๊า หุบปากแล้วเก๊กหล่อหน่อย”

“เก๊กยังไงวะพี่”

ต่ายถอนหายใจ “เอาแค่หุบปากก็ได้”

เมื่อถ่ายรูปเสร็จยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่งพัก พ่อครูก็ร้องเรียก “เอ้า มาซ้อมตีอีกสักสองรอบก่อนพิงค์เอ๊ย”

“คร้าบ” เด็กหนุ่มขานรับแล้วรีบวิ่งเข้าไปประจำที่ รอพ่อครูให้สัญญาณแล้วจึงเริ่มตีที่สันกลองเป็นจังหวะที่หนึ่งตามที่ได้ฝึกฝนมา

ทีมอาจารย์และทีมสโมฯ เข้ามาดูการถ่ายทำด้วย พวกเขาได้เห็นภูพิงค์ตีกลองสะบัดชัยเป็นครั้งแรก แต่ละคนยืนมองกันอย่างตะลึง “โอ้โห ไม่น่าเชื่อ หลงให้หนวดบังอยู่เป็นปี ต้องขอบคุณจารย์ที่บังคับมันให้ตัดผมโกนหนวดนะเนี่ย”

“ไอ้พิงค์มันก็มีโหมดเป็นการเป็นงานกับเขาเหมือนกันเนอะ”

“เวลาทำหน้านิ่งๆ ขรึมๆ ก็ดูเท่กับเขาได้ด้วยว่ะ” คำชื่นชมแว่วมาเป็นระยะๆ “หล่อเท่แบบ .jpg กับ .gif ที่แท้จริง”

ภูพิงค์หยุดตีกลองกะทันหันแล้วหันมาโวย “โว้ย! ผมได้ยินนะ!” ก่อนจะโดนพ่อครูเอาไม้เรียวสะกิด

“ยังตีไม่จบเพลง มีสมาธิหน่อย!”

เด็กหนุ่มกระโดดหนีไม้เรียว “เย้ย! ครับๆ”

หลังซ้อมเสร็จก็เริ่มถ่ายจริง พวกเขาไปถ่ายทำกันบนเวที ปิดไฟในห้องทั้งหมดแล้วฉายไฟส่องไปที่กลองเดี่ยวๆ

เสียงฉาบและโหม่งดังขึ้นให้จังหวะ ก่อนภูพิงค์จะเริ่มด้วยการควงไม้ตีกลองในมือแล้วเงื้อขึ้น เมื่อตีลงไปจึงโยกลำตัวเล็กน้อยพร้อมกับยกขาให้เข้ากับจังหวะ

ภายในห้องประชุมเงียบกริบ ทุกสายตาถูกสะกดไว้ด้วยการเคลื่อนไหวและเสียงกลองของเด็กหนุ่มบนเวที พ่อครูเองก็ยิ้มอย่างพอใจ

ตากล้องสโมฯ ซึ่งรับหน้าที่ถ่ายวิดีโอด้วยยังอดหัวใจเต้นแรงไม่ได้ เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มรุ่นน้องตีกลองไปครู่ใหญ่ จนเหงื่อโซมกาย “โอเค พอได้”

เสียงดนตรีจบไปพร้อมกับความเท่ของเด็กหนุ่มราวกับปิดสวิตช์ได้ ภูพิงค์หยุดหอบแฮ่ก เขายกมือขึ้นไหว้กลอง ไหว้ครูแล้วเดินไปนั่งอ้าขาอ้าซ่าหอบลิ้นห้อยอยู่บนเก้าอี้

“โว้ย! ไอ้พิงค์ ถ้ามึงเก๊กต่ออีกสักสิบนาทีนี่มึงจะตายเหรอวะ แม่ง พวกกูปรับอารมณ์ไม่ทัน!”

“โหย มันเหนื่อยนะเว้ยพี่ ไม่เชื่อก็ไปลองตีเองสิวะ”

ซันรีบเข้ามาช่วยซับเหงื่อให้เพื่อนรัก พลางแก้ตัวแทน “เห็นใจมันเหอะครับ วันจริงมันต้องเก๊กนานเลยนะ มันคงแทบอกแตกตาย ตอนนี้ก็ปล่อยๆ มันไปบ้าง”

“โห นี่มึงรักกูมากใช่มั้ยเนี่ย”

“เอ้า เช็ดหน้าลบเครื่องสำอางก่อน เช็ดให้เกลี้ยงๆ แล้วค่อยไปล้างหน้า ล้างให้สะอาดด้วยนะเว้ย เดี๋ยวสิวขึ้นจะหล่อไม่เสร็จ” ซันโยนสำลีและขวดน้ำยาล้างเครื่องสำอางให้ “กูเตรียมขนมปังไว้ให้มึงกินรองท้องแล้ว เดี๋ยวล้างหน้าเสร็จมาแดก”

“เออๆ ขอบใจเว้ย”

หลังจากเช็ดหน้าเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าและไปล้างหน้าแล้ว ภูพิงค์ก็ไปนั่งดูคลิปที่ตากล้องถ่ายไว้ พร้อมกับกินขนมปังไปด้วย
“มุมกล้องดีใช่มะ เดี๋ยวไปตัดต่ออีกหน่อย เริ่ดแน่นอน”

“ให้มันจริงเหอะพี่ เอาให้คุ้มที่ผมตีจนลิ้นห้อยด้วยนะ”

“เออ เชื่อมือพี่เถอะน่ะ วันนี้ขอบใจมากนะ พี่ไปก่อนล่ะ” เมื่อได้คลิปสมใจแล้วตากล้องก็เอ่ยลา

ส่วนภูพิงค์ก็นั่งพักอีกสักพัก แล้วค่อยลุกขึ้นไปฝึกซ้อมต่อ


สองวันถัดมา ก่อนที่คลิปโฆษณาขบวนกระทงใหญ่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์จะถูกโพสต์ลงเพจของคณะ อาจารย์และสมาชิกสโมสรนักศึกษาก็มานั่งดูคลิปด้วยกันก่อน ในคลิปมีภาพนักศึกษาขณะร่วมกันสร้างกระทงใหญ่ การซ้อมฟ้อนเจิง และปิดท้ายด้วยการตีกลองสะบัดชัยของภูพิงค์

แสงไฟฉาบลงบนตัวนาคทั้งสองข้างของกลองสะบัดชัย ตามมาด้วยภาพของเด็กหนุ่มที่กำลังควงไม้ตีกลองร่ายรำ ก่อนจะตีลงไปบนกลองสะบัดชัยตามจังหวะอย่างแข็งขัน เมื่อแสงไฟสาดมากระทบใบหน้าจึงเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามกรอบหน้า พอเขาหมุนตัวกระโดดตีกลองด้วยท่าจระเข้ฟาดหาง เม็ดเหงื่อก็ถูกเหวี่ยงออกไปจากปลายเส้นผมที่เปียกชื้นแบบสโลว์โมชัน ก่อนจะจบคลิปลงด้วยเสียงตึงของกลอง ตามมาด้วยข้อความแจ้งรายละเอียดในงานยี่เป็ง คลิปแค่สั้นๆ แต่สะกดทุกสายตาและความสนใจได้เป็นอย่างดี ภายในห้องเงียบกริบไปพักหนึ่งเลยทีเดียว

“โอ้โห! ไอ้พิงค์แม่งเท่สุดใจ ไอ้ต่ายก็แม่ง ฝีมือเทพขึ้นทุกที แต่จะดีกว่านี้ถ้ามึงถ่ายออกมาเทพตลอด” ทุกคนในห้องประชุมสโมฯ ชมเปาะ เวลาที่ไอ้ต่ายถ่ายรูปถ่ายคลิปคนอื่นๆ ในชมรมน่ะเหรอ มีแต่รูปหน้าเหี้ยๆ เหี้ยแบบที่เหี้ยเองเห็นแล้วก็ยังไม่อยากรับเป็นญาติ แต่ถ้าเป็นอะไรที่เรียกยอดไลค์ยอดแชร์ได้นะ มันทุ่มสุดตัว ทุกคนถึงกับต้องยกนิ้วให้กันเลย “ขอเชิญสมาชิกทุกคนในห้องยกนิ้วกลางขึ้นเพื่อชื่นชมไอ้ต่ายกันหน่อยครับ!”

ตากล้องสโมฯ ยืนขึ้นค้อมศีรษะรับ “กูเก่งมาก รู้แล้วครับ แต่คำชมกูจะรับไว้ก็ได้”

ภูพิงค์มองรุ่นพี่ด้วยความหมั่นไส้ “ของแบบนี้มันอยู่ที่นายแบบปะวะพี่”

“พูดไรเกรงใจโปรแกรมเป็นสิบที่กูใช้เกลี่ยหน้ามึงให้หล่อเนี้ยบด้วยเว้ย”

“หล่อขนาดนี้ต้องใช้เป็นสิบเลยเหรอวะ!” เด็กหนุ่มชี้หน้าตัวเองพลางเถียงเสียงแข็ง

“แหม กว่าจะหล่อได้แบบนี้ ก็นึกถึงกูที่ไปขอให้จารย์ช่วยพามึงไปกุดหัวด้วยเว้ย”

“แค่ตัดผมกับโกนหนวดป่ะวะ! หัวผมยังอยู่เว้ย! หน้าก็หน้าเดิมเนี่ย!”

“เอาน่ะๆ อย่าเพิ่งพลอดรักกัน โพสต์คลิปได้แล้วโว้ย” นายกสโมฯ ห้ามทัพแบบเซ็งๆ เมื่ออัปคลิปลงเพจแล้วก็รอดูกระแสตอบรับกันต่อสักหน่อย

คลิปนั้นถูกแชร์ต่อไปไวปานความเร็วแสง ยอดวิวขึ้นพรวดๆ ให้ตากล้องสโมฯ ได้ยิ้มหน้าบาน

เมื่อถึงเวลาฝึกซ้อมในช่วงเย็น เด็กหนุ่มก็เอาคลิปไปอวดพ่อครูและคณะด้วย แต่พ่อครูดูแล้วแค่ยิ้มนิดๆ เท่านั้น จากนั้นจึงบอกว่าเวลาแสดงจริงขอให้แสดงได้ดีอย่างในคลิปทีเถอะ 

การฝึกซ้อมสาหัสขึ้นเมื่อเล่นรวมกันทั้งวง นักแสดงที่ตีโหม่งกับฆ้องให้จังหวะน่ะไม่เท่าไหร่ ยืนซ้อมแล้วเหนื่อยก็ยังนั่งตีได้ หากสำหรับภูพิงค์แล้วเขาต้องขยับทุกส่วนของร่างกายตลอดเวลา กว่าจะถึงวันแสดงเขาคงกล้ามขึ้นแน่นไปทั้งตัว

ดีนะที่เขาฝึกความอึดและถึกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อครั้งที่แบกเสลี่ยงขึ้นดอย เรียนจบไปถ้าหางานของวิศวกรทำไม่ได้ก็จะได้ไปรับจ้างแบกกระสอบข้าวสารหรือกระสอบปูนแทน

ภูพิงค์เฝ้ารอดูรีแอคชั่นจากทันตแพทย์หนุ่มอย่างใจจดใจจ่อ แต่นับจากวันที่โพสต์คลิปจนถึงวันศุกร์แล้วไอ้พี่วินก็ยังนิ่งเฉย ไอ้จะส่งข้อความไปขอให้เข้ามาดูในเพจก็ดูจงใจไปสักหน่อย เขาจึงทำได้แค่รอต่อไป

ไม่ว่าคลิปนั้นจะเป็นที่พูดถึงมากเพียงไหน หากถ้าไม่เข้ามาในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คก็คงไม่มีทางรู้ได้ รวินท์เป็นหนึ่งในคนที่ตกข่าว ไม่ได้รู้อะไรเลย จนวันศุกร์ที่เดินทางมาทำคลินิกที่เชียงใหม่ เห็นป้ายโฆษณางานประเพณียี่เป็งก็ยังไม่ได้ฉุกใจคิดอะไร พอถึงวันเสาร์เขาก็โทรศัพท์ไปเรียกเด็กหนุ่มออกมากินข้าวด้วยกัน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่หลายครั้ง ทว่าไม่มีคนรับสาย

รวินท์นั่งรอเวลาให้คนอ่อนวัยกว่าโทรกลับมา เย็นวันนี้เขาอุตส่าห์ปฏิเสธให้พี่สิงหาไปกินข้าวคนเดียวเพราะจะรอเจออีกฝ่าย หิวรอจนท้องไส้กิ่ว

ภูพิงค์กำลังซ้อมตีกลองอยู่กับวง เขาจึงไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นนอกจากเสียงกลอง ฉาบและโหม่ง พอได้พักจึงเดินออกมาหยิบโทรศัพท์มือถือดู เมื่อเห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มโทรเข้ามาก็เผลอยิ้มกว้าง รีบกดโทรศัพท์กลับไป

คนที่ปลายสายกดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว “โหย กว่าจะโทรมา ผมหิวจะตายแล้วเนี่ย ไปกินข้าวกัน”

รอยยิ้มเจื่อนลงไปเล็กน้อย เพราะเขานึกว่าพี่วินจะโทรมาเรื่องคลิปโฆษณาซะอีก แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็โทรมาเรียกไปกินข้าวด้วยกันล่ะวะ “วันนี้กินไร...”

“พิงค์เอ๊ย” เสียงพ่อครูดังแว่ว ทำให้เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้

“เฮ้ย พี่วิน ผมยังไม่เสร็จงานเลยอะ คงอีกนาน พี่ไปกินก่อนเถอะ”

“อ้าว แย่จังแฮะ”

“ถ้ารอผมพี่คงหิวตายอะ”

“ยุ่งอยู่เหรอวะ เสียงดังจัง”

โหย ไอ้พี่วิน เสียงฆ้องเสียงโหม่งดังขนาดนี้ ช่วยเอะใจหน่อยเหอะว่ะ!

“งั้นไม่เป็นไร ไว้เจอกันนะ”

แล้วอีกฝ่ายก็วางหูไปง่ายๆ

“ไอ้พี่...” ภูพิงค์อ้าปากจะด่า แต่เห็นว่าคนที่นั่งอยู่แถวนั้นหูผึ่ง เขาจึงกลืนคำด่ากลับลงคอไปก่อน เดี๋ยวด่าในใจเอาก็ได้

แม่งเอ๊ย! ไอ้พี่วินก็คือไอ้พี่วิน ไม่ได้ใส่ใจอะไรเล้ย! ไหนว่าจะปรับปรุงตัวไงวะ!

“พิงค์เอ๊ย มาซ้อมได้แล้วลูก”

“ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้” เด็กหนุ่มรีบวิ่งดุ๊กๆ กลับไปฝึกซ้อมต่อ ทว่าแค่ครู่เดียวพ่อครูก็บอกให้หยุดพักอีกครั้ง เขายืนงง แต่ก็คิดว่าดี เขาจะได้ไม่เหนื่อยมาก

หากคราวนี้พ่อครูถึงกับเดินเข้ามาสะกิดแล้วบอกกับเขาใกล้ๆ “พิงค์เอ๊ย ครูบอกให้ตีกลองให้ดูแข็งแรงแข็งขัน แต่ไม่ต้องทุบเอาโป้มๆ ก็ได้ ไปโกรธใครมา”

เจ้าของชื่อเรียกซึ่งกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่ออยู่หันขวับ แล้วเลิกคิ้วขึ้น “ผมตีแรงไปเหรอครับ”

“ไม่ได้รู้ตัวเลยสินะ ใจเย็นๆ พักก่อน มีอะไรก็ไประบายในส้วม อย่าระบายกับกลอง เดี๋ยวพัง” พ่อครูตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ แล้วเดินหัวเราะไปคุยกับนักแสดงฉาบเล็กสองคนต่อ

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว ยังงงๆ อยู่ว่าตนเองหงุดหงิดเรื่องอะไร เรื่องที่ไอ้พี่วินยังไม่เห็นคลิป หรือเพราะไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกัน คิดไปคิดมาก็สะดุ้งเฮือก


แล้วไอ้พี่วินเกี่ยวอะไรด้วยวะเนี่ย!


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 22 : ดอยอินทนนท์][130118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 18-01-2018 10:05:37


ฝ่ายทันตแพทย์หนุ่มนั้น เมื่อภูพิงค์ไม่ว่างเขาก็ต้องไปกินข้าวตามลำพัง จะตามไปกินกับพี่สิงหา อีกฝ่ายก็กินจนเสร็จกลับมาคลินิกเรียบร้อยแล้ว ครั้นจะขอให้พี่สิงหาไปกินด้วยก็ละอายใจนิดหน่อย ในเมื่อเขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายไปกินข้าวแบบเหงาๆ เช่นกัน
ช่างแม่ง รีบกินรีบกลับละกัน

รวินท์เลือกไปกินข้าวมันไก่ที่ร้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคลินิกนัก ตอนเดินเข้าร้านไปก็ไม่ได้สังเกตอะไร หลับหูหลับตาไปนั่ง สั่งอาหารแล้วก็ก้มหน้าก้มตากิน ด้วยความหงุดหงิดจึงกินมันคนเดียวสามจาน ไม่รู้แม่ค้าแกล้งอะไรหรือเปล่า ทำไมจานนึงมันน้อยนักวะ! เห็นเขาเป็นศาลพระภูมิเหรอ!

ขณะตักข้าวใส่ปากไปเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอรวินท์ชำเลืองมองเห็นว่าเป็นเตชิต เขาก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ว่าไง แดกอยู่”

“แดกกับใครวะ พี่สิงหาเหรอ”

“แดกคนเดียว” คนถูกถามตอบเสียงเรียบ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เขาพยายามทำตัวเป็นปกติที่สุด แม้จะรู้สึกถึงกำแพงที่ตนเองสร้างขึ้นไว้กั้นระหว่างกันก็ตามที “มึงล่ะ แดกไรยัง”

“เพิ่งแดกเมื่อกี้ อาหารโรงบาลก็อร่อยดี ซื้อมาเต็มโต๊ะเลย แล้ว... พี่สิงหาไปไหนวะ”

“พี่สิงหากินเสร็จกลับไปก่อนแล้ว”

“อ่อ มึงอยากกินไรมั้ย เดี๋ยวหิ้วไปฝาก”

“ไม่อะ เดี๋ยวอยากกินไรก็ไปเซนทรัลก็ได้ ขอบใจเว้ย... กูแดกต่อก่อนนะ”

“เออ แล้วกูจะโทรมาใหม่”

“มึงไม่ต้องโทรถี่นักก็ได้ กูไม่ได้เหงาอะไรขนาดนั้น ไปใช้เวลากับที่บ้านเหอะ”

“กูแค่ห่วงมึง”

รวินท์คิ้วกระตุก ห่วงเหี้ยอะไร! ห่วงมากจนต้องปิดบังเขาเรื่องตัวมันกับขวัญข้าวเนี่ยนะ! “ไม่ต้องห่วง กูอยู่คนเดียวได้ วางสายไปได้แล้วโว้ย กูจะแดก”

“อือ” เตชิตตอบกลับมาเสียงเศร้า จากนั้นจึงวางสายไป

ทันตแพทย์หนุ่มหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม เขาหันไปสั่งข้าวมันไก่มาเพิ่มอีกจาน แล้วก้มหน้ากินต่อ กินแม่งให้หายโมโห

พอจานที่สี่หมดเกลี้ยงเขาก็เงยหน้าขึ้น กำลังคิดอยู่ในใจว่าจะสั่งต่ออีกจานดีไหม หากเพิ่งสังเกตว่าโต๊ะข้างๆ ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังมีกลุ่มหญิงสาวที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือเต็มไปหมด

ฉิบหาย! เมื่อกี้แดกแบบไม่เกรงใจสายตาใครซะด้วย! รวินท์เหงื่อตก

“พี่วิน~”

“ครับ” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปตามเสียงเรียก

“กินน่าอร่อยมากเลยค่า”

รวินท์หัวเราะแหะๆ “ครับ ก็อร่อยจริงๆ”

“ขอไปนั่งถ่ายรูปด้วยแป๊บสิคะ”

“เอาสิ มาๆ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มการค้าต้อนรับตามความเคยชิน แถมอ้าแขนออกกว้างเตรียมโอบไหล่สาวๆ เสียด้วย

เมื่อเขาตอบรับ กลุ่มเด็กสาวท่าทางใสๆ ห้าคนก็ถาโถมเข้ามาถ่ายรูปด้วยทันที พอถ่ายเสร็จพวกเธอก็หันไปถาม

“พี่พิงค์ไปไหนล่ะคะ”

“เขาไม่ว่างน่ะ”

เด็กสาวหันไปวี้ดด้วยกันก่อนจึงหันมาตอบ “น่าสงสารพี่วินอะ ต้องมากินคนเดียวเลย”

“นั่นสิ ผมเหงาเลยเนี่ย”

“ไม่เป็นไรน้า เดี๋ยวพวกเรานั่งเป็นเพื่อน พี่วินจะกินอะไรอีกดี”

รวินท์อมยิ้มแล้วส่ายหน้า “แย่จัง ผมอิ่มซะแล้ว ทำไมไม่เรียกผมให้เร็วกว่านี้ล่ะ”

“ก็เห็นพี่วินกำลังกินอย่างมีความสุขน่ะสิ กินแบบไม่เงยหน้าเลย”

“โห น่าอายชะมัดเลยอะ” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นลูบท้ายทอยพลางหัวเราะแหะๆ

“น่ารักจะตายไปค่า” เด็กสาวพูดเป็นเสียงเดียวกัน

“ขอถ่ายรูปด้วยบ้างได้มั้ยคะ” เสียงเรียกจากโต๊ะอีกฝั่งดังแทรกขึ้น พวกเธอดูโตกว่าเด็กสาวกลุ่มแรกอยู่ไม่น้อย พอเบียดสาวๆ กลุ่มเดิมออกไปได้ก็ควงแขนทันตแพทย์หนุ่มแล้วถ่ายรูปทันที “คลินิกพี่วินอยู่แถวนี้เหรอคะเนี่ย พอดีเลย พวกเราอะ ปวดฟัน ปวดเหงือก อยากให้พี่วินช่วยดู”

รวินท์ยังไม่ทันได้พูดอะไร เพราะมัวแต่แสกนดูเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่พวกเธอสวมใส่ หากในขณะเดียวกันเด็กสาวกลุ่มแรกก็พูดเสียงแหวขึ้นมา เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของพวกเธอคืน

“นี่ พวกเรามาก่อนนะ”

“ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็ออกไปสิ!”

“ยังไม่เสร็จ ดูดีๆ สิป้า! แก่แล้วตาฟ้าฟางรึไง!”

“พวกแกเรียกใครป้าฮะ!” หญิงสาวอีกกลุ่มตวาดเสียงดัง

ทันตแพทย์หนุ่มสะดุ้งโหยง เห็นท่าไม่ค่อยจะดี ถ้าขืนยังมัวแต่นั่งแจกยิ้มต่อไป เขาอาจจะโดนลูกหลงคางเหลืองได้ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นพรวด “อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า วันนี้ทำคลินิกทั้งวัน เหนื่อยจัง” เขารีบเดินไปจ่ายเงินแล้วก้าวฉับๆ ออกจากร้านไป

ระหว่างที่เดินกลับไปยังคลินิก รวินท์ก็หันไปเห็นว่าพวกหญิงสาวทั้งสองกลุ่มและกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้ามาคุยเดินตามมาห่างๆ เขาจึงจำใจต้องเดินเลยคลินิกไปก่อน เพราะกลัวว่าถ้าหากพวกเธอรู้ว่าเขาทำงานที่คลินิกนี้ พวกเธอจะมายืนออกันที่หน้าร้านตอนกลางวัน เดี๋ยวเจ้าของร้านจะด่าเอา เขายังต้องทำงานหาเงินที่คลินิกนี้อยู่นะ

เดินไปไกลแล้วพวกเธอก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะท้อ แต่ตัวเขาเนี่ยหอบแฮ่กๆ แวบหนึ่งเขานึกถึงภูพิงค์ อยากจะโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือ หากอีกฝ่ายก็ไม่ว่างเสียอีก

แย่ชะมัด... ถ้าเป็นช่วงอื่นภูพิงค์คงซิ่งบิ๊กไบค์มาช่วยเขาแล้ว

ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มเดินหมดอาลัยตายอยากไปเรื่อยๆ แซนดี้ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี เขาจอดมอเตอไซค์ถาม “ฮ้าย พ่อหนุ่มสุดหล่อ ดึกๆ เปลี่ยวๆ มาทำอะไรคนเดียวค้า”

รวินท์หันขวับ “แซนดี้! มาพอดีเลย!” แล้วกระโจนเข้าไปหาอีกฝ่าย “ช่วยผมหน่อย เดินมาไกลแล้วเนี่ย พวกเขายังตามมาไม่เลิกเลย” พลางพยักพเยิดไปทางด้านหลัง

แซนดี้ยิ้มพลางหันมองตามไป “เอ๊า... ไม่ชอบเหรอพี่หมอ น่ารักๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลยน้า~”

“ก็น่ารักอยู่ แต่ผมไม่อยากให้คนรู้จักคลินิกที่ผมทำงานมากนัก เดี๋ยวเจ้าของเขาเห็นว่าผมทำให้วุ่นวาย แล้วไม่จ้างผมต่อล่ะซวยเลย”

แซนดี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ “บางทีคนหล่อก็แอบมีกรรมเหมือนกันเว้ยเฮ้ย มาๆ ขึ้นมาซ้อนท้าย เดี๋ยวผมพาขี่ไปหลบที่บ้านก่อนละกัน”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มพร้อมกับขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอย่างรวดเร็ว “ขอบใจ”


ภายในบ้านเช่ามีเพียงรวินท์กับแซนดี้สองคนเท่านั้น พวกเขานั่งดูโทรทัศน์กันอยู่ในห้องนั่งเล่น แซนดี้เอาขนมหวานที่ซื้อมาไว้ให้เพื่อนสนิทอีกสี่คนมาให้รวินท์กินไปพลางๆ ก่อน

“เขาไปไหนกันหมดเนี่ย ไปช่วยงานคณะกันหมดเลยเหรอ”

“ใช่พี่ งานใหญ่ก็งี้ คณะนี้แม่งบ้าพลังด้วย”

“อือ...” รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะหันขวับไปทางโทรทัศน์เมื่อได้ยินเสียงเพลงเริ่มต้นรายการตลก แล้วเขากับแซนดี้ก็นั่งหัวเราะท้องแข็งไปด้วยกัน

แต่จนจบรายการแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าสี่หนุ่มจะกลับมา ทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปยังนาฬิกาบนผนังพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ

“ไม่ต้องรอมันหรอกพี่หมอ นู้น เที่ยงคืนตีหนึ่ง กว่าจะซมซานกลับกันมา”

“งั้นผมกลับก่อนดีกว่า” จะอยู่รอก็เกรงใจอีกฝ่าย เผื่อว่าอยากจะเข้านอน

“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง จะไปซื้อของกินไว้ให้ไอ้พวกนั้นกินมื้อดึกด้วยน่ะ เดี๋ยวพวกมันกลับมาอย่างหิวโซสุดแล้วจะงอแง”

“ของกินเหรอ...” รวินท์กัดริมฝีปากเบาๆ “งั้นผมไปซื้อด้วยแล้วแซนดี้ค่อยไปส่งผมได้มั้ย”

“ได้สิค้า ปะๆ ไปกัน”

แล้วทันตแพทย์หนุ่มก็นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของแซนดี้ออกไป พวกเขาไปหยุดซื้ออาหารกันที่ร้านแถวหลังมหาวิทยาลัยนั่นล่ะ มีเป็นสิบๆ ร้านให้เลือก รวินท์ซื้อหมูสะเต๊ะมาสองถุง ถุงเล็กกะว่าจะเอาไปนั่งกินเล่นที่หอ ส่วนถุงใหญ่...

“โห พี่หมอกินจุนะเนี่ย”

“เปล่าๆ ของผมถุงเดียว ผมฝากอีกถุงไว้ให้ เอ่อ... น้องๆ สี่คนด้วยละกัน ทำงานกันเหนื่อยๆ คงจะหิว”

“อ๋อ ฝากให้ไอ้พิงค์”

“เอ้อ... ก็แบ่งๆ กัน”

แซนดี้หรี่ตามอง “แหม พี่หมอใจดีจัง ไม่รู้จะให้มันทำไมเนี่ย”

“ก็พิงค์ช่วยเหลือผมบ่อยๆ”

“อ้อ สรุปให้ไอ้พิงค์”

“นั่นแหละ ก็แบ่งกันไง!” รวินท์เท้ากระตุก ไอ้แก๊งนี้นี่ เขารู้แล้วว่าทำไมถึงคบกันได้ “แล้วคุณซื้อเสร็จยัง”

“เสร็จแล้วค่า!” แซนดี้ยิ้มกรุ้มกริ่ม

หลังจากนั้นแซนดี้ก็ขี่มอเตอร์ไซค์พาทันตแพทย์หนุ่มไปส่งที่คลินิก ระหว่างทางก็เม้ามอยกันไป

“ทำไมวันนี้ขี่มอไซค์มาได้ล่ะเนี่ย รถคุณไปไหน”

“นี่มอไซค์ของไอ้ดิวน่ะพี่หมอ วันนี้ผมให้พวกมันเอารถไป กลับดึกๆ เหนื่อยๆ ง่วงๆ ขี่มอไซค์อันตราย”

“ใจดีจัง ครั้งก่อนก็ให้พิงค์ยืมรถขับมาหาผม ขอบใจมากนะ”

“ค่า นิดๆ หน่อยๆ น่าพี่หมอ” ไม่นานรถมอเตอร์ไซค์ก็ขับเข้าไปจอดที่หน้าคลินิก

รวินท์ก้าวลงมาจากมอเตอร์ไซค์ แล้วหันไปยิ้มให้อีกฝ่าย“ผมได้ยินจากพี่นิ้งมาอีกที ตึ๋งเล่าว่าที่บ้านคุณช่วยหางานกับที่พักให้เพื่อนเขา ทำให้เพื่อนเขาได้เรียนต่อ แซนดี้นี่น่ารักจริงๆ เลย”

แซนดี้ยกมือขึ้นลูบหมวกกันน็อกที่สวมอยู่อย่างเขินๆ “อะไรที่พอช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยๆ กันไปน่ะพี่ ผมโชคดี ก็เลยอยากแบ่งความโชคดีให้คนอื่นบ้าง”

“ขอบใจมากนะ ขี่รถกลับบ้านดีๆ”

“ค่า ช่วงนี้ไอ้พิงค์มันอาจจะไม่ว่างมาเป็นไม้กันหมาให้ มีอะไรให้ช่วยก็โทรเรียกผมได้นะพี่หมอ”

“ขอบใจๆ” รวินท์หัวเราะ เขายืนส่งให้อีกฝ่ายขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป แล้วจึงเดินเข้าไปในคลินิก


ฝ่ายภูพิงค์นั้น หลังจากพ่อครูกับคณะกลับไปสักพักแล้ว เขากับเพื่อนๆ ก็ยังอยู่ฝึกซ้อมกันต่ออีก พอฝึกซ้อมเสร็จก็ไปช่วยเพื่อนอีกกลุ่มเตรียมของตกแต่งรถซึ่งจะทำเป็นเวทีสำหรับการตีกลองต่อ

“ไอ้พิงค์ๆ ดูดิๆ พี่หมอของมึงไง” จู่ๆ รุ่นพี่ในคณะก็ส่งโทรศัพท์มือถือมาให้ดู “ไปกินข้าวมันไก่กับสาวๆ เพียบเลยเว้ย”

คนที่กำลังทาสีบนผืนผ้าหยุดกึก เขาหันไปมองรูปแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปทาสีต่อ “ไม่ใช่ของกู!”

เหอะ พออยู่คนเดียวก็ขี้อ่อยเหมือนเคย

ไหนว่าจะปรับปรุงตัวเองไง! เชื่อถือไม่ได้เลยแม่ง!

“ไอ้พิงค์ ทาเบาๆ ก็ได้ สีกระเด็นเลอะเทอะไปหมดแล้วเนี่ย!” เพื่อนที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้นโวยวาย

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น “โทษๆ”

“มึงไปพักเหอะไอ้พิงค์ เต้นแร้งเต้นกามาตลอดบ่ายแล้ว ไม่เหนื่อยเหรอวะ มึงจะถึกไปไหนเนี่ย”

“เออ กลับกันเหอะ มึงเริ่มบ่าย แต่กูเนี่ย ทำงานขาขวิดแต่เช้า” ซันพยักหน้าเห็นด้วย เพราะดูไอ้พิงค์มันหงุดหงิดงุ่นง่านชอบกล เขาเดินไปสะกิดเรียกดิวและขิง จากนั้นก็รีบขับรถกลับไปที่บ้านเช่ากัน

แซนดี้ยังนั่งทำการบ้านอยู่ที่ห้องนั่งเล่นที่เดิมนั่นล่ะ พอเห็นเพื่อนๆ กลับมาถึงบ้านก็เอ่ยทัก “เฮ้ย ทำไมกลับเร็ววะ”

“เร็วพ่องส์ ห้าทุ่มนี่เร็วเหรอวะ! มีไรกินบ้างอะ”

“ซื้อราดหน้าไว้ให้ในครัว แล้วก็... มีหมูเต๊ะพิเศษของไอ้พิงค์”

“เฮ้ย ทำไมมึงลำเอียงแบบนี้วะ” สามหนุ่มหันไปต่อว่าแซนดี้อย่างพร้อมเพรียง

“กูไม่ได้ลำเอียงโว้ย แต่มีคนเขาฝากมา~” แซนดี้ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “ใครวะ”

“พี่หมอของมึงไง”

เด็กหนุ่มหันขวับ “เจอพี่วินเหรอ”

“เออ เจอพี่หมอหนีสาวอยู่ เห็นว่าอยู่คนเดียวท่าจะไม่รอด กูเลยพามาหลบที่บ้านเนี่ยเป็นชั่วโมง พี่หมอก็ตั้งใจจะรอมึงแหละ แต่ดึกแล้ว กูเลยเพิ่งไปส่งก่อนมึงกลับมาครึ่งชั่วโมงได้”

อยู่คนเดียว? หนีสาว? งั้นไอ้พี่วินคงไม่ได้ไปกินข้าวโปรยปรายกับสาวๆ อาจจะเจอกันที่ร้านนั่นล่ะ แต่ที่สำคัญคือพี่วินมานั่งรอเขาอยู่ในบ้านเช่า แล้วยังซื้อหมูสะเต๊ะไว้ให้ด้วย

ขิงมองหน้าเพื่อนรักแล้วเลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ยๆ ยิ้มว่ะ ยิ้มเว้ย”

“แหม หน้าบูดเป็นตูดหมาตลอดเย็น จู่ๆ ก็ยิ้มได้ว่ะ เหวยยย~ เหวยยย~” หนุ่มๆ อีกสองหน่อร่วมเห่าหอนเสียงขรม

ภูพิงค์ส่งนิ้วกลางให้รายตัว “ไอ้พวกเหี้ย กูเห็นของกินแล้วยิ้ม แปลกตรงไหนวะ”

“อ้อ เหรอ เออๆ จ้าๆ ยิ้มให้ของกินเว้ย”

สามหนุ่มอุ่นอาหารแล้วนั่งกินกันในครัว ส่วนภูพิงค์พออุ่นอาหารเสร็จก็แบ่งหมูสะเต๊ะให้เพื่อน ก่อนจะเอาส่วนที่เหลือมานั่งกินข้างๆ แซนดี้ เขาอยากรู้น่ะแหละว่าอีกฝ่ายกับพี่วินคุยอะไรกัน แต่ไม่อยากถามให้เสียฟอร์ม

“มานั่งแดกอะไรตรงนี้”

“เห็นมึงนั่งคนเดียว เดี๋ยวเหงา”

แซนดี้เบะปากกลอกตามองบน นึกว่าเขามองจุดประสงค์มันไม่ออกเหรอ ขึ้นเป็นไฟแวบๆ บนหน้าผากขนาดนั้น “ไม่ได้คุยอะไรกันเว้ย แค่นั่งดูโทรทัศน์แล้วก็พาไปส่ง”

“พี่วินยังไม่รู้เรื่องกลองสะบัดชัยเหรอวะ”

“รู้ว่ามึงแสดงในงานน่ะเหรอ ยังมั้ง ไม่เห็นพูดถึง”

พอได้ยินดังนั้นเด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ ดีที่ยังมีหมูสะเต๊ะอยู่ ทำให้เขาไม่ห่อเหี่ยวมากนัก

แซนดี้ชำเลืองมองอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าพลางนึกในใจ


เห็นมะ ที่กูเคยบอกไว้น่ะ ผิดเพี้ยนซะที่ไหน! เมื่อไหร่จะรู้ตัวกันสักทีโว้ย!


*TBC*


พอไม่ได้เจอกัน มันก็จะเหงาๆ หน่อยแบบเนี้ยยยย

พี่หมอก็ดันไม่ติดโซเชียลเน็ตเวิร์คอี้กกกก สงสารเด็กเขานะคะ อุตส่าห์จะหล่อจะเท่อวดพี่ทั้งที /กอดปลอบน้องพิงค์

ปล. หนูพิงค์เขาว่าเขาจะเก็บซิกแพ็กไว้อวดแฟน แร้วๆๆๆ คุ้นๆ ว่าเพิ่งถอดผ้าอวดใครไปกันนะ เด็กบร้าาาา~

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ  :mew1: ตอนหน้าน้องพิงค์จะออกอาการหนักกว่านี้ บอกเรยยย เกียมจิกหมอน  :impress2:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: maybe0111 ที่ 18-01-2018 10:50:35
เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักที  ลุ้นจนเหนื่อยละนะ55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 18-01-2018 10:52:07
อ่านแล้วนะ

เรื่องของเพื่อนก็ยังไม่เคลียร์เลย

มาเรื่องน้องพิงอีก  :a6:

เหนื่อยแทนพี่วินจริงๆ แล้วสองคนนี้ไม่รู้ใจตัวเองซักที

เป็นกำลังใจให้คนเขียนน้า :3123:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-01-2018 11:00:40
ไม่ได้เจอกันก็จะดูเหงาๆหน่อย แอบสงสารพิงค์ พี่หมอนี่ก็ไม่ท่องโซเชียลบ้างเล๊ย น้องมันอยากให้เห็นคลิปแย่และ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 18-01-2018 11:13:20
โอ้ยน้องมีความงอลพี่... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 18-01-2018 11:17:41
นั่นสิ เมื่ไหร่จะรู้ตั๊ววววว วุ้วววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 18-01-2018 11:20:36
ยังคงสงสัย และระแวงหมอเต้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-01-2018 11:21:14
รอพี่หมอวินเห็นคลิป มีคนเหี่ยวเฉารอพี่เห็นอยู่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-01-2018 11:29:33
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-01-2018 11:33:49
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: SIRINN ที่ 18-01-2018 11:41:37
ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: somuch ที่ 18-01-2018 12:27:37
นุ้งพิงค์ กูดจ๊อบ!!!

ขอกล้ามแน่นๆค่ะน้อง เอาแบบ พี่วินพลิกกลับมมาไม่ได้อีกต่อปรัย หึหึหึ//หัวเราะชั่วร้าย

ชอบค่ะ ชอบ ชอบความรักกันแต่ไม่รู้ตัว อยากอ่านตอนงานยี่เป็งเลยค่ะ แอบลุ้นให้พี่หมอหึงมั่ง

//ปักธงพิงค์วินอย่างเกรี้ยวกราดตามน้องพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 18-01-2018 12:38:14
น้องงอนพี่ง้อสินะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 18-01-2018 12:38:54
จริงๆๆๆเมื่อไหร่จะร๊ตัวซักที อยากให้เป็นแฟนกันแล้วอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 18-01-2018 12:57:27
พี่หมอสังเกตบ้างเถอะ อ้ากกกกกกกก

แหมพิงค์อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ยังกับคนเมนมา  :m20:  วันนั้นระวังพี่หมอจะหึงน้ออออออ

มีดล้ามาแล้วไงพี่หมอก็มี
   นี้ยังเชีย วินพิงอยู่ อยากเห็น วิศวะโดนฟัน อิอิ

พี่หมอคิดถึงน้อง ก็สังเกตรอบข้างบ้างซิค้าาาาา. พ่อปลาโลมา5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-01-2018 13:11:35
ลำพังสองคนอาจไม่ถึงฝั่งต้องให้แม่หมอแซนดี้ช่วยซะมั้ง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2018 13:17:53
ทำไมเต้ ต้องเศร้าตอนที่วินตอบแบบไม่สนใจ  :hao3: :hao3: :hao3:
เต้ ติดต่อขวัญ เพราะรักษาอาการของพ่อหรือเปล่า
แล้วขวัญ ไม่ให้เต้บอกวิน

พิงค์ หวั่นไหวพี่วินแล้ว  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-01-2018 14:09:25
โธ่ พี่หมอ รีบๆ รู้ตัวหน่อยเถอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 18-01-2018 14:15:30
ยังอึมครึมอยู่ มาต่อไวๆนาจา :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-01-2018 15:10:10
มีคนหงอยว่ะเห้ยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-01-2018 15:10:45
น้องพิงค์น่าสงสาร น้อยใจพี่หมอวินไปกี่รอบแล้วเนี่ย 555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 18-01-2018 16:12:16
น้องพิงค์ออกอาการแล้ว อยากเห็นพี่หมอวินออกอาการบ้างอ่ะค้าบบบบบบ :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 18-01-2018 17:16:03
ไม่เจอกัน ใจจะขาดแล้วม้างงงงง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 18-01-2018 18:16:47
พี่หมอ ผู้รู้ตัวช้า 55  :กอด1: กอดพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 18-01-2018 18:33:52
        ผู้ชายแมนๆเวลางอแงก็น่ารักดีนะค่ะ
น้องพิงค์ก็นะงอลพี่เค้าไม่เข้าเรื่อง
พี่เค้าไม่ได้ไปอ่อยสาวซะหน่อย
หวงมากๆทำไมไม่ตีตราไว้ละค่ะ
สาวๆจะได้ไม่เข้าไกล้   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 18-01-2018 18:37:32
หงอยกันทั้งสองคนเลยเว้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 18-01-2018 18:40:46
อ้าวๆ เจอคนงอน1อัตรา พี่วินมาง้อน้องด่วนเลยจ้าา :m17:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 18-01-2018 18:52:35
ขอบคุณคร้าาาาไรท์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-01-2018 19:07:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 18-01-2018 20:10:06
 :mew2: เย่ ;)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-01-2018 20:29:35
ไม่รู้จะสงสารใคร พี่วินก็คนซื่อ 55555
ความรู้สึกเราที่มีต่อเต้เหมือนพี่วินเลยค่ะ ไม่สนิทใจอีกต่อไป ทำอะไรก็ดูหงุดหงิดน่ารำคาญไปหมด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 18-01-2018 20:35:54
โอ้ะ น้องพิงค์ หึงพี่เขาอีกแล้วอ่ะ แหม ๆ ยังไม่ทันไร ก็หึงพี่เขาไม่รู้ตัวแล้วนะ
มีน้อยใจที่พี่ยังไม่เห็นความเท่ห์ตัวด้วย ไม่เป็นไร ๆ
รอให้พี่วินมาเห็นของจริง เซอร์ไพรส์ไปเลยก็ดีนะ รับรองพี่วินใจเต้นแน่ ๆ > <
นี่เชียร์น้องพิงค์เป็นเคะน้อย ๆ มาตลอด แต่ตอนหลัง ๆ ความเท่ห์ของน้องชักทำให้หวั่นไหวซะแล้ว 555
ส่วนพี่วิน ก็รู้สึกจะน่าเอ็นดูขึ้นทุกวัน ๆ  สรุป จะวินพิงค์ หรือ พิงค์วิน ก็รักทั้งคู่เหมือนเดิมล่ะจ้า
เรื่องพี่เต้ อยากให้พี่วินคุยกับพี่เต้ตรง ๆ ไปเลยจัง ยังไงก็เพื่อนกัน เชื่อว่าพี่เต้ไม่หักหลังพี่วินแน่ ๆ อ่ะ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 18-01-2018 21:42:47
โถน้องพิงค์ผู้น่าสงสาร รอลุ้นอยู่รนแต่พี่วินเขาไม่สนโลกโซเชียลไง คืออย่างนี้ต้องบอกนะไม่งั้นพี่แกคงไม่รู้ยาวๆเผลอๆจนจบงานก็ไม่รู้5555555555555
เนี้ยสายตาเฉียบขาดสุดก็แซนดี้นี่แหละ
คนซึนทั้งคู่  ส่วนหมอเต้นี่ก็ต้องรอดูกันต่อไป
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-01-2018 22:15:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-01-2018 22:36:18
น้องพิงค์น่าสงสาร ไม่ได้เจอหน้าหมอ แต่เจอหมูเต๊ะก็ยังดีใจมะ
แซนดี้ช่วยทำให้รู้ตัวรู้ใจกันซักทีเหอะ งอนกันกว่านี้ก็ผัวเมียแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 19-01-2018 00:23:51
น้องพิ้งติดบ่วงพี่หมอเข้าสะแล้ว
บ่วงนี้มันเหนียวนัก ไม่มีทางหลุกแน่เลยน้องเอ๊ย
หวังอกจะไม่แตกตายก่อนนะ รีบรู้ตัวไวๆนะพิ้งนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-01-2018 09:17:20
น้องก็รอพี่วินไปดิ พี่วินไม่ได้เข้าโซเชียลเลย ไม่เจอกันแล้วเหงาใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 19-01-2018 10:02:04
ลุ้นจนเหนื่อยยแทนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-01-2018 10:29:45
พี่วินจ๋า รู้เรื่องซะทีน้องภูรอโชว์ความเท่อยู่นะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-01-2018 19:12:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-01-2018 22:04:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Lady~B ที่ 19-01-2018 22:15:13
สงสัยอิพิเต้ สรุปนางจะตีท้ายครัวพี่วิน หรือจริงๆนางอยู่เบื้องหลังคอยปั่นขวัญข้าวให้ทิ้งพี่วินแล้วจะเคลมพี่วินเองกันแน่ ดูห่วงใยแปลกๆ

-----------

พิงค์ นี่ต้องอ่านว่า พิง ใช่ป่าว เพราะตัดว่าจากภูพิงค์ อินี่ออกเสียงในใจว่าน้องพิ้งค์ตลอดดดดด  :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 20-01-2018 09:52:14
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 20-01-2018 13:35:59
น้องก็ดูมีใจให้พี่นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 20-01-2018 14:31:53
ตลกพิงค์ หายเคืองเพราะหมูสะเต๊ะ แม่หมอแซนดี้อย่าลืมชงเรื่องพี่หมอเยอะๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 21-01-2018 01:55:35
แอบเหนื่อยแทนพิงค์กิจกรรมเยอะมากเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 21-01-2018 14:54:52
นี้ทำไมเรื่องเตเราตะหงิดจัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-01-2018 15:25:54
ภูพิงค์เป็นอะไรคะ อาการปกติเนาะ
แค่ไม่ได้เจอ แค่ได้ยินคนเมาท์ แค่คุยกันแล้วพี่วางสายใส่
แค่พี่ยังไม่รู้ว่าน้องมีซ้อมหนัก และโชว์ตัว

แต่พอรู้ว่าพี่ซื้อของกินฝากไว้ให้ คือ อาการของคนบ้าเนาะ 55555

หมอวินน่าสงสาร กะจะรอน้องไปกินข้าวด้วย
หงุดหงิดที่ไปกินคนเดียว เลยกินหนักมาก
และก็ห่วงน้องด้วย กลัวน้องหิว

งงงวยกันต่อไปค่ะ อาการของคนไม่รู้ตัว
ขนาดแซนดี้ยังรู้เลย เพื่อนๆ ยังดูออกเลย

แต่เคืองเต้ทำไม เต้แค่เป็นห่วง 5555
เต้รีบมาเคลียร์นะ จะดีจะร้ายก็รีบมา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Trystan ที่ 22-01-2018 23:38:41
วินลูกกกก กินเข้าไปได้ไง 4 จาน ไปบ้านแซนดี้ก็กินขนมอีก แซนดี้ไปซื้อของกินก็ตามไปซื้ออีก รู้กกกกกก อ้วนนนนนนนโว้ยยยยยยยยยย :hao7: :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 23-01-2018 07:45:01
งื่ออออออ พี่วิ๊นนนนนนนนนนนนนน สนใจน้องพิงค์โหน่ยยยยยยยย

น้องดังใหญ่แล้วนะตอนนี้ เดี๋ยวเสียใจซ้ำสองหรอกกก ฮึ...
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 23-01-2018 13:32:43
แซนดี้ช่วยน้องด้วยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-01-2018 17:05:07
ชูป้ายไฟ พิงค์วิน ค่าาาาาา
อย่าคว่ำเรือเราาาาา
น้องพิงค์ออกอาการได้น่ารักมากๆอะ
พี่หมอวินก้เริ่มๆอาการออกแล้วว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-01-2018 19:35:18
แวะมาส่องพี่วินกะพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 24-01-2018 10:21:10


Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน


เวลาผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ วันเสาร์วนเวียนมาอีกครั้ง และอาทิตย์หน้าจะเป็นวันงานประเพณียี่เป็งแล้ว งานขบวนกระทงใหญ่จะจัดขึ้นในวันอังคารที่กำลังจะมาถึง

รถที่จะใช้เป็นเวทีของภูพิงค์จัดแต่งไว้เสร็จเรียบร้อย มีการจัดการขาตั้งเอาไว้รองใต้เวทีตอนที่มีการแสดงเพื่อให้รับแรงกระแทกได้มากและลดการสั่นสะเทือน ส่วนกระทงใหญ่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็เป็นรูปเป็นร่างสวยงามแล้ว เหลือเพียงแค่ตกแต่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยและนำดอกไม้มาประดับเพิ่มบางส่วน พวกนักศึกษากำลังช่วยกันเย็บกระดาษซึ่งตัดเป็นกลีบดอกไม้ลงบนแบบอย่างขันแข็ง

ในส่วนของการแสดง พอพวกเขานำการฟ้อนเจิงเข้ามาซ้อมร่วมกับการตีกลองด้วยแล้ว ช่วงแรกๆ ก็มั่วกันน่าดู แต่ผ่านไปสักสองสามวันก็ลงตัวมากขึ้น เวลานี้ทุกคนย้ายกันมาฝึกซ้อมที่ลานกว้างของคณะ เพื่อที่จะได้ตั้งแถวแสดงกันอย่างในวันจริง

สำหรับขบวนกระทงใหญ่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่จะเข้าร่วมในวันงานนั้น นักแสดงจะร่วมเดินขบวนโชว์ตัวไปเฉยๆ ก่อน ภูพิงค์กับเพื่อนอีกสองคนบนรถที่ทำหน้าที่ถือกลองก็เช่นกัน จนกระทั่งไปหยุดที่ลานแสดงจึงจะจัดเตรียมเวทีชั่วคราว เริ่มฟ้อนและตีกลองกัน

เด็กหนุ่มมาซ้อมการแสดงกับเพื่อนๆ ในตอนบ่ายแก่ๆ เมื่อแดดร่มลมตกไปบ้าง เนื่องจากพวกเขาต้องแสดงกันข้างนอกอาคาร ซึ่งอากาศร้อนจนยืนเฉยๆ ตัวยังแทบจะลุกเป็นไฟ

พอถึงเวลาพัก แต่ละคนเหงื่อโซมกาย ภูพิงค์เดินอาดๆ ไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาซับเหงื่อ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เขาหงุดหงิด กระฟัดกระเฟียดอย่างบอกไม่ถูก วันสองวันมานี่ตีกลองอย่างบ้าคลั่งจนพ่อครูติแล้วติอีก

“ไอ้พิงค์ดูอาการหนักว่ะ ใกล้งานแล้วด้วย มันเครียดอะไรรึเปล่าวะ ตีกลองเหมือนจะนำทัพไปรบกับเกาหลีเหนือ” ดิวพูดขึ้นขณะทากาวเลื่อมติดลงบนกระทงใหญ่ไปด้วย

“มึงทำอะไรสักอย่างสิไอ้ซัน ก่อนไอ้ห่าพิงค์จะน็อกน้ำลายฟูมปากเพราะความบ้าพลังของมัน กูว่ามันเริ่มตาขวางแล้วนะเว้ย เดี๋ยววันจริงไม่มีคนตีกลองนะมึง” ขิงหันไปขู่

“พวกมึงจะให้กูทำไรอีกวะ ทั้งผ้าเย็น น้ำท่าอาหารกูก็เอามาประเคนให้มันแดกตลอด”

“สงสัยมันจะขาดยาใจเว้ย มันไม่ได้เจอพี่หมอมาจะสองอาทิตย์แล้วนี่” ดิวพูดทีเล่นทีจริง พลางหัวเราะร่วน

ซันขมวดคิ้ว งานนี้เขาอุตส่าห์ไม่หาเรื่องไปขอพี่หมอมาใช้งานเพราะเกรงใจ แล้วก็กลัวไอ้พิงค์จะเกรี้ยวกราดอีก แต่สงสัยรับงานคนเดียวจะเครียด เขาจึงจัดการโทรศัพท์ไปปรึกษากับแซนดี้ทันที


“กูว่านอกจากมันจะไม่ได้เจอพี่หมอแล้ว พี่หมอยังไม่สนใจเรื่องที่มันตีกลองด้วยเว้ย นั่นแหละประเด็น”

“อ๋ออออ!” ซันอ๋อเสียงดัง “อีแซนดี้ งั้นมึงช่วยหน่อยเถอะ ไปรับพี่หมอมาหาไอ้พิงค์ที มันทุรนทุราย หงุดหงิดงุ่นง่าน จะตีกลอง
แตกก่อนวันงานละ ตอนนี้พวกกูอยู่ตรงลานคณะเนี่ยแหละ”

“เออ ได้ เดี๋ยวกูไปดักฉุดหน้าคลินิก”

“ฝากเอาคลิปให้พี่หมอดูด้วยเว้ย”

“โอเค เดี๋ยวเจอกัน”

แซนดี้ปิดบ้าน ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปยังคลินิกทันที เมื่อไปถึงรวินท์ยังไม่เลิกงาน แต่เขาก็ถือโอกาสเข้าไปนั่งรอ แล้วคุยกับพี่นิ้งและตึ๋งรอไปพลางๆ

“รอก่อนนะแซนดี้ มีคนไข้อีกสองคนจ้ะ”

“รอได้ค่า”

รวินท์ได้ยินเสียงของแซนดี้แล้ว หากยังติดรักษาคนไข้อยู่ เขารอให้เสร็จก่อนจึงชะโงกหน้าออกมาทักทาย “ว่าไงแซนดี้ มาตรวจฟันเหรอ”

“เปล่าค่า แหม มาถึงพี่หมอก็ชวนทำเรื่องเสียวเลยนะ มาชวนพี่หมอไปดูผู้ชายต่างหากค่า”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ “มีอะไรน่าดูอะ”

“น่าดูจริงๆ ไม่ครางอืออาให้พี่หมอตบเลยเอ้า”

“เออ งั้นเตรียมหน้าไว้ให้พร้อมเลยนะ” รวินท์พูดพร้อมกับถอยกลับเข้าห้องไปเพื่อเตรียมตัวทำการรักษาคนไข้คนใหม่ ระหว่างนั้นก็ฟังเสียงแซนดี้เม้ามอยกับตึ๋งและพี่นิ้งไปด้วย

ตึ๋งก้มหน้าทำการบ้านอยู่สักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้น “วันงานจะต้องไปจองที่รอดูพี่พิงค์รึเปล่าเนี่ย”

“นั่นสิ สาวๆ น่าจะเยอะมากด้วย ถ้าอยากเห็นใกล้ๆ ก็คงต้องไปรอแต่หัววัน แต่มันแสดงกี่โมงพี่ก็ไม่รู้อะ”

พี่นิ้งเข้ามาร่วมวงด้วยอย่างสนใจ “น้องพิงค์แสดงอะไรเหรอจ๊ะ”

“ที่ผมเอาให้แม่ดูไง”

“อ๋อ! ตีกลองสะบัดชัยน่ะเหรอ โหย เท่มากเลยนะ แม่ไปด้วยๆ งานนี้ไม่พลาด”

รวินท์เงี่ยหูฟังการสนทนาไป ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง รู้แต่พิงค์แสดงอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ เพราะเขาต้องใช้สมาธิเวลากรอฟันคนไข้

นั่งรออีกครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงเวลาเลิกงาน ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงเดินออกมาหาคนที่นั่งรออยู่

ตึ๋งร้องทัก “พี่หมอเห็นคลิปตีกลองของพี่พิงค์ยังครับ”

“หือ? ตีกลองอะไร ยังไม่เห็นเลย”

“มาดูๆ อื้อหือมากๆ” เด็กหนุ่มกวักมือเรียกให้เข้าไปหา พลางส่งโทรศัพท์มือถือให้

รวินท์ก้มหน้าลงมองอย่างสนใจ เมื่อได้เห็นคลิปก็เลิกคิ้วขึ้น สีหน้าสดใสขึ้นทันควัน พร้อมกับมีรอยยิ้มจุดขึ้นตรงมุมปาก “โอ้โห!”

“เท่เนอะ!”

“ไม่น่าเชื่อว่าพิงค์ก็ทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย นี่คลิปคนอื่นแล้วเอาหัวพิงค์มาต่อเฉยๆ รึเปล่าเนี่ย!”

“โห มันซ้อมหนักมาสามอาทิตย์แล้วพี่หมอ!” แซนดี้รู้สึกสะเทือนใจแทนเพื่อนจริงๆ

“ไม่เห็นเขาบอกผมเลยอ่ะ”

“คงอยากเซอร์ไพรส์พี่หมอมั้ง พี่หมอเสร็จแล้วใช่มั้ยอะ จะไปกันยัง” แซนดี้ลุกขึ้นพรวด แล้วจูงมือทันตแพทย์หนุ่มให้เดินตามมาด้วย

“จะไปไหนเหรอ” ถึงจะถามเช่นนั้นแต่ก็เดินตามมือที่จูงไปเรื่อยๆ

สองหนุ่มเดินออกจากคลินิก ตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ พอแซนดี้ขึ้นนั่ง เขาจึงหันไปตอบ “ผมก็จะพาพี่หมอไปดูไอ้พิงค์ซ้อมน่ะสิ”

รวินท์ยิ้มกว้าง “จริงอะ ไปดูได้เหรอ!”

“แขกกิตติมศักดิ์ไง”

“ขนาดนั้นเชียว” รวินท์รับหมวกกันน็อกมาใส่ แล้วก้าวขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอีกฝ่าย จากนั้นมอเตอร์ไซค์ก็เคลื่อนออกไป


เมื่อเข้าใกล้คณะวิศวกรรมศาสตร์ เสียงดนตรีก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มตื่นเต้นจนนั่งไม่อยู่สุข เขาจับไหล่คนข้างหน้าเขย่า “ขี่เร็วๆ หน่อยดิ๊แซนดี้”

“โห นี่มันในมหาลัยเว้ยพี่หมอ”

“เดี๋ยวเพลงจบก็อดดูหรอก”

“แหม เขาไม่ได้ซ้อมทีเดียวหรอกน่า”

ในที่สุดแซนดี้ก็ขี่รถเข้าไปจอด จากนั้นเขาก็โทรศัพท์เรียกให้ไอ้ซันมาพาเข้าไป ระดับเขานี่ยิ่งกว่าวีไอพี จะไม่เดินเข้าไปเองเด็ดขาด

สักพักซันก็วิ่งหูตูบออกมาพาทั้งสองคนเดินไปยังสถานที่ซ้อม หากพอไปถึงเสียงเพลงก็จบลงพอดี ตามมาด้วยเสียงเทศน์บทใหญ่ของพ่อครู

“พิงค์เป็นอะไรเนี่ย ทำไมไม่มีสมาธิเลยฮะ ตีกลองผิดจังหวะแล้วยังลืมท่าอีก อีกไม่กี่วันก็จะงานจริงแล้ว ตั้งใจหน่อย!”

“ขอโทษครับ ผมเหนื่อยไปหน่อย อากาศมันร้อน”

พ่อครูพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “ไปนั่งพักก่อนไป สิบนาทีพอนะ”

“ขอบคุณครับ” ภูพิงค์ใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเท่าเข่า แต่เพราะอากาศที่ร้อนมากทำให้ตัวเสื้อชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาเดินดุ่มๆ มาดื่มน้ำเย็นๆ ที่ทางสโมฯ เตรียมไว้ให้เพื่อเอาใจ หยิบผ้าขนหนูเดินฉับๆ ไปนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ตามลำพัง

ระหว่างที่นั่งพักไปก็ทำท่าตีพร้อมท่องจังหวะไปด้วย “หนึ่ง สอง สาม สี่ หนึ่ง สอง สาม สี่... ห้า หก...”


รวินท์ ซันและแซนดี้ยืนมองอยู่ห่างๆ พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าท่าทางของภูพิงค์ตอนนี้ดูไม่น่าเข้าใกล้สักเท่าไหร่ อาจจะถูกฟาดงวงฟาดงาตามด้วยจระเข้ฟาดหางได้

“พี่หมอไม่ไปหาไอ้พิงค์หน่อยอะครับ” ซันขยับเข้าไปกระแซะ

“เหย จะดีเหรอ เขาดูเครียดว่ะ ถ้าผมเข้าไปหาจะโดนกัดหัวขาดมั้ยวะ”

“พี่ไม่โดนหรอกน่ะ เชื่อผม”

“ไม่เชื่อเว้ย ผมก็กลัวเหมือนกันนะ ไม่เคยเห็นเขาทำท่าทางฮึดฮัดแบบนี้มาก่อนเลยอะ”

“โห พี่หมอ ยังไงไอ้พิงค์มันก็กลัวหมอฟันจะตาย มันไม่กล้าทำอะไรพี่หรอก อีกอย่างนะพี่ สงสารมันเถอะ ตอนนี้มีพี่คนเดียวนี่แหละที่จะช่วยมันได้ นี่ๆ เอาน้ำเย็นๆ กับผ้าเย็นไปให้มันหน่อย”

รวินท์หรี่ตามอง “อย่าเว่อร์ๆ จะถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปล่ะคราวนี้”

“ไม่ถ่ายหรอกพี่ ตากล้องไม่อยู่เว้ย นี่พวกผมห่วงมันจริงๆ นะ ถึงได้ส่งอีแซนดี้ไปจกพี่มาจากคลินิกเนี่ย”

แซนดี้ช่วยกล่อม “เชื่อพวกผมดิ ไอ้พิงค์ไม่พาลใส่พี่หรอก แต่เดี๋ยวมันมีแรงตะบี้ตะบันตีกลองแน่นอน ถ้าไม่เป็นอย่างที่พวกผมพูดนะ พวกผมจะยอมเลี้ยงข้าวพี่หมอที่ดาราเทวีสิบมื้อติดเลยเอ้า”

“พูดแล้วนะเว้ย” ด้วยความเห็นแก่กินทันตแพทย์หนุ่มจึงเอื้อมมือไปรับน้ำกับผ้าเย็นจากซันมาถือไว้ เขาหันมองไปทางที่ภูพิงค์นั่งอยู่พลางถอนหายใจ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะเสี่ยงเพื่อของกินไปทำไมกันวะ

รวินท์เดินดุ่มๆ ตรงไปยังม้านั่ง หากยังไม่ทันจะถึงก็ตีโค้งเพราะความป๊อด เข้าข้างหน้ามันยาก เขาเปลี่ยนเป็นเข้าข้างหลังน่าจะดีกว่า ยิ่งเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มมากเท่าไหร่ เสียงฝีเท้าของเขาก็ยิ่งเบาลง จนแทบจะกลายเป็นย่องอยู่แล้ว


“หนึ่ง สอง สาม สี่ หนึ่ง สอง สาม สี่... ห้า หก...” เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ได้สนหินสนแดดใดๆ ทั้งสิ้น ใจเขาจดจ่ออยู่กับการท่องจังหวะและทำท่าทางประกอบ

ทันตแพทย์หนุ่มเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังคนอ่อนวัยกว่าแล้ว ท่าทางตั้งอกตั้งใจของอีกฝ่ายดูน่ารักดี เขาหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย ทว่ายังไม่กล้าทัก ต้องหันไปเรียกกำลังใจจากซันและแซนดี้ก่อน

ทั้งสองคนชูนิ้วโป้งขึ้นทั้งสองมือ พร้อมกับทำปากบอกให้ลุย

เอาวะ! ลุยก็ลุย! อย่างน้อยเขาก็แก่กว่า เป็นหมอฟันด้วย พิงค์คงจะยั้งมือกับเขาบ้างล่ะวะ


“เวลาพักก็พักสิ กินน้ำให้ใจเย็นๆ ก่อน” รวินท์พูดพลางใช้ขวดน้ำเย็นๆ แตะลงบนแก้มคนที่นั่งอยู่อย่างแผ่วเบา

น้ำเสียงคุ้นหูแว่วเข้ามาในโสตประสาท ภูพิงค์หันขวับไปทางด้านหลังทันที “พี่วิน” เขายิ้มกว้างอย่างลืมตัว “มาได้ไงวะเนี่ย”

“แรงคิดถึงไง”

“โห มาถึงก็โปรยเลยว่ะ”

รวินท์หัวเราะ โล่งอกไปนิดที่ไม่โดนด่า “นั่งด้วยได้ป่ะวะ รบกวนรึเปล่า”

“ไม่กวนหรอก นั่งเลย”

ใบหน้าหล่อเหลาของทันตแพทย์หนุ่มยังฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มละมุน เขาหย่อนก้นนั่ง แกะขวดน้ำแล้วส่งให้อีกฝ่าย “เอ้า ดื่มน้ำหน่อย จะได้ใจเย็นๆ”

ภูพิงค์รับขวดน้ำมาพลางทำหน้ายู่ “พี่มาตอนผมโดนพ่อครูเทศน์พอดี ทีไอ้ตอนดีๆ ไม่ยอมดู”

“ตอนดีๆ แบบในคลิปน่ะเหรอ”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น “ดูแล้วเหรอ”

“อือ ดูเมื่อกี้ ช้ากว่าชาวบ้านไปหลายศตวรรษอยู่”

“เออ ช้าจริงๆ นั่นล่ะ ที่โรงบาลอินเทอร์เน็ตยังเข้าไม่ถึงเหรอวะพี่”

“โห ก็ผมต้องทำงานป่ะวะ เย็นๆ ก็เหนื่อยจะตาย พอกลับห้องได้ก็อาบน้ำนอนแล้ว”

“อาบน้ำหรือเสียน้ำวะ เหนื่อยอะไรมากมาย”

รวินท์อมยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา เขาเอื้อมมือไปตบไหล่เด็กหนุ่มหนักๆ แทนตบกบาล “ต่อไปจะเข้าเฟซให้บ่อยขึ้นนะ”

คนอ่อนวัยกว่าทำท่างอน เขาหันไปยกขวดน้ำดื่มโดยไม่พูดอะไรต่อ

ทันตแพทย์หนุ่มจึงก้มลงแกะห่อผ้าเย็น จากนั้นก็เอื้อมไปเช็ดเหงื่อให้ “ดูในคลิป ท่าตีกลองยากน่าดู แต่เท่มากๆ ผมไม่เคยเห็นการตีกลองสะบัดชัยของจริงมาก่อนเลย”

“ก็ไม่ยากเท่าไหร่หรอก ผมเคยเรียนมาแล้ว” ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาปลายจมูก ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนมือไปจับมือที่ถือผ้าเย็นซับเหงื่อตัวเองอยู่

“ผ้าเย็นไปรึเปล่าอะ”

“เปล่า” คนอ่อนวัยกว่ายื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย “เช็ดข้างนี้ด้วยดิ”

“เอ้า ง่อยซะละ”

“ก็ใช้พลังแขนไปเยอะอะ เมื่อยไปหมดเลยเนี่ย ไม่อยากขยับเลย”

“เออๆ นั่งนิ่งๆ เดี๋ยวเช็ดให้” รวินท์พลิกผ้าแล้วเอาอีกด้านเช็ดใบหน้าอีกฝั่งให้ “วันนี้ซ้อมถึงกี่โมง”

“คงไม่ดึกหรอกพี่ รอได้ป่ะล่ะ ไปกินข้าวกัน”

“หิวอ่ะ... แต่รอก็ได้”

“กินหนมรองท้องไปก่อนได้ป่ะ”

ภูพิงค์ลุกขึ้นพรวด ทั้งที่ตัวเองเพิ่งพูดเมื่อครู่ว่าเมื่อยแสนเมื่อย เขาวิ่งไปหยิบขนมกับน้ำที่สโมฯ เตรียมไว้ให้ตนเองมาให้ทันตแพทย์หนุ่ม “เอ้า รองท้อง”

“แล้วคุณกินอะไรรึยัง”

“กินไปนิดหน่อยแล้วพี่ เดี๋ยวผมไปซ้อมต่อละ”

“อือ ใจเย็นๆ นะเว้ย อย่าเครียด”

“ไม่เครียดแล้วน่ะ” สีหน้าของเด็กหนุ่มสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาวิ่งตรงเข้าไปในวงซ้อมโดยไม่สนใจสายตาเพื่อนๆ ที่ส่งมาทิ่มแทงด้วยความหมั่นไส้

ฝ่ายรวินท์ก็นั่งกินขนมไปก่อนนิดหน่อย จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาแซนดี้กับซัน “ผมไปดูเขาซ้อมกันใกล้ๆ ได้มั้ย”

“ได้ดิพี่ ปะๆ ผมพาไปเชียร์ขอบสนามเลย”

“จะตีกลองหรือจะต่อยมวยกันแน่เนี่ย”

“ตีกลองสะบัดชัยมันก็รวมๆ การตีกลองไว้กับศิลปะการต่อสู้แหละพี่” ซันอธิบายอย่างเป็นการเป็นงาน “อะ เริ่มแล้ว”

เสียงเครื่องดนตรีให้จังหวะดังขึ้น กลุ่มนักศึกษาสาวที่จะฟ้อนเจิงตั้งท่าเตรียมรอเสียงสัญญาณจากกลอง ภูพิงค์เริ่มต้นด้วยการรำไหว้ครูและทำความเคารพกลองสะบัดชัย จับไม้ตีขึ้นฟ้อนในท่วงท่าคล้ายกับฟ้อนดาบ แล้วจึงสะบัดข้อมือเล็กน้อยให้หัวไม้ตีลงบนแผ่นหนังหน้ากลองเพื่อให้สัญญาณ ก่อนจะเริ่มตีไปตามจังหวะของกลองสะบัดชัย ไปพร้อมๆ กับการฟ้อนรำ

ท่วงท่าการตีของเด็กหนุ่มดูแข็งขัน ทว่าก็มีความอ่อนช้อยของศิลปะแฝงไว้ด้วยเล็กน้อยในคราวเดียวกัน ครั้งนี้เขาทำได้ดีกว่าทุกที ไม่ว่าจะเป็นการขยับร่างกาย การนับจังหวะหรือการขยับข้อมือก็สัมพันธ์กันไปหมดทุกส่วน

รวินท์เบิกตากว้าง “โอ้โห! ไม่น่าเชื่อ! เก่งกว่าที่คิดไว้อีก” สายตาของทันตแพทย์หนุ่มจับจ้องคนอ่อนวัยกว่านิ่ง ใจเขาจดจ่ออยู่กับการแสดงจนไม่ได้สังเกตว่าแซนดี้กำลังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปตนขณะดูการแสดงของเด็กหนุ่มไว้

ซันยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้แซนดี้ จากนั้นจึงพูดขึ้น “สุดยอดไปเลยเนอะพี่ ไอ้พิงค์แม่งโคตรเท่”

“อืม เท่สุดๆ ไปเลย อย่างกะคนละคน” ทันตแพทย์หนุ่มตอบไปโดยที่สายตาไม่เคลื่อนไปจากภูพิงค์เลยสักนิด

“วันแสดงจริงจะมาดูมั้ยพี่ เนี่ย ใส่ชุดแสดงจริงแล้วจะยิ่งเท่ขึ้นไปอีกสิบเท่าเลยนา”

“มาสิ แสดงวันไหน”

“วันอังคารครับ มานะ”

“อือ”

“สัญญาแล้วนะ”

“อื้อ ต้องมาแน่” บนใบหน้าหล่อเหลายังคงมีรอยยิ้มค้างไว้ การแสดงดำเนินไปจนครึ่งทางแล้วเขาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมากดอัดคลิปไว้บ้าง

จังหวะในการตีกลองเร่งเร็วขึ้นเมื่อมาถึงช่วงท้ายของการแสดง ภูพิงค์ต้องใช้สมาธิและพลังในช่วงนี้มากที่สุด เพราะต้องตีกลองด้วยไม้ตีสลับกับใช้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายโดยไม่ให้หลุดจากจังหวะ ทำให้คนที่มองดูอยู่ลุ้นไปด้วยจนมือเย็นเฉียบ เสียงพูดคุยในบริเวณนั้นเงียบกริบลง มีเพียงเสียงกลอง โหม่งและฆ้องดังก้องกังวาน

เมื่อเด็กหนุ่มสะบัดข้อมือตีกลองในจังหวะสุดท้าย รวินท์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาได้ยินเสียงคนในบริเวณนั้นถอนหายใจไปพร้อมๆ กับตัวเขาหลายคน ก่อนทุกคนจะพร้อมใจกันวางของในมือลงแล้วตบมือกับผิวปากเสียงดังลั่น

“โอ้โห ตั้งแต่ดูมันซ้อมมาก็มีครั้งนี้นี่แหละ ที่แม่งเท่สุดๆ กูลุ้นเยี่ยวแทบเล็ดเลย!” ซันอุทานออกมาอย่างลืมตัว พอหันไปสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่มก็หัวเราะแหะๆ “โทษทีครับพี่หมอ ผมหมายถึงลุ้นมากๆ คือเมื่อก่อนก็ลุ้นนะครับ แต่ลุ้นให้แม่งตีได้จนจบเพลงโดยไม่มีจังหวะหลุด หรือโดนพ่อครูว่า”

แซนดี้ขยับเข้ามากระแซะ “ไม่รู้มันได้พลังมาจากที่ไหนเยอะแยะเนอะพี่หมอ”

รวินท์ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนที่ถูกกล่าวถึงก็เดินเหงื่อชุ่มตรงเข้ามาหา

“ได้ดูผมตีเมื่อกี้รึเปล่า”

“ดูสิ ดูทั้งเพลงเลย เจ๋งโคตรๆ” ทันตแพทย์หนุ่มยกนิ้วโป้งชี้กลางนางก้อยขึ้นให้หมดทุกนิ้ว ถ้าหากเขายกนิ้วตีนได้ก็คงทำไปแล้วเนี่ย

พอได้ยินคำชมก็ยิ้มหน้าบาน เขาหันไปทางซันกับแซนดี้ “เอาน้ำกับผ้าขนหนูให้หน่อยดิ”

“สัส” ทั้งโดนจิกหัวใช้และไล่ให้พ้นทางเลยพวกกู ทั้งคู่พึมพำเบาๆ

ภูพิงค์ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า “พ่อครูบอกซ้อมอีกสักสองสามรอบก็พอได้”

“พ่อครูคงกลัวว่าครั้งนี้คุณฟลุ๊คตีดีน่ะสิ” รวินท์ชี้ไปที่ม้านั่งพลางเดินนำออกไป “ไปนั่งกัน”

เด็กหนุ่มเดินตามไปต้อยๆ จากนั้นจึงนั่งลงบนม้านั่งด้วยกันกับอีกฝ่าย เขาชำเลืองมองทันตแพทย์หนุ่มแล้วยกมือขึ้นเกาปลายจมูก “พี่วิน พรุ่งนี้เย็นมีเปิดงานยี่เป็งที่ประตูท่าแพนะ”

“อือ แต่คุณแสดงวันอังคารไม่ใช่เหรอ”

“โวะ รู้ด้วย”

“ซันบอกเมื่อกี้”

“พี่จะมาดูมั้ยอะ”

“มาดิ”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “งั้นเดี๋ยวผมแสดงเสร็จแล้วจะพาไปลอยโคม เอาปะ”

รวินท์เลิกคิ้วขึ้น “ผมนึกว่าเขาไม่ให้ลอยกันแล้วซะอีก”

“ลอยได้พี่ แต่เฉพาะสถานที่ แล้วก็ในช่วงวันและเวลาที่กำหนดเท่านั้น”

“เอาสิ ไปๆ แต่กว่าจะเลิกคงดึกใช่มั้ย ผมคงขับรถกลับลำพูนไม่ไหวแหง”

“มีที่นอนรึเปล่าอ่ะ”

“มีสิ ก็ที่คลินิกไง”

“งั้นก็ดี” คนอ่อนวัยกว่าตบมือลงบนหน้าตักอีกฝ่ายเบาๆ “สัญญาแล้วนะ”

“อือ”


ซันและแซนดี้ยืนเบะปากอยู่ห่างๆ เห็นบรรยากาศกำลังดี๊ดี พวกเขาก็ไม่อยากจะเข้าไปรบกวน แต่เดี๋ยวไอ้พิงค์มันต้องซ้อมต่อ ควรจะดื่มอะไรสักหน่อยก่อนจะน้ำหมดตัวตาย พวกเขาจึงจำใจต้องเดินเข้าไปขัด

“เอ้า น้ำกับผ้าขนหนู”

“ขอบใจเว้ย” ภูพิงค์หันไปรับขวดน้ำมายกขึ้นดื่ม ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปบนพื้นหญ้า เขายกขวดน้ำขึ้นราดลงบนศีรษะ สะบัดไปมา แล้วจึงใช้ผ้าขนหนูซับทั้งน้ำและเหงื่อไปด้วยกัน

หลังจากนั่งพักไปอีกชั่วครู่ เด็กหนุ่มก็เดินกลับไปซ้อมต่อ ส่วนซันขอตัวไปช่วยดูแลกระทงใหญ่ ที่ตรงนั้นจึงเหลือทันตแพทย์หนุ่มกับแซนดี้เท่านั้น พวกเขายืนมองการฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพ่อครูบอกให้พอได้

เนื้อตัวของภูพิงค์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เส้นผมบนศีรษะลีบลงตามทรงของกรอบหน้า มีเม็ดเหงื่อหยดลงมาเป็นระยะ เขาหอบเบาๆ ขณะที่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ “ขอพักแป๊บ”

รวินท์นั่งลงข้างกัน “คนที่มีแรงอย่างกับช้างสารก็เหนื่อยเป็นด้วยแฮะ”

“โห ผมว่าตีกลองขนาดนั้น ถ้าไม่เหนื่อยผมก็ไม่ใช่คนแล้วแหละพี่”

“กลับบ้านไปอาบน้ำก่อนค่อยออกมาหาอะไรกินดีมั้ย”

“พี่หิวไม่ใช่เหรอ”

“ก็กินขนมรองท้องไปแล้ว ผมรอได้ คุณจะได้สบายตัวขึ้นด้วย” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาหยิบผ้าขนหนูขึ้นเช็ดเหงื่อบนศีรษะคนอ่อนวัยกว่าให้ พลางหันไปถามแซนดี้ “เดี๋ยวไปกินอะไรกันดี”

แซนดี้สบสายตากับภูพิงค์แวบหนึ่ง ไม่ต้องรอให้เพื่อนรักอ้าปากก็เห็นไปถึงไส้อ่อน เขากลอกตามองบน เบ้ปากเล็กน้อยแล้วจึงค่อยตอบ “มอไซค์มีคันเดียวอะพี่ พี่ขี่ไปกับไอ้พิงค์ละกัน เดี๋ยวผมกลับรถกับไอ้ซัน ไอ้ดิว ไอ้ขิง แล้วค่อยไปกินกับพวกมัน”

“ไม่หิวเหรอ”

“เมื่อเย็นกินไปแล้วนิดนึงน่ะพี่”

รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก “อือ โอเค”

“ผมไปหาไอ้ซันก่อนนะ” แซนดี้ปลีกตัวไปอย่างรู้หน้าที่ เขาหันไปทางเพื่อนสนิท “เอ้า กุญแจ มอไซค์จอดอยู่หน้าตึก แล้วคืนนี้เจอกันเว้ย”

“เออ ขอบใจ”

แหม ยิ้มหน้าบานกว่าฝาโอ่งหลังบ้านอีก หมั่นไส้เว้ย! เขาล่ะสงสัยจริงๆ ว่าไอ้พี่หมอกับไอ้พิงค์รู้ตัวกันบ้างมั้ยเนี่ย!

หลังจากแซนดี้เดินจากไป สองหนุ่มก็นั่งบนเก้าอี้ต่อไปอีกพักหนึ่ง จากนั้นภูพิงค์จึงลุกขึ้น “เดี๋ยวไปเอาของในห้องสโมฯ แป๊บนะพี่ จะไปด้วยกันป่ะ”

“ไปดิ อยากเห็นข้างในตึกเรียน”

ระหว่างทางที่เดินไป ภูพิงค์ก็ชี้ให้อีกฝ่ายดูไปด้วย “นั่นห้องชอป ขึ้นบันไดไปจะเจอห้องเล็กเชอร์ ห้องที่ผมใช้ประจำอยู่ที่ชั้นสองห้องนึง ชั้นสามอีกห้อง แล้วก็มีที่ตึกข้างๆ...” เมื่อถึงห้องสโมฯ หยิบของแล้วก็พากันเดินลง จากนั้นทั้งสองก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังบ้านเช่าของภูพิงค์

รวินท์นั่งรอให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่นานเด็กหนุ่มก็ใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นแค่เข่าเดินยิ้มแป้นออกมา

“ปะ ไปกินกันให้ท้องแตกเลยพี่ ผมใส่กางเกงเอวยางยืดเลยนะเนี่ย กินได้ไม่อั้น”

“โห ผมใส่ยีนอะ เสียเปรียบว่ะ!” ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ

พวกเขาไปนั่งกินราดหน้าด้วยกันในร้านแถวๆ หลังมหาวิทยาลัยนั่นล่ะ ทำให้คนอ่อนวัยกว่าได้เห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มอดทนหิวรอเวลาที่จะได้ออกมากินอาหารกับเขามากแค่ไหน อีกฝ่ายสั่งก๋วยเตี๋ยวมารัวๆ ทั้งราดหน้า ผัดซีอิ้ว ผัดขี้เมา ลามไปถึงบะหมี่หมูแดงจากร้านข้างๆ

“ท่าพี่วินจะหิวมาก ขนาดนั่งเฉยๆ นะเนี่ย ถ้าต้องมาตีกลองแบบผมพี่คงกินวัวเป็นตัวๆ กับข้าวอีกสักยุ้ง”

“จริงๆ อยากกินข้าวเหนียวหมูทอดด้วย นี่ยังเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ผมชินแล้ว” ภูพิงค์หัวเราะพลางเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่าย “ไม่ได้เห็นพี่มาสองอาทิตย์ แต่พี่ยังกินได้เหมือนในท้องเป็นหลุมดำแบบนี้ผมก็สบายใจ”

รวินท์ส่งสายตาดุๆ ใส่ “เล่นหัวผู้ใหญ่เหรอวะ ลามปามว่ะ”

“ผู้ใหญ่หรือกำนัน”

“มุกโคตรเชย”

“หมายถึงลุงอะเหรอ”

“เรียกคนอื่นเป็นลุง เวลาส่องกระจกไม่อายตัวเองบ้างเรอะ”

“โห วันก่อนยังชมว่าผมแบ๊วน่ารักอยู่เลยอะ”

“ถ้าไม่เปิดปากก็น่ารักอยู่หรอก”

เสียงโทรศัพท์มือถือของทันตแพทย์หนุ่มดังขึ้น เขาหยิบจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู ปิดเสียงแล้วใส่กลับเข้าไปด้วยสีหน้าเซ็งๆ

“พี่เต้อีกแล้วอะดิ”

“เออ” รวินท์ส่ายหน้าไปมาพลางพ่นลมหายใจออกหนักๆ “จะด่าแม่งก็... มันอุตส่าห์ห่วง” นัยน์ตาของเขาสลดลง ปัญหาของเขากับเตชิตยังคงค้างคาอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะพยายามวางตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตามที

หากการที่เขาต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทุกวันโดยที่ไม่รู้สึกสนิทใจเหมือนก่อน มันอึดอัดสิ้นดีเลย

คนอ่อนวัยกว่าเลื่อนมือลงไปโอบไหล่ทันตแพทย์หนุ่มแล้วเขย่าเบาๆ “อย่าทำหน้าเหมือนปวดขี้แต่ขี้ไม่ออกแบบนี้ดิพี่ เดี๋ยวหน้า
ยิ่งแก่นะ กินกันต่อดีกว่า กินหนมหวานบ้างดีมะ”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง เขายกมือขึ้นกุมมือที่วางอยู่บนหัวไหล่ ภูพิงค์นี่เหมือนเป็นโอเอซิสที่พักใจของเขาจริงๆ นะ แค่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น “กินหวานๆ แล้วไอ้ที่อยู่ในปากคุณจะไม่ยิ่งดุรึไง”

“โห พี่วินจะทำฟาร์มหมาแข่งกับผมละ ไม่ได้ๆ ต้องรีบทำคะแนน”

รวินท์รีบเอามือปิดปากเด็กหนุ่มไว้ทันที “พอๆ ยังไงผมก็ยังห่างคุณหลายขุมเว้ย”

ภูพิงค์หัวเราะ ก่อนจะลุกไปสั่งขนมหวานใส่ถ้วยมานั่งกินด้วยกันต่อ กินไปคุยไปจนจวนเจียนจะเที่ยงคืนอยู่รอมร่อ พวกเขาจึงลุกออกจากร้าน

ขณะที่เดินกลับไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ ทันตแพทย์หนุ่มก็ยืดแขนขึ้นบิดขี้เกียจ “อิ่มชะมัด”

เด็กหนุ่มหันไปมอง เห็นรอยยิ้มสดใสของอีกฝ่ายก็พลอยยิ้มตามไปด้วย เขายืดแขนบิดขี้เกียจบ้าง แล้วเนียนวางแขนลงโอบไหล่ทันตแพทย์หนุ่ม “พี่วิน ผมไปค้างด้วยดิ อยากนอนห้องแอร์อะ”

“หืม คิดถึงผมมากเรอะ ถึงกับไม่อยากกลับบ้านกลับช่องเลยนะเนี่ย”

“อือ คิดถึงม้ากมาก แล้วร้อนมากด้วย” ภูพิงค์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะได้ไปกินโจ๊กกัน”

รวินท์ชำเลืองมองใบหน้าที่อยู่ห่างออกไปแค่คืบเท่านั้น เขากระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เออ”


หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า สองหนุ่มก็เอนหลังลงนอนข้างกันบนเตียงที่แคบจนหัวไหล่เกยกัน ใบหน้าของพวกเขาเปื้อนรอยยิ้ม เมื่อปิดไฟ บอกราตรีสวัสดิ์กันแล้วต่างคนก็ต่างนอน

ภายในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นเฉียบ แต่แค่นอนเฉยๆ ข้างกันในผ้าห่มผืนบางผืนเดียวกัน พวกเขาก็รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจได้อย่างน่าประหลาด


*TBC*


/มาแหมมมมมยาวๆ ใส่น้องพิงค์และพี่วินไปพร้อมๆ กันค่ะ

อิเด็กติดพี่!!!

ตอนหน้าน้องพิงค์จะได้ตีกลองออกงานแว้วคร่าาา

พอได้เห็นน้องพิงค์แต่งตัวหล่อออกงานจริงๆ แล้ว พี่วินจะว่ายังไงบ้างน้าาาา~  :o8:

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ เยิฟๆ  :mew1:

ปล. เห็นมีหลายคนสงสัย ชื่อของพิงค์ มาจากภูพิงค์ เพราะงั้นอ่านว่า พิง นะก๊ะ ตอนแรกจะให้ชื่อภู แต่มีคนใช้เยอะแล้วอ่าาา 555555

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-01-2018 11:00:44
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 24-01-2018 11:04:45
แหมมมมมมมมมมมมม  :pigha2: หมั่นนนนนนนนนน  :เหอะ1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: yozz ที่ 24-01-2018 11:12:07
ฮือออ ใจหมอวินกับภูพิงค์ขาดวิตามิน แต่ใจอิฉันขาดเลือดค่ะ
โถ่ลูกพอไม่เจอเขาก็หงุดหงิดงุ่นง่าน พอเจอปุ๊บนี่อย่างกับคนละคน
ซัน และแซนดี้ทำดีมากค่ะ ส่วนหมอเต้นั้น.....
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 24-01-2018 11:21:21
เมื่อไหร่เขาจะรู้ตัวว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-01-2018 11:47:55
 o13

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-01-2018 11:51:56
แหมมมมมมม อยากจะแหมไปนอกจักรวาล พอพี่หมอมาหานี่ร่าเริงเชียวนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-01-2018 12:00:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 24-01-2018 12:02:09
อยากจะแม้ยาวๆ ให้คนน้อง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 24-01-2018 12:07:36
กำลังใจมาแล้วหน้าบานเลยนะพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 24-01-2018 12:22:08
อื้อหืออออ อารมณ์ดีขึ้นผิดหูผิดหาเลยนะน้องพิงค์ แค่พี่หมอมาหาแค่นี้ อาการหนักเนาะ555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-01-2018 12:31:05
แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ออกอาการขนาดนี้เมื่อไหร่จะรู้ตัวรู้ใจกันซะที

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 24-01-2018 12:43:43
พิงกับพี่วินกำลังพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ แต่เพื่อนพี่วินนี่แหละที่คาใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: somuch ที่ 24-01-2018 13:18:34
แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมม //เบะปากมองบนตามแซนดี้

เยอะจริงๆค่ะน้องพิงค์ แต่เนื่องจากน้องเป็นความหวังฝ่ายรุกของหมู่บ้าน พี่จะไม่เบะปากรัวๆ แค่จะแอบๆเอานะคะ

น่ารักค่ะน่ารัก พี่วินไม่เท่าไหร่ แต่อาการน้องพิงค์นี่ออกสุด มองมาจากดาวอังคารยังรู้อ่ะ!

รอตอนหน้าค่ะ~~

//ปักธงพิงค์วินพร้อมแอบเบะปาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 24-01-2018 13:31:34
แหมมมมมมมมมมมมมม~~ กำลังใจมาหาถึงที่ หมั่นจ้าหมั่น :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-01-2018 14:05:53
ดีต่อใจ

มาทันก่อนลงแดง

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-01-2018 14:10:36
จะรู้ตัวเมื่อไหร่กันเนี่ยทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 24-01-2018 15:10:45
แหมมมมมมมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 24-01-2018 15:12:06
ขนาดยังไม่รู้ใจตัวเองยังหวานละมุนกัน ถ้ารู้ใจกันละกัน จะหวานขนาดหน๊ายยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 24-01-2018 15:22:15
น้องพิงค์กับพี่หมอไม่สะกิดใจหน่อยหรอ ว่ามันมีบางอย่างแปลกๆ
เกินกว่าจะเป็นแค่คนรู้จักหรือแค่พี่น้องกันเนี่ยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-01-2018 15:37:24
แซนดี้ .... ท่าทางไม่รู้ตัวกันทั้งคู่แหละ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 24-01-2018 15:40:54
ค่ะไม่ค่อยจะคิดถึงพี่เค้าเลยค่ะแต่ขอไปนอนด้วยแค่นั้นเอง อ้างว่าร้อนมั่งหละคิดถึงก็บอกพี่เค้าตรงๆจ้าาาาน้องพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: Tai5ive ที่ 24-01-2018 16:20:18
 :o8: :-[ :impress2:
:hao3: :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: basbas ที่ 24-01-2018 17:22:37
แหมมมมมมมมมม//อยากจะแหมจนถึงทางช้างเผือก หมั่นไส้555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 24-01-2018 17:32:49
น่ารัก ฮืออออออ นี้สินะ ยาใจของทั้งสองฝ่าย
แอบเหม็นความรักเบาๆคะ
ขอตอนนี้ชุดน้องแซบๆเอาไห้พี่หมอแกหึงจนความดันขึ้นเลยไปคะ5555

นี้เราอยู่ฝั่ง วินพิงค์ คะ ยังไง หมอฟันวิศวะ ยังไงก็ต้อง หมอได้ฟันแน่นอน
นี้แอบคิดว่าพี่วินเหมือนปลาโลมาที่พิงค์ชอบ คือน่ารัก ซื่อ แต่ภายในคือ แอบเจ้าเล่ห์หื่น ร้าย เอ้ยๆ ไม่ไล่ แหมมมมม
 
เรื่อง หมอเต้นี้คาราคาซังมากควรคุยกันตรงๆเน้อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 24-01-2018 17:41:09
หมั่นไส้อีคนน้องวุ้ย :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-01-2018 17:51:28
น้องพิงค์นี่พอพี่หมอมาทีอย่างกะน้องหมาหูตั้งหางกระดิก มีแรงใจขึ้นมาเลย แถมมีเนียนขอไปนอนห้องพี่อีก โอยยย เขิน :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 24-01-2018 18:24:39
แหมมมมมมมมถ้าจะขนาดนุ้นะพิงค์ จีบได้แล้ววววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-01-2018 18:52:03
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 24-01-2018 19:43:59
อ่านชื่อพิงค์ เป็นพิ้ง ตลอดเลยอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-01-2018 20:08:55
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-01-2018 20:16:06
แหมมมมมมมมมม  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-01-2018 20:45:30
พิงค์ วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
พิงค์ ได้กำลังใจจากพี่วิน ตีกลองลื่นไหลเลย

รอวิน เต้คุยกันดีๆซักที  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-01-2018 20:46:39
อ่านไปยิ้มไปทั้งตอนเลย โลกนี้มีกีนแค่สองคนเนอะ งุ้งงิ้งไม่กลัวคนอื่นอิจฉาเลย
ตัวติดใจติดกันขนาดนี้ เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองกันสักที
เพื่อนทำดี๊ดีเนอะ พากำลังใจมาส่งถึงที่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 24-01-2018 21:16:03
รอวันฉันรักเธอออออ  แงงงง น่ารักจังเลยยย
ชอบการไต่ระดับความสัมพันธ์แบบนี้อะ
ค่อยๆเรียนรู้กัน ค่อยๆเข้าใจกัน และรักอย่างหนักหน่วง 5555555 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 24-01-2018 22:04:46
ขอ แหมมมมมมมมมมมมมมมม ด้วยอีกคน

ทั้งหมั่นไส้ทั้งอิจฉาคนรู้ตัวช้าทั้งสองคนนี้จริงๆ
อยากจะเข้าไปช่วยสะกิดเบาๆ :z6:ให้เขารู้ตัวซะที


... แอบทักนิดนึงค่ะ ... ตอนพี่วินบอกขับรถกลับไม่ไหว พี่วินอยู่ลำพูนไม่ใช่เหรอคะ
ทำไมบอกกลับเชียงใหม่ สงสัยพี่วินจะมึนน้าา ...
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 24-01-2018 22:18:22
แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม หมั่นไส้!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 24-01-2018 22:36:18
แหมมมมมมมมม   หน่องพิงค์คะ ออกนอกหน้ามากกก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-01-2018 23:18:53
แหมมมมมมม
คนเขารู้กันทั้งเมืองเชียงใหม่แล้วมั้ง
สกินชิพตลอดเวลา
เจอหน้ากันทีทั้งหน้าทั้งใจบานเป็นกระด้ง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: เฉื่อย ที่ 24-01-2018 23:24:19
แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม๋
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 25-01-2018 09:20:59
ดีนะที่พี่หมอมาทันเวลา ไม่งั้นต้องหากลองใหม่แน่  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 25-01-2018 10:10:55
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 25-01-2018 12:53:58
ขาดวิตาวินอะใช่ป่ะค่ะ  :กอด1:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-01-2018 16:05:21
อยากจะแหมใส่ยาววววว ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 25-01-2018 18:13:27
       จองตั๋วไปเชียงใหม่ค่าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 25-01-2018 20:31:32
#เบ้ปากรอกตา88ล้านรอบ อิเด็กติดพี่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: namchok ที่ 25-01-2018 21:21:40
รีบๆมาต่อนะครับ กำลังสนุก....ชอบพี่หมอกะน้องพิงค์มากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-01-2018 22:54:56
ยังกะคนล่ะคนตอนไม่เจอพี่วินกับตอนเจอ อยากจะเบ้ปากให้ถึงคาง เหม็นความรัก o16 :o10:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-01-2018 03:35:20
แหมมมมมมม
หูตั้ง หางกระดิกเลยนะน้องพิงค์
เหมือนหมาเจอเจ้าของอะ
เค้าจะรู้ตัวกันเมื่อไหร่นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-01-2018 05:40:12
น้องพิ้งกับพี่วิน อ้อยพอกันเลยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 26-01-2018 05:44:41
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 26-01-2018 10:39:48
ต่างคนต่างคิดถึงกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 26-01-2018 12:54:57
อยากจะแหมให้ถึงดาวอังคาร คบกันเถอะ เมื่อไหร่จะรู้ตัวกันสักที 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 26-01-2018 15:23:11
โอยยย พ่คุรเป็นกันขนาดนี้แล้ว รู้ตัวกันได้แล้วม๊างงงงง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 26-01-2018 20:14:58
อยากให้เต้หายไปจากเรื่องนี้อ่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-01-2018 20:58:10
แหมมม มีเนียนแต๊ะอั๋งพี่วินด้วยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 26-01-2018 22:15:51
เป็นนิยายที่อบอุ่นมาก  อบอวลไปด้วยความหวานละมุล  พี่วินร์ กับพิงค์มีนิสัยที่ต่างกัน  แต่ก็มองเห็นความน่ารักของกันและกันอยู่ตลอด  คุยกันถูกคอมากจนคาดไม่ถึง  ที่สำคัญคนรอบตัวของอีกฝ่ายก็กวนกันสุดติ่งไปเลย   :laugh:  บางตอนหัวเราะเสียงดังจนอายคนข้าง ๆ   ชอบความฮานี้  :กอด1:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 26-01-2018 23:22:35
อยากจะแหมถึงดาวอังคารจริงๆ วิตามินของกันและกันจริงๆเลยเนี้ยแต่ยังซึนกันอยู่นะคะ  o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-01-2018 08:32:02
5555 ภูพิงค์ถึงกับของขึ้น เพราะพี่ไม่สนใจ
แต่ยังไม่รู้ตัวไปอีกว่า พี่มีผลจริงๆ
ขนาดโดนแซ็วยังทำมึน

หมอวินคะ ห่วงน้องเหมือนกันล่ะสิ
แล้วยังอยากอยู่กับน้องนานๆ ใช่ไหม

ภูพิงค์ก็ภูพิงค์เหอะ ทีมเพื่อนรู้ตัวยิ่งกว่า 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 27-01-2018 10:08:15
ขนาดนี้แล้วน้าาาาา ทั้งสองคนนน

แต่ตอนนี้เริ่มงงว่าใครจะกดใครน๊าาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 29-01-2018 18:52:29
รักน้องพิงค์มากกกกกก 

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 29-01-2018 18:58:27
เข้ามารอ วันนี้จะมาไหมหนออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-01-2018 21:23:01
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-01-2018 07:27:29
ทำซีรี่ย์ได้มั้ยยย!! แต่ขอคัดนักแสดงให้เหมาะกับบทเถอะนะ

ไม่งั้นก้อคงไม่ดูเหมือนทุกเรื่อง เพราะอ่านแระรู้สึกว่าคนเขียน เขียนโคตรดี

ไม่อยากดูให้ผิดหวัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 30-01-2018 09:00:16
อ่านตอนแรกๆ ก็คิดว่าพี่หมอรุกมาตลอด
จนตอนกลางๆจนถึงล่าสุด
เราว่าพิงค์รุกแน่ๆ ออร่าสามีขนาดนั้น55555
แค่เจอหน้าเขาก็ดี๊ด๊าเชียวนะคุณพิงค์ แหมมมม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 24 : เมื่อใจขาดวิตามิน][240118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 30-01-2018 09:25:35


Chapter 25 : กลองสะบัดชัย


เมื่อถึงวันแห่ขบวนกระทงใหญ่ วันนี้คณะวิศวกรรมศาสตร์มีเรียนแค่ครึ่งวันเช้า เพื่อให้นักศึกษาได้ใช้ครึ่งวันบ่ายในการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับขบวนกระทงใหญ่อันเป็นชื่อเสียงของคณะ หลังเลิกเรียนภูพิงค์ก็ไปซ้อมใหญ่กับเพื่อนๆ อีกรอบก่อน จากนั้นจึงไปอาบน้ำ เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าสำหรับแสดงและมานั่งเป็นตุ๊กตาให้ช่างแต่งหน้าแต่งผมให้

“วันนี้น้องพิงค์ต้องหล่ออลัง หล่อที่สุดในเชียงใหม่ หล่อสะท้านไปทุกยอดดอย เชื่อมือเจ๊”

เด็กหนุ่มยกมือไหว้ “สาธุครับเจ๊ แต่เอาแบบให้หล่อถึงเวลาตีกลองด้วยนะครับ ไม่ใช่พอถึงเวลาหน้าผมก็ละลายลงไปกองกับพื้นแล้วอะ”

“ว้าย ไม่ต้องห่วงค่า!” ช่างแต่งหน้าหญิงข้ามเพศรุ่นใหญ่ตบไหล่เด็กหนุ่มดังป้าบใหญ่ จนอีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย

“เบาๆ ก็ได้พี่ เดี๋ยวไหล่ทรุด”

“นั่งค่ะ!”

“คร้าบ~” ภูพิงค์รีบนั่งลงตามคำสั่ง ก่อนเขาจะโดนตบอีกรอบ ขณะที่ช่างแต่งหน้าไปเขาก็ชะเง้อมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเป็นระยะๆ เพื่อดูว่าจะมีข้อความเข้ามาจากคนที่เขารอคอยอยู่หรือเปล่า



ฝ่ายรวินท์นั้น เมื่อรักษาคนไข้คนสุดท้ายเสร็จเขาก็ตรงไปที่โต๊ะของตนเองเพื่อเก็บของ เสร็จแล้วก็รีบรุดเดินออกจากห้องพักทันตแพทย์ไป หากก้าวออกนอกประตูไปได้ไม่กี่ก้าว เพื่อนสนิทก็วิ่งตามออกมา

“วิน!”

เจ้าของชื่อเรียกชะงัก จากนั้นจึงลดฝีเท้าลงนิดหน่อย “มีไรวะ”

“จะรีบไปไหนอะวิน กูว่าจะชวนมึงไป...”

“โทษที เย็นนี้กูมีนัดแล้วว่ะ” รวินท์หันไปตอบ ก่อนจะสาวเท้าเดินหนีอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้เตชิตซักไซ้อะไรมากนัก ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ถอยง่ายๆ

เตชิตเร่งฝีเท้าตาม “นัดกับใคร”

“เรื่องของกูน่ะ”

“มึงจะไปไหน กูไปด้วย”

รวินท์ชักสีหน้า เขาไม่เข้าใจว่าเตชิตจะมาเซ้าซี้เขาเพื่ออะไร ประกอบกับความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจมาสักระยะแล้ว พอเดินพ้นออกจากตึกมาได้เขาก็หยุดกึก แล้วหันไปประจันหน้ากับคนที่วิ่งตามมา “มึงเป็นเหี้ยอะไร เป็นลูกเหี้ยเพิ่งออกจากไข่เรอะถึงตามติดกูนัก! กูมีนัด! ไม่เกี่ยวกับมึง!”

เตชิตคว้าแขนเพื่อนรักไว้ “แต่กูจะไปด้วย!”

“กูไม่ให้ไป!”

“ทำไม!”

“ก็กูไม่อยากให้มึงไป!”

“มึงมีนัดกับไอ้เด็กพิงค์ใช่มั้ย บอกกูมา!”

“เรื่องของกู! กูจะมีนัดกับใครก็ไม่เกี่ยวกับมึงมั้ยวะ!” ทันตแพทย์หนุ่มดึงแขนตนเองออก แล้วเปลี่ยนจากเดินเร็วๆ เป็นวิ่ง เขาไม่อยากกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแม่งละ ติดที่ต้องไปเอากุญแจรถนี่ล่ะ ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ เขาคงจะเอาติดตัวมาด้วยแต่แรก

“มึงไม่นึกถึง ไม่ห่วงกูบ้างเหรอว่ากูจะไปไหน ทำอะไร เวลาที่มึงทิ้งให้กูอยู่คนเดียวนี่!” เตชิตพูดเสียงดัง น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดและน้อยใจ

รวินท์หยุดกึก เขาหันหลังกลับไปหาเตชิตช้าๆ

“เวลากูไม่อยู่ กูโทรหามึง นึกถึงมึงอยู่ตลอด แล้วกูล่ะ เคยอยู่ในสายตามึงสักนิดมั้ย”

“อยู่สิวะ” ดวงตาของรวินท์อ่อนแสงลง คำพูดของเพื่อนสนิททำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบในอก เขาทำให้ไอ้เต้มันน้อยใจเสียแล้ว “...กู... กูขอโทษ แต่กูนัดพิงค์ไว้ก่อนแล้ว”

เตชิตยิ้มเศร้า เสียงของเขาแหบแห้ง “มึงไม่เคยห่วง ไม่เคยสนใจว่ากูจะไปไหนทำอะไรอยู่แล้วนี่”

“ไม่...”

“หลายปีที่ผ่านมา เวลาที่ขวัญไม่ว่างไปไหนมาไหนกับมึง มึงเคยใส่ใจบ้างสักนิดหรือเปล่าว่าใครที่อยู่ข้างมึงมาตลอด วันลอยกระทงครั้งที่แล้ว ใครที่ยกเลิกนัดกับแฟนมาอยู่กับมึง จนโดนทิ้งซะเอง”

รวินท์พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เขาผิดเต็มๆ ที่ไม่นึกถึงใจเพื่อน ไม่ใส่ใจมันให้มากเท่าที่มันใส่ใจเขา

หากเพราะว่าเรื่องไอ้เต้กับขวัญเมื่อครั้งนั้นยังคงค้างคาอยู่ในใจ แม้จะรู้สึกผิด แต่แค่ยืนอยู่ด้วยกันตอนนี้เขายังรู้สึกอึดอัดเลย

“กูขอโทษ เอาไว้คราวหน้า...” เขาเลี่ยงที่จะไม่สบสายตากับเพื่อนรัก

เตชิตนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงขรึม “วิน กูถามจริงๆ เถอะ มึงชอบมันใช่มั้ย”

นัยน์ตาเรียวเบิกกว้าง ก่อนเขาจะหันไปประสานสายตากับอีกฝ่าย “ฮะ!?”

“มึงชอบไอ้เด็กพิงค์นั่น”

“พูดห่าอะไรของมึง!”

“มึงเป็นผู้ชาย ไอ้เด็กนั่นมันก็เป็นผู้ชายนะเว้ย มันไม่สนใจมึงหรอก มึงไม่มีทางสมหวังได้”

คำพูดเหล่านั้นราวกับมีดเสียดแทงเข้ามาในอก สะกิดให้ความรู้สึกที่ส่วนลึกในใจมันชัดเจนขึ้น ความรู้สึกที่ตนเองก็พยายามเลี่ยงไม่นึกถึง

“ที่มันเข้าหามึง เอาใจมึง ก็เพราะต้องการใช้หน้ามึงให้เป็นประโยชน์เท่านั้น รู้ตัวซะบ้างสิโว้ย! ปล่อยให้มันหลอกใช้อยู่ได้ มันก็เหมือนกับทุกๆ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมึงนั่นแหละ”

“รวมทั้งมึงด้วยรึเปล่า!”

ครั้งนี้เตชิตชะงักไปบ้าง “.....”

“ใครจะคิดแต่เรื่องอกุศลเหมือนมึง! กูไม่ได้คิดอะไรกับพิงค์ แล้วพิงค์มันก็ไม่ได้คิดอะไรกับกูโว้ย! เราเป็นเพื่อนกัน เหมือนกับที่มึงกับกูเป็นเพื่อนกัน! ไม่มีทางเป็นอะไรมากไปกว่านี้!” รวินท์หันหลังขวับแล้วเดินต่อ ทว่าอีกฝ่ายเอื้อมมือมารั้งข้อมือเขาไว้

“วิน... ฟังกูหน่อยได้มั้ย... กูขอร้อง” น้ำเสียงของเตชิตอ่อนลงจนรู้สึกได้ แววตาของเขาสั่นไหว

รวินท์หันหลังกลับไปอีกครั้ง วินาทีที่สบสายตากับอีกฝ่ายหัวใจก็ร่วงวูบลงไปอยู่ใต้ฝ่าเท้า ร่างกายชาวาบ เขาดึงมือออกจากการเกาะกุมแล้วยกขึ้นปิดหู “หยุด! อย่าพูด! กูไม่อยากฟัง!” จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในตึก สาวเท้าขึ้นบันไดตรงไปห้องของตน เขาโยนข้าวของทั้งหมดลงบนพื้น พุ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเย็นเฉียบทั้งที่ยังไม่ทันได้ถอดเสื้อผ้าออก

คำพูดของเตชิตยังคงก้องอยู่ในศีรษะ เขายกมือขึ้นกุมใบหน้าแล้วถูแรงๆ บางครั้งก็รู้สึกเกลียดใบหน้านี้เสียจริงๆ

แล้วความรู้สึกเจ็บปวดในใจนี่มันคืออะไรวะ

ทันตแพทย์หนุ่มสะบัดหน้าไปมา ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าที่เปียกโชกออกโยนกองไว้ แล้วอาบน้ำแบบลวกๆ จากนั้นก็รีบเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ พอคว้ากุญแจรถ โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ได้ก็พุ่งออกจากห้องทันที

ไม่ผิดจากที่คาดไว้ เตชิตยืนรอเขาอยู่ที่หน้าห้อง

“กูจะรีบไป”

“วิน... เมื่อกี้กูขอโทษ”

สองสายตาประสานกันนิ่งอยู่ชั่วครู่ รวินท์ไม่มีทางใจร้ายใจดำกับเพื่อนรักเพียงคนเดียว เพื่อนที่คบหากันมานานได้หรอก เขาถอนหายใจหนักๆ พลางเบือนหน้าไปอีกทาง “ลืมมันไปซะเหอะ”

“กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย ไปกลับดีๆ ล่ะ”

“เออ ขอบใจเว้ย มึงก็ไปหาอะไรแดกแล้วนอนพักผ่อนซะ ช่วงนี้ดูเครียดๆ... กูก็เป็นห่วงมึงเหมือนกัน”

“อือ” เตชิตยิ้มบาง หากเป็นรอยยิ้มที่ทำให้รวินท์รู้สึกเจ็บลึกลงไปอีก

เขารีบเดินลงจากตึก ตรงไปยังรถออดี้สปอร์ตที่จอดนิ่งอยู่ในที่จอดรถ จากนั้นจึงขับออกจากโรงพยาบาลไป



เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในตอนที่รถติดอยู่แถบชานเมือง เนื่องจากมีการปิดถนนและมีคนเดินทางเข้ามาร่วมงานกันมาก จึงทำให้รถติดตลอดทาง รวินท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนจะกดรับสาย

“อยู่ไหนแล้วอะพี่วิน รถติดใช่มะ”

“อือ แต่เกือบถึงละ”

“ทำไมเสียงเนือยๆ วะ โดนใครวางยาเบื่อมาเหรอ”

“ไม่ใช่เว้ย ผมแค่เหนื่อยนิดหน่อย เพิ่งเสร็จงานก็ออกมาเลย”

“มาถึงแล้วรีบโทรหาผมนะ ตอนนี้จะหล่อรอไปพลางๆ”

รวินท์หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “ถ้าไปเจอแล้วไม่หล่ออย่างที่โม้ ผมจะขับรถกลับลำพูนเลยแม่ง”

“โห งั้นจอดรถแล้วเขวี้ยงกุญแจทิ้งได้เลยพี่ ตอนนี้หล่อมาก หล่อจนกลุ้มใจเล้ย~”

“ไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหนนักวะเนี่ย!”

“พี่ช่างแต่งหน้าบอกอะ”

“เขาชมผลงานตัวเองเฉยๆ รึเปล่าวะ”

“พี่ๆ สโมฯ ก็บอกเว้ย อะ โดนเรียกไปถ่ายรูปว่ะพี่”

“เออ ไปเหอะ เดี๋ยวเจอกัน” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง หากเมื่ออีกฝ่ายวางสายไป รอยยิ้มนั้นก็จางลงไปทีละน้อย จนไม่หลงเหลืออยู่เลย

พอนั่งเงียบๆ คนเดียวก็ทำให้คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาเอนหลังพิงพนักเบาะ พลางถอนหายใจหนักๆ

ไอ้เต้เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว มันเป็นคนสำคัญสำหรับเขา และเขาก็รับฟังความคิดเห็นของมันเสมอ แต่... ตอนนี้ไอ้เต้เองก็เปลี่ยนไป มันยังเป็นคนเดิมสำหรับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขากลัวที่จะต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ สายตาของมันตัดพ้อ น้ำเสียงของมันบอกว่าน้อยใจ... ก็นั่นสินะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของมันเลย เขานี่มันแย่ฉิบหาย

“กูขอโทษ” รวินท์พึมพำกับตัวเองเบาๆ จากนั้นจึงยกมือขึ้นคลึงขมับ

คำพูดของเตชิตยังคงชัดเจนอยู่ในความคิด


“ที่มันเข้าหามึง เอาใจมึง ก็เพราะต้องการใช้หน้ามึงให้เป็นประโยชน์เท่านั้น!”


หัวใจเจ็บหน่วงแบบแปลกๆ ทั้งที่ก็มั่นใจว่าพิงค์เป็นเด็กดี ไอ้ที่ใช้ประโยชน์จากหน้าเขา ก็คงจะจริงนั่นล่ะ แต่นั่นก็เพื่อทำบุญ เพื่อช่วยเหลือคนอื่น อีกอย่างพิงค์ก็เคยช่วยเหลือเขาตั้งหลายเรื่อง และยังอยู่เป็นเพื่อนเขาในตอนที่...


เพื่อน... เป็นเพื่อนงั้นเหรอ


“มันไม่สนใจมึงหรอก! มึงไม่มีทางสมหวังได้!”


“กูรู้โว้ย!” รวินท์ตะโกนลั่น เขาทุบมือลงบนพวงมาลัยหนักๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดเปิดเพลง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเกมระหว่างที่รอรถติด เพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้



กว่าจะไปถึงคลินิกได้ก็เย็นย่ำ ใกล้เวลาเคลื่อนขบวนกระทงใหญ่จากจุดพักขบวนไปยังจุดเริ่มต้นที่ประตูท่าแพซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปนักเข้าไปทุกที ทันตแพทย์หนุ่มนัดกับแซนดี้ ตึ๋งและพี่นิ้งไว้ว่าจะไปดูงานด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนก็รอกันจนเหนื่อย

โชคดีที่เมื่อไปถึง พี่นิ้งเตรียมซื้อข้าวไว้ให้กินรองท้อง รวินท์จึงรีบจ้วงๆ กินพออิ่มท้อง จากนั้นพวกเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาภูพิงค์ที่จุดพักขบวนกันต่อ

เมื่อเดินเข้าไปตรงจุดที่นักแสดงรวมตัวกัน พวกเขามองเห็นเด็กหนุ่มได้แต่ไกล เพราะตัวสูงกว่าใครๆ และใบหน้าที่หล่อออร่ากระจายกว่าทุกวัน ชุดของเขาเหมือนกับชุดที่ใส่ตอนถ่ายคลิปโฆษณา กางเกงผ้าฝ้ายขายาวสีแดง เสื้อผ้าฝ้ายคอจีนสีครีมแขนกุด มีผ้าผูกเอวสีทอง และผ้าคาดศีรษะสีแดงเหมือนกับสีของกางเกง

รอบๆ ตัวภูพิงค์มีสาวๆ มากมายรุมล้อมขอถ่ายรูปด้วย ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนๆ กับรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะนั่นล่ะ เด็กหนุ่มจึงยกแขนขึ้นโอบไหล่พวกเธออย่างเป็นกันเอง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับตัวเขาและคนอื่นๆ ในคณะ

ทว่าในสายตาของคนนอกอย่างรวินท์ ท่าทางระริกระรี้ถ่ายรูปกับสาวๆ เช่นนั้นมันทำให้เขาคิ้วกระตุกรัวๆ

แล้วว่าเขาชอบอ่อย ไม่ดูตัวเองบ้างเลยว่ะคนเรา

รวินท์ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปถึงตัวเด็กหนุ่มก็มีเด็กสาวอีกคนเอากระดาษมาช่วยซับเหงื่อให้อีกฝ่าย เขาจึงหยุดยืนอยู่ห่างๆ อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ในขณะที่พี่นิ้ง แซนดี้และตึ๋งบุกฝ่าฝูงชนเข้าไปหาภูพิงค์แล้ว แต่พอยืนคนเดียวเขาก็กลายเป็นเป้าสายตาของสาวๆ ไปอีกคน

โดยเฉพาะ สาวๆ นักจิ้นทั้งหลาย

“พี่วินมาหาพี่พิงค์ใช่มั้ยคะ” พวกเธอถามขณะรุมกันเข้ามาประชิดซ้ายขวาหน้าหลัง แบบไม่ให้รวินท์ได้ทันตั้งตัว

“เอ่อ... จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

“ว่าแล้วว่าพี่วินต้องมาแน่ๆ ขอถ่ายรูปแป๊บนึงนะคะ”

“เอาสิครับ ตามสบาย” รวินท์หันไปแจกยิ้มเพื่อการค้าตามแบบฉบับของเขา

แต่แป๊บที่ว่าก็ผ่านไปแล้วห้านาที สิบนาที สิบห้านาที... สาวๆ ที่มารุมล้อมก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ เขาฉีกยิ้มจนเมื่อย เหงือกเริ่มจะแห้งแล้วด้วย

“พี่วิน รับขนมหน่อยน้า”

พอได้ยินว่าเป็นของกิน ทันตแพทย์หนุ่มก็หูกระดิก เนื่องจากเมื่อกี้กินไปนิดเดียว ยิ้มห้านาทีก็เผาหลาญหมดแล้ว เขาก้าวเข้าไปหาเด็กสาวที่ถือถุงขนมอยู่ทันที

“พี่วินชิมก่อนได้เลย อร่อยสุดๆ จากร้านดังในเชียงใหม่เลยนะคะ” เด็กสาวนำเสนอพร้อมกับเปิดถุงขนมให้

ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงมองแล้วหยิบใส่ปาก “อื้อ อร่อยจริงด้วย”

“ให้พี่วินทั้งถุงเลย แต่ขอถ่ายรูปกับพี่วินหน่อยได้มั้ยคะ”

“ได้สิ ขอบใจนะ” รวินท์ยิ้มรับ พอรับขนมมาและถ่ายรูปเสร็จ เบื้องหน้าเขาก็มีถุงขนมเปิดเรียงรอให้ชิมอีกนับสิบ ไหนๆ ก็ไหนๆ เขายืนยิ้มจนเหนื่อยแล้วก็ต้องได้อะไรกลับมาบ้าง ทันตแพทย์หนุ่มจึงค่อยๆ ชิมขนมทีละถุงตามคำเชื้อเชิญของสาวๆ สลับถ่ายรูปกับพวกเธอไปด้วย

แต่จู่ๆ วงล้อมก็แหวกออกเป็นสองฝั่งอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกทางให้ใครบางคนเดินเข้ามาหาทันตแพทย์หนุ่มได้อย่างสะดวก ตามมาด้วยเสียงชัตเตอร์รัวยิ่งกว่าปืนกลและเสียงหวีดร้องโหยหวนด้วยความฟิน

ภูพิงค์ก้าวฉับๆ เข้าไปโอบไหล่อีกฝ่าย “มาแล้วก็ไม่บอก มายืนอ่อยสาวอยู่ได้”

รวินท์หันขวับ “ใครกันแน่”

“ใครกันแน่อะไร ไปๆ ถ่ายรูปกัน ไอ้พี่ต่าย ตากล้องสโมฯ อะ มันให้มาชวนพี่ไปถ่ายรูปกับกระทงใหญ่” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับพาทันตแพทย์หนุ่มเดินออกไป

พอหลุดจากวงล้อมของบรรดาสาวๆ ไปได้ รวินท์ก็หันไปบอกกับอีกฝ่าย “ผมไม่อยากถ่าย ไม่ถ่ายได้มั้ยวะ”

“ทำไมอะ เมื่อกี้ยังถ่ายกับสาวๆ ได้เลยนี่หว่า ถ่ายกับผมบ้างไม่ได้เหรอ”

“คุณก็ถ่ายกับสาวๆ ได้นี่หว่า ทำไมต้องถ่ายกับผมด้วย”

“โอ๊ะ!” ภูพิงค์ทำหน้ากรุ้มกริ่ม “เห็นผมหล่อเลยไม่กล้าถ่ายด้วยอะดิ๊”

“เห็น? ผมเห็นตอนไหน”

“โห... พี่วินแม่งใจร้าย แต่งหน้าหนาเป็นศอกขนาดนี้ ชมกันสักนิดก็ไม่ได้”

“หนาเป็นศอกก็เว่อร์ไป”

“ที่จริงก็เป็นห่วงอยู่ว่าตอนกระโดดหมุนตัวสามตลบนี่จะเสียสมดุลย์จนหน้าทิ่มมั้ย หนักหน้าฉิบหาย ไม่รู้เอาซีเมนต์มาโบกหน้าผมแทนแป้งรึเปล่าเนี่ย”

ทันตแพทย์หนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมจะรอดูไอ้ท่ากระโดดหมุนตัวสามตลบนี่นะ ถ้าหน้าหลุดจะเก็บไว้ให้”

พอเห็นสีหน้าอีกฝ่ายดูดีขึ้นและหัวเราะได้ ภูพิงค์จึงยิ้มออกมาบ้าง “ไปถ่ายรูปกันได้แล้วเนอะ โอเคใช่ป่ะ”

“เออ” รวินท์เออออไปอย่างเสียไม่ได้ เขาปฏิเสธไอ้เด็กนี่ไม่ได้จริงๆ นั่นล่ะ “เฮ้อ...”

“แค่ถ่ายรูปกับผมต้องถอนหายใจด้วยรึไง กลัวหล่อน้อยกว่ามากเลยเหรอวะ”

“ไม่ใช่เว้ย”

คนอ่อนวัยกว่ายื่นหน้าเข้าไปหา “งั้น... วันนี้ผมหล่อใช่ป่ะ”

“เออ”

“งั้นชมผมหน่อยดิ”

“เออๆ หล่อๆ”

“เอาแบบจริงใจหน่อยสิวะ”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ “ถ้าหุบๆ ปากไว้บ้างคุณจะหล่อกว่านี้”

“โห แรงอะ! นับวันปากคอยิ่งเราะร้าย”

“ก็ติดมาจากคุณน่ะแหละ!”

“ติดมาจากปากผมอ่อ ติดได้ไงอะ ยังไม่เคยโดนปากกันเลย”

“นี่ขนาดไม่เคยโดน ถ้าโดนเมื่อไหร่ ผมคงพ่นหมาออกจากปากได้”

เด็กหนุ่มหัวเราะ เขาเขย่าหัวไหล่ที่โอบอยู่ไปมาให้อีกฝ่ายหัวสั่นหัวคลอน “เดี๋ยวเอาของกินฝากอีแซนดี้ไว้ก่อนนะ ถือเต็มมือไปถ่ายรูป ดูตะกละชะมัด”

“เรื่องจริงต้องอายด้วยรึไง”

“เดี๋ยวมันแย่งความเด่นของผมไปหมด เฮ้ย อีแซนดี้ มาช่วยพี่วินถือของหน่อยโว้ย จะไปถ่ายรูปอะ”

“มาแล้วค่า~” แซนดี้วิ่งห้อแรดเข้ามาทันที เขาหยุดมองใบหน้าทันตแพทย์หนุ่มด้านซ้ายและขวา ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับหน้า และหยิบตลับแป้งขึ้นมาตบๆ บนใบหน้าอีกฝ่ายให้ “นิดนึง เดี๋ยวหล่อแพ้ไอ้พิงค์มันนะพี่หมอ”

“งั้นมีอะไรไปขนมาแต่งให้หมดเลย”

“เฮ้ย! จะให้ผมเป็นต่อสักวันไม่ได้เหรอวะ” ภูพิงค์โวยวาย

“เรื่องแบบนี้ยอมกันไม่ได้เว้ย” รวินท์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ช่างน่าแปลกที่พอเด็กหนุ่มเข้ามาอยู่ใกล้ๆ ก็ทำให้เขาลืมเรื่องที่กลัดกลุ้มใจไปเสียหมด จะว่าไป...ก็ทุกครั้งที่เขามีเรื่องกลุ้มใจเลยด้วยซ้ำ

“เอาล่ะ หล่อแล้วพี่หมอ มาๆ เซลฟี่กันสักรูปก่อน”

“ได้เลย” ทันตแพทย์หนุ่มรับโทรศัพท์มือถือต่อมาจากคนถามเพราะแขนเขายาวกว่า พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหาแซนดี้ ทว่าพอจะกดปุ่มถ่ายภาพ ภูพิงค์ก็ยื่นหน้าเข้ามาแจมด้วย

“อีหอยขมในตม! กูจะถ่ายกับพี่หมอโว้ย!”

“ก็ถ่ายกูด้วยเป็นไรไปวะ ไปๆ พี่วิน ไปถ่ายรูปกับกระทงกันเหอะ”

“ไอ้หมาหวงก้าง” แซนดี้พึมพำ

ที่ข้างหน้ากระทงใหญ่มีรั้วกั้นไว้โดยรอบ หากพอสองหนุ่มเดินไปถึง สตาฟฟ์ก็รีบเปิดทางให้ แล้วตะโกนเรียกตากล้องให้พร้อมสรรพ วันนี้ไม่ได้มีต่ายคนเดียว แต่มีทั้งตากล้องของคณะ ตากล้องสมัครเล่น และตากล้องของมหาวิทยาลัย พวกเขารุมรัวชัตเตอร์ ราวกับสองหนุ่มไปเดินพรมแดงเมืองคานส์ก็ไม่ปาน

หลังจากยืนให้ถ่าย เปลี่ยนมุมไปมากันสักพัก ภูพิงค์ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบ้าง “เซลฟี่กับผมบ้างนะ”

“ไม่เอา” รวินท์ทำท่าจะเดินหนี แต่ถูกคนอ่อนวัยกว่าล็อกคอเข้าไปใกล้จนแก้มของพวกเขาสัมผัสกัน

“เอ้า ยิ้มเร็ว เดี๋ยวหล่อแพ้ผมนะเว้ย”

เรื่องนี้ยอมไม่ได้จริงๆ ทันตแพทย์หนุ่มจึงต้องรีบยิ้มกว้าง

“แล้วพี่ไม่ใช้มือถือพี่เซลฟี่กับผมบ้างอ่อ”

“เออๆ ใช้ก็ได้” รวินท์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายรูปบ้าง “พอใจยังวะน้องพิงค์สุดหล่อ”

“แหม ปลื้มว่ะพี่” คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะ พลางยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา “ใกล้เวลาแล้วอะ อีกเดี๋ยวต้องย้ายไปจุดเริ่มขบวนละ ผมต้องยืนยิ้มโบกมือบนรถตลอดทางจนถึงลานแสดงอะ แม่ง อย่างกับประกวดเทพีกระทง ดีนะเนี่ยยังมีคนยืนเป็นเพื่อน” จากนั้นก็ส่งโทรศัพท์มือถือให้ทันตแพทย์หนุ่ม “ฝากไว้หน่อยนะ จะเหน็บเอวไว้ก็กลัวร่วง”

รวินท์รับโทรศัพท์มือถือของเด็กหนุ่มมาถือไว้ “ป่านนี้คนเต็มลานแสดงแล้ว ผมคงเห็นคุณตัวเท่าไข่มดแน่ เดี๋ยวรอดูไลฟ์เอาก็แล้วกัน ขี้เกียจไปชะเง้อมองอะ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “.....” คือเขาก็เข้าใจล่ะนะ จะหอบพี่วินไปพร้อมกันด้วยก็ไม่ได้ ยัดใส่ใต้รถไปก็คงไม่ไหว

“โห แค่ผมไปดูไม่ได้ เครียดเลยเหรอวะ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดกึ่งเล่นกึ่งจริง

ทว่าคนอ่อนวัยกว่าพยักหน้ารับซื่อๆ “อือ อยากให้พี่มาดูใกล้ๆ”

“ผมก็เคยเห็นแล้วไง”

“แต่วันนี้วันจริงนะพี่”

ท่าทางที่เหมือนลูกสุนัขหูลู่หางตกนั้นทำให้รวินท์ยิ้มอย่างรู้สึกเอ็นดู เขายกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายหนักๆ “เออๆ เดี๋ยวให้แซนดี้ขี่มอไซค์พาไปดูก็ได้วะ อาจจะต้องยืนดูไกลๆ แต่ผมไปดูแน่นอน ไม่ต้องงอแงน่ะ”

คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้าหงึกหงัก “โชว์เสร็จตามกำหนดน่าจะประมาณสามทุ่มอะพี่ แล้วไปเจอกันที่คณะนะ”

“อือ”

“ผมจะไปแล้วนะ”

“เออ” ทันตแพทย์หนุ่มตอบรับแล้ว หากอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมเดินออกไป “มีอะไรอีก”

“อวยพรผมหน่อยดิ”

“ต้องเคาะกะโหลก เป่ากระหม่อมด้วยมะ”

“เร็วๆ อย่าลีลา”

“ขอให้อวยพรยังจะเสือกเร่งอีก” รวินท์ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ “ขอให้โชว์ออกมาดีเลิศไปเลย เท่ไปสามคุ้งแม่น้ำ พอใจยัง”

“ขอบคุณคร้าบ” ภูพิงค์ยิ้มกว้าง “ผมไปนะ แล้วอย่าลืมที่สัญญานะเว้ย”

“เออๆ รู้แล้วโว้ย ไปได้แล้วไป๊ เดี๋ยวก็ต้องวิ่งตามหลังขบวนหรอก”

รวินท์มองตามเด็กหนุ่มไปจนกระทั่งอีกฝ่ายขึ้นไปยืนประจำที่บนรถในขบวนกระทงใหญ่ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นจึงเดินไปหาตรงที่แซนดี้ พี่นิ้งและตึ๋งยืนรวมกันอยู่

“พี่หมอ ไปๆ ไปรอดูที่ลานแสดงกัน”

“อือ”

แซนดี้ขี่มอเตอร์ไซค์ลัดเลาะพารวินท์ไปยังลานแสดงหน้าสำนักงานเทศบาล หากเมื่อไปถึงก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะจำนวนคนที่แน่นขนัดที่ในลานแสดงนั่น เสียงเพลงและเสียงของพิธีกรที่คอยบรรยายขบวนกระทงใหญ่ในงานดังก้องไปทั่ว

“เราคงได้แค่ยืนดูจากตรงนี้แหละพี่หมอ”

“อืม ไม่เป็นไร เดี๋ยวชัดๆ ค่อยไปดูในคลิปทีหลังก็ได้”

“ไม่มีพี่หมอไปยืนให้กำลังใจใกล้ๆ ไอ้พิงค์มันจะไหวมั้ยเนี่ย งานจะล่มรึเปล่าวะ” แซนดี้ยกมือขึ้นเกาศีรษะ

“เกี่ยวอะไรกับผม” รวินท์ยิ้มบาง “เขาซ้อมมาดีแล้วน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก”

“โธ่ พี่หมออะ ว้าย!” แซนดี้ถูกกลุ่มเด็กสาวเบียดกระเด็นหน้าเกือบทิ่ม เขาหันไปหาพวกเธอทันที กะว่าจะด่าให้ไฝแห้ง แต่เมื่อเห็นปริมาณฝ่าเท้าแล้วก็จำใจต้องชะลอคำด่าไว้

พวกเด็กสาวโวยวายเสียงดัง “พี่วิน! พี่วินนี่นา! พี่วินมายืนทำอะไรตรงนี้ ไกลแบบนี้จะเห็นพี่พิงค์เหรอคะ ขบวนของวิดวะจะมาถึงแล้วนะคะ ไปๆ เข้าไปข้างในกันค้า~”

“ฮะ! เดี๋ยว!” ที่ถามกันนี่ จะไม่รอคำตอบกันหน่อยเร้อ~

ทันตแพทย์หนุ่มถูกบุกเข้าชาร์จ เขารีบหันไปทางแซนดี้เพื่อขอความช่วยเหลือ ทว่าไม่ทัน ตัวเขาถูกลากถูกจูงฝ่ากลุ่มคนแน่นเอี้ยดเข้าไปก่อนแล้ว “แซนดี้~ดี้~ดี้~ดี้~”

“แล้วผมจะทำบุญไปให้นะพี่หมอ!” แซนดี้ป้องปากตะโกนกลับไป

เมื่อถูกกลุ่มเด็กสาวพาฝ่าดงผู้คนเข้าไป โดนหน้าอกหน้าใจเบียดซ้ายขวาหน้าหลังจนเขาแทบจะร้องหามหาหิงค์มาทาสะดือ สักพักก็ไปโผล่กลางกลุ่มเด็กสาวอีกกลุ่มซึ่งอยู่แถวหน้าๆ ของบริเวณลานแสดงได้อย่างไรก็ไม่รู้

“เนี่ย พวกเรามาจองที่รอดูพี่พิงค์กันตั้งแต่เที่ยงเลยนะคะ พี่วินดื่มน้ำหน่อย อ่ะ เฮ้ย เอาพัดมาพัดพี่วินหน่อยเว้ย” พวกเธอประคบประหงมทันตแพทย์หนุ่มกันเป็นอย่างดี “ดีนะเนี่ย เมื่อกี้ออกไปซื้อน้ำกับของกินกัน เจอพี่วินพอดี อย่างกะถูกหวย”

รวินท์แจกยิ้มหวาน คิดว่าครั้งนี้เขาก็โชคดีจริงๆ นั่นละที่ได้พวกเธอช่วยพาเข้ามาดูภูพิงค์ใกล้ๆ “ขอบคุณมากนะครับ ทุกคนใจดีมากเลย”

“โหย พี่วินน่ารักอ่า ถ่ายรูปกันๆ” พวกเธอวุ่นถ่ายรูปกันอยู่ครู่ใหญ่ พิธีกรก็ประกาศว่าขบวนของคณะวิศวกรรมศาสตร์กำลังเคลื่อนเข้ามาในลานแล้ว ทุกคนจึงรีบหันกลับไปดู

เด็กหนุ่มในชุดพื้นเมืองทางเหนือนับสิบคนถือตุงก้าวเข้ามาในลานอย่างเชื่องช้า ตามมาด้วยขบวนนักแสดง และกระทงใหญ่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์

เหล่าเด็กสาวอยู่ในชุดพื้นเมือง ใบหน้าแต้มรอยยิ้มน่ารัก ผมเกล้าไว้สวยงาม พวกเธอทยอยเดินเข้าสู่ลานแสดงกัน ตามมาด้วยนักดนตรีที่ถือโหม่งและฉาบ ปิดท้ายขบวนนักแสดงด้วยรถเวทีที่ใช้ขนกลองสะบัดชัย

“พี่พิงค์จะเห็นพี่วินมั้ยน้า!” สาวๆ เป็นเดือดเป็นร้อนกันกว่าตัวเขาเสียอีก พวกเธอพร้อมใจกันตะโกนร้องเรียก ส่งเสียงดังแข่งกับเสียงพิธีกร เรียกกันอยู่สักพักก็เป็นผล ภูพิงค์หันมาตรงที่พวกเธอยืนอยู่ แล้วพอสบสายตากับรวินท์ เขาก็ยิ้มกว้าง ลืมตัวเรียกชื่ออีกฝ่ายทันที

“พี่วิน!”

เสื้อผ้าที่ภูพิงค์สวมใส่ไม่เหมือนกับอีกสองคนบนรถ และไม่เหมือนนักแสดงคนไหน งานนี้ก็เห็นได้ชัดๆ เลยว่าเด็กหนุ่มได้รับบทเด่นสุดๆ ไปเลยจริงๆ

ทันตแพทย์หนุ่มโบกมือให้ พลางพูดเสียงเบา “สู้ๆ นะ”

ภูพิงค์พยักหน้าหงึกหงัก

พวกเด็กสาวมองไปยังคนในขบวนที มองกลับมาที่ทันตแพทย์หนุ่มอีกที พวกเธอเปรยเบาๆ “โห อิจฉาพี่วินเลยอะ ฟินก็ฟิน อิจฉาก็อิจฉา”

รวินท์ยิ้มน้อยๆ “อิจฉาผมทำไมกัน”

“อิจฉาทั้งพี่วินพี่พิงค์น่ะแหละ!”

เสียงโหม่งดังขึ้นบอกจังหวะแล้ว เด็กหนุ่มสองคนบนหลังรถยกกลองสะบัดชัยขึ้นหาม ขณะที่ภูพิงค์วางไม้ตีกลองลงตรงหน้ากลองและนั่งคุกเข่าลง

สักพักบริเวณนั้นก็เงียบลงสนิท ทำให้เมื่อเครื่องดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงเสียงก็ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งลาน ภูพิงค์รวบรวมสมาธิ พอไหว้ครูแล้วก็ฟ้อนไม้ตีกลองในมือ ก่อนจะตีลงไปตามจังหวะที่ฝึกฝนมา เสียงของกลองสะบัดชัยช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกฮึกเหิมไปด้วย สีหน้าขรึมของเด็กหนุ่มในยามที่ตั้งใจตีกลองราวกับเป็นคนละคน ดูมีเสน่ห์จนสะกดทุกสายตาในที่นั้นไว้

จังหวะกลองเร่งเร็วขึ้น แต่เด็กหนุ่มยังตีกลองอย่างแข็งขัน ทุกจังหวะสอดคล้องกันได้ดีไม่มีที่ติ เด็กสาวรอบๆ ตัวรวินท์นิ่งอ้าปากค้าง ดูท่าจะหลงเสน่ห์หนุ่มเหนือกันแบบถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว

เมื่อการแสดงจบลง เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องขึ้นแทบจะในทันที

ภูพิงค์ยกมือไหว้คนดูในแต่ละทิศ พลางหอบหายใจหนักๆ พอประสานสายตากับรวินท์ก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้ พร้อมกับทำปากถาม “เจ๋งป่ะ”

ทันตแพทย์หนุ่มกระตุกยิ้ม เขาพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ ทว่าสาวๆ รอบตัวเขานี่สิ กรี๊ดกันแทบสลบ

“สวีตอ่ะ! หมั่นไส้คนรักกัน! เป็นแฟนกันก็บอก!”

รวินท์ส่ายหน้าไปมา “เพื่อนกันครับ”

“ค่า! เพื่อนค่า~ ไม่ต้องปฏิเสธแล้วพี่วิน ใครๆ เขาก็ดูรู้”

“ขนาดนั้นเลย” รวินท์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา จากนั้นจึงบอกลากับสาวๆ “ขอบคุณมากนะครับที่อุตส่าห์พาผมมาดูริงไซด์เลย แต่ผมต้องขอตัวก่อนล่ะ”

“มีนัดกับพี่พิงค์ต่อใช่มั้ยล่า”

ทันตแพทย์หนุ่มไม่ตอบ แค่ยิ้มเฉยๆ ซึ่งนั่นก็มากพอที่จะทำให้สาวๆ หวีดกันเสียงแหบเสียงแห้ง แล้วก็ค่อยๆ แทรกตัวเดินฝ่าฝูงชนออกไปช้าๆ

ขณะที่ก้มหน้าก้มตาเดิน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อเขาแว่วๆ เขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วหันมองไปรอบๆ หากก็ไม่พบใคร
อะไรวะ หูฝาดเหรอ?


*TBC*


ไหนใครคิดถึงพี่หมอเต้บ้างค้าาา ยกมือหน่อยๆๆๆ เห็นถามถึงกันบ่อยๆ เลยน้า ฮัสกี้เลยพามาส่งเร้ววว 5555555 มาน้อยๆ แต่มาแรวงๆ นะคะ แล้วจะแรงขึ้นอีกเรื่อยๆ กันคิดถึง 55555555555

แต่แหม พี่หมอเต้แอบขโมยซีนคู่เอกไปเบาๆ เลยเนาะ ตอนนี้ต้องเป็นของน้องพิงค์สุดหล่อดิ!

อะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มจะชัดเจนขึ้นแล้วนะคะ เดี๋ยวตอนหน้าเราตามไปแอบดูสองหนุ่มลอยโคมกันเนอะ จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกมั้ยน้าาา~

ขอบคุณคนอ่านทุกคนเลยค่า รักนะจุ๊บๆ  :mew1:




หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-01-2018 09:47:23
หมอเต้แอบชอบวินเหรอถึงออกออาการน้อยอกน้อยใจแบบนี้
ชอบภูอ้อนพี่วินอวยพรอ่ะ น่ารักดี :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 30-01-2018 09:55:42
ตอนนี้ควรจะหวานนะ แต่ใจมันตุ้มๆต่อมๆไงไม่รู้อ่า

 :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 30-01-2018 09:58:50
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อรึป่าว แต่ก็ไม่น่ามาว่าร้ายพิงค์นะ ชิส์ พี่หมอวินอย่าคิดมากพิงค์น่ะมันหลงพี่หมอจะตายแระ 5555555

ปล.จะบอกฮักกี้ว่าเราไม่คิดถึงหมอเต้เลยนะ แต่ก็อยากให้เรื่องเคลียร์เร็วๆ รอบทหวานของพี่หมอกะหนูพิงค์อยู่ รุกรับรับรุก อิอิ รอลุ้น  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 30-01-2018 10:06:40
เต้แอบชอบวินแน่เลย น้อยใจขนาดนี้ แสดงออกมากก
วินอย่าไปหวั่นไหวกับคำพูดเต้น้า ไม่จริงๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 30-01-2018 10:18:21
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-01-2018 10:27:54
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อแหงๆเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 30-01-2018 10:28:19
หรือว่าเต้จะชอบพี่วิน รู้สึกตะหงิดๆแหะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 30-01-2018 10:33:51
หมอเต้ เพื่อนแอบรักเพื่อนสินะ

ไม่เอาไม่บลัฟน้องพิงค์งี้สิหมอเต้  :z6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 30-01-2018 12:45:15
โหหมอเต้หายไปนานทำมาทีเราไม่ปลื้มเลยอะ แน่จริงมาพูดให้พิงค์ได้ยินดิ จัดหนัก (พิงค์จีบที่หมอวินเร็วๆดิ จะโดนแทงแล้งนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 30-01-2018 12:54:51
หมอเต้ควรหายไปจากเรื่องนี้ เพราะน้องจะหวีดพี่หมอวินกับพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-01-2018 12:59:13
จะหวีตก็หวีตไม่เต็มที่
อิพี่เต้มาขัด เฮ้อ คิดอะไรกะเพื่อนตัวเองป่าว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-01-2018 13:33:19
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีแววว่าจะเป็นเพื่อนสนิทแอบรัก  พอรู้ว่าเขาเลิกกัน  ก็เลยมีความหวัง  เลยกีดกันให้ไม่ได้เจอกัน  จนเกิดเข้าใจผิดว่าแอบตีท้ายครัว  แต่ก็น่าเสียดายที่ดันมีเด็กหนุ่มแปลกหน้าโผล่มาสร้างเคมีที่เข้ากันเสียก่อน  จนทำให้อาจต้องกินแห้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 30-01-2018 14:00:13
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 30-01-2018 14:34:51
 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 30-01-2018 14:36:15
ตอนนี้เค้าหวีดกันน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-01-2018 15:48:27
เต้คิดกับวินเกินเพื่อนเหรอ ยังงี้เต้ก็น่าสงสารนะซิเพราะคงจะไม่สมหวังแล้วล่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 30-01-2018 15:48:42
ถึงจะฟิน แต่ก็คาใจคุณหมอเตชิตค่ะ ยังไง อะไร จ๊ะ ตอบ!!!
แล้วอะไรคือไม่มีทางสมหวังอ่ะ ตบปากเดี๋ยวนี้  :3125:
  :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 30-01-2018 16:37:24
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อรึป่าว แต่ก็ไม่น่ามาว่าร้ายพิงค์นะ ชิส์ พี่หมอวินอย่าคิดมากพิงค์น่ะมันหลงพี่หมอจะตายแระ 5555555

ปล.จะบอกฮักกี้ว่าเราไม่คิดถึงหมอเต้เลยนะ แต่ก็อยากให้เรื่องเคลียร์เร็วๆ รอบทหวานของพี่หมอกะหนูพิงค์อยู่ รุกรับรับรุก อิอิ รอลุ้น  :hao6:

เห็นด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 30-01-2018 16:47:42
ต้องใช่แน่ๆเลยยหมอเต้ชอบหมอวินหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-01-2018 18:39:28
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 30-01-2018 18:55:13
เต้คิดกับวินเกินเพื่อนแน่ๆ และวินคงรู้ตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่อาจจะเคยเคลียร์กันไปแล้วว่าเป็นได้แค่เพื่อนกันเฉยๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 30-01-2018 19:13:36
พี่หมอเต้พูดแบบนั้นไม่น่ารักเลยนะคะ บอกพี่วินได้ไงว่าน้องพิงค์ไม่สนใจ รู้หรอถึงพูดออกมาอ่ะ :m16:
และการที่พี่หมอเต้พูดว่าพี่วินจะไม่สมหวังกับน้องพิงค์ ให้โอกาสคิดใหม่ค่ะ เพราะเดี๋ยวน้องมันจะรุก(จีบ)พี่วินแล้ว
อ่ออออ ไม่มีใครบอกหรอกค่ะ แต่คิดว่ามันต้องเป็นแบบนั้น /me สะบัดบ๊อบใส่พี่หมอเต้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: namchok ที่ 30-01-2018 19:52:30
รู้สึกฟินมากๆๆๆ อิจฉาพี่หมอ...... :impress2: :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 30-01-2018 20:30:35
เอะหรือว่าหมอเต้จะชอบหมอวินอ่ะ มันมีเงื่อนงำ ขวัญนี่มาเป็นตัวหลอกแน่เลย
แต่แบบตอนนี้คือหวานเว่อ มดไต่อ่ะ อะไรคือคนนึงแสดงแล้วขยับปากโน่นนี่อีกคนก็ตอบกลับอย่างกับสร้างโลกเราสอง แหม ทัมมาเปงงง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 30-01-2018 20:35:30
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-01-2018 21:29:23
เนี่ยคิดไม่ผิดเลยที่ระแวงหมอเต้ คิดไม่ซื่อจริงๆด้วย
แต่คนเค้ารักกันค่ะ มองจากดาวอังคารลงมายังรู้ว่ารักกัน
เพราะฉะนั้นน จะไม่มีอะไรมาแทรกกลางได้นะคะ!!
อยากให้ทั้งคู่รู้ใจตัวเอง แล้วชัดเจนกันซะที
แบบนี้มันก้ฟินนะ ฟินมากกกด้วยย
แต่แอบระแวงดราม่าเพราะความเข้าใจผิดตลอดเลยอะ ฮือออ
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-01-2018 21:34:40
เอาล่ะสิ เต้เป็นห่วงหรือหวง ออกแนวตัดพ้อหนักมาก

วินท์เอ้ยย นอยด์มาตลอดทาง แต่พอเจอน้องแล้ว
ทุกอย่างมลายสลายไปในพริบตา

พิงค์ก็อ้อนพี่ไปเหอะ ตื้อพี่ไปเหอะ พี่บ่นไปงั้น แต่ยอมตลอด
พิงค์งานดี ทำดี และก็หวงพี่มาก ยิ้มระรื่นมากตอนเจอหน้าพี่

แซนดี้ยังรู้ แฟนคลับยังเห็น แล้วเมื่อไหร่พิงค์วินท์จะรู้ตัวและยอมรับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-01-2018 21:35:58
พี่หมอเต้ชอบพี่วินแน่เลย หาคู่ให้พี่หมอเต้ซักคนเถอะค่ะ

พิงค์กับพี่วินนี่คือแบบปากกับการกระทำสวนทางกันมาก เพื่อนเค้าไม่ทำกันขนาดนี้นะคะพี่วิน :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 30-01-2018 21:36:11
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-01-2018 21:57:52
ชัดเลย เต้แอบชอบวิน  คงชอบมานาน   :hao3:
แต่วินมีขวัญ เต้ก็เลยมีแฟนบ้าง
พอวินเลิกกับขวัญ  เต้ก็เลิกกับแฟนด้วย
เต้ ทำตัวเป็นที่พึ่งให้วินมาตลอด กลบเกลื่อนตัวเอง
พอมีพิงค์โผล่มาสนิทชิดเชื้อเลยหวั่นใจ
พูดให้ร้ายพิงค์เฉยเลย

พิงค์ ติดวินแล้ว หวงแม้แต่กับแซนดี้
เต้ ทำให้วิน เริ่มคิดมากและ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-01-2018 22:11:48
เรื่องหมอเต้แย่งซีนมาก ไม่รู้จะออกหัวออกก้อย
แหม่...น้องพิงค์อุตส่าห์ซ้อมหนักและหล่อแรงเพื่อวันนี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: Bluedock ที่ 30-01-2018 22:38:57
วินเชื่อเต้ทำไมสงสารพิงค์  :sad4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-01-2018 22:45:18
งานลอยกระทง หรืองานแกรนโอเพนนิ่งพิงค์วินกันนะ เห็นมะว่าใครๆก็ดูออก เลิกซึนแล้วมาเป็นแฟนกันเถอะ

ส่วนหมอเต้ พามาม่ามาด้วย คิดอะไรกับวินมั้ยเนี่ยะ มาหวงตอนสายไปแล้วนะ ทำใจซะนะหมอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-01-2018 23:01:00
คนมีความลับไว้ใจไม่ได้  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-01-2018 23:02:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 30-01-2018 23:06:58
หมอเต้จะมาดราม่าแล้วส่งผลขัดฟินแบบนี้ไม่ได้นะคะ!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-01-2018 23:27:19
โอ้ยยย อย่ามีเรื่องเลยน้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 31-01-2018 02:57:32
หมอเต้แอบชอบหมอวินท์ใช่มั้ยคะอือออออสงสารนะถ้าเป็นเรื่องจริง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 31-01-2018 07:35:08
น้องพิงค์ตอนทำหน้าหงอยที่พี่วินจะไม่ได้มาดูใกล้ ๆ นึกภาพตามแล้วน่าเอ็นดูจัง  :-[
พี่เต้ น่าโมโห เรื่องขวัญข้าวมั่นใจนะว่าพี่เต้ไม่ได้คิดอะไรกับขวัญข้าว แต่คิดกับพี่วินเนี่ย ชัวร์
ดีไม่ดี แฟนใหม่ขวัญข้าวนี่ พี่เต้เป็นคนแนะนำหรือเปล่า แบบ กลัวขวัญข้าวกลับมาคืนดีกับพี่วิน
ตอนคุยโทรศัพท์ ก็บอกว่าพี่วินยังขี้อ่อยอยู่เหมือนเดิน ขวัญข้าวจะได้ไม่กลับมา
แต่อะไรก็ไม่น่าโมโหเท่า มาพูดไม่ดีเรื่องน้องพิงค์อ่ะ ไม่ชอบเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 31-01-2018 07:46:59
ฟินสุดๆเลย กรีดร้อง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 31-01-2018 08:31:04
น้องพิงค์เท่ขนาดนี้พี่วืนท์คงหนีไม่รอดแล้วแหละ มีก้างมีหนามบ้างชีวิตจะได้สนุก  :z13:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-01-2018 09:24:01
เต้พูดแบบนี้นี่ชอบวินใช่ไหม แต่วินคงคิดว่าเต้แอบคุยกับขวัญ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 31-01-2018 09:38:39
หมอเต้ ยังไง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 31-01-2018 10:42:06
ใครในนี้เรียกหมอเต้คะ!!! เสียบรรยากาศหมดดด  :seng2ped: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 31-01-2018 10:44:03
หมอเต้นีายังไงห๊ะะะ

จะเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หรือเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกันแน่เนี่ยะะะ

คนอ่านกะยังงงๆ จิ้น้องพิงค์กะพี่หมอสลับกันไปมาล่ะน๊าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: natty58 ที่ 31-01-2018 11:01:18
หมอเต้ ชอบพี่วินน่ะสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 31-01-2018 13:09:33
tเต้นี้คืออะไรวะ รำคาญเว่อร์

อย่าไห้ความโลเลของพี่ทำไห้น้องพิงค์ของเจ้เสียใจ นะ ไม่งั้น ไปเลยคะ กลับกรุงเทพไปเลยคะ

 
พิงค์วิน???? ม่ายยยยยยยยยยยยย
ปังธง วินพิงค์ แม้โลกจะแตกก็ตามมมมมมมมมม  กี็ดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 01-02-2018 14:16:11
ดีงามพระรามแปดมากคะ  :hao7:
เอ็ดดูพี่หมอวินมากๆ นางน่ารักน่าดูเอ็น  :hao6:
เอ้ย หลบรองเท้าจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
น่าเอ็นดูสุดๆเลยค๊าาาา   :hao5:
พิงค์วินตั้งแต่ต้น ไม่ผิดหวังเลย  :katai2-1:
และก็หวังว่าจะไม่ผิดหวังต่อไป เลิฟๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 01-02-2018 16:50:42
หมอเต้มีปม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 01-02-2018 20:53:24
เท่ห์​อ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 02-02-2018 19:08:36
โอ๊ยยย!! อินัองก็อ้อน อิพี่ก็ยอม ตายแล้วววว~~ อิจฉาเป็นที่สุด
เรียกคนมาเก็บหมอเต้ด่วนๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 03-02-2018 10:37:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 03-02-2018 16:36:21
ช่ายยยยย...ฟินก็ฟิน อิจฉาก็อิจฉา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 03-02-2018 17:23:46
ช่ายยยยย...ฟินก็ฟิน อิจฉาก็อิจฉา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 03-02-2018 19:14:44
คิดถึงพิงค์จังวันนี้มาไหม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 04-02-2018 09:25:56
เหมืิอนหมอเตชอบพี่วินเลยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 04-02-2018 10:40:48
พี่หมอวิน จะได้เรียนรู้ความรู้สึก หึงหวง เป็นครั้งแรกก็จากน้องพิงค์นี่แหละจ้า
อะไร ๆ เริ่มชัดเจนขึ้นแล้วนะ ทั้งคู่เลย  เหลือแต่ตอนยอมรับใจตัวเองเนี่ยแหละ
พี่เต้ ว่าน้องพิงค์แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ แต่พี่เต้ก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพี่วิน
อยากให้พูดคุยกันให้เคลียร์ ๆ เปิดใจกันไปเลย ดีกว่ามาอึดอัดใส่กันแบบนี้
รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 04-02-2018 15:36:36
ถ้าไม่ต่อจะลงแดงแล้วน่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-02-2018 09:13:36
 :call: :call:  :call:

เธอรู้หรือเปล่า 

ว่า...ฉันนั้นใกล้ลงแดง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 05-02-2018 11:11:16
ค่อยเป็นค่อยไป น่ารักละมุนมากเลย
เหมือนเราได้นั่งหวีดโมเม้นคู่จิ้นจริงๆเลย
รอวันทั้งคู่ขยับเข้าไปเบียดกันมากกว่านี้นะคะ ><
พี่วินน่ารักนี่คิดว่าพี่วินเคะอะ555

อึดอัดกับพี่เต้อะ อยากรู้ความจริงเร็วๆ

เขียนดีเขียนสนุกแล้วค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 05-02-2018 13:46:36


Chapter 26 : ลอยโคม


หลังจากดูการแสดงตีกลองสะบัดชัยเสร็จแล้ว แซนดี้ก็พารวินท์ไปส่งที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ก่อน ส่วนตัวเขาไปดูการแสดงกับพี่นิ้งและตึ๋งต่อ

รวินท์เดินไปหาที่นั่งรอเงียบๆ ใต้ตึกเรียน แล้วกดดูไลฟ์การแสดงย้อนหลังไปพลางๆ

ระหว่างที่นั่งดูอะไรฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อยก็มีใครบางคนเดินเข้ามาหา “พี่หมอ~”

“อ้าว ซัน ไม่ได้ไปดูขบวนแห่เหรอ”

“ดูสิครับ นี่ผมเพิ่งกลับมาถึงพี่ พวกผมต้องมาเตรียมเก็บของกันก่อน ส่วนไอ้พิงค์มันโดนลากไปสัมภาษณ์กับถ่ายรูปอยู่ วันนี้มันฮ็อตม้ากกก โดนรุมตลอด”

“อ่อ”

“แล้วพี่หมอนั่งทำไรอะ รอไอ้พิงค์เหรอ”

“นั่งเล่น... มานั่งเป็นเพื่อนผมหน่อยดิ”

“โห ไอ้พิงค์มาเห็นเข้ามันไม่หึงแย่เหรอ” ซันพูดเช่นนั้นแต่ก็นั่งลงข้างกัน ก่อนจะหันหน้าไปมองทันตแพทย์หนุ่ม

รวินท์แค่กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย หากก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“พี่หมอ ถามจริงเหอะ พี่รำคาญรึเปล่าอะ ถ้ารำคาญก็บอกกันตรงๆ ได้นะ”

“หือ” คนถูกถามหันไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “รำคาญอะไร ถ้ารำคาญผมคงไม่ชวนคุณนั่งด้วยหรอกน่ะ”

“ไม่ใช่เว้ยพี่... คือ...” ซันยกมือขึ้นเกาศีรษะ เขาลังเลอยู่สักหน่อย แล้วจึงเอ่ยขึ้น “ที่พวกผมเอาพี่กับไอ้พิงค์มาโปรโมตคู่กันบ่อยๆ อ่ะ”

“ไม่หรอก สนุกดี”

“สมัยอยู่มหาลัยเคยโดนจับคู่โปรโมตแบบนี้มั้ยอะพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้า “ไม่เคยนะ”

ซันกลอกตาไปมา เม้มปากอีกสองสามที แล้วถามเพื่อความแน่ใจ เพราะบางทีพี่หมออาจจะไม่เก็ตความหมายของคำว่าโปรโมตที่เขาว่า “พี่หมอ... เอ่อ... รู้ใช่มั้ยว่าพวกผู้หญิงเขาจิ้นพี่กับไอ้พิงค์น่ะ”

“อือ ก็นิดหน่อย”

“โวะ! แล้วไม่รำคาญจริงๆ อะเหรอ”

รวินท์ขมวดคิ้ว “จะให้รำคาญอะไรล่ะ”

“ก็แบบ โดนแซ็วไง”

“แซ็วว่า?”

“เป็นแฟนกันไรเงี้ยย~”

ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ไม่หรอก... ถ้าเป็นจริงก็อาจจะดี”

“หือ? อะไรนะครับ พี่พูดเบาจังอ่ะ” ซันเอียงหูเข้าไปฟัง

รวินท์ถอนหายใจเบาๆ “ไม่รำคาญหรอก... ก็ไม่ใช่เรื่องจริงอยู่แล้วนี่”

“อ่อ ถ้างั้น ถ้าเป็นเรื่องจริงโดนแซ็วแล้วจะรำคาญมั้ยอะครับ”

“ก็อาจจะไม่นะ” รวินท์ยิ้มบาง นัยน์ตาฉายแววเศร้า หากกลับทำให้ดูฉ่ำหวานมากขึ้น เขาเท้าแขนข้างหนึ่งลงบนโต๊ะพร้อมกับหันหน้าไปประสานสายตากับเด็กหนุ่ม ท่าทางประกอบกับคำตอบนั่น เป็นผลให้คนที่นั่งด้วยกันเขินเสียอย่างนั้น “เอ้า หน้าแดงทำไม แดงไปถึงหูแล้ว” เขาเอื้อมมือไปแตะใบหูอีกฝ่ายเบาๆ

“สงสัยไม่ชินคนหล่อว่ะพี่” ซันหัวเราะแหะๆ หน้าแดงกว่าเดิมไปอีก เขายกมือขึ้นจับใบหูข้างที่รวินท์สัมผัสเมื่อครู่ รู้สึกร้อนเหมือนมีใครเอาเตารีดมานาบ “แล้ว... ที่มหาลัยพี่ไม่มีคนจิ้นพี่กับใครๆ ในคณะบ้างอ่อ”

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดคิดชั่วครู่ ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ “อาจจะมีแต่ผมไม่ได้สนใจ” ตอนนั้นเขาสนิทกับไอ้เต้มาก ไปไหนมาไหนด้วยกันตัวติดกันตลอด แต่เพราะพวกเขาต่างคนต่างก็มีแฟนก็เลยไม่มีใครสนใจจะมาจับคู่จิ้นกันล่ะมั้ง

ซันย้ายมือมาเกาปลายจมูก จากนั้นจึงก้มลงมองไลฟ์ในโทรศัพท์มือถือของทันตแพทย์หนุ่ม “อะ สัมภาษณ์ไอ้พิงค์พอดีเลยพี่”

เนื่องจากเสียงรอบๆ ตัวค่อนข้างดัง รวินท์จึงต้องหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์ เขาแบ่งข้างหนึ่งให้ซันฟังไปพร้อมกันด้วย
ภาพบนจอโทรศัพท์มือถือเป็นภาพของเด็กหนุ่มกับพิธีกรสาวสองคนบนเวทีในงาน


คำถามในช่วงแรกๆ ก็ถามถึงการตีกลองสะบัดชัย แล้วพอถึงคำถามช่วงท้ายๆ ก็เป็นคำถามพื้นฐานที่พิธีกรมักจะนำมาถามเป็นประจำ ตัวเขาเองก็เคยโดนบ่อยๆ

“น้องพิงค์มีแฟนรึยังเอ่ย สาวๆ อยากรู้กันน่ะค่ะ”

“ยังครับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“งั้นต้องรีบถามเลยว่าสาวในสเป็กเป็นแบบไหน”

ภูพิงค์หยุดคิดไปสักพัก ก่อนจะตอบแบบกระท่อนกระแท่น “ผมไม่ได้กำหนดเสป็กตัวเองไว้ว่าต้องเป็นแบบไหน แต่ถ้าเจอคนที่ใช่ก็คือใช่แหละครับ”

“เขาว่าถ้าถามเสป็กใครแล้วได้คำตอบมาแบบไม่เจาะจง แปลว่ายังไม่มีคนที่ชอบ จริงมั้ยคะน้องพิงค์”

เด็กหนุ่มชะงักไปอีก เขาทำหน้าเครียด เพราะมีใบหน้าของใครบางคนผุดขึ้นมาในความคิด แล้วจู่ๆ ใบหน้าก็ซับสีเลือดขึ้นมาเสียอย่างนั้น “เอ่อ... ก็ไม่...”

“โอ๊ะ แบบนี้แปลว่ามีแน่เลย!” คราวนี้เสียงกรี๊ดดังทะลุออกหูฟังมาเลยทีเดียว รวินท์กับซันแทบจะดึงหูฟังออกมาไม่ทัน

เด็กหนุ่มไม่รู้จะเอาตัวรอดอย่างไรดี ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็เขินฉิบหาย เวลานี้เขาอยากเรียกวิญญาณของรวินท์เข้าร่าง แต่ตอนนี้ทำได้แค่หันมองล่อกแล่กไปมา สุดท้ายก็พูดโพล่งขึ้น “ผมต้องไปก่อนล่ะครับ ปวดฉี่ อั้นไม่ไหวละ” แล้ววิ่งลงเวทีไปเองอย่างรวดเร็ว


ทันตแพทย์หนุ่มกับคนที่นั่งข้างกันหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ยังดีนะที่มันพูดว่าปวดฉี่ ผมว่าจริงๆ มันคงอยากพูดว่าปวดขี้ แต่ยังเกรงใจ” ซันยกมือขึ้นกุมท้อง เขาหัวเราะจนหอบหนักๆ “พี่หมอต้องสอนมันบ้างแล้วแหละ ว่าจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ยังไง จะปฏิเสธยังไง ช่วงนี้แม่งยิ่งมีสาวๆ แวะเวียนมาหยอดตล๊อด ต่อไปคงถี่ยิบๆ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องรับมือยังไง แต่เขาอาจจะชอบก็ได้นะ”

“ไม่หรอกพี่” ซันกลอกตาไปมา เขาชำเลืองมองสีหน้าคนข้างกันแล้วกระแอมเบาๆ “คือ... ผมว่าคนอย่างไอ้พิงค์อะ ถ้ามันชอบใครมันจะลงมือจีบเอง”

ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “โห ใครจีบก่อนไม่เอาเหรอ เล่นตัวเหมือนกันแฮะ”

“ไม่รู้ว่ะพี่ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นใครจีบมัน มีแต่มันไปจีบเขา”

“อือ” รวินท์พยักหน้า แล้วรอฟังต่ออย่างสนใจ

“ผมเห็นเคยมันตามจีบอยู่คนสองคนแว้บๆ แล้วก็เลิก เพราะเขาไม่เอามัน โหย ตอนนี้คงเสียดายกันน่าดู”

“อืม นั่นสินะ”

“จริงๆ ผมว่ามันมีเสป็กของมันนะ แต่มันไม่กล้าให้สัมฯ หรอก เพราะมันชอบคนผอมๆ ตัวเล็กๆ แต่นมบึ้มๆ เวลาดูหนังโป๊กันนี่ มันเลือกดูแต่เรื่องที่นางเอกนมใหญ่ๆ มันว่าเซ็กซี่ดี” ซันหยุดคิด แล้วพูดต่อ “เรื่องโปรดของมันชื่อ คืนเร่าร้อนที่ออนเซ็น เผื่อพี่หมอสนใจจะหามาดูบ้าง เรื่องนี้เด็ดที่สุด ผมคอนเฟิร์ม”

“อืม ถ้าชอบนมขนาดนั้นก็ควรไปจีบแม่วัวนะ จะได้ใหญ่อลังสมใจ” รวินท์พูดพลางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงไป จากนั้นก็เอนตัวเท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ “ร้อนจังแฮะ”

คนอ่อนวัยกว่าเหลือบมองทันตแพทย์หนุ่ม เขาพยายามจะพูดให้อีกฝ่ายแสดงสีหน้าอาการอะไรออกมาบ้าง แต่ดูพี่หมอจะมีชั่วโมงบินสูงเกิน ไม่หลุดอะไรออกมาให้เขาจับผิดได้เหมือนไอ้พิงค์เล้ย!

“เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้”

“ไม่ต้องหรอก ผมเกรงใจ”

“ไม่เป็นไรพี่ รอแป๊บ” ซันวิ่งปรู๊ดออกไปทันที

รวินท์ยืดแขนออก  แล้วเอียงใบหน้าซบลงไปบนท่อนแขนของตน

ชอบหน้าอกโตๆ ชอบจีบเองซะด้วย เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย ไม่เข้ากับหน้าตาท่าทางซื่อๆ บื้อๆ เลยแฮะ

แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่ผู้ชายทั่วไปจะชอบ เขาเองยังชอบเลย... มีอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่เขาไม่รู้เลยจริงๆ

“เฮ้อ...”

ซันวิ่งกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับแก้วใส่น้ำเก็กฮวย “นี่คร้าบ”

“ขอบใจนะ”

“ผมต้องไปช่วยงานสโมฯ แล้วแหละพี่ คนกลับมาจากงานกันเยอะแล้ว”

“นั่งอีกแป๊บไม่ได้เหรอ” ทันตแพทย์หนุ่มยื่นมือออกไปคว้าข้อมือเด็กหนุ่มไว้ “เดี๋ยวค่อยไปนะ”

พอคนอ่อนวัยกว่าสบสายตากับคนที่นั่งอยู่ หัวใจก็เต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ เขากะพริบตาปริบๆ ในใจได้แต่ร้องโอ้โห... เขาเข้าใจไอ้พิงค์แล้วว่าทำไมมันถึงได้ตามใจพี่หมอนัก ก็ดูพี่หมอทำตากับทำหน้าเข้าดิ ใครไม่ใจอ่อนง่ายๆ ก็คงแปลกว่ะ เด็กหนุ่มจึงทรุดตัวลงนั่งเช่นเดิม พร้อมกับเบือนหน้าไปอีกทาง

“ดื่มด้วยกันป่ะ”

“ไม่ล่ะครับ” ซันตอบอย่างอ่อนใจ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายจับคางหมับเข้าให้แล้วจับให้หันหน้าไปหา “เย้ย จะทำไรพี่หมอ!”

“คุณทำหน้าแปลกๆ หลบสายตาผมทำไม”

“เง้อออ~ เปล๊า~”

“มีอะไรปิดบังผมแน่ๆ” รวินท์บีบแก้มของเด็กหนุ่มเบาๆ ให้อ้าปากออก

“อี๊อ๋ออะอำอะไออ้ม~” (พี่หมอจะทำอะไรพ้ม~)

“มีฟันคุดเหมือนพิงค์ใช่มั้ย”

“อ้ายอี๊~” (ม่ายมี้~) เด็กหนุ่มร้องลั่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแปร๊ดอีกรอบ ก็เพราะทันตแพทย์หนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาซะใกล้ “อ๋อนอดแอ๊ว!” (ถอนหมดแล้ว!)

“อือ ดีแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีฟันผุนะ ไปคณะทันตะกับพิงค์เลย จับเขาไปผ่าฟันคุดด้วย”

โห ให้เขายกช้างขึ้นดอยยังง่ายกว่าอ่ะ!

ขณะที่คุยกันอยู่ก็มีมือของใครบางคนยื่นเข้ามากั้นกลางระหว่างใบหน้าของรวินท์กับปากของซัน ตามมาด้วยน้ำเสียงกึ่งดุ “ไอ้สัสซัน มึงไปทำงานได้แล้ว”

ซันเงยหน้าขึ้นพรวด “อ้าว ไอ้สัสพิงค์ มาแล้วเรอะ” รอดแล้วกู~

ภูพิงค์หันไปทางทันตแพทย์หนุ่ม “ผมจะไปเปลี่ยนเสื้อ พี่ไปด้วยกันหน่อยดิ”

“ไม่อะ ขี้เกียจ คุณเปลี่ยนเองไม่เป็นรึไง”

“มาเหอะน่า” เด็กหนุ่มคว้าแขนอีกฝ่ายแล้วพากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปทันที

รวินท์หันไปโบกมือให้ซัน “ขอบใจที่นั่งเป็นเพื่อนนะ”

“คะ...ครับ” ซันโบกมือตอบ ก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะ กอดอก เอียงคอแล้วขมวดคิ้ว “แบบนี้เขาเรียกว่าหึงได้ป่ะวะ”


เมื่อไปถึงห้องที่ใช้เปลี่ยนเสื้อผ้า นักแสดงส่วนใหญ่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันไปหมดแล้วเพราะภูพิงค์กลับมาช้า ภายในห้องจึงมีเพียงแค่เขากับรวินท์เท่านั้น เด็กหนุ่มเดินดุ่มๆ ไปหยิบเสื้อผ้าที่โยนไว้บนเป้ขึ้นมาเปลี่ยน เขาถอดเสื้อออก สวมเสื้อยืดเข้าไปแทน จากนั้นก็ถอดกางเกงออกแบบหน้าด้านๆ แล้วเปลี่ยนใส่กางเกงยีน

“เปลี่ยนเองก็ได้นี่ ไม่น่าเชื่อ”

“ผมก็ใส่เสื้อผ้าเองมาเป็นสิบปีแล้วป่ะวะ”

“ถ้างั้นจะลากผมมาด้วยทำไม”

“ก็ไม่อยากให้พี่อ่อยเพื่อนผมไง”

“ผมอ่อยเมื่อไหร่”

“เมื่อกี้”

“ไม่ได้อ่อยโว้ย” พูดจบก็ยกขาเตะอีกฝ่ายไปหนึ่งที จากนั้นก็ส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้เด็กหนุ่มด้วย “แล้วทำไมผมถึงจะอ่อยเพื่อนคุณไม่ได้”

“เพื่อนผมมันไร้เดียงสา ปล่อยมันไปเหอะ สงสารมัน มันตามพี่ไม่ทันหรอก”

แล้วก็ไม่พ้นเรื่องเดิมๆ ภูพิงค์ยังคงมองเขาเป็นคนแย่ๆ เช่นเคย

รวินท์ถอนหายใจหนักๆ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียง เขาจึงก้าวขาตรงไปยังบานประตูห้อง

“พี่วิน” คนอ่อนวัยกว่ารั้งข้อมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ไปไหน”

“ผมไม่ได้จะไปอ่อยเพื่อนคุณหรอกน่ะ”

“เราจะไปลอยโคมกันไม่ใช่รึไง”

รวินท์หันไปสบสายตากับเด็กหนุ่ม “ยังอยากไปกับผมอยู่อีกเหรอ”

“ถ้าอยากไปกับคนอื่น ผมคงไม่ชวนพี่แต่แรกป่ะวะ” ภูพิงค์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เขานิ่งไปชั่วครู่ แล้วเขย่าแขนทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “ขอโทษ... อากาศมันร้อน เหนื่อยด้วย ผมเลยหงุดหงิดไปหน่อย”

“ถ้าคุณเหนื่อย คุณก็ควรจะกลับไปพัก”

“ผมไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น” ภูพิงค์แก้ตัว หากอีกฝ่ายยังคงนิ่งขรึม “พี่วินอ่า อย่างอนดิวะ”

“ผมไม่ได้งอน”

“นี่แหละ งอนชัดๆ เมื่อกี้ผมปากเสีย ผมก็ขอโทษแล้วไง” คนอ่อนวัยกว่าดึงอีกฝ่ายเข้าหาตัว “เดี๋ยวพาไปกินข้าวต้มโต้รุ่งก่อนกลับ... นะ”

รวินท์ก้มหน้าหลุบตาลงมองต่ำ วันนี้เขารู้สึกว่าอะไรๆ ไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการเลย มีปัญหาตั้งแต่กับไอ้เต้ ยาวมาถึงพิงค์ เขาอยากจะกลับห้องไปนอนนิ่งๆ แล้วลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แม่งไปซะให้หมด

เด็กหนุ่มค้อมศีรษะลงเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับคนที่ก้มหน้านิ่ง “ผมขอโทษจริงๆ นะ ให้พี่ต่อยคืนสักทีสองทีก็ได้”

“ไม่ล่ะ ขี้เกียจเจ็บมือ”

คราวนี้คนอ่อนวัยกว่าจึงจับข้อมือของทันตแพทย์หนุ่มยกขึ้นมาตบลงบนแก้มตนเองเบาๆ “นี่แน่ะ ปากเสียนัก” ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนมือจากข้อมือมากุมมืออีกฝ่ายไว้ “ดีกันเนอะ”

“คุณเป็นเด็กอนุบาลรึไงวะ” ถึงจะต่อว่าไปแบบนั้น หากก็ยังปล่อยให้เด็กหนุ่มจับมือตนเองไว้ “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ไปกันซะทีเหอะ” รวินท์ก้าวขาออกไปอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ถูกมือที่กุมมือเขาอยู่นั้นกระตุกกลับไปอย่างแรง แต่ความซวยยังไม่หยุดแค่นั้น เขาสะดุดข้าวของที่วางระเกะระกะบนพื้นด้วย ทันตแพทย์หนุ่มจึงเซถลาเข้าไปหาเด็กหนุ่ม ก่อนจะพากันล้มลง

ภูพิงค์หงายหลังล้มตึง โดยที่รวินท์ล้มทับลงมาบนตัวเขา

“โอย” เด็กหนุ่มผงกศีรษะขึ้น “เจ็บตรงไหนเปล่าวะพี่”

“ไม่เป็นไร” รวินท์ค่อยๆ ยันตัวขึ้น “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”

“สงสัยจะเป็น โอย... ขยับไม่ได้เลยว่ะ” คนอ่อนวัยกว่าพูดพร้อมกับทำเป็นยกมือขึ้นเล็กน้อยอย่างไร้เรี่ยวแรงสุดๆ

รวินท์เบิกตาโพลง เขารีบจับมืออีกฝ่ายไว้ “เจ็บตรงไหน อะไรหักรึเปล่าวะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะ” หากเด็กหนุ่มเอาแต่ทำปากพะงาบๆ เขาจึงก้มลงไปฟัง “เฮ้ย!”

จู่ๆ ภูพิงค์ก็ยกแขนขึ้นโอบกอดทันตแพทย์หนุ่มพร้อมกับดึงลงมาทาบทับตัวเขาไว้

“ไหนว่าเจ็บไง!”

“ก็เจ็บน่ะสิ”

“แล้วจะกอดผมไว้ทำไม!”

“ผมหนาว”

รวินท์ถอนหายใจหนักๆ “มารยาชัดๆ ตกลงไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่มะ”

“เจ็บครับ”

“เจ็บอะไร”

“เจ็บตูด” เด็กหนุ่มพลิกตัวเล็กน้อย พร้อมกับคว้ามือของคนบนร่างไปสัมผัสสะโพกตน “โอยยย~”

ทันตแพทย์หนุ่มหยิกก้อนเนื้อสะโพกนั้นอย่างแรง เป็นผลให้คนใต้ร่างสะดุ้งโหยง

“โอ้ยยย~ หมออะไรวะ รังแกคนเจ็บ”

“อื้อหือ... แน่นปั๋งเลยนะเนี่ย”

ภูพิงค์ผงกศีรษะขึ้น แล้วยักคิ้วให้ทันตแพทย์หนุ่มรัวๆ “จริงเหรอ ถ้าพี่ชอบผมจะยอมให้จับอีกทีก็ได้”

“พอแล้วเว้ย” รวินท์หัวเราะพลางขยับตัวออก หากอีกฝ่ายกระชับอ้อมแขนที่โอบกอดเขาไว้แน่น “พิงค์! ปล่อยสิวะ!” พอเขาดิ้นโวยวาย เด็กหนุ่มก็กดศีรษะเขาลงบนแผ่นอก “จะทำอะ...”

“ได้เห็นพี่หัวเราะแล้วค่อยยังชั่ว” 

ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก “.....”

“วันนี้พี่ดูอาการไม่ดี หน้าบูดเป็นตูดแบบนี้ผมเป็นห่วงนะเว้ย”

“ผมไม่ได้เป็นอะไร...” รวินท์เกือบจะเคลิ้มไปกับคำปลอบโยนของเด็กหนุ่ม แต่เดี๋ยว... ที่นี่เป็นตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ จะมีใครซ่อนกล้องไว้รึเปล่าวะ! จะหาซีนอะไรไปเรียกแขกอีกหรือเปล่าเนี่ย “ปล่อยผมก่อน”

“ไม่ปล่อย”

“พิงค์! จะกวนประสาทผมไปถึงไหนวะ”

“ผมไม่ได้กวน แต่ผมเป็นห่วงพี่จริงๆ”

“ห่วงก็นั่งคุยกันดีๆ ก็ได้ป่ะวะ”

พอคนอ่อนวัยกว่าคลายอ้อมแขนออก รวินท์ก็ลุกขึ้นนั่งทันที

“นอนทับผมทั้งคืนก็เคยนอนมาแล้ว จะเขินอะไรวะ” เด็กหนุ่มลุกนั่งตาม ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้เส้นผมอีกฝ่าย “นั่งพักให้รู้สึกดีขึ้นก่อน แล้วค่อยไปลอยโคมก็ได้”

“ผมไม่ได้เขินเว้ย” รวินท์พึมพำ สายตาสองคู่ประสานกันนิ่ง สักพักทันตแพทย์หนุ่มก็เป็นฝ่ายเสตาหลบไปก่อน “ดีขึ้นแล้ว”

“โกหกอ่ะ”

ภูพิงค์วางมือประกบแก้มอีกฝ่าย พลางดันให้หันมาทางตนอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณที่พี่อุตส่าห์ฝ่าฝูงคนเข้ามาเชียร์ผมตามสัญญานะ”

“แฟนคลับของคุณช่วยน่ะสิ”

เด็กหนุ่มหัวเราะ “ผมมีแฟนคลับที่ไหนวะ เห็นมีแต่ของพี่นั่นล่ะ แล้ว... ผมตีกลองเท่ไปเลยใช่เปล่า”

“อือ”

“โห ประหยัดคำฉิบหาย กลัวอะไรที่อมไว้ร่วงเหรอวะ”

“เออ เท่ฉิบหาย เท่มากๆ เท่ที่สุดในสามโลก เท่ไปถึงอีกกาเลคซี่ เท่แบบมองจากทางช้างเผือกยังต้องทึ่งเลย พอใจยัง”

“ยังอ่า”

รวินท์เอามือยันหน้าอีกฝ่ายให้ออกห่าง “กวนประสาทว่ะ” หากคนอ่อนวัยกว่าจับข้อมือเขาไว้ทันควัน จากนั้นก็ดึงให้เขาเซเข้าไปหา “พิงค์! จะทำ...” ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก เมื่อใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างกันแค่ปลายนิ้วกั้น

“ผมจะทำยังไงให้พี่วินอารมณ์ดีเหมือนทุกครั้งได้”

“ผมไม่ได้เป็นอะไร”

“งั้นก็ยิ้มให้ผมหน่อยดิ”

“ให้ยิ้มหลายๆ ทีก็ได้” พูดจบทันตแพทย์หนุ่มก็ฉีกยิ้มกว้าง “พอใจยัง”

“ไม่เอาอะ ยิ้มจริงใจหน่อยดิ”

“เรื่องมากฉิบหาย อยู่ดีๆ จะให้ยิ้มจริงจังเหมือนถูกหวย ใครจะไปทำได้วะ”

“บ่นเป็นลุงจริงๆ เลยน้า~ เฮ้อ คุยกับคนวัยทองนี่ ลำบากจังว่ะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย วัยรุ่นตามใจไม่ทันเล้ย” ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย

“ไอ้เด็กผีนี่! คุณจะกวน...!” รวินท์คว้าคอเสื้ออีกฝ่ายดึงเข้าหาตัว แต่ดันลืมไปว่าพวกเขาอยู่ใกล้กันนิดเดียวจึงไม่ทันได้ออมแรง แค่กระตุกนิดเดียวเท่านั้น ริมฝีปากของทั้งสองก็สัมผัสกัน เล่นเอาทั้งสองคนชะงัก แล้วผละออกจากกันทันที


“เฮ้ย!”


“โห! พี่ดึงผมเข้าไปจูบเฉยเลยอะ”

“แค่โดนนิดเดียว แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าจูบป่ะวะ”

ทว่าคนอ่อนวัยกว่าไม่สนใจ เขาพล่ามกวนประสาทต่อไปเรื่อย “ผมก็รู้อะนะว่าวันนี้หล่อ แต่นึกไม่ถึงว่าพี่จะห้ามใจไม่ไหว แบบ...”
รวินท์ยกมือขึ้นปิดปากอีกฝ่าย “ไม่ต้องพูดแล้วเว้ย ไปๆ จะไปลอยโคมก็ไปกันสักที” จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนทันที

“ไปก็ได้” ภูพิงค์ลุกตาม เขาหันไปยกเป้ขึ้นสะพายบ่า หากพอจะออกจากห้องก็ยังยื่นหน้าเข้าไปกวนทันตแพทย์หนุ่มได้อีก “ได้จูบผมรู้สึกเป็นไงมั่งวะ”

“จะให้รู้สึกอะไรวะ แค่โดนปากเท่านั้น”

“โหย เจ็บว่ะ เย็นชาเหลือเกิน เห็นผมเป็นดอกไม้ริมทางเหรอ ไม่คิดจะรับผิดชอบเลยใช่มะ”

ไอ้เด็กเวรเอ๊ย! “เลิกพูดเล่นแบบนี้เหอะว่ะ เดี๋ยวคนอื่นได้ยินก็เข้าใจผิดหมดหรอก”

“พี่แคร์คนอื่นด้วยเหรอ”

“เออ”

“แล้วพี่ไม่แคร์ผมบ้างเหรอ”

รวินท์หยุดกึก ขมวดคิ้วอย่างงุนงง “หมายความว่าไงวะ ถ้าผมไม่แคร์คุณ คงไม่มาดูคุณแสดงป่ะวะ อุตส่าห์ขับรถมาจากลำพูนเลยนะเว้ย”

“อ่อ งั้นก็แปลว่าพี่แคร์ผมมากเลยใช่ป่ะ”

“จะถามไปให้ได้อะไรนักวะ”

“ตอบก่อนดิ แคร์มากป่ะ”

“เออ”

“แคร์มากกว่าคนอื่นด้วยป่ะ”

ทันตแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “เออๆ”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “โอเค งั้นก็ไปกันได้แล้ว”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 05-02-2018 13:46:57


สองหนุ่มไปถึงสถานที่ลอยโคมทันเวลาที่ผู้คนเริ่มปล่อยโคมกันพอดี เด็กหนุ่มรีบซื้อโคมมา จากนั้นสองหนุ่มก็ย่อตัวลงนั่งเพื่อจุดโคม ในบริเวณนั้นมีผู้คนหนาแน่น ไม่มีไฟเปิดไว้ หากมีแสงจากเทียนเล็กๆ ละลานตาไปหมด คนที่จะลอยโคมมากันเป็นกลุ่มๆ มีตากล้องเพียบ รอบๆ ตัวพวกเขาก็กำลังวุ่นอยู่กับการจุดไฟในโคมกัน

“จับไว้คนละข้างนะพี่วิน”

“โห ลอยแล้วๆ”

“เดี๋ยวรออีกแป๊บค่อยปล่อย ใจเย็นๆ นะพี่” ภูพิงค์อมยิ้ม “ขอพรกันก่อน แล้วค่อยปล่อยมือพร้อมกันเนอะ”

“โอเค” รวินท์รีบหลับตาลง แล้วขมวดคิ้ว จะว่าไปสิ่งที่อยากขอก็มีเยอะจริงๆ แต่ที่ตอนนี้นึกออกและอยากได้มากที่สุดก็คือ... ถ้าได้มาลอยโคมด้วยกันแบบนี้ทุกปีก็คงดี อยากให้ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อลืมตาขึ้นก็ประสานสายตากับเด็กหนุ่มซึ่งกำลังจ้องมองมาทางตน “ไม่ขอของตัวเองล่ะ”

“ขอเสร็จแล้ว แต่เห็นพี่ท่าทางเครียด ท่าจะมีเรื่องขอเยอะ ผมว่าปล่อยบอลลูนน่าจะดีกว่า”

“โห ผมขอไปแค่นิดเดียวเว้ย”

“จริงอะ ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ แล้วพี่ขออะไรอ่ะ”

ทันตแพทย์หนุ่มเสตาหลบ “ไม่รู้ ลืมไปแล้ว”

“โห ยังไม่แก่เท่าไหร่เลย ขี้หลงขี้ลืมซะแล้ว ผมเป็นใครจำได้มั้ยเนี่ย”

“จำไม่ได้ คุณเป็นใครวะ”

“พี่วินแม่งกวนตีน” เด็กหนุ่มหัวเราะ “แล้ว... ไม่ถามผมบ้างอ่อ”

“เออ ถาม”

“กวนตีนอีกแล้วว่ะ”

รวินท์ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ “ถามก็ได้ คุณขออะไรล่ะ”

เด็กหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาเชื่อมแสงเมื่อสบประสานกับคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน “ขอให้ที่พี่วินขอเป็นจริง”

หัวใจของทันตแพทย์หนุ่มราวกับหยุดเต้นไปชั่วครู่ เขาเสตาหลบ พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วจึงพูดออกไป “จะปล่อยได้ยัง”

“เอานะ หนึ่ง สอง สาม!”

โคมไฟสีขาวนวลค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ปะปนกับโคมไฟอีกนับร้อย เป็นภาพที่สวยงามจนรวินท์แหงนมองอยู่นาน จนกระทั่งโคมของเขากับเด็กหนุ่มลับหายไปจากสายตา

“ลืมถ่ายรูปไปเลยแฮะ มัวแต่ตื่นเต้น”

“ถ่ายของคนอื่นละกัน หรือไม่ก็ไว้ถ่ายปีหน้า”

รวินท์หันขวับไปสบสายตากับคนพูด จากนั้นจึงยิ้มแล้วพยักหน้า “อือ”

“อืออันไหน อันหน้าหรืออันหลัง”

“อือ ก็คือ อือ ไง”

“มาๆ เอามือถือพี่มา ผมถ่ายให้” รูปแรกๆ ภูพิงค์ก็ถ่ายให้ทันตแพทย์หนุ่มโดยมีโคมยี่เป็งลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นแบ็กกราวน์ แล้วไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นดึงอีกฝ่ายเข้ามาเซลฟี่กับตัวเองซะงั้น “เดี๋ยวพี่ส่งรูปให้ผมด้วยนะ”

“ได้ แต่เอามือถือคุณขึ้นมาถ่ายด้วยดิ เผื่อไว้”

“โอเคๆ”

ถ่ายรูปกันไปพักใหญ่ ผู้คนชักจะเดินเข้ามาเบียดกันมากขึ้น เด็กหนุ่มจึงก้าวเข้าไปใช้ไหล่กระแซะ จากนั้นจึงยกแขนขึ้นโอบเอวทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ออกไปจากที่นี่กันก่อนเหอะ ทำไมอยู่ๆ คนเยอะจังวะ”

“ตรงนั้นเสียงดังๆ สงสัยจะมีอะไร”

คนอ่อนวัยกว่าปล่อยมือออกจากเอวแล้วจับมือรวินท์ไว้แทน “จับผมไว้แน่นๆ จะได้ไม่โดนคนเบียดหาย”

“ไม่อายเขารึไง จูงกันเป็นพ่อลูกไปได้”

“คนเยอะแบบนี้ ใครจะมาสังเกต” เด็กหนุ่มหันไปตอบ “แล้วอีกอย่าง จูงแบบนี้เขาไม่เรียกพ่อลูกเว้ย เพราะพี่ยังไม่แก่ขนาดนั้น”

ทันตแพทย์หนุ่มอมยิ้มเล็กน้อย ปล่อยให้เด็กหนุ่มจูงเขาเดินไปเรื่อยๆ จนใกล้จะพ้นจากบริเวณลอยโคม

ขณะที่สาวเท้าตามคนอ่อนวัยกว่าอยู่นั้น แวบหนึ่งรวินท์หันไปเห็นใบหน้าคุ้นเคยของใครบางคน เขาหยุดกึก กระตุกเมือเด็กหนุ่มไว้แล้วหันมองไปทางนั้น

“มีอะไรเหรอพี่”

“ผมว่าผมเห็นไอ้เต... อ้าว หายไปไหนแล้ววะ” ทันตแพทย์หนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ

“เห็นใครพี่”

“สวัสดีค่า อุ๊ยตาย เจอหนุ่มหล่อสองคนล่ะ”

เสียงทักนั้นทำให้รวินท์รีบสะบัดมือเด็กหนุ่มออก หญิงสาวที่กำลังถือไมโครโฟนเดินตรงเข้ามาทางที่เขากับภูพิงค์ยืนอยู่พร้อมกับตากล้องด้วย เธอใส่ชุดพื้นเมือง นุ่งผ้าซิ่น ผิวขาวจั๊วะ และที่สำคัญ หน้าอกหน้าใจใหญ่ราวกับแตงโม

แต่เขาคิดว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน...

“มาลอยโคมกันสองคนเหรอคะ”

ขณะที่รวินท์กำลังครุ่นคิด คนอ่อนวัยกว่าชำเลืองมองไปทางเขา ก่อนจะตอบไป

“ครับ เพื่อนผมไม่เคยลอยโคม เลยพามา”

“เอ๊ะ คุ้นๆ คุณใช่คนที่ตีกลองสะบัดชัยของคณะวิศวะรึเปล่านะ”

“อ่า ใช่ครับ”

“ว้าย ไม่น่าเชื่อเลย ได้เจอตัวจริงด้วย” เธอโผเข้ากอดแขนเด็กหนุ่มทันที

ภูพิงค์ชะงัก ก้มลงมองหน้าอกที่เข้ามาเสียดสี จากนั้นก็หน้าแดงแปร๊ด “เอ่อ...”

ท่าทางของคนอ่อนวัยกว่าเป็นผลให้รวินท์ต้องนึกย้อนไปถึงคำพูดของซันและเตชิตทันที

...พิงค์ชอบผู้หญิงเซ็กซี่ หน้าอกใหญ่ๆ ดูท่าจะจริง

เขากับภูพิงค์เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้อยู่แล้ว เขาควรจะท่องไว้ให้ขึ้นใจ อย่าเพลินไปกับการจิ้นของคนอื่นๆ และคิดเป็นจริงเป็นจังอีก

ทันตแพทย์หนุ่มหลุบสายตามองต่ำ ความรู้สึกหน่วงๆ ในอกเช่นนี้ มันเป็นเพราะอะไร เขาก็รู้ตัวดี 

รวินท์เบี่ยงตัวหลบ สาวเท้าฉับๆ ออกจากที่ตรงนั้น ปล่อยให้เด็กหนุ่มถูกจับไปสัมภาษณ์อีกรอบตามลำพัง

เพียงครู่เดียวหลังจากที่เดินออกมา โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ทว่าพอหยิบขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นเตชิตโทรมา หัวใจก็กระตุกวูบ เขาจึงรีบกดตัดสายไป แล้วปิดโทรศัพท์มือถือไปเสีย

“พี่วิน!”

เจ้าของชื่อเรียกเงยหน้าขึ้น “มีอะไร” จากนั้นก็ชะงัก เพราะสีหน้าตกใจของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มหอบเล็กน้อย ดูท่าจะรีบวิ่งตามเขามา

“ทำไมจู่ๆ ก็เดินออกมาวะพี่ ผมตกใจหมดเลย”

“......”

“ไปกันเถอะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า เผื่อพี่จะรู้สึกดีขึ้นนะ”

“ผมไม่ได้เป็นอะไร”

“วันนี้พี่แปลกๆ อะ”

รวินท์ประสานสายตากับเด็กหนุ่ม คำพูดดูเหมือนจะจุกอยู่ในลำคอ เขาพูดอะไรไม่ออกเลย

ภูพิงค์รวบจับมือทันตแพทย์หนุ่มไว้อีกครั้ง พร้อมกับพาเดินออกไป โดยที่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีก จนกระทั่งขี่มอเตอร์ไซค์ไปถึงร้านข้าวต้มนั่นล่ะ เด็กหนุ่มสั่งกับข้าวมากินกับข้าวต้มรัวๆ สั่งเยอะเสียจนคนที่นั่งด้วยกันต้องรีบห้าม

“นี่คุณจะกินยันเช้าเลยรึไง”

“ก็เห็นพี่วินหิว กินเยอะๆ จะได้อารมณ์ดี กินเถอะ เดี๋ยวผมเลี้ยง แค่นี้ผมเลี้ยงไหว”

“ไม่ต้องเว้ย พอแล้ว สั่งแค่นี้พอ”

หลังจากสั่งอาหารไป สองหนุ่มก็นั่งเงียบกันไปอีกครู่หนึ่ง

รวินท์ถอนหายใจหนักๆ ออกมาเป็นระยะๆ

คนอ่อนวัยกว่าชำเลืองมอง ก่อนจะเคลื่อนมือที่อยู่ใต้โต๊ะไปกุมมืออีกฝ่ายไว้ “ถ้าพี่มีเรื่องไม่สบายใจ ผมเป็นผู้รับฟังที่ดีได้นะ”

“.....”

“ผมเป็นห่วงพี่นะ ไม่เคยเห็นพี่เป็นอย่างวันนี้เลยอ่ะ”

ทันตแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้น “ขอบใจ... แล้วก็ขอโทษที่ทำให้เสียบรรยากาศ”

“ไม่เสียหรอกน่ะ คิดมาก”

เมื่อพนักงานในร้านนำจานชามอาหารมาเสิร์ฟให้จนเต็มโต๊ะ ภูพิงค์จึงบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ แล้วชวนให้กินกันก่อน “กินก่อนนะ ร้านนี้ช่วงใกล้สอบพวกผมมากินบ่อยมาก เพราะต้องอ่านหนังสือโต้รุ่ง นี่ๆ ชิมๆ” เด็กหนุ่มพูดพลางตักใส่ชามข้าวต้มให้อีกฝ่ายลอง

รวินท์ตักใส่ปากแล้วยิ้มบาง “อือ อร่อย”

“กินเยอะๆ เลยนะพี่”

เมื่ออิ่มท้องก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างที่เด็กหนุ่มว่า รวินท์ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขาชำเลืองมองอีกฝ่ายซึ่งเพิ่งจะกินเสร็จเช่นกัน

“สั่งอีกมั้ยพี่”

“ไม่เอาแล้ว อิ่มท้องจะแตก”

ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “ขนาดบ่นว่าเยอะฉิบหายยังฟาดเรียบ สมกับเป็นพี่วินจริงๆ ว่ะ”

ภายในร้านข้าวต้มมีโทรทัศน์เปิดทิ้งไว้ให้ลูกค้าดูด้วย สักพักก็มีรายงานข่าวคั่นรายการเข้ามา เสียงของหญิงสาวนักข่าวเรียกให้รวินท์หันขวับไปทางต้นเสียง เธอคือผู้หญิงคนที่มาสัมภาษณ์ภูพิงค์เมื่อครู่ แต่เธอโผล่มารายงานข่าวแค่แป๊บเดียวเท่านั้น

“ไม่เห็นมีที่ถ่ายกับคุณเลยว่ะ”

“พูดแค่สองสามคำเขาคงไม่เอาไปออกทีวีให้เปลืองเวลาหรอกพี่ อีกอย่าง... ผมมัวแต่...”

รวินท์เห็นท่าทางอึกอักของเด็กหนุ่มแล้วหัวร้อน แต่ก็ยังรักษาสีหน้าให้คงเดิม “ทำไม มัวแต่เขินรึไง”

“เขินอะไรวะ ผม...มัวแต่ห่วงพี่นั่นแหละ จู่ๆ ก็เดินหนีไป ผมก็เลยรีบวิ่งตามอะดิ ตกใจหมดเลย”

“...ตกใจทำไม”

“แล้ว... พี่เดินหนีไปทำไมล่ะ”

รวินท์ขมวดคิ้ว แล้วโกหกออกไป “เห็นคนหน้าคุ้นๆ เลยเดินไปดู”

“งั้นเหรอ...” คนอ่อนวัยกว่าทอดถอนใจ “ค่อยยังชั่ว ผมนึกว่าทำอะไรให้พี่โกรธซะอีก”

ทันตแพทย์หนุ่มเม้มปากอยู่ชั่วครู่ คล้ายกำลังชั่งใจ เขาเบือนหน้าหนีก่อนจะพูดขึ้น “จะว่าไป นักข่าวคนนั้น...”

“ทำไมเหรอ”

“ตัวเล็ก สวย อกใหญ่ด้วย แบบที่คุณชอบเลยนี่นะ”

ภูพิงค์สะดุ้งโหยง “เฮ้ย! ไปเอามาจากไหนวะพี่!”

“เพื่อนคุณบอก”

“ไอ้เหี้ยซันเหรอ!”

“ไม่ต้องทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีก็ได้เว้ย มันก็เรื่องปกติของผู้ชายไม่ใช่รึไง”

เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง เขาถอนหายใจหนักๆ อีกหลายๆ รอบ ก่อนจะพูดเสียงเบา “อือ ก็คงงั้นมั้ง”

คำพูดนั้นทำให้รวินท์ต้องหันหน้ากลับไปหาอีกฝ่าย แล้วสายตาของพวกเขาก็ประสานกัน หากไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก


*TBC*


วรั้ยยยย~ งี้แหละฟามรัก มันก็มีหวานๆ ขมๆ ปะปนกันไปนะพี่หมอน้องพิงค์ อิอิ

ต่างคนต่างก็มีใจให้กันแหละเนอะ แต่มันติดตรงคำว่า พี่น้อง เพื่อนและผู้ชาย น่ะจิ๊

ให้เวลาสองหนุ่มสับสนนิดนึงละกันนะคะ  :impress2:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ จุ๊ฟฟฟ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 05-02-2018 14:28:13
มาต่ออีกน่ะ  ติดตามอยู่น่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 05-02-2018 14:30:35
โหยยยพี่วิน นอยด์แหลกราน 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-02-2018 14:31:08
พี่วิน น้องพิงค์ สับสนกันได้แต่อย่านานน้า
คนอ่านมันใจบ่ดี อยากให้เข้าใจกันเร็วๆจัง :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 05-02-2018 14:42:24
ขอบคุณที่มาต่อจ้า ยิ่งยาวๆแบบนี้ยิ่งชอบ o13 o13

ปล.แต่เนื้อเรื่องอืดๆนะ ตอน26แล้วยังไปไม่ถึงไหนเลยอะ :o10: :o10:
แต่ยอมรับว่าสนุกค่ะ :a3: :a3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 05-02-2018 14:47:08
น้องพิงค์จูงมือพี่หมอวินข้ามเส้นแบ่งไปให้ได้นะ เหมือนพี่หมอรู้ใจตังเองแล้วด้วย เหลือแต่พิงค์ที่ยังไม่ยอมรับ ถ้านานไปพี่หมอวินนอยด์แน่ๆ แล้วจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะ หึหึ :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 05-02-2018 14:49:52
แอบเขินเบาๆเค้าไปลอยโคมด้วยกันค่ะแม่ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-02-2018 15:11:11
พี่วินรู้ใจตัวเองและยอมรับความรู้สึกที่มีต่อน้องแล้ว เหลือน้องเนี่ยแหละจะยังไง
มีความม่าเบาๆ ทั้งเรื่องหมอเต เรื่องสเป็กสาวที่ภูชอบจนทำให้พี่วินหน่วงในใจ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 05-02-2018 15:29:09
มันไม่ฟินเลย ถึงจะมีฉากหวานๆ แต่ต่างคนต่างคิดอะ ต้องจับเข่าคุยกันแล้วจ้า  :hao4:
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 05-02-2018 16:00:23
 ผ่านช่วงสับสนไปให้ได้นะหนุ่มๆ
เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-02-2018 16:16:59
โอ๊ยยยยย พี่วินมีนอยด์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-02-2018 16:17:24
อยากให้สองคนนี่เปิดใจกันเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 05-02-2018 16:53:57
โอ้ยยย ลุ้นเมื่อไหร่จะเข้าใจกันว่ามีใจเหมือนกันนะจ๊ะ555  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 05-02-2018 17:30:55
โธ่ซัน ปากหาเรื่องมากอ่ะ  :katai1:
แทนที่จะช่วยกลับทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก ก็ขอภาวนาให้มีเหตุการณ์พูดเปิดใจกันเร็วๆนะ คนเชียร์อกจะแตกแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 05-02-2018 17:31:47
 :z2:
หมดเวลาลังเล
จับบอกรักกัน
รักกันไปเลยค่ะ
อิ้วววววววววววว

ลุ้นจนเยี่ยวเล็ดแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 05-02-2018 17:54:23
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-02-2018 18:12:15
พิงค์  รู้ใจวิน ดูอารมณ์วินออกตลอด
คืนนี้ พิงค์ วิน ทั้งกอดกัน จุ๊บกัน แค่อุบัติเหตุเท่านั้น   :z3: :z3: :z3:

วิน หลายอารมณ์ปะทะกัน
นอยด์เต้ ที่เต้ทั้งแปลกไป ทั้งเปลี่ยนไป
ไหนความชอบ สเป็คหญิงที่พิงค์ชอบอีก
วินรู้ใจแล้วว่าอยู่กับพิงค์แล้วมีความสุข

ให้รู้สึกว่าขวัญ ก็น่าจะรู้ว่าเต้ชอบวิน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-02-2018 18:14:30
เอาใจช่วยทั้งสองคนให้รู้ใจตัวเองเร็วๆนะ ทั้งพี่หมอทั้งน้องพิงค์เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-02-2018 18:16:58
อย่าสับสนนานนาจาาา คนรอเสียบเพียบ 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 05-02-2018 18:45:33
เอาอิเต้ไปไกลๆ ...
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-02-2018 18:46:04
ปากแข็งทั้งพี่ทั้งน้อง

รมเสีย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 05-02-2018 18:58:01
เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองกันสักที  ลุ้นนนนนน  :serius2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-02-2018 19:00:56
หูยยยย เริ่มหวั่นไหวแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 05-02-2018 19:38:40
พี่วินต้องเกิดมาจากไร่อ้อยแน่ๆ อ้อยเรี่ยราดมาก คิดภาพตามยังเขินแทนซันเลย ว่าแต่อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าพี่วินคือนายเอกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-02-2018 19:45:57
นอยด์รัวๆๆๆ พิงค์ทำให้พี่หมอวินอารมณ์ดีหน่อยสิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 05-02-2018 19:49:56
เราว่าบรรยากาศมันอึนๆมาได้ซัก3-4ตอนแล้วนะเนี้ยนะ

สู้ๆนะน้องพิงพี่วิน :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 05-02-2018 19:58:04
สับสนได้ แต่อย่านานนะ :m17:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-02-2018 20:02:49
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-02-2018 20:25:36
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 05-02-2018 20:28:38
 :impress2: มาแว้วววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 05-02-2018 21:01:06
                                                                   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 05-02-2018 21:06:17
อย่าสับสน มันแค่คนรักกันเองงงง~~
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 05-02-2018 21:08:59
สเปคมันเปลี่ยนกันได้เมื่อเจอคนที่ใช่ ว่าแต่เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองกันสักที
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-02-2018 21:13:33
เหมือนจะรู้ใจตัวเองแล้วทั้งคู่ แต่ยังไม่แน่ใจในอีกฝ่าย
ความรักไม่ได้มีแค่ความหวานนะเออ เปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ บ้างก็ได้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-02-2018 21:22:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 05-02-2018 21:26:20
ไม่อาวววววว ไม่อยากได้มาม่า

งื้อออออ  หวานๆขมๆ งี้

ใจไม่ค่อยจะดี

 :sad11:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-02-2018 21:44:29
โกรธซันได้มั้ยอะ แทนที่จะหวานฉ่ำกลายเป็นหวานอมขมเลยอ่ะ
สับสนกันเข้าไปทำความเข้าใจตัวเองดีๆนะ พอตัดสินใจได้ว่ารักกัน โลกจะได้สีชมพู

แต่หมอเต้นี่ยังไงๆ แอบรักวินแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 05-02-2018 21:55:10
มีคนหึงหนึ่งอัตรา พิงค์ชอบก็รีบจีบสิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 05-02-2018 22:12:02
แหมๆมีมากงมากอดพี่วินนะพิงค์ จงใจเนียนสุดอะไรสุด
แต่อาการของพิงค์นี่เริ่มชัดเลยนะว่าหลงพี่วินเข้าแล้วอ่ะ ร้อนรนตามหาเป็นห่วงแถมขอพรให้พี่เขาสมหวังอย่างที่ขอด้วย
นี่ว่าสัมผัสได้ว่าต้องมีมาม่ารออยู่ เฝ้ารอๆนะคะ
หมอเตนี่ตัวลึกลับสุดๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: namchok ที่ 05-02-2018 22:16:49
รู้สึกฟินมากๆๆๆ อิจฉาพี่หมอ...... :impress2: :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 05-02-2018 22:30:59
พบคนกำลังหลอกตัวเองจะๆอยู่ 1 ea ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยน้ออออ วคืออ่านในมุมมองวินมันเลยอยากจะทึ้งหัว มันอึดอัด สับสน และรำคาญใจกับอะไรสักอย่าง เราว่าเราเข้าใจวินนะ กลัวจนไม่เปิด มันก็เลยอึกอัดอยู่ในใจ ยังไงก็ไม่มีความสุข


ส่วนเต้นี่.......ยังรอเก็บข้อมูลต่อไป กลิ่นทะแม่งๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 05-02-2018 23:47:30
แอบรักเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย  :z2:  ไม่รู้จะเปิดเผยเอ่ยปากกันเมื่อไหร่  :katai4: ลุ้นแล้วลุ้นอีก


รอตอนต่อไปค่ะ



 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 06-02-2018 00:13:07
ก็ต้องให้เวลาปรับตัวบ้าง ถึงช่วงนี้มันจะขมๆเหมือนกาแฟดำไปหน่อยก็เถอะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-02-2018 03:02:47
โอ้ยยย มีคนนอยด์ค่าา
พี่วินนอยด์ทั้งตอนเลยอะ
พิงค์ก้พยายามปลอบ แต่ก้นอยด์เพราะพิงค์ไปอีก
โอยย ความรักกกนี่มันความรักจริงๆเลยอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 06-02-2018 05:08:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-02-2018 07:38:14
หึหึ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 06-02-2018 12:06:28
เอ้า จบตอนเฉย กำลังลุ้นว่าใครจะหลุดก่อนเลยอ่ะ 555
ตอนนี้พี่ิวิน อาการออกเยอะมากกกก  มีน้อยอกน้อยใจน้องด้วย
แต่น้องพิงค์ก็น่ารักอ่ะ แคร์พี่วินมาก หึงหวงมากด้วย > <
ทำไมพี่เต้แอบน่ากลัวอ่ะ เหมือนสะกดรอยตามพี่ิวินเลย
นี่ถ้าเป็นหนังสยองขวัญจะคิดไปไกลแล้วนะ บรึ๋ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 06-02-2018 12:10:56
ตอนนี้มันหน่วงงงง  :katai1:
ไม่ชินกับพี่วินลุคนี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 06-02-2018 13:55:10
ขอไล่เตะตัวสับสนแล้วเตะชะนีหนองโพได้ไหม ทำไมชอบขัด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-02-2018 19:47:27
เบื่อคนซึน แล้วคิดไปเอง เออกันเอง
สรุปแล้ววันนี้ก็เป็นวันป่วง ไหนว่าไปลอยทุกข์ไง
ทำไมยังไม่สุขล่ะ

สงสารหมอวินท์ไปอีก มาคิดมากอีก
พิงค์ก็ห่วงพี่ เป็นเอามากด้วย อยากให้พี่ยิ้ม

แต่ตอนนี้เหตุการณ์ไม่ปกติ
เพราะยังไม่มีใครเอ่ยปาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 06-02-2018 20:20:20
พี่หมอรู้ใจตัวเองแล้ววว แต่น้องยังสับสนอยู่เลย รักไท่รู้ตัว
ตอนนี้เต็มไปด้วยความอึดอัด สับสน ไม่รู้จะไปทางไหนดี :mew2: :mew2:
ด้วยความที่ชอบผู้หญิงมาก่อนทั้งคู่ จะเปลี่ยนไปในทันทีคงทำใจกันยังไม่ได้

สงสารหมอเต้ แอบตามมาใช่ไหมคะ วิธีการแสดงความรักของหมอมันแปลกอะ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: wiwari ที่ 06-02-2018 21:56:37
ลุ้นต่อไป :katai5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-02-2018 23:30:18
นี่ว่าแล้วพี่วินต้องคิดก่อนน ฮืออออ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-02-2018 12:43:13
พี่วินจะรู้ใจตัวเองรึยังนะ ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 07-02-2018 13:10:04
เฮ้อ!!! สารภาพรักกันไปเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 08-02-2018 04:33:05
มากางเต้นรอ  พรุ่งนี้จะมาต่อมั้ยครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 25 : กลองสะบัดชัย][300118]
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 08-02-2018 07:43:23
หมอเต้นีายังไงห๊ะะะ

จะเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หรือเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกันแน่เนี่ยะะะ

คนอ่านกะยังงงๆ จิ้น้องพิงค์กะพี่หมอสลับกันไปมาล่ะน๊าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 08-02-2018 18:53:40
 :-[ :-[ น่ารักดีอยากให้เขารู้ใจตัวเองกันไวๆจังอยากเห็นตอนเขาคบกันแล้วต้องเขินมากๆแน่เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 08-02-2018 20:06:12
หมอวินเป็นฝ่ายรู้ใจตัวเองก่อนพิงค์เหรอนี่  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 09-02-2018 18:25:16
อยากให้ทั้งสองคนรู้ใจตัวเองเร็ว ๆ จัง

พี่วินโตแล้วบอกน้องพิงค์ก่อนก็ไม่เสียหายนะ บอกเถอะๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 26 : ลอยโคม][050218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 09-02-2018 19:45:13


Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก


หลังจากไปกินมื้อกลางวันกันมา ทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองคนก็มานั่งรอเวลาเริ่มงานช่วงบ่ายกันในห้องพักทันตแพทย์ของโรงพยาบาลลำพูนเช่นเคย

เตชิตชำเลืองมองเพื่อนรักเป็นระยะๆ แต่ในมือก็ถือหนังสือพิมพ์ไว้บังหน้าด้วย อีกฝ่ายกำลังมองเหม่อออกไปทางนอกหน้าต่าง หลังจากที่มีปัญหากันในวันงานขบวนกระทงใหญ่ พวกเขาก็ต่างก็เลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอีก แล้วยังพยายามทำตัวตามปกติ ข้ามวันนั้นไปราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น 

ทว่าความรู้สึกในใจเปลี่ยนไป พวกเขาไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อย่างสนิทใจอีก

ฝ่ายรวินท์นั้น เขายังคงพยายามนึกว่าพิธีกรผู้หญิงคนที่โผล่มาในงานลอยโคมยี่เป็งเป็นใครกันแน่ เพราะมั่นใจว่าเคยพบกันมาก่อน น่าจะเป็นเมื่อตอนที่เขายังเป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยนั่นล่ะ

เธอเคยมาสัมภาษณ์เขาด้วยอย่างนั้นหรือ? อาจจะใช่ แต่ยังมีบางสิ่งบางอย่าง...

“ไอ้เต้”

“ไรวะ”

รวินท์ขมวดคิ้ว เขาตั้งท่าจะถามเตชิตถึงคืนนั้นอยู่หลายที เพราะคิดว่าเห็นอีกฝ่ายที่ในงานลอยโคม แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปสักที “....”

“อะไรของมึง”

“เปล่า จะบอกว่าร้านข้าวมันไก่ที่มาเปิดใหม่อร่อยดีว่ะ ไว้ไปแดกกันอีกเถอะ”

“เออ เห็นเขาว่าตอนเย็นบางวันมีข้าวมันไก่ทอดกับส้มตำด้วยนะเว้ย น่าลอง”

“เฮ้ย จริงเหรอวะ ดีๆ แต่ทำไมต้องบางวันตามใจฉันอีกแล้ววะ แล้วกูจะรู้ได้ไงว่าวันไหนขายไม่ขายอะไรบ้างเนี่ย”

“มึงน่าจะชินกับร้านอาหารแถวนี้ได้แล้ว” เตชิตหัวเราะ

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้คุยอะไรกันต่อ รวินท์หันมองเหม่อกลับไปทางบานหน้าต่างเช่นเดิม

คราวนี้จู่ๆ ทันตแพทย์หนุ่มก็นึกไปถึงฟันคุดของภูพิงค์ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปหาทันตแพทย์ที่คณะแล้วหรือยัง ไอ้เขาก็อยากจะผ่าให้หรอกนะ แต่ค่าใช้จ่ายที่คลินิกค่อนข้างสูง เด็กหนุ่มคงไม่ยอมให้เขาทำให้ฟรีๆ แน่ ยิ่งนึกก็ยิ่งเป็นกังวลแทนเสียอย่างนั้น

เมื่อวันอังคารที่ได้เจอกัน ภูพิงค์บอกว่าสอบไฟนอลใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว ถ้ายังไม่รีบไปจัดการกับฟันคุดจะมีปัญหารึเปล่าเนี่ย เขาชักจะเป็นห่วง

เป็นห่วงเหรอ? ก็ไม่แปลกนี่หว่า ในเมื่อเขาเป็นหมอฟัน เป็นห่วงฟันคนไข้ ก็เป็นเรื่องธรรมดา

ระหว่างนั้นสิงหาก็เดินฉับๆ เข้ามาหารวินท์ที่โต๊ะ “วินๆ เดี๋ยวเย็นนี้พี่ติดรถวินไปคลินิกด้วยนะ ขาไปขากลับเลย”

“.....”

“ไอ้วิน ได้ยินพี่เปล่าวะ”

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น เขาม้วนหนังสือพิมพ์ในมือให้เป็นแท่งแล้วฟาดไปที่ไหล่เพื่อนรักเบาๆ หนึ่งที “ไอ้วิน! หลับกลางวันไปแล้วเรอะ!”

เจ้าของชื่อเรียกสะดุ้งโหยง “ฮะ! อะไร อ้าว พี่สิงหา มายืนทำไรตรงนี้วะ”

“อ้าว ไอ้เวร มัวแต่เหม่ออะไร พี่บอกว่าเย็นนี้จะขอติดรถไปคลินิกด้วย ขาไปขากลับเลย”

รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก “ได้ครับ แล้วรถพี่ไปไหนอ่ะ”

“เสียไง เข้าอู่” สิงหาเบะปาก “เสาร์อาทิตย์นี้พี่ฝากชีวิตไว้กับวินด้วยละกัน”

“โอเคเลยพี่”

“งั้นมึงเอารถกูไปใช้ดีกว่า รถมึงแคบฉิบหาย กูขี้เกียจนั่งเก็บมือเก็บตีนอยู่ที่เบาะหลังมึง” เตชิตเสนอทันที ถึงจะขับไม่นานก็เถอะ ระยะทางแค่โรงพยาบาลลำพูนไปสนามบินเชียงใหม่ แต่รถไอ้วินน่ะ คนแขนขายาวอย่างเขานั่งเบาะหลังแค่สิบนาทีลงมาก็เป็นง่อยได้ ไม่รู้จะแคบไปไหน

“เอาไว้มีตังค์ก่อน จะซื้อใหม่ให้ใหญ่กว่ารถมึงสามเท่า”

“จะซื้อรถบรรทุกหรือรถทัวร์ล่ะครับไอ้คุณวิน” เตชิตประชด

สิงหาหันไปทางเตชิต “ว่าแต่พ่อกับน้องมึงเป็นไงบ้างวะ บินทุกอาทิตย์แบบนี้คงเหนื่อยแย่”

“ช่วงนี้ก็ทำกายภาพอะพี่ แต่ผมว่าอาการย่ำแย่กว่าตอนนอนเฉยๆ อีกครับ คนเคยเดินได้วิ่งได้ ตอนนี้แค่จะลุกยังลำบาก อาทิตย์ที่แล้วไอ้เตยมันนอนร้องไห้ มันกลัวจะเดินไม่ได้อีก ผมนี่ไม่รู้จะปลอบยังไงเลย”

รุ่นพี่ตบไหล่อีกฝ่ายหนักๆ “มึงต้องอดทนให้มากๆ นะ ช่วงนี้เขาต้องการกำลังใจเยอะ จนกว่าจะพอเดินได้บ้างนั่นล่ะ”

“ครับ ผมก็พยายามช่วยเต็มที่” เตชิตหัวเราะแห้งๆ “ดีหน่อยที่แม่ผมเป็นสปอนเซอร์ตั๋วเครื่องบินให้นะเนี่ย ถ้าต้องจ่ายเอง เงินเดือนคงหมดตั้งแต่ครึ่งเดือนแล้วแหงๆ เออ แล้ววันนี้เราไปกินอะไรกันดี”

“อืม... กินน้ำเงี้ยวกันป่ะ เดี๋ยวพี่พาไปร้านอร่อย ที่ร้านเขามีหมูสะเต๊ะ ไก่ย่าง หมูทอด ส้มตำ น้ำตกด้วย เผื่อใครกินน้ำเงี้ยวไม่ได้”

“น้ำเงี้ยวยังไม่เคยกิน แต่ชื่อน่าลอง เอาร้านนี้เลยพี่”

พอเห็นว่ารวินท์โอเค เตชิตก็พยักหน้าเออออไปด้วย “ถ้าหน้าอย่างไอ้วินกินได้ผมก็กินได้พี่”

“ทำไมต้องใช้หน้ากูเป็นบรรทัดฐานวะ”

“เอาน่ะ กูขี้เกียจคิด”

เมื่อตกลงกันเสร็จก็ได้เวลาเริ่มงานช่วงบ่ายพอดี พวกเขาจึงลุกไปใส่เสื้อกาวน์และเตรียมเข้าประจำที่กัน


หลังเลิกงาน รถฮอนด้า CR-V ก็เคลื่อนออกจากโรงพยาบาลลำพูน มุ่งหน้าไปบนเส้นทางสู่สนามบินเชียงใหม่ เตชิตเป็นคนขับเอง รวินท์นั่งข้างๆ และพี่สิงหานั่งข้างหลัง 

อากาศยามเย็นวันนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝน มีลมกระโชกแรงเป็นระยะๆ หากยังไม่มีฝนตกลงมา

“เครื่องบินมึงจะขึ้นไหวมั้ยเนี่ย” รวินท์พูดอย่างเป็นกังวล

“ถ้าขึ้นไม่ได้มึงมารับกูกลับด้วยนะ อย่าทิ้งให้กูนอนสนามบินนะเว้ย”

“เออน่า กูไม่ทิ้งมึงหรอก” รวินท์ตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก หากเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบสายตาด้วย เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ตอนนี้ห่วงร้านน้ำเงี้ยวก่อนดีกว่าว่ะ จะปิดหนีฝนมั้ยเนี่ย”

“ร้านเขาไม่ได้เป็นเพิงกลางแจ้ง ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ” สิงหาตอบมาจากเบาะหลัง


เมื่อเข้าเขตเมืองเชียงใหม่ เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาบางเบา หากไม่มีลมแรงเหมือนในคราวแรก ขับรถไปอีกไม่นานก็ถึงร้านอาหารที่สิงหาแนะนำ

สามหนุ่มพุ่งตรงเข้าร้านไปด้วยความหิวโหย สั่งอาหารกันมาจนเต็มโต๊ะ แล้วก้มหน้าก้มตากินกันราวกับอดอยากมาแสนนาน

ขณะที่กำลังจ้วงใส่ปากอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของรวินท์ก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมาดู

“สาวๆ โทรหาอีกแล้วดิ” สิงหาแซว

รวินท์เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะรีบกดรับสาย “ว่าไงน้อง~”

“คิดถึงครับพี่ย์~” คนที่ปลายสายลากเสียงยาวแบบกวนๆ “ถึงเชียงใหม่ยัง”

“ถึงแล้ว กินข้าวอยู่”

“อ่าว กินแล้วเหรอ”

“ทำไม จะชวนไปกินไหนเหรอ”

“กินที่บ้านนี่แหละ แม่ส่งน้ำพริกสำหรับทำน้ำพริกอ่องมาให้ พวกผมทำกินกันเยอะเลย เหลืออ่ะ พี่อยากกินมั้ย แวะเข้ามาช่วยกินหน่อย”

ทันตแพทย์หนุ่มอยากจะด่า “ถ้าไม่ใช่ของเหลือจะนึกถึงผมมั้ยวะเนี่ย!”

เด็กหนุ่มที่ปลายสายหัวเราะร่วน “จริงๆ ก็กะจะเอาไปให้ที่คลินิก แต่พวกผมติวหนังสือกันอยู่ พรุ่งนี้มีสอบย่อยตอนบ่าย”

“สอบวันเสาร์เนี่ยนะ”

“เออดิ เซ็งโคตร! สอบแบบมาราธอนด้วย ไม่เสร็จไม่ส่งไม่เลิกรา ถ้าผมตายห่าไปก่อนก็ทำบุญเป็นของกินมาให้เยอะๆ ด้วยนะ”

“ถ้าไม่ทำแล้วจะทำไมวะ”

“ผมจะไปเป็นผีเกาะหลังพี่แล้วหลอกหลอนพี่แม่งทั้งวันทั้งคืนเลย”

รวินท์หัวเราะบ้าง สีหน้าของเขาดูสดชื่นขึ้นเสียจนเตชิตกับสิงหาต้องขมวดคิ้ว “เออ เดี๋ยวไปส่งไอ้เต้แล้วจะแวะเข้าไปหา” จากนั้นก็กดวางสาย หากเมื่อหันกลับมาสบสายตากับเตชิตโดยบังเอิญ รอยยิ้มก็หายไปในทันที

เตชิตถามเสียงเรียบ “พิงค์โทรมาเหรอ คุยไรกันวะ หน้าบานฉิบหาย”

“เรื่องน้ำพริกอ่อง คืนนี้กูมีอะไรแดกแล้ว”

“นี่ยังจะแดกต่อได้อีกเหรอวะวิน” สิงหาทำหน้างง “กินแล้วเอาไปเก็บที่ไหนหมดวะ”

“ผมใช้แรงงานเยอะนะเว้ยพี่สิงหา”

“แต่ว่านะไอ้วิน กูว่ามึงเริ่มลงพุงแล้วว่ะ”

“เออน่ะ ตราบใดที่กูก้มหน้าแล้วยังเห็นจู๋กูอยู่ กูว่ามันก็ยังโอเค”

“สัส” เตชิตตบกบาลเพื่อนรักไปอีกทีด้วยความหมั่นไส้

รวินท์หันไปเรียกพนักงานในร้าน เขาสั่งอาหารอีกสองสามอย่างใส่ถุง

“นี่จะเอาไว้กินคืนนี้อีกเหรอ น้ำพริกอ่องไม่พอเรอะ” สิงหาชักจะกลัว ถ้าดึกๆ รุ่นน้องเขาหิวมากๆ แล้วไม่มีอะไรกิน มันจะมากินเขาแทนไหมวะ

“เปล่าพี่ นี่จะเอาไปฝากน้องมัน แลกกับน้ำพริกอ่อง”

“อ่อ แล้วพิงค์นี่... ใช่คนที่มัดหางม้า มีหนวดหน่อยๆ ที่เคยมาหาที่คลินิกมั้ย”

“ใช่ครับ นั่นแหละพิงค์ แต่ตอนนี้ตัดผมแล้วครับ หนวดก็ไม่มีแล้ว”

“ทำไมไปสนิทกันได้วะ” รุ่นพี่ถามอย่างงงๆ

“เรื่องมันยาวพี่ ช่างเหอะ กินกันต่อดีกว่า”

เตชิตชำเลืองมองเพื่อนรัก ทว่าอีกฝ่ายทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้ากินอาหารในจานไปเรื่อย โดยที่ไม่ได้พูดถึงอะไรเกี่ยวกับภูพิงค์อีก


ฝ่ายภูพิงค์นั้น เมื่อวางหูไปแล้วเงยหน้าขึ้นก็เห็นเพื่อนทั้งสี่ยืนเบะปากเรียงกันเป็นลูกคลื่น

“เป็นเหี้ยไรกันวะ”

ดิวกลอกตาไปมา “แหม ของเหลือว่ะ”

“ของเหลือเขาต้องตักแบ่งใส่ถุง ใส่จาน เอาฝาชีครอบไว้อย่างดีแล้วติดป้ายห้ามแดกเว้ย พวกมึงนิไม่รู้อะไร” ซันบรรยายต่อให้ ตามมาด้วยเสียงแหวๆ ของแซนดี้

“ว่าแต่พวกมึงได้แดกกันแล้วเหรอ ไอ้ของเหลือเนี้ยะ กูยังไม่ทันได้แตะเลย ทำไมมันกลายเป็นของเหลือไปแล้ววะ”

ขิงทำหน้าเบ้เหมือนกินของเผ็ดสมชื่อ “กูนี่เพิ่งรู้ด้วยซ้ำว่าแม่มันส่งน้ำพริกทำน้ำพริกอ่องมาให้”

“กูก็ว่าแล้วเชียว ทำไมวันนี้มึงตื่นไปตลาดแต่เช้า” แซนดี้บ่นต่อ

“ไอ้พวกสารพัดสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลายนี่ แม่กูก็ส่งมาให้จริงๆ ป่ะวะ พวกมึงเสือกไม่สนใจเอง” ถึงเขาจะเป็นคนโทรศัพท์ไปบอกให้มารดาส่งมาให้ก็ตามที แต่อันนี้จ้างให้ก็ไม่บอกใครหรอก “เมื่อเช้ากูก็อุตส่าห์ซื้อโจ๊กมาให้แดกกันแล้วไง”

“แล้วพี่หมอเขาเป็นอะไร ทำไมมึงต้องเสือกกระแดะทำน้ำพริกอ่องให้เขาแดกด้วยวะ”

“พี่เขาอยากกิน” เด็กหนุ่มตอบเพื่อนๆ เสียงอ่อย

“ไอ้ห่า! ทีพวกกูอยากแดกสารพัดอย่าง ไม่เห็นมึงเคยใส่ใจ!”

“ปกติพวกมึงอยู่ที่นี่ก็มีของให้เลือกแดกเยอะอยู่แล้วป่ะวะ แต่พี่วินเขานานๆ จะได้กินสักที เดี๋ยวพี่เขามาพวกมึงก็ช่วยกูเล่นละครด้วย แล้วพรุ่งนี้กูจะทำให้พวกมึงแดก เข้าใจมะ กูไปอ่านหนังสือต่อล่ะ!” ภูพิงค์ตอบอย่างหงุดหงิด แล้วเดินหนีไปนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ปล่อยให้เพื่อนพ้องสรรเสริญกันต่อไป

เขาก็เบื่อตัวเองเหมือนกัน แม่งเป็นเหี้ยอะไรวะ ถึงต้องหงุดหงิด กระสับกระส่ายแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อวันอังคารนั่น เพียงเพราะท่าทางแปลกๆ ของพี่วินที่ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรค้างคาอยู่ในใจ ถึงไอ้เรื่องนั้นจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย แต่ไอ้เขาก็บ้าฉิบหาย เอาแต่เป็นห่วงแต่พี่วินอยู่ตลอดเวลา

ทั้งที่เขาก็พยายามบอกกับตัวเองรัวๆ ว่าต้องตั้งใจอ่านหนังสือสอบ อย่าว่อกแว่กกับอะไรไม่เข้าเรื่อง

แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายก็หาเรื่องชวนพี่วินให้มาที่บ้านได้อยู่ดี

ภูพิงค์ยกมือขึ้นกุมขมับ เพราะเขาไม่มีสมาธิเอาเสียเลย จึงคิดว่าถ้าหากได้เจอกัน ได้เห็นว่าพี่วินกลับเป็นปกติ เขาคงจะสงบขึ้น อ่านหนังสือสอบได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจู่ๆ จะโทรศัพท์ไปหาอีกฝ่ายดีไหม เขาจึงต้องเอาน้ำพริกอ่องมาอ้าง

ไอ้เหี้ยพิงค์เอ๊ย เป็นอะไรของมึงนักเนี่ย... เด็กหนุ่มต่อว่าตนเอง พลางส่ายหน้าช้าๆ อย่างอ่อนใจ


หลังจากทันตแพทย์ทั้งสามกินมื้อค่ำเสร็จ คราวนี้รวินท์เปลี่ยนมาเป็นคนขับบ้าง เขาขับไปส่งเจ้าของรถที่สนามบินแล้วรีบไปส่งพี่สิงหาที่คลินิก จากนั้นจึงไปที่บ้านเช่าของภูพิงค์ทันที

เมื่อเข้าใกล้บ้านเช่าของภูพิงค์กับเพื่อนๆ ทันตแพทย์หนุ่มก็ยิ้มหน้าบานอย่างอารมณ์ดี หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติเสียอีก ไม่รู้จะตื่นเต้นดีใจทำไม พอหยุดรถที่หน้าบ้านแล้วก็นั่งสงบสติอารมณ์สักหน่อยก่อน จากนั้นจึงค่อยโทรศัพท์ไปเรียกอีกฝ่ายออกมา

ฝ่ายเด็กหนุ่มพอได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นก็เอื้อมมือไปตะปบแล้วลุกขึ้นพรวด หากถ้าจะรับโทรศัพท์พร้อมกับวิ่งพรวดพราดออกไปเลยก็ดูจะไม่มีมาดไปเสียหน่อย เขาจึงถือโทรศัพท์ยืนเก้ๆ กังๆ สักพัก ก่อนจะกดรับสาย

“มาถึงแล้วเหรอ เดี๋ยวผมเปิดประตูบ้านให้นะ” ภูพิงค์ทำเป็นลีลาเล็กน้อย ทว่าไม่นานก็ถูกเพื่อนพ้องถีบออกไปด้วยความหมั่นไส้ เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ประตูพลางหันกลับไปสั่ง “ทำตัวตามปกติด้วยโว้ย แล้วอย่าลืมเล่นตามน้ำกับกู ไม่งั้นพรุ่งนี้อดแดก”

หากพอเอาเข้าจริง ได้เห็นหน้ากันต่างคนก็ต่างยิ้มกว้าง หลุดเก๊กไปพร้อมๆ กันนั่นล่ะ

รวินท์เห็นสภาพของเด็กหนุ่มที่วิ่งออกมาแล้วก็หัวเราะ ท่าทางจะอ่านหนังสือสอบหนักจริง หัวกระเซิงเป็นรังนก มีไรหนวดบางๆ ใต้ตางี้คล้ำเป็นหมีแพนด้า ดูโทรมเหมือนเพิ่งกลับมาจากเก็บกับระเบิดแถวชายแดน

“นี่จะไปสอบหรือไปรบกับเกาหลีเหนือวะเนี่ย ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันเหมือนห่างกันไปสามปี”

ภูพิงค์เปิดประตูรั้วบ้านออก “แหม เจอกันก็ชมเลยว่ะพี่ เขินนะเนี่ย มาๆ เข้ามา”

บรรยากาศภายในบ้าน นอกเหนือจากแซนดี้แล้ว ทุกคนก็อยู่ในสภาพเหมือนรุมโทรมกันเองอย่างหนักจนหมดแรง แต่ละคนนอนตาเหลือกกลิ้งเกลือกบนพื้น มีกองหนังสือหนาเตอะวางทั้งบนโต๊ะและข้างตัว

“พี่หมอหวัดดีครับ” พวกเขายกมือไหว้

“หวัดดีครับ มารยาทดีจังเนอะ ไม่เหมือน...” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปทางภูพิงค์

“ผมเนี่ยเดินไปเปิดประตูให้พี่นะ มารยาทดีสุดๆ ละ แล้วนั่น...หิ้วถุงอะไรมาด้วยอะ”

“ขนมจีนน้ำเงี้ยวกับข้าวเหนียวหมูทอด ของฝากจากร้านที่ไปกินมา เอามาเผื่อทุกคนด้วย ถ้าวันนี้กินจนจะล้นคอหอยแล้วก็เอาไว้กินพรุ่งนี้ละกัน”

เพื่อนๆ ของเด็กหนุ่มตาเป็นประกาย พวกเขาลุกขึ้นพรวด มีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาทันควัน “โห! ไม่ล่ะครับพี่หมอ กินเดี๋ยวนี้แหละ” แต่เสียงกระแอมของภูพิงค์ทำให้พวกเขาต้องเก็บอาการสักหน่อย พอรับถุงมาแล้วก็ต้องค่อยๆ เดินไปหยิบจาน ทั้งที่ในใจอยากยัดเส้นขนมจีนเข้าปาก ต่อด้วยกัดก้นถุงน้ำเงี้ยวแล้วดูดเอา

“เดี๋ยวผมไปเอาน้ำพริกอ่องให้นะ ข้าวเหนียวอุ่นไว้ยังร้อนอยู่เลย”

“อือ”

พอภูพิงค์เดินออกไป แซนดี้ก็เดินสวนกลับเข้ามาเพื่อเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ “ดื่มน้ำก่อนค่าพี่หมอ”

“ขอบใจ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มรับ เขาหยิบแก้วน้ำมายกขึ้นดื่ม ขณะที่อีกฝ่ายแสกนเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “มีอะไรเหรอ”

“ไม่ได้เห็นพี่หมอหลายวัน คิดถึงจังค่า”

“เราเพิ่งเจอกันไปเมื่อวันอังคารเองนะ”

“นั่นแหละ แค่นั้นก็คิดถึง”

“ผมก็คิดถึงแซนดี้นะ”

“แหม พี่หมอ ปากหวานอ่ะ!” ขณะเดียวกันภูพิงค์ก็เดินถือจานข้าวเหนียวกับชามใส่น้ำพริกอ่องมาพอดี แซนดี้จึงชี้ไปที่อีกฝ่าย “แล้วคิดถึงไอ้นี่มั้ย”

รวินท์ยิ้มพร้อมพยักหน้าไปด้วย “คิดถึงสิ พอมาถึงเชียงใหม่ก็รีบมาหาเลยนะเนี่ย”

“คิดถึงผมหรือคิดถึงน้ำพริกอ่องวะ” เด็กหนุ่มใช้ขาเขี่ยแซนดี้ให้ออกไปนั่งไกลๆ อีกฝ่ายจึงค้อนใส่วงใหญ่แล้วลุกเดินกลับเข้าไปในครัว จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างทันตแพทย์หนุ่ม พร้อมกับวางจานชามลงตรงหน้า “กินได้เลยพี่”

“กินด้วยกันดิ กินคนเดียวเขินว่ะ”

“ไม่ต้องเขินหรอกพี่ พวกผมกินกันจนน้ำพริกอ่องมันขึ้นมาแทนที่สมองละ” ซันโผล่หน้ามาทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไว้สักหน่อย จากนั้นก็ผลุบกลับเข้าไปสุมหัวกับคนอื่นๆ ในครัว

ภูพิงค์แอบส่งนิ้วกลางให้เป็นการขอบคุณ ก่อนจะหันกลับมาทางทันตแพทย์หนุ่มแล้วพูดเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน “แล้วตกลง... ที่พูดกับแซนดี้เมื่อกี้ หมายถึงผมหรือน้ำพริกอ่องอ่ะ”

“ดูไม่ออกรึไง”

“ดูออกจะถามมั้ยล่ะ”

“งั้นก็ช่วยไม่ได้เว้ย” รวินท์อมยิ้ม พลางใช้ช้อนตักน้ำพริกอ่องใส่ปาก แล้วค่อยเอาส้อมจิ้มข้าวเหนียวใส่ปากตาม เขาเคี้ยวยังไม่ทันหมดปากดีก็เอ่ยชม “โห อร่อยจริงด้วย! ขนาดผมกินอิ่มมาแล้วนะเนี่ย”

“แม่ผมได้ยินคงยิ้มหน้าบาน”

“เหมือนลูกชายตอนนี้รึเปล่า”

“อือ”

“ดูคุณอารมณ์ดีจังนะ อ่านหนังสือไปได้เยอะแล้วอะดิ”

“เยอะกะผีน่ะสิ แต่เดี๋ยวคืนนี้ค่อยลุยอ่านต่อ นี่พวกผมกะว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้สอบเสร็จจะไปเมาหัวราน้ำแม่งสักสามวันสามคืน”

“นี่แค่สอบย่อยนิดเดียวถึงกับต้องเมาสามวันสามคืนเลยเหรอวะ ถ้าสอบไฟนอลไม่เมาไปอีกสามเดือนเลยเรอะ ระวังเหอะ ตื่นมาจะได้เมียไม่รู้ตัว” ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ

ภูพิงค์ย่นคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม “พี่ก็เคยเมาหลับนี่นะ ตื่นมาก็เจอผมไง”

“ดีนะที่ตอนนั้นผมชิงหลับไปก่อน เกือบได้เมียหนวดเฟิ้มแล้วมั้ยล่ะ”

“ระดับผมเนี่ย ได้ลองสักทีจะติดใจ” เด็กหนุ่มยักคิ้วใส่อย่างสุดจะกวน ขณะที่อีกฝ่ายทำเมินแล้วหันไปสนใจกับน้ำพริกอ่องต่อ เขาจ้องมองทันตแพทย์หนุ่มเขม็งอยู่ชั่วครู่ แล้วพูดขึ้น “ผมสอนวิธีกินแบบคนเหนือให้เอาป่ะ”

“มีแยกประเภทคนกินด้วยเหรอ เอาดิ กินไงอะ”

ภูพิงค์จกข้าวเหนียวมาปั้น จุ่มลงในชามน้ำพริกอ่องแล้วยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากอีกฝ่าย “เอ้า อ้า...”

ทันตแพทย์หนุ่มอ้าปากรับ ปลายนิ้วที่สัมผัสถูกริมฝีปากของเขาเย็นเฉียบ แม้หน้าตาคนป้อนจะนิ่งเฉยก็ตามที ชายหนุ่มอมยิ้มไปเคี้ยวไป จนอีกฝ่ายถามขึ้น

“ยิ้มอะไรนักวะพี่”

“ก็อร่อยเลยยิ้มไง” รวินท์หยิบข้าวเหนียวมาปั้นบ้าง พอจุ่มลงในชามน้ำพริกแล้วก็เอาไปจ่อเรียวปากของเด็กหนุ่ม “แบบนี้ใช่เปล่า”

คนอ่อนวัยกว่าชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงอ้าปาก นัยน์ตาจับจ้องไปที่รอยยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปากทันตแพทย์หนุ่ม อีกฝ่ายจงใจสอดนิ้วเข้ามาในปากเขา แตะปลายลิ้นและริมฝีปากเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ดึงออก

“นึกถึงตอนนั้นเลย ปากนุ้มนุ่ม”

พี่วินแม่ง... เก่งฉิบหายเรื่องแบบนี้ ตัวเขาหรือ รวบรวมความกล้าแทบตาย แล้วดูพี่แม่งทำ... เขาแพ้รูด!

เมื่อเห็นใบหน้าของภูพิงค์เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย รวินท์ก็หัวเราะชอบใจ “หน้าแดงเหมือนน้ำพริกอ่องเลยว่ะ”

ภูพิงค์ส่งสายตาดุๆ ใส่ “พี่วินดูจะถนัดปั่นหัวคนเนอะ”

“หือ ผมไม่ใช่เพชรฆาตมะ”

“นั่นมันบั่นหัวเว้ย” คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้ารัว “แต่ได้เห็นพี่กลับมากวนประสาทผมได้แบบนี้ก็ค่อยยังชั่ว”

รวินท์ประสานสายตากับคนอ่อนวัยกว่านิ่งอยู่สักพัก ก่อนเขาจะหลุบตาลงต่ำ “เมื่อวันก่อนโทษที”

“เมนส์มาใช่มะ”

“ไม่ใช่โว้ย!”

แซนดี้กับพรรคพวกของเด็กหนุ่มตัดสินใจยกจานใส่ขนมจีนน้ำเงี้ยวเข้ามาร่วมวงด้วย พวกเขาเอาส่วนของภูพิงค์ใส่จานและอุ่นมาให้ด้วยเสร็จสรรพ

ขิงนั่งลงอีกข้างของทันตแพทย์หนุ่มอย่างเกร็งๆ ไอ้จะเว้นที่ไว้ก็คงดูไม่ดีนัก พอชายหนุ่มหันมา เขาก็ยิ้มแหยๆ ให้

“กินน้ำพริกอ่องมั้ย” รวินท์แจกยิ้มเพื่อการค้า เขาปั้นข้าวเหนียวตามที่ภูพิงค์สอน แต่จุ่มน้ำพริกเสร็จก็จะแกล้งป้อนให้ขิงแทน เขาอยากจะเห็นสีหน้าของภูพิงค์ว่าจะเป็นอย่างไร

ทว่าขิงชิงปฏิเสธ เพราะเขายังรักชีวิตตัวเองอยู่ ไอ้พิงค์มันส่งสายตาดุๆ มาทางเขาแล้วด้วย “พี่หมอกินเหอะ ผมกินมาเยอะแล้วเนี่ย ตั้งแต่เช้ายันเย็น เอียนโคตรๆ”

“งั้นเหรอ” ทันตแพทย์หนุ่มจึงเอาใส่ปากตัวเองแทน

ส่วนภูพิงค์น่ะหรือ เขาจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ พลางถอนหายใจ มาถึงตอนนี้เขาก็ยังยืนยันคำเดิม... ไอ้พี่วินก็คือไอ้พี่วิน จะสลดได้สักเท่าไหร่กันเชียว แต่ไอ้เรื่องปั่นหัวชาวบ้านเนี่ยงานถนัดจริงๆ


*TBC*


น่ารักเนอะะะ พี่กับน้องงงง น้ำพริกอ่องคงหวานเหมือนใส่น้ำตาลไปเป็นกิโล 5555

ครั้งนี้ฮัสกี้แวบเอามาลงเร็วเพราะจะหนีเที่ยวนะค้า อาทิตย์หน้าอาจจะเอามาลงช้านิดนุง

แต่บอกไว้ก่อนเลย เกียมเสียงไว้กรีดร้องเยอะๆ ลับเล็บไว้ล่วยค่ะ 5555555

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ พี่กับน้องใกล้ถึงจุดเปลี่ยนแล้วล่ะ /สปอยล์ทิ้งท้ายแล้วชิ่ง  :mew1:



หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-02-2018 20:00:02
น้ำพริกอ้องมื้อนี้หว๊านหวาน ปั้นข้าวเหนียวป้อนกันไปมา :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-02-2018 20:07:08
พี่วินเป็นเจ้าของไร่อ้อยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-02-2018 20:10:26
มีป้อนกันด้วย อร้ายยยเขิน พิงค์ๆเป็นคนขี้หวงนะเนี่ยะ ได้พี่วินเป็นแฟนแล้ว อิพี่คงไม่กล้ามองใคร ไม่งั้นพิงค์งอน

แต่เครียดนะเนี่ยะ วินพิงค์ รึ พิงค์วิน ตอนนี้เหมือนจะวืนพิงค์เลย

ส่วนหมอเต้นี้ยังๆไม่เคลียร์ ตกลงจะคิดอะไรกับเพื่อนเลิฟมั้ยเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 09-02-2018 20:16:40
พี่วิน  :katai1: อย่าอ่อยน้องแบบนี้ น้องยังเด็ก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 09-02-2018 20:17:59
โดนพี่วินปั่นหัวไม่พอ น้องพิงค์ยังโดนปั่นใจด้วย ฮิ้วววววว :give2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-02-2018 20:22:44
น้ำพริกอ่องนี่น้ำตาลหกใส่หรือเปล่าหนอดูท่าน้ำพริกจะหว๊านหวาน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 09-02-2018 20:27:54
ขอบคุณคุณฮัสกี้จริงๆ เลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-02-2018 20:38:50
แหมๆ อยากจะไปกินน้ำพริกด้วยคน
ปั้นจิ้ม  อุ่ย ฟินเด้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-02-2018 20:41:04
มาแล้ว

แต่ไม่ค่อยจุใจ 

555

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 09-02-2018 20:41:22

อ่านตอนนี้แล้วก้อฟิน   อยากไปนั่งตรงกลางให้ พี่หมอวิน ปั้นข้าวนึ่งจิ้มน้ำพริกป้อนบ้างจัง

 ท่าทางตอนหน้าจะยิ่งหวานนนนนนนนนนนนนน มากกว่านี้  :กอด1:

 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven



ขอบคุณ Husky นะ   มา สปอยล์ พี่กับน้องใกล้ถึงจุดเปลี่ยนแล้ว // ใคร เป็น เคะ  เมะ ล่ะ ที่นี้



 :seng2ped:  มาสปอยล์ทิ้งท้ายแล้ว หนีเลยนา  :ruready
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 09-02-2018 21:00:22
จ้าา น้ำพริกอ่องแม่ส่งมาจ้าาา ไอ้หนูพิงค์เอ้ยย อ่อช่วยเก็บเตชิตด้วยจ้า เบื่ออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 09-02-2018 21:17:46
 :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 09-02-2018 21:18:44
จะถึงจุดเปลี่ยนแล้ว แต่ขอเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีนะฮักกี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 09-02-2018 22:04:54
โอ๊ย หิวน้ำพริกอ่่องจัง อยากกินจากมือหมอฟัน!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 09-02-2018 22:10:27
น้ำพริกอ่องพิงค์หวานเน๊าะ จีบกันเสียทีๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-02-2018 22:19:56
แค่เขาป้อนน้ำพริกกันทำไมมันพอร์น หรือฉันมันคิดไม่ดี ฮือ...แม่ปลื้ม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-02-2018 22:55:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 09-02-2018 22:55:41
เสียงร้องนี่โห่ร้องดีใจหรือกรีดร้องโหยหวนคะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 09-02-2018 23:25:16
       ตลกพิงค์อ่ะค่ะน้องมันหึงน่ารักดี
อีตัวพี่ก็แกล้งน้องมัน
สงสารแต่เพื่อนๆคงอยากกินน้ำพริกอ่องด้วยซินะอิอิ :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 10-02-2018 00:27:45
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-02-2018 01:04:49
ขนาดนี้แล้ววว พี่วินรุกไปเลยค่าาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-02-2018 02:08:23
ทำไมน้ำพริกอ่องถึงได้หวานจังนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 10-02-2018 02:51:01
พี่วินขนอ้อยมาทั้งสวนเลยค่ะ
อยากจะแหมมมม ให้ยาวๆๆๆๆไปเลย
ดีใจกับจุดเปลี่ยนที่ใกล้เข้ามาาค่ะ
ชัดเจนก้นซักที!!!
ชูป้ายไฟ พิงค์วิน! \(> <)/
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 10-02-2018 03:10:31
อือหือไม่เกรงใจเพื่อนเลยนะคะหวานมากกกกกด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-02-2018 09:29:19
อ่อยกันไปก็อ่อยกันมา นำ้พริกอ่องหวานเชียว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-02-2018 10:47:40
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-02-2018 10:52:54
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-02-2018 11:19:08
ขำ เพื่อนๆพิงค์   :laugh: :laugh: :laugh:
ถูกขู่บังคับให้ตอบว่ากินน้ำพริกอ่องแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้กิน  :mew2:

พิงค์ วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-02-2018 12:57:47
น้ำพริกอ่อง หรือน้ำตาลเชื่อมมมมม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 10-02-2018 17:35:39
แหมๆๆๆๆ พี่วินอ่อยอย่างมีระดับนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-02-2018 19:55:01
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-02-2018 23:39:11
แสดงออกชัดขนาดนี้เค้ารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง เหลือแต่ 2 คนนี้แหละ ยังไม่รู้ใจกันและกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: Mod40 ที่ 11-02-2018 00:06:48
 :impress2: :impress2: อ่อยหนักๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 11-02-2018 02:21:39
รู้ตัวกันสักทีเถอะนะสองคนนี้อะะะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 11-02-2018 12:43:13
พี่วินแม่งงงง
ขี้อ่อยอะ น่าตีที่สุดอะ

ตอนหน้าคนเขียนอย่าหลอกเรานะ
ตัดเล็บรอ 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 11-02-2018 13:59:06
 อยากกินน้ำพริกอ่องจังเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 11-02-2018 14:17:08
พี่วินนนอยากกินน้ำพริกอ่องบ้างมาป้อนด้วยนะ :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 11-02-2018 20:37:55
ทำป็นแหย่น้อง ระวังเถอะ!! ถ้าน้องมันเมาแล้วตื่นมาได้เมียจริงๆ จะจุกอกตายนะพี่วิน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 11-02-2018 21:07:23
 :o8:เขินแทน555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 11-02-2018 21:22:51
น้ำพริกอ่องงงง โอ๊ยยยย อ่านแล้วหิวมากๆ น้ำเงี้ยวอีก ในหัวตอนนี้คิดถึงแต่ของกินค่ะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 12-02-2018 15:02:03
ขออนุญาตหมั่นไส้ทั้งคู่เลย แหมมมมมทัมมาเปง
น้องพิงค์นี่เหนื่อยไหมกับการหาข้ออ้างหื้มมมมลูก ส่วนพี่วินนี่รุกด้วยแถมแจกอัอยอีก แหมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-02-2018 04:55:33
55555 สงสารทีมเพื่อน ทำไมพิงค์ทำเพื่อนได้

พี่วินท์สำคัญสุดเนาะ ต้องได้กินก่อน เพื่อนรอได้เนาะ
วินท์มาวินมากค่ะ น้องคิดถึงตลอดเวลา

พี่ก็แค่ได้ยินเสียงมือถือ แล้วหน้าจอโชว์ชื่อน้อง
คือพี่พอ ยิ้มหน้าบาน แจ่มใสมาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 17-02-2018 15:55:25


Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์


แต่ละคนก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารในจานของตัวเองไปสักพักใหญ่ ภายในห้องที่เงียบกริบจนได้ยินเสียงเคี้ยวอาหารในปากของทุกคนแบบเซนเซอร์ราวด์

แซนดี้สูดขนมจีนปรู๊ดเข้าปาก เคี้ยวหยับๆ พลางจ้องมองท่าทางของทั้งสองหนุ่ม จากนั้นจึงพูดโพล่ง “นี่พี่หมอ ตั้งแต่มีเรื่องครั้งนั้น ผมก็เลิกไล่ฟันเด็กแว้นเก็บแต้มไปทั่วแล้วนะ”

รวินท์แทบจะพ่นน้ำพริกอ่องออกจากปาก ทำไมจู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดถึงหัวข้อนี้ขึ้นมาวะเนี่ย เขาหันไปจ้องหน้าแซนดี้ทันที

“เมื่อวานผมเพิ่งไปคุยกับอดีตผัวคนล่าสุดมา ถึงผมจะเลิกกับทุกคนแล้ว แต่ก็อยากเป็นเพื่อนกันอยู่ จากนี้ไปผมจะรอคนที่ใช่ คนที่ผมชอบเขาและเขาก็ชอบผมจริงๆ ผมสัญญากับพ่อแม่ แล้วก็ไอ้พวกนี้ไว้ว่าจะปรับปรุงตัว พี่หมอก็เป็นคนหนึ่งที่ช่วยเหลือผมวันนั้น ผมเลยอยากจะบอกพี่อีกคน”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้า “ผมขอให้คุณได้เจอคนคนนั้นไวๆ นะ”

“แต่ผมจะรู้ได้ยังไงว่าเขาคือคนที่ใช่อะพี่หมอ”

ครั้งนี้ทุกคนหันมามองคนถูกถามทันที รวินท์อึกอัก ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาจึงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องความรักไปเสียได้
ผู้เชี่ยวชาญงั้นเหรอ... นั่นสินะ ใครๆ ก็มองเขาแบบนั้น

“เมื่อได้เจอแล้ว คุณก็จะรู้เองน่ะละ” รวินท์ตอบส่งๆ ไป สีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย เขาหลบสายตาทุกคน หากมือยังปั้นข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกอ่องใส่ปาก

“ไอ้พิงค์ มึงว่าไงวะ คนที่ใช่ของมึงน่ะ นอกจากนมใหญ่แล้วต้องมีอะไรอีก” คราวนี้ซันหันไปถามเพื่อนตนเองบ้าง

เจ้าของชื่อเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมถึงมาถามกูล่ะวะ!”

“เอ๊า ในกลุ่มเราก็มีแต่มึงที่มีแฟนป่ะวะ บอกมาไวๆ”

“เดี๋ยวไอ้เหี้ย~” ภูพิงค์อุทานอย่างงงๆ เขาหันไปประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่มซึ่งดูเหมือนจะเงยหน้าขึ้นมองมาที่เขาพอดี

“เออๆ เคยมี ตกคำว่าเคยไปเว้ย”

ไอ้สัส มึงจงใจชัดๆ! เด็กหนุ่มแอบส่งนิ้วกลางให้เพื่อนรัก

จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทันตแพทย์หนุ่มจึงหยิบขึ้นมาดู​แล้วกดรับสาย “ถึงกรุงเทพฯ แล้วเรอะ”

“เออ เพิ่งถึง แล้วมึงอยู่ไหนเนี่ย”

“อยู่ที่บ้านพิงค์”

“มัวแต่ทำห่าอะไรอยู่ ดึกแล้วนะมึง เกรงใจน้องมันบ้าง”

รวินท์ชักสีหน้า เขาหันไปบอกขอตัวสักครู่กับคนในวง จากนั้นจึงรีบรุดเดินออกไปที่หน้าบ้าน เมื่อบานประตูปิดลงสนิทจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ

“กูรู้แล้วน่ะ ยังกินไม่เสร็จโว้ย”

“แล้วอยู่กับพิงค์สองคนเหรอ”

“เปล่า กับเพื่อนๆ น้องมันด้วย มึงกลับถึงบ้านก็ไปอาบน้ำนอนได้แล้วไปไป๊”

“เออ มึงก็อย่ากลับดึกนัก กูเป็นห่วง”

“ห่วงทำห่าอะไรนัก กูโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วโว้ย แค่นี้นะ” ทันตแพทย์หนุ่มกดวางสายไปด้วยความหงุดหงิด เขาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง แล้วยืนทอดสายตามองไกลออกไป กะว่าจะรอให้อารมณ์ดีขึ้นสักหน่อยค่อยกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง


เสียงประตูเปิดปิดเบาๆ ดังแว่วมาจากทางด้านหลัง รวินท์ชำเลืองมอง หากก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม


เด็กหนุ่มก้าวไปนั่งลงบนม้าหิน “นั่งดิพี่ เลี้ยงยุงกัน”

ทันตแพทย์หนุ่มหลุดยิ้ม ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างกัน

“เมื่อกี้พี่เต้เหรอ”

“อือ”

“ห่วงพี่อีกแล้วอะดิ กลัวโปรยเสน่ห์ไปทั่วแล้วพวกผมจะไม่ปล่อยกลับบ้านใช่มะ”

รวินท์ยกมือขึ้นผลักศีรษะเด็กหนุ่มไปเบาๆ “ไอ้เต้มันบ้า ขี้ห่วงไม่เลิกรา น่าเบื่อฉิบหาย”

ภูพิงค์ชำเลืองมองเสี้ยวหน้าคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน ที่จริงเขาไม่คิดว่าไอ้พี่เต้ห่วงสักเท่าไหร่หรอก น่าจะหวงซะมากกว่าล่ะมั้ง แต่เขาก็เข้าใจไอ้พี่เต้ล่ะนะ “ก็อ่อยให้น้อยๆ ลงหน่อย”

“ผมอ่อยตอนไหนวะ!” ทันตแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “แต่ไม่ต้องห่วง น้ำพริกอ่องหมดแล้ว ผมไม่อ่อยพวกคุณแล้วน่ะ”

เด็กหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ “ผมยังมีอีกถุงนะ เก็บไว้ให้พี่ไปกินที่คลินิก พี่จะอ่อยผมต่อมั้ยล่ะ”

“คุณจะบ้าเรอะ” ทันตแพทย์หนุ่มเปลี่ยนเป็นยกเท้าถีบ “ผมไม่ได้อ่อยใครเลยนะเว้ย”

ภูพิงค์หัวเราะ พลางหลบไปนั่งบนม้านั่งอีกตัว “ถ้าไม่ได้อ่อยก็อย่าโปรยปรายใส่คนอื่นเขาไปทั่ว เดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิด”

“ผมบอกว่าไม่...” รวินท์หันไปประสานสายตากับเด็กหนุ่ม แล้วชะงักไปเล็กน้อย เพราะแววตาที่ดูเหมือน... แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดนั่น ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่า อีกฝ่ายพูดถึงตัวเองมากกว่าพูดถึงคนอื่น


เขาคิดไปเองหรือเปล่าวะ?


เด็กหนุ่มเอนหลังพิงขอบโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างหลังม้าหิน เขาเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองท้องฟ้าเบื้องบน “ที่ไอ้ซันพูด... ผมก็เคยเล่าให้พี่ฟังไปครั้งนึงแล้วนะ มันเป็นเรื่องสมัยมอปลายนู่น ผมเคยมีแฟนสองคน แต่คบกันแค่แป๊บเดียว”

“อืม จำได้” ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าแล้วนิ่งฟัง

“ตอนนั้นยังเด็ก งี่เง่าด้วย ขี้หึงแล้วก็ขี้หวงสุดๆ พอเขาไปคุยกับคนอื่น ไปไหนมาไหนกับคนอื่น ผมก็ระแวง กลุ้มใจจนไม่เป็นอันทำอะไร แต่ไปๆ มาๆ ผมก็คิดว่าไอ้การที่ผมไม่ไว้ใจเขา มันคงหมายถึงว่าผมไม่ได้รักเขาจริง ก็เลยเลิกกัน ไอ้ตอนที่คบแฟนเก่าคนสุดท้ายนี่ ผมอยู่ในช่วงเตรียมแอดมิชชั่นด้วย ปัญหาก็เหมือนเดิม หึงๆ หวงๆ ไม่เข้าเรื่อง สุดท้ายผมเลยตัดปัญหา เลิกแล้วไม่คบใครแม่งอีกเลย เป็นเพื่อนกันเฉยๆ น่ะดีละ” ภูพิงค์ถอนหายใจเบาๆ “บางทีผมก็คิดว่าผมอาจจะไม่เหมาะที่จะมีความรักสักเท่าไหร่”

“แล้วที่ไล่จีบคนตัวเล็กๆ หน้าอกอึ๋มๆ ล่ะ”

“เว้ยยย~ ยังไม่ได้จีบเว้ยพี่! ไอ้ซันมันมั่ว! คือเรื่องมันมาจากตอนนั้นพวกผมนั่งดูหนังโป๊เรื่องคืนเร่าร้อนที่ออนเซ็นกัน แล้วผมบอกว่าชอบ...นางเอกแบบนี้” ภูพิงค์พูดเสียงเบา พร้อมเสตาหลบ “ในคณะมีสองสามคนที่หุ่นคล้ายๆ กัน ตอนปีหนึ่งเจอกันบ่อยก็เลยคุยกัน... ก็เท่านั้น”

“สรุปก็คือไปเต๊าะเขา แต่เขาไม่สนงั้นสิ”

“ไม่ได้เต๊าะเว้ย แค่ลองคุยกัน แล้วมันไม่เวิร์ค ผมเลยถอย” เด็กหนุ่มหันกลับมาสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม “เพราะที่จริง... ผมคิดว่าถ้าผมจะคบกับใคร ก็อยากจะจริงใจกับเขา มีเขาคนเดียว แล้วก็คบกันนานๆ และผมก็อยากให้เขาคิดเหมือนกันกับผมด้วย”

รวินท์นั่งฟังไปอย่างเงียบๆ เขาเข้าใจดีโคตรๆ เลย เพราะภูพิงค์มีนิสัยแบบนี้ ถึงได้ชอบแขวะเขา เพราะคิดว่าเขาขี้อ่อยและให้ความหวังกับทุกคนที่เข้ามาหา

“เพราะงั้นคุณถึงเลือกที่จะเป็นคนจีบเองงั้นสินะ”

ภูพิงค์หัวเราะ “ไอ้ซันแม่งเล่าซะหมดเลย” เขานิ่งเงียบไปสักพัก แล้วจึงพูดต่อ “แต่ก็ใช่ ถ้าผมชอบใคร ผมจะจีบเอง”

คำตอบนั้นทำให้ทันตแพทย์หนุ่มรู้สึกราวกับมีใครพุ่งหอกมาแทงลงกลางอก เจ็บๆ จุกๆ ชอบกล เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ “เล่นตัวจังว่ะ” จากนั้นจึงแกล้งถามไปแบบกึ่งเล่นกึ่งจริง “แล้วถ้ามีคนมาจีบ จะเปิดโอกาสให้เขามั้ยล่ะ”

“ก็คงดูก่อน แต่ผมจะไม่ให้ความหวังใครไปทั่วแน่นอน สำหรับผมคนไม่ใช่ ยังไงก็คือคนไม่ใช่อยู่ดี”

รวินท์นิ่งอึ้ง คิดว่ายิ่งถามก็ยิ่งเจ็บ เหมือนหาเรื่องให้ตัวเองอย่างไรอย่างนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามราตรี แล้วพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด

“ผมเคยนอกใจขวัญข้าวห้าครั้ง” ทันตแพทย์หนุ่มพูดขึ้นทั้งที่รู้ว่าต้องโดนด่าแน่นอน หรือบางทีเขาอาจจะกลายเป็นมาโซฯ ไปแล้ว ได้โดนด่าบ้างคงมีความสุข

หากผิดคาด อีกฝ่ายกลับนิ่งฟังเฉยๆ

“เราคบกันมาตั้งแต่ตอนจบปีหนึ่ง เขามาสารภาพรักกับผมก่อน... เขาต่างจากผู้หญิงทุกคนรอบๆ ตัวผม ตัวเล็ก ตาโตๆ หน้าแบ๊วๆ แต่งตัวโคตรของโคตรเรียบร้อย ชุดนักศึกษานี่ตรงตามกฎของมหาลัยเป๊ะๆ แต่เขาเป็นคนที่คล่องมาก แล้วก็เก่งฉิบหาย เก่งแม่งทุกเรื่อง คะแนนก็เป็นที่หนึ่งในคณะ ตอนนั้นผมคิดว่าผมรักเขามาก และเขาก็เป็นเพื่อนหญิงคนเดียวที่ผมรู้สึกสนิทใจด้วย” รวินท์เล่าเรื่องของหญิงสาวคนรักในอดีตพลางยิ้มบาง

“ตอนนี้ล่ะ”

“หือ”

“ยังรักเขามากอยู่มั้ย”

“ก็ยังรักนะ... แต่คงจะรักแบบเพื่อนมากกว่าล่ะมั้ง ผมไม่ได้อยากกลับไปคบกับเขาเหมือนก่อน แค่อยากให้เขามีความสุข”

คนอ่อนวัยกว่าจ้องมองรอยยิ้มนั้นอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงหลุบตาลงมองพื้น “แล้วตอนนั้นทำไมพี่ถึงนอกใจเขา”

“พอเขาขึ้นวอร์ด เรียนหนัก ไม่ค่อยมีเวลาให้กันสักเท่าไหร่... ผมก็... เรียกว่าเห็นแก่ตัวไง ใจง่ายด้วย พอมีใครถูกใจเข้ามาก็ไปกับคนนั้น คิดว่าจะประชดเขาด้วย แต่ไปได้ไม่นานก็กลับมาหาเขาเหมือนเดิม แล้วเขาก็ไม่เคยว่าอะไร” ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจเบาๆ

“พี่ก็เป็นหมอเหมือนกันไม่ใช่รึไง ไม่เรียนหนักเหรอวะ”

“ผมก็เรียนหนักนะ มีคลินิกด้วย เพราะงั้นเวลาเราเลยไม่ตรงกัน แล้ว... ผมก็คงไม่ได้จริงจังกับทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนขวัญด้วยล่ะมั้ง”

“อืม”

“แค่นี้เหรอ”

“พี่อยากให้ผมพูดอะไรเหรอ”

ทั้งสองคนหันมองหน้ากัน ประสานสายตากันอยู่ชั่วครู่ จากนั้นต่างคนต่างก็ทอดสายตามองไกลออกไปบนท้องฟ้าแห่งรัตติกาล
“เออ พรุ่งนี้คุณสอบนี่นะ ผมกลับดีกว่า มากวนคุณนานแล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มพูดขณะยันตัวลุกขึ้น แต่พอก้าวขาออกไปเพื่อที่จะเดินเข้าไปบอกลาคนอื่นๆ ในบ้าน อีกฝ่ายกลับคว้าข้อมือเขาไว้

“พี่ไม่ได้กวน ผมดีใจที่พี่มา”

แวบหนึ่งรวินท์รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไป เขาดีใจกับคำพูดของภูพิงค์มากเลยหรือไงกัน หากพอเขาหันไปหา อีกฝ่ายก็ดึงมือออกแล้วหันหน้าไปอีกทาง

ทันตแพทย์หนุ่มเม้มปากแน่น ยืนลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ผมมีบทเรียนจากอดีตแล้วนะ ผมจะปรับปรุงตัว”

เด็กหนุ่มหันกลับไปหาคนที่ยืนข้างกันช้าๆ ต่างคนต่างทำสีหน้าไม่ถูก คราวนี้ยิ่งอ้ำอึ้งกันไปใหญ่ จนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาอีกนั่นล่ะ

รวินท์สะดุ้งตัวเบาๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วกดวางสายไป

“พี่เต้โทรมาอีกเหรอ”

ทันตแพทย์หนุ่มเสตาหลบ จากนั้นจึงส่ายหน้าไปมาช้าๆ

ดูจากอาการก็พอจะเดาได้ คงไม่พ้นสาวๆ ที่อีกฝ่ายเคยให้เบอร์ไว้ ภูพิงค์รู้สึกราวกับมีภูเขาลูกใหญ่ถล่มลงมาทับบนตัว ทำให้รู้สึกตื้อๆ ชอบกล เขาค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ “เดี๋ยวเอาน้ำพริกอ่องไปกินต่อนะพี่ ผมใส่ถุงไว้ให้แล้ว”

รวินท์ยิ้มบาง “อือ ขอบใจ”



วันจันทร์ช่วงพักเที่ยงที่โรงพยาบาลลำพูน สองหนุ่มทันตแพทย์นั่งกินขนมที่ผู้ช่วยทันตแพทย์นำมาฝากจากที่บ้าน ต่างคนต่างกินไปเงียบๆ กินไปมองท้องฟ้ามืดครึ้มและฝนที่โปรยปรายลงมาบางเบาทางด้านนอกไปด้วย จนกระทั่งเตชิตเอ่ยขึ้น

“ไอ้วิน วันที่สิบห้านี้วันเกิดมึงแล้วนี่ ไปไหว้พระกันป่ะ”

เจ้าของชื่อเรียกขมวดคิ้ว พลางหันไปทางคนชวนช้าๆ “มึงกลายเป็นคนธรรมะธรรมโมไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เข้าวัดแล้วไม่ปวดแสบปวดร้อนเหรอวะ”

“ไอ้เหี้ยนี่ คนชวนดีๆ”

“จะไปไหนกันน้องๆ ที่ร้ากก~” สิงหา รุ่นพี่ของทั้งสองหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง เมื่อได้ยินพวกเขาคุยกันก็เข้าไปร่วมวงด้วย แล้วถือวิสาสะจิ้มขนมกินบ้าง

“ไอ้เต้มันอยากเข้าวัดฟังธรรมดับไฟราคะอะพี่”

เตชิตถีบเก้าอี้เพื่อนรักไปเบาๆ “จะไปทำบุญกรวดน้ำไล่ผีวันเกิดมันครับ”

“เฮ้ย จริงอะ เกิดเมื่อไหร่”

“พฤหัสนี้ครับ”

“งั้นตอนเช้าตักบาตรด้วยกันมั้ย ตอนเย็นไปไหว้พระธาตุหริภุญชัยกัน แล้วไปฉลองกันที่ตลาดโต้รุ่งต่อ แดกให้แม่งยันเช้าฟ้าเหลืองเลย” สิงหาเสนอ

รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก “ดีครับพี่”

เตชิตหยิบตารางขึ้นมาดู “แต่วันเกิดไอ้วินผมกับพี่สิงหามีเวรพอดีเลยอ่ะ”

“งั้นตัดไปไหว้พระออกก็ได้ ข้ามไปตลาดโต้รุ่งเลย”

ที่จริงเตชิตอยากจะฉลองกันเพื่อนรักสองคนมากกว่า หากก็ไม่รู้ว่าจะกันพี่สิงหาออกไปอย่างไรไม่ให้น่าเกลียด เขาจำใจต้องเลยตามเลย “ที่จริงแวบไปไหว้พระตอนพักเที่ยงก็น่าจะทันนะ”

“อืม... เอาไว้รอดูวันนั้นก็แล้วกันว่ะ ถ้าเสร็จงานตรงเวลาก็คงได้ไปนะ” รวินท์ตอบ


บนท้องฟ้ายามบ่ายแก่ๆ หลังเวลาเลิกงานยังคงมีเมฆหนาตา ฝนที่เพิ่งหยุดตกไปไม่นานทิ้งความเย็นสบายและกลิ่นไอดินบางเบาไว้ หลังจากทำงานหลังขดหลังแข็งมาตลอดวัน รวินท์จึงคิดว่าจะไปวิ่งออกกำลังเสียหน่อย

วิ่งไปไม่นานก็เหนื่อยจนหอบ เขาหยุดพักแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูเวลา

สิบห้านาที! วิ่งแค่สิบห้านาทีทำไมรู้สึกเหมือนเป็นชั่วโมงเลยวะ!

โชคดีนะเนี่ยที่มาวิ่งคนเดียว ถ้ามีใครเห็นเข้า เขาคงต้องโดนสบประมาทแหงๆ

โดยเฉพาะถ้าเป็นพิงค์

รวินท์ยิ้มออกมาอย่างลืมตัวเมื่อนึกถึงสีหน้าและท่าทางที่เด็กหนุ่มจะใช้แขวะเขา ไม่รู้ว่าเมื่อวันเสาร์สอบเสร็จเป็นอย่างไรบ้าง ได้ไปเมาหยำเปที่ไหนอย่างที่โม้ไว้หรือเปล่า


ในขณะเดียวกัน เตชิตคอยชะเง้อมองเพื่อนรักจากห้องตรวจทุกครั้งที่ว่างจากคนไข้ พอเห็นท่าทีของรวินท์แล้ว เขาก็พอจะเดาได้ว่าเพื่อนรักกำลังคิดอะไร เพราะเมื่อตอนที่คบกับขวัญข้าวใหม่ๆ อีกฝ่ายก็มีอาการแบบนี้นี่ล่ะ

“หมอเต้คะ นั่งพักก่อนนะคะ ขอเวลาสิบนาที”

“ได้ครับ” เตชิตหันไปยิ้มรับ เมื่อหันกลับไปที่เพื่อนรัก คราวนี้ก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยืนคุยกับหญิงสาวในชุดออกกำลังกายคนหนึ่งอยู่ เขาเดินออกจากห้องตรวจกลับไปที่ห้องพักทันตแพทย์ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไป


เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังอยู่หลายครั้ง ภูพิงค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพลางขมวดคิ้ว เพราะเป็นเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก เขาลังเลอยู่สักพักจึงกดรับสาย “ครับ ใครโทรมาครับ”

“พิงค์ ผมเต้นะ”

“อ้าว พี่เต้ รู้เบอร์ผมได้ไงเนี่ย”

“จิ๊กจากไอ้วินมาตอนมันเผลอ คุณอยู่ที่ไหนน่ะ เสียงดังจัง”

“โทษทีครับพี่ พวกผมกำลังจะฆ่ากันตาย เอ๊ย ติวหนังสือกันอยู่ที่คณะอะครับ” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับวิ่งออกไปข้างนอกตึก หากก็ยังได้ยินเสียงโวยวายดังมาแว่วๆ “พี่เต้มีอะไรรึเปล่า”

“อืม คือว่าวันพฤหัสนี้เป็นวันเกิดไอ้วินมัน ผมอยากให้มันได้เข้าวัดไปไหว้พระสักหน่อย แต่ผมกับพี่สิงหาต้องอยู่เวร ไอ้วินมันเลิกงานก่อน มันเลยจะไม่ไป...”

“ครับ”

“ผมอยากบอกแค่นี้แหละ พยาบาลมาตามละ” พูดจบทันตแพทย์หนุ่มก็กดวางสายไป


ฝ่ายภูพิงค์ได้แต่ยืนงงอยู่กับโทรศัพท์มือถือในมือ ไอ้พี่เต้นี่จะห่วงพี่วินอะไรขนาดนี้วะ แค่ไปไหว้พระเนี่ย... จะบอกให้เขาไปเป็นเพื่อนงั้นเหรอ

ไม่สิ ประเด็นน่าจะอยู่ที่วันเกิดพี่วินมากกว่า

แต่ปกติพี่เต้แม่งหวงพี่วินจะตาย นึกยังไงขึ้นมาถึงได้โทรมาบอกเขากันวะ

“ไอ้พิงค์ ไปยืนทำหน้าโง่ตรงนั้นทำไมวะ มาช่วยกันแก้โจทย์ข้อนี้ก่อนเว้ย”

“เออๆ ไปเดี๋ยวนี้โว้ย” เด็กหนุ่มเก็บโทรศัพท์มือถือกลับใส่กระเป๋ากางเกง แล้วรีบวิ่งกลับเข้าใต้ตึกเรียนไป



“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู~ แฮปปี้เบิร์ดเดทู้ยู~”

ในวันพฤหัสบดีตอนเช้าก่อนเริ่มงาน
เบื้องหน้าของรวินท์มีเค้กก้อนใหญ่วางอยู่บนโต๊ะ รอบๆ ตัวเขามีทันตแพทย์ในแผนกรวมถึงหัวหน้า ผู้ช่วยฯ พนักงานในโรงพยาบาลและพยาบาลมารุมล้อม เสียงร้องเพลงดังก้องไปทั้งแผนก

“อธิษฐานแล้วเป่าเทียนนะคะหมอวิน”

“ขอบคุณทุกคนมากคร้าบ” ทันตแพทย์หนุ่มหลับตาขอพร จากนั้นจึงลืมตาขึ้นแล้วเป่าอย่างแรงให้เทียนทั้งหมดดับพร้อมกัน

“โห น้ำลายอย่างเยอะแน่ๆ” เตชิตหัวเราะ

“มีความสุขมากๆ นะคะ/ครับ หมอวิน~ คิดอะไร อยากได้อะไรขอให้ได้สมใจนะ”

รวินท์ยิ้มกว้าง เมื่อเช้าที่บ้านก็โทรศัพท์มาปลุก มาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้เขาเช่นกัน แถมพอมาถึงโต๊ะทำงานก็มีช่อดอกไม้ ขนมเค้กและกล่องของขวัญมากมายจัดวางไว้อย่างสวยงาม

แผนกทันตกรรมในโรงพยาบาลลำพูนเป็นแค่แผนกเล็กๆ แต่ทุกคนในแผนกมีน้ำใจมหาศาล

ชีวิตการใช้ทุนของเขา แบบนี้ก็มีความสุขดีเหมือนกันนะ

เมื่อถึงเวลาเข้างานทุกคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน รวินท์เองก็เช่นกัน หากก่อนจะเดินเข้าห้องตรวจ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูอีกครั้ง เผื่อว่าจะมีข้อความจากคนที่เขารออยู่

บนหน้าจอมีแจ้งเตือนข้อความถึงเขามากมาย แต่พอกดเข้าไปดูว่ามีข้อความจากคนที่รออยู่บ้างหรือเปล่า... เขากลับพบแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น

รวินท์ถอนหายใจเบาๆ รู้งี้เขาน่าจะเปลี่ยนในเฟซบุ๊กให้โชว์วันเกิดซะตั้งแต่แรก

พอถึงเวลาพักเที่ยง เตชิตรีบพารวินท์บึ่งออกจากโรงพยาบาลไปที่วัดพระธาตุหริภุญชัยที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก เขาเตรียมซื้อของถวายและดอกไม้ไว้ให้พร้อม ส่วนสิงหาไม่ได้มาด้วย เพราะยังติดคนไข้อยู่

“โห ขอบใจว่ะเต้”

“กูอยากให้มึงได้ไหว้พระวันเกิด ขอพรให้อะไรๆ ดีขึ้นเว้ย”

“ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว” รวินท์ยิ้มบาง ขณะที่พวกเขาเดินเข้าวัดไปด้วยกัน จากนั้นก็รีบไปกินข้าว แล้วกลับมาทำงานกันต่อ

เมื่อถึงเวลาเลิกงานปกติ เตชิตกับสิงหานัดจะพารวินท์ไปเลี้ยงมื้อเย็นหลังเลิกเวร เขาจึงต้องกลับไปรอที่ห้องเพียงลำพัง


ช่วงบ่ายๆ อากาศกำลังดี มีลมพัดมาเย็นสบาย แต่เขาไม่มีอารมณ์จะออกไปวิ่ง พอกลับถึงหอพัก เอาของขวัญขึ้นไปเก็บเสร็จก็เดินลงมารับเสื้อผ้าที่ซักรีดแล้วจากป้าสร้อย หนึ่งในป้าสามคนที่ดูแลหอ ทว่ายังไม่ทันจะเดินกลับไปที่ลิฟต์ หญิงสาวคนที่เขาพบบ่อยๆ เมื่อตอนไปวิ่งสองสามวันมานี่ก็เข้ามาทัก วันนี้เธอใส่เสื้อกล้ามรัดรูปสีขาว คอกว้างจนเห็นเนินอก เอวคอดรับสะโพกกลมกลึง กางเกงขาสั้นโชว์ท่อนขาเรียวสวย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ดูไม่เหมือนจะมาออกกำลังสักเท่าไหร่ ตอนที่เธอเดินเข้ามานั้น ป้าสร้อยเบ้ปากเป็นรูปลำไยอยู่หลายหน

“หมอวินคะ~”

“อ้าว คุณออย สวัสดีครับ” รวินท์ใช้สายตาแสกนหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะยิ้มมุมปาก “วันนี้คุณออยสวยจังเลยครับ ทำไมวันก่อนๆ ที่วิ่งด้วยกันใส่แต่ชุดวอร์มล่ะเนี่ย”

หญิงสาวหัวเราะ “ก็วันก่อนๆ ไม่ทันตั้งตัว แต่วันนี้คิดว่าจะมาเจอหมอวินน่ะสิคะ แล้วนี่... หมอจะไปวิ่งมั้ยคะเนี่ย”

“ไม่ล่ะครับ วันนี้มีนัดกับเพื่อนจะไปกินข้าวข้างนอก ขี้เกียจอาบน้ำหลายรอบ”

“อ่า แย่จังเลย งั้นออยก็ต้องไปวิ่งคนเดียวน่ะสิ”

รวินท์ยิ้มหวาน “ขอโทษด้วย ไว้วันหลังนะครับ”

ออยเบ้ปากเล็กน้อย จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู “ตายจริง แบตหมดซะละ หมอวินคะ ออยอยากจะรบกวนขอชาร์จแบตฯ มือถือที่ห้องหมอหน่อยได้มั้ยคะ ขอแค่แบตฯ สักครึ่งเดียวก็พอ วันนี้ลืมเอาที่ชาร์จแบตฯ สำรองมาค่ะ แล้วโทรศัพท์ของออยกับคุณหมอก็ใช้สายชาร์จแบบเดียวกัน”

ป้าสร้อยอยากจะตะโกนว่า ฝากเธอชาร์จตรงนี้ก็ได้โว้ย แต่ก็นะ ดูจะเสือกไปหน่อย อีกอย่างหมอวินอาจจะชอบก็ได้ ดูสิ ตาเป็นประกายเชียว มีผู้หญิงสวยๆ มาอ่อยถึงหอขนาดนี้ มีหรือจะพลาด

“เอาสิครับ” รวินท์ไม่ได้คิดอะไรมากเช่นเคย ไหนๆ เขาก็ต้องรอไอ้เต้กับพี่สิงหาออกเวร มีคนนั่งคุยด้วยก็ดีเหมือนกัน ทันตแพทย์หนุ่มจึงพยักหน้ารับ แล้วเดินนำหญิงสาวขึ้นห้องไป


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 27 : น้ำพริกอ่องสื่อรัก][090218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 17-02-2018 15:55:46


เมื่อเข้าไปในห้องพัก ทันตแพทย์หนุ่มก็ผายมือไปที่เก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว “เชิญนั่งครับ ตรงนั้นมีปลั๊ก ใช้สายชาร์จของผมได้เลย ผมเอาเสื้อผ้าไปเก็บก่อนนะ เดี๋ยวหาน้ำให้ดื่ม”

“ขอบคุณค่ะหมอวิน ใจดีที่สุดเลย”

หญิงสาวจัดการชาร์จแบตฯ โทรศัพท์มือถือทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินวนไปรอบๆ ห้องช้าๆ ริมฝีปากที่เคลือบสิปสติกสีแดงสวยยิ้มอย่างพอใจ เธอยืนรอสักพักรวินท์ก็เดินออกมาจากห้องนอน และพอเขาเดินเข้าไปในครัว เธอก็รีบตามเข้าไปด้วย

“แอบดูครัวหมอวินหน่อย”   

เจ้าของห้องหันขวับ พลางยิ้มเจื่อนๆ “ห้องผมไม่ค่อยมีอะไรหรอก ครัวก็มีแค่นี้ล่ะ คุณออยอยากดื่มน้ำอะไรครับ น้ำผลไม้ก็มีนะ”

“น้ำส้มละกันค่ะ” หญิงสาวเดินไปยืนพิงผนังห้องตรงที่ว่าง “ดีจังที่หมอวินได้อยู่คนเดียว เป็นหมอนี่ดีจังนะคะ”

“แต่ผมได้ยินว่าหอพักของพยาบาลก็เป็นห้องแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ค่ะ ขนาดเท่ากันแต่ต้องอยู่สามคนน่ะสิ” ขณะที่เจ้าของห้องกำลังเทน้ำส้มใส่แก้ว หญิงสาวก็ย่างสามขุมเข้าไปประชิดตัว แล้วยื่นใบหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหู “หมอวิน... ออยได้ยินว่าตอนนี้หมอโสดอยู่ใช่มั้ยคะ”

ทันตแพทย์หนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก “ไปได้ยินมาจากไหนครับ”

เธอไม่ตอบคำถาม หากเลี่ยงไปพูดอีกเรื่อง “แล้ววันนี้ก็เป็นวันเกิดหมอวินด้วย”

“หืม รู้ได้ไงเนี่ย”

“ก็เห็นมีดอกไม้กับของขวัญนี่คะ” หญิงสาวยิ้มหวาน “แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะคะ ออยก็มีของขวัญให้หมอวินเหมือนกันน้า”

รวินท์หันขวับ จากนั้นจึงลดสายตาลงมองเนินอกหน้าใจที่หญิงสาวจงใจใช้เบียดกับแขนตน เวลานี้ถ้าหากเขาไม่รู้ว่าของขวัญที่เธอพูดถึงคืออะไร เขาคงต้องไปเอาดีทางเข้าวัดเข้าวาแล้วล่ะ

ตัวเขาห่างเหินหญิงสาวมานานแล้ว แถมตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ เขาไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อขวัญข้าว ไม่ได้คบกับใคร

และก็ใช่ เขาเป็นผู้ชาย ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมดา บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่เขาควรจะมีแฟนคนใหม่สักที จะได้จบปัญหาที่ค้างคาอยู่ในใจตอนนี้ทั้งหมดไปซะ

กลิ่นน้ำหอมบางเบาของเธอถูกใจเขาไม่ใช่น้อย ใบหน้าก็ทั้งสวยและน่ารักแบบที่เขาชอบ ผิวขาวเนียน ถ้าได้สัมผัสคงจะนุ่มมือน่าดู

รวินท์อมยิ้ม ขณะที่เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อแนบริมฝีปากลงบนเรียวปากของเขา สองมือยกขึ้นรวบร่างบอบบางเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะกดคลึงฝ่ามือไปบนแผ่นหลัง

เมื่อละริมฝีปากออกมา เขาก็เคลื่อนริมฝีปากไปขบจูบตามลำคอระหง สองมือดึงแขนเสื้อกล้ามของหญิงสาวลง เพื่อจะได้ซุกไซ้ใบหน้าลงไปตรงซอกคอและหัวไหล่ได้อย่างสะดวก ก่อนจะค่อยๆ ไล่จูบลงมาจนถึงบริเวณเนินอก

เสียงหัวใจเต้นหนักๆ ภายใต้ริมฝีปากของเขากับเสียงครางเบาๆ ของเธอทำให้ทันตแพทย์หนุ่มรู้สึกดีไม่น้อย เขาห่างเหินเรื่องอย่างว่ามาเยอะมากจริงๆ นั่นล่ะ ตอนนี้เลือดร้ายๆ ในตัวเขาก็เริ่มจะร้อนขึ้นมาบ้างแล้ว เขาเคลื่อนมือลงขยำก้อนเนื้อสะโพกของเธอ แล้วกระชากขอบกางเกงลง ส่วนหญิงสาวก็ช่วยปลดกระดุมเสื้อของเขาออกให้

ขณะที่นัวเนียกันอยู่ เขาก็เบียดตัวหญิงสาวไปพิงกับตู้เย็น ใช้สองแขนกักตัวเธอไว้

สัมผัสของฝ่ามือกับโลหะเย็นเฉียบ ทำให้เขาชะงัก แล้วคำพูดของคนที่ช่วยเลือกซื้อตู้เย็นหลังนี้ให้ก็แล่นแวบเข้ามาในความคิด


“พี่วินท่าจะเชี่ยวว่ะ”


รวินท์หยุดการกระทำของตัวเองอย่างกะทันหัน

“หมอวินคะ?”

“เอ่อ...”


“คิดว่าผมฟาดหมดทุกคนที่เข้ามาเลยเรอะ”

“อือ... แบบคลำดูไม่มีหางก็เอา”



ทันตแพทย์หนุ่มถอยออกมาพร้อมกับหันมองไปในครัวช้าๆ ทุกอย่างในห้อง... ล้วนแต่ได้ภูพิงค์มาช่วยจัดการให้ทั้งนั้น ทุกแห่งทุกมุม... มีความทรงจำของเขากับเด็กหนุ่มอยู่ที่นั่น


“ถ้าผมจะคบกับใคร ก็อยากจะจริงใจกับเขา มีเขาคนเดียว แล้วก็คบกันนานๆ และผมก็อยากให้เขาคิดเหมือนกันกับผมด้วย”


แต่พวกเขาไม่ได้คบกันอยู่นะ เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย และพิงค์ก็ไม่ได้ชอบ...ผู้ชาย... โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเขา สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรไม่ใช่หรือ


“พี่ไม่ได้กวน ผมดีใจที่พี่มา”

“ผมจะปรับปรุงตัว”
เขาพูดไว้ต่อหน้าเด็กหนุ่มไม่ใช่หรือ ถึงมันจะไม่ใช่คำสัญญาก็เถอะ


ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ เขาไม่อยากเชื่อตัวเองเลย ไอ้วินเอ๊ย... มึงบ้าจริงๆ ด้วย!

“ขอโทษนะครับคุณออย ผมไม่ควรทำแบบนี้”

“จริงเหรอคะ มาถึงขนาดนี้แล้ว หมอจะหยุดเหรอ” หญิงสาวคว้ามือเขาขึ้นมาสัมผัสหน้าอกของเธอ

รวินท์กลืนน้ำลายฝืดลงคอ แต่... เขามีบทเรียนจากความงี่เง่าของตัวเองในอดีตแล้วนะ เขาอยากจะปรับปรุงตัวเองไม่ใช่หรือ และที่สำคัญ... เขาอยากจะให้ภูพิงค์มองเขาเสียใหม่ เขาไม่อยากเป็นรวินท์คนเดิมในอดีตอีกต่อไปแล้ว

“อย่าดีกว่า” ทันตแพทย์หนุ่มดึงมือกลับ “ผมต้องขอโทษคุณออยมากครับ เมื่อกี้...ผมไม่ควรเลย”

“ออยไม่สวย ไม่เซ็กซี่พอเหรอ ทำไม... ในเมื่อหมอวินไม่มีใคร ออยก็ไม่มีใคร...”

รวินท์ยิ้มบาง “ถ้าคุณออยอยากคบกับผม เราควรเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักกันก่อนนะครับ ผมเคยผิดพลาดมาเยอะแล้ว ไม่อยากให้มันย้อนมาซ้ำเติมอีก”

“หมอ...” หญิงสาวหัวเราะเจื่อนๆ “ไม่เหมือนที่ออยได้ยินมาเลยนะเนี่ย ออยนี่โชคร้ายจริง มาเจอหมอวินตอนกลับใจซะแล้ว”


รถ BMW เคลื่อนเข้ามาในที่จอดรถข้างใต้ตึกหอพักแพทย์ หากมองไปทางไหนก็เห็นมีรถจอดเต็มไปหมด ขับชะลอวนไปวนมาอยู่หลายรอบแล้วก็ยังไม่ได้ที่จอดสักที เด็กหนุ่มคนขับจึงหันไปบอกกับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน “ไอ้พิงค์ มึงขึ้นไปหาพี่หมอก่อนละกัน เดี๋ยวกูกับไอ้ซันวนหาที่จอดก่อน แล้วมึงก็พาพี่หมอลงมาละกันเว้ย จะได้ไปวัดกันต่อเลย”

“อือ เอางั้นก็ได้”

ซันเปิดประตูหลัง ส่งช่อดอกไม้กับหมอนข้างผูกโบว์ให้เพื่อนรัก “เอ้า เซอร์ไพรส์พี่หมอให้เต็มที่เลยมึง”

ภูพิงค์หัวเราะ “เออ กูจะพยายามเว้ย”

เด็กหนุ่มเดินตรงไปยังประตูทางเข้าหอพักด้วยหัวใจตุ้มต่อม พอนึกถึงสีหน้าเซอร์ไพรส์ของเจ้าของวันเกิดตอนที่ได้พบเขาแล้วก็หยุดยิ้มไม่ได้เลย


*TBC*


ขอโทษที่เอามาลงช้าไปนิดค่ะ ฮัสกี้ไปเที่ยวมา สนุกเมิ้กกกก เจอพายุหิมะหนักมาก เกือบไม่ได้กลับมาต่อนิยาย 55555555

ตอนหน้าไม่ต้องเดาให้เหนื่อยก็รู้ว่าสนุกแน่น้อนนน /โดนรุม

พี่วินกำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้ และตอนนี้ก็หัดคิดอะไรให้มากขึ้นแล้ว เพราะได้น้องมาคอยด่า เอ๊ย คอยเตือนสติให้นะคะ

ยังไงก็...ให้กำลังใจพี่วินกันหน่อยนะค้า เมื่อความในใจชัดเจนขนาดนี้แล้ว พี่วินก็คงต้องปรับปรุงตัวให้น้องพิงค์เห็นล่ะนะ ซู่ๆ :ling1:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-02-2018 16:14:37
โป๊ะเช๊ะแน่เลยพี่วินน้องมันมาเห็นว่าพี่อยู่กับสาวแน่ๆ :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 17-02-2018 16:22:28
พี่วินนนน  :m16: ทำไมงี้เล่าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 17-02-2018 16:26:45
โอ๊ยค้างงงงงงง
หมออออออออ
 :m31:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-02-2018 16:27:07
ไม่ใช่น้องเปิดประตูมาเจอนะเออ ทำไมทำงี้ พี่วินนนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-02-2018 16:29:22
แงงงงง ทิ้งค้างไว้แบบนี้ คงไม่นะ พิงค์คงจะไม่ได้ขึ้นมาเห็นพอดีใช่มั้ย ไม่น้าาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-02-2018 16:33:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-02-2018 16:37:26
เห้ยๆ.........เอาล่ะสิ  :ling1: :ling1: :ling1:
อย่าบอกว่าพิงค์ทันเห็นสาวออกมาจากห้องวินนะ  :z3: :z3: :z3:

พิงค์ วิน พูดเหมือนแรกเริ่มจะคบกันเลย

“ถ้าผมจะคบกับใคร ก็อยากจะจริงใจกับเขา มีเขาคนเดียว
แล้วก็คบกันนานๆ และผมก็อยากให้เขาคิดเหมือนกันกับผมด้วย”

“พี่ไม่ได้กวน ผมดีใจที่พี่มา”

“ผมจะปรับปรุงตัว”

พิงค์ วิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-02-2018 16:48:05
       จะมีพายุไหมค่ะ
อ่าาาลุ้นกันต่อไปค่ะหวังว่าไม่มีมาม่าในวันเกิดนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 17-02-2018 16:49:59
กลิ่นมาม่าเริ่มโชยมา ใครต้มมาม่าแถวนี้! :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 17-02-2018 18:16:18
 เอาเข้าแล้ว พี่วินต้องรีบอธิบายเลยนะ อย่ามัวยึกยักล่ะ ถ้าพิงค์มันไม่ยอมฟัง คว้าแขนจับกดตรงตู้เย็นเหมือนที่ทำกับแม่สาวอ่อย เอ๊ย ออย นั่นแหละ ...ว่าแต่ใครจะกดใครน่า 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 17-02-2018 18:21:05
เตชิต
นายร้ายมาก
   :angry2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-02-2018 18:40:24
ลุ้นว่า 

นุ้งพิงค์  จะเจอ  พี่วินทร์   ในสภาพใดหนอ?

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-02-2018 19:24:35
พิงค์ต้องจ๊ะเอ๋กะสาวที่ห้องพี่วินแน่ๆ งือออออ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-02-2018 19:31:33
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Mithuna ที่ 17-02-2018 19:39:08
แผนเตชิตแน่ๆ   :fire:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: maybe0111 ที่ 17-02-2018 19:41:24
มาม่ากำลังมาแรง555 :z6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 17-02-2018 20:02:34
Surprise ตาตั้งกันทั้ง 2 ฝ่ายแน่นอน หึหึ แต่ใครจะสติแตกก่อนกันนั้น มันต้องลุ้น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-02-2018 20:20:19
เอาแล้วไงพี่หมอ พิงค์จะมาเห็นไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 17-02-2018 20:51:55
งานเข้าล๊าววววววว โอยค้างงง ทึ้งหัวตัวเองแปบบบ :katai1: :ling3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 17-02-2018 21:16:45
พี่วินร้ายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 17-02-2018 21:31:11
รู้เลยว่าต้องมัคนงานเข้าแน่ๆอะ
ทำไมหมอเต้ต้องร้ายขนาดนี้คะ
ดูก้รู้ว่าจงใจอะ
หมอวินก้ด้วย เนี่ยจะทำน้องเสียใจอีกแล้ว
ทีมพิงค์อะ เคืองพี่หมอออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-02-2018 22:01:27
อ้าว มาม่าแน่ๆ พิงค์มาเจอชัวร์ ๆ จังหวะเหมาะคราวเคราะห์จริงๆ พี่วินจะได้ทันอธิบายมั้ยอ่ะ กลัวน้องจะงอนหนีไปก่อนจริงๆ แต่ในความม่านี่อาจจะทำให้รุ้ใจตัวเองกันก็ได้นะ เหมือนจะเปิดใจกันบ้างแล้วถึงจะอึมคึมๆไปหน่อย หวังว่างอนกันรอบนี้จะได้เป็นแฟนกันซะทีนะ
ตกลงหมอเต้นี่ยังไง หวงวิน แต่ยังโทรหาพิงค์ให้มาหา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-02-2018 23:24:47
โถ ๆๆ สงสารคนที่จะมาเซอร์ไพร้ส์จังเลย
หมอวินปรับปรุงตัวด่วนค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 18-02-2018 02:07:06
ตายค่ะ มีแต่คำว่าตายอย่างเดียวน้องพิงค์ต้องโกรธแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 18-02-2018 04:28:47
แผนของอีหมอเต้แน่ๆค่ะซิส :z6: งานเข้าแล้วพี่วิน เจอเพื่อนแบบนี้ไม่แน่นะที่เลิกกะขวัญอาจเป็นเพราะหมอเต้ก็ได้....รีบมาต่อเน็วๆนะคะซิส :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-02-2018 08:04:02
อย่าบอกนะว่าพิงค์มาเห็นช็อตนี้พอดี ม่ายยยยยย :serius2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: fronkdefroy ที่ 18-02-2018 09:25:52
กลิ่นมาม่าลอยมาแน่ไกล
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-02-2018 10:21:26
หวังว่าจะยังไม่นัวกันให้น้องช้ำใจไปอีกนะ
พิงค์มาหาถึงถิ่น เซอร์ไพรส์ถึงที่นะหมอ

วินท์ไวมาก ไวเวอร์ เปิดทางให้เค้าชัดๆ
ดีนะ ยังพอมีความทรงจำถึงน้องอยู่บ้าง

เต้คือคิดจริงใช่ไหม แล้วที่ยอมโทรหาพิงค์คือรู้แล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 18-02-2018 11:38:27
เหมือนสัมผัสได้ว่าน้องพิงค์จะเข้ามาเจอฉากล่อแหลมอ่ะแงงงงงงงงงง แค่คิดน้ำตาก็จะไหลแล้ว นี่เราต้องเตรียมใจซดมาม่าแล้วหรอคะไรท์ /กอดขา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-02-2018 11:43:26
จอให้หมอออย ออกจากห้องเร็ว ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-02-2018 12:14:04
ตายแน่ค่ะพี่วิน ขอให้โชคดี !  :z2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 18-02-2018 13:32:22
สงสัยว่าพี่วินจะงานเข้าอีกล่ะ  o6
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 18-02-2018 13:35:41
นังออยใครส่งเธอมาอ่อยพี่วินน พี่วินหัดปฏิเสธบ้างนะ หึ่ยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 18-02-2018 15:22:01
มันก็ลุ้นหน่อยๆ.. 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 18-02-2018 15:24:59
เตรียมชามรอมาม่าเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 18-02-2018 15:34:53
หวังว่าคงไม่ใช่แผนของเตชิตนะ ถ้าใช่นี่ก็โคตรแสบอ่ะ อัพอีกสองสามตอนเดี๋ยวมาอ่านต่อ เราอ่อนแอต่อดราม่า ขอหลบไปจนกว่าจะแฮปปี้ละกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-02-2018 16:01:26
งานจะเข้าหมอวินละซิทีนี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-02-2018 16:22:47
เจริญ!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-02-2018 20:27:50
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 18-02-2018 20:58:00
โอ้โห นายเต เดี๋ยวเจอเราลงโทษษษษ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 19-02-2018 03:58:24
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 19-02-2018 07:33:49
ยังดีที่หยุดทันนะคะพี่วิน แต่เราก็ยังโกรธอยู่นะ
แล้วถ้าน้องพิงค์จะมาเจอ แล้วเข้าใจผิด ก็โทษน้องไม่ได้นะ
เพราะเอาจริง ๆ พี่ิวินก็เกือบห้ามใจไม่อยู่เหมือนกัน
ยังไงก็แล้วแต่ ก็ขอให้เข้าใจกันได้ อย่าทะเลาะกันนาน
แล้วพี่เต้ต้องการอะไรถึงทำอย่างนี้เนี่ย T^T
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-02-2018 13:38:05
น้องเห็นแน่ๆ จะแก้ตัวไงเนี่ยหมอวิน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: ChocoPop ที่ 19-02-2018 16:10:54
เกริ่นมาขนาดนี้ไม่น่ารอดโดนพิงค์เม้งแน่นอน
สู้ๆนะพี่หมอ ไม่ว่าพี่จะโดนจับกด หรือไปกดน้องซะเองก็เถอะ 55
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 19-02-2018 16:20:02
เอาแล้วๆๆ  หมอวินซวยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 19-02-2018 20:40:17
เย้....มนที่สุดหมอวินท์ก็เปลี่ยนไปจริงๆแล้วววว หวังว่าน้องพองค์จะเข้าใจ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจนะ :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 20-02-2018 00:04:50
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-02-2018 01:51:09
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: Cosinesine ที่ 21-02-2018 15:05:53
รอออออ ลุ้นน้องมาเจอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 21-02-2018 16:52:09
หมอวินหวั่นไหวง่ายมากกกกก   :fire:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 22-02-2018 16:13:00


Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่


ภูพิงค์หอบดอกไม้ช่อโตและหมอนข้างเดินดุ่มๆ เข้าไปในหอพัก โชคดีที่ป้าสร้อยกำลังนั่งเม้าอยู่กับป้าพิมซึ่งเขาเคยพบมาก่อน เด็กหนุ่มจึงรีบเดินเข้าไปหา

“ป้าพิม ผมพิงค์ครับ จำผมได้มั้ย ที่เคยมาหาพี่วินตอนมีช่างมาติดแอร์น่ะครับ”

“เอ๋?” เจ้าของชื่อเรียกขมวดคิ้ว “ป้าจำชื่อพิงค์ได้ แต่คุณเป็นใครป้าจำไม่ได้ค่ะ”

“โธ่ คนเดียวกันกับคนที่ผมยาวมัดหางม้ากับมีหนวดนั่นแหละครับ นี่ผมตัดผมโกนหนวดแล้ว”

“อุ๊ยตาย เออ จริงด้วย ตัดผมแล้วหล่อจนป้าจำไม่ได้เลยลูก แล้วนี่มาหาหมอวินเหรอคะ”

“ครับ ผมเอาของขวัญวันเกิดมาให้พี่วินน่ะครับ ผมขึ้นไปหาพี่วินได้มั้ย”

“เชิญเลยค่ะเชิญ หมอวินกลับมาสักพักแล้วล่ะค่ะ” ป้าพิมยิ้มหวาน หากในใจนึกดีใจและสะใจ ไปขัดจังหวะยัยออยอะไรนั่นทีเถอะ พวกป้าๆ หมั่นไส้ กำลังเม้าท์ถึงกันอยู่เลย

เมื่อขึ้นลิฟต์โดยสารมาแล้ว เด็กหนุ่มก็เดินยิ้มตรงไปยังห้องของทันตแพทย์หนุ่ม เขาอยากเห็นสีหน้าของรวินท์ตอนที่เห็นเขาโผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คงจะตกใจน่าดู

ภูพิงค์เดินไปหยุดที่หน้าห้อง เขาชะเง้อมองผ่านหน้าต่างมุ้งลวดเข้าไป ไม่เห็นใคร แต่ข้างหน้าห้องมีรองเท้าถอดอยู่ และภายในห้องเปิดไฟ ถ้าอย่างนั้นพี่วินก็อาจจะอยู่ในครัวหรืออาบน้ำอยู่ล่ะมั้ง

เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไป

เสียงโทรศัพท์มือถือดังมาแว่วๆ เพราะงั้นเจ้าของน่าจะอยู่ไม่ไกล เขาจึงตะโกนเรียกออกไป “พี่วินคร้าบ” พอได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากในครัว เด็กหนุ่มจึงเอื้อมมือไปลองหมุนลูกบิดประตูดู

“ประตูก็ไม่ได้ล็อกแฮะ” ภูพิงค์ร้องบอกอีกครั้ง “พี่วิน! ผมเข้าไปนะ พี่ไม่ได้ล็อกประตูห้องอีกแล้วอะ!”

“เดี๋ยว พิงค์!” รวินท์วิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากในครัว เด็กหนุ่มมาได้จังหวะฉิบหาย จังหวะที่เรียกว่าฟ้าผ่าลงตรงกลางกบาลนั่นแหละ เขากับคุณออยยังไม่ทันได้จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเลย ยังไม่ทันได้ส่องกระจกด้วยว่าตัวเองตอนนี้อยู่ในสภาพแบบไหน

“แฮป...” คนอ่อนวัยกว่าชะงัก เพราะเจ้าของวันเกิดวิ่งมาหยุดหอบตรงหน้าเขาทั้งเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ใบหน้าเปื้อนลิปสติก ซึ่งชัดเจนมากโดยเฉพาะบนริมฝีปาก ทำให้เขาต้องชะเง้อมองไปทางด้านหลังที่ในครัว ซึ่งมีผู้หญิงอีกคนทำท่าทางอึกอักขณะเดินตามรวินท์ออกมา

หญิงสาวจัดเสื้อผ้ากลับอย่างลวกๆ จนเห็นได้ชัดว่าเธอรีบร้อนมากขนาดไหน เพราะตรงแขนเสื้อกล้ามม้วนเป็นเกลียว ชายเสื้อก็ยังไม่ทันดึงลงมาให้เรียบร้อย แต่อะไรก็ไม่ชัดเจนเท่ารอยจูบสีแดงจางๆ ตรงลำคอและบนเนินอกซึ่งปิดอย่างไรก็คงไม่มิด เธอผงกศีรษะ หันไปคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วรีบกล่าวขอตัว จากนั้นก็รีบรุดเดินสวนกับภูพิงค์ออกจากห้องไป

ภูพิงค์ยืนนิ่งอึ้ง พอหันกลับมาสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่มอีกครั้ง รอยลิปสติกที่ชัดเจนบนใบหน้าอีกฝ่ายนั้น มันตอกย้ำให้เขาแน่ใจว่าไม่ได้กำลังฝันร้าย เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนโดนทุบศีรษะหนักๆ มึนตื้อไปหมด หัวใจกระตุกอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ เขารีบยัดช่อดอกไม้และหมอนข้างให้เจ้าของวันเกิด “ผมขอโทษที่มาขัดจังหวะ ผมไม่นึก... เอ่อ ช่างเถอะ ผมขอโทษจริงๆ ครับ” เขายกมือไหว้ แล้วหันหลังเดินออกไป

“เดี๋ยวพิงค์!”

เด็กหนุ่มหยุดกึก จะหันกลับไปก็ไม่กล้า เขายอมรับตรงๆ ว่า... ภาพที่เห็นเมื่อครู่มันทำให้เขาเจ็บปวด

“ครับ”

“เรื่องเมื่อกี้น่ะ...”

“ผมไม่บอกใครหรอกพี่ สบายใจได้”

“ไม่ใช่” รวินท์กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปประจันหน้ากับเด็กหนุ่ม ทว่าอีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนี ไม่ยอมสบสายตากับเขา “พิงค์ เมื่อกี้ ไม่ได้มีอะไรนะ... คือผม... ไม่ได้ทำ... เอ้อ คือทำ แต่ทำไปนิดเดียว...”

“พี่ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มคว้าท่อนแขนอีกฝ่ายไว้ “เดี๋ยวสิพิงค์! รอก่อนได้มั้ย ผมจะรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเดี๋ยวนี้ละ”

ภูพิงค์ฝืนหันหน้ากลับไปหาอีกฝ่าย หากสายตาหลุบต่ำ เขายิ้มบาง “ขอโทษครับ แต่ผมต้องรีบกลับแล้ว เพื่อนผมรออยู่ข้างล่าง ผมตั้งใจเอาของขวัญมาให้พี่เฉยๆ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา “ผมควรจะโทรมาบอกพี่ก่อน ไม่น่ามาขัดจังหวะพี่เลย”

รวินท์อ้ำอึ้ง จะแก้ตัวก็แก้ไม่ได้สนิทใจ เพราะเขาก็ทำเกินเลยกับหญิงสาวไปพอควร ไม่ว่าจะดูอย่างไร เขาก็ทำตัวใจง่ายเหมือนที่เด็กหนุ่มเคยว่าไว้นั่นล่ะ “ผมดีใจที่คุณมานะ คุณไม่ได้ขัดจังหวะอะไรสักหน่อย” มือที่เย็นเฉียบจับท่อนแขนอีกฝ่ายไว้แน่น “อย่าเพิ่งกลับได้มั้ย ให้ผมอธิบายก่อน ... อยู่คุยกันก่อนนะ”

เห็นชัดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นแบบนี้ ยังต้องให้เขาอยู่ฟังบรรยายอีกเหรอวะ พี่วินก็คือพี่วินจริงๆ นั่นล่ะ ไม่เคยแคร์อะไร ไม่เคยสนใจความรู้สึกของใคร

สำหรับพี่วินน่ะ จะไปไหน จะทำอะไรกับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเขา แต่สำหรับเขาน่ะ...

ภูพิงค์ย่นคิ้วเข้าหากัน พลางกำมือแน่น

เขาไม่น่าเสือกมาที่นี่เลย

ภูพิงค์จับมือของทันตแพทย์หนุ่มออกช้าๆ เขารู้สึกว่าลมหายใจของตนเองติดขัดชอบกล ยิ่งเมื่อเห็นรอยลิปสติกบนริมฝีปากตรงหน้าแล้ว หัวใจก็ยิ่งเจ็บ

เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด

เขาพลาดไปเสียแล้ว ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าต้องเจ็บหนักแน่ แต่ยังเสือกคิดจะเล่นของสูง

“ผมว่าอย่างพี่น่ะ ถ้าจะหาคนคุยด้วยก็คงหาไม่ยากหรอก แล้วผมก็คงไม่ใช่เพื่อนคุยที่ดีสำหรับพี่นัก ที่ผมมานี่ ก็แค่อยากจะมาอวยพรวันเกิดให้พี่เท่านั้น” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ แล้วฝืนยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด “แล้วก็... ผมขอบคุณพี่มากสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ที่พี่ช่วยเหลือผม ช่วยเหลือคณะผม แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับ ผมกลับล่ะ พี่หมอ” จากนั้นจึงรีบวิ่งออกไป

“พิงค์!” รวินท์รีบวางของในมือลงแล้ววิ่งตาม หากพอไปถึงลิฟต์โดยสาร ลิฟต์ก็เคลื่อนลงไปแล้ว เขาหันรีหันขวาง แล้วจึงวิ่งลงบันไดแทน

หากเมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ลิฟต์โดยสารเปิดออก แต่ภูพิงค์ไม่ได้ก้าวออกมา เขารีบหันไปถามป้าทั้งสองคน “ป้าครับ เห็นพิงค์มั้ย”

“วิ่งลงบันไดมาเมื่อกี้ แล้วก็วิ่งออกไปแล้วค่า”

ทันตแพทย์หนุ่มวิ่งออกมาจากในตึกทั้งที่ยังไม่ได้ใส่รองเท้า เขาหันมองไปรอบๆ ไม่พบอะไรเคลื่อนไหว ภูพิงค์วิ่งหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

รวินท์ยืนนิ่งอึ้ง ทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่

บทเรียนที่เขาเคยได้รับมาครั้งหนึ่งแล้ว ย้อนกลับมาสั่งสอนเขาอีกครั้งอย่างนั้นหรือ

“หมอวิน! เข้ามาล้างหน้าล้างตาแล้วใส่รองเท้าก่อนมั้ยคะ” ป้าพิมตะโกนเรียก ก่อนจะเดินไปคว้าแขนทันตแพทย์หนุ่มแล้วพาเดินกลับเข้าไปในตึก “หมอเป็นอะไรเนี่ย หน้าตาเหมือนเจอผี”

...ถ้าเจอผีอาจจะดีกว่า

“ตายจริง ลิปสติก...เลอะเต็มเลยค่ะหมอ”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับไปมองเงาสะท้อนในบานกระจก เห็นสภาพตัวเองตอนนี้ก็เข้าใจอยู่หรอก... ว่าทำไมภูพิงค์ถึงเมินหน้าหนีเขาไปแบบนั้น

“ผมกลับห้องก่อนนะครับ” รวินท์เอ่ยกับป้าทั้งสองคนไปอย่างเลื่อนลอย

พอกลับถึงห้อง เขาก็สาวเท้าตรงไปเข้าห้องอาบน้ำ จัดการทำความสะอาดเนื้อตัวและใบหน้าให้เกลี้ยง พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงหยิบช่อดอกไม้กับหมอนข้างขึ้นมาวางบนโต๊ะญี่ปุ่น พลางนั่งลงพิจารณาดู

ช่อดอกไม้ช่อใหญ่เป็นของขวัญจากสมาชิกสโมฯ พิงค์และเพื่อนๆ ส่วนบนหมอนข้างมีการ์ดวันเกิด เขียนคำอวยพรสั้นๆ และมีปล. ว่าให้เอาไว้กอดแทนตัวคนให้ เวลาที่เหงา ถ้าอย่างนั้นหมอนข้างนี่ก็คงเป็นของขวัญที่พิงค์ตั้งใจเลือกให้เขา

“พี่หมอ”

ภูพิงค์เรียกเขาแบบนั้น ทั้งที่เคยเรียกว่าพี่วินมาตลอด อีกฝ่ายตั้งใจเน้นคำนั้นเพื่อให้เห็นชัดถึงความห่างเหิน คำพูดและท่าทางของอีกฝ่าย... เขาเห็นมันซ้อนทับกับภาพของขวัญข้าวในวันสุดท้ายที่พูดคุยกัน

ดวงตาเรียวร้อนผ่าว รวินท์ยกมือขึ้นกุมใบหน้าไว้ หากน้ำตาก็ยังไหลออกมาจนได้

ใจง่าย นอนกับใครก็ได้ อ่อยไปทั่ว... ภาพพจน์เขาคงไม่มีวันเปลี่ยนไปในสายตาของภูพิงค์อีกแล้ว เด็กหนุ่มคงเกลียดคนอย่างเขาไปแล้ว

“ทำไมมึงถึงเป็นคนแบบนี้วะไอ้วิน!” นี่หรือจะปรับปรุงตัว คำสัญญาของเขา คำพูดของเขา ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือเลยสักอย่าง “ชาตินี้คนอย่างมึงคงไม่มีวันเจอคนที่จริงใจกับมึงหรอก ไอ้โง่”

เมื่อนึกย้อนไป... ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้รู้จักกัน เขามีความสุขมากขนาดไหน ทุกครั้งที่มีอยู่ด้วยกันมีแต่เสียงหัวเราะ เมื่อเขาโศกเศร้า อีกฝ่ายก็จะมีคำปลอบโยนและความเข้าใจให้หัวใจอบอุ่นเสมอ เขาได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มากมาย เป็นช่วงเวลาที่ดีเสียจนเขาอยากจะย้อนกลับไป แล้วหยุดเวลาไว้แค่นั้น

ทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปรอบๆ ห้องซึ่งมีความทรงจำของพวกเขาอยู่ทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน โต๊ะ เบาะรองนั่ง หรือเก้าอี้กับโต๊ะกินข้าว

รอยยิ้มของภูพิงค์ชัดเจนอยู่ในใจ

“ให้โอกาสผมอีกครั้งได้มั้ย”

รวินท์แค่นหัวเราะให้กับความโง่เง่าตัวเอง คนอย่างเขา จะต้องขอโอกาสจากคนอื่นอีกสักกี่ครั้งกันนะ จะต้องสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวเองอีกกี่ครั้ง คำพูดพล่อยๆ ใครเขาจะเชื่อกัน


ฝ่ายภูพิงค์นั้น เขาวิ่งกลับมาที่รถซึ่งจอดรออยู่ข้างตึกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เด็กหนุ่มเปิดประตูเข้าไปนั่ง แล้วบอกให้แซนดี้กับซันอยู่นิ่งๆ พลางชะเง้อมองไปยังประตูทางเข้าตึกที่เขาเพิ่งจะวิ่งออกมา

เขาเห็นว่ารวินท์วิ่งตามเขาออกมาด้วย เด็กหนุ่มยิ้มบาง แต่เขาไม่อยากเจ็บปวดมากไปกว่านี้อีกแล้ว ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ได้ถลำลึกมากนัก อาจจะยังพอถอยออกมาตั้งหลักได้

“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้พิงค์”

เด็กหนุ่มนั่งนิ่ง รอให้รวินท์กลับเข้าหอพักไปก่อนจึงพูดขึ้น “กลับกันเถอะว่ะ พี่เขาไม่ว่างน่ะ”

แซนดี้ขมวดคิ้ว แต่ภูพิงค์ทำหน้าเครียดขนาดนี้ เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยตั้งแต่รู้จักกันมา จึงไม่กล้าเซ้าซี้ถามอะไรต่อ เขาหันไปส่งสายตาให้ซัน เพื่อนอีกคนที่นั่งบนเบาะหลัง

ซันส่ายหน้าไปมา แล้วพยักพเยิดให้เจ้าของรถรีบขับออกไปก่อน สีหน้าไอ้พิงค์ตอนนี้โคตรน่ากลัว พวกเขาอาจจะโดนลูกหลงยับเยินได้ง่ายๆ

 
เมื่อถึงวันศุกร์ รวินท์ขับรถไปส่งเตชิตที่สนามบินเชียงใหม่เช่นเคย เขาพยายามทำตัวเป็นปกติ ไม่ให้ใครสงสัยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในวันเกิดของเขา

พอกลับมาถึงคลินิกซึ่งคืนนี้ต้องนอนคนเดียว ทั้งที่อยู่ใกล้กับบ้านเช่าแค่นั้น แต่เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะโทรศัพท์ไปหาเด็กหนุ่ม
แล้วพอนอนลงบนเตียง เขาก็นึกถึงเมื่อครั้งที่ภูพิงค์เคยมาปลอบโยนเขาตอนที่เขาอกหัก ตอนนั้นเขาคิดว่าอีกฝ่ายน่ะ ถ้าหากไม่บ้าก็ต้องโคตรใจดีมากแน่ๆ ถึงได้ปล่อยให้เขานอนทับได้ทั้งคืน แถมยังค่อยๆ ปลอบอย่างใจเย็น แบบที่ไม่ได้เข้ากับใบหน้าเอาเสียเลย

ขณะที่นอนเหม่ออยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น รวินท์ปล่อยมันดังไปเรื่อย จนหยุดไปเอง ทว่าไม่นานมันก็ดังขึ้นอีก

โทรมาเวลานี้คงไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้เต้แน่ๆ เขาไม่มีอารมณ์จะคุยกับมัน...หรือใครๆ ทั้งนั้น

เสียงโทรศัพท์เงียบไปแล้วก็ดังขึ้นอีก ทำให้ทันตแพทย์หนุ่มชักจะอารมณ์เสีย เขาจึงเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มาดู กะว่าจะบล็อกเบอร์แม่ง แต่แล้วชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็ทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยประหลาดใจ

“ขวัญข้าว?” เขารีบกดรับสายทันที

“วิน”

แค่ได้ยินเสียงของเธอ หัวใจของทันตแพทย์หนุ่มก็เต้นไม่เป็นส่ำ เขาพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย “ขวัญ... ขวัญโทรมาหาผม...”

“อื้อ ได้ยินว่าเสาร์อาทิตย์มาทำคลินิกที่เชียงใหม่ พรุ่งนี้พอมีเวลาว่างเจอขวัญหน่อยมั้ย”

“ได้สิ! พรุ่งนี้ผมเลิกบ่ายสี่ เจอกันที่ไหนดี”

“วินมาหาขวัญที่โรงแรมได้มั้ย”

“ได้อยู่แล้ว”

หลังจากนัดกันเสร็จ รวินท์ก็พอยิ้มออกมาได้บ้าง เขาคิดถึงขวัญข้าว แม้ไม่ได้คบหาเป็นแฟนกันแล้ว แต่ความผูกพันก็ยังคงมีอยู่ เขาอยากเจอเธอ อยาก...กลับไปเป็นเพื่อนกัน

มาถึงตอนนี้ทันตแพทย์หนุ่มก็เข้าใจ เขาไม่ได้รักขวัญข้าวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ทำไมน่ะหรือ เพราะในใจยังเจ็บเมื่อนึกถึงภูพิงค์ แทนที่จะดีใจและคิดถึงแต่เรื่องของเธอเท่านั้น

เวลานี้เขาไม่ได้ต้องการกลับไปคบหากับเธอ หากก็ยังเป็นห่วง คิดถึงกันตามประสาคนเคยใกล้ชิดกันเท่านั้นเอง


เมื่อถึงเวลานัดในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์ รวินท์ไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวหล่อเหมือนอย่างเคย เขาไปหาขวัญข้าวทั้งสภาพหลังเสร็จคลินิกนั่นล่ะ แค่ล้างหน้าล้างตาแล้วก็ไปทันที พอเคลื่อนรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของโรงแรมแล้ว เขาก็ไปหาเธอที่ร้านอาหารตามนัด

แวบแรกที่ได้เห็นขวัญข้าว เธอดูดีขึ้นกว่าก่อนเป็นสิบเท่า ใบหน้าสดใส มีรอยยิ้มน่ารักประดับ เป็นผลให้เขาพลอยยิ้มตามไปด้วย เธอดูมีความสุขมากจริงๆ ไม่เหมือนเมื่อครั้งที่คบกับเขาเลย ทั้งที่ไปทำงานในที่ไกลขนาดนั้น

ทันตแพทย์หนุ่มเดินฉับๆ ไปนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกัน “รอนานมั้ย”

“ไม่หรอก ยังไงขวัญก็พักที่นี่ แต่เราสั่งอะไรมากินกันก่อนเถอะ หิวจะตายอยู่แล้ว”

หลังจากสั่งอาหารไป รวินท์ก็เท้าแขนลงบนโต๊ะพร้อมกับโน้มตัวไปทางที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ “ขวัญดูมีความสุขดีนะ”

“อือ ทำงานเหนื่อย แต่มีความสุขมาก” เธออมยิ้มเล็กน้อย “ส่วนวินก็ยังหล่อเว่อร์เหมือนเดิมเลยนะ ตอนที่เดินเข้ามางี้ ทุกโต๊ะหันมองตามกันเลย”

“เหรอ ผมไม่ได้สังเกต สายตาของผมมองหาแต่ขวัญเท่านั้นน่ะ”

“ปากก็หวานเหมือนเดิมด้วยนะ ไม่เปลี่ยนเล้ย~ คนกะล่อน!” ขวัญข้าวหัวเราะ

รวินท์ชะงัก เขาทวนคำพูดนั้นในศีรษะอีกครั้ง “ปากหวาน? ผม...พูดจาแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”

“หือ?”

“ผมตั้งใจจะบอกว่า ผมมองหาแต่ขวัญเพราะผมมีนัดกับขวัญ ผมไม่ได้...”

“มันก็อาจจะไม่ได้แปลกอะไรสำหรับวินหรอก แต่สำหรับขวัญน่ะ เพราะวินเป็นคนพูด มันเลยทำให้ขวัญรู้สึกว่าขวัญเป็นคนพิเศษ เพียงแต่... วินไม่ได้พูดแบบนี้กับขวัญคนเดียว แต่พูดกับผู้หญิงทุกคนน่ะสิ” เธอเอ่ยพลางเบ้ปากเล็กน้อย “เมื่อก่อน... ขวัญเคยโกรธมากเวลาที่วินพูดกับคนอื่นๆ แบบนี้ไปทั่ว”

“ขวัญ... เคยโกรธผมด้วยเหรอ”

“อือ โกรธมากด้วย”

“ผมไม่เคยรู้เลย”

รวินท์อ้ำอึ้งไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี เขาไม่นึกว่าจะโดนขวัญข้าว อดีตหญิงสาวผู้เป็นที่รักยิงด้วยปรมาณูลูกใหญ่ตั้งแต่เบาะนั่งยังไม่ทันอุ่น หากโชคดีที่พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟให้ เขาจึงได้หยุดตั้งหลักก่อน

ขณะที่กินอาหารในจานไป สำหรับรวินท์ก็ยิ่งชัดเจนว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาชำเลืองมองเธอ รู้สึกดีใจ อบอุ่นในหัวใจที่ได้พบกันอีกครั้ง แต่... บางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ทันตแพทย์หนุ่มวางส้อมกับมีดในมือลง เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้ววางมือลงบนโต๊ะ

“ผมดีใจที่เราได้เจอกันอีกครั้งนะขวัญ

“....”

รวินท์ยิ้มอย่างอ่อนโยน แบบที่ทำให้หญิงสาวชะงักไปกับรอยยิ้มนั้น “ผมดีใจที่เรายังเป็นเพื่อนกันได้”

ขวัญข้าวนิ่งอึ้ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ขวัญก็ดีใจ ที่จริงก็ไม่นึกว่าวินจะยอมมาเจอขวัญอีก” ขณะเดียวกันก็มีพนักงานมาเก็บโต๊ะให้ หญิงสาวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย หากยังวางมือค้างไว้บนโต๊ะเช่นเดิม

นัยน์ตาของเธอจับจ้องใบหน้าที่หล่อเหลาของอดีตแฟนหนุ่ม ไม่รู้สิ บางสิ่งบางอย่างของรวินท์เปลี่ยนไป ทำให้เธอไม่ต้องรู้สึกเกร็งเหมือนเมื่อก่อน “วินเปลี่ยนไปนิดหน่อยนะ คงมีหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาล่ะสิ”

“อืม ก็คงแบบนั้น” นัยน์ตาของชายหนุ่มอ่อนแสงลง เขากำมือรวบรวมความกล้า สูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วจึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้ “ขวัญ ผมขอโทษนะ ที่เมื่อก่อนทำตัวแย่ๆ ทำให้ขวัญต้องเสียใจบ่อยๆ ผมได้บทเรียนจากการกระทำของตัวเองแล้ว”

ขวัญข้าวจ้องมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาเรียว “เมื่อก่อนเวลาวินพูดแบบนี้ ขวัญไม่เคยเชื่อวินเลย แต่ครั้งนี้... ขวัญเชื่อแฮะ”

รวินท์ดึงมือกลับไปวางที่เดิม “ทำไม”

“เพราะสีหน้ากับแววตาของวิน... แสดงออกว่าเจ็บปวดจริงๆ”

ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมขวัญไม่เคยพูดอะไรเลย... สีหน้าผมเมื่อก่อนมันเสแสร้งมากเลยใช่มั้ย”

“ถ้าให้ตอบตรงๆ ก็ใช่” ขวัญข้าวหัวเราะเบาๆ “แต่ขวัญก็ผิดที่ไม่เคยบอกวินตามตรง ได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ”

“ทำไมขวัญถึงไม่บอกผม ทำไมถึงไม่แสดงออกมาว่าโกรธ”

“เพราะขวัญรักวิน รักมากจนกลัวว่าจะต้องเสียวินไป ขวัญรู้ว่าวินเป็นคนป็อปมากแค่ไหน เลยพยายามอดทน ทำเป็นไม่หึง ไม่พูด ไม่แสดงอาการอะไรออกมา ขวัญเหมือนคนบ้าที่รักวินจนหน้ามืดตามัว ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวลือว่าวินไปกับคนอื่น ทุกครั้งที่วินบอกว่าเบื่อที่ขวัญไม่มีเวลาให้ มันเจ็บปวด มันทรมาน ขวัญต้องร้องไห้อยู่คนเดียว ทั้งโกรธทั้งหึงแทบตายก็ไม่กล้าบอกให้วินรู้ เพราะกลัวว่าวินจะรำคาญ แต่ทุกครั้งที่วินกลับมาหาขวัญก็ทำให้ขวัญยอมอดทนต่อไปได้อีก หวังว่าวินจะเปลี่ยนแปลงไปเพราะคำสัญญาที่วินบอกว่าจะปรับปรุงตัวเอง กับคำขอโทษเสียใจทั้งหลาย แต่แล้วทุกอย่างก็วนกลับไปในลูปเดิมๆ สุดท้ายความอดทนของคนมันก็มีขีดจำกัด...”

รอยยิ้มของขวัญข้าวเศร้าสร้อยเมื่อเธอเล่าถึงอดีต “วินไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของขวัญเลย พอๆ กับที่ไม่สนใจใครๆ รอบตัว อยากได้อะไรก็ได้มาง่ายๆ ตลอด มีแต่คนคอยเอาอกเอาใจ หลังจากหลายปีที่คบกันมา วินสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวเองไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด สิ่งที่ขวัญคาดหวัง วินทำลายมันครั้งแล้วครั้งเล่า...”

รวินท์ลดสายตาลงต่ำ ดวงตาของเขาร้อนผ่าว “ผมขอโทษ”

“วินไม่ได้ผิดคนเดียว ขวัญเองก็ผิดที่ไม่เคยพูดอะไรออกไป มันเป็นความผิดพลาดของเราสองคน” ขวัญข้าวพูดเสียงสั่น ยิ่งพอเห็นสีหน้าโศกเศร้าของรวินท์ และน้ำตาที่เอ่อคลอนัยน์ตาคู่นั้นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เธอเก็บความรู้สึกที่อัดอั้นมานานไว้ไม่ได้อีก เป็นผลให้หยดน้ำตาหลั่งออกมาจากดวงตาของเธอช้าๆ

ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือออกไปเกลี่ยทางน้ำตาบนพวงแก้มของอดีตคนรักอย่างแผ่วเบา ขณะที่น้ำตาของตนเองร่วงหล่นลงมาโดยไม่รู้ตัว

หญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอซับน้ำตาเขาให้ เธอจับมือเขาอย่างอ่อนโยน วางผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นลงบนฝ่ามือเขาแล้วกุมมือนั้นไว้ “วิน...มีคนใหม่แล้วใช่มั้ย”

รวินท์ส่ายหน้าช้าๆ “ไม่มี”

“แต่วินมีคนที่ชอบ”

ใบหน้าของภูพิงค์แวบเข้ามาในความคิดทันที ทำให้ชายหนุ่มพูดไม่ออก “.....”

“สวยกว่าขวัญมั้ย”

ครั้งนี้พอนึกถึงใบหน้าของขวัญข้าวเปรียบเทียบกับภูพิงค์แล้ว รวินท์ก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “คงเปรียบเทียบกันไม่ได้”

“น่ารักกว่าขวัญหรือเปล่า”

“น่ารักเหมือนกัน”

“แล้วทำไมถึงไม่ได้คบกัน”

รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาจางหายไปทีละน้อย “คงไม่มีใครทนนิสัยแย่ๆ ของผมได้ล่ะมั้ง”

“ทำไมล่ะ วินต้องแสดงแสนยานุภาพอะไรอีกแน่ๆ เลย”

“สมกับที่รู้จักผมดีเลยนะขวัญ เขากับผมแตกต่างกันมาก ทั้งนิสัยและความคิด...จนน่าจะเป็นเรื่องยากที่เราจะคบกันได้ เขาไม่เคยบอกว่าชอบผม ส่วนผมเองก็ไม่เคยบอกเขา ผมรู้สึกสบายใจเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ส่วนเขาจะคิดยังไง ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เราก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังบ่อยๆ เพราะงั้น...”

“เพราะงั้นวินเลยคิดว่าวินเป็นอิสระ จะทำอะไรไปไหนกับคนอื่นในระหว่างที่ยังไม่ได้คบหากันก็ได้ใช่มั้ย ไม่สิ... เมื่อก่อนทั้งที่คบกับขวัญ วินก็ยังทำ”

รวินท์สะอึก คำพูดของเธอบาดลึกเข้าไปในหัวใจ


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 28 : วันเกิดของรวินท์][170218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 22-02-2018 16:13:25


“ในเมื่อวินอยู่กับเขาแล้วรู้สึกดี ทำไมวินถึงทำอะไรที่มันทำลายความรู้สึกดีๆ นั่นไปซะล่ะ เขาจะมองวินว่าเป็นอย่างไร ควรจะเปิดโอกาส จะให้ใจกับวินดีไหม มันก็ต้องดูที่การกระทำของวินด้วยนะ”

“ผม...” ทันตแพทย์หนุ่มเม้มปากแน่น

“ถ้าวินกับเขาแตกต่างกันมาก แต่สบายใจเวลาที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง นั่นไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนพิเศษสำหรับวินหรอกเหรอ คนเราน่ะ ไม่ได้สบายใจเวลาอยู่กับทุกคนหรอกนะ”

รวินท์ส่ายหน้าพลางยิ้มบาง “ผมกับเขา... เราเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้นละ”

“วินกับคนคนนั้นน่ะ อยู่ในระยะที่เรียกว่าระยะดูใจ รู้จักไหม... สำหรับวินที่มีแต่คนเข้ามาสารภาพรักคงจะไม่รู้ ว่าคนทั่วไปเขาต้องพยายามปรับปรุงตัว พยายามสั่งสมความกล้ามากขนาดไหน กับการที่จะเปิดรับใครสักคนเข้าไปในหัวใจ กับความพยายามที่จะเข้าหาเข้าไปใกล้ชิด กับการที่จะตัดสินใจบอกรักใครสักคน”

“ขวัญเองก็เหมือนกันเหรอ”

“เราเป็นเพื่อนกันเมื่อตอนปีหนึ่ง... ขวัญใช้เวลาทั้งปีเพื่อรวบรวมความกล้าเข้าไปบอกวิน”

“.....”

“ตอนนั้นคิดว่า... ช่างแม่ง ยังไงก็เรียนคนละคณะ” เธอหัวเราะเบาๆ “แต่อยากให้วินรู้... ว่าขวัญมองวินมาตลอด”

รวินท์ยิ้มบาง เมื่อนึกย้อนกลับไปก็ยิ่งรู้สึกถึงความงี่เง่า โง่เขลาของตัวเอง เขามีผู้หญิงที่ดีที่สุดอยู่ในมือแท้ๆ แต่ไม่เคย... ไม่เคยเลยที่จะใส่ใจความรู้สึกของเธอ ตลอดเวลาห้าปีที่คบกัน เธอให้โอกาสเขามาไม่รู้กี่ครั้ง หากเขาก็ปัดมันทิ้งไปเสียทุกที

...แล้วครั้งสุดท้าย ก็ยังมีหน้าขอโอกาสจากเธออีก

“ผมขอโทษ”

“เรื่องมันผ่านไปแล้วน่ะวิน” ครั้งนี้เป็นขวัญข้าวเอง ที่เป็นฝ่ายเอื้อมมือไปกุมมือเขาไว้ “ขอบคุณนะ ที่เปิดใจคุยกับขวัญตรงๆ”

“ไม่หรอก ผมต้องขอบคุณขวัญมากกว่า ที่สอนอะไรผมหลายๆ อย่าง”

“วินเองก็ปรับปรุงตัวมากขึ้นแล้วนี่นา แบบนี้น่ารักขึ้นเป็นกอง ที่จริง... ขวัญไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมานั่งพูดคุยกันด้วยเหตุผลแบบนี้ได้” เธอบีบมือเขาเบาๆ “เรื่องของเรา มันอาจสายไปแล้ว แต่วินกับเขายังมีโอกาสนะ”

รวินท์พลิกมือกลับไปกุมมือหญิงสาวไว้ เขาส่ายหน้าไปมาช้าๆ “ผมว่าเขาตัดผมขาดจากชีวิตเขาไปแล้วล่ะ และถ้าหากว่าเขามีใจให้ผมสักนิด เขาก็คงตัดใจไปแล้วด้วย เขาเกลียดคนแบบผมจะตายไป”

“เขาถอยออกไปเพราะวินทำตัวไม่ดีเองไม่ใช่เหรอ ถ้าวินรู้ตัวว่ามีใจให้เขา วินก็ต้องเป็นฝ่ายเข้าหา พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าวินเป็นคนใหม่แล้วสิ เริ่มต้นใหม่ตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกนะ” ขวัญข้าวอมยิ้ม “อันที่จริง การได้รักใครสักคนข้างเดียว ตามจีบเขา มันก็สนุกดีเหมือนกันนะ ลุ้นดีด้วย เชื่อขวัญสิ ขวัญมีประสบการณ์มาแล้ว”

“ประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำเอาซะเลยน่ะสิ”

“บ้าน่ะ มาถึงตอนนี้แล้ว ขวัญว่ามันเป็นความทรงจำที่ดีออกนะ ขวัญดีใจ ไม่เคยเสียใจเลยที่ได้รักวิน”

หัวใจของทันตแพทย์หนุ่มอุ่นวาบ มีรอยยิ้มละมุนอย่างจริงใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา เขาค่อยๆ ดึงมือที่เธอกุมไว้ออก

ขวัญข้าวทำหน้าดุพลางชูนิ้วขึ้น “แต่ถ้าวินไม่เลิกนิสัยเจ้าชู้ ใจง่าย ขี้อ่อย เป็นกันเองกับทุกคน ไม่ใส่ใจคนรอบตัว วินจะไม่มีวันได้รับความรักความจริงใจจากใครทั้งนั้น จำเอาไว้ให้ดี”

“ครับ”

“ถ้าไม่ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ เขาก็ไม่มีวันรู้หรอก ว่าวินคิดจริงจังกับเขา”

“ครับ”

“ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ โคตรไม่คุ้นเลยอ่ะ”

“นั่นสิ ผมก็ไม่คุ้นตัวเองเหมือนกัน” เขาหัวเราะเจื่อนๆ

“ขวัญจะแอ๊ดเฟซวินใหม่ แล้วจะเลิกบล็อกวินทั้งหมดทุกโซเชียลนะ”

“เป็นพระคุณอย่างสูง” รวินท์ค้อมศีรษะลง

“แล้วขวัญจะมีโอกาสได้เจอเขามั้ย”

“ถ้าเขายังให้โอกาสผม ก็อาจจะมี”

“งั้นก็สู้ให้เต็มที่เลยนะ”

“ผมจะพยายาม”

ขวัญข้าวเท้าแขนลงกับโต๊ะแล้วเอี้ยวตัวเล็กน้อยเพราะรู้สึกเมื่อย “อืม... นั่งนานไปหน่อย”

“กี่เดือนแล้วล่ะ”

หญิงสาวหันขวับ พลางทำตาโตใส่ “ขวัญพุงโตมากเลยเหรอ”

“ไม่หรอก เหมือนกินอิ่มแล้วไม่ได้อึมาสักสองอาทิตย์”

“นั่นปากเรอะ!” เธอตีแขนเขาไปอย่างไม่เบาแรงนัก

“แล้วขวัญก็ขยับตัวช้าผิดปกติ ทั้งที่เมื่อก่อนทำอะไรว่องไวไปหมด แถมก็ดูจะระวังท้องมากๆ เลยด้วย อีกอย่าง...” รวินท์พยักพเยิดหน้าไปทางโต๊ะหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป “เขาจ้องอยู่ตลอดเลย ท่าทางจะกังวลแล้วก็ห่วงขวัญมากๆ”

ขวัญข้าวแปลกใจไม่ใช่น้อย เพราะเมื่อก่อนรวินท์ไม่ใช่คนที่จะสังเกตอะไรแบบนี้ เธออ้าปากค้าง “วิน...”

ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้น เดินฉับๆ ไปทางคนที่นั่งอยู่ แล้วยื่นมือเข้าไปหา “สวัสดีครับ ผมกับขวัญคุยกันเสร็จแล้ว เราไปนั่งด้วยกันดีกว่ามั้ย”

“อ่า... เอ่อ...” ชายหนุ่มยกมือขึ้นดันแว่น ก่อนจะลุกขึ้นพรวดแล้วยื่นมือที่เย็นเฉียบไปสัมผัสกับรวินท์ “สวัสดีครับ”

“ไปเถอะ ผมอยากรู้จักคนรักของขวัญนะ” รวินท์ยิ้ม เขาโอบไหล่อีกฝ่ายแล้วพาเดินไปยังโต๊ะเดิมที่เขานั่ง จากนั้นก็หันไปเรียกพนักงานให้นำเก้าอี้มาเสริม พร้อมกับสั่งน้ำเพิ่มอีก

“แนะนำตัวสิ” ขวัญข้าวอมยิ้มพลางใช้ข้อศอกสะกิดคนรักของเธอ

“ผมชื่อสาโรจน์ครับ เอ่อ... เราเรียนมาด้วยกัน”

“เราเป็นเพื่อนในคณะเดียวกันมาก่อนน่ะ”

“ผมเพิ่งเคยเจอคุณรวินท์ใกล้ๆ โห... ตัวจริงหล่อกว่าที่เขาลือกันซะอีก” แพทย์หนุ่มพูดเสียงสั่น แล้วใบหน้าของเขาก็ซับสีเลือดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ไม่ต้องชมผมขนาดนั้นหรอก พูดแบบนี้เดี๋ยวขวัญเปลี่ยนใจนะเอ้า” ทันตแพทย์หนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “เรียกผมแค่วินก็พอ ไม่ต้องเรียกเต็มยศขนาดนั้นหรอกคุณโรจน์”

“ครับ” สาโรจน์พยักหน้ารัว

สาโรจน์เป็นผู้ชายหน้าตี๋ๆ ใส่แว่นตาหนาเตอะ หวีผมเรียบแปล้ ท่าทางเรียบร้อย ดูเป็นเด็กเรียนสุดๆ ถ้าหากใครๆ มองเข้ามา ก็คงไม่อยากเชื่อว่าขวัญข้าวทิ้งรวินท์ไปเพื่อคบกับเขา

หากทันตแพทย์หนุ่มเข้าใจดี ถ้าให้เดาสาโรจน์ก็คงเหมือนขวัญข้าวเมื่อครั้งที่แอบชอบเขาตอนอยู่ปีหนึ่ง คนคนนี้คงเป็นเพื่อนคอยเคียงข้าง คอยดูแลเธอในยามที่หมองเศร้า... ในยามที่เขาทำให้เธอเสียใจ

“เอ่อ ผมเพิ่งคบกับขวัญตอนเรียนจบนะครับ ผมตามเขาไปอินเทิร์นที่โรงพยาบาลเดียวกัน ไม่ได้...”

รวินท์พยักหน้า “ขอบคุณนะครับ ที่อยู่ข้างๆ ขวัญตลอด” ทั้งที่เขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับหน้าเสีย จ๋อยหนักขึ้นไปอีก เขาจึงเอื้อมมือไปตบไหล่เบาๆ “เฮ้ย! ทำไมทำหน้าเหมือนจะมาขอผ่อนผันหนี้ผมแบบนี้ล่ะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”

“คุณวิน...”

“รักขวัญให้มากๆ นะ ช่วยชดเชยที่ผมเคยทำให้เขาเสียใจด้วยนะครับ”

แพทย์หนุ่มยิ้มบาง “ทั้งชีวิตผม มีขวัญคนเดียวนี่ล่ะครับ เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผมแล้ว ผมจะรัก จะดูแลเขาให้ดีที่สุด ผมสัญญา”

นี่คงเป็นเหตุผลที่ขวัญข้าวเลือกสาโรจน์ มากกว่าผู้ชายที่มีดีแค่หน้าตาอย่างเขา

“วิน... รับนี่ไว้ได้มั้ย” หญิงสาวหยิบซองจดหมายสีชมพูขึ้นมาส่งให้ “ขวัญกับโรจน์อยากให้วินมานะ”

“อะไรอ่ะ ซองผ้าป่าเหรอ จะบวชหมู่รึไง”

“ทำไมเดี๋ยวนี้ปากจัด!”

รวินท์หัวเราะ เขารับซองนั้นมาเปิดออกดู กวาดสายตาอ่านข้อความไปอย่างคร่าวๆ อีกเดือนกว่าๆ ก็จะมีงานมงคลของขวัญข้าวและสาโรจน์ มาตอนนี้เขาชักจะอิจฉาขวัญข้าวกับคนรักของเธอซะแล้วสิ ความรักของพวกเขาผลิดอกออกผลแล้ว ในขณะที่ตัวเขา... แค่นึกถึงก็ร้อนวูบเหมือนยืนอยู่กลางทะเลทรายตามลำพัง

“ยินดีด้วยนะ ผมจะพยายามไป... เชียงราย? โอ้โห! ไกลโคตร!”

“ไกลอะไรน่ะ! นี่ก็เชียงใหม่แล้ว!”

“สถานที่แต่งก็อยู่ที่โรงพยาบาลที่ใช้ทุนน่ะครับ แล้วก็มีงานเลี้ยงใกล้ๆ ในพื้นที่ของโรงพยาบาลครับ”

“เออ ผมลืม ตกใจแรงไปหน่อย” รวินท์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ “เอาล่ะ งั้นวันนี้ผมกลับแล้วดีกว่า ขวัญกับคุณโรจน์จะได้พักผ่อนกัน” พอเขายืนขึ้น สาโรจน์ก็ลุกตามทันที

“ขอบคุณมากนะครับ” สาโรจน์เอื้อมมือไปจับมือรวินท์แล้วบีบเบาๆ พร้อมกับค้อมศีรษะลงเล็กน้อย สีหน้าเขาแสดงความรู้สึกที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาอย่างจริงใจ “ถ้าหากคุณวินมีอะไรให้ช่วย ติดต่อมาได้เสมอนะครับ”

“ครับ ขอบคุณครับ แล้วเจอกัน ฟันผุเมื่อไหร่ก็มาหาผม จะเลาะออกให้ฟรี” รวินท์พูดพลางขยิบตาให้

“หวา~” สาโรจน์ยิ้มแหยๆ

“ขวัญเดินไปส่งวินที่รถนะ” เธอหันไปบอกกับว่าที่สามี จากนั้นก็เดินเคียงข้างทันตแพทย์หนุ่มไปช้าๆ

“ที่จริงไม่ต้องส่งก็ได้”

“อยากไปส่ง”

“ระวังคุณโรจน์จะหึง”

“ไม่หรอก เขาเข้าใจดี” ขวัญข้าวยื่นมือออกไปแตะท่อนแขนของรวินท์อย่างแผ่วเบา “วิน... ถ้ามีอะไรให้ช่วย โทรมาหาขวัญได้เสมอนะ”

“ขวัญจะมีเวลารับโทรศัพท์ผมมั้ยเนี่ย”

“มีสิ” เธอยิ้มอย่างน่ารัก “ส่วนเรื่องวินกับเขาคนนั้นน่ะ ขวัญจะเอาใจช่วยนะ อยากให้วินมีความสุขบ้าง”

“ขอบใจ” เขาตบลงบนหลังมือเธอเบาๆ

พอเดินไปถึงที่รถแล้ว ก่อนจะบอกลา รวินท์ก็หยุดยืนนิ่ง บางสิ่งบางอย่างผุดขึ้นมาในความคิด สิ่งที่เขาสงสัย... ค้างคาใจ มานาน “ขวัญ ผมขอถามอะไรหน่อยสิ”

“อะไรเหรอ?”

“ขวัญรู้ได้ยังไงว่าผมไปไหนมาไหน ทำอะไรอยู่กับใคร รู้กระทั่งเรื่องผมมาทำคลินิกที่เชียงใหม่”

“เอ่อ...”

“ขวัญติดต่อกับเต้มาตลอดเลยใช่มั้ย”

“ใช่...ขวัญติดต่อกับเต้มาตลอด เพราะขวัญเป็นห่วงวิน” หญิงสาวตอบเสียงอ่อย

“เรื่องทั้งหมดตั้งแต่ตอนอยู่มหาลัย ไอ้เต้ก็เป็นคนบอกขวัญใช่รึเปล่า ที่ขวัญรู้ว่าผมนอกใจ ไปไหนมาไหนกับใคร...”

“วินอย่าโกรธเต้เลยนะ เขาหวังดี เพราะเต้ก็เป็นเพื่อนขวัญเหมือนกัน”

รวินท์ยิ้มบาง “นั่นสินะ” เขากุมมือเธอไว้แล้วบีบเบาๆ “กลับไปเถอะ แดดร้อนจะตาย แล้วก็รักษาตัวด้วยนะ”

“จ้ะ ขับรถกลับดีๆ ล่ะ”


*TBC*


พี่วินนิสัยไม่ดีนักใช่ม้ายยย นี่ๆ ฮัสกี้ลงโทษชุดใหญ่ซะเรย คราวนี้แก้ตัวซะนะ ไปง้อน้องให้ได้ล่ะ หุหิ

/เกียมตะกร้ามาเก็บเกือกของทุกคน

หลายๆ คนคิดถึงขวัญข้าวใช่ม้อย หมอขวัญมาเคลียร์แร้วน้าาา หมอออกจะน่ารัก พี่วินของเรานิสัยไม่ดีเองกิงๆ นั่นแหละ 55555555555 /พี่วินบอกหยุดซ้ำเติมได้แร้ว

ตอนหน้าเรามาเช็กอาการน้องพิงค์กันนะคะ น้องจะเป็นยังไงบ้างน้าาาา~ เกียมโอ๋น้องกันรัวๆ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าน้าาาา  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 22-02-2018 16:35:01
ถ้าพี่วินยังไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยตัวเอง คอยดู เราจะไม่ยกน้องพิงค์ให้ :katai1:
ตอนนี้รีบไปง้อน้องมันเลย อย่าให้ต้องบอก หึ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 22-02-2018 16:35:40
ในที่สุดหางก็โผล่แล้วหมอเต้ หึหึ น่ากลัวสุดๆ ก็ตรงนี้ละ เพื่อนกันแท้ๆ  :katai1:
สู้ๆ ค่ะหมอวิน ปรับปรุงตัว พิสูจน์ให้น้องเห็น แล้วจีบน้อง ง้อน้องให้สำเร็จนะค่ะ
 :L2:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-02-2018 16:43:29
ว่าแล้ววววววววว อีพี่วินรีบไปง้อน้องเลยนะ
ถ้าง้อไม่ได้จะขาคู่ใส่พี่วิน :m16: :m16: :m16:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-02-2018 16:50:10
สงสารหมอวินนะ แต่ก็นะเรื่องนิสัยมันไม่ใช่จะแก้กันได้ง่ายๆ เหรอ เราเข้าใจอย่างเรายังมีนิสัยเสียๆ ที่แก้ไม่ได้เหมือนกันเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 22-02-2018 16:51:47
รีบไปง้อพิงค์ด่วยเล้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 22-02-2018 16:54:03
หมอวินท์เอามือมาตีเดียวนี้ทำไมทำน้องพิงค์อกหักด้วย งอนแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 22-02-2018 17:05:27
ตะก่อนหมั่นใส้ขวัญมากกก พอเจอนางล่ะจะร้องไห้ตามหมอวินแม่งสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-02-2018 17:09:55
ใจนึงก็สมน้ำหน้าพี่วิน ใจนึงก็แอบสงสาร (แต่สงสารพิงค์มากกว่า :hao5:)
อดีตก็เคลียร์ไปแล้ว ปรับปรุงตัวแล้วเดินหน้าจีบน้องพิงค์โลด
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 22-02-2018 17:29:04


เฮ้อออออออออออออ   ว่าแล้ว พิง มาเห็น ภาพ บาดตาบาดใจ จนได้ :o12:

สุดท้าย หนุ่มๆๆ ก้อยอมรับ ความรุ้สึกที่มีต่อกันแล้วสินะ :กอด1:

พี่หมอวิน ต้อง ไฟท์หนักๆๆๆ เพื่อน้องพิงนะ :hao5:


ขอบคุณ หมอขวัญ ที่กลับมาเคลียร์ ความรุ้สึกค้างคาใจ ของพี่หมอ .....ทำให้พี่หมอพร้อมปรับตัว และยอมรับว่ารัก น้องวิน แล้วใช่มั้ยยย...อะ

 อ้อ  ชอบๆๆ ที่ หมอขวัญ พาหนุ่มหน้าตี๋ ธรรมดาๆๆ มาแจกการ์ดงานแต่ง   มีกิมมิค ตรงนี้  ......คนที่รัก เรา ย่อมเข้าใจเราดีกว่าเสมอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 22-02-2018 17:54:12
โกรธอีพี่วินแทนน้องพิงค์  :m16: แล้วก็ยังสงสัยหมอเต้ด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-02-2018 18:12:08
สงสารน้องพิงค์เจ็บมาหลายครั้งแล้วกับความขี้อ่อยความใจง่ายของหมอวินเนี่ย ตามไปง้อน้องเดี่ยวนี๋ แล้วหมอเต้นี่ตัวมารตั้งแต่ตอนขวัญเลยหรอ นิสัยแย่โคตร เมื่อไหร่จะหายไปจากเรื่องนี้สักที ไปๆๆชิ่วๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 22-02-2018 18:14:13
เฮ้อหมออออ
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 22-02-2018 18:47:23
ยัยออยอะไรนั่น หมอเต้ส่งมาแล้วหรือเปล่า
แล้วแอบโทรไปให้พิงค์มาเจอ

อย่าบอกนะ ว่าแอบชอบวินเลยทำแบบนี้มาตลอด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-02-2018 18:50:07
       รักขวัญข้าวค่ะนางเป็นผู้หญิงที่น่ารักนะ
มีความอ่อนโยนแต่ก็เด็ดขาดไม่งั้นคงไม่เลิกกับหมอวิน
แต่ยังไงตอนนี้คงขี้อ่อยแบบหมอวินเจองานช้างไปละ
สู้ๆนะค่ะง้อน้องให้สำเร็จนะค่ะ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 22-02-2018 18:55:51
หมอวินนะหมอวิน..... :เฮ้อ:

สงสารพิงค์ :mew2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-02-2018 19:36:27
รีบๆไปง้อนน้องนะหมอวิน สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-02-2018 19:47:07
ถ้าพี่วินไม่ง้อน้องก่อนนะ เราจะได้เห็นดีกัน !!  :m31:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 22-02-2018 19:53:45
สม!! ชิส์! หนูพิงค์มาซบอกเรามา พร้อมเปย์มาก ไม่เจ้าชู้ ไม่หวั่นไหว ไม่หน้าหม้อ ไม่อ่อยเรี่ยราด มีสติยับยั้งช่างใจ และที่สำคัญรู้แยกแยะว่าใครสำคัญ  :z2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: fronkdefroy ที่ 22-02-2018 19:59:19
ขอม่าให้พี่วินอีกซักชามได้ไหมคะ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 22-02-2018 20:09:59
หมอขวัญข้าวน่ารักอ่ะ พอได้รู้งี้ทำให้พี่วินรู้ตัวมากขึ้นเราเอาใจช่วยให้พี่วินง้อน้องพิงค์สำเร็จนะ!!
นี่เริ่มคิดแล้วอ่ะว่าหมอเต้วางแผนอะไรรึป่าวเหมือนกันให้ทุกคนออกไปจากชีวิตวิน หมอเต้ชอบวินแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 22-02-2018 20:27:01
พิงค์สงบสติอารมณ์ได้ก็น่าจะมีเหตุผลมากพอ คิดว่าตอนนี้น่าจะแต่หึง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 22-02-2018 21:17:09
ใจแข็งให้ได้ตลอดเน้ออออออ  เราเข้าข้างพี่หมอวินนนน  แซนดี้ช่วยต้องปั่นนะ :hao3: :hao3:

แต่ปากพี่วินแกจัดขึ้นมากจริงนะ 5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-02-2018 21:18:26
หมดกันพี่วิน น้องพิงค์มันเสียใจแน่ๆ
เจอพี่สภาพแบบนี้ 
ขวัญไม่ค่อยมีไรหรอก คนที่ร้ายสุดน่าจะเป็นพี่เต้
เดาว่าน่าจะตั้งแต่ตอนพี่วินเป็นแฟนกะขวัญแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-02-2018 21:19:14
 :เฮ้อ:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 22-02-2018 21:23:16
พี่วินนี่ เป็นคาแรกเตอร์สายโดนสปอยจนคิดอะไรเองไม่ได้สินะ คือตั้งแต่เริ่มเรื่องนี่ต้องให้คนอื่นคอยบอกตลอดอ่ะ เริ่มสงสารพิงค์แล้วถ้าต้องมาคบกับพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 22-02-2018 21:23:39
ขวัญข้าวน่ารักจัง พี่โรจน์ก็แสนดี เหมาะสมกันมาก ๆ
เคยคิดอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ที่ขวัญข้าวรู้เรื่องที่พี่วินนอกใจ พี่เต้เกี่ยวด้วยไหม
สรุป พี่เต้รักพี่วิน แต่ถ้าบอกก็กลัวจะเสียพี่วินไป แต่ก็ไม่ยอมยกพี่วินให้ใคร ใช่ไหม
ส่วนเรื่องน้องพิงค์ พี่วินต้องเอาความจริงใจเข้าสู้นะคะ ต้องพิสูจน์ตัวเองให้น้องพิงค์รู้นะ
แต่เราก็ขอให้น้องพิงค์ ดัดนิสัยพี่วินอีกสักระยะ อย่าเพิ่งยกโทษให้ง่าย ๆ นะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-02-2018 21:39:03
แล้วก็ป๊ะกันจริงๆ.......
แล้วก็พัง...... :z3: :z3: :z3:

เต้ สองหน้า เพื่อตัวเอง   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ขวัญ วิน จากกันแบบมิตร

วิน รีบง้อพิงค์ไวๆเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-02-2018 22:00:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-02-2018 22:07:37
ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ก็จะไม่รู้ใจตัวเองสินะพี่หมอ
สงสารพิงค์คงช็อคและต้องการเวลาทำใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 22-02-2018 22:09:00
ชอบโรจน์แฟนขวัญอ่า ชอบลุคเนิ้ดๆเรียบร้อยๆ 55
เอาใจช่วยพี่วินนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-02-2018 22:15:05
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 22-02-2018 22:22:39
หมอเดียวจับตอนซะให้เข็จ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-02-2018 22:24:32
ทำน้องโกรธขึ้นมา ที่นี้รุ้ใจตัวเองขึ้นมาเชียวนะ
จะสงสารรึสมน้ำหน้าดีเนี่ยะ จะไปง้อเค้าก็ดันป๊อดอีก โว๊ย อิพี่หมอ
สุดท้ายก็ได้เคลียร์กับขวัญจบลงดีไม่มีค้างคา
ตกลงหมอเต้แอบรักวินแน่ๆ ทำแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 22-02-2018 22:29:36
โอ๊ย พฤหัสหน้าเลยได้ไหม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 22-02-2018 22:35:49
หมอรีบเคลียตัวเองแล้วมาดูใจน้องเร็วววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 23-02-2018 00:03:58
ตอนที่แล้วรู้สึกจะหนักหน่วงจนไปไม่ถูก  ปวดใจเหลือเกิน  แต่พอมาเจอขวัญข้าวที่ดูจะสอนบทเรียนอะไรเยอะแยะแล้วความหนักอึ้งก็เริ่มคลายลง  ดีใจอ่ะ  หวังว่าพี่วินจะง้อน้องสำเร็จนะคะ


ปล. ได้โปรดให้โอกาสคนหล่ออีกสักครั้งนะภูพิงค์ (คุกเข่าขอร้องเป็นเพื่อนพี่หมอ  :z6:)


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 23-02-2018 00:17:11
พิงค์ต้องเสียใจเรื่องพี่หมอมากแน่ๆ แต่ก็ต้องขอบคุณเหตุการณ์นี้
เพราะน่าจะทำให้ทั้ง 2 คนรู้ใจตัวเองดีมากยิ่งขึ้น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: namchok ที่ 23-02-2018 01:11:07
พี่หมอครับ รีบๆไปง้อเลยนะครับ :m16: :m31:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-02-2018 02:31:27
ขวัญดูเป็นผญปกติที่แบบคนดีอะ รู้เลยอิพี่วินอะเลววววววเอง
เนี่ยทำน้องเสียใจขนาดนี้ ไม่ยกน้องให้แล้วว
น้องพิงค์ของเราา เราจะปลอบน้องเองงง
เคืองงพี่วินนแล้ววว ไปปรับปรุงตัวเลยนะ!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-02-2018 07:16:21
สมควรโดน พี่วินโคตรเจ้าชู้อ่ะ อ่อยไปทั่วไปเรื่อยไม่พอยังทำเรี่ยราดแบบนี้อีก โอยยยย งอนนานๆ เลยน้องพิ้งค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 23-02-2018 09:21:04
เต้ชอบหมอวิน รึป่าวเนี่ยยยยย

ส่วนเจ้าของเรื่องสะเทือนขวัญ กรุณาตั้งสติ และไปง้อน้องด่วน !!!!

ลด ละ เลิก อ่อยไปทั่ว น้องมันไม่ปลื้มมมม #ทีมพิงค์(ตอนนี้)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 23-02-2018 09:26:48
นึกว่าจะเจอเพื้อนรักหักเหลี่ยมโหดแล้วอะ แต่รู้สึกได้ว่าเต้ชอบวิน ยังไงวินก็รีบง้อพิงค์ละ อย่าปล่อยให้หลุดมือนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-02-2018 11:13:00
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-02-2018 11:14:37
ตัองตีอีพี่หมอเนี่ย นิสัย!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 23-02-2018 11:46:29
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 23-02-2018 13:34:40
หมอขวัญน่ารัก แต่หมอวินน่าตี รีบไปง้อน้องพิงค์เร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 23-02-2018 19:56:33
พี่วินไม่น่าเลย โธ่ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 23-02-2018 22:39:37
ขอให้พิงค์งอนนานๆเลย หมอวินทำอะไรไม่รู้จักคิด น่าตี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 23-02-2018 22:41:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-02-2018 22:53:27
ตามง้อพิงค์เลยพี่วิน น้องเจ็บ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Namnamboy ที่ 23-02-2018 23:57:17
ขอบคุณค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-02-2018 10:59:21
เต้คะเต้ หวังเคลมแบบนี้ ไม่โอเคนะ มาเหนือไปอีก

พังมากค่ะ สงสารภูพิงค์ หอบของหอบใจมาไกล
เจอช็อตนี้ไป ถึงกับยอมตัดใจ

วินท์คะ พลาดเองนะ รีบเคลียร์เลย
วินท์ต้องขอบคุณขวัญนะ รักเก่าที่ยังหวังดีน่ะ



หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 24-02-2018 18:40:37
 :m16: โมโหแทนพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-02-2018 21:38:16
 ได้รู้อดีตจากหมอขวัญ รักหมอขวัญจัง หนูภูพิงค์ ตัดใจเถอะนะ พี่หมอของหนู คงปรับปรุงนิสัยขี้อ่อยไม้ได้แล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-02-2018 21:52:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 25-02-2018 16:45:34
คนแบบพี่หมอนี่เปลี่ยนยาก

แต่ใช่ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าพิงค์ทำให้พี่หมอเปลี่ยนได้

ก็หวังเป็นคนสุดท้ายของพี่หมอได้เลย (ก็แน่ซิยะ เรื่องนี้พระนายเค้าก็ต้องคู่กันอยู่แล้ว 55)

เอาเป็นว่า เชียร์ทั้งคู่เลยน้าาาาา ง้อพิงค์ให้ได้นะพี่หมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 27-02-2018 07:55:07
วินทำกับน้องแบบนี้ไงงงงงงง

ไปง้อเลยนะ ปรับปรุงตัวด้วย เฮ้อ!!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-02-2018 10:27:48
จะโทษพี่วินก็ไม่ถูก  ภิงค์ไม่ไม่ได้ชัดเจนอะไร พี่หมอก็เศร้าคิดว่าตัวเองคิดไปคนเดียว
ถึงแม้การกระทำจะไปทางนั้น แต่ไม่มีใครอย่างคิดไปคนเดียวหรอก อย่างน้อยพี่หมอก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีแล้ว มีสติคิดได้ พี่หมอเก่งมาก o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 27-02-2018 20:30:08


Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด


“ไอ้พิงค์ ไปแดกข้าวกัน” แซนดี้เคาะประตูห้องเบาๆ แบบที่เรียกว่ากลัวคนข้างในจะได้ยิน เบื้องหลังของเขามีเพื่อนอีกสามคนยืนเบียดกันอยู่

ขิง ซันและดิวไม่กล้าถามว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างไอ้พิงค์เพื่อนของพวกเขากับพี่หมอในวันนั้น และอีกฝ่ายก็ไม่เอ่ยปากพูดถึงเลยเสียด้วย ภูพิงค์ทำตัวเป็นปกติเกือบทุกอย่าง ยกเว้นก็แต่มันไม่ค่อยร่าเริงและสุงสิงกับพวกเขาเหมือนเคย พอกลับจากมหาวิทยาลัยก็เดินขึ้นห้อง ถึงเวลากินข้าวมันก็ลงมากินแล้วกลับขึ้นไปใหม่ ซันเล่าว่าขนาดนอนห้องเดียวกัน ไอ้พิงค์ยังไม่คุยกับเขาเลย มันเอาแต่นอนอ่านหนังสือเรียน ทำแบบฝึกหัดไปเรื่อยๆ จนกระดาษกองท่วมหัว

นี่แหละที่ประหลาดสุด! ปกติแล้วพวกเขาจะนั่งติวด้วยกันสี่คนเสมอ หรือไม่ก็ไปสุมหัวติวกับเพื่อนในคณะ มักจะอ่านไปบ่นไปโวยวายด้วยกันไป ไอ้พิงค์มันจะไม่ปลีกวิเวกมานั่งอ่านหนังสือคนเดียวเงียบๆ แบบนี้

“คนอื่นเขาระบายความเครียดกันด้วยการเล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง เป็นติ่ง แต่ไอ้ห่าพิงค์นี่... มันระบายความเครียดด้วยการทำแบบฝึกหัดเหรอวะเนี่ย อะเมซซิ่ง” สี่หนุ่มซุบซิบกัน

สักพักประตูห้องก็เปิดออก “ยืนสุมหัวทำห่าไรกันวะ”

“พวกกูจะชวนมึงออกไปกินหมูกระทะว่ะ เดี๋ยวเอารถกูไป” แซนดี้ยิ้มกว้างรับ

“เออ ไปก็ไป” ภูพิงค์ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขานั่งทำแบบฝึกหัดแบบไม่หยุดเลยมาสองชั่วโมงแล้ว ระบายความอึดอัดไปได้เยอะ ตอนนี้จึงอารมณ์ดีขึ้นบ้าง

แต่ตลอดทางที่ไปกิน จนกระทั่งกลับมาที่บ้านเช่าอีกครั้งในตอนค่ำๆ เด็กหนุ่มก็แทบไม่ได้เปิดปากคุยกับใครเลย เขามักจะมองเหม่อไปทางอื่นอยู่ตลอดเวลา

พอถึงบ้านเช่าเขาก็เดินแยกขึ้นห้องไปอย่างเคย

ภูพิงค์หยิบแล็ปท็อปมากดเปิด พอเปิดเฟซบุ๊กเท่านั้นก็เห็นข้อความส่งมาถึงตนมากมาย เขากดดูไปแบบเซ็งๆ จนไปเห็นข้อความหนึ่งที่ส่งมาพร้อมกับรูปหลายรูปเข้า

‘ไอ้พิงค์ เจอพี่หมอของมึงกับใครไม่รู้’

เขากดปิดไปทันที พยายามจะไม่ใส่ใจ ทว่าก็อดใจไม่ได้นาน สักพักก็เปิดขึ้นมาดูใหม่

“กูต้องเป็นมาโซฯ แน่ๆ” ภูพิงค์บ่นกับตัวเอง จากนั้นก็กดดูภาพ พี่วินอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่คนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยซึ่งเขาพบในห้องของอีกฝ่าย ดูท่าทางสวีตกันมากๆ นั่งจับมือกันในร้านอาหาร เดินควงแขนกัน สถานที่คือโรงแรม ในอกของเด็กหนุ่มเจ็บหน่วงราวกับถูกคมมีดแทงซ้ำลงไปที่แผลเก่า เขาถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “มีความสุขดีก็ดีแล้ว”

ไม่ต้องมีเขาอยู่ใกล้ๆ พี่วินก็หัวเราะได้ “เจ็บฉิบหาย”

สีหน้าตกใจของพี่วินในวันนั้น ก็แค่เพราะถูกขัดจังหวะเท่านั้นเอง อย่าสำคัญตัวผิดเลยไอ้พิงค์เอ๊ย ดูเอาเหอะ แค่ไม่กี่วันพี่วินแม่งก็ควงสาวคนใหม่ไปจิ๊จ๊ะที่โรงแรมแล้ว ไม่คิดแม้แต่จะโทรมาหาเขาสักครั้งเลยด้วยซ้ำ เขาคงไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาอีกฝ่าย
พี่วินตอนที่อยู่ลำพูน ก็คงเป็นพี่วินคนเดิมเหมือนที่ผ่านมานั่นแหละ เขามันโง่เองที่คิดว่าระหว่างพวกเขามีความรู้สึกพิเศษให้กัน ทั้งที่พี่วินอาจจะทำตัวเช่นนี้กับทุกคน


“ผมมีบทเรียนจากอดีตแล้วนะ ผมจะปรับปรุงตัว” คำพูดของรวินท์แวบเข้ามาในความคิด


“โกหกทั้งเพ กูหนอ~ ไม่น่าหลงเชื่อเลยแม่ง!”

เด็กหนุ่มวางแล็ปท็อปลงข้างตัว พร้อมกับเอนหลังลงนอนแล้วยกมือขึ้นกุมใบหน้า

“ทำไมกูยังตัดใจไม่ได้สักทีวะ ทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ เห็นชัดๆ จะๆ มาก็หลายทีแล้ว แม่ง... ชอบเจ็บๆ เหรอไอ้เหี้ย”

ใช่... เขาคงอยากเจ็บมากขนาดที่ไปโรงพยาบาลทันตกรรมของคณะทันตแพทย์มาเรียบร้อย และก็มีนัดผ่าฟันคุดแล้วด้วย เป็นประสบการณ์ที่บ้าบิ่นที่สุดในชีวิตสำหรับคนที่กลัวหมอฟันที่สุดแบบเขา แต่ก็สะใจดี ไอ้ตอนแรกเขาก็จะไปทำกับนักศึกษาทันตแพทย์ตามที่พี่วินแนะนำอยู่หรอกนะ แต่เขาไม่อยากรอ อยากเจ็บตัวไวๆ อยากเจ็บให้เยอะๆ เจ็บซะให้พอ

ภูพิงค์ปิดตาลงแล้วนอนนิ่งอยู่สักพักใหญ่ แต่ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาก็มีค่าเท่ากัน เขายังคงนึกถึงแต่พี่วินตลอด สุดท้ายแล้วก็ลุกขึ้นควานหาแบบฝึกหัดมาทำอีก เพราะนี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาหยุดคิดถึงอีกฝ่ายไปได้บ้าง


วันเสาร์วนเวียนมาถึงอีกครั้ง ภูพิงค์นั่งหมดแรงอยู่ในห้องของตัวเอง ที่ข้างตัวมีผ้าก็อซชุ่มเลือดและน้ำลายวางอยู่ มือข้างหนึ่งถือถุงประคบเย็นประกบไว้ที่แก้ม ศีรษะตื้อไปหมด จำอะไรที่ทันตแพทย์บอกก็ไม่ได้ จำได้แค่ประโยคแรกที่ว่ากลับมาถึงบ้านให้ประคบเย็นๆ ที่แก้มเนี่ยแหละ เขาเพิ่งไปผ่าฟันคุดมาเมื่อเช้าหลังจากที่กังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืน โดนทันตแพทย์จับโยกเสียจนคอแทบหัก ตอนนี้ก็ยังคอเคล็ดๆ อยู่ เอาจริงๆ วินาทีนั้นนึกว่าจะไม่รอดแล้ว เลือดก็ออกเยอะมากเสียจนเขาสงสัยว่าในตัวเขายังมีเลือดเหลืออยู่บ้างไหม แถมตลอดเวลาที่นอนอยู่บนเก้าอี้ทำฟันยังรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของไอ้พี่วินดังมาแว่วๆ ด้วย พอกลับมาถึงห้อง ยาชาหมดฤทธิ์ก็มานั่งเจ็บปากหมดสภาพอยู่แบบนี้นี่ล่ะ

แม่ง ทำไมไอ้พี่วินยังตามมาหลอนกันอยู่ได้ เวลาที่ห่างกันไป ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวด ความหงุดหงิดงุ่นง่าน และความคิดถึงของเขาเบาบางลงไปเลย

แล้วไงล่ะ... อาการปวดปากไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความมาโซคิสต์ของเด็กหนุ่ม เขานั่งสตอล์คเฟซบุ๊กของรวินท์ต่อ จะได้เจ็บปวดเสียให้พอ เผื่อว่าเจ็บมากๆ แล้วจะได้ตัดใจได้เสียที

เฟซบุ๊กของรวินท์ไม่มีการอัปเดตใดๆ นอกจากเพิ่มเพื่อนใหม่สองคนเมื่อหลายวันก่อน คนหนึ่งก็คือหญิงสาวที่เขาเห็นในภาพกับพี่วินเมื่อวันก่อน

หือ...

“ขวัญข้าว?” เด็กหนุ่มกดตามชื่อเข้าไปดูในโพรไฟล์ของเธอทันที แล้วก็เปรียบเทียบรูปของเธอกับรูปที่เคยมีคนส่งมาให้ดู ในแฟ้มรูปมีรูปที่นั่งกันอยู่สามคนเสียด้วย สรุปวันนั้นพวกเขาไปกันสามคนอย่างนั้นเหรอ? “นี่คือพี่ขวัญข้าวของพี่วินเหรอเนี่ย”

ผิดจากที่คิดไว้มากโข เธอดูเป็นผู้หญิงแนวใสๆ หวานๆ น่ารักบ้องแบ๊ว แต่ที่แน่ๆ ผู้ชายอีกคนในรูป คือแฟนของเธอชัวร์ๆ

โอ้โห... แฟนเก่ากับแฟนใหม่ตรงข้ามกันแบบฟ้ากับนรกเลยเถอะ แต่ที่นรกน่ะ พี่วินนะ

ด้วยความเสือกที่มีอยู่ใน DNA ภูพิงค์จึงเลื่อนลงไปดูไทม์ไลน์ของเธอที่เปิดเป็นสาธารณะไว้ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก มีโพสต์รูปปกนิตยสารทางการแพทย์ภาษาอังกฤษที่เธอสนใจ แชร์เคสศึกษาต่างๆ จากแพทย์นานาชาติ สลับกับโพสต์รูปโรงพยาบาล รอบๆ โรงพยาบาล เด็กๆ แล้วก็แฟนบ้าง ไลฟ์สไตล์จริงจังต่างกับพี่วินแบบโคตรๆ

แวบหนึ่งเด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย ที่ผู้หญิงที่ควงแขนพี่วินเป็นพี่ขวัญข้าวแฟนเก่า ไม่ใช่ผู้หญิงคนใหม่อย่างที่เขาคิดในตอนแรก

แต่จะว่าไปเขาก็นึกทึ่งพี่วินเหมือนกันแฮะ ทั้งที่ตอนอกหักร้องไห้จะเป็นจะตาย แต่กลับยอมไปพบกับเธอและแฟนใหม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบนั้น เวลายังผ่านไปไม่นานเลยแท้ๆ

ภูพิงค์ถอนหายใจเฮือกใหญ่

ก็คงเพราะนิสัยไม่จริงจังอะไรกับใครจริงๆ นั่นล่ะมั้ง นึกถึงแล้วก็เจ็บดีฉิบหาย

“โอย... กูหนอ..” เขายกมือขึ้นทุบศีรษะตัวเองรัวๆ

สักพักเด็กหนุ่มก็เงยหน้าขึ้น กดกลับไปที่หน้าไทม์ไลน์ของรวินท์ แล้วก็พบว่ามีคนพร้อมใจกันแท็กอีกฝ่ายเรียงเป็นตับ ชนิด ที่เขารีเฟรชเสือกได้แบบเรียลไทม์

“เกิดอะไรขึ้นวะ”

พอกดรูปขึ้นมาดู ก็พบว่าสิ่งที่อยู่ในรูปนั้นคือการ์ดแต่งงานของขวัญข้าว

ข้อความของแต่ละคนที่แนบมากับรูปช่างร้ายกาจ ต่อว่าเหน็บแนมขวัญข้าวและว่าที่สามีของเธอด้วยถ้อยคำแรงๆ แล้วยังเอาว่าที่สามีของเธอไปเปรียบเทียบกับพี่วินด้วยสารพัด

น่าสงสาร... บางคนถึงกับต่อว่าไปถึงรูปร่างหน้าตา เขาคิดว่ามันแรงเกินไป

พี่วินจะทำยังไงนะ ป่านนี้จะรู้ตัวหรือยังว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่บอกว่ารักนักหนา


เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ภูพิงค์จึงรีบปิดหน้าจอแล็ปท็อปลง “เข้ามาดิ ทำไมต้องเคาะด้วยวะ”

“เผื่อมึงชักธงอยู่ จะได้ไม่ค้าง” แซนดี้เปิดประตูผาง เดินเข้ามาพร้อมชามใส่โจ๊ก “เอ้า แดก กูเอามาบริการถึงห้องเลยนะ เห็นว่ามึงเพิ่งผ่าฟันมา อาจจะเดินไม่ไหว แดกอะไรลำบาก นี่กูบอกคนขายขอโจ๊กแบบแหลกๆ สุดเพื่อมึงเลยนะเว้ย”

“เออๆ ขอบใจ” เขารับชามโจ๊กมาถือไว้ ใจไม่อยากกินแต่ท้องร้องจ๊อกๆ เขาจึงจำใจต้องตักโจ๊กขึ้นมาชิม หากอีกฝ่ายยังละล้าละลังอยู่ในห้อง “มีอะไรจะพูดก็พูด นั่งดิ ปิดประตูด้วย”

“กูจะเสียหายมั้ยอะ ปิดประตูอยู่กับผู้ชายสองต่อสองในห้องนอนเนี่ย”

“มึงยังเหลืออะไรให้เสียหายอีกเหรอ คิดว่ากูอยากแกว่งจู๋ในถ้ำที่รถไฟเหาะเข้าไปตีลังกาได้หรือไง”

“อีเหี้ย~ ปากแบบนี้ไม่เป็นไรมากแล้วดิ” แซนดี้เตะขาอีกฝ่ายไปที ทั้งที่ในใจอยากจะเตะปากมันให้สลบแล้วลากไปให้หมอเย็บปาก จากนั้นจึงทิ้งตัวลงนั่ง “มึงแดกไปก่อน”

“แดกไปคุยไปก็ได้” ภูพิงค์พูดพลางตักโจ๊กใส่ปาก เขาก็รู้อยู่แก่ใจแหละว่าเพื่อนๆ เป็นห่วง และต้องการจะคุยอะไรกับเขา “ไอ้พวกนั้นไม่มาด้วยล่ะ”

“แม่งปอดแหกไง เลยส่งกูมาเป็นทัพหน้า”

เด็กหนุ่มถอนหายใจหนักๆ แล้วกินโจ๊กต่อ

“กูนึกไม่ถึงเลยว่าชาตินี้มึงจะไปผ่าฟันคุดด้วยตัวเองแบบแมนๆ เหี้ยๆ แถมไม่ได้เรียกพวกกูให้ไปเป็นกำลังใจให้อีก ถ้ามึงไม่ได้เดินหน้าซีดถือถุงประคบเย็นกุมปากกลับมาเนี่ย พวกกูก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงไปผ่าฟันมา”

ภูพิงค์พยักหน้าช้าๆ “อือ กูอยากเจ็บไง ที่เจ็บอยู่ตอนนี้แม่งไม่พอ”

แซนดี้สะอึก พูดต่อไม่ออกเลยทีนี้

“จะคุยอะไร ไม่คุยแล้วรึไง”

“เอ่อ... มึงมีอะไรกับพี่หมอ...วะ” แซนดี้ถามเสียงอ่อย พยายามพูดให้เสียงเบากว่าเสียงกลืนโจ๊กของอีกฝ่าย เผื่อแม่งจะไม่ได้ยิน

“ไม่มี”

อ้าว เสือกได้ยินอีก! “อือ โอเค” แซนดี้ลุกขึ้นพรวด ไม่ถงไม่ถามแม่งแล้ว

กูต้องรีบชิงหนีก่อนที่ไอ้เพื่อนเวรมันจะแดกหัวกูแทนโจ๊ก!

“เดี๋ยว!”

“จะให้รอเอาชามไปเก็บเหรอจ๊ะพ่อ”

“เออ นั่งรอก่อน”

แซนดี้นั่งลงพับเพียบเรียบร้อยทันที เขาชำเลืองมองเพื่อนละเลียดกินโจ๊กไปเรื่อยๆ แล้วทอดถอนใจ “ไอ้พิงค์ พวกกูเป็นเพื่อนมึงนะ มีปัญหาอะไรก็ปรึกษากันได้”

“ขอบใจ”

เสียงของภูพิงค์อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย ทำให้แซนดี้พอมีความกล้าขึ้นบ้าง เขาจึงลองถามใหม่ “มึงโกรธอะไรพี่หมอเหรอ วันนั้นมีเรื่องอะไร”

เด็กหนุ่มชะงักกึก เงยหน้าขึ้นมองคนพูดทันที

“ว้าย! กูขอโทษค่า! กูไม่ถามแล้ว!”

“กู... มีสิทธิ์ไปโกรธอะไรพี่เขาด้วยเหรอ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

ว้าย! มีดึงดราม่าด้วยเว้ย! แซนดี้อุทานในใจ “เอ้า ไอ้ห้าปึ้ด ทำไมจะไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็อย่างน้อย... ตอนนี้มึงกับพี่เขาก็เป็นเพื่อนกันไง เพื่อนกันทำไมจะโกรธกันไม่ได้วะ”

“นั่นสินะ” ภูพิงค์ทำหน้าเศร้า

แซนดี้จ้องมองท่าทีของเพื่อนรัก แล้วค่อยๆ ตะล่อมถามต่อ “แต่ที่มึงเป็นแบบนี้ เพราะมึงไม่ได้คิดกับพี่หมอแค่เพื่อนใช่มั้ย”

คนถูกถามเบือนหน้าหลบสายตาอีกฝ่าย “.....”

“กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้าคิดจะคบกับพี่หมอมึงต้องอดทนให้มากๆ”

“กูต้องอดทนขนาดไหนวะ มันเจ็บว่ะมึง นิสัยพี่เขาตรงข้ามกับกูแทบทุกอย่าง แล้วพี่เขาก็ไม่เป็นอย่างที่กูหวังอยากให้เขาเป็น มึงเข้าใจกูไหม” ภูพิงค์ยกมือขึ้นขยี้เส้นผมตนเองเบาๆ “แต่ที่จริงเขาจะเป็นยังไงมันก็เป็นสิทธิของเขานั่นล่ะ”

“แต่กูว่านะ มึงอยากให้พี่เขาเป็นยังไง มึงก็ควรจะไปคุยกับพี่เขาให้เข้าใจมั้ยวะ บอกพี่เขาไปสิว่ามึงไม่พอใจอะไร โกรธอะไร ดีกว่ามานั่งดราม่าอยู่แบบนี้”

กูเคยพูดแล้ว และพี่เขาก็บอกว่าจะปรับปรุงตัวด้วย แต่นั่นเป็นคำโกหกทั้งนั้น อีแซนดี้เอ๊ย เพื่อนมึงก็โง่หลงเชื่อไง หลงมีหวัง คิดเข้าข้างตัวเอง ถึงได้มานั่งเจ็บเจียนตายอยู่แบบนี้

เด็กหนุ่มตอบอีกฝ่ายอยู่ในใจเท่านั้น เพราะถ้าเอ่ยปากพูดไปก็กลัวว่าจะทำให้พี่วินดูไม่ดีในสายตาคนอื่น เขานั่งนิ่งเป็นรูปปั้นหิน สายตาทอดมองไปทางบานหน้าต่าง

“ไอ้พิงค์... ไปคุยกับพี่หมอเหอะนะ เชื่อกู พี่เขาอาจจะรอมึงอยู่ก็ได้นะเว้ย”

เจ้าของชื่อเรียกส่ายหน้าไปมาช้าๆ

อีแซนดี้เอ๊ย เพื่อนมึงไม่ได้มีความสำคัญอะไรในสายตาของพี่วินเลย ขาดกูไปพี่เขาก็ยังมีคนอีกมากมายรายล้อม กูจะไม่ชอบใจ ไม่พอใจอะไร เจ็บจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแค่ไหน พี่เขาก็ไม่สนใจหรอก

เขาไม่ได้พบกับพี่วินมาจะสองสัปดาห์แล้ว ไม่ได้คุยโทรศัพท์ ไม่มีการส่งข้อความใดๆ ถึงกัน ไม่ได้ติดต่อกันเลย พวกเขาก้าวออกห่างจากกันไปทุกที แบบนี้คงจะไม่มีโอกาสกลับไปเป็นเหมือนอย่างเดิมได้อีกแล้ว

แซนดี้เห็นภูพิงค์เงียบไปนาน จะตื๊อต่อก็ไม่กล้า “เอ่อ งั้น... กูไปดีกว่านะ เดี๋ยวให้ไอ้ซันเอาน้ำมาให้ อยากแดกน้ำไร”

“เอาน้ำเปล่าอุ่นๆ ได้มั้ยวะ”

“ได้ๆ แต่กูว่าหน้ามึงแดงๆ แปลกๆ ว่ะ นั่งพักไปก่อนนะ”

“เออๆ ขอบใจเว้ย”

เมื่ออีกฝ่ายลุกออกจากห้องไปได้สักพัก ภูพิงค์ก็หันไปเปิดแล็ปท็อปขึ้นมาดูอีกครั้ง พอกดรีเฟรชเท่านั้นก็เห็นสเตตัสใหม่ล่าสุดของรวินท์ หัวใจเขาเต้นสั่นรัว

รวินท์โพสต์รูปถ่ายตัวเองกับการ์ดแต่งงานของขวัญข้าว ใบหน้ายิ้มแย้ม รอยยิ้มแบบที่เด็กหนุ่มคิดว่าน่ารักที่สุด

“พี่วิน...”


ข้อความของทันตแพทย์หนุ่มเขียนไว้ว่า ‘ขอบคุณทุกคนที่แท็กมา แต่ผมรู้ก่อนพวกคุณอีกนะ แล้วก็ได้รับการ์ดจากพวกเขาด้วยตัวเองด้วย ผมกับขวัญเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว คุณโรจน์เป็นคนที่โชคดี ได้รับหน้าที่ดูแลเขา ผมดีใจกับพวกเขาทั้งสองคนอย่างจริงใจ และสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะบอกกับทุกคน ใครก็ตามที่โพสต์ข้อความไม่ให้เกียรติขวัญกับคุณโรจน์ ผมจะไม่นับคุณเป็นเพื่อนอีก ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่าสำหรับผมแล้ว ความรู้สึกของขวัญและคุณโรจน์สำคัญที่สุด’


“โอ้โห!” ภูพิงค์แทบจะยืนขึ้นตบมือ พี่วินออกมาปกป้องแฟนเก่ากับว่าที่สามีของเธอ เขานึกไม่ถึงจริงๆ นะ ว่าคนที่ไม่เคยสนหินสนแดดใดๆ อย่างพี่วิน จะทำอะไรเพื่อคนอื่น... คนที่เคยรัก ขนาดนี้ เขาเข้าใจพี่วินผิดไปจริงๆ

คิดแล้วอิจฉาพี่ขวัญข้าวชะมัด

ถึงพี่วินจะทำตัวแย่ นอกใจพี่ขวัญข้าว แต่เธอก็ยังเป็นที่หนึ่งในใจของพี่วินเสมอ แม้กระทั่งตอนนี้ ทั้งที่เธอก็มีคนใหม่ไปแล้ว

เขายังจำใบหน้าเศร้ากับน้ำตาของพี่วินในคืนนั้นได้ชัดเจน

เมื่อเทียบกับตัวเขาแล้ว เขามีค่าแค่คนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตพี่วินเท่านั้นเอง

“เจ็บฉิบหายเลยกู”

เป็นไงล่ะ อยากส่องเฟซบุ๊กพี่เขานัก ได้เจ็บหนักสมใจเลยมึง

เด็กหนุ่มหมดอารมณ์จะส่องต่อ เขาปิดแล็ปท็อปแล้วนอนแผ่หลา ครั้งนี้รู้สึกเจ็บหนักกว่าตอนแรกที่เห็นรูปพี่วินกับพี่ขวัญข้าว เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ตอนนี้รู้จริงเห็นแจ้งแล้วว่าเธอเป็นคนสำคัญสำหรับพี่วินมากขนาดไหน

ภูพิงค์ทอดถอนใจ เจ็บทั้งที่หัวใจและที่ปาก เจ็บจนไม่รู้จะโฟกัสความเจ็บไปที่ไหนก่อน เจ็บเหี้ยๆ ปากก็ปวดไปหมด เพราะเขากินโจ๊กเมื่อกี้เหรอวะ?

เด็กหนุ่มลุกขึ้น เดินโซเซไปที่ห้องน้ำเพื่อส่องกระจก เขายังอ้าปากไม่ได้กว้างมากนัก แต่แค่อ้านิดเดียวก็ยังเจ็บฉิบหาย คิดไปคิดมาก็สงสัยว่า หรือบางทีเขาอาจจะเผลอข่วนหน้าตัวเองตอนเอามือกุมแก้ม หนวดเคราก็เริ่มยาวจนมองไม่ค่อยถนัด เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบปัตตาเลียนมาโกนออก หากพอปัตตาเลียนสัมผัสถูกแก้มก็รู้สึกเจ็บอีก เด็กหนุ่มหันไปมองกระจกอย่างงงๆ “อะไร...” คราวนี้เริ่มรู้สึกถึงรสเลือดในปาก เขาจึงก้มลงถุยน้ำลายดู

“ฉิบหาย!” นัยน์ตาคมกริบเบิกโพลงเมื่อเห็นเลือดตรงหน้า เขารีบบ้วนปาก ทว่าครั้งนี้มีน้ำผสมเลือดไหลออกมาจากทางจมูกด้วย “เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ย! กำเดาไหลหรือมีแผลตรงไหนรึเปล่าวะ!” เด็กหนุ่มหันไปรื้อตู้เก็บของอย่างงงๆ หยิบที่โกนหนวดกับโฟมโกนหนวดมาได้ก็จัดการโกนหนวดเคราบนซีกหน้าที่ไปผ่าฟันมาออก

“ก็ไม่มีแผลนี่หว่า”

เขารู้สึกตื้อๆ ตัวร้อนแบบแปลกๆ ทั้งที่เมื่อตอนผ่าฟันคุดเสร็จใหม่ๆ ก็ยังดีๆ อยู่เลย หากถ้าจะกลับไปนอนตอนนี้ ก็เกรงใจหน้าที่มีหนวดเคราหรอมแหรมอีกครึ่งหน้า เขาจึงรีบๆ โกนแม่งให้หมด เลือดออกซิบๆ ประปรายเพราะมือสั่น แต่ก็ช่างมัน

พอก้มลงล้างหน้าและลองบ้วนปากอีกรอบก็มีน้ำปนเลือดไหลออกมาจากจมูกอีก

“ไอ้พิงค์ กูเอาน้ำอุ่นมาให้แล้ว มึงอยู่ไหนเนี่ย” ซันเปิดประตูห้องออกพร้อมร้องเรียก

“อยู่ในห้องน้ำ”

เสียงของเพื่อนรักฟังดูอ่อนแรงชอบกล เพื่อนรักของเด็กหนุ่มจึงเดินไปดู “เฮ้ย! ตายห่า!” เขาถลาเข้าไปประคองภูพิงค์ไว้

“กูยังไม่ตาย...”

“ตอนนี้ยังไม่ตายแต่ก็ใกล้แล้วแหละมึง! เลือดเต็มเสื้อมึงเลยอ้ะ! แล้วที่จมูกนี่อะไร กำเดาไหลเรอะ!”

“สัส มึงจะแหกปากหาพ่อมึงเหรอ” ภูพิงค์พูดเสียงแห้ง “เหมือนมีเลือดออกในปากนิดหน่อยว่ะ เดี๋ยวกูบ้วนน้ำอีกทีก่อนค่อยเปลี่ยนเสื้อ แล้วไปนอนสักหน่อยดีกว่า”

“เดี๋ยวกูช่วยพยุงมึงเอง”

เด็กหนุ่มก้มลงรองน้ำมาอมไว้ในปาก หากพอบ้วนปาก อาการก็เหมือนเดิม น้ำที่บ้วนออกมามีเลือดไหลปนออกมาด้วย และก็ยังมีไหลออกมาจากจมูกอีก

“เฮ้ย ไอ้พิงค์!”

ภูพิงค์หน้าเสีย เพราะชักรู้สึกแสบจมูกด้วย “แสบจมูกด้วยว่ะมึง เอาไงดีวะ”

ซันพยายามควบคุมสีหน้าให้ไม่ดูวิตกกังวลมากนัก “ไม่ต้องบ้วนแล้วมึง ไปนอนพักเหอะ”

“อ่างล้างหน้าเลอะเทอะหมดเลยว่ะ”

“ไอ้เหี้ย เดี๋ยวกูล้างให้ มึงห่วงตัวเองก่อน ไปๆ ไปนอน” ซันรีบพยุงเพื่อนรักไปนอน เขาเปลี่ยนเสื้อให้อีกฝ่าย จากนั้นจึงหยิบผ้าหมาดๆ มาเช็ดหน้าให้ เขาไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขาว่าไอ้พิงค์มันตัวร้อนแบบแปลกๆ ไม่นานนักคนที่นอนระทดระทวยอยู่บนที่นอนก็ปิดตาลง ดูท่าจะเพลียจนหลับไป “มึงนอนไปก่อนนะ เดี๋ยวกูมานั่งเป็นเพื่อน” เขาเดินออกจากห้องไปอย่างใจเย็น หากเมื่อบานประตูปิดลง สีหน้าก็เปลี่ยนไป ก่อนจะวิ่งห้อแรดไปหาเพื่อนๆ ที่นั่งรวมกันอยู่ในห้องนั่งเล่น

“แย่แล้วพวกมึง กูว่าไอ้พิงค์มันโคม่า!”

“มีอะไรใหม่กว่านี้มั้ยวะมึง”   

“ไม่ใช่เว้ย! กูว่ามันไม่สบายหนักเว้ย ตัวร้อนฉ่าเลยมึง มีเลือดออกมาจากปากจากจมูกด้วย”

“เฮ้ย! หรือว่าไอ้พิงค์จะตกเลือด!” ทุกคนลุกพรวดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงด้วยความตกใจ ก่อนแซนดี้จะพูดขึ้น “เออ ก็ว่าหน้ามันแดงๆ สงสัยตอนนั้นกำลังเลือดขึ้นหน้า!”

“ใช่เหรออีห่า” ขิงขมวดคิ้ว “แต่กูว่าพามันไปหาหมอดีกว่า”

ดิวถามด้วยความสงสัย “แบบนี้ต้องไปหาหมอฟันหรือหมออะไรวะ”

“ต้องไปหาหมอที่มันไปผ่าฟันด้วยรึเปล่าวะ แล้วมันไปผ่าหมอไหนเนี่ย”

“แต่มันเพิ่งนอนหลับ ท่าทางมันเปลี้ยมาก รอมันตื่นก่อนค่อยพาไปดีมั้ยวะ มันนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วนะเว้ย” ซันพูดบ้าง

“มันจะไม่ตายก่อนเหรอวะ”

“ตอนนี้เลือดมันเหมือนจะหยุดไหลไปแล้วนะ”

“พวกมึงหยุด” แซนดี้ยกมือขึ้นห้ามสามหนุ่มที่กำลังตื่นตูม “กูว่าไปพาหมอฟันมาดูลาดเลาที่นี่ก่อนดีกว่า”

สามหนุ่มชะงัก “มึงหมายถึง... พี่หมอวินของไอ้พิงค์น่ะเหรอวะ เขาจะยอมมาเหรอ”

“ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของกูกับพวกมึงแล้วล่ะ ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว พี่หมอน่าจะพักพอดี”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 29 : งานเข้าแบบชุดใหญ่][220218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 27-02-2018 20:30:30


และแล้ว รถ BMW ก็เคลื่อนออกจากบ้านไป แซนดี้ออกไปกับซัน ให้อีกสองคนที่เหลือรออยู่ที่บ้าน ใช้เวลาไม่นานก็ถึงคลินิกที่หมาย พวกเขาบุกกันเข้าไปที่ประตูทางเข้าด้านหน้า พุ่งหลาวเข้าไปด้วยสีหน้าขมึงทึงราวกับจะปล้นร้าน จนคนไข้ที่นั่งรออยู่สองคนลุกจากที่นั่งพรวดพร้อมทั้งชูมือขึ้น

“ว้าย จะเอาอะไรก็เอาไปเลยค่า ไว้ชีวิตป้าด้วย!”

แซนดี้และซันรีบหันไปยกมือไหว้ “ขอโทษครับป้า พวกผมแค่มีเรื่องด่วน ไม่ได้จะมาปล้น!” จากนั้นก็หันไปตะปบเคาทน์เตอร์ “พี่ครับ หมอวินอยู่มั้ย พวกผมขอพบพี่หมอหน่อย”

หญิงสาวหันซ้ายขวาเลิกลั่ก “ใจเย็นๆ นะคะ หมอวินมีคนไข้อยู่ รอสักครู่”

พอรวินท์ได้ยินเสียงเข้า เขาพูดคุยกับคนไข้อีกเล็กน้อย แล้วจึงโผล่หน้าผ่านประตูด้านหลังเคาทน์เตอร์ออกมาดู “เสร็จแล้วล่ะครับ มีอะไรรึเปล่า อ้าว แซนดี้ ซัน...”

“พี่หมอ ไอ้พิงค์แย่แล้ว! มันตกเลือด!”

“ฮะ!” ทุกคนในร้านอุทานพร้อมกัน

รวินท์ขมวดคิ้ว “ตกได้ยังไง เขาเป็นผู้ชาย!” 

“มันไปผ่าฟันคุดมาเมื่อเช้าน่ะพี่หมอ! ช่วยด้วยเถอะค่ะ มันเป็นไข้สูงมาก เลือดออกนองเต็มไปหมด จะตายแน่แล้ว!” แซนดี้พูดไปบีบน้ำตาไป ห่วงเพื่อนก็ห่วงนะ แต่ความตอแหลมีมากกว่า

ทันตแพทย์หนุ่มหน้าเสียจนเห็นได้ชัด หากก็ยังพยายามเก็บอาการไว้ “เลือดนองเลยเหรอ ไหนเล่าอาการมาอีกซิ แล้วทำไมไม่พาเขามาด้วยล่ะ”

“มันอ่อนแอ สิ้นหวัง ระทดระทวย หมดแรง ตอนนี้หลับอยู่ครับ” ซันใส่ต่อเป็นชุด แล้วเล่าถึงอาการของเพื่อนแบบโอเวอร์ขึ้นไปอีกสิบเท่า “มันมีเลือดไหลจากปากจากจมูกพี่ ไหลเป็นท่อแตก ออกเยอะมากจนนองไปหมด เสื้อมันงี้ชุ่มเลือดเลย อย่างกับในฉากฆาตกรรม มันยืนเองยังไม่ไหวเลย ผมต้องแบกมันอ่ะพี่ ตัวมันร้อนเหมือนโดนย่าง หน้างี้แดงแป๊ด!”

“นี่ไปผ่าฟันมาหรือไปคลอดลูกมากันแน่เนี่ย” สิงหาโผล่หน้าตามออกมาอีกคน “แต่ว่าวินไปดูน้องเขาหน่อยเถอะ ดูท่าอาจจะฉุกเฉินนะ เดี๋ยวพี่ดูคนไข้วินให้เอง มีอีกคนเดียวใช่มั้ย”

“ใช่ครับ ผมฝากหน่อยนะครับ” รวินท์ยกมือไหว้ เขารีบรุดไปขอโทษคนไข้ที่ทำให้ต้องรอนานขึ้น แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามแซนดี้และซันออกจากคลินิกไป


เมื่อไปถึงบ้านเช่า สองหนุ่มที่ยืนรออยู่ก็ถลาออกมาฟูมฟาย พูดจาฟังไม่ได้ศัพท์ ทำให้ทันตแพทย์หนุ่มกังวลหนักขึ้นไปอีก ใจเขาอยากเรียกรถพยาบาลแล้วตอนนี้ “พิงค์อยู่ไหน”

“ห้องข้างบนครับ” แล้วพวกเขาก็วิ่งนำทีมขึ้นไปออกันอยู่ที่ในห้องของภูพิงค์ ซึ่งเจ้าตัวหลับปุ๋ยไปแล้ว

สี่หนุ่มยืนเรียงกันเป็นแผงอยู่ที่ข้างที่นอนที่ปูอยู่บนพื้น

“ไอ้เหี้ย นอนนิ่งสัส มันตายห่าแล้วรึยัง!”

“จองวัดเลยมั้ยวะ”

“เฮ้ย พวกมึงนี่!” แซนดี้หันไปดุ ก่อนทุกคนจะเหล่ไปทางรวินท์กันอย่างพร้อมเพรียง “เอ่อ คนเยอะเดี๋ยวพี่หมอจะทำอะไรไม่สะดวก พวกผมลงไปรอข้างล่างนะ”

เมื่อบานประตูปิดลง รวินท์จึงนั่งลงบนพื้นข้างๆ เด็กหนุ่มซึ่งที่ตรงข้างหมอนหนุนมีผ้าก็อซและกระดาษทิชชูเปื้อนสีเลือดวางกองๆ กันอยู่ เขาก้มลงตรวจดูคนไข้ตรงหน้าอย่างเบามือที่สุด หากก็ไม่ได้เห็นมีเลือดออกจากปากหรือจมูกอย่างที่เพื่อนๆ ของเด็กหนุ่มโวยวาย ทันตแพทย์หนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกพลางวางมือแตะหน้าผากของคนที่นอนอยู่อย่างแผ่วเบา

“ตัวร้อนแฮะ ได้กินยาอะไรรึเปล่าเนี่ย” รวินท์หันมองไปรอบๆ เห็นถุงที่มีชื่อของโรงพยาบาลวางอยู่ใกล้ๆ กระเป๋าเป้ของเด็กหนุ่มจึงหยิบมาดู ซองยาข้างในยังไม่มีรอยแกะเลยแม้แต่น้อย เขาพอจะเดาได้เลย อีกฝ่ายคงเห็นว่าตอนผ่าเสร็จใหม่ๆ ไม่มีอาการอะไรก็เลยไม่ได้สนใจจะกินยา เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วส่ายหน้าไปมา จากนั้นจึงหยิบผ้าที่อยู่ในกะละมังข้างที่นอนไปชุบน้ำมาใหม่ เขาช่วยเช็ดใบหน้า ซอกคอและแขนให้อย่างใจเย็น เช็ดไปเรื่อยๆ จนอุณหภูมิร่างกายลดลงบ้าง

“พี่วิน”

ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น อีกฝ่ายเรียกเขา แต่ดวงตาปิดสนิท ละเมองั้นหรือ?

“ว่าไง”

“พี่นี่มันแย่ชะมัด ใจง่ายฉิบหาย นอนกับใครก็ได้รึไงวะ”

รวินท์ยิ้มบาง ขนาดป่วยยังอุตส่าห์ละเมอด่าเขาได้ คงจะโกรธและผิดหวังในตัวเขามากจริงๆ สินะ “ผมไม่ได้ใจง่ายนะเว้ย บอกแล้วไงว่ายังไม่ได้ทำอะไร”

ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “คำพูดของพี่มันเชื่อไม่ได้...”

“ผมขอโทษ”

หลังจากได้ละเมอด่าไป เด็กหนุ่มก็เงียบไปอีกสักพักใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น “ซัน หิวน้ำว่ะ”

“คุณควรจะกินยาด้วย ผมจะป้อนให้นะ โอเคมั้ย”

“อือ”

ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมไปหยิบยา เขาประคองศีรษะของภูพิงค์ขึ้นเพื่อป้อนยาและน้ำให้ “ค่อยๆ ดื่มนะ” ก่อนจะวางศีรษะอีกฝ่ายลงบนเตียงอีกครั้งอย่างระมัดระวัง

ภูพิงค์พึมพำเสียงเบา “ทำไมมึงหน้าเหมือนพี่วินจังวะ” คนอ่อนวัยกว่ากะพริบตาปริบๆ เบลอหนักจนแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับความฝัน “หึ ไม่อยากมองหน้าแม่ง”

หัวใจของทันตแพทย์หนุ่มกระตุกวูบ “โกรธผมมากเลยเหรอ”

“เออ” คนพูดเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

รวินท์นั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเด็กหนุ่มอีกครั้งเพื่อจะตรวจดูว่าตัวยังร้อนอยู่หรือไม่ ทว่าอีกฝ่ายปัดมือเขาออก

“อย่ามายุ่งกับผม”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ “กินยาไปแล้ว เดี๋ยวคงดีขึ้น ถ้างั้นผมกลับก่อนดีกว่า” หากพอเขาทำท่าจะลุกขึ้น ภูพิงค์กลับเอื้อมมือมารั้งแขนเขาไว้

“เดี๋ยวสิ อยู่กับผมก่อนนะ”

“อยากให้อยู่หรือไปกันแน่”

“อยากให้อยู่” เด็กหนุ่มตอบเสียงแผ่ว

“ไหนว่าไม่อยากมองหน้าไง”

คนอ่อนวัยกว่าค่อยๆ หรี่ตาลง “โกหกน่ะสิ ที่จริง... ผมคิดถึงพี่ อยากเจอพี่...จะตายไป” แล้วก็หลับสนิทไปอีกครั้ง

รวินท์ดึงมือออกช้าๆ แล้วเอื้อมมือข้างเดียวกันนั้นไปลูบศีรษะเด็กหนุ่ม เขาถอนหายใจหนักๆ นั่งอยู่เป็นเพื่อนอีกฝ่ายต่อไปอีกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลุกเดินออกจากห้องไป

พอเดินลงไปถึงชั้นล่างก็เห็นว่าสี่หนุ่มนั่งเรียงกันหน้าขรึม เขาจึงเดินเข้าไปหา “ผมยังไม่ได้ตรวจในปากละเอียด เลือดหยุดไหลไปแล้ว แต่เท่าที่ดูเขามีไข้น่ะนะ ผมให้กินยาไปเมื่อกี้”

“มันจะรอดใช่มั้ยพี่หมอ”

“รอดสิ แค่ผ่าฟันคุดเท่านั้นเอง”

“แต่มันมีเลือดไหลจริงๆ นะพี่หมอ แล้วพอมันบ้วนน้ำก็มีน้ำไหลออกมาจากจมูก มันว่าแสบๆ ด้วย”

“อืม ที่จริงหลังผ่าฟันใหม่ๆ ยังไม่ควรบ้วนน้ำลายหรือบ้วนน้ำนะ รอสักสิบสองชั่วโมงก่อนค่อยบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงเดี๋ยวเย็นนี้ ผมจะมารับเขาไปตรวจเอง ตอนนี้ให้เขาพักผ่อนไปก่อน ผมจะกลับไปทำงานล่ะ”

“ขอบคุณครับ แต่พี่หมอยังไม่ได้กินอะไรเลย มากินอะไรสักนิดสิพี่ กินเร็วๆ ไม่เสียเวลามากหรอก”

สี่หนุ่มล้อมหน้าล้อมหลัง พาทันตแพทย์หนุ่มเข้าไปในครัว ตักข้าวราดแกงที่ทำไว้ไปอุ่นในไมโครเวฟ แล้วนำมาส่งให้

“ขอบใจ” รวินท์ยิ้มบาง ยังดีนะที่เพื่อนของพิงค์ยังดีกับเขาอยู่ เขาตักข้าวในจานใส่ปาก รีบเคี้ยวรีบกลืน หมดไปได้ครึ่งจานก็รีบกลับไปยังคลินิก


*TBC*


โอ๋น้องพิงค์กันค่ะ โถ ลู้กกกกก เป็นมาโซคิสต์ก็ไม่บอก 5555555

น้องเจ็บปากเจ็บใจขนาดนี้ พี่วินดูแลน้องดีๆ ล่ะ เดี๋ยวตอนหน้าฮัสกี้จะพาพี่วินมาง้อน้องหนักๆ เลยนะคะ อิอิ

ตอนนี้ต้องขอขอบคุณพี่สาวหมอฟันที่ฮัสกี้ไปหลอกถามข้อมูลมาเล็กน้อย 555555 และขอบคุณคุณหมอมิ้นต์มากๆ ที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำกับฮัสกี้นะคะ พอเอามาแต่งเพิ่มก็อาจจะมีมั่วบ้างอะไรบ้าง กราบขออภัยไว้ล่วงหน้าก่อนเลย 55555555

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ เอาใจช่วยพี่วินกันน้าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 27-02-2018 20:51:05
เลือดสาดทั้งตอนเลยน้องพิงค์ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-02-2018 20:54:57
น้อยใจพี่วินอยู่  ง้อน้องมันเยอะๆนะพี่วิน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-02-2018 20:57:39
โอ้ยยย สงสารภูพิงค์จังงง อยากให้พี่หมอง้ออ่ะ พี่หมอไม่เห็นทำอะไรเลย ปล่อยเบลอสองอาทิตย์เลยเนี่ยนะ พิงค์ลูกโกรธอิพี่หมอนานๆเลยลูก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 27-02-2018 21:03:24
จะสงสารหรือขำก่อนดี อันที่จริงถ้าเป็นพิงค์ คงไม่ตลก แต่คนอ่านนี่ก็แอบขำไม่ได้ ยังไงก็ดีกันไวๆเด้อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 27-02-2018 21:15:48
ถถถถ น่าสงสารน้องพิงค์ อกหัก(?)ผ่าฟันคุด  :monkeysad:
ดูแลน้องดีๆเลยพี่วิน เปิดโอกาสให้เต็มที่ อย่าปล่อยให้หลุดมือ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-02-2018 21:17:38
ถถถถถถถถถ น้องพิงค์น่าฉงฉาน เลือดสาดเลย
เดี๋ยวพี่วินท์เลิกงานแล้วมาโอ๋ๆน้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 27-02-2018 21:36:08
น้องตกเลือดพี่วินต้องรับผิดชอบนะ  :m20:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 27-02-2018 21:45:29
สมควรง้อ
อย่ายอมง่ายนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-02-2018 21:52:07
ไม่อยากให้พิงค์ง้อก่อนเลยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 27-02-2018 22:05:35
โถๆผ่าฟันคุดแค่นี้เรื่องใหญ่โตเลยลูกเอ๊ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-02-2018 22:13:32
 :pig4 :pig4: :pig4:

ตกเลือดเลยเหรอ  นู๋แสนดี?
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 27-02-2018 22:20:47
.

.

รอพี่วินท์มาง้อน้องพิงค์น้าาาาา

.

 :ling2:   :ling2:  :ling2: :ling2:  :ling2:  :ling2:

.

.
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 27-02-2018 22:27:55
พี่วินง้อน้องหน่อยสิน้า น้าาาาาา สงสารเด็กป่วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-02-2018 22:42:57
พิงค์ๆน่าสงสารอ่ะ เสียใจถึงขนาดยอมไปผ่าฟันคุด ดูสิเลือดตกยางออกไปหมด
พี่หมอก็น้าา ไม่รีบมาอธิบายปล่อยพิงค์เศร้าได้ไ.ตั้งสองสามอาทิตย์

ตอนหน้าเค้าจาง้อกันแล้วใช่มั้ย :ling2:

ท่าทางจะวินพิงค์จริงๆ  :ling1:เชียร์พิงค์วินยังมีลุ้นยุ่มั้ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 27-02-2018 22:52:42
:pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 27-02-2018 22:54:27
พค์อย่าโกรธพี่วินนานนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 27-02-2018 23:11:15
โอ๊ย ลุ้น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-02-2018 23:12:37
โห ไม่ได้คุยกันสองอาทิตย์ พี่หมอก็นะ พิงค์ถึงได้เจ็บขนาดนี้
งอนนาน ๆ ให้ง้อหนัก ๆ ไปเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-02-2018 23:19:05
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 27-02-2018 23:20:25
เกลียดความฟูมฟายของเพื่อนพิงค์ โอเวอร์แอคติ้งมากกก ขำสุด เพื่อนตกเลือก55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-02-2018 23:31:02
ผ่าฟันคุดหรือดูหนังโป๊ เลือดกำเดาไหล ถถถถ จ๋งจ๋านพิ้งค์ เราเคยผ่าฟันคุดเหมือนกัน ทรมานจริงๆนะเออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-02-2018 23:52:49
สงสารน้องพิงค์เลย รีบๆกลับมาง้อน้องด้วยนะพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 28-02-2018 01:04:16
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: fronkdefroy ที่ 28-02-2018 02:32:37
น้องขอยาวกว่านี้ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 28-02-2018 03:41:13
จะสงสารดีไหมเนี่ยพิงค์เอ๊ย
ทำเราแอบหวั่นๆกับการผ่าฟันคุดเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 28-02-2018 04:04:47
พี่หมอรีบง้อพิงค์ให้สำเร็จเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-02-2018 04:06:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 28-02-2018 04:17:41
งอนนานๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-02-2018 04:35:38
ได้คุย ละเมอคุยกันแล้ว    :z3: :z3: :z3:
มีความง้อ ความคิดถึงในการพูดคุย ละเมอ ด้วย  :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 28-02-2018 05:51:34
ไม่เห็นพี่หมอวินจะทำอะไรซักอย่าง เราอยากให้
พิงค์นิ่งไว้อย่าแสดงออกอะไรมาก หมอวินควรดิ้นมากกว่านี้และเจ็บมากกว่านี้ สงสัยเรามาโซเลียนแบบพิงค์ 55555

ก็นะ..เพราะสิ่งที่หมอทำมันแย่มากถึงแม้ใครจะจัดฉากให้มาเห็นก็ตาม คุณไม่ใช่นักแสดงที่ต้องทำตามบทซักหน่อย คนที่ขาดความยับยั้งช่างใจ ใครเสนอเป็นต้องสนอง คบไปมีแต่เจ็บ บอกไว้เลยเราไม่อภัยหมอง่ายๆ ถ้าเป็นไปได้จะแย่งพิงค์มาเลย หึหึ o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 28-02-2018 07:38:26
นึกว่าพิงค์จะไปผ่าฟันคุดกับพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-02-2018 08:14:33
น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 28-02-2018 08:19:42
ไม่เข้าใจว่ายังมีคนจิ้น วินพิงค์ เยอะเหมือนกัน ทั้งๆที่ความรู้สึกเรา พี่วินออร่าเคะขนาดนี้ ถถถ
คิดดูสิคะว่าผู้ชายที่ทำผู้ชายแท้ๆหวั่นไหว หน้าแดงได้เนี่ย ทั้งเต้ เพื่อนพิงค์ หรือแฟนใหม่ขวัญ ต้องอารมณ์ประมาณไหน
คิดว่าน่าจะต้องให้ความรู้สึก sexy ที่ดึงดูดได้ทั้งสองเพศ
ซึ่งคนประมาณนี้ส่วนใหญ่ก็เคะทั้งนั้นหล่ะ คุณเพื่อน 555  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-02-2018 09:07:30
ง้อน้องเยอะๆเลยนะพี่วิน หายไปตั้ง 2 อาทิตย์ไปทำอะไรอยู่ทำไมไม่มาง้อน้อง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-02-2018 09:23:07
รอดูคนง้อออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-02-2018 12:51:08
กำลังลุ้นๆ ตกใจที่พิงค์เลือดไหล มาฮาแตกตอนพวกแซนดี้ไปตามหมอวินแล้วป้านึกว่ามาปล้น55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 28-02-2018 14:18:38
งื้อ!!! สงสารน้องพิงค์เลย ลูกชายเรากลายเป็นพวกมาโซคิส สะแล้ว เพราะพี่วินท์คนเดียวเลย เชอะ งอลแทนน้อง แต่จะให้งอลนานกว่านี้ก็สงสารลูกชายแค่นี้ก็ใจบางจะแย่แล้ว เจ็บแต่ก็ยังส่องพี่เค้า คนดีของแม่ รีบมาง้อน้องเลยน่ะพี่วินท์ ถ้าทำให้น้องช่ำใจอีกเราจะไม่ยกลูกชายเราให้แล้วน่ะ ว่าแต่ฮักกี้ค่ะ ตกลงใครจะเคะใครจะเมะละนี้ แต่เราหวังให้ลูกชายภูพิงค์ ของเรารุกพี่วินท์แหละ หมั่นไส้คนอัธยาสัยดีเกินเหตุ แบร่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 28-02-2018 14:24:33
ไม่เข้าใจว่ายังมีคนจิ้น วินพิงค์ เยอะเหมือนกัน ทั้งๆที่ความรู้สึกเรา พี่วินออร่าเคะขนาดนี้ ถถถ
คิดดูสิคะว่าผู้ชายที่ทำผู้ชายแท้ๆหวั่นไหว หน้าแดงได้เนี่ย ทั้งเต้ เพื่อนพิงค์ หรือแฟนใหม่ขวัญ ต้องอารมณ์ประมาณไหน
คิดว่าน่าจะต้องให้ความรู้สึก sexy ที่ดึงดูดได้ทั้งสองเพศ
ซึ่งคนประมาณนี้ส่วนใหญ่ก็เคะทั้งนั้นหล่ะ คุณเพื่อน 555  :hao6:
คิดเหมือนกันเลยค่ะ แล้วยิ่งอาร่าความขี้หึงของน้องพิงค์นะแบบ โอ๊ย!! โซหลัวมากค่ะลูก ในใจเราพี่วินต้องโดนน้องรุกเท่านั้นค่ะ 5555 #ทีมแม่น้องภูพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 28-02-2018 16:04:18
อยากให้พองค์ใจแข็งๆไว้อะ อย่าพึ่งยอมอ่อนให้พี่วินก่อนเลยน
นี่ดูนังยังไม่เห็นจะง้อน้องจริงๆเลยอะ เคืองงงง
โอ๋ๆพิงค์นะ เจ็บตัว เจ็บใจไปหมด แล้วยังต้องมายอมอ่อนเองอีก
สงสารน้องงง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-02-2018 17:36:20
โธ่ พิงค์พิงค์ผู้น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 28-02-2018 20:10:43
รู้สึกรักเด็ก ๆ บ้านนี้ เป็นโดยเฉพาะทัพหน้าอย่างแซนดี้ที่เป็นกำลังสำคัญมาตลอด  :man1: อยากให้นางมีคู่บ้าง  :jul3:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 28-02-2018 20:49:06
พิงค์ผู้ชอบความเจ็บปวดดดด งานเลือดต้องเลยมา :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 28-02-2018 21:59:53
โถ่วพิงค์ เกือบตายเลยนะเรา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 01-03-2018 01:03:04
โอโห้ เพื่อนแต่ละคน บรรยายสภาพนี่ฉากฆาตกรรม? 555 ชอบอ่ะ  น้องพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-03-2018 04:32:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 01-03-2018 12:52:48
พอไม่รู้ตัวก็อ้อนพี่เค้าใหญ่เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-03-2018 15:20:06
55555 ภูพิงค์ ทำไมร้าย ขนาดละเมอ ยังว่าพี่อีก
ดีนะ ว่าถูกคน พี่จะได้รู้ว่าทำน้องคิดมาก

หมอวินท์เอ้ยยย ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มตั้งแต่ได้ยินแล้ว
เป็นแบบนี้แล้ว อย่ารอเวลาไปนานนะ ลุยเลย

ทีมเพื่อนพิงค์คือดีมาก ชงเข้มกันมากค่ะ ยกรางวัลให้เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-03-2018 15:46:58
แซนดี้พูดซะอาการหนักเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 04-03-2018 12:35:31
ดันให้มาอยู่หน้า 1 จะได้หาง่าย   

รอมาหลายวันและ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 05-03-2018 19:21:28


Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ


ภูพิงค์ฟื้นขึ้นมาอีกทีในตอนบ่ายแก่ๆ หลังจากที่ได้กินยาและนอนพัก เด็กหนุ่มก็ได้สติสตังและเรี่ยวแรงกลับคืนมาบ้าง เขาลืมตาขึ้น หันมองซ้ายขวา ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ แล้วเกาศีรษะแกรกๆ

แม่ง.. พี่วินตามมาหลอนถึงในฝัน อาการหนักแล้วกู

บานประตูห้องแง้มเปิดออก เมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นว่าเพื่อนรักฟื้นแล้ว เขาจึงเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับชามโจ๊กเจ้าเดิม “ตื่นพอดี กำลังจะมาปลุกมึงให้แดกอะไรสักหน่อยอยู่เลย”

“ไม่หิวเลยว่ะ”

“แดกหน่อยเหอะ เผื่อจะเป็นมื้อสุดท้ายของมึง เดี๋ยวพี่หมอจะมารับไปขึ้นเขียงแล้ว”

ภูพิงค์ชะงัก “พี่หมอไหนวะ”

“ก็มีอยู่หมอเดียวมะที่จะมารับมึงอะ พี่หมอวินไง”

“ฮะ?”

“เออ มึงฟังไม่ผิดหรอก ไม่ต้องทำหน้าเด๋อ แดกซะจะได้พอมีแรงลุกขึ้น” ซันวางชามโจ๊กลงตรงหน้าเพื่อนรัก จากนั้นจึงนั่งลงข้างกัน

“พี่วิน...จะมาที่นี่เหรอ พี่เขารู้ได้ไงวะ”

“มึงรู้ตัวมั้ยว่ามึงอาการหนัก นอนพะงาบๆ พวกกูเลยไปตามพี่หมอให้มาช่วยดู พี่เขามานั่งดูแลมึงอยู่เป็นชั่วโมง ท่าทางเป็นห่วงมึงมาก ข้าวปลาแทบไม่ได้แดก พวกกูต้องบังคับแดกแล้วพากลับไปส่งคลินิกเนี่ย”

“ไอ้เหี้ย~ กูไม่ได้ฝันงั้นเรอะ”

“ฝันเปียกเลยสิมึง” ซันพูดกลั้วหัวเราะ “รีบๆ แดกซะ จะแดกเองหรือจะให้กูป้อน”

“ไม่ต้องเว้ย” เด็กหนุ่มหยิบชามโจ๊กร้อนๆ ขึ้นมาตักกินไปช้าๆ พลางพยายามนึกย้อนกลับไปว่าตอนที่พี่วินมา เขาพูดหรือทำอะไรน่าอายออกไปบ้างหรือเปล่า

เมื่อกินเสร็จ ซันก็พยุงเพื่อนรักเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา ภูพิงค์เห็นเงาตนเองในกระจกเข้าก็ขมวดคิ้ว

“ไอ้ซัน มึงว่าแก้มกูบวมๆ มั้ยวะ”

“เออ นิดหน่อยๆ ผ่าฟันก็บวมเป็นธรรมดา แต่กูว่ามันยังบวมได้อีก”

“ฉิบหาย แก้มกูจะย้อยเป็นพวงเหมือนปลาทองมั้ยเนี่ย”

“มึงน่าจะผ่าสองข้างอ่ะ จะได้ย้อยแบบสมดุล” พอเห็นว่าเพื่อนรักก้มลงจะบ้วนปาก ซันก็กระตุกแขนอีกฝ่ายเบาๆ “เออ พี่หมอบอกว่าอย่าเพิ่งบ้วนปาก มึงรอให้พี่หมอดูก่อนเหอะ”

“กูเพิ่งแดกโจ๊กไปนะมึง ขอกูบ้วนสักทีเหอะ”

ซันขมวดคิ้ว “อือ ก็จริงของมึงว่ะ”

ภูพิงค์ก้มลงรองน้ำมาอมไว้ในปาก พอบ้วนทิ้งก็มีเลือดปะปนน้ำออกมาอีก มีน้ำไหลออกมาทางจมูกด้วยเหมือนเดิม เขายกมือขึ้นเช็ด ก่อนจะหยุดมองหยดน้ำเปื้อนเลือดที่บนหลังมือตน “กูจะตายมั้ยวะไอ้ซัน”

“อย่ามาสำออยน่ะ แค่นี้ไม่ตายหรอก กูว่าเลือดออกน้อยลงแล้วนะ” ปากตอบไปเช่นนั้น หากในใจก็เป็นกังวลไม่แพ้กัน “แต่พอก่อนเหอะ” ก่อนจะประคองเพื่อนรักไปนั่งลงบนที่นอนอีกครั้ง

“เป็นไงวะ เดินไปห้องน้ำแค่นี้ สิ้นแรงเลย มีอะไรจะสั่งเสียมั้ย”

“สัส!” ภูพิงค์ชูนิ้วกลางใส่

“ตอนนี้มีอะไรอยากทำก็รีบๆ ทำซะนะ” ซันตบไหล่เพื่อนเบาๆ เพื่อปลอบใจ

“นี่มึงจะแช่งหรือจะช่วยปลอบใจกูวะ”

“ก็พูดเผื่อๆ ไว้”

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นแทรก ก่อนขิงจะโผล่หน้าเข้ามา “เฮ้ย พี่หมอมาแล้วเว้ย เปลี่ยนเสื้อผ้าซะหน่อยมึง” ต่อจากนั้นสองหนุ่มก็ช่วยกันเปลี่ยนเสื้อให้เพื่อนรัก แล้วพยุงเขาลงไปชั้นล่าง

“ทำไมมึงเชื่อฟังผิดปกติวะ”

“สงสัยอาการหนักมาก”

“ไอ้พวกเหี้ย กูเครียดนะเว้ย”

เมื่อเห็นเงาของทันตแพทย์หนุ่มอยู่รำไร ใจของภูพิงค์ก็ร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาเบือนหน้าหนี ทว่าในใจก็คิดว่า ถ้าหากต้องตายเพราะผ่าฟันคุดนี่จริงๆ ล่ะก็ เขาคงจะต้องเสียใจมากๆ ที่ไม่มีโอกาส...

เอาไงดีวะ

“พาเหยื่อมาแล้วพี่หมอ” ซันร้องบอก

รวินท์ยิ้มรับ หากเด็กหนุ่มกลับหลบสายตาเขา พอตื่นแล้วก็งอนเขาต่อเลย ให้มันได้อย่างนี้สิ “พาขึ้นรถเลย”

“ใส่กระโปรงหลังดีมั้ยพี่หมอ”

“สัส ไม่เอาซีเมนต์หล่อกูแล้วเอาไปถ่วงน้ำเลยล่ะ” ภูพิงค์หันไปด่า

“เออ ต้องแปะยันต์ด้วย มึงจะได้ไม่เฮี้ยนมาก พวกกูกลัว”

“ถ้ากูตาย กูจะ...”

“เข้าสิงกูแล้วไล่ปล้ำไอ้พวกเหี้ยนี่ให้หมดเลยใช่มะ เอาเลยมึง กูเสียสละ” แซนดี้ช่วยต่อประโยคให้

ทันตแพทย์หนุ่มเดินกลับเข้าไปนั่งในรถตรงที่นั่งคนขับแล้วสตาร์ตเครื่องยนต์รอ ส่วนเพื่อนๆ ของเด็กหนุ่มเปิดประตูฝั่งข้างคนขับออก ยัดเพื่อนรักเข้าไปนั่งอย่างทุลักทุเลแล้วช่วยรัดเข็มขัดให้เสร็จ

“เต็มที่เลยนะพี่หมอ”

“เฮ้ย! พวกมึง!” ภูพิงค์ทำสายตาเว้าวอน

“อ้าว พวกคุณไม่ไปด้วยกันเหรอ”

“ไม่ดีกว่าครับ พวกผมจะสวดมนต์ให้มันจากที่นี่”

“เดี๋ยว!” เด็กหนุ่มพูดยังไม่ทันจบก็ถูกปิดประตูรถใส่หน้า ดีที่เขาเอาแก้มหลบทัน ไม่อย่างนั้นคงเลือดพุ่งหมดตัวตายอยู่บนรถพี่วินนี่แหละ

“กลัวอะไรผม”

ภูพิงค์ถอนหายใจหนักๆ “เปล่าครับ”

“งั้นก็ดี” พอพูดจบทันตแพทย์หนุ่มก็ขับรถกลับไปยังคลินิกอย่างรวดเร็ว พอจอดรถแล้วก็เดินออกมาเปิดประตูรถให้อีกฝ่าย พร้อมกับช่วยพยุงออกมา

“ผมเดินไหว”

“ให้ผมพยุงเถอะ ถ้าล้มแล้วแก้มกระแทกพื้นเลือดสาด จะตายอยู่หลังคลินิกนี่ก่อนเรียนจบนะเว้ย”

นั่นสินะ ไม่ใช่เวลามาเล่นตัว หน้าเขายิ่งเสียสมดุลอยู่ ภูพิงค์คิดแล้วจึงยอมเอาแขนพาดลำคออีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆ เดินไปพร้อมกันช้าๆ

จมูกของเด็กหนุ่มไล้ผ่านเส้นผมของรวินท์ เขาได้กลิ่นหอมบางๆ ปะปนกับกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อในคลินิก เขาแอบชำเลืองมองเสี้ยวหน้ากับริมฝีปากสีแดงของทันตแพทย์หนุ่ม ซึ่งเป็นผลให้หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

ตึ๋งเดินเอาขยะออกมาทิ้งในถังขยะที่ด้านหลังคลินิกพอดี เขาหรี่ตามอง “พี่หมอพยุงใครมาเนี่ย”

“ตึ๋ง มาพอดี เปิดประตูให้หน่อย”

เจ้าของชื่อเรียกหันไปเปิดประตูค้างไว้ให้ แล้วหันกลับมาเพ่งมอง “เหย! พี่พิงค์นี่หว่า เกิดอะไรขึ้นกับพี่ครับเนี่ย เปลี้ยมาเชียว หมดเลยความหล่อที่สะสมมา!”

ถ้าหากเขายังพอมีแรงก็อยากจะถีบไอ้เด็กนี่สักสามสี่ที “ทักดีๆ หน่อยก็ได้มะวะ”

“โห พูดงึมงำฟังไม่รู้เรื่องเลย ท่าจะอาการหนัก”

พอรวินท์ประคองเด็กหนุ่มเข้าไปข้างในคลินิก พี่นิ้งเห็นเข้าก็อุทานเสียงดัง “อุ้ย! ตายแล้ว! คุณพิงค์แก้มบวมมาเลย”

นั่น...แต่ละคนทักเขาด้วยความหวังดีทั้งนั้น เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เอาล่ะ นั่งก่อนนะ” ทันตแพทย์หนุ่มพยุงคนอ่อนวัยกว่าไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำฟัน “หัวกระเซิงเชียว” เขาโน้มใบหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย แล้วจัดผมให้

ภูพิงค์นั่งนิ่ง พลางลดสายตาลงมองริมฝีปากที่อยู่ไม่ไกลออกไป เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พอพี่วินใจดีกับเขาแบบนี้ ใจเขาอ่อนปวกเปียกไปหมดเลย

ขณะที่พี่นิ้งเอาผ้ากันเปื้อนมาคลุมให้เด็กหนุ่ม ก็มีทันตแพทย์หญิงอีกคนเดินเข้ามาในห้อง เธอดูน่าจะอายุมากกว่าพี่วินนิดหน่อย เมื่อเด็กหนุ่มเห็นเข้าก็ผงกศีรษะขึ้น

ทันตแพทย์หญิงยิ้มกว้าง “แหม คนนี้น่ะเหรอที่ทำให้วินต้องถ่อไปรับพี่มาถึงที่นี่ ไม่บอกก่อนล่ะว่าเป็นละอ่อนน้อย พี่จะรีบซิ่งมาเองเลย”

ภูพิงค์กลืนน้ำลายฝืดลงคอ ในห้องนี้มีทันตแพทย์ถึงสองคน ทำให้เขารู้สึกหายใจหายคอลำบาก แล้วทำไมไอ้พี่วินต้องไปตามคนอื่นมาด้วยวะ

รวินท์ตอบคนอ่อนวัยกว่าเหมือนเข้าใจสายตาที่จ้องมองมาทางเขา “พี่ลักษณ์เป็นรุ่นพี่ผม เป็นทันตแพทย์เฉพาะทางด้วย เจอคนไข้ที่มีอาการแบบคุณมาเยอะ ผมเลยไปขอให้พี่เขามาช่วยดูอาการคุณให้หน่อย ไม่ต้องห่วงนะ พี่ลักษณ์เก่งมากๆ” พอตอบเสร็จก็เดินไปล้างมือใส่ถุงมือ ใส่ผ้าปิดจมูกและเสื้อกาวน์ให้เรียบร้อยจึงกลับเข้ามา เขายืนมองภาพเอ็กซเรย์ฟันของเด็กหนุ่มที่เคยเอ็กซเรย์ไว้บนจอคอมพิวเตอร์กับทันตแพทย์หญิงอยู่สักพักจึงเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ทันตแพทย์

“พิงพนักสิ มีอะไรจะสั่งเสียมั้ย”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ใจอยากจะด่า แต่ตอนนี้ปากไม่อำนวย

พนักเก้าอี้ค่อยๆ เอนลงไปแล้ว ภูพิงค์รู้สึกเหมือนโดนจับขึ้นขาหยั่ง ถึงจะไม่เคย แต่ก็คิดว่าความรู้สึกน่าจะคล้ายๆ กัน เมื่อเก้าอี้เอนลงจนสุดและไฟข้างบนเปิดสว่าง เขาก็เข้าใจว่าวินาทีสุดท้ายของปลาช่อนก่อนถูกทุบหัวเป็นเช่นไร

“ไม่ต้องเกร็ง อ้าปากนิดนึง”

เด็กหนุ่มพยายามฝืนอ้าปากตามที่อีกฝ่ายสั่ง เขากลัวจนมือเย็นเฉียบ ฉี่จะเล็ดอยู่แล้ว

“อื้อหือ...” รวินท์แกล้งทำเสียงเครียด

“โอ้โห... จองวัดเลยดีมั้ย” พี่ลักษณ์พูดกลั้วหัวเราะ พลางแตะมือลงบนแขนของเด็กหนุ่มเบาๆ “พี่พูดเล่นนะ อย่าเพิ่งหัวใจวายคาเก้าอี้นะคะ”

วินาทีนั้นภูพิงค์หูอื้อตามัวแล้ว เขาได้ยินทันตแพทย์ทั้งสองพูดคุยปรึกษากันด้วยภาษาอะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่องเลย จากนั้นทั้งคู่ก็ก้มหน้าลงมาใกล้ๆ

ใบหน้าของพี่วินอยู่ใกล้แค่คืบเท่านั้น จากมุมที่เขามองเห็นขนตายาวเป็นแพ จมูกโคตรโด่ง แค่ครึ่งหน้ายังต้องยอมรับว่าพี่วินหน้าตาดีเสียจนทำให้หัวใจเขาเต้นแรง เด็กหนุ่มมัวแต่สนใจเสี้ยวหน้าของทันตแพทย์หนุ่ม มองเพลินจนลืมสนใจปากตัวเอง ลืมสนใจทันตแพทย์อีกคนที่อยู่ข้างๆ ลืมความเจ็บปวดทั้งหมดไปเสียสนิท โดนทำอะไรกับปากบ้างก็ไม่รู้ตัวเลย

คิดถึง... เขาอดทนไม่พบพี่วินมาได้ยังไงตั้งเป็นสัปดาห์

แต่สักพักทันตแพทย์หนุ่มก็ถอยออกไป เด็กหนุ่มจึงมองตามอย่างรู้สึกเสียดาย

เสร็จแล้วเหรอวะ ทำไมไวจัง... นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาอยากทำฟันนานๆ

รวินท์ก้มลงมาอีกครั้ง พร้อมกับใช้กระดาษทิชชูซับตรงมุมปากของคนอ่อนวัยกว่าให้อย่างอ่อนโยน

ภูพิงค์จับจ้องใบหน้าของทันตแพทย์หนุ่มนิ่งราวกับถูกมนต์สะกด เขาอยากจะมองพี่วินใกล้ๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อีกฝ่ายบอกให้ทำอะไรก็ทำตามอย่างว่าง่ายที่สุด หูก็ฟังทันตแพทย์ทั้งสองพูดคุยกันแม้จะฟังไม่รู้เรื่องก็ตามที แต่ดูเหมือนว่าพี่ลักษณ์จะสอนอะไรพี่วินไปด้วยโดยใช้ปากของเขาเป็นสื่อการสอน

พอรวินท์เงยหน้าขึ้นก็ประสานสายตากับเด็กหนุ่มเข้าพอดี “เพลินดีมั้ย”

ถามนี่... คิดว่าผมตอบได้เหรอวะ อ้าปากอยู่แบบนี้น่ะ

“จ้องผมจนเห็นสิวหมดทุกเม็ดแล้วยัง”

ไม่เห็นมีสักเม็ด หน้าเนียนอย่างกับตูดเด็ก

“เอาผ้าปิดตาคุณพิงค์ไว้ดีมั้ยคะ” พี่นิ้งโผล่หน้ามาถาม

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “อื้อ!” ไม่เอาเว้ย! พี่นิ้งนี่ แค้นเคืองอะไรเขามาแต่ชาติปางไหนวะ แกล้งกันอยู่ได้!

รวินท์หัวเราะจนตาหยี “ใกล้เสร็จแล้วน่ะ อย่าเพิ่งงอแง”

แม้คนอ่อนวัยกว่าจะเห็นเพียงแค่ดวงตาของทันตแพทย์หนุ่ม แต่เขาก็คิดว่าขนาดดวงตายังเป็นประกายขนาดนี้ แล้วริมฝีปากที่กำลังยิ้ม จะน่ารักน่ามองสักขนาดไหนกันวะ

ยิ่งจ้องมองไปก็ยิ่งรู้สึกถึงเสน่ห์ของอีกฝ่าย มันยากเหลือเกินที่จะห้ามใจไม่ให้หลงใหล หากถ้าไม่หยุดเสียแต่เนิ่นๆ แบบนี้... ตัวเขาท่าจะแย่ ยิ่งถ้าถลำลึกไปอีก อาการคงหนักกว่าตอนนี้หลายสิบเท่า

ภูพิงค์หักใจละสายตาออกไปจากทันตแพทย์หนุ่ม แล้วทอดถอนใจยาว

“เดี๋ยวผมให้ยาไปเพิ่มนะ ไม่ต้องเครียด ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พี่ลักษณ์ก็คอนเฟิร์มแล้ว”

ไม่นานพนักเก้าอี้ทำฟันก็ถูกยกขึ้น รวินท์ส่งทิชชูให้เด็กหนุ่มเช็ดปากและนั่งทำใจอยู่บนเก้าอี้ก่อน ส่วนตัวเขาออกไปคุยกับพี่ลักษณ์พี่นิ้งที่เคาทน์เตอร์ด้านหน้า

“จัดยาตามนี้นะ ค่าใช้จ่ายเดี๋ยวผมจัดการเอง”

“แหม คนไข้พิเศษเหรอวิน” พี่ลักษณ์หันไปแซ็ว

เจ้าของชื่อยิ้มบาง “เดี๋ยวผมไปส่งพี่...”

ทันตแพทย์หญิงโบกมือไปมา “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวแฟนพี่มารับ แล้วอย่าลืมพาพี่ไปเลี้ยงข้าวตามสัญญานะ”

“ครับๆ อยากกินอะไรนึกไว้เลย” รวินท์ยกมือไหว้ “ขอบคุณพี่ลักษณ์มากครับ”

“ไม่เป็นไรๆ นิดหน่อยนะ จริงๆ เคสนี้วินคนเดียวก็เอาอยู่” พี่ลักษณ์ตบไหล่รุ่นน้อง “แต่พี่ดีใจที่ได้เจอวินนะ”

ภูพิงค์กำลังค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พอได้ยินเช่นนั้นก็ชะงัก พี่วิน... อุตส่าห์ไปตามพี่ทันตแพทย์เฉพาะทางนี่มาเพื่อเขาเลยเหรอเนี่ย แล้วพวกเขามีความสัมพันธ์กันยังไง ทำไมพี่หมอผู้หญิงถึงใจดีกับพี่วินจังวะ

“หมอลักษณ์คะ รถของแฟนหมอนี่ใช่รถคันที่จอดตรงนั้นรึเปล่า มาจอดสักพักแล้วค่ะ” ผู้ช่วยทันตแพทย์อีกคนชี้บอก

“โห มาอย่างเร็ว สงสัยเพราะเห็นว่ามากับวินแน่ๆ” ทันตแพทย์หญิงหัวเราะ

“เหย ผมอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ” รวินท์ยิ้มเจื่อนๆ

ภูพิงค์เดินมายืนพิงประตูห้องตรวจ เขาแอบพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับแฟนพี่ลักษณ์ว่าไอ้พี่วินอันตรายจริงๆ

เมื่อทันตแพทย์หญิงหันมาเห็นเข้าก็โบกมือให้ “หายไวๆ นะคะ รักษาความสะอาดดีๆ ทานยาให้ครบนะ หมอไปละค่ะ”

เด็กหนุ่มยกมือไหว้ “ขอบคุณครับ”

พอทันตแพทย์หญิงกลับไปแล้ว ภูพิงค์จึงเดินไปที่เคาทน์เตอร์ซึ่งทุกคนยืนอยู่ “พี่หมอ”

รวินท์หันขวับ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันควัน ครั้งนี้พี่นิ้งเองก็ชะงัก เพราะเห็นว่าเด็กหนุ่มเคยเรียกแต่ชื่อเล่นของทันตแพทย์หนุ่มมาตลอด

“ผมจ่ายเองได้ บ้านไม่ได้อนาถาขนาดนั้น” คนอ่อนวัยกว่าหยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋าสตางค์ แล้วส่งให้ “นี่ครับพี่นิ้ง”

“คะ...ค่ะ”

เด็กหนุ่มลดสายตาลงต่ำ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ยังต้องมาทำอะไรอีกมั้ยครับ ถ้ามีก็นัดวันให้ผมด้วย”

“ดูอาการสักอาทิตย์นะ ถ้ากินยาครบอาการก็น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ เสาร์หน้าถ้าแผลประสานดีผมจะตัดไหมให้ ส่วนที่มีน้ำไหลออกมาจากจมูกเพราะคุณมีแผลทะลุโพรงไซนัส ต้องอดทนกับมันสักนิด รักษาความสะอาดดีๆ มันจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง แผลแบบนี้บางทีมันก็เกิดขึ้นได้บ้างจากการผ่าฟันคุดซี่บนนั่นล่ะ ไม่ต้องซีเรียสนะ ถ้าจะผ่าซี่ที่เหลืออีกก็รอให้หายดีก่อน แล้วมาผ่ากับผมก็ได้”

“ครับ” คนอ่อนวัยกว่าตอบสั้นๆ

ทันตแพทย์หนุ่มผลุบเข้าห้องด้านหลังไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สักพักจึงเดินออกมา พอเห็นภูพิงค์นั่งพิงพนักโซฟารออยู่อย่างอ่อนแรง สภาพเหมือนเพิ่งไปวิ่งเสยรถบรรทุกมาหมาดๆ ก็หัวเราะเบาๆ

รวินท์เอื้อมมือไปให้เด็กหนุ่มใช้จับยึด “ไปๆ ลุกสิ เดี๋ยวผมไปส่ง”

คนอ่อนวัยกว่าปัดมือทันตแพทย์หนุ่มออก “ขอบคุณครับ ผมยืนเองไหวน่ะ แค่มาทำฟัน ไม่ได้มาให้ทำคลอด”

“อ้าวเหรอ ก็เห็นทำท่าเหมือนเพิ่งตกเลือด งั้นก็ไปที่รถกัน” รวินท์พูดพลางเดินนำออกไปช้าๆ เขาหยุดชำเลืองมองคนที่เดินโซเซตามหลังมาเป็นพักๆ

เมื่อตอนมายังยอมให้เขาพยุงอยู่เลย ขากลับเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาอีกล่ะนี่ รวินท์ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ

ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับออกไว้ให้แล้วเดินวนไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ เขารอให้เด็กหนุ่มก้าวเข้ามานั่งข้างกันอย่างใจเย็น เมื่ออีกฝ่ายขึ้นมานั่งก็หอบแฮกเป็นสุนัขหอบแดด

รวินท์ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาค่อยๆ เคลื่อนรถออกไปอย่างเชื่องช้า เพียงครู่เดียวก็ถึงบ้านเช่าซึ่งเป็นจุดหมาย

เมื่อรถจอดนิ่ง ภูพิงค์ยกมือไหว้แล้วหันไปเปิดประตูรถออก หากพอจะก้าวลงจากรถ เจ้าของรถกลับรั้งแขนเขาไว้

“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”

“ผมไม่สบาย คุยไม่รู้เรื่องหรอก”

“ไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร ฟังเฉยๆ ก็พอ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้วอย่างลังเล ใจหนึ่งบอกตัวเองให้รีบไสหัวออกไปเร็วๆ แต่อีกใจ...อ่อนยวบยาบลงไปกองบนเบาะเรียบร้อย สุดท้ายเขาก็ดึงประตูปิดกลับมาเช่นเดิม ตามด้วยพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด

“ขอบใจ” รวินท์ดึงมือตนเองกลับ จากนั้นจึงผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ “ผมรู้ว่าในสายตาของคุณผมเป็นคนที่แย่มากขนาดไหน ผมแค่อยากบอกคุณว่าผมพยายามปรับปรุงตัวเองอยู่นะ”

“พี่บอกผมทำไม”

“ก็เพราะอยากบอกไง” ครั้งนี้เด็กหนุ่มยอมหันมาสบสายตาด้วย ทันตแพทย์หนุ่มจึงยิ้มบาง “แล้วผมก็จะแสดงให้คุณเห็นด้วย”

ภูพิงค์หลุบสายตาลงมองต่ำ เขาไม่อยากและก็ไม่ควรจะเชื่ออีกฝ่าย ถ้าไม่อยากเจ็บปวดมากไปกว่านี้

รวินท์งัดจุดอ่อนของเด็กหนุ่มขึ้นมาใช้ “คุณพูดเองไม่ใช่เหรอ เราขึ้นดอยด้วยกันมาแล้วก็เท่ากับเป็นเพื่อนกัน เพื่อนก็ต้องให้โอกาสเพื่อนสิ ผมทำอะไรไม่ดีก็เตือนผม ช่วยผมปรับปรุงตัวหน่อยนะ”

คนอ่อนวัยกว่าจนมุม เขาพยักหน้าหงึกหงักเออออไป “อือๆ”

“ตอบให้จริงใจหน่อยสิวะ”

“อือ”

“ถ้างั้น เลิกเรียกผมว่าพี่หมอ แล้วกลับไปเรียกเหมือนที่เคยเรียก...นะ”

“คิดดูก่อน”

“เดี๋ยวปั๊ดบีบแก้มแตกเลยนี่”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบสายตาคนพูด “โห เป็นหมอยังไงเนี่ย! มีขู่ทำร้ายคนไข้ด้วยอะ!”

“ตอนนี้ไม่ได้เป็นหมอเว้ย เป็นเพื่อนไง”

ภูพิงค์อ้ำอึ้ง ดูเอาเถอะ ทำไมไอ้พี่วินต้องพูดจาทำหน้าทำตาน่ารักใส่เขาด้วยวะ จะไม่ปล่อยให้เขาขึ้นจากหลุมเสน่ห์นี่ไปได้เลยใช่มั้ยวะเนี่ย!

หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นรัวแรงอยู่ในอก เขาเกลียดตัวเองตอนนี้ชะมัด

“แล้ว...กับพี่หมอผู้หญิง สนิทกันเหรอ” คนอ่อนวัยกว่าถามเสียงอ่อย

“จะเรียกว่าสนิทก็ได้ ก็สายรหัสเดียวกัน ไปกินข้าวด้วยกันทุกปีแหละ” รวินท์พยายามอ่านสีหน้าอีกฝ่าย “พี่เขาจบเฉพาะทางแล้วก็มาทำงานอยู่ที่นี่”

“อาการของผมมันแย่มากเลยเหรอ ทำไมต้องไปตามพี่หมอผู้หญิงมา”

“ไม่หรอก” ทันตแพทย์หนุ่มตบมือลงบนตักเด็กหนุ่มเบาๆ “ก็เพื่อนคุณเล่าอาการซะน่ากลัว ผมก็วิตกจริตเป็นเหมือนกันนะเว้ย แถมผมเองก็เป็นแค่หมอฟันมือใหม่ด้วย กลัวว่าคนเดียวจะรับมือไม่ไหว ผมก็เลยไปขอให้พี่เขามาช่วยดูให้ เพราะพี่เขาเชี่ยวชาญทางนี้มากกว่าผมมาก แต่คุณไม่ต้องห่วงนะ กินยาให้ครบ ไม่กี่วันก็ดีขึ้นแน่”

“ขอบคุณครับ”

รวินท์ยิ้มบาง พลางเคลื่อนมือไปวางประกบลงบนหลังมือคนอ่อนวัยกว่า “ผมเป็นห่วงคุณมากนะรู้มั้ย”

ระหว่างพวกเขาเงียบกริบลงไปอีกครั้ง

ภูพิงค์รู้สึกเหมือนหัวใจของเขาทำงานหนักจนหยุดเต้นไปชั่วครู่ อยากจะยกมือขึ้นกุมอกก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นถึงความหวั่นไหวในหัวใจ เขาจึงได้แต่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นหิน เลี่ยงที่จะสบสายตาด้วยแล้วลดสายตาลงมองมือของตนเองที่อยู่ใต้มืออุ่นๆ ของทันตแพทย์หนุ่ม

รวินท์บีบมือที่อยู่ใต้ฝ่ามือตน “คืนนี้ไหวมั้ย อยากให้นอนค้างด้วยรึเปล่า”

คราวนี้ภูพิงค์ยิ่งอ้ำอึ้งหนักไปอีก ใจหนึ่งบอกให้ตัวเองปฏิเสธ แต่อีกใจ... เขาจะปฏิเสธไปได้อย่างไรกันวะ! ในเมื่อเขาเองก็คิดถึง อยากอยู่ใกล้ชิดกับอีกฝ่าย

“เผื่อตกเลือดตอนดึกๆ ผมจะได้บอกลาทัน”

คนอ่อนวัยกว่าขึงตาใส่ “นั่นปากเรอะพี่!”

“พี่อะไร”

“พี่...”

“ลืมชื่อแล้วรึไง ใครแก่กว่ากันกันแน่วะ”

ใครจะไปลืมลงวะ!

“พิงค์” รวินท์ทำเสียงกึ่งดุ

“เออๆ พี่วิน”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง ยิ่งดูน่ารักขึ้นไปอีกร้อยเท่าในสายตาของเด็กหนุ่ม “ว่าไง อยากให้ค้างด้วยมั้ย”

คนอ่อนวัยกว่าพยายามเก๊กหน้านิ่ง แต่แล้วก็พยักหน้าช้าๆ

“เดี๋ยวผมเลื่อนรถแป๊บ คุณลงไปก่อน” พออีกฝ่ายก้าวลงจากรถไป เขาก็เอื้อมมือไปเลื่อนเกียร์ ถอยรถจอดให้ชิดกำแพง จากนั้นจึงก้าวลงมา


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 05-03-2018 19:21:45


ภูพิงค์ยืนหน้ามุ่ยอยู่ที่หน้าบ้าน ในมือถือถุงยาขยี้ไปขยี้มา หงุดหงิดกับตัวเองเล็กน้อยที่ปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้ พอทันตแพทย์หนุ่มเดินเข้ามาหาก็เดินนำเข้าบ้านเช่าไป


ภายในบ้านทุกคนกำลังจัดการมื้อค่ำกันอยู่ มื้อนี้พวกเขากินข้าวเหนียวหมูทอดแบบไม่เกรงใจคนที่หน้าบวมกันเลย

“อ้าว ไอ้พิงค์ พี่หมอ~ กลับมาไวจัง”

“ไม่ต้องทำหน้าเศร้าเว้ยไอ้พิงค์ โจ๊กมึงอยู่ในหม้อนู่น”

“พี่หมอกินข้าวกัน”

เด็กหนุ่มคิดว่าพี่วินก็คงจะหิวเหมือนกันนั่นล่ะ ปกติสายแดกซะด้วย เขาจึงหันไปบอกอีกฝ่าย “พี่กินอะไรก่อนละกัน ผมจะไปอาบน้ำก่อน” พูดจบก็เดินโซเซออกไป

“พี่หมอ นั่งๆ” แซนดี้ลุกขึ้นมาฉุดแขนทันตแพทย์หนุ่มให้ไปนั่งลงในวงด้วยกัน “กินก่อนพี่ เดี๋ยวไม่มีแรงรับมือมันนะ ระยะนี้มันดุยังกะกระทิง ขวิดไม่เลือกหน้าด้วย”

รวินท์ยิ้มบาง เขานั่งลงอย่างว่าง่าย แล้วพวกเด็กหนุ่มก็เอาจานกับช้อนส้อมมาเสิร์ฟให้ กินไปได้สักพักจึงเริ่มพูดคุยกัน

“ตกลงปากมันจะหายมั้ยอะพี่หมอ”

“หายสิ แต่ต้องกินยาให้ครบ แล้วก็รักษาความสะอาดมากๆ หน่อย ช่วยดูเขาด้วยละกัน”

“น่ากลัวชะมัด ไอ้เวรนี่ก็ไม่รู้เกิดบ้าอะไรขึ้นมา จู่ๆ ก็เสือกไปผ่าฟันคุด ทั้งที่ปกติกลัวหมอฟันยิ่งกว่ากลัวผี”

ซันพยักหน้าหงึกหงัก “นั่นดิ ใกล้สอบแล้วด้วย เกิดต้องนอนโรงบาลเป็นอาทิตย์ทำไงวะ ดีนะที่ตอนกูผ่าไม่สาหัสเท่าไอ้พิงค์ แต่กูก็ไข้ขึ้นหลายวันเหมือนกัน”

“ไอ้เหี้ย ดีแล้วที่กูยังไม่ผ่า คิดแล้วสยอง”

รวินท์ต้องรีบห้าม ก่อนทุกคนจะตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ “ใจเย็นๆ พิงค์เขาไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้นหรอก การผ่าฟันคุดไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ พวกคุณอย่าเข้าใจผิด บางคนก็มีไข้หลังการผ่าน่ะ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย แต่ผมว่าอย่างพิงค์น่ะ พรุ่งนี้เขาก็น่าจะลุกมาวอนหาเรื่องได้บ้างแล้วล่ะ ส่วนที่มีน้ำไหลออกมาจากจมูกตอนบ้วนปาก นั่นเพราะรากฟันบนมันอยู่ใกล้โพรงไซนัสไง เวลาผ่าฟันออกไปมันก็เลยเกิดแผลทะลุถึงกันได้ และมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนหรอก”

“โชคดีนะเนี่ยที่มีพี่หมอ” ดิวเอ่ยขึ้นพลางกะพริบตาปริบๆ “คืนนี้พี่หมอจะค้างมั้ย”

“อือ ผมจะขออยู่ดูอาการเขาหน่อยนะ”

ซันยังก้มหน้าก้มตากินอยู่ ขิงจึงถีบไปเบาๆ “งั้นมึงมานอนห้องกู”

“ไม่เป็นไร ผมนอนพื้นก็ได้”

คนถูกถีบเงยหน้าขึ้น “เฮ้ย ไม่ได้หรอกพี่ นอนเตียงผมนั่นแหละ... คือมันก็แค่ที่นอนเปล่าๆ แต่ก็ดีกว่านอนพื้นนะพี่ ผมฝากไอ้พิงค์ด้วยละกันครับ”

เมื่อเห็นว่ารวินท์กินใกล้เสร็จแล้ว แซนดี้จึงลุกขึ้น “เดี๋ยวอุ่นโจ๊กให้ไอ้พิงค์ก่อน จะได้ฝากพี่หมอเอาไปให้มันด้วย”

“เตรียมน้ำเกลืออุ่นๆ ให้เขาบ้วนปากด้วยก็ดีนะ เกลือประมาณหนึ่งช้อน น้ำอุ่นหนึ่งแก้ว”

“ได้ครับพี่”

สักพักแซนดี้ก็ถือถาดใส่ชามโจ๊ก แก้วน้ำและกระติกน้ำแบบเก็บความร้อนได้มาส่งให้ “ในกระติกนี่เป็นน้ำเกลืออุ่นๆ นะพี่หมอ ผมเตรียมไว้ให้รวดเดียวเลย จะได้ไม่ต้องขึ้นไปกวนบ่อยๆ”

“โอเค”

พอทันตแพทย์หนุ่มรับถาดไปถือไว้ ทั้งสี่คนก็ยกมือไหว้ “ขอบคุณคร้าบพี่หมอ”

รวินท์ถือถาดเดินขึ้นบันไดไปช้าๆ เขาเคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปข้างใน

ภูพิงค์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เส้นผมยังชื้นๆ อยู่เลย เขานั่งเอนหลังพิงกองหมอน ท่าทางจะหมดแรงพอตัว

“กินโจ๊กก่อน จะได้กินยาก่อนนอน”

เด็กหนุ่มตักโจ๊กกินอย่างว่าง่าย เพราะเขาหิวด้วยล่ะ กินไปก็ชำเลืองมองคนที่นั่งด้วยกันเป็นระยะๆ แต่แล้วอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาช่วยเช็ดผมให้อย่างอ่อนโยน

เขาอดยิ้มออกมาอย่างพอใจไม่ได้

เฮ้อ... กูหนอ

“อยากให้ป้อนมั้ย”

“ฮะ!” คนอ่อนวัยกว่าไม่ทันตอบ รวินท์ก็ดึงชามโจ๊กออกไปจากมือเขาแล้ว

ทันตแพทย์หนุ่มตักโจ๊กขึ้นมาเป่าเบาๆ จากนั้นจึงเอาไปจ่อปากเด็กหนุ่ม “เอ้า อ้า...”

ภูพิงค์อ้าปากตามที่รวินท์บอก พอกลืนโจ๊กลงท้องไปก็อ้าปากรอให้ป้อนเป็นลูกนก เพราะริมฝีปากสีแดงฉ่ำที่เป่าโจ๊กให้เขาแท้ๆ ทำให้สายตาเขาจับจ้องไปอย่างลืมตัว จนทำให้รู้สึกว่าโจ๊กในชามหมดไวเหลือเกิน

“ดื่มน้ำหน่อย”

พอดื่มน้ำเสร็จก็ชี้ไปทางกองเสื้อผ้าที่พับไว้อย่างเรียบร้อย “ผมเตรียมเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวไว้ให้พี่แล้วนะ พี่ไปอาบน้ำก่อนเถอะไป”

“โอเค คุณนั่งพักไปก่อน เดี๋ยวกินยาแล้วจะได้แปรงฟันบ้วนน้ำเกลือ”

“ครับ”

รวินท์ยิ้มบาง พลางใช้หลังมือสัมผัสแก้มตรงที่บวมเล็กน้อยอย่างแผ่วเบา “อดทนหน่อย กินยาให้ครบ รักษาความสะอาดมากๆ ไม่กี่วันก็หายละ” ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้า แล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไป

คนอ่อนวัยกว่ามองตามตาละห้อย เขาถอนหายใจหนักๆ

เพราะอะไรกันนะ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาสามารถตัดใจจากคนที่ชอบได้อย่างไม่ยากลำบากนัก แต่ครั้งนี้... ทั้งที่ต้องเจ็บ... หากก็ยังอยากจะฝืนอดทน

เด็กหนุ่มเอนหลังพิงกองหมอนไปอีกครั้งอย่างอ่อนใจ

ไม่นานทันตแพทย์หนุ่มก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนอนแหงนหน้ามองเพดานไปอย่างเลื่อนลอย เขาจึงเดินเข้าไปหาแล้วชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ “กินยารึยัง”

“ยัง รอพี่อยู่”

“ต้องให้ป้อนยาด้วยรึไง” รวินท์หัวเราะ พลางเอื้อมมือไปหยิบยาและแก้วน้ำส่งให้ “เอ้า”

พอกินยาเสร็จ ภูพิงค์ก็ลุกขึ้นเตรียมไปแปรงฟันและบ้วนน้ำเกลือตามที่ทันตแพทย์หนุ่มบอก เขาทำมือบอกให้อีกฝ่ายนั่งรอเฉยๆ “ผมทำเองได้น่ะ” เพราะที่จริงกลัวว่าพี่วินจะเห็นเขาตอนน้ำไหลออกจากจมูก โคตรไม่เท่เลย ตอนตีกลองสะบัดชัยอุตส่าห์สะสมความเท่ไว้ตั้งเยอะ

สักพักเด็กหนุ่มก็เดินเซออกมาจากห้องน้ำ กลับมานั่งลงบนฟูกที่นอนพลางหอบเบาๆ เขาส่ายหน้าไปมา “แม่ง แค่ผ่าฟันยังขนาดนี้ คนที่เขาคลอดลูกกันนี่จะขนาดไหนวะเนี่ย”

“คลอดลูกน่ะ เลือดออกมากกว่าผ่าฟันเยอะ แค่นี้น่ะ จิ๊บๆ เท่านั้น” รวินท์เขกศีรษะเด็กหนุ่มไปหนึ่งที “เอ้า นอนๆ”

“แล้ว... พี่จะนอนตรงไหน”

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดคิด ก่อนจะหันไปตอบ “นอนกับคุณไง ได้ใช่มั้ย”

“อ่า... เอ่อ... ก็ได้” คนอ่อนวัยกว่าขยับให้บนเตียงมีที่ว่างพอสำหรับให้อีกฝ่ายเอนตัวลงนอนได้ ในเมื่อพี่วินอุตส่าห์เสียสละมาดูแลเขา จะให้พี่วินนอนพื้นได้อย่างไร เขาไม่อยากรบกวนไอ้ซันมันด้วย และที่สำคัญที่สุด... เขาอยากใกล้ชิดกับพี่วิน แค่เล็กน้อยก็ยังดี

รวินท์ยิ้มกว้าง เขาลุกไปปิดไฟแล้วเอนตัวลงนอนข้างเด็กหนุ่ม “ถ้ารู้สึกมีไข้ หรือปวดมากก็เรียกผม เดี๋ยวเอายาให้” เขาพูดขึ้นโดยที่ไม่หันหน้าไปทางอีกฝ่าย เพราะบนหมอนใบเดียวกันเช่นนี้ ถ้าหันไปจมูกเขาคงโดนแก้มป่องๆ ของภูพิงค์แน่ๆ

“รู้สึกดีขึ้นมากแล้วพี่ แล้วก็... เอ่อ วันนี้ขอบคุณมากนะครับ”


สองหนุ่มกะพริบตาปริบๆ ต่างคนต่างมองเพดานอยู่สักพัก จนกระทั่งทันตแพทย์หนุ่มพูดขึ้นอีกท่ามกลางความเงียบงัน

“หลับรึยัง คุยกันอีกนิดได้มั้ย”

“หลับแล้ว” ภูพิงค์ตอบไปแบบนั้น เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะคุยเรื่องอะไรน่ะสิ

“งั้นผมคุยคนเดียวก็ได้” รวินท์หยุดถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ “ผมดีใจมากนะที่คุณมาหาผมวันเกิด หมอนข้างน่ารักมาก ขอบใจนะ”

เด็กหนุ่มหันหน้าหนี เพราะเขาไม่อยากนึกถึง ไม่อยากได้ยินเรื่องวันนั้นอีก

“คนที่คุณเจอในห้องผมชื่อคุณออย ผมเคยเจอเขาตอนไปวิ่งสองสามครั้ง ผมจะบอกคุณตามตรงนะ วันนั้นไม่ได้ทำอะไรนอกจากจูบที่ปาก คอแล้วก็หน้าอก จับสะโพกเขาไปทีนึงด้วย”

โอ้โห... ไม่ต้องเล่าละเอียดขนาดนั้นก็ได้มั้ย ถามคนฟังหน่อยเถอะว่าเขาอยากฟังมั้ย

คนอ่อนวัยกว่าทำเสียงกรนเบาๆ เผื่อว่าจะทำให้อีกฝ่ายหยุดพูดได้

“ผมผิดเอง ทำตัวไม่ดี ใจง่ายด้วย แต่เพราะนึกถึงคุณขึ้นมา ผมถึงได้หยุดไว้แค่นั้น แล้วตอนที่ผมกำลังขอโทษคุณออย คุณก็ดันโผล่มาพอดี”

“ไม่ใช่ว่าหยุดเพราะผมโผล่ไปขัดจังหวะพอดีรึไง”

“อ้าว ยังไม่หลับเหรอ”

ภูพิงค์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “เรื่องวันนั้นช่างแม่งเถอะ ผมไม่อยากฟังแล้ว”

รวินท์เม้มปากแน่น คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้สารภาพความจริงกับภูพิงค์แล้ว และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขา อย่างน้อยก็ยังยอมให้คนอย่างเขา... เป็นเพื่อนได้

ทันตแพทย์หนุ่มพลิกตัวหันหลังให้คนที่นอนอยู่ข้างกัน ก่อนจะข่มตาหลับลง เขาควรจะดีใจที่อย่างน้อยก็ได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องของหัวใจน่ะ

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่มีโอกาสมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะภูพิงค์... คงไม่ได้ชอบผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเขา


*TBC*


ฮัสกี้พาพี่วินมาง้อน้องแล้ววว แต่น้องจะเล่นตัวไหวมั้ยเนี่ย 5555555 ดูจะใจอ่อนให้พี่รัวๆ

/พี่วินมารยาเยอะ น้องพิงค์ต้องสู้นะ!

ดูซิ๊ดู เพื่อนน้องพิงค์ยกเตียงให้นอนแล้วก็ยังเนียนมานอนเบียดน้องอีก คนเรา  :เฮ้อ:

ตอนนี้กับตอนที่แล้วเป็นเรื่องของฟันคุดล้วนๆ จริงๆ การผ่าฟันคุดมันไม่ได้น่ากลัวหรอกนะคะ กรณีแบบน้องพิงค์ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ น้าาา เพราะงั้นใครที่กำลังลังเล ไปผ่าเถอะค่ะ เผื่อได้เจอหมอวินงายย อิอิ จะได้ฟินเหมือนตอนน้องพิงค์ขึ้นเขียงนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่า ขอบคุณพี่สาวและคุณหมอมินต์อีกรอบที่สละเวลามาให้คำปรึกษา เยิฟๆ นะคะ :mew1:

ปล. โห สามสิบตอนแร้ววว สองหนุ่มยังไม่ได้จุ๊บกันจริงๆ จังๆ เลยอะ 55555555 รอกันต่อไปอีกนิดนะคะ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 30 : ฟันคุดพาทรุด][270218]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-03-2018 19:34:32
ต่างก็ชอบกันแล้ว น้องพิ้งอย่างอนนานสิ ถถถถถ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-03-2018 19:47:59
ห้ามปอดซิพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 05-03-2018 19:50:21
พี่วินง้อขนาดนี้แล้วหายโกรธเถอะพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 05-03-2018 19:55:23
พิงค์ไม่ต้องเล่นตัวแล้วพี่หมอดูแลดีขนาดนี้ ฏอก่สมาละปล้ำเลย55855
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-03-2018 19:56:52
 คนน้องก็ยังงอนพี่อยู่ส่วนคนพี่ก็คิดว่าน้องไม่ได้ชอบผู้ชาย :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 05-03-2018 20:06:52
ถ้าเราเป็นพิงค์เอาจริงๆ เราก็คงอยากถอยอ่ะ เพราะหมอวินถึงจะขี้อ่อยแต่ก็เป็นของแรร์ งานนี้พี่หมอวินต้องรุกแล้วล่ะขืนป๊อด อด!!นะเออ..
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-03-2018 20:13:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 05-03-2018 20:18:02
พี่วิน ทุ่มสุดตัวไปเลยยยย ละอ่อนน้อยจะได้เทใจให้ทีเดียวทั้งดวง อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 05-03-2018 20:19:46
 :ling1:ลุ้นต่อๆๆๆๆๆไป
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 05-03-2018 20:21:09
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
ความดราม่าทั้งหมดทั้งมวลคือต่างคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้ชอบตัวเองนี่แหละ  รุ้สึกเจ็บหน่วง ๆ สงสารพิงค์ก็สงสาร สงสารพี่วินท์อีกคน ต่างคนต่างรัก รอใครสักคนเปิดปากก่อนคนนั้นชนะ  :ruready อุตส่าห์ดีกันแล้วเชียว แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้  :mew6:


รอตอนต่อไปค่ะ



 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 05-03-2018 20:26:36
เฮ้อ...ต่างคนต่างคิดไปคนละทาง เมื่อไรจะรักกันน่อ  :mew2:
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 05-03-2018 20:32:40
พี่วินคะ เพื่อนธรรมดาที่ไหนเขางอนตอนเห็นพี่ไปนัวเนียสาว
เขาหึงค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-03-2018 00:26:31
เล่นตัวเยอะๆเลยพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-03-2018 00:29:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-03-2018 00:35:27
 :L2: :m31:  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 06-03-2018 00:40:23
 :3123: :pig4: :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-03-2018 00:48:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่ปล่อยให้พูดความในใจให้หมด  แล้วเมื่อไรจะเข้าใจกันและกันหล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 06-03-2018 00:51:10
พี่วินพยายามกว่านี้หน่อยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 06-03-2018 01:00:13
ซันจ๋าเตียงที่เสียสละนะเค้้าไม่สนค่ะเค้าชอบนอนเบียดๆกันค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-03-2018 02:27:42
พิงค์งอนมากสุดก้ไก้แค่นี้แหละลูกเอ้ยยย
ใจอ่อนไปหมดเลย นี่ใจอยากให้งอนพี่หมออีกเยอะๆ
นี่มาสายเนียนชัดๆ ง้อย้องอีกเดี๋ยวนี้เลยพี่วิน
ทำน้องเสียใจ ปวดใจไปตั้งนาน ไม่รีบมาง้อด้วย
เยี่ยต้องง้อนานๆเลย ถ้าเราเป็นพิงค์คือยังไงก้ถอยแล้วอะ เจองั้น
พี่หใอต้องรุกจีบจริงๆแล้ว ไม่งั้นต่างคนต่างถอยแน่ๆอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 06-03-2018 08:49:24
อ่านมาจนถึงตอนนี้ ใจเชียร์ วินพิงค์ มาตั้งแต่แรก แต่บางตอนก็สงสัยว่าเดี๋ยวจะกลายเป็น พิงค์วิน หรือเปล่า รอลุ้นต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 06-03-2018 09:46:20
อ่าววว พี่หมออออออ ไหงถอยง่ายจังเหวยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-03-2018 10:45:12
พี่วินง้อต่ออีกหน่อย ไหนๆก็ไปนอนเบียดกันแล้ว
อย่าเพิ่งคิดไปเองกันนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 06-03-2018 11:40:09
อ่อยเบอร์แรงมากพี่หมอวินนนนนนนนนน รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-03-2018 11:48:01
 :z3: :z3: :z3: ถถถถถถถ.....อุตส่าห์นอนเตียงเดียวกันแท้ๆ  :hao3:
ยังมีดราม่าต่อซะอีก  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
พิงค์ ก็แสลงใจ ไม่อยากฟังเรื่องหญิง
ี่วิน ก็คิดว่าพิงค์ไม่ชอบผู้ชาย คงไม่ชอบตัวเอง  :ling1: :ling1: :ling1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-03-2018 11:52:34
พี่หมอ อย่าเพิ่งถอย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 06-03-2018 12:27:52
โอ้ยยย พี่วินตื่นหน่อยค่ะ น้องพิงค์คิดมากกว่าคำว่าเพื่อนนะคะ บอกไว้เลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-03-2018 14:54:31
พี่หมอง้อน้องพิงค์เยอะๆหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 06-03-2018 18:20:14
แงงงพี่วินมีความตัดพ้ออ่ะ เป็นกำลังใจให้พี่วินนะคะ สู้! ส่วนน้องพิงค์ก็สู้ๆหายจากการไปผ่าฝันมาเนอะเห็นละสงสาร
แต่แบบมีความตัดพ้อในใจกันไปมา ถ้าได้ปลดล็อคคือเกียวฟินเลย5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 06-03-2018 19:17:38
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-03-2018 22:55:09
รู้ใจตัวเองกันแล้ว เมื่อไหร่จะรู้ใจกันและกันซักที คิดเองเออเองกันอยู่นั่นแหล่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 07-03-2018 07:13:53
เล่นตัวมากระวังชวดนะพิงค์ พี่หมอยิ่งฮอตๆ อยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 07-03-2018 09:49:13
ทั้งๆที่ใจตรงกันแล้วแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาเนี่ย มันน่าตี!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-03-2018 20:55:09
พี่หมอจะจีบน้อง หรือจะยังไงก็รีบบอกน้องไปเลยครับ ไม่อยากให้น้องต้องเศร้า เสียใจ กับพี่หมออีก สงสารน้องมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-03-2018 06:32:02
พี่วินมาง้อแล้ว พิงค์ก็งอนเล่นตัวนิดหน่อยพอนะจะได้หวานๆต่อ o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: Khaoggg ที่ 08-03-2018 22:09:19
 :o8:น่าร๊ากกกกกกกกกกก
เอาใจช่วยพี่หมอน๊าาาาาาาา
อดทนหน่อยน้องพิงค์แค่แอ๊บโกรธเอ๊งงงง 555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 10-03-2018 18:56:11
โอ๊ย!!! หงุดหงิดจริงๆ

สารภาพรักกันสักทีเถ๊อะ!!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 11-03-2018 05:19:10
เข้ามาส่องทุกวัน แบบว่าคิดถึงพี่หมอวินกับพิงค์  :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 11-03-2018 10:46:36

Chapter 32 : เพื่อนรัก


ตอนเที่ยงวันภายในร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลลำพูนนัก ทันตแพทย์หนุ่มทั้งสามคนมากินมื้อเที่ยงด้วยกันเช่นเคย สิงหาก้มหน้าก้มตากิน ทว่าไอ้รุ่นน้องสองคนของเขาน่ะสิ นั่งเขี่ยเส้นกันอยู่นั่นล่ะ

สิงหาใช้ข้อศอกสะกิดคนที่นั่งข้างๆ พร้อมกับใช้ขาเขี่ยคนที่นั่งตรงข้ามกัน “เฮ้ย กินไวๆ เดี๋ยวเส้นอืดหมด”

“กินไม่ลงว่ะพี่” รวินท์พูดทั้งยังก้มหน้ามองเส้นก๋วยเตี๋ยวในชาม

“ยัดๆ ลงไปเถอะ ยังต้องใช้แรงทำฟันคนไข้นะเว้ย”

รวินท์ถอนหายใจ เขาพยายามเลี่ยงที่จะไม่สบสายตากับเตชิตซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกันมากนัก หลายสิ่งหลายอย่างทำให้ความรู้สึกอึดอัดระหว่างกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาไม่อาจกลับไปทำตัวปกติได้เหมือนก่อน นับจากวันที่ได้พบกับขวัญข้าว เขากับเตชิตก็แทบไม่ได้พูดคุยกันนอกเหนือเวลางานเลย ถึงแม้อีกฝ่ายจะพยายามเข้าหา เอาใจใส่เขาเหมือนเช่นเคยก็ตามที

“ผมไม่ต้องกลับบ้านทุกอาทิตย์แล้วล่ะ ต่อจากนี้ไปคงกลับเดือนละหนสองหน พ่อกับน้องดีขึ้นมากแล้ว”

“เออ ดี วันเสาร์อาทิตย์ไอ้วินมันจะได้พักบ้าง ดูดิ ทำงานจนพักผ่อนไม่พอ เอ๋อแดกเลยเนี่ย”

เจ้าของชื่อเรียกไม่ได้โต้เถียงอะไร เขานั่งละเลียดก๋วยเตี๋ยวในชามต่อไปเรื่อยๆ พลางนึกย้อนกลับไปเมื่อตอนเช้าวันอาทิตย์ เขาลุกออกจากเตียงมาโดยที่ไม่ได้ร่ำลาอะไรเด็กหนุ่ม เพราะเห็นว่ายังหลับอยู่ จนถึงวันนี้ซึ่งก็เป็นวันพฤหัสแล้ว หากพวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยอะไรกันอีก เขาส่งข้อความไปถามดูอาการอีกฝ่ายก็ไม่ตอบ ไม่อ่านข้อความของเขาเลยด้วยซ้ำ จะโทรศัพท์ไปถามก็ไม่กล้า เขาไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรหากอีกฝ่ายไม่รับสาย หรือแย่กว่านั้น... อาจจะตัดสายทิ้งไปเลยก็ได้

“เฮ้อ...”

“กลุ้มใจเรื่องอะไรนักวะ ไอ้วิน” เตชิตถามขึ้น

“เปล่า... เปล่าหรอก แค่รู้สึกเหนื่อยๆ” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเตชิตแค่แวบเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ลุกขึ้น หยิบเงินวางลงบนโต๊ะ “ผมกลับโรงบาลก่อนนะพี่ ไอ้เต้ มึงนั่งเป็นเพื่อนพี่สิงหาก่อนละกัน” แล้วจึงสาวเท้าฉับๆ เดินออกไปตามลำพัง

สิงหามองตามรุ่นน้องไป ก่อนจะหันมาหาคนที่นั่งตรงข้ามกัน “ทะเลาะไรกันวะ”

“เปล่านะพี่”

“หลบตาแบบนี้ทะเลาะกันแหงๆ พวกมึงไปเคลียร์กันให้รู้เรื่องเลยนะ เห็นทำท่าแบบนี้กันมาสักพักละ ไม่อึดอัดกันบ้างเหรอวะ”

“พี่ว่า... ถ้าผมเคลียร์กับมัน มันจะฟังผมเหรอ”

“ไม่ลองก็ไม่รู้นะเว้ย แต่ที่แน่ๆ มึงไม่ควรปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ ยิ่งนานวันไปก็จะยิ่งปรับความเข้าใจกันได้ลำบาก”

เตชิตพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “ผมจะลองดู”



ในตอนบ่ายของวันเดียวกัน เสียงดังอื้ออึงสะท้อนก้องใต้ตึกวิศวกรรมศาสตร์ เหล่านักศึกษากำลังสุมหัวติวหนังสือกันอย่างหนัก เนื่องจากการสอบไฟนอลที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้านี้แล้ว

ภูพิงค์แยกมานั่งตามลำพังเพราะต้องการใช้สมาธิมากขึ้น เขานั่งแก้โจทย์ไปพักใหญ่ ไอ้ซันเพื่อนรักก็คลานเข้ามานั่งด้วย จากนั้นก็คอยชะเง้อมองวิธีทำกับคำตอบเพื่อเอามาเทียบกันกับของตัวเอง

หลังจากทำแบบฝึกหัดหมดไปหลายชุด ซันก็ยืดแขนออกบิดขี้เกียจ แล้วก็โน้มใบหน้าเข้าไปหาคนที่ก้มหน้าก้มตาทำโจทย์เหมือนจะต้องทำแบบฝึกหัดให้หมดโลกในวันนี้ “ไอ้พิงค์ กูว่าจะบอกมึงตั้งกะเช้าละ หน้ามึงหายบวมไปเยอะแล้วอ่ะ”

“เออ กูรู้”

“วันนี้ตอนบ้วนปากยังมีน้ำไหลออกจมูกป่ะวะ”

“นิดหน่อย”

“เลือดล่ะ”

“ตอนแปรงฟันก็ยังมีบ้างนิดหน่อย”

“ก็ดีขึ้นมากแล้วสิเนอะ”

“เออ”

“แล้วพี่หมอรู้ยัง”

“ไม่รู้ ไม่ได้คุยกัน”

“กูเห็นพี่หมอส่งข้อความมาถามมึง มึงไม่ได้ตอบพี่เขาเหรอ”

ภูพิงค์ชะงักกึก “มึงแอบดูโทรศัพท์กูเหรอ”

“ไม่ได้แอบเว้ย เห็นผ่านๆ แต่พี่เขาอุตส่าห์เป็นห่วงมึงนะ มึงจะไม่บอกความคืบหน้าให้พี่หมอรู้บ้างเหรอวะ”

“เดี๋ยววันเสาร์มีนัดตัดไหม พี่เขาเห็นก็หายห่วงเองแหละ” ภูพิงค์รื้อหาโจทย์ใหม่ขึ้นมาทำต่อ

“สงสารพี่หมอว่ะ” ซันเปรย แต่ก็หยุดไว้แค่นั้น เขาก้มหน้าลงทำแบบฝึกหัดข้อใหม่บ้าง

เด็กหนุ่มชำเลืองมองเพื่อน... สงสารพี่วิน แล้วไม่สงสารกูบ้างเหรอวะ? ทุกวันนี้กูก็ยังไม่รู้จะทำยังไงกับความรู้สึกของกูเลยไอ้เหี้ย


“พิงค์ๆ พิงค์โว้ย”

เจ้าของชื่อเรียกเงยหน้าขึ้น “มีไรวะจิ๊บ”

หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันถือแผ่นกระดาษที่เย็บติดกันไว้ห้าหกแผ่นตรงเข้ามาหา “แนวโจทย์จากพี่ป๋องเว้ย! อาจารย์คอนเฟิร์มว่าถ้าทำทั้งหมดนี่ได้ ทำข้อสอบได้แน่นอน มึงมาช่วยกูแก้ด่วน!”

จิ๊บแบ่งกระดาษให้เพื่อนหัวกะทิต้นฉบับของภาคอีกสี่คนไปช่วยกันแก้ปัญหา กระดาษแผ่นหนึ่งมีโจทย์สามข้อ แต่ยากบรรลัย ทว่าพวกเขาคือความหวังของภาคในตอนนี้ ทั้งหกคนจึงแบ่งกันไปนั่งเป็นคู่ๆ ช่วยกันเฉลยโจทย์



ฝ่ายรวินท์นั้น เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็ตรงกลับไปยังห้องพักทันที เขาเลี่ยงที่จะกลับพร้อมเตชิตทั้งที่เลิกงานพร้อมกัน บางวันก็บอกให้อีกฝ่ายกลับไปก่อนเพราะจะอยู่ทำงานต่อ บางวันก็ชิงกลับก่อนเอง ทำแบบนี้มาเป็นสัปดาห์แล้ว

พอกลับมาถึงห้องได้ก็รู้สึกโล่งใจ เขาเดินตรงเข้าห้องอาบน้ำ ว่าจะอาบน้ำให้สบายใจสักหน่อย ทว่าเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเสียก่อน

เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นเตชิตเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ก็กดรับสาย “มีอะไร”

“มีเรื่องจะคุยด้วย ออกมาคุยกันหน่อยได้ป่ะวะ หรือจะให้กูไปหาที่ห้อง”

“คุยโทรศัพท์ไม่ได้รึไงวะ”

“กูอยู่กับคุณออย มีเรื่องสำคัญจะต้องคุยกับมึง”

รวินท์ชะงักเมื่อได้ยินชื่อของหญิงสาว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่แปลกใจอะไรมากที่ไอ้เต้รู้เรื่องของเขากับเธอ “มึงอยู่ไหน”

“ห้องกู”

“เดี๋ยวกูไปหา”

ทันตแพทย์หนุ่มรีบรุดออกจากห้องไปทันที นอกจากกุญแจห้องแล้วก็ไม่ได้หยิบอะไรติดไปด้วย เมื่อไปถึงห้องของเตชิตก็หยุดเคาะประตู ก่อนจะเปิดเข้าไป

หากเมื่อมองไปภายในห้องกลับไม่เห็นมีใครอยู่ “ไอ้เต้” เขาก้าวเข้าไปช้าๆ จากนั้นบานประตูก็ปิดลงสนิท พร้อมกับเตชิตที่ก้าวเข้ามายืนพิงบานประตูขวางทางเข้าออกไว้

รวินท์หันขวับ “อะไรของมึงวะ แล้วไหนคุณออย”

“ติดใจรึไงวะ”

“เออ มึงอุตส่าห์หามาให้กูทั้งที”

เตชิตกระตุกยิ้ม “รู้ก็ดี กูจะได้ไม่ต้องพูดมาก”

“มึงเป็นคนเรียกพิงค์มาที่นี่ใช่มั้ย”

“ใช่ ก็วันเกิดเพื่อนรักทั้งทีนี่ กูหวังดีหรอกนะ”

รวินท์คว้าคอเสื้ออีกฝ่ายเข้าหาตัว “ไอ้เต้! มึง...”

“ทำไม กูทำให้มึงกับไอ้เด็กพิงค์ผิดใจกันเหรอ? คนรู้จักกันเฉยๆ ไม่น่าผิดใจกันเรื่องแบบนี้ได้นะ”

“สัส” รวินท์เถียงไม่ออก ได้แต่จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความขุ่นเคือง

เตชิตดึงมือที่ขยุ้มคอเสื้อของตนเองออก หากยังจับข้อมือนั้นค้างไว้ “ไปนั่งนั่นก่อน กูกับมึงมีเรื่องต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”

รวินท์ไม่อยากคุย แค่มองหน้าคนที่เขาเรียกว่าเพื่อนตรงหน้านี่ยังรู้สึกลำบากใจเลย แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เคลียร์กันสักทีก็คงดีเหมือนกัน เขาพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ กระชากมือตัวเองกลับคืนแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟา

“ได้ข่าวว่ามึงเคลียร์กับขวัญแล้ว”

“อือ”

“ได้เจอคุณโรจน์แล้วด้วย”

“กูมั่นใจว่ามึงไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้จากในเฟซแน่ๆ”

เตชิตเอนหลังพิงพนักโซฟาพลางหันไปทางคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “ใช่ กูรู้จากขวัญ แต่ก็หลังจากที่เห็นมึงโพสต์เป็นพระเอกในเฟซน่ะนะ”

“มึงทำให้กูกับขวัญเลิกกัน”

เตชิตหัวเราะ “มึงเมาเหรอ? ถ้ามึงทำตัวดีๆ คิดว่าขวัญจะเลิกกับมึงเหรอวะ”

รวินท์กัดฟันกรอด เขาก็รู้แหละว่าเป็นความผิดของตัวเอง แต่ตอนนี้กำลังพาลโว้ย “ไอ้สัส มึงต้องการอะไรจากกูกันแน่วะ”

“มึงก็น่าจะรู้...” ครั้งนี้เตชิตไม่ยอมให้เพื่อนรักหนีและปฏิเสธได้ เขาคว้าข้อมือของเพื่อนสนิทไว้แล้วยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ “ว่ากูต้องการอะไร”

รวินท์นั่งนิ่ง เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจ “....”

“กูรักมึง รักมาก่อนที่มึงจะรู้จักขวัญซะอีก” เตชิตจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาจูบ “มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอวะ”

“มึงอยากให้กูพูดว่าอะไร กูก็รักมึงแบบนี้รึไง” รวินท์กระตุกมือกลับคืน “ก็ได้ กูรักมึง ไอ้เต้ แต่กูรักมึงในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง มันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น”


“อย่างน้อยมึงก็รับรู้ความรู้สึกของกูสักที”


นัยน์ตาของทั้งสองสบกันนิ่ง น้ำเสียงและแววตาของเตชิตแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด เป็นผลให้รวินท์รู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในลำคอ

“กูเฝ้ารอ อยู่เคียงข้างมึง ดูแลมึงมานาน... แต่มึงก็ไม่เคยสนใจ ไม่เคยหันมองมาที่กูเลย ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่มึงมองข้ามกูไปหาคนอื่น”

คำพูดของขวัญข้าวแว่วเข้ามาในความคิดทันที การแอบรักใครสักคน การรวบรวมความกล้าที่จะบอกรัก ขวัญข้าวใช้เวลาเป็นปีกว่าจะบอกรักเขา แล้วไอ้เต้... มันจะต้องอดทนอดกลั้นมากขนาดไหนกันนะ

โดยที่ตลอดเวลาเขาไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของมันเลย

“มึงก็เป็นเพื่อนที่กูรักมากที่สุดไง” น้ำเสียงของรวินท์แหบแห้ง เขารู้สึกเจ็บไปกับอีกฝ่ายด้วย

“แต่กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อนมึง”

รวินท์ส่ายหน้าไปมาช้าๆ ดวงตาของเขาร้อนผ่าว “พอเหอะว่ะเต้ มันเป็นไปไม่ได้หรอก”

“ทำไม? เพราะมึงไม่ได้ชอบผู้ชายงั้นเรอะ ถ้างั้นไอ้เด็กพิงค์ล่ะ”

“มึงเลิกเอาพิงค์เข้ามาเกี่ยวได้มั้ยวะ”

เตชิตยิ้มบาง หากมันเป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าสร้อย “แตะไม่ได้... ชอบมันมากเหรอวะ”

“ไอ้เต้ มึงเป็นเพื่อนกู ไม่ว่าจะยังไงกูก็คิดกับมึงแบบอื่นไม่ได้หรอก พอเหอะว่ะ หยุดตรงนี้... ตรงที่มึงกับกูยังมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน”

“มันสายไปแล้วเว้ย” เตชิตดึงอีกฝ่ายเข้าหาตัว รวบกอดไว้แล้วแนบจูบลงไปบนริมฝีปาก

รวินท์เบิกตาโพลง สัมผัสของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน มันต่างจากของสัมผัสของภูพิงค์มากมาย “สัสเอ๊ย!” เขาผลักตัวเองออกอย่างแรงพร้อมกับลุกขึ้นพรวด จากนั้นจึงง้างหมัดต่อยอีกฝ่ายไปสุดแรง “จูบเมื่อกี้กูจะถือว่าทำบุญ” เขายกมือขึ้นเช็ดริมฝีปาก แล้วพรวดพราดออกจากห้องไป

เตชิตเอนหลังพิงพนักโซฟา ฟังเสียงฝีเท้าห่างออกไปเรื่อยๆ พลางยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากและปิดตาลง แล้วนิ่งค้างไว้เช่นนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงบานประตูแง้มออก

“ถ่ายไว้ได้รึเปล่า”

“ได้ค่ะ” หญิงสาวซึ่งยังอยู่ในชุดของพยาบาลเดินมานั่งลงบนเบาะข้างกัน “ออยว่าคุณทำแบบนี้ หมอวินจะยิ่งเกลียดคุณนะคะ”

ทันตแพทย์หนุ่มเม้มปากแน่นพร้อมขมวดคิ้วเป็นปม เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ผมไม่สน”

“แต่เขาเป็นคนที่คุณรัก...”

เตชิตดึงโทรศัพท์มือถือจากในมือหญิงสาวมา เขากดดูคลิป ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์มาเปิดออกแล้วส่งเงินให้ “เอ้า ค่าถ่ายคลิป แต่อย่าปากพล่อยไปล่ะ ไม่งั้นคลิปของคุณว่อนเน็ตแน่”

ออยเม้มปากแน่น “ออยกลับได้รึยัง” เธอพลาดไปจริงๆ ที่มารู้จักกับคนอย่างเขา ด้วยความที่อยากจะมีแฟนเป็นทันตแพทย์จึงยอมมีความสัมพันธ์ทางกายกับเขาง่ายๆ แล้วเป็นไงล่ะ เขาขู่เธอว่าถ่ายคลิปเอาไว้แบล็กเมล์ ทำให้ต้องยอมทำตามที่เขาสั่ง

“คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ ถ้ามีอะไรอีก ผมจะโทรไปหาคุณเอง”

ออยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ หากก็รู้ว่าไม่สามารถต่อรองอะไรกับคนคนนี้ได้ เธอไม่อาจเสี่ยงกับคลิปที่เขาว่าได้หรอก หญิงสาวจึงรีบรุดเดินออกจากห้องของเตชิตไปทันที



รวินท์วิ่งกลับลงไปยังห้องพักของตน ตรงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า เสร็จแล้วก็คว้าโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์และกุญแจรถวิ่งออกจากห้องไปโดยเร็ว เขาขับรถออกจากโรงพยาบาลไปทันที มุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยที่ภูพิงค์ศึกษาอยู่ เวลานี้เขานึกถึงเด็กหนุ่มที่เป็นที่พึ่งทางใจของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

มือของทันตแพทย์หนุ่มที่จับพวงมาลัยรถสั่นเล็กน้อย หัวใจเจ็บปวด เขาขับรถไปโดยที่ไม่ได้รู้ตัวว่าน้ำตาไหลเปื้อนแก้ม

เขาไม่ได้เสียใจที่ถูกจูบ แต่เสียใจที่สุดในชีวิต เมื่อเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเขา เลือกที่จะจบความสัมพันธ์ดีๆ ที่มีมาเกือบสิบปีไปเสีย

มันคงเป็นความผิดของเขาด้วย ที่ละเลยความรู้สึกของอีกฝ่ายมาตลอด

“กูจะทำยังไงต่อไปดีวะ” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมา เขาเม้มปากแน่นเพื่ออดกลั้นไม่ให้หลุดสะอื้นไห้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ

ขับรถต่อไปอีกไม่นานรถของรวินท์ก็เคลื่อนเข้าสู่เขตจังหวัดเชียงใหม่

หากเมื่อไปถึง ขับรถเข้าไปภายในรั้วมหาวิทยาลัยแล้วถึงนึกขึ้นได้ เขาจะไปตามหาภูพิงค์ได้ที่ไหนกันวะ? แล้วถ้าอีกฝ่ายกลับบ้านเช่าไปแล้วล่ะ

ทันตแพทย์หนุ่มขับรถไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ที่จอดใกล้ๆ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไป

ภูพิงค์ไม่รับสาย... หัวใจเขาหดหู่หนักกว่าเดิมเสียอีก คราวนี้จึงลองโทรศัพท์ไปหาแซนดี้ดูบ้าง

“พี่หมอมีอะไรด่วนรึเปล่า ผมรู้แค่ว่าพวกมันไปนั่งอ่านหนังสือสอบกันอยู่ที่คณะอะ”

“โอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมลองถามคนที่เดินผ่านไปผ่านมาดู ขอบใจนะ”

รวินท์รีบรุดลงจากรถ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ทันที เขาไม่ทันได้สนใจสายตาทุกคู่ที่มองมาเลยแม้แต่น้อย ระหว่างทางก็ยังกดโทรศัพท์โทรหาอีกฝ่ายไปด้วย แต่จนแล้วจนรอด ภูพิงค์ก็ไม่ยอมรับสาย


“พี่วิน มาหาไอ้พิงค์เหรอคะ” เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยทัก

“เอ้อ ครับ เห็นเขามั้ย”

“มันอยู่ที่ใต้ตึกหลังสุดเลยค่ะ พี่วินเดินตรงไปเรื่อยๆ ทะลุตึกนั้นไปค่ะ”

“ขอบคุณครับ” รวินท์ยิ้มบาง พลางสาวเท้าออกไป

หากก่อนที่จะก้าวขาเข้าไปในตึกหลังสุดที่ว่า เขาเห็นว่าภูพิงค์นั่งอยู่กับเด็กสาวคนหนึ่ง ท่าทางสนิทกันมาก พวกเขาโอบไหล่กัน จ้องตาและยิ้มให้กัน แล้วเด็กหนุ่มก็ยกมือขึ้นขยี้เส้นผมของเธอ เสียงหัวเราะดังลั่น เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายมีเพื่อนหญิงที่สนิทสนมกันขนาดนี้ด้วย

แต่เมื่อตอนงานขบวนกระทงใหญ่ เขาก็ได้เห็นกับตามาแล้วครั้งหนึ่งนี่นะ

วินาทีนั้น รวินท์รู้สึกราวกับตัวเขาจมดิ่งลงในทะเลน้ำแข็ง ร่างกายชาไปหมด ความเจ็บปวดในอกชัดเจนจนมันฉายชัดออกมาทางแววตา เขานิ่งอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก


“มึงเป็นผู้ชาย ไอ้เด็กนั่นมันก็เป็นผู้ชายนะเว้ย มันไม่สนใจมึงหรอก! มึงไม่มีทางสมหวังได้!”


คำพูดของเตชิตแวบเข้ามาในความคิดที่กำลังสับสน เป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มก้าวถอยหลังไปช้าๆ พร้อมกับถามตนเองไปด้วย


กูมาที่นี่ทำไมวะ


ทั้งที่พยายามส่งข้อความไปหาเด็กหนุ่มหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเลย โทรศัพท์ไปหาอีกฝ่ายก็ไม่รับสาย เขาควรจะรู้ตัวได้แล้วว่านั่นเป็นเพราะอะไร

รวินท์หันหลังกลับ เดินก้มหน้างุดกลับไปยังรถของตนที่จอดไว้ ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว เขาก้มหน้าลงซบพวงมาลัยรถ รู้สึกว่าดวงตาร้อนผ่าว แล้วหยดน้ำตาก็ร่วงเผาะลงบนตัก

ก็เพราะเขานิสัยแย่แบบนี้ไง ไม่เคยใส่ใจ ไม่นึกถึงใจคนอื่น เวลานี้จึงไม่มีที่ไป และก็ไม่เหลือใครที่จริงใจกับเขาเลยสักคน

เสียงพูดคุยกันดังแว่ว ก่อนจะมีนักศึกษาเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่ใกล้ๆ กัน ทันตแพทย์หนุ่มจึงเงยหน้าขึ้น ยกมือปาดน้ำตาแล้วขับรถออกไปก่อน เขาไม่ควรจะมานั่งเหม่ออยู่ในมหาวิทยาลัยเช่นนี้ แต่จะไปไหนก็ยังไม่มีจุดหมาย

รวินท์เคลื่อนรถออกไปช้าๆ ขับพ้นรั้วมหาวิทยาลัยออกไปได้ไม่นานก็เห็นป้ายบอกทางขึ้นไปยังดอยสุเทพฯ ที่ซึ่งเขาได้รู้จักกับภูพิงค์ครั้งแรก

ทันตแพทย์หนุ่มหมุนพวงมาลัยเคลื่อนรถตามเส้นทางนั้นไปทันที



ภายใต้ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ มีเสียงโวยวายคล้ายสติแตกสลับเสียงครวญครางดังแว่วมาเป็นระยะๆ

“อีจิ๊บ มึงมองตากู แล้วบอกมาตามตรงว่าข้อเมื่อกี้มึงใช้หัวคิด ไม่ใช่ส้นตีน”

“ไอ้ห่า ทำเยอะกูก็เบลอบ้างรึเปล่าวะ”

ภูพิงค์จับศีรษะเพื่อนสาวเขย่า “มา กูจะช่วยเรียบเรียงความคิดมึงให้”

“สัส! กูเป็นชะนีนะเว้ย!”

ภูพิงค์และจิ๊บนั่งทะเลาะกันอยู่ที่โต๊ะในมุมเงียบๆ ใต้ตึก พวกเขาทำโจทย์ข้อเดียวกัน แต่ทำไปคนละวิธี และแน่นอนว่าคำตอบที่ได้ก็ไปคนละทิศละทางด้วย จากที่เครียดกันหนักอยู่แล้ว คราวนี้เลยเริ่มคลุ้มคลั่ง

หากก่อนที่พวกเขาจะลุกขึ้นมาฆ่าแกงกันก็มีเพื่อนสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก “เฮ้ย ไอ้พิงค์ เจอพี่วินมั้ยวะ”

เด็กหนุ่มหันหน้าขวับไปทำตาขวางใส่คนทัก “มึงละเมอเหรอวะ”

“เหี้ย ละเมอพ่องส์ กูถามดีๆ ก็เมื่อกี้กูเจอพี่วิน เห็นพี่เขาถามหามึงอยู่”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “มึงเมาตัวเลขรึเปล่าวะ พี่วินจะมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้”

“เอ้า แฟนมึงไม่ใช่เหรอ มึงไม่รู้แล้วหมาที่ไหนจะรู้”

“ไม่ใช่แฟนกูโว้ย มึงพูดงี้พี่เขาเสียหายนะเว้ย” เด็กหนุ่มตั้งท่าจะยกนิ้วกลางขึ้นอวด แต่ถูกขัดจังหวะไปเสียก่อน

“เฮ้ย ไอ้พิงค์” ซันเดินสับเท้าเข้ามาหา พร้อมกับโยนโทรศัพท์มือถือของเขาให้ “อีแซนดี้จะคุยด้วย”

เจ้าของชื่อเรียกรับโทรศัพท์มาคุยต่อ “มีไรวะ”

“โทรศัพท์มึงเป็นเหี้ยไร โทรหาหลายรอบไม่เสือกรับสาย มีโทรศัพท์ไว้ทับกระดาษเหรอวะ!”

“สัส กูปิดเสียงปิดสั่นไว้ กำลังอ่านหนังสือโว้ย”

“เออ พี่วินโทรมาถามหามึงเมื่อกี้ น้ำเสียงไม่ดีเลยว่ะ เหมือนมีเรื่อง มึงโทรหาพี่เขาด้วย แค่นี้แหละ” แซนดี้สั่งแล้วกดวางสายอย่างไว

เด็กหนุ่มทำหน้างง “อีจิ๊บ เดี๋ยวกูมา”

“เออ กูไปนั่งทำกับไอ้พวกนั้นดีกว่า เดี๋ยวตามมาละกัน”

“เออๆ” ภูพิงค์คืนโทรศัพท์ให้ซัน แล้วเดินหลบไปหาที่สงบๆ ที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านไปผ่านมานัก พอหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดดูก็เห็นว่ามีสายเรียกเข้ามากมาย มีทั้งจากพี่วินและแซนดี้ด้วย หากยังไม่ทันได้กดโทรออกไปก็มีข้อความเข้ามาที่โทรศัพท์เขาเสียก่อน

เมื่อกดดูก็ถึงกับเบิกตาโพลง มันเป็นภาพของรวินท์ที่กำลังจูบกับเตชิต พร้อมข้อความสั้นๆ ว่า


‘ช่วยเลิกยุ่งกับคนของผมด้วย’


“ฮะ!?”

ภูพิงค์รู้ได้ทันทีว่าพี่วินมาหาเขาเพราะอะไร เขาไม่ได้โง่นะเว้ย ถึงจะได้ไม่สังเกตเห็นว่าพี่วินมีปัญหากับพี่เต้มาสักพักใหญ่แล้ว เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาทันที

ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ

เด็กหนุ่มเดินไปหาเพื่อนสาวที่โต๊ะอีกตัว “อีจิ๊บ กูมีธุระด่วน กลับก่อนนะ”

“อ้าว ไอ้พิงค์ มึงจะไปไหน” กลุ่มเพื่อนของเขาชะเง้อคอถาม หากเขาไม่ทันได้ตอบอะไรเพราะรีบวิ่งออกไปก่อนแล้ว

ระหว่างทางที่วิ่งไปยังที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ ภูพิงค์กดโทรศัพท์หาทันตแพทย์หนุ่มไปด้วย เสียงเรียกเข้าดังอยู่หลายครั้งแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย เขาจึงเปลี่ยนไปโทรถามที่คลินิกแทน แต่รวินท์ก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น

“ไอ้พี่วิน เป็นอะไรรึเปล่าวะ” ทันทีที่ไปถึงที่จอดรถ เด็กหนุ่มก็รีบขึ้นนั่งบนมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของตน แล้วรีบรุดขับออกไป

“พี่วินไปไหนวะเนี่ย จะไปตามที่ไหนได้วะ” ภูพิงค์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ในอกร้อนรนด้วยความเป็นห่วงทันตแพทย์หนุ่ม
หากไม่รู้ว่ามีอะไรมาดลใจ พอเห็นป้ายบอกทางขึ้นดอยสุเทพฯ เขาก็เลี้ยวรถวิ่งตามทางขึ้นดอยไปเสียอย่างนั้น

ภูพิงค์ขี่รถไปตามเส้นทางสูงชัน ท้องฟ้ามืดแบบนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมามากนัก เขาขี่รถสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เคยมายืนดูวิวเมืองเชียงใหม่ด้วยกัน

รถออดี้สปอร์ตของพี่วินจอดอยู่ที่นั่น!

เด็กหนุ่มรีบจอดมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งเข้าไปดู โทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายถูกวางทิ้งไว้บนเบาะ ส่วนเจ้าของไม่อยู่ในรถ เขาจึงรีบเดินออกไปหา ในใจมีแต่ความวิตกกังวล เขานึกต่อว่าตัวเองแรงๆ ที่มัวแต่เล่นตัวงี่เง่าและไม่รับโทรศัพท์ของอีกฝ่าย



รวินท์ยืนเท้าแขนกับรั้วกั้นนิ่งเป็นรูปปั้น สายตาทอดมองลงไปยังเมืองซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีเบื้องล่าง พลางนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีต เมื่อครั้งที่ได้พบกับเตชิตครั้งแรก มาถึงตอนนี้ก็เกือบสิบปีแล้ว ตลอดเวลาที่มีอีกฝ่ายอยู่ข้างกาย เขาไม่เคยรู้สึกเหงา เวลาเขาดีใจก็มีมันดีใจเป็นเพื่อน เวลาที่เขาโศกเศร้าก็มีมันช่วยปลอบใจ หลายคนอาจชอบมีเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ แต่สำหรับเขา มีมันเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันดีเพียงคนเดียวก็พอ

ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดในอกจนอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ เขาไม่อยากกลับไปลำพูน ไม่อยากพบหน้าเตชิต ไม่อยากพบหน้าใคร อยากจะล้มเลิกทุกสิ่งทุกอย่างแล้วกลับบ้าน ไม่สิ... เขาควรจะไปเรียนต่อต่างประเทศสักระยะ ไปให้ไกลจากปัญหาทั้งหมดนี่

ในเมื่ออะไรๆ ก็ไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว เขาจะดึงดันอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไร


“ปีหน้าปลอมเป็นปีหนึ่งดิพี่ จะได้มาวิ่งด้วยกันอีกไง” คำพูดของภูพิงค์แว่วมาในความคิด ตอนนั้นเด็กหนุ่มพาเขาขึ้นมาดูวิวตอนกลางคืนที่นี่ มันเป็นช่วงเวลาที่สุขและเศร้าปะปนกัน แต่น่าเสียดาย เขาคงไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีก


ทันตแพทย์หนุ่มซบใบหน้าลงบนแขนที่วางอยู่บนรั้วกั้น ปิดตาลงพร้อมกับถอนหายใจ



เมื่อคนอ่อนวัยกว่าที่เพิ่งมาถึงเห็นเข้า เขาก็ถลาเข้าไปโอบกอดอีกฝ่ายไว้จากทางด้านหลัง “พี่วิน! จะทำอะไรวะ!” พร้อมกับกระชากออกมาจากรั้วกั้นแล้วเหวี่ยงไปทางด้านหลัง ก่อนทั้งสองคนจะล้มลงไปด้วยกัน

“เฮ้ย!” รวินท์หงายหลังตึง ส่วนเด็กหนุ่มนั้นล้มลงมาทับตัวเขาอีกที


ตุ้บ!


คนถูกเหวี่ยงดิ้นพล่าน รีบผลักคนที่อยู่บนร่างออกไปด้วยความตกใจ “ทำอะไรวะ! ออกไป!”

ภูพิงค์จับข้อมือทั้งสองข้างของคนใต้ร่างกดลงกับพื้นข้างตัว “ไม่ออก พี่จะบ้ารึไงวะ ฆ่าตัวตายมันบาปนะเว้ย!”

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายชัดๆ เขากะพริบตาปริบๆ “พิงค์?”

“เออ! ผมเอง! ตามหาแทบตาย! โทรศัพท์ก็ไม่รับสาย! ทำให้ผมเป็นห่วงมากรู้มั้ยวะ!” เด็กหนุ่มตะคอกเสียงดัง หัวใจเต้นสั่นรัว ทั้งโกรธและเป็นห่วงคนตรงหน้าจนแทบบ้า “ทำไมทำบ้าๆ แบบนี้วะ!”

“ทำบ้านี่ ผมทำอะไรวะ”

“ก็ไอ้ที่จะโดดรั้วเมื่อกี้ไม่เรียกว่าบ้าเหรอวะ” เด็กหนุ่มตวาดใส่พลางหอบหนักๆ

“ผมไม่ได้จะโดดโว้ย แค่พิงรั้วเฉยๆ!”

“อ้าว...” ภูพิงค์หยุดประสานสายตากับคนใต้ร่าง รีบคลายข้อมืออีกฝ่ายออก จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่งพร้อมกับฉุดให้ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นมานั่งข้างกัน “โทษที มันมืดอะ ผมเห็นไม่ชัด ก็เลยตื่นตูมไปหน่อย”

“ไม่หน่อยแล้วเว้ย เหวี่ยงผมซะกระเด็นเลย” รวินท์ยกข้อมือขึ้นดู ตรงข้อมือไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่ทำไมเขาเจ็บมือขวาแปลกๆ?

“เจ็บมากมั้ยพี่ ไหนเอามาดู” คนอ่อนวัยกว่าคว้าข้อมืออีกฝ่ายมาพิจารณาดู

“โอ๊ยๆ จับเบาๆ สิวะ”

“เจ็บตรงไหน”

“หลังมือ”

เด็กหนุ่มพลิกมือของทันตแพทย์หนุ่มดูเบาๆ เขาเปิดไฟฉายในโทรศัพท์มือถือส่อง แล้วจึงเห็นรอยช้ำสีแดงที่บนหลังมือ “พี่ไปทำอะไรมาเนี่ย”

รวินท์ขมวดคิ้ว คิดทบทวนอยู่สักพัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ต่อยคน”

“เกิดมาเคยต่อยใครป่ะวะ ต่อยประสาอะไร มือตัวเองช้ำแบบนี้อะ”

ทันตแพทย์หนุ่มดึงมือกลับ แต่คนอ่อนวัยกว่าจับข้อมือไว้แน่น “จะจับไว้ทำไมวะ”

ภูพิงค์ถอนหายใจหนักๆ ขณะที่มองรอยช้ำนั้น ไม่ต้องถามอีกฝ่ายเขาก็พอจะเดาได้ว่าไปต่อยใครมา ก็คงไม่พ้นคนที่ส่งรูปมาให้เขานี่แหละ “มีปัญหาอะไรกับพี่เต้เหรอ”

รวินท์ชักสีหน้า “คุณรู้ได้ไง”

ทั้งสองประสานสายตากันชั่วครู่ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจตอบไปตามตรง “พี่เต้ส่งรูปมาให้ผม”


*TBC*


สวัสดีวันอาทิตย์สีแดงค่ะ  :mew1:

ฮัสกี้พาหมอเต้มาเปิดตัวแบบฟินๆ ขอเสียงตบมือต้อนรับหมอเต้หน่อยค่าาา ฮิ้วววว~ /จูงหมอเต้วิ่งหลบรองเท้า

ต้องขอบคุณหมอเต้นะเนี่ย น้องพิงค์เลยโกรธพี่วินได้ไม่นานเลย 555555 หมอเต้เป็นกาวใจของคู่นี้นะคะ อิอิ

แต่คำว่าเพื่อนรักน่ะ ไม่ว่ายังไงก็คือเพื่อนรักอยู่วันยังค่ำแหละ อย่าเพิ่งร่ายมนตร์กฤษณะกาลีใส่หมอเต้กันนะคะ 55555555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ ฮืออออ  :hao5:

ปล. ฮัสกี้กดเป็ดไม่ได้ง่ะ มีใครเป็นเหมือนกันมุ้ยคะ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-03-2018 11:01:27
 :L2: :pig4:

ข้อดีในข้อเสียคือส่งลูกมาให้สองคนนี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-03-2018 11:03:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 11-03-2018 11:14:10
อิเต้ อิชั่ว!!!! :angry2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 11-03-2018 11:23:37
ไม่รู้สึกโกรธพีเต้นะ ถึงแม้จะเลือกวิธีที่งี่เง่าไปก็เถอะ ยังไงก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว พี่เต้ก็คงอยากลองทำทุกทางล่ะเนอะ  :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-03-2018 11:23:54
เต้ควรไปตายอ่ะเอาจริง นี่กล้าไล่แบบเหมือนหมูเหมือนหมาเลยอ่ะ ที่ทำนี่เรียกว่ารักหรอ ไปตายยย

เฮ้อออ หมอกับพิงค์ได้คุยกันแล้ว ปรับความเข้าใจกันดีๆล่ะ อยากให้หวานแล้วจ้าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 11-03-2018 12:31:16
แบนเต้แล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 11-03-2018 12:57:38
หมอเต้สร้างความลำบากใจให้เพื่อน นี่หรอความรักที่มีให้อ่ะ :mew5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 11-03-2018 13:15:26
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 11-03-2018 13:16:24
โว๊ะ!! พี่หมอเต้ นี้ไม่รู้จะโกรธก่อนหรือของคุณก่อนดี ที่ทำให้ลูกชายเราตาสว่างสักที มาตามง้อพี่หมอวินท์!! สรุปนี้พี่อยากเป็นตัวร้ายหรือเป็นพระรองซีรี่เกาหลี่ไหนพูด คือส่งมาให้เค้าดูแบบนี้ แล้วเค้ามาหากันแบบคือจงใจถูกม๊ะ เราจะยกโทษให้ก็แล้วกันน่ะถือว่าทำความเความชอบให้ลูกชายเราเลิกงอล 5555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 11-03-2018 14:27:32
ต้องง้อเยอะๆนะพี่หมอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 11-03-2018 15:21:51
โห พี่เต้ ผิดหวังในตัวพี่มากเลยอ่ะ เศร้า T^T
เข้าใจแหละว่าเต้ก็รักพี่วินมาก ไม่อยากให้พี่วินเป็นของใคร
แต่ไม่คิดว่าจะเลวร้ายขนาดเอาคลิปมาขู่ผู้หญิงให้ทำงานให้ ไม่แมนเลย
อย่างนี้ถึงรักพี่วินแค่ไหน ก็ไม่อยากให้พี่วินคบเป็นเพื่อนอีกเลยด้วย ไม่ชอบเลย
แต่เอาจริง ๆ ที่พี่วินกับน้องพิงค์จะได้คืบหน้า ก็เพราะพี่เต้เป็นตัวช่วยกระตุ้นนะเนี่ย
น้องพิงค์ไม่โง่นะพี่เต้ ส่งรูปแบบนี้มาให้ดู ยิ่งทำให้น้องพิงค์กับพี่วินดีกันเร็วขึ้น ขอบคุณนะคะ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-03-2018 18:38:04
หมดคำจะพูดกับเต้เลยอ่ะ   เต้ถ่ายคลิปไว้ขู่จริงๆหรือแกล้งขู่เฉยๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 11-03-2018 19:04:43
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-03-2018 19:16:32
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 11-03-2018 19:19:42
พี่วินน้องพิงค์คงได้ปรับความเข้าใจกันสักที
ว่าแต่หมอเต้ ถึงเจ้าตัวจะรู้ความในใจแล้วแต่ก็อาจจะไม่สมหวังนะ แถมจะเสียเพื่อนไปอีก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 11-03-2018 19:23:09
โหหมอออออเต้ แม่ม ทำไมนิสัยงี้อ่ะ

คติ นี้อ่อ ถ้าตัวเองไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ ตรรกะป่วยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-03-2018 19:38:54
ก็พอจะรู้นะว่าหมอเต้ชอบหมอวินอ่ะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเลวถึงขั้นใช้วิธีนี้เลย ทั้งที่ทำกับวินและก็ออยด้วย เชียร์ให้หมอวินคบกับพิงค์เร็วๆ ให้เต้อกแตกตายไปเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 11-03-2018 20:14:20
ผิดหวังกับคุณมึงมากหมอเต้ แถมเอาคลิปมาขู่ผู้หญิงอีก แย่ๆ แม้แต่เป็นเพื่อนก็ไม่น่าคบ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 11-03-2018 21:17:45
เปลี่ยนจากตบมือเป็นตบหน้าหมอเต้อะได้อยู่  แย่มากกกกก สงสารหมอวินคิดว่าเป็นเพื่อนรักมาตลอด แต่รักเพื่อนซะงั้น  หมอเต้ก้าวพลาดนะ ไม่ชัดเจนกับตัวเองแท้ๆ มาทำอย่างนี้แย่มาก  :fire:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 11-03-2018 21:18:11
เปลี่ยนจากตบมือเป็นตบหน้าหมอเต้อะได้อยู่  แย่มากกกกก สงสารหมอวินคิดว่าเป็นเพื่อนรักมาตลอด แต่รักเพื่อนซะงั้น  หมอเต้ก้าวพลาดนะ ไม่ชัดเจนกับตัวเองแท้ๆ มาทำอย่างนี้แย่มาก  :fire:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 11-03-2018 21:18:32
เปลี่ยนจากตบมือเป็นตบหน้าหมอเต้อะได้อยู่  แย่มากกกกก สงสารหมอวินคิดว่าเป็นเพื่อนรักมาตลอด แต่รักเพื่อนซะงั้น  หมอเต้ก้าวพลาดนะ ไม่ชัดเจนกับตัวเองแท้ๆ มาทำอย่างนี้แย่มาก  :fire:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-03-2018 21:22:49
กดเป็ดไม่ได้ตั้งแต่หลัง Maintenance web แล้วweb ก็โหลดช้า เข้าไม่ได้ ต้อง Reload บ่อยๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-03-2018 21:29:51
 :เฮ้อ:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 11-03-2018 21:33:31
กดเป็ดไม่ได้ตั้งแต่หลัง Maintenance web แล้วweb ก็โหลดช้า เข้าไม่ได้ ต้อง Reload บ่อยๆ


เป็นแบบนี้เหมือนกันค่ะบางที่คอมเมนต์ไม่ได้ด้วยตอนเเรกคิดว่าคอมจะเสียแต่พอทำอยากอื่นคอมก็ปกติดีสรุปเว็ปน่าจะมีปัญหาค่ะแต่บางที่ก็ใช้งานเว็ปในเล้าได้ปกติค่ะ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 11-03-2018 21:35:10
เต้เลวมากกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 11-03-2018 22:33:00
มันวกไปวนมาไม่ไปไหนเลยผมว่าเยอะไปกว่าพระเอกกับนายเอกจะเปิดใจกันเปนแฟนกัน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 31 : ฟันคุดเป็นสื่อของหัวใจ][050318]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-03-2018 22:47:52
เต้โคตรเลวอ่าา โอ้ยย โกรธ!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 12-03-2018 00:06:34
 :pig4: :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 12-03-2018 00:07:55
นั้นไงล่ะ คิดไว้ละเชียว เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 12-03-2018 00:20:48
อิพี่เต้ ทำไมร้ายขนาดนี้ แต่แอบมีความดีที่ทำให้พิงค์หายโกรธพี่วิน
ปล.แอบหวังอยากให้พี่วินเมะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-03-2018 00:25:17
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: aunchi ที่ 12-03-2018 00:49:45
 :z6: โดดถีบหมอเต้ขาคู่
แต่ก็ขอบใจที่ทำให้น้องพิงค์เข้าใจพี่วิน
ทำไมกด + เป็ดไม่ได้!!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-03-2018 02:08:32
ข้อดีเดียวของการที่เต้ทำอบบนี้คือการทำให้หมอวินกับพิงค์ดีกันเร็วขึ้นอะ
น้องไม่ใช่คนหูเบา ไม่ใส่ใจใครถึงจะได้เชื่อและเข้าใจพี่วินผิดจากรูปๆเดียว
ตอนพี่วินเคว้งแบบไม่เหลือใครแล้วนี่ใจอ่อนยวบเลย สงสารพี่วินอะ
เหมือนโดนเพื่อนหักหลัง เหมือนความผิดพลาดในอดีตย้อนกลับมากระทืบซ้ำ
จนสุดท้ายตัวเองก้ำมาเหลือใครเลย ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน
จรสุดท้ายเตลิดไปจนเกิอบจะหนีไปไกลไแล้วอะ ถ้าพิงค์ไม่มาเจอก่อน
ส่วนหมอเต้นี่ก้นะ อยากจะทำทุกวิถีทางเพราะมันกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้แล้ว
แต่ไอความหฝพยายามนั้นอะ ทำร้ายคนที่ตัวเองบอกว่ารักนักรักหนาอย่างสาหัสเลยอะ
คิดดีๆ ดีกว่ามั้ยว่ารักหมอวินจริงๆ หรือแค่หลง ปลื้ม หรือรักตัวเองกันแน่อะ
ดีกันเถอะะ พี่วิน พิงค์ เนี่ยน้องต้องไปสอบแล้ว พี่วินก้ต้องการกำลังใจสูงสุดอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-03-2018 03:13:23
ไม่รู้ซิแต่ก็เห็นใจหมอเต้นะถึงหมอเต้จะใช้วิธีที่มันเลวร้ายไปบ้างก็เถอะ แต่คิดดีแล้วใช่ไหมที่ทำแบบนี้อ่ะทำไปแล้วความเป็นเพื่อนมันคงไม่อาจกลับมาได้แล้วนะสิบกว่าปีเชียวนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 12-03-2018 07:12:51
หมอเต้ทำแบบนี้ คู่นี้จะตกลงกันได้ไวขึ้นนะเนี่ยท่าทาง เดินหมากผิดแล้วล่ะหมอเต้ หึหึ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 12-03-2018 07:40:39
ยอมเสียเพื่อนจริงๆหรอเต้ สิ้้นคิดจัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 12-03-2018 07:42:06
ไอ้ชัชชชเต้ :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 12-03-2018 08:14:11
นึกว่าจะมีอาการคนเดียวซะอีก ตอนแรกว่าคอมเรามีไรผิดปกติหรือ กดเป็ดไม่ได้ พิมช้า กดสติ๊กเกอร์ก็ช้า
แต่อ่านได้ปกติค่ะ

ส่วนเรื่องหมอเต้ ว่าแล้วต้องมีอะไรแน่ๆ ตั้งแต่คุยโทรศัพท์กับแฟนเก่าหมอวินแล้วละ มาตงิดๆ ตอนโทรไปหาน้องพิงค์
แล้วหลายๆ เรื่อง และมาค่อยข้างชัดตอนที่หมอวินกะหมอขวัญคุยกัน อิตาหมอเต้คิดไม่ซื่อแน่ๆ
มาตอนนี้กระจ่างแล้วค่ะ อยากบอกว่าแน่ใจนะว่าสิ่งที่คุณทำคือความรัก รักแบบไหนกันทำร้ายคนที่คุณรัก
จับตบแล้วเหยียบซ้ำค่ะ :beat:  :z6:   
 
แต่อย่างน้อยก็มีเรื่องดีๆ กำลังจะเกิดขึ้น พี่หมอวิน กับน้องพิงค์กำลังจะเข้าใจกันแล้ว  o13
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-03-2018 10:02:40
นายเต้! ทำอะไรลงไปเนี่ย เดี๋ยวได้เสียเพื่อนหรอก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-03-2018 10:14:57
รีบเคลียร์กันนะพี่วินน้องพิงค์ แล้วจะได้ไปจัดการปัญหากับเพื่อนรักอีก พี่วินสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-03-2018 13:01:37
กดเป็ดไม่ได้ตั้งแต่หลัง Maintenance web แล้วweb ก็โหลดช้า เข้าไม่ได้ ต้อง Reload บ่อยๆ

ช้ามากกกกก ให้เข้าระบบตลอด
กดเป็ดไม่ได้เลย
พิมพ์ตอบก็ช้า ค้างมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 12-03-2018 15:38:03
หมอเต้น่าสงสารนะ แอบรักมาตั้งนาน ทำดีมาตั้งเท่าไหร่ วินก็รั้งไว้ไม่เคยชัดเจน เต้คงสุดแล้วจริงๆ สงสารเต้อ่ะ
ชอบที่พิงค์ฉลาดอ่ะ ดูปุ๊บรู้ปั๊บว่าเป็นแผนการของหมอเต้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-03-2018 18:02:30
พี่เต้รักร้าย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 12-03-2018 18:44:14
เออดี ทำแบบนี้ดี ตัวจุดฉนวนให้เขารู้ใจกันดี ทำดีแล้วเต้ // แสยะยิ้มชั่วร้าย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-03-2018 21:14:08
พี่เต้ต้องทำขนาดนี้เลยหราเพื่อความรัก นี่คือไม่คิดถึงใจพี่วินบ้างเลยดิ ทำงี้พี่วินก็ไม่รักหรอกมีแต่จะยิ่งเสียเพื่อนจนกลายเป็นเกลียดมากกว่า :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-03-2018 21:34:50
 :mew4:พี่หมอเต้ตัดสินใจแบบนี้คือเสี่ยงเหรอ แบบตัดเป็นตัด ทนได้เหรอคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 12-03-2018 22:16:12
หมอเต้นะหมอเต้แอบรักอยู่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้วแต่ก็นะของรักถูกแย่งครั้งแล้วครั้งเล่าใครมันจะทนไหว แต่มันไม่ถูกที่ถูกเวลาแล้วไงอยู่กับวินมากี่ปีช่วงเวลาดีๆมีด้วยกันเยอะแยะถ้าค่อยบอกแต่แรกป่านนี้ได้อิพีวินเป็นแฟนไปแล้ว เข้าใจความอึดอัดเข้าใจความยากลำบากในการเปลี่ยนสถานะอ่ะนะแต่มาตอนนี้แล้วทำแบบนี้ไปอะไรๆมันยิ่งจะแย่กว่าเดิม

ดีอยู่อย่างเดียวทำให้พิงค์แจ้นมาหาพี่วินเนี่ยะแหล่ะแต่จะปรับจูนใจให้ตรงกันได้มั้ยต้องลุ้นกันไปอี๊กก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-03-2018 23:27:56
เวทนาหมอเต้ แอบรักมานานทำได้แค่นี้เหรอ
แต่จริง ๆ ก็ต้องขอบคุณละนะ เพราะทำให้สองคนได้ปรับความเข้าใจกันขนานใหญ่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-03-2018 07:13:33
ทำกันเป็นเด้ก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 14-03-2018 06:54:02
รออยู่นะจ๊ะ นะจ๊ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-03-2018 07:30:18
เต้ทำลายทั้งความไว้ใจ และที่สำคัญ ความเป็นเพื่อนก็จะไม่มี

วินท์น่าสงสาร นอยด์หนักมากตั้งแต่พิงค์ไม่ติดต่อมา
และยังโทรหาไม่รับ แถมไปเจอฉากเด็ดอีก ทั้งที่ไม่มีอะไร

โมเมนท์คนมอง กับคนทำอะนะ มันคนละฟีลเลย

ภูพิงค์ก็ถือว่าเซนส์ดีมาก ไปตามหาพี่ได้ถูกที่ ถูกเวลา

ทีมเพื่อนพิงค์คือดีค่ะ ส่งต่อกันเป็นทอดๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 14-03-2018 08:14:03
.

คราวนี้แผนเต้ใช้ไม่ได้ผล

กลับยิ่งทำให้พิงค์มาตามหาพี่วินท์ซะอีก

แต่ก้อนะ แอบรักมากว่า10ปี ก้อน่าสงสารอ่ะ

ถ้าบอกเร็วกว่านี้ ทำใจได้ไวกว่านี้ ก้อจะได้ไม่ต้องเป็นผู้ร้ายงัย

..

 :z10:   :z3:   :z13:   :z10:   :z3:   :z13:

..
.
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 14-03-2018 20:25:45
อยากจะยื่นไมค์ให้พี่เต้มากค่ะ ว่าพี่ร้ายจริง ๆ หรือร้ายหลอก ๆ กันแน่ ทำไมมันลงล็อคไปซะทุกอย่างแบบนี้  :m16:  และความใจตรงกันก็ได้ไปเคลียกันบนดอยสุเทพ ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้  :impress: รอการปรับความเข้าใจกันอยู่นะจ๊ะ


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-03-2018 22:56:47
ถ้าจะงุ้งงิ้งกันขนาดนี้ก็เป็นแฟนกันเถอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 14-03-2018 23:18:38
โอ้ยยยย อิพี่เต้อยากจะตบเหม่งสักที แต่ลดโทษให้เป็นเข้ามุมแล้วสำนึก10นาที เพราะช่วยให้เขาคืนดีกันเร็วขึ้น อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 15-03-2018 16:46:37
ในที่สุดเจ้าเต้ก็ออกลายจริงๆ :beat:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 15-03-2018 17:47:41
มารอพี่วินจะจัดการยังไงกับเพื่อนรัก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 15-03-2018 23:14:43
ชอบที่พิงค์ไม่ได้โกรธไปกับภาพถ่ายนั้นและดูจะเข้าใจวินมากกว่าซะอีก แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้คิดว่าเต้จะตั้งใจทำร้ายวินแบบนี้เหมือนกัน รอดูต่อไป
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-03-2018 16:45:42
พี่วินจะซวยมั้ยนั่น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-03-2018 21:21:28
ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าหมอเต้คงไม่ได้คิดกับหมอวินแค่เพื่อน แต่ทำขนาดนี้ก็ไม่ไหวนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 32 : เพื่อนรัก][110318]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 17-03-2018 10:55:24


Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)

 

ทันทีที่ได้ยินเด็กหนุ่มพูดถึงรูป ใบหน้าหล่อเหลาก็ซีดเผือด หัวใจไหววูบ ถ้าดูจากวิธีสกปรกทั้งหลายที่เตชิตทำมา เขาก็เดาได้ไม่ยากหรอกว่ารูปนั่นจะเป็นรูปอะไร คงไม่พ้นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดมาหมาดๆ เขาเบือนหน้าหนี พูดไม่ออกบอกไม่ถูก



ไอ้เต้ มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ



“ไม่ถามเหรอว่ารูปอะไร”



“.....”



“พี่คงตกใจมาก” ภูพิงค์วางมืออีกฝ่ายลง ก่อนจะยกแขนขึ้นโอบไหล่ “ไม่เป็นไรแล้วนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว” เขาค่อยๆ ดึงทันตแพทย์หนุ่มเข้ามากอด



รวินท์ซุกใบหน้าลงในอ้อมแขน ความอบอุ่นของเด็กหนุ่มค่อยๆ ส่งผ่านเข้ามาทีละน้อย จนถึงหัวใจ หากก็ทำให้ความอ่อนแอที่พยายามซ่อนไว้ผุดออกมา หัวไหล่ของเขาสั่นไหว สองมือขยุ้มเสื้อของเจ้าของอ้อมแขนไว้ พลางพูดเสียงแผ่ว “ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี... ผมไม่เหลือใครแล้ว แม้แต่เพื่อน...”



“พี่ก็ยังมีผมไง”



แม้จะเป็นได้แค่เพื่อน ทว่าก็ยังดีที่ภูพิงค์ยอมอยู่ข้างกัน ทันตแพทย์หนุ่มลังเลในคราวแรก แต่แล้วก็ค่อยๆ เคลื่อนมือไปกอดตอบ เมื่อกระชับอ้อมแขนแน่นเข้า เขาก็รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวแรง ไม่แน่ใจว่าเป็นของตนเองหรือของเด็กหนุ่มกันแน่



“เอ่อ... อยู่ข้างผม...”



ภูพิงค์ได้ยินเสียงงึมงำ เขาจึงก้มลงกระซิบถาม “พูดชัดๆ สิวะ อู้ๆ อี้ๆ อะไร ผมไม่ได้ยิน”



ลมหายใจอุ่นๆ ที่กระทบบนใบหูส่งผลให้หัวใจเต้นรัวหนักหน่วงขึ้นไปอีก รวินท์เงยหน้าขึ้นช้าๆ ประสานสายตากับเด็กหนุ่ม “คุณจะอยู่ข้างๆ ผม...แบบนี้ไปอีกนานๆ ได้มั้ย”



ภูพิงค์ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ได้สิ ถ้าไม่ติดเรียน... หรือปวดขี้...”



ทันตแพทย์หนุ่มคิ้วกระตุก พร้อมกับยกมือขึ้นเขกศีรษะคนช่างกวน “ฮึ่ย! คุณนี่มัน! พูดดีๆ ได้ไม่ถึงสามวินาทีเล้ย!”



“โอ๋ๆ อันหลังนี่ผมล้อเล่นน่ะ” คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะเบาๆ เขาสังเกตเห็นทางน้ำตาที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าอีกฝ่าย จึงใช้นิ้วเกลี่ยออกให้อย่างเบามือ “แต่เรื่องที่จริงแท้แน่นอนคือ... ผมจะอยู่ข้างพี่วินเสมอนะ ถ้าพี่ต้องการ”



รวินท์ยกมือขึ้นกุมมือของเด็กหนุ่มไว้ พร้อมกับยิ้มบาง “ขอบใจ” ภูพิงค์เป็นคนแรกที่สอนให้เขาได้เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตัวเอง อาจจะเป็นคนที่สองที่ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนในหัวใจ แต่เป็นคนแรกที่ทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นไปด้วยในคราวเดียวกัน



ความรู้สึกของเขาชัดเจนอยู่ในใจ แค่ได้เป็นเพื่อน ได้อยู่ใกล้ชิดกัน... ก็ยังดี



คนอ่อนวัยกว่าลดสายตาลงมองริมฝีปากซึ่งยิ้มอยู่น้อยๆ พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ถ้าให้บอกตามตรงก็อยากจะจูบแม่งไปแรงๆ สักที ไม่รู้ทำไม วันนี้ไอ้พี่วินทั้งน่ารัก น่าทะนุถนอมกว่าทุกครั้ง ถึงเขาจะรู้ตัวดีว่านี่แหละคือที่มาของสุนัขป่าในคราบลูกแกะก็ตามที



หากเมื่อกลีบปากสีแดงที่เคยแอบมองบ่อยๆ อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว เขาจะทนไหวได้อย่างไรกันเล่า เด็กหนุ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาจุดหมายทีละน้อย จนปลายจมูกของพวกเขาเกือบจะสัมผัสกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ถอยหนี



รวินท์นิ่งมองใบหน้าที่มีไรหนวดบางๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ ซึ่งทำให้เขาคาดหวังไปว่าจะได้สัมผัสกับความนุ่มของเรียวปากตรงหน้านั้น



แต่เวรกรรมที่ทำไว้มีมากโข และบุญที่เคยทำไว้ก็คงยังมีไม่พอ ภูพิงค์ถึงเสือกนึกขึ้นมาได้ว่า... แผลจากผ่าฟันคุดยังไม่ทันหายดีเลยนี่หว่า! “เฮ้ย!” เขารีบผละออก แล้วคราวนี้พอเห็นสีหน้าตกใจเล็กน้อยของอีกฝ่าย เขาก็ยิ่งลนลานทำอะไรไม่ถูก “เอ่อ คือ... ปากผม...”



ทันตแพทย์หนุ่มชะงักไปเล็กน้อย แล้วถอนหายใจเบาๆ เขาก็ผิดหวังนั่นล่ะ หากก็เข้าใจ เพื่อนที่ไหนจะบ้าคิดจูบกันล่ะวะ



“พี่วิน ปากผมยังเป็นแผลอยู่เลยอ่ะ” ภูพิงค์พยายามจะอธิบาย หากอีกฝ่ายเข้าใจไปอีกอย่างซะได้



รวินท์จำใจต้องเปลี่ยนโหมดกลับมาเป็นทันตแพทย์ “ตรงนี้มืดเกิน ผมคงเช็กอะไรให้ไม่ได้ ต้องไปดูที่สว่างหน่อย แต่หน้าหายบวมแล้วก็ค่อยยังชั่วนะ ยังมีเลือดออกอยู่รึเปล่าล่ะ”



“แทบไม่มีแล้วล่ะพี่ แต่ยังมีน้ำไหลออกจมูกตอนบ้วนปากนิดหน่อย”



“ไม่ปวด ไม่มีไข้แล้วใช่มั้ย”



“ไม่มีแล้วครับ ผมบ้วนน้ำเกลือหลังกินข้าวตามที่พี่บอกทุกวันเลยนะ”



“อือ อดทนเก่งมาก” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่า “ไม่ต้องห่วงนะ ซี่ที่เหลือ ผมจะจัดการให้อย่างดี จะต่อยให้สลบแล้วค่อยๆ งัดออก”



ภูพิงค์หัวเราะเสียงดัง “มือที่ต่อยใครแค่ครั้งเดียวก็ช้ำแบบพี่เนี่ยนะ จะต่อยผมยังไงให้สลบวะ เอาค้อนทุบเหอะ” เขาจับข้อมืออีกฝ่ายขึ้นมาตรงหน้า ทำให้เห็นรอยช้ำบนหลังมืออีกครั้ง “ว่าแต่พรุ่งนี้จะทำฟันไหวป่ะวะเนี่ย”



“ผมคงต้องลาพรุ่งนี้ เจ็บมือนิดหน่อยน่ะ ส่วนวันเสาร์ ที่นัดตัดไหมให้คุณไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้ามือยังเจ็บอยู่บางทีผมอาจจะต้องสลับวันทำคลินิกกับไอ้...เต้” รวินท์หยุดกึก ขมวดคิ้วมุ่น เขายังต้องกลับไปเผชิญหน้ากับไอ้เต้อีกนี่หว่า ยังต้องทำงานร่วมกันแทบทุกวัน



เด็กหนุ่มพลอยนิ่งขรึมไปด้วย เขาอ้ำอึ้งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถามออกไป “พี่วิน คือ... ผมถามจริงๆ นะ พี่คิดยังไงกับพี่เต้”



คนถูกถามหันไปมองหน้าอีกฝ่าย “หมายความว่าไง ผมก็คิดกับไอ้เต้เป็นเพื่อนกันไง”



“เพื่อนอย่างเดียวใช่มั้ย”



“เออสิวะ ผมกับไอ้เต้เป็นได้แค่เพื่อน...เท่านั้น” เสียงของรวินท์แผ่วลงเล็กน้อย เพราะมานึกดูอีกที สถานการณ์ระหว่างเขากับไอ้เต้ เหมือนตัวเขากับภูพิงค์ในตอนนี้ฉิบหายเลย



ภูพิงค์ผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งใจ “ผมถามเพื่อความชัวร์ อยากได้ยินจากปากพี่ให้ชัดๆ”



“ทำไม? ไอ้เต้มันบอกอะไรกับคุณเหรอ”



“ช่างเหอะพี่ อย่าไปนึกถึงมันอีกเลย”



ทันตแพทย์หนุ่มตะปบมือลงบนท่อนแขนของคนอ่อนวัยกว่า “จริงสิ รูปนั่น! ที่มันส่งมาให้คุณ! ขอผมดูหน่อย!”



“อย่าดูเลย ดูไปให้คิดมากเปล่าๆ”



รวินท์จ้องใบหน้าของเด็กหนุ่มนิ่งอยู่สักพัก เขาดึงมือออกแล้วเสตาหลบ “ผู้หญิงที่คุณเห็นอยู่กับผมวันนั้น ไอ้เต้เป็นคนส่งมา แต่ผมจะไม่โทษว่าเป็นความผิดของมัน เพราะนั่นเป็นความใจง่ายชั่ววูบของผมเอง”



คนอ่อนวัยกว่านึกย้อนกลับไป จะว่าไป... ที่เขาไปหาพี่วินวันนั้นก็เพราะพี่เต้โทรศัพท์มาบอกเหมือนกัน เหมาะเจาะแบบนี้ แสดงว่าพี่เต้วางแผนไว้เรียบร้อย กะว่าจะใช้โอกาสนั้นให้เขากับพี่วินผิดใจกันสินะ



“วันนี้มันเรียกผมไปเคลียร์ เอาชื่อผู้หญิงมาอ้าง ผมถึงได้ไปเคลียร์กับมัน” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกชัดเจนถึงความเจ็บปวดและผิดหวัง “ผมกับมันทะเลาะกัน แล้วมันก็บอกว่าที่จริง...”



“ว่าที่จริงแล้วพี่เต้ชอบพี่อย่างนั้นใช่มั้ย”



รวินท์พยักหน้า “อือ แล้วมันก็ดึงผมเข้าไปจะ...”



“พอแล้วพี่ ไม่ต้องเล่าแล้ว” ภูพิงค์ใช้นิ้วแตะริมฝีปากของทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ผมเข้าใจแล้ว”



แววตาของรวินท์สั่นไหว “คุณเชื่อผมใช่มั้ย ครั้งนี้ผมไม่ได้ใจง่ายนะ ผมไม่เคยคิดกับไอ้เต้เกินเพื่อน”



“ผมเชื่อ” เด็กหนุ่มเคลื่อนมือไปประกบแก้มอีกฝ่าย “แต่ผมอยากให้พี่ลืมเรื่องนี้ไปก่อน เพราะมันทำให้พี่ไม่สบายใจ พอพี่รู้สึกดีขึ้นแล้ว เราค่อยหาวิธีแก้ปัญหาระหว่างพี่กับพี่เต้กันนะ”



ทันตแพทย์หนุ่มสบสายตากับคนตรงหน้า ก่อนจะยิ้มบาง “อืม”



ปลายนิ้วที่สัมผัสบนกลีบปากสีแดงกดคลึงลงไปช้าๆ ขนาดใช้นิ้วแตะยังรู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นของมัน ถึงก่อนหน้าริมฝีปากของพวกเขาจะเคยแตะกันแวบๆ แต่มันก็เร็วเสียจนไม่ทันได้รู้สึกอะไรเลย เวลานี้เขาอยากจะสัมผัสกลีบปากตรงหน้านี่ด้วยเรียวปากของตนเองอีกครั้ง อยากจะทำให้พี่วินลืมสัมผัสของคนอื่นไปเสีย



แต่ก็ติดอยู่ตรงไอ้แผลเวรนี่ล่ะ!



“รอปากผมหายก่อนนะ...”



“จะไปด่ามันให้ผมรึไง” รวินท์ถามไปตามตรง



ภูพิงค์ได้ยินแล้วก็แทบทรุด หมดมู้ดไปทันที “โธ่ พี่วิน!” เขาลดมือลง หันหน้าหนีไปอีกทางแล้วยกมือขึ้นเกาศีรษะ



“ที่จริงผมก็ด่ามันไปนิดหน่อยแล้วแหละ” รวินท์พูดเสียงเศร้า “แต่ผมเองก็ผิด ที่ไม่ได้ใส่ใจกับความรู้สึกของมันให้มากๆ ทั้งที่มันเป็นเพื่อนสนิทของผม”



“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องด่าโว้ย” เด็กหนุ่มหันกลับมาโวยใส่ แล้วถอนหายใจ “ช่างเหอะ แล้ววันนี้จะทำไง พี่คงไม่กลับไปลำพูนหรอกใช่มั้ย”



“คืนนี้คงนอนที่คลินิก แต่คืนพรุ่งนี้...”



“งั้นคืนนี้ผมจะไปนอนด้วย ส่วนพรุ่งนี้ มานอนที่ห้องผมมั้ย”



“ได้เหรอ”



“ได้ดิ ผมอยากให้พี่อยู่ใกล้ๆ ผมจะได้ไม่ต้องห่วงมาก”



รวินท์ยิ้มบาง “ขอบใจ”



ภูพิงค์ลูบศีรษะทันตแพทย์หนุ่มอย่างอ่อนโยน เส้นผมนุ่มนิ่มชวนให้สัมผัส เวลาที่พี่วินเชื่องๆ ทำตัวน่ารักแบบนี้ เขารู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายมากจริงๆ อยากถนอม อยากปกป้องและเอาใจ “หิวมั้ย อยากไปกินอะไรรึเปล่า”



“นิดหน่อย ไปหาอะไรกินเอาแถวคลินิกก็ได้”



“ปะ งั้นไปกัน พี่ขับรถพี่ไป เดี๋ยวผมขี่มอไซค์ตามไปนะ” คนอ่อนวัยกว่าลุกขึ้นช้าๆ จากนั้นจึงส่งมือให้ชายหนุ่มใช้จับยึด



รวินท์พยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟังพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือเด็กหนุ่มไว้ หากพอลุกเดินไปได้สองสามก้าว เขาก็กระตุกมือนั้นเบาๆ “พิงค์”



“หือ”



“ตอบแชตผม รับโทรศัพท์ผมด้วยนะ อย่าเงียบไปอีก”



ภูพิงค์ยิ้มรับ “ครับ ที่ผ่านมาผมขอโทษที่ทำให้พี่ไม่สบายใจ”



รวินท์ทำหน้าเศร้า พลางก้าวเข้าไปสวมกอดเด็กหนุ่มไว้ เขารู้สึกว่าวันนี้ภูพิงค์ใจดีเป็นพิเศษ ไม่สิ ทุกครั้งที่เขามีปัญหา อีกฝ่ายจะใจดีกับเขาเสมอ เพราะฉะนั้น เขาน่าจะถือโอกาสนี้อ้อนเด็กหนุ่มไว้เยอะๆ



แล้วก็เป็นอย่างที่ทันตแพทย์หนุ่มคิด ภูพิงค์โอบกอดเขาตอบ แถมยังลูบหลังให้เสียด้วย พอเห็นว่าได้ผลดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาขอเนียนเต๊าะอีกฝ่ายไปด้วยเลยละกัน



“พรุ่งนี้ผมไปมหาลัยด้วยได้มั้ย ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”



“ผมเข้าใจนะ แต่พรุ่งนี้มีเรียนทั้งวัน แล้วหลังจากนั้นก็มีติวหนังสือสอบ ผมคงไม่มีเวลาดูแลพี่สักเท่าไหร่”



“ไม่เป็นไร” รวินท์เงยหน้าขึ้น เขายิ้มแบบที่คิดว่าน่าจะดูดีที่สุดในสายตาของเด็กหนุ่ม “อยากลองเป็นเด็กวิดวะสักวัน ผมจะนั่งเฉยๆ ไม่กวนใครหรอก”



คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะเบาๆ ส่วนใจน่ะ อ่อนยวบไปกองอยู่ตรงเท้าของอีกฝ่ายตั้งแต่ประโยคแรกที่ทำเสียงอ้อนเขาแล้ว “งั้นก็โอเค”



โอ้โห ได้ผลอย่างแรง!



รวินท์ปล่อยให้เด็กหนุ่มจูงมือเขาไปที่รถ ขณะที่เดินไปก็แอบยิ้มเล็กน้อย จะว่าไป ไอ้เรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้น มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างแย่ไปด้วยเสียทีเดียวล่ะวะ





*TBC*



ขอลงครึ่งเดียวก่อนนะคะ เอาแค่ฟินเบาๆ ก่อนละกันน้าาาา

ครึ่งหน้าก็ยังมีฟินล่ะ พี่น้องเขาเข้าใจกันมากขึ้นแล้ววว

ยกเว้นปากยังหนักทั้งคู่ อันนี้รักษายากกกก 5555555

ขอบคุณคนอ่านและทุกกำลังใจมากๆ แฮปปี้ๆๆๆ วีคเอนด์นะก๊ะ

ปล. รีบลงอย่างเร็ว เล้าอย่าเพิ่งล่มหนีเค้าน้าาา  :hao5:




หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 17-03-2018 11:12:47
โถ่ พ่อคนซื่อของเจ้ ไม่กินพี่วินมันจริงๆ  เนียนๆอ่อยๆ อ้อยสิบไร่ ให้เด็กมันใจอ่อนยวบยาบ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-03-2018 11:20:32
 :pig4:  :pig4: :pig4:

เมื่อไรจะเข้าใจตรงกันสักทีนะคู่นี้เนี่ย  อมพะนำกันอยู่ได้

ต้องรออีก 100 ตอนเลยหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 17-03-2018 11:43:23
รู้สึกได้ถึงความชัดเจนว่าจะเป็น พิงค์วิน ละ 555
เชียร์ วินพิงค์ มาตลอดเลยนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไร พี่วินน่าเอ็นดูขนาดนี้
ชอบความถือโอกาสอ้อนน้อง เพราะน้องใจดีด้วยเป็นพิเศษ
ถึงจะเศร้าก็ยังแอบมีความเจ้าเล่ห์นะเนี่ย ร้ายจริง ๆ
รอที่เหลือน้า พาพี่วินไปนั่งเฝ้าตอนเรียนเนี่ย แฟนคลับฟินกันตัวแตกแน่ >////<
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 17-03-2018 11:53:51
พี่วินน่ารัก อ้อยกันไปก็อ้อยกันมา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-03-2018 11:58:14
ปากหนักจริงๆ  แต่เราก็แอบฟินละนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-03-2018 12:25:08
ไปจอง พท.ในห้องวิดวะก่อน อิอิ  :katai5:
ต้องขอบคุณมากนะค่ะหมอเต้ที่ทำให้เขากลับมาคุยกันอีกครั้ง  :katai2-1:
 :L1:  :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-03-2018 12:42:12
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-03-2018 13:02:10
ประโยคนี้ของพี่วินต้องเสียงอ้อนเบอร์ไหนเนี่ยยยยย อยากรู้จังเล๊ยยยยย

“พรุ่งนี้ผมไปมหาลัยด้วยได้มั้ย ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 17-03-2018 13:05:00
พี่วินก็ยังเป็นพี่วินล่ะนะ อ่อยเก่งตามเคย 5555 พิงค์หนีไม่พ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 17-03-2018 14:35:36
แอะเหม็นความรัก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 17-03-2018 15:05:40
ค่อยๆรักกันเบาๆสินะคู่นี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 17-03-2018 15:11:08
กรีดร้องงงงงงง เขินมากคร้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-03-2018 15:46:05
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 17-03-2018 16:20:54
คนคงได้มองกันทั้งหมอ รอตอนต่อไป ฟินมาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: Lady~B ที่ 17-03-2018 16:23:31
ทำไมนุ้งพิงค์ต้องเจ็บปาก  :ling1:
พี่วินนี่คนอ่อยของโลกใบนี้จริงๆ เป็นหมอฟันหรือเป็นเกษตรกรไร่อ้อยคะพี่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 17-03-2018 16:41:57
ตัดสินไม่ถูกเลยว่าพี่หรือน้องมันร้ายกว่ากัน
เอ้าสิ้ ต่างคนต่างอ่อยกันขนาดนี้
ลืมเรื่องๆเครียดของหมอเตไปก่อน ขอความหวานให้หัวใจ :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-03-2018 16:52:55
อ้อนเบอร์แรง อิคนน้องยวบยาบ

ขนาดป้าเป็นคนอ่านยังใจอ่อนเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 17-03-2018 17:00:12
พี่วินอ่อยน้อง!! คราวนี้นางจงใจอ่อยและรู้ตัวแล้วว่าอ่อยใส่น้อง :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-03-2018 17:30:47
พี่วินอ้อนน่ารักจ้ง :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 17-03-2018 18:27:34
เข้าใจกันแล้ว   :กอด1: :กอด1: :กอด1:   รอดูพี่วินในคราบนักศึกษาวิศวะ จะโซฮอตเท่าตอนเป็นนักศึกษาทันตะหรือเปล่า  :laugh:  แอบสงสารพิงค์น้อยของพี่  เกือบจะได้ให้หมอตรวจฟันก่อนนัดซะแล้ว   :m25:  คิดลึก คิดไกลถึงไหน  ถึงได้นึกได้ว่ามีไหมเย็บแผลผ่าฟันคุดอยู่ในปาก



รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-03-2018 19:51:24
คิดเข้าข้างตัวเองบ้างก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-03-2018 19:53:47
พี่วินถ้าจะตามเต๊าะเด็กขนาดนี้ก็แกรนด์โอเพนนิ่งไปเลยค่าาา ฮือออ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-03-2018 19:59:20
ดีที่เข้าใจอะไรกันง่ายๆ ไม่หูเบาไปตามที่เต้มันปั่นไว้ มีอะไรคุยกันเยอะๆนะ คนอ่านซดมาม่าจนอิ่มแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 17-03-2018 20:08:30
ภูพิงค์จะไปไหนร๊อด    ขนาดยังไม่เป็นเเฟนกันพี่วินเริ่มจับทางได้อ้อนนิดๆหน่อยๆก็แทบหมอบคลานละ  ถ้าเค้าเลิกปากหนักกันภูพิงค์นี่กุ๊กไก่ในกำมือพี่วินนี่เอง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 17-03-2018 20:12:48
อ้อนอะไรเบอนั้นนนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 17-03-2018 20:51:05
พี่วินมันร้าย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-03-2018 21:25:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-03-2018 22:19:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-03-2018 23:00:10
พี่วินนี่ขี้อ่อยจังเลย แต่ต่อไปนี้อ่อยแค่น้องพิงค์คนเดียวก็พอนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 18-03-2018 00:36:51
น่ารัก น่าเอ็นดู พิงค์วินๆๆๆ พาส2มาพนุ่งนี้เลยได้ม๊ายยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-03-2018 01:38:53
ทำทุกอย่างให้ชัดเจนไปเลยครับ คนอื่นๆ หรือแม้แต่เพื่อนที่คิดไม่ซื่อจะได้ไม่มากวน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 18-03-2018 05:11:32
เรือพิงค์วินแล่นฉิวมากเลยค่าาาา
ดีจังเลยที่เค้ายังอยู่ข้างๆกันนน แล้วปล่อยให้เป็นไปตามสัญชาตญาณ
ถ้าได้คิสสสนะ นี่ว่ายาวววแน่ๆไม่ว่าใครจะเริ่มก่อน
พี่วินจะต้องไม่ยอมปล่อยอะถ้ามีโอกาสขนาดนั้น
ขนาดนี่ไม่มีโอกาสเท่าไหร่ ยังอ่อยขนาดนี้เลยยอะ
รอครึ่งหลังค่าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-03-2018 06:16:32
แค่ครึ่งเดียวก็ฟินมากแล้ว พี่วินโหมดขี้อ้อน :-[ พิงค์นี่ใจอ่อนแล้วอ่อนอีก เสียดายอย่างเดียวอดจูบ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 18-03-2018 06:38:57
พี่วินโคตรน่าเอ็นดู ทำไมขี้อ้อนงี้เนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-03-2018 10:32:56
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 18-03-2018 11:05:23
พี่วินทั้งอ่อยทั้งเต๊าะขนาดเน้  กล้าๆหน่อพิ๊งงง!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 18-03-2018 12:12:07
ถถถถ พี่วินร้ายน่ะเนี่ย มีลูกอ้อนกับเขาด้วย :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 18-03-2018 15:27:27
ฮื่อ อ้อนน่าดูเล้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 18-03-2018 15:38:29
แต่ละคน อ้อยจริงอ้อยจัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 18-03-2018 16:18:44

ภูสอยเดือน Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)


เมื่อทั้งสองกลับลงมาจากดอยและไปหาอะไรกินกันเรียบร้อยแล้ว ภูพิงค์ก็จะกลับไปเอาหนังสือเรียนที่บ้านเช่าก่อน พวกเขายืนอยู่ด้วยกันในที่จอดรถของคลินิก

“จะให้ผมขึ้นไปส่งที่ห้องก่อนปะ”

“ไม่ต้องๆ รีบไปรีบมาเหอะ”

“โอเค งั้นขึ้นไปแล้วล็อกห้องด้วยนะ เดี๋ยวผมมาแล้วจะโทรเรียก โอเค?”

“อือๆ”

หลังจากคนอ่อนวัยกว่าขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป รวินท์ก็รีบเดินเข้าไปข้างในตึกซึ่งภายในนั้นมืดสนิท เขาต้องเปิดไฟทีละส่วน พอเดินขึ้นบันไดไปก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของตนเองชัดเจน มันโหวงเหวงเสียจนเขารู้สึกหวาดๆ

เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นสาม เขาหันไปมองห้องพักของเตชิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปในห้องของตน ล็อกประตูห้องเสร็จแล้วก็หยุดหอบหายใจหนักๆ

เอาเข้าจริงๆ พออยู่คนเดียวเขาก็นึกกลัวเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าไอ้เต้มันจะคิดทำอะไรแปลกๆ อีกหรือเปล่า ถ้าต้องสู้กันตัวต่อตัว เขาคงเอาชนะมันได้ลำบาก

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นคลึงขมับ เขาถอนหายใจหนักๆ สะบัดหน้าหลายๆ ครั้งก่อนจะรีบรุดเข้าห้องอาบน้ำไป

สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น รวินท์เพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ เขารีบหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมไว้แบบลวกๆ จากนั้นจึงวิ่งออกจากห้องน้ำมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นดู

ทว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ภูพิงค์ แต่เป็นคนที่เขาไม่อยากนึกถึงมากที่สุด

“สัส! มึงยังกล้าโทรมาหากูอีกเหรอวะ!” รวินท์สบถ เขาปล่อยให้เสียงโทรศัพท์เงียบไปเอง แต่แล้วมันก็ดังขึ้นอีก พอหลายครั้งเข้าคนที่ปลายสายจึงส่งข้อความมาแทน

‘เป็นห่วง มึงไปไหน ทำไมไม่กลับห้อง’

ทันตแพทย์หนุ่มอ่านข้อความนั้นด้วยความรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

‘วิน กูรักมึงนะ’ คนที่ปลายสายส่งข้อความมาอีก

รวินท์อยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป “กูจะทำยังไงกับมึงดีวะ!”


“อย่างน้อยมึงก็รับรู้ความรู้สึกของกูสักที”

“กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อนมึง”



เมื่อนึกถึงคำพูดอีกฝ่ายทีไร ก็ราวกับมีมีดมาสะกิดในหัวใจ รวินท์เดินไปนั่งลงบนเตียงพลางยกมือขึ้นกุมศีรษะ เขาพูดเสียงแหบแห้ง “แต่มึงเป็นเพื่อนคนเดียวของกู” เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกก็ทำให้เขาสะดุ้งโหยง หากก็ไม่อยากแม้แต่จะยกขึ้นดู

ทันตแพทย์หนุ่มปล่อยให้โทรศัพท์ดังไปสักพัก จนมันเงียบไปและดังขึ้นอีกหลายครั้ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ เขารีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู “พิงค์!” แล้วรีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันที

พอเปิดประตูหลังของคลินิกออก ก็พบเด็กหนุ่มที่ยืนทำหน้าเครียดถือโทรศัพท์อยู่ “พิงค์!” รวินท์ร้องเรียกพร้อมกับรีบเดินเข้าไปหา “โทษที เมื่อกี้...”

ภูพิงค์ดึงแขนทันตแพทย์หนุ่มเข้าไปสวมกอด “ผมตกใจหมดเลย โทรหาพี่ตั้งหลายรอบ”

รวินท์กอดตอบ เขารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงๆ ของเด็กหนุ่ม นี่เขาคงจะทำให้อีกฝ่ายเป็นกังวลมากเลยทีเดียว “เมื่อกี้ไอ้เต้โทรมา ผมเลย...”

“ดีแล้วที่พี่ไม่เป็นอะไร” คนอ่อนวัยกว่ากระชับอ้อมแขนแน่น

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง” ทันตแพทย์หนุ่มลูบหลังให้ภูพิงค์อย่างอ่อนโยน รอจนอีกฝ่ายคลายความเกร็งที่แขนลงเแล้วจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะ “ไปเถอะ เราขึ้นห้องกันก่อนดีกว่า”

“อือ” เด็กหนุ่มก้มลงหิ้วเป้ขึ้นสะพายบ่า แขนอีกข้างโอบไหล่อีกฝ่ายไว้พลางพาเดินไปพร้อมกัน


เมื่อขึ้นไปถึงห้อง คนอ่อนวัยกว่าก็จูงเจ้าของห้องไปนั่งลงบนเตียง ส่วนตัวเขานั่งลงข้างๆ กัน เด็กหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัสแก้มอีกฝ่าย สายตาของเขาบ่งบอกถึงความเป็นห่วงเป็นใยทันตแพทย์หนุ่มอย่างชัดเจน “พี่เต้ว่าไงบ้าง”

“ผมไม่ได้รับโทรศัพท์หรอก มันเลยส่งข้อความมาแทน” รวินท์ตอบพลางส่งโทรศัพท์ให้เด็กหนุ่มดู

ภูพิงค์เปิดดูแค่ตรง notice แจ้งเตือนก็เห็นทั้งข้อความและจำนวนครั้งโทรเข้า พอเห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกเห็นใจพี่วินอย่างแรง คงจะลำบากใจน่าดู จะทำอะไรมากก็ไม่ได้ ในเมื่อพี่เต้ก็เป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมานาน และคงเป็นคนสำคัญของพี่วินเช่นกัน

“พี่หนีไปเรื่อยๆ ไม่ได้หรอก”

“ผมรู้ แต่ผมยังไม่อยากเผชิญหน้ากับมัน”

“ยังมีเวลาน่ะ ใจเย็นๆ” เด็กหนุ่มยิ้มบาง พอดึงมือตัวเองกลับก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ารวินท์ใส่แค่เสื้อคลุมอาบน้ำไว้หลวมๆ คอเสื้อแหวกยาวลงไปเกือบถึงเอว จากจุดที่เขานั่งอยู่มองเห็นติ่งไตสีชมพูที่รัดตัวแข็งชัดเจน ส่วนช่วงล่าง... เขาไม่กล้าก้มลงมองชัดๆ แต่ก็เห็นอะไรขาวๆ แวบๆ “พี่วิน... เอ่อ ใส่อะไรข้างในรึเปล่าวะ”

“อ่อ ไม่ได้ใส่ ตอนที่อาบน้ำเสร็จผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ นึกว่าเป็นคุณเลยรีบออกจากห้องน้ำมา”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าซับสีเลือดทันควัน “พี่วิ่งลงไปข้างล่างทั้งที่ข้างในไม่ได้ใส่อะไรเลยเนี่ยนะ!” เขาจับสาบเสื้อคลุมอาบน้ำทั้งสองข้างเข้ามาทบกัน จากนั้นก็ลุกขึ้นพรวด “รีบใส่เสื้อผ้าเหอะ เปิดแอร์เย็นแบบนี้เดี๋ยวไม่สบายด้วย ผม... ผมไปอาบน้ำก่อนล่ะ!” พูดจบก็วิ่งปรู๊ดออกไป

เสียงประตูห้องน้ำปิดดังปังใหญ่ ทำให้คนที่นั่งงงอยู่บนเตียงหัวเราะออกมาเบาๆ

เขินเหรอวะเนี่ย ไม่ใช่ไม่เคยเห็นสักหน่อยนี่หว่า

“น่ารักชะมัดเลยน้า”

รวินท์ส่ายหน้าไปมาพลางลุกไปรื้อหาเสื้อผ้ามาสวม เสร็จแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียงโดยเว้นที่ว่างข้างกันไว้ เขานอนไปเพลินๆ พอจะเริ่มง่วงเด็กหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำพอดี

“พี่นอนไปก่อนได้เลย แต่ผมขอเปิดไฟหัวเตียงไว้ก่อนนะ”

“ดึกแล้วยังจะอ่านหนังสืออีกเหรอวะ”

“อือ เดี๋ยวตามไม่ทันเพื่อน พรุ่งนี้มีติวต่อ”

“อ่อ โอเค”

ภูพิงค์เดินมานั่งลงบนเตียง ก่อนจะนอนคว่ำลง วางเอกสารกับสมุดลงตรงหน้าแล้วเริ่มต้นทำแบบฝึกหัดต่อทันที เขาก้มหน้าก้มตาทำโจทย์ไปเรื่อยๆ พอเริ่มง่วงก็คิดว่าจะหยุดพักสักหน่อย หากพอหันไปทางคนที่นอนอยู่ข้างกันก็ชะงัก เพราะอีกฝ่ายจ้องมองมาทางเขาตาแป๋ว... จ้องอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย!

“ทำไมพี่ยังไม่นอนอีกวะ”

“มองคุณอ่านหนังสือ เพลินดี”

“น่ามองตรงไหนเนี่ย”

“เวลาตั้งใจมากๆ หน้างี้ขมึงทึงเลยว่ะ คิ้วนี่ชนกันเลย” รวินท์พูดพลางเอามือจิ้มคิ้วตนเองชนกันแบบที่คนอ่อนวัยกว่าทำตอนอ่านหนังสือ จากนั้นจึงยิ้มกว้าง “ปกติน่ารัก แต่เวลาตั้งใจทำอะไรแบบนี้ก็เท่ดีเหมือนกัน”

พอถูกชมแบบไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “พี่วินมาไม้ไหนวะเนี่ย”

“เอ๊า! ชมไง ไม่ดีเหรอ”

“มันไม่ปกติอะ”

“ไม่ปกติยังไงวะ ตอนตีกลองผมก็ชมไง ตอนผมทำฟันให้คุณผมก็ชม อะไรวะ ความจำปลาทองเรอะ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “ทำไมผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกหลอกชอบกล”

ทันตแพทย์หนุ่มยกนิ้วขึ้นดีดหน้าผากคนอ่อนวัยกว่าดังเพียะ “มองผมในแง่ร้ายอีกละ ก็บอกแล้วไงว่าจะปรับปรุงตัว”

“บอกดีๆ ไม่ต้องดีดก็ได้ป่ะวะ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นคลึงหน้าผากตรงที่ถูกดีด ไอ้พี่วินแม่งดีดซะแรงเลย ความรู้ที่อ่านไว้สอบกระเด็นกระดอนหมด “ไม่คุยด้วยแล้ว ผมจะเร่งทำแบบฝึกหัดต่อให้เสร็จ เดี๋ยวคืนนี้ไม่ได้นอนพอดี”

แล้วความเงียบสงบก็เข้ามาปกคลุมภายในห้องอีกครั้ง ภูพิงค์ขีดเขียนลงกระดาษไปเรื่อย ใจจดจ่ออยู่กับการแก้ปัญหาโจทย์ จนกระทั่งเสร็จตามที่ตั้งใจ หากคราวนี้พอหันไปหาคนที่นอนอยู่ข้างกัน อีกฝ่ายก็ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อย

เด็กหนุ่มค่อยๆ เก็บเอกสารและสมุดวางไว้หัวเตียง เอื้อมมือไปปิดไฟ จากนั้นจึงเอนตัวลงนอน เขาพลิกตัวหันหน้าเข้าหาทันตแพทย์หนุ่ม แล้วจับจ้องใบหน้าอีกฝ่ายในแสงสลัว

จะว่าไปเขาก็นอนบนเตียงเดียวกันกับพี่วินมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว แต่ครั้งนี้รู้สึก...แปลกไปกว่าทุกที อาจเป็นเพราะพี่วินดูน่ารักขึ้น ดูน่าทะนุถนอมกว่าเคย เขายกมือขึ้นสัมผัสแก้มที่ดูนุ่มนิ่มตรงหน้า พยายามให้เบาที่สุดเนื่องจากกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาได้

หากสัมผัสอ่อนโยนนั้นก็ทำให้ทันตแพทย์หนุ่มปรือตาขึ้น เขากึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า แต่ก็ขยับเข้าไปหาคนอ่อนวัยกว่า “กอดหน่อยดิพิงค์”

ภูพิงค์อมยิ้ม เขาโอบกอดอีกฝ่ายไว้ แนบจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบาแล้วกระซิบบอก “ฝันดี”


เช้าวันใหม่ ภูพิงค์ตื่นขึ้นมาก่อน โดยที่แขนเขายังโอบกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ นัยน์ตาคมกริบจ้องมองใบหน้าที่อยู่ห่างออกไปแค่ไม่ถึงคืบพลางอมยิ้ม ถึงกับนอนกอดอีกฝ่ายได้ตลอดคืนแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขากลัวตกเตียง ก็คงเพราะ... ขัดเสียงของหัวใจไม่ได้

เขาควรจะลุกขึ้นไปแต่งตัวเตรียมไปเรียน แต่ว่าไม่อยากคลายอ้อมแขนออกเลย อยากกอดพี่วินไว้แบบนี้อีกนานๆ อยากหยุดเวลาไว้

ก็พี่วินทำตัวน่ารักแบบนี้บ่อยซะที่ไหน

หากภูพิงค์ก็ต้องจำใจขยับออกช้าๆ เสียดายก็เสียดาย หากเพราะมีเรียน และก็ใกล้สอบมากแล้วด้วย  เขาลุกเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน พอเดินออกมาก็เห็นว่าอีกฝ่ายตื่นแล้ว กำลังนั่งหัวยุ่งทำตาปรืออยู่ที่บนเตียง

“เดี๋ยวผมจะไปเปลี่ยนเสื้อที่บ้านก่อน พี่ไปด้วยกันนะ”

“อือ”

“งั้นก็รีบไปล้างหน้าแปรงฟันเลย”

รวินท์ลุกเดินโซเซเข้าห้องน้ำไปตามที่คนอ่อนวัยกว่าสั่ง สักพักก็เดินกลับออกมา แล้วตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า

“ยังไม่ต้องเปลี่ยนหรอก”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับ “จะให้ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบนี้ไปมหาลัยรึไง”

“เดี๋ยวไปเอาเสื้อผ้าผมเปลี่ยน”

“ฮะ!?”

“อยากไปเรียนด้วยไม่ใช่เหรอ ปะ ไปกัน” ภูพิงค์หยิบรีโมตขึ้นมาปิดแอร์ รวบเก็บเอกสารและสมุดใส่เป้ “ตามมาไวๆ”

รวินท์หยิบกุญแจ โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ยัดใส่กระเป๋ากางเกง แล้วรีบรุดตามเด็กหนุ่มไป

ภูพิงค์ให้อีกฝ่ายซ้อนมอเตอร์ไซค์กลับไปที่บ้านเช่า เมื่อไปถึงเพื่อนๆ ของเขาก็กำลังเตรียมทำอาหารเช้ากินกันพอดี

“อ้าว พี่หมอ หวัดดีครับ” สี่หนุ่มผงะไปเล็กน้อย เพราะไม่เคยเห็นทันตแพทย์หนุ่มในสภาพใส่ชุดนอนและหัวฟูเช่นนี้ ปกติเห็นแต่งตัวเนี้ยบดูน่าเคารพตลอด

“หวัดดี” รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก

“บ้านไฟไหม้เหรอ” ดิวหลุดปาก เขาจึงถูกขิงตบกะโหลกเรียกสติไปหนึ่งที

“สัส มึงนี่ก็ทักซะ”

ภูพิงค์ตัดบท “ทำอะไรกินวะ เผื่อกูกับพี่วินด้วย เดี๋ยวพาพี่เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บ”

“เออๆ ได้ๆ เปลี่ยนทีเหอะ”

“ผมดูแย่มากเลยเหรอ” ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว

“เปล่าหรอกพี่ แต่แบบ ไม่คุ้นตาอ่ะ พี่ดูเด็กกว่าไอ้พิงค์ซะอีกว่ะ”

“ผมว่านั่นเพราะเขาหน้าแก่เองรึเปล่าวะ”

เด็กหนุ่มล็อกคอรวินท์ไว้แล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกไป “ไปได้แล้วเว้ย เดี๋ยวพวกผมสาย!” หากเมื่อถึงบันไดก็ปล่อยแขนออก เปลี่ยนเป็นจูงมือแทน

“ผมไม่หลงหรอก”

“เดี๋ยวเดินเข้าห้องคนอื่น”

“โห... ไม่ได้โง่ขนาดนั้น”

“เมื่อวานยังน่ารักอยู่เลยแท้ๆ ไม่น่าเสียเวลาปลอบเล้ย” ภูพิงค์พึมพำ

“แต่วันนี้หล่อใช่มะ”

“ที่ถามเนี่ย เมื่อเช้าได้ส่องกระจกก่อนป่ะวะพี่”

รวินท์หัวเราะ ทั้งที่เมื่อวานทั้งเครียดทั้งกังวลสารพัด แต่พอได้อยู่ใกล้ภูพิงค์ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เขามีความสุขเวลาที่อยู่กับเด็กหนุ่มมากจริงๆ สุขจนอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้

ภูพิงค์พาทันตแพทย์หนุ่มเข้าไปในห้อง เขาเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อชอปสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส่งให้ “เอ้า เปลี่ยนใส่ซะ”


รวินท์รับมาอย่างงงๆ “เดี๋ยวนะ คุณจะให้ผมเข้าไปนั่งเรียนด้วยเหรอ”

“อือ จะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวไง”

“อาจารย์จะไม่ว่าเอารึไง”

“เรียนห้องใหญ่ คนตั้งเยอะอาจารย์ไม่สนใจหรอกพี่”

รวินท์คลี่เสื้อออกพลางเลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ย ผมใส่ได้เหรอ”

“ทำไมจะไม่ได้วะ”

“ก็นี่มันชอป”

“ใส่ไปเหอะน่ะ”

“โห จะได้เป็นเด็กวิดวะกับเขาแล้วแฮะ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง คิดดูแล้วก็น่าสนุกดีเหมือนกัน เขารีบถอดเสื้อออกแล้วหยิบเสื้อชอปมาใส่ ส่วนเจ้าของห้องก็เดินเลี่ยงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำแทน

พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ รวินท์ก็ส่งข้อความไปฝากบอกลาป่วยกับพี่สิงหา พร้อมกับถ่ายรูปรอยช้ำที่มือส่งไปให้ดูด้วย ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มก็เดินเข้ามาชะโงกหน้าดู ก่อนจะเอาหมวกแก๊ปสีดำมาสวมให้ กับแว่นสายตาที่มีแต่กรอบ “ใส่ไว้แบบนี้ดูเผินๆ ก็คงไม่มีใครรู้หรอกว่าพี่หลงมาจากไหน พูดน้อยๆ ก้มหน้าเยอะๆ หน่อยละกัน”

“โอเค”

ภูพิงค์หยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆ “แล้วก็ไม่ต้องยิ้มให้คนอื่นไปทั่วนะเว้ย”

“ทำไมอะ”

“ก็ไม่ทำไมหรอก”

“ทำไมๆ ผมอยากรู้นี่” รวินท์ยื่นหน้าเข้าไปถาม

เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง “ก็... เดี๋ยวคนจำได้ไง” เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “เอ้า ยิ้มหน่อย”

“จะทำไร”

“ถ่ายรูป เอาไว้เป็นที่ระลึกว่าพี่เคยใส่ชอปผม”

รวินท์ยิ้มกว้าง พอคนอ่อนวัยกว่าถ่ายรูปเสร็จก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเซลฟี่คู่กันไว้บ้าง “เหมือนใส่เสื้อคู่เลยว่ะ ปลื้มเนอะ”

ภูพิงค์ชำเลืองมองรอยยิ้มของทันตแพทย์หนุ่ม แล้วอมยิ้ม เขายกแขนขึ้นโอบเอวอีกฝ่ายไว้ “ไปเหอะ ลงไปข้างล่างกัน”


เมื่อทั้งสองลงไปที่ห้องกินข้าว อีกสี่หนุ่มก็ดันเออออนึกสนุกไปด้วย พวกเขาเล่าถึงบรรยากาศในห้องเรียนให้ทันตแพทย์หนุ่มฟังเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมไปในตัว

“ปกติอาจารย์เข้ามาพูดๆ แล้วก็ออก นั่งหลับอาจารย์ยังไม่สนใจเลยพี่”

“ควิซอะไรก็คงไม่มีแล้ว เพราะจะไฟนอลรอมร่อ อาจารย์กำลังเร่งสรุป ไม่มีเวลามาไล่สบสายตากับใคร”

“คราวนี้พี่หมอจะได้เห็นด้วยว่าวิดวะก็เรียนหนักนะเว้ยพี่ แต่ทำไมได้ตังค์น้อยกว่าหมอฟันก็ไม่รู้ว่ะ” สามหนุ่มวิศวะพูดเข้าขากันซะดิบดี

รวินท์ตอกกลับไปเบาๆ “พวกคุณก็เรียนซ้ำไปซ้ำมาให้ได้ครบหกปีเหมือนผมสิวะ บางทีอาจจะได้ตังค์พอกัน”

“โห แรงว่ะพี่หมอ ทำไมเป็นคนแบบนี้ ขอพวกผมสี่ปีเถอะนะ”

“ไอ้พิงค์แบ่งหมาให้เหรอครับเนี่ย”

“ไม่แบ่งหรอก เขาหวงจะตาย ผมต้องเพาะเอง” ทันตแพทย์หนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ

แซนดี้ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มฮั่กๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เฮ้ย มาพนันกันดีกว่า วันนี้พี่หมอจะเนียนเป็นเด็กวิดวะได้ทั้งวันมั้ย”

“เออ ถ้าอาจารย์จับไม่ได้ทั้งเช้าทั้งบ่าย กูลงขันพนันร้อยนึงเลย” ซันควักแบงค์ร้อยวางลงบนโต๊ะทันที

“กูด้วย!” แซนดี้ลงขันร่วมกับซันด้วย

“ทั้งวันนี่กูไม่แน่ใจเลยว่ะ” ขิงหันไปปรึกษากับดิว จากนั้นจึงพนันด้วย “กูว่าไม่รอด พี่หมอแม่งเด่นจะตายห่า สาวๆ เห็นแค่ไรผมก็จำได้แล้ว” พอลงขันเสร็จก็หันไปทางภูพิงค์ “มึงว่าไง”

“กู...”

“รอดสิวะ” ขณะที่ภูพิงค์ลังเล รวินท์ก็ควักแบงค์ร้อยออกมาสู้บ้าง “พิงค์ คุณว่าไง”

“ผมไม่เล่นอะ แม่ไม่ให้เล่นการพนัน”

“ไอ้ตอแหล!” แซนดี้โวยใส่

ภูพิงค์ไม่ร่วมลงขันด้วย เขาลุกขึ้นรวบเก็บจานไปล้าง “เฮ้ย สายแล้วโว้ย ไปๆ รีบไปเรียนกันได้แล้วเว้ย” เมื่อล้างเสร็จพวกเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปมหาวิทยาลัยกัน

ระหว่างที่นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไป รวินท์ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเด็กหนุ่มไม่ยอมพนันด้วย “นี่ ทำไมคุณไม่พนันวะ”

“ก็ไม่อยากพนันกับพวกมันไง”

“งั้นพนันกับผมป่ะล่ะ”

ภูพิงค์เคลื่อนมอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดในที่จอด เขาถอดหมวกกันน็อกออกแล้วหันไปทางคนที่เพิ่งก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์ไป “พนันอะไร”

“ถ้าผมชนะ ผมขออะไรจากคุณก็ได้หนึ่งอย่าง แล้วถ้าผมแพ้...”

“ผมก็ขออะไรจากพี่ได้หนึ่งอย่างใช่ป่ะ”

สองหนุ่มประสานสายตากันอยู่ชั่วครู่ ก่อนภูพิงค์จะตอบ “เออ ก็ได้”


*TBC*


เด็กมันก็ร้ายนะคะแม่หญิงแม่นาย พนันกับเพื่อนไม่ยอม จะพนันกับพี่สองคน /แหมมมมมไปให้ถึงดาวพลูโต

แล้วปกติชอปเขาก็ไม่ให้คนอื่นใส่กันหรอกนะพี่หมอ ถ้าไม่ใช่แฟนนน~ พี่วินคนมึนรู้ตัวบ้างมั้ยน้าาาา

ตอนหน้ามาแอบดูกันว่าพี่หมอจะเนียนเป็นเด็กวิดวะได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ค่ะ 5555555 แล้วใครจะชนะพนัน  :impress2:

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่า จุ๊ฟๆ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 18-03-2018 16:30:12
ใครชนะขอเป็นแฟนเลยยยย มโนไปไกลแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-03-2018 16:36:31
พิงค์อยากขออะไรหมอวินเหรอคะ  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-03-2018 16:38:33
มีเพื่อนรักโผล่มาให้ระคายเล็กน้อย นอกนั้นก็ฟินไปสิค่ะ  :hao7:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-03-2018 16:52:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

นี่เขาตกลงคบกันแล้วใช่ไหม?

เท่าที่อ่านยังไม่เห็นมีนะ  แต่ทำไมบรรยากาศมันเหมือนใช่หว่า?

 :-[ :-[ :-[

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 18-03-2018 16:57:04
มีสิทธิได้เปรียบทั้งคู่ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: ipookza ที่ 18-03-2018 17:06:31
มาเร็วๆๆๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-03-2018 17:12:07
เต้ รุกน่ากลัว   :fire:

วิน ใส่ช้อบ ของพิงค์  :mew1:
ปกติชอปเขาก็ไม่ให้คนอื่นใส่กัน ถ้าไม่ใช่แฟน อะจ๊ากกกกก  :o8: :impress2:
พิงค์ วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 18-03-2018 17:14:03
ตอนนี้มันยังไงๆอยู่น้าภูพิงค์
เดินในบ้านก็ไม่ต้องจับมือก็ได้มั้ง พอจะออกจากห้องก็เนียนโอบเอว
พิงค์ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ โอ๊ยได้กลิ่นความรัก :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2)][170318]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-03-2018 17:24:41
เดะก้อได้กันนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 18-03-2018 17:43:56
เด็กมันร้ายจริงๆ หลอกพี่หมอใส่เสื้อคู่แบบไม่รู้ตัว  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 18-03-2018 17:45:02
อ่านแล้วจะละลาย :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 18-03-2018 17:53:42
แหมมมมมมด้วย พิงค์เนียนนะเรา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 18-03-2018 17:55:09
ความจะแตกก่อนมั้ย ออร่าพี่หมอกระจายซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-03-2018 18:13:16
พี่หมอจะรอดไปทั้งวันหรือเปล่า  ไม่น่ารอดนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-03-2018 18:13:47
แหมมมมมม อิคนน้องตีเนียนนะ เดี๋ยวกอด เดี๋ยวโอบบบบ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 18-03-2018 18:32:50
โห ช็อปเขาให้เฉพาะแฟนใส่เหรอเนี่ย เราก็มีช็อปนะแต่ไม่เคยรู้ .........เอ็งไม่ใช่วิศวะไง 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-03-2018 19:40:36
ไหนว่าแม่ไม่ให้เล่นการพนันคะน้องพิงค์
แล้วไอที่ไปพนันกะพี่หมอสองต่อสองนี่มันอะไรคะ
ช่างร้ายกาจนัก!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-03-2018 19:47:11
อยากพนันด้วยแต่ไม่รู้ว่าจะเล่นข้างใครดี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 18-03-2018 19:56:39
มีจููบหน้าผาก มีโอบเอว  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 18-03-2018 20:12:29
นี่ยิ่งกว่าเป็นแฟนกันอีกล่ะมั้ง :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-03-2018 20:41:01
ไม่ว่าใครจะชนะคนอ่านได้เฮแน่ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: Wanwann ที่ 18-03-2018 21:08:19
แหมมมมมมม เราว่าไม่ว่าใครจะชนะ มันต้องมีอะไรดีๆแน่นอล :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-03-2018 21:44:05
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-03-2018 22:05:14
ขอเป็นแฟนใช่ม้ายยยยยย
ตอนนี้น่ารักมุ้งมิ้งมาก พี่วินอ้อยสุดๆ
ตามรอดูเด็กวิศวะขี้หวงตอนหน้าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 18-03-2018 22:10:47
ฮอลลลลลลลล

พี่หมอมีตั้งใจอ้อนเต๊าะเด็กด้วยอ่ะ น่ารัก
เดี๋ยวนี้เค้ามีกอดกัน โอบเอวกัน ทำเป็นเรื่องปกติไปแล้วเหรอคะ?

ปล.คิดว่าพี่หมอไม่น่ารอดนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 18-03-2018 22:11:27
ฮอลลลลลลลล

พี่หมอมีตั้งใจอ้อนเต๊าะเด็กด้วยอ่ะ น่ารัก
เดี๋ยวนี้เค้ามีกอดกัน โอบเอวกัน ทำเป็นเรื่องปกติไปแล้วเหรอคะ?

ปล.คิดว่าพี่หมอไม่น่ารอดนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 18-03-2018 22:26:08
อยากมีแบบนี้จัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-03-2018 22:33:54
เหมือนแฟนกันเลย o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 18-03-2018 22:47:50
เนียนเลยนะภูพิงค์ ทั้ง โอบเอว นอนกอด

 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-03-2018 23:11:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-03-2018 00:06:17
ขนาดนี้แล้วก็เป็นแฟนเลยไหมคะ แหมมมม  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-03-2018 00:24:36
ขอเป็นแฟนกันเลยค่ะ!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 19-03-2018 00:44:36
ตอนหน้ามาพรุ่งนี้ได้ม๊ายย ติดงอมแงม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 19-03-2018 04:33:58
พิงค์ ... น่ารักตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 19-03-2018 05:40:44
น่ารักเกินเบอร์มากค่ะตอนนี้อิอิ..ชื่นใจค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 19-03-2018 06:42:39
อยากรู้ผลแพ้ชนะ เร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 19-03-2018 07:36:58
ใครจะชนะก็ตาม ขออีกฝ่ายเป็นแฟนไปเลยจ้า  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: aunchi ที่ 19-03-2018 09:50:24
แหมมมมมมม อยากจะรู้ใครจะชนะพนันครั้งนี้
แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือ เวลาเค้า...กันมันจะมุ้งมิ้งขนาดไหน อร้ายยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-03-2018 09:57:47
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 19-03-2018 11:55:30
มาลงกันดีกว่าว่าใครอยู่บนอยู่ล่าง หุหุ

พี่วินกด1

น้องพิงกด2

ชอบใครเชียร์ใครก็เลือกเอาเลยเด้อ :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 19-03-2018 17:03:13

พี่วิน น้องพิง คู่นี้ คงแบบ แมน แมน ครัชสินะ

มีการถ่ายรูป ฉลอง เสื้อคู่กันด้วย

 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

เชียร์ เมะ ชน เมะ เลย  คงไม่มีใคร เมะ เคะ จริงๆๆ หรอก :ruready
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-03-2018 17:55:32
55555 วินท์ ทำไมทำแบบนี้
แค่นี้ก็อ่อนระทวยพอแล้ว
ทำมากกว่านี้ ภูพิงค์ขึ้นหลุมไม่ไหวแน่

วินท์มีความเนียน
พิงค์ก็ขอเนียนต่อ

วินท์จะรอดไหมล่ะ คิดว่าไม่น่ารอดนะ คนดัง

ทำไมเต้ถึงไม่หยุด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-03-2018 23:38:55
ขอให้ได้กันเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 20-03-2018 19:59:38
เดาว่าพี่วินคงแพ้อะเนาะ  ถึงจะปลอมตัวยังไง ออร่าก็กระจายอยุ่ดี   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-03-2018 20:44:26
พนันกันเองสองคน จะขออะไรดีน๊า ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 20-03-2018 21:51:54
แหมมม!! อิเด็กแผนสูง
มารอดูกันว่าคนพี่หรืออิเด็กจะขอเป็นแฟนก่อนกัน!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 23-03-2018 18:36:04
เอาล่ะ ใครจะชนะกันนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 23-03-2018 20:38:19
เค้าร้ายกันทั้งคู่เลยนะคะแม่ย่า เรายอมแพ้ แต่น่ารักมากกกกกกกเดียวจับแก้ม เดียวโอบมีนอนกอดกันอีกอิจคร้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-03-2018 01:53:40
บอกทีสิคะะ ว่าเค้ายังไม่ได้เป็นแฟนกันนนนน
แหมมมมมมมมมม อยากจะแหมไปให้รอบจักรวาลล
จูบหน้าผาก โอบเอว นอนกอด นอนซุกก อ้อนอีกก
โอ้โหหหห อยากจะแหมมมยาวๆอีกซักรอบเลยจริงๆค่ะ
นี่ว่าพี่หมอไม่รอด55555555
ว่าแต่เค้าจะขออะไรกันนนคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 24-03-2018 10:31:41
มารอพิงค์สอยพี่วิน
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (2/2)][180318]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 25-03-2018 12:29:22
Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี


สองหนุ่มยืนอยู่ที่ในลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ หลังจากตกลงเรื่องพนันกันเรียบร้อย ทันตแพทย์หนุ่มก็ชี้ไปที่เป้ของคนอ่อนวัยกว่า “เอาหนังสือมาให้ผมยืมถือหน่อย”

“เอ้า เลือกเอา”

รวินท์หยิบหนังสือออกมาหนึ่งเล่มกับเอกสารอีกชุด เขาหยิบหมวกแก๊ปที่เหน็บกระเป๋ากางเกงไว้ขึ้นมาสวม แล้วกระชับแว่นบนใบหน้าเล็กน้อย “ไฟนอลเช็กหน่อย เป็นไง”

“อืม...” ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว “ทำไมทำหน้าแปลกๆ”

“กำลังคิดว่าพี่วินก็เข้ากับเสื้อชอปวิดวะดี พอมายืนมีตึกเรียนเป็นแบ็กกราวน์ยิ่งเหมือนเด็กวิดวะมากๆ”

รวินท์มองเด็กหนุ่มอย่างระแวง เพราะปกติอีกฝ่ายไม่ค่อยจะพูดดีๆ ด้วยสักเท่าไหร่

แต่สำหรับภูพิงค์นั้น เขาคิดว่าพี่วินใส่ชอปของเขาแล้วน่ารักดีชะมัด เขาปลื้มจนยิ้มหน้าบานไม่หุบเลยเนี่ย “ปะ เข้าไปเรียนกัน” คนอ่อนวัยกว่าก้าวเข้ามาโอบไหล่ “พร้อมนะพี่”

“อือ พร้อมก็ได้”

เมื่อถึงเวลาเดินเข้าห้องเลคเชอร์ รวินท์ก็เดินปะปนเข้าไปพร้อมกับเด็กหนุ่มทั้งสี่คน พวกเขาก้มหน้าก้มตาเดินไปนั่งตรงที่ว่างข้างหลังสุด ทันตแพทย์หนุ่มเดินผ่านเข้าไปฉลุย ช่วงเช้าพวกนักศึกษายังง่วงเหงาหาวนอนกันอยู่ จึงไม่มีใครใส่ใจใคร ไม่มีใครหันมามองเขาเลยสักคน

ภูพิงค์นั่งลงข้างรวินท์ ส่วนอีกข้างหนึ่งเป็นซัน หลังจากนั่งไปไม่นาน ชั่วโมงเรียนก็เริ่มขึ้น ทันตแพทย์หนุ่มจึงก้มหน้าลงทำเป็นอ่านเอกสารกับจดเลคเชอร์

แล้วชั่วโมงเรียนภาคเช้าก็จบลงไปง่ายๆ โดยที่ไม่มีใครในห้องใส่ใจ พวกเขาไปนั่งกินมื้อเที่ยงด้วยกัน เดินไปไหนมาไหนในตึกก็ไม่มีใครสนใจจะถามไถ่อะไร ทุกอย่างดูเหมือนวันปกติทั่วไป

จนกระทั่งถึงชั่วโมงเรียนในภาคบ่าย ซึ่งกลุ่มของเด็กหนุ่มไปนั่งหลังห้องด้วยกันเหมือนเคย

ช่วงแรกๆ อาจารย์ก็สอนไปเรื่อยๆ หากบรรยากาศยามบ่ายตอนอิ่มท้องแบบนี้ชวนให้ท้องตึงหนังตาหย่อน ชั่วโมงเรียนสองชั่วโมงยาวนานราวกับครึ่งปี รอบๆ ตัวทันตแพทย์หนุ่มเริ่มสัปหงกกันไปทีละคน ส่วนภูพิงค์ก็นั่งตาปรือ

แต่รวินท์คิดว่าวิชานี้ก็น่าสนใจดี กลายเป็นเขาเพียงคนเดียวที่ตั้งใจฟังอาจารย์ และจดเลคเชอร์ลงในสมุดไว้ให้เด็กหนุ่มที่นั่งสัปหงกอยู่ข้างกัน

อาจารย์ยกตัวอย่างการแก้ปัญหาโจทย์ไปทีละข้อ จนกระทั่งถึงยี่สิบนาทีสุดท้ายที่ดูท่าเหล่านักศึกษาจะไม่ไหว เขาจึงต้องหาวิธีปลุกวิญญาณไอ้พวกนี้ขึ้นมา “เอาล่ะ ง่วงกันนักใช่มั้ย เอางี้ละกัน ผมจะสุ่มออกมาทำโจทย์หน้าห้องทีละคน”

เท่านั้นล่ะ ตื่นกันทั้งห้องจริงๆ แล้วอาจารย์ก็เรียกคนที่นั่งสัปหงกในตอนแรกสองสามคนให้ออกไปแก้ปัญหาโจทย์คล้ายๆ กับที่เพิ่งสอนไป

รวินท์นั่งจดตัวอย่างไปเรื่อยๆ ดูเหมือนจะตั้งใจเรียนที่สุด แต่แล้วจู่ๆ ความซวยก็มาเยือนซะงั้น

“นั่นน่ะ คนที่ใส่หมวกสีดำข้างหลังสุดน่ะ ออกมาทำข้อต่อไปด้วย”

ทันตแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้น หันมองไปทางซ้ายที ขวาอีกที ในแถวหลังสุดนี่มีเขาเพียงคนเดียวที่สวมหมวกสีดำ

อ้าว ฉิบหาย!

นัยน์ตาเรียวเบิกโพลง เขาหันขวับไปทางภูพิงค์ทันที “พิงค์! แย่แล้วอะ”

“พี่เอาหมวกมา เดี๋ยวผมออกไปเอง”

หากรวินท์ยังไม่ทันได้ถอดหมวก อาจารย์ก็เรียกเขาซ้ำอีก คราวนี้ทั้งห้องหันมามองเขาเป็นตาเดียว ฉิบหายแรงๆ!

“ออกมาไวๆ ยึกยักอะไรอยู่นั่น ผมเห็นคุณมองกระดานจดเลคเชอร์ตลอด ทำได้อยู่แล้วน่ะ” อาจารย์กวักมือเรียก

“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน” ทันตแพทย์หนุ่มคว้าสมุดจดเลคเชอร์ติดมือไปด้วย เขาเดินก้มหน้างุดตรงไปหาอาจารย์ เมื่ออีกฝ่ายส่งโจทย์ให้ก็รับแล้วเดินไปหยุดยืนที่หน้ากระดานไวต์บอร์ด

ภูพิงค์กับเพื่อนๆ ชะเง้อมองรวินท์ด้วยความเป็นห่วง “จารย์จะจับได้มั้ยวะเนี่ย ไอ้พวกในห้องด้วย”

“กูบอกในไลน์กลุ่มไปเมื่อเช้าแล้วว่าวันนี้จะพาพี่หมอมาด้วย ให้ทุกคนช่วยทำตัวเป็นปกติ ห่วงแค่จารย์นี่ล่ะ” ดิวกระซิบตอบ

รวินท์เขียนโจทย์ลงบนกระดานอย่างเร่งรีบ ทำให้ลายมือหวัดจนอาจารย์ต้องตะแคงมองดูแล้วมองดูอีก

“เขียนให้มันดีๆ หน่อยสิครับนักศึกษา! เป็นหมอเรอะ เขียนหวัดแบบนี้น่ะ!”

ทันตแพทย์หนุ่มสะดุ้ง เขาลดความหวัดของลายมือลงเล็กน้อย พอเขียนโจทย์เสร็จก็เริ่มทำตามตัวอย่างของอาจารย์ไปเรื่อยๆ มันก็พอมั่วไหว ผิดถูกช่างแม่ง แต่ถ้าถูกก็จะถือว่าฟลุ้คสุดๆ ไปเลย

พอได้คำตอบออกมา รวินท์ก็หันไปหาอาจารย์อย่างงงๆ อันที่จริงก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองทำเสร็จแล้วหรือยัง แต่ขอมั่วตอบไปก่อน “สะ...เสร็จแล้วครับ”

“เปลี่ยนหน่วยด้วยสิ”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับกลับไปที่กระดานใหม่ เปลี่ยนหน่วย? ตรงไหนยังไงวะ! เขาถือปากกาไวต์บอร์ดนิ่งค้างเป็นหิน

“เปลี่ยนหน่วยตอนจบไง สอนไปเมื่อกี้ คุณลืมแล้วเรอะ”

“อ้อ! ครับๆ จริงด้วย” ที่อาจารย์ย้ำเมื่อกี้ ดีนะเขาเสือกว่างจนตั้งใจเรียน! รวินท์จัดการเปลี่ยนหน่วยตามตัวอย่างที่จดไว้ แล้วหันไปถามอาจารย์อีกที “เสร็จรึยังครับ”

“ผมจะรู้มั้ยล่ะ คุณคิดว่าเสร็จรึยัง”

รวินท์ขมวดคิ้ว หันขวับไปตรวจคำตอบบนกระดานอีกครั้ง “เสร็จแล้วมั้งครับ”

“เออ เสร็จก็เสร็จ โอเค ถูกต้อง เอ้า คนต่อไป!”

ทันตแพทย์หนุ่มอ้าปากค้าง เฮ้ย! ไม่น่าเชื่อ! เขารอดด้วยเว้ย!

“ยืนทำอะไรอยู่ล่ะคุณ ไป๊ กลับไปนั่ง!”

“ครับๆ” รวินท์ยิ้มกว้าง รีบรุดเดินกลับไปนั่งที่ทันควัน

เมื่อนั่งลง ภูพิงค์ก็โอบไหล่เขาแล้วหัวเราะ “เจ๋งเว้ยพี่วิน”

ซันดิวและขิงโผล่หน้าเข้ามาร่วมวงด้วย “พี่หมอแม่งเก่งโคตร งี้ก็ติวพวกผมได้อะดิ”

“โห ฟลุ้คชัดๆ อะ ผมนึกว่าจะโดนจับได้ซะแล้ว”

คนอ่อนวัยกว่าสังเกตเห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มกุมมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน เขาจึงเอื้อมมือไปสัมผัส “โอ้โห มือเย็นเจี๊ยบเลยว่ะ” จากนั้นก็หัวเราะ

“ก็คนมันตกใจนี่หว่า กลัวโดนจับได้ด้วย”

“ไหนๆ” ขิงยื่นมือมาจะจับมือของรวินท์บ้าง แต่โดนภูพิงค์ดีดกลับไปก่อน

“ไม่ต้องเว้ย กูจับแล้ว เย็นก็บอกว่าเย็นแล้วไง”

ขิงดึงมือตัวเองกลับไปแบบงงๆ พลางส่งสายตาด่ากลับไป โอ้โห หวงแฮะ จับมือยังไม่ได้เลยอะ! นี่กูเพื่อนมึงนะ!

แล้วชั่วโมงเรียนชั่วโมงสุดท้ายก็จบลง โดยที่อาจารย์ไม่ได้แสดงทีท่าสงสัยอะไร ขณะที่มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเดินไปรุมล้อมถามคำถามอาจารย์ต่อ หลายคนในห้องก็หันหลังมามองดูชายหนุ่มผู้มาเยือนเป็นระยะๆ พลางอมยิ้ม

รวินท์ก้มหน้าลง ไม่สบสายตากับใครทั้งสิ้น เขาดึงหมวกลงมาบังใบหน้าด้วย “พิงค์ ออกไปกันได้ยัง”

“เออ ได้แล้ว เดี๋ยวไปหาอะไรกินกันแล้วจะได้ไปอ่านหนังสือต่อ”

หลังจากกลุ่มของภูพิงค์เดินออกจากห้องไปสักพัก พวกนักศึกษาก็ยังรุมอาจารย์กันอยู่ไม่เลิกรา จนอาจารย์ต้องเอ่ยปากอย่างเหนื่อยหน่าย

“พวกคุณนี่แย่จริง ดูซิ หมอเขามานั่งเรียนแป๊บเดียวยังทำโจทย์ได้เลย นี่พวกคุณเรียนมาทั้งเทอมแล้วนะ”

“อ้าว จารย์จำได้ด้วยเหรอ” พวกนักศึกษาถามด้วยความประหลาดใจ

“โห หน้าตาแบบนี้ใครจะจำไม่ได้ ไอ้พวกที่ผมสอนๆ มา ไม่เห็นจะมีใครหล่อขนาดนี้สักคน”

“จารย์ใจร้ายว่ะ” เหล่านักศึกษาโวยวาย “แต่จารย์รู้แล้วยังเรียกพี่หมอออกไปทำโจทย์อีกอะ โหดฉิบ”

อาจารย์หัวเราะ “เอ้า มาเรียนกับผมก็ต้องได้ความรู้กลับไปสิ หมอเขาตั้งใจเรียนกว่าพวกคุณอีกนะ ไปๆ เขียนโจทย์ขึ้นกระดานอีกรอบละกัน เดี๋ยวผมอธิบายให้ใหม่” แล้วเสียงอื้ออึงภายในห้องก็ยังคงดังต่อไปอีกพักใหญ่ๆ



ช่วงที่ติวหนังสือกันหลังเลิกเรียน รวินท์เอาตัวรอดด้วยการฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วหลับแม่งซะ จะได้ไม่มีใครสงสัย พนันกันครั้งนี้เขาต้องชนะแน่นอน

เป็นอย่างที่ทันตแพทย์หนุ่มคาดไว้ เมื่อเขาฟุบหน้าลงก็ไม่เป็นที่สงสัย คนอื่นๆ ก็มัวแต่วุ่นวายกันกับการติวหนังสือจึงไม่ได้สนใจอะไร

หากตลอดเวลานั้นภูพิงค์นั่งอยู่ไม่ห่าง คอยระวังไม่ให้ใครมาปลุกรวินท์ให้ตื่นได้ เขาอมยิ้มขณะที่มองอีกฝ่ายไถศีรษะลงบนท่อนแขนที่ใช้รองนอน ท่าทางเหมือนเด็กๆ ไม่มีผิด

เขาล่ะอยากจะมุดโต๊ะลงไปมองหน้าอีกฝ่ายซะจริงๆ แต่ขนาดไม่เห็นหน้า ไอ้พี่วินแม่งยังน่ารักเลย

ซันมองเพื่อนรักแล้วเบะปาก เมื่อวานยังหน้าบูดเป็นตูดอยู่เลย พอมาวันนี้นี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนใกล้บ้า “น้อยๆ หน่อยไอ้พิงค์ หันกลับมาสนใจโจทย์ตรงหน้ามึงบ้าง แก้กันมาตั้งแต่เมื่อวานยังไปไม่ถึงไหนเลยเนี่ย”

“แล้วอีจิ๊บไปไหนวะ”

“วันนี้มันขอลาตกเลือด เห็นเรียนเสร็จก็เดินกุมท้องเซกลับหอไปเลย”

“กรรมของมันแท้ๆ”

ขิงขยับเข้ามาแจม “ดีแล้วที่มันไม่อยู่ ถ้ามันอยู่แล้วมึงไปนั่งแก้โจทย์กับมัน เดี๋ยวพี่หมอจะงอนเอา”

ภูพิงค์หันขวับไปทางคนพูด “มึงพูดอะไร!”

“ก็พูดตามที่คิด”

“พี่เขาจะมางอนกูทำไม บ้าน่ะ” เด็กหนุ่มพูดไปเช่นนั้น แต่ปากหุบยิ้มไม่ได้แล้ว

ซันเบะปาก “แรด”

“สัส”

“เออ กูรู้”

“รู้เหี้ยไร”

“รู้ว่าแรดเป็นสัตว์ไง เหี้ยก็ด้วย”

“กวนตีนนะมึงอะ ดีนะที่กูอารมณ์ดี” ภูพิงค์ตอบพร้อมกับส่งนิ้วกลางให้ “ทำโจทย์ๆ”

“บอกตัวมึงเองเหอะ สัส”

เวลาล่วงเลยไปจนถึงหนึ่งทุ่มแล้ว รวินท์หลับจนเพลิน เขาเงยหน้าขึ้นทำหน้ามึนๆ งงๆ หน้าผากกับแก้มเป็นรอยแดงเป็นปื้น ที่โต๊ะไม่มีใครนั่งอยู่แล้วนอกจากเขากับภูพิงค์ เพราะคนอื่นๆ ลงไปนอนเกลือกกลิ้งกันบนพื้น

“หิวแล้วใช่มะพี่ ถึงตื่นได้เนี่ย โห หน้ายับไปข้างเลย นอนสบายดีมั้ยล่ะ”

“ไม่สบายหรอก แต่คนมันง่วงอะ” รวินท์หยิบแว่นขึ้นมาสวม ก่อนจะหันมองไปรอบๆ ทุกคนกำลังตั้งใจอ่านหนังสือกันอย่างเต็มที่ ทำให้เขานึกย้อนไปถึงบรรยากาศเก่าๆ เวลาใกล้สอบน่ะ เขากับไอ้เต้ กับเพื่อนคนอื่นๆ ในคณะก็เคยมานั่งสุมหัวท่องหนังสือกันแบบนี้เหมือนกัน

หากพอนึกถึงเตชิตก็ต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ เพราะพรุ่งนี้คงเลี่ยงที่จะไม่เจอหน้ากันไม่ได้แล้ว

“หิวจัดเหรอวะพี่ ถอนหายใจซะดัง พวกผมเสร็จแล้วล่ะ กลับกันเลยมะ”

“อือ”

ภูพิงค์ลุกขึ้นเรียกเพื่อนพ้อง “เฮ้ยๆ กลับได้แล้วเว้ย แดกข้าวกัน”

“มึงไปก่อนละกัน ฝากซื้อราดหน้ากับผัดซีอิ้วให้ด้วย เดี๋ยวไปกินที่บ้าน”

“เออ โอเค”

สองหนุ่มเดินออกไปจากใต้ตึกช้าๆ แล้วจึงซ้อนมอเตอร์ไซค์กันออกไป

ขิงยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองตามมอเตอร์ไซค์ไปพลางเก็บของใส่กระเป๋าเป้ไปด้วย

“แหม เดี๋ยวนี้ไอ้พิงค์แม่งก๋ากั่นว่ะ ถึงกับพาพี่หมอมาเรียนด้วยเลยเนอะ” เพื่อนคนหนึ่งในภาคเปรย “ถึงกับให้ใส่ชอป แม่งอย่างกะแฟน”

“กูบอกแล้วไงว่าพี่หมอมีปัญหานิดหน่อย สัส ไอ้พิงค์มันเลยไม่อยากให้อยู่คนเดียว พวกมึงนี่ก็เชียร์กันจัง เดี๋ยวเกิดได้กันขึ้นมาจริงๆ...”

“ก็ดีสิวะ จะได้หมดคู่แข่งหน้าตาดีๆ ไปอีกสอง นี่พวกมึงจะกลับแล้วเหรอวะ”

“เออ ขอบใจพวกมึงมากเว้ยที่ช่วยกันปิดเรื่องพี่หมอ” ดิวบอกกับเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกันแถวนั้น

“ไม่เป็นไรเว้ย”

สามหนุ่มเก็บของเสร็จก็เดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ในที่จอดมอเตอร์ไซค์ เดินไปก็พูดคุยกันไป “พี่หมอแม่งคิดว่าคนอื่นๆ จะจำตัวเองไม่ได้จริงๆ เหรอวะเนี่ย แค่เสี้ยวหน้าก็ออร่ากระจายกลบทั้งคณะซะขนาดนั้น”

“แถมตัวสูงชะลูดตูดปอด ทั้งหน้าทั้งหุ่นแบบนี้หาได้ทั่วไปซะที่ไหน”

“แต่ยืนกับไอ้พิงค์ก็ดูสมกันดีนะมึง ตัวพอๆ กัน แต่ดูแล้วโคตรแฟน”

“แล้วเวลาพวกมึงกับกูยืนกับพี่หมอล่ะ...”

สามหนุ่มหันมองหน้ากัน “มึงจะเทียบให้พวกเราดูอนาถาไปทำไมวะ ปกติก็เรื้อนอยู่แล้ว เวลายืนข้างๆ พี่หมอนี่คงกลายเป็นหมาขี้เรื้อนอะ ไม่เหมือนไอ้ห่าพิงค์หรอก”

“คิดแล้วน่าหมั่นไส้ฉิบหาย”

ขิงส่ายหน้าไปมา “กูถามจริง พวกมึงว่าไอ้พิงค์น่ะ จากที่ชอบนมโตๆ จะกลายมาเป็นชอบลูกเกดติดข้างฝาได้จริงๆ เหรอวะ กูละงง”

“แต่ถ้าเป็นกู...กูก็เอาพี่หมอนะเว้ย แม่งได้ทั้งโคตรหล่อทั้งโคตรน่ารัก เห็นพี่เขายิ้มทีไรก็ใจบางเป็นกระดาษซับมัน มองได้ไม่เบื่อเลยว่ะ กูเข้าใจเลยว่าทำไมสมัยอยู่มหาลัยถึงดังขนาดนั้น”

ซันชี้หน้าเพื่อนรักพร้อมกับคาดโทษให้เสร็จสรรพ “ถ้าไอ้พิงค์ได้ยิน มึงหัวกุดแน่ไอ้ดิว มันหวงพี่หมอของมันอย่างกับจงอางหวงไข่”

“มึงก็อย่าเอ็ดไป อยากให้กูตายทั้งยังซิงเหรอ ไอ้เหี้ย”

“ไม่ต้องห่วง ยังไงมึงได้ซิงจนตายแน่”

“เหมือนพวกมึงแหละ”

สามหนุ่มแซะกันไปแซะกันมาอยู่สักพักจึงค่อยขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านเช่ากัน


ฝ่ายภูพิงค์กับรวินท์ พวกเขามานั่งกินมื้อเย็นกันที่ร้านราดหน้านั่นล่ะ จะได้สั่งใส่ถุงทีเดียว ไม่ต้องเดินไปไหนมาไหนหลายรอบ

“พี่วินจะซื้อขนมไว้กินเล่นด้วยมั้ย วันนี้พวกผมคงอยู่อ่านหนังสือต่อจนดึกอะ”

ทันตแพทย์หนุ่มที่กำลังซดราดหน้าอยู่พยักหน้าหงึกหงัก เขาเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงคอ “ก็ดี อยากกินขนมหวานๆ เย็นๆ”

“เป็นหมอฟันแต่กินขนมหวานๆ เย็นๆ เนี่ยนะ”

“หมอฟันก็มีปากมีกระเพาะมั้ยล่ะ”

คนอ่อนวัยกว่าเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนที่นั่งด้วยกันพลางหัวเราะเบาๆ “เออ ครับๆ” ทั้งคู่ก็นั่งกินกันต่อไปจนเสร็จ จากนั้นจึงแวะไปซื้อขนมหวานเย็นตุนไว้ แล้วจึงขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปที่บ้านเช่า

ระหว่างที่คนอื่นๆ กินมื้อเย็นกัน รวินท์กับภูพิงค์ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทันตแพทย์หนุ่มยืมเสื้อผ้าของคนอ่อนวัยกว่าใส่ เขาไม่อยากกลับไปเอาที่คลินิก เพราะคิดว่าเตชิตน่าจะมาแล้ว

ทุกคนมานั่งอ่านหนังสือรวมกันที่ห้องนั่งเล่นเพราะมีเครื่องปรับอากาศ พวกเขาสลับกันไปอาบน้ำบ้าง ส่วนรวินท์ก็นอนเล่นไปบนโซฟา มองดูพวกเด็กหนุ่มสุมหัวอ่านหนังสือกันไปเรื่อยๆ

เวลาสามชั่วโมงผ่านไป อาหารและขนมที่ยัดลงท้องไปก็ย่อยหมดแล้ว ซันกับดิวจึงพูดขึ้น “วันนี้พี่หมอไม่โดนจับได้อะ ได้ตังค์มาสองร้อย ออกไปซื้ออะไรมากินรอบดึกกันเหอะ”

“เออ ดีๆ เดี๋ยวกูขับรถให้” แซนดี้รีบเสนอตัว

“กูไม่ไปนะ ขี้เกียจอะ” ภูพิงค์รีบพูด

สี่หนุ่มหันไปต่อว่าทางสายตา... อยากจะอยู่กับพี่หมอสองคนก็บอกตรงๆ เถอะมึง! เขามองออกกันหมดแล้วโว้ย! ตัวติดกันมาทั้งวันแล้วยังไม่สาแก่ใจอีกเหรอวะ!

“งั้นพี่หมออยู่เป็นเพื่อนไอ้พิงค์มันละกันนะ อยากกินอะไรเดี๋ยวพวกผมซื้อมาให้”

รวินท์พยักหน้า “เอาหมูสะเต๊ะละกัน”

“โอเค เดี๋ยวพวกผมมา” ทั้งสี่คนโบกมือลา ก่อนจะพากันเดินไปขึ้นรถของแซนดี้ แล้วขับออกจากบ้านเช่าไป

ภูพิงค์นั่งอยู่บนพื้นข้างหน้าโซฟา เขาใช้โต๊ะตัวเล็กตรงหน้าแทนโต๊ะญี่ปุ่นแบบเพื่อนๆ พอทุกคนออกไปก็หันไปหาคนที่นอน อยู่บนโซฟาด้านหลัง “พี่เต้น่าจะมาคลินิกเย็นนี้ใช่มะ”

“ผมก็ไม่รู้ว่ะ แต่คิดว่าใช่”

“แล้วพรุ่งนี้ล่ะ พี่คิดไว้ยังว่าจะเอาไง”

“พรุ่งนี้คงหลบหน้าไม่ได้แล้ว มือก็ไม่ได้เจ็บแล้วด้วย ผมคงต้องไปทำคลินิกเหมือนเดิม” รวินท์ทอดถอนใจ

คนอ่อนวัยกว่าใช้หลังมือไล้แก้มของทันตแพทย์หนุ่มอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงนะ ตอนเช้าผมจะไปส่ง เที่ยงผมจะไปรับมากินข้าว แล้วเย็นผมจะไปรับมานอนด้วยกันที่นี่”

รวินท์ยิ้มบาง ขณะที่มองเข้าไปในดวงตาที่ฉายแววจริงจังของเด็กหนุ่ม เขาผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย “ขอบใจ” จากนั้นจึง ค่อยๆ ขยับลงไปนั่งบนพื้นเคียงข้างอีกฝ่าย แล้วใช้หัวไหล่เบียดเข้าหา “พิงค์ ผมชนะพนันนะ”

ภูพิงค์หันไปสบสายตาด้วย “เออ รู้แล้ว พี่จะขอไร”

รวินท์ไม่ตอบ หากวางมือประกบลงบนหลังมือเด็กหนุ่มพลางเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหา นัยน์ตาเรียวหลุบลงมองริมฝีปากของอีกฝ่าย เข้าไปใกล้จนเขารู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเด็กหนุ่ม ก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสกันก็อมยิ้มเล็กน้อย

มือที่ประกบหลังมือของคนอ่อนวัยกว่าเปลี่ยนเป็นบีบเบาๆ เขามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่หวานฉ่ำ ซึ่งปกติแล้ว เวลาที่เขาทำแบบนี้ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาได้หรอก

ภูพิงค์นิ่งค้างอยู่ดีๆ ในคราวแรก ทว่าพอริมฝีปากสัมผัสกันแค่เพียงแผ่วเบา เขาก็ผลักไหล่ของทันตแพทย์หนุ่มออก พลางเบือนหน้าหนี “พี่วิน คือตอนนี้ผมยังไม่...”

รวินท์นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ตกใจที่ถูกปฏิเสธจังๆ เขาพยายามเก็บเศษหน้าและเรียกสติกลับคืนสู่ร่าง จากนั้นจึงถอยกลับขึ้นไปนั่งบนโซฟาอีกครั้ง

เขาถูกปฏิเสธ ไม่อยากเชื่อก็คงต้องเชื่อ คนอย่างเขานี่ล่ะ เด็กหนุ่มทำดีกับเขาสารพัด เพียงเพราะแค่เป็นเพื่อนกันเท่านั้นจริงๆ เหรอวะ ไม่มีใจเอนเอียงมาทางเขาบ้างเลยหรือไง

หรือว่าหน้าตากับวิธีเต๊าะของเขาจะใช้ได้แต่กับผู้หญิงเท่านั้นวะ

แม่ง... อุตส่าห์ตื่นเต้น อย่างกับไม่เคยจูบมาก่อนทั้งชีวิตเลยกู

รวินท์ทำหน้าเศร้า พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เขานั่งนิ่งเป็นก้อนหิน ในใจชักนึกกลัวว่าบางทีตัวเขาอาจจะทำให้ภูพิงค์รู้สึกไม่ดี เหมือนที่เขารู้สึกกับเตชิตก็ได้ เวลาที่เพื่อน... คิดเกินคำว่าเพื่อน

เอาไงดีวะ ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนไป หรือแกล้งหลับไปเลยดี

คนอ่อนวัยกว่าชำเลืองมองทันตแพทย์หนุ่มแล้วถอนหายใจหนักๆ “ติดไว้ก่อนนะ เรื่องสัญญาอะ”

“ไม่เป็นไร ช่างเหอะ”

“ปากผมเป็นแผล พี่ก็รู้”

“อือ” ...จะแก้ตัวให้เขามีหวังไปทำไมวะ! แม่ง! เวลานี้เขาอยากจะหอบเศษหน้าหนีไปให้ไกลๆ แต่ปัญหาคือไปไหนไม่รอดน่ะสิโว้ย

ภูพิงค์ขยับขึ้นไปนั่งบนโซฟาข้างกัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดแก้ตัวกับทันตแพทย์หนุ่มว่าอย่างไรจึงเคลื่อนมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้

“ขึ้นมาทำไมวะ”

“อย่างอนดิวะพี่”

“ไม่ได้งอนเว้ย จู่ๆ ผมจะงอนทำไม”

เด็กหนุ่มจ้องหน้าอีกฝ่าย “พี่วิน ผมรู้นะว่าพี่จะขออะไรผม”

“อ่านหนังสือไปเหอะคุณน่ะ” รวินท์ชักสีหน้า เขาดึงมือตัวเองออก หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาไป พอกดเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเท่านั้นก็เป็นอย่างที่คิด มีข้อความจากเตชิตเรียงรายนับสิบ เขาได้แต่ทอดถอนใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี
อยู่กับภูพิงค์ก็ทั้งเจ็บทั้งหน้าแหก กลับไปคลินิกก็ต้องเผชิญหน้ากับไอ้เต้ ทำไมชีวิตเขาซวยได้ถึงขนาดนี้วะเนี่ย

ขณะที่ไล่ดูข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ คนอ่อนวัยกว่าก็เอนตัวพิงไหล่เขา ในมือถือชีตเรียนและอ่านไปด้วย

รวินท์ชำเลืองมองอย่างไม่เข้าใจ... จะทำให้เขาคิดไปมากกว่าการเป็นเพื่อนทำไม ให้ความหวังเขาทำไม ถ้าสุดท้ายแล้วก็จะปฏิเสธเขาอยู่ดี

แม่ง...เห็นภาพตัวเองเมื่อก่อนชัดเลย กรรมตามสนองกูเร็วมาก!

“ผมขึ้นไปนอนก่อนดีกว่า”

ภูพิงค์หันหน้าไปทางคนพูด “ทำไมล่ะ พี่ไม่กินหมูสะเต๊ะละเหรอ ไอ้พวกนั้นอุตส่าห์ไปซื้อ”

“ไม่อะ รู้สึกเหนื่อยๆ”

“นอนมาตลอดเย็นยังเหนื่อยอีกเหรอวะ” เด็กหนุ่มจ้องใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายนิ่ง เขาจะทำอย่างไรดี จะจูบก็เกรงใจแผลในปาก เขาไม่รู้ว่าวิตกจริตเกินไปหรือเปล่า แต่เมื่อเช้าบ้วนปากยังมีรสชาติแปลกๆ อยู่เลย เขาไม่อยากให้พี่วินต้องมารับรู้รสชาติแบบนี้กับจูบครั้งแรกกับเขาหรอกนะ แต่จะทำยังไงให้พี่วินหายงอนได้วะ ไอ้เขาก็ไม่เคยเรื่องพวกนี้ซะด้วยสิ

ภูพิงค์หยุดคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่มช้าๆ

“คุณจะทำอะไร”

“พี่วินรู้มั้ย เมื่อตอนเย็นที่พี่หลับใต้ตึกคณะ ไอ้พวกในคณะมันเดินมาแซวผมเรื่องที่พาพี่มาเรียนด้วย”

“ฮะ!”

“เพราะงั้นพี่ก็ไม่ได้ชนะพนันหรอกนะ ที่พวกไอ้ซันมันบอกว่าพี่ชนะน่ะ ก็เพราะอยากให้พี่ดีใจน่ะสิ” เด็กหนุ่มอมยิ้ม

ทันตแพทย์หนุ่มคิ้วกระตุก “อ่อ แต่คุณไม่ได้อยากให้ผมดีใจใช่มะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ แต่ผมจะทวงสิทธิของผมบ้างต่างหาก”

รวินท์ถอนหายใจหนักๆ “จะขออะไร”

“หอมแก้มทีดิ”

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว แต่เด็กหนุ่มก็ใช้โอกาสนั้นจรดปลายจมูกลงมาบนแก้มเขาแล้วถอนออกอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ตัวเขารู้สึกแค่เหมือนยุงบินผ่าน จากนั้นอีกฝ่ายก็กระซิบบอก

“เดี๋ยวถ้าแผลหายดีแล้ว ค่อยทำแบบที่พี่วินอยากทำนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มยังคงทำหน้ายุ่ง แม้ในใจจะรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย แต่เพราะส่วนหนึ่งคิดว่าภูพิงค์พูดไปอย่างนั้น เพื่อเอาใจเขา ไอ้แค่หอมแก้มกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยสักหน่อย

การชอบใครอยู่ฝ่ายเดียวนี่... ไม่เห็นสนุกอย่างที่ขวัญบอกเลยว่ะ มีแต่เรื่องให้ผิดหวัง เจ็บๆ คันๆ อยู่ตลอดเวลา

หรือขวัญแก้แค้นเขากันวะ?

“คิดอะไรอยู่วะ อยู่กับผมยังคิดถึงคนอื่นได้อีกเหรอ”

รวินท์ชะงัก สีหน้ากับน้ำเสียงจริงจังแบบนั้นทำให้ใจเขาอ่อนยวบ แต่พออีกฝ่ายยิ้มมุมปาก เขาก็รู้ได้ว่าโดนหลอกให้ดีใจเก้ออีกแล้ว ทันตแพทย์หนุ่มจึงย้อนกลับไปเพื่อไม่ให้เสียฟอร์มมากนัก “โห เอาความมั่นใจมาจากไหนวะเนี่ย”

ภูพิงค์หัวเราะ “อยากลองพูดแบบพระเอกหนังบ้างไง เหมาะมะ”

“ไม่ว่ะ”

“พี่วินแม่งใจร้าย”

“ใครกันแน่วะที่ใจร้าย” ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นพรวด “อ่านหนังสือต่อไปเลยนะคุณน่ะ ผมไปนอนล่ะ”

“อ้าว พี่วิน เดี๋ยวดิ!”

รวินท์ไม่ฟังเสียง เขาก้าวฉับๆ ตรงไปยังบันได แล้วขึ้นไปชั้นบนทันที

คนอ่อนวัยกว่าลุกตาม เขาเดินไปหยุดอยู่ที่ตีนบันได จะตามขึ้นไปก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะยิ่งโกรธ ในเมื่อสั่งเขาเสียงแข็งให้อ่านหนังสืออยู่ข้างล่างนี่ อีกอย่างบางทีพี่วินอาจจะอยากอยู่คนเดียวก็ได้

“เอาไงดีวะ”

สุดท้ายแล้วภูพิงค์ก็ตัดสินใจไม่ตามขึ้นไป เขานั่งอ่านหนังสือไปเงียบๆ ไม่นานเพื่อนพ้องก็กลับมา พวกเขานั่งอ่านหนังสือกันต่อ ขณะเดียวกันก็กินของกินที่ซื้อมาไปด้วย ยาวไปจนถึงตีหนึ่งกว่าๆ นู่นล่ะ

“ไอ้ซัน คืนนี้กูนอนกับมึงนะ”

“ไอ้สัส จะมาเบียดกับกูเพื่อ?”

“อยากให้พี่วินนอนสบายๆ ว่ะ”

“แต่กูช่างแม่งงั้นสิ” ซันถอนหายใจหนักๆ “เออๆ ตามใจมึง”

เมื่อทั้งสองกลับขึ้นไปบนห้อง รวินท์ก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่ยังมีโทรศัพท์มือคาอยู่ในมือ เด็กหนุ่มจัดการหยิบผ้าห่มมาห่มให้ จากนั้นก็ถอยไปนั่งลงบนเตียงอีกเตียง

“นอนๆ เว้ย” ซันตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ พร้อมกับเอนตัวลงนอน

ภูพิงค์พยักหน้า เขามองทันตแพทย์หนุ่มที่นอนสบายอยู่บนเตียงของตนตาละห้อย ใจจริงอยากนอนกอดพี่วินนะ แต่เห็นว่าวันนี้พี่วินนอนแบบระทดระทวยมาทั้งวันแล้ว เขาอยากให้พี่วินได้ยืดแข้งยืดขาสบายๆ

คนอ่อนวัยกว่าถอนหายใจ ก่อนจะเอนตัวลงนอนข้างเพื่อนรักที่นอนอยู่ก่อนแล้ว



รวินท์สะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืด เขากังวลเรื่องเตชิตมากเสียจนเก็บไปฝัน ในความฝันนั้นอีกฝ่ายตามหาเขาและมันก็ร้องไห้ ส่วนเขาก็เอาแต่หลบไปเรื่อยๆ ทั้งที่ก็สงสารเพื่อนสุดใจ พอตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกเหนื่อยและหนักใจยิ่งกว่าตอนก่อนจะเข้านอนเสียอีก

ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นนั่ง แล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้า จากนั้นจึงสังเกตเห็นว่าตัวเขานอนอยู่บนเตียงตามลำพัง

พิงค์ยังไม่ขึ้นมานอนเหรอวะ?

หากเมื่อมองผ่านความมืดออกไป ก็พอเห็นได้รางๆ ว่าบนเตียงอีกเตียงมีเด็กหนุ่มสองคนนอนเบียดกันอยู่

รวินท์แค่นหัวเราะ แล้วถอนหายใจออกมายาวเหยียด


*TBC*


จะฟินก็ฟินไม่สุดเนอะ อย่าเพิ่งเฟี้ยงเกือกมาทางเน้~ 55555555

ช่วงนี้จิตใจพี่วินอ่อนแอ มีเรื่องถาโถมเข้ามาเยอะ ก็เพราะความผิดพลาดของตัวเองในอดีตทั้งนั้น เรื่องของเต้เพื่อนรักก็ยังไม่เคลียร์ เพราะงั้นให้เวลาพี่วินนิดนุงนะคะ

น้องพิงค์ก็โอ๋พี่เขาเยอะๆ นะลูกกกกก จะได้มีแฟนเป็นหมอฟันสักที 555555555

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ ชู๊ฟๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-03-2018 12:55:17
เอ่อออ เขาน่าจะเคลียร์กันเรื่องรักๆชอบๆสักทีนะคะ คาราคาซังแบบนี้ คนอ่านก็เหนื่อยใจตามเด้อออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 25-03-2018 13:01:24
ชอบอาจารย์อ่ะ แกล้งพี่หมอซะน่ารักเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 25-03-2018 13:07:20
เคลียร์กันเร็วๆนะ พี่เตจะได้ไปหาคนใหม่ซะที สงสารพี่เต  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 25-03-2018 13:27:06
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-03-2018 14:06:33
น้องพิงค์นี่เกรงใจอะไรไม่รู้เรื่องเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 25-03-2018 14:19:22
ขอบคุณมากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-03-2018 14:24:45
ภูจะรู้ไหมหนอว่าพี่วินเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้ว พี่เขาจะจูบเราก็กังวลแผลที่ปากจนผงะหนีพี่เขา
นี่ยังไปนอนกับซันไม่นอนกับพี่เขา ยิ่งตอกย้ำความคิดพี่วินว่าเราคิดกับเขาแค่เพื่อนเข้าไปอีก :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 25-03-2018 14:45:44
หมอวินท์ไม่ต้องกลัวน้องจะคิดไม่ตรงกันนะเดียวแผลหายหมอวินท์หายใจไม่ทันแน่ :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 25-03-2018 14:52:45
ไม่ขัดเจนทั้งคู่ เลยเข้าใจกันไปคนละทาง อันที่จริง ถ้าใครซักคนกล้าเปิดปากบอก เรื่องคงจะดีกว่านี้ ฮื่อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-03-2018 15:30:25
เอ้า เหมือนจะดี ไม่หักมุมงี้อักแล้วอ่ะ พิงค์เอ๊ย เสียโอกาสมั้ยเนี่ยะ พี่หมอเข้าใจผิดอีกแล้ว
ความรักคู่นี่ช่างยากเย็น เส้นผมบังภูเขาแท้ๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-03-2018 15:38:51
ต่างฝ่ายต่างอมพะนำแล้วก็มโนกันไป โดยไม่ได้สอบถามพูดคุยกันให้ชัดเจน  เฮ้อ...

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-03-2018 16:19:40
วิน ช่วงจิตตก น้อยใจพิงค์
คิดไปเองว่าพิงค์คิดกับตัวเองแค่เพื่อน

ข้างพิงค์ ก็กังวลเรื่องแผลในปาก เลยไม่กล้าจูบ  :katai1:
งี้จะดีกัน รักกันเมื่อไหร่  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
พิงค์ วิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-03-2018 16:22:10
อ่านตอนนี้แล้วสงสารพี่วินนน พิงค์รีบหายเด้อออ #ทีมพิงค์วิน นะคะ สาธุ  :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 25-03-2018 16:24:10
~โง๊วววววว  o22 ลูกพิงค์!!! เอ็งทำอัลรั้ยลงไป๊ มันน่าจับมาอบรมจริงๆเลย พี่เค้าอ่อยขนาดนี้ยังจะมาห่วงตัวนั้นนี้อี๊ก เดี๋ยวเถอะนะ จะได้กินแห้วแทนกินอ้อยจากพี่วินท์ พี่วินท์ใจเย็นๆก่อนเนอะ น้องมันอ่อนหัดอยู่ ให้เวลาน้องมันเรียนรู้การโดนอ่อยจากพี่วินท์บ่อยๆน้องจะได้รู้ตัวนะพี่วินท์น่ะ  เราต้องรักษาผลประโยชน์ให้ลูกเรา 555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-03-2018 16:54:47
พิงค์ถ้าแผลหายอย่าลืมที่สัญญาไว้กับพี่หมอนะ ไม่งั้นง้อยาวเลย5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-03-2018 17:22:35
คุยกันตรง ๆ เถอะ ป้ากราบล่ะ หนุ่ม ๆ

มันฟินไม่สุดโว้ยยยยย เดี๋ยวจับมาง้างปากจะได้พูดกันสักที ฮ่วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-03-2018 17:46:28
อยากให้เคลียร์ความรู้สึกระหว่างพี่วินท์กับน้องพิงค์ซะที รู้สึกหลายๆอย่างมันมะรุมมะตุ้มพี่วินท์เกินไป  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 25-03-2018 18:17:53
เมื่อไรแผลในปากจะหายค่ะน้องพิงค์พี่หมอนกหลายรอบละนะ :mc4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-03-2018 18:44:58
พี่วินคิดไปไกลแล้วพิงค์เอ้ย ทีนี้ได้ง้อกันยาวๆแน่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 25-03-2018 18:50:04
ความอ่อยนี้พี่วินชนะขาดลอยอ่ะ ถถถถถ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 25-03-2018 19:11:09
ขอให้แผนในปากน้องพิงค์จงหายวันหายคืนนะเจ้าคะ เพี้ยง !!  :oni3: :oni3: :oni3: :oni3:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 25-03-2018 19:21:13
พิงค์ต้องพูดตรงๆกับพี่วินนะ ว่าทำอะไรไปเพราะอะไร ไม่งั้นพี่วินตีตัวออกห่างเพราะไม่อยากเจ็บอีกแน่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 25-03-2018 19:27:33
โฮียยย!! พี่วินแม่งเป็นคนคิดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ฟระ!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-03-2018 19:32:49
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 25-03-2018 19:46:46
บทนี้เริ่มต้นแบบขำไม่หยุดเลย ทำไมตอนจบดันหน่วงๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 25-03-2018 21:07:25
โอ๊ย ภูพิงค์ ทำไมถึงขี้เขินอย่างนี้พิมพ์หมอคิดมากไปไกลแล้วนะ รีบรีบง้อเลย จูปาจุ๊บ เร็วๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 25-03-2018 21:38:39
เคลียร์กันเถอะนะ จะได้ไม่คาราคาซังแบบนี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-03-2018 21:56:24
อยากส่งยาวิเศษไปให้น้องพิงค์ แผลในปากจะได้หายซะที
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 25-03-2018 22:43:25
แผลในปากเป็นอุปสรรคสำคัญ สงสารพี่หมอเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-03-2018 23:09:33
ขยันมีปัญหา ตีแมร่ง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 25-03-2018 23:51:32
 :z6:อยากถีบพิงค์คนซื่อ(บื้อ)​
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 26-03-2018 00:09:21
ผมว่ามันยิ่งกว่าหนังแขกอีกนะจะวิ่งข้ามเขาสักร้อยลูกเหรอถึงจะเปนแฟนกันได้
วกไปวนมา อยู่ได้ อ่านมาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องแต่งให้ยืดสะ
แทนที่จะสนุกน่าติดตามกลับทำให้น่าเบื่อมากกว่านะ ลองพิจารนาดูนะคัฟ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 26-03-2018 00:12:43
มาถึง Chapter ที่ 34 เข้านี่แล้ว
พระ-นายยังคิดไปคนละทางอีกเหรอคะ
นานเนอะ ... ประเด็นนี้
อ่านแล้วเริ่มเนือย ๆ

แต่จะดูตอนหน้าอีกที
ถ้ายังอึมครึมอยู่อย่างนี้อีก ... ค่อยเจอกันตอนจบทีเดียวเนอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 26-03-2018 01:08:43
อ้อยมาถึงปากช้างขนาดนี้แล้วไม่กิน
ก็ใสเจีย เสียใจจ้ะ เข้าใจผิดกันยาวๆ
โทษฐานเมินพี่หมอ พี่หมอของน้องอย่าไปยุ่งเด็กแก่แดดนี่เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-03-2018 01:32:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-03-2018 02:36:47
แงงงงงงง พี่วินเข้าใจผิดไปไกลลแล้ววอะ
สงสารนังงงง
ชอบจังที่อาจารย์แกล้งพี่วิน 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-03-2018 09:45:29
ฟินไม่สุด
พิงค์พี่วินคิดไปไกลแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-03-2018 19:37:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 26-03-2018 19:46:03
เข้าใจผิดไปกันใหญ่เลย พิงค์จะรู้ตัวมั้ยว่าทำให้พี่หมอนอยด์หนักมาก เฮ้อ 

ปล. อาจารย์แกล้งพี่หมออ่ะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 26-03-2018 20:45:26
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-03-2018 20:46:47
ตามทันแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 26-03-2018 22:09:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 27-03-2018 06:57:24
เข้าใจผิดกันไปอี๊กกกกก

เพราะต่างคนต่างคิดไปเองไม่คุยกันให้รู้เรื่อง เฮ้อ!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-03-2018 11:34:57
 :serius2: :serius2: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-03-2018 16:02:17
ไม่รู้จะเซ็งภูพิงค์หรืออะไรดี
ทำไมถึงคิดแบบนั้นไปได้ จูบแรกอยากให้หวานแหววงี้
แล้วยังหนีไปนอนกับซันอีก อยากทุบพิงค์จริงเลย
พี่วินท์คิดไปไกลแล้วนะ รู้ใช่ไหม แสดงออกขนาดนั้น

วินท์อย่าพึ่งนอยด์นะ น้องอยากให้จูบนี้หวานๆ น่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 34 : การพนันเป็นสิ่งไม่ดี][250318]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 29-03-2018 09:42:26
Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว


ทันตแพทย์หนุ่มลุกออกจากห้องนอนของภูพิงค์กับซันไปอย่างเงียบเชียบ เดินลงบันไดไปนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่ชั้นล่างของบ้าน เขาหยิบหนังสือการ์ตูนที่วางอยู่ใต้โต๊ะตัวเล็กหน้าโซฟาขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา รอให้ฟ้าสางก่อนจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไป

“หวัดดีครับพ่อ พ่อตื่นยังอะ ผมโทรมาเช้าไปเปล่า”

“ครับ สบายดี แต่คิดถึงบ้าน”

“ช่วงนี้เหนื่อยๆ เบื่อๆ ด้วย ผมเลยว่าจะหาวันลากลับบ้านสักพัก”

“ครับ ขอบคุณครับพ่อ”

รวินท์ลดโทรศัพท์ในมือลง ก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาไปอย่างอ่อนแรง

บานประตูห้องที่ชั้นล่างเปิดออก ก่อนแซนดี้จะเดินโซเซออกมายืนพิงประตูห้อง “ก็ว่าเสียงใคร พี่หมอตื่นมาทำไรแต่เช้าอะ”

“ผมเสียงดังเหรอ ขอโทษที เมื่อวานนอนไปเยอะน่ะ วันนี้เลยตื่นไว”

“ไม่ได้เสียงดังหรอก ผมแค่ได้ยินเสียงคนน่ะ”

“ไปนอนต่อเถอะไป ผมจะนั่งเงียบๆ ละ”

“แล้วไอ้พิงค์ไปไหนอะพี่”

“หลับอยู่” ทันตแพทย์หนุ่มตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านต่อ

“งั้นผมไปนอนต่อนะ” แซนดี้ถอยกลับเข้าห้องไปอย่างงงๆ หรือว่าไอ้พิงค์กับพี่หมอจะทะเลาะกันวะ เมื่อคืนตอนกลับมาก็เห็นไอ้พิงค์นั่งหน้าโง่อยู่คนเดียว


แต่เมื่อถึงตอนสาย ภูพิงค์รีบรุดลงมาตามหาทันตแพทย์หนุ่มทันทีที่ตื่นขึ้น พอเห็นอีกฝ่ายนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเดินไปนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆ กัน

“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เกือบๆ หกโมงได้มั้ง”

“ไม่เรียกผมเลยอ่ะ”

“ก็เห็นกำลังหลับสบาย”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว พลางยกมือขึ้นเกาศีรษะ “แล้ว...หิวยัง”

“นิดหน่อย เออ เดี๋ยวคุณไปส่งผมที่คลินิกเร็วนิดนึงได้มั้ย ผมจะได้ดูแผลตัดไหมให้คุณก่อน”

“ได้ดิพี่ แต่... เอ่อ... เรื่องพี่เต้...”

“อือ ไม่เป็นไร ทำใจได้แล้วว่ะ”

“ไหวนะ”

“ไหว” รวินท์ยิ้มบาง

คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้ว เขาว่าพี่วินดูแปลกๆ อยู่นะ รอยยิ้มนั่น...มันเหมือนช่วงแรกๆ ที่รู้จักกัน มันดูเสแสร้งอย่างไรชอบกล
แต่อาจจะเป็นเพราะว่าพี่วินกำลังพยายามฝืนตัวเองไปพบกับไอ้พี่เต้อยู่ก็ได้...

ภูพิงค์เอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่าย “อย่าลืมว่าผมอยู่ข้างพี่เสมอนะ”

“อือ ขอบใจ”

“ผมไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวทำโจ๊กซองกินกัน”

“โอเค”

เด็กหนุ่มคิ้วกระตุก “เป็นไรเปล่าวะพี่”

“ทำไมวะ”

“ก็พี่ว่าง่ายผิดปกติ”

รวินท์หัวเราะพลางส่ายหน้าไปมา “ไปล้างหน้าแปรงฟันไป๊”


หลังจากกินมื้อเช้ากันเสร็จ ทุกอย่างดูปกติ หากภูพิงค์ก็ยังรู้สึกตงิดๆ ในใจแบบแปลกๆ เขาพยายามคิดว่านั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายใกล้จะต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทแล้ว จึงพยายามเข้าใจ ไม่เซ้าซี้อะไรมากนัก

ก่อนถึงเวลาเริ่มงานครึ่งชั่วโมง ภูพิงค์ แซนดี้และซันก็พาทันตแพทย์หนุ่มมาส่งที่คลินิก พวกเขารวมตัวกันมาหลายคนหน่อย ดูอบอุ่นดี

เมื่อมาถึงก็พบว่าเตชิตนั่งรออยู่ที่ตรงที่นั่งคนไข้ด้านหน้าคลินิกก่อนแล้ว

ภูพิงค์หันขวับไปสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม ซึ่งอีกฝ่ายดูสงบเสียจนน่าแปลก “พี่วิน”

“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เดี๋ยวพวกคุณค่อยตามเข้ามานะ ขอเวลาห้านาที”

“อ่า ครับ”

รวินท์ก้าวลงจากรถ เดินยิ้มโปรยปรายเหมือนเมื่อครั้งที่เด็กหนุ่มรู้จักเขาใหม่ๆ เขาเดินตรงเข้าไปข้างในคลินิก แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเตชิต

“มานั่งทำไรแต่เช้าวะ”

“วิน... กูเป็นห่วงมึงมากรู้ตัวบ้างเปล่าวะ”

“ห่วงอีกละ ไร้สาระว่ะ กูไม่ได้เป็นไร แล้วมึงแดกไรมายังเนี่ย” รวินท์พูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงปกติ เหมือนทุกครั้งที่พูดคุยกัน

“ยัง”

“งั้นมึงรีบไปแดกก่อน เดี๋ยวกูจะตรวจแผลผ่าฟันคุดให้พิงค์หน่อย คงจะตัดไหมด้วย” เมื่อพูดจบก็หันขวับเตรียมจะเดินเข้าไปข้างใน

เตชิตเอื้อมมือไปกุมมือเพื่อนรักไว้ “วิน คุยกันแป๊บดิ”

รวินท์ดึงมือออก สีหน้าและน้ำเสียงของเขาเย็นชาจนทำให้เพื่อนรักต้องสะอึก “เรื่องที่ผ่านมากูไม่ได้สนใจจะจำ อย่าพูดถึงมันอีก มึงเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของกู จำไว้แค่นี้ก็พอ”


เหตุการณ์เหล่านั้นอยู่ในสายตาของภูพิงค์ตลอด เขาแทบจะพุ่งลงจากรถไปทันทีที่เห็นเตชิตจับมือพี่วิน แต่ที่ชะงักค้างไว้ ก็เพราะสีหน้าของพี่วินนั่นล่ะ

โคตรเย็นชา... แวบหนึ่งเขารู้สึกเจ็บไปกับไอ้พี่เต้เลย

ไม่น่าเชื่อว่าพี่วินก็มีมุมใจร้ายแบบนี้ด้วย

ถ้าหากตัวเขาต้องเผชิญกับสายตาเย็นชาแบบนั้น เขา...จะทำยังไงดีวะ

“กูว่าน่าจะเข้าไปข้างในได้แล้วว่ะไอ้พิงค์ เพื่อนพี่วินเดินออกมาละ” ซันหันไปสะกิดเรียก

“อือ ไปก็ไป”

เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในคลินิก รวินท์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่เสื้อกาวน์และผ้าปิดจมูกเรียบร้อยแล้ว “พิงค์! มาขึ้นเขียง!”

ซันและแซนดี้หันไปสวมกอดเพื่อนรัก “อยากกินไรพวกกูจะทำบุญไปให้”

“สัส แค่ตรวจฟัน ไม่ได้จะไปตายเว้ย”

“โห ปากดี เมื่อก่อนไม่เห็นเคยเข้มแข็งแบบนี้~”


ภูพิงค์ไม่ใส่ใจ เขาก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องตรวจ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ทำฟันอย่างว่าง่าย

รวินท์ก้มลงใส่ผ้ากันเปื้อนให้คนอ่อนวัยกว่า ก่อนจะเดินไปล้างมือ ใส่ถุงมือแล้วกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ทันตแพทย์

ขณะที่พนักเก้าอี้ทำฟันเอนลงช้าๆ เด็กหนุ่มก็สูดหายใจเข้าปอดลึกเพื่อเรียกพลัง เขาหันไปทางทันตแพทย์หนุ่มแล้วพูดเสียงอ้อน “พี่วินจ๋าอย่าทำผมเจ็บนะ”

“เออน่ะ แค่ดูก่อน ถ้าจะทำอะไรเดี๋ยวผมจะบอก”

“อย่าหลอกกันนะเว้ย”

“เออๆ ไม่หลอก”

“จริงๆ นะ”

“อ้าปากได้แล้วโว้ย” รวินท์ใช้แขนบ้องกะโหลกเด็กหนุ่มที่ช่างต่อรองซะเหลือเกินไปหนึ่งที จากนั้นจึงค่อยๆ ก้มลงตรวจในโพรงปาก “ตัดไหมได้แล้ว”

ภูพิงค์กระดกศีรษะขึ้นเล็กน้อย “เดี๋ยว! จะดีเหรอวะพี่! ผมยังไม่ได้เตรียมใจมาเลยอะ!”

“เออ โอเคแล้ว ไม่ต้องเตรียมใจหรอก”

“ตัดไหมเจ็บมั้ยอะ”

“ถ้าพูดมากแบบนี้เจ็บแน่นอน”

“พี่วินอ่า~”

“อ้าปากแล้วอยู่นิ่งๆ กลัวก็ปิดตาไว้ซะ”

“ปิดแล้วก็มองไม่เห็นหน้าพี่วินสิวะ”

“จะมองหน้าผมไปทำไม มองไปก็ไม่หายเจ็บหรอก” รวินท์ใช้แขนกดหน้าผากเด็กหนุ่มให้เขาเอนศีรษะลงบนพนักพิง จากนั้นจึงหันไปหยิบเครื่องมือมา ค่อยๆ ใส่เข้าไปในปาก ตัดไหมและคีบออกมาช้าๆ

ภูพิงค์ไม่ทันรู้สึกหรอกว่าอีกฝ่ายกำลังตัดไหมอยู่ จนเสร็จแล้วก็ยังไม่รู้ตัว

“เสร็จละ บ้วนปากได้”

เด็กหนุ่มลุกขึ้นบ้วนปากอย่างงงๆ ยังมีน้ำออกมาทางจมูกอยู่อีกนิดหน่อย เขาถอนหายใจ หงุดหงิดด้วยที่มันไม่หายสนิทสักที แล้วหันไปพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง “พี่ตัดไหมออกไปแล้วจริงๆ เหรอ ไม่เห็นรู้สึกเลย”

“เออสิวะ” รวินท์เอื้อมมือไปหยิบกระจกมาส่งให้คนอ่อนวัยกว่าถือไว้ “อ่ะ ดูนะ เดี๋ยวผมชี้ให้ดู” เขาสอดกระจกทำฟันเข้าไปในปาก แล้วใช้เครื่องมือชี้ไปที่เหงือกซึ่งบุ๋มลงไปเป็นร่อง “ตรงนี้คือจุดที่เอาฟันคุดออกไป แผลสมานดีแล้วเห็นมั้ย แต่ก็ยังต้องรักษาความสะอาดดีๆ นะ”

“ทำไมเหงือกผมเป็นรูแบบนี้ล่ะพี่”

“ก็เดิมมันเคยมีฟันอยู่ในกระดูกขากรรไกร เอาฟันออกไปมันก็บุ๋มดิ แต่ไม่ต้องทำอะไรนะ อีกสักพักจะมีการสร้างกระดูกเข้ามาแทนที่ เหงือกมันจะค่อยๆ กลับมาเต็มเอง เพราะงั้นคุณถึงยังต้องบ้วนปากบ่อยๆ รักษาความสะอาดมากๆ”

ภูพิงค์พยักหน้าหงึกหงัก “โอ้โห เวลาแบบนี้พี่วินดูเหมือนหมอมากกก”

“ผมก็เป็นหมอจริงๆ รึเปล่าวะ!”

เมื่อเก้าอี้ปรับอยู่ในระดับปกติแล้ว เด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นไปยืนประจันหน้ากับทันตแพทย์หนุ่ม มือข้างหนึ่งจับข้อมืออีกฝ่ายไว้ มืออีกข้างถอดผ้าปิดจมูกของอีกฝ่ายออก “เมื่อกี้คุยอะไรกับพี่เต้อะ”

“ไม่มีอะไรมาก แค่บอกให้ลืมเรื่องวันนั้นไปซะ”

ภูพิงค์ยิ้มแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะทันตแพทย์หนุ่มอย่างอ่อนโยน “พี่วินเก่งมาก เข้มแข็งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย”

“เปล่าหรอก ผมไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย” ...แค่จนตรอกต่างหาก

“บ้าน่ะ ผมว่าพี่รับมือพี่เต้ได้ดีมากเลยนะ” คนอ่อนวัยกว่าใช้ปลายนิ้วไล้แก้มอีกฝ่ายเบาๆ “ยิ้มนิดสิ พี่วินคนเก่งของผม”

คำพูดหวานหูแบบนั้น เขาเพิ่งเคยได้ยินจากภูพิงค์เป็นครั้งแรก ทำให้ทันตแพทย์หนุ่มอ่อนไปทั้งใจ เขายิ้มออกมาเล็กน้อยตามที่เด็กหนุ่มขอ

เสียงทักทายกันของพี่นิ้งและผู้ช่วยคนอื่นๆ ที่ทยอยกันเข้ามาในคลินิกดังแว่ว เด็กหนุ่มจึงรีบปล่อยมือจากอีกฝ่าย “เดี๋ยวเที่ยงเจอกันนะ”

“อืม” รวินท์พยักหน้ารับ ความอบอุ่นของภูพิงค์ ทำให้หัวใจพองฟูได้อยู่เสมอ ถึงจะทำให้เจ็บๆ หน่วงๆ ไปด้วยในคราวเดียวกันตามที “กลับไปก็ตั้งใจอ่านหนังสือด้วยล่ะ”

“คร้าบ พี่วินอยากกินไรคิดไว้นะ เดี๋ยวผมพาไปเลี้ยง”

“เออ ไปเถอะ”


เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องไปทักทายพวกผู้ช่วยทันตแพทย์ทั้งหลาย หากพอพวกเขาจะเดินออกจากร้าน ก็ประจันหน้ากันกับเตชิตซึ่งกำลังเดินสวนเข้ามาพอดี

ภูพิงค์อ้ำอึ้ง แต่ไอ้พวกเพื่อนพร้อมใจกันยกมือไหว้ เขาเลยต้องไหว้ด้วยตามมารยาท “หวัดดีพี่เต้”

“อือ ได้ตัดไหมมั้ยน่ะ”

“ตัดแล้วครับพี่”

“ก็ดีแล้ว มีปัญหาอะไรก็รีบมาให้ผมหรือวินดูนะ”

“ครับ” เด็กหนุ่มฝืนยิ้ม ในใจอดชื่นชมไอ้พี่เต้ไม่ได้ ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เหมือนไม่เคยส่งรูปตัวเองจูบพี่วินมาให้เขา เล่นได้เนียนพอๆ กับพี่วินเลย สมแล้วที่สนิทกัน


นี่ไม่ได้ชมนะเว้ย แต่ด่า!


พอทั้งสองเดินสวนกัน เตชิตก็พูดทิ้งท้าย “ขอบใจที่ช่วยดูแลวินแทนผมนะ” ก่อนจะเดินเข้าคลินิกไป

“โห ทำตัวพระเอกโคตร” ซันเปรย

แซนดี้รีบขยับเข้าไปกระซิบ “นั่นดิ มึงยอมไม่ได้นะไอ้พิงค์ บทเด่นๆ ต้องเป็นของมึง”

“ไอ้พี่หมอเต้นี่ มองจากดาวพุธยังรู้ว่าชอบพี่หมอวินแหงๆ”

“เออ แม่งส่งสาส์นท้ารบให้กูขนาดนี้ ไม่ต้องไปถึงดาวพุธก็รู้ได้โว้ย” เด็กหนุ่มพูดอย่างหงุดหงิด

“ไม่ต้องห่วงเว้ย ยังไงมึงก็ได้เปรียบ”

“ได้เปรียบยังไงวะ”

“ก็พี่หมอเขาชอบมึงไง รุกเลยสิมึง” แซนดี้ตบไหล่เพื่อนรักหนักๆ ขณะที่ซันพยักหน้าเห็นด้วย

“สัส พวกมึงแน่ใจเหรอ อยากเห็นเพื่อนมึงอกหักกันมากเลยใช่มั้ยวะเนี่ย” ภูพิงค์หันไปด่า

“ไม่อกหักหรอกน่ะ”

“บอกตรงๆ ว่ากูไม่มั่นใจเลย เหี้ยเอ๊ย” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นขยี้เส้นผมหนักๆ เขากลุ้มใจเหลือแสนแล้วโว้ย “รีบกลับไปอ่านหนังสือกันเหอะ”


เมื่อถึงตอนบ่ายแก่ๆ ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของรวินท์ ภูพิงค์เอามอเตอร์ไซค์มารับเขาที่คลินิก น่าแปลกที่เตชิตไม่เกาะติดเขาเหมือนเคย ตอนพักเที่ยงก็ปล่อยให้เขาไปกับภูพิงค์ง่ายๆ อาจเป็นเพราะเพิ่งทะเลาะกันไป อีกฝ่ายจึงยังไม่กล้าทำอะไรมากนัก

“คืนนี้ไม่กลับนะเว้ย ไม่ต้องรอ มึงไปกินข้าวกับพี่สิงหาเลย พรุ่งนี้เย็นเจอกันที่หอเลยละกัน”

“อือ” เตชิตพยักหน้า พรุ่งนี้เขาทำคลินิกกับพี่สิงหา ส่วนรวินท์ว่างทั้งวัน “ขับรถกลับดีๆ นะเว้ย”

“เออ มึงก็เหมือนกัน”

รถของรวินท์จอดทิ้งไว้ที่ในลานจอดรถของคลินิก ส่วนตัวเขาไปกินมื้อเย็นกับภูพิงค์และเพื่อนของเด็กหนุ่ม จากนั้นก็ตามเข้ามหาวิทยาลัยไปนั่งเฝ้าพวกเขาอ่านหนังสือกัน

เมื่อตอนที่ไปถึงก็เป็นเวลาเย็นแล้ว แต่พวกนักศึกษาก็ยังสุมหัวฝึกทำโจทย์และติวหนังสือกันอย่างคร่ำเคร่ง ทำให้ทันตแพทย์หนุ่มรู้สึกนอกคอกสุดใจ เขานั่งเอนหลังพิงเสา หันหน้ามองออกไปจากใต้ตึกอย่างเหม่อลอย จะเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือของตัวเองก็เบื่อแล้ว

หากทุกครั้งที่หันกลับมาก็จะเห็นภูพิงค์กับเพื่อนๆ พูดคุยปรึกษาและหัวเราะกันอย่างสนิทสนม กอดไหล่จับมือกับเพื่อนผู้หญิงในคณะ ถึงเนื้อถึงตัวกันยิ่งกว่ากับเขาเสียอีก

“เฮ้อ...”

“พี่วิน กินแคปหมูมั้ยคะ”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับไปทางเจ้าของเสียงหวานนั้น ซึ่งในมือของเธอถือถุงใส่แคปหมูอยู่

“แคปหมูปรุงรส เจ้านี้อร่อยมากเลย เห็นพี่วินทำหน้าเบื่อๆ กินแคปหมูเล่นแก้เบื่อได้นะคะ” เธอพูดเสียงสั่นเมื่อสบสายตากับเขา ใบหน้าซับสีเลือดยาวไปจนถึงใบหู

ดูท่าจะใช้ความกล้าเข้ามาหาเขาเอามากๆ เลยสินะ รวินท์คิดในใจ... เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยได้สังเกตคนที่เข้ามาหาตนสักเท่าไหร่

“ขอบใจนะ” รวินท์เอื้อมมือไปรับถุงมา แล้วลองหยิบกินดู “อือ อร่อยจริงๆ ด้วย”

หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอยิ้มกว้าง

“อ่านหนังสือไปถึงไหนแล้วครับ”

“ก็ได้เยอะพอสมควรค่ะ แต่วิชานี้ยาก พวกเราเลยต้องมาสุมหัวกันแบบนี้ ดีที่ภาคเรามีคนเก่งๆ เยอะ พิงค์ก็ช่วยได้เยอะมากเลยค่ะ”

ทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปตามที่เธอชี้ พิงค์กอดคอกับเพื่อนหญิงในคณะอีกแล้ว เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ “อืม ตั้งใจอ่านเข้า สู้ๆ นะ”

หญิงสาวพยักหน้า ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบ “พี่วินคะ เด็กวิดวะก็สนิทกันแบบนี้แหละ ไม่ค่อยแบ่งแยกชายหญิงหรอกค่ะ พิงค์ก็เล่นแบบนี้กับทุกคน พี่วินอย่าโกรธพิงค์เลยนะ”

รวินท์เลิกคิ้วขึ้นพลางหันขวับไปทางหญิงสาว “เดี๋ยว... เดี๋ยวสิครับ เข้าใจผิดแล้ว...”

“พี่วินไม่โกรธก็ดีไปค่ะ” เธอยิ้มกว้างอย่างจริงใจสุดๆ “กินแคปหมูให้หมดน้า” จากนั้นก็วิ่งกลับไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อน

ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยในตอนแรก แต่คิดดูก็ดีเหมือนกันที่เธอบอก เขาเอนหลังพิงเสาแล้วหยิบแคปหมูขึ้นมากินไปเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีอะไรเย็นๆ มาแตะที่ลำคอ

“อ่ะ น้ำ” ภูพิงค์ยืนอยู่ข้างๆ เขา ในมือถือขวดน้ำอัดลมเย็นเฉียบ “กินแคปหมูเดี๋ยวคอแห้ง”

รวินท์รับขวดน้ำมา “ขอบใจ”

เด็กหนุ่มนั่งลงข้างกัน “เมื่อกี้คุยไรกับแหวนอะ”

“แหวน? คนเมื่อกี้ชื่อแหวนเหรอ”

“เออ อ่อยเพื่อนผมอีกแล้วดิ”

“ว่างเหรอวะ มาหาเรื่องกันเนี่ย”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว ไม่ได้เถียงอะไรต่อ เพียงแค่ถอนหายใจหนักๆ

“ไม่ได้อ่อย แค่คุยกันเฉยๆ เขาเห็นผมนั่งเบื่อๆ เลยเอาแคปหมูมาให้กินก็เท่านั้น” รวินท์อธิบายไปตามความจริง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากให้เด็กหนุ่มมองเขาผิดๆ เช่นเดิม

“แล้วกระซิบอะไรกันอ่ะ”

“เขาคิดว่าผมนั่งทำหน้าเซ็งๆ เพราะคุณโอบคนนั้นที โอบคนนี้ทีล่ะมั้ง ก็เลยบอกว่ามันเป็นธรรมดาของคนในคณะ”

คนอ่อนวัยกว่าหันขวับไปประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม “ผมทำแบบนั้นเหรอ”

“เออ คุณว่าผมว่าขี้อ่อย ไม่ได้ดูตัวเองเลย”

“ผมไม่ได้อ่อย มันเป็นธรรมดาของคนในคณะจริงๆ ที่นี่มีแต่เพื่อนกัน ไม่แบ่งแยกชายหญิง แต่ถ้ามันทำให้พี่ไม่สบายใจ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก” เด็กหนุ่มยิ้ม พร้อมกับยกมือขึ้นจับแก้มอีกฝ่ายยืดเข้ายืดออก “ขอโทษที่ปล่อยให้พี่นั่งเหงา ช่วงนี้...”

“ผมรู้ๆ ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ”

“แต่ผมดีใจนะที่พี่ยอมมานั่งแกร่วอยู่กับผมแบบนี้อะ”

“ผมไม่มีที่อื่นให้ไปอยู่แล้ว”

“โห พูดจาใจร้ายว่ะ” ภูพิงค์พึมพำ ก่อนจะโยนโทรศัพท์มือถือของตนให้ “เอ้า เล่นเกมป่ะ มีเพียบเลย”

“เล่น มีเกมก็ไม่บอก ให้นั่งเบื่ออยู่ได้ตั้งนาน”

“ลืมอะ งั้นผมไปอ่านหนังสือต่อละนะ ถ้ามีใครโทรเข้ามาก็รับให้ด้วย”

“ไม่กลัวผมแอบดูในโทรศัพท์รึไง”

“ก็ดูไปสิ ผมไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มยิ้มขณะที่โน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบบอกรหัสผ่าน จากนั้นจึงลุกเดินกลับไปนั่งลงบนพื้นกับเพื่อนๆ ตามเดิม

รวินท์อมยิ้มอย่างพอใจ เขาส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจที่ตัวเองรู้สึกดีใจกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ แค่เพราะอีกฝ่ายบอกว่าจะไม่ทำอะไรที่เขาไม่ชอบ ให้เขาดูในโทรศัพท์ได้ บอกให้รู้รหัสผ่านและให้รับโทรศัพท์ให้ ทำให้เขารู้สึกโคตรจะพิเศษ

ในระหว่างที่เล่นเกมไปนั้น โทรศัพท์ก็สั่นสะเทือนเพราะมีสายเรียกเข้า คนที่โทรเข้ามาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ทันตแพทย์หนุ่มจึงกดรับสาย หากยังไม่ทันพูดอะไร คนที่ปลายสายก็พูดรัวๆ

“อีพิงค์ มึงกลับมาแล้วแวะซื้ออะไรมาแดกด้วย กูหิวมาก ขี้เกียจออกไปซื้อ”

“แซนดี้อยากจะกินอะไรล่ะ”

เจ้าของชื่อเรียกชะงักไปชั่วครู่ “โห! เดี๋ยวนี้ไอ้พิงค์มันร้าย~”

“ร้ายยังไง”

“แหม ก็เอาโทรศัพท์ไว้ที่พี่หมอไง เวลาสาวๆ โทรมาจีบ จะได้ถอยกันไปให้หมด”

รวินท์ขมวดคิ้ว “มีคนมาจีบเยอะเหรอ”

“อู๊ย! ไม่มี้!” แซนดี้ขึ้นเสียงสูง จริงๆ ก็ไม่มีหรอก เพราะภูพิงค์ไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ใครง่ายๆ เขาตั้งใจให้อีกฝ่ายระแวงนั่นล่ะ “บอกมันรีบๆ กลับหน่อยนะพี่หมอ หิวอะ”

“แล้ว...ตกลงจะกินอะไร”

“อะไรก็ได้ ผู้ชายก็เอา”

“เออๆ เดี๋ยวผมบอกพิงค์ให้นะ”

“ขอบคุณค่า”

อีกฝ่ายวางสายไปเรียบร้อย หากทันตแพทย์หนุ่มยังคงขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง เมื่อกี้ยังดีใจที่ได้เป็นคนพิเศษอยู่หลัดๆ ตอนนี้เขาโดนลดตำแหน่งลงมาเป็นไม้กันหมาเสียแล้ว

รวินท์ถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะกดเปิดเกมขึ้นมาเล่นแก้เซ็ง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาขัดจังหวะ ตอนแรกๆ ก็พยายามจะไม่ใส่ใจ จนกระทั่งมือไปกดโดนข้อความเข้า หน้าจอเกมจึงถูกเปลี่ยนเป็นหน้าจอแชตแทน

“ฉิบหาย!”


‘พิงค์ โทรหาเฟิร์นด้วย อาทิตย์หน้าจะไปเชียงใหม่ ไปกินข้าวกัน’

‘อ่านแล้วก็ตอบด้วยดิ’

‘คิดถึงพิงค์น้า~ ไม่ได้เจอกันมาหลายปีเลย’


เธอส่งข้อความมารัวๆ ปิดท้ายด้วยรูปคู่ของพวกเขา ซึ่งในภาพเธอกำลังจับมือกับภูพิงค์อยู่

รวินท์ลุกขึ้นพรวด เขารีบเดินเอาโทรศัพท์ไปคืนเด็กหนุ่ม “พิงค์ มีคนส่งข้อความเข้ามาตอนผมเล่นเกม มือผมกดไปโดนอ่ะ”

ภูพิงค์รับโทรศัพท์ไปดู แล้วกดปิดหน้าจอแชตไป “ไม่เป็นไรพี่ เล่นเกมต่อเลย”

“จะไม่ตอบเขาเหรอ”

“พี่อยากให้ผมตอบเขาเหรอ”

รวินท์อ้ำอึ้ง “.....”

“พี่จะทำยังไงก็ตามใจ เดี๋ยวทำข้อนี้เสร็จจะกลับละ”

“อือ แซนดี้โทรมาตามแล้ว บอกให้ซื้ออะไรไปให้กินด้วย”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก “โอเค พี่นั่งรออีกแป๊บนะ”

รวินท์เดินกลับไปนั่งที่เดิม ยังไม่ทันหย่อนก้นลงนั่งก็เห็นว่าหญิงสาวคนเดิมส่งข้อความเข้ามาอีกรัวๆ แบบนี้เขาจะเล่นเกมต่อได้อย่างไรกันล่ะ จะปิดเตือนข้อความก็ไม่กล้า เพราะไม่ใช่โทรศัพท์ของตน

สรุปแล้วเขาก็วางโทรศัพท์ทิ้งไว้เฉยๆ แล้วหันไปกินแคปหมูต่อ

คราวนี้เป็นโทรศัพท์ของเขาที่สั่นสะเทือนเพราะมีสายเรียกเข้าบ้าง เขาหยิบขึ้นมาดูพลางถอนหายใจ หากก็กดรับสาย “ว่าไง”

“นึกว่ามึงจะไม่รับโทรศัพท์กูซะแล้ว”

“นึกงั้นแล้วจะโทรมาทำไมวะ”

“โทรไปงั้นแหละ”

“ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ กูกำลังเล่นเกมอยู่”

“วิน อย่านอนดึกนักนะ พรุ่งนี้ขับรถกลับหอดีๆ ด้วย”

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวเป็นพ่อกูสักที”

“ก็อยากเป็นอย่างอื่น แต่มึงไม่ให้...”

“เออๆ กูจะขับรถดีๆ แค่นี้นะ” รวินท์พูดรัวๆ แล้วกดวางสายไปทันที หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นกุมขมับ ตามด้วยถอนหายใจถี่ยิบ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีคนมากระซิบข้างใบหู

“พี่วิน เสร็จแล้ว”

“บอกดีๆ ก็ได้ ย่องเข้ามาเป็นโจรเลยว่ะ”

“อยากเป็นโจรไง โจรปล้นใจ” ภูพิงค์ยิ้มกริ่มแล้วยักคิ้วถี่ๆ

“อ่านหนังสือหนักจนเพี้ยนเหรอวะ”

คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะ “ไปๆ เก็บของ ลุกๆ จะได้กลับกันสักที ป่านนี้อีแซนดี้คงแดกบ้านไปครึ่งหลังแล้ว”

“คนหรือปลวกวะเนี่ย”

“พี่ก็นึกหน้ามันตอนไม่ได้แต่งหน้าสิ”

“ผมจะฟ้องแซนดี้”

“เดี๋ยวมันปล้นพรมจรรย์ผมแล้วพี่จะเสียใจ”

รวินท์ประสานสายตากับเด็กหนุ่ม เขาอ้าปากคล้ายจะพูดอะไรออกไป แต่ก็เปลี่ยนใจเสียก่อน เขาลุกขึ้นเก็บพวกห่อพลาสติกจากของกินไปใส่ถังขยะ จากนั้นก็เดินกลับมาหาคนอ่อนวัยว่า “ไปกันเถอะ”

แล้วมอเตอร์ไซค์สี่คันก็เคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัย ไปหยุดแวะซื้อของกิน ก่อนจะกลับไปที่บ้านเช่า


หลังจากกินมื้อดึกกันเสร็จ พวกเขาก็ผลัดกันไปอาบน้ำ รวินท์อาบน้ำเสร็จเป็นคนแรก เขาจึงออกมานั่งเล่นบนม้านั่งหินหน้าบ้านตามลำพัง

แต่สักพักประตูบ้านก็เปิดออก ภูพิงค์ก้าวฉับๆ ไปนั่งลงข้างทันตแพทย์หนุ่ม “นั่งทำไรวะพี่”

“เลี้ยงยุง”

“โห คิดมุกเองบ้างดิ๊” เด็กหนุ่มชำเลืองมองอีกฝ่ายเป็นระยะๆ สักพักก็ตัดสินใจขยับเข้าไปจนชิด “คิดไรอยู่”

“คิดว่าเฟิร์นเป็นใคร”

“แฟนเก่าสมัยมอหก”

รวินท์หันขวับมาประสานสายตากับคนอ่อนวัยกว่า เขาไม่นึกว่าจะได้รับคำตอบไวปานสายฟ้าฟาดเช่นนี้

“ผมกับเขาเป็นเฟรนด์กันในเฟซ แต่นานๆ จะทักกันสักที ก็ปีละไม่เกินสองหนอะนะ แค่อวยพรวันเกิดกับวันปีใหม่ ก็อย่างที่รู้ๆ แหละ มันจบไปนานแล้ว”

“แต่ดูเขายังไม่อยากจบนะ”

“ก็เพราะใครล่ะ”

“เพราะใครวะ” ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้ายุ่ง

“ช่วงหลังนี่มีคนลงรูป มีคนพูดถึงผมอยู่บ่อยๆ ก็เพราะพี่ไง พอเขาเห็นรูปผมบ่อยเข้าก็เลยทักมาคุยอะดิ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่คิดจะไปเจอเขาหรอก ผมบอกพี่แล้วไง ผมจะไม่ให้ความหวังใครถ้ามันไม่มีหวัง”

รวมถึงตัวเขาด้วยหรือเปล่าวะ? พิงค์กำลังบอกปฏิเสธเขากลายๆ ไปด้วยหรือเปล่า

รวินท์ขมวดคิ้วมุ่น

“ทำคิ้วขมวดแบบนี้เดี๋ยวหน้าแก่หมดนะพี่” ภูพิงค์ใช้นิ้วรูดคิ้วทั้งสองข้างของอีกฝ่ายออกจากกัน “ง่วงยัง”

“อือ นิดหน่อย”

“ขึ้นไปนอนก่อนก็ได้”

“ไม่ล่ะ คืนนี้ผมนอนโซฟาข้างล่างดีกว่า”

คนอ่อนวัยกว่าหยุดกึก “ทำไมอะ”

“คุณจะได้ไม่ต้องไปนอนเบียดกับเพื่อนคุณไง”

“ผมแค่อยากให้พี่นอนสบายๆ”

แววตาสีเข้มของรวินท์สั่นไหว เขาก้มหน้าหลุบตาลงมองพื้น ในอกมันเจ็บหน่วงไปหมด แทบจะทุกครั้งที่คุยกับภูพิงค์ จนเขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว

“ผมทำให้พี่คิดมากเหรอ”

“.....”

“งั้นคืนนี้นอนด้วยกันนะ”

ภูพิงค์มักจะอ่อนโยนกับเขาแบบนี้เสมอ แล้วก็ทำให้เขาใจอ่อนได้ง่ายๆ เสียด้วย เขาพยายามบอกตัวเองว่าอย่าหวังให้มาก  เด็กหนุ่มดีกับเขาเพราะเขากำลังมีปัญหา กลุ้มใจและเศร้าใจ อีกฝ่ายก็แค่คอยช่วยปลอบโยนเขาในฐานะเพื่อนที่ดีก็เท่านั้น

รวินท์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พลางถอนหายใจ

“ผมเริ่มสอบวันศุกร์หน้า สอบเสร็จวันศุกร์อีกอาทิตย์นู่นเลย เพราะงั้นเสาร์อาทิตย์หน้าผมคงมาหาพี่ได้แค่แวบๆ แต่จะมานะ”

“อือ ขอบใจ”

ภูพิงค์เอนตัวเข้าไปพิงไหล่ทันตแพทย์หนุ่ม “สอบเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกันนะ พี่คิดไว้ได้เลยว่าอยากไปไหน”

“ไปกับทุกคนอะเหรอ”

เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แก้มและใบหูซับสีเลือด เขาประสานมือเข้าด้วยกัน “ผมอยากไปกับพี่สองคนแบบครั้งที่แล้วอะ ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร”

คำตอบนั้นเป็นผลให้รวินท์ยิ้มออกมาได้บ้าง งานนี้ไม่มีเก๊ก ไม่มีเล่นตัว เพราะที่จริงก็กลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ “ก็โอเค”


*TBC*


ก็ยังไม่หวานเต็มที่แหละ อย่าเพิ่งเฟี้ยงเกิบมาทางนี้แน~

อย่างแรกเลย พี่วินควรจะได้เรียนรู้ว่าความรักนั้นมีให้ทั้งความสุขทั้งความเจ็บปวด และพี่วินควรจะรู้ว่ารักข้างเดียวเป็นยังไง คือที่มาของตอนนี้นะคะ พี่วินก็น่าสงสารแหละ แต่ถ้าพี่ไม่เจ็บ ไม่โดนกับตัวเอง พี่ก็จะไม่ปรับปรุงตัวเนอะ เอาใจช่วยพี่วินกันนะคะ

ขอโทษด้วยถ้าหากทำให้รู้สึกว่าเรื่องเดินช้านะคะ 5555555 แต่สำหรับฮัสกี้ คิดว่าสองคนนี้เริ่มต้นมาก็ใกล้ชิดกันมากแล้ว ถึงเนื้อถึงตัวกันตลอด แถมยังเป็นคู่จิ้นกันด้วย จะให้ "ผู้ชาย" ธรรมดาๆ คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาชอบเรานะ เขามีใจให้เรานะ มันก็น่าจะยากอยู่สักหน่อย แถมทั้งคู่ก็ยังปากหนัก ไม่กล้าพูด เพราะบางครั้งการที่เราพูดความรู้สึกของเราออกไป อาจจะทำลายความสัมพันธ์ดีๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้ไปก็ได้ ตัวพี่วินเองก็มีประสบการณ์อยู่ว่าการที่เพื่อนรักเพื่อนน่ะ มันน่าทรมาน ชวนให้อึดอัดมากแค่ไหน ส่วนตัวน้องพิงค์ ถึงจะชอบพี่เขา แต่เพราะนิสัยไม่ดีๆ ของพี่ มันทำให้น้องเองก็กลัวและพยายามยั้งๆ ไว้เหมือนกัน ฮัสกี้คิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้สำหรับสองคนนี้นะคะ

แต่ไม่ต้องห่วงน้าา อีกไม่เกินสามตอนได้เป็นแฟนกันแน่นอน รอหน่อยละกันค่ะ แต่เป็นแฟนกันแล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรคนะคะ บอกให้เกียมใจไว้ก่องเลย 55555

เรื่องนี้ฮัสกี้ตั้งใจเขียนให้เป็นความรักของผู้ชายธรรมดาๆ สองคนที่ค่อยๆ จูนคลื่นเข้าหากัน รักกัน และปรับตัวเข้าหากัน เพราะงั้นความสัมพันธ์อาจจะช้าสักหน่อย และที่สำคัญ ทั้งพี่วินและน้องพิงค์ต่างก็ไม่ใช่คนเพอร์เฟ็กต์ มีส่วนไม่ดีด้วยกันทั้งคู่ ตรงนี้หนุ่มๆ ก็ต้องช่วยๆ กันปรับปรุงไปเนอะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ  :mew1:

ปล. ติเตียนกันได้ไม่ว่ากัน ไม่ชอบตรงไหนก็บอกกันได้ค่ะ แต่พิมพ์อะไรแล้วขอให้ลองอ่านทวนนิดนึงก่อนกดส่ง ขอให้นึกถึงใจคนเขียนนิดนึงเนอะ ฮัสกี้ลงนิยายบ่อยๆ ไม่ค่อยบ่นอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ท้อ ไม่เสียใจนะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ให้กำลังใจกันดีกว่า ฮัสกี้จะได้มีแรงเอามาลงบ่อยๆ น้าาา~ ขอบคุณค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 29-03-2018 10:08:16
ถึงจะสงสารพี่วินท์ แต่เห็นด้วยตามที่คุณคนเขียนว่า ต้องให้บทเรียนพี่วินท์เยอะๆ จะได้รู้คุณค่าของความรัก
รอค่ะ รอวันที่เค้าจะเป็นแฟนกัน อีกแค่สามตอนเท่านั้น เราทนได้ :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 29-03-2018 10:12:26
รักครั้งนี้ของหมอวินกว่าจะได้มาต้องมีการเรียนรู้หลายๆสิ่ง และเป็นรักที่ได้มาแล้วหมอวินต้องรักษาไว้อย่างดีแน่นอน
อิน้องน่ารักเสมอ แคร์พี่วินมากๆ ใส่ใจไปหมด โอ๊ยสั่งห่อน้องพิงค์มาส่งแล้วนี้ที่  :mew1:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 29-03-2018 10:13:08
พี่วินหงอยเลย เอ็นดูหมอเต้หล๊ายหลาย ยิ่งฟังประโยคนี้ยิ่งเจ็บ ก็อยากเป็นอย่างอื่นแต่มึงไม่ให้เป็น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 29-03-2018 10:15:48
 :o8:  :-[  :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 29-03-2018 10:17:38
เฮ้อ..........เมื่อไหร่จะฉลาดเหมือนเรียนหนังสือกันทั้งคู่นะ คิดเองเออเองกันทั้งนั้น เอาใจช่วยให้เข้าใจตรงกันเร็วๆ นะคะ :m31:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-03-2018 10:23:54
 :pig4: :pig4: :pig4:

เข้าใจ แต่ก็รู้สึกขัดใจ ไม่ได้ดังใจ ตรงที่ต่างฝ่ายต่างอมพะนำ กันนั่นแหละ  ทั้ง ๆ ที่ใจตรงกันซะขนาดนั้น  คนนอกยังมองออก แต่ทั้งสองคนกลับไม่รู้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-03-2018 10:30:28
เป็นประสบการณ์ความรักอีกด้านที่พี่วินยังไม่เคยเจอ
สู้ๆนะ น้องพิงค์รออยู่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 29-03-2018 11:00:05
 :L3:หน่วงใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-03-2018 11:02:08
ช่วงนี้เลี้ยงน้ำใบบัวบก คุณวินท์บ่อย ๆ ละกันนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 29-03-2018 11:08:25
รอไม่เกิน 3 ตอน อยากเปิดวาปก่อนเลยค่ะตอนนี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 29-03-2018 11:16:24
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 29-03-2018 11:32:31
เราคิดว่ามันเดินเรื่องช้าไปจริงๆอ่ะค่ะ จนเริ่มเบื่อแล้ว เราเข้าใจนะคะว่าคนเขียนอยากให้พี่วินเรียนรู้หรืออะไรก็ตาม แต่มันช้าไปอ่ะค่ะ ถ้าสมมติเราซื้อเรานิยายแบบเป็นรูปเล่มมาแล้วเดินเรื่องยืดขนาดนี้ไม่รู้กี่ตอนมาแล้วที่ตัวเอกทั้งสองคนยังไม่เข้าใจกันเราคงวางทิ้งอ่ะค่ะ แต่นี่ยังพอโอเคเพราะมาทีละตอนก็มีเวลาไปอ่านเรื่องอื่นพอให้ลืมๆความรู้สึกหน่วงๆของเรื่องนี้บ้าง รู้มั้ยคะเราดีใจและตื้นเต้นทุกครั้งที่เห็นเรื่องนี้อัพเพราะเราชอบตัวละครทั้งสองมาก อยากเข้ามาอ่านเร็วๆ แต่ช่วงนี้ยังคงตื่นเต้นทุกครั้งที่จะเข้ามาอ่านแต่เวลาอ่านจบแต่ละตอนไม่ประทับใจเหมือนช่วงแรกๆ เพราะได้รับความรู้สึกเดิมๆติดกันมาหลายตอน แต่ก็จะยังคงติดตามนะคะเพราะอย่างที่บอกรักพี่วินกับพิงค์มาก อันนี้เป็นแค่ความคิดเห็นของเรานะคะ อยากให้คนเขียนพิจารณาค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 29-03-2018 11:37:39
อีกสามตอนเหรอ รู้สึกเหมือนยังแกล้งพี่วินไม่หนำใจเลย 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 29-03-2018 11:57:07
จีบเลยเถอะ น้องพิงค์ ลุยให้เต็มที่ ลุ้นจนเหนื่อยล้าว ฮือออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-03-2018 12:00:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 29-03-2018 12:31:13
ฮัสกี่ค่ะไม่มรอะไรจะติหรอกค่ะเพราะเราชอบแนวนี้มากและคิดว่าหลายๆคนก็น่าจะชอบแนวนี้
รู้สึกว่ามันคือมนุษย์ดีๆนี่เอง
ค่อยๆรักกัน ค่อยๆปรับตัว และค่อบๆรู้ใจกัน
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-03-2018 12:33:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-03-2018 12:41:13
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-03-2018 13:03:25
พี่หมอเริ่มเรียนรู้อะไรๆมากขึ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-03-2018 13:53:45
เอาใจช่วยทั้งคู่เลยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 29-03-2018 14:14:58
มันเหทือนตอนนี้ต่างคนต่างกั๊กไำ่ในมืออ่ะ จะลงก็ลงไม่หมด เพราะก็กลัวจะเสีย  เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 29-03-2018 17:11:40
พี่หมอยังไม่มั่นใจน้องอีกเหรอออ  :mew2:
มัวแต่เก็บกักอมพะนำอยู่ได้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 29-03-2018 18:31:21
พี่หมอสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 29-03-2018 18:33:56
รอวันเปิดใจ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 29-03-2018 19:18:36
 :กอด1: กอดพี่หมอ  :กอด1: กอดน้องพิง  :oo1: ..คนเขียน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-03-2018 19:24:44
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 29-03-2018 19:38:17
 :mew2:ค่าาาาาาเขินมากกกกกกกทำไมน่ารักอ่ะเราพิงค์พี่หมอกลั้นยิ้มไหวได้งัยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 29-03-2018 20:23:05
หน่วง ยังหน่วงไม่หาย  แม้จะมีจับ กอด อ้อน ซบ แต่ก็รู้สึกว่าทั้งสองคนยังใจห่างกันอยู่เลย  ได้แต่แอบลุ้นว่าตอนไปเที่ยวกันสองคนจะขยับสถานะบ้างหรือเปล่า   :เฮ้อ:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 29-03-2018 20:45:14
ส่วนตัวคิดว่าคู่นี้การกระทำก็ค่อนข้างชัดเจนมานานแล้วนะคะ เพียงแต่ไม่พูดออกมาเพราะต่างฝ่ายต่างกลัวและเข้าใจผิด มันเลยดูกั๊กๆ ไม่ไปถึงไหนซักที เข้าใจนักเขียนนะคะที่อยากจะให้แต่ละฝ่ายเรียนรู้ความรู้สึกและความสัมพันธ์กัน ยังไงก็รอได้ค่า เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 29-03-2018 21:05:44
..

ดีอ่ะ.  ให้บทเรียนพี่วินในการเรียนรู้และปรับปรุงตัวเอง

พิงค์เองก้อจะได้ดูใจตัวเองให้ชัดๆ เอาให้แน่ใจ

หน่วงนิดๆน้อยๆ  แล้วค่อยฟินกันหนักๆน้าาาา

..

 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:

..
.
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-03-2018 21:15:18
รอ  สองคนรู้ใจกัน สารภาพกันซักที สาสารวิน  :mew2:
พี่วินเลิกคิดไปทางลบ คิดเองเออเอง
พิงค์ ก็เข้าใจพี่วิน ว่าคนแก่ขี้น้อยใจ  :impress2:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-03-2018 21:48:29
นึกไม่ออกเลยว่าใครจะบอกก่อนว่าชอบ ดูเชิงกันทั้งคู่  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-03-2018 22:26:15
ฟินแบบหน่วงๆ ความรุ้สึกยังอึมครึมๆกันต่อไป พิงค์ชัดเจนเยอะแล้วนะ แต่พี่วินมีเรื่องต้องคิดเยอะเกินไป

หมอเต้ทำใจได้เร็วเราก็ดีใจทหวังว่าจะไม่มาร้ายตอนหลังอีกนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 29-03-2018 22:29:58
คือแบบต้องค่อยๆอ่านทีละคำกลัวจบเร็ว 5555. อึนนิดๆใจตรงกันขนาดนี้จัดเลยนค่าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 29-03-2018 22:38:44
ยังหน่วงๆอยู่ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 29-03-2018 23:38:19
พี่วินไม่เคยรักใครจริงจัง พอมาครั้งนี้ก็หวาดระแวงลังเลทุกอย่าง เอาใจช่วยละกันนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-03-2018 23:51:54
คบกันเลยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-03-2018 00:02:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-03-2018 02:05:20
เข้าใจทุกอย่างงง แต่ก้ยังสงสารนังงงงง
ฮืออออ พี่วินนนอะ ถ้าทำตัวดีแต่แรกก้ไม่โดนแกล้งขนาดนี้แล้วว
น้องพิงค์คือคนดีทุกอย่างอะ แต่พี่วินเจ็บทุกดอกเลย
รอค่าาา สามตอนนี่ยาวนานมาก555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 3 : ภูพิงค์และผองเพื่อน][270917]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 30-03-2018 03:33:44
แซนดี้ฮามาก  :laugh:  ยิ่งตอนด่ากันยังกะแรป 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 30-03-2018 07:40:24
พี่วินก็ใจอ่อนยวบกับน้องพิงค์ตลอด ๆ อ่ะ ดี๊ดี  :-[
คนน้องก็จับความรู้สึกพี่ได้ทุกอย่างเลย ก็แคร์มากอ่ะเนอะ
คนเขียนสู้ ๆ จ้า ชอบเรื่องนี้มากนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-03-2018 07:52:05
หมอวินท์ก็คิดเองไปอีก คิดไกลไปอีก
ภูพิงค์ ถ้ามัวลีลา คิดเยอะ ได้เจอพี่หมอหนีแน่



ที่ว่าเรื่อยๆ ไหม ก็อ่านได้เรื่อยๆ มากกว่าค่ะ
ที่รู้สึกคือมันหน่วงและไม่ลงตัวสักทีมากกว่า
กลัวมอวินท์จะหนีไปซะก่อน เพราะความคิดไปเองของหมอ 5555
แต่ไม่ได้รู้สึกไม่ดี อ่านแล้วไม่ลื่นไหลอะไรแบบนั้น
เป็นกำลังใจให้ต่อไปและรอติดตามตลอดนะคะ




หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 30-03-2018 09:02:37
เอ็นดูพี่หมอวินจังเลยค่ะ หึงก็บอกว่าหึงสิ
คิดว่าความรู้สึกของสองคนนี้ชัดเจนแล้ว แต่แค่รอเวลาเท่านั้นเอง
เราขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้คนเขียนนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 30-03-2018 09:16:02
รออ่านต่อนะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 30-03-2018 15:02:39
 :hao5: พี่วินก็เข้มแข็งไว้นะ อย่าพึ่งถอดใจจากรู๊กชายเราน่ะ น้องพิงค์!! ลูกจะจีบก็รีบจีบลูก แม่อยากได้ลูกเขตหมอแล้วเข้าใจ๊ จากพี่เค้าแจกอ้อย จะแจกแห้วให้เอ็งแทนนะรู๊กกกก 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 31-03-2018 05:54:08
หมอเต้อยากตัดใจไหม หมอฟันประจำตัวเรายังโสดนะมองได้ทั้งน่ารักทั้งหล่อ พิกัดหลังรามคำแหง จะได้เลิกวุ่นวายซะที ฮ่วย #อิน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 31-03-2018 12:14:26
พี่วินก็เดินหน้าจีบเลยดิ เอาให้ไอ้น้องพิงค์รู้ตัวว่าชอบอยู่ บอกให้โลกรู้ว่าพิงค์มีคนจองแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 31-03-2018 23:16:14
โดนเข้ากับตัวเองบ้าง ถึงกับคิดมากขนาดนี้เลยเหรอพี่วิน!
อิพิงค์ก็นะ อ่อยก็ไม่อ่อยให้สุด ชอบสะดุดถอยตลอด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 01-04-2018 07:43:31
Chapter 36 : รักล้นใจ (20+)


.


.


.



วันนี้วันอะไรน้อออออ





April Fools'



ใครซื้อหวยก็ขอให้ถูกนะคะ 55555555


ด้วยรักมากมาย พบกันจริงๆ ตอนหน้าค่ะ /วิ่งหลบเกือก


 :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 01-04-2018 07:50:37
ตบกันไหมค้าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-04-2018 07:51:10
 :m20: :ling1:

ถูกหลอกอ่าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 01-04-2018 08:00:16
อ๊ากกกกกซซซ :hao7: :hao7: :hao7:  :z3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 01-04-2018 08:13:13
 :a5:  o22  :z6: เหมือนโดน  :z6: อย่างจัง ... กระซิกๆ  :m16:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-04-2018 08:15:06
 o22   :katai1:  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 01-04-2018 08:21:40
 :fire:   เข้ามาอย่างไว​โหหหหหห
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 01-04-2018 08:30:10
ไปต่อเลยได้ไหม
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-04-2018 08:37:30
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
สงสารเค้าเถอะ เข้ามาด้วยความอยากอ่านมาก
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 01-04-2018 08:39:09
โดนหลอกเต็มๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 01-04-2018 08:42:11
..

อร้ายยยยยย. เก้อเก้อ...

 :a5:  :a5:   :a5:   :a5:   :a5:   :a5:

..
.
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-04-2018 08:51:59
 :z3: :z3: :z3:

รู้สึกแปลก ๆ ตอนเห็นหัวข้อถูกอัพเดต ว่าไหงงวดนี้มาไวจัง   ชิส์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: @milan ที่ 01-04-2018 08:59:25
เกลียดดดดดดดดด :o12: :sad4: :m16: :m31:ทำไมหลอกกันนนนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 01-04-2018 09:22:24
ว้ากกกก หลอกเราทะมายยยย 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 01-04-2018 09:26:09
 :fire: เผากระทู้ได้ม่ะ??
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-04-2018 09:33:13
 :z3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-04-2018 09:35:39
ถูกหลอกอ่าาาา ฮือออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 01-04-2018 09:37:12
อืออออเสียใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-04-2018 09:48:54
รีบกดเข้ามาอย่างไว ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 01-04-2018 10:00:41
เธอหลอกเราได้ลงคอ งือออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 01-04-2018 10:13:59
โหหหหหห

 :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-04-2018 10:28:04
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-04-2018 10:49:30
ช่างกล้าเล่น :fire:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 01-04-2018 10:56:33
 :ling1: ไม่เคยซื้อจะถูกได้ไง

คนใจร้าย  :o7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 01-04-2018 11:01:57
คนเขียนใจร้ายยยยย  :ling1: ทำอย่างนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ  :heaven
ยังคิดอยู่ ทำไมมาต่อตอนใหม่เร็วจัง แล้ว 20++  มันจะเป็นไปได้ยังไง น้องพิงค์เนี่ยนะ 555
โหยยยยย  ไม่คิดถึง 1 เม.ย. เลยนะเนี่ย ตอนนี้รอให้ถึง 13 เม.ย. ไว ๆ
พาพี่วินน้องพิงค์ มาเล่นสงกรานต์กันเถอะจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-04-2018 11:23:20
เข้ามาเพราะหัวข้อเลยนะ55
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-04-2018 11:39:26
ก้อได้หราา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 01-04-2018 11:39:49
ถูกหลอกอ่ะ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-04-2018 11:45:25
ทำไมร้ายอย่างนี้คะ เราเสียใจจจจจจจจจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 01-04-2018 12:01:07
ขอไม้ตีหน้าแค่ง คนแต่งหน่อย จะได้วิ่งหลบเกือกไม่ทัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 01-04-2018 12:40:39
มาอย่างไวออกไปอย่างคลาน :hao5: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 01-04-2018 12:49:54
ว่าแล้ว 555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 01-04-2018 12:51:09
ไไไไไไไไไรรรรรรรรรรรท์  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Wanwann ที่ 01-04-2018 12:52:31
 :angry2:  :serius2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 01-04-2018 12:56:59
ตอนหน้า25+ ใช่มั้ยคะ :katai2-1: :katai2-1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-04-2018 13:12:22
เข้าใจหลอกนะ  :a14: :a14: :a14:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 01-04-2018 13:25:10
 :jul3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 01-04-2018 13:58:17
 :katai1: กรี๊ด รีบเข้ามาดูอย่างไว 20+เลยหรอ ชิ โดนหลอก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 01-04-2018 14:40:10
:m26: ทำไมคุณแม่น้องพิงค์เป็นคนขี่เล่นแบบนี้ละค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-04-2018 14:53:51
โฮ..โฮ....ฮือ.....ฮึกๆ.....ฮือ........... :ling1: :ling1: :ling1:

โฮ..โฮ....ฮือ.....ฮึกๆ.....ฮือ........... :z3: :z3: :z3:

โฮ..โฮ....ฮือ.....ฮึกๆ.....ฮือ...........o22 o22 o22    ถูกหลอก     :serius2: :serius2: :serius2:


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 01-04-2018 14:56:33
โอ้ยยยยยย หลอกกันได้ลง :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 01-04-2018 16:00:23
โถ่ หลอกกันได้ลงคอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 01-04-2018 16:08:13
มาต่อเลยได้ไหม  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 01-04-2018 16:37:57
โห เสียใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Subterra ที่ 01-04-2018 16:41:14
 :impress2: :impress2:
ถูกไรท์หลอกไม่เป็นไร พอดีถูกหวยจร้าไรท์ 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-04-2018 16:53:46
วันนี้วันอาทิตย์ คนเขียนคงว่างเลยมีเวลามาหยอกกันเล่นใช่มั้ยคะ ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 01-04-2018 17:08:31
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 01-04-2018 18:30:45
โห้ยยยยยยยย   หัวโล่งไปหมด  โดนคุณคนเขียนหลอกซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 01-04-2018 19:06:14
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 01-04-2018 19:10:09
โกรธคนเขียนค่ะ ขิให้ไถ่โทษโดยการเอาตอนต่อไปมาต่อ 555555555555
///อ้าวววว ไม่เนียนเหรอคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 01-04-2018 19:38:34
ม่ายยยยยยยยย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 01-04-2018 19:52:01
555โดนจนได้และเเล้วเราก็เชื่อ
กลายเป็นปลาโง่เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว][290318]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-04-2018 19:52:50
กรี๊ดดดดดดด  :o12: ถูกหลอก ฮือออ  :z6: เหมือนโดนแบบนี้เลยค่ะ


 :ling1: ม่ายยยยย  o12
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-04-2018 20:29:56
เรียกเราว่านังโง่  :z6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-04-2018 21:29:24
55555 ทำกันได้

ถ้าตอนหน้ามาต่อจริง ไม่รู้ใครจะเซอร์ไพรส์กว่ากัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-04-2018 21:55:03
ฮืออออ ว่าแล้วววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-04-2018 23:42:15
น่านนนนนน โดนซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-04-2018 04:38:56
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 02-04-2018 07:56:41
 :jul3: :jul3: :jul3: :jul3: :jul3:


หงายเงิบกันเป็นแถบ  รวมทั้งตัวข้าเจ้าด้วยเน้อ   :o211: :o211: :o211:


มามะคนดีมาให้พี่.... o18 o18 สักทีสองที
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-04-2018 11:09:49
สงสารพี่เต้เมื่อไหร่พี่เต้จะมีคนมาดามใจค่ะ แอบรักพี่วินมาก็ตั้งนานมาโดนพี่วินเย็นชาใส่แบบนี้มันเจ็บนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 02-04-2018 11:18:50
.. คนเขียนนะคนเขียน ทำกันได้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 02-04-2018 20:03:38

Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด


ในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันพฤหัส หลังเสร็จงานสองหนุ่มทันตแพทย์ก็เดินมาเก็บของในห้องพักทันตแพทย์เช่นเคย

รวินท์ก้มหน้าก้มตาเก็บของ พยายามไม่สบสายตากับใครในห้อง โดยเฉพาะเตชิต เขาจะไม่พูดอะไรกับอีกฝ่ายมากหากไม่จำเป็น แต่ก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด

เตชิตชำเลืองมองเพื่อนรัก ก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่ “เย็นนี้ไปกินข้าวห้องกูกัน”

รวินท์สะดุ้งโหยง พลางหันขวับไปหาอีกฝ่าย จู่ๆ ก็เล่นมาชวนกันไปที่ห้องที่เขามีความทรงจำไม่ดีและไม่คิดจะไปเหยียบอีกเนี่ยนะ มึงบ้ารึเปล่าไอ้เต้! “มีไรพิเศษรึไงวะ”

“วันเกิดไข่มุกเองค่า” หนึ่งในพยาบาลสาวแก๊งเดิมที่ยืนอออยู่ตรงประตูห้องร้องบอก “วันนี้หมอเต้ โบว์แล้วก็แก้มก็เลยจะทำมื้อเย็นฉลองวันเกิดให้ไข่มุกค่า หมอวินมาด้วยกันน้า~”

คนถูกถามอ้ำอึ้ง หากถ้าจะปฏิเสธก็สงสารพยาบาลสาว ในเมื่อพวกเธออุตส่าห์มีน้ำใจแวะเวียนเอาขนมและมื้อเย็นมาส่งให้บ่อยๆ เขายิ้มเจื่อนๆ “ทำไมไม่บอกผมก่อนล่ะครับ ไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ให้เลย”

“โอ้ย ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่หมอวินไปกินข้าวด้วยกันก็พอนะ”

ยิ่งปฏิเสธไม่ลงไปอีก

รวินท์พยายามเบี่ยงตัวออกจากท่อนแขนที่โอบไหล่ตนเองอยู่ ทว่าเจ้าของท่อนแขนนั้นกลับดึงตัวเขาเข้าไปประชิด “ไอ้เต้ ปล่อยได้แล้วโว้ย ไปก็ไปน่ะ กูเดินเองได้”

เจ้าของชื่อหันมาสบสายตากับเพื่อนรัก เขาหลุบตาลงต่ำแล้วพูดเสียงเศร้า “รังเกียจกูเหรอวะ”

“เปล่าเว้ย มันร้อน” รวินท์ขยับออก เขายกมือขึ้นจับคอเสื้อกระพือเพื่อให้ดูสมบทบาทว่าร้อนจริงๆ จากนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหากลุ่มพยาบาลสาว แล้วก้มลงหยิบถุงใส่อาหารสดมาจากมือพวกเธอ “ผมถือให้นะ” เขาหันไปบอกกับเพื่อนรัก “เฮ้ย เจ้าของห้องอะ เดินไปไวๆ กูหนัก”

“มาๆ กูช่วยถือ” เตชิตเดินไปแบ่งถุงมาช่วยถือ ก่อนจะเดินไปพร้อมๆ กันกับทุกคน



เสียงเจ้าของห้องกับพยาบาลสาวๆ ดังแว่วมาจากในครัว ส่วนรวินท์กับไข่มุกเจ้าของวันเกิดนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น เขาเป็นส่วนเกินในครัว เพราะทำอะไรไม่ค่อยจะได้เรื่อง เลยโดนไล่ออกมา

แต่มันก็ไม่แย่นัก อย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่ตามลำพังกับไอ้เต้ในห้องของมัน

ทันตแพทย์หนุ่มหันมองซ้ายขวาบนโซฟาที่นั่งอยู่ ความทรงจำตอนนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในใจ “เฮ้อ...”

“หมอวินถอนหายใจรอบที่สิบแล้วค่า เบื่อเหรอคะ” เจ้าของวันเกิดถาม

“เปล่าครับ แค่หิวน่ะครับ”

ไข่มุกหันไปตะโกนบอกคนในครัว “ใกล้เสร็จรึยังค้า หมอวินหิวแล้วค่า”

เตชิตโผล่หน้าออกมาทันที “เฮ้ย ไอ้หมอวินหิวก่อนเจ้าของวันเกิดได้ไงวะ”

“ก็เร่งมือหน่อยสิวะไอ้หมอเต้ คนจะหิวมันห้ามไม่ได้เว้ย ถ้าชักช้ามากเดี๋ยวกูทำไข่เจียวให้กินกันแทนเลยนี่”

“โว้ย กูต้องรีบแล้ว~” เตชิตผลุบกลับเข้าไปในครัวทันที ตามมาด้วยเสียงโวยวายของพยาบาลสาวๆ

“หมอเต้หั่นหมูไม่ขาดเลยค่ะเนี่ย! ติดกันเป็นยวงเชียว!”

“หมอเต้คะ! อย่าเอาน้ำยาล้างจานไปล้างผักสิคะ!”

เสียงเตชิตเถียงดังแว่ว “เดี๋ยวเอาไปล้างน้ำสะอาดอีกทีก็ได้นี่ครับ หยวนๆ น่า”

รวินท์ได้ยินเข้าก็ชวนไข่มุกให้ลุกไปไซโคคนในครัวกัน เขากอดอกยืนพิงอยู่ตรงทางเข้าครัว “แหม ไหนหมอเต้คุยว่าเก่งนักเก่งหนาไงครับ เกะกะครัวเหมือนกันมั้ยนั่น อย่างนี้ก็ไม่ต่างกับให้ผมช่วยอะครับ”

“ผมก็ทำได้มากกว่าไข่เจียวมั้ยครับหมอวิน คนที่ทั้งชีวิตรู้จักแค่ของทอดนี่ยังกล้าเสนอตัวมาช่วยอีกเหรอครับเนี่ย”

รวินท์ลอยหน้าลอยตาเถียง “ทอดเฉยๆ ก็กินได้ป่ะวะครับ อร่อยด้วย”

“ในพจนานุกรมมึงมีคำว่าต้ม ย่าง ผัด อบ มั้ยวะครับ” เตชิตหันไปเบะปากใส่

“ไม่มีเว้ย แล้วตำราอาหารกูก็มีแต่ไข่ทอด หมูยอทอด กุนเชียงทอดด้วย” รวินท์ตอบกลับไปพร้อมยกนิ้วกลางขึ้นโชว์ แล้วจึงหันไปทางเจ้าของวันเกิด “อยากกินของทอดๆ ฉลองวันเกิดมั้ยครับ คุณมุกเลือกเอาเลย เดี๋ยวผมทอดให้”

“ไอ้สัส สงสารเจ้าของวันเกิดบ้าง!”

พยาบาลสาวๆ หัวเราะเสียงดัง “หมอวินกับหมอเต้เถียงกันน่ารักจังเลยค่ะ ไม่ได้เห็นมานานแล้ว”

สองหนุ่มหันหน้าไปสบสายตากันชั่วครู่ ก่อนเตชิตจะหันกลับไปหั่นหมูต่อโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

รวินท์ยิ้มบาง พลางหลุบตาลงต่ำ

ก็นั่นสินะ นานแล้วที่เขากับไอ้เต้ไม่ได้คุยกันแบบนี้ เมื่อก่อนพวกเขามักจะมีเรื่องสนุกคุยกันเถียงกันเสมอ

สมัยอยู่โรงเรียนพวกเขาเคยไปเรียนพิเศษด้วยกัน ตั้งใจว่าจะแอดมิชชั่นเข้าคณะทันตแพทย์เหมือนกัน ไอ้ตอนที่เลือกมหาวิทยาลัยก็นั่งปรึกษากัน ด่ากันไปด่ากันมาอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะเลือกกันเสร็จ ส่วนชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย... ไม่ว่าจะเป็นตอนเรียน นั่งทำแล็บยันเช้า ขึ้นคลินิก โดนอาจารย์ด่า ทุกครั้งที่หัวเราะหรือร้องไห้ก็จะมีมันอยู่ใกล้ๆ ความผูกพันและมิตรภาพที่มีให้กันมาเป็นสิบปี เขาคงทำใจปล่อยมือจากมันได้ลำบาก ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นเพื่อนที่เขารักที่สุด

“หมอวิน หิวมากเลยเหรอคะ ทำไมทำหน้าเศร้าจัง”

รวินท์สะดุ้งตัวเบาๆ “เปล่า... เปล่าครับ”

เมื่อชายหนุ่มอีกคนในห้องได้ยินก็หันกลับมาตรงที่เพื่อนรักยืนอยู่ “...หิวมากก็ไปนั่งรอ ใกล้เสร็จแล้ว”

“เออ ทำให้อร่อยๆ ด้วยนะเว้ย” รวินท์พูดพลางหันไปชวนให้ไข่มุกเดินกลับไปนั่งรอกัน

ไม่นานอาหารหลายๆ อย่างก็ถูกนำมาจัดวางไว้เต็มโต๊ะ พวกเขาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้เจ้าของวันเกิดก่อนจะลงมือกินกัน ระหว่างที่กินไปก็พูดคุยกันไป จนอิ่มแล้วพวกสาวๆ ก็นำจานชามไปเก็บล้างให้ จากนั้นพวกเธอจึงบอกขอบคุณเจ้าของห้องและถอยกลับกันไป

“เดี๋ยวพวกผมเดินไปส่งข้างล่างนะ” เตชิตยิ้มให้พวกเธออย่างเป็นมิตร แล้วหันไปตบไหล่เพื่อนรัก “ลุกๆ ไปส่งสาวๆ หน่อยเว้ย”

“รู้แล้วน่ะ” รวินท์ลุกขึ้นยืน อิดออดเล็กน้อยเพราะท้องอิ่ม หากเมื่อนึกดูแล้ว วันนี้เขายังไม่มีของขวัญให้เจ้าของวันเกิดเลย เขาจึงเอ่ยปากเสนอ “วันนี้เป็นวันพิเศษของคุณมุก งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งที่หอนะ”

ไข่มุกเบ้ปาก “แย่จังเลย ยัยสองคนนี้ก็อยู่หอเดียวกันอะค่ะ อดสวีตกับหมอวินเลย~”

“ถ้างั้นผมไปด้วยอีกคน พิเศษสุดๆ เลยนะครับ” เตชิตเสนอตัว

รวินท์หันขวับ เพราะนั่นหมายความว่า... เขาจะต้องเดินกลับมาตามลำพังกับไอ้เต้น่ะสิ หากตอนที่กำลังคิดในใจอยู่นั้น เตชิตก็หันมาถาม

“กูไปด้วยได้มั้ย”

เขาจะปฏิเสธได้ลงหรือ... รวินท์อยากจะยกมือขึ้นดึงทึ้งเส้นผมบนศีรษะ

“ก็ไปดิ ตีนมึงนี่”


อากาศในตอนค่ำกำลังเย็นสบาย ท้องฟ้ามืดมิด แต่สองข้างทางที่เดินไปก็มีไฟจากเสาไฟเปิดไว้สว่างไสว

ขาเดินไปยังหอพักพยาบาลไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะมีพยาบาลสาวทั้งสามคนด้วย แต่ขากลับนี่สิ เดินคู่เคียงกันกลับมาครึ่งทางแล้วสองหนุ่มต่างก็ยังเงียบกริบ

เตชิตเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “นึกถึงสมัยเรียนเลยว่ะ กลับดึกแบบนี้ประจำ”

“เรียกว่ากลับเช้าเหอะ แทบไม่ได้หลับได้นอน ไม่น่าเชื่อว่ากูกับมึงจะมีชีวิตรอดมาได้จนถึงวันนี้”

“นั่นสินะ กลางคืนแม่งก็น่ากลัวฉิบหาย ได้พิสูจน์ความกล้ากันแทบทุกวัน”

รวินท์ยิ้มบาง “พิสูจน์ความกล้า มึงก็กล้าพูดเนอะ แบบที่ครั้งนึงกูกับมึงเคยวิ่งกันป่าราบจนหอบแฮกหัวฟู เพราะคิดว่าโดนผีหลอกน่ะเหรอวะ”

“โห มึงก็จำแต่ตอนดีๆ เนอะ ตอนนั้นใครเสือกขอให้พี่ตี๋เล่าเรื่องผีตอนกลางคืนล่ะวะ”

“ก็เพราะมึงบอกว่าง่วงไง กาแฟก็ช่วยอะไรไม่ได้ กูหวังดีหรอกนะ”

เตชิตหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้าไปมา “ตอนนั้นถึงจะเหนื่อย แต่ก็สนุกดี”

รวินท์ชำเลืองมองเพื่อนรัก แล้วผ่อนลมหายใจออกอย่างแผ่วเบา “อืม ใช่ พูดแล้วก็คิดถึงว่ะ” ...คิดถึงวันเก่าๆ ในวันที่มี เพื่อนรัก อยู่ข้างกัน

สองหนุ่มเดินกลับมาจนถึงหอพักแพทย์แล้ว พวกเขาเดินฉับๆ เข้าไปในลิฟต์โดยสาร ต่างคนต่างนิ่งเงียบ จนลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นสามและประตูเปิดออก

รวินท์ก้าวออกจากลิฟต์ไปช้าๆ “ฝันดีเว้ย”

“วิน”

น้ำเสียงเศร้าๆ ที่ได้ยินนั้นเป็นผลให้หัวใจกระตุกวูบ รวินท์หันกลับไปทางคนเรียกช้าๆ

“ขอบใจนะเว้ย วันนี้กูมีความสุขมาก” แววตาและรอยยิ้มของเตชิตดูเศร้าสร้อย “ฝันดี”

แล้วประตูลิฟต์ก็ปิดลงสนิท

รวินท์ยืนนิ่งค้างอยู่ที่หน้าลิฟต์ตัวนั้น ดวงตาของเขาร้อนผ่าว

“กูจะต้องทำยังไง ถึงจะได้มึงกลับมาเป็นเพื่อนรักของกูเหมือนเดิม”

ทันตแพทย์หนุ่มเม้มปากแน่น พยายามอดกลั้นไม่ให้น้ำตาร่วงหล่น ใจเขาอ่อนแออีกแล้ว ทำให้นึกไปถึงที่พึ่งทางใจเพียงคนเดียวของตน อยากได้ยินเสียง... นิดเดียวก็ยังดี

หากพอเขาล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็เห็นว่าคนที่นึกถึงส่งข้อความมาอยู่หลายครั้ง

รวินท์ยิ้มออกมาได้ เขาเดินกลับไปที่ห้องพักของตน แต่พอจะกดโทรศัพท์กลับไปหาอีกฝ่ายก็นึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันสอบไฟนอลวันแรก

เขาคงต้องพึ่งตัวเองบ้าง ในเมื่อภูพิงค์กำลังสอบ คงต้องใช้สมาธิมาก เขาไม่ควรรบกวนเวลาของอีกฝ่าย

รอยยิ้มของทันตแพทย์หนุ่มจางลงช้าๆ เขากดส่งข้อความอวยพรกลับไป แล้วกดโทรศัพท์กลับไปที่บ้านแทน

“พ่อ... ผมโทรมาดึกไปมั้ย พรุ่งนี้เย็นๆ ผมจะกลับบ้านนะครับ”



ภายใต้ตึกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งเหล่านักศึกษามารวมหัวกันอ่านหนังสือ สำหรับวิชาสุดท้ายที่จะสอบในอีกสองวันข้างหน้า

เด็กหนุ่มที่จมอยู่ในกองหนังสือทำหน้าเซ็งสุดชีวิต แต่ก็ต้องกัดฟันทนอ่านหนังสือต่อไป มะรืนนี้เขาจะสอบเสร็จแล้ว จะได้หมดเวรหมดกรรมสำหรับเทอมหนึ่งไปสักที

หากเรื่องสอบนั่นไม่ใช่สาเหตุของความหงุดหงิดเสียทีเดียว อีกเรื่องที่น่ากลุ้มใจสุดๆ ก็คือท่าทีของพี่วินต่างหาก เขาไม่ได้พบหน้าอีกฝ่ายมาจวนจะสองสัปดาห์แล้ว

เมื่อคืนวันพฤหัสที่แล้ว พี่วินส่งข้อความมาอวยพรให้โชคดีในการสอบ แต่พอถึงวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา จู่ๆ พี่วินก็โทรมาบอกว่าอยู่กลับบ้านที่กรุงเทพฯ และหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็เงียบๆ แปลกๆ เขาส่งข้อความไปหาก็ตอบกลับมาแค่สั้นๆ โทรศัพท์ไปหาก็ไม่ค่อยพูดค่อยจา น้ำเสียงฟังดูเศร้าๆ อยู่ตลอด

แต่เขาก็เข้าใจนะ พี่วินกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ เขาอยากจะไปอยู่เคียงข้าง เป็นกำลังใจให้ ทว่าก็ติดสอบไฟนอลนี่ล่ะ

“ไอ้พิงค์ มีคนมาหาว่ะ”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพรวด คิดว่าเป็นพี่วินแน่นอน เขาจึงลุกขึ้นแล้วมองหาอย่างรวดเร็ว

“พิงค์!”

เจ้าของชื่อเรียกชะงัก “เฟิร์น มาได้ไงเนี่ย”

“มาเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อน คิดถึงพิงค์เลยแวะมาหาน่ะสิ”

ทุกคนในที่นั้นหันมาทางเขาเป็นตาเดียว สายตารุมทิ่มแทงราวกับว่าเขาทำผิดมหันต์ ภูพิงค์เดินเข้าไปหาเด็กสาว แล้วพาเธอออกไปคุยข้างนอกตึก

“พิงค์ไม่ตอบข้อความเฟิร์นเลยอะ” เด็กสาวทำท่างอแงใส่

“ช่วงนี้ผมสอบ ไม่ว่างอะ มีธุระอะไรรึเปล่า”

“ธุระไม่มีหรอก แต่คิดถึงไง นี่ เฟิร์นเอาขนมมาฝากพิงค์ด้วยนะ”

ภูพิงค์ผลักมือที่ยื่นถุงขนมให้กลับไปเบาๆ “ขอบใจนะ แต่ผมยังอิ่มอยู่ ช่วงนี้อ่านหนังสือหนักกินเยอะไม่ได้ เดี๋ยวง่วง”

“อะไรอ่า เฟิร์นอุตส่าห์หิ้วมาจากกรุงเทพฯ เลยนะ”

“เฟิร์น ขอโทษนะ ผมไม่ว่างจริงๆ ขอกลับไปอ่านหนังสือก่อน วิชาสุดท้ายยากมากครับ”

เจ้าของชื่อเรียกเกาะแขนเด็กหนุ่มไว้ทันที “คุยกันสักสิบนาทีไม่ทำให้คะแนนตกมีนหรอกน่ะ”

แต่ถ้าพี่วินมาเห็นน่ะ กูตายแน่นอน!

“ผมไม่ว่าง” ภูพิงค์พูดเสียงขรึม

“พิงค์ เฟิร์นอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่เลยนะ จะใจดำไปหน่อยมั้ยเนี่ย อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนกันนะ!”

“เฟิร์น ปล่อยแขนผมเถอะ ถ้าแฟนผมเห็นเข้า เขาจะไม่พอใจมากนะครับ”

เด็กสาวเบิกตากว้าง ปล่อยแขนอีกฝ่ายทันควัน “เฮ้ย พิงค์มีแฟนด้วยเหรอ!”

“ครับ มีแล้ว”

“แต่เฟิร์นได้ยินว่าไม่มีนี่!”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “ได้ยินมาจากใคร คนในคณะผมเหรอ”

“จากคนใกล้ตัวพิงค์นั่นแหละ!” เฟิร์นตอบอย่างกระฟัดกระเฟียด “เสียเวลาชะมัดเลย อุตส่าห์มาหา!”

ภูพิงค์จับไหล่เธอทั้งสองข้างให้หันหน้ามาทางเขา แล้วถามเสียงเครียด “คุณได้ยินมาจากไหน จากใคร”

เด็กสาวเห็นสีหน้าขรึมของเขาแล้วก็อมยิ้ม “อยากรู้จริงอ่อ”

“.....”

“ไปกินข้าวด้วยกันดิ”

“ผมต้องอ่านหนังสือสอบนะเฟิร์น”

“เลี้ยงน้ำก็ได้ นะๆ”

เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างอ่อนใจ เขาบอกให้เธอไปนั่งรอที่ม้านั่งใกล้ๆ จากนั้นก็ไปซื้อน้ำมายื่นให้เธอ “นี่ครับ จะบอกได้ยัง”

“พิงค์จะยืนอยู่แบบนี้เนี่ยนะ” เฟิร์นรับแก้วน้ำมา แล้วก็ดูดน้ำไปช้าๆ

 ภูพิงค์นั่งลงข้างเธออย่างเซ็งๆ รอให้เธอดื่มน้ำไปสักพักจึงถามใหม่ “ตกลงจะบอกได้ยัง ได้ยินเรื่องผมมาจากใคร”

“จากญาติของเพื่อนน่ะสิ”

“แล้วเขารู้จักผมได้ยังไง เพื่อนคุณเป็นใคร”

“ญาติเพื่อนเฟิร์นเป็นนักข่าว รู้จักกับเพื่อนสนิทของคนที่จิ้นคู่กับพิงค์ไง”

“นักข่าวผู้หญิงน่ะเหรอ” ภูพิงค์ชะงัก “ถ้างั้นก็... พี่เต้เป็นคนบอกงั้นเรอะ!” ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังครุ่นคิด คนที่นั่งข้างกันก็จับแขนเขาเขย่า

“พิงค์ ไปส่งเฟิร์นหน่อยดิ”

“แล้วตอนมามายังไง”

“เพื่อนมาส่ง”

“ก็เรียกเพื่อนมารับสิครับ” ภูพิงค์ลุกขึ้นพรวด แต่เธอก็ยังคว้ามือเขาไว้ “ผมต้องอ่านหนังสือสอบนะ ต้องบอกอีกกี่รอบคุณถึงจะเข้าใจเนี่ย”

เด็กสาวเบ้ปากใส่ “เพื่อนอุตส่าห์มาหาทั้งที”

“ผมเดินไปส่งขึ้นรถแดง แค่นี้แหละ จะเอาไม่เอา”

เฟิร์นพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “เอาก็ได้!”

ภูพิงค์จำใจต้องพาเธอเดินไปส่งขึ้นรถ ซึ่งแน่นอนว่าเธอต้องงอแงใส่เขาอีกระลอก กว่าจะยอมขึ้นรถกลับไปได้ เขาเหนื่อยกว่าอดหลับอดนอนอ่านหนังสือสอบมาเป็นสัปดาห์เสียอีก

ขณะที่เดินกลับไปยังตึกคณะ เขาก็คิดทบทวนเรื่องที่เด็กสาวพูดถึงไปด้วย จะว่าไป... ไอ้พี่เต้นี่ชักจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่โทรมาหาเขาเรื่องวันเกิดพี่วิน ส่งรูปมาให้เขา แล้วคราวนี้พาแฟนเก่าเขากลับมาหา นี่คือจะทำให้เขากับพี่วินผิดใจกันให้ได้เลยสินะ

ถ้าจะทำทุกวิถีทางขนาดนี้... ถึงกับไปสืบหาเรื่องของเขาด้วย

ภูพิงค์นึกเป็นห่วงรวินท์ขึ้นมาจับใจ ทว่าพอโทรศัพท์ไป อีกฝ่ายก็ไม่รับสาย เขาจึงส่งข้อความไปแทน

‘พี่วิน เฟิร์นมาหาผมที่มหาลัย เขาบอกว่ารู้เรื่องผมจากพี่เต้ ผมไม่สบายใจเลย พี่วินโทรกลับมาหาผมหน่อย ผมเป็นห่วง’



ฝ่ายรวินท์นั้น เขาอยู่ในงานเลี้ยงประจำปีของโรงพยาบาลที่ร้านอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน เขาไม่ได้อยากมานักหรอก แต่แพทย์ทุกคนในโรงพยาบาลถูกขอร้องกึ่งบังคับให้มา โต๊ะที่เขานั่งมีแต่ทันตแพทย์ในแผนก ไอ้เต้ก็นั่งอยู่ข้างกัน ทุกคนต้องคอยลุกขึ้นทักทายผู้ใหญ่ประจำจังหวัดที่เดินเข้ามาคุยด้วยเป็นระยะๆ

น่าเบื่อฉิบหาย ยิ่งช่วงนี้เขาคิดมากจนนอนไม่หลับ สภาพร่างกายย่ำแย่สุดๆ เลิกงานแทนที่จะได้พักผ่อน ต้องมานั่งจุมปุ๊กอยู่ในงานที่มีแต่เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์แบบนี้

ขณะที่เตชิตหันไปคุยกับสิงหา รวินท์ใช้โอกาสนั้นลุกออกจากที่นั่ง กะว่าจะไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อย

“ไปไหนวะวิน”

“ไปห้องน้ำ เดี๋ยวมา” เขาตอบแล้วรีบรุดเดินออกไป เพื่อไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายลุกตามมาด้วย

ร้านอาหารแห่งนี้อยู่ในพื้นที่ของโรงแรม ล้อมรอบด้วยสวนสวยขนาดย่อม มีทางเชื่อมสั้นๆ ให้เดินไปมาระหว่างตัวโรงแรมกับร้านอาหารได้สะดวก ส่วนของห้องน้ำสร้างอยู่ติดกับร้านอาหารโดยที่ต้องเดินผ่านสวนไปเล็กน้อย

หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ เดินออกจากห้องน้ำมาก็พบกับหญิงสาวที่มีใบหน้าคุ้นเคย รวินท์ชะงักกึก “เอ่อ คุณออย”

“ออยมารอพบหมอวินค่ะ ขอคุยด้วยแป๊บนึงได้มั้ยคะ”

รวินท์อ้ำอึ้ง หากก็พยักหน้า พวกเขาหลบไปคุยกันเงียบๆ ใกล้ๆ บริเวณทางเข้าห้องน้ำนั่นล่ะ “คุณออยมีอะไร...”

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองส่งให้เขาดู “ออยอยากให้หมอวินดูนี่”

ภาพเคลื่อนไหวบนจอโทรศัพท์มือถือ คือคลิปของรวินท์กับเตชิตเมื่อครั้งที่เขาถูกอีกฝ่ายบังคับจูบ หญิงสาวส่งก๊อปปี้เข้าโทรศัพท์มือถือของเธอไว้ ก่อนจะคืนให้เตชิตในวันนั้น

“คุณเอามาให้ผมดูทำไม” รวินท์กลืนน้ำลายฝืดลงคอ เขารู้จุดประสงค์ของเตชิต แต่ไม่รู้ของเธอ

“ออยจะบอกหมอตรงๆ หมอเต้มีคลิปสำคัญของออยค่ะ แล้วหมอเต้ใช้คลิปนั้นข่มขู่ออย ให้ทำตามที่สั่ง”

“.....” ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งอึ้ง เพื่อนรักของเขา... จะทำเลวได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ มันยังเป็นไอ้เต้คนที่เขาเคยรู้จักหรือเปล่า

“ออยอยากเตือนหมอวิน ระวังตัวดีๆ นะคะ ความจริงหมอก็น่าจะพอรู้ตัวอยู่แล้ว ว่าหมอเต้ทำได้ทุกอย่าง เพื่อ...”

“ครับ” เขาตอบเสียงแหบแห้ง คล้ายจะหมดแรง ใบหน้าซีดลงไปเล็กน้อย

หญิงสาวก้าวเข้าไปกอดแขนพยุงอีกฝ่ายไว้ “หมอวิน เป็นอะไรมั้ยคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ”

“ถ้างั้นออยไปก่อนนะคะ” เธอยิ้มบาง แล้วรีบรุดเดินจากไป

รวินท์ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี เขายกมือขึ้นคลึงขมับหนักๆ พลางถอนหายใจ

“มีอะไรเหรอวิน มายืนทำไรอยู่ตรงนี้วะ”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับไปตามเสียงเรียก “อ่า ไม่มีอะไรครับพี่สิงหา พี่มาเข้าห้องน้ำเหรอ”

“อือ แต่กำลังจะกลับโต๊ะละ อาหารกำลังมาเสิร์ฟเลย ไปๆ เรากลับไปด้วยกันเถอะ”

“ครับ”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 35 : รักล้นใจ (20++)][010418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 02-04-2018 20:04:03


รวินท์กลับมานั่งที่โต๊ะเช่นเดิม เขาจ้องมองแก้วใบเดิมของตนที่วางคาอยู่บนโต๊ะ ในนั้นยังมีน้ำเหลืออยู่อีกเกือบค่อนแก้ว หากคำพูดของหญิงสาวทำให้ต้องระแวงคนที่นั่งอยู่ข้างกัน เขาจึงหันไปมองหาพนักงานเสิร์ฟเพื่อขอแก้วใบใหม่

“วิน ดื่มไวน์กัน” เตชิตหันมาชวน พร้อมกับกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ

“น้ำเปล่าพอว่ะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีกวัน”

“เออ นั่นสินะ งั้นกูก็ไม่ดื่มดีกว่า” เตชิตยิ้มกว้าง แล้วหันไปขอน้ำเปล่าจากพนักงานเสิร์ฟแทน

เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ประธานในพิธีจึงเดินขึ้นเวทีไปกล่าวอะไรเล็กน้อย ต่อจากนั้นการแสดงต่างๆ ก็เริ่มขึ้น

เมื่ออิ่มท้องแล้ว พวกผู้ใหญ่ในงานก็พาลูกหลานเข้ามาที่โต๊ะแพทย์ทั้งหลายเพื่อแนะนำให้รู้จักกัน คราวนี้รวินท์โดนรุมจนแทบขยับตัวไม่ได้เลยทีเดียว แถมยังมีคนมาชวนดื่มด้วยมากมาย เมื่อโดนคะยั้นคะยอมากเข้าก็จำใจต้องดื่มบ้าง พอเขาหันไปทางไอ้เต้ อีกฝ่ายก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

จู่ๆ ก็รู้สึกมึนศีรษะแบบแปลกๆ เหมือนทั้งห้องหมุนไปรอบๆ ตัวเขาอย่างรวดเร็ว รวินท์เซไปเล็กน้อย “ขอโทษนะครับ”

เตชิตหันมาสบสายตากับเพื่อนรัก เขาก้าวฉับๆ เข้ามาประคองอีกฝ่าย “ดูท่าหมอวินจะไม่ค่อยสบาย”

“ไม่เป็นไร อุ๊บ!” พออ้าปากจะพูดก็รู้สึกคล้ายจะอาเจียน เขารีบยกมือขึ้นปิดปาก

“มึนหัวใช่มั้ย สงสัยมึงจะเมาแล้ว” เตชิตรีบหันไปบอกกับทุกคนในโต๊ะ “ผมจะพาวินไปพักก่อน มันอาการไม่ดีเลย”

“ไม่...” รวินท์พยายามปฏิเสธ แต่แข้งขาพาลอ่อนแรง ทำให้เขาเซเข้าไปหาเพื่อนรัก

“อย่าฝืนเลยมึง” เตชิตพยุงอีกฝ่ายออกจากร้านอาหารซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง พาเดินไปตามทางเชื่อม ตรงไปยังลิฟต์โดยสารของของโรงแรม

แต่เพราะถ้าจะเดินไปที่จอดรถไม่ต้องขึ้นลิฟต์ รวินท์จึงหันไปถามอย่างระแวง “ไอ้เต้ มึงจะพากูไปไหน”

“มึงไม่สบายกูก็จะพาไปนอนไง”   

“กูจะกลับหอ” เขาผลักอีกฝ่ายออกด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ทว่าตนเองก็ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นข้างหน้าลิฟต์โดยสารนั่นล่ะ ขาทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรง ในศีรษะมึนงงไปหมด

“อย่าดื้อสิวะ” เตชิตประคองเพื่อนรักให้ยืนขึ้น “ถ้ามึงหลับอยู่ตรงนี้ กูจะต้องอุ้มมึงขึ้นไปข้างบนนะ มึงเลือกเอา จะเดินไปดีๆ หรือจะให้กูอุ้ม”

“สัส กูไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้น” ถึงจะเถียงไปเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่มีแรงขัดขืนอีกฝ่าย จำใจต้องปล่อยให้เตชิตพาเขาเดินลิ่วเข้าไปในลิฟต์โดยสาร

รวินท์รู้สึกง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว เขายังฝืนลืมตาไว้ หากแขนขาไม่ขยับอย่างที่ใจคิด

ไม่จริง ไอ้เต้ไม่ทำแบบนี้กับเขาแน่

นัยน์ตาเรียวร้อนผ่าว น้ำตารื้นขึ้นมาเอ่อคลอ “ไม่...”

“มึงจะดื้อทำไมวะ” เตชิตกระชับอ้อมแขนพร้อมกับประคองเพื่อนรักเดินออกจากลิฟต์โดยสารตรงไปยังห้องพักที่เขาจองไว้ทันที จากนั้นจึงวางคนที่ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขัดขืนลงบนเตียง หากมือของอีกฝ่ายขยุ้มเสื้อเขาไว้แน่น

“ไอ้เต้... มึงไม่ได้วางยากูใช่มั้ย” ใบหน้าของรวินท์เปื้อนทางน้ำตา

เตชิตไม่ตอบ เขานั่งนิ่งประสานสายตากับอีกฝ่าย ก่อนจะเอื้อมมือไปเกลี่ยน้ำตาให้ “วิน... กูรักมึง”

“อย่าทำแบบนี้ มึงเป็นเพื่อนรักคนเดียวของกู” รวินท์กัดริมฝีปาก ไม่ให้เสียงสะอื้นหลุดออกมา สติพร่าเลือนเข้าไปทุกที

คนที่นั่งอยู่ข้างกันหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมากดดู จากนั้นก็หันรูปภูพิงค์กับหญิงสาวให้อีกฝ่ายดูด้วย “ดูสิ ไอ้พิงค์ของมึงไง อยู่กับแฟนเก่าซะด้วย มึงตัดใจซะทีเหอะว่ะ กูบอกมึงแล้วว่ามึงไม่มีทางสมหวัง”

“กูไม่ได้คิดอะไรกับพิงค์”

“กูเชื่อมึงนี่ก็โง่ฉิบหาย มึงชอบมัน กูรู้จักมึงมาจะสิบปีแล้วนะ มึงคิดว่ากูดูไม่ออกเหรอ อาการของมึง หนักกว่าตอนคบกับขวัญซะอีก กูไม่ควรวางใจ ปล่อยให้มันได้ใกล้ชิดมึงแต่แรกเลยจริงๆ” น้ำเสียงของเตชิตแฝงไว้ด้วยความเศร้า ผิดหวัง และเสียใจ “ไอ้พิงค์มันเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง ต่อให้มึงหน้าตาดีแค่ไหน มึงก็เป็นผู้ชาย มันไม่มีทางรักมึงได้หรอก มันเข้ามาใกล้ชิดมึง ก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวมัน ของคณะมันเท่านั้น มึงเองก็รู้อยู่แก่ใจ”

แม้ศีรษะจะมึนตื้อมากแค่ไหน หากรวินท์ก็ได้ยินคำพูดเหล่านั้นชัดเจน มันทิ่มแทงลึกเข้ามาในหัวใจ จนความเจ็บปวดกลั่นออกมากับหยดน้ำตา

ใช่... เขารู้

“แต่กูเป็นผู้ชายที่รักมึง รักแบบที่ผู้ชายคนนึงจะรักใครสักคนได้หมดใจ หันมามองกูบ้างสิ วิน” เตชิตดึงมืออีกฝ่ายมากุมไว้

“มึงเป็นเพื่อนรักของกู” รวินท์ตอบเสียงแผ่ว

เตชิตขยับขึ้นไปคร่อมทับคนที่นอนอยู่บนเตียง ถอดเสื้อสูทตัวนอกของคนใต้ร่างออก ตามด้วยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวใน

รวินท์พยายามจะขัดขืน ทว่าฝืนตัวเองไม่ไหว ร่างกายหนักราวกับมีหินก้อนใหญ่ทับไว้ทุกส่วน

คนบนร่างก้มลงจูบ พยายามสอดลิ้นเข้าไประหว่างกลีบปากสีสด แต่ไม่เป็นผล เขาจึงถอนริมฝีปากออกเล็กน้อยแล้วกระซิบบอก “กูรักมึง วิน รักมานาน กูเฝ้ารอคืนนี้มาตลอดเลยรู้มั้ย กูสัญญาว่าจะไม่มีวันทำให้มึงผิดหวัง”

นัยน์ตาของคนใต้ร่างสั่นไหว “มึงกำลัง...ทำให้กูผิดหวัง”

เตชิตถอดเสื้อของตนเองออกช้าๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างซึ่งท่อนบนเปลือยเปล่า เขาก้มลงพรมจูบ ลากปลายลิ้นไปตามลำคอ แล้วจูบเม้มแรงๆ บนแผ่นอก

“อย่า...”

เตชิตจูบปิดกลีบปากที่เผยอออก สองมือกดเคล้นไปบนผิวเนื้ออุ่น ค่อยๆ เคลื่อนลงไปปลดซิปกางเกงและดึงขอบกางเกงลง

“ไอ้เต้ หยุด...”

คนบนร่างใช้มือสัมผัส กระตุ้นเบาๆ พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปหาส่วนที่อ่อนไหวกลางร่างนั้น

“อย่า!” รวินท์ตะโกนเสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในเวลาเดียวนั้นกันเตชิตก็ใช้ริมฝีปากโอบอุ้มส่วนอ่อนไหวไปแล้ว

รวินท์เกร็งขืนไปทั้งตัว กลัวใจตัวเองเหลือเกิน เขาเองก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ถ้าถูกกระตุ้นที่ตรงส่วนนั้นก็กลัวว่าจะเผลอไผล ถึงจะไม่ได้เต็มใจและมีอารมณ์ร่วมด้วยก็ตามที “อย่าทำ...”

น้ำตาแห่งความผิดหวังและเสียใจหลั่งไหลออกมาเปียกหมอนที่หนุนนอน รวินท์ขยุ้มผ้าปูที่นอนไว้แน่น ภาพเบื้องหน้ามืดลงทีละน้อย ในที่สุดเขาก็หมดสติไป



เวลาหลายชั่วโมงผ่านไป นัยน์ตาเรียวลืมขึ้นช้าๆ ในความมืดสลัว เขาได้ยินเสียงน้ำดังมาแว่วๆ จึงเอียงหูฟัง จากนั้นจึงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมใบหน้า เขายังมึนศีรษะและอ่อนแรง หากเมื่อทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็สะดุ้งเฮือก รีบเปิดผ้าห่มดู
ร่างกายของเขาเปลือยเปล่า

รวินท์หันมองไปรอบๆ เสื้อผ้าของเขากองอยู่บนพื้น ปะปนกับเสื้อผ้าของคนที่ตนเองเรียกว่าเพื่อน เขาลุกพรวดออกจากเตียงแล้วหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมอย่างลวกๆ ก่อนจะหันขวับไปทางห้องน้ำทันทีเมื่อเสียงน้ำหยุดลง

ไอ้เต้อยู่ในห้องน้ำ เขาต้องรีบออกไปจากที่นี่!

รวินท์เดินเซออกไปจากห้องพัก ระหว่างทางที่เดินไปยังลิฟต์โดยสาร เขาหันรีหันขวางด้วยที่ความกลัวว่าอีกฝ่ายจะตามออกมา เมื่อเข้าไปในลิฟต์ได้ก็หยุดหอบแฮก แล้วหันไปตรวจสภาพตนเองในกระจกลิฟต์

ตรงซอกคอมีรอยช้ำที่เตชิตเป็นคนทำไว้ เขารีบติดกระดุมเสื้อเม็ดบน ขยับเสื้อสูทให้เรียบร้อย แล้วยกมือขึ้นเสยผม ก่อนจะเดินออกจากลิฟต์โดยสารไป

รวินท์เดินตรงไปยังที่จอดรถ พอขึ้นไปนั่งในรถได้ก็ล็อกประตูและหอบหายใจอย่างอ่อนแรง เขานั่งพักอยู่ในรถอีกชั่วครู่ แล้วจึงขับรถออกไป

ทันตแพทย์หนุ่มพยายามขับรถไปให้ไกลจากโรงแรมมากที่สุด ขณะเดียวกันก็คลำหาโทรศัพท์มือถือของตนไปด้วย แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจึงแวะเข้าปั๊มน้ำมันไปจอดตรงที่สว่างๆ เพื่อหาโทรศัพท์มือถือของตนที่อาจจะตกหล่นอยู่ในรถ

แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ

หรือว่าเขาไม่ได้ลืม แต่ไอ้เต้... มันเอาโทรศัพท์ของเขาไปด้วย

“ไอ้สัส!” รวินท์ทิ้งตัวลงนั่ง พลางทุบมือลงบนพวงมาลัยรถหนักๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมใบหน้า

ทั้งที่คุณออยอุตส่าห์มาเตือนเขาแล้วแท้ๆ เขาก็ยังโง่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้

“บ้าฉิบ!”

เมื่อลดมือลง สายตาก็เคลื่อนไปเห็นรอยจูบสีแดงจางๆ บนท่อนแขน เขายกมือขึ้นสัมผัสซอกคอตรงที่จำได้ว่ามีรอยจูบเช่นกัน ก่อนจะก้มลงแกะกระดุมเสื้อออกดู บนแผ่นอกของเขาก็มีร่องรอยประปราย

เขารู้จักร่างกายตัวเองดีพอที่จะรู้ว่าเตชิตไม่ได้ทำถึงขั้นสุด แต่ก็ไม่รู้ว่านอกเหนือจากนั้นมันทำอะไรไปกับร่างกายเขาบ้าง

“กูควรจะขอบใจมึงมั้ย ที่มึงยังไม่ถึงกับข่มขืนกู” ทันตแพทย์หนุ่มเอ่ยเสียงแหบพร่า หลังจากควบคุมสติอารมณ์ได้แล้ว เขาก็หันไปมองเวลา

“ตีสามกว่า...” จะขับรถไปหาภูพิงค์ อีกฝ่ายก็มีสอบ เขาไม่อยากไปรบกวนตอนเวลาสำคัญแบบนี้

พอนึกถึงเด็กหนุ่มก็พาลนึกไปถึงรูปที่เตชิตเอาให้ดู เขารู้ว่านั่นเป็นแผนของอีกฝ่าย แต่...

ถึงอย่างไรหัวใจก็เจ็บ เพราะถึงเธอจะเป็นแฟนเก่า หากก็ยังได้ชื่อว่าเคยเป็นแฟน และที่สำคัญ เธอเป็นผู้หญิง

ที่ไอ้เต้พูดมาถูกต้องทุกอย่าง

ภูพิงค์เป็นผู้ชาย ไม่มีทางที่จะมาชอบผู้ชายอย่างเขา และตอนนี้อีกฝ่ายก็เป็นที่รู้จักมากแล้ว อีกไม่นานเขาก็คงหมดประโยชน์กับคณะของเด็กหนุ่ม ซึ่งแต่เดิมตัวเขาก็เป็นแค่คนนอก แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง ความสัมพันธ์ของเขากับเด็กหนุ่มก็คงจบกัน

ไม่ช้าก็เร็วมันคงต้องจบ

เจ็บปวดในอก การหลงรักใครสักคนฝ่ายเดียว มันทำให้เจ็บอย่างนี้นี่เอง

รวินท์อยากจะหนีไปจากปัญหาทั้งหมด เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มสตาร์ตรถอีกครั้ง มุ่งตรงไปยังสนามบินเชียงใหม่ เขาตั้งใจจะจอดรถทิ้งไว้ที่นั่น แล้วให้คนที่บ้านมาจัดการทีหลัง


*TBC*


กรีสสส เอพริลฟูลมะวานสนุกม้อยค้า ใครถูกหวยบ้างงง 555555 /ถามแบบไม่ดูมู้ดตอนนี้เลยจิมๆ

เอาใหม่ๆ

พี่วินน่าสงสาร ฮือออออ จนตรอกสุดๆ แล้วจริงๆ ค่ะ นี่แหละ เจ็บเยอะๆ จะได้ปรับปรุงตัวให้ดี แล้วพี่วินจะได้มีความรักและเห็นความสำคัญของมันนะ

พี่วินเศร้าขนาดนี้ คงจะง้างปากคนน้องได้มั่งล่ะน้าาา~ ตอนหน้ามาดูกันว่าอาการของน้องพิงค์จะเป็นอย่างไรนะคะ แล้วน้องจะช่วยพี่ได้ยังไง จะได้เป็นแฟนกันสักทีไหม (เอ๊ะ เกี่ยวอะไร 55555)

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังติดตามอ่านนะคะ วันนี้ฮัสกี้เอามาลงให้อ่านยาวๆ เลยน้าาาา :mew1:

ปล. ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบเมื่อวานมากนะคะ ได้รู้ว่ายังมีหลายๆ คนรออ่านอยู่ ชื่นใจที่สุดเลยค่ะ รักทุกคนเลยน้าาาา

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 02-04-2018 20:24:02
 :fire:  แล้วทำไมหมอวิน​ ไม่รู้จักระวังตัวเลย​  หลายครั้งแล้วที่มีปัญหา​ จะต้องให้โดนข่มขืนเลยหรือไง​ หูเบา​ ไม่หนักแน่น​  ม่กล้าได้กล้าเสีย​ อยากจะสมน้ำหน้าจริงๆ​ สงสารแต่พิงค์​ เปลี่ยนใจเถอะ​ รักคนอื่นดีกว่าเนาะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-04-2018 20:38:22
จะทำอะไรไม่เป้นขนาดนั้นอ่ะหมอ ยืนด้วยตัวเองบ้างได้แล้วมั้ง
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-04-2018 20:44:33
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: basbas ที่ 02-04-2018 20:46:49
เราเข้าใจนะว่าพี่วิน มีเพื่อนสนิทแค่คนเดียวแต่แบบนี้ต้องขาดกันแบบจริงๆจังๆแล้วนะแล้วไม่รู้ว่าไอพี่เตชิตมันแอบถ่ายไว้อีกหรือเปล่า ยังไงก็เข้มแข็งให้ได้ไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 02-04-2018 20:53:09
 :katai1: โอ๊ย....พี่วิน  :katai1:  :katai1: ปัญหาเยอะมากกกก  :ling2: จะบ้าตาย.... :ling2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 02-04-2018 20:54:17
ไอ้พี่เต้ ทำอย่างนี้กับพี่วินได้ยังไง  :z6:  ฮึ่ย โมโห!
พี่วิน เลิกคบคน ๆ นี้ไปเลยนะ แค่คนรู้จักก็อย่าได้เป็นเลย ชั่วร้ายจริง ๆ
ถึงจะไม่ทำถึงขั้นสุด แต่มีแอบถ่ายคลิปไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้
แล้วพี่วินหนีกลับบ้านไปแล้ว น้องพิงค์จะรู้ไหมเนี่ย
แต่ก่อนพี่วินกับน้องพิงค์จะเคลียร์กัน จัดการอะไรไอ้พี่เต้สักอย่างเถอะ แค้นนนน  :fire:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-04-2018 20:57:03
หมอเต้กู่ไม่กลับแล้วววว นับวันยิ่งทำตัวแย่
รักไม่รักก็ไม่ต้องคิดไปเอง บุกไปถามให้ชัวร์เลยดีกว่านะหมอวิน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 02-04-2018 20:57:24
 :z3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 02-04-2018 20:59:27
นอกจากรวินท์ เตชินอีกคนที่ควรได้รับบทเรียนซะบ้าง ทำอย่างนี้ได้ยังไง คิดจะสร้างรอยร้าวให้คู่คนอื่นอีก สงสารพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-04-2018 21:00:22
ทำใจก่อนอ่านแปป   :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-04-2018 21:14:56
งงกับชีวิตเตชิดอย่างแรง ในเมื่อชอบเค้ามานานเป็น10ปีแล้วเธอรอไร ทำไมไม่จีบไม่ทำให้ชัดเจนไป

ใกล้เกลือกินด่าง จนเค้าไปเจอคนที่ใช่ จะมานั่งตีอกชกลมมันก็ใช่เรื่อง

แล้วในเมื่อมีโอกาสแล้วเค้ารู้แล้วก็จัดหนักจัดเต็มไปซิค่ะ รอน้องพิงมาตัดลิปบิ้นเหรอค่ะ

ชอบปล่อยโอกาสให้ผ่านไปแบบไรความหมาย สมเลยเป็นพระรองต่อไป  :m14:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 02-04-2018 21:18:56
เฮ้อ เอาเข้าไปหมอวิน มีบ้างมั้ยที่ไม่คิดไปเอง มีบ้างมั้ยที่จะถามตรงๆ จะต้องรอให้พิงค์อธิบายเองตลอดหรอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 02-04-2018 21:28:21
เบื่อหมอวิน ไม่เคยเด็ดขาดและรู้ทันกับอะไรซักอย่าง  การป้องกันตัวต่ำเตี้ยเรี่ยดิน โดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 02-04-2018 21:40:29
สงสารพี่วิน   :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-04-2018 21:41:00
ขึ้นต้นมานึกว่าหมดเต้จะทำใจได้แล้ว
สุดท้ายทำเลวเหมือนเดิม จะกลับมาเป้นเพื่อนกันอีกได้มั้ยนี่
เรื่องพิงค์ก็ยังไม่ได้เคลียร์มีเรื่องนี้เข้ามาอีกสงสารวินเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-04-2018 21:45:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

อย่าหวังจะได้เผาผีกันเลย  อิหมอเต้  ทำกันขนาดนี้

อยากรู้จุดจบของนางจริง ๆ 

ตัวร้ายได้โล่ห์เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-04-2018 22:01:55
หมอเต้ เลวววววววววววว   :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-04-2018 22:15:28
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ร้ายกว่าศัตรูในที่ลับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-04-2018 22:42:15
โหยยย โคตรเกลียดหมอเต้เลยอ่าาา  เลววววววว :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 02-04-2018 23:01:32
พี่หมอวินนนน จะต้องให้น้องมันองค์ลง ของขึ้นอีกสักกี่นอบถึงจะระวังตัวเนี่ยยย!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Junejajune ที่ 02-04-2018 23:04:37
สำหรับเราเป็นควมคิดเห็นส่วนตัวนะ ขอโทษด้วยถ้าหากว่ามันทำให้เสียกำลังใจ
คือเราคิดว่าตอนเข้ามาอ่านช่วงแรกๆมันคือสนุกมากกกกก การดำเนินเรื่อง ความเป็นไปของตัวละครแต่ละตัว ความคิด การกระทำ ภาษา ทุกอย่างคือดี แต่ตอนนี้เราว่ามันยืดเยื้อแล้วอ่าาาา คือมันแบบเริ่มน่าเบื่ออ่ะ เราเข้ามาอ่านครั้งแรกติดอ่ารวดเดียวจากบทที่หนึ่งถึงสามสิบห้ายาวเลย แต่พอมาบทที่สามสิบหกเราไม่อ่านแล้วแบบเลื่อนผ่านเลยอ่าาาา แต่ก็จะติมตามผลงานต่อไปนะ เราไม่มี ค. สามารถเขียนได้แบบนี้แต่เราคิดว่าเราก็อ่านมาเยอะพอสมควร ขอโทษที่อาจจะแสดงถ้อยคำที่ไม่ดี แต่เราจะรอติดตามเรื่องนี้และต่อๆไปนะ
  :mew3: :mew2: :mew1: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 02-04-2018 23:04:54
อีพี่วินเนี๊ย นอกจากหล่อ รวย ยิ้มน่ารักแล้วมีอะไรดีมั้งว่ะ ไม่เคยจะระวังตัวอะไรซักอย่าง เริ่มไม่อยากยกพิงค์แล้วอ่ะ พิงค์นี่ดีมากน่ารักมากค่ะลูก...ความอินนี่เริ่มมาแล้วพูดเลย หงุดหงิดขัดใจอีพี่วินมากขอบอกค่ะ :katai1: :serius2: :z6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-04-2018 23:06:24
 o18

 :3125:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 02-04-2018 23:07:18
..

ฮือ ฮือ.  สงสารหมอวิน.  เพื่อนรักจะแทงข้างหลัง

ทำไงดี  ทำไงดี

 :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:

..

.
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 02-04-2018 23:12:43
จริงๆส่งสารหมอเต้นะแต่ก็อย่างว่าละหมอเค้าก็ทำเกินไปรักที่เห็นแก่ตัวไปนิด

ความรักมันไม่จำเป็นต้องครอบครองนิแค่เห็นคนที่รักมีความสุขกับรักที่เค้าเลือกถึงจะยากแต่ถ้ารักจริงย่อมทำได้
ยืนมองเค้าที่ไกลๆดีกว่าอยู่ไกล้แต่ไร้ตัวตนมีความสุขกว่าเยอะอย่าางน้องที่ไกลที่เรายืนเรายังมองเห็นเค้ามีความสุขได้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-04-2018 23:16:25
เห้อออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-04-2018 23:44:29
ไอ้หมอเต้ ทำเกินไปจริงๆ ตอนแรกสงสารและเห็นใจเต้มาก แต่ถ้าเต้จะทำกับพี่วินขนาดนี้ เราไม่สงสารหมอเต้แล่ววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 02-04-2018 23:55:31
มันวกไปวนมาไม่จบสักทีเหมือนพายเรืออยู่
นอ่างไม่ไปไหนเลย ยิ่งมาตอนนี้พระเอกจบหมอแต่โง่
กลายเปนน้ำเน่าแหละ เหมือนละครหลังข่าวทุกทีไม่พัฒนาเลย
ปล.ตอนต่อไปคงจะดาม่ามีฆ่ากันตายหรือไม่ก็ต้องมีคนฆ่าตัวตาย
ไม่สมกับชื่อเรื่องเลย
ต้องขออภัยด้วยถ้าทำให้ผู้แต่งเสียกำลังใจ
แต่ให้คำนึงถึงความอารมณ์และความรู้สึกของผู้อ่านด้วยคัฟ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-04-2018 00:20:41
เต้ทำกันขนาดนี้ก็ตัดเพื่อนกันเถอะพี่วิน อย่าไปยุ่งกันอีกเลย สงสารพี่วินนะ ที่ยอมกลับมาคุยกับเต้ก็เพราะคำว่าเพื่อนอ่ะ แต่เพื่อนมันทำกันแบบนี้ก็อย่ามีเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 03-04-2018 00:21:27
เข้าใจหมอวินนะกับเพื่อนที่คบกันมานานก็คงไม่คิดว่าเพื่อนจะร้ายได้ขนาดนี้ นี่ก็คงส่งรูปหมอวินไปให้พิงค์อีกแน่ๆ หวังว่าพิงค์จะไม่คิดว่าหมอวินมีอะไรกับหมอเต้หรอกนะ ขอให้ทั้งคู่พูดความในใจออกมาเร็วๆนะ ไม่งั้นคงต้องเสียใจทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 03-04-2018 00:35:35
สงสารวิน ..
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-04-2018 00:39:21
ตัดจบแบบนี้ทรมานมากกค่ะ
อยากได้อีกตอนเลยอะ  ฮืออออ
สงสารพี่วิน โทรศัพท์ก้ไม่มี ข้อความที่น้องส่งให้ก้ไม่ถึง
สภาพจิตใจย่ำแย่สุดๆ กลับบ้านไปนี่ก้ไม่รู้จะนานแค่ไหน
น้องจะติดต่อยังไง! โอ้ยยย สงสารรรรอะ
ความทรมานของตแนนี้มากกว่าทุกตอนจริงๆค่ะ
ตอนหน้าขอให้เคลียยยย ของให้เป็นแฟนกัน.ะที!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 03-04-2018 00:58:32
 :pig4: ขอบคุณ :(
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 03-04-2018 01:28:58
เรื่องนี้มีแต่น่าเบื่อ ยืดเยื้อขึ้นทุกวัน แต่ก่อนชอบมากถึงมากที่สุด เดี๋ยวนี้อ่านแบบ อีกล่ะ เอาอีกล่ะ ปัญหายืดเยื้อไม่สมเหตุสมผล หมอวินก็เป็นเพลย์บอยมาก่อนป่ะ ล่ะพิงค์ทำให้ขนาดนี้ดูไม่ออก ปัญหาเพื่อนนี่โนคอมเม้น ไม่อยากจะพูดถึง ขอให้เรื่องนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิมทีเถอะ   :เฮ้อ: :katai1: :heaven
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-04-2018 02:20:11
น่าจะรีบๆเคลียร์ได้แล้ว แล้วพิงค์จะติดต่อพี่วินยังไงล่ะทีนี้ อย่าหนีปัญหาเลยพี่วิน ไอ้พี่เต้ก็สุดเลวเลยทำงี้กับพี่วินได้ไง :z6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 03-04-2018 02:40:56
ฮือออสงสารหมอวินท์ค่ะต้องแบกรับทุกอย่างเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 03-04-2018 04:04:01
รีบเคลียร์เลยพิงค์พี่วินจะไม่ไหวแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-04-2018 10:02:12
สงสารพี่วิน :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

อยากขาคู่ใส่ไอ้พี่เต้จริงๆ  :z6: :z6: :z6: :z6:

รีบมาอัพต่อเร็วๆนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-04-2018 10:08:45
เมื่อไหร่ตะเข้าใจกันเนี่ย ต่างคนต่างคิดเอง หงุดหงิดแล้วนะ

ส่วนหมอเต้คะ ยินดีด้วยค่ะ คุณเสียหมอวินไปอย่าง 100 %
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-04-2018 10:34:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 03-04-2018 10:41:12
ทำไมเราสงสารหมอเต้จัง ฮือๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 03-04-2018 10:51:49
สงสารพี่วินนนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-04-2018 10:55:19
วินก็ไม่ได้ผิดมากนะที่ระแวงเตชิต แต่ยังระวังไม่พอ
เป็นเราก้ไม่คิดนะว่าเตชิตจะถึงขั้นวางยา คงแค่จะเอาหลักฐาน
ไว้เพื่อกำจัดพิงค์ซินะ ถึงยังไม่ลงมือข่มขืน เพราะไงก็ทั้งรักทั้งผูกพนกันมา
พิงค์เองก็เลิกสับสนแล้วนี่ แต่ก็ยังคงกลัวความผิดหวัง
ดีแล้วให้วินไปเจ็บปวดคนเดียวสักพัก ทั้งเต ทั้งพิงค์
จะได้ตัดและต่อกันได้สักที

ปล.แอบสะใจที่โทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่วินนี่แหล่ะ จะอยู่ที่เตชิตหรือใครก็ไม่สำคัญ เพราะที่สำคัญคือไม่มีใครติดต่อวินได้สักคน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 03-04-2018 12:54:39
ไม่คิดว่าหมอเต้จะทำเรื้องเลวร้ายแบบนี้ได้ลงคอ จริงๆแล้วก็เป็นหมอเต้เองที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆหลายปี เหอะ ตัดเพื่อนเลยค่ะ แบบนี้มันเกินไป
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 03-04-2018 13:19:43
ต่างคนต่างคิด ขี้ขลาดทั้งคู่  :เฮ้อ: เอาจริงทำอะไรให้มันเด็ดขาดกับเต้เถอะนะวินมันต่อไม่ติดแล้ว อย่าโลกสวยว่ากลับไปเป็นเพื่อนได้เลย มันทำถึงขนาดนี้ มันคงได้ไปหมดยกเว้นแค่เสียบ รำคาญเต้มากณ.จุดนี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-04-2018 14:46:04
จะต้องมีคนปราบหมอเต้ได้แน่ๆ รักข้างเดียวก็ว่าน่าสงสารแล้วนะ ทำไมถึงต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย
แบบนี้อย่าว่าแต่ความเป็นเพื่อนเลยหน้าหมอวินก็ยังไม่อยากมองเลยนะ
คิดดีแล้วจริงๆ ซินะถึงได้กล้าทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 03-04-2018 17:34:26
ตอนเเรกชอบหมอวินนะ เเต่หลังๆ เริ่มรู้สึกว่าเข้าตำราพระเอกละครไทยไปเเล้ว เฮ้อ

ขอบคุณที่เขียนให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-04-2018 17:38:30
คืออ่านรวดเดียวจบเลย อยากกระทืบหมอเต้อ่ะ
นิสัยแย่มาก  ร้ายกาจสุดๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-04-2018 20:44:49
พี่เต้แบบหน้ามืดตามัวสุดไรสุด เราเข้าใจพี่วินนะ เพิ่งเคยชอบผู้ชายคนแรก แถมยังไม่กล้าคิดไปเองอีก เป็นกำลังใจให้คุณฮัสกี้ด้วยค่ะ เรารออ่านตลอดเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-04-2018 20:53:43
เต้ทำไมยังทำ คืออยากขาดกันไปเลยใช่ไหม
กับคำว่ารักมาก จนยอมทำทุกอย่าง แม้แต่เพื่อนก็ยากหรอ

สงสารวินท์นะ คิดมาก และคิดไปเองอีก
เอาความคิดไปเองมารวมกันแล้วไปหาพิงค์ ง่ายกว่า

แล้วแบบนี้คือจะไม่กลับมาใช้ทุนแล้วหรอ ทำใจได้แน่หรอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 04-04-2018 07:19:48
เมื่อไหร่จะคุยกันเสียที ลำใยมากกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 04-04-2018 11:34:09
อิพี้เต้เลวมาก น่าตีโคตร
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 04-04-2018 12:37:41
เต้ร้ายมาก

น้องพิงค์ สอบเสร็จแล้ว รีบลงไปตามพี่วินที่กรุงเทพเลยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-04-2018 20:00:25
รอคอยพี่วินอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-04-2018 09:54:46
อิเต้แม่งทำตัวน่าหงุดหงิด ไม่จบซะที
แบบนี้ความเป็นเพื่อนก็ไม่ต้องได้มันแล้ว
รักกันจริงๆ ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้มั้ย  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 36 : บทเรียนที่เจ็บปวด][020418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 05-04-2018 15:16:54
Chapter 37 : ตามหัวใจ


เมื่อคืนภูพิงค์กระวนกระวายจนแทบไม่ได้อ่านหนังสือ เขาพยายามติดต่อรวินท์เป็นสิบๆ ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล โชคดีที่บุญเก่ายังพอมีและเขาอ่านหนังสือไว้ก่อนแล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไรกับการสอบนัก พอสอบเสร็จ ระหว่างทางกลับไปยังบ้านเช่าเขาก็โทรศัพท์เข้าโทรศัพท์มือถืออีกฝ่ายต่อ และเมื่อกลับถึงบ้านเช่าปุ๊บก็ลองโทรศัพท์เข้าไปที่หอพักของทันตแพทย์หนุ่ม หากก็ไม่มีใครรับสาย

“พี่วินเป็นอะไรวะ มือถือก็ปิด โทรศัพท์ที่หอก็ไม่รับ กูว่าต้องมีอะไรแหงๆ” เด็กหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้าไปในบ้านหันขวับ แล้วเดินกลับไปยังมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งดับเครื่องไปเมื่อครู่

“เดี๋ยวๆ มึงจะไปไหน” ซันคว้าแขนเพื่อนรักไว้

“ไปลำพูน”

“แต่วันนี้พี่หมอเขามาคลินิกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “งั้นกูจะไปคลินิก”

“ใจเย็นเว้ยมึง ไปๆ พวกกูไปด้วย”

สี่หนุ่มขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปอีกครั้ง ตรงไปยังคลินิกที่อยู่ใกล้ๆ คราวนี้พวกเขาจอดรถเรียงไว้ที่ข้างหน้าคลินิกก่อนจะรีบรุดเข้าไป

พี่นิ้งนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์กับพนักงานในร้านอีกคน เธอยิ้มต้อนรับพวกหนุ่มๆ ทันที “มีอะไรกันจ๊ะ หอบกันมาเป็นโขยงเชียว”

“พี่วินมารึยังอะพี่นิ้ง”

“ยังจ้ะ ถ้าจะมาก็น่าจะกำลังเดินทางอยู่นะ”

“ถ้าจะมา? หมายความว่าไงพี่ อาทิตย์นี้พี่วินจะหยุดอีกเหรอ”

พี่นิ้งชำเลืองมองพนักงานข้างๆ ก่อนจะลุกขึ้น กวักมือเรียกหนุ่มๆ ออกไปคุยที่หน้าร้าน พวกเขานั่งยองๆ สุมหัวกันคล้ายตั้งวงพนัน เธอหันมองซ้ายขวาดูลาดเลา จากนั้นจึงกระซิบเสียงค่อย “มีข่าวลือๆ มาว่าหมอวินอาจจะลาออกกลับกรุงเทพฯ ถาวรเลยค่ะ”

“หา!”

“ชู่วววว อย่าเสียงดังไปสิคะ!” พี่นิ้งดุ “จริงๆ แล้วพี่แอบได้ยินหมอภูมิ เจ้าของคลินิกเนี่ยคุยกับหมอสิงหาค่ะ รู้สึกว่าหมอวินจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง”

สามหนุ่มหันขวับไปทางภูพิงค์แล้วชี้ตัวคนร้ายทันที “เพราะมึงแน่ๆ ไอ้สัส! มึงทำไรพี่หมอวะ!”

“จะบ้าเรอะ! กูจะทำไรได้วะ! ไม่ได้เจอพี่วินมาสองอาทิตย์แล้วเนี่ย แต่ตอนที่คุยกันก็ไม่เห็นพี่วินพูดถึงเรื่องลาออกเลย”

“อู้ยยยย~ ไม่ใช่คุณพิงค์หรอกค่ะ พี่ว่าน่าจะมีปัญหากับหมอเต้มากกว่าล่ะมั้ง แต่พี่ก็ว่ามันแปลกๆ เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกันนี่นา”

“แล้ว... ทำไมพี่นิ้งถึงคิดว่าพี่วินมีปัญหากับพี่เต้ล่ะ” ภูพิงค์หันไปถาม

“ก็เดาๆ เอาแหละค่ะ คือเมื่ออาทิตย์ก่อนนู้น เห็นหมอวินกับหมอเต้ตึงๆ ใส่กันชอบกล หมอเต้พยายามเข้าหาอยู่ แต่หมอวินสิคะ คอยหลบคอยเลี่ยงตลอด ท่าทางแปลกๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อน พออาทิตย์ต่อมาหมอวินก็ไม่มา หมอเต้ก็ดูเครียดผิดปกติ พี่เลยว่ามันต้องมีอะไรแน่!” พี่นิ้งเล่าไปใส่อารมณ์ไป เธอหันไปทางภูพิงค์แล้วจับแขนเด็กหนุ่มเขย่า “แต่พี่ไม่อยากให้หมอวินลาออกเลย หมอวินเธอน่ารักจะตายไป คุณพิงค์ไปคุยกับหมอวินหน่อยสิคะ”

“จะคุยยังไงดีล่ะพี่ โทรไปพี่วินก็ปิดมือถืออ่ะ”

ซันหันไปถาม “พี่นิ้งพอจะมีวิธีติดต่อพี่หมอมั้ยล่ะครับ”

“เอ ลองถามหมอสิงหาดีมั้ยคะ... คือหมอเต้น่ะมีแน่ แต่พี่ไม่กล้าถามหรอก”

“งั้นพี่โทรไปถามหน่อยดิ ถามแอบๆ อย่าให้พี่หมอเต้เขารู้ตัว”

พี่นิ้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไปทันที ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย “หมอสิงหาทำอะไรอยู่คะ”

“กำลังขับรถไปเชียงใหม่น่ะ”

“หมออยู่คนเดียวรึเปล่าคะเนี่ย”

“ใช่ หมอเต้ขับรถอีกคันมา มีอะไรเหรอ”

“เอ้อ... แล้วหมอวินล่ะคะ”

เสียงสิงหาถอนหายใจหนักๆ ดังแว่ว “หมอวินลานะ เฮ้อ ลาอาทิตย์หน้าอีกทั้งอาทิตย์เลย”

“หือ? ลาวันทำงานอาทิตย์หน้าเนี่ยเหรอคะ!”

“ใช่ หมอวินเพิ่งส่งใบลามาเมื่อบ่าย” สิงหาถอนหายใจหนักๆ “หมอเต้ก็ดูแปลกๆ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีเลยน่ะพี่นิ้ง”

“หมอใจเย็นๆ นะคะ หมอเต้กับหมอวินคงแค่เหนื่อยแหละค่ะ เดี๋ยวหมอวินได้พัก รู้สึกดีขึ้นก็คงกลับมา”

“อือ ผมก็หวังอย่างนั้น”

พอกดวางสายไป พี่นิ้งก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “แย่แล้วค่ะ หมอวินลายาว อาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์เลยด้วย สงสัยจะลาออกจริงๆ แล้วมั้งคะนี่”

“พี่นิ้งรู้มั้ยว่าพี่วินลาไปไหน กลับบ้านรึเปล่า” ภูพิงค์ถามเสียงเครียด

“เสาร์อาทิตย์ที่แล้วเห็นว่าลากลับบ้านนะคะ อาทิตย์นี้ก็น่าจะเหมือนกัน”

“แล้วเบอร์บ้านพี่หมอล่ะพี่นิ้ง มีมั้ย” ดิวสะกิด

“หมอวินไม่เคยให้ไว้เลยค่ะ เดี๋ยวพี่ลองโทรถามหมอสิงหาใหม่ เผื่อเธอจะมี”

เมื่อเธอยกโทรศัพท์มือถือขึ้นจะกดโทรไปอีกครั้ง ภูพิงค์ก็คว้าแขนเธอไว้ “พี่นิ้ง ขอเบอร์แล้วขอที่อยู่บ้านพี่วินมาด้วย”

“ค่ะๆ ได้ค่ะ”

“เดี๋ยวได้แล้วโทรมาบอกผมทีนะครับ ผมจะรีบกลับบ้านไปจองตั๋วเครื่องบินก่อน ฝากทางนี้หน่อยนะพวกมึง”

เพื่อนทั้งสามหันขวับ “ฮะ! เดี๋ยวไอ้พิงค์ มึงจะลงไปกรุงเทพฯ เรอะ”

“เออ ยังไงก็ปิดเทอมอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ของตนแล้วขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว



ภูพิงค์ได้ตั๋วเครื่องบินเที่ยวสุดท้ายพอดี ที่อยู่กับเบอร์ที่บ้านของพี่วินก็มีพร้อม ครั้งนี้ฉุกละหุกไปสักหน่อย เขาต้องลุยเดี่ยว เพราะค่าตั๋วค่อนข้างจะแพง แล้วเขาก็ไม่อยากรบกวนเพื่อนๆ ด้วย

แซนดี้และทุกคนขับรถมาส่งเขาที่สนามบิน แล้วรอส่ง

“ไอ้พิงค์ มึงพาพี่หมอกลับมาให้ได้นะเว้ย ตอนนี้อาจจะยังมีโอกาส รีบไปก่อนพี่หมอจะยื่นใบลาออก”

ได้ยินเช่นนั้นเด็กหนุ่มก็หน้าเสียทันควัน ไม่ได้พบกับพี่วินมาสองสัปดาห์ เขาก็ว่าหนักหนาสาหัสมากแล้ว ไม่อยากจะนึกเลยว่าเขาจะเป็นอย่างไร หากพี่วินจะไม่อยู่ใกล้ๆ เขาอีก เขายังต้องเรียนที่เชียงใหม่อีกอย่างน้อยปีครึ่งเลยนะ และถ้าพี่วินย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ไกลออกไปอีกล่ะ

“อย่าทำหน้าเหมือนจะไปตายสิวะ มึงต้องสู้”

“พ่อแม่พี่วินจะให้เข้าบ้านรึเปล่ายังไม่รู้เลย”

“ถ้ามึงลงเครื่องแล้วไปทันทีน่ะ คงไม่ให้เข้าแน่นอน มึงไปพรุ่งนี้เช้าสิวะ เผื่อพี่หมอออกมาตักบาตรด้วย” ขิงช่วยเสนอไอเดีย

“เดินทางดีๆ นะเว้ย จะให้พวกกูช่วยอะไรก็โทรมา มีอะไรคืบหน้าก็บอกกันด้วย เป็นห่วง”

“เออ ไปละเว้ย” ภูพิงค์โบกมือลาเพื่อน แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังทางออกขึ้นเครื่องของตน

สี่หนุ่มยืนโบกมือค้างไว้ในท่าเดิม “กูพนันหมดตูดเลยว่าไอ้พิงค์ลงเครื่องปุ๊บต้องไปหาพี่หมอทันทีแน่”

“ค่ำมืดขนาดนี้ มันจะโดนตำรวจสอยเข้าตะรางไปก่อนป่ะวะ”

“พวกเราต้องทำอะไรสักอย่าง...”



ฝ่ายรวินท์นั้น ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อตอนเช้าตรู่ เขาก็ขังตัวเองอยู่ในห้องนอนตลอดวัน ไม่พูดคุย ไม่ทักทายใคร บอกแค่ว่าเหนื่อย ต้องการพักผ่อนเท่านั้น

เมื่อเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง สิ่งแรกที่เขาทำก็คืออาบน้ำ เสร็จแล้วก็เปลี่ยนใส่ชุดนอน ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงโดยไม่ยอมกินอะไรเลยตลอดวัน แถมยังบอกกับทุกคนเสียงเฉียบ ว่าไม่ต้องการพบใครทั้งนั้น

พอบิดามารดาและพี่ชายพี่สาวกลับมาจากคลินิกในตอนเย็นก็ได้แต่คอยเฝ้าดูอาการของรวินท์ด้วยความเป็นห่วงอยู่ห่างๆ เพราะเขาไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ไม่ยอมคุยกับใครทั้งนั้น ทุกคนจึงถอยไปตั้งหลักกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

ครอบครัวของรวินท์มีกันทั้งหมดห้าคน ออกจะแปลกอยู่หน่อยๆ ตรงที่พร้อมใจกันเป็นทันตแพทย์หมดทั้งบ้าน พี่ชายของรวินท์ชื่อวิว พี่สาวชื่อวาด เป็นพี่น้องตัววอที่หน้าตาดีแบบยกเซต ทั้งสองต่างก็มีคนคบหาดูใจด้วยแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานแยกครอบครัวออกไป

รวินท์ห่างจากพี่ชายพี่สาวหกและห้าปีตามลำดับ เขาจึงเป็นน้องเล็กที่ถูกโอ๋มาตั้งแต่เด็ก หน้าตาก็ดีที่สุดในบ้าน นิสัยก็เลย... เป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะ

“พ่อว่าวินมีปัญหาตั้งแต่เมื่อครั้งที่โทรกลับมาบ่นว่าคิดถึงบ้านแล้ว ปกติมันเคยโทรมาเองซะที่ไหน มีแต่พวกเราน่ะโทรไป แล้วจู่ๆ อาทิตย์ที่แล้วก็โผล่มา อาการคล้ายกันแต่ไม่หนักเท่าวันนี้” บิดาถอนหายใจหนักๆ “พ่อน่าจะเอะใจ ไม่น่าปล่อยมันกลับไปทำงานเลย”

“พวกเราก็เหมือนกัน ทั้งที่เห็นว่าวินท่าทางเศร้าๆ แบบนั้น พ่ออย่าโทษตัวเองเลยครับ” บุตรชายคนโตปลอบบิดา

วาดทำหน้าเศร้า “หนูบอกแล้วว่าอย่าปล่อยน้องไปอยู่ไกลๆ วินไม่เคยอยู่ตัวคนเดียว นี่คงจะเครียดมากจนแบกรับไม่ไหว”

มารดาหันไปดุเธอเบาๆ “นี่ยัยวาด น้องแกน่ะ เขาโตเป็นหนุ่มแล้วนะ เป็นทันตแพทย์ด้วย เขาต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ด้วยตัวของเขาเองสิ”

“แต่แม่คะ มันหักดิบไปไหม วินเคยมีคนดูแลตลอด จู่ๆ ก็ให้เขาไปอยู่คนเดียวไกลหูไกลตาแบบนั้น”

“เอาจริงๆ พี่ว่ามันไม่น่าใช่เรื่องอยู่คนเดียวลำบากอะไรหรอก จะว่าเหงาก็ยิ่งไม่น่าใช่ เพราะเต้ก็อยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ” พี่ชายเสนอความเห็นบ้าง “อีกอย่าง วินอยู่มาตั้งหลายเดือนแล้ว ถ้าเขาจะทนไม่ได้เพราะลำบาก ก็คงกลับมาตั้งแต่อาทิตย์แรกๆ แล้วล่ะ”
ทั้งสี่คนหันมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ

เมื่อถึงเวลาค่ำ จู่ๆ โทรศัพท์ที่บ้านซึ่งปกติไม่ค่อยมีใครใช้สักเท่าไหร่ก็ดังขึ้นรัวๆ ทุกสายที่โทรมาต้องการพูดกับรวินท์ ช่วงแรกๆ คนงานที่รับสายก็ตอบไปว่ารวินท์ไม่รับโทรศัพท์ใคร แต่พอรับโทรศัพท์บ่อยเข้าก็ชักจะมีน้ำโห

“คุณวินไม่รับโทรศัพท์ค่า! สำคัญแค่ไหนก็ไม่รับ! บอกเป็นสิบรอบแล้วนะคะ ฮ่วย!”

วาดเดินผ่านไปได้ยินเข้าพอดี เธอจึงหันไปถาม “มีคนโทรมาหาวินหลายครั้งเลยเหรอ”

“โทรมาเป็นสิบรอบแล้วค่ะ ไม่รู้เปลี่ยนคนกันโทรมาหรือคนเดียวกันนะคะ แต่เสียงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ”

“เอ แปลกจัง ถ้าโทรมาอีกเอามาให้วาดนี่” ไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก วาดรับโทรศัพท์มาจากมือคนงานแล้วกดรับสาย “สวัสดีค่ะ”

“ผมขอโทษที่รบกวนจริงๆ ครับ แต่ผมขอคุยกับพี่หมอหน่อย เรื่องสำคัญมากจริงๆ”

“หมอไหนคะ บ้านนี้มีหลายหมอ”

“หมอวินค่ะ เอ๊ย ครับ”

วาดขมวดคิ้ว “มีเรื่องอะไรกันเนี่ย คุณชื่ออะไร เป็นใคร”

“ผมชื่อแซน... เอ๊ย แสนดีครับ เป็นนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ที่เชียงใหม่ เป็นเพื่อนพี่หมอ...”

คราวนี้วาดยิ่งงงหนักไปอีก แล้วมาเป็นเพื่อนกันได้ยังไงล่ะเนี่ย?

“ผมกับเพื่อนๆ เป็นห่วงพี่หมอมาก ตอนนี้ส่งตัวแทนขึ้นเครื่องบินลงไปกรุงเทพฯ ไปหาพี่หมอแล้วครับ”

“เดี๋ยวๆ มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น”

“คือพวกผมได้ยินว่าพี่หมอจะลาออกจากโรงบาล”

“อ่อ...”

“จริงรึเปล่าครับ”

“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ ที่บ้านก็เป็นห่วงอยู่ เพราะวินไม่ยอมพบใคร ไม่ยอมพูดจากับใครเลย”

“เกิดอะไรขึ้นกับพี่หมอ...” แซนดี้ทำเสียงสั่นปนสะอื้น “พี่หมอเป็นคนน่ารัก พวกผมรักพี่หมอกันทุกคน ฮือ...”

“น้องแสนดี เอ้อ รู้จักกับวินได้ยังไงจ๊ะ”

“ พี่หมอ...คอยช่วยเหลือ... ฮึก พวกผม... กับเพื่อน ตัวผมน่ะ ฮึก... ถ้าวันนั้นพี่หมอไม่ช่วยผม... ผมคงโดนหมากัด ตกเขาตาย พ่อแม่หาศพไม่เจอ กลายเป็นผีบนดอย” เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็ร้องห่มร้องไห้ใส่แม่งเลย แซนดี้คิดในใจแล้วเล่นใหญ่รัชดาลัยไปโลด “แล้วดูสิครับ พอพี่หมอมีปัญหา พวกผมทำอะไรไม่ได้เลย เป็นห่วงพี่หมอเหลือเกิน ฮือ...” ส่วนอีกสามหนุ่มพอเห็นแซนดี้ทำเสียงร้องไห้ พวกเขาก็ช่วยร้องประกอบเป็นแบคกราวด์มิวสิกอยู่ทางด้านหลัง

วาดได้ยินเสียงร้องไห้ขรมเช่นนั้นก็เห็นอกเห็นใจ เดินตกหลุมพรางที่แซนดี้ขุดไว้อย่างจัง “ใจเย็นๆ ก่อนจ้ะ พวกเราก็กำลังหาวิธีช่วยเหลือวินเหมือนกัน”

จู่ๆ ก็มีอีกเสียงดังแทรกขึ้น เพราะแซนดี้ดันเปิดสปีกเกอร์โฟนไว้ “พี่สาวเสียงเพราะจังครับ ฮึก... เป็นพี่สาวพี่หมอเหรอ”

“เอ่อ จ้ะ”

“ดูจากหน้าพี่หมอแล้ว พี่สาวต้องสวยโคตรๆ แน่ๆ ฮือๆ”

“ไอ้สัสซัน มึงเอาเรื่องไอ้พิงค์ก่อนมะ” แซนดี้หันไปต่อว่า แต่ก็ยังสะอึกสะอื้นไปด้วย

ดิวจึงโผล่เข้ามาคุยแทน “พี่สาวครับ เพื่อนของพวกเราที่ไปหาพี่หมอ ชื่อภูพิงค์นะครับ มันสนิทกับพี่หมอมาก แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเราติดสอบ ฮึก... ไม่ได้เจอพี่หมอเลย ขนาดไอ้พิงค์มันยังโทรหาพี่หมอไม่ได้เลยครับ พวกเราเลยเป็นห่วงมากๆ ฮือ...”

ขิงช่วยเสริม “เดี๋ยวไอ้พิงค์มันลงจากเครื่องแล้วมันต้องรีบไปหาพี่หมอทันทีแน่ๆ เลยครับ โฮ...”

“ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดทีละคนนะ ไม่ต้องร้องไห้นะจ๊ะ แล้วเพื่อนของน้องๆ จะมาตอนกี่โมงน่ะ”

“กว่าจะถึงบ้านพี่หมอคงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว พวกผมบอกให้มันรอไปหาพี่หมอตอนเช้า แต่คิดว่ามันคงไม่รอแน่ๆ”

“พี่เข้าใจนะ ขอบใจที่เป็นห่วง แต่วินจะยอมพบเขาเหรอ ที่บ้านนี่ เขายังไม่ยอมคุยกับใครเลย”

“ถ้าเป็นไอ้พิงค์ พี่หมอต้องยอมแน่ๆ ครับ พวกผมมั่นใจ ยังไงถ้าเห็นไอ้พิงค์ไปด้อมๆ มองๆ ที่หน้าบ้าน อย่าเพิ่งแจ้งตำรวจนะครับ”

วาดหัวเราะ “ส่งรูปมาให้หน่อยสิ ถ้าปีนกำแพงเข้ามาจะได้ไม่ยิงผิดคน”

“ได้เลยครับ พี่สาวคนสวย ใจดีด้วย”

ว่าแล้วสี่หนุ่มก็จัดการส่งรูปของภูพิงค์ไปให้พี่สาวของรวินท์ไว้ อย่างน้อยไอ้พิงค์ของพวกเขาก็คงไม่โดนจับเข้าตะรางไปซะก่อนที่จะได้พบพี่หมอล่ะ



เมื่อใกล้ถึงเที่ยงคืน ปกติที่บ้านของรวินท์ทุกคนจะแยกย้ายเข้าห้องนอนกันไปหมดแล้ว ทว่าวาดจะอยู่รอเด็กหนุ่มผู้ที่กำลังจะมาเยือนก่อน ทุกคนจึงอยู่รอด้วยกัน เธอบอกให้คนงานผลัดกันเดินไปดูที่หน้าบ้านด้วยเป็นระยะๆ

“พ่อกับแม่ไปนอนก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนน้องเอง”

“ไม่เป็นไร ว่าแต่เขาจะมาจริงเหรอ” บิดาขมวดคิ้ว “ถึงกับขึ้นเครื่องบินมาจากเชียงใหม่ มาหาเจ้าวินดึกๆ ดื่นๆ แปลว่าต้องสนิทกันมากเลยทีเดียว”

“นั่นน่ะสิคะ”

เวลาผ่านไปใกล้ถึงตีหนึ่ง ที่บ้านของรวินท์ยังนั่งดูซีรีส์ฆ่าเวลากันอยู่ แล้วในที่สุดคนงานก็วิ่งเข้ามาบอก

“มีผู้ชายคนนึงเพิ่งลงมาจากแท็กซี่เมื่อครู่ครับ”

“หน้าเหมือนในรูปมั้ย”

“ไม่ทราบครับ มันมืด ผมมองไม่เห็น”

“งั้นพ่อออกไปดูเอง”

พอบิดาลุกขึ้น พี่ชายก็ลุกตาม “ผมจะไปกับพ่อด้วย”

ว่าแล้วสองพ่อลูกก็เดินฉับๆ ออกจากบ้าน ตรงไปยังประตูรั้วทันที พอเปิดประตูรั้วออกก็เห็นเด็กหนุ่มยืนถือโทรศัพท์มือถือ และกำลังเกาะกำแพงชะเง้อมองเข้ามาในบ้าน

“พ่อหนุ่ม”

ภูพิงค์สะดุ้งโหยง “ครับ!”

“มานี่ซิ”

“เอ่อ ครับ”

“ชื่ออะไรน่ะเรา”

เด็กหนุ่มยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “ผมชื่อภูพิงค์ครับ ผม... เอ่อ มาหาพี่วินน่ะครับ”

“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วรู้ไหม”

“ผมทราบครับว่าดึกมากแล้ว แต่...ผมเป็นห่วงพี่วินมากจริงๆ นี่ผมเพิ่งสอบเสร็จ หาตั๋วก่อนหน้านี้ไม่ได้ เลยต้องบินเที่ยวสุดท้ายมาจากเชียงใหม่ครับ”

สองพ่อลูกแสกนเด็กหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อีกฝ่ายยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลย แต่หน้าตาก็ดูไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไร ท่าทางก็ดูเป็นเด็กเรียบร้อยดี

“พ่อว่ามาใหม่ตอนเช้าดีกว่านะ”

“ไม่ได้หรอกครับ พี่วินเครียดแบบนี้มาพักใหญ่แล้ว แต่ผมติดสอบก็เลยไม่ได้ช่วยเป็นที่ปรึกษาให้ จนพี่วินทนไม่ไหวหนีกลับมาที่นี่ เพราะงั้นผมรออีกไม่ได้หรอกครับ” ภูพิงค์ยกมือไหว้ “ผมขอร้องล่ะครับ แค่คุยแป๊บเดียวจริงๆ ได้เห็นว่าพี่วินโอเค แล้วผมจะกลับ”

วิวจ้องมองสีหน้าจริงจังของเด็กหนุ่ม น่าแปลกที่เขาเชื่อคำพูดและหน้าตาซื่อๆ ของอีกฝ่ายอย่างสนิทใจ เขาเอื้อมมือไปสะกิดบิดา “พ่อ ให้เขาเข้ามาเถอะ ยังไงเจ้าวินมันก็นอนมาทั้งวันแล้ว มันคงยังไม่หลับหรอก”

บิดาสบสายตากับบุตรชาย พลางถอนหายใจ “เอ้า เข้ามา”

“ขอบคุณครับ” ภูพิงค์ยิ้มกว้าง

เมื่อเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นซึ่งเปิดไฟไว้สว่าง ทุกคนก็ได้เห็นเด็กหนุ่มผู้มาเยือนในยามวิกาลกันชัดๆ เต็มๆ ตา ภูพิงค์ตัวสูงขายาว หัวฟูกระเซอะกระเซิง บนใบหน้ามีไรหนวดบางๆ ใต้ตาดำคล้ำเป็นแพนด้า ดูแล้วก็พอจะเชื่อได้ว่าเป็นนักศึกษาในช่วงสอบตัวจริง

เด็กหนุ่มยกมือไหว้หญิงสาวอีกสองคนในห้อง ซึ่งเขาคาดว่าน่าจะเป็นมารดากับพี่สาวของพี่วิน “สวัสดีครับ ผมภูพิงค์ครับ” จากนั้นจึงยืนขาชิด ประสานมือไว้ด้วยกันให้ดูเหมือนเป็นคนมารยาทดี๊ดี เจียมเนื้อเจียมตัวสุดๆ

“เพื่อนของน้องแสนดีใช่มั้ย เรียนคณะเดียวกันด้วยรึเปล่าจ๊ะเนี่ย”

“เปล่าครับ ผมเรียนวิศวะครับ”

วาดขมวดคิ้ว “เอ้า! ต่างคณะไปอีก แล้วไปรู้จักกับเจ้าวินได้ยังไงกันล่ะเนี่ย”

ภูพิงค์ชี้ไปที่ปากตน “เพราะฟันคุดครับ ผมเพิ่งหายดีเลย พี่วินเป็นคนดูแลให้”

“อ่อ...” ทั้งสี่คนพยักหน้าเข้าใจทันที ก่อนมารดาจะถามต่อ “ว่าแต่สนิทกันมากรึ ถึงกับขึ้นเครื่องบินมาจากเชียงใหม่เชียว”

“จะว่าสนิทกันก็คงได้มั้งครับ ผมกับพี่วิน เราไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ตอนผมไม่สบายไข้ขึ้น พี่วินก็มาคอยดูแลผม พี่วินช่วยผมไว้เยอะมาก ตั้งแต่ฟันคุดเริ่มออกอาการ จนผมได้แผลผ่าฟันคุดเลือดสาด หน้าบวมอยู่หลายวัน นี่พี่วินเพิ่งตัดไหมให้ผมไปก่อนสอบนี่เองครับ เพราะงั้นครั้งนี้ พี่วินมีเรื่องไม่สบายใจ ผมเลยอยากเป็นที่พึ่งให้พี่วินบ้าง อีกอย่างบ้านผมก็อยู่กรุงเทพฯ อยู่แล้วด้วยครับ”

“โอ้โห เป็นน้องที่น่ารักจังเลยนะ” วาดเอ่ยชื่นชม

ภูพิงค์หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา จัดการเปิดรูปตัวเขากับรวินท์ให้ทุกคนดู เพื่อที่จะได้เชื่อว่าพวกเขารู้จักกันจริงๆ “นี่ตอนผมแบกเสลี่ยงขึ้นดอย พี่วินก็ไปขึ้นดอยกับผมด้วย ดูสิครับพี่วินเคยใส่ชอปผมไปเรียนที่มหาลัยด้วยเลยนะ... ส่วนรูปนี้ตอนไปเที่ยวไนต์ซาฟารี อันนี้ไปค้างที่ดอยอินทนนท์ ไปน้ำตก...”

ทุกคนในห้องเริ่มหันมองหน้ากัน แล้วพร้อมใจกันหันไปทางเด็กหนุ่ม

“นี่ไปไหนมาไหนกันสองคนเป็นประจำเลยเหรอ” วาดถามอย่างงงๆ แถมแต่ละรูป... อย่างกับแฟนกันอย่างไรอย่างนั้น

“ครับ”

“นี่เป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนเจ้าวินกันแน่จ๊ะ”

“เฮ้ย!” ภูพิงค์สะดุ้ง ใบหน้าซับสีเลือด เขารีบตอบปากสั่น “ยัง! ยังเป็นเพื่อนกันครับ!”

“แม่ก็... ถามอะไรแบบนั้น คุณภูพิงค์เขาตกใจหมด” บิดาหันไปติง

“เอ่อ เรียกผมพิงค์เฉยๆ เถอะครับ”

“แล้วพิงค์รู้จักเต้มั้ย” วิวถามบ้าง

“รู้จักครับ”

“ทำไมเต้ไม่มาด้วยล่ะ”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับคนถาม เขาขมวดคิ้วพลางตอบเสียงขรึม “ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ”

บิดาเอนหลังพิงพนักโซฟา ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ “เอาล่ะๆ วิว พาพิงค์ไปหาวินหน่อยได้มั้ยลูก”

“ได้ครับพ่อ”

ภูพิงค์ยิ้มกว้าง ไม่น่าเชื่อ เขาผ่านด่านด้วยเว้ย! เด็กหนุ่มรีบยกมือไหว้ “ขอบคุณครับ”


*TBC*


น้องพิงค์ได้เข้าบ้านแล้วววว ได้เข้าถึงครอบครัวก่อนจะเป็นแฟนกันซะอีก เด็กมันร้ายนะคะนายแม่!!!

ตอนหน้าน้องพิงค์จะช่วย "หัวใจ" ของพี่วินได้ยังไง ก็ต้องติดตามกันต่อนะคะ อิอิ

เอามาลงให้อย่างเร็วเพื่อเป็นการขอบคุณกำลังใจจากทุกคน

หวังว่าจะอยู่เป็นแรงใจให้กันจนฮัสกี้ลงเรื่องนี้ได้จนจบนะคะ 

ขอบคุณค่ะ

ปล. เพราะนึกถึงใจคนอ่าน ฮัสกี้ถึงได้พยายามลงไม่ให้ขาดตอนเลยน้าาา นิยายมันก็ต้องมีช่วงเวลาสุขและทุกข์อย่างนี้แหละค่ะ  ส่วนหมอวินและน้องพิงค์เองก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่บังเอิญมารักผู้ชายด้วยกัน เรื่องนี้ยังมีดราม่าอีก และอีกไกลมากกว่าสองหนุ่มจะได้โล้สำเภากันค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-04-2018 15:30:36
ขอให้พิงค์ปลอบ พี่หมอสำเร็จด้วยเถอะ  :call:

ส่วนพ่อแม่ พี่วาด พี่วิว คงดูออกแหละเนอะ ว่าไม่ใช่น้อง :hao3:

ส่วนเต้ ต้องโดนตบค่ะ ตบเท่านั้นค่ะ  :z6:

เป็นกำลังใจให้ไรท์น๊าา ไรท์ไม่ทิ้งเรา เราก็จะไม่ทิ้งไรท์ :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-04-2018 15:31:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทิ้งท้ายว่า  ดราม่ายังไม่จบ และอีกนานมากกว่าจะโล้สำเภา

โอ้มายก็อด   
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-04-2018 15:35:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-04-2018 15:43:33
น้องพิงค์สู้ๆ ตามพี่หมอกลับไปให้ได้น้า :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 05-04-2018 15:45:04
ตอนนี้ในหัวมีแต่คำว่าโล้สำเภาเต็มไปหมดแล่ว 555 ให้มันได้อย่างนี้สิลูกชาย ไปบุกถ่ำเสือแล้วก็ต้องเอาลูกเสือกลับมาด้วย ส่วนแก๊งเพื่อนพระเอกนั้น เจ้าเลห์จริงๆ แต่ให้ใจไปเลย 555 พี่วินท์ อย่าพึ่งหนีน้องนะะน้องมาหาแล้ว ให้น้องปลอบขวัญเถอะหนา ครั้งนี้ทำอะไรให้มันชัดเจนนะลูกพี่เค้าจะได้ไม่คิดมากกก พี่วินท์ก็อย่าคิดมากไปเองอีกนะคะ ถามน้องก่อน ให้น้องตอบก่อน น้องมันรักพี่จะตายอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 05-04-2018 15:59:39
แหม~~~~ ไอ้ช่วงทอร์คตัวหนาตอนสุดท้ายเนี่ย มันบุพเพฯ จริงๆ เลยนะคะแม่นาย เดี๋ยวสิ ไม่ๆ เรากลับมาที่พี่หมอกันก่อน อาการหนักมากอ่ะ ถึงขึ้นหนีกลับบ้าน ไอ้ที่หนักกว่าก็พิงค์แพนเทอร์ของเรานี่แหละ แหม่ ถึงขั้นตามไปกรุงเทพ ค่าตั๋วขึ้น 2000+ แน่ๆ ทุ่มทุนสุดๆ เอ้ยยยยย มันเอาจริงแล้วเว้ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-04-2018 16:04:57
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-04-2018 16:17:23
เพื่อนกัน  ไม่ทิ้งกัน  :katai2-1:
ช่วยกันร้องไห้กัน ดังขรม  เป็นเพื่อนดีนะเนี่ย  :mew1:

ด่านบ้านพี่วินเปิดแล้ว
ขอให้พี่วินฟังพิงค์ด้วยเถอะ   :mew2:
พิงค์  วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-04-2018 16:18:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 05-04-2018 16:20:05
สรุปเรื่องนี้แนว ดราม่า ชิมิ๊ค่ะ กว่าจะได้โล้สำเภา คนอ่านขาดใจตายก่อนพอดีค่ะ 5555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: aunchi ที่ 05-04-2018 16:44:50
 :monkeysad: ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน (กรุณานึกถึงเพลงพี่ช่า)
รอให้น้องพิงค์ได้เจอกับพี่หมอวิน อยากฟินใจจะขาด
เอาใจช่วยน้องพิงค์สุดๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 05-04-2018 16:54:21
อย่าดราม่านักเลยค่ะะะะ ฮือออ คนอ่านใจบางๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 05-04-2018 17:01:30
โถ่หนูพิงค์ของเจ๊......พี่วินอย่าดราม่าเป็นชะนีหนีน้ำเลยนะ ออกจากถ้ำมาให้น้องปลอบซ่ะดีๆ  :z3: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-04-2018 17:19:09
เข้าทางพ่อแม่พี่วิน ผ่านฉลุยแล้ววว พิ้งเอ๊ยย ลุยค่ะลูกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-04-2018 17:20:34
ชอบแก๊งค์เพื่อนๆ โทรมาเคลียร์ทางไว้ก่อนเรียบร้อย พอพิงค์มาเลยเดินผ่านฉลุยเลยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-04-2018 17:50:32
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี บอกรักกันเลยก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเศร้าอีก //มันปวดหนึบในใจจริง :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-04-2018 18:01:28
พองค์ สู้เค้านะเว้ยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-04-2018 18:04:29
กลุ่มเพื่อนซี้ทำงานกันเป็นทีมดีมาก
จากที่ยื้อ ๆ ยุด ๆ ไม่มีใครเปิดปากก่อน ตอนนี้ก็ควรจะสารภาพความในใจกันเสียที ไหน ๆ ก็ตามมาถึงที่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-04-2018 18:11:33
โอ้ยทำไมขำกระบวนการของแสนดีและพองเพื่อน :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 05-04-2018 18:53:56
 :110011: :z7: :110011: :z7: :ped149: :ped149: :ped149: :110011: :z7: :110011: :z7: :110011: :z7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-04-2018 19:03:34
เข้าบ้านได้แล้วแต่จะได้เข้าห้องพี่วินไหมล่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: ifangza! ที่ 05-04-2018 19:22:57
ฮืออออออออออ ขอตอนหน้าด่วนๆเลยค่ะ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 05-04-2018 19:24:30
ีเป็นกำลังใจให้ทั้งคนแต่ง​ ทั้งน้องพิงค์ด้วยนะคะ​ อย่าท้อนะคะ​ รออ่านต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 05-04-2018 19:26:41
ตัดตอนไปโล้สำเภาก่อนแล้วค่อยดราม่าได้มิคร้า :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-04-2018 19:26:52
กำลังได้เจอกันแล้ว :hao7: :hao7: ลุ้นมากมาย
ปล. คนแต่งสปอยมาแล้วว่ามีดราม่ารออยู่
        งั้นเตรียมทิชชูรอละกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-04-2018 20:01:13
ลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 05-04-2018 20:35:33
ระกว่างรอ 2 หนุ่ม ขอดูพี่ขุนโล้สำเภาออเจ้าการะเกดก่อนนะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-04-2018 20:44:22
เพื่อนๆพิงค์เล่นใหญ่มาก 5555
พี่วินกับน้องพิงค์ยังมีขวากหนามอีกเยอะซินะ
จากตัวของทั้งคู่หรือจากคนนอกกันนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 05-04-2018 20:47:44
น้องพิงค์ช่วยพี่วินให้ได้นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 05-04-2018 21:18:51
น้องพิงค์มาแล้ววววว  :katai2-1: รวดเร็วทันใจจริง ๆ ก็คนมันห่วงอ่ะเนอะ
ครอบครัวพี่วินน่ารักจัง แล้วจากการถามของคุณแม่
ทำไมรู้สึกว่า ถ้าพี่วินกับน้องพิงค์เป็นแฟนกันจริง ๆ ก็น่าจะไม่ดราม่าเท่าไหร่นะ
แต่ก่อนไปถึงขั้นนั้น ต้องเข้าใจให้ตรงกันตอนนี้ก่อนนะทั้งสองคน
พี่วิน ให้น้องค้างด้วยเลยน้า ดึกขนาดนี้ แล้วคุยกันให้เคลียร์ ๆ ไปเลยนะจ้ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า ชอบเรื่องนี้มากนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 05-04-2018 21:30:02
คุณแม่พี่หมอทำไมตรงขนาดนี้~~
แอบสงสารพี่หมอ เหมือนโดนเพื่อนสนิทตัวเองหักหลัง
ดูจากความร้ายการของหมอเต้แล้ว
ต้องแอบถ่ายวิดีโอตอนลักหลับพี่หมอไว้แน่ๆ
กำลังใจกำลังไปหานะหมอวินท์สู้ๆ
//ขอให้อย่ามาม่านานเลยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 05-04-2018 21:32:21
 o13  พิงค์ได้ใจไปเลยเคลียร์กับที่บ้านแฟนแล้วก็ไปเคีลียร์กับว่าที่แฟน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-04-2018 22:00:15
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-04-2018 22:25:06
บุกถึงบ้าน  น้องพิงค์เท่ห์สุดๆ แต่แหม ยังเป็นเพื่อนกัน ที่บ้านเค้าจะเดากันได้มั้ยน๊าาา
พี่วินออกมาให้พิงค์ปลอบใจด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-04-2018 22:41:01
พวกแซนดี้นี่ทำงานกันเป็นทีมจริงๆ ส่วนพิงค์ก็ทุ่มสุดตัวบุกเข้าถ้ำเสือซะด้วย สู้ๆนะพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 05-04-2018 22:41:32
ใจบางไปหมดแล้วววววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 05-04-2018 23:15:01
แหมเด็กมันร้าย..เอารูปมาอวดว่าที่พ่อตาแม่ยาย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-04-2018 23:33:36
ตั้งแต่อ่านเรื่องนี้มาก็มีปัญหาอยู่เรื่องเดียว คือเรือไหนคือเรือหลวงค่ะ 55555555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-04-2018 00:12:49
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 06-04-2018 04:18:29
พิงค์เค้าร้ายนะคะหัวหน้าบุกยันห้องนอนเลยคร้าาาาท
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 06-04-2018 08:31:20
โล้สำเภาาาาา วูวววส สนใจประโยคเดียว5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-04-2018 08:50:02
ฝากตัวเป็นสะใภ้เลยพิงค์55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 06-04-2018 09:25:23
อ่านมาหลายวันกว่าจะจบ เป็นวายที้ใช้เวลานานจริงๆ 37ตอนยังไม่คบกันเลยอ่ะ แต่มันก็ปกตินะ ผู้ชายธรรมดาจะรักผู้ชายอีกคน มันด็ต้องใช้เวลา จะมาปุบปับรับโชคก็ไม่ใช่นิ ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ เรียนรู้ ก็เรียลไปอีกแบบ
ส่วนพี่เต้ แกคงกลัวเสียเพื่อนแหละแรงกระตุ้นให้ทำขนาดนี้ น่าจะเป็นเพราะวินไปชอบพิงค์ที่เป็นผู้ชาย ความอดทนมันเลยทะลาย แบบว่าชอบผู้หญิงยังพอทน แต่ผู้ชายไง เค้าก็ผู้ชาย ทำไมไม่เลือกเค้า ทีนี้เลยทำแมร่งทุกอย่างก็เลยบรรลัยอย่างที่เห็น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 06-04-2018 14:27:55
ชอบการทำงานเป็นทีมของกลุ่มเพื่อนพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 06-04-2018 15:43:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 06-04-2018 19:53:42
ถือป้ายไฟเชียร์เลยจ้าาาาา

 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-04-2018 22:50:24
สู้ๆเด้อออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-04-2018 22:58:00
น้องพิงค์สู้ๆๆๆๆ ลากพี่หมอกลับเชียงใหม่ไปให้ได้นะะ
ครอบครัวรับรู้ขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครมองว่าเป็นน้องเป็นเพื่อนหรอกค่ะ
ไม่งั้นคุณแม่จะถามหรอว่าแฟนรึป่าวว 555555555
การกระทำนี่ชัดเจนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว คุยกันให้ชัดเถอะะ
พี่วินจะได้ลดเรื่องเครียดไปอีกเรื่องนึงได้
ส่วนหมอเต้นั้นน เป็นเราเราไม่เอากลับมาเป็นเพื่อนแล้วค่ะ
ไม่ใล่เพราะเค้าชอบเรา แต่เพราะเค้าพยายามทำลายความสุขของเรา
ทั้งๆที่เค้าเป็นคนที่ร฿้ดีที่สุดว่าคงามสุขของเรามันมีอยู่ไม่กี่อย่าง
และหมอเต้เลือกที่จะทำลายลงไปแล้ว2อย่าง
คือความสุขจากเพื่อนคนเดียว และความสุขความสบายใจจากพิงค์
พี่หมอวินนน่าสงสารมาก แต่ดีที่ครอบครัวรักและตามใจหมอวินมากกอะ
คาดว่าดราม่าครอบครัวหมอวินคงไม่เกิดด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 06-04-2018 23:18:54
อา.. ใครที่เจอแบบวินไปก็คงรู้สึกแย่โคตรๆเลยละ หวังว่าวินจะยอมคุยกับพิงค์นะ..
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-04-2018 03:55:19
ภูพิงค์มาตามหาแล้ว วินท์รอก่อนนะ
ทีมเพื่อนพิงค์คือดีมากค่ะ ช่วยได้เยอะเลย

วินท์คือลูกคนเล็กที่แท้จริง ที่บ้านถึงกับเครียด
ได้เข้าบ้านแล้วนะ และกำลังลุ้นว่าจะได้เข้าห้องไหม


เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-04-2018 04:32:48
แอบเสียดายความรักของหมอเต้นะค่ะรักที่เห็นแก่ตัวมากไปหน่อยจนสุดท้ายลงเอยที่ไม่สวย
ส่วนพิงค์นายแน่มากมาบ้านเค้าดึกๆ
แบบนี้ไม่ได้ลูกปืนก็ดีมากแล้ว555
แถมยังได้ขบวนการแกล้งร้องของแซนดี้ช่วยไว้อีกถึงได้เข้าบ้านง่ายแบบนี้
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
รู้สึกว่าตอนนี้สั่นจังหรือเพราะเราลุ้นไปด้วยเลยอ่านเร็วอิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 08-04-2018 12:23:51
พิงค์เป็นเด็กฉลาดนิสัยน่ารักผ่านฉลุยอยู่แล้ว!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 08-04-2018 15:52:09
พี่วินตกใจแน่ที่น้องพิงค์บุกมาถึงบ้าน พี่แกต้องร้องไห้แน่เลยย ฮือออ :sad4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 09-04-2018 17:16:29
รอมาสองวันแล้วน่ะ  มาต่อได้แล้วครับ   จะลงแดงตายแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: slurpeez-69Nes ที่ 10-04-2018 00:13:42
บุกเข้าไปแล้วว วววว
พี่วินอย่าหนีน้องเลยนะคะ หัวใจคนเชียร์จะขาดรอนๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-04-2018 00:47:33
หายไปนานจัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 10-04-2018 13:58:53


Chapter 38 : ความในใจ


ภายในห้องนอนของรวินท์ปิดไฟมืด เขาเปิดแอร์เย็นเฉียบแล้วซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ทันตแพทย์หนุ่มนอนหลับๆ ตื่นๆ มาทั้งวัน หิวก็หิว แต่กินอะไรไม่ลง ไม่อยากลุกไปไหน ไม่อยากออกจากห้อง ไม่อยากพบใคร ไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น

เสียงเคาะประตูดังขึ้น “วิน เปิดประตูหน่อย”

รวินท์ไม่ตอบ เขาแกล้งทำเป็นหลับ

“วิน มีคนมาหา” พี่ชายเคาะประตูพร้อมกับเรียกน้องชายไปด้วย “วิน ออกมาพบเขาหน่อยนะ”

หากคนที่นอนอยู่ใจหายวูบ เขานึกว่าเป็นเตชิตจึงตะโกนตอบไปทันที “ผมไม่อยากเจอใครทั้งนั้น บอกให้กลับไปก่อน!”

วิวหันไปทางเด็กหนุ่ม กำลังจะบอกว่าให้กลับไปก่อนเถอะ แต่อีกฝ่ายกลับก้าวเข้ามาทุบประตูห้องเสียเอง “ไอ้พี่วิน! นี่ผมเองนะ! ผมมาจากเชียงใหม่เลยนะเว้ย จะไล่กันกลับได้ลงคอเลยเหรอวะ”


ทันตแพทย์หนุ่มเบิกตาโพลง แล้วลุกพรวดจากเตียง


“ออกมาเร็วๆ ถ้าพี่ไม่ออกมา ผมจะพังประตูเข้าไปหาพี่นะเว้ย! ไอ้พี่วิน!”

พี่ชายของรวินท์เบิกตาโพลง ตกใจจนถอยไปยืนติดผนังเพื่อตั้งหลัก ไอ้เด็กท่าทางติ๋มๆ หงิมๆ คนเมื่อกี้หายไปไหนวะ! “จะ... ใจเย็น...น้อง...”

รวินท์รีบวิ่งไปเปิดประตู แต่เพราะตัวเองปิดไฟในห้องไว้มืด เขาจึงเดินชนนู่นนี่เสียงดังโครมคราม กว่าจะถึงประตูก็ได้มาหลายแผล ชายหนุ่มเปิดประตูออกผาง นัยน์ตาเรียวเบิกโพลง ภูพิงค์อยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ! “พิงค์”

“เออ ผมเอง สอบเสร็จก็รีบมาหาพี่เลยนะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นวะ”

เสียงและท่าทางสุดจะนักเลงของเด็กหนุ่มทำให้วิวรู้สึกหวาดๆ เขาไว้ใจคนผิดรึเปล่าวะเนี่ย! พี่ชายจึงเอื้อมมือไปขวางเด็กหนุ่มไว้ “ใจเย็นๆ ก่อน”

“ไม่เป็นไรครับพี่วิว” รวินท์หันไปบอกพี่ชาย

“พี่วิว?” ภูพิงค์หันไปทางพี่ชายของอีกฝ่าย “พี่วิว ขอผมคุยกับพี่วินตามลำพังนะครับ”

“จะดีเหรอ” วิวหันไปทางน้องชาย

รวินท์พยักหน้า เขาหลุบสายตาลงต่ำ เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟ จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับเข้าห้องไปช้าๆ

คนอ่อนวัยกว่าเอื้อมมือไปยันประตูไว้ “ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมคุยกับพี่วินเอง บอกให้ทุกคนไปนอนกันเถอะ”

วิวลังเล แต่เพราะเด็กหนุ่มคนนี้ที่ทำให้รวินท์ยอมเปิดประตูห้องได้ ถ้างั้นพวกเขาก็น่าจะรู้จักกันดีนั่นล่ะมั้ง “มีอะไรก็เรียกนะ ห้องผมอยู่ตรงนั้น”

“ครับ”

ภูพิงค์ก้าวเข้าไปในห้องแล้วก็ปิดประตูล็อกกลอน ส่วนเจ้าของห้องยืนหันหลังนิ่งอยู่ไม่ไกลจากบานประตูนัก เขาเดินเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง “พี่วิน ผมเป็นห่วงแทบแย่”

เพียงแค่ความอบอุ่นของอ้อมแขนเด็กหนุ่มก็ทำให้เขาใจชื้นขึ้นมากมาย รวินท์ปิดตาลงช้าๆ พร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ “ขอโทษ”

ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ในท่านั้นชั่วครู่ จากนั้นเด็กหนุ่มจึงพูดขึ้น

“ไอ้พี่เต้มันทำอะไรพี่ใช่มั้ย” ภูพิงค์คลายอ้อมแขนออก จากนั้นจึงจับให้อีกฝ่ายหันหน้ามาสบสายตากัน

ใบหน้าของรวินท์ฉายชัดถึงความโศกเศร้าและความวิตกกังวล เขาเสตาหลบพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ

คนอ่อนวัยกว่าหน้าเสีย “พี่เต้ทำอะไรพี่!”

“ไอ้เต้มันวางยาผม คิดว่ามันคงเอายานอนหลับให้กิน แล้วก็...ทำอย่างว่าไปนิดหน่อย”

“อย่างว่า...” ภูพิงค์อ้าปากค้าง เขาก้มลงพิจารณาตามลำคอของทันตแพทย์หนุ่ม พอเห็นรอยสีแดงจางๆ ตรงซอกคอหัวใจก็ร่วงวูบไปอยู่ใต้ฝ่าเท้า

รวินท์พูดเสียงอ่อย “บอกตรงๆ ผมก็ไม่รู้ว่ามันทำอะไรกับผมไปบ้าง รู้แค่... มันไม่ได้ทำจนสุดทาง”

“แน่ใจนะพี่วิน”

“อือ เพราะ... อย่างแรกผมสลบ ไอ้ตรงนั้นมันก็ใช้การไม่ได้อยู่แล้ว อย่างที่สอง ผมไม่เจ็บตรงไหน แปลว่ามันก็ไม่ได้ทำอะไรผม อาจจะหยุดกลางคัน แต่มันหยุดไปเพราะอะไร ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ถึงจะโล่งใจที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดมีการขืนใจกัน แต่เมื่อมองร่องรอยที่เตชิตทิ้งไว้ เด็กหนุ่มก็กัดฟันกรอด มือที่กำจนแน่นสั่นเล็กน้อยอย่างโกรธแค้น เขาอยากจะไปตั๊นหน้าไอ้พี่เต้เสียเดี๋ยวนั้น “ไอ้เหี้ยเอ๊ย!”

รวินท์ส่ายหน้าไปมา “ผมผิดที่ไว้ใจ แต่มันก็เป็นเพื่อน...”

“มันไม่ใช่ความผิดของพี่” ภูพิงค์ดึงทันตแพทย์หนุ่มเข้ามาสวมกอด พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “พี่คงตกใจมาก... ทำไมไม่มาหาผมล่ะ เรียกผมไปหาก็ได้ ผมบอกแล้วไงว่าจะอยู่เคียงข้างพี่เสมอน่ะ”

“ก็คุณมีสอบ แล้วมันก็ดึกมากแล้ว วันนั้นผมไปงานเลี้ยงใหญ่ของโรงบาลที่โรงแรมในจังหวัดน่ะ”

“อืม ผมว่าพี่วินไปนั่งก่อนดีกว่า”

พอเด็กหนุ่มผละออกห่าง รวินท์ก็ดึงอีกฝ่ายกลับเข้ามาสวมกอด “ขอผมกอดคุณไว้อีกสักพักเถอะนะ”

“นั่งก็กอดได้ มาเถอะ ให้ผมเป็นคนกอดพี่ดีกว่า ผมจะกอดจนกว่าพี่จะสบายใจเลย” ภูพิงค์นั่งลงบนพื้นข้างเตียง พร้อมกับฉุดให้อีกฝ่ายนั่งลงมาตรงระหว่างขาตนและเอนหลังพิงแผ่นอกเขาไว้ สองแขนโอบกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้อย่างอ่อนโยน จากนั้นเขาก็เอาคางเกยหัวไล่คนในอ้อมแขนไว้ “ค่อยๆ เล่ามาให้หมด ผมจะฟัง”

ความอบอุ่นของอ้อมแขนคนอ่อนวัยกว่านั้นทำให้รวินท์รู้สึกสบายใจขึ้นเป็นกอง เขาเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแบบไม่ปิดบัง ตั้งแต่เรื่องของขวัญข้าว ตอนที่พยาบาลสาวที่ชื่อออยมาเตือน แล้วก็ทุกอย่างที่เตชิตกระทำกับร่างกายเขา ระหว่างที่เล่าไปเด็กหนุ่มก็กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอย่างลืมตัว

คนอ่อนวัยกว่าซบใบหน้าลงบนหัวไหล่ทันตแพทย์หนุ่ม “ถ้าไอ้พี่เต้มันทำอะไรพี่มากกว่านี้... ผม...”

รวินท์หันหน้าไปหาเด็กหนุ่ม “...มันเอารูปคุณกับผู้หญิงคนนั้น...”

“เฟิร์นน่ะเหรอ เขามาหาผมที่มหาลัย ผมไม่ได้ไปหาเขานะพี่” เด็กหนุ่มประสานสายตากับคนในอ้อมแขนนิ่ง “แต่ผมเค้นถามเขาว่ารู้เรื่องผมได้ยังไง เขาบอกว่า...”

“รู้จากไอ้เต้งั้นสินะ” ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ “ผู้หญิงคนที่สัมภาษณ์คุณวันลอยโคม เป็นญาติไอ้เต้ ผมเพิ่งนึกออกไม่นานมานี่ เขาเคยมาสัมภาษณ์ผมสองสามครั้งตอนผมอยู่มหาลัย วันนั้นผมรู้สึกว่ามีคนตามพวกเราตลอด เหมือนเห็นไอ้เต้ด้วย คิดว่ามันน่าจะมากับญาติมันมานี่ล่ะ”

“อืม... ตอนนั้นพี่เต้คงกำลังสืบเรื่องของพี่กับผมสินะ ตอนวันเกิดพี่ พี่เต้ก็โทรมาบอกผม ผมถึงได้ไปเจอพี่ตอนอยู่กับคุณออยพอดี”

“มันวางแผนไว้หมดแล้ว” รวินท์หลุบตาลงต่ำ “แต่ผมจะไม่โทษมันคนเดียว ที่ขวัญข้าวทิ้งผม นั่นเป็นเพราะผมเลวเอง แล้วผมเองก็ผิดที่ไม่ใส่ใจกับความรู้สึกของมัน ที่มันเป็นแบบนี้ เพราะผมเอง”

“โทษตัวเองทำไมวะพี่ ถ้าพี่รู้ว่าพี่เต้ชอบพี่แต่แรก อะไรมันจะเปลี่ยนไปบ้างงั้นเหรอ”

“ถ้าผมใส่ใจความรู้สึกของมันสักนิด บางทีเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น” น้ำตารื้นขึ้นมาเอ่อคลอนัยน์ตาเรียว ทันตแพทย์หนุ่มพยายามไม่กะพริบตา หากหยดน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาจนได้

ภูพิงค์สงสารคนในอ้อมแขนจับใจ พี่วินมีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว คบหากันมานาน โดนคนที่ไว้ใจหักหลังแบบนี้คงจะสะเทือนใจมาก “พี่วิน ผม... ขอโทษที่ต้องถามตรงๆ พี่เต้ได้ถ่ายรูปหรือคลิปไว้มั้ย”

“ผม...​ไม่รู้”

คนอ่อนวัยกว่าลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ “ช่างเถอะ ถึงถ่ายก็ไม่เป็นไร ถ้าพี่ไม่แคร์ ผมก็ไม่แคร์... ต่อจากนี้ไปผมจะปกป้องพี่เอง ผมสัญญา”

แววตาของทันตแพทย์หนุ่มสั่นไหว เขาหันตัวเข้าหาเด็กหนุ่ม สวมกอดและซบใบหน้าลงบนหัวไหล่อีกฝ่าย “คุณชอบพูดแบบนี้ ความใจดีของคุณ มันจะทำให้ผมเข้าใจผิด รู้ตัวบ้างมั้ยวะ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “ขนาดนี้ยังเข้าใจผิดได้ด้วยเหรอวะ? พี่เข้าใจว่าอะไรเนี่ย”

“.....”

“พี่วิน พี่เข้าใจว่าอะไร” เด็กหนุ่มดันไหล่คนตรงหน้าออกจากตัว เขาเชยคางคนตรงหน้าขึ้นเพื่อให้สบสายตากันได้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เข้าใจว่าอะไรครับ”

รวินท์เผยอริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะปิดสนิทเพื่อกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ “...เข้าใจว่า...”

“ว่า?”


“คุณชอบผม”


“ก็เข้าใจถูกแล้วนี่”

“ฮะ!?” ทันตแพทย์หนุ่มเบิกตากว้าง “คุณชอบผมเรอะ!”

“เออสิวะ ไม่งั้นจะตามจีบอยู่ทุกอาทิตย์อย่างงี้เหรอ แล้วถ้าไม่ชอบพี่ ผมจะหึงพี่บ่อยๆ ทำไมวะ”

“หึงตอนไหนวะ ผมจำได้แต่ตอนที่คุณด่า”

“เอ้า ก็ถ้าไม่หึงจะด่าเหรอ อีกอย่างนะ ก็เพราะพี่เต้รู้ว่าผมชอบพี่ ถึงได้พยายามทำให้ผมกับพี่ผิดใจกันไง”

“นั่นมัน...” รวินท์อ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง เพราะเขาเข้าใจว่าที่ไอ้เต้พยายามทำให้เขากับพิงค์ผิดใจกัน ก็เพราะรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับพิงค์เท่านั้น “แต่คุณไม่ได้ชอบผู้ชายนี่หว่า!”

“พี่รู้ได้ไงวะ เป็นผมเหรอ ผมก็ชอบผู้ชายอยู่นี่ไง ผู้ชายทั้งแท่งแล้วก็มีแท่งเหมือนผมเนี่ย”

ทันตแพทย์หนุ่มตกใจหนักกว่าเดิม เขายกสองมือขึ้นจับแผ่นอกตัวเอง “แต่ผมไม่มีนมด้วยนะ”

“ผมมักน้อย พี่มีแค่ไหนก็เอาแค่นั้นแหละ” ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มมัวแต่อึ้ง ภูพิงค์ก็ใช้ปลายนิ้วไล้แก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ใบหน้าเขาในตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงไม่แพ้กัน “แล้วพี่ล่ะ คิดยังไงกับผม ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แถมยังมีฟันคุดเหลืออีกสามซี่ด้วย ชอบผมบ้างสักนิดรึเปล่า”

“ไม่นิด...”

“หือ?”

“ผมชอบคุณ ชอบมาก... ชอบจนเจ็บฉิบหาย เจ็บไปหมด”

“ชอบยังไงถึงเจ็บวะ”

“ก็ผมนึกว่าผมชอบคุณอยู่ข้างเดียวนี่หว่า”

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกว้าง “งั้นเราก็ใจตรงกันแล้ว... แบบนี้เรียกว่าแฟนกันได้ยัง”

รวินท์หัวเราะ “เออ เป็นก็เป็น”

“ต่อไปก็อย่าทำให้ผมหึงบ่อยนักนะ ผมก็เจ็บเป็นเหมือนกัน”

“ก็พยายามอยู่ ไม่เห็นบ้างเลยรึไง”

“เห็นสิ เพราะพี่ยอมปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อผม ผมถึงพยายามไม่หึงงี่เง่าให้มาก... นี่พยายามแล้วนะ แต่ถ้าผมหึงมากไปเมื่อไหร่ พี่ก็เตือนกันได้ ผมจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่เหมือนกัน”

ทันตแพทย์หนุ่มอมยิ้ม “พิงค์แม่งน่ารัก”

“ส่องกระจกบ้างเวลาพูดแบบนี้อะ”

“ผมหล่อตลอดเวลาอยู่แล้ว”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นหยิกแก้มทันตแพทย์หนุ่ม พลางค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปหา ซึ่งอีกฝ่ายก็จ้องใบหน้าเขาเขม็ง ไม่ยอมละสายตาไปเลย ทำให้เด็กหนุ่มต้องชะงัก “จ้องอะไรขนาดนั้น”

“ก็คุณจะทำอะไรล่ะ”

“จะจูบไง”

“ปากหายแล้วเหรอ”

“หายแล้ว เดี๋ยวพี่ก็เช็กให้ด้วยเลยละกัน”

“เช็กยังไง ไม่มีเครื่องมือ”

“ใช้ลิ้นไง” คนอ่อนวัยกว่าไม่รอให้รวินท์เถียงอะไรได้ เขาประกบปิดริมฝีปากสีแดงที่เฝ้าคิดถึงมานาน รสสัมผัสที่นุ่มนิ่มราวกับมาร์ชเมลโล ทำให้เขาบดจูบเข้าไปอย่างกระหาย แล้วสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวรัดลิ้นอุ่นในโพรงปากอีกฝ่าย

ทันตแพทย์หนุ่มปิดตาลงช้าๆ ขณะที่ลมหายใจอุ่นๆ ของภูพิงค์ตกกระทบบนผิวแก้ม ริมฝีปากที่กระชับเข้าหากันเป็นผลให้รู้สึกดีจนแทบคลั่ง จูบของเด็กหนุ่มไม่เป็นประสีประสา เงอะงะไม่ได้เรื่อง หากก็ทำให้สุขล้นหัวใจ

พอภูพิงค์ถอนริมฝีปากออก รวินท์จึงยกมือขึ้นกดท้ายทอยของเด็กหนุ่มไว้ “เมื่อกี้ยังไม่ทันได้เช็กเลย” เขาแนบจูบคนอ่อนวัยกว่า ครั้งนี้สอดปลายลิ้นเข้าไปกวาดต้อน เกี่ยวกระหวัดจนเด็กหนุ่มส่งเสียงครางในลำคออย่างพอใจ

ภูพิงค์จับทันตแพทย์หนุ่มให้เอนหลังพิงกับขอบเตียง เขาบดจูบกลีบปากสีลูกสตรอว์เบอร์รีอย่างหนักหน่วง ไล่ต้อนลิ้นนุ่มกลับเข้าไปในโพรงปากอีกฝ่าย จูบเนิ่นนานจนหยาดน้ำใสล้นออกมาจากมุมปาก จนกระทั่งพวกเขาต่างหอบหายใจหนักๆ จึงถอนริมฝีปากออกช้าๆ “ผมจูบไม่ได้เรื่องเลยว่ะ”

รวินท์หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “เออ รู้ตัวก็ดี”

“ช่วยไม่ได้นี่หว่า ผมไม่เคยจูบใครมาก่อนนี่”

ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ย ไม่เคยจริงเหรอ แล้วแฟนเก่า...”

“โห มากสุดก็จับมือกับหอมแก้ม ตอนนั้นผมยังเด็กเว้ยพี่”

“น่ารักว่ะ” รวินท์ยิ้มกว้าง พลางยกมือขึ้นหยิกแก้มเด็กหนุ่มบ้าง จากนั้นจึงยื่นหน้าเข้าไปหา “ไม่เป็นไร จูบบ่อยๆ เดี๋ยวก็เก่ง ผมจะติวให้เอง” แล้วก็แนบจูบเรียวปากตรงหน้า เขาเคลื่อนมือขึ้นวางบนท้ายทอย สอดปลายนิ้วเข้าไปกดคลึงภายในกลุ่มเส้นผม ในขณะเดียวกันก็เบียดตัวเข้าหาเด็กหนุ่ม

ภูพิงค์ไม่ปฏิเสธหรอก ริมฝีปากของพี่วินน่ะ ทั้งนุ่มทั้งหวาน ให้เขาจูบยันเช้าก็ยังได้ เมื่ออีกฝ่ายเบียดเข้าหา เขาก็ยิ่งโอบกระชับไว้แนบกาย แผ่นอกที่เสียดสีกัน แม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้น แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นหนักๆ ของพวกเขาทั้งสองคน

ริมฝีปากทั้งสองละออกจากกันเล็กน้อย หากก็ยังคลอเคลียกันอยู่ ขณะที่พวกเขายิ้มให้แก่กัน

จู่ๆ รวินท์ก็หัวเราะออกมาเบาๆ “พิงค์แม่งไม่รู้งานเลยว่ะ”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “ไม่รู้งานอะไรวะ”

“เวลาแฟนโดนคนอื่นขโมยจูบมา เขาก็ต้องช่วยจูบซ้ำ ลบรอยคนอื่นไปสิวะ”

“จูบซ้ำลบรอย? ผมก็จูบไปตั้งหลายทีแล้วไง”

“นั่นมันแค่ที่ปากอย่างเดียวเอง” รวินท์ปลดกระดุมเสื้อออกสองเม็ด แล้วชี้ไปที่แผ่นอก “ดูดิ”

“ฮะ!?” ภูพิงค์ลดสายตาลงมองรอยสีแดงจางๆ ตรงซอกคอและบนแผ่นอกขาว ใบหน้าที่ซับสีเลือดอยู่แล้วเปลี่ยนเป็นสีแดงมากขึ้นไปอีก ยาวไปจนถึงใบหู “หมายความว่า... ว่า...”

“อือ ก็อย่างที่เห็น โดนจูบไปทั่วเลยว่ะ ยังมีอีกนะ ตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ด้วย”

“เยอะขนาดนี้ผมว่าพี่ไปอาบน้ำง่ายกว่าว่ะ”

“อาบแล้วโว้ย!” ถ้ายกตีนขึ้นมาก่ายหน้าผากตรงนั้นได้ รวินท์คงทำไปแล้ว หากตอนนี้ทำได้แค่ถอนหายใจหนักๆ “ช่างเหอะ ลงไปหาอะไรกินกันดีกว่า” เขาลุกขึ้น ก่อนจะส่งมือให้เด็กหนุ่มจับยึด

คนอ่อนวัยกว่าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของฝ่ามือตรงหน้า เขาจับมือนั้นไว้พร้อมกับดึงตัวเองให้ลุกขึ้น ก่อนจะผลักอีกฝ่ายให้นั่งลงไปบนเตียงนอน

“เดี๋ยว พิงค์! จะทำ...” ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มกดไหล่ของเขาให้เอนหลังนอนลงไป พลางขยับขึ้นมาคร่อมบนตัวเขา

“พี่วินโดนจูบในเสื้อด้วยใช่มั้ย”

“เฮ้ย เอาจริงเหรอ!”

ภูพิงค์ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อที่เหลือของคนใต้ร่างออกจนหมด แล้วแหวกสาบเสื้อทั้งสองข้างออก เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาจากปากอยู่แล้ว “ที่จริง...ผมก็อยากให้พี่จำจูบของผมมากกว่านะ” เขาค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปแต้มจูบกลีบปากที่ยังเห่อบวมเล็กน้อยจากตอนที่พวกเขาจูบกันเมื่อครู่ ค่อยๆ จูบไล้ผ่านสันกราม และลำคอขาวลงไปช้าๆ  พลางกระซิบถามไปด้วย “ตรงนี้แล้วก็ตรงนี้ใช่มั้ย”

เรียวปากของเด็กหนุ่มที่สัมผัสลงมาบนผิวกายทำให้รวินท์สะดุ้งตัวเล็กน้อยราวกับถูกของร้อน เขาเบี่ยงใบหน้าไปอีกทางให้คนบนร่างจูบไซ้ได้อย่างสะดวก เริ่มต้นก็เหมือนจะดี เขาเกือบจะฟินแล้ว แต่ไปๆ มาๆ จูบเปะปะแบบนั้นก็ชักจะเหมือนลูกสุนัขที่ยังไม่หย่านมไปสักหน่อย

คนอ่อนวัยกว่าผู้ด้อยประสบการณ์จูบลงไปบนผิวขาวบางเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขากลัวจะทำให้ผิวของพี่วินเป็นรอย แต่กว่าจะไล้ริมฝีปากผ่านลงมาถึงแผ่นอก... เขาก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัวแล้ว เหมือนเลือดทั้งตัวพุ่งมารวมกันอยู่ที่ปลายจมูก กำเดาจะไหลออกมาเป็นเขื่อนแตกอยู่รอมร่อ

แต่แล้วจู่ๆ รวินท์ก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “พอเหอะ จั๊กจี้ว่ะ”

ภูพิงค์ผงกศีรษะขึ้น “ไอ้พี่วิน! ผมเสียฟอร์มหมด!”

“โทษๆ” ทว่าก็ยังหัวเราะไม่หยุด

“ตรงไหนอีก”

“พอแล้ว ไม่ต้องจูบแล้วโว้ย”

“ทำไมวะ”

รวินท์พลิกตัวคว่ำหน้าลง “บอกแล้วไงว่าจั๊กจี้”

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คนอ่อนวัยกว่าเลยนอนทับคนใต้ร่างลงไปซะเลย จากนั้นจึงจั๊กจี้เอวต่อ จากฉากเรตกลายเป็นปัญญาอ่อนไปได้อย่างไรก็ไม่รู้

“พอแล้ว ฮ่าๆ” ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะลั่น ก่อนจะหอบหนักๆ “หนักโว้ย ลงไปได้แล้ว”

ภูพิงค์ขยับออกไปนอนข้างกัน เขาใช้แขนข้างหนึ่งยันศีรษะไว้ “ยังจูบไม่หมดเลย”

“เอาไว้วันหลังเหอะ ตอนนี้หิวแล้วอะ ตั้งแต่มาถึงกรุงเทพฯ นี่ ยังไม่ได้กินอะไรเลย”

“แล้วทำไมไม่กินล่ะวะ มัวแต่ดราม่าอยู่อะดิ เห็นมะ ไปหาผมแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”

“ถ้าไปหาคุณแต่แรก ผมคงยังไม่ได้รู้ว่าคุณชอบผม” รวินท์ยกมือขึ้นลูบไรเคราบางๆ บนสันกราม แล้วบีบปลายจมูกอีกฝ่าย “ชอบขนาดที่อุตส่าห์ตามมาหาผมจากเชียงใหม่เลยนะเนี่ย”

“ปลื้มอะดิ”

“อือ”

“โชคดีที่ไอ้พวกนั้นมันขยันโทรมาที่บ้านพี่ให้ ไม่งั้นพ่อพี่กับพี่ชายพี่คงจับผมส่งตำรวจไปแล้วแหงๆ”

“ขอบใจที่มานะ ขอบใจทุกคนด้วย”

เด็กหนุ่มวางมือประกบลงบนหลังมืออีกฝ่าย “พี่วิน คือ... ผมได้ยินจากพี่นิ้งว่าพี่จะลาออกจากโรงบาล จริงรึเปล่า”

“ก็คิดอยู่ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ”

“ตอนที่ผมได้ยินข่าวมา ตกใจแทบตาย โทรหาพี่เป็นร้อยหนได้มั้ง แต่พี่ก็ปิดมือถือ”

“ไม่ได้ปิด แต่มือถือหายไปไหนไม่รู้ ผมคิดว่าไอ้เต้มันเอาไป แต่เครื่องล็อกอยู่คงไม่เป็นไร” รวินท์พูดเสียงเศร้า “เสียดายรูปของเรา...”

“ไม่เป็นไรหรอก รูปตอนเราไปเที่ยวกันในเครื่องผมก็มี แล้วก็เอาไว้ถ่ายกันใหม่กันอีกเยอะๆ เลยก็ได้ เรายังมีเวลาอีกตั้งมากมาย” เด็กหนุ่มจับมือของรวินท์ขึ้นมาแนบจูบ “อยู่ต่อเถอะนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องไอ้พี่เต้ เดี๋ยวผมกับเพื่อนๆ จะเทคแคร์ให้เอง จะจัดให้หนัก เอาให้อยู่ไม่ได้เลย”

รวินท์จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบ แล้วเลิกคิ้วขึ้น “เดี๋ยวก่อน จะไปรุมอัดมันเหรอ”

“เอาให้แม่งคลานกลับกรุงเทพฯ ไม่มีหน้ากลับไปลำพูนอีกเลยเลย” ภูพิงค์พูดเสียงเข้ม

“อย่านะเว้ย! ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง มันก็เป็นเพื่อนผม เราเคยมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา”

“พี่ยังนับคนแบบนี้เป็นเพื่อนอีกเหรอวะ ไปกูเกิลอ่านความหมายของคำว่าเพื่อนใหม่นะ” ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมาช้าๆ “เพื่อนเขาไม่วางยาเพื่อน ไม่คิดร้ายกับเพื่อนหรอกนะพี่”

“ก็จริง” ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งขรึมไปชั่วครู่ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายืดยาว เขาหันหน้าไปสบสายตากับภูพิงค์ “ตอนที่ผมสลบไป ที่จริงมันจะทำอะไรกับผมก็ได้ แต่เพราะคำว่าเพื่อนอาจจะมีความหมายอยู่บ้างสำหรับมัน มันถึงได้หยุดไป”

“พี่มองโลกในแง่ดีไปแล้ว ขี่ม้ายูนิคอร์นวิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์เหรอวะ”

รวินท์หัวเราะเจื่อนๆ “ผมคิดว่าควรจะไปคุยกับมันให้เข้าใจ ถ้ามันไม่เปลี่ยนใจ ผมจะค่อยคิดเรื่องลาออกอีกทีแล้วกัน”

เด็กหนุ่มยิ้มบาง พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่าย “พี่วินเข้มแข็งกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก ถ้างั้นช่วงปิดเทอมนี้ผมจะไปค้างกับพี่บ่อยๆ นะ หรือถ้าพี่อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง พี่ก็มาค้างกับผม แบบนี้ดีมั้ย”

“ผมน่ะขับไปกลับทุกวันยังไหว แต่คุณจะไหวเหรอ ขี่มอเตอร์ไซค์อันตรายด้วย”

“บิ๊กไบท์นะเว้ยพี่ ขี่ไปหาแฟนทั้งคน แค่สี่สิบกิโลนี่จิ๊บๆ” ภูพิงค์หัวเราะ “แต่พี่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะเอารถที่บ้านขึ้นไปใช้ พ่อแม่ผมเคยบอกให้เอาไปใช้หลายทีแล้ว เพราะไม่ค่อยอยากให้ขี่มอไซค์เหมือนกัน”

“แล้วกะจะเอาขึ้นไปยังไง”

“ก็คงขับไปกับพ่อมั้ง แล้วให้พ่อนั่งเครื่องกลับ”

“อือ... ถ้างั้น... เอาแบบนี้มั้ย ยังไงอาทิตย์หน้าผมก็ลาไปแล้ว คุณเองก็ปิดเทอม เราค่อยๆ ขับขึ้นไปเชียงใหม่กันเองก็ได้”

“โห กลัวผมไม่มีรถขับไปหาใช่มั้ย”

“เออ” รวินท์ยิ้มมุมปาก “แล้วก็จะได้แวะเที่ยวตามทางด้วยไง”

“เอางั้นก็ได้พี่ เดี๋ยวผมจะรีบคุยกับที่บ้านนะ ยังไงวันนี้ก็จะกลับบ้านอยู่แล้วด้วย”

“บ้านคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”

“ไกลจากบ้านพี่เยอะเหมือนกัน แต่ผมว่าพี่ควรจะอยู่คุยกับพ่อแม่พี่ๆ ของพี่ก่อนนะ ดูทุกคนเป็นห่วงมากเลย”

“นั่นสินะ เดี๋ยวตอนเช้าผมจะออกไปคุยกับทุกคน...”

“หาเหตุผลดีๆ ล่ะ อธิบายให้ทุกคนเข้าใจนะ ว่าที่พี่มาเนี่ย ไม่ใช่เพราะพี่เป็นคนเหลาะแหละ แค่ถอยมาตั้งหลักเฉยๆ”

รวินท์หลุบตาลงต่ำ พลางพยักหน้า “ถ้างั้นคุณอยู่รอผมได้มั้ย แล้วเราค่อยไปบ้านคุณด้วยกัน”

“ได้ดิ ผมจะได้พาพี่ไปให้ที่บ้านรู้จักด้วย น้องสาวผมเห็นพี่ มีหวังน้ำลายฟูมปากแหง”

“ผมเป็นยาเบื่อเหรอวะ” ทันตแพทย์หนุ่มยกขาถีบ “พิงค์ ผมหิว”

“เออๆ รู้แล้ว จะลงไปครัวใช่มั้ย”

“ทำไรให้กินหน่อยนะ”

คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้า “อือ พาไปห้องครัวทีสิ”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 10-04-2018 13:59:20


สองหนุ่มก้าวออกจากห้องอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ทำเสียงดังให้คนในบ้านตกใจ จากนั้นจึงเดินลงบันได ตรงไปยังห้องครัวกัน

รวินท์เองก็ไม่เคยเข้าครัวที่บ้านมาทำกับข้าว เขาจึงเปิดตู้หาของกินไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ที่ตู้อาหารแห้ง “กินอะไรดี”

เด็กหนุ่มก้าวเข้ามายืนประกบด้านหลัง พลางเอื้อมมือไปหยิบห่อบะหมี่สะเร็จรูปมา “มาม่าใส่ไข่มั้ย”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับ “อือ มาม่าก็ได้”

“โอเค” แล้วภูพิงค์ก็ผละออกไปควานหาหม้อต่อ

รวินท์ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม คือแบบ... ที่เขายังยืนงงอยู่เนี่ย ไม่ใช่เพราะตกใจที่จู่ๆ ภูพิงค์ก็เข้ามาประกบข้างหลัง แต่คือคนเป็นแฟนกันน่ะ ปกติถ้าเริ่มด้วยท่านี้แล้ว มันก็มักจะตามมาด้วยฉากโรแมนติกป่ะวะ

แต่ไม่เป็นไร พิงค์อาจจะนึกไม่ถึง เพราะงั้นเขาเริ่มเองก็ได้

ทันตแพทย์หนุ่มมองไปที่คนอ่อนวัยกว่าซึ่งตอนนี้กำลังย่อตัวลงนั่งยองๆ หน้าตู้เพื่อรื้อหาหม้อ เขาเดินเข้าไปย่อตัวลงประกบหลังและกอดคอเด็กหนุ่มไว้หลวมๆ ขณะที่โน้มใบหน้าเข้าไปเพื่อจรดปลายจมูกลงบนแก้ม คนในอ้อมแขนก็หันขวับมาทางเขา แล้วยังทำตาขวางใส่

“เล่นอะไรวะพี่ แค่ผมหาหม้อนานหน่อยแค่นี้ถึงกับจะฆ่าแกงกันเลยรึไงวะ”

รวินท์คิ้วกระตุก มือที่กอดคออยู่เปลี่ยนเป็นล็อกคอแทนโดยอัตโนมัติ “เออดิ เร็วๆ หน่อย หิวจะตายอยู่แล้ว”

“เจอหม้อแล้ว ปล่อยดิ จะได้รีบต้ม” คนอ่อนวัยกว่าลุกขึ้นพรวด ดึงแขนคนที่ล็อกคอเขาอยู่ให้ลุกขึ้นมาด้วย “ไปนั่งรอ อย่าเกะกะ” พูดจบก็แกะแขนทันตแพทย์หนุ่มออก เอาหม้อไปตั้งไฟไว้แล้วก็ย้ายไปรื้อของในตู้เย็น ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนเงิบอยู่เพียงลำพัง

เออ คำว่าโรแมนติกอะเหรอ เขาคงหวังจากพิงค์ไม่ได้หรอก

“มีไส้กรอกด้วย พี่วินกินมั้ย”

“กิน” ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเตรียมอาหารอย่างเซ็งๆ

“จะนั่งกินตรงนี้เหรอ”

“ไม่อะ ร้อนจะตาย เอาไปกินบนห้องดีกว่า”

“โอเค เดี๋ยวผมหาชามแป๊บ” เด็กหนุ่มหาถาดและชามมาวางเรียงไว้ ไม่นานมาม่าก็สุก เขาจัดการเทใส่ชาม หยิบช้อนกับตะเกียบมาวางไว้พร้อม

รวินท์เดินไปเปิดตู้หยิบแก้ว ตามด้วยเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมา จากนั้นพวกเขาก็เตรียมจะเดินกลับขึ้นห้องนอน

ทว่าพอจะก้าวออกจากครัวก็เห็นมารดายืนอยู่ที่ประตู

“อ้าว แม่ยังไม่นอนเหรอ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มรับ

“ได้ยินเสียงในครัวเลยลงมาดูน่ะ หิวกันเหรอลูก”

“ครับ แต่พิงค์ต้มมาม่าให้แล้ว”

มารดาส่ายหน้าไปมา “มีอย่างที่ไหนเนี่ย ให้แขกมาต้มมาม่าให้”

ภูพิงค์ชิงตอบ “ผมชินแล้วครับ พี่วินจิกใช้อยู่บ่อยๆ จิกเก่งกว่าไก่ก็พี่วินนี่แหละ”

เจ้าของชื่อเรียกยกขาเตะอีกฝ่ายไปเบาๆ “เก็บปากไว้ผ่าฟันคุดที่เหลือเหอะ”

มารดาหัวเราะ ได้เห็นรวินท์สดชื่นขึ้นเธอก็สบายใจขึ้นมาบ้าง “วินไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ยลูก”

“ไม่เป็นไรแล้วครับแม่ เดี๋ยวสักสายๆ ค่อยคุยกันนะ”

“จ้ะ” มารดาหันไปทางภูพิงค์ “แล้วพิงค์จะนอนที่ไหน แม่เปิดห้องพักแขกให้เอามั้ย” หากรวินท์รีบพูดขึ้นแทรก

“ไม่ต้องหรอกครับ เขานอนกับผมได้”

“เอ้า ก็ตามใจ งั้นกินเสร็จก็รีบนอนกันได้แล้วนะลูก ตีสามกว่าแล้วเนี่ย”

“ครับ” รวินท์เดินนำหน้าออกไป ขณะที่เด็กหนุ่มถือถาดใส่อาหารเดินตามหลังไปต้อยๆ มารดาของรวินท์ก็สะกิดบอก

“ขอบใจนะพิงค์”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี”


หลังจากกินบะหมี่สำเร็จรูปกันอิ่มท้อง ภูพิงค์ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความไปรายงานเพื่อนๆ ว่าเขาได้คุยกับพี่วินเรียบร้อย จากนั้นจึงไปอาบน้ำ เขาเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงขายาวของรวินท์ พอก้าวออกจากห้องน้ำมาก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง ซึ่งเจ้าของห้องนั่งเอนหลังพิงหมอนเล่นโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่

ภายในห้องมีแสงไฟเพียงสลัวจากโคมไฟตรงหัวเตียง แสงสีนวลของมันฉาบไล้เสี้ยวหน้าของทันตแพทย์หนุ่ม จากจุดที่ยืนอยู่เขาสามารถเห็นขนตายาวเป็นแพบนดวงตาคู่หวาน รอยยิ้มน้อยๆ ของรวินท์สะกดให้เขายืนนิ่ง แล้วจ้องมองอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น
แฟนกูจริงๆ เหรอวะเนี่ย ทำไมน่ารักแบบนี้วะ


อย่างกับฝันไป คิดแล้วก็เขินวุ้ย


รวินท์เงยหน้าขึ้นมอง “ยืนบิดไปบิดมาทำอะไร นั่งดิ”

“เอ้อ...” ภูพิงค์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแบบเขินๆ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงตรงที่ว่างข้างคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว “ไม่ง่วงเหรอวะพี่”

“ไม่หรอก หลับๆ ตื่นๆ มาทั้งวันแล้ว”

รวินท์วางโทรศัพท์ในมือลง พลางขยับเข้าไปหาเด็กหนุ่ม แล้วเอนตัวซบศีรษะลงบนแผ่นหลัง เขายังไม่ทันจะยกแขนขึ้นโอบกอด ก็ดันได้ยินเสียงหัวใจที่จู่ๆ ก็เต้นรัวแรงขึ้นของอีกฝ่าย เป็นผลให้หลุดหัวเราะออกมา

“หัวเราะไรวะ!” เด็กหนุ่มหันกลับมาโวยวาย ใบหน้าซับสีเลือด

“โทษๆ” ปากบอกเช่นนั้นแต่ก็ยังหัวเราะไม่หยุด

“หยุดหัวเราะได้แล้วเว้ย อยู่กันสองคนในห้องกับแฟน ผมจะตื่นเต้นบ้างก็ไม่แปลกป่ะวะ”

“เมื่อกี้ตอนกอดในครัวไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยอะ”

“มันไม่เหมือนกันมั้ยวะ นั่นมันห้องครัว กำลังยุ่งๆ อยู่ด้วย แต่นี่มันห้องนอน อยู่บนเตียงอีกต่างหาก”

“อ่อ... งั้นผมขอลองอีกทีนะ” ทันตแพทย์หนุ่มโน้มใบหน้าลงไปแนบกับแผ่นอก พอได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมครามถล่มทลายก็ยิ้มอย่างพอใจ “คิดอะไรทะลึ่งอยู่แหงๆ”

“เปล่านะเว้ย!” เด็กหนุ่มรีบแก้ตัว

รวินท์หัวเราะร่วน “พิงค์นี่น่ารักจริงๆ เลยน้า”

“ไม่เท่าพี่หรอก” ภูพิงค์ก้มลงมองศีรษะที่ก้มงุดอยู่กับอกตน สองมือกระตุกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต เขาควรจะทำไงดีวะ กอดดีมั้ย หรือลูบผมก่อนดี ขณะที่กำลังลังเล อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับค่อยๆ ยืดตัว ยื่นใบหน้าเข้ามาแต้มจูบเรียวปากตน
จูบครั้งนี้เนิบนาบและอ่อนโยนเป็นพิเศษ รวินท์ผลักเด็กหนุ่มให้เอนหลังลงนอน แล้วขยับขึ้นไปทาบทับ

คนใต้ร่างซึ่งอ่อนกว่าทั้งอายุและประสบการณ์ครางอือในลำคอ เขายกแขนขึ้นโอบกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ ในระหว่างที่สองลิ้นพันพัว เขาก็จ้องมองใบหน้าของคนรักที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย พอมาถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า เขาจะกำลังจูบกับหนุ่มฮ็อตอย่างพี่วินอยู่

รวินท์ปรือตาขึ้น ก่อนจะชะงักเมื่อประสานสายตากับเด็กหนุ่ม เขาถอนริมฝีปากออกช้าๆ “จ้องอะไรนัก”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นไล้แก้มคนบนร่าง “จ้องแฟนอะดิ”

“แล้วเห็นอะไรบ้างล่ะ”

“เห็นความน่ารัก” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง

“แล้วความหล่อไม่เห็นรึไง”

“เห็น แต่ความน่ารักมีมากกว่า พี่วินน่ารักมากๆ เลยรู้ป่ะ น่ารักซะจน... ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่จะยอมเป็นแฟนกับหมาวัดอย่างผม”

ทันตแพทย์หนุ่มเขกหน้าผากคนใต้ร่างไปเบาๆ “พูดอะไรน่ะ เราตกลงด้วยกันว่าจะคบกันไม่ใช่รึไง”

“แต่สำหรับผมมันก็ยังไม่น่าเชื่ออยู่ดี”

“ผมก็เหมือนกันนั่นล่ะ”

“พี่วิน...” ภูพิงค์กดศีรษะของทันตแพทย์หนุ่มเข้ามาแนบอก “ไม่ได้เจอพี่หลายวัน คิดถึงใจแทบขาดเลยรู้มั้ย”

“ผมก็คิดถึงคุณนะ ไม่มีใครกวนประสาทเลย เหงาเป็นบ้า”

เด็กหนุ่มหัวเราะ “ต่อจากนี้ไปผมจะกวนพี่ทุกวันเลย”

รวินท์อมยิ้ม “โห ซึ้งเลย”

คนอ่อนวัยกว่าผงกศีรษะขึ้นกระซิบ “ขอผมกอดพี่ให้หายคิดถึงหน่อยได้มั้ยอะ”

“ได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องขอเลย”

เมื่อได้รับคำตอบมาเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ พลิกตัวคนในอ้อมแขนให้เอนหลังนอนลงไปบนเตียง

รวินท์ประสานสายตากับคนที่ขยับขึ้นมาคร่อมบนร่าง ความใกล้ชิดทำให้ลมหายใจขาดห้วง เขาขยุ้มเสื้อของภูพิงค์ไว้แน่น ขณะที่เด็กหนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ “พิงค์...”

เจ้าของชื่อเรียกเอื้อมมือไปกดปิดสวิตช์ไฟที่หัวเตียง แล้วก้มลงจูบหน้าผากของรวินท์ แขนข้างหนึ่งให้ทันตแพทย์หนุ่มใช้หนุนนอน ส่วนแขนอีกข้างโอบกอดอีกฝ่ายไว้ “ฝันดีนะพี่วิน”


ฮะ!?


เดี๋ยวสิวะ! แค่นี้เหรอ?


รวินท์นอนกะพริบตาปริบๆ อยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม ที่บอกว่าจะขอกอด แม่งก็กอดจริงๆ กอดล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นปน พวกเขาอุตส่าห์มีโอกาสได้สวีตกันตามลำพังทั้งที ไม่คิดจะทำอะไรมากไปกว่ากอดจูบเลยเรอะ!

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ เขาหันไปหาคนที่นอนอยู่ข้างกัน แล้วจึงขยับเข้าไปซุกใบหน้าลงในอ้อมแขนอบอุ่น


*TBC*


มีแฟนสดซิง แถมยังซื่อบื้อ ก็ต้องอดทนหน่อยอะนะพี่วิน /ตบบ่าให้กำลังใจ

ค่อยๆ สอนน้องไปนะ เด็กมันเรียนรู้ไว 55555555555555

หลังจากเครียดกับเนื้อเรื่องมาช่วงนึงก็จะเข้าช่วงผ่อนคลายเบาๆ นะคะ แล้วจะมีดราม่าอีก คราวนี้ก็จะเป็นตาของหมอเต้แล้วก็น้องพิงค์บ้างค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่ต้องเตรียมรองเท้าไว้ปาฮัสกี้แต่อย่างใด หมดช่วงรับโปรโมชั่นแร้วววว 55555

หมอวิน หมอเต้ และน้องพิงค์ ทุกคนต่างมีข้อเสียในตัวเอง หมอวินได้รับบทเรียนไปแล้วหนึ่ง ยังเหลืออีกสองหน่อ หมอเต้ยังต้องได้รับบทเรียนจากการกระทำของตัวเอง ส่วนน้องพิงค์ ความขี้หึงและซื่อบื้อก็เป็นเรื่องได้ แต่จะเป็นยังไงก็ขอให้ติดตามกันต่อไปนะคะ 55555555 

ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนมากค่ะ  :mew1:

ปล. เรื่องนี้หมอเต้ไม่มีคู่ค่ะ แต่หมอเต้เป็นพระรองของเรื่องนี้นะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-04-2018 14:29:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

ในที่สุด  เขาก็เปิดปากบอกความในใจกันสักที

ว่าแต่  นุ้งพิงค์นี่สุภาพบุรุษมากเด็กน้อยสุด ๆ  ส่วนอีพี่วินก็นะ อยากให้เขาทำอะไรมากกว่านั้น แต่ก็ดันนิ่งเฉย  เฮ้อ  รุกเองเลยสิรอทำไม 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-04-2018 14:29:39
สู้ๆนะพี่วิน น้องพิงค์ยังซื่อๆใสๆอยู่เลย 5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-04-2018 14:32:14
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-04-2018 14:43:47
แอร๊ยยย  ระเบิดตัวเป็นโกโก้ครั้นช์เลยจร้า :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 10-04-2018 14:46:18
 :katai1: บทจะช้าก็เหมือนหนังแขกวิ่งรอบเขาเป็นลูกๆ บทจะเร็วก็ไวปานวอก555 ตอนนี้ชักหมั่นไส้พิงค์ละ ไอ้หน่อมแน้มเอ้ย ไก่อ่อนชมัด หมอสอนหน่อยสินะนะนะ 5555555 สรุปแล้วใครจะกดใครล่ะทีนี้ ไอ้ที่จะกด ก็ทำไม่เป็น 555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-04-2018 15:31:52
หมอเต้เขาก็น่าสงสารนะคะ ถึงจะทำเกินกว่าเหตุไปบ้าง ขอบทลงโทษอย่าหนักมากนะคะไรท์ สงสารหมอเต้จริงๆ นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 37 : ตามหัวใจ][050418]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-04-2018 15:35:59
กมาน้อยมากอ่าา น้องพิ้งค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: aunchi ที่ 10-04-2018 15:44:19
เอิ่ม ซึ้งในความรักของทั้งสองคนนะ
แต่ก็ปนไปกับความฮาและความสงสาร
สงสารหมอวินในความซื่อบื้อของน้องพิงค์
แล้วก็ฮาในความไม่ประสาของน้องพิงค์อีกนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 10-04-2018 15:59:22
อ่านไปอ่านมาเหมือนหมอวินจะเคะ พิงค์จะเมะเราเข้าใจถูกเปล่าวะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 10-04-2018 16:06:39
ยังเชียร์ #พิงค์วิน นะ55555 อิพี่หมอต้องโดนกด  :z1: :z1: :z1: :z1:

จะได้หายซ่าเนอะ  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-04-2018 16:18:18
 :z1:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-04-2018 16:39:15
แอร๊~
ฟินไปสามโลก
 :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 10-04-2018 17:04:20
โอยน่ารักมากค่ะตอนนี้ไม่ต้องncหรอกค่ะแบบนี้ก็จะหวานตายแล้วค่ะ
น่ารักใสๆสไตล์พิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 10-04-2018 17:33:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-04-2018 18:51:51
ค่อยเป็นค่อยไปนะหมอ ไม่ต้องรีบ น้องเดินทางมาเหนื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 10-04-2018 19:49:36
ลุ้นว่าเตียงจะสั่นไหม โธ๊ะไม่สั่น  :katai4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-04-2018 19:54:46
พอบทจะเข้าใจกันก็เข้าใจแบบง่ายๆเลยดีๆๆๆ แต่พิงค์หนูซื่อบื้อไปหน่อยนะลูก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-04-2018 20:11:19
บทจะได้เป็นแฟนก็เป็นง่ายๆ
ขำพิงค์ทำพี่วินค้างๆคาๆ  (เด็กมันไม่แก่แดดเหมือนพี่วิน)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 10-04-2018 20:18:10
ชั้นกรีดร้องเหมือนคนบ้าเลยตอนนี้น่ารักมากกกกเขินมากด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-04-2018 20:48:12
พี่วินต้องสอนพิงค์อีกเยอะ จะรอให้น้องมันรุกก่อนสงสัยใจขาดพอดี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 10-04-2018 20:52:06
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-04-2018 20:57:53
พี่วินขี้อ่อยอ่ะ แต่น้องพิงค์ยังซิงเลยบื้อไปหน่อย โอ๊ยขัดใจแม่ละเกิน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 10-04-2018 21:22:06
วิน น้องยังเด็ก 5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 10-04-2018 21:24:27
พี่หมอมีความรีบนะคะ
ให้น้องได้เรียนรู้ก่อน
รับรองงง  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-04-2018 21:25:05
บทจะเผยความในใจก็รวดเร็ว 555555 น้องพิงค์ไม่เป็นงานเลยลูก ต้องค่อยๆเรียนรู้นะ พี่วินใจร้อนชิงสุกก่อนห่ามมากี่คนแล้ว รอน้องไปศึกษามาก่อนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-04-2018 21:30:44
ใจเชียร์ให้พี่วินเมะ เพราะอยากเห็นนัองโดนกด 555 แต่พออ่านไปอ่านมาเหมือนพี่วินจะโดนน้องกดซะละมั้ง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-04-2018 21:34:09
มีแฟนเด็กใสซื่อ เชี่ยวๆอย่างพี่วินก็ต้องแบ้วตามล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 10-04-2018 21:40:49
..


 :pig4:  :pig4:  :pig4:

พี่วินได้คนปลอบใจแล้ววว.

น้องพิงค์หัวไวเดี๋ยวก้อเป็นงานนะ

..



หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-04-2018 22:24:25
ชอบบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
“แต่ผมไม่มีนมด้วยนะ”

“ผมมักน้อย พี่มีแค่ไหนก็เอาแค่นั้นแหละ”
“แล้วพี่ล่ะ คิดยังไงกับผม ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แถมยังมีฟันคุดเหลืออีกสามซี่ด้วย ชอบผมบ้างสักนิดรึเปล่า”

“ไม่นิด...”
“หือ?”

“ผมชอบคุณ ชอบมาก... ชอบจนเจ็บฉิบหาย เจ็บไปหมด”
“ชอบยังไงถึงเจ็บวะ”

“ก็ผมนึกว่าผมชอบคุณอยู่ข้างเดียวนี่หว่า”
“งั้นเราก็ใจตรงกันแล้ว... แบบนี้เรียกว่าแฟนกันได้ยัง”
“เออ เป็นก็เป็น”
“ต่อไปก็อย่าทำให้ผมหึงบ่อยนักนะ ผมก็เจ็บเป็นเหมือนกัน”

พิงค์ทำดี ประสบการณ์ไม่มี  เดี๋ยวพี่วินสอนให้   :o8: :-[ :impress2:
พิงค์   วิน    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: slurpeez-69Nes ที่ 10-04-2018 22:29:32
นึกว่าจะได้โล้สำเภากันซะแล้ววว วววว

คบเด็กซิงๆอยู่ก็อย่างงี้เหละคะพี่หมอ!!!!  แต่เด็กมันร้ายยย  เดี๋ยวก็เป็นงานนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 10-04-2018 22:47:34
กว่าจะได้เป็นแหนก็ว่าช้าแล้ว เรื่องอย่างว่าคงไม่รอถึงตอนจบหรอกนะ หมอวินหงำเหงือกพอดี5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 10-04-2018 22:47:50
กว่าจะได้เป็นแหนก็ว่าช้าแล้ว เรื่องอย่างว่าคงไม่รอถึงตอนจบหรอกนะ หมอวินหงำเหงือกพอดี5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 10-04-2018 22:48:40
“ผมมักน้อย พี่มีแค่ไหนก็เอาแค่นั้นแหละ” ชอบประโยคนี้ ฮาเลย น๊มน่มแบนๆพิงค์ก็พอใจแล้ว ส่วนพี่วิน ใจเย็นๆนะค่อยๆทำให้เด็กมันดูไป
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 10-04-2018 22:53:08
โถ.... พี่หมอวินสุดฮอทของน้อง   :z3:  กลายเป็นคนมีความต้องการสูงไปเสียได้  หรือเพราะเป็นพิงค์ (ที่เป็นคนความต้องการติดลบ) เลยเป็นแบบนี้   :เฮ้อ:    สู้ ๆ นะคะ  ให้โอกาสเด็กมันบ้าง


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-04-2018 22:59:01
เด้กน้อยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 10-04-2018 23:00:22
มดขึ้น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-04-2018 23:14:52
พอเปิดอกคุยกันก็เผยกันหมดเปลือกเชียว น่ารักวุ้ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-04-2018 00:45:43
พิงค์ซื่อ(บื้อ)ขนาดนี้ พี่วินคงต้องเหนื่อยหน่อยแล้วละ
ค่อยๆสอน ค่อยๆชี้นำไปนะพี่วินนน
ไม่ก้ทำให็เด็กมันดูไปเลยยย น้องมันจะได้ค่อยๆซึมซับไปปปป
แต่สถานการณ์เป็นใจขนาดนี้ก้สมแล้วที่พี่วินจะเสียดายอะ
น้องพิงค์คนซื่อออออ
หมดดราม่าไปหนึ่งแล้ว เหลืออีกสอง
แต่ก่อนจะเริ่มดราม่าอื่นๆ ขอความสวีทแบบรู้ใจแล้วจงคืนกลับมาาาค่ะ
คิดถึงตอนเค้าสวีทกันน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 11-04-2018 00:48:34
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 11-04-2018 00:56:24
ความอ่อนต่อโลกของพิงค์นี้555555

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 11-04-2018 10:00:26
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 11-04-2018 11:50:16
กลับเข้ามาอ่านตอนล่าสุดอีกรอบชอบมากกกกเขินหนักมากแอบสงสารหมอวินท์น้องแอบซื่อไปนิดหมอต้องเทรนน้องบ่อยๆนะคะชอบมากๆนะคะไรท์ขอบคุณมากๆที่แต่งนิยายดีๆให้เราอ่านและมีความสุขมากๆเช่นกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-04-2018 12:09:36
55555 ดับฟินดับฝันหลายรอบนะพิงค์
หมอวินท์ก็เก้อลอยลมไปเหอะค่ะ ก็นะ คนมือใหม่
แถมคิดไม่ซื่อ แต่ไม่กล้าทำ แล้วยังอ่อนประสบการณ์
เข้าใจกันแล้ว ก็วอแวกันมากเลยนะ น่ารักจริงค่ะ

เต้ วินท์ยังเห็นเต้เป็นเพื่อนนะ ถึงจะทำร้ายกันมาหลายครั้ง
ไม่สงสาร แต่เห็นใจในความรักที่ไม่สมหวังนี้ ทั้งที่อยู่ใกล้กว่า
เต้อย่าทำร้ายตัวเองและความเป็นเพื่อนมากกว่านี้เลยนะ

เอิ่มมมม พิงค์ยังจะเหตุจากความบื้ออีกหรอ เพลียใจรอเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 11-04-2018 12:45:29
เด็กน้อยอ่อนประสบการณ์ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 11-04-2018 18:48:47
5555 พี่วินกลายเป็นคนหื่นไปเลยอะ เจอพิงค์เป็นแบบนี้ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-04-2018 10:30:07
หมอ ต้องใจเย็น ขอน้องมันเรียนรู้แผล๊บบบ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 12-04-2018 19:54:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 12-04-2018 20:57:31
ขำอ่ะ  โอ้ยยยยยพิงค์ พี่วินอ่อยแล้วอ่อยอีกก็ไม่ขึ้นซักที ขำไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 12-04-2018 21:51:41
พอเปิดใจคุยกันก็เป็นแฟนกันซะแล้ว บทจะรู้ตัวก็เร็วจริงๆ แต่ดีแล้วล่ะค่ะ อย่าห่างกันนานไปกว่านี้เลย คนอ่านจะขาดใจซะก่อน อ้อ ไม่ยอมให้หมอวินอภัยให้หมอเต้ง่ายๆหรอกนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-04-2018 19:40:19
บอกความในใจกันแล้ว เป็นแฟนกันซะที :mc3: พี่วินถ้าจะหาความโรแมนติคจากพิงค์มันยากนะ ต้องสอนอีกเยอะอ่ะพี่ สอนน้องมันหน่อยเด็กมันยังใสซิง :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-04-2018 22:24:07
เป็นแฟนกันแล้ว :mc4: :mc4:
นี่ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนพิงค์ชอบเป็นแฟนเด็กแวนซ์ ก็อยากจะเอาไปคู่พี่เต้


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 17-04-2018 00:18:18
 :pighaun: :pighaun: ไม่มาสักที  ลงแดงแล้ว :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-04-2018 00:24:47
มารออ่านอยู่นะจ๊ะ แต่ไรท์ไม่รู้บ้างเลย 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 17-04-2018 16:57:36
Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์


รวินท์ตื่นขึ้นมาในตอนเกือบเที่ยงของวัน เขาค่อยๆ ย่องออกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เพราะอยากให้เด็กหนุ่มได้นอนพักอีกสักนิด

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินมานั่งลงบนเตียง เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่า หากเมื่อเด็กหนุ่มได้กลิ่นหอมจากตัวเขาก็สะลึมสะลือลุกขึ้นมาฉุดแขนเขาพร้อมกับดึงตัวเข้าไปกอด

“หอมอะ”

“ก็เพิ่งอาบน้ำไง”

ภูพิงค์จรดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มของคนที่อยู่ในอ้อมแขน สูดกลิ่นหอมเข้าปอดฟอดแล้วฟอดเล่า “อือ ตื่นมาแบบนี้ฟินกว่าตื่นมาเจอไอ้ซันนอนชักธงมากมาย”

“โห ช่างเปรียบเนอะ นี่แฟน นั่นเพื่อนเว้ย”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “แฟน... ฟังแล้วชื่นใจชะมัด” แล้วก็หอมแก้มอีกฝ่ายต่อ

รวินท์หันไปหอมแก้มคืนบ้าง เขาจะได้ไม่เสียเปรียบ “พิงค์นี่น่ารักแต่เช้าเลยน้า~” แต่แล้วพอหันไปเห็นนาฬิกาก็เลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ย! มันจะเที่ยงแล้วนี่หว่า ผมต้องลงไปข้างล่างแล้ว”

“เออ จริงด้วย ลืมไปเลย ป่านนี้พ่อแม่พี่ๆ ของพี่วินรอจนเหนื่อยแล้วเนี่ย”

“แต่คุณจะนอนต่อก็ได้นะ เดี๋ยวผมขึ้นมาปลุก”

“ไม่เอาอะ ผมจะไปด้วย พี่รอแป๊บนะ เดี๋ยวผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

“จะไปด้วยจริงๆ อะเหรอ” รวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มรู้ตัวหรือเปล่า การที่จะไปคุยกับบิดามารดาเขาเรื่องส่วนตัวแบบนี้ มันบ่งบอกกลายๆ ว่าพวกเขาก็มีความสัมพันธ์กันแบบไม่ธรรมดานะเว้ย

ภูพิงค์วางมือประกบลงบนศีรษะอีกฝ่ายแล้วจับโยกไปโยกมาเบาๆ “ไปดิ ผมเป็นแฟนพี่นะ ผมสัญญาว่าจะอยู่ข้างๆ พี่ไง”

ทันตแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นประสานสายตาด้วย “งั้นเดี๋ยวจะหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยนนะ”

“ขอบคุณคร้าบ”

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว พวกเขาก็เดินลงไปชั้นล่างพร้อมกัน   


ในห้องนั่งเล่นนั้น บิดามารดาและพี่ๆ ของรวินท์นั่งอยู่ครบ แต่พวกเขาไม่กระวนกระวายเท่าเมื่อวานแล้ว พวกเขานั่งดูซีรีส์ไปเรื่อยๆ กินขนมกันไป ระหว่างที่รอให้สองหนุ่มลงมา

“เอ้า มากันแล้ว” วิวเอ่ยทักเป็นคนแรก

“ขอโทษที่ลงมาช้าครับ” ภูพิงค์ยกมือไหว้ทุกคนในห้องอีกรอบ

“ไม่ได้รอนานอะไรหรอก แม่รู้ว่ายังไงก็ต้องลงมาสาย ก็เมื่อคืนเล่นต้มมาม่ากันตอนตีสามแบบนั้น” มารดายิ้มรับ “มาๆ เข้ามานั่ง จะกินอะไรรองท้องก่อนหรือจะรอกินมื้อเที่ยงดีล่ะ”

“ขออะไรมารองท้องก่อนดีกว่าครับ ผมหิวแล้วอะ” รวินท์ตอบ

สองหนุ่มนั่งข้างกันอยู่บนโซฟาตัวหนึ่ง นั่งกินขนมกับดื่มกาแฟกันไป ในระหว่างนั้นคนอื่นในห้องก็ชำเลืองมอง สังเกตท่าทางของทั้งคู่เป็นระยะๆ

ในที่สุดรวินท์ก็วางแก้วกาแฟในมือลง “คือเรื่องเมื่อวาน... ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”

บิดาหยิบรีโมตขึ้นมากดปิดโทรทัศน์ พร้อมกับหันมาทางบุตรชาย “ตกลงมีเรื่องอะไรหรือลูก”

“...ผมมีปัญหาส่วนตัวกับเพื่อนร่วมงานที่โรงบาลน่ะครับ”

“ปัญหาส่วนตัว? ปัญหาอะไรรึ พ่อถามได้ไหม”

รวินท์ลดสายตาลงมองพื้น “เพื่อนที่ทำงานด้วยกันชอบผม ผมเคยปฏิเสธเขาไปหลายครั้งแล้ว แต่มันคงยังไม่เด็ดขาดพอ และคงเพราะผมมัวแต่เกรงใจด้วย พอนานวันเข้าบรรยากาศในการทำงานเลยพลอยย่ำแย่ อึดอัดกันไปหมดด้วยน่ะครับ แล้วตัวผมก็เลยมานั่งกลุ้มใจอยู่แบบนี้”

“เสน่ห์แรงอีกแล้วน่ะสินะเรา” บิดาถอนหายใจหนักๆ “แล้ววินคิดจะทำยังไงต่อไปล่ะลูก”

รวินท์สบสายตากับเด็กหนุ่ม ก่อนจะหันไปตอบ “ผมคิดว่าจะกลับไปลำพูน ไปเผชิญหน้ากับปัญหา ไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”

“เพื่อนร่วมงานคนที่มีปัญหาด้วยน่ะ ใช่เต้รึเปล่า” จู่ๆ วิวก็ถามขึ้นเสียงขรึม

สองหนุ่มชะงัก รวินท์อ้ำอึ้ง ก่อนจะตอบ “เหย ทำไมถึงคิดว่าเป็นมันล่ะพี่วิว”

“ก็เพราะเมื่อก่อนเวลาวินมีปัญหาอะไร ไอ้เต้ก็จะห้อแรดมาด้วยทุกที แต่คราวนี้ไม่เห็นหัว”

ภูพิงค์ชำเลืองมองพี่ชายของรวินท์อย่างหวาดๆ ใจนึกอยากจะเดินไปถูขอเลขหวยเลย ทำไมแม่นอย่างนี้วะ!

“ไอ้เต้ติดงานน่ะครับ ผมลามาคนนึงแล้ว มันจะลาอีกคนได้ไง ไม่มีหมอฟันเหลือพอดี มันต้องทำงานในส่วนของผมด้วย”

“อือ นั่นสินะ” ผู้เป็นพี่ชายตอบไปเช่นนั้น หากสีหน้ายังเคร่งขรึม

“ทุกคนไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะหาทางแก้ปัญหานี้ให้ได้ครับ”

“แต่พี่ว่า ถ้าวินไม่สบายใจขนาดนี้ก็น่าจะลากลับมาพักที่บ้านสักพักดีกว่ามั้ย” พี่สาวเอ่ยอย่างเป็นห่วง

“พี่วาดครับ ผมไม่ได้มีปัญหากับการใช้ทุนนะ ที่โรงบาลก็ดี ผมโอเคกับทุกอย่าง”

พี่ชายพูดขึ้นแทรก “อันที่จริงพี่อยากให้ลาออกไปเลย ไม่ต้องกลับไปแล้ว ส่วนค่าปรับอะไรนั่น เดี๋ยวพี่จ่ายให้เอง”

“วาดเห็นด้วยค่ะพี่วิว”

รวินท์รีบยกมือห้าม “เดี๋ยวสิครับ ใจเย็นๆ ก่อน”

วิวพูดเสียงเข้ม “พี่ไม่รู้ว่าวินมีปัญหากับคนคนนั้นมากแค่ไหน แต่คนบางคนน่ะ รักมากก็เปลี่ยนเป็นเกลียดมากได้นะ พี่ไม่อยากให้วินไปเสี่ยง แล้วถ้าวินคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง มีการทำร้ายร่างกายกันขึ้นมาจะทำยังไง”

“ผมจะระวังตัวครับ”

“จะไหวเหรอวิน ลำพูนก็ไกลเหลือเกิน เกิดมีอะไรฉุกเฉินใครจะไปช่วยทัน”

“ผมจะคอยช่วยพี่วินเองครับ” เมื่อภูพิงค์พูดขึ้น ทุกคนในห้องก็หันขวับมาที่เขา “พี่วินพยายามอดทนและใจเย็นกับปัญหานี้มาสักพักแล้ว จริงอยู่ที่ว่ามันทำให้พี่วินเครียดจนต้องถอยมาตั้งหลัก แต่ผมคิดว่าการที่พี่วินพยายามจะเผชิญหน้าและใช้เหตุผลแก้ปัญหา มันน่าทึ่งมากเลยนะครับ”

“พิงค์...” รวินท์หันกลับมาทางเด็กหนุ่ม

“ผมจะช่วยดูแลปกป้องพี่วินอีกแรง เพราะงั้น... ให้โอกาสพี่วินจัดการกับปัญหานี้เถอะนะครับ” ภูพิงค์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง พร้อมกับจ้องตาทุกคนกลับ

บิดาค่อยๆ หันไปประสานสายตากับมารดา แม้จะไม่ได้ถามอะไรออกไป แต่พวกเขาก็สงสัยกันอย่างมากเลยล่ะ ว่ารวินท์กับเด็กหนุ่มคนนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไรแน่

วาดพูดโพล่งขึ้น “นี่... พิงค์เป็นฟะ...”

“ยัยวาด ไปบอกป้าหวานให้ตั้งโต๊ะมื้อเที่ยงที” บิดาเอ่ยขัด

“อ๋า” เจ้าของชื่อชำเลืองมองซ้ายที ขวาอีกที ก่อนจะลุกขึ้น “ค่ะ”

เมื่อวาดลุกออกไป บิดาก็เอนหลังพิงพนักโซฟาพลางถอนหายใจหนักๆ “พ่อเห็นด้วยนะ ปัญหาของใคร เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง จะได้โตขึ้นอีกหน่อย ก็ลองดูแล้วกันลูก แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกพ่อนะ”

“ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับพ่อ”

“อือ” บิดาหันไปทางภูพิงค์ “ฝากเจ้าวินด้วยละกันนะลูกนะ”

เด็กหนุ่มค้อมศีรษะลงต่ำ “ด้วยความยินดีครับ”

ผู้เป็นบิดายิ้มบางพลางพยักหน้าหงึกๆ “วินโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ พ่อเห็นแบบนี้ก็ค่อยยังชั่ว”

มารดาหัวเราะเบาๆ “ตอนแรกแม่ก็นึกว่าทะเลาะกับพิงค์นี่แหละ เลยต้องตามมาง้อกันถึงนี่”

ภูพิงค์ที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มพ่นกาแฟปรี๊ดกลับเข้าไปในแก้ว ใบหน้าซับสีเลือดทันควัน “ผมเนี่ยนะ ไม่กล้าทะเลาะกับพี่วินหรอกครับ พี่วินขู่จะเลาะฟันผมหมดปากตลอดเลย”

“ชื่อภูพิงค์... เป็นคนเหนือหรือจ๊ะ”

“บ้านผมเป็นคนเหนือครับ แต่ตอนนี้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว ที่บ้านผมขายผ้าไหมส่งออก” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะแบบเขินๆ รู้สึกเหมือนแฟนพามาแนะนำตัวกับพ่อแม่อย่างไรอย่างนั้น

“ผ้าไหมส่งออกเหรอ”

“ยี่ห้อวงศ์เมืองอะครับ มีร้านอาหารเหนือกับโชว์รูมเล็กๆ อยู่แถวสาทร”

“อ้อๆ พ่อเคยพาแขกไปกินอาหารเหนือที่นั่น ที่มีแสดงโชว์ด้วยใช่มั้ย”

“ใช่ครับ”

“อาหารอร่อยมาก ติดที่อยู่ไกลไปหน่อย ไม่งั้นพ่อคงได้ไปบ่อยๆ”

จะว่าไปเรื่องพวกนี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยแฮะ รวินท์หันขวับไปหาอีกฝ่าย “โห มิน่า คุณถึงตีกลองสะบัดชัยได้”

“เฮ้ย อันนั้นแม่ให้เรียนไว้เท่ๆ เฉยๆ ไม่ได้เอาไว้แสดงในร้านเว้ยพี่”

“เอาคลิปมาอวดทุกคนหน่อยดิพิงค์”

“เดี๋ยว... เดี๋ยวพี่วิน...”

รวินท์หันไปอวดสรรพคุณของแฟนตน “พิงค์ตีกลองสะบัดชัยได้นะครับ แสดงในงานยี่เป็งที่เพิ่งผ่านมาด้วยเนี่ย เท่มากๆ เลยครับ”
วาดเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดี เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ ก็เลยก้าวฉับๆ ไปนั่งลงข้างน้องชาย “ไหนๆ เอาคลิปมาเปิดโชว์หน่อย”

“เย้ย! เดี๊ยว~” ภูพิงค์งงสุด คุยเรื่องของรวินท์กันอยู่ดีๆ ทำไมกลายเป็นเรื่องของเขาไปได้วะเนี่ย!

ทันตแพทย์หนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือของภูพิงค์มากดรื้อหาคลิปตอนที่ถ่ายไว้โฆษณางาน จากนั้นจึงส่งให้ทุกคนดู “นี่คณะของพิงค์ครับ กระทงใหญ่ก็สวยมากด้วย”

“โอ้โห พิงค์หล่อเลย แต่คลิปนี่ตัดต่ออย่างมืออาชีพเลยนะเนี่ย”

“ฝีมือรุ่นพี่คณะผมเองครับ” ภูพิงค์หัวเราะแหะๆ

“แล้วคลิปตอนแสดงล่ะ”

“ผมไม่มีในเครื่องหรอกพี่ ต้องดูในเพจคณะมั้ง”

รวินท์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาอีกครั้ง โดยที่ไม่ได้รู้ตัวว่าทุกคนในบ้านจ้องพิจารณาตัวเขาอยู่เขม็ง ก็ถึงขนาดใช้โทรศัพท์ของเด็กหนุ่ม เข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์กของอีกฝ่ายได้อย่างกับเป็นเจ้าของเสียเองแบบนี้...

“นี่ไง! เจอแล้ว”

ภูพิงค์นั่งตัวลีบ รู้สึกเหมือนกำลังโดนประเมินอยู่อย่างไรอย่างนั้น

แต่งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้พี่ต่าย ตากล้องจอมชงประจำคณะที่ถ่ายคลิปไว้อย่างดี ให้เขาดูเป็นพระเอกสุดๆ อย่างน้อยบิดามารดาและพี่ๆ ของพี่วินก็น่าจะประทับใจในตัวเขาบ้างสักนิด

“อืม เก่งนะ พิงค์เรียนมานานหรือยังลูก”

“นานแล้วครับ ก่อนงานนี่ก็ไม่ได้แตะกลองมาหลายปีแล้ว ต้องซ้อมหนักน่าดูครับ”

เมื่อคลิปจบลง ภายในห้องก็กลับมาเงียบกริบอีกครั้ง สายตาทุกคู่เพ่งเล็งมาที่สองหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกัน

“แล้ว... วินจะอยู่กรุงเทพฯ ต่อมั้ยลูก วางแผนไว้ยังไง”

“ผมว่าจะชวนพิงค์อยู่เที่ยวสักสองสามวัน แล้วจะช่วยพิงค์ขับรถขึ้นเชียงใหม่อะครับ เขาจะเอารถที่บ้านไปใช้”

“ตอนนี้ใช้มอเตอร์ไซค์อะครับ เพราะแค่เดินทางจากมหาลัยกลับบ้านเช่า แต่ถ้าจะไปหาพี่วินบ่อยๆ ขับรถคงสะดวกกว่า”

“อือ...” บิดามารดาพยักหน้าหงึกหงัก “แล้ว... จะไปเที่ยวไหนกัน”

“ผมว่าจะพาพิงค์ไปทะเล เห็นอยากไป”

เด็กหนุ่มหันขวับ “จริงเหรอ”

“เออ จะพาไปดูโลมาไง”

“งั้นก็ไปพักที่คอนโดฯ เราสิ โทรไปบอกให้เขาทำความสะอาดไว้ให้ก่อนนะ”

“ขอบคุณครับพ่อ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง “เดี๋ยวกินข้าวแล้วผมจะไปส่งพิงค์ที่บ้านนะครับ”

“อือ ขับรถกันดีๆ ล่ะ” บิดามองลูกชายด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ทั้งเป็นห่วง เอ็นดูและหมั่นไส้ เมื่อวานนี้ตอนที่เดินทางกลับมาถึงบ้านนี่ ทำท่าจะเป็นจะตาย ดราม่าเสียจนทั้งบ้านไม่เป็นอันทำอะไร แล้วดูสิ พอเด็กภูพิงค์นี่มาก็เปลี่ยนเป็นคนละคนซะงั้น ทำเหมือนเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้ลูกเวร~

“เอาขนมไปฝากบ้านพิงค์ด้วยนะลูก เดี๋ยวแม่เตรียมไว้ให้”

“ขอบคุณครับ”

“ปะ ไปกินมื้อเที่ยงกันก่อน” บิดาลุกขึ้นเดินนำทุกคนเข้าห้องอาหารไป


หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ รวินท์ก็พาแขกผู้มาเยือนไปเดินเล่นภายในสวนในบริเวณบ้าน ซึ่งมีต้นไม้ร่มรื่น ดอกไม้สีสันสดใส และน้ำตกเล็กๆ จัดไว้อย่างสวยงาม

“เมื่อคืนไม่ทันสังเกต บ้านพี่วินนี่ใหญ่โคตรๆ”

“ก็อยู่หลายคนนี่หว่า” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้ม พลางยืดแขนบิดตัวซ้ายขวา “เฮ้อ... ไม่ได้รู้สึกสบายใจแบบนี้มานาน”

“เออ แล้วพี่จะซื้อมือถือใหม่มั้ย”

“ไม่อะ เดี๋ยวขอพี่วิวเอา ซื้อเองเปลืองตังค์”

“ฟังดูอนาถาฉิบหาย” ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “ผมซื้อให้เอามั้ย”

“ไม่เอาเว้ย จะบ้าเรอะ” รวินท์ยกขาถีบ “ผมทำงานมีเงินเดือนแล้วนะเว้ย”

“แล้วขอพี่วิวไม่อายรึไง”

“ไม่อาย ผมทำงานมีเงินเดือนแล้วก็จริง แต่อันนี้เอาไว้เลี้ยงแฟนผมเว้ย”

คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะ “ป๋าว่ะ”

ทันตแพทย์หนุ่มอมยิ้ม “พรุ่งนี้ไปพัทยากันเนอะ ไปค้างสองคืน ได้ป่ะ”

“ได้ดิ ผมปิดเทอม ยังไงก็ว่างอยู่แล้ว”

“แล้วได้โทรบอกที่บ้านยังวะ”

“บอกแล้วน่ะ ไม่ต้องห่วง บอกให้ทำน้ำพริกอ่องไว้รอพี่วินด้วย”

“จริงอะ พิงค์แม่งน่ารักอีกแล้ว”

เด็กหนุ่มยิ้มพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่าย “ใครกันแน่ที่น่ารัก” แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จากนั้นจึงหันไปทางทันตแพทย์หนุ่ม “พี่วินไปจัดการเรื่องมือถือก่อนดิ เดี๋ยวผมขอคุยกับไอ้ซันแป๊บนะ”

“อือ โอเค งั้นเดี๋ยวมา”

ภูพิงค์รอให้อีกฝ่ายเดินเข้าบ้านไปก่อนจึงกดรับสาย “ว่าไงวะ”

“ข่าวล่ามาเร็วจากพี่นิ้งเว้ย วันนี้พี่หมอเต้มาทำคลินิกปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยมึง พี่นิ้งว่าบางทีก็ดูซึมๆ ไปนิดหน่อย แต่พี่นิ้งก็ไม่กล้าพูดหรือถามอะไรถึงพี่หมอวินเลย”

“โห... กูประทับใจเลย พี่เต้แม่ง...”

“สรุปพี่เขามีปัญหากันจริงๆ สินะ”

“เออ คราวนี้ค่อนข้างจะแรง ตอนนี้กูไม่สะดวกเล่าว่ะ อยู่บ้านพี่วิน ต้องถามพี่วินก่อนด้วยว่าเล่าได้รึเปล่า”

“โวะ เดี๋ยวๆ เมื่อคืนค้างเหรอวะ สอบผ่านเป็นลูกสะใภ้ยัง”

“สะใภ้พ่องส์!”

“เขยก็ได้ เหมือนกันแหละมึงนี่”

“พวกมึงจะบ้าเรอะ ตอนที่กูต้องเผชิญหน้ากับพ่อแม่พี่ๆ ของพี่วินนี่ เกร็งเยี่ยวแทบเล็ด”

“แล้วพี่วินเป็นไงบ้างวะ”

“ดีขึ้นมากแล้วเว้ย กูกับพี่วินจะอยู่เที่ยวแถวนี้สักสองสามวันก่อน ให้สภาพจิตใจของพี่วินดีขึ้นอีกนิด อาทิตย์หน้าเราจะขับรถกลับเชียงใหม่ด้วยกัน”

“เออ โอเค แล้วคุยกันเว้ย”

ภูพิงค์กดวางสาย พอหันกลับไปทางตัวบ้านก็เจอกับพี่วิว พี่ชายใหญ่ของบ้านที่ยืนจ้องเขาอยู่อย่างจังๆ “อะ พี่วิว... มีอะไรรึเปล่าครับ”

วิวจ้องเด็กหนุ่มเขม็งในคราวแรก ก่อนจะยิ้มให้ “ไม่มีหรอก เห็นยืนอยู่คนเดียวเลยว่าจะมาชวนคุย วินไปไหนซะล่ะ”

“เออ เห็นพี่วินว่าจะไปหาพี่นั่นแหละครับ ไม่เจอกันเหรอ”

พี่ชายของทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว “ไม่นี่ สงสัยเดินสวนกันแฮะ”

“งั้นเดี๋ยวพี่วินคงเดินออกมาครับ”

“อือ งั้นพี่คุยกับพิงค์ไปพลางๆ ก่อนละกัน” วิวพยักหน้าหงึกหงัก “รู้จักกับวินมานานรึยังน่ะ”

“หลังเปิดเทอมมานิดหน่อยครับ”

“ก็หลายเดือนนะ แล้ว... วินอยู่ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”

“แรกๆ ก็แย่อะครับ ครั้งแรกที่ผมไปที่หอพักพี่วิน ทั้งๆ ที่พี่วินอยู่มาหลายเดือนแล้ว แต่ในห้องยังไม่มีอะไรเลย ผ้าม่านยังไม่มีเลยอะพี่ แต่เดี๋ยวนี้มีเฟอร์นิเจอร์พร้อม พี่วินหุงข้าว ทอดไข่กับหมูยอให้ผมกินได้แล้วด้วยนะ” เด็กหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ

“ก็เรียกว่าโตขึ้นเยอะเหมือนกันนะนี่ ค่อยยังชั่วไปได้เรื่อง”

“พี่วินเก่งมากเลยนะครับ ไม่ว่าจะทำงานหนัก มีคนไข้เยอะแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น เจอคนไข้งี่เง่าอย่างผมยังรับมือไหว แล้วพี่วินก็ขับรถเก่งมากด้วย ขับพาผมขึ้นดอยเป็นประจำ”

วิวยิ้มบาง “ได้ยินแบบนี้พี่ก็ดีใจ”

ภูพิงค์ยิ้มตอบ แววตาของเขาฉายชัดว่าปลาบปลื้มในตัวคนรักมากขนาดไหน “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะช่วยดูแลพี่วินเต็มที่ ตอนนี้ปิดเทอมด้วย ผมจะเฝ้าพี่วินตลอดเวลาเลย”

“พี่... ฝากวินด้วยนะ ถ้าพิงค์ต้องการความช่วยเหลืออะไร โทรหาพี่ได้เลย” วิวยื่นโทรศัพท์มือถือส่งให้ “เอาเบอร์พิงค์มาด้วย”

“ได้ครับ” ภูพิงค์รับโทรศัพท์มือถืออีกฝ่ายมาบันทึกเบอร์โทรศัพท์ลงไปแล้วส่งคืน “นี่ครับ”

“พิงค์”

“ครับ”

“รู้จักไอ้คนที่มีปัญหากับวินมั้ย”

“เอ้อ... รู้จักครับ”

วิวพยักหน้าหงึกๆ “ถ้าจะยกพวกไปกระทืบ ก็อย่าให้ถึงกับเลือดตกยางออกนะ เอาแค่ช้ำๆ พอ แล้วก็เลี่ยงหน้าด้วยล่ะ”

เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง “เย้ย!”

“แต่ถ้าทำได้ก็ฝากเผื่อพี่สองหมัด”

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “บอกตรงๆ ที่จริงผมก็อยากทำอยู่อะพี่ แต่ถ้าทำอะไรไปโดยพลการก็กลัวจะโดนพี่วินเลาะฟันหมดปาก แล้วเหลือแต่ฟันคุดทิ้งไว้ให้น่ะสิ”

พี่ชายของรวินท์หัวเราะเบาๆ “ก็ดีแล้ว การใช้กำลังมันก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอก” เขายกมือขึ้นตบไหล่คนอ่อนวัยกว่าเบาๆ จากนั้นจึงส่งมือให้สัมผัส “ผมหวังว่าเจ้าวินจะเลือกคนไม่ผิด ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

“ครับพี่วิว” เด็กหนุ่มสัมผัสมือกับอีกฝ่าย แล้วยกมือไหว้ปิดท้าย

สักพักรวินท์ก็เดินออกมา พอเห็นพี่ชายก็ทำหน้างอแงใส่ “พี่วิวอยู่นี่เอง ผมเดินหาซะทั่วบ้าน”

“จะเอาอะไรล่ะ”

“ผมไม่มีมือถืออ่า...”

“เออ รู้แล้ว เดี๋ยวเอาเครื่องใหม่ให้”

รวินท์ยิ้มกว้าง “ขอบคุณคร้าบ”

พอพี่ชายคล้อยหลังไป รวินท์ก็เดินเข้ามาหาเด็กหนุ่ม สีหน้าเปลี่ยนจากน้องเล็กกลับเป็นทันตแพทย์หนุ่มคนเดิม “แม่ฝากขนมไปให้บ้านคุณเพียบเลย มีตะกร้าผลไม้ตะกร้าเบ้อเริ่มเลยด้วย”

“โห สีหน้าเปลี่ยนไวโคตร”

“หือ?”

“เมื่อกี้ยังทำหน้างอแงใส่พี่วิวอยู่เลยอะ ไม่เคยเห็นพี่วินทำหน้าแบบนี้มาก่อนเลย โคตรน่ารัก” ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก “ทำหน้างอแงกับผมบ้างดิ”

“ฝันเหอะคุณ”

“โห ใจร้ายว่ะ”

รวินท์ทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป “เข้าไปเอาของข้างในกัน ผมจะไปเอามือถือใหม่ด้วย แล้วจะได้ไปบ้านคุณสักที”

เด็กหนุ่มยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ครับๆ”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 38 : ความในใจ][100418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 17-04-2018 16:57:57


บ้านของภูพิงค์อยู่คนละมุมเมืองกับรวินท์ เป็นบ้านเดี่ยวในแถบชานเมืองเช่นกัน แต่ต่างจากบ้านของรวินท์โดยสิ้นเชิงก็ตรงที่เป็นบ้านทรงไทยนี่ล่ะ

พอทันตแพทย์หนุ่มขับรถของที่บ้านเข้าไปจอดในที่จอดรถ เขาก็พูดอย่างตื่นเต้น “โห! บ้านทรงไทยด้วยอะ! โคตรเท่!” พอหิ้วตะกร้าผลไม้ก้าวลงจากรถมาก็เห็นว่ามีคนเดินลงบันไดบ้านมายืนรอแล้ว

สองหนุ่มเดินตรงเข้าไปหา “พี่วิน นี่แม่ผม”

รวินท์รีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”

มารดาของภูพิงค์ยิ้มรับ “สวัสดีจ้า หมอวิน”

“พี่พิงค์” เด็กสาววัยรุ่นวิ่งลงบนไดบ้านมาเสียงดังตึงตัง แล้วพุ่งตรงเข้ากระโดดกอดพี่ชาย “คิดถึงจังเล้ย!” แต่พอหันไปเห็นรวินท์เท่านั้นก็ผลักพี่ชายออกไปให้พ้นทางทันที “โห! หล่ออ้ะ!”

“น้อยๆ หน่อยเว้ย” ภูพิงค์เขกศีรษะน้องสาวไปหนึ่งที “พี่วิน นี่น้องผม ชื่อมิ่งแก้ว เรียกว่าแก้วเฉยๆ ก็พอ”

“สวัสดีครับน้องแก้ว”

“สวัสดีค่ะพี่วิน” เด็กสาวยกมือไหว้ เธอจ้องแฟนพี่ชายตาเป็นประกาย “พี่วินหล่อกว่าในรูปอีกอ้ะ”

“รูป?”

“เห็นคนแท็กมาในเฟซพี่พิงค์บ่อยๆ อะค่ะ”

“อ่อ...”

“เชิญจ้ะ ขึ้นบ้านกัน พ่อกำลังทำข้าวแต๋นอยู่ข้างบนน่ะ” มารดาของภูพิงค์เดินเข้ามาจูงมือทันตแพทย์หนุ่ม เธอหันมองหน้าเขาเป็นระยะๆ แล้วยิ้มหวาน “มาๆ แหม ยิ่งได้มองใกล้ๆ ก็ยิ่งหล่อ แม่ว่าตัวจริงนี่หล่อกว่าในรูปเป็นกองเลยละ” ส่วนเด็กสาวก็เกาะแขนพี่ชายเดินตาม

รวินท์หัวเราะแหะๆ ถ้าเห็นในเฟซบุ๊ก ก็รู้หมดแล้วสิว่าเขากับพิงค์มีวีรกรรมอะไรบ้าง เวรกรรมแท้!

“แม่ น้อยๆ หน่อย เดี๋ยวพ่อก็ยกกระทะทอดข้าวแต๋นคว่ำใส่พี่วินหรอก” ภูพิงค์โวยใส่

พวกเขาไปนั่งกันในห้องนั่งเล่น บ้านหลังนี้เป็นบ้านทรงไทยก็จริง แต่ก็มีผนังปิดมิดชิดเพื่อให้เปิดเครื่องปรับอากาศได้ ภายในบ้านตกแต่งแบบกึ่งๆ ไทยๆ เทศๆ ดูแล้วก็สมกับเป็นบ้านของภูพิงค์ดี

มารดาของภูพิงค์นำน้ำมาเสิร์ฟให้ สักพักบิดาก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดใส่ข้าวแต๋นที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ

“พี่วิน นี่พ่อผม”

รวินท์รีบลุกขึ้นยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”

“สวัสดี หมอวิน” บิดายกมือขึ้นตบไหล่ทันตแพทย์หนุ่มพลางยิ้มกว้าง “พอดูดีๆ แล้วก็หน้าคล้ายพ่อตอนหนุ่มๆ มากเลยนะเนี่ย ตอนเห็นแม่กับเจ้าแก้วนั่งดูรูป พ่อนี่ก็นึกว่าดูรูปพ่อสมัยหนุ่มๆ กัน”

มิ่งแก้วเบะปาก “โห งี้พ่อคงอุ้มหนูกะพี่พิงค์ผิดมาจากโรงบาลแล้วอะ”

เดี๋ยวก่อน นี่ทุกคนเคยเห็นรูปเขากับพิงค์กันหมดเลยเหรอวะเนี่ย ฉิบหาย... เขาทำตัวไม่ถูกเลย

“ขอบใจที่ช่วยดูแลปากเจ้าพิงค์นะหมอ ถ้ารอให้ที่บ้านพามันไปหาหมอฟันล่ะก็ ไอ้พิงค์คงฟันคุดตายก่อน เพราะบ้านนี้กลัวหมอฟันกันทั้งบ้าน”

รวินท์ยิ้มแห้งๆ ตอนแรกนึกว่าพิงค์กลัวหมอฟันเพราะเคยมีความหลังฝังใจหรือไม่ชอบเสียงกรอฟัน แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่ามันอยู่ในดีเอ็นเอ

“อะ ชิมข้าวแต๋นน้ำแตงโม พ่อเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ กำลังอร่อยเลยนา”

“ขอบคุณครับ เอ่อ นี่ของฝากเล็กๆ น้อยๆ จากบ้านผมครับ” รวินท์ยกกล่องขนมและกระเช้าผลไม้ส่งให้ 

“โถ ลูก ช่วยดูแลปากเจ้าพิงค์ให้แล้วยังมีของมาฝากอีก” มารดารับของมาแล้วหันไปทางบุตรชาย “เจ้าพิงค์ มาจากเชียงใหม่เอาอะไรมาฝากบ้านหมอเขาบ้างรึเปล่าเนี่ย”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะส่ายหน้ารัว “มะ... ไม่มี”

“ตายจริง!”

“มันฉุกละหุกอะแม่ ผมเลยไม่ได้เตรียมตัว”

“ไม่ได้ละ เดี๋ยวแม่ต้องไปเตรียมของ...”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณแม่ไม่ต้องลำบากหรอก”

มารดาของภูพิงค์หันมาทางทันตแพทย์หนุ่มพลางเปรยเบาๆ “แหม มีคนหล่อๆ มาเรียกแม่นี่ก็เขินแฮะ”

“น้อยๆ หน่อยแม่” มิ่งแก้วเอื้อมมือเขย่าแขนมารดารัวๆ

“เย็นนี้แม่เตรียมทำน้ำพริกอ่องไว้แล้ว เห็นพิงค์ว่าหมอชอบ”

รวินท์ยิ้มกว้าง “ขอบคุณครับ” เขาหยิบข้าวแต๋นขึ้นมากัด กลิ่นหอมของน้ำแตงโมกรุ่นอยู่ในปาก อร่อยจนลืมตัว “โอ้โห อร่อยชะมัด”

ภูพิงค์ขยับไปกระซิบ “พี่วินใจเย็นๆ”

บิดาหัวเราะชอบใจ “กินเยอะๆ เลยนะหมอ”

หลังจากนั่งกินข้าวแต๋นกันไปจนเกือบหมดถาด บิดาของเด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้น “เออ เจ้าพิงค์ เมื่อตอนสายพ่อให้คนเอารถไปเช็กแล้วนะ จะขับขึ้นเชียงใหม่วันไหนล่ะลูก”

“ว่าจะกลับวันพุธครับ ทันมั้ยอะพ่อ เดี๋ยวผมกับพี่วินจะไปเที่ยวแถวๆ นี้ก่อนสักสองสามวัน”

“ทันๆ แค่เปลี่ยนผ้าเบรกกับน้ำมันเครื่อง แล้วก็เช็กสภาพเครื่องน่ะ เอาไปใช้จะได้ไม่มีปัญหา”

“ขอบคุณครับ”

“แต่จะขับกลับกันไหวรึ สองคนเนี่ย”

“โห พ่อ แค่ผมกับพี่วินเนี่ย ขับไปดาวอังคารยังได้เลย”

“ไม่ต้องไปไกลขนาดนั้นก็ได้มั้ง ไปแค่มหาลัยก็พอ”

รวินท์ฟังสองพ่อลูกคุยกันแล้วก็อมยิ้มไปด้วย เขาคิดว่าครอบครัวของภูพิงค์น่ารักดี น้องสาวก็หน้าคล้ายกับเด็กหนุ่มมาเลยทีเดียว
พอสายตาประสานกันมิ่งแก้วก็บิดตัวไปมา “พี่วินอย่าจ้องมากสิคะ หนูเขิน”

“ขอโทษที ผมแค่คิดว่าน้องแก้วหน้าคล้ายกับพิงค์มากเลยน่ะ”

“โห ด่ากันเลยเถอะแบบนี้”

“หมายความว่ายังไงวะ” ผู้เป็นพี่ชายเท้าศอกลงบนศีรษะเด็กหญิงแล้วคลึงไปมา

“ทำไมล่ะ พิงค์ก็น่ารักออกนะ แต่น้องแก้วหน้าหวานกว่าพิงค์จิ๊ดนึง” ทันตแพทย์หนุ่มพูดไปตามที่คิด หากนั่นทำให้สองพี่น้องหน้าแดงกันขึ้นมาอย่างกะทันหัน

มิ่งแก้วเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย “พี่พิงค์หน้าแดงอะ”

“เปล่าเว้ย คิดไปเองแล้ว” ภูพิงค์รีบเปลี่ยนเรื่อง “เดี๋ยวผมพาพี่วินไปเดินเล่นดีกว่า” เขาเอื้อมมือไปสะกิดรวินท์ยิกๆ ให้ลุกขึ้น

“แก้วไปด้วยนะ” เด็กสาวลุกตาม

“เอ่อ...” เด็กหนุ่มไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรดี ขณะที่สมองกำลังหาเหตุผลมาอ้าง มารดาก็เอ่ยขึ้น

“นานๆ จะเจอน้องทีนะพิงค์ แค่เดินเล่นเอง ก็ให้น้องไปด้วยสิ ยังไงเดี๋ยวน้องก็ต้องมาช่วยแม่ในครัวแล้ว”

“ครับๆ” แล้วสุดท้ายภูพิงค์ก็ต้องพาน้องสาวไปเป็นก้างชิ้นใหญ่ด้วย


ทั้งสามคนเดินลงบันไดบ้านไปช้าๆ มิ่งแก้วจับมือพี่ชายไว้ ถ้าไม่ต้องเกรงใจใครที่จริงเธอก็อยากจับมือรวินท์เหมือนกัน

โดยรอบตัวบ้านมีสนามหญ้าล้อม ภายในสนามมีต้นไม้เล็กใหญ่มากมาย มีสระบัวขนาดเล็กซึ่งมีศาลากลางน้ำด้วย ภายในสระเลี้ยงปลาคาร์ฟไว้ตัวเบ้อเริ่ม

“ต้นไม้เยอะดีนะ” รวินท์หันมองไปรอบๆ

“เยอะจนรกแล้วน่ะสิคะ แก้วกลัวงูจะตาย” เธอปล่อยมือพี่ชายแล้วเดินเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่ม “พี่วินๆ เซลฟี่กับหนูหน่อยนะ หนูจะเอาไปอวดเพื่อน”

“เซลฟี่กับผมเนี่ยนะ อวดได้ด้วยเหรอ” ขณะที่รวินท์อ้ำอึ้ง เด็กสาวก็ปราดเข้ามาถ่ายรูปด้วยแล้ว

“พี่พิงค์ๆ มาด้วยสิ”

“เอ้า เอาก็เอา”

พอถ่ายเสร็จเธอก็ก้มหน้าก้มตาโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊กทันที ส่วนสองหนุ่มก็หันไปคุยกันต่อ

“ปลาคาร์ฟตัวโตมาก สีสวยสุดๆ”

“พ่อเอามาปล่อยไว้มั่วๆ เมื่อก่อนตัวเล็กนิดเดียว เดี๋ยวนี้ออกลูกออกหลานเต็มบ่อเลย มันเชื่องมากเลยด้วยนะพี่... จริงสิ เดี๋ยวผมไปเอาอาหารมาให้เลี้ยงปลากัน พี่รอแป๊บนะ”

“อื้อ” รวินท์พยักหน้า ก่อนจะนั่งยองๆ ลงข้างสระน้ำ พอเขาเอื้อมไปทำมือยุกยิกเหนือน้ำ ปลาในบ่อก็ผลุบโผล่ขึ้นมากันใหญ่
มิ่งแก้วแอบถ่ายรูปทันตแพทย์หนุ่มรัวๆ จากนั้นจึงไปนั่งยองๆ ลงข้างกัน “พี่วินขา~”

“ครับ” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปยิ้มรับ แล้วหันกลับมาจุ่มนิ้วลงไปแตะตัวปลาคาร์ฟในสระ ซึ่งมันว่ายมาให้จับอย่างแสนเชื่อง “น่ารักชะมัดเลยแฮะ”

“พี่วินรู้ใช่มั้ยว่าใครๆ ก็จิ้นพี่วินกับพี่พิงค์อะค่ะ”

“อ้อ...” รวินท์หัวเราะแหะๆ “ก็เคยได้ยินอยู่นะ ทำไมเหรอ”

“แล้ว... แล้ว... พี่วินคิดจะเป็นแฟนกับพี่พิงค์อย่างที่เขาจิ้นกันบ้างรึเปล่าอะคะ”

“หือ?” ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับไปสบสายตากับเด็กสาว

เธอยิ้มกว้าง “หนูเห็นเพื่อนพี่พิงค์ในเฟซเขาแซวกันหนักมากกกก แต่ถ้าพี่เป็นแฟนกันจริงๆ ก็ดี เพื่อนๆ หนูก็อยากให้พี่เป็นแฟนกันจริงๆ ทั้งนั้นเลย”

“เอ่อ... คือ...”

“พี่วินอย่าบอกพี่พิงค์นะว่าหนูถามอะ” เธอประกบมือเข้าหากันพลางชะเง้อคอมองหาพี่ชาย เมื่อยังไม่เห็นอีกฝ่ายจึงพูดต่อ “หนูเคยถามไปทีโดนดุใหญ่เลย ตอนที่พี่พิงค์โทรมาบอกว่าจะพาพี่วินมาที่บ้าน หนูดีใจแทบแย่ แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากกรี๊ดเลย พี่พิงค์ก็ชิงสั่งไว้ว่าต่อหน้าพ่อแม่และก็พี่วินห้ามพูด ห้ามถาม ห้ามจิ้นเด็ดขาด” พอพูดจบก็เบะปาก

“ห้ามเลยเหรอ” รวินท์ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองพวกปลาคาร์ฟ “...เราเป็นเพื่อนกันเท่านั้นละ” พูดไปแล้วก็รู้สึกเจ็บเสียเอง แต่เขาก็เข้าใจล่ะ ใครจะกล้าบอกกับพ่อแม่ว่ามีแฟนเป็นผู้ชายอย่างเขากันวะ อีกอย่างพวกเขาก็เพิ่งจะตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวานเองด้วย เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา อย่าคิดมากน่ะไอ้วิน

“ว้า แย่จังเนอะ” มิ่งแก้วทำหน้ายู่ “จริงสิ พี่วิน เรียนทันตะยากมั้ยอะคะ”

“อือ ก็...ยากอยู่ เรียนหนัก เรียนยาว ต้องใช้พลังชีวิตเยอะ ตอนนี้น้องแก้วอยู่มออะไรน่ะ”

“มอสี่ค่ะ ตอนแรกก็เคยคิดอยากเรียนวิดวะเหมือนพี่พิงค์นะ แต่ทันตะก็น่าสน”

“แล้วน้องแก้วกลัวหมอฟันเหมือนพิงค์รึเปล่าเนี่ย”

“กลัวสิคะ แต่เขาเรียกเกลือจิ้มเกลือไง กลัวนักก็เป็นหมอฟันมันซะเลยอะไรแบบนี้”

รวินท์หัวเราะ “แต่ตอนเรียนมีผลัดกันทำฟันในคณะด้วยนะ ยิ่งถ้าน้องแก้วไม่ค่อยไปหาหมอฟันเนี่ย โดนทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่รุมกันสนุกแน่ๆ”

“หวาย~ งั้นหนูต้องคิดหนักเลย แง~”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กสาวอย่างเอ็นดู “เอาไว้ไปเยี่ยมพิงค์ที่เชียงใหม่แล้วแวะมาให้ผมตรวจฟันนะ จะเลาะให้เลี่ยมเหมือนพิงค์เลย”

“พี่วินอ่า!”

“พี่วิน” ภูพิงค์เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเข้ม ขณะที่ก้าวเข้ามาหา “อย่าแต๊ะอั๋งน้องผมดิ”

รวินท์หันไปประสานสายตากับเด็กหนุ่ม เขาดึงมือออกช้าๆ “อ่าว ก็เห็นน้องแก้วน่ารักดี ไม่ยักรู้ว่าพี่ชายหวง”

เด็กสาวผู้ไม่รู้ชะตากรรมเลยยิ้มระรื่น “อรั๊ย~ ถ้าจะชมกันแบบนี้ แต๊ะอั๋งเยอะๆ เลยก็ได้ค้า”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มมุมปาก เขาลุกขึ้นยืนพลางส่งมือให้เด็กสาวใช้จับยึด พอเธอยืนขึ้นได้จึงดึงมือกลับ สอดนิ้วโป้งทั้งสองข้างลงในกระเป๋ากางเกงยีนตัวที่ใส่อยู่แล้วยักไหล่ “ก็อยากอยู่นะ แต่ไม่เอาดีกว่า ผมกลัวว่าพี่ชายของน้องแก้วจะถีบผมลงน้ำไปให้ปลาตอดน่ะสิ”

“มีน้องสาวน่ารักก็ต้องหวงเป็นธรรมดาอะครับ” ภูพิงค์พูดหน้าขรึม “แก้ว แม่เรียกให้ไปช่วยในครัวแล้ว”

มิ่งแก้วขมวดคิ้ว “อะไรอ่า... แก้วเพิ่งออกมาได้แป๊บเดียวเอง แม่จะทำน้ำพริกแล้วเหรอ ป้าเข็มกับป้าปิ่นก็อยู่นี่นา”

“ไม่รู้อะ เมื่อกี้พี่ไปขออาหารปลาจากแม่ แม่เลยฝากมาบอกแก้วด้วย”

“งือ งั้นแก้วไปก่อนนะคะ” เด็กสาวทำหน้ายุ่ง แต่ก็ยอมเดินออกจากสวน ตรงเข้าบ้านไป


*TBC*


มาลงช้า แต่ลงย้าวยาวเลยน้าาา สวัสดีปีใหม่ไทยย้อนหลังด้วยค่ะ

ช่วงนี้เป็นช่วงผ่อนคลายนะคะ หลังจากเครียดกันมาหลายตอน 555555 เลยพาเขยพาสะไพ้มาแนะนำตัวกับครอบครัวไว้ก่องงงง /ใครจะเปงเขย ใครจะเปงสะไพ้ไปตกลงกันเอาเองนะหนุ่มๆ

ไม่ต้องกังวลว่าพี่วินกับน้องพิงค์เขาจะดราม่าใส่กันนะคะ แหมมมม เพิ่งเปงแฟนกันเอง ยังไม่ดราม่าหรอกค่ะ มีแต่กระเง้ากระงอดอ้อนแฟนเท่านั้นแหละะะะ กว่าจะเปงแฟนกันได้ก็แซะกันซะยับ เปงแฟนกันแว้วก็ต้องไว้ลายคู่เพี้ยนสักโหน่ยค่ะ /ทำไมต้องภาษาวิบัติ

เดี๋ยวตอนหน้าจะพามารู้จักกับบ้านน้องพิงค์เพิ่มเติมนะก๊ะ พักเรื่องของหมอเต้ไว้ก่อง ให้เวลาหมอเต้เกียมใจ 5555555

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-04-2018 17:37:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-04-2018 17:39:26
ครอบครัวพี่วินท์ กับครอบครัวน้องพิงค์น่ารักดี สมควรและที่จะเกี่ยวดองกัน :katai2-1:

ว่าแต่พี่วินท์คงไม่คิดมากใช่มั้ยที่น้องแก้วบอกห้ามจิ้นอ่า :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-04-2018 17:40:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-04-2018 17:54:41
พี่หมอวินขา~ใจน้องบางหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-04-2018 18:15:50
พิ้งค์พาลูกเขยเข้าบ้านสินะ อิ้วววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 17-04-2018 18:17:29
พอรู้จักครอบครวพี่หมอวินแล้ว เข้าใจเลยทำไมพี่หมอถึงเป็นแบบนั้นช่วงแรกๆ ทำอะไรไม่เป็น ดูแลตัวเองไม่ได้ ก็ดูพี่ชาย พี่สาวสิ โอ๋น้องชายซะขนาด หมอวินมีปัญหาที่ทำงาน ก็บอกไม่ต้องทำละ เดี๋ยวใช้ทุนให้ หมอวินไม่มีมือถือ ก็อ้อนขอพี่ชายเอา ถถถ น่่น่าเอ็นดูจริงลูกกก พ่อน้องชายคนเล็กของบ้าน  :hao3: o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-04-2018 18:26:32
พี่วิน คิดมากจริงๆ   :mew2:

ครอบครัวทั้งสองฝ่ายน่ารักดีมากๆ
พิงค์ วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-04-2018 18:39:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่วินแอบน้อยใจอ๊ะป่าว  ที่พิงค์บอกที่บ้านว่าห้ามถาม...อ่ะ

จริง ๆ น้องเขาก็แค่...กลัวพี่วินเขิน  เด๋วพาลจะให้ประดักประเดิดกันเปล่า ๆ  ชิมิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-04-2018 19:19:16
ครอบครัวอบอุ่นทั้งสองบ้านเลย
พี่วินอย่าเพิ่งงอนน้องพิงค์นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-04-2018 19:28:04
โหยยย พี่วินน้องเล็กสุด ที่บ้านโอ๋มากก น่ารักทั้งสองบ้านเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 17-04-2018 20:11:59
แผนของพิงค์ คือกันน้องออก 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 17-04-2018 20:23:22
พี่วินไ่ม่น้อยใจนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-04-2018 20:26:06
แค่นี้ที่บ้านก็รู้แล้วว่าเป็นแฟนกัน ดูแลกันดีซะขนาดนั้น เหลือแค่สองครอบครัวเจอกันเท่านั้นก็แต่งได้เลยนะ :laugh:
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 17-04-2018 20:34:20
พี่วินนนน  พี่วินอย่าเพิ่งนอยด์ น้องมันทุ่มเทขนาดนี้แล้วน้าาา
ครอบครัวทั้งคู่น่ารักมากก ตอนพี่วินเป็นน้องน้อยนี่ใจเท #พิงค์วิน เลยอ่าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: slurpeez-69Nes ที่ 17-04-2018 21:04:14
นี่ก็เปิดตัวกันทั้งสองบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 แต่งเลยค่ะ!!!!!!  ขันหมากมา!!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-04-2018 21:04:36
เป็นครอบครัวที่น่ารักทั้งสองครอบครัวเลยค่ะ
คงไม่มีมาม่าแน่เรื่องครอบครัว
ตอนนี้เป็นแฟนแล้วอะไรก็จะหวานสีชมพูนิสสสนึงซินะค่ะ
น่ารักมากค่ะ
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 17-04-2018 21:05:40
หวงน้องหรือกลัวพี่วินเปลี่ยนใจ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 17-04-2018 21:08:13
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-04-2018 21:14:40
พี่วินเลิกเป็นคนคิดมากเถอะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 17-04-2018 21:20:11
 :hao3:เอาอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-04-2018 21:26:18
เปิดตัวไปอี้กกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 17-04-2018 21:59:58
ทั้งสองบ้านน่ารักกันมากเลย อย่างนั้นถ้าเปิตัวว่าคบกัน ก็ไม่น่ามีปัญหาเนอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 17-04-2018 22:05:30
เอ็นดูน้องแก้วจัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-04-2018 22:34:21
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-04-2018 22:51:45
แหมๆ บรรยากาศหวานๆอบอวลไปหมด แต่ท้ายนี่มาคุนิดหน่อยนะเนี่ยะ อย่าเข้าใจผิดอีกล่ะพี่วิน น้องพิงค์แค่หวงแฟน

รอไปสวีทต่อที่ทะเล๊ทะล :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 17-04-2018 22:58:50
เปิดตัวขนาดนี้แล้ว ทางผู้ใหญ่คงจะพอเดาออกนะ :o8:
ไม่เอาๆ พี่วินอย่าคิดมาก ไปสวีทกับน้องพิงค์ที่ทะเลกันดีกว่า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-04-2018 23:04:17
คุณน้อง คุณพี่นางคิดมากอีกแน่นอนจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 17-04-2018 23:06:11
เป็นแฟนกันปุ๊บก็ได้เข้าบ้านอีกฝ่ายปั๊บ  ไวสุดยอด  :กอด1:  เหมือนจะเห็นดราม่าปัญหาทางบ้านลาง ๆ นะพิงค์  รีบเคลียด่วนค่ะ  ก่อนพี่วินจะมีความคิดออกทะเลไปไกลกว่านี้   :katai1:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-04-2018 00:20:50
น้องแก้วพูดมา อารมณ์ไปไม่เป็นเลย หวังว่าที่บ้านของทั้งสอง จะยอมรับนะครับ //ไม่อยากดราม่าเยอะ ปวดหนึบในใจ T^T
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 18-04-2018 01:32:53
โอ้โหเปิดตัวกันแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 18-04-2018 02:35:45
ตอนหมอวินอ้อนขอโทรศัพท์ใหม่นี่มันแบบบบบ
น่ารักจนอยากจับมาฟัดกแรงๆเลยอะ งุ้ยยย
ตอนนี้ก้คือ พบปะพ่อแม่แฟน 55555
บ้านของพี่วินนี่พอเดาได้กันทุกคนแล้วละ
ดูท่าจะรับได้แบบไม่มีปัญหาอะไร เพราะตามใจพี่วินขนาดนี้
แต่บ้านพิงค์นี่สิ ไม่รู้จะว่ายังไง ถึงน้องสาวจะจิ้น
แต่พ่อแม่ยังไม่สงสัยหรือมีรีแอคอะไรเลยย
รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-04-2018 03:04:06
โอ๋ๆ ไม่คิดมากนะพี่วิน
น้องพิงคงอยากจะค่อยๆบอกพ่อกับแม่แหล่ะค่ะ
แต่ที่แน่ๆ พี่วิวมั่นใจแล้วชัวร์ว่าเป็นมากกว่าเพื่อนกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-04-2018 00:03:40
สบายใจไม่มีดราม่าครอบครัว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-04-2018 01:51:44
พี่วินจะน้อยใจพิงค์รึป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 19-04-2018 09:47:43
อยากเห็นพี่วินโหมดอ้อนอีกง่าาาาาา น่าร้ากกกก น้องคนเล็กของบ้าน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: FRODO ที่ 19-04-2018 10:53:07
ภูพิงค์ตายแน่ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 19-04-2018 19:54:04
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

เข้ามารอ  มาต่อเร็วๆๆๆๆน่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 19-04-2018 21:26:55
คิดว่า พี่วินต้องเป็น เคะราชินี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-04-2018 22:02:47
หมอวินอย่างอน อย่านอยด์เยอะนะคะ
คนซึนเค้าช้าเดี๋ยวง้อไม่ทัน แล้วจะหายเองซะก่อน

สองบ้านนี้น่ารักดีค่ะ สนิทกันดี ดูแลกันดี
บ้านหมอวินคือสปอยล์หนักมาก บ้านพิงค์ก็ชิลมาก

อยากไปทะเลแล้วววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 20-04-2018 13:56:33
ถ้า2คนนี้เค้าเปิดอกคุยกันดีๆคงไม่มีปัญหานะ

ก็ดูรักกันดี แต่ยังครางแครงใจกันอยู่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-04-2018 15:47:35
ถ้าคบกันแล้วตอนต่อไปต้องหวานแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 20-04-2018 17:10:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 20-04-2018 17:54:39
อย่าพึ่งเข้าใจผิดกันน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 39 : ครอบครัวของรวินท์][170418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 20-04-2018 19:36:17
Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์


เมื่อได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ระหว่างสองหนุ่มก็มีแต่ความเงียบงัน รวินท์เบือนหน้าหนี ทำเป็นมองปลา มองน้ำไปเรื่อย ส่วนภูพิงค์ยืนนิ่งอยู่สักพัก จึงค่อยก้าวเข้าไปยืนข้างกัน
 
“จะเปลี่ยนใจไปหาน้องสาวผมแล้วรึไง”

“ว่างมากเหรอวะ จู่ๆ ก็มาหาเรื่องกันแบบนี้อะ”

“ถามแค่นี้เรียกว่าหาเรื่องเหรอ”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ “ถ้าผมทำให้คุณลำบากใจ ผมกลับก่อนก็ได้นะ” หากพอเขาก้าวขาออกไป คนอ่อนวัยกว่าก็ดึงแขนไว้

“แล้วพี่จะตอบผมดีๆ ไม่ได้รึไง”

“พิงค์ อย่างี่เง่าสิวะ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว เขาไม่ยอมปล่อยมือจากอีกฝ่าย ทว่าก็ไม่ยอมสบสายตากัน ภาพที่เห็นรวินท์ยิ้ม และใช้สายตามองน้องสาวซึ่งใบหน้ามีส่วนคล้ายตนอย่างเอ็นดูนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บ มิ่งแก้วน่ะน่ารัก แถมยังแบ๊วแบบที่พี่วินชอบซะด้วย ที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง ตัวเล็กกว่าพี่วิน... ไม่ใช่โคถึกอย่างเขา

ยิ่งตามสัญชาตญาณของผู้ชายอย่างพี่วินด้วยแล้ว เมื่อก่อนก็เคยแต่คบผู้หญิงเสียด้วย จะไม่ให้เขาคิดมากได้อย่างไรกัน

“ผมเอ็นดูน้องแก้วก็เพราะเป็นน้องของคุณไม่ใช่รึไง”

เด็กหนุ่มปล่อยมือออก เขาหันไปเตะเศษไม้ใบหญ้าและหินก้อนเล็กๆ ลงในบ่อปลาอย่างหงุดหงิด จากนั้นจึงนั่งยองๆ เทอาหารปลาลงในมือแล้วเขวี้ยงลงในสระ

“จะถมสระเหรอ” พอเห็นท่าทางงอนๆ ของคนอ่อนวัยกว่า รวินท์ก็ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งยองๆ ลงข้างกัน “น้องแก้วน่ารัก เพราะเขาเป็นน้องคุณ มีส่วนคล้ายกับคุณ ก็แค่นั้นแหละ”

“ผมหึง... น้องแก้วเป็นผู้หญิง แบ๊วด้วย ตัวก็เล็ก เสป็กพี่เลย”

“แล้วไงอะ ก็ไม่ได้ชอบน้องแก้วนี่หว่า ชอบน้องพิงค์”

ภูพิงค์หันมาสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม “....”

รวินท์ยิ้มบาง “คุณยังเห็นว่าผมเป็นคนที่แย่มากเหมือนเดิมเลยสินะ”

“...เปล่า...” เด็กหนุ่มถอนหายใจ “ผมขอโทษ”

ทันตแพทย์หนุ่มไม่พูดอะไร เขาหยิบอาหารปลาเทใส่มือแล้วค่อยๆ โปรยลงในบ่อ จากนั้นก็นั่งมองปลาตอดแย่งอาหารกันไปเรื่อยๆ

“ผมชอบพี่วินมากนะ”

รวินท์หยุดกึก หันกลับไปประสานสายตากับคนพูดทันที

“ผมก็รู้แหละว่าพี่เป็นคนดัง มีคนเข้าหาเยอะ ผมคงต้องทำใจ แต่ผมก็อดหวงพี่ไม่ได้ ผมอยากให้พี่เป็นของผมคนเดียวนี่หว่า”

“ตัวคุณเองก็มีคนเข้าหาเยอะเหมือนกันไม่ใช่รึไง”

“แต่ใจผมมีแต่พี่”

น้ำเสียงและสีหน้าจริงจังนั้นเป็นผลให้ใบหน้าของรวินท์ร้อนวาบ เขาหลุบตาลงต่ำพร้อมกับพูดเสียงแผ่ว “ผมก็มีแต่คุณเหมือนกัน”

“ว่าไงนะ” ภูพิงค์เอื้อมมือออกไป ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหลังมือของทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “พูดอีกทีดิ ได้ยินไม่ชัด”

“.....”

“พูดอีกทีนะ”

รวินท์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เขาจ้องตาเด็กหนุ่มเขม็งพลางเอ่ยเสียงเข้ม “ในใจผมก็มีแต่คุณ พอใจรึยังวะ”

คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะ เขาคว้ามืออีกฝ่ายลุกขึ้นวิ่ง

“เฮ้ย! จะไปไหน”

“ตามมาเหอะน่ะ”

“ช้าๆ หน่อย! เดี๋ยวหน้าทิ่ม!”

ภูพิงค์จูงมือทันตแพทย์หนุ่มวิ่งขึ้นบ้าน ผ่านหน้ามารดาไปอย่างรวดเร็ว

“พิงค์โว้ย! ใจเย็น! อะ! คุณแม่~”

“เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงมาทานมื้อเย็นกันนะลูก!” มารดาร้องบอก

เด็กหนุ่มพาผู้มาเยือนเข้าไปในห้องของตนเอง แล้วปิดประตูลงกลอน

“พิงค์ เมื่อกี้คุณแม่ อะ!” รวินท์ถูกผลักให้แผ่นหลังแนบไปกับบานประตู ก่อนริมฝีปากจะถูกประกบปิดไว้อย่างรวดเร็ว “ใจ...!”

ภูพิงค์ยกสองมือขึ้นยันบานประตู โดยกักทันตแพทย์หนุ่มไว้ภายใน ขณะที่บดจูบกลีบปากสีแดงอย่างกระหาย ลิ้นเรียวดุนดันเข้าไปในโพรงปากอีกฝ่าย แล้วไล้วนหยอกล้อปลายลิ้นนุ่ม

รวินท์ยกแขนขึ้นโอบเอวคนอ่อนวัยกว่าพลางปิดตาลง ปล่อยตัวเองให้ดื่มด่ำกับรสจูบของเด็กหนุ่ม ริมฝีปากที่กระชับเข้าหากัน และลมหายใจถี่กระชั้น เป็นผลให้ร่างกายร้อนขึ้นมาทีละนิด

ภูพิงค์ละเรียวปากออกมาจากกลีบปากฉ่ำหวาน พลางหอบหายใจหนักๆ เขาลดสายตาลงมองสายน้ำที่เชื่อมอยู่ระหว่างริมฝีปากของพวกเขา

“พิงค์” ทันตแพทย์หนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆ

เด็กหนุ่มรวบคนตรงหน้าเข้ามาในอ้อมแขน เขาซบใบหน้าลงตรงซอกคอขาว แล้วจูบลงไปเบาๆ “พี่ได้ยินเสียงหัวใจผมมั้ย”

“อือ”

“อกผมจะแตกอยู่แล้ว มันเป็นเพราะอะไรกันวะ ทั้งที่ผมก็กอดพี่อยู่แบบนี้”

เพราะแค่กอดไม่พอไง โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังไม่รู้อีก... รวินท์คิดอยู่ในใจ เขาไม่กล้าพูดออกไปหรอก เดี๋ยวโดนว่าเชี่ยวอีก

“พี่วิน...”

“หือ”

ภูพิงค์ผละออก “หิวว่ะ เดี๋ยวผมไปดูก่อนนะว่าแม่ตั้งโต๊ะเสร็จยัง พี่รออยู่ที่นี่ก่อนละกัน” จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไปดื้อๆ ปล่อยให้รวินท์ยืนงงอยู่คนเดียว

“อะไรวะ... อารมณ์เปลี่ยนไวไปมั้ยเนี่ย”

ทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปรอบๆ ห้องอย่างมึนๆ ห้องนี้น่าจะเป็นห้องนอนของภูพิงค์ล่ะมั้ง มีโต๊ะอ่านหนังสือ ตู้หนังสือตู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูน อีกฝั่งเป็นตู้เสื้อผ้า ตรงกลางห้องมีเตียงนอนหลังเบ้อเริ่ม ส่วนตรงข้ามกับเตียงเป็นที่ตั้งของโทรทัศน์และเครื่องเสียง เขาเดินไปหยุดที่หน้าตู้หนังสือเพื่อดูว่าเด็กหนุ่มชอบอ่านอะไรเป็นพิเศษ

“โห การ์ตูนล้วนๆ” รวินท์ขมวดคิ้ว แต่ปกติแล้วในห้องของผู้ชาย ยังไงก็น่าจะมีพวกดีวีดีหรือหนังสือโป๊ซ่อนไว้บ้างสักแผ่นหรือสักเล่ม เขาคิดไปพลางเอื้อมมือขึ้นไปรูดบนหลังตู้หนังสือ เมื่อไม่พบอะไรจึงย้ายไปก้มลงดูใต้เตียงแทน

ที่ใต้เตียงมีกล่องวางซ้อนๆ กันอยู่ แล้วยังมีกองหนังสือด้วย ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มมุมปาก เขารีบเอื้อมเข้าไปหยิบหนังสือออกมาดู มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับบิ๊กไบท์เป็นภาษาอังกฤษสองสามเล่ม ส่วนที่เหลือเป็นหนังสือท่องเที่ยวทางภาคเหนือ

“อะไรวะ น่าเบื่อชะมัด” รวินท์มุดเข้าไปใต้เตียงเพื่อลากเอากล่องออกมาดู แต่ในกล่องก็มีพวกนิยายแปลแฮรี่พ็อตเตอร์อะไรเทือกๆ นี้

“อืม ถ้าซ่อนแบบนี้อาจจะง่ายไปหน่อย เดี๋ยวน้องแก้วจะหาเจอได้” ทันตแพทย์หนุ่มเปลี่ยนมาลองยกที่นอนขึ้น หากใต้ที่นอนก็ว่างเปล่า เขานั่งขมวดคิ้วอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนพื้นห้องแล้วสอดตัวเข้าไปใต้เตียง เพราะคิดว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะเหน็บไว้ใต้เตียงก็ได้ “อืม ไม่มีแฮะ สงสัยคงจะเก็บไว้ในคอมฯ หมดแหงๆ”

ทว่าจู่ๆ บานประตูห้องก็เปิดออก เป็นผลให้รวินท์สะดุ้งโหยง ยกศีรษะขึ้นโขกเตียงดังโป๊กใหญ่ “โอ๊ย!”

ภูพิงค์ยืนมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ “พี่วินทำอะไรอ่ะ”

รวินท์ขยับออกมาจากใต้เตียงอย่างทุลักทุเล แล้วยกมือขึ้นคลึงหน้าผาก “เปล่านี่”

“โห จะโกหกก็ให้เนียนกว่านี้หน่อยมั้ยพี่ ไปมุดเตียงผมหาอะไรวะ” เด็กหนุ่มเดินมานั่งยองๆ ลงตรงหน้า เขาดึงมือทันตแพทย์หนุ่มออกเพื่อดูว่าหน้าผากเป็นอย่างไรบ้าง “โขกเสียงดังจนพื้นสะเทือนเลย หัวโนแหงๆ”

“เจ็บเว้ย อย่าจับ!”

“แน้! จับไม่ได้อีก เดี๋ยวผมไปเอาผ้าเย็นมาประคบให้ อย่าซนอีกล่ะ” ภูพิงค์ลุกเดินออกจากห้องไป สักพักก็กลับมาพร้อมกับผ้าเย็นในมือ เขาเสยผมอีกฝ่ายขึ้นแล้วประคบผ้าเย็นให้อย่างอ่อนโยน “ตกลงพี่มุดหัวเข้าไปทำอะไรใต้เตียง”

“เอ่อ... ผมเห็นหนู...”

“พี่นอนหงายเข้าไปหาหนูเนี่ยนะ”

“ก็ตอนแรกเห็นหนูมันวิ่งเข้าไป นอนคว่ำแล้วไม่เจอเลยนอนหงายดูไง”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เขาใช้ผ้าเย็นคลึงหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ “แดงนิดหน่อยนะพี่ โขกแรงขนาดนั้น ดีนะเนี่ยยังจำผมได้อะ”

รวินท์หลบสายตาเด็กหนุ่ม ขมวดคิ้วอีกเล็กน้อย เขาสงสัยจริงๆ นะว่าพิงค์เอาพวกหนังสือหรือดีวีดีเรื่องอย่างว่าไปซ่อนไว้ตรงไหน อีกฝ่ายจะไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลยเหรอวะ อย่างน้อยก็น่าจะมีไอ้เรื่องออนเซ็นอะไรนั่นไม่ใช่หรือไง นี่ขนาดห้องเขาที่กรุงเทพฯ ยังมีดีวีดีเอวีแบบออริจินอลที่พี่วิวซื้อมาฝากจากญี่ปุ่นเลยนะ

“คิดอะไรอยู่วะพี่ ทำหน้าเครียดเชียว... นี่แม่ตั้งโต๊ะแล้ว ทำน้ำพริกอ่องไว้เป็นกะละมังเลย ถ้าลุกไหวแล้วก็ไปกินข้าวกัน”

ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นช้าๆ เขารับผ้าเย็นมาประคบหน้าผากไว้ ขณะที่เดินตามคนอ่อนวัยกว่าไปยังห้องกินข้าว

“อ้าว หมอวินไปทำอะไรมาล่ะลูก” บิดาของภูพิงค์ทักทันทีที่อีกฝ่ายเดินตามหลังบุตรชายเข้ามาในห้อง

“เอ่อ...”

“พี่วินว่าเห็นหนูอะครับ มุดเตียงดูหัวเลยชน” เด็กหนุ่มตอบแทนให้

“มีหนูด้วยเรอะ แย่จริง เดี๋ยวต้องเรียกบริษัทมาดูหน่อยแล้ว อะไรกัน เพิ่งเรียกมาดูเมื่อไม่นานนี้แท้ๆ” บิดาพึมพำ

“ผมอาจจะตาฝาดก็ได้ครับ ขอโทษด้วย”

มารดาของภูพิงค์เดินไปจูงทันตแพทย์หนุ่มมานั่งลงข้างกัน “หมอวินมากินข้าวกันดีกว่า นี่แม่ทำสุดฝีมือเลยน้า เจ้าพิงค์บอกหมอชอบมาก”

“ขอบคุณครับ” รวินท์ยิ้มรับ “พิงค์อวดไว้เยอะมากว่าฝีมือคุณแม่อร่อยสุดๆ ผมอยากชิมจนต้องมาหาคุณแม่ถึงที่นี่เลย”

“ปากหวานไปแล้วพี่วิน” ภูพิงค์ปราม

“เอ้า ผมพูดความจริงนะ” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปบอกเธอต่อ “พิงค์เคยทำน้ำพริกอ่องที่คุณแม่ส่งมาให้ให้กิน อร่อยมากเลยล่ะครับ”

“หมอชมแบบนี้ เดี๋ยวแม่เขาแพ็กส่งไปเชียงใหม่ทุกอาทิตย์แน่ๆ” บิดาพูดกลั้วหัวเราะ

“ข้าวแต๋นเมื่อบ่ายก็อร่อยมากเลยนะครับ”

ภูพิงค์อมยิ้ม อดคิดไม่ได้ว่ารวินท์กำลังประจบบิดามารดาของเขา แต่ก็นะ ไอ้พี่วินก็สายแดกอยู่แล้ว ไปๆ มาๆ เขาก็ชักไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายประจบเพราะตัวเขาหรือหวังของกินจริงๆ กันแน่

“งั้นกินเยอะๆ เลยนะหมอ นี่น้ำพริกหนุ่มแม่เขาก็ทำอร่อยมากนะ”

เด็กหนุ่มชำเลืองมองคนรักของตนไป แล้วก็คิดว่าที่ไอ้พี่วินประจบก็คงเพราะความเป็นสายแดกจริงๆ นั่นล่ะ แดกสนั่นหวั่นไหวเลยจริงๆ ฟาดเรียบแม่งทุกอย่าง

“พี่วินกินเก่งเนอะ” มิ่งแก้วเอ่ยอย่างทึ่งๆ “ตัวผอมนิดเดียว ทำไมจุได้เยอะจังคะ”

“ปกติผมไม่ค่อยมีโอกาสได้กินเยอะแบบนี้หรอก ที่แถวโรงบาลที่ผมใช้ทุนอยู่น่ะ หาของกินลำบากหน่อย บางวันร้านนึกจะเปิดก็เปิดกันเป็นสิบร้าน แต่เวลานึกจะปิดก็ดันปิดพร้อมกันอีก บางทีผมต้องทอดไข่กินเองเป็นอาทิตย์เลย”

“น่าสงสารจังลูก แต่เดี๋ยวพิงค์มีรถแล้วก็ขับพาหมอเขาไปหาอะไรกินบ่อยๆ นะ”

“ครับแม่”

“เจ้าพิงค์ไปกวนหมอบ่อยมั้ยน่ะ” บิดาหันไปถามทันตแพทย์หนุ่ม

“ไม่เลยครับ พิงค์เป็นเด็กดีมาก มาช่วยเหลือผมบ่อยๆ เลย ถ้าไม่ได้เขา ผมเองก็คงแย่”

“ใช่ ถ้าไม่ได้ผม ป่านนี้ห้องพี่วินก็ยังไม่มีม่าน ไม่มีโต๊ะกินข้าวแน่ๆ”

รวินท์หันไปยิ้มให้เด็กหนุ่ม “เป็นพระคุณอย่างสูงมาก งั้นเดี๋ยวกลับไปเชียงใหม่ผมจะรีบผ่าฟันคุดที่เหลือให้เรียบเลยนะ”

“เย้ย ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่รีบ”

“โห วิธีนี้ใช้ปราบพี่พิงค์ได้อยู่หมัดจริงๆ” มิ่งแก้วหัวเราะ

ครอบครัวของภูพิงค์ชวนทันตแพทย์หนุ่มพูดคุยไปเรื่อยๆ หมดอาหารคาวก็นำผลไม้กับของหวานมาให้อีก ส่วนรวินท์ก็เปรมเลยทีเดียว เขากินไปพูดคุยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งดึกดื่น

“แป๊บๆ ก็สี่ทุ่มซะละ หมอวินคุยเก่งนะเนี่ย เพลินเลย คืนนี้ค้างที่นี่มั้ยจ๊ะ ดึกๆ ดื่นๆ ขับรถอันตราย”

ภูพิงค์พยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันนะพี่วิน ค้างมั้ย”

“ค้างก็ได้” รวินท์อมยิ้ม “งั้นผมขอรบกวนคุณพ่อคุณแม่สักคืนนะครับ”

“โอย หลายๆ คืนก็ได้จ้า”

“มาอยู่ตลอดไปเลยก็ด้าย~” มิ่งแก้วพูดพลางใช้ข้อศอกถองพี่ชายรัวๆ

ภูพิงค์สบสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม แล้วหันไปดุน้องสาวเสียงเข้ม “แก้ว อย่าเล่นน่ะ”

เด็กสาวเบะปากใส่พร้อมกับสะบัดหน้าพรืด

หัวใจของทันตแพทย์หนุ่มกระตุกวูบ รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาชักไม่มั่นใจแล้วว่าจะค้างดีหรือไม่ บางทีภูพิงค์อาจจะชวนไปตามมารยาทเท่านั้น ที่นี่มีบิดามารดาของเด็กหนุ่มอยู่ซะด้วยสิ

“ผมพาพี่วินไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ภูพิงค์คว้าแขนเจ้าของชื่อเรียกให้ลุกขึ้น

รวินท์เดินตามไปดีๆ ในคราวแรก แต่พอพ้นจากห้องกินข้าว เขาก็ดึงแขนตนเองออก “ผมว่าผมกลับดีกว่าว่ะ”

“อ้าว ทำไมอะครับ”

“คุณแน่ใจเหรอว่าอยากให้ผมค้างอะ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “ทำไมถามแบบนั้น”

ทันตแพทย์หนุ่มเบือนหน้าหนี “ช่างเหอะ ยังไงผมก็ต้องกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าไว้ไปทะเลอยู่แล้ว”

“พรุ่งนี้ค่อยแวะไปเอาเสื้อผ้าพี่ก็ได้นี่ แค่สองสามวันจะต้องจัดอะไรกันนักเชียววะ ผมจะได้เอาของที่แม่เตรียมไว้ไปให้ที่บ้านพี่ด้วย”

“....”

“พี่วิน” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ้อน “ค้างกับผมนะ”

แค่นี้รวินท์ก็ใจอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟแล้ว เขาถอนหายใจหนักๆ “เออ ค้างก็ค้าง”

“ปะ อาบน้ำกันดีกว่า” ภูพิงค์จูงมืออีกฝ่ายเดินกลับไปยังห้องนอนของตน

พอก้าวเข้าไปในห้อง รวินท์ก็เดินไปนั่งลงบนเตียง มองดูเจ้าของห้องรื้อหาเสื้อผ้ามาให้ตนเปลี่ยน สักพักเด็กหนุ่มก็เอาชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวมาวางไว้ให้ แล้วเดินไปกดเปิดเครื่องปรับอากาศ 

“พี่วินอาบน้ำในห้องนี่ เดี๋ยวผมไปอาบห้องแม่ โอเคนะ”

“อือ”

“ห้ามแอบหนีกลับบ้านนะเว้ย”

“ไม่หนีหรอกน่ะ”

“พี่เข้าห้องน้ำไปก่อนเลย ผมจะรอดู”

รวินท์คว้าผ้าเช็ดตัวมา ก่อนจะจ้ำอ้าวๆ เข้าห้องอาบน้ำไป เมื่อบานประตูห้องน้ำปิดลง เจ้าของห้องจึงหยิบเสื้อผ้าของตนเดินออกจากห้องไป

หลังอาบน้ำเสร็จ ทันตแพทย์หนุ่มหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาซับน้ำ เขามองหาชุดนอนที่เด็กหนุ่มส่งให้ แต่หาไม่เจอ “อ้าว หรือว่าจะไม่ได้หยิบเข้ามาด้วยวะ” จากนั้นจึงเอาผ้าเช็ดตัวพันเอวไว้แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง

ชุดนอนยังวางอยู่บนเตียง เขาจึงเดินไปหยิบกางเกงมาสวม ใส่เสื้อไว้หากยังไม่ได้ติดกระดุม พอหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นเช็ดเส้นผม เจ้าของห้องก็กลับเข้ามาในห้องพอดี

ภูพิงค์หยุดชะงัก นัยน์ตาไปหยุดอยู่ที่แผ่นอกขาวๆ กับติ่งไตสีชมพูเล็กๆ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ก่อนจะหันไปปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย แล้วก็ยืนเกาะบานประตูเป็นจิ้งจกอยู่แบบนั้น

กูจะตื่นเต้นทำไมวะ เห็นมาตั้งหลายรอบแล้วนี่หว่า

แต่พี่วินขาวจัง น่ามอง น่าลูบ น่าจูบแม่งทั้งตัว

ฉิบหาย คิดอะไรเนี่ยกู!

“พิงค์ ยืนทำไรวะ”

“เอ้อ...” เด็กหนุ่มหันกลับมายิ้มเขินๆ “ดูลายไม้อะพี่”

รวินท์นั่งลงบนเตียง “มานั่งด้วยกันดิ”

“ผมปิดไฟดวงใหญ่นะ พี่เปิดไฟหัวเตียงที”

คนอ่อนวัยกว่าเดินดุ่มๆ ไปนั่งลงบนเตียงอีกฝั่ง แล้วก็เอนหลังลงนอน เอามือหนุนศีรษะไว้ “จะนอนเลยมั้ยอะ”

“ผมยังไม่แห้งเลย นอนตอนนี้ตื่นมาหัวชี้ไปคนละทิศพอดี”

“พี่วินก็กลัวไม่หล่อเป็นกะเขาเหมือนกันแฮะ”

“เออดิ เดี๋ยวคุณเปลี่ยนใจไง”

“โวะ!” ภูพิงค์หัวเราะลั่น เขาลุกขึ้น ขยับเข้าไปนั่งด้านหลังอีกฝ่ายพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวมา “เดี๋ยวผมเช็ดให้”

“จะแห้งแล้ว”

“เอาน่ะ นั่งเฉยๆ”

รวินท์เอนตัวไปทางด้านหลัง เอามือเท้ากับเตียงไว้เพื่อให้คนที่นั่งอยู่ข้างหลังเช็ดผมให้ได้สะดวก พอเด็กหนุ่มเช็ดไป ชายผ้าเสียดสีกับเสื้อนอนที่ยังไม่ได้ติดกระดุม คอเสื้อจึงร่วงลงมากองอยู่ที่หัวไหล่

ภูพิงค์ลดสายตาลงมอง พอชะเง้อดูก็เห็นติ่งไตซึ่งรัดตัวแข็งคงเพราะอากาศเย็น เขากลืนน้ำลายเอื๊อก ลังเลอยู่สักพักว่าจะช่วยใส่เสื้อให้อีกฝ่าย หรือจะแอบมองต่อไปดี

เอาไงดีวะ

เทวดาฝ่ายดีกระซิบบอกเขาว่า... เป็นสุภาพบุรุษหน่อยสิมึง เอื้อมมือไปติดกระดุมเสื้อให้เลย

แต่ปิศาจฝ่ายร้ายบอกว่า... พี่วินก็แฟนมึงถูกมะ ทำไมจะมองไม่ได้ ผิวขาวๆ นั่น จูบทำรอยให้เป็นดวงไปเลย ใครๆ เขาจะได้รู้กันว่านี่แฟนมึง

ขณะที่ปิศาจกับเทวดากำลังเถียงกันอยู่นั้น เขาก็โน้มใบหน้าลงไปตรงซอกคอขาว แล้วสูดกลิ่นหอมของผิวกายเข้าไปเต็มปอด

อา... หอมชะมัด

เด็กหนุ่มทิ้งผ้าเช็ดตัวในมือลงแล้วรวบตัวรวินท์เข้ามาแนบกาย จากนั้นก็ระดมสูดกลิ่นหอมตามลำคอและหัวไหล่ “พี่วินหอมจัง”
ทันตแพทย์หนุ่มสะดุ้งตัวเบาๆ ที่ตกใจก็เพราะไม่นึกว่าภูพิงค์จะลงมือทำอะไรนอกเหนือจากจูบ ไอ้เขาก็รอลุ้นอยู่ตั้งนานแน่ะ แต่จะพูดอะไรดี จะตอบอย่างไรให้ดูอินโนเซนต์วะ “เอ่อ...”

เพื่อรักษาลุคใสๆ ไว้ รวินท์จึงหันไปสูดดมซอกคอเด็กหนุ่มบ้าง “พิงค์ก็หอมนะ” เขาเอียงหน้าทำมุมสี่สิบห้าองศา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สาขาไหนก็ไม่รู้บอกว่าจะช่วยเพิ่มความน่ารักน่าเอ็นดูให้

“พี่วินอย่าทำตัวน่ารักมากนักดิ ผมไม่ชินเลยว่ะ” ภูพิงค์พูดพลางเคลื่อนมือไปติดกระดุมเสื้อให้คนในอ้อมแขนทีละเม็ด

“ปกติผมไม่น่ารักรึไงวะ”

“ก็... น่ารักแบบกวนๆ”

รวินท์ก้มลงมองมือของเด็กหนุ่มที่ติดกระดุมเสื้อให้เขาลงไปถึงเม็ดล่างสุดแล้วอย่างเซ็งๆ แต่เขาก็เข้าใจนะ เขาไม่มีอะไรน่ามองเหมือนผู้หญิงนี่หว่า และพวกเขาเพิ่งตกลงเป็นแฟนกัน สำหรับภูพิงค์แล้วอะไรที่มากกว่าจูบมันก็คงจะเร็วไปแหละ

“นอนกันเหอะ”

“อือ”

จากนั้นสองหนุ่มก็เอนตัวลงนอนข้างกัน ภูพิงค์เอื้อมมือไปปิดไฟที่โคมไฟพร้อมกับหันหลังให้คนที่นอนอยู่ด้วยกัน เพื่อที่ตัวเขาจะได้ข่มตาให้หลับลงไปได้

ทันตแพทย์หนุ่มหันไปมองคนอ่อนวัยกว่าอย่างงงๆ เขาลุกขึ้นเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มมาห่ม ก่อนจะเอาผ้าห่มห่มให้คนข้างกันด้วย ทว่านั่นทำให้ภูพิงค์สะดุ้งโหยง

“พี่วินทำไรอะ!”

“ก็ห่มผ้าให้ไง”

“อ่อ... อือ ขอบคุณครับ ผมง่วงอะพี่วิน ฝันดีนะ” เด็กหนุ่มพูดโดยไม่หันไปทางคนที่นอนอยู่ข้างกัน หัวใจเขาเต้นโครมคราม กำลังจะระเบิดออกมาจากในอกอยู่แล้ว

“พิงค์... กอดหน่อยดิ”

ฉิบหาย!

ภูพิงค์เหงื่อตก รู้สึกร้อนไปทั้งตัวทั้งที่ในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ ใจเขาอยากกอดฟัดอีกฝ่ายให้สมกับความน่ารัก แต่ก็กลัวว่าตัวเองหัวใจจะวายไปเสียก่อน จะทำอะไรก็ยังทำไม่เป็น ไม่รู้ควรจะเริ่มยังไงด้วยซ้ำ อีกอย่างพวกเขาเพิ่งตกลงคบกันเมื่อวาน วันนี้จะให้คลุกวงในกับพี่วินแล้วเหรอวะ มันเร็วไปเว้ย

เอาไงดีวะ!

นับหนึ่งถึงสิบให้ใจสงบก่อน หนึ่ง... สอง... สิบ

“คร่อก” เด็กหนุ่มทำเสียงกรนเบาๆ แต่นอนเกร็งไปทั้งตัว

รวินท์ชำเลืองมองเด็กหนุ่มเป็นระยะๆ จากนั้นจึงถอนหายใจหนักๆ เขาพยายามไม่ใส่ใจกับท่าทีแปลกๆ ของอีกฝ่าย จึงนอนนิ่งๆ  พยายามข่มตาลงให้หลับๆ ไปสักที


เช้าวันใหม่ เมื่อรวินท์ตื่นขึ้นมา เจ้าของห้องก็ไม่อยู่แล้ว ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นขยี้ตา หันมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือมากดดูเวลา

“แปดโมง... อือ... พิงค์ตื่นเช้าเว่อร์” เขาบิดขี้เกียจ อยากจะล้มตัวลงนอนต่อ แต่ก็คิดว่าอย่าดีกว่า อยู่บ้านแฟนควรจะสร้างภาพสักหน่อย คิดแล้วก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าที่เด็กหนุ่มวางไว้ให้ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป

เมื่อเดินออกจากห้องมาก็พบกับน้องสาวของคนรักเข้าพอดี

“อ้าว พี่วิน แก้วจะมาเคาะประตูเรียกพอดี เมื่อคืนนอนสบายรึเปล่าค้า”

“อือ สบายดี”

“ปะๆ ไปกินข้าวกัน”

“พิงค์ไปไหนล่ะ”

“แหม นอนด้วยกันมาทั้งคืน เช้าตื่นมายังต้องถามหาอีกน้า~” มิ่งแก้วหัวเราะร่า “พี่พิงค์ขนของที่แม่จะฝากไปให้บ้านพี่วินลงไปข้างล่างอยู่ค่ะ ของกินเพียบเลย”

รวินท์เดินตามเด็กสาวไปจนถึงห้องกินข้าว ซึ่งบิดาของเด็กหนุ่มนั่งรออยู่ในห้องแล้ว “สวัสดีครับ ขอโทษที่ผมมาช้า”

บิดายิ้มกว้างรับ “ไม่หรอกๆ ปกติเราก็กินข้าวเช้ากันราวๆ นี้ละ หมอพักร้อนอยู่ก็ควรจะพักผ่อนเยอะๆ นะ นั่งลงก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่กับเจ้าพิงค์ก็มา”

ขณะเดียวกันมิ่งแก้วก็เดินไปเทน้ำส้มคั้นมาเสิร์ฟให้ “เพิ่งคั้นเมื่อกี้เองค่ะ รับรองไม่เค็ม เพราะแก้วล้างมือแล้ว”

“ขอบใจ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มรับ

“หมอวินยังเหลือใช้ทุนอีกนานมั้ย” บิดาชวนคุยไปเรื่อยๆ

“อีกประมาณสองปีครับ”

“แล้วต่อจากนั้นล่ะ หมอจะทำอะไรต่อ”

“คงต่อเฉพาะทางครับ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกสาขาไหนดี”

ชายวัยกลางคนพยักหน้าหงึกหงัก “เอาไว้ฟันหลุดหมดปากแล้วพ่อจะไปทำฟันปลอมกับหมอวินนะ”

รวินท์หัวเราะแหะๆ “คงอีกนานนะครับ คุณพ่อยังหนุ่มอยู่เลย”

“โห พี่วิน พูดแบบนี้พ่อยิ้มปากฉีกถึงหูแล้ว”

สักพักภูพิงค์กับมารดาก็เดินยิ้มเข้ามา เด็กหนุ่มถือหม้อใส่ข้าวต้มมาด้วย พอมาถึงก็ตักข้าวต้มแจกทุกคน ก่อนจะนั่งลงข้างทันตแพทย์หนุ่ม

“หมอวินกินเยอะๆ นะลูก แม่ใส่ปู ปลาหมึกกับกุ้งตัวโตๆ ให้ด้วยน้า”

“ขอบคุณครับ”

รวินท์ชำเลืองมองคนข้างๆ กันซึ่งก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาเป็นพิเศษ เขาตักข้าวต้มขึ้นเป่า แล้วเอาใส่ปากไปเรื่อยๆ

“พี่วินชอบกุ้งมั้ย อ่ะ” ภูพิงค์ตักกุ้งในชามของตนให้

“อะ อือ... ขอบใจ”

“พี่พิงค์ไม่กินกุ้งก็อย่าเอาไปยัดเยียดให้พี่วินดิ” มิ่งแก้วพูดขึ้น

“ไม่ใช่ไม่กินเว้ย” เด็กหนุ่มส่งสายตาดุๆ ใส่น้องสาว “รีบกินๆ ของตัวเองไปเลย เดี๋ยวต้องรีบไปเรียนพิเศษไม่ใช่รึไง”

“ค่า พี่ชาย” เด็กสาวเบ้ปากใส่ “ไม่น่าติดเรียนเลย จะได้ตามพี่วินกับพี่พิงค์ไปทะเลด้วย”

“ดีแล้วที่ติดเรียน”

“เชอะ”

มารดาส่ายหน้าไปมา “อายหมอวินเขาบ้างสิ พี่น้องคู่นี้ เฮ้อ... พิงค์นี่น้า ไปอยู่คนเดียวตั้งหลายปี ไม่โตขึ้นเลย”

“ดีนะที่ยังรู้จักคบเพื่อนดีๆ” บิดาหันไปทางรวินท์ “หมอวินคงปวดหัวหน่อย แต่พ่อฝากเจ้าพิงค์ด้วยนะ”

รวินท์ชะงักไปเล็กน้อย “เอ่อ ครับ”

“นี่ หมอวิน แม่ฝากขนมกับน้ำพริกไปให้ที่บ้านด้วยนะจ๊ะ”

“อ่า ขอบคุณมากครับ เอาไว้ถ้ามีโอกาสผมจะพาที่บ้านไปเยี่ยมที่ร้านนะครับ”

“มาเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกพ่อกับแม่ก่อนด้วยนา จะได้เตรียมต้อนรับ”

“ครับ ขอบคุณครับ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มเจื่อนๆ เขารู้สึกผิดชอบกล ทุกคนดูจะไว้ใจเขามาก ที่ให้การต้อนรับกันเป็นอย่างดีก็คงเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนของพิงค์ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าหากพวกเขารู้ความจริง... จะมีท่าทีเปลี่ยนไปหรือไม่

“พี่วินกินเสร็จแล้วใช่มั้ย” ภูพิงค์หันไปถาม

“อะ อือ...”

“งั้นไปกันเหอะ” คนอ่อนวัยกว่าลุกขึ้นพลางหันไปบอกกับบิดามารดาและน้องสาว “ผมไปนะ วันอังคารจะกลับมาค้างบ้านครับ”

“ขับรถกันดีๆ ล่ะ เที่ยวให้สนุกจ้ะ”

รวินท์รีบลุกขึ้นตาม เขายกมือไหว้ โบกมือลาน้องสาวของเด็กหนุ่มแล้วเดินตามอีกฝ่ายออกไป


*TBC*


ข้าวใหม่ปลามันก็ต้องมีการปรับตัวกันมั่งนะคะ เพราะพี่วินก็มีแฟนผู้ชายคนแรก แถมยังเป็นเด็กปากจัด จะรุกมากก็กลัวโดนด่าว่าเชี่ยวอีก ส่วนน้องพิงค์นี่ไม่ต้องพูดถึงนะคะ ซื่อบื้ออย่างเดียวเท่านั้น ความรู้สึกตัวเองยังจัดการไม่ได้เลย 555555 อยากรุกพี่ก็ไม่รู้จะทำไง คืนเร่าร้อนที่ออนเซ็นที่เคยดูไป ช่วยอัลรัยน้องไม่ได้เร้ยยยยย 555555

ไม่ต้องห่วงเรื่องดราม่าจัดๆ ของพี่วินน้องพิงค์นะคะ ไม่มีแร้วววว รักกันขนาดนี้ มีแต่ปรับความเข้าใจกันแหละ ก็จะมีงอนๆ กันบ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้ให้พี่วินเกียมตัวเกียมใจ จัดการกับหมอเต้เพื่อนรักก่อน รอให้กำลังใจหมอวินกันเนอะะะะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 20-04-2018 19:58:44
 :z13:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 20-04-2018 19:59:06
ไปเที่ยวกันสองคนหวังว่าจะคุยกันมากขึ้น เพลาๆบ้างเรื่องคิดไปเองอ่ะ หวานให้สุดสักที
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 20-04-2018 20:04:04
กลัวจริงๆ ต่างคนต่างคิด ไม่คุยกันตรงๆ เนี้่ยแหละจะก่อดราม่า ต่างคนต่างใหม่กะการมีแฟนเป็นผู้ชาย
สู้ๆ จ้าทั้งคู่ เรารอฟินจิกหมอน
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 20-04-2018 20:09:40
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-04-2018 20:10:08
อย่างอนกันหนักเลยนะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-04-2018 20:21:20
แหม.. พี่วินเนี่ยก็คิดไปไกล น้องพิงค์มันไม่ได้เจนสังเวียนเหมือนพี่วินนะจ๊ะ5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 20-04-2018 20:44:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-04-2018 21:04:16
อีกคนก็อดท๊น อดทน
อีกคนก็งงทำไมไม่ทำอะไร
ถถถถ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-04-2018 21:07:09
ถ้าพี่วินไม่รุก น้องพิ้งจะกล้ารุกมั้ย 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 20-04-2018 21:47:05
ิพิงค์ควรบอกออกไปตรงๆว่าทำไม่เปป็นว้อย แต่อยากทำ 555555555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 20-04-2018 21:51:01
ขำหมอวินอะ เอาน่าน้องพิงค์ใสๆไงค่อยเป็นค่อยไปเน๊าะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 20-04-2018 21:52:00
ขำหมอวินอะ เอาน่าน้องพิงค์ใสๆไงค่อยเป็นค่อยไปเน๊าะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: slurpeez-69Nes ที่ 20-04-2018 22:09:17
พี่หมอใจเย็นนะ ไม่ใข่น้องไม่ิยากทำ น้องมันทำไม่เป็นพี่!!!!!!  อดทนไว้~~~~
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 20-04-2018 22:33:21
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 20-04-2018 22:38:26
จริงๆแอบสงสัยอย่างนึงค่ะ  พี่วินตอนหลังๆดูเป็นคนคิดมากและใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆมากเลย  จากเมื่อก่อนดูเหมือนจะมองข้ามไปหลายอย่าง  อาจจะเพราะเปลี่ยนตัวเป็นคนใหม่แล้วกราออะไรก็แล้วแต่  แต่พวกนิสัยเล็กๆน้อยๆพวกนี้ที่คิดเล็กคิดน้อยก็น่าจะมาจากพื้นฐานลักษณะนิสัยเจ้าตัวนะคะ   แต่เมื่อก่อนทำไมไม่คิดเยอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 20-04-2018 23:04:29
การปรับตัวครั้งใหญ่เลยค่ะ
มีอะไรไม่พูดกันอีกแล้วคู่นี้เนี่ยยย
อยากให้ปรับตัวกันได้เร็วๆค่เ
หวานกันเยอะๆๆๆๆๆๆ
การไปทะเลคราวนี้จะต้องไม่เสียเที่ยวนะคะ!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 20-04-2018 23:21:00
 :a5: คนหนึ่งก็อ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไง​ อีกคนก็.....ไก่อ่อนเหลือเกิน นะ​ เอาใจช่วยพี่วินนะคะ5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-04-2018 23:38:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถๆๆๆๆๆๆๆๆ  อีพี่วินนี่น้า  รุก ๆ ไปเลยจิ  มัวแต่ทำเป็นใสซื่อ  รอให้น้องมันรุกหน่ะ อีกนานแน่ ๆ  อ่อ แต่รุกแบบออนท็อปนะจ๊ะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-04-2018 00:43:35
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-04-2018 08:33:18
พิงค์ทำพี่คิดมากอีกละ คือเขินก็เข้าใจ แต่คนนอยด์ง่ายไม่เข้าใจ
หมอวินก็ชอบคิดไปเอง แต่ก็นะ น้องหันหลังให้ขนาดนั้น
แล้วไปฟังมาอีกว่าไม่ให้บอกที่บ้าน ถึงขั้นน้อยใจยกกำลังสิบเก้า

ไปทะเลก็ไปสวีทนะ คุยกันเยอะๆ จะได้ไม่นอยด์กันง่ายเนาะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-04-2018 09:46:00
อย่าคิดมากนะพี่วินน้องยังมือใหม่ รอน้องภูศึกษาดีๆ กลัวแต่ว่าพี่จะฟ้าเหลืองเอานะ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 21-04-2018 10:06:53
น่ารักกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-04-2018 12:48:04
เตรียมตัวรับความหวานที่ทะเลเลยค่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 21-04-2018 13:14:41
งอนกันบ่อยแบบนี้ ลูกดกแน่ๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 21-04-2018 13:39:23
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-04-2018 15:07:31
ไปมาหาสู่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-04-2018 16:49:55
5555 พิงทำไรไม่ถูกแกล้งหลับ.ะงั้น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 21-04-2018 18:34:02
ตลกความคีพลุคใส ๆ ของพี่วิน ทั้ง ๆ ที่รู้สึกว่ามีความต้องการสูงไม่แพ้พิงค์เลย  :laugh:  เปิดอกคุยกันเรื่องนี้อีกทีคงไม่ได้เห็นทะเล เห็นเดือน เห็นตะวัน  :-[   รอพิงค์สร้างความมั่นใจให้พี่หมออยู่นะคะ


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-04-2018 18:53:38
อนาถแท้น้องพิงค์ แกล้งหลับหนีเฉย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 21-04-2018 21:47:51
หมอวินก็ ครบกันวันเดียวก็จะ จึกกะดึยกันแล้วหรอ ใจเย็นๆก่อน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-04-2018 22:45:00
ตลกพี่วินพยายามหาทางให้ตัวเองไม่เชี่ยว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-04-2018 23:33:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-04-2018 23:44:01
ค่อยๆ ปรับกันไปนะครับทั้งคู่ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ถึงมีอุปสรรคก็ขอให้จับมือกันผ่านไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 22-04-2018 00:10:55
ใครรุก!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-04-2018 11:31:08
ลุคพิงค์นี่ไม่น่าไก่อ่อนขนาดนี้55555 เก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้พี่วิน พี่วินรุกเองเลยอย่ารอพิงค์ไม่งั้นอาจมีแกล้งหลับบ่อยๆ คร่อกกกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 22-04-2018 11:38:14
เอ็นดูน้องพิงค์น้องยังใสๆในเรื่องความรัก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 23-04-2018 10:53:13
คนแต่งยังตัดสินใจเรื่องตำแหน่งไม่ได้ใช่ไหม พี่วินถึงไม่โดนกินสักทีเนี่ยะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-04-2018 17:53:40
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 23-04-2018 18:47:45
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 23-04-2018 20:00:44
น้องพิงค์ลูก ทำไมใสขนาดเน้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 25-04-2018 04:07:07
อ้านรวดเดียวจนทันตอนล่าสุด ชอบมาก ขอบอกว่ายิ้มกริ่มตลอดเรื่องเลย รักคนเขียนที่สุดดดดดด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 25-04-2018 16:43:59
รอ5วันแล้ว :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 25-04-2018 18:32:21
Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล


หลังจากกลับไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่บ้านและนำของฝากจากบ้านของภูพิงค์ไปให้ที่บ้านแล้ว สองหนุ่มก็เดินทางกันต่อไปยังเมืองพัทยา ระหว่างทางที่ขับรถไปรวินท์ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาเปิดเพลงคลอไว้แผ่วๆ ส่วนคนที่นั่งข้างกันก็หันมองออกไปทางหน้าต่าง

“จะเที่ยงแล้วอะพี่วิน หิวยัง”

“อือ นิดหน่อย กินไรดี”

“พี่วินน่าจะเคยมาแถวนี้บ่อย พี่เลือกเลย” เด็กหนุ่มหันไปทางคนขับ ก่อนจะเอื้อมมือไปวางลงบนตักชายหนุ่ม “เมื่อยยังอะ จะให้ผมขับแทนก็บอกนะ”

“ให้คุณขับแล้วจะไปออกเขมรมั้ยอะ”

“โห เนวิเกชั่นก็มี ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นป่ะ”

รวินท์หันไปยิ้มให้เจ้าของมือบนตักตน “ไม่เป็นไร ขับให้แฟนแค่นี้ผมขับได้”

“พี่วินแม่งปากหวานฉิบหาย”

“เอ๊า ไม่ดีเรอะ”

“ไม่ดี”

“ทำไมวะ”

“มันทำให้ผมอยากชิม”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับไปทางคนอ่อนวัยกว่าอีกรอบ ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง คือถ้าคนพูดพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ก็คงจะเท่อยู่หรอกนะ แต่พิงค์นี่ หน้าแดงทั้งหน้ายาวไปจนถึงหู อย่างกับเอามะเขือเทศมาตั้งไว้แทนศีรษะอย่างไรอย่างนั้น

“หัวเราะทำไมวะพี่!”

“โทษๆ” รวินท์วางมือซ้อนลงไปบนหลังมือของเด็กหนุ่มพลางบีบเบาๆ “เอาไว้ถึงแล้วจะให้ชิม”

ภูพิงค์มองท่าทางสงบนิ่งของอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย เขาน่ะ นั่งคิดตั้งนานว่าจะหยอดพี่วินอย่างไรดี อยากจะทำให้อีกฝ่ายเขินม้วนต้วนบ้าง

ไม่เป็นไร เดี๋ยวคิดมุกใหม่

รวินท์ขับรถต่อไปอีกสักพักก็เลี้ยวเข้าไปจอดหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง “กินก๋วยเตี๋ยวกันเนอะ เจ้านี้อร่อย”

“โอเค”

สองหนุ่มก้าวลงจากรถและเดินเคียงคู่กันเข้าไปในร้าน พอนั่งลงสั่งก๋วยเตี๋ยวแล้วเด็กหนุ่มก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีสายตาของคนหลายๆ คนพุ่งตรงมาที่โต๊ะ แต่มันจะเป็นไปได้เหรอวะ นี่เขาอยู่ไกลจากเชียงใหม่ตั้งหลายร้อยกิโลเมตรเชียวนะเว้ย

ภูพิงค์หันมองไปรอบๆ ช้าๆ “เฮ้ย!” เขาสะดุ้งโหยง เมื่อสายตาไปประสานกับคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเขารู้จักคุ้นเคยหน้าตาดี นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ กันเลย “พวกพี่มาทำห่าอะไรถึงที่นี่วะ!”

“แล้วมึงล่ะมาทำห่า... เอ๊ย... สวัสดีครับพี่หมอ” สมาชิกสโมสรนักศึกษาปีสี่สี่หน่อพร้อมใจกันยกมือไหว้ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็ต้องมีต่าย ตากล้องประจำสโมฯ อยู่ด้วย

“หวัดดีครับ” รวินท์ยิ้มเจื่อนๆ ไม่ใช่อะไร เขากลัวท่าทีของภูพิงค์มากกว่า ต่อหน้าบิดามารดาของเด็กหนุ่มเขาก็โดนปฏิเสธมาแล้ว ถ้าโดนต่อหน้ารุ่นพี่อีก เขาคงเซ็งฉิบหาย

ทั้งสองโต๊ะทักทายกันเสร็จก็นิ่งอึ้ง เด๊ดแอร์เข้าปกคลุมทันควัน ต่างฝ่ายต่างพยายามไม่สบสายตากันอีก

ทันตแพทย์หนุ่มแก้กลุ้มด้วยการหันหน้าหนีไปอีกทางซะ ส่วนภูพิงค์ก็ก้มหน้าหลบสายตาจากโต๊ะข้างๆ

สักพักพนักงานในร้านก็นำก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟให้ สองหนุ่มจึงกินกันไปแบบเกร็งๆ

ไม่รู้รสชาติเลยแม่ง... รวินท์บ่นอยู่ในใจ

คนอ่อนวัยกว่าชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เขาไม่อยากให้พี่วินทำสีหน้าลำบากใจแบบนี้เลย เอาจริงๆ ไอ้พวกพี่ๆ ก็รู้งานดี ไม่มีใครเปิดปากแซวอะไรเสียด้วย พอเขาชำเลืองมองไปอีกที พวกพี่ๆ ก็หันไปสนใจกับก๋วยเตี๋ยวตรงหน้ากันแล้ว

“พี่วิน ชอบกินลูกชิ้นมั้ย” ภูพิงค์ตักลูกชิ้นในชามส่งให้

“เดี๋ยวก็ไม่อิ่มหรอก”

“ไม่อิ่มก็สั่งใหม่ได้”

“ผมสั่งเกาเหลามากินแต่ลูกชิ้นก็ได้นะ” รวินท์ชำเลืองมองโต๊ะข้างกันอย่างหวาดๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครใส่ใจ เขาจึงถอนหายใจเบาๆ แล้วตักลูกชิ้นใส่ปาก “ขอบใจ”

สองหนุ่มนั่งกินกันต่อไปเงียบๆ จนหมดชาม เมื่อวางตะเกียบลง ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้วก็อ้ำอึ้งเล็กน้อย

“สั่งอะไรอีกมั้ย”

“เอ่อ แล้วแต่พี่...”

คราวนี้โต๊ะข้างๆ คงอดใจไว้ไม่ไหว พร้อมใจกันหันมาพรึ่บพรั่บ ถ้าเอาหูมาแนบปากสองหนุ่มได้ พวกเขาคงทำกันแล้ว

“เว้ย~ มองอะไรกันนักวะพี่” ภูพิงค์หันไปโวย

“ก็... ก็มองว่าสั่งอะไร อร่อยเหมือนกันมั้ยไง เผื่อจะได้สั่งตาม”

“ผมกับพี่วินสั่งเส้นเล็กต้มยำอะ” เด็กหนุ่มหันกลับไปถามคนที่นั่งตรงข้ามกัน “ของพี่อร่อยป่ะ”

“อือ ก็อร่อยดี”

“อร่อย แค่นี้แหละ เลิกมองได้ยัง” ภูพิงค์หันไปบอกโต๊ะรุ่นพี่อีกรอบ

“มองแค่นี้ก็หวงว่ะ” เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังแว่วมาจากกลุ่มรุ่นพี่

“หวงดิ พี่วินไม่ใช่ของสาธารณะนะเว้ย” เด็กหนุ่มตอบกลับไปเสียงเข้ม

รวินท์เงยหน้าขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง น้ำเสียงหาเรื่องแบบนั้น เขากลัวว่าพิงค์จะยกชามก๋วยเตี๋ยวเขวี้ยงไปอีกโต๊ะ “ใจเย็นเว้ยพิงค์”

แต่ดูโต๊ะรุ่นพี่จะไม่ยอมถอยกันไปง่ายๆ “ไม่ใช่ของสาธารณะแล้วของใครวะ”

“ของผม!” ภูพิงค์ตอบอย่างชัดเจนก่อนจะลุกขึ้นพรวด พร้อมกับคว้าแขนของทันตแพทย์หนุ่มให้ลุกขึ้นตามมาด้วย “ตอบให้แล้ว เลี้ยงผมกับพี่วินด้วยนะเว้ย”

พวกรุ่นพี่พร้อมใจกันยกนิ้วโป้งให้ “โอ้โหเว้ย! โอเค! พวกกูเลี้ยงเอง!”

“ขอบคุณเว้ยพี่” เด็กหนุ่มผงกศีรษะให้ พลางกึ่งลากกึ่งจูงรวินท์ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวไป ระหว่างทางที่เดินไปที่รถก็บ่นพึมพำ “รู้งี้แม่งน่าจะสั่งเยอะๆ”

หากพอเดินไปใกล้จะถึงรถจึงสังเกตว่าคนที่เขาจูงมาด้วยนั้นเดินก้มหน้า แถมยังใช้มืออีกข้างบังใบหน้าไว้ด้วย

“พี่วินเป็นอะไร”

“เปล่า”

ภูพิงค์ก้าวเข้าไปขวางหน้าอีกฝ่าย จากนั้นจึงดึงมือที่ปิดบังใบหน้าออก “พี่เป็นอะไร ปิดหน้าทำ...ไม” หัวใจของเด็กหนุ่มไหววูบ เพราะใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงของอีกฝ่าย เขาไม่เคยเห็นพี่วินเป็นแบบนี้มาก่อน หรือว่าที่เขาพูดเมื่อกี้ มันทำให้อีกฝ่าย...

“พี่วิน... เขินเหรอ”

“เปล่าเว้ย” รวินท์ตอบอย่างหงุดหงิดตัวเอง เพราะพอได้ยินเด็กหนุ่มพูดจริงจังแบบนั้นต่อหน้าทุกคน เขาก็ดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ แถมยังเสือกเขินเป็นเด็กประถมริรักไปได้อีกโว้ย ยิ่งคิดใบหน้าก็ยิ่งร้อน เขาอยากจะมุดดินหนีฉิบหาย

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง เขาเข้าไปสวมกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ทันที

“จะทำอะไรวะ กลางที่จอดรถนะเว้ย!”

“เอ้าๆ ถ้าไม่ให้ผมกอดไว้ เดี๋ยวคนอื่นเห็นหน้าแดงแป๊ดของพี่หมดนะ”

ไอ้เด็กเวร! รวินท์ต่อว่าอยู่ในใจ เขาพยายามสงบจิตสงบใจ ก่อนจะผลักคนอ่อนวัยกว่าออกเบาๆ “พอๆ หน้าไม่แดงแล้ว”

ถึงจะพูดเช่นนั้น หากใบหน้าของรวินท์ก็ยังเป็นสีระเรื่ออยู่นิดหน่อย แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้แกล้งอะไรต่อ เขาจูงมืออีกฝ่ายเดินไปจนถึงรถ ขอรีโมตมากดเปิดล็อกออกแล้วจึงเปิดประตูให้ “พี่นั่งบ้าง ผมขับต่อเอง”

ทันตแพทย์หนุ่มยอมเข้าไปนั่งแต่โดยดี ดีกว่าให้เขายืนหัวโด่ให้ใครต่อใครเห็นล่ะวะ แล้วพอเด็กหนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาหา เขาก็สะดุ้งโหยง “จะทำอะไรอีกวะ!”

“แค่จะรัดเข็มขัดให้เว้ย กลัวอะไรผมวะ”

“ผมไม่ได้กลัวเว้ย”

“ทำหน้าตาตื่น ผมชี้ตั้งทั้งหัวนี่ไม่เรียกกลัวเหรอ”

“ผมตกใจเฉยๆ ก็จู่ๆ คุณก็ยื่นหน้าเข้ามาอะ”

“อ้อ... ขวัญเอ๊ยขวัญมานะ” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มมุมปาก พอรัดเข็มขัดให้อีกฝ่ายเสร็จก็เดินวนไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ เขาปรับเบาะกับกระจกเล็กน้อย กดเปิดเนวิเกชันซิสเต็มแล้วจึงค่อยๆ เคลื่อนรถออกไป

ภูพิงค์ยิ้มไปพลางฮัมเพลงไปด้วย เป็นผลให้คนที่นั่งอยู่ข้างกันหมั่นไส้

“อารมณ์ดีอะไรนัก”

“ก็ได้เห็นพี่วินเขินไง”

“ผมไม่ได้เขิน”

เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปกุมหลังมือบนตักอีกฝ่าย “เขินก็บอกว่าเขินดิ ผมดีใจนะที่พี่เขิน”

รวินท์ชำเลืองมองไปทางคนที่ขับรถอยู่ เขาเหวี่ยงมือคนอ่อนวัยกว่ากลับคืนไป “ขับรถไปไป๊”

ภูพิงค์หัวเราะไป อมยิ้มไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ตอนแรกน่ะ เขานึกว่าจะถูกพี่วินโกรธเอาเสียอีกที่พูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น เขากลัวจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้ามลิบลับเลย พี่วินตอนเขินนี่แม่งโคตรน่ารัก เขาอยากจะจับจูบฟัดรัวๆ ให้หายมันเขี้ยว

เด็กหนุ่มขับรถไปอีกไม่นานก็ถึงจุดหมายตามที่เนวิเกชันซิสเต็มบอก เขาเคลื่อนรถผ่านรูปปั้นโลมาเข้าไปจอดในที่จอดรถ หากยังไม่ดับเครื่อง “ผมจะลงไปซื้อตั๋วก่อน พี่วินรอในรถละกัน”

“ไม่ล่ะ ก็ลงไปด้วยกันดิ จะเดินไปเดินมาทำไม”

“มันร้อน พี่นั่งรอแอร์เย็นๆ ดีกว่า” คนอ่อนวัยกว่าเอื้อมมือไปตบหน้าขาอีกฝ่ายเบาๆ “เดี๋ยวผมมานะ”

ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้ง โดนภูพิงค์เอาใจกันแบบนี้ มันให้ความรู้สึกของการเป็นแฟนกันมากจริงๆ ทำให้เขานึกย้อนกลับไปดูตนเอง เมื่อก่อนเคยทำตัวเป็นสุภาพบุรุษแบบนี้กับคนที่ไปเดตด้วยขนาดนี้หรือเปล่าวะเนี่ย

แต่ที่จริง ภูพิงค์ก็เอาอกเอาใจ ตามใจเขามาตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เจอกันแล้วนี่นะ มันคงเป็นนิสัยที่ชอบดูแลเทคแคร์คนอื่นของเด็กหนุ่มนั่นล่ะ

รวินท์ชะเง้อมองหาเด็กหนุ่มเป็นระยะๆ ไม่นานอีกฝ่ายก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาที่รถ

ภูพิงค์เปิดประตูรถออก “อีกครึ่งชั่วโมงถึงจะมีโชว์ พี่จะนั่งอยู่ในรถก่อน หรือเราจะลงไปเดินเล่นกันดี แต่มันร้อนมากเลยนะพี่”

พอเห็นเด็กหนุ่มเหงื่อผุดขึ้นมาตามกรอบหน้าเต็มไปหมด รวินท์ก็หันไปหยิบกระดาษทิชชูมาซับเหงื่อให้ “ลงไปเดินก็ได้”

“โอเค เดี๋ยวผมดับเครื่องก่อน”

สองหนุ่มเดินเคียงคู่กันเข้าไปในโลมาพาร์คช้าๆ จากนั้นก็ไปนั่งอยู่ที่ตรงที่นั่งรอดูการแสดงของโลมากัน ซึ่งในบริเวณนั้นยังไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่

“เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำมาให้ พี่วินนั่งรอก่อนนะ”

“ไม่ต้องก็ได้”

“อากาศร้อนไม่หิวน้ำเหรอ รอแป๊บนึงน่ะ”

คนอ่อนวัยกว่าวิ่งออกไปแล้ว ปล่อยให้ทันตแพทย์หนุ่มนั่งอยู่เพียงลำพัง

ขณะที่นั่งรอไปเพลินๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น รวินท์จึงรีบหยิบขึ้นมารับสาย เพราะเครื่องนี้เบอร์ใหม่ คนที่รู้มีเพียงคนในครอบครัวเขา ดังนั้นจึงอาจจะเป็นเรื่องสำคัญ

“ครับพี่วาด”

“วิน เต้โทรมาหาพี่น่ะ”

เพียงแค่ได้ยินชื่อ ใบหน้าของทันตแพทย์หนุ่มก็ถอดสีทันที “แล้ว... แล้วไงครับ”

“เขาถามว่าวินยังอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ รึเปล่า จะอยู่ถึงเมื่อไหร่ เขาติดต่อวินโดยตรงไม่ได้ แล้วก็ฝากบอกว่าเป็นห่วง พี่เลยบอกไปว่ามือถือของวินหาย ตอนนี้วินไม่อยู่ ไปเที่ยวทะเล จะกลับลำพูนอาทิตย์หน้า ยังไงเดี๋ยวจะให้วินโทรกลับไปอีกทีน่ะจ้ะ” หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ “นี่วินไม่ได้ติดต่อไปบอกอะไรเต้เลยเหรอ อย่าปล่อยให้เพื่อนเป็นห่วงสิ”

“อ่า ผมลืมไปเลย ไม่ได้บอกมันไว้ว่าจะกลับเมื่อไหร่น่ะครับ แล้ว...พี่วาดให้เบอร์ใหม่ผมไปรึเปล่า”

“เออ เปล่าจ้ะ พี่ทำคลินิกอยู่ก็เลยลืม รีบคุยไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ พี่วาดยังไม่ต้องบอกเบอร์ใหม่นี้กับใครนะครับ เพราะผมอาจจะใช้แค่ชั่วคราว ส่วนเรื่องไอ้เต้เดี๋ยวผมจัดการเองนะ ขอบคุณที่โทรมาบอกครับ” เมื่อกดวางสายไป รวินท์ก็ยังคงถือโทรศัพท์ค้างไว้ในมือ เขาทำหน้านิ่ง คิ้วขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิด
อันที่จริงก็ยังไม่ได้คิดไว้เลยว่าเขาควรจะพูดอะไรบ้างเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเผชิญหน้ากับไอ้เต้

แม่งเอ๊ย...รู้สึกดีได้ไม่ทันไรเลย จะให้กูมีความสุขโดยไม่ต้องนึกถึงมึงสักพักไม่ได้เลยเหรอวะ!

เมื่อภูพิงค์เดินกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำสองใบในมือ เขาเห็นอีกฝ่ายทำหน้าแปลกๆ จึงหยุดยืนมอง “พี่วิน” หากเจ้าของชื่อเรียกยังคงนั่งนิ่งทำหน้าขรึม เขารู้ได้ทันทีว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ จึงรีบเดินเข้าไปหา แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปเรียกข้างๆ หู “พี่วิน พี่วินโว้ย!”

รวินท์หันขวับ “เย้ย เรียกดีๆ ก็ได้มั้ยวะ”

“ใครโทรมา” เด็กหนุ่มส่งแก้วน้ำให้พลางนั่งลงข้างกัน

“พี่วาด”

“ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอกแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแหง”

ทันตแพทย์หนุ่มไม่พูดอะไร เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม จากนั้นจึงยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา “โชว์กี่โมงนะ”

“อีกสิบนาที” ภูพิงค์ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาคิดว่าจะเก็บไว้ถามทีหลัง เพราะอยากให้อีกฝ่ายสนุกกับการแสดงมากกว่า และที่จริงก็เดาไม่ได้ยากอะไรนัก ตอนนี้เรื่องเดียวที่จะทำให้พี่วินกลุ้มใจได้ ก็คงไม่พ้นเรื่องไอ้พี่เต้นั่นล่ะ

เด็กหนุ่มกลอกตาไปมา ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย “พี่ว่า... โลมาที่นี่จะเคยกุดหัวปลามาทำจิ๋มกระป๋องเล่นมะ”

รวินท์แทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ “โห ไม่มีไรจะถามแล้วเนอะ”

“นึกถึงโลมาทีไร ก็นึกถึงคลิปที่พี่ให้ดูทุกทีเลยว่ะ นี่ถ้าผมไม่เอนจอยกับโลมานะ ต้องโทษพี่เลยแม่ง ทำให้ความอินโนเซนต์สมัยเด็กของผมแปดเปื้อน”

“โทษทีเว้ย ใครจะไปนึกว่าคุณจะจำแม่นโคตร โดยเฉพาะไอ้เรื่องจิ๋มกระป๋องนั่น”

“ก็ผมความจำดีอะ ช่วยไม่ได้” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม “แต่พี่ทำผมแปดเปื้อนแล้วต้องรับผิดชอบด้วยนะ”

รวินท์กระตุกยิ้มมุมปาก “จะให้รับผิดชอบยังไงล่ะ” พลางขยับเข้าไปกระซิบชิดใบหูเด็กหนุ่ม “ทำให้เปื้อนมากกว่าเดิมอีกดีมั้ย”

ภูพิงค์ชะงัก เห็นแววแพ้อยู่รำไร ทำไมตอนนั้นไอ้พี่วินเขินเขาได้วะ แล้วทำไมตอนนี้เขาดูท่าจะแพ้หลุดลุ่ยแบบนี้โว้ย

หากก็ทำใจดีสู้เสือไป “เปื้อนยังไงอะ”

“อยากลองจริงเหรอ”

คนที่ทั้งอ่อนวัยและประสบการณ์กว่าเหงื่อตก

ไอ้พี่วิน... ทำไมต้องทำเสียงแหบเซ็กซี่แบบนี้ใส่เขาด้วยวะ

แต่เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกเว้ย

“อยากดิ อยากให้พี่วินทำเปื้อน...” ภูพิงค์สะดุ้งโหยง “ไอ้พี่วิน!” ก็เพราะเจ้าของชื่อเรียกนั้นดูดน้ำในแก้วขึ้นมาพ่นใส่เขาน่ะสิ!

รวินท์หัวเราะร่วน ดูท่าจะสะใจเอามากๆ “เอ๊า ก็เมื่อกี้เพิ่งพูดว่าอยากเปื้อนเองนี่หว่า”

“ฝากไว้ก่อนเลย”

“ไม่รับเว้ย”

ทว่าเมื่อเห็นทันตแพทย์หนุ่มกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้งได้ ถึงครั้งนี้เขาจะแพ้ลุ่ย ก็ถือว่าโอเคแหละวะ

ภูพิงค์ดึงชายเสื้ออีกฝ่ายมาเช็ดตรงที่เปียกน้ำ “ทำผมเลอะเทอะหมด”

“คุณนี่มันกวนจริงๆ ว่ะ”

“กับพี่วินโดยเฉพาะเลยแหละ”

“โห รู้สึกพิเศษเว่อร์”

ขณะที่แซะกันไป ผู้คนก็ทยอยกันเข้ามานั่งรอดูการแสดงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สองหนุ่มไม่อาจเล่นกันเสียงดังแบบเมื่อครู่ได้ และเมื่อมีคนเข้ามามากขึ้น สายตาที่พุ่งตรงมายังพวกเขาก็เพิ่มมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน สองหนุ่มจึงสงบปากสงบคำลงไปบ้าง

ในที่สุดเสียงเพลงก็เริ่มขึ้นแล้ว โลมาหลายตัวและครูฝึกออกมาโชว์การแสดงที่เตรียมไว้กันอย่างเต็มที่ ทั้งสองคนจึงหันไปดูการแสดงกัน

หากรวินท์ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองดูว่าเด็กหนุ่มสนุกกับการแสดงหรือไม่เป็นระยะๆ พอเห็นว่าคนอ่อนวัยกว่าดูโชว์ไปยิ้มไป เขาก็ยิ้มออกมาได้บ้าง

ภูพิงค์เองก็คอยชำเลืองมองอีกฝ่าย พอเห็นท่าทางของพี่วินแล้ว เขาก็รับรู้ได้ล่ะ ว่าพี่วินตั้งใจจะพาเขามาที่นี่อย่างที่พูดไว้จริงๆ ทั้งที่ตอนที่พวกเขาคุยกันเรื่องทะเลกับโลมาน่ะ มันก็สักพักละนะ แต่คนที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรอย่างพี่วินกลับจำมันได้

ปลื้มเลยแฮะ... พี่วินแม่งน่ารักอีกละ

เด็กหนุ่มรอจนการแสดงจบลง เขาจึงค่อยๆ เคลื่อนมือไปจับมือรวินท์ไว้ จากนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมคนอื่นๆ แล้วจูงมืออีกฝ่ายเดินออกไปจากบริเวณเก้าอี้นั่ง

“ไม่อายเขาบ้างรึไงวะ”

พอเดินคู่กันได้ ภูพิงค์ก็เปลี่ยนจากจับมือไปโอบเอวไว้แทน “แบบนี้ก็ได้ พี่จะได้ไม่อาย”

“ผมไม่ได้อายเว้ย” ปากพูดไปแบบนั้น แต่แก้มซับสีเลือด เขายังไม่ชินกับการที่ถูกภูพิงค์ปฏิบัติตัวแบบ แฟน ในที่สาธารณะนี่หว่า เพราะตามปกติแล้วมันควรจะเป็นหน้าที่ของเขามากกว่าด้วย

“ไม่อายก็อย่าหน้าแดงดิ”

“แดดมันร้อน”

“อ่ออออ...”

รวินท์เบือนหน้าหนี “เดี๋ยวไปไหนต่อดีอะ”

“แวะซื้ออะไรไว้กินมื้อเย็นแล้วไปคอนโดฯ พี่กัน จะได้ไม่ร้อน ไม่ต้องออกมาหาของกินอีกรอบให้เหนื่อยด้วย”

“อือ ก็ดี”

หลังจากแวะร้านอาหาร ซื้อมื้อเย็นแพ็กใส่กล่องแล้ว ภูพิงค์จึงขับรถไปที่คอนโดมิเนียมของทันตแพทย์หนุ่มตามที่อีกฝ่ายบอกทาง ไม่นานก็ถึงคอนโดมิเนียมริมหาด ซึ่งละแวกนั้นมีตึกคอนโดมิเนียมตั้งเรียงรายหลายตึก

ห้องพักในคอนโดมิเนียมเป็นแบบสตูดิโอ เปิดประตูห้องเข้าไปก็เจอส่วนที่ทำเป็นครัวเล็กๆ กับโต๊ะกินข้าวก่อน ถัดไปเป็นเคาทน์เตอร์บาร์ มีเก้าอี้เรียงกันห้าตัว ส่วนที่อยู่ด้านในสุดเป็นเตียงนอนกับโซฟาตัวยาว และมีประตูกระจกเลื่อนไว้สำหรับออกไปบนระเบียง เมื่อมองผ่านประตูกระจกออกไปจะเห็นท้องทะเลสีครามกว้างใหญ่

“โห...”

“หยุด!”

“ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

“ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร”

ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก พลางยื่นหน้าเข้าไปถาม “พูดอะไร”

“จะบอกว่าดูดีกว่าห้องผมที่ลำพูนใช่มะ”

“โห พี่... ห้องไหนๆ ก็ดีกว่าห้องพี่ที่ลำพูนทั้งนั้นแหละ”

รวินท์ยกขาถีบไปเบาๆ “อย่างน้อยห้องผมที่ลำพูนก็ใหญ่กว่า มีห้องเป็นสัดส่วนหลายห้องป่ะวะ”

“ครับๆ ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจ ผมก็ไม่อยากขัด”

“คุณนี่มัน...”

“น่ารักใช่มะ”

ทันตแพทย์หนุ่มเบ้ปากใส่ เขาเดินไปหยิบรีโมตมากดเปิดแอร์ทิ้งไว้ จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูกระจกเพื่อเดินออกไปยังระเบียง

ภูพิงค์เอาถุงในมือไปวางบนโต๊ะกินข้าว ก่อนจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไป


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 40 : ครอบครัวของภูพิงค์][200418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 25-04-2018 18:32:38


ที่บนระเบียงมีเตียงพับชายหาดสองตัว รวินท์เอนหลังนอนเล่นบนตัวหนึ่งแล้ว เขากวักมือเรียกเด็กหนุ่ม “มาดิ ปัดฝุ่นให้แล้ว”

คนอ่อนวัยกว่านั่งลงบนเตียงพับข้างกัน “ไม่ร้อนแล้วเหรอ”

“ในห้องเพิ่งเปิดแอร์ ยังไงก็ยังร้อนอยู่ดี”

เด็กหนุ่มเอนหลังพิงพนักบ้าง พลางหันไปทางทันตแพทย์หนุ่ม “พี่วิน ขอบคุณที่พาผมมาทะเลนะ”

“เดี๋ยวแดดร่มแล้วจะพาไปเล่นน้ำ เอามะ ชายหาดหน้าคอนโดฯ นี่เล่นน้ำได้ แต่ห้ามฉุดผมลงน้ำนะเว้ย น้ำทะเลนี่ แสบตาตายห่า”

“เล่นดิพี่ มาทะเลทั้งที แต่แย่จังว่ะ ไม่ได้เตรียมกางเกงว่ายน้ำมาด้วยเลยเนี่ย”

“ขาสั้นก็ได้ป่ะวะ หรือคุณต้องใส่แบบข้างหน้าเป็นลายตาข่าย ข้างหลังเป็นทีแบ็กล่ะ”

“พี่วินแม่งกามว่ะ อยากเห็นขาอ่อนผมอะดิ ”

“อือ อยากเห็น ถ้าผมหัวใจวายก็พาส่งโรงบาลด้วย”

“เป็นลุงไปแล้วเหรอวะพี่” ภูพิงค์หัวเราะร่วน เขาหันไปมองทะเลสักพัก จึงค่อยหันมาถามต่อ “พี่วิน เมื่อบ่ายพี่วาดโทรมาเรื่องอะไร”

รวินท์หันขวับมาประสานสายตากับเด็กหนุ่ม “.....”

“ผมมีสิทธิ์ที่จะรู้นะ เพราะผมเป็นแฟนพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ “ไอ้เต้มันโทรมาหาพี่วาด ถามว่าผมอยู่ที่บ้านรึเปล่า จะอยู่ถึงเมื่อไหร่ แล้วก็บอกว่าเป็นห่วงผม”

“แล้ว... พี่วาดว่าไง”

“ก็บอกว่าผมไม่อยู่บ้าน จะกลับลำพูนอาทิตย์หน้า แต่ไม่ได้ให้เบอร์ใหม่ไป”

“อืม” คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้าหงึกหงัก หากสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

รวินท์เอื้อมมือไปจับท่อนแขนเด็กหนุ่ม “ยังไม่ต้องคิดเรื่องของมันให้ปวดหัวหรอก... ดูโลมาสนุกป่ะวะ”

“หนุกดิ มากับพี่วินอะ ไปดูแหย่หอยหลอดผมยังว่าหนุกเลย”

“ขนาดนั้นเลย” ทันตแพทย์หนุ่มอมยิ้ม “งั้นเอาไว้คราวหน้าจะพาไปแหย่นะ”

“นั่นไม่ใช่ประเด็นป่ะวะพี่” ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “ที่จริง...ผมโคตรดีใจ ที่พี่จำเรื่องที่เราเคยคุยกันได้”

“จำได้ดิ เรื่องของคุณ ผมจำได้หมดแหละ”

“จริงอะ”

รวินท์กระดิกนิ้วเรียกให้เด็กหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปหา ขณะเดียวกันก็ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ “เรื่องที่คุณยังซิง ผมก็จำได้นะ”

“เย้ย ไอ้พี่วิน!” ใบหน้าของคนอ่อนวัยกว่าซับสีเลือดทันควัน “บางเรื่องลืมๆ ไปบ้างก็ได้โว้ย”

พอเห็นท่าทางของเด็กหนุ่ม รวินท์ก็หลุดหัวเราะเสียงดัง เขาเอื้อมมือไปหยิกแก้มเด็กหนุ่มเบาๆ “น่ารักฉิบหาย”

ภูพิงค์คว้ามือนั้นไว้ พร้อมกับดึงอีกฝ่ายเข้ามาแนบจูบ เขาค่อยๆ บดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างอ่อนโยน ใช้ปลายลิ้นไล้วนไปในโพรงปากอุ่น เกี่ยวกระหวัดอีกลิ้นหนึ่งช้าๆ ก่อนจะถอนเรียวปากออก “แต่ผมว่าพี่น่ารักกว่า ยิ่งตอนเขินหน้าแดงวันนี้นะ อื้อหือ...”
สองหนุ่มประสานสายตากันนิ่ง ถ้าหากเห็นประกายไฟได้ ก็คงจะเห็นว่ามันกำลังลั่นเปรี๊ยะๆ ไม่มีใครยอมแพ้ใครง่ายๆ

แต่โชคดีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นระฆังคั่นระหว่างยกเสียก่อน

คนอ่อนวัยกว่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู “เดี๋ยวผมมาเถียงกับพี่ต่อ” เขาคาดโทษกับอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้อง พร้อมกับกดรับสาย “ว่าไงวะ”

“แดกก๋วยเตี๋ยวที่พัทยาอร่อยป่ะวะ”

ภูพิงค์เบิกตาโพลง “สัส! พวกมึงรู้จากหน๊าย!”

เสียงหัวเราะจากปลายสายดังลั่น “พี่ต่ายโพสต์รูปในเฟซเว้ย”

“โพสต์รูปกูกับพี่วินเรอะ!”

“เปล่า โพสต์รูปโต๊ะเขา แต่มีมึงกับพี่หมอติดมาด้วย”

“สัส! พี่ต่ายแม่งจงใจแน่ๆ แม่ง แบบนี้เปิดเทอมไปกูกับพี่วินต้องรับงานใหญ่อีกหลายงานแหง”

“มึงยังมีเวลาเตรียมใจกับพี่วินอีกนานแหละ แต่เอาเรื่องนี้ก่อน ไอ้ดิวมันส่งรูปไปให้มึงละ ดูดิ๊ ใคร คุ้นมะ”

เด็กหนุ่มลดโทรศัพท์ในมือลงมากดดูรูป ในภาพนั้นเป็นภาพของเตชิตกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนคุยกัน สีหน้าท่าทางเคร่งเครียด เขายกโทรศัพท์ขึ้นคุยต่อทันที “ผู้หญิงคนนี้ชื่อคุณออย กูเคยเจออยู่กับพี่วินเว้ย”

“คุยกันหน้าเครียดมากเลยมึง ดูเหมือนจะทะเลาะกันเลยว่ะ ไม่ใช่แฟนพี่หมอเต้ใช่เปล่าวะ”

“ไม่ใช่เว้ย แต่คนอย่างพี่เต้ ทะเลาะกับใครๆ ที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวพี่วินนี่กูก็ไม่แปลกใจเลย” ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “ว่าแต่มึงเจอเขาสองคนที่ไหนวะ”

“โรงแรมว่ะ พวกกูมารับจ๊อบที่นี่พอดี แล้วพี่หมอเป็นไงบ้างวะ ดีขึ้นมั้ยอะ”

“ดีขึ้นสิวะ กูเฝ้าแทบจะยีบสี่ชั่วโมงแล้ว ทั้งตอนกินตอนนอน”

“น้อยๆ หน่อยสัส พอๆ พวกกูไม่ถามละ แค่นี้แหละ”

ภูพิงค์กดวางสายไป เขาหันมองออกไปทางบานประตูที่ยังคงปิดสนิท ก่อนจะถอยไปนั่งลงบนเตียงอย่างครุ่นคิด

ไอ้พี่เต้มีแผนอะไรอีกหรือเปล่าวะ ไปเจอกับคุณออยที่โรงแรมทำไม แม่ง... เป็นเพื่อนสนิทพี่วินนะ เป็นคนที่พี่วินไว้ใจแท้ๆ คนที่บอกว่ารักกัน จะคิดทำร้ายกันได้เรื่อยๆ เลยเหรอวะ แค่วางยากับเกือบจะขืนใจนี่แม่งก็แรงมากแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เขาอยากจะไปกระทืบไอ้พี่เต้แม่งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

ใจเขาอยากจะกลับเชียงใหม่แล้ว ใจร้อนอยากเจอหน้าไอ้พี่เต้ แต่บางทีไปถึงที่นั่นช้าสักหน่อยอาจจะดีกว่า ให้จิตใจพี่วินแข็งแรงขึ้นอีกสักนิด ถึงต่อหน้าจะทำเหมือนไม่คิดอะไรมากแล้ว ทว่านี่ก็เป็นนิสัยหนึ่งของพี่วิน บางครั้งบางเรื่องก็เก็บความรู้สึกโคตรเก่ง

“คิดอะไรอยู่วะ ทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพรวด “โห ทักซะ”

“ใครโทรมา”

“พวกไอ้ซันน่ะพี่”

“แล้วทำไมต้องทำหน้าเครียดด้วยวะ” รวินท์เดินเข้ามานั่งลงข้างคนที่นั่งอยู่ก่อน “มีไรเหรอ”

“อ่อ คุยกันเรื่องคะแนนสอบนิดหน่อยอะ” ภูพิงค์โกหกไป เพราะเขาคิดว่ารวินท์ยังไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ตอนนี้ เดี๋ยวจะคิดมากไปเสียเปล่าๆ ยังไม่รู้แน่ชัดสักหน่อยว่าไอ้พี่เต้ไปพบคุณออยทำไม

“ออกแล้วเหรอ เร็วจัง”

“เปล่าพี่ พวกมันแค่บอกว่าเจออาจารย์ แล้วอาจารย์ทำหน้าเครียดใส่ บอกเท่าที่ตรวจไปคะแนนไม่ค่อยดีกัน” ภูพิงค์เอื้อมมือไปตบๆ ลงบนตักอีกฝ่าย “แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมว่าผมทำได้อ่ะ”

“ทำหน้าเครียดขนาดนี้ ไม่ห่วงได้ไงวะ” ทันตแพทย์หนุ่มเอานิ้วจิ้มหน้าผากคนอ่อนวัยกว่าเบาๆ

“แหม เขาเรียกอาฟเตอร์ช็อกหลังสอบเว้ยพี่ ไม่เคยเป็นเหรอวะ หรือนานจนลืมอะ”

“อือ...” รวินท์เท้าแขนลงบนเตียงพร้อมกับเอนตัวไปทางด้านหลังเล็กน้อย “จำได้แต่ตอนที่โดนอาจารย์ว่าต่อหน้าคนไข้ เวลาทำฟันไม่ดีพอ”

“โดนว่าต่อหน้าคนไข้เลยเรอะ โหดว่ะ”

“โหดฉิบหาย อายด้วย เสียงอาจารย์ดังไปทั้งห้อง มีกี่คนได้ยินหมดอะ” ทันตแพทย์หนุ่มเล่าไปหัวเราะไป “แต่ผมว่าก็ดีเหมือนกันนะ ทุกวันนี้เวลาทำฟันให้คนไข้ ผมก็จะนึกถึงเสียงจารย์ แล้วก็คอยระวังตรงจุดที่เคยโดนว่าบ่อยๆ”

“ทำไมพี่วินถึงเลือกเรียนหมอฟันอะ”

“ผมเลือกหมอฟันทุกอันดับเลยนะ แบบ... มันคงอยู่ในสายเลือดมั้ง ก็บ้านผมเป็นหมอฟันกันหมดเลยนี่หว่า”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น “ฮะ!? ทั้งบ้านเลยเหรอ”

“เออดิ ทั้งพ่อแม่พี่วิวพี่วาด ตอนนี้ทำรพ. กับคลินิกของที่บ้านด้วยกัน”

“เย้ย~ บ้านพี่วินแม่งน่ากลัวโคตร” ไม่ใช่น่ากลัวเพราะความเก่งนะ แต่เพราะเป็นทันตแพทย์ทั้งบ้านนี่แหละ! โชคดีที่เขารอดมาได้!

รวินท์ดีดหน้าผากเด็กหนุ่มไปอีกที “ทำท่าเหมือนไปเจอผีมา ก็ไปค้างบ้านผมมาแล้ว ไม่ได้โดนจับเลาะฟันหมดปากสักหน่อยนี่”

“ผมนี่โคตรโชคดี กลัวหมอฟันแต่ได้แฟนเป็นหมอฟัน แถมทั้งบ้านเป็นหมอฟันอีก! ยิ่งกว่าแจ็กพ็อตแตก!” คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้าไปมา แล้วเอนหลังนอนลงไปบนเตียง

ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองไปทางคนข้างกัน พลางคิดลังเลอยู่ในใจ เขาจะหันไปคร่อมเลยดีไหม หรือควรจะทำเฉยๆ รอให้ภูพิงค์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน

คนเป็นแฟนกัน ก็อยากสวีต อยากกอดจูบใกล้ชิดกันหรือเปล่าวะ ถ้าเขาเป็นคนเริ่มก็ไม่น่าจะมีปัญหาไหม แต่เขาก็ไม่อยากโดนว่าเชี่ยวอีกนะ อีกอย่างถ้าโดนปฏิเสธ เขาคงเสียเซลฟ์ฉิบหาย

หากเมื่อคิดไปคิดมา ประกอบกับนิสัยของเด็กหนุ่ม เขาก็คงต้องทำใจ

รวินท์เอนหลังลงนอนข้างกันแบบเซ็งๆ เขาเองก็เป็นผู้ชาย ไม่รู้จะทำยังไงให้ภูพิงค์รู้สึกอยากเข้าใกล้อยากนัวเนีย จะอ่อยเหมือนที่เคยทำมาตลอดก็ไม่รู้จะได้ผลกับอีกฝ่ายบ้างหรือเปล่า น่าอนาถชะมัด


เรื่องนี้มันน่ากลุ้มใจยิ่งกว่าเรื่องของไอ้เต้เสียอีก!


*TBC*


สวีตเบาๆ พอให้เหม็นฟามร้ากกนะคะ เดี๋ยวตอนหน้าจะเหม็นกว่านี้อีกนิดหน่อย เกียมหาอะไรมาอุดจมูกกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พี่วินจะน้ำแห้งไปก่อนมั้ย โปรดติดตามค่ะ 5555555

มีหมอเต้โผล่มานิดๆ พอให้หายคิดถึงด้วยนะคะ แต่ไม่ต้องห่วงน้า หมอเต้ไม่มาทำอะไรฟามรักคู่นี้แน่ๆ ค่ะ 5555555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-04-2018 19:19:34
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 25-04-2018 19:27:26
 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 25-04-2018 19:38:04
 :L2: :L2: มาต่อไว้ๆๆน่ะครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-04-2018 20:01:28
โอ้ยยย โลกกลมเนอะหนีจากเชียงใหม่ มาพัทยา
ยังมาป๊ะกับทีมสโมได้เนอะ555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 25-04-2018 20:17:38
สงสารหมอวินท์ได้แฟนใสซื่อแต่น่ารักนะคะสู้ๆค่ะหมอวินท์ :z2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-04-2018 20:32:18
งุ้ยยยย หยอดกันไปมา คนอ่านเขินตามแล้ววค่าาาา :-[

แต่ๆๆๆๆๆๆๆ
 :z3:

มันจะเขินจะฟินไม่สุดก็ตรงมีเรื่องอิหมอเต้นี่แหล่ะ นางยังจะวางแผนอะไรอีก คนรักกันเค้าไม่ทำกับแบบนี้เน้อ แบบนี้แค่คำว่าเพื่อนก็ไม่ควรจะได้ด้วยซ้ำ เกลียดนางงงง :katai1: :katai1:

ขอโวยวายยยยค่ะ กลัวเค้าไม่ได้กัน 555+  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-04-2018 20:37:24
ไรท์ บอกตอนหน้าจะเหม็นความรักกว่านี้   ชอบบบบบบบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

โลกกลมจริงๆคนเชียงใหม่สองกลุ่มมาเจอกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวโดยมิได้นัดหมาย

หมอวิน คิดมากเรื่องแสดงความรักกับพิงค์
รู้สึกอย่างไร ก็ทำไปอย่างนั้น เชียร์ๆนะ   :o8:  :-[  :impress2:
พิงค์ วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 25-04-2018 20:51:21
 :call:  ภาวนาให้พี่หมอใจกล้าหน้าด้านกว่านี้​ น้องพิงค์ไม่ยอมรุก​ พี่หมอรุกก่อนเลย5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 25-04-2018 21:18:37
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-04-2018 22:06:39
มาจนถึงตอนนี้ ใครจะกดใครก็ยังน่าสงสัยอยู่ พี่วินอดทนรอพิงค์รุกไม่ไหวได้กดพิงค์ก่อนแน่ แต่เราอยู่ทีมพิงค์วิน เพราะงั้นพี่หมออดทนไว้นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 25-04-2018 22:07:53
ใช่ๆๆหมอวิน
เรื่องน่ากล้มใจคือเรื่องน้องภูพิงนี้แหละอันดับต้นๆเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-04-2018 22:14:52
เอาน่าพี่วินใจเย็นๆนะเด็กมันใสๆ5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-04-2018 22:16:40
เอาน่าพี่วินใจเย็นๆนะเด็กมันใสๆ5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-04-2018 22:26:56
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่อย ๆ น้องมันไปเหอะ  ก็รู้อยู่ว่าน้องมันยังซิง นั่นก็หมายความว่าน้องมันไม่ประสีประสาไง 

ฉะนั้นพี่ก็อ่อย ๆ น้องมันไป  จะได้ฟินเร็ว ๆ ไง  อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-04-2018 22:29:36
ต้องให้เวลากับพิงค์หน่อย เด็กมันยังใสซิงอยู่ แต่ถ้าลองได้แล้วนะมีโอกาสหื่นตามมา :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 25-04-2018 23:19:31
พี้วิน ใจเย็นน้า
แต่ถ้าน้องไม่ทันใจ ก็ปล้ำเองไปเลยเพ่ 5555
ส่วนอีหมอเต้ถ้ายังมีแผนร้ายอะไรอีก
พิงค์ยกพวกซ้อมมันเลย
ความรักของหมอเต้ มันเห็นแก่ตัวมากจริงๆ
ถ้าไม่จบ พี่วินอย่าไปเสียเวลาคบ เสียเวลาคุยเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 25-04-2018 23:23:32
จัดหนักจัดเต็มไปเลยคะพี่วิน น้องพิงค์เค้าตามใจอยู่แล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-04-2018 00:02:58
ได้ยินชื่อ "หมอเต้" ขึ้นมาละขัดใจจริงๆ ครับ ขัดหูขัดตาด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-04-2018 00:08:46
ยังจะบังเอิญมาเจอพวกพี่สโมอีกนะ 555555
แอบคิดว่าอยากให้พิงค์บอกพี่วินนะ จะได้ช่วยกันระวังตัว แต่ก็เข้าใจที่พิงค์ปิดเพราะอุตส่าห์มาเที่ยวกับพี่วิน เพื่อให้สบายใจ ก็เลยไม่อยากให้พี่วินมีกังวล
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 26-04-2018 06:28:19
สงสารพี่วินอ่ะ แห้งเหี่ยวมากเว่อร์ ต้องทำใจนะพี่วิน เด็กเขายังใสๆไม่รู้เรื่องอะไร
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-04-2018 06:55:16
เอาเลยคู่นี้ ใครรุกก่อนชนะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 26-04-2018 07:11:07
พี่วินต้องคิดหนักเลยแหละว่าจะทำยังไง ให้พิงค์เข้ามานัวเนีย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-04-2018 09:11:44
พิงค์ไม่ได้เรื่องเล้ยปล่อยให้พี่หมอวินคิดมากว่าจะอ่อยท่าไหนดี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-04-2018 09:38:44
สวีทกันก่อนเด็วค่อยไปยำหมอเต้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 26-04-2018 10:35:07
อยากโดนน้องฟัดก็บอกน้องเลยจร้าาาหมอวิน :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-04-2018 10:41:23
หมอเต้ยังจะวางแผนอะไรอีกไหม ถ้ายังไม่หยุดขอให้โดนจับปล้ำทำเมีย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 26-04-2018 12:28:59
พี่วินต้องเข้าใจนะเด็กมันใส ค่อยๆตะล่อมๆไป5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 26-04-2018 12:49:10
ละมุนมากเลย อ่านแล้วดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 26-04-2018 15:51:46
ขำพี่วิน มันเข้าทำนอง  "ทำเราหน่อย เราอ่อยนานแล้ว"
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 26-04-2018 16:57:08
พี่วินก็สอนน้องพิงค์สิคะ รับรองเดี๋ยวน้องมันก็เชี่ยวเอง :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-04-2018 17:42:18
หมอวินน่าสงสารร พิงค์คือใสๆเลยอะ
คิดในแง่ดีนะ ว่าอยากได้แบบบไหนก้มอนน้องไป
ค่อยๆป้อนน จะได้เป็นงานน555
อดทนนิสสส
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 26-04-2018 19:37:26
น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-04-2018 20:04:24
สงสารหมอวิน ไม่กล้ารุกพิงเลย 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 26-04-2018 21:44:45
สวีทกันมาก  น่ารักทั้งคู่  จีบกันจนน่าอิจฉา  :L2:


สะดุดคำเดียว  อะไรคือพี่วินจะน้ำแห้งคะ  :a5:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-04-2018 15:23:08
นารักมากเลยพี่วิน+น้องพิงค์ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 27-04-2018 19:39:45
 :L2: :L2:  รอๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-04-2018 19:55:45
ก่อนพายุจะเข้าสินะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-04-2018 19:59:56
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 27-04-2018 22:34:19
พี่หมอมัวแต่ว่าจะเชี่ยวระวังจะอดอยากปากแห้งนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-04-2018 14:43:02
5555 พิงค์อยากรุกก็อยาก แต่ต้องกลั้นใจไม่ทำ
แล้วกลัวพี่ไม่ปลื้มซะก่อน
วินท์ก็รอไปเหอะนะ คนซื่อเค้ายังทำใจไม่ได้

ทำไมโลกกลมแบบนี้ล่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 28-04-2018 19:59:05
 :z2: :z2:รอๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 29-04-2018 09:24:00
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-04-2018 09:04:49
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 30-04-2018 20:04:07


Chapter 42 : รวมพลัง


ภายในรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีบรอนซ์เงินที่กำลังวิ่งไปบนเส้นทางหลวง ซึ่งจุดหมายปลายทางคือเมืองเชียงใหม่ รวินท์เอนตัวลงนอนบนพนักเบาะที่ปรับระดับให้เอนลงไปจนเกือบสุด เขาหันหลังให้กับคนขับ พยายามข่มตาให้หลับๆ ไปเสียที

ใช่แล้ว พวกเขากำลังขับรถกลับไปเชียงใหม่ เมื่อวานแวะพักที่พิษณุโลก แล้วก็แวะไปไหว้พระกัน พอเช้าของวันใหม่ก็ขับรถต่อ ภูพิงค์ดูรีบๆ ชอบกล คงอยากให้ถึงเชียงใหม่วันนี้ซึ่งเป็นวันศุกร์พอดีล่ะมั้ง

แต่เขาน่ะ... ยังไม่อยากกลับเลย ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับไอ้เต้สักเท่าไหร่ เวลาหนึ่งสัปดาห์ช่างผ่านไปรวดเร็วซะเหลือเกิน

“นอนดีๆ ดิพี่ ห่มผ้าด้วย” เด็กหนุ่มที่ขับรถอยู่ตบลงบนสะโพกอีกฝ่ายสองสามที จากนั้นก็เอื้อมมือไปกดเปิดเพลง และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู

รวินท์แอบทอดถอนใจเบาๆ อันที่จริง... หลังจากตกลงคบกับภูพิงค์มาได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ ใช้เวลาด้วยกันตลอด นอนค้างคืนข้างกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่กระเตื้องไปไหนเลย ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อตอนก่อนคบกันมากนัก

เขาก็ดีใจล่ะนะที่เด็กหนุ่มคอยดูแลเอาใจใส่ แต่แบบ... นอกจากหอมแก้ม จูบ กอด และจับมือกันแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้ขยับไปทำอย่างอื่น ไม่มีแม้แต่วี่แววเลยด้วย เวลาที่คบกันมาเกือบหนึ่งสัปดาห์สำหรับอีกฝ่ายคงจะยังน้อยเกินไป

แล้วมันควรต้องนานสักแค่ไหนกันวะ!

ส่วนตัวเขาน่ะหรือ เมื่อก่อนน่ะ ถ้าลองพาใครขึ้นห้องได้ ก็ไม่เคยต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงเลย

หรือเขาจะใจง่ายไปอย่างที่พิงค์เคยว่า... แต่โดยเฉพาะคนรักกันชอบกัน มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่จะอยากมีความสัมพันธ์ที่แนบชิดกันมากขึ้นหรือไงวะ

แต่เขาเป็นผู้ชาย มันอาจจะยากสำหรับพิงค์ที่จะเกิดความรู้สึกอยากทำเรื่องอย่างว่า... คลำไปคลำมา เจอของเหมือนๆ กัน เด็กหนุ่มอาจจะช็อก ขนหัวลุกไปเลยก็ได้

หากถ้าเป็นเขา เขาไม่รังเกียจพิงค์หรอกนะ แต่จะเป็นคนเริ่มเสียเองก็ไม่กล้าอีกนั่นล่ะ คนอย่างเขามันมีอดีตค้ำคอ

“ฮื่อ...” รวินท์ครางอย่างอ่อนใจ

ไอ้ที่พิงค์บอกว่าชอบ บอกว่าเป็นแฟนกัน นั่นหมายถึงเป็นแฟนกันจริงๆ ใช่ไหมวะ? หรือคำว่าแฟนมันมีความหมายอื่นอีก... ก็ไม่น่านะ

ถ้าพิงค์คิดจริงจังกับความสัมพันธ์นี้ อย่างน้อยก็น่าจะไม่ปิดบังเรื่องเขากับที่บ้านมั้ยวะ แต่เขาเองก็ยังไม่ได้บอกที่บ้านนี่หว่า

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ เขาบ้าเองที่รีบร้อนเกินไป คงเพราะชอบภูพิงค์เอามากๆ ล่ะมั้ง

จู่ๆ รถที่ขับอยู่ก็เบี่ยงเข้าข้างทาง ก่อนเด็กหนุ่มที่นั่งหลังพวงมาลัยรถจะหันมาจับผ้าห่มให้คลุมตัวคนที่เอนตัวนอนอยู่ดีๆ

รวินท์หันขวับพร้อมกับผงกศีรษะขึ้น “มีอะไรเหรอ”

“อ้าว ผมนึกว่าพี่หลับ เลยจะห่มผ้าให้น่ะ แอร์เย็นๆ กลัวพี่ไม่สบาย” ภูพิงค์ยิ้มอย่างอ่อนโยน

รอยยิ้มแบบนี้คงเป็นสิ่งที่เยียวยาใจเขาเป็นอย่างดี ทำให้เขาเชื่อว่าเด็กหนุ่มมีใจให้กันจริงๆ

รวินท์ยิ้มตอบ “ขอบใจ นอนเล่นเฉยๆ อะ ไม่ได้ง่วง”

“โอเค” ภูพิงค์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู และพิมพ์ข้อความลงไปนิดหน่อย เขาหันไปบอกกับอีกฝ่าย “ผมขับต่อล่ะนะ”

หลังจากรถเคลื่อนไปได้อีกสักพักหนึ่ง ทันตแพทย์หนุ่มพลิกตัวหันหน้าเข้าหาคนที่ขับรถอยู่ เวลาพิงค์ขับรถก็ดูเท่ดีนะ เขาชอบมองท่อนแขนสีคร้ามแดดนั่น มันดูแข็งแรงโคตรๆ เพราะอย่างนั้นเขาถึงชอบให้เด็กหนุ่มกอดล่ะมั้ง

“พิงค์”

“หือ” คนอ่อนวัยกว่าตอบรับ โดยที่สายตายังมองตรงไปบนถนน

“ผมชอบคุณ”

ภูพิงค์หันขวับ แล้วหันกลับไปมองถนนต่อ เขาหัวเราะเบาๆ พลางเอื้อมมือไปวางประกบหลังมืออีกฝ่าย “ผมก็ชอบพี่... อารมณ์ไหนวะเนี่ย”

“อารมณ์อยากบอกเฉยๆ” รวินท์จับจ้องใบหน้าด้านข้างของเด็กหนุ่ม จะว่าไปภูพิงค์ก็หล่อนะ หน้าหวาน ตาคม ริมฝีปากก็ดูน่าจูบ อะไรๆ ก็ดูดีถูกใจเขาไปเสียหมด ต่อให้มีสิวเม็ดเท่าบ้านขึ้นตรงปลายจมูกก็คงดูน่ารัก

เฮ้อ... นี่เขาคงอยู่ในช่วงหลงแฟนล่ะมั้ง

“ถึงไหนแล้วอะ”

“ลำปาง”

“คุณขับรถมาตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เหนื่อยเหรอวะ ให้ผมขับต่อมั้ย”

“ผมเพิ่งขับมาแค่สามชั่วโมงเอง พี่หิวยังล่ะ เมื่อยมั้ย”

รวินท์ปรับพนักเก้าอี้ขึ้น พลางถอนหายใจ “หิว... เบื่อนั่งรถแล้ว อยากลงไปเดิน แล้วคืนนี้จะนอนไหนอะ กลับเชียงใหม่เลยรึเปล่า”

“ยังอะ ที่จริงมีเซอร์ไพรส์ให้พี่นิดหน่อย”

“เซอร์ไพรส์อะไร” ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว

“จริงๆ คืนนี้ผมนัดไอ้พวกนั้นไว้ จะพาพี่ไปเที่ยวที่ขุนตาล ตอนนี้อากาศดีมากด้วย”

“จริงอะ เย้!” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง

“ยิ้มไปเหอะ เดี๋ยวพาเดินขึ้นเขาแล้วอย่าร้องก็ละกัน จะพาเดินให้หายเบื่อ ไม่อยากเดินไปอีกหลายวันเลย”

“เหอะ มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว”

ภูพิงค์กระตุกยิ้มมุมปาก “ผมจะคอยดู”

“แล้วเพื่อนคุณมากันยังไง”

“ขับรถอีแซนดี้มา เห็นพวกมันว่าเย็นนี้จะทำหมูกระทะต้อนรับพี่กัน” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปตบลงบนตักอีกฝ่ายเบาๆ “ที่จริงผมอยากไปเที่ยวกับพี่สองคนนะ แต่หลายวันมานี่ดูพี่เนือยๆ ยิ่งใกล้กลับเชียงใหม่ พี่ก็ยิ่งดูเครียดมากขึ้น ผมเองก็เอนเตอร์เทนไม่เก่ง พอผมปรึกษากับไอ้พวกนั้น พวกมันเลยชวนไปเที่ยว ให้ไปเจอกันที่ขุนตาล เจอพวกมันทีละหลายๆ คน พี่จะได้เปลี่ยนเรื่องเครียดไปเครียดเรื่องพวกมันแทนบ้าง”

รวินท์ยิ้มบาง “ขอบใจนะ”

“เราจะค้างกันสองคืนนะพี่ ที่บ้านพักของอุทยาน ตอนนี้ไอ้พวกนั้นน่าจะไปถึงแล้วล่ะ เมื่อกี้พวกมันเมสเสจมาบอกว่าแวะตลาดกันเรียบร้อย กำลังขับรถขึ้นดอยกัน ให้พวกมันไปก่อนจะได้แบกของไปรอกันที่บ้านพัก ของกินเพียบ ผมย้ำไปหลายรอบว่าพี่หิวบ่อย เพราะงั้นพี่ไม่ต้องห่วงเลย”

“ทำไมถึงคิดว่าผมจะห่วงแต่เรื่องกินวะ”

“เพราะผมรู้จักพี่ดีไง”

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าอดอยากล่ะวะ

รถยนต์คันโตวิ่งต่อไปอีกสักพักพื้นถนนก็เริ่มชันขึ้น และชันขึ้นอีกเรื่อยๆ เส้นทางคดเคี้ยวไปมา แต่เพราะไม่ค่อยมีรถวิ่งสักเท่าไหร่จึงขับไปได้แบบสบายๆ ไม่นานก็ถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล หลังจ่ายเงินค่าธรรมเนียมของอุทยานแล้ว ภูพิงค์ก็ขับรถไปจอดในที่จอดให้เรียบร้อย

“พี่หมอ! ไอ้พิงค์!”

พอก้าวลงจากรถมา สี่หนุ่มที่มารออยู่ก่อนแล้วก็โบกไม้โบกมือเรียก พร้อมกับวิ่งมารับถึงที่รถกันเลยทีเดียว

รวินท์ยิ้มกว้าง “ไงทุกคน”

แซนดี้วิ่งเข้าไปสวมกอด แถมยังหอมแก้มซ้ายขวา “คิดถึงพี่หมออ้ะ ไม่ได้เจอกันเกือบสามอาทิตย์เลยนะเนี่ย”

“เฮ้ยๆ น้อยๆ หน่อยอีแซนดี้” ภูพิงค์ถีบเจ้าของชื่อออก จากนั้นจึงหันไปเช็ดแก้มให้ทันตแพทย์หนุ่ม “เดี๋ยวขี้กลากขึ้น”

“เกินไปเว้ย” แซนดี้ถีบกลับ

ทว่าระหว่างที่สองคนทะเลาะกันอยู่ คนอื่นๆ ก็ผลัดกันเข้ามากอดทันตแพทย์หนุ่มซะอย่างนั้น

ในขณะที่รวินท์อ้าแขนรับสวมกอดจากทุกคน ภูพิงค์ก็โวยวาย “พี่วิน! เว้ย พวกมึงนี่!”

“ทำไมวะ พวกกูก็คิดถึงพี่หมอป่ะ”

ก่อนที่ทุกคนจะโวยวายเสียงดังมากไปกว่านี้ เสียงท้องร้องของทันตแพทย์หนุ่มก็ดังขึ้นแทรก จนเขาต้องยกมือขึ้นกุมท้อง “กินไรกันมายังอะ ผมหิวจัง”

“โห พี่หมอสายแดกของแท้ อย่างที่ไอ้พิงค์ว่าไว้เด๊ะ”

รวินท์ขมวดคิ้ว เขาหันขวับไปทางภูพิงค์ “ผมชักอยากรู้แล้วว่าคุณพูดถึงผมไว้ว่าไงบ้างอะ”

“ก็พูดแต่เรื่องจริงอะพี่”

“ไปกินที่ร้านสวัสดิการนะพี่ พวกผมสั่งอาหารไว้แล้ว เดี๋ยวลงไปดูรถไฟ แล้วค่อยกลับมารอดูพระอาทิตย์ตกดินกัน”

“ดีๆ ไปเลย”

ที่ร้านสวัสดิการมีโต๊ะใหญ่ให้หกหนุ่มนั่งรวมกันได้ ทว่าแม้โต๊ะจะใหญ่ขนาดไหน อาหารที่พวกเขาสั่งกันมาก็วางได้จนเต็ม โชคดีที่พวกแซนดี้บอกกับร้านไว้ก่อนว่าให้หุงข้าวเผื่อการยัดทะนานของพวกเขาด้วย หกหนุ่มจึงมีข้าวปลาอาหารกินกันเต็มที่

เมื่อเริ่มอิ่มที่ร้านก็ยกผลไม้ออกมาให้อีก คราวนี้แม่ครัวกับคนในร้านออกมาชวนคุยกันด้วย

“เนี่ย โชคดีวันนี้เพิ่งลงไปตลาดมา เลยมีหมู เนื้อ ไก่ ผักสดเพียบเลย แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้คงต้องลงไปใหม่ พวกหนูๆ กินซะหมดแล้ว”

“ซื้อมาเผื่อทำมื้อเย็นให้พวกผมด้วยเลยครับ พรุ่งนี้จะขึ้นเขากัน ลงมาคงหมดแรง ไม่มีอารมณ์ทำมื้อเย็นกินเองแน่ๆ”

“เอาสิ จะกินอะไรสั่งไว้เลย เดี๋ยวป้าลงไปตลาดจะได้เตรียมไว้”

รวินท์หันไปมองพวกเด็กหนุ่ม “ขึ้นเขานี่... มันไกลมากเลยเหรอ”

“เจ็ดโลอะพี่วิน ขึ้นเจ็ดลงเจ็ด ก็สิบสี่โล”

“ฮะ!”

ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก “ไหวมั้ยอะลุง ไหนว่าอยากเดินไง”

“ข้างบนสวยมากเลยนะคะ อากาศตอนนี้เย็นสบาย ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง”

ทันตแพทย์หนุ่มสบสายตากับทุกคนในโต๊ะ งานนี้ถ้าเขาปฏิเสธก็คงขายหน้าตาย ได้โดนทั้งกลุ่มรุมเรียกว่าลุงแน่ๆ เขาตอบกลับไปอย่างหวาดๆ “ลองดูก็ได้”

หลังกินกันเสร็จและนั่งพูดคุยรอย่อยอาหารกันไป พวกเขาก็ออกไปเดินดูสถานที่พักและถ่ายรูปกัน จากนั้นก็ไปดูรถไฟลอดอุโมงค์ขุนตาล กว่าจะกลับมาถึงที่พักกันก็ฟ้ามืดแล้ว เพราะเป็นเดือนธันวาคมจึงทำให้มืดเร็วกว่าปกติ

บ้านพักที่พวกเขาพักเป็นบ้านหลังใหญ่ มีหนึ่งห้องนอนใหญ่สำหรับสี่คนและหนึ่งห้องนอนเล็กสำหรับสองคน สี่หนุ่มที่มาถึงก่อนเตรียมของไว้เรียบร้อยแล้ว พอซมซานกลับมาถึงที่พัก พวกเขาก็ตั้งวงปูเสื่อเตรียมทำหมูกระทะกันเลย

เมื่อกินเสร็จแล้วก็ยังนั่งคุยกันต่อไปเรื่อยเปื่อยจนเกือบเที่ยงคืน

“หนาวเหมือนกันนะเนี่ย”

“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าห่มมาให้” ภูพิงค์รีบลุกขึ้นเดินเข้าบ้านพักไป ไม่นานก็เดินกลับออกมา เขากางผ้าห่มออกแล้วเอามาห่อตัวทันตแพทย์หนุ่มไว้

“ขอบใจ” รวินท์แหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้

ซัน ดิว ขิงและแซนดี้ใช้ศอกสะกิดกันเป็นพัลวัน มองไปเบะปากไป แต่แซวไม่ได้ เพราะไอ้พิงค์มันห้ามไว้

แม่งดูแลกันดีเหลือเกิ๊น... หมั่นไส้!

“ไอ้พิงค์ กูหนาว” ซันพูดขึ้นบ้าง

“ไปเอาผ้าห่มที่ห้องมึงดิ”

“ไม่ไปเอาให้กูบ้างอ่อ”

“มีตีนมะ ถ้าไม่มีก็นั่งหนาวต่อไปเหอะมึง”

ซันลุกขึ้น ส่งนิ้วกลางให้เพื่อนรักก่อนจะเดินเข้าห้องไปหยิบผ้าห่มมาแจกคนละผืน คราวนี้เลยเหลือภูพิงค์คนเดียวที่ไม่มีผ้าห่ม

รวินท์กางผ้าห่มออกแล้วเอาคลุมให้เด็กหนุ่ม “มานี่ดิ ห่มด้วยกันก็ได้”

ส่งผลให้สี่หนุ่มเข้าใจถึงคำว่าไร้คู่อย่างถ่องแท้ มันก็จะเหงาๆ โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่สักหน่อย แต่สรุปว่าไอ้พิงค์กับพี่หมอคงลงเอยกันแล้วสินะ ไอ้พิงค์ไม่ได้บอกอะไรพวกเขา แต่แบบ... ใครดูไม่ออกก็โง่ตาย

“เอาล่ะ พี่หมอ ไอ้พิงค์ พวกเรามาคุยเรื่องสำคัญกันเหอะว่ะ”

“หือ เรื่องสำคัญ” รวินท์เลิกคิ้วขึ้น

“เรื่องพี่เต้”

สีหน้าของทันตแพทย์หนุ่มเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มที่มีในคราวแรกหายวับไปกับตา หัวใจร่วงวูบ แต่ขณะที่จะประสานมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน ภูพิงค์ก็ดึงมือที่เย็นเฉียบไปกุมไว้แทน

“มีอะไรเหรอ” รวินท์ถามเสียงแผ่ว

สี่หนุ่มหันมองหน้ากัน ก่อนดิวจะเป็นคนพูดขึ้น “พวกผมดูรู้นะว่าพี่หมอเต้ชอบพี่หมอน่ะ แล้วพวกพี่ก็มีปัญหากันรุนแรง ถึงได้กลับไปกรุงเทพฯ อย่างนั้น”

ทันตแพทย์หนุ่มประสานสายตากับคนรัก พอภูพิงค์พยักหน้า เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังคร่าวๆ

ใบหน้าของเหล่าเด็กหนุ่มเคร่งขรึม ทว่านัยน์ตาของพวกเขาฉายแววอ่อนโยน ทุกคนรับฟังปัญหาของรวินท์อย่างจริงจังและจริงใจ

“ไอ้พิงค์บอกว่าพอพี่หมอใกล้กลับเชียงใหม่ก็ดูเครียดๆ แต่พี่ยังมีเวลาทำใจอีกนิดหน่อยล่ะผมว่า” ขิงพูดขึ้น แล้วหันไปมองซันเพื่อส่งไม้ให้อีกฝ่ายพูดต่อ

“พี่นิ้งบอกว่า พี่หมอเต้ยื่นใบลาออก แต่พี่สิงหากำลังพยายามช่วยโรงบาลยื้อไว้ ตอนนี้พี่หมอเต้ลาพักร้อนอาทิตย์หน้าไปแล้วทั้งอาทิตย์เลย เสาร์อาทิตย์นี้ก็ไม่มาทำคลินิก คงจะไม่ทำแล้วเหมือนกัน”

รวินท์เบิกตาโพลง “ไอ้เต้ลาออก!”

“นั่นสิพี่ พวกผมงงเต๊กเลย พี่นิ้งบอกว่าพี่สิงหาก็เลยจะขอให้พี่ไปช่วยคุยกับพี่หมอเต้ให้ เพราะตอนนี้โรงบาลขาดหมอฟันไม่ได้จริงๆ แต่ไม่มีใครติดต่อพี่ได้เลย พี่นิ้งเลยมาถามพวกผม พวกผมก็เลยบอกว่าพี่ใกล้จะกลับลำพูนแล้ว ให้รอคุยกับพี่เอง”

“แล้วก็ดูเหมือนพี่หมอเต้จะมีปัญหากับผู้หญิงคนนี้ด้วย พี่หมอก็รู้จัก” แซนดี้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดรูปส่งให้รวินท์ดู

ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงมองภาพบนโทรศัพท์แล้วพยักหน้า “คุณออย” ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถาม “พวกคุณไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน”

“ที่โรงแรมในเชียงใหม่นั่นแหละ พอดีพวกผมไปรับจ๊อบช่วยงานอีเวนต์ของญาติอีแซนดี้ ไปหน้าด้านขอกินฟรีสามวันติดด้วย แต่ดันเจอพี่หมอเต้เข้าจังๆ เลยแอบถ่ายรูปมา พี่เต้กับคุณออยอะไรเนี่ย เถียงอะไรกันก็ไม่รู้ดังลั่นที่จอดรถ จนยามต้องเข้ามาช่วยห้าม พวกพนักงานงี้คุยกันให้แซ่ด พวกผมเลยไปเสือกมาอีกต่อ ไปตีซี้ถามถึงสองคนนี้จากพนักงาน ก็เล่นหน้าตาดีทั้งคู่พนักงานเลยจำได้แม่น เห็นว่าพวกเขาเคยมาที่โรงแรมหลายหน ขึ้นห้องไปด้วยกันด้วยนะพี่ หลายครั้งเลยล่ะ”

รวินท์อ้าปากค้าง คำว่าความลับไม่มีในโลก เป็นเรื่องจริง จริงๆ นั่นละ

“คุณออยบอกว่า ไอ้เต้มีคลิปสำคัญของเขา หรือว่า...”

ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมว่าก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะทะเลาะกัน”

ซันถอนหายใจหนักๆ “พวกผมไม่ได้อยากทำลายบรรยากาศดีๆ ตอนนี้ แต่ก็คิดว่าพี่หมอควรจะรู้ไว้ก่อน จะได้มีเวลาเตรียมใจ พี่นิ้งว่าทางโรงบาลคงจะเรียกพี่ไปคุยก่อน แล้วให้พี่ไปคุยกับพี่หมอเต้อีกที”

รวินท์เงยหน้าขึ้นสบสายตากับทุกคน “ขอบใจมากนะ” เขาเม้มปากแน่น จริงอยู่ที่เขาตั้งใจจะเผชิญหน้ากับเตชิต แต่พอนึกถึงทีไร ในใจก็มีแต่ความกลัว ความกังวล และความเจ็บปวด

ถึงจะมีปัญหากันมากขนาดไหน แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้เตชิตลาออก จนแล้วจนรอดคำว่าเพื่อนรักก็ยังค้างคาอยู่ในใจเสมอ และถึงพวกเขาจะกลับไปเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ได้อีก แต่อย่างน้อยก็น่าจะยังเป็นเพื่อนร่วมงานกันได้

เพราะลึกลงไป เขาเชื่อว่าไอ้เต้ยังมีความดีอยู่บ้าง เพราะตอนนั้น มัน...เลือกที่จะหยุด เลือกที่จะไม่ขืนใจเขาทั้งที่มีโอกาส

ภูพิงค์บีบมือทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “พี่วินก็ตั้งใจจะเผชิญหน้ากับพี่เต้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ก็ดีเหมือนกันนะ คุยกันให้รู้เรื่อง ให้มันจบๆ ไป พี่จะได้ไม่ต้องคิดมากอีก พวกผมทุกคนจะอยู่ข้างพี่ จะคอยช่วยเหลือพี่ทุกอย่าง ครอบครัวกับพี่ๆ ของพี่วินก็เหมือนกัน พี่ไม่ได้ต่อสู้ตามลำพังนะครับ ผมอยากให้พี่รู้ว่า พี่เป็นที่รักของพวกผมมากนะ เราจะแก้ปัญหาเรื่องพี่เต้ไปด้วยกัน”

รวินท์ยิ้มบาง “ขอบใจ”

บรรยากาศเคร่งขรึมจริงจังไปได้อีกเพียงชั่วครู่ พวกเด็กหนุ่มก็พยายามเปลี่ยนสถานการณ์ เพราะพวกเขาไม่อยากให้พี่หมอเข้านอนไปทั้งความกังวลเต็มอก

“ไอ้พิงค์พูดภาษาคนได้ซึ้ง ไม่กวนตีน แล้วมีเหตุผลด้วย กูปลื้มใจ” ซันหยิบเศษกระดาษทิชชูขึ้นมาซับตรงหางตา

“สัส” ภูพิงค์หันไปชูนิ้วกลางให้

“คุยเรื่องอื่นกันเหอะ จริงๆ มืดๆ แบบนี้ ควรทำไรรู้มะ” ดิวเสนอขึ้น

“นอนเหรอวะ”

“เล่าเรื่องผีสิเว้ย”

“เหี้ย~ พวกมึงพูดถึงทำไม เดี๋ยวก็โผล่มาจ๊ะเอ๋หรอก ตบปากเท่าส่วนสูงของมึงเดี๋ยวนี้!”

แล้วพวกเด็กหนุ่มก็โวยวาย หยิบข้าวของมาปาใส่กันเป็นพัลวัน ความวุ่นวายนั้นพอช่วยให้รวินท์คลายความเครียดไปได้บ้าง


หลังจากพูดคุยกันไปอีกสักพัก หกหนุ่มจึงแยกย้ายกันเข้าห้องไปนอน

เมื่ออาบน้ำเสร็จ รวินท์ก็มานอนเอาแขนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง ครุ่นคิดถึงว่าตัวเขาควรจะต้องเผชิญหน้าเตชิตอย่างไร ควรจะเริ่มต้นคุยกันอย่างไรถึงจะดี พวกเขาคงเลี่ยงความเจ็บปวดไม่ได้ แต่ทำอย่างไรพวกเขาถึงจะเจ็บปวดน้อยที่สุดกันล่ะ

ภูพิงค์เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ ปิดไฟในห้องแล้วก็นั่งลงข้างคนที่นอนอยู่ “อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยพี่ ผมเข้าใจนะ ว่าการเผชิญหน้ากับพี่เต้มันสาหัสมากสำหรับพี่ แต่อย่างนึงที่พี่วางใจได้ ผมจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ได้อีก ช่วงที่ยังปิดเทอมนี่ ผมจะไปเฝ้าพี่จนกว่าพี่จะเบื่อเลย”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง “ไม่มีทางเบื่อได้หรอก”

“ให้มันจริงเถ้อ~” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่าย “เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปปีนเขา รับรองว่าเหนื่อยจนลืมโลกไปเลย”

รวินท์ยกศีรษะขึ้นพร้อมกับดึงแขนเด็กหนุ่มเข้าหาตัว “พิงค์ กอดหน่อยดิ”

เด็กหนุ่มโน้มตัวลงไปหาทันที “จูบด้วยก็ได้” เขาเท้าแขนลงกับเตียง แนบจูบกลีบปากสีแดงอย่างอ่อนโยน

ทันตแพทย์หนุ่มหรี่ตาปิดลง สองแขนโอบกอดคนอ่อนวัยกว่าไว้แน่น ริมฝีปากนุ่มเผยอออกให้เด็กหนุ่มสอดลิ้นเข้ามาไล่ต้อนลิ้นตนได้ตามใจ หากขณะที่เขาค่อยๆ เคลื่อนมือลงต่ำ ภูพิงค์ก็ถอนเรียวปากออก

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “นอนเนอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรง”

“อะ อือ...”

แดกแห้วรอบที่ร้อยแล้วมั้ง รวินท์ไม่อยากจะนับ เขามองตามคนอ่อนวัยกว่าที่ลุกขึ้นและเดินไปนอนลงบนเตียงอีกเตียงในห้องอย่างเซ็งๆ ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ แล้วข่มตาให้หลับลง


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 41 : ดูปลา ดูทะเล][250418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 30-04-2018 20:04:30


หกหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนสายๆ พวกเขาต้มมาม่าหม้อใหญ่เป็นมื้อเช้ากินกันเอง ระดมเอาเนื้อสัตว์ที่เหลือจากเมื่อวาน กับไส้กรอกและไข่ใส่เข้าไปอีก กินกันแบบให้ท้องแตก จะได้มีแรงเดินขึ้นเขา

หลังจากอิ่มท้องและนั่งพักกันพอสมควรแล้ว พวกเขาก็ออกเดินทางกัน

“ทางขึ้นเขามีสี่ส่วนนะพี่วิน เรียก ย.1 ถึง ย.4” ภูพิงค์บรรยายขณะที่เดินนำทันตแพทย์หนุ่มไป

ช่วงแรกๆ ที่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่ มันก็โอเคนะ พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ หอบแฮ่กๆ แค่เล็กน้อย พอถึงย.3 ทางค่อนข้างชันและเป็นป่ารก อากาศเย็นมาก มีต้นไม้แปลกตาให้ดูตลอดทาง ถึงจะเพลินแต่ก็เหนื่อยแทบขาดใจ

ดิวโวยวายมาจากท้ายแถว “ทำไมแม่งยังไม่ถึงสักทีวะ” จะหยุดนั่งพักกันก็หยุดไม่ได้ เพราะทางแคบเหลือเกิน

“เริ่มเห็นต้นสนละเว้ย แปลว่าใกล้แล้ว”

แล้วหกหนุ่มก็มาหยุดหอบเป็นหมาหอบแดดกันที่หน้าป้ายเนินวัดใจ

“อะไรวะ ชีวิตกูนี่จะเจอแต่เนินวัดใจเรอะ”

“นั่งพักก่อน กูหมดแรง”

“ต้องบูมเรียกพลังมั้ยวะ”

รวินท์นึกขำ เหนื่อยก็เหนื่อย อยากหัวเราะก็อยาก เป็นไงล่ะ ตอนแรกดูถูกเขานัก แล้วสภาพแต่ละคนก็ไม่ต่างกันกับเขาสักหน่อย

“นี่เดินกันมาสองชั่วโมงกว่าละนะ มื้อเช้าที่กินอย่างกับยัดทะนาน หมดไปเร็วมาก”

“พี่วินหิวมั้ย ดื่มน้ำก่อน” ภูพิงค์หยิบขวดน้ำส่งให้

“ขอบใจ”

หลังนั่งพักกันจนพอใจแล้ว หกหนุ่มก็เดินขึ้นเนินวัดใจต่อ หากเพราะเดินมาหลายกิโลเมตรแล้ว ถึงจะเหลือแค่กิโลเมตรสุดท้าย สองขาก็สั่นไปหมด

“พี่วินจับมือผมไว้” ภูพิงค์ส่งมือให้อีกฝ่าย

“อีกไกลมั้ยวะเนี่ย ผมหิวแล้ว”

“ไม่รู้ดิ แต่ป้ายบอกกิโลฯ เดียวน่ะ ทนอีกนิด”

เมื่อขึ้นไปถึงยอดดอยได้ พวกเขาก็พบกับลานกว้างล้อมไว้ด้วยรั้วไม้ ท้องฟ้าเบื้องบนเป็นสีฟ้าสดใส มีปุยเมฆมากมาย ต้นไม้เป็นสีเขียวขจี อากาศเย็นสบาย หกหนุ่มวิ่งขึ้นไปยืนเรียงกันหน้ารั้วแล้วตะโกนก้อง

“ถึงแล้วโว้ย~”

“ถ่ายรูปๆ จะได้ไปเอาใบประกาศพิชิตยอดดอยเว้ย”

หลังจากถ่ายรูปกันจนสาแก่ใจ พวกเขาก็นั่งลงหันหน้าเข้าหากันเป็นวงกลม หยิบน้ำและขนมที่เตรียมไว้เป็นมื้อเที่ยงขึ้นมากินด้วยกัน เสร็จแล้วก็นอนหงายกันไปบนพื้นนั่นแหละ

รวินท์ยิ้มกว้าง รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดว่านี่คงเป็นความหมายของการปีนขึ้นเขาในครั้งนี้ ที่ทุกคนพยายามให้เขาเข้าใจ พวกเด็กหนุ่มยอมปีนเขาลำบากลำบนด้วยกัน อดทนเพื่อให้มาถึงข้างบนได้ นี่คือการพิสูจน์ความจริงใจของคำพูดที่ทุกคนได้พูดกับเขาไว้

“สนุกใช่มั้ยพี่หมอ ข้างบนนี่สุดยอดไปเลยใช่ป่ะ”

“อือ เจ๋งสุดๆ ไปเลย ขอบใจทุกคนมากนะ”

ความรู้สึกแบบนี้... ไม่เลวเลยนะ เขานึกขอบคุณการรับน้องขึ้นดอยในคราวนั้น ที่ทำให้ได้รู้จักภูพิงค์และทุกคนแบบนี้

ภูพิงค์ลุกขึ้น พลางส่งมือให้ทันตแพทย์หนุ่ม “เดินเล่นถ่ายรูปกันพี่”

รวินท์จับมือเด็กหนุ่มตอบ “โอเค”

เมื่อถึงตอนลงจากยอดเขา พวกเขาใช้เวลาน้อยกว่าตอนเดินขึ้นมาก แต่ก็หิวกันปางตาย โชคดีที่สั่งอาหารที่ร้านสวัสดิการเอาไว้แล้ว พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จก็ย้ายทัพไปเอาใบประกาศและกินมื้อเย็นกัน

หลังเสร็จจากมื้อเย็น หกหนุ่มก็เอากระดาษหนังสือพิมพ์มาปูนอนดูท้องฟ้าในยามค่ำคืนกันที่หน้าบ้าน เมื่อปิดไฟแล้วบริเวณนั้นก็แทบจะมืดสนิท ทำให้มองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน

ท้องฟ้าที่นี่สวยชะมัด ช่วยให้ใจเขารู้สึกสงบดี และที่สำคัญตอนนี้ เขาแทบจะไม่กังวลกับการเผชิญหน้ากับเตชิตแล้ว รู้สึกเข้มแข็งขึ้น พร้อมขึ้นเป็นกอง

“นั่นดาวลูกไก่” ดิวชี้ขึ้นไปบนฟ้า “ถึงเรื่องมันจะเศร้า แต่กูก็อยากเล่าให้พวกมึงฟัง แม่เอ๋ยแม่ไก่ มีขอไข่ในเล้า...”

“มึงไม่ต้องสำบัดสำนวนมะไอ้ดิว จะเล่าก็เล่าดีๆ” แซนดี้ตอบแทนใจทุกคน

“อะๆ มีตายายเลี้ยงแม่ไก่ไว้ ต่อมาจะฆ่าแม่ไก่ไปทำอาหารถวายพระ แม่ไก่ก็ยอมโดนฆ่าเพื่อทดแทนคุณ ลูกๆ เศร้าใจก็เลยโดดลงหม้อตายตามแม่ สรุปตายห่ากันหมด ไปเกิดเป็น...”

“ปลาบู่”

“สัส ผิดเรื่อง”

สี่หนุ่มเถียงกันไปเรื่อยๆ ภูพิงค์นิ่งฟังแล้วหัวเราะเป็นระยะๆ ส่วนรวินท์นิ่งเงียบ พอทันตแพทย์หนุ่มเงียบไปนานเข้า ภูพิงค์ก็ยกศีรษะขึ้นมอง

“พี่วิน หลับไปแล้วเหรอ”

“ยัง”

“ทำไมเงียบ ทุกทีถ้าไม่หลับ อย่างน้อยต้องมีเสียงท้องร้องมาบ้าง”

“ผมไม่ได้หิวตลอดเวลาป่ะวะ”

“อ้าว เหรอ”

รวินท์หันไปถีบเด็กหนุ่มเบาๆ “แต่ผมได้ยินเสียงหมาเห่าแว่วมาจากคุณตลอดเลยนะ”

“โห พี่วิน...”

สี่หนุ่มลุกขึ้นนั่งตบมือ “ยกนี้พี่หมอชนะน็อกเว้ย!”

ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นนั่งบ้าง เขายิ้มแล้วค้อมศีรษะให้กับทั้งสี่คน “ขอบคุณครับ ขอบคุณ”

ภูพิงค์พลิกตัวหันหน้าเข้าหาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน พร้อมกับใช้แขนข้างหนึ่งตวัดกอดเอวดึงอีกฝ่ายเข้ามาหาตัว จากนั้นก็จั๊กจี้ตรงเอว “ผมไม่ยอมแพ้หรอก”

“เฮ้ย ขี้โกงนี่” รวินท์หัวเราะลั่น พอเขายิ่งดิ้น แขนของเด็กหนุ่มก็ยิ่งกอดรัดแน่นเข้า กลายเป็นภาพแสลงสายตาของเด็กหนุ่มอีกสี่คน

“เดี๋ยวค่อยจีบกันก็ได้ป่ะวะ เกรงใจพวกกูด้วย”

“พวกคุณดูยังไงว่าจีบกันวะ ผมโดนแกล้งอยู่เห็นมั้ย” ทันตแพทย์หนุ่มโวยวายไปหัวเราะไป “ช่วยด้วยดิ”

“เฮ้อ~ ไปๆ เข้านอนกันดีกว่า” หากอีกสี่หนุ่มไม่สน พวกเขาลุกขึ้นเก็บกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้รองนอนเอาไปใส่ถังขยะ แล้วก็พากันเดินเข้าบ้าน “เบาๆ หน่อยละกันนะไอ้พิงค์ เดี๋ยวพี่หมอกระดูกกระเดี้ยวหักหมดอะ มึงยังเหลือฟันคุดอีกสามซี่นะ”

“ปล่อยได้แล้วเว้ย” รวินท์ทุบไหล่คนที่กอดเขาอยู่รัวๆ

ภูพิงค์ยอมคลายอ้อมแขนออก ก่อนจะขยับขึ้นมานอนหนุนตักอีกฝ่าย “งั้นขอนอนตักหน่อย”

“คนอื่นไปนอนกันหมดแล้วนะ เราจะไม่เข้าไปนอนบ้างเหรอ”

“พี่วินง่วงแล้วเหรอ”

“ก็ยัง...”

“ไอ้พวกนั้นมันยังไม่นอนหรอก คงเกาะขอบหน้าต่างแอบดูพี่กับผมอยู่นั่นแหละ”

“คุณ...ไม่กลัวเพื่อนเข้าใจผิดเหรอวะ”

“เข้าใจผิดเรื่องอะไร”

“เรื่องคุณกับผมไง”

คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้ว “ขนาดนี้พวกมันยังเข้าใจผิดได้อีกเหรอวะพี่ แล้วเรื่องพี่กับผม มันก็เป็นเรื่องจริงป่ะ”

“แต่พวกเขาก็ชอบแซวคุณกับผมแบบนี้อยู่แล้วป่ะวะ” ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้ง ”พวกเขารู้เรื่องคุณกับผมแล้วเหรอ”

“น่าจะรู้ ผมออกจะชัดเจนขนาดนี้ คงไม่ต้องบอกตรงๆ มั้ง”

สายตาทั้งสองคู่ประสานกัน รวินท์รู้สึกแปลกๆ คือเขาก็ดีใจนะ แต่มันไม่สุด มันเหมือน...อะไรๆ ยังไม่ค่อยแน่ชัดสักอย่าง

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไล้แก้มอีกฝ่าย “คิดอะไรอยู่”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“คิดอะไรอยู่ยังไม่รู้อีก... ยังกังวลเรื่องพี่เต้เหรอ”

“ไม่แล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้า จากนั้นจึงยิ้มบาง “เพราะผมรู้ว่าคุณจะอยู่ข้างๆ ผมไง”

“พี่วินแม่งน่ารัก”

“มีคุณคนเดียวนี่แหละที่พูดแบบนี้”

“จริงอะ”

“อือ คนอื่นเขาชมว่าหล่อ”

ภูพิงค์หัวเราะ เขาทอดสายตามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แล้วนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เมื่อรวินท์เห็นอย่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองบ้าง

เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ แล้วร้องเพลงคลอ “ขอให้ค่ำคืนนี้มีแต่เรา อยู่เคียงใต้แสงดาว และมีความรักให้กันและกัน” ก่อนจะเคลื่อนมือขึ้นไปโน้มคออีกฝ่ายลงมาหาตัว “พี่วิน เคยได้ยินเพลงนี้มะ”

รวินท์อมยิ้ม “เคยดิ แต่เวอร์ชันที่ได้ยินเมื่อกี้เพราะสุดนะ”

“โห ปากหวานว่ะ” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกริ่ม “ไหนๆ ไอ้พวกนั้นก็มองเราอยู่แล้ว ทำให้พวกมันเห็นชัดๆ ไปเลยดีป่ะ”

“ทำอะไร...วะ”

ภูพิงค์พูดจบก็ยกศีรษะขึ้นจูบริมฝีปากนุ่มตรงหน้า แค่สัมผัสบางเบา บานประตูบ้านก็เปิดออกผาง

“ไปจีบกันในห้องนู่นไป๊ พวกคุณมึงไม่ได้อยู่แค่สองคนใต้แสงดาว แต่พวกกูก็ด้วย!” แซนดี้ต่อว่า “สงสารใจกูบ้าง ขาดผู้ชายมาเป็นเดือนแล้วโว้ย!”

รวินท์หันขวับ “แซนดี้แอบดูอยู่เหรอเนี่ย”

แซนดี้ชะงัก “โอ๊ย ไม่ต้องแอบก็เห็นป่ะพี่หมอ” แล้วรีบถอยกลับเข้าบ้านไป

ภูพิงค์ลุกขึ้นนั่ง เขาหัวเราะไปพร้อมกับรวินท์ด้วย “เห็นมะ ผมบอกแล้ว” ก่อนจะลุกขึ้นแล้วฉุดอีกฝ่ายให้ลุกตาม “ปะ เข้าห้องเรากันเหอะ”


*TBC*


เหม็งฟามรักนิดหน่อยนะคะ น้ำตาลท่วมดอยเบาๆ

หมั่นไส้คนร้องแพลงจีบแฟน แต่ไม่มีปัญญาทำอะไรแฟนนะคะ 555555

เดี๋ยวตอนหน้ากลับถึงลำพูนแร้วววว สนุกแน่นอนนน จะได้เปิดตัวพระรองที่แท้จิมสักทีค่ะ 55555

คืนนี้นอนหลับฝันดี ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 30-04-2018 20:21:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 30-04-2018 20:53:23
คนมีคู่ไม่รู้หรอกว่าคนโสดมันทรมานแค่ไหนกับอาการเหม็นความรัก   งื้ออออ.....  สงสารเหล่าเพื่อน  555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 30-04-2018 20:57:21
โถ.....แซนดี้    :hao4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-04-2018 21:21:29
หวานกันแบบเน้!! ไม่มียุงหรอก มีแต่มดดดด
อยากตะโกนพี่วินใส่แบบเดียวกะแซนดี้เลย อิจสุดอ่ะะะะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 30-04-2018 21:26:31
โอ๊ยยย พี่หมอเมือ่ไหร่จะเสร็จน้องภูพิง
5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-04-2018 21:38:34
นอนบนหนังสือพิมพ์ยังสวีทได้ขนาดนี้ บนฟูกนุ่ม ๆ จะขนาดไหน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-04-2018 21:38:51
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-04-2018 21:49:09
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่อยเข้าไปพี่หมอ  อ่อยกี่รอบก็ไม่สำเร็จซ้ากกกกที  555

ว่าแต่...มีพระรองด้วยเหรอ?
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-04-2018 21:59:35
เหม็นความรัก นอกจากจะหวานจนน้ำตาลท่วมดอยแล้ว แห้วของพี่หมอก็เยอะไม่แพ้กัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 30-04-2018 22:50:04
และแล้วพี่หมอก็แห้วต่อไป555. ความรักของพิงค์ใสๆ นะพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-04-2018 23:29:54
โอ้ยย ใจบางหมดแล้วว :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 30-04-2018 23:54:54
 :mew3: สงสารแซนดี๊อะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 01-05-2018 00:11:13
 :mew6:ขำแซนดี้  5555 งานเสือ_ไว้ใจเรา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-05-2018 00:23:07
คุณออยท้องเหรอ ว่าแต่มันใช่ประเด็นเหรอ

เหม็งฟามรักคู่นี้ด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 01-05-2018 00:44:45
อิจฉา  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: slurpeez-69Nes ที่ 01-05-2018 02:22:59
ยังอีก ยังไม่ได้กันอีก!!!!!!
คนเชียร์ก็ลุ้นใจหายใจคว่ำตั้งแต่ทะเล นี้ขึ้นเขาก็ท่าจะล่มอีกสินะ

โถ่ หมอที่น่าสงสารของพี่~~
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-05-2018 02:47:34
ขำความขาดผชมาหลายเดือนของแซนดี้5555
คือออ ทำไมน้องพิงค์ซื่อแบบนี้ลูกกก
พี่หมออ่อยจนแบบจะหมดมุกแล้วอะ
สงสารนังงง ไม่ได้ไม่โดนซะที5555555
ไหนคะ เรื่องนี้มีพระรองด้วยหรอออ
ไม่ใช่หมอเต้ใช่มั้ยคะะ
นั่นอะ ตัวร้ายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-05-2018 05:51:45
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-05-2018 07:26:03
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 01-05-2018 08:40:47
ตอน 42 รวมพลังอะไรกัน .... เหม็นความรัก ชิ!!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 01-05-2018 09:32:52
เอาใจช่วยพี่หมอทุกเรื่องเลยนะคะ โดยเฉพาะเรื่องพิง ขอให้พิงหายซื่อบื้อจับพี่หมอกินเร็วๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-05-2018 09:38:36
สงสารแซนดี้  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-05-2018 10:51:56
ขาดผู้ชายมาเป็นเดือนเลยหราแซนดี้ :laugh: :laugh: :laugh: เหม็นฟามรัก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-05-2018 12:08:21
เกลียดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 01-05-2018 13:41:08
สงสารหมอวินท์อีกครั้งแต่พิงค์ก็น่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 01-05-2018 18:12:48
โอ๊ยยย ติิด ติดเรื่องนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-05-2018 20:06:18
สงสารแซนดี้อ่ะ จัดให้สักคนหน่อยดิ

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-05-2018 20:09:52
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 01-05-2018 22:51:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-05-2018 23:24:15
ช่วยหาแฟนให้แซนดี้หน่อยค่ะ สงสาร 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-05-2018 00:42:54
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-05-2018 01:14:53
 ขอบคุณ :) :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-05-2018 19:59:26
ใช่เซ่~~ หวานกันเช้าไป คนมีคู่ไม่รู้หรอก เชอะ :a14:
แต่คนมีคู่เขาก็ยังไม่ได้กินกันสักที น่าสงสารกว่านะคะ 555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-05-2018 20:33:22
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 05-05-2018 17:47:54


Chapter 43 : เตชิต


รวินท์และภูพิงค์กลับมาถึงเชียงใหม่ในตอนเย็นของวันอาทิตย์ เด็กหนุ่มพาอีกฝ่ายไปเอารถที่จอดทิ้งไว้ที่สนามบินเชียงใหม่ ก่อนจะต่างคนต่างขับรถของตนเองไปยังโรงพยาบาลลำพูนพร้อมกัน ส่วนอีกสี่หนุ่มกลับไปบ้านเช่าที่เชียงใหม่

สิ่งแรกที่ทันตแพทย์หนุ่มทำเมื่อมาถึงคือมองหารถของเตชิต ซึ่งมันไม่ได้จอดอยู่ในที่จอดประจำของอีกฝ่าย

“ไอ้เต้ไม่อยู่”

ภูพิงค์หันไปประสานสายตาด้วย “แล้วพี่จะเอาไง เราจะไปหาพี่เต้กันเลยมั้ย”

รวินท์ลังเลเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้า “อือ”

เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่าย “ปะ เอาของไปเก็บที่ห้องก่อน แล้วไปหาพี่เต้กัน”

พอสองหนุ่มเอาของไปเก็บบนห้องของรวินท์แล้วก็เดินขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นห้า ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของเตชิต พวกเขาเคาะประตูและร้องเรียก หากไม่มีเสียงตอบรับจากข้างใน

แพทย์สาวที่อยู่ห้องข้างกันเดินออกมา “สวัสดีค่ะหมอวิน หมอเต้ไม่อยู่หรอกค่ะ ไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์” เธอส่งซองจดหมายสีขาวให้พร้อมด้วยรอยยิ้ม “หมอเต้ฝากไว้ให้ค่ะ ที่จริงหมอเต้บอกว่าไม่รู้ว่าหมอวินจะกลับมาเมื่อไหร่ จะขึ้นมาที่ห้องเขาหรือเปล่า แต่หมอวินมาเร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย”

“ขอบคุณครับ” รวินท์รับซองนั้นมาพลิกดู ข้างในซองมีการ์ดแข็งๆ แต่บนหน้าซองไม่ได้เขียนอะไร

“หมอเต้ยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปด้วย เห็นว่าลาพักร้อนน่ะค่ะ”

“ครับ”

แพทย์สาวยิ้ม แล้วเดินกลับเข้าห้องพักไป

รวินท์ยืนนิ่งอึ้ง สองมือที่ถือซองจดหมายนั้นไว้สั่นเล็กน้อย จนกระทั่งภูพิงค์จับมือเขาเดินออกไป

“กลับไปเปิดดูที่ห้องเถอะพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้า ทำไมรู้สึกใจไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้

ทันทีที่กลับไปถึงห้อง รวินท์ก็แกะซองออกอย่างรวดเร็ว ภายในซองมีการ์ดหนึ่งใบ ข้างในมีข้อความเขียนด้วยลายมือถึงตน



วิน

กูรู้ว่าสิ่งที่กูทำลงไปมันไม่น่าให้อภัย เพราะงั้นกูจะไม่ขอให้มึงยกโทษให้ แต่ขอให้กูได้บอกกับมึงว่า กูขอโทษ ขอโทษนะวิน กูอยากให้มึงได้กลับมาใช้ชีวิตของมึงที่นี่เหมือนเดิม กูจะสัญญาว่าจะไม่อยู่รบกวนมึง จะไปให้ไกล ไม่ทำให้มึงต้องอึดอัดใจอีก จากวันนี้ไปกูกับมึงคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว

แต่มึงจะเป็นคนที่กูรัก และจะเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดของกูเสมอ

เต้



มือที่ถือการ์ดสั่นน้อยๆ ขณะที่นัยน์ตาของทันตแพทย์หนุ่มร้อนผ่าว เขาวางการ์ดลงแล้วถลาเข้าไปสวมกอดภูพิงค์ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ เขาตลอดเวลา

เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เขากอดตอบอีกฝ่ายและช่วยลูบหลังปลอบโยนอย่างใจเย็น รอจนคนในอ้อมแขนสงบใจลงไปได้บ้าง “ลองถ้ายื่นใบลาออก แล้วหายตัวไปแบบนี้ ผมว่าพี่เต้คงรู้สึกผิดมากจริงๆ”

รวินท์ขยับออกช้าๆ “ผม... ที่จริงก็ไม่แน่ใจว่าเราจะกลับเป็นเพื่อนกันได้อย่างสนิทใจอีก แต่ผมก็ไม่เคยอยากให้มันหายไปจากชีวิตผม”

ภูพิงค์ถอนหายใจหนักๆ “ผมเข้าใจ อีกอย่าง ผมคิดว่าแผลในใจพี่คงไม่มีวันหายดี ถ้าพี่ไม่ได้เคลียร์กับพี่เต้ให้เรียบร้อย” เด็กหนุ่มจูงเจ้าของห้องไปนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว ส่วนตัวเขาเดินเข้าครัวไปเทน้ำเย็นๆ ใส่แก้วมาให้ เพื่อให้อีกฝ่ายใจเย็นลง จากนั่นจึงนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัว เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะทันตแพทย์หนุ่มอย่างอ่อนโยน “ใจเย็นๆ ก่อนนะพี่ ค่อยๆ คิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี”

รวินท์ยิ้มบาง พลางพยักหน้าหงึกๆ เขาโชคดีจริงๆ ที่มีภูพิงค์อยู่ใกล้ๆ “อือ”

“ทำไรกินกันก่อนดีมั้ย หิวรึยัง”

“ก็นิดหน่อย เดี๋ยวผมช่วยนะ”

“ช่วยดูเฉยๆ ก็พอนะ จะได้ไม่เกะกะครัวอะ ยิ่งแคบๆ อยู่”

ทันตแพทย์หนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเขกศีรษะคนอ่อนวัยกว่า “คุณนี่มัน...”

“น่ารักใช่มะ” ภูพิงค์จับมืออีกฝ่ายพร้อมกับดึงให้ลุกขึ้น จากนั้นก็จูงเดินเข้าครัวไปทำอาหารง่ายๆ กินกันเป็นมื้อเย็น


เมื่อเช้าวันจันทร์มาถึง ภูพิงค์เดินไปส่งคนรักถึงแผนก แล้วนั่งรอดูลาดเลาอยู่แถวนั้นสักพัก จึงค่อยกลับไปรอที่ห้องพัก

ฝ่ายรวินท์มาถึงก็ต้องเริ่มทำงานเลย เขาจึงยังไม่มีโอกาสได้คุยเรื่องเตชิตกับคนอื่นๆ ในแผนก

พอพักเที่ยงภูพิงค์ก็มารอรับไปกินข้าว ครั้งนี้สิงหาตามมาด้วย เพื่อที่จะคุยกันเรื่องของเตชิต พวกเขาไปกินกันที่ร้านอาหารตามสั่งข้างโรงพยาบาล

“ตั้งแต่วันที่มันยื่นใบลาออก พี่ก็โทรหามันไม่ได้เลย มึงได้ลองโทรหามันบ้างรึเปล่า”

“ยังครับ”

สิงหาอ้ำอึ้ง “เอ้อ พวกมึงสองคน...มีปัญหากันใช่มั้ย”

“จะว่าใช่ก็ได้ครับ”

“พี่ก็สังเกตมาพักนึงแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะถึงกับต้องลาออกกัน พวกมึงสนิทกันมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอวะ”

รวินท์ถอนหายใจถี่ๆ ส่วนเด็กหนุ่มนั่งกินอาหารของเขาไปเงียบๆ

“โทรหามันหน่อยได้มั้ย พี่เป็นห่วงมันยังไงก็ไม่รู้ วันที่มันเอาใบลาออกมายื่น ท่าทางมันดูแย่มาก เหมือนคนที่ไม่ได้กินไม่ได้นอนมาหลายวัน”

รวินท์ขมวดคิ้ว พลางวางช้อนส้อมลง “.....”

ภูพิงค์หันขวับไปจ้องสิงหาเขม็ง “จะโทรหรือไม่โทรก็เอาไว้คุยหลังเลิกงานเหอะพี่ กินก่อน เดี๋ยวก็ต้องกลับไปทำงานแล้วไม่ใช่รึไง”

“เออ... เออ นั่นสิ กินก่อนเนอะ” สิงหาหลบสายตาทันที เขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว “เอ้อ พิงค์ไม่มีเรียนเหรอ”

“ถ้ามีเรียนแล้วจะมานั่งอยู่ตรงนี้มั้ยล่ะพี่”

“พิงค์เขาปิดเทอมน่ะครับ” รวินท์ตอบให้แทน ก่อนเด็กหนุ่มจะลุกขึ้นมาฟาดงวงฟาดงาใส่รุ่นพี่ตน

“จ้ะๆ กินข้าวกันเนอะ” สิงหาคิดว่าเขาควรสงบปากสงบคำ ไอ้เด็กนี่ดุจัง ท่าทางก็นักเลงชะมัด มาเฝ้ารุ่นน้องเขาตลอดเสียด้วย แบบนี้ดูท่ารุ่นน้องสองคนของเขาจะมีปัญหากันหนักแหงๆ


เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ภูพิงค์ก็ทำหน้าที่ไปรับคนรักกลับห้อง นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รวินท์มีความสุขได้ตลอดวัน สองหนุ่มเดินเคียงกันกลับไปยังห้องพัก

“พิงค์ ผมว่าคุณเลิกเรียนเหอะว่ะ ย้ายมาอยู่กับผมถาวรเลยเหอะ”

“เห็นแก่อนาคตผมด้วยสิวะพี่ เรียนไม่จบจะทำมาหากินยังไงวะ” ภูพิงค์หัวเราะ

รวินท์ยกแขนขึ้นโอบไหล่คนที่เดินอยู่ข้างกัน พลางโน้มใบหน้าเข้าไปหา “แฟนคนเดียวผมเลี้ยงได้”

“ไหนว่าเงินเดือนน้อยไง ห้องนั่งเล่นยังไม่มีปัญญาติดแอร์เลยนะพี่น่ะ”

“เดี๋ยวผมจะขยันทำคลินิกน่า”

เด็กหนุ่มส่ายหน้ารัว “ถ้าเกิดพี่ทิ้งผมขึ้นมา ผมไม่ต้องอดตายรึไง”

“ไม่ทิ้งหรอกน่ะ” รวินท์ยิ้มกว้าง “แต่ผมชอบที่คุณมารับส่งเช้ากลางวันเย็นแบบนี้มากเลยนะ”

“ผมก็ชอบ” ภูพิงค์ยกแขนขึ้นโอบเอวทันตแพทย์หนุ่ม “เตรียมมื้อเย็นไว้ให้แล้วด้วย แม่ศรีเรือนมั้ยล่ะ”

“มากๆ อยากยกขันหมากไปขอแล้ว”

“รีบๆ ทำงานเก็บเงินเลย”

“อย่าคิดค่าตัวแพงนะ ผมเป็นแค่หมอฟันจนๆ”

“สำหรับพี่เนี่ยต้องแพงมากๆ เลยแหละ ได้ทั้งคนขับรถ พ่อครัวแล้วก็ทาสในเรือนเบี้ยแถมไปด้วย”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ “โห พูดซะผมเสียหาย เออ แต่ว่านะ มีคุณอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ พี่สิงหาไม่กล้าเข้ามาใกล้ผมอีกเลยว่ะ”

“ก็ดีแล้วไง” เด็กหนุ่มยักคิ้ว “ไม่ใช่แค่พี่สิงหา คนอื่นก็ไม่ให้เข้าใกล้ เพราะผมหวงแฟนผม”

“พิงค์แม่งน่ารัก” พอเดินเข้าลิฟต์โดยสารไป รวินท์ก็ดึงคนรักเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่

ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก “หอมป้ะล่ะ นี่อาบน้ำขัดตัวรอเลยนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มขยับไปกระซิบชิดใบหูอีกฝ่าย “เดี๋ยวจะอาบน้ำให้ผมด้วยได้รึเปล่า” พูดง่ายๆ ก็คือต้องการจะอ่อย แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้เขาหมดอารมณ์ แทบจะถีบเด็กหนุ่มออกจากลิฟต์ไป

“แหม ต้องป้อนข้าว เคี้ยวข้าวให้ด้วยปะล่ะ มีแฟนแค่นี้ง่อยแดกเลยเหรอวะพี่”

รวินท์กลอกตามองบน เวรกรรมอะไรของเขาวะที่ทำให้มีแฟนทึ่มได้ขนาดนี้ “อาบเองก็ได้เว้ย”

หลังจากกลับถึงห้อง ทันตแพทย์หนุ่มไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและมานั่งลงกินมื้อเย็นด้วยกันกับเด็กหนุ่มจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ย้ายจากโต๊ะกินข้าวไปนั่งเล่นในห้องนอน เพราะเปิดเครื่องปรับอากาศไว้

รวินท์หยิบโทรศัพท์มาถือค้างไว้ในมือ พลางหันไปถาม “คุณคิดว่าผมควรจะลองโทรหาไอ้เต้ดีมั้ย”

“ลองสิ แต่ถ้าพี่เต้รับสาย พี่ก็ควรนัดมาเจอกัน อย่าเคลียร์กันทางโทรศัพท์เลยนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง “อืม” เขาเอื้อมมือไปกุมมือเด็กหนุ่ม กดสปีคโฟนเพื่อให้อีกฝ่ายได้ยินด้วย แล้วจึงกดโทรศัพท์ออกไป

เสียงสายไม่ว่างดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ดูเหมือนว่าคนที่ปลายสายจะไม่ได้เปิดเครื่อง

“หรือมันจะเปลี่ยนเบอร์ไปด้วยวะ”

“ก็มีสิทธิ์นะพี่”

ขณะที่สองหนุ่มนั่งปรึกษากัน ครั้งนี้เสียงโทรศัพท์ของภูพิงค์ก็ดังขึ้นบ้าง เขาจึงหันไปหยิบมากดรับสาย “ว่าไงวะ”

“ไอ้พิงค์ เรื่องใหญ่แล้วว่ะมึง ฟังกูให้ดีๆ” น้ำเสียงคนที่อยู่ปลายสายตื่นตระหนก

“ใจเย็นเว้ยอีแซนดี้ มีอะไรวะ จะให้พี่วินฟังด้วยมั้ย กูกดสปีกเกอร์นะ”

“เออ เมื่อตอนสายวันนี้ผัวเก่าในคอลเลคชั่นกูมาหา มันขอให้กูช่วยปลอมตัวเป็นลูกน้องในแก๊ง แล้วให้กูเอารถกูไปรับแฟนพี่ชายมันให้หน่อย”

“ผัวเก่ามึงที่เป็นเด็กแว้นป่ะวะ”

“ผัวเก่ากูก็มีแต่เด็กแว้นมั้ยล่ะมึง คือกูก็เลยถามไง ว่าจะให้ไปขับรถที่ไหนอะไรยังไง ถามตามมารยาทไปงั้นเพราะก็กะจะปฏิเสธแหละ เรื่องไรกูต้องไปช่วยแม่งใช่มะ แต่ปรากฏว่าแม่งจะให้ขับพามันกับพี่ชายไปรับคุณออยเว้ยมึง โลกแคบป้ะล่ะ คือแม่งจะขอให้ไปช่วยตบตาคุณออยไงว่าคนในแก๊งรวยมีรถเท่ไรงี้ พี่ชายมันเพิ่งจีบคุณออยติดไม่นานนี่เอง กูก็เลยตีหน้าซื่อไปเป็นสารถีให้เว้ย แล้วสรุปว่าพวกแม่งให้ไปรับคุณออยมาทำไมรู้มะ พวกมันนัดเจอพี่หมอเต้เว้ย!”

“เฮ้ย! มึงเจอพี่เต้เหรอ!”

“ไม่เจอ”

“อ้าว อีห่า!”

“คือที่กูแอบฟังเขาคุยกัน เขาจะนัดเจอกันที่โรงแรมไงมึง แต่ฝั่งคุณออยอะ ไม่ได้จะพาแค่แฟนไปเจอพี่หมอเต้ไง แต่เอาทั้งน้องชายกับก๊วนแก๊งแว้นไปด้วยเลยเว้ย รวมๆ แล้วน่าจะเกือบสิบคนอะ”

“เหี้ยละ ทำไมนัดเจอพี่เต้ต้องยกทั้งแก๊งวะ นี่แม่งกะกระทืบไส้แตกเลยมั้ย!”

รวินท์เบิกตาโพลง “จะกระทืบกันเลยเรอะ!”

แซนดี้ค้าน “แต่เดี๋ยวมึง นัดเจอโรงแรมไม่น่ากระทืบไส้แตกได้มั้ย คนเยอะจะตายห่า น่าจะทำอะไรที่มันเงียบหน่อยป่ะวะ”

“เออ ถ้านัดโรงแรม... เดี๋ยวนะ ใช่โรงแรมที่พวกมึงเคยเจอพี่เต้กับคุณออยเปล่าวะ”

“ใช่ๆ”

“หรือว่า...”

“จะถ่ายคลิปไว้แบล็กเมล!” เด็กหนุ่มทั้งสองพูดพร้อมกัน

“เขานัดกันกี่โมงวะ”

“น่าจะเย็นๆ วันนี้แหละมึง ตอนไปถึงเห็นคุณออยบอกว่ายังมีเวลา จะไปกินข้าวให้สบายใจก่อน นี่กูออกจากโรงแรมมาก็โทรหามึงทันทีเลย”

ภูพิงค์หันไปสบสายตากับคนรัก รวินท์หน้าซีดเผือด เขาเข้าใจว่าคงจะเป็นห่วงเพื่อนมาก แม้อีกฝ่ายจะเคยถูกกระทำไว้เยอะก็ตามที แต่ด้วยนิสัยของพี่วินแล้ว...

เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้ “พี่วิน จะเอาไงครับ จะไปช่วยพี่เต้มั้ย”

รวินท์มือเย็นเฉียบ แววตาสั่นไหว เขาอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะกัดริมฝีปาก แล้วพยักหน้า “ช่วย... ยังไงมันก็คือเพื่อนผม”

ภูพิงค์ยิ้มบาง “ต้องแบบนี้สิพี่ เฮ้ย! อีแซนดี้ ตามทุกคนไปที่โรงแรม หาว่าเขานัดกันห้องไหน แล้วถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานด้วย กูจะพาพี่วินไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”

“ได้เลย!”


เด็กหนุ่มขับรถพารวินท์ออกจากโรงพยาบาลลำพูนไปอย่างรวดเร็ว เขาขับรถไปก็คิดไปด้วยว่าจะจัดการกับแก๊งเด็กแว้นอย่างไรดี งานนี้หนักหนาไม่ใช่เล่น พวกผัวเก่าของอีแซนดี้จะพกอาวุธมั้ยก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไอ้พี่เต้อ่วมแน่

แต่ก็น่าแปลกตรงที่ทำไมพี่เต้ถึงยอมออกมาหาคุณออยได้วะ โทรศัพท์พี่เต้ติดต่อไม่ได้นี่หว่า ถึงติดต่อได้ก็ไม่น่าจะยอมรับโทรศัพท์ใครด้วย หรือเขาอาจจะนัดกันไว้นานแล้ววะ

“คิดอะไรอยู่”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “พี่วินคิดว่าทำไมพี่เต้ถึงออกมาพบคุณออยได้วะ ทั้งที่พี่เต้ดูเหมือนจะพยายามตัดขาดจากทุกอย่าง”

“อาจจะมีบางอย่างยังติดค้างกันอยู่ เรื่องคลิปอะไรนั่น”

“ก็เป็นไปได้นะ แต่เอาจริงๆ เรื่องของพี่เต้จะวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวพี่เสมอ ผมว่างานนี้มันต้องมีอะไรเกี่ยวกับพี่ด้วยแน่ๆ ว่ะ”

ใบหน้าของรวินท์เคร่งขรึม “เกี่ยวกับผมงั้นเหรอ” เท่าที่รู้คุณออยก็มีคลิปตอนไอ้เต้จูบเขา แต่เรื่องแค่นั้น... ไม่น่าจะใช่สาเหตุของการนัดพบกันของพวกเขานี่หว่า

“หรือว่า... โทรศัพท์มือถือของพี่วินที่หายไปจะเกี่ยวด้วย”

“วันที่โทรศัพท์หาย จะว่าไป ผมก็พบทั้งคุณออยกับไอ้เต้นะ”

“อืม เรื่องนี้เก็บไว้ถามเจ้าตัวเอาก็แล้วกัน ใกล้ถึงแล้วครับ”

โชคดีที่โรงแรมไม่ได้อยู่ในตัวเมืองและการจราจรไม่ติดขัดมากนัก ไม่นานสองหนุ่มก็เดินทางไปถึง

ภูพิงค์โทรศัพท์หาแซนดี้ทันที “กูมาถึงแล้ว”

แซนดี้กับซันวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา

“มึงฟังให้ดี คุณออยนัดเจอกับพี่หมอเต้คนเดียวก่อน น้องชายแฟนคุณออยกับพวกสี่คนเช็กอินห้องข้างบนสองห้อง ตอนแรกคุณออยกับพี่หมอเต้ก็คุยกันอยู่ดีๆ สักพักแฟนคุณออยกับพวกอีกสองคนก็เข้ามาสมทบ แล้วจู่ๆ ก็พาพี่หมอเต้เดินขึ้นลิฟต์ไปเลยโว้ย”

“เหี้ย แล้วไปห้องไหน พวกมึงรู้เปล่า”

“ชั้นสี่ ห้อง 408 กับ 410 เป็นห้องที่มีประตูเชื่อมถึงกันด้วยเว้ย อันนี้พวกกูไปเนียนๆ ถามพนักงานมาแล้ว”

“ขึ้นไปนานยังวะ”

“สักพักได้ละ ตอนนี้ไอ้ขิงกับไอ้ดิวดูลาดเลาอยู่ข้างบน กูว่าพวกแม่งมีอาวุธเว้ย เพราะพี่หมอเต้ทำหน้าตาตกใจโคตรๆ แต่ไม่ค่อยขัดขืนเลย เสียดายดูในคลิปเห็นไม่ค่อยชัดว่ะ” แซนดี้ส่งโทรศัพท์มือถือให้อีกสองหนุ่มดู

“ก็พอจะเห็นว่าบังคับพี่เต้ขึ้นไปข้างบนนะ แต่หลักฐานแค่นี้จะพอแจ้งตำรวจมั้ยวะ เอาไงดีวะพี่” ภูพิงค์หันไปถามคนรัก

รวินท์ขมวดคิ้ว “กล้อง... กล้อง CCTV ของโรงแรมไง! เอาคลิปนี่ไปใช้เป็นหลักฐานขอให้พนักงานดูกล้อง CCTV ให้เราได้มั้ย ถ้ามีอะไรผิดปกติก็จะได้แจ้งตำรวจได้”

สี่หนุ่มตรงไปยังเคาทน์เตอร์ของโรงแรมแล้วขอพบหัวหน้าพนักงานดูแลรักษาความปลอดภัยทันที

พนักงานที่ตรงเคาทน์เตอร์รู้จักกับแซนดี้และซัน พวกเขาอยากจะช่วย เพราะก็รู้สึกว่ากลุ่มคนที่มาเช็กอินมีทีท่าลุกกี้ลุกลนแปลกๆ ทว่าไม่สนิทกับหัวหน้าแผนกดูแลรักษาความปลอดภัยสักเท่าไหร่

“ปุ้ยพาไปหาเขาได้นะคะ แต่บอกตรงๆ พูดด้วยยากค่ะ เขาไม่ชอบขี้หน้าพวกฟร้อนต์อย่างปุ้ย” หนึ่งในกลุ่มพนักงานต้อนรับเอ่ย ขณะที่พูดไป สายตาก็กวาดมองไปเจอรวินท์กับภูพิงค์เข้า เธอเลิกคิ้วขึ้น “อุ๊ย!”

“มีอะไรเหรอครับ” ภูพิงค์ทำหน้างงๆ

“ปุ้ยว่าถ้าให้คุณสองคนเจรจา มีสิทธิ์ค่ะ!”

แซนดี้กับซันหันขวับ “โห ต้องใช้คนหล่อเข้าล่อ แปลว่าหัวหน้าเป็นชะนีแน่นอน!”

“เป็นชะนีแล้วเป็นสาววายด้วยค่ะ! ที่ปุ้ยรู้เพราะป้าเขาใช้รูปคุณสองคนขึ้นหน้าจอคอมฯ”

“ฮะ!”

ขณะที่สองหนุ่มผงะ ซันก็รีบพูดขึ้น “งั้นพาพวกเราไปหาเขาเลยครับ!” จากนั้นก็หันไปเตรียมสองหนุ่ม “มีโอกาสก็ใช้มารยาให้เต็มที่เลยเว้ย”

ปุ้ยโทรศัพท์ไปบอกหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยก่อน จากนั้นก็เดินนำพาสี่หนุ่มไปที่ออฟฟิศของเธอ

ตอนแรกที่หญิงสาวซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยเดินออกจากห้องทำงานของเธอมาพบกับสี่หนุ่ม หน้าตาของเธอบอกบุญไม่รับเลยทีเดียว ทว่าพอเห็นหน้าสองหนุ่มคู่จิ้นในดวงใจ เธอก็เก๊กแตก ธาตุวายในกระแสเลือดวิ่งพล่าน

“ว้าย! น้องวิน! น้องพิงค์!”

รวินท์ยิ้มหวาน เขาคว้ามือภูพิงค์ปราดเข้าไปหาเธอ แล้วก้มลงอ่านชื่อบนป้ายชื่อ “สวัสดีครับ คุณ...ปรางวดี”

“เรียกพี่ปรางสิค้า” เธอหันไปบอกกับปุ้ยเสียงอ่อนเสียงหวาน “ขอบใจน้องปุ้ยมากนะค้า เดี๋ยวพี่รับช่วงต่อเอง” แล้วหันกลับมาทางสองหนุ่ม ดวงตาของเธอเป็นประกาย แถมยังมองข้ามซันกับแซนดี้ที่ยืนอยู่ด้วยกันไปเสียสนิท “จะให้พี่ช่วยอะไรน้องๆ คะ บอกพี่ปรางมาเลย”

“ครับ พวกผมมีเรื่องจะขอร้องพี่ปรางหน่อยน่ะครับ คือว่าพวกผมสงสัยว่าเพื่อนของพวกผมจะถูกพาตัวขึ้นไปบนห้องพักที่นี่โดยไม่เต็มใจ พี่ปรางช่วยดูคลิปพวกนี้ แล้วไปเช็กกับกล้อง CCTV ของโรงแรมให้พวกเราหน่อยนะครับ”

“ตายจริง! เพื่อนน้องวินกับน้องพิงค์อยู่ในอันตรายเหรอคะ มาๆ พี่ปรางเป็นหัวหน้าแผนกดูแลรักษาความปลอดภัย พี่ปรางจัดการเอง”

หญิงสาวก้มดูคลิปในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจึงเดินไปยังห้องซึ่งเป็นศูนย์รวมภาพจาก CCTV ของโรงแรม โดยให้พวกเด็กหนุ่มตามไปรออยู่ที่หน้าห้อง และเพราะรู้เวลากับห้องพักแน่นอน เธอจึงจับภาพของเตชิตได้อย่างรวดเร็ว พอประเมินสถานการณ์ได้แล้วก็คว้าวิทยุสื่อสารขึ้นมาเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทันที

ปรางเดินออกจากห้องมาบอกกับพวกเด็กหนุ่ม “มีการใช้มีดจี้ ดูไม่ดีแล้วค่ะ ไม่รู้มีอาวุธอย่างอื่นด้วยรึเปล่า พี่ปรางจะส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปข้างบนสามคนก่อนนะคะ”

ภูพิงค์คว้าแขนเธอไว้ “พี่ปรางครับ พวกผมอยากตามไปด้วย เป็นห่วงเพื่อนน่ะครับ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ มันอันตรายนะคะ เกิดพวกเขามีปืนขึ้นมาล่ะก็แย่แน่”

“พวกผมจะรอดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น อีกอย่างพวกผมจะได้ชี้ตัวเพื่อนกับคนร้ายให้ด้วย”

ปรางถอนหายใจ “ก็ได้ค่ะ แต่ต้องฟังคำสั่งของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดนะคะ”

“ครับ พวกผมสัญญา”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 05-05-2018 17:48:27


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาถึงห้องศูนย์รวม CCTV อย่างรวดเร็ว จากนั้นปรางก็สั่งงานอย่างคล่องแคล่ว ทำให้หนุ่มๆ เชื่อว่าเธอเป็นหัวหน้าจริงๆ ก็ตอนนี้

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วบอกกับรวินท์และภูพิงค์ด้วยเสียงสอง “ปรางจะแจ้งตำรวจไว้ด้วยนะคะ” ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องเสียงเข้ม “พร้อมแล้วไปได้!” แล้วทุกคนก็รีบรุดขึ้นไปชั้นสี่ทางลิฟต์โดยสารของพนักงานทันที

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามคนรูปร่างใหญ่กล้ามบึ้ม อยู่ในชุดผ้าเนื้อหนาสีดำทั้งตัว ดูเหมือนจะเป็นพนักงานตัวท็อปของโรงแรม พวกเขาคล่องแคล่วและรู้งานดี เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสี่ ก็พบกับอีกสองหนุ่มที่ปักหลักสังเกตการณ์รออยู่

“คุณออยเสียงเกรี้ยวกราดมาก ตวาดแว้ดๆ เลย ได้ยินมาถึงนี่ แต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง”

“พวกผมได้ยินเสียงโครมคราม ไม่รู้มีการต่อสู้กันรึเปล่า แต่พี่หมอเต้คนเดียวยังไงก็สู้ไม่ไหวแน่” สองหนุ่มผลัดกันรายงาน

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยักหน้าหงึกๆ “พวกคุณรออยู่ตรงนี้ก่อน รอให้พวกผมเคลียร์พื้นที่ก่อนนะ”

ทุกคนพยักหน้ารับ “ครับ”

เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินไปเคาะประตู ภายในห้องนั่นก็เงียบกริบไปชั่ววินาที จากนั้นก็มีเสียงตึงตังดังแว่ว เจ้าหน้าที่สองคนจึงย้ายไปดักรอที่ห้องข้างๆ ส่วนอีกคนใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป เขาเข้าไปในห้องได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงโวยวายสลับโครมครามตามมาดังลั่น ไม่นานเจ้าหน้าที่คนเดิมก็โผล่หน้าออกมากวักมือเรียก

“ห้องนี้เคลียร์ ผมล็อกประตูเชื่อมระหว่างห้องกับเรียกรถพยาบาลแล้ว พวกคุณมาหลบอยู่ในนี้กับคนเจ็บก่อนนะครับ”

รวินท์ได้ยินก็หัวใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม เขาบีบมือภูพิงค์แน่น “ไอ้เต้!”

“ใจเย็นพี่ เรารีบไปดูพี่เต้กันก่อน”

หกหนุ่มพากันวิ่งเข้าไปในห้องทันที ส่วนพนักงานก็ออกไปจัดการกับห้องข้างกัน

เมื่อมาถึงห้อง เห็นสภาพเพื่อนรักเข้า รวินท์ก็ถลาเข้าไปหา “ไอ้เต้”

เตชิตอยู่ในสภาพสะบักสะบอม แทบไม่เหลือสภาพของอดีตลีดมหาวิทยาลัยคนดัง ใบหน้าของเขามีรอยพกช้ำหลายแผล มีเลือดไหลออกจากจมูกและมุมปากซิบๆ เขานั่งพิงกองหมอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าท่อนบนถูกถอดออกหมดทำให้มองเห็นร่องรอยสีแดงช้ำไปทั่ว ท่อนล่างยังสวมกางเกงอยู่ แต่ซิปเปิดอ้าซ่า ขอบกางเกงถูกดึงลงไปครึ่งสะโพก มือถูกมัดไพล่ไปทางด้านหลัง สองขาถูกมัดไว้ด้วยกัน มีผ้ามัดปากอีกผืนซึ่งพนักงานรักษาความปลอดภัยดึงออกให้แล้วแต่ยังคล้องอยู่ที่คอ

“วิน” เตชิตชำเลืองมองคนที่วิ่งเข้ามาหาตน

“มึงเป็นยังไงบ้าง” รวินท์รีบแก้มัดออก มือของเขาสั่นระริก ส่วนภูพิงค์ก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าของอีกฝ่ายมาส่งให้

พอแกะมัดที่ข้อมือออกไปได้ รวินท์ก็จะช่วยใส่เสื้อให้ ทว่าเตชิตครางออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด “เดี๋ยว...เจ็บ”

รวินท์หน้าเสีย “ฉิบหาย ขยับแขนขาได้มั้ยวะ มีอะไรหักรึเปล่าเนี่ย”

“ขยับได้ แต่เจ็บว่ะ”

“งั้นแค่แกะมัดแล้วเอาผ้าห่มคลุมไว้ก่อน อย่าเพิ่งขยับอะไรมาก รอรถพยาบาลมาดีกว่าพี่” ภูพิงค์วางเสื้อผ้าอีกฝ่ายลง แล้วหยิบผ้าห่มมาห่มให้แทน “ไอ้พวกนั้นทำอะไรพี่ไปบ้าง บอกผมได้มั้ย”

เตชิตหัวเราะเจื่อนๆ “กระทืบนิดหน่อย”

“ไม่นิดล่ะมั้งพี่ แล้วมีถ่ายวิดีโอด้วยรึเปล่า”

เตชิตพยักหน้าช้าๆ

ภูพิงค์แตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะหันไปปรึกษากับเพื่อนทั้งสี่ ภายในห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงพูดคุยของเด็กหนุ่มห้าคนว่าจะจัดการอย่างไรต่อดี “ต้องรีบบอกตำรวจ”

“ตอนนี้ยังออกไปไม่ได้หรอกไอ้พิงค์ มันอันตรายนะเว้ย”

“แจ้งพี่ปรางดีมั้ยวะ”

“เออ มึงโทรหาพี่ปรางเลย”

ภูพิงค์จึงรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์ในห้องพัก ให้ต่อสายไปหาหัวหน้าแผนกดูแลรักษาความปลอดภัยทันที

ในเวลาเดียวกัน เตชิตซึ่งนั่งนิ่งอยู่สักพักใหญ่แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “วิน”

“อะไร”

ใบหน้าของเตชิตเปื้อนน้ำตา ก่อนเขาจะร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายใคร “มึงมาช่วยกูทำไม ไอ้บ้าเอ๊ย”

“สัส มึงเพื่อนกู จะไม่มาช่วยได้ไงวะ”

“กูมันเลว ปล่อยให้โดนตีนบ้างก็ดี”

รวินท์คิ้วกระตุก นึกอยากจะกระทืบเพื่อนรักให้โคม่าไปอีก “มันจะไม่ได้ยำตีนมึงอย่างเดียวน่ะสิโว้ย ไม่เห็นเหรอว่าพวกมันจับมึงแก้ผ้า มีถ่ายคลิปด้วย ถ้าพวกกูมาไม่ทัน มึงไม่โดนข่มขืนแล้วเอาคลิปไปลงเว็บโป๊แล้วเรอะ!”

“คนอย่างกู... ก็สมควร”

เมื่อภูพิงค์วางสายก็หันมาช่วยด่าสมทบอีกแรง “ไอ้พี่เต้ อย่างี่เง่าได้มะ ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรโดนทำร้ายร่างกายทั้งนั้น ยิ่งข่มขืนยิ่งเป็นเรื่องไม่ควรนะเว้ย”

เตชิตเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเด็กหนุ่ม ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ “ผมขอโทษนะพิงค์”

เจ้าของชื่อเรียกย่อตัวลงนั่งยองๆ ข้างเตียง พลางถอนหายใจ “ผมก็พูดไปงั้น เอาจริงๆ ผมก็อยากจะกระทืบพี่ให้คลานกลับบ้านไม่ถูก ถ้าอยากโดนนัก ก็รอให้พี่หายดีก่อนละกัน”

เตชิตยิ้มบาง เขาหันไปมองทุกคนที่ยืนอยู่ในห้อง “ขอโทษที่ทำให้ทุกคนลำบากนะครับ”

ซันตอบแทนทุกคน “ดีแล้วที่พี่หมอไม่เป็นไรมากน่ะ”

เสียงตึงตังโครมครามและเสียงโวยวายดังแว่วมาจากห้องข้างกัน ดูเหมือนพนักงานรักษาความปลอดภัยจะบุกเข้าไปจัดการแล้ว ทุกคนในห้องหันมองหน้ากัน แล้วนั่งรออย่างเงียบๆ

เมื่อเสียงเงียบไปสักพักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“รถพยาบาลมาถึงแล้วครับ”

ขิงรีบไปเปิดประตูให้ทันที “เชิญครับ”

พยาบาลและบุรุษพยาบาลเข็นรถเปลเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขาตรงเข้าไปตรวจดูอาการและรอยแผลของทันตแพทย์หนุ่ม แล้วรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ หากขณะที่จัดให้นอนบนรถเปลก็มีตำรวจถือกล้องวิดีโอซึ่งยึดมาจากพวกคนร้ายเข้ามาข้างในห้องสองนาย

ในกล้องวิดีโอมีคลิปซึ่งเห็นชัดว่ามีการทำร้ายร่างกายกัน แต่ยังไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น มีการสอบปากคำกันสักพัก ก่อนเตชิตจะหันมองออกไปข้างนอกห้อง เขาเห็นตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมคุมตัวหญิงสาว แฟนของเธอและพวกพ้องไว้ เขาจึงเอ่ยขึ้นทันที “ขอผมคุยกับคุณออยหน่อยได้มั้ยครับ ขอเวลาแป๊บเดียวเท่านั้น”

ตำรวจจึงคุมตัวหญิงสาวเข้ามาข้างในห้อง เธอหยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียงซึ่งเขานั่งอยู่ แววตาฉายแววเคียดแค้น สองมือกำแน่นจนเกร็งไปทั้งแขน

เตชิตประสานสายตากับเธอ “คุณออย คุณเป็นคนสวย น่ารัก ครั้งนึงผมเคยคิดว่าจะลองคบกับคุณดูจริงๆ นะ แต่ผมก็รู้ว่าคุณเข้าหาผมเพราะผมเป็นทันตแพทย์เท่านั้น”

หญิงสาวชะงัก แต่ก็ยังไม่ปริปากพูดอะไร เธอเม้มปากแน่น

“เรื่องคลิปของคุณน่ะ มันไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว ผมโกหกว่าถ่ายไว้เพราะต้องการใช้งานคุณ”

ออยเบิกตาโพลง ด้วยความเขลา ความโมโหจนหน้ามือตามัวและความกลัวทำให้เธอไม่เคยถามหาหลักฐานที่ทันตแพทย์หนุ่มนำมาอ้างในการใช้งานเธอเลยสักครั้ง “หมอเต้! ว่าไงนะ!”

“ผมจะไม่แจ้งข้อหาใดๆ กับคุณทั้งนั้น สบายใจได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา คำว่าขอโทษมันคงน้อยไป แต่ผมสำนึกผิดจริงๆ” เตชิตพยายามฝืนค้อมศีรษะลง “ขอโทษนะครับ ต่อจากนี้ไปขอให้เราเลิกแล้วต่อกันเถอะนะครับ”

หญิงสาวไม่ตอบ เธอยืนนิ่งเป็นก้อนหิน จนกระทั่งตำรวจพาตัวเธอออกไป

รวินท์รีบตามออกไปทันที “เพื่อนผมไม่เอาเรื่อง ต้องจับกุมกันด้วยเหรอครับ”

“ขอโทษด้วยครับ ทางโรงแรมขอให้ควบคุมตัวไว้ก่อน เพราะการกระทำของพวกเขาส่งผลเสียหายกับทางโรงแรมครับ”

หญิงสาวสบสายตากับรวินท์ เธอยิ้มบาง พลางหันไปทางกระเป๋าถือของเธอในมือตำรวจอีกนาย “ในกระเป๋า...มีโทรศัพท์มือถือของหมอวินค่ะ”

“คุณออยเป็นคนเอาโทรศัพท์ผมไปจริงๆ ด้วยสินะ”

“หมอวินคิดว่าทำไมหมอเต้ถึงออกมาพบออยได้ล่ะคะ เพราะออยใช้โทรศัพท์ของหมอต่อรองน่ะสิ”

“หลังตำรวจตรวจสอบแล้วถึงจะคืนโทรศัพท์ให้ได้นะครับ” ทางตำรวจพูดแทรกขึ้น

รวินท์พยักหน้า จากนั้นจึงหันกลับไปทางหญิงสาว “ถ้ามีค่าปรับหรือค่าเสียหายอะไร ผมจะจ่ายให้เอง คุณออยไม่ต้องห่วงนะครับ”

“หมอไม่จำเป็น...”

“เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่เป็นเพราะผมกับเพื่อนผม ขอให้ผมได้แสดงความรับผิดชอบบ้างสักนิดเถอะนะครับ”

เธอยิ้มบางพลางค้อมศีรษะลง “ขอบคุณค่ะ” แล้วปล่อยให้ตำรวจพาตัวออกไป

เมื่อทันตแพทย์หนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้อง พวกบุรุษพยาบาลก็เข็นรถเปลสวนออกมาพอดี

“เดี๋ยวกูจะรีบตามไปโรงบาลนะ มึงขับรถมาที่นี่รึเปล่า กุญแจรถมึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูจัดการให้”

เตชิตยิ้มบาง “กุญแจอยู่ในกระเป๋ากางเกง กูฝากหน่อยนะ ขอบใจเว้ย”

หลังจากนั้นทันตแพทย์หนุ่มก็หันไปขอบคุณทุกคนในห้อง “พิงค์ ซัน ดิว ขิง แซนดี้ ขอบคุณทุกคนมากที่ช่วยไอ้เต้ ถ้าไม่ได้พวกคุณ ไอ้เต้มันต้องแย่แน่”

“ไม่เป็นไรพี่ พวกผมบอกแล้วไง เราพี่น้องกันก็ต้องช่วยเหลือกันดิ”

รวินท์ยิ้มบาง “งั้นเดี๋ยวพี่จะตอบแทนน้องๆ ด้วยการขูดหินปูนทั้งปากกับอุดฟันให้ฟรีสี่ซี่นะ”

“เว้ยยย~ ตอบแทนแบบนี้ไม่เอาเว้ยไอ้พี่หมอ”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ พลางหันไปทางภูพิงค์ “เออ กลัวหมอฟันเหมือนกันเลยเนอะ มิน่าคบกันได้”

“อาจจะกลัวฝีมือพี่มากกว่ากลัวหมอฟันก็ได้นะเว้ย” ภูพิงค์ตอบกลับไปทันควัน แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “พี่จะไปดูพี่เต้ที่โรงบาลไม่ใช่เหรอ เราไปกินข้าวกันก่อน แล้วรีบไปหาพี่เต้ดีกว่า”

“อือ ไปๆ ไปด้วยกันหมดนี่ล่ะ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง แต่ขอแวะไปขอบคุณพี่ปรางก่อนนะ”

“เย้ๆ กินฟรีๆ ลาภปากแล้ววว~”

เด็กหนุ่มกระตุกยิ้ม “หมดตัวแน่พี่วิน กินแต่มาม่าจนสิ้นเดือนแน่นอน”

“ไม่เป็นไร ผมมีแฟน เดี๋ยวให้แฟนเลี้ยงก็ได้”

แวบแรกทั้งห้องก็ชะงักกึก สี่หนุ่มค่อยๆ หันไปทางเพื่อนรักของพวกตน พอเห็นอีกฝ่ายยืนอึ้งหน้าแดงก็ผิวปากวี้ดวิ้ว~ “เหวยยย~ เหวยยย~ อึ้งเลย เถียงไม่ออกเลยสิมึง”

ภูพิงค์นึกไม่ถึงว่ารวินท์จะพูดแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนตน เขานิ่งไปชั่วครู่เพื่อตั้งหลัก ก่อนจะพูดขึ้นบ้าง “ถึงแฟนผมแม่งจะกินจุยังกะยัดทะนาน ผมก็เลี้ยงไหว ก็ให้ได้หมดทั้งตัวและหัวใจอะพี่”

“โห อิ่มแย่เลยน้า~” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มรับ

“แต่พวกผมเนี่ยจะอ้วก!” แซนดี้เบ้ปากใส่ “ไปกันได้แล้วเว้ยพี่ จะจีบกันก็รออยู่สองคนเหอะ เห็นใจคนโสดอย่างพวกผมบ้างโว้ย”

ภูพิงค์หัวเราะร่วน “เมนส์มาเหรอวะ แหม เกรี้ยวกราด” เขาโอบไหล่ทันตแพทย์หนุ่ม จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไปพร้อมกันกับทุกคน


*TBC*


คนเราต่างก็มีช่วงเวลาที่ตัดสินใจทำอะไรผิดๆ ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าหากเรามองย้อนไปในมุมของหมอเต้ ความรัก ความผิดหวัง ความเสียใจ มันก็ทำให้ทำอะไรร้ายๆ กับคนที่รักลงไปได้ แต่ทั้งนี้ ความเป็นเพื่อนที่สั่งสมมานานก็สำคัญกับหมอเต้มากเช่นกันค่ะ ต่อจากนี้ หมอเต้ยังจะต้องพิสูจน์ตัวเองแหละนะ ว่าสมกับที่จะได้รับบทพระรองรึแป่วววววว

ส่วนหมอวิน ก็พัฒนาขึ้นอีกนิดแล้วล่ะเนอะ ความผิดพลาดในอดีต ก็ทำให้หมอวินปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น มีอย่างเดียวที่คงเดิม คือความหื่น /น่าสงสารเขานะคะ

น้องพิงค์และเพื่อนๆ ก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพี่วินนะ ขึ้นดอยด้วยกันมาแล้ว พวกเขาเป็นพี่น้องกัน มีอะไรก็ช่วยกันสุดใจ น่ารักซะไม่มี /ชมเองก็ได้

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ ขอกำลังใจให้เค้าโหน่ยยย ช่วงนี้ห่อเหี่ยวละเกิงงงง  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-05-2018 18:10:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-05-2018 18:21:38
ดีแล้วที่เรื่องมันเคลียร์ เป็นบทเรียนชีวิตนะหมอเต้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 05-05-2018 18:40:06
พี่หมอเต้พ้นเคราะห์แล้วนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-05-2018 18:51:52
เห้ออออ เตชิตเอ้ยยยยย จบประเด็นไปละ เรื่องแย่ๆผ่านไปละ มาลุ้นดีกว่าว่าหมอเต้จะมีคู่ไหมน้าา?  แซนดี้!  แซนดี้! แซนดี้!  55555 นี่เชียร์สุดฤทธิ์เลย สงสารอดีตสก๊อย กลัวจะแห้งเหี่ยวไปก่อน 5555

กำลังใจขาดหาย หันมาทางนี้ค่าฮัสกี้  :man1:  สู้ๆนะคะ อะไรมันหนัก มันหน่วง ปล่อยมันค่ะหลับอิ่มๆเต็มตาสักคืน ตื่นมาค่อยสู่กับมันใหม่นะ สู้ๆค่ะ  :ped149:  :c5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 05-05-2018 19:10:28
จะว่าออยก็คงไม่ได้ โดนเต้ขู่เรื่องคลิปขนาดนั้น คนเราก็ต้องป้องกันกันตัวเองทั้งนั้น

ไม่รู้ใกล้จบยัง ไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-05-2018 19:51:48
จบกันด้วยดี เต้ วิน    :hao3:
เพื่อนๆพิงค์รู้เรื่องแฟนหมอวินกันหมดแล้ว  :z3: :z3: :z3:

พิงค์ วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 05-05-2018 20:05:45
 :mew1: อยากจะสมน้ำหน้าหมอเต้​ ขอให้คิดได้จริงๆเถอะ​ และขอให้พิงค์หายซื่อ.....ซะที555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 05-05-2018 20:09:00
ดีใจที่พี่เต้กับพี่วินจะได้กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอย่างแต่ก่อน  อยากให้พีวินมีเพื่อนสนิทเหลือบ้างเพราะเวลาสองคนนี้คุยกันแล้วสนุกดี  ส่วนเรื่องแฟนดีเด่นแบบน้องพิงค์นั้นก็ยังคงชอบคำพูดคำจาที่หวานแหววตั้งแต่ตอนจีบกันจนเลื่อนสถานะขึ้นมา  ซึ่งความหวานนี้ไม่เคยเกรงใจคนรอบข้างเลย  เพิ่งรู้ว่าความคิดของพี่วินนั้นเป็นวิถีของของคนหื่น  ขอบคุณคนเขียนในความกระจ่างของเรื่องนี้ค่ะ   :pig4:  พีวินผู้ตะมุตะมิของน้องเป็นฝ่ายเจ้าบ่าวจริง ๆ เหรอเนี่ย  เหมือนฝันเลยอ่ะ  :heaven


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-05-2018 20:33:58
 o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 05-05-2018 20:35:53
 :katai2-1: จบลงด้วยดี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-05-2018 20:36:10
เรื่องเคลียร์แล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย
ปล. พี่วินท์กินแห้วอีกแล้ว ฮาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-05-2018 20:41:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

จบปัญหาเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ

แต่ปัญหาความซื่อบื้อของคุณแฟนยังแก้ไม่ได้นะ  555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-05-2018 20:47:35
หวังว่าจะทำตัวดีขึ้นนะครับ ... คุณเตชิต
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 05-05-2018 20:58:27
ดีแล้วละที่หมอเต้ไม่เป็นอะไรมาก
แต่ว่าเมื่อไหร่หนอพิงค์ของเราจะรู้ตัวว่าหมอวินอ่อยเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 05-05-2018 21:09:05
เฮ้อ~  :เฮ้อ:

ค่อยหายใจคล่องหน่อย

อึดอัดมาหลายตอน จะสุขมันก็ไม่สุด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-05-2018 21:28:13
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-05-2018 21:30:45
ดีแล้ว จากนี้หมอเต้จะได้ตัดใจจริงๆจังๆสักทีนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-05-2018 21:49:16
ไหนๆหมอเต้ก็โดนซ้อมละ จะเลิกโกรธก็ได้ แต่หมอเต้อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกนะ ที่ทำนี่ไม่ได้เรียกว่ารักเลยเด้อ มันดูรักแบบหน้ามืดตามัว รักแบบผิดๆ สุดท้ายรอหมอวินว่าเมื่อไหร่จะสมหวัง นังพิงค์ก็ทึ่มเหลือเกินนน55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-05-2018 22:33:04
หมั่นหมอเต้มานาน พอเจอแบบนี้ก็สงสารนะ กลับตัวกลับใจเป็นคนดีเถอะนะ

ส่วนคู่รักไร่อ้อย จีบกันได้ตลอดจริงๆ แต่แหมรอจนไร่อ้อยจะเป็นไร่แห้วแล้วนั่น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-05-2018 00:24:56
ดีนะที่ไปช่วยหมอเต้ทัน
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-05-2018 00:41:38
สงสารพี่หมอวินเหลือเกินค่ะ
อ่อยไปเท่าไหร่ก้ไม่ได้ผลเลย
นกตลอด5555555555
ฮือออ น้องพิงงงค์ หื่นบ้างก้ไก้ลูกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-05-2018 00:49:09
เบื่อคนขี้อวด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-05-2018 03:57:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-05-2018 07:10:34
พี่เต้สำนึกผิดแล้วกลับตัวกลับใจได้ก็น่าให้อภัย เพื่อนกันตัดไม่ขาดหรอก คนอวดแฟน :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-05-2018 07:22:05
สงสารหมอเต้แต่ก็ดีแล้วที่แค่โดนกระทืบอย่างเดียว หวังว่าจะมีคนมาด้ามใจเร็วๆ

ปล. พิงค์หนูแค่แกล้งทึ่มหรือทึ่มจริงๆ คะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-05-2018 08:16:12
หมอเต้คิดได้ก็ดีแล้วถึงหมอเต้จะเคยนิสัยเลวร้ายยังไงแต่คิดได้แล้ว เราก็อยากให้มีคนมาดามใจหมอเต้นะ นี่เชียร์แซนดี้ให้หมอเต้อ่ะ :hao3: 

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: namchok ที่ 06-05-2018 09:06:01
ชอบตอนนี้มากๆครับ รู้สึกดีอยากให้มาต่อไวๆครับ อยากรู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไงต่อครับ :z1:.....
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 06-05-2018 09:33:52
คนอวดแฟน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-05-2018 10:03:06
 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 06-05-2018 12:04:04
ชีวิตผมค้ายหมอเต้เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 06-05-2018 14:12:08
ต่อไปนี้ก็กลับตัวกลับใจได้ซะทีเนอะหมอเต้
แต่แหมมม สงสารอิพี่วินเค้านะคะ อ่อยไปเท่าไหร่คนน้องก็ไม่รู้ตัวสักที55555555555 :laugh:
สู้ๆนะคะคนแต่ง กอดๆน๊าาาา :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 06-05-2018 18:33:53
หมอเต้กลับตัวกลับใจแล้ว ให้อภัยจร้าาาา พลาดดดจากพี่วิน งั้นรับแซนดี้สักทีเนอะ แก้ช้ำ แต่น้องแซนชอบเด็กแว๊นนน  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 06-05-2018 19:45:35
พี่วินก็อ่อยขนาดนี้แล้วนะ หรือจริงๆแล้วน้องพิงค์ตายด้าน :confuse:
พี่หมอเต้กลับตัวกลับใจแล้ว ก็อยากเห็นพี่หมอเจอคนที่ใช่เร็วๆนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 06-05-2018 19:46:51
ดีแล้วล่ะนะที่ เตชิต คิดได้
เรื่องร้าย ๆ จะได้จบสักที
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 06-05-2018 22:08:03
เพื่อนน่ะ มันก็ดีอย่างนี้แหละเต้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-05-2018 17:29:04
หมอเต้ก็ยังมีความเป็นคนดีอยู่นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 09-05-2018 14:12:58
ตามอ่านทันแล้ว สนุกมากเลยค่า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 09-05-2018 18:06:27
 :hao7: :hao7: รอๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 43 : เตชิต][050518]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 10-05-2018 18:48:51


Chapter 44 : เพื่อนแท้


หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ ภูพิงค์ก็ขับรถพารวินท์ไปโรงพยาบาล ส่วนคนอื่นที่เหลือขับรถเตชิตไปจอดที่หอพักที่โรงพยาบาลลำพูนให้ 

พยาบาลกับแพทย์เวรช่วยตรวจสอบและดูแลทำแผลให้เตชิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาถูกย้ายไปพักในห้องพักคนไข้เดี่ยว หากจะต้องตรวจและเอ็กซเรย์ซ้ำอีกครั้งในเวลาทำการ

เมื่อสองหนุ่มไปถึง เตชิตหลับสนิทไปแล้วด้วยฤทธิ์ยา พวกเขาจึงเดินไปนั่งลงบนโซฟาในห้องกันอย่างเงียบๆ

“เอาไงดี ถ้าพี่จะค้าง ผมจะค้างเป็นเพื่อน”

รวินท์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า “ผมปล่อยมันไว้คนเดียวไม่ได้หรอก”

“ผมเข้าใจ พี่ก็นอนที่โซฟานี่ก็ละกัน เดี๋ยวผมนั่งหลับบนเก้าอี้เอาก็ได้” ภูพิงค์หันไปมองนาฬิกา “จะเที่ยงคืนแล้ว พี่นอนเอาแรงเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำงาน เดี๋ยวต้องตื่นเช้าอีก”

“แล้วคุณจะหลับได้เหรอวะ”

“ผมมีเวลานอนกลางวันได้น่ะ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่าย

“งั้น... คุณมานั่งเป็นหมอนให้ผมละกัน”

ภูพิงค์หัวเราะเบาๆ “โอเค” เขาเขยิบไปนั่งชิดที่เท้าแขนของโซฟา ให้ทันตแพทย์หนุ่มเอนตัวลงนอนแล้วใช้ตักตนเองแทนหมอนหนุน ภายในห้องมีแสงไฟเพียงสลัว ไม่นานทั้งสองคนก็ผล็อยหลับไป


เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง จนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี มีพยาบาลเข้ามาตรวจดูอาการของเตชิตในห้อง เป็นผลให้เขาตื่นขึ้น ภาพแรกที่เขาเห็นคือเพื่อนรักและเด็กหนุ่มนอนห่มผ้าห่มกอดกันกลมบนโซฟาใต้แสงสลัวจากโคมไฟ เขายอมรับว่าภาพตรงหน้าทำให้เจ็บปวดในอก แต่ก็ไม่รู้ทำไม เขายังยิ้มออกมาได้

“คุณพยาบาลช่วยหรี่แอร์นิดนึงนะครับ เดี๋ยวเพื่อนผมจะไม่สบาย”

พยาบาลยิ้มรับ “ได้ค่ะ เพื่อนคุณเตชิตน่ารักจังเลยนะคะ อุตส่าห์มานอนเฝ้า มีเพื่อนรักแบบนี้ โชคดีจังเลยค่ะ”

“นั่นสินะครับ”

เมื่อพยาบาลตรวจเสร็จก็เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ โดยที่สองหนุ่มบนโซฟายังหลับเป็นตาย

เตชิตนอนมองทั้งสองคนจากบนเตียง ดวงตาของเขาร้อนวูบ แล้วน้ำตาก็พาลหลั่งออกมาเปื้อนหมอน เขาเม้มปากแน่น พยายามไม่ให้เสียงสะอื้นไห้เล็ดลอดออกมา

เขารักรวินท์ คนที่เขารักนอนอยู่ในอ้อมแขนของภูพิงค์ เด็กหนุ่มซึ่งอ่อนวัยกว่าหลายปีที่เพิ่งปรากฏตัวเข้ามาในชีวิตของเพื่อนเขา
ตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมจนจบมหาวิทยาลัย รวินท์แสดงออกว่าแคร์เขาในฐานะเพื่อนสนิทแทบนับครั้งได้ ช่วงแรกๆ เขาคิดน้อยใจ พยายามทำตัวเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่าย แต่นานวันไปกลับกลายเป็นว่า เขาอยากเป็นคนสำคัญที่สุด อยากให้รวินท์หยุดหัวใจไว้ที่เขา จนถึงกับยอมทำเรื่องร้ายๆ หลายๆ อย่าง

เมื่อก่อนรวินท์เป็นคนที่ถูกสปอยล์เสียจนเคยตัว มีแต่คนเข้าหาเอาอกเอาใจ ทั้งที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ก็ยังร่อนไปร่อนมากับผู้หญิงอีกหลายคน เพื่อนเขาไม่เคยชอบใครก่อน ไม่เคยแสดงท่าทีว่าหลงรักใครหัวปักหัวปำ แม้กระทั่งกับขวัญข้าว

หากหลังจากเลิกกับขวัญข้าว และได้มาพบกับภูพิงค์ รวินท์ค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย โดยเฉพาะเมื่อวานนี่ล่ะ เขาพูดได้เลยว่าเพื่อนเขาเปลี่ยนไปมาก


“มึงเป็นเพื่อนรักของกู”


ตอนนี้เตชิตเข้าใจแล้ว ว่ารวินท์หมายความอย่างที่พูดจริงๆ และทั้งที่ตัวเขาทำร้ายหัวใจของเพื่อนรักแบบนั้น อีกฝ่ายก็ยังยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจนถึงที่สุด


ในที่สุดเตชิตก็กลั้นไว้ไม่ไหว เสียงร้องไห้ของเขาปลุกให้เด็กหนุ่มตื่นขึ้น

“พี่เต้ เจ็บตรงไหนรึเปล่า”

เมื่อรวินท์ได้ยินเสียงของเด็กหนุ่ม เขาก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง “ไอ้เต้ตื่นแล้วเหรอ”

“พี่วินนอนต่อไปก่อน เดี๋ยวผมไปดูพี่เต้หน่อย”

“ไม่ล่ะ” ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้น แล้วเดินโซเซไปดูเพื่อนรัก เขาเอื้อมมือไปแตะท่อนแขนของอีกฝ่าย “เป็นไรวะ ให้กูเรียกพยาบาลมั้ย”

เตชิตส่ายหน้า สองมือกุมใบหน้าไว้ เขาพูดเสียงปนสะอื้น “กูผิดไปแล้ววิน... กูทำลายความเชื่อใจที่มึงมีให้กู ทำลายความเป็นเพื่อนของเรา กูขอโทษ”

“สัส มึงเมาขี้ตาเหรอ ตื่นมาก็ดราม่าซะงั้น กูก็ยังเป็นเพื่อนมึงอยู่นี่ไง”

ภูพิงค์อึกอัก เขาไม่อยากปล่อยให้พี่วินอยู่กับพี่เต้ตามลำพัง แต่ก็คิดว่าทั้งสองคนคงต้องการเวลาส่วนตัวเพื่อปรับความเข้าใจกัน เด็กหนุ่มถอนหายใจหนักๆ เขาลุกขึ้นเดินไปหาคนรัก แล้วตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “เดี๋ยวผมไปซื้ออะไรมาให้กิน”

รวินท์หันมาสบสายตากับเด็กหนุ่ม “สั่งมากินบนห้องก็ได้นี่”

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มบาง “ผมคิดว่าพวกพี่มีเรื่องต้องคุยกัน แต่ผมให้เวลาสิบห้านาทีเท่านั้นนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้า “รีบไปรีบมานะ”

ภูพิงค์ชำเลืองมองคนที่นอนปิดหน้าอยู่บนเตียง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป


เมื่อบานประตูห้องปิดลงสนิท รวินท์จึงพูดขึ้น “พิงค์ออกไปแล้ว ไม่ต้องอายแล้วมึงอะ กูเคยเห็นมึงน้ำตาแตกมาหลายครั้งแล้ว” เขาตบลงไปบนแขนเพื่อนรักเบาๆ จากนั้นจึงหันไปยกเก้าอี้มานั่งลงที่ตรงข้างเตียง

สักพักเตชิตก็ค่อยๆ เลื่อนมือลง ใบหน้าของเขาเปื้อนทางน้ำตา รวินท์จึงหันไปหยิบกระดาษทิชชูมาส่งให้

“ขี้แยเป็นเด็กสามขวบไปได้น่ะ” รวินท์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “เต้ มึงบอกกูมาหน่อย มึงออกมาหาคุณออยทำไม โทรศัพท์มือถือของกูเกี่ยวอะไรด้วย”

เตชิตหลุบตาลงต่ำ “คุณออยใช้โทรศัพท์มึงโทรมาหากู ตอนแรกกูนึกว่าเป็นมึงก็เลยรับสาย แล้วคุณออยก็บอกว่าให้กูออกไปเจอเขา ไม่งั้นจะเอาโทรศัพท์มึงไปขาย ในเครื่องมีรูปลับของมึงมากมาย”

รวินท์หลุดหัวเราะเสียงดัง “รูปลับห่าอะไรวะ มีซะที่ไหน กูจำไม่เห็นได้”

“กูรู้ว่าคุณออยอาจจะโกหก แต่กูก็ไม่กล้าเสี่ยงว่ะ”

“แต่กูว่ากูล็อกเครื่องแล้วนะ คุณออยใช้โทรได้ไงวะเนี่ย”

“ก็เดาไม่ยากป่ะวะ สำหรับมึงอะ ตั้งพาสเป็นวันเกิดแม่งทุกอย่าง”

“อ้าว สัส ฉิบหาย กูต้องเปลี่ยนบ้างแล้ว” รวินท์ยกมือขึ้นเกาปลายจมูก “เฮ้อ... สรุปมึงห้อแรดออกไปให้โดนยำตีนเพราะโทรศัพท์กูเนี่ยนะ ไอ้บ้าเอ๊ย”

“กูทำผิดกับมึงไว้เยอะ” เตชิตพูดเสียงแผ่ว “ทั้งที่มึงเป็นเพื่อนคนเดียวของกู กูก็ยังทำลายความเป็นเพื่อนของเรา กูอยากทำอะไรไถ่โทษ อยากปกป้องมึงในฐานะเพื่อนที่ดีเป็นครั้งสุดท้าย... ที่จริงกูกะว่าพอลาออกเรียบร้อยแล้วก็จะไปต่อนอก ไปให้ไกลจากมึงที่สุด อย่างน้อยมึงจะได้หายใจหายคอได้สะดวก”

รวินท์ยิ้มบาง “เรื่องที่ผ่านมา มึงลืมไปซะเถอะ กูขอ... เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้มั้ย”

“สัส กูต้องเป็นคนพูด” แล้วเตชิตก็ร้องไห้ออกมาอีก “วิน กูคงเลิกรักมึงไม่ได้”

“มึงก็ไม่ต้องเลิก แต่กูขอ ให้ความรักของมึงหยุดที่เพื่อนได้มั้ย กูรู้ว่ามันต้องใช้เวลา กูรู้...ว่าการรักใครสักคน มันห้ามใจได้ยากแค่ไหน” รวินท์เอื้อมมือไปลูบศีรษะเพื่อนรัก “มึงเป็นเพื่อนคนสำคัญของกูนะ เราคบกันมานาน มึงเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตกูแล้ว”

“วิน...”

“อีกอย่าง ไม่มีใครคบกูแล้ว มีแต่มึงเนี่ยแหละ”

“สัส ให้กูซึ้งสักสามวิได้มะ” เตชิตหัวเราะออกมาเบาๆ “กูก็ไม่มีใครคบเหมือนกัน รันทดฉิบหาย”

“มึงจะไม่ลาออกแล้วใช่มั้ย”

เตชิตถอนหายใจหนักๆ “กูจะลองคุยกับหัวหน้าดู แต่ยังไงกูก็คงต้องหยุดพักสักระยะ”

“กูจะต้องทำงานแทนมึงอีกนานแค่ไหนวะ แม่งโคตรกินแรง”

“ช่วยไม่ได้นี่หว่า ไอ้เด็กพวกนั้นแม่งกระทืบแบบไม่ยั้งเลย”

“มึงนั่นแหละ ตัวโตซะเปล่า เสือกไม่สู้บ้าง ปล่อยให้เขากระทืบได้” รวินท์วางมือซ้อนลงบนหลังมือเพื่อนรัก “พักผ่อนเยอะๆ หายไวๆ แล้วกลับมาหากูนะ อย่าทิ้งกูไว้คนเดียว”

“อือ กูจะพยายาม” เตชิตยิ้มเศร้า

รวินท์ประสานสายตากับเพื่อนรัก เขากัดริมฝีปากอย่างลังเล แต่ก็คิดว่าควรจะพูดออกไป “เต้... กูคบกับพิงค์แล้วนะ กูรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่มึงอยากได้ยิน แต่กูอยากบอก... อยากให้เพื่อนรักของกูได้รู้”

“เออ ไม่ต้องบอกกูก็รู้ มองปราดเดียวก็รู้แล้ว”

“ไอ้เหี้ย ไหนมึงว่าพิงค์ไม่มีทางชอบกูไง”

“เพราะกูเห็นว่ามันชอบมึงไง กูถึงได้พูดแบบนั้น ใครจะบอกมึงตรงๆ วะ กูยิ่งแดกแห้วอยู่”

“แห้วไปอีกนานๆ เลยไอ้เพื่อนเวร”

เตชิตถอนหายใจเบาๆ “กูดีใจด้วย ดีใจกับมึงด้วยจริงๆ กูเห็นมึงมีความสุขมากทุกครั้งที่พูดถึง ทุกครั้งที่ได้อยู่กับเด็กนั่น สุขจนกูอิจฉาเลยเนี่ย พิงค์เป็นเด็กดี ปากหมาไปหน่อย แต่ก็ดูเป็นคนซื่อๆ เหมาะกับคนเจนจัดสัสหมาอย่างมึงดี”

“สัส มึงชื่นชมกูทุกสามคำเลย ปลื้มฉิบหาย” รวินท์ส่งสายตาขุ่นๆ ให้อีกฝ่าย ถ้าไม่ติดว่ามันเจ็บอยู่ เขาก็อยากจะถีบมันให้ตกเตียง

“กูรู้ว่ามึงรักมัน และมันก็รักมึง ตอนนั้น... กูถึงทำไม่ลง พอมึงหลับกูก็หยุด เหี้ย นกเขาก็ไม่ขัน กูบอกกับตัวเองว่าให้กูเจ็บคนเดียวซะยังดีกว่า สุดท้ายกูก็รอจนมึงใกล้ตื่น แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ มึงจะได้ออกจากห้องไปก่อน เพราะกูไม่รู้จะสู้หน้ามึงยังไง”

“ขอบใจ”

“ขอบใจทำห่าไร กูทำเหี้ยๆ ไปตั้งเยอะ” เตชิตผงกศีรษะขึ้นมาด่า “หนทางความรักมึงยังอีกยาว ดูจากความซื่อบื้อของไอ้พิงค์แล้ว มึงคงต้องอดทนอีกเยอะๆ แต่กูจะเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนความรักของมึง กูสัญญา”

“กูขอบใจได้ยังตอนนี้”

“ไอ้ห่า กูพูดขนาดนี้ก้มกราบกูเลยเหอะ”

รวินท์หัวเราะพลางส่ายหน้าไปมา “แล้วนี่มึงจะบอกที่บ้านเองหรือจะให้กูบอก”

“มึงไม่มีช้อยส์อื่นเหรอวะ”

“ไม่มี ถ้ามึงไม่บอกกูจะบอกเอง เจ็บตัวขนาดนี้ ไม่รู้ต้องนอนโรงบาลนานแค่ไหน ยังไงมึงก็ปิดที่บ้านไม่มิดป่ะวะ”

“แม่กูคงลมจับแน่ พ่อกับไอ้เตยเพิ่งออกจากโรงบาลไม่นาน ยังต้องเวียนไปเวียนมาทำกายภาพอยู่เลย แล้วมากูอีก”

“แม่มึงคงมีภูมิต้านทานมาจากพ่อกับน้องมึงบ้างแล้วล่ะ”

“นี่คำปลอบมึงเหรอเนี่ย”

“กูไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาปลอบมึงแล้วโว้ย”

เสียงฝีเท้าถี่ๆ คล้ายคนเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าห้องดังแว่ว เตชิตจึงพูดขึ้น “เด็กมึงมาแล้ว ท่าทางกระวนกระวายน่าดู”

“เออ พิงค์มันขี้ห่วง”

“ขี้หึงอะดิ”

“มีแฟนเสน่ห์แรงอย่างกูก็ต้องขี้หึงหน่อยป่ะวะ”

“สัส ไปเรียกมันเข้ามาเถอะ พื้นหน้าห้องกูสึกหมด”

รวินท์รีบรุดไปยังบานประตู พอเปิดออกก็เจอเด็กหนุ่มที่ข้างหน้าประตูพอดี ส่วนอีกฝ่ายก็หยุดกึก “จะเดินไปเดินมาอีกกี่รอบ เข้ามาเถอะ”

ภูพิงค์เดินตามคนรักเข้ามาในห้อง แล้วก็นั่งลงบนโซฟา เขาชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง พลางถอนหายใจ “ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมา เผื่อพี่เต้ด้วย เมื่อกี้ถามพยาบาลให้แล้ว เขาบอกว่าพี่กินได้”

“ขอบใจ”

“ยังไม่ได้แปรงฟันเลยว่ะ รู้สึกเหมือนฟันขึ้นราฉิบหาย”

“กูก็ไม่ได้แปรงมาตั้งแต่เมื่อคืน แม่ง อย่าให้ใครรู้ว่าเป็นหมอฟันเลยมึง เดี๋ยวค่อยกลับไปแปรงที่ห้อง ส่วนมึงรอพยาบาลเหอะ” รวินท์เดินไปเข็นโต๊ะมา แล้วส่งถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งที่รับมาจากเด็กหนุ่มให้เพื่อนรักอีกต่อ “เอ้า แดกไวๆ เดี๋ยวกูต้องกลับลำพูนแล้ว ตอนเย็นจะมาใหม่เว้ย”

“เดี๋ยวพิงค์จะไปส่งใช่มั้ย”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นตอบ “ครับ”


สามหนุ่มนั่งกินมื้อเช้ากันไปอย่างเงียบๆ เตชิตรอจนเด็กหนุ่มกินเสร็จจึงเอ่ยขึ้น

“พิงค์ ช่วยอะไรผมอีกอย่างได้มั้ย วันนี้คุณว่างรึเปล่า”

“ว่างครับ”

“คือ...กระเป๋าเสื้อผ้าของผมยังอยู่ที่โรงแรมตรงแอร์พอร์ต ผมรบกวนคุณไปเอาแล้วเช็กเอาท์ให้ผมทีได้มั้ย”

“ได้พี่ เดี๋ยวไปส่งพี่วินแล้วผมจัดการให้”

“ขอบใจนะ”

รวินท์เก็บถุงมัด แล้วเข็นโต๊ะของเพื่อนรักไปเก็บ เขาเดินเข้าห้องน้ำไปล้างมือ ก่อนจะเดินมาบอกลา “กูต้องไปแล้ว ถ้าสายกว่านี้เดี๋ยวรถติด กูไปทำงานไม่ทันแน่”

“เออ ไปเถอะ ขับรถดีๆ” เตชิตหันไปหยิบบัตรเอทีเอ็มส่งให้เด็กหนุ่มพร้อมบอกรหัสเสร็จสรรพ “ฝากหน่อยนะ”

“ผมจะหายไปพร้อมบัตรนี่แหละ” ภูพิงค์พูดกลั้วหัวเราะ

“มีแค่เงินเดือนอะ ผมว่าไม่คุ้ม”

“อย่างน้อยต้องมีมากกว่าบัญชีพี่วินแน่นอน”

รวินท์หันขวับ “หมายความว่าไงวะ”

พอสองหนุ่มตั้งท่าจะเถียงกัน เตชิตก็เลิกคิ้วขึ้น เห็นความหายนะของหูอยู่กลายๆ เขารีบเอ่ยปากไล่ทั้งสองคนให้ไปไกลๆ “ไปๆ จะไปทำงานก็รีบไปโว้ย กูจะนอนพักต่อแล้วสัส” จากนั้นก็รีบคว้าผ้าห่มมาคลุมตัว

“เออ ไปก็ได้วะ เดี๋ยวเจอกันเว้ย”

เมื่อบานประตูห้องปิดลงสนิท เตชิตจึงค่อยๆ โผล่ศีรษะออกมาจากผ้าห่ม เขาพึมพำเบาๆ “แม่ง... มิติใหม่ของการเป็นแฟนกันจริงๆ”



รถโตโยต้าคันโตเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลช้าๆ มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลลำพูน

“จะนอนก็ได้นะพี่”

“รถยังไม่ติด แป๊บเดียวก็คงถึงแล้ว นอนแค่แวบๆ ไม่นอนเลยดีกว่า” รวินท์ชำเลืองมองใบหน้าที่ดูไม่ค่อยสดชื่นสักเท่าไหร่ของคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย เขาเอื้อมมือไปวางลงบนตักอีกฝ่าย “หึงเหรอ”

“เออ หึง... แต่ช่วยไม่ได้ ก็เพื่อนคนสำคัญของพี่นี่”

ทันตแพทย์หนุ่มอมยิ้ม “แต่คุณเป็นทั้งแฟนและเป็นคนสำคัญของผมนะ ไม่ต้องหึงหรอกน่ะ”

“ผมขี้หึง พี่ก็รู้” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงอ่อย

“รู้ แต่คุณอดทนได้เก่งมาก เก่งๆ เดี๋ยวให้พี่อายผู้ช่วยผมเป่าลูกโป่งทำเป็นมงกุฎให้เป็นรางวัล”

“เปลี่ยนรางวัลเป็นอย่างอื่นได้มั้ย”

“งั้นเดี๋ยวแปรงฟันก่อนแล้วจะให้รางวัล ตอนนี้ไม่ไหวว่ะ รู้สึกปากจะเน่า”

ภูพิงค์ยิ้มบาง เขาวางมือข้างหนึ่งลงกุมมืออีกฝ่ายไว้

“ผมบอกไอ้เต้เรื่องของเราแล้วนะ”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “พี่วินแม่งใจเหี้ยมฉิบหาย รู้ว่าเขาชอบยังจะบอกเขาตรงๆ อีก”

“อย่างแรก ผมบอกมันเพราะมันเป็นเพื่อนรัก อย่างที่สอง ผมจะไม่ให้ความหวังใคร ถ้ามันไม่มีหวัง” ประโยคหลังนี่ รวินท์ก๊อปมาจากเมื่อครั้งที่เด็กหนุ่มเคยบอกเขาอีกที

คนที่ขับรถอยู่หลุดหัวเราะ “พี่วินแม่งน่ารัก”

“ไม่เท่าคุณหรอก”

ภูพิงค์หันไปสบตาทันตแพทย์หนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองถนน “น่ารักแบบนี้ไปนานๆ นะ อย่าทำให้ผมหึงบ่อย หัวใจผมอ่อนแอ อกจะแตกแม่งทุกทีที่หึงเลย”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ

“อือ” เด็กหนุ่มทำเสียงอ้อน

รวินท์ยิ้มมุมปาก “จะพยายามละกัน”

“วันนี้กินมื้อเที่ยงคนเดียวนะ ผมจะกลับไปเอาของที่บ้านเช่าหน่อย แล้วจะไปเช็กเอาท์โรงแรมให้พี่เต้ เดี๋ยวตอนเย็นจะไปรับ พี่มาหาพี่เต้นะ”

“โอเค ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะ”

“ไม่เป็นไร ยังไงผมก็ปิดเทอมอยู่ เพื่อนแฟนก็เหมือนเพื่อนผม” เด็กหนุ่มหันไปยักคิ้วให้ “แต่ก็ยังหึงนะ”

รวินท์หัวเราะ “อย่าน่ารักมากนักดิ ผมยังไม่มีเงินยกขันหมากไปขอ”

“พ่อแม่ผมไม่คิดแพงหรอก อาจจะแถมข้าวสารให้อีกยี่สิบโล”

“ให้มันจริงเหอะ” ทันตแพทย์หนุ่มดึงมือกลับ ในใจตอบกลับเด็กหนุ่มไปอีกว่า... บอกพ่อแม่ให้ได้ก่อนเถอะเว้ย! แล้วจะไปขอจริงๆ!



หลังจากพารวินท์ไปส่งที่โรงพยาบาลลำพูนแล้ว ภูพิงค์ก็ขับรถกลับไปยังบ้านเช่าที่เชียงใหม่เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็จัดแล็ปท็อปกับเสื้อผ้าชุดใหม่ใส่กระเป๋า แต่พอจะออกจากบ้านกลับโดนไอ้ซันลากเข้ามหาวิทยาลัยไปประชุมกับสโมฯ ก่อน เมื่อกินมื้อเที่ยงกับเพื่อนๆ เสร็จถึงได้มีเวลาไปเช็กเอาท์โรงแรมให้เตชิตตามที่อีกฝ่ายขอ ก่อนจะขับรถไปยังโรงพยาบาล ซึ่งพอไปถึงก็ยกของลงจากรถเดินดุ่มๆ ไปที่ห้องพักคนไข้

หากเมื่อไปถึง กำลังจะเคาะประตูห้องก็ได้ยินเสียงคนหลายคนอยู่ข้างใน เด็กหนุ่มจึงยืนหันรีหันขวางอยู่ที่หน้าห้อง

เอาไงดีวะ คุยเรื่องอาการกับหมออยู่รึเปล่าก็ไม่รู้

แต่จู่ๆ ประตูก็เปิดออกผาง พยาบาลที่เปิดประตูออกมายิ้มหวานให้ เบื้องหลังของเธอมีแพทย์อีกสองคน

“เอ่อ ผมมาหาพี่เต้ครับ”

“เชิญค่า คุณหมอเสร็จธุระแล้วค่ะ”

พอเดินเข้าไปในห้องก็ชะงัก เพราะบนโซฟามีหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่อีกคน สีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่แปลก เขารีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”

“แม่ นี่พิงค์ เพื่อนผมเองครับ” เตชิตหันไปบอกมารดา

“สวัสดีจ้ะ”

“ของเยอะมากใช่มั้ย หนักรึเปล่า”

“เอ้อ ก็เยอะอะครับ แต่ผมเก็บยัดๆ ใส่กระเป๋ามาหมดเลย ไม่ได้จัดให้ดีเท่าไหร่” เด็กหนุ่มยื่นบัตรเอทีเอ็มคืนให้พร้อมกับใบเสร็จจากโรงแรม

“ไม่เป็นไร ขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้คุณช่วย แม่ผมคงต้องลำบากไปเก็บเอง” เตชิตหันไปทางมารดา “แม่ครับ ขอผมคุยกับพิงค์ตามลำพังแป๊บนะครับ แม่ลงไปหาอะไรกินรองท้องก่อนนะ เดี๋ยวจะหิวระหว่างทาง”

“จ้ะ งั้นเดี๋ยวแม่มานะ” มารดายิ้มบาง แล้วจึงลุกออกจากห้องไป

“นั่งดิพิงค์”

เจ้าของชื่อยิ้มแหยๆ ที่จริงเขาก็พอจะเดาได้แหละ ว่าไอ้พี่เต้ขอร้องให้เขาช่วย เพื่อให้เขากลับมาที่โรงพยาบาลตามลำพัง เด็กหนุ่มหันไปยกเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง

“แล้ว... อาการพี่เป็นไงบ้าง ได้ตรวจละเอียดแล้วใช่มั้ย”

“ไม่เป็นไรมากหรอก แต่ผมคงต้องลาพักสักระยะหนึ่ง”

“ไม่เป็นไรมากแล้วทำไมต้องลาพักล่ะวะ แล้วไอ้ระยะหนึ่งนี่มันนานแค่ไหนวะพี่”

“โห มาเป็นชุดเลย ก็คงจะต้องพักเป็นเดือนน่ะ... ไอ้วินกับพี่ๆ คงทำงานเหนื่อยปางตาย”

“นี่ไม่ได้เป็นอะไรมากยังไงวะ! ต้องหยุดเป็นเดือนแบบนี้ มีอะไรหักบ้างรึเปล่าเนี่ย!” ภูพิงค์เอื้อมมือไปเปิดผ้าห่มคนที่นอนอยู่ดูทันที ขาทั้งสองข้างมีรอยพกช้ำเต็มไปหมด มีผ้าพันแผลพันทับๆ ไว้ด้วย ในห้องที่เปิดไฟไว้สว่างเช่นนี้ เขาเห็นรอยช้ำได้ชัดเจนเลยทีเดียว “เหี้ย...”

“ขาโว้ย เหี้ยอะไร แล้วก็ปิดผ้าห่มด้วยเว้ย ไอ้ทะลึ่ง!”

“โห ผมไม่พิศวาสขาพี่หรอกน่ะ”

“ถึงผมจะไม่หล่อเท่าไอ้วิน แต่ก็ดีกรีลีดมหาลัยนะเว้ย”

“ครับๆ” ภูพิงค์เบ้ปากใส่ ชมตัวเองก็ได้คนเรา สมแล้วที่สนิทกับไอ้พี่วินได้ แต่ดูจากการที่อีกฝ่ายนอนนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนตัวเลย แปลว่าช่วงลำตัวต้องยังเจ็บอยู่แหงๆ “ซี่โครงหักเปล่าวะพี่”

“ไม่บอก”

“เดี๋ยวรอเย็นนี้ให้พี่วินมาจัดการ” เด็กหนุ่มคาดโทษ

“เย็นนี้คงไม่ได้เจอกัน” เตชิตยิ้มบาง “แต่ไม่มีอะไรหัก ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวบ่ายนี้ผมจะย้ายไปโรงบาลที่กรุงเทพฯ แล้ว มันสะดวกกว่าสำหรับที่บ้านผมน่ะ”

“ไม่หักแต่ร้าวรึเปล่าวะ แล้วพี่โทรบอกพี่วินยัง”

“ยัง เมื่อเช้าพอพวกคุณออกไป ผมก็โทรกลับบ้าน หลังจากนั้นพยาบาลก็มาพาไปตรวจ ตรวจกันตลอดช่วงเช้าจนถึงบ่ายเลย ผมเพิ่งได้กินข้าวเที่ยงก่อนคุณมาแป๊บเดียว กินไปฟังหมอไปด้วยเนี่ย”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก “พี่วินคงเป็นห่วงแย่”

“ฝากคุณบอกด้วยละกัน เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพฯ เข้าห้องพักแล้วจะโทรไปหา... เรื่องของผมพอเหอะ คุยเรื่องคุณกับวินดีกว่า”
ใบหน้าของภูพิงค์ซับสีเลือดทันที ไอ้พี่เต้แบบ... พูดโพล่งออกมาแบบไม่ให้ตั้งตัวเลยโว้ย “พี่จะคุยอะไร”

“แหม แค่พูดถึงก็หน้าแดงละ จะรับมือไอ้วินไหวมั้ยวะเนี่ย” เตชิตหัวเราะ แล้วก็ร้องโอดโอยเพราะดันหัวเราะแรงจนสะเทือนไปทั้งร่าง “โอย เจ็บ”

“สมน้ำหน้า” เด็กหนุ่มพึมพำ

เตชิตผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ รอจนหายเจ็บจึงพูดต่อ “คุณคงจะพอรู้อยู่แล้ว ว่าผมรักไอ้วินมานาน ที่จริงผมไม่เคยคิดว่ามันจะชอบผู้ชายได้ แต่ผมก็หวังอยู่ลึกๆ ว่าสักวันมันจะหันมาสนใจผมบ้าง ตอนแรกที่เจอคุณ ก็ไม่นึกว่าคุณกับมันจะมาลงเอยกันได้เลยจริงๆ”

“ผมเองก็ไม่นึกเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคิดจะชอบผู้ชาย แต่พี่วินเป็นข้อยกเว้น เป็นอะไรที่พิเศษที่สุดสำหรับผม”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง “ไอ้วินเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่ได้พบคุณ บอกตรงๆ ว่าผมอิจฉาฉิบหาย คุณต้องเป็นคนพิเศษของมันจริงๆ... เพราะงั้น รักมันให้มากๆ นะ”

ภูพิงค์หน้าแดงขึ้นอีก “ครับ”

“ผมดีใจด้วยจากใจจริง”

เด็กหนุ่มยกมือไหว้ “ขอบคุณครับ”

“บางครั้งคุณอาจจะคิดว่ามันเต๊าะเก่ง ปากหวาน ขี้อ่อย แล้วก็หื่น...”

“ฮะ!?”

“ผมบอกเลยว่าคุณคิดถูกแล้ว”

กรรม! สมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน!

“แต่กับคุณคงพิเศษ”

เขากลัวที่จะคิดเลย พิเศษยังไงวะ!

“ถ้าให้ผมเดา มันคงเต๊าะถี่ๆ ปากหวานเช้ายันเย็น อ่อยแบบสุดๆ แล้วก็หื่นมากขึ้นอีกสักสิบเท่า ระดับซื่อบื้อขั้นแอดวานส์แบบคุณอาจจะไม่รู้ตัว เพราะมันเนียนมาก คุณไม่มีทางตามมันทันแน่”

“เว้ย~ ไอ้พี่เต้~ ผมไม่ได้บื้อขนาดนั้นป่ะวะ”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมอกแล้วหัวเราะ “ที่บอกเนี่ย จะได้เตรียมใจไว้ แล้วสังเกตดูสัญญาณจากมันให้ดีๆ นี่ผมแนะนำในฐานะเพื่อนที่แสนดีนะ”

“เออๆ” ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาปลายจมูก “ผมก็พอสังเกตเห็น...อยู่...โว้ย”

“อดทนกับมันหน่อยนะ ถ้ามันไม่รักมาก มันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก ถ้ามันเข้ามาคลุกวงใน ก็ยอมๆ ตามใจมันหน่อยละกัน”

“ผมกับพี่วินเพิ่งคบกันเองนะพี่!”

“คนรักกัน ยิ่งรักมากก็ยิ่งอยากใกล้ชิด มันไม่เกี่ยวกับเวลาหรอก”

“โห พูดจาเป็นการเป็นงานได้ด้วย น่านับถือๆ”

“เห็นแบบนี้ผมก็เป็นหมอนะเว้ย ไม่ต้องพูด อยู่เฉยๆ ก็ดูน่านับถือมะ” เตชิตยื่นมือออกไปหาเด็กหนุ่ม “ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะ ภูพิงค์”

ภูพิงค์จับมือตอบ “ผมไม่ยินดีเท่าไหร่หรอก แต่นั่นคิดในใจดังไปหน่อย ต่อหน้าพี่ผมจะยินดีนิดนึงก็ได้”


เตชิตกระชับมือแน่น พร้อมกับกระตุกมือเบาๆ เพื่อเรียกอีกฝ่าย พอเด็กหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปหา เขาก็ยกศีรษะขึ้นเล็กน้อย “ฟังให้ดี ไอ้เด็กเวร ผมยังรักวินอยู่ และคงจะรักแบบนี้ตลอดไป เพราะงั้นดูแลมันให้ดี อย่าทอดทิ้ง อย่าทำให้มันเสียใจเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผมจะมาแย่งมันไปจากคุณ เข้าใจมั้ย”


ภูพิงค์จ้องคนตรงหน้าเขม็ง “ไม่ต้องห่วง พี่ไม่มีโอกาสนั้นแน่ เพราะผมจะรักพี่วินให้มากกว่าที่พี่รักเว้ย”

“ให้มันจริง”

“จริงแน่นอน”


สองหนุ่มประสานสายตากันนิ่ง สองมือก็จับกันแน่น ทว่าจู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเปิดออกพรวด ก่อนมารดาของเตชิตจะก้าวเข้ามา แล้วหยุดชะงัก

หญิงวัยกลางคนเบิกตาโพลง ถอยหลังกลับไปที่ประตูทันที “ว้าย! แม่ขอโทษลูก! แม่ไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะ!”

“เฮ้ย! แม่อย่าเข้าใจผิด!” เตชิตร้องลั่น สองหนุ่มผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว

“ผมแค่คุยกับพี่เต้เฉยๆ ครับ!” ภูพิงค์แก้ตัวบ้าง

มารดาของเตชิตขมวดคิ้ว จากนั้นจึงเดินไปนั่งลงที่โซฟา เธอจ้องบุตรชายสลับกับเด็กหนุ่มตาแทบไม่กะพริบ “เอ้อ... คือ... ถ้าเต้รักของเต้ แม่ก็ไม่ว่าหรอกลูก”

“เย้ย! แม่! ไม่ใช่ครับ! ผมรสนิยมดีกว่านี้มะ” เตชิตพูดพลางชี้ไปยังเด็กหนุ่ม

ภูพิงค์หันไปเถียง “โห อย่างผมนี่เพ็ดดีกรีนะเว้ย”

“ช่วยผมพูดกับแม่ก่อนสิเว้ย!” เตชิตโวยวาย “อีกอย่าง พิงค์เขามีแฟนแล้วแม่!”

“ใช่ครับ แฟนผมแก่แต่อายุ ไม่ได้แก่ทั้งหน้าทั้งอายุเหมือนพี่เต้ด้วย”

“อ้าว ไอ้เด็กเวร!”

“โอย พอๆ ลูก แม่ปวดหัว” หญิงวัยกลางคนยกมือขึ้นกุมขมับ ทว่าก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ได้เห็นเต้สดชื่นขึ้นบ้างก็ค่อยยังชั่ว”


สักพักก็มีพยาบาลมาเคาะประตูห้อง “อีกสักครู่จะมีบุรุษพยาบาลเข้ามาเตรียมการเคลื่อนย้ายคุณเตชิตนะคะ”

เด็กหนุ่มหันขวับไปหาคนเจ็บ “ไปถึงแล้วอย่าลืมโทรหาพี่วินด้วยนะ”

“ครับๆ”

“ไม่งั้นโดนด่าผมไม่รู้ด้วย”

“เออน่า ไม่ลืมๆ”

มารดายิ้มอย่างอ่อนโยน “น่าเสียดาย ยังไม่เจอวินเลย ต้องกลับซะแล้ว”

ถ้าแม่เจอทั้งไอ้เด็กนี่กับไอ้วิน แม่จะไม่เสียดายเลยที่ไม่เจอมัน... เตชิตคิดอยู่ในใจ

“ผมกลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวบึ่งไปลำพูนไม่ทัน อาจจะโดนสวดหูชา หายไวๆ นะเว้ยพี่ เชื่อฟังหมอด้วยล่ะ”

“ครับๆ”

หากพอเด็กหนุ่มจะหันหลังกลับ คนที่นอนอยู่บนเตียงก็เอ่ยขึ้น “เฮ้ย พิงค์”

“อะไรอีกวะ”

“จะปีใหม่แล้ว อย่าลืมเตรียมของขวัญด้วย”

“เออๆ ไม่ลืม”

“แล้วเจอกันเว้ย”

“คร้าบ” ภูพิงค์โบกมือลา เขาหันไปทางมารดาของอีกฝ่าย ยกมือไหว้แล้วก็เดินออกจากห้อง สวนทางกับบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงเข้ามาพอดี เด็กหนุ่มจึงยืนค้างอยู่ที่ประตูพลางหันกลับไปมอง

“ไปไป๊! จะรอแอบดูอะไรวะ ไอ้เด็กทะลึ่ง!”

ภูพิงค์เกือบจะส่งนิ้วกลางให้ แต่ดีที่ยังยั้งมือทัน “ผมไปแล้วเว้ย~”


*TBC*


จบลงด้วยดีกับเรื่องของพี่เต้ อย่างน้อยก็ไม่มีใครต้องสูญเสียนะคะ

โอเค หมอเต้อาจจะกินแห้วนิดหน่อย (หรือไม่หน่อย) 555555555

มิตรภาพ ความเป็นเพื่อน ความผูกพัน ยังไงมันก็ตัดกันไม่ขาดง่ายๆ หรอกเนอะ

หมอเต้รีบหายไวๆ แล้วกลับมาดูแลหัวใจพี่วินกับน้องพิงค์หน่อยละกัน อิอิ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า เลิฟๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-05-2018 19:05:21
รอดูพี่วินคลุกวงใน 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-05-2018 19:08:42
พิงค์ลูก หนูอย่าไปเถียงหมอเต้เขา เพราะหนูซื่อบื้อมากจริงๆลูก ยอมรับนะลูกนะ5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-05-2018 19:10:08
ตอนนี้บรรยากาศอบอุ่นน่ารักมากเลย
แอบถามนิดนึงค่า จะมีใครมาดามใจพี่เต้มั้ยน้า  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 10-05-2018 19:23:37
หมอเต้ถึงกับยอมชี้แนะให้กับพิงค์
ส่วนหมอวินอุตส่าห์อ่อยหลายรอบขนาดนี้ พิงค์ควรรับรู้และปฏิบัติได้แล้ว
แฟนคลับรอจนจะไม่ไหวแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 10-05-2018 19:37:18
พิงค์ พี่หมอเต้อุต่าห์แนะนำำ รับฟังไว้เยอะๆ เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 10-05-2018 19:52:40
 :mew1:  ขอให้เป็นฟ้าหลังฝนนะคะหมอวินน้องพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 10-05-2018 19:59:01
ดีใจกับพี่เต้ด้วยที่คืนดีกับหมอวิน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-05-2018 20:06:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 10-05-2018 20:33:14
พี่เต้แนะนำดีอ่ะ 5555 นี่ก็รอวันตัดริบบิ้นเพื่อให้น้องพิงค์ยอมคลุกวงในกับพี่วินอยู่ ต้องหาฤกษ์ให้ไหมมม  o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-05-2018 20:34:30
ดีใจที่ทุกคนเข้าใจกัน
รอว่าพี่วินจะอ่อยอะไรอีก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 10-05-2018 20:41:20
พี่หมอเต้นี่ควรมีคนมาดูแลค่ะ   จริงๆนางน่ารักเหมือนเพื่อนนางนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 10-05-2018 20:53:47
พาสหมอเต้จบดี ฟินค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 10-05-2018 20:54:39
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 10-05-2018 20:56:24
หมอเต้อย่ามาว่าพิงค์ซื่อบื้อนะ ไม่ใช่สักหน่อย นี่ภูพิงค์คนซื้อบื้อแอดวานซ์เลยต่างหาก กร๊ากกกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-05-2018 21:02:49
เต้ บอกความลับวินไปหมดแล้ว
ที่พิงค์เคยคิดไว้ว่า วิน เต๊าะเก่ง ปากหวาน ขี้อ่อย แล้วก็หื่น...” อะร๊างงงงง  :hao5:

“........ ถ้ามันไม่รักมาก มันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก
ถ้ามันเข้ามาคลุกวงใน ก็ยอมๆ ตามใจมันหน่อยละกัน”  :o8: :-[ :impress2:
แหม......แม่นเหมือนตาเห็นเลยเต้   :z3: :z3: :z3:

พิงค์  วิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-05-2018 21:18:21
 :pig4: :pig4: :pig4:

ได้รับคำแนะนำจากหมอเต้ไปแล้ว  นุ้งพิงค์จะเข้าใจไหมน้อ?
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 10-05-2018 21:25:08
ว่าแล้ว...พี่เต้กับพี่วินเวลาอยู่ด้วยกันแล้วน่ารัก  ต่อปากต่อคำ  ชมกันทุกสามคำ  :laugh:  อย่างนี้ละนะที่เค้าบอกว่าศีลเสมอกัน คงตัดกันไม่ขาด  แถมยังเป็นที่ปรึกษา(หรือข่มขู่ให้กลัว)  ให้กับน้องพิงค์อีก  ช่างเป็นเพื่อนที่ดียิ่งดีนัก  ขอให้หายเร็ว ๆ แล้วกลับมาช่วยเป็นที่ปรึกษาให้พี่วินกับน้องพิงค์ไวไวเน้อเจ้า   :3123:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 10-05-2018 21:25:57
ว่าแล้ว...พี่เต้กับพี่วินเวลาอยู่ด้วยกันแล้วน่ารัก  ต่อปากต่อคำ  ชมกันทุกสามคำ  :laugh:  อย่างนี้ละนะที่เค้าบอกว่าศีลเสมอกัน คงตัดกันไม่ขาด  แถมยังเป็นที่ปรึกษา(หรือข่มขู่ให้กลัว)  ให้กับน้องพิงค์อีก  ช่างเป็นเพื่อนที่ดียิ่งดีนัก  ขอให้หายเร็ว ๆ แล้วกลับมาช่วยเป็นที่ปรึกษาให้พี่วินกับน้องพิงค์ไวไวเน้อเจ้า   :3123:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-05-2018 22:15:26
โอเคแฮปปี้ แต่ตอนพี่เต้อยู่กับพิงค์มันก็พอจิ้นได้นะ น่ารักดีเหมือนกัน :laugh: :laugh: #โดนพี่วินถีบ เพื่อนยังไงก็ตัดไม่ขาด หาคนมาดามใจพี่เต้ซักคนระหว่างพักผ่อน o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-05-2018 22:18:38
พี่เต้เค้าก็มุมน่ารักๆของเค้าเหมือนกันนะ เจ็บหน่อยตอนนี้แต่สักพักคงทำใจได้ สำลักความหวานของพิงค์วินไปเอง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 10-05-2018 22:51:56
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 10-05-2018 22:54:12
หาคู่ให้หมอเต้หน่อยครับ เอาน่ารักๆกว่าหมอวินเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-05-2018 23:05:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-05-2018 23:23:51
อย่างน้อยก็ยังเหลือมิตรภาพที่ดีหละนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-05-2018 23:31:02
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-05-2018 00:41:56
จบปัญหาไปอย่างสวยงาม น้องพิงค์คงต้องทำตามคำแนะนำของหมอเต้แล้วล่ะ อยากเห็นพิงค์คลุกวงในกับพี่วิน :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-05-2018 01:06:58
ก็หวังจะมีใครสักคน มาดามใจหมอเต้นะครับ จะได้ไม่เหงา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-05-2018 02:02:00
5555 คราวนี้แหล่ะ อ่อยได้ผลชัวร์พี่วินเอ้ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 11-05-2018 03:41:21
ขอให้มีใครสักคนมาดามใจหมอเต้น่ะ
แบบเป็นคนอายุมากกว่า
ที่เพด็จการหน่อยๆก็อาจจะดี
จะได้ดุและปราบหมอเต้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-05-2018 04:43:56
นี่คือสังเกตเห็นแล้วใช่มั้ยพิงค์
คือพี่วินนกแล้วนกอีกอะ5555555
ชอบการบอกว่า คุณคิดถูกแล้วววว
เหมือนมีเสียง ปิ้งป่องง ถูกต้องนะคร้าบบบบบ ดังขึ้นมา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 11-05-2018 06:27:45
น้องพิงมีเทนเน้อร์ด้วยวุ้ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-05-2018 07:24:37
รอดูncของเรื่องนี้555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-05-2018 07:46:40
ไหนๆหมอเต้ก็แนะนำแล้วพิงค์ก็รีบๆจัดให้พี่วินได้แล้ว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-05-2018 08:04:05
 o13

:L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-05-2018 18:50:57
แนะนำหมอเต้น่าจะไปเรียนต่อมากกว่า ถึงบอกว่าทำใจได้บ้างแล้วแต่ถ้าเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันมันก็ปวดใจอยู่ดี ไปเรียนต่อเผื่อเจอคู่แท้ก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 12-05-2018 03:46:23
พี่วินหื่นจริงป่าวพิงค์ :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 12-05-2018 10:23:35
 :z1: :z1: :z1: อะจึ๋ย ๆ ๆ รอดูฉากคลุกวงใน อยากรู้จังว่าใครอยู่บนใครอยู่ล่าง  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 12-05-2018 13:10:36
^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 13-05-2018 00:24:08
เรื่องหมอเต้จบลงด้วยดีแบบนี้ก็สบายใจค่ะ
พิงค์รู้ตัวก็ยอมๆพี่หมอแกไปเหอะนะ อย่าปล่อยให้เปลี่ยวคนเดียวเลยยยย555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-05-2018 06:58:45
เคลียร์แล้วทุกปัญหาใจ ต่อไปจะได้เริ่มกันแบบไม่ต้องกังวล
เต้ก็ทั้งรักทั้งเจ็บน่ะ ยิ่งพยายามยิ่งติดลบ
เต้ไม่เจ็บหนักใช่ไหม ทำไมเหมือนปิดบังอะไร

พิงค์ เต้บอกใบ้ขนาดนี้แล้ว อย่าบื้อนานนะ
วินถึงจะเหมือนไม่สนใจใคร แต่เพื่อนรักน่ะ ทิ้งกันไม่ลงหรอก
แล้วยิ่งพิงค์มาทำให้วินเปลี่ยนไปแบบนี้อีก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-05-2018 22:10:42
ดีแล้วที่เข้าใจกันได้ด้วยดี o13
รอวินอ่อยพิงค์อยู่จ้า พิงค์จะตามอิพี่ทันไหมลุ่นๆ :ling3:
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 14-05-2018 10:00:14
 :กอด1:   บทสรุปความรัก พี่วิน น้องพิงค์ เริ่มต่อจากนี้สินะ  .... ( ตามสไตล์ Husky ผ่านมา 44 บท ยังไม่มีอะไรกัน)

    ซึ้ง ตรงประโยค ที่ “ผมเองก็ไม่นึกเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคิดจะชอบผู้ชาย แต่พี่วินเป็นข้อยกเว้น เป็นอะไรที่พิเศษที่สุดสำหรับผม"

#พิงค์วิน  คงต้องรอ สินะ  ..... จะ รอ ให้ น้องพิงค์เป็น ฝ่ายรุก คงจะยากนิดนึง :hao3:



อ้างถึง
เรื่องหมอเต้ ..บทจะคลี่คลาย ก้อ ง่ายกว่าที่คิด  ดีใจ ที่ไม่เสียมิตรภาพดีๆๆ   ของพี่วินไปด้วย

“มึงก็ไม่ต้องเลิก แต่กูขอ ให้ความรักของมึงหยุดที่เพื่อนได้มั้ย กูรู้ว่ามันต้องใช้เวลา กูรู้...ว่าการรักใครสักคน มันห้ามใจได้ยากแค่ไหน” รวินท์เอื้อมมือไปลูบศีรษะเพื่อนรัก “มึงเป็นเพื่อนคนสำคัญของกูนะ เราคบกันมานาน มึงเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตกูแล้ว”

“วิน...”

“อีกอย่าง ไม่มีใครคบกูแล้ว มีแต่มึงเนี่ยแหละ”

“สัส ให้กูซึ้งสักสามวิได้มะ” เตชิตหัวเราะออกมาเบาๆ “กูก็ไม่มีใครคบเหมือนกัน รันทดฉิบหาย”

โอย Husky เขียนดีเวอร์   เราทั้งขำ ทั้ง ซึ้ง..... :hao5:.
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 14-05-2018 10:44:40
วันนี้ จะมาต่อมั้ย   รอๆๆๆ  :man1: :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 14-05-2018 18:30:35
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 15-05-2018 07:54:15
หมอเต้เหมาะเป็นเพื่อนมากที่สุดแล้ว รักษาตัวเองดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-05-2018 12:39:03
มารอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 15-05-2018 16:29:25
   ไรท์มาต่ออีกนะคะ รออยู่ค่ะ  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-05-2018 18:27:15
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 16-05-2018 18:59:32
ยัง    ยัง   ยังไม่มาต่ออีก  รออยุ่น่ะเนี้ย :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 44 : เพื่อนแท้][100518]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 16-05-2018 19:17:27


Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน


ภูพิงค์นั่งเกยโต๊ะกุมขมับอยู่ในห้องประชุมสโมฯ ภายในตึกคณะ แม้จะยังไม่เปิดเทอม แต่เขาก็โดนลากมาประชุมเพื่อเตรียมการไว้สำหรับกิจกรรมในเทอมใหม่ที่กำลังจะประดังกันเข้ามา ถึงเขาจะไม่ได้มีตำแหน่งในสโมฯ ทว่าก็เป็นเจเนอรัลเบ๊ประจำรุ่น

ไหนจะงานรับปริญญาพี่ๆ งานดนตรี งานกีฬา และต้องมีการหาเงินทุนกับสปอนเซอร์ไว้สำหรับค่ายอาสาในตอนปิดเทอมใหญ่อีก เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไอ้พี่ๆ สโมฯ มันรับงานจับฉ่ายแบบนี้วะ

ทั้งนี้เรื่องเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มกลุ้มใจแต่อย่างใด

อีกสามวันก็จะเป็นวันปีใหม่แล้ว ตัวเขาเกิดมายังไม่เคยให้ของขวัญใครวันปีใหม่มาก่อนเลย ไม่เคยสนใจวันนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เพราะมันเป็นวันพิเศษวันแรกนับตั้งแต่พวกเขาคบกันมา ทำให้ความพิเศษเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

“อย่างที่รู้กันว่าทางสโมฯ ประสานงานกับทางชมรมอาสาพัฒนาเป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้เราจะยื่นมือเข้าไปช่วยชมรมมากกว่าปีอื่นๆ เพราะรองประธานชมรมกับผมอยู่สายรหัสเดียวกัน และประธานชมรมเป็นเพื่อนสนิทผม” นายกสโมฯ พล่ามพร้อมกับผายมือไปทางประธานและรองประธานชมรมค่ายอาสาที่นั่งยิ้มอยู่ข้างกัน “โดยเราจะรับหน้าที่เป็นเสาหลักในการจัดหาทุน หาสปอนเซอร์และโปรโมตกิจกรรมค่ายอาสา”

สมาชิกสโมฯ เบ้ปาก “โห ก็เห็นยื่นมือกันแบบนี้ทุกปีมะ ปีที่แล้วก็ประธานชมรมเป็นพี่รหัสของรองนายกสโมฯ ปีก่อนปีที่แล้วก็เหรัญญิกสโมฯ ก็เป็นแฟนกับประธานชมรม เห็นเป็นญาติกันแม่งทุกปี”

“เออน่ะ ช่างเหอะ ช่วยๆ กันก็ดีแล้วไง เรื่องการหาทุนไปค่ายอาสา ผมว่าทำเสื้อกะหมวกขายอะ ดีสุด ง่ายด้วย”

“ผมเห็นด้วยนะ แล้วก็ให้มีกิจกรรมประกวดลายเสื้อ...”

แต่ละคนในห้องประชุมแสดงความคิดเห็นกันเป็นระยะๆ หากไม่ว่าจะเป็นคำถามหรือคำตอบใดๆ ก็ไม่สามารถทะลุผ่านเข้ามาในโสตประสาทของภูพิงค์ได้ เขายังคงนั่งคิดใจจดจ่ออยู่กับเรื่องของขวัญ

เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จนคนทั้งห้องหมั่นไส้

“คิดถึงพี่วินคนดีของมึงมากรึไง บ่าฮ่านี่!”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “พี่ จะปีใหม่แล้วอะ ซื้อของขวัญไรให้พี่วินดีวะ ปีใหม่นี่เขาต้องทำไรบ้างอะ” สิ้นคำพูดของเขาทั้งห้องก็เงียบกริบ ทุกสายตาพร้อมใจกันพุ่งมารุมทิ่มแทงเด็กหนุ่ม

หากภูพิงค์ยังไม่สำนึก เขาถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ “มันสำคัญมากนะเว้ยพี่ ผมอยากทำให้พี่วินประทับใจอะ”

ซันกวาดสายตามองไปภายในห้อง อันที่จริงเขาเองก็งงว่าไอ้พิงค์มันเครียดปานไหน ถึงได้เอาเรื่องของขวัญมาถามในที่ประชุมแบบนี้ ดีที่ไม่มีอาจารย์อยู่ด้วยนะเนี่ย ไม่งั้นโดนด่าเปิง แต่ไหนๆ เพื่อนก็กำลังกลุ้ม ในฐานะเพื่อนที่แสนดี เขาก็ควรจะช่วย

“ผมก็ว่ามันสำคัญนะพี่ เทอมสองเราอาจต้องขอความช่วยเหลือจากพี่หมออีก ให้ไอ้พิงค์มันเอาใจไว้นี่แหละดี”

ต่ายดีดนิ้วเปาะ “จะว่าไปก็จริงเว้ย ถ้าได้พี่หมอกับไอ้พิงค์มาเป็นนายแบบเสื้อนะมึ้ง ยอดขายถล่มทลายแน่นอน”

“เออ ผมก็คิดงั้น ไอ้พิงค์ มึงว่าไงวะ”

“อือ” ภูพิงค์พยักหน้าหงึกๆ แต่ที่จริงได้ยินอะไรมาก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เขากำลังคิดหนักเรื่องของขวัญมากกว่า

สมาชิกสโมฯ ชักจะคล้อยตามไปด้วย “ก็เป็นความคิดที่ดีนะ เฮ้ย! พวกมึง วางมือจากทุกสิ่ง เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน ช่วยไอ้พิงค์คิดหาของขวัญก่อนเว้ย แล้วนี่มึงมีแผนจะพาพี่หมอไปเคาทน์ดาวน์ที่ไหนรึยังวะ”

เด็กหนุ่มส่ายหน้ายิก “ไม่มีว่ะ ของขวัญยังไม่มีเลย”

“งั้นเอาของขวัญก่อน เสื้อบอลดีมั้ยวะ” เหรัญญิกเสนอ

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “ไม่รู้พี่วินดูบอลรึเปล่าเลยอะ”

“พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรูๆ มั้ย” นายกสโมฯ ออกความคิดบ้าง    

ตากล้องสโมฯ ส่ายหน้ารัว “ไอ้พาไปกินข้าวมันก็ต้องพาอยู่แล้วมะ แต่มันก็ต้องมีของขวัญด้วยเว้ย” เขาหันไปมองเด็กหนุ่ม “ใกล้หนาวแล้ว ผ้าพันคอมั้ยวะ”

“ไม่ค่อยครีเอตเลยค่ะ ของแบบนี้มันต้องถักเองถึงจะซึ้ง ซึ่งน้องพิงค์คงไม่มีปัญญาแน่” หญิงสาวสมาชิกสโมฯ เพียงหนึ่งเดียวเอ่ยขัด “ซื้อ iwatch แล้วซื้อเพลงรักหวานๆ ใส่ไว้ให้ดีกว่า พี่เขาจะได้ใส่ไว้กับตัวได้ตลอดเวลาด้วย”

“แพงว่ะ อันนั้นไว้ให้วันวาเลนไทน์ดีกว่ามั้ยวะ ให้แล้วจะได้เปิดเพลงรักๆ กล่อมได้ด้วยไง” รองนายกสโมฯ หันไปสั่งเด็กหนุ่ม “ไอ้พิงค์ มึงจดไว้นะ”

“กล่อมไปทำไรวะ ไอ้ท่านรอง” นายกสโมฯ หันไปแขวะ

“ให้เครื่องประดับดิ แบบ... สร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมืองี้ ห้อยชื่อคนให้ด้วย”

“มันจะไม่ดูเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของมากไปเหรอวะ” สมาชิกสโมฯ อีกคนหันไปเถียงเป็นจริงเป็นจัง เวลานี้แต่ละคนในห้องเครียดตามภูพิงค์กันไปหมดแล้ว หลายๆ คนก็เริ่มเปิดกูเกิลค้นหากันด้วย

ต่ายยกมือขึ้นลูบคางตัวเองขณะครุ่นคิด “กูว่าพวกเครื่องประดับมันก็ดีนะเว้ย แต่ให้เป็นของคู่ สร้อยคู่ แหวนคู่ หรือสร้อยข้อมือคู่ดีกว่า เอาไว้ให้ประชาชนสาววายจิ้นต่อยอดได้อีกมากมาย”

“เฮ้ย ให้เกียร์ก็ดีนะเว้ย จิ้นได้เหมือนกัน”

“มันเกร่อไปป่ะวะ เกียร์เนี่ย”

“แต่มันเป็นของสำคัญ มันคือหัวใจของเด็กวิดวะนะเว้ย”

ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นว่าสมาชิกสโมฯ ถกเถียงกันเอง ส่งเสียงดังโวยวาย เป็นจริงเป็นจังมากกว่าเรื่องที่จะประชุมหารือกันในตอนแรกซะอีก

“น้ำหอมดีมั้ยวะ จะได้เนียนดม”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น “เออ อันนี้น่าสนใจ”

“อ้าว ที่กลุ้มใจจะเป็นจะตายนี่ เพราะมึงอยากได้ของขวัญที่เอาไว้เนียนแต๊ะอั๋งได้เหรอวะ” ซันหันไปมองเหยียดเพื่อน “งั้นก็ให้เสื้อผ้าเลยดิ จะได้เนียนขอถอด”

จู่ๆ สมาชิกสโมฯ อีกคนก็พูดขึ้น “กูว่าพี่หมอเหมาะกับใส่เสื้อขาวเปียกๆ นะ ให้เนื้อผ้าแนบไปตามตัว ต้องเซะซี่มากแน่ๆ”

“ใครเขาจะให้เสื้อขาวเปียกๆ เป็นของขวัญกันวะ”

“ก็ให้แล้วทำน้ำหกใส่ดิ”

ภูพิงค์คิดภาพตามไปด้วย พี่วินใส่เสื้อเปียกๆ แนบเนื้อน่ะเหรอ ก็คงดูเซ็กซี่มากจริงๆ นั่นล่ะ คิดไปคิดมาใบหน้าของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

“ไอ้พิงค์ มึงใจเย็น คิดออกทะเลไปถึงไหนแล้ววะ”

เด็กหนุ่มรีบปฏิเสธเสียงหลง “เปล่า! เปล่านะเว้ย! จะบ้าเรอะไอ้พวกพี่นี่!”

“มันคิดๆ” สมาชิกสโมฯ หันไปสบสายตากัน ทำท่าป้องปากซุบซิบกันแล้วพยักหน้าหงึกหงัก “ไอ้พิงค์แม่งคิดไม่ซื่อกับพี่หมอว่ะ”

“ไม่ประชุมแล้วเว้ย” ภูพิงค์ชักจะพาล

“เอ้า ได้ของขวัญแล้วเหรอวะ”

“ยังเว้ย แต่ผมไปถามคนอื่นดีกว่า” แล้วเด็กหนุ่มก็กระฟัดกระเฟียดออกจากห้องประชุมไป

หลังจากประตูปิดลงปังใหญ่ แต่ละคนในห้องก็หัวเราะคิกคัก

“แหม ไอ้พิงค์ก็มีมุมน่าเอ็นดู เขินซะจนทำอะไรไม่ถูกเลย สงสัยมันจะชอบพี่หมอจริงๆ จังๆ แล้วมั้งเนี่ย”

“ถ้าไม่ชอบมันจะไปไหนมาไหนกับพี่หมอสองต่อสองเหรอ” พวกสมาชิกสโมฯ หันหน้าคุยกัน “มันหวงพี่หมอของมันด้วยนะเว้ย”
ซันยิ้มแห้งๆ “มาประชุมต่อเหอะพี่ วันนี้ปล่อยไอ้พิงค์ไปสักวันละกัน”

นายกสโมฯ พยักหน้า “เออ มันอารมณ์นี้อยู่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกว่ะ มาๆ กลับมาเรื่องเดิม... ถึงไหนแล้ววะเนี่ย”


ภูพิงค์เดินเซออกจากคณะไป ใจคิดว่าจะซื้อน้ำหอมนี่แหละ แต่พอคิดไปคิดมา... พี่วินเป็นหมอฟัน อาจจะไม่ค่อยใส่น้ำหอมหรือเปล่าวะ

ฉิบหาย!

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ นิ่งคิดสักพักก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไป “อีแซนดี้ช่วยกูด้วยยย~”

และแล้ว ภูพิงค์ก็ขับรถไปรับแซนดี้จากบ้านเช่า จากนั้นก็ไปที่ห้างเซนทรัลกันเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยเลือกซื้อของขวัญ

“โธ่ มึง ทำไมจั๊ดง่าว ก็ให้อาฟเตอร์เชฟสิวะ แบบหอมอ่อนๆ ก็พอถูไถแหละ”

“เออ แล้ว... กูจะซื้อกลิ่นไหนดี”

“ก็กลิ่นที่มึงชอบไง มึงเป็นคนดมนี่”

“นั่นสินะ กูเป็นคนดม” ใบหน้าของเด็กหนุ่มซับสีเลือด เขาเดินวนอยู่ในแผนกเครื่องสำอาง ดมกลิ่นอาฟเตอร์เชฟจากทุกเคาทน์เตอร์ วนอยู่เป็นสิบรอบจนพื้นแทบจะขึ้นเงา

“สัสพิงค์ กูเดินจนเมื่อยแล้ว” แซนดี้เริ่มงอแง “เปลี่ยนไปซื้อกางเกงในกินได้เหอะว่ะ”

“ไม่เว้ย” สีหน้าของภูพิงค์เครียดขึ้นเรื่อยๆ “กูขอดมอีกรอบ”

กว่าจะตัดสินใจได้ จมูกของแซนดี้และเขาก็คงตายด้านไปอีกหลายชั่วโมง แต่ในที่สุดก็ได้ของขวัญมาให้พี่วินแล้ว ภูพิงค์ยิ้มหน้าบานไม่หุบ

“ขอบใจมึงมากเว้ย”

“เออ ขอให้ได้ดมพี่หมอให้ทั่วสมใจ”

ภูพิงค์ฟาดหัวไหล่เพื่อนไปอย่างเขินๆ “ไอ้เหี้ย~ อาฟเตอร์เชฟเขาใช้ทาที่หน้า กูจะไปดมตีนได้มั้ยล่ะ”

แซนดี้ส่ายหน้าไปมาแบบปลงๆ “พากูไปส่งบ้านด้วย ทำให้กูเสียเวลาชีวิตจริงๆ มึงนี่”

“เออๆ กูจะรีบไปรับพี่วินด้วย ใกล้เลิกงานแล้ว”



ฝ่ายรวินท์นั้น ช่วงนี้ยุ่งมือเป็นระวิง เพราะทันตแพทย์มีไม่พอ คนไข้ก็มหาศาล เขาอยากจะสาปแช่งเตชิตที่มันเสือกหาเรื่องเจ็บตัว แต่ก็กลัวว่าถ้าแช่งแล้วจะยิ่งหายช้าหนักกว่าเดิมไปอีก

หลังจากมื้อเที่ยงของวัน เขามีเวลาได้พักนิดหน่อยก่อนจะต้องลุยรักษาฟันให้คนไข้ต่อ ทันตแพทย์หนุ่มจึงมานั่งกุมขมับอยู่ในห้องพักทันตแพทย์

ทำงานทุกวันแบบนี้ เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปหาซื้อของขวัญให้ภูพิงค์วะเนี่ย จะปีใหม่แล้ว ถ้าไม่นับวันคริสต์มาสซึ่งมีแต่เรื่องวุ่นวาย วันปีใหม่ก็จะเป็นวันพิเศษวันแรกนับตั้งแต่คบกันมา เขาควรจะพาเด็กหนุ่มไปเคาน์ดาวน์ด้วย แต่ที่ไหนดีล่ะ

เมื่อสมัยเรียนเขาไม่เคยพลาดที่จะเตรียมของขวัญไว้ให้ขวัญข้าว แต่เพราะของขวัญสำหรับผู้หญิงหาง่าย และขวัญข้าวก็เอาใจง่ายซะด้วย แค่ช่อดอกไม้กับขนมอร่อยๆ เธอก็ดีใจมากแล้ว

หากสำหรับภูพิงค์ คงไม่ได้ง่ายแบบนั้น ถ้าเขาให้ช่อดอกไม้ อีกฝ่ายคงจะไม่ชอบใจแน่

ถ้าให้ขนม... เขาก็คงโดนแซะว่าสิ้นคิด

ให้ของขวัญเป็นผ่าฟันคุดอีกซี่ดีมั้ยวะ พิงค์น่าจะจดจำไปอีกนานๆ

รวินท์ยกมือขึ้นคลึงขมับ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดๆ ส่งข้อความไปหาพี่สาวเพื่อขอคำปรึกษา จากนั้นก็นั่งกุมขมับต่อ

อืม... เย็นวันศุกร์น่าจะพอแวบไปเซนทรัลได้อยู่นะ วันอาทิตย์ก็ปีใหม่พอดี วันจันทร์หยุดด้วย แล้วจะไปไหนต่อดีวะ ตลาดโต้รุ่งก็ธรรมดาเกิน

เขาไม่ชอบเลยที่ต้องเลือกซื้อของขวัญเอาลวกๆ แต่จะติดอีกฝ่ายไว้ก่อนก็ดูเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่อง เสียยี่ห้อรวินท์หมด

“ฮือ...”

“ครางหงุงหงิงอะไรวะวิน” สิงหาเดินเข้ามาทัก

“วันปีใหม่ทำไรดีวะพี่”

“นอนดิ ได้หยุดหลายวันทั้งที”

“ไม่ใช่สิเว้ย ผมหมายถึง... จะทำไรกับแฟนดี”

“มึงมีแฟนกับเขาด้วยเหรอวะ เสกมาจากไหน” สิงหาทำหน้างง เพราะนอกจากภูพิงค์แล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นไอ้วินอยู่กับใครนี่หว่า แต่ช่างแม่ง ไม่เกี่ยวกับเขา “เออ เอานี่มะ พี่ยกให้” รุ่นพี่เดินไปที่โต๊ะทำงานของเขา เปิดลิ้นชักหยิบซองออกมาแล้วเอามาส่งให้อีกฝ่าย

“อะไรวะพี่”

“แหกตาดูสิ”

เมื่อรวินท์เปิดซองดูก็พบ vocher ร้านอาหารและห้องพักโรงแรมที่บนภูเขาเขาแถบชานเมืองเชียงใหม่ หมดเขตสิ้นเดือนมกราคมปีหน้าพอดี

“โห ไม่เอาอะ จะให้ผมพาแฟนไปกินของฟรีกับพักที่พักฟรีเนี่ยนะ ไม่เท่เลยว่ะ”

“ปากดีนะมึง มีเวลาหาเหรอ ห้องพักจะว่างให้มึงมั้ยยังไม่รู้เลย เอาไปเหอะ แล้วรีบโทรไปจองไว้ซะ”

ก็จริงของพี่สิงหาว่ะ เขาไม่มีเวลาแล้ว เอาก็เอาวะ รวินท์ตอบเสียงจ๋อยๆ “ขอบคุณครับ” จากนั้นก็จัดการโทรศัพท์ไปจอง

“อ่า ร้านอาหารไม่มีโต๊ะว่างเลยเหรอครับ” รวินท์พูดเสียงเศร้า “แล้วห้องล่ะครับ”

“ห้องใน vocher เต็มหมดเหมือนกันค่ะ” ปลายสายตอบ หากเพราะเสียงของรวินท์ดูจะเศร้าและหมดหวังสุดๆ เธอจึงเสนอห้องใหม่ให้ “แต่ตอนนี้ยังมีห้องพิเศษว่างนะคะ เป็นห้องใหญ่ มีชุดรับแขก โต๊ะทานข้าว อ่างจากุซซี ผนังห้องฝั่งนึงเป็นกระจก ชมวิวภูเขาได้จากเตียงเลยค่ะ แต่ต้องเพิ่มเงินอีก xxxx บาท ราคารวมมื้อเย็นเสิร์ฟถึงห้องด้วยนะคะ ไม่ทราบว่าสนใจมั้ยคะ”

“สนครับ โอเค งั้นผมจองห้องคืนนึงนะ” พอจองได้รวินท์ก็ยิ้มกว้าง อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนที่นอน เตียงก็คงจะกว้างกว่าในห้องพักที่คลินิก นั่งกินข้าว ดูวิวสวยๆ แล้วเคาน์ดาวน์กันสองคนก็ไม่เลวนะ



หลังเสร็จจากคนไข้คนสุดท้ายของวัน ทันตแพทย์หนุ่มก็เดินเซไปเก็บข้าวของ แล้วสิ่งเดียวที่ทำให้หายเหนื่อยได้ก็คือคนที่มานั่งยิ้มรออยู่ที่โต๊ะนี่แหละ มาบ่อยเสียจนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนกไปแล้ว

“เหนื่อยมั้ยคร้าบ”

“เหนื่อยด้วยหิวด้วย”

“โห ระดับพี่วินนี่ ไม่หิวสิแปลก” ภูพิงค์รวบของในมือทันตแพทย์หนุ่มมาถือไว้เอง จากนั้นก็พากันเดินออกไป “วันนี้กลับมาไม่ทันทำมื้อเย็นไว้รอ ไปตลาดโต้รุ่งกันดีกว่า”

“โอเค”

ระหว่างทางที่เดินไป สองหนุ่มก็พูดคุยกันไปด้วย

“วันนี้ไปประชุมสโมฯ ใช่มั้ย เป็นไงบ้างล่ะ”

“ไม่รู้ว่ะพี่ ไม่ได้ฟังเลย มัวแต่คิดถึงพี่อะ”

“โห ได้ยินแบบนี้แล้วโคตรชื่นใจ หายเหนื่อยเลยเนี่ย” รวินท์กระตุกยิ้มมุมปาก “แล้วพรุ่งนี้ต้องไปอีกป่ะวะ”

“ไปว่ะพี่ แม่งน่าเบื่อ”

“งั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องมารับผมนะ เดี๋ยวไปหาเอง”

เด็กหนุ่มหันขวับ “ทำไมอ่ะ”

“เอ๊า ก็จะได้ไม่ต้องขับไปขับมาไง”

“มันก็ไม่ได้ไกล...”

“เสียเวลาน่ะ คุณขับไปๆ มาๆ ทุกวันเลย เหนื่อยแย่ ผมไม่โอ้เอ้หรอก เสร็จงานแล้วจะรีบไปหาเลยนะ”

“อือ... แล้ววันเสาร์ไปกินเหล้าที่บ้านเช่าผมกันนะ ไอ้พวกนั้นมันชวน”

“เอาดิ แล้ว...วันอาทิตย์เย็นเราไปเคาน์ดาวน์ด้วยกันสองคนนะ”

ภูพิงค์หันขวับ “ไปดิ เดี๋ยวผมหาที่ดีๆ หรือเราจะไปร้านอาหาร...” ทว่าอีกฝ่ายส่ายหน้ารัว

“ไม่ต้องๆ ผมจองห้องพักบนเขากับเซตอาหารไว้แล้ว”

“อ้าว...”

“ตอนแรกว่าจะจองโต๊ะที่ร้านอาหารไปดินเนอร์กันก่อน แต่โต๊ะมันเต็มแล้ว” รวินท์ทำหน้าเจื่อนๆ “จริงๆ มันก็ฉุกละหุกไปหน่อย แต่พี่สิงหาให้ vocher มา มันจะหมดอายุเดือนหน้า ผมเลยเอามาใช้... ขอโทษด้วยนะที่คงไม่ใช่อะไรหรูหราอ่ะ”

เด็กหนุ่มยกแขนขึ้นโอบไหล่อีกฝ่าย “ไปกับพี่วินอะ นอนกระต๊อบหรือนอนเต็นท์ผมก็โอเค”

“วันนี้มีอะไรดีๆ รึเปล่าวะ ทำไมปากดีผิดปกติ”

“เขาเรียกปากหวานเว้ย”

“โห ผมไม่คุ้นเลยอะ ตัวปลอมรึเปล่าวะเนี่ย”

“รุ่นนี้แล้ว ปลอมย้ากก~”

เสียงหัวเราะของสองหนุ่มดังแว่วๆ พวกเขาเดินยิ้มหน้าบาน ใช้เวลาไม่นานก็กลับไปถึงห้องพัก



ในตอนบ่ายของวันศุกร์ เมื่อเลิกงานแล้วรวินท์ก็รีบบึ่งออกจากโรงพยาบาล มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ ตรงไปยังห้างเซนทรัลก่อนเป็นแห่งแรก

หลังจากที่นอนคิดมาทั้งคืนว่าควรจะซื้ออะไร ทันตแพทย์หนุ่มก็สรุปได้ว่าน่าจะให้ของขวัญที่เอาไปใช้งานได้อยู่บ่อยๆ ซึ่งสำหรับนักศึกษาก็น่าจะเป็นพวกเครื่องเขียนทั้งหลาย เขาเดินไปหยุดอยู่ที่เคาทน์เตอร์หนึ่งในแผนกเครื่องเขียน เมื่อตอนเที่ยงกูเกิลมาแล้วว่าควรจะซื้อรุ่นไหน ยี่ห้ออะไรดี!

พอซื้อแล้วก็ให้พนักงานจัดการห่อของขวัญเสร็จสรรพ เขายืนยิ้มรออย่างมีความสุข



ฝ่ายภูพิงค์นั้นนั่งหน้าบูดอยู่ที่คณะ ขณะที่กำลังช่วยเพื่อนๆ เตรียมของขวัญไว้ให้ให้พี่บัณฑิตในงานรับปริญญา

“เมื่อไหร่จะเสร็จซะทีวะ น่าเบื่อ ไอเดียใครวะ ต้องมีของที่ระลึกให้พี่บัณฑิตเนี่ย ใช้งานกันข้ามปีเลยแม่ง”

ซันชำเลืองมองเพื่อนรักแล้วเบะปาก “เออ กูก็เบื่อน่ะ เบื่อมึงนี่แหละ เมื่อไหร่จะเลิกบ่นวะ แค่จับของใส่ซองแค่เนี้ยะ บ่นเหมือนใครใช้ไปสร้างตึกร้อยชั้น”

“แล้วมึงไม่ต้องไปรับพี่หมอเหรอวะวันนี้” ขิงเอ่ยถาม

“พี่วินบอกจะขับรถมาเอง... แต่แม่ง ป่านนี้ทำไมยังไม่มาวะ ช้าฉิบหาย”

“พี่เขาจะมาที่มหาลัยเหรอ”

“เออ”

“แหม มิน่า จอดรถทิ้งไว้บ้านพร้อม”

“เฮ้อ~” ภูพิงค์ถอนหายใจด้วยความถี่ร้อยครั้งต่อชั่วโมง จนเพื่อนในกลุ่มอยากจะลุกขึ้นถีบเขากันเต็มที่แล้ว

ทว่าจู่ๆ ก็มีเพื่อนหญิงในคณะที่นั่งอยู่ในกลุ่มใกล้ๆ ขยับเข้ามานั่งยองๆ ลงข้างกัน เธอยิ้มกรุ้มกริ่ม “เฮ้ย สัสพิงค์ คิดถึงพี่หมอมากเหรอวะ กูรู้นะพี่หมออยู่ไหน”

เด็กหนุ่มหันขวับ “ฮะ! พี่วินอยู่ไหน”

เธอส่งโทรศัพท์มือถือซึ่งบนหน้าจอมีภาพของรวินท์ให้อีกฝ่ายดู มีคนแอบถ่ายรูปทันตแพทย์หนุ่มไว้แล้วเพิ่งโพสต์ลงในเฟซบุ๊กหมาดๆ รวินท์กำลังก้มหน้าลงมองบางสิ่งบางอย่างในตู้กระจกของเคาทน์เตอร์หนึ่งในแผนกเครื่องเขียน สีหน้าเคร่งเครียด เจ้าของรูปถ่ายพิมพ์ข้อความสั้นๆ ไว้ด้วยว่า ‘เลือกซื้อดินสอเขียนแบบ หน้าเครียดขนาดนี้ เลือกให้ใครน้อ~’

ภูพิงค์ยิ้มกว้างออกมาทันทีที่เห็น มิน่าล่ะ พี่วินถึงไม่ยอมให้เขาไปรับที่ลำพูน

โอย...ทำไมพี่วินน่ารักแบบนี้วะ

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมหัวใจ อกเขาจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว

“สัส พี่เขาอาจจะเลือกให้กูก็ได้” ดิวพูดขึ้นพลางเบะปาก

“เออ คนใช้ดินสอก็มีทั้งคณะป่ะวะ ไม่ใช่มึงคนเดียวสักหน่อย”

“คณะอื่นก็มีใช้นะ แต่ที่จริงเขาก็ใช้ดินสอกันทั้งมหาลัยน่ะล่ะ”

“ไอ้พวกเหี้ย พวกมึงจะส่งเสริมให้กูทะเลาะกับพี่วินเหรอวะ!” ภูพิงค์ส่งนิ้วกลางกราดให้เพื่อนๆ ทุกคน

เพื่อนทั้งสามสุมหัวกันแล้วหันไปทางเด็กหนุ่ม “รอดูเถอะมึง ถ้าแกะกล่องมาแล้วไม่เจอดินสอเขียนแบบ หึหึหึ...”

พอได้ยินแบบนี้ ภูพิงค์ก็ชักจะระแวง เขาหุบยิ้ม นั่งก้มหน้าก้มตาแพ็กของตรงหน้าต่อ



เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป จู่ๆ เสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ภายใต้ตึกคณะก็เงียบลง เงียบเสียจนน่าประหลาดใจ พอภูพิงค์เงยหน้าขึ้นก็เห็นพี่วินของเขาเดินเข้ามาที่ใต้ตึกพร้อมกับเพื่อนในคณะ

“นั่นไงพี่หมอ นั่งหน้าบูดเหมือนตูดเป็นหูดอยู่นั่นอะ”

รวินท์ยิ้มกว้าง เขาหันไปขอบใจคนที่พาเข้ามา แล้วเดินตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่ม “ขอโทษที่มาช้า”

เพื่อนในกลุ่มพร้อมใจกันแหวกที่นั่งให้ทันตแพทย์หนุ่มอย่างรู้งาน “เชิญนั่งก่อนคร้าบพี่หมอ”

“ขอบใจ” รวินท์รีบนั่งลง ทำตัวกลมกลืนกับเหล่านักศึกษาเต็มที่ “มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย”

“ไม่ต้องหรอก นั่งเฉยๆ ก็พอ” ภูพิงค์ตอบ “รออีกแป๊บนะพี่ เดี๋ยวหมดกองนี้ก็เสร็จละ”

“อือ” ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดอ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาที่พุ่งมองมาทางตนแทบจะตลอดเวลา


สักพักก็มีเสียงฝีเท้าตึกตักและเสียงคนพูดคุยกันดังมาแว่วๆ ก่อนทีมสมาชิกสโมฯ และประธานชมรมอาสารวมหกชีวิตจะถลาเข้ามาประกบภูพิงค์กับรวินท์ไว้

“พี่หมอ~ ไม่ได้เจอกันน้านนาน คิดถึงงงง”

ภูพิงค์ชะงัก เหงื่อตกทันควัน มาด้วยเสียงสองแบบนี้ ต้องงานเข้าเขากับพี่วินแน่นอน ฉิบหาย! จะจูงพี่วินวิ่งก็ไม่ทันแล้ว!

รวินท์ลุกขึ้นยิ้มรับ “ผมก็คิดถึงทุกคน ผลสอบออกกันรึยังครับ”

นั่น ไอ้พี่วินเข้าโหมดขายของแล้ว ยิ้มแจกอ้อยไปทั่วเลย... เด็กหนุ่มนินทาอยู่ในใจ

“โห... พี่หมอ ทักกันดีๆ ก็ได้ พูดถึงอดีตที่เจ็บช้ำทำไม” หนึ่งในสมาชิกสโมฯ คร่ำครวญ

นายกสโมฯ ขยับเข้ามาไหว้ย่อ “คือว่าพี่หมอจ๋า ขอผมแนะนำหน่อยนะครับ ไอ้นี่ชื่อมิ่งเป็นประธานชมรมอาสา ส่วนนั่นลูกหาบมันเป็นน้องรหัสผม ชื่อบุ๋ง” เขาพูดพร้อมชี้ตัวบอกให้ทีละคนไหว้ย่อตามจังหวะการเรียกชื่อ “คือพวกผมอะ จะทำเสื้อขายไงครับ จะหาเงินทุนไว้ใช้ในค่ายอาสาตอนปิดเทอม แบบว่ามันต้องใช้เงินเยอะ พวกผมก็เลย...”

รวินท์พยักหน้า “เออๆ จะให้ผมช่วยอะไรก็บอกมา ไม่ต้องอ้อมขึ้นดอยสุเทพไปก่อนก็ได้”

“เอาตรงๆ เลยนะ พี่หมอช่วยมาเป็นนายแบบเสื้อให้พวกผมหน่อยสิคร้าบ” แล้วทั้งหกหนุ่มก็ยกมือไหว้ย่อกันอย่างพร้อมเพรียงอีกรอบ

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว “จะดีเหรอ ผมว่างานนี้ควรจะเป็นของคนในคณะมากกว่าผมนะ”

“ก็จริงครับพี่ เพราะงั้นพวกผมเลยจะขอให้พี่มาถ่ายคู่กับไอ้พิงค์ไงครับ จะได้สื่อว่าเสื้อเราใส่ได้ทั้งคนนอกคนใน ขอแค่ให้มีใจเดียวกันก็พอ~”

ภูพิงค์เงยหน้าขึ้นพรวด “เฮ้ย! เดี๋ยวดิ! ผมยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะถ่าย!”

“เอ้า ก็มึงตกลงแล้ว”

“ผมตกลงตอนไหนวะ!”

“ตอนที่ประชุมเรื่องเสื้อเมื่อวันก่อนไง ที่มึงถามเรื่อง...” สมาชิกสโมฯ แกล้งพูดค้างไว้ ชำเลืองมองทันตแพทย์หนุ่มแล้วยิ้มมุมปาก

เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้ก็รีบทำเสียงดังกลบเกลื่อน “เฮ้ยๆ จำได้แล้วๆ ไม่ต้องพูด!”

รวินท์หันขวับ “เรื่องอะไรวะ”

สมาชิกสโมฯ ส่งสายตาบอกภูพิงค์เป็นเชิงว่า ‘จะให้ทวนความจำเรื่องที่มึงอยากจะซื้อของขวัญแบบคิดไม่ซื่อให้พี่หมอมั้ยวะ’

ภูพิงค์เหงื่อตก ที่กลัวมากกว่าที่พี่วินจะรู้ว่าคิดไม่ซื่อ คือไอ้พี่วินจะตอบสนองแบบจัดหนัก เขายังไม่พร้อม~ “เอ่อ เรื่องถ่ายแบบเสื้อน่ะแหละครับ คือ สรุปว่าผมจะถ่าย” เด็กหนุ่มหัวเราะเจื่อนๆ พลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “เราถ่ายด้วยกันเนอะพี่วิน”

“ถ้าถ่ายคู่กับคุณน่ะ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” รวินท์หันไปโปรยยิ้มให้เหล่าสมาชิกสโมฯ “อะไรที่ช่วยได้ก็อยากช่วยครับ แต่คงจะมาช่วยได้เฉพาะวันเสาร์หรืออาทิตย์เท่านั้นนะ”

“ขอบคุณพี่หมอมากเลยคร้าบ สัญญากันแล้วนา พี่หมอน่ารักที่สุด” สมาชิกสโมฯ ได้ทีก็รีบประจบ

ภูพิงค์เบ้ปากอย่างหมั่นไส้ เดี๋ยวนี้ไอ้พวกพี่สโมฯ แม่งร้ายกาจ เขาไม่น่าโง่หลวมตัวเผยจุดอ่อนเลยแม่ง

“คงอีกสักระยะนะครับพี่หมอ พอเปิดเทอมเราจะให้มีการประกวดลายเสื้อกันก่อน ให้น้องๆ เพื่อนๆ ได้ส่งแบบเข้าร่วม แล้วถ้าพี่หมอพอมีเวลา มาช่วยเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ให้ได้พวกเราก็จะยินดีมากๆ ครับ”

รวินท์หันไปมองเด็กหนุ่ม “พิงค์ว่าไง”

“โอ๊ะๆ จริงด้วย ควรจะถามน้องพิงค์ก่อนสินะครับ ว่าจะให้พี่หมอมาได้มั้ยน้อ~” พวกรุ่นพี่เบนเข็มไปที่ภูพิงค์ทันที

เด็กหนุ่มชะงัก ใบหน้าร้อนวาบ เขินจนควันจะพุ่งออกจากสองหูู ในใจอยากจะลุกขึ้นกระทืบรุ่นพี่รายตัว

แต่สำหรับรวินท์น่ะ อะไรที่เกี่ยวข้องกับภูพิงค์ เขาก็อยากจะมีส่วนร่วมทั้งนั้นล่ะ “ถ้าผมว่าง แล้วพิงค์โอเค ผมก็ยินดีจะมานะ ผมเองก็อยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมดีๆ ของพวกคุณเหมือนกัน ขอบใจที่ชวนครับ”

คำตอบของรวินท์จับใจความได้ง่ายๆ ว่าถ้าภูพิงค์อนุญาตก็ยินดีจะมา เป็นผลให้เด็กหนุ่มหลุดยิ้มหน้าบานออกมาให้ทุกคนเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้บ้าง ส่วนตัวเขาก็ได้แต่บ่นในใจว่าฉิบหายจริงๆ ชีวิต จะหุบยิ้มก็ทำไม่ได้


ทำไมพี่วินน่ารักแบบนี้วะ


โอย ใจกู...


*TBC*


น้องพิงค์เริ่มจะเป็นงานแล้วน้าาา~ พี่หมอคงไม่ต้องรอนานแล้ว...(รึเปล่า) 555555

ว่าแต่ปีใหม่จะมีอะไรดีๆ มั้ยน้าาาา~ อิอิอิ

ตอนหน้าเรามาตามสองหนุ่มไปเคาทน์ดาวน์ปีใหม่กันค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า  :mew1: เยิฟๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-05-2018 19:35:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่อว   เปิดตัวแบบไม่แคร์สื่อเลย

เหลือแค่พฤติกรรมนุ้งพิงค์จะพัฒนาไปในทางที่พี่วินต้องการให้เป็นเร็วมากน้อยแค่ไหน  อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 16-05-2018 20:14:16
หมอออออ
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 16-05-2018 20:21:16
ตั้งตารอวันปีใหม่ จะเกิดไรขึ้นบ้าง ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 16-05-2018 20:23:31
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 16-05-2018 20:26:55
น้องพิงค์น่ารัก เขินได้น่าหยิก พี่วินก็น่ารัก อะไรๆ ก็น้องพิงค์
เราคงไม่ต้องรอนานแล้วใช่ป่าว ตามทอล์คข้างล่าง  :katai3:
 :L2:  :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-05-2018 20:48:57
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 16-05-2018 20:50:05
ไปเคาท์ดาวน์คราวนี้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างไหม 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-05-2018 21:41:01
ยิ้มแก้มแตก หน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลยนะน้องพิงค์~~ เหม็นความรัก ชิชิ :hao3: อิจๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-05-2018 21:48:17
“เปลี่ยนไปซื้อกางเกงในกินได้เหอะว่ะ” ......ที่แซนดี้พูดประโยคนี้คือไรอะ งง

อยากให้ถึงวันปีใหม่เร็ว ๆ จังเลยน้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-05-2018 21:58:12
อะไรคือกลัวพี่วินจัดหนัก แล้วตัวเองไม่พร้อม น้องพิงค์นู๋จะใสๆไปตลอดไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-05-2018 22:05:20
น้องพิงค์เดี๋ยวนี้พัฒนา ถึงไม่มีอาฟเตอร์เชฟพี่หมอก็ให้ดมอยู่แล้วล่ะ พี่หมอก็นะ อะไรๆ ก็ถามพิงค์ก่อนๆ โอยยยย หวานเว่อร์ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: peemai.pmz ที่ 16-05-2018 22:20:35
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 16-05-2018 22:25:07
ถึงแม้ทั้่งสองคนจะยังไม่ได้เริ่มฉลองปีใหม่กัน  แต่ผู้อ่านทางนี้เริ่มเค้าท์ดาวน์ให้แล้วนะคะ   :hao6:  รอวันที่น้องพิงค์พร้อมเท่านั้น  พี่วินยังคงคอนเซปแฟนผู้น่าหลงไหลเสมอ   :กอด1:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-05-2018 22:25:59
อิือ........อยากอ่านแล้ว
ผลจากการใช้น้ำหอมอาฟเต้อร์เชฟ  :z3: :z3: :z3:

พิงค์  วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-05-2018 23:16:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 17-05-2018 00:20:09
ปีใหม่พรุ่งนี้เลยได้ม๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 17-05-2018 00:43:48
พิงค์เริ่มคิดไม่ซื่อกับพี่หมอแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 17-05-2018 00:45:19
พี่วินนี่มีความเเฟนฉบับสมบูรณ์มาก  เมื่อก่อนไม่เข้าใจขวัญข้าวจริงดิ   พี่ดูสมบูรณ์ในความเป็นแฟนมากจริงๆนะรู้งานไปหมด 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-05-2018 01:41:16
จะเกิดอะไรขึ้นในคืนเคาท์ดาวน์ไหมนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-05-2018 02:47:39
รอวันมอบของขวัญให้กันและกัน :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-05-2018 09:04:51
พิงค์น่ารักจัง  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-05-2018 10:11:24
น้องพิงค์โดนแกล้งหนักนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 17-05-2018 10:37:20
อิจฉา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-05-2018 10:53:07
ดีจิงๆเล่อออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 17-05-2018 11:25:23
รอเคาท์ดาวน์ค่ะพี่หมอ น้องพิงค์  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 17-05-2018 12:23:10
น่าร๊ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 17-05-2018 13:25:12
หมอวินท์น่ารักมากๆค่ะนังพิงค์ห้ามทำหมอเค้าเสียใจนะยะ ทีมหมอวินท์ค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 17-05-2018 13:50:21
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 17-05-2018 14:00:39
ตอนหน้าใครคนใดคนนึงเตรียมเสียตัวเคาทน์ดาวน์ปีใหม่กันเลยนะ แค่กๆๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-05-2018 15:04:34
แคร์กันหนักมากคู่นี้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-05-2018 15:23:06
จากที่รอมานานพี่วินจะได้เคาท์ดาวน์โดยการกินแห้วหรือเปล่าหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-05-2018 01:34:05
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 18-05-2018 13:21:12
 :mew1:น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 18-05-2018 18:45:25
  อยากให้ถึงวันปีใหม่เร็วๆ น้องพิงค์จะได้ดมกลิ่นอัฟเตอร์เชพ ดมกันแบบไม่มีวันลืมเลย.. รึป่าวน๊าาาา:z1: :impress2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 20-05-2018 07:04:46
น่ารักอ่ะ เขินแทนพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-05-2018 22:37:56
55555 วินทำพิงค์เสียสติ จนไปรับปากอะไรไม่รู้ตัว

ว้ายยย เค้าอยากเซอร์ไพรส์กัน เราตื่นเต้นด้วยค่ะ
อยากให้ถึงวันปีใหม่แล้วค่ะ อยากตามไปเคาน์ดาวน์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 21-05-2018 01:03:01
รอ มา 5วันแล้วน่ะครับ  ต่อๆๆ ยอดดอยพาเพลินได้แล้ว  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-05-2018 16:42:59
น่ารักกันจริงๆเลยยยยยย
ยังคงคาดหวังในการเคาท์ดาวน์นะคะะ
อยากให้มีสิ่งพิเศษ555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 22-05-2018 13:35:55
^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 22-05-2018 13:54:38
รออีกนิดนะหมอวิน ขำพิงค์  :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 22-05-2018 20:25:55
 :ling1: :ling1: ยังไม่มา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 23-05-2018 14:51:10
 :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-05-2018 18:47:05
หายไปนานจัง :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 24-05-2018 00:11:02
รอๆๆๆๆ :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-05-2018 08:19:41
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 24-05-2018 12:39:28
เข้ามาส่อง  :katai5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 24-05-2018 16:02:32
 :hao4: :hao4: มาต่อมั้ยน่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-05-2018 19:32:50
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-05-2018 00:22:15
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 25-05-2018 11:29:37
 :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 27-05-2018 12:44:24
 :call: :call: :call: :call: ข้าฯขออัญเฃิญไรท์คนดีมาปรากฎตัว  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-05-2018 13:35:52
 :ling1: :ling1: :ling1: อย่าหายไปนานๆแบบนี้
 ใจจะขาดแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-05-2018 16:42:27
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 28-05-2018 15:20:00
รอบนี้หายไปนาน

รอกันต่อไป

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 29-05-2018 16:03:42
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-05-2018 17:05:39
 :call: :call: :call:

นานแล้วนะไม่ได้เจอเธอสักที ...
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 30-05-2018 00:14:22
จุ๊บๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 30-05-2018 12:52:28
หมอวินกะน้องพิงค์หายไปนานเลยค้าาา รีบมานะจ๊ะมีคนคิดถึง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 30-05-2018 14:11:50
มองๆๆมายัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-05-2018 15:20:49
ยังรอพี่หมออยู่นะเจ้า~
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 45 : ของขวัญพาเพลิน][160518]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 30-05-2018 17:59:56

Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ


ตอนบ่ายๆ ของวันที่ 30 ธันวาคม ในที่สุดภายในคลินิกที่เปิดรวมมิตรเพลงพรปีใหม่ทุกเวอร์ชันจากซีดีแผ่นเดียววนมาทั้งวันแล้วก็สงบลงจนได้

“อ้าว ปิดเพลงแล้วเหรอ” สิงหาใส่หมวกปีใหม่เดินออกมาจากห้องตรวจคนไข้ หลังจากคนไข้คนสุดท้ายเพิ่งออกไป

“โห พี่ เปิดมาทั้งวันแล้ว ผมขอเหอะ”

“ไม่ให้เว้ย เดี๋ยวจะเอาไปเปิดฟังในห้องต่อ”

“เว้ย~ ผมไม่ได้จะเอาซีดี” รวินท์อยากจะกรีดนิ้วกลางใส่ ทว่ายังเกรงใจคนไข้ที่ยังเดินออกไปจากร้านไม่หมด

จู่ๆ ประตูทางเข้าคลินิกก็เปิดออกผาง ก่อนอดีตคนไข้สาวๆ อีกหลายคนจะก้าวเข้ามาพร้อมถุงใส่ของขวัญ “หมอวิน สวัสดีปีใหม่ค่า พรุ่งนี้หมอจะไปเคาทน์ดาวน์ที่ไหนค้า”

รวินท์ยิ้มแห้ง พลางหันไปมองดูนาฬิกา เขานัดกับภูพิงค์ไว้หลังเลิกงาน จะโอ้เอ้ก็ไม่ได้ซะด้วย “สวัสดีปีใหม่ทุกคนนะครับ พอดีผมมีนัด ขอตัวก่อน” ว่าแล้วก็วิ่งปรู๊ดออกไป ระหว่างทางก็แวะผลักสิงหาเข้าไปรับหน้าแทน “แต่พี่สิงหาว่างคร้าบ ผมไปก่อนนะครับ”

“เฮ้ย! ไอ้หมอวิน!”

เสียงโวยวายดังไล่หลังมาแว่วๆ หากรวินท์ไม่ใส่ใจ เขารีบขับรถออดี้สปอร์ตของตนออกไปจากที่จอดรถอย่างรวดเร็ว ทั้งยังอยู่ในเสื้อกาวน์ แถมหน้าตายังไม่ได้ล้างนี่ล่ะ

เมื่อขับไปถึงบ้านเช่าของเด็กหนุ่มก็เห็นว่ามีรถมาจอดเพิ่มอีกคัน ดูเหมือนบิดามารดาของแซนดี้จะมาร่วมฉลองด้วย เขายังไม่ทันจะดับเครื่องรถ บิดามารดาของเด็กหนุ่มก็รีบออกมาต้อนรับ พาเขาเข้าไปนั่งโต๊ะข้างในทันที

ทันตแพทย์หนุ่มนั่งลงพลางกวาดสายตามองไปภายในห้อง สภาพของห้าหนุ่มประจำบ้านในตอนนี้ดูไม่ได้สักเท่าไหร่ นอนอืดเรียงรายเหมือนตายมาแล้วหลายวัน ร้องโอดครวญหาอีโนมายาใจ เขากอดกระเป๋าเป้ที่หิ้วลงมาจากรถด้วยไว้แน่น “คือ...ผมอยากจะขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เพิ่งเสร็จงานน่ะครับ”

“ได้ๆ แต่หมอวินกินขนมนี่ก่อนค่อยไปนะ” มารดาของแซนดี้พูดพลางกดไหล่ทันตแพทย์หนุ่มให้นั่งลง ในขณะที่บิดาดึงเก้าอี้ออกให้

ได้ยังไงวะเนี่ย! รวินท์ก้มลงมองดูถาดใส่ขนมที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ จำใจต้องนั่งลงพลางยิ้มเหยๆ “ขนมเยอะขนาดนี้ ขนมาลำบากแย่เลยนะครับ”

“ไม่หรอก แม่สั่งให้ร้านเอามาส่งลูก กินขนมก่อน เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยกินโต๊ะจีนกัน”

“โห... โต๊ะจีนเลยเหรอ” เขาหันไปสบสายตากับภูพิงค์ ซึ่งอีกฝ่ายพยักเพยิดหน้าบอกให้กินๆ ไปก่อน

พอบิดามารดาของแซนดี้เผลอ เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวด คว้ามือรวินท์วิ่งขึ้นชั้นบน “พ่อแม่ เดี๋ยวมานะครับ พี่วินทำฟันคนไข้มา เสื้อกาวน์ยังคาอยู่เลยเนี่ย ต้องอาบน้ำก่อน”

“เอ้า! เพิ่งกินไปนิดเดียวเอง รีบๆ มานะลู้กกก~” เสียงมารดาดังแว่วไล่หลัง

สองหนุ่มนั่งลงหอบแฮกๆ บนเตียง มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ

ภูพิงค์ยกมือขึ้นกุมท้อง “โอย ปวดท้องฉิบหาย พี่เชื่อมั้ย ผมกินมาตั้งแต่เช้า จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้หยุดเลยเนี่ย มีรถมาส่งอาหารสามรอบแล้ว อีโนก็ไม่มี แถมมีลางว่าต้องกินยันเช้าวันพรุ่งนี้แหงๆ” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปแตะแก้มคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “ตอนแรกผมกะว่าจะไปดักรอพี่ที่หน้าบ้านแล้วพาไปที่อื่นก่อน แต่คิดว่าเพิ่งเลิกงานคงจะหิว”

“อย่าเลย ที่จริงลุกไม่ไหวก็บอกเถอะว่ะ”

“เพื่อความเนียนเว้ยพี่ เดี๋ยวจะได้อ้างว่าจะออกไปซื้ออีโนได้ไง”

“เออๆ เชื่อก็ได้” รวินท์อมยิ้ม “งั้นผมไปอาบน้ำแป๊บ” เขาหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าเป้ที่ติดมือมาด้วย ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป สักพักก็เดินออกมา

“เดี๋ยวพี่กินอะไรสักหน่อยก่อนค่อยหาเรื่องแวบไปข้างนอกกัน ดึกๆ ค่อยกลับมากินต่อ”

“จะไปไหนล่ะ”

“ไปเดินเล่นอ่างแก้วกันป่ะ อยู่ใกล้ๆ แค่นี้ แต่ผมยังไม่เคยพาพี่ไปเลย เดี๋ยวขี่มอไซค์ไปกัน”

“เอาดิ คุณพาไปก็แล้วกัน”

สองหนุ่มกลับลงไปนั่งกินขนมที่ชั้นล่างอยู่สักพัก ยังไม่ทันได้ขยับตัวบิดามารดาของแซนดี้ก็ตั้งโต๊ะจีนต่อ

“โอย แม่ จะฆ่าพวกผมเรอะ ผมว่าเราพักกันบ้างเหอะ” แซนดี้ครวญคราง

“ก็แม่เลือกไม่ถูกว่าพวกเราชอบกินอะไรกัน แม่เลยสั่งมาให้เลือกไง”

“นี่ไม่เรียกให้เลือกแล้วแม่!”

“เอาน่ะ เหลือก็แช่แข็งไว้กินได้อีกนี่นา” บิดาปลอบ

“เดี๋ยวผมกับพี่หมอไปซื้ออีโนมาให้ดีกว่า” ภูพิงค์พูดขึ้น แล้วคว้ามือรวินท์วิ่งออกจากบ้านไปโดยไม่รอให้คนอื่นๆ คัดค้านหรือขัดขาได้

“ไอ้พิงค์! ไอ้เพื่อนจัญไร เอาตัวรอดนะมึ้ง~” ซัน ดิว ขิงและแซนดี้ตะโกนไล่หลัง แต่ก็ไม่มีแรงจะลุกไปไล่ตามหรอก

เด็กหนุ่มขี่บิ๊กไบค์พารวินท์ออกจากบ้านเช่าไปพลางหัวเราะกันไปด้วย เย็นวันนี้เมืองเชียงใหม่คึกคัก แม้ท้องฟ้าจะยังไม่ทันมืดสนิท แต่ในเมืองก็เปิดไฟสว่างไสว ตามท้องถนนมีผู้คนเดินพลุกพล่าน อากาศก็กำลังเย็นสบาย

ภูพิงค์เลี้ยวมอเตอร์ไซค์เข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย ตรงไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว เมื่อไปถึง ช่วงแรกก็ขี่มอเตอร์ไซค์เลียบน้ำไปก่อน สักพักก็จอดแล้วชวนคนที่มาด้วยกันลงไปเดินเล่น

“โน่นไงดอยสุเทพฯ เสียดายมาไม่ทันพระอาทิตย์ตกดิน แต่วิวก็สวยดีใช่มั้ยล่ะ”

“อือ ได้เรียนที่วิวสวยๆ แบบนี้สุดยอดไปเลยนะ สมัยผมเรียนน่ะ ที่กรุงเทพฯ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตึก”

พวกเขาเดินคู่เคียงกันไปช้าๆ พอเมื่อยก็นั่งลงบนม้านั่งริมอ่างเก็บน้ำ

“ตรงนี้ค่อยสงบหน่อย แต่ข้างนอกคนเยอะเหมือนกันนะ”

“งี้แหละ ช่วงวันหยุด คนมาเที่ยวเยอะ”

“อือ โชคดีชะมัดที่โรงแรมมีห้องว่าง”

“อาจจะเป็นห้องที่ไม่มีใครกล้าพักรึเปล่าวะพี่”

“พูดแบบนี้อีกแล้ว!” รวินท์หันขวับ เขาผลักศีรษะเด็กหนุ่มออกห่าง “ปากเสียว่ะ! ถ้าตกดึกมีใครมาเยี่ยม ผมจะบอกให้หลอกคุณก่อน”

ภูพิงค์หัวเราะ “ผมล้อเล่นน่ะ ทีมานั่งมืดๆ แบบนี้กับผมทำไมไม่กลัววะ”

“ก็มีคนเดินผ่านไปมานี่หว่า”

“อาจจะไม่ใช่คนทั้งหมดก็ได้นา”

“พูดงี้อยากโดนถีบลงน้ำใช่มั้ยวะ”

เด็กหนุ่มส่ายหน้ารัว “กลัวแล้วคร้าบ! มาๆ ดูน้ำกันดีกว่านะพี่นะ” เขาหันมองไปยังผืนน้ำ นิ่งอยู่เช่นนั้นชั่วครู่ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบท้ายทอย แล้วเปลี่ยนมาเกาคางตัวเอง ทำท่าทางล่อกแล่กจนคนที่นั่งข้างกันหันมามอง

“เป็นอะไร ยุงกัดรึไง”

“เปล่า ผมแค่กำลังคิดว่า ถ้าพี่ถีบผมลงไปในอ่างนี่ ผมคงจะเจอเกียร์คณะตั้งแต่รุ่นแรกแน่ๆ”

“เขาเอามาทิ้งไว้ในอ่างแก้วนี่กันเหรอ ทำไมล่ะ”

“อือ ก็... พี่คงเคยได้ยินมาก่อน ปกติเวลาวิดวะมีแฟนก็จะให้เกียร์แฟนใช่มั้ยล่ะ แต่สำหรับที่นี่น่ะ พอเลิกกันก็จะเอาเกียร์มาโยนไว้ในน้ำนี่น่ะสิ”

“เลิกกันแล้วทำไมไม่คืนวะ ของสำคัญไม่ใช่เหรอ”

“ไม่รู้ว่ะ”

จากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆ จากทั้งสองหนุ่มไปอีกชั่วครู่

สายลมพัดมาแผ่วๆ ขณะที่รวินท์ทอดสายตามองผืนน้ำที่ไหวตัวเป็นระลอกน้อยๆ พอมานึกไป ภูพิงค์เป็นเด็กวิศวะ ก็ต้องมีเกียร์เหมือนกันสินะ ทันตแพทย์หนุ่มคิดไปพร้อมกับชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน อยากจะถามถึงแต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งสายตาของพวกเขาสบกันเข้าพอดี

“มีอะไรจะถามก็ถามดิวะ”

“ไม่อะ แค่สงสัย แต่ไม่ได้อยากรู้”

“จริงอ่อ” เด็กหนุ่มขยับเข้าไปใช้หัวไหล่กระแซะ “ถามหน่อยน่า”

“ไม่ถามเว้ย”

“ไม่อยากรู้อ่อ ว่าเกียร์ผมยังอยู่รึเปล่า”

รวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมตอบ เขาก็อยากรู้แหละ หากถ้าได้คำตอบมาว่าให้คนอื่นไป หรือหายไปแล้ว เขาคงเซ็งน่าดู

“ให้แม่ไปตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้ว”

“อือ” ผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็ยังดีที่ให้แม่ล่ะวะ

ภูพิงค์หันไปจ้องมองทันตแพทย์หนุ่ม จ้องแบบให้เห็นชัดๆ ว่าเขากำลังจ้องอยู่

“จ้องหาไรวะ”

“เปล่า” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนยืดแขนบิดขี้เกียจ ก่อนจะเดินวนไปยืนด้านหลังคนที่นั่งอยู่ เขาหันมองไปรอบๆ ดูว่าปลอดคนแล้วจึงหยิบเกียร์สีทองที่คล้องเชือกไว้ขึ้นมาสวมให้อีกฝ่าย

รวินท์สะดุ้ง พลางก้มลงมอง หัวใจเต้นระส่ำ “โห ตกใจหมด นึกว่าจะฆ่ารัดคอผมซะแล้ว”

“จะบ้าเรอะพี่! เชือกเส้นแค่นี้จะตายป่ะวะ”

“ไหนว่าให้แม่ไปแล้วไง”

“ก็ให้ไปแล้ว แต่ไปขอคืน”

เวลานี้ทันตแพทย์หนุ่มเก๊กไม่อยู่แล้ว เขายิ้มกว้าง พร้อมกับจับเกียร์ขึ้นมาดู “จู่ๆ ไปขอแม่คืน แม่ไม่สงสัยเหรอวะ”

“ไม่เห็นถามอะไรนี่” ภูพิงค์ย่อตัวลง แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆ ใบหู “เก็บไว้ดีๆ นะ จะได้เหมือนมีผมอยู่ข้างๆ ตลอด”

“อือ”

“ปลื้มใช่มะ”

รวินท์คว้าคอเสื้อเด็กหนุ่มเข้าหาตัว จากนั้นจึงแต้มจูบเรียวปากที่ชอบพูดจากวนประสาทไปเบาๆ “เออ ปลื้ม ขอบใจนะ”

“ใส่ไว้นะ ใครๆ จะได้รู้ว่าพี่วินมีเจ้าของแล้ว”

“ทำไมวันนี้พูดจาน่ารักจังวะ”

“ก็สิ้นปีแล้ว ทิ้งทวนหน่อย”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ ถ้าเป็นตัวเขาในอดีต เขาคงดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดฟัดแล้ว แต่เพราะภูพิงค์ไม่เหมือนใคร เขาจึงทำได้แค่เอื้อมมือไปไล้แก้มอีกฝ่าย

ภูพิงค์จับมือนั้นมากุมไว้ “กลับกันยัง ไปกินต่อกันดีกว่า”

อาห์ โคตรโรแมนติกเลยจริงๆ

“เออ กลับก็ได้” รวินท์ลุกขึ้น แล้วเดินตามคนที่จูงมือนำออกไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ จากนั้นก็พากันกลับไปที่บ้านเช่า



ภายในห้องนั่งเล่นในบ้านเช่าเปิดเพลงดังครึกครื้น ดิวกับขิงกำลังร้องคาราโอเกะเพลงหนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือเพื่อเอนเตอร์เทนบิดามารดาของแซนดี้ผู้เป็นสปอนเซอร์อาหารและเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์อย่างดีแบบไม่อั้น เมื่อได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ และสองหนุ่มเดินเข้าบ้านกันมาก็หยุดร้องเพลงกันทันควัน

“ไปซื้อยาถึงไหนวะ ข้ามไปฝั่งพม่ามาเหรอ”

“ไหนล่ะอีโน”

ภูพิงค์สะดุ้ง “เฮ้ย ลืม!”

“ไอ้สัส! มึงออกไปตั้งนาน แต่ลืมซื้อยาเนี่ยนะ หายหัวไปทำไรกับพี่หมอมาวะ!” แซนดี้ขึ้นเสียงสูงปรี๊ด หันไปพาลใส่รวินท์ด้วย “มันพาพี่หมอไปไหนมาเนี่ย! พี่หมอก็ไม่เตือนมันเลยนะ!”

“โทษทีๆ เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้ใหม่นะ”

“ไม่ต้องเลย” ซัน ดิวและขิงเดินไปล้อมด้านหลังสองหนุ่มไว้ “เดี๋ยวพี่หมอก็หายไปกับมันเป็นชั่วโมงอีก แบบนี้ต้องลงโทษทั้งคู่อะ นั่งๆ”

“เดี๋ยว~” รวินท์ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอะไรอีก เพราะสี่หนุ่มจัดวิสกี้ออนเดอะร็อคมาจ่อปาก

“คนละแก้วก่อนเลย สามแก้วถึงจะสาสม”

“มาดวลกันเลยดีกว่า” ทันตแพทย์หนุ่มรับแก้วมาแล้วยกขึ้นท้า “เอาหูฉลามกับหมูหันมาแกล้มด้วย จัดมาๆ”

สี่ชั่วโมงให้หลัง ภายในห้องนั่งเล่นก็มีแต่ขี้เมา บิดามารดาของแซนดี้ยอมแพ้ หนีไปนอนกันแล้ว เหลือหกหนุ่มที่ยังยกแก้วชนกันเป็นระยะ แล้วตั้งวงเล่นไพ่จับหมู จนกระทั่งปลายฟ้าเริ่มมีแสงรำไร

“พี่วินพอเหอะ” ภูพิงค์หยิบแก้วในมือทันตแพทย์หนุ่มออก พลางหันไปมองเพื่อนรักที่ล้มตัวลงนอนบนพื้น “หกโมงกว่าแล้ว ผมว่าเราขึ้นไปนอนกันสักหน่อยดีกว่าว่ะ”

“อือ มึนชะมัด ดีที่กินอะไรเข้าไปก่อน ไม่งั้นผมเมาตาย”

ภูพิงค์ลุกยืนโซเซ ก่อนจะช่วยพยุงรวินท์ให้ลุกตาม “ไหวมั้ย”

“ไม่ไหว” ทันตแพทย์หนุ่มถลาเข้าไปกอดคนอ่อนวัยกว่าไว้ทันที

“อย่ามารยาน่ะ” เด็กหนุ่มกอดอีกฝ่ายไว้แล้วยิ้มมุมปาก

“รู้ดีฉิบหาย”

“ถ้าจะให้พี่ขี่หลังตอนนี้ผมก็กลัวว่าเราจะหน้าทิ่มไปด้วยกัน ค่อยๆ เดินละกันนะ”

“โอเค”

สองหนุ่มประคองกันไปช้าๆ ก้าวขึ้นบันไดกันไปอย่างทุลักทุเล แต่ถึงจะเมาแค่ไหน ทันตแพทย์หนุ่มก็ต้องแปรงฟันก่อนนอน  ภูพิงค์จึงถูกบังคับให้ไปแปรงฟันด้วยกัน ก่อนจะมาทรุดตัวลงนอนเคียงกันบนที่นอน

“เมาแทบตายแล้วยังต้องคลานไปแปรงฟันอีกเนี่ย ครั้งแรกในชีวิตเลยแม่ง”

รวินท์หัวเราะ พลางหันไปหาเด็กหนุ่ม “พิงค์ กอดหน่อยดิ”

ภูพิงค์พลิกตัวหันหน้าเข้าหา จากนั้นจึงใช้ปลายนิ้วไล้แก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ “เมาแล้วอ้อนจังว่ะ”

ทันตแพทย์หนุ่มยื่นใบหน้าเข้าไปหาคนอ่อนวัยกว่า ใกล้จนริมฝีปากของพวกเขาเกือบสัมผัสกัน “อือ ไม่อ้อนแฟนแล้วจะไปอ้อนหมาที่ไหน”

เด็กหนุ่มลดตาลงมองกลีบปากสีแดงตรงหน้า พร้อมกับหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆ “เดี๋ยวจะจูบให้ร้อง...” ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ

รวินท์ผละออก หันไปควานหาโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายทันที ปล่อยให้คนอ่อนวัยกว่าค้างเติ่งอยู่แบบนั้น “เกิดอะไรขึ้นกับมึงวะ คนอย่างมึงถึงโทรมาแต่ไก่โห่ได้”

“ก็เพิ่งตักบาตรมาไง กรวดน้ำให้มึงกับเด็กมึงด้วย แต่ทำไมเสียงมึงอ้อแอ้แบบนี้ เมาเหรอวะ” คนที่ปลายสายถาม

“เมาห่าไร ระดับกูแล้ว”

“เออ ระดับมึงเนี่ยแหละ เมาแต่เช้าเลย แล้วนี่ไปเมาอยู่ไหนวะ แดกเหล้ามื้อไหนเนี่ย”

“อยู่บ้านพิงค์ แดกเหล้ากันตั้งแต่เมื่อคืน แล้วมึงอะ แพลนนอนโรงบาลข้ามปีไปถึงไหนละ”

“สัส อีกไม่นานก็ออกได้แล้วโว้ย เมาแล้วก็อย่าเผลอตัวปล้ำเด็กมึงล่ะ”

รวินท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ระดับกูนี่จงใจเลยแหละ”

ภูพิงค์จ้องอีกฝ่ายเขม็ง ฟังดูก็พอจะรู้ว่าพี่เต้เป็นคนโทรมา แต่จะหน้าบานอะไรขนาดนั้นวะ

“คืนนี้ไปเคาทน์ดาวน์ที่ไหนวะ”

“แถวๆ นี้แหละ มึงล่ะ”

“กูจะไปไหนได้วะ คงเคาทน์ดาวน์กับพ่อแม่แล้วก็ไอ้เตยอยู่ที่โรงบาลนี่แหละ”

“เออ ดี แปลกดี เป็นประสบการณ์ใหม่เว้ย” รวินท์ชะงัก เมื่อคนที่นอนอยู่ข้างกันดึงโทรศัพท์มือถือออกไปจากมือ แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาบดจูบริมฝีปากแบบไม่ให้ได้ทันตั้งตัว

“เมื่อวานหมอมาเช็กครั้งสุดท้ายของปี...” เตชิตพูดไปเรื่อยๆ ทว่าสักพักก็รู้สึกว่าคนที่ปลายสายเงียบไป “ไอ้วิน? ไอ้วินเว้ย?”

ภูพิงค์ละเรียวปากออกมาจากกลีบปากที่เห่อบวม นัยน์ตาของคนใต้ร่างที่มองมายังเขาปรือปรอย เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำลายบนริมฝีปากนั้นพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุยเสียเอง “พี่วินเมาหลับไปแล้วว่ะพี่เต้”

คนที่ปลายสายอยากจะแหมไปให้ถึงอีกกาแลคซี่ กลอกตามองบนจนลูกตาจะตลบกลับไปท้ายทอยแล้ว “แค่คุยโทรศัพท์ก็ต้องหวงเหรอวะ”

“เออสิวะ หวงมากด้วย ก็พี่วินเป็นของผมนี่”

“แค่คุยกับเพื่อนก็ไม่ได้รึไง”

“ก็พี่เสือกโทรมาได้จังหวะพอดี” ด้วยความเมา เด็กหนุ่มจึงพูดไปตรงๆ ทำตาขวางใส่ทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า

เตชิตหัวเราะเสียงขึ้นจมูก “ขอบใจที่บอกเว้ย ถ้างั้นผมเดี๋ยวจะโทรอีกรัวๆ โทรแม่งยันปีใหม่เลย”

“พี่วินหลับไปแล้วเว้ย ไม่ต้องโทรมาแล้ว ไว้คุยกันใหม่ปีหน้าเลยละกัน หวัดดีปีใหม่เว้ยพี่”

“ไอ้!” เตชิตยังไม่ทันจะด่า เด็กหนุ่มก็กดวางสายไปเรียบร้อย

หากเมื่อเขาหันไปทางเจ้าของโทรศัพท์ อีกฝ่ายก็ดันหลับไปแล้วจริงๆ “ไอ้พี่วิน!” เขาเอื้อมมือไปบีบจมูกทันตแพทย์หนุ่ม “ชอบทำให้หึงนัก” จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงไปแนบจูบริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อยเพื่อหายใจอีกครั้ง เขาสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดอย่างเอาแต่ใจ สองแขนโอบกอดอีกฝ่ายขึ้นมาแนบกาย

“ถ้าทำให้หึงบ่อยนัก หมดความอดทนเมื่อไหร่ผมจะปล้ำแม่งเลย ไม่รอแล้วนะเว้ย” ภูพิงค์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเอนตัวลงนอนโดยที่ยังกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าอีกฝ่ายยามหลับใหล ใช้ปลายนิ้วไล้ตามลำคอ ลงไปยังเกียร์สีทองที่คล้องอยู่กับเชือกสีดำบนลำคอขาว

ไม่นานทั้งสองคนก็พากันไปเข้าเฝ้าพระอินทร์



ในตอนเที่ยงกว่าๆ ของวันสิ้นปี สองหนุ่มตื่นขึ้นเพราะเสียงเคาะประตูเรียก

เจ้าของห้องผงกศีรษะขึ้น “มึงจะเคาะทำไมวะไอ้ซัน เข้ามาดิ๊”

เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่ของซัน แต่เป็นของมารดาของแซนดี้ “พิงค์เอ๊ย หมอวิน ตื่นเถอะลูก ลงมากินกลางวันกัน”

ภูพิงค์สะลึมสะลือลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตูห้องออก “กินอีกแล้วเหรอครับแม่ แล้วทำไมไม่ให้ไอ้พวกนั้นมาเรียกผมล่ะเนี่ย”

“มันยังไม่ตื่นกันเลยลูก นี่เห็นว่าตอนบ่ายแก่ๆ หน่อยจะมีเพื่อนสโมฯ อะไรเนี่ยมาร่วมฉลองปีใหม่กันด้วยน่ะ”

“ฮะ! ไอ้พวกสโมฯ จะมาเหรอ งั้นเดี๋ยวผมจะรีบลงไปครับ” เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง หายง่วงทันควัน เขารีบวิ่งกลับไปปลุกคนที่ล้มตัวลงนอนเอาศีรษะไถหมอนต่อ “พี่วิน ตื่นโว้ย!”

“โอยปวดหัวชะมัด เสียงดังอะไรแต่เช้า”

“เช้าอะไรพี่ นี่มันเลยเที่ยงแล้วเว้ย รีบล้างหน้าแปรงฟันกันก่อน เดี๋ยวไอ้พวกสโมฯ จะมา”

“ฮะ!” รวินท์ลุกขึ้นพรวด

สองหนุ่มรีบรุดลงไปชั้นล่าง ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แค่ล้างหน้าแปรงฟัน กินมื้อเที่ยงกันแล้วก็รีบขับรถชิ่งหนีกันออกไปจากบ้านเช่าก่อนที่แก๊งสโมฯ จะมา เพราะภูพิงค์กลัวว่าถ้าเจอหน้ากันไอ้พวกนั้นจะหาเรื่องใช้งานพี่วินของเขาอีก แค่เรื่องเสื้อนี่ก็ลิสต์ยาวเป็นขี้ปลาทองแล้ว

รวินท์ขับรถออกไปได้สักพักก็เคลื่อนรถเข้าไปจอดเทียบทางเท้า ก่อนจะเอี้ยวตัวไปเบาะหลังเพื่อรื้อหา vocher โรงแรม

“ทำไรวะพี่ ขับไหวมั้ย”

“ไหวๆ แต่ต้องหาที่อยู่โรงแรมก่อนว่ะ”

“นี่พี่จองโรงแรมทั้งที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ไหนเนี่ยนะ” ภูพิงค์ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองรัวๆ มีลางว่าจะได้นอนห้องพิเศษแถมแขกพิเศษด้วยแหงๆ

“พนักงานบอกว่ามีระเบียงใหญ่ อยู่บนเขาไม่สูงมาก ระเบียงติดภูเขามองเห็นวิวภูเขาด้วย อืม... เจอละ” คนพูดอ่านที่อยู่ออกเสียงเบาๆ แล้วกดที่อยู่ใส่ลงไปในเนวิเกชันซิสเต็ม

“อืม... ถ้าจากห้องมองเห็นภูเขา ก็น่าจะอยู่คนละฝั่งกับเมืองป่ะวะพี่ ถ้างั้นก็มองไม่เห็นพลุปีใหม่น่ะสิ”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับ “เออ! ฉิบหาย!”

เด็กหนุ่มหัวเราะร่วน “มิน่าล่ะไม่มีคนจองอะ พี่วินแม่ง!”

รวินท์หยิบโบรชัวร์กับ vocher ส่งให้คนที่นั่งอยู่ข้างกัน “เอาน่ะ ไม่เห็นพลุ แต่วิวก็สวยดีนะ มีอาหารมาส่งถึงห้องด้วย คือจริงๆ ห้องใน vocher มันเต็ม แต่เขาว่ามีห้องพิเศษ ให้เพิ่มเงินนิดหน่อย ผมเลยเอา”

“เออ จะว่าไป ผมว่าก็ดีเหมือนกันเนอะ ไม่ต้องไปแออัดนั่งรอในร้านอาหาร” ภูพิงค์เปิดดูภาพในแผ่นพับชั่วครู่ แล้วก็วางลงที่เดิมของมัน “วันวาเลนไทน์ ให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องร้านอาหารกับที่พักบ้างนะ”

“เออๆ เอาที่วิวสวยๆ โรแมนติกสุดๆ ให้สมกับเป็นคืนเสียตัวนะเว้ย”

“สะ...เสียตัว” เด็กหนุ่มหน้าร้อนวาบ “ไอ้พี่วิน! ทะลึ่งว่ะ!”

“เอ๊า ก็เห็นคนเขาเรียกกันแบบนั้น ผมก็เรียกตามเขาซื่อๆ”

“ซื่อฉิบหายเลยพี่อะ” ภูพิงค์เบือนหน้าหลบ เพราะคิดว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาต้องเปลี่ยนเป็นสีแดงแปร๊ดแล้วแน่ๆ เอาเข้าจริงๆ ลึกลงไปในใจเขาก็อยากแหละ ไอ้พี่วินก็น่าฟัดน้อยซะที่ไหน ติดตรงที่ยังไม่กล้าคิดถึงเรื่องอย่างว่าสักเท่าไหร่ ทฤษฎียังไม่แม่น จะถามอีแซนดี้ก็... มันคงหัวเราะเยาะเช้าเย็น จะกูเกิลดูก็ไม่กล้า ชีวิตแม่ง!

“คิดอะไรอยู่ ทำหน้าเขียวๆ แดงๆ คิดอะไรทะลึ่งแหงๆ”

“เปล่าเว้ยพี่!” เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ หงุดหงิดกับความไก่อ่อนของตัวเองแบบสุดๆ เพราะงั้นเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า “เออ แล้ววันหยุดสองวันนี่ไปเที่ยวไหนกันดี แต่คงไปไกลไม่ได้นะพี่ ผมเปิดเทอมวันที่สาม”

“ช่วงนี้อากาศดี คนมาเที่ยวเยอะ ผมไม่ค่อยอยากไปไหน” รวินท์ยิ้มมุมปาก “อยากอยู่กับคุณสองคนมากกว่า”

“โห ไม่ต้องหยอดผมแล้วพี่ แค่นี้ก็ผมก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว อือ... ถ้างั้นวันปีใหม่ไปไหว้พระขอพรกันก่อน แล้วจะไปไหนต่อค่อยว่ากัน”

“แล้วแต่น้องพิงค์เลยครับ ผมได้หมด ให้จบที่ค้างคืนด้วยกันก็พอ”

“ขนลุกว่ะพี่วิน ผมรู้สึกเหมือนจะโดนหลอกไปฟันยังไงก็ไม่รู้”

“เว้ย ไอ้เด็กเวร ระดับคุณอะ ต้องใช้ปังตอรุ่นไหนถึงจะฟันขาดวะ” คนที่ขับรถอยู่หันไปต่อว่า ขับต่อไปอีกสักพักก็เลี้ยวรถเข้าไปยังถนนของโรงแรม ไม่นานก็ไปจอดอยู่ในที่จอดรถของโรงแรมเรียบร้อย

สองหนุ่มสะพายเป้คนละใบ ลงจากรถแล้วยืนมองโรงแรมกัน

โรงแรมขนาดใหญ่โตตั้งอยู่บนเขาไม่สูงนัก ละแวกนั้นมีแต่ป่า จากที่จอดรถมองออกไปเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ได้ ภายในเขตโรงแรมประดับดอกไม้ต้นไม้ไว้สวยงาม

“โห ก็เป็นโรงแรมใหญ่เหมือนกันเนอะพี่ ผมนึกว่าต้องนอนกับจิ้งหรีดซะแล้ว”

“รูปก็เหมือนใน vocher นะ สวยดี อากาศสบายๆ มีหมอกด้วย”

สองหนุ่มเดินเข้าไปเช็กอินพร้อมกัน หากเนื่องจากวันนี้แขกเยอะ พนักงานจึงวิ่งกันวุ่น พนักงานที่เคาทน์เตอร์ขอโทษแล้วขอโทษอีกที่ทำให้ต้องรอเด็กยกกระเป๋านานสักหน่อย

“พวกผมมีแค่เป้คนละใบ ไม่ต้องยกให้หรอกครับ” รวินท์บอกกับพนักงาน

“แต่ห้องหายากสักหน่อยนะคะ เพราะเป็นห้องส่วนตัวมากๆ อยู่ทางด้านหลัง”

“เอาแผนผังโรงแรมมาก็ได้ครับ เดี๋ยวพวกผมหากันเอง ผมขี้เกียจรอน่ะ”

พนักงานสาวยิ้มเจื่อนๆ พลางยกมือไหว้ “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ห้องของคุณรวินท์อยู่โซนนี้ค่ะ มีทั้งหมดสามห้อง ของคุณรวินท์ห้องฝั่งซ้ายนะคะ จะมองเห็นภูเขา แล้วเห็นพระอาทิตย์ตกดินด้วยค่ะ อาหารเย็นจะนำไปเสิร์ฟที่ห้องตอนหกโมงนะคะ หรือถ้าจะให้เสิร์ฟเวลาอื่นก็โทรมาสั่งได้ค่ะ” เธอจัดการหาแผนผังภายในโรงแรมให้ และบรรยายทางเดินให้เสร็จสรรพ

“โอเคครับ” ทันตแพทย์หนุ่มรับคีย์การ์ดมาแบบงงๆ จากนั้นก็คลำทางกันไป

“ทำไมห้องมันหลบอยู่ขนาดนี้วะ มีผีแน่ๆ เลยว่ะพี่”

“ปากเรอะนั่น! โรงแรมใหญ่ขนาดนี้ไม่น่ามีผีป่ะวะ”

“ผีเกี่ยวไรกับขนาดโรงแรมวะพี่”

สองหนุ่มเดินบ่นกันไป หลงทางกันบ้าง แต่ในที่สุดก็พบห้องของพวกเขา

“แม่ง เจอสักที” รวินท์แตะคีย์การ์ด เปิดประตูก้าวเข้าไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงัก “เฮ้ย...”

ห้องพักของพวกเขาอยู่ที่ตึกด้านหลังสุด ซึ่งเป็นตึกชั้นเดียวแยกออกมาจากตึกใหญ่ มีขนาดกว้างขวางสมกับเป็นห้องพิเศษ มีเตียงใหญ่ตรงกลาง ด้านซ้ายของเตียงเป็นชุดโซฟาและโต๊ะอาหาร มีบานประตูกระจกออกสู่ระเบียง ฝั่งขวามุมหนึ่งเป็นห้องอาบน้ำที่ผนังด้านนอกสามด้านเป็นกระจกใส ตรงข้ามกันมีอ่างจากุซซีขนาดใหญ่ชิดผนังกระจกของห้อง เพื่อให้มองทิวทิศน์ด้านนอกขณะแช่น้ำในอ่างได้ด้วย

สองหนุ่มเดินสำรวจห้องกันแบบงงๆ

“พี่วิน... ทำไมอ่างอาบน้ำมันไม่อยู่ในห้องน้ำวะ”

ทันตแพทย์หนุ่มกะพริบตาปริบๆ “อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันเปล่าวะ ห้องน้ำใสซะขนาดนั้น” เขาเดินไปที่โต๊ะซึ่งมีตะกร้าผลไม้และเครื่องดื่มจัดไว้ให้อย่างสวยงาม ก่อนจะหยิบการ์ดที่เหน็บไว้กับหูตะกร้าขึ้นมาดู “ยินดีต้อนรับคุณรวินท์สู่ห้องฮันนีมูนสวีต...”

ภูพิงค์ยืนมองเตียงซึ่งมีผ้าเช็ดตัวมัดเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันและมีช่องว่างตรงกลางเป็นรูปหัวใจวางอยู่ข้างบน มีกลีบดอกไม้โปรยไว้ให้พร้อม เขาหันขวับไปหาอีกฝ่าย “พี่วินแม่งคิดไม่ซื่อกับผมแน่ๆ จะผิดผีกับผมเหรอวะ”

“ผมไม่นึกว่าห้องพิเศษที่เขาว่ามันจะเป็นห้องแบบนี้โว้ย”

“แล้ว... เราจะอาบน้ำกันยังไงดี”

“ก็แยกกันไปอาบสิวะ คุณจะลงอ่างหรือจะยืนอาบล่ะ”

เด็กหนุ่มเดินไปสำรวจห้องน้ำกับอ่างจากุซซีอีกรอบ ก่อนจะกลับเข้ามาหาอีกฝ่าย “อาบในอ่างแม่งต้องหวิวโคตรๆ แน่ๆ ในห้องน้ำยังมีกระจกล้อม งั้นผมอาบในอ่างก็แล้วกัน”

รวินท์หรี่ตามอง “อ่อ ชอบหวิวๆ สินะ รสนิยมแบบนี้นี่เอง”

“ไม่ใช่เว้ย! ใครจะให้แฟนตัวเองไปอาบตรงที่หวิวๆ ล่ะวะ”

“ผมยังไงก็ได้ อืม...แต่ตอนนี้ไปเราดูพระอาทิตย์ตกดินที่ระเบียงกันก่อนดีกว่า”


*TBC*


สวีตเนอะะะ แหมๆ คล้องเกียร์ทองจองตัวพี่~

แบบนี้แล้วคืนวันปีใหม่จะป่วนกันขนาดไหนน้อออ อิอิ รอต่อไปอีกตอนละกังงงง 555555

ขออำพัยที่เอามาลงช้านะคะ ฮัสกี้หนีเที่ยว  :-[

ตอนแรกนึกว่าจะลงได้ระหว่างเที่ยว แต่ขึ้นเขาทุกวัน เหนื่อยมาก แหะๆ

แต่ก็เอามาลงยาวๆ ให้ฟินๆ เลยน้าาาา ขอบคุณทุกคนที่รอและติดตามค่ะ ชุ้ฟๆ


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-05-2018 18:27:32
 :z1: :z1: :z1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 30-05-2018 18:30:07
อูยย ห้องสวีตเลยน้าา จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าบรรยากาศก็เป็นใจออก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 30-05-2018 18:31:33
ว้าวววววววววว  ...Husky โพสต์ปุ๊บ...รีบเข้ามาอ่านเลย


ตอนนี้  ฟินกับ ความหวาน ของ พี่วิน น้องพิงค์ จริงๆๆๆ :o8:
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven


แก๊งค์ เพื่อนๆๆ สี่หนุ่ม ก้อส่งเสริมกันได้ดี  เมาจนเช้า  ดีที่ไม่ลากยาวยันปีใหม่

ตัดฉากไปที่ โรงแรม  จูงกันเข้าห้องฮันนีมูนสวีต.

 ในห้อง มี อ่าง jacuzzi แล้วตัดจบเนี่ย....แปลว่าอะไร 


ขัดใจๆๆๆ husky จังเลย :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-05-2018 18:50:20
ห้องฮันนี่มูนสวีตด้วย แอร๊ยยยยยย :haun4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 30-05-2018 18:52:29
ได้เกียร์แล้วโว๊ย

จากนี้ก็ฟันเฟืองต่ออ่ะเนาะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 30-05-2018 18:53:03
ห้องและบรรยากาศเป็นใจขนาดนี้ ไม่ต้องรอถึงวาเลนไทน์หรอก จัดเลยพิงค์ พี่หมอเค้าเตรียมตัว เตรียมใจมานานแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-05-2018 19:20:23
หมั่นไส้คู่นี้จริงๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 30-05-2018 19:33:35
กว่าจะเสียตัว
ต้องรอวาเลนไทม์เลยหรอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-05-2018 19:43:55
ห้องเป็นใจ จัดกันไปเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 30-05-2018 19:47:43
หวั่นๆว่าน้องพิงค์จะเสียตัว 555  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 30-05-2018 19:51:57
ไหนๆก็ไก้ห้องนี้แล้วอาบไปด้วยกันเลยจ้าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 30-05-2018 20:21:58
กรีดร้องงงงงน้องพิงค์จะเสียตัวให้พี่หมอรึปล่าวน๊า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-05-2018 20:22:52
 :pig4: :pig4: :pig4:

นุ้งพิงค์จะปรึกษาแซนดี้เรื่องบนเตียง

เอ...หรือนุ้งพิงค์เตรียมตัวเป็นรับเหรอ?
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-05-2018 20:29:26
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-05-2018 20:31:29
อะจ๊ากกกกก......... :hao6:
ห้องพิเศษ....พิเศษจริงๆ   :katai2-1:
้เป็นห้องฮันนีมูนสวีต......  :impress2:
ก็...ฮันนีมูนกัน ให้สมกับชื่อห้องซะเลย คนอ่านรอนานละ   :z3:
ไหนๆ ก็เกียร์อยู้ที่วิน  ก็กินกันซะเลย   :z1: :pighaun: :haun4:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 30-05-2018 20:35:14
 :serius2:  รอพิงค์รุกอยู่น้าาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-05-2018 20:49:53
เหนื่อยแทนพี่วิน อ้อยจนไม่รึ้จะอ้อยยังไง นู๋พิงค์ก็ไม่กล้าสักที
ได้ห้องฮันนีมูนขนาดนี้จัดไปหาให้เสียค่าห้องเปล่าๆนะ :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-05-2018 20:56:20
แหมมมมมมมม ห้องน้ำเป็นใจจริงๆ
ใครจะอ่อยก่อนเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 30-05-2018 22:09:57
 :z3: เจิมก่อนอ่าน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-05-2018 22:11:01
ไหนๆ ก็ได้มาอยู่ห้องสวีทแล้วก็อย่าให้มันเสียบรรยากาศค่ะ จัดไปเลยค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 30-05-2018 22:14:56
จองตัวแล้ว  กินโต๊ะจีนแล้ว  ไปฮันนีมูนแล้ว   ต่อไปก็รอคืนเข้าหอสินะ   :m32: :m32: :m32:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 30-05-2018 22:16:51
จองห้องได้สมกับเป็นพี่วินเลย ห้องฮันนี่มูนสวีท 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: newone ที่ 30-05-2018 22:39:50
ใกล้ได้ผิดผีแล้วใช่ไหมคะ
จะได้คลุกวงในกันแล้วยังอ่าาาาาา รอร๊อ รอค่าาา :katai4: ไม่ใช่ไรน๊าาา เห็นใจอิพี่ล้วนๆ ก็น้องน่ารักขนาดเน้อ่า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-05-2018 22:45:09
อาบน้ำเอ้าดอร์จ้าา ว้ายๆๆ เผด็จศึกเลยมั้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 30-05-2018 23:25:42
จะได้เสียตัวสมชื่อห้องมั้ยเนี่ย!! :really2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: dear77 ที่ 30-05-2018 23:54:51
สนุกมาก จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 31-05-2018 00:22:32
ห้องพร้อม บรรยากาศพร้อมขนาดนี้
มันต้องมีอะไรคืบหน้านะะะะะ
คือมันชวนเสียตัวมากอะ 55555555
สมกับเป็นพี่วินจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 31-05-2018 00:37:48
อ่านแล้วก็ลุ้นไปว่าจะ วินพิงค์ หรือ พิงค์วิน
ส่วนตัวคือ ทีมวินพิงค์ น้องพิงค์ยอมๆพี่หมอไปเถอะ พี่เค้า ปสก. เยอะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-05-2018 00:38:38
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-05-2018 01:42:53
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 31-05-2018 01:54:45
ได้กัน! ได้กัน!! ได้กัน!!! ได้กัน!!!!
ได้ห้องฮันนิมูนทั้งทีก็ต้องสวีตกันให้เต็มที่ไปเลยนะฮร้าาาา :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 31-05-2018 05:41:26
 :hao6: :z1: :hao6: บรรยากาศพร้อม  สถานที่พร้อม  คนพร้อม พี่หมอจะคลุกวงในแล้วละเว่ยเฮ้ย  :z1: ใครจะอยู่บนอยู่ล่างหว่า  :z1: ลุ้ยว้อยยยยยยยยย  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 31-05-2018 07:25:29
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-05-2018 08:55:41
รอเขาผิดผีเสียตัวกันค่ะ  :hao6: :hao6: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 31-05-2018 09:03:26
อ่อยกันไปอ่อยกันมาระวังหมดแรงทั้งคู่น้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 31-05-2018 09:29:09
ใช้ห้องให้สมกับชื่อ ฮีนนีมูนสวืท กันหน่อยนะคะ
 :laugh: :jul1: :mc4: :hao7: :katai1: :pigha2: :laugh: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 31-05-2018 09:30:38
พี่วินสายแดรกยังหนีอ่ะคิดดู
พ่อแม่ของซินดี้เปย์หนักมาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 31-05-2018 10:43:15
ห้องฮันนีมูนสวีต...เอะๆๆจะรอจนถึงวาเลนไทน์รึเปล่าหนา?   :z1:  :z1:   :z1:
มอบเกียร์แล้วด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 31-05-2018 15:38:31
ตอนต่อไปด่วนค่าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 31-05-2018 21:53:56
ห้องสวีตขนาดนี้ต้องเสียตัวแล้วล่ะ o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 31-05-2018 23:22:54
อิจฉา.. :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-06-2018 00:12:34
แอบหวานกันด้วย ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-06-2018 08:50:50
จ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 01-06-2018 13:08:26
บรรยากาศพาฟินขนาดนี้แล้ว ก็ควรจัดสิคะ จะรอให้ตัดริบบิ้นหรอออ :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 02-06-2018 21:00:18
ตอนนี้ลุ้นพัฒนสการของ2หนุ่ม
เมื่อไหร่จะตบะแตกกันคร้าาา :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 46 : เกียร์ทองคล้องใจ][300518]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-06-2018 20:54:55


Chapter 47 : ลงอ่าง


สองหนุ่มนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นอนตัวยาวบนระเบียง ทอดสายตามองท้องฟ้ายามเย็นและภูเขาสีเขียวขจีซึ่งเริ่มมีหมอกบางๆ ปกคลุม

“ถ้าพี่วินง่วง นอนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมโทรไปขอเลื่อนมื้อเย็นให้”

รวินท์ส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ได้ห้องวิวสวยๆ ทั้งที ต้องดูให้คุ้ม”

“งั้น... จะออกไปเดินเล่นในโรงแรมกันมั้ย”

“ไม่อะ ขี้เกียจ”

“อยากอยู่กับผมสองคนก็บอก”

“แหงล่ะ ไม่งั้นไม่พาผ่านเขาวงกตมาซ่อนซะไกลขนาดนี้”

ภูพิงค์หัวเราะ “มันก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้นป่ะวะพี่ ห้องส่วนตัวมากๆ ก็แบบนี้” เขาชี้ไปยังเทือกเขาที่ปลายฟ้า “พระอาทิตย์กำลังตกแล้ว”

พวกเขานิ่งเงียบ มองดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ จนจรดยอดเขา

“โรแมนติกโคตร ภูเขา หมอก พระอาทิตย์ตกดิน โรงแรมนี้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยแฮะ” ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้น แล้วเดินไปเกาะราวระเบียง “แต่จะว่าไป ผมว่าหมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะเนี่ย”

ภูพิงค์ลุกเดินไปยืนข้างกัน เขาเท้าแขนลงบนราวระเบียงพลางหันหน้าเข้าหาทันตแพทย์หนุ่ม แสงสีส้มแดงของดวงอาทิตย์ฉาบเส้นผมอีกฝ่ายให้เป็นประกายสีอ่อน จากตรงที่เขายืนอยู่นี่ มองเห็นขนตายาวเป็นแผง จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากสีแดงดูนุ่มนิ่มเหมือนเยลลี อะไรๆ ก็ดูเข้ากันดีไปเสียหมด พี่วินนี่แม่งโคตรทั้งหล่อทั้ง... “สวย”

รวินท์หันมาทางคนพูด “หมอกอะเหรอ”

“อะ เออ... อากาศดี บรรยากาศก็ดีไง”

รวินท์เอื้อมมือไปแตะแก้มเด็กหนุ่ม “ดีจังที่คุณชอบ คราวหน้าผมจะเตรียมตัวให้ดีกว่านี้นะ”

“ไม่ต้องเลย คราวหน้าผมเป็นคนจัดการ”

“เออๆ คราวต่อไปก็ได้” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้ม เขาหันกลับไปมองทิวทัศน์เบื้องหน้า สักพักจึงเอ่ยขึ้น “เออ พิงค์ วันเสาร์ที่สองของเดือนหน้า...”

เสียงกดกริ่งจากด้านหน้าห้องดังขึ้น สองหนุ่มจึงหันขวับไปทางต้นเสียง “สงสัยมื้อเย็นมาละ”

“เดี๋ยวผมจัดการให้เอง” เด็กหนุ่มลุกไปเปิดประตู ก่อนพนักงานจะเข็นรถเข็นเข้ามาข้างใน เขาพูดคุยกับพนักงานนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกมาถามอีกฝ่าย “พี่วิน เขาถามว่าจะให้เตรียมน้ำในอ่างให้เลยมั้ยอะ เอาไงดี”

รวินท์ทำหน้างงๆ “เออ ก็...ได้แหละ”

“งั้นเข้ามากินข้าวกัน”

พวกเขาเดินมึนไปนั่งลงที่โต๊ะอาหาร พนักงานจัดเรียงจานชามให้อย่างสวยงามและว่องไว มีดอกไม้และจุดเทียนประดับให้เสร็จ โรแมนติกโคตรๆ เสร็จแล้วก็ยืนเฝ้าอยู่ที่ข้างโต๊ะ คอยบริการต่อ

สองหนุ่มลงมือกินมื้อเย็นกันแบบหวาดๆ “พี่วินระวังไฟลนคาง”

“ห่างตั้งโยชน์จะลนได้ไงวะ”

“อาหารก็อร่อยดีเหมือนกันนะพี่ แต่แบบ...” ภูพิงค์พูดพร้อมกับชำเลืองมองพนักงานที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ใกล้ๆ

รวินท์ตอบเสียงเบา “อือ ทนๆ เอาหน่อยละกัน”

พวกเขาก้มหน้าก้มตากินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเปลี่ยนไปกินของหวานได้สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของรวินท์ดังขึ้นแทรก เขารีบหยิบขึ้นมาดู ยิ้มและกดรับสาย “ว่าไงครับ”

“สวัสดีวันสิ้นปีค่า”

“ครับๆ แฮปปี้นิวเยียร์ล่วงหน้าด้วยเลยนะครับ”

เสียงอ่อนเสียงหวานนั่นเรียกให้ภูพิงค์เงยหน้าขึ้นพรวด สีหน้าและสายตาของคนที่นั่งตรงข้ามกันดูอ่อนโยนจนผิดปกติ ที่สำคัญ นอกจากพี่เต้กับที่บ้านแล้วพี่วินก็ไม่รับสายใครสักเท่าไหร่ แต่ดูจากท่าทางแล้ว ไม่น่าจะใช่ทั้งสองกรณี

“วินทำอะไรอยู่ ยุ่งอยู่รึเปล่า ขอคุยด้วยสักห้านาทีได้มั้ยคะ”

“ได้ หกนาทีก็ได้ เป็นไงบ้างล่ะ เตรียมงานแต่งไปถึงไหนละ”

“ยังไม่ถึงไหนเลย ขวัญไม่ค่อยมีเวลาว่างเลยค่ะ~” หญิงสาวที่ปลายสายโอดครวญ “คือ... ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ขวัญอยากรบกวนวินกับเต้หน่อยได้มั้ย มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวให้หน่อยสิ มาให้ใช้แรงงานทีนะคะ”

“เดี๋ยวๆ ให้ผมกับไอ้เต้เนี่ยนะ! แล้วใครจะเป็นเพื่อนเจ้าสาว”

“ก็วินไง”

“ไม่เอา! ให้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนี่ผมพอไหวนะ แต่เพื่อนเจ้าสาวไม่เอาเด็ดขาด!” รวินต์ตอบเสียงแข็ง “ที่สำคัญ ไอ้เต้มันไม่น่าหายทันนะ”

“อ้าว ไหนเต้บอกไม่ได้เจ็บอะไรมาก เดี๋ยวต้องโทรไปต่อว่าให้หนัก โธ่! ขวัญยิ่งขาดแรงงานอยู่!”

รวินท์ถอนหายใจ “อีกเกือบสองอาทิตย์... ก็ยังพอมีเวลา...” เขาหันไปสบสายตากับคนที่จ้องมาทางตนเขม็ง “อ้อ... ขวัญอยากได้แรงงานสักกี่คน”

ภูพิงค์คิ้วกระตุก เขาก็เดาอยู่แล้วว่าน่าจะเป็นโทรศัพท์จากขวัญข้าว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพี่วินคุยกับเธอต่อหน้าจังๆ และเขาก็เพิ่งเคยเห็นสีหน้าอ่อนโยนของพี่วินแบบนี้ ขวัญข้าวเป็นผู้หญิงคนเดียวที่รั้งหัวใจพี่วินไว้ได้ถึงห้าปี ดูจากสีหน้าพี่วินตอนนี้แล้ว... ก็คงรักมากจริง

คนอ่อนวัยกว่ารู้สึกฝืดคอ กลืนอะไรไม่ลงขึ้นมาทันใด หัวใจเจ็บแบบแปลบๆ ชอบกล เขาวางส้อมของหวานลง กินอะไรไม่ลงอีกแล้ว

“กี่คนก็ได้ ยิ่งเยอะยิ่งดี วินมีคนรู้จักเหรอ”

“อือ ยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะโอเคมั้ยนะ แต่รวมผมด้วยเป็นหกคน ไหวมั้ย”

“จริงเหรอ! ถ้าได้จริงๆ เดี๋ยวขวัญส่งรถตู้ไปรับเลย!”

“แล้วจะให้ช่วยอะไรบ้างล่ะ”

“คืองานขวัญจัดแค่เล็กๆ มีชาวบ้านมาทำอาหารให้ โต๊ะเก้าอี้ก็ขอยืมโรงบาลเอา แต่ยังหาคนช่วยดูแลความเรียบร้อยในงานไม่ได้เลย”

“เดี๋ยวผมถามเขาก่อนนะ” รวินท์ลดโทรศัพท์ในมือลง “พิงค์ วันเสาร์ที่สองของเดือนหน้าน่ะ มีงานแต่งงานขวัญข้าวเพื่อนผมที่เชียงราย ขอแรงไปช่วยงานหน่อยได้มั้ย เดี๋ยวเพื่อนผมจะส่งรถมารับ”

ภูพิงค์ผงะไปเล็กน้อย จะขอให้แฟนใหม่ไปช่วยงานแต่งงานแฟนเก่าเนี่ยนะ อะเมสซิ่งจริงๆ ไอ้พี่วิน!

“อยากให้เพื่อนๆ พิงค์ไปช่วยด้วย... นะ”

“เอ่อ...” โห อย่างกับเขาจะปฏิเสธได้ลงคอ เด็กหนุ่มถอนหายใจหนักๆ แต่ถ้าให้พี่วินไปคนเดียว เขาก็คงไม่ชอบอยู่ดี เพราะงั้น... “ผมอะไปได้ แต่คนอื่นคงต้องรอถามดูก่อน” จากนั้นจึงเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก ดูจากสีหน้าของภูพิงค์ก็รู้ล่ะว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ สงสัยเขาจะทำอะไรผิดซะแล้วสิ เขารีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาบอกลาคนที่ปลายสาย “เดี๋ยวขอถามทุกคนก่อน แล้วจะรีบโทรไปบอกนะ”

ถึงจะวางสายไปแล้ว หากบรรยากาศภายในห้องก็ยังคงขมุกมัว พวกของหวานที่วางตรงหน้าพาลจืดชืดไปถนัดตา

เมื่อสองหนุ่มนั่งนิ่ง พนักงานโรงแรมจึงเข้ามาถามและขอเก็บจานที่กินเสร็จจากบนโต๊ะ พอเก็บเสร็จก็อธิบายวิธีการใช้อ่างจากุซซีต่อ แล้วก็ทยอยเดินกันออกจากห้องไป

หลังจากบานประตูปิดลงสนิท ภายในห้องเหลือสองหนุ่มอยู่ด้วยกันตามลำพัง พวกเขาก็ยังคงเงียบกันต่อไปอีกชั่วครู่

รวินท์เอื้อมมือไปแตะหลังมือเด็กหนุ่มเบาๆ “พิงค์ โกรธเหรอวะ”

“ดูไม่ออกรึไง”

“ผมขอโทษ”

“พี่รู้รึเปล่าว่าผมโกรธอะไร”

ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้ง “....”

ภูพิงค์ยังคงไม่ยอมหันกลับมาสบสายตาด้วย “ผมรู้ว่าพี่ขวัญข้าวเป็นทั้งแฟนเก่าที่พี่รักมาก แล้วก็เป็นเพื่อนพี่ และสำหรับพี่เพื่อนก็สำคัญเสมอนั่นล่ะ ไม่ว่าจะเป็นพี่เต้ หรือพี่ขวัญข้าว”

“ก็พวกเขาเป็นเพื่อนคนสำคัญจริงๆ นี่หว่า” ทันตแพทย์หนุ่มตอบเสียงอ่อย ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายโมโหอะไร

“แล้วผมล่ะ ความรู้สึกผมสำคัญบ้างมั้ยสำหรับพี่” ภูพิงค์ลุกขึ้นพรวด เขาหัวร้อน ไม่ไหวแล้ว ควันจะออกหู เด็กหนุ่มสาวเท้าเดินไปที่ประตูห้อง

รวินท์รีบลุกตาม เขาวิ่งไปคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ “เฮ้ย พิงค์ เป็นอะไรอะ คุยกันดีๆ ดิ”

“ผมขอไปเดินเล่นแป๊บ เดี๋ยวมา”

“ไม่เอา” ทันตแพทย์หนุ่มดึงคนอ่อนวัยกว่าเข้ามากอด “อย่าทำแบบนี้ดิ คุณไม่พอใจอะไรก็บอกกันตรงๆ คุณก็รู้ว่าผมไม่...”

“เออ พี่ไม่ค่อยสนใจใส่ใจอะไรรอบๆ ตัว ผมรู้ดี ผมคงอยู่ใกล้ชิดพี่มากไป พี่ถึงมองไม่เห็น แบบพี่เต้ไง”

หัวใจของรวินท์กระตุกวูบ “โกรธเรื่องขวัญข้าวเหรอ ผมกับขวัญเป็นเพื่อนกัน นี่งานแต่งงานเพื่อนผมนะ ไม่ใช่ว่าเขาโสดสักหน่อย ไม่เห็นต้องหึงเลย”

ภูพิงค์ถอนหายใจหนักๆ “เพื่อนคนนึงเป็นคนที่พี่รัก เพื่อนอีกคนก็รักพี่ ผมคงต้องเป็นคนที่มีความอดทนสูงมากเลยเนอะ”

รวินท์หน้าเสีย กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก เขาคงคิดน้อยไปจริงๆ “ผมขอโทษ ผมควรใส่ใจกับความรู้สึกคุณให้มากกว่านี้”

ถ้าใส่ใจจริง อย่างแรกที่พี่ควรทำคือแก้ตัวว่าพี่ไม่ได้รักพี่ขวัญข้าวแล้วโว้ย!

เด็กหนุ่มหงุดหงิด หากก็ทำอะไรไม่ได้เพราะรวินท์กอดเขาอยู่ จะผลักออกก็ไม่กล้า เขาเบือนหน้าหนีแล้วยกมือขึ้นกุมใบหน้าไว้ “โธ่เว้ย!”

ทันตแพทย์หนุ่มทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะง้อคนอ่อนวัยกว่าอย่างไร “พิงค์ ไม่ต้องไปงานขวัญก็ได้ ผมขอโทษ”

ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา จนแล้วจนรอดพี่วินก็ยังไม่เข้าใจเขาอยู่ดี เขาจับหัวไหล่อีกฝ่ายไว้แล้วผลักตัวเองออกห่าง ทว่าพอสบสายตากับแววตาที่สั่นไหว หัวใจก็อ่อนยวบไปอีก

คนที่รักก็คือคนที่แพ้จริงๆ นั่นล่ะ

รวินท์ขยุ้มเสื้อของเด็กหนุ่มไว้แน่น “หายโกรธกันนะ”

เด็กหนุ่มพูดไม่ออก “.....”

“เวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ในใจผมนึกถึงคุณตลอดเวลา อยากทำอะไรที่คุณชอบ อยากทำให้คุณมีความสุข แต่ผมคงยังพยายามไม่พอ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมอยากเอาใจใครสักคน ถ้าผมพลาดตรงไหนไป คุณก็บอกผมสิ สอนผม เหมือนที่เมื่อก่อนเคยสอนผมไง”

ภูพิงค์ยิ้มบาง “เรื่องบางเรื่อง ผมคงสอนไม่ได้ เพราะผมคงห้ามใจพี่ไม่ได้หรอก”

“ห้ามใจ?” รวินท์ขมวดคิ้ว

เพราะเป็นการกระทำที่ทำลงไปโดยไม่รู้ตัวนี่ล่ะ มันฉายชัดถึงความรู้สึกที่แท้จริงในหัวใจ ทำให้เขาเจ็บปวดมากที่สุด

“ช่างเถอะพี่”

“ไม่! ผมไม่อยากให้คุณแคลงใจในตัวผม ความรู้สึกของผม มันยังไม่ชัดเจนพอสำหรับคุณเหรอ ผมรักคุณนะพิงค์”


พอได้ยินคำว่ารัก ใจก็อ่อนปวกเปียกเลยกู


ภูพิงค์อยากจะร้องไห้ให้ความอ่อนแอของตัวเอง เขาเกลียดตัวเองแบบนี้ชะมัด

ทันตแพทย์หนุ่มค่อยๆ กระตุกแขนคนอ่อนวัยกว่าเข้ามาสวมกอดอีกครั้ง คราวนี้ตัวภูพิงค์ไม่เกร็งเหมือนทีแรก ทำให้เขาเบาใจไปได้นิดหน่อย “ผมรักคุณ เพราะงั้น...ไม่พอใจอะไร บอกกันนะ”

เด็กหนุ่มยกแขนขึ้นกอดตอบ ซบใบหน้าลงบนหัวไหล่อีกฝ่ายพลางถอนหายใจหนักๆ “ผมก็รักพี่”

เมื่อภูพิงค์กอดตอบ รวินท์ก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ อย่างน้อยเขาก็ทำให้เด็กหนุ่มหายหงุดหงิดไปได้บ้าง “บอกผมสิ ไม่พอใจอะไร”

“พี่ยังรักพี่ขวัญข้าว”

รวินท์ผละออกทันควัน “คุณจะบ้าเรอะวะ!” หากพอเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มก็ชะงัก เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด เพราะเขาชวนพิงค์ไปงานแต่งงานของเธองั้นเหรอถึงทำให้อีกฝ่ายคิดแบบนั้น อาจจะใช่ แต่น่าจะมีอย่างอื่นอีก เพราะพิงค์ยกเรื่องเตชิตกับขวัญข้าวมาพูดถึงด้วย “ผมเคยรักขวัญ แต่ตอนนี้ผมรักเขาแบบเพื่อนเท่านั้น มันเป็นความผูกพันที่เรามีให้กัน เหมือนอย่างไอ้เต้ไง”

“ผมถามหน่อยเถอะ ถ้าผมยังคุยดีกับแฟนเก่า พี่จะสบายใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์มั้ย พี่จะไม่รู้สึกอะไรเวลาที่เห็นผมยิ้มหวาน คุยโทรศัพท์เสียงอ่อนเสียงหวานกับแฟนเก่าผมในตอนที่เรามาเดตกันในวันพิเศษเลยเหรอ”

ทันตแพทย์นิ่งอึ้ง พอลองมองกลับกันแล้ว ถ้าเป็นตัวเขา เขาก็คงหึง ก็คงไม่ชอบเหมือนกัน เขาทำลงไปโดยไม่นึกถึงความรู้สึกของเด็กหนุ่มเลยจริงๆ

“แล้วถ้าสมมติว่า อีแซนดี้มันชอบผม เราอยู่บ้านเช่าเดียวกัน พบหน้ากันทุกวัน ผมให้ความสำคัญกับมันเสมอ แบบนี้พี่จะสบายใจได้มั้ย” ภูพิงค์เบือนหน้าไปอีกทาง “ผมไม่ได้หมายความว่าไม่อยากให้พี่ทำดีกับเพื่อนของพี่ แต่อยากให้พี่เข้าใจความรู้สึกของผมบ้าง ก็เท่านั้น”

“เพราะผมมันไม่น่าไว้ใจเลยด้วยใช่มั้ย” รวินท์พูดเสียงเศร้า “ถ้าผมต้องอดทนคบกับคนที่นิสัยแย่ๆ ขี้อ่อย ใจง่าย ผมเองก็คงกลุ้มใจตลอดเหมือนกัน”

“ที่พูดแบบนี้เพราะอยากให้ผมเลิกรักพี่ใช่มั้ย”

หัวใจของทันตแพทย์หนุ่มเจ็บเสียด เขาจ้องใบหน้าที่เบือนหนีไปอีกทางเขม็ง นัยน์ตาร้อนผ่าว ก่อนน้ำตาจะรื้นขึ้นมาเอ่อคลอ
เมื่อรวินท์เงียบไป ภูพิงค์จึงค่อยๆ หันกลับมา พอเห็นตาแดงๆ ของอีกฝ่ายเท่านั้น หัวใจก็เจ็บราวกับมีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาขย้ำ เขาดึงแขนทันตแพทย์หนุ่มเข้าหาตัว แล้วยกแขนขึ้นโอบกอด “ช่างเถอะ ผมขอโทษ”

รวินท์ส่ายหน้ารัว “ไม่ต้องขอโทษ ผมสิต้องขอโทษคุณ”

“ผมควรจะเชื่อใจพี่ให้มากกว่านี้”

“ผมเข้าใจ ถ้าผมเป็นคุณ มันก็คงยากที่จะเชื่อใจคนอย่างผม”

“ก็จริงนั่นแหละ” ภูพิงค์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “แต่ผมก็อยากจะเสี่ยงดู เพราะผมคงเลิกรักพี่ไม่ได้หรอก”

ทันตแพทย์หนุ่มกอดคนอ่อนวัยกว่าแน่น คำพูดของอีกฝ่ายมีผลต่อหัวใจเขามากมาย ทำให้มันเต้นรัวแรงอยู่ในอก “ขอบใจ”

เด็กหนุ่มยิ้มบาง ในยามที่อยู่ในอ้อมแขนของกันและกันแบบนี้ เขารู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอีกฝ่าย เขาเคลื่อนมือขึ้นไปลูบศีรษะทันตแพทย์หนุ่มอย่างอ่อนโยน “ที่สำคัญยังเหลือฟันคุดอีกตั้งสามซี่ จะไปหาหมออื่นก็ใจไม่ด้านพอ”

รวินท์หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “งั้นไม่ผ่าให้แล้วเว้ย เก็บไว้ให้เน่าในปากนั่นล่ะ”

ภูพิงค์คลายอ้อมแขนออกหลังจากกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้พักใหญ่ จากนั้นจึงยกมือขึ้นลูบแก้มอีกฝ่าย “ผมว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่า เหม็นจะตาย หมักหมมมาตั้งแต่เมื่อวาน พี่ก็ทนกอดผมได้เนอะ”

“เหม็นก็รักมั้ยล่ะ”

“ปากดีอีกละ” เด็กหนุ่มคว้ามืออีกฝ่ายให้เดินตามมา ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาส่งให้ “เอ้า เอาผ้าพันไว้แล้วเข้าไปอาบนะ จะได้ไม่โป๊รู้ปะ”

“พันยังไง ผมกลัวหลุดอะ”

ภูพิงค์คลี่ผ้าออก เอาพันเอวอีกฝ่ายแล้วขมวดปมให้ “แบบนี้ไง”

“แล้วผมจะถอดเสื้อผ้ายังไงดี คุณช่วยหน่อยสิ”

คนอ่อนวัยกว่าชะงัก จะว่าไปพี่วินก็พูดทำนองนี้หลายครั้ง หรือนี่คือการอ่อยแบบเนียนๆ อย่างที่ไอ้พี่เต้ว่า เขาขมวดคิ้ว หากมือไปไวกว่าความคิด

รวินท์ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเด็กหนุ่มปลดกระดุมเสื้อให้ตน

ภูพิงค์พยายามทำหน้านิ่ง แต่พอเห็นเกียร์สีทองที่ตนใส่ให้อีกฝ่ายก็หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย มันดูเข้ากับผิวขาวๆ เนียนๆ ของพี่วินมากจริงๆ คนอะไร อกก็ขาว หน้าท้องก็ขาว...ลงล่างไปก็ขาว แล้วหัวใจของเด็กหนุ่มก็เต้นแรงราวกับกลองใหญ่ที่ถูกตีรัว

สัส...ใจเต้นกับหุ่นผู้ชายก็ได้ด้วยกู

เสื้อเชิ้ตของทันตแพทย์หนุ่มร่วงลงไปกองที่พื้นเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มจึงเคลื่อนสายตาลงมาที่ใต้ปมผ้าเช็ดตัว ครั้นจะมองท่อนบนที่ไม่ใส่อะไรก็เสือกใจป๊อดอีก ไม่รู้ควรจะเอาสายตากับมือไปจดจ่ออยู่ตรงไหน

ไม่ไหวแล้วโว้ย จมูกร้อน!

“ข้างล่างถอดเองนะ” ภูพิงค์พูดพร้อมกับหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืน พอเดินไปถึงอ่างน้ำก็ยืนตะลึงอยู่ที่ข้างอ่างชั่วครู่

ห้องนี่แม่งสมชื่อฮันนีมูนสวีตจริงๆ โว้ย! มีจุดเทียนอโรม่ากับวางดอกไม้ประดับให้เสร็จ!

เด็กหนุ่มเอาผ้าเช็ดตัวพันรอบสะโพก ถอดเสื้อผ้าออกอย่างไว แล้วรีบกระโจนลงอ่างมุดลงในน้ำเพื่อทำใจทันที


รวินท์ชำเลืองมองเด็กหนุ่มเป็นระยะ ตอนแรกกะว่าจะค่อยๆ ถอดแบบอ้อยอิ่งรอให้อีกฝ่ายหันมามอง แต่พอเห็นเด็กหนุ่มมุดหายลงไปในอ่างอาบน้ำ เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ ถอดกางเกงออกแล้วไปอาบน้ำบ้าง

ทว่าขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มกำลังสระผม เขาคิดไปคิดมา... ไหนๆ ทางโรงแรมก็เตรียมอ่างไว้ให้ มาห้องฮันนีมูนสวีตทั้งที เขาจะมายืนอาบอยู่คนเดียวทำไมวะ ยังไงก็มีผ้าเช็ดตัวบังอยู่แล้วนี่หว่า

รวินท์เอื้อมมือไปปิดน้ำ ก้าวออกมาทั้งผ้าเช็ดตัวที่เปียกโชกจนลู่ไปตามส่วนโค้งของสะโพก จากนั้นก็ก้าวฉับๆ ไปยังอ่างจากุซซีซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป

พอเด็กหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันขวับ สายตาไล่มองจากปลายเท้า ท่อนขาที่มีหยดน้ำกลิ้งลงมาตามแนวยาว ผ้าเช็ดตัวเปียกแนบกับสะโพกจนเห็นรูปทรงของส่วนที่อยู่ตรงกลางร่าง ท่อนบนที่มีหยดน้ำเกาะ ขึ้นไปหยุดอยู่ที่ติ่งไตเล็กสีชมพู หัวใจร่วงไปอยู่ใต้อ่างแล้วตอนนี้ “พี่วินจะทำอะไร”

“อาบด้วย”

“หะ...ฮะ!?”

“ไหนๆ ก็มีอ่างใหญ่ขนาดนี้แล้ว อาบด้วยกันดีกว่า” คนตอบหย่อนตัวลงไปในอ่าง แล้วนั่งลงข้างๆ คนที่นั่งอยู่ก่อน “อือ สบายดีจัง กลิ่นกุหลาบก็หอมดีเนอะ”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงแข่งกับสีของกลีบกุหลาบที่ประดับอยู่ข้างอ่าง เขารู้สึกร้อนไปหมด ไม่อยากจะมองพี่วินนักหรอก แต่เคลื่อนสายตาไปทางอื่นไม่ได้เลยโว้ย ดีนะที่กระแสน้ำวนในอ่างบังๆ ช่วงล่างไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นเขาคงหัวใจวายตาย

“นึกถึงตอนไปน้ำตกเลยนะ” รวินท์เอนหลังพิงขอบอ่าง

นั่นสินะ ตอนนั้นทั้งกอดทั้งฟัดพี่วินในน้ำ แต่ทำไมไม่เขินจะตายเหมือนตอนนี้วะเนี่ย! ภูพิงค์บ่นอยู่ในใจ ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อท่อนแขนของพวกเขาสัมผัสกัน

“อย่าแกล้งผมอีกนะ สำลักน้ำในอ่างตายมันไม่เท่อะ”

โอ้โห... น่ารัก น่ารัก น่ารักฉิบหาย ไอ้พี่วินจะรู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย

รวินท์ยิ้มมุมปาก ยิ่งพอเห็นเด็กหนุ่มหน้าแดงเป็นลูกตำลึงก็ยิ่งอยากแกล้ง เขาเอื้อมมือไปแตะหน้าท้องเป็นลอนของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “แข็งโป๊กเลย เอาเวลาที่ไหนไปออกกำลังนักวะเนี่ย”

“ช่วงนี้ก็ไม่ได้...ออกเท่าไหร่...หรอก” ภูพิงค์หายใจติดๆ ขัดๆ

ทันตแพทย์หนุ่มจับมือคนอ่อนวัยกว่ามาสัมผัสหน้าท้องตัวเองบ้าง “แล้วของผมล่ะ เป็นไง”

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ “เอ้อ... ดี... ดีแล้ว”

“เอาไว้ผมจะออกกำลังบ้างนะ จะได้มีกล้ามแบบคุณบ้าง”

“ไม่ต้อง...หรอก”

“หือ? ทำไมอะ”

“ก็...แบบก็ดีแล้วไง”

รวินท์ขยับเข้าไปกระซิบชิดใบหูซึ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนใบหน้าแล้วตอนนี้ “ชอบแบบนี้เหรอ” 

เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนเลือดกำเดาจะพุ่งออกมาอยู่รอมร่อ เขาพยักหน้าหงึกหงัก “อือ”

“พิงค์แม่งน่ารัก”

“....” ใครน่ารักกันแน่วะที่น่ารัก แต่ที่แน่ๆ หัวใจเขาจะวายแล้วโว้ย

“จูบหน่อยได้ป่ะ” ไม่พูดเปล่า แต่ทันตแพทย์หนุ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าไปแนบจูบตรงมุมปากของคนที่นั่งข้างกันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนไปแต้มจูบบนเรียวปาก บดเบียดริมฝีปากเข้าหาเด็กหนุ่มอย่างเชื่องช้า แล้วหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย

เส้นความอดทนของภูพิงค์ขาดผึง เด็กหนุ่มโอบเอวอีกฝ่ายแล้วดึงเข้ามาแนบชิด เขาสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกอดในโพรงปากอุ่น พลางกดเคล้นฝ่ามือไปบนแผ่นหลัง

เมื่อผิวกายเสียดสีกันก็ทำให้ร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ริมฝีปากของทั้งสองคนกระชับเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อละเรียวปากออกจากกันพวกเขาต่างก็หอบหายใจกระเส่า สายตาทั้งสองคู่ประสานกัน

รวินท์เคลื่อนมือลงไปสัมผัสส่วนไวสัมผัสกลางร่างของเด็กหนุ่ม ทว่าคนอ่อนวัยกว่าคว้ามือเขาไว้

“พี่วิน อย่าจับ”

“ทำไม”

“ถ้าจับตอนนี้ ผม... อะ! พี่วิน!”

รวินท์บิดข้อมือออก เขาสอดมือเข้าไปข้างในผ้าเช็ดตัว ไปเกาะกุมส่วนที่พองโตอยู่ก่อนแล้ว หากสัมผัสของเขาทำให้มันขยายขนาดขึ้นอีก

ภูพิงค์กัดกรามแน่น “ฮื่อ...”

ทันตแพทย์หนุ่มขยับมือช้าๆ พลางยิ้มอย่างพอใจกับท่าทีตอบสนองของคนอ่อนวัยกว่า จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งคร่อมเด็กหนุ่มไว้ “พิงค์ ทำให้ผมด้วยดิ”

“ฮะ!?”

รวินท์จับมือเด็กหนุ่มมาวางเหนือผ้าเช็ดตัวตรงส่วนกลางร่างตน เขากัดริมฝีปากแล้วส่งเสียงครางออกมาเบาๆ “อืม...”

ภูพิงค์เบิกตากว้าง สีหน้าของอีกฝ่ายฉายแววปรารถนาชัดเจน ทำให้เลือดในกายเขาพลุ่งพล่าน เขารู้สึกเหมือนสติล่องลอยออกไปแล้ว เด็กหนุ่มสอดมือเข้าไปข้างในผ้าเช็ดตัว กุมส่วนที่แข็งขึงไว้ในฝ่ามือแล้วขยับขึ้นลง

เสียงหอบกระเส่าดังแว่ว สลับกับเสียงกระเพื่อมของน้ำ ริมฝีปากของพวกเขาไม่ยอมแยกออกห่าง ขณะที่ใช้มือปรนเปรอความสุขให้แก่กัน

รวินท์กัดกรามแน่น เขาซบใบหน้าลงตรงซอกคอเด็กหนุ่มแล้วหอบหายใจหนักๆ ฝ่ามือที่กอบกุมส่วนร้อนของอีกฝ่ายไว้กระชับแน่น “ไม่ไหวแล้วอะพิงค์ เร็วหน่อย”

ภูพิงค์เร่งจังหวะขยับมือให้เร็วขึ้น พร้อมกับขบจูบไปตามลำคอและหัวไหล่ของทันตแพทย์หนุ่มเพื่อระบายอารมณ์ เขาไม่เคยนึกเลยว่าการใช้มือจะทำให้รู้สึกดีถึงขนาดนี้ เมื่ออารมณ์พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มจึงกัดฟันกรอด

หลังจากพวกเขาข้ามผ่านจุดสูงสุดของอารมณ์ไปด้วยกัน รวินท์ก็ทรุดตัวลงแนบชิดคนอ่อนวัยกว่า ทั้งสองหอบหายใจแรงๆ ต่างคนต่างนิ่งค้างอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน


*TBC*


ให้ฟินนิดนุงก่อนน้าา ฮี่ๆ

ตอนนี้ไม่เข้าใจกันนิดหน่อย ถึงพี่วินจะบื้อเรื่องความสัมพันธ์ไปสักนิด แต่พี่ก็พยายามปรับตัวและใส่ใจมากขึ้นแล้ว น้องพิงค์สอนพี่เขาดีๆ ผลัดกันสอนคนละเรื่องก็ได้ 5555555 

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ คืนนี้นอนหลับฝันดีน้าาา  :mew1:

ปล. อย่าเพิ่งคิดมากว่าพี่วินจะได้เมียเด็กหรือเปงเมียเด็กเลยนะคะ ถึงเวลาเขาก็ตกลงกันได้เองล่ะน่าาา อิอิอิ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 04-06-2018 20:59:37
 :z13: จิ้มฮัสกี้

ในที่สุด ในที่สุด ก็ได้แค่มือ :ling2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-06-2018 21:09:12
นึกว่าอ่อยคราวนี้จะนกซะล้าววว อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 04-06-2018 21:26:12
เฮ้อ!
คืนนี้หลับฝันเปียก  เอ๊ย....ฝันดีหละ
 :man1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 04-06-2018 21:37:38
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :hao6: คลุกวงในเบา ๆ แล้วเว่ยเฮ้ยยยยยยย  :hao6: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2018 21:38:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 04-06-2018 21:40:50
วินก็คือวิน อ๋อยเนียนๆ :m25: ก้าวไปอีกขั้นแล้ว
  :L2: :L2: :L2:
  :กอด1: :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-06-2018 21:42:00
ตัดจบได้แบบว่า ค้างมาก จะต่อรึจะหยุดลุ้นไปอี๊กกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-06-2018 22:06:04
 :pig4: :pig4: :pig4:

เงินที่ลงทุนไปกับห้องพิเศษไม่สูญเปล่าแล้วนะพี่วินท์

ตอนนี้แค่ซอฟต์เซ็กส์  ไม่เป็นไรหรอก  เด๋วก็ค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ เองแหละเนอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 04-06-2018 22:19:27
ห้องสวีทของแท้  แพ้อ่างจากุซชี่นั่นเอง  พี่วินนี่ร้ายกาจมาก  ได้กินเด็กสมใจอยากสักที  นอกจากจะอ่อยแบบเนียน ๆ แล้วยังสามารถทำให้น้องพิงค์สมยอมได้   :z1:  ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาจริง ๆ



รอตอนต่อไปค่ะ



 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 04-06-2018 22:26:39
เขินนนนนนน  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-06-2018 22:33:57
เริ่มล้าวววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-06-2018 22:34:50
ผิดใจกันหน่อยๆ แล้วมาอร่อยกันในอ่าง
แอร๊ยยยยยยยยยยยยย!!!
 :m25:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 04-06-2018 22:35:45
 :serius2:  ยังงงงงงงยังไม่พอออออออออ55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-06-2018 23:10:58
ในที่สุด ในที่สุด ก็ได้แค่มือ........  :กอด1:

เอาน่า.......ดีกว่านก เน้าะ   :hao5: :sad4: :heaven

พิงค์  วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-06-2018 23:11:51
ค่อยๆ ขยับไปเรื่อยๆ นะ o18
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-06-2018 23:16:28
คู่นี้เขาขยันกันหวานจริงๆ

ปล.ใครขโมยเป็ดไปอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 04-06-2018 23:28:21
ได้สัมผัสกันละโว้ยยย ปลื้มปริ่มฮะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-06-2018 01:37:08
ฟินขึ้นมาอีกเสตป ใกล้แล้วๆ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-06-2018 02:42:34
พี่วินจะไม่นกแล้วว แผนอ่อยได้ผลลล
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-06-2018 04:59:18
ทำไมยังคงมีเยื่อใยกับคนรักเก่าขนาดนั้นนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-06-2018 07:29:22
คืบหน้าแล้ว ดีใจด้วยนะพี่วิน 555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-06-2018 08:45:02
ผ่านไป 47 ตอนนนนนน เพิ่งจะได้ "ภายนอก" แบบเขินๆกัน กว่าจะ "ภายใน" โออออออ เมื่อไหร่ก็จะรอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-06-2018 09:06:49
 :z1: :z1: :z1: :z1:
อาจไม่ถึงขั้นสุดท้ายแต่ก็ฟินได้อยู่ดี :hao6: :hao6: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 05-06-2018 12:28:11
5555ขำพี่วินอะ  ขี้อ่อยจริงๆแหมมก็น้องพิงค์เขาเป็นสุภาพบุรุษนี่คะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-06-2018 13:40:15
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 05-06-2018 14:35:09
 ขอตอนต่อไปเลยได้ไหม !!!!!
:ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
:serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 05-06-2018 15:14:58
ยั่วบดมันเข้าไปค่าาาา นี่แค่ออเดิร์ฟเบาๆ ไม่อยากจะคิดถึงตอนเสิร์ฟจริงเลย :m25:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 05-06-2018 16:53:53
งือออออเขินแทนเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 05-06-2018 18:20:45
^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 05-06-2018 18:45:05
เฮ้ยยยย กิจกรรมข้ามคืนมันจะจบแค่นี้ได้ยังง้ายยย~~ ถึงขั้นนี้แล้วพี่วินจัดการต่อให้จบเลย อย่าปล่อยพิงค์รอดไปได้นะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 05-06-2018 18:46:18
เฮ้ยยยย กิจกรรมข้ามคืนมันจะจบแค่นี้ได้ยังง้ายยย~~ ถึงขั้นนี้แล้วพี่วินจัดการต่อให้จบเลย อย่าปล่อยพิงค์รอดไปได้นะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 05-06-2018 19:12:45
นี้มันอ่างเลือดดดดดชัดๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-06-2018 20:00:17
 :hao6: เอาอีก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: newone ที่ 05-06-2018 21:15:36
แอร๊ ใกล้เคียงความจริงไปอีกนิดแว้ววววววว ดีจุงค่ะ อีกไม่กี่ตอนแล้วใช่มะ
ดีใจกะอีพี่จริงค่ะ รอคอยมานานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
นึกว่าใช้การไม่ได้แล้ว55555555
น่ารักทั้งคู่เลยค่ะเลือกไม่ถูกอ่ะ พี่วินน๊ออออ ต้องให้น้องบอกทุกอย่างเลย แต่ก็ดีแล้วชัดเจนดี่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 06-06-2018 07:25:24
อร๊ายยยยยย  เขินนนนนนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 07-06-2018 11:23:14
 :sad4 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-06-2018 11:44:18
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-06-2018 12:06:19
คนพี่ควรเป็นคนได้รับการดูแล อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 07-06-2018 12:40:19
ในที่สุดก้คืบหน้าาาาา
แต่บรรยากาศพร้อมขนาดนี้ยังได้แค่มืออะ
ต้องแบบไหนถีงจะเป็นฟูลคอร์สคะ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 09-06-2018 07:31:23
มารอ เกาะอยู่ขอบอ่างละค่ะ
 :hao4: :hao4: :hao4:
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-06-2018 15:12:25
นี่แค่มือยังขนาดนี้ ถ้าลึกซึ้งกว่านี้ไม่อยากจะคิดเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-06-2018 00:01:19
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 10-06-2018 00:05:55
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: slurpeez-69Nes ที่ 10-06-2018 01:13:23
งือออออ ไม่รู้จะเม้นอะไร ขอโทษนะคะ 

:jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 47 : ลงอ่าง][040618]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 11-06-2018 19:30:30


Chapter 48 : วันปีใหม่


บรรยากาศในยามค่ำคืนเงียบสงัด มีเพียงเสียงจากน้ำวนในอ่างดังแว่ว

ทั้งสองหนุ่มยังคงกอดกันแน่น ร่างกายที่แนบชิดกันทำให้รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวแรง เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ได้สติกลับคืนมาก็เริ่มสำนึกได้ว่าพวกเขาทำอะไรลงไป ทั้งที่จริงต่างคนต่างก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาถึงขนาดนี้ได้ 

รวินท์ขยับออกช้าๆ ขณะที่ประสานสายตากับเด็กหนุ่ม ไม่รู้ว่างวดนี้พิงค์จะว่าอย่างไร “เอ่อ...” เอาไงดีวะ ทำเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้าดีไหม

ใบหน้าของภูพิงค์ยังคงซับสีเลือด เขาค่อยๆ เคลื่อนสายตาลงมองลำคอและแผ่นอกตรงหน้า พลางเอื้อมมือไปสัมผัส “ฉิบหาย ผมทำพี่เป็นรอยเพียบเลย”

“ระ...เหรอ” ทัตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นลูบลำคอ

“เจ็บรึเปล่า”

พอเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย รวินท์ก็อ่อนไปทั้งใจ “ไม่เจ็บ แต่รู้สึกดีมากๆ”

แต่แล้วระหว่างทั้งสองก็เงียบกริบลงไปอีกครั้ง

“พี่...ลุกไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าก่อนเหอะ น้ำนี่เลอะเทอะหมดแล้ว” คนอ่อนวัยกว่าพูดพร้อมกับหันหน้าไปอีกทาง

ความฟินจบสั้นๆ แค่เนี้ยเองเหรอวะ!? รวินท์ขมวดคิ้ว ทว่าก็ยอมลุกออกไปจากอ่าง เขาหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มาพันทับผืนเก่าที่เปียกโชกไว้หลวมๆ แล้วเดินฉับๆ ไปเข้าห้องอาบน้ำ แต่ครั้งนี้ไม่พันผ้าให้เกะกะแล้ว เขาเปิดน้ำล้างตัวไปแบบไม่ใส่อะไรเลย เพราะคิดว่ายังไงพิงค์ก็คงไม่หันมาสนใจเขาหรอก

ขณะที่รวินท์กำลังถูตัว ถ้าหากเขามองออกไปทางด้านนอกสักหน่อยก็จะเห็นดวงตาที่จ้องมองตนเองอยู่อย่างไม่กะพริบ

เด็กหนุ่มนั่งหนีบต้นขาทั้งสองข้างเข้าหากัน หายใจฟืดฟาดอยู่ในอ่าง พลางพึมพำกับตัวเองเบาๆ

ไอ้พี่วินแม่ง ถอดซะเกลี้ยงเลย ไม่เห็นใจเขาบ้าง แล้วทำไมขาวซะขนาดนั้น ตรงไหนๆ ก็น่าจับน่ากอดน่าฟัดไปหมด

ไม่ไหวแล้วโว้ย! ถ้าขืนยังจ้องต่อไป เขาต้องเลือดกำเดาพุ่ง หื่นขึ้นหน้าอีกรอบแน่ๆ

หันหน้าหนีสิวะ หันหน้าหนี! แล้วทำไมมึงยังจ้องอยู่ ไอ้พิงค์โว้ย มึงแย่แน่ๆ

ภูพิงค์หักใจเบือนหน้าหนี เขารีบลุกขึ้น ดึงฝักบัวที่ตรงขอบอ่างขึ้นมาล้างตัว จากนั้นก็รีบเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเดินออกไปยังระเบียงเพื่อรอให้รวินท์แต่งตัวเสร็จเสียก่อน

ระหว่างที่รอก็นั่งสงบจิตสงบใจไปด้วย สักพักก็ยกมือขึ้นกุมใบหน้าพลางถอนหายใจเฮือกๆ

ความสัมพันธ์ของเขากับพี่วินคืบหน้าไปอีกก้าวแล้ว แบบไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด สงสัยว่าเขาคงจะต้องรีบหาหนทางเตรียมใจให้พร้อม ทำไงดีวะ จะเข้าวัดก็ไม่ช่วยอะไรเลยนะเนี่ย


รวินท์เดินมาหยุดอยู่ที่บานประตูกระจกออกระเบียง ยังไม่ทันเรียกเด็กหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักกับท่าทางของอีกฝ่าย ทำไมดูเหมือนกลุ้มอกกลุ้มใจเสียขนาดนั้น

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว ตะขิดตะขวงใจชอบกล แต่ก็พยายามมองข้ามความรู้สึกนั้นไป “พิงค์ นั่งทำไรวะ”

“อ่อ นั่งรอพี่เปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ”

“เปลี่ยนเสร็จแล้ว เข้ามาเหอะ” รวินท์หันหลังเดินเข้าห้องไป “ผมไม่ใช่ผู้หญิง แก้ผ้าแค่นี้ก็เรื่องธรรมดา คุณไม่เคยแก้ผ้ากับเพื่อนบ้างรึไง”

“มันไม่เหมือนกันเว้ย”

“ไม่เหมือนกันยังไงวะ”

“ก็พี่เป็นแฟน ไอ้พวกนั้นมันเพื่อน”

“ก็ผู้ชายเหมือนๆ กัน” ทันตแพทย์หนุ่มพูดไปก็เจ็บจิ๊ดในใจเสียเอง เพราะบางทีภูพิงค์คงไม่ได้อยากเห็นผู้ชายด้วยกันแก้ผ้าสักเท่าไหร่ ถึงได้มีท่าทีแปลกๆ แบบนั้น

รวินท์ล้มตัวลงนอนบนเตียง เขาควรจะมีความสุข ควรจะดีใจที่ได้ใช้เวลากับภูพิงค์ตามลำพังในวันพิเศษเช่นนี้ แต่หัวใจกลับหนักอึ้ง

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้... หรือว่าจะไม่ได้ทำให้ภูพิงค์ฟินเหมือนเขากันวะ ดีที่น้ำในอ่างหมุนวนอยู่ตลอดเวลา เลยทำให้มองไม่ค่อยเห็นส่วนที่อยู่ในน้ำสักเท่าไหร่ นี่ถ้าเห็นกันจะๆ ชัดๆ บางทีเด็กหนุ่มอาจจะเผ่นหนีไปก่อนเลยก็ได้

ภูพิงค์เดินไปนั่งลงบนเตียง เขาชำเลืองมองคนที่นอนอยู่เป็นระยะๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “เมื่อคืนไม่ได้นอน เมื่อเช้าก็นอนไปนิดเดียว พี่คงเหนื่อย จะนอนก็ได้นะพี่ เดี๋ยวใกล้เที่ยงคืนผมจะปลุก”

“คุณไม่เหนื่อยรึไง”

“ก็เหนื่อย แต่ยังไม่ได้เคาทน์ดาวน์กับพี่ ผมนอนไม่หลับหรอก”

“ผมยังไม่ง่วง”

“งั้นเราไปหาที่ดูพลุกันมั้ย”

“ไม่เอาอะ ขี้เกียจเดิน”

“อืม...” ภูพิงค์หันไปหยิบรีโมตโทรทัศน์จากหัวเตียง แล้วกดเปิดโทรทัศน์จอใหญ่ในห้อง “งั้นดูอะไรไปพลางๆ ฆ่าเวลาก็แล้วกัน”
รวินท์หยิบหมอนมาหนุนหลัง สายตามองเหม่อไปทางจอโทรทัศน์ จากนั้นก็นิ่งเงียบอยู่ในท่านั้น

คืนวันพิเศษคืนแรกหลังคบกัน ถ้าไม่นับเหตุการณ์ในอ่างจากุซซี พวกเขาก็ไม่ต่างจากเป็นเพื่อนกันธรรมดาสักเท่าไหร่

หากถ้าเป็นแค่เพื่อน ภูพิงค์ก็คงไม่อ่อนโยน ไม่ดูแลเขาเป็นพิเศษแบบนี้หรอกไหมวะ ทันตแพทย์หนุ่มปลอบใจตัวเอง

แต่ในเมื่อเป็นแฟนกัน ทำไมพิงค์ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาคลุกวงในกับเขาบ้างเลยวะ ตลอดเวลามีแต่เขาเนี่ยที่หื่นใส่ อ่อยแล้วอ่อยอีก คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจอยู่เพียงลำพัง

“เฮ้อ...”

“เบื่อเหรอวะพี่”

“เปล่าๆ”

“ดูช่องอื่นปะ”

“ไม่เป็นไร ดูช่องนี้ก็ตลกดี”

“หน้าตาพี่บ่งบอกว่าตลกมากเลยว่ะ”

รวินท์ลุกขึ้นนั่งพลางขยับเข้าไปชิดเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงเอนศีรษะซบลงบนหัวไหล่อีกฝ่าย

คนอ่อนวัยกว่าก้มลงมอง แขนข้างหนึ่งยกขึ้นโอบไหล่ อีกข้างหยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ้นมากดเบาเสียง “พี่วิน คิดมากเรื่อง... ที่จะไปช่วยงานพี่ขวัญข้าวเหรอ”

ทันตแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นสบสายตากับคนถาม “เปล่า”

ภูพิงค์ถอนใจเบาๆ “ไม่ต้องห่วง ผมจะไปงานกับพี่นะ เดี๋ยวจะบังคับไอ้พวกนั้นไปด้วย”

“ไม่อยากไปไม่ใช่เหรอ”

“เออ ไม่อยาก แต่พี่ขวัญข้าวต้องการคนช่วยงานไม่ใช่เหรอ”

“เดี๋ยวผมถามที่โรงบาลเอาก็ได้ คุณไม่อยากไปก็อย่าไปเลย ผมเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ยังไงคณะผมก็ต้องใช้งานพี่อีกหลายงานแน่ ก็ถือว่าช่วยๆ กันไป”

รวินท์ขมวดคิ้ว คำตอบของเด็กหนุ่มสะกิดใจเขาแปลกๆ

“เพราะงั้นไม่ต้องคิดมากแล้วนะ” เด็กหนุ่มใช้หลังมือไล้แก้มอีกฝ่ายเบาๆ พลางยิ้มบาง

“อือ ขอบใจ”

สองหนุ่มนั่งดูรายการสิ้นปีไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งใกล้เวลาเที่ยงคืน พิธีกรจึงมารวมตัวกันแล้วนับถอยหลัง

“สิบ... เก้า...”

ภูพิงค์ลุกเดินไปเปิดกระเป๋าเป้ หยิบกล่องของขวัญออกมาซ่อนไว้ข้างหลัง แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงที่เดิม เขารอจังหวะขึ้นปีใหม่พอดี ก่อนจะยื่นของขวัญให้ “แฮปปี้นิวเยียร์ นี่ของขวัญปีใหม่ให้พี่ครับ ปีนี้ผมก็ขอฝากตัวฝากใจให้พี่ดูแลด้วยน้า”

รวินท์หัวเราะ “แฮปปี้นิวเยียร์” เขาก้มลงมองของขวัญในมือเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงเอื้อมมือไปรับ “ขอบใจ ผมก็มีของขวัญให้คุณนะ” ทันตแพทย์หนุ่มรีบลุกออกจากเตียง เดินไปหยิบเป้มาวางลงข้างเตียงแล้วก้มลงหยิบของขวัญกล่องใหญ่ออกมาส่งให้ “อันนี้ของขวัญจากผม”

ภูพิงค์อึ้งไปเล็กน้อย ขณะเอื้อมมือไปรับกล่องของขวัญมา เพราะมันดูใหญ่กว่าดินสอเขียนแบบที่ได้ยินมามากอยู่ “ขะ... ขอบคุณ”

แต่บางทีอาจจะใหญ่แค่กล่อง อาจจะห่อไว้หลายชั้นเขาจะได้เดาไม่ถูก

“ทำไมทำหน้าแปลกๆ แกะสิ”

“พี่วินแกะก่อนดิ”

“ให้เด็กแกะก่อนดีกว่า”

“ใครเด็กกันวะ” พูดไปแบบนั้นแต่มือก็แกะห่อของขวัญออกแล้ว พอเปิดกล่องออกมาได้ก็พบเสื้อเชิ้ตสีเข้มอยู่ข้างใน เป็นผลให้เด็กหนุ่มหน้าเสีย มือข้างหนึ่งหยิบเสื้อขึ้นมาดู ส่วนมืออีกข้างพลิกกล่องไปมา


แล้วดินสอเขียนแบบไปไหน! พี่วินซื้อไปให้ใครวะ!


“ไม่ชอบเหรอ”

“เปล่า... เปล่าครับ ผมชอบมาก ขอบคุณมากครับ”

รวินท์ขมวดคิ้ว เพราะสีหน้าของเด็กหนุ่มตรงข้ามกับคำตอบไปคนละทิศ เขาก้มลงหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาจากในกระเป๋าเป้อีกกล่อง คราวนี้เป็นกล่องเล็กๆ “เอ้า...”

เด็กหนุ่มทำหน้างง

“ของขวัญอีกอย่าง”

แต่จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก เพราะดูจากขนาดกล่อง มันไม่ใช่จำพวกดินสอหรือปากกาเขียนแบบแน่ๆ เขาค่อยๆ แกะกล่องออกอย่างไร้
เรี่ยวแรง  บนกล่องเขียนชื่อยี่ห้อ Chrome hearts ไม่ต้องเดาเขาก็พอจะรู้ราคาของที่อยู่ข้างใน เมื่อเปิดกล่องออกก็พบกับสร้อยข้อมือลูกประคำสีดำ มีกางเขนเล็กๆ สีเงินห้อยอยู่

“พี่ไปหามาจากไหนเนี่ย”

“ฝากพี่วาดซื้อ ตอนแรกนึกว่าจะส่งมาไม่ทันซะแล้ว ชอบมั้ย ผมว่ามันเหมาะกับคุณมากเลย เข้ากับเสื้อดีด้วย ผมใส่ให้นะ” รวินท์เอื้อมมือไปหยิบสร้อยข้อมือออกมาสวมให้เด็กหนุ่ม “เท่ขึ้นเป็นกอง”

ภูพิงค์ยิ้มเจื่อนๆ คือเขาก็ดีใจนะ ติดตรงว่าไอ้ดินสอเขียนแบบนั่น... หรือพี่วินจะเก็บไว้ให้โอกาสอื่น หรืออาจจะเก็บไว้ใช้เอง

“ทำไมทำหน้าเหมือนเพิ่งไปถอนฟันมาอีกซี่แบบนี้ล่ะวะ”

“ผม... เอ่อ... ดีใจพี่ ดีใจมากเลย ช็อกด้วย ตกใจด้วย ขอบคุณนะครับ”

รวินท์ก้มลงหยิบกล่องในเป้ขึ้นมาอีกกล่อง “งั้นคุณอาจจะชอบอันนี้”

เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง “พี่ซื้อมากี่อย่างกันวะ!” หากขนาดของกล่องนั่น... มันทำให้เขาใจเต้น เขารีบรับมาแกะห่อออกทันที เมื่อเห็นดินสอเขียนแบบที่นอนนิ่งอยู่ในกล่องแล้วก็ยิ้มกว้าง

ทันตแพทย์หนุ่มคอยสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายอยู่ตลอด พอเห็นเด็กหนุ่มยิ้มได้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ในที่สุดก็เจอของถูกใจจนได้ ค่อยยังชั่วหน่อย”

“ผมชอบทุกอย่างที่พี่ให้ จริงๆ นะ” ภูพิงค์ขยับเข้าไปสวมกอด “ขอบคุณมากครับ พี่เตรียมของขวัญไว้ให้ผมซะเยอะเลย”

“ก็ไม่รู้จะซื้ออะไร มันฉุกละหุกไปหน่อย แต่อยากให้คุณถูกใจมากที่สุด”

“ถูกใจผมทุกอย่าง แค่เป็นของที่พี่เลือกให้ผมก็ชอบมากๆ แล้ว”

“อย่ามาโกหก สีหน้าคุณไปคนละทางกับคำพูดเลยรู้มั้ย”

เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง เขาก้มลงมองดินสอเขียนแบบในมือ “คือ... ที่จริง... ผมมีเรื่องจะสารภาพ”

รวินท์ย่นคิ้วเข้าหากัน จากนั้นจึงผละออก “สารภาพอะไร”

“ผมดีใจจริงๆ นะพี่ ที่พี่เลือกของขวัญให้ผม แต่...เมื่อวันศุกร์อะ เพื่อนผมมันแอบไปเห็นพี่ซื้อดินสอเขียนแบบ แล้วไอ้พวกในคณะก็ไซโคผมว่าบางทีพี่อาจจะซื้อให้คนอื่นอะดิ”

“อ้อ” ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ แล้วรอยยิ้มก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเศร้าๆ “ที่แท้ก็ยังไม่ไว้ใจผมเหมือนเดิม”

“เปล่านะพี่ คือแบบ... ผมมั่นใจว่าพี่ซื้อให้ผมแน่ๆ แต่พอแกะกล่องมาแล้วไม่ใช่ วูบแรกมันก็... ตกใจไง” ภูพิงค์รีบหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาแกะกระดุมออก แล้วสวมทับเสื้อที่ใส่อยู่ “โห ใส่พอดีเป๊ะเลย หล่อมั้ยๆ”

“เออ หล่อ”

เด็กหนุ่มยื่นใบหน้าเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่าย “ขอบคุณครับ” ก่อนจะชี้ไปที่กล่องของขวัญของตน “ของขวัญผมเหี่ยวไปเลย เมื่อเทียบกับพี่อะ ไม่แกะดูหน่อยเหรอ”

รวินท์แกะกล่องของขวัญช้าๆ แกะไปก็ชำเลืองมองใบหน้าคนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างกันไปด้วย เขาหยิบของในกล่องขึ้นมาดู “อาฟเตอร์เชฟ”

“ผมไม่แน่ใจว่าปกติพี่ใช้หรือไม่ใช้ แต่ผมอยากให้พี่ใช้เวลาอยู่กับผม”

“โอเค” ทันตแพทย์หนุ่มเปิดฝาขวดอาฟเตอร์เชฟ เทใส่มือแล้วลูบเบาๆ ที่คางและบนลำคอ

ภูพิงค์ยิ้มกริ่ม จากนั้นจึงก้มลงกดปลายจมูกลงไปสูดกลิ่นบนลำคอนั้น “หอม~ ผมชอบกลิ่นนี้ กลิ่นบางๆ ก็จริง แต่พออยู่บนตัวพี่แล้วโคตรหอมอะ”

รวินท์หัวเราะ “ใครสอนให้พูดวะ”

“คิดเองก็ได้ป่ะวะ”

“เอาจริงๆ ใครสอนมา”

“ผมพูดเองเว้ย แต่...” ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาปลายจมูกอย่างเขินๆ “ของขวัญนี่ทุกคนในสโมฯ ช่วยคิด”

คำตอบนั้นสะกิดใจรวินท์อย่างแรง เขายิ้มเจื่อนๆ พลางยกมือขึ้นมาดม “แล้วกลิ่นนี่สโมฯ ช่วยเลือกให้อีกป่ะวะ”

“เลือกเองสิวะ ใครจะมาเลือกให้ผม ไหนๆ ผมก็เป็นคนดม ผมก็เลยเลือกกลิ่นที่ผมชอบ”

“อันนี้ใครสอนมาอีกล่ะ”

“อีแซนดี้...” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อย “แต่ผมตั้งใจเลือกให้พี่จริงๆ นะ” เขาโน้มใบหน้าลงไปจูบซอกคอทันตแพทย์หนุ่มตรงที่ทาอาฟเตอร์เชฟ ไว้อีกครั้ง “แล้วผมก็ว่ามันเหมาะกับพี่มากด้วย”

เขาก็ดีใจอยู่หรอกนะ แต่มันก็ยังมีความรู้สึกแปลกๆ แฝงอยู่ ทำให้ดีใจได้ไม่สุด รวินท์คิดไปพร้อมกับซบใบหน้าลงบนหัวไหล่เด็กหนุ่ม “ขอบใจ”

ภูพิงค์หัวใจเต้นรัว เขาโอบเอวอีกฝ่ายเข้ามากอด “พี่วิน ผมอาจจะโง่บ้าง ทึ่มบ้าง แต่พี่มั่นใจได้นะ ว่าผมรักพี่จริงๆ”

“อืม”

“ตอบแค่นี้อะเหรอ”

“ตอบยาวๆ ก็ได้ ผมเชื่อว่าคุณโง่บ้าง ทึ่มบ้างจริงๆ นั่นละ”

“เดี๋ยวๆ แล้วประโยคสุดท้ายไม่เชื่อเหรอวะ”

“เชื่อก็ได้”

เด็กหนุ่มหันไปจูบแก้มนิ่ม “เชื่อเถอะ แล้วผมจะทำให้พี่มั่นใจ”

รวินท์ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่กอดภูพิงค์ตอบเท่านั้น


ในตอนสายของวันปีใหม่ เมื่อเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมแล้ว สองหนุ่มก็เดินตรงไปที่รถ ระหว่างทางก็ปรึกษากันไปด้วยว่าจะไปไหนกันต่อ

“ไปไหว้พระที่ไหนดี เจ้าถิ่นแนะนำหน่อย”

“ไปวัดสวนดอกดีมั้ย ไม่ไกลจากมหาลัยด้วย”

“อืม ก็ดีนะ”

“แล้วบ่ายๆ ไปดูหนังกันมะพี่”

“ตามใจน้องพิงค์เลย”

ภูพิงค์ยกแขนขึ้นโอบไหล่อีกฝ่าย “เดี๋ยวผมจองตั๋วให้ จะได้ไปเดินเซนทรัลกันด้วย ดีปะ”

“อือ”

“ยังง่วงเหรอ” เด็กหนุ่มใช้ปลายนิ้วไล้แก้มรวินท์อย่างแผ่วเบา “หรืออยากกลับไปนอน”

รวินท์ยิ้มบาง “ไม่หรอก เอาตามที่คุณว่านี่แหละ”

หลังจากไปไหว้พระ ไปดูหนังและเดินห้างกันจนดึก สองหนุ่มก็กลับไปนอนค้างที่บ้านเช่าของภูพิงค์ งานเลี้ยงร่วมกับสมาชิกสโมฯ เลิกราไปเรียบร้อย เหลือเพียงซากซอมบี้ทั้งสี่ที่ต้องเก็บกวาดทำความสะอาด ส่วนบิดามารดาของแซนดี้กลับไปแล้ว ทิ้งอาหารไว้ให้มากมายพอสำหรับเปิดเทอมใหม่ทั้งสัปดาห์

รวินท์ใช้วันที่สองของปีครึ่งค่อนวันร่วมกับรุ่นน้อง ที่จริงก็นั่งสบายอยู่คนเดียว ในขณะที่ทุกคนซักผ้ารีดผ้า เตรียมตัวสำหรับวันเปิดเทอม

ทันตแพทย์หนุ่มเท้าแขนลงบนที่วางแขนของโซฟา มองเหล่าเด็กหนุ่มทำงานมือเป็นระวิง “รีดผ้ากันเก่งนะเนี่ย”

“ปกติพี่หมอไม่ต้องรีดเองเหรอ” ซันเอ่ยถาม

“ที่หอผมจ้างซักรีดน่ะ”

“แหม ผมกำลังจะบอกเลย ถ้าไม่มีคนทำให้ก็ไอ้พิงค์ไง หอบมาให้มันซักรีดให้ก็ได้”

“สัส ถามกูด้วย” ภูพิงค์หันไปด่า

“หรือมึงจะปฏิเสธ”

เด็กหนุ่มหุบปากสนิท เพราะที่จริงถ้าพี่วินต้องการ เขาก็คงทำล่ะ แม่ศรีเรือนที่แท้จริงคือกูนี่เลย

“ผมไม่กล้ากวนพิงค์ขนาดนั้นหรอก”

“ไม่กวนหรอก” ภูพิงค์ตอบเสียงเบา

ดิวเบ้ปากใส่ “แหม หงอว่ะ”

รวินท์ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเอนศีรษะพิงพนักโซฟา มองภูพิงค์ไปเงียบๆ และยิ้มเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตากัน ซึ่งเด็กหนุ่มก็จะทำท่าลนลานมันได้ทุกครั้งไป

น่ารักชะมัด

พอถึงเวลาบ่ายแก่ๆ ก็ถึงเวลาจำใจต้องบอกลา ทันตแพทย์ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วบิดขี้เกียจ “ผมควรจะกลับลำพูนละ ไม่อยากขับรถมืดๆ”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น “ผมยังไม่เสร็จงานเลยพี่ งั้นเดี๋ยวผมขับรถตามไปนะ คงต้องเอารถผมไปเองด้วยเพราะพรุ่งนี้ต้องกลับมาเรียนแต่เช้า”

“ไม่ต้องหรอก”

“หือ?”

“ไม่ต้องตามมาหรอก ไว้เจอกันศุกร์หน้าเลยก็ได้”

เด็กหนุ่มหัวใจร่วงวูบ ทิ้งงานในมือลงแล้วเดินเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่ม “เดี๋ยวผมไปส่งที่รถ”

พวกเขาเดินไปยังรถที่จอดทิ้งไว้อย่างเงียบๆ เมื่อไปถึง ภูพิงค์ก็ก้าวไปดักหน้า “มีอะไรรึเปล่า”

“จะให้มีอะไรวะ”

“พี่มีอะไรแน่ๆ อะ ผมว่าพี่ดูแปลกๆ ไป ตั้งแต่... เอ้อ...” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเกาปลายจมูก “ช่างเหอะ รออีกแป๊บได้มั้ย เดี๋ยวขับรถไปพร้อมกันก็ได้”

“ไม่ต้องๆ จะขับไปๆ มาๆ ให้เหนื่อยทำไม เปิดเทอมแล้ว คุณมีทั้งเรียนทั้งกิจกรรม ผมไม่เป็นไรหรอก”

“แต่ผมไม่อยากอยู่ห่างพี่นี่หว่า”

รวินท์ยิ้มบาง แล้วหลุบตาลงต่ำ

“พี่วินอ่า”

ทันตแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับคนอ่อนวัยกว่า เขาผลักเด็กหนุ่มให้ถอยหลังไปยืนพิงรถ จากนั้นจึงก้าวเข้าไปประชิด แล้วเบียดส่วนกลางร่างของตนเข้าหาอีกฝ่าย ซึ่งทำให้ใบหน้าของภูพิงค์ซับสีเลือดทันควัน

“เฮ้ย พี่วิน!”

รวินท์เคลื่อนมือไปลูบสะโพกของเด็กหนุ่ม พลางขยับเข้าไปกระซิบชิดใบหู “ถ้าคุณไปค้างกับผม ผมก็คิดแต่อยากจะทำเรื่องอย่างว่า ทำยิ่งกว่าคืนวันนั้น เพราะงั้นถ้าคุณยังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งเลยดีกว่าว่ะ”

เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ไม่นึกว่ารวินท์จะพูดกับเขาตรงๆ เช่นนี้

“เข้าบ้านไปได้แล้วไป”

“เอ่อ... ผม...”

รวินท์ดึงมือเด็กหนุ่มให้ก้าวออกมาจากรถ ก่อนจะเปิดประตูออกแล้วก้าวเข้าไปนั่ง เขาหันกลับมายิ้มให้คนอ่อนวัยกว่าซึ่งยังยืนนิ่งอึ้งเป็นเสาหิน หากรอยยิ้มนั้นดูเศร้าสร้อยกว่าทุกครั้ง “แล้วเจอกัน”

รถออดี้สปอร์ตเคลื่อนออกไปแล้ว แต่เด็กหนุ่มยังคงยืนค้างอยู่ที่เดิม จนรถแล่นหายไปจากสายตา

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ตรงขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อหยิบกุญแจรถของตน ทว่าพอจะเดินกลับลงมา เขากลับลังเล เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องของตน

เอาไงดีวะ

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะ

ถ้าตามไป... ฉิบหาย ยังไม่ได้เตรียมใจ ยังไม่ได้ทำใจเลย มันเร็วไปนะไอ้พี่วิน คบกันยังไม่ทันถึงเดือนเลยนะเว้ย

เมื่อนึกถึงตัวเองในคืนนั้นแล้ว ภูพิงค์ก็เปลี่ยนจากกุมศีรษะเป็นดึงทึ้งเส้นผมตัวเอง รู้สึกเหมือนเลือดจะพุ่งออกจมูก ปาก และหู เอาให้ครบห้าทวารเลยแม่ง!

ไม่ใช่ว่าไม่อยากหรอกโว้ย! แต่... จะเอาไงดี๊!

ประตูห้องเปิดออกผลัวะ ก่อนเจ้าของห้องอีกคนจะเดินถือเสื้อผ้าที่เพิ่งรีดเสร็จเข้ามา “อ้าว ไอ้พิงค์ เป็นเหี้ยไร มึงยังรีดผ้าไม่เสร็จนะ ยังมายืนอู้อยู่ได้ เดี๋ยวจะตามพี่หมอไปอีกไม่ใช่เหรอ”

“เออ...” ภูพิงค์ถอนหายใจหนักๆ เขาโยนกุญแจรถไว้ที่เดิมบนโต๊ะหนังสือ แล้วก้าวฉับๆ ลงไปชั้นล่าง พอกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น ทุกคนก็พร้อมใจกันหันหน้ามาทางตน เด็กหนุ่มถอนใจแรงๆ “เสาร์ที่สอง เสาร์วันเด็กอะ พี่วินอยากขอแรงพวกมึงไปช่วยงานแต่งงานเพื่อนเขาที่เชียงรายหน่อย ได้ใช่ปะ”

“เชียงรายเลยเหรอวะ ต้องค้างคืนอะดิ”

“เออ คงเดินทางวันศุกร์ กลับวันอาทิตย์ล่ะมั้ง”

“ก็โอเคแหละ พี่หมอขอแรงทั้งที ยังไงก็ได้อยู่แล้ว อีกอย่างปีนี้สโมฯ วางแผนขอแรงพี่หมอไว้เพียบเลยด้วย กูไม่กล้าปฏิเสธแน่ๆ” ซันตอบกลั้วหัวเราะ แล้วหันไปสั่งเพื่อนๆ อีกสามคนให้เสร็จ “พวกมึงว่างอยู่แล้ว กูรู้”

“เออๆ ก็เหมือนมึงแหละ พี่หมอขอมา พวกกูก็จัดให้”

“ขอบใจพวกมึงมากเว้ย” ภูพิงค์เดินไปรีดเสื้อผ้าของตนเองต่อ รีดไปมองนาฬิกาไป รอจนเวลาผ่านไปครบชั่วโมง เขาจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรหาทันตแพทย์หนุ่ม


เนื่องจากรถไม่ติด รวินท์จึงกลับถึงหอพักเร็วกว่าปกติ หากที่จอดรถของหอพักโล่งว่าง มีรถจอดอยู่เพียงไม่กี่คัน ภายในบริเวณหอเงียบสงัด ดูเหมือนว่าหลายๆ คนจะยังไม่กลับจากวันหยุดกัน ไอ้เต้ก็ไม่อยู่ เป็นผลให้เขารู้สึกเหงาชอบกล

พอเดินขึ้นไปถึงห้องพัก ชั้นที่เขาพักอยู่ก็เงียบกริบ เขาจึงเดินไปนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง

ถ้าพิงค์ตามมาก็คงดี แต่เขาทำใจไว้แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่มาแน่

นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสักพัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น รวินท์หยิบมารับสายด้วยหัวใจที่สั่นรัว แอบหวังว่าบางทีครั้งนี้... อาจจะเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆ ที่ภูพิงค์โทรศัพท์มาเรียกให้เขาลงไปเปิดประตูหอพักให้

“พี่วินถึงหอยัง”

“ถึงแล้ว เพิ่งถึง”

“ผมบอกไอ้พวกนั้นเรื่องงานพี่ขวัญข้าวแล้วนะ พวกมันโอเค ยังไงพี่บอกอีกทีละกันว่าจะเดินทางวันไหนกี่โมง”

“ขอบใจ” รวินท์ตอบเสียงอ่อยอย่างผิดหวัง ภูพิงค์ไม่ตามเขามาจริงๆ ถึงจะทำใจไว้บ้างแล้ว หากก็ยังรู้สึกเจ็บในอก

คนที่ปลายสายดูจะรับรู้ความรู้สึกของทันตแพทย์หนุ่มได้จากน้ำเสียง เขาอ้ำอึ้ง ก่อนจะพูดขึ้น “พี่วิน วันนี้ผมยังไม่ไปนะ”

“อืม”

“พี่อย่าเข้าใจผมผิดนะ แต่ผมว่ามันยังเร็วไป เราเพิ่งคบกันเอง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรไม่ใช่เหรอ”

“อือ ผมเข้าใจ”

ภูพิงค์ถอนหายใจหนักๆ พลางยกมือขึ้นเกาศีรษะ น้ำเสียงของรวินท์ทำให้เขารู้สึกผิดและเจ็บหน่วงๆ ไปด้วยในคราวเดียวกัน

“ได้คุยกันก็พอแล้ว ขอบใจที่โทรมานะ” รวินท์ตัดบท แล้วกดวางสายไปทันที เขาโยนโทรศัพท์ไว้ข้างตัว จากนั้นจึงยกมือขึ้นกุมใบหน้า

“กูต้องทำบาปไว้เยอะมากแน่ๆ กรรมถึงได้ตามสนองกูแบบนี้”

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ทว่าคราวนี้ไม่ใช่จากภูพิงค์

รวินท์ยิ้มบาง ถึงจะเหงา แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีเพื่อน เขารีบกดรับสาย “ว่าไง ฉลองปีใหม่ที่โรงบาลเป็นไงวะ”

“แม่ง มึงเชื่อมั้ยว่าในห้องพักของกูนี่มีปาร์ตี้กันจริงจังที่สุดในชีวิตกูเลย ญาติแห่กันมาตรึม ทั้งหมอทั้งพยาบาล” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ “แล้วมึงล่ะ สวีตกับไอ้พิงค์ดีมะ”

“เออ ดี แดกจนเหนื่อย”

“มึงแดกมัน หรือมันแดกมึงวะ”

“สัส” รวินท์หัวเราะ “เมื่อไหร่มึงจะกลับมาทำงานได้วะ”

“คิดถึงอ่อ”

“เออ เหงา คิดถึง”

“มีไอ้พิงค์แล้วยังคิดถึงกูอีกเรอะ”

“มึงก็คือมึง พิงค์ก็คือพิงค์ ไม่มีใครแทนที่กันได้หรอกเว้ย”

“โห ซึ้ง น้ำตากูจะไหล ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดเป็นผู้เป็นคนแบบนี้จากปากมึง”

“สัส นี่มึงโทรมาหาเรื่องกูเอาฤกษ์เอาชัยปีใหม่ใช่มะ”

“เปล๊า~” เตชิตตอบเสียงสูง “กูจะพยายามกลับไปให้ทันงานขวัญละกัน”

“หมอว่าไงวะ ถ้าไม่หายดีไม่ต้องเสนอหน้ามาเลยนะ ต้องนั่งรถไปเกือบครึ่งวัน กระดูกกระเดี้ยวมึงไม่หลุดออกจากกันซะก่อนจะถึงงานเรอะ”

“จริงๆ กำหนดออกจากโรงบาลก็ประมาณกลางๆ เดือนนี่แหละ แต่ถ้ากูไปไม่ได้ ไอ้พิงค์ยังไปได้ใช่มั้ย”

“อือ”

“อย่างน้อยก็มีคนกุมมือมึงไว้ไม่ให้ไปพังข้าวของในงานแต่งขวัญล่ะนะ”

“เหี้ย! มึงนี่!”

“ทำใจได้ยังวะ” เตชิตหัวเราะร่วน

“เรื่องของกูกับขวัญมันจบไปแล้วเว้ย”

“แต่ไอ้พิงค์ก็ใจเด็ดดีนะ ยอมไปกับมึงด้วย”

“กูรู้สึกผิดพอแล้วเว้ย แต่มันแย่มากเลยเหรอวะเต้ ตอนนี้กูกับขวัญก็เป็นแค่เพื่อนกันนะเว้ย”

“กูไม่รู้หรอกว่าไอ้พิงค์มันจะคิดแบบไหน แต่ถ้ากูเป็นมัน มันเข้ามาตอนที่มึงอกหักพอดี มันคงรู้อยู่แก่ใจว่ามึงรักขวัญมากแค่ไหน”

“เคยรักโว้ย อีกอย่าง กูคบกับพิงค์แล้ว กูจะอาลัยอาวรณ์อะไรขวัญอีกวะ”

เตชิตอึ้งไปชั่วครู่ “โห เจ็บว่ะ กูไม่คุยกับมึงละ”

“อ้าว อะไรวะ”

“มึงอย่าลืมดิ กูก็รักมึงเหมือนกัน”

รวินท์ยกมือขึ้นกุมศีรษะ “ไอ้เต้...”

“กูล้อเล่น อย่าคิดมากเว้ย แต่ไม่คุยกับมึงแล้วจริงๆ หมอมาตรวจแล้วว่ะ”

“อือ” คนที่ปลายสายวางสายไปแล้ว แต่รวินท์แน่ใจว่าเตชิตหมายความอย่างที่พูดจริงๆ เพราะน้ำเสียงของอีกฝ่ายเศร้าลงไปทันที เขานี่มันแย่ฉิบหาย ไม่ใส่ใจกับความรู้สึกของเพื่อนรักอีกแล้ว 

“เฮ้อ ทำไมกูเป็นคนแบบนี้วะ”


*TBC*


ทุกคนคงรู้สึกได้ว่า ฮัสกี้เกียมแจกมาม่ารสหมู่สับงวดสุดท้ายแล้วแจร้ มาม่ารสอ่อนๆ นิดเดียวกิงๆ อย่าเพิ่งสาบแช่งเก๊า เกิบก็ไม่ต้องเกียมปามานะก๊ะ มีเยอะแร้ว 5555555

น้องพิงค์ของเราต้องโตขึ้นอีกนิด ผ่านอุปสรรคอีกหน่อย เพื่อที่จะได้มั่นใจว่าพี่วินน่ะ เปลี่ยนไปแล้ว และเปลี่ยนเพื่อตัวเขา เรามาเอาใจช่วยน้องพิงค์คนขี้หึงกันนะคะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ รอให้ถึงวัน nc ไปด้วยกันกับน้องพิงค์และพี่วินนะคะ 5555555 :o8:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 11-06-2018 19:49:11
เบาๆแน่ใช่ไหม รู้สึกว่าวินนี่ระแวงเรื่องสโมฯกับเรื่องตัวเองเป็นผู้ชายมากเลย เพิ่งมาอ่านสนุกมาก คนเขียนสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 11-06-2018 19:56:57
ดูเหมือนสองคนนี้เหมาจะเป็นเพื่อนมากกว่า :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 11-06-2018 19:57:14
ฮัสกี้บอกมาม่าเบาๆ คนอ่านก็เบาใจค่ะ งืออ :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 11-06-2018 20:01:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-06-2018 20:03:39
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 11-06-2018 20:30:23
เป็นกำลังใจให้พี่วินฝึกอ่อยยังไงให้ได้5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 11-06-2018 20:59:53
ชอบความเป็นแม่บ้านของพิงค์จุงเบยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 11-06-2018 21:03:10
พีวินเล่นอ่อยขนาดนี้แล้ว  ถ้าน้องพิงค์จะรีบตามไป  พี่คงช็อคซีนีม่าไปเลย   :a5:   รู้สึกอึน ๆ กับตอนนี้มาก  แบบมันหน่วง ๆ อ่ะ  ฟินไม่สุด  :sad2:  เหมือนพี่วินโดนรุมทั้งจากแฟน  และจากเพื่อน 


รอตอนต่อไปค่ะ



 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 11-06-2018 21:22:17
มาม่าอีกแล้ว ก็บอกว่าชอบไวไว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-06-2018 21:39:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-06-2018 21:51:34
มันควรจะสวีทมากๆไม่ใช่เหร ไมต้องตั้งน้ำกันอีกแล้ว พี่วินอ่อยจนไม่รุ้จะอ่อยยังไง พิงค์อ่ะเมื่อไหร่จะพร้อมพี่เค้ารอจนแห้งแล้วเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 11-06-2018 21:58:25
 :hao6: :hao6: :hao6: ลุ้นนนนนว้อยยยยย  :katai1: ใครบนใครล่างหว่า อยากรู้  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 11-06-2018 22:04:53
สงสารพี่วินอ่ะ
หน่วงๆ
ไม่ชอบเวลาพี่หมอเศร้าเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-06-2018 22:05:36
้เกิบมีเยอะ ไรท์เอามาแจกคนอ่านบ้างก็ได้   :katai2-1:

สงสารวิน  :mew2:
พิงค์ก็ขี้อาย คิดมากเหลือเกิ้น 
อย่างนี้วินทั้งน้อยใจ ไม่แน่ใจตัวพิงค์แล้ว
อาจคิดว่าพิงค์ไม่ได้ชอบผู้ชาย
และว่าเพื่อใช้งานวิน เลยทำมารักวิน
รำคาญพิงค์เหมือนกันและ 
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 11-06-2018 22:05:56



สงสารหมอวิน. เก็บกดอ่ะ.

รอวัน nc


・・・・・



 :hao7:  :hao7: :hao7:  :hao7:  :hao7:  :hao7:  :   :hao7:




หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-06-2018 22:54:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

ฟอร์มเยอะ  อมพะนำ  ปากอย่างใจอย่าง  คิดเองเออเอง

เฮ้อ...แล้วมันจะหาความสุขได้ไหมอ่ะ?
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 12-06-2018 00:33:21
สงสารหมอวินท์อย่านอยด์เลยนะคะน้องเค้าใสซื่อจริงๆ :hao4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-06-2018 01:04:54
น้องพิงค์ใจร้ายอ่า~ :serius2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 12-06-2018 01:08:46
ทำไมคิดอะไรไม่คุยกันตรงๆซะที
เมื่อไหร่จะเข้าใจกันน้า
คบกันแต่มันก็เหมือนยังกั๊กๆมากเลย
 :mew6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 12-06-2018 01:41:53
อยากให้ความสัมพันธ์เดินไปทางไหนก็คุยกันสิคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-06-2018 02:10:17
จะหวานก็หวานไม่สุดสักตอน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-06-2018 09:04:27
กลัวดราม่าวันงานแต่งเหลือเกินครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-06-2018 09:09:52
 :เฮ้อ:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 12-06-2018 10:29:01
อดทนหน่อยนะคะหมอ น้องไม่ไปไหน น้องรักพี่ แต่น้องยังเด็ก..รึป่าว 5555
รอตอนหน้า ต้มน้ำรอมาม่าแต่อย่าเผ็ดร้อนมากนะคะ น้ำตามันจะพาลไหล
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-06-2018 11:49:07
มาม่าเบาๆไม่เป็นไรค่าาา
เพื่อการเติบโตของทั้งคู่
แต่ถ้ามาชามใหญ่แบบอืดเต็มชามนี่…กลัวเลยค่ะ
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 12-06-2018 12:09:42
 :katai1: อย่าต้มเยอะนะมาม่าอ่ะเอาแค่ครึ่งซองพอช่วงนี้อิ่มอยู่ หมอวินรอพิงค์นะ อย่าน้อยใจไปเลยพิงค์คนไปเคย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 12-06-2018 19:56:47
รอน้องมันพร้อมก่อนเนอะพี่วิน อย่าคิดมากกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-06-2018 20:36:18
ขอช้างน้อยห่อเดียวก็พอแล้วจ้า ไม่ต้องถึงขนาดมาม่าหมูสับหรอก  :katai5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-06-2018 22:01:55
ปล้ำจ้ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 12-06-2018 22:21:37
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-06-2018 23:17:39
มาม่ารสหมูสับก็ไม่เอาค่ะ ไม่อยากกินมาม่า :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-06-2018 00:12:29
กำลังเริ่มมมม :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-06-2018 04:34:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-06-2018 05:54:55
คู่นี้เค้าจะหวานก็หวานไม่สุด จะมาม่าก็ยังไม่สุด อึมๆ อั้นๆ อึดอัดแทนทั้งสองคน อยากให้หันหน้ามาพูดกันจะได้เข้าใจกันมากขึ้น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 13-06-2018 07:52:11
บางทีก็อึดอัดแทนทั้งสองคน  ทำไมไม่คุยกันให้เคลียธ์ๆไปเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 13-06-2018 15:16:48
เฮ้อ.. ทำไมเหนื่อย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 14-06-2018 10:57:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-06-2018 21:11:21
พิงค์รีบศึกษาด่วน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 14-06-2018 21:33:16
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 15-06-2018 09:44:40
รอค่าาารอ..พลีสสสสสมาเร็วนะค้าาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-06-2018 20:29:15


(แจกเบบี้มาม่าหมูสับถ้วยสุดท้ายแร้ว~)


Chapter 49 : แฟนเก่า


รถตู้ใหม่เอี่ยมคันหนึ่งพาหนุ่มๆ จำนวนหกคนมุ่งหน้าจากเชียงใหม่ไปยังเชียงรายในตอนบ่ายของวัน ภายในรถมีกระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้าของทั้งหกคน กับชุดสูทและดอกไม้ช่อใหญ่ของรวินท์ซึ่งจะนำไปมอบให้เจ้าสาว เนื่องจากงานนี้เขาต้องเหมาหน้าที่เป็นทั้งเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวด้วย

รวินท์กับภูพิงค์นั่งข้างกัน ทว่าแทบจะไม่ได้คุยกันเลย

นับตั้งแต่คืนวันที่เขาบอกกับภูพิงค์เรื่องความต้องการของเขาไปตรงๆ ระหว่างพวกเขาก็ดูเหมือนมีม่านบางๆ กางกั้น ทำให้พูดคุยกันได้ไม่สนิทใจเหมือนเดิม และที่สำคัญ ภูพิงค์ไม่มาค้างหรือชวนเขาไปค้างด้วยอีกเลย แม้เด็กหนุ่มจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติก็ตามที

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น รวินท์จึงหยิบขึ้นมากดรับสาย “ว่าไงวะ”

“เดินทางอยู่ใช่มั้ยวะ บอกคนขับขับรถดีๆ ล่ะ กูขอโทษจริงๆ ที่ไปไม่ได้ ขวัญแม่ง...โทรมาคุยกับหมอกูเองเลย”

“เออ ก็สมเป็นขวัญดี” รวินท์หัวเราะ “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูไลฟ์งานขวัญให้เพื่อมึงเลย”

“ปากดี เห็นขวัญใส่ชุดแต่งงานมึงอย่าร้องไห้หงุงหงิงก็แล้วกัน เดี๋ยวเด็กมึงจะงอน”

“สัส! หมอมึงเบอร์ไรวะ เดี๋ยวกูโทรไปขอให้เย็บปากมึงด้วย”

คนที่ปลายสายหัวเราะลั่น “ถึงแล้วโทรมาบอกด้วยนะ”

“เออ เดี๋ยวจะแวะกินมื้อเย็นก่อน น่าจะถึงที่พักสักสามหรือสี่ทุ่ม มึงตื่นรอแล้วกัน”

“โอเค กูจะรอ”

เมื่อวางสายไป ทันตแพทย์หนุ่มก็เอนหลังพิงพนักเบาะพลางถอนหายใจ ขวัญข้าวในชุดแต่งงานงั้นหรือ เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลย ทั้งที่คบกันมาตั้งห้าปี หากก็คิดว่าชุดสีขาวน่าจะเหมาะกับเธอดีนะ ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบกระโปรงสั้น หรือกระโปรงยาว แต่ว่าถ้าตามนิสัยของเธอ ก็น่าจะใส่ชุดแบบสบายๆ หน่อยล่ะมั้ง

“พี่เต้เหรอ” คนที่นั่งเงียบอยู่สักพักถามขึ้น

“อืม เดินทางไกล มันเป็นห่วงน่ะ”

ภูพิงค์ชำเลืองมองดอกไม้ช่อใหญ่กับชุดสูทที่วางพาดพนักเก้าอี้ไว้ “อย่างกับจะไปแต่งงานซะเอง”

รวินท์หันขวับ ทว่าเด็กหนุ่มกลับเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขาถอนหายใจยาว “ผมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวนะเว้ย ก็ต้องให้เกียรติงานหน่อยป่ะวะ”

“ผมว่าพี่เด่นกว่าเจ้าบ่าวแน่ๆ”

ทันตแพทย์หนุ่มเม้มปาก พลางหันมองไปทางคนอื่นๆ “.....”

สี่หนุ่มที่เหลือในรถแกล้งตายกันกะทันหัน ทั้งที่ในตอนแรกบางคนก็นั่งเล่นเกม ฟังเพลง หรือเล่นโทรศัพท์มือถือ พอมาตอนนี้พวกเขาพร้อมใจกันเอนศีรษะพิงพนักแล้วกรนคร่อกๆ

“ผมไม่ได้เลือกชุดเอง ขวัญเป็นคนเลือกให้ เขาขอให้ผมใส่สูท”

“ถ้าผมเป็นพี่ขวัญ ผมก็คงอยากเห็นพี่ใส่สูทถือช่อดอกไม้ใหญ่ๆ มาให้เหมือนกันละ”

รวินท์ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ เขาเอื้อมมือไปกุมมือเด็กหนุ่มไว้แทนคำพูด

ภูพิงค์กุมมือตอบ เขาก็รู้ตัวแหละว่าทำตัวงี่เง่า แต่บอกตรงๆ ว่าเขาก็ไม่ได้อยากมางานนี้เลยจริงๆ ตอนแรกว่าทำใจได้แล้ว ทว่าพอได้เห็นพี่วินเตรียมชุดสูทกับดอกไม้ช่อเบ้อเริ่ม ต่อมงี่เง่ากับต่อมหึงก็ทำงานแบบโอเวอร์โหลด “ผมขอโทษ” เขาพูดเสียงเบา แล้วด่าตัวเองในใจ

ทีตอนค่อนขอดพี่วินงี้พูดซะดัง พอขอโทษงี้ เสียงเบาเป็นตดมดเลยแม่ง แมนมากเลยกู

หลังจากหยุดพักกินมื้อเย็นกันแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ ภายในรถเงียบกริบ ต่างคนต่างนอนเอาแรง ยกเว้นก็แต่รวินท์กับภูพิงค์นั่นล่ะ ที่แกล้งหลับไปอย่างนั้น จนกระทั่งถึงโรงแรมที่ขวัญข้าวจัดหาไว้ให้

เมื่อเช็กอินแล้วก็ได้กุญแจห้องมาสามดอก หมายความว่าพวกเขาต้องแยกกันไปนอนห้องละสองคน

“ผมนอนกับแซนดี้ก็ได้” รวินท์รีบบอกกับเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะต้องเห็นอีกฝ่ายทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอีก

“จะบ้าเรอะพี่ เรื่องไรผมจะให้พี่ไปนอนกับคนอื่น” ภูพิงค์หยิบกุญแจมาแล้วส่งให้เพื่อนของตน “นอนห้องละสองคนเว้ย”

ซันจับคู่กับแซนดี้ ขิงกับดิว พวกเขาแยกย้ายกันเข้าไปนอนในห้องพักทันทีที่ได้กุญแจ เพราะดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าด้วย

ส่วนรวินท์นั้น เมื่อเข้าไปในห้องพักก็บอกให้เด็กหนุ่มไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเขาโทรศัพท์ไปหาเตชิตและขวัญข้าวเพื่อรายงานตัว
หากเมื่อภูพิงค์ออกมาจากห้องอาบน้ำแล้ว ทันตแพทย์หนุ่มก็ยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จ

“นอนก่อนได้เลย” รวินท์หันไปบอก ก่อนจะเดินออกไปคุยโทรศัพท์ต่อบนระเบียงอีกพักใหญ่

เด็กหนุ่มเอนตัวลงนอน สายตาจับจ้องคนที่ยืนพิงระเบียงนิ่ง เขาเองก็เกลียดความอึดอัดแบบนี้ คงต้องหาเวลาเหมาะๆ คุยกับพี่วินให้รู้เรื่อง

สักพักทันตแพทย์หนุ่มก็เดินกลับเข้ามาในห้อง “อ้าว ยังไม่นอนอีก”

“พี่วิน คือผม...”

“ผมอาบน้ำก่อนนะ”

คราวนี้พออาบน้ำเสร็จ เดินออกมาก็พบว่าภูพิงค์นั่งรออยู่ที่บนเตียง เมื่อสบสายตากัน รวินท์ก็หัวเราะเจื่อนๆ “นอนไม่หลับรึไง กลัวผมทำไรวะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าน่ะ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ยพี่” เด็กหนุ่มถอนหายใจหนักๆ พร้อมกับตบลงบนเตียงข้างกัน “มานั่งคุยกันหน่อยดิ”

รวินท์เอาผ้าเช็ดตัวไปตาก จากนั้นจึงเดินกลับไปนั่งลงข้างคนที่นั่งรออยู่ “มีอะไร”

“ถามได้ พี่ก็รู้อยู่แก่ใจป่ะวะ”

“.....”

“ผมว่าระหว่างพี่กับผมมันอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ว่ะ เหมือนเราไม่เข้าใจกัน” ภูพิงค์เอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่าย “ผมไม่อยากให้พี่เข้าใจผมผิด ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากมีอะไรกับพี่นะ แต่ผมว่ามันยังเร็วไป”

“ผมรู้ คุณก็เคยบอกผมแล้วไง”

เด็กหนุ่มขยับเข้าไปจูบแก้มอีกฝ่าย “ผมรักพี่นะ”

รวินท์ยิ้มบาง พอเขาหันหน้าไปทางคนที่กุมมือตนอยู่ เด็กหนุ่มก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหา เขาจึงรีบยกมือขึ้นบังริมฝีปากคนอ่อนวัยกว่าไว้ “อย่าเพิ่งเลย ถ้าคุณจูบผม ผมก็จะอยากทำอะไรมากกว่าแค่จูบ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “......”

ทันตแพทย์หนุ่มลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่า “นอนกันเหอะ” ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟ แล้วเอนตัวลงนอนหันหลังให้

“ถ้างั้นกอดได้มั้ย”

“ตามใจ”

เด็กหนุ่มขยับเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆ เขาลืมตาอยู่ในความมืด เช่นเดียวกับคนในอ้อมแขน


ความรักนี่มันเข้าใจยากชะมัด



ในตอนเช้ามืด อากาศเย็นสบาย รวินท์ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวก่อน เขาเปลี่ยนใส่สูทเรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
คนขับรถตู้มารออยู่แล้ว เขาจะพารวินท์ไปส่งที่งานพิธีแต่งงานซึ่งจัดที่ในโรงพยาบาลก่อน แล้วจึงจะกลับมารับอีกห้าหนุ่มในตอนสาย เพื่อพาไปส่งที่สถานที่เลี้ยงฉลองงานแต่งงาน

ทันตแพทย์หนุ่มก้าวลงจากรถตู้พร้อมด้วยดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ งานพิธีช่วงเช้ามีเพียงแขกผู้ใหญ่และเพื่อนแพทย์ในโรงพยาบาลเดียวกัน ทุกคนนั่งรวมกันอยู่ในห้องรับรองซึ่งอยู่ติดกับห้องที่ใช้จัดงานพิธี พอได้เห็นรวินท์ก็ฮือฮากันแบบลืมเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันไปเลย

“วิน!” ขวัญข้าวอยู่ในชุดไทยเรียบง่ายสีเบจ เธอวิ่งเข้ามาสวมกอดเขาทันที ทำให้เจ้าบ่าวงอนไปชั่วครู่เลยทีเดียว

“เอาน่ะ คุณโรจน์ต้องทำใจนะ ก็เพื่อนคุณขวัญหล่ออย่างกับพระเอกขนาดนั้น” เพื่อนแพทย์ด้วยกันตบไหล่เจ้าบ่าวเพื่อปลอบใจ

สาโรจน์หัวเราะแหะๆ พลางเดินไปต้อนรับรวินท์ด้วยอีกคน

“ยินดีด้วยนะครับคุณโรจน์” รวินท์ยิ้มกว้าง พลางสวมกอดอีกฝ่าย

สาโรจน์ลูบหลังของทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “ขอบคุณคุณวินจริงๆ อุตส่าห์เดินทางมาไกล”

“ไม่เป็นไรครับ งานแต่งขวัญกับคุณโรจน์ทั้งที”

“เอ้อ คุณวินครับ ผมขอคุยด้วยแป๊บนึง” สาโรจน์บอกกับแขกคนสำคัญ แล้วหันไปบอกกับเจ้าสาวของตน “ขวัญเข้าไปเตรียมตัวข้างในก่อนนะ”

หญิงสาวพยักหน้า เมื่อเธอคล้อยหลังไปนายแพทย์หนุ่มจึงหันมาบอกกับรวินท์ “คือ เรื่องการแสดงบนเวทีที่ผมขอคุณวินไว้น่ะครับ ผมบอกกับทางนักดนตรีไว้แล้ว...”

รวินท์ถอนหายใจ “ครับ ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะพยายามเต็มที่เลย”

สาโรจน์ยิ้มกว้าง พลางยกมือไหว้ “ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริงๆ”

ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมา “คุณนี่ก็น้า... เจ้าบ่าวที่ไหนเขามาขอร้องแฟนเก่าเจ้าสาวเรื่องแบบนี้กันวะ”

เจ้าบ่าวของวันยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ “อะไรที่ทำให้ขวัญมีความสุขได้ ผมก็ยินดีหมดล่ะครับ”

คำตอบของสาโรจน์เป็นผลให้รวินท์พลอยยิ้มไปด้วย เขาอิจฉาความรักของสองคนนี้เสียจริงๆ

“เราเข้าไปข้างในกันเถอะครับคุณวิน”

รวินท์พยักหน้า แล้วเดินตามหลังเจ้าบ่าวเข้าไปในห้องจัดงาน ไม่นานงานพิธีก็เริ่มขึ้นตามฤกษ์ยามที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้



พอได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นในตอนสาย ภูพิงค์ก็ลุกขึ้นพรวด

“ไอ้พิงค์ รถมารับแล้วเว้ย” ซันตะโกนเรียก

“ฉิบหาย!” เด็กหนุ่มวิ่งหัวกระเซิงไปเปิดประตูห้อง “พี่วินล่ะ”

“มึงเมาเหรอ พี่วินไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว เมื่อวานพี่เขาบอกแล้วไงวะ”

“ฮะ? บอกว่าไรวะ”

“พี่เขาจะไปงานพิธีช่วงเช้าก่อน แล้วจะตามไปที่งานเลี้ยง นี่มึงไม่ได้ฟังเลยใช่มะ กูกับมึงดูโต๊ะกับชื่อว่าตรงมั้ย ดูดอกไม้ในงาน ดูซุ้มอาหาร อีแซนดี้ ไอ้ขิงกับไอ้ดิวจัดการเค้ก เพลงแล้วก็เวที”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ เขามัวแต่งอนพี่วินจนไม่ได้ฟังเลย

“มึงไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาให้ไว ให้เวลาสิบนาทีนะเว้ย”

“เออๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้”

พอเด็กหนุ่มทั้งห้ามาพร้อมหน้ากัน พวกเขาก็รีบขึ้นรถ ตรงไปยังสถานที่จัดงานกันทันที



สถานที่จัดงานอยู่ในเขตโรงพยาบาล มีโต๊ะตั้งพร้อม มีเวทีและเครื่องเสียง ชาวบ้านกำลังนำดอกไม้มาประดับในงาน พวกเด็กหนุ่มจึงไปช่วยปูโต๊ะ นำดอกไม้และป้ายชื่อมาวาง พวกเขาวิ่งวุ่น มือเป็นระวิง เนื่องจากงานเลี้ยงจะเริ่มตอนบ่ายโมง ยาวไปจนมืดค่ำ ดังนั้นก็เหลือเวลาไม่มากแล้ว

ในตอนเกือบเที่ยง หลังเสร็จจากพิธีแต่งงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวซึ่งเปลี่ยนใส่สูทและชุดขาวแบบสั้นแล้วก็เดินทางมายังสถานที่จัดงานเลี้ยงพร้อมกับทันตแพทย์หนุ่มซึ่งเป็นแขกพิเศษ

ขวัญข้าวควงแขนรวินท์พลางยิ้มระรื่น “พาไปรู้จักเพื่อนของวินหน่อย”

ทันตแพทย์หนุ่มหยิกแก้มเธอเบาๆ “มาควงผมแบบนี้เดี๋ยวคุณโรจน์งอนเอานะ”

สาโรจน์ยิ้มเหยๆ “วันนี้วันของเขา ยอมให้เขาสักวันครับ”

รวินท์ส่ายหน้าไปมา “ตามใจมากระวังจะเหลิง”

“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจว่าคุณวินเป็นคนสำคัญ เดี๋ยวผมขอตัวไปจัดการทางนู้นสักหน่อย ฝากเจ้าสาวผมด้วยนะครับ”

“อ้าว คุณโรจน์ พูดงี้เดี๋ยวผมพาหนีนะ”

สาโรจน์หัวเราะ “รับรองว่าไปได้ไม่เกินชั่วโมงคุณวินต้องรีบเอามาคืนแน่ครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว เขาสงสัยจริงๆ ว่าอะไรที่ทำให้สาโรจน์และขวัญข้าวไว้ใจกันได้ขนาดนี้ ช่างเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาชะมัด

“ทำไมทำหน้าแปลกๆ ล่ะวิน หิวแล้วเหรอ จะว่าไปวันนี้ออร่าไม่แรงเท่าไหร่เลย เดินทางเหนื่อยใช่มั้ย เมื่อคืนนอนหลับดีรึเปล่า” เธอยกมือขึ้นแตะแก้มเขาอย่างอ่อนโยน

รวินท์ยกมือขึ้นกุมมือเธอไว้ “ก็หลับสบายดี แต่ยังเหนื่อยอะ ผมนั่งรถมาตั้งห้าชั่วโมงเลยนะ”

หญิงสาวยิ้มบาง “ขวัญดีใจมากนะที่วินอุตส่าห์มา”

“ได้เห็นขวัญมีความสุขแบบนี้ผมก็สบายใจ” ทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปภายในงาน สบสายตากับภูพิงค์ที่กำลังยืนมองมาทางตนพอดี เขากวักมือเรียกเด็กหนุ่ม

สำหรับภูพิงค์แล้ว เขาเห็นหญิงสาวเดินควงแขนพี่วินมาแต่ไกล ก็เด่นเสียขนาดนั้น เขาสงสารทั้งเจ้าบ่าวและตัวเองเป็นที่สุด หัวใจเจ็บจนจะบ้า ทำไมเขาต้องมาทนเห็นภาพพี่วินสวีตกับแฟนเก่าด้วยวะ แม่งดูเหมือนคู่แต่งงานกันมากกว่าเจ้าบ่าวตัวจริงซะอีก

เมื่อเห็นว่ารวินท์กวักมือเรียก เขาก็อ้ำอึ้ง บอกตรงๆ ว่าไม่อยากเดินไปหา เห็นไกลๆ ยังเจ็บเจียนตาย นี่จะให้ไปดูใกล้ๆ ฆ่ากันเลยเหอะ

พอเด็กหนุ่มไม่ยอมเดินมาหา รวินท์จึงจูงมือหญิงสาวเข้าไปหาเขาเสียเอง

“ขวัญ นี่พิงค์”

ภูพิงค์ฝืนยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้ “สวัสดีครับพี่ขวัญ”

หญิงสาวเดินเข้าไปจับมือเด็กหนุ่ม “ขอบคุณมากนะคะ อุตส่าห์สละเวลามาช่วย”

“อย่าจับนาน” ทันตแพทย์หนุ่มเขกศีรษะเธอไปหนึ่งที

“นี่! จะตามใจเจ้าสาวสักวันได้มะ!”

“ไม่ได้ ผมไม่ใช่คุณโรจน์นะ” รวินท์ประสานสายตากับเด็กหนุ่ม “อีกอย่าง พิงค์เป็นคนพิเศษของผม ผมถึงหวง”

ขวัญข้าวเลิกคิ้วขึ้น พลางหันขวับไปทางทันตแพทย์หนุ่ม

รวินท์ยิ้มบาง “ขวัญถามผมว่ามีโอกาสจะได้เจอเขามั้ย ผมก็พามาให้เจอแล้วนี่ไง”

“อุ๊ย” หญิงสาวยิ้มกว้าง เธอยกมือขึ้นทุบอีกฝ่ายเบาๆ จากนั้นจึงหันไปทางเด็กหนุ่ม จับมือเขาไว้อีกครั้งแล้วหัวเราะ  “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ สู้ๆ น้า วินอาจจะรับมือยากสักหน่อย อดทนให้มากๆ หน่อยนะคะ”

“นี่ พูดแบบนี้ถ้าผมโดนทิ้งต้องโทษขวัญเลยนะ”

ภูพิงค์ทำหน้าบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องรับมืออย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ดีใจนะที่พี่วินบอกกับพี่ขวัญตรงๆ ว่าเขาเป็นใคร พี่วินคงไม่ต้องการให้เขาคิดมาก แต่ก็แบบ... มันแปลกๆ ว่ะ อารมณ์แฟนเก่ากับแฟนใหม่เจอกันนั่นล่ะ

“พิงค์พาเพื่อนมาช่วยงานด้วยอีกหลายคนเลย เดี๋ยวผมพาไปรู้จักนะ”

ขวัญข้าวพยักหน้า เธอบีบมือเด็กหนุ่มแล้วขยิบตาให้ “เอาไว้นินทาวินกันนะ”

รวินท์โอบไหล่เธอแล้วพาเดินออกไป “น้อยๆ หน่อย”

ภูพิงค์ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม มองตามพี่วินของเขาแล้วถอนใจ ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงแขกเหรื่อในงานพูดถึงรวินท์กัน ซึ่งเขาก็ได้ยินจนเบื่อแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเป็นหล่อกว่าเจ้าบ่าว หล่อที่สุดในงาน เหมาะสมกับเจ้าสาว เขาล่ะเห็นใจเจ้าบ่าวจริงๆ อยากเดินไปกอดคอกันร้องไห้



หลังจากแขกเหรื่อทยอยกันเข้ามานั่งครบทุกโต๊ะแล้ว ไม่นานงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น นักร้องนักดนตรีขึ้นประจำบนเวที บรรเลงเพลงรักทั้งไทยและเทศขับกล่อม ส่วนทั้งห้าหนุ่มเมื่อตรวจดูความเรียบร้อยในงานดีแล้วจึงไปนั่งประจำโต๊ะของพวกเขาซึ่งอยู่ไกลจากเวทีงานมากที่สุด และพอแขกเหรื่อกินอาหารกันจนอิ่มหนำ พิธีกรก็เชิญคู่บ่าวสาวขึ้นไปบนเวที จากนั้นก็เชิญแขกสำคัญในงานขึ้นไปกล่าวอะไรด้วย

แน่นอนว่ารวินท์ต้องเป็นหนึ่งในนั้น

ภูพิงค์นั่งกินอาหารไปอย่างเซ็งๆ แต่พอทันตแพทย์หนุ่มเดินขึ้นเวที เขาก็วางทุกอย่างลงแล้วหันไปดู

รวินท์มองหญิงสาวอดีตคนรักอย่างอ่อนโยน เขาเล่าถึงความน่ารักของเจ้าสาวเมื่อครั้งที่ยังเป็นนักศึกษาด้วยกัน และสิ่งที่เขาประทับใจในตัวเธอมากที่สุด

แววตาของขวัญข้าวสั่นไหว เธอฟังความรู้สึกของอดีตคนรักไปพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า นัยน์ตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอไม่เคยนึกมาก่อนว่าเขาเองก็ใส่ใจ

“ที่จริง... ผมเองก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องร้องเพลงสักเท่าไหร่ แต่เพราะเจ้าบ่าวขอร้อง และเจ้าสาวเคยพูดไว้ว่าอยากจะฟัง ผมจึงขออนุญาตร้องเพลงนี้ให้เธอในนามของเจ้าบ่าว และขอร้องแค่ท่อนสั้นๆ เท่านั้น อดทนกับเสียงผมหน่อยนะครับ” รวินท์แจกยิ้มไปรอบๆ เรียกเสียงปรบมือให้กำลังใจดังก้อง เขาเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดไว้ข้างคีย์บอร์ด แล้วหันไปพยักหน้าให้นักดนตรีซึ่งเตี๊ยมกันไว้ก่อนงานจะเริ่ม พอเสียงดนตรีดังขึ้น เขาก็โยกศีรษะช้าๆ ไปตามทำนอง ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มพริ้ม

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่เคยได้ยินพี่วินร้องเพลงเลยสักครั้ง หากเมื่อได้ยินเสียงอินโทรของเพลง หัวใจก็ร่วงวูบ เขารู้จักเพลงนี้ดี


“เธอเพียงคนเดียวและเพียงเธอที่เฝ้ารอ ฉันจะขอภาวนาต่อหน้าฟ้าอันแสนไกล นั่นคือฉันจะรักเธอไม่ว่าเมื่อไรสถานใด ทั้งหัวใจฉันมีเธอเพียงคนเดียว จะทุกข์หรือยามที่เธอนั้นสุขใจ ยามป่วยไข้หรือสุขกายสบายดี ฉันอยู่ตรงนี้ และจะมีเพียงเธอทุกวินาที”

cr. เพลงคู่ชีวิต cocktail


ขวัญข้าวยืนนิ่ง ก่อนจะร้องไห้โฮ แล้วหันไปสวมกอดเจ้าบ่าวของเธอ ที่จริงแล้วเพลงนี้น่ะ เธอเคยพูดเล่นกับรวินท์ไว้เมื่อครั้งที่ยังคบกัน เธอฝันว่าจะได้ยินเขาร้องเพลงนี้ในงานแต่งงานของเธอ วันนี้ฝันนั้นเป็นจริงแล้ว แม้ว่าเจ้าบ่าวจะไม่ใช่เขาก็ตามที

สาโรจน์รับรู้เรื่องราวทั้งหมดในอดีตของคนรักและทันตแพทย์หนุ่ม ขวัญข้าวเคยเล่าให้เขาฟัง และเขาก็คิดว่าเพลงนี้มีความหมายดี ถ้าให้รวินท์ได้เป็นคนร้อง ส่งผ่านความรู้สึกของเขาไปถึงเธอ ก็คงจะทำให้เจ้าสาวของเขามีความสุขที่สุด

“มีความสุขมากๆ นะครับ ขอให้รักกันนานๆ” รวินท์อวยพรสั้นๆ จากนั้นก็เดินลงจากเวทีมาก่อน แล้วกลับมานั่งโต๊ะตรงที่นั่งของเขาซึ่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว

ภูพิงค์มองตามทันตแพทย์หนุ่มพลางทอดถอนใจ แม้พี่วินจะร้องเพลงในนามของเจ้าบ่าว แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกเจ็บ... เจ็บจังโว้ย!

เสียงพี่วินก็เพราะดี แต่ทำไมเขาฟังแล้วเหมือนเป็นเพลงอกหัก ฟังแล้วเจ็บฉิบหาย ดูจากท่าทีของพี่ขวัญ เพลงนี้น่าจะมีความหมายสำหรับพวกเขาเช่นกัน

พี่วินคงรักเธอมากจริงๆ

คิดแล้วก็ชักรู้สึกว่าดวงตามันร้อนผ่าวชอบกล ทั้งอิจฉา ทั้งเศร้า ทั้งหึง ปะปนกันไปหมด

“นั่งทำตาละห้อยหน้าเหี่ยวเชียวนะมึงอะ” แซนดี้ใช้ข้อศอกสะกิด

ภูพิงค์หันไปสบสายตากับคนเรียก ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ “อือ”

แซนดี้เลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับโน้มตัวไปกระซิบ “พี่ขวัญนี่ไม่ใช่แค่เพื่อนพี่หมอใช่มั้ยวะ”

“มึงดูออกด้วยเหรอ”

“โห กูระดับไหน”

เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ พลางพยักพเยิดหน้าไปตรงที่ไม่มีคนอยู่ “คุยกันแป๊บดิ มึงอิ่มแล้วใช่มะ”

สองหนุ่มลุกขึ้น เดินออกจากงานไปนั่งหลบมุมอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นไม้ ไม่ไกลจากบริเวณจัดงานนัก

เสียงดนตรีดังมาแว่วๆ ตอนนี้คงมีการแสดงต่างๆ บนเวทีอยู่ งานของพวกเขาก็เหลือแค่ช่วยเก็บของตอนงานเลิกเท่านั้น



เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวลงจากเวทีมาแล้ว เจ้าสาวก็ขอแวบไปแต่งหน้าใหม่ก่อนจะเดินถ่ายรูปตามโต๊ะ ระหว่างนั้นสาโรจน์กับรวินท์ก็เดินไปที่โต๊ะของพวกเด็กหนุ่ม หากเมื่อไปถึงที่โต๊ะก็เห็นว่าเหลืออยู่แค่สามคนเท่านั้น

“พิงค์กับแซนดี้ไปไหน”

“เห็นพวกมันกระซิบกระซาบอะไรกันไม่รู้ แล้วก็เดินไปทางนั้นน่ะพี่หมอ เดี๋ยวก็คงกลับมา”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมฝากไว้ให้คุณพิงค์กับคุณแซนดี้ด้วยละกันครับ” สาโรจน์ยิ้ม ก่อนจะส่งซองสีชมพูให้พวกเด็กหนุ่ม

“อะไรครับเนี่ย” ซันถามอย่างงงๆ

“ขอบคุณที่พวกคุณมาช่วยงานนะครับ ถ้าไม่ได้พวกคุณ ผมกับขวัญแย่แน่ๆ”

พวกเด็กหนุ่มเปิดซองดู แล้วจึงเห็นธนบัตรใบละหนึ่งพันในซอง “เฮ้ย! เขามีแต่คนมางานต้องใส่ซองให้ป่ะวะพี่!”

“รับไว้เถอะ คุณโรจน์อยากตอบแทนน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ น่ะ”

“ผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวไปต้องเดินถ่ายรูปตามโต๊ะน่ะครับ”

เมื่อเจ้าบ่าวเดินออกไปแล้ว รวินท์จึงนั่งลงที่โต๊ะร่วมกับพวกเด็กหนุ่ม

“พี่หมอ เจ้าบ่าวของเพื่อนพี่หมอนี่ หมอแบบ หมอในอุดมคติ หมอแบบมองจากดาวอังคารยังรู้ว่าเป็นหมอเลยว่ะ”

รวินท์หัวเราะ “ใช่มะ ต่างกับผมแบบฟ้าเหวเลย”

“เพราะพี่หมอหล่อเกินไง”

“ชมผมไปก็ไม่ได้อีกซองหรอกนะ” ทันตแพทย์หนุ่มอมยิ้ม “ผมร้องเพลงเป็นไงมั่งวะ เสียงเพี้ยนมะ”

“ไม่เลยพี่ เสียงดี แถมเท่สุดๆ ไปเลย พวกผมงี้ขนลุกเลยอะ พี่ไปออกอัลบั้มได้เลยนะเนี่ย”

“อย่าเว่อร์” รวินท์ส่ายหน้าไปมา

“พี่หมอซ้อมนานมั้ยอะ”

“ซ้อมมานิดเดียว ได้ซ้อมกับนักดนตรีครั้งเดียวอะคิดดู”

“โห แต่ได้ขนาดนี้ก็โคตรเทพแล้วพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มนั่งพูดคุยกับสามหนุ่มไปอีกสักพัก ทว่าภูพิงค์ก็ไม่กลับมาสักที เขาชะเง้อมองไปทางที่พวกเด็กหนุ่มในโต๊ะบอกหลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว “ผมไปดูพิงค์หน่อยดีกว่า”

“ก็ดีว่ะพี่หมอ เห็นมันซึมๆ สงสัยจะอิจฉาเจ้าสาว”

รวินท์ขมวดคิ้ว “จะอิจฉาทำไมกัน”

“โห ก็พี่หมอเล่นเดินควงเจ้าสาวทั่วงาน ปล่อยแฟนตัวจริงทำงานเป็นกุลี แถมยังร้องเพลงให้เจ้าสาวซะหวานเลย มันไม่อิจฉาก็แปลกแล้ว” ซันพูดกลั้วหัวเราะ แต่เขาก็หมายความอย่างที่พูดจริงๆ นะ สงสารไอ้พิงค์มันชะมัดเลย

ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งอึ้ง นี่เขาทำตัวผิดอีกแล้วหรือ?

“รีบไปตามหามันเหอะพี่หมอ ง้อมันหน่อย ช่วงนี้มันติดๆ ดับๆ เหมือนเมนส์ขาด”

“อืม เขาไปทางนั้นใช่มั้ย”

“ครับ คงไปนั่งปรับทุกข์กับอีแซนดี้นั่นล่ะ”

รวินท์ยิ้มบาง “ขอบใจนะ”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 48 : วันปีใหม่][110618]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-06-2018 20:30:07


ที่ตรงชุดม้าหิน ภูพิงค์ยกมือขึ้นกุมศีรษะขณะซบใบหน้าลงบนโต๊ะ ส่วนแซนดี้นั่งอยู่บนม้านั่งอีกตัวข้างกัน

“มึงมีไรจะพูดก็พูดสักที ครางหงุงหงิงอยู่ได้ กูทนให้ยุงกัดมาสิบนาทีแล้วสัส”

“กูไม่รู้จะเริ่มยังไงดี อีแซนดี้”

“อะ งั้นกูเริ่มให้ เจ้าสาวในงานอะ แฟนเก่าพี่วินใช่มะ”

ภูพิงค์พยักหน้าหงึกๆ “คนแรกและคนเดียวที่คบมาห้าปีเลยมึง คืนนั้นที่มึงลากกูไปหาหมอฟันแล้วเจอพี่วิน จำได้ใช่ปะ นั่นน่ะพี่เขาเพิ่งอกหักจากพี่ขวัญ”

“โอ๋... กูเข้าใจความรู้สึกมึงแรงๆ” แซนดี้เอื้อมมือไปตบไหล่ปลอบใจ ไอ้พิงค์เพื่อนเขาเข้ามาในชีวิตพี่หมอตอนที่พี่หมออกหักพอดี เพราะงั้นมันก็คงรู้เห็นอยู่ว่าพี่หมอเคยรักแฟนเก่ามากแค่ไหน “คนเขาเคยมีซัมทิงกัน ยิ่งถ้าเขาเลิกกันด้วยดี มึงก็ต้องทำใจหน่อยนะเว้ย แต่อย่างน้อยพี่เจ้าสาวเขาก็มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วไง ถ่านไฟเก่ามันไม่คุหรอก อีกอย่างพี่หมอก็ดูรักมึงจะตาย”

“กูรู้”

“รู้แล้วมึงยังมีปัญหาอะไรอีก ทำตัวดราม่าฉิบหาย จะไปแจ้งเกิดในละครหลังข่าวเหรอวะ”

“กูก็พยายามบอกตัวเองอยู่ว่าอย่าอิจฉา อย่าหึงให้มันเว่อร์”

“นั่นดิ คิดมากไม่เข้าเรื่อง ตอนนี้มึงเป็นคนปัจจุบันของพี่หมอแล้วนะเว้ย อย่าไปอิจฉาให้เหนื่อยจิตเลย”

“แต่... กูจะไม่อิจฉาได้ไงวะ พี่ขวัญเคยใกล้ชิดกับพี่วินมากกว่ากู เคยใช้เวลากับพี่วินมานานมากกว่ากู เขาผูกพันกันมากนะมึง ขนาดโง่ๆ อย่างกูยังดูรู้” เด็กหนุ่มพูดเสียงเศร้า

“สัส แล้วไงวะ มันก็เป็นอดีตมะ” แซนดี้ยกขาถีบเพื่อนรักไปหนึ่งที “มึงเพิ่งคบกับพี่หมอแล้วไงวะ เรื่องของพี่หมอกับแฟนเก่าน่ะมันจบไปแล้ว ต่อจากนี้เป็นเรื่องของมึงกับพี่หมอต่างหาก มึงต้องใช้เวลาให้มันคุ้มค่าสิวะ อยากทำอะไรก็ทำให้เต็มที่ แสดงความรักของมึงให้พี่หมอได้รับรู้ ความผูกพันของพวกเขาน่ะ ตอนนี้มันก็เหลือแค่เพื่อน แต่มึงน่ะ เป็นแฟนนะเว้ย”

“กูก็อยากอยู่ แต่...”



ในขณะเดียวกัน ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปตามทางที่เพื่อนของเด็กหนุ่มบอก พอเห็นเป้าหมายนั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ก็ปราดเข้าไปหา

“พิ...” หากต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย

ภูพิงค์ยังคงซบใบหน้าลงกับโต๊ะ ยกสองมือขยุ้มเส้นผม ส่วนแซนดี้เอียงคอกุมขมับฟังอยู่ใกล้ๆ

“กูไม่อยากทำให้พี่วินเสียใจ แต่กูยังรับไม่ได้ ยังทำใจไม่ได้ว่ะอีแซนดี้”

“เรื่องนี้มึงต้องใจเย็นเว้ย ค่อยๆ หาวิธี...”

“เย็นไม่ไหวแล้วเว้ย ยิ่งใกล้ชิดกัน พี่วินก็ยิ่งเข้ามาคลุกวงใน กูไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว”


รวินท์ชาวาบไปทั้งตัว เขายืนนิ่งเป็นเสาหิน

ทั้งรับไม่ได้และทำใจไม่ได้ ได้ยินคำพูดพวกนี้เข้าไป สมองก็เหมือนหยุดสั่งการไปชั่วครู่ เขามึนตื้อไปหมด


“กูว่ามันไม่แฟร์กับพี่วิน ถ้ากูจะเอาแต่ได้แบบนี้”

“ไอ้เหี้ยพิงค์... อันนี้กูก็ไม่รู้จะช่วยมึงยังไง มึงคงต้องคุย... ฉิบ...” แซนดี้ปลอบอีกฝ่าย แต่เพราะรู้สึกว่ามีคนยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก เขาจึงหันไปมอง “...หาย” เขารีบเอื้อมมือไปเขย่าคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน “สัสพิงค์ หยุดเห่าหอนเดี๋ยวนี้”

ภูพิงค์เงยหน้าขึ้น “ทำไม...”

สองหนุ่มที่นั่งอยู่กับอีกหนึ่งหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลประจันหน้ากัน ก่อนจะมีเด๊ดแอร์เข้ามาปกคลุม

แซนดี้รีบหนีเอาตัวรอด “หวัดดีครับพี่หมอ มาพอดีเลย ไอ้พิงค์กำลังคิดถึง งั้นผมไปนะ” พูดจบก็ใส่ตีนหมาโกยแน่บไปทันที
รวินท์ยิ้มบาง เขายืนอ้ำอึ้งอยู่ที่เดิม คำพูดเมื่อกี้ของเด็กหนุ่มยังสะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาท และชัดเจนอยู่ในความคิด

ภูพิงค์ยืนขึ้นพรวด เขาไม่รู้ว่าพี่วินได้ยินเรื่องที่เขาพูดไปแค่ไหน หากก็รีบเดินเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่ม “พี่วิน เอ่อ...”

“เจ้าบ่าวเขาฝากซองมาให้เป็นการขอบคุณที่มาช่วยงาน” รวินท์พยายามตอบกลับไปอย่างปกติที่สุด พร้อมกับส่งซองให้เด็กหนุ่ม หากไม่กล้าสบสายตากับอีกฝ่ายตรงๆ

คนอ่อนวัยกว่าเอื้อมมือไปกุมมือที่ถือซองอยู่แบบอึ้งๆ “พี่วินมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เพิ่งมาเมื่อกี้”

“แล้ว... ได้ยิน...” เด็กหนุ่มถามเสียงอ่อย

“อือ ได้ยิน” ทันตแพทย์หนุ่มตอบหน้าตาย หากแววตาของเขาฉายชัดถึงความเจ็บปวดในใจ

“พี่วินนั่งก่อนนะ คือผม...” ภูพิงค์กระตุกมืออีกฝ่ายเบาๆ

รวินท์นั่งลงข้างกัน หัวใจของเขาหนักอึ้ง

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเกาศีรษะ เขาไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร สถานการณ์ดูไม่ดีเอาเสียเลย “ก็อย่างที่พี่ได้ยินนั่นแหละ ผมยังไม่พร้อม... ก็เลยปรึกษากับแซนดี้ เผื่อมันจะให้คำแนะนำอะไรได้”

“อืม ผมเข้าใจ”

“ให้เวลาผมหน่อยนะ ผมยังซิง พี่ก็รู้”

รวินท์หัวเราะเจื่อนๆ “ผมไม่ขืนใจคุณหรอกน่ะ ไม่ต้องห่วง”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ยพี่” ภูพิงค์ถอนหายใจหนักๆ แล้วระหว่างทั้งสองก็มีแต่ความเงียบงันไปอีกพักใหญ่ ต่างคนต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในสถานการณ์เช่นนี้

“เรากลับเข้าไปในงานกันเหอะ” ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นช้าๆ

“เดี๋ยวสิครับ” ภูพิงค์รั้งแขนอีกฝ่ายไว้ “ผมดีใจนะที่พี่บอกพี่ขวัญตรงๆ ว่าผมเป็นใคร”

“คุณเป็นคนพิเศษมากสำหรับผมจริงๆ” รวินท์ยิ้มเศร้า

รอยยิ้มของทันตแพทย์หนุ่มทำให้ภูพิงค์รู้สึกเจ็บแปลบในอก เขาเคลื่อนมือลงมากุมมืออีกฝ่ายไว้พลางลุกขึ้น “ผมขอโทษ ถ้าผมทำให้พี่เสียใจ ผมจะเร่งจัดการกับความรู้สึกของตัวเองนะครับ”

รวินท์ไม่ตอบ เขาดึงมือออกแล้วเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง โดยไม่หันกลับไปหาเด็กหนุ่มอีก



ทันตแพทย์หนุ่มกลับไปนั่งที่ของเขาที่โต๊ะเจ้าบ่าวเจ้าสาว เมื่อท้องฟ้ามืดลง ภายในงานก็เริ่มเสิร์ฟเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ รวินท์นั่งจิบน้อยๆ ในคราวแรก ทว่าเมื่อเวลาล่วงเลยไป ก็มีคนมาขอชนแก้วบ่อยขึ้น จนเขาเริ่มเมา

ทันตแพทย์หนุ่มนั่งโอนเอน เขายกมือขึ้นกุมใบหน้า ยิ่งเมื่อเมา ความเศร้า ความเจ็บปวดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูน เป็นผลให้เขาดื่มหนักเข้าไปอีก เขานั่งนิ่ง ไม่พูดคุยกับใคร เอาแต่ยกแก้วขึ้นดื่มเท่านั้น

เจ้าบ่าวเจ้าสาวซึ่งไปเดินถ่ายรูปในงานกลับมาที่โต๊ะพอดี พอเห็นท่าทีของรวินท์ ขวัญข้าวจึงบอกให้สามีของเธอไปตามเด็กหนุ่มมาช่วยพารวินท์ไปพัก ส่วนเธอเข้าไปนั่งลงข้างอีกฝ่าย

“วิน พอเถอะ เมามากแล้วนะ กลับไปพักก่อนดีกว่า ขวัญสละโสดนี่ เสียใจมากเลยรึไง” เธอพูดกลั้วหัวเราะ

รวินท์พยักหน้า “อิจฉามากด้วย” เขาทำหน้าอ้อน ก่อนจะสวมกอดเธอไว้หลวมๆ

“โอ๋ๆ” ขวัญข้าวลูบหลังให้อย่างอ่อนโยน

เมื่อสาโรจน์พาภูพิงค์มาถึงโต๊ะ เด็กหนุ่มก็ยืนอึ้งกับภาพตรงหน้า เขาหันไปมองเจ้าบ่าวของงานซึ่งหันมายิ้มให้เขาเจื่อนๆ

“คุณวินเมามากแล้วน่ะครับ”

โชคดีที่ไม่โดนเจ้าบ่าวเหวี่ยงออกจากงานนะไอ้พี่วิน เด็กหนุ่มได้แต่ทอดถอนใจ

“งั้นผมจะพาพี่วินไปพักก่อน แล้วจะรีบกลับมาช่วยเก็บงานนะครับ”

“ขอบคุณมากครับ”

ภูพิงค์ย่อตัวลงสะกิด “พี่วิน ลุกๆ”

“วินหลับไปแล้วค่ะ เมาหนักๆ ทีไรหลับทุกที” ขวัญข้าวอมยิ้มขณะก้มลงมองเสี้ยวหน้าของอดีตคนรัก แล้วใช้มือเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายออกให้

เด็กหนุ่มชะงัก เธอรู้ว่าพี่วินเมาแล้วหลับ และสายตาของเธอที่มองพี่วิน เหมือนกับสายตาที่พี่วินใช้มองเธอ ความผูกพันของทั้งสองทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด ใจนึกอยากจะกระชากพี่วินออกมาจากอ้อมกอดของเธอเสียเดี๋ยวนั้น

ขวัญข้าวเงยหน้าขึ้น “ฝากวินด้วยนะ เขาเป็นคนสำคัญของพี่ ดูแลเขาให้ดี”

นัยน์ตาของภูพิงค์สั่นไหว เขาขมวดคิ้ว พยักหน้าเล็กน้อย แล้วจึงประคองรวินท์ให้ลุกขึ้น “พี่วิน เดินก่อนนะ เดี๋ยวให้ขี่หลัง”

รวินท์ปรือตาขึ้น ดวงตาของเขาพร่ามัว เขาปิดตาลงพร้อมกับทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม สองมือขยุ้มเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น “พิงค์... พิงค์...”

“อ้าว เฮ้ย! พี่วิน!”

สาโรจน์ถลาเข้ามาช่วยประคอง “ท่าจะเดินไม่ไหวแล้วครับ”

“งั้นผมอุ้มพี่วินไปเอง”

ภูพิงค์ย่อตัวลงอุ้มทันตแพทย์หนุ่มขึ้นแนบกาย เรียกความสนใจจากทุกคนในงานมาที่เขากับคนในอ้อมแขน ก่อนจะเดินออกไปจากงานอย่างรวดเร็ว แต่แย่งซีนเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปมากมายเลยทีเดียว



*TBC*



เอามาลงต่อให้อย่างเร็วเลยน้าาา ฮัสกี้น่ารักชิมิ๊ /วิ่งหลบเกิบ

ตอนนี้เศร้านิ้ดดดนิด ก็หมั่นไส้คนขี้หึงอะเนอะๆ /หาพวก

สิ่งที่พี่วินและน้องพิงค์ยังขาด ก็คือความไว้ใจ ความมั่นใจในความสัมพันธ์ วันนี้พี่วินได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากขวัญข้าวและสาโรจน์แล้ว พี่วินจะได้เอาไปปรับใช้นะคะ ส่วนน้องพิงค์นั้น ยังต้องเรียนรู้อีกหน่อย อิอิ

ขี้หึงนัก ต้องสั่งสอน อิอิ

ตอนนี้ก็แวะมาซับนั้มตาพี่วินกันก่อนละกันนะคะ

แต่ที่แน่ๆ รู้กันแล้วล่ะเนอะ ว่าใครจะรุกใครจะรับ อิ๊_อิ๊

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ ใกล้จบแล้ว ผู้ชายเขาได้กันแน่นอนค่ะ 555555555

ปล. อ่านตรงที่น้องพิงค์คุยกับแซนดี้ดีๆ น้า


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 15-06-2018 21:00:06
บ่องตง อ่านจนจบตอนก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าใครจะรับ ใครจะรุก ถถถ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 15-06-2018 21:07:43
ถ้ามาต่อให้พรุ่งนี้​จะให้อภัยกับดราม่านี้ค่ะ​ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-06-2018 21:19:16
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-06-2018 21:26:17
พิ้งค์ ลูกกกก ทำไมหนูทำงี้อ่าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 15-06-2018 21:27:08
เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 15-06-2018 21:36:39
มาม่าชามเล็ก พี่วินเมาน็อกไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-06-2018 21:38:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

พิงค์ต้องทำใจ  แสดงว่าพิงค์เตรียมสถานะบนเตียงของตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือฝ่ายรับใช่ป่ะเนี่ย?    ช่างผิดกับที่จิ้นไว้มากมายเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: newone ที่ 15-06-2018 22:00:05
แอร๊ พิงวินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน หรือ วินพิงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
บ่องตง ยังไม่เก็ทค่ะ อ่านตรงที่พูดสามรอบแว้ววว จนปัญญาเหลือเกิน วอนฮัสกี้คลี่คลายด้วยเจ้า
ติ่งหน้าจอ รอจ้าาาาาา
เรื่องสนุกอีกแร้วค่ะ แม้จะดราม่าแต่ก็สมเหตุสมผลเน้อ รักกันแต่ต้องมีจังหวะหน่วงๆเศร้าๆบ้างเนอะ ก่อนจะฟิน
ตอนหน้าคงไม่ดราม่าแล้วใช่ไหมคะนี่ รอรอ รอน๊าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 15-06-2018 22:03:25
งานนี้พิงค์คงต้องเปิดใจพูดกับหมอวินแล้วล่ะ หมอวินน่าจะเข้าใจผิดไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-06-2018 22:20:59
ถึงขวัญข้าวจะเป็นคนดีและเป็นอดีตของหมอวิน แต่ถ้าอิฉันเป็นน้องพิงค์ก็ขอไม่ไปงานนี้นะคะ บาดใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-06-2018 22:23:37
หม่นหมองเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 15-06-2018 22:36:51



พี่วินใจร่มๆนะ. พิงค์ขอทำใจเป็นฝ่ายรับให้พี่วิน


เป็นชายแท้ด้วยกันทั้งคู่. มันก้อจะขัดจะเขินอยู่ละน้าาา





 :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:


ลองกอดๆกันไว้ให้อารมณ์มันพาไป จะรุกหรือจะรับค่อยมาว่ากัน…ดีมั้ย


 :กอด1:   :กอด1:   :กอด1:   :กอด1:   :กอด1:   :กอด1:




หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 15-06-2018 22:38:39
ว่าจะไม่พูดแล้วแต่ก็อดไม่ได้ขอหน่อยนะ
คือคนเขียนมโนเอาความรู้สึกของผู้ชาย
มาใส่ในตัวละครให้มีแต่ความขลาดกลัวกับ
ความรักชายกับชายมากเกินไปทำให้ความสนุก
ของเรื่องนี้หายไปไม่เหมาะกับชื่อเรื่องที่ตั้งไว้เลย
มันน่าจะเขียนออกมาเปนแนวความรักที่สดใสสนุกสนาน
ให้คนอ่านมีรอยยิ้มและมีความสุข
แต่กลายเปนตรงกันข้ามทั้งสิ้นทำให้ขาดอรรถในการ
น่าติดตามไปมาก
นี่คือความคิดเห็นของผมนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-06-2018 22:59:46
 :เฮ้อ:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 15-06-2018 23:30:05
ถอนหายใจเฮือก ๆ  ๆ   :katai1: :katai1: :katai1:  ทำไมน้องพิงค์ถึงพูดว่าตัวเองมีแต่ได้กับได้  งั้นพี่วินก็จะมีแต่เสียกับเสียเหรอ   :serius2: :serius2: :serius2:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 15-06-2018 23:43:05
ถ้าเราเป็นพี่วิน เราจะดีลไปตั้งนานแล้ว เรื่องความต้องการ
เรื่องแบบนี้ต่างคนต่างรู้ว่า มันมีความต้องการ แค่ทำยังไงให้รู้ว่าใจตรงกัน
ทั้งสองคนดูขาดความกล้าไปหมด จนมันดูเยิ่นเย้อ
ขนาดช่วยระบาย ปลดเปลื้องให้กันเฉยๆ ต่างคนต่างช่วยยังไม่มีความกล้าที่จะดีล
ไม่พูดถึงเพศสัมพันธ์เชิงลึกนะ เอาแค่ช่วยปลดเปลื้องเฉยๆ
กลับกัน น้องเมฆกับพี่น้ำ (ค่อยๆ อู้มาอ่านอยู่ 5 วันกว่าจะจบ)
ผมโคตอยากมีน้องเมฆเป็นของตัวเองเลยอ่ะ ถึงน้องเมฆจะโดนพี่น้ำกินตอนจบตอนเดียว
ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันเยิ่นเย้อแบบเรื่องนี้ ถึงทั้งสองเรื่องจะมีกลิ่นอายคล้ายๆ กันหลายอย่าง
ปล. น้องพิงค์ก็มีความน่ารัก ซื่อบื้อไม่แพ้น้องเมฆนะ แต่น้องเมฆสดใส ร่าเริง sunshine กว่ามากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 16-06-2018 00:52:56
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ปวดหัวกับคู่นี้  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-06-2018 01:33:55
เรื่อง รุก-รับ เราให้เขาตัดสินใจกันเอง แต่ถ้าเราเป็นน้องพิงค์ เราก็คงน้อยใจเช่นกัน ที่พาแฟนใหม่ไปงานแต่งแฟนเก่าแบบนั้น T^T
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 16-06-2018 01:52:51
นีอ่านจบก็งงอยู่ใครรุก ใครรับ
หรือจากคำพูดพิงค์ คือพิงค์ จะต้องรับหรอ
ไม่รุ้อ่ะ ทำไมอ่านแล้วเรารุ้สึกพี่วินไม่เหนเหมาะจะเปนคนรุกเลย
นอกจากพี่วินจะเปนคนเริ่ม
ไม่เห็นจะมีอะไรอะไรแสดงได้เลยว่าใครจะรุกรับ
มันนอยกันด้วยความไม่คุยกันให้รู้เรื่องมาเยอะแล้วนะคู่นี้
กล้าๆเปิดอกคุยกันหน่อยน้า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 16-06-2018 02:14:22
ซดน้ำใบบัวบกแก้บอบช้ำไว้แล้ว  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 16-06-2018 05:07:30
พิงค์อย่าคิดมากน้าาาาเดี๋ยวแก่แซงหน้าพี่หมอนะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 16-06-2018 07:34:37
อึดอัด..เฮ้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 16-06-2018 07:55:04
พิงค์สู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-06-2018 08:05:42
 :เฮ้อ: เราจะผ่านมันไปเนอะ มาม่าสุดท้ายแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-06-2018 09:09:51
พี่วินคิดไปไกลแล้วพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-06-2018 10:00:38
ก็ยังงงๆเรื่องโพซิชัน แต่ตอนนี้หน่วงใจจังเลย ไม่เอามาม่าแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]รื่ครื้องือ
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-06-2018 10:20:27
โว้ย มือถือห่วย พิมพ์ไปตั้งเยอะ จะพิมพ์อีกก็เซ็ง

สรุปคือเจอแบบพิงค์ ไม่หึงก็แปลกแล้ว
สงสารคนน้องฝุดๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: Kirana9165 ที่ 16-06-2018 11:16:37
เราบอกก่อนนะ เรากลัวทำใจไม่ได้ เรื่องใครรุก ใครรับ (เรื่องก่อน เหนือเมฆ) อ่านไปเรื่อยๆ คิดไปตลอดๆ ว่าน้องต้องรุก พอเจอน้องโดน บอกเลย หยุดอ่านต่อ ทำใจไม่ได้) พอมาเจอเรื่องนี้อีก ความไม่ชัดเจน ฉายมาแต่ต้นเรื่อง เรายังทำใจว่าน้องต้องรุกนะ แต่ตอนนี้ ไม่อยากอ่านต่อละ ถ้ามาแนวนี้ตลอดๆ อยากย้ำว่าชื่อเรื่อง ภูสอยเดือนนะ อย่าลืมมม อย่างเรื่องเก่า เหนือเมฆ ยังพอทำใจได้นะ แต่ไม่รู้ตอนจบเป็นอย่างไร อย่างไรก้อเป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-06-2018 12:54:40
ปวดจิต
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-06-2018 12:56:28
จากที่มั่นใจในเรือพิงค์วินมาตลอด
แต่พอมาเจอบทพูดตอนี้เริ่มเขวแล้วค่ะ
จะไม่ล่มเรือเราใช่มั้ยยยคะ ฮือออออ
พี่วินเตรียมพร้อมยอมทุกอย่างขนาดนี้คงไม่พลิกหรอกก
แต่ถ้าพิงค์ไม่ได้เป้นฝ่ายเสียเปรียบทำไมต้องเตรียมใจจ
ฮืออออ ไปเคลียกันให้เรียบร้อยก่อนเลยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 16-06-2018 14:50:00
เอาจริงเราไม่ค่อยสนเรื่องpositionไรงี้เท่าไร เราแค่รู้สึกรำคาญยัยเจ้าสาวมากกว่า เยอะสิ่งมาก ทำตัวเป็นcenterมาก ไม่แคร์เจ้าบ่าวเลย แบบนี้ไม่ใช่เรียกว่าไว้ใจกันนะ มันเรียกจำยอมมากกว่า บอกตรง รำคาญนางมาก หลายตอนละ ที่พิงค์กับพี่วินวุ่นวายไม่จบสักทีก็เพราะนางนี่หละ เอาไปค่ะสำหรับนาง  :z6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-06-2018 15:53:21
อือออออ................   :hao5:
พิงค์ บอกแซนดี้ว่ากับหมอวิน พิงค์ทำใจไม่ได้......  รับไม่ได้........... :mew2:
งี้แสดงว่า พิงค์เตรียมเป็นฝ่ายรับเหรอ อะจ๊ากกกกกกก  :z3:  :ling1:
งี้.....ก็เชียร์พลาดไปแล้วอ่ะ......ถถถถถถถถ   :serius2: :serius2: :serius2:
อย่างนี้พี่วิน แค่ฟังว่า ทำใจไม่ได้......  รับไม่ได้  ก็เสียใจสุดๆ ไปแล้ว
ที่วิน เสียใจเพราะคิดว่าพิงค์รังเกียจตัวเอง ที่คนรักเป็นชาย
กับทำใจใม่ได้ ถ้าจะมีอะไรกับผู้ชาย
ซึ่งความจริงพิงค์ไม่ได้คิดอย่างที่วินคิด
แต่พิงค์ ขี้อาย เขิน ไม่พร้อมในเรื่ิองเซ็กซ์ต่างหาก
ปรับความเข้าใจกันอย่างเร็วเลย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

วิน พิงค์   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 16-06-2018 16:52:55
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
อ่านแล้วกลุ้มแทนพิงค์
เจ้าสาวแสดงออกเว่อร์เกิ๊นนนนนน นี่หรือคนที่พี่วิน(เคย)รัก เฮ้อ สงสารเจ้าบ่าว
สงสารพิงค์ที่ต้องมาเห็นภาพบาดใจ แต่ก็มาม่าชามสุดท้ายแล้วเน๊อะ
ถ้าน้องเป็นรับนี่ ขอบอก รับไม่ด้ายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-06-2018 19:20:46
คบกันมาตั้งนาน แต่แทบจะไม่เข้าใจกันเลย ยกเว้นเรื่องกิน ต่างคนต่างคิดในมุมตัวเอง เคลียร์กันก็เหหมือนไม่ได้เคลียร์ อึมครึมกันไป
แต่พี่วินเมาแล้ว น่าจะพูดอะไรที่น่าอึดอัดใจออกมาล่ะนะ
ใครโพไหนนี่ไม่อยากเดาเลยกลัวพลาด เรายิ่งทีมพิงค์วินด้วย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-06-2018 21:45:05
มาได้ยินตอนนี้พอดีเลย เข้าใจผิดไปอีก o22
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-06-2018 23:26:30
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-06-2018 01:15:38
เบบี้ดราม่าไม่มีจริง อะไรจะคิดเองเออเองกันได้ขนาดนี้
พอจะคุยเริ่มเคลียร์ ก็ต้องมีคนทำเหมือนเข้าใจดีและไม่อยากฟัง

จับขังในห้องสักวันไหม ดูสิจะไม่พูดไม่จากันเลยหรอ มีหงุดหงิดแทน 55555

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-06-2018 09:17:15
ชักเริ่มไม่เข้าใจความคิดของพิงค์
 
มันอะไรกันแน่  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 17-06-2018 23:04:42
49ตอนที่อ่านมา.. เค้า ยัง ไม่ได้ กัน

49ตอนที่อ่านมา... ใครรุก.... ใคร รับ.,.. 555ยังไม่รู้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 18-06-2018 17:48:13
น้องพิงค์รุกใช่ไหม ที่อุ้มหมอวินได้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: nnwangJrs ที่ 18-06-2018 23:55:14
ทีมวินพิงงงงงง *โบกธง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-06-2018 14:35:50
 :bye2:เดี๋ยวนะไอ้ประโยคนี้้
   “กูไม่อยากทำให้พี่วินเสียใจ แต่กูยังรับไม่ได้ ยังทำใจไม่ได้ว่ะอีแซนดี้”
ของพิงค์นี้คือพิงค์ยังทำใจเป็นรับให้วินไม่ได้ หรือ ยังทำใจที่ตัวเองเป็นเกย์ไม่ได้อ่า(วินเข้าใจความหมายแบบนี้ป่ะ รึเราเข้าใจแบบนี้เอง)ถ้าพิงค์ยังทำใจเป็นรับให้วินไม่ได้แสดงว่าวินก็เป็นรุกใช่ป่ะ แต่ตอนท้ายที่พิงค์อุ้มวินนี้มันส่อว่าวินเป็นรับนะ โอ้ย! งงตัวเอง ฮ่าๆๆ :ling2: :ling2: :ling2:
จากกินมาม่าอยู่ดีๆฮักกี้ทำให้งงชะงั้น
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 19-06-2018 20:44:31
ง่ะ...พิงค์เอ้ยพิงค์...กะสงสารน้องอ่ะนะ..คือแบบคงทั้งหึงทั้งกลุ้ม...เรากลับไปอ่านดีๆแล้วตรงน้องคุยกะแซนดี้...สรุป... :ling1: ม่ายยอ่าาา...จะให้น้องรับจริงดิ!!!? เราเชียร์พิงค์รุกมาตลอดเลยน้าาา ให้น้องเป็นรุุกไม่ได้หรอ...อยากเห็นเด็กกินคนแก่อ่าา...โถ่ถัง :z3:...[อ้างอิง...“กูไม่อยากทำให้พี่วินเสียใจ แต่กูยังรับไม่ได้ ยังทำใจไม่ได้ว่ะอีแซนดี้”]...ยิ่งหมอวินเมาแบบนี้ ดีไม่ดีตอนหน้าเผลอปล้ำน้องพิงค์ชัวร์... :sad4: น้องพิงค์ของพี่!!!ง่าาาาา :ling1:บทสนทนา
แม้น้องกะโดนกินแต่ยังหวัง...#ทีมพิงค์...เผื่อคนเขียนเห็นใจ :o12:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 49 : แฟนเก่า][150618]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 20-06-2018 20:39:33


Chapter 50 : ระหองระแหง


เด็กหนุ่มวางคนที่เมาหลับไม่รู้เรื่องลงบนเตียงแล้วห่มผ้าให้ ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ คนขับรถตู้ก็มาเคาะประตูเรียก

“คุณพิงค์ครับ ผมกลับไปที่งานก่อนนะครับ”

“เฮ้ย เดี๋ยวสิพี่! จะรีบไปไหน!” เจ้าของชื่อเรียกถลาไปเปิดประตูห้องออก

“คุณขวัญโทรมาบอกว่าให้คุณพิงค์อยู่ดูแลคุณวินครับ บอกเพื่อนๆ คุณแล้ว ทุกคนโอเค”

“จะดีเหรอพี่”

“อย่าปล่อยคนเมาอยู่คนเดียวเลยครับ เดี๋ยวคุณวินเกิดหิวน้ำ หรือจะเข้าห้องน้ำ ลุกขึ้นมาเซล้มหัวร้างข้างแตกล่ะแย่เลย”

“อ่า นั่นสินะครับ งั้นผมฝากขอโทษทุกคนด้วย”

หลังจากคนขับรถตู้กลับไปที่งานเลี้ยงแล้ว ภูพิงค์ก็เดินไปเข้าห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูมาชุบน้ำเย็นๆ บิดหมาด แล้วเดินกลับมาที่เตียง จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดตามกรอบหน้าและลำคอของทันตแพทย์หนุ่มให้

แต่เมื่อมองชุดสูทที่อีกฝ่ายใส่อยู่แล้วก็เกรงว่าจะอึดอัด เขาจึงช่วยถอดเนกไทและเสื้อสูทออก ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อลงให้สองสามเม็ด เผยให้เห็นเกียร์สีทองที่เขาเคยคล้องให้ ซึ่งทำให้เด็กหนุ่มยิ้มออกมาได้เล็กน้อย

ภูพิงค์จับเกียร์สีทองนั้นขึ้นมาดู แล้ววางลงไปที่เดิม จากนั้นจึงละสายตาจากเกียร์ไปที่ผิวกายเบื้องหลัง เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เขาใช้ปลายนิ้วไล้ไปบนผิวเนื้อที่อยู่ระหว่างสาปเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้าง

“อือ”

พอคนที่หลับอยู่ขยับตัว เด็กหนุ่มก็รีบชักมือกลับ แล้วยกมือขึ้นกุมหัวใจ

โอย ใจกูหนอ

เขานั่งรอจนกระทั่งอีกฝ่ายนิ่งไป แล้วจึงเอื้อมมือไปไล้แก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปแต้มจูบบนแก้มอย่างแผ่วเบา

เมื่อรวินท์ยังนอนนิ่ง ภูพิงค์จึงเคลื่อนริมฝีปากจากพวงแก้มไปที่กลีบปากสีสดอย่างเชื่องช้า เขาใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าทันตแพทย์หนุ่มไว้ กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกเหมือนจะเมาไปด้วย เด็กหนุ่มสอดลิ้นเข้าไปในช่องว่างระหว่างกลีบปาก แตะลิ้นนุ่มเบาๆ แล้วควานวนอย่างเชื่องช้า ฝ่ามือลากไล้จากปลายคาง ผ่านลำคอ ลงไปยังแผ่นอก

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นผลให้เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก เขารีบลุกขึ้นพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย หัวใจเต้นโครมครามราวกับกลองใหญ่ที่ถูกตีรัว

“ไอ้พิงค์ มึงไม่ต้องกลับมานะ เดี๋ยวทางนี้พวกกูจัดการเอง”

“สัส! รู้แล้วโว้ย จะโทรมาทำไมตอนนี้วะ!”

คนที่ปลายสายชะงัก “แน่ะ เกรี้ยวกราด กูขัดจังหวะสำคัญเหรอวะ”

“เปล่า! กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”

“โวะ มีคนร้อนตัวว่ะ” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ “งั้นไม่กวนละ จะทำไรก็รีบทำละกัน”

ใบหน้าของภูพิงค์เปลี่ยนเป็นสีแดง โชคดีของเขาที่ไม่มีใครเห็น พอคนที่ปลายสายกดวางสายไป เด็กหนุ่มก็หันไปมองคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เขายืนจ้องอยู่แบบนั้น กลืนน้ำลายอึกแล้วอึกเล่า ก่อนจะสาวเท้าไปคว้าผ้าเช็ดตัว วิ่งเข้าห้องอาบน้ำไป


เสียงลมหายใจหอบกระเส่าถูกกลบไปด้วยเสียงน้ำที่ร่วงหล่นลงมาจากฝักบัว มือข้างหนึ่งยันกำแพงไว้ มืออีกข้างปรนเปรอส่วนที่มันแข็งขึงกลางร่าง

เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด พอหลับตาลงก็นึกไปถึงเมื่อครั้งที่อยู่ในอ่างจากุซซีด้วยกัน ผิวกายอุ่นๆ ที่เสียดสี และเสียงหอบหายใจของพี่วิน ทำให้เขาร้อนผ่าวไปทั้งร่าง

แต่ใช้มือของตัวเองไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเหมือนตอนพี่วินทำให้เลยแม่ง

ภูพิงค์ยืนมองของเหลวในฝ่ามือค่อยๆ เจือจางไปกับสายน้ำ พลางเผยอริมฝีปากหอบ ก่อนจะทุบลงบนผนังห้องน้ำอย่างแรง

“กูจะเอายังไงกับชีวิตดีวะ! อกจะแตกแล้วโว้ย!”

เด็กหนุ่มยืนให้น้ำรดศีรษะต่อไปอีกพักใหญ่ เขาจึงปิดน้ำ คว้าผ้าเช็ดตัวมาซับตามเนื้อตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ยืนถอนหายใจหนักๆ อีกสองสามรอบ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องน้ำไป


รวินท์ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่อง คนอ่อนวัยกว่าจึงนั่งลงบนเตียงข้างกันแล้วเอนหลังพิงหมอน เขาหันไปมองทันตแพทย์หนุ่มเป็นระยะๆ จับมือมากุมไว้ ไม่นานก็หลับไป



ในตอนสายของวันใหม่ หกหนุ่มไปกินมื้อเช้าร่วมกับคู่สามีภรรยาหมาดๆ ก่อนจะบอกลากัน

เมื่อทุกคนเดินกลับไปที่รถ สาโรจน์เดินไปพร้อมกับเด็กหนุ่มทั้งห้าคน เพื่อเปิดโอกาสให้รวินท์ได้หยุดคุยกับขวัญข้าวเล็กน้อยก่อนจากกัน

ขวัญข้าวจับมือทันตแพทย์หนุ่มไว้แล้วกระตุกเบาๆ “รักษาตัวดีๆ นะวิน อย่าไปเมาหลับที่ไหนเหมือนเมื่อวานอีกล่ะ”

รวินท์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “ขอโทษนะ เมื่อวานผมแย่มากเลยใช่มั้ย”

“ไม่หรอก เอาไว้จะส่งรูปให้ดู” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก “เดินทางดีๆ ถึงแล้วก็เมสเสจมาบอกขวัญด้วยนะ”

“ครับๆ” ทันตแพทย์หนุ่มแตะมือลงบนท้องของเธอ ก้มลงจูบเบาๆ บนท้องนั้น แล้วยิ้มบาง “เป็นครอบครัวสมบูรณ์แล้ว มีความสุขมากๆ ขอให้น้องแข็งแรงนะ รักษาสุขภาพด้วย อย่าโหมงานหนักล่ะ”

หญิงสาวยิ้มกว้าง หากแววตาสั่นไหว มีน้ำตารื้นขึ้นมาเอ่อคลอ “ขอบคุณ... ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง โชคดีนะวิน”

“ขวัญก็เหมือนกัน” รวินท์ยกมือขึ้นลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน “จะเป็นแม่คนแล้วนะ อย่าขี้แยสิ”

“แล้วมาเยี่ยมกันบ้าง” เธอพูดเสียงสั่น

“ชัวร์ ถ้าปวดฟันก็นึกถึงผมบ้างนะ” เขาพูดกลั้วหัวเราะพลางบีบมือเธอเบาๆ

“ขวัญรักวินเสมอนะ ตอนนี้ก็ยังรัก วินเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุด”

“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา ความรักของขวัญ ผมจะเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี และจะนึกถึงมันเสมอ” รวินท์ปล่อยมือจากเธอช้าๆ แล้วดึงเธอเข้ามาสวมกอด “ผมไปนะ”

ขวัญข้าวเม้มปากแน่น น้ำตาไหลออกมาช้าๆ เธอพูดไม่ออกจึงแค่พยักหน้าแล้วรีบเบี่ยงตัวหลบ

รวินท์ยกมือขึ้นลูบศีรษะเธออีกครั้ง ก่อนจะเดินไปหาสาโรจน์ เขาจับมืออีกฝ่ายเขย่า แล้วสวมกอด “ขอบคุณที่เชิญผมมางาน ได้มาเป็นพยานรัก ส่งขวัญให้ก้าวไปมีชีวิตครอบครัว เป็นเกียรติของผมจริงๆ”

สาโรจน์ยิ้มบาง “ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณวิน เมื่อวานขวัญมีความสุขมาก เดินทางกลับดีๆ นะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปยังรถที่จอดอยู่ พอประตูรถเลื่อนเปิดออก เขาก็เลิกคิ้วขึ้น เนื่องจากทุกคนในรถมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ ยกเว้นภูพิงค์ที่หันมองไปทางอื่น

แซนดี้สะอื้นเบาๆ “เหมือนฉากรักที่พระรองต้องตัดใจจากนางเอกเลยพี่หมอ”

“ใช่ ซีนดราม่าโคตรๆ” ซันพูดเสียงอ่อย

ดิวพูดสมทบขณะที่ขิงพยักหน้าหงึกๆ “อย่างกับดูซีรีส์เกาหลีอยู่ยังไงยังงั้น”

“พวกคุณจะบ้าเรอะ” รวินท์ส่ายหน้าขณะก้าวขึ้นไปนั่งข้างภูพิงค์ หากเมื่อรถเคลื่อนไปแล้ว ภายในรถก็ยังคงเงียบกริบกันอยู่ เขาจึงพูดขึ้น “ขวัญเป็นแฟนเก่าผมก็จริง แต่ตอนนี้เขาเป็นเพื่อนสนิท เป็นเพื่อนที่คบหากันมาหลายปีเท่านั้น เพราะงั้นงานนี้ไม่มีพระเอกพระรองหรอกนะ”

ภูพิงค์หันกลับมาสบสายตาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมองออกไปทางหน้าต่างอีกครั้ง

ท่าทีเย็นชาของเด็กหนุ่มส่งผลให้รวินท์ถอนใจออกมาหนักๆ ถ้าลองทุกคนในรถทักเขาขนาดนี้ ภูพิงค์ก็คงไม่พอใจการกระทำของเขาอีกแล้วแน่ๆ เขาค่อยๆ ขยับมือไปกุมมือเด็กหนุ่ม

ทว่าภูพิงค์ดึงมือตนเองออก เขากอดอกไว้แล้วนั่งนิ่งไปตลอดทาง

ถูกโกรธอีกแล้ว รวินท์ทอดถอนใจยาว ตั้งแต่เช้ามาพวกเขาก็ยังไม่ได้คุยกันเลย ยังไม่ได้เคลียร์กันเรื่องเมื่อวานวันนี้ก็มีเรื่องใหม่อีกแล้ว

เขาไม่เข้าใจเด็กหนุ่มเลย ทำเหมือนรักกัน คอยดูแลกัน หึงหวงสารพัด แต่ในขณะเดียวกันกลับไม่ยอมให้ความสัมพันธ์คืบหน้า

คำพูดของภูพิงค์เมื่อวานยังคงชัดเจนอยู่ในใจ


รับไม่ได้ ทำใจไม่ได้ ไม่แฟร์ เอาแต่ได้


คิดอย่างไรก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย ไม่ว่าอย่างไรเด็กหนุ่มก็พูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา...ในแง่ที่ไม่ดีนัก
ก็นะ หลงรักผู้ชายด้วยกัน มันก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะคิดแบบนี้

เมื่อนึกย้อนกลับไป ภูพิงค์ปิดเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นความลับกับที่บ้าน มีท่าทีแปลกไปหลังจากที่พวกเขาทำเรื่องอย่างว่าด้วยกันครั้งแรก ขนาดว่าแค่สัมผัส ไม่ได้มองเห็น...

รวินท์แค่นหัวเราะในลำคอ เขาคงทำบาปไว้มากมายจริงๆ กรรมถึงได้ตามสนองเขาแบบนี้ คนอย่างเขา คงไม่มีวันมีความสุขในเรื่องความรักหรอก

จะถอยออกไปก็ลังเล เพราะเขารักภูพิงค์ไปทั้งใจแล้ว

เวลานี้ก็ได้แต่หวังว่าความรักของเขาจะไม่เป็นการเห็นแก่ตัวเท่านั้น

ทันตแพทย์หนุ่มนั่งเหม่อ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงคนขับรถตู้เรียกชื่อตน

“คุณวินครับ จะถึงเชียงใหม่แล้ว แวะกินมื้อเที่ยงมั้ยครับ หรือจะยาวเลย”

รวินท์หันมองไปภายในรถ พวกเด็กหนุ่มดูเหมือนจะหลับกันอยู่ อีกอย่าง คงไม่มีใครอยากอยู่ในบรรยากาศอึดอัดเช่นนี้ต่อไปอีกแม้เพียงนาทีเดียว “ตรงไปเชียงใหม่เลยครับ”


เมื่อไปถึงเชียงใหม่ รถตู้จอดที่หน้าบ้านเช่าแล้วทุกคนจึงทยอยกันลงจากรถ รวินท์ลงมาบอกลา ก่อนที่รถตู้จะพาเขาไปส่งที่หอพักแพทย์ในเมืองลำพูน

“ขอบคุณทุกคนมากนะ”

“ไม่เป็นไรพี่ นิดหน่อยๆ แต่อย่าลืมเรื่องเสื้อคณะผมนา” ซันพูดกลั้วหัวเราะ

“ไม่ลืมๆ”

พอทุกคนเดินเข้าบ้านไปแล้วก็เหลือภูพิงค์กับรวินท์ตามลำพัง เด็กหนุ่มสะพายเป้อยู่บนไหล่ ยืนหันหน้าเข้าหากัน หากไม่ยอมสบสายตาด้วย

รวินท์ใช้ปลายนิ้วไล้หลังมือของคนอ่อนวัยกว่า “ผมไปนะ”

“อือ”

ทันตแพทย์หนุ่มหลุุบตาลงต่ำ “ถ้าอยู่กับผมแล้วลำบากใจ เราห่างกันสักพักก็ได้”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้ “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”

“ผมทำให้คุณอึดอัด ถ้าไม่เต็มใจ ก็อย่าฝืนเลย”

“พี่วิน! มันไม่ใช่...” จะว่าไม่ใช่ก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะระยะหลังมาที่ ระหว่างพวกเขามีแต่ความอึดอัด มีแต่เรื่องไม่เข้าใจกัน เด็กหนุ่มยืนอ้ำอึ้ง

ขณะที่ประสานสายตากับคนอ่อนวัยกว่า แววตาของรวินท์สั่นไหว ฉาบไว้ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ

“คุณวินครับ เร่งนิดนึงคร้าบ ผมหิวแล้ว เดี๋ยวไปส่งคุณวินแล้วต้องบึ่งกลับเชียงรายอีก”

“เดี๋ยวผมไปส่งพี่เอง” เด็กหนุ่มก้าวไปจะบอกกับคนขับรถ แต่รวินท์รั้งมือเขาไว้

“ไม่ต้องหรอก ผมไปล่ะ”

“พี่วิน... งั้นผมไปด้วย รอเดี๋ยว”

“พิงค์ ผมบอกว่าไม่ต้องไง!” รวินท์พูดเสียงดุ “คุณอยู่ที่นี่แหละ”

ภูพิงค์หยุดกึก ชาวาบไปทั้งร่าง เขาเพิ่งเคยถูกพี่วินดุเป็นครั้งแรก “....”

“ไว้คุยกัน” ทันตแพทย์หนุ่มปล่อยมือจากคนอ่อนวัยกว่า แล้วก้าวขึ้นรถไป เขาหันกลับมาโบกมือลาพร้อมรอยยิ้มที่ดูเศร้า

คนอ่อนวัยกว่ายืนตัวแข็งทื่อจนกระทั่งรถตู้ลับสายตาไป ตั้งแต่เขารู้จักพี่วินมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะถูกพี่วินโกรธจนขึ้นเสียงใส่ ดูท่าครั้งนี้เขาจะงี่เง่าใส่พี่วินมากเกินไป

“โธ่เว้ย!”

“เตรียมง้อชุดใหญ่เลยมึงอะ”

เด็กหนุ่มหันขวับไปทางต้นเสียง “อีแซนดี้”

“ไม่รู้ที่พี่หมอได้ยินเมื่อวานเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า แต่กูว่าที่พี่หมอเมา ส่วนนึงก็น่าจะเพราะกลุ้มใจเรื่องที่มึงพูดเมื่อวาน”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว พลางเม้มปาก เขานึกย้อนไปถึงตอนที่พี่วินเมา อีกฝ่ายเรียกชื่อเขา มือขยุ้มเสื้อไว้แน่น เขาน่าจะรู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้น “...มึงว่ากูตามไปง้อพี่วินดีมั้ยวะ”

“ไม่รู้ว่ะ แต่ถ้าตามไปตอนนี้ กูว่ามีสิทธิ์มากว่าพี่หมอจะไม่ให้มึงขึ้นห้อง ลองโทรไปแย้บๆ ดูก่อนมะ รอให้พี่หมอถึงห้องก่อน”

เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว “อือ”



หลังจากรถตู้แล่นออกไปชั่วครู่ รวินท์ยังคงหันมองไปทางด้านหลังเป็นพักๆ จนกระทั่งรถตู้เลี้ยวออกจากซอยไป เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วทอดถอนใจ

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทันตแพทย์หนุ่มหยิบขึ้นมาดูก่อนจะกดรับสาย “ครับพี่สิงหา”

“วินอยู่ไหนน่ะ”

“กำลังกลับลำพูนครับ”

“เอ้อ... คือพี่ต้องไปออกหน่วยอาทิตย์หน้า วินจำได้ใช่มั้ย ที่ประชุมคราวนั้น”

“จำได้ ทำไมเหรอพี่”

“เมื่อวันอังคารที่แล้วพ่อพี่มาเยี่ยมที่ลำพูน จริงๆ จะกลับตั้งแต่วันเสาร์แล้ว แต่เป็นไข้หวัดใหญ่ซะก่อน เลยต้องนอนโรงบาลสักพัก มันฉุกเฉินมาก พี่หาคนแทนไม่ได้จริงๆ วินพอจะไปสลับกับพี่ได้มั้ย ของวินไปเดือนหน้านี่ เดี๋ยวพี่อยู่เวรแทนวินให้ด้วย นะ ได้มั้ย”

“ได้สิครับ เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวพี่ส่งกำหนดการให้ผมทีนะ เดินทางพรุ่งนี้ใช่มั้ย”

“ใช่ รอแป๊บนะ เดี๋ยวพี่เมลไปให้ ขอบใจมาก”

พอคุยโทรศัพท์เสร็จ รวินท์ก็เปิดอีเมลดู โครงการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่นี้เป็นของโรงพยาบาลในจังหวัดลำพูน เพื่อดูแลรักษาสุขภาพช่องปากให้ประชาชนด้อยโอกาสในเขตท้องถิ่นทุรกันดารของจังหวัด ทันตแพทย์ในแต่ละโรงพยาบาลของจังหวัดจะมารวมตัวกัน ผลัดกันไปออกหน่วยตามเขตต่างๆ ซึ่งอันที่จริงไปทำฟันจริงๆ น่ะก็แค่สองสามวัน แล้วแต่ว่าคนไข้เยอะมากแค่ไหน แต่ต้องเผื่อวันที่เหลือไว้สำหรับการเดินทางและทำกิจกรรมด้วย

ทันตแพทย์หนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ในรถ เมื่อไปออกหน่วย อาทิตย์หน้าเขาก็คงจะยุ่งน่าดู แต่ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่านมากนัก เวลาที่ต้องอยู่ห่างกับภูพิงค์จะได้ดูสั้นลงไปด้วย

เมื่อกลับถึงหอพัก รวินท์ก็รีบไปเก็บเสื้อผ้า เอาเสื้อผ้าที่จะซักไปฝากนายแพทย์ข้างห้องไว้ให้ป้าผู้ดูแล เพราะพรุ่งนี้เขาต้องออกแต่เช้าตรู่ แต่พอดีอีกฝ่ายเพิ่งกลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด หอบของกินมาด้วยมากมาย พวกเขาจึงนั่งกินมื้อค่ำด้วยกันและพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อย

พอกลับมาที่ห้อง ทันตแพทย์หนุ่มก็ตรงไปอาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอน โดยที่ลืมเช็กโทรศัพท์มือถือไปเสียสนิท



ภูพิงค์นั่งกุมขมับอยู่ในห้องนั่งเล่นกับเพื่อนๆ เขาโทรศัพท์ไปหารวินท์นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ทว่าอีกฝ่ายไม่รับสาย

“พี่วินต้องโกรธกูมากแน่ๆ”

สี่หนุ่มหันมองหน้ากัน ไม่รู้จะปลอบเพื่อนรักว่าอย่างไรดี จะว่าไอ้พิงค์มันทำตัวงี่เง่าก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะแค่ต้องไปเป็นกุลีในงานแต่งงานแฟนเก่าของพี่หมอนี่ พวกเขาก็คิดว่ามันใจเด็ดมากแล้ว แถมยังต้องไปเห็นภาพแฟนตัวเองอาลัยอาวรณ์กับแฟนเก่าอีก

“ใจเย็นเว้ยไอ้พิงค์”

“กูไปลำพูนดีกว่า” เด็กหนุ่มลุกขึ้นพรวด ก่อนจะถูกเพื่อนรั้งไว้

“สัส พรุ่งนี้มีเรียนเช้า คาบจารย์สิงห์จอมโหดด้วย ห้ามโดดห้ามสายห้ามตายนะมึง รอไปพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนดีกว่ามั้ยวะ อย่างน้อยให้เวลาพี่หมอใจเย็นลงหน่อย ตอนนี้มึงก็จัดการกับตัวมึงไปก่อน จะคุยกับพี่เขาอะไรยังไง”

ภูพิงค์ถอนหายใจเฮือกๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพยายามโทรศัพท์ไปหาทันตแพทย์หนุ่มจนเกือบเที่ยงคืน ก่อนจะจำใจเข้านอน



เช้าวันใหม่ ทันทีที่ตื่นขึ้นมาเด็กหนุ่มก็คว้าโทรศัพท์มือถือมาดู ลองโทรไปหาอีกฝ่ายอีกหลายรอบ หากก็ได้ผลเช่นเดิม เป็นผลให้ความกลัวในหัวใจเพิ่มมากขึ้น เขาพยายามโทรทุกครั้งที่มีเวลาพัก หมั่นส่งข้อความเป็นเป็นร้อย บอกกับทันตแพทย์หนุ่มว่าหลังเลิกเรียนจะรีบไปหา ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบใดๆ กลับมา

“ไอ้พิงค์ใจเย็น” ซันตบไหล่เพื่อนเบาๆ “เดี๋ยวไปหาพี่หมอ ก็ไปง้อกันให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้มีอะไรค้างคาใจอีกล่ะ”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นกุมใบหน้า “ถ้าพี่วินยังยอมคุยกับกูอยู่ล่ะก็นะ จะโดนทิ้งแล้วก็ไม่รู้”

“บ้าน่ะ คนรักกันเขาไม่ทิ้งกันง่ายๆ หรอกเว้ย อีกอย่างพี่หมอเป็นผู้ใหญ่แล้ว พูดด้วยเหตุผลพี่เขาก็รับฟังน่ะ”

“กูจะพยายาม”

พอถึงเวลาเลิกเรียน เด็กหนุ่มก็ขับรถไปลำพูนทันที 


เมื่อไปถึง เห็นรถของทันตแพทย์หนุ่มจอดอยู่ในที่จอดเดิมของมันก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง เขาเดินไปปักหลักยืนรออีกฝ่ายที่โต๊ะม้าหินข้างใต้ตึกหอพัก ทว่าเลยเวลาเลิกงานไปสักพักแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของคนที่เฝ้ารอ

หรือพี่วินจะมีเวร เดินไปดูที่แผนกดีมั้ยวะ

ขณะที่กำลังคิดหนักอยู่นั้น ป้าทั้งสามที่ดูแลหอพักก็เดินออกมาจากในตึกพอดี “อ้าว พิงค์ใช่มั้ยน่ะ มาหาหมอวินเหรอลูก”

“อะ ครับ พี่วินกลับมารึยังครับ”

“วันนี้หมอวินไม่กลับหรอกลูก หมอไปออกหน่วย ไม่รู้กลับวันไหน”

“ออกหน่วย?”

“ไปทำฟันต่างอำเภอน่ะ ไปที่กันดารๆ หน่อย”

“ไม่เห็นพี่วินเคยพูดถึงเลย” ภูพิงค์ตัดพ้อ

“เห็นว่าฉุกเฉินจ้ะ”

“ไปที่กันดารมากเลยเหรอครับ”

“อือ เห็นหมอๆ เขาเล่าว่าบางทีก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ด้วย ถ้ามีก็ติดๆ ดับๆ น่ะ”

“อ่อ... ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้า พลางถอนหายใจ เมื่อป้าๆ เดินจากไปแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งที่เดิม

ทำไมพี่วินไปไหนไม่บอกกันเลยวะ ทำให้เขาเป็นห่วง


“ถ้าอยู่กับผมแล้วลำบากใจ ห่างกันสักพักก็ได้”


คำพูดของรวินท์แล่นแวบเข้ามาในความคิด “หรือว่า...”

ภูพิงค์ใจหายวูบ หรือว่าพี่วินคิดจะทำอย่างที่พูดตอนนั้น! เพราะเขาทำให้พี่วินลำบากใจ เพราะเขามัวแต่กลัวเสียซิง ไอ้พิงค์เอ๊ย!

เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไล่ดู จำใจต้องโทรศัพท์ไปหาคนที่ไม่ค่อยอยากจะขอความช่วยเหลือสักเท่าไหร่

เสียงโทรศัพท์ดังอยู่สองสามครั้ง คนที่ปลายสายก็กดรับสาย

“โอ้โห ใครโทรมาเนี่ย รู้สึกเหมือนผีหลอก ว่าไงน้อง”

“หวัดดีครับพี่เต้ จะออกจากโรงบาลยัง”

“ใกล้แล้วล่ะ เหลือตรวจร่างกายอีกที แต่ผมว่า... คุณไม่ได้โทรมาหาผมเพื่อถามเรื่องผมล่ะมั้ง” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ

ภูพิงค์อ้ำอึ้ง แล้วถามเสียงอ่อย“พี่เต้ได้คุยกับพี่วินบ้างเปล่าวะ”

“คุยดิ คุยเมื่อเช้า เมื่อสาย เมื่อบ่ายก็เพิ่งคุย”

ชัดเลย! พี่วินเลี่ยงไม่รับโทรศัพท์ ไม่คุยกับเขา!

“ถามทำไมวะ”

“เปล่าพี่ ไม่มีไร แค่นี้แหละ ไม่กวนละ”

“เดี๋ยวดิ๊ คุยกันก่อน”

“ผมไม่มีอะไรจะคุยอะ”

“ไรวะ ผมอุตส่าห์ลุกขึ้นมารับโทรศัพท์คุณนะเว้ย”

“เออ ซึ้งๆ ขอบคุณครับ”

“โทรหาวินไม่ได้เหรอ”

ภูพิงค์สะอึก พูดไม่ออก “.....”

“เลิกกันแล้วใช่ปะ”

“ยังโว้ย! ไอ้พี่เต้อย่าหาเรื่องสิวะ!”

“โห อุตส่าห์ดีใจ ไม่เป็นไรๆ ยังไม่เลิก แต่ก็ใกล้แล้วใช่มะ”

“ผมว่าพี่นอนโรงบาลต่อไปอีกนานๆ เลยเหอะ!”

“ไม่อะ คิดถึงวิน อยากกลับลำพูนแล้ว”

เด็กหนุ่มหงุดหงิดจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม อยากจะเถียง อยากจะด่า แต่คำพูดมันจุกอยู่ในลำคอ มือกำโทรศัพท์มือถือกำแน่นจนเกร็งไปทั้งท่อนแขน

พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ต่อปากต่อคำ เตชิตก็ยิ้มกริ่ม อยากหัวเราะดังๆ แต่ก็เริ่มจะสงสารเด็กหนุ่มนิดหน่อย “ทะเลาะกันเหรอวะ”

“เปล่า” ภูพิงค์ตอบเสียงเบา

“อย่าลืมที่ผมเคยพูดไว้นะ ถ้าคุณทำให้มันเสียใจ ผมจะไปแย่งมันมาจากคุณ แค่นี้แหละ ไม่คุยด้วยแล้ว” เตชิตกดวางสาย โยนโทรศัพท์ไว้บนหลังตู้ข้างเตียงคนไข้ แล้วยกแขนขึ้นหนุนศีรษะ

อย่างน้อยเขาก็ต้องขอบใจพิงค์ล่ะนะ ที่ทำให้รู้ว่าไอ้วินไม่รับโทรศัพท์ใครเลยเหมือนกัน ไอ้เขาก็กำลังกลุ้มใจอยู่เลย นึกว่าทำอะไรผิดอีกหรือเปล่า เขาพยายามโทรอยู่หลายครั้ง ติดบ้างไม่ติดบ้าง แต่ทุกครั้งที่ติดมันก็ไม่ยอมรับสาย

เตชิตนอนไปสักพักก็ลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกไปใหม่ “หวัดดีครับพี่สิงหา”

“ว่าไงเต้ หายดีรึยังเนี่ย จะกลับลำพูนเมื่อไหร่”

“เหลือตรวจร่างกายอีกครั้งพี่ แต่คิดว่าอาทิตย์หน้าน่าจะกลับได้ละครับ เออ พี่สิงหา ไอ้วินมันไปไหนครับ มันไม่รับโทรศัพท์เลยอะ”

“อ๋อ มันไปออกหน่วยแทนพี่ มันคงยุ่งมาก แล้วที่นั่นก็สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดีน่ะ”

“อ่อ เข้าใจแล้วครับ แล้วมันจะกลับเมื่อไหร่อะพี่”

“ตามกำหนดการกลับวันศุกร์ แต่ถ้าคนไข้เยอะมาก อาจจะเป็นวันเสาร์นะ ถ้าเต้กลับมาอาทิตย์หน้าก็จะได้อยู่พร้อมหน้ากันสักที”

“ครับ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนลำบากนะครับ”

“ไม่ลำบากหรอก ทุกคนก็เป็นห่วงน่ะ ยังไงเต้ก็โทรมาบอกอีกทีนะ พี่จะได้เตรียมฉลองต้อนรับ”

เตชิตหัวเราะ “ขอบคุณครับพี่ เดี๋ยวผลตรวจร่างกายออกผมจะรีบโทรบอกเลย” เมื่อวางสายไปแล้วเขาก็กดหาเบอร์โทรศัพท์ของเด็กหนุ่มอีกครั้ง ทว่าก่อนจะกดโทรออกไปก็เปลี่ยนใจ เขาโยนโทรศัพท์มือถือลงบนหลังตู้ที่เดิม แล้วเอนตัวลงนอน

“ปัญหาใครก็แก้เอาเองก็ละกันวะ”



ฝ่ายรวินท์นั้น สาเหตุที่ไม่รับโทรศัพท์ใครๆ ก็เพราะเขาต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เพื่อให้พร้อมออกเดินทางตอนตีห้า พอตื่นมาอะไรก็ฉุกละหุกไปหมด ง่วงก็ง่วง แค่จะหอบเป้วิ่งไปให้ทันจุดนัดก็ลำบากแล้ว โทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้ชาร์จ แบตเหลือขีดเดียวอีกต่างหาก เขาคว้าพาวเวอร์แบงค์มาทัน กะว่าเดี๋ยวจะค่อยชาร์จตอนที่อยู่บนรถ

หากอะไรๆ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ด้วยความเป๋อของรวินท์ เขาไปรอที่จุดนัดผิดที่ ต้องโทรถามวิ่งหาจุดนัดกันวุ่นวาย สรุปว่าเขาทำให้ทันตแพทย์ทุกคนเดินทางช้าไปด้วยยี่สิบนาทีได้ ทว่าเพราะสภาพที่เหงื่อโซมกาย หอบแฮกๆ เป็นหมาหอบแดด ทำให้เขาไม่โดนต่อว่า แต่โดนหัวเราะใส่แทน

พอได้ขึ้นนั่งในรถ พูดคุยกับทันตแพทย์คนอื่นๆ เล็กน้อย ตัวเขาก็หลับเป็นตาย ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนพักรถกินมื้อเที่ยง จากนั้นก็ต้องไปเปลี่ยนรถเพื่อให้เหมาะสมสำหรับการเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านทุรกันดาร

พวกทันตแพทย์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องจะไปพักรวมกันที่ที่พักซึ่งทางหมู่บ้านจัดไว้ให้ แล้วจะออกเดินทางไปให้บริการทำฟันในวันถัดไป

ทว่าคราวนี้เมื่อรวินท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาชาร์จ ที่พักของเขาก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เสียแล้ว

บ้านพักของทันตแพทย์เป็นบ้านไม้เก่าๆ สองหลัง แบ่งฝั่งชายหญิงกัน มีทันตแพทย์มาจากหลายๆ โรงพยาบาลรวมกันเป็นจำนวนเก้าคน พวกเขาต้องนอนบนฟูกปูนอน ห้องอาบน้ำแยกออกไปต่างหาก อากาศเย็นเพราะอยู่บนที่สูง

หลังจากการประชุมและกินมื้อเย็นกันแล้ว เหล่าทันตแพทย์ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนใหญ่ก็กลับห้องไปนอนเอาแรง ส่วนรวินท์ไปเดินเล่นกับทันตแพทย์อีกสามคน พวกเขาอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน และแน่นอนว่าเคยได้ยินเรื่องราวของรวินท์มาก่อน

“ไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้มีโอกาสมาออกหน่วยกับทันตแพทย์คนดังด้วย”

“พี่ก็พูดเว่อร์ ผมไม่ใช่ประทัดนะครับ” รวินท์ส่ายหน้าไปมา “ว่าแต่... โทรศัพท์พี่ใช้ได้มั้ย”

“ไม่ได้ ไม่มีสัญญาณเลย แต่มันมีจุดรับสัญญาณได้อยู่นะ ต้องให้คนขับรถพาไป หรือไม่ก็ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกน่ะ”

“โห... งั้นไม่เป็นไรครับ”

สี่หนุ่มเดินดูทิวทัศน์รอบๆ บ้านที่พักอย่างใจเย็น พวกเขาถูกล้อมไปด้วยภูเขามากมาย สีเขียวเย็นตา เมื่อท้องฟ้ามืดลงอากาศก็เย็นลงอีก และยังเกิดหมอกปกคลุมไปทั่ว

“พรุ่งนี้เช้าต้องมีทะเลหมอกแน่ คงได้เห็นแวบๆ ก่อนออกเดินทาง” ทันตแพทย์ซึ่งอายุมากที่สุดในสี่คนเอ่ยขึ้น

รวินท์ทอดสายตามองออกไป ทะเลหมอกงั้นหรือ ทำให้เขานึกถึงเมื่อครั้งที่ไปดอยอินทนนท์กับภูพิงค์เลย

คิดถึง... เขาคิดถึงช่วงเวลาที่พวกเขามีความสุขด้วยกัน

“เฮ้อ” ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ

แค่วันเดียวที่ไม่ได้คุยกัน เขาก็ย่ำแย่เสียแล้ว นี่น่ะหรือคนที่ปากดีบอกให้ห่างกันสักพัก ถ้าหากเด็กหนุ่มเอาจริงขึ้นมา เขาคงแย่แน่

“คิดถึงแฟนเหรอวิน”

เจ้าของชื่อสะดุ้ง “ทำไมเหรอพี่”

“ทำหน้าเศร้าซะขนาดนั้น ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะยุ่งจนไม่มีเวลาเงยหน้า ไม่มีเวลาคิดถึงใครเลยล่ะ”

“โห พี่พูดซะผมปวดหลังปวดคอรอเลย” รวินท์ยิ้มแห้ง พวกเขาเดินเล่นกันจนท้องฟ้ามืดเกือบสนิทจึงกลับไปที่บ้านพักกัน


*TBC*


หมอเต้รีเทิร์นแร้ววว จะมาเป็นกาวประสานใจให้หมอวินกับน้องพิงค์ล่ะน้าาา /อย่าเพิ่งสาบแช่งหมอออ 55555

ตอนหน้าหายดราม่าแล้วค่ะ อดทนกันอีกนิดนะคะ ให้น้องพิงค์ได้แก้ตัวก่อน อิอิ

ขอบคุณคนอ่านทุกคน คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-06-2018 20:54:37
เมืาอไหร่จะเข้าใจกัน ฮือออ ลุ้นเหนื่อย 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-06-2018 21:21:22
 ถ้าหากว่าไม่รู้ว่าใครจะรุกหรือจะรับก็สลับวันกันก็ได้



:pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 20-06-2018 21:36:21
จะสงสารใครดีนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-06-2018 21:41:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-06-2018 21:47:24
พิงค์ ไม่ใจเลย กล้าๆหน่อย   :m16: :m16: :m16:
 :angry2:  ขี้กลัว ขี้ขลาด อาจทำให้เสียแฟน นะพิงค์  :hao3:

วิน  พิงค์   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 20-06-2018 21:58:25
……


อือ ก้อให้เวลาสามสี่วันนี้ น้องพิงค์ได้มีเวลาคิดให้ดี 

จะรับได้ไหมถ้าถึงวันนั้น วันที่ความสัมพันธ์มันจะลึกลงไปกว่าเดิม หรือจะปล่อยให้มันจางไป


 :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:


……



..
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 20-06-2018 22:01:51
นี่คือผล(กรรม)​ของการไม่ยอมพูดกันให้เข้าใจคนของเป็นแฟนกัน หึหึ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-06-2018 22:04:59
อึมครึมยาวๆไป เพราะต่างคนต่างเข้าใจต่างคิดกันไปเอง เปนไงล่ะ ปวดใจกันไปหมด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-06-2018 22:23:15
เป็นแฟนกันใหม่ ๆ ก็ต้องมีระยะปรับตัวกันบ้างเนาะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 20-06-2018 22:33:12
อิฉันเป็นคนลำเอียงใครผิดไม่รู้ แต่ทีมน้องพิงค์นะเคอะ แต่ตอนหมอวินจูบท้องหมอขวัญนี่สำหรับเราไม่โออ่ะ ถ้าเป็นแฟนตัวเองทำนี่โกรธวายวอดแน่นอน แต่ยังไงก็เคลียร์กันเร็วๆเน้ออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-06-2018 22:48:58
พิงค์กลัวเสียซิงจนไม่เข้าใจกัน แต่ละคนไม่ยอมเปิดใจคุยกันด้วย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 20-06-2018 23:08:26
จินตนาการ​ตอนโล้สำเภอของสองคน​ ตอนแรกพิงค์​รุก​ ผ่านไป10นาที​ พี่วินทนไม่ไหว​ ช้าไม่ทันใจ​ เฮียรุกเองจ้าาาาา​ 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 21-06-2018 01:07:09
สรุปว่าน้องพิงค์กลัวเสียซิงให้พี่วินใช่มั้ย 555 คืนดีกันเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-06-2018 02:29:41
เมื่อไรจะได้คุยกันเสียทีครับ //เครียดแทนเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-06-2018 02:44:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 21-06-2018 05:47:30
 :z3: :z3: :z2: :z3: :z3: เสียซิงแน่พิ้งค์เอ๊ยยย หรือว่าจะได้ซิงพี่หมอหว่า  :z3: :z3: :z2: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 21-06-2018 05:57:09
น้องพิงค์... จะคิดอะไรมากมาย.. เป็นไงละ.. อีก หลาย วัน กว่า จะ ได้ เจอกัน... อกแตกตายทั้งคู่.. อ่ะงานนี้... ถ้าเจอกัน... ไม่งอนกันแล้วนะ... ได้กันซะทีเหอะ555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-06-2018 07:22:07
จ้ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 21-06-2018 07:42:08
เห้อ ไม่เข้ากะไม่คุยกันดีๆ
ให้เวลาที่ห่างคิดทบทวนดีๆนะ
ว่าจะเอาไงต่อ
นี่ว่าพิงค์ ควรรุกพี่หมอมากกว่าน้า
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-06-2018 09:04:00
ผิดที่หมอวินทร์ชอบอ้อยเรี่ยราด
หรือ พิงค์ที่กลัวเสียซิง  ปวดหัวกะคู่นี้โว้ย!!!
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-06-2018 09:04:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถ...ทำใจไม่ได้ที่จะเสียซิง

แสดงว่าทำใจไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายรับชิมินุ้งพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 21-06-2018 10:10:32
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 21-06-2018 11:18:04
งื้อออออ น้องโดนดุ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-06-2018 12:13:50
สงสารน้องจังเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-06-2018 16:16:49
อ้าวววววว..อิพี่ น้องกำลังงอน ให้พี่ง้ออยู่ดีดี
อะไรแว๊ะ ไหงคนน้องกลับโดนงอนคืนจากคนพี่ซะงั้น
หึหึ หมอวินเป็นอะไรที่หล่อเลือกได้มากจริมๆ
ปวดหัวกบาลแทนน้องพิงค์จริงเลยว่ะ

แล้วที่หมอวินบอกว่าจะปรับปรุงตัว ไม่เที่ยวไปอ้อยใครให้เรี่ยราดอีกแล้ว
ไหนๆ ใครที่อ่านเจอ ช่วยบอกที่เถิ๊ดดดด ตอนไหน ตรงไหน เห๊อะ ไม่เห็นจะเจอเลย

เป็นซะแบบนี้ทุกทีอ่ะ อย่างนี้ต้องรีบเรียกเพื่อนเต้ให้มาจัดการซะแล้วล่ะมั้ง
เกือบจะโดนเพื่อนข่มขืนเพราะความชอบอ้อย ไม่เข็ดนะ..ไม่เข็ด

หล่ออย่างเดียวก็ไม่ไหวนะ
หุหุ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 21-06-2018 16:56:33
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-06-2018 21:29:57
คงต้องอดทนกันอีกหลายวันล่ะนะ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 22-06-2018 02:51:58
รอคอยยยยอย่างใจจดใจจ่ออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 22-06-2018 09:14:48
แงงง คิดถึงทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 23-06-2018 08:15:29
 :katai1: หวังว่าอุปสรรคครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองเข้าใจกันสักทีนะ วินพิงค์สู้ๆ เอ๊ะ! รึว่าจะเป็นพิงค์วินลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-06-2018 08:42:04
รอตอนต่อไปเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 24-06-2018 08:55:14
เอาใจช่วยทั้ง2คน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 24-06-2018 22:08:48
โอ๊ย!!!!! อึดอัดมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 50 : ระหองระแหง][200618]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 25-06-2018 19:37:39


Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ


เวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงคืนวันศุกร์ ตามกำหนดการแล้วรวินท์ควรจะกลับมาถึงหอพักแพทย์ของเขาในตอนเย็น ทว่ามีเหตุฉุกเฉินนิดหน่อย รถที่ใช้เคลื่อนย้ายทันตแพทย์ออกมาจากบ้านพักในหมู่บ้านเกิดติดหล่มระหว่างทาง กว่าจะเอารถออกจากหล่มได้ก็ค่ำมืด แต่ความซวยยังไม่หยุดแค่นั้น รถที่มารับพวกเขาไปส่งกลับโรงพยาบาลดันเสียระหว่างทางอีก เวลานั้นก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เหล่าทันตแพทย์ผู้น่าสงสารจึงตกลงกันว่าจะไปค้างคืนที่โรงแรมกัน แล้วค่อยกลับในตอนเช้าของวันใหม่ ทว่าทันตแพทย์บางคนมีครอบครัวขับรถมารับ จากเก้าคนเหลือติดค้างอยู่สี่คนเท่านั้น แน่นอนว่ารวินท์ก็เป็นหนึ่งในสี่คนด้วย

เมื่อออกห่างจากภูเขาสูง สัญญาณโทรศัพท์ก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง รวินท์จึงเห็นได้ว่ามีสายเรียกเข้ามากมาย จากทั้งภูพิงค์ เตชิตและพี่สิงหา ได้เห็นว่าเด็กหนุ่มพยายามติดต่อมาก็พอทำให้หัวใจชุ่มชื่นขึ้นบ้าง เขารีบโทรกลับไปหาอีกฝ่ายทันที

พอเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หัวใจก็เต้นแรงจนเหมือนจะระเบิดอยู่ในอก กะอีแค่โทรศัพท์หาแค่นี้เนี่ย

หากไม่มีคนรับสาย รวินท์จึงพยายามโทรใหม่อีกหลายครั้ง ยิ่งมากครั้งเข้าก็ยิ่งใจแป้ว จนกระทั่งถึงห้องพักในโรงแรมแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่รับสาย

เป็นไงล่ะ คนที่ปากดีบอกให้ห่างกันสักพัก นี่ห่างกันมาแค่ห้าวันตัวเขาก็จะตายซะให้ได้ ขนาดว่ามีงานยุ่งตลอดเวลาและเหนื่อยจนไม่มีเวลาให้คิดฟุ้งซ่านมากนักนะ แล้วถ้าเกิดภูพิงค์บ้าจี้ทำตามที่เขาพูดขึ้นมาจริงๆ เขาจะทำยังไงดีวะเนี่ย

รวินท์ทอดถอนใจ เขารักภูพิงค์ก็ย่อมอยากจะอยู่ใกล้ชิดกันเป็นธรรมดา แต่ถ้ามันทำให้อีกฝ่ายอึดอัด เขาจะยอมอดทนต่อไปก็ได้ จะรอจนกว่าเด็กหนุ่มจะพร้อม จะไม่งี่เง่าอีกแล้ว

ทันตแพทย์หนุ่มกดเปิดเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่อดูข่าวคราวของภูพิงค์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ได้เห็นแบบเสื้อที่ทางสโมฯ คัดเลือกไว้ประกวดรอบสุดท้าย มีแท็กบอกวันประกาศผลและวันนัดถ่ายรูป พร้อมข้อความบอกว่าให้เด็กหนุ่มรีบแจ้งเขาด้วย

หรือว่านี่คือเหตุผลที่ภูพิงค์โทรศัพท์หาเขากันวะ

รวินท์ลดโทรศัพท์ในมือลง ความเหงา ความวิตกกังวล รวมไปถึงบทสนทนาที่ได้ยินภูพิงค์คุยกับแซนดี้ในงานแต่งงานของขวัญข้าวรุมประทังเข้ามาในความคิด ทำให้เขาฟุ้งซ่าน คิดมาก ยิ่งคิดหัวใจก็ยิ่งปวดแปลบ

ลึกลงไปก็ชักจะกลัวอยู่เหมือนกัน ว่าความรักในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นการโปรโมตเพื่อคณะของเด็กหนุ่มเท่านั้น

“สัส คิดมากไปมั้ยกู ใครมันจะลงทุนขนาดนั้น” ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะเจื่อนๆ พร้อมกับยกมือที่เย็นเฉียบขึ้นทุบศีรษะตนเอง

พิงค์ไม่จำเป็นต้องทำดีกับเขามากมาย เพื่อใช้งานเขาหรอก

แต่ตอนที่เขาขอให้เด็กหนุ่มไปช่วยงานแต่งงานของขวัญข้าว...


“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ยังไงคณะผมก็ต้องใช้งานพี่อีกหลายงานแน่ ถือว่าก็ช่วยๆ กันไป”


รวินท์ส่ายหน้าแรงๆ “ไม่หรอก นั่นพิงค์หมายถึงคนอื่นเว้ย”


“กูไม่อยากทำให้พี่วินเสียใจ แต่กูยังรับไม่ได้ ยังทำใจไม่ได้ว่ะอีแซนดี้”

“กูว่ามันไม่แฟร์กับพี่วิน ถ้ากูจะเอาแต่ได้แบบนี้”



มือที่ทุบศีรษะอยู่เปลี่ยนมาเป็นกุมใบหน้าไว้ นัยน์ตาของเขาร้อนผ่าว

“กรรมยังตามสนองกูไม่หมดอีกเหรอวะ” เขาพูดเสียงสะอื้นกับตัวเอง

รวินท์นอนนิ่งอยู่ภายในห้องพักที่มีตัวเขาเพียงลำพัง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา จะโทรศัพท์หาเตชิตก็เห็นว่าเที่ยงคืนกว่าแล้ว อีกฝ่ายอยู่โรงพยาบาล คงไม่ดีนักหากจะโทรไปตอนนี้

ทว่าจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จากคนที่เพิ่งจะนึกถึง เขารีบกดรับสาย “ไอ้เต้! ทำไมมึงยังไม่นอน!”

“นอนห่าไร กำลังขับรถไปรับมึงนี่”

ทันตแพทย์หนุ่มอ้าปากค้าง “เดี๋ยวๆ มึงอยู่ไหนเนี่ย”

“เกือบถึงโรงแรมมึงแล้ว”

“มึงมาได้ไงวะ ออกจากโรงบาลแล้วเหรอ แล้วนี่มึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่ไหน!”

“เซอร์ไพรส์อะดิ กูมาถึงลำพูนเมื่อเช้า ซื้อชีสเค้กจากพารากอนมาให้มึงด้วย นี่รอมึงกลับมาทั้งวันจนตะไคร่แทบขึ้นแล้ว จนเมื่อตอนเย็นมีแจ้งเข้ามาที่โรงบาล บอกว่ารถที่พามึงออกมาจากหมู่บ้านติดหล่ม แล้วตอนค่ำก็มีมาอีกรอบว่ารถที่จะพามึงกลับโรงบาลเสียอีก มึงนี่แม่งซวยฉิบหาย เห็นเขาว่าหมอคนอื่นๆ มีคนมารับกลับ กูก็กลัวว่ามึงจะนอนร้องไห้หงิงๆ เลยถ่อออกมารับมึงนี่ไง”

“ไอ้เต้... ขอบใจ กูจ่ายค่าโรงแรมไปแล้วตั้งสี่ร้อย มึงทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้” รวินท์พูดเสียงเศร้า

“โห ก็กูเพิ่งรู้ข่าวจากพี่สิงหา แล้วนี่โรงแรมของมึงต้องจิ้งหรีดขนาดไหนวะ คืนละสี่ร้อย ระวังผีด้วยมึง”

“สัส รีบมาเร็วๆ เลย” รวินท์สูดน้ำมูกฟืด พลางขมวดคิ้ว น้ำตาพาลจะไหล ทำไมช่วงนี้บ่อน้ำตาเขาตื้นจังวะ

“เก็บของลงมารอข้างล่างเลยมึง อีกประมาณสิบนาที”

พอวางสายไป ทันตแพทย์หนุ่มก็ลุกขึ้นเก็บข้าวของ มีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาทันใด เขาถือกระเป๋าเป้ลงไปรอชั้นล่าง ฝากคนนั่งเฝ้าเคาทน์เตอร์โรงแรมให้บอกกับคนอื่นๆ ว่าเขามีคนมารับกลับไปก่อนแล้ว จากนั้นก็ก็นั่งรออยู่บนเก้าอี้พลาสติกของโรงแรม ไม่นานรถคันคุ้นตาก็เคลื่อนเข้ามา

รวินท์ยิ้มกว้าง เขาลุกขึ้นวิ่งเข้าไปหาคนที่ขับมาทันที

“ไอ้เหี้ยเต้!”

เตชิตก้าวลงมาจากรถ เขาอ้าแขนกว้าง “ไอ้เหี้ยวิน!” ก่อนอีกฝ่ายจะวิ่งเข้ามาหาแล้วโถมตัวเข้ากอดเต็มแรง “เฮ้ยๆ เบาๆ ก็ได้ เดี๋ยวกูต้องกลับไปนอนโรงบาลอีกรอบหรอก”

“สัส คิดถึง”

“ชื่นใจฉิบหายเลยมึง” เตชิตหัวเราะ เขาโอบกอด พร้อมกับลูบหลังให้อย่างอ่อนโยน “โทรมไปเลยนะมึงอะ เหนื่อยอะดิ”

“เหนื่อยแทบขาดใจ” รวินท์ผละออก จากนั้นจึงยกมือขึ้นจับหน้าเพื่อนรักพลิกซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีร่องรอยบอบช้ำใดๆ บนใบหน้าของเตชิตอีกแล้วก็โล่งใจ “ส่วนมึงก็หล่อมาเชียวนะ กะข่มกูอ่อ”

“กูหล่อเป็นปกติอยู่แล้วปะวะ มึงเสือกเพิ่งเห็นเอง” เตชิตเขกศีรษะเพื่อนรักเบาๆ “ปะ ขึ้นรถกลับกัน”

“มึงขับไหวมั้ย ให้กูขับเปล่า”

“อย่าเลย กูนอนสะสมมาพอแล้ว ให้มึงขับเดี๋ยวไปออกพม่า”

“กูไม่ได้โง่ขนาดนั้นมั้ย” รวินท์เดินไปขึ้นนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ

รถยนต์ฮอนด้า CR-V เคลื่อนออกจากโรงแรมไปช้าๆ เข้าสู่ถนนใหญ่ที่มืดสนิททั้งสองข้างทาง

เสียงท้องร้องของรวินท์ดังแว่ว เป็นผลให้คนที่ขับรถอยู่หลุดหัวเราะ “ได้แดกมื้อเย็นรึเปล่าวะ”

“แดกข้าวเหนียวกับอะไรก็ไม่รู้ไปนิดหน่อย แม่งไม่อร่อยเลย แต่มีร้านเดียวที่ขาย”

“แล้วไปออกหน่วยเป็นไงบ้าง”

“เหนื่อยว่ะ ที่โรงบาลเราว่าคนไข้เยอะแล้ว มาเจอที่มารอออกหน่วย ที่โรงบาลน้อยไปเลย กูก้มหน้าทำฟันอย่างเดียว ก้มตอนเช้า เงยตอนมืดเลยแม่ง”

“ขนาดนั้นเลย”

“เดี๋ยวมึงไปบ้างแล้วจะรู้”

เตชิตเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะเพื่อนรัก “แล้วอยากแดกไร”

“ตอนนี้มีให้กูเลือกด้วยเหรอ”

“เดี๋ยวถ้าเจอร้านอาหารจะได้แวะ”

“เออ แวะเลย ร้านไหนก็ได้ กูหิวมาก”

ขับรถต่อไปสักพักก็ถึงอำเภอใหญ่หน่อย แล้วก็ไปเจอร้านข้าวต้มสามสี่ร้านในละแวกเดียวกัน สองหนุ่มจึงหยุดรถลงไปหาข้าวต้มกินกัน


ร้านที่สองหนุ่มทันตแพทย์เลือกเข้าไปไม่มีคนเยอะนัก เพราะร้านไม่ไกลออกไปมีสาวๆ นุ่งน้อยห่มน้อยคอยให้บริการ คนจึงแห่ไปกัน ส่วนร้านที่พวกเขาเลือก มีลุงกับป้าแล้วก็เด็กเสิร์ฟผู้ชายอีกสองคนเท่านั้น

พอนั่งลงสองหนุ่มก็สั่งอาหารยาวเหยียด ชนิดลุงกับป้าได้ยินแล้วหน้าบานเลยทีเดียว

“ดื่มอะไรดีครับพี่” เด็กเสิร์ฟถาม

“มีเบียร์มั้ย”

“เฮ้ย ไอ้วิน ออกจากดอยมาก็จะหาเรื่องเมาเลยเหรอวะ”

“เดี๋ยวนะพี่” เด็กเสิร์ฟวิ่งไปถามลุงกับป้า สักพักก็วิ่งกลับมา “พี่อยากดื่มยี่ห้อไหน เดี๋ยวผมไปซื้อให้”

รวินท์ขมวดคิ้ว “น้องจะไปซื้อที่ไหนตอนนี้”

“ไปขอซื้อจากร้านตรงนู้นครับ ปกติที่ร้านไม่มีเหล้าเบียร์หรอกพี่ แต่ผมไปขอซื้อให้ได้”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง เขาหยิบเงินส่งให้ “ขอบใจ มีเบียร์อะไรก็เอามาละกัน ซื้อมาสักโหลเลย ไม่ต้องทอน”

“ขอบคุณครับ” เด็กเสิร์ฟยิ้มกว้าง เขารับเงินมาแล้วรีบขี่จักรยานออกไป

“เปรี้ยวปากมาจากไหนวะมึง กูแดกด้วยนิดเดียวนะ กูต้องขับรถนะเว้ย”

“รู้แล้ว กูก็แค่อยากดื่มนิดหน่อย พอให้อารมณ์ดีน่ะ” รวินท์เท้าแขนลงกับโต๊ะ

“นิดหน่อยพ่องส์ สั่งทีเป็นโหล เดี๋ยวก็เมาเป็นหมาหรอก”

“เมาก็ดีเหมือนกัน”

เตชิตหันไปมองเพื่อนรัก พลางถอนหายใจยาว “ไม่กลัวกูปล้ำเอารึไง”

“ไม่กลัว ถ้ามึงอยากทำก็ตามใจ”

“สัส เดี๋ยวกูทำจริงหรอก” ไม่พูดเปล่าแต่ตบบ้องหูรวินท์ไปหนึ่งทีด้วย

“กูก็ไม่ได้ว่าไร”

“มึงพูดเองนะ แล้วอย่ามาเสียใจทีหลัง” เตชิตพูดเสียงดุ

รวินท์ก้มหน้าลง หากก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

สักพักเด็กเสิร์ฟอีกคนในร้านก็ยกอาหารมาจัดวางบนโต๊ะ ตามมาด้วยเด็กเสิร์ฟคนแรกซึ่งขนเบียร์มาเรียงและช่วยเสิร์ฟให้

สองหนุ่มนั่งกินไปดื่มไปเงียบๆ จนเริ่มอิ่มท้อง แต่เบียร์หมดไปสี่ขวดแล้ว เตชิตดื่มไปครึ่งขวด ส่วนที่เหลือรวินท์เหมาเรียบ

เตชิตชำเลืองมองเพื่อนรักอยู่หลายครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแก้วเบียร์ออกจากมือเพื่อน “ถามจริง มีปัญหาอะไรกับไอ้พิงค์”

รวินท์ยิ้มบาง เขาเอื้อมมือไปประกบแก้มอีกฝ่าย “ไอ้เต้ กูเข้าใจแล้ว การหลงรักอยู่คนเดียว แม่งโคตรทรมาน”

“มึงไปหลงรักใครคนเดียว ฝันอยู่เรอะ แล้วไอ้พิงค์ไปไหนเนี่ย”

“กูแม่งไม่มีดวงเรื่องความรัก รักใครก็โดนเท”

“ก็เลยจะมาเอากู เพราะกูรักมึงว่างั้น”

“อย่างน้อยมึงก็ไม่ทิ้งกู ไม่รังเกียจกู” รวินท์สะอื้น

“มึงเมาแล้วไอ้สัส” เตชิตส่ายหน้ารัว

“ถ้าหน้าตากูเหมือนปลาทูชนเขื่อน มึงจะยังรักกูมั้ยไอ้เต้”

“รักสิวะ ขนาดมึงทำตัวเหี้ยๆ มาตั้งหลายปี กูยังรักมึงได้เลย”

รวินท์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หัวไหล่สั่นไหวน้อยๆ

“ไอ้วิน จะแดกหรือจะดราม่า เลือกเอาสักอย่าง”

“กูขอโทษ ไอ้เต้ กูขอโทษ” รวินท์พูดเสียงสั่น ตามมาด้วยเสียงสะอื้นไห้อีกระลอก

เตชิตถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่รู้ว่าควรจะเจ็บปวดหรือจะเห็นใจเพื่อนรักก่อนดี อาการดูจะหนักหน่วง แต่ก็ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกันกับไอ้เด็กพิงค์นั่น ดูจากการตัดพ้อก็คงคิดว่าเด็กมันไม่รักล่ะมั้ง

ถุ้ย! ถ้าไม่รักมันจะประสาทแดกเหมือนมึงแบบนี้เหรอ เขาคิดไปพลางเอื้อมมือไปขยี้เส้นผมคนที่คร่ำครวญจนหลับไป

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น แต่เจ้าของโทรศัพท์ยังคงฟุบหน้านิ่ง เตชิตจึงหยิบขึ้นมาดูแทน

เป็นอย่างที่เขาคาด ภูพิงค์โทรมา

ทันตแพทย์หนุ่มลังเล ปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่สักพักจนเงียบไป เขารอให้ดังขึ้นและเงียบไปอีกสองสามครั้ง จึงค่อยกดรับสาย

“พี่วิน! ผมขอโทษครับ ผมไปช่วยทำซุ้มให้พี่บัณฑิต เพิ่งเสร็จงานเนี่ย! ตอนนี้พี่อยู่ไหน!”

“อ้อ งั้นเหรอ”

คนต้นสายหยุดกึก “ไอ้พี่เต้”

“เรียกให้ดีๆ หน่อยเว้ย”

“พี่วินไปไหน”

“ไม่ต้องมาทำเสียงดุ ไอ้วินหลับอยู่ข้างผมนี่”

“......”

“อยากได้มันคืนมั้ย”

“พี่วินอยู่ไหน”

“ร้านข้าวต้มแม่อุ้ย ถนนxx อำเภอxx ผมให้เวลาคุณชั่วโมงเดียวนะ ถ้ามาไม่ทัน ผมจะหิ้วมันเข้าโรงแรม มันอนุญาตแล้วด้วย” พอพูดจบก็กดวางสาย แล้วปิดโทรศัพท์ไป

เตชิตยกมือขึ้นกุมขมับ “กูนี่ก็บ้าเหมือนกัน รอมาตั้งนาน พอมีโอกาสแล้วก็ไม่คว้าไว้ ทั้งบ้าทั้งโง่เลยแม่ง”



ภูพิงค์ยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย เขาวิ่งไปที่รถทันทีที่อีกฝ่ายวางสายไป เมื่อเพื่อนทั้งสามเห็นเข้าก็รีบวิ่งตามกันไปเป็นพรวน

“ไอ้พิงค์ มึงจะรีบไปไหนวะ! มีอะไรคุยกันก่อน!” เพื่อนๆ คว้าแขนเขาไว้ ทว่าโดนสะบัดออกอย่างแรง

“ไอ้พี่เต้อยู่กับพี่วิน กูต้องรีบไปเอาแฟนกูคืน!”

“เฮ้ย! งั้นไปเลย! รีบไป!”

พอภูพิงค์ขึ้นนั่งบนรถ อีกสามหนุ่มก็กระโจนตามขึ้นมานั่งด้วยกัน เด็กหนุ่มจึงหันไปถาม “พวกมึงจะตามมาทำไมเนี่ย!”

“รีบออกรถสิมึง! เดี๋ยวไม่ทันนะไอ้เหี้ย!”

เด็กหนุ่มขับรถออกไปอย่างร้อนรน หลังจากขับไปได้สักพัก ขิงก็พูดขึ้น

“แล้วมึงจะไปตามพี่หมอที่ไหนวะ”

“เออ! ร้านข้าวต้มแม่อุ้ย ถนนxx อำเภอxx พวกมึงหาที!”

“โอเค” สามหนุ่มสุมหัวกันเปิดกูเกิลแม็ปเพื่อหาร้านข้าวต้มที่ว่าให้ “เจอแล้วมึง ขับตรงไปก่อน เข้าเขตลำพูน ผ่านแยกสามแยกแล้วค่อยเลี้ยวขวา เฮ้ย ไอ้พิงค์ อย่าขับเร็วมาก เดี๋ยวเจอด่าน”

ภูพิงค์กำพวงมาลัยรถแน่น “ชั่วโมงนึงจะถึงมั้ย”

“ตามกูเกิลแม็ปชั่วโมงสิบห้านาที ใจเย็นมึง”

“ไม่ได้ กูต้องไปถึงในหนึ่งชั่วโมง ไอ้พี่เต้ให้เวลาแค่นี้” เด็กหนุ่มเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้น โชคดีที่ในตอนกลางดึกถนนโล่ง ไม่นานรถของเด็กหนุ่มก็เคลื่อนเข้าสู่เขตจังหวัดลำพูน

เขาขับไปมองเวลาไป เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเพื่อนๆ หันมองหน้ากันอย่างหวาดๆ

“สัสพิงค์! มันอันตรายเว้ย เดี๋ยวตำรวจตามมามึงไม่ได้ไปตามแฟนมึงคืนแน่ๆ”

“เหลืออีกสิบห้านาที จะถึงยังวะ”

“ใกล้แล้วมึง ช้าลงหน่อย เดี๋ยวเลยร้าน”

แต่เด็กหนุ่มไม่ลดความเร็วลง กลับเร่งให้เร็วขึ้นอีก

“สัสพิ้งงงค์~”

“เฮ้ย! นั่นไงร้าน”

ในที่สุดภูพิงค์ก็ขับรถเลยไปจริงๆ จะกลับรถก็ต้องไปวนอีกไกล เขาจึงรีบเบี่ยงรถเข้าจอดข้างทาง กระโดดลงจากรถแล้ววิ่งกลับไปที่ร้าน “ฝากรถด้วย!”

“เฮ้ย! มึงจะไม่ดับเครื่องก่อนเร้อ~” ลำบากเพื่อนพ้องต้องจัดการดับเครื่องและล็อกรถให้ ก่อนจะวิ่งตามหลังเจ้าของรถไป

เมื่อวิ่งไปถึงหน้าร้าน เด็กหนุ่มก็หยุดหอบแฮก กำลังจะเข้าไปในร้าน ทว่าเพื่อนรักตะโกนไล่หลังมาแว่วๆ

“ไอ้พิงค์ ไม่ใช่ร้านนี้! ไปอีกร้าน!”

ภูพิงค์เงยหน้าขึ้นดูป้ายร้าน นี่เขาขับเลยมาตั้งไกลเลยเหรอวะ แม่ง! จากนั้นจึงออกวิ่งต่อ

เขาไปถึงร้านที่หมายด้วยสภาพหัวฟูเหงื่อโซมกาย พอเข้าไปในร้านก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ภายในร้านมีคนนั่งอยู่สองโต๊ะ แต่ทั้งสองโต๊ะนั้นไม่ใช่พี่เต้กับพี่วิน

เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรไปหารวินท์ แต่อีกฝ่ายไม่เปิดมือถือ เขาจึงโทรไปหาเตชิตแทน ทว่าก็ได้ผลเหมือนกัน หัวใจเขาร่วงไปอยู่ใต้ฝ่าเท้าแล้ว

“พี่ๆ มาหาพี่ผู้ชายหน้าตาดีๆ สองคนรึเปล่า”

ภูพิงค์หันขวับ “ใช่! น้องรู้มั้ยเขาไปไหน!”

“อยู่หลังร้าน พี่เขาเมา ป้าเลยให้นอนพัก”

“หลังร้านเหรอ ขอบใจมากน้อง” เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปหลังร้านเองโดยไม่ต้องรอให้เชิญ พอเดินเข้าประตูไปก็พบเตชิตนั่งอยู่บนพื้น เอนหลังพิงเสาร้าน ส่วนรวินท์นอนหนุนตักอยู่

“มาช้านะ” เตชิตทัก ก่อนจะหันไปดูเวลา “ช้าไปตั้งสิบนาที ไม่ได้เรื่องเลยว่ะ”

ภูพิงค์หอบแฮก เขาถลาเข้าไปหาคนรักของตน “พี่วิน ทำไมเมาอีกแล้ว โอ๊ย! พี่เต้!”

เตชิตตบศีรษะเด็กหนุ่มไปหนึ่งป้าบ “แค่นี้ยังน้อยไป จริงๆ อยากกระทืบคุณด้วย แต่เห็นว่าครั้งที่แล้วคุณก็จะกระทืบผม เจ๊ากันไปละกัน”

อีกสามหนุ่มถลาตามเข้ามายืนหอบฮั่กๆ อยู่ด้านหลัง

“มีอะไรรึเปล่าคะ” ป้าชะโงกหน้าเข้ามาถาม

เตชิตโบกมือไปมา “ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวพวกผมจะไปแล้วล่ะครับ ขอรบกวนอีกแป๊บเดียว” จากนั้นจึงหันไปทางเด็กหนุ่ม แล้วกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเข้าหาตัว “คุณถามว่าทำไมไอ้วินมันเมาอีกแล้ว แปลว่าคุณก็รู้ว่ามันมีเรื่องไม่สบายใจ คุณทำให้มันเมามายครวญครางขนาดนี้ ไม่ได้รู้ตัวเลยรึไง ไหนสัญญาว่าจะไม่ทำให้เพื่อนผมเสียใจไงวะ ได้เด็กเวร”

สองหนุ่มประสานสายตากันนิ่ง

“ผมทำให้พี่วินเสียใจ...”

“เออสิวะ คิดว่ามันเป็นแบบนี้เพราะคนอื่นได้อีกเรอะ!”

“....”

“ถ้ารักมันจริง ก็แสดงให้มันเห็น ทำให้มันรู้ด้วยโว้ย!”

“ผมขอโทษ” ภูพิงค์ยกมือไหว้ “ผมมันโง่งี่เง่า ทำให้พี่วินต้องเป็นแบบนี้ แต่ผมสัญญา ผมจะระวังไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ขอบคุณมากครับพี่”

“คุณไม่มีคราวหน้าแล้วนะเว้ย”

“ครับ”

เตชิตเบือนหน้าไปอีกทาง “รีบพามันไปซะ แล้วก็คุยกันให้เข้าใจ”

ภูพิงค์ค่อยๆ ประคองคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องขึ้นมาอย่างอ่อนโยนที่สุด ก่อนจะอุ้มขึ้นแนบกาย “พี่เต้ ผมเข้าใจพี่วินแล้ว ว่าทำไมพี่ถึงเป็นเพื่อนที่พี่วินรักที่สุด”

“เออ ผมก็เป็นได้แค่เพื่อนนี่ละ” เตชิตถอนหายใจ “แล้วมายังไงวะเนี่ย”

“ผมขับรถมา แต่ขับรถเลยไปไกลเลยต้องจอดรถทิ้งไว้แล้ววิ่งกลับมา”

เตชิตหยิบกุญแจรถโยนให้เด็กหนุ่ม “เอ้า รถผมจอดอยู่ด้านหลัง เอารถผมไปละกัน เดี๋ยวผมเดินไปเอารถคุณเอง”

“ไม่เป็นไร...”

“ไปเหอะไอ้พิงค์ เดี๋ยวพวกกูเอารถมึงกลับให้”

ภูพิงค์สบสายตากับเพื่อนๆ “ถ้างั้น... ฝากพี่เต้ด้วยนะพวกมึง”

“เออ ไปเคลียร์กับพี่วินให้เรียบร้อย”

“ขอบใจเว้ย”


เด็กหนุ่มอุ้มคนรักของตนเดินไปที่รถของเตชิต โดยมีซันเดินตามไปเพื่อช่วยเปิดรถให้ เขาวางรวินท์ลงบนเบาะนั่งอย่างระมัดระวังพร้อมรัดเข็มขัดให้ เมื่อตัวเองขึ้นไปนั่ง ปรับเบาะเรียบร้อย เขาจึงหันไปขอบใจเพื่อนอีกครั้ง

“มึงจะพาพี่หมอไปไหนวะ”

“กลับหอพี่เขาไง เดี๋ยวมึงไปส่งพี่เต้ด้วยนะเว้ย”

“เออน่า พวกกูไม่ทิ้งเขาหรอก เดี๋ยวจะเลี้ยงข้าวต้มปลอบใจพี่เต้ก่อน”

ภูพิงค์ยิ้มบาง “ขอบใจพวกมึงมากนะ”

ซันตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ “อย่าลืมเรื่องเสื้อคณะด้วยสัส”

“ไอ้เหี้ย แดกข้าวต้มเผื่อกูด้วย เออ อย่าลืมเมสเสจไปบอกอีแซนดี้ ป่านนี้มันด่าพ่องแล้ว” เด็กหนุ่มหัวเราะ ก่อนจะขับรถออกไปช้าๆ

พอซันเดินกลับเข้าไปในร้านก็เห็นว่าทุกคนย้ายออกมานั่งข้างนอกกันแล้ว เตชิตก็นั่งอยู่กับทุกคนด้วย พวกเขากำลังสั่งอาหารกันชนิดที่เด็กเสิร์ฟจดมือเป็นระวิง

เด็กเสิร์ฟยิ้มร่าเข้าไปหาเตชิต “ยังมีเบียร์เหลืออีกนะครับพี่ ดื่มต่อเลยเนาะ”

“เอามาเลยน้อง” เจ้าของชื่อเรียกหันไปหาทุกคนในโต๊ะ “พวกคุณใครจะขับรถอดนะ”

ทุกคนที่โต๊ะพร้อมใจกันชี้ไปที่ซัน “ไอ้ซันขับ มึงมาช้า”

“สัส!” เด็กหนุ่มหัวเราะพลางส่ายหน้ารัว ก่อนจะนั่งลงร่วมวงกับทุกคน

เมื่อเด็กเสิร์ฟรินเบียร์ให้แล้ว พวกเขาก็ยกแก้วเบียร์ขึ้น ยกเว้นซันที่ยกแก้วน้ำอัดลมแทน “ดื่มให้พี่เต้คนดีหน่อยเว้ย ยินดีต้อนรับกลับเมืองเหนือนะพี่”

“ขอบใจๆ เต็มที่เลยน้องๆ มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”

“โห พวกผมสิต้องเลี้ยงพี่”

“ครั้งที่แล้วยังไม่ได้ขอบใจพวกคุณเลย ครั้งนี้อีก ขอบใจทุกคนมากนะ”

“ไอ้พิงค์เป็นเพื่อนพวกผม พี่วินเป็นแฟนไอ้พิงค์ก็เหมือนเป็นเพื่อนพวกผมด้วย พี่เต้ก็เพื่อนแฟนของเพื่อนพวกผม ก็เหมือนเพื่อนพวกผมด้วย”

“เวร ไม่ต้องพูดให้สับสนมากก็ได้ คนยิ่งเฮิร์ตๆ อยู่เว้ย”

“พี่เต้ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องเศร้า ระดับลีดมหาลัยอย่างพี่ ต้องหาแฟนได้หล่อเลิศกว่าพี่วินแน่นอน พวกผมมั่นใจ”

“แต่ใครก็ไม่เหมือนไอ้วินหรอก” เตชิตพูดเสียงเศร้า

สามหนุ่มผลัดกันตบไหล่ทันตแพทย์หนุ่มเพื่อปลอบโยน “ไม่มีใครเหมือนไอ้สัสพิงค์เหมือนกันพี่ ปล่อยคนแปลกไปได้กันเองน่ะดีแล้ว มาๆ ดื่มๆ”

เตชิตหัวเราะเจื่อนๆ เจ็บในอก แต่ก็ยังดีที่มีเพื่อน เมื่อเขายกแก้วเบียร์ขึ้นกระดก พวกเด็กหนุ่มก็ส่งเสียงเชียร์ให้ดื่มจนหมดแก้ว พอกึ่มๆ สี่หนุ่มก็พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างถึงพริกถึงขิง ส่งเสียงหัวเราะดังไปทั้งร้าน กินกันจนอาหารหมดร้าน เพราะแต่เดิมก็ทางร้านก็ไม่ได้เตรียมไว้มาก สุดท้ายแล้วเจ้าของร้านก็ต้องปิดร้านให้ลูกค้าพิเศษทั้งสี่คน



ภูพิงค์ขับรถไปไม่เร็วนัก เปิดแอร์เบาๆ เพราะกลัวพี่วินของเขาจะหนาว ขับๆ รถไปก็เอื้อมมือไปดึงมืออีกฝ่ายมาวางไว้บนตักตน

ฝ่ายรวินท์นั้นเมาหลับไม่รู้เรื่องเพราะดื่มไปไม่ยั้ง เมื่อกลับมาถึงหอพักแล้ว เด็กหนุ่มก็รื้อหากุญแจห้องของอีกฝ่ายจากในเป้ จากนั้นก็อุ้มขึ้นห้องพัก พาไปวางลงบนเตียงในห้องนอนของทันตแพทย์หนุ่ม เสร็จแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไปเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดตามกรอบหน้าให้

เด็กหนุ่มทอดถอนใจ เสียใจที่เป็นต้นเหตุให้ทันตแพทย์หนุ่มเมาถึงสองครั้งแล้ว ชนะพี่ขวัญข้าวไปใสๆ เขาควรภูมิใจใช่ไหมวะเนี่ย

“ผมขอโทษที่งี่เง่า” ภูพิงค์ก้มลงจูบริมฝีปากตรงหน้า เขาเอนตัวลงนอนข้างกัน แล้วกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ในอ้อมแขน


*TBC*


พระรองแย่งซีนไปเต็มๆ หมอเต้น่ารักขนาดเน้ รักหมอเต้กันเยอะๆ นะพี่วิน น้องพิงค์และทุกๆ คนนนน 55555

ต่อจากนี้สองหนุ่มพระนายของเราก็ต้องไปเคลียร์กันเองล่ะนะ จะเคลียร์กันยังไง ตัวตัวเสื้อผ้าไม่เกี่ยวมั้ย ก็รอตอนหน้านะก๊ะ

ปล. ตอนนี้พี่วินกับพี่เต้ก็พิสูจน์ความจริงใจของกันและกันไปแล้ว เป็นเพื่อนรักกัน ไว้ใจกันตลอดไปน้าาา~

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-06-2018 19:51:16
อยากให้มีคนมาดามใจให้หมอเต้จัง  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-06-2018 19:51:35
ยังคงไม่ได้เคลียร์ เฮ้ออ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-06-2018 19:54:45
น่าสงสารพระรอง หาคู่ให้พี่เต้แกสักคนเถอะ ไม่ได้แซนดี้ก็หาพวกคณะสโมให้ก็ได้
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-06-2018 20:00:46
สองคนนี้เข้าใจผิดกันบ่อย เพราะ ต่างฝ่ายต่างชอบมโนไปเองอ่าา มีอะไรไม่พูดกันเลย โอ้ยยย ลุ้นแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-06-2018 20:08:36
รอเคลียร์แบบเสื้อผ้าไม่เกี่ยวอยู่นะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 25-06-2018 20:10:58
เหนื่อยอะ... ช่วยคุยกันเสียที เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 25-06-2018 20:12:07
โอ้ยพี่หมอวิน คิดมากจริงๆเลย
พี่เต้ นางดีขึ้นมา หาคู่ให้พี่เต้ที
ถ้าพิงค์เคลียร์ไปจบตอนหน้า ก็แยกย้ายเถอะ
ขนาดนี้ละ เปิดใจคุยกันซะที
โอ้ยยยย อยากจะมองบนสิบตลบ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-06-2018 20:36:51
พี่เต้คู่กับซันไปเลยละกัน 5555
พี่วินตื่นมาแล้วก็ปรับความเข้าใจกันซักทีนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-06-2018 20:46:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 25-06-2018 20:52:55
กรุณรีบกลับมาต่ออย่างด่วนค่ะ .....   :call: pleaseeeeee
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 25-06-2018 21:05:00
^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-06-2018 21:12:54
หาคู่ให้พี่หมอเต้หายเฮิร์ทหน่อยค่ะ สงสาร
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-06-2018 21:19:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 25-06-2018 21:30:45
นี่งงอะ พิงค์ผิดตรงไหน ทำไมอิพี่เต้พูดมั่วๆ แล้วหมอวินเป็นไรถือว่าเมาจะยอมนอนกับเพื่อนซะงั่น :katai1: โอ๊ยยมีแฟนแบบหมอวินปวดหัวตาย ไม่พูดไม่ทำให้เคลียร์ จะโทษพิงค์ฝ่ายเดียวไม่ได้นะ  #ทีมพิงค์ :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-06-2018 21:51:46
 เจอกันแต่ก็ไม่ได้เคลียร์กันอีก รอพี่วินตื่นขึ้นมาก็พูดก็จากันให้รู้เรื่องไปนะ อึดอัดแทน
แต่ตอนนี้พี่เต้พระเอกขี่ม้าขาวมาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-06-2018 22:05:33
ใครจะคู่กับหมอเต้อ่ะ  :hao4:สงสารนาง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-06-2018 22:12:39
คุยกันให้รู้เรื่อง เข้าใจกันสักทีนะ พิงค์ วิน  :mew2:
ตอนนี้งอนกันวิ่งตามง้อกัน เหมือนหนังอินเดียเลย   : 222222: :oni1:
คนอ่านรอฉากสวีต หวาน เร่าร้อนกันอยู่นะ   :z3: :z3: :z3:
พิงค์กลัวเป็นฝ่ายรับก็คุยกับวินดีๆสิ
วิน ใจกว้าง อาจตกลงกันได้ สลับกันไง   :hao6:  :hao6:  :hao6:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 25-06-2018 22:44:30
เคลียร์กันซักทีนะ สงสารพี่วินแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-06-2018 22:49:44
พ่เต้พี่หล่อมาก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 25-06-2018 22:58:18
พี่หมอเต้ พระเอกในดวงใจของน้อง อยู่กับพี่วินน่ารักแถมยังไว้ไจได้อีกด้วย หล่อสุดๆ  :กอด1:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 25-06-2018 23:05:50
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-06-2018 23:25:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถ้าสร่างเมาแล้วจะเคลียร์กันได้ไหมน้อ?

แต่ละคนนี่ ขี้มโนสุด ๆ อมพะนำเป็นที่หนึ่ง  เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 25-06-2018 23:47:41
หมอเต้ กลับ ซัน ก็เคนะครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-06-2018 00:50:27
จะเปงไงต่อละ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 26-06-2018 05:45:11
 :hao6: :hao6: :z1: เฮ้ ! พิงค์ เค้ารอดูคลุกวงในอยู่น้าาาาาาา อย่าช้าสิ  :z1: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 26-06-2018 09:48:45
ตื่นมาก็รีบเคลียร์ๆกันให้รู้เนื้อรู้ตัวรู้ใจรู้ไปถึงไหนๆๆกันเลยน้า 555555
มาต่อเร็วๆนะคะ รอเฃียร์นุ้งพิงค์รุกพี่หมออออออ
:katai1: :katai1: :katai1:
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 26-06-2018 10:51:08
จะได้คุยให้เข้าใจกันแล้วสินะ หมอเต้จะมีใครมาดามใจไหมหนา~ :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 26-06-2018 13:08:58
พระเอกเรื่องนี้มีดีแค่หล่ออย่างเดียว
นอกนั้น หุหุ แย่มาก

เป็นเพื่อนก็ห่วย
เป็นแฟนก็เห่ย

โลเล อ่อนแอมาก
มีแต่จะให้คนอื่นคอยช่วยเหลือ
ไม่เคยคิดจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองเล๊ยยยย

น้องพิงค์ดิแมนมาก
เข้มแข็งดี

อย่างนี้ถ้าจะให้คนพี่เป็นรุกแล้วคนน้องเป็นรับ
ถ้าจะไม่ดีล่ะม้างงงงง..ไม่เวิร์คอ่ะ
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 26-06-2018 13:36:34
ง่า​ อยากอ่านตอนเขาเคลียร์กันแล่วววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 26-06-2018 13:45:43
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-06-2018 15:21:46
สงสารพี่เต้น้ำตาไหลเลยอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-06-2018 15:46:33
หาคนดามใจให้พี่เต้ทีค่าาา
นางทำตัวดีขึ้นเยอะะะะะ
น่าสงสารด้วยยตอนนี้
ส่วนคู่นู้นนนน่ะ เคลียกันได้แล้ววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-06-2018 16:22:05
กอดปลอดพิง ขวัญเอ้ยขวัญมา
หมอเต้ขู่ซะไปไม่เป็นเลย 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-06-2018 20:12:10
หวังว่าจะได้คุยกัน ปรับความเข้าใจกันเสียทีนะครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 26-06-2018 21:51:35
ตื่นมาต้องรีบเคลียร์นะพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 27-06-2018 14:37:11
คุยกันเสียทีนะจะได้เข้าใจกัน เต้ทำดีแล้วปรับปรุงตัวซะ รักครั้งใหม่รออยู่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-07-2018 19:47:49
รอเขามาเคลียร์กัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: Nara4999 ที่ 01-07-2018 20:44:02
อ่านไปอ่านมา อีพี่หมอวิน อ่อนแออ่อนแอ เหลื้ออออเกิน
พี่หมอจะเปนนายเอกแล้วชิมิ
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 02-07-2018 19:43:20


Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ   


รวินท์ลืมตาขึ้นมาในตอนสายของวัน เขากะพริบตาปริบๆ ในศีรษะมึนตึ้บไปหมด เมื่อภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้นก็มองเห็นเพดานห้องคุ้นตา ซึ่งเหมือนเพดานห้องที่หอพักของตน หากพอจะขยับตัว กลับขยับไม่ได้ รู้สึกเหมือนมีอะไรถ่วงแขนขาไว้

ทันตแพทย์หนุ่มผงกศีรษะขึ้น พอหันมองไปข้างกายก็เบิกตากว้าง “พิงค์”

เจ้าของชื่อเรียกลืมตาขึ้น พลางถามเสียงงัวเงีย “ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง ปวดหัวมั้ย”

รวินท์ยกมือขึ้นกุมศีรษะพร้อมพยักหน้าหงึกๆ “ก็...ปวดนิดหน่อย”

“กินยามั้ย ผมเตรียมไว้ให้แล้ว”

“ไม่เป็นไร ไม่ได้ปวดมาก” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้า ยังคงมึนๆ งงๆ อยู่ เมื่อนึกย้อนกลับไปก็จำได้ว่าเมื่อคืนเขาไปดื่มเหล้ากับไอ้เต้ไม่ใช่หรือ “แล้วคุณ... มาได้ไง...”

“พี่เต้บอกอะดิ”

รวินท์ยันตัวลุกขึ้น แต่ถูกดึงกลับเข้าไปในอ้อมแขนเด็กหนุ่ม แถมยังถูกกอดแน่นกว่าเดิมซะอีก “เฮ้ย ปล่อยก่อน”

“ไม่” ภูพิงค์ซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกทันตแพทย์หนุ่ม “เพราะความงี่เง่าของผม ทำให้พี่เกือบจะปล่อยมือไปจากผมครั้งนึงแล้ว ผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก”

“ปล่อยมืออะไรที่ไหนกัน จะบ้าเรอะ!” รวินท์เขกศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ

“ผมรักพี่ ผมขอโทษที่ขี้หึงขี้หวงไม่เข้าเรื่อง ขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า ขอโทษที่ขี้งอนเอาแต่ใจ ผมสัญญาว่าจะปรับปรุงตัว พี่อย่าทิ้งผมเลยนะ ให้โอกาสผมอีกครั้งนะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงจูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่า แล้วลูบเส้นผมอย่างอ่อนโยน “ทิ้งอะไร ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนวะ ผมก็รักคุณ รักมากด้วย ผมเองก็ต้องขอโทษที่ไม่นึกถึงความรู้สึกของคุณให้มากๆ” พอเห็นอีกฝ่ายก้มงุดๆ อยู่บนอกตน รวินท์ก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูเด็กหนุ่ม เขาหยิกแก้มอีกฝ่ายพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “พิงค์นี่น่ารักชะมัด”

“ห้าวันที่ผ่านมา ผมจะตายซะให้ได้ ไม่ได้เจอหน้าพี่ก็ว่าแย่ฉิบหายแล้ว นี่ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้คุยกันเลย พี่อาจจะไม่รู้ตัว แต่พี่สำคัญกับผมมากรู้มั้ย”

รวินท์ยิ้มบาง “จริงเหรอ”

คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้าหงึกๆ “พอพี่ไม่อยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็แย่ไปหมด ผมเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่มีแรงจะทำอะไรเลย มันอึดอัด หายใจก็ไม่สะดวก ใจคิดถึงแต่พี่”

รวินท์โอบกอดเด็กหนุ่ม ความอึดอัดคับข้องใจมลายหายไปสิ้น หลงเหลือไว้เพียงความอบอุ่นในหัวใจ “อ้อนจังว่ะ”

“พี่ไม่รับโทรศัพท์ผมอ่ะ ผมโทรหาพี่ทุกวัน วันละเป็นร้อยรอบ มาหาพี่ที่หอนี่ก็ไม่เจอ พี่ไปไหนผมก็ไม่รู้เรื่อง เป็นห่วงพี่แทบตาย”

“ผมขอโทษ ผมไปออกหน่วยแทนพี่สิงหากะทันหัน แล้วที่ไปออกหน่วยอยู่ในภูเขา เลยไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ พอกลับมาผมก็รีบโทรหาคุณไง แต่คุณไม่รับสาย”

“ผมไปช่วยงานที่คณะ ใต้ตึกเสียงดังมาก มือถือก็อยู่ในเป้ เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ พอผมเสร็จงานกำลังจะกลับ เห็นพี่โทรมา ผมก็รีบโทรกลับไป โชคดีที่พี่เต้รับโทรศัพท์ให้ ผมถึงมาหาพี่ได้”

“อืม แล้วไอ้เต้...”

“พี่เต้ให้ผมเอารถพี่เต้พาพี่กลับมา เพราะรถผมจอดไกลมาก ส่วนพี่เต้อยู่กับพวกไอ้ซัน เมื่อคืนเขาอยู่กินข้าวต้มกันต่อจนเกือบเช้า เห็นว่าจะพาพี่เต้กลับไปเชียงใหม่ก่อน แล้วค่อยพามาส่งที่นี่พรุ่งนี้”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้า จากนั้นจึงผลักเด็กหนุ่มออกเบาๆ “โอเค คุณออกไปก่อนนะ”

“ไม่เอาอะ ผมจะกอดพี่อยู่แบบนี้แหละ”

“ปล่อยแป๊บเดียว”

“ไม่!”

รวินท์ทอดถอนใจ “ผมปวดฉี่เว้ย ตั้งแต่หลับไปเมื่อคืนยังไม่ได้ฉี่เลย ออกไปก่อนเร็วๆ”   

“อ้าว แล้วไม่บอกแต่แรกวะ”

ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นพรวด เวลานี้เถียงไม่ไหวแล้ว เขาต้องรีบไปเข้าห้องน้ำก่อน

แม่ง ฟิลกำลังสวีตเลย ถ้ารู้อย่างนี้เมื่อคืนจะไม่ดื่มเยอะ!

พอได้เข้าห้องน้ำก็คิดว่าควรจะแปรงฟันก่อน แต่พอเริ่มแปรงก็คิดว่าควรจะอาบน้ำสักหน่อย เขาจึงเดินออกมาหาเด็กหนุ่มทั้งแปรงสีฟันคาปาก “ผมอาบน้ำก่อนนะ”

ภูพิงค์พยักหน้า เขานั่งหน้ามึนอยู่บนเตียง จะว่าไปเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้อาบน้ำแปรงฟัน หน้าแม่งยังไม่ได้ล้างเลยด้วยซ้ำ เสือกนอนกอดพี่วินทั้งคืนได้อีก แถมยังไม่ได้เคลียร์เรื่องสำคัญกันเลยด้วย


แต่บางทีนี่อาจเป็นโอกาสดี


เด็กหนุ่มกำมือแน่น สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วผ่อนออกยาว ทำไปทำมาหลายๆ ครั้ง เพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเอง

“ไอ้พิงค์ โอกาสมาแล้ว มึงต้องสู้นะ” ภูพิงค์พึมพำกับตนเอง

เขารักพี่วิน ความรู้สึกชัดเจนขนาดนี้ เขาจะไม่ยอมให้มีอะไรค้างคาใจอีกฝ่ายแล้ว


“ลุย!”


เมื่อตัดสินใจได้ก็ลุกขึ้นพรวด เดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ แล้วเคาะประตูเรียก “พี่วิน”

ทันตแพทย์หนุ่มยืนแปรงฟันอยู่ที่อ่างล้างหน้าข้างประตูพอดี พอได้ยินเสียงเรียกก็เอื้อมมือไปเปิดประตูออก “มีอะไรเหรอ”

“ผมอาบด้วย”

รวินท์เบิกตาโพลง อ้างปากค้างจนฟองสีขาวในปากหยดติ๋งๆ “ฮะ!?”

ภูพิงค์อ้ำอึ้ง แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้ลุล่วง เขาก้าวเข้าไปในห้องอาบน้ำ จากนั้นก็ถอดเสื้อออก เอื้อมมือไปหยิบแปรงสีฟันของตนมาบีบยาสีฟันใส่ “ดีนะเนี่ยที่พี่ยังไม่ทิ้งของผม ไม่งั้นผมเศร้าแย่”

ทันตแพทย์หนุ่มยังคงยืนงง กะพริบตาปริบๆ

“พี่วิน เสื้อพี่เลอะหมดแล้ว”

รวินท์ก้มลงมองฟองสีขาวที่หยดลงบนเสื้อเป็นดวงๆ เขารีบเช็ดออกแล้วหันไปแปรงฟันต่อ หากก็ยังชำเลืองมองเด็กหนุ่มที่ยืนข้างกันอยู่เป็นระยะๆ เมื่อบ้วนปากแล้วจึงถอยออกมาให้อีกฝ่ายได้บ้วนปากบ้าง

“นึกยังไงขึ้นมาวะ”

คนอ่อนวัยกว่าก้มลงบ้วนปาก ก่อนจะหันกลับมาหาคนถาม “ผมจะอาบน้ำ แปลกเหรอวะ นี่ยังไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อวานเลยนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว “ไม่ใช่เว้ย ก็ตั้งแต่ครั้งนั้นที่อาบน้ำด้วยกัน ผมเห็นคุณเอาแต่เลี่ยง...”

“เลี่ยงดิ เห็นพี่แก้ผ้าแล้วหื่นขึ้นหน้าไง นึกถึงทีไรเลือดกำเดาก็จะพุ่ง ต้องเข้าห้องน้ำไปทำร้ายตัวเองแม่งทุกที”

รวินท์ทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก “นี่พิงค์ตัวจริงรึเปล่าวะ”

“ตัวจริงดิ รุ่นนี้แล้วปลอมยาก” เด็กหนุ่มคว้ามือคนถามมาสัมผัสแผ่นอกตรงที่อยู่เหนือหัวใจพอดี “รู้สึกมั้ยล่ะ ตื่นเต้นจะตายแล้ว”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะเบาๆ เมื่อฝ่ามือรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นรัว

“พอแล้ว อาบน้ำกันดีกว่า” ภูพิงค์เอื้อมมือไปถอดเสื้อคนตรงหน้าออกให้ จากนั้นก็ก้มลงถอดกางเกงให้ต่อ

“เอาจริงอะ จะให้ผมแก้ผ้าหมดเลยเหรอ”

พอกางเกงร่วงลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า คนอ่อนวัยกว่าก็ค่อยๆ จ้องจากปลายเท้าขึ้นมาถึงส่วนกลางร่างของทันตแพทย์หนุ่ม จากนั้นจึงยกมือขึ้นปิดจมูก “โอย ไม่ไหวว่ะ กำเดาจะพุ่ง”

รวินท์เขกศีรษะเด็กหนุ่มไปเบาๆ “ไม่ไหวก็ออกไปนั่งทำใจก่อนไป” เขาหันขวับเดินตรงไปที่ฝักบัว ก่อนจะเปิดน้ำรอให้น้ำอุ่น หากระหว่างที่ยืนรออยู่คนอ่อนวัยกว่าก็ก้าวเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง

“เฮ้ย!” ทันตแพทย์หนุ่มสะดุ้งเฮือก เพราะไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะตามเข้ามาจริงๆ “ผมถามจริงเหอะ คุณกินยาผิดมาเหรอวะ!”

“อยากกอดแฟน อยากอาบน้ำกับแฟน ต้องกินยาผิดด้วยเหรอวะ”

รวินท์ขมวดคิ้ว พลางถอนหายใจ “ถ้าคิดจะทำเพื่อเอาใจผมก็อย่าเลย ผมไม่อยากให้คุณฝืนว่ะ”

“ผมไม่ได้ฝืนสักหน่อย”

“ไหนว่ารับไม่ได้ ทำใจไม่ได้ไง”

“ก็นั่นมันตอนนั้น แต่ตอนนี้ทำใจได้แล้ว”

“ถึงกับต้องทำใจเลยนะ” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมา “ผมถามจริงเหอะ เห็นผมแก้ผ้าเต็มๆ ตาแล้วยังไหวเหรอ”

“ไหวดิ พี่ไม่รู้สึกเลยรึไง”

รวินท์เลิกคิ้วขึ้น จะว่าไป... ก็มีบางอย่างแข็งๆ ทิ่มก้นเขาอยู่ “เหย...”

“ผมอะ อยากปล้ำพี่ใจจะขาดแล้ว รู้ตัวบ้างสิวะ พี่แก้ผ้าหมดทั้งตัวผมก็เคยเห็นแล้ว ตอนที่พี่อาบน้ำในห้องน้ำวันสิ้นปีไง พี่ไม่รู้ตัวหรอก แต่ผมแอบดูจนพี่อาบเสร็จนั่นแหละ”

“แต่คุณบอกว่ารับไม่ได้”

“ก็ใช่ เพราะตอนนั้นคิดได้แต่จะรุกไง”


“ฮะ!?” รวินท์หันขวับไปทางคนอ่อนวัยกว่า


“ผมเป็นผู้ชาย พี่ก็เป็นผู้ชาย แถมพี่ยังเคยมีประสบการณ์มาโชกโชนแล้วด้วย ถ้าผมคิดแต่จะรุกพี่ มันก็ไม่แฟร์กับพี่ดิ จริงมั้ย แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้ว ในเมื่อผมรักพี่ ผมก็ยอมได้หมดแหละ พี่จะรุกผมหรือจะให้ผมรุก ผมก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่เราได้ใกล้ชิดกันก็พอ” ภูพิงค์จับมือทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาจูบ “พี่สำคัญที่สุดสำหรับผม ผมรักพี่นะ ให้ผมบอกพี่อีกเป็นล้านๆ ครั้งก็ยังได้ ผมจะบอกพี่จนกว่าพี่จะมั่นใจเลย”

ทันตแพทย์หนุ่มอ้าปากค้าง นิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ภายในห้องน้ำมีเพียงเสียงสายน้ำร่วงหล่นกระทบพื้นกระเบื้องเท่านั้น

“ตกใจอะไรนักวะ”

“ที่คุณทำหน้าเหมือนโดนวางยาเบื่อ แล้วก็เลี่ยงผม ก็เพราะเรื่องนี้เรอะ”

“ก็เออสิวะ”

“ที่คุยกับแซนดี้...”

“เออ ก็เรื่องนี้แหละ”

รวินท์หัวเราะ พร้อมกับกระโดดกอดเด็กหนุ่ม “ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย ทำไมไม่พูดตรงๆ แต่แรกวะ เอาเวลาที่ผมกลุ้มใจคืนมาเลยนะ”

ภูพิงค์กอดตอบ “ผมก็พูดจนปากจะยานถึงพื้นแล้วไงว่าผมรักพี่ แถมขี้หึงขี้หวงพี่ซะขนาดนี้ ยังจะกลุ้มทำไมอีกวะ”

“ผมก็นึกว่าคุณยังทำใจไม่ได้เพราะผมเป็นผู้ชายอะดิ”

“ผมก็รู้แต่แรกแล้วว่าพี่เป็นผู้ชายนะเว้ย แล้วผมก็จีบพี่ที่เป็นผู้ชายด้วย” คนอ่อนวัยกว่าไล้ฝ่ามือไปบนแผ่นหลังขาวเนียนซึ่งมีละอองน้ำเกาะเล็กน้อย พลางก้มลงจูบหัวไหล่ “แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้วว่ะ หื่นขึ้นหน้า ขอผมนิดนึงก่อนได้มั้ย”

รวินท์อมยิ้ม เขาขยับไปกระซิบชิดแก้มซึ่งมีไรหนวดขึ้นบางๆ “ตามใจเลย ผมน่ะ อยากทำมาตั้งนานแล้ว”

คนอ่อนวัยกว่ากดหัวไหล่ทันตแพทย์หนุ่มให้เข้าไปชิดกับผนังห้องน้ำ พลางบดจูบริมฝีปากอย่างกระหาย มือสอดประสานกับนิ้วเรียวแล้วกดลงกับผนัง ร่างกายท่อนล่างของพวกเขาบดเบียดเสียดสีกัน

ภูพิงค์ละเรียวปากออกมาช้าๆ แล้วไล้ริมฝีปากนั้นไปตามลำคอขาว สลับขบจูบเบาๆ ฝ่ามือเคลื่อนลงไปหยุดอยู่บนสะโพกของรวินท์ ขณะหอบหายใจกระเส่า

“เวลาแบบนี้ไม่ต้องออมแรงก็ได้ ผมไม่เจ็บหรอกน่ะ”

“พี่นี่ช่างพูดกระตุ้นผมชะมัด” เด็กหนุ่มขยำก้อนเนื้อสะโพก จากนั้นจึงก้มลงขบเม้มตรงหัวไหล่และแผ่นอกช่วงบน สร้างรอยสีชมพูแสดงความเป็นเจ้าของไว้ประปราย

รวินท์ใช้สองมือกอบกุมส่วนร้อนของพวกเขาไว้ด้วยกัน ก่อนจะขยับสองมือนั้นช้าๆ แล้วเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นตามแรงอารมณ์

เด็กหนุ่มครางในลำคออย่างพอใจ เขาจูบปิดกลีบปากที่เผยอหายใจ พร้อมกับวางมือประกบมือรวินท์แล้วเร่งจังหวะการขยับมือขึ้นอีก

สองริมฝีปากคลอเคลีย ปลายลิ้นกอดเกี่ยว ลมหายใจอุ่นๆ ประสานกันถี่กระชั้น ก่อนพวกเขาจะปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน

สองหนุ่มยืนนิ่งใต้สายน้ำไปอีกชั่วครู่ แล้วคนอ่อนวัยกว่าก็แนบจูบเรียวปากที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเบาๆ “รักพี่วินชะมัดเลย”

รวินท์อมยิ้ม “เชื่อก็ได้”

ภูพิงค์แตะหน้าผากของเขาไว้กับหน้าผากของอีกฝ่าย เขาใช้มือลูบลงไปตามลำคอขาว ลดสายตาลงมองเกียร์สีทองที่รวินท์สวมอยู่ แล้วเคลื่อนสายตากลับขึ้นมาสบกันกับนัยน์ตาเรียว “มีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอก”

“เรื่องอะไรอีก”

“พี่อย่าโกรธผมนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว “เรื่องอะไรล่ะ”

“ที่จริง... ก่อนพาพี่ไปบ้าน ผมบอกพ่อแม่ผมไว้ก่อนแล้วว่าพี่เป็นแฟนผม”

“ฮะ!? แต่... ไหนน้องแก้วบอกว่า...”

“น้องแก้วไม่รู้หรอก ผมบอกแค่พ่อกับแม่ แต่ผมไม่อยากให้พี่อึดอัด เลยสั่งน้องแก้วไว้ว่าห้ามแซวพี่เด็ดขาด” เด็กหนุ่มจูบริมฝีปากตรงหน้าอีกครั้ง “ไม่โกรธนะ ที่ผมทำไปโดยไม่ปรึกษา”

รวินท์หัวเราะเบาๆ “ไอ้เด็กบ้า จะโกรธทำไม คุณจะทำให้ผมรักขนาดไหนเนี่ย แค่นี้ก็ทั้งรักทั้งหลงจนจะบ้าแล้ว”

“จริงเหรอ” ภูพิงค์รวบเอวทันตแพทย์หนุ่มเข้ามาแนบกาย

“ผมดีใจ... นึกว่าคุณจะไม่กล้าบอกที่บ้านซะแล้ว”

“ดูท่าทางพ่อแม่ผม พี่ดูไม่ออกรึไง หน้าบานต้อนรับซะขนาดนั้นอะ”

“แล้วพ่อแม่ไม่ว่าอะไรเหรอวะ”

“จะว่าไร นอกจากที่พี่เป็นหมอฟันแล้วอย่างอื่นก็ดีหมด พ่อบอกชาตินี้ผมหาแฟนดีเท่าพี่ไม่ได้แล้ว”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นประกบแก้มคนอ่อนวัยกว่า “ไปโฆษณาไว้ขนาดไหนเนี่ย”

“ไม่ได้โฆษณาหรอก แต่ทุกคนก็รู้จักพี่ผ่านทางเฟซผมตลอด ผมเล่าให้ทุกคนฟังเรื่องที่พี่ช่วยเข็นรุ่นน้องผมวิ่งขึ้นโค้งสปิริต ช่วยคณะผมหาเงินทุน ช่วยจัดการฟันคุดและดูแลฟันผม”

“นี่ไม่ได้โฆษณาเลยนะ พิงค์แม่งน่ารักชะมัด”

“พี่วินก็น่ารัก” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ้อน “เพราะงั้นถ้าผมทำตัวงี่เง่าอีก ก็อย่าเพิ่งโกรธนะครับ เตือนกันก่อนนะ”

รวินท์ใช้ปลายนิ้วไล้แก้มที่มีไรหนวดนิดหน่อย แล้วแนบจูบเรียวปากตรงหน้าบ้างอย่างอ่อนโยนที่สุด “พิงค์ ผมรู้ว่าผมทำให้คุณไม่สบายใจเรื่องขวัญ ผมเองก็เสียใจที่ทำให้คุณหึง ทำให้คุณต้องคิดมาก แต่ผมอยากให้คุณเข้าใจ ขวัญเป็นเพื่อนคนสำคัญ เหมือนกับไอ้เต้ มันเป็นความผูกพันเพราะเรารู้จักกันมานาน และเขาก็หวังดีกับผมเสมอ ตอนนี้น่ะ ต่อให้ขวัญไม่มีใคร ผมกับเขาก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เพราะในหัวใจผมไม่มีที่ว่างให้ใครอีกแล้ว”

ภูพิงค์ยิ้มกว้าง “ปากดีโคตรๆ พี่วินชอบปากหวานใส่ผมแบบนี้อะ ความเชี่ยวที่แท้จริง”

“พูดจริงเว้ย ฮะ...ฮัดเช้ย!”

“อาบน้ำให้เสร็จก่อนดีกว่า เดี๋ยวพี่ไม่สบาย”

“อาบให้หน่อยดิ”

“นอกจากเชี่ยวแล้วยังขี้อ่อยด้วย” เด็กหนุ่มส่ายหน้ารัว แต่ก็เอื้อมมือไปหมุนปิดฝักบัว จัดการสระผมให้ แล้วตามด้วยถูสบู่ไปตามร่างกาย

รวินท์อมยิ้ม ขณะที่ฝ่ามืออุ่นๆ ที่ลูบไล้ไปบนผิวกาย เขาครางเบาๆ อย่างพอใจ เป็นผลให้เจ้าของมือหน้าแดงเสียเอง จากนั้นทันตแพทย์หนุ่มจึงยกมือขึ้นสระผมให้คนอ่อนวัยกว่าบ้าง

“ผมว่าผมถูสบู่เองดีกว่า”

“ทำไมอะ”

“พี่จะได้รีบอาบน้ำให้เสร็จไง”

“ไม่อยากให้ผมถูสบู่ให้เหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น...”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มมุมปาก “แล้วอย่างไหน”

“ถ้าพี่ลูบตัวผม วันนี้เราอาบน้ำกันไม่เสร็จแหงๆ”

“อ่อ คุณอยากเปลี่ยนที่บ้างใช่ป่ะ”

ภูพิงค์เอื้อมมือไปเปิดฝักบัว “รีบอาบเร็วๆ เลย”


เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว สองหนุ่มก็เดินเข้าครัวไปหาอะไรทำกินกัน หากเพราะรวินท์ไม่ได้อยู่ห้องมาเป็นสัปดาห์ สภาพในตู้เย็นจึงไม่ต่างจากป่าช้าสักเท่าไหร่ มีแต่ผักผลไม้เหี่ยวๆ และของหมดอายุ

“ทำไมพี่ซกมกแบบนี้วะ ดีนะที่โรงบาลอยู่ใกล้ๆ ถ้าเผลอกินไอ้พวกนี้เข้าไปจะได้หามส่งทัน” เด็กหนุ่มรื้อตู้เย็นไปก็บ่นอุบ

“นั่นปากเรอะ หยิบทิ้งไปก็พอเว้ย ไม่ต้องบ่นน่ะ”

ภูพิงค์เก็บขยะแยกใส่ถุงเพื่อที่จะได้เอาลงไปทิ้งข้างล่างทีหลัง “ไปบิ๊กซีกันเหอะ”

“ก็ดี”

“เออ แล้วเสาร์อาทิตย์นี้พี่ไม่ต้องทำคลินิกเหรอ”

“ไม่ทำ เพราะตอนแรกไปออกหน่วยไม่แน่ใจว่าจะกลับวันไหนน่ะ อาทิตย์นี้พี่สิงหาไปทำคนเดียว”

“งั้นอาทิตย์หน้าก็ยุ่งอะดิ”

“ไม่หรอก ก็ไอ้เต้กลับมาแล้วนี่ ทำไมเหรอ จะชวนผมไปไหน”

“ไปตัดสินลายเสื้อที่คณะหน่อยได้มั้ยพี่ ใช้เวลาไม่นานหรอก”

“อ่อ ได้ ก็สัญญาแล้วนี่ว่าจะไป”

“พี่วิน เรื่องที่คณะผม พี่ไม่ต้องตกลงไปหมดทุกอย่างก็ได้นะ ไอ้พวกพี่สโมฯ แม่งได้ใจใหญ่แล้ว” คนอ่อนวัยกว่าถือถุงขยะเดินเข้าไปกระแซะ “ต่อให้พี่ไม่ช่วย ผมก็รักพี่เหมือนเดิม”

“ไม่เป็นไร ไม่ได้หนักหนาอะไร ที่จริงผมก็อยากมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมที่มีคุณ และเพราะในคณะมีคุณ ผมก็เลยอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของคณะคุณไปด้วย แต่ต่อไปจะให้ช่วยอะไร ก็ให้ขอผ่านคุณมาก็ละกัน ถ้าคนอื่นมาขอผมไม่ช่วยนะ เดี๋ยวแฟนผมเข้าใจผิด จะหึงเอา”

ภูพิงค์หัวเราะร่วน “พี่วินแม่งโคตรน่ารัก ปลื้มว่ะ”

“ไปกันดีกว่า” ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปช่วยถือถุงขยะ

“ไม่ต้องหรอกพี่ ไม่ได้หนัก ไปเอากุญแจรถเหอะ”

“อือ... เอารถไอ้เต้ไปกันดีกว่า จะได้ซื้อของได้เยอะๆ”

สองหนุ่มแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวระหว่างทาง จากนั้นจึงไปซื้อของที่บิ๊กซี ซึ่งรวินท์กวาดซื้ออาหาร เครื่องดื่มและขนมไว้จนเต็มรถ พอกลับมาถึงห้องก็ช่วยกันจัดของเข้าครัว

ภูพิงค์จัดของไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนทันตแพทย์หนุ่มเจ้าของห้องนึกสงสัย

“มีอะไรดีๆ รึไง”

“จู่ๆ ก็นึกถึงตอนมาที่ห้องพี่ครั้งแรกว่ะ ตอนนั้นห้องพี่แม่งแล้งยังกะทะเลทราย”

“ตอนนี้ล่ะ”

“ก่อนไปซื้อของก็สภาพไม่ค่อยต่างกัน พี่วินแม่ง อนุรักษ์นิยมฉิบหาย”

รวินท์หัวเราะ “ก็ไม่ค่อยได้อยู่ห้องนี่หว่า”  เขาเดินไปนั่งลงบนเบาะที่ปูอยู่บนพื้น พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู “ไอ้เต้เป็นไงบ้างไม่รู้ เงียบไปเลยแฮะ”

“สร่างเมารึยังหรอก”

เสียงสัญญาณเรียกเข้าดังขึ้นหลายครั้ง นานจนรวินท์เกือบจะกดวางสาย เจ้าของโทรศัพท์จึงกดรับ

“ไอ้วิน~”

“รับช้าฉิบหาย! แล้วทำไมเสียงมึงอ้อแอ้แบบนี้วะ!”

“กูเพิ่งตื่น สัส โอย~ อย่าเพิ่งเสียงดัง” เตชิตยกมือขึ้นกุมขมับ พลางหันมองไปรอบๆ ตัว ซึ่งมีแต่เด็กหนุ่มเพื่อนของภูพิงค์นอนขึ้นอืดเต็มไปหมด

“นี่มึงอยู่ไหนเนี่ย”

“อยู่บ้านเช่าที่เชียงใหม่ไง เมื่อเช้าพอกลับมาถึง นอนไปได้แป๊บเดียว แซนดี้ก็มาโวยวายว่าไปเมากันไม่เรียก แถมดราม่าจัดหนักเรื่องที่หายกันไปทั้งคืน กูเลยต้องเมาแก้ตัวไปกับน้องๆ อีกรอบ”

“เพลินเลยสิมึง ได้แดกอะไรบ้างรึเปล่า”

“แดกสิวะ อิ่มจนจะอ้วก แต่ตอนนี้กูไม่ไหวแล้ว ขอนอนต่อก่อนนะ” ปลายสายพูดเสียงงัวเงีย แล้วกดวางสายไปทันที

“ไอ้เต้เอ๊ย” รวินท์ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่ม ซึ่งนั่งลงบนพื้นข้างกัน “เพื่อนผมโดนเพื่อนคุณมอมซะแล้ว”

ภูพิงค์ยิ้มกริ่ม “พี่เต้จะได้ไม่มีเวลาคิดมากไง มีคนกวนประสาทตลอด ไม่เหงาด้วย” เด็กหนุ่มค่อยๆ เลื้อยตัวลงนอนหนุนตักทันตแพทย์หนุ่ม พร้อมกับเอื้อมมือไปดึงมืออีกฝ่ายมากุมไว้

“รักพี่วินจังเลย”

“อ้อนจังเนอะ”

“อือ ก็รักเลยอ้อน”

รวินท์ก้มลงมอง แล้วใช้อีกมือลูบเส้นผมของเด็กหนุ่ม “อ้อนแบบนี้จะเอาไร”

“เอาพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดกึก “ฮะ!?”

ภูพิงค์พูดเสียงอ้อน “ผมอยากเอาพี่วินอ่ะครับ ได้มั้ย”

รวินท์หัวเราะ หากไม่ได้ตอบคำถามนั้น “.....”

“ผมพูดจริงๆ นะ”

ทันตแพทย์หนุ่มประสานสายตากับอีกฝ่ายอยู่สักพัก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ “อืม อยากเอาก็เอาดิ ผมก็รออยู่เนี่ย”

“พูดจริงอะ” คนอ่อนวัยกว่าลุกขึ้นพรวด เขาจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง “ได้เหรอ”

“ได้ ก็รักแล้วนี่ ยังไงก็ได้”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง รีบกดไหล่ทันตแพทย์หนุ่มให้นอนราบลงไปบนพื้น แล้วขยับขึ้นไปคร่อมทับ “พี่วินแม่งน่ารัก” จากนั้นก็ก้มลงจูบริมฝีปากสีแดง สองมือสอดเข้าไปในเสื้อเพื่อลูบไล้ผิวเนียน

“พิงค์” รวินท์ช้อนตาขึ้นมองเมื่อเด็กหนุ่มละริมฝีปากออก

“ครับ” คนอ่อนวัยกว่าตอบเสียงสั่น แบบว่าจะไม่ไหวแล้ว อยากปล้ำพี่วินแทบบ้า แถมอีกฝ่ายยังมาทำหน้าตายั่วเขาอีก 

“ผมถามจริง คุณทำเป็นเหรอวะ”

ภูพิงค์เบรกเอี๊ยด ความหื่นที่พุ่งขึ้นที่ขีดสุดลดลงเหลือแค่ครึ่ง “ก็... ของแบบนี้มันใช้สัญชาตญาณก็พอป่ะวะ อีกอย่าง พี่ค่อยๆ บอกผมก็ได้นี่”

รวินท์ยันตัวลุกขึ้นช้าๆ เขายิ้มร้าย พร้อมกับใช้ต้นขาเบียดส่วนไวสัมผัสกลางร่างเด็กหนุ่ม “ถ้างั้นก็ให้ผมสอนคุณก่อนดีกว่ามั้ย”

“สอนแบบไหน” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มเจื่อนๆ

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ พลางยกมือขึ้นเขกศีรษะภูพิงค์ “ไหนว่ายังไงก็ได้ไงล่ะวะ”

“ก็... ได้...” ภูพิงค์ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเบี่ยงตัวไปนอนคว่ำหน้าลงกับพื้น แล้วซบใบหน้าลงบนท่อนแขนที่วางไขว้กันไว้ “สอนผมเบาๆ หน่อยนะพี่”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 51 : เรื่องของหัวใจ][250618]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 02-07-2018 19:45:32


รวินท์อยากจะขำให้ดิ้นตายอยู่ตรงนั้น ดูทำท่าเข้าสิ เหมือนพะยูนขึ้นเขียง เขาเอื้อมมือไปแกล้งถอดกางเกงอีกฝ่ายออก จากนั้นจึงเกี่ยวขอบกางเกงชั้นในลงมาครึ่งสะโพก แล้วก้มลงจูบไปเบาๆ

“ฮื้ยยย~ พี่วินทำไรวะ!”

“จุ๊บก้นพิงค์ไง มันเนียนเด้งดี น่ารัก”

เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง อ้าปากค้างพะงาบๆ เกิดมาไม่เคยมีใครชมแบบนี้เลยโว้ย เขาควรจะปลื้มดีมั้ยวะ!

“หื้ม... หมั่นเขี้ยว” ไม่พูดเปล่าแต่ขยำก้อนเนื้อสะโพกไปด้วยเต็มแรง

ภูพิงค์หันขวับไปต่อว่า “พี่วินอย่าเล่นดิวะ! จะทำไรก็ทำเลย!”

“โอเค งั้นเริ่มเลยนะ” ทันตแพทย์หนุ่มดึงขอบกางเกงลงอีก จากนั้นก็ถลกเสื้อเด็กหนุ่มขึ้น เขาก้มลงขบจูบบนแผ่นหลัง ขณะที่ใช้ฝ่ามือเคล้นคลึงสะโพก

คนอ่อนวัยกว่าสะดุ้งตัวเป็นพักๆ เมื่อรู้สึกเจ็บ “เบามือหน่อยพี่ ผมยังไม่เคย”

“เจ็บนิดเดียว เดี๋ยวก็ชิน”

“ฮือ...” ภูพิงค์นอนตัวเกร็ง สองมือจิกแขนไว้แน่นพลางหลับตาปี๋


แม่ง...ลาก่อนความซิงของกู อุตส่าห์เก็บมาตั้งนาน


รวินท์มองคนอ่อนวัยกว่าแล้วก็หลุดหัวเราะ เขาตีก้นอีกฝ่ายดังเพียะ “นี่! ไม่ต้องทำท่าเหมือนผมจะข่มขืนคุณมะ”

“ผมกลัวนี่หว่า! ครั้งแรกของผมนะเว้ย!”

ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กหนุ่มเพื่อปลอบขวัญ ก่อนจะขยับขึ้นไปคร่อมทับทางด้านหลัง แล้วโน้มใบหน้าไปแนบจูบแก้มที่มีไรหนวดขึ้นบางๆ เมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาหาก็ประกบจูบเรียวปาก ตามด้วยสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัด

เรื่องจูบให้เคลิ้มน่ะ ไว้ใจรวินท์เถอะ ใช้เวลาแค่ชั่ววินาที คนที่อ่อนกว่าทั้งวัยและประสบการณ์ก็ครางอือในลำคอ อ่อนไปหมดทั้งตัว เขาค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากออก ซุกไซ้ลำคอแล้วขยับขึ้นไปขบใบหูของเด็กหนุ่มเบาๆ

ภูพิงค์จิกแขนตนเองแรงๆ เพื่อไม่ให้เคลิ้มไปตามที่ทันตแพทย์หนุ่มชักจูงมากนัก เขากัดฟันกรอดๆ รู้สึกแค้นอยู่หน่อยๆ ที่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เหมือนเขาอยู่ระดับเนอสเซอรี ส่วนพี่วินน่ะ คงต้องเป็นระดับโพรเฟสเซอร์


แม่งเชี่ยวฉิบหาย!


รวินท์ก้มลงกัดหัวไหล่ของเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงสอดนิ้วเข้าไปในปากอีกฝ่าย ขณะที่พ่นลมหายใจอุ่นๆ ลงบนลำคอ


โอย คล่องแสร๊ด! กูจะไม่ไหวแล้ว!


“อือ...” ภูพิงค์หลุดครางออกมาเบาๆ ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อทันตแพทย์หนุ่มขยับตัวออก หากยังนั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา อีกฝ่ายดึงกางเกงชั้นในเขาลงไปคาไว้บนต้นขา แล้วกดนิ้วที่เปื้อนน้ำลายของเขาลงตรงร่องสะโพก

“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าถ้าจะมีอะไรกัน ก็ต้องใช้ตรงนี้” รวินท์กระซิบถาม

เด็กหนุ่มเหงื่อตก เบิกตาโพลง “รู้คะ...ครับ พะ...พี่ ว้าก!” เขาร้องลั่นเมื่ออีกฝ่ายสอดปลายนิ้วเข้ามาในร่าง มันฝืดคับ เจ็บจนต้องกำหมัดทุบลงบนพื้นห้องรัวๆ

แล้วทันตแพทย์หนุ่มก็หยุดการกระทำทั้งหมดไปดื้อๆ

ภูพิงค์หันกลับไปทำหน้าตาตื่นใส่อีกฝ่าย “พี่วิน!”

“เจ็บใช่มั้ยล่ะ”

“คะ...ครับ”

“นี่แหละ ถ้าไม่รู้จักเตรียมพร้อม มันก็จะเจ็บ นี่แค่นิดเดียวเองนะ ลองนึกดูว่าถ้าเป็นไอ้นั่น จะเจ็บขนาดไหน”

เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งพลางลูบตูดตัวเองป้อยๆ เขานั่งหน้าจ๋อย พร้อมกับพยักหน้าฟังคำสอน “ครับพี่”

“คุณคงไม่อยากให้ผมต้องเจ็บแบบเมื่อกี้ หรือมากกว่าเมื่อกี้ใช่มั้ย”

“ครับ” ภูพิงค์ตอบเสียงอ่อย

รวินท์ยกมือขึ้นลูบศีรษะคนอ่อนวัยว่า พอเห็นทำท่าจ๋อยเป็นหมาหงอย เขาก็อดสงสารไม่ได้ “ไม่ต้องกลัวแล้ว วันนี้ผมยังไม่ทำอะไรคุณหรอกน่ะ”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพรวด “เปลี่ยนใจไม่ทำแล้วใช่มั้ยพี่”

“ไม่ใช่เว้ย แล้วอีกอย่างนะ จะทำได้ไงวะ ไม่มีเจล เจ็บตายห่า”

ใบหน้าของภูพิงค์ซับสีเลือดทันควัน “เจล!”

“เออ รู้จักใช่มะ ถ้าอยากจะทำ อย่างแรกที่คุณต้องนึกถึงก็คือเจล และเพื่อความปลอดภัยก็ควรจะต้องมีถุงยาง ไปหาซื้อเตรียมไว้ให้พร้อมด้วย” รวินท์เขกศีรษะเด็กหนุ่มเบาๆ “สัญชาตญาณมันไม่พอหรอกเว้ย คุณต้องไปศึกษาหาข้อมูลไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นมันก็จะเจ็บมาก แล้วก็จะไม่ฟินทั้งคุณและผมด้วย”

คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้ารัว “ผมขอโทษ ผมไม่ได้นึกถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย” เขาคว้ามือทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ให้โอกาสผมก่อนนะพี่ ครั้งหน้าไม่พลาดแน่”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มมุมปาก เขาคว้าคอเสื้อของเด็กหนุ่มดึงเข้าหาตัว “เออ ได้ ผมให้โอกาสคุณก่อน แต่ถ้าคุณพลาด ทำให้ผมเจ็บและไม่ฟิน คราวต่อไปผมจะสอนคุณให้เอง”

“สอน? แบบ... เมื่อกี้เหรอพี่” ภูพิงค์ยิ้มแห้ง “หรือมีแบบอื่นอีก ขอคำจำกัดความคำว่าสอนของพี่ชัดๆ หน่อยเหอะ”

รวินท์หัวเราะเบาๆ “เอาชัดๆ นะ ฟังให้ดี” เขาดึงหูเด็กหนุ่มเข้าหาตัว “ผมให้โอกาสคุณรุกก่อนก็ได้ แต่ถ้าคุณทำไม่สำเร็จ ผมจะเป็นคนรุกเอง”

ภูพิงค์เหงื่อตก “ไอ้สำเร็จหรือไม่สำเร็จนี่...วัดยังไงวะพี่”

“ก็...” ทันตแพทย์หนุ่มยกขาขึ้นเบียดส่วนไวสัมผัสกลางร่างอีกฝ่าย “ถ้าคุณทำให้ผมเสร็จด้วยไอ้นี่ไม่ได้ ก็ถือว่าไม่สำเร็จโว้ย”

“อ่อ” คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะแห้งๆ ตามทันตแพทย์หนุ่มไปด้วย แต่ในใจร้องฉิบหายรัวๆ เขาแย่แน่แล้วงานนี้

ขณะที่เด็กหนุ่มบ่นพึมพำอยู่ในใจ เสียงโทรศัพท์มือถือของรวินท์ก็ดังขึ้น เจ้าของเครื่องจึงหยิบมาดู ก่อนจะกดรับสายก็หันไปถามคนที่นั่งอยู่ด้วยกันก่อน “ขวัญโทรมา ผมรับได้มั้ย”

ภูพิงค์ยังมึนๆ และเจ็บตูดอยู่ เขารีบพยักหน้าหงึกๆ

รวินท์เอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงกดรับสาย “ว่าไงครับขวัญ”

หญิงสาวที่ปลายสายหัวเราะร่วน “ตากล้องขวัญส่งรูปงานแต่งมาให้แล้ว มีรูปพิเศษจะให้วินกับน้องพิงค์โดยเฉพาะ เดี๋ยวเช็กเมลนะ”

“รูปอะไร”

“เดี๋ยวก็รู้ ขวัญโทรมาบอกแค่นี้แหละ”

ทันตแพทย์หนุ่มรีบกดเช็กอีเมล พอเห็นรูปก็เลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ย!”

“มีอะไรเหรอพี่” ภูพิงค์โน้มใบหน้าเข้ามาดูด้วย

“เปล่า! ไม่มีๆ” รวินท์รีบดึงโทรศัพท์หนี

“อะไรอะ! มีความลับกับผมไม่ได้นะ!” เด็กหนุ่มเอนตัวทับทันตแพทย์หนุ่มไว้แล้วเอื้อมมือไปแย่ง

สองหนุ่มโรมรันพันตูกันอยู่บนพื้น แต่สุดท้ายรวินท์ก็แพ้แรงคนอ่อนวัยกว่า ถูกแย่งโทรศัพท์ไปจนได้

“อย่าดูนะเว้ย!”

ภูพิงค์กดดูรูปที่ค้างอยู่บนหน้าจอ มันเป็นรูปเขาตอนที่อุ้มพี่วินด้วยท่าอุ้มเจ้าสาวออกจากงานแต่งงานพี่ขวัญ ท่าแบบในแผ่นโฆษณาหนังเก่าเรื่อง Gone with the wind เลยทีเดียว ตากล้องใจดีทำกรอบเบลอสุดโรแมนติกให้ด้วยอีกต่างหาก เบื้องหลังภาพมีภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนยิ้มมองพวกเขาอยู่ “โห! ตอนชุลมุนแบบนั้นยังถ่ายไว้ได้อีกเนอะ!” เขาก้มหน้าลงสบตากับคนที่อยู่ใต้ร่าง พร้อมกับยิ้มกว้าง “พี่วินเหมาะจะเป็นเจ้าสาวของผมมากเลยเห็นมะ”

“ฮึ่ย” เจ้าของชื่อเบือนหน้าหนี ขวัญข้าวนะขวัญข้าว ทำไมทำกันแบบนี้วะ เขาเสียหายหมด!

“ขอผมส่งรูปนี้เข้าเมลผมด้วยน้า” ขอเสร็จแล้วก็กดฟอร์เวิดทันควัน

“เดี๋ยว! จะเอาไปทำไม เดี๋ยวคุณก็เอาไปให้สโมฯ อีกอะ!”

“ไม่ให้ๆ ไม่ให้ใครทั้งนั้น จะเก็บไว้ดูคนเดียว” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม “เวลาคิดถึงพี่วินไง”

“ถ้าผมเห็นรูปนี้ไปอยู่ในมือสโมฯ นะ ผมจะถอนฟันคุดคุณทีเดียวสามซี่เลย” รวินท์คาดโทษ

“นอกจากพ่อแม่ผมแล้วไม่มีใครเห็นแน่นอนครับ”

“เฮ้ย! ไหนตอนแรกบอกจะดูคนเดียวไงเล่า”

ภูพิงค์หัวเราะร่วน แล้วก้มลงจูบริมฝีปากสีแดงตรงหน้า “พี่วินนี่น่ารักจังน้า เขินผมจนหน้าแดงไปถึงหูเลย”

“แดงเพราะโมโหเว้ย!”

“ไม่ต้องแก้ตัวหรอกน่า”

“นี่จะนอนทับกันอีกนานมั้ย ออกไปได้แล้ว หนัก”

“ทับไว้พี่วินจะได้ชิน”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นเขกศีรษะคนบนร่าง พลางถอนหายใจ “เฮ้อ...”

ภูพิงค์ยิ้มอย่างได้ใจ เขากอดคนใต้ร่างไว้พร้อมกับซบใบหน้าลงบนแผ่นอก

รวินท์หลุบตาลงมอง อ้อนชะมัด! แต่ยิ่งอ้อนก็ยิ่งน่ารัก เขาเข้าโหมดหลงแฟนสุดๆ แล้วตอนนี้ บางทีเขาก็สงสัยเหมือนกันนะ ว่าไอ้เด็กนี่จะทำให้เขาหลงรักได้มากอีกขนาดไหน

“พี่วิน ถามหน่อยดิ” ภูพิงค์เงยหน้าขึ้น “พี่เริ่มรักผมตอนไหนอะ”

เจ้าของชื่อขมวดคิ้ว นึกย้อนกลับไป... ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ จำได้แค่แรกๆ เถียงกับคุณบ่อยมาก เถียงจนปวดหัว แต่ทุกครั้งที่ผมมีไม่สบายใจก็จะมีคุณมาคอยกวนประสาทอยู่ใกล้ๆ เสมอ มารู้ตัวอีกที... ผมก็รักคุณไปแล้ว” เขาผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย “แล้วคุณล่ะ รักผมตอนไหน”

“ตอนที่อีแซนดี้มีเรื่องครั้งนั้น มันถามผมว่าผมคิดอะไรกับพี่รึเปล่า ตั้งแต่นั้นมาผมก็เริ่มสังเกตตัวเองมากขึ้น แล้วผมก็เลยรู้ตัว... แต่ผมว่าผมรักพี่ก่อนที่อีแซนดี้จะทักซะอีก บางทีอาจจะเป็นตอนที่พี่นอนทับผมแล้วร้องไห้ล่ะมั้ง”

“ผมต้องห่วงตัวเองมั้ยวะ ถ้าคุณจะหลงรักผมเพราะร้องไห้เนี่ย”

“ไม่ใช่เว้ย ผมหมายถึงว่า...พี่ดูน่าทะนุถนอมดี อะไรแบบนี้ต่างหาก”

รวินท์อมยิ้ม พลางยกมือขึ้นหยิกแก้มคนบนร่างเบาๆ

“พี่วิน...”

“อะไร”

“อย่าน่ารักมากดิ ผมทนไม่ไหว”

สิ้นคำพูดของอีกฝ่าย ทันตแพทย์หนุ่มก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่แข็งขึงซึ่งกดลงบนต้นขาตน “เมื่อก่อนเห็นทนได้ตั้งนานนี่หว่า”

“โห ก็พี่วินทำตัวน่ารัก แถมนอนอยู่ใต้ผมตัวแบบนี้ ผมทนไหวก็ต้องไปรับจ้างเป็นเสาหินแล้วเนี่ย ขอแค่ข้างนอกก็ได้ นะๆ”

รวินท์หัวเราะ “ก็ได้ แต่ไม่เอาตรงนี้นะ เข้าไปข้างในห้องนอนกันดีกว่า”

ภูพิงค์ยิ้มกว้าง “โอเคเลย ผมอุ้มพี่ท่าเดียวกับในรูปเข้าห้องเลยนะ”

“ไม่ต้องเว้ย ผมเดินเองได้”

หากพอรวินท์ลุกขึ้น เด็กหนุ่มก็อุ้มเขาขึ้นพาดบ่า

“พิงค์!”

“ผมใจร้อนอะ”

“จะอุ้มก็อุ้มให้มันดีหน่อยไม่ได้เหรอวะ!”

“ก็พี่บอกไม่เอาท่าในรูปไง”

“ปล่อยเว้ย!”

“ไม่ปล่อยเว้ย อย่าดิ้น!”

สองหนุ่มโวยวายเถียงกัน ขณะที่ภูพิงค์พาทันตแพทย์หนุ่มวิ่งเข้าห้องนอน


*TBC*


ขอเสียงกรีดร้องดังๆ ให้ความพยายามของน้องพิงค์ด้วยค่าาาาา

ถึงน้องจะกากไปนิด... (ก็กากจริงๆ ไม่มีข้อแก้ตัว  :o8: ) แต่น้องก็จริงจังและจริงใจมากน้าาาา

และในที่สุดสองหนุ่มก็เคลียร์กันเรียบร้อยสักที หมดช่วงแจกมาม่าแร้วค่า ขอบคุณที่อดทนกันมานานนะคะ 555555
 
ส่วนน้องพิงค์ของเรา ก็สู้ๆ นะลูก ไปติวให้เข้ม ไปเตรียมตัวให้พร้อม 555555 ไม่งั้นโดนแน่ลูก!

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ รักนะ จุ๊ฟฟฟฟ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-07-2018 20:16:30
พอเข้าใจกันแล้ว ก็หวานเชียว
เขาลองซ้อมกันก่อนเรายังฟิน แล้วถ้าของจริงจะฟินขนาดไหนนี่ :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 02-07-2018 20:17:21
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-07-2018 20:36:58
55555555. เอ็นดูในความกากของอิน้องพิงค์จริงๆ ลูกเอ้ยยยยย  นี่คงคิดว่าตัวเองหมดโอกาสรุกเป็นแน่แท้แล้วเทียวถึงไม่หาข้อมูลทำการบ้านมาก่อนเลย พอเจอส้มหล่นพี่วินใจอ่อนยอมให้เท่านั้นแหละ ... ทำไม่เป็น กร๊ากกกก โอ๊ะ เอ็นดูจริงๆ 5555

มาลุ้นตอนหน้าว่าพิงค์จะสำเร็จไหม? / เดิมพันด้วยสถานะบน-ล่าง ตลอดกาล 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 02-07-2018 20:38:19
น้องพิงค์ลูกกกก อย่าทำให้พี่วินผิดหวังเชียวนะ พี่วินยอมถึงขนาดนี้ ถ้าลงสนามจริงแล้วล่มปากอ่าวนี่มีโดนพลิกลงข้างล่างแทนแน่ๆ อ๊ากกกกซซซ  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-07-2018 21:20:06
แบบนี้ก็ดีนะ มือใหม่หัดวายด้วยกันทั้งคู่ มันต้องคุยต้องเคลียร์ทุกประเด็น น่ารัก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-07-2018 22:03:36
ไปศึกษามาให้ด่วนเลยพิง
แล้วก็ไปปรึกษาผู้มากประสพการณ์อย่างแซนดี้ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-07-2018 22:22:06
ภาวนาให้พิงค์รุกได้สำเร็จที่เถอะ จากใจ ทีมพิงค์วิน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 02-07-2018 22:33:42
ระวังลูกจะดกนะ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 02-07-2018 22:44:46
คงจะต้องผลัดกันอ่ะนะ
รุกรับสลับกันไป
อิอิ
 :oo1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-07-2018 23:00:46
สรุปคือพี่วินยอมน้องพิงค์ แต่ถ้าไม่ฟินพี่วินลุยเองสินะ 555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 02-07-2018 23:02:39
 :m25: ความพร้อมเท่านั้นที่สร้างความฟินได้ 


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 02-07-2018 23:26:28
เข้าใจกันซะที
พิงค์ แกจะได้รุกก่อนละนะ
อย่าทำพี่วินผิดหวังหล่ะ   :jul1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-07-2018 23:55:21
จ้ะะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 02-07-2018 23:59:43
โถ่วววววว น้องพิงค์คนกากกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-07-2018 01:30:36
หวังว่าจะหมดดราม่าแล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-07-2018 04:18:34
น้องพิงค์นี่คือแบบบ พอพี่วินไฟเขียวให้ปุ้บ
เหมือนไปดึงสลักออกอะ กดปุ่มเทิร์นออน แล้วปุ่มเสียทันทีงี้
แสดงออกชัดเจนจนพี่วินช้อคอะ ตามไม่ทัน
ไม่คิดว่าน้องจะหื่นได้ทุกจังหวะชีวิตขนาดนี้
ตอนพี่วินจะสอนน้องนี่คือใจหายใจคว่ำมากค่ะ
นึกว่าเรือจะล่มแล้ว 555555 ยังีดที่พี่วินใจดี
ให้โอกาสน้องพิงค์เด็กตาดำๆได้แสดงฝีมือก่อนนะคะ
รอตอนต่อไปค่าาา รอคอยความหวานนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-07-2018 04:45:16
5555 คิดจะรุกเหรอพิงค์  งานนี้มีกลับลำแน่ๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 03-07-2018 05:22:33
ฮาาา ความกากแชะความกาม พิงค์ทำพี่วินเจ็บ แกเปลี่ยนสถานะแน่ 555 อยากให้พิงค์โดนรุก อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-07-2018 07:58:52
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 03-07-2018 10:20:34
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 03-07-2018 12:37:16
อิพี่วินมันร้ายยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 03-07-2018 12:50:55
เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากว่าใครจะรุกใคร :a5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 03-07-2018 13:20:26
โอ้ย! อ่านไปยิ้มไปพอเข้าใจกันอะไรๆมันก็หวานไปหมด :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-07-2018 16:59:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 03-07-2018 19:02:36
วิธีไปศึกษา​ของพิงค์​ต้องฮาแน่เลย​ อาจช่วยกันคิดทั้งคณะอีก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-07-2018 19:21:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 03-07-2018 19:48:29
^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-07-2018 20:17:16
เกือบไปแล้วนะน้องพิงค์ แต่ถ้าครั้งหน้ายังไม่สำเร็จอีกก็คงต้องปล่อยให้พี่วินจัดการแล้วล่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 03-07-2018 20:52:46
น้องพิงค์.. นู๋หื่นไปนะ... รอบหน้าเตรียมมาให้พร้อมนะอุปกรณ์.... ปูเสื่อรออยู่นะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-07-2018 21:42:43
เข้าใจกันแล้วเราก็ดีใจ คราวนี้ก็ลุ้นว่าน้องพิงค์จะรุกพี่วินสำเร็จมั๊ยหรือจะต้องเป็นฝ่ายรับเอง :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 03-07-2018 22:12:31
โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ทำให้สำเร็จนะน้องพิงค์ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 04-07-2018 19:58:43
ต้องโหวตทีมรุกเลยม๊ายยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-07-2018 23:39:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ  นุ้งพิงค์ รีบเข้าเว็บอโคจรด่วนแล้วรีบศึกษานะว่าฝ่ายรุกอ่ะเขาทำอะไรกันบ้าง

ไม่งั้นเตรียมตัวเตรียมใจถูกรุกแทนนาจา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 05-07-2018 05:48:25
 :jul3: :jul3: :jul3: เข้าด้ายเข้าเข็มทั้งทียังมีเรื่องให้ฮาอีก  :m20:  พิงค์เอ๊ยเป็นของพี่วินเหอะไม่ต้องรุกแล้ว :hao6:  :z1: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 05-07-2018 10:53:08
 :laugh:
พิงค์ลูกกกก เจ๊เชียรอยู่ตั้งแต่ต้นเลยนะ
ลูกกกกก อย่าให้เจ๊ผิดหวังศึกษามาด่วนๆ
เราต้องรุกนะลูกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-07-2018 18:25:57
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 07-07-2018 10:20:54
 เกาะขอบเตียง รอนุ้งพิงค์
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 52 : บทเรียนที่สำคัญ][020718]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 10-07-2018 21:09:58


Chapter 53 : หวานน้อยๆ


ในวันอาทิตย์ตอนบ่ายแก่ๆ สองหนุ่มยืนทำมื้อเย็นกินกันหนุงหนิงอยู่ในครัว

วันนี้ภูพิงค์สอนเจ้าของห้องทำผัดกะเพรา ยากขึ้นมากว่าการทอดเฉยๆ นิดหน่อย เป็นเมนูระดับพรีอินเตอร์มีเดียต

พอรวินท์หยิบหมูมาหั่นตามที่เด็กหนุ่มบอก อีกฝ่ายก็เข้ามากอดเขาทางด้านหลังแล้วเอาคางเกยหัวไหล่ไว้

“น้อยๆ หน่อย จะอ้อนทำไมนัก”

“ก็รักนี่หว่า”

รวินท์หัวเราะพลางส่ายหน้าไปมา “เออๆ งั้นก็กอดไป อย่าปล่อยนะ”

ภูพิงค์อมยิ้มแล้วจรดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มของคนในอ้อมแขน “นี่ พี่วิน ตอนไปออกหน่วยเป็นไงบ้างอะ”

“ถามช้าไปมั้ยวะเนี่ย” ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองคนช่างอ้อน ก่อนจะยิ้มตามไปด้วย “ก็เหนื่อยอะ เดินทางลำบาก คนไข้เยอะมาก”

“หมอฟันไปเยอะป่ะ”

“ก็หลายคน แต่มีผมเป็นหมอจบใหม่คนเดียว”

“แล้วมีหมอผู้หญิงรึเปล่า”

“มีดิ แต่ไม่ต้องห่วง เขามีลูกกันหมดแล้ว”

“ค่อยยังชั่ว” คนพูดค่อยๆ ไล้ปลายจมูกลงมายังลำคอ แล้วกระซิบถามตรงใบหู “แต่พี่วินยังต้องไปออกหน่วยอีกใช่มั้ยอะ”

“อือ”

“ปิดเทอมหน้าผมก็ต้องไปค่ายอาสาเหมือนกัน ถ้าเราได้ไปด้วยกันก็คงดี”

“นั่นสิเนอะ เอ้า หั่นหมูเสร็จแล้ว ทำไรต่อ”

คนอ่อนวัยกว่าค่อยๆ สอดมือเข้าไปภายในเสื้อของรวินท์ “เดี๋ยวข้าวสุกค่อยผัด แป๊บเดียวก็เสร็จ ส่วนตอนนี้...”

แม่งเอ๊ย เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแหงๆ ขนาดเมื่อวานจัดไปหลายรอบ เมื่อเช้าก็กว่าจะได้ออกจากห้อง พอได้กลิ่นพี่วิน อาการหื่นหอบก็กำเริบอีกละ

“พิงค์เว้ย เดี๋ยว...”

ภูพิงค์ขบจูบซ้ำรอยสีแดงจางๆ บนลำคอขาวซึ่งตัวเขาเป็นคนทำไว้ จากนั้นจึงกดส่วนไวสัมผัสลงบนสะโพกของคนในอ้อมแขน

“เฮ้ย! พิงค์! คุณเป็นกระต่ายเหรอวะ!”

“ก็พี่วินอะ ทำให้ผมเป็นแบบนี้อีกแล้ว”

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยเว้ย! ใจคอคุณจะไม่กินอะไร อุ๊บ!” ยังพูดไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากสีแดงก็โดนคนอ่อนวัยกว่าจูบปิด

ภูพิงค์เบียดส่วนที่ตื่นตัวเข้าหาทันตแพทย์หนุ่มอีก ขณะที่สอดมือเข้าไปในกางเกง

“พิงค์ ผมยัง... ไม่ได้ล้าง...มือ” รวินท์พูดติดขัด เพราะเรียวปากที่แนบจูบเข้ามาเป็นระยะ

“ไม่เป็นไร พี่อยู่เฉยๆ ก็พอ เดี๋ยวผมทำให้” เด็กหนุ่มจับให้อีกฝ่ายหันหน้าเข้าหาและเอนตัวพิงหลังตู้ที่ใช้วางเขียง ก่อนจะก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวอย่างเมามัว แล้วขยับมือที่กุมส่วนไวสัมผัสของทันตแพทย์หนุ่มช้าๆ

“อย่าทำรอยสิวะ พรุ่งนี้ผมต้องทำงานนะ”

ภูพิงค์ก้มลงใช้ปลายลิ้นตวัดบนติ่งไตที่รัดตัวแข็งอยู่ภายในเสื้อที่อีกฝ่ายสวมใส่ เป็นผลให้รวินท์สะดุ้งตัวเบาๆ จากนั้นจึงจับส่วนร้อนของพวกเขาออกมาจากกางเกง รวบไว้ด้วยกันและปรนเปรอไปพร้อมกันด้วย

รวินท์เท้ามือที่เลอะทั้งสองข้างลงบนหลังตู้ พลางเม้มปากแน่น

“เดี๋ยวปากแตกหมดหรอก” เด็กหนุ่มใช้ปลายลิ้นไล้เลียกลีบปากสีแดง จากนั้นจึงสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่ม

ไอ้เด็กนี่มันโลมาชัดๆ เบื้องหน้าดูใสๆ น่ารัก แต่ที่จริงหื่นเป็นบ้า! แล้วนี่ไปแอบฝึกมาตอนเขาหลับเหรอวะ ทำไมเก่งขึ้นเร็วฉิบหาย!

ทันตแพทย์หนุ่มกัดฟันกรอด รู้สึกดีจนยั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ เขาซุกใบหน้าลงตรงซอกคอเด็กหนุ่มบ้าง แล้วขบกัดเพื่อระบายอารมณ์
ส่วนที่แข็งขึงอยู่ในมือร้อนราวกับไฟ ภูพิงค์หอบหายใจกระเส่า เขาเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอย่างรู้ใจรวินท์ ครั้งนี้ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ปลดปล่อยออกมาก่อน เขาจึงค่อยบดจูบกลีบปากที่บวมช้ำ แล้วทำให้ตนเองถึงขีดสุด

ริมฝีปากที่ค่อยๆ ละออกจากกันเห่อบวม หากก็ยังคลอเคลียและสัมผัสกันเป็นระยะ ในระหว่างที่ลมหายใจยังไม่กลับเป็นปกติ

“คุณนี่มัน...”

“แต่ก็ฟินใช่มั้ยล่ะ ผมเก่งขึ้นแล้วใช่มะ”

ทันตแพทย์หนุ่มเบะปากพลางส่ายหน้าไปมา “ไปล้างมือแล้วมาทำผัดกะเพราให้เสร็จเลย ผมหิวจะตายอยู่แล้ว”

“ครับๆ” เด็กหนุ่มรีบเดินไปล้างมือ แล้วหันมาขยิบตาให้ “เห็นมะ ข้าวสุกพอดี”

“เออๆ” รวินท์เดินตามไปล้างมือด้วย ก่อนสองหนุ่มจะมายืนทำผัดกะเพรากัน

กลิ่นของพริกและกระเทียมลอยกรุ่น ก่อนคนอ่อนวัยกว่าจะโยนเนื้อหมูลงไปผัดแล้วปรุงรส “แค่นี้เอง ง่ายๆ เห็นปะ แล้วพอเสร็จก็ใส่ใบกะเพรา ถ้าอยากกินแบบพิเศษหน่อยก็ทอดไข่ต่างหากแล้วเอามาโปะไว้”

“โหๆ ไอ้เต้ต้องช็อกแน่” รวินท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“ยอมนิดนึงก็ได้นะ ถ้าจะทำให้พี่เต้กิน แต่ถ้าไปทำให้คนอื่น ผมจะหึง”

“ไอ้เด็กขี้หึง” ทันตแพทย์หนุ่มขยับเข้าไปกระแซะ “นอกจากไอ้เต้ ผมก็ไม่ทำให้คนอื่นกินหรอกน่ะ แต่ต้องมีคนเป็นหนูทดลองไง”

รู้สึกสงสารไอ้พี่เต้ขึ้นมาตงิดๆ แต่ก็ช่างเถอะ “พี่อยากกินกะเพรากับไข่ดาวหรือไข่เจียว”

“ไข่เจียว”

“โอเค” เด็กหนุ่มตั้งกระทะใหม่ ใส่น้ำมันทิ้งไว้ ก่อนจะเดินไปหยิบไข่มาตอกใส่จานแล้วตีอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานไข่เจียวก็ลงไปนอนฟูหอมอยู่ในกระทะ “ตักข้าวใส่จานเลย”

“มีคุณอยู่นี่สะดวกดีจริงๆ”

“ถูกใจมากก็พาผู้ใหญ่มาสู่ขอสักที อย่าให้น้องรอนานครับพี่”

รวินท์หัวเราะ “สินสอดเป็นบัตรทำฟันฟรีสามปีทั้งครอบครัวเลยดีมั้ยล่ะ”

“โห แบบนี้ผมเป็นม่ายขันหมากแน่นอน!”

สองหนุ่มนั่งลงกินมื้อเย็นกัน กินไปมองตากันไป เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของทั้งสองคน พอกินเสร็จภูพิงค์ก็เก็บจานไปล้าง ส่วนรวินท์ก็เช็ดโต๊ะ

เมื่อเด็กหนุ่มล้างจานเสร็จก็เดินมากอดเอวทันตแพทย์หนุ่ม พลางถอนหายใจยืดยาว “แย่ชะมัด พรุ่งนี้ก็วันจันทร์ซะแล้ว”

“แล้วอาทิตย์นี้คุณจะมาค้างกับผมมั้ย”

“ต้องดูก่อนอะพี่ บางวันผมเรียนเช้า จารย์โหดมากแบบสายไม่ได้เลย ตอนเย็นก็ต้องไปช่วยงานที่คณะด้วย มีซ้อมกีฬาอีก ช่วงนี้ยุ่งๆ หน่อย” ภูพิงค์ตอบเสียงอ่อย

“ถ้างั้นไม่ต้องมาก็ได้ วันไหนทนคิดถึงไม่ไหวก็ค่อยมา ยังไงวันศุกร์ผมก็ไปเชียงใหม่อยู่แล้ว”

“ก็ไม่ได้อยากจะทนหรอก เปิดเทอมแล้วน่าเบื่อชะมัด” เด็กหนุ่มซบใบหน้าลงคลอเคลียบนหัวไหล่ “แต่ผมจะโทรหาพี่บ่อยๆ นะ รับโทรศัพท์ผมด้วย”

“เออๆ อย่าโทรมาตอนทำงานก็แล้วกัน”

“ตอบข้อความผมด้วยนะเว้ย ทุกข้อความเลยนะ”

“เออๆ”

“ถ้าพี่เหงา มีเรื่องไม่สบายใจยิ่งต้องรีบบอกนะ แล้วผมจะรีบมาทันทีเลย”

“ครับๆ มีอะไรจะสั่งอีกมั้ย” รวินท์พูดกลั้วหัวเราะ

“ห้ามใจดีกับคนอื่น ห้ามอ่อยใครด้วยนะเว้ย”

“เออ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมไม่นอกใจคุณหรอก”

“ไม่ห่วงได้ไง ก็รักอะ”


“พอได้แล้วเว้ย จะอ้วก!” น้ำเสียงคุ้นเคยดังแว่วมาจากหน้าต่างริมทางเดินฝั่งเดียวกับบานประตู เรียกให้สองหนุ่มที่กำลังสวีตจี๋จ๋ากันอยู่หันขวับ


เมื่อเห็นเพื่อนรักทั้งสี่ยืนเกาะหน้าต่างเรียงกันเป็นแถบ ส่งสายตาหยามเหยียดมาที่เขากันรัวๆ ภูพิงค์ก็อุทานเสียงดัง “ไอ้พวกเหี้ย! พวกมึงมาทำมั้ย~” ก่อนบานประตูห้องจะเปิดออกกว้าง

เตชิตก้าวเข้ามาในห้องราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง เขายิ้มมุมปาก “พวกน้องๆ เขามาส่งผม แล้วก็จะมารับคุณกลับไง ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ แหม ผมก็นึกไม่ถึงว่าพวกคุณจะสวีตกันอยู่”

“ระดับพี่อะ อมพระมาทั้งจักรวาลผมก็ไม่เชื่อเว้ย พวกมึงก็เหมือนกัน จะรีบมาทำไมวะเนี่ย!” เด็กหนุ่มโวยวาย

“รีบห่าไร มึงถ่างตาดูเวลาบ้าง นี่มันหกโมงกว่าแล้วนะเว้ย ท้องฟ้ามืดแล้วไอ้สัส” แซนดี้พูดไปเบ้ปากไป

“เย็นขนาดนั้นแล้วเหรอเนี่ย” รวินท์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา

“แหม ให้เวลาสวีตกันตั้งสองวันแล้วยังไม่พอเหรอวะ” เตชิตเบ้ปากตามแซนดี้ไปด้วย หมั่นไส้จนอยากจะเดินไปแกะไอ้เด็กบ้าออกจากตัวเพื่อนเขา

“แล้วกินไรกันมายัง เข้ามานั่งข้างในก่อนดิ” เจ้าของห้องกวักมือเรียก

“พี่เต้บอกแล้วว่าพี่ต้องชวนอยู่ต่อแน่ๆ” ซันพูดพร้อมกับยกถุงใส่บัวลอยในมือขึ้น “นั่งกินหนมก่อนก็ได้ครับ เห็นใจไอ้พิงค์มัน”

“เป็นพระคุณของพวกมึงมาก”

เจ็ดหนุ่มนั่งกินขนมกันต่อ ไม่มีการเทใส่ชามเพราะรวินท์มีไม่ครบจำนวนคน เพื่อความเท่าเทียมกันทุกคนจึงใช้วิธีเปิดถุงตักกินเอานั่นล่ะ

เมื่อกินเสร็จแล้วก็นั่งคุยกันต่อจนถึงเกือบสามทุ่ม พวกเด็กหนุ่มจึงถอยกันกลับไป


รวินท์กับเตชิตเดินลงไปส่งทั้งห้าคนที่รถ “ขับรถกลับกันดีๆ อย่าตีกันตอนขับรถล่ะ”

ภูพิงค์เดินเข้ามาสวมกอดทันตแพทย์หนุ่มพร้อมหอมแก้มซ้ายขวา เรียกเสียงยี้จากเพื่อนทั้งสี่ได้ดังสะท้อนก้องใต้ตึก “ไปนะพี่ เดี๋ยวถึงแล้วโทรหา”

“เออๆ”

“ไปได้แล้วโว้ย” เตชิตยกขาถีบเด็กหนุ่มไปเบาๆ ก่อนจะเดินไปโอบไหล่รวินท์ไว้ “เดี๋ยวผมช่วยดูแลให้น่ะ ไม่ต้องห่วง”

คนอ่อนวัยกว่าแยกเขี้ยวใส่ “ดูแลห่างๆ ก็พอเว้ย”

“มาขึ้นรถสักที ไอ้ห่าพิงค์! อาลัยอาวรณ์อยู่นั่นแหละโว้ย”

ภูพิงค์โบกมือลา เดินตรงไปขึ้นรถตรงที่นั่งคนขับพลางแจกนิ้วกลางให้เพื่อนพ้องโดยทั่วถึงกัน เมื่อขึ้นนั่งแล้วก็ขับรถออกไปช้าๆ


แต่เสียงดังโวยวายในรถยังคงอยู่ “สัส โคตรหน้าด้าน ทำไรไม่อายฟ้าอายดิน”

“ก็กูรักของกู”

“กูจะอ้วก! แหม ทีตอนกูติดผัว มึงนี่ด่ากูเช้าเย็น”

“มันไม่เหมือนกันป่ะวะ พี่วินแม่งน่าติดกว่าผัวๆ ของมึงแน่นอน ต่อให้ผัวมึงทั้งหมดมัดรวมกันด้วย”

ซัน ขิงและดิวพร้อมใจกันหันไปทางแซนดี้ “ไอ้พิงค์มันพูดถูกนะมึง”

“แหม คนอย่างพี่หมอของมึงน่ะ เพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้นจะไปหาที่ไหนมาเหมือน”

“มึงเข้าใจก็ดีแล้ว”

“กูประชด!”

แล้วเสียงดังโวยวายของห้าหนุ่มก็คงจะดำเนินต่อไปจนถึงบ้านเช่าที่เชียงใหม่นั่นล่ะ


ฝ่ายสองหนุ่มทันตแพทย์ เมื่อรถของภูพิงค์คล้อยหลังไป พวกเขาก็เดินกลับเข้าไปในตึกด้วยกัน

เตชิตก้มลงมองต้นคอของเพื่อนรัก แล้วเบะปากใส่ “ไอ้เด็กเปรตมันทำรอยไว้ที่คอมึงแน่ะ พรุ่งนี้ใส่เสื้อปิดๆ หน่อยแล้วกัน เดี๋ยวแตกตื่นทั้งแผนก”

“เออ รู้แล้ว”

“แล้วเป็นไงล่ะ”

“อะไรเป็นไงวะ”

“แดกเนื้อเด็กไง อร่อยมะ แต่เด็กอย่างไอ้พิงค์คงเนื้อไม่อร่อยเท่าไหร่ น่าจะขมสัส”

รวินท์หัวเราะ “ยังไม่ได้แดกเว้ย”

“จริงอะ” เตชิตเลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าแปลกใจแบบสุดๆ “มันรอดเงื้อมือมึงไปได้ไงเนี่ย”

“ไอ้เหี้ย มึงเห็นกูเป็นยังไงวะ”

“ก็เห็นเป็นมึงนี่แหละ ทำไมวะ ไอ้เด็กนั่นมันบื้อซะจนมึงหื่นหดรึไง หรือยังตกลงบทบาทกันไม่ลงตัววะ” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ

ครั้งนี้รวินท์อ้ำอึ้ง พูดไม่ออก เตชิตจึงหันไปจับเพื่อนรักมาสบสายตากัน

“เฮ้ย! จริงเหรอวะเนี่ย” แล้วหัวเราะหนักกว่าเดิมไปอีก

“ไม่ใช่เว้ย” รวินท์เสตาหลบ “ก็ไม่เชิง...”

“มึงจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้นะเว้ย คนคุมเกมต้องเป็นมึง ไม่งั้นเสียเหลี่ยมเหี้ยสิบแปดมงกุฎอย่างมึงหมด” เตชิตรีบใส่ไฟ เขาก็แค่อยากจะป่วนไอ้สองคนนี่สักหน่อย ตามประสาคนอกหักแล้วพาล

“สัส! กูไม่ได้เหี้ยขนาดนั้นมั้ยวะ!” รวินท์ขมวดคิ้ว ทำท่าคิดหนัก

“เอาน่ะๆ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ วางแผน ไม่ต้องรีบกิน เล็มทีละนิดก็อาจจะอร่อยดีนะเว้ย”

“ขอบใจคำแนะนำของมึงมาก!”


เมื่อลิฟต์โดยสารหยุดที่ชั้นสาม รวินท์ก้าวออกไปแล้วก็หันกลับมาทางเพื่อนรัก “พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อยนะเว้ย ไปวิ่งกัน”

“ฮะ!?”

รวินท์ชี้หน้าอีกฝ่ายแล้วขู่ “ถ้ามึงไม่ตื่น กูจะพังห้องมึง เจ็ดโมงเจอกัน”

“เดี๋ยวๆ มึงเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาเนี่ย!” เตชิตโวยวาย พร้อมกับกดประตูลิฟต์ค้างไว้

“กูมีแฟนเด็ก ต้องฟิตหน่อย”

“สัส กูไม่ได้มีกับมึงมั้ย”

“ไม่รู้ล่ะ กูฟิต มึงต้องฟิตด้วย ไปอาบน้ำแล้วรีบนอนเอาแรงเลยนะเว้ย”

เตชิตส่งนิ้วกลางให้เพื่อนรักรัวๆ จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดลงสนิท แต่แล้วคนที่อยู่ด้านนอกก็กดเปิดประตูออกอีก “อะไรของมึงอีก...เนี่ย” เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเพื่อนรักก้าวเข้ามาสวมกอด

“ขอบใจสำหรับทุกอย่าง แล้วก็ขอโทษที่คืนนั้นกูพูดอะไรหมาๆ ออกไป กูรักมึงนะไอ้เต้”

เตชิตยิ้มบาง “รักจริงอะ”

“เออ”

“ขอจูบทีดิ”

“สัส!” รวินท์ผละออก

เตชิตหัวเราะ เขายกมือขึ้นขยี้เส้นผมอีกฝ่าย “เพื่อความสุขของมึง กูทำได้น่ะ”

“ซึ้งฉิบหาย”

“ถ้าเบื่อไอ้เด็กพิงค์แล้วค่อยหันมาเอากูก็ได้ กูรอได้”

“มึงนี่น้า!” รวินท์ถีบเพื่อนรักไปติดผนังลิฟต์ “กูไปแล้ว อย่าลืมเจ็ดโมงนะเว้ย”

“ทำไมกูต้องไปวิ่งกับมึงด้วยวะไอ้เหี้ย”

“เพื่อความสุขของกูไง มึงเพิ่งพูดเองเมื่อกี้”

“สัส!” เตชิตส่งนิ้วกลางให้อีกฝ่ายอีกรอบ ก่อนประตูลิฟต์จะปิดลงสนิทอีกครั้ง เขาถอนหายใจหนักๆ หากก็ยังยิ้มได้

อกหักรักคุด แต่อย่างน้อยก็ยังมีไอ้วินอยู่ข้างกัน... แล้วก็ได้เพื่อนใหม่มาอีกโขยง มันก็ไม่เลวนักหรอก



เช้าตรู่ เวลาเจ็ดโมงกว่าๆ ที่บนถนนภายในรอบรั้วโรงพยาบาลลำพูน ทันตแพทย์สองชีวิตวิ่งเหยาะๆ บ้าง เดินบ้าง หยุดคุยกันบ้าง ทำแบบนี้สลับไปสลับมาได้เกือบยี่สิบนาทีแล้ว

“กูกับมึงนี่อายุเท่าไหร่กันแน่วะ” รวินท์พูดพลางหอบแฮกๆ

“กูนี่เพิ่งออกจากโรงบาล วิ่งนิดหน่อยเหนื่อยก็ไม่ค่อยแปลกเท่ามึงมั้ยวะ”

“อย่าเลย ต่อให้มึงไม่ได้นอนโรงบาล มึงก็หอบเป็นหมาหอบแดดเหมือนกูเนี่ย”

“วิ่งๆ หยุดๆ แบบนี้มันจะได้อะไรมั้ยวะ” เตชิตบ่นขณะที่สาวเท้าออกไปแทนการวิ่ง

“เอาน่ะ วันนี้วันแรกป่ะวะ เริ่มต้นน้อยๆ ก่อน เดี๋ยวกูทำผัดกะเพราให้แดกเป็นมื้อเช้า”

“จริงอะ!” เตชิตเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ “ทำเป็นแล้วเหรอวะ”

รวินท์ยักคิ้วให้อีกฝ่าย “เพิ่งหัดมาเว้ย จะทำให้มึงกินเป็นคนแรก”

“โห ปลื้มว่ะ เป็นบุญปากกูมากเลย”

หลังจากนั้นพวกเขาก็วิ่งกันต่อไปอีกสิบนาที ก่อนจะกลับห้องมาเพื่อผัดกะเพราที่ว่า แล้วเตชิตก็สำนึกได้ว่า ไอ้คำว่าบุญปากคงใช้ไม่ได้กับเพื่อนเขา

แค่ตักชิมคำแรกก็แทบจะวิ่งหนีกลับห้อง “หวานฉิบหาย มึงใส่น้ำตาลในผัดกะเพราด้วยเหรอวะ ใส่ไปกี่ช้อนเนี่ย!”

“อ้าว เขาไม่ใส่กันเหรอ เอ พิงค์เพิ่งสอนเมื่อวาน กูจำไม่ได้แล้วว่าใส่น้ำตาลรึเปล่าว่ะ” รวินท์พูดพลางส่งขวดน้ำปลาให้ “อ่ะ เหยาะๆ เดี๋ยวนัวเอง”

“นัวพ่อง!”

ถึงจะพูดแบบนั้น หากเตชิตก็หยิบน้ำปลามาเหยาะ แล้วตักเข้าปากไปแบบเพลียๆ

“เต้... กูอยากมีซิกแพ็กอะ มึงมีวิธีทำให้กูมีซิกแพ็กในสองอาทิตย์มั้ยวะ”

เตชิตแทบจะพ่นผัดกะเพราออกจากปาก เขารีบกลืนลงคอแล้วหัวเราะเสียงดัง “ผีอะไรเข้ามึงอีกล่ะ”

“กูจะไปเป็นนายแบบเสื้อ”

“เสื้ออะไรวะ”

“เสื้อคณะพิงค์ว่ะ”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับซิกแพ็กวะไอ้เวร”

“กูก็ไม่อยากถ่ายรูปแล้วพุงยื่นป่ะวะ เดี๋ยวพุงกูจะเด่นกว่าเสื้อ”

“มึงมีพุงที่ไหนกันวะ” เตชิตจับชายเสื้อเพื่อนรักยกขึ้นดู “หลังๆ นี่ผอมเป็นไม้เสียบผี เอวจะหักแล้ว”

“นั่นก็ด้วย สัส กูต้องถ่ายคู่พิงค์ แล้วมึงดูหุ่นพิงค์ดิ”

“กลัวมันเด่นกว่าอะดิ” เตชิตส่ายหน้ารัว “กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จได้ในวันเดียวฉันใด ซิกแพ็กมันก็ไม่ได้เสกได้ในวันเดียวฉันนั้น ถ้าจะให้เร็วทันใจ ก็เอาปากกาวาดเอาละกันมึง”

“ไอ้ห่า ก็ไม่ได้วันเดียว น่าจะยังมีเวลาอีกสองอาทิตย์ไง”

“นี่กูต้องวิ่งกับมึงอีกสองอาทิตย์เลยเหรอ แต่วิ่งเฉยๆ ซิกแพ็กมันจะผุดขึ้นมาเองรึไงวะ!”

“ก็เดี๋ยวซิตอัปกับวิดพื้นด้วยไง”

“สาทุบุน มึงทำคนเดียวเลยนะ”

รวินท์ยกขาถีบเพื่อนรักไปเบาๆ “เออๆ มึงเสียสละมาวิ่งกับกูก็ดีนักหนาแล้ว”

“เสียสละพ่องดิ บังคับกูมาชัดๆ”

หลังจากบ่นกันจนพอใจแล้ว เตชิตก็กลับไปอาบน้ำที่ห้อง ส่วนรวินท์ก็ซิตอัปกับวิดพื้นอีกอย่างละสิบครั้ง ก่อนจะไปอาบน้ำบ้าง แล้วจะได้รีบไปทำงานต่อ



ในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันหนึ่งที่นักศึกษาคณะวิศวะทั้งหลายกำลังสุมหัวเร่งทำการบ้านกันที่ใต้ตึกเรียน ก่อนที่จะต้องแยกย้ายไปซ้อมกีฬาและประชุมสโมฯ กัน

“สัสพิงค์ ทำไวๆ มึงคือความหวังของพวกกูนะ”

“เร็วเว้ย พี่เล็กไลน์มาเรียกหลายรอบแล้ว” เพื่อนพ้องของเด็กหนุ่มคอยกดดันข้างหูซ้ายและขวา

“อย่ากวนกูสิวะ เงียบๆ หน่อย” ภูพิงค์ทดเลขยิกๆ มือเป็นระวิง มืออีกข้างควานหาแผ่นกระดาษที่จดสูตรไว้ แล้วหันไปจิ้มเครื่องคิดเลข เมื่อทำข้อสุดท้ายเสร็จ เพื่อนๆ ก็เข้ามารุมตะปบแย่งกระดาษคำตอบกัน มองดูเผินๆ คล้ายเวลาโยนขนมปังลงไปในบ่อปลาสวายอย่างไรอย่างนั้น

“ไอ้พวกเหี้ย เบาๆ เดี๋ยวกระดาษขาด กูขี้เกียจนั่งทำใหม่ ทำเสร็จแล้วลืมแล้วด้วย” พอเพื่อนพ้องได้ตัวอย่างไปลอกใต้ตึกก็สงบลงชั่วครู่

ภูพิงค์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดอ่านข้อความที่พี่วินของเขาเพิ่งส่งมาหลังเลิกงาน อ่านไปก็ยิ้มหน้าบาน พลางพิมพ์ตอบ

“แหม ขนาดอยู่คนละจังหวัดยังสร้างโลกส่วนตัวได้เลยเนอะ”

“ลอกไปไวๆ พวกมึงน่ะ”

สักพักเมื่อลอกเสร็จ พวกเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวด “เสร็จแล้ว ไปสนามเร็วเว้ย!”

ภูพิงค์คว้าเป้วิ่งตามหลังเพื่อนๆ ไป แต่ระหว่างทางมีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ เขาห่วงว่าจะเป็นของพี่วินจึงรีบหยิบมากดดู

หากผิดคาด กลายเป็นข้อความจากเตชิตแทน

เตชิตส่งภาพที่เขากับรวินท์กำลังวิ่งเหงื่อโซมกายในตอนเช้ามาให้ พร้อมข้อความสั้นๆ


‘ไอ้วินมันฟิตมาก คุณไปตกลงอะไรกับมันไว้วะ ผมเหนื่อยนะ วิ่งแม่งทุกเช้า ไหนจะต้องซิตอัปกับวิดพื้นอีก มีอะไรก็ยอมๆ มันไปเหอะ’


“เฮ้ย!”

ดิวเห็นเพื่อนรักทำหน้าตื่นๆ จึงหยุดถาม “มีอะไรวะไอ้พิงค์ ทำหน้าเหมือนเห็นผี”

“เปล่าๆ ไม่มีไร รีบไปกันก่อน เดี๋ยวพี่ด่า”

การซ้อมกีฬาในเย็นวันนั้น ภูพิงค์โดนต่อว่าเสียจนหูชา นอกจากจะชู้ตลูกบาสผิดแป้นแล้ว ยังวิ่งชนคนอื่นล้มระเนระนาด จนในที่สุดก็โดนไล่ออกมานั่งงงอยู่ข้างสนาม

พอหย่อนก้นลงนั่ง ซันก็วิ่งถือน้ำเข้ามาส่งให้

“ขอบใจว่ะ แล้วนี่มึงประชุมเสร็จแล้วเหรอ”

“เออ เดี๋ยววันเสาร์ตอนบ่ายแก่ๆ มึงไปรับพี่หมอมาช่วยตัดสินลายเสื้อหน่อยนะ เดี๋ยวกูส่งไฟล์รูปตัวอย่างเสื้อไว้ให้มึงกับพี่หมอดูก่อนด้วย”

“อือ พี่วินบอกไว้แล้วว่าโอเค เดี๋ยวพี่วินเลิกคลินิกแล้วกูจะไปรับพี่เขามาให้”

ซันนั่งลงข้างๆ คนที่ยังหอบแฮกๆ “แล้วมึงเป็นไรวะ วันนี้ดูเมาๆ ชอบกล”

“มีเรื่องให้คิดมากนิดหน่อย เลยหลุดโฟกัสไปเลยแม่ง”

“เรื่องไรวะ ไม่พ้นเรื่องพี่หมออะดิ”

“ก็ไม่เชิง” ภูพิงค์ถอนใจยาว “ไอ้ซัน... คือ มึงพอจะรู้มั้ย ว่าจะไปซื้อ เอ้อ... ​เจล... ที่ไหนดี”

“สัส กูก็นึกว่ากลุ้มเรื่องอะไร มึงไม่ต้องซื้อ กูมีเว้ย ซื้อมายังไม่ได้ใช้เลย เดี๋ยวกลับห้องแล้วเอาให้”

“โห เพื่อนรัก กูรักมึง” ภูพิงค์ถลาเข้าไปกอดเพื่อนรักไว้

“เหม็นเหงื่อมึงว่ะ ไปอาบน้ำไป๊”

“เออ รอแป๊บ” เด็กหนุ่มลุกขึ้น จ้ำอ้าวๆ เข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที



ฝ่ายทันตแพทย์ทั้งสอง หลังเลิกงานก็พากันกลับมาที่ห้องของรวินท์

“กูไม่อยากแดกผัดกะเพราของมึงแล้วไอ้วิน” เตชิตครางหงิง

“ทนๆ ไปหน่อยเหอะน่ะ สักวันมันต้องอร่อย” เจ้าของห้องชะเง้อหน้าตอบมาจากในครัว

“ทำไมมึงไม่หาคนอื่นมาเป็นหนูทดลองมั่งวะ!”

“พิงค์ยอมให้มึงเป็นหนูทดลองได้คนเดียว”

“อ้อ เรอะ” แหม ไอ้เด็กผี! เตชิตด่าต่อในใจ เขานั่งขมวดคิ้ว ครุ่นคิดหาวิธีแก้เผ็ดสักหน่อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าถ่ายรูปตอนกำลังวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้าไว้ ซึ่งอันที่จริงก็อย่าเรียกว่าวิ่งเลย แค่เดินเหยาะๆ เหงื่อก็ออกเยอะจนแฉะรักแร้ วิ่งไปหอบไป ไม่ถึงสิบนาทีก็จวนเจียนจะหมดลม ไอ้วินก็เลยเปิดขวดน้ำราดหัวมันกับหัวเขา เอาไว้เผื่อหลอกคนที่มาวิ่งตอนเช้าเหมือนกันว่าพวกเขาฟิตแค่ไหน วิ่งกันจนเหงื่อชุ่ม

แต่พอนึกย้อนกลับไป ถ้าคนอย่างไอ้วินคิดหนักเรื่องอย่างว่า ไอ้พิงค์ก็น่าจะอาการหนักกว่ามาก อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ไอ้สองคนนี้ยังพะพ้าพะวังอยู่

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มร้าย จัดการส่งรูปภาพไปหาเด็กหนุ่มพร้อมคำบรรยาย

ได้ผล ภูพิงค์เปิดอ่านแล้วไม่ตอบ นิสัยอย่างไอ้เด็กนี่ ปกติเถียงเก่งจะตาย แต่ถ้าลองเงียบไปแบบนี้ แปลว่าจี้ใจดำแหงๆ

แค่นึกหน้าอีกฝ่าย เตชิตก็หัวเราะคิกๆ

“อารมณ์ดีอะไรวะ ผัดกะเพราเสร็จแล้ว”

รอยยิ้มของเตชิตหายไปทันควัน เขากินผัดกะเพราฝีมือไอ้วินทั้งเช้าทั้งเย็นรวมมาห้ามื้อแล้ว แม่งไม่อร่อยสักมื้อ มื้อที่หกนี้เขายังหวังอะไรได้อีกเหรอ

นั่งคอตกไปสักพัก เจ้าของห้องก็ถือจานผัดกะเพราโปะไข่ดาวมาเสิร์ฟ “มื้อนี้พรีเมียมนะมึง มีไข่ดาวด้วย”

โอ้โห มีไข่ดาว รอดตายแล้วกู! นัยน์ตาของเตชิตเปล่งประกายขึ้นมาทันที

“แดกให้หมดทั้งผัดกะเพรา ทั้งไข่ดาวนะมึง”

“สัส” เตชิตหลุดปากด่า มือที่ถือช้อนสั่นน้อยๆ ขณะตักผัดกะเพราใส่ปาก

กูว่าแล้ว~ ผัดกะเพราอะไรวะมีทั้งรสเค็มทั้งรสเปรี้ยว มันเอารสเปรี้ยวมาจากไหนวะ!

“ไอ้เหี้ยวิน กูถามจริง ผัดกะเพรามันยากตรงไหนวะ ทำไมมึงทำได้หกมื้อไม่ซ้ำรสขนาดนี้”

“ยังไม่ดีอีกเหรอวะ” รวินท์ตักชิมแล้วชะงักกึก “ทำไมรสชาติแปลกๆ”

“กูสิต้องถาม! ไอ้พิงค์มันสอนมึงยังไงเนี่ย! กูว่ามึงให้มันสอนใหม่ก่อนดีกว่าว่ะ ถ้าขืนกูกินผัดกะเพรามึงต่อไป กูต้องเข้าโรงบาลแน่”

“ก็พิงค์ซื้อซอสมาไว้หลายขวด กูก็ไม่แน่ใจว่าต้องใช้ขวดไหนนี่หว่า มันก็สีดำเหมือนกันหมดมะ กูอุตส่าห์ไม่ใช้ซ้ำกับมื้ออื่นๆ นะ”
เตชิตถลึงตาใส่ “กลับไปทอดแต่หมูยอแดกเถอะมึง!”


*TBC*


เด็กมันร้ายนะคะนายแม่! ทำเปงติ๋มๆ หงิมๆ แร้วเปงไง พี่วินแทบล้ม อิ๊_อิ๊

เคยใบ้ไว้หลายตอนแง้ว ว่ามีใครคนนุงเปงโลมาแฝงตัวมา 55555

ตอนนี้เบาๆ หวานๆ พอให้ชุ่มชื่นหัวใจก่อนนะคะ เหลืออีกไม่กี่ตอนแล้ววว อีกไม่นานจะจบแล้วค่ะ ผู้ชายได้กันแน่นอน ไม่ต้องห่วงน้าาาา 5555

ขอโทษที่เอามาลงช้าไปนิด ฮัสกี้มัวแต่ลุ้นน้องๆ หมู่ป่ากับจ่าฝูงทุกวันเลย วันนี้ฤกษ์งามยามดี ทุกคนปลอดภัยแย้ว เฮ้ๆ Make the Impossible Possible จิมๆ กราบใจทุกคนที่เกี่ยวข้องค่ะ

ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคน คืนนี้นอนหลับฝันดี ฝันเห็นโลมากันนะก๊ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 10-07-2018 21:30:53
 :laugh: พี่เต้น่าสงสารสุดตอนนี้
แหมะพ่อโลมาน้อย หึหึ หวานๆ ฟินๆ  :-[
 :3123: :pig4: o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-07-2018 21:32:41
น่าสงสารหมอเตกินผัดกะเพราตั้ง 6 มื้อ แถมรสชาติยังไม่เหมือนกันสักมื้อ :m20: :m20:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 10-07-2018 21:38:21
สงสารเตชิต 55555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 10-07-2018 21:41:25
รู้สึกสงสารพี่เต้เหมือนกันนะ ที่ต้องทนกินผัดกะเพรานรกมาหกมื้อนี่  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-07-2018 22:03:20
 :pig4: :pig4: :pig4:

สกิลการทำอาหารของพี่แกนี่เรียกได้ว่า สุดสุดจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-07-2018 22:12:52
หมอเต้ที่น่าสงสาร :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-07-2018 22:24:38
 :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-07-2018 22:27:00
ทีหลังซื้อน้ำปลาอย่างเดียวนะ พิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-07-2018 22:33:39
กว่าเค้าจะได้งั้น พี่เต้จะตายเพราะผัดกระเพราก่อนมั้ยนี่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-07-2018 22:36:38
สงสารพี่เต้ที่ต้องมาเป็นหนูทดลองให้พี่วินเลย แต่ตอนนี้เจ้าหนูพิงค์เห็นคลิปที่พี่เต้ส่งไปแหย่ก็แตกตื่นไปแล้ว 55555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 10-07-2018 22:38:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-07-2018 22:47:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 10-07-2018 22:52:15
เย้มาต่อแล้ว​ เรามารอหน้าเพจทุกวันเบย​ วินเลิกทำอาหารเถอะ​ สกิลทำอาหารดลบมากกกก​ กไก่ล้านตัว​ สงสารหมอเต้จริมๆค่ะ​ 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-07-2018 23:02:21
สงสารพี่เต้ที่ต้องมาเป็นหนูทดลองให้พี่วิน เดี๋ยวำด้เข้า รพ. อีกรอบหรอก55555 แต่พี่เต้ก็เอาคืนโดยแกล้งพิงค์แล้วนะ หลุดไปเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-07-2018 23:14:28
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-07-2018 23:29:48
สงสารหนูทดลองของหมอวิน
 เช็คไตบ้างนะหมอเต้555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-07-2018 23:41:10
หมอวินไม่ควรเข้าครัวนะ ถ้าจะทำผัดกระเพา 6 รสชาด ใน 6 มื้อเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-07-2018 00:01:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 11-07-2018 00:36:49
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-07-2018 01:11:55
หวานๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-07-2018 02:30:22
สงสารพี่เต้ค่ะจุดนี้ คาดว่าบวดล่าสุดคงเป็นจิ๊กโฉ่ว
ว่าแต่ คนเราต้องมีขวดจิ๊กโฉ่วไว้ในบ้านเลยหรอนะน้องพิงค์55
พิงค์นี่เหมือนโดมิโนที่เรียงกันเยอะๆอะ
พอเริ่มล้มไปได้ตัวนึงแล้ว ก้หยุดไม่ได้อีกเลยค่าาา
คิดๆดูแล้วก้แอบอยากให้เค้าผลัดกันเหมือนกันนะคะ55555
เสียดายความเชี่ยวของพี่วินค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 11-07-2018 04:56:29
 :jul3: :jul3: :jul3: หมอเต้คงเข็ดขยาดกับเมนูผัดกะเพราไปอีกนาน น่าสงสาร :jul3:  :m20: :jul3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-07-2018 05:06:49
ผัดกระเพราพี่วินใส่จิ๊กโฉว่แหง 555 เปรี้ยวมาจากไหน ฮาสุด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-07-2018 06:56:11
ปรบมือเป็นกำลังใจให้หมอเตชิตค่ะ
หนูทดลองของตอนนี้ โดนบังคับทำทุกอย่าง 555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 11-07-2018 08:08:21
สะจาย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 11-07-2018 10:03:09
สรุป.. เค้า ยัง ไม่ได้ กัน แบบ เป็นทางการ.. แต่อีกพี่เตชิต.. กินผัดกระเพราไปแบบไม่เป็นทางการ.. จนกว่า เค้า จะ ได้ กัน... 5555แกล้งน้องพิงค์ดีนัก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 11-07-2018 11:00:31
โอ้ยวิน ทำกับข้าวไม่ซ้ำรส 5555555555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 11-07-2018 13:57:22
รอๆๆๆเมื่อไหร่ผู้ชายเค้าจะได้กัลลลลลล  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 11-07-2018 19:21:42
ความหวานมาพร้อมกับความกังวลใจอีกแล้ว  แต่คราวนี้เบาๆ แบบแอบแฝงสินะโลมาน้อย



รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 11-07-2018 23:08:16
หวานน้อยก็ได้หวานมากๆก็จะเลี่ยนเอา
แต่ถ้าหวานแล้วจะมาขมทีหลังอีกก็ไม่เอานะ

เบื่อแล้ว ซดมาม่าไม่ไหวแล้ว
หุหุ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 12-07-2018 01:01:53
สงสารหมอเต และเห็นด้วยว่า กลับไปทอดหมูยอแดกเถอะ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-07-2018 06:53:04
5555 คนเลิกทำเด้อคุณหมอ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-07-2018 07:35:50
ทีนี้พิงค์คงจะฟิตหนักไปอีก
คราวนี้พี่หมอตามไม่ทันแน่ไ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 12-07-2018 13:38:59
ขำเต้ กะเพรารดชาติใหม่ :laugh:                                                                                                                           
 พิงค์ก็นะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยหื่น(น้อย)เลยนะ :z1:                                                                                                               
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 12-07-2018 19:40:29
ผัดกะเพรารสเปรี้ยววววว  โอยยคุณหมอ 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-07-2018 18:48:03
กว่าจะกล้า กว่าจะเข้าใจ ต้องให้กระตุ้นนะภูพิงค์
แล้วพี่ก็นอยด์ไปเหอะ คิดมากไปอีก
แต่ก็ดีนะ ห่างกันบ้าง มีคนคอยยุบ้าง จะได้ดิ้นหน่อย
ไม่งั้นก็เก็บตัว เก็บตัว ไม่เข้าใจกันไปอีกนาน

เต้กลับมาแล้ว เพื่อนไม่ทิ้งกันจริงๆ และดีที่เต้คิดได้
วินท์ก็เข้าใจและปล่อยวางได้ ก็มีเพื่อนรักคนเดียวอะเนาะ
แต่สงสารตรงที่กินผัดกระเพราไม่ซ้ำรสทุกวันเลย กระเพาะไหวไหมเต้

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-07-2018 01:13:59
 :laugh:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 53 : หวานน้อยๆ][100718]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 16-07-2018 20:20:49


Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ


เมื่อกลับมาถึงบ้านเช่าหลังจากซ้อมกีฬาเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้ว แต่ก็ถือว่าวันนี้ได้กลับเร็วกว่าทุกที
 
พอกินอาหารมื้อดึกกันเสร็จ ห้าหนุ่มก็แยกย้ายกลับเข้าไปห้องใครห้องมัน

ภูพิงค์นั่งลงบนเตียง ทำหน้าเครียดพลางจ้องเพื่อนร่วมห้องเขม็ง

“เดี๋ยวกูอาบน้ำ...” ซันชะงัก “อ้อๆ มึงรอไอ้นั่นใช่มะ” ก่อนจะเดินไปรื้อลิ้นชักโต๊ะหนังสือ

“ไอ้ซัน ทำไมมึงมีของแบบนี้ด้วยวะ”

“ก็คิดว่าจะได้ใช้ไง”

“โห! มีความพร้อม!” เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่นึกว่าเพื่อนรักที่ดูเงียบๆ จะมีความพร้อมยิ่งกว่าเขา

หรือกูไม่เอาไหนเองวะ

“เอ้า!” พอหยิบออกมาจากลิ้นชักได้ ซันก็โยนให้อีกฝ่าย

ภูพิงค์เอื้อมมือไปตะปบรับ ก่อนจะชะงัก “ทำไมมันมาเป็นกระปุก...”

“อันนี้แบบธรรมชาติมึง ไม่แข็งมาก กูว่าดี” พูดเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำไป

เด็กหนุ่มยกกระปุกเจลขึ้นอ่านข้อความด้านข้าง “เจลใช้สำหรับแต่งผม ไอ้เหี้ยซัน!” เขาอยากจะเอาเจลในกระปุกไปยีหัวมันนัก แต่จะว่ามันก็ไม่ได้ ตัวเขาคงพูดไม่ชัดเจนเอง

ไม่นานซันก็เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นเพื่อนรักนั่งกุมขมับก็เดินเข้าไปถาม “ใช้ไม่ได้อ่อ”

ภูพิงค์เงยหน้าขึ้น “สัส ไม่ได้เว้ย! กูไม่ได้จะเอาเจลแต่งผม!”

“แล้วมึงจะเอาเจลอะไร”

“เจลหล่อลื่นโว้ย!”

ใบหน้าของซันซับสีเลือด เขานั่งยองๆ ลงพร้อมกับเอาผ้าขนหนูพันหัวไว้ “เอาไปทำเรื่องอย่างว่าเหรอวะ”

“เออสิวะ! มึงคิดว่ากูจะเอาไปแปรงฟันรึไงล่ะ!”

“กับพี่หมอเหรอวะ”

“สัส กูมีคนอื่นมั้ยล่ะ!” ภูพิงค์หันมองไปทางประตู แล้วจุ๊ปาก “มึงอย่าเอ็ดไป อย่าบอกใครด้วย มาช่วยกูคิดหน่อย กูจะไปซื้อเจลที่ไหนยังไงดี”

“ร้านขายยาสิมึง”

“กูก็รู้เว้ย แต่ถ้าไปร้านขายยาแถวมหาลัย กูก็กลัวจะมีคนเห็นแล้วจำกูได้ เกิดถ่ายรูปไปลงเน็ตกันอีก มึงช่วยกูคิดหน่อย เอาไงดีวะ”

“งั้นไปไกลจากมหาลัยหน่อยดีมั้ยวะ”

“มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”

“ไม่เอาเว้ย! กูก็เขินเป็นมะ”

ภูพิงค์ถลึงตาใส่เพื่อน “ถ้ามึงไม่ช่วยกูนะ กูจะบอกให้พี่วินไม่ต้องมาช่วยงานคณะอีก!”

“ไอ้เหี้ย!” ซันส่งนิ้วกลางให้รัวเป็นปืนกล “เออ พรุ่งนี้พักเที่ยงไปหาซื้อกัน”

“ขอบใจเว้ย~”

“หาเรื่องให้กูฉิบหายเลยมึงเนี่ย”

“มึงไม่ค่อยหาเรื่องให้กูเลยนะ อีกอย่าง ในเมื่อมึงก็มีส่วนร่วมในการทำให้กูกับพี่วินรักกัน มึงก็ต้องช่วยกูรับผิดชอบด้วยเว้ย”

“เออๆ กูไม่อยากฟังมึงแล้ว” ซันถอยกลับไปนั่งบนที่นอนของตน เขาเอนหลังลงนอนแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกูเกิลแมปหาร้านขายยาไปพลางๆ ระหว่างที่รอให้ง่วง “ปิดไฟด้วยสัส”



ในตอนเที่ยงของวันใหม่ ภูพิงค์ซ้อนมอเตอร์ไซค์ของซันมุ่งหน้าออกจากมหาวิทยาลัย ไปร้านขายยาที่ห้างเซนทรัล เพราะพวกเขาคิดว่าร้านยาใหญ่ๆ ในห้างน่าจะคนเยอะ คงจะไม่มีใครสนใจพวกเขามากนัก

สองหนุ่มจ้ำอ้าวๆ เข้าไปในร้าน เดินตรงไปหยุดหน้าชั้นขายถุงยางอนามัยและเจลสารพัดสีกลิ่นรส

“โอ้โห... เอาอันไหนดี มึงมีถุงยางยังวะ” ซันถามพลางกวาดสายตามอง

“กูไม่มีเหี้ยอะไรสักอย่าง กูควรจะเริ่มจากรสอะไรดี”

“อืมมม... มึงก็เอารสที่มึงชอบแดกสิ” พูดจบสองหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปจ้องอ่านทีละรส

“สตรอวว์เบอร์รี”

“กล้วย”

“ส้ม”

“เอาทุกรสเลยดีมั้ยวะ” ภูพิงค์หันไปปรึกษาเพื่อนรัก

ในขณะเดียวกันก็มีเสียงใครบางคนเรียกชื่อพวกเขา “อ้าว ไอ้ซัน ไอ้พิงค์ มาเหมือนกันเรอะ”

น้ำเสียงคุ้นหูนั่นเรียกให้สองหนุ่มหันขวับ “พี่เล็ก! มาทำไรวะเนี่ย!”

“ก็มาซื้อของกับพวกสโมฯ ไง เตรียมขนมไว้ให้พี่หมอด้วย แล้วพวกมึงมาทำไร” นายกสโมฯ ตอบ พร้อมชะเง้อดูว่าสองหนุ่มกำลังมุงดูอะไรกัน

ภูพิงค์หันไปคว้าห่อที่อยู่ใกล้ๆ มือมา “มาซื้อของครับ!”

นายกสโมฯ ขมวดคิ้ว “พวกมึงจะซื้อผ้าอนามัยไปทำไมวะ”

“เย้ย!” ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงแปร๊ด ซันเพื่อนรักจึงรีบพูดขึ้น

“เพื่อนที่มหาลัยฝากซื้อน่ะพี่”

“เอ๊า ในมหาลัยไม่มีขายเหรอวะ ต้องฝากพวกมึงมาซื้อถึงนี่”

“รุ่นพิเศษน่ะพี่ หาย้าาก” สองหนุ่มพร้อมใจกันตอบแบบประสานเสียง

“อ่อๆ แล้วพวกมึงจะซื้อของกันอีกนานมั้ยล่ะนี่”

“ไม่นานครับ จะซื้ออย่างเดียวนี่แหละ”

“งั้นซื้อเสร็จไปกินไอติมกัน เผื่อจะได้คุยกันเรื่องวันเสาร์ด้วย ปะๆ พี่เลี้ยง”

เด็กหนุ่มทั้งสองคนยิ้มเจื่อนๆ พวกเขาหันมองหน้ากัน จำใจต้องเอาผ้าอนามัยในมือไปจ่ายเงินที่เคาทน์เตอร์ แล้วเดินตามรุ่นพี่ไปต้อยๆ

หลังพูดคุยกันเสร็จสองหนุ่มก็พากันขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากเซนทรัลไปหาร้านขายยาแห่งใหม่ เอาที่ใหญ่ๆ และไกลจากมหาวิทยาลัยออกไปอีกนิด

ไม่นานพวกเขาก็พบร้านใหม่ มองจากข้างนอกไม่เห็นมีคนในร้านก็ดีใจ หากพอเดินเข้าไป ก้าวแรกเท่านั้นก็มีเสียงทัก

“พี่พิงค์ พี่ซัน โดดเรียนเหรอคะ”

สองหนุ่มเบิกตากว้าง เพราะเจอรุ่นน้องในภาคเข้าอย่างจัง “น้องกุ๊ก! มาทำไรที่ร้านยาเนี่ย”

“นี่ร้านพ่อหนูค่ะ วันนี้โดดเรียนบ่ายมาเฝ้าร้านแทนพ่อ พี่จะซื้ออะไร มาๆ เดี๋ยวหนูหาให้”

อะไรพวกเขาจะซวยขนาดนี้วะ!

“เอา... ยาธาตุน้ำขาว...ครับ”

สุดท้ายก็เดินออกจากร้านกันมาพร้อมกับยาธาตุน้ำขาวและผ้าอนามัยในกระเป๋าเป้

“ไอ้ซัน กูว่าลดขนาดร้านขายยาลงหน่อยอาจจะดี”

“แต่ของมันจะมีให้เลือกน้อยไปด้วยนะมึง”

“ลองดูก่อนละกันเว้ย”

ซันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา “ไปได้อีกร้านนึง งั้นเอาใกล้ๆ ละกันมึง เดี๋ยวกลับไปเรียนไม่ทัน”

สองหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปทางมหาวิทยาลัย ระหว่างทางก็หันมองซ้ายขวาหาร้านยา ไม่นานก็เจออีกร้าน พวกเขาจอดมอเตอร์ไซค์ที่ข้างหน้าร้านขายยา ยังไม่ทันจะก้าวเข้าร้านก็มีเสียงทักมาขัดจังหวะได้อีก

“อ้าว ไหนพวกมึงว่าจะรีบกลับมหาลัยไงวะ”

“พี่เล็ก! มาทำเหี้ยอะไรแถวนี้อีกวะ!”

“ไอ้ต่ายมันปวดท้อง เลยแวะซื้อยา แล้วพวกมึงล่ะ”

“พวกผม... เอ่อ...” สองหนุ่มหันมองไปรอบๆ ก่อนจะชี้ไปที่ร้านข้างๆ ร้านขายยาอีกที “แวะซื้อข้าวหมูแดงน่ะพี่”

“โอเคๆ ไว้เจอกันเว้ย” เล็กพยักหน้า แล้วเดินเข้าร้านขายยาไป

ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ “กูว่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดีแล้ว อ้าว ไอ้ซัน มึงจะไปไหน”

“ซื้อข้าวหมูแดง ไหนๆ ก็มาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว”

“แล้วเจลกูล่ะ~”

“มึงก็รอพี่เขากลับกันก่อนค่อยเข้าไปซื้อสิวะ”

แต่สุดท้ายสองหนุ่มก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับมหาวิทยาลัยพร้อมกับผ้าอนามัย ยาธาตุน้ำขาวและข้าวหมูแดงห้ากล่อง เพราะรอให้พวกรุ่นพี่เดินออกมาจากร้านขายยาไม่ไหว แถมต้องเอาข้าวไปเก็บที่บ้านแล้วกลับมาเรียนให้ทันอีก



ฝ่ายทันตแพทย์หนุ่มหล่อสองหน่อ เย็นวันนี้รวินท์หมดแรงจะทำผัดกะเพราแล้ว เขาให้เตชิตเป็นคนแสดงฝีมือบ้าง ขณะที่อีกฝ่ายทำกับข้าว เขาก็นอนเล่นอยู่บนพื้นห้อง เปิดโทรทัศน์ดูไปพลาง

“กูนึกออกแล้วว่าห้องกูขาดอะไร กูว่ากูซื้อโทรทัศน์บ้างดีกว่า เฮ้ย ไอ้เต้ โทรทัศน์นี่ซื้อแล้วเขาเอามาส่งให้มั้ยวะ”

“ส่งให้ก็คงมี แต่ถ้ามึงจะซื้อ เดี๋ยวกูเอารถกูไปช่วยหอบมาติดตั้งกันเองก็ได้”

“มึงติดตั้งเป็นด้วยเหรอวะ”

เตชิตอ้ำอึ้ง ที่จริงก็ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะของเขาน่ะมารดาจัดการให้ช่างมาติดตั้งให้ เขาเดินถือจานข้าวสองใบมานั่งลงที่โต๊ะกับเพื่อนรัก “มึงก็เรียกช่างส่วนตัวของมึงมาติดให้สิวะ จะได้เรียกมันมาที่ห้องไง เผื่อใช้งานอย่างอื่นด้วย”

รวินท์หันไปประสานสายตากับอีกฝ่าย รอยยิ้มกรุ้มกริ่มค่อยๆ ปรากฎขึ้นที่ตรงมุมปาก “เออ เป็นความคิดที่ดี”

“กูหมายถึงใช้งานอย่างอื่น มึงคิดไปถึงไหนวะไอ้เหี้ย”

“ก็ใช้งานไงวะ”

เตชิตหรี่ตามอง “กูชักสงสารไอ้พิงค์นิดหน่อยแล้ว”

“สงสารกูนี่”

“สงสารมึงทำไม มีอะไรให้สงสารวะ”

รวินท์ทอดถอนใจเบาๆ “มึงก็รู้นิสัยพิงค์กับนิสัยกู แม่งคนละขั้ว”

“ก็... จะว่าไปก็ใช่”

“มึงเข้าใจความลำบากของกูยัง”

“ยัง ลำบากยังไงวะ ระบุให้ชัดๆ หน่อย”

รวินท์ส่งสายตาขุ่นๆ ใส่ ใจนึกอยากจะถีบเพื่อนรักนัก เห็นมันรู้ดีทุกเรื่อง ทีแบบนี้ทำไมเสือกไม่เก็ตวะ

“ลำบากไงอะ ถามแค่นี้ต้องทำหน้าดุใส่ด้วย กูจะไปรู้นิสัยไอ้เด็กพิงค์เหมือนมึงมะ นอกจากว่ามันโคตรซื่อบื้อแล้ว กูก็...” เตชิตชะงัก ขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปถาม “มันบื้อทุกเรื่องเลยเหรอวะ”

“เออ”

“บื้อแบบ... บื้อทุกเรื่อง?”

“เออโว้ย ทุกเรื่อง!”

เตชิตหัวเราะลั่น เสียงดังจนหัวสั่นหัวคลอน แบบไม่เกรงใจเพื่อนรักที่ทำหน้าดุพร้อมส่งนิ้วกลางให้เลย “ก็เหมาะกับคนอย่างมึงแล้วไง เหมือนแม่เหล็กคนละขั้ว จะได้ดูดติดกันแน่นๆ”

“สัส”

“มึงก็เริ่มก่อนสิวะ สอนเด็กมันหน่อย”

“กูก็พยายามอยู่ คือเรื่องปกติแม่งบื้อแล้ว เรื่องอย่างว่านี่แม่งยิ่งโคตรบื้อ คือกูต้องเริ่มจากศูนย์เลยอะ ต้องสอนเหมือนก.เอ๋ยก.ไก่ มึงเข้าใจมั้ย”

“โธ่ มึงก็ปล้ำแม่งไปเลยสิวะ ทีสองทีมันก็เป็นเอง”

“บางทีกูก็อยากถูกปล้ำมะ”

เตชิตหัวเราะหนักกว่าเดิม หัวเราะจนตัวงอต้องยกมือกุมท้อง “เหี้ย ฉี่กูจะเล็ดแล้ว หยุดเถอะ กูขอร้อง”

ใบหน้าของรวินท์เปลี่ยนเป็นสีแดง เขายกขาถีบอีกฝ่ายรัวๆ “จมกองฉี่ตายไปเลยสัส”


สองหนุ่มพักรบแล้วเปลี่ยนมาดูรายการโทรทัศน์ด้วยกันแทน ซึ่งในรายการมีการพูดถึงวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง

ขณะที่เตชิตนอนแผ่หลาอยู่บนพื้น เขาหันหน้ามามองเพื่อนรักแล้วเอื้อมมือไปสะกิด “วิน มีแผนวันวาเลนไทน์รึยังวะ”

เจ้าของชื่อหันขวับ “เอ่อ พิงค์เป็นคนจัดการ”

“ไม่ทิ้งกูไว้คนเดียวได้มั้ย”

รวินท์ยิ้มแห้ง เขาเบือนหน้าหลบ พลางขมวดคิ้ว ที่จริงก็สงสารเพื่อน เวลาที่เขาไม่มีใครก็มีมันอยู่ข้างๆ ตลอด แล้วเขาจะทิ้งมันไปมีความสุขกับคนรักได้ยังไงวะ แต่เขาก็รอที่จะไปค้างคืนวันวาเลนไทน์กับพิงค์มาตั้งนานแล้วนะ

“ขอกูคุยกับพิงค์ก่อนนะ”

เตชิตไม่ตอบ มีเพียงแค่รอยยิ้มเศร้าๆ ให้เพื่อนรักเท่านั้น



ในตอนเย็นของวันพฤหัส เด็กหนุ่มสองหน่อสวมเสื้อแจ็กเกตแบบมีฮู้ด ใส่หมวกทับ ใส่ผ้าปิดจมูกและสวมแว่นดำเดินเข้าไปในร้านขายยาร้านใหญ่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก

“ไอ้ซัน กูว่าแต่งแบบนี้ยิ่งทำให้คนมองป่ะวะ”

“มองไปอย่างน้อยก็ไม่รู้ว่าเป็นกูกับมึงไง ไปๆ รีบไปซื้อ จะได้รีบไปให้พ้นๆ จากที่นี่”

สองหนุ่มเดินเบียดกันไปยืนหน้าชั้นวางถุงยางและเจล ซึ่งมีละลานตา หลากสีหลายยี่ห้อไปหมด

ภูพิงค์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูรูปที่แคปไว้ เมื่อคืนเขากับไอ้ซันนั่งหาข้อมูลกันอยู่นานสองนาน “อยู่ไหนวะ หรือที่นี่ไม่มี”

“ใจเย็นๆ มึงอย่ามือสั่นดิ กูดูไม่ถนัด” ซันจับข้อมือเพื่อนไว้ขณะก้มลงดูภาพ “ถุงยางเอาแบบ...”

“สัส มึงอย่าพูดดัง” ใบหน้าของเด็กหนุ่มภายใต้แว่นดำและผ้าปิดจมูกซับสีเลือด เขาหันมองไปรอบๆ ร้านอย่างระแวง ก่อนสายตาจะไปพบกับใครคนหนึ่งที่เขารู้จักดีเข้า เขาสะกิดคนข้างๆ ยิกๆ แล้วจึงรีบก้มหน้าหลบ “แย่แล้วมึ้ง~”


“ไอ้พิงค์! ไอ้ซัน!”


สองหนุ่มรีบหันหน้าชนกัน ทำเป็นเมินคนเรียก หากนั่นทำให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาพวกเขาแล้วสะกิด

“บ่าฮ่า กูเรียกทำไมไม่หัน”

“ทักผิดคนแล้ว”

“บ่าจ๊าดง่าวนี่ กูเพื่อนมึงนะ ใครจะจำผิดวะ” แซนดี้ขึ้นเสียงสูง

“ชู่วๆ อีสัส เงียบๆ”

“พวกมึงมาทำอะไรกันวะ ทำไมต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ จะมาปล้นร้านยาเรอะ!”

สิ้นคำพูดของแซนดี้ สายตาของคนทั้งร้านก็พุ่งตรงมาที่เด็กหนุ่มสองคนกันเป็นตาเดียว

“ฮื้ยยย!” ภูพิงค์ก้มลงเอามือป้องใบหน้า “เงียบๆ หน่อยสิวะอีห่า แล้วมึงล่ะ มาทำไรที่นี่วะ! มาหายาเบื่อตัวเองเรอะ!”

“กูมาร้านขายยา มาซื้อข้าวเหนียวมะม่วงมั้งมึง” แซนดี้ขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองของบนชั้นตรงหน้าสองหนุ่ม “อ้อ... ให้กูแนะนำให้มั้ยวะ”

สองหนุ่มกระโดดเกาะหลังคนถามทันที “เอา!”

ซันรีบชี้ไปทางเจ้าทุกข์ “จัดให้แม่งหน่อย ขอชุดใหญ่ พร้อมรบได้หนึ่งอาทิตย์”

“ขอแบบในรูปด้วย” ภูพิงค์ส่งโทรศัพท์มือถือให้

“สัส มึงไปอดอยากมาจากไหนเนี่ย” แต่ถึงแม้ปากจะด่า แซนดี้ก็จัดการเลือกของที่อีกฝ่ายต้องการให้ พร้อมกับบรรยายสรรพคุณให้เสร็จ “ไอ้ที่มึงแคปรูปมา กูว่าไม่ค่อยเวิร์ค อันนี้ดีกว่า กูให้อันดับหนึ่ง...”

ซันเลิกคิ้วขึ้นพลางตบไหล่ภูพิงค์รัวๆ “โอ้โห! มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ใกล้ๆ ทำไมมึงไม่ฉุกใจวะ”

“รู้งี้กูปรึกษามันแต่แรกแล้ว ไม่รอมึงให้เสียเวลา”

“อ้าว ไอ้สัส”

แต่จู่ๆ แซนดี้ก็เงียบไป สองหนุ่มจึงหันไปมอง แล้วพบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องเป้ากางเกงของภูพิงค์เขม็ง

“มองอะไรของมึ้ง~” เจ้าของเป้ารีบเอามือบัง ปิดทั้งใบหน้าปิดทั้งเป้าสลับไปสลับมาเป็นพัลวัน

“อยู่นิ่งๆ สิวะ กูกำลังกะขนาดเว้ย”

“ไม่ต้องกะ กูบอกให้ อันเท่านี้เว้ย” ภูพิงค์ยกมือขึ้นบอกขนาด

แซนดี้คิ้วกระตุก “อย่ามาตอแหล!”

“เล็กกว่านิดนึงก็ได้”

“ไหนกะเส้นรอบวงมาดิ๊”

“มึงจะเอาเส้นผ่านศูนย์กลางกับรัศมีด้วยมั้ยอีห่า จะเอาไปคำนวณหาปริมาตรเรอะ!”

ซันหันมองไปทางภูพิงค์ที แซนดี้อีกที “พวกมึงเบาๆ กันหน่อยเว้ย คนในร้านเขาจะรู้ไซซ์ไอ้พิงค์กันทั้งร้านแล้ว”

“แล้วมึงจะพูดชื่อกูทำม้ายยย~” ภูพิงค์หันไปร้องเสียงหลง

กว่าจะได้ของครบก็เล่นเอาสามหนุ่มเหงื่อตกกีบไปตามๆ กัน แซนดี้จัดการเอาของที่เลือกให้เพื่อนรักไปจ่ายเงิน แล้วเดินถือถุงใส่ของที่เพิ่งซื้อเสร็จมาส่งให้ “เอ้า ได้แล้วมึง”

“เย้ย~” ใบหน้าของภูพิงค์ร้อนผ่าว ควันใกล้จะพุ่งออกหูแล้วตอนนี้

“โห หูแดงเหมือนมีกิ้งกือเกาะเลยสัส”

“มึงเอากลับบ้านไปด้วย เดี๋ยวกูต้องไปช่วยงานสโมฯ นะๆ”

“เออ เห็นแก่ข้าวหมูแดงเมื่อวานหรอกนะ เดี๋ยวกลับมาก็มาเอาที่ห้องแล้วกัน”

ภูพิงค์ยกมือไหวปลกๆ “กูรักมึงว่ะ สาธุ”



พอตกดึกคืนนั้น ภูพิงค์กับซันก็ย่องไปเคาะประตูห้องแซนดี้หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอนเสร็จ

“อีแซนดี้... อีแซนดี้โว้ย”

“มันน่าจะขี้อยู่ เห็นบ่นว่าปวดขี้เมื่อกี้” ดิวชะโงกหน้าออกมาจากในครัว ในมือถือกล่องไวตามิลค์ที่เขาดูดค้างไว้ “ทำไมพวกมึงต้องทำท่าลับๆ ล่อๆ ด้วยวะ”

“ทำไมมึงยังไม่นอนวะ!”

ขิงโผล่หน้าออกมาจากในครัวอีกคน “ก็หิวไง อีแซนดี้ก็ยืนเม้าท์อยู่ด้วยกันเมื่อกี้ จู่ๆ แม่งก็ปวดขี้ เลยวิ่งเข้าห้องไปอย่างเร็ว”

คราวนี้ประตูห้องแซนดี้เปิดออกผาง “เฮ้อ โล่ง~” พอพบหน้าภูพิงค์กับซันก็ถอยกลับเข้าห้องไป “อ้อ พวกมึงมาเอาของใช่มะ”

“อีแซนดี้~” ภูพิงค์ร้องเสียงหลง

“ของอะไรกันวะ” อีกสองหนุ่มเดินเข้ามาสมทบ

สุดท้ายทุกคนก็ได้เห็นถุงยางและเจลสารพัดในถุงใส ซึ่งภูพิงค์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมร้านขายยาไม่ใช้ถุงที่มันขุ่นๆ ปกปิดหน่อยวะ!

“โอ้โห ไอ้พิงค์”

“ทำไมพวกมึงรู้ว่าของกู! อาจจะของไอ้ซันก็ได้มะ!”

“แหม สัส ก็มีมึงคนเดียวที่มีแฟนป่ะวะ”

ภูพิงค์ก้มหน้าหลบสายตาทิ่มแทงจากทุกคน พลางเอื้อมมือไปรับถุงจากแซนดี้มา ทว่าพอรับมาแล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่ปล่อยมือจากถุง “ปล่อยสิวะ มึงจะยื้อไว้ทำไมเนี่ย”

“ไอ้พิงค์ กูถามจริง มึงทำเป็นรึเปล่า”

ใบหน้าของภูพิงค์ซับสีเลือด รู้สึกเหมือนถุงยางในถุงตรงหน้าเข้ามาจุกอยู่ในลำคอ “....”

“บอกมาตรงๆ ถ้าไม่เป็นกูจะได้สอน ถ้าเกิดมึงทำพี่หมอเจ็บ ระวังมึงจะไม่ได้ทำอีก นี่กูไม่ได้ขู่นะ”

เด็กหนุ่มสบสายตาเพื่อนรักนิ่ง ก่อนจะทรุดตัวลงกอดเข่า “ท่านอาจารย์ โปรดรับข้าน้อยเป็นศิษย์ด้วย”

“เรียกกูอาจารย์แล้วค่อยขอให้กูรับเป็นศิษย์เนี่ยนะ” แซนดี้เบ้ปากใส่ “เห็นแก่พี่หมอหรอกนะ มาๆ กูจะสอนทฤษฏีให้ ส่วนปฏิบัติมึงค่อยไปฝึกเอาหน้างาน”

จากห้าทุ่มยาวไปจนถึงตีหนึ่ง ภูพิงค์ยังคงนั่งคุกเข่าฟังแซนดี้บรรยายอยู่ภายในห้องนั่งเล่น เพื่อนอีกสามชีวิตจะหนีไปไหนก็ไม่ได้ เนื่องจากภูพิงค์ดึงซันไว้ ดังนั้นซันจึงดึงขิงและดิวต่อเป็นทอดๆ

“ไอ้สัสพิงค์ ทำไมพวกกูต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งฟังไปกับมึงด้วยวะ แฟนก็ไม่ได้มีกับเขา”

“สักวันพวกมึงก็ต้องมีป่ะวะ เก็บไว้ใช้ไง”

“ชาตินี้จะหาได้รึเปล่ายังไม่รู้เลยสัส”

“พวกมึงเป็นเพื่อนกูมั้ย เพื่อนก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนกันสิวะ!” ภูพิงค์งัดไม้ตายดราม่าขึ้นมาใช้ เป็นผลให้เพื่อนพ้องยอมนั่งอยู่ด้วยกันต่อไปจนถึงตีสองได้

หลังจากนั่งฟังบรรยายต่อไปอีกสักพัก แซนดี้ก็สรุป “อะ ทฤษฏีคร่าวๆ ก็มีแค่นี้ ไหวมั้ยไอ้สัสพิงค์”

เจ้าของชื่อพยักหน้าหงึกๆ มือถือกระดาษทิชชูซับเลือดกำเดาที่หยดลงมาเป็นระยะ เขาไม่น่าจินตนาการภาพพี่วินไปด้วยระหว่างฟังเลยแม่ง แรงหื่นพุ่งออกหูแล้ว

“มึงจะเลือดหมดตัวตายก่อนมั้ยไอ้พิงค์” ดิวหันไปถามอย่างห่วงๆ

“แต่กูง่วง” ขิงอ้าปากหาวกว้าง

“อะ ถ้าง่วง มาออกกำลังกันบ้าง นี่เป็นสิ่งสำคัญที่พวกมึงทุกคนควรรู้ไว้ แบบฝึกหัดบทแรกจากกู ขมิบสามสิบครั้ง สามเซต ปฏิบัติ!”

สี่หนุ่มทำหน้างง “ขมิบอะไรวะ”

“ตูดไงมึง”

“เย้ย! จะให้พวกกูขมิบไปทำพ่องส์!”

“เอ้า พวกมึงไม่รู้จักผลประโยชน์จากแรงขมิบซะแล้ว มันมีผลดีกับไอ้นั่นของพวกมึง ช่วยให้แรงดีเหมือนกินม้ากระทืบโลง ไม่ล่มปากอ่าวด้วยเว้ย”

สี่หนุ่มอ้าปากค้าง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทำไมพวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยวะ!

“เอ้า พร้อมยัง ขมิบตามกู หนึ่ง สอง...”

“เอาก็เอาวะ” พวกเขายกมือขึ้นเกาศีรษะ แต่ก็ยอมทำตามไปอย่างงงๆ มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร อาจจะทำให้หายง่วง

หลังขมิบกันไปจนครบสามเซต แซนดี้จึงถามขึ้น “ไม่ยากใช่ไหมพวกมึง ต่อไปนี้ทำทุกวัน เพื่อแฟนในอนาคตของพวกมึง โอเค้”

“โอย เหน็บกินตูดแล้ว”

สี่หนุ่มเอนหลังนอนลงไปบนพื้นห้อง เพราะขมิบกันจนเมื่อยตูด นอนบ่นกันไปสักพักภูพิงค์ก็ผงกศีรษะขึ้น

“เออ วันวาเลนไทน์นี้ตรงกับวันเสาร์ กูจะพาพี่วินไปค้างม่อนแจ่มสักคืน พวกมึงว่าดีมะ”

สายตาทุกคนพุ่งตรงเข้ามาทิ่มแทงภูพิงค์ทันควัน “แหม ไปม่อนแจ่มกับพี่หมอ แล้วพวกกูล่ะ มึงเคยคิดมั้ยว่าพวกกูต้องหลบอยู่ที่บ้านเช่านี่ เพราะออกไปไหนก็เจอแต่คนเขาจีบกัน มันเจ็บรู้มั้ยมึง”

“เอ้า พวกมึงก็หาอะไรทำสิวะ ดูดีวีดีก็ได้”

“พูดง่ายๆ ก็คือมึงจะทิ้งพวกกูไว้ให้นอนเน่าที่บ้าน แล้วมึงก็จะไปสวีตกับพี่หมอใช่มะ” แซนดี้ขึ้นเสียงสูงปรี้ด

“เดี๋ยวสิวะ วันวาเลนไทน์ใครเขาพาเพื่อนไปเที่ยวกับแฟนวะ”

“ใช่ซี้ มึงมันมีแฟนแล้ว” ดิวขึ้นเสียงตาม

“ถ้าไปกับกูกับพี่วิน พวกมึงก็ต้องทนดูพวกกูสวีตกันป่ะวะ”

“อ้อ มึงจะทนไม่สวีตกันต่อหน้าพวกกูไม่ได้เลยใช่มะ สรุปก็คือมึงจะทิ้งพวกกูเฝ้าบ้านนั่นล่ะ”

ซันผงกศีรษะหงึกๆ “น่าสงสารพี่เต้เหมือนกันเนอะ คงจะเจอชะตากรรมเดียวกัน”

“พวกเรามันคนที่โดนทิ้ง พอหมดประโยชน์ก็โดนทิ้ง เหมือนผ้าอนามัยใช้แล้ว” ขิงยกชายเสื้อขึ้นซับหางตา

ภูพิงค์อ้ำอึ้ง เขาร่อนเร่ไปกับพี่วินมาเป็นสิบครั้ง พวกมันไม่เคยดราม่า ทำไมเกิดจะมาดราม่ากันครั้งนี้วะ

“ไอ้พิงค์ ไอ้เพื่อนเห็นแก่ตัว ไอ้เพื่อนเลว” สี่หนุ่มหันหน้าเข้าร่วมวงดราม่าด้วยกัน

“สัส!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเกาศีรษะ

แม่ง... ถ้าจะไปกันยกกลุ่มแบบนี้ พี่วินจะไม่งอนเขาเหรอวะ เขาสัญญาไว้แล้วด้วยว่าจะเป็นคนจัดการเรื่องวันวาเลนไทน์เอง “กูขอคุยกับพี่วินก่อนก็แล้วกัน”

ไม่มีคำพูดใดๆ จากเพื่อนทั้งสี่คนอีก เขาถูกงอนไปแล้วเสร็จสรรพ

“พวกมึงนี่...” ภูพิงค์อยากจะลุกขึ้นเตะรายตัว งานนี้ถ้าพี่วินงอนเขาด้วย เขาจะจับพวกมันนั่งขมิบจนตะคริวกินตูดเลยแม่ง



ในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันศุกร์ เตชิตขับรถจากลำพูนไปยังเชียงใหม่พร้อมเพื่อนรักและพี่สิงหา เมื่อมาถึงแล้วก็ไปกินมื้อเย็นกัน ก่อนจะกลับมาที่คลินิก

พอจะพากันเดินเข้าไปในตึก รวินท์ก็จับชายเสื้อเตชิตไว้ พลางพูดเสียงอ่อย “ไอ้เต้ กูจะไปหาพิงค์ ไปส่งหน่อยดิ”

เตชิตยิ้ม ส่ายหน้าแล้วโยนกุญแจรถให้ “ไม่อะ มึงขับไปเองละกัน เอ้า”

“เอ้อ... แล้วมึงไม่ออกไปไหนแล้วเหรอวะ”

“ไม่อะ เดี๋ยวจะนั่งดูซีรีส์กับพี่สิงหาว่ะ ไปเถอะ แล้วอย่ากลับดึกนักนะเว้ย”

“ขอบใจ” รวินท์รู้สึกเกรงใจเพื่อนรักอยู่เหมือนกัน เขาพยายามระวังไม่พูดหรือทำอะไรให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำน้ำใจเหมือนอย่างในอดีตอีก “มึง...ไม่เป็นไรนะ จะเหงามั้ย”

“ไม่เหงาหรอก พี่สิงหาก็อยู่ มึงไปเหอะ แต่ขากลับแวะซื้อบัวลอยมาฝากด้วยก็ดี”

“โอเค” รวินท์ยิ้มกว้าง ก่อนจะหันหลังเดินตรงไปยังรถที่จอดไว้ พอขึ้นไปนั่ง หันไปที่ประตูทางเข้าตึกก็เห็นเพื่อนรักยืนโบกมือบ๊ายบาย เขาโบกมือตอบแล้วขับรถออกไป

รอยยิ้มของเตชิตจางหายไปทีละน้อย มองเพื่อนรักขับรถห่างออกไปตาละห้อย พร้อมกับถอนหายใจหนักๆ

“ดีแล้วมึง เพื่อนกันไม่ต้องตัวติดกันตลอดหรอก ไปๆ ดูซีรีส์กัน” สิงหาโอบไหล่รุ่นน้องแล้วเขย่าเบาๆ

“ผมอยากดู Game of thrones อะ ยังไม่เคยดูเลยพี่ ตอนนอนโรงบาลเห็นพยาบาลคุยกันบ่อยๆ”

“เอาดิ มีตั้งหลายซีซัน มึงดูได้ยันเช้าเลย”

เตชิตขมวดคิ้ว “พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานทำการรึไงวะพี่”

“พี่หมายถึงมันมีเยอะ ดูยาวได้ยันเช้า แต่ไม่ได้ให้มึงดูยันเช้าจริงๆ เว้ย” ทันตแพทย์รุ่นพี่เขกศีรษะรุ่นน้อง จากนั้นก็กอดคอพากันเดินเข้าไปข้างใน


*TBC*


น้องพิงค์ต้องสู้นะ ใครจะกากเท่าหนูมะมีอีกแร้วรู้กกกก /ซับนั้มตา  :hao5:

แต่น้องพิงค์ก็ได้ครูดีแล้วน้า ติดอยู่ที่ว่าจะเอาทฤษฎีไปปฏิบัติได้ขนาดไหนนี่แหละค่ะ 555555

ความวุ่นวายยังดำเนินต่อไป อดทนรอวันเผด็จศึกไปกับสองหนุ่มนะคะ

คืนนี้นอนหลับฝันดี ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 16-07-2018 20:57:15
ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมไม่ปรึกษาแซนดี้. 5555 พิงค์คนบื้อปี2018
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-07-2018 21:21:15
วนวาเลนไทน์เดทพร้อมเพื่อนทั้งแก๊งค์ แววนกมาแต่ไกลเบยยย 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-07-2018 21:25:23
ปรึกษาแซนดี้ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง ดีไม่ดีได้คลุกวงในอิพี่ตั้งแต่อีพี20ละมั้ง บื้อกว่านี้อีกก็คงต้องบอกว่า นอนเฉยๆไปเหอะนะให้พี่มันจัดการ

พิงค์วินของช้านจะล่มรึจะรอด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-07-2018 21:34:34
เอ็นดูน้องพิงค์ วาเลนไทน์ต้องหอบกันไปครบแก้งค์แน่เลยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-07-2018 21:56:33
โชคดีที่เจอแซนดี้  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 16-07-2018 22:09:18
คือขมิบนี้ปกติคนฝึกต้องฝ่ายรับไหม?
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-07-2018 22:11:55
 :laugh:


  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-07-2018 22:41:11
ขำพิงค์กะซันไม่ไหวแล้วววว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-07-2018 22:47:14
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-07-2018 22:51:56
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-07-2018 22:52:21
จะไหวไหมน้องพิงค์ :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-07-2018 23:00:13
มีแซนดี้อยู่ใกล้ตัว มีไรก็ถามแซนดี้นะพิงค์ ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-07-2018 23:08:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

โคตะระบื้อจริง ๆ นุ้งพิงค์เอ๋ย

ถ้าฝากกูรูแซนดี้ ซึ่งอยู่บ้านเดียวกันให้จัดการให้ เรื่องก็จบตั้งแต่แรกแล้ว  ไม่ต้องส่งผลให้คนอ่านขำกลิ้งจนเยี่ยวเล็ดหรอก  อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 16-07-2018 23:11:14
ฮาพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 16-07-2018 23:11:22
โอย อีน้องเอ๊ย นอนนิ่งๆ แล้วให้พี่วินทำโลด
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 16-07-2018 23:43:18
 :laugh:
ฮ่าฮ่า

ฮามาก..มีแต่ยาธาตุน้ำขาวกับข้าวหมูแดงหลายห่อกลับบ้าน

อินู๋พิงค์
น่าจ๋งจ๋าน
กร๊ากกกกกกกก
 :pigha2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-07-2018 23:48:55
ความลำบากนี้555555 จะซื้อถุงยางกับเจลนี่มันต้องหลบๆซ่อนๆขนาดนี้เลยหรา แล้วไปกี่ที่นี่ต้องมีคนรู้จักตลอด ซวยจริงจัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 17-07-2018 00:09:20
แซนดี้ช่วยชีวิตน้องพิงค์จริงๆเลยค่ะ
ไม่งั้นน้องคงไม่คืบหน้า /ซับน้ำตาสงสารพี่หมอ
พี่วินคะ รุกก่อนก้โดนปล้ำทีหลังได้ค่ะ 5555555555
ช่วยจุดไฟให้น้องก่อนเดี๋ยวน้องโหมไฟต่อเองได้แน่ๆค่ะ
ส่วนแผนวาเลนไทน์นั้นนนนน ท่าทางจะได้ไปเป็นหมู่คณะแน่ๆแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 17-07-2018 01:05:59
 :jul3: :jul3: :jul3: พิงค์หนอพิงค์ ฮาโคตร ๆ อ่อนหวะแก  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-07-2018 01:26:04
พิงค์ คนกาก2018 555 :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-07-2018 01:41:03
พิงค์ เพื่อนอย่างแซนดี้มีไว้ทำไมลูก
กูรูอยู่ใกล้แท้ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-07-2018 01:41:31
ผู้เชี่ยวชาญอยู่ใกล้ๆนี่เอง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-07-2018 05:02:09
ความลับ........ลับมากกกกกก  :serius2:
จนรู้กันหมด ในกลุ่มเพื่อนๆ   :hao3:
แถมยังออกกำลังขมิบก้นตามแซนดี้กัน ซะสามเซ็ต ปฏิบัติ อะจ๊ากกกกก   o22 o22 o22

วาเลนไทน์นี้ ดูท่าจะคึกครื้น
มีเพื่อนๆไปร่วมกันทุกคน รวมทั้งเต้ด้วย อะจึ๋ยยยย
เต้ จะเจอใครดามใจนะ ใช่เพื่อนพิงค์หรือเปล่า
เอ๊...........หรือเป็นแซนดี้กันนะ ตัวแม่เลยนะ  :m20: :laugh:

พิงค์ วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-07-2018 05:06:50
ความลับ........ลับมากกกกกก  :serius2:
จนรู้กันหมด ในกลุ่มเพื่อนๆ   :hao3:
แถมยังออกกำลังขมิบก้นตามแซนดี้กัน ซะสามเซ็ต ปฏิบัติ อะจ๊ากกกกก   o22 o22 o22

วาเลนไทน์นี้ ดูท่าจะคึกครื้น
มีเพื่อนๆไปร่วมกันทุกคน รวมทั้งเต้ด้วย อะจึ๋ยยยย
เต้ จะเจอใครดามใจนะ ใช่เพื่อนพิงค์หรือเปล่า
เอ๊...........หรือเป็นแซนดี้กันนะ ตัวแม่เลยนะ  :m20: :laugh:

พิงค์ วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 17-07-2018 06:32:43
พิงค์... ถ้ามันยากขนาดนั่้น... รับ... มั้ย.. 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-07-2018 07:36:12
จะรอดมะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-07-2018 08:24:39
แค่ซื้อเจลกับถุงยาง ยังยากขนาดนี้ ปฏิบัติที่เหลือจะรอดไหม  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 17-07-2018 09:48:56
รอชมภาคปฎิบัติของน้องพิงค์ 5555 ... ว่าแต่ วาเลนไทน์นี้พี่เต้จะได้แฟนไม๊นะ
 :o8: :o8: :o8: :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 17-07-2018 11:14:26
กว่าจะซื้อของได้คนอ่านลุันจนตะคริวกินขา  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-07-2018 11:49:49
เดี๋ยวนะ ฝึกขมิบนี่มันใช่หรอ 55555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 17-07-2018 13:19:28
โอ้ย! ขำแรงมากอะไรจะฮ่าได้ขนาดนี้พิงค์เอ๋ย :jul3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 17-07-2018 19:43:36
จะรุกนี่ไหวเหรอพิงค์เอ๊ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 18-07-2018 18:16:39
เด๋วอารมณ์มันก็พาไปเองแหละพิงค์ 555 ขมิบตูดไว้ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-07-2018 17:31:40
ขำหนักมาก นี่ก็งงทำไมไม่ถามผู้เชี่ยสชาญ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-07-2018 19:55:43
เพิ่งเข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 20-07-2018 11:29:48
ว้อย!!!!!  เพิ่งรู้ว่าพี่หมออยากโดนปล้ำ ไม่รู้งานนี้ใครหื่นกว่ากัน ทฤษฎีพร้อม อุปกรณ์พร้อม รอเวลาและสถานที่เท่านั้นสินะ  :กอด1:  สู้ ๆ นะพิงค์


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-07-2018 19:54:32
สนุกๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 21-07-2018 21:01:10
^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 24-07-2018 15:19:28
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-07-2018 17:37:41
พวกบ้าแซนดี้ก็อยู่ดันนึกไม่ถึงกัน สงสารพี่เตจังไรท์หาคู่ให้พี่เตหน่อยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 25-07-2018 09:43:48
 :hao7: :hao7: :hao7:
 :katai1: :katai1: :katai1:
......รออยู่จ้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 25-07-2018 12:16:57
เมื่อไหร่​ ตอนล่อๆลับๆจะมาค่าาาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 54 : ลับๆ ล่อๆ][160718]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 26-07-2018 18:57:24


Chapter 55 :เรียกแขก


ท้องฟ้าในยามเย็นเริ่มเปลี่ยนสี หากภายในรั้วมหาวิทยาลัยก็ยังคงมีผู้คนพลุกพล่านเฉกเช่นในเวลากลางวัน

รวินท์ขับรถตรงไปยังคณะวิศวกรรมศาสตร์ พอจอดรถได้ก็เดินเข้าไปข้างในตึก เขาเดินโบกมือทักทายเหล่านักศึกษาไปทั่วราวกับเป็นรุ่นพี่คณะเสียเอง

“พี่หมอ สวัสดีค้าบ ไม่ได้เจอกันนานเลยพี่ เป็นไงบ้าง”

“พี่วิน หล่อเหมือนเดิมเลย มาหาไอ้สัสพิงค์เหรอค้า”

ทันตแพทย์หนุ่มผงกศีรษะหงึกๆ “สวัสดีๆ ผมไปออกหน่วยมาน่ะ เลยหายไปนานหน่อย”

“โห อิจฉาคนไข้พี่วินอ่า” สาวๆ เดินเข้ามาประกบ “ขนมให้พี่วินค่ะ”

“ขอบใจ ถ้าอยากรักษาฟันกับผม โรงพยาบาลลำพูนยินดีต้อนรับเสมอนะครับ” รวินท์แจกรอยยิ้มการค้า รับขนมไปรับขนมมาก็เต็มสองมือ แถมมีคนพาไปส่งถึงตัวภูพิงค์ที่ข้างสนามกีฬาเสร็จสรรพ วันนี้พวกเด็กหนุ่มมาช่วยฝึกซ้อมแบตมินตันให้เหล่านักกีฬาของคณะกัน


ภูพิงค์กำลังฝึกให้รุ่นน้องรับลูกตบ เพราะเป็นแบบเดียวที่เขาถนัด พอเห็นทันตแพทย์หนุ่มก็โบกมือให้ แล้วโชว์สกิลตบสักหน่อย

“ไอ้พิงค์เล่นกับน้องสักตาดิ โชว์พี่หมอหน่อยเว้ย”

“ได้เลย ไอ้บอล เข้าสนามมา” ภูพิงค์ขยิบตาให้ชายหนุ่มผู้มาเยือน แบบที่คิดไปเองว่าเท่เหลือเกิน เท่สุดๆ

รวินท์หัวเราะ จากนั้นจึงนั่งลงที่ม้านั่งรวมกับนักศึกษาคนอื่นๆ

“ไอ้บอล อย่าหลบลูกสิวะ!”

“โห ก็พี่เล่นหวดซะเอ็น(ขึงไม้แบต)แทบเป็นรู ใครจะอยู่รอลูกพี่ล่ะวะ!” เสียงดังโวยวายมาจากในสนามเป็นระยะๆ

กลุ่มนักศึกษาชายหันไปนินทาให้ทันตแพทย์หนุ่มฟัง “ปกติไอ้พิงค์มันไม่แอคทีฟแบบนี้หรอกพี่ สงสัยมันอยากจะโชว์เก๋า ทุกทีเหรอ เขาซ้อมอะไรกันก็ นู่น นั่งหน้าบูดเป็นตูดอยู่มุมสนาม ทำเหมือนใครบังคับให้มันมาขัดดอก ขยับตัวช้ายิ่งกว่าหอยทากอีก”

“ซ้อมกันทุกวันเลยเหรอ เหนื่อยแย่เลยนะ”

“ใกล้เปิดงานกีฬาแล้วอะพี่ ต้องฟิตกันหน่อย”

รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก เขาส่งถุงขนมที่รับมาจากสาวๆ มากมายให้พวกเด็กหนุ่มได้กินบ้าง นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยสักพัก ภูพิงค์ก็เดินเหงื่อโซมกายออกมาจากสนาม

“เหนื่อยฉิบหาย” คนอ่อนวัยกว่าหอบฮั่กๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน

“ทำไมวันนี้ซ้อมแบต วันก่อนยังซ้อมบาสอยู่เลยนี่”

“ผมจับฉ่ายว่ะพี่ แล้วแต่เขาเรียกให้ไปช่วยซ้อมอะไร”

ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองเสื้อที่เปียกชุ่มเหงื่อจนแนบไปกับรูปร่างด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เขาทั้งวิ่งจ๊อกกิ้ง ซิตอัปและวิดพื้นมาตั้งหลายวันแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยแม่ง คิดไปพลางหยิบคุกกี้ในถุงขึ้นมากิน

“หิวอะ” ภูพิงค์คว้าข้อมืออีกฝ่ายดึงเข้าหาตัว แล้วก้มลงกัดคุกกี้ในมือ

ภายในบริเวณนั้นเงียบกริบลงทันควัน ทุกสายตาเคลื่อนไปยังจุดที่สองหนุ่มนั่งอยู่ พอพวกเขาหันมองไปรอบๆ ก็เห็นโทรศัพท์มือถือเต็มไปหมด

“เล่นอะไรวะเนี่ย” รวินท์ถอนหายใจ

เด็กหนุ่มยักคิ้ว “เรื่องจิ้นของพี่กับผมมันเงียบๆ ไปสักพักแล้ว เรียกกระแสสักหน่อยไง จะได้ขายเสื้อได้เยอะๆ”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มมุมปาก “อ่อ ไม่บอกแต่แรก ถ้าอยากจะให้ฮือฮาล่ะก็ แค่นั้นมันจะไปได้เรื่องอะไร มานี่ ผมจะสอนให้” เขาหยิบคุกกี้อีกชิ้นขึ้นมากัด ยกแขนขึ้นล็อกคอเด็กหนุ่มไว้พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหา

ภูพิงค์ชะงัก ก่อนจะเบิกตากว้าง “ฮะ.... พี่วิน”

“ไอ้พิงค์กล้าๆ หน่อยเว้ย” เสียงเชียร์แว่วมาแล้ว ตามมาด้วยเสียงวี้ดว้ายของสาวๆ

“เอวๆ อิ เอี๋ยวอ้ำอายไอ๋” รวินท์พยักพเยิดหน้าพร้อมกับดึงเด็กหนุ่มให้เข้ามาใกล้อีก

คนอ่อนวัยกว่าค่อยๆ กัดคุกกี้อีกฝั่ง จงใจให้ริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกันเล็กน้อย แต่เรียกเสียงหวีดร้องได้ลั่นไปสามช่วงตึก พวกเพื่อนผู้ชายก็ลุกขึ้นตบมือรัวๆ ไชโยโห่ร้องราวกับเชียร์บอลกันอยู่

“เห็นมะ ได้ผลดีกว่าเห็นๆ” ทันตแพทย์หนุ่มสะกิดคนที่เคี้ยวคุกกี้หน้าแดงแปร๊ด

เว้ยยย~ไอ้พี่วินก็ยังคงเป็นไอ้พี่วิน เรื่องแบบนี้ล่ะเก่งฉิบหาย!เด็กหนุ่มคว้าข้อมืออีกฝ่ายแล้วจูงเดินหนีออกไปจากสนามทันที

“อาทิตย์หน้าเราได้ขึ้นหน้าฟีดยาวทั้งอาทิตย์แน่ๆ ดีมะๆ”

“เออๆ ดีครับดี”

“โอ๋ๆ หน้าแดงแจ๋เลยอะ เขินมากเลยอ่อ”

“ใครจะไปเหมือนพี่วะ!”

“เอ้า คุณเริ่มก่อนนะเว้ย” รวินท์หัวเราะร่วน “พิงค์นี่น่ารักจริงๆ เลยน้า”

พอเห็นดวงตาที่เป็นประกาย บนใบหน้าที่เขาคิดว่าน่ารักที่สุดในโลกแล้ว ภูพิงค์ก็นึกมันเขี้ยว เขารีบจูงทันตแพทย์หนุ่มเข้าไปในห้องเก็บล็อกเกอร์ หันมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็โอบเอวอีกฝ่ายเข้ามาแนบจูบ

ริมฝีปากสีแดงละออกมาช้าๆ ขณะที่ดวงตาหลุบมองเรียวปากที่เพิ่งจากออกมา “เดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก คราวนี้ได้ขึ้นเต็มฟีดไปอีกเป็นเดือน”

“ก็พี่อยากทำตัวน่ารักทำไมวะ คนยิ่งคิดถึงอยู่ด้วย” ภูพิงค์ประกบจูบกลีบปากตรงหน้าอีกครั้ง เขาสอดลิ้นเข้าไปตวัดไล้วน สองแขนกอดรัดทันตแพทย์หนุ่มไว้แนบกาย “พี่วิน คืนนี้ไปค้างด้วยได้มั้ยอะ”

“ค้างน่ะ ได้ แต่ไอ้เต้กับพี่สิงหาอยู่นะ”

“ฮื่อ...” เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “ผมไม่ได้เจอพี่มาตั้งห้าวัน คิดถึง”

“คิดถึงหรือคิดหื่นกันแน่วะ” รวินท์อมยิ้ม พลางยกมือขึ้นเขกศีรษะเด็กหนุ่ม

“ทั้งสองอย่าง” ภูพิงค์ทำเสียงอ้อน “พี่วิน~ เข้าไปอาบน้ำด้วยกันหน่อยดิ”

“จะบ้าเรอะ เฮ้ย!” ปฏิเสธไปก็เท่านั้น คนอ่อนวัยกว่าจูงเขาเข้าห้องอาบน้ำแล้วปิดประตูล็อกกลอนเสร็จสรรพ “เดี๋ยวถ้ามีคนมาทำไงวะ”

“ไม่มีใครเข้ามาหรอก เขาซ้อมกันถึงห้าทุ่มนู่น วันนี้ผมขอเลิกก่อนน่ะ เพราะพี่จะมาหา” เด็กหนุ่มพูดพลางถอดเสื้ออีกฝ่ายออกให้เสร็จสรรพ จากนั้นก็ก้มลงซุกไซ้ซอกคอ จูบผ่านไหปลาร้าลงไปยังแผ่นอก สองมือรีบถอดกางเกงทันตแพทย์หนุ่มออกอย่างร้อนรน

“ใจเย็นๆ ก็ได้”

“เย็นไม่ไหวอะ”

รวินท์ช่วยคนอ่อนวัยกว่าถอดเสื้อออกบ้าง พวกเขาจับเสื้อผ้ายัดๆ ไว้ที่ราวแขวน ก่อนสองร่างที่เปลือยเปล่าจะขยับเข้ามาแนบชิดกันราวกับมีแรงดึงดูด

ฝ่ามืออุ่นของเด็กหนุ่มเคล้นคลึงแผ่นหลัง ขณะที่เขาก้มลงจูบติ่งไตสีชมพูบนแผ่นอกขาว ก่อนจะใช้ปลายลิ้นไล้เลียเบาๆ

ทันตแพทย์หนุ่มส่งเสียงครางในลำคอ เขาเงยหน้าขึ้นเอาศีรษะพิงผนังห้องน้ำไว้ พลางหายใจถี่กระชั้น ในอกปั่นป่วนไปหมด แค่ไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่วัน สัมผัสของเด็กหนุ่มก็ทำให้ร้อนไปหมดทุกส่วน

ภูพิงค์ค่อยๆ ไล้เรียวปากจากแผ่นอกผ่านลงไปยังหน้าท้อง เป็นผลให้อีกฝ่ายจับหัวไหล่เขาไว้แน่น

“พิงค์!คุณจะทำอะไรวะ!”

“ขอผมลองนิดเดียว ถ้าพี่ไม่ชอบ ผมจะหยุด”

“เฮ้ย!” รวินท์เบิกตาโพลง ยังไม่ทันจะพูดอะไร เด็กหนุ่มก็คุกเข่าลงตรงหน้า แล้วใช้ปากกับส่วนที่แข็งขึงกลางร่างเขา “พิงค์!อะ!”

แม้จะเป็นการกระทำที่เงอะงะไปสักหน่อย แต่กลับทำให้รู้สึกดีเหลือเชื่อ มือที่ในตอนแรกจับหัวไหล่อยู่เฉยๆ เปลี่ยนเป็นจิกแน่น เขาครางออกมาอย่างพอใจ

คนอ่อนวัยกว่าชำเลืองมองใบหน้าที่ฉายชัดถึงความปรารถนา แผ่นอกสะท้อนเข้าออกหนักๆ กลีบปากสีแดงที่เผยอออกสลับเม้มแน่นนั่น ทำให้เลือดในกายเขาพลุ่งพล่าน รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่าง

จู่ๆ ก็มีเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของคนสองสามคน เป็นผลให้ทั้งคู่หยุดกึก

ภูพิงค์ลุกขึ้นพรวด เอื้อมมือไปเปิดน้ำแรงๆ แล้วประกบจูบริมฝีปากอีกฝ่าย จากนั้นจึงใช้มือปรนเปรอส่วนไวสัมผัสของพวกเขา

เสียงพูดคุยจากข้างนอกห้องอาบน้ำดังแว่วมาเป็นพักๆ ก่อนแต่ละคนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำข้างๆ แล้วเสียงน้ำก็ดังขึ้น

รวินท์มองเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าตื่นๆ จะหยุดก็กำลังหื่นขึ้นหน้าทั้งคู่ เมื่ออีกฝ่ายยังบดเบียดริมฝีปากเข้ามา พร้อมกับมือที่เร่ง ขยับเร็วขึ้น เขาจึงปล่อยเลยตามเลย

ไม่นานห้องข้างๆ ก็พากันเดินออกไป ภายในห้องอาบน้ำเหลือเพียงพวกเขาสองคนอีกครั้ง ทั้งคู่จึงปลดปล่อยความรุ่มร้อนในกายออกมาพร้อมกัน

สองสายตาประสานกันนิ่ง ขณะที่ริมฝีปากเผยอหอบ จากนั้นพวกเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“คุณนี่มันหื่นไม่ดูเวลา!”

ภูพิงค์กอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ในอ้อมแขน “มีแฟนอย่างพี่ ทนได้ผมก็เป็นก้อนหินแล้ว”

“เออๆ ปากดีว่ะ”

เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก “แปลว่าวันนี้ผมทำใช้ได้มะ”

“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นเว้ย” รวินท์ขึงตาใส่ “ว่าแต่ใครสอนมาอีกล่ะ”

“อีแซนดี้สอนทฤษฎีให้ เอาไว้คราวหน้านะ จะทำให้พี่ครางจนเสียงแหบเลย”

“โห ขนาดนั้นเลย ผมจะรอดูแล้วกัน” ทันตแพทย์หนุ่มจูบตรงปลายจมูกของคนอ่อนวัยกว่า “แต่วันนี้ก็ถือว่าโอเค”

“มีรางวัลให้มั้ย”

“รางวัลอะไรวะ”

“ขออีกรอบนะ” ภูพิงค์ยิ้มกริ่ม

รวินท์ใช้มือยันหน้าคนอ่อนวัยกว่าออกห่าง “ไม่ใช่ที่นี่เว้ย!รีบอาบน้ำเลย!”


หลังจากนั้นพวกเขาก็อาบน้ำไปด้วยกันนั่นล่ะ พอเช็ดตัวแล้วก็หยิบเสื้อผ้าที่ยัดไว้ตรงราวจนยับยู่ยี่มาสวม ก่อนจะย่องออกไปจากห้องอาบน้ำด้วยกัน

“เสื้อยับขนาดนี้ ใครเห็นต้องว่าผมงกไม่ยอมส่งซักรีดแน่ๆ เสียหายหมด”

“โห เสื้อยับทั้งของพี่ของผม หัวก็เปียกแบบนี้ คนที่เห็นน่าจะคิดเป็นอย่างอื่นรึเปล่าวะ”

“เออ รีบออกไปจากที่นี่ก่อนเหอะว่ะ เดี๋ยวมีใครมาเจอจนได้”

สองหนุ่มรีบเดินออกไปจากห้องเก็บล็อกเกอร์ พวกเขาลัดเลาะไปตามทางเดินตรงที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านไปมา แล้วตรงไปยังรถที่จอดอยู่

“คุณหิวมั้ย ไปหาอะไรกินกันเหอะ เมื่อเย็นผมกินไปนิดเดียว หิวอีกแล้วเนี่ย”

“เอาดิ กินไรดี ผมก็หิว”

“เอาที่กินได้เยอะๆ หน่อยก็ดี คุณเลือกละกัน แต่ขากลับต้องซื้อบัวลอยไปฝากไอ้เต้ด้วยนะ”

“งั้นไปกินหมูกระทะละกัน มีร้านบัวลอยอยู่ใกล้ๆ ด้วย”

เมื่อไปถึงร้านสองหนุ่มก็นั่งลงตรงข้ามกัน จัดการวางเนื้อสัตว์ลงบนกระทะจนเต็ม พอสุกแล้วก็คีบใส่ปาก กินกันไปสักพักใหญ่จึงเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง

“พี่วิน ผมมีเรื่องจะปรึกษา เรื่องวันวาเลนไทน์อะ”

“เออ ผมก็อยากจะคุยกับคุณเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน” รวินท์ถอนใจยาว “ไอ้เต้มันงอแง ไม่อยากอยู่คนเดียว”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “ไอ้พวกเวรเพื่อนผมก็เหมือนกัน พวกมันหาว่าผมทิ้งพวกมัน แม่งดราม่าจัดหนักมาก”

“อย่างกับนัดกันมาดราม่าเลยนะ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “เราจะเอาไงดี ที่จริงผมอยากไปเที่ยวค้างคืนกับคุณสองคน แต่ผมก็สงสารไอ้เต้มัน”

“ผมเข้าใจพี่ ผมเองจะปฏิเสธไอ้พวกนั้นก็ไม่ได้ อีกอย่าง พวกมันคอยช่วยเหลือผม ช่วยเหลือเราสองคนมาตลอด” คนอ่อนวัยกว่าใช้ปลายนิ้วไล้หลังมืออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา “เอาไว้เราไปกันสองคนอาทิตย์ถัดไปละกัน ผมสัญญาว่าจะหาที่โรแมนติกๆ ไว้ให้ ส่วนวันวาเลนไทน์ก็จัดทริปไปเที่ยวกันแม่งให้หมดเลยดีมั้ยพี่ จะได้ไม่ต้องมีใครอยู่คนเดียว”

“ก็ดี จะได้ไม่มีใครดราม่าด้วย แล้วอย่างน้อยผมก็ได้อยู่กับคุณ”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นหยิกแก้มอีกฝ่าย “พี่วินแม่งน่ารัก”

รวินท์อมยิ้ม “งั้นไปเที่ยวไหนกันดี ไปวันศุกร์บ่ายๆ ก็ได้นะ เดี๋ยวผมจะขอให้พี่ที่โรงบาลมาช่วยทำคลินิกแทนผมกับไอ้เต้ พี่เขาติดเวรผมไว้สองวันพอดี”

“แล้วพี่เขาไม่ไปเดตกับแฟนเหรอวะ”

“พี่เขามีเมียแล้วเว้ย ไม่เดตแล้วแหละ”

“เออ ดี งั้นไปม่อนแจ่มกันมั้ยพี่ เช่ารถตู้ไป นอนเต็นท์กันสองคืน ออกจากที่นี่บ่ายวันศุกร์” เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากูเกิลภาพให้ดู

รวินท์วางตะเกียบลง ยกน้ำขึ้นดื่มแล้วจึงย้ายไปนั่งข้างๆ เด็กหนุ่ม พลางเอนตัวพิงอีกฝ่าย “เออ ดีๆ น่าเที่ยว แล้วต้องโทรจองอะไรมั้ยอะ”

“ไม่ต้องพี่ เดี๋ยวผมจัดการให้นะ ส่วนที่เราจะไปกันสองคน พี่อยากไปไหนเป็นพิเศษรึเปล่า ภูเขา น้ำตก หรือแม่น้ำ”

“ผมน่ะ ไปที่ไหนก็ได้ที่มีคุณ เพราะงั้นคุณตัดสินใจละกัน”

ภูพิงค์ยกแขนขึ้นโอบเอวทันตแพทย์หนุ่ม “โอเค งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวผมไปรับพี่ที่คลินิกมาคณะนะ เสร็จแล้วค่อยชวนพี่เต้กับไอ้พวกนั้นมากินข้าวเย็น แล้วจะได้วางแผนเที่ยวกัน พี่วินบอกพี่เต้ด้วยละกัน”

“อือ” ทันตแพทย์หนุ่มวางมือลงบนตักอีกฝ่าย ก่อนจะหันหน้าไปสบสายตากัน “อิ่มยังคุณอะ”

“ยัง ทีเดียวจะอิ่มได้ไงวะ”

“ผมหมายถึงหมูกระทะเว้ย”

“อิ่มแล้ว”

“ทำไมกินน้อยผิดปกติ รักษาหุ่นเหรอวะ”

“อือ กลัวใส่ถ่ายแบบคู่กับพี่แล้วลงพุง”

รวินท์รู้สึกเหมือนโดนไม้หน้าสามตีแสกหน้า ไม่ได้แล้วโว้ย กลับลำพูนไปเขาต้องฟิตให้หนักกว่าเดิม “เขาจะนัดถ่ายแบบเมื่อไหร่นะ”

“น่าจะเสาร์หน้าแหละพี่ เห็นว่าถ่ายที่อ่างแก้วนี่ล่ะ เดี๋ยวรายละเอียดพรุ่งนี้ทางสโมฯ คงบอกพี่อีกที”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้า “งั้นเดี๋ยวเสาร์หน้าให้ไอ้เต้ทำคลินิก ผมค่อยทำวันอาทิตย์”

“พี่วินนี่ใจดีชะมัดเลยน้า~”

“ผมต้องทำบุญไว้เยอะๆ แฟนจะได้ทั้งรักทั้งหลงน่ะ”

ภูพิงค์ยิ้มกริ่ม “งั้นผมว่าพี่ทำบุญไว้พอแล้วแหละ แค่นี้ก็รักแทบบ้า”

“ปากดีเนอะ”

เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ พวกเขาสุขจนลืมสนใจเวลาไปเลย นั่งยิ้มตาเยิ้มกันอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเสียงข้อความเข้าในโทรศัพท์ดังขึ้นนั่นล่ะ


‘กลับบ้านได้แล้วลูก พ่อหิวบัวลอย’เตชิตส่งข้อความมาตาม

รวินท์รีบตอบกลับไป ‘สัส หิวตายไปเลยมึง!’

‘ซื้อมาเผื่อพี่สิงหาด้วยนะเว้ย’

‘เออๆ’


คนอ่อนวัยกว่าชะโงกหน้าไปมองโทรศัพท์มือถือในมืออีกฝ่าย “พี่เต้ตามแล้วอะดิ”

“เออ อยากเอาบัวลอยไปยีหัวมันชะมัด” ทันตแพทย์หนุ่มลุกเดินไปร้านบัวลอยข้างๆ สั่งแล้วยืนรออยู่ที่แถวหน้าร้าน

ตอนแรกภูพิงค์ก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะ แต่พอเห็นพี่วินของเขายืนคนเดียว คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมองกันจนคอบิดแล้ว เขาก็ลุก ไปจ่ายเงินค่าอาหาร ก่อนจะตามไปยืนข้างกัน

“อ้าว ทำไมไม่นั่งรอก่อนวะ”

“ไม่อะ หวงแฟน” คนอ่อนวัยว่าโอบเอวทันตแพทย์หนุ่มไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

รวินท์หัวเราะ “เออ เดี๋ยวก็นอนกอดแฟนไว้ทั้งคืนเลยแล้วกัน”

“ท้าอ่อ ไม่กอดเฉยๆ ด้วยจะบอก”

“ผมจะคอยดู”


เมื่อกลับไปถึงคลินิก สองหนุ่มเดินเข้าครัวไปหยิบชามกับช้อน แล้วก็ไปเคาะประตูห้องของเตชิตซึ่งมีเสียงจากซีรีส์ที่ดูอยู่แว่วออกมา

เจ้าของห้องเดินมาเปิดประตูออก แสกนสองหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “แค่ไปเจอกันเนี่ย เสื้อยับยังกะไปออกรบมาเลยนะมึง” เขาเอื้อมมือไปรับถุงใส่บัวลอยมา พร้อมกับมองหน้าเด็กหนุ่ม “ขอบใจเว้ย แล้วไอ้นี่มาทำไมเนี่ย”

“ผมก็มาค้างกับพี่วินด้วยอะดิ” ภูพิงค์ยิ้มพลางยักคิ้วรัวๆ

เตชิตเบ้ปากใส่ “ห้องตัวเองก็มีไม่ใช่เหรอวะ”

“มีแฟนก็ต้องอยากนอนกอดแฟนป่ะวะพี่”

“เตียงก็มีแค่นั้น แคบจะตายห่า”

“ให้พี่วินนอนทับผมก็ได้”

“อย่าเสียงดังนักละกัน มันรบกวนการดูซีรีส์ผม”

“เออๆ ไม่เสียงดังหรอกน่ะ เดี๋ยวอาบน้ำแล้วจะนอนละ พรุ่งนี้กูมีคลินิกเช้า มึงก็อย่าดูเพลินละกัน” รวินท์พูดตัดบท แล้วคว้าแขนเด็กหนุ่มเดินเข้าห้องของตนเองไป

พอเดินเข้าไปในห้อง เด็กหนุ่มก็พูดเสียงอ้อน “โห พี่วินอะ กำลังเถียงกับไอ้พี่เต้มันส์เลย”

“มันส์กะผีอะไรวะ ไปอาบน้ำไป๊ เดี๋ยวจะได้นอนกัน นี่มันห้าทุ่มกว่าแล้วนะเว้ย”

“ถ้างั้นอาบด้วยกันอีกมั้ย จะได้เสร็จไวๆ” ภูพิงค์เดินหน้าบานมาจับมือทันตแพทย์หนุ่ม “ในห้องน้ำไม่ได้ยินเสียงอะไรหรอกพี่ ปะ ไปกัน”

รวินท์ถอนหายใจ ก็เพราะปฏิเสธคนอ่อนวัยกว่าไม่ได้น่ะสิ เขาเดินตามเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างว่าง่าย “ไหนแซนดี้สอนอะไรมาอีก งัดออกมาโชว์ให้หมดดิ๊”



ในตอนบ่ายของวันเสาร์หลังเสร็จจากคลินิกแล้ว ภูพิงค์ก็มารับทันตแพทย์หนุ่มไปที่คณะตามที่นัดกันไว้ พวกสมาชิกสโมฯ ตั้งโต๊ะรอพร้อม มีขนมและเครื่องดื่มไว้เอาใจรวินท์เต็มที่

“ขอบคุณพี่หมอที่มาช่วยนะครับ เชิญนั่งเลย เอ้า ไอ้พิงค์นั่งๆ” นายกสโมฯ ต้อนรับด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ จากนั้นจึงหันไปบอกเพื่อน “จ๋า เปิดรูปเลย”

พอเปิดแล็ปท็อปที่เชื่อมต่อกับจอฉายภาพขึ้นมา ก็เห็นภาพสองหนุ่มตอนที่กินคุกกี้ด้วยกันเมื่อวานเป็นภาพพื้นหลัง หญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องซึ่งเป็นเจ้าของแล็ปท็อปด้วยร้องลั่น “ว้าย ขอโทษค่ะ”

“โอ้โห พี่จ๋าก็เอากะเขาด้วยเหรอ” ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น

“ก็เห็นภาพมันสวยดี” เจ้าของชื่อหัวเราะแหะๆ แล้วรีบกดเปิดโปรแกรมแสดงภาพ “วันนี้เปิดเฟซมา เจอแต่รูปไอ้พิงค์กับพี่หมอนี่แหละ เหมือนโดนสะกดจิต”

“วิธีสร้างกระแสของพี่วินนี่ได้ผลดีชะมัด” เด็กหนุ่มพึมพำ

หลังจากนั้นทางสโมฯ ก็เปิดภาพที่คัดเลือกมาแล้วเหลือห้าภาพขึ้นบนจอทีละภาพ  พวกเขานั่งปรึกษากันอยู่พักใหญ่ กว่าจะได้ข้อสรุป

พอเลือกภาพที่จะใช้งานได้แล้วก็พูดคุยกันเรื่องการเตรียมการโปรโมตเสื้อคณะต่อ

นายกโสมฯ ย่อตัวลงนั่งยองๆ ข้างๆ ทันตแพทย์หนุ่ม ใช้นิ้วชี้จิ้มๆ กัน แล้วช้อนตาขึ้นมอง “พี่หมอครับ คือ...ที่พวกเราขอให้พี่หมอมาถ่ายแบบเสื้อคู่กับไอ้พิงค์ ถ้าจะขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดสักนิดได้มั้ยครับ”

“หือ เปลี่ยนเป็นยังไงล่ะ”

“คืออยากจะถ่ายรูปแล้วก็ถ่ายคลิปไว้ทำเป็นมิวสิกวิดีโอด้วยน่ะครับ พอดีมีสปอนเซอร์อะพี่หมอ ก็เลยอยากทำให้อลังๆ อาจจะต้องขอเวลาพี่หมอเยอะสักหน่อย แล้วก็จะมีแต่งหน้าทำผมเซตใหญ่ด้วยน่ะครับ”

รวินท์พยักหน้าหงึกๆ “แล้วไปเอาเพลงมาจากไหน”

“เพลงของรุ่นพี่พวกเราเองครับ พี่เขามีวงดนตรี พวกผมได้รับอนุญาตมาเรียบร้อย” รองนายกสโมฯ ส่งเนื้อเพลงให้ดู ซึ่งก็เป็นเพลงรักเบาๆ ทำนองสบายๆ

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “บอกสตอรีมาก่อนได้มั้ยวะพี่ บอกตรงๆ ว่าผมกลัว”

“ได้เลย พวกเราเตรียมสตอรีบอร์ดไว้แล้ว” ตากล้องสโมฯ ดีดนิ้วเรียกให้หญิงสาวเจ้าของแล็ปท็อปเปิดภาพขึ้นบนจอใหญ่

เมื่ออ่านสตอรีบอร์ดจบ ทันตแพทย์หนุ่มก็หันไปปรึกษากับคนอ่อนวัยกว่า “ก็โอเคนะ คุณว่าไง”

“ถ้าพี่โอเค ผมก็โอเค แต่บอกก่อนว่าไม่ทำอะไรนอกเหนือจากสตอรีนะเว้ย”

“เออน่า ไว้ใจได้ สัญญาด้วยเกียรติของนายกสโมฯ ที่หล่อที่สุดในห้าสิบกว่ารุ่นเลย เอ้า สมาชิกสโมฯ ตัวแทนชมรมอาสาฯ พร้อม กราบ!”

สมาชิกสโมฯ และสองหนุ่มตัวแทนจากชมรมอาสาฯ พร้อมใจกันทรุดตัวลงหมอบกราบ “พี่หมอ พวกเราเป็นตัวแทนเพื่อนๆ และรุ่นพี่รุ่นน้องคณะ ขอบคุณพี่หมอมาก ขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเราเสมอๆ ขอบคุณจริงๆ ครับ พี่เป็นส่วนหนึ่งของคณะเรานะครับ”

“เฮ้ยๆ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ เสาร์หน้าผมว่างอยู่แล้ว แต่ได้เสาร์เดียวนี่แหละนะ จะเริ่มถ่ายกี่โมงถึงกี่โมงล่ะ”

“ขอเริ่มเจ็ดโมงได้มั้ยพี่หมอ ถ่ายยาวถึงเย็นเลย เสร็จแน่นอน”

“อือๆ ก็ได้ แต่มีข้อแม้นะ คลิปที่ถ่ายทั้งหมดกับคลิปที่ตัดต่อแล้ว ขอให้ก๊อปปี้ให้ผมด้วย” รวินท์อมยิ้ม พลางหันไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “อยากเก็บไว้ดู”

ภูพิงค์ยิ้มเขิน เขายกมือขึ้นเกาปลายจมูก “ก็มีผมอยู่ข้างๆ แล้วแท้ๆ”

คนอื่นๆ ในห้องพร้อมใจกันเบ้ปากกลอกตามองบน พวกเขารีบปิดการประชุม ก่อนที่ความอิจฉาและหมั่นไส้จะขึ้นหน้ามากไปกว่านี้ พวกเขาเบ้ปากแล้วเบ้ปากอีกจนมุมปากจะลากพื้นแล้วเนี่ย “ได้เลยครับ แล้วเสาร์หน้าเจอกัน กราบขอบคุณพี่หมอ ขอบใจไอ้พิงค์ จะไปสวีตกันต่อที่ไหนก็ไปเถอะไป”

“เออ ดี เสร็จไวดี งั้นพวกผมไปล่ะ” ภูพิงค์ลุกขึ้นพลางหันไปบอกเพื่อนรัก “ไอ้ซัน เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะเว้ย” จากนั้นก็จูงมือรวินท์เดินออกจากห้องประชุมสโมฯ ไป ทิ้งให้ทุกคนเบะปากมองตามอยู่ทางด้านหลัง

สองหนุ่มไปรับเตชิตที่คลินิก แล้วพาไปที่บ้านเช่า ซึ่งพวกเด็กหนุ่มที่เหลือไปซื้อข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ ลาบ น้ำตก และเตรียมทำแจ่วฮ้อนไว้รอ มื้อนี้พวกเขาจะเปิบอาหารอีสานกัน

เจ็ดหนุ่มนั่งตั้งวงบนเสื่อ กินมื้อเย็นกันอย่างสุขสำราญ

พออิ่มท้องภูพิงค์ก็พูดขึ้น “เรื่องวันวาเลนไทน์น่ะ กูคุยกับพี่วินแล้ว ตกลงพวกเราไปเที่ยวม่อนแจ่มกันละกัน ไปกันทั้งหมดเนี่ย นอนเต็นท์สองคืน”

ห้าหนุ่มหยุดกึก

เตชิตหันไปทางเพื่อนรัก “เอาจริงเหรอวะ”

“เออดิ เดี๋ยวเช่ารถตู้ไปกัน กูโทรคุยกับพี่นก พี่ไข่ให้แล้ว พี่เขาจะมาทำคลินิกแทนกูกับมึงให้ ดีปะ”

“เดี๋ยวกินเสร็จแล้วมาวางแผนเที่ยวกัน” ภูพิงค์ยิ้มกว้าง ทว่าสี่หนุ่มเพื่อนเขากลับยิ้มเจื่อนๆ “ทำไมพวกมึงทำหน้าเหมือนผีหลอก ไม่ดีใจเหรอวะ”

“ดีใจๆ ตอนนี้ม่อนแจ่มน่าจะอากาศดี เนอะไอ้ซัน” แซนดี้ใช้ข้อศอกถองเรียกสติเจ้าของชื่อเรียกรัวๆ “แต่... มึงกับพี่หมอ... วันวาเลนไทน์”

“ก็ฉลองกับพวกมึงไง”

รวินท์ยิ้มให้เพื่อนรัก “มึงจะได้ไม่ต้องเหงาอยู่คลินิกคนเดียวด้วย”

รอยยิ้มของคู่รักเป็นผลให้อีกห้าหนุ่มตาพร่า รู้สึกผิดในใจจนต้องก้มหน้าลงหยิบข้าวเหนียวเข้าปาก บางคนก็ตักน้ำซุปแจ่วฮ้อนขึ้นซด พวกเขาสบตากันไปมาเป็นพักๆ

พอเก็บจานชามไปล้างแล้ว เจ็ดหนุ่มก็นั่งลงวางแผนเที่ยวด้วยกัน โทรไปจองรถตู้และถามเรื่องที่พักเสร็จสรรพ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วภูพิงค์จึงพาทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองไปส่งที่คลินิก ส่วนตัวเขาก็เนียนไปนอนเฝ้ารวินท์เช่นเคย



เมื่อเตชิตเข้าไปในห้องพักของตน เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไปทันที

ปลายสายตอบรับเสียงอ้อน “ถึงห้องแล้วเหรอพี่หมอจ๋าสุดหล่อ~”

“เออ ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน พวกคุณแพ้พนันผมนะ เห็นมะ ผมบอกแล้วว่าไอ้วินกับไอ้พิงค์ต้องเลือกไปเที่ยวกับพวกเราแทนไปกันสองคนแน่”

“โห พี่ ก็ปกติไอ้พิงค์มันนึกจะไปไหนมาไหนก็ไป เคยสนใจพวกผมที่ไหน แม่ง วันก่อนพวกผมก็ไม่ได้ดราม่าใส่มันไปมากเลยนะ” ซันโวยวาย ตามมาด้วยเสียงของแซนดี้

“แล้วจะเอาไงต่อดีอะพี่ จะปล่อยให้ไปสองคนพวกผมก็รู้สึกผิด จะไปด้วยก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ วางแผนเที่ยวกันเสร็จแล้วด้วย”

เตชิตขมวดคิ้วครุ่นคิด “งั้นเอางี้...”


*TBC*


แผนของพี่เต้กับสี่หนุ่มจะได้ผลอะไรมั้ยเนี่ย  :mew5:

มาถึงตอนนี้ น้องพิงค์ก็เก่งกล้าขึ้นแล้ว เป็นกำลังใจให้น้องพิงค์กันต่อนะคะ

ขอโทษที่เอามาลงช้า ฮัสกี้ไปเที่ยวมาค่ะ ฮี่ๆ

ขอบคุณทุกคนมากค่า คืนนี้นอนหลับฝันดี หยุดยาวใครไปเที่ยวก็ขอให้เที่ยวสนุก ใครอยู่บ้านซักผ้ารีดผ้าก็ขอให้ผ้ากองโตๆ ใครมีการบ้านก็ขอให้มีเยอะๆ แบบทำได้ยาวตลอดสี่วันนะคะ 5555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-07-2018 19:14:31
หมอเต้วางแผน จะได้เรื่องหรือจะล่ม 555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-07-2018 19:17:44
หื่นกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 26-07-2018 19:42:23
รอชมแผนคุณหมอเต้ค่ะ :katai3:
 :L1: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 26-07-2018 19:43:02
ตั้งแต่เค้าเคลียร์กันเข้าใจดีนี่ร้อนแรงขึ้นเยอะนะเนี่ยคู่นี้  :pighaun:

ว่าแต่บรรดาหนุ่มๆและพี่เต้วางแผนอะไรไว้น้า มีแววว่าวาเลนไทน์นี้ต้องมีคนได้กันแน่ค่ะ!!!! //ติดหื่นจากน้องพิงค์ :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-07-2018 19:52:42
ตามต่อ ..
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-07-2018 20:21:55
พี่เต้วางแผนอะไร จะแกล้งป่วยหรือจะแกล้งติดธุระหรือเปล่าหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 26-07-2018 21:17:26
รอลุ้นแผนของหมอเต้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 26-07-2018 21:24:58
วาเลนไทน์ของพี่หมอวินกับพิงค์ขอแบบแซ่บๆไปเลยจ้า
แต่กว่าจะได้แซ่บมีลางสังหรณ์ว่าต้องมีเรื่องป่วนๆแน่นอน  :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 26-07-2018 21:46:01
พิงค์เรียนรู้เร็วนะเนี่ยยยย.
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 26-07-2018 21:46:27
พิงค์เรียนรู้เร็วนะเนี่ยยยย.
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 26-07-2018 22:12:20
เอ้าน่า... น้องพิงค์ กับ พี่ วิน.. เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อส่วน่วม... ทุกคนต้องไป
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-07-2018 22:13:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...ประยุกต์ทฤษฎีเก่งจังเลยนะ  อิอิ

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-07-2018 22:26:13
คิดแล้วว่าต้องเป็นแผน  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 26-07-2018 22:34:32
ให้อภัยที่มาช้าค่ะไรท์​ แต่หยุดยาวต้องมาทุกวันนะคะ​ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 26-07-2018 22:50:57
ไม่มีดราม่าแล้ว
ดีต่อจายยยยย

ยังไม่ชัวร์เลย พี่วินน้องพิงค์ ใครปั๋วใครเมีย
ไม่รู้จริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 26-07-2018 22:57:22
พี่หมอก็ยังเชี่ยวเหมือนเดิม แต่ที่เก่งขึ้นน่าจะเป็นภูพิงค์นะ 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-07-2018 23:13:15
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-07-2018 23:19:24
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-07-2018 23:50:52
มีความห่วงเพื่อนพ้องนะครับเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 27-07-2018 00:12:07
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 27-07-2018 01:05:59
ขอเป็นทริปแบบรั่วๆนะคะครบแก๊งค์พอดี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-07-2018 01:35:48
เนี่ยยยว่าแล้วว่ามันเหมือนนัดกันแปลกๆ555555
น้องพิงค์เนี่ยเป็นนักเรียนตัวอย่างจริงๆนะคะ
สอนแค่ทฤษฎีก้ปฏิบัติได้แล้ว แถมทำได้ดีด้วย
พี่วินต้องออกโรงสอนน้องด้วยตัวเองแล้วค่ะ
จะได้เป็นงานไวๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 27-07-2018 01:45:41
 :hao3: :hao3: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-07-2018 07:47:08
โดนอะไรอีกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-07-2018 07:51:05
พี่หมอเต้มีแผนอะไรไว้
จะรออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-07-2018 10:52:39
 :L2: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-07-2018 15:14:46
แหมพิงค์ รีบเรียนแล้วเอามาใช้เลยน้าา กลัวไม่ได้ใช้รึไง ฮุฮุ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 27-07-2018 15:21:47
โถ้ๆๆๆๆๆ จะสวีทซักหน่อยก็โดนเพื่อนรวมหัวกันแกล้งไม่รู้จะสงสารหรือขำดี เต้รีบแก้ไขโดยด่วน :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 27-07-2018 21:02:33
วาเลนไทร์นี้จะมีคนเสียตัวไหมน๊าาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-07-2018 10:58:01
อ่อเป็นแผนของพี่เต้และผองเพื่อนน้องพิงค์นี่เอง  ไม่เป็นไรหรอกไหนๆก็ไหนๆแล้วไปด้วยกันนี่แหละ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 28-07-2018 12:33:13
 :m16:พี่เต้จะวางแผนให้เค้าได้กันใช่มั้ยเอ่ย555  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-07-2018 15:19:20
แหมๆ ไปแอบพนันกันตอนไหน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 28-07-2018 18:28:39
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 28-07-2018 18:41:28
^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-07-2018 09:53:35
พิงค์หื่นจริงๆ555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-07-2018 18:57:21
ตามมาทันละ ..
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 31-07-2018 17:15:52
รอฟังแผน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 55 : เรียกแขก][260718]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 01-08-2018 19:03:59


Chapter 56 :มิวสิกวิดีโอสุดหวาน


เมื่อเช้าวันเสาร์วนเวียนมาถึงสองหนุ่มนายแบบจำเป็นก็มานั่งให้ช่างเซตเดิมจากเมื่อตอนงานไนต์แต่งหน้าทำผมให้ตามที่นัดหมายไว้ ส่วนพวกสมาชิกสโมฯ ก็กระตือรือร้นกันเหมือนเคย พวกเขามาเตรียมสถานที่กันแต่เช้ามืด แบ่งทีมกันไปดูแลเป็นจุดๆ มีทั้งตากล้องสำหรับถ่ายภาพนิ่งและถ่ายวิดีโอ

ข้างๆ กันมีสุนัขโกลเดนรีทรีฟเวอร์สองตัว ขนสีน้ำตาลเป็นเงา และผูกผ้าพันคอตัวละผืน พวกมันนั่งรอเข้าฉากด้วยอย่างสงบเสงี่ยมรู้งาน

“นี่หมาใครอะ”

“หมาอาจารย์ครับพี่ ยืมมา”

พอแต่งตัวเสร็จสองหนุ่มก็มาเข้าฉาก ตามบทนั้นพวกเขาจะพบกันครั้งแรกตอนไปซื้อเสื้อยืดคณะ ภูพิงค์เป็นคนขาย และรวินท์เป็นคนซื้อ ต่อมาทั้งสองก็พบกันอีกในวันที่ใส่เสื้อยืดคณะเหมือนกันโดยบังเอิญ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ทั้งสองคนพูดคุยกัน

การถ่ายทำเริ่มกันที่ภายในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ก่อน จากนั้นก็ย้ายไปอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว ซึ่งในฉากนี้ทันตแพทย์หนุ่มจะนั่งอยู่ที่บนม้านั่งริมอ่างเก็บน้ำห้วยแก้วกับสุนัขสองตัว เด็กหนุ่มเดินเข้ามาขอเล่นกับสุนัขด้วย แล้วนั่งลงคุยกัน

ในสถานที่ถ่ายทำมีทีมสโมฯ และผู้ช่วยในการถ่ายทำหลายคนคอยดูแลพื้นที่ เพราะมีแฟนคลับอีกมากมายมายืนรอดูด้วยเช่นกัน พวกเขาต้องคอยปรามไม่ให้พวกเธอหวีดร้องเสียงดังเวลาฟิน

ฉากต่อมาก็มีนั่งกินข้าว ขี่จักรยานจูงสุนัข ไม่ได้มีฉากอะไรให้สองหนุ่มตะขิดตะขวงใจ

จนมาถึงฉากที่จะต้องรอถ่ายช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ปลายฟ้าเป็นสีส้มแดง พวกเขามีโอกาสถ่ายกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น พวกสมาชิกสโมฯ ปูเสื่อ เตรียมสถานที่ไว้พร้อม 

“เจ้าถังทองจะนั่งตรงกลาง ส่วนเจ้าถุงเงินจะนอนอยู่ข้างหน้า แล้วพี่หมอกับพิงค์จุ๊บเจ้าถังทองคนละข้าง ข้างหลังพี่จะเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน ฉากนี้จะมืดๆ หน่อย แต่ภาพสวยแน่นอน โอเคนะพี่ จับหมาไว้ดีๆ เดี๋ยวรอนับนะครับ อย่าลืมว่าฉากนี้ถ่ายได้ครั้งเดียว ห้ามพลาดนะครับ”

ดวงอาทิตย์เบื้องหลังคล้อยต่ำลงแล้ว เมื่อใกล้ถึงจุดที่กำหนดไว้ ผู้กำกับจำเป็นก็ร้องบอก “เริ่มได้!”

สองหนุ่มอมยิ้ม สายตาประสานกัน พวกเขายื่นหน้าเข้าไปหาเจ้าถังทองที่นั่งนิ่งอยู่ตรงกลางช้าๆ แต่พอจะจุ๊บเจ้าหมา มันกลับหมอบลงเสียอย่างนั้น

“ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งหยุดครับ รอดวงอาทิตย์ตกก่อน ค่อยๆ ขยับเข้าหากัน ค่อยๆ ครับค่อยๆ ใกล้อีก”

นายแบบจำเป็นร้องฉิบหายในใจ หากเพราะถ่ายใหม่ไม่ได้ พวกเขาจึงเคลื่อนใบหน้าเข้าหากันทีละน้อย

พอประสานสายตากัน ริมฝีปากก็เผยอออกเล็กน้อยอย่างลืมตัว

พวกเขาใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกันแล้ว

ไอ้ผู้กำกับเวรนี่ก็ไม่สั่งคัตสักทีว้อย!

จนกระทั่งริมฝีปากเกือบจะสัมผัสกัน รวินท์จึงสั่งคัตเสียเอง “คัต!พอแล้วเว้ย!”

“โธ่ พี่หมอ กำลังอินเลย”

“อินพ่องส์” ภูพิงค์ส่งนิ้วกลางกราด “แผนพวกพี่ใช่มั้ยวะเนี่ย”

“พวกพี่จะวางแผนกับหมาได้มั้ยวะ อย่าใส่ร้ายกันสิไอ้พิงค์!” ผู้กำกับจำเป็นทำเบลอใส่ “ไปๆ ถ่ายต่อที่หน้าเกียร์คณะ ฉากสุดท้ายแล้ว”

ฉากนี้สองหนุ่มจะจูงสุนัขไปหยุดที่หน้าเกียร์คณะ บอกลากันก่อนรวินท์จะจูงสุนัขไป โดยภูพิงค์ยืนโบกมือลาอยู่ที่หน้าตึกคณะ สองข้างทางมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟเท่านั้น

พอจะเริ่มถ่าย หญิงสาวหนึ่งเดียวของสโมสรคณะซึ่งยืนขมวดคิ้วอยู่สักพักแล้วก็เอ่ยขึ้น “ทุกคน มาคิดอีกที เราว่ามันดูดราม่าไปนะคะ มันเหมือนรักไม่สมหวังยังไงไม่รู้อะค่ะ จบที่แยกกันไปคนละทางแบบนี้”

“เขาแค่แยกกันกลับบ้านป่ะวะจ๋า”

“เออ เพิ่มให้เกียร์เข้าไปดีกว่า มันจะได้ดูพิเศษหน่อย ให้เกียร์ ยิ้มให้กันแล้วค่อยโบกมือบ๊ายบาย พี่หมอจูงหมาเดินไป น้องพิงค์ยืนยิ้มรอที่หน้าเกียร์คณะ แบบนี้ดีกว่า”

“เออ ก็ดีนะ วิดวะถ้าไม่มีฉากให้เกียร์ก็จะดูไม่ฟิน” ตากล้องพยักหน้าหงึกหงัก

จ๋าหันไปทางรวินท์ “เพิ่มแบบนี้ได้มั้ยคะพี่หมอ”

“อ้อ ได้ๆ”

“หาเกียร์มาเข้าฉากก่อน มีใครเอาเกียร์ติดมาบ้างคะ” จ๋าร้องถาม

“ไม่ต้องหาๆ ผมมี”

ภูพิงค์หันขวับ ใบหน้าซับสีเลือด พวกสมาชิกสโมฯ ตากล้องและเหล่าผู้กำกับจำเป็นก็หันไปทางเจ้าของเสียงเช่นกัน

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง หยิบเกียร์สีทองซึ่งคล้องอยู่ที่คอขึ้นมาโชว์ “หมายถึงอันนี้ใช่มั้ย”

“พี่หมอ...เอามาจากไหน เกียร์ทองด้วยอะ เอ๊ยๆ ไม่ถามละ เอ่อ ถอดออกมาให้ยืมถ่ายแป๊บนึงนะครับ” 

รวินท์หันไปถามเด็กหนุ่ม “ได้มั้ยอะพิงค์”

โห...รู้กันหมดเลยเว้ย!ไม่ต้องถามต้องตอบให้เหนื่อย

ใบหน้าของคนถูกถามเปลี่ยนเป็นสีแดงหนักกว่าเดิม เขาหันไปกวาดสายตามองทุกคนในบริเวณนั้น ซึ่งส่งสายตามาทิ่มแทงตัวเขาจนพรุน “ได้... ได้ครับ”

เมื่อภูพิงค์เดินไปช่วยถอดสร้อยที่คล้องคออยู่ออกให้ รวินท์ก็กระซิบบอก “เดี๋ยวเอามาใส่ให้อย่างเดิมด้วยนะ”

“แหงอยู่แล้ว”

จากนั้นการถ่ายทำฉากสุดท้ายก็เริ่มขึ้น ท่ามกลางเสียงหวีดร้องเบาๆ ของเหล่าสาววายที่มาปักหลักเฝ้าตั้งแต่เช้ายันมืด สองหนุ่มเดินคู่เคียงกันกลับมายังคณะ ซึ่งปกติแล้วมีคนพลุกพล่านเสียงดังราวกับตลาดสดอยู่ตลอด หากวันนี้โล่งเงียบเพราะปิดสถานที่ชั่วคราวเพื่อการถ่ายทำ

พวกเขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าเกียร์คณะ ภูพิงค์ก้มลงลูบหัวเจ้าสุนัขสองตัว มือค่อยๆ ไล้ไปตามสายจูง ขึ้นไปจับมือเจ้าของสุนัขไว้ เขายิ้มน้อยๆ มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง กำเกียร์สีทองไว้ในมือแล้วยกขึ้นมาตรงหน้า แล้วปล่อยให้เกียร์หลุดออกมาโดยที่ยังมีสร้อยเชือกอยู่ในมือ

รวินท์แบมือขึ้นรับเกียร์สีทองนั้นมา สบสายตากันแล้วยิ้มตอบ เขาเก็บเกียร์นั้นไว้ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นจึงจูงสุนัขเดินออกไปช้าๆ หากเมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาโบกมือลา

สมาชิกสโมฯ ที่ยืนออกันอยู่ขณะดูการถ่ายทำในฉากสุดท้ายนี้หันไปกระซิบกระซาบกัน

“แม่ง เล่นเนี้ยนเนียนทั้งคู่ พี่หมอน่ะไม่แปลก แต่ขนาดคนอย่างไอ้พิงค์ยังเล่นให้ดูโรแมนติกได้ โลกคงใกล้ดับแล้วว่ะ”

“ดูสายตามันดิ หวานจนน้ำตาลจะหยดลงพื้นละ”

“พวกมึงหยุด กูหมั่นไส้แม่งจนจะทนไม่ไหวละ” จ๋า หญิงสาวผู้เรียบร้อยประจำสโมฯ สติแตกอีกครั้ง

ซันแก้ตัวแทนเพื่อนรัก “เอาน่ะ เห็นใจไอ้พิงค์มันเถอะพี่ ความรักมันคับอก”

จ๋าคิ้วกระตุก แล้วแผดเสียงตอบรุ่นน้องไปทันที “เห็นใจอะไรวะ! มีอะไรให้น่าเห็นใจ!มันได้พี่หมอที่ทั้งหล่อทั้งรวยเพอร์เฟ็กต์ไปหมดไปครองคนเดียว มึงบอกมาซิจะให้กูที่โสดมาจะสี่ปีนี่เห็นใจเรื่องอะไร!”

ซันยิ้มแห้งๆ พลางถอยไปหลบข้างหลังเหรัญญิกสโมฯ “พี่จ๋าสาวแตกอีกแล้วว่ะพี่”

“ไม่ต้องมาหลบหลังกู เขาถ่ายกันเสร็จแล้ว ตัวใครตัวมันกันเหอะ”

จากนั้นสมาชิกสโมฯ ก็พร้อมใจกันวิ่งแตกฮือออกไปคนละทิศละทาง แล้วไปรวมตัวกันที่ตรงสองหนุ่มนายแบบจำเป็นยืนอยู่แทน พวกเขาพร้อมใจกันยกมือไหว้ “ขอบคุณพี่หมอกับพิงค์ที่สละเวลา ขอบคุณจริงๆ ครับ เดี๋ยวพวกเราจะรีบตัดต่อคลิปแล้วจะแจ้งพี่หมอให้ทราบ จะเชิญพี่หมอมาดูคลิปก่อนเผยแพร่นะครับ”

“อืม โอเคครับ”

“ส่วนเสื้อที่ใส่พวกผมยกให้พี่หมอเลยนะครับ”

“ขอบใจ ขอให้ขายได้เยอะๆ นะ”

“สาธุคร้าบพี่หมอ”

หลังจากไปล้างหน้ากันแล้ว ภูพิงค์กับรวินท์ก็ไม่ได้เปลี่ยนชุด พวกเขาจะไปกินมื้อเย็นกันต่อเลย แต่ก่อนจะออกจากห้อง เด็กหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะเอาเกียร์ทองมาสวมคืนให้กับทันตแพทย์หนุ่ม

รวินท์ยิ้มรับ “ขอบใจ”

คนอ่อนวัยกว่าก้มลงจูบซอกคออีกฝ่ายเบาๆ “วันนี้พี่วินน่ารักทั้งวันเลยอะ หื่นขึ้นหน้าเลย”

ทันตแพทย์หนุ่มหยิกแก้มเด็กหนุ่มไปหนึ่งที “ถ้าอยู่กับผมแล้วคุณไม่หื่น ก็ผิดปกติละ ไปเหอะ กินข้าวแล้วจะได้กลับห้องกัน”



ช่วงเวลาของวันแห่งความรักอะไรๆ ก็ดูเป็นสีชมพูไปเสียหมด

เนื่องจากวันวาเลนไทน์เป็นวันเสาร์ซึ่งนักศึกษาส่วนใหญ่ไม่มีเรียน สาวๆ และหนุ่มๆ นักศึกษาหลายๆ คนจึงได้รับของขวัญและดอกไม้จากคนที่ทั้งแอบและไม่แอบปลื้มกันในวันศุกร์ พวกเขาเดินถือถุงใส่ของขวัญกับช่อดอกกุหลาบสีแดง บางคนก็หนีบดอกกุหลาบสีแดงไว้กับกองหนังสือ หรือไม่ก็ใส่ไว้ให้โผล่มาแต่ดอกออกมาจากปากกระเป๋า ใบหน้ายิ้มแย้ม เปล่งออร่าสีชมพูแห่งความสุข

ภูพิงค์ได้รับขนมเป็นของขวัญแต่เช้า เยอะจนต้องเอาถุงกระสอบมาหอบ หากครั้งนี้เขายิ้มรับมาด้วยความยินดี เพราะเคยบอกกับคนที่มาถามไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะรับเฉพาะคำอวยพรและของขวัญที่เป็นของกินให้เขากับพี่วิน เพราะพวกเขาจะไปเที่ยวกัน จะได้มีของกินเล่นกันตลอดทาง

ในตอนบ่ายหลังเลิกเรียน ตามแผนการที่วางไว้คือรถตู้จะไปรับเตชิตกับรวินท์จากโรงพยาบาลลำพูน แล้วมารับพวกเด็กหนุ่มต่อ ก่อนจะเดินทางไปม่อนแจ่มกัน

แต่เพราะทางสโมฯ ขอเวลาให้รวินท์ได้ไปดูคลิปกับภาพที่จะโพสต์ในอาทิตย์หน้าก่อน ทันตแพทย์หนุ่มจึงต้องลงจากรถเดินเข้าไปข้างในตึกคณะด้วย

เมื่อรถตู้เคลื่อนเข้าใกล้คณะวิศวกรรมศาสตร์ก็เห็นสาวๆ หนุ่มๆ มากมายผิดปกติ รวินท์ชักสังหรณ์ใจแปลกๆ ทว่าก็คิดแผนเอาตัวรอดไว้แล้ว

“ไอ้เต้ ลงไปด้วยกันดิ นั่งรอในรถน่าเบื่อจะตาย” รวินท์หันไปชวนเพื่อนรัก

“เออ ก็ดี อยากเห็นข้างในคณะเหมือนกัน”

“มึงเพิ่งมาครั้งแรกนี่นะ ปะๆ เดี๋ยวพาเดินดู”

เตชิตเบ้ปากใส่ “หมั่นไส้ว่ะ คณะมึงเหรอ”

“สัส ก็กูมาบ่อยมั้ย”

สองหนุ่มทันตแพทย์เดินดุ่มๆ เข้าไปข้างในตึก เมื่อสาวๆ แฟนคลับหันมาเห็นเข้าก็ถลาเข้ามารุมล้อม

“พาใครมาด้วยอะคะพี่วิน” พวกเธอถามเสียงอ่อนเสียงหวาน

ถึงแม้เตชิตจะไม่ได้หล่อเตะตาใครๆ เท่าเพื่อนรักของเขา แต่ก็หล่อพอตัว มีดีกรีเป็นลีดมหาวิทยาลัยชื่อดังเสียด้วย

“เพื่อนผมครับ ชื่อเต้ เป็นลีดมหาลัยด้วยน้า~”

เตชิตหันขวับไปทางเพื่อนรัก เขาชักสังหรณ์ใจชอบกล มันเดจาวูยังไงก็ไม่รู้ เหมือนเคยอยู่ในเหตุการณ์คล้ายๆ คลึงกันมาก่อน ขณะที่กำลังแจกยิ้มการค้าอยู่นั้น เขาก็เห็นว่าจำนวนคนที่เข้ามารุมล้อมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

รวินท์โอบไหล่คนที่ยืนอยู่ข้างกัน “ผมมีอะไรจะบอก ไอ้เต้เพื่อนผม ยังโสดอยู่ด้วยล่ะครับ”

“ไอ้วิน!”

“มีใครอยู่วิดวะบ้างอะครับ แสดงตัวนิดนึง”

พอสาวๆ กลุ่มใหญ่แสดงตัว รวินท์ก็ยิ้มมุมปาก “ผมฝากพาเพื่อนผมเดินดูตึกคณะแป๊บนะ ผมมีนัดกับสโมฯ น่ะครับ” พูดจบก็ผลักเพื่อนผู้น่าสงสารถลาเข้าไปกลางกลุ่มสาวๆ วิศวะ “เดี๋ยวมานะไอ้เต้ ขอเวลาสิบห้านาที มึงอย่าเดินเล่นเพลินล่ะ”

“ไอ้!” เตชิตยังไม่ทันจะอ้าปากด่า ไอ้เพื่อนเวรของเขาก็โกยแน่บวิ่งขึ้นบันไดไปแล้ว

ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!

“ไปค่ะพี่เต้” สาวๆ แหวกทางเดินให้พร้อม

“ขอบคุณครับ ไปก็ไป” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มรับ แต่ในใจสาปส่งเพื่อนรักรัวๆ ถึงว่าสิ มันชวนเขาลงมาจากรถด้วยทำไม ไอ้เพื่อนเฮงซวย

ฝ่ายรวินท์นั้น เขารีบรุดขึ้นบันไดตรงไปยังห้องประชุมที่นัดกันไว้ ซึ่งภูพิงค์กับซันก็กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาจากอีกฝั่งของตึก

เด็กหนุ่มรีบเดินเข้าไปหา “ขอโทษที่ไม่ได้ลงไปรอรับนะพี่ ผมเพิ่งเรียนเสร็จ”

“ไม่เป็นไรๆ”

“แล้วพี่หมอเอาตัวรอดมาได้ยังไงครับเนี่ย ข้างล่างเสียงดังมาก น่าจะคนเยอะ” ซันก้มมองจากปลายเท้าขึ้นไปยังศีรษะ

“อ๋อ คนเยอะมากจริง แต่ผมเอาตัวตายตัวแทนมาด้วย”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น “พี่เต้น่ะเหรอ”

“เออ มันก็ดีกรีลีดมหาลัยนะ”

เด็กหนุ่มรู้สึกสงสารเตชิตขึ้นมาตงิดๆ แต่ก็แค่ตงิดๆ เท่านั้น “เข้าห้องประชุมกันเหอะพี่ เสร็จแล้วจะได้ไปเที่ยวกันสักที”

เมื่อทุกคนเข้ามานั่งรวมกันในห้องแล้ว ภาพมิวสิกวิดีโอก็ถูกฉายขึ้นบนจอขนาดใหญ่ เสียงร้องใสๆ เข้ากับรอยยิ้มของนายแบบจำเป็นทั้งสองคนเป็นอย่างดี ทำให้คนที่นั่งดูอยู่ยิ้มตาเยิ้มตามกันไปหมด ฉากจุ๊บเจ้าถังทองที่อ่างแก้วแต่กลายเป็นพวกเขาจะจุ๊บกันเสียเองดูน่ารักเสียจนอาจารย์ที่นั่งดูอยู่ด้วยยังต้องคว้ากระเป๋ามาจิก ปิดท้ายด้วยฉากจบอย่างโรแมนติกที่ข้างหน้าเกียร์คณะ

“เสียดาย สั้นจัง” อาจารย์เปรย

“ถูกใจมั้ยพี่หมอ” ต่ายยิ้มกว้าง พลางส่งเอ็กซ์เทอร์นัลฮาร์ดดิสก์ให้ทันตแพทย์หนุ่ม “นี่ก๊อปปี้ของคลิปทั้งหมดนะครับ พวกผมเก็บใส่เอ็กซ์เทอร์นัลฮาร์ดดิสก์ให้พี่หมอเลย เพราะมีเยอะมาก และก็จะได้ดูง่ายๆ ด้วย ขอบคุณพี่หมอมากๆ ครับ”

“ขอบใจนะ ทำได้ดีมากๆ เลย อย่างกับมืออาชีพ ผมว่าพวกคุณเรียนผิดคณะแล้วล่ะเนี่ย”

ทีมงานที่ทำการถ่ายทำหัวเราะแหะๆ “ถ้าเกิดจบไปแล้วตกงาน พวกผมก็ว่าจะไปเอาดีทางนี้แทนแล้วล่ะพี่”

“พี่หมอดูรูปโปสเตอร์แป๊บ มีสี่แบบนะครับ ใครซื้อเสื้อสองตัว จะแถมโปสเตอร์หนึ่งใบด้วย”

“อือๆ โอเค” รวินท์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแบบเขินๆ “ขอบใจทุกคนที่ให้โอกาสผมมาเป็นส่วนร่วมในคณะด้วยนะครับ ขอบคุณอาจารย์ด้วยครับ”

อาจารย์เอื้อมมือไปโอบไหล่ทันตแพทย์หนุ่ม “โห อย่างหมอวินเนี่ย มาเป็นศิษย์จารย์ด้วยก็ได้ ยินดีต้อนรับเสมอ”

“แหม จารย์ เบาๆ หน่อย”

“จารย์สอนเด็กวิดวะมาเป็นพันๆ ยังไม่เคยเจอหล่อๆ แบบหมอวินเลย เจอแต่หน้าอย่างไอ้พวกเนี้ยะ” อาจารย์ชี้กราดไปภายในห้อง

“พวกผมก็หล่อนะจารย์ แค่สู้พี่หมอไม่ได้เท่านั้นเอง!”

“เออ พี่หมอครับ ผมลืมถาม พี่หมอมีอะไรติชมมิวสิกวิดีโอก็บอกได้นะครับ” ต่ายหันไปประจบ

“ไม่มีหรอก แต่...”

สมาชิกสโมฯ หูผึ่ง พร้อมใจกันยื่นหน้าเข้ามาฟัง “แต่อะไรครับพี่”

“จริงๆ ตอนที่ผมได้เกียร์ทองนี่น่ะ โรแมนติกกว่าในคลิปอีกนะ”

“พี่วิน!” ภูพิงค์หน้าร้อนวาบ

สมาชิกสโมฯ แย่งกันถามเป็นพัลวัน “ยังไงเหรอพี่หมอ แบบไหน เล่าๆ”

“เสร็จแล้วใช่มั้ยอะพี่ พวกผมไปได้ยัง” ซันเห็นท่าไม่ดี เขารีบตัดบท พลางสะกิดอีกสองหนุ่มให้ลุกขึ้น

“จะไปแล้วอ่อ พี่หมอยังไม่ได้เล่าเลย”

“พอดีพวกผมจะรีบไปเที่ยวต่อพี่”

“เออๆ เสียดายชะมัดเลย งั้นก็ไปเที่ยวกันให้สนุกนะ” สมาชิกสโมฯ ส่งเสียงครางหงุงหงิง

รวินท์ขยิบตาให้ “เอาไว้คราวหน้านะ” เขาหัวเราะร่วน ขณะที่ถูกอีกสองหนุ่มจูงออกจากห้องไป

ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา ดูเหมือนพี่วินของเขาจะอัปสกิลการปั่นหัวคนอื่นขึ้นไปอีกเลเวลแล้ว ให้มันได้อย่างนี้สิ!

ระหว่างทางที่เดินไปในตึก ซันส่งข้อความไปบอกแซนดี้และเพื่อนอีกสองชีวิตว่าให้ไปตามเก็บพี่เต้มาที่รถด้วย พวกเขากำลังจะลงไปเดี๋ยวนี้

ขิงและดิวไปเก็บเตชิตมาได้ที่มุมหนึ่งของตึก ซึ่งทันตแพทย์หนุ่มถูกต้อนเข้าไป สองแขนโอบขนมที่ได้รับมาจากสาวๆ จนล้น พอเขาเห็นสองหนุ่มก็ร้องเรียกเสียงหลง “ขิง ดิว ผมอยู่นี่ว้อย~”

สองหนุ่มถลาเข้าไปช่วยรับขนมอย่างเต็มอกเต็มใจ

“ไอ้เด็กเวร ช่วยผมด้วยสิโว้ย”

“อะๆ ช่วยก็ได้” พวกเขารับขนมต่อมาจากทันตแพทย์หนุ่ม แล้วช่วยหิ้วปีกกลับไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่

เมื่อไปพร้อมหน้ากันที่รถแล้ว รถตู้ที่หอบชายหนุ่มเจ็ดคน เสบียง กระเป๋าเป้และขนมกระสอบใหญ่ก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่จุดหมาย



เจ็ดหนุ่มไปถึงที่พักในตอนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี พอลงจากรถตู้ก็รีบไปตั้งเต็นท์กันไว้ก่อน พวกเขามีเต็นท์สองเต็นท์ รวินท์ ภูพิงค์กับเตชิตนอนเต็นท์เดียวกัน ส่วนอีกเต็นท์เป็นของสี่คนที่เหลือ เพราะไม่มีใครยอมแยกไปนอนกับสามคนแรกด้วย

แน่นอนว่าภูพิงค์ก็ไม่ยอมให้ทันตแพทย์สองคนนอนด้วยกัน ส่วนเตชิตก็ไม่ยอมปล่อยให้คู่รักนอนกันสองคนเช่นกัน เขากลัวพวกมันทำเสียงดัง คราวนี้จะไม่ได้นอนกันทั้งม่อนแจ่ม

“เต็นท์ไอ้พิงค์แม่ง สงครามทั้งคืนแน่นอน” สี่หนุ่มส่ายหน้าแบบปลงๆ

เมื่อตั้งเต็นท์และเก็บของเสร็จ พวกเขาก็ไปสั่งอาหารเย็นกินกัน ร้านอาหารทำกระโจมไว้ให้เหล่านักท่องเที่ยวได้กินไป ดูวิวไป อิ่มตาอิ่มใจและอิ่มท้องด้วย

อุณภูมิในยามเย็นลดลงต่ำ จากกระโจมที่เจ็ดหนุ่มนั่ง มองไปเห็นหมอกหนาปกคลุม ดวงอาทิตย์กำลังจะมุดลงใต้ผืนฟ้าไปแล้ว

“ที่นี่สงบดีนะ สวยดีด้วย” เตชิตพูดขึ้น

“โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะน่ะพี่ ถ้าเป็นพวกเทศกาลนี่ รถติดถึงตีนดอย”

“เดี๋ยวกลางคืนพอปิดไฟมืด จะเห็นดาวชัดเลย”

“เราย้ายที่กันเหอะ ไปอาบน้ำแล้วปูเสื่อนั่งเล่นหน้าเต็นท์กันดีกว่า”

“เออ ถ้าอาบดึกกว่านี้ไข่แข็งแน่ๆ”

พอตกลงกันได้ พวกเขาก็พากันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็มานั่งลงปูเสื่อที่หน้าเต็นท์และเปิดไฟไว้พอสลัว ขณะพูดคุยเล่นกันก็กินขนมที่เตชิตได้รับมาไปด้วย แต่ไม่นานก็เกลี้ยงเหลือแต่ซากกล่องกับถุงพลาสติก

ขิงเอนหลังลงนอน แล้วเอื้อมมือไปเขี่ยเพื่อนรัก “อยากกินขนมอีกอะ ไอ้พิงค์~”

“มึงยังแดกไม่พออีกเหรอวะ”

“โห ขนมแม่งเน้นกล่องกับลม พวกกูตั้งกี่คน กี่กระเพาะ มึงนับเส้”

“ขนมของพี่วินด้วย พวกมึงขอพี่วินก่อนดิ”

รวินท์หันไปถาม “ถุงกระสอบใหญ่นั่นน่ะเหรอ เอาเลย กินเหอะๆ”

“พี่วินน่าร้ากที่ซู้ด ขอบคุณคร้าบ” พวกเด็กหนุ่มยกมือไหว้ปลกๆ

ภูพิงค์ลุกไปลากถุงกระสอบมา “อย่างน้อยพวกเราควรจะอ่านการ์ดกับดูขนมก่อน จะได้ไม่เสียน้ำใจคนให้ แล้วค่อยกินนะ”

“โอเค”

พอเด็กหนุ่มเปิดถุง พวกเขาก็หยิบออกมาดูทีละชิ้น แต่ละชิ้นจัดใส่กล่องหรือถุงมาอย่างน่ารัก มีจดหมายกับการ์ดเล็กๆ แนบมาให้ด้วย

ข้อความในการ์ดกับจดหมายก็ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่เป็นคำอวยพรให้สองหนุ่ม ขอให้เป็นแฟนกันจริงๆ ขอให้รักกันยืนนาน พวกเขาอ่านไปก็ยิ้มไป

“พวกมึงไม่ต้องทำให้บรรยากาศเหมือนเพิ่งเสร็จงานแต่งงานแล้วนั่งนับซองได้มั้ยวะ” เตชิตเบ้ปาก ระยะนี้เขาเบ้ปากบ่อยมาก จนรู้สึกว่ามุมปากจะย้อยถึงคางแล้วเนี่ย

จนกระทั่งหยิบของขวัญออกมากล่องหนึ่ง ใช้กระดาษห่อเป็นรูปหัวใจสีชมพูน่ารัก บนกล่องมีตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ นั่งทับอยู่บนริบบิ้นที่ใช้ผูกกล่อง รวินท์หยิบการ์ดออกมาอ่านเป็นอย่างแรก หากพอพลิกการ์ดดู เขาก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะข้อความในการ์ดไม่ใช่ข้อความถึงพวกเขา แต่เป็นถึงภูพิงค์คนเดียว

“เราชอบพิงค์มานานแล้ว แอบมองนายมาตลอดนะ เราคิดว่านายคงจำได้ ตอนปีหนึ่ง นายประคองเราวิ่งขึ้นโค้งขุนกัณฑ์ไงล่ะ” พออ่านจบ ทันตแพทย์หนุ่มก็เงยหน้าขึ้นจ้องเด็กหนุ่มเขม็ง

“เฮ้ย!” ภูพิงค์หน้าเสีย

อากาศในบริเวณนั้นที่ว่าเย็นอยู่แล้วก็ยังเย็นวูบลงได้อีก ทั้งห้าหนุ่มนิ่งค้าง ถึงแม้รวินท์จะไม่ได้แสดงออกอะไรทางสีหน้ามากนัก แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้น

โดยเฉพาะเตชิตนั้นรู้ดีกว่าใครเพื่อน เพราะเขาเคยผ่านสถานการณ์ที่บรรยากาศรอบๆ ตัวรวินท์เป็นแบบนี้มาแล้ว เขาจึงค่อยๆ ขยับออกห่าง ไปเบียดซันซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ แทน

“เป็นอะไรวะพี่”

เตชิตยกมือขึ้นลูบแขน พลางชำเลืองมองเพื่อนรัก “ผมหนาว”

“พี่วิน ไอ้ตอนวิ่งขึ้นโค้งขุนกัณฑ์อะ ทุกคนก็ประคองกันหมดแหละ ผมจำไม่ได้แล้วเนี่ยว่าใคร” พอภูพิงค์ตั้งหลักได้ก็รีบแก้ตัว

“คุณบอกผมว่า ไม่อยากให้ผมรับของขวัญใคร และคุณจะรับเฉพาะของที่ให้คุณกับผม” รวินท์พูดเสียงขรึม

“ผมบอกทุกคนแบบนั้นจริงๆ นะพี่ อันนี้มันหลงมาได้ไงก็ไม่รู้” เด็กหนุ่มรีบคว้าของขวัญชิ้นนั้นมา “เดี๋ยววันจันทร์ผมจะเอาไปคืน”

“จำไม่ได้แล้วจะคืนถูกคนเหรอวะ” รวินท์พลิกการ์ดดูประโยคสุดท้ายในการ์ดที่เขายังไม่ได้อ่าน “ปล. ขอบคุณสำหรับขนมเมื่อวานนะ”

“เย้ย!” ภูพิงค์หน้าซีดเผือดแล้วตอนนี้

อุณหภูมิในบริเวณนั้นลดต่ำลงอีกอย่างฉับพลัน เวลานี้เด็กหนุ่มอีกสี่คนเริ่มหนาวตามเตชิตไปด้วยแล้ว ต่างคนต่างก้มหน้า กลัวที่จะต้องประสานสายตากับภูพิงค์และรวินท์ พวกเขายังไม่อยากโดนลูกหลง

ทันตแพทย์หนุ่มไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหันไปหยิบของขวัญชิ้นอื่นๆ ขึ้นมาดูเงียบๆ

ภูพิงค์หันไปทางเตชิต ซึ่งอีกฝ่ายชำเลืองมาทางเขาพอดี เขาจึงรีบส่งสายตาขอความช่วยเหลือ

เตชิตส่ายหน้ารัว ส่งสายตาตอบกลับไปว่า ช่วยตัวเองเถอะมึง มึงพลาดแล้ว เขารู้ดีว่าไอ้วินมันจริงจังกับคำสัญญามากขนาดไหน เพราะที่โรงพยาบาลมีทั้งแพทย์ เจ้าหน้าที่ พยาบาลและคนไข้สาวๆ เอาของขวัญมาให้ไอ้วินมากมาย มันไม่รับของใครเลย แล้วมาเจอแบบนี้... เจริญพรเถอะมึงไอ้พิงค์

รวินท์หยิบของขวัญและการ์ดจากในถุงกระสอบมาอ่านจนหมด จากนั้นจึงหันไปบอกคนอื่นๆ “อยากกินอะไรก็หยิบเอานะ ผมจะนอนละ” แล้วลุกเดินไปยังเต็นท์นอนของตน

“พี่วิน!ผมไปด้วย!” ภูพิงค์ลุกตามทันที

เตชิตหันรีหันขวาง ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดเด็กหนุ่มที่เหลือ “เฮ้ย พวกคุณ คืนนี้ผมนอนด้วยดิ”

“เต็นท์นอนได้สี่คนเว้ยพี่”

“งั้นผมไปนอนเต็นท์คุณ ใครก็ได้ไปนอนแทนผมที”

สี่หนุ่มส่ายหน้ารัว ให้พวกเขาเสียสละอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ให้ไปนอนท่ามกลางความหนาวเหน็บแบบนี้ “โชคดีนะพี่”

รวินท์เดินมาอีกครั้งพร้อมกับแปรงสีฟันและยาสีฟันในมือ ข้างหลังเขามีเด็กหนุ่มเดินตามมาต้อยๆ “ไอ้เต้! ไปแปรงฟัน!”

“จ้า” เตชิตสะดุ้งโหยง หันไปตอบเพื่อนรักแล้วหันกลับมาทางพวกเด็กหนุ่ม “ทำไมพวกคุณใจร้ายจังวะ!”

“ใครๆ ก็รักชีวิตเว้ยพี่ ขอให้อยู่รอดปลอดภัยจนเช้านะ”

“ไอ้เต้!” รวินท์พูดเสียงเข้ม

“คร้าบ ไปเดี๋ยวนี้” เตชิตลุกเดินไปตามเสียงเรียก พอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เดินกลับไปถึงเต็นท์เพื่อนรักก็ออกคำสั่งทันที

“เดี๋ยวมึงนอนกลางนะ”

“ไอ้วิน~” คือปกติเขาก็อยากจะเสือกนอนตรงกลาง แต่ไม่ใช่ตอนไอ้วินเป็นแบบเน๊!เขาหันไปมองเด็กหนุ่มซึ่งนั่งทำหน้าจ๋อย เวลานี้รู้สึกสงสารมันขึ้นมาจับใจ ปกติไอ้วินมันเป็นคนใจเย็น ไม่ค่อยโกรธใครง่ายๆ เสียด้วย เป็นบุญของมึงจริงๆ

เตชิตพยักพเยิดหน้าบอกเด็กหนุ่มให้นอนไปก่อน เดี๋ยวค่อยสลับที่กันทีหลัง

“ไอ้เต้ ถ้ากูตื่นมาแล้วมึงไม่นอนอยู่ข้างกูก็เลิกเป็นเพื่อนกันไปเลยนะ”

ถ้าเป็นทุกครั้งเขาก็คงจะตอบกลับไปว่า จะให้เป็นแฟนอ่อ ทว่าครั้งนี้ไม่กล้า จึงได้แค่พยักหน้าหงึกๆ “ครับๆ” แล้วหันไปทำหน้าเหมือนโดนหยิกตูดใส่ภูพิงค์

ส่วนเด็กหนุ่มก็ทำหน้าเศร้าเสียจนน่าสงสาร

คือกูก็สงสารมึงนะไอ้พิงค์ แต่ตอนนี้กูสงสารตัวเองมากกว่า

เตชิตตัดสินใจ ปิดสวิตช์ตัวเอง เขาล้มตัวลงนอน แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปงไว้จนมิด

ภูพิงค์นั่งนิ่งอยู่สักพักก็เอื้อมมือข้ามคนที่นอนอยู่ไปสะกิด “พี่วินครับ คุยกันหน่อยดิ”

“ผมจะนอนแล้ว”

“ฟังผมนิดนึงนะพี่ ไอ้เรื่องให้ขนมน่ะ คือเมื่อวานซ้อมแบต พอมีคนเอาขนมมาให้พวกผมก็แบ่งกัน แบ่งให้ทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันนั่นล่ะ ถ้าผมจะให้ขนมใครก็คงจะเป็นตอนนั้นแหงๆ”

“อืม” รวินท์เอนหลังลงนอนแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมบ้าง

“ส่วนตอนรับของขวัญน่ะ คนเยอะ แล้วก็ฉุกละหุกมาก ผมขอโทษที่ไม่ดูให้ดี ถ้าผมรู้ว่าเป็นของขวัญแบบนี้ ผมไม่รับมาแน่นอน”

“อือ คุณนอนเหอะ”

“แต่พี่วิน...”

“พรุ่งนี้ผมคงจะอารมณ์ดีขึ้น ให้เวลาผมหน่อยละกัน”

เตชิตนอนหนาวอยู่ในผ้าห่ม พลางกลอกตาไปมา เอาจริงๆ เขาไม่เคยเห็นไอ้วินงอนใครหึงใครมาก่อนเลยในชีวิต เรียกว่าเป็นบุญของไอ้พิงค์จริงๆ แต่ก็คงเพราะมันรักของมันมากนั่นแหละนะ

เอาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ ยังไงก็คงได้คืนดีกัน สวดก่อน สาธุ



*TBC*


เหมงฟามรักนิดๆ นะคะ แต่น้องพิงค์โดนโกรธซะแว้ว สงสารหมอเต้เรย 555555

น้องพิงค์จะง้อพี่วินยังไงดี ต้องมีผู้ช่วย หรือต้องเอาตัวเข้าแลกกันนะ กรั่กๆ (ตกใจอะจิ เก๊าล้อเล่งงง)

ภูสอยเดือนเดินทางมาจะถึงปลายทางแล้วววว เหลืออีกสองตอนค่ะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามมาตลอด และขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจด้วยค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-08-2018 19:24:30
น้องก็รับมาไม่ได้ดูพี่ก็ให้อภัยน้องเถอะนะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-08-2018 19:40:00
สงสารพี่เต้ตั้งแต่โดนพี่วินท์ลากไปให้ฟค.รุมที่คณะวิศวะแล้วค่ะ  :laugh: มาเที่ยวก็ยังไม่พ้น ถถถถถ พี่เต้ที่น่าสงสาร :laugh: :laugh: (สงสารแต่เราหัวเราะ ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆค่ะ  :laugh:)

ปล. พี่เต้จะได้มีคู่กับเขามั้ยหนอ อยากให้ฮีมีคู่บ้างจัง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-08-2018 19:52:59
โถถถ น้องพิงค์ไม่ได้ตั้งใจนะพี่วิน พิงค์มันซื่อบื้ออ่ะ อภัยให้น้องเถอะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-08-2018 20:08:34
พี่วินจ๋า ไม่สงสารน้องพิงเลยเหรอ

น้องเค้าไม่รู้จริงๆนะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 01-08-2018 20:16:24
555 ใครๆ ก็กลัวตาย พี่หมอวินเวอร์ชั่นดาร์ก ขนาดหมอเต้ยังไม่กล้าเสี่ยง หึหึ ภาวนาให้พิงค์ง้อสำเร็จ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-08-2018 21:18:48
วิน หึงพิงค์  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 01-08-2018 21:48:32
พี่วินหายโกรธน้องเร็วๆนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-08-2018 22:08:51
พี่วินอ่า ไปเที่ยวกันนะ อย่าทำงานกร่อยสิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-08-2018 22:09:36
เอ้า หวานกันอยู่ดีๆครุกรุ่นขึ้นมาซะอีกก็ได้เหรอ จะรักกันดีๆไม่ได้ช่ายมะสองคนนี้อ่ะ
แต่ตอนนี้สงพี่เต้สุดละ โดนลากไปโดนเก็บมา อาภัพจริงชีวิต :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-08-2018 22:31:43
ตอนหวานกันก็หวานซะจนน่าหมั่นไส้ถึงขั้นเบ้ปาก แต่พอพี่วินหึงแล้วดาร์คนี่ตัวใครตัวมันล่ะคร๊าบบบ สงสารพี่เต้มากจุดนี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 01-08-2018 22:57:49
โถ่ พี่วิน น้องมันก็แค่ลูกโลมาหัดหื่น จอมซื่อบื้อ
แต่ก็เข้าใจนะว่าพี่วินเฟล อุตส่าพยายามรักษาคำพูดทำให้น้องประทับใจ
แต่ในทางกลับกัน ถ้าพี่วินเป็นคนผิดคำพูดซะเอง อิน้องก็คงงอน แล้วว่าพี่วินใจง่ายเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-08-2018 23:49:58
งานเข้าภูพิงค์แล้ว พี่หมองอนนานแน่
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-08-2018 00:18:38
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-08-2018 00:47:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

น่าสงสารนุ้งพิงค์  งานเข้าเลย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-08-2018 02:22:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-08-2018 04:12:43
หึงเบอร์แรงซะด้วย  โชคดีเน้อพิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-08-2018 07:32:38
 :laugh: วุ่นวายดีแท้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 02-08-2018 10:29:55
พี่วินมีแอบหึงเล็กๆ  อย่างอนน้องเลยน้า น้องรักจริงงงงงง
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 02-08-2018 11:26:53
วินอย่าโกธรพิงค์เลยพิงค์ไม่รู้ พิงค์ถ้าเขาไม่หายงอนเอาตัวเข้าแลกเลยม่ะ :z1:
จะจบเลยเหรอเต้ยังไม่มีคู่เลยเอาตอนพิเศษของเต้ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-08-2018 15:14:40
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 02-08-2018 15:46:28
สงสารมากกว่าพิงค์ก็เตเนี่ยแหละ :m20:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: kampootsm ที่ 02-08-2018 16:04:30
ลาก่อนน้องพิ้งค์  :mew5: :z6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 02-08-2018 16:58:01
นานๆ จะดีใจแทน หมอเต้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 02-08-2018 19:12:14
สงสารพี่เต... นอนหลับฝันดีนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 04-08-2018 16:24:44
พี่หมอเต้ของน้อง ต้องไปอยู่ท่ามกลางสงครามเย็น น่าสงสารอ่ะ แต่ก็แอบฮาความให้กำลังภูพิงค์ของพี่เต้  :laugh:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-08-2018 19:56:49
 :pig4:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 04-08-2018 20:52:01
พี่วินอย่าโกรธน้องงงงง
น้องไม่รู้เรื่องงงงง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: Maleewong ที่ 04-08-2018 21:16:19
หวานอยู่ดีๆ ขมมาตั้งตัวไม่ทัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-08-2018 00:12:38
หวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 06-08-2018 07:31:54
งานเข้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 56 : มิวสิกวิดีโอสุดหวาน][0108]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 09-08-2018 19:05:36
Chapter 57 : วันวาเลนไทน์


เช้าตรู่ของวันวาเลนไทน์ เสียงนกร้องดังจิ๊บๆ สลับเสียงไก่ขัน ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมารับอากาศเย็นสบาย พวกเขาเดินงัวเงียออกมาจากเต็นท์เพื่อดูทะเลหมอกกัน

เตชิตเดินออกมาทั้งผ้าห่มห่อตัว พอสี่หนุ่มเห็นเข้าก็ปราดเข้าไปหา

“เป็นไงบ้างวะพี่ อาการดีขึ้นยัง”

“ดีกับผี ผมนอนแข็งทั้งคืน”

“hum เหรอวะพี่”

“hum พ่อง!” เตชิตแยกเขี้ยวใส่ พลางหันมองไปยังเพื่อนรักกับเด็กหนุ่มผู้น่าสงสาร

รวินท์ยืนเกาะรั้วมองทะเลหมอกนิ่งๆ หมดอารมณ์จะตื่นเต้นกับทุกสิ่ง ทั้งที่เขาคิดว่าตื่นมาคงรู้สึกดีขึ้น หากพอเห็นหน้าภูพิงค์ ตัวหนังสือในการ์ดเมื่อวานก็รีรันวิ่งผ่านหน้าเด็กหนุ่มอีกรอบ เขาไม่เคยหงุดหงิดกับอะไรมากขนาดนี้เลยแม่ง

“พี่วิน ใส่เสื้อหนาวหน่อยนะ เดี๋ยวไม่สบายอะ” เด็กหนุ่มถือเสื้อหนาวเข้ามาคลุมไหล่อีกฝ่ายให้

“ขอบใจ” ทันตแพทย์หนุ่มฝืนยิ้ม หากเลี่ยงที่จะสบสายตากับคนอ่อนวัยกว่า

ภูพิงค์รู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดลงตรงกลางกบาล รอยยิ้มของพี่วินแบบนี้ เขาเคยเห็นมาก่อน มันไม่ใช่ยิ้มจากใจล้านเปอร์เซ็นต์ ฉิบหายแล้ว!พี่วินยังไม่หายโกรธ!

“พี่วิน สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”

“เออ”

เด็กหนุ่มหน้าจ๋อยลงไปทันควัน ทำไมวันวาเลนไทน์แรกของพวกเขาเริ่มต้นแบบกระอักกระอ่วนแบบนี้วะ ไม่ได้เว้ย เขาจะปล่อยไว้ให้เป็นแบบนี้ไม่ได้

ภูพิงค์เอื้อมมือไปกุมมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ไปเดินเล่นกันนะพี่”

“รอไปพร้อมทุกคนดีกว่า อีกอย่าง ผมหิวนิดๆ แล้วด้วย”

ภูพิงค์รู้ว่ารวินท์กำลังพยายามปรับอารมณ์ แต่เพราะยังมีความขุ่นเคืองหลงเหลืออยู่ในใจ เขาคงทำได้แค่รอเวลา และพยายามเอาใจอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ เขาจึงแค่กุมมืออีกฝ่ายไว้เช่นนั้น

หลังเสร็จจากมื้อเช้า พวกเขาก็ออกไปเดินดูสวนดอกไม้กัน ดอกลิลลีกำลังบานส่งกลิ่นหอม นอกจากนั้นก็ยังมีดอกไม้เมืองหนาวอีกนานาชนิด

รวินท์อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เขาเดินดูดอกไม้ไปเงียบๆ ด้วยกันกับภูพิงค์ซึ่งตามติดไม่ยอมห่าง ส่วนอีกห้าหนุ่มเว้นระยะห่างจากทั้งสองคนเล็กน้อย เพื่อให้พวกเขาได้ใช้เวลาปรับความเข้าใจกัน

เมื่อเดินเที่ยวดูดอกไม้กันจนพอใจ พวกเขาก็ไปเล่นฟอร์มูล่าม้ง เดินดูของที่ชาวเขานำมาขาย ซื้อสตรอว์เบอร์รีมากินกันและขึ้นรถตู้ไปดูม่อนต่างๆ จนกระทั่งถึงเวลาบ่ายแก่ๆ รถตู้ก็พาไปยังม่อนม่วน ซึ่งเป็นม่อนสุดท้ายก่อนกลับไปที่ม่อนแจ่มอีกครั้ง

เตชิตสะกิดเด็กหนุ่มซึ่งพอลงจากรถก็เดินตามรวินท์ต้อยๆ “พิงค์ พาวินไปตรงนู้นดิ เขาว่าวิวสวย โรแมนติกโคตรๆ”

ภูพิงค์หันมาสบสายตากับอีกฝ่าย นอกจากเขาแล้ว ไอ้พี่เต้ก็พอดูออกสินะว่าพี่วินยังไม่กลับมาเป็นพี่วินคนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาทำหน้าละห้อย “ครับ”

“ทำท่าเซื่องๆ แบบนี้ไม่สมกับเป็นคุณเลย โดนงอนหน่อยเดียวทำเป็นป๊อด”

“โธ่ พี่วินไม่เคยงอนผมเลยนะเว้ยพี่”

“คุณก็ผิดมั้ยล่ะ ก้มหน้ารับกรรมไป เอาใจมันเยอะๆ เดี๋ยวก็หายเอง ไปๆ พามันไปดูวิวอย่างที่ผมบอกน่ะแหละ”

“ครับ” คนอ่อนวัยกว่าตอบรับเสียงอ่อย เขาสาวเท้าเข้าไปโอบเอวรวินท์ แล้วพาเดินไปตามทิศทางที่เตชิตบอก

เมื่อสองหนุ่มคล้อยหลังไป เตชิตก็วิ่งกลับไปขึ้นรถ เพียงชั่วครู่อีกสี่หนุ่มก็วิ่งหน้าตั้งมาขึ้นรถตาม

“ครบทุกคนแล้วนะเว้ย เอ้า ขับไปเลยพี่” เตชิตบอกกับคนขับรถตู้ แล้วก็เคลื่อนรถออกไป



สองหนุ่มที่เดินคู่เคียงกันไปช้าๆ หยุดยืนมองที่พักเบื้องหน้า บ้านไม้ที่อยู่ท่ามกลางขุนเขา ดอกไม้ออกดอกสะพรั่ง บรรยากาศโรแมนติกแบบนี้ช่างสมกับเป็นวันวาเลนไทน์ดีจริงๆ

“สวยจังเนอะพี่วิน เอาไว้เรามาค้างที่นี่กันบ้างดีมั้ย” คนอ่อนวัยกว่ากระชับแขนที่โอบเอวอีกฝ่ายไว้ พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปพะเน้าพะนอ

“อือ”

“งั้นเดี๋ยวเดินไปดูบ้านพักกันเนอะ”

“.....” รวินท์ยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม

เด็กหนุ่มทำหน้าอ้อน “พี่วินอ่า~ หายโกรธกันนะ”

“หายแล้ว”

“หายยังไง หน้าพี่ยังบูดๆ อยู่เลย”

ภูพิงค์หันมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครจึงโอบกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง แล้วเอาคางเกยหัวไหล่ไว้ “เรื่องเมื่อวานผมขอโทษจริงๆ นะ ผมสะเพร่าเอง ไม่ดูให้ดีก่อน ตอนนั้นคนเยอะมากน่ะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่เสียใจเลยนะ แต่ผมย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว”

“ผมรู้ ผมก็พยายามจะไม่โกรธอยู่นี่ไง”

“อ้าว พี่ยังโกรธผมอยู่จริงๆ ด้วย”

เสียงโทรศัพท์มือถือของรวินท์ดังขึ้นแทรก เขาจึงหยิบขึ้นมาดู แล้วขมวดคิ้ว “ไอ้เต้ ทำไมโทรมา...”

“เห เดินมาคุยก็ได้ไม่ใช่เหรอ” ภูพิงค์หันมองไปรอบๆ จากนั้นจึงชะเง้อมองไปยังจุดที่รถตู้จอดอยู่ “รถตู้หายไปไหนวะ”

ทันตแพทย์หนุ่มกดรับสาย “มึงอยู่ไหนวะ”

“อยู่ม่อนแจ่มแล้ว”

“ฮะ!”

ในขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มก็วิ่งไปดูที่จอดรถให้แน่ใจ ก่อนจะวิ่งกลับมา “พี่วิน รถตู้หายไปไหนไม่รู้อะ พี่เต้ ไอ้พวกนั้นก็หายไปหมดเลย”

“ไอ้เต้ว่ากลับไปม่อนแจ่มกันแล้ว” รวินท์กดสปีกเกอร์ให้คนอ่อนวัยกว่าได้ยินด้วย

“ไอ้พี่เต้ เล่นอะไรวะเนี่ย” ภูพิงค์ตะโกนเข้าไปในโทรศัพท์ ซึ่งเขาได้ยินเสียงไอ้พวกเพื่อนๆ หัวเราะอยู่ทางด้านหลัง

“เดี๋ยวเดินไปที่เคาทน์เตอร์ที่พักนะ บอกว่าห้องที่จองไว้ชื่อเตชิต ห้องของพวกมึงอยู่ด้านในสุด วิวสวยสุด ดีสุด ส่วนอาหารเย็นกับอาหารเช้า พวกเราสั่งไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”

“อะไรของมึงเนี่ยไอ้เต้”

“ของของพวกมึง พวกน้องๆ เอาไปไว้ให้ที่บ้านพักเรียบร้อย ส่วนมึงก็หายงอนไอ้พิงค์มันได้แล้วนะเว้ย สงสารเด็กมัน มันไม่ได้ตั้งใจหรอก มึงก็รู้ดี”

“.....”

“ไอ้พิงค์เอ๊ย”

“ครับพี่เต้”

“ไอ้วินมันไม่ได้รับของขวัญจากใครเลย ทั้งที่มีคนมากมายหอบเอามาให้ถึงที่แผนก ถึงแม้คุณจะไม่เห็น แต่ผมเป็นพยานได้ เพราะงั้นพอคุณรับของคนอื่น มันถึงได้โกรธคุณไง”

“ครับ ผมเข้าใจ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเหี่ยว

“ที่จริง... ผมกับน้องๆ พนันกันไว้เรื่องวันวาเลนไทน์ ผมบอกว่า ถ้าผมบอกวินว่าผมไม่อยากอยู่คนเดียววันวาเลนไทน์ มันจะไม่ทิ้งผม และผมก็คิดว่าคุณเองก็เช่นกัน แต่เพื่อนคุณไม่คิดแบบนั้นน่ะสิ” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ

“อ้าว ไอ้เพื่อนเวร”

“อีกอย่าง พวกผมรู้สึกผิดนิดๆ ที่ทำให้พวกคุณไม่ได้ใช้เวลาในวันวาเลนไทน์ด้วยกัน ก็เลยจัดการเรื่องที่พักที่ม่อนม่วนนี่ไว้เป็นเซอร์ไพรส์ แล้วเพราะน้องๆ แพ้พนันผม พวกเขาเลยเลือกที่จะเป็นคนจ่ายค่าที่พักให้”

“ส่วนคนที่จัดการหาที่พักสุดโรแมนติกนี่ให้ กับจ่ายค่าอาหาร พี่เต้เป็นคนจัดการนะเว้ย” พวกเด็กหนุ่มตะโกนใส่เข้ามาในโทรศัพท์ “เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์จากพวกเรานะเว้ย”

“พี่หมอหายโกรธไอ้พิงค์นะ มันไม่ได้ตั้งใจรับของขวัญชิ้นนั้นมาจริงๆ ตอนนั้นคนเยอะมาก รับของขวัญมาไม่ทันมองหน้าใครเลย ผมอยู่กับมันตลอด ผมเป็นพยานได้” ซันพูดบ้าง

“แฮปปี้วาเลนไทน์นะ พี่หมอวินไม่ต้องห่วงพี่หมอเต้ พวกผมจะดูแลให้ไม่เหงาหูเลย”

ในที่สุดรวินท์ก็ยิ้มออกมาได้จากหัวใจ “ขอบใจ”

“มื้อเย็นตอนห้าโมงครึ่ง มื้อเช้าเก้าโมง พรุ่งนี้จะไปรับตอนสิบโมง โอเคนะ”

“อือ ขอบใจทุกคนมาก”

“อย่าหักโหมนะมึง วันจันทร์ต้องทำงาน”

“สัส!”

เพื่อนๆ จอมป่วนวางสายไปแล้ว สองหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นสบสายตากัน

“เรามาใช้เวลาที่เหลือของวันวาเลนไทน์ให้คุ้มค่ากับของขวัญที่ทุกคนให้กันนะครับ” ภูพิงค์ยิ้มกว้าง พลางยื่นมือให้อีกฝ่ายจับ “ปะ ห้าโมงกว่าแล้ว เราไปกินข้าวกันก่อนเนอะ”

ทันตแพทย์หนุ่มวางมือลงบนมือนั้น “โอเค”



โต๊ะอาหารของสองหนุ่มถูกจัดไว้พร้อม อยู่มุมดีที่สุดบนระเบียงของร้านอาหาร มองเห็นพระอาทิตย์ตกดินเสียด้วย พอพวกเขานั่งลง อาหารก็ถูกนำมาจัดวางบนโต๊ะ แล้วพนักงานก็มารินไวน์ลงในแก้วให้

“อร่อยแฮะ ไม่รู้เพราะหิว หรือเพราะวิวสวย”

“โห พี่ ชมคนทำอาหารบ้างก็ได้” เด็กหนุ่มยิ้มหน้าบาน เพราะอีกฝ่ายกลับมาเป็นพี่วินคนเดิมแล้ว

เมื่อกินมื้อเย็นเสร็จสองหนุ่มก็ไปเดินถ่ายรูปต้นไม้ดอกไม้ภายในที่พัก เพราะท้องฟ้ากำลังสีสวย และก็จะได้เดินย่อยอาหารไปพลางๆ ด้วย เสร็จแล้วจึงเดินไปยังห้องพักกัน



ห้องพักของพวกเขาเดินไกลจากส่วนกลางของโรงแรมมากที่สุดอย่างที่เตชิตบอก มันเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ สำหรับสองคน มีเตียงขนาดใหญ่ตรงกลางห้องและระเบียงกว้าง แต่ที่ดีที่สุดก็คือทัศนียภาพรอบๆ พวกเขาสามารถมองเห็นภูเขาและต้นไม้สีเขียวสดใสได้จากภายในห้อง บนระเบียงมีโต๊ะไม้กับเก้าอี้ไม้สองตัว จากบนระเบียงมองเห็นทะเลหมอกเบื้องล่าง

“โอ้โห พี่เต้จองห้องโคตรโรแมนติกแบบนี้ในวันวาเลนไทน์ได้ด้วยแฮะ”

“ไอ้เต้มันเส้นใหญ่ รู้จักคนเยอะ”

“พี่เต้ก็น่ารักเนอะ อุตส่าห์ทำเพื่อพี่กับผมด้วย แค่ไม่หาใครมาถีบผมตกเขาก็ว่าดีมากแล้ว” ภูพิงค์ใช้นิ้วเกาปลายจมูกอย่างเขินๆ ไม่ค่อยอยากจะชมไอ้พี่เต้สักเท่าไหร่ แต่ก็ยอมรับว่าอีกฝ่ายก็มีส่วนดีกับเขาเหมือนกัน ทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของพี่วิน ตอนที่พี่วินมีปัญหากับพี่เต้มากขึ้นด้วย

“ผมไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณหรอกน่ะ”

“จริงอะ”

รวินท์อมยิ้ม “อือ ก็รักขนาดนี้” จากนั้นจึงเดินไปสำรวจมุมต่างๆ ในห้อง

ภูพิงค์ยิ้มหน้าบาน ดวงตาเยิ้มขณะมองตามทันตแพทย์หนุ่ม พี่วินของเขานี่ปากโคตรหวาน ไม่ว่าจะมองท่าไหนมุมไหนก็น่ารัก น่าฟัด น่ากอด น่าทำให้ร้อง...

แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ต้องชะงักกึก รีบหันขวับไปทางบานประตู มือกำที่จับประตูไว้แน่น เขาทอดถอนใจยาวพลางมองทะเลหมอกที่ก่อตัวหนาตา พยายามท่องยุบหนอ พองหนอ ระหว่างนั้นก็ชำเลืองมองไปทางทันตแพทย์หนุ่มเป็นระยะ

ไอ้เพื่อนๆ ที่รัก พวกมันน่ารักจริงๆ นะ แต่เสือกลืมของสำคัญไปไหม นี่มันคืนวันแห่งความรักนะพวกมึง ให้โอกาสเขาได้อยู่กับพี่วินตามลำพังในที่โรแมนติกสองต่อสอง แล้วทำไมไม่เสือกนึกถึงของสำคัญที่ไปร่อนหาซื้อแทบจะทั่วตัวเมืองเชียงใหม่วะ!

ไอ้เขาก็ไม่ได้เอามาด้วย เพราะเห็นว่ามาเที่ยวกันเป็นกลุ่มขนาดนี้ ยังไงก็คงไม่มีโอกาส เขาอยากจะเอาหัวโขกบานประตูให้พังไปเลยแม่ง

ระหว่างที่ยืนบ่นอยู่ในใจก็ได้ยินเสียงเตือนข้อความเข้าในโทรศัพท์ เด็กหนุ่มหยิบขึ้นมาดูอย่างเซ็งๆ

แซนดี้ส่งข้อความมาหาเขาราวกับเสียงบ่นของเขาแว่วไปถึง ‘ของสำคัญของมึงใส่ไว้ให้ในลิ้นชักหัวเตียงด้านซ้าย’

ภูพิงค์เบิกตาโพลง รีบรุดเดินไปเปิดดู แล้วก็แทบจะทรุดตัวคุกเข่าลงกราบ เขาเดินกลับไปปิดประตูห้องพร้อมกับล็อกกลอนไว้ทันที แล้วก็ยืนรวบรวมความกล้า หายใจหืดหาดอยู่ตรงนั้น

ตอนนี้ก็เหลือแค่... โอย ตื่นเต้นเว้ย สู้นะเว้ยไอ้พิงค์

“ยืนเกาะประตูทำอะไรวะ คอสฯ เป็นตุ๊กแกเหรอ”

“เปล่าเว้ยพี่”

“มาดูนี่ดิ บนโต๊ะมีสตรอว์เบอรีให้ด้วย ลูกเบ้อเริ่มเลย” รวินท์ยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะซึ่งมีตะกร้าใส่สตรอว์เบอร์รีสดจัดวางไว้พร้อมการ์ดซึ่งเขียนไว้ว่าเป็นของขวัญจากทางบ้านพัก เขาหันไปกวักมือเรียกเด็กหนุ่ม พออีกฝ่ายเดินมาหาแล้วก็หยิบผลสตรอว์เบอร์รีขึ้นมาจ่อริมฝีปาก “เอ้า ชิมหน่อย กินแล้วจะตายมั้ย”

“โห รักผมมากใช่มั้ยเนี่ย” เด็กหนุ่มหัวเราะ หากพออ้าปากจะกัด ทันตแพทย์หนุ่มก็ดึงกลับแล้วกัดกินเสียเอง

“เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่รัก ชิมให้ก่อนก็ได้” คราวนี้พอรวินท์อ้าปากจะกัดอีกครั้ง คนอ่อนวัยกว่าก็แกล้งยื้อข้อมือเขาไว้ เขาจึงเบี่ยงตัวหลบ แล้วรีบกัดสตรอว์เบอร์รีที่เหลือ “อยากกินก็หยิบเอาดิ๊!”

“ไม่อะ จะกินจากพี่” ภูพิงค์รวบอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมแขน แล้วบดจูบริมฝีปากของรวินท์ทันที เขาดึงดันสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากนุ่ม เป็นผลให้น้ำสีแดงของผลสตรอว์เบอร์รีไหลออกมาตรงมุมปาก และกลิ้งลงไปตามลำคอ

คนอ่อนวัยกว่าค่อยๆ ดันให้ทันตแพทย์หนุ่มเดินถอยหลังไปที่เตียงโดยที่ริมฝีปากยังไม่แยกออกจากกัน เมื่อถึงเตียงเขาก็กดไหล่อีกฝ่ายให้นั่งลงและเอนหลังนอนลงไปบนผืนเตียง เขาละริมฝีปากออกมาช้าๆ แล้วค่อยๆ ไล้เลียไปตามทางน้ำสีแดงบนผิวขาว “อือ อร่อย”

นัยน์ตาของคนที่อยู่ใต้ร่างปรือปรอย เขาจับคอเสื้อของเด็กหนุ่มดึงเข้าหาตัว พร้อมกับผงกศีรษะขึ้นจูบอีกครั้ง มือที่ขยุ้มคอเสื้อค่อยๆ คลายออก ก่อนจะเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอคนบนร่างแทน

ลมหายใจเข้าออกของทั้งสองถี่กระชั้นขึ้นตามความปรารถนาที่ก่อเกิด ภูพิงค์เร่งถอดเสื้อผ้าของคนใต้ร่างออกอย่างร้อนรน แล้วก้มลงขบจูบแผ่นอกขาวเนียน

รวินท์ช่วยถอดเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มออกให้ เขาอยากให้ผิวกายของพวกเขาได้สัมผัสกันโดยที่ไม่มีอะไรขวางกั้น ไม่นานร่างของทั้งสองก็เปลือยเปล่า ผิวกายของพวกเขาเสียดสีกัน เร่งเร้าให้อุณหภูมิในร่างกายของทั้งคู่สูงขึ้น

ภูพิงค์ใช้ปลายลิ้นหยอกล้อติ่งไตที่รัดตัวแข็ง พอขบลงไปเบาๆ คนใต้ร่างก็สะดุ้งเฮือก แอ่นอกขึ้นอย่างลืมตัว เขาจึงใช้ปลายนิ้วกดคลึงติ่งไตอีกข้างเพื่อทำให้อีกฝ่ายปั่นป่วนยิ่งขึ้น

แล้วก็ได้ผล รวินท์ครางออกมาเบาๆ

เสียงครางนั้นเป็นผลให้เลือดของเด็กหนุ่มพลุ่งพล่าน อยากได้ยินเสียงของพี่วินแบบนี้อีก เขาจึงเคลื่อนริมฝีปากลงสู่ที่ต่ำ ลากไล้ปลายลิ้นผ่านหน้าท้อง ร่องสะดือ พอเคลื่อนต่ำลงอีก อีกฝ่ายก็กระตุกเกร็ง

“พี่วิน ให้ผมทำนะ”

“อือ” ทันตแพทย์หนุ่มยกศีรษะขึ้นมองคนอ่อนวัยกว่ากำลังใช้ปากให้กับส่วนนั้นของเขา มือข้างหนึ่งขยุ้มผ้าปูที่นอน ส่วนมืออีกข้างขยุ้มเส้นผมของเด็กหนุ่มไว้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้มีประสบการณ์อะไรมาก แต่ก็ทำให้เขาสุขจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย

เมื่ออารมณ์พุ่งขึ้นสูง รวินท์เกร็งจนลืมหายใจ เขารีบผลักเด็กหนุ่มออก “พิงค์ พอแล้ว!”

หากภูพิงค์กลับเร่งจังหวะขยับศีรษะ กระชับริมฝีปากแน่น จนกระทั่งทันตแพทย์หนุ่มหลุดครางออกมา ร่างกายอีกฝ่ายกระตุกสองสามครั้ง แล้วปลดปล่อยออกมาในโพรงปากเขาที่รอรับอยู่

เด็กหนุ่มยันตัวขึ้นพลางยกมือขึ้นเช็ดมุมปาก เขาคลานไปคร่อมทับไว้บนตัวทันตแพทย์หนุ่มอีกครั้ง พร้อมกับกวาดสายตามองรอยช้ำบนผิวกายขาวที่เขาสร้างไว้

“ผมเก่งใช่มั้ยล่ะ”

รวินท์หัวเราะ พลางยกมือขึ้นเขกศีรษะเด็กหนุ่ม “เออ เก่ง แล้วอร่อยมั้ยล่ะ”

“อร่อย ของพี่วินอะ อร่อยไปหมดทุกอย่างเลย”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นหยิกแก้มคนพูด “ปากดีแล้วยังน่ารักอีก” จากนั้นจึงแนบจูบเรียวปากช่างพูดนั้นเบาๆ แล้วยกมืออีกข้างขึ้นสัมผัสส่วนที่แข็งขึงของเด็กหนุ่ม “ผมทำให้บ้าง นอนลงดิ”

ภูพิงค์ส่ายหน้า “ไม่อะ อยากทำอย่างอื่น” เขาเคลื่อนมือไปสัมผัสร่องสะโพกของทันตแพทย์หนุ่ม “ได้มั้ย”

รวินท์อ้ำอึ้ง ลังเลเล็กน้อย ไม่ใช่อะไร เขาก็อยากทำนะ แต่เพราะภูพิงค์ไม่มีประสบการณ์เลย ทำให้เขาอดหวั่นใจไม่ได้

คนอ่อนวัยกว่าเอื้อมไปเปิดลิ้นชัก หยิบเจลและถุงยางออกมา “ผมมีของพร้อมแล้วนะ อาทิตย์ที่ผ่านมาไปหาซื้อทั่วเมืองเลย เขินฉิบหาย วิธีทำก็ศึกษามาเต็มที่”

ทันตแพทย์หนุ่มกลืนน้ำลายฝืดลงคอ “บอกตรงๆ นะ ผมกลัวเจ็บว่ะ”

“ผมจะอ่อนโยนกับพี่ให้มากที่สุด ผมสัญญา... นะครับ” เด็กหนุ่มทำเสียงอ้อน “ผมอยากทำให้พี่วินเป็นของผม อยากกอดพี่”

พอได้ยินแบบนั้นรวินท์ก็อ่อนยวบไปทั้งใจ เขายกมือขึ้นปิดใบหน้า

โอย... นี่มันคำพูดที่เขาเคยใช้กับคนอื่นๆ เลยโว้ย ความรู้สึกของการโดนกล่อมให้ยอมเสียตัว มันเป็นอย่างนี้นี่เอง 

“พี่วิน ผมรักพี่” คนอ่อนวัยกว่าก้มลงจูบหลังมือที่อีกฝ่ายใช้ปิดใบหน้าอยู่

“ไปหัดพูดแบบนี้มาจากไหนอีก ใครสอนวะ”

“พูดเอง พูดจากใจเลยด้วย” ภูพิงค์ยิ้ม “ผมรักพี่ อยากทะนุถนอมพี่ อยากทำให้พี่เป็นของผม ผมคิดอย่างนี้จริงๆ”

“ปากดีฉิบหายเลย เดี๋ยวนี้พูดอย่างคล่อง”

เด็กหนุ่มยักคิ้ว “ทฤษฎีผมแม่นมากนะเว้ย จดเลคเชอร์ไว้แล้วท่องทุกวัน แต่ปฏิบัติผมจะฝึกกับพี่เท่านั้น”

รวินท์ประสานสายตากับคนบนร่าง พลางถอนหายใจยาว เขาทิ้งศีรษะลงบนผืนเตียง “เออๆ จะทำอะไรก็ทำเหอะ”

ภูพิงค์วางมือประกบแก้มทันตแพทย์หนุ่ม ก้มลงจูบอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปหยิบหลอดเจลขึ้นมาเทใส่มือ

พอถึงเวลาจริงเด็กหนุ่มก็อดตื่นเต้นไม่ได้ มือของเขาเย็นเฉียบ ในขณะที่เจลบนฝ่ามือนั้นอุ่นร้อน เขาชโลมนิ้วให้ชุ่ม จากนั้นจึงค่อยๆ สอดเข้าไปในร่างอีกฝ่าย

หัวใจของเขาเต้นสั่นรัว เลือดในกายเร่งไปเลี้ยงส่วนไวสัมผัสให้แข็งขึงขึ้นอีก ขนาดเขาแค่สอดนิ้วเข้าไปนิดเดียวเองนะนี่ ข้างในของพี่วิน สุดยอดเหนือจินตนาการไปเลย

รวินท์สะดุ้งเฮือก พลางเม้มปากแน่น

“เจ็บรึเปล่าพี่ ผมจะค่อยๆ ใส่เข้าไปนะ”

“ไม่ต้องบรรยายก็ได้” แล้วก็สะดุ้งอีกเมื่อนิ้วของเด็กหนุ่มรุกล้ำเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ

“เป็นยังไงบ้าง เจ็บก็บอกนะ”

“ไม่เจ็บหรอก แต่มัน... แปลกๆ ว่ะ”

ภูพิงค์ค่อยๆ ขยับนิ้วช้าๆ จนขยับได้คล่อง เขาจึงเพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นอีก ครั้งนี้คนใต้ร่างคว้าข้อมือของเขาไว้ทันที

“เจ็บว่ะพิงค์”

เด็กหนุ่มโน้มตัวลงจูบปิดริมฝีปาก สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่ม รอจนอีกฝ่ายเคลิ้มจึงค่อยๆ สอดนิ้วลึกเข้าไปอีก เขาก้มลงซุกไซ้ซอกคอ พรมจูบจนทั่วแผ่นอก แล้วไปหยุดขบดึงติ่งไตสีชมพูเบาๆ พร้อมกับขยับนิ้วไปเรื่อยๆ

ครั้งนี้ได้ผล รวินท์ลดความเกร็งลง

ถ้าอย่างนั้น...

ภูพิงค์ก้มลงใช้ปากกับส่วนไวสัมผัสของรวินท์อีกครั้ว ขณะที่เพิ่มจำนวนนิ้วขึ้น เขาขยับมือไปพร้อมกับควานหาจุดตามที่แซนดี้เคยบอก

จู่ๆ รวินท์ก็บิดตัวครางเสียงดัง สองมือดึงทึ้งผ้าคลุมเตียง “พิงค์ พิงค์ อา...”

เด็กหนุ่มหัวใจเต้นรัวแรง อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาหันไปหยิบซองสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขึ้นมาใช้ฟันกัดฉีกออก สายตาประสานกับคนใต้ร่างที่กำลังหอบหายใจหนักๆ อยู่ตลอด จากนั้นจึงรีบสวมสิ่งนั้นลงบนส่วนที่แข็งขึงของตน

“พี่วิน”

รวินท์เบือนหน้าหลบ ไม่กล้ามองแล้วตอนนี้ คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วย เขากำลังจะเสียตัวแล้วโว้ย “ฮือ...”

ภูพิงค์หัวเราะเบาๆ “บ้าน่ะพี่ ไม่ต้องทำท่าแบบนั้น” เด็กหนุ่มชโลมเจลเพิ่ม ก่อนจะค่อยๆ กดส่วนร้อนของตนเข้าไปในร่างของทันตแพทย์หนุ่ม

“เจ็บ!เจ็บโว้ยพิงค์!”

“อดทนนิดนะพี่” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงกระเส่า เขากดข้อมือของคนใต้ร่างลงกับเตียง บดจูบริมฝีปากนุ่มอย่างหนักหน่วงไปพร้อมกับกดสะโพกเข้าหา

รวินท์ครางเบาๆ ในลำคอ เจ็บและจุกเหมือนร่างจะฉีกขาด ความเจ็บปวดของเขาหลั่งไหลออกมากับน้ำตา

ภูพิงค์จูบซับน้ำตาให้ “อีกนิดนะพี่ อดทนอีกนิด” เขาค่อยๆ กดสะโพกเข้าไปจนสุด ความคับแน่นของอีกฝ่ายทำให้เขาแทบคลั่ง เด็กหนุ่มวางมือประกบแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ “พี่วิน ผมเข้ามาสุดแล้วนะ”

“เจ็บฉิบหาย!”

“ใจเย็นๆ” คนบนร่างแต้มจูบ ค่อยๆ ปลอบประโลมจนทันตแพทย์หนุ่มสงบลง “ผมจะขยับแล้วนะ”

“ผมมีทางเลือกอย่างอื่นเหรอวะ มาขนาดนี้แล้ว”

ภูพิงค์หยุดชะงัก “มีสิ พี่บอกให้หยุดก็ได้ ผมจะหยุด”

“ที่พูดนี่เข้าใจความหมายรึเปล่า เราตกลงกันไว้ว่ายังไงคุณจำได้ใช่มั้ย”

เด็กหนุ่มพยักหน้า “จำได้ดิ  ผมบอกแล้วไง ถึงผมจะอยากรุกพี่แทบตาย แต่ถ้าพี่ไม่พร้อม ผมจะรับแทนก็ได้”

รวินท์ประสานสายตากับคนบนร่าง เขารู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ

เด็กหนุ่มเลือกที่จะทำเพื่อเขาถึงขนาดนี้

เมื่อทันตแพทย์หนุ่มเผยอริมฝีปาก เขายังไม่ทันจะพูดอะไรออกไปเลย ภูพิงค์ก็ทำท่าจะขยับตัวออกเรียบร้อยแล้ว

รวินท์ยิ้มบาง เขาดึงแขนคนอ่อนวัยกว่าไว้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะถอนกายออกไปทั้งหมด “ทำต่อเหอะ”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น “เอาจริงเหรอพี่”

“อือ ทำเถอะ”

“แน่ใจนะ ถ้าไปไกลกว่านี้ ผมหยุดตัวเองได้ยากแล้วนะ”

“ผมอยากเป็นของคุณ”

เด็กหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงวางมือประกบแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีระเรื่อของคนใต้ต่าง “ผมจะค่อยๆ นะ ไม่ต้องกลัวนะครับ” เขากดแทรกกายกลับเข้าไปในตัวทันตแพทย์หนุ่ม ก้มลงจูบริมฝีปากนุ่มเพื่อปลอบประโลม พลางขยับสะโพกช้าๆ เมื่อคนใต้ร่างคุ้นชิน เขาจึงเริ่มค้นหาจุดสำคัญนั้นอีกครั้ง

“อะ!”

“ตรงนี้รู้สึกดีใช่มั้ย”

“อือ...” รวินท์เม้มปากแน่น พลางพยักหน้า

ภูพิงค์เริ่มขยับสะโพกอีกครั้ง กดย้ำลงตรงจุดสำคัญ มือของเขาเคลื่อนมาปรนเปรอด้านหน้าให้

ความเจ็บปวดค่อยๆ เลือนรางไป ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกดีแบบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน รวินท์ครางเสียงดังอย่างลืมตัว เป็นผลให้เด็กหนุ่มเร่งขยับสะโพกหนักหน่วงขึ้น

เสียงหอบกระเส่าดังคละเคล้าเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดของเตียง สองร่างที่สอดประสานเป็นหนึ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ

รวินท์ตวัดขาที่ปลายเท้าจิกเกร็งรอบเอวของเด็กหนุ่ม สองแขนโอบกอดอีกฝ่ายไว้แนบชิดพร้อมกับจิกเล็บลงบนแผ่นหลัง แรงอารมณ์ถูกฉุดขึ้นสู่จุดสูงสุด ภายในศีรษะขาวโพลน

ภูพิงค์กัดฟันกรอด เม็ดเหงื่อกลิ้งไปตามกรอบหน้าและหยดลงบนผิวกายชื้นเหงื่อของคนใต้ร่าง เขากระแทกกายซ้ำๆ และหนักหน่วงจนทันตแพทย์หนุ่มแทบจะจมลงไปในผืนเตียง จากนั้นจึงปลดปล่อยอารมณ์รักออกมา เขาหอบหายใจหนักๆ สุขที่สุดในชีวิต นัยน์ตาจ้องมองใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นระเรื่อ แล้วก้มลงจูบครั้งแล้วครั้งเล่า พลางกระซิบบอก

“รักนะครับ ขอบคุณที่พี่อยากเป็นของผม”

รวินท์หมดแรงจะพูด เขาเหนื่อยยิ่งกว่าทำฟันให้คนไข้ทั้งสัปดาห์เสียอีก “เอาออกไปได้แล้วเว้ย”

เด็กหนุ่มค่อยๆ ถอนกายออก ค่อยๆ ถอดถุงยางที่ห่อหุ้มออกมาช้าๆ แล้วมัดไว้ จากนั้นจึงหันไปควานหาถุงพลาสติกใสที่ใส่ห่อถุงยางมาในคราวแรก

“หาอะไร โยนทิ้งไปสิวะ”

“ไม่อะ จะเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึก”

ทันตแพทย์หนุ่มแทบจะถีบอีกฝ่ายตกเตียง “จะบ้าเรอะ!”

“โธ่ พี่ นี่ครั้งแรกของผมกับพี่นะเว้ย”

“งั้นก็เก็บไว้หลายๆ ครั้ง เอามามัดเป็นโมบายแขวนประตูห้องเลยสิวะ!”

“เออ เป็นความคิดที่ดี เวลามองจะได้คิดถึงพี่วิน”

รวินท์พูดไม่ออก จะลุกไปไล่เตะก็เจ็บตูด ลุกไม่ไหว “ไอ้เด็กเวร”

ภูพิงค์อมยิ้ม เขาโยนถุงใส่ถุงยางไว้บนโต๊ะตรงหัวเตียงแล้วคลานขึ้นไปคร่อมทับทันตแพทย์หนุ่ม เอาคางเกยแผ่นอกอีกฝ่ายไว้พร้อมกับโอบกอดไว้หลวมๆ

“อะไร”

“ผมเสียซิงให้พี่วินแล้วนะ”

“...ผมก็เคยมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรกเหมือนกันเว้ย”

“ครั้งแรกของผมใช่ได้มะ”

“ก็...พอไหว”

“แปลว่าผมทำอีกได้ใช่ปะ”

รวินท์ขมวดคิ้ว มองเด็กหนุ่มอย่างระแวง “ก็ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

คนอ่อนวัยกว่าเบ้ปากใส่ แต่ก็พอเข้าใจล่ะ “แล้ว...พี่วินฟินปะ”

“งั้นๆ”

“โห ครางซะขนาดนั้นแค่งั้นๆ เองเหรอวะ”

“เออ เจ็บโว้ย”

“เต็มสิบให้เท่าไหร่”

“5.5”

“โหย!น้อยไปปะวะ!นี่มันเกือบตกเลยนะ!”

“ถ้าให้ผมเป็นคนทำล่ะก็ ได้เยอะกว่านี้แน่ อยากลองดูมั้ยล่ะ”

เด็กหนุ่มทำเบลอ เขาซบใบหน้าลงบนแผ่นอกคนใต้ร่างแล้วพูดเสียงอ้อน “งั้นคราวหน้าจะทำให้ฟินยิ่งกว่าครั้งนี้นะ ผมสัญญา ของแบบนี้ต้องทำบ่อยๆ ถึงจะเก่ง พี่ก็ยอมๆ ให้ผมหน่อยละกันนะ”

ไอ้เด็กเวร!รวินท์ยกมือขึ้นเขกศีรษะอีกฝ่ายไปหนึ่งที

“เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้”

“ไม่ต้องอะ เดี๋ยวไปอาบน้ำดีกว่า”

พอรวินท์ลุกขึ้นนั่ง คนอ่อนวัยกว่าก็ถลาเข้าไปประคอง “งั้นผมอาบให้นะ”

“อาบเฉยๆ นะเว้ย”

“คร้าบ จะขัดถูให้สะอาดทุกซอกมุมเลย”

ทันตแพทย์หนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างระแวง แต่ก็ยอมให้พยุงเขาเข้าห้องอาบน้ำไป


*TBC*


ลุกขึ้นตบมือให้น้องพิงค์หน่อยค่าาาาาา~ น้องได้เสียซิงแร้วในที่สุด!!!

คิดว่าตอนนี้คงเป็นตอนที่หลายๆ คนรอกันมา ขอบคุณที่รอยาวมาจนถึงตอนนี้นะคะ  :mew6:

และตอนหน้าก็เป็นตอนสุดท้ายของเรื่องนี้แล้วค่ะ ฮืออออออ ใจหวิวๆ หวิวมากๆ

แต่... ยังมีเรื่องของหมอเต้อีกคน หมอเต้ผู้น่าสงสาร ยังไงต้องมีคู่เนอะ รอติดตามเรื่องของหมอเต้กันนะคะ :mew1:

ขอบคุณคนอ่านทุกๆ คน และทุกกำลังใจมากๆ ค่ะ ฮัสกี้จำได้ทุกคนนะคะ เราเดินทางด้วยกันมาแสนนาน ขอบคุณมากจริงๆ (ฮือ ยังไม่ทันจบเรื่องเลย เศร้าแร้ว หงุงๆๆ)


ขอลบข้อความออกนะคะ

เรื่องยังอยู่ห้องนิยาย นิยายยังลงไม่จบ
ขอความร่วมมือไม่ประชาสัมพันธ์ในรูปแบบหนังสือภายในกระทู้

อ้างอิงกฏข้อที่ 17

แจ้งเตือน ครั้งที่ 1
Moderator BaoBao
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-08-2018 19:23:42
ในที่สุด น้องพิงค์ก็ลรรลุความเป็นชานเหนือชาย อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-08-2018 19:33:49
คนอ่านนิพพานแล้วค่ะ  :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 09-08-2018 19:51:52
 :mc4: :mc4: :mc4: ดีใจกับพี่วินและน้องพิงค์ค่ะ 


แต่คิดว่าอยากให้พี่วินเป็นคนคุมมากว่าน๊า   o22  โถ่พี่หมอของน้อง


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 09-08-2018 19:59:14
 :laugh:  กว่าจะตกร่องปล่องชิ้นกัน​ เล่นเอาลุ้นจนเหนื่อย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 09-08-2018 20:06:54
 :mc4: :mc4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-08-2018 20:09:22
ขอบคุณฮัสกี้เหมือนกันนะ  :กอด1:
นึกว่าพิงค์จะแห้วซะแล้ว :m25: เป็น nc ที่ตลกนิดๆหื่นหน่อยๆ 5555
รอติดตามหมอเต้จ้า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 09-08-2018 20:15:48
ปุ้งๆๆๆ ยินดีกับความสำเร็จในการเผด็จศึกพี่วิน ของนังพิงค์ เด๋วนี้ร้ายกาจมีการขอทำบ่อยๆ จะได้เก่งด้วย #นังเด็กนี่มันร้ายค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 09-08-2018 20:19:20
 :-[​ งื้ออออ​ ฟินนนนนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-08-2018 20:43:08
ปรบมือซิครับรออะไร :m4: :mc3: สละซิงแล้ว แหมแต่พอได้แล้วนี่เอาใหญ่เลยนะจะขอพี่วินบ่อยๆเลยหรา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-08-2018 20:59:44
ในที่สุดก็มีวันนี้สักที :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 09-08-2018 21:00:40
 :hao7: ขอ e-book ด้วยนะค่ะ please  :call:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-08-2018 21:17:01
เป็นฉากเสียซิงที่ดูฮาดี
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-08-2018 21:17:52
 :-[ :-[  เขากินกันแล้วววววววววว :impress2: :impress2:



 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: kakilover ที่ 09-08-2018 22:46:29
 :pighaun:เลือดหมดตัวแล้ว..... ดีใจกับพิงค์ด้วย :oo1:       :sad4:แอบเสียดายจะจบซะละ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-08-2018 23:39:10
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 09-08-2018 23:43:07
 :katai2-1: :mew1: :กอด1: :3123:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-08-2018 23:47:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

ในที่สุด..............พวกเขาก็ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันสักที อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-08-2018 23:55:45
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-08-2018 01:11:23
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-08-2018 03:18:23
พิงค์ทำให้หมอวินยอมได้ แสดงว่า หมอรักมากนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 10-08-2018 06:30:54
ในที่สุดเค้าก้อได้กัน555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-08-2018 10:04:29
มีสลับบ้างก็ดีนะ อยากเห็นพี่วินกินเด็กบ้างอ่ะ ใครๆ ก็ว่ากินเด็กแล้วเป็นอมตะอยากให้พี่วินเป็นอมตะอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-08-2018 10:45:21
ฟินหมอนขาดละจ้า~
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 10-08-2018 12:44:51
ได้กันแล้ว ..
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 10-08-2018 12:56:03
ลุ้นมานาน ในที่สุดก็ลงเอยกันที่กระท่อมน้อยบนดอยแห่งรัก ฟินนนนน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 10-08-2018 14:16:44
แซนดี้ผู้พิชิต เสียซิงด้วยอิทธิฤทธิ์ของแซนดี้ 55555555 น้องพิงค์จะทำยังไงถ้าไม่มีแซนดี้5555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 10-08-2018 15:15:20
ดีใจแทนน้องพิงค์และหมอวินท์มากๆค่ะที่มีเพื่อนที่ดีเข้าใจมีแฟนดีแล้วยังมีเพื่อนดีอีกทั้งคู่ต้องรักษาไว้ให้ดีทั้งสองอย่างนะคะตอนหน้าแอบเศร้าจะจบแล้วขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะจะคอยติดตามต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 10-08-2018 18:02:49
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-08-2018 18:07:28
ในที่สุด :z1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-08-2018 18:24:40
 :heaven กว่าจะมาได้ถึงจุดๆ นี้ ลุ้นซะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-08-2018 18:49:19
 และแล้วพิงค์ ก็ประสบความสำเร็จ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-08-2018 19:57:50
ดีใจกับพิงค์​ ภาคปฏิบัติทำได้แล้ว :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 10-08-2018 21:06:18
ว้ายยยย!! เขินอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-08-2018 21:37:36
ในที่สุดพิงค์พิงค์ก็ทำได้ :mc4: น้ำตาจะไหลด้วยความปลาบปลื้ม แม้จะโดนพี่วินกดคะแนนไปซักหน่อย แต่ได้ขนาดนี้ พิงค์วินอย่างพี่ก็ปลื้มใจ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 11-08-2018 05:30:59
ดีใจที่น้องพิงค์เป็นฝั่งเป็นฝาแล้วค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 11-08-2018 06:01:51
ฉลองให้น้องพิงค์ที่เสียซิงแล้วเว่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 11-08-2018 10:00:58
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 11-08-2018 23:12:57
จะจบแล้วหรอ T___T ใจหายหมดเลย อยากเจอภูพิงค์กับรวินทร์ จะเอาอีก :o12:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 12-08-2018 11:53:04
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-08-2018 13:22:25
ผลัดกันรุก-รับ น่าจะดีกว่านะคู่นี้
ดีต่อจายยยยยยยย แมนvsแมน
จะได้เป็นทั้งปั๋วและเมียไปพร้อมๆกัน

ดีนะ ผลัดๆกัน
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-08-2018 16:10:33
 :mc4: :mc4:

ให้น้องพิงค์ ค่าา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-08-2018 18:10:40
จุดพลุค่ะ สักทีนะ ลุ้นยิ่งกว่าอะไรอีก
ต้องขอบคุณความมีน้ำใจเกินของพิงค์วิน
ทีมเพื่อนกับเต้เลยต้องจัดให้ครบ

รักนี้ที่ม่อนแจ่ม ต้องจารึกไว้ค่ะ 5555

ลงตัวแล้วค่ะ เข้าใจกันดี อะไรหวานฉ่ำ
พี่วินงอนหนักมาก แต่ก็เข้าใจได้
ต่อไปพิงค์คงต้องไม่รับของใครบ้างแล้ว

ฮาตรงแอบไปซื้อของดีนี่แหละ สงสารแท้

จะจบแล้ว ขอตอนพิเศษด้วยก็ดีนะคะ
เต้หรอ อยากให้คู่ซันล่ะ ดูเข้ากันดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-08-2018 00:08:38
ภูมิใจที่มาถูกโพ ขอบคุณพี่วินที่ยอมน้องมันค่ะ 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-08-2018 15:18:14
เย้  จุดพลุฉลอง


ดีใจกับน้องพิงค์ด้วยคร่าาาา


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 17-08-2018 18:26:08
หายไปไหนแล้ววว รออยู่นาจ๊ะ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-08-2018 15:19:47
 :call: :call: :call:

รอบนี้  หายไปนานเลยนะ  พี่วินท์นุ้งพิงค์

หายไปมากกว่าหนึ่งสัปดาห์อย่างที่ไม่เคยเป็น

รีบมานะ 
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: namchok ที่ 21-08-2018 19:37:03
ึรออยู่นะครับ ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 22-08-2018 23:59:57
รอ ฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด เธอจะมาๆ เมื่อ ฉันรอเธออยู่นะจ้ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 23-08-2018 08:43:53
นิยายตอนจบนักเขียนหลายคนชอบเตะถ่วงเวลาจังค่ะ ทั้งที่ก็ยังต้องลงอยู่ดี

อาจคิดว่าเพื่อเรียกเรตติ้งรึเปล่าแต่เราคนอ่านรู้สึกว่ามันน่าเบื่อมากกว่าและความรู้สึกส่วนตัวคือ

(ทำให้คุณค่าของนิยายเรื่องนั้นลดลงชอบแค่ไหนก็ไม่ซื้อ แต่นักเขียนที่ลงเรื่องเร็วและสม่ำเสมอ
อาจไม่ได้ชอบมากมายแต่ส่วนใหญ่จะซื้อเพื่อเป็นการให้เกียรตินักเขียน
อีกอย่างนิยายเรื่องนี้ตอนต้นถึงกลางเรื่องผักบุ้งโหรงเหรงมากอาจต้องการวางเรื่องราวให้สมูท
เลยต้องค่อยเป็นค่อยไปแต่คิดว่าน่าจะทำให้กระชับกว่านี้ได้เพราะยาวไปมันมีผลกับตอนรวมเล่มนะคะ
เล่มหนาแพงขึ้นกับเนื้อเรื่องที่ไม่เข้มข้นมากพอ มันมีผลต่อการตัดสินใจค่ะ)
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 23-08-2018 11:10:12


ู^ ตอบเม้นข้างบน

ขอโทษที่เอามาลงช้าค่ะ แต่ไม่ได้คิดเรื่องจะเรียกเรตติ้งอย่างที่คุณเข้าใจ เหตุผลของนักเขียนหลายๆ คนคงแตกต่างกันไป แต่สำหรับฮัสกี้ เหตุผลง่ายๆ ก็แค่รู้สึกใจหาย ไม่อยากให้มันจบ อยากลงเรื่องใหม่ต่อกันเพื่อให้รู้สึกว่าการเดินทางของหมอวินและหมอเต้ยังไม่หยุดลงที่ตรงนี้ค่ะ   

ส่วนเรื่องผักบุ้งโหรงเหรง ถ้าทำให้ไม่พอใจก็ขอโทษด้วยค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 23-08-2018 11:27:25
 :กอด1:  รอได้จ้า ยังไงเราก็รักหมอวิน น้องพิงค์จ้า  :mew1:
เป็นกำลังใจให้เสมอจ้า และรอผลงานเรื่องต่อไป สนุกทุกเรื่องคะ บางเรื่องก็อ่านซ้ำได้ระหว่างรอ  o13
ขอบคุณสำหรับการใช้ใจ และสมองในการคิด สร้างสรรค์ผลงานให้เราได้อ่าน ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
 :L1:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 57 : วันวาเลนไทน์][090818]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 23-08-2018 13:09:37


Chapter 58 :ชื่นมื่นกันทั่วหน้า


เช้าตรู่ของวันอาทิตย์อากาศเย็นสบายน่านอน สองหนุ่มยังคงหลับอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน

พอเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ภูพิงค์ก็รีบหันไปกดปิด แล้วหันกลับมากอดทันตแพทย์หนุ่มไว้แนบกาย

รวินท์ผงกศีรษะขึ้น “กี่โมงแล้วอะ”

“อย่าเพิ่งลุกดิ ขอนอนกอดพี่อีกแป๊บนึงนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มเขกศีรษะคนอ่อนวัยกว่าไปเบาๆ “กอดมาทั้งคืนแล้วยังไม่พออีกรึไงวะ”

“ก็พี่ให้นอนกอดเฉยๆ อะ มันจะพอได้ไงวะ รอมาตั้งนาน”

รวินท์ก้มลงมองศีรษะที่ก้มงุดอยู่บนแผ่นอกตน ดีนะที่เขาไหวตัวทัน เมื่อคืนก็เลยใส่เสื้อผ้ามิดชิดนอน ขนาดนั้นเด็กหนุ่มก็ยังมาแง้วๆ อยู่ข้างหูตลอด จนบางทีเขาก็นึกอยากถีบอีกฝ่ายให้ตกเตียง

ทีตอนแรกน่ะ รอได้ รอแล้วรออีก ได้ลองไปสักที หื่นเป็นกระต่ายเลยนะ

“พี่วิน”

“อะไร”

“หายเจ็บรึยัง”

“ยัง”

“ขอผมดูหน่อยดิ”

“ดูอะไรวะ”

ภูพิงค์จับทันตแพทย์หนุ่มนอนคว่ำ แล้วดึงขอบกางเกงลง

รวินท์รีบรั้งไว้ “เฮ้ย ไม่ต้อง!”

“ผมแค่จะดูว่าบวมแดงมั้ยอะ อยู่เฉยๆ ดิ”

“ไม่เอาเว้ย!”

“พี่วินอย่าดื้อ!” คนอ่อนวัยกว่ายื้อดึงขอบกางเกงลงมาจนได้ เขาค่อยๆ วางมือลงบนสะโพก “ยังแดงนิดหน่อย” พิจารณาดูอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปแนบจูบ

ทันตแพทย์หนุ่มสะดุ้งเฮือก รีบพลิกตัวกลับทันควัน “ทำอะไรวะ!”

“จูบให้หายเจ็บ”

รวินท์ยกขาถีบ “ไม่ต้องเลยเว้ย คุณลุกไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเลย”

“เดี๋ยวดิ ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ”

“เหม็นขี้ฟัน”

“นิดเดียว ทนๆ เอาหน่อยนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนใจ ในที่สุดก็ยอมนอนนิ่งๆ ให้คนอ่อนวัยกว่าเลื้อยเข้ามากอด “อ้อนชะมัด”

“ไม่ถามเหรอว่าอ้อนจะเอาอะไร”

“ไม่ต้องถามก็รู้”

ภูพิงค์หัวเราะร่วน พลางจับมืออีกฝ่ายมาวางไว้บนแผ่นอกเหนือหัวใจตนแล้วกุมไว้ “พี่วิน เมื่อวานผมมัวแต่หื่น ลืมให้ของขวัญวันวาเลนไทน์พี่ไปเลย”

“ไม่ต้องหรอก ผมก็ไม่ได้เตรียมไว้เลย แค่ได้อยู่กับคุณก็พอแล้ว” เมื่อพูดจบทันตแพทย์หนุ่มก็รู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆ ที่นิ้วมือ เขารีบยกขึ้นมาดู ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขามีแหวนทองฝังพลอยสีฟ้าสวมอยู่ “เฮ้ย พิงค์...”

“มันไม่ใช่ของใหม่ พี่ก็คงพอดูออก เพราะมันเป็นแหวนที่พ่อเคยให้แม่อะพี่”

“คุณไปจิ๊กแม่คุณมาเหรอ”

“จะบ้าเรอะ ผมไปขอแม่มาเว้ย”

“ไปขอมาให้ผมเนี่ยนะ แม่รู้รึเปล่าวะ”

“โว้ย พี่วินนี่ รู้ดิ ผมบอกแม่ว่าขอมาให้แฟนไง”

รวินท์อมยิ้ม ขณะที่ใช้ปลายนิ้วไล้ตัวเรือนของแหวนช้าๆ นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเด็กหนุ่มจะกล้าทำเพื่อเขาขนาดนี้

“พ่อกับแม่บอกให้พาพี่วินไปบ้านอีก คิดถึง”

“อืม แล้วจะไปอีก”

“ซึ้งมั้ย”

“เออ ซึ้ง”

“งั้นขออีกทีก่อนไปกินข้าวนะ”

“พ่องส์!ลุกไปได้แล้วไป๊”

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อย สองหนุ่มก็จัดการเก็บข้าวของในห้อง ถือเดินออกมาฝากเคาทน์เตอร์ของโรงแรมไว้ก่อนจะเดินออกไปดูทะเลหมอกและถ่ายรูปวิวสวยๆ จากนั้นจึงไปนั่งกินมื้อเช้ากัน

พอถึงเวลานัด รถตู้ก็พาห้าหนุ่มจากม่อนแจ่มมาถึงที่ม่อนม่วน พวกเขารีบรุดลงจากรถ แล้วเดินตรงเข้าไปในร้านอาหารของโรงแรม

“ไอ้...” เตชิตโบกมือจะทัก แต่ก็ต้องชะงักเพราะออร่าคู่รักมันช่างกระแทกตา เขาถอยกรูดไปตั้งหลัก เจ็บใจก็เจ็บ แต่ก็ดีใจกับเพื่อนด้วย

“พี่เต้ น้ำในหูไม่เท่ากันเหรอวะ เดินๆ หยุดๆ เอียงๆ เนี่ย”

“เปล่าเว้ย ไปๆ พวกคุณเดินนำไป ผมตามหลังดีกว่า”

“พี่หมอ~ไอ้พิงค์~” พวกเด็กหนุ่มร้องเรียก พร้อมกับพากันเดินไปรุมล้อมโต๊ะ

แซนดี้ก้มลงกระซิบถาม “เป็นไงบ้างฟินมั้ยวะ”

ภูพิงค์พยักหน้ารัว “กลับไปจะซื้อหัวหมูมาถวายมึง”

“กูขอแดกอย่างอื่นได้มั้ย”

“หยุดเลยนะเว้ยสองคนนั่น” รวินท์พูดเสียงเข้ม “เดี๋ยวผมเย็บปากแม่งทั้งคู่ เย็บให้ติดกันด้วย”

“โหดไปมั้ยพี่!” เด็กหนุ่มทั้งสองยกมือขึ้นปิดปาก แค่คิดก็สยิวแล้วโว้ย

รวินท์ลุกขึ้นพรวด “ไปๆ ขึ้นรถ เดี๋ยวจะไปเที่ยวต่อไม่ใช่เรอะ”

เมื่อยกข้าวของขึ้นเก็บในรถแล้ว พวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อ ไปแวะที่สวนพฤกษศาสตร์กันอีกแห่งก่อนจะกลับ

เจ็ดหนุ่มกลับมาถึงบ้านเช่าที่ด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในตอนบ่ายแก่ๆ ซึ่งคนขับรถตู้ดับเครื่องรถรออยู่ที่หน้าบ้าน ขณะที่พวกเขาช่วยกันขนของลง

“พี่วิน” ภูพิงค์คว้าข้อมือเจ้าของชื่อไว้ “ยังไม่อยากให้กลับเลยอะ”

“ก็ตามไปลำพูนสิวะ” เตชิตชะโงกหน้าเข้ามาตอบแทน แล้วยกแขนขึ้นโอบไหล่เพื่อนรัก “ให้เอาไปกกทั้งคืนแล้วยังไม่พออีก”

รวินท์ยกขาถีบเพื่อนรักไปหนึ่งที “กูไม่ใช่ไข่มะ กกอะไรวะ”

“ก็มันกกไข่มึงไง”

“สัส!” รวินท์ทำมือไล่ให้เพื่อนรักไปรอที่รถ แล้วหันมาบอกกับเด็กหนุ่ม “พรุ่งนี้คุณมีเรียนเช้า ผมเองก็ต้องทำงาน ช่วยไม่ได้นะ เวลาที่คิดถึงผมก็วางแผนเที่ยวอาทิตย์หน้าไปละกัน”

คนอ่อนวัยว่าพยักหน้า “ครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นเขกศีรษะอีกฝ่าย “ไม่ต้องมาทำหน้าหงอย” ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆ “วันไหนเลิกเรียนเร็วก็มาหาด้วยนะ”

“อือ ไปถึงห้องแล้วเมสเสจมาบอกด้วยนะพี่”

“เออๆ ไปละ” รวินท์ยิ้มบาง โบกมือลาแล้วก้าวฉับๆ ออกไป

รถตู้เคลื่อนออกไปแล้ว แต่เด็กหนุ่มยังยืนเหี่ยวอยู่ที่เดิม จนกระทั่งเพื่อนๆ เดินออกจากบ้านมาสะกิด

“ไอ้เหี้ยพิงค์ มึงไม่ต้องอาลัยอาวรณ์ให้เว่อวัง พวกกูหมั่นไส้”

“โห พวกมึง คนรักกันก็ไม่อยากอยู่ห่างกันปะวะ”

แซนดี้เบ้ปาก “แหม คนรักกัน พูดออกมาได้ ไม่เขินปากเลยเนอะเดี๋ยวนี้”

จากนั้นสี่หนุ่มก็ขยับเข้ามารุมล้อม “แล้ว... เป็นไงบ้างมึง คืนวันวาเลนไทน์”

“ก็ดี” ภูพิงค์อมยิ้ม

“เล่าหน่อยดิ”

“จะให้เล่าไรวะ ไม่มีเว้ย”

“โห งก!”

“อยากรู้พวกมึงก็หาแฟนสิวะ”

“โหย ถามแค่นี้ เล่นแรงว่ะ”

ภูพิงค์เดินนำกลับเข้าไปในบ้าน จากนั้นพวกเด็กหนุ่มก็เอาเสื้อผ้าใส่เครื่องซักรวมๆ กัน แล้วจัดการตาก กะว่าเมื่อผ้าหมาดจะเอามารีด ระหว่างที่รอก็ออกไปซื้อมื้อเย็นกินกัน

เด็กหนุ่มทั้งห้าเดินไปหยุดอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นที่เพิ่งมาเปิดใหม่ แค่เดินผ่านร้านก็ต้องหยุดยืนสูดกลิ่นหอมกันแล้ว แต่ละคนเดินตามกลิ่นเข้าไปสั่งอาหารในร้านกันแบบไม่ต้องหันไปปรึกษากันก่อนเลย



ภายในรถตู้ที่วิ่งออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังลำพูน ทันตแพทย์สองคนนั่งยืดขาอยู่ที่เบาะช่วงกลางของรถ ดูซีรีส์ในโทรทัศน์ที่คนขับรถเปิดให้ไปเรื่อยๆ

เตชิตชำเลืองมองเพื่อนรัก “เฮ้ย มึงอะ เป็นอมตะยังวะ”

“สัส ไม่มีอะไรจะถามแล้วเรอะ”

“ก็อยากรู้บ้างไรบ้าง” คนถามใช้ข้อศอกสะกิด “แดกเด็กอร่อยมั้ยวะ”

“มึงจะถามให้ได้อะไรขึ้นมาเนี่ย” รวินท์หันไปส่งนิ้วกลางให้

“โห ก็อยากรู้”

“ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าเสือก”

“เสือกก็ได้ กูยอมรับ” เตชิตหัวเราะ “แต่ดูหน้ามึงมีความสุขแบบนี้ กูก็ดีใจด้วย”

“ขอบใจเว้ย” รวินท์อมยิ้มพลางยกมือขึ้นกรีดนิ้วต่อหน้าอีกฝ่าย

“เออๆ แหวนก็สวยดีนะ แต่ถ้ามึงเปลี่ยนใจเป็นแฟนกู เดี๋ยวกูซื้อที่ใหญ่กว่าวงนี้ให้อีกสิบวงเลย”

“กูจะเอาไปทำอะไรตั้งสิบวง”

“ก็มีสิบนิ้วไง”

“เอาไว้ให้คนสำคัญของมึงในอนาคตเหอะ”

เตชิตส่ายหน้า “กูจะโสดไปชั่วชีวิต”

รวินท์ยิ้มมุมปาก แล้วเอนศีรษะพิงไหล่อีกฝ่าย “มึงรู้มะ ตอนกูโดนขวัญทิ้งก็คิดเหมือนมึงนี่ล่ะ”

“กูไม่เหมือนมึงหรอกเว้ย”

“เออ กูจะคอยดู”

ไม่นานรถตู้ก็เคลื่อนเข้าสู่เขตโรงพยาบาลลำพูน สองหนุ่มบอกขอบคุณคนขับรถตู้ แล้วก็หิ้วของเดินขึ้นหอพักกัน

ระหว่างที่เดินเข้าไปในลิฟต์โดยสาร รวินท์ก็หันไปถามเพื่อนรัก “เดี๋ยวออกไปหาไรกินกันมั้ยวะเต้”

“ไม่อะ เหนื่อยว่ะ เดี๋ยวกินมาม่าแล้วจะนอนละ”

“ทำไมเหนื่อยไวจังวะ เมื่อคืนนอนไม่พอรึไง”

“นอนห่าอะไร ไอ้เด็กพวกนั้นแม่งชวนคุย ชวนเล่นไพ่ทั้งคืน ได้นอนแค่สองชั่วโมงเท่านั้น ในรถตู้ก็ไม่ได้นอนอีก”

“อือ งั้นก็ไปเหอะ เดี๋ยวกูจะหุงข้าวแล้วผัดกะเพรากิน”

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น โชคดีฉิบหายที่เขาออกตัวไปก่อนว่าจะกินมาม่าแล้วเข้านอน เกือบต้องพลีชีพให้ผัดกะเพราไอ้วินแล้วไหมล่ะ

“มึงทำหน้าดีใจอะไร”

“เปล๊า!” เตชิตปฏิเสธเสียงสูง “ไปๆ ถึงชั้นสามแล้ว อย่าแดกหมดล่ะผัดกะเพรามึงน่ะ เดี๋ยวขี้แตก กูต้องตื่นมาหามมึงส่งโรงบาลอีก”

“ไอ้เหี้ย โรงบาลก็อยู่แค่นี้ กูเดินไปเองก็ได้” รวินท์โบกมือลาเพื่อนรักที่เอาแต่หัวเราะ จากนั้นก็เดินดุ่มๆ กลับไปที่ห้องพักของตน

พอเปิดประตูห้องออกก็รู้สึกว่าห้องมันโล่งไปถนัดตา ไม่ได้มีโจรมายกเค้า แต่เพราะพออยู่คนเดียวก็รู้สึกเหงาขึ้นมา คิดถึงคนที่นอนกอดเขาตลอดคืน

รวินท์ส่งข้อความไปบอกเด็กหนุ่มว่ามาถึงแล้ว จากนั้นจึงเดินไปเปิดตู้เย็นดู ในตู้ยังพอมีของกินหลงเหลือบ้าง กะเพราที่ซื้อไว้เหี่ยวไปนิดหน่อย แต่ก็ยังพอมีใบดีๆ ให้เอามาผัดกินได้ ทันตแพทย์หนุ่มจึงเดินไปหุงข้าวไว้ เอาหมูที่แช่แข็งออกมาละลาย แล้วก็ไปนั่งรอข้าวสุกที่เบาะรองนั่งในห้องนั่งเล่น

เงียบเป็นเป่าสากเลย แพทย์ห้องข้างๆ ดูท่าจะอยู่เวรถึงได้เงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงโทรทัศน์แว่วมาเลยแม้แต่น้อย เขาควรจะซื้อโทรทัศน์บ้างจริงๆ เวลาอยู่คนเดียวแบบนี้ อย่างน้อยก็ยังมีอะไรให้ดูแก้เบื่อ

ทันตแพทย์หนุ่มเอนหลังลงนอนมองเพดาน นึกถึงจิ้งจกสองตัวที่เคยอยู่ด้วยกัน มันคงอดอยากมากจนทนไม่ไหว หนีเขาไปอยู่ห้องอื่น หรือไม่ก็อดตายไปแล้ว

ชีวิตแม่ง ขนาดจิ้กจกยังอยู่ด้วยไม่รอดเลย

แล้วกูจะดราม่าทำไมเนี่ย!

กลิ่นหอมของข้าวในหม้อหุงข้าวลอยมาเตะจมูก รวินท์จึงลุกเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำผัดกะเพรา เมื่อเสร็จแล้วก็ยกมานั่งกินที่โต๊ะอาหาร

แค่คำแรกที่ตักใส่ปากน้ำตาก็พาลจะไหล

“ทำไมรสชาติแม่งยังไม่ได้เรื่องแบบนี้วะ!” เขากัดฟันกินไปสองสามคำ ก่อนจะเปลี่ยนใจลุกไปอาบน้ำ เผื่อว่าจะได้ทำใจได้ แล้วค่อยกลับมากินใหม่

พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มานั่งมองผัดกะเพราที่เย็นชืดบนโต๊ะ เขาหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกไป

“คิดถึงผมอ่อ” คนที่ปลายสายกดรับแทบจะในทันที

“อือ เหงาอะ”

“พี่เต้ไปไหนวะ”

“ไปนอนแล้ว”

“โห น่าสงสาร แล้วกินไรยัง”

“กินผัดกะเพราไปนิดหน่อย แม่งไม่อร่อยเลย”

“อยากให้ไปหามั้ยล่ะ”

“ไม่ต้องมาหรอก” รวินท์ตอบไปเสียงเศร้า เพราะคำตอบเขาตรงข้ามกับสิ่งที่คิดอยู่ในใจ

“คิดถึงก็บอกดิว่าคิดถึง จะเก๊กไปทำไมวะ อยากให้ไปหาก็บอก”

“เออ คิดถึง อยากให้มา แล้วไง จะมามั้ยล่ะ!”

คนที่ปลายสายเงียบไป แต่กลับมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

“พิงค์? ยังอยู่ในสายปะวะ” รวินท์ขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องออก

คนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องยิ้มกว้าง พลางยกถุงใส่เกาเหลาเนื้อเปื่อย ก๋วยเตี๋ยวและขนมหวานในมือขึ้นให้ดู “มาแล้วนี่ไง”

“เฮ้ย! มาได้ไงเนี่ย แล้วขึ้นมาได้ยังไงวะ!”

“ก็ขับรถมาอะดิ พอมาถึงก็มีคนจะเดินเข้ามาในตึกพอดี ผมถือของสองมือด้วย เลยทำเนียนให้เขาเปิดประตูให้” ภูพิงค์เขย่าถุงใส่เนื้อเปื่อยโชว์ “นี่เจ้าใหม่พี่ เพิ่งมาเปิด อร่อยฉิบหายเล...ย”

รวินท์ก้าวเข้าไปสวมกอดเด็กหนุ่ม

“คิดถึงผมมากเลยเหรอ ห่างกันไม่กี่ชั่วโมงเลย”

“อือ แต่ก็คงไม่มากเท่าไหร่หรอก สู้คนที่อุตส่าห์ขับรถมาที่นี่ไม่ได้”

คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะ “ของผมน่ะ ไม่ใช่แรงคิดถึงอย่างเดียว แต่พลังรักด้วยเว้ย”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นหยิกแก้มอีกฝ่าย “น่ามันเขี้ยวชะมัด! เข้าห้องมาได้แล้ว”

ภูพิงค์เอาขนมหวานไปแช่ตู้เย็นก่อน จากนั้นก็เดินมาที่โต๊ะ “นี่อะเหรอผัดกะเพราที่ว่า ทำไมสีแปลกจังวะ” พอตักใส่ปาก คนอ่อนวัยกว่าก็ทำหน้าเหยเก ดีที่เขาตักนิดเดียวนะเนี่ย “ทำไมเปรี้ยววะ พี่ใส่อะไรไปบ้างเนี่ย”

“ก็ใส่ซอสขวดดำๆ แบบที่คุณบอกไง”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เดินเข้าไปในครัวแล้วเปิดตู้ดู “ไหน พี่ใช้ขวดไหนบ้าง”

“ทั้งหมดที่สีดำนั่นล่ะ”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นกุมขมับ คิดว่าคราวหน้าควรจะติดป้ายไว้ด้วยว่าขวดไหนสำหรับใส่ผัดกะเพรา เขาเดินไปจูงมือเจ้าของห้องมาชี้ที่ขวดซอส “เอาใหม่นะพี่ ผัดกะเพราใส่ขวดนี้กับขวดนี้ ส่วนขวดนี้อะ เขาเรียกว่าจิ๊กโฉ่ว ผมซื้อมาไว้ตอนที่เรากินขนมจีบกันไง ขวดนี้ใช้กับขนมจีบเท่านั้น โอเค้ ขวดนี้ซอสเทริยากิ เขาไม่ใช้ใส่ผัดกะเพรากัน ขวดนี้เรียกซีอิ้วดำ มันจะหนืดๆ หน่อย ถ้าจะใส่ก็ใส่นิดเดียว เพราะมันหวาน...”

รวินท์พยักหน้าหงึกๆ “มิน่า ไอ้เต้เกลียดผัดกะเพราผมมากเลย”

“ไอ้ที่อยู่บนโต๊ะเททิ้งไปเถอะ กินเนื้อเปื่อยกันดีกว่า” เด็กหนุ่มลุกขึ้นหยิบชาม จัดการอุ่นน้ำก๋วยเตี๋ยวให้เสร็จ “รอแป๊บนะพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มอมยิ้ม ยืนมองคนอ่อนวัยกว่าอยู่สักพักจึงก้าวเข้าไปสวมกอดทางด้านหลัง “ขอบใจนะที่มา ผมดีใจมาก”

ภูพิงค์ค่อยๆ หันกลับมากอดตอบ เขาก้มลงจูบศีรษะคนในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน “ก็รักแล้วนี่ จะทำไงได้” จากนั้นจึงเคลื่อนมือต่ำลงเรื่อยๆ ไปหยุดขยำสะโพกอีกฝ่ายเบาๆ “หายเจ็บยัง”

รวินท์ผลักเด็กหนุ่มออกทันที “กลับเชียงใหม่ไปเลยไป๊”

“โธ่ ผมแค่ถามเฉยๆ”

“ยังเจ็บอยู่”

คนอ่อนวัยว่าลูบศีรษะทันตแพทย์หนุ่ม “คราวหน้าไม่เจ็บแน่ๆ”

“เออ แต่คราวหน้าไม่ใช่วันนี้นะ”

“โอเคครับ ไปกินข้าวกันเนอะ”

“คุณกินแล้วไม่ใช่เหรอ”

“อือ กินแล้วแต่จะกินอีก เห็นพี่วินแล้วหิว”

รวินท์หัวเราะพลางส่ายหน้าไปมา แล้วเดินตามคนที่จูงมือตนไปที่โต๊ะอาหาร พอเขานั่งลงแล้วเด็กหนุ่มก็เดินกลับเข้าครัวไปยกชามเกาเหลาและก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ

“เชิญคร้าบ”

“น้องพิงค์น่ารักแบบนี้ อยากให้อยู่ที่นี่ตลอดไปเลย”

“เป็นผีเฝ้าห้องเหรอ”

“เออ อยู่แทนจิ้งจกที แม่งทิ้งผมกันไปหมดแล้ว”

เสียงพูดคุยสลับเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของสองหนุ่มดังแว่วมาเป็นระยะๆ ห้องพักของรวินท์ไม่เงียบเหงาอีกแล้ว และบางทีจิ้งจกสองตัวที่หนีไป ก็อาจจะเพราะทนความหวานของทั้งคู่ไม่ไหว

ทุกครั้งที่มีโอกาสภูพิงค์ก็จะกอดรวินท์ไว้แนบกาย ไม่ว่าจะเป็นตอนล้างจานด้วยกัน ตอนที่นั่งดูรูปในโทรศัพท์มือถือและเฟซบุ๊ก หรือตอนเข้านอน

กอด...เพื่อให้มั่นใจว่าในที่สุดเขาก็สอยเดือนที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้ามาเป็นของตัวเองได้สำเร็จ



END



แล้วน้องภูของเราก็สอยเดือนไปสำเร็จแร้ววววว ฮือออออ เก่งจังลูก

เอามาลงช้าเพราะความอาลัยอาวรณ์ค่ะ 555555 ยังไม่อยากให้จบเลยยย เหมือนเรานั่งมองเด็กๆ ตั้งแต่เริ่มจีบกันจนโดนกด /เอามือทาบอกกุมใจ หมอวินเป็นฝั่งเป็นฝาแร้ว

ขอบคุณทุกคนที่อยู่เคียงข้างกัน รอส่งตัวน้องพิงค์และหมอวินเข้าหอไปด้วยกัน ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ ภูสอยเดือนจะไม่มีวันนี้เลย ถ้าไม่ได้กำลังใจจากคนอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ เริฟๆ

ปล. จริงๆ ตั้งใจจะเอาเรื่องของหมอเต้มาลงต่อจากภูสอยเดือนเลย เรื่องของหมอเต้ชื่อ เดือนอิงดอยนะคะ แต่...ยังไปไม่ถึงไหน /ปาดน้ำตา  อยากลงต่อกัน อยากให้รู้สึกไปด้วยกันว่า ส่งหมอวินเข้าหอไปแล้ว มารอลุ้นเรื่องราวของหมอเต้ไปด้วยกันต่อ ยังไงก็ขอให้รอติดตามเรื่องของหมอเต้กันต่อด้วยน้าาาา เอาใจช่วยคนที่เคยแต่วิ่งตามหาความรัก ให้ได้มีความรักกับเขาสักทีนะคะ

ปล.อีกที ภูสอยเดือนมีรวมเล่มแน่นอนค่า ยังไม่แน่ใจกับกำหนดวางขาย แต่น่าจะเป็นภายในปีนี้นะคะ หยอดกระปุกหมูรอไปรับตัวน้องพิงค์กับพี่วินไปนอนกอดที่บ้านกันน้าาาา~ ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 23-08-2018 13:51:49
 :hao7: :hao7: หวานเวอร์ จะมีตอนพิเศษ uncut ให้อ่านบ้างมั๊ยคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 23-08-2018 14:12:26
 :L2: รอหมอเต้ค่ะ คู่นี้ก็ปล่อยให้เขาหวานกันไป  :mew1:
 :3123:  :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-08-2018 14:27:29
 :-[ :-[ :-[ :-[

 :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 23-08-2018 14:36:31
ปรบมือออออ แต่ก็แอบคิดถึง 5555

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 23-08-2018 16:22:48
หวาน  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-08-2018 17:55:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 23-08-2018 17:56:38
จบอย่างนี้เลยหรอไม่สิ!!! เราอยากเห็นตอนที่หมอวินไปแนะนำกับที่บ้านว่าพิงค์เป็นแฟน เพราะคราวที่แล้วที่บ้านก็รู้ว่าเป็นคนสำคัญแต่อยากเห็น effect ของคนในครอบครัวว่าถ้าหมอวินมีแฟนแล้วจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 23-08-2018 17:59:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-08-2018 18:32:17
แงๆจบแล้ว หลังจากนี้คิดถึงพี่วินกับพิงค์จะทำยังไง

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 23-08-2018 18:42:12
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-08-2018 19:33:17
ให้เวลาหมอเต้เขาหน่อยนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-08-2018 19:36:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 23-08-2018 20:14:28
น่ารักมากกก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 23-08-2018 20:32:51
ใจหายเหมือนกันที่ถึงตอนจบแล้ว เป็นนิยายอีกเรื่องที่จัดอยู่ในกลุ่มน่าประทับใจ เพราะภาษาสวย คำผิดแทบไม่มีเลย บทสนทนาของตัวละครไม่น่าเบื่อ ออกแนวตลกโปกฮาไปเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันดีมาก แนะนำให้เพื่อนอ่านอยู่หลายคน แต่ขอสารภาพตามตรงว่ามีเรื่องขัดใจมากอยู่ นั่นก็คือการที่พี่หมอถูกน้องกิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำใจยากพอดู 5555 คงติดนิสัยอ่านนิยายแบบพระเอกเชี่ยวๆ แล้วนายเอกไร้เดียงสามากไป ต้องขอโทษด้วยนะคะกับความคิดขัด ๆ ในใจกับบทบาทตัวละคร  แต่ไม่ว่ายังก็จะติดตามผลงานเรื่องอื่น ๆ อีก และ ยังรอพี่หมอเต้อยู่นะคะ  :กอด1:


รอตอนพิเศษต่อไปค่ะ


 :katai3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-08-2018 21:04:00
พิงค์กลายร่างเป็นกระต่ายหื่นไปแล้ว55555 หวานเวอร์ รอหมอเต้ค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-08-2018 21:05:59
น่ารักกันจริงๆ จะหวานก็หวานแบบฮาๆ
ชอบมากเลย ขอบคุณกับเรื่องสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-08-2018 21:19:21
หวานกันมากเลย ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-08-2018 21:42:44
สมหวังเสียที ได้สอยเดือนล่ะ ถถถถ พิ้งค์ลูก ตอนแรกคิดว่า หนูจะเป็นรับเสียอีก นายแน่มาก พิงค์
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-08-2018 21:52:47
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหมมมมมมมมมมม.......ห่างกันสักเสี้ยวเวลาไม่ได้เลยนะ  สองคนนั้นอ่ะ

แถมคนน้องก็ถามเป็นอยู่คำเดียวว่า "หายเจ็บยัง?"  อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 23-08-2018 21:56:23
หมอเต้ขยาดกะเพราหนักมากนะนั่น555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-08-2018 21:57:24
 :pig4: ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 23-08-2018 22:11:57
พี่วินไม่ต้องซื้อทีวีแล้วเน๊าะแค่มีพิงค์ก็หายเหงาแล้วละ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 23-08-2018 22:36:51
หวานได้ใจไปอี๊กกกก
ไม่อยากให้จบเลย
เรื่องนี้สนุกมากกกกก
ปล.ขอตอนพิเศษ แบบน้ำตาลเรียกพี่หน่อยน้าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2018 23:10:02
จบแล้วอย่างมีความสุข   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ท่าทางพิงค์ยึดสถานะรุกไปเรียบร้อย  :m20: :laugh:

พิงค์ วิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 23-08-2018 23:48:36
ขอตอนพิเศษ​ษษษค่า​ งื้อ​ ตัดใจไม่ลง
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-08-2018 00:04:45
จบแล้ว แต่ทำไมยังอยากเผือกชีวิตรักอันหวานแหววของน้องพิงค์หมอวินท์ต่อ ขอรีเควสตอนพิเศษเยอะๆได้มั้ยคะ แฮร่~
 :impress2:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ เป็นเรื่องที่เยียวยาจิตใจได้ดีจริงๆ อ่านแล้วหัวใจมันพองโตเหมือนกลับมาสิบสี่อีกครั้ง 55555+

ยังไงก็จะตามอ่านงานของคนเขียนต่อไปค่า
//ปูเสื่อรอหมอเต้รัวๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-08-2018 00:22:05
 :pig4::pig4::pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-08-2018 01:04:12
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-08-2018 02:08:34
โอ้ยยยจบแล้ววว เหมือนดูลูกเรียนจบเลยอะ
ใจหายยยมากๆๆๆๆ
น้องพิงค์และพี่วินตั้งแต่ยังไม่รักกัน เป็นคู่จิ้นเฉยๆ
แล้วก้มาจีบ แล้วก้รักกัน ผ่านช่วงปรับตัววว
จนเค้าได้กันนนค่ะ น้องพิงค์โตขึ้นเยอะมากๆๆจากตอนแรก
พี่วินก้น่ารักขึ้นมากๆๆๆๆๆๆ ออร่าน่ากดแผ่กระจายสุดด
รอคุณหมอเต้นะคะ เดือนอิงดอย
คาดว่าเดือนคนนี้จะไ้ด้เมียมาดูและหัวใจนะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 24-08-2018 03:05:37
ขอบคุณมากๆค่าาา
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 24-08-2018 03:14:09
 :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: aiiya ที่ 24-08-2018 09:05:06
จบแล้วววว..ขอบคุณนักเขียนคนเก่งนะคะ
วินxพิงค์น่ารัก สนุกมากค่ะ
 :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 24-08-2018 09:18:27
หวานเชียวคู่นี้​ตัวติดตลอด​  ห่างนิดเดียวก็คิดถึง
เหม็นความรัก
 :กอด1: :กอด1:ขอบคุณ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 24-08-2018 12:10:23
พาทหมอเต้ ให้มี หมอวินกลับพิงด้วยนะครับ..ขอบคุณผู้เขียนที่เขียนนิยายสนุกๆให้อ่าน..ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-08-2018 15:46:45
น้ำตาไหลเหมือนลูกได้เป็นฝั่งเป็นฝา :sad11:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-08-2018 17:23:51
ส่งหมอวินเข้าหอ
 ดีใจกับพิงสอยเดือนสำเร็จสักทีนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-08-2018 11:50:44
รอมาห้าสิบกว่าตอน ให้น้องมันได้กินพี่หมอเพิ่มอีกตอนได้ไหมคะ ยังไม่สาแก่ใจ 555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 25-08-2018 17:24:06
พี่หมอเต้จะเหงาแบบนี้หรอคะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-08-2018 20:26:19
อ่อยยย!! รอเด้อ รอหมอเต้
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 25-08-2018 21:45:58
^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 25-08-2018 23:09:59
จบแล้วยังไม่อยากให้จบเลย รอหมอเต้ แล้วเอาพิ้งค์กับหมอวินมาให้หายคิดถึงด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 26-08-2018 15:51:59
 :hao5: :hao5: เผลอแป๊บเดียวจบแล้วเหรอ  :ling1: :ling1:

หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 26-08-2018 19:14:01
พี่หมอออออ ไม่อยากให้จบเลย สนุกมากกกก

น้องพิงค์ตามพี่หมอมาออกตอนพิเศษเยอะๆนะ คิดถึง :กอด1:

ขอบคุณคนเขียนนะคะ นิยายสนุกมากกก loveหนัก  :man1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 26-08-2018 20:04:28
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 27-08-2018 12:00:05
 :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 27-08-2018 14:06:22
ขำกับพิงค์มาก

คือตลอด 80 เปอร์เซ็นของเรื่อง คือนางสงบสะเงี่ยมเรื่องแบบนั้นมาก

ไม่มีทะลึ่งตึงตังเลย พี่วินหยอดก็หนี หลบๆ เบี่ยงประเด็นตลอด

แต่พอพี่วินยอมใหหน่อย นี่ เหมือนคนหยุดไม่ได้อะ


จะเอาๆๆ



สมใจพี่วินเค้าละ


คิคิ


รอหมอเต้ต่อค่ะ อยากให้หมอเต้มีความสุขแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 28-08-2018 22:23:33
ผิดคาดยันตอนจบ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 29-08-2018 15:17:59
สนุกมาก อ่านไปอมยิ้มไปตลอดเรื่อง

ขอบคุณสำหรับนิยาย
บวกค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: .hnk ที่ 29-08-2018 16:11:59
โอ้ยยย ฮื่อออ อ่านจบแล้ววว ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆครับ
ตอนแรกสับสนมากว่าใครโพซิชันไหน ตอนเรียกเชียร์พี่หมอรับ พอพิ้งค์มาเชียร์พี่หมอรุก อ่านไปสระปใครรุกใครรับเนี่ย ง๊งง 55555
พี่หมอกับพิ้งค์น่ารักมาก ในที่สุดก็แฮปปี้ ตอนแรกเกลียดพี่เต้มาก ตอนนี้เหรอ รีบหาแฟนเลยข่ะ
สนุกกกกกกกก ขอบคุณอีกครั้งงับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 29-08-2018 17:10:15
น่ารักมาก ๆ อ่านแล้วอมยิ้มได้ทั้งวันครับ




ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 30-08-2018 07:39:58
 :mew1: สนุกมากค่า   น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 30-08-2018 16:17:16
แงงงงงงงงง จบแล้ว

เหมือนเลี้ยงลูกน้อย ส่งลูกน้อยขึ้นฝั่งแล้ว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 30-08-2018 19:28:15
หาคู่ให้ หมอเต้ที  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 01-09-2018 02:23:58
ขอบคุณมากๆค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 01-09-2018 13:02:37
อ่านรวดเดียวจบ
ยาวนานมาก
ตอนจบนี่หวานหยดเชียว
อยากให้หมอเต้มีคู่
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 03-09-2018 12:49:41
ชื่นมื่นเช่นกัน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 05-09-2018 02:11:45
 o13

ดีมากเลย ขอบคุณมากค่ะ 
อยากให้ มีแบบ หมอวินรุกบ้างอ่า อิอิ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 06-09-2018 00:00:07
ฟินมากค่ะ
ตัวจะบิดเป็นเลข 8 แล้ว
ทำไมน่ารักขนาดนี้
 :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 07-09-2018 10:24:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 09-09-2018 10:19:35
แอบไม่ตามอ่านที่เด็ดีด้วยค่ะ

ไม่ได้หายไปไหนนะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 10-09-2018 12:21:41
สนุกมากๆ ค่ะ หมอวินกับน้องพิงน่ารัก 
เพื่อนๆ น้องพิงก็น่ารักโดยเฉพาะแซนดี้  :laugh:
:pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 14-09-2018 01:22:30
สนุกมาๆๆๆๆๆๆๆ เลยอ่ะะะ ตอนแรกๆไม่ชอบหมอเต้เล้ยยยย หลังๆนี่เริ่มสงสาร55555 กว่าจะผ่าฟันจากผัดกะเพราไปเจอคู่ตัวเองได้นี่คงสาหัส5555 รักหมอวินรักภูพิงค์ น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 16-09-2018 12:22:31
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 20-09-2018 01:16:09
 จบแล้ว​ น่ารักมาก​ ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 27-10-2018 15:29:37
อ่านยิงยาวตั้งแต่เมื่อวานจนจบเลยค่ะ บอกตรงๆว่าเสียน้ำตาหนักมากกกก แต่สุดท้ายเค้าก็รักกันซักทีนะคะ ลุ้นเหนื่อยจริงๆ555 ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 03-11-2018 10:35:33
สนุกมาก คนนึงก็ขี้หึงอีกคนก็ขี้อ่อย พิงค์หนูซื้อบื้อจริงๆหรือแกล้งลูก 5555555 ต่างคนต่างหลงกันหนักมาก คุณหมอก็เชี่ยวซะเหลือเกิน
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 04-11-2018 22:17:09
เรื่องนี้สนุกมากค่ะ ขอบคุณคนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 09-11-2018 21:18:26
สนุกมาก ๆ โอ๊ยยยยย อ่านแล้วหยุดไม่ได้ มันช่างน่ารัก  เกือบตื่นไปทำงานไม่ไหวแล้วววววว 5555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 18-11-2018 16:52:17
หวานจนหยุดสุดท้ายยย
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 19-11-2018 07:33:36
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 29-11-2018 16:17:02
เรื่องน่ารักมากๆเลยค่ะ
ทั้งพี่วิน และ น้องพิงค์คือความต่างที่ลงตัว
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 02-01-2019 09:22:31
ยินดีกับน้องพิงค์ที่สอยเดือนได้สำเร็จ ฮื่อ555555
ยาวนานมากเรื่องนี้ ต้องรีบอ่านก่อนเปิดเทอม แล้วก็สำเร็จ
รู้สึกผูกพันกับตัวละครมาก เห็นพัฒนาการความรักของทั้งคู่
เหนือสิ่งอื่นใดคือเดาโพถูก แงง ตอนแรกนึกว่าพี่วินจะได้สอย อ่านไปอ่านมาน้องพิงค์เหมาะกว่า
แล้วก็จริงด้วย เพราะพี่วินน่ารัก แงงง
ขอบคุณคนแต่งนะคะ ที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 02-01-2019 11:08:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 15-01-2019 20:54:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 10-02-2019 23:41:03
หวานชื่นนนน ขอบคุณมากค่าา  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: pradoza ที่ 14-02-2019 19:56:55
 :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 13-05-2019 22:37:29
 :mew1: :mew1: :mew1:
พึ่งมีโอากาศกลับมาอ่านนิยายอีกครั้งค่ะหลังจากที่ต้องไปเรียนต่อชีวิตวุ่นวายมากกลับไทยมาก็รีบมาอ่านต่อเลยค่ะคิดถึงพิงค์กับหมอวินและแก๊งเพื่อนของน้องพิงค์ค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Perseusww ที่ 02-06-2019 00:35:21
เพิ่งได้มีโอกาสอ่าน กลิ่นอายความรัก ธรรมชาติ ลงตัวมากเลย น่ารักมากๆๆ  :mew6:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 10-06-2019 10:40:01
ทำไงดี ผมหยุดอ่านนิยายคุณไม่ได้  :katai1:

น่ารักมากนี่ตามอ่านมาสองเรื่องติดแล้ว

ขอบคุณมากครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: มึนอึนโฮ ที่ 14-08-2019 23:52:59
ชอบมากอ่านเพลินเลย ฟิน  :o8:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Khratiin ที่ 03-09-2019 08:50:32
อ่านยาวๆแบบสะใจมากค่ะ ขอบคุณค่ะ นิยายสนุกมาก  :L1:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: weapons_space ที่ 07-09-2019 22:11:00
 o13 เพิ่งอ่านจบ สนุกมากครับ ครบทุกรสจิมๆ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 30-09-2019 19:04:56
ตามมาอ่านพี่วิน เพราะหลงรักพี่เต้กับเด็กดอย 55555
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 01-10-2019 00:00:46
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 12-10-2019 14:57:24
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่เขียนมาให้พวกเราได้อ่านกันน่ะครับ
พี่วินกับน้องพิงค์น่ารักมาก ยิ่งเราเป็นเด็ก มช อ่านไปนี้จินตนาการตามได้เป็นฉากๆเลย

เรื่องต่อไปจะตามอ่านเรื่องของพี่เต้น่ะครับ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 15-10-2019 16:49:41
น่าร็อกสุดๆไปเลยจ้าาา คือแบบคุยกันแมนๆ หวานแบบน้ำตาลก็สู้ไม่ได้อะ อ่านรวดเดียวจบ ลงเรือ พิงค์วิน สมใจม๊ากมาก ผ่านอะไรกันมาเยอะ เลิฟเรื่องนี้ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้งับ  :-[
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-03-2020 12:40:54
น่ารักมาก..เอฟซีพี่่หมอวิน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 09:41:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: p2w1990 ที่ 15-05-2020 23:01:36
อ่านนิยายไป  ฟังเพลง เรา ของวงค๊อกเทลไปด้วย ทำให้ได้อารมณ์เสียจริง  โดยเฉพาะท่อน “ก็ฉันรักเธอมากเกินกว่าชีวิตฉัน เพราะใจฉันเป็นของเธอ” My heart will be yours forever.  เป็นนิยายดีๆอีกเรื่องที่คิดว่าอยากเก็บเอาไว้ในความทรงจำ
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 26-07-2020 23:01:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ม่วนครับม่วน
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 01-08-2020 22:15:01
น่ารัก พ่อแง่แม่งอน สุดท้าย  พี่หมอเสร็จหวะ ^^
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: มึนอึนโฮ ที่ 19-02-2021 20:08:03
คิดถึงเลยกลับมาซ้ำ :-[ 2021
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 28-04-2021 19:53:38

เพิ่งจะ​ได้​เข้ามา​อ่าน... มี​ความ​สุข​มากกก

มีความน่ารัก​และ​น่าติดตาม​จนไม่อาจหยุดพัก​ได้
อ่านตั๋ง​แต่​ต้นจนจบ ครั้ง​เดียว​เลย

ประทับใจ​ใน​ตัวพระเอก​ภูพิงค์​และนายเอก.. จนเก็บเอา​ไว้​เพ้อไป...

ขอขอบคุณนักเขียน​(ฮัสกี้)​
เราติดตาม​ส่งกำลังใจให้​+1 น้าาา

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Iphoenix ที่ 21-05-2021 02:29:49
รักเรื่องนี้มากกกกกก อ่านไปยิ้มไป มีความสุข
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 03-09-2022 18:23:11
ชอบมากคัฟ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 05-09-2022 18:46:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: wwooooqq ที่ 04-10-2022 15:57:04
น่ารักมากเลยงับ  อยากให้มีต่อจาง ❤️❤️
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 09-12-2023 21:32:28
ขอบคุณครับ :mew1:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: Bs_sai69 ที่ 24-12-2023 16:16:52
 :z2: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 03-03-2024 18:51:52
เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)