>>ตอนที่ 28 [100%]<<
เสียงลมพัดผ่านไป...พร้อมกับความเจ็บจี๊ดที่เข้ามาในหัวใจของผมอย่างหนัก เออ รู้แล้วว่าตรงไปตรงมาอะนะ แต่แบบ...หาคำพูดที่ดูดีกว่านี้หน่อยได้ไหมเนี่ย ที่จริงเมื่อกี้ก็คิดไว้ต่างๆ นาๆ ว่าสามจะหาทางบอกสิ่งที่เขารู้สึกกับผมยังไง เพราะผมเชื่อว่าขาไม่มีทางรักผมได้เลยเพียงเพราะเราเพิ่งคบกันหรอกนะ แบบนั้นก็เวอร์ไปอะ
“เฮ้ย...พี่ๆ พี่ฟังผมก่อนนะ...อย่าเพิ่งโกรธ” สามรีบเอามือมาถูแขนผมเบาๆ แต่ผมเลือกจะเบือนหน้าหนี
“เราเพิ่งคบกันวันนี้เอง แล้วผมก็เพิ่งรู้จักพี่ได้ไม่นาน...ผมชอบพี่นะ แต่มันก็ไม่ใช่ว่ารักเลยแบบนั้นอะ พี่คร้าบ...พี่ฟังผมหน่อยสิ” สามเขย่าแขนผมเบาๆ จนผมต้องตีหน้านิ่งหันกลับมามอง
“เจ็บอะ”
“อ่า...ผมขอโทษ ผมก็แค่...ไม่อยากโกหกอะ หรือว่าพี่รักผมแล้ว?” เจ้าตัวถามหน้าซื่อ ผมเลยพยักหน้า
“ใช่สิ...ไม่รักจะอยากได้เป็นแฟนเหรอ” ก็ว่าไปนั่น...รักไหม ก็คงรัก แต่ไม่ใช่รักที่แบบขาดเธอไปฉันตายแน่นะ แต่มันเป็นรักที่พอได้อยู่ด้วยแล้วมีความสุขอะ...ได้มองเขา ได้เห็นเขายิ้มเห็นเขาหัวเราะ โลกทั้งใบมันคงไม่สดใสขึ้นหรอก แต่มันก็ดีต่อใจคนมองอย่างผมจริงๆ นะ
“อ่า...แต่ว่าเราเพิ่งจะคบกัน”
“ความรักไม่ใช่เรื่องของเวลานะสาม มันเป็นเรื่องของความรู้สึก”
“แต่ผม...ผมว่าความรักมันเป็นเรื่องของความผูกพันน่ะ ผมขอโทษน้า ผมอาจมองมันคนละมุมกับพี่” เจ้าตัวยิ้มแหย คงหาคำแก้ตัวอะไรมาใช้ไม่ได้ สามไม่ใช่คนเถียงเก่งอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับการหาคำนั้นคำนี่มาพูดให้ผมรู้สึกว่าเขาแสนวิเศษล่ะ
“ฮ่าๆ...เออหน่า แกล้งเฉยๆ พี่โอเค แล้วมันก็ดีที่เราเป็นแบบนั้น ชอบง่ายก็ดีกว่ารักง่ายๆ มุมแบบที่เราว่า...พี่ว่ามันก็ดี แล้วมันก็แน่นแฟ้นกว่าในมุมของพี่ สำหรับพี่นะ ความผูกพันมันจะเกิดต่อเมื่อเรารักใครสักคนแล้วเราก็ได้อยู่กับเขาทุกๆ วัน แต่สำหรับเรามันคงได้อยู่กับคนที่เราชอบทุกๆ วันจนเกิดความผูกพันแล้วมันก็ต่อยอดเป็นความรัก ถูกไหม” สามตาวาว
“โอ้ว...สุดยอดมาก พี่เก่งนะเนี่ย ผมไม่เคยเจอคนเข้าใจแบบพี่เลย เจอแต่แบบ...เหรอ งั้นสามก็ไปหาคนที่สามรักเอาเองเถอะ เงี้ย...โดนทิ้งเสย” ทำหน้าดีใจยกใหญ่เมื่อเจอคนที่เข้าใจความคิดของตัวเอง
“วัยแบบสามมีคิดอย่างนี้ที่ไหน เราอะมันแก่แดด”
“ไม่ๆ สามไม่แก่แดด…สามไม่ค่อยโดนแดดเลยไม่แก่” ปากดีนัก หมั่นไส้เลยเขกหัวเข้าให้หนึ่งที
“คร่อกๆ…” แม้แต่หมูที่เจ้าตัวเลี้ยงยังหัวเราะชอบใจ เป็นไง...ใครๆ ก็รักสาม อยากเห็นสามโดนแกล้งกันทั้งนั้นอะ
สามเตรียมแกล้งความรักโทษฐานที่หัวเราะเยาะตนเอง แต่ว่ามันถึงที่หมายเสียก่อน ผมเดินลงไปจ่ายค่ารถของสองคน จากนั้นเดินไปจับมือนิ่มๆ ของสามเอาไว้พลางก้าวเท้าเข้าไปที่ฟลอเต้น สามเดินตามต้อยๆ ว่าง่าย คนที่ฟลอเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นคนของทีมผมที่พากันซ้อมหนัก เห็นไหม...ไม่มีผมพวกมันก็ซ้อมเต้นกันได้ ไม่เป็นง่อยเสียหน่อย แล้วไม่ต้องมาว่าผมไม่มีความรับผิดชอบฐานหัวหน้าทีมเลยนะ บางทีพวกมันก็โดดซ้อมสำคัญๆ เพียงเพื่อไปจีบหญิงบ้าง ไปง้อเมียบ้าง แล้วทำไมผมจะทำมั้งไม่ได้ นี่เป็นแค่ไม่กี่ครั้งที่ผมทำเองด้วย
“กี่โมงกี่ยามแล้วเพิ่งมา...” ไอ้เรย์ยืนเท้าเอวมองผมกับสาม คนตัวเล็กข้างกายหวาดกลัวไอ้เรย์แล้วล่ะ ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหน...บ้าจะตายมันอะ
“สองทุ่ม ทำไม...มาช้าก็ไม่มีใครตายนี่”
“อ่าวๆ เป็นหัวหน้าทีมแล้วพูดอะไรก็ได้เหรอวะ ไปเลยไอ้สัตว์...หกสูงจนกว่ากูจะสั่งให้พอ” ไอ้เรย์ยักคิ้วส่งมา
“ทำไมกูต้องทำ เวลามีน้อยก็รีบซ้อมสิควาย” แต่ผมกลับผลักหัวมันแล้วเดินไปที่ม้านั่งยาว
“เอ่อ...ผมไปหาไรกินก่อนนะ หิว” สามทำหน้าอ้อนๆ
“อื้อ หาอะไรมาเผื่อพี่มั้งสิ”
“ครับผม” เจ้าตัวตะแบ๊ะแล้วเอาความรักยัดใส่กระเป๋าเดินลิ่วๆ ไปหาวิ่งกับพีช
สามไปแล้วผมก็วอร์มอัพรอ ถึงจะเต้นช่วงเย็นไปแต่ก็วอร์มสักหน่อยเพื่อความปลอดภัยของกล้ามเนื้อ โซฮานมองมาบ่อยๆ ท่าทางเหมือนมีเรื่องคาใจ หึ...กูเปล่าที่ต้องคาใจจะถามอะ แต่ที่ผมยังไม่ยอมเข้าไปพูดกับมันตอนนี้เพราะอยากรู้ว่ามันจะเข้ามาพูดกับผมเมื่อไหร่ วอร์มอัพจนเหงื่อซึมแล้วแนก็เข้ามาบอกเรื่องแพตเทิลที่เราจะใช้ พร้อมกับบีทที่พี่ฟู คนมิกส์ซาวด์เอามาให้เรา
ผมต้องฟังบีททั้งหมดรอบหนึ่งก่อน เพื่อจะได้จับจังหวะว่าช่วงไหนเราจะเล่นอะไร คิลบีทแบบไหน แล้วใช้สกิวยังไงทำให้เกิดเสียงเฮโลได้ ในวงการบีบอย การแข่งขันเหล่านี้ส่วนสำคัญไม่ใช่แค่ฝีมือของนักเต้นหรอก แต่คนมิกส์ซาวด์นี่คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทีมไหนได้คนเก่งๆ ไปก็เหมือนคว้าชัยไปแล้วสี่สิบเปอร์เซ็น อีกหกสิบเปอร์เซ็นคือลูทีม จะว่ายังไงดี...การเต้นทุกอย่างต้องมีแพตเทิลของมันอะนะ บีบอยไม่ใช่ข้อยกเว้นอะ ยิ่งครีเอต ความคิดเจ๋งและสวยงาม ชัยชนะไม่ไกลเลย
หลังจากฟังเพลงจบ ผมยกนิ้วให้พี่ฟูหนึ่งทีเพื่อยกย่องความสามารถในการทำซาวด์เหล่านี้ จากนั้นเริ่มเข้าสู่แพตเทิลการเต้น เริ่มตั้งแต่บีทแรก...ไปจนบีทสุดท้ายของเพลง ซ้อมก็คือซ้อมอะครับ ครั้งแรกยังไงก็ต้องพลาด เราแค่เริ่มทำใหม่ บางคนรับตำแหน่งโหดๆ พลาดก็เจ็บตัวกันไป แต่ไม่มีสิทธิ์โอดโอยอะไร ที่ทำได้คือลุกขึ้นมาซะ...
สามเดินหัวเราะเข้ามาพร้อมเพื่อนอีกสอง มือป้อนมะม่วงสุกกับความรักสลับกินเองเข้ามาในฟลอ ในมือของเขามีของเต็มไปหมด โดยรวมก็ของกินจุกจิก ไม่ได้มีพวกข้าวที่มันหนักท้อง แล้วก็น้ำขวดใหญ่กับเกลือแร่ ผมยังไม่ว่างเข้าไปนั่งกินด้วย สามเลยต้องกินกับพีชแล้วก็วิ่ง
เขามักมองมาที่ผม...เฝ้าดูผมเต้นท่าทางต่างๆ สายตาชื่นชมของเขาทำให้ผมรู้สึกคึกและมีฟิลในการเต้นมากขึ้น ราวกับโด๊ปเอ็มร้อยไปสักสามสี่ขวด ยืนนิ่งฟังแนเสนอความคิดเห็นผมยังโดดเบาๆ มันอยู่นิ่งไม่ได้ พลังเหลือเฟือมากในตตอนนี้
“แหม...มีส่งสายตา” ไอ้แนผลักหัวผมเบาๆ
“ไรอะ แค่ส่งสายตา ไม่ได้ส่งน้ำกาม” อย่าคิดว่าตบหัวผมแล้วผมจะไม่สวนคืน ผมนี่เตะป๊าบเข้าตูดมันเต็มแรงจนไอ้แนเซเกือบล้ม แบบว่าต่างคนต่างก็แรงเยอะกันทั้งนั้นอะ
“ทำไมมันต้องพกหมูมาตลอดวะ” เรย์พูดขึ้นลอยๆ
“ไว้อ่อยผู้ชายมั้ง...” โซฮานตอบแล้วเดินหนี ทว่าผมไม่ยอม รั้งแขนเล็กๆ ของมันเอาไว้ไม่ให้มันไปไหน โซฮานหันมามองคิ้วขมวด
“พูดเชี่ยไรให้เกียรติน้องมันบ้าง มึงก็รู้ว่าน้องมันไม่มีคนเลี้ยงความรัก” จะว่าผมปกป้องสามก็ได้ ทำไมอะ..แฟนผมปะ
“แตะต้องไม่ได้เลยน้า...” โซฮานปัดมือผมออก
“เออ แล้วมึงกับกูมีเรื่องต้องคุยกัน” มันมองหน้าผมไม่พอใจ คนที่ต้องเคืองคือคนฝั่งนี้ปะวะ
“เรื่องไร…เรื่องที่กูเคยพูดเหรอ หึ…กูก็แค่สันนิฐานไปเรื่อย ทำไม เชื่อมันมากกว่าเพื่อนอย่างกูงั้นสิ” รอบด้านเรามีแต่คนซ้อมเต้นไม่ได้สนใจตรงนี้ ทว่าระหว่าผมกับโซฮานเกิดบรรยากาศมาคุขึ้น ไม่ใช่ผมไม่เชื่อมันหรือเชื่อสามมากกว่ามัน เพียงแต่ผมไม่เห็นประโยชน์ที่สามจะมาโกหกผม แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าที่โซฮานมันพูดกับสามแบบนั้นน่ะมันเพื่ออะไร
“เฮ้ยๆ...อย่ามาทะเลาะกันเว้ย ทีมเดียวกันแตกกันได้ไง” เรย์รีบปราม
“กูไม่ได้จะทะเลาะ กูแค่มีเรื่องจะถาม”
“แต่หน้ามึงสองคนอย่างกับจะต่อยกัน ไปๆ ซ้อมต่อเลยสัตว์...หรือมึงจะไปกินข้าวกับแฟนมึงก่อนก็ไป” ไอ้เรย์ผลักผมให้ห่างจากโซฮาน ซึ่งผมก็ไม่ดื้อดึงที่จะอยู่ต่อ ไปกินข้าวกับสามก็ได้…แต่ว่า นั่นมันเรียกข้าวได้เหรอ
ผมเดินเข้าไปนั่ง พีชกับวิ่งมองแบบล้อเลียนก่อนจะขอตัวไปซ้อมเต้นต่อ พวกมันก็มีทีมเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยปล่อยสามเอาไว้ให้โดดเดี่ยว ผมชอบตรงนี้นะ ไม่งั้นสามอาจจะได้เต้นกับความรักจริงๆ
“มีอะไรมากินบ้างเนี่ย”
“ลูกชิ้นปลา…ผมคิดออกแค่นี้ ไม่รู้พี่กินอะไรได้บ้าง” สามส่งถุงลูกชิ้นปลาถุงโตมาให้ ผมรับมากิน
“จริงๆ พวกข้าวไข่เจียวในตลาดก็โอเคนะ ไม่แพงด้วย” ในถุงลูกชิ้นมีผัก ผมเอาผักเหล่านี้ให้ความรักกินซึ่งมันก็กินอย่างกับหิวโหย นี่..กินยังไม่หยุดปากเลยไอ้หมู
“คิวยาวอ่า ผมขี้เกียจรอ” ผลักหัวคนขี้เกียจหนึ่งที
“ขี้เกียจแล้วต้องมากินอะไรที่ไม่อิ่มท้องแบบนี้เนี่ยนะ”
“ผมกินข้าวเหนียวหมูปิ้งไปแล้วอะ...แฮ่ๆ อย่าโกรธน้า มันซื้อง่าย” สามรีบเอาหัวซบไหล่ผมทันที
“เดี๋ยวโดนๆ…”
“ไรอ่า ไม่ได้บังคับให้พี่กินด้วยนี่นา ผมแค่กินของผมเอง”
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร”
“ไม่ว่าเลยคร้าบ แค่ขู่กันเท่านั้นเอ๊งงงง” ผมก็ขู่ไปงั้นแหละ จะทำอะไรได้นอกจากหาเรื่องแกล้งกันไปเรื่อยเปื่อย แต่ผมไม่กล้าแกล้งแรงๆ หรอกนะ กลัวมันจะทนไม่ไหว เลิกกับผมไปเสียก่อน นานๆ จะมีคนที่ถูกใจโพล่มาสักคนหนึ่งอะเนาะ
“เออพี่ เมื่อกี้เห็นพี่กับพี่โซฮานเหมือนจะทะเลาะกันเลยอะ มีอะไรหรือเปล่า” เอ...มีอะไรหรือเปล่า ควรบอกไหมล่ะ
“ไม่มีไรหรอก ทะเลาะกันเรื่องซ้อมนิดหน่อย ความเห็นไม่ตรงกัน” ไม่บอกดีกว่า อย่างน้อยๆ มันก็จะได้ไม่เกลียดขี้หน้าเพื่อนของผม อีกอย่าง ยังไม่รู้เลยว่าโซฮานทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
“เหรอ ดูพวกพี่ซ้อมกันจริงจังมากเลยเนอะ ท่าทางจะเหนื่อยกันน่าดู ผมซ้อมนิดๆ หน่อยๆ ยังเหนื่อยเลยอ่า” ปกติไม่ใช่คนพูดมากแบบนี้นี่ หรือว่านี่คือปกติของสาม แต่ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยได้สัมผัสส่วนนี้กันนะ
“เหนื่อยดิ เลยอยากได้คนดูแล”
“เดี๋ยวผมดูแลเอง...” เขาตอบกลับมาพลางยิ้มกว้าง
“ถ้าผมไม่ติดล่าเกรียนนะ ฮ่าๆ” กวนตีน!
“เป็นว่าที่คุณครูยังไง ทำไมติดเกม” สามโครงหัวเบาๆ
“คุณครูเป็นคนชอบเล่นเกมไม่ได้เหรอครับ ผมว่ามันสนุกนา...เรียนมาเครียดๆ ได้ระบายกับเกมบ้างมันก็ช่วยเติมพลังให้เรานะพี่ แล้วพี่ล่ะ…ไม่เคยติดเกมเหรอ ผู้ชายส่วนใหญ่ติดเกมทั้งนั้นแหละ” สามนั่งแกะน้ำขวดส่งมาให้เพราะเห็นว่ายัดลูกชิ้นหมดแล้ว พอผมรับน้ำเปล่ามาเขาก็เปิดเกลือแร่ให้อีก
“นี่อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเหมือนตัวเองสิคร้าบ...พี่ไม่ได้ติดเกมแบบสามแน่นอน” ผมจิบน้ำไปแค่นิดเดียว แล้วรับเกลือแร่มาดื่มไปครึ่งขวด สามรับเอาที่ผมดื่มเสร็จแล้วไปปิดฝา เก็บใส่ถุงให้เรียบร้อย
“ง่ะ ลงเต้นหมดเหรอพี่” พยักหน้ารับ
“ใช่ ว่างก็เต้น ไม่ว่างก็ช่วงทำงาน”
“แหงล่ะ ทำงานน่ะมันก็ต้องเรียกว่าไม่ว่างสิ ไปซ้อมเต้นต่อได้แล้วครับ เพื่อนๆ พี่รอพี่มาตั้งนานแล้ว...สู้ๆ” สามจับเท้าหน้าความรักขึ้นมาโบกๆ ตัวความรักเอี้ยวไปเอี้ยวมาดูแล้วน่ารักดี
“อื้ม เบื่อก็บอกนะ”
“ครับ” ยีหัวคนตัวเล็กนิดหน่อยแล้วเดินเข้าฟลอซ้อมเต้นต่อ
การซ้อมเต้นในแต่ละรอบจะเริ่มดุเดือดขึ้น ต้องเต็มที่ให้มากเพื่อผลงานที่ดี แล้วทุกคนก็ตั้งใจกันมาก ผมในฐานะหัวหน้าทีมค่อยข้างภูมิใจกับผลลัพธ์ในวันนี้พอสมควร อาจเพราะผมมีกำลังใจที่ชื่อสามมานั่งดูด้วยก็ได้ แต่ว่า...เราทำกันได้ดีนะ
ทุกคนก็เหมือนจะรู้ว่าเราทำกันได้ดี ความดุเดือดเข้มข้นของการซ้อมเลยเริ่มลดลง มันไปหนักเอาที่การแกล้งกันอะดิ ซ้อมกันไป แหย่กันไป บางคนหนักถึงขั้นถีบกันล้ม ผมฮามาก ส่วนสามนั่งเหวอเพราะเขาไม่คุ้นเคยกับอะไรอย่างนี้ ประมาณสี่ทุ่มก็ซ้อมที่นี่ไม่ได้แล้ว ดังนั้นเราจึงต้องย้ายไปซ้อมที่ตรอกข้าวสารต่อ
“สามมึงไปกับพี่เขาใช่ปะ” วิ่งมันถามเพื่อนตัวเอง ส่วนสามกำลังพยายามจะเอาความรักเข้ากระเป๋าเบาๆ เพราะความรักมันสลึมสลือจะหลับแล้ว สัปหงกเชียว
“อืม มึงไปปะ”
“ไปดิ วันหยุดทั้งที...” แล้วมันก็ทำหน้าดี้ด้า เต้นส่ายสะโพกเลียนแบบโคโยตี้ใส่สาม ซึ่งไอ้เด็กหน้าหมูนี่ก็หัวเราะไปกับเขา
“สนใจดื่มกับพวกพี่ไหมจ้ะ...” ไอ้เรย์โพล่เข้ามากลางวง
“สนครับ” พีชตอบไวมาก ผมจ้องหน้าสาม ซึ่งเจ้าตัวก็มองตอบยิ้มๆ หมายความว่าไง...รอยยิ้มอ่อนๆ แบบนั้นคือจะดื่มกับเขา หรือไม่ต้องห่วง ผมไม่ดื่มอะไรแบบนี้
“สามล่ะ สนปะ”
“แฮ่มๆ...” ส่งเสียงกระแอมไอเล็กน้อยเพื่อนเตือนกลายๆ
“อะไร ตีนคาคอเหรอเพื่อนเดี่ยว” ไอ้นี่ก็หยาบคายตลอด
“เปล่า”
“อ่อ...ไม่อยากให้น้องมันดื่ม แหม่ มึงไม่ต้องห่วงหรอก น้องมันก็ดื่มข้างๆ มึงไง พอมันเมานะ...มึงก็....” เรย์กระซิบกระซาบทำหน้าหื่นหืดหาดใส่หูผม เสียงลมหายใจแม่งจั๊กจี้มาก แต่ที่ผมขำอะเพราะหน้าสามมากกว่า เหลอหลาไปไม่ถูกแล้วนั่น....
....100%....
เรากลัวทุกคนเบื่อจังเลยยยย เลยไม่ถนัดแนวนี่เลยไม่มีความมั่นใจมากนัก แต่เราก็อยากเล่าให้เห็นถึงบรรยากาศของฟลอเต้นให้มากที่สุดแล้วก็ความรักแบบสบายๆ ของทั้งคู่ด้วย ^^
ช่วงนี้เรามาช้า เราว่าเรานะอัปบ่อยๆ แต่ก็หลับเพราะไม่สบาย อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย พายุเข้าด้วย ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ