Xianxia: เทพยุทธหมีดำในตำนาน: #43 ถ้ำของเจ้าข้าจะรับเอาไว้ วะฮ่าๆๆ (5/11)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Xianxia: เทพยุทธหมีดำในตำนาน: #43 ถ้ำของเจ้าข้าจะรับเอาไว้ วะฮ่าๆๆ (5/11)  (อ่าน 22773 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ดาเฮลอันเดอร์

'จารย์ ทั่นแทงสีข้างกันแบบนี้ ข้าล่ะเพลีย ทีหลังก็บอกกันก่อนเซ่!

ซีคงฉลาดมาก เข้าใจเต๋าแห่งอะตอม (ดีนะที่ขยันเรียนวิทย์ ไม่งั้นฉันคงเอ๋ออีกนาน)

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
อาจารย์เล่นแทงอะไรแบบนี้

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ommanymontra:  สวัสดีสหายเต๋าโอมมณีมนตรา   ข้าน้อยสะกดถูกหรือไม่  *-*

 alternative: แน่ะ  มีคำสบถใหม่  #จดเข้าดิกชันนารี่
เข้าใจถูกล่ะฮะ  แรงบันดาลใจจากการเคลื่อนที่แบบราวเนี่ยน

wnkth:  จะให้อาจารย์แทงที่ไหนถึงจะดี อิอิ  เปลี่ยนน้องตู้มาแทงดีก่า



++++




“ท่านอาจ๊ารย์  มันผิดกฎนะ  จะให้ข้าล้มมวยได้ยังไง”  ซีคงหยูพูดพลางถอยออกไปห่าง ๆ จากฮู้หลิน   นางมองตามประหลาดใจที่ซีคงหยูไม่ฉวยโอกาสยามกำชัยรีบรุกไล่

“เฮ้อ  ศิษย์ไม่รักดี  คราวก่อนเจ้ายังนัดกันล้มมวยอยู่เลย”

“เรื่องที่แล้วก็แล้วกันไป  ท่านจะมาตัดสินความผิดย้อนหลังย้อนหลังไม่ได้  กฎหมายไม่อนุญาต”

“เพ้ย  มาตราที่ 16 วรรค 8  หากศิษย์สำนักคนใดจงใจบิดเบือนผลการประลอง  มาตรว่าจะพบหลักฐานการกระทำผิดในภายหลังก็จะต้องโทษจำคุกของสำนักตนไม่เกินหนึ่งเดือน  หรือปรับไม่เกินสามพันตำลึงทอง  หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ซีคงหยูเหงื่อตก   “ท่านอาจารย์  ท่านล้อข้าเล่นใช่มั้ย  กฎแบบนี้มันมีด้วยหรอ”

“ใช่  ข้าล้อเจ้าเล่น  ข้าคิดขึ้นมาสด ๆ ประเดี๋ยวนี้เอง”

ซีคงหยูกำลังจะอ้าปาก  แต่นักพรตเวิ่นเต๋อชิงส่งปราณเสียงมาต่อทันที

“..แต่เดี๋ยวข้าเขียนเพิ่มลงไปในคัมภีร์จารึกกฎ  เฮ่อ ๆ ใครใช้ให้ข้าใหญ่สุดแถวนี้ล่ะ”

“...”

“ฮัลโหล เทส เทส  1..2..3..4”

ปราณเสียงอีกกระแสดังขึ้นมาในหัวของซีคงหยู   เจ้าของหมีดำรู้สึกคุ้น ๆ กับเสียงก่อนจะโพล่งขึ้นมา

“พี่ชายหวาง?”

“โนววว  ข้าคือไป่หลินหลิง  ผู้อาวุโสลมและเมฆ”

“คารวะท่านผู้อาวุโส  ท่านมีอะไรจะชี้แนะ”

“ศิษย์ไม่รักดี  เจ้าทำอะไรอยู่  ทำไมไม่ตอบ”

“ท่านอาจารย์รอสักครู่  มีสายเรียกซ้อน”

“นักพรตเวิ่นเต๋อคงกำลังเรียกให้เจ้ายอมแพ้การประลอง?”

“ผู้อาวุโสไป่ช่างมีปัญญาเทียมฟ้า  หรือพูดสั้น ๆ ท่านรู้ได้ไงวะ”

“ฮี่ ๆ  ความลับ”

“ซีคงหยู   ตกลงเจ้าจะเอายังไงกันแน่”

“แม่นางฮู้  ใจเย็นก่อน  ตอนนี้รถไฟกำลังชนกัน”

“ศิษย์ซีคง  จงรับคำสั่งสำนัก   การประลองครั้งนี้เจ้าต้องชนะเท่านั้น   ถ้าแพ้...ฮี่ ๆ”

“อย่าบอกนะว่าผู้อาวุโสแทงข้างข้าชนะ”

“ตายจริง  โดนจับได้   ตกใจมาก”

“ศิษย์ไม่รักดี  ถ้าเจ้ายอมแพ้การประลอง  ข้าจะให้เจ้าเลือกหนังสือในคอลเลคชั่นข้าหนึ่งเล่ม”  เวิ่นเต๋อเห็นว่าไม้แข็งไม่ได้ก็เริ่มใช้ไม้นวม

“แต่อีกท่านบอกกับข้าว่าจะให้ของที่ดีกว่าอีกนะท่านอาจารย์”  ซีคงหยูได้ทีบลัฟเพิ่มมูลค่า

“เพ้ย  เป็นไปได้ยังไง  ถ้ามีคนส่งปราณเสียงไปหาเจ้า  ข้าต้องรู้สิ”

“วัวเฒ่าผู้นั้น  เขาไม่รู้หรอก”  ไป่หลินหลิงพูดแล้วหัวเราะคิกคัก

ซีคงหยูฟังแล้วเย็นวาบถึงข้อเท้า   ไป่หลินหลิงสามารถสอดแนมการสนทนาของเขากับเวิ่นเต๋อได้ชัด ๆ ขณะที่เวิ่นเต๋อไม่สามารถสอดแนมไป่หลินหลิงได้  เช่นนี้แล้ว..มันแปลว่าอะไร

“ผู้อาวุโสไป่  ข้าจะชนะการประลองนี้ตามที่ท่านขอก็ได้  แต่ท่านจะให้อะไรกับข้า”

“ศิษย์ไม่รักดี  นี่เจ้าคุยกับไป่หลินหลิงอยู่เรอะ”

“ไอ๊หยา!  ข้าพิมพ์ผิดแชนแนล”

“หึหึ  เจ้านี่มันร้ายนักซีคงหยู”   ไป่หลินหลิงรู้ว่าคุณชายสามจงใจ  แต่นั่นทำให้ลักยิ้มที่ข้างแก้มของนางบุ๋มไปกว่าเดิม  ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว  ซีคงหยูได้เปลี่ยนจากสภาวะของไข่ที่ถูกเบียดจากก้องหินสองด้าน  ให้ก้อนหินทั้งสองไปบดกันเอง  แต่ถ้ามิเช่นนั้นนางคงไม่เลือกเขาตั้งแต่แรก

บนยอดเขา  นักพรตเวิ่นเต๋อลืมตาที่หลุบอยู่ประดุจสายฟ้า  ทว่าทันใดนั้น   เขาก็ได้ยินเสียงปราณเสียงของไป่หลินหลิงที่ปรากฏในหัวของซีคงหยู

“เฮ้  ซีคงหยู  ข้าคือผู้อาวุโสไป่  ข้ามีเรื่องอยากจะเจรจา”

ซีคงหยูงุนงงว่าทำไมไป่หลินหลิงจึงแนะนำตัวอีกรอบ  แต่เมื่อนึกได้  เขาจึงพ่นลมหายใจพรืดและเอ่ยปากชม  “ท่านก็ร้ายเหมือนกันผู้อาวุโสไป่”

เวิ่นเต๋อหลุบตาลงอีกที  เขาพบว่าเมื่อครู่เขาโดนซีคงหยูบลัฟจนเชื่อเสียสนิท  หากว่าไม่ได้ยินเสียงปราณของไป่หลินหลิงเมื่อครู่  เขาคงคิดว่านางเป็นยอดคนที่งำประกายลึกล้ำ  และตบตาได้แม้กระทั่งยอดฝีมือระดับดาราเงียบงันขั้นปลาย

เวิ่นเต๋อแอบฟังต่อ

“ข้าแทงเจ้าแพ้เอาไว้  แต่นึกขึ้นได้ว่าเจ้าจะแพ้หรือชนะมันเป็นผลประโยชน์ของสำนัก  ข้าคงไม่อาจหักใจใช้ให้เจ้าทำอะไรที่ขัดกับมโนธรรมเพื่อผลประโยชน์ของตัวข้าได้   เจ้าจะทำอย่างไรก็แล้วแต่เจ้าล่ะกัน”   ไป่หลินหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยแกมเสียดาย  เหมือนกับว่าได้ลงเงินเดิมพันครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินทั้งหมดไป  และต้องมองเงินเหล่าจมหาย

ซีคงหยูกัดฟันกรอด  เขาตกในสภาวะไข่กลางหินอีกรอบ  แต่หินก้อนหนึ่งกลายเป็นดาบซุ่มเกาทัณฑ์ซ่อน  แต่ครั้นจะเปิดโปงนักพรตเวิ่นก็คงไม่เชื่อ  เขาหันไปหาฮู้หลินที่ยืนมองเขาเหมือนตัวประหลาด   เพราะซีคงหยูเปลี่ยนสีหน้าไปมาเหมือนกับงิ้วเปลี่ยนหน้ากาก

เขาถอนหายใจแล้วหันไปคารวะอีกฝ่าย

“แม่นางฮู้  เราเสมอกันดีหรือไม่”

“เพ้ย  เจ้าพูดอะไร  ศิษย์วังหมื่นบุปผา  ฆ่าได้หยามไม่ได้”

“ฆ่าได้หยามไม่ได้ที่ดี”  ซีคงหยูสาดน้ำใส่นางแล้วใช้วิชาเซียนอีกครั้ง  "ตายซะ!"

บรึ้ม!!

บรึ้ม!!

บรึ้ม!!


คราวนี้ระเบิดดังติดกันต่อเนื่อง   ร่างของสาวชุดม่วงปลิวกระเด็นไปเจ็ดแปดวา   ก่อนจะสลบไปเพราะแรงระเบิด

“เจ้า!!”   เวิ่นเต๋อโกรธจนหนวดสั่น

“เฮ้อ  ท่านอาจารย์  ขอโทษด้วย  ข้าเผลอบันดาลโทสะ  อาชญากรรมจากการบันดาลโทสะศาลต้องลดโทษให้ใช่มั้ยล่ะ  บ๊ายยย”

ซีคงหยูโบกมือทั้งที่หันหลังให้กับยอดเขาที่พวกผู้อาวุโสเฝ้าดูอยู่   เสียงประดิษฐ์ประกาศชัยชนะของคุณชายสาม  จากนั้นแสงเคลื่อนย้ายฉับพลันก็ห่อหุ้มตัวเขา  และพาร่างเขากลับมายังเมืองจิ้งซานอีกครั้ง


++++++++++


แม้เมื่อการประลองจบลงแล้ว  ปราณเสียงของไป่หลินหลิงก็ยังติดต่อมาอยู่  คราวนี้นางใช้แชนแนลที่เวิ๋นเต๋อจับไม่ได้

“ฮี่ ๆ ทำไมเจ้ากล้าขัดคำสั่งอาจารย์ตนเองล่ะ”

“ผู้อาวุโสไป่  เอ๊ะ  หรือเรียกพี่ชายหวางดี”

“แล้วแต่”

“เฮ้อ  ท่านนี่ลึกลับเสียจริง  คัมภีร์ที่ท่านให้ข้ามา  ข้าเพิ่งรู้คุณค่าที่แท้จริงของมัน   แม้แต่นักพรตเวิ่นเต๋อก็คงไม่กล้าให้วิชาเซียนระดับนี้แก่ข้า”

“เจ้าจะบอกว่าสำนึกในบุญคุณอย่างงั้นรึซีคงหยู”

“มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม  ข้าโดนท่านช่วงใช้ให้สร้างเรื่องปั่นป่วนในสำนัก  ท่านให้รางวัลข้าก็ชอบธรรมแล้ว  แต่ประเด็นก็คือ  วรยุทธของท่านสูงล้ำกว่านักพรตเวิ่นเต๋อ  ซ้ำคัมภีร์ล้ำค่าเช่นนี้ท่านยังโยนทิ้งได้เหมือนหัวผักกาด  ท่านคือใครกันแน่?”

“ฮี่ ๆ คนสอดรู้สอดเห็นมักจะอายุสั้น  เจ้าไม่รู้หรือไร”

“พี่ชายหวาง  ทั้งหมดที่ข้าจะพูดก็คือ  ถ้าจะต้องล่วงเกินยอดฝีมือที่ลึกลับ  เจ้าเล่ห์  และเต็มไปด้วยไพ่ตายในมืออย่างท่าน  ข้าล่วงเกินอาจารย์ข้าดีกว่า”

“เจ้าตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว”

ไป่หลินหลินยืนยันความคิดของซีคงหยู  จากนั้นก็จบการสนทนา

เสี่ยวหมีและซ่งมู่เดินเข้ามาหาพอดี  ซ่งมู่กำลังจะเอ่ยแสดงความยินดี  แต่เห็นหน้ายุ่งยากใจของซีคงหยู  ไม่เหมือนคนที่เพิ่งชนะการประลอง  จึงรีบไต่ถาม

“เกิดอะไรขึ้นหรือพี่หยู”

“ไม่มีอะไร  ว่าแต่เจ้าไม่ประลองชิงเหมืองหรือ”

ซ่งมู่ยักไหล่  “ก็เขาส่งคนอื่นไป  ข้ากับพี่จินรับหน้าที่นำกองซุ่มโจมตีในเมือง   เราจึงไม่ควรไปรับภาระเป็นผู้คุมเหมือง”

“งั้นแย่เลย  พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว   ข้าก็ไม่มีโอกาสไปร่วมสนุกกับน้องมู่สิ”

“ฮ่า ๆ มันอันตรายจะตายไป   พี่หยูอยู่ข้างนอกเป็นกำลังใจให้ข้าก็พอแล้ว”

ซ่งมู่พูดพลางส่งสายตาวิบวับ  ซีคงหยูรู้สึกเขินกับสายตาเลยหันไปมองเสี่ยวหมี

“เฮ้  เสี่ยวหมี  เดี๋ยวนี้เจ้าลืมข้าแล้วใช่มั้ย  เห็นติดแหงกอยู่แต่กับน้องมู่ไม่ก็น้องจิน”

“อ๊ออออออออออ”

“หืม  เจ้าว่าไงนะ”

“อ๊ออออออออออ”

“ใช่สิ  ข้ามันจน  ใครจะป๋าเหมือนซ่งจินของเจ้า   กินไปเยอะ ๆ เลยนะขนมน่ะ  กินให้อ้วนเป็นหมีไปเลยนะ”  ซีคงหยูพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ  แต่นึกได้ว่ามันก็เป็นหมีอยู่แล้ว

“ฮ่า ๆ พี่หยู  หมีของท่านก็เหมือนหมีของข้า   พี่จินซื้อขนมเลี้ยงก็ถือเป็นการดูแลกันของคนในครอบครัว”

“หืม  ใครเป็นครอบครัวกับใคร”

ซ่งมู่ฟังเสียงก็สะดุ้งเล็กน้อยแต่ระงับอาการ  แล้วหันไปประสานมือคารวะ

“พี่ใหญ่”

“ซ่งมู่  บังเอิญจริง ๆ”  หลี่โอ๋อวิ๋นรับการทักทายแล้วหันไปคุยกับซีคงหยู  “ยินดีด้วยนะอาหยู  ที่บรรลุวิชาเซียนใหม่  ‘ความปรารถนาย้อนกลับ’  ชื่อน่าสนใจ  แต่ออกจะจืดชืดไปหน่อย”

“ถ้าเป็นเจ้าจะเรียกว่าอะไรล่ะน้องอวิ๋น”

“อืม..ก็คงเรียก  น้ำระเบิด  น้ำแตก  น้ำกระจาย   อะไรสักอย่าง”

หลี่โอ๋อวิ๋นพูดด้วยสีหน้านิ่ง  ขณะที่สองหนุ่มทำหน้าพิพักพิพ่วน

หนุ่มหน้าดุพูดต่อ  “อย่างดาบข้าที่เรียกว่าดาบไร้ธุลี  เพราะมันสะอาดมาก  ข้าขัดมันอย่างดี  เช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ  สะอาดกว่ากระบี่ของจ้าวเหรินเจี่ยนอีก”

ซีคงหยูยืนอึ้ง  แค่คำว่า ‘สะอาดกว่าจ้าวเหรินเจี่ยน’ อันร้ายกาจ  ก็ควรแก่การจารึกข้อความนี้ไว้บนป้ายหยกหน้าตำหนักเง็กเซียนฮ่องเต้แล้ว

“พยายามต่อไปนะ  เต๋าแห่งการตั้งชื่อนั้นยากลำบากและยาวไกล  แต่สักวันเจ้าคงทำสำเร็จ”

หลี่โอ๋อวิ๋นตบบ่าอีกฝ่าย  แล้วเดินหายไปในฝูงคน

“วันนี้พี่ใหญ่ดูแปลก ๆ”  ซ่งมู่อุทานเมื่ออีกฝ่ายลับหายไปแล้ว

“ข้าว่าเขาดูแปลกทุกวัน”  ซีคงหยูลูบคางตนเองและมองตามอย่างครุ่นคิด  “แต่วันนี้บางทีเขาอาจจะรู้สึกผิดอะไรบางอย่างแต่ไม่อยากบอกข้าตรง ๆ  เลยมาเล่นมุกหน้าตายสร้างความบันเทิงให้ข้าเป็นการไถ่โทษ”

“พี่หยูคิดอะไรซับซ้อนจริง ๆ”

“ฮี่ ๆ  น้องมู่  เจ้ายังเห็นโลกมาไม่พอ  หลี่โอ๋อวิ๋นที่เจ้ารู้จัก  อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาเป็นจริง ๆ”

ซ่งมู่ทำหน้างงเล็กน้อย   ก่อนนึกขึ้นได้ว่าพี่ใหญ่ของตนก็น่าจะระแคะระคายเรื่องเขากับพี่หยู   ตามนิสัยถือดีของพี่ใหญ่แล้ว  มีหรือจะปล่อยให้เขาคอยแทะเล็มขนมในกล่องของอีกฝ่ายได้  เขาลอบมองหน้ายิ้มกระหยิ่มของซีคงหยูด้วยความเศร้าในเบื้องลึกของหัวใจ  พี่หยูของเขาดูเข้าอกเข้าใจศิษย์พี่ใหญ่ดีกว่าทุก ๆ คน  ถ้าพี่หยูลึกซึ้งถึงหัวใจมนุษย์  ไฉนเขาจึงไม่ชายตาแลเห็นความอัดอั้นใจและความปรารถนาอันรุ่มร้อนจนเกินจะทนของน้องมู่คนนี้เล่า





++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2017 01:11:51 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อวิ๋น เป็นคนยังไงกันแน่ สรุปนายชอบซีคงหยูจริงๆเหรอ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปล่อยให้ผ่านไปๆ ไม่เข้ามาดู เพราะเข้าใจว่าเป็นตอนเก่า 32 บันดาลโทสะ  (วันที่ 26/9)
ปรากฎว่าไรท์ ลืมเปลี่ยนวันที่ตอนอัพใหม่
แหะๆ คนอ่านไม่ได้จำตอน ดูแต่วันที่ เริ่มเป็นอัลไง
ทำเอางงๆ ว่าทำไมนานละนะ ที่ไรท์ไม่มาลง

หยู สุดยอด ตีความ ทำความเข้าใจเต๋าได้กระจ่างแจ้ง
ความปรารถนาย้อนกลับ เจ๋งงงงงง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
น่าเข้าใจยิ่งกว่าอาจารย์ตัวเองซะละมั้ง
เต๋าก็มีกฎของการโกลาหล
ทำให้นึกถึงสถาบันสถาปนาเลย ยอดมากกกกกกกกกก

แม้......อาจารย์เวิ่นเต๋อ ร้ายกาจ OMG
ไหนใครว่าเป็นนักพรต ไม่ชำนาญทางโลก ดูแล้วช่ำชอง ทั้งยังหน้าเงินด้วย
ทั้งจากการขายหนังสือ ทั้งการพนัน ฮี่ๆ
ใครจะคิดว่าอาจารย์จะพนันให้ศิษย์ตัวเองแพ้ซะเอง

แล้วผู้อาวุโสไป๋ ก็พนันให้ชนะ ช่างสวนทางกันซะจริง
มันต้องชนะอย่างเดียว เห็นควรด้วย

โอ๋อวิ๋น ดูแปลกๆไปจริงๆ แต่หยูเข้าใจโอ๋ อีกแน่ะ
แบบหลี่โอ๋อวิ๋นที่รู้จัก  อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาเป็นจริง ลึกซึ้งจริงๆ

โอ๋ ชำนาญการตั้งชื่อแบบติดเรทนะ เอิ่มมม......น้ำระเบิดงี้ น้ำแตกงี้ น้ำกระจายงี้ อะจ๊ากกกกก

หยู ไม่ธรรมดาและ ยิ่งกว่าได้กินบัวหิมะพันปี โสมวิญญาณซะอีก เพราะมาจากตัวเองล้วนๆ
มู่ มองหยูได้ลึกขึ้นเพราะหยู ไม่ธรรมดา อ๊ะๆ ไม่ธรรมดา......♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
เรื่องนี้มีผู้เชี่่ยวชาญการเงินเยอะจัง หุๆ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกต้องรู้จักถอนโคนหนีขึ้นไปขี่คอช้างที่ได้เปรียบ

ปรบมือเปาะแปะให้ความหยู ที่รู้อยู่รู้เอาตัวรอด

'จารย์เวิ่น สนามนี้ท่านพลาดแล้ว ...เอาจริง ๆ พลาดตั้งแต่รับหยูเป็นศิษย์แล้วล่ะ

น้องมู่นี่ยังมีเงาหัวอยู่ไหม?

ไหนมาส่องหัวนมน้องตู้ดูสิ

อ้าว...ไม่เกี่ยวกันเหรอ ว้า!

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ทายได้เพราะซ่งมู่น่าจะไม่เขียนแบบนั้น ซ่งจิ่นที่โผล่มาอย่างมีน้ำโหตอนอีกฝ่ายเกี้ยวเสี่ยวหมีจึงเป็นไปได้มากที่สุดค่ะ!

มาตอนนี้กันดีกว่า โถ่ท่านอาจารย์ นี่คือผลจากการไม่เชื่อมั่นในตัวศิษย์ตัวเองไงล่ะคะ!  (แต่เป็นเราก็ไม่เชื่อว่าพี่หยูจะชนะ5555)

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
korinasai:  นั่นสิ ๆๆๆ  *-*

♥►MAGNOLIA◄♥: วันที่เขียนคือ  ทานยานอนหลับเข้าไปครับ   ฤทธิ์ยาออกเต็มที่ตอนเขียนจบ  เลยลืม 5555+

อ่านสถาบันสถาปนาด้วยหรอครับ  คิดถึงจังเลย  อยากกลับไปอ่านอีกรอบ

ทุกคนคิดว่าศิษย์นักพรตเวิ่นต้องเก่งกาจมีพรวสรรค์  แต่ที่ไหนได้  ได้ีเพราะหมีช่วย  เย๊ย  ได้ดีเพราะวิชาเซียนที่ไป่หลินหลิงให้

wnkth:  ฮ่า ๆ  มีจ้าวเหรินเจี่ยน  นักพรตเวิ่น  ล่ะใครอีกดี

alternative:  ถ้าหญ้าแพรกไปขึ้นหัวหลี่โอ๋อวิ๋น  ต้องเรียกว่า  หญ้าแพรก on top!!

น้องมู่ยังมีชีวิตอยู่ดีครับ   อยู่ให้เรือฝั่ง อวิ๋นxหยู ระคายใจเล่น ๆ ไปอีกนาน

JustWait: ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง  *-*
จริง   คนเขียนยังไม่เชื่อเลย  5555+
วิชาพิษนี่รับมือยากจะตาย


+++++++



การประลองลานที่ 13 จบสิ้นลง  โพยไม้ไผ่ในมือของนักพนันทุกคนจึงแสดงรายชื่อของผู้แพ้และชนะและจำนวนที่แทง   ตู้ถงเทียนยิ้มกระหยิ่มเพราะรู้ว่าตนแทงข้างที่ถูกต้อง   เขาสำรวจเงินเดิมพันที่จะได้และรายชื่อของคนแทง  จากนั้นอุทานอย่างประหลาดใจ

“ท่านนักพรตเวิ่น  ท่านไม่ได้แทงข้างซีคงหยูชนะงั้นรึ?”

เวิ่นเต๋อถอนหายใจเล็กน้อย  ถึงแม้ว่าจะเสียผลึกวิญญาณเซียนไปหลายเม็ด  แต่จิ้งจอกเฒ่าอย่างเขามีหรือจะแสดงอาการให้คนอื่นรู้

“เฮ่อ  นักพรตผู้นี้ไม่นึกว่าศิษย์ไม่รักดีของข้าจะมีท่าไม้ตาย”  เขาเผยอเปลือกตาขึ้นอีกเล็กน้อยและเหลือบแลไปทางผู้อาวุโสแห่งวารีพิสุทธิ์  “ดูท่า  ผู้อาวุโสไป่จะรู้ดีกว่าข้าเสียอีก”

ไป่หลินหลิงยิ้ม  เคาะพัดกับมืออีกข้าง   “ท่านนักพรตกล่าวผิดแล้ว  ข้าก็แทงข้างที่เขาแพ้” 

เวิ่นเต๋อและคนอื่น ๆ สำรวจดูก็พบว่าไป่หลินหลิงแทงข้างซีคงหยูแพ้จริง ๆ ที่ 10 ตำลึงทอง   เพราะจำนวนเดิมพันของนางต่ำมาก  รายชื่อจึงอยู่อันดับท้าย ๆ  ยากที่จะสังเกตเห็นในแวบแรก

“10 ตำลึงทอง?”   ผู้อาวุโสไมตรีโลหิตทำหน้าฉงน

“ข้าแทงพอเป็นพิธี  ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเจ้ามือ   ฮี่ ๆ”

ขณะที่ทุกคนสนใจไป่หลินหลิง  เยว่หนานอิ๋งก็เอาคัมภีร์โพยไม้ไผ่บังปากตนเองที่กำลังฉีกยิ้มกว้าง  นางเป็นนอมินีให้ไป่หลินหลิง   เพราะอีกฝ่ายรับประกันว่าซีคงหยูจะต้องชนะการประลองแน่นอน

เมื่อทราบว่าไป่หลินหลิงก็พนันข้างเดียวกับตน  เวิ่นเต๋อจึงหลุบตา  แล้วดีดนิ้วให้ผลึกวิญญาณเซียนที่เดิมพันพุ่งเข้าไปมอบให้กับเจ้าของเสื้อคลุมคุนเผิง


+++++



“น้องมู่ส่งข้าแค่นี้ก็ได้”

คุณชายสามกล่าวกับหนุ่มร่างสูงที่เดินตามมาถึงหน้าค่ายวารีพิสุทธิ์

ซ่งมู่ยิ้มเล็กน้อยและเกาข้างแก้มของตนที่มีตอเคราตื้น ๆ สีเขียว

“พี่หยู..ถ้าท่านไม่มีอะไรทำ  ก็แวะมาหาข้าได้นะ”

“ไหนเจ้าบอกว่าไม่ค่อยว่างไง”

ซีคงหยูยังจำได้ว่าตอนขอให้สอนวิชาเพิ่มซ่งมู่แก้ตัวไปอย่างงั้น

“ฮ่า ๆ  แต่ก่อนข้าขยัน  พยายามทำงานเพื่อสำนัก   แต่ช่วงนี้เบื่อ ๆ  เลยอู้เสียหน่อย”

“เฮ้  เจ้าจะขี้เกียจไม่ได้  เดี๋ยวน้องอวิ๋นว่าข้าทำให้เจ้าเสียคน”

ซ่งมู่ใช้มือขวาจับหลังศีรษะตนเองแล้วหัวเราะ  “ฮ่า ๆ  ว่าแต่พี่หยูจะทำอะไรต่อล่ะเย็นนี้”

“อืม...ข้าอยากลองไปบำเพ็ญพรตในเหมือง  เพื่อขุดแร่วิญญาณเซียน  บางทีอาจจะโชคดีก็ได้”

“ฟังดูน่าสนใจ  พี่หยูต้องโชคดีได้แร่ดี ๆ แน่ ๆ”

“ขอบใจ  งั้นข้าไปล่ะ”

เมื่อซีคงหยูจะก้าวเท้ากลับเข้าไปในค่าย  มือที่แข็งแรงและมีรอยด้านจากการฝึกดาบนับพันนับหมื่นครั้ง  ก็รีบมาคว้ามือเขาเอาไว้

“พี่หยู...”

คุณชายสามได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองหนุ่มรุ่นน้อง  และเลิกคิ้วเล็กน้อยรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

“..วันพรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้ว  ที่เราจะได้เจอกัน”

ซีคงหยูฟังแล้วก็ถอนหายใจ   “เฮ้อ  ใช่  การประลองชิงเหมืองครั้งนี้  เป็นกิจกรรมที่ข้ารู้สึกสนุกที่สุดในชีวิตเหมือนกัน  แต่ไม่มีงานเลี้ยงใดในต่ำใต้ที่ไม่เลิกรา”

“พี่หยู  จบจากนี้แล้ว  ท่านย้ายมาประตูทรราชดีหรือไม่”

หญิงลี่กับหญิงซูที่ยืนเฝ้าหน้าประตูค่ายรีบกระแอม  ซ่งมู่มาบ่อยจนพวกนางจำหน้าได้หญิงลี่จึงเรียกชื่อ   “จอมยุทธซ่ง...ท่านจะขุดแงะเอาศิษย์สำนักเราไปซึ่ง ๆ หน้าอย่างนี้ไม่ได้”   

“ใช่ ๆ อย่างน้อยต้องมีสินสอดทองหมั้น”  หญิงซูกล่าวเสริม

“เฮอะ  ศิษย์ระดับเมฆาเคลื่อนคล้อยไม่ใช่ของที่เจ้านึกจะพาตัวไปก็พาไป”  หญิงลี่แค่นเสียง

ซีคงหยูดึงมือจากที่ซ่งมู่จับไว้  แล้วหันไปประสานมือคารวะ

“ศิษย์พี่หญิงทั้งสอง  ข้ายังไม่ไปไหนหรอกน่า”

ซ่งมู่ยิ้มเขิน ๆ เมื่อเห็นทหารหญิงที่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นไม้  ขยับตัวทีก็ส่งเสียงระเบ็งเซ็งแซ่

หญิงซูขยิบตาให้กับเขา  “หนุ่มน้อย  เจ้าไม่รู้หรือไงว่ามันต้องอาศัยบรรยากาศที่สงบกว่านี้”

“ฮ่า ๆ”  ซ่งมู่ได้แต่หัวเราะ   ทำไมเขาจะไม่คิด  ตลอดทางที่เดินจากในเมืองเขาร่ำจะอ้าปากตั้งหลายครั้ง  แต่เพิ่งรวบรวมความกล้าได้เมื่อครู่

“พี่หยู  ไว้คุยกันต่อพรุ่งนี้นะ”

ซ่งมู่บอกลาแล้วโบกมือ  ขณะที่ซีคงหยูพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม   คุณชายสามพาเสี่ยวหมีกลับเข้าไป   และเมื่อเดินลับตา  หญิงซูก็รีบสะกิดสหาย

“นี่เจ้าเห็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือเปล่า”

“ข้าไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”   หญิงลี่พูดห้วน ๆ


+++++


ซีคงหยูไปพบกับศิษย์พี่หญิงสวี  ผู้คอยจัดการเรื่องต่าง ๆ ในค่าย

“ศิษย์น้องซีคงอยากลงไปขุดแร่อย่างงั้นหรือ”

“ใช่แล้วศิษย์พี่หญิง  ไม่ทราบว่าข้าต้องทำไงบ้าง”

หญิงสวีเปิดลิ้นชักโต๊ะ  และหยิบเอาแท่งหยกบันทึกวิชาจากในกล่องที่มีแท่งหยกแบบเดียวกันหลายสิบแท่ง  จากนั้นนางก็ยื่นส่งให้ชายหนุ่มตรงหน้า

“นี่คือวิชาเซียนสำหรับดึงดูดพลังงานของมิติที่ถูกย่อยสลายให้มาก่อรูปเป็นผลึกวิญญาณเซียน”

“โอ้..”

“จริง ๆ ศิษย์พี่อยากให้ศิษย์น้องมาลองไปขุดเหมืองนานแล้ว  แต่ไม่อยากรบกวนเวลาฝึกวิชา”

“ทำไมหรือศิษย์พี่หญิง”

“วิชาเซียนขุดแร่  พัฒนาจากวิชาเซียนสายเทศะ  ถ้าผู้มีพรสวรรค์ด้าน [เทศะ] ใช้มัน  ผลลัพธ์จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ”

ซีคงหยูคิดตามแล้วก็ไม่แปลกใจ  เพราะประตูมิติที่ปลายเหมืองรวมทั้งดินแดนลี้ลับทั้งหมดดูจะเกี่ยวข้องกับเทศะเป็นอย่างยิ่ง

“แล้วศิษย์น้องจะไปเหมืองไหน  ข้าจะได้จัดคนถูก”

“ข้าคิดว่าจะลงเหมืองที่ข้าคุมอยู่  เหมืองที่ 13”

หญิงสวีพยักหน้า  เขียนบันทึก  จากนั้นให้คำแนะนำจิปาถะแก่อีกฝ่าย  ก่อนจะปล่อยตัวไป

เมื่อซีคงหยูเดินออกจากห้องชั้นในของศาลเจ้า  เขาก็เห็นจางชุ่ยฮัวยืนสนทนากับคนที่หายหน้าไปนานอยู่  ทั้งคู่เหลือบสังเกตเห็นเขา  จางชุ่ยฮัวมองเขานิดนึง  นางจะยิ้มก็ไม่จะบึ้งก็ไม่เชิง  สีหน้าเหมือนพันพัวสับสนว่าควรจะทำอย่างไรกับซีคงหยูดี

ในแง่หนึ่ง  ซีคงหยูเป็นฟันเฟืองสำคัญที่เชื่อมต่อกับประตูทรราช  แต่เขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้พยายามต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของสำนัก    ทว่าในเมื่อเขาบรรลุระดับเมฆาเคลื่อนคล้อย  ซึ่งทำให้เมื่อกลับไปยังสำนักวารีพิสุทธิ์  เขาจะได้กลายเป็นศิษย์ชั้นในแน่ ๆ  ขณะที่นางก็ยังไม่รู้เลยว่าตนจะถูกคัดแยกให้เป็นศิษย์ระดับไหน  จางชุ่ยฮัวจึงมีอารมณ์ผสมผเส  เพราะจะกล่าวตำหนิก็ไม่ได้  จะกล่าวพินอบพิเทาก็ไม่อยาก

“หลิวเกา!”  ซีคงหยูร้องเรียกพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน 

“ฮ่า ๆ  นายน้อย  สบายดีเรอะ”

“สบายดีมากกกกก  ข้าโดนฟ้าผ่าหัว  วิ่งหกลุกคลุกคลาน  เจอหมอกเบื่อควันพิษ  เจ้าว่าข้าจะสบายดีกว่านี้ได้หรือไม่”

หลิวเการีบวิ่งเข้ามาแล้วถูมือไปมา  “ยินดีด้วยนายน้อยที่บรรลุเขตแดนเมฆาลอยเลื่อน  ซ้ำยังเอาชนะการประลองได้  ฮู้เร้  เอ้า  เชียร์ให้นายน้อยหนึ่งที”

“อ๊อออออออออออ”

“ฮึ่ม  นับว่าเจ้ายังรู้ดีรู้ชั่ว  แล้วเจ้าหายไปไหนมา”

“โอ้  ข้าก็ลองปล่อยให้นายน้อยเผชิญโลกกว้างดูบ้าง   ดูสิ  ได้ผลมาก ๆ  ท่านหายขี้เกียจแล้วเห็นมั้ย”

ตอนนั้นเองศิษย์น้องจิ่งก็ชะโงกมาจากประตูศาลเจ้า

“ศิษย์พี่หลิว   วันนี้เราไปจับผีเสื้อกันอีกนะ”

ซีคงหยูฟังแล้วมุมปากกระตุก  “ดีมาก   ดีจริง ๆ  เจ้าช่างปรารถนาดีกับข้าจริง ๆ หลิวเกา  อื้อฮึ   อยากให้ข้าเผชิญโลก  แล้วเจ้าทำอะไร  ไล่จับผีเสื้อ  หืม...”   ซีคงหยูเดินวนไปรอบ ๆ อีกฝ่ายและใช้สายตาทิ่มแทงทุกองศา

“หยุดนะ  สหายซีคง!  เจ้าจะทำอะไรศิษย์พี่หลิวอีก”

ศิษย์น้องจิ่งวิ่งปุเลง ๆ มาสวนกับจางชุ่ยฮัวที่เดินออกไป

“สหายจิ่ง  นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”

“ไม่ใช่เรื่องของข้าอะไรกันล่ะ  เจ้าพาดพิงข้าอยู่ชัด ๆ หาว่าข้าพาศิษย์พี่หลิวเที่ยวเล่นใช่มั้ย  เจ้านี่มันไม่รู้อะไรเลยสหายซีคง  ยูโนว์นอตทิง!”

“เห  เจ้าหมายความว่ายังไง”

“ที่เหมือง 21 มีอสูรผีเสื้อมายา  ผงที่ปีกมันเอาไปใช้ทำยาเซียนธาตุดินได้  หนวดและขารวมทั้งกระเปาะท้องมีค่าทั้งสิ้น  ส่วนแกนอสูรของมันไม่ต้องพูดถึง  ไม่เพียงเท่านั้น  ถ้าเจ้าจับมันได้เป็น ๆ จะสามารถส่งขายให้ตำหนักอาคันตุกะแดนไกล  หรือสำนักโอสถที่ต้องการทดลองยาได้”

ศิษย์น้องจิ่งอธิบายรวดเดียวแทบลืมหายใจ

“เชอะ  แต่ยังไงข้าก็น้อยใจอยู่ดี   นี่เจ้าเห็นผีเสื้อดีกว่าข้าหรอหลิวเกา”

เมื่อเห็นคุณชายสามกอดอกทำหน้าตะแบง   หลิวเกาก็รู้แล้วว่าตอนนี้ไม่ว่าเกลือหรือน้ำมันก็ซึมผ่านซีคงหยูไม่ได้

“แหะแหะ  นายน้อย  ข้าเห็นนายน้อยดีกว่าผีเสื้ออยู่แล้ว”

“แล้วเจ้าเห็นใครดีกว่าข้าล่ะ  ยัยหมาจูหรอ”

“ไม่ใช่เลยนายน้อย  ที่ดีกว่านายน้อยก็เสี่ยวหมียังไงล่ะ”

“อ๊ออออออออ”

“ดีมาก  เสี่ยวหมี  ดีมาก ๆ”   ซีคงหยูแค้นจนฉีกยิ้มกว้าง  “พวกเจ้าสองคนสมคบคิดกันตลอด  งั้นก็ไปด้วยกันให้หมดเลยนะ  ข้าจะหนีไปเหมือง 13 คนเดียว”

พูดแล้วก็สะบัดแขนเสื้อจากไปทิ้งให้เสี่ยวหมีมองตามตาละห้อย

หลิวเกายิ้มส่ายหน้านิด ๆ

“ทำไมสหายซีคงเอาแต่ใจตัวเองจัง”

เมื่อฟังเช่นนั้นหลิวเกาจึงแก้ต่างให้นายน้อยของตน

“เขาแค่เสียหน้า  ไม่อยากยอมรับว่าเข้าใจผิด  เลยแกล้งโวยวาย”

“เด็กจริง ๆ”  ศิษย์น้องจิ่งพูดอย่างดูหมิ่น

“อย่างน้อยเขาก็ให้เสี่ยวหมีเราไว้นะ”  หลิวเกาบอกแล้วตบคอเสี่ยวหมีที่หันมามองและร้องอ๊อเบา ๆ

“เอ๋..”

“เจ้าลองใช้ตาจิตมองระดับพลังพรตของเสี่ยวหมีสิ”

ศิษย์น้องจิ่งทำตาม  และอุทานอย่างประหลาดใจ


++++++++



ที่โต๊ะทำงานในห้องบัญชาการประตูทรราช  ชายหนุ่มเจ้าของห้องนั่งอยู่หลังโต๊ะ  มือทั้งสองข้างของเขาวางอยู่บนโต๊ะ  ให้ข้อศอกรองรับน้ำหนัก  คิ้วที่เข้มและคมกริบดุจดาบกระบี่ขดโค้งเล็กน้อยตรงปลายด้านหัวคิ้วดูคล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง  ดวงตาอันคมชัดเนื่องจากขนตาอันเรียงตัวกันเป็นระเบียบอย่างพอเหมาะก็กำลังมองไปในอากาศธาตุข้างหน้า  แต่ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในสายตาของเขา  มันมีความคิด  มันมีความพิเคราะห์พิจารณา  ทว่าไม่มีสรรพชีวิตในใต้หล้าอยู่ในนั้น  มันเหมือนกับสายตาของจักรพรรดิที่ทอดมองลงไปยังพสกนิกรซึ่งเขาจะปกครองโดยเท่าเทียมกันโดยไร้เมตตาและอารมณ์

เขารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีคนเดินเข้ามาใกล้

“พี่ใหญ่  ข้าเรียกท่านสองครั้งแล้ว”

ชายเสื้อเขียวผู้สะพายดาบตะขอเขี้ยวสูบโลหิตกล่าวด้วยสีหน้าแสดงความกังวลเล็กน้อย

“กวนหนิง  มีอะไรรึ”

“สายรายงานว่า  วังหมื่นบุปผากับอำพันโบราณจะลอบเข้าเหมือง 17 ในตอนหัวค่ำ”

“ดี  เจ้ารู้อยู่แล้วว่าต้องทำยังไง”

“รับทราบ  ว่าแต่พี่ใหญ่  ท่านมีเรื่องกังวลใจอะไรหรือเปล่า”

หลี่โอ๋อวิ๋นได้ยินดังนั้นก็ตวัดตาอันคมปลาบไปจ้องมองอีกฝ่ายซึ่งเม้มปากและรีบพูดต่อ

“ขอโทษด้วยพี่ใหญ่  ข้ายุ่งมากไปเอง”

“กวนหนิง”

“ขอรับ  พี่ใหญ่”

“ถ้าเจ้าต้องเลือกระหว่างสำนักกับ...”  เขาทอดเสียงไปเล็กน้อยอย่างลังเล  “..สหาย  เจ้าจะเลือกอย่างไหน”

กวนหนิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามกลับ  “เป็นเรื่องคอขาดบาดตายหรือไม่?”

“ไม่”

“ขออภัยด้วยพี่ใหญ่  ถ้าเช่นนั้น  ข้าคงเลือกสำนัก”

“หมายความว่า  ถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย  เจ้าเลือกสหายงั้นรึ”

“ถูกต้องแล้ว  นั่นแหละที่ข้าขออภัย”  กวนหนิงพูดแล้วก็ก้มศีรษะ

“ข้าอยากรู้ว่า  เพราะเหตุใด”

“สำนักต้องการท่าที  ท่านต้องแสดงออกในเวลาที่สมควรว่ายืนข้างสำนัก  แต่สหายต้องการความจริงใจ  และความจริงใจที่แท้จริงคือความจริงใจที่มายามจำเป็น  ถ้าท่านจะต้องแสดงท่าทีทุกครั้งว่าท่านยืนข้างเขา  เขาถึงจะรู้ว่าท่านเป็นสหาย  นั่นไม่ควรเรียกว่าสหาย”

“อืม...”  หลี่โอ๋อวิ๋นนิ่งไปครู่หนึ่ง  ก่อนโบกมือเล็กน้อย  “เจ้าออกไปได้”

กวนหนิงประสานมือคารวะอีกที  แล้วโค้งร่างถอยออกไป




+++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2017 18:07:23 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ยังไงก็ชอบน้องมู่ เสี่ยวหมีก็ชอบแพ็ค1แถม1นี้ อิอิ

หลิวกังหายไปนานจนลืมเลย รอบหน้าเสี่ยวหมีโชว์ใช่ปะ  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ๊ะโย้โหย เสี่ยวหมีบำเพ็ญพรตจนได้ขั้นไหนกันนะ   o22
ทั้งหยู ทั้งเสี่ยวหมี ก้าวหน้ากันพรวดๆเลย
อ๊าาาาาา..............เสี่ยวหมีเป็นพระเอก แล้วอยู่ในรูปแปลงกาย อ๊อออออออออออออ

มู่ จริงจังกับหยู อยากสารภาพรักกับหยูใช่ป่ะ

หยู จะเปลี่ยนใจไปล่าผีเสื้อแทนหรือเปล่า ดูทุกส่วนใช้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น

โอ๋ หน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะเรื่องของมู่ หรือหยู กันนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
หลิวเกา เจ้าหายไปมีแต่ผู้มาหลีซีคง!

ทำดีมาก!

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0


NuTonKaw:  ฮ่า ๆๆ  จริง ๆ ซ่งจินก็แอบน่ารักเนาะ

wnkth: ฮี่ ๆ แต๊งกิ้วที่แวะไปเยี่ยมในเด็กดี  *-*

♥►MAGNOLIA◄♥: ขั้นเดียวกะอาหยูนั่นแหละ  ไม่ใช่ความลับอะไร
เสี่ยวหมีจะบำเพ็ยพรตสำเร็จวิชาเซียนแปลงร่างเป็นหนุ่มรูปงามได้หรือไม่  โปรดติดตามตอนต่อไป
มู่อาจจะแค่อยากขอยืมตังหยูก็ได้นะ  เลยลังเลซะนาน

alternative:  จริง ๆ หลิวเกาคิดในใจ   ข้าไม่อยากเป็น กขค นายน้อยยยย


+++++



ซีคงหยูไต่หน้าผาขึ้นไปยังประตูดินแดนลี้ลับที่ต้องการ  เขารู้สึกว่าร่างกายเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขึ้น  และเมื่อเขาคว้าจับแง่งหินก็รู้สึกเหมือนกับว่าจะไม่ตกลงลงไปง่าย ๆ  เมื่อไต่ขึ้นมาถึงปากทางเข้า  คุณชายสามก็ถลกแขนเสื้อดูกล้ามแขนตนเอง

“อื้ม  ไม่เห็นเพิ่มขึ้นมาเลยนี่หว่า  ฮี่โด่  นึกว่าอัพเลเวลแล้วจะหุ่นดีเหมือนน้องมู่กะน้องอวิ๋นซะอีก”

พึมพำสักพักก็นึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นแต่ซ่งมู่ถอดเสื้อ  แต่ยังไม่เคยเห็นของหลี่โอ๋อวิ๋นนี่หว่า  เพ้ย  แล้วทำไมข้าต้องนึกถึงไอ้น้องอวิ๋นตอนเปลือยท่อนบนด้วยฟระ

เมื่อสะบัดหน้าไล่ความคิดเสร็จ  ซีคงหยูก็กระชับห่อผ้าสะพายหลัง  ยกมุกเซียนส่องแสงในมือชูขึ้นและก้าวเดินไปตามเส้นทางของเหมืองอย่างมั่นใจ

ใช้เวลาไม่นาน  ซีคงหยูก็เดินมาถึงเขตแดนมิติ  และท้องฟ้าดาราราย  ชาวยุทธซึ่งรับจ้างสำนักวารีพิสุทธิ์นั่งขัดสมาธิร่ายวิชเซียนสำหรับขุดแร่ซ้ำไปซ้ำมา  มีหลายคนที่สังเกตเห็นการมาของผู้มามาใหม่  แต่เมื่อกุญแจเหมืองไม่ส่งเสียงเตือนก็แสดงว่าเป็นพวกเดียวกัน  พวกเขาจึงแค่พยักหน้าน้อย ๆ หรือมิเช่นนั้นก็หลับตาลงไปใหม่  และบางคนก็ไม่สนใจ  เพราะผู้คนไป ๆ มา ๆ  ชาวยุทธบางคนพบว่าบางวันพวกเขาจะสกัดแร่ได้ช้ากว่าปกติ  หรือได้แร่คุณภาพต่ำกว่าปกติ  และบางวันก็เป็นไปในทางตรงกันข้าม  พวกเขาก็อาจจะเปลี่ยนอิริยาบถหรือออกไปนอกเหมืองเพื่อให้ช่วงที่โชคร้ายผ่านไป

ซีคงหยูจับจองที่นั่ง  ปัดฝุ่นบนพื้น   แต่ไม่ทันที่เขาจะได้นั่ง  ก็มีเสียงทักทาย

“ซีคงหยู  ไม่เจอกันนานทีเดียว”

น่ำเก็งกงจื่อผู้จืดจางเอ่ยทัก

“อ้อ  ใช่ ๆ  ว่าแต่เจ้าคือใคร”

“เพ้ย  เจ้าลืมคุณชายน่ำเก็งคนนี้ได้ยังไง  ไหนว่าเจ้ากดฟอลโลว์ข้าในแผ่นหยกสื่อสารแล้วไง”

ซีคงหยูนึกอยู่พักหนึ่งแล้วชี้หน้าอย่างนึกขึ้นได้  “อ้ออออ  เจ้านี่เอง  เจ้าของหอนางโลมในเมืองติ่งเฟิ่ง”

คุณชายน่ำเก็งทำหน้าปั้นยาก  “กิจการบ้านข้ามีตั้งหลายอย่าง  ไฉนมาเน้นเรื่องนี้”

“ฮี่ ๆ  บุคลิกของคุณชายน่ำเก็งดูรุ่มรวยสำราญ  เหมือนดั่งเทพบุตรที่เดินเด็ดดอมบุปผาในสวน  ท่านย่อมควรคู่กับกิจการที่เต็มไปด้วยโฉมสะคราญบานสะพรั่งประดุจดอกไม้”

เมื่อฟังคำเยินยอ  น่ำเก็งกงจื่อก็โบกพัดหยกอย่างอิ่มเอมใจ

“ว่าแต่  เฮ้  ท่านมีกิจการร้านขายหนังสือหรือไม่”

“เอ๋  หนังสือหรือ  ข้ามีร้านสรรพวิชาในเมืองใหญ่ ๆ ทั่วอาณาจักรวายุกระซิบ  เจ้าอยากได้หนังสืออะไรล่ะ”

“หามิได้  หามิได้  ข้าจะฝากหนังสือไปขายต่างหาก”   

“ซีคงหยู  เจ้าเขียนหนังสือด้วยเรอะ”

“ฮ่า ๆ คุณชายน่ำเก็งเข้าใจผิดแล้ว  หนังสือนี้เป็นของอาจารย์ข้า  นักพรตเวิ่นเต๋อ  ราชบัณฑิตชั้นเก้าแห่งอาณาจักรวายุกระซิบ”

น่ำเก็งกงจื่อได้ฟังดังนั้นก็ตกใจอยู่ครึ่งค่อนวัน  “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ”

“หนังสือของนักพรตเวิ่นเต๋อ  ราชบัณฑิตชั้นเก้าแห่งอาณาจักรวายุกระซิบ”

“ไม่ใช่  ก่อนหน้านั้น...เจ้าพูดว่า  อาจารย์ของเจ้าอย่างงั้นรึ”   คุณชายรูปงามครางด้วยน้ำเสียงประหลาดใจสุด ๆ  เขาไม่ได้ออกไปนอกเหมืองเลยไม่รู้คราวคราวความเคลื่อนไหวข้างนอกอย่างละเอียด

ซีคงหยูพยักหน้า  เขาควรจะรู้สึกภูมิใจสินะ  แต่กลับปวดตับอย่างบอกไม่ถูก

“แล้วเจ้าไม่มีเงินอย่างงั้นรึ  ถึงหันมาเอาดีด้านขายหนังสือ”

“เฮ่อ  เรื่องนี้พูดแล้วก็ยาว  คุณชายน่ำเก็งคงไม่รู้ว่าข้าได้ล่วงเกินอาจารย์ข้า  และต้องหาวิธีทำให้ท่านอาจารย์หายโกรธ”

“อ้อ  เป็นเช่นนั้นนี่เอง”  น่ำเก็งกงจื่อพยักหน้าอย่างเห็นใจ   และมองซีคงหยูด้วยสายตาที่สนใจมากขึ้น  บทบาทเล็ก ๆ อย่างหมอนี่ที่มีพลังพรตระดับตะวันขึ้นสาย  กลับไปล่วงเกินยอดฝีมือดาราเงียบงันเสียได้  แต่เอ๊ะ...

“นี่เจ้าบรรลุเขตแดนเมฆาเคลื่อนคล้อยงั้นรึ!”

“ฮ่า ๆ คนแรกของจิ้งซาน”  ซีคงหยูพยายามทำเสียงให้ถ่อมตน  แต่จมูกของเขายาวยืด  ยาวยืด

“เฮอะ  นับว่ามีบทบาทอยู่บ้าง”  น่ำเก็งกงจื่อก็ยังคงเป็นน่ำเก็งกงจื่อที่มีสายตาอยู่สูงกว่าศีรษะ

“แล้วเรื่องสายส่งหนังสือ   ท่านรับปากข้าได้หรือไม่”

“เจ้าไม่ได้แอดเฟรนด์ข้า  ทำไมข้าต้องช่วยเจ้าล่ะ”

“ฮ่า ๆ  งั้นถือเสียว่าข้าไม่ได้พูด”  ซีคงหยูไม่ใช่คนช่างตื้อ  เมื่อไม่ได้ผลเขาก็ถอดใจ

 “แต่ว่า..”  น่ำเก็งกงจื่อทอดเสียงเล็กน้อย

“ว่า?”

“ถ้าเจ้าช่วยข้าเรื่องแม่นางเหยียน  ข้าจะลองคิดดูอีกที”

“ไฮ้  ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน  ข้าจะช่วยท่านได้ยังไง”

“เพ้ย  ทำไมจะไม่ได้  เจ้าไม่รู้หรือไงว่าเจ้ามีสองสิ่งที่แม่นางเหยียนชอบที่สุด”

“เอ๋?”  ซีคงหยูพอรู้ว่าศิษย์น้องเหยียนคลั่งไคล้เสี่ยวหมี  แต่อีกอย่างคืออะไร

“เจ้าให้ข้ายืมเสี่ยวหมีหนึ่งอาทิตย์  แล้วข้าจะตกลงรับหนังสือของเจ้าไปขายโดยไม่หักค่าใช้จ่าย”

“โนวว”  ซีคงหยูไม่ขายเสี่ยวหมีเด็ดขาด   หรือถ้าจะขายมันต้องแพงกว่านี้  ฮี่ ๆ

“หึ  ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามันขี้งก”

“เฮ้  ด่าข้าแบบนี้เดี๋ยวปั๊ดต่อยปากแตก”

“หนังสือจะขายมั้ย?”

“ขายสิขอรับคุณชายน่ำเก็งรูปหล่อ”

“ข้าหักใจเรื่องเสี่ยวหมีก็ได้  แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ศิษย์น้องเหยียนคลั่งไคล้เกี่ยวกับเจ้า  คือการที่เจ้ามีแฟนเป็นหลี่โอ๋อวิ๋น”

“อย่าบอกนะว่าเจ้าจะยืมน้องอวิ๋น”

“เจ้าดูให้ดี ๆ”  น่ำเก็งกงจื่อชี้หน้าตนเอง  “หน้าข้าเหมือนคนรนหาที่ตายมั้ย”

“ความรนหาที่ตายเป็นเต๋า  เต๋าอยู่ในจิตใจ  ไม่เกี่ยวกับโหงวเฮ้ง”   คุณชายสามกล่าวอย่างเข้าใจถ่องแท้ถึงวิถีเต๋านี้

“เจ้ามันไม่เข้าใจคำเปรียบเปรย  ช่างเถอะ   ข้าไม่บังอาจยืมตัวจอมยุทธหลี่แน่ ๆ  และที่เหลือก็คือ...”  เขาปรายตามอง

“เจ้าจะยืมตัวข้า?”

เมื่อน้ำเก็งกงจื่อพยักหน้า   คุณชายสามก็สบถ

“โอ้ มายหนี่วา!”

“เจ้าต้องสอนข้า  ว่าทำยังไงถึงจะมีแฟนหนุ่ม”

ซีคงหยูสูดหายใจลึกแล้วกล่าว   “คุณชายน่ำเก็ง  สมองท่านหายไปไหน  สล็อตคาบไปกินหรอ  หรือดมถุงบ่อยไป”

“หนังสือจะขายมั้ย?”

“โอ๊ะ ๆ  ตบปากตัวเองแปบ  แต่ข้าขอแนะนำด้วยความจริงใจเลยนะ  สิ่งที่ท่านทำมันจะทำลายจุดประสงค์ของท่านเอง  ลองดูอันนี้”

ซีคงหยูเปิดห่อผ้าของตนเอง  แล้วควักคัมภีร์ไม้ไผ่ออกมา  “รวมเรื่องสั้นตำนานพิสดารยุทธจักรเล่มที่ 69  เล่มนี้คลาสสิกมาก  และข้าชอบมากเลยพกติดตัวไว้ตลอด”

น่ำเก็งกงจื่อเลิกคิ้วเล็กน้อยและดูว่าในน้ำเต้าของอีกฝ่ายจะมียาอะไร (1)

“เรื่องนี้เป็นนิยายเปิดตัวของนกน้อยในดงเหมยผู้โด่งดัง  ฮี่ ๆ เจ้าต้องเดาไม่ถูกแน่ ๆ ว่าเขาคือใคร”  ซีคงหยูพูดแล้วก็คันปาก  อยากเม้าท์เสียจริง  แต่ด้วยจรรยาบรรณของนักอ่านผู้อุทิศตน  เขาจึงไม่สามารถเปิดโปงตัวตนของนักเขียนได้

“พระเอกในเรื่องก็เหมือนคุณชายน่ำเก็งนี่แหละ  จะจีบสาว  แต่แม่นางดันมีรสนิยมแปลก ๆ ชอบคู่ตัดชายเสื้อ  พระเอกเลยไปเป็นคู่ตัดชายเสื้อกับเพื่อนซี้  ไป ๆ มา ๆ บ๊ะจ้ำบ๊ะจ้ำบ๊ะพรึ่ม ๆ”

น่ำเก๊งกงจื่อรับไปพลิกดู  ดูสักพัก  เปิดข้ามไปช่วงท้าย ๆ  แล้วก็หน้าแดงเหมือนลูกท้อ  เพราะฉากอย่างว่าช่างโจ่งครึ่มโจ่งแจ้งเหลือเกิน

“เพ้ย  เจ้าเอาอะไรให้ข้าอ่าน”

“ชะตาชีวิตของท่าน”   ซีคงหยูกล่าวแล้วตบไหล่อีกฝ่ายแปะ ๆ

“เพ้ย  ข้าไม่มีวันทำอย่างงั้นแน่ ๆ”

“เฮ้อ  ในนิยายของนกน้อยในดงเหมย  พระเอกก็พูดงี้ทุกเรื่องเลย   แล้วสุดท้ายก็ไม่รอด”

“หยุดสะกดจิตข้า  นี่เจ้าเป็นพวกตัดชายเสื้อจริง ๆ หรอ”

“เปล่า  ข้าเป็นนักอ่านผู้อุทิศตน  เรื่องไหนดีก็ว่าดี”

“งั้นก็แปลว่าเจ้าก็มีโอกาสทำอย่างงั้น ๆ กับผู้ชายเหมือนกันสิ”

“ใช่  ข้ามีโอกาส  แต่ตอนนี้ข้ายังไม่อยาก”  ซีคงหยูกล่าวยอมรับทฤษฎีของนกน้อยในดงเหมย

“แล้วเรื่องแม่นางเหยียน..?”

“ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ   ท่านไม่รู้เรื่องทฤษฎียิ่งไล่ก็ยิ่งหนีหรอ  ผู้หญิงบางคนก็เหมือนผีเสื้อ  ถ้าท่านนิ่ง ๆ เดี๋ยวนางก็มาตอมเอง”

“นี่ข้าก็นิ่งจนไม่รู้จะนิ่งยังไงแล้ว  ข้าอุทิศตนขุดเหมืองสามสี่วันเพื่อแสดงถึงรักแท้  แต่นางไม่มาดูดำดูดีเลย”

“ฮ้า..ใครใช้ให้ท่านนิ่งแบบนั้น  ท่านต้องนิ่งแต่ต้องอยู่ในสายตาของนาง  ปรากฏตัวให้เห็นแต่ทำเป็นไม่สนใจ  คอยช่วยเหลือนาง  แต่ไม่ต้องบอกเจตนาที่แท้จริง   อย่าแสดงความอยากได้ใคร่มีออกไป  ท่านต้องนิ่งเหมือนน้ำในบ่อที่สะท้อนเงาจันทร์อันอำไพ  ทำตัวให้ดูลึกลับน่าค้นหา  แล้วนางจะสงสัยว่า  ท่านต้องการอะไรกันแน่  เมื่อนางหาคำตอบไม่ได้ว่าท่านคิดอย่างไรกับนาง  นางจะยิ่งครุ่นคิดเกี่ยวกับท่านมากขึ้นทุกที  จนไม่อาจจะสลัดออกไปได้”

น่ำเก็งกงจื่อหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาจดตามที่ซีคงหยูกล่าวทุกตัวอักษร

ซีคงหยูกล่าวต่อ  “ถ้าท่านทำทุกอย่างแล้วยังไม่ได้ผล  ท่านต้องลองทำให้นางแค้นใจ  เจ็บใจดูสักที  แล้วนางจะจดจำท่านได้ตลอดชีวิต”

“ในฐานะคนรัก?”

“ในฐานะศัตรู”

“ฟัค!  เจ้าจะขุดหลุมดักข้ารึ”

“ฮ่า ๆๆ   คุณชายน่ำเก็ง  ท่านพอใจกับคำแนะนำของข้าหรือไม่”

น่ำเก็งกงจื่อคิดอยู่ครู่แล้วกล่าว  “ที่เจ้ากล่าวมาก็น่าใคร่ครวญอยู่  แต่จะใช้ได้จริงหรือไม่ต้องดูกันอีกที”

“คุณชายน่ำเก็ง  สินค้าส่งมอบไปแล้ว  อุปมาเหมือนข้าส่งหนังสือชุนกะ (2) ให้ท่าน  แต่ท่านดูแล้วนกเขาไม่ขัน  มันไม่ใช่ความผิดของหนังสือข้า  แต่เป็นความผิดของจู๋ท่าน”

“เพ้ย   จู๋ข้ายังแข็งแรงดี”

“ขอบคุณคุณชายน่ำเก็งที่แจ้งให้ทราบ  แต่ไม่ได้อยากรู้  เรื่องของเรื่องก็คือ  ท่านรับปากจะรับหนังสือของอาจารย์ข้าไปขาย  ความนี้ยังตกลงกันอยู่หรือไม่”

“เจ้าไม่ได้ตกลงตามสองเงื่อนไขแรกของข้านี่”

ซีคงหยูฟังแล้วก็หรี่ตา  “งั้นท่านหักค่าสายส่งได้หนึ่งในยี่สิบ  ตกลงหรือไม่”

“ส่วนเจ้าต้องให้คำปรึกษาข้าตลอดหากว่าข้ามีปัญหาในการจีบแม่นางเหยียน”

“แน่นอน”   ซีคงหยูตอบรับ  ก่อนจะนึกขึ้นได้   “เอ้อ..อีกเรื่อง  วิธีใกล้ชิดกับใครสักคนก็ต้องหาเรื่องที่สนใจร่วมกัน  ท่านสนใจเรื่องตัดชายเสื้อก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว  ท่านลองอ่านเรื่องสั้นของนกน้อยในดงเหมยดูหลาย ๆ เรื่อง  จะได้มีเรื่องคุยกับศิษย์น้องเหยียน”

“ข้าจะลองดู”  น่ำเก็งกงจื่อกำหมัดอย่างหมายมาด

“สู้ ๆ นะ”

ซีคงหยูจบการสนทนา  แล้วก็หันกลับไปจัดการที่นั่งของตนเอง   เขาหยิบแท่งหยกบันทึกวิชาออกมา   และถ่ายจิตเข้าไปอ่านเนื้อหาข้างใน   แผนภาพที่เป็นเส้นเขียวเรือง ๆ ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า  แสดงเส้นทางเดินของวงจรที่ปราณของผู้ใช้วิชาจะต้องวิ่งไป  และมีคำอธิบายง่าย ๆ ถึงเต๋าของวิชาเซียนนี้

ซีคงหยูจับจมูกตนเองเมื่อพบว่าจริงอย่างที่ศิษย์พี่หญิงสวีกล่าว  ผู้มีพรสวรรค์ด้านเทศะจะเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดแร่ได้  แต่นางคงไม่ทราบว่าเขาสามารถปรับปรุงวงจรโดยเทียบเคียงกับตัวอย่างของบางแผนภาพในวิชาเซียนสามสิบหกแผน  อีกทั้งเมื่อเขาเข้าใจเต๋าของเทศะในวิชาเซียนทะลวงอากาศ   และวิชาเซียนความปรารถนาย้อนกลับ  การทำความเข้าใจเต๋าของการสกัดแร่จึงง่ายยิ่งกว่าการหยิบส้มในลัง

คุณชายสามเริ่มหลับตา  โคจรปราณ  และลากเส้นวงจรด้วยจิตกลางธรรมกายของตนอย่างแม่นยำ   ความสั่นไหวของอวกาศรอบ ๆ เริ่มตอบสนองต่อวงจรที่ซีคงหยูสร้างเหมือนเศษผงเหล็กที่เริ่มกระดิกและปลิวเข้าหาแม่เหล็ก   พวกมันเริ่มเข้ามารวมตัวเปลี่ยนสภาพจากสภาวะมายาภาพกลายเป็นสภาวะความเป็นจริง   ถ้าซีคงหยูใช้ตาจิตมองดูใจกลางฝ่ามือที่ประสานกันตรงหน้าตาตอนนี้  เขาจะเห็นอณูผลึกที่เล็กเกินกว่าสายตาของคนทั่วไปจะสังเกตได้  เริ่มเข้ามาเกาะกุมทีละอณูสองอณู


+++++++


(1)    ในน้ำเต้ามีตัวยาอะไร  หมายถึง  รอดูว่าอีกฝ่ายจะโน้มน้าวตนเองด้วยผลประโยชน์หรือเหตุผลอะไร
(2)   ชุนกะ  คือ  หนังสือโป๊โบราณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2017 22:16:25 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 o13
นมัสเต...Kirimanjaroซือตี๋  ผู้ถลำลึกเฮ้ย ลำ้ลึกในเต๋าทั้ง๓๐๐๐
ทั้งเต๋าแห่งความลับ และ(((เต๋าแห่งของลับ ))) อันหลังนี้ผู้ซือเฮียตระหนักชัดแน่แก่ใจว่า Kirimanjaroซือตี๋ถลำลึกเฮ้ย ลำ้ลึกในเต๋าแห่งของลับ เป็นที่ยิ่ง   ....ฮี่ๆ
ยิ่งอ่านยิ่งแน่แก่ใจว่า....ตัวเอกในเรื่องของKirimanjaroซือตี๋ นั้นยังเน้นฝึกปรือ(((เต๋าแห่งพิสุทธิ์ครุฑา )))กันอย่างขมันขมีเป็นแน่แท้  เพราะว่าจนบัดนี้...ล่วงเลยมา ๓๔เต๋าแล้ว   ยังคร่ำเคร่งใน ((( เต๋าแห่งนก  )))กันอยู่เลย....ฮี่ๆ
....................
ommanymontra:  สวัสดีสหายเต๋าโอมมณีมนตรา   ข้าน้อยสะกดถูกหรือไม่  *-*((( แม่นแล่ววววว   )))

 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
......................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2017 22:29:34 โดย ommanymontra »

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ทำไมผู้อาวุโสแต่ละคนนี่มันเปี่ยมด้วยเล่ห์กล เหลี่ยมจัด ไม่มีคนที่คงซึ่งคุณธรรมใสสะอาดราวกับน้ำในแจกันดอกบัวเจ้าแม่กวนอิมเลยรึครับเนี่ย หรือคุณคีรีมันจาโรจะให้ผู้น้องออกมาแสดงจริงๆ ค่าตัวผู้น้องถูกนะ /ค่อยๆลุกจากอาสนะดอกบัวที่กำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญพรต (ยังอินกับโรลเพลย์อยู่ ฮ่าๆ)

อย่างนักพรตเวิ่นเต๋อ ผู้น้องพอจะเข้าใจอยู่ว่าใช้ชีวิตในราชสำนักมานาน วังหลวงล้วนเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี แม้จะเป็นผู้จิตใจโอบอ้อมอารี แต่คำครหาก็เหมือนเชื้อโรค อยู่เฉยๆมันก็มาหา ทำให้ต้องระวังตัวตลอดเวลา เลยทำให้พอรับศิษย์อย่างคุณชายซีคง ก็คงจะทำให้ได้ช่องทางขายของ แถมได้ชื่อเสียงอีก แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจศิษย์จริงๆเลยนา โถ ช่างน่าสงสารคุณชายสามเหลือเกิน มีอาจารย์ทั้งที แต่ตากลับมองไม่ออกระหว่างผู้ที่มีความงดงามในใจ กับผู้ที่เปี่ยมด้วยความกระหายในอำนาจ แม้แต่ไป่หลินหลิงเอง ก็ไม่ได้บริสุทธิ์งดงามสมกับวรยุทธที่ได้มา แหม ทำไมผู้น้องจะรู้ไม่ทัน คัมภีร์สามสิบหกแผนเป็นวิชาสาย [เทศะ] มันคงไม่ค่อยมีประโยชน์กับผู้ที่มีพรสวรรค์ [เวลา] อย่างท่านน่ะสิ ท่านถึงไม่ใส่ใจมัน แหม เล่ห์กลอย่างท่านมีหรือผู้ใดจะมองไม่ทัน เง็กเซียนฮ่องเต้มองลงมาจากตำหนักยังรู้เลยว่าท่านกับเส้าหยูเสวียนนี่นิสัยคล้ายคลึงกันมาก จึงเป็นเหตุว่าเสือสาวสองตัวอยู่ร่วมถ้ำเดียวกันไม่ได้ ฮ่าๆ

นักพรตทั้งหลาย อย่าหาว่าผู้น้องสอน เต๋าแห่งพุทธะของผู้น้องนั้นมองทะลุทุกสิ่งอย่าง เพราะพุทธะเท่านั้นที่บอกความจริงจักรวาล พุทธะเท่านั้นที่ทำให้ลดละสัมผัสรับรู้ที่เคล้าด้วยกามกิเลส พุทธะเปิดปัญญาให้แจ่มชัดและควบคุมกิริยาที่ทรงศีลเพื่อรับรู้ถึงจิตในร่างกาย ความเมตตากรุณาและเอื้อเฟื้อนั้นเป็นสิ่งค้ำจุนสัตว์โลก แม้แต่พระอวโลกิเตศวรก็ยังรู้เรื่องนี้

ว่าจะถามคุณคีรีมันจาโรอยู่ เรื่องนี้ฉากปะทะกันแบบฟ้าถล่มดินทลายยังไม่มีรึครับ ผู้น้องรอออดิชันอยู่นะ (หัวเราะ) เพราะปกตินิยายจีนมันต้องมีฉากประเภทนี้สิครับ เพื่อเปิดตัวร้ายแบบลาสบอสมาชิมลาง หรือเปิดตัวตัวละครลับที่เก่งระดับ heaven’s defying อะ ตอนนี้ผู้น้องมีสองสามประเด็นรออยู่นะครับ พี่น้องตระกูลซีคง เรื่องราวศึกสงครามของอาณาจักรวายุกระซิบที่น่าจะมีแน่ๆ เพราะมีนัยไว้ (ซึ่งผู้น้องยินดีถวายตัวเป็นสหายช่วยเหลือท่านแม่ทัพ ‘ใกล้ชิด’ มากๆเลยทีเดียว ฮ่าๆ) แล้วก็พวกสถานที่อื่นๆ ทวีปดิน ทวีปฟ้า ตำหนักอาคันตุกะ แต่เรื่องคงต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป เพราะตอนนี้เดี๋ยวเราคงได้เห็นการชิงเหมืองไปก่อน แต่การชิงเหมืองก็มีอะไรน่าสนใจพอสมควรไม่น้อยเลยทีเดียว ฝีมือของเหล่าผู้อาวุโสที่ยังไม่ปรากฏชัดเอย เหมืองทั้งห้าขุนเขา อีกสี่เขาล่ะเป็นยังไง แล้วเรื่องชิงเหมืองจะจบยังไง ศิษย์เอกของอำพันโบราณที่ส่งไปอู่ซานล่ะ แล้วศิษย์เอกของวังหมื่นบุปผาอยู่ไหน หลายปริศนารอวันเปิดตัวอยู่ครับ นับถือๆ

เมฆผยองเอ๋ย แม้เรื่องทางโลกผู้น้องจะไม่ชำนาญ แต่บอกได้เลยว่า สหายนั้นเป็นสิ่งที่ควรรักษาไว้ สำนักควบคุมโดยคน ในคนนั้นมีจิตใจ ในจิตใจหากขาดการขัดเกลาย่อมลังเลโลเล กลับกลอกเปลี่ยนไปมา หาได้มีความหวังดีจริงใจไม่ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน แต่หากมีสหายที่ยึดถือกันด้วยพันธะทางใจ ไม่ว่าอย่างไรเรากับเขาก็จะไม่มีวันบาดหมาง โบราณกล่าวไว้ ฟาดฟันข้าศึกสิบกองพันยังไม่น่ากลัวเท่าสูญเสียหนึ่งสหายให้ทรยศตน อีกอย่าง แบ่งๆกันเถอะ คุณชายซีคงรับมือศึกบนเตียงได้อยู่แล้ว (ถึงแม้ว่าไซส์น้องมู่จะ ‘ไม่ธรรมดา’ ก็เถอะ หลายทีแล้วนา ขอจังๆสักที /ปาดน้ำลาย เดี๋ยวๆ เดี๋ยวตบะแตกซ่าน ไม่ได้ๆ ของเราต้องท่านแม่ทัพ ฮ่าๆ)

รู้สึกว่าไมตรีโลหิตนี่เรื่องเงินจะเป็นเต๋าประจำสำนัก หน้าเลือดกันทั้งผู้อาวุโสทั้งศิษย์เอกเลยนะครับ แหม หาเงินเก่งกาจก็ให้ใช้จ่ายกันหน่อยจะเป็นอะไรไป เนอะท่านผู้อาวุโส /มือข้างนึงตบบ่าไป่หลินหลิง อีกข้างตบบ่าผู้อาวุโสไมตรีโลหิต

ปล ศัพท์จีนบางอันผมว่าแปลเลยก็ดีนะครับ หลายส่วนทำได้ดีอยู่แล้ว แต่อย่าง ซีคงต้าเกอนี่ ใช้พี่ชายซีคงไปเลยน่าจะเหมาะกับบริบทแล้วก็กลุ่มผู้อ่านที่เป็นประเทศไทยมากกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2017 23:53:01 โดย Grey Twilight »

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
เต๋าแห่งวายจะแผ่ขยายกลางใจฝูงชน หุๆ เด็กดีมีปัญหา อับแล้วเปิดอ่านไม่ค่อยได้ มาอ่านมนเล้าเหมือนเดิมครับ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ดอกวายจะบานทั่วยุทธจักร


ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พอหยู บรรลุเต๋าแห่งเทศะ ขั้นเขตแดนเมฆาเคลื่อนคล้อย
อะไรๆก็ดูง่ายขึ้นแม้การขุดแร่
เอ่อ....ไม่ใช่สิต้องเป็นการสกัดแร่ที่บริสุทธิ์   สุดยอดดดด  :katai2-1:
นี่ถ้าเป็นหนัง คงเห็นรายละเอียด ความสั่นไหวของอากาศรอบๆตัวหยู
แบบ cg ผงอณูของแร่ที่ลอยมารวมกัน แสงสีพิศดารน่าดูชม
ไม่แน่ ต่อไป  Xianxia: เทพยุทธหมีดำในตำนาน:
จะได้มีการถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ ......อยากดูๆๆๆๆๆๆ

หยู มีจิตใจดีงามนะ  :mew1:
พูดคุยกับคุณชายน่ำเก็ง เพื่อขายหนังสือให้อาจารย์
นี่ไงจิตใจที่แสนประเสริฐของหยู ทองเนื้อแท้....นพคุณ....ฮื้ม..ฮึ่ม
แต่น่ำก็มีสิ่งที่ต้องการจากหยู ตกลงกันได้
ดูท่าหยู จะล่อลวงน่ำ ให้มาหลงในวังวนนกน้อยในดงเหมย
เอิ่ม.....พวกตัดแขนเสื้อได้สำเร็จนะ เฮ้อ.....แม่นางเหยียนของน่ำ
       :L1:  :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
I am sick!

+++++++


ommanymontra:  นมัสเตซือเฮียมณีมนตรา  ซือเฮียเคยได้ยินหรือไม่ว่า ช้า ๆ ได้นก..เอ๊ยพร้าเล่มงาม  ผลีผลามมักได้ NC  #ผิด

Grey Twilight: สงสัยเพราะคนเขียนเป็นคนร้าย ๆ เลยเขียนถึงแต่ผู้อาวุโสร้าย ๆ ฮี่ ๆๆๆ

สารภาพตามตรงว่า  เขียนฉากแอคชั่นกับฉากฝึกวิชาฝีมือไม่ค่อยเก่งเลยอ่ะ   เลยอาจจะยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่  อีกอย่างหนึ่งคือระดับฝีมือแรก ๆ ยังไม่ได้เหนือธรรมชาติมากนัก  วิชาที่ดูรุนแรงอลังการที่สุดคงเป็นการประชันเต๋า  แต่จะมีอะไรที่อลังการกว่านั้นหรือไม่คงต้องรอให้พวกยอดฝีมือจริง ๆ มาปะทะกัน

ฉาก 3P ก็น่าสน  แต่เกรงว่าจะเขียนยากมาก ๆ  5555+

NuTonKaw:  ขอบคุณคร้าบที่แวะมา

wnkth: ลืมอัพที่เด็กดี  ไม่ได้ลืมหรอก  ขี้กียจ 5555+

alternative: บานแข่งกะดอกเบี้ย

JustWait: thx u too

♥►MAGNOLIA◄♥:  ง่ายจนป่วนคนอื่นเลยทีเดียว
5555  ขอให้สมพรปาก  แค่มีใครสนใจเอาไปพิมพ์ก็เกินคาดแล้วครับ
พูดซะหยูเป็นพ่อพระเลย  ทีแท้ก็กลัวเจออจ.เฉ่งเท่านั้นแหละ หึ
ส่วนน่ำจะเป็นยังไงต่อไป  โปรดติดตามมม

 puiiz: ซาหวักลี


++++++




เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูปหลังจากที่ซีคงหยูเริ่มสกัดแร่..

“กราสส!!”  ชาวยุทธคนหนึ่งสบถขึ้นมาเมื่อพบว่าแร่ที่เขาสกัดได้ครึ่งก้อนหยุดนิ่งไม่ไหวติง  เขามองดูก้อนแร่ที่ลอยอยู่ใจกลางฝ่ามือ  อันนิ่งสนิทและไม่รู้สึกถึงพลังงานของมิติที่ไหลผ่านวงจรวิชาเซียน

เขาเหลียวมองไปรอบ ๆ เพื่อหาสาเหตุ  แต่ไม่พบอะไรผิดปกติ   จึงกล้ำกลืนคำสบถในคอแล้วหลับตาโคจรปราณตามวงจรวิชาเซียนสกัดแร่ต่อ

เริ่มแรกมีชาวยุทธเพียงสองสามคนที่พบเหตุการณ์ผิดปกติ  ทว่าไม่นาน  ปรากฏการณ์นี้ก็แผ่ขยายไปทั่ว  ทุกคนเริ่มลืมตาและเหลียวมองกันไปมา  คนที่รู้จักกันก็ซุบซิบตั้งคำถามต่อกันและกัน

น่ำเก็งกงจื่อลืมตา   โชคดีที่เขาสกัดแร่ได้เสร็จสมบูรณ์พอดี  แร่ที่เขาสกัดได้เป็นผลึกวิญญาณเซียนระดับต่ำ  ซึ่งเป็นผลึกแร่ปกติที่จะได้จากเหมืองนี้  หูของเขาสดับฟังเสียงพูดคุยของนักขุดแร่ที่เริ่มดังขึ้นทุกที

“อี้หาน  เจ้าก็เจอเหมือนกับข้าหรือเปล่า”

“เหมือนกัน  พี่ปู้”

“หรือว่านี่เป็นช่วงดวงไม่ดีของพวกเรา”

“ไฮ้  อะไรจะดวงไม่ดีพร้อม ๆ กันขนาดนั้น”  ชาวยุทธคนหนึ่งที่ได้ยินบทสนทนาก็พูดด้วยเสียงอันดัง  คนอื่นเลยเริ่มออกความเห็นกันระเบ็งเซ็งแซ่

“ใช่ ๆ”

“จอมยุทธท่านนี้กล่าวก็ถูกต้อง  ข้าว่าต้องมีคนเล่นเล่ห์กลอะไรแน่ ๆ”

“หรือว่าเหมืองจะเกิดการผิดปกติ  ใครออกไปดูข้างนอกหน่อยมั้ย”

คนหนึ่งออกความเห็น  พวกเขาไม่สามารถใช้แผ่นหยกสื่อสารติดต่อไปยังโลกภายนอกได้  เพราะในดินแดนลี้ลับมันเหมือนกับมิติที่ถูกตัดขาด

“ข้าเลิกล่ะ  วันนี้คงเป็นวันซวยของข้า”

ชาวยุทธจำนวนหนึ่งตัดสินใจที่จะไม่เสียเวลา  เขาสามารถย้ายไปยังเหมืองอื่นของสำนักที่ตนทำสัญญาไว้ได้  ซึ่งก็คือสำนักวารีพิสุทธิ์

“ข้าดูปากทางประตูดาราแล้ว  มันดูไม่ผิดปกติ”  ชาวยุทธคนหนึ่งไปยืนดูที่รอยต่อของถ้ำกับมิติภายนอก  ถ้ำนี้ยังถูกกลืนกินไปทีละนิดเห็นสะเก็ดที่ถูกย่อยสลายเหมือนเช่นเคย

“เฮ้  เจ้าคนนั้นน่ะ”   คนหนึ่งสังเกตเห็นซีคงหยูที่ยังนั่งโคจรวิชาเซียนรวบรวมแร่อยู่  และเมื่อเพ่งดูดี ๆ  แร่ในมือของเขาก่อตัวอย่างรวดเร็วกว่าปกติมากจนแทบสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า   ระหว่างที่เขาโคจรวิชาเซียน  เขาตัดสัมผัสจากโลกภายนอกจึงไม่ได้ยินเสียงพูดคุยของชาวยุทธ รวมทั้งเสียงเรียกเมื่อครู่ด้วย

ทุกคนหันไปมองซีคงหยูแล้วหายใจฟืดฟาด  พวกเขาเชื่อว่าพบสาเหตุของสิ่งผิดปกติแล้ว

ชาวยุทธคนที่เรียกคุณชายสามไม่ได้รับคำตอบ  เขาจึงเดินเข้าไปหมายจะผลักให้ซีคงหยูตื่นจากการโคจรปราณ

“หยุดให้กับเราคุณชายเดี๋ยวนี้”  น่ำเก็งกงจื่อลุกขึ้นไปยืนขวาง

“เพ้ย  เจ้าคือใคร”

“ฮ่า ๆ  นามสูงส่งของข้าไม่คู่ควรที่เจ้าจะรับรู้”   น่ำเก็งกงจื่อโบกพัดจีบและสาวเท้าเดินสองสามก้าว  จากนั้นหันกลับมามอง   “แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”

“เหอเหอ  จะเป็นใครใหญ่มาจากไหน  แต่มาขัดขวางการสกัดแร่ของพวกเรา  เรื่องนี้จบไม่สวยแน่นอน”  ชาวยุทธผู้นั้นหรี่ตา  เขาระมัดระวังอยู่เล็กน้อย  แต่เมื่อเห็นว่าซีคงหยูมีรูปร่างหน้าตาธรรมดาสามัญ  อีกทั้งเสื้อผ้าการแต่งกายก็ไม่ได้วิเศษอะไร  เขาจึงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นชนชั้นสูงที่ล่วงเกินไม่ได้

“เขาคือซีคงหยู”   ชาวยุทธคนหนึ่งที่ออกจากเหมืองไปเมืองจิ้งซานบ่อยครั้งร้องขึ้นมาเมื่อเขม้นมองเห็นถนัด

“ซีคงหยูนับเป็นตัวอะไร”

“เขาเป็นคู่หมั้นของหลี่โอ๋อวิ๋น”   ชาวยุทธอีกคนกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ  ธรรมดาแล้วถ้าไม่เห็นแก่หน้าสงฆ์  ก็ต้องเห็นแก่หน้าพุทธเจ้า

“ฮ่า ๆๆ นั่นเป็นแค่สถานะชั้นหนึ่งของเขาเท่านั้น”  น่ำเก็งกงจื่อโบกพัดกล่าวอย่างยโสโอหัง

“เฮอะ  เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

คุณชายแห่งตระกูลน่ำเก็งเลิกคิ้วเล็กน้อย  รวบพัดแล้วก็ชี้ไปยังชาวยุทธทุกคน  “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ว่าจ้างพวกเจ้า”

คนที่ทราบว่าซีคงหยูสังกัดสำนักก็แค่นเสียงขึ้นมา  “เฮอะ  ถึงเป็นศิษย์สำนัก  ก็ใช่ว่าจะก่อกวนพวกเราได้  เจ้าเป็นสุนัขรับใช้วารีพิสุทธิ์หรืออย่างไร  ถึงยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

เมื่อฟังดังนั้นน่ำเก็งกงจื่อก็โกรธกริ้วจนฉีกยิ้มกว้าง  เขาถอยฉากไปด้านข้าง  เปิดทางให้ทุกคนมองเห็นคุณชายสามซึ่งนั่งสมาธิหลับตาพิงโขดหิน   จากนั้นผายพัดที่รวบไว้ไปทางเจ้าคนที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าเป็นเป้าของความแค้นของกลุ่มคน

“ในเมื่อพวกเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา  ก็เชิญตามสบาย”

ชายคนที่ยืนประจันหน้ากับน่ำเก็งกงจื่อ  ถลกแขนเสื้อ  แล้วเดินเข้าไปจะผลักซีคงหยู

เปรี้ยะ!!

ประกายสายฟ้าพุ่งวาบจากกุญแจเหมืองที่เสียบไว้ในแท่นหินใจกลางโถง   ชายผู้นั้นถูกช็อตจนกระเด็นไปห้าหกวา

เสียงประดิษฐ์ดังก้องขึ้นมาทันที   “คำเตือน  โจมตีผู้คุมเหมืองครั้งแรกต้องโทษอัสนีขั้นหนึ่ง”

ฟัค!

ทุกคนสบถพร้อม ๆ กันในใจ

“ข้าไม่ทันบอกว่า  เขาเป็นผู้คุมเหมืองนี้”   ชาวยุทธคนที่พูดถึงหลี่โอ๋อวิ๋นเมื่อครู่พูดเสียงอ่อย ๆ

ทุกคนสูดลมหายใจลึก   การเป็นผู้คุมเหมืองไม่ได้หมายถึงเพียงแค่เขาจะไร้พ่ายในเหมืองนี้เท่านั้น  แต่หมายถึงเขามีวิชาฝีมือเพียงพอที่จะชิงหรือป้องกันตำแหน่งการคุมเหมืองจากอัจฉริยะของสำนักอื่น ๆ ด้วย  ไม่เพียงเท่านั้นมันยังบ่งบอกสถานะของเขาในสำนัก  การล่วงเกินศิษย์สำนักธรรมดานั้นยังพอทำเนา  ทว่าการล่วงเกินศิษย์ที่มีสถานะสูงส่งนั้นเท่ากับการรนหาที่ตาย

“ที่แท้ก็คุณชายซีคง  พวกข้าล่วงเกินแล้ว”  ชาวยุทธคนหนึ่งที่ปรับตัวไวต่อสถานการณ์  ประสานมือคารวะต่อซีคงหยูซึ่งหลับตาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว  จากนั้นเขาก็รีบโกยอ้าวออกไปจากโถงสกัดแร่  พลางนึกยินดีที่ซีคงหยูตกอยู่ในภวังค์และไม่ได้จดจำหน้าของผู้คนที่ตะโกนด่าทอเขา

“เฮอะ”  น่ำเก็งกงจื่อยิ้มเยาะ  และถอยหลบไปติดผนังอีก  เมื่อชาวยุทธทั้งหมดตัดสินใจออกจากเหมือง

คนที่ถูกไฟช็อตลุกขึ้นช้า ๆ  กัดฟันอย่างผูกใจเจ็บ  ทว่าทำอะไรไม่ได้  เขาจึงตามคนอื่น ๆ ออกไป

เมื่อเหลือเพียงน่ำเก็งกงจื่อและซีคงหยู   คุณชายรูปงามก็กำลังครุ่นคิดว่าจะออกไปด้วยดีหรือไม่  หรือจะเฝ้าดูต่อดี  ซีคงหยูก็ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ  เขาดีดนิ้วให้แร่วิญญาณเซียนระดับกลางที่สกัดได้กระเด็นเข้าอกเสื้อตนเอง  จากนั้นประสานมือคารวะ

“ขอบคุณคุณชายน่ำเก็งที่ช่วยออกหน้า”

น่ำเก็งกงจื่อเบิ่งตามองอย่างประหลาดใจ  “เจ้าตื่นอยู่ตลอดงั้นรึ!?”

ซีคงหยูพยักหน้า   แต่เมื่ออีกฝ่ายจะอ้าปากถาม  เขาก็อธิบาย

“ข้ารู้ระบบป้องกันของกุญแจเหมืองอยู่แล้ว  แต่ที่ข้าไม่เผชิญหน้ากับพวกเขา  ก็เพราะว่าวิธีนี้น่าจะดีกว่าในการลดความพยาบาท  ถ้าพวกเขารู้ตัวว่าข้าจดจำการล่วงเกินของพวกเขา  พวกเขาก็จะกลัว  ความกลัวนำมาซึ่งการคิดตอบโต้ป้องกัน”

“เฮอะ  เจ้าเสแสร้งเป็นไร้เดียงสาสินะ”

“ข้าเป็นคนไร้เดียงสา”   ซีคงหยูยิ้ม  และเกร็งกล้ามเนื้อหน้าให้มีลักยิ้มประดิษฐ์

“แล้วเจ้า..ทำปรากฏการณ์นี้ได้ยังไง”

“ข้ามีพรสวรรค์ด้านเทศะ”

น่ำเก็งกงจื่อได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าอย่างจำได้  และเชื่อว่าคงไม่ใช่พรสวรรค์เล็กน้อยด้วยหากว่ามันไปเตะตานักพรตเวิ่นเต๋อได้

“ดูเหมือนข้าอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์”  น่ำเก็งกงจื่อถอนหายใจ  ถ้ามีคนอย่างซีคงหยูสักสิบคน   ชาวยุทธพเนจรคงตกงานกันเป็นทิวแถว

“ท่านก็ไม่ได้มาหาเงินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”   คุณชายสามพูดยิ้ม ๆ ด้วยรู้ฐานะอันร่ำรวยของอีกฝ่าย

“จริง  ข้ามาเพราะแม่นางเหยีย..”

ไม่ทันที่น่ำเก็งกงจื่อจะพูดจบประโยค  โถงถ้ำที่พวกเขานั่งสกัดแร่ก็สั่นสะเทือน

น่ำเก็งกงจื่อเซไปมา  ก่อนจะคว้าจับแง่งหินใกล้ผนังได้   เขาทรุดตัวลงคุกเข่าลงกับพื้นแล้วเอ่ยปากถาม

“เกิดอะไรขึ้น!”

พื้นยังสั่นสะเทือนอยู่และมีเสียงครืดคราด  ซีคงหยูซึ่งนั่งอยู่กับพื้นอยู่แล้วไม่ได้รับผลกระทบมากจึงย่นคิ้วแล้วตอบกลับไป

“ถามข้าแล้วข้าจะถามใคร”

“พวกเราออกไปก่อนดีมั้ย”

“ดี!”

ซีคงหยูรับคำ  แล้วลุกขึ้นปรับการทรงตัวตามการสั่นสะเทือนของถ้ำที่ค่อยแผ่วลง ๆ  เขารู้สึกเสียดายกับความเร็วในการสกัดแร่ของตนเอง  ทว่าชีวิตต้องมาก่อน

ทั้งคู่รีบเร่งออกมาจากในถ้ำ  ซีคงหยูที่มีวรยุทธสูงกว่า  คอยช่วยดึงน่ำเก็งกงจื่อข้ามภูมิประเทศที่ยากลำบากเป็นพัก ๆ   เมื่อเขาออกมาหน้าถ้ำที่ประตูดินแดนลี้ลับอันมีแสงสีสีแดงเรื่อเรือง  ซีคงหยูก็เห็นหนุ่มร่างสูงยืนกอดอกอยู่  ตามังกรของอีกฝ่ายจับจ้องซีคงหยูตั้งแต่ใบหน้า  ลำคอ  เนื้อตัว  และมือของเขาที่ฉุดดึงน่ำเก็งกงจื่อซึ่งหอบแฮ่ก ๆ ออกมาจากถ้ำ

“เจ้าเป็นใคร?”

“ข้าคือซีคงหยูไง  น้องอวิ๋น”

“ข้าไม่ได้ถามเจ้า” 

ซีคงหยูทำเสียงจี๊จ๊ะในปาก   ถ้าไม่ได้ถามเขาแล้วจะถลึงตาจ้องหน้าเขาทำไม

“ข้าแซ่น่ำเก็ง”  น่ำเก็งกงจื่อประสานมือตอบอย่างไม่ค่อยถือตัวเท่าไหร่  เนื่องจากทราบว่าอีกฝ่ายคือใคร

“อ้อ   ขอบใจที่ช่วยดูแลอาหยูให้ข้า”

“หามิได้  เขาต่างหากที่ดูแลข้า”   น่ำเก็งกงจื่อตอบตามข้อเท็จจริง  แต่ข้อเท็จจริงทำเอาคนหน้าดุขมวดคิ้วรูปดาบของตน

“น้องอวิ๋น  เจ้ามาที่นี่ทำไมรึ”

“พวกเจ้าอยู่ในเหมือง  ไม่รู้สึกหรือว่ามีสิ่งผิดปกติ”  หลี่โอ๋อวิ๋นถามกลับ

“หรือว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นแค่เหมือง 13?”  ซีคงหยูตั้งข้อสงสัยอย่างฉับไว  เขาก้าวเท้าออกไปที่พื้นหินอันยื่นออกไปจากหน้าผา  และกวาดสายตามองปากทางเข้าเหมืองอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คนอันกรูกันออกมาเหมือนมดปลวก

“ดูท่าจะเป็นเรื่องใหญ่”  ซีคงหยูถอนหายใจแล้วหมุนตัวกลับไป  ทว่าใบหน้าเขาไปชนกับคางของอีกฝ่ายที่เดินตามมาโดยเขาไม่รู้ตัว

“อ๊ะ”

หลี่โอ๋อวิ๋นไม่ปล่อยให้เขาเขยิบถอย   มือทั้งสองของเขาจับหัวไหล่ของอีกฝ่ายไว้   ดวงตาสีสนิมอันแสนจะดึงดูดจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำของอีกฝ่าย

“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“เอ่อ..เปล่า”  เขาพยายามจะถอยไป  ทว่าไม่สำเร็จ   จึงพูดเสียงอ่อย   “เจ้าปล่อยข้าก่อนดีหรือไม่น้องอวิ๋น”

ไม่ทันที่หลี่โอ๋อวิ๋นจะตอบ  น่ำเก็งกงจื่อก็ประสานมือคารวะ

“ซีคงหยู  ขอบใจเจ้ามาก  จอมยุทธหลี่  ข้าขอตัวก่อน”

ว่าแล้วก็รีบไต่หน้าผาลงไปเหมือนกลัวจะไปไม่ทัน

ตอนนั้นหลี่โอ๋อวิ๋นจึงยอมปล่อยให้อีกฝ่ายถอยออกไปในระยะที่เหมาะสม

“อะแฮ่ม”  ซีคงหยูกระแอมเมื่อรู้สึกว่าเกิดความเงียบที่น่าอึดอัด  “เจ้าคิดว่า  แผ่นดินไหวครานี้  มันเกิดขึ้นเพราะอะไรงั้นรึ”

หลี่โอ๋อวิ๋นปรายตามอง  แล้วย้อนถาม  “ขนาดผู้อาวุโสยังไม่รู้  ทำไมเจ้าคิดว่าข้าจะทราบ”

“ข้าก็แค่ชวนคุย”  คุณชายสามบ่นอุบอิบ

“35 ปีก่อน  เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ครั้งหนึ่ง”  หลี่โอ๋อวิ๋นโพล่งขึ้นมา  จากนั้นมองคุณชายสามเหมือนไม่ได้ตั้งใจ  “อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้”

“ทำไมข้าถึงจะรู้ล่ะ  ฮ่า ๆๆ  35 ปีก่อน  ข้ายังไม่ลืมตาดูโลกเลย”  ซีคงหยูหัวเราะเบา ๆ จากนั้นมองหลี่โอ๋อวิ๋นกลับไปด้วยสายตาหยอกเย้า  “น้องอวิ๋นเองก็เพิ่ง 20-21  เหตุใดจึงสนใจเหตุการณ์ในอดีตนักเล่า”

“เพราะอดีตมักย้อนรอยกลับมาเสมอ  ผู้คนจึงต้องเรียนรู้อดีตเพื่อรับมือกับปัจจุบัน”

“พูดได้ดี  พูดได้ดี  เป็นคำที่ชาญฉลาด  สมแล้วที่เจ้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของประตูทรราช”

หลี่โอ๋อวิ๋นยิ้มเล็กน้อย  แต่อาจจะไม่ใช่เพราะคำเยินยอ

“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้วอาหยู  ช่วงนี้เจ้าควรพักผ่อนที่ค่าย  ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการชิงดีของยุทธจักร”

“เฮ้  ข้ามาขุดแร่  เกี่ยวอะไรกับยุทธจักร”

หลี่โอ๋อวิ๋นไม่ตอบ  รวบเอวของซีคงหยู  แล้วพาเขาใช้วิชาตัวเบาลงไปจากหน้าผาส่งที่พื้น

ซีคงหยูกุมหน้าอกที่ใจเต้นตุ้มต่อม ๆ ถึงจะโดนหลี่โอ๋อวิ๋นหิ้วไปมาสองสามครั้งแล้ว  เขาก็ยังทำใจกับความเร็วไม่ได้  หลี่โอ๋อวิ๋นปล่อยมือที่จับเอวของเขา  พยักหน้าหนึ่งที  แล้วหันหลังเดินจากไป


++++++++



หน้าศาลเจ้าอันพรรคปลาทูสีน้ำเงินยึดเป็นค่ายทำการมีต้นสาลี่แผ่กิ่งก้าน  ใต้ต้นสาลี่มีก้อนหินเรียบที่เด็ก ๆ ของเมืองจิ้งซานชอบมานั่งและปีนป่ายเล่น  ทว่าเด็ก ๆ เหล่านั้นในตอนนี้ต้องอยู่แต่ในบ้านของตน  ด้วยพ่อแม่ของพวกเขาเกรงว่าจะไปวุ่นวายกับศิษย์สำนักและชาวยุทธ

ซ่งมู่นั่งอยู่บนแผ่นหินใต้ต้นสาลี่  ขาที่แข็งแรงของเขาข้างหนึ่งห้อยลงกับพื้น  และอีกข้างหนึ่งชันขึ้นมากอดเอาไปพลางเอาคางเกย  คางของเขาก็ดูแข็งแรง  มันเป็นสีขาวเกลี้ยงเกลาเพราะเพิ่งโกนหนวดมาหมาด ๆ   สายตาของเขามองเหม่อไปจากใต้ต้นสาลี่ยังประตูค่าย  และขนตายาวเป็นแพก็แทบไม่กระพริบ

เขามองผู้คนที่เดินขวักไขว่  แผ่นดินไหวที่เหมืองทำให้ศิษย์สำนักและชาวยุทธกรูกันกลับมายังค่ายเพื่อรอการประเมินสถานการณ์  ในฐานะมือขวาของหลี่โอ๋อวิ๋น  เขาควรกลับไปดูสถานการณ์ที่ค่ายประตูทรราชเช่นกัน  ทว่าคนที่เขารอคอยอยู่  ยังไม่มา

ซีคงหยูก็เห็นต้นสาลี่  เขานึกกังวลใจถึงเสี่ยวหมีและหลิวเกา  นอกจากนั้นยังนึกถึงซ่งมู่กับซ่งจิน  ไม่ใช่ว่าเขาเป็นห่วงซ่งมู่น้อยกว่าเสี่ยวหมี  แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นคงไม่เข้าไปในเหมือง  เจ้าตัวอ้างว่าขี้เกียจและลอยชายไปมาตลอดทั้งวัน  ซีคงหยูไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ซ่งมู่หมดกำลังใจที่จะแข่งขันแสวงหาความดีความชอบในสำนัก  แต่ในฐานะคนที่หมดกำลังใจบ่อย ๆ อย่างไร้สาเหตุเช่นเดียวกัน  ซีคงหยูรู้สึกเข้าใจซ่งมู่อย่างประหลาด

ศิษย์น้องหญิงหลายคนที่ไม่เคยข้องแวะมาก่อนทักทายซีคงหยู  พวกนางมีสีหน้าเป็นมิตรและวาจาที่อ่อนโยน  เขารู้ว่านั่นเป็นเพราะสถานะของเขาที่สูงขึ้นจึงตอบรับด้วยท่าทีไม่เย็นไม่ร้อน  คุณชายสามหาข้ออ้างเดินจากพวกนางมาเมื่อเห็นว่ามีเงาร่างของคนนั่งเหม่ออยู่ใต้ต้นสาลี่หน้าค่าย

“ไง  น้องมู่”

ซ่งมู่ได้ยินเสียงก็สะดุ้งจากภวังค์และเบือนหน้าหันมามองพร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อย ๆ คลี่บานเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า

“พี่หยู  ท่านไม่เป็นอะไรใช่มั้ย  ข้าไปถามคนในค่ายและรู้ว่าท่านไปเหมือง 13 เลยบอกพี่ใหญ่ให้ไปดู”

“อ้อ  ที่แท้พระเอกตัวจริงอยู่ตรงนี้นี่เอง”   ซีคงหยูกล่าวกลั้วหัวเราะ  แล้วตบหลังเขาทีนึง  “ข้าก็ต้องไม่เป็นไรแน่อยู่แล้ว  โชคดีที่ในเหมืองไม่แออัด  เลยไม่มีการเหยียบกันล้มลุกคลุกคลาน”

เขาละข้อเท็จจริงที่ว่า  ในเวลานั้นทั้งเหมืองเหลือแค่เขากับน่ำเก็งกงจื่อ

เวลานั้น  ทหารหญิงชุดแดงเริ่มจุดไต้ที่หน้าค่าย  ท้องฟ้าที่แต่เดิมหม่นมัวก็มืดดำลงไปพร้อมกับเสียงสัตว์กลางคืนที่แว่วมาเป็นระยะ  แข่งกับเสียงจอแจของผู้คนที่สนทนาเหตุการณ์ประหลาดของวันนี้

ในระยะใกล้แค่สองฝ่ามือ  ซีคงหยูแทบมองไม่เห็นใบหน้าของหนุ่มรุ่นน้อง  ไม่สิ  เขาสามารถมองเห็นได้ถ้าเขาเพ่งปราณไว้ที่ตา  ทว่าซีคงหยูชอบเวลาที่มองเห็นอะไรอย่างคลุมเครือแบบนี้  มันทำให้เขาจินตนาการอีกฝ่ายเป็นใครก็ได้  หรืออาจจะเป็นคนไร้หน้าที่สามารถรับฟังความคิดเร้นลึกของเขาโดยไม่ต้องกังวลอะไร

ทว่าลมหายใจของซ่งมู  และกลิ่นกายของเขา  ไม่อนุญาตให้ซีคงหยูลืมเลือนตัวตนของคนข้าง ๆ  เขาอยู่กับซ่งมู่บ่อยจนจดจำได้แม้จังหวะการหายใจ  เขาจำได้ว่าเวลาที่อีกฝ่ายตื่นเต้นกดดัน  ลมหายใจของหนุ่มรุ่นน้องจะกระชั้นแค่ไหน  ซีคงหยูจินตนาการถึงความร้อนผ่าวของลมที่ถูกเป่าออกมาจากจมูกของซ่งมู่  หากว่าลมนั้นพ่นลงมาบนผิวกายของเขา...คุณชายสามยับยั้งความคิด  เขาคงอ่านนิยายของนกน้อยในดงเหมยมากเกินไป  ถึงคิดอะไรพิลึกพิลั่นแบบนี้

ขณะที่ซีคงหยูไม่พยายามมองเห็นซ่งมู่  อีกฝ่ายกลับโคจรปราณมาที่ตา  และมองทะลุความมืดเพื่อเก็บรายละเอียดของดวงหน้า  มือของเขากำแน่นจนเล็บสั้น ๆ จิกเข้าไปในเนื้อเพื่อยับยั้งความปรารถนาที่จะยกมันขึ้นไปลูบไล้ดวงหน้าของอีกฝ่าย  เขาเพ่งพิศรอยยิ้มที่มุมปากของซีคงหยู  และแววตาที่ผ่านลมผ่านฝน  มันมีแววอ่อนระโหย  ไม่เหมือนสายตาของเด็กหนุ่มแรกรุ่นที่เปี่ยมไปด้วยไฟแห่งชีวิต  ซ้ำในดวงตาคู่นั้นเหมือนกับมีกุญแจล็อคอยู่หลายชั้น  ยากที่จะอ่านความคิดที่แท้จริง  ในแง่หนึ่งมันทำให้เขาปวดใจจนแทบบ้าที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีใจให้เขาหรือไม่  แต่ในอีกแง่หนึ่ง  การไม่รู้ก็ทำให้เขาเพ้อฝัน  ว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้มองเห็นความรู้สึกของเขา  และกำลังค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะยอมรับมัน

“พี่หยู..”

รอยยิ้มของซีคงหยูบุ๋มลึกเข้าไปกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อหลังจากที่ทั้งคู่เงียบและจมอยู่ในความคิดของตนอยู่พักใหญ่

“ว่าไงน้องมู่”

“เราคุยกันมาตั้งนาน  แต่พี่หยูไม่ค่อยเล่าเรื่องของตัวเองให้ข้าฟังเลย”

“อ้อ  ที่แท้ก็เรื่องนี้  น้องมู่คิดว่าข้าไม่ค่อยเล่างั้นหรือ  แล้วที่ลำธารล่ะ”  คุณชายสามย้อนถาม

ซ่งมู่ก้มหน้าเล็กน้อยอย่างละอายเมื่อนึกขึ้นได้

“เอาอย่างงี้  เรามาเล่นเกมกัน  ข้าพูดสิ่งที่ข้าชอบหรือเกลียด  และน้องมู่ก็ตอบมาด้วยสิ่งประเภทเดียวกันที่เจ้าชอบหรือเกลียด  ยกตัวอย่าง   ข้าชอบสีแดง”

“เอ๋”

“บอกสิ่งที่เจ้าชอบสิ”

“ข้าชอบพี่หยู”

“เห้ย  เอาสีที่ชอบสิ”

“สีน้ำเงิน”

ซีคงหยูพยักหน้าเมื่อเห็นว่าซ่งมู่เข้าใจเกม  เขาจึงกล่าวว่า

“ตาเจ้าล่ะ”

“อ่า..งั้น  ข้าชอบพี่หยู”

“เจ้าจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย  ได้  ข้าชอบน้องอวิ๋น  ฮ่าๆๆๆ”

ซ่งมู่ขมวดคิ้ว  “เดี๋ยว  พี่หยู  เกมนี้อนุญาตให้โกหกด้วยหรอ”

“เจ้าคิดว่าไงล่ะ”   ซีคงหยูถามยิ้ม ๆ

“ฮ่า..ฮ่า”

“ตาข้าล่ะ   ข้าเกลียดต้นหอม”

“ข้า  เอ่อ..เกลียดข้าวต้ม”

“เอาประเภทผักสิ”

“อ้าวพี่หยูไม่ได้หมายถึงอาหารหรอ”

“แล้วแต่จะตีความก็แล้วกัน   ตาน้องมู่ล่ะ”

“ข้าชอบหมั่นโถวไส้ถั่วแดง”

“ข้าชอบพุทราเชื่อม  ตาข้าล่ะ  ข้าเกลียด...”  ซีคงหยูนึกเล็กน้อย  “..ความรู้สึกว่าตนเองไร้ความสามารถ”

“เอ๋  ข้าเหมือนกัน”

“ไม่ได้  เจ้าพูดซ้ำไม่ได้  เจ้าต้องหาเรื่องอื่น”

“อ่า...งั้น  ข้าเกลียด..ความรู้สึกว่า  ไม่เป็นที่ต้องการ”

“ทำไม”

“พี่หยูจะเลิกเล่นเกมแล้วหรอ”

“ไม่  นี่คือส่วนหนึ่งของเกม  ถ้าเราสงสัยเหตุผลเราสามารถถามกันได้ตลอด”

“ฮ่า ๆ งั้นข้าถามพี่หยูก่อน  ทำไมท่านถึงเกลียดความรู้สึกไร้ความสามารถ  ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ท่านคือยอดฝีมือคนหนึ่งของจิ้งซาน”

“ไฮ้  ต้องถามด้วยหรอ  ข้าไม่เอาถ่านมาตั้ง 27 ปี  เพิ่งจะมาได้ดีตอนนี้  เจ้าคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ารู้สึกกับตนเองยังไงล่ะ”

“ข้าลืมนึกไป  ขออภัยด้วยพี่หยู”

“ไม่จำเป็นต้องขออภัย  และถ้าให้ข้าพูดตรง ๆ  น้องมู่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเวลาที่อยู่กับข้า  เจ้าทำตัวเหมือนกับเด็กที่คอยดูสีหน้าผู้ใหญ่เพื่อระวังว่าจะพูดอะไรหรือไม่พูดอะไรที่จะทำให้ผู้ใหญ่ไม่พอใจ”

“พี่หยูไม่ชอบอย่างงั้นหรือ...”

“ไม่เชิงหรอก  น้องมู่เป็นงี้ก็น่ารักดี   ข้ารู้สึกเหมือนมีน้องชายที่น่ารักคนนึง  อันที่จริงข้าก็มีน้องชายแท้ ๆ คนนึงนะ  แต่มันอายุห่างกับข้าแค่ปีเดียวเลยไม่ค่อยเกรงใจ  ชอบเล่นหัวข้า  เด็กเปรตชัด ๆ”

เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะออกทะเล  ซีคงหยูก็วกกลับเข้าเรื่อง  “ดังนั้นข้าเลยเข้าใจว่าทำไมน้องมู่เกลียดความรู้สึกว่าตนไม่เป็นที่ต้องการ  เจ้าคงกลัวว่าถ้าทำทุกอย่างตามใจปรารถนาโดยไม่สนใจความชอบหรือไม่ชอบของผู้อื่น   คนจะไม่ชอบเจ้า”

ซ่งมู่อ้าปากค้าง  อีกฝ่ายเหมือนควักหัวใจของเขาออกมาตีแผ่

“แต่เจ้าต้องดูอย่างน้องอวิ๋น  ความโอหังบางครั้งก็เป็นเสน่ห์  การทำตามใจตนเองบางครั้งก็ทำให้ผู้คนหลงใหลในคุณสมบัติอันก้าวร้าวเหล่านั้น”

“พี่หยูอยากให้ข้าทำตามใจตนเองอย่างงั้นรึ”

“เฮ้  เจ้าเข้าใจผิดแล้ว  ข้าแค่ยกตัวอย่างถึงคนที่มีคุณสมบัติตรงกันข้าม  แต่ละคนก็มีแนวโน้มบุคลิกภาพไม่เหมือนกัน  เจ้าแค่ต้องแสวงหาบูรณภาพและสมดุลของตนเอง”

“พี่หยูพูดอะไรที่ข้าไม่เข้าใจอีกแล้ว”

“ฮ่า ๆ”  ซีคงหยูหัวเราะเบา ๆ  จากนั้นยื่นมือไปจับจมูกของอีกฝ่าย  ตั้งใจจะบีบ  แต่เปลี่ยนใจลูบเบา ๆ  เจ้าของจมูกอันเป็นส่วนที่โดดเด่นน้อยที่สุดของใบหน้าตัวสั่นเทาภายใต้สัมผัสนั้น

“น้องมู่...เจ้ากลัวว่าข้าจะไม่ชอบเจ้าใช่มั้ย”

ได้ยินดังนั้น  ซ่งมู่กลั้นหายใจ  แต่ร่างของเขาสั่นเทากว่าเดิม

มือของซีคงหยูเปลี่ยนไปสัมผัสข้างแก้มของอีกฝ่าย  เลื่อนไปถึงจอนผมและใบหูที่ร้อนผ่าวของหนุ่มหน้าซื่อ  ก่อนจะดึงออกอย่างรู้สึกผิดเพราะรู้สึกเหมือนตนเองกำลังล่อลวงเด็กหนุ่มไร้เดียงสา

“ข้าชอบเจ้าแน่ ๆ  แต่ข้าไม่แน่ใจว่าชอบแบบไหน..”  ซีคงหยูพูดด้วยน้ำเสียงลังเล  “บางทีอาจจะเพราะว่าข้าเหงาและไม่ค่อยมีคนคุยกันถูกคอ  ข้าเลยชอบคุยและพบเจอกับน้องมู่”

“พี่หยู..”  ซ่งมู่เรียกชื่อเขาและจับมือของซีคงหยูที่กำลังถอนออกไป  จากนั้นประจงจูบอย่างแผ่วเบาที่ปลายนิ้ว

ซีคงหยูตกใจเล็กน้อย  แต่ปล่อยให้ริมฝีปากอุ่นของอีกฝ่ายแตะต้องกับปลายนิ้วของตน  สัมผัสนั้นพุ่งวาบเข้ามาที่หัวใจ  ทว่ามันไม่ได้ทำให้เขาสั่นไหวมากพอ  สีหน้าของเขาที่ซ่งมู่มองเห็นฝ่าความมืด  ยังคงสงบนิ่งและสำรวม  ไร้ความหวั่นไหวทางอารมณ์  ซ่งมู่ค่อย ๆ ปล่อยมือนั้นไปอย่างเสียดาย

“นี่แหละ  ที่เรียกว่าการทำตามใจตนเองบ้าง  เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยังล่ะ”

ซ่งมู่ฟังดังนั้นก็ส่ายหน้า  และหัวเราะเบา ๆ  เขารู้สึกเจ็บปวดใจ  แต่ในขณะเดียวกันก็โล่งใจ  เขารู้สึกเหมือนเข้าใจสิ่งที่ซีคงหยูพูดเพิ่มขึ้นอีกนิด  และรู้สึกเข้าใกล้ความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้นกว่าเดิม



+++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2017 00:17:07 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
พี่หยู เราเชื่อค่ะว่าพี่ชอบน้องอวิ๋น!!/กำผ้าเช็ดหน้าแน่น


เสี่ยวหมีเป็นอย่างไรบ้างหนอ ในเรื่องนี้ใครเป็นอะไรไปก็ได้ แต่เสี่ยวหมีนี่ไม่ได้เลยค่ะ

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
นั่งคุยกันเฉยๆหรอ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
อร๊ายยยยยย เขินจังเลย  :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Get well soon!

---------------

แผ่นดินไหวที่ใดกันแน่?

ในเมืองจิ้งซาน? หรือในใจคน?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2017 15:23:13 โดย alternative »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล้วหยูก็สกัดแร่ แบบแย่งแร่คนอื่นสินะ :เฮ้อ:

โอ๋ เหมือนเป็นห่วงหยูมาก  :hao3:

มู่ ตกหลุมรักหยู  พะวงแต่หยู
จนไม่สนใจชิงความก้าวหน้า่งฝีมือในพรรค

หยู ตอบมู่ว่าชอบโอ๋อวิ๋น
ที่ตอบนี่มาจากใจจริง หรือให้มู่ ตัดใจจากตัวเอง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2017 09:34:15 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

JustWait:  ดีใจแทนน้องอวิ๋นที่ยังคงมีคนลงเรือนี้  #ซับน้ำตาอย่างปลาบปลื้ม
เสี่ยวหมีคือใครอะไรหรอ  ลืมแระ 5555+

wnkth: มีจับมือถือแขนแล้วน้าาาา

puiiz: เขินความละมุนน้องมู่สินะ

alternative: thx
แผ่นดินไหวที่...ญี่ปุ่น 55555++

ommanymontra:  นมัสเตซือเฮีย

♥►MAGNOLIA◄♥:  พระเอกไง  ต้องเด่นต้องเด้ง  แบบไม่ให้ใครได้ผุดได้เกิด  #เอ๊ะไม่ใช่สัมภเวสี
หยูเหยียบเรือสองแคม  โฮะ ๆๆๆๆ
จริง ๆ หยูชอบใคร  ก็ยากจะอ่านใจเหมือนกันแฮะ

+++++



ค่ำคืนนี้เหมือนก้อนพายุทมิฬลูกใหญ่ที่เคลื่อนตัวมากดทับเสี้ยวเล็ก ๆ แห่งเทือกเขามังกรทะยาน  บนท้องฟ้าที่มืดมิดไร้ดาว  จันทร์ค่อนลูกสีแดงแง้มออกมายลพื้นพิภพผ่านเมฆหมอกราง ๆ เหมือนกับสัญญาณของเคราะห์ร้าย

นักพรตเฒ่าเขย่ากระดองเต่า  ในกระดองเต่ามีเหรียญห้าเหรียญ  เหรียญมีสองด้าน  และเมื่อมันพลิกไปมาในกระดองเต่า  ด้านทั้งสองก็พลิกคว่ำและหงายแตกต่างกันไป

“เป็นอย่างไรบ้างท่านนักพรต”

เวิ่นเต๋อเพ่งมองเหรียญในกระดองเต่า  ถอนหายใจช้า ๆ  แล้วกล่าว   

“ในโชคเคราะห์มีหายนะ  เผชิญหายนะไม่อาจหลีกเลี่ยงได้  ทว่าสองเหรียญคือโชคบ่งว่าหายนะนั้นยังไกลตัว  สามเหรียญคือฟ้า ดิน และมนุษย์  บ่งถึงหายนะของสวรรค์”

“ถ้าเช่นนั้นการประลองนี้ยังจะดำเนินต่อหรือไม่?”   ตู้ถงเทียนเอ่ยถามความเห็น

“นักพรตผู้นี้ตรวจสอบดูแล้ว  ดินแดนลี้ลับไม่มีอะไรผิดปกติ  แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นดูจะเป็นลางสวรรค์เท่านั้น”

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ไป่หลินหลิงรวบพัดแล้วกล่าว  “ท่านนักพรตเวิ่นเคยได้ยินเหตุการณ์ที่เหมืองแร่ระดับสูงขุนเขาสายฟ้าพิฆาตหรือไม่”

ทุกคนชะงักและเหยียดตัวยืนตรง


“ผู้อาวุโสไป่คงหมายถึงหายนะเมื่อ 30 กว่าปีก่อน”   ผู้อาวุโสไมตรีโลหิตถามหยั่งเชิง

“นักพรตผู้นี้ตรวจสอบม่านคุ้มกันทุกปากทางเข้าออกดินแดนลี้ลับแล้ว  รับรองว่าไม่มีช่องว่างให้สัตว์อสูรหลุดออกมาได้เหมือนกับหายนะที่ขุนเขาสายฟ้าพิฆาต”

นักพรตเวิ่นเต๋อรับรองอีกครั้ง 

“เฮอะ  ถึงแม้ว่าจะหลุดออกมาได้  พวกเราจำเป็นต้องเหลือบแลสัตว์อสูรระดับตะวันขึ้นสายด้วยอย่างงั้นหรือ”

ผู้อาวุโสเหม่ยกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงหมิ่นแคลน  ขณะที่ไป่หลินหลิงยิ้มและไม่กล่าวอะไรอีก



++++++




ซ่งมู่เดินเข้ามาในห้องบัญชาการประตูทรราช   ในห้องมีหลี่โอ๋อวิ๋น  ซ่งจิน  กวนหนิง  และชนชั้นผู้นำของศิษย์สำนักคนอื่น ๆ จำนวนหนึ่ง   หลี่โอ๋อวิ๋นมองเขาจากหลังโต๊ะบัญชาการอย่างไม่ประหลาดใจที่ซ่งมู่มาสาย  เขาเพียงแค่ชี้ให้นักดาบหนุ่มนั่งที่เก้าอี้ทางฝั่งขวาที่ใกล้ที่สุด

“ผู้อาวุโสเยว่แจ้งว่าอีกครึ่งชั่วยามเหมืองจะเปิดให้เข้าตามปกติ”  หลี่โอ๋อวิ๋นกล่าวกับทุกคนในห้องบัญชาการ

ทุกคนยังคงเงียบอยู่เพราะรู้ดีว่าศิษย์พี่ใหญ่คงไม่เรียกมาประชุมด้วยเหตุผลเท่านี้

“ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันตัดสินการประลองศิษย์ใหม่ห้าสำนัก”  มือดาบไร้ธุลีเริ่มเข้าเรื่อง   “การประลองชิงเหมืองครั้งสุดท้ายจะพิเศษกว่าทุกครั้ง  เพราะจะเป็นการประลองลับที่ไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ท้าประลองและผลลัพธ์การประลอง  ซึ่งนั่นหมายความว่า...”

หลี่โอ๋อวิ๋นทอดเสียงและกวาดสายตามองรอบ ๆ   “..เราไม่อาจแน่ใจได้ว่า  หลังจากนั้นแต่ละสำนักจะมีเหมืองในครอบครองเป็นจำนวนเท่าไหร่  เราจะต้องอนุมานเอาจากผลลัพธ์การประลองเท่าที่พวกเราทราบ”

เขาหมายถึงว่าประตูทรราชจะรู้ผลลัพธ์การประลองเฉพาะเหมืองที่ประตูทรราชคุมอยู่  หรือเหมืองที่พวกเขาส่งผู้ท้าชิงไปประลองชิงเหมือง

“และหลังจากนั้นจะเหลือเวลาอีกสองชั่วยามในการโจมตีเหมืองที่ยังไม่มีเจ้าของ 7 เหมืองที่เหลือ”

ทุกคนสูดลมหายใจลึก   ตามยุทธศาสตร์ของประตูทรราช  7 เหมืองที่เหลือคือเงื่อนไขตัดสินชัยชนะ  ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่า  หนึ่งดาบหนึ่งคนของหลี่โอ๋อวิ๋นจะไร้ผู้ต่อต้านในศิษย์ห้าสำนักที่จิ้งซาน  แต่ก็อดรู้สึกกระสับกระส่ายมิได้

“แล้วเราจะทำอย่างไรกับวารีพิสุทธิ์?”  กวนหนิงเอ่ยถามขึ้นมา

หลี่โอ๋อวิ๋นยกมุมปากเล็กน้อย   ถามกลับ  “พวกเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”

“เราควรรักษาคำพูด”  ซ่งจินพูดสั้น ๆ

“แต่สัญญายกให้ตั้งสี่เหมืองนั้นมันมากเกินไป  สำนักวารีพิสุทธิ์แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย”  ศิษย์สำนักแซ่เฟยกล่าว

“ที่พี่เฟยพูดก็จริงอยู่”  กวนหนิงสนับสนุน  “ทว่า   เราไม่มีกำลังพอที่จะโจมตีเหมืองทั้งเจ็ดพร้อม ๆ กัน   ดังนั้นวารีพิสุทธิ์จึงมีประโยชน์ในแง่กีดกันเหมืองไม่ให้ตกในเงื้อมมือของสำนักอื่น”

“ยังไงสี่เหมืองก็มากเกินไป”

“งั้นให้พวกเขาสองเหมือง  พี่ใหญ่คิดว่ายังไง”

เมื่อถูกถาม  หลี่โอ๋อวิ๋นใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ  ก่อนหันไปทางขวาเล็กน้อย

“ซ่งมู่  เจ้าคิดว่าไง”

ผู้ถูกถามกำลังใจลอยเลยตอบว่า  “ข้าไม่มีความเห็น”

ซ่งจินที่นั่งฝั่งตรงข้ามเตะขาซ่งมู่ใต้โต๊ะ  ทว่าเหมือนจะเตะผิดขา

“เจ้าเตะข้าทำไม”  หลี่โอ๋อวิ๋นหันไปถามเจ้าของตาปลาตาย

“ขออภัย”   ซ่งจินตอบสั้น ๆ และเสมองไปทางอื่น

เมื่อรู้ว่าพี่ชายของตนเตะคนที่ไม่ควรจะเตะที่สุดในโต๊ะ  ซ่งมู่ก็เรียกสติกลับมาทันทีและออกความเห็น

“พี่ใหญ่  กินห้าเหมืองนั้นมันมากเกินไป  ถ้าเราแบ่งออกเป็นห้ากลุ่มสำรวจ  กำลังของเราจะอ่อนแอลงมาก  และหมายความว่าพี่ใหญ่จะต้องคอยระวังไม่ให้พันธมิตรสามสำนักลอบโจมตีถึงห้าทางเข้าเหมืองพร้อม ๆ กัน”

หลี่โอ๋อวิ๋นลูบคางตนเองช้า ๆ รับฟัง

“ในวันพรุ่งนี้พันธมิตรสามสำนักก็จะเหมือนสุนัขจนตรอก  พวกเขาจะต้องดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายแน่ ๆ  ...อีกอย่าง  ท่านเคยได้ยินหรือไม่ว่าในแคว้นที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง  เวลาชาวบ้านจะต้อนวัวข้ามแม่น้ำ  พวกเขาจะต้องเชือดลูกวัวและโยนลงไปในน้ำเพื่อล่อจระเข้  หากพวกเขาเชือดลูกวัวน้อยเกินไป  จระเข้ก็จะไล่กัดกินฝูงวัวที่ถูกต้อนอยู่ดี”

“เจ้าหมายความว่า?”

“ตัวเลขที่ดีที่สุดคือสี่  ยกสี่เหมืองให้วารีพิสุทธิ์  พันธมิตรสามสำนักจะไปแย่งชิงสี่เหมืองนั้น  และสามเหมืองของเราจะปลอดภัยอย่างแน่นอน  ทว่าหากเราใช้เลขสี่  ต้องมีคนระแวงสงสัยว่าเหตุใดเราจึงยอมปล่อยเหมืองให้พันธมิตรมากกว่า  ดังนั้นสามจึงดีที่สุด”

หลี่โอ๋อวิ๋นฟังดังนั้นจึงตบบ่าซ่งมู่

“เจ้าพูดได้เหมือนกับใจของข้า  สมแล้วที่เป็นศิษย์น้องที่ข้าหมายตาเอาไว้”

ซ่งมู่ฟังดังนั้นก็ยิ้มฝืน  ก้มหน้าซ่อนความขมอันเร้นอยู่ที่มุมปากของตน

“ดังนั้นเรามาดูกัน   เราจะเลือกเหมืองที่ยึดง่ายที่สุด  แล้วที่เหลือจะส่งให้วารีพิสุทธิ์”

หลี่โอ๋อวิ๋นกล่าว  พลางส่งสัญญาณให้กวนหนิงเปิดภาพฉายจากแท่งหยกสื่อสารถึงข้อมูลเหมืองที่พวกเขาส่งหน่วยสอดแนมไปสำรวจล่วงหน้า   เมื่อผ่านการโต้เถียงและวิเคราะห์ว่าจะจัดคณะสำรวจอย่างไร  หลี่โอ๋อวิ๋นก็เขียนตัวเลขสามชุดในกระดาษ  และม้วนส่งให้กับพลสื่อสาร

“ส่งให้จางชุ่ยฮัว”

เขาออกคำสั่งและมองตามพลสื่อสารที่เดินลับออกไปจากกระโจม



+++++



ด้วยวิธีใดไม่ทราบ  ตัวเลขสามชุดนั้นตกอยู่ในมือของผู้กล้าทวนแดง   เขาเขียนมันใส่นกกระเรียนกระดาษ  พับมันแล้วเป่าลมปราณเข้าไป   นกกระเรียนสีขาวโบยบินหายไปในท้องฟ้าสีกำมะหยี่  เขากำลังจะหันหลังกลับ  ทว่าสัญชาตญาณระวังภัยของเขาเตือนให้เขาหยุดยั้งร่างกายทุกส่วนไว้เท่านั้น 

“เจ้าส่งข่าวเสร็จแล้วใช่มั้ย”

“ข้า..”

อย่างไม่รอคำตอบ  ปราณดาบไร้รูปรอยพุ่งเข้ามาสะบั้นชีพจรหัวใจ  ผู้กล้าทวนแดงไม่ทันแม้จะจับด้ามทวน  เรี่ยวแรงที่เหลือของเขาทำได้แค่กุมหน้าอก  คุกเข่าลงไป  ใบหน้าบิดเบี้ยวและกระอักเลือดย้อยจากปากไปถึงคางของตน  สองตาเหลือกโพลงของเขาพยายามจะเหลียวไปมองข้างหลัง  แต่ความเจ็บปวดทำให้ร่างของเขาเกร็งกระตุกจนไม่อาจควบคุมได้   ผู้กล้าทวนแดงคว่ำหน้าลงไปกับพื้นเย็นชืด...และไม่นานร่างกายก็เย็นเยียบพอ ๆ กับก้อนหินเล็ก ๆ ที่กลิ้งอยู่ใกล้ ๆ ตัวเขา

ผู้ลงมือสังหารเก็บดาบเข้าฝัก  เขาไม่ชอบการนองเลือดและการทำร้ายผู้คนให้เจ็บปวดเกินจำเป็น  เพลงดาบของเขาจึงเฉียบขาด  ไร้รูปรอย  และบางครั้งก็ไร้บาดแผล  เป็นดาบที่มีไว้สังหาร  มิได้มีไว้แสดงบนเวทีงิ้ว



+++++



ตู้เกี่ยนหลงรับนกกระเรียนจากฟากฟ้า  รอบตัวเขาคือผู้นำพันธมิตรสามสำนักซึ่งกระวนกระวายในคืนสุดท้ายก่อนรุ่งสางแห่งการตัดสิน

“เขาตายแล้ว”

คนอื่น ๆ นอกจากหวงอีกงจื่อ  ไม่ทราบว่าตู้เกี่ยนหลงหมายถึงใคร  แต่ก็พอเดาได้   แผ่นหยกสื่อสารของเว่ยหลิงจื่อและจ้าวเหรินเจี่ยนมีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าในเวลาไม่นาน  และเมื่อเห็นข้อความ  ผู้นำของสองสำนักก็ทำสีหน้าปั้นยาก

“ดูเหมือนว่าหลี่โอ๋อวิ๋นจะกวาดล้างสายลับทั้งหมดในคืนนี้”   ตู้เกี่ยนหลงกล่าวเมื่อเห็นปฏิกิริยาของแต่ละคน  นิ้วของเขาคีบกระดาษที่ถูกคลี่จากนกกระเรียนพับ  แสดงให้เห็นตัวเลขสามชุดในนั้น  ตัวเลขสามชุดเขียนด้วยหมึกดำทว่าทุกคนเหมือนกับมองเห็นมันเป็นสีแดงเข้มดุจโลหิตและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดฉุนเฉียว

“ถ้างั้น  นี่คือข้อมูลที่สายลับของเจ้าใช้ชีวิตแลกมา?”   เว่ยหลิงจื่อกล่าวถาม

เด็กหนุ่มหน้าคมเข้มส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มประดับที่มุมปาก  “พี่เว่ยกล่าวผิดแล้ว  นี่คือข้อมูลที่หลี่โอ๋อวิ๋นจงใจปล่อยออกมา”

“ถ้างั้นแปลว่าเราเชื่อไม่ได้งั้นรึ”

ตู้เกี่ยนหลงไม่ตอบ  แต่หันไปถามมือกระบี่ชุดขาว  “พี่จ้าวคิดว่าอย่างไร”

“ตามหลักพิชัยยุทธ  ในจริงมีลวง  ในลวงมีจริง  สิ่งที่จริงทำให้ศัตรูคิดว่าลวง  ความลวงนั้นก็จริง”

“ว้าว  พูดจาลึกลับเช่นนี้ข้าก็พูดได้  ในนิยายข้าเขียนเยอะแยะไป”  เว่ยหลิงจื่อเหน็บแนม

“ถูกคุณชายเว่ยเปิดโปงเสียแล้ว  จ้าวละอายจริง ๆ”   จ้าวเหรินเจี่ยนกล่าวยิ้ม ๆ

“พี่จ้าวโปรดกล่าวมาอย่าเกรงใจ”  ตู้เกี่ยนหลงยังยืนยันที่จะฟังความเห็นของอีกฝ่าย

“ในเมื่อเป็นข้อมูลที่มาอย่างจงใจของฝ่ายตรงข้าม  ย่อมผ่านการขบคิดมาแล้ว  เราจะขบคิดดักทางอีกกี่ชั้นก็ไม่รู้จะเปลืองสมองไปเท่าไหร่  คุณชายตู้เคยได้ยินหรือไม่ว่า  ในสามร้อยหกสิบแผนพิชัยยุทธ  หลักพื้นฐานมีสามประการ”

“น้องชายล้างหูรอรับฟัง”

“พื้นฐานแรกคือตั้งมั่นป้องกัน  พื้นฐานที่สองคือยึดถือความเรียบง่าย  และพื้นฐานที่สามคือล่าถอยเมื่อมองไม่เห็นทาง”

“แล้ว...”

“เราควรยึดถือความเรียบง่าย  เชื่อถือข้อมูลที่ได้มา  จ้าวเชื่อว่า  คุณชายหลี่คงไม่เปลืองแรงคิดป้องกันให้สำนักวารีพิสุทธิ์แน่นอน  และเขาคงปล่อยให้เราทำตามใจตนเองกับสามเหมืองที่แสดงอยู่นี้”

จ้าวเหรินเจี่ยนเว้นไปครู่หนึ่ง  ใช้ผ้าเช็ดมือเช็ดที่นิ้วโป้งซ้ายของตนเองช้า  ๆ

“สามเหมือง  สำหรับเราสามสำนักแบ่งปันกัน  นั่นคือท่าทีของประตูทรราช”

“เฮอะ  ถึงอย่างงั้น  ประตูทรราชก็ชนะอยู่ดี”

เมื่อฟังเว่ยหลิงจื่อแค่นเสียง  จ้าวเหรินเจี่ยนก็ตอบทันที

“คุณชายเว่ยกล่าวถูกแล้ว  เพราะไม่มีใครในที่นี้ที่ต่อกรกับคุณชายหลี่ได้  และเขาก็ไม่ได้โลภเกินไปจนเปิดช่องโหว่  ก็จำเป็นต้องยอมรับสภาพ”

ตู้เกี่ยนหลงยิ้มเล็กน้อย   “พี่จ้าวคงลืมนับตนเองไป  กระบี่ไร้ที่ติมีชื่อเสียงคู่กับดาบไร้ธุลี  ถึงอาจจะตัดสินชัยชนะไม่ได้ในระยะอันสั้น  แต่ถ่วงเวลาจนกระทั่งพวกเรายึดเหมืองสำเร็จก็พอได้อยู่”

เมื่อฟังเช่นนั้นจ้าวเหรินเจี่ยนก็มองผู้พูดด้วยสายตาเป็นประกาย

“หรือคุณชายตู้คิดจะปล่อยให้จ้าวเป็นอิสระจากหน้าที่ผู้คุ้มกันเหมือง”

“เฮ้  เรื่องนี้อาจจะต้องถามพี่เว่ย  ข้าคนเดียวคงตัดสินใจไม่ได้”

เมื่อสายตาของทั้งคู่มองมาที่เว่ยหลิงจื่อ  เว่ยหลิงจื่อหันไปจ้องตาตู้เกี่ยนหลง  “ถ้าข้าบอกว่าเห็นด้วยล่ะ”

“น้องชายก็จะบอกว่าไม่เห็นด้วย”  เด็กหนุ่มกล่าวพลางยิ้มยิงฟัน

“แต่เจ้าเป็นคนเสนอความเห็น”

“มีอะไรทำให้น้องชายไม่สามารถไม่เห็นด้วยกับความเห็นที่ตนเองเสนอล่ะ”

“ไม่มี”  เว่ยหลิงจื่อยอมแพ้

“ฮ่า ๆ  คุณชายตู้หยอกจ้าวกับพี่เว่ยแล้ว  ถ้าจ้าวเป็นคุณชายตู้จ้าวก็คงไม่ปล่อยยอดฝีมือระดับจันทราเลื่อนลอยออกมาเพ่นพ่านอีกคนหรอก”   มือกระบี่ไร้ที่ติกล่าวกลั้วหัวเราะ

“ถ้างั้นเราจะทำยังไง”   คุณชายวังหมื่นบุปผากัดฟันพูด

“หรือว่าจะจับซีคงหยูเป็นตัวประกัน”   หวงอีกงจื่อที่เงียบมานานเอ่ยแสดงความเห็น

“นั่นมันน่ารังเกียจ”   เว่ยหลิงจื่อไม่เห็นด้วย  เขายังไม่อยากเสียฐานนักอ่านฮาร์ดคอร์อย่างคุณชายสาม

“ไม่มีเกียรติยศและความต่ำช้าในการทำศึก”   หวงอีกงจื่อเถียงด้วยดวงตายิบหยี

“จับคุณชายซีคงไปก็ไม่แน่ว่าจะได้ผล  ซ้ำร้ายหากว่าพวกท่านไม่อยากรนหาที่ตาย  อย่าแตะต้องเขาจะดีกว่า”   จ้าวเหรินเจี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงละมุนละไม

“ทำไม?”

เมื่อฟังคำถาม  เจ้าของลักยิ้มแผลเป็นอันโดดเด่นก็ชี้นิ้วไปทางท้องฟ้าทิศใต้  ทางยอดเขาจิ้งซาน

“พวกท่านลืมแล้วหรือว่าคุณชายซีคงเป็นศิษย์ของใคร”

“ฮึ่ม  ถ้านักพรตเวิ่นจะลำเอียงขนาดนั้น  ทำไมไม่ให้ซีคงหยูชนะประลองไปเลยล่ะ”

“ฮ่า ๆ  หวงอีกงจื่อพูดเล่นแล้ว  แต่ระวังอาจจะเป็นจริง”

ทุกคนหันไปมองหน้ากัน  และเริ่มรู้สึกว่าที่หวงอีพูดอาจจะเป็นปากนกแสกก็ได้




+++++++



เวิ่นเต๋อเชื่อว่าโดยปกติแล้วตนเองไม่ใช่คนลำเอียง   ทว่าเมื่อแผ่นหยกสื่อสารแจ้งให้เขาทราบว่า  สำนักพิมพ์ของเขาได้รับดีลจากตระกูลน่ำเก็ง  เขาก็รีบเรียกตัวผู้ต้องสงสัยมาพบที่ลานภูเขาหยกทันที

“ท่านอาจารย์มีอะไรให้ศิษย์รับใช้”  ซีคงหยูกล่าวกับนักพรตเต๋าที่ยืนหันหลังให้และเอามือไพล่หลัง  รอบ ๆ ลานมีแสงเต๋าเป็นดวง ๆ ทำหน้าที่แทนมุกเซียนส่องแสงอันให้ความสว่างตัดกับความมืดมิดของราวป่าโปร่ง

“เฮอะ  ศิษย์ไม่รักดี  เจ้าทำให้ข้าเสียพนัน”

แต่ซีคงหยูไม่เกรงกลัว  เขายืนประสานมือในองศาเดิมและอมยิ้มเล็กน้อย

“ศิษย์คิดว่า  เสียทรัพย์สินดีกว่าเสียชื่อเสียง  หากผู้คนร่ำลือกันว่าศิษย์ของนักพรตเวิ่นเต๋อไม่เอาถ่าน  แพ้แม้กระทั่งผู้มีพลังพรตต่ำกว่าหนึ่งเขตแดน  ศิษย์เกรงว่าท่านจะเสียหน้าไม่ใช่น้อย”

เวิ่นเต๋อฟังแล้วก็สะบัดแขนเสื้อหันกลับมา

“ศิษย์ไม่รักดี  ลิ้นของเจ้านี่มันลื่นไหลจริง ๆ   ข้าขี้เกียจจะตีฝีปากกับเจ้า  ที่ข้าเรียกเจ้ามาในราตรีนี้เพื่อสอบถามสถานการณ์การประลอง”

ซีคงหยูกระตุกยิ้มฝืดเล็กน้อยแล้วตอบ  “เรียนท่านอาจารย์  สำนักวารีพิสุทธิ์นั้นอ่อนแอ  ไม่มียอดฝีมือเพียงพอ  คงยากจะพลิกสถานการณ์”

“นับว่าพวกเจ้ายังรู้ตัวอยู่บ้าง”

“ท่านอาจารย์เป็นยอดฝีมือ  ท่านมิได้หยั่งรู้เหตุการณ์ทั้งหมดในจิ้งซานแล้วหรอกหรือ”  ซีคงหยูนึกได้จึงถามอย่างประหลาดใจ

“ไม่สามารถ”

เวิ่นเต๋อตอบสั้น ๆ  ขณะที่ซีคงหยูประเมินขอบเขตความสามารถของผู้บำเพ็ญพรตระดับดาราเงียบงันในใจ  ดูเหมือนว่าผู้บำเพ็ญพรตระดับนี้มิได้มีสรรพเดชะเหมือนที่เขาเคยคิดวาดภาพเอาไว้

“พวกเราตัดสินใจว่าจะกอดขาอ่อนของประตูทรราชขึ้นไปเป็นที่สองของการประลอง”   คุณชายสามตัดสินใจบอกเล่าแผนการให้นักพรตเวิ่นทราบ

“เฮ่อ ๆ”

เมื่อฟังเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย  ซีคงหยูก็เลิกคิ้วเล็กน้อย

“ท่านอาจารย์คิดว่าอย่างไร”

“ศิษย์ไม่รักดี  บางทีเจ้าก็ดูเหมือนฉลาด  แต่บางทีเจ้าก็ตื้นเขินเกินไป  ในยุทธจักรไม่มีมิตรแท้  ไม่มีพันธมิตรถาวร”

“ศิษย์ทราบดีว่าจิตใจผู้คนยากจะหยั่งถึง  ทว่าศิษย์เชื่อว่าถ้าทั้งสองฝ่ายสมประโยชน์  ย่อมไม่มีความจำเป็นต้องหักหลังกัน”

“ร้อยคำนวณพันคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต”   นักพรตเวิ่นกล่าว  “แต่ฟ้าลิขิตก็ไม่เท่ากับพลังที่อยู่ในมือตนเอง  เจ้ายืมพลังผู้อื่นจึงต้องอาศัยการคำนวณคาดคะเน  แต่หากว่าตัวเจ้าเองไร้เทียมทาน  เหตุใดต้องหวังพึ่งลมฟ้า”

ซีคงหยูฟังดังนั้นก็พยักหน้า   “ก็จริงอยู่  ทว่ามันช่วยไม่ได้ที่ศิษย์ด้อยฝีมือ  การประลองนี้ไม่เป็นธรรมตั้งแต่แรกที่ประตูทรราชกับไมตรีโลหิตส่งยอดฝีมือระดับนั้นลงมาแข่ง”

“เฮ่อ ๆ  แล้วเจ้าคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป”

“ศิษย์คิดว่าจะลองกอดขาที่ใหญ่กว่านั้น  เช่นขาของท่านอาจารย์”

“เฮอะ  เหตุใดข้าต้องช่วยสำนักวารีพิสุทธิ์   วารีพิสุทธิ์แพ้ ๆ ไปก็ดีแล้ว  เจ้าจะได้โดนเตะออกจากสำนักแล้วมาช่วยข้าขายหนังสือ  อา..เพ้ย  มาเรียนรู้เต๋าแห่งเทศะเต็มตัว”

“ท่านอาจารย์  รังแกคนก็ต้องมีขอบเขต  ข้ามีความสุขที่วารีพิสุทธิ์ดีอยู่แล้ว  เหตุใดต้องตามท่านไปร่อนเร่เป็นเซลล์แมน”  คุณชายสามกัดฟันกำหมัดแน่น

“น่าเสียดาย  เจ้ามีพรสวรรค์อยู่บ้างแท้ ๆ”   

ซีคงหยูไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายชมเขาเรื่องพรสวรรค์เต๋าเทศะ  หรือเต๋าแห่งการขาย

“ถ้าอย่างงั้น   ท่านอาจารย์เรียกข้ามาทำไม”    ...ในเมื่อไม่คิดจะช่วย  ซีคงหยูกลืนอีกครึ่งประโยคเอาไว้

“เจ้าพูดถูก  ถ้าเจ้าแพ้การประลอง  ข้าก็จะเสียหน้า  ดังนั้นวันนี้ข้าจึงมาบอกว่า  ลานประลองที่เจ้าจะใช้พรุ่งนี้  ข้าจัดการสภาพแวดล้อมให้เป็นพิเศษ  ฮี่ ๆ”

“ท่านอาจารย์หมายความว่า?”

“ข้าเห็นเจ้าสำเร็จวิชาทางน้ำ  ดังนั้นพรุ่งนี้ลานประลองของเจ้าจะเต็มไปด้วยน้ำ”

“เฮเว่นอะโบฟ!  ท่านอาจารย์  นี่มันโกงไม่ใช่หรือ”

“หรือจะให้เปลี่ยนเป็นทะเลไฟ”   เวิ่นเต๋อชักสีหน้า

“โน ๆๆ  ท่านอาจารย์ทำดีแล้ว  ขอบพระคุณท่านอาจารย์มาก  ว่าแต่ท่านไม่กลัวผู้อาวุโสคนอื่นทักท้วงหรือ”

“เพ้ย  พรุ่งนี้เป็นการประลองลับ  คนอื่นมองไม่เห็นลานประลอง  เจ้าโกงได้ตามสบาย”

ซีคงหยูเหลือกตามองสวรรค์เบื้องบน   




++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2017 02:05:28 โดย Kirimanjaro »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด