
Cr.Pic [เจ้าจุก ป่วนบ้าน]
ติดแฮชแท็ก #พี่ควอตซ์น้องเหนือ ในทวิตเตอร์ อุ้มรัก’S l “13”❈ ❈ ❈ 100% ❈ ❈ ❈
[/b]
ในแต่ละวันของน้ำเหนือเหมือนกดเล่นเครื่องวีซีดีแล้วเลือกกดให้มันเล่นวนซ้ำ ฉายหนังที่เพิ่งจะฉายจบไป วันไหนที่ต้องอยู่คนเดียวน้ำเหนือก็จะรู้สึกว่าวันนั้นมันผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน แต่ถ้าหากวันไหนเป็นวันที่มีคนอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นควอตซ์ ฝาแฝด พ่อสินธร รวมไปถึงคุณหญิงมรกต คณโทมัส วันนั้นน้ำเหนือจะรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน เผลอแปบเดียวก็หมดวันแล้ว
ส่วนวันนี้เป็นวันที่น้ำเหนือต้องอยู่คนเดียวเพราะทุกคนติดงานกันหมด ฝาแฝดก็ไปเรียน พ่อสินธรก็มีงาน ทางควอตซ์แล้วก็คุณหญิงมรกต คุณโทมัสก็ติดประชุม ตอนแรกคิดว่าลาพิสจะว่างมาอยู่เป็นเพื่อน แต่เจ้าตัวก็ถูกอาจารย์เรียกตัวไปคุยเรื่องโพรเจกต์จบก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้
ตอนแรกควอตซ์ก็ตั้งใจจะให้ลาสี่หรือไม่ก็ป้ายุพินมาอยู่เป็นเพื่อน แต่น้ำเหนือปฏิเสธ ไม่อยากจะรบกวนเพราะทั้งสองคนก็เหนื่อยกับการที่ต้องช่วยควอตซ์และน้ำเหนือดูแลฝาแฝดให้ ควอตซ์ก็เลยตามใจแต่ก็ไม่วายโทรกลับไปที่บ้านเพื่อบอกให้สาลี่มาอยู่เป็นเพื่อนน้ำเหนือหลังจากที่จัดการงานที่บ้านเรียบร้อยแล้ว
พอต้องมาอยู่คนเดียวแบบนี้น้ำเหนือก็รู้สึกว่าว่างเสียเหลือเกิน กดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์วนไปวนมาจนไม่รู้ว่าจะดูอะไรแล้ว ยังดีที่เมื่อวันก่อนควอตซ์เอาหนังสือนิยายมาให้น้ำเหนือเลยยังมีหนังสือให้อ่านแก้เบื่อ แต่เพราะว่างทั้งวันนิยายเล่มหนาก็เลยอ่านจบในเวลาไม่นาน
หยิบโทรศัพท์มากดดูก่อนจะถอนหายใจออกมาเพราะไม่มีแม้สักข้อความจากควอตซ์ อีกฝ่ายคงจะติดประชุมอยู่ ทั้ง ๆ ที่รู้แบบนั้นแต่คนท้องที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ก็อดคิดน้อยใจไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เข้าใจแต่ก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้จริง ๆ
คนที่นึกน้อยใจหันไปมองที่ประตูทันทีเมื่อได้ยินเสียงเจ้าตัวชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา แม้จะไม่ได้ยิ้มจนเต็มแก้มก็ตามที
“อะไรกัน ทำหน้าเหมือนผิดหวังอย่างนั้นแหละที่เห็นผม”
“คุณหมอซี...” น้ำเหนือเรียกชื่อคนตรงหน้า คุณหมอที่เคยได้รู้จักเพราะเหตุบังเอิญตั้งแต่ตอนช่วงท้องฝาแฝด เป็นอีกหนึ่งคนที่รู้เรื่องที่น้ำเหนือสามารถตั้งท้องได้ และตอนนี้ก็มาช่วยหมอวิรัชดูเคสของน้ำเหนือ “ไม่ได้ผิดหวังเสียหน่อยครับ”
อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง “วันนี้คุณควอตซ์ไม่อยู่เหรอครับ”
“ครับ มีประชุม”
“อย่างนี้นี่เอง คนไข้ของหมอเลยหน้าหงอยเลย” คุณหมอเอ่ยแซวเมื่อรู้สาเหตุ “หงอยแบบนี้ระวังน้องจะหงอยตามคุณแม่ไปด้วยนะครับ”
“ผมไม่ได้หงอยเสียหน่อย...” น้ำเหนือเถียง แต่ก็ไม่เต็มเสียงหนักเพราะเขาก็รู้สึกนอยด์ ๆ จริง “แล้วคุณหมอไม่มีคนไข้เหรอครับ ถึงมานั่งคุยกับผมแบบนี้น่ะ”
“ไม่มีครับ หมอพักอยู่เหลือเวลาพักอีกครึ่งชั่วโมงก็เลยแวะมาดู” หมอซีพูด ก่อนจะลุกขึ้นมาดูค่าอัตราวัดการบีบตัวของมดลูกแล้วก็การเต้นของหัวใจของน้ำเหนือแล้วก็ลูกว่าปกติดีหรือเปล่า “วันนี้มีอาการอะไรบ้างไหมครับ เจ็บท้องบ้างหรือเปล่า”
น้ำเหนือส่ายหน้ากับคำถามของคุณหมอ “ไม่ครับ ไม่มีเจ็บท้องอะไร”
“โอเคครับ ถ้ามีอาการผิดปกติก็ให้รีบบอกหมอ หรือพยาบาลเลยนะ หมอไม่ไว้ใจเท่าไหร่อาจจะเกิดภาวะเสี่ยงได้ตลอดเวลาเลยตอนนี้” หมอซีพูด
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาน้ำเหนือมีอาการมดลูกบีบตัวผิดปกติเกิดขึ้นแล้วก็มีอาการเจ็บท้องแต่ว่าแต่ละครั้งเกิดไม่นานก็กลับมาปกติ หลังจากตรวจดูแล้วรวมถึงการอัตราซาวน์เพื่อเช็คก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ ช่วงนี้เลยต้องคอยเฝ้าระวังกันเป็นพิเศษเพราะหมอวิรัชกับหมอซีกลัวว่าจะเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด
“ได้ครับคุณหมอ” น้ำเหนือว่ายิ้ม ๆ ยกมือลูบหน้าท้องนูน ๆ ของตัวเองเล่น
“ถ้าเกิดอาการหนักขึ้นกว่าเดิมหน่อย หมออาจจะต้องผ่าคลอดก่อนกำหนด เพราะถ้าปล่อยให้เกิดมดลูกบีบตัวแบบนี้บ่อย ๆ ก็ไม่ดีนัก เดี๋ยวพรุ่งนี้อัตราซาวน์อีกรอบนะครับเพื่อเช็คความผิดปกติ” หมอซีพูดเดินกลับมานั่งข้างเตียงเหมือนเดิม
“หมอซีครับ...” น้ำเหนือเรียก “ถ้าสมมติว่าผมต้องผ่าคลอดก่อน แล้ว... ลูกของผมจะแข็งแรงดีไหมครับ”
“ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นจริง ๆ น้องจะต้องเข้าตู้อบจนกว่าจะครบกำหนดคลอดเดิมครับ ส่วนเรื่องสุขภาพอาจจะไม่แข็งแรงเท่าเด็กที่คลอดตามกำหนด แต่ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลมากนักเพราะพัฒนาการในครรภ์ของน้องสมบูรณ์ดีทุกอย่าง”
“แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ หมอจะยื้อเอาไว้ให้ถึงที่สุด” หมอซีพูดเมื่อเห็นสีหน้าของน้ำเหนือที่ดูจะไม่สู้ดีนัก
คนฟังยิ้มกับคำพูดของคุณหมอ “ขอบคุณนะครับ”
หมอซีอยู่นั่งคุยกับน้ำเหนือต่ออีกพักก่อนจะขอตัวเพื่อไปเตรียมตัวเข้าเวรต่อ แต่ไม่นานหลังจากหมอซีกลับออกไปสาลี่ก็มาถึง เลยพอให้น้ำเหนือรู้สึกหายเหงาไปได้บ้าง แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เขารู้สึกว่าวันนี้มันผ่านไปช้าเหลือเกิน เขาเพิ่งจะทานมื้อกลางวันพร้อมยาบำรุงชุดใหญ่ไปเอง เท่ากับว่าวันนี้เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น นึกแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา โทรศัพท์ก็ยังคงเงียบไม่มีแม้แต่เสียงข้อความหรือเสียงเรียกเข้า แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“คุณหนูใหญ่อยากทานอะไรไหมคะ ให้สาลี่ไปซื้ออะไรให้ไหม” สาลี่เอ่ยถามเมื่อเห็นคุณหนูใหญ่เอาแต่มองโทรศัพท์มือถือแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“ไม่เป็นอะไรครับ... ผมไม่หิวอะไร นี่ก็บ่ายมากแล้ว สาลี่ไปหาอะไรกินเถอะ” น้ำเหนือส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวสาลี่ค่อยไปก็ได้”
“สาลี่ไปหาอะไรกินก่อนเถอะ เดี๋ยวจะปวดท้องไปเสียก่อน ผมอยู่ได้”
สาลี่ลังเล ไม่อยากจะปล่อยคุณหนูใหญ่เอาไว้คนเดียวกลัวจะคิดมาก แต่เมื่อน้ำเหนือยืนยันแบบนั้นก็ตอบตกลง “ถ้ายังไงสาลี่จะรีบกลับมานะคะ เดี๋ยวสาลี่ซื้อผลไม้มาให้ด้วยดีไหมคะ”
“ขอบคุณครับ”
น้ำเหนือมองตามสาลี่ที่เดินออกจากห้องไป ก่อนจะถอนหายใจออกมา เม้มปากแน่นพยายามที่จะเลิกคิดฟุ้งซ่านเพราะเขารู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะไม่คิดมาก น้ำเหนือพยายามแล้ว... พยายามที่จะไม่คิดอะไร
อยู่ ๆ น้ำตาหนึ่งหยดก็ไหลมาออกมารีบยกมือขึ้นเช็ด หยดที่สองที่สามตามมาก็รีบเช็ดจนมันไหลออกมาไม่หยุดและน้ำเหนือก็เช็ดไม่ไหวแล้ว
มือเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดดูอีกรอบแต่ก็พบกับความว่างเปล่า อยากจะกดโทรหาใครคนนั้นแต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะประชุมอยู่ แล้วถ้าเจ้าตัวกดรับขึ้นมา และได้ยินเสียงที่กำลังร้องไห้ของน้ำเหนือ อีกฝ่ายจะต้องทิ้งการประชุมมาหาเขาแน่นอน
น้ำเหนือรู้ว่าวันนี้มีประชุมสำคัญที่ควอตซ์จะขาดมาได้เลย เขารู้มาว่าคุณโทมัสจะยกตำแหน่งให้ควอตซ์ในเร็ว ๆ นี้ ช่วงนี้จึงมีการประชุมค่อยข้างบ่อยเพื่อพิจารณาในเรื่องการยกตำแหน่งนี้ ควอตซ์เองก็เหนื่อยเพราะเจ้าตัวเองก็ต้องเร่งทำผลงาน เพื่อให้บอร์ดบริหารไว้วางใจให้ควอตซ์ขึ้นรับตำแหน่ง ถ้าหากพลาดไป... ตำแหน่งประธานบริษัทก็อาจจะหลุดไปอยู่กับคนที่เหมาะสมกว่า น้ำเหนือเลยต้องอดทนและเข้มแข็ง... เพื่อควอตซ์
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นให้คนที่นอนร้องไห้สะดุ้งยกโทรศัพท์ขึ้นดู หน้าจอปรากฎชื่อของคนที่รอมาตลอดก่อนจะรีบกดรับ
“ค... ค ครับ...”
[ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นล่ะครับ ไม่สบายหรือเปล่าเรา หรือว่า... ร้องไห้หรอ! น้ำเหนือครับร้องไห้เหรอคนเก่ง]
เพียงแค่กดรับด้วยเสียงสั่น ๆ ควอตซ์ก็รับรู้ถึงความผิดปกติในน้ำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี
“...”
[น้ำเหนือครับ ร้องไห้เหรอ รอพี่นานเลยใช่ไหมครับขอโทษนะ พี่เพิ่งออกจากห้องประชุมเอง]
“ผ ผมรู้ อึก ครับ...”
[คนเก่งเงียบก่อนนะ หยุดร้องไห้ก่อนนะ พี่ประชุมเสร็จแล้ว พี่จะรีบไปหานะ] ควอตซ์เริ่มเป็นกังวล ที่จริงเขากังวลตั้งแต่เห็นเข็มนาฬิกาเลื่อนเข้าสู่เลขสิบสองแล้ว
[น้ำเหนือ ได้ยินไหมครับ... หยุดร้องไห้นะคนเก่ง]
“พี่ควอตซ์...”
[ไม่เอา ไม่ร้องไห้นะ หยุดร้องไห้ก่อนเร็วครับ เดี๋ยวปวดหัวนะร้องไห้แบบนี้น่ะ]
การประชุมครั้งนี้ค่อนข้างเป็นทางการเพราะประชุมกับบอร์ดผู้บริหารทั้งหมด ไม่ใช่การประชุมในแผนกที่เขาจะสามารถขอพักเบรคเพื่อโทรหาน้ำเหนือได้ ควอตซ์ก็คิดเอาไว้อยู่ว่าคนที่โรงพยาบาลน่าจะเหงาแล้วก็งอแง แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย
น้ำเหนือพยายามกลั้นสะอื้น ยกมือขึ้นปาดน้ำตาไปมานึกต่อว่าตัวเองในใจที่กลายเป็นคนขี้แงแบบนี้ เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อปรับอารมณ์ของตัวเองจนดีขึ้น พอจะพูดคุยได้โดยไม่สะอึกสะอื้น
“ผมรู้ครับ... ผมขอโทษแต่อยู่ ๆ มันก็ร้องไห้ออกมาเอง ผมไม่ได้โกรธพี่ควอตซ์ ต แต่มันก็อดคิดไม่ได้”
[พี่ไม่โกรธครับ ไม่ว่าอะไร พี่เข้าใจนะ พี่อยู่บนรถแล้วล่ะกำลังไป รอหน่อยนะ] ควอตซ์เริ่มสบายใจขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น อย่างน้อยน้ำเหนือก็ไม่ได้โกรธหรืองอนอะไรเขามากนัก เขาเข้าใจอารมณ์ของคนท้องที่นึกน้อยใจ และคิดมาก ยิ่งกับน้ำเหนือที่ต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะคิดมากกว่าปกติ
[ว่าแต่กินข้าวกินยาแล้วใช่ไหมครับ]
“ครับ เรียบร้อยแล้วครับ พี่ควอตซ์กินอะไรหรือยังครับ”
[ยังครับ เดี๋ยวพี่แวะซื้อที่ร้านใต้โรงพยาบาลขึ้นไป]
น้ำเหนือเม้มปากแน่น “ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้พี่ต้องเป็นห่วงจนต้องรีบมาแบบนี้ ผมพยายามแล้วที่จะไม่งี่เง่า”
ปลายสายหัวเราะเอ็นดูกับคำพูดของน้ำเหนือ หลังจากที่น้ำเหนือเคยคิดน้อยใจว่าควอตซ์เบื่อและไม่รักไปครั้งก่อน แล้วได้คุยกันจนเข้าใจแล้วน้ำเหนือก็พยายามปรับตัว พอรู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปเอง หรือเริ่มจะงอน หรืองี่เง่า เจ้าตัวก็จะหยุดแล้วเอ่ยขอโทษทุกครั้ง
[ครับ พี่รู้ครับว่าเราไม่ได้ตั้งใจ พี่บอกแล้วไงว่าไม่โกรธ ดีแล้วที่น้ำเหนือพูดออกมาทุกอย่างแบบนี้ไม่เก็บเอาไปคิดมาก]
พอได้ยินแบบนั้นคนทางนี้ก็ยิ้มออก ความรู้สึกเหงาแล้วก็โดดเดี่ยวหายไปหมดแล้ว คุณแม่ขี้แยก็ไม่มีแล้ว เพราะตอนนี้บนใบหน้าของน้ำเหนือไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยด มีเพียงรอยยิ้มของคนมีความสุข แล้วก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวน้อยก็จะรับรู้ด้วยว่ามัมมี๊กำลังรู้สึกอย่างไร เพราะเจ้าตัวน้อยขยับตัวดิ้นไปมาให้น้ำเหนือหลุดเสียงหัวเราะ
[หือ... หัวเราะอะไรครับ]
“เลิฟดิ้นครับ ขยับตัวใหญ่เลยก่อนหน้านี้เอาแต่นอนนิ่ง ๆ ไม่ขยับ”
[สงสารเจ้าตัวเล็กจะรู้แล้วว่ามัมมี๊อารมณ์ดีเลยเล่นด้วย]
น้ำเหนือเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน “ครับ คงจะอย่างนั้น ดิ้นใหญ่เลย”
[อยากเห็นเจ้าตัวเล็กดิ้น]
“พูดเหมือนกับไม่เคยเห็นนะครับ”
[เห็นแล้วก็เห็นอีกได้ครับ น่าตกใจดีตอนเห็นมือ เห็นเท้าเจ้าตัวเล็กขึ้นมาเป็นรูปบนท้องของเราน่ะ] อีกฝ่ายพูดพร้อมกับหัวเราะ
“พี่ควอตซ์ขับรถอยู่เหรอครับ... วางสายก่อนไหมครับจะได้ขับรถถนัด ๆ”
[ไม่เป็นอะไรครับ คุยได้]
เขาไม่ได้วางสายจากควอตซ์ ตอนแรกน้ำเหนือตั้งใจจะวางสายแล้วเพราะจะได้ให้อีกคนขับรถแต่ควอตซ์บอกว่าไม่เป็นอะไรเพราะเขาไม่ได้ถือโทรศัพท์คุย แต่เชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับระบบของรถแล้วเลยสามารถคุยได้ แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเหนือก็ไม่ได้ชวนคุยอะไรมากเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียสมาธิ พวกเขาทำเพียงแค่ปล่อยให้สายอยู่ต่อไป อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกว่าอีกคนอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้หายไปไหน
“ผมอ่านหนังสือนะครับ พี่ควอตซ์ถึงแล้วก็บอกผมนะครับ ขับรถดี ๆ นะครับระวังด้วย”
[ครับผม]
พอปลายสายตอบรับมาน้ำเหนือก็เลยหยิบหนังสือนิยายที่วางทิ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้มาอ่านต่อ เพลิดเพลินไปกับตัวอักษรในหนังสือและเสียงเพลงที่เป็นคลอเอาไว้
[เอี๊ยด! เฮ้ย!...]เสียงเหมือนเสียงล้อบดถนนพร้อมกับเสียงร้องของควอตซ์ทำให้น้ำเหนือที่กำลังอ่านหนังสืออยู่สะดุ้งด้วยความตกใจ วางหนังสือแทบไม่ทันหยิบโทรศัพท์ที่เปิดสปิกเกอร์โฟนเอาไว้มาถือด้วยหน้าตาที่ตื่นตกใจ
“พ พี่ควอตซ์ พี่ควอตซ์ครับ เกิดอะไรขึ้น พ พี่ควอตซ์! ได้ยินผมไหมครับ พี่ควอตซ์”
ไม่มีเสียงอะไรมาจากปลายสาย ก่อนที่จะกลายเป็นเสียงสัญญาณถูกตัดไป หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นก่อนจะมืดลงบ่งบอกว่าสิ้นสุดการสนทนาแล้ว มือสั่น ๆ ของน้ำเหนือรีบกดโทรออกอีกครั้งรอจนเสียงสัญญาณตัดไป ก่อนจะกดโทรออกซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น
มือของน้ำเหนือสั่นขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ใช่แค่มือแต่รวมไปถึงตัวของน้ำเหนือด้วย น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วกำลังไหลออกมาอีกรอบ
“พ พี่ควอตซ์ ร รับโทรศัพท์ผมสิครับ อึก... พ พี่ควอตซ์...”
“ด ได้โปรด... ร รับโทรศัพท์ของผมหน่อย อึก พ พี่ควอตซ์...” น้ำเหนือเอ่ยเสียงสั่นเพราะสะอื้น มือสั่น ๆ จับโทรศัพท์แนบหูตัวเอง หวังว่าจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังมาจากปลายสาย
แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่มีสัญญาณจากอีกฝ่ายเลย มือที่ถือโทรศัพท์ค่อย ๆ หล่นลงข้างตัว โทรศัพท์เครื่องหรูไหลตกลงไปที่พื้น น้ำตามากมายไหลออกมาไม่หยุด น้ำเหนือได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองเพราะรู้สึกหายใจไม่สะดวกจากการสะอื้นไห้
“พ พี่ควอตซ์...”
น้ำเหนือรู้สึกแทบจะขาดใจ มันทั้งเจ็บทั้งหน่วงไปทั้งหัวใจ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากเสียงดังของรถแล้วก็เสียงร้องด้วยความตกใจของควอตซ์ ความคิดมันนึกไปสารพัด นึกไปถึงเรื่องราวที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับอีกฝ่าย แม้จะพยายามคิดว่าไม่มีอะไร ไม่ได้เกิดอะไรไม่ดีขึ้น แต่การที่อีกฝ่ายไม่รับโทรศัพท์ และไม่ติดต่อกลับมาก็ทำให้น้ำเหนืออดคิดไม่ได้ คิดจนปวดหัวไปหมด
ร่างทั้งร่างสั่นเพราะสะอื้น น้ำเหนือได้แต่นอนงอตัวอยู่บนเตียง เริ่มหายใจติดขัด รู้สึกแน่นหน้าอกไปหมดจนแทบจะกลายเป็นความรู้สึกเจ็บไปแล้ว ริมฝีปากเผยอเพื่อใช้ช่วยในการหายใจ
“คุณน้ำเหนือ!!” เสียงร้องด้วยความตกใจของพยาบาลที่เดินเข้ามาในห้องเพื่อตรวจเช็คร่างกายของน้ำเหนือร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนหายใจหอบอยู่บนเตียง “ฉุกเฉิน! ตามคุณหมอมาเร็วเข้า”
เกิดความโกลาหลขึ้นเมื่อพยาบาลรีบเข้ามาดูอาการของน้ำเหนือทันที ตามมาด้วยบุรุษพยาบาลอีกคน ไม่นานทั้งคุณหมอวิรัช และคุณหมอซีก็ก้าวท้าวเร็ว ๆ เข้ามาในห้อง หมอวิรัชตกใจกับอาการของหลานสะใภ้รีบตรงเข้ามาดู
“เช็คอัตราการเต้นบีบตัวของมดลูกแล้วก็หัวใจของทั้งคนไข้แล้วก็เด็กด้วย” หมอซีเอ่ยสั่งกับพยาบาลทันที
“น น้าหมอ... พ พี่ควอตซ์... พี่ควอตซ์...” น้ำเหนือพยายามฝืนลืมตา เมื่อเห็นน้าหมอก็เอ่ยเสียงสั่นไปหมด “พ พี่ควอตซ์... จ เจ็บ อึก... ผมเจ็บ...”
“น้าหมอ... พี่ควอตซ์...” ยิ่งพูดน้ำเหนือก็ยิ่งหอบ เพราะทั้งเจ็บท้องแล้วก็หายใจติดขัด มือทั้งสองข้างยกมือขึ้นมือของน้าหมอเอาไว้แน่นก่อนจะเผลอบีบมือของน้าหมอเมื่อรู้สึกเจ็บที่ท้องขึ้นมา
“น้ำเหนือ ได้ยินน้าไหม” หมอวิรัชก้มลงไปพูดกับน้ำเหนือก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองพยาบาลที่ยืนอยู่หน้าจอของเครื่องวัด
“คุณหมอคะ มดลูกบีบตัวถี่มากค่ะ” พยาบาลรีบเอ่ยทันทีเมื่อเห็นตัวเลขและเส้นกราฟบนหน้าจอ
“รีบพาเข้าห้องด่วนเลย! เตรียมทีมผ่าตัดด้วย” หมอวิรัชเลื่อนมือไปจับหน้าท้องของน้ำเหนือแล้วกดเบา ๆ เพื่อตรวจดู มองหน้าจอที่พยาบาลหันมาให้ดูว่า ก่อนที่จะหันไปสั่งกับบุรุษพยาบาลและหมอซี
เตียงของน้ำเหนือถูกเข็นออกจากห้องพักฟื้น พยาบาล บุรุษพยาบาลที่ได้รับหน้าที่คอยดูแลน้ำเหนือวิ่งวุ่นไปหมดเพื่อเตรียมห้องผ่าตัด เตรียมความพร้อมในทุก ๆ เรื่อง หมอวิรัชเองก็ก้าวตามไปด้วยความเป็นห่วง
“ค คุณหนูใหญ่... ค คุณหมอคะ ก เกิดอะไรขึ้นกันคะ” สาลี่ที่เดินกลับมารีบตรงเข้ามาถามหมอวิรัชทันที เพราะเห็นเตียงของน้ำเหนือถูกบุรุษพยาบาลเข็นผ่านไป
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่อยู่ ๆ มดลูกน้ำเหนือก็บีบตัวรุนแรงมาก อาจจะต้องผ่าคลอดก่อนกำหนด” หมอวิรัชว่า
สาลี่ตาโตด้วยความตกใจ “อ อันตรายไหมคะ ล แล้ว... แล้ว...”
“ใจเย็นก่อนสาลี่ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูอาการของน้ำเหนือก่อน ส่วนเธอพยายามติดต่อเจ้าควอตซ์หน่อย แล้วก็บอกเรื่องนี้กับทางบ้านใหญ่ด้วยนะ”
“ค ค่ะคุณหมอ ด ได้ค่ะ”
หมอวิรัชตบไหล่สาลี่เบา ๆ สองทีก่อนจะรีบเดินไปทางห้องผ่าตัดในทันที
เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหลานสะใภ้ของเขาถึงได้เป็นแบบนี้ แม้อยากจะโทรหาหลานชายของตัวเองเพื่อถามให้รู้เรื่องราวทั้งหมด แต่อาการของน้ำเหนือน่าเป็นห่วงกว่า เขาต้องรีบพาน้ำเหนือไปตรวจให้ละเอียด เพราะถ้าหากเขาช้าไปเพียงแค่วินาทีเดียว อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้
“มดลูกบีบตัวรุนแรงมากครับ ผมว่าถ้าเกิดปล่อยเอาไว้นาน...”
หมอวิรัชพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่หมอซีต้องการจะพูด เขาหันไปมองดูหลานสะใภ้ที่นอนอยู่บนเตียง น้ำเหนือส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บท้อง ท่าทางเหนื่อยหอบจนน่าเป็นห่วง
“เตรียมผ่าตัดคลอด... ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้น่าจะเป็นอันตราย”
ไฟหน้าห้องผ่าตัดสว่างขึ้นบ่งบอกว่าการผ่าตัดกำลังจะเกิดขึ้น หมอวิรัชและหมอซีพร้อมในชุดผ่าตัดสีเขียวกำลังยืนอยู่ข้างเตียงในระหว่างที่พยาบาลกำลังฉีดยาให้กับน้ำเหนือ เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมการผ่าตัดคลอดก็เริ่มต้นในทันที
❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈
ขอไม่ทอล์คอะไรได้ไหม ขอหนีความผิดก่อนได้ไหมอ่ะ... อย่าว่าฟางงงงง ฟางไม่รู้ว่าแต่งอะไรไป มือมันพิมพ์ไปเอง จริง ๆ นะ จริงจริ๊งงงงง!! เชื่อเถอะ ไม่ได้ตั้งใจเล้ยยย มันไปของมันเองงงงง
หนีดีกว่า คราวหน้าค่อยทอล์ค (เอาผ้าคลุมหน้าคลุมตาแล้วย่องออกไปเงียบ ๆ)
แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ ^^
ไม่อยากจะขออะไรมาก แต่ขออย่างเดียวอ่านแล้วเมนต์หน่อยน้า ไม่งั้นพี่ควอตซ์น้องเหนือน้อยใจแย่เลย รักพี่ควอตซ์เมนต์ รักน้องเหนือเมนต์ รักคนแต่งเมนต์ ไม่รักกันก็เมนต์ค่า
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ฝากอุ้มรักด้วยนะคะ อย่าลืม กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ