alternative: ฮ่า ๆ อย่าเพิ่งเบื่อช่วงชิงไหวพริบกันนะครับ ผมเองก็เบื่อ อยากให้ถึงช่วงบนเตียงไว ๆ เอ๊ะ!
♥►MAGNOLIA◄♥: โอยยยย ขำ น้ำเข้าจมูก ถ้าผมคิดได้คงเขียนในนิยายแระ 5555+
ศิษย์น้องจางโกรธอาหยูครับ นึกว่าอาหยูส่งหมีมาก่อกวน #ลูบหัวเสี่ยวหมีด้วยความสงสาร
wnkth: เป็นสำนักที่เงินมาผ้าหลุด เย๊ย!
Malimaru: เชอะคิดถึงแต่เสี่ยวหมี
อาหยูไม่ได้ยอมเชื่อฮะ แต่สู้ม่ายด้ายยย หนูป่าวนา เค้ามาเองงง #ร้องเพลง
Ze Tian Ji ผมว่าภาษาอังกฤษแปลได้สวยมากๆๆๆ โดยเฉพาะมันจะมีอารัมภบทที่แสดงถึงโลกที่สร้างทั้งหมดได้ในบทเดียว อันนี้คือลิงค์ครับ
http://www.novelupdates.com/series/ze-tian-ji/ปกติอ่านที่นี่มีทุกเรื่องเลยครับ
และนี่คือลิงค์ของ machine translation คือแปลด้วยเครื่องจักร มันจะเหมือนกับภาษาอังกฤษที่แตกหัก แต่ผมก็ชอบอ่าน เพราะว่ามันจะทำให้เห็นโครงสร้างประโยคเดิมของภาษาจีน และเมื่อคลิกแต่ละคำ จะเห็นคำศัพท์ภาษาจีนด้วย
และเนื่องจากแปลด้วยเครื่องจักร มันจึงออกมารวดเร็วมาก เกือบสองพันตอน ขณะที่การแปลด้วยกำลังมนุษย์ถึงแค่ 607 ตอน อ่านจนอิ่มพุงกางกันไปเลย
https://lnmtl.com/novel/way-of-choicesแต่คนก็แซวกันว่า lnmtl คือ Demonic Dao ครับ ฝึกแล้วจะเบี่ยงเบนจากเต๋าอันเที่ยงธรรมและอาจจะธาตุไฟแตกซ่านได้ ฮี่ ๆ
+++++++
รอยแผลเป็นที่ข้างแก้มของจ้าวเหรินเจี่ยน ก็แบบนี้เลยครับ
+++++
สุราก็เหมือนนารี มีทั้งเผ็ดร้อนฉุนเฉียว ดุดันจนแทบคลั่ง มีทั้งอ่อนหวานนุ่มนวล ทว่าค่อยรีดเร้นสติสัมปชัญญะของท่านไปโดยแนบเนียน รินจากจอกเย็นใสแล้วเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงที่อาจแผดเผาท่านทั้งเป็น แต่กระนั้นบุรุษก็ยังชื่นชอบสุรา พวกมันหวังฝังตัวจมกับเหล้า เพียงเพื่อหลงทางในความฝันไม่รู้ตื่นอันเต็มไปด้วยสหายน้ำมิตร บทสนทนาอันรื่นรมย์ และแม้กระทั่งความตายสีแดงฉานประดุจผ้าย้อมชาดที่หุ้มปากไห แต่ที่แปลกนักบุรุษมักพนันขันแข่งกันว่าผู้ใดดื่มแล้วไม่เมา ถ้าท่านไม่อยากให้สุราทำในสิ่งที่มันทำได้ดีที่สุด ใยไม่ดื่มน้ำเปล่า?
ป้านสุรากระแทกกับพื้นโต๊ะ กลิ่นไอฉุนเฉียวของสุราอสรพิษเขียวอันปรับปรุงจากใบไผ่เขียวอันโด่งดัง โชยมาเตะจมูกของผู้ชมดูการท้าประลอง ยากที่จะแยกว่าใบหน้าอันแดงฉาดฉานของผู้กล้าหนุ่มว่าเกิดจากฤทธิ์อันเร่าร้อนของน้ำโสม หรือว่าเป็นเพราะโคมแดงที่เพิ่งถูกจุดในเวลาย่ำค่ำกันแน่
เว่ยหลิงจื่อเช็ดปากด้วยแขนเสื้อ ชุดของเขารุ่ยร่ายแบะอกออกระบายความร้อนหมดสภาพอันโอหังถือดีของคุณชายแห่งวังหมื่นบุปผา ที่หลงเหลืออยู่คือธาตุบุรุษอันร้อนแรงที่แผ่ออกมาทางสองตาแดงซ่าน เขาจ้องเขม็งไปยังฝ่ายตรงกันข้ามที่จิบสุราประดุจวัวที่ค่อย ๆ ละเลียดวักลิ้นดื่มน้ำในลำธาร
“เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีก?”
ตู้เกี่ยนหลงฟังแล้วจึงวางป้านสุรา ประสานมือคารวะและกล่าว “พี่เว่ยดื่มสุราได้เข้มแข็งอาจหาญประดุจแม่ทัพในสมรภูมิ น้องชายเลื่อมใสยิ่งนัก ทว่าจะให้น้องชายยกธงขาวนั้นเห็นจะไม่ได้”
“เพ้ย! เจ้าดื่มช้ากว่าข้าตั้งเยอะ ทำไมยังไม่ยอมแพ้”
“พี่เว่ย โบราณว่าศึกยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร สถานการณ์อาจผันแปรทุกเมื่อ พี่เว่ยใจร้อนเช่นนี้น้องชายใคร่ขอน้อมเตือนว่า ขับเรือพันปีต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว ถ้าพี่เว่ยไม่เชื่อ ท่านลองกระพริบตาสักครั้ง”
เว่ยหลิงจื่อไม่เชื่อเรื่องผีสาง เขาลองกระพริบตาที่เพ่งจนโตดุจกระดิ่งนั้นดูครานึง เมื่อลืมตาขึ้นมาดู เขาก็เห็นไหสุราเปล่าเพิ่มขึ้นมาอีกไหตรงข้างตัวตู้เกี่ยนหลง
“กราสส!! เจ้าเล่นกลอะไร”
“พี่เว่ยลองกระพริบตาอีกสามที”
คราวนี้มีหรือที่เว่ยหลิงจื่อจะเชื่อ เขากระพริบตาสิบที และเมื่อลืมตาดู ปรากฏว่าไหเปล่าเพิ่มมาข้างตัวเด็กหนุ่มผิวคร้ามเจ้าของรอยยิ้มผ่อนคลายอีกสิบไห
“มาเล่อ โกบี!!!” (1) เว่ยหลิงจื่อสบถอย่างรุนแรงก่อนเอนกายไปถามน้องสาวตนเอง “มันโกงหรือเปล่า?”
เห็นได้ชัดว่า เว่ยเหลียนยู่ก็มีสีหน้าตระหนกตกใจราวกับพบพานผีสางก็ไม่ปาน นางส่ายหน้ารัว ๆ เมื่อถูกพี่ชายถาม
“เด็กร้ายกาจ นับว่าเจ้าพอมีความสามารถอยู่บ้าง”
“ฮ่า ๆ พี่เว่ยยังจะลองอีกหรือไม่ น้องชายมีวิชาลับของตระกูล เรียกว่าวิชาเซียนกระพริบตาสุราหมดไห ทุกครั้งที่คู่ดวลกระพริบตา น้องชายสามารถใช้วิชาเซียนดื่มสุราได้ทันที ทางเดียวที่จะเอาชนะน้องชายได้ คือพี่เว่ยต้องไม่กระพริบตาเลย ท่านทำได้หรือไม่?”
เว่ยหลิงจื่อฟังแล้วก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาจ้องหน้าของคู่แข่งเพื่อจับโกหก ทว่าไม่มีร่องรอยใดที่แพร่งพรายออกมาจากใบหน้าแจ่มใสและดวงตาเปล่งประกายคู่นั้นเลย
“เฮอะ นับว่าข้าประเมินเจ้าต่ำไป การพนันครั้งนี้ ข้ายอมแพ้”
“ท่านพี่ ท่านยอมแพ้เร็วไปหรือเปล่า นั่นอาจจะเป็นหอกเปล่าดาบปลอมก็ได้” เว่ยเหลียนยู่รั้งแขนพี่ชายแล้วเขย่าด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“เพ้ย ในเมื่อมันไม่ได้โกง เจ้าเด็กนี่ดื่มเหล้าสิบกว่าไหรวดเดียวโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน ผู้ใดทำได้ ต่อให้นี่เป็นแผนเมืองว่างนั่งดีดขิม ข้าก็ต้องนับถือในมันสมองอย่างน้อยสามส่วน” เขากล่าวกับน้องสาวเสร็จก็หันไปพูดกับตู้เกี่ยนหลง
“ในเมื่อเจ้าชนะพนัน มีลมใดก็รีบผายมาในเวลาหนึ่งก้านธูป”
“ช้าก่อน!” สุ้มเสียงที่คุ้นเคยพร้อมกับมือกระบี่ชุดขาวที่เรียบกริบราวกับใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มแล้วรีดลงแป้ง “..คุณชายตู้ คุณชายเว่ย อย่าลืมจ่ายค่าสุรา”
เว่ยหลิงจื่อเดือดดาล เขาเกือบลืมตำลึงทองที่เสียไปเมื่อตอนบ่ายแล้ว “จ้าวเหรินเจี่ยน! เจ้ายังมีหน้าโผล่หัวมา!”
“ถ้าจ้าวไม่โผล่มา ผู้ใดจะกล้าเตือนคุณชายเว่ยว่าสุราของเราขายในโอกาสพิเศษ ดังนั้น..”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ตู้เกี่ยนหลงก็พูดต่อทันที “..ดังนั้นต้องจ่ายเป็นแร่วิญญาณเซียน ให้สมฐานะชนชั้นผู้นำศิษย์สำนัก”
จ้าวเหรินเจี่ยนฟังแล้วก็กวาดตามองเจ้าของผ้าคาดหัวสุดเท่ห์ขึ้น ๆ ลง ๆ ด้วยความชื่นชมอีกครา “คุณชายตู้มีสติปัญญา หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร นับถือ ๆ”
“ครานี้คงต้องให้พี่เว่ยเป็นเจ้ามือ” ตู้เกี่ยนหลงยอมแพ้ความไร้ยางอายของมือกระบี่ไร้ที่ติ เลยส่งผ่านเผือกร้อนไปให้คนแพ้พนัน
“เพ้ย ถึงเจ้าจะไม่พูด ข้าก็ไม่มีหน้าดื่มกินฟรีอีกครั้งหรอก ข้าไม่ได้แซ่จ้าว ไม่ได้ชื่อเหรินเจี่ยน” ว่าแล้วก็ถลึงตามองคนที่ตนประชด จากนั้นก็ดีดแร่วิญญาณเซียนขั้นกลางไปให้สองก้อน
จ้าวเหรินเจี่ยนรับค่าสุรา ส่งยิ้มละไม รอยแผลเป็นข้างแก้มบุ๋มเข้าไปจนทำให้เขาดูผุดผาดประดุจบัวหนามที่งอกงามกลางหิมะ
“คุณชายเว่ยใจกว้างสมคำร่ำลือ จ้าวล่วงเกินแล้ว” เขากล่าวจบก็สะกิดเท้าหายไปเหมือนที่จากมา
“ทำให้ผู้คนคลั่งแค้นจนแทบตาย” เว่ยหลิงจื่อกัดฟันกรอด ๆ แล้วจึงเตรียมรับฟังสิ่งที่ตู้เกี่ยนหลงต้องการพูด
เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว หนุ่มน้อยผิวคร้ามจึงลุกขึ้นแล้วผายมือ “ที่นี่ไม่สะดวกสนทนา เชิญพี่เว่ยและแม่นางเว่ยตามน้องชายมา”
ทุกคนลงจากเหลาแล้วมุ่งหน้าไปยังอุทยานถั่วฝักยาว
(1) วิธีพูดว่า “เย็บแม่” ในภาษาจีน
++++++
ศิษย์สำนักอำพันโบราณยกอ่างน้ำมาให้เว่ยหลิงจื่อล้างหน้า เมื่อทุกคนอยู่ในสภาพที่แจ่มใสแล้ว พวกเขาก็มานั่งกับพรมที่ปูบนก้อนหินยักษ์อันย้ายมาจากภูเขาใกล้ ๆ
“น้องชายจะไม่อ้อมค้อม ที่เชิญพี่เว่ยมาในวันนี้ก็เพื่อปรึกษาหารือเรื่องการทำเหมือง”
เว่ยหลิงจื่อพยักหน้าให้อีกฝ่ายกล่าวต่อ
“อย่างที่เราเห็น ลมตะวันออกหนุนสำนักประตูทรราชและไมตรีโลหิต พวกเขานำหน้าเราไปหนึ่งก้าว และความได้เปรียบนี้จะยิ่งถ่างขึ้นเรื่อย ๆ หากว่าชาวยุทธพเนจรยังคงหลั่งไหลไปที่สำนักของพวกเขา”
คุณชายแห่งวังหมื่นบุปผาจิบชาบรรเทาอาการเมาค้าง เหลือบตามองนิดหนึ่งแล้วกล่าว “ทำไมเจ้าไม่อดทนออมกำลัง รอให้พวกเขาทุ่มเทกำลังกำจัดอสูรจนหมด แล้วค่อยบุกยึดเหมืองที่พวกเขาตระเตรียมไว้ให้”
“แผนยืมเสื้อเจ้าสาวนี้น้องชายก็ขบคิดอยู่ แต่มันมีปัญหาสองอย่าง หนึ่งคือการแก้แค้น และสองคือความเห็นของผู้คน”
“ว่ามา”
“ถ้าคะเนจากกติกา ในช่วงครึ่งแรกของการประลอง คือการแข่งขันกำจัดอสูรเฝ้าเหมือง และช่วงครึ่งหลังคือการแย่งชิงเหมืองจากผู้อื่น ทว่าครึ่งที่สองเป็นกับดักสำหรับคนที่คิดจะออมกำลัง เพราะเมื่อท่านโจมตีเหมืองคนอื่นได้ ผู้อื่นก็ย่อมแก้แค้นโจมตีท่านได้ ซึ่งทำให้ในที่สุดแล้ว ผู้ที่มีกำลังมากกว่า ย่อมได้ชัยชนะอยู่ดี”
ตู้เกี่ยนหลงเว้นจังหวะนิดหนึ่งแล้วกล่าวต่อ “และอสูรเฝ้าเหมือง ในแง่หนึ่งมันคือหินลับมีด อันสลักและขัดเงาดาบทื่อที่เรียกว่าศิษย์ใหม่ หินนั้นจะบดเนื้อเหล็กที่เกินความจำเป็น อ่อนแอ เศษสนิม จนเหลือแต่แก่นโลหะอันแกร่งกล้า ดังนั้นการรอแย่งชิงเหมืองด้วยดาบทื่อจึงเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรเราก็ต้องทำให้เต็มที่ในช่วงครึ่งแรก”
เว่ยหลิงจื่อขบคิดตามและพยักหน้า “แล้วความเห็นของผู้คนล่ะ”
“ความเห็นของผู้คนคือชาวยุทธพเนจร หากเรายึดเหมืองของสำนักอื่นและส่งคนของเราไปทำเหมือง ชาวยุทธพเนจรที่ทำเหมืองนั้นอยู่แต่เดิมก็จะสูญเสียรายได้ พี่เว่ยว่าเขาจะมองเราเช่นไร”
“เข้าใจล่ะ เจ้าหมายถึง การแย่งชิงชาวยุทธรับจ้าง ต้องเริ่มทำแต่เนิ่น ๆ สินะ”
“ฮ่า ๆๆ” ตู้เกี่ยนหลงหัวร่อ “หรือมิเช่นนั้นเราก็ไม่ต้องแย่งชิงเลย เราท่านไม่จำเป็นต้องมองว่าชาวยุทธเหล่านั้นคือบุคลากรภักดีมีสังกัด แต่ให้มองว่าเป็นทรัพยากรที่เคลื่อนย้ายถ่ายเทได้ เมื่อท่านแย่งชิงเหมืองสำเร็จ ท่านไม่จำเป็นต้องขับไล่พวกเขา พี่เว่ยสามารถเสนอสัญญาใหม่ที่ดีกว่าเดิมหรือเท่าเดิม ให้ทุกคนยังคงทำงานเดิม เท่านี้ทุกคนก็จะสบายใจและเราก็จะช่วงชิงความเห็นของผู้คนได้ ไม่เพียงเท่านั้นเรายังมิต้องเปลืองกำลังและทรัพย์สินในการพยายามแย่งชิงผู้คนในช่วงนี้อีกด้วย”
“เจ้าเด็กร้ายกาจ ใครรับมือกับเจ้าต้องปวดหัวน่าดู” เว่ยหลิงจื่อจิบชาพลางกล่าวชม แต่เมื่อเห็นตู้เกี่ยนหลงนิ่งยิ้มอยู่ จึงวางถ้วยชาแล้วเอ่ยถามต่อ “ในเมื่อเจ้ามีแผนที่ดีอยู่แล้ว ไฉนไม่ปล่อยให้เราสองเฮียม่วยวิ่งหัวปั่นตามเกมของพวกนั้นล่ะ”
เด็กหนุ่มผมสั้นยกมือประสานคารวะ “เพราะนั่นคือความจริงใจของน้องชายที่มีต่อพี่เว่ย”
“อย่ามัวแต่อ้อมค้อม เจ้าอยากให้วังหมื่นบุปผาทำอย่างไร”
“ถ้าพี่เว่ยเชื่อน้องชาย ช่วงแรกพี่เว่ยก็ไม่ต้องจ้างวานชาวยุทธ และเน้นแสวงประสบการณ์การต่อสู้ให้กับศิษย์สำนัก จากนั้นในช่วงครึ่งที่สอง เราจะล่อซ้ายโจมตีทางขวาต่อสำนักประตูทรราช ตราบใดที่เราไม่แตะต้องปมเหมืองที่หลี่โอ๋อวิ๋นคุมอยู่ เขาย่อมไม่สามารถออกมาจัดการอะไรเราได้”
“เหตุใดจึงเป็นประตูทรราชสำนักเดียว” เว่ยหลิงจื่อขมวดคิ้วสงสัย
“เรื่องนี้คงต้องถามพี่จ้าว”
ตู้เกี่ยนหลงกล่าวจบ เงาร่างของชายรูปงามที่สุดในยุทธจักรก็สาวเท้าเดินเข้าอุทยานมาอย่างแช่มช้า กระบี่ที่สะพายอยู่ข้างเอวไหวไปมาตามจังหวะก้าวเดิน เขาหยุดตรงที่ก้อนหินใหญ่อันชนชั้นผู้นำทั้งหมดนั่งหารือกันอยู่ แล้วประสานมือคารวะ
“คุณชายตู้ คุณชายเว่ย ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง”
เว่ยหลิงจื่อสำลักน้ำชาพรวด ราวกับกระอักโลหิตด้วยความแค้นใจเมื่อคิดถึงเงินทองทั้งหมดที่สูญเสียไปในวันนี้ เขาชี้มือแล้วพูดได้คำเดียว “..เจ้า”
ตู้เกี่ยนหลงตบไหล่คุณชายแห่งวังหมื่นบุปผา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความผิดอยู่ที่น้องชายเอง น้องชายขอร้องพี่จ้าวให้เล่นละครเพื่อว่าผู้อื่นจะได้คิดว่าพี่ชายทั้งสองไม่กินเส้นกัน”
“ฮ่า ๆๆ จ้าวก็ไม่ได้เล่นละครหรอก จริง ๆ ก็ไม่ค่อยชอบหน้าคุณชายเว่ยอยู่เหมือนกัน”
คุณชายจ้าวเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนสุภาพไม่มีที่ติ ทว่าเนื้อหาของมันทำเอาเว่ยหลิงจื่อกระอักน้ำชาที่กินเข้าไปอีกรอบ เว่ยเหลียนยู่ลูบหลังพี่ชายแล้วถลึงตาใส่จ้าวเหรินเจี่ยนว่าเจ้าจะพูดยั่วโมโหคนให้น้อยลงกว่านี้ได้หรือไม่
“เพ้ย ตอนนี้ไมตรีโลหิตได้เปรียบอยู่แล้ว ไฉนจะมาเป็นพันธมิตรกับพวกเรา ตู้ เจ้าไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเหยื่อป้อนกระสุนปืนให้ไอ้เด็กหน้าขาวแซ่จ้าวหรืออย่างไร”
จ้าวเหรินเจี่ยนได้ยินดังนั้นจึงรีบอธิบาย “คุณชายเว่ยกลัวเช่นนั้นก็มีเหตุผลอยู่ ระหว่างเราสามคนอย่างไรก็ต้องมีผู้ชนะเพียงคนเดียว ในท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นเหยื่อกระสุนปืนให้ใครนั้นก็ยังไม่แน่ แต่ที่จ้าวตัดสินใจร่วมมือกับคุณชายทั้งสองนั่นก็เพราะว่าไมตรีโลหิตไม่ต้องการที่จะถูกโดดเดี่ยว คุณชายเว่ยอาจจะยังไม่ทราบว่าประตูทรราชจับมือกับวารีพิสุทธิ์เรียบร้อยแล้ว และถ้าคุณชายทั้งสองตกลงร่วมมือกันอีก จ้าวคงไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้”
ตู้เกี่ยนหลงหรี่ตาแล้วเอ่ยวาจา “พี่จ้าวกล่าวเช่นนี้หรือจะมีนัยว่า ยังไงพี่จ้าวก็จะเข้าร่วมพันธมิตรใดพันธมิตรหนึ่ง”
“ฮี่ ๆ”
เมื่อจ้าวเหรินเจี่ยนไม่ตอบตรง ๆ เด็กหนุ่มเจ้าของแขนล่ำน่ากัดจึงหันไปเกลี้ยกล่อมเว่ยหลิงจื่อ
“พี่เว่ยโปรดระงับความรู้สึกส่วนตัว หากไมตรีโลหิตเข้าร่วมกับประตูทรราช จะเหมือนพยัคฆ์ติดปีก พันธมิตรสามสำนักเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของของเราท่าน และพี่จ้าวเองก็คงไม่อยากเก็บประตูทรราชไว้เป็นคู่แข่งคนสุดท้ายด้วย น้องชายกล่าวจริงหรือไม่”
จ้าวเหรินเจี่ยนผงกศีรษะน้อย ๆ ยอมรับการวิเคราะห์ของผู้นำศิษย์สำนักอำพันโบราณ
“ช้าก่อน!” เว่ยหลิงจื่อร้องเรียก
“พี่เว่ยมีอะไรจะกล่าว?”
“ในเมื่อพวกเราร่วมมือกันแล้ว เจ้าคงบอกได้แล้วสิว่าชนะข้าได้ยังไงในการดวลสุรา แล้ววิชาเซียนกระพริบตามีจริงหรือไม่”
“ที่แท้ก็เรื่องนี้” ตู้เกี่ยนหลงจับจมูกตนเองอย่างเขินอาย “ขออภัยที่น้องชายหลอกพี่เว่ย วิชาเซียนกระพริบตาไม่มีจริง วิชาที่น้องชายใช้เรียกว่าโครโนซอรัสกลืนทะเล มันมีข้อจำกัดอยู่ หาได้ใช้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดดังที่น้องชายโม้ไม่”
เว่ยหลิงจื่อตบเข่าตัวเองฉาด “ข้านึกแล้วว่าเด็กหน้าขาวอย่างพวกเจ้าไม่มีตัวดี ไปกันเถอะเหลียนเหลียน คืนนี้พี่คงนอนหลับลงแล้ว”
“ฮ่า ๆ พี่เว่ย แม่นางเว่ย เดินดี ๆ ขออภัยที่ไม่ส่ง”
ทุกคนล่ำลากัน จ้าวเหรินเจี่ยนกลับค่ายตนเองทันทีไม่รั้งรอ แล้วก็เหลือแต่ตู้เกี่ยนฟงกับคุณชายเสื้อน้ำตาล ซึ่งยังคงยืนดื่มด่ำกับความสำเร็จของการเจรจา
+++++