>>ตอนที่ 37 [100%]<<
ผมคิดว่าการฝากฝังงานให้พี่เรย์และพี่แนนั้นก็แค่พูดไปงั้นแหละ...ยังไม่ถึงเวลาโหมงานของพี่เขาหรอก ที่ไหนได้ พี่มะเดี่ยวเล่นโหมงานหนักทันทีเลย ผมวิดีโอคอลคุยกับพี่เขาตอนกลางคืน พี่มะเดี่ยวอาบน้ำเสร็จเขาก็ประจำที่ตัวเอง นั่งวาดรูปไปคุยกับผมไปเรื่อยเปื่อย...
ผมนอนดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา คืนนี้ผมก็เลยไปไวกว่าทุกวัน ทว่าช่วงเช้าที่ผมลืมตาตื่น สิ่งแรกที่ผมเห็นก็คือพี่มะเดี่ยวกำลังกินกาแฟที่มีควันลอยกรุ่น ตาโหลและเขาก็ต้องใส่แว่นกันแสง ผมพอเข้าใจว่าเพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้น การทำงานหน้าคอมพ์นานๆ จะทำให้ดวงตาล้าและรับแสงได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น พี่เขายังไม่เห็นว่าผมตื่น ผมเองก็นอนมองเขาเงียบๆ ยังมีเวลาอีกหน่อยก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน
“พี่ยังไม่ได้นอนเลยใช่ไหมครับ...” ในที่สุดก็ทนสงสัยไม่ได้ ไม่เชื่อว่าเขาจะหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาทำงานแน่ๆ อะ
“อ่าว สามตื่นแล้วเหรอ...เช้าแล้วเหรอเนี่ย” เห็นไหมล่ะ
“พี่ก็หัดเปิดม่านบ้าง จะได้รู้ว่านี่มันเช้าหรือกลางคืน นั่งวาดรูปทั้งคืน...ไม่เหนื่ยเหรอครับ” ผมกระชับผ้าห่มให้แน่น เป็นเหตุให้ความรักรู้สึกตัวและตื่น แต่มันก็ยังไม่ยอมลืมตา แค่ดิ้นขลุกๆ มาเบียด
“ไม่เหนื่อยนะ แต่เพลีย เราเหอะ ลุกไปอาบน้ำอาบท่าไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“โน! ไม่ต้องเลย...พี่อยู่นอนไปนั่นแหละ วางงานแล้วพักผ่อนได้แล้วครับ” เห็นตาโหลๆ นั่นแล้วสงสารอะ
“ดุจัง...” ทำเป็นพูด ท่าทางเหมือนกลัวผมตายอะ
“งั้นผมไปอาบน้ำ แล้วจะเข้าไปกินข้าวด้วยนะ” ว่าจบก็ไม่รอคำตอบ แต่กดตัดสายที่เปิดทิ้งไว้ทั้งคืนทิ้ง เห็นระยะเวลาวิดีโอคอลแล้วอดยิ้มไม่ได้...เป็นคนแรกจริงๆ ที่ผมทำแบบนี้ด้วย
ผมถือวิสาสะอุ้มความรักไปอาบน้ำด้วยกัน แต่ปรับน้ำเป็นน้ำอุ่นนะ ผมกลัวความรักมันจะหนาว เสร็จแล้วก็แต่งตัวให้มันก่อนแต่งตัวให้ตัวเอง วันนี้ความรักใส่ชุดเชอร์รี่ สีแดงสดใสมากและมันก็โคตรจะน่ารักเลย หลังจากนั้นก็เอาอาหารในตู้เย็นซึ่งเป็นอาหารแช่แข็งเนี่ยไปเวฟ เช็กของนิดหน่อย เดี๋ยวผมต้องเอาข้าวมาเติมเพราะจากที่คาดการณ์เอาไว้กินคนเดียวนั้นมันผิดคาด ตอนนี้มีเผื่อแผ่ห้องตรงข้ามด้วยเลยไม่พอแล้ว
ระหว่างรออาหารสุก ผมดูตารางเรียนและจัดของนิดหน่อย เสียงติ๊งของไมโครเวฟดัง ผมสะพายกระเป๋า เดินไปเอาข้าวทั้งสองกล่องออกมาวางบนถาดไม้ น้ำเปล่าคงไม่ต้อง ห้องพี่เขาคงมีแหละ
“ไปห้องพี่มะเดี่ยวกัน...” หันไปบอกความรักที่ชะเง้อคอมองอาหาร ทันทีที่บอก มันก็เดินไปที่หน้าประตู ยืนรอให้ผมเปิด รู้เกินไปล่ะ...แค่ลองพูดดูไม่คิดว่าจะรู้ขนาดนี้เหอะ
เปิดให้มันและผมออกไปก่อน ปิดล็อกห้องอย่างดี กลับหลังหัน เคาะห้องพี่เขาเบาๆ สองสามทีพี่มะเดี่ยวก็เปิดประตูให้ผมเดินเข้าไป ตามติดด้วยความรัก มันไม่ได้ตามผมมานั่งที่โต๊ะเล็กหน้าโซฟา แต่กลับเดินคลอเคลียอยู่ที่ขาของพี่มะเดี่ยว
มุมเดียวกันใกล้ระเบียงที่ผมไว้ใช้เล่นเกม ของพี่มะเดี่ยวกลับโต๊ะสำหรับทำงาน คราวก่อนที่ผมมานอนที่ห้องนี้ผมไม่ได้สังเกตอะไรในห้อง ตอนนี้ได้เห็นแล้วว่ามุมนั้นของพี่เขามันค่อนข้างใหญ่ และมีอุปกรณ์สำหรับการทำงานพร้อม ผมแม่งกลับเห็นแต่...ภาพของเกม หน้าจอใหญ่กว่าของผม เล่นเกมต้องโคตรมันเลย แล้วนี่มันก็ค้างหน้าที่วาดรูปอยู่...
“งานยังไม่ใกล้เสร็จเลยเหรอพี่” ดูมันเพิ่งตัดเส้นเองอะ
“เสร็จไปสองงานแล้ว นี่อีกงาน...เดี๋ยวเสร็จนี่พี่ถึงจะนอน” เขานั่งลงข้างผมบนโซฟา ความรักถูกวางไว้ที่พื้นเพื่อกินในส่วนของมัน
“เมื่อไหร่เสร็จอะ”
“เที่ยงมั้ง...ลายละเอียดยิบเลย งานแฟนตาซี ทำไม..เป็นห่วงเหรอ” ไม่ห่วงเลย แค่เสือกเรื่องชาวบ้านเขาไปงั้นแหละ ฮ่าๆ ซะเมื่อไหร่เล่า
“ก็ต้องห่วงไหมล่ะ พี่เป็นแฟนผมนะ” พูดไปก็รู้สึกเขินแปลกๆ...แต่มันจริงนะ ผมต้องห่วงแฟนผมสิ
“ฮุ่ย...น่ารักอะ” พี่แกยีหัวผมเบาๆ
“ไม่ต้องหยอดเลย รีบกินแล้วไปปั่นงานต่อเถอะครับ จะได้เสร็จแล้วพัก” ซ้อมเต้นมาโคตรเหนื่อย ป่านนี้ยังไม่หลับไม่นอน คนหรือหุ่นยนต์วะเนี่ย เป็นผม ผมคงน็อกไปแล้วอะ
“จุกจิกเหมือนกันนะเราอะ” อ่าว ไมมาว่าผมแบบนี้
“ผมไม่จุกจิกก็ได้ ถ้าพี่รำคาญ” ปกติก็ไม่ใช่คนจุกจิกอะไรกับใครอยู่แล้ว แต่เพิ่งเคยเจอคนโหมงานขนาดนนี้อะ
“บ้า ไม่ได้รำคาญ แค่หยอกเองเหอะ แล้ววันนี้จะไปซ้อมเต้นต่อไหม หรือไม่เอาแล้ว…” พี่เขาเริ่มกินอาหารที่ค่อนข้างเย็นแล้ว
“คงเต้นแหละ ไหนๆ ก็เต้นไปแล้ว” ผมเจ็บตัวไปแล้วนะอย่างลืม ทรมานไปตั้งหลายวัน จะปล่อยให้มันสูญเปล่าได้ยังไง
“พี่คงไปซ้อมให้เราไม่ได้นะ พี่ต้องซ้อมทีม”
“ไม่เป็นไร มีหน้าที่ก็ทำหน้าที่ตัวเองไปเหอะครับ” ไม่ได้หลอกด่านะ ผมพูดจริงๆ รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดีก่อน ผมเป็นแค่คนที่เพิ่งคบ ไม่ควรมาเป๋เพราะผมอะนะ
ผมค่อนข้างรีบกิน ไม่ได้เพราะว่าไม่อยากอยู่กับพี่เขานะ ผมไม่อยากรบกวนเวลา พี่เขาทำงานเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งได้พักเร็วเท่านั้น พี่มะเดี่ยวให้ผมไปเรียนได้เลย ที่เหลือเดี๋ยวเขาเก็บเอง ผมก็โอเคตามนั้น ถือว่าผมอุ่นมาให้กินแล้ว หน้าที่เก็บทิ้งก็ให้เป็นของเขาไป
ฟอด…
“เจอกันที่ฟลอ” ไอ้...พี่แม่งฉวยโอกาส ผมก้าวขาออกมานอกห้องพี่แกก็ชิงหอมแก้มผมเฉย แถมยังโบกมือหย่อยๆ พร้อมรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยอีก น่าตีนักนะ...
“ขโมยหอมแก้ม เดี๋ยวโดน” ก็พูดไปงั้น พี่เขากลัวที่ไหน แลบลิ้นใส่อีก ผมเอาจมูกความรักไปครูดลิ้นแกชะมัดแต่ทำไม่ทัน...มันหวืดเป็นจุ้บปากพี่แกแทน
“อื้ม...คราวหลังพี่ขอปากสามแทนปากความรักนะ” ดูดิ สะเทือนที่ไหนละ ยังยิ้มระรื่นได้อยู่เลย
“ฝัน” ใช่ ในฝันอะ...จูบสามในนั้นไปก่อน เพราะตอนนี้ผมต้องไปเรียนแล้ว
“ไม่เอาฝันอะ ในนั้นพี่ทำบ่อยแล้ว...มากกว่าจูบปากอีก” โอ้ยยยย มาเลียปงเลียปาก อ่อยกันเกินไปแล้วครับ
“ไปเรียนแล้ว...” ตัดบทมันดื้อๆ เนี่ยแหละ
ผมเดินหนีมาจากหน้าห้องของพี่เขา มีเสียงหัวเราะเบาๆ แว่วตามหลัง แต่ผมไม่ได้หันกลับไปมองหรอก...ตอนนี้สามเขิน สามหลบหน้าก่อนนะ ฮ่าๆ บอกแล้วหน้ามึนไม่ได้หมายถึงหน้าด้านนะครับ โดนหยอกแบบนั้นก็ต้องมีหน้าม่านกันบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา
ผมปั่นจักรยานไปที่ร้านน้า เอาความรักฝากน้าไว้แล้วรีบไปเข้าคลาสเรียนของวันนี้ ระหว่างที่เรียนก็เพิ่งนึกได้ว่าชมรมผมมันเริ่มซ้อมกันตั้งแต่เที่ยงวัน ปกติพี่เขาก็มาเวลานั้นแทบทุกวันเลย แม้ว่าน้องๆ แต่ละคณะจะเลิกคลาสไม่เท่ากัน แต่รุ่นพี่เขามาซ้อมรอกันก่อนแล้วทุกที แล้วถ้างานพี่เขาเสร็จเที่ยงวันจริง พี่เขาก็ไม่ได้นอนดิวะ...
มานึกได้เอาตอนนี้ ส่งข้อความไปถามก็ไม่ได้รับการตอบรับเที่ยงแล้วด้วย ไม่ใช่ว่าออกมาจากห้องแล้วหรอกนะ ผมเลิกบ่ายสอง กว่าจะไปฟลอได้ก็ต้องรอเลิกคลาสก่อน มีเวลาพักชั่วโมงเดียวเพื่อนผมไม่ไปซ้อมเต้นกันหรอกครับ ข้าวแม่งยังไม่ย่อยเลย ขืนเต้นตอนนี้มีหวังข้าวแม่งพุ่งออกทางจมูกและปากพอดีอะดิ
ผมเฝ้ารอพี่เขาตอบข้อความตั้งแต่เที่ยงยันเลิกคลาส โพล่มาที่ฟลอก็แล้วยังไม่ได้รับการอ่านเลยข้อความของผมน่ะ แล้วพี่เขาก็ไม่อยู่ที่ฟลอด้วย จะโทรไปก็กลัวว่าเกิดพี่เขาหลับอยู่ผมจะรบกวน คิดว่าไม่มาก็ดี...พี่เขาพักผ่อนอยู่จะได้มีแรงออกมาซ้อมหรือทำงานต่ออะไรประมาณนี้
ทีมพี่มะเดี่ยวยังคงการซ้อมอย่างดุเดือด ผมเองก็ซ้อมในส่วนของผม พีชและวิ่งคอยประกบการซ้อมอย่างใกล้ชิด ผมได้รู้จักเพื่อนอีกสามคนซึ่งเป็นเพื่อนในฟลอของพีชกับวิ่ง พวกมันก็เป็นคนตลกโปกฮาปกติทั่วไป ผมไม่ได้ใส่ใจส่วนนั้นเท่าไหร่ แค่ฟังบีทแล้วซ้อมก็เหนื่อยแล้วครับ แถมพวกวิ่งยังไม่ค่อยปล่อยให้ผมพักสักเท่าไหร่ด้วย คือเต้นห้านาทีติดจะได้พักแค่สองนาทีแล้วซ้อมต่อเลย
ผ่านไปสองชั่วโมง...ผมหอบแดกเป็นหมาหอบแดดเลยครับ ต้องขอตัวออกไปซื้อน้ำมากินปะทังชีวิต โดยมีวิ่งไปเป็นเพื่อนซื้อน้ำมาไว้ที่ฟลอด้วยกัน ระหว่างทางเราก็คุยเรื่องเต้นเนี่แหละ วันนี้ผมยังคงทำท่าเดิมๆ ไม่ได้อะไรใหม่ เพราะหยุดซ้อมไประยะหนึ่งเลยต้องกลับมาฟื้นสกิว หนักหนาสาหัสเหมือนกัน แต่ไม่เท่าครั้งแรกที่ได้หัดเต้น เหมือนเรามีประสบการณ์ครั้งแรกไปแล้ว ครั้งต่อๆ มามันก็จะง่ายขึ้นประมาณนั้น
กลับมาจากซ้อน้ำก็นั่งพักอยู่ข้างฟลอกับเพื่อนๆ พวกมันไม่เชิงพักจริงจังหรอก แค่เต้นน้อยลง แต่ยังเต้นเรื่อยๆ หายเหนื่อยก็ลงสกิวกันโครมๆ เมามันกันไปตามประสา ไทม์กับโจ้เพื่อนที่เต้นไม่เป็นกลุ่มแรกของผมพัฒนาไปไกลแล้ว พวกนั้นมาที่ฟลอทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่มาซ้อมเพราะพวกมันเองก็มีเพื่อนอยู่ในนี้เหมือนกัน พี่ออมจากที่ต้องคอยสอนน้อง ก็เลยได้ซ้อมของตัวเองอย่างเต็มที่
ตอนแรกผมคิดว่าพี่ออมแกจะอยู่ทีมเดียวกับพี่มะเดี่ยวเสียอีก ที่ไหนได้ พี่เขามีอีกทีมของตัวเอง ไม่ได้อยู่ทีมดิสทินีย์สเต็ปของพี่มะเดี่ยว ดูพี่ออมแล้วก็ทึ่งนะ...เธอเป็นผู้หญิงที่เต้นเก่งไม่แพ้ผู้ชายจริงๆ สไตล์ของพี่แกโดดเด่นกว่าผ็ชายบางคนเสียอีก เวลาดูพี่ออมเต้นมักจะตะลึงและทึ่งทุกครั้ง พร้อมความคิดที่ว่า...ผู้หญิงยังทำได้ขนาดนี้ ผมเป็นผู้ชายผมก็ต้องทำได้สิวะ...
“สาม...” นั่งมองรอบๆ เพลินตา เสียงไม่สบอารมณ์หนึ่งก็ดังพร้อมกับร่างของพี่โซฮาน
“ครับ?” อย่าว่าแต่เสียงไม่สบอารมณ์เลย หน้าตาก็สบอารมณ์เหมือนกัน
“มะเดี่ยวละ”
“ไม่รู้ครับ”
“ไม่รู้ได้ไง เป็นแฟนมันก็ต้องรู้ดิ” อ่าว...กูเป็นแฟนพี่ กูไม่ใช่แฝดอินจันทร์เว้ย จะได้ไปรู้ว่าพี่เขาอยู่ไหนหรือทำอะไรอยู่
“พี่เป็นเพื่อนสนิทพี่ยังไม่รู้เลย แฟนที่มาทีหลังแบบผมจะไปรู้ได้ไงอะครับ” แล้วผมก็มีชีวิตของตัวเองนะเว้ย ต้องเรียน ต้องมาซ้อม ไม่ได้มีเวลาไปนั่งเฝ้าคนๆ หนึ่งปะ
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ...น้องจะหาเรื่องเหรอ?” เดี๋ยวๆ ฟังยังไงเป็นหาเรื่องวะพี่
“อ่า...ก็...ผมไม่รู้นี่” ท่าทางหาเรื่องกันขนาดนี้ จะไม่ต่อยกูใช่ไหม บอกเลยตอนนี้กลัววะ
“เออ พูดอะไรก็ดูด้วย นี่รุ่นพี่ไมใช่เพื่อน แล้วกูไม่ได้ใจดีเหมือนไอ้เดี่ยวมัน ใช่ว่าเป็นแฟนมันแล้วมึงจะพูดอะไรแบบไหนกับพวกกูก็ได้ แล้วถ้ากูติดต่อมันได้ กูไม่มาถามมึงหรอก” อ่าว...ผมหาเรื่องพี่เขาเหรอ? ผมว่าผมพูดปกติมากเลยนะเว้ยแล้วก็ไม่ได้ใช้น้ำเสียงแดกดันอะไรเลย
อายุไม่บอกว่าคนๆ นั้นมีวุฒิภาวะที่ดีนี่ของจริงสินะ...
พี่แกมองหน้าเหมือนหาเรื่องแล้วก็เดินจากไป ผมเพิ่งเห็นว่าทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว คงเพราะเมื่อกี้พี่โซฮานค่อนข้างพูดใส่ผมเสียงดัง ท่าทีก็คุกคาม คนอื่นเลยให้ความสนใจ เรียกง่ายๆ ว่าเสือกกันนั่นแหละครับ ส่วนเพื่อนผมมันก็รีบเข้ามาหา เห็นตอนที่พี่โซฮานขึ้นเสียงใส่นั่นแหละ
“มีอะไรวะ” วิ่งถามเป็นนแรก มันนั่งข้างซ้ายส่วนพีชนั่งข้างขวา
“เขามาถามหาพี่มะเดี่ยวอะ แล้วกูไม่รู้ กูก็ตอบว่ากูไม่รู้…” พีชกอดคอผม
“แค่นั้นเองอะนะ แล้วไมพี่มันต้องหัวเสียใส่มึงล่ะ” วิ่งยังยิงคำถาม กูเองก็ยังงงอยู่เลยปะวะ
“กูบอกว่า…พี่เป็นเพื่อนสนิทยังไม่รู้เลย กูเป็นแฟน มาทีหลังจะไปรู้ได้ไง พี่แกก็หัวเสียใส่กูเลยอะ” ตอนนี้พี่โซฮานแกเดินออกจากฟลอไปแล้ว เพื่อนๆ เขาก็ดูจะงงกับอาการนั้นอะ
“อืม...คำพูดมึงก็ปกตินี่หว่า แล้วไมพี่แกต้องอารมณ์เสีย เออ แล้วไมไม่รู้ว่าพี่มะเดี่ยวไปไหน” พีชเป็นฝ่ายถามบ้าง
“กูก็อยู่กับพวกมึงปะ กูไม่ได้ตัวติดกับพี่มะเดี่ยวนะเว้ย พี่เขาก็ต้องทำงาน...เมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลย กูทักไปไม่ตอบ น่าจะหลับอะแหละ แต่กูยังไม่ทันได้บอกพี่โซฮานเขาแบบนั้นเลย เขาก็หัวเสียใส่กูละอะ” เกาหัวแกรกๆ เพื่อนได้แต่ตบบ่าด้วยความเห็นใจ น้องสามช่างน่าสงสารเสียจริงจริ๊ง...กูผิดอะไรวะ?
“พี่โซฮานแม่งอารมณ์ไม่ดีมาจากไหนปะวะ แม่งเลยเอามาลงใส่มึงเนี่ย” กูจะไปรู้ไหมล่ะ ส่ายหัวไป
“นั่นสิ ฉุนเฉียวใส่รุ่นน้องเฉย ปกติพี่มันก็ไม่เป็นงี้นี่หว่า...” อืม พวกมึงอยู่ที่นี่มาก่อนกู มึงยังไม่รู้เลย กูจะไปรู้ได้ไง...
“ช่างแม่งเหอะ” คิดมากไปก็ไม่รู้อยู่ดีว่าพี่แม่งเป็นอะไร
“แล้วมึงไปซ้อมที่ตลาดกับพวกกูปะ”
“ไม่อะ…หมดรม” ไปก็ต้องไปเจอพี่โซฮานอีก เดี๋ยวเหวี่ยงกูกลางฟลอขึ้นมา กูก็ทำไรไม่ได้อีกอะนะ
ตอนนี้ต้องบอกว่าเฟลไปเลยก็ได้ จู่ๆ โดนสาดอารมณ์ใส่ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่มันไม่ดีเลยนะ ผมอยากสวนฉิบหาย แต่ทำไปก็มีแต่ต่อความยาวสาวความยืด อีกอย่าง...มันจะอยู่ที่นี่ไม่สงบสุขอะดิ พี่โซฮานอะมันจะเป็นอย่างที่ผมคิดปะวะ...
ผมคิดว่าพี่มันชอบพี่มะเดี่ยว...
จะว่าผมคิดมากก็ได้นะ แต่จากที่เห็นๆ มา พี่เขาชอบมองพี่มะเดี่ยวด้วยสายตาเจือความสุขอยู่ตลอด แถมยังดูแลกันดี สนิทกันขนาดนั้นอีก บางทีคำว่าสนิททของพี่เขาอาจไม่มีอะไร อาจเป็นแค่เรื่องปกติของพวกเขาก็ได้ ผมมาทีหลัง ผมไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด แล้วก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นแบบนี้กันมานานแค่ไหนแล้ว ทว่าด้วยความรู้สึกจากที่ได้ใกล้ชิดอะนะ ผมว่า..พี่โซฮานแม่งเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อชัดๆ อะ แล้วถ้าไม่ใช่อย่างที่ผมรู้สึกมันจะดีมาก อยากให้แบบ...กูแม่งคิดไปเอง มโนบ้าบอไปเอง เขาก็แค่เพื่อนกันเท่านั้นแหละ ไมมีอะไรร้อกกกกก แบบเนี่ย
….100%….
พี่โซฮานหาเรื่องน้องตอนพี่มะเดี่ยวไม่อยู่งี้ได้ไง นิสัย เดี๋ยวเฮอะๆ
