Xianxia: เทพยุทธหมีดำในตำนาน: #43 ถ้ำของเจ้าข้าจะรับเอาไว้ วะฮ่าๆๆ (5/11)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Xianxia: เทพยุทธหมีดำในตำนาน: #43 ถ้ำของเจ้าข้าจะรับเอาไว้ วะฮ่าๆๆ (5/11)  (อ่าน 32362 ครั้ง)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
วางแผนกันง่ายๆงี้เลยนะ

ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พึ่งเข้ามาอ่านสนุกดีคะ กำลังเบื่อแนวปกจิอยู่พอดี มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ยักเขียนคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แผ่นดินไหว เมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว
มีความรู้สึกว่าเกี่ยวข้องกับหยู
แต่หยูอายุยี่สิบเจ็ด
หรือหยูมาในรูปไข่มังกร ใช้เวลาฟักตัวแปดปี  o22 o22 o22
เหมือนโอ๋ ก็คิดว่าเกี่ยวกับหยูนะ

มู่ เข้าใจสรุปการแบ่งเหมืองอย่างชาญฉลาด
ไม่ทำให้โอ๋ ผิดสังเกต
และไม่ดูเข้าข้างพรรควารีพิสุทธิ์
ก็แบ่งให้แล้วตั้งสามเชียวนะ ไปรักษากันเอาเองนะ   :hao3:
แต่โอ๋ ยอดมากถือโอกาสกำจัดสายลับซะเลย

แล้ว อ.เวิ่นก็ถูกใจขายหนังสือได้เพราะหยู
แล้วก็วางแผนโกงต่อ สมกับที่บำเพ็ญพรตมาอย่างบริสุทธิ์ใจ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ในคืนที่ฟ้าไร้แสงจันทร์
เบื้องล่างก็ห้ำหั่นอย่างกราดเกรี้ยวทว่าเงียบงัน

เป็นเซลส์แมนได้ท่องยุทธจักรเหนือใต้ออกตกนะหยู ได้พบเจอผู้มากมาย
ลองคิดใหม่ไหม?

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 puiiz:  5555  ตกใจอะไรครับ

wnkth: แบบนี้แหละ  ท่านนักพรตเวิ่นหน้าหนายิ่งกว่ากระเบื้องตราช้าง

xหยกน้อยx: ยินดีต้อนรับครับ  หวังว่าบทต่อ ๆ ไปคงทำให้สหายเต๋าหยกน้อยสนุกเหมือนเดิม

♥►MAGNOLIA◄♥:  โอ้  ไข่มังกร  #จดพล็อตๆ
มู่ก็แบบนี้แหละฮะ  เนียนตลอด
วารีพิสุทธิ์จะรักษาเหมืองได้หรือไม่  ต้องดูกันต่อไปและต่อไปและต่อไป 

alternative:  ยากมาก ๆ เลยครับที่จะเขียนถึงความโหดเหี้ยมและชั่วร้ายของผู้คน  ในเมื่อนักเขียนเองออกจะบริสุทธิ์ไร้เดียงสา  harmless to animal and human ขนาดเน้





++++++++++


เมื่อกลับจากลานภูเขาหยก  ซีคงหยูเดินกลับมายังที่นอนฟางของตน  เสี่ยวหมีซึ่งนอนหลับสนิทด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการล่าอสูรผีเสื้อมายากรนเสียงดังครืดคราดผ่านจมูกที่มันพาดอยู่กับต้นขาของหลิวเกาที่นอนนิทราหงายอ้าซ่าเช่นกัน

ซีคงหยูปีนขึ้นเตียงฟางของตนเอง  แล้วเปิดกล่องสมบัติที่เขาเก็บเครื่องใช้ไม้สอยของตนเองเอาไว้  เขาไม่จำเป็นต้องใช้มุกเซียนส่องแสง  เพราะแสงสว่างเลือนลางจากจันทร์สีแดงทมิฬภายนอกก็เพียงพอสำหรับผู้บำเพ็ญพรตระดับเมฆาเคลื่อนคล้อย

คุณชายสามรู้สึกจิตใจปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูกในคืนนี้  อาจจะเป็นความตื่นเต้นที่ทุกอย่างจะถูกคลี่คลายไปสู่บทสรุป  หรืออาจจะเพราะความเสียดายที่จะต้องจากสหายที่คุยกันถูกคออย่างซ่งมู่และคนอื่น ๆ  เขายอมรับว่าเขาเข้ากับพวกผู้หญิงได้ไม่ค่อยดีนัก  พวกนางมักจะคุยกันในเรื่องที่เขามิใคร่สนใจ  และในขณะเดียวกัน  ความแตกต่างระหว่างเพศก็ทำให้พวกนางกีดกันเขาโดยจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม  ซีคงหยูถอนหายใจเมื่อคิดว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนนอกของสำนักวารีพิสุทธิ์  ความสัมพันธ์ที่เขาจะมีได้กับศิษย์พี่ศิษย์น้อง  อาจจะมีเพียงแค่เหนือกว่าหรือต่ำกว่า..การเป็นผู้นำหรือผู้ตาม 

ซีคงหยูเลื่อนมือสัมผัสวัสดุ  เครื่องมือ  และแบบแปลนในกล่อง  ทุกอย่างเรียงกันอย่างเป็นระเบียบดุจเดิมที่เขาจัดเอาไว้  มือของเขาหยิบแผ่นไม้ในซองหนัง  มันเป็นแผ่นไม้ไสบาง ๆ ที่แช่น้ำยาพิเศษ  ทำให้เหนียวและหักได้ยาก  ความยืดหยุ่นของมันเหมือนกับกิ่งหลิวทว่าทนทานราวกับแผ่นเหล็ก   ซีคงหยูใช้มันในการฝึกความแม่นยำของมือในการวาดลวดลายทองคำตามแบบแปลน  แต่ก่อนเขาจำเป็นจะต้องใช้แว่นขยายและไม้บรรทัด  เมื่อบีบโลหะผสมกับทองคำหลอมเหลวไปตามเส้นแนวที่ซับซ้อน  ทว่าเมื่อทำตามแบบแปลนเดิมบ่อยเข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า  เขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องมือในการใช้มืออันนิ่งวาดเส้นซึ่งละเอียดกว่าเส้นไหม

ซีคงหยูพบว่า  การวาดเส้นบนกระดาษ  ก็ช่วยฝึกความนิ่งของมือ  ตอนแรกเขาคัดลอกภาพที่ชัดเจนและสวยงามของแบบแปลนมรดก  และหลังจากนั้นเขาก็เริ่มดัดแปลงและออกแบบสิ่งประดิษฐ์บางชิ้นเอง  ทว่าดูฝีมือการร่างภาพของเขาก็ยังคงห่างไกลจากต้นแบบอันทำให้เขารู้สึกชื่นชมมือของอีกฝ่ายไม่รู้จบ

เขาไม่อยากฝึกเขียนแปลนวงจรในค่ำคืนนี้   ความอัดอั้นกลัดกลุ้มใจทำให้เขาวาดภาพเรื่อยเปื่อยไร้สาระ  เขาบีบหลอดบรรจุโลหะหลอมเหลว  โลหะภายในไหลหยดออกมาตามรูเข็มและมันจะแข็งตัวเมื่อเจอกับอากาศภายนอกในไม่กี่ชั่วอึดใจ  นี่ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ของเขา  แต่เป็นภูมิปัญญาของสมาคมเต๋าแห่งกลไก  พวกเขาใช้หลักการเดียวกันในการสร้างวงจรเซียนที่จะขับเคลื่อนวัตถุวิเศษ  หรืออาวุธเซียน  วัตถุวิเศษระดับต่ำวงจรของมันจะทำจากเส้นโลหะที่ใช้มือในการขีดเขียน  ทว่าวัตถุวิเศษระดับสูง   ยอดฝีมือจะใช้พลังปราณเชื่อมต่อและเปลี่ยนธรรมชาติของอณูในเนื้อวัสดุ  แน่นอนว่าผู้ที่สามารถบงการอณูวัตถุได้ตามใจย่อมเป็นยอดฝีมือด้านเต๋าแห่งเทศะ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาซีคงหยูเคยคิดจะเอาดีด้านเต๋าแห่งกลไกหรือไม่?  แน่นอนว่าเขาคิด  ทว่าเมื่อเขาทดลองเรียนรู้จากสมาคม  เขาพบว่าปรัชญาของผู้เฒ่าเต๋าเหล่านั้น  หรือกล่าวอีกอย่าง..อัลกอริธึมของพวกเขา  แตกต่างและขัดแย้งกับอัลกอริธึมของแบบแปลนที่ซีคงหยูได้รับสืบทอดมาโดยสิ้นเชิง  เขามีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถทำใจคิดได้ว่าสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือ  เหลวไหลไร้สาระ  เป็นความคิดฝันเฟื่องของคนที่มีเวลาว่างมากเกินไป  จนคิดสิ่งกลไกพิลึกพิลั่นอันใช้งานไม่ได้จริงจำนวนมาก

และโดยที่ความคิดคำนึงของเขาพาไป  มือของเขาก็วาดภาพร่างเป็นรูปโครงหน้า  เขามองดูเส้นของคางและกรามที่มีองศาแน่นอนซึ่งเขาร่างโดยไม่ได้ตั้งใจเท่าใดนัก  และตัดสินใจว่ามันควรจะเป็นรูปของใคร  ซีคงหยูจึงเริ่มเติมรายละเอียดของดวงหน้าด้วยเส้นใยโลหะละเอียดยิบ  แรงบีบของเขากำหนดความหนาของเส้นได้ตามใจ  และบางครั้งเขาก็ถักทอเส้นเป็นลวดลายพื้นผิวที่ทำให้เกิดเงาในลักษณะต่าง ๆ อันประกอบขึ้นเป็นใบหน้าหล่อเหลาอันสมจริง

ซีคงหยูละทิ้งจมูกไว้เป็นอย่างสุดท้าย  เพราะเขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะ แต่งแต้มจุดในดวงตา  และเพิ่มดอกท้อบนกิ่งไม้ ดีหรือไม่  แต่เมื่อคำนึงถึงความซื่อตรงต่อผลงาน  เขาจึงตัดสินใจวาดไปอย่างที่เขาเห็น  ซีคงหยูเป่าเส้นโลหะให้แห้งสนิทอย่างระมัดระวัง   ถอยออกมาดูห่าง ๆ  จากนั้นขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ เพื่อเก็บรายละเอียดให้สมบูรณ์  ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่วาดภาพของชายหนุ่มที่เขารู้จักก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ  เมื่อตัดสินใจว่างานศิลปะชิ้นนี้เสร็จสมบูรณ์ดีแล้ว  ซีคงหยูก็นอนหงายไปกับเตียง  สองแขนเหยียดให้ภาพวาดเส้นโลหะบนแผ่นไม้อยู่ห่างจากสายตาเขาในระยะเหยียดแขน  เขาพยักหน้ากับภาพวาดแล้วพึมพำอย่างพึงพอใจ

“อื้ม  หล่อแล้วล่ะนะ  ซ่งมู่”

เขาดูภาพต่ออีกครู่หนึ่ง  จากนั้นสอดไว้ใต้หมอน  เพราะขี้เกียจเอาเก็บเข้ากล่องที่ถูกถีบไปไว้ใต้เตียงแล้ว  จากนั้นจึงข่มตาหลับเพื่อรอรุ่งเช้าสุดท้ายของการประลองที่จิ้งซาน


++++++


ซีคงหยูลืมตาตื่นเพราะนกกระเรียนกระดาษมาจิกที่ปลายจมูก  วิธีการสื่อสารของผู้บำเพ็ญพรตมีหลายวิธี  ไม่ว่าจะใช้แผ่นหยกสื่อสาร  หรือการใช้ปราณเสียงถ่ายทอด  ทว่ายิ่งวิธีการสื่อสารซับซ้อนและพึ่งปราณเซียน  มันก็ยิ่งเสี่ยงต่อการถูกสอดแนมโดยผู้มีพลังยุทธสูงกว่า  การเขียนข้อความบนกระเรียนสื่อสารจึงถือเป็นวิธีการที่ปลอดภัยในระดับหนึ่ง  เพราะผู้คนไม่สามารถใช้พลังปราณสำรวจข้อความบนกระเรียนกระดาษได้ทันที  พวกเขาต้องขัดขวางและจับนกกระเรียนด้วยมือ  ซึ่งนั่นจะทำให้คนส่งข้อมูลรู้ตัวว่าข้อมูลนั้นตกไปอยู่ในมือผู้อื่นแล้ว

ซีคงหยูจามจากอากาศเย็นในยามเช้า  มันเป็นความเคยชินของเขามากกว่าจะรู้สึกหนาวจนเกินทนจริง ๆ  คุณชายสามคว้ามือจับนกกระเรียนและหรี่ตาสลึมสลือระหว่างที่คลี่ดูข้อความ

“ประตูละทิ้งวารี  สามสำนักพุ่งเป้า  ท่านต้องหาวิธีดูแลตนเอง”

ซีคงหยูสูดลมหายใจเฮือก  ลายมือที่เขียนเป็นลายมือคล้ายคลึงกับลายมือที่เขียนป้ายห้อยคอจอมยุทธหมีแดง  เพียงแต่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่า  เขาขยำกระดาษและบดมันเป็นผงในมือจากนั้นโปรยออกไปทางหน้าต่างศาลเจ้า  จากนั้นจัดเสื้อลำลองชั้นในอันเป็นผ้าฝ้ายดิบสีขาวของตนให้เรียบร้อยและลูบผมเผ้าที่มีเส้นกระเซิงจากการนอน  ซีคงหยูเดินออกไปข้างนอกตรงใต้ทับทิมเตี้ย ๆ ใกล้ ๆ จากนั้นเทน้ำจากกระบอกไผ่หยกเย็นล้างหน้าล้างตา  จากนั้นเดินกลับมาที่เตียงอีกที  เพื่อสวมเสื้อและกางเกงตัวนอกสีดำตัวเก่งของเขา   คุณชายสามสังเกตว่าเสี่ยวหมีและหลิวเกาหายไปจากที่นอนเรียบร้อยแล้ว  พวกเขาและศิษย์น้องจิ่งคงไปล่าอสูรผีเสื้อมายาต่อ  เพราะใกล้จะหมดเวลาของการผจญภัยในเหมืองจิ้งซานเข้าเต็มที

เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว  เขาไม่ไปหาจางชุ่ยฮัวหรือศิษย์พี่สวี  แต่มุ่งตรงไปที่ค่ายประตูทรราชทันที



+++++++



หลี่โอ๋อวิ๋นตื่นแต่เช้ามืดเป็นปกติ  ทุก ๆ เช้าเขาจะฝึกดาบซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ด้วยท่าพื้นฐานอย่างเช่นการชักดาบ  หรือการฟันดาบในองศาต่าง ๆ  แต่ละวันเขาจะฝึกการฟันดาบในหนึ่งองศา  และวันต่อไปก็จะเลื่อนไปเรื่อย ๆ  จนครบหนึ่งปีเขาจะฝึกเกือบครบรอบองศาของการฟันดาบ  การฝึกนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เต๋า  แต่เป็นการฝึกร่างกาย  เมื่อนักดาบคุ้นเคยกับทุกท่าร่างและแง่มุมของตนเอง  ปฏิกิริยาตอบสนองก็จะคล่องแคล่วว่องไว  และการตัดสินเป็นตายก็อยู่ในเสี้ยววินาทีนี้

เช้านี้ก็เช่นกัน  มือดาบไร้ธุลีฟาดดาบใส่ศัตรูในจินตนาการตรงหน้าครั้งที่สามพันสี่ร้อยหกสิบสองของวันนี้  ร่างเปลือยท่อนบนของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่พอเหมาะพอเจาะ  ไม่มากและไม่น้อยเกินไป  ไม่เทอะทะเกินจำเป็น  ทุกมัดแฝงด้วยพลังงานที่บีบอัดจนแทบระเบิดและถูกรีดจนเหลือแค่เนื้อเยื่ออันแข็งแกร่งเพียว ๆ เหมือนกับริ้วลายของรูปปั้นหินอ่อน  เหงื่อที่หลั่งโซมกายของเขาหยดลงมาจากปลายข้อศอก  เขาจงใจไม่ใช้ปราณคุ้มครองร่างในการลดความเหนื่อยล้า  และปรับสภาพของร่างกายให้คล้ายกับมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังยุทธมากที่สุดระหว่างการฝึก

เมื่อซีคงหยูมาเห็น  เขาจึงมิได้เห็นหลี่โอ๋อวิ๋นผู้เยือกเย็น  เทพบุตรยุทธจักรผู้มีใบหน้าขาวประดุจหยกอันปราศจากฝุ่นละอองและเหงื่อไหล  ซึ่งที่เขาเห็นเป็นใบหน้าแดงก่ำซึ่งมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาที่หน้าผาก  และฟันที่กัดแน่นจนเห็นกรามนูนเป็นสัน  หยาดเหงื่อผุดเป็นเม็ด ๆ และหลั่งเป็นสายค้างเติ่งอยู่ที่คิ้วหนาอันคมเข้มดุจดาบในมือของชายหนุ่ม

หลี่โอ๋อวิ๋นวาดดาบเป็นครั้งสุดท้าย  และตัดสินใจที่จะหยุดการฝึกเมื่อเห็นผู้ที่มาเยือนถึงลานฝึกวิชา   เขาคว้าผ้าเช็ดตัวจากศิษย์น้องที่คอยยืนรับใช้มาเช็ดหน้าตาพร้อมเดินเข้ามาใกล้คุณชายสามซึ่งอึ้งและสาวเท้าถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเมื่อเผชิญกับกลิ่นความเป็นชายเข้มข้นที่ทำให้เขารู้สึกใจเต้นอย่างประหลาด

“อาหยู  เจ้ามีธุระอะไร”

ซีคงหยูสุดลมหายใจเพื่อผ่อนคลายตนเอง  จากนั้นปรายตาไปมองศิษย์น้องของอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“เราไปคุยกันที่เงียบ ๆ ได้หรือไม่”

“เจ้ามีอะไรก็ว่ามา  วันนี้ข้ามีธุระเยอะ  ไม่ค่อยมีเวลา”  หลี่โอ๋อวิ๋นปฏิเสธ

คุณชายสามจึงสูดหายใจลึกอีกครั้งและเอ่ยถาม

“น้องอวิ๋น  เจ้าช่วยคุ้มกันวารีพิสุทธิ์อีกวันหนึ่งได้หรือไม่”

หลี่โอ๋อวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย   จากนั้นก็ส่ายหน้า

“ทำไมข้าต้องช่วยพวกเจ้าอย่างไม่รู้จบด้วยล่ะ”

“เพราะเจ้าสัญญาไว้  ไม่ใช่หรือ”

“ข้าทำตามสัญญาแล้วนะอาหยู  สามเหมืองข้ายกให้วารีพิสุทธิ์  ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลง  เจ้ายังต้องการอะไรอีก”

“แต่ว่า...แต่ว่า...”

ซีคงหยูจะพูด  แต่ก็พูดไม่ออก  ที่หลี่โอ๋อวิ๋นกล่าวนั้นไม่ผิดพลาด  เขาได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ของพันธมิตร   และวารีพิสุทธิ์เองก็ไม่มีแต้มต่อในมือที่จะใช้แลกเปลี่ยน

“อาหยู   ประตูทรราชไม่ใช่โรงเจที่จะเจือจานผู้ยากไร้โดยไม่มีข้อแม้  ถ้าเจ้าอยากให้ข้าคุ้มกันวารีพิสุทธิ์ต่อ  เจ้าควรจะมีข้อแลกเปลี่ยนมาเสนอ”

“เฮ้อ..เจ้าอยากได้อะไรล่ะน้องอวิ๋น  ข้าจะไปถามศิษย์น้องจางให้”

“สิ่งที่ข้าต้องการ  จางชุ่ยฮัวให้ข้าไม่ได้”

“แล้ว..?”

“คนที่ให้ได้  ก็คือเจ้าไงล่ะอาหยู  แต่งงานกับข้า..”

“ฟัค!  เจ้ายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจอีกเรอะ!”

“ข้าไม่ฝืนใจเจ้าหรอกนะอาหยู  หากว่าเจ้ายอมเป็นคู่ครองข้า  อย่าว่าแต่เหมืองแค่นี้  ต่อให้ดาวหรือเดือน  ข้าก็จะเด็ดมาให้”

หลี่โอ๋อวิ๋นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  และแววตาที่มุ่งมั่นเสียจนคุณชายสามไม่กล้าสบและเสตาลงล่างมองหน้าอกอันแน่นตึงและหน้าท้องที่เป็นลอนชัดเจนของอีกฝ่าย

“มันมากเกินไป..”  ซีคงหยูพูดด้วยเสียงเบาลง  จากนั้นตัดสินใจเงยหน้าสบตาของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมถอย  “ข้อแลกเปลี่ยนนี้มันมากเกินไป  ข้าไม่ได้มีส่วนได้ส่วนกับผลของสำนักขนาดที่ข้าจะต้องเสียสละตัวเอง  น้องอวิ๋น..เจ้าเลือกเงื่อนไขอื่นเถอะ”

“งั้น..”  หลี่โอ๋อวิ๋นเดินเข้ามาใกล้อีก  มือของเขาเอื้อมมาไล้ตรงจอนผมและใบหูของคุณชายสาม  ซีคงหยูเริ่มรู้สึกเหมือนกรรมสนอง  เพราะเมื่อวานเขาก็เล่นกับหูของซ่งมู่แบบนี้เหมือนกัน

“..จูบข้า  เพียงจูบเดียว  ทุกอย่างจะเรียบร้อย”

“ว้อท!”

หลี่โอ๋อวิ๋นทำสีหน้ารำคาญ  “มันก็แค่จูบ  เจ้าจะสึกหรอตรงไหน  ข้าแค่อยากได้รางวัลบ้าง  จะให้ข้าทำงานฟรีได้ยังไง”

ซีคงหยูมองดวงตาของอีกฝ่ายที่โหมกระพือประดุจเปลวไฟ  ตั้งแต่พบกันที่จิ้งซานหลี่โอ๋อวิ๋นไม่เคยแสดงความปรารถนาในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย  เขางำทุกอย่างเอาไว้จนซีคงหยูตายใจ  และในที่สุดก็ถูกจู่โจมในยามที่ตัดสินใจยากที่สุดแบบตอนนี้

คุณชายสามกลืนน้ำลาย  เขาคิดว่าเขาเคยอ่านฉากนี้ในเรื่องสั้นของนกน้อยในดงเหมย  และนึกเวทนาตัวเอกที่สั่นเทาดังลูกนกเมื่อถูกพระเอกล่วงล้ำแตะต้อง  ทว่าความเป็นจริงแทบจะไม่ต่างจากนิยาย  ยกเว้นแต่ว่าในความสั่นเทาของร่างกายเขามันมีความโกรธแฝงอยู่ด้วย  ความโกรธที่เสียรู้และตกอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก   เขาคิดอย่างรวดเร็วว่าเขาควรจะยอมแพ้และปล่อยให้วารีพิสุทธิ์อัปราชัยไปดีหรือไม่  ทว่าในแง่หนึ่ง  นั่นคือการยืนยันว่าการดำรงอยู่ของเขานั้นไร้สาระและเปล่าดายมิใช่หรือ  ไม่ว่าเขาจะสำเร็จเต๋าแห่งเทศะ  กราบกรานนักพรตเวิ่นเต๋อเป็นอาจารย์  หรือแม้กระทั่งบรรลุพลังยุทธระดับเมฆาเคลื่อนคล้อย  มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย  เขายังเป็นเขาคนเดิมที่เหมือนกับไม้ประดับของทุกหนทุกแห่ง  และไม่มีผลกับใครหรืออะไรไม่ว่าจะอยู่หรือไป

ซีคงหยูกระพริบตา   ดวงตารื้นของเขาจ้องกลับไปยังเปลวไฟที่พยายามจะแผดเผาลามเลีย

“เจ้าสัญญาหรือเปล่า  น้องอวิ๋น”

“ข้าสัญญา”   หลี่โอ๋อวิ๋นตอบอย่างไม่ลังเล 

เมื่อซีคงหยูพริ้มตาลงช้า ๆ  มือของหลี่โอ๋อวิ๋นที่จับข้างคอและใบหูของซีคงหยูก็กระชับแน่นขึ้นพร้อมกับโน้มหน้าเข้าไปใกล้  ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของอีกฝ่าย  มันเริ่มจากสัมผัสละมุนละไมเหมือนกับการเลียชิมผลไม้สุกที่หวานหอม  หลี่โอ๋อวิ๋นขบเม้มริมฝีปากของหนุ่มรุ่นพี่ที่ไม่กร้านโลกเท่าอย่างแช่มช้า  และไล้ลิ้นสอดเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่าย  ซีคงหยูกัดฟันไว้ไม่ยอมให้วัตถุนุ่มอุ่นลื่นล่วงล้ำเข้าไป  แต่อีกฝ่ายก็ไม่ถอดใจ  มือของเขาสอดเข้าไปในไรผมของซีคงหยู   แล้วลูบไล้เบา ๆ ให้เขาผ่อนคลาย  ความเผลอไผลทำให้ซีคงหยูยอมถูกล่วงล้ำ  เขาไม่กล้ากัดลิ้นของอีกฝ่ายและปล่อยให้มันพัวพันกับลิ้นของเขาเหมือนกับคู่รักที่จากพรากมานาน

ซีคงหยูแตะหน้าอกของอีกฝ่ายเหมือนกับยันเอาไว้   มือของเขาสัมผัสความร้อนผ่าวของเนื้อและความเย็นของเหงื่อพร้อม ๆ กันกับจังหวะหัวใจที่เต้นตุบตับ ๆ  เขาพบว่าจังหวะชีพจรของเขาก็เร่งเร้าไม่แพ้กับหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้า  และด้วยเวลาที่ผ่านไปเหมือนกับนานชั่วกัปชั่วกัลป์  หลี่โอ๋อวิ๋นก็ยอมล่าถอยออกไปพร้อมกับเลียริมฝีปากบางสีชมพูบนใบหน้าขาวปานหยกของตนเองอย่างเสียดาย  ไม่เพียงแต่กลีบปากของซีคงหยูจะชอกช้ำ  อีกฝ่ายก็ดูระบมไม่แพ้กันและอาจจะยิ่งกว่าด้วยผิวที่ขาวกว่ามาก

ซีคงหยูสูดลมหายใจเร่งเร้า   สิ่งแรกที่เขาทำคือกระโดดถอยออกห่างแล้วเช็ดปากที่เปียกชื้นของตนด้วยหลังมือ  จากนั้นหันไปมองรอบ ๆ ลานฝึกวิชา  แต่พบว่าศิษย์น้องของหลี่โอ๋อวิ๋นที่คอยรับใช้เมื่อครู่หายไปไหนแล้วก็ไม่ทราบ  เขาไม่รู้ว่ามีคนมาเห็นเขากี่คน  แต่คนเหล่านั้นคงรู้ดีและรีบหลบหลีกจากสถานที่นั้น  ซีคงหยูหันกลับไปมองหลี่โอ๋อวิ๋นด้วยสายตาที่แทบจะไม่เผยอารมณ์   เขาผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ  และโคจรปราณเพื่อบังคับให้เลือดฝาดที่หน้าจางหายไปอีกทั้งบังคับจังหวะการเต้นของหัวใจของตนเอง

“การแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว  เจ้าพอใจหรือไม่น้องอวิ๋น”

หลี่โอ๋อวิ๋นยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก  เขาก็โคจรปราณเพื่อบังคับร่างกาย ‘ทุกส่วน’ ให้กลับสู่สภาวะปกติเช่นกัน  จากนั้นพยักหน้าแล้วกล่าว

“เป็นจูบที่ดี”

“งั้นข้าหวังว่า  น้องอวิ๋นจะช่วยคุ้มกันวารีพิสุทธิ์  และไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

ซีคงหยูกล่าวอย่างนุ่มนวล  จากนั้นประสานมือคารวะแล้วหันกายจากไปอย่างไม่รั้งรอ



++++++++



ซ่งมู่เห็นทุกอย่าง  และได้ยินทุกอย่าง   แต่ความรู้สึกช่วยไม่ได้นั้นท่วมท้นทั้งร่างกายและหัวใจของเขา  เป็นเขาเองที่ส่งนกกระเรียนกระดาษไปเตือน  เป็นเขาเองที่ชักนำซีคงหยูมาสู่ผลลัพธ์นี้  เขาควรจะมีหัวคิดและปล่อยให้ซีคงหยูจมอยู่ในความไม่รู้มากกว่าหากว่ามันจะนำไปสู่เหตุการณ์เช่นนี้  แต่มันช่วยไม่ได้  เพราะเป็นเขาเอง  เป็นความผิดของเขา

เมื่อเขาลอบดูจูบนั้นที่ทำให้หัวใจของเขาแทบจะถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้น ๆ  เขารู้ดีว่าหลี่โอ๋อวิ๋นก็รู้ว่าเขากำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่  แม้แต่เมื่อเขาส่งนกกระเรียนกระดาษ  หลี่โอ๋ออวิ๋นก็คงรับรู้อยู่แต่แรก  เขารู้สึกเหมือนเดินอยู่ในใยแมงมุม  ยิ่งดิ้นก็ยิ่งพัวพัน  รู้สึกไร้พลังและไร้เรี่ยวแรง  ทว่าท่าทีเฉยชาในตอนท้ายสุดหลังจากจูบอันเร่าร้อนนั้นของซีคงหยู  ทำให้เขาใจชื้นและปวดใจไปพร้อม ๆ กัน  ชายที่ดูนุ่มนวลและเต็มไปด้วยน้ำจิตน้ำใจอย่างซีคงหยูกลับมีหัวใจที่ทำจากศิลา  มันดูเหมือนกันว่าไม่มีอะไรในโลกที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว  หรือพี่หยูของเขาอาจจะชอบผู้หญิงจริง ๆ  และเมื่อเขาจูบกับผู้หญิง  ใบหน้าของเขาอาจจะแดงฉานเหมือนอาทิตย์อุทัย  และท่าทีก็เอียงอายประดุจเด็กหนุ่มแรกรัก  ซ่งมู่ปล่อยให้จินตนาการเพริดไปพร้อมกับความโกรธเกรี้ยวในตนเอง   เขาเดินเข้าไปในดงไม้ลับตาคนไม่ไกลจากค่ายประตูทรราช  ดึงเชือกพันเอวของตนเองให้หลุดออก  และเริ่มขยับมือขวากำรอบอวตารของความโกรธแค้นปนความรู้สึกสิ้นหวังของตน  และปล่อยให้มันทะลักทะลายดุจภูเขาไฟ



++++++



ซีคงหยูไม่ได้มีหัวใจศิลาดังที่ซ่งมู่คิด  เขาเพียงแค่ไม่พึงพอใจกับการควบคุมตนเองไม่ได้  มันก็แค่จูบ...ซีคงหยูคิด  มันคือการสัมผัสกันทางกายภาพของวัตถุชีวภาพสองก้อน  ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรือน้อยไปกว่านั้น  มันดูสำคัญและสะเทือนอารมณ์เพราะมายาและเรื่องเล่าที่สังคมถักทอให้ผู้คนเข้าใจว่ากิจกรรมเช่นนี้ของมนุษย์แสดงถึงสายใยอันผูกพันกันลึกซึ้ง  คือการแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ  และอาจจะหมายถึงการแลกเปลี่ยนสัญญารักมั่น  ..ทว่ามันก็แค่จูบ

คุณชายสามตัดสินใจโยนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไว้ในส่วนที่เก็บของหลงลืมของศีรษะ  ทว่าแม้เมื่อเขาพยายามผิวปากอย่างร่าเริงยามที่เดินกลับค่ายวารีพิสุทธิ์  เขาก็ยังเผลอเอามือแตะริมฝีปากตนเองเป็นระยะ

แน่นอน  เขาควรคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในแง่ดี  พรรคปลาทูสีน้ำเงินของเขาน่าจะได้ลำดับที่สองของการประลอง  เขาคิดว่าหลี่โอ๋อวิ๋นคงรักษาคำพูด  และถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรับรู้เลยว่าเขาอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้  แต่ก็ทำให้ซีคงหยูรู้สึกภูมิใจตนเองนิด ๆ อยู่ดี

และอีกเรื่อง  เขาคงต้องประเมินน้องอวิ๋นของเขาเสียใหม่  เขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะเจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอกและมีความอดทนดุจเสือเฒ่า  สามารถอดทนปล่อยให้เขาเข้าใกล้จนตายใจแบบนี้ได้  ซึ่งแสดงว่าภายใต้สีหน้าเฉยชาของอีกฝ่าย  มีความปรารถนาเร้นลับที่อยากจะฉีกทึ้งแกะตัวน้อย ๆ อย่างเขาอยู่ตลอดแต่ไม่เปิดเผยออกมาสักนิด  เขาไม่แน่ใจว่าหลี่โอ๋อวิ๋นมีกี่หน้า  และหน้าไหนคือโฉมหน้าที่แท้จริง  และเมื่อเป็นเช่นนั้นมีเพียงคำเดียวที่บรรยายถึงน้องอวิ๋นของเขาได้  ก็คือคำว่า  อันตราย  เมื่อคิดดังนั้นซีคงหยูก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าภายในเย็นนี้เขาจะได้เดินทางกลับสำนักวารีพิสุทธิ์  และไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับนักดาบหนุ่มที่แสนจะคาดเดาได้ยากคนนี้อีกต่อไป

เมื่อเขาเดินถึงหน้าค่ายเขาก็เข้าไปหยิบข้าวของที่เขาเตรียมไว้  แล้วกล่าวกับศิษย์น้องที่อยู่แถวนั้นให้แจ้งศิษย์พี่หญิงสวีหรือไม่ก็หลิวเกาว่า  เขาจะไปฝึกวิชาที่ลำธาร  ไม่ต้องเป็นห่วง  ศิษย์น้องหญิงคนนั้นรับคำอย่างเคารพนบนอบ  เขาจึงเดินออกจากค่ายเข้าป่าไปอย่างไม่กังวล


++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2017 17:15:53 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ FaiiFay_Elle

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
จะเกิดศึกชิงนายไหมเนี่ยครับ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อะโห น้องมู่โกรธจนต้องทำร้าย "น้องมู่น้อย" เลย
แล้วอย่างนี้พี่อวิ๋นมิซ้อม "อวิ๋นต้าเกอ" จนป้อแป้เรอะ

หยูช่างซับซ้อนและเรียบง่ายในคราวเดียวกัน
และเสี่ยวหมี ค่าตัวเจ้าแพงกว่าพระเอกเสียอีก

ปล. ฉันจะพยายามกัดฟันเชื่อว่าคุณคิริมันจาโรไม่เป็นภัยกับสิ่งแวดล้อมนะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รัก มู่ เสียดาย หลี่ ไม่อยากให้ใครผิดหวังเลย 3p ได้ไหมคะ

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โถ่มู่น้อยอัพสกิลพระรองซะเต็มเลย :ling1: :katai1:

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

FaiiFay_Elle:  *-*  ยินดีต้อนรับครับ

wnkth: เกิดแน่ ๆ ครับ 55

alternative:  ถ้าน้องมู่เรียกว่าน้อย  แล้วต้าเกอจะเท่าไหร่!!
เออ...เสี่ยวหมีไปไหนอ่ะ  5555

ommanymontra: แต๊งกิ้วซือเฮีย

xหยกน้อยx: 3P!! น่าสนใจ

NuTonKaw: มา ๆ ช่วยกันแจวเรือน้องมู่


++++++



แมกไม้ยังคงโบกกิ่งไหวเอื่อย ๆ เหนือลำธารอันมีริ้วหมอกจาง ๆ ลอยเรี่ยผิว  น้ำตกยังคงหลั่งไหลผ่านซอกหินและหน้าผาอันซ่อนตัวอยู่ใต้ตะไคร่น้ำและแผ่นมอส  แสงแดดและเงาไม้ยังคงหยอกล้อกันเล่นเป็นวัฏจักร 

และท่ามกลางบรรยากาศอันเหมือนจะหยุดนิ่งในภาพวาด   เสียงเหยียบใบไม้กรอบแกรบดังมาจากทางเดินอันลดเลี้ยวที่นำไปสู่ลานหินริมลำธาร

บูทของชายหนุ่มลอยขึ้นจากพื้นและซากใบไม้แห้งที่ถูกบดยวบจากน้ำหนักเท้า  เจ้าของบูทไม่รู้วิชาตัวเบา  และไม่ระมัดระวังในการเดินเหมือนกับพรานป่าที่ชำนาญ  ทว่าถึงเขาจะรู้แต่ก็ไม่ใส่ใจ  ซีคงหยูฟังเสียงของใบไม้และลำธารที่อยู่เบื้องหน้า  ก่อนที่เขาจะหยุดยั้งเท้าและทอดสายตาไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า

นิ่งอยู่นิดหนึ่ง  เขาเลือกโขดหินกว้างที่แสงแดดอ่อน ๆ ยามสายส่องลงมาถึง  เขายื่นมือเข้าไปในแสง  ทำให้ฝ่ามือที่ขาวสะอาดของเขาดูเหมือนจะเปล่งแสงได้  นิ้วของเขาขยับเล็กน้อย  อากาศสั่นไหวและก่อตัวเป็นก้อนผลึกขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยอันหักเหแสงและส่องประกายเป็นสีรุ้งพร่าพราย

นี่คือ [เมล็ดพันธุ์เต๋า] ของเขา  นักพรตเวิ่นเต๋อสอนวิธีเรียกมันออกมาเมื่อคืนนี้  เมล็ดพันธุ์เต๋าคือการก่อตัวเป็นวัตถุกายภาพของเต๋าของผู้บำเพ็ญพรต  สีสันและรูปร่างของมันแตกต่างกันไปในแต่ละคน  บางคนก็เป็นสะเก็ดไฟ  และบางคนก็เป็นต้นอ่อนของพืช  สำหรับผู้บำเพ็ญพรตเต๋าแห่งเทศะ  เมล็ดพันธุ์มักจะเป็นรูปผลึก  เพราะผลึกคือการเรียงตัวที่สวยงาม เป็นระเบียบ และสอดคล้องกันของอณูในธรรมชาติ  มันมีเนื้อหนังและร่างกายภาพ  ทว่ายอมให้แสงส่องผ่านและหักเหภายในอย่างเป็นระบบระเบียบ

[เมล็ดพันธุ์เต๋า]  จะพัฒนาเป็น [หัวใจเต๋า]  ทว่ากว่าจะเป็นเช่นนั้นได้  ผู้บำเพ็ญพรตต้องผ่านภัยพิบัติทั้งสามและอุปสรรคทั้งเก้า  ซึ่งจะพิสูจน์ว่าเต๋าที่ตนเองยึดถือนั้น  มั่นคงและแข็งแกร่งพอหรือไม่

ซีคงหยูมองเมล็ดพันธุ์เต๋าในมือของตนเอง  มันมีสีหมองออกเหลือง  และมีจุดด่างดำ  รวมทั้งรอยแตกร้าวภายในจำนวนมาก  แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังดูจับสายตาภายใต้แสงอาทิตย์   เขาไม่กังวลกับมันมาก  นักพรตเวิ่นบอกว่าแต่ละตำหนิและรอยร้าวคือสิ่งที่เขาจะต้องขจัดมันออกไปทีละเล็กละน้อยในการชำระล้างเต๋าของตนให้บริสุทธิ์  มันไม่ใช่งานที่สามารถทำให้สำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน  เขาจะต้องให้เวลากับมัน  พิจารณาวิถีทางของตน  และแสวงหาความเข้าใจที่ถ่องแท้ต่อ [เทศะ]  และนั่นคือสาเหตุที่เวิ่นเต๋อมอบรายชื่อหนังสือจำนวนมากที่เขาต้องอ่าน

ซีคงหยูกำมือ  เมล็ดพันธุ์เต๋าของเขาหายวับเข้าไปกลางฝ่ามือเหมือนอากาศธาตุ  บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มของความรู้สึกช่วยไม่ได้  ถึงแม้ว่าเขาอาจจะมีโอกาสได้อ่านและเรียนรู้  ทว่าก็อาจจะไม่เข้าใจ  มิเช่นนั้นในโลกนี้คงเต็มไปด้วยผู้บำเพ็ญพรตที่ครอบครอง [หัวใจเต๋า] เต็มไปหมดแล้ว




+++++



ซ่งจินยืนงุนงงอยู่ข้างถนนในเมืองจิ้งซาน  ทว่าผู้คนไม่อาจบอกได้ว่าเขากำลังงุนงง  หรือกำลังมองไปข้างหน้าเฉย ๆ  หรือเขากำลังคิดอะไร  บางทีเขาอาจจะกำลังครุ่นคิด  หรืออาจจะไม่ได้คิด  ทว่าก็ไม่มีใครสนใจคนที่ยืนนิ่งเหมือนก้อนหินข้างทางแบบนี้  โดยเฉพาะเมื่อศิษย์สำนักทุกคนกำลังรีบเร่งและตระเตรียมแผนสำหรับการประลองวันสุดท้าย

ทว่าซ่งจินทำตัวเหมือนชาวยุทธทั่วไป  พวกเขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อน  สำนักไหนจะชนะหรือแพ้ก็ไม่ค่อยมีผลกระทบ  ถึงแม้ว่าหลังจากวันนี้ศิษย์สำนักทั้งห้าจะเดินทางกลับหลังสิ้นสุดการประลอง  ทว่าสัญญาของพวกเขากับแต่ละสำนักในการขุดเหมืองจะคงอยู่ต่อไปจนกว่าประตูดินแดนลี้ลับจะปิด  ซึ่งอาจจะกินเวลาสองอาทิตย์หรือหนึ่งเดือนก็ไม่มีใครรู้แน่  และหลังจากนั้นพวกเขาสามารถเดินทางไปทั่วอาญาจักรวายุกระซิบหรืออาณาจักรข้างเคียงเพื่อเสาะหาเหมืองที่ต้องการคนงานขุดแร่  มิติที่ถูกกัดกินปรากฏอยู่ทั่วไปตามที่ต่าง ๆ ของทวีปดิน  แต่ละจุดปิดเปิดตามเวลา  บางทีก็ทุก ๆ หนึ่งปี  และบางทีก็ทุก ๆ 5 ปีเหมือนกับเหมืองห้าขุนเขา  ถ้าเปรียบเทียบทวีปดินทั้งหมดเป็นก้อนดิน  ร่องรูเหล่านั้นก็เหมือนกับโพรงไส้เดือนที่ชอนไชจนพรุน  ไม่มีใครรู้แน่ว่า  เหตุใดทวีปดินจึงเต็มไปด้วยช่องว่างมิติและดินแดนลี้ลับ  ทว่าสิ่งที่พวกเขารู้แน่ ๆ คือมันเป็นแหล่งทรัพยากร  และเป็นแหล่งที่มาของพลังพรตที่ทำให้ผู้บำเพ็ญพรตฝีมือก้าวหน้าไปรวดเร็วกว่าการดูดซับปราณฟ้าและดินเพียงถ่ายเดียว

“ไฮ้..”   ใครบางคนเดินมาที่หน้าซ่งจินและโบกมือไปมาผ่านดวงตาปลาตายที่แทบไม่กระดุกกระดิก

ซ่งจินนิ่งไปพัก  ก่อนจะเอ่ยปาก  “เจ้าต้องการอะไร?”

“คุณชายซ่ง   ท่านพอมีเวลาว่างสองสามชั่วยามต่อวันหรือไม่”

“ไม่มี..”

อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้  ตื้อต่อ  “ไม่เอาน่า  ท่านยืนนิ่งอยู่ตรงนี้สักพักแล้ว  ถ้าคุณชายซ่งไม่มีอะไรทำ  ไม่ลองทำงานง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ได้เงินดีหรอกหรือ?”

ซ่งจินฟังแล้วก็คิดเล็กน้อย  เขากำลังนึกถึงซ่งมู่ที่กำลังหาเงินแต่งเมีย  เอ..หรือจะลองดูดี   “ผิดกฎหมายหรือเปล่า”

“ไม่ ๆ  ข้าจะให้ท่านทำในสิ่งที่ถนัดที่สุด”

“โอเค”

“งั้นเชิญคุณชายซ่ง”

อีกฝ่ายผายมือให้เดินตาม  ซ่งจินจึงเดินตามไปอย่างง่าย ๆ


+++++


ซีคงหยูกลับจากการฝึกวิชาริมลำธาร   เขาเดินถือกล่องอุปกรณ์ของตนเอง  แบกเป้สะพายหลังสีเหลืองแสบตา  และกำเงินแน่น  มุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมมั่งคั่งร่ำรวยที่ถูกปรับปรุงให้เป็นห้างสรรพสินค้า

หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราที่ใส่ชุดกี่เพ้าสีเปลือกมังคุดเดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้ม

“คุณชายท่านนี้  ไม่ทราบว่าท่านสนใจสินค้าประเภทใดในห้างมิตรไมตรีของเรา”

“แม่นาง..”  ซีคงหยูวางกล่องที่หิ้วในมือ  แล้วประสานมือคารวะ  “ไม่ทราบว่าร้านเสื้อผ้าอยู่ทางไหน”

“อ้อ  เชิญทางนี้”

พนักงานต้อนรับสาวเดินนำคุณชายสามไปตามตรอกซอกซอย  พื้นที่โรงเตี๊ยมอันแต่เดิมมีที่แคบนิดเดียว  ถูกจัดวางตามหลักค่ายคูประตูกล  ทำให้ทางเดินและพื้นที่ขายสินค้าขยายกว้างกว่าสามสิบเท่าตัว  ซีคงหยูเดินผ่านร้านรวงที่ตั้งขายสินค้าต่าง ๆ ละลานตา  บางร้านก็เป็นของศิษย์ห้าสำนัก  และบางร้านก็เป็นของจอมยุทธพเนจร  แต่ไม่ว่าใครมาตั้งร้านก็ต้องจ่ายค่าเช่าที่ให้ไมตรีโลหิตทั้งสิ้น  ซีคงหยูกลืนน้ำลาย  เมื่อพบว่าเงินที่เดินสะพัดในห้างมิตรไมตรีดูจะมหึมาไม่ใช่เล่น

ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงร้านเสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่เป็นของไมตรีโลหิตตั้งเอง  ข้างในร้านเต็มไปด้วยแพรพรรณหลากชนิด  และมีลูกค้าเดินเลือกดูอยู่มากมาย  หญิงสาวในชุดกี่เพ้าม่วงแนะนำซีคงหยูกับพนักงานในร้านที่ล้วนแต่เป็นสาวสวยเช่นกัน

“เสี่ยวหยิน นี่คือคุณชายซีคง  แขกวีไอพีของเรา”

อีกฝ่ายน้อมกายกล่าวกับซีคงหยูอย่างชมดชม้อย

“เสี่ยวหยินยินดีรับใช้คุณชายซีคง”

“พวกเจ้ารู้จักข้าหรอ”  คุณชายสามชี้หน้าตนเองอย่างประหลาดใจ

หญิงสาวที่ชื่อเสี่ยวหยินเอามือปิดปากหัวเราะเบา  เสน่ห์ของนางยามนี้ดูร้อยเปลี่ยนพันแปลงชวนละลานตา   

“ผู้ใดไม่รู้จักคุณชายซีคงรูปหล่อและกล้าหาญ  สาว ๆ ในสำนักเราล้วนแต่หมายตาท่านไว้  แต่เสียดายที่ท่านมีเจ้าของแล้ว”

“อะแฮ่ม”  ซีคงหยูกระแอมอย่างภูมิใจ  พลางสบถด่าหลี่โอ๋อวิ๋นในใจที่ทำชื่อเสียงเขาด่างพร้อย

“บ่าวของท่านทำหน้าที่เสร็จแล้ว  ขอตัวก่อน”  สาวในกี่เพ้าม่วง  ค้อมตัวคารวะคุณชายสาม  ก่อนเดินจากไป

“ศิษย์พี่ใหญ่จ้าวกำชับให้ดูแลท่านเป็นพิเศษ  ดังนั้นถ้าคุณชายซีคงมีความปรารถนาใด  เชิญกล่าวกับเสี่ยวหยินผู้นี้ได้ทันที”

นางกล่าวแล้วก็กระพือขนตา  หน้าอกขาวผ่องที่ล้นจากเสื้อกระเพื่อมเหมือนเต้าหู้นิ่มที่ถูกนิ้วจิ้มจนสั่นสะเทือน

ถึงซีคงหยูจะผ่านร้อนผ่านหนาว  แต่เขาแทบไม่เคยโดนสาว ๆ ยั่วยวนแบบนี้  เขาจึงกลืนน้ำลายเล็กน้อยแล้วกล่าวกับนางอย่างตะกุกตะกักว่า  “อ่า...พวกเจ้าขายเสื้อผ้า  คือข้าอยากได้เสื้อผ้า”

นางอมยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามต่อ  “คุณชายซีคงต้องการเสื้อผ้าประเภทไหน  ร้านของเรามีเสื้อผ้าทุกรูปแบบ  ถักทอจากเส้นใยทุกชนิด  มีตั้งแต่ผ้าฝ้ายทั่วไปจนถึงไหมจากรังหนอนไหมใต้พิภพเก้า  อีกทั้งราคาก็เป็นธรรมไม่หลอกลวงผู้เยาว์และคนชรา”

นางพูดไปอกก็สะเทือนไป   ซีคงหยูดูจนตาลาย  แต่ก็ตั้งสติตอบ  ก่อนที่จะโดนหลอกให้ซื้อหมดร้านโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

“ข้า..เอ่อ  อยากได้..เอ่อ  ชุดว่ายน้ำ”

“ชุดว่ายน้ำ!”  ดวงตากลมโตของนางเบิกกว้างพร้อมกับอุทาน  ก่อนจะนึกได้ว่าเสียกิริยาจึงลดเสียงลงและกล่าวกับเขาอย่างแช่มช้อย  “เสี่ยวหยินขออภัยคุณชาย  เสี่ยวหยินแค่ประหลาดใจ  ช่วงนี้อากาศหนาวเย็น  จึงไม่ค่อยมีลูกค้าถามถึงสินค้าประเภทนี้”

“แล้ว  เอ่อ..เจ้ามีมั้ยล่ะ”   ซีคงหยูยังเขินไม่หายที่ต้องซื้อชุดว่ายน้ำกับพนักงานหญิง

“ร้านของเรามีทุกอย่าง”  นางพูดอย่างภูมิใจพลางผายมือ  “เชิญคุณชายซีคงทางนี้”

เมื่อซีคงหยูเดินตามไป  ก็เห็นมุมหนึ่งที่แขวนชุดว่ายน้ำทั้งชายหญิงเอาไว้  มีกระทั่งหางเงือก

“โอ้...”   เขาอุทานและพลิกดูชุดว่ายน้ำแบบแขนยาวขายาวของผู้ชาย  แต่เมื่อดูราคาแล้วก็ตาถลน

“ทำไมถึงแพงนักล่ะ”

“ขออภัยคุณชาย  ช่วงนี้เข้าวินเทอร์ซีซั่น  ร้านของเราจึงเก็บสต็อคไว้เฉพาะเส้นใยที่คุณภาพดีที่สุด  ทุกชุดทอจากเส้นใยปะการังเซียนน้ำลึก  ไม่เพียงแค่ช่วยกันน้ำกันความร้อนความเย็น  ยังสวมใส่สบายเหมือนไม่ได้ใส่อะไร  ถ้าคุณชายลองสวมดูท่านจะรู้ถึงคุณภาพของสินค้าเรา”

ซีคงหยูกลืนน้ำลาย  จะล้วงห่อเงินที่เหลือจากการขายแกนอสูรขึ้นมานับก็อายพนักงานสาว  เขาจึงกระแอมแล้วถาม

“เจ้าพาข้าไปดูตัวที่ถูกที่สุดหน่อย”

ด้วยความเป็นมืออาชีพ  รอยยิ้มของนางจึงไม่เปลี่ยน  อย่าว่าแต่ซีคงหยูเป็นลูกค้าวีไอพีที่จ้าวเหรินเจี่ยนกำชับไว้  นางจึงผายมืออย่างนอบน้อมอีกครั้ง

“งั้นเชิญคุณชายทางนี้”

ซีคงหยูเดินตามไปอีกล็อคหนึ่ง  ที่มีชุดเหมือนผ้าเตี่ยวหลากสีสันแขวนไว้กับไม้แขวนตั้งโชว์อยู่   เขาเอื้อมมือไปสัมผัสวัสดุที่ใช้ถักทอ  และพบว่าเป็นคุณภาพเดียวกันกับชุดแขนยาวเมื่อครู่

“สิ่งนี้เรียกว่าอะไร”

“เรียนคุณชายซีคง  สิ่งนี้เรียกว่าสปีโด  เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเครือข่าวแพรพรรณหม่าหวางเฉิง  เราเป็นตัวแทนจำหน่ายเจ้าแรก ๆ  เนื่องจากว่าใช้วัสดุน้อย  เราจึงสามารถขายได้ในราคาที่ถูกโดยที่ท่านยังได้สัมผัสคุณภาพที่ยอดเยี่ยมของเส้นใยดุจเดิม”

ซีคงหยูพลิกซ้ายพลิกขวา  ดึงออกจากไม้แขวนแล้วยืดดู  ในฐานะนักประดิษฐ์  เขาจึงสนใจนวัตกรรมใหม่ ๆ จนลืมความเขินอายที่ต้องมาเลือกชุดว่ายน้ำต่อหน้าพนักงานสาวสวย   “ว่าแต่..สิ่งนี้มันไม่วาบหวิวไปหน่อยรึ”

“สำหรับแฟชั่น  ไม่มีคำว่าเกินไป  มีแต่ว่าท่านเป็นผู้นำเทรนด์หรือผู้ตามเทรนด์”

คุณชายสามฟังดังนั้นก็ลูบคาง  เขาดูราคาแล้วพบว่าพอรับได้

“อืม..เจ้าพูดก็ถูก  ว่าแต่  ใส่แล้วจะออกมายังไง”

เสี่ยวหยินยิ้มจนอกกระเพื่อมอีกที

“คุณชายสามารถลองใส่ดูได้  เรามีห้องลองเปลี่ยน”

“แย่จริง ๆ  ข้าน่าจะลากหลิวเกาหรือเสี่ยวหมีมาด้วยจะได้ช่วยเลือกให้”  ซีคงหยูพึมพำ   เซ้นส์แฟชั่นของเขาไม่ค่อยดี  เขาจึงเลือกใส่แต่ชุดง่าย ๆ สีเข้ม ๆ  ถ้าจะเลือกซื้อเสื้อผ้าที่แฟนซีแบบนี้ก็ควรจะต้องมีคนช่วยวิจารณ์  เขาเหล่มองเสี่ยวหยิน  นางดูจะเป็นแฟชั่นกูรู  แต่ก็ล้มเลิกความคิด

เหมือนนางจะอ่านความคิดเขาได้  “หรือคุณชายซีคงจะใช้บริการพิเศษของเรา   เราสามารถจัดหาหุ่นลองเสื้อผ้าที่รูปร่างคล้ายคลึงกับท่านมาลองสวมใส่สินค้าเพื่อให้ท่านเดินตรวจตราดูได้รอบทิศ”

“โอ้  มีเรื่องเช่นนี้ด้วย”

นางยิ้มเหมือนรอการตัดสินใจของเขา  ซีคงหยูจึงสาวเท้าเข้าใกล้ราวแขวน  และเลือกสปีโดมาสองสามตัว  จากนั้นกล่าวกับเสี่ยวหยิน

“ข้าอยากลองสามตัวนี้กับหุ่น”

เสี่ยวหยินฟังดังนั้นก็ปรบมือเป็นสัญญาณ  พนักงานร้านคนอื่นอีกสองคนรีบช่วยกันแบกหุ่นลองเสื้อมาจากหลังร้าน  พวกเขาตั้งหุ่นที่แบกมาตรงหน้าซีคงหยู  นอกจากผ้าเตี่ยวแล้ว  หุ่นนี้ก็ไม่ได้ใส่อะไรเลย  เผยร่างสมส่วนเปลือยเปล่าอันมีกล้ามเนื้อทะมัดทะแมง

ซีคงหยูเดินเข้าไปใกล้และลองจิ้มดู  เพราะสีและแสงสะท้อนของเนื้อหนังดูสมจริงไม่ผิดเพี้ยน  เมื่อเขาแตะดูก็พบว่าผิวสัมผัสก็เหมือนคนจริง ๆ และอุ่นเหมือนกับหยก  เขาพยักหน้าอย่างพอใจกับเทคโนโลยีของร้านเสื้อผ้า  เขามองสำรวจรอบเอวของหุ่น  เส้นเมอเมดไลน์   ริ้วกล้ามท้องและกล้ามอก   ไหนเสี่ยวหยินว่าจะหาคนรูปร่างใกล้เคียงมาให้   นี่มันหุ่นดีกว่าเขาโขเลยนี่หว่า

คุณชายสามก่นด่าทุนนิยมในใจ  ที่ทำให้การโฆษณาเลยเถิดผิดความจริง  ก่อนจะไล่สายตาไปยังโครงหน้าของหุ่นและดวงตาปลาตายที่ทื่อสนิท

“เอ ทำไมหุ่นนี้หน้าตาคุ้น ๆ”

ไม่ใช่คุ้นธรรมดา  คุ้นมาก...   ซีคงหยูกระโดดโหยงแล้วตะโกนลั่น

“ฟัค!  ซ่งจิน!  เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

หุ่นซ่งจินไม่ตอบ  ยืนทื่อเหมือนเดิม  แต่ซีคงหยูรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่หุ่นเพราะได้ยินเสียงหายใจเป็นจังหวะจากอีกฝ่าย  เขาจึงหันไปชี้หน้าเสี่ยวหยิน

“พวกเจ้าทำอะไรกับน้องจิน!”

เสี่ยวหยินยิ้มอย่างขออภัย  “คุณชายโปรดใจเย็นก่อน”

“เจ้าปล่อยตัวน้องจินมาเดี๋ยวนี้นะ  เจ้าใช้วิชามอมวิญญาณอะไรถึงลักพาตัวน้องจินมาได้  น้องจิน  เจ้าอย่าเพิ่งตาย  กลับมาก่อน”  ซีคงหยูหันไปเขย่าตัวซ่งจินที่ยืนทื่อ

ซ่งจินรู้สึกรำคาญกับความวุ่นวายจึงเอ่ยปาก

“พี่ซีคง  ข้ากำลังทำงานอยู่  อย่าชวนคุย”

“ว้อท!”

“เราจ้างชาวยุทธมากมายมาเป็นหุ่นลองเสื้อให้ลูกค้า  คุณชายซีคงอย่าเพิ่งแตกตื่น”   เสี่ยวหยินกล่าวอย่างขออภัยและพยายามใช้เนินอกที่ขาวดุจน้ำนมเบนความสนใจของคุณชายสาม

“ฮึ่ม  ข้านึกว่าพวกเจ้าบังอาจจับน้องจินมาซะอีก”

“ฮ่า ๆ  ผู้ใดกล้าแตะต้องจอมยุทธซ่งกัน  เขาเซ็นสัญญากับเราอย่างสมัครใจและจะให้บริการเฉพาะลูกค้าวีไอพีเท่านั้น”

เมื่อฟังดังนั้น  ซีคงหยูก็โล่งใจ  เนื่องจากพบว่าน้องจินของเขาคงไม่ชอกช้ำมากจากผู้คนมากหน้าหลายตาที่เข้ามาซื้อเสื้อผ้า

“จอมยุทธซ่ง  เชิญลองเสื้อผ้าเหล่านี้”   เสี่ยวหยินส่งสปีโดสีขาว  ดำ  และแดง  ให้ซ่งจินลอง

ซ่งจินรับไป  หันหลังให้ทั้งคู่  ถอดผ้าเตี่ยวออก  จนเห็นก้นเปลือกที่ไร้ริ้วรอยใด ๆ  แล้วใส่สปีโด  จัดขอบกางเกงให้เข้ากับสะโพกและเอว   จากนั้นหันกลับมา  เอามือไพล่หลังเชิดอกให้ซีคงหยูซึ่งยืนอ้าปากค้างในความนิ่งและความเร็วชมดู

“คุณชายซีคงเชิญตรวจสอบสินค้าดูได้”

เสี่ยวหยินเตือนเขาเมื่อเห็นซีคงหยูยืนตะลึงอยู่  พลางนึกแค้นเคืองในใจว่าอกขาว ๆ ของตัวเองทำไมถึงไม่ทำให้ลูกค้าวีไอพีเกิดปฏิกิริยาได้ขนาดนี้  หรือที่เขาลือว่าซีคงหยูก็เป็นพวกตัดชายเสื้อเหมือนกันนั้นท่าจะจริง  ทว่าทั้งหมดที่นางคิดก็ไม่ปรากฏบนสีหน้า  เรียวปากของนางยังคงโค้งเป็นรอยยิ้มหวานอยู่ดี  และรออย่างอดทน

“โอ๊ะ...อ้อ...โอ้  ดูดีมาก”

ซีคงหยูมองไล่ขึ้นไล่ลง   จากนั้นเดินวนรอบ ๆ เพื่อดูด้านหลังและด้านข้าง  ไม่เพียงแต่เขาสำรวจสินค้า  เขาก็สำรวจซ่งจินไปในตัว  เขาพบว่าแม้จะมีใบหน้าคล้ายคลึงกันจนแทบจะเป็นฝาแฝด  ซ่งจินก็ผอมกว่าซ่งมู่เล็กน้อย  ไม่ล่ำเท่า  ทว่าก็ยังถือว่ามีกล้ามเนื้อที่สมส่วนจนชายใด ๆ ควรจะอิจฉา  ขนตามร่างกายของซ่งจินก็น้อยกว่าซ่งมู่   เขาไม่มีไรขนที่ขึ้นจากขอบกางเกงจนถึงสะดือ  และแขนขาก็เกลี้ยงเกลาเหมือนกับหยกเนื้อดี  เขาพยายามไม่จ้องภูเขาลูกย่อม ๆ ที่ขดตัวอยู่กลางสปีโดมาก  แต่ก็จำเป็นต้องดูตามหลักการดูสินค้า  และรำพึงในใจอย่างอิจฉาว่า  สองพี่น้องคู่นี้  พ่อให้มาเยอะพอ ๆ กัน

“โอเค  เอาตัวนี้ล่ะ”

ซีคงหยูตกลงใจ  และชี้ชุดว่ายน้ำที่ซ่งจินใส่  มันเป็นสีดำ  สีที่ปลอดภัยทางแฟชั่นที่สุด   จริง ๆ แล้วเขาก็แอบสนใจสีแดง  แต่ก็ยังไม่กล้าพอ

“คุณชายซีคงไม่ซื้อพร้อมกันทีละสามตัวหรือ  ถ้าซื้อสามตัวเราขายในราคาส่ง”

“หืม”

“ลูกค้าวีไอพีลด 10%  ราคาขายส่งลดเพิ่มอีก 15%  ท่านจะประหยัดเงินไปได้ถึง 75 ตำลึงทอง”   นางกดแผ่นหยกคำนวณแล้วแสดงตัวเลขให้เขาดู

ซีคงหยูเลียริมฝีปากแห้งของตนเอง  75 ตำลึงทองไม่ใช่น้อย ๆ  แต่สามตัวก็มากเกินไป   “สองตัวแล้วคิดราคาส่งไม่ได้หรือ”

เสี่ยวหยินทำหน้าลำบากใจ  แต่สุดท้ายก็ตกลง  “ลดให้คุณชายคนเดียวเท่านั้น”  นางกล่าวแล้วขยิบตา

“งั้นอีกตัว  เอาสีอะไรดีน๊า  น้องจิน  เจ้าชอบสีอะไร”

“สีแดง”  ซ่งจินตอบหน้าตาย

“ตกลง  เอาสีแดง  แยกถุงด้วย”

เสี่ยวหยินห่อให้เขา  และเมื่อจ่ายเงินเสร็จ  ซ่งจินซึ่งถอดกลับไปใส่ผ้าเตี่ยวแล้วยืนนิ่งรอให้พนักงานสองคนยกไปเก็บหลังร้าน  ทว่าซีคงหยูหยุดพวกเขาไว้

“น้องจิน”  เขาเรียกอีกฝ่ายซึ่งหันมามองเขาเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น  “ตัวนี้ข้าให้  แทนคำขอบใจที่มาเป็นหุ่นลอง  ถ้าข้าต้องลองเองต้องอายแย่แน่ ๆ เลย”

ซ่งจินมองเขานิดนึง   แล้วยื่นมือรับ  จากนั้นตอบสั้น ๆ “ขอบใจพี่ซีคง”

จากนั้นเขาก็โดนยกไปเก็บหลังร้าน 

“คุณชายซีคงสนใจอะไรในร้านเราอีกหรือไม่  เสี่ยวหยินจะได้พาคุณชายไปเดินชมดู”

“ไม่มีอะไรแล้ว  ขอบใจมาก”  ซีคงหยูโบกมือ  เสี่ยวหยินจึงเดินจากไปอย่างชมดชม้อย   นางจงใจลงน้ำหนักซ้ายขวาสลับกันจนสะโพกบิดไปมาเหมือนกับก้อนซาลาเปา  แล้วสักพักก็หันกลับมามองเขาอย่างเอียงอายก่อนจะเดินต่อไป

ซีคงหยูชมมารยาร้อยเปลี่ยนพันแปลงจนละลานใจ  ก่อนจะรู้สึกตัวสบถในใจ

ฟัค! จ้าวเหรินเจี่ยน  หาพนักงานแบบนี้เจ้ากะจะฟันลูกค้าหัวแบะใช่มั้ย!



+++++



เมื่อซีคงหยูเดินออกมาจากห้างมิตรไมตรี   เขาก็ชนเข้ากับหนุ่มหน้าซื่อข้างหน้า   ก็ไม่ถึงกับชนหรอก  แค่ตกใจที่เจอเท่านั้น

“อะ..อ้าวน้องมู่”

“พี่หยู”  ซ่งมู่เดินเข้ามาตบไหล่เขา  แล้วกอดคอดึงตัวไปเดินที่ถนน

“บังเอิญซะจริง”

“ไม่บังเอิญหรอก  พี่จินบอกข้าทางแผ่นหยกสื่อสารว่าพี่หยูมาซื้อเสื้อผ้าที่นี่”

“โอ้  มีแผ่นหยกสื่อสารนี่สะดวกดีจริง”

“พี่หยูยังไม่มีงั้นหรือ  ฮ่า ๆๆ”

“ก็ไม่มีน่ะสิ  ข้ามันจน  เจ้าหัวเราะเยาะข้าหรอน้องมู่”

“เห้ย  เปล่า..  ข้าหัวเราะเพราะดีใจ  ข้านึกว่าที่พี่หยูไม่เคยให้รหัสติดต่อกับข้าเพราะเหตุผลอื่นซะอีก”

“เฮ้  ข้าจะจงใจกีดกันเจ้าไปทำไมล่ะ”

“นั่นสินะ”

ทั้งสองเดินกอดคอกันมาพักใหญ่ ๆ ก็ถึงที่นั่งใต้ต้นสาลี่   เมื่อทั้งคู่นั่งลง  ซีคงหยูก็เอ่ยปากถาม

“น้องมู่  วันนี้เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า  ทำไมดูขรึม ๆ”

“ฮ่า ๆ เปล่านี่พี่หยู”

เขานิ่งไปนิดหนึ่ง  ก่อนจะกล่าวต่ออย่างลังเล  “หรืออาจจะเพราะข้ารู้สึกว่า  เวลาที่ข้าจะเจอกับพี่หยูเหลือน้อยลงทุกที  และข้าก็ต้องเฝ้ามองพี่อหยูห่างไกลออกไปด้วยความรู้สึกช่วยไม่ได้”

พร้อมกับคำพูด  ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกจ้องมองเข้าไปในดวงตาของคุณชายสาม

“เฮ้  น้องมู่เคยได้ยินหรือไม่  คนเราถ้าชอบพอกัน  ไม่ว่าอยู่ห่างแค่ไหนก็เหมือนแค่ชายคากั้น  แต่ลงว่าชังกันแล้ว  ต่อให้อยู่ใกล้ชิดก็เหมือนมีขุนเขากางกั้น”

ซ่งมู่เผยอยิ้มเล็กน้อยต่อคำปลอบประโลมของหนุ่มรุ่นพี่  เขายกมือขึ้นจะแตะข้างแก้มอีกฝ่าย  แต่ก็ชะงัก  ทว่าเมื่อมองเห็นดวงตาสีดำที่จ้องเขานิ่งอย่างไม่กระพริบและไม่หลบหลีก  ซ่งมู่ก็กล้าแตะใบหน้าของอีกฝ่ายและลูบเบา ๆ  จากนั้นถามด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะเหมือนกับการรำพึง

“พี่หยูจะลืมข้าหรือเปล่า”

“ข้าจะลืมเจ้าได้ยังไง  ความจำข้าดีจะตาย”  ซีคงหยูพูดยิ้ม ๆ  แต่แล้วก็ทำสีหน้านึกขึ้นได้  “เออ  จริงสิน้องมู่  ข้ามีอะไรจะให้เจ้า”

ซ่งมู่ชะงัก  และปล่อยมือที่จับแก้มอีกฝ่ายออก  ซีคงหยูลุกขึ้นและจูงมือหนุ่มรุ่นน้องไปทางประตูค่าย   คอนนี้ศิษย์สำนักกำลังเตรียมพร้อมรับมือการประลองและการบุกยึดเหมืองครั้งสุดท้าย  จึงไม่มีใครสนใจชายสองคนที่เดินตามกันเข้าไปในโรงนอน

ซีคงหยูพาซ่งมู่ไปยังที่นอนตนเอง   หยิบหมอนพลิก  แล้วดึงแผ่นไม้ใต้หมอนออกมาส่งให้กับซ่งมู่ที่ยืนงง

“อันนี้  ข้าให้เจ้าเป็นที่ระทึก  อา..เพ้ย  ระลึก”

“โอ้..”  ซ่งมู่อุทาน  มองภาพของเขาอันขีดเขียนจากเส้นลายโลหะที่ปรากฏบนแผ่นไม้   รอยยิ้มค่อย ๆ เบ่งบานบนใบหน้า  และดวงตาก็สดใสขึ้นจนแทบจะเหมือนท้องทะเลกลางแดดจัดที่สะท้อนประกายระยิบระยับ  เขาหันไปมองตำแหน่งที่ซีคงหยูเก็บภาพนั้นไว้เมื่อครู่  จากนั้นมองซีคงหยูด้วยความตื้นตันใจ

ทว่าอีกฝ่ายเหมือนไม่รู้ตัว  เอาแต่ยิ้มแฉ่งเหมือนรอคำชมในฝีมือหัตถศิลป์

“มันสวยมาก ๆ”  ซ่งมู่กล่าวพลางกลืนก้อนตัน ๆ ในคอ  เขาก้มมองภาพ  และเงยหน้ามองซีคงหยูหลายครั้ง  ยืนคิดใคร่ครวญ  และสูดลมหายใจอย่างตกลงใจ

เขาสบตากับหนุ่มรุ่นพี่อีกครั้งและร้องเรียก

“พี่หยู..”

“หืม..”

“ข้าก็มีของจะให้พี่หยูเหมือนกัน”

ซ่งมู่กล่าวแล้วยกมือขวาของตนขึ้นมาที่ระดับอก  จากนั้นใช้อีกมือถอดแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วชี้   แหวนนั้นเป็นโลหะเกลี้ยงสีเงิน  แต่อาจจะไม่ได้ทำจากเงิน  ตรงหัวแหวนมีตัวอักษรสีน้ำเงินเพียงตัวเดียว  เขียนว่า ‘ซ่ง’

“นี่คือแหวนประจำตัวข้า  ถ้าพี่หยูมีแหวนนี้  สามารถใช้มันตามหาข้าได้ตลอด”

“เอ๋  ของสำคัญขนาดนี้  เจ้าจะให้ข้าหรอ”   ซีคงหยูมองปราดเดียวก็รู้ว่า  นี่คือสัญลักษณ์แทนตัวของสมาชิกตระกูลซ่ง  ถึงเขาจะไม่รู้ว่าตระกูลซ่งยิ่งใหญ่แค่ไหนสำคัญอย่างไร  แต่ฟังจากพื้นเพของซ่งมู่กับตำหนักอาคันตุกะฯแล้วก็พอเดาได้สี่ห้าส่วน

ซ่งมู่ถอนหายใจ  “นี่คือ  ของเพียงชิ้นเดียวที่มีคุณค่าพอจะแลกเปลี่ยนกับของที่ระลึกของพี่หยู  รับไปเถอะ  ข้าสามารถขอวงใหม่ได้เมื่อกลับไปที่ตระกูล”

“อ่า...ถ้างั้นข้าไม่เกรงใจล่ะนะ”

ซีคงหยูรับแหวนของอีกฝ่าย  เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในแหวน  เมื่อใช้ตาจิตมองก็พบว่าแหวนนั้นแผ่รังสีสีเขียว  ซึ่งเป็นรังสีของวัตถุวิเศษระดับดาราเงียบงัน  เขานิ่งอึ้งและเงยหน้ามองซ่งมู่ที่ก็จับจ้องเขาอย่างพินิจเช่นกัน

ซ่งจับมือซีคงหยูที่ถือแหวน  ค่อย ๆ ใช้อีกมือรวบมือเขาให้กำแหวนเอาไว้  สองมือที่ซ่งมู่กุมส่งความอุ่นมาให้หนุ่มรุ่นพี่ตรงหน้า   จนอีกฝ่ายรู้สึกร้อนผ่าวจนถึงลำคอ

“รับไปเถอะนะพี่หยู  ถือว่าข้าขอร้อง”

เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย  ซีคงหยูจึงไม่อาจหักใจปฏิเสธ   เขาถอนหายใจ  และคิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลี่คลาย   เมื่อซ่งมู่เห็นสีหน้าของเขาแล้ว  ก็เลยปล่อยมือที่กุมมือของซีคงหยูไว้  จากนั้นกล่าวกับเขา

“แล้วข้าจะเชียร์พี่หยูในการประลองบ่ายนี้  ทำให้เต็มที่นะ”

เขาชูมือกำหมัดเป็นกำลังใจให้คุณชายสาม  ซึ่งก็ส่งยิ้มตอบและมองดูหนุ่มร่างสูงที่เดินออกไปจากโรงนอนโดยไม่กล่าวอะไรอีก

+++++++




ที่หายไปนาน  เพราะช่วงนี้ป่วยน่ะครับ  และทานยาที่มีผลต่ออารมณ์  ทำให้อารมณ์ราบเรียบมาก  และพอมันราบเรียบเลยเขียนอะไรไม่ออก  เท่านั้นยังไม่พอ  ยังรู้สึกคลื่นไส้กะง่วงงุนตลอดด้วย   แต่ก็ยังเขียนต่อเรื่อย ๆ ครับ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2017 18:03:41 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
ขอบคุณครับ หยูจะเลือกใคร ทำไมเหมือนจับปลาดุกอุยหลายมือ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ๋ ควบคุมอารมณ์ ความปราถนาได้สุดยอด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
จนแม้ หยู ก็ไม่ล่วงรู้มาก่อนเลย

ขำที่หยู ใช้ปราณ ควบคุมระดับการเต้นของหัวใจ
แต่โอ๋ ใช้เพื่อควบคุม ทุกส่วน เอ่อ....ส่วนนั้นด้วย อะจ๊ากกกกก
อิจฉา ความเยาวัยจริงๆ   
เอิ่มมม......จูบทีเดียวเท่านั้น....♩ ♭ ♪.....โอ๋ แข็งขันไปถึง.......♫ ♬ ♪

ยิงนกทีเดียว เอ๊ย......จูบทีเดียว มู่เสียวสะท้าน จนลาวาทะลักทะลาย หลั่งไหล ฮืออออออ

ชุดว่ายน้ำให้จิน   รูปวาดให้มู่  มู่ให้แหวน
แหวนที่มีปราณไหลวนซะด้วย
เหมือนหยู จะไปไหนสักที่ ที่ไกลแสนไกลหรือเปล่า
อย่างนี้ โอ๋ จะคิดอะไรไหมนะ ที่คู่หมั้นของตัวเองใส่แหวนของชายอื่น

ประทับใจ แอนด์ซาบซึ้งไรท์มาก
ที่ว่ายากมากกกกก  แต่ไรท์ ก็สามารถเขียนถึงความโหดเหี้ยมและชั่วร้ายของผู้คน 
ในเมื่อไรท์แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสา  harmless to animal and human ขนาดเน้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 พระเอกค่าตัวแพงจนพระรองจะกลายเป็นพระเอกแทนแล้ว สู้ๆคะน้องมู้

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คุณคิริมันจาโร ขอให้แข็งแรงสดใสไว ๆ นะ
-------

สิ่งที่ซับซ้อนกว่าเต๋าทั้งหลายก็หัวใจของหยูเนี่ยแหละ

ว่าแต่...น้องจ้าวจะมาเปิดร้านแถวเมืองไทยไหม? พี่จะไปคลำน้องจิน ...เอ๊ย! ไปดูผ้า


ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
wnkth:  ก็มันอุยจนน่าจับทุกตัวเลย #ปาดน้ำลาย

 ♥►MAGNOLIA◄♥: ฮี่ ๆ ไม่เจอกันนานเลย
สวัสดีครับ  ตอนแรกว่าจะเขียนใส ๆ แต่ทำไมเริ่มเรตไม่รู้
สงสัยเป็นเพราะ...แมวพิมพ์  #มีอะไรก็โทษแมว
ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่  เลยแลกของขวัญกัน
กับน้องอวิ๋นก็แลก...น้ำลายกันไปแล้วงัยล่ะ  555+

puiiz:  สวัสดีคร้าบ

xหยกน้อยx:  พระเอกนี่  หมายถึงเสี่ยวหมีใช่มั้ย   เออ  มันหายไปไหน

alternative: แต๊งกิ้วครับ  ถ้าเจอร้านน้องจ้าวจะไปลองชุดจนกว่าจะช้ำเลย  อุอุอุอุ



+++++++



เมื่อผู้อาวุโสทั้งห้าสำนักมารวมตัวกันที่ยอดเขา  นักพรตเวิ่นเต๋อก็วาดมือร่ายวิชาเซียนสร้างลานประลองลับขึ้นมา 17 ลานประลอง  ครานี้แต่ละลานประลองที่ลอยหลั่นอยู่กลางฟ้ามีม่านพรางตาเป็นรัศมีสีเงินอันจะป้องกันการสอดแนมของผู้มีพลังพรตต่ำกว่านักพรตเวิ่นเต๋อ  ซึ่งหมายความว่าผู้อาวุโสทั้งห้าก็ไม่สามารถมองเห็นภายในลานประลองได้  เว้นแต่ว่าเวิ่นเต๋อจะแสดงภาพให้ดู

“ไม่ทราบว่า  วันนี้ผู้อาวุโสไป่จะเปิดโต๊ะพนันหรือไม่”   ผู้อาวุโสไมตรีโลหิตรีบเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าการประลองครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

“ฮ่า ๆ วันนี้เป็นการประลองปิดลับ  เราจะพนันกันได้อย่างไร”   ไป่หลินหลิงกล่าวกลั้วหัวเราะ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น  นักพรตเวิ่นก็ลืมตาที่หลุบอยู่ขึ้นและเสนอความเห็น

“นักพรตผู้นี้มีความเห็นบางประการ   มิทราบว่าผู้อาวุโสไป่สนใจรับฟังหรือไม่”

“ท่านนักพรตเวิ่นมีมารยาทมากเกินไปแล้ว  ผู้น้อยใคร่ฟังข้อเสนอแนะของนักพรตเวิ่นอย่างสุดจิตสุดใจ”

“มิกล้า ๆ  นักพรตผู้นี้เพียงแต่เห็นว่า  การตั้งโต๊ะพนันไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดของผู้ร่วมประลองทั้งสองฝ่าย  ว่าผู้ใดประลองกับผู้ใด  เราเพียงแต่พนันผลลัพธ์สุดท้ายของแต่ละลานประลองว่าผู้คุ้มกันหรือผู้ท้าชิงที่จะได้ชัยชนะ”

ไป่หลินหลิงฟังแล้วก็โบกพัดอย่างครุ่นคิด  ก่อนจะพยักหน้า  “เช่นนั้นก็ได้อยู่  ฝากชะตาไว้กับโชคเคราะห์มากกว่าเดิม  เหมือนกับปิดตาเสี่ยงทาย  เช่นนั้นจึงเรียกว่าการพนัน  ว่าแต่...”  นางเหลือบแลผู้ออกความเห็น  “..เหตุใดท่านนักพรตจึงดูกระตือรือร้นนัก”

“เฮ่อ ๆ  นักพรตเต๋าผู้นี้พนันแพ้อย่างหมดรูปไปรอบก่อน  รอบนี้จึงคิดจะแก้มือ  มิเช่นนั้นคงคันในหัวใจยากที่จะเกาไปอีกนาน”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้  ในเมื่อท่านนักพรตออกหน้า  ผู้น้อยก็คงไม่กล้าขัด”   นางหยิบม้วนไม้ไผ่โพยพนันตัวเซิร์ฟเวอร์แม่ออกมา  พรมนิ้วร่ายมนตราเพื่อปรับปรุงระบบ  และส่งข้อความแจ้งเตือนการปรับปรุงไปยังโพยไม้ไผ่ที่แจกให้กับนักพนันทุกคนในจิ้งซาน

นักพรตเวิ่นก้มมองม้วนไม้ไผ่ในมือที่ส่งข้อความแจ้งเตือน  เขาถ่ายจิตเข้าไปเพื่อทำการวางเดิมพันการประลอง  ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็รีบเข้าไปดูและเลือกวางเดิมพันเช่นกัน

“แต่ท่านนักพรตจะเป็นเพียงคนเดียวที่เห็นผู้ท้าประลองของทุกลานมิใช่รึ”  ผู้อาวุโสเหม่ยทักท้วง

“เฮ่อ ๆ นักพรตผู้นี้มิได้โลภมาก  เพียงแต่วางเดิมพันข้างศิษย์ของข้าในลานประลองที่ 13 เท่านั้น  หวังว่าทุกท่านคงยอมให้นักพรตผู้นี้ได้เปรียบบ้างสักครา”

ตู้ถงเทียนรีบประสานมือคารวะแล้วกล่าว  “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้  พวกเราจะไม่ให้หน้าแก่ท่านนักพรตได้อย่างไร”

ไป่หลินหลิงอมยิ้ม  เพราะนางเองก็มองทะลุเห็นรายละเอียดของลานประลองและผู้ท้าประลองทุกคน  รวมทั้งเห็น ‘เล่ห์กลเล็ก ๆ น้อย ๆ’ ที่เวิ่นเทียนจัดการกับลานประลองที่ 13 ด้วย

“หืม..จมูกโคเฒ่าผู้นี้...ไม่เบาทีเดียว”   นางรำพึงในใจ  ก่อนส่งปราณเสียงบอกนอมินีของตนซึ่งก็คือเยว่หนานอิ๋งให้ลงเดิมพันข้างซีคงหยูเช่นเดียวกัน


+++++



หวงอีกงจื่อจัดสาบเสื้อของตนให้เรียบร้อย   เสื้อของเขายังคงเป็นไหมเนื้อดีปักลายงูโบราณ   แขนเสื้อของเขากว้างตัดกับข้อมือที่เรียวเล็กราวกับอิสตรี  ดวงหน้าของเขาก็เกลี้ยงเป็นรูปไข่เข้ากับดวงตาเรียวที่บางครั้งก็โค้งเหมือนวงพระจันทร์  และคิ้วบางโก่งเหมือนคันศร  ปลายจมูกของเขาเชิดขึ้นเล็กน้อย  เข้ากับริมฝีปากเล็กอิ่มที่ดูรั้น  องค์ประกอบทั้งหมดของดวงหน้าทำให้หวงอีกงจื่อเป็นชายงามที่หาจับตัวได้ยาก  ทว่าไม่มีกลิ่นอายของบุรุษเพศที่เข้มข้นประดุจหลี่โอ๋อวิ๋นหรือจ้าวเหรินเจี่ยนก็เท่านั้น

พลุสัญญาณเตรียมตัวเริ่มการประลองถูกจุดบนท้องฟ้า  ทว่าก่อนที่หวงอีกงจื่อจะก้าวเข้าไปในวงเวท   เขาหันไปหาเด็กหนุ่มผมสั้นที่ยืนกอดอกอยู่เบื้องหลัง

“ศิษย์น้องว่าข้าจะชนะหรือไม่?”

“ท่านต้องชนะ”

“ทำไมจึงคิดเช่นนั้น”

“เพราะท่านแข็งแกร่งกว่าเขา”

“บางทีคนที่แข็งแกร่งกว่าก็ไม่ชนะ”

“ศิษย์พี่กลัวแพ้หรือ”

“ข้ากลัวทำให้ศิษย์น้องผิดหวัง”

“แม้ว่าท่านจะแพ้  น้องชายก็ไม่ผิดหวัง”

“เพราะเจ้าไม่ได้หวังอะไรกับข้าแต่แรก?”

เด็กหนุ่มหน้าคมยิ้มนิ่งไม่ตอบ

หวงอีกงจื่อมีสายตาผิดหวังเล็กน้อย  จากนั้นหันกายไปก้าวเข้าวงเวทเคลื่อนย้ายฉับพลัน


+++++


ในวันนี้ทุกลานประลองมีสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน  นักพรตเวิ่นเต๋ออุทิศพลังปราณอย่างมหาศาลเพื่อกลบเกลื่อนลานประลองน้ำของซีคงหยู  ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มผู้หนึ่งเคลื่อนย้ายเข้ามาในลานประลอง  เขาจึงเห็นลานหญ้ากว้างใจกลางป่าที่มีต้นไม้โบราณอันเกรอะไปด้วยมอสสีเขียวสด  ปลายสุดด้านของลานหญ้ามีโขดหิน  และบนโขดหินชายอีกผู้หนึ่งนั่งกอดกระบี่ในฝักของตนเอง  เขาหลับตานิ่งเหมือนกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศของป่าชื้น  หรือมิเช่นนั้นก็เพียงแต่ฆ่าเวลารอให้การประลองจบสิ้นไป

“ฮึม..”  ผู้มาเยือนทำเสียงในคอ  เพื่อเตือนอีกฝ่าย

ผู้เหย้าลืมตามอง  ดวงตานั้นสุกใสและฉลาดเฉลียว  เขามองฝ่ายตรงข้ามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

“เป็นท่านหรอกรึ”

“ใช่”

“เพราะเหตุใด”

“ข้าไม่ชอบโดนคนหลอกใช้”

เจ้าของกระบี่สีขาวราวหิมะฟังแล้วก็นิ่งไปครู่  ก่อนจะกล่าว  “แต่ถึงยังไงท่านก็แพ้อยู่ดี”

“แพ้โดยที่รู้ว่าเพราะอะไร  ดีกว่าแพ้โดยที่ไม่รู้อะไร”

ผู้เหย้าถอนหายใจเบา ๆ  “อันที่จริงแล้ว ข้าคำนวณไว้แต่แรก  ว่าท่านจะต้องมาในวันนี้”

“ฮืม...เช่นนั้น  จงลุกขึ้นมา  และรับการท้าประลอง”

ผู้มาเยือนชักกระบี่จากกลางหลัง  ใบกระบี่ของเขาเป็นสีเขียวมรกต  ลายของเหล็กดูคล้ายกับดอกไม้กระจายเป็นดวง ๆ

“เชิญ”

เจ้าของกระบี่ฝักขาวลุกขึ้นจากโขดหินที่นั่งอยู่   ชักกระบี่สีเงินยวงออกจากฝัก  กระบี่นั้นสะท้อนแสงพร่าพรายจนแทบจะส่องเห็นเบื้องลึกของใจคน

“เชิญ”

และทันใดนั้น  พายุฝนลมคลั่งของเพลงอาวุธ  ก็ปะทุก่อตัวขึ้นท่ามกลางป่าฝน



+++++++



สิ่งแรกที่ต้อนรับหวงอีกงจื่อคือความเย็นเฉียบที่ทะลุเสื้อผ้าและรองเท้าของเขาในทันที  เขาเบิกตามองบรรยากาศสีครามเบื้องหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา   ก้อนอากาศเป็นลูก ๆ หลุดจากจมูกและปากของเขาเหมือนกับบอลแสงสีเงินที่เต้นระริกระรี้และพุ่งขึ้นไปเบื้องบน  หวงอีกงจื่อถีบเท้าของตนเองตามฟองอากาศขึ้นไป   เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เมื่อใบหน้าโผล่พ้นน้ำ 

“เฮ้  ทางนี้”

หวงอีกงจื่อรีบหันไปตามทิศทางเสียงด้วยความระวังไวจนเกร็ง  เขายังไม่มีเวลาขบคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับลานประลอง  แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าคือคู่ต่อสู้ของเขาที่ยืนอยู่บนผิวน้ำ  ไม่เพียงแค่นั้น  อีกฝ่ายยังใส่ชุดว่ายน้ำชิ้นเล็กตัวเดียวจนหวงอีรู้สึกใบหน้าร้อนฉ่า   ซีคงหยูไม่ใช่คนรูปงามจนฟ้าและดินตกตะลึง  แต่เขาก็ไม่ได้ไร้เสน่ห์

“เจ้า...”   หวงอีกงจื่อมองเห็นอุปกรณ์ประหลาดที่หัวและเท้าของคู่ต่อสู้   เขาพูดแบบไม่ออก  เพราะทุกอย่างมันประหลาดไปหมด

“ฮ่า ๆ  เจ้าสนใจวัตถุกลไกของข้าใช่มั้ยล่ะ   นี่เรียกว่าสน๊อกเกิ้ลสารพัดนึก ver 0.7 beta  และนี่..”  ซีคงหยูยกเท้าขึ้นมาเอามือชี้วัตถุกลไกที่เท้าของตนเองพูดด้วยน้ำเสียงอวดโอ่  “...ตีนกบสารพัดนึก ver 1.8”

คุณชายหน้าสวยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้   เขาชักพู่กันขนาดยักษ์สูงเท่าตัวคนจากกลางหลัง  แล้วควงหมุนมันเหนือศีรษะ  พลังปราณระดับเมฆาเคลื่อนคล้อยของเขา  ก่อตัวเป็นรูปลักษณ์เหมือนกับเมฆสีดำประดุจหมึก   ริ้วเมฆเหล่านั้น  เข้ามาโคจรรอบกายเขา  และพาหวงอีกงจื่อขึ้นจากน้ำ   จนยืนอยู่บนผิวน้ำได้สำเร็จ 

“ซีคงหยู  เจ้ามันขี้โกง!  เจ้ารู้อยู่แล้วว่าจะเจอลานประลองแบบไหน”   หวงอีเอาพู่กันชี้หน้าเจ้าของชุดว่ายน้ำตัวจิ๋ว

“เพ้ย  พูดแบบนี้  ระวังข้าฟ้องหมิ่นประมาท  ทั้งหมดนี้ข้าเดาเอาและบังเอิญเดาถูก  เจ้าไม่เคยเห็นคนที่ดวงดีจนสวรรค์ต้องยอมแพ้หรืออย่างไร”

“ฮึ่ม  ใครทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ  วันนี้ข้าจะสั่งสอนคนหน้าด้านอย่างเจ้าแทนสวรรค์เอง”

ถึงจะพูดเช่นนั้น  หวงอีกงจื่อก็ยังคงยืนมองอย่างระวังไว   เขาใช้ปราณเมฆาพยุงร่างจึงยืนที่ผิวน้ำได้  ทว่าซีคงหยูดูเหมือนไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลย  ดูท่าวัตถุกลไกที่ซีคงหยูสวมใส่ไว้ที่เท้าคงมีอิทธิฤทธิ์วิเศษมากกว่าที่คิด

“ฮ่า ๆ  แน่จริงก็เข้ามา  จะได้รู้ว่าใครสั่งสอนใครกันแน่”   ซีคงหยูหัวร่ออย่างลำพอง  และดึงสามง่ามที่เตรียมไว้ออกมาตั้งท่า  ลานประลองกลางน้ำไม่เหมาะกับดาบที่มีใบใหญ่  เพราะมันต้านน้ำทำให้เปลี่ยนทิศทางยาก

“เพ้ย!”   หวงอีตวาดเสียงสดใส  เท้าสะกิดผิวน้ำ  พุ่งตัวเข้าใส่พร้อมกับเงื้อพู่กัน  เขาทำท่าจะโจมตีอกเปลือยของอีกฝ่ายที่ไร้การป้องกัน  ทว่าเปลี่ยนทิศทางปลายพู่กันกะทันหัน  โจมตีใส่ตีนกบของซีคงหยู

“ฮั่นแน่”  คุณชายสามชักเท้าหลบอย่างรู้ทันพร้อมส่งรอยยิ้มเยาะ   เขาวาดสามง่ามด้วยเพลงดาบหงสากางปีก

เป๊ง

เป๊ง

เป๊ง


พู่กันและสามง่ามปะทะกันส่งเสียงติงตัง   หวงอีกงจื่อผละถอยออกมาสองมือจับพู่กันแล้วควงหมุนอย่างรวดเร็วจนลายดำและขาวของพู่กันสร้างภาพลวงตาเป็นสัญลักษณ์ไท่จี่  ปราณเมฆาของเขาโคจรผ่านฝ่ามือเข้าไปในม่านพู่กัน  พร้อมกับตวาดเสียงเจื้อยแจ้ว

“หยินหยางกำราบมาร!”

เงาของไท่จี่เปล่งแสงจ้าและพุ่งจากเงาพู่กันกระแทกใส่ซีคงหยู

คุณชายสามรีบโคจรปราณเมฆาเข้าไปที่สามง่าม  และถือมันขวางหน้าอกไว้ต้านสัญลักษณ์ไท่จี่

ตึ้ม!

ปราณเมฆาสองสายปะทะกัน  ทว่าของหวงอีกงจื่อเหนือกว่าเพราะโคจรด้วยวงจรวิชาเซียน  ซีคงหยูกระเด็นกลิ้งไปตามหิวน้ำสามสี่ตลบเหมือนกับก้อนหินแบนที่ถูกโยนเรียดน้ำ

หวงอีกงจื่อรีบกระโจนตามเข้าไป   เขากระโดดเงื้อพู่กันเหนือศีรษะฟาดลงไปตรง ๆ

“ฟัค!  คนสวยทำไมใจร้ายนัก”    ซีคงหยูอุทาน  เพราะพู่กันฟาดเข้ามาที่จุดยุทธศาสตร์ของเขา  ทว่าทันใดนั้น   น้ำใต้หว่างขาของเขาก็ระเบิดพวยพุ่งใส่หน้าของอีกฝ่ายจนเซถอยไปสี่ห้าก้าว

“ฮี่ ๆ  ท่านี้เรียกว่า  วิชาเซียนน้ำแตกกระจาย   เจ้าชอบหรือไม่”

หวงอีกงจื่อใช้มือข้างที่ว่างลูบน้ำออกจากหน้า  ใบหน้าแดงสดใสด้วยความโกรธ  แต่สักพักก็สูดหายใจลึกยาว  และจ้องมองคุณชายสามด้วยดวงตาหยีดุจพระจันทร์

“ชอบสิ  เจ้าทำน้ำแตกใส่หน้าข้าเยอะ ๆ เลยนะ”

ซีคงหยูรีบกระโดดโหยงจากที่นอนลอยบนผิวน้ำเมื่อครู่   เขาถือสามง่ามชี้ไปข้างหน้าอย่างระแวง

“เพ้ย  ข้าไม่เล่นด้วยกับเจ้าแล้ว”

“ฮี่ ๆ  คุณชายซีคง  ท่านคิดจะทำให้ข้าเสียสมาธิด้วยถ้อยคำหยาบโลนอย่างงั้นรึ  งั้นเรามาแข่งกันมั้ย   อย่างเช่นข้าจะถามว่า  ท่านอึ๊บกับหลี่โอ๋อวิ๋นไปกี่รอบแล้ว”

ซีคงหยุสะดุ้งเหมือนถูกไฟช็อต   เขากระโดดโหยงอีกรอบ

“เจ้า..หวงอี่  เจ้ารนหาที่ตาย!”

ไม่เพียงแต่ซีคงหยูสะดุ้ง   นักพรตเวิ่นที่สอดแนมอยู่ก็สะดุ้งจนเปลือกตากระตุก  พวกเจ้าช่วยพูดคุยกันให้เหมาะแก่การเผยแพร่ต่อเยาวชนได้หรือไม่  เคราะห์ดีที่เป็นประลองลับ  มิเช่นนั้นต้องต้องใส่เสียง ตื๊ดดดด กลบตอนถ่ายทอดสด

ขณะที่ไป่หลินหลิงเอาพัดปิดปากและหัวเราะคิกคัก

“หรือข้าควรจะถามว่า  อาวุธของจอมยุทธหลี่กับจอมยุทธซ่ง  แท่งไหนถึงใจกว่ากัน”

ซีคงหยูโกรธจนพูดไม่ออก   เขาฟาดสามง่ามไปข้างหน้าพร้อมกับโคจรปราณเมฆา

“ความปรารถนาย้อนกลับ!”

ผิวน้ำในทิศทางระเบิดปะทุเป็นคลื่นยักษ์โถมเข้าใส่คุณชายเสื้อเหลือง  ทว่าหวงอี่ควงพู่กันอย่างใจเย็นใช้หยินหยางกำราบมารต่อต้านแรงระเบิดของน้ำ

“ฮิ ๆๆๆ  ข้ารู้จุดอ่อนวิชาเซียนของเจ้า  เจ้าควบคุมวัตถุไหลได้  ทว่าในวัตถุไม่มีพลังปราณ  เป็นแค่การโจมตีกายภาพ  ทริคของเจ้ามีเอาไว้รังแกผู้บำเพ็ญพรตระดับต่ำกว่าเท่านั้นล่ะ”

ซีคงหยูไม่พูดพล่ามทำเพลง   เขาใช้วิชาเซียนเดิมอย่างต่อเนื่องเกิดคลื่นโถมซัดและแรงระเบิดปั่นป่วนรอบตัวหวงอีกงจื่อ

“ฮ่า ๆๆๆ  ข้าบอกว่าไม่ได้ผลก็ไม่ได้ผลสิ”   หวงอีกงจื่อเอาพู่กันปักพื้นน้ำ  เร่งเร้าปราณเมฆาของตนเอง  ครานี้ปราณเปลี่ยนจากสีดำหมึกเป็นสีน้ำตาลดูเก่าแก่โบราณ  ดวงตาของเขามีแสงสีน้ำตาลเจิดจ้า  และปราณแสงก็พุ่งจากมือและพู่กันไปที่กลางหลังของเขา  สร้างปีกแสงสีน้ำตาลมหึมาคู่หนึ่ง

“จงดูข้า!  เทอราโนดอนสยบฟ้า!”

หวงอี่เหินขึ้นไปบนท้องฟ้า  และสร้างแรงกดดันมหาศาลลงสู่เบื้องล่าง  ปีกของเขาแผ่สยายเหมือนจะกลืนกินท้องฟ้าเหนือลานประลอง  แรงกดดันของปราณเมฆาสีน้ำตาล  ทำให้ผิวน้ำอันปั่นป่วนและระเบิดตลอดเวลาเชื่องเหมือนกับมังกรที่ถูกสยบ

“ซีคงหยู  เจ้ารู้สึกยังไงล่ะ  ที่จะต้องพ่ายแพ้เพราะแกนอสูรที่เจ้าขายให้ข้า”   หวงอีกงจื่อเย้ยหยันจากท้องฟ้า   เขาวาดพู่กันชี้และโคจรปราณเมฆา  ปราณแสงมารวมเป็นก้อนที่ปลายพู่กัน  เจ้าของพู่กันตวาดเสียงครั่นครื้น

“ลำแสงบรรพกาล!”

แสงเต๋าสีน้ำตาลพุ่งวาบเป็นเส้นตรงเหมือนกับแสงอาทิตย์ที่ทะลุทะลวงจากฟากฟ้า  ซีคงหยูไม่มีเวลาคิดเขากัดฟันยกสามง่ามขึ้นต้าน

“อ้ากกก!!”

ลำแสงความเข้มข้นสูงแผดเผามือและหน้าอกของเขาจนเหวอะหวะเป็นแผลเหมือนไฟไหม้  ร่างของเขาถูกกระแทกกระเด็นและจมลงไปใต้น้ำ  ขณะที่หวงอีหอบหายใจรัวด้วยความอ่อนล้าเพราะเป็นท่าที่ใช้พลังงานสูง  ปีกแสงของเขาค่อย ๆ สลาย  ปราณเปลี่ยนเป็นริ้วเมฆสีดำรอบ ๆ ตัวและค่อย ๆ พาร่างคุณชายหน้าสวยลงแตะพื้นน้ำ

เขาวาดพู่กันไปรอบ ๆ ในท่าป้องกัน  และมองหาเงาร่างของซีคงหยูอย่างระแวง

“หวงอีกงจื่อ..”  ปราณเสียงของคุณชายสามดังขึ้นมาในหัวของคู่ต่อสู้  “..ข้ายอมรับว่าประมาทเจ้าไปนิด”

“ฮี่ ๆ นั่นเรียกว่านิดหน่อยงั้นรึ  เจ้ารีบไสหัวออกมารับความพ่ายแพ้ดีกว่า”

“สำหรับคำถามที่เจ้าถามข้าก่อนหน้า..”

“หืม?”

“ข้ายังไม่เคยโดนใครอึ๊บ  ข้ายังซิงเฟ้ย”

“เพ้ย  ใครสนใจความซิงของเจ้ากัน”

“แต่ถ้าข้าจะเปิดซิงกะใครคนแรก  ตู้เกี่ยนหลงก็ไม่เลวนะ  ฮ่าๆๆๆ”   ซีคงหยูหัวเราะเหมือนตัวร้ายด้วยปราณเสียง

“เจ้า..!”

“ไม่เอาน่าหวงอี  เจ้านึกว่ายั่วโมโหข้าขึ้นอย่างงั้นรึ  ข้าคือนักอ่านผู้อุทิศตนของนกน้อยในดงเหมย  เต๋าของข้าแข็งแกร่ง  ไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะทำให้หวั่นไหวง่าย ๆ ด้วยมุกตัดชายเสื้อแค่นี้”

“หืม...ข้ายอมรับว่าต้องยอมแพ้เรื่องความหน้าด้านหน้าทน  แล้วเมื่อไหร่จะไสหัวออกมาตัดสินพลังฝีมือกันให้รู้ดำรู้แดง”

“ฮี่ ๆ  ไม่เพียงแค่นั้นนะหวงอี  ข้ายังบันทึกเสียงที่เจ้าพูดเมื่อกี้ไว้ด้วย   เจ้าคิดว่าถ้าน้องอวิ๋นของข้าได้ยินคำถามของเจ้า    เขาจะทำอะไรกับเจ้าดีนะ  ติ๊กต่อก ๆ”

“เจ้าโกหก   บนตัวเจ้าไม่มีวัตถุวิเศษสำหรับบันทึกเสียง”  หวงอีตะโกนกลับไปพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดพราวเต็มใบหน้า

“ข้าไม่มี  แต่ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์ของข้าจะไม่มี  เจ้าคิดว่าลานประลองน้ำนี้เป็นฝีมือของใครกันล่ะ”

“...”  หวงอีได้แต่ก่นด่านักพรตเวิ่นในใจ  เพราะเขารู้ว่านักพรตเวิ่นต้องกำลังสอดส่องลานประลองนี้อยู่แน่ ๆ

“หวงอี  ทำไมเราไม่ถอยกันคนละก้าว  เจ้ายอมแพ้ไปซะ  ส่วนข้าก็จะไม่แบล็คเมล์เจ้า”   ซีคงหยูส่งปราณเสียงด้วยน้ำเสียงปลอบประโลมเหมือนกับนักเรียกค่าไถ่มืออาชีพ

“ข้าไม่เชื่อว่านักพรตเวิ่นจะเตรียมการไว้ก่อนแล้ว”   หวงอียืนกระต่ายขาเดียว  ขณะที่นักพรตเวิ่นที่สอดแนมอยู่บนยอดเขาก็พยักหน้า  เขาไม่ได้เตรียมอัดเสียงไว้จริง ๆ นั่นแหละ

“ฮี่ ๆ  หลักฐานเท็จทำง่ายจะตายไป  อย่าลืมว่าข้ากับน้องอวิ๋นเป็นอะไรกัน  ข้าแค่ไปบีบน้ำตาออเซาะเขาหน่อยเดียว  เขาก็ต้องมาจัดการเจ้าแน่ ๆ”   ซีคงหยูคุยโวอย่างไร้ยางอาย

“เฮอะ  ใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าสวมหมวกเขียวให้จอมยุทธหลี่  ความสัมพันธ์ของเจ้ากับเขาจะดีได้อย่างไร  เจ้าอย่าเอาเขามาขู่ข้าดีกว่า”

“ฮั่นแน่  ได้อีกหนึ่งหลักฐาน  ท่านอาจารย์โปรดรีเพลย์ให้ศิษย์ด้วย”

ทันใดนั้น  ในลานประลองที่ 13 ก็มีเสียงดังก้องสะท้อนไปทั่ว  สุ้มเสียงนั้นคือหวงอีกงจื่อไม่ผิดเพี้ยน

“เฮอะ  ใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าสวมหมวกเขียวให้จอมยุทธหลี่ “

“เฮอะ  ใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าสวมหมวกเขียวให้จอมยุทธหลี่ “

“เฮอะ  ใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าสวมหมวกเขียวให้จอมยุทธหลี่ “


คุณชายเสื้อเหลืองยืนช็อคในความไร้ยางอายของคู่อาจารย์ลูกศิษย์







+++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2017 14:31:48 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
I want a ม้วนไม้ไผ่นั่นจัง รองรับการอับเดท path ผ่านการกรีดนิ้วร่ายมนต์ได้ด้วย ว่าแต่ใช้ cpu กี่ core การ์ดจอก็ท่าจะแรงด้วยเปิดปิดได้ดั่งใจขนาดนั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อูยยย..............ไม่เรทหรอก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

แหมๆ....หยุูมีวิชาเซียนน้ำแตกกระจายด้วย ยอดเยี่ยม
แถมมีการประนีประนอมให้อีกฝ่ายยอมแพ้ด้วยการแบล็กเมล์ซะด้วย  :laugh:
มีบันทึกคำพูดในการประลองด้วย ครั้งแรกยังไม่ฉลาด ครั้งต่อไปไม่พลาด  o18
สมเป็นอาจารย์กับศิษย์จริงๆ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แต่ละอย่างที่ทำนี่...เหมาะเป็นอาจารย์และศิษย์ดั่งผีเน่าโลงผุ ส่งเสริมกันดีเหลือเกิน

ช่างเป็นการประลองที่ใสสะอาด ไม่มีเรื่องใต้สะดือ ไม่มีกลโกง ไม่มีการขยี้จุดอ่อนเล้ยยยยยย

พระเอกอย่างเสี่ยวหมีอยู่ที่ไหน? ฉันสมทบทุนค่าตัวเสี่ยวหมีสามสลึง

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
แหม ศิษย์ อาจาร์รู้จักใช้งานกันจริงๆ ใส่ชุดหวีวววววซะ :hao6:

หายป่วยไวๆนะคะ พักผ่อนเยอะๆนะ :L2:

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

wnkth: ติดต่อซื้อได้ที่ห้างมิตรไมตรี  เรามีขายทุกอย่าง  #ช่วยโฆษณาให้คุณชายจ้าว

 ♥►MAGNOLIA◄♥:   เอาชื่อวิชาที่สามีน้องอวิ๋นตั้งให้มาใช้ไง 55555+
ส่วนอาจารย์กระศิษย์  #ส่ายหัวแบบโนคอมเม้นท์

alternative: รอโอนเข้าบัญชีครบ 10 ล้านตำลึงทองแล้วจะปล่อยตัวเสี่ยวหมีออกมา  ฮี่ๆๆๆๆๆๆ

puiiz: *-*

mild-dy: thx ja

NuTonKaw:  คนมันจนน่ะครับ  ไม่มีเสื้อผ้าใส่  เลยต้องใส่น้อยชิ้น 55555+
ขอบคุณมากครับ  จะรีบหายไว ๆ


++++++




“ผู้แซ่ซีคง  เจ้าคิดว่าข้ากลัวหลี่โอ๋อวิ๋นอย่างงั้นรึ”

หวงอีกงจื่อกล่าวพลางจิ้มพู่กันสุ่ม ๆ ลงไปใต้น้ำรอบ  ๆ ตัว   มวลน้ำในลานประลองที่เคยใสในระดับหนึ่งตอนนี้ดูมืดทึบด้วยกระแสอันเชี่ยวกรากภายใต้  ผนวกกับฟองพรายของคลื่นที่ถูกกลืนไปใต้น้ำ  ถึงแม้ว่าซีคงหยูจะไม่สามารถใช้ความปรารถนาย้อนกลับโจมตีได้รุนแรงพอ  แต่เขาสามารถใช้มันสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อกับวัตถุกลไกของตนได้เป็นอย่างดี

ซีคงหยูแหวกว่ายไปใต้ก้นบึ้งของน้ำที่พู่กันจิ้มมาไม่ถึง  แสงเต๋าสีดำพุ่งวาบ ๆ จากปลายพู่กันเหมือนกระสุนปืนที่ยิงสุ่มไปมา

“ได้ ๆ นับว่าเจ้ากล้าหาญ”   ซีคงหยูส่งปราณเสียงตอบไป  และครุ่นคิดว่าจะต่อสู้อย่างไร  แผลที่หน้าอกและมือของเขาโดนน้ำจนแสบไปหมด  ถึงแม้ว่าสน็อกเกิ้ลของเขาจะช่วยให้หายใจใต้น้ำได้ระดับหนึ่ง  แต่ก็มีขีดจำกัดของมัน  ซ้ำเรี่ยวแรงของเขาก็เริ่มหมดลงไปเรื่อย ๆ

“ผู้แซ่ซีคง  นอกจากขี้โกงแล้ว  เจ้ายังขี้ขลาด  ไฉนไม่กล้าขึ้นมาสู้กับข้า”

“ฮ่า ๆ  วิธียั่วยุผู้คนให้ทำตามของเจ้ายังต่ำชั้นไปนะหวงอี  ข้ารู้ว่าเจ้าใช้ปราณเมฆาพยุงตัวเหนือผิวน้ำ  ส่วนข้ามีวัตถุกลไกช่วยอยู่ใต้น้ำ  ข้าจะคอยดูว่าปราณของใครจะหมดก่อนกัน”

คุณชายเสื้อเหลืองฟังแล้วก็หลั่งเหงื่อเย็นเยียบ  เขาใช้ปราณเมฆาไปมหาศาลตอนที่ยิงลำแสงบรรพกาล  ซ้ำการพยุงตัวยืนบนน้ำก็เปลืองพลังพรตไม่ใช่เล่น  ตอนนี้เขามีปราณเมฆาเพียงสองในสิบส่วน

“สมแล้วที่เจ้าขี่หมีดำ  เจ้ามันก็ขี้ขลาดเหมือนกับหมีดำ”

“เฮ่อ ๆ  หวงอี  ใครขี้ขลาดกันแน่  แน่จริงเจ้าก็ลงมาสู้ใต้น้ำกับข้าสิ”

หวงอีไม่ตอบ  เขาดีดยาเซียนฟื้นฟูปราณเข้าไปในปาก  จากนั้นเสแสร้งกล่าวกับซีคงหยู

“ฮึ่ม  ถึงปราณเมฆาของข้าใกล้จะหมด  ข้าก็ไม่มีวันยอมแพ้  ถ้าเจ้าอยากได้หัวของข้า  ก็จงมาเด็ดด้วยตนเอง”

ซีคงหยูที่ไม่เห็นหวงอีโด๊ปยา  ยังคงว่ายวนไปรอบ ๆ อีกฝ่ายเหมือนฉลามที่ซุ่มรอเหยื่อ  เขาคิดว่าจะรอสักพัก  แล้วจะขึ้นไปโจมตีหลอกล่อเพื่อเร่งให้ปราณเมฆาของอีกฝ่ายหมดเร็วขึ้น

ซีคงหยูหยุดว่ายและยืนอยู่ใต้น้ำ   ในขณะเดียวกันเขาก็ยังส่งประแสปราณควบคุมกระแสน้ำให้ไหลวนเชี่ยวกรากดุจเดิม  ชื่อดั้งเดิมของความปรารถนาย้อนกลับคือวิชาเซียนหนีในน้ำ  และมันมีจุดเด่นที่ความอึดของการใช้พลังปราณ  หากท่านไม่สามารถอดทนได้นานพอ  ท่านจะหนีผู้อื่นได้อย่างไร

ซีคงหยูจับสามง่ามด้วยมือขวา  ชี้ไปยังเงาร่างของศัตรูเหนือผิวน้ำ  เขาโคจรปราณเมฆาจากจุดตันเถียงมายังแขนและข้อมือ  มันสร้างริ้วเมฆสีเขียวมรกตหมุนวนตลอดทั้งลำของสามง่าม  ริ้วเมฆหมุนวนอย่างรุนแรงและรวดเร็วขึ้นทุกทีจนเหมือนกับมีพายุก่อตัวรอบ ๆ อาวุธ

“หงสาทะลวงใจ!”

ทอนาโดสีมรกตพวยพุ่งทะยานจากใต้น้ำ  โจมตีใส่หวงอีกงจื่อในพริบตา

“ฮ่า ๆ ในที่สุดเจ้าก็เผยหาง”   แทนที่จะตกใจ   หวงอีตวัดปลายพู่กันยิงลำแสงสีดำสวนกลับไปในกลางทอนาโดทันที   และในขณะเดียวกัน  ปีกแสงสีน้ำตาลก็กระพือออกมาห่อหุ้มคุ้มกันเบื้องหน้าเขาจากทอนาโด

“อั่ก!”

แสงเต๋าสีดำยิงโดนหัวไหล่ของคุณชายสามจนเป็นรู   เลือดสีคล้ำเข้มพวยพุ่งและกระจายเหมือนกับควันใต้น้ำ   ซีคงหยูกัดฟันข่มความเจ็บปวด  และว่ายหลบหลีกลำแสงที่ยิงจากผิวน้ำไม่หยุดหย่อน  เขาเชื่อว่าด้วยการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของอีกฝ่าย  ปราณเมฆาของหวงอีต้องหมดในไม่ช้า  สิ่งที่เขาต้องทำคืออดทน  จนกว่าหวงอีจะทนไม่ไหวและลงมาเปิดศึกใต้น้ำ

หวงอีทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นคาวเลือดที่ไหลลอยมาถึงผิวน้ำ  และเผยยิ้มชั่วร้าย

“ซีคงหยู  เจ้าบาดเจ็บอยู่อย่างงั้นรึ”

ซีคงหยูไม่ตอบ   เขาใช้มือกดแผลที่หัวไหล่เอาไว้และพยายามโคจรปราณมายับยั้งโลหิต

แม้จะไม่มีเสียงตอบกลับมา  หวงอีก็ยังคงกล่าวต่อ  “ข้าจะบอกอะไรให้นะซีคงหยู  ปราณเมฆาข้าไม่มีวันหมด  เพราะข้ามียาเซียนฟื้นฟูปราณ  นี่คือความแตกต่างระหว่างพวกบ้านนอกกับตระกูลใหญ่ที่แท้จริง”

ซีคงหยูสะอึก   เขาลืมนึกไปถึงจุดนี้

“อีกอย่างนะซีคงหยู  จริง ๆ แล้วข้าสามารถจบการต่อสู้กับเจ้าได้ในพริบตา  แต่ข้าไม่ทำ  เพราะว่าอะไร...”

หวงอีหัวร่อ  แม้ว่าสิ่งที่ตอบเขากลับมามีแต่ความเงียบ   แต่เขาก็รู้ว่าทุก ๆ ถ้อยคำของเขาเหมือนกับมีดที่กรีดลงไปกลางใจของอีกฝ่าย

“..เพราะว่าข้าสนุกที่เห็นเจ้าวิ่งไปมาเหมือนหนูสกปรก  ซีคงหยู  เจ้าคิดว่าจะเผยอตัวเทียบเทียมกับยอดฝีมือและตระกูลใหญ่ได้  แต่จริง ๆ แล้วเจ้าเป็นแค่พวกหลังเขา  ทายาทจากตระกูลเล็ก ๆ ในเมืองไกลปืนเที่ยงที่ประสบโชคนิด ๆ หน่อย ๆ  วิชาเซียนของเจ้ามีแต่ขยะไร้ประโยชน์  เจ้าไม่รู้พื้นฐานที่ถูกต้องของการใช้ปราณด้วยซ้ำ  น่าสมเพชจริง ๆ”

ถึงตอนนั้น   ซีคงหยูจึงตอบกลับไปด้วยปราณเสียง

“หวงอี  เจ้าแค้นข้าเรื่องอะไร”

“ฮ่า ๆๆ  ข้าจำเป็นต้องแค้นเจ้าด้วยหรอในการพูดเหยียดหยามเจ้า  ข้าแค่ดูหมิ่นเจ้า  สมเพชเจ้า  รังเกียจเจ้า  เจ้าไม่ควรค่าแม้แต่นิดที่จะถือรองเท้าให้กับชนชั้นอย่างข้าและศิษย์น้องตู้”

ซีคงหยูฟังแล้วก็นอนหงายและปล่อยตัวเองจมลงไปใต้น้ำ  และเงยมองเงาร่างของอีกฝ่ายอยู่อยู่บนผิวน้ำอันมีแสงส่องระยิบระยับ   ในตอนนี้ผิวน้ำเบื้องบนเหมือนกับสรวงสวรรค์ที่เปล่งประกาย  และสุรเสียงที่เปล่งลงมาเหมือนกับเสียงของเทพเจ้า  มันยิ่งใหญ่และลำพองราวกับจะตอกย้ำว่าปุถุชนนั้นไร้ค่าไร้ความหมายเพียงใด

“หวงอี  ถ้าอย่างงั้น  ข้ายอมแพ้เจ้าดีหรือไม่”

นักพรตเวิ่นเต๋อได้ยินเช่นนั้นก็หลับตา  จริง ๆ เขาสามารถเตือนซีคงหยูตั้งแต่ตอนที่หวงอีกงจื่อกลืนยาเซียนฟื้นฟูปราณ  และในตอนนี้เขาก็สามารถส่งปราณเสียงไปปปลุกปลอบกำลังใจได้  แต่เขารู้สึกว่าได้ยื่นมือเข้ายุ่งกับการประลองครั้งนี้มากเกินไปแล้ว

ศิษย์ของเขาช่างมีเจตจำนงที่อ่อนแอ  อุปสรรคเพียงเท่านี้ยังผ่านพ้นไปไม่ได้  ถึงแม้ว่าจะมีสติปัญญาดีและมีพรสวรรค์  ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์

ในขณะที่นักพรตเวิ่นเต๋อตัดใจ  ไป่หลินหลิงกลับมองไปที่ลานประลอง 13 ด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ดุจเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

หวงอีฟังดังนั้นก็นิ่งไปนิดหนึ่ง  จากนั้นกล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ายอมแพ้แล้วข้าจะพอใจ  เจ้าคิดผิด  สิ่งที่เจ้าจะทำ  มันก็แค่ยืนยันว่าเจ้ามันเป็นคนขี้ขลาดมากแค่ไหน”

“ฮ่า ๆๆๆ”  ซีคงหยูหัวเราะอย่างเจ็บปวด  แผลของเขาทำให้เรี่ยวแรงและพลังปราณไหลออกไปอย่างรวดเร็วดุจหม้อรั่ว   กระแสน้ำที่ปั่นป่วนค่อย ๆ สงบลง   จนหวงอีมองเห็นร่างที่นอนหงายอยู่ใต้พื้นน้ำ

“ข้าขอยอมแพ้”

สิ้นคำพูด   แสงสีทองห่อหุ้มร่างของทั้งสองฝ่าย  และพาพวกเขาออกไปจากลานประลองทันที


+++++


ร่างในชุดประดาน้ำร่วงลงมาพร้อมกับสามง่ามของตนยังจุดเดิมที่เขาวาร์ปขึ้นไป  ทว่าก่อนที่ร่างนั้นจะเซร่วงลงกับพื้น  ก็มีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่และอ้อมแขนที่แข็งแกร่งโอบรับไว้ทันที

เจ้าของดวงตาดุเพ่งมองรอยแผลและเลือดสีซีดที่ยังซึมออกมาปนกับสายน้ำอันหยดรินจากไรผมและเรือนร่างเกือบเปลือยของอีกฝ่าย

ซีคงหยูกระพริบตาและกระตุกยิ้มให้กับเจ้าของดวงตาสีสนิมที่จ้องเขาเหมือนกับจะฉีกเนื้อใครสักคน

“อา..ข้าแพ้จนได้”

หลี่โอ๋อวิ๋นกัดฟันจนกรามนูนเป็นสัน  และรวบผ้าเช็ดตัวห่อร่างของอีกฝ่ายมากกว่าเดิม  “เจ้าต่อสู้กับใคร”

“มันไม่สำคัญ”   คุณชายสามปรือตาอย่างเหนื่อยอ่อนและกล่าว  “น้องอวิ๋น..ปล่อยข้านั่งพักสักครู่  แล้วข้าจะดีขึ้นเอง”

หลี่โอ๋อวิ๋นไม่ฟังคำ  เขาสะกิดเท้าใช้วิชาตัวเบา  หายวับไปจากสถานที่นั้นพร้อมร่างที่เขาอุ้มไว้ทันที


+++++


ในห้องนอนของผู้บัญชาการค่ายประตูทรราช   หลี่โอ๋อวิ๋นวางร่างในผ้าเช็ดตัวลงกับเตียงของตนเองอย่างไม่กลัวเปียก   เขาหยิบผ้าอีกผืนจากแหวนสี่มิติของตนเองมาเช็ดร่างกายของอีกฝ่ายรวมทั้งซับน้ำจากบาดแผลอย่างเบามือ   จากนั้นเรียกยาเซียนธาตุดินมาบดเป็นผงแล้วโรยลงไปที่บาดแผล  ยาของเขาไม่ดีเท่ากับของนักพรตเวิ่น  แผลของซีคงหยูจึงไม่ได้สมานอย่างรวดเร็ว  ทว่ามันก็ช่วยลดความเจ็บปวดให้ได้เป็นอย่างดี

คนเจ็บที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นพยายามเผยอเปลือกตามองอีกฝ่าย

“เฮ้..”

“...”

“ขอบใจเจ้ามาก”

หลี่โอ๋อวิ๋นยืนนิ่งมองริมฝีปากเปื่อยซีดของคนที่อยู่ใต้น้ำเย็นเฉียบเป็นเวลานาน  เขาเอื้อมมือไปกดจุดหลับของอีกฝ่าย  ตาของอีกฝ่ายค่อย ๆ ปรือมากกว่าเดิมจนปิดสนิท  เสียงของลมหายใจก็ช้าลง   จากนั้นหลี่โอ๋อวิ๋นดึงผ้าห่มคลุมร่างให้  ด้วยความลังเลใจ   เขาแตะใบหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย  ความเย็นของผิวหนังส่งผ่านปลายนิ้วที่เขาสัมผัส  เขาคิดจะแตะต้องปลายคางและคอของอีกฝ่ายแต่หักห้ามใจ  แล้วหันกายเดินออกมาจากห้อง

“พี่ใหญ่  พี่หยูเป็นยังไงบ้าง”

หลี่โอ๋อวิ๋นปรายตามองชายหนุ่มที่มีสีหน้าร้อนใจอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก 

“ใช้ปราณและพลังเลือดเนื้อมากไป  เลยอ่อนเพลีย”

“ข้าขอเข้าไปดู”

หลี่โอ๋อวิ๋นผลักอกซ่งมู่เอาไว้  ไม่ให้เดินเข้าห้อง

“ปล่อยให้เขาพักผ่อน  ส่วนเจ้ามีหน้าที่ต้องทำ”

ซ่งมู่กัดฟันและพยักหน้า

“เข้าใจแล้ว  พี่ใหญ่”

ทั้งคู่เดินออกไปที่หน้าค่ายอันกองกำลังทั้งหมดของประตูทรราชมารวมตัวกัน  กองกำลังแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มสำหรับโจมตีสี่เหมืองที่ตั้งใจไว้   หลี่โอ๋อวิ๋นและยอดฝีมืออีกจำนวนหนึ่ง  จะทำหน้าที่คอยขัดขวางสำนักอื่นที่จะเข้ามาแย่งโจมตีอสูรเฝ้าเหมือง   เมื่อทุกคนมากันพร้อมหน้า  หลี่โอ๋อวิ๋นก็นำกองกำลังไปเตรียมตัวที่หน้าผาที่จิ้งซาน  ทางเข้าดินแดนลี้ลับ  เพื่อรอให้การประลองของทุกลานสิ้นสุดลง


++++++


เนื่องจากการรักษาความลับเรื่องผลการประลองเป็นหัวใจสำคัญของการประลองครั้งสุดท้าย  นักพรตเวิ่นเต๋อจึงไม่แจ้งผลการประลองให้กับผู้อาวุโสห้าสำนักทันที  และโพยไม้ไผ่พนันก็จะยังไม่แสดงผลจนกว่าอีกสองชั่วยามจะผ่านพ้น  ทว่าก็มีบางคนที่อยากรู้ก่อนเวลา

“ท่านนักพรตเวิ่น  ไม่ทราบว่าผลการประลองลานที่ 13 เป็นอย่างไรบ้าง”

ผู้อาวุโสไมตรีโลหิตเอ่ยถาม  ขณะที่ตู้ถงเทียนขมวดคิ้ว  เพราะเขาทราบผลผ่านช่องทางติดต่อกับตู้เกี่ยนหลงแล้ว  แต่ไม่ต้องการให้สำนักอื่นทราบ  ทว่านักพรตเวิ่นเหมือนจะไม่เข้าใจความลำบากใจของตู้ถงเทียน   นักพรตเคราดำถอนหายใจลึกยาวแล้วตอบ

“น่าอายจริง ๆ  ศิษย์ของข้ายอมแพ้การประลอง”

“โอ้..”   ผู้อาวุโสไมตรีโลหิตพูดได้คำเดียว  เพราะเขาก็ไม่สามารถวิจารณ์ซีคงหยูซึ่ง ๆ หน้ากับเวิ่นเต๋อได้

“บางทีเขาอาจจะเห็นว่าไม่มีทางชนะแล้วก็ได้”   ไป่หลินหลิงกล่าวปกป้องศิษย์สำนักตน

ผู้อาวุโสเหม่ยแห่งวังหมื่นบุปผายิ้มหยัน  “เฮอะ  ไม่มีคำว่าแพ้ชนะแน่นอนในการต่อสู้  ยังทำไม่ถึงที่สุดก็ถอดใจ  ศิษย์สำนักเจ้านี่ช่างมีเจตจำนงที่อ่อนแอจริง ๆ”

เวิ่นเต๋อนิ่งไม่ตอบคำ  เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าไปด้วย  จึงเปลี่ยนเรื่อง

“การประลองทุกลานสิ้นสุดแล้ว  นักพรตผู้นี้จะทำหน้าที่สุดท้าย  คือเปิดม่านคุ้มกันดินแดนลี้ลับ  เพื่อให้ศิษย์ห้าสำนักชิงชัยกันในช่วงสุดท้าย”

เวิ่นเต๋อกล่าวแล้วก็ทำสัญลักษณ์มือจำนวนมากในการร่ายวิชาเซียน   ม่านคุ้มกันสีฟ้าที่คอยป้องกันไม่ให้ใครเข้าเหมืองได้ยามค่ำคืนและยามที่มีการประลองก็ค่อย ๆ จางหายไป

“พวกเราจะพนันกันอีกหรือไม่ว่าสุดท้ายแล้วสำนักใดที่จะได้ชัยชนะ”  ไป่หลินหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ

“นักพรตผู้นี้คิดว่าจะเลิกอบายมุขแล้ว  จะมุ่งทางธรรมและบำเพ็ญภาวนาชำระจิตใจ”  เวิ่นเต๋อกล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเหยียบเมฆเจ็ดสีเหาะไปจากยอดเขาทันที


++++++



“เจ้าสำนัก  เราตรวจจับกังหันสื่อสารได้ที่วินาทีที่ 11.00000000237”

ผู้รับฟังรายงานผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้รูปร่างแปลก ๆ ที่ทำจากโลหะอันไม่ทราบชนิดทันที

“โอ...เช่นนั้นรีบเปิดวงจรเคลื่อนย้ายวัตถุระยะไกล  แล้วดูว่ามีข้อความอะไรส่งออกมา”

“ศิษย์น้อมรับคำสั่ง”   อีกฝ่ายประสานมือคารวะแล้วโค้งตัว  ก่อนรีบไปจัดการ

เจ้าสำนักมองนาฬิกาหายนะขนาดมหึมาที่ผนังฝั่งตรงข้าม  เหลือเวลาอีกไม่ถึง 9 วินาทีจักรวาล   ก่อนที่เขาจะพ่ายแพ้ในเกมหมากนี้อีกครั้ง


+++++


ที่ทางเข้าดินแดนลี้ลับ  กองกำลังของประตูทรราชและวารีพิสุทธิ์  เดินทางเข้าไปยังเหมืองที่แต่ละฝ่ายแบ่งสรรไว้    ไม่นานนัก  กองกำลังของพันธมิตรสามสำนักก็ปรากฏตัว   และรีบกรูเข้าไปตามหลังเหมืองที่วารีพิสุทธิ์บุกโจมตีทันที   ทว่าหลี่โอ๋อวิ๋นใช้ปราณจันทราเรียกดาบที่ปักอยู่ตรงหน้าให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า   สายฟ้าสีม่วงผ่ามารวมตัวกันที่ดาบและใช้มันเป็นจุดหักเห  สร้างม่านสายฟ้าขนาดใหญ่ผ่าทำลายพื้นที่ตรงหน้าของกองกำลังสามสำนักทันที

เมื่อเห็นเช่นนั้น  ตู้เกี่ยนหลงจึงประสานมือคารวะ

“พี่หลี่  ท่านจำเป็นต้องปกป้องวารีพิสุทธิ์ด้วยหรอ”

หลี่โอ๋อวิ๋นมองกลับอย่างเย็นชา   ขณะที่สายฟ้ายังคงผ่าที่พื้นอย่างไม่หยุดหย่อน 

“ข้าสัญญากับใครบางคนไว้”


“พี่หลี่  ภาษิตว่าอย่ารังแกสุนัขจนตรอก  พวกเราสามสำนักยอมให้พี่หลี่ได้อันดับหนึ่งในการประลองครั้งนี้แล้ว  ท่านยังจะหวงอันดับสองไว้อีกหรือ  พี่หลี่ไม่เกรงว่าจะถูกสุนัขรุมกัดจนตายหรือไง”

“ฮ่า ๆๆๆ”  หลี่โอ๋อวิ๋นหัวร่ออย่างลำพอง  จากนั้นชี้หน้าเด็กหนุ่มเจ้าของผ้าคาดหัวลายมังกร  “อาศัยเพียงแค่ชนชั้นอย่างพวกเจ้าน่ะรึ”

“แล้วถ้านับจ้าวด้วยล่ะ  คุณชายหลี่”  จ้าวเหรินเจี่ยนปรากฎตัวเหมือนภูตผีที่หน้ากองกำลังสามสำนัก  ชุดขาวเย้ยหิมะของเขาเข้ากับผิวอันเนียนและเอียดและใบหน้าที่งดงามหล่อเหลาดุจภาพวาด  ผ้าขาวมัดมวยผมปลิวไปตามลมเหมือนกับเซียนผู้วิเศษลงมาเยือนโลกมนุษย์  ปราณจันทราของเขาเหมือนกับแสงจันทร์ที่แทงทะลุเมฆมืดมัวและดินแดนสายฟ้าอันหลี่โอ๋อวิ๋นสร้าง  ด้ายแดงที่ข้อมือขยับเป็นเกลียวคลื่นและเปล่งรังสีสีแดงบาดตาตัดกับบรรยากาศสีขาวทั้งหมดของจ้าวเหรินเจี่ยน

กองกำลังที่เหลืออยู่ของหลี่โอ๋อวิ๋นตระหนกตกใจ  ทว่ากองกำลังสามสำนักก็แตกตื่นไม่แพ้กัน   ตู้เกี่ยนหลงปั้นยิ้มและประสานมือคารวะ

“ไม่นึกว่าพี่จ้าวก็มาร่วมสนุกด้วย”

“ฮ่า ๆ มีบางคนอยากให้จ้าวมาดื่มชาสนทนากับคุณชายหลี่  จ้าวจึงหลุดจากจากตำแหน่งผู้คุ้มกันเหมืองมาได้”

ตู้เกี่ยนหลงหัวร่อตามไปด้วย  ทว่าในใจลึก ๆ รู้สึกหวั่นวิตกอย่างประหลาด  พร้อมกับพิศวงว่าใครที่ปล่อยจ้าวเหรินเจี่ยนออกมา  หรือว่าวารีพิสุทธิ์ตั้งใจหักหลังประตูทรราชอีกที  หรือว่าวังหมื่นบุปผา   เพราะจ้าวเหรินเจี่ยนให้ศิษย์สำนักตนท้าประลองไม่ได้  และเขาในฐานะผู้นำศิษย์สำนักย่อมรู้ว่าศิษย์อำพันโบราณไปประลองที่ลานใดบ้าง   หรือว่าจะเป็นประตูทรราชสมคบคิดกับไมตรีโลหิต  ทว่าถ้าพวกเขาสมคบคิดกัน  เหตุใดไม่ทำตั้งแต่แรก  ความคิดทั้งหมดวุ่นวายอยู่ในหัว  แต่ตู้เกี่ยนหลงก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า  เขากล่าวกับจ้าวเหรินเจี่ยน

“ถ้าเช่นนั้น   น้องชายคงต้องรบกวนพี่จ้าวอยู่สนทนากับพี่หลี่แล้ว”

จ้าวเหรินเจี่ยนยิ้มละไม  แล้วกล่าวกับหนุ่มรุ่นน้อง

“เหมืองที่เหลือมีเจ็ดเหมือง  ไมตรีโลหิตขอสาม  ที่เหลืออีกสี่  คุณชายตู้และคุณชายเว่ยแบ่งกันอย่างไรก็ตามใจ”

ตู้เกี่ยนหลงสูดลมหายใจ  ที่แท้ก็เช่นนี้นี่เอง  ถ้าไมตรีโลหิตได้สามเหมืองไป   และประตูทรราชสูญเสียเหมืองที่น่าจะได้ไปทั้งหมด  ไมตรีโลหิตก็จะครองอันดับหนึ่ง  ในเมื่อรู้จิตเจตนาของจ้าวเหรินเจี่ยน  และพบว่าผลลัพธ์ที่ออกมา  น่าจะดีกว่าการปะทะกับหลี่โอ๋อวิ๋น   เขาจึงตอบรับคำ

“ขอบคุณพี่จ้าวมาก  เช่นนั้นผู้น้องไม่เกรงใจ”

หลี่โอ๋อวิ๋นยิ้มหยัน

“พวกเจ้าแบ่งเค้กกันเร็วเกินไปหรือไม่  ไฉนไม่ถามดาบในมือของข้าก่อน”

“ฮ่า ๆ คุณชายหลี่เหี้ยมหาญองอาจดุจเดิม  จ้าวนับถือเป็นอย่างยิ่ง  ทว่าสองหมัดยากสู้สี่ฝ่ามือ  จ้าวขอน้อมเตือนคุณชายหลี่ให้รู้จักประมาณตน”

เขากล่าวแล้วก็สะบัดกระบี่ในมือให้บินวาบประดุจประกายแสงสีเงินเข้าโจมตีหลี่โอ๋อวิ๋นทันที

หลี่โอ๋อวิ๋นชูนิ้วชี้ขึ้นท้องฟ้า  วาดนิ้วลงมาแทนดาบ   ปราณจันทราของเขาก่อตัวเป็นรูปดาบฟาดปะทะกับกระบี่บินของจ้าวเหรินเจี่ยนทันที

“จังหวะนี้ล่ะ  พวกเรารีบโจมตีม่านสายฟ้า”   ตู้เกี่ยนหลงตะโกน  และรวมกำลังศิษย์สามสำนักเข้าจู่โจมดาบที่ยังคงลอยอยู่กลางท้องฟ้า

หลี่โอ๋อวิ๋นใช้มือเปล่าต่อสู้กับกระบี่วิเศษของจ้าวเหรินเจี่ยน  ในขณะที่ถ่ายเทปราณจำนวนหนึ่งรักษาม่านสายฟ้าที่ป้องกันทางเข้าเหมืองไว้

ทว่าเพลงกระบี่ของจ้าวเหรินเจี่ยน  ยิ่งมายิ่งเจือจางและคมกริบประดุจแสงจันทร์ที่เย็นเยือกเสียดกระดูกในฤดูเหมันต์   ประกายแสงสีเงินยวงพุ่งวาบ  รวมตัวและแตกตัว  เหมือนกับกระบี่นับร้อยนับพันที่พุ่งเข้าจู่โจมจนหลี่โอ๋อวิ๋นแทบไม่ได้พักหายใจ

“ฟ้าไร้เมตตา!”

หลี่โอ๋อวิ๋นคำรามลั่น   ท้องฟ้าเบื้องบนของเขาเหมือนกับแตกทำลาย  เกิดคลื่นพลังกดดันไปรอบ ๆ บริเวณ   พื้นดินรอบตัวเขาพลันแห้งผาก   หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้ง   สีน้ำตาลแห่งความตายแผ่ขยายไปรอบ ๆ ตัวพรากสรรพชีวิตในรัศมียี่สิบวาอย่างรวดเร็ว   แมลงในบริเวณรอบ ๆ หยุดส่งเสียงด้วยความหวาดกลัวอันฝังลึกในสัญชาตญาณ  หลี่โอ๋อวิ๋นทะยานไปข้างหน้าพร้อมกับปราณดาบแห่งการทำลายล้างบุกโจมตีใส่จ้าวเหรินเจี่ยนทันที

“มาได้ดี”

จ้าวเหรินเจี่ยนกล่าว   กระบี่บินของเขาพุ่งกลับมาที่มือ  จากนั้นวาดกระบวนท่าหนึ่งในเพลงกระบี่สิบสามเงาจันทร์  แสงจันทร์เจิดจ้าเข้ากับปราณจันทราของเขาเหมือนกับดวงเดือนลอยหลั่นลงมาสู่โลกมนุษย์

จังหวะที่ทั้งคู่ปะทะกับอย่างจริงจัง   ศิษย์สามสำนักก็ทำลายม่านสายฟ้าได้สำเร็จ   ตามข้อตกลงของจ้าวเหรินเจี่ยน  ไมตรีโลหิตเลือกสามเหมืองที่จะบุกโจมตีก่อน  พวกเขาเลือกติดตามสำนักวารีพิสุทธิ์ที่อ่อนแอที่สุดไป  ขณะที่อำพันโบราณและวังหมื่นบุปผาจำเป็นต้องแยกกันติดตามกองกำลังของประตูทรราชสำนักละสองเหมือง

ยอดฝีมือที่เหลืออยู่ของหลี่โอ๋อวิ๋น  มองการต่อสู้บนท้องฟ้าด้วยใจว้าวุ่น   หลี่โอ๋อวิ๋นตะโกนออกคำสั่ง

“พวกเจ้านิ่งเฉยทำไม  ตามไปช่วยสำนักเราเร็วเข้า!”

ทั้งหมดรับคำสั่ง  แล้วสะกิดเท้าพุ่งเข้าประตูดินแดนลี้ลับทิ้งการต่อสู้อันสะท้านฟ้าสะเทือนดินไว้เบื้องหลัง

เมื่อม่านสายฟ้าถูกทำลาย  หลี่โอ๋อวิ๋นจึงเรียกดาบกลับมาในมือ   เขามองมือกระบี่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามหลังจากผ่านการปะทะไปยี่สิบกว่าเพลงด้วยสายตาโอหัง

“น้องจ้าว  ไม่นึกว่าเจ้าจะทำให้ข้าต้องเอาจริงจนได้”

จ้าวเหรินเจี่ยนยิ้มละมุน  “จ้าวใคร่สัมผัสประสบการณ์การเอาจริงของคุณชายหลี่  โปรดชี้แนะด้วย”

“เฮอะ!”

หลี่โอ๋อวิ๋นแค่นเสียงและวาดดาบพุ่งเข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้ามอีกครา



+++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2017 12:24:22 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
ฝีมือร้ายกาจจังท่านจ้าว

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ซับซ้อนดั่งดอกบัว

หวงอีปากสุนัข

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
พี่หยูเจ็บเราก็เจ็บ :ling1: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด