Xianxia: เทพยุทธหมีดำในตำนาน: #43 ถ้ำของเจ้าข้าจะรับเอาไว้ วะฮ่าๆๆ (5/11)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Xianxia: เทพยุทธหมีดำในตำนาน: #43 ถ้ำของเจ้าข้าจะรับเอาไว้ วะฮ่าๆๆ (5/11)  (อ่าน 22707 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แอร์ไทม์ของเสี่ยวหมีนี่มีราคาเท่าช่วงไพรม์ไทม์ใช่ไหม

ได้ออกโฆษณาแป๊บเดียวก็โดนเซนเซอร์ซะแล้ว เฮ้อ

อาหยูมีวุฒิภาวะแบบที่หลาย ๆ คนไม่มี อวิ๋นทะเยอทะยาน มีพลังราวลูกธนูที่พร้อมพุ่งไกล หากมีอาหยูที่ไม่ได้ทะเยอทะยานในแบบนั้น แต่มีความมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายไม่ต่างกัน เช่นนี้ย่อมเป็นคู่เต๋าที่สมน้ำสมเนื้อ

ทำไมฉันรู้สึกอิจฉาหมี?

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
เมื่อไหร่จะได้กัน? `พูด

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เชียร์น้องมู่คู่ศิษย์พี่ลุงหยูดีกว่า :hao7: :hao7:

เสียวหมีจะได้มีสุดหล่อเบอร์1และได้เบอร์2เป็นของแถม  :hao6:

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อาจจะไม่ได้อัพสัก 4-5 วันนะครับ  ปั่นงานแปบ  ใกล้เดดไลน์  T^T   :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


ทำงานให้เต็มที่เลยค่ะ พวกเราทางนี้จะตั้งตารอเสี่ยวหมีและบรรดาผู้ชายในคอนโทรลด้วยใจจดจ่อ
จริง ๆ เราชอบนะคะที่ได้เห็นเสี่ยวหมีออกมาโลดแล่นเยอะ ๆ แต่ถ้าต้องแลกกับการไม่ได้เห็นหมีดำติด ๆ กันหลาย ๆ ตอนก่อน
เราว่าเฉลี่ยบทให้เสี่ยวหมีออกตอนละนิดละหน่อยก็ได้ค่ะ เราจะได้ไม่คิดถึงเสียงอ๊อออออ ของหมีดำมากนัก... ถ้าค่าตัวเสี่ยวหมีเยอะนัก เรายินดีหนับหนุนน้องให้ได้ออกมาเชยชมสปอตไลท์เองค่ะ (ว่าแล้วก็ควักแบงค์ยี่สิบออกมากรีดโชว์)

เรื่องผู้ชายที่เหลือของเรื่องเหรอคะ... นี่ไม่ได้สน ไม่ได้หวั่นไหวเลยนะคะ
จะน้องอวิ๋น น้องมู่ น้องจิ่น อาหยู ลามไปถึง น้องตู้ น้องจ้าว หรือจะใครก็เถอะ ใจป้านี่รักภักดีกับหมีวิเศษแค่ตัวเดียวจริม ๆ (ได้ข่าวว่าไม่ปลื้มผู้เหรอป้า แต่ที่ไล่ชื่อมาก็ตัวกลั่นทั้งนั้นนะ)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ จะรอนะคะ *กอดแน่น* :กอด1:




ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เทพยุทย์หมีดำ ว่าด้วยเรื่องการเก็บฮาเร็มของเสี่ยวหมี...


ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สู้ ๆ นะคะ

ฉันจะจิ้นถึงหนุ่ม ๆ รออย่างสงบเสงี่ยม

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
♥►MAGNOLIA◄♥: ฮ่า ๆ คำถามเรื่องเต๋าโลกอื่นก็ต้องดูต่อไปครับ
สงสารมู่จุงเบย  รักข้างเดียวชีช้ำกะหล่ำปลีโนะ
หยูเหมือนจะโต  แต่ก็ยังเกรียนเหมือนเดิม 555+

alternative: เจอกสมท บังคับให้ลดเวลาแอร์ไทม์ของเสี่ยวหมี T^T
นั่นสิ  จริง ๆ คู่นี้ก็ดูเข้ากันได้ดีนะ  แต่ว่า  รักอวิ๋นเสียดายน้องมู่จุงเบยยยย

wnkth:  หุหุหุ  หวังว่าคงเร็ว ๆ นี้    #ปั่นฉากกระท่อมร้างฝนพรำ

NuTonKaw: อย่างนี้ต้องเรียกว่า love me love my bear สินะ ๆ

Malimaru: สรุปว่างานก็ยังไม่เสร็จครับ   แต่อ่านนิยายเรื่องล่าสุดจบที่ 1600 กว่าตอน  T^T
ชีวิตติดนิยายนี่ลำบากมาก ๆ ครับ  งานก็ไม่คืบ  นิยายตัวเองก็ไม่ได้แต่ง
ผู้ชายในเรื่อง  เอ๊ะ  เรื่องนี้มีฮาเร็มด้วยหรอ  #เลิกชายเสื้อส่องหน้าท้องของน้องตู้

JustWait: ดูชื่อเรื่องก็รู้แล้วว่าใครนายเอก 555




++++++++++

ซีคงหยูแจ้งให้จางชุ่ยฮัวทราบถึงแผนการขั้นต่อไป  นางรับทราบโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ   ซีคงหยูถอนหายใจระหว่างที่ออกไปจากที่ชุมนุมของผู้บริหารพรรค  เขารู้ว่าประมุขพรรคของตน  ไม่ค่อยพอใจที่เขาทำท่าเหมือนกับสนใจผลประโยชน์ของสำนักอื่นมากกว่าสำนักตน  แต่ทำอย่างไรได้  ถ้าท่านไม่มีพละกำลังมากพอ  ท่านก็ต้องรอกินทีหลังผู้อื่น

เขาเดินคู่กับเสี่ยวหมีออกไปเดินเล่นที่ป่าละเมาะใกล้ ๆ เมืองอย่างเหนื่อยหน่าย  บางทีเขาก็ไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่  ความสนุกเพลิดเพลินของเขามาชั่วครั้งชั่วคราว  อย่างเช่นเมื่อวางแผนร่วมกับหลี่โอ๋อวิ๋น  โดยที่รู้สึกว่าอีกฝ่ายยอมรับว่าเขามีประโยชน์

เขาคิดย้อนกลับเข้าไปในตนเอง  ทบทวนความรู้สึกเมื่อครั้งยังหนุ่มแน่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา  ใช่แล้ว  คนหนุ่มสาวก็เป็นเช่นนี้  พวกเขาต้องการประสบความสำเร็จ  ต้องการพิสูจน์ตนเอง  และไล่ตามเป้าหมายที่อยู่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ  ซีคงหยูไม่แน่ใจว่ามันคือความไร้เดียงสา  หรือความกล้าหาญ  ที่คนวัยเยาว์มักไขว่คว้าหาอุดมคติ  ชีวิตนิรันดร์  อำนาจเด็ดขาด  พลังฝีมือไร้ต่อต้าน  หรือจุดสูงสุดของยุทธภพ

แต่เมื่อเขาอายุมากขึ้น  เขาพบว่าเรื่องเหล่านี้ชืดชาไร้รสชาติ  เหตุใดเราต้องการชีวิตนิรันดร์ในเมื่อชีวิตไม่มีอะไรใหม่  และมองไม่เห็นว่าอะไรคือความหมายของชีวิตจริง ๆ  เหตุใดเราจึงต้องการอำนาจเด็ดขาด  การมีอำนาจเหนือผู้อื่นทำให้เรามีความสุขมากขึ้นอย่างไร  แน่ล่ะว่า  เราสามารถป้องกันตนเองจากความทุกข์และความเจ็บปวดได้  หากว่ามีอำนาจและพลังฝีมือ  ซีคงหยูเห็นผู้เยาว์จำนวนมากที่เชื่อว่าต้องไขว่คว้าหาพลังที่ยิ่งใหญ่เพื่อปกป้องคนรักของตนเอง  แต่ความรักก็ชืดชาไร้รสชาติ  เหตุใดคนสองคนจึงต้องผูกพันเข้าด้วยกัน  การรักกันหมายความว่าอะไร

ถ้าโชคชะตาของแต่ละคนเป็นของตน  และความรักมักเปลี่ยนแปร  ไฉนจึงต้องสาบานว่าจะปกป้องกันชั่วนิรันดร์  แต่เมื่อคิดอีกที  นิรันดรสามารถที่จะไม่หมายถึงห้วงเวลาอันยาวนานไม่มีที่สิ้นสุด  แต่มันคือความรู้สึกที่ฟูฟ่องในชั่วขณะจิต  สูงส่งเหมือนกับว่าหัวใจของตนกระเด็นกระดอนไปยังสุดขอบฟ้าและเห็นเส้นสายธารดาราอันยิ่งใหญ่  มันอาจจะเหมือนกับ  การได้สัมผัสเสี้ยวหนึ่งของนิรันดรภาพที่ธำรงอยู่อย่างไม่รู้หน่ายในโพ้นจักรวาล

โดยที่ไม่รู้ตัว  หนึ่งชายและหนึ่งหมีผู้เดินท่องไปในป่าโปร่ง  ท่ามกลางไม้สนและซีดาร์สูงชะลูดอันทิ้งใบเกลื่อนกลาดเนื่องจากความหนาวเย็น  ความหนาวที่ประดุจลมหายใจ  ซึ่งบางครั้งก็ระโหยโรยแรง  บางครั้งก็กระชั้นร้อนเร่า  บางครั้งลมหายใจของโลกก็เหมือนนำพามาซึ่งความตายและการสิ้นสุดของสรรพชีวิต  ทว่าในความตายก็คือการตระเตรียมสำหรับชีวิตใหม่ที่ซ่อนตัวเหมือนช่อกิ่งอ่อนอันแอบซ่อนอยู่ใต้ผิวอันปริแตกของไม้ซีดาร์

และโดยที่ไม่รู้ตัวดีเช่นนั้น  ลมหายใจของฟ้าและดิน  โลกและสวรรค์  ค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยโคจร  และหมุนวนเวียนเหมือนกับเฉลิมฉลองการค้นพบกฎธรรมชาติ   แกนกลางของการหมุนวนคือวัตถุชีวิตสีดำก้อนใหญ่  หรืออันที่จริง  ก็คือชายผู้เป็นเจ้าของ  สหาย  และผู้รับการปกปักษ์จากวัตถุสีดำก้อนนั้น

มันเริ่มจากลมที่ผัดแผ่วปลายนิ้ว  เหมือนกับเปลวไฟที่เคลื่อนตัวเหมือนเถาวัลย์อันซึมลึกลงไปในเนื้อหนัง  และรู้สึกอีกที  มันก็เหมือนกับสายฟ้าที่ทั้งร้อนและเย็นในเวลาเดียวกัน  สายฟ้าและเปลวไฟ  หมุนเป็นเกลียวเหมือนผ้าที่ถูกบิดในถังย้อมคราม  เกลียวน้ำครามกลางถังมีดวงตะวันสีเหลืองอมส้มเรื่อ   ที่ค่อย ๆ ดูดซับ  หน่วงกักและปลดปล่อยรัศมีอันอ่อนโยนของมัน  เมื่อดวงตะวันดึงดูดเอาไฟและสายฟ้า  ความเย็นและความร้อน  หมอกก็ก่อเกิด  และเมฆก็เคลื่อนคล้อยมาปกคลุม

"สิ่งที่ชนะความเหลวไหลของชีวิตคือความงาม"  ซีคงหยูคิดดัง ๆ กับหมีข้าง ๆ  แต่เหมือนเขาไม่ได้คุยกับมัน  เขาไม่ได้คุยกับใครและเขาก็ไม่รู้ว่าเต๋าที่ยิ่งใหญ่กำลังรับฟังอยู่

"และมันคือความฟูฟ่องของจิตยามที่ได้สัมผัสกับนิรันดรภาพของจักรวาล"

"เมื่อรู้สึกถึงความงามนั้น  จะไม่มีคำถามอีกต่อไปว่าทำไมมนุษย์จึงดำรงอยู่"

"ในเสี้ยววินาทีที่ตกตะลึงพรึงเพริดต่อความยิ่งใหญ่อันประเมินไม่ได้  มันคือนิรันดร"

"ความรักชั่วนิรันดร์จึงเกิดได้ในเสี้ยววินาที"

"เวลาจึงไม่สำคัญ  เวลาคือสิ่งที่กัดกร่อนนิรันดรภาพ"

"ความเศร้าโศกรันทดใจของมนุษย์  เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นสิ่งที่อยู่ในเวลา" 

"สิ่งที่ไม่เป็นนิรันดร์  สิ่งที่ไม่สามารถหยุดนิ่งในเสี้ยววินาทีอันอิ่มเอิบใจได้อย่างแท้จริง"

ไม่เพียงหมู่เมฆที่เคลื่อนคล้อยเข้ามาบดบังดวงตะวันในจุดตันเถียนของซีคงหยู  มันยังเคลื่อนมาชุมนุมกันเหนือศีรษะของเขา  เสียงครั่นครื้นเลื่อนลั่นเหมือนมังกรคำรณดังขึ้นมาจากเบื้องบน  และไม่ทันที่คุณชายสามจะแหงนมอง  เขาก็พบว่าเบื้องหน้าของเขามีโขดหินที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน  บนโขดหินมีนักพรตเต๋าหนวดเครายาวดำขลับ  บนบ่ามีแส้ปัด

"สหายน้อย...คัมภีร์ที่เจ้าฝึกคือ [คัมภีร์แห่งเทศะ] ใช่หรือไม่"

ซีคงหยูตกตะลึงไปพักหนึ่ง  ก่อนประสานมือคารวะอีกฝ่าย

"เรียนท่านผู้อาวุโส  ผู้เยาว์ไม่รู้จักคัมภีร์ที่ท่านพูดถึง"

นักพรตโบกมือเล็กน้อยไม่ใส่ใจว่าซีคงหยูจะรู้จักคัมภีร์หรือไม่  เขาหลุบตาแล้วกล่าว  "พุทธิปัญญาที่เจ้าพบ  มันคือหัวใจของคัมภีร์แห่งเทศะ  เวลาคือมายาภาพ  คือสิ่งที่เกิดทีหลังเทศะ  เทศะคือนิรันดร์  เทศะคือทุกสิ่ง  เวลาคือเต๋าที่บิดเบือนและทำให้มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงเต๋าที่ยิ่งใหญ่"

ซีคงหยูฟังแล้วก็ลังเลเล็กน้อย  เขารู้สึกเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ  เขาจึงประสานมือและค้อมตัวอีกที

"ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ  ว่าแต่มันแปลว่าอะไร  ข้าไม่เข้าใจเลย"

นักพรตเต๋าสำลักน้ำลายเล็กน้อย  เจ้าจะเสแสร้งเป็นเข้าใจสักนิดไม่ได้หรือไง   เขาโบกแขนเสื้ออีกครั้งเหมือนจะรำคาญใจ

"ข้าเรียกว่าเวิ่นเต๋อ  เรามีวาสนาต่อกัน  สหายน้อย..เจ้าสนใจเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่"

"ห๊ะ  ข้าเนี่ยนะ"  ซีคงหยูชี้หน้าตนเอง  พล็อตนี้มันคุ้น ๆ พบยอดคนลึกลับกลางเขา  กราบกรานเป็นอาจารย์  ฝึกยอดวิชา  แล้วออกไปยึดครองยุทธภพ  เพ้ย  ไม่ใช่  ออกไปกอบกู้ยุทธภพจากมารร้าย

เมื่อหายตกใจ  ซีคงหยูก็รีบสะบัดแขนเสื้อสองข้าง  เป็นพิธีทำความสะอาดมือก่อนแสดงความเคารพอย่างสูงสุด  เขาคุกเข่าลงกับพื้น  แล้วก้มศีรษะจรดพื้น

"ศิษย์ซีคงหยู  คำนับท่านอาจารย์"

นักพรตเวิ่นเต๋อก็ตกใจจนโพล่งออกมา  "ง่ายอย่างงั้นเลยเรอะ"

"ท่านสิใจง่าย  จู่ ๆ เดินมาดักข้ากลางเขาแล้วรับข้าเป็นศิษย์"  คุณชายสามเงยหน้าเถียงคำหนึ่ง  แล้วก้มหน้าต่อเพื่อแสดงความเคารพ

นักพรตเวิ่นเต๋อขมวดคิ้วที่ยาวเหมือนหางหมาจู 

"ถ้าเจ้าชอบยาก ๆ  งั้นข้าจะให้เจ้าทำบททดสอบ"

"ไฮ้ ท่านอาจารย์  ข้าล้อเล่น"  ซีคงหยูรีบลุกขึ้นจากที่ก้มหน้าอยู่แล้วตบปากตัวเอง  "นี่แน่ะ  ไอ้ปากไม่รักดี"

""บททดสอบแรก  ผ่านทัณฑ์สวรรค์"  นักพรตเวิ่นเต๋อกล่าวอย่างไม่ใส่ใจแล้วชี้ไปยังท้องฟ้าที่เริ่มมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ

ซีคงหยูแหงนมองตาม  และเห็นเปลวฟ้าที่รวมตัวกันและแล่นถักทอไปมาเหมือนตาข่าย

"เฮเว่นอะโบฟ!"




+++++++




ที่หน้าทางเข้าดินแดนลี้ลับของเหมืองจิ้งซาน  หลี่โอ๋อวิ๋นยืนสังเกตการณ์อยู่ที่ยอดหน้าผา  เขาคอยดูว่าสำนักใดที่จะแอบลอบเข้าไปโจมตีเหมือง  เพื่อที่จะได้เข้าไปขัดขวางได้ทันที    แต่ในตอนนั้นที่เขาเห็นพยับเมฆสีดำและสายฟ้าที่ก่อตัวทางทิศตะวันตก  เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและพึมพำกับตนเอง

"ทัณฑ์สวรรค์ระดับเมฆาเคลื่อนคล้อย.."

ไม่ใช่แค่หลี่โอ๋อวิ๋นที่สังเกตเห็น  ชาวยุทธและศิษย์สำนักทุกคนในเมืองจิ้งซานก็เห็น  ส่วนใหญ่พวกเขาไม่รู้จักทัณฑ์สวรรค์ระดับนี้  เพราะยังบำเพ็ญพรตไปไม่ถึง  ส่วนผู้ที่รู้จักก็ประหลาดใจ  และคาดเดาว่าผู้รับการทดสอบน่าจะเป็นหนึ่งในยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของสำนักต่าง ๆ อาทิเช่น ตู้เกี่ยนหลง  เว่ยหลิงจื่อ  หลิวเกา  ฯลฯ

แต่เมื่อมีคนตั้งใจจะเข้าไปสังเกตการณ์โดยไม่เกรงฟ้าผ่า  พวกเขาก็พบว่ามีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นบริเวณป่าละเมาะนั้นไว้  จนไม่สามารถรู้ได้ว่าใครที่กำลังผ่านบททดสอบทัณฑ์สวรรค์อยู่ในขณะนี้

ส่วนผู้อาวุโสจากสำนักต่าง ๆ สามารถใช้เนตรพันลี้หรือคันฉ่องวารีมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้  พวกเขาหันไปแสดงความยินดีกับไป่หลินหลิงด้วยน้ำเสียงที่ซ่อนความอิจฉาไม่มิด

"ยินดีด้วยผู้อาวุโสไป่  ไม่เพียงศิษย์สำนักท่านบรรลุเขตแดนเมฆาเคลื่อนคล้อยเป็นคนแรกของจิ้งซาน  ยังได้รับความใส่ใจจากนักพรตเวิ่นอีกต่างหาก"

"ทำไมนักพรตเวิ่นถึงสนใจเด็กนั่น"  ผู้อาวุโสเหม่ยแห่งวังหมื่นบุปผาตั้งคำถามที่ทุกคนก็สงสัย  "ดูจากอายุกระดูกน่าจะอายุใกล้สามสิบ  จะบรรลุเขตแดนเมฆาเคลื่อนคล้อยตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก"

"ฮ่า ๆๆ"  ผู้อาวุโสไมตรีโลหิตหัวเราะแฝงนัย  "ถ้าให้เล่าฮิวเดา  เด็กคนนั้นน่าจะมีพรสวรรค์ด้าน [เทศะ]"

ทุกคนตาลุกวาวเหมือนได้รับความกระจ่าง

"สำนักท่านมีวิชาเซียนสายเทศะด้วยรึ  ผู้อาวุโสไป่"  ตู้ถงเทียนถามอย่างสงสัยใคร่รู้

ไป่หลินหลิงอมยิ้ม  กระพือพัดในมือเบา ๆ แล้วกล่าว   "มี  เรียกว่าวิชาเซียนสามสิบหกแผน"

ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ มองหน้ากันอย่างอึ้งกิมกี่  โลกนี้มีวิชาเซียนชื่อหยาบช้าแบบนี้ด้วยหรอ

"ฮ่า ๆๆ  พวกเจ้าดูไปก็รู้เอง  เด็กคนนี้คือม้ามืดที่ข้าเตรียมไว้  กะกินรวบทุกสำนัก"  นางกวาดพัดในมือไปข้างหน้าเหมือนกับแม่ทัพที่เตรียมทำลายกำลังศัตรู  แต่แล้วก็นึกได้รีบเอาพัดปิดปาก  "อุ๊บส์  แต่ถ้าพวกเจ้ารู้แล้ว  จะมีใครพนันกับข้าอีกล่ะ"

"ปีนี้ท่านก็จะตั้งโต๊ะพนันอีกงั้นรึ"  ผู้อาวุโสไมตรีโลหิตถามอย่างสนใจ

"ฮี่ ๆ  พระพุทธองค์กล่าวว่าถ้าอาตมาไม่ลงนรกแล้วผู้ใดจะลงนรก  ข้าเลยคิดจะเสียสละตัวเป็นเจ้ามือโต๊ะพนันอีกครา"

ทุกคนทำหน้าเครียด   เสียสละเตี่ยเจ้าสิ  เจ้าเป็นเจ้ามือทีไรกินรวบทุกที



++++++



สัตว์บางชนิดร้อง อ๊อออ  อ๊อออออ  บางชนิดก็ร้อง  อี๊ยอออออ  อี๊ยอออออ  แต่บางชนิดก็ร้อง เอ๋ง เอ๋ง  เหมือนหมาที่โดนฟ้าผ่า

เสี่ยวหมีนั่งจิบน้ำมะนาวอยู่ใกล้ ๆ นักพรตเวิ่นเต๋อ  พร้อมกับแว่นดำกันแสงจ้าจากสายฟ้าที่นักพรตเฒ่ามีสำรองมาเผื่อ

"อ๊ากกกก!!  เอ๋งงง!!"

ซีคงหยูร้องลั่นกลางพายุอัสนี  ซึ่งฟาดมาแต่ละทีก็จะเห็นโครงกระดูกของเขาเรืองแสงจากไฟฟ้าที่อาศัยเรือนกายของเขาเป็นสื่อวิ่งสู่อ้อมอกของพื้นปฐพี

"อ๊ออออออออ"

นักพรตเต๋าหลุบตา  แต่ไม่มีใครเห็นเพราะเขาก็ใส่แว่นกันแดด

"เจ้าเป็นห่วงเขางั้นรึ"

"อ๊อออออออ"  เสี่ยวหมีส่ายหน้า

"ที่แท้  เจ้าก็กลัวจะกลายเป็นหมีกำพร้า"  นักพรตเวิ่นเต๋อรู้สึกสะเทือนใจจนแว่นดำหล่นลงมาที่ปลายดั้ง

"อ๊อออออออออออ"

นักพรตเคราดำวางแส้ปัดในมือ  แล้วยื่นมือไปลูบหลังเสี่ยวหมี  "ไม่ต้องห่วง  ถ้าเขาตาย  ข้าจะรับเลี้ยงเจ้าต่อเอง"

"อาจ๊าานนนน  ข้ายังไม่ตายยย!  อ๊ากกกกก!!!"

ซีคงหยูโดนช็อตอีกรอบ  คราวนี้หัวเขาฟูเหมือนทรงแอฟโฟร่

"เฮเว่นอะโบฟ!  ข้าจะสู้กับเจ้า!"  คุณชายสามกำหมัดชูใส่สวรรค์เบื้องบน  เลียนแบบเรื่องราวของจอมยุทธในรวมเรื่องสั้นตำนานพิสดารของยุทธจักรเล่มที่ 473  และ  521

"เจ้าคิดว่าจะทำลายเต๋าของข้าได้  แต่เจ้าคิดผิด  ข้าไม่มีวันยอมแพ้  ข้าจะต่อสู้กับเจ้า  เทพขวางข้าจะฆ่าเทพ  สวรรค์มาขวางข้าจะตบให้หน้าหัน"

เปรี้ยง!

สายฟ้าฟาดมาอีกรอบเป็นคำตอบ   ซีคงหยูตัวสั่นชักกระตุกตามกระแสไฟฟ้าที่วิ่งพล่าน

"บรื๋อ...  แต่ถ้าเจ้าตบแก้มซ้ายข้า  ข้าจะหันแก้มขวาให้ตบด้วย"  คุณชายสามเริ่มสับสน  เอาวรรคทองในเรื่องสั้นตำนานพิสดารเล่มที่ 612 มาปน

ไม่ไกลจากป่าละเมาะ  หนุ่มหล่อจมูกบี้ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงสุดในแถบนั้น  เขาใช้กล้องส่องทางไกล 'ของเล่น' ที่ยืมมาจากซีคงหยูส่องเข้าไปในใจกลางพายุสายฟ้า  และเห็นเงาของเสี่ยวหมีลาง ๆ  เลยเดาได้ว่าใครที่ทำลังผ่านด่านทดสอบทัณฑ์สวรรค์

ซ่งมู่ปีนขึ้นไปที่ยอดไม้อีก  และชูเสาทองแดงขึ้นไปบนท้องฟ้า

"สายฟ้า!"  เขาตะโกน  "วิ่งมาตรงนี้  อย่าไปยุ่งกะพี่หยู!"

เปลวแฉกสายฟ้าวิ่งแยกออกมาจากพายุ  และฟาดใส่ซ่งมู่เข้าจั๋งหนับ  เจ้าของร่างแกร่งโดนช็อตจนกระดูกเรืองแสงและตัวสั่นพั่บ ๆ อยู่บนยอดไม้  ทว่ายังกัดฟันชูเสาทองแดงในมือ

"สวรรค์!  เจ้าทำได้แค่นี้หรอ  ไม่เจ็บเฟ้ย  แน่จริงมาอีก!"

เปรี้ยง!!

ซ่งจินยืนมองอยู่ในระยะที่ปลอดภัยและกุมขมับต่อความอุทิศตนของน้องชาย



++++++




เมื่อทัณฑ์สวรรค์ผ่านพ้น   เสี่ยวหมีก็เดินเข้าไปอย่างระวังระวังพลางแหงนมองท้องฟ้าไปด้วยเผื่อมีลูกหลง  เมื่อเข้าใกล้หมาย่างที่สุกเกรียมได้ที่กลางลานป่า  มันก็ดมจมูกฟุดฟิดดูว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่

นักพรตเวิ่นเต๋อโยนเม็ดยาเซียนธาตุดินลงไป  มันชื่อว่าผงทองฟื้นชีพ  เป็นยาเซียนระดับกลางที่เหมาะกับผู้บำเพ็ญขั้นเมฆาเคลื่อนคล้อย  เม็ดยาเซียนหมุนวนกลางอากาศ  และเริ่มสลายเป็นผงสีทองระยิบระยับโรยลงไปบนร่างของซีคงหยู  แผลจากสายฟ้าของเขาเริ่มสมานเข้าหากันเล็กน้อย  ปากแผลมีสัญญาณว่าเริ่มจะแห้ง  และระบบฟื้นฟูของร่างกายก็รวดเร็วยิ่งขึ้น

เมื่อเห็นนิ้วของศิษย์คนใหม่ที่นอนคว่ำกับพื้นเริ่มกระดุกกระดิก  นักพรตก็กล่าวกับเขา

"ถึงข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์  ไม่ได้หมายความว่าข้าจะดูแลเจ้าทุกย่างก้าว  การบำเพ็ญพรตและวิถีแห่งเต๋าเป็นสิ่งที่เจ้าต้องเดินด้วยตนเอง"

ซีคงหยูรีบเงยหน้า  หัวแอฟโฟรของเขากระดุ๊กกระดิ๊กไปมาเหมือนดอกกะหล่ำ

"อาจารย์  ท่านจะไม่สอนวิชาข้าเรอะ"

นักพรตเวิ่นเต๋อส่ายหน้า

"แล้วจะให้ของวิเศษข้ามั้ย"

ส่ายหน้าอีกที

"หรือยาเซียนดี ๆ  ท่านไม่มีให้หรอ"

นักพรตเวิ่นเต๋อก็ยังคงส่ายหน้า

"ฟัค!  แล้วท่านจะรับศิษย์หาพระแสงของ้าวอะไร"

"เจ้าหยู!  กล้าตะคอกอาจารย์งั้นรึ"

เอาเสะ  ตะคอกแข่งกันนึกว่าข้าจะยอมแพ้เจ้าเรอะ  นักพรตเวิ่นคิดในใจพลางลูบหนวด

 "โอ้  อาจารย์  ศิษย์ขออภัย  ลืมตัวไปหน่อย   แต่ท่านไม่มีผลประโยชน์ให้ข้าจริง ๆ หรอ  อย่างส่วนลดโรงเตี๊ยมร้านน้ำชาในเครือธุรกิจ"

"เพ้ย  ข้าไม่ใช่คนตระกูลน่ำเก็ง"

คราวนี้เป็นซีคงหยูที่นึกในใจ  ที่แท้  ชื่อเสียงของน่ำเก็งกงจื่อก็โด่งดังไม่ใช่เล่น

"งั้นข้ารู้แล้ว"   คุณชายสามอุทานอย่างเกิดพุทธิปัญญา  "ที่แท้ทรัพย์สินที่ท่านให้ก็คือชื่อเสียง  ข้าสามารถเข้าไปที่หอจันทร์สราญ  แล้วบอกแก่ตั่วเนี๊ยว่า  เพ้ย  ข้าคือศิษย์ของนักพรตเวิ่นเต๋อ  ค่าอีหนูที่ข้าค้างไว้  ถือว่าหายกันข้าไม่จ่าย"

แส้ปัดฟาดหลังซีคงหยูจนสะดุ้ง

"โอ๊ย!  ถ้าอาจารย์ไม่อยากให้ศิษย์ก่อกรรมทำกินฟรีในชื่อของท่าน  ท่านก็ให้วิชาเซียนข้าสิ"   คุณชายสามคลำหลังตัวเองด้วยความแสบพลางเงยหน้ามองอย่างดื้อดึง

"ไอ้ศิษย์ไม่รักดี  เจ้ากล้าต่อรองกับข้างั้นเรอะ"

"ศิษย์มิกล้า.."  เขาเว้นไปนิดนึงแล้วกล่าวต่อ  "..แต่ทำไปแล้ว"

เวิ่นเต๋อพ่นลมจากจมูก  แต่ท่วงท่าของเขาก็ยังดูเป็นสว่วนผสมของความสูงส่ง  ความหยิ่งยโส  และความสำรวมกิริยาอยู่ดี

"งั้นเจ้าอยากได้วิชาเซียนอะไร"

"หืม...ข้าได้ยินท่านอาจารย์พูดถึง  [คัมภีร์เทศะ]"

เวิ่นเต๋อฟังแล้วก็โกรธจนคิ้วหางหมาจูชี้ชัน  คัมภีร์เทศะคือคัมภีร์ที่รวบรวมเต๋าทั้งหมดของวิชาเซียนสายเทศะ  อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญพรตทั่วไป  แม้แต่พระเจ้าโจวเหวินหวาง  เวิ่นเต๋อก็ไม่ยอมให้ยืมดู  ขณะที่คุณชายสามนอนนับนิ้วพลางพึมพำด้วยเสียงไม่ดังไม่ค่อย

"นอกจากหอจันทร์สราญ  ข้ายังมีบัญชีค้างชำระที่หอหญ้าหอม  หอนางแอ่นหยก  เหลาเสี่ยวเสี้ยว  ร้านผ้าของหม่าหวางเฉิง..."

"หยุด!"   นักพรตเต๋าเริ่มสงสัยว่ารับศิษย์ใหม่คนนี้ถือเป็นโชคลาภหรือเภทภัย

"ฮี่ ๆ ท่านอาจารย์  ท่านอย่าขี้เหนียวนักเลย  ความรู้คือสิ่งที่ต้องแบ่งปันกัน  ชุมชนวิชาการถึงจะรุดหน้า  อะไรนะ  ท่านไม่รู้จักชุมชนวิชาการหรือ"  ซีคงหยูเห็นแววกังขาของอีกฝ่ายเลยส่งสายตาดูหมิ่นไป

"อ๊ออออออออออ"   เสี่ยวหมีเสริมอีกแรง  คราวนี้แส้ปัดเลยฟาดลงหลังหมีดำด้วย

"ศิษย์ไม่รักดี  เจ้ามีคัมภีร์อยู่แล้ว  ก็ฝึกของตัวเองไป"

"ท่านอาจารย์  ท่านหมายความว่ายังไง  ข้ามีคัมภีร์หรอ  คัมภีร์อะไร  ดีมั้ย"

เวิ่นเต๋อกระชากหนวดตนเองอย่างหมดความอดทน  "นี่เจ้าไม่รู้ตัวหรอว่ากำลังฝึกวิชาเซียนสาย [เทศะ]"

"โอ้  ท่านอาจารย์  ข้าเกือบลืมถามเลยแน่ะ  [เทศะ] คืออะไร??"

นักพรตเต๋าฟังแล้วก็ทึ้งหนวดตนเองจนหลุดมากระจุกนึง


++++++


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2017 16:39:29 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อยากจะทึ้งผมตามเวิ่นเต๋อไปด้วย

นี่ท่านไปรับตัวอะไรมาเป็นศิษย์?

น้องมู่ ป่านนี้ไม่เป็นนายแบบอะโฟรจมูกบี้ไปแล้วเรอะ? โธ่ คนหล่อดั้งแหมบของพี่

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
นอกจากเรื่องผู้แล้วมีอะไรที่จะได้ดีบ้างเนี่ย ฮ่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอาละสิ หยู เข้าถึงเต๋าแห่งเทศะ สุดยอดดดด
แล้วผู้รู้ กูรู ก็รู้ทั่วกัน แอ่ะ.....เป็นพยานให้หยูกันถ้วนหน้า
ขนาดผู้อาวุโสไป๋ เตรียมตั้งโต๊ะพนัน อะจ๊ากกกกก
ทั้งที่ผ่านมาก็กินเรียบตลอด สายหยูค่อนข้างแข็ง
เอ้อ.....แบบเอาผลประโยชน์เพื่อตัวเองซึ่งๆหน้านะ

เหมือนหยู จะมีอาจารย์ เอ๊ะ....หรือไม่มีอาจารย์
เพราะหยูต้องบำเพ็ญเพียรหาเต๋าด้วยตัวเอง
เพราะอาจารย์ไม่สั่งสอน ยังไงกัน แปลกๆเน้าะ

โถๆๆๆๆ.....มู่ เสียสละเพื่อหยู
ยอมแบ่งความเจ็บปวดจากการถูกสายฟ้าช็อต
ขนาดซ่งจิน ตาปลาตายยังกุมขมับกับมู่เลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

alternative:  ฮ่าๆๆๆ  จะว่าไป  น้องมู่หาย  ไม่มีแอร์ไทม์  อ๋อ  สลับกับน้องอวิ๋นนี่เอง  ผลัดกัน ๆ

wnkth: เรื่อง seeking death  5555+

♥►MAGNOLIA◄♥:  อะไรของหยุแข็งครับ  แอ๊ะ
อาจารย์หยูก็มีฮะ  แต่... 
น้องมู่นี่น่าสงสารจริง ๆ พ่อติโตผู้ปิดทองหลังพระ  แล้วต้องมองพี่หยูไปเริงรื่นกับพี่ใหญ่ของตนเอง  ฮือ ๆ



++++




"เต๋าแห่งเทศะ  คือเต๋าที่ช่วงใช้ตำแหน่งและสถานที่  จัดเรียง  เคลื่อนย้าย  บิดผัน  สร้างวิชาเซียนพิสดารสารพัน"  นักพรตเวิ่นเต๋ออดทนอธิบายซีคงหยูซึ่งตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งสำรวมรับฟังเรียบร้อย

ในลานกลางป่า  เต็มไปด้วยรอยหินหลอมเหลวอันเกิดจากความร้อนสูงของสายฟ้า  มันละลายและประกอบเป็นแก้วผลึกอันจัดเรียงตัวเพราะเต๋าของผู้ผ่านทัณฑ์สวรรค์  จนทำให้ทั้งลานดูเหมือนกับแก้วหลอมที่ถูกช่างรังสรรค์เป็นรูปคลื่น  ในแก้วผลึกมีทั้งสีฟ้า  ครามและเขียว  ทำให้ลานแห่งนั้นจะถูกเรียกว่าลานภูเขาหยกในอนาคต

"เต๋าแห่งเทศะหากจะแบ่งออกเป็นสาแหรก  ก็มีอย่างน้อยสองสาแหรก  คือ อากาส และ จลล์ ... [อากาส] จัดการกับที่ว่าง  การกินที่  ความกว้างยาวสูง  มิติ  ส่วน [จลล์] เป็นเต๋าที่สนใจการเคลื่อนที่  ลำดับเหตุการณ์  ความเป็นสาเหตุ  และปฐมเทวา"

ซีคงหยูฟังจนอ้าปากหวอ  "โอ้...ช่างฟังดูหวือหวา  ท่านอาจารย์  ถ้าข้าสำเร็จเต๋าแห่งจลล์  ข้าจะมีพลังเหมือนปฐมเทวาหรอ"

"หุบปาก  ปฐมเทวาไม่ใช่นามที่เจ้าจะเอ่ยถึงได้เล่น ๆ"

คุณชายสามทำท่ารูดซิบปาก

"จบ"

นักพรตเวิ่นเต๋อกล่าวแล้วก็สะบัดแขนเสื้อทำท่าจะไป

"อะไร๊!  ท่านอาจารย์จะรีบจบไม่ได้  ข้าตั้งใจฟังอยู่  ดูสิ  ท่านจะหานักเรียนที่เชื่อฟังและกระตือรือล้นขนาดนี้ได้ที่ไหน"

"อ๊อออออออ"

"เพ้ย  เจ้าศิษย์ไม่รักดี  ที่เหลือก็หาอ่านเอาเองสิ  ดูนี่"

เวิ่นเต๋อกล่าวพลางสะบัดมือ  ม้วนคัมภีร์ไม้ไผ่คลี่ลงมาจากมือของเขาตามแรงโน้มถ่วง  แต่ละซีกของไม้ไผ่มีรายนามของคัมภีร์แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นและเอกสารอ้างอิง  ซีคงหยูชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ  อ่านแล้วก็ตาโตเท่าไข่ห่าน

"โอ้โห  เยอะขนาดนี้เลย"

"ฮ่า ๆ เจ้าทึ่งกับความลึกล้ำของวงการเต๋าแห่งเทศะแล้วใช่มั้ยล่ะ"

"อื้อหือ...แต่ว่าท่านอาจารย์.."  ซีคงหยูลูบคางตนเองอย่างครุ่นคิด  "..ทำไมหนังสือทุกเล่มที่ท่านแนะนำ  มีชื่อท่านเป็นคนเขียนหมดเลยล่ะ"

"เพ้ย  ก็เพราะว่าข้าเป็นผู้ฝึกเต๋าแห่งเทศะชั้นแนวหน้า  ผู้สืบทอดวิชาอันเที่ยงแท้จากท่านมู่หรงจวินจื่อ ไม่เพียงเท่านั้นข้ายังเป็นราชบัณฑิตชั้นเก้าแห่งอาณาจักรวายุกระซิบผู้รับสนองโองการโดยตรงจากพระเจ้าโจวเหวินหวาง  ดังนั้นหนังสือที่ข้าเขียนจึงดีแท้และเที่ยงตรงที่สุด"

เมื่อฟังดังนั้น  ซีคงหยูจึงนึกขึ้นได้และรีบเข้าไปกอดขา

"ท่านอาจารย์  ถ้าอย่างงั้น  ท่านจะให้หนังสือพวกนี้กับข้าใช่มั้ย"

"เฮ่อ ๆ  เจ้าคิดว่าวัน ๆ ข้ากินอะไร"

"ท่านอาจารย์ก็ต้องกินน้ำค้างกลางหาว  และลมหนาววิเศษสุดที่ผุดจากสวรรค์ชั้นเก้า  เหมือนกับเทพยดาผู้มีอายุวัฒนะเท่าเทียมฟ้าและดิน  จึงเสพสิ้นภักษาสวรรค์ก็อิ่มท้อง"   ซีคงหยูตอบอย่างคล่องแคล่วและรู้ทัน

เวิ่นเต๋อใช้ด้ามแส้เคาะกระโหลกศิษย์ใหม่หนึ่งที

"เพ้ย  ข้ายังกินไฟและควันอยู่  ดังนั้น  เจ้าศิษย์ดื้อ  ถ้าอยากฝีมือรุดหน้า  อย่าลืมหาซื้อหนังสือมาอ่าน  ขายที่ร้านค้าชั้นนำตามเมืองใหญ่ทั่วไป"

นักพรตเวิ่นเต๋อกล่าวจบก็เหาะกลับไปจากลานภูเขาหยก  ทิ้งแคตตาลอกหนังสือไว้ให้หนึ่งชายกับหนึ่งหมีที่แหงนคอมองตามไปอย่างตกตะลึง

ซีคงหยูถ่ายจิตเข้าไปในคัมภีร์ไม้ไผ่  มันมีรายละเอียดราคาและวิธีการสั่งซื้อโดยไม่ขาดตกบกพร่อง  เขาดูราคาหนังสือแต่ละเล่มไปได้สักพัก  ก็แหงนมองฟ้าอีกรอบ

  "เฮเว่นอะโบฟ!"



+++++



เมื่อนักพรตเฒ่าออกไปจากพื้นที่   กำแพงที่มองไม่เห็นอันกั้นบริเวณด่านทดสอบทัณฑ์สวรรค์ก็มลายหายไป   ผู้คนรีบกรูกันเข้าไป  เพื่อดูว่าใครที่สำเร็จเขตแดนเมฆาลอยเลื่อนเมื่อครู่

"ยินดีกับพี่ซีคงด้วย  ที่ผ่านด่านทัณฑ์สวรรค์สำเร็จ"   จ้าวเหรินเจี่ยนเดินเข้ามาพร้อมกับแมวขาวและกระบี่ฝักขาวดุจงาช้างที่ห้อยอยู่ข้างเอว  รอยแผลลักยิ้มของเขาดูมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างประหลาดต่อผู้คน  ทว่าความงามที่มอมเมาผู้คนจนแทบตายกลับทำให้ซีคงหยูรู้สึกดีดตัวห่าง  เขาไม่เคยนึกชอบคนที่รูปงามสุด ๆ รูปงามจนเหมือนเทพยดา แบบนี้อยู่แล้ว  มันทำให้เขารู้สึกว่า  สิ่งที่เขาเห็นมันไม่ใช่ของจริง  มันคืออะไรที่สมบูรณ์แบบจนเกินไป  จ้าวเหรินเจี่ยนอาจจะเป็นชายในฝันของหนุ่มสาวน้อยใหญ่  ทว่าความรุนแรงของเสน่ห์เขากลับทำให้คนรู้สึกยากที่จะวางใจ

"ขอบใจจอมยุทธจ้าว"   ซีคงหยูตอบกลับและผงกหัวเล็กน้อย

"ถ้าคุณชายซีคงไม่รังเกียจ  จ้าวอยากจะเชิญไปดื่มน้ำร้อนน้ำชากับสหายอีกสองสามคน"   จ้าวเหรินเจี่ยนผายมือไปด้านหลัง  ซึ่งก็คือตู้เกี่ยนหลงและเว่ยหลิงจื่อ

"เฮ้"  ตู้เกี่ยนหลงยกมือทักทาย  และส่งรอยยิ้มเป็นมิตรมาให้  รอยยิ้มของเขาเห็นฟันสีขาวจนเหมือนเงิน  ฟันของเขาซี่เล็กพอเหมาะและเรียงกันอย่างมีระเบียบเรียบร้อยยกเว้นก็แต่ฟันเขี้ยวเล็ก ๆ ที่มุมปากเหมือนเขี้ยวฉลาม  ทำให้เขาดูซุกซนเหมือนกับเด็กหนุ่มวัยกำลังเฮี้ยว

เว่ยหลิงจื่อแค่มอง  เขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม  ตรงหน้าผากมีรอบความกังวลใจเนื่องจากสถานการณ์ของวังหมื่นบุปผา  แต่เขาก็พยายามกลบเกลื่อนมันให้ดีที่สุดด้วยสีหน้าออกจะยโสโอหัง

ซีคงหยูมองสามหนุ่ม  จากนั้นสายตาของเขาไปสบกับตู้เกี่ยนหลง  เขาเคยเห็นหนุ่มน้อยคนนี้สองสามครั้ง  แต่ต้องยอมรับว่าทุกครั้งที่เห็นก็ชวนตรึงตาตรึงใจตลอด  บวกกับท่าทีง่าย ๆ สบาย ๆ และเป็นมิตรของอีกฝ่าย  ทำให้ดูน่าคบหาพูดคุย

"นับเป็นเกียรติที่พวกท่านเชิญข้าไปดื่มชา  แต่ว่า..."   ซีคงหยูกำลังนึกหาข้ออ้าง

"ไฮ้  พี่ซีคง  พวกเราอยากรู้จักท่าน  เพราะทึ่งที่เห็นท่านผ่านด่านทัณฑ์สวรรค์  ไม่ได้มีเจตนาอื่น"  ตู้เกี่ยนหลงเดินเข้ามาตบไหล่เขาใกล้ ๆ  จนคุณชายสามได้กลิ่นซ่า ๆ เหมือนดอกส้มผสมดอกข่าจากเรือนกายของอีกฝ่าย

"นับข้าด้วยอีกคนสิ"   สุ้มเสียงห้าวกล่าวมาจากด้านหลัง  เขาเหมือนกับพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ทว่าอำนาจในน้ำเสียงทำให้คนรู้สึกว่าเหมือนกำลังถูกบัญชาให้ทำตาม

หลี่โอ๋อวิ๋นก้าวออกจากหลังแมกไม้ซีดาร์    ชาวยุทธคนอื่น ๆ ที่เห็นมังกรเทพยดามารวมตัวกัน  จึงคอยดูอยู่ห่าง ๆ และไม่เข้าไปใกล้

เว่ยหลิงจื่อเห็นดังนั้นก็ทำสีหน้าปั้นยาก  ทั้งแค้นเคืองทั้งจนปัญญา  และแม้แต่ตู้เกี่ยนหลงที่ดูจะรักษาอารมณ์ได้ดีก็มีสีหน้าพิกลเล็กน้อย

"หรือว่า  ข้าไม่เป็นที่ต้อนรับ"   หลี่โอ๋อวิ๋นเดินเข้าไปใกล้ตู้เกี่ยนหลงกับซีคงหยู  ร่างของเขาเหมือนแผ่ไอสังหารที่หนาแน่น  อันทำให้ทั้งคุณชายสามและจอมยุทธตู้ต้องถอยห่างออกจากกัน

เมื่อหลี่โอ๋อวิ๋นเข้าไปใกล้ซีคงหยู   เขาก็โอบไหล่ของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะทันที

"แต่เสียใจด้วย  ถึงพวกเจ้าจะไม่ต้อนรับข้า  แต่ซื้อหนึ่งแถมสอง  เพราะข้าต้องไปนั่งเฝ้าคู่หมั้น"

"เห้ย"   ซีคงหยูสะดุ้ง   เขาหันไปมองคนข้าง ๆ  แต่เมื่อเห็นสายตาสำทับของอีกฝ่าย  จึงกลืนน้ำลายและไม่โต้แย้งอะไร

"ฮ่า ๆๆ"  จ้าวเหรินเจี่ยนหัวร่อเบา ๆ  "ที่แท้คุณชายหลี่ก็ขี้หึงไม่ใช่เล่น  ทำอย่างไรได้  คุณชายตู้ของพวกเราเสน่ห์แรงเกินไปนี่นะ"

คราวนี้เป็นตู้เกี่ยนหลงที่สะดุ้ง  และร้องเฮ้เบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม

"จะไปก็รีบไป  จะไม่ไปก็ไม่ต้องไป"  เว่ยหลิงจื่อพูดอย่างหมดความอดทน

"น้องอวิ๋นว่าไง"   ซีคงหยูจึงหันไปปรึกษากับ 'คู่หมั้น' ของตน

"อาหยู  เจ้าควรได้เปิดหูเปิดตาบ้าง  น้องจ้าวเป็นผู้กว้างขวาง  คบผู้คนหลากหลายและเปี่ยมประสบการณ์โลก   จอมยุทธตู้มีฝีมือสูงล้ำ  ว่ากันว่าในอีกไม่กี่ปีจะเข้ามาแทนตำแหน่งหยกคู่แห่งยุทธจักรของข้ากับน้องจ้าว  ยังไม่นับจอมยุทธเว่ยที่เป็นศิษย์สายตรงของประมุขวังบุปผา  เจ้ารู้จักพวกเขาไปก็ไม่เสียหาย"

หลี่โอ๋อวิ๋นกล่าวแนะนำเหมือนกับเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง  และทำให้คนที่ฟังคำเยินยอโดยอ้อมทำหน้าปั้นยาก  เพราะถึงจะเป็นคำชม  แต่ก็เป็นการพูดข้ามหัวเหมือนไม่สนเป้าหมายของการกล่าวถึงในสายตา

ซีคงหยูซึ่งรู้สึกถึงบรรยากาศประหลาด  ก็กระแอมหนึ่งที  และหันไปหาจ้าวเหรินเจี่ยน

"เชิญคุณชายจ้าวนำทาง"

จ้าวเหรินเจี่ยนค้อมกายน้อย ๆ และเดินนำไปตามทางที่นำไปสู่เมืองจิ้งซาน



+++++


ที่ร้านน้ำชาสำนักอำพันโบราณ   ซีคงหยูกระทุ้งสีข้างคนหน้าดุที่เดินเบียดกอดคอกันมาตลอดทาง  และพูดด้วยเสียงกระซิบกระซาบ

"ปล่อยได้แล้ว  จะแอคติ้งไปไหน"

หลี่โอ๋อวิ๋นหัวเราะหึหึในคอ  แล้วปล่อยเหยื่อในมือตามที่ถูกขอ

เสี่ยวเอ้อของร้านรีบเดินเข้ามาคารวะตู้เกี่ยนหลง  และผู้นำศิษย์สำนักอื่น ๆ  จากนั้นรีบจัดเตรียมโต๊ะที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา

"ร้านของคุณชายตู้  ให้คนอื่นเป็นเจ้ามือสงสัยจะไม่ดี"  จ้าวเหรินเจี่ยนกล่าวยิ้ม ๆ

"ฮ่า ๆ  พี่จ้าวก็ยังคิดเล็กคิดน้อยไม่เปลี่ยน  แน่อยู่แล้ว  มื้อนี้น้องชายขอเป็นเจ้าภาพ  ขอเชิญพี่ ๆ ทุกท่าน  โดยเฉพาะพี่ซีคงดื่มกินให้อิ่มหนำสำราญ"

พุดแล้วก็หันไปสั่งเสี่ยวเอ้อ  ให้นำชุดชารสสุคนธ์  และชาจิตวิญญาณอื่น ๆ ที่ทัดเทียมกันออกมาเสริ์ฟ  ขณะที่หลี่โอ๋อวิ๋นสั่งด้วยน้ำเสียงอันดังต่อ

"ชาเขียวเย็น  ไข่มุก  หวาน ๆ  ใส่เฉาก๊วย  โรยถั่วทองอบกรอบสองที่"

ซีคงหยูฟังแล้วก็เลิกคิ้ว  นั่นคือเมนูที่เขาทานวันก่อนกับซ่งมู่  หมอนี่รู้ได้ยังไง  แต่ก็คร้านจะไต่ถาม

"ชาถ้วยนี้ขอแสดงความยินดีต่อคุณชายซีคงอีกที  ที่ผ่านด่านทํณฑ์สวรรค์ขั้นเมฆาเคลื่อนคล้อย"  จ้าวเหรินเจี่ยนมือหนึ่งจับชายเสื้อตนเอง  อีกมือถือถ้วนชาร้อนกรุ่นไปข้างหน้า  แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม   

"ขอบคุณจอมยุทธจ้าวอีกครั้ง"

"คุณชายซีคง  ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านเป็นศิษย์สำนักคนแรกที่บรรลุวรยุทธระดับนี้ในเมืองจิ้งซาน  ถ้าไม่นับจ้าวและคุณชายหลี่"

"อ้อ  ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น  แต่ข้ารู้ตัวดีว่า  ถ้ามองที่อายุมันไม่ใช่เรื่องประหลาดเลยที่จะบรรลุเขตแดนเมฆาลอยเลื่อน"  ซีคงหยูกล่าวด้วยสีหน้าถ่อมตน

เว่ยหลิงจื่อลอบพยักหน้าเห็นด้วย  เขายังรู้สึกสงสัยไม่หายว่าทำไมจ้าวเหรินเจี่ยนถึงให้ความสำคัญกับศิษย์น้องลุงแห่งสำนักวารีพิสุทธิ์ถึงกับลากทุกคนมาเช่นนี้

"พี่ซีคงอาจจะคิดว่าพวกเราอายุห่างกันมาก  แต่สำหรับผู้บำเพ็ญพรตที่อายุยืนยาวแล้ว  มีอันใดแตกต่างระหว่างอายุหนึ่งพันปีและหนึ่งพันกับอีกสิบปี  พรสวรรค์ก็คือพรสวรรค์  บรรลุเขตแดนสำเร็จก็คือความสำเร็จ  มีผู้บำเพ็ญพรตจำนวนมากที่ติดค้างอยู่ในเขตแดนตะวันขึ้นสายตลอดทั้งชีวิต  ดังนั้นแล้วพี่ซีคงอย่าประเมินตนต่ำเลย"   ตู้เกี่ยนหลงพูดอย่างยืดยาวและส่งสายตาจริงใจมาให้

"ขอบคุณจอมยุทธตู้มาก  ข้าเรียกว่าน้องได้หรือไม่"

"ฮ่า ๆ  ข้าถือวิสาสะเรียกท่านว่าพี่แล้ว  ถ้าพี่ซีคงไม่รังเกียจ  เรียกข้าว่าน้องหลงก็ได้"

หลี่โอ๋อวิ๋นกระแอม  แล้วกล่าวลอย ๆ   "ข้าว่าเจ้ามีน้องเยอะไปแล้วนะ"

คุณชายสามหันไปมองคนที่จิบชา  เหมือนกับเมื่อครู่ไม่ได้พูดอะไร 

 "อิจฉาหรอ  น้องอวิ๋น"  พูดไม่พูดเปล่า  มือที่ว่างก็เอื้อมไปขยี้หัวด้วย

ทุกคนในโต๊ะอ้าปากค้าง  ที่ดื่มน้ำชาก็สำลักน้ำชา  ใครจะคิดว่าจะมีวันได้เห็นภาพมือดาบไร้ธุลีโดนคนแตะศีรษะ

"เจ้า!"  หลี่โอ๋อวิ๋นโกรธจนหน้าแดงก่ำ  ปล่อยไอสังหารอย่างรุนแรง  ซีคงหยูเลยรีบดึงมือออกและชูสองมืออย่างยอมแพ้

"ไฮ้  อย่าโกรธสิ  มือข้าเผลอ  ใครใช้ให้เจ้าน่ารัก"

หลี่โอ๋อวิ๋นกลั้นเลือดที่จะกระอักจากคอ  วันนี้มันผิดบทไปหมด  ต้องเป็นเขาไม่ใช่หรอที่จะหยอกคุณชายสามเล่นเหมือนเสือหยอกไก่

ซีคงหยูเหมือนอ่านความคิดเขาได้  ส่งรอยยิ้มกระหยิ่มอย่างรู้ทันไปให้  แล้วหันไปดูดชาเขียวเย็นอย่างไม่ใส่ใจ

จ้าวเหรินเจี่ยนยกนิ้วหัวแม่โป้ให้จากฝั่งตรงข้าม  "เขาถึงว่าวิญญูชนไม่พบกันสามวันต้องประเมินใหม่  เต๋าของคุณชายซีคงรุดหน้าจนเกือบเท่าจ้าวแล้ว"

ซีคงหยูฟังแล้วก็เลิกคิ้วถาม  "เต๋าอะไรเรอะ"

มือกระบี่ไร้ที่ติเดาะปาก  แล้ววิสัชณา

"เต๋าแห่งการรนหาที่ตาย"

"..."



+++++++++



เป็นตู้เกี่ยนหลงที่นำบทสนทนาสู่ร่องรอยที่ถูกต้อง

"น้องชายได้ยินว่า  นักพรตเวิ่นเต๋อทำหน้าที่ผู้พิทักษ์เต๋าให้พี่หยูตอนผ่านด่านทัณฑ์สวรรค์"

"ถูกต้องแล้ว"   ซีคงหยูยืดอกอย่างภูมิใจ  และกล่าวต่อว่า  "ไม่ใช่แค่ผู้พิทักษ์เต๋า  แต่ท่านนักพรตยังเป็นอาจารย์ของข้าอีกด้วย"

คราวนี้   ขนาดเว่ยหลิงจื่อที่ตอนแรกไม่ค่อยสนใจ  ก็เริ่มหูผึ่ง

"นักพรตเวิ่นเต๋อ  ราชบัณฑิตชั้นเก้า?"

"ใช่แล้วจอมยุทธเว่ย  ท่านรู้จักด้วยรึ  ข้านึกว่าอาจารย์ของข้าไม่มีชื่อเสียง  ที่แท้ก็พอมีชื่ออยู่บ้าง"

ทุกคนกระอักเลือดกับการโอ้อวดโดยอ้อมของคุณชายสาม  พอมีชื่ออยู่บ้างเตี่ยเจ้าสิ  ขณะที่หลี่โอ๋อวิ๋นจิบชาอย่างไม่แปลกใจ  เพราะรู้ว่าคุณชายสามเป็นพวกบ้านนอกในเรื่องยุทธจักร

"ฮ่า ๆ นักพรตเวิ่นเต๋อ  ยอดฝีมือระดับดาราเงียบงันขั้นปลายเพียงไม่กี่คนของอาณาจักรวายุกระซิบ   คุณชายซีคงนับว่าโชคดียิ่งนักที่ได้กราบกรานเขาเป็นอาจารย์"

"โอ้โห...แต่ดาราเงียบงันก็แค่อีกเขตแดนเดียวจากระดับจันทราลอยเลื่อน  เหตุใดพวกเจ้าถึงยกย่องนักล่ะในเมื่อระดับพลังยุทธก็ต่างกันไม่ไกล"

ซีคงหยูพูดถึงหลี่โอ๋อวิ๋นและจ้าวเหรินเจี่ยน

"คุณชายซีคงอาจจะยังไม่รู้  การข้ามเขตแดนยิ่งขั้นสูงขึ้นไปจะยิ่งยากเข็ญทบเท่าทวี  อุปมาเหมือนเทียบการข้ามเนินเล็ก ๆ  กับการปีนข้ามภูเขามังกรทะยาน  และการเสาะหาบันไดไต่ขึ้นสวรรค์  นั่นก็คืออุปมาของการข้ามเขตแดนสู่เมฆาเคลื่อนคล้อย  จันทราลอยเลื่อน  และดาราเงียบงันตามลำดับ" 

"โอ้โห  ข้าไม่นึกว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะเหมือนกันนะเนี่ย"   ซีคงหยูกระทุ้งยอดฝีมือระดับจันทราลอยเลื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จนอีกฝ่ายสำลักน้ำชา

หลี่โอ๋อวิ๋นยกผ้ามาซับเช็ดปาก  จากนั้นล้วงสมุดบันทึกออกมาจากอกเสื้อและเริ่มขีดเขียน

"น้องอวิ๋นเขียนอะไรรึ"

"บัญชีหนังหมา  จดว่าวันนี้เจ้ากวนตีนข้ากี่ครั้ง"

"...."

จ้าวเหรินเจี่ยนยกนิ้วเป็นกำลังใจให้คุณชายสามอีกที



++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 17:50:54 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
คุณคีรีมันจาโรพิถีพิถันกับการเขียนดีมากนะครับ ขอชม ชื่อเฉพาะก็ใส่ก้ามปู มีการแอบซ่อนอธิบายเนื้อหาของโลกในส่วนที่บรรยายเข้าใจง่ายๆผ่านสถานการณ์ไว้ด้วย ทำให้นักอ่านเข้าใจเรื่องมากขึ้นครับ มีการซ่อนบ้างสำหรับปมที่พิเศษๆ แต่ก็มีการปลดปมผ่านการบรรยายยากๆ ผมโอเคกับตรงนี้นะครับ ถ้าซ่อนไว้ก็อย่าลืมบรรยายให้คนอ่านปลดได้ด้วย ไม่งั้นบางทีมันจะงงๆน่ะครับ แล้วยิ่งแฟนตาซี ถ้าพล็อตลึก ซ่อนเอาไว้มาก แล้วค่อยๆทยอยเปิดปมหรืออธิบายมามันก็จะทำให้พล็อตมีมิติสนับสนุนแน่น น่าสนใจครับผม

ทีนี้มาขอโรลเพลย์หน่อยครับ (ฮา ขอเป็นตัวละครลับซ่อนอยู่ในทวีปฟ้า รอวันเปิดตัว)

เพ้ย ตาแก่จองหอง กล้าดียังไงมาแอบขายของให้คุณชายซีคงของผู้น้อง ผู้น้องรู้ทันนะ ชอบเขียนหนังสือขายล่ะสิ แต่ดันหาคนมีพรสวรรค์ [เทศะ] ได้น้อย หนังสือขายไม่ออก พอได้โอกาสเลยต้องรีบฉวย วะฮ่าๆ คุณชายซีคง อย่าได้กลัว ระหว่างที่คุณคีรีมันจาโรไปปั่นธีสิส อะแฮ่ม ระหว่างที่คนเขียนหายไปนาน ผู้น้องได้บำเพ็ญพรต อ่านทวนไปสองสามรอบ จึงได้เข้าถึงพุทธิปัญญาระดับดาราเงียบงันชั้นต้น ไม่นานก็คงจะเทียบฝีมือกับตาเฒ่าจองหองนี่ได้ วิชาเซียนสาย [พุทธะ] นี้ผู้น้องศึกษาเรียนรู้จนแตกฉาน ไม่ว่าจะนามพุทธองค์ใดๆผู้น้องก็ย่อมอัญเชิญเปิดฟ้าได้ (ขออวดหน่อย ฮ่าๆๆ)

แม้นคราวที่แล้วผู้น้องจะบอกว่าเชียร์น้องมู่ แต่นั่นก็คือการอุ้มสมเพิ่มบารมีให้กับคุณชายสามในสายตาของผู้น้อง คนที่ผู้น้องอยากจะใกล้ชิดเพื่อนำความรุ่งโรจน์มาให้จริงๆ น่าจะเป็นท่านแม่ทัพซีคงไท่หยางต่างหาก พุทธองค์กล่าวไว้ คนที่เหมาะสมกับย่อมต้องมี ศีล[วิธีการดำเนินชีวิต] ศรัทธา[ความเชื่อในการดำรงชีวิต] จาคะ[แนวทางการแก้ปัญหาในชีวิต] และปัญญา[แนวทางการพิจารณาปัญหา มองไปด้านเดียวกัน] เสมอเท่าเทียมกัน ผู้น้องเล็งเห็นแล้วว่าต้องพิสูจน์คำสบประมาทเลื่อนลอยของคุณชายสาม /ยิ้มมุมปาก จึงขออาสาพิสูจน์กับคุณชายหนึ่งแห่งตระกูลซีคง (หัวเราะ)

ส่วนอันนี้ขออธิบายสหายเต๋าผู้ร่วมเดินทางทั้งหลาย ผู้น้องสังเกตแล้ว การบรรยายตรงที่ยากจะเข้าใจในหลายๆตอนที่ผ่านมา แม้ตอนแรกจะเลื่อนผ่าน แต่แท้จริงแล้วเป็นจุดสำคัญของเรื่อง ทั้งการบรรยายที่สื่อถึงความเป็นไปของฟ้าดินในโลกแห่งนี้ จุดเริ่มต้นของบรรพกษัตริย์ที่สรรค์สร้างโลกใบนี้จากการหลุดออกจากถ้ำที่เทพเจ้าขังไว้ มายังพลังบรรพกาลอันเป็นปริศนา [หวู่จี่] และวัฏจักรของพลังฟ้าดิน [ไท่จี่] ทั้งหมดย่อมมีประเด็น ยังมีมอนสเตอร์ในตำนานนาม [มังกรเทพยดา] อยู่ด้วย ถ้าหากใช้วิทยาศาสตร์ มันคือวัฏจักรธรรมชาติ แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นแฟนตาซี มันอาจเป็นมอนสเตอร์ในตำนานก็ได้ เรายังไม่ชัวร์ แต่ก็ควรรู้เอาไว้ก่อนเพราะคนเขียนยังไม่เฉลย (ฮา) แต่ผู้น้องคาดเดาว่าไม่ว่าอย่างไร ทุกอย่างย่อมอยู่ใต้อนิจจัง [เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสุดท้ายย่อมมีวันดับไป] หากสำเร็จเต๋าแห่งพุทธะชั้นต้นก็จะมองเห็นไตรลักษณ์ที่เหลืออีกสองข้อ ซึ่งเป็นความจริงเหนือความจริงทั้งมวล

ส่วนวิชาเซียน ก็ถือว่าคุณคีรีมันจาโรทำออกมาได้ดีมากครับ มีการค่อยๆอธิบายที่ปลดล็อกปมตอนต้นออกมาได้ดี ไม่ลึกล้ำจนคนอ่านแงะปมไม่ออก ผู้น้องเห็นแล้วว่าวิชาเซียนของคุณชายสาม ที่เห็นว่าหลบผู้กล้าทวนแดงได้ กับหลบทางดาบหลี่โอ๋อวิ๋นนั้น จริงๆนั่นคือไม่ได้หลบ แค่ร่างของเขา [เปลี่ยนที่ยืน] ระยะสั้นๆได้ในพริบตา เหมือนวิชาก้าวหมื่นลี้ในนิยายกำลังภายใน ส่วนตัวแล้ว ผู้น้องยังคงเห็นดังเดิมนะว่าคุณชายสามไม่เหมาะกับสายบุก ควรจะเป็นสายสนับสนุน แต่เดี๋ยวคงมีตัวละครเข้ามา involve ในเรื่องต่อไป (อย่าลืมว่าสำนักอาคันตุกะแดนไกล กับวิชาเซียนสาย [หยิน] หรือ [หยาง] ก็ยังไม่มีอธิบาย แถมน่าจะมีตัวละครใหม่ๆที่เชี่ยวชาญวิชาธาตุทั้ง 5 ด้วย) ส่วนดาบไร้ธุลี ก็ตีความหมายได้ ฟ้าไร้เมตตา แปลว่าต้องห้ามสงสาร ใจต้องเด็ดขาดไร้ซึ่งสิ่งรบกวน ดินไร้รื่นรมย์ แปลว่าอย่าใช้อารมณ์เข้าช่วย เมื่อจิตนิ่งและใจเย็นชาต่อทุกสรรพสิ่ง จะมองเห็นการไหลของปราณ ดาบไร้คันฉ่อง แปลว่าเงาสะท้อนของดาบนั้นสร้างขึ้นได้ภายในจิตของตน วาดเส้นทางดาบขึ้นจากจิตเพื่อสะท้อนการวาดฟันของดาบนั้น เมื่อทำให้เกิดได้ทั้งหมด จึงไร้ธุลีละออง สร้างเป็นปราณดาบได้โดยไม่ต้องชักออกจากฝัก ทำนองเดียวกับ ดาบแห่งใจ ของหัวขโมยแห่งบารามอส

ส่วนวิชาเซียนโครโนซอรัสกลืนทะเลตอนใช้ดื่มเหล้า น่าจะเป็นการเร่งเวลาที่ใช้ดื่ม แต่ข้อจำกัดคือมันไม่ได้เร่งเวลาฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งวิชาสุดยอดของสาย [เวลา] น่าจะเป็นการใช้เกี่ยวกับร่างกายมากกว่า ดึงเวลาของเซลล์ร่างกาย ไม่ก็เร่งการฟื้นฟู แต่ก็คงมีข้อเสียเพราะคงกินพลังปราณมาก เพราะแม้ [เวลา] ก็ย่อมอยู่ใต้กฎอนิจจัง ไม่มีอะไรที่จะอยู่รั้งยืนยงได้ในทุกบรรพกาล แค่ว่าจะดับไปตอนไหนก็เท่านั้น แม้นได้รับอมตะภาพ ก็ย่อมไม่มีวันเข้าถึงธรรมชาติแท้จริง การวนว่ายตายเกิดในวัฏจักรที่สร้างทุกข์ หรืออยู่ยั้งยืนยงในกามโลก ย่อมไม่ถือเป็นอมตะภาพที่แท้จริง แต่เรื่องสาย [เวลา] นี่คงเป็นสายวิชาเซียนของไป่หลินหลิง ถ้าจะรู้วิชาเอาชนะตู้เกี่ยนหลง คงต้องไปถามจากผู้อาวุโสสำนักวารีพิสุทธิ์คนนี้นี่แหละ

เรื่องการพัฒนาของปราณก็ทำออกมาได้ดีครับ การขยับเคลื่อนของพลังปราณ จากไม่มีพลัง เป็นตะวันขึ้นสาย เคล็ดลับการไปสู่ชั้นสูงๆของตะวันขึ้นสายคือหลบแสงตะวัน หน่วงพลังปราณไม่ให้ไหลตามธรรมชาติพระอาทิตย์ เพื่อให้พลังพรตขึ้นปรู๊ดๆ น่ากลัวว่าเคล็ดลับนี้ เจ้ากรมข่าวลือแห่งตระกูลซีคงก็คงไปได้ยินมา จึงนำมาใช้กับคุณชายสาม นับว่าการได้ยินข่าวลือของหลิวเกามีประโยชน์ไม่น้อย /ตบบ่าหลิวเกาสามที ส่วนการพัฒนาปราณเข้าสู่ขั้นเมฆาเคลื่อนคล้อยก็บรรยายออกมาได้ดี เมื่อเกิดพุทธิปัญญามองเห็นแก่นแท้ของวิชาเซียนสายที่ตนเองกำลังฝึกอยู่ ก็จะเข้าสู่แนวเมฆาเคลื่อนคล้อย แต่ที่น่าสนใจคือ เสี่ยวหมีเป็นศูนย์กลางของการโคจรปราณฟ้าและดิน โลกและสวรรค์ ตรงนี้เกิดขึ้นได้ยังไง หรือเป็นเพราะสายสัมพันธ์ระหว่างสัตว์วิเศษกับเจ้าของที่ทำให้รับรู้และพัฒนาไปพร้อมๆกัน? ยังไงก็ตาม แก่นแท้ของวิชา [เทศะ] ก็ยังมีจุดบกพร่องอยู่ถ้ามองตามความจริงของจักรวาลตามแนวพุทธ เพราะถึงแม้เวลาจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้คนตกหลุมพราง แต่ต่อให้หลุดจากเวลาได้ แต่คิดว่าความงามคือนิรันดรภาพของจักรวาล (ซึ่งสื่อถึงสถานที่นับสามพัน) นั่นก็ยังถือเป็นความลุ่มหลงต่อสรรพสิ่งอยู่ดี เพราะทุกสรรพสิ่งไม่จีรังและสร้างทุกข์ตามกฎไตรลักษณ์ ความเข้าใจและเบื่อหน่ายในกามโลก เข้าถึงสัจธรรมแห่งความดีงามของจิต จึงเป็นสัจธรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (แต่นี่เป็นสายหินยาน ถ้าเป็นมหายาน จะคล้ายๆกัน แต่มีเทพเจ้าภาคดีมาคอยปกป้องสัจธรรมและมีภาคอวตารน่ากลัวๆมากำจัดมาร)

ปล. อากาศ กับ จลน์ ที่ถูกสะกดแบบนี้นะครับ ผมไม่แน่ใจว่าคุณคีรีมันจาโรจงใจสะกดผิดหรือเปล่า แต่ถ้าจะแก้ก็ตามนี้ครับ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
นี่ฐานกรุณานะ ซีคง น้องอวิ๋นถึงได้ใช้สมุดหนังหมา
ถ้ากวนมากเข้าอาจจะได้เห็น สมุดหนังหมีสีดำ อึ๋ย!

เฮเว่นอะโบฟ! รายการขายหนังสือคืออัลไล? ทั่นอาจารย์อดอยากปากแห้งถึงเพียงนั้น? อนาถแท้ทรู

ฉันชักสงสัยว่าพระเอกคือใคร ดูไปดูมาน้องตู้ท่าทางเด่นเด้งและได้พื้นที่ในใจคุณคิริมันจาโรมากกว่าพระ-นายคู่ป่วงเสียอีก

ปล. ขอบคุณคุณ Grey Twilight ทุกเมนท์ของศิษย์พี่เป็นดั่งหนังสือนอกเวลาที่ช่วยให้ข้าน้อยเข้าถึงเต๋าแห่งวิชาหลักได้อย่างดื่มด่ำ

คารวะสามจอก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 22:41:43 โดย alternative »

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โถ่น้องมู่ผู้ปิดทอง ไปลอกทองมาให้ลุงหยูใช้ดีกว่านะหนู

เริ่มกลัวเต๋าแห่งการรณหาที่ตายของลุงหยูที่ช่างรุณแรงมากๆ

กลัวจะกลายเป็นบัญชีหนังหมีเข้าสักวันจริงๆ :serius2:


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น้องโอ๋อวิ๋น ทำไมถือตัวนักล่ะกับพี่หยู
ทีตัวเองลากหยูไปนั่นมานี่ได้ แถมตังเองยังมองหยูเป็นเหยื่ออิีก
แค่ถูกลูบหัวแบบเอ็นดู คิดไรมาก
นี่แสดงให้จ้าว ตู้ เห็นความใกล้ชิดที่ไม่มีใครได้จากหยูนะ นอกจากเสี่ยวหม่ อ๊ออออออออออออออ

ชอบลำดับขั้นความก้าวหน้าของการฝึกนะ ไรท์เข้าใจตั้งชื่อ
ตะวันขึ้นสาย เมฆาเคลื่อนคล้อย  จันทราลอยเลื่อน ดาราเงียบงัน ดูเก๋า เอ๊ย....เต๋ามากๆ

อาจารย์เวิ่นเว้อของหยูโด่งดังนะ เพราะเขียนหนังสือปะ
เล่มไหนๆก็อาจารย์เวิ่นเว้อเขียนไปซะหมด หยูน่ะไม่รู้เอง
ได้ค่าขายรวยเลยสิ  ไม่รู้ไปจดลิขสิทธิ์หรือยัง
ปากเดียวท้องเดียวเป็นนักพรตด้วย เก็บเงินเพื่อใครกันนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Grey Twilight:  ต้องบอกว่า  ขอบคุณมาก  ๆสำหรับคอมเม้นท์ที่ยืดยาวและพิถีพิถัน  เหมือนเป็นกระจกส่องสะท้อนที่ดีมาก ๆ ว่าผมเขียนตรงไหนยังไม่ชัดเจน  ยังไม่เคลียร์   ผมก็จะอ่านและเอาไปทบทวนว่าถ้ามีโอกาสเขียนถึงจุดนั้นอีกครั้งนึงก็จะเอาคอมเม้นท์ไปแก้ไขวิธีเล่าให้ชัดเจนขึ้น

อีกอย่าง  เป็นกำลังใจที่ดีมาก ๆ ครับ  ผมก็ปลื้มใจมีแฮง  ที่เห็นว่า hint เล็ก ๆ น้อย ๆ ถูกเก็บมาทำความเข้าใจ  แปลว่าคุณเกรย์อ่านอย่างใส่ใจมากจริง ๆ  ทำให้ผมอยากเขียนและทำพล็อตให้ดีขึ้นและสมบูรณ์ขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามความคาดหวังของผู้อ่าน

มังกรเทพยดา (เฉินหลง) เป็นสำนวนของจีนน่ะครับ  แต่จินตนาการเป็นมอนสเตอร์ก็น่าสนใจ   นึกถึง divine dragon ในเกมดราก้อนเควสท์เลยแฮะ
ธาตุเซียนตอนนี้มี
ดิน, น้ำ, ไม้, ไฟ, ทอง, เวลา, เทศะ, หยางวิกฤต (extreme yang), หยินวิสุทธิ์ (pure yin)
อากาส (อา-กา-สะ)  ผมใช้ความหมายตามบาลี  คือ "ที่ว่าง"  หรือ space  ไม่ใช่ air/gas  เลยเลือกสะกดตามของเดิมครับ   ส่วน จลล์  สะกดผิดจริง ๆ  แหะแหะ

alternative: ตาย ๆ  ทำไมไปขู่เสี่ยวหมีอย่างงั้นครับ  ดูสิ  มันกลัวตั่วสั่นจนหายไปทั้งตอนเลย  ไม่รู้จะกลับมาเข้าฉากตอนไหน
ฮิ ๆๆ  บอกแล้วว่าน้องตู้  ผมปักป้ายจองเรียบร้อย 

NuTonKaw:  ฮ่า ๆ ไม่รุนแรงเท่าต้นตำรับอย่างคุณชายจ้าวหรอกครับ
เริ่มสงสารเสี่ยวหมี  พูดให้หวาดเสียวกันหลายเสียงแระ

♥►MAGNOLIA◄♥:  น้องอวิ๋นแก้แค้นแล้วนะฮะ  หายกันล่ะ
อ่านเรื่องขั้นวิชา  จริง ๆ ผมเขียนสลับกันบ่อยมาก  จันทราลอยเลื่อน  จันทราเลื่อนลอย  คนละความหมายเลย   ที่ถูกคือจันทราเลื่อนลอย  แต่ตอนนี้ขี้เกียจแก้  วาฮาๆๆๆๆ  (เหมือนไมตรีโลหิตก็สลับเป็นโลหิตไมตรีบางบท  ไม่มีพรู๊ฟก็เงี้ย)
แหมนั่นนักพรตดังอยู่แล้ว   จะว่าไป  เวิ่นแปลว่าเอ่ยปากถาม  แหมเข้ากะคำว่าเวิ่นเว้อจริง ๆ
ปล.  ท่านอาจารย์อาจจะมีเด็ก ๆ ที่ต้องเปย์ซ่อนไว้เยอะแยะไปหมดก็ได้นะครับ  #เด๋วนะ


++++++




หลี่โอ๋อวิ๋นจดบันทึกกรรมเสร็จก็หันไปคุยกับจ้าวเหรินเจี่ยน

“สรุปว่าน้องจ้าวชวนคู่หมั้นข้ามาดื่มชาเพื่อคุยเรื่องไร้สาระกันอย่างงั้นรึ  หรือว่าอยากจะชวนวารีพิสุทธิ์เข้าร่วมพันธมิตรอีกราย”

เมื่อโดนโยนบอมบ์  จ้าวเหรินเจี่ยนก็ยิ้มละไม  แล้วกล่าวว่า

“คุณชายหลี่ระแวงเกินไปแล้ว  จ้าวเพียงชอบทำความรู้จักกับสหายเต๋าที่มีแววก้าวหน้า  เผื่อจะได้สร้างเครือข่ายธุรกิจร่วมกัน”

ซีคงหยูซึ่งกำลังชะโงกหน้าแอบดูว่าหลี่โอ๋อวิ๋นเขียนนินทาว่าร้ายอะไรเขาบ้างก็หันมาหาจ้าวเหรินเจี่ยนและอุทานอย่างนึกขึ้นได้

“อ้อ  พูดถึงธุรกิจ  สหายเต๋าทั้งหลาย  พวกท่านสนใจซื้อหนังสือหรือไม่”

“หนังสืออะไรหรือพี่หยู”  ตู้เกี่ยนหลงถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือล้น

“ฮี่ ๆ  เป็นหนังสือแนะนำเต๋าที่ลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศที่สุดของที่สุด  เต๋าแห่งเทศะ  เขียนโดยนักพรตเวิ่นเต๋อ  อาจารย์ข้าเอง”

“ฮ่า ๆๆๆ”  จ้าวเหรินเจี่ยนหัวเราะ  ขณะที่ตู้เกี่ยนหลงทำสีหน้าปั้นยาก  “เต๋าแห่งการหาที่ตายของคุณชายซีคงนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ  ขายหนังสือของ [เทศะ] ให้กับพวก [เวลา]”

“ถ้าพี่หยูแนะนำ  ข้าจะลองใจกว้างอ่านสักบรรทัดก็ได้”   ตู้เกี่ยนหลงตอบอย่างรักษามารยาทที่สุด

คุณชายสามถอนหายใจอย่างเสียดาย  นึกว่าจะได้ส่วนแบ่งค่านายหน้าซะแล้ว  กลายเป็นแทงตับหนุ่มน้อยหน้าคมที่ดูมีศักยภาพจะเป็นลูกค้าที่ดีไปซะได้

“อ้า...ถ้าอย่างงั้น  ข้าก็มีหนังสือมือสอง  รวมเรื่องสั้นตำนานพิสดารของยุทธจักร  ข้าสะสมไว้ตั้งแต่เล่ม 1 จนถึงเล่มปัจจุบันเลยนะ”

คราวนี้เว่ยหลิงจื่อที่นั่งหน้าบูดมานานวาถ้วยชาในมือ  และเงยขึ้นมองหน้าผู้พูด  “นี่เจ้าอ่านเรื่องสั้นตำนานพิสดารด้วยรึ”

“โอ้  อย่าบอกนะว่า  จอมยุทธเว่ยก็ติดตามเหมือนกัน”

“หึ  ข้าไม่ใช่แค่ติดตามธรรมดา”  เว่ยหลิงจื่อพูดด้วยน้ำเสียงกระหยิ่ม  “ข้ายังเป็นนักเขียนขาประจำในรวมเรื่องสั้นฯด้วย”

ทุกคนทำตาโต  และมองคุณชายแห่งวังหมื่นบุปฝาอย่างไม่เชื่อสายตา  เมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศ  เว่ยหลิงจื่อก็แค่นเสียง

“อะไร  พวกเจ้าคิดว่าคนหยาบกร้านอย่างข้าจะไม่เคยฝึกศาสตร์ทั้งสี่อย่างงั้นรึ”

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณชายเว่ยก็รู้ตัวว่าเป็นคนหยาบกร้าน”   รนหาที่ตายเช่นนี้จะเป็นใครไปเสียอีกนอกจากจ้าวเหรินเจี่ยน

“เจ้าอยากเจออะไรที่หยาบกร้านกว่านั้นมั้ย  อย่างเช่นหนังตาปลาที่เท้าข้า”   เว่ยหลิงจื่อทำท่าจะถอดรองเท้า

ซีคงหยูประสานมือคารวะ  “เลื่อมใส ๆ  มิทราบว่าจอมยุทธเว่ยใช้นามปากกาอะไร”

เว่ยหลิงจื่อฟังคำถามแล้วก็อึกอัก  หน้าค่อย ๆ ซับสีแดงเรื่อ  ไม่ใช่ด้วยความโกรธ  แต่เป็นอารมณ์อื่น  “เออะ..ข้าไม่บอกได้มั้ย”

“ฮ่า ๆ พี่เว่ย  ถ้าท่านไม่บอก  พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านพูดจริง”  ตู้เกี่ยนหลงใช้ศอกกระทุ้งคนข้าง ๆ ที่นั่งอมพะนำ

“เพ้ย  ข้าพูดจริง  ทำไมข้าต้องพิสูจน์ด้วย  เปลี่ยนเรื่อง ๆ”

จ้าวเหรินเจี่ยนหรี่ตา  “จ้าวว่าเรื่องนี้ต้องมีความนัยอะไรแน่ ๆ  ดูท่าคุณชายเว่ยจะอับอายกับนามปากกาจนมิกล้าเสนอหน้าพบเจอผู้คน”

เมื่อโดนคู่แค้นอันดับหนึ่งยั่วโทสะ  เว่ยหลิงจื่อจึงแค่นเสียง  “เฮอะ  ข้าน่ะรึจะอาย  เดินไม่เปลี่ยนชื่อ  นั่งไม่เปลี่ยนแส้  นามปากกาของข้าก็คือ  นกน้อยในดงเหมย  จงรับรู้ไว้ซะ”

ซีคงหยูสำลักน้ำชา  แล้วเบิ่งตามองคุณชายแห่งวังหมื่นบุปผา   “นกน้อยในดงเหมย  นั่นมัน!”

“เฮ้  พี่หยูรู้อะไรอย่างงั้นรึ”

คราวนี้ซีคงหยูก็หน้าแดงและอึกอักบ้าง  ขณะที่เว่ยหลิงจื่อแตะนิ้วที่ริมฝีปาก  และส่งเสียงจุ๊ ๆ มาจากฝั่งตรงข้าม

“มา  ข้าจะบอกให้”  หลี่โอ๋อวิ๋นกอดอกพูดด้วยสีหน้าเรียบ  “มันเป็นเรื่องสั้นแนวตัดชายเสื้อ”

“เพ้ย  เจ้ารู้ได้ยังไง  หรือ..หรือว่า  เจ้าก็อ่านแนวนี้”   เว่ยหลิงจื่อชี้นิ้วไปยังยอดฝีมือแห่งประตูทรราชด้วยนิ้วสั่นระริก

ทว่าหลี่โอ๋อวิ๋นทำแค่ยักไหล่  “ข้าอ่านแนวนั้นแล้วมันจะแปลกตรงไหน  ใช่มั้ย..อาหยู”   พูดแล้วก็หันไปพ่นลมใส่ใบหูของคุณชายสามที่นั่งข้าง ๆ  ซึ่งสะดุ้งโหยงแทบตกเก้าอี้

ทุกคนคิดตามและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย  หลี่โอ๋อวิ๋นเปิดเผยมาตั้งแต่ไปขอหมั้นกับซีคงหยู  ทว่าที่น่าแปลกใจคือเว่ยหลิงจื่อต่างหาก

“ไม่นึกว่าพี่เว่ยจะเชี่ยวชาญอะไรแบบนี้”  ตู้เกี่ยนหลงแซวด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

“เพ้ย  ตอนแรกข้าเขียนให้น้องสาวอ่าน  เขียนไปเขียนมาได้เงิน  ข้าก็ทำมาเรื่อย ๆ”

“เฮ้  พี่เว่ยไม่ต้องกลบเกลื่อนก็ได้  ต่อให้พี่เว่ยเป็นแบบไหน  น้องชายก็รับได้ทั้งนั้น”  ตู้เกี่ยนหลงตบบ่าให้กำลังใจคนที่ไม่ต้องการกำลังใจ

ในเมื่อหลี่โอ๋อวิ๋นเปิดโปงเรียบร้อยแล้ว   ซีคงหยูจึงออกความเห็นในฐานะแฟนพันธ์แท้ของเรื่องสั้นตำนานพิสดารที่อ่านทุกเรื่องและทุกเล่มโดยไม่สนเจนรี่

“จะว่าไป  ตัวละครที่คุณชายเว่ยชอบเขียนนี่คุ้น ๆ  เป็นยอดนักดาบ  นิสัยเย็นชาหน้าตา  ชอบยืนกอดอก  เต๊ะท่า  ทำหน้าดุ  และขี้โมโหนิด ๆ  เซ็กซี่หน่อย ๆ  เอ๊ะนี่มัน...”   เหลือบตาไปมองคนที่แกล้งเป่าหูเขาเมื่อกี้

หลี่โอ๋อวิ๋นฟังแล้วก็สะดุ้งจนแขนที่กอดอกไว้หลุด

“นี่เจ้าเอาข้าไปเขียนงั้นรึ”

“เฮ่อ ๆๆ”  เว่ยหลิงจื่อหัวเราะกลบเกลื่อน  “ทำไงได้  พระเอกแนวนี้มันฮิต  ข้าไม่ได้ชอบเจ้านะ  อย่าเข้าใจผิด”   

หลี่โอ๋อวิ๋นแบมือแล้วยื่นไปหาเว่ยหลิงจื่อพลางกระดิกนิ้ว 

“อะไร”

“ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์  เอามา”

เว่ยหลิงจื่อฟังแล้วอยากคว่ำโต๊ะ  “เพ้ย  นี่เจ้าติดโรคขี้ตืดจากเด็กแซ่จ้าวมาหรือไง”

ผู้ถูกพาดพุงรีบแก้ต่างทันที  “คุณชายเว่ยเข้าใจผิดแล้ว  ความขี้ตืดไม่ใช่โรคร้าย  แต่เป็นเต๋าอันสูงส่ง  เงินทุกเบี้ยทุกตำลึงมีค่าต้องรักษาให้ดี  จะว่าไปดอกเบี้ยที่คุณชายเว่ยยืมไปตอนงานประมูลยังไม่ได้จ่ายเลย”

เว่ยหลิงจื่อทำหูทวนลม

“หรือจ้าวควรจะเอาอย่างคุณชายหลี่  รับคุณชายเว่ยแต่งเข้าสกุลแทนดอกเบี้ยดี?”

“ฟัค!”



+++++



งานเลี้ยงในไต้หล้าสุดท้ายก็ต้องเลิกรา   หลี่โอ๋อวิ๋นถอนหายใจอย่างเสียดายที่วางระเบิดวงสนทนาไม่สำเร็จ  บางคนก็มีชีวิตอยู่เพื่อเห็นโลกาวินาศ  และพ่อเจ้าประคุณนักดาบหน้าคมคิ้วเข้มก็คือหนึ่งในนั้น  ทั้งหมดทั้งมวลต้องโทษซีคงหยูที่หาเรื่องคุยเก่งเกินไป

เมื่อหนี้แค้นเก่าทบกับหนี้แค้นใหม่   หลี่โอ๋อวิ๋นก็หิ้วปีกเจ้าตัวดีไปในตรอกทันทีหลังจากที่แยกย้ายกับผู้นำศิษย์สำนักอื่น

“น้องอวิ๋น  เจ้าจะทำอะไรข้า”  ซีคงหยูกอดตัวเองไว้แน่นมองด้วยสายตาระแวง

“อาหยู  เคยได้ยินหรือไม่ว่า  ถ้าไม่รนหาที่ตาย  เจ้าก็ไม่ตาย  สัจธรรมแค่นี้  ทำไมเจ้าไม่รู้”

หลี่โอ๋อวิ๋นพลิกมือตัวเองไปมาช้า ๆ มองเล็บและมองนิ้วเหมือนกับกำลังชื่นชมอาวุธ  จากนั้นก็ยกมือขึ้นตาก็จ้องเหมือนแมวที่เตรียมลงมือข่วน

เมื่อเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของอีกฝ่าย  ซีคงหยูก็เตรียมถอยกรูด   ทว่าร่างของเขาถูกล็อคอยู่กับที่ด้วยวิชาเซียนบางอย่างที่อีกฝ่ายลอบใช้  “น้องอวิ๋น  เราคุยกันดี ๆ ก็ได้นะ  มะ..ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลย”

“หุบปาก   เตรียมรับมือ!”

หลี่โอ๋อวิ๋นยื่นมือออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า  และ...ขยี้หัวคุณชายสามแรง ๆ สี่ห้าที

“...”

อึ้งไปพัก  ซีคงหยูก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก  และปล่อยให้อีกฝ่ายจับตรงนั้นลูบคลำตรงนี้บนหัวไปมาอย่างไม่ดิ้นรนขัดขืน  ซึ่งคนทำก็ดูจะเพลินกับความนุ่มของเส้นผมละเอียดเล็กทว่ามีสีดำด้านของซีคงหยู

“แค่นี้หรอ”

หลี่โอ๋อวิ๋นทำเสียงเอ็นเบา ๆ ในคอ  แล้วดึงมือกลับมา  ที่มือเขาติดสีดำด้านมาเล็กน้อย  ซึ่งหลี่โอ๋อวิ๋นไม่มีสีหน้าประหลาดใจ  เขากำมือแล้วก็ซ่อนไว้ข้างตัว

เมื่อวิชาเซียนที่ล็อคร่างกายของเขาคลายออก  ซีคงหยูก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย  แล้วเอามือปัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้เรียบเหมือนเดิม  จากนั้นกล่าวกับคนหน้าเข้มที่ยืนตรงหน้า

“น้องอวิ๋น  ในเมื่อเสร็จธุระแล้ว  เราแยกย้ายกันดีมั้ย”

หลี่โอ๋อวิ๋นใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะโพล่งถาม  “อาหยู  เจ้าคิดว่าพวกเขาต้องการอะไร”

“ต้องการให้น้องอวิ๋นระแวงข้าไง”

นักดาบหนุ่มส่ายหน้า  “เป็นไปไม่ได้  จ้าวเหรินเจี่ยนก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของข้ากับเจ้าไม่ธรรมดา”

“เพ้ย  ไม่ธรรมดาอะไร  เรื่องแต่งกับเจ้าข้าปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่หรอ”

“อาหยู   ไม่อยากแต่งกับข้าจริงหรอ”

เมื่อถูกถามด้วยสายตาจริงจัง  คุณชายสามก็ได้แต่หลบสายตาและพูดด้วยเสียงอ้อมแอ้ม 

“น้องอวิ๋น  เจ้าอย่าฝืนใจข้าเลย  ข้าไม่ได้ชอบผู้ชาย”

หลี่โอ๋อวิ๋นกระตุกยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก  “ถ้าวันไหน  เจ้านึกอยากแต่งกับผู้ชายเมื่อไหร่   นึกถึงข้าด้วยก็แล้วกัน”

ทันใดนั้น  แผ่นหยกสื่อสารที่หลี่โอ๋อวิ๋นเก็บไว้ในอกเสื้อก็ร้องเตือน   เขาล้วงมันออกมาดู  และพบว่าคำถามที่เขาอยากรู้  ตอนนี้มีคำตอบแล้ว

“ทำไมรึ?”   ซีคงหยูเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสายตาจริงจังของหลี่โอ๋อวิ๋นเปลี่ยนเป็นความเย็นชาและรอยยิ้มอบอุ่นนุ่มนวลก็แทนที่ด้วยรอยยิ้มหยันติดจะเลือดเย็น

“ไมตรีโลหิตลอบตีเหมืองที่เราดักเฝ้าไว้สำเร็จไปหนึ่งเหมือง”

“!!”

“จ้าวเหรินเจี่ยนฉวยโอกาสตอนที่ถ่วงเวลาข้าไว้ที่ร้านน้ำชา  จัดการทุ่มเทกำลังเข้าโจมตีอสูรคุมเหมืองโดยไม่ทันที่พันธมิตรของเราจะตั้งตัว”

“เอ้อ..ข้าขอโทษด้วย  ข้าไม่นึกว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสแบบนี้”

“การศึกไม่หน่ายอุบาย  นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้านะอาหยู  อีกอย่าง  โอหังจนมีจุดอ่อน  แบบนี้สิถึงจะเป็นหลี่โอ๋อวิ๋น”

เมื่อซีคงหยูฟังดังนั้นก็โพล่งถาม

“หลี่โอ๋อวิ๋นคนไหนล่ะ”

“คนในเรื่องสั้นของนกน้อยในดงเหมย”    ยอดนักดาบพูดกลั้วหัวเราะ


++++++++


ตัดแขนเสื้อ (cut sleeve)  = แนว boyslove  อิอิอิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2017 09:50:40 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ๋อวิ๋น ถูกเว่ยหลิงจื่อ เอาไปเขียนในเรื่องตัดเแขนเสื้อด้วย  :laugh:
มีขอค่าลิขสิทธิ์ซะด้วย

โอ๋อวิ๋น ทำเหมือนไม่รู้ทันพรรคที่คิดลอบโจมตีเหมืองของตัวเอง

เหมือนโอ๋อวิ๋น ทำโกรธจัดจะแก้แค้นหยู ถึงชีวิต
แต่พอลงมือ ก็แค่ลูบหัวขยี้ผมหยู แบบเอ็นดูเท่านั้น / เอ่อ.....ย้ำ เอ็นดูนะ ไม่ใช่ดูเอ็น

แล้วผงสีดำที่ติดเล็บโอ๋อวิ๋นตอนลูบหัวขยี้ผมหยู มันคืออะไร  :ling1: :ling1: :ling1:
คงไม่ใช่ขี้เล็บ ขี้ดิน ผงฝุ่นจากในเมืองตอนต่อสู้กับอสูร
หรือเป็นผลที่เกิดจากการลงทัณฑ์สวรรค์ของอาจารย์เว่อเต๋อ
เอ๊ะ......หรือเป็นผงจากเม็ดยาเซียนธาตุดิน ทำให้ฟื้นตัวที่อาจารย์โรยใส่หยู หลังถูกสายฟ้าช็อต
นี่หยู ไม่ได้อาบน้ำสระผมเลยรึ ที่ผ่านมา จะเต๋าเกินไปมั้ย เต๋าสกปรกสินะ  :mew5:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 ♥►MAGNOLIA◄♥: จริง ๆ แล้ว  ที่เอาไปเขียนเพราะเว่ยเหลียนยู่รีเควสท์ 
ขอพระเอกคนนี้ชั้นจะจิ้นเค้ากะชายอื่น  ครุคริ ๆ 555+
ตอนก่อนคือเอ็นดู  แต่ตอนล่าสุดนี้  ไม่รู้สินะ >_<
เห็นสหายเต๋าแมกโนเลียทักเรื่องอาบน้ำ  เลยเขียนให้อาบน้ำเลย 
กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงนายเอกพระเอกของเรื่องหมด



++++


ที่ร้านน้ำชา  โซนรับรองสัตว์วิเศษ

จอมยุทธหมีแดงพาหมีของเขามานั่งรอพร้อมกับสัตว์วิเศษชนิดอื่น ๆ  ไม่ว่าหมีเขียว  หมีฟ้า  หมูป่าม่วง  แมวขาว  และหมีดำ

ใช่  หมีดำ

จอมยุทธหมีแดงขยี้ตาดูอีกทีให้ชัด ๆ  แล้วอุทาน

“เสี่ยวหมี!”

“อี๊ยออออออ”   หมีแดงที่เดินตามมารีบถลันเข้าไปใกล้  แต่เสี่ยวหมีเอาอุ้งเท้าหน้ายันหน้าผากเสี่ยวหงเอาไว้

เมื่อกันการจู่โจมได้  มันก็ส่ายหน้า  พ่นลมพรืดจากจมูก  แล้วเดินอุ้ยอ้ายออกไปอย่างไว้ตัว

 “เสี่ยวหง  เจ้าอย่าเพิ่งถอดใจ  โบราณว่ารักแท้แพ้ตามตื๊อ  พวกเราลองตามไปดูอีกที”

“อี๊ยอออออ”

เสี่ยวหมีเดินไปด้อม ๆ มอง ๆ ที่โซนคนนั่งในร้านน้ำชา  มันมองดูอยู่พักหนึ่งและไม่เห็นเงาร่างของซีคงหยู   เลยทำจมูกฟุดฟิด  สูดดมหากลิ่นว่าเจ้าของหายไปไหน

“เสี่ยวหมี  เจ้าโดนทิ้งแล้วล่ะ   มาอยู่กับเสี่ยวหงของข้าดีกว่า  รับรองว่าเสี่ยวหงของข้าจะไม่ฟันแล้วทิ้ง”

“อ๊อออออออ”

เสี่ยวหมีร้องแล้วก็เดินหนี  ทว่าหมีแดงและหนึ่งจอมยุทธยังเดินตาม

บนหลังคาบ้านเรือนตรงข้ามร้านน้ำชา   เจ้าของผมทรงดอกกระหล่ำนอนพังพาบอยู่พร้อมกับกล้องส่องทางไกล  ขณะที่ซ่งจินนั่งยอง ๆ  ปากคาบก้านหญ้าอยู่ใกล้ ๆ

“พี่จิน  พี่ใหญ่ลักพาตัวพี่หยูไปแล้ว”

“อ้อ  แล้วเจ้าไม่ตามไปล่ะ?”

“เฮ้อ  ถ้าตามไปพี่ใหญ่ต้องรู้ตัวแน่ ๆ”

ซ่งจินนิ่งไปสักพัก  ตาปลาตายเหม่อมองไปข้างหน้า  แล้วถามโดยไม่หันไปมองคู่สนทนา  “อามู่ เจ้าจริงจังหรอ”

“ข้าไม่รู้ว่าแค่ไหนเรียกว่าจริงจัง  แต่มันเป็นสิ่งที่ข้าอยากทำ”

“แม้ว่าเจ้าจะเป็นศัตรูกับพี่ใหญ่?”

“แม้ว่าข้าจะต้องเป็นศัตรูกับพี่ใหญ่!”

“บังอาจ!”

“หวา  ดุข้าทำไม”

“ไม่มีอะไร  ข้าอยากลองตวาดเจ้าเล่น ๆ”

“…”

นิ่งไปพัก  ซ่งมู่ก็พูดต่อ

“เอาจริง ๆ นะพี่  เราก็เป็นแค่ศิษย์ใหม่  ถ้าพี่ใหญ่เป็นคนใจแคบและทำให้พวกเราไม่มีที่ไป  พวกเรากลับไปหาท่านพ่อก็ได้”

ซ่งจินคายดอกหญ้าในปาก  แล้วหันมามองซ่งมู่อย่างพินิจ

“แต่วิถีดาบเป็นความฝันของเจ้าไม่ใช่รึอามู่  ทำให้ถึงกับแตกหักกับท่านพ่อเพื่อมาประตูทรราช”

“พี่จิน  ข้าขอโทษ  ข้ารู้ว่าท่านยอมทิ้งอนาคตที่ตำหนักฯเพื่อตามมาดูแลข้า”

“หึ ดรุณีเติบใหญ่มักเอาใจออกห่าง”

“เพ้ย  ข้าม่ายช่ายดรุณี”

“ทำตามหัวใจเจ้าก็แล้วกัน”  ซ่งจินตบไหล่น้องชายเบา ๆ  จากนั้นรู้สึกบางอย่าง  จึงหันหลังไป

และสิ่งที่เขาเห็น  ก็คือ  หัวของหมีดำ  หมีแดง  และจอมยุทธหมีแดง  ที่ปีนหลังคามาแอบฟังข้างหลัง

“พวกเจ้าได้ยินไปแค่ไหน”  ซ่งจินถามด้วยสีหน้าตาย

“แหะแหะ”  จอมยุทธหมีแดงหัวเราะ  “ข้าไม่ได้ยินอะไรเลยสักนิด  แต่ข่าวลือนั่นมันจริงใช่มั้ยว่ามีคนจะสวมหมวกเขียวให้กับจอมยุทธหลี่”

ซ่งมู่ฟังแล้วก็ยิ้มเหี้ยมหันไปปรึกษากับพี่ชาย

“พี่  เห็นทีเราต้องฆ่าปิดปากซะแล้ว”

“ฆ่าได้หมด  ยกเว้นเสี่ยวหมี”  ซ่งจินพูดแล้วก็ลูบหัวหมีดำหนึ่งที

“จอมยุทธซ่งโปรดไว้ชีวิต  จอมยุทธซ่งโปรดไว้ชีวิต  ข้าจะรูดซิบปากให้สนิท  ไม่พูดเรื่องที่ได้ยินให้ใครฟังเด็ดขาด”

“หืม...ก็ได้  แต่เจ้าต้องรับปากอีกข้อ”  ซ่งจินรับการเจรจา

“จอมยุทธซ่งโปรดกล่าวมา”

“เจ้าต้องเลิกตามตื๊อเสี่ยวหมี”

“เพ้ย  เรื่องนี้ข้ายอมไม่ได้  เสี่ยวชิงกับเสี่ยวหมีเป็นคู่สร้างคู่สมที่ฟ้าประทาน  ท่านจะมาแยกพวกมันได้ยังไง”

ซ่งจินเลิกคิ้วเล็กน้อย   จากนั้นสั่งผู้เป็นน้อง  “มู่  จัดการมัน”

จอมยุทธหมีแดงร้องแว๊กแล้วรีบกระโดดลงจากหลังคา   แต่ซ่งมู่กระโจนตามไปส่งขนมตุ๊บตั๊บ ๆ


+++++


ซีคงหยูเดินออกไปทางนอกเมืองจิ้งซานเพื่อหาที่สงบในการปรับเสถียรภาพพลังพรต    เขาได้ยินเสียงร้องอู้อี้มาจากดงไม้ข้างหน้า  เลยรีบสาวเท้าไปดู 

ภาพตรงหน้าทำให้เขาตะลึงไปครู่หนึ่ง  บนต้นอู่ถงมีเชือกมัดโตงเตง  ปลายเชือกคือชายร่างเปลือยที่ถูกจับมัดไขว้ทั้งตัวอย่างซับซ้อน  มีผ้าอุดปาก  และดิ้นกระดุ๊กกระดิ๊กเหมือนหนอนในรังไหม

ที่คอของเขาห้อยป้ายผ้าที่เขียนไว้ด้วยลายมือไก่เขี่ยเหมือนลายมือของพวกแพทย์

“นี่คือตัวอย่างของผู้ไม่เจียมตัว  ตะกายจะกินเสี่ยวหมีของข้า”

ซีคงหยูอ่านทวนคำ  งงสักพัก  จากนั้นชี้ตนเองแล้วทวนคำอีกที  “ของข้า  เอ๊ะ?   แต่ข้าไม่ได้เป็นคนจัดการหมอนี่   หรือว่าเสี่ยวหมีถูกลักพาตัว  หรือมันไปหาเจ้าของใหม่”  คุณชายสามยิ่งคิดยิ่งกังวล  ยกมือตัวเองขึ้นมาขบกัดอย่างกระสับกระส่าย 

เมื่อขบคิดแล้วไม่ได้มรรคผล  เขาจึงเดินไปดูชายที่ถูกมัดห้อยไว้ใกล้ ๆ เผื่อจะเจอเบาะแสหรือจดหมายเรียกค่าไถ่  แต่ดูไปดูมา  ก็ส่งสายตาอย่างดูหมิ่นไป

“หืม...จู๋เจ้าสั้นกว่าพี่ใหญ่ข้าอีก”

จอมยุทธหมีแดงใคร่จะร่ำไห้แต่ไม่มีน้ำตา  ลองเจ้าถูกมัดแขวนแบบนี้แล้วจู๋ไม่หดก็ให้มันรู้ไปสิ!


+++++++++



ซีคงหยูปีนขึ้นไปตัดเชือกปล่อยจอมยุทธหมีแดงลงมา  และเอามีดชี้อีกฝ่าย

“เสี่ยวหมีของข้าไปไหน  ใครเอาตัวมันไป  บอกมา”

จอมยุทธหมีแดงส่ายหน้าที่บวมเหมือนหน้าหมูจากการถูกต่อย  “ข้าไม่รู้  ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น  ไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น”

“หืม”   เมื่อเห็นว่าท่าจะรีดเค้นไม่ได้  และดูท่าทางอีกฝ่ายก็เจอประสบการณ์อันหนักหน่วงมา  คุณชายสามก็เลิกพยายามสอบสวน

“จอมยุทธซีคง  ขอบคุณที่ปล่อยข้า  ข้าไปล่ะ”

พูดแล้วก็รีบเอาป้ายผ้าพันตัว  แล้ววิ่งแจ้นไปทางเมืองจิ้งซาน

ซีคงหยูส่ายหน้า  เขาคร้านเกินกว่าจะตามหาเสี่ยวหมี  ในเมื่อไม่มีจดหมายเรียกค่าไถ่  คนเอาตัวมันไปคงไม่มีเจตนาร้าย  คุณชายสามสรุปเช่นนั้นด้วยความขี้เกียจ  จากนั้นเดินทอดน่องไปในทิศทางที่มีลำธารและน้ำตกใกล้ ๆ

ที่น้ำตก   มวลน้ำถะโถมเป็นฟองฝอยและกระไอละเอียดสีขาวลอยฟ่อง  ความหนาวเย็นของอากาศยิ่งทำให้ละอองน้ำดูฟุ้งเหมือนกับแดนสวรรค์  ที่ริมลำธารใกล้ผาน้ำตก  มีโขดหินเรียบเกลี้ยงจำนวนมากเรียงกันและบางทีก็เกยกัน  มันคือหินที่จะจมอยู่ใต้น้ำในหน้ามรสุม  แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีฝนตกเหนือเทือกเขามังกรทะยานในฤดูนี้  ลำธารก็ยังคงมีชีวิตชีวาจากการละลายของน้ำแข็งบนเทือกเขา

ซีคงหยูเลือกก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กับลำธาร  เขาเอามือปัด ๆ เศษฝุ่นและใบไม้แห้งที่มีอยู่บ้างออกไป  และนั่งลงขัดสมาธิที่ใจกลางหิน  เขายังไม่หลับตาและเริ่มสำรวจภายในตนตามวิธีการปรับเสถียรภาพพลังพรต  แต่กลับจ้องมองกระแสน้ำที่ไหลซ้ำไปซ้ำ ๆ ในริ้วและเฉกเดียวอย่างไม่รู้จบเบื้องหน้า  พลางทบทวนถึงประสบการณ์การบรรลุเขตแดนเมฆาเคลื่อนคล้อย

มันง่ายเกินไป   เขาคิดในใจ   ปกติแล้วเขาไม่เคยได้ยินว่าใครบรรลุเขตแดนได้ด้วยการเดินเล่นและขบคิดเรื่องที่ไหลมาตามอารมณ์กันล่ะ  หรือว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะจริง ๆ  ทว่าถ้าเป็นเช่นนั้น  ทำไมพรสวรรค์ของเขาไม่แสดงออกมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว  ทำไมเขาถึงถูกตราหน้าว่าไม่มีความสามารถด้านการบำเพ็ญพรต  และถูกปฏิเสธจากสำนักวิชาฝีมือเป็นสิบ ๆ แห่งจนกระทั่งถอดใจและยอมรับความจริงว่าคงจะได้เป็นมนุษย์ธรรมดาทั้งชีวิต

ซีคงหยูสลัดความคิด  และเริ่มทบทวนเคล็ดวิชาเซียนสามสิบหกแผน   จากคำอธิบายของนักพรตทำให้เขาเข้าใจในที่สุดว่า  วิชาเซียนสามสิบหกแผนเป็นวิชาสาย [เทศะ]  แต่แก่นของมันไม่ใช่แนวคิดที่ว่าห้วงนิรันดร์กับเสี้ยววินาทีไม่มีความแตกต่างกัน  หรือว่าจะใช่

“มันน่าจะเป็นสาย [จลน์] เพราะเกี่ยวกับการเคลื่อนที่  ข้ารู้ทฤษฎีเกี่ยวกับการเคลื่อนที่อย่างน้อยสามทฤษฎี  แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช้ในการทำความเข้าใจคัมภีร์ได้หรือไม่”

เขาเปิดดูบทว่าด้วยวิชาเซียนการหนีในน้ำ  มันอธิบายเกี่ยวกับวิธีการโคจรปราณและสร้างวงจร  การสร้างวงจรคือการจินตนการภาพร่างกายของตนในจิต  อันร่างนี้เรียกว่าร่างธรรมกาย  และใช้จิตสัมผัสขีดลากเส้นสายที่สลับซับซ้อนขึ้นมาในร่างธรรมกาย  ความซับซ้อนของเส้นขึ้นกับระดับความยากของวิชาเซียน  และระดับความยากของมันก็บ่งบอกถึงพลังทำลายล้างของวิชา  ทว่าความนี้ก็ไม่จริงเสมอไป  ซีคงหยูเข้าใจว่าวงจรดังกล่าวมีลักษณะที่เรียกว่าอัลกอริธึม  ประสิทธิภาพของวงจรไม่ได้ขึ้นกับความซับซ้อน  แต่ขึ้นกับว่าผู้ออกแบบวิชาเซียน   สามารถคิดอัลกอริธึมที่เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามเป้าหมายของผลลัพธ์วิชาเซียนที่ตั้งไว้  ยกตัวอย่างเช่น  ถ้าท่านจะหาว่าส้มหกลัง  แต่ละลังมีหกผล  รวมกันทั้งหมดเท่าไหร่  ท่านจะไม่เขียนอัลกอริธึมให้มันบวกกันหกครั้ง  แต่จะเขียนให้มันคูณกันครั้งเดียว

แต่ถึงอย่างไร  ซีคงหยูก็ไม่สามารถทำความเข้าใจอัลกอริธึมที่อยู่เบื้องหลังได้โดยง่าย  เพราะเขาจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสัญลักษณ์และการวิเคราะห์วิชาเซียน  สิ่งที่แผนภาพในคัมภีร์แสดง  จึงเป็นเหมือนแผนที่นำทางให้เดินตามโดยไม่จำเป็นต้องรู้ว่าทำไมจึงต้องเดินเช่นนั้น  ทว่าหากมีแต่รูปแบบปราศจากจิตวิญญาณของเต๋านั้น ๆ วิชาเซียนก็จะไม่สำแดงประสิทธิภาพเต็มที่  มันจึงมีคำบรรยายที่เป็นข้อความลึกลับแบบรหัสยลัทธิ  ที่บ่งชี้ถึง [เต๋า] หรือก็คืออัลกอริธึมที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบวิชาเซียน

“เข้าใจธรรมชาติโดยไม่เข้าใจการเคลื่อนที่  คือการละเลย
เข้าใจการเคลื่อนที่แต่ไม่เข้าใจธรรมชาติ  คือการบกพร่อง
น้ำคือวัตถุธาตุที่สะท้อนธรรมชาติ  มี [การเคลื่อนไหว] และ [ความปรารถนา] ดุจเดียวที่ธรรมชาติมี
น้ำจึงเคลื่อนที่ทั้งด้วยตัวของมันเอง  และด้วยสิ่งอื่นมากระทบ”

“การเคลื่อนไหว  และความปรารถนา”  ซีคงหยูพึมพำทวนข้อความในตำรา  และมองไปที่ลำธาร  เขามองเห็นผิวน้ำที่ไหลเปลี่ยนรูปตามริ้วของก้อนหิน  ผิวน้ำบางส่วนก็ปะทะกับสิ่งกีดขวางกระเด็นเป็นฟองฝอย  และบางส่วนก็ดูเรียบลื่นประดุจแก้วซึ่งมีริ้วรอยเหมือนคลื่นแก้วเวลาช่างแก้วสลักลายลงไปบนพื้นผิว   น้ำในลำธารเหมือนกับเป็นส่วนเดียวกันทั้งก้อน  ทว่าฟองที่กระเด็น  และละอองอันปลิวจากน้ำตกย้ำเตือนว่าพวกมันสามารถถูกแบ่งแยกได้

ซีคงหยูแหงนมองยอดน้ำตก  ที่มาของแหล่งน้ำอันซ่อนอยู่ในหมอกของหน้าผา  เขารู้ว่าเหนือน้ำตกก็มีลำธาร  และน้ำตกซ้อนกันไปเรื่อย ๆ จนถึงยอดเขาจำนวนนับไม่ถ้วนของเทือกเขามังกรทะยาน

เมื่อคิดดูแล้ว  มวลน้ำในลำธารเหมือนกับงูสีเงินตัวใหญ่ที่ไหลเลื้อยลงสู่ที่ต่ำ  จู่ ๆ เขาก็นึกได้ว่า  มีบางคนพูดไว้  จิตใจมนุษย์ก็เหมือนน้ำ  มักไหลลงสู่ที่ต่ำหากไม่ได้รับการบ่มเพาะ  หรือนี่คือ  [ความปรารถนา] ของน้ำ  เหมือนกับความปรารถนาของนกที่จะบินขึ้นไปสู่ที่สูง  ความปรารถนาของคนหนุ่มสาวที่ต้องการชื่อเสียง  ความปรารถนาเป็นจุดเริ่มต้นในการเคลื่อนที่ของตัวมันเอง  มันทำงานในทิศทางที่ตรงกันข้ามหรือต่อต้านกฎระเบียบของธรรมชาติ  หรือมิเช่นนั้นแล้ว  การทำงานของมันก็คือธรรมชาติในตัวมันเอง  เช่นเดียวกับการที่น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำประกอบสร้างเป็นแม่น้ำและทะเลดังที่มนุษย์รู้จักว่านั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น  สิ่งที่ปกติ  สิ่งที่เป็นธรรมชาติ

ซีคงหยูรู้สึกเหมือนกับเข้าใจส่วนความปรารถนาของวิชาเซียนบทนี้  ทว่าอีกส่วนหนึ่งที่มันเน้นย้ำคืออะไรกัน  อะไรคือการเคลื่อนไหว 

เขาจ้องมองลำธาร  มือเท้าคาง  และเหยียดริมฝีปากเล็กน้อย  แสงแดดระยิบระยับของยามเที่ยงเริ่มตัดหมอกลงมา  นอกจากหมอกแล้ว  มันยังถูกแยกเป็นจุด ๆ จากใบไม้อันรกครึ้มริมธาร  ทำให้แสงแดดกระจัดกระจายเป็นดวง ๆ  แสงพร่าพรายนั้นกระทบลงบนผิวน้ำ  และกระจัดกระจายไปรอบทิศตามแต่แง่มุมที่มันเกิดปรากฎการณ์การสะท้อนกลับหมด

คุณชายสามจ้องมองน้ำล้อเล่นกับแสงแดด  เนิ่นนาน  จนกระทั่งตาลาย  เขาเพ่งตามองปรับโฟกัสสายตาไปมา  ทำให้ภาพที่เห็นบางทีก็เบลอ  บางทีก็ชัด  เขาลองปรับโฟกัสสายตาให้มองเห็นภาพเบลอ  และพบว่าภาพที่ประจักษ์มันดูเหมือนประกอบด้วยจุดฝุ่นสีที่กระจายตัวออกห่างกัน  เหมือนแต้มแปรงที่จิตรกรบรรจงแตะลงไปให้จุดเหล่านั้นประกอบเป็นภาพสระน้ำ  กอบัว  และเงาไม้

เขารู้สึกเหมือนเห็นกฎเต๋าที่ซ่อนอยู่ในภาพเบลอดังกล่าว  แต่ครั้นจะคว้าจับก็คว้าจับไม่ได้   

ซีคงหยูสูดลมหายใจลึก  ในเมื่อนั่งคิดไม่สำเร็จ  เขาจึงเปลี่ยนอิริยาบถ  เขาลุกขึ้นยืนและถอดเสื้อชั้นนอกของตนเองออก  ก่อนจะพบด้วยความประหลาดใจว่าอากาศหนาวของจิ้งซานไม่มีผลต่อผิวหนังของเขาแล้ว  แล้วนึกขึ้นได้ว่าผู้บำเพ็ญพรตในเขตแดนเมฆาเคลื่อนคล้อยจะมีปราณคุ้มครองร่างจากความร้อนและความเย็น  เหมือนกับเมฆหมอกที่คอยคุ้มกันรอบ ๆ ดวงตะวันในจุดตันเถียน

“ที่แท้  ติ่งเฟิ่งแฟชั่นวีคถึงรับสมัครนายแบบนางแบบที่มีพลังพรตระดับนี้  เพราะจะได้ใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เวอร์วังอลังการไม่แคร์สภาพอากาศนี่เอง”

ซีคงหยูทอดถอนใจเมื่อค้นพบอาชีพในฝันของตนเอง   เขาถอดเสื้อชั้นในออก  แล้วนั่งยอง ๆ ส่องใบหน้าของตนเองกับอกเปลือย ๆ บนผิวน้ำ

“เรานี่มันหล่อไม่ใช่เล่นแฮะ”

ส่องดูหน้าตัวเองในมุมต่าง ๆ  ไป ๆ มา ๆ  คุณชายสามก็สะบัดหน้า 

“เห้ย  ข้าต้องหาเต๋าสิฟะ  อย่าเพิ่งวอกแวก”

เขาลุกขึ้นอีกครั้ง  ถอดกางเกงขายาวออก  แล้วค่อย ๆ เดินลงไปในน้ำอันเย็นเฉียบ  อุณหภูมิของน้ำทำให้เขาตัวสั่นเล็กน้อยถึงแม้จะมีปราณคุ้มกัน

น้ำในลำธารที่ไหลแรงและค่อยปะทะข้อเท้า  ต้นขา บั้นเอว  และท่วมจนมาถึงหน้าอกตามระดับความลึกที่ชายหนุ่มเดินลงไป   เขาใช้มือแหวกในน้ำ  ช้อนมันขึ้นมา  และมองหยาดมุกที่หยดติงตังจากมือและง่ามนิ้ว  เมื่อมองน้ำหยดสักพัก  เขาก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ ในลำธาร  เข้ามาอยู่ใกล้น้ำขนาดนี้  ก็พบว่า  เสียงเคลื่อนไหวของน้ำมันชัดเจนและซับซ้อนกว่าที่คิด  ภายใต้น้ำลึกมีเสียงของมวลน้ำที่ปะทะโขดหินและท่อนไม้ใต้น้ำ  ข้าง ๆ มีเสียงน้ำตก  บนผิวน้ำมีเสียงของน้ำสัมผัสกับอากาศและดูดเอาอากาศเข้าไปในตัวจากเกลียวเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อซีคงหยูยืนขวางทางของพวกมัน  เขากอบน้ำขึ้นมาใกล้ ๆ หู  และเอียงคอฟังเสียงของมันที่ร่วงกลับลงไปใหม่

เมื่อยังไม่เจอแรงบันดาลใจที่ถูกต้อง  ซีคงหยูจึงย่อตัวลงในลำธาร  ปล่อยให้น้ำค่อย ๆ กลืนศีรษะของตนเอง   เส้นผมของเขาสยายในน้ำเหมือนกับสาหร่ายและเส้นไหมสีดำ  เส้นผมที่ถูกทำลายจากสายฟ้า  ถูกชำระล้าง  และผลัดเปลี่ยนเป็นเส้นไหมละเอียดเหมือนขนแมวน้ำ  เศษซากของมันกลายเป็นผงสีดำที่ถูกน้ำพัดพาหายไป  จนเหลือแต่เนื้อแท้ดั้งเดิมที่ดูเหมือนกับเป็นสายเส้นทองคำอร่ามอันพลิ้วไหวใต้บาดาล  ทว่ามันอาจจะเป็นการหลอกตาจากแสงอาทิตย์ก็ได้

ผู้ที่ยืนยันว่ามันไม่ใช่ภาพลวงตาจากการเล่นแสง  คือชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งเดินออกมาจากแมกไม้ริมฝั่ง   ข้างตัวของเขามีหมีดำ  ซึ่งค่อย ๆ เดินต้วมเตี้ยมไปที่ลำธารนำหน้าผู้มาใหม่

ซ่งมู่ยืนตะลึงตะลานมองร่างที่โผล่พ้นน้ำ  เส้นผมของอีกฝ่ายเป็นสีน้ำตาลอ่อนจนดูเผิน ๆ เหมือนสีทอง  มันเปียกจนลู่ลีบไปกับต้นคอและบ่าของเขา  สิ่งที่ดึงดูดใจกว่านั้นคือผิวสองสีที่เป็นสองสีจริง ๆ คือสีน้ำตาลอ่อน ๆ เหมือนกับแก่นไม้สนที่วางทิ้งไว้กลางแดด  และผิวสีขาวเหมือนน้ำนมอันตัดกันระหว่างในร่มผ้าและนอกร่มผ้า  และเมื่อสายตาของเขาไล่ไปตามหลังเนียนและเอวคอดตัดกับสะโพกที่งอนขึ้นมาเล็กน้อย   ซ่งมู่ก็ได้แต่กลืนน้ำลายยืนค้างอยู่ตรงนั้น

สัมผัสเซียนระดับเมฆาเคลื่อนคล้อยของซีคงหยู  จับได้ว่ามีคนกำลังจ้องมอง   เขาจึงรีบขยี้มือกับหน้า  เพื่อไล่น้ำออกจากตา  และเขม้นมองฝ่ายตรงข้าม

“อ๊อออออ”

เสี่ยวหมีร้องทักทาย  ก่อนจะแลบลิ้นเลียน้ำในลำธารดังแจ๊บ ๆ

“อ้าว  น้องมู่  เสี่ยวหมี”   คุณชายสามทักทายอย่างดีใจ

“พี่หยู..เอ่อ  ข้า  คือข้า  พาเสี่ยวหมีมาส่ง”  หนุ่มรุ่นน้องพูดติดอ่าง  และเดินเข้ามาใกล้ริมธารอย่างลังเล  และเมื่อเดินเขาก็รู้สึกถึงอาการผิดปกติของร่างกายตน  จึงรีบดึงชายเสื้อลงมาบังไว้  แต่เพราะว่าพ่อให้มาล้นเหลือเหลือเกิน  จึงไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

ซีคงหยูทำเป็นมองไม่เห็น  แล้วรวบผมของตนเอง   บิดไล่น้ำ  จากนั้นมัดมวยเหมือนทรงผมชาวยุทธทั่วไป  ก่อนจะทักอีกฝ่าย

“เฮ้  น้องมู่ทำทรงผมดอกกระหล่ำหรอ”

ซ่งมู่มือหนึ่งดึงชายเสื้อ  อีกมือจับทรงผมตัวเองแล้วหัวเราะแหะ ๆ

“พี่หยูกำลังอาบน้ำหรือ”

“อ้อ  เปล่า  ข้ากำลังปรับเสถียรภาพพลังพรต  เลยทบทวนวิชาเซียนที่เกี่ยวกับน้ำ”

ซ่งมู่ย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ริมธาร  แต่รู้สึกว่าไม่เหมาะ  เลยย้ายนั่งหลบหลังเสี่ยวหมี  พร้อมกับโคจรปราณเพื่อควบคุมไฟร้อนรุ่มที่สุมตรงท้องน้อยไปด้วย

“แล้ว  เส้นผมพี่หยูคือ..”

ซีคงหยูฟังแล้วก็แตะศีรษะตนเอง  จากนั้นกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยเสียงกระซิบกระซาบ

“ถ้าข้าบอกเจ้า  เจ้าอย่าไปบอกใคร  นี่คือสีผมธรรมชาติของข้าเอง  นอกจากนี่แล้ว  ข้ายังมีความลับอย่างอื่นอีกด้วย  ฮี่ ๆ”

“เอ๋  ความลับอะไร”

“มานี่มา ๆ  เข้ามาใกล้ ๆ อย่าไปหลบหลังเสี่ยวหมี” 

เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมมาตามที่บอก   ซีคงหยูเลยปีนขึ้นมาบนฝั่ง  แล้วเดินไปนั่งยอง ๆ ตรงหน้าหนุ่มหน้าซื่อที่ดูเขินจัด  เขาจับบ่าซ่งมู่แล้วบอก

“หลับตาสิ”

ซ่งมู่รู้สึกวิงเวียนจากโลหิตสูบฉีดที่พลุ่งพล่านไปทั้งใบหน้าและลำคอ  เลยหลับตาตามที่บอก  สักครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงบอกให้ลืมตา

เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  สิ่งแรกที่เขาเห็นคือลูกแก้วใสสีเขียวมะกอก  ในลูกแก้วมีริ้วลายเป็นขีดรัศมีของวงกลมล้อมรอบวงกลมเล็ก ๆ ชั้นในที่เป็นสีเขียวเข้มจนแยกแทบไม่ออกจากสีดำ  เมื่อมองสักพัก  เขาถึงพบว่านั่นคือแก้วตาของอีกฝ่าย  แก้วตาสีประหลาดลึกลับเหมือนกับสีของปีศาจร้ายอันแสนยั่วยวนประดับอยู่บนใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ซ่งมู่รู้สึกเหมือนจะคุ้นเคยแต่ก็แปลกหน้าในเวลาเดียวกัน

“พี่หยู...”  ซ่งมู่ครางฮือ  เสียงของเขาเหมือนอยู่ในความฝัน  “..ท่านเป็นสัตว์อสูร หรือเผ่าปีศาจ”

“เพ้ย  เจ้าสิเป็นเผ่าปีศาจ  บ้านเจ้าสิเป็นสัตว์อสูร”

“อ๊อออออออออ!!”

เสี่ยวหมีร้องปกป้องซ่งมู่จากการด่าทอของคุณชายสาม  ตามประสาดรุณีเติบใหญ่มักเอาใจออกห่างที่แท้ทรู

“ข้าเป็นมนุษย์  จริงแท้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่ว่าคนอื่น ๆ ก็คงคิดเหมือนเจ้าว่าข้าคือเผ่าอื่น   ก็เลยต้องย้อมผมกับปิดบังสีตาเอาไว้น่ะ”

ซ่งมู่สูดลมหายใจเฮือกใหญ่  ไม่รู้ว่าโล่งอกหรือว่าอะไร  จากนั้นมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดและลึกลับสำหรับเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง  “ข้าดีใจที่พี่หยูไว้ใจ”

ซีคงหยูยิ้ม  จับจมูกของอีกฝ่ายเขย่าด้วยความหมั่นเขี้ยว  “เจ้าก็ไว้ใจข้าไม่ใช่หรอ  ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงกระโดดหนีแล้วชักดาบออกจู่โจมแล้ว”

“ฮ่า ๆ  ข้ากลัวจนขยับไม่ได้ต่างหาก”   ซ่งมู่ตอบ  แต่ลึก ๆ แล้วเขาพบว่าชั่ววินาทีเมื่อครู่  เขาไม่ได้กลัว  มันมีแต่ความยอมแพ้สิ้นหวัง  ถ้าซีคงหยูเป็นเผ่าปีศาจที่ชั่วร้ายจริง ๆ  เขารู้สึกว่าถึงมีชีวิตอยู่ไปก็คงไร้ความหมาย

ซีคงหยูปล่อยมือออกจากจมูกของซ่งมู่  แล้วลุกขึ้นไปแต่งตัว   เขาปลดมวยผมหยิบผงสีดำเหมือนถ่านจากอกเสื้อมาละเลงศีรษะ  แล้วรูด ๆ สองสามที  สีผมที่แท้จริงก็ถูกกลบจนสิ้น  จากนั้นก้มหน้าทำอะไรยุกยิกในมือสักครู่  ดวงตาก็กลับมาเป็นสีดำตามปกติ

ซ่งมู่ลุกขึ้นยืนช้า ๆ และมองซีคงหยูที่จัดการเสื้อผ้าร่างกาย  เขามองคนตรงหน้าที่ดูเหมือนจะมีความลึกลับห่อหุ้มหลายชั้น  และพบว่าความลึกลับนั้นแทนที่จะทำให้เขาคลายใจผูกพัน  กลับเหมือนยิ่งถีบเขาเข้าไปในไฟเร่าร้อนที่โหมกระพือเข้าไปใหญ่



++++


สวมหมวกเขียว = เล่นชู้   หรือ 'สวมเขา' ในสำนวนไทย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2017 15:49:38 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อวิ๋น นายมีแววถูกสวมหมวกเขียวแรงมาก 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
ซีคงหยูเป็นอะไรอะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มหัศจรรย์ สวรรค์สร้าง เอ๊ย.......ไรท์สร้าง สุดยอดดดดด
ที่ผ่านมาว่าเดอะเบสท์แล้วนะ ทั้งฝีมือ ทั้งสมองไรท์
ตอนนี้ยิ่งเวรี่ๆ เอ่อ.....ขั้นซุปเปอร์เนเชอรัลเลยล่ะ
อ่านด้วยความตื่นตาตื่นใจ มีความสุข
แทบจะบรรลุวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ เต๋า ด้วยเลย นับถือๆ  :impress2: :impress2: :impress2:

พี่น้องตะกูลซ่ง รักกันดีจริงๆ  แถมรักใคร่เอ็นดูเสี่ยวหมีมากกกกก
ช่วยเสี่ยวหมีจากการตามตื๊อของจอมยุทธชุดแดงกับหมีแดง แบบปกปิดความลับไปในตัวด้วย

แต่สภาพจอมยุทธชุดแดง ต่อแต่นี้ต้องเรียกเป็นจอมยุทธชุดเปลือยซะและ
แถมหยูยังวิจารณ์ซะแทบตัดทิ้งเลย  (แฮ่....สั้นยังไงก็ไม่ตัดร้อก )
“หืม...จู๋เจ้าสั้นกว่าพี่ใหญ่ข้าอีก” หยูนะหยู ว่าซะเสียความมั่นใจหมดเลย

แล้วหยูที่อาบน้ำไป พิจารณาเต๋าไป ได้ประโยชน์หลายทางดี
พบมู่ที่มาโด่เด่ๆกับหมีดำ หยูน่ารักมากไม่ล้อเลียนมู่เลย
แล้วยังเปิดเผยความลับของตัวเองให้มู่รู้เพิ่มนอกจากสีผม ยังให้ดูสีตาอีก
แสดงว่าหยู ไม่ใช่คนจีนสิ หยูเป็นคนตะวันตก ที่ทะลุมิติมาใช่บ่

งั้นโอ๋อวิ๋น ที่ฉลาดเฉลียว คงรู้ความลับเรื่องสีผมของหยู แล้วสิ
       :L1::L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

ภาพสระบัวของโมเน่ต์


ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
คงหยูตาสีเขียวด้วย
 ซ่งจิ่น รับเสี่ยวหมีเป็นภรรยาเต็มตัวแล้วเหรอคะ :m20:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
หนูอวิ๋นตั้งท่าคิดบัญชีซะน่ากลัว ดั๊นนนน แก้แค้นซะมุ้งมิ้งอ่อนด๋อย
เฮ่อ! ฉันก็ลุ้นซะเลือดกำเดาแทบไหล
เอ๊ะ! นี่ฉันไม่ได้คิดลึกเลยจริงจริ๊ง!

ว่าแต่น้องอวิ๋นคุมหน้าตาท่าทางได้ดี หรือรู้อยู่แล้วว่าหยูจงใจปกปิดอัตลักษณ์?
ประเด็นนี้น่าสงสัย น่าสงสัย

ไหนจะคำพูดขอเป็นตัวเลือกนั่นอีก นี้น้องอวิ๋นถูกวิชาเต๋าแห่งการล่อลวงผู้ของหยูแล้วใช่ป่ะ

ช่วงอาบน้ำ...เอิ่ม...ปรับเสถียรภาพพลังพรต เป็นการบรรยายที่จินตนาการตามแล้วรู้สึกสายตาพร่าพราย ทั้งซับซ้อน ทั้งล้ำลึก ทว่าในขณะเดียวกันก็เรียบง่าย เปิดเผย วิถีแห่งธรรมชาติเป็นเช่นนี้เอง
 
ซีคงหยูในตอนนี้ก็เหมือนดั่งสายน้ำเอง สัมผัสได้ แต่มิอาจจับต้องยึดถือ

น้องมู่เอ๋ย ข้าว่าเจ้าจนปัญญาจะไถ่ถอนหัวใจออกมาแล้วล่ะ ข้ายังหลงตาลุงคนนี้เลย

เสี่ยวหมี เจ้าทำดีมากที่ปกป้องผู้ เอาน้ำผึ้งไปกิน 1 ไห

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


วะฮ่า ๆๆ เรากลับมาแล้ว (ขอโทษนะคะที่หายไปเลย ไม่คิดถึงกันใช่ไหม - ช้อนตามองปริบ ๆ )
ยิ่งอ่านเราก็ยิ่งรู้สึกหลงรักเสี่ยวหมีมากขึ้นทุกที หมีอะไรก็ไม่รู้ จังหวะตลกดี ๆ มาก ๆ
ส่วนอาหยูก็เป็นตัวเอกที่เราเชื่อเหลือเกินว่าเราจะภูมิใจที่ได้เห็นพัฒนาการของนางในตอนท้ายเรื่องแน่ ๆ รู้สึกว่าอาหยูมีอะไรมากกว่าอายุ ฮ่า ๆๆๆ

ในด้านของเหล่าสนมของอาหยูนั้น เราคงต้องดูไปยาว ๆ เพราะไป ๆ มา ๆ
ดูเหมือนน้องตู้เองก็น่าจะมีช่วงเวลาแอร์ไทม์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าน้องอวิ๋นหรือน้องมู่เลยสักนิด
(ถ้าเปรียบเป็นนักวิ่ง ก็ต้องอาศัยภาพถ่ายวัดกันไปเลยว่าใครจะเข้าเส้นชัย)
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เราจะติดตามความเจริญรุ่งริ่ง เอ๊ย รุ่งเรืองของฮาเร็มแห่งลุงไปเรื่อย ๆ นะคะ
เป็นกำลังใจให้คุณคิริมัญจาโรค่ะ ^_^  :กอด1:



ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Kirimanjaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เฮเว่นอะโบฟ!!  วันจันทร์นี้ผมต้องรายงานความก้าวหน้า
แต่เพิ่งเขียนบทความเมื่อเช้า  เสร็จเมื่อกี้ 
เลยมาเขียนนิยายต่อ  คงไม่ว่าที่หายไปนะ  จุ๊บุ๊ ๆ

+++++


korinasai: 55555+  นั่นสิ

wnkth:  เป็นคนใจดำหน้าตาดี

♥►MAGNOLIA◄♥: ฮี่ ๆ เต๋านี้เดินทางมาไกล
เป็นผลงานความคิดของปราชญ์โบราณ
เขียนถึงพี่น้องคนเขียนก็แอบอยากชิบให้ได้กันเอง  เอ๊ะยังไง
ล้อเล่นนะเสี่ยวหมี   ไม่ใครทำอะไรสามีเจ้าหรอก
เดาได้ดี ๆ  แต่รออ่านเฉลยในเรื่องนะคร้าบ  อีกสามพันตอน  ความลับของคุณชายสามจะถูกเปิดเผย

JustWait:  ฮ่า ๆ  ทำไมเดาถูกว่าซ่งจินเขียนป้าย  กำลังจะตั้งเป็นคำถามไว้อยู่เชียวว่าป้ายนี้ฝีมือใคร

alternative: แน่ะๆ รู้นะว่าลุ้นอะไร   คนเขียนก็ลุ้นฮืดฮาด ๆ  แต่จังหวะไม่เหมาะซะที   เมื่อไหร่จะปล้ำกันซะทีห๊ะ   #ท้าวสะเอวตั้งคำถามต่อเหล่าหนุ่มๆ
ทำสำออยขอเป็นตัวเลือกไปงั้นแหละอีตาอวิ๋น  เพราะซ่งมู่ออร่าพระรองแสนดีแรงมว้ากกกก
#รับน้ำผึ้งให้แทนเสี่ยวหมี

mild-dy: ขอบคุณที่แวะมาคร้าบ

Malimaru: คุณเป็นใคร  มาที่นี่ได้ยังไง  เพ้ย  ล้อเล่น  55555+  อย่าเพิ่งงอนนะแม่นาง
อ่ะ  ส่งเสี่ยวหมีไปปลอบ  มีเสี่ยวหมีปิ้ง  เสี่ยวหมีต้มยำ  เสี่ยวหมีเย็นตาโฟน้ำใส
"อ๊ออออออออ!!"
โอเค ๆ ไม่แกล้งเสี่ยวหมีแระ  ช่วงนี้ยิ่งบทน้อย ๆ อยู่  เหมือนตอนนี้จะได้ออกฉากห้าวิเท่าน้องมู่  #ตบบ่าแปะๆ
น้องตู้ผู้เตี้ยล่ำปล้ำง่ายยยยยยย <3 <3 <3

ommanymontra:  ฮี่ ๆ มีเหยื่อ  เอ๊ย  ผู้อ่านรายใหม่หลงมาอีกราย


+++++



ในบ่ายนั้น   เมฆดำรวมครึ้มกันทั่วทิศ  ดูเหมือนว่าการผ่านด่านทัณฑ์สวรรค์ของซีคงหยูจะเป็นตัวจุดประกายให้ยอดฝีมือรุ่นเยาว์บรรลุเขตแดนเมฆาเคลื่อนคล้อยกันเป็นทิวแถว  คุณชายสามป้องตามองดูท้องฟ้าที่มีอัสนีบาตแลบแปลบปลาบ  และคะเนว่าคงมีผู้ผ่านด่านทัณฑ์สวรรค์อย่างน้อยก็ห้าหกราย

เขาเดินเข้าตัวเมืองพร้อมกับซ่งมู่และเสี่ยวหมี  เพื่อเตรียมรอเวลาท้าประลอง  ไม่นานนัก  วงแหวนเวทอันเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ยันต์แปดทิศก็ปรากฏอยู่ตามจุดต่าง ๆ  ซีคงหยูดึงผ้าคาดเอวสีดำของตนให้แน่นขึ้น  แล้วก้าวเข้าไปในวงเวทเคลื่อนย้ายฉับพลัน

“เฮ่อ ๆ ศิษย์คนใหม่ของท่านนักพรตเวิ่นจะเป็นอย่างไรบ้าง”   ผู้อาวุโสไมตรีโลหิตเริ่มเปิดบทสนทนา  เมื่อเห็นซีคงหยูก้าวขึ้นไปบนลานประลองกลางหาว

“มา ๆ ตั้งโต๊ะ ๆ”   ไป่หลินหลิงเตรียมโพยมาพร้อม  นางใช้วิชาเซียนโพยไม้ไผ่ก็พุ่งวาบเข้าไปในมือของผู้อาวุโสทุกคน

“ของนักพรตเต๋าผู้นี้ล่ะ”  เวิ่นเต๋อเอ่ยปากทวงอย่างสงวนท่าทีโดยที่เปลือกตาแทบไม่กระพริบ

“ฮ่า ๆ ไม่นึกว่าท่านนักพรตจะสนใจการละเล่นนี้ด้วย”  ไป่หลินหลิงรีบควักโพยสำรองจากอกเสื้อ  คราวนี้นางไม่ใช้วิชาเซียนส่งไป  แต่ประคองสองมือแล้วก้าวเข้าไปยื่นให้

นักพรตเต๋าเลิกตาข้างหนึ่งมองรายชื่อในโพย  คัมภีร์ไม้ไผ่นี้มีกลไกภายใน  เมื่อท่านเลือกพนันที่ลานประลองไหน  ผู้อื่นที่ถือโพยจะเห็นถ้วนทั่วกันหมดว่ามีคนสนใจพนันลานนี้  แต่จะไม่เปิดเผยชื่อของผู้พนันจนกว่าจะพนันเสร็จสิ้น

เวิ่นเต๋อดูสักพักก็เบิ่งตากว้างขึ้น  เขากวาดสายตานับดูจำนวนผู้อาวุโสที่ยืนอยู่บนยอดเขา  แล้วก็ขมวดคิ้ว

“ไฉนผู้คนจึงเยอะนัก”

เขาเลือกเข้าไปดูจำนวนผู้พนันในลานประลองของซีคงหยูและพบว่ามีรายการคนรอเล่นอยู่มากกว่ายี่สิบรายการ

ตู้ถงเทียนเองก็ดูเหมือนจะอยู่ห้องเดียวกัน 

“จริงด้วย  ผู้อาวุโสไป่  คราวนี้ท่านหาผีพนันเพิ่มมาจากไหน”

ไป่หลินหลินสะบัดพัดกฤษณาบังปากหัวร่อ  “ฮี่ ๆ  ในชาวยุทธที่มา  เงินหนาก็มี  ไหน ๆ ก็พัฒนานวัตกรรมโต๊ะพนันออนไลน์จะไม่เผยแพร่คงน่าเสียดายไปหน่อย”  นางก้าวเดินสองสามก้าวเหมือนเวลาที่บัณฑิตจะร่ายบทกวี  “นอกจากนี้  ข้าได้ยินว่าไมตรีโลหิตร่ำรวยมั่งคั่ง  เลยช่วยสำนักท่านใช้เงินหน่อย”

ผู้อาวุโสไมตรีโลหิต  ขมวดคิ้วจนแทบเป็นเลขแปด  ทำท่าจะหยิบแผ่นหยกสื่อสารมาใช้ดุด่าศิษย์สำนัก

“อ๊ะ ๆ  ห้ามขัดขวางโต๊ะพนัน  ท่านให้สัตย์สาบานตั้งแต่ครั้งก่อนที่เล่นกันแล้วไม่ใช่รึ”

“ฮึ่ม  แต่เจ้าไม่เคยแจกโพยให้ศิษย์สำนัก”  ผู้อาวุโสไมตรีโลหิตซึ่งเคยใจเย็นที่สุดพูดลอดไรฟัน

“เอ๋  บางทีข้าอาจจะเคยแจกก็ได้  แต่ท่านไม่รู้ตัวเอง  ฮี่ ๆ”

เยว่หนานอิ๋งที่ยืนเกาะแขนไป่หลินหลิงอยู่ตวัดหางตาไปทางผู้อาวุโสไมตรีโลหิต  “เฮอะ  พนันแค่นี้มาทำปอดแหก  เป็นบุรุษเสียเปล่า  สู้หลิงเกอเกอของข้าก็ไม่ได้”

คราวนี้คุณชายในเสื้อคลุมคุนเผิงก็ขมวดคิ้วบ้าง   “เอาข้าไปเปรียบเทียบกับพวกผู้ชายตัวเหม็นนี่เหลือจะทน”

ผู้อาวุโสไมตรีโลหิตส่ายหน้ากับพวกนางสองคน  นี่คงเรียกว่าหมาไนในรังเดียวกัน  ตัวหนึ่งงับซ้าย  ตัวหนึ่งงับขวา

นักพรตเวิ่นเต๋อลองใช้สักพักก็คล่อง  จึงประกาศต่อผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ว่า

“นักพรตผู้นี้จะพนันลานที่สิบสาม  ไม่ทราบว่าสหายเต๋าท่านใดสนใจร่วมสนุก”

ตู้ถงเทียนซึ่งอยู่ในห้องอยู่แล้ว  ก็มองด้วยสายตาเป็นประกาย  เพราะโอกาสเล่นพนันกับนักพรตเวิ่นเต๋อไม่ได้มีบ่อย ๆ

“มิทราบว่า  ท่านนักพรตลงขันทางด้านไหน”

“อ๊ะ ๆ ไปถามได้ยังไง  ผู้อาวุโสตู้เห็นท่านนักพรตไม่ช่ำชองเรื่องโลกเลยจะหลอกถามอย่างงั้นรึ”   ไป่หลินหลิงในฐานะเจ้ามือต้องรักษาผลประโยชน์ให้ทุกคน

“มิเป็นไร  แม่นางไป่  ถึงนักพรตผู้นี้ไม่บอก  ท่านอื่นก็คงทราบอยู่ดีว่าข้าลงข้างไหน”   เวิ่นเต๋ากล่าวแล้วก็หลุบตาเป็นสัญญาณจบการสนทนา

ที่ลานประลอง  ซีคงหยูยืนกุมดาบปักพื้นรอคู่ท้าประลองปรากฏตัว   ไม่นานนัก  ก็ปรากฏแสงสีเหลืองอันแสดงถึงการเคลื่อนย้ายฉับพลัน  และแสดงให้เห็นหญิงสาวในกระโปรงกลีบบัวสีม่วง  นางคือหนึ่งในยอดฝีมือวังหมื่นบุปผา  เชี่ยวชาญวิชาพิษสารพัน

ซีคงหยูมองอีกฝ่ายด้วยตาจิตและเห็นออร่าของอีกฝ่ายยังคงเป็นสีแดงอมส้ม  บ่งบอกว่ายังมีพลังยุทธในระดับตะวันขึ้นสายขั้นปลาย  เขาจึงประสานมือคารวะทักทายด้วยความแปลกใจ

“แม่นางท่านนี้คือ...”

“ฮู้หลิน”

นางตอบแล้วก็กรีดมือ   เป่าผงสีชมพูไปข้างหน้า   ซีคงหยูรีบกลั้นหายใจแล้วสะกิดเท้าถอยไปข้างหลัง

“ฮิฮิฮิ”  นางหัวเราะเสียงติงตังดุจกระดิ่งเงิน  “นั่นแค่แป้งประทินผิวของข้า  ซีคงต้าเกอใยต้องแตกตื่น”

“ฮ่า ๆ  ข้าเกรงว่าแป้งของเจ้าจะผสมปรอทกะสารฟอกขาวซะมากกว่า  หน้าเจ้าเลยซีดเซียวขนาดนี้”

ซีคงหยูกล่าวแล้วก็ร่ายดาบเป็นหงสากางปีกผสมกับหงสาทะลวงใจสร้างลมพายุเป่าผงแป้งกลับไป

หญิงสาวกระโปรงดอกบัวฟังแล้วก็ขยี้เท้าอย่างขัดใจ  นางดึงแส้หางกระเบนอสูรที่รัดเอวอยู่ออกมา  แล้วสะบัดข้อมือฟาดส่งแรงฟาดเป็นระลอกคลื่นไปยังปลายแส้

ซีคงหยูไม่รู้วิธีใช้พลังปราณแบบอื่นเพื่อโจมตี   เขาจึงได้แต่ปัดป้องแส้หางกระเบนนั้นด้วยท่าดาบพื้นฐาน

บนยอดเขา  ผู้อาวุโสหลายคนมองดูแล้วขมวดคิ้วนิ่วหน้า   พวกเขาไม่นึกว่าเวิ่นเต๋อจะมิได้ถ่ายทอดวิชาเซียนดี ๆ ให้กับศิษย์คนล่าสุดเลย  และเมื่อเห็นเวิ่นเต๋อยืนอมยิ้มใจเย็นเหมือนไม่คาดว่าศิษย์ตนจะชนะ  ก็รู้สึกเย็นวาบถึงปลายเท้า  นี่มันหมูหลอกกินเสือชัด ๆ

ฮู้หลินร่ายเพลงแส้เร่าร้อนประดุจเปลวไฟและสะเก็ดดาว   มือหนึ่งก็ลอบปล่อยผงพิษไปตามกระแสลมของแส้  ซีคงหยูกระโดดหลบทางลมไปมา  มือก็ต้องตวัดดาบปัดป้องแส้

“ซีคงต้าเกอ  เมฆาเคลื่อนคล้อยคนแรกของจิ้งซาน  ที่แท้ก็ฝีมือเท่านี้”   นางยิ้มเยาะ  และเหวี่ยงแส้ฟาดด้วยท่าทีเบาแรง

“เพ้ย  ขอโทษด้วยที่ฝีมือข้าไม่ดีเท่าหน้าตา”   ซีคงหยูกัดฟัน   หลังมือเขาเริ่มแสบ ๆ คัน ๆ ยุกยิกเหมือนมดแดงไฟกัด  ดูเหมือนเขาจะสัมผัสผงพิษเข้าไปเล็กน้อย

“ฮิ ๆๆ   ซีคงต้าเกอช่างมั่นใจในตัวเองเหลือเกิน  ท่านี้ดูจะเหมาะกับท่าน  คันฉ่องส่องมาร!”

ปลายแส้กระเบนอสูรเต้นเร่าประดุจมีชีวิต  มันเสียดสีกับอากาศจนเกิดความร้อนจัด  สร้างพยับแดดลวงตาเหมือนกระจกบานใหญ่ที่พร่าพรายและสะท้อนแสงแสบตาไปหมด   

“พยัคฆ์ขึ้นภูเขา!”   ซีคงหยูตะโกนและเหวี่ยงดาบไปข้างหลัง  พาร่างลอยไปบนอากาศ  มือข้างหนึ่งปิดตาจากแสงสีทองเจิดจ้า  แต่ทว่ามีเสียงหัวเราะมาจากข้างหลังที่ทำให้เขาขนลุกชูชัน

“ฮิ ๆ  ท่านหนีข้าไม่พ้นหรอก  ควันพิษห้าบุปผา!”

เมื่อครู่นางใช้ปลายแส้ฉกกับพื้นแล้วดึงร่างตัวเองให้พุ่งใส่ซีคงหยูอย่างรวดเร็ว  เป็นจังหวะที่คุณชายสามลอยขึ้นไปในอากาศพอดี  นางจึงมาปรากฏข้างหลังเขา  ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว   ซีคงหยูทันได้เห็นแต่ควันสีม่วงที่พวยพุ่งเหมือนดอกไม้เบ่งบานจากพื้น

“ฮึ่ม  มังกรกลืนเมฆด้านกลับ!”   ซีคงหยุพลิกแพลงกระบวนดาบอีกตลบ  เงาดาบนับพันทิ่มลงมาจากท้องฟ้า  สยบบุปผาควันม่วงที่กำลังเบ่งบานสยายให้เป็นรูพรุนและถูกทำลายหายไปกับปราณดาบ  ถึงแม้ว่าซีคงหยูจะไม่รู้วิธีใช้ปราณในการต่อสู้ที่ถูกต้อง   แต่พลังปราณระดับเมฆาเคลื่อนคล้อยก็แอบแฝงมากับเพลงอาวุธและสามารถต่อต้านพิษและวิชาเซียนที่ระดับต่ำกว่าได้ไม่มากก็น้อย

 “นับว่ายังมีฝีมืออยู่บ้าง”  นางกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะ  จากนั้นดึงแส้กลับมา  ตวัดข้อมือม้วนพันเป็นวงกลมที่พื้นเหมือนสปริงแล้วดีดตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าพ้นเขตการโจมตีของมังกรกลืนเมฆ  ซีคงหยูกำลังจะร่วงลงพื้น  แต่เมื่อเห็นนางขึ้นมาสู้รบปรบมือกลางหาว   เขาก็ใช้หงสาทะลวงใจพุ่งเข้าใส่ดุจพายุลูกหนึ่ง

“ฮ่า ๆ  ท่านติดกับแล้ว  ควันพิษห้าบุปผา!”

นางปล่อยดอกไม้ควันสีม่วงขวางทางโจมตีของหงสาทะลวงใจ   ปลายแส้ก็ฉกพื้นและดึงร่างนางไปทิศทางอื่นพ้นวิถีดาบ

“ฟัค!@”

เขารีบโคจรปราณร่ายวิชาเซียนทะลวงอากาศ  ประกายดาบของเขาหมุนเป็นเกลียว  และซีคงหยูก็ปรากฎตัวที่ด้านหลังดอกไม้โดยไม่ได้รับอันตรายอะไร  เขาหันไปมองดอกไม้อย่างนึกได้

“ควันพิษห้าบุปผา  เจ้าคือคนที่วางยาน้องมู่!”

“ซีคงต้าเกอ  น้องมู่ของท่านคือซ่งมู่ประตูทรราชงั้นหรือ”  นางกล่าวพลางสะบัดแส้โจมตีเขาไปด้วย  ซ่งมู่ไม่ใช่ชนชั้นไร้ชื่อเสียงเรียงนาม  และนางยังเคยประจันหน้ากับเขา  จึงจำได้

“น้องมู่  ถ้าดวงวิญญาณของเจ้ายังคงอยู่  จงรับรู้ไว้ว่าพี่หยูคนนี้จะล้างแค้นแทนเจ้า!!  ย๊ากกกก!!”

ซ่งมู่ซึ่งยืนดูจอภาพอยู่  เอามือกุมหน้า

“พี่หยู  ข้ายังไม่ตาย..”

เสี่ยวหมีเอามือแปะ ๆ แต่แปะบ่าไม่ถึงเลยแปะได้แค่กลางหลัง

“ฮิ ๆๆ”  ฮู้หลินหัวเราะ  แล้วเป่าผงพิษไปเรื่อย ๆ   ซีคงหยูเริ่มคันมือ  และตัวชา  เหมือนกับพิษอัมพาตที่เขาเจอในเหมืองแรก

ควันพิษและผงพิษหลากสี  ลอยผสมปนเปกันในอากาศในลานประลอง  ซีคงหยูกระโดดถอยออกมา  พื้นที่การโจมตีของเขาถูกบีบให้แคบลงเรื่อย ๆ  เขาเกามือและแขนตัวเองไปมาจนห้อเลือด  พิษที่นางใช้ไม่อันตรายถึงชีวิต  แต่ลดทอนความสามารถในการต่อสู้ได้ชะงัดนัก

คุณชายสามกัดลิ้นตัวเองให้มีสติ  และพยายามมองผ่านม่านหมอกและผงควันว่าฮู้หลินซุ่มโจมตีอยู่ทางไหน   ริ้วควันไหวระดับไปมาตามลมอ่อน ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเริงร่าในลานประลอง  เสียดายที่วิชาเซียนของเวิ่นเต๋อแกร่งกล้าเกินไป  ลานประลองจึงมีลักษณะเป็นระบบปิด  ลมฝนและหิมะไม่ระคาย

“แม่นางฮู้  เจ้าเอาชนะข้าแบบนี้  จะไม่เสียเกียรติไปหน่อยหรือ”

ฮู้หลินฟังดังนั้นก็ตอบมาจากหมอกควัน  เสียงของนางสะท้อนไปทั่วโดยไม่มีทางรู้ได้ว่านางซ่อนตัวอยู่ตรงไหน

“ซีคงต้าเกอ  ท่านจะไร้เดียงสาไปหน่อยหรือไม่  พิษก็เป็นหนึ่งในเต๋าทั้งสามพัน  ท่านสิไม่รู้สึกเสียเกียรติหรืออย่างไรที่มีพลังพรตระดับเมฆาเคลื่อนคล้อย  แต่ทำอะไรผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างข้าไม่ได้”

ซีคงหยูฟังแล้วก็แค่นเสียง  “เจ้าน่ะหรือตัวเล็ก  รอบเอวเจ้าสามสิบสองเห็นจะได้”

“ฮิ ๆๆ  ท่านเคยได้ยินหรือไม่  ถ้าไม่รนหาที่ตาย  ท่านก็ไม่ตาย”   สุ้มเสียงนางมีแววอาฆาต 

ซีคงหยูหันดาบไปมาอย่างตระหนก  เมื่อรู้ตัวว่าละเมิดข้อถือสาของจอมยุทธหญิงเสียแล้ว

“เฮ้  แม่นางฮู้  ข้าขอโทษ  ข้าตาฝาดไป  จริง ๆ เอวเจ้าบางร่างเจ้าก็น้อย  เอวเจ้า 28 แต่สายตาไม่รักดีของข้ามันถั่วไป”

“เอวข้า 24”  ฮู้หลินแค่นเสียงบิดเบือนความจริงอย่างไร้ความละอาย

“24 ก็ 24  ทำไมต้องโมโห”  ซีคงหยูวาดดาบเป็นวงปล่อยปราณดาบออกไปใส่ควันรอบ ๆ  เขาพูดกับนางถ่วงเวลาเพื่อคิดวิธีแก้ไขสถานการณ์

ดูเหมือนว่าฮู้หลินก็จะเพลินที่เห็นเขาเดินวนไปมาเหมือนหนูติดจั่น  นางเหมือนแมวร้ายที่เฝ้ามองมุสิกในอุ้งมือวิ่งพล่านอย่างเวทนาจนหมดแรง  แล้วนางจะค่อย ๆ เขมือบกินทั้งเป็น ๆ

เมื่อซีคงหยูเห็นว่านางยังไม่โจมตี  เขาจึงสงบใจและเริ่มสังเกตหมอกควันพิษ  มันดูเหมือนเคลื่อนอย่างไม่มีระเบียบแบบแผนทว่าเมื่อมองดูดี ๆ แล้วมันมีลักษณะที่ตายตัวอย่างหนึ่ง  ซีคงหยูใช้ตาจิตระดับเมฆาเคลื่อนคล้อยซูมเข้าไปดูอณูหมอก  ในหมอกมีผงพิษละเอียดเล็ก  มันพุ่งไปมาทางนั้นและทางนี้  เขาสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่อณูแต่ละอณูชนกัน  มันจะเปลี่ยนทิศทางทั้งคู่และเคลื่อนไหวต่อไปตามทิศทางที่เปลี่ยนแปลง  หลักการที่ดูเรียบง่าย  การเคลื่อนที่ที่เรียบง่าย  แต่เมื่อพวกมันมารวมตัวกันอย่างมหาศาลก็ทำให้ดูเป็นความโกลาหล  ไร้ระเบียบ  เหมือนกับว่าพวกมันมีชีวิตและขยายตัวไปเรื่อย ๆ ตามใจปรารถนา ทว่าอันที่จริงแล้ว  มันอยู่ภายใต้แบบแผนง่าย ๆ เท่านั้นเอง

ในวินาทีนั้นเอง  วินาทีที่เข้าใจการเคลื่อนที่ของหมอก  ความกังวลใจที่ล็อกเขาเอาไว้ก็คลี่คลาย

“ไม่มีสิ่งใดที่เคลื่อนที่ด้วยตนเองได้”

เขาพึมพำเบา ๆ

“สิ่งหนึ่งที่เคลื่อนที่เพราะอีกสิ่งที่เคลื่อนที่อยู่ก่อนหน้า”

“ความปรารถนาของสรรพสิ่งที่จริงแล้วจึงไม่ใช่ความปรารถนา”

"เราเข้าใจว่ามันคือความปรารถนาที่เป็นอิสระ  เพราะเรามองเห็นความโกลาหล"

“แต่ทว่าความโกลาหลก็คือระเบียบแบบแผน”

“เข้าใจระเบียบแห่งจักรวาลจึงเข้าใจความปรารถนา..”

ซีคงหยูหลับตาลงไปครู่หนึ่ง   จากนั้นลืมตาขึ้นมา  ในดวงตาเขามีประกายแสงเต๋าพุ่งวาบก่อนจะจมหายไปลงในม่านตาสีดำที่เท็จเทียม

“ฮู้หลิน  จงยอมแพ้ซะ”

“เพ้ย  เจ้าพึมพำอะไร  เพี้ยนไปแล้วหรือไง”

ซีคงหยูไม่ตอบ  เมื่อเห็นนางไม่โจมตี  แต่ก็ไม่ถอยไป  จึงเข้าใจเจตนาว่านางรอให้พิษในร่างเขากำเริบมากกว่านี้จึงจะเข้าใกล้  แต่ในเมื่อเขาบรรลุวิชาหนีในน้ำ  หรือถ้าเรียกให้ถูก..

“ความปรารถนาย้อนกลับ!”

สุ้มเสียงดังกังวานของเขาประกาศนามวิชาเซียน  ดาบวาดวนอย่างเชื่องช้าเหมือนฟาดก้านกล้วยท่ามกลางลมพายุ

อณูของควันพิษทั้งหมดรอบตัวเหมือนกับถูกแช่แข็งค้างในอากาศ  แต่ก็เป็นแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น  จากนั้นมันจึงวิ่งย้อนทิศทางเดิม  กฎการเคลื่อนที่ของมันถูกพลิกกลับหัวกลับหาง  แทนที่มันจะชนกันแล้วกระจายออกไป  มันก็เข้ามารวมตัวกัน  พื้นที่ของควันและหมอกหดลงอย่างรวดเร็ว  แม้กระทั่งฮู้หลินก็ยังประหลาดใจไม่ทัน  และเมื่อนางเตรียมตวัดแส้โจมตี  ซีคงหยูก็เผยอปากและทำเสียงในคอเบา ๆ

“บึ้ม..”

บรึ๊ม!!!

อณูที่อัดแน่นจนถึงขีดสุดของควัน  ทนแรงกดดันต่อไปไม่ไหว  มันระเบิดกระจายไปรอบทิศรอบทาง  ฮู้หลินซึ่งไม่เคยพบวิชาเซียนแบบนี้มาก่อน  รับมือไม่ทัน  นางโดนแรงระเบิดจนกระเซอะกระเซิงเสื้อกระโปรงขาดเป็นริ้ว

“เจ้า!!”

ซีคงหยูหยิบกระบอกไผ่หยกเย็นจากข้างเอวออกมาเปิดจุก  แล้วสาดน้ำใส่นาง  น้ำถูกปราณทำให้กระจายเป็นไอละออง

“ความปรารถนาย้อนกลับ!”

บรึ้ม!!

ไอน้ำควบแน่นแล้วระเบิดเป็นดอกดวงรอบตัวฮู้หลิน  ร่างของนางเอนไปมา  และขาก็เซถอยไปห้าหกก้าว  ที่มุมปากมีเลือดไหลซึม   นางเบิ่งตาจ้องซีคงหยูเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด   นางไม่เคยเห็นวิชาเซียนแบบนี้มาก่อน

“แม่นางฮู้  ข้าให้โอกาสเจ้ายอมแพ้อีกครั้ง”

เขาพูดจบ  แต่ก็พลันสะดุ้ง  เพราะมีเสียงถ่ายทอดผ่านปราณเด้งขึ้นมาในหัว

“ศิษย์ไม่รักดี   เจ้ายังไม่รีบยอมแพ้อีก!”

“ท่านอาจารย์  ท่านจะให้ข้าล้มมวยเรอะ”    คุณชายสามกำหนดจิตให้เป็นเสียงในหัว

“เพ้ย  เขาไม่เรียกล้มมวย  เขาเรียกช่วยกันทำมาหากิน  ยอมแพ้เร็วเข้า  ข้าแทงข้างเจ้าแพ้ไว้ด้วยผลึกวิญญาณเซียนตั้งหลายเม็ด!”

“.....”

ซีคงหยูเหยียดร่างยืนตรงแล้วเหลือกตามองสวรรค์เบื้องบน



++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2017 01:57:50 โดย Kirimanjaro »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด