>>ตอนที่ 32 [100%]<<
ตีสองเราทุกคนต่างเริ่มแยกย้าย...แต่กว่าจะมาถึงเวลานี้ได้ ผมแทบจะท่องตารางธาตุกล่อมตัวเองเลยอะ ฮ่าๆ ผมรู้ว่าพี่โซฮานกันพี่มะเดี่ยวเป็นเพื่อนสนิทกันและตัวติดกันแบบนี้มานานแล้ว ผมไม่ควรคิดมาก แต่เพราะสถานะที่เปลี่ยนไปหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ ผมถึงได้มองแล้วตงิดๆ จี๊ดๆ ในความรู้สึก อ๋อ แล้วไม่ต้องห่วงว่าสามหึงแล้วสามจะยกเบียร์ซดอึ้กๆ
ผมแยกระหว่างอารมณ์กับเหตุผลออกจากกันได้ครับ...^^
อย่าลืมว่าผมไม่เคยเมามาก่อน ผมไม่รู้ว่าพอเมาแล้วจะเป็นยังไง พี่มะเดี่ยวอยู่ ไม่ได้หมายความว่าเราจะเอาตัวเองไปเป็นภาระให้พี่เขาได้ แค่เขาต้องซ้อมเต้นหนักแบบนี้ก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว อีกทั้งความรักที่หลับอยู่ในกระเป๋านักเรียน ผมรักมันเหมือนลูก นั่นคือผมต้องทำตัวเป็นป๊าที่ดี ไม่เมาเป็นหมาทิ้งมันให้เดือดร้อนคนอื่น
พ่อผมบอกไว้ตอนที่ผมขอให้พ่อซื้อความรักให้ การที่เราจะรับเลี้ยงชีวิตใครสักชีวิต เราต้องมีความรับผิดชอบต่อมันมากพอ จะมาเลี้ยงทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ได้เด็ดขาด ด้วยความที่บ้านเราเป็นฟาร์มสุนัขด้วย หลายคนซื้อไปเพราะตอนเด็กมันน่ารัก แล้วก็ทอดทิ้งมันเมื่อมันโตหมดความน่ารักไป พ่อไม่อยากให้ผมเป็นแบบนั้นและผมก็จะไม่เป็นแบบนั้น ที่ผ่านมา หลังจากได้ความรักมาครอบครอง ผมก็ดูแลมันอย่างดี ไม่ให้มันเป็นภาระคนอื่น เพราะนี่คือสัตว์เลี้ยงของผม...ผมต้องดูแลมันเอง ต้องรับผิดชอบมันทุกๆ อย่าง ทั้งความปลอดภัยทางกาย และความสงบสุขทางใจของมัน
ฮิ้วววววว สามดูหล่อขึ้นไหมอะ!
“ไม่ไปต่อจริงอ่อวะ” พี่โซฮานถามพี่มะเดี่ยวที่กำลังดื่มน้ำและเช็ดหน้าไปพร้อมกัน ผมเก็บของส่วนอื่นๆ อย่างเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของพี่เขา คือพี่มะเดี่ยวเอาเสื้อมาเปลี่ยนด้วยน่ะ
“ไม่อะ”
“สามล่ะ ไปด้วยกันไหม” มาถามผมแบบนี้ผมต้องตอบว่าอะไร ผมไม่อยากเอาความรักไปทรมานแล้ว อีกอย่าง...เบียร์กับความง่วงมาปะทะกัน มันชวนนอนจริงๆ นะฮะ
“ไม่ไป สามกลับกับกูเนี่ย น้องมันง่วงแล้วอีกอย่าง...มึงจะเอาเด็กกับหมูเข้าผับเนี่ยนะ” อ่อ ไปผับบาร์กันนี่เอง ดีแล้ว...ผมไม่อยากไป ความรักควรกลับไปนอนบ้านอะ
“เซ็ง มึงละไอ้วิ่งไอ้พีช”
“ไปดิ ผมไป...สู้ตายอยู่แล้ว” ชู้สองนิ้วด้วยนะ แหม สู้ตายจริงๆ ด้วยแหละไอ้วิ่ง
ก็ตามนั้น ส่วนใหญ่ไหลไปกับพวกรุ่นพี่กันหมด ยกเว้นผมกับพี่มะเดี่ยวที่เลือกจะกลับห้อง เก็บของเสร็จพี่เขาก็สะพายกระเป๋า คว้ามือผมไปกุมแล้วเดินตามหลังกลุ่มเพื่อนๆ ไป เดี๋ยวพวกเขาจะส่งเราขึ้นรถ ส่วนเรื่องเงินค่ารถเราได้จากที่เปิดหมวก พี่มะเดี่ยวได้มาสามพันเหนาะๆ เห็นว่าคนในทีมได้เท่ากันหมดมั้ง ถือว่าได้ทั้งซ้อมเต้นทีม ได้เต้นกับเพื่อน แล้วก็ได้เงินด้วย ดูมันได้เงินง่ายนะ...แต่กว่าจะเต้นเก่งจนสามารถโชว์ได้ขนาดนี้ก็ต้องทุ่มเททั้งเวลา แรงกายและแรงใจไมใช่เล่นเลยอะ
พี่มะเดี่ยวโบกรถแท็กซี่ เวลานี้ไม่มีรถเมล์สายไหนสามารถกลับถึงห้องของเราได้แล้ว ผมเข้ามาก่อน นั่งติดหน้าต่างอีกฝั่ง พี่มะเดี่ยวลาเพื่อนๆ เสร็จถึงตามขึ้นมานั่งข้างกัน กระเป๋าใบโตที่ใส่ทั้งรองเท้า เสื้อและขวดน้ำดื่มถูกนำมาวางไว้ที่พื้น พี่เขาบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับก่อนจะเอนหลังมองหน้าผม
“เบื่อปะ...”
“ไม่ครับ สนุกดี ว่าแต่พี่อะ...ไม่อยากไปต่อกับเขาเหรอครับ” คือถ้าผมกลับเองได้ ผมก็ไม่อยากให้พี่เขากลับด้วยหรอก ไม่อยากเป็นคนที่ทำให้พี่เขาห่างเพื่อนๆ หรือสังคมที่เขาอยู่อะ คนเราเป็นแฟนกันมันต้องเคารพในโลกส่วนตัวของอีกฝ่ายด้วย
“ไม่นะ มันก็เที่ยวผับ...ดื่มกิน เต๊าะผู้หญิง พี่ทำบ่อย เบื่อแล้ว” พี่แกดูสบายๆ กับเรื่องนี้มาก
“ไม่ได้เป็นเพราะผมใช่ไหม” ถามย้ำอีกครั้ง พี่มะเดี่ยวหันมาพร้อมกับรั้งคอผมให้นอนหนุนตัก
“ด้วย...พี่อยากกลับบ้านกับเรา ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ทิ้งเพื่อนมาหรอกหน่า คิดมาก พี่เบื่ออะไรแบบนั้นจริงๆ อีกอย่าง...สามลืมปะว่าพี่มีงาน” ไม่ได้ลืมเว้ย แต่ก็ไม่รู้ไงว่างานพี่เขาเสร็จหรือยังไม่เสร็จ
“จะรู้เหรอ ทำงานอะไรบ้างผมไปรู้ด้วยที่ไหน”
“งั้นพี่จะบอกแล้วกัน ตอนนี้พี่ต้องวาดสี่ปกและภาพประกอบอีกยี่สิบภาพ ส่งภายในเดือนนี้” เอิ่ม...งานเยอะไปปะครับ
“แล้วพี่มาเถลไถลแบบนี้ได้ไงอะ ไม่รีบล่ะครับ” มองหน้าพี่เขาด้วยความสงสัย ความรักนอนอยู่บนอก และหลับสบายกว่าเดิมมาก แหงสิ แอร์ฉ่ำขนาดนี้นี่
“ก็ต้องทำท่าทีมให้เข้าที่ก่อนถึงจะปล่อยให้พวกมันซ้อมกันเอง อีกอย่าง...พี่เพิ่งส่งงานไปสามงาน จะขอพักหน่อยไม่ได้เลยเหรอครับ” พี่มะเดี่ยวโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ผมส่ายหน้าเบาๆ
“ได้สิครับ ผมแค่กลัวว่าจะทำให้พี่ไม่ได้ไปสนุกกับเพื่อนๆ”
“พี่สนุกกับพวกมันมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”
“โอเค...” ทำมือประกอบให้พร้อม พี่เขายีหัวผมเบาๆ
ผมหลับตาลงเมื่อสบายใจแล้วว่าตัวเองไม่ทำให้พี่มะเดี่ยวทอดทิ้งเพื่อน ก็อาจมีส่วนแต่พี่เขาไม่เดือดร้อนผมก็เบาใจ นี่เกือบตีสามแล้ว ปกติผมอาจจะยังไม่ง่วงเท่าไหร่ ทว่าไอ้เบียร์บ้านั่นเล่นผมปรือตาต่อไม่ไหว พี่เขาก็ดันลูบแก้มผมเล่นอีก อืมดี...เพลินดี
มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พี่มะเดี่ยวกำลังจะอุ้มผมลงจากรถ มีสติรับรู้ แต่ง่วงมากก็เลยให้พี่เขาพามาที่ห้อง เอิ่ม...ไม่ใช่ห้องตัวเองมั้ง กลิ่นไม่คุ้นเท่าไหร่ ผมพลิกตัวนิดหน่อย เหมือนจะทับความรัก มันดิ้นเบาๆ เพื่อกระเสือกกระสนออกจากตัวของผม ออกได้ก็นอนแม่งตรงหน้าผมเนี่ย หายใจทีก็รดพุงมันที อย่างน้อยๆ นี่ก็เป็นความคุ้นชินที่ทำให้ผมสามารถหลับต่อได้อย่างง่ายดาย
ขอโทษนะพี่...ถ้าผมจะนอนกินที่พี่ไปหน่อย เวลานี้ไม่ขอตื่นแล้วล่ะ นอนต่อมันทั้งแบบนี้เลย ถือว่าช่วงเย็นผมอาบน้ำแล้ว เพราะงั้นผมไม่สกปรกนา ผมสะอาดพอๆ กับความรัก แถมกลิ่นตัวยังหอมกรุ่นด้วยเหงื่อและฝุ่น
แสงไฟจากด้านนอกสว่างวาบขึ้นมา ผมหลับตาปี๋ไปหน่อยเพราะแสบนิดๆ แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตามองออยู่ดี แสงเข้ามาแบบนี้ได้แสดงว่าพี่เขาไม่ได้ปิดประตู เสียงกุกกักดังขึ้นเบาๆ คนด้านนอกน่าจะทำธุระส่วนตัวอยู่ ผมก็นอนฟังมันไปเรื่อยๆ ทั้งเข้ามาเปิดตู้ ปิดตู้และเสียงน้ำแว่วๆ...
“สาม...สามตื่นได้แล้ว” อารายอ่า…ผมเพิ่งนอนเอง แก้มสัมผัสเข้ากับความเย็นที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นมือ หรี่ตามองนิดหน่อยก็เห็นหน้าพี่มะเดี่ยวอยู่ใกล้มาก ตกใจไปสิครับ ผมสะดุ้งลืมตาโพลงแถมกระถดตัวถอยหลังไปหน่อย
“เอ่อ...กี่โมงแล้วครับ” ถามเบาๆ ก่อนจะหาววอด
“เจ็ดโมง แต่พี่บอยโทรมาแหนะ...” พี่มะเดี่ยวยกมือถือที่มีเบอร์น้าบอยเด่นหรา
“อ่า...ขอบคุณครับพี่” ผมรีบเอามากดรับสาย
“ครับน้า...ตื่นแล้วๆ เดี๋ยวผมไป ครับๆ” ฮื่อ...วันหยุดของเดอะสามก็ยังมีงานรอเราอยู่สินะ
“ไปช่วยงานที่ร้านใช่ไหม” พยักหน้า ผมค่อยๆ ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
“ไม่ไปทำไม่ได้ แม่จะหักค่าขนม” นึกแล้วเศร้าใจ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยทำไมต้องหักค่าขนมผมล่า...
“ฮ่าๆ งั้นสามไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่เขาเอื้อมมือมาจัดหัวที่ยุ่งเหยิงของผมเบาๆ
“ครับ งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ” พี่มะเดี่ยวพยักหน้า
ผมลุกขึ้น คว้าความรักและกระเป๋าตัวเองออกมาจากห้องของพี่มะเดี่ยว จากนั้นก็รีบอาบน้ำให้ตัวเองและความรักด้วยความไว ที่น้าโทรมาตามเพราะว่าผมไปร้านสายแล้วน่ะสิครับ ปกติร้านบีพีคอฟฟี่จะเปิดเช้ามากเพื่อให้นักศึกษาที่มีงานแต่เช้าตรู่มานั่งจิบกาแฟ
พี่มะเดี่ยวทำอะไรเสร็จก่อน เขายืนรออยู่หน้าห้องได้สักพักแล้ว เราเดินลงไปข้างล่างพร้อมกับคุยไปด้วยว่าเช้านี้จะกินอะไรดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โต้เถียงกันยาวนาน ผมอยากกินข้าวเหนียวหมูปิ้งเรพาะมันกินง่ายแล้วก็สะดวก แต่พี่มะเดี่ยวไม่โอเค เถียงไปพักใหญ่มันก็จบที่ข้าวผัดไก่...เอาเถอะเพื่อความสบายใจของพี่เขาละนะ
ระหว่างผมกับพี่มะเดี่ยว คบกันแล้วก็ไม่ได้หวือหวาอะไร เขาไม่อ่อยหนักเหมือนตอนแรกและไม่ได้กวนตีนหนักแบบนั้น ออกจะเทคแคร์ผมเสียมากกว่า แล้วผมเองก็พยายามจะเทคแคร์เขากลับ เขาน่ะน่าเป็นห่วงและน่าจะมีคนดูแลมากกว่าผม คนทำงานนี่ครับ มันต้องหนักหนาสาหัสกว่าพวกนักศึกษาอย่างผมอยู่แล้ว
แต่ว่า...เวลาอยู่กับเขามันสบายใจจังเลยครับ
ผมไม่เคยสร้างตัวตนอีกตัวตนเวลาที่คบใคร ก็เป็นตัวของตัวเองมาตลอดนั่นแหละ พี่เขาไม่ได้พิเศษกว่าใครๆ ที่ผ่านมา ภายนอกหรือแม้แต่เวลาดูแลกันและกันมันก็คล้ายๆ ที่ผมเคยคบนั่นแหละ แต่ในด้านความรู้สึกอะ...พี่มะเดี่ยวเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด ลึกๆ มันมีความสุขอย่างแปลกประหลาด อาจเพราะเขามักมีมุกมาหยอดหรือว่ารอยยิ้มที่น่ารักและทะเล้นอยู่ในที
ก็พยายามหาเหตุผลว่าทำไมพี่เขาถึงทำให้ผมรู้สึกแตกต่างจากคนอื่นที่เคยคบมา แต่ผมยังหาไม่เจอ ความรู้สึกในตอนนี้เลยเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยากมาก แต่ถ้าเปรียบ...มันก็คงเหมือนเราได้อยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว
หรือไม่...นี่มันก็แค่ความรู้สึกของคนที่หลงกันนั่นแหละครับ
“มากันทั้งคู่เลย…” น้าบอยอยู่รออยู่หน้าโต๊ะข้างๆ เคาน์เตอร์ ซึ่งมุมนี้เป็นมุมที่พนักงานชอบนั่งพัก มันไม่ค่อยมีคนเข้ามาตรงนี้เท่าไหร่
“พี่เอาความรักไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า” น้าภูมเข้ามาเอาความรักจากมือของผมไป
ผมและพี่มะเดี่ยวนั่งลงที่โต๊ะ น้าบอยไม่ได้บอก แต่สายตาค่อนข้างกดดันให้ผมทำแบบนั้น พี่มะเดี่ยวเองก็น่าจะได้รับความกดดันจากน้าผมเหมือนกัน เขาสนิทกันนี่ ต้องรู้ทันซึ่งกันและกันไม่ใช่น้อยแหละ
“เคลียร์กันโอเคแล้วว่างั้น ถึงมาพร้อมกันแบบนี้” อย่าดุสิคร้าบ สามรู้สึกไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรเลย
“ครับ เคลียร์กันแล้ว...มันแค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะน้า” นี่กำลังทำข้อสอบระดับโลกอยู่หรือไงวะกู ทำไมมันตื่นเต้นขนาดนี้
“ผิดใจกันเพราะโซฮาน แล้วไอ้โซมันพูดหรือยังว่าทำไปทำไม”
“พี่เขามาขอโทษผมแล้ว เขาแค่แกล้งผมเฉยๆ...” ว่าแล้วหันไปมองพี่มะเดี่ยว เจ้านั้นก็นั่งนิ่งเหมือนกูเลย ไม่ใช่ข้อสอบแล้วล่ะ...นี่มันสอบสวนคดีฆาตกรรมยกครัวชัดๆ
“จริงเหรอ” น้าบอยหันไปทางพี่มะเดี่ยว
“จริงครับ ผมไปคุยกับมันมาแล้ว...”
“ถ้าแค่นั้นก็ดีไป แล้วสรุปยังไง...เรื่องความสัมพันธ์” มาถึงก็โดนดอกสำคัญเลยวะ
“ก็คบกันแล้วครับ” อยากกรี๊ดแตกเหมือนสาวน้อยในดงดอกไม้ ไม่คิดไม่ฝันมาว่าต้องมาประกาศให้คนในครอบครัวรู้ว่ากำลังคบกับใคร ผมไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อน คบกันก็คบเงียบๆ มาตลอดเลย คงเพราะพี่มะเดี่ยวกับน้าเองก็สนิทกันละมั้งครับ ไม่บอกมันก็ดูไม่เกียรติผู้ใหญ่งี้ปะ
หลังจากพี่มะเดี่ยวบอกไปแบบนั้น ร่างทั้งร่างของผมก็เหมือนโดนสตั้นไป มันเป็นความกดดันอะครับ ไม่รู้ว่าน้าจะว่ายังไงกับเรื่องนี้ คงไม่แอนตี้หรอกเพราะน้าก็เป็น แล้วถึงผมไม่เคยประกาศคนที่บ้านว่าเคยคบใครๆ แต่ไม่ใช่คนในครอบครัวจะไม่รู้กันเสียหน่อย
“สามไปทำงานเถอะ น้าขอคุยกับเดี่ยวมันหน่อย” อ่าว ผมกังวลตั้งนาน สุดท้ายน้าไล่ผมเฉย ผมหันไปมองพี่มะเดี่ยว..จะซีดก็ไม่ซีด แต่เหงื่อตกหน่อยๆ นะพี่ แอร์เพิ่มไหม จะได้หายร้อน ฮ่าๆ
ภาวนาให้พี่แกรอดก็แล้วกันเนอะ...
ผมไปทำงานของตัวเอง น้าภูมเป็นคนคุมเคาน์เตอร์อยู่คนเดียวเพราะน้าบอยยังคุยกับพี่มะเดี่ยวไม่เสร็จ สามล่ะอยากจะเฉี่ยวไปใกล้ๆ จัง..แอบฟังน่ะ ก็อยากรู้เป็นธรรมดาปะล่ะ ว่าเขาคุยอะไรกัน ยังไงมันก็ต้องเป็นเรื่องของผมแน่นอนอยู่แล้ว ผมจะอยากรู้เรื่องตัวเองนี่ไม่เรียกว่าเสือกเนอะ...
แต่ให้ตาย ไม่มีจังหวะเข้าไปใกล้เลยแหะ จะเสนอหน้าโง่ๆ ของตัวเองไปฟังโต้งๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องอะ ลูกค้าไม่มีแท้ๆ ไม่น่าไล่ผมเลย…ผมอยากรู้นะเว้ยเนี่ย เดินเข้าไปนั่งหน้าเคาน์เตอร์เพราะลูกค้าไม่ค่อยมี ความรักมันนอนหายใจแฮ่กๆ มองผมตาแป๋ว...
“เขาคุยอะไรกันอะน้าภูม” เล่นหัวความรัก แต่ปากก็หาทางถาม
“เดาสิ” น้าภูมเท้าเครื่องมองผมยิ้มๆ
“โหย ให้สามเดายังไงอะ มันต้องเป็นเรื่องของสามแน่ๆ สามจะคลานเข้าไปสืบ น้าภูมอย่าเอ็ดไปนะ...” เสร็จก็ทำหน้าเหมือนตัวเองเป็นทหารที่กำลังจะเข้าไปเป็นสไปย์ในค่ายข้าศึก
“ฮ่าๆ ไอเอ๋อ...ร้านโล่งขนาดนี้ น้าไม่บอกเขาก็เห็นเหอะ” ผมก็รู้เหอะ พูดเล่นไปงั้นแหละ ใครจะไปทำ หน้าไม่ด้านพอหรอกบอกตามตรง
“น้าก็...” เบะปากร้องไห้ เรียกร้องความสนใจอาจเป็นทางที่ดี ที่นี้พอเขาหันมาสนใจเราก็บอกเราอยากรู้มากว่าพวกเขาคุยอะไรกันจนเกิดเป็นความเครียด ปวดหัวหนักเพราะเอาแต่ครุ่นคิดไม่หายเสียที และ...แล้วผมก็ช่างน่าเศร้าเพราะผมปวดหัวจนทนไม่ได้ต้องร้องไห้ออกมา...คิดว่าเขาจะเชื่อปะ?
“คิดไงไปคบกับเขา” อ่าว น้าภูมดับดราม่าผมเฉยเลย แต่ในเมื่อถาม ผมก็จะหาคำตอบให้...อืม...ทำไมผมถึงคบกับเขาล่ะ
“เขาก็น่ารักดีนะน้า อาจไม่สุขุมเพราะเป็นคนล้นๆ...บ้าๆ บวมๆ แต่ก็ไม่เลวร้ายนี่ครับ...” ลึกลงไปหน่อยคืออ่อยผมจนผมเผลอชอบอะนะ แล้วนั่นน้าบอยยิ้มอะไร
….100%….
ผิดหวังหันไหมหว่าที่น้องสามเก็บอารมณ์เก่ง ฮ่าๆ ยังหรอก...ยังไม่ถึงเวลาสามเหวี่ยงนะ ^^