#Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-  (อ่าน 223677 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษคนอ่านก่อนเลยนะคะ  :call: ตกใจที่เพิ่งเห็นว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ไม่ได้อัพ เพราะเรางานยุ่งมากและป่วยกระเสาะกระแสะ บวกกับคำสารภาพที่ต้องบอก...ติดซีรีย์ปรมาจารย์ลัทธิมารค่ะ  :ling2: จนเพจแจ้งว่าไม่มีข่าวสารอัพเดทนั่นแหละค่ะ ถึงนึกได้ว้า เฮ้ย...ไม่ได้อัพนิยาย เลยรีบมาอัพด้วยความรวดเร็วนี่แหละค่ะ กราบขอโทษคนอ่านจริงๆนะคะ  :hao5:

ตอนนี้เป็นตอนที่ 66 ค่ะ อีกห้าตอนจบก็แล้วนะคะ ซึ่งเราก็เขียนไว้แล้ว เหลือแค่ตรวจทานเท่านั้น จะมาลงให้เร็วที่สุดนะคะ และถ้าเราหายไปนานแบบครั้งนี้อีก ทักมาทวงทางเพจได้นะคะ บางครั้งวุ่นวายหลายเรื่องจนลืมไปบ้าง ขอโทษเป็นครั้งที่สามและขอบคุณที่ยังรออ่านกันนะคะ ตอนนี้หากมีข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ตรงนี้ค่ะ ช่วงนี้สภาพอากาศแปรปรวนมาก อย่าลืมรักษาสุขภาพนะคะ เพราะเรานี่ติดเชื้อไวรัสในลำคอเลยล่ะค่ะ เพราะปรับสภาพไม่ทันบวกกับร่างกายล้า ยังไงก็ระมัดระวังกันด้วยนะคะ รักเสมอค่ะ  :mew1: เจอกันตอนหน้านะคะ  :bye2:

+++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 66 Don’t leave me.

Now please don’t go
ขอร้องเถอะ อย่าไปจากฉันเลย

Most nights I hardly sleep when I’m alone
ฉันแทบจะนอนหลับไม่ได้สักคืนเวลาอยู่คนเดียว

Now please don’t go, oh no
ขอร้องเถอะ อย่าไปจากฉันเลย

I think of you whenever I’m alone
ฉันคิดถึงแต่เธอทุกๆครั้งที่ฉันต้องอยู่คนเดียว

So please don’t go
เช่นนั้น โปรดอย่าไปจากฉันเลย


“เสียใจขนาดนั้นเลยเหรอ” เพลงขวัญถาม หลังจากที่ยืนอยู่กับพิธานมาพักหนึ่งและมองเห็นถึงความอ่อนแอของพิธานที่ชัดเจนมากในตอนนี้

“ไม่อยากเสียเขาไป” พิธานพูดเสียงเบาเป็นคำตอบ

“ก็หาพระพายให้เจอแล้วบอกเขา” เพลงขวัญตบหลังพิธานพลางพูด

“บอกว่าอะไร บอกว่าขอโทษที่พูดโง่ ๆ ออกไปเหรอ”

“บอกทุกอย่างที่คิดนั่นแหละ และรู้ใช่ไหม ถ้าทำผิดสิ่งแรกที่จะต้องพูดคืออะไร”

“รู้..แต่กลัวเขาจะ....ไม่อยากฟัง” ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกทรมาน หากถึงตอนนั้นที่พระพายอาจจะไม่รับฟังเขา

“อย่าเพิ่งคิดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นสิ”

            เพลงขวัญไม่อาจรู้ได้ว่าพระพายรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ อาจจะยังอยากคบกับพิธานต่อหรืออยากจบลงทุกอย่าง ถึงเรื่องนี้เธอได้โทรคุยกับพระพายในช่วงที่บอกให้มาขนเสื้อผ้าออกไป ว่าทุกอย่างสุดแล้วแต่เจ้าตัว ใจจริงก็อยากให้จบเร็วที่สุดเหมือนกัน แต่พระพายเหมือนขอเวลาสักหน่อย ซึ่งไม่อาจจะรู้ได้ว่าที่ขอเวลานั้นทำไปเพื่ออะไร รู้แค่ว่าเธอต้องประวิงเวลาให้พิธานไม่เจอพระพายก่อนเพราะฝั่งนั้นยังไม่พร้อม นอกจากพิธานจะหาพระพายเจอก่อนด้วยตัวเองเท่านั้น และหากทั้งสองได้เจอหน้ากันแล้วก็อยากให้พิธานได้ลองทำในสิ่งที่ต้องทำคือการขอโทษและพูดถึงความรู้สึกจากใจจริงทั้งหมดให้ฟัง จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่าไม่ได้พยายามให้เต็มที่ในขณะที่มีโอกาส 

“นี่พระพายเริ่มทำงานวันไหน” เพลงขวัญถาม

“น่าจะสอง..ใช่ วันที่สอง” พิธานตอบทันที

“ก็วันนี้ไม่ใช่เหรอ” เพลงขวัญว่า

“ที่ออฟฟิศ” ราวกับเห็นแสงสว่างส่องเข้ามาในความมืดมิด

“ก็ไปสิ แต่ก่อนอื่นไปส่งพี่ก่อน แล้วค่อยไปที่นั่น”

“ค่อยไปส่งได้ไหม อยากไปตอนนี้เลย” เหมือนมีแรงฮึดขึ้นมาเมื่อเห็นถึงโอกาสที่จะเจอพระพายอีกครั้ง

“ก็ได้” เพลงขวัญยอมตามใจ

        พิธานจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปจากห้อง ขับรถไปยังออฟฟิศของพระพายที่เขาเคยมารับหลังเลิกงานหลายครั้งแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้หลาย ๆ สถานที่เริ่มกลับมาเปิดตามปกติ ไม่ว่าจะร้านรวงหรือสำนักงานต่าง ๆ พิธานขับรถมาด้วยความรวดเร็วเท่าที่ท้องถนนจะเอื้ออำนวย ขับรถไปด้วยความรู้สึกสองอย่าง หนึ่งคือการหอบความหวังที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อจะไปหาพระพายและสองหัวใจที่ปวดหนึบเหมือนโดนบีบจนแหลกหลังจากที่อ่านข้อความในกระดาษนั้นหมาด ๆ แต่ตอนนี้พิธานเลือกที่จะเอาความหวังทั้งหมดลองเสี่ยงอีกครั้ง ถ้าหากเขาเห็นหน้าพระพายในครั้งนี้ เขาจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป

        ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเย็นซึ่งใกล้เวลาเลิกงานของพระพายแล้ว พิธานมาจอดรอด้วยความระทึกใจ เขากับพระพายเพิ่งจะทะเลาะกันได้แค่วันสองวัน แต่เหมือนเรื่องมันยาวมานานมาเป็นสัปดาห์ก็ไม่ผิดนัก พิธานเคาะนิ้วรัว ๆ บนพวงมาลัยรถยนต์อย่างคนเฝ้ารอ จ้องมองไปยังประตูทางเข้าออกของออฟฟิศที่พระพายทำงานอย่างใจจดใจจ่อ รอพระพายด้วยความรู้สึกหน่วงไปหมด ตอนนี้เหมือนกำลังจะดีใจที่จะได้เห็นหน้าพระพายและเสียใจพร้อมกันหากเมื่อเห็นใบหน้าของพระพายที่ขอจากลาเขาไป ถ้าหากเจอหน้าเข้าเขาจะต้องทำอย่างไรดี

        ในที่สุดก็ถึงเวลาห้าโมง พนักงานหลายคนพากันเดินออกมาจากออฟฟิศอย่างรู้เวลา พิธานรีบลงจากรถไปยืนรอทันที จนในที่สุดก็เห็นกลุ่มคนที่พิธานคุ้นหน้า คือรุ่นพี่ในออฟฟิศของพระพาย พิธานรีบเดินเข้าไปหาทันที

“อ้าว พิธาน” พี่ปีเอ่ยเรียก

“แฟนน้องพายของเรานี่หว่า” คนอื่น ๆ ต่างทักทายที่ได้เห็นพิธานมายืนอยู่ตรงนี้

“เอ่อ...พระพายล่ะ” พิธานถาม

“มันไม่มา มันขอลาเพิ่ม ไม่รู้ไปไหนของมัน” พี่กล้วยบอกพลางทำหน้าเซ็ง

“จริงเหรอ” พิธานหันไปถามพี่ปีซึ่งรายนี้น่าเชื่อถือว่าพี่กล้วยมากกว่าเป็นไหน ๆ

“ไม่มาจริง ๆ” พี่ปียืนยัน

“อ้าว ไม่เชื่อกูเหรอ” พี่กล้วยไม่พอใจทันทีที่พิธานทำท่าทีเหมือนเขาไม่ใช่คนน่าเชื่อถือ

“ถ้าพระพายมาเมื่อไหร่ ติดต่อผมได้ไหม” พิธานว่าพลางหยิบนามบัตรจากกระเป๋าสตางค์ พี่ปีรับไว้พลางพยักหน้า

“ได้สิ” พิธานพยักหน้าอย่างใจชื้น ที่พี่ปียอมช่วยเหลือ

“ทำไมมาถามหาพายแบบนี้ล่ะ ทะเลาะกันเหรอ” รุ่นพี่อีกคนถามอย่างสงสัย

“เรื่องของเขา กลับกันเถอะ” พี่ปีตัดบท พิธานจึงยอมกลับขึ้นรถไปพร้อมหัวใจที่ห่อเหี่ยว พระพายไปอยู่ที่ไหนกันแน่

        เดินกลับรถอย่างหมดเรี่ยวแรง นั่งหลังพิงเบาพลางถอนหายใจออกมา เพลงขวัญเหลือบมองด้วยสายตานิ่ง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“อย่าบอกนะว่าไม่มาทำงาน” เพลงขวัญถาม

“อืม” ตอบสั้น ๆ ได้ใจความ

“ไปตั้งหลักก่อนไหม” เพลงขวัญว่า

“เดี๋ยวไปส่งพี่ก่อน” พิธานบอกเช่นนั้น ก่อนที่จะออกรถไปส่งเพลงขวัญที่ร้านอาหาร

        การขับรถของพิธานเลื่อนลอยพอสมควร หลายครั้งที่เบรกกะทันหันเพราะเหมือนสมาธิไม่ค่อยจะมี จนเพลงขวัญเริ่มเป็นห่วงมากขึ้น

“ไหวรึเปล่า” เพลงขวัญถาม เมื่อรถยนต์จอดลงตรงหน้าร้านอาหารของเพลงขวัญ

“ไหว” พิธานยืนยันอย่างนั้น

“ถ้าขืนใจลอยแบบนี้ต่อไป เกิดขับรถชนแล้วเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็ เรื่องของพระพายคือหมดหวังเลยนะ” เพลงขวัญเตือนสติ

“รู้ จะตั้งใจขับมากกว่านี้” พิธานพูดด้วยท่าทีเหนื่อย ๆ

“จะไปทำงานเมื่อไหร่”

“คงจะพรุ่งนี้ ปอส่งข้อความมาบอกแล้ว” เพลงขวัญพยักหน้า

“ตั้งใจทำงานล่ะ ถ้าพี่มีข้อมูลเรื่องพระพายจะโทรบอกให้เร็วที่สุด” เพลงขวัญตบไหล่พิธาน ที่พยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น

        เพลงขวัญลงจากรถเดินเข้าไปในร้าน ไม่วายก็ยังหันไปมองพิธานที่ตอนนี้นั่งนิ่งๆอยู่หลังพวงมาลัย สีหน้าเศร้าแสนเศร้าอย่างที่เพลงขวัญได้เห็นเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกคือตอนที่ออกจากบ้านเพราะทะเลาะกับธนิต ตอนนี้เธอดูเป็นพี่สาวใจร้ายไม่น้อยที่ทำเช่นนี้ การช่วยเหลือในวันนี้เป็นการช่วยเหลือไร้ซึ่งประโยชน์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เพราะอย่างไรพิธานก็จะไม่เจอพระพายโดยการช่วยเหลือของเพลงขวัญอยู่แล้ว

“อีกนิดนะพิธาน”

             เพลงขวัญพูดกับตัวเอง ส่งผ่านไปให้พิธานที่ไม่มีทางจะได้ยิน ถึงจะสงสารน้องชายแต่เธอก็เอ็นดูพระพายไม่น้อยไปกว่ากัน ออกจะเอนเอียงไปทางพระพายมากกว่าด้วยซ้ำไปจึงกลายเป็นเช่นนี้

        พิธานเอนหลังพิงเบาะอย่างรู้สึกท้อใจ เขาเหมือนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรอีกต่อไปแล้ว การทำงานในวันพรุ่งนี้ก็ไม่อาจจะรู้ว่าจะมีสมาธิมากพอหรือไม่ แต่เขาจะไม่ล้มเลิกเรื่องของพระพาย ต่อให้ต้องใช้วิธีไหนเขาก็จะต้องทำ เขาจะต้องแก้ไขในสิ่งที่ทำลงไปแม้ว่าจะสายไปแล้วก็ตาม

.....

        ผ่านมากว่าสามสัปดาห์แล้วที่พิธานทำงานด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยปกตินัก เขายังคงตามหาพระพายและคว้าน้ำเหลวโดยตลอด ห้องเก่าของพระพายที่พิธานจำได้ว่าไม่ได้ยกเลิกการเช่า ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพายรักมากที่สุดก็ไม่เจอ ภายในห้องมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าสิ่งมีชีวิตอยู่ในห้องนี้

        ที่น่าแปลกใจสำหรับพิธาน คือที่ทำงานของพระพายนั้นจะทำอย่างไรก็ไม่เจอสักที พี่ปีบอกเขาว่าพระพายกลับมาทำงานหลังจากลาหยุดเพิ่มสองวัน แต่พิธานก็ไม่เคยจะเจอได้สักครั้ง พระพายหายออกไปจากออฟฟิศราวกับล่องหนหรืออันตรธานไปทุกวันที่เขาไปหาตอนเลิกงาน ไม่ว่าจะไปรอก่อนเวลาหรือรอจนเลยเวลาก็ไม่เคยเจอสักที จนตอนนี้รุ่นพี่ในออฟฟิศต่างรู้กันดีแล้วว่าพระพายหลบหน้าเขา พี่กล้วยที่ขากวนกว่าใครยังได้แต่ถอนหายใจทุกครั้งที่เจอเขาไปยืนรอตรงนั้น ที่เดิมที่ยืนรออยู่ทุกวัน

“พิธาน....ไม่เหนื่อยเหรอ” พี่กล้วยถามขึ้น วันนี้เป็นวันเสาร์วันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์นี้และเป็นอีกวันที่พิธานมายืนรออยู่ตรงนี้เหมือนอย่างวันก่อน ๆ

“เขาเป็นยังไงบ้าง” และทุกครั้งที่พิธานจะถามถึงพระพายจากพี่ปีแล้วพี่กล้วย สองคนนี้มักจะบอกเรื่องพระพายให้กับเขาเสมอ

“มันก็มีความสุขดี ไม่ได้เหมือนใครบางคนที่หน้าหงอยอยู่แบบนี้” พี่กล้วยว่า

“เขากินข้าวปกติไหม” พิธานเอ่ยถาม

“อ๋อ....แต่ช่วงมันกินน้อยกว่าเมื่อก่อนนะ เมื่อก่อนมันกินได้เยอะกว่านี้ จะว่าไปก็ซูบลง จากปกติมีเนื้อมีหนังมากกว่านี้” เมื่อได้ยินเช่นนั้นพิธานถึงกับใจแฟบ...พระพายไม่ได้ปกติอย่างที่คิดเอาไว้

“อย่าคิดมากสิ เอาเป็นว่าพระพายไม่ได้ดูทุกข์ใจมากขนาดนั้น”

             พี่ปีสำทับให้ เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูจะกังวลของพิธาน พิธานที่ตั้งแต่มีปัญหากับพระพาย ดูเหมือนจะหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด จากปกติจะดูเปล่งประกายโดดเด่นแม้ว่าหน้าจะนิ่งเฉยก็ตาม แต่ตอนนี้ร่างกายนั้นก็ดูซูบลงถนัดตา เจ้าตัวคงจะไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะดูแลตัวเองเท่าไหร่นัก

“ช่วยบอกเขาได้ไหม ว่าผมอยากเจอเขา”

“คิดว่าพวกเราไม่พูดรึไง พูดจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว มันก็เฉยเหมือนไม่ได้ยินพวกเราซะแบบนั้น” พี่กล้วยตอบทันควัน พิธานหรุบตามองที่พื้นครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสายตาไปมองพี่ปี

“ขอบคุณ...ถ้ามีอะไรก็โทรบอกผมได้ตลอดเลย” พิธานพูดเช่นนี้ทุกครั้งที่มาเจอรุ่นพี่ในออฟฟิศของพระพาย

“ได้สิ”  พี่ปีว่า

        พิธานกลับขึ้นมาบนรถ นั่งถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทุกวันนี้เขาทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อชดเชยเวลาที่ออกไปรอพระพายที่ออฟฟิศในทุก ๆ วัน เลขาปอตำหนิอยู่หลายครั้งเพราะเขาฝืนตัวเองและเคร่งเครียดจนร่างกายเริ่มจะรับไม่ไหว ร่างกายก็เหนื่อยล้าไม่ต่างกับจิตใจ ระยะเวลาสามสัปดาห์ช่างยาวนานและทรมานเขาเหลือเกิน ถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว พิธานจะกลับไปที่คอนโดเสมอ ไปนั่งนิ่งๆและหาทางคิดวิธีที่จะเจอพระพาย

             พิธานเอาแต่ขบคิดว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้เจอกันอีกครั้ง โดนหลบหน้าแบบนี้ราวกับโอกาสของเอาเองก็หลบหายไปเช่นกัน พิธานนั่งคิดวนอยู่ในรถ จากนั้นจึงติดเครื่องยนต์เพื่อจะขับรถออกจากออฟฟิศไปได้สักพัก จู่ๆก็มีคนโทรเข้ามา เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักเสียด้วย

“สวัสดี พิธานพูด” พิธานรับสายเมื่อรถติดไฟแดง แม้ไม่อยากสนใจเท่าไหร่ว่าเป็นใครแต่ก็ต้องรับสายเพราะอาจจะเกี่ยวกับงานของเขาเองก็ได้

“สวัสดีพิธาน”

“ใคร” พิธานอีกครั้ง

“จำไม่ได้รึไง กล้วยไงกล้วย” พิธานผละหน้าออกมาจากโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะแนบมันที่หูอีกครั้ง

“กล้วย..”

“พี่กล้วยของไอ้น้องพายไง”

“พี่กล้วย” พิธานออกจะแปลกใจเพราะเสียงในโทรศัพท์มือถือค่อนข้างจะต่างกับตัวจริง และเสียงพูดก็เบาหวิวเสียขนาดนั้น อีกทั้งคนที่เขาให้เบอร์คือพี่ปีคนเดียวเท่านั้น

“เออ นี่อยู่ไหน” พิธานคิดได้ว่าพี่กล้วยคงจะเอาเบอร์มาจากพี่ปีอย่างแน่นอน

“ขับรถอยู่”

“นี่ ฟังนะ คืนนี้ที่บ้านมีปาร์ตี้ปิ้งย่าง และน้องพายก็มาด้วย” พี่กล้วยบอกด้วยเสียงกระซิบ

“จริงเหรอ” ดั่งเสียงสวรรค์ก็ไม่ผิดนัก พิธานเบิกตาอย่างดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น

“เออ สามทุ่ม แต่มาสักสี่ห้าทุ่มก็ได้ เพราะมันจะค้างที่บ้าน”

“ทำไมต้องรอถึงตอนนั้น”

“รอให้มันเมาก่อนสิวะ ขืนมาเจอกันแบบปกติ คิดเหรอว่าจะได้คุยกัน”

“นั่นสิ” ดูมีเหตุผลจนน่าตกใจว่าพี่กล้วยคิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง

“ว่าแต่...ทำไมถึงยอมบอก”

“ช่างหัวเรื่องนั้นเถอะ คืนดีกันเร็ว ๆ ก็ดีกับทางนี้ด้วย เอ่อ..หมายถึงกับทุกคนอะนะ” พี่กล้วยว่า พิธานพยักหน้ากับตัวเอง ฟังดูแล้วรู้สึกแปลก ๆ แต่นี่คือการช่วยเหลือแน่นอนว่าเขายินดีที่จะรับมัน

“ได้ เดี๋ยวผมไป”

“เออ เจอกัน” พี่กล้วยวางสายไปแล้ว

        ความลิงโลดที่ไม่ได้รู้สึกมาพักใหญ่แล้วกำลังเกิดขึ้น พิธานแทบอยากจะไปดักรอที่บ้านของพี่กล้วยตั้งแต่ตอนนี้เสียด้วยซ้ำ แต่อาจจะถูกพระพายจับได้เสียก่อน เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วพิธานจึงขับรถกลับคอนโดด้วยความรวดเร็ว กลับไปอาบน้ำแต่งตัว รอเวลาที่จะได้ไปเจอพระพายอีกครั้ง

        มาถึงคอนโดก็พบว่าไคยืนรออยู่หน้าห้องของเขา ไคที่เจอหน้าพิธานก็ยิ้มให้ ในช่วงที่พิธานตามหาตัวพระพายมาตลอดนั้น ไคเองก็ช่วยด้วยเช่นกันและแน่นอนว่าหาไม่เจอสักที ทั้งที่ไคออกจะมือโปรคนหนึ่งในเรื่องการตามหาคนและแฟนของไคอย่างเก้าเองก็ยืนยันว่าไม่รู้ว่าพระพายอยู่ไหนและหัวเสียทุกครั้งที่เอ่ยถามถึงเรื่องพวกนี้ กลายเป็นว่าทั้งพิธานและไคเองก็มีวันที่จะพลาดได้เช่นกัน

“เป็นไงบ้าง” พิธานเปิดประตูห้องและให้ไคเข้ามาด้วย

“สีหน้าแบบนี้ มีข่าวดีใช่ไหม” ไคถาม เพราะหลายวันมานี้พิธานดูหม่นหมองจนไม่น่าดู แต่ตอนนี้เหมือนเจ้าตัวกำลังดีใจอยู่

“กำลังจะได้เจอพระพายแล้ว” พิธานบอกด้วยรอยยิ้มนิดๆอย่างมีความหวัง

“จริงเหรอ” ไคเองก็ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น

“ใช่ คืนนี้ พระพายไปกินปิ้งย่างบ้านของรุ่นพี่ในออฟฟิศ”

“รู้ได้ยังไง” ไคเองก็ดีใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น

“รุ่นพี่เจ้าของบ้านเป็นคนบอก” พิธานไม่อาจจะปิดความดีใจนี้ไว้ได้จริงๆ

“จะไปกี่โมง”

“ว่าจะไปสองสามทุ่มประมาณนั้น”

“อยากให้ไปเป็นเพื่อนไหม” ไคถาม

“ไม่เป็นไร” พิธานส่ายหน้า

“แต่ฉันอยากไปด้วย จะรออยู่บนรถ” ไคว่า

             เพราะนึกเป็นห่วงหากการไปเจอครั้งนี้มันไม่เป็นอย่างที่พิธานคิดไว้ เขารู้ดีว่าพระพายตั้งใจจะหลบหนีอย่างเห็นได้ชัด การที่เป็นเช่นนั้นแปลว่าตัวพระพายเองคงจะไม่อยากเจอจริงๆ และหากโดนปฏิเสธขึ้นมา ถึงตอนนั้นไม่อยากนึกสภาพของเพื่อนตัวเองว่าจะเป็นอย่างไร

“ได้สิ”

“เดี๋ยวใกล้ถึงเวลาแล้วจะมาเรียก อย่าเพิ่งกังวลอะไร ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” ไคว่าพลางตบไหล่ พิธานพยักหน้าให้ ไคเป็นเพื่อนที่เข้าใจเขาเสมอ

        พิธานมองนาฬิกาที่ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงกว่าเท่านั้น พิธานเอนตัวลงบนโซฟาพลางนึกถึงพระพาย ตั้งแต่พระพายออกไปจากห้องนี้ พิธานนั้นไม่อาจจะหลับสนิทได้อีกเลย หลายต่อหลายครั้งที่เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาและพบว่าพื้นที่ข้างๆของเขาว่างเปล่า และกว่าจะหลับอีกครั้งก็ใช้เวลาอยู่นานพอควร คงเพราะสาเหตุนี้ทำให้เขาดูหน้าหม่นหมองและไม่กระปรี้กระเปร่าเอาเสียเลย

        เพราะความดีใจและความหวังที่จู่ๆก็มาอย่างไม่ทันคาดคิด เหมือนความรู้สึกหนักที่ทับร่างกายเริ่มจางหายไปเล็กน้อย พิธานหลับตาลงและคิดกับตัวเองว่าหากเจอหน้าพระพายแล้วเขาจะต้องทำอย่างไร ต้องพูดแบบไหน จะยิ้มให้หรือทำอะไรดี คิดวนไปวนมาอย่างนั้นจนในที่สุดก็เผลอหลับไป คงเพราะดีใจจนรู้สึกความตึงเครียดลดหายไปทำให้พิธานหลับลงอย่างที่ไม่ได้เป็นมาสามสัปดาห์แล้ว

        เวลาผ่านไปพอสมควร เสียงกดออดดังรัวๆปลุกให้พิธานตื่น ตกใจไม่น้อยที่ตื่นแบบกะทันหันและเหมือนกำลังสับสนว่าตอนนี้มันเวลาไหนกันแล้ว

“กี่โมงแล้ว” เมื่อตั้งสติได้จึงพลิกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือขึ้นมา พบว่าเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว รวมถึงเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังอยู่ อาจจะเป็นไคที่กำลังโทรตาม รวมถึงเสียงกดออดยังคงดังอยู่แน่นอน

“โทษที เผลอหลับ” พิธานลุกขึ้นไปเปิดประตูพร้อมเอ่ยปากบอกไคที่ยืนรออยู่

“ก็ว่าทำไมไม่ยอมออกมา นี่สามทุ่มแล้ว”

“จะรีบไปอาบน้ำ” พิธานว่าและวิ่งไปอาบน้ำด้วยความรวดเร็วโดยไคนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น

        ใช้เวลาอย่างรวดเร็วอย่างที่บอกไว้จริง ๆ แต่งตัวออกมาและรีบขึ้นรถไปโดยที่ไคขอเป็นคนขับ ประมาณการว่าน่าจะถึงที่บ้านของพี่กล้วยราวๆสี่ทุ่มอย่างที่พี่กล้วยอยากให้ไป ระหว่างทางที่ไคขับรถนั้นพิธานเอาแต่นั่งหน้าตึงคงกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

        ในที่สุดก็มาถึงหน้าบ้านของพี่กล้วย ตอนนี้พิธานเริ่มประหม่าขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ว่าไม่ได้ออกท่าทางมากมายนักแต่ไครู้ได้จากสีหน้าที่ดูไม่มั่นใจนั้น

“เข้าไปเถอะ ทำให้เต็มที่ บอกสิ่งที่อยากบอก” ไคพูดให้กำลังใจ พิธานมองหน้าไคด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้

“ฉันอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนและนายต้องทำได้”

             ไคพูดเสริมอีกครั้ง พิธานพยักหน้ารับนิดๆก่อนที่จะโทรหาพี่กล้วย แน่นอนว่าทางนั้นตัดสายทิ้งอย่างรวดเร็วและเพียงอึดใจเดียวก็ออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านให้ แล้วหายเข้าไปในบ้าน คงไม่อยากให้คนอื่นสงสัย

              พิธานเดินลงจากรถและเดินเข้าไปในบ้านอย่างเงียบเชียบ ใจนั้นรู้สึกเต้นแรงจนอกแทบจะระเบิด เขากำลังจะได้เจอพระพายแล้ว คนที่เขาเฝ้ารอมาตลอดในหลายวันนี้ ในที่สุดก็จะได้เจอสักที...

Lyrics: Please don’t go by Joel Adams.

   





      





ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เจอกันซะที

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
พระพายไม่น่าจะใจอ่อนง่ายๆนะ

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เจอกันแล้วก็พูดกันให้เข้าใจนะ  :hao4: ไม่ใช่อะไรหรอกเริ่มสงสารแล้วล่ะถ้าสำนึกแล้วก็ควรให้โอกาสล่ะนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
พิธาน โอกาสมาแล้วก็รีบเคลียร์กันให้เข้าใจ

คนอ่านมันหน่วง :hao5:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ในที่สุดก็มาแล้ววววววววว :sad4:

ออฟไลน์ minicabbage

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เจอกันสัก รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :3123:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เจอกันแล้วก็พูดกันให้เข้าใจนะ  :hao4: ไม่ใช่อะไรหรอกเริ่มสงสารแล้วล่ะถ้าสำนึกแล้วก็ควรให้โอกาสล่ะนะ  :เฮ้อ:

+1   :katai2-1:    //ขอบคุณนะคะที่มาต่อและรอตอนต่อไปเลยค่ะ จะเป็นยังไงบ้าง ?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
สู้ๆนะทั้งสองคน
+นััักเขียนด้วย :) :)

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ง่า ต้องรอตอนต่อไป ช่วงนี้พระพายค่าตัวแพง  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แงงงงง!!ยังไม่เจอกันคนอ่านลุ้นตัวโก่งแล้วสงสารพิธาน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ลุ้นๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เจอน้องแล้ว ก็คุยกับน้องดี ๆ ล่ะ กลัวจะดีแตกซะก่อน  :hao3:

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
พระพายไปอยู่กับพี่กล้วยเหรอเนี่ยยย
สู้ๆ นะพ่อคุณ...

ออฟไลน์ Pakeleiei

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
แงงงงงงงงง กลับมาแล้วดีใจมากกกกกก

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
สวัสดีค่ะ มาไวตามที่บอกไว้ (ไว?) ตอนที่ 67 ต่อจากความค้างเมื่อตอนที่แล้ว ไปอ่านกันเลยค่ะ หากตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใด ๆ ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ  :o8: ขอบคุณที่ยังอยู่กัน อีกนิดจะถึงฝั่งฝันแล้วนะคะ ช่วงนี้อากาศแปรปรวนมาก ๆ อย่าลืมระวังสุขภาพกันด้วยนะคะ พรุ่งนี้วันหวยออก สำหรับใครที่ชอบเสี่ยงโชค ขอให้โชคดีเป็นของท่านนะคะ  :impress2: รัก ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ


++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 67 What should I do.


Whatever I did, I would take it all back
ไม่ว่าฉันได้ทำอะไรลงไป ฉันขอแก้ไขมันให้หมด

I’d circle the world to get back what we had
ฉันยอมเดินรอบโลก เพื่อคว้าอะไรก็ตามที่ฉันเคยได้รับมา

Tell me what must I do to deserve your love
บอกฉันเถอะ จะต้องทำอย่างไร ฉันถึงสมควรได้ความรักจากเธออีก

Is there any way I’ll ever be good enough?
มีทางไหนไหม ที่ฉันจะดีพอ?

Is there any way I’ll ever be good enough?
มีทางไหนไหม ที่ฉันจะดีพอ?



        พิธานเดินเข้าไปในบ้านของพี่กล้วย หูนั้นแว่วเสียงหัวเราะและเพลงลูกทุ่งจังหวะสนุกสนานดังคลออยู่ นี่คงเป็นงานปาร์ตี้ที่บันเทิงไม่น้อยแต่จิตใจของพิธานตอนนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

        ย่างก้าวแต่ละก้าวเต็มไปด้วยความหวังที่จะได้เห็นหน้าพระพาย คำพูดเริ่มถูกเรียบเรียงในหัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินเข้าไปถึงหลังบ้าน สถานที่ที่พิธานจำได้ว่าบ้านนี้หลังใช้ตั้งวงดื่ม ก็พบว่าผู้คนที่นั่งอยู่ก็คือหน้าเดิมๆและใครคนนั้นที่พิธานอยากเจอกำลังนั่งหันหลังอยู่ พิธานสูดหายใจเข้าออกช้าๆ เตรียมตัวที่จะเจอพบหน้าพระพายแล้ว

“อ้าวเฮ้ย พิธาน”

             เสียงร้องอย่างประหลาดใจดังขึ้นของพี่คนหนึ่งในแผนก พี่ปีเบิกตาขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมพิธานมายืนอยู่ตรงนี้ แต่เพียงไม่กี่วินาทีก็ประมวลผลได้ว่าที่เห็นพิธานยืนอยู่ที่นี่ได้นั้นป็นฝีมือของใคร พี่ปีหันมองพี่กล้วยอย่างคาดโทษแต่พี่กล้วยก็ลอยหน้าลอยตาประหนึ่งไม่สนใจใยดี

             พระพายที่กำลังเมาได้ที่ ก็หันไปมองตามเสียงเรียก แน่นอนถึงแม้จะเมาก็ไม่ใช่คนความจำเสื่อม รู้ได้ทันทีว่านั่นคือพิธาน คนที่บอกเลิกเขาไปแล้ว พระพายรีบหันหลังและคิดว่าทำไมพิธานถึงมายืนอยู่ตรงนี้ ไม่กล้าแม้แต่จะมองเต็มตาแต่เพราะความเมาเริ่มมีมากขึ้น การประมวลผลจึงแย่ไปสักหน่อย คิดได้อย่างเดียวคือต้องออกไปจากตรงนี้

“เดี๋ยวๆ ไอ้พาย” เสียงร้องของพี่อีกคนร้องขึ้น เมื่อพระพายลุกพรวดพราดและเซล้มลงไม่เป็นท่า พิธานรีบรุดเข้าไปประคองพระพายทันที

“ปล่อย!” ความรู้สึกเมื่อถูกมือของพิธานจับเข้าที่ร่างกายในวินาทีแรก คือจำได้ถึงสัมผัสนั้นอย่างไม่ต้องนึกเค้น ความรู้สึกที่พระพายพยายามลืมมันไปแล้วจึงกลับมาอีกครั้ง

“ขอคุยด้วยได้ไหม” พิธานที่เห็นสีหน้าเจ็บปวดของพระพายนั้นก็เริ่มปวดแปลบในอก ใบหน้าที่เขาเฝ้ารอมาหลายวันอยู่ตรงหน้าแล้ว ความคิดถึงที่พุ่งออกมาจนรู้สึกชาไปทั้งตัว

“ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” พระพายสะบัดแรงเสียจนเสียหลักอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรู้ดีว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องทะเลาะหมางใจกันมาแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับรู้ความจริงอย่างแจ่มแจ้ง

“พาย ใจเย็นๆสิ” พี่ปีเริ่มลุกขึ้นมาและเข้ามาช่วยพระพายเอาไว้

“ปี มึงไม่ต้องยุ่ง นั่นมันเรื่องของเขาสองคน” พี่กล้วยว่า พี่ปีหันมองคนพูด สายตานั้นดูเหมือนคาดโทษหนักกว่าเมื่อครู่ไปอีก

“ถ้าอย่างนั้นไปคุยกันที่ห้องกูเถอะ ตรงนี้คงไม่เหมาะ” พี่กล้วยว่า

“ขอรบกวนหน่อย” พิธานว่า แต่พระพายพยายามสะบัดพร้อมหนีลูกเดียว

“ไม่เอา ไม่ไป” พระพายดิ้นขั้นสุด

“พาย..พาย ฟัง” พี่ปีพยายามจับพระพายไว้และพูดขึ้น

“พูดกันให้รู้เรื่อง ไม่ใช่เด็กแล้ว อย่าหนีแบบนี้” คำพูดของพี่ปีนั้นสะกิดความรู้สึกของพิธาน...ก่อนหน้านั้นเขาเองที่ทำตัวเป็นเด็กอย่างแท้จริงที่ไม่ยอมพูดกับพระพายให้รู้เรื่องตั้งแต่แรก

“แต่ผมพูดไปหมดแล้ว” พระพายเถียงทันควัน สายตานั้นดูจริงจังแม้ว่าเมาแต่คำพูดทว่าชัดเจน

“พูดต่อหน้าอีกทีจะเป็นไรไป” พี่กล้วยแทรกขึ้นมา

“ไปเถอะ” พี่อีกคนก็เห็นด้วยที่พระพายควรจะพูดกับพิธานให้ชัดเจนอย่างจริงจัง

“แต่ผม” พระพายไม่อยากจะพูดจริงๆ

“ขอเถอะ”

             คราวนี้เป็นพิธานที่เอ่ยปากขอร้องเอง ไม่สนใจคนที่อยู่ตรงนั้นเลยสักนิดถึงการขอร้องที่ดูน่าอาย ตอนนี้เขาสนแค่พระพายคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้พิธานไม่แม้กระทั่งจะกล้าจับตัวพระพายไปมากกว่านี้ ราวกับหากจับเนื้อต้องตัวกลัวพระพายจะโกรธและหนีหายไปจากเขาอีก พระพายเงียบไปครู่หนึ่ง ความเมายังคงทำงานแต่กระนั้นสติไม่ใช่ว่าจะไม่มี

“ก็..ก็ได้” พระพายยอมในที่สุดก่อนที่จะเดินเป๋ๆไปยังห้องนอนของพี่กล้วยที่อยู่อีกด้านหนึ่ง พิธานเดินตามหลังไปพลางมองการเดินของพระพายที่จะล้มแหล่ไม่ล่มแหล่แต่ก็ยังเดินไปได้

“เสร็จเรื่องนี้เมื่อไหร่เราต้องคุยกัน” พี่ปีหันไปกระซิบข้างหูพี่กล้วย รายนั้นเบือนหน้าราวกับไม่สนใจแต่แท้จริงแล้วในใจนั้นก็หวั่นไม่น้อยเลยทีเดียว

        พระพายเปิดประตูเข้าไปในห้องของพี่กล้วย ห้องนอนที่ออกจะรกไม่ค่อยเป็นระเบียบแต่ก็ไม่ได้สกปรกเท่าไหร่นัก พระพายยืนนิ่งโงนเงนอยู่อย่างนั้น หันหลังให้พิธานโดยไม่คิดแม้แต่จะมองหน้ากันเลยสักนิด พิธานปิดประตูลง หัวใจเต้นระรัวเมื่อได้อยู่กับพระพายตามลำพัง แค่ได้เห็นแผ่นหลังก็คิดถึงเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เห็นหน้า ระยะห่างเท่านี้ก็จริงแต่ก็เหมือนจะไกลเพราะความรู้สึกที่พระพายแสดงออกในขณะนี้ มันช่างเฉยชาและเหินห่างเหลือเกิน กำแพงอะไรสักอย่างที่ดูหนาและสูงจนพิธานกลัวว่าไม่อาจจะทลายมันลงได้

“มีอะไร” พระพายนั่งลงบนเตียงก่อนที่จะถามออกไป

“คือ...” ที่เรียบเรียงมาในหัวมันกลับว่างเปล่า คำพูดที่เตรียมมาหายไปหมดเมื่อได้เห็นหน้าพระพายชัดๆ ความซูบผอมที่ชัดเจน ดูเหนื่อยล้าที่ไม่ใช่มาจากอาการเมาแต่อย่างใด

“พระพาย”

             พิธานเลือกที่จะคุกเข่าตรงพื้นตรงหน้าของพระพาย ที่เดียวที่จะได้เห็นหน้ากันได้ชัดและไม่อาจจะหลบหนีได้ พระพายเบือนหน้าไม่อยากแม้แต่จะสบสายตา...เพราะกลัวหัวใจตัวเองในตอนนี้ ที่เมาๆ เมื่อครู่เริ่มจะเบาลง ความปวดแปลบในอกกลับมาจนตาได้สติเลยทีเดียว

“ผมพูดไปในจดหมายหมดแล้ว” นี่คือการตัดบทที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องต่อความให้ยาวเหยียดกว่านี้

“ฟังฉันก่อน” พิธานพูดออกมา พยายามหาโอกาสให้ตัวเองได้มากที่สุด

“ให้ผมฟังคุณเหรอ...ทำไมมาบอกเอาป่านนี้...ตอนนั้นผมขอให้บอกทำไมถึงไม่บอก” น้ำเสียงเบาหวิวนั้นฟังก็รู้ว่าเจ็บปวดมาก พระพายเริ่มดึงสติกลับมาจาความเมาได้เยอะแล้ว

“ฉันผิดเอง เป็นฉันเองที่ไม่ยอมฟังคำขอของนาย...ตอนนี้ฉันมาบอกแล้ว ให้โอกาสฉันได้ไหม”

             คำขอร้องที่ละทิ้งศักดิ์ศรีและทุกอย่าง ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรแล้วแค่ขอให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม สายตาที่ส่งออกไปเต็มไปด้วยความหวัง หวังที่จะได้รับโอกาสที่หลุดหายไปแล้วกลับมาอีกครั้ง

             พระพายเงียบไป ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก แม้เรื่องราวมันผ่านมาพักใหญ่แล้วแต่พระพายยังคงเจ็บปวดอยู่ดี ยังคงเสียใจอยู่เต็มอก ถึงจะปล่อยวางไปได้แล้วระดับหนึ่งแต่มันไม่ได้ง่ายดายและรวดเร็วขนาดนั้น เขาต้องการเวลามากกว่านี้ นั่นจึงทำให้ต้องหลีกหลบหนีการตามหาของพิธาน

             รู้ดีว่าพิธานมารอที่ออฟฟิศตลอดทุกวันทำงาน เขาฟังรุ่นพี่ในออฟฟิศพูดถึงเรื่องนี้ทุกวัน ว่าพิธานมายืนหน้าเศร้าและเอาแต่ถามคำถามเดิมทุกวันว่าเขาอยู่ไหน สบายดีหรือไม่

             แม้ไม่อยากมองเต็มตาแต่ก็รู้ได้ว่าพิธานเปลี่ยนไป หมายถึงกายภาพที่ดูซูบลงและดูไม่เปล่งประกายเหมือนเมื่อก่อน ใบหน้าที่เฉยชานั้นกลับมีแต่ความหมองและดูเศร้า...พิธานเสียใจกับเรื่องของเขาอย่างนั้นหรือ

“ฉันรู้...อีกสักครั้งพระพาย ขอให้ฉันได้พูด”

             พิธานอยากจะเอื้อมมือไปจับตัวพระพายแต่ก็ต้องพยายามอดกลั้นไว้ หักห้ามกับสิ่งที่จะทำให้พระพายเตลิดและหายไปจากเขา หากครั้งนี้เป็นเช่นนั้นอีกพิธานคงเกินจะรับไหว

             พระพายที่ได้ยินคำพูดของพิธาน ต้องยอมรับว่าใจสั่นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้ยินเสียงอ้อนวอนขอร้องอย่างยอมแพ้เช่นนี้มาก่อน

“ถ้าแค่ครั้งเดียว...ผมพอจะให้ได้” คำพูดนั้นแสนจะเย็นชา พิธานไม่เคยได้เห็นและได้ยินอะไรแบบนี้จากพระพายมาก่อน...เจ็บลึกเลยทีเดียวเมื่อได้ยินเช่นนี้

“เริ่มจากตรงไหนดี” พิธานหลุดพูดออกมาอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก จู่ ๆ ก็ดูประหม่า หมดท่าคนมั่นใจและเย่อหยิ่งไปเยอะเลยทีเดียว

“ต้องเริ่มจากคุณหรือจากผมก่อนละ” พระพายถาม พูดออกมาโดยไม่ยอมสบตามองพิธานสักนิด เสมองไปยังกองเสื้อผ้าของพี่กล้วยที่ขยุกกองไว้ได้อย่างน่าเกลียดแทน

“เริ่มจากนายก่อน..ฉันอยากฟัง” พิธานบอกก่อนที่จะเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดตะหมาดกับพื้นเพื่อรอฟังสิ่งที่พระพายต้องการบอก

“เริ่มจาก.....จากวันที่คุณผิดนัดผมไง” พระพายเตือนความจำให้ เรื่องนี้คือเรื่องแรกสำหรับพระพายที่เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นในความเปลี่ยนไปทั้งหมด

“ผิดนัด....ตอนไหน” สีหน้างุนงงปรากฏขึ้น แค่มองด้วยหางตาก็เห็นได้อย่างชัดเจน นั่นแปลว่าพิธานไม่รู้ตัวเลยสักนิดถึงเรื่องนี้

“ผมรอกินข้าวแต่คุณไปดื่มกับเพื่อน” พระพายพยายามทำใจให้นิ่ง ไม่ให้พิธานเห็นถึงความรู้สึกข้างใน

“ฉันทำ...อย่างนั้นเหรอ” พิธานนึกเค้นขึ้นมาว่าเขาพลาดทำเรื่องแบบนั้นไปได้อย่างไร

“วันนั้นเอง...” เป็นพิธานเองที่นึกขึ้นมาได้โดยที่พระพายไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมา

“ฉันลืมมันไปจริงๆ....ไม่มีข้อแก้ตัวด้วย”

             พิธานเลือกที่จะพูดตรงๆ แน่นอนว่าพระพายนั้นยอมรับได้มากกว่าคำแก้ตัวแน่นอน หากพิธานแก้ตัวนั่นแปลว่าไม่ใช่พิธานตัวจริง การแสร้งทำเช่นนั้นพระพายถือว่าดป็นการโกหก

“มันผ่านไปแล้ว” พระพายพูดสั้น ๆ เป็นการตัดจบว่าเรื่องนี้สะสางแล้ว

“มีเรื่องอะไรอีกไหม” พระพายถาม ราวกับอยากจะจบให้เร็วที่สุด ราวกับไม่อยากคุยกันอีกแล้ว นั่นคือสิ่งที่พิธานคิด

“รู้อะไรไหม ทำไมฉันถึงโกรธนายและทำเรื่องพวกนั้นลงไป” คราวนี้เป็นพิธานที่เริ่มเอ่ยถึงเรื่องที่จุดชนวนทั้งหมด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระพายคับข้องใจมาตลอด วันนี้คงได้รู้เสียที

“นาย...ร่วมมือกับคุณแม่ ทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้ฉันคืนดีกับคุณพ่อใช่ไหม” เมื่อได้ยินประโยคนี้พระพายชะงัก หันมองพิธานอย่างเต็มมาก็คราวนี้

“คุณ....รู้เหรอ” พระพายถามออกมา

“ใช่ บังเอิญไปได้ยินคุณแม่โทรหานายตอนที่อยู่โรงแรมด้วยกัน” พิธานบอก สีหน้านั้นยังคงดูเศร้าเหมือนเดิมและเหมือนจะพยายามบีบมือตัวเองไว้แน่น

“คุณ...โกรธผมเพราะเรื่องนี้” พระพายถามกลับ เขาลืมเรื่องนี้เสียสนิท ว่าการทำอะไรโดยไม่ให้พิธานรู้มันคือการโกหก เพิ่งจะกระจ่างเอาตอนนี้

“ใช่...ฉันเสียใจที่นายปิดบังฉัน แต่ที่มากกว่านั้นคือฉัน....”

“ฉันคิดว่านายเข้าใจฉันดีที่สุด นึกว่านายรู้จักฉันมากที่สุด ฉันไม่ได้อยากดีกับคุณพ่อ แต่นายไม่เคยถามความรู้สึกฉันหรือบอกความจริงกับฉันเลยสักนิด” น้ำเสียงนั้นเชิงตัดพ้อ พระพายเม้มริมฝีปากแน่น...เขาเองก็ทำร้ายพิธานไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน

“นายทำทุกอย่างโดยไม่นึกถึงใจฉัน นายไม่เคยบอกอะไรเลย เป็นฉันที่ต้องบังคับถามนายเอาเอง บางครั้ง....ก็อยากให้นายบอกฉันด้วยตัวเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม”

        เมื่อได้ยินความรู้สึกของพิธาน พระพายก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้น มันไม่ใช่แค่พิธานเป็นฝ่ายผิดคนเดียว เขาเองก็เช่นกัน เขาทำให้พิธานรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเขา ความคาดหวังที่พิธานมีให้กลายเป็นเขาที่ค่อย ๆ แซะมันจนเริ่มพัง เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของพวกเขาทั้งคู่

“ผมขอโทษ....ผมเองก็ทำอะไรโดยพลการ.....แต่แค่รู้สึกว่าหากคุณคืนดีกับคุณพ่อ คุณจะมีความสุขมากกว่านี้”

“ตัวคุณพ่อเองก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด คุณเข้าใจท่านผิด ผมเลยอยากแก้ไขไม่ให้คุณคิดผิดไปกว่านี้” พระพายเอ่ยคำขอโทษออกมาอย่างเรียบง่าย รู้สึกเหมือนปลดล็อคความคิดที่เขาเฝ้าคิดมาตลอดว่าทำไมพิธานถึงทำเช่นนั้นกับเขา วันนี้ได้รู้ความจริงแล้ว

“นายไม่ต้องขอโทษ นายทำเพื่อฉัน ถ้าหากนายไม่รักฉัน นายคงไม่ทำแบบนั้น” พิธานก้มหน้าลง หน้าผากนั้นแตะตรงหัวเข่าของพระพาย สัมผัสนั้นทำเอาพระพายคิดถึงแม้ว่าใจหนึ่งอยากลืมก็ตามที

“ขอบคุณที่บอก ผมจะได้หายค้างคาใจเสียที” พิธานเงยหน้าขึ้นมา สบตาพระพายที่จ้องมองมา ความว่างเปล่านิดๆนั้นทำเอาใจคอไม่ดี

“พระพาย...ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ”

“ขอโทษเรื่องอะไร” พระพายถาม รู้สึกใจแกว่งเมื่อได้ยินคำขอโทษที่รู้สึกผิดอย่างแท้จริง

“ฉันทำผิดไปเรื่องที่พูดกับนายแบบนั้น...ฉันไม่ได้จะบอกเลิกนาย” พิธานเอ่ยออกมา

“คุณต้องการอะไร” ถึงตอนนี้คงต้องถามออกมาแล้ว

“ให้อภัยฉันได้ไหม...กลับไปอยู่ด้วยกัน..ได้ไหม”

        คำขอร้องอ้อนวอนนั้นทำเอาพระพายแทบจะร้องไห้ มือของพิธานค่อย ๆ แตะที่ขาของเขา ราวกับอยากจะรั้งเขาไว้ ขอความเห็นใจอย่างคนหมดทนทาง พิธานที่ยอมลดศักดิ์ศรีทิ้งความเย่อหยิ่งของตัวเองเพียงเพื่อให้เขากับไป ทำเอาอดคิดไม่ได้ว่าเขานั้นมีความสำคัญกับพิธานจริง ๆ

              สิ่งที่พระพายทำมาตลอดตั้งแต่เขียนจดหมายทิ้งไว้คือการทำใจและปล่อยวาง ทำใจให้ไม่โหยหาและคิดถึงพิธานไปมากกว่านี้แล้ว ผนึกความรู้สึกให้ลึกลงไปสุดใจหวังว่ามันจะค่อย ๆหายไป แต่เปล่าเลย...เมื่อเจอหน้ากันอีกครั้ง ความคิดพวกนั้นกลับถูกตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง

             ไม่อยากจะโกหกตัวเองว่าในตอนนี้รู้สึกดีใจอยู่ข้างในลึกๆ การที่พิธานมาหาเขาในวันนี้และที่ตามหามาเฝ้ารอเขาที่ออฟฟิศ สิ่งเหล่านั้นพระพายรู้สึกดีใจจนลืมสิ่งที่เขาพยายามมาตลอด คือการตัดใจจากพิธาน พอมาถึงตอนนี้ใจอ่อนลงไปมากพอสมควร

              พระพายมองพิธานที่อยู่เบื้องหน้าเขา ความอ่อนแอของพิธานซึ่งชัดเจนมาก รู้สึกสงสารที่เขาเองทำให้พิธานเป็นเช่นนี้ เอาเข้าจริงๆเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะทิฐิของพิธานและความหุนหันพลันแล่นของเจ้าตัวที่ไม่สนใจจะถามความจริง แต่ไม่ใช่ความผิดของพิธานทั้งหมด เขาเองก็มีส่วนผิด เพราะย่ามใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้อง ลืมนึกถึงพิธานว่าจะรู้สึกอย่างไร เป็นเขาเองที่เริ่มต้นทุกอย่างอย่างแท้จริง เรื่องราวน้อยนิดมหาศาลเหล่านี้มันไม่น่าจะบานปลายได้ถึงขนาดนี้ คงเพราะทั้งเขาและพิธานยังไม่เข้าใจกันมากพอ

“อยากให้ผมกลับไปเหรอ” พระพายถามขึ้นมา

“ขอร้อง....ฉันต้องการแค่นายคนเดียวเท่านั้น” ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าก้อนความสะอื้นจะหลุดออกมาให้ได้ 

             พระพายกำหมัดแน่น พยายามอดกลั้นต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามา เขากำลังจะใจอ่อนลงมากกว่าเมื่อครู่นี้ เขาโหยหาอ้อมกอดของพิธาน หลายวันที่ผ่านมาเขานอนไม่สนิทสักครั้ง รู้ดีว่ายังไม่อยากจากพิธานไปตอนนี้ เขา...ยังรักพิธานอยู่เต็มหัวใจ

“พระพาย...ให้โอกาสอีกสักครั้งได้ไหม....เรียนรู้กันให้มากกว่านี้ ให้ฉันได้ลองอะไรที่ไม่เคยทำ ให้ฉันได้เป็นแฟนที่ดีอย่างที่คนอื่นเขาเป็นกัน”

        ในที่สุดพระพายก็หลุดสะอึกออกมา น้ำตารื้นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ พิธานที่เห็นถึงกับแน่นในอก น้ำตาของพระพายที่เสียใจนั้นทำเอานึกถึงภาพในวันนั้น นี่เขาทำพระพายเสียใจอีกแล้วหรือ

“พระพาย...ไม่ร้อง” พิธานมือสั่นไปนิด พยายามเอื้อมไปเช็ดให้พระพายแต่โดนกันเอาไว้เสียก่อน

        ทั้งที่สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจ แต่ร้องไห้เพราะตัวเองที่ยังรู้สึกดีใจและตื้นตันกับสิ่งที่พิธานพูด...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระพายอยากให้เป็นเลยสักนิด นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจจะทำหลังจากที่เขาผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาทั้งหมด

“ขอบคุณ..แต่ผมไม่เป็นไร” พระพายรีบป้ายน้ำตาออกด้วยความรวดเร็ว

“นี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันขอ จากนี้ต่อไปฉันจะไม่ร้องขอมันอีก” พิธานเอ่ยออกมา พระพายเสหน้ามองไปยังกองผ้าเหล่านั้นอีกครั้ง พยายามทำใจให้สงบ

        ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบงันไปพักหนึ่ง พระพายที่กำลังใช้ความคิดและความรู้สึกในการตัดสินใจ พิธานที่เฝ้ารออย่างมีความหวังว่าเขาจะได้รับโอกาสนั้นอีกสักครั้งและในที่สุด พระพายก็ตัดสินใจออกมา

“ผมจะไม่กลับไป...”


Lyric: Good Enough by Cimorelli.





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำไมถึงไม่กลับไปด้วยกันล่ะ หรือว่า   ต้องให้พ่อแม่ไปขอถึงจะกลับ  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พระพายไม่กลับไปจริงๆเหรอคะลูก

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 รุ้สึกว่ายังไม่อยากให้พระพายกลับไปง่าย แต่ตอนนี้ก็เศร้ากันทั้งสองคน ตัดสินใจยากจริงๆ

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เริ่มตอนหน้าจะมี แต่.... อะไรเริ่มต้นมาบ้างมั้ย
ตัดจบแบบนี้ก็ค้างคาจายยยยย 555555
สงสารพิธานจริงๆ เด็กน้อยเลยอ่ะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ยังไงต่อ?

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
 :hao5: :hao5: :hao5: ทุกคนต้องการเวลา

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ต้องตั้งหลักกันใหม่ เยียวยากันใหม่แหละเนอะ​จะว่าพระพายคือใจแข็ง​มากเลยนะที่ออกห่างมานานขนาด​นี้​ :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อ้าว อะไรอีก นานไปแล้ว
คืนดีกันไวๆเถอะ ยังรักยังห่วงใยอยู่กันทั้งคู่นะ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ค้างและเศร้ากับทั้ง2คนเลย :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด