สวัสดีค่ะ มาช้ามากๆ ต้องขออภัยนะคะ ช่วงที่ตั้งใจจะอัพบอร์ดกลับมีปัญหาขึ้นมา เลยปล่อยไปและก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องอัพ โชคดีที่บอร์ดกลับมาใช้ได้แล้ว ขอบคุณแอดมินทุกท่านที่ช่วยดูแลพื้นที่ให้เราเสมอมานะคะ
ตอนนี้ตอนที่ 68 หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆ ก็ขออภัยด้วยนะคะ อีก 3 ตอนก็จะจบลงแล้วค่ะ เศร้าเหมือนกัน แต่งานเลี้ยงย่อมมีการเลิกราและเราตั้งใจจะลงตอนพิเศษให้หลังจากที่ลงจบค่ะ ขอบคุณมากจริงๆที่ยังติดตามกัน ทั้งที่เราเองก็ไม่ค่อยมีวินัยที่ดีในการอัพแต่ก็ยังไม่ทิ้งไปไหน ขอบคุณจากใจค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ ++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 68 Into the new chapter.
This is not a, this is not a swan, swan song
นี่ไม่ใช่ ไม่ใช่บทเพลงอำลา
This is not a, this is not a swan, swan song
นี่ไม่ใช่ ไม่ใช่บทเพลงอำลา
We just gotta, we just gotta hold on tonight
พวกเราแค่ต้องอดทนให้ผ่านพ้นไปในคำคืนนี้
This is not a, this is not a swan song, swan song, swan dive
นี่ไม่ใช่บทเพลงอำลา ไม่ใช่การด่ำดิ่งลงเหว
Yeah, it’s a new life
ใช่ นี่คือชีวิตบทใหม่
“ผมจะไม่กลับไป...”
คำตอบนั้นทำพิธานหูดับไปชั่วขณะ รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว พยายามจ้องมองพระพายด้วยสายตาที่เหมือนจะเบลอไปสักหน่อย เขามองพระพายเริ่มไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก
“พระพาย....”
พิธานเอ่ยชื่อนั้นออกมา อ้าปากจะพูดต่อก็ไม่ออก ใบหน้านั้นราวกับตั้งสติไม่ทัน ด้านพระพายนั้นปวดหนึบในอกที่เห็นพิธานดูจะตกใจและเหมือนสติหลุดไปกับพูดของเขา เขารู้ดีถึงความทรมานนี้และเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พิธานเป็นแบบนี้
“ผมยังไม่พร้อมในตอนนี้ ผมเลยไม่อยากกลับไป” พระพายบอกถึงเหตุผลที่ตัดสินใจไปแบบนั้น พิธานดูเหมือนจะประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งถึงจะเริ่มเข้าใจว่าหมายถึงอะไร
“ไม่พร้อม...แค่ตอนนี้ใช่ไหม” ถามออกไปอย่างไม่แน่ใจนักว่าที่เข้าใจนั้นถูกต้องหรือไม่
“ไม่รู้ว่าแค่ตอนนี้หรือตลอดไป ผมไม่รู้” พระพายก้มหน้าลง
“หมายความว่า...นายยังให้โอกาสฉันอีกสักครั้งใช่ไหม” พิธานถามย้ำถึงความเข้าใจของตัวเอง
“ไม่รู้ ผมคงให้คำตอบไม่ได้” พระพายยังคงตอบเช่นเดิม
“พระพาย...นายไม่ได้รักฉันแล้วเหรอ” พิธานถามออกมา
พระพายชะงักทันที ก็เพราะรักอยู่จึงเป็นเช่นนี้ หากไม่รักเขาจะไม่มานั่งฟังและเปิดโอกาสให้พิธานมานั่งอยู่ตรงนี้หรอก...แต่ก็ไม่คิดจะบอกให้พิธานรู้ เวลานี้ นาทีนี้พระพายยอมรับว่าใจอ่อนลงมากทั้งที่จะตั้งใจตัดทุกอย่างให้จบแต่เพราะอะไรบางอย่างที่พระพายไม่อยากลับไป เขาต้องการความเข้มแข็งมากกว่านี้
“รู้ไหมว่าที่คุณทำกับผม มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องไม่น่าเจ็บปวดสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมมันไม่ใช่”
“ผมเจ็บ ผมอ่อนแอกว่าที่ตัวเองคิดไว้ และนั่นทำให้ผมไม่แน่ใจว่าหากเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วผมจะก้าวเดินต่อไปได้หรือเปล่า”
“ถ้าถามหาโอกาส....ผมจะให้โอกาสคุณ ไปทบทวนสิ่งที่คุณขออีกครั้ง ว่าคุณอยากมีผมจริง ๆอย่างที่บอกรึเปล่า” ประโยคนี้ดั่งเป็นน้ำที่รดลงบนต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวให้ชุ่มชื้นขึ้น
“และผมขอโอกาสที่จะทบทวนตัวเองอีกทีเช่นกัน เพราะผมเริ่มไม่แน่ใจในอะไรหลายอย่าง ในระหว่างนี้ผมขอให้เราอย่าเจอกัน”
แต่แล้วก็น้ำที่รดลงมาก็หยุดชะงัก พิธานก้มหน้าลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น มันเป็นความหน่วงที่บรรยายไม่ถูก เหมือนจะได้รับโอกาสแต่ก็ถูกลิดรอนเอาความหวังที่คิดว่าจะมีออกไปเยอะจนเหลือน้อยนิดเช่นกัน
“ต้องห่างกัน...อีกนานแค่ไหน” พิธานถามถึงระยะเวลา
“จนกว่าเราทั้งคู่มีคำตอบ”
“ไม่มีระยะเวลาที่ชัดเจนเลยเหรอ” จะอีกกี่ปีกี่เดือนกันที่ต้องห่างกันเช่นนี้
“มันจะมีวันหนึ่งที่จะดึงคุณกับผมเข้าหากันเอง...ถ้าตอนนั้นเรายังเป็นของกันและกันจริง ๆ” ฟังดูกำกวมและไม่แน่ชัด อย่างไรพิธานก็ต้องยอมรับในจุดนี้แต่เรื่องไม่เจอหน้ากันนี่ยากเกินไป
“ถ้านายต้องการอย่างนั้นฉันก็จะยอม แต่อย่างน้อยให้ฉันได้เจอนายสักหน่อยไม่ได้เหรอ” พิธานว่า หากเขาจะต้องไม่เห็นหน้าพระพายอีกครั้ง คงจะทนไม่ไหวอีกแล้ว
“เรากลับไปสู่จุดเริ่มต้นมันน่าจะดีกว่านะ” พระพายว่า นี่คือสิ่งเดียวที่พระพายคิดว่าเหมาะสมที่สุด ต่างคนต่างกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน
“แบบนี้มัน....”
“ใช่ นี่คือการห่างกันสักพักอย่างที่คุณขอ”
มันคือคำขอของพิธานก่อนหน้านั้น นี่คือสิ่งที่พิธานขอเช่นกัน พระพายจึงให้ตามคำขอ รู้ดีว่าพิธานพยายามจะบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดมันออกมาแต่สำหรับพระพาย การที่พิธานพูดออกมาเช่นนั้นแปลว่าเขาเองก็คิดมันอยู่ไม่มากก็น้อย ถึงได้พูดมันออกมา
นี่จะเป็นการพิสูจน์ตัวเองของพิธานว่าต่อจากนี้ไปหากไม่มีเขาอยู่ข้างกายอีกแล้ว พิธานจะยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า หากไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างเช่นแรกคบพิธานยังอยากจะต้องการเขาอยู่อีกหรือไม่และตัวพระพายเองก็ต้องมาถามตัวเองใหม่เช่นกัน ว่าหากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับพิธาน เขาจะยังรักพิธานอยู่หรือเปล่า นี่คือการเดิมพันของทั้งสองคน
พิธานที่ได้ยินแบบนั้น ความเด็ดขาดและแน่วแน่ทำให้พิธานไม่กล้าที่จะขอร้องอะไรอีก ความหวังเหมือนจะริบหรี่แต่ใช่ว่าจะไม่มีเลยสักนิด ตอนนี้หากเปอร์เซ็นต์มีแค่หนึ่งมันก็ยังมีความหวังอยู่ดีสำหรับพิธาน มันคือสิ่งที่สมควรจะได้รับแล้วในตอนนี้
ต่างคนต่างเข้าใจในความต้องการของแต่ละฝ่าย พระพายต้องการถามตัวเองและพิธานเองก็ต้องถามตัวเองในสิ่งที่ร้องขอไปเช่นกัน แต่การที่จะไม่ได้เจอหน้าพระพายนี่เป็นสิ่งเดียวที่พิธานหนักใจ....เขาไม่อยากที่จะไม่เห็นพระพายอีก แต่สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจตามความต้องการของพระพาย
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่ให้นายเห็นหน้าฉันอีก ตามที่นายขอ จนกว่าจะถึงวันที่เราจัดการกับความรู้สึกได้” พิธานยอมรับและยอมจำนนกับข้อเสนอเหล่านั้น
“ขอบคุณ”
พระพายลุกขึ้น เซนิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้ พิธานรีบลุกเพราะกลัวพระพายจะล้มลงไป อยากจะเข้าไปจับแต่ก็ต้องชะงัก พระพายนั้นเหมือนจะถอยหลบแต่ลึก ๆ แล้วแค่ไม่อยากให้ใกล้ชิดกันกว่านี้เพราะกลัวใจตัวเองเหมือนกัน
“นี่มือถือนาย...ฉันชาร์จแบตเตอรี่ให้แล้ว” พิธานดึงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางแกงแล้วยื่นให้ พระพายรับมันไว้เพราะนี่คือสิ่งจำเป็นที่พระพายไม่ได้แตะมาหลายวันแล้ว
พิธานเดินตามพระพายออกไปยังวงเหล้า ทุกคนต่างนั่งกันตัวเกร็งเพราะก็แอบลุ้นว่าทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร พี่กล้วยเจ้าของบ้านใช้ความกล้าหาญแหวกทะลุปล้องถามด้วยความรวดเร็ว
“เป็นไง” ถามสั้น ๆ ได้ใจความ
“ผมจะกลับแล้ว โทษทีที่รบกวน” พิธานบอกเช่นนั้นก่อนจะหันไปมองพระพายที่นั่งลงแล้วยกแก้วดื่มด้วยความรวดเร็วโดยไม่คิดจะมองพิธานอีก
“ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าทำให้พี่เขาเป็นห่วง” พิธานพูดเท่านั้นก่อนที่จะเดินออกไปจากบ้าน เมื่อพิธานออกไปแล้วพระพายจึงวางแก้วลง
“น้องพาย....ไหวไหม” พี่อีกคนถามขึ้น พระพายก้มหน้าลง พยายามอดกลั้นตัวเองไว้หลังจากที่เจอพิธานและตอนนี้เจ้าตัวก็ทำตามที่เขาขอไว้แล้วคือการจะไม่เจอหน้ากันอีก
ต่อจากนี้ไปพระพายจะต้องกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ ทำงาน อยู่กับเพื่อนฝูงและถึงเวลาที่ต้องกลับห้องของตัวเองเนื่องจากตอนนี้เขาพักอยู่กับอัทธ์และเลขาปอตามที่เพลงขวัญขอ แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว กลับเข้าสู่วงจรชีวิตเมื่อก่อน ตอนก่อนที่จะเจอพิธาน
พิธานที่เดินออกมาจากบ้านของพี่กล้วย ย่างก้าวนั้นออกจะเชื่องช้าไปสักหน่อยจนมาถึงหน้ารั้วบ้าน หันหลังมองกลับเข้าไปอีกครั้งพลางถอนหายใจ นี่คือสิ่งที่เขาทำดีที่สุดแล้วอย่างนั้นหรือ
ไคที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อเห็นพิธานเดินออกมาด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ค่อยออก เหมือนจะเศร้าก็ไม่เหมือนจะดีใจก็ไม่ใช่อยู่ดี พิธานเดินขึ้นมาบนรถนั่งลงและปิดประตูก่อนที่จะพิงเบาะพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“โอเคไหม”
ไคถามทันที อย่างน้อยก็อยากรู้สถานการณ์ต่อไปนี้ว่าจะเป็นอย่างไร อีกทั้งต้องไปรับมือกับเก้า แฟนของเขาที่ขู่ฆ่าเขาทุกวันเนื่องด้วยตามหาตัวพระพายไม่เจอ เก้ายังคงโมโหในทุก ๆ เรื่องมาทุกวันและพาลเขาทำตัวลำบากไปด้วย
“เราต้องห่างกันสักพัก เขาอขแบบนั้น”
“อย่างนั้นเหรอ”
“ห้ามเจอหน้ากันจนกว่าจะแน่ใจว่าต้องการจะคบกันต่อไปจริง ๆ” พิธานบอกตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม
“ห้ามเจอหน้าเลยเหรอและอีกนานแค่ไหนกันล่ะ”
แค่ฟังก็สงสารพิธานแล้ว นี่คงจะยอมจนไม่รู้จะยอมยังไงแล้ว เป็นพิธานที่ทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อขอให้พระพายกลับมาจริง ๆ ถอดเขี้ยวเล็บออกแบบทันควันและไม่ลังเลเลยสักนิด
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“จะไหวเหรอ”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว”
“กลับไปตั้งหลักกันก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
ไคขับรถกลับไปยังคอนโด โดยที่พิธานไม่พูดอะไรเอาแต่เงียบและหลับตาลง ไม่รู้ว่าหลับไปหรือแค่พักสายตา ไคใช้เวลาในการขับไม่นานนักก็มาถึง วันนี้เก้าออกไปสังสรรค์กับคนในออฟฟิศทั้งสองจึงไม่ได้เจอกันในวันเสาร์อาทิตย์นี้ ไคจึงตั้งใจว่าจะอยู่กับพิธานในวันสองวันนี้เพื่อดูท่าทีว่าเพื่อนของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อมาถึงทั้งสองก็ขึ้นไปห้อง พิธานดูนิ่งไปและเหมือนจะคิดอะไรอยู่สักอย่างเพราะเหม่อลอยมาตลอดตั้งแต่ขึ้นลิฟต์จนเดินมาถึงห้อง
“จะทำอะไรต่อ” ไคถาม ทั้งสองต่างมาหยุดอยู่หน้าห้อง
“ไม่รู้เหมือนกัน คิดไม่ออก”
“ไม่ได้หมายถึงเรื่องพระพาย หมายถึงตอนนี้จะทำอะไร นอนหรือยังไง”
“ยังไม่อยากนอน”
“ถ้าอย่างนั้นกินเบียร์กันหน่อยไหม” พิธานหันมองหน้าไคก่อนที่จะพยักหน้านิด ๆ อย่างเห็นด้วย
“เดี๋ยวลงไปซื้อ สิบนาทีเดี๋ยวมา”
ไคลงไปยังร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ใกล้คอนโดแค่เดินก็ไปถึง พิธานจึงเดินเข้าไปในห้อง เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเพื่อให้สดชื่นกว่านี้สักหน่อยและนั่งรอไคกลับมาจากซื้อเบียร์
ไคไปนานกว่าสิบนาทีที่บอก เสียงออดดังขึ้นหลังจากผ่านไปสิบห้านาทีแล้ว พิธานเปิดประตูพบว่าไคหิ้วถุงมาเต็มสองมือเลยทีเดียว
“ช้าไปหน่อย โทษที”
“อะไรเยอะแยะ” พิธานว่าพลางดึงถุงมาช่วยหิ้ว
“เลือกไม่ถูก เลยหยิบมั่วเอา”
เบียร์ที่หยิบมาเยอะหลายกระป๋องพร้อมหลากยี่ห้ออีกทั้งขนมขบเคี้ยวหลายชนิด ไคนำเบียร์ส่วนหนึ่งไปแช่จากนั้นทั้งสองก็นั่งลงตรงโซฟานั่งเล่น เปิดภาพยนตร์จากช่องสตรีมต่างประเทศชื่อดัง เปิดเพื่อไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไป
พิธานดื่มเบียร์ด้วยความล่องลอย ไคเชื่อว่ายังคงตั้งสติในเรื่องของพระพายไม่ได้อย่างแน่นอน พิธานที่ดูอ่อนแอแบบนี้ ทำเอาวางตัวลำบากเหมือนกัน ถ้าท่าทีโหดร้ายเมินเฉยแบบแต่ก่อนนั้นยังจะรับมือง่ายเสียกว่าสำหรับไค
“ไหวใช่ไหมพิธาน” ไคเปิดประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง พิธานเงียบไป
“บอกไม่ถูก ไม่เคยตกอยู่ในสภาพนี้มาก่อน” ไม่ใช่แค่ตัวไคที่รับมือไม่ได้ ตัวพิธานเองก็เช่นกันที่ไม่อาจจะจัดการความรู้สึกของตัวเองที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ได้
“จะบังคับก็ไม่ได้” ไคว่าพลางดื่มเบียร์เข้าไปอึกใหญ่
“ถ้าทำได้ก็คงจะดี แต่ถ้าทำไปเขาก็จะหายไปอีก ครั้งนี้จะตามหายากกว่าเดิม”
“ยอมถึงขนาดนี้เลยนะ” ไคเหล่มองพิธาน
“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะยอมได้จนถึงขนาดนี้” พิธานเองยังไม่คาดคิดว่ามาวันนี้ วันที่เขาทุ่มเททุกอย่างให้กับความรักที่เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับเขา
“พอเห็นเป็นแบบนี้เพื่อนฉันก็ดูเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง” พิธานหันมอง
“สงสัยใช่ไหม ทำไมถึงพูดแบบนี้”
“เพราะที่ผ่านมาพิธานเหมือนยืนอยู่เหนือห่วงโซ่อาหารที่จะไม่มีทางพลาดท่าอะไรได้ง่าย ๆ ดูเหนือคนอื่นจนหลงคิดว่านายจะเป็นแค่ผู้ล่าเท่านั้น” พิธานที่ได้ยินจึงหัวเราะหึขึ้นมาทันที
“แต่พอมาวันนี้ ก็มีวันที่นายพลาดท่าตกหลุมที่เรียกว่าความรักเหมือนคนอื่นเขา เลยได้เห็นว่าพิธานก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง” ไคว่าพลางยกเบียร์ดื่ม
“อย่าเรียกว่าพลาดท่าเลย เรื่องพระพายคือความตั้งใจแต่แค่มาไกลกว่าที่คิดไว้มาก”
“แล้วนี่บอกความรู้สึกจริง ๆ กับเขาหรือยัง”
สิ่งหนึ่งที่พิธานไม่ได้บอกไปเลยคือความรู้สึกที่เขามีต่อพระพาย ตอนแรกก็ตั้งใจจะบอกก่อนจะหันหลังออกมา แต่ใจหนึ่งกลับคิดว่าหากบอกออกไปคงจะสร้างความลำบากใจให้พระพาย เพราะไม่อาจจะรู้ได้ว่าตอนนี้พระพายรู้สึกอย่างไรกันแน่ เหมือนจะอ่านออกแต่ก็ดูไม่ออกเสียทีเดียว แววตาว่างเปล่าที่เจือความสั่นไหวอยู่ นั่นจึงทำให้พิธานตัดสินใจจะไม่พูดออกไป
“ยัง...”
“ทำไมไม่บอกไปเลยล่ะ รออะไรอยู่” สีหน้าที่ไม่เข้าใจในตัวเพื่อนแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ต้องมีโอกาสที่เหมาะกว่าวันนี้”
“พิธาน....ดูเปลี่ยนไปมากเลยนะ” ไคที่พอจะเข้าใจถึงพิธานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ว่าเหมือนยังมีความหวังอยู่ ไม่ยอมแพ้และใจเย็นไม่หุนหันพลันแล่นอย่างที่คิดว่าจะต้องทำ
“คงเป็นเพราะพระพายไปจากฉัน เลยตาสว่างขึ้นเยอะ” ว่าพลางยกยิ้มมุมปาก เป็นการยิ้มเยาะเย้ยตัวเองที่มานึกได้เอาตอนนี้
“ยอมใจจริง ๆ...ความรักทำให้คนยอมกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ” ไคพูดพลางหยิบขนมอบกรอบเข้าปากเคี้ยวกรวบ ๆ
“หรือว่านายไม่เป็น”
พิธานถามขึ้น รู้สึกโล่งอกไปพอสมควรที่ได้มานั่งคุยเปิดอกกับไค อาจจะด้วยความตั้งใจของเขาถือว่าบรรลุผลไปได้ระดับหนึ่ง ตอนนี้จึงมีความผ่อนคลายลงไปสักหน่อย เขาเชื่อว่าวันพรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไปจะต้องมีความหวังมากกว่าวันนี้ การพูดคุยกับไคอย่างสบาย ๆ จึงเป็นเรื่องที่พิธานคิดว่าเหมาะสมที่สุดที่จะทำตอนนี้
“เป็นสิ” ไคตอบอย่างรวดเร็ว
“แต่ไม่ใช่ทั้งหมด” ไคหัวเราะทันทีที่ได้ยินพิธานพูดอย่างนั้น
“บางอย่างก็ไม่อยากให้รับรู้เยอะ กลัวจะวิ่งหนีไปเสียก่อน” บางครั้งหากเก้ารับรู้ความเป็นเขาเยอะก็กลัวจะหนักใจและเปลี่ยนใจไปเสียก่อน
“ยังไงก็เถอะ อย่าเป็นเหมือนฉันก็พอ แล้วจะมาเสียใจเอาทีหลัง” ได้ฟังคำเตือนจากเพื่อนสนิทไคก็มีฉุกคิดเหมือนกัน
“จะค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน” ไคว่า
“เรื่องของนายไม่ได้ทำความเข้าใจยาก แค่ต้องอธิบายให้กับคนขี้โวยวายแบบนั้นเข้าใจ นั่นคือปัญหา” ยิ่งฟังยิ่งอยากหัวเราะ พิธานดูจะเหม็นขี้หน้าเก้ามากจริง ๆ
“ถามหน่อย...ไม่ชอบเก้ามากขนาดนั้นเลยเหรอ”
ไคใช้โอกาสที่พิธานเปิดช่องว่างนี้ถามเรื่องของเก้าทันที เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะมานั่งถามอะไรแบบนี้กับพิธานได้ พิธานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบ
“ไม่ได้เกลียดหรอก แค่เป็นประเภทที่ไม่ชอบเท่าไหร่”
“ยังไงล่ะ”
“พูดเยอะไม่ว่า แต่ไม่ชอบความน่ารำคาญแบบนั้น หัวร้อนง่ายเกินไป ดูวุ่นวาย” แหละนั่นคือความเป็นเก้าอย่างสังเขปที่ไคหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ลืมไป นายชอบอะไรที่ดูเรียบ ๆ แต่ไม่ธรรมดา”
ไครู้ดีว่าทำไมตอนนั้นพิธานถึงเปิดใจให้พระพายโดยไม่ทันรู้ตัว เพราะพิธานแพ้ทางคนแบบนี้ คนที่เหมือนจะยอมแต่ไม่ยอม คงเพราะเป็นพวกซาดิสก์เลยชอบคนประเภทมาโซคิสม์ซึ่งเป็นพวกย้อนแยง ปากบอกว่าไม่แต่การกระทำสวนทาง บ้างก็บอกยอมแต่ท่าทีกับไม่ยอมอย่างที่บอก พิธานชอบนักกับคนแบบนี้ แต่อาจจะมีมากกว่าเรื่องนั้นคือพระพายเป็นคนน่ารักและมีมิติในตัวเอง
“เอาเถอะ พรุ่งนี้จะดีกว่าเดิม” ไคว่า ก่อนจะชนกระป๋องกับพิธานเป็นการให้กำลังใจ
“อืม ต้องดีกว่านี้” พิธานพูดก่อนจะยกดื่ม
ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร แต่เชื่อว่ามันจะดีขึ้นกว่านี้หากทั้งเขาและพระพายใช้เวลาในการไตร่ตรองถามตัวเอง พิธานเชื่อมั่นว่าเขายังคงมีความหวังอย่างแน่นอน แต่คงต้องใช้เวลาในการตัดสินเท่านั้น การเจอกันและการตกลงกันครั้งนี้ ไม่ใช่การจากลาเพื่อเป็นจุดจบ นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เขาจะเจอกับพระพาย พิธานเชื่ออย่างนั้น การกลับมาเจอกันอีกครั้ง มันจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้คงต้องให้เวลาทำงาน ให้ทุกอย่างหมุนผ่านไปจนกว่าวันนั้นจะมาถึง....
Lyric: Swan Song by Dua Lipa.