บทที่สิบผู้มีบาดแผล....ผู้สร้างรอยแผล....ผู้เยียวยาหลายชั่วโมงผ่านไป รสจูบของเขาคนนั้นช่างแสนหวาน หวานอ้อยอิ่งติดปลายลิ้น หวานกว่าจูบครั้งไหนๆที่ก้านเคยได้รับ
หากไม่ใช่เพราะสงสาร อย่างที่คนๆนี้ย้ำกับเขามาตลอด คนอย่างไอ้ก้าน จะพอคิดเข้าข้างตัวเองได้หรือไม่เล่า
ชีวิตของไอ้ก้าน ผูกติดกับคำว่าบุญคุณมานานแค่ไหนกัน
เด็กที่แม่ไม่ต้องการ ถูกนำมาทิ้งไว้พร้อมกับพี่น้อง ไม่เคยถูกเลี้ยงด้วยความรัก และไม่นานนัก พี่น้องก็พากันจากไป จากไปยังที่แห่งใด ดีหรือร้ายไม่มีใครรู้
จำไม่ได้แล้ว ว่าการมีพี่น้องมันรู้สึกอย่างไร ไอ้ตัวเล็กที่วัยใกล้เคียงกับเขา ก็ถูกครอบครัวหนึ่งซื้อตัวไปก่อนเขา จำได้เลือนรางเต็มที ว่ามันติดเขาแจ และร้องไห้แทบจะขาดใจ ในวันที่ต้องลา
เขาร้องไห้หรือเปล่านะ หรือแค่ส่งยิ้ม แล้วบอกกับมันไปว่า....สักวันเราคงได้เจอกัน
แต่ไม่มีวันนั้น เพราะเขาซึ่งเหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย ถูกครอบครัวของนายซื้อตัวมา มาอยู่ในฐานะสัตว์เลี้ยง ของเล่น น้องชาย และกลับไปเป็นสัตว์อีกครั้ง
โลกของก้านมีแต่นาย เป็นโลกที่บูดเบี้ยวและดำมืดมากนัก แสงสว่างจ้าที่โฉบเข้ามาอย่างกวิน นำพาความสดใสมาสู่หัวใจดวงน้อยของไอ้ก้านได้ไม่ยากเลย
แต่ไอ้ก้านช่างต่ำต้อยเหลือเกิน ไม่คู่ควรกับคุณเขาเลยสักนิด
มีสิทธิ์รักหรือเปล่า คนต่ำๆอย่างก้าน สามารถตกหลุมรักดอกฟ้าอย่างกวินได้ไหม คนด้อยค่าอย่างก้านจะเอาอะไรไปสู้กับนายของมันได้ หมารับใช้ถามย้ำตัวมันเองซ้ำๆ
หากจะปกป้องกวิน ไอ้ก้านมีปัญญาสักแค่ไหนกัน อำนาจ บารมี หรือเศษชีวิตไร้ค่า นั่นสินะ สิ่งเดียวที่ก้านมี ก็คือชีวิต ปกป้องคุณกวินด้วยชีวิต แต่น่าตลกที่ชีวิตของก้านหาใช่ของก้านไม่
แม้แต่ชีวิตก็ยังเป็นของคนอื่นเลย น่าสมเพชกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
หลังจากทิ้งให้ไอ้ก้านนั่งคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย เจ้าของห้องตัวดีก็กลับมานั่งข้างกันอีกครั้ง สัมผัสอุ่นๆจากเนื้อหนังแตะโดนกัน แค่นี้หัวใจไอ้ก้านก็เต้นดังเป็นกลองเพลแล้ว
“อีกเดี๋ยวมาร์คจะมานอนด้วย พี่ก้านไม่ต้องกลับหรอก เจ้านายพี่เมามากแล้ว มาร์คมันคงหาที่ให้นอน พรุ่งนี้พี่ก้านก็มีเรียน ไม่ต้องกลัวว่ามันจะรู้หรอก ว่าพี่ก้านไม่กลับห้อง”
“.......พี่.....เอ่อ.....พี่นอนโซฟาก็ได้นะครับคุณวิน”
“เฮ้ย....บ้า.....ทำอย่างกับผมเป็นผู้หญิงนอนรวมกับผู้ชายไม่ได้ เดี๋ยวไอ้ห่ามาร์คมาก็นอนกันสามคนนี่แหละ”
“คุณวิน.....พี่ถามอะไรได้ไหมครับ”
“เรื่องจูบน่ะเหรอ”
“อ่า.....”
ความตรงไปตรงมาของกวิน ทำให้ไอ้ก้านเขินจนหน้าแดง หัวใจดวงน้อยรู้สึกหวิวๆ
“ถ้าบอกว่าชอบ พี่ก้านจะเชื่อไหมนะ พี่ก้านจะมั่นใจไหม ว่าตัวเองก็มีดีให้คนชอบได้น่ะ”
“ไม่มีอะไรดีเลยครับ”
“พี่ก้านใสซื่อไง”
“แบบนั้นเป็นข้อดีเสียที่ไหนล่ะครับ”
“พี่ก้านน่ารัก”
“คุณวินน่ารักกว่าพี่เยอะครับ”
“น่ารัก.....แล้วกล้ารักไหมล่ะ”
“ไม่กล้าครับ”
“นี่ไง.....ชอบพี่ก็ตรงนี้แหละ.....พี่แม่งโคตรน่ารักเลย”
สองมือนุ่มๆกอบกุมแก้มของก้านเอาไว้ คลึงเบาๆไปมา มือของคุณนุ่มเหลือเกิน ไอ้ก้านกำลังจะหลงลืมตัวเองอีกครั้งแล้ว
“หน้าพี่มันแผล่บครับ คุณวินเลิกจับเถอะ”
“งั้นจับหน้าน้องมั่งสิ
ไม่รอให้ปฏิเสธ กวินจับมือของมันไปวางบนสองแก้มนวล ไอ้ก้านสะดุ้งเหมือนถูกไฟช็อต ใจหนึ่งก็อยากชักมือกลับ แต่ก็ดูจะเสียมารยาท เพราะฉะนั้นมันจึงขอเชื่ออีกใจหนึ่ง ที่สั่งให้มันจับแก้มนุ่มๆของกวินต่อไปอีกสักหน่อยก่อน แล้วค่อยขอร้องอีกฝ่ายให้ปล่อยมันไป
“มือพี่สกปรก พอเถอะครับคุณ”
“พี่ก้านฟังน้องนะ”
“ครับ”
“ที่ผ่านมาช่างแม่งเถอะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับพี่....หรือกับผม.....ห่าอะไรก็ตาม แต่ต่อจากนี้ไป เรามาสู้ไปด้วยกันนะ ผมกับไอ้มาร์คจะช่วยพี่เอง”
“พี่ขอบคุณคุณวินมากนะครับ แต่คุณวินกับมาร์คคงช่วยพี่ไม่ได้หรอก นายมีบุญคุณกับพี่มากจริงๆ แล้วนายก็ดีกับพี่.....ไม่มีอะไรต้องช่วยเลยครับ”
“ผมบอกแล้วไงว่าพี่ก้านโกหกไม่เก่ง”
“อ่า”
“ตกลงช่วยไม่ได้ หรือไม่มีอะไรให้ต้องช่วย ไปตกลงกับตัวเองก่อนม๊ะ”
“แค่นี้ก็ดีมากแล้วจริงๆครับ แค่นี้พี่ก้านก็มีความสุขมากแล้วครับ”
“เราจูบกันอีกครั้งไหม”
“พี่คิดว่า.....อื้ออออออ”
ถูกคนน่ารักปล้นจูบอีกแล้ว คุณกวินช่างมีเรี่ยวแรงมหาศาลเสียจริง ร่างของไอ้ก้านถูกกดราบไปกับโซฟายาว จูบครั้งนี้วาบหวามเสียจนสติไอ้ก้านกระเจิดกระเจิงไปไกลแสนไกล
แม้ตำแหน่งจะดูแปลกๆไปหน่อย อันที่จริงแล้วคุณกวินน่ารักกว่ามัน คุณเขาสมควรจะอยู่ข้างล่างหรือเปล่า?
“เหนื่อยเหรอ หอบแฮ่กเลย”
“ครับ....หายใจไม่ทัน”
“ชอบไหม”
“.....เอ่อ”
“ตอนนี้มีแค่เรา พี่พูดในสิ่งที่รู้สึกมาเถอะครับ น้องอยากรู้”
“ชอบครับ”
“แล้วชอบผมไหม”
“พี่ชอบคุณไม่ได้หรอกครับ”
“ได้สิ....ทำไม.....หรือพี่อยากให้ผมลงเอยกับนายของพี่....แบบนั้นจะดีกับพี่ แล้วก็ดีกับผมเหรอ”
“ไม่ครับ.....ไม่ดี”
“เอ้า....ยังไงล่ะครับเด็กน้อย”
“นายพี่รักคุณกวินจริงๆนะครับ แต่พี่ว่าคุณ.....อยู่ห่างๆนายพี่ดีกว่านะครับ”
“ห่วงผมเหรอ”
“ครับ พี่ห่วง”
“พี่เชื่อผมนะ.....ผมจะหาทางออกให้พี่เอง.....ถึงตอนนั้น พี่ค่อยตัดสินใจอีกครั้ง โอเคไหม ผมจะรอวันที่พี่ได้เป็นตัวพี่เองจริงๆ”
“คุณวินดื้อ”
“พี่ก็ดื้อไม่แพ้ผมหรอก”
“......”
“ผมจูบพี่อีกนะ”
ปึงๆๆๆๆๆๆๆเสียงเคาะประตูทำเอากวินจิ๊ปากอย่างขัดใจ ก้านถือโอกาสนี้ดิ้นหลุดจากอ้อมแขนของเขา กระโดดออกไปนั่งเสียห่างไกล
ไอ้มาร์ค!!!!
ไอ้เวร......
.
...
...........
...
.
[หลายปีก่อนหน้านี้]
ก๊อกๆๆ
“เข้ามา”
เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าคมเข้มรับกับดวงตาดุร้ายกำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอน ในห้องนอนที่มีพื้นที่กว้างขวาง ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนหรูหราบ่งบอกถึงฐานะ แต่กลับถูกเจ้าของห้องปิดไฟทุกดวงจนมืดมิด บดบังความงามที่ถูกบรรจงออกแบบสร้างสรรค์อย่างประณีต โดยนักตกแต่งภายในของบริษัทชื่อดังไปจนสิ้น
เด็กหนุ่มเอ่ยกับผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอกด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ กึกก้อง กังวาน
ประตูถูกเปิดเข้ามาอย่างช้าๆ เด็กหนุ่มอีกคนในชุดฟอร์มสีขาวสำหรับคนรับใช้เดินเข้ามาพร้อมกับกล่องกระดาษใบหนึ่ง เขาถือมันอย่างทะนุถนอม แววตาเปี่ยมไปด้วยความปิติที่ซ่อนไว้ ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย
“มึงมีอะไรก้าน”
“ผม.....เก็บเงิน....ซื้อมาให้นายครับ”
“อะไร เอามาดูสิ”
ก้าน เด็กรับใช้คุกเข่าลงกับพื้น ชันเข่าเข้าไปหาผู้เป็นนาย ก่อนจะวางกล่องกระดาษใบนั้นลงบนเตียงนอน เผยให้เห็นเค้กก้อนใหญ่ราคาแพง อย่างน้อยก็ถือว่าแพงเกินฐานะเด็กรับใช้อย่างมันที่ซื้อหาได้โดยง่าย ไอ้ก้านจำได้ว่าเป็นร้านที่นายเคยชอบ สมัยที่มันยังเป็นน้องชายของนาย
“ให้กูเหรอ? มึงเอาเงินที่ไหนซื้อ”
“ผมเก็บจากค่าขนมครับ ผมไม่ค่อยได้ใช้ เห็นว่าเป็นวันเกิดนาย ผมเลยซื้อมาให้ สุขสันต์วันเกิดนะครับนาย”
“มึงจำวันเกิดของกูได้”
มุมปากของเด็กหนุ่มผู้เป็นนายกระตุกยิ้ม เขาหยิบกล่องเค้กขึ้นมาถือเอาไว้ ใช่ มันคือเค้กร้านโปรดของเขา เมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กน้อย พ่อมักจะซื้อมาให้เขาเป่าเทียนในวันเกิด หรือทุกครั้งที่เขาอยากจะกิน แต่ทว่าตอนนี้เขาโตเกินไปสำหรับขนมหวานพวกนี้เสียแล้ว และพ่อของเขาก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
“มึงเสือกจำได้ แต่ว่าแม่ของกูกลับลืมมัน ป่านนี้คงจะไปมีความสุข ลอยหน้าลอยตากับไอ้หน้าตัวเมียนั่น จิบไวน์แพงๆ ตอแหลไปทั่วกับอีพวกคุณหญิงคุณนาย.....หึหึหึ....ฮะฮะฮะ”
“นายครับ นายแม่ไม่ได้ลืมหรอกครับ แต่ท่านคงไปคุยงานกับคุณท่าน....”
“มึงไม่ต้องมาสู่รู้ แล้วไอ้เหี้ยนั่นก็ไม่ใช่คุณท่าน อย่าบังอาจเอามันขึ้นมาแทนที่พ่อของกู แล้วไอ้เค้กห่านี่กูก็ไม่ได้ต้องการ”
เผละ
กรุณ.....เด็กหนุ่มผู้เป็นนาย ปาขนมเค้กกล่องนั้นอัดใส่หน้าของไอ้ก้าน หมารับใช้หน้าโง่ในสายตาของเขา ที่ระบายอารมณ์ส่วนตัวของเขา เห็นหน้าของมันเปรอะเปื้อนแล้วมันทำให้เขาอารมณ์ดีจนต้องหัวเราะออกมา
ไอ้หมาหน้าโง่ เลอะเทอะไปหมดแล้ว ดูหน้าโง่ๆของมันสิ ตลกอะไรอย่างนี้นะ
“อย่ามาสงสารกู เก็บเงินของมึงเอาไว้เถอะ เพราะไม่รู้ว่าวันไหนที่มึงจะโดนเฉดหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ กูให้พ่อซื้อมึงมา.....มาอยู่ที่นี่ในฐานะสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่น้องชาย และมึงไม่มีวันได้เป็น”
ทุกครั้งที่ถูกทำร้าย แผลใหม่เกิดขึ้นทับรอยแผลเดิมเสมอ....
บาดแผลในใจจากครั้งก่อนๆ ตกสะเก็ดและกลายเป็นแผลเป็นแสนน่าเกลียด แผลใหม่ถูกเพิ่มเข้ามา ขณะที่แผลเก่านั้นยังไม่ทันหาย กลายเป็นทับถมกันอยู่อย่างนั้น
หัวใจของผู้ถูกกระทำมันด้านชา
เด็กหนุ่มกระชากตัวมันขึ้นมาบนเตียง จับมันนอนคว่ำ ถอดกางเกงของเขาและของมันออกอย่างรีบร้อน
ทุกอย่างเกิดขึ้น และจบลงด้วยความเจ็บปวด ดังเช่นทุกครั้ง
ก้านไม่ร้อง เพราะนายสั่งห้ามไม่ให้มันร้อง
มันอดทนเก่ง หรือเพราะว่าหัวใจของมันเจ็บปวดจนแทนจะไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
ความปิติในใจ ความหวังอันเล็กน้อยของมันถูกทำลายลงไปอีกครั้ง ไม่ช้ามันก็จะเรียนรู้ได้เองว่าไม่ควรหวังอะไรอีก
มันก็แค่.....อยากให้นายรู้ ว่านายสำคัญกับมันมากแค่ไหน มันไม่เคยลืมวันเกิดของนาย ขณะที่ทุกคนต่างก็ไม่สนใจ
เพราะครั้งหนึ่ง นายเคยมอบความรัก ให้ชีวิตที่ด้อยค่า ไม่มีใครต้องการ ความรักจากนายทำให้มันรักตอบ แต่น่าเศร้าที่ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบสิ้นลงอย่างรวดเร็ว
กรุณปลดปล่อยความเกลียดชังจนเสร็จสิ้น ไม่มีการปลอบประโลมใดๆอีก เด็กหนุ่มรูดซิบกางเกงขึ้น ปรายตามองเด็กรับใช้ส่วนตัวที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงของเขา
“กูจะออกไปหาเพื่อน หวังว่ากลับมามึงคงจะจัดการห้องกูให้สะอาดเหมือนเดิม กูจะกลับมาดึกหน่อย เพราะฉะนั้นถ้าจะพัก....ก็นอนพักไปเถอะ”
“......”
“ก้าน”
“ครับนาย”
“.......”
“.......”
“กูไปล่ะ”
.
....
.........
....
.
ฝันบ้าๆ
กรุณสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า แสงสว่างที่ส่องลอดเข้ามา ไม่อาจทำให้เขารับรู้ได้ว่าเป็นเวลาใด
ทำไมถึงได้ฝันถึงตอนนั้นได้นะ ช่วงวัยเด็กอันแสนสุขปนเศร้า วัยเด็กอันแสนสดใสที่มีคุณหนูฟ้ากับน้องชายคนใหม่ที่แสนน่ารัก
บัดซบสิ้นดี ทุกอย่างเป็นภาพลวงตาทั้งนั้น ท้องฟ้า เหินฟ้า เกลียดชื่อนี้ เพราะชีวิตของเขามันไม่ได้สวยงาม เหมือนเช่นท้องฟ้าที่แจ่มใสในฤดูร้อนเสียเมื่อไหร่กันล่ะ
“ก้าน....... พี่ขอน้ำ.....เอายาแก้แฮงค์มาด้วยก็ดี........เฮ้ยยยยยยย.....ไอ้ก้านนนนนน มึงอยู่ไหน ได้ยินกูหรือเปล่า”
สิ่งแรกที่ทำคือแหกปากร้องเรียกสุนัขของเขา แต่สิ่งที่สะท้อนกลับมาคือความเงียบงัน กรุณหยัดกายขึ้นจากที่นอนด้วยความหัวเสีย ก่อนจะรับรู้ได้ว่าที่นี่ไม่ใช่คอนโดของเขา
เมื่อคืนเขาดื่มหนักมาก แต่ปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่คออ่อนที่สุดในกลุ่ม น่าแปลกที่อยู่ๆภาพในหัวก็ถูกตัดไปเสียเฉยๆ
จำอะไรไม่ได้เลย
เสื้อผ้าของเขายังอยู่ดี(และโคตรสกปรก) ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกเสียจากอาการปวดหัว กรุณนั่งกุมขมับทำใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเงยขึ้นมองไปรอบๆ ดูจากสภาพแล้วน่าจะเป็นห้องพักรายวันใกล้ผับที่ราคาไม่แพงมากนัก
มีกระดาษโน้ตแผ่นใหญ่แปะเอาไว้ที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ช่างเป็นวิธีการส่งสารที่เชยและโง่เง่าสิ้นดี
ผมเอาเงินในกระเป๋าพี่จ่ายค่าห้องไป 1,400 นะ ไม่รู้พี่จะตื่นกี่โมง เลยจ่ายไปสองคืนเลย คืนละ 700 นะ ส่วนอีก 400 ผมหยิบไปเป็นค่าแท็กซี่ที่มาส่งกับค่าแท็กซี่ของผมขากลับ ผมรู้พี่รวย ผมไม่คืนนะ
ลงชื่อ
น้องมาร์คเองฮะ
“ฮะพ่อมึงสิไอ้เด็กเหี้ย.....”
ปากก็ด่า แต่ก็อดนึกขอบคุณมันขึ้นมาไม่ได้ ยังดีที่ไม่ถูกปล่อยให้นอนเป็นหมาข้างถนน หรือข้างกองขยะหลังผับ
กรุณล้วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะกดโทรหาไอ้ก้าน....คนที่ชายหนุ่มนึกถึงเป็นคนแรกโดยอัตโนมัติ
ตู๊ดดดดดดดดดดด ๆๆๆๆๆแต่ไม่ว่าจะโทรอีกกี่ครั้ง ก็ไม่คนรับสาย
เซ้นส์ของเขาบอกว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลเอามากๆ
.
....
...........
.....
.
ชายหนุ่มวัยรุ่นร่างใหญ่จรดมวนบุหรี่ที่จุดแล้วที่ริมฝีปาก มือข้างหนึ่งเท้ากับขอบที่กั้นระเบียง ก่อนจะอัดควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ และพ่นมันออกมาเป็นกลุ่มควันล่องลอยในอากาศ กลืนกับความมืดในยามราตรี
“ขอกูบ้างสิมาร์ค”
“ไม่”
มาร์คไม่ต้องหันไปดู ก็พอรู้ว่าคนข้างๆเขาจะต้องมีสีหน้างอง้ำไม่พอใจ เหมือนกับทุกครั้งที่ถูกเขาดุ หรือขัดใจ
“มึงแม่ง.....” กวินทำได้แค่สบถ ตอนนี้เขาเป็นคนที่มีความผิดติดตัว จึงไม่อยากโต้เถียง หรือด่าอีกฝ่ายเหมือนเช่นเคย คงเพราะเพื่อนรักของเขาในเวลานี้มีสีหน้าที่เรียบเฉย อย่างคนที่กำลังครุ่นคิด และบรรยากาศรอบๆตัวที่ดูแล้วไม่เหมาะที่จะกวนประสาทหรือยั่วยุสติอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นมันคงใช้กำปั้นหนักๆเขกลงมากลางกระหม่อมของเขาแบบไม่คิดออกมือ
ดวงตาของมาร์คดูใจดี ไม่ได้ดูดุแบบดวงตาคมของกรุณ ทว่าในยามโกรธ ดวงตาที่ใจดีมากๆก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวมากๆได้เช่นกัน
“เฮ้อ......มาร์ค กูก็ไม่ได้ตั้งใจป่ะวะ กูก็บอกไม่ถูกอ่ะ รู้ตัวอีกทีกูก็จูบพี่เขาไปแล้ว กูเองก็ตกใจมาร์ค ทั้งตกใจแล้วก็ทั้ง.......ชอบ?”
“ก็น่าจะชอบอยู่หรอก ก็เลยจูบกันอีกเป็นครั้งที่สอง สาม สี่ ห้า”
“เยอะไปมึงก็”
“กูไม่ได้อะไรกับการที่มึงจะเปลี่ยนมาชอบผู้ชายหรอกนะ แต่มึงไม่ควรจูบมันป่ะวะ อย่างน้อยก็ตอนที่เรื่องทุกอย่างมันยังไม่เคลียร์ เออแต่ช่างแม่งเหอะ ไม่ว่าเรื่องจะเป็นอย่างที่มึงคิดหรือไม่ก็ตาม แต่เราก็ยังไม่รู้อยู่ดี ว่าก้านมันโดนอะไรมาบ้าง จิตใจของมันปกติพอที่จะรับอะไรจากมึงแล้วเหรอวะ สิ่งที่มึงว่าดี มันจะไม่ยิ่งทำร้ายมันซ้ำไปอีกหรือไง”
“แต่พี่ก้านดีขึ้นทุกครั้งที่เจอกับเรานะ พี่เค้าดูไม่ปิดกั้นกูแล้วนะเว้ย พี่ก้านเองก็รู้สึกดีกับจูบของกู กูมั่นใจ”
“มึงอย่าเพิ่งมั่นใจอะไรนักเลยวิน.....”
“กูไม่สนหรอกว่าพี่ก้านจะใช่หรือไม่ใช่ มันอยู่ที่หัวใจของกู อยู่ที่ความรู้สึกของกู มึงเข้าใจกูใช่ไหม.....มาร์ค มันไม่ใช่ว่ากูจะเปิดรับใครง่ายๆนะเว้ย”
“มันผิดไงวิน และถ้ามึงสนแต่ความรู้สึกของมึง มึงก็จะไม่ต่างอะไรกับไอ้เหี้ยนั่นเลย”
“มึงแม่ง......”
“หึหึ.....เอาเหอะ ถ้ามึงเดินออกนอกทาง กูจะเตะตัดขามึงกลับเข้ารันเวย์เอง”
“เปรียบเทียบได้เหี้ยมาก ทำไมไม่อ่อนโยน นี่น้องวินของมึงไงมาร์ค”
“ไม่อะ มึงไม่ใช่ของกู แต่เดี๋ยวคงไอ้เป็นของไอ้ฟ้า”
“สัส!!!!”
กวินเกลียดที่เพื่อนคนนี้พูดถูกทุกอย่าง เกลียดความปากร้าย พอๆกับที่รักของแข็งแกร่ง ตรงไปตรงมาของเพื่อนคนนี้ มันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มาร์คคือเพื่อนเพียงคนเดียวของกวิน คือพี่ชาย คือที่ปรึกษา คือที่พักพิงใจ หากไม่นับรวมคนๆนั้น....
เพราะชีวิตของเขามันแสนเจ็บปวด
ครอบครัว
สังคม
ทุกอย่างล้วนแล้วจอมปลอม ยิ่งเขาโตขึ้น ความฉาบฉวยจอมปลอมในชีวิตก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
เอาล่ะ.....ก็แค่ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ จะดูเลวก็ช่างมันเถอะ เพราะสุดท้ายแล้ว กวินก็มั่นใจว่ามาร์คจะคอยช่วยเขา ไม่ว่าสิ่งที่เขาทำจะถูกหรือไม่ก็ตาม
“ฮัลโหล.....เอ่อ.....พี่รุณ.......เราออกมาเจอกันหน่อยดีไหมครับ.....ไม่....แค่ผมกับพี่สิ แค่เราสองคน นะครับ” คนข้างกายส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา แต่กวินไม่ได้สนใจหรอก
เขามีสิ่งให้ต้องทำอีกเยอะเลยทีเดียว
To be con
ทุกตัวละครล้วนมีความเทา.....