#Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-  (อ่าน 223670 ครั้ง)

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
หายไปไหนกัน :sad4:

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
หายไปไหนนนนนนน

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน  :mc4:  ปีใหม่แล้วเราก็ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านพบเจอแต่ความสุข ความสมหวัง ทั้งเรื่องชีวิต การเงิน การงาน สุขภาพและความรัก ขอให้ทุกท่านโชคดีมีชัยค่ะ ปีนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกปีนะคะ และต้องขอโทษจริงๆที่หายไปนาน อันที่จริงแจ้งไว้ในเพจแล้วว่าโน้ตบุ๊คเสียเลยส่งซ่อม ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะและใช่ค่ะนิยายเราก็ยังไม่จบเสียที  :laugh: แต่คิดว่าเร็วๆนี้น่าจะเป็นอย่างที่คาดไว้ค่ะ เอาเป็นว่าอ่านให้สนุกนะคะ หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ รัก ไว้เจอกันค่ะ  :mew1:

+++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 55 Get it off.

Staring at the blank page before you
มองไปยังหน้ากระดาษอันว่างเปล่าตรงหน้าของคุณ
Open up the dirty window
เปิดหน้าต่างที่แสนจะสกปรก
Let the sun illuminate the words that you could not find
ให้ดวงอาทิตย์สาดแสงไปยังคำพูดที่คุณไม่อาจค้นหาได้
Reaching for something in the distance
เอื้อมมือไปยังบางสิ่งที่ห่างออกไป
So close you can almost taste it
ให้ใกล้จนคุณสามารถลิ้มรสมัน
Release your inhibitions
ปลดปล่อยสิ่งที่ขวางกั้นคุณออกไป


        พิธานกับพระพายนั่งกินข้าวด้วยกันหลังจากที่ป้าแม่บ้านจัดโต๊ะให้เสร็จพร้อมกับข้าวและข้าวสวยที่เพิ่งหุงเสร็จ พระพายนั่งกินด้วยความหิวจัด แม้ว่าจะกินผลไม้รองท้องไปจำนวนหนึ่งแล้วแต่เมื่อลิ้นสัมผัสรสอาหาร ก็ลืมไปเลยว่าเมื่อครู่นี้ได้กินผลไม้มาก่อนแล้ว


        ทั้งสองคนนั่งกินมื้อค่ำอย่างต้องการทำเวลา เพราะต้องการจะขึ้นไปดูพัชชาที่บอกว่าของีบ ใช้เวลาไม่นานนักความอิ่มก็มาเยือนพร้อมกับอาหารที่หมดเกลี้ยง

“คุณรีบไปดูคุณแม่ก่อน เดี๋ยวผมเก็บตรงนี้เอง” พระพายบอก

“ฉันช่วยนายดีกว่า” พิธานว่าพลางเก็บจาน

“ไม่ต้อง ไปดูคุณแม่เถอะ สิบนาทีเดี๋ยวผมตามขึ้นไป”

“ก็ได้” พิธานว่าตามและรีบเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยความรวดเร็ว


        พระพายที่กำลังเก็บจานอยู่ก็ต้องหยุดทำเพราะป้าแม่บ้านที่เตรียมของใช้ให้เสร็จเรียบร้อยกลับมาจัดการเก็บโต๊ะและล้างจานให้ต่อ พระพายได้แต่ขอบคุณและเดินไปยังชั้นสองเพื่อไปดูพัชชาสมทบกับพิธาน


        เมื่อเข้าไปสิ่งแรกที่เห็นคือพัชชายังคงหลับอยู่ โดยที่มีพิธานนั่งอยู่ข้างๆ พระพายเดินไปแตะไหล่พิธานที่นั่งนิ่งๆอย่างไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“มีอะไรรึเปล่า?” พระพายเอ่ยถาม

“เปล่า...คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

“เดี๋ยวคุณแม่ต้องกินยาอีกรอบใช่ไหม?” พระพายว่าพลางมองนาฬิกาบนฝาผนัง

“ใช่ น่าจะอีกสักพัก”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหลังจากคุณแม่กินยา ก็ไปอาบน้ำกันดีกว่า” พระพายว่า

“ได้สิ”


        พระพายนั่งลงบนพื้นพิงเตียงข้างๆพิธานที่ตอนนั่งอยู่บนเตียง พระพายนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือเช็คข่าวสารเรื่อยเปื่อย ในขณะที่พิธานนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของพระพายว่านั่งดูว่ากำลังเล่นอะไรอยู่ ผ่านไปพักใหญ่ พัชชาขยับตัวลืมตาขึ้นมา เป็นการงีบอย่างที่เจ้าตัวบอกจริงๆ

“คุณแม่...ยังอยากเข้าห้องน้ำอยู่รึเปล่า?” พิธานถาม

“ไม่แล้วล่ะ ไม่ปวดเท่าไหร่แล้ว แค่มวนๆท้องนิดหน่อย” พัชชาตอบเสียงเบาๆ

“ถึงเวลากินยาแล้ว เอาอะไรรองท้องสักหน่อยไหมครับ?” พิธานถาม

“รังนกที่ผมซื้อมาพอจะกินได้ไหมครับ?” พระพายถาม พัชชาพยักหน้า พระพายจึงลงข้างล่าง เปิดตู้เย็นเปิดฝาเทรังนกลงใส่ถ้วยซุปใบเล็กและรีบเอาขึ้นไปให้พัชชาด้วยความรวดเร็ว


        พัชชากินรังนกของพระพายได้เยอะพอสมควร จากนั้นก็กินยาฆ่าเชื้อตามเวลาที่ต้องกิน จิบเกลือแร่อีกสักหน่อยก่อนที่จะเอนตัวลง

“คุณพ่อโทรมาบ้างไหม?” พัชชาถาม

“ไม่ครับ น่าจะกลับดึก” พิธานตอบ

“อ๋อ...แม่ลืมไปเลย คุณพ่อบอกว่ามีงานเลี้ยง แต่ไม่คิดว่าจะไป”

“สรุปผมค้างที่นี่นะครับ” พิธานบอก พัชชาที่ได้ยินช่นนั้นถึงกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ

“จริงเหรอ....ดีจัง ขอบใจมากนะพิธาน” พัชชาว่าพลางบีบมือลูกชายที่บอกว่าจะนอนค้างหลังจากที่ไม่เคยค้างที่บ้านเลยตั้งแต่ออกไปอยู่นอกบ้าน

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพระพายจะอยู่เป็นเพื่อนครับ” พิธานว่า

“ได้สิ” พัชชาว่า พิธานจึงออกไปจากห้องไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่ออาบน้ำก่อนที่จะกลับมาดูแลพัชชาต่อ

“คุณแม่ ไหวไหมครับ?” พระพายถามพลางประคองพัชชาที่ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

“พระพายทำยังไงให้พิธานยอมค้างได้?” พัชชาถามทันที

“เปล่าเลยครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเลย คุณพิธานบอกออกมาอย่างนั้นเอง”

“จริงเหรอ พระพายไม่ได้พูดอะไรเลยเหรอ?” พระพายนิ่งไปนิดก่อนจะนึกได้

“อ๋อ ผมแค่ลองชวนเขาเล่นๆเท่านั้นแหละครับ”

“นั่นแหละ ชวนเล่นๆแต่พิธานน่ะไม่ได้คิดเล่นๆหรอก”

“ยังไงก็ค้างแล้ว แผนเราถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว” พระพายว่าพลางยิ้ม แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าธนิตไม่ได้อยู่บ้าน

“แต่ผมลืมไป ว่าคุณธนิตไม่อยู่บ้านนี่สิ” พระพายว่าพลางถอนหายใจ

“จริงๆคุณพ่อใกล้จะกลับมาแล้วล่ะ รายนั้นบอกว่าจะกลับมาอีกสักชั่วโมงนั่นแหละ”

“จริงเหรอครับ?”

“ใช่ ตอนที่ลูกๆไปกินข้าว คุณพ่อโทรมาบอกแล้ว”

“อ่า...ผมจะทำยังดี” พระพายเริ่มคิดหนักแล้วว่าจะทำอย่างไรดี

“อันนี้แม่ก็คิดไม่ออกเลย ต้องลำบากพระพายแล้วล่ะ” พัชชาว่าพลางแตะหลังมือพระพายเบาๆ

“เดี๋ยวค่อยว่ากันครับ” พระพายว่า


        นั่งคุยกับพัชชาไปเรื่อยเปื่อย ลามจนไปถึงเปิดคลิปวิดีโอตลกๆในโทรศัพท์มือถือให้พัชชาดูเพื่อฆ่าเวลารอพิธานกลับมาจากอาบน้ำ ในที่สุดพิธานก็กลับมาพร้อมชุดนอนที่พระพายได้แต่อมยิ้ม


        เป็นเสื้อกล้ามที่ออกจะพอดีตัวไปสักหน่อยกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีดำ ดูแล้วน่าจะเป็นเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ในห้องก่อนย้ายออกไปจากบ้าน ไม่หดลงก็คงเพราะพิธานตัวโตขึ้นแต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

“ยิ้มอะไร?” พิธานว่าพลางเหล่มองพระพายที่ยังคงมองพิธานอยู่

“ไม่ค่อยเห็นคุณใส่ชุดแบบนี้ แปลกตาดี” พระพายว่า

“ไปอาบน้ำ เสื้อผ้าที่จะให้เปลี่ยนวางไว้ให้แล้ว” พิธานบอก

“ครับ...” พระพายลากเสียงยาวก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำบ้าง


        พระพายเดินไปยังห้องของพิธานที่เคยมาแค่ครั้งเดียว ห้องของพิธานยังคงเหมือนเดิมและเห็นว่ามีชุดนอนวางอยู่ ซึ่งพระพายได้แต่หลุดหัวเราะออกมาเพราะมันเป็นชุดนอนลายทางสีฟ้า ให้ความรู้สึกเป็นตัวการ์ตูนกล้วยหอมจอมซนไม่มีผิด


        ผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องน้ำแล้ว พระพายถอดเสื้อผ้าแขวนไว้ก่อนที่จะเริ่มอาบน้ำ แปรงสีฟันแท่งใหม่ที่ยังไม่ได้แกะก็วางอยู่ ป้าแม่บ้านคงจัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว


        เปิดฝักบัวให้น้ำไหลผ่านร่างกาย พระพายปิดตาลงเพื่อสัมผัสกับสายน้ำพลางคิดด้วยจิตใจที่คิดว่าสงบนิ่งแล้วระดับหนึ่งว่าจะต้องทำอย่างไรดีหากเมื่อธนิตมาถึง จะหาวิธีอะไรดีที่จะให้ทั้งสองได้พูดคุยกันแบบปกติมากขึ้น


        การอาบน้ำไปใช้ความคิดไปนั้นกินเวลานานไปมาก มากจนเมื่อพระพายออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพิธานเปิดประตูเข้ามาพอดี

“อาบนานเกินไปแล้ว” พิธานเหมือนจะเข้ามาตาม

“อ่อ...เพลินไปหน่อย แล้วคุณแม่ล่ะ?”

“ตอนนี้นอนอยู่”

“ขอแต่งตัวแป๊บเดียว เดี๋ยวผมตามไป” พระพายว่า

“ไปพร้อมกัน” พิธานบอกและนั่งลงบนเตียง พระพายส่ายหน้าพลางหัวเราะก่อนที่จะรีบสวมกางเกงและเสื้อนอนลายทางจากนั้นก็เอาผ้าเช็ดตัวไปผึ่งไว้

“เป็นไง ดูตลกไหม?” พระพายถามพลางมองชุดนอนที่ตัวเองสวมอยู่

“ไม่” พิธานตอบสั้นๆ

“เพราะมันเคยเป็นของคุณใช่ไหมล่ะ?” พระพายถาม

“ใช่ ก่อนขึ้นม.ปลาย”

“น่ารักดี เหมือนผมเป็นบีหนึ่งเลย คิดเหมือนกันรึเปล่าบีสอง?” พระพายหัวเราะร่วน

“อ๋อ การ์ตูนกล้วยหอมสินะ...ถ้าอย่างนั้นขอปลอกกล้วยหน่อย” พิธานว่าพลางดึงพระพายลงบนเตียงแล้วดึงกางเกงนอนลงทันที

“โอ๊ย! อย่าแกล้งสิ” พระพายหัวเราะอย่างบ้าจี้เพราะพิธานทั้งดึงกางเกงทั้งล้วงเข้าไปถึงไหนต่อไหน

“พอแล้วคุณพิธาน”


             หัวเราะไปพลางห้ามไป พิธานไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งได้ยินเสียงรถยนต์ขับเข้ามาในบ้าน พระพายเองก็ชะงักและจ้องพิธานที่แสดงสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่เพราะมั่นใจว่าเสียงรถยนต์นั้นเป็นของธนิตแน่นอน


            พิธานลุกขึ้นและดึงพระพายให้ลุกตาม ด้านพระพายรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่และเดินตามแรงจูงของพิธานออกไปจากห้อง แน่นอนว่านี่จะต้องเป็นการไปเจอธนิตอย่างแน่นอน


             ระหว่างที่เดินลงมาจากบันไดก็เห็นธนิตเดินเข้ามาพอดิบพอดี ธนิตที่เงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีคนอยู่ตรงบันได สายตาดูตกใจนิดๆที่เห็นทั้งสองในเวลาแบบนี้ เวลาที่ไม่น่าจะมายืนอยู่ที่นี่ในเสื้อผ้าพร้อมนอนไม่ใช่เสื้อผ้าแบบปกติ ทั้งสองเดินลงมาถึงข้างหลังโดยที่ธนิตยังคงยืนอยู่ พระพายยกมือไหว้ด้วยความรวดเร็วและพิธานก็ทำเช่นกันแม่จะไหว้แบบส่งๆก็ตาม

“สวัสดีครับ”  พระพายเอ่ยทัก

“มาทำอะไรกัน?” ธนิตถาม

“มาดูแลคุณแม่” พิธานตอบทันควัน

“คุณพัชชาเป็นอะไร?” ธนิตถามพลางขมวดคิ้ว

“คุณแม่ท้องเสียครับ” แน่นอนว่าไม่มีทางได้คำตอบจากพิธานแน่นอน พระพายจึงเป็นคนตอบเอง

“อาการหนักรึเปล่า?” แม้จะพยายามทำเหมือนนิ่ง แต่น้ำเสียงดูวุ่นวายใจหน่อยๆ

“ตอนนี้พักผ่อนอยู่ครับ”

“ฉันจะขึ้นไปดูหน่อย”

“มาเอาป่านนี้แล้ว...” และนี่คือคำพูดที่เอ่ยออกมาจากปากพิธาน คำทักทายที่เหมือนจะท้าทายหาเรื่องก็ไม่ผิดนัก

“แม่แกไม่บอก ฉันจะรู้ได้ยังไง?” ธนิตเองก็ไม่ยอมเช่นกัน

“ก็หัดถามซะบ้างสิ” พิธานสวนแบบไม่ลดราวาศอก พระพายส่ายหน้านิดๆกับความไม่ยอมแพ้ของทั้งสองคน

“เอ่อ....ผมว่าไปดูคุณแม่กันเถอะครับ”


             พระพายรีบกั้นฉากห้ามทันที หากไม่ขัดก็คงจะยืนเถียงกันอยู่ทั้งคืนแน่ ธนิตหันมามองพระพายด้วยสายตาดุๆก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อไปยังห้องนอนของตัวเอง

“น่ารำคาญ” พิธานสบถออกมาอย่างหัวเสีย

“เอาน่า ท่านคงไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้หรอก”

“ละเลยตลอด ไม่เคยใส่ใจ” พิธานว่า

“ไปเถอะ” พระพายลากพิธานให้ขึ้นชั้นสองเพื่อไปดูพัชชาอีกครั้ง


        พิธานหน้าตาบึ้งตึงสุดขีด พระพายได้แต่มองข้ามไปเพราะทุกครั้งที่เจอกับธนิตก็จะเป็นเช่นนี้และนี่คือสิ่งที่พระพายต้องทำ คือการให้พิธานเลิกอคติหรือมีท่าทีที่ดีกว่านี้ในทุกครั้งที่เจอกับธนิตผู้เป็นพ่อ


        เมื่อเดินเข้าไปในห้อง พบว่าพัชชานอนอยู่เช่นเดิมและกำลังพูดคุยกับธนิตที่นั่งลงข้างๆ สิ่งหนึ่งที่พระพายสัมผัสได้คือความอ่อนโยนนิดๆที่เหมือนจะเจ้าตัวพยายามปกปิดทุกครั้งที่อยู่กับพัชชา แม้น้ำเสียงจะฟังแล้วกระด้างกระดากแต่แววตากลับตรงกันข้าม ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“ทำไมไม่บอก” ธนิตตำหนิพัชชานิดๆ

“คุณออกไปธุระตั้งแต่เช้า ฉันคิดว่าคุณยุ่งๆเลยไม่อยากกวน”

“ทำเป็นสาวๆไปได้ เวลาป่วยก็ต้องบอก” ธนิตว่า

“อ้าว มากันแล้วเหรอ?” พัชชาเอ่ยถามและดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ดูมีเรี่ยวแรงขึ้นเยอะน่าจะเพราะแรงใจที่ดีใจมาก มากกว่าฤทธิ์ยาที่เพิ่งกินเข้าไปอย่างแน่นอน

“ครับ” พระพายพูดขึ้น

“คุณคะ พิธานกับพระพายจะค้างคืนล่ะ” พัชชายิ้มกว้างบอกธนิต

“จะค้างทำไม?” ธนิตตีหน้าบึ้งพลางมองมายังพิธานและพระพาย

“ก็เพราะไม่มีใครดูแลนี่” พิธานว่าพลางส่งสายตามองกลับไป

“ฉันมาแล้ว จะกลับไปก็ได้นะ” ธนิตว่า

“จะไว้ใจได้เหรอ?” พิธานพูด ธนิตขบกรามขึ้นมาทันที

“คุณคะ...อย่าโกรธสิ” พัชชาว่า

“ฉันจะดูแลต่อเอง ออกไปกันได้แล้ว” ธนิตว่า พิธานหันหลังเดินออกไปทั้งที่ธนิตพูดไม่ทันจบประโยค

“ครับ” พระพายพยักหน้าและรีบตามพิธานออกไปทันที


        พระพายก้าวขายาวๆเดินตามพิธานที่เดินกลับไปยังห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าไปถึงห้องพิธานก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พระพายที่เดินตามหลังมาจึงปิดประตูลงและนั่งลงข้างๆ

“หงุดหงิดเหรอ?” พระพายรู้ดีว่าพิธานนั้นรู้สึกอย่างไร คงไม่ชอบใจพ่อของตัวเองอยู่อย่างแน่นอน

“นิดหน่อย” พระพายจึงล้มตัวลงนอนข้างๆ

“เอาน่า อย่างน้อยท่านก็มาดูแลคุณแม่แล้ว” พระพายว่าพลางพลิกตัวไปโอบเอวพิธานไว้

“ดูหนังกันไหม?” พระพายเอ่ยขึ้นหลังจากที่พิธานนอนนิ่งเงียบๆ

“เอาสิ”

“พระพายลุกขึ้นและเดินไปยังชั้นวางทีวี มองหาแผ่นซีดีหนังที่คิดว่าน่าสนใจก่อนที่จะจัดการใส่เข้าเครื่องเล่นและกดเล่นทันที


        ทั้งสองคนนอนดูนั่งด้วยกันอย่างเงียบๆ พระพายรู้ดีว่าตอนนี้พิธานนั้นไม่สบอารมณ์เท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้มากมายเหมือนก่อนหน้านี้ หนังในจอยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆผ่านไปสองชั่วโมงกว่าหนังก็จบลง

“จบแล้ว” พระพายพูดขึ้นและลุกไปเก็บแผ่นหนังเข้าที่ให้เรียบร้อย

“ฉันจะลงไปหาอะไรกินหน่อย” พิธานว่าพลางดันตัวเองขึ้น

“ป่านนี้แล้ว จะกินอะไร?” พระพายถาม

“เหล้าไง” พิธานบอก พระพายยิ้มแฉ่งทันที

“เอาด้วย” พระพายว่า พิธานจึงเดินโอบไหล่พระพายลงไปยังชั้นล่างของบ้าน


        เครื่องดื่มมึนเมานั้นมีติดบ้านตลอดตั้งแต่พิธานตอนเด็ก เพราะมักจะมีเพื่อนๆของธนิตซื้อมาฝากจากการท่องเที่ยวไปต่างประเทศบ่อยๆ พิธานเล่าว่าก่อนจะเกิดเรื่องทะเลาะกัน เขาและธนิตจะมานั่งดื่มกันบ่อยๆ ธนิตนั้นอนุญาตให้พิธานดื่มของเหล่านี้ได้ตอนขึ้นม.ปลาย แต่มีข้อแม้ว่าต้องดื่มในบ้านและในการดูแลของธนิตเท่านั้น

“ดื่มตั้งแต่เด็กเลยเหรอ?”


             พระพายเหล่มองพิธานที่นั่งมองพระพายเตรียมเครื่องดื่มให้ ตอนนี้ทั้งสองคนออกมานั่งที่โต๊ะสำหรับนั่งเล่นใกล้ๆลานสวนเล็กๆของหน้าบ้าน แถวนี้ยุงไม่ชุมอย่างที่คิดไว้จึงนั่งได้สบายๆ

“ใช่ เขาอยากให้ฉันปรับตัวและเข้ากับสังคมได้เร็วขึ้น”

“คุณพ่อคุณนี่สนับสนุนให้คุณเสียเด็ก” พระพายส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยในขณะที่มือนั้นชงเครื่องดื่มให้ตัวเองหลังจากที่ทำให้พิธานเสร็จ

“อิจฉาเหรอ?” พิธานว่าพลางยิ้มมุมปาก

“นี่ไง รู้ทันอีกแล้ว ทำไมไม่มีใครไม่ผมดื่มตั้งแต่ตอนนั้นบ้างนะ” พระพายว่าพลางหัวเราะร่วน

“ทำไมจะรู้ไม่ทัน นี่ใครล่ะ?”


             พิธานว่าและจิบเหล้าบรั่นดีคอนยัคที่เทลงใส่แก้วบรั่นดี แก้วเฉพาะของเหล้าชนิดนี้ตามที่พิธานบอก พิธานดูมีความรู้และความเข้าใจในการดื่มของพวกนี้มาก ตั้งแต่ครั้งไปเที่ยวกันก็เคยสอนการดื่มไวน์ที่ถูกต้องให้ สมแล้วที่ถูกสอนให้ดื่มเรื่องพวกนี้ตั้งแค่เด็กๆ

“แฟนผมไงจะใครล่ะ” พระพายว่า พิธานยิ้มออกมามากขึ้น ดูจะพอใจกับคำพูดของพระพาย อารมณ์ที่บึ้งบูดที่ผ่านมาดูดีขึ้นทันตาเลยทีเดียว


        พระพายจิบเหล้าคอนยัครสละมุน หอมกรุ่นจนพระพายยังตกใจว่าทำไมรสชาติถึงได้ดีขนาดนี้ การดื่มเช่นนี้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย จากที่เครียดๆเรื่องแผนที่อยากจะสานสัมพันธ์พ่อลูกมาทั้งวัน


             แม้สิ่งที่คาดหวังไว้ดูท่าจะล้มพังไม่เป็นท่า เพราะพิธานยังไม่อยากเข้าใกล้หรือญาติดีกับธนิตอย่าคงเส้นคงวา แต่อย่างน้อยพิธานก็มาค้างที่นี่อย่างที่พระพายอยากให้เป็น ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นคงต้องหยุดเอาไว้ก่อน เพราะมันยากและตึงมือจริงๆกับการที่จะให้เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันได้ ยิ่งเป็นเสือที่นิสัยเหมือนกันขนาดนี้แล้วด้วย พระพายจึงไม่อยากคิดอะไรต่อแล้ว ตอนนี้ขอแค่ดื่มด่ำกับการนั่งดื่มอย่างนี้กับพิธานสองคนก็น่าจะพอแล้ว


        ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ รู้แค่ว่าพระพายเริ่มจะมึนขึ้นมาแล้วแน่นอนว่าพิธานที่ไม่ได้รู้สึกถึงคำว่ามึนเมา ก็ยังคงนั่งดื่มต่อไป

“ผมพอก่อนดีกว่า เริ่มจะเมาแล้ว” พระพายว่าในขณะที่มือนั้นชงเครื่องดื่มให้พิธาน

“ง่วงรึยัง จะได้เข้าห้องกันเลย” พิธานว่า

“ไม่อะ ยังไม่อยากเข้าห้อง”

“ก็ได้”


        พิธานนั่งดื่มต่อไปโดยที่พระพายเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือขึ้นด้วยความดังที่ไม่ได้มากนัก อย่างน้อยก็จะไม่เงียบเหงาจนเกินไป เป็นแนวเพลงที่พิธานชอบทั้งนั้นตั้งใจจะเปิดเอาใจพิธานเลยทีเดียว

“เสียงดังอะไรกัน?”


             จู่ๆคนที่พิธานไม่อยากเจอมากที่สุดก็มายืนอยู่พร้อมคำถามที่มาพร้อมกับน้ำเสียงเชิงตำหนิ ธนิตมาพร้อมกับสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ตีหน้ายุ่งมองทั้งสองคนที่นั่งกันอยู่

“ขอโทษครับ” พระพายรีบปิดเพลงทันที

“ปิดทำไม?” พิธานพูดขึ้น พระพายค้อนพิธานทันทีเพราะหากเปิดตามที่บอกเท่ากับต้องการงัดข้อกับธนิต

“มานั่งอะไรตอนนี้ มันดึกแล้ว” ธนิตว่า พิธานเงียบไม่ยอมตอบอะไรออกไป

“เดี๋ยวพวกผมจะไปนอนแล้วล่ะครับ” พระพายว่า

“นั่นเหล้าอะไร....” ธนิตเอ่ยถามพลางมองไปยังขวดเหล้าทรงสวยที่คุ้นตา

“เรมี่ มาร์แตงค์ เอ็กซ์โอ ของคุณพ่อนั่นแหละครับ” พิธานว่าพลางยิ้มมุมปาก

“ขวดนั้นฉันยังไม่ได้ดื่มเลย แกกล้าดียังไงดื่มตัดหน้าฉัน?”


             ธนิตดูหัวเสียมากๆ พิธานยิ้มเยาะเย้ยราวกับมีชัยเหนือกว่า พระพายที่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รู้มีอะไรมาดลจิตดลใจให้เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า...

“ถ้าอย่างนั้นมาดื่มด้วยกันไหมครับ?” พิธานหันมองหน้าพระพายที่เอ่ยชวนธนิตอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พระพายเองก็ตกใจเหมือนกันที่พูดออกไปอย่างนั้น เพราะเริ่มเมาหรือเพราะจิตใต้สำนึกที่อยากให้พ่อลูกคู่นี้ได้คุยกันดีๆ


        ความเงียบโรยตัวผ่านคนทั้งสามและเหนือความคาดหมาย เมื่อธนิตนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างซึ่งตรงกันข้ามกับพิธาน นั่งไขว่ห้างอย่างมีมาดก่อนจะพูดขึ้น

“ก็เอาสิ อยากรู้เหมือนกันว่าตั้งแต่ออกไปนอกบ้านจะดื่มเก่งขึ้นบ้างรึเปล่า?”


        พระพายตาโตขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น คำพูดนั้นเหมือนกำลังสบประมาทลูกชายของตัวเอง พิธานปรายตามองคนเป็นพ่อ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านคนทั้งสอง

“มาลองดูกันสิครับ ว่ามันจะเป็นยังไง”


            พิธานผู้ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครและยิ่งเป็นถึงผู้เป็นพ่อที่ตนเองออกจะขุ่นเคืองถึงขั้นบาดหมาง ยิ่งไม่อยากยอมเข้าไปอีก พระพายที่นั่งอยู่ตรงกลางถึงกับหายมึน...คืนนี้จะจบลงอย่างไรได้ คงต้องมานั่งลุ้นกันสักตั้งแล้วล่ะ...


Lyrics: Unwritten By Natasha Bedingfield.

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ศึกดวลเหล้า!! พิธานสู้ๆ
น้องพายเก่งมากลูก พยายามอีกนิดเนอะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ศึกวันดวลเหล้า เมาแล้วคงจะได้เปิดใจกันซักทีละนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชอบของดองก็ไม่บอก รอบหน้าจัดให้ มะม่วงดอง  :laugh:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พ่อลูกดวลเหล้ากันรอเปิดเผยความในใจตอนเมา

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เอาเป็นว่า สู้ สู้ ละกันนะทั้ง3คนเลย  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สวัสดีปีใหม่นะคะ ปีใหม่แล้วแต่ยังติดจามอยู่เหมือนเดิม :mc3:

เหล้าเข้าปากแบบนี้คุณพ่อจะเลิกวางฟอร์มมั๊ยน้าาา
คนทางนี้ก็ลุ้นให้พ่อลูกเขาดีกันไม่ต่างจากพระพายเลย5555

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
แหมะ. คือมาสั้นแท้ว้า

ออฟไลน์ punpunn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ยยยแข่งกินเหล้ากันเนี้ยนะ พ่อลูกคนซึน5555

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
พระพายสู้ๆนะ :m19: :m19:

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
สวัสดีค่ะ ขออภัยที่มาช้านะคะ งานยุ่งตามประสาค่ะและช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะแยะเลย ทำให้อัพล่าช้ามาก ตอนนี้หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามกันค่ะและสำหรับคนอ่านทุกท่านที่กำลังเผชิญมลภาวะฝุ่นควันก็ขอให้ดูแลตัวเอง ป้องกัน สวมหน้ากากอนามัยที่เหมาะสมนะคะ ทางคนแต่งไม่ได้อยู่ตรงนั้นค่ะ ติดเกาะติดทะเลโดนแดดเผาไปเล่นๆ ฮ่าๆ และรวมถึงคนอ่านท่านอื่นๆทุกท่านก็ขอให้รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ รัก ไว้เจอกันค่ะ  :bye2:

++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 56 Time to fight.


I don’t wanna be someone who walks away so easily
ฉันไม่อยากจะยอมแพ้แล้วเดินหนีไปอย่างง่ายๆ
I’m here to stay and make the difference that I can make
ฉันขออยู่ตรงนี้เพื่อจะสร้างความแตกต่างเท่าที่ฉันทำได้
Our differences they do a lot to teach us how to use
ความแตกต่างเหล่านั้นช่างมากมายที่สอนเราใช้มัน
The tools and gifts we got yeah, we got a lot at stake
เป็นเครื่องมือและพรสวรรค์ที่มี เราช่างเดิมพันสูงมาก
And in the end, you’re still my friend at least we did intend
และท้ายที่สุดแล้ว เรายังคงเป็นเพื่อนกัน เราทำมันได้เท่านี้
For us to work we didn’t break, we didn’t burn
เพื่อให้เราไปด้วยกันได้ ไม่บุบสลาย ไม่มอดไหม้ไปเสีย
We had to learn how to bend without the world caving in
เราได้เรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรกับโลกนี้ที่ยังไม่ได้แหลกสลายไป
I had to learn what I’ve got, and what I’m not
ฉันยังต้องเรียนรู้ในสิ่งที่ได้รับมาและยังไม่ใช่
And who I am
และฉันคืออะไรกันแน่


        ธนิตที่จ้องหน้าพิธานด้วยสายตาท้าทาย พิธานเองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน พระพายที่รู้สึกลำบากใจที่ต้องนั่งตรงกลางท่ามกลางคนสองคนที่ราวกับถือมีดพร้อมจ้วงแทงใส่กันได้ตลอดเวลา

“เอ่อ...ดื่มน้ำล้างคอก่อนไหมครับ...ถูกใช่ไหม?” พระพายทำลายบรรยากาศด้วยการเตรียมน้ำเย็นให้ธนิตกลั้วปากคอก่อนจะดื่มคอนยัค เป็นวิธีที่พิธานบอกตอนที่กำลังจะเริ่มดื่มกัน

“เก่งถึงขนาดไปสอนคนอื่นได้แล้วเหรอ?” ธนิตว่าพลางปรายตามองพระพายที่รีบวิ่งไปหยิบแก้วบรั่นดีมาให้ธนิต

“คิดว่าคุณพ่อสอนคนอื่นเป็นคนเดียวเหรอครับ?”


             พิธานว่าพลางยกแก้วกระดกคอนยัคที่เหลือก้นแก้วอยู่นิดหน่อยเข้าปากจนหมด พระพายที่กลับมาพร้อมกับแก้วบรั่นดี วางมันลงบนโต๊ะจากนั้นก็รับแก้วของพิธานมาและเทเหล้าเติมให้อีกนิดหน่อยพอเลยก้นแก้วขึ้นมาเล็กน้อย

“ถ้าสอนคนอื่นได้ก็แปลว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า ฉันเคยสอนแก ก็แปลว่าฉันเหนือกว่า”


             ธนิตที่ดื่มน้ำเย็นเข้าไปหมดแล้วก็ใช้สายตามองไปที่แก้วบรั่นดีและมองพระพายเหมือนจะออกคำสั่งว่าให้เทเหล้า พระพายจึงรีบเทให้ทันทีแม้จะไม่ได้ยินคำสั่งแต่รู้ดีว่าต้องเป็นเช่นนั้น พิธานขมวดคิ้วนิดๆที่เห็นพระพายเทเหล้าให้ธนิต คงไม่ชอบใจเท่าไหร่นักที่พระพายต้องทำเช่นนั้นให้

“เธอไม่ดื่มเหรอ?” ธนิตมองพระพายที่นั่งนิ่งๆโดยที่แก้วตรงหน้าวางเปล่า

“เอ่อ..ผมไม่ไหวแล้วครับ” พระพายบอก

“อ่อนจริงๆ”


            ธนิตว่าพลางส่ายหน้าอย่างระอา พระพายรู้สึกเหมือนมีลูกดอกปักเข้ากลางหน้าผาก...น่าขายหน้าจริงๆ เป็นลูกผู้ชายที่โดนปรามาสจากผู้ชายด้วยกันว่าคออ่อน สงสารตัวเองจริงๆ


            พระพายที่นั่งยอมรับชะตากรรมตัวเองอยู่เงียบๆจนลืมมองไปเลยว่าตอนนั้นพ่อลูกคู่นี้กำลังทำอะไรกันอยู่ ธนิตกำลังยกแก้วบรั่นดีขึ้นมาดมกลิ่นนิดหน่อยก่อนที่จะดื่มเข้าไปพอประมาณ

“กลิ่นนุ่มนวลสมกับเป็นเอ็กซ์โอ” ธนิตว่า

“ไม่ใช่แค่กลิ่น...รสชาติก็ด้วย ต่อมรับรสพังแล้วเหรอครับ?” พิธานว่า ตอนนั้นเองพระพายถึงเลิกคิดเรื่องตัวเองและมานั่งดูความเป็นไปของทั้งสองคน

“ของอย่างนี้ต้องละเมียดละไมกันหน่อย ใครเขาบุ่มบามกันล่ะ?” ธนิตออกแนวจะตำหนิพิธาน แน่นอนว่าใบหน้าของพิธานกระตุกนิดๆเลยทีเดียว

“ช้าไปใช่จะดี บางอย่างบางเรื่องหากนานไปจะไม่ทันเอา” พิธานว่า ไม่รู้ว่าพิธานพูดถึงเรื่องอะไร..ใช่เรื่องการดื่มเหล้าอย่างนั้นหรือ

“ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ไม่เคยได้ยินรึไง?” ธนิตยกแก้วดื่มขึ้นอีกครั้ง พิธานมองคนตรงหน้าด้วยแววตานิ่งๆ

“สมัยนี้ช้าไม่ทันกินแล้วครับ..คุณพ่อ” พิธานว่าและยกแก้วดื่มหลังจากที่ธนิตวางแก้ว น้ำเสียงนั้นดูไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“เหมือนอย่างที่แกรีบมีแฟนอย่างตอนนี้น่ะเหรอ?” ธนิตถาม และนั่นคือการโยงเข้าสู่หัวข้อที่มีพระพายอยู่ในนั้นเต็มๆ

“อายุยี่สิบเก้านี่ยังเด็กอยู่เหรอครับ?” พิธานว่าพลางมองธนิตที่จ้องตอบกลับมาเช่นกัน

“ถึงจะยี่สิบเก้าแต่แกก็ยังเหมือนเดิม...ไม่รู้จักคิดเหมือนสมัยเด็ก” 

“เรื่องอะไรล่ะครับ ผมออกจะคิดได้เสมอ ว่าใครสมควรได้รับอะไรและไมได้รับอะไรจากผม”

“แล้วไอ้การคบผู้ชายเหมือนกันนี่เรียกว่าคิดได้แล้วเหรอ?” เหมือนจะพูดคนละหัวข้อกันเลยทีเดียว

“ผมคิดแค่ว่าสิ่งไหนคือความสุขผมก็จะทำมัน” พิธานว่า แววตาที่เริ่มจริงจังนั้นมองธนิตราวกับจะตอกย้ำว่านี่คือสิ่งที่ผ่าน
กระบวนการความคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว

“แน่ใจเหรอว่าจะสุขจริง?”

“คนอย่างคุณพ่อ ไม่มีทางเข้าใจหรอก” พิธานพูดลุกขึ้นและเดินออกไป

“คุณพิธานจะไปไหน?” พระพายร้องถามขึ้น

“ไปห้องน้ำ เดี๋ยวมา” บอกแล้วเดินเข้าไปในบ้านทิ้งให้พระพายอยู่กับธนิตเพียงลำพัง


        บรรยากาศตอนที่พิธานนั่งปะทะคารมกับธนิตว่าอึดอัดแล้ว แต่สภาพตอนนี้อึดอัดกว่าเป็นไหนๆ พระพายที่ไม่อาจจะหาหัวข้อในการพูดคุยใดๆได้เพราะดูอย่างไรแล้วธนิตก็ไม่ชอบขี้หน้าเขาอยู่ดี แต่พอๆคิดๆดูแล้วนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ไม่ได้มีมาบ่อยๆที่จะได้พูดกับธนิตตามลำพัง พระพายยังคงอยากให้ธนิตยอมรับเขาบ้างสักหน่อยก็ยังดี เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วพระพายจึงเริ่มเอ่ยปากพูดขึ้น

“คุณลุง...สบายดีไหมครับ?” พระพายถามอย่างกล้าๆกลัวๆ ธนิตมองหน้าพระพายก่อนตอบ

“สบายดี” ธนิตสั้นๆออกติดห้วนๆเสียด้วยซ้ำ พระพายกำลังนั่งนึกว่าจะถามอะไรต่ออีกแต่จู่ๆธนิตก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ไม่ต้องลำบากหาเรื่องชวนคุยกับฉันหรอก” ธนิตว่า พระพายได้แต่เลิกตาขึ้น...นิสัยแบบนี้เป็นกันเกือบทั้งบ้านเลยหรืออย่างไร นิสัยรู้ทันและพูดดักจนไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี

“ขอโทษครับ” พระพายได้แต่ก้มหน้า

“ฉันมีเรื่องจะถาม..เธอคิดว่าจะตอบฉันได้รึเปล่า?” ธนิตว่าพลางยกแก้วดื่มจนหมดแล้วยื่นแก้วให้พระพาย พระพายรู้งานทันทีว่าต้องเทเหล้าเติมให้

“คิดว่าได้ครับ” พูดพร้อมยื่นแก้วที่เติมเหล้าใส่ให้แล้ว

“เธอรักเขามากกว่าตัวเองไหม?” ธนิตถามตรงๆ พระพายที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว

“ตอบได้ไหมล่ะ?” ธนิตถามย้ำเมื่อเห็นว่าพระพายนิ่งไป


        คำถามนี้ของธนิตนั้นกำลังต้องการคำตอบแบบไหน คำตอบเอาใจเหมือนในละครทีวีที่พ่อแม่ของพระเอกถามนางเอกที่ฐานะยากจนกว่า ที่หากได้ยินแล้วจะรู้สึกว่าตัวนางเอกรักจริงไม่อิงเรื่องการเงิน หรือถามส่งๆไปเพราะจะอย่างไรก็ไม่เชื่อ พระพายคิดหลายตลบแต่ในที่สุดก็เลือกได้ว่า ความจริงเท่านั้นคือสิ่งที่จะบอกได้ ไม่อยากคิดอะไรให้มากมายไปกว่านี้แล้ว

“จริงๆ...ผมรักตัวเองมากกว่าครับ” นี่คือความในใจจริงๆของพระพาย

“รักตัวเองมากกว่า เลยคบกับลูกชายฉันเพื่อหวังสบายสินะ” ธนิตหมองเหยียดเมื่อได้ยินคำตอบของพระพาย

“ใช่ครับ ผมหวังสบายจริงๆ...เพราะทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันผมจะมีแต่ความสบาย...สบายใจทุกครั้งที่นั่งดูหนัง กินข้าวด้วยกัน สบายใจเสมอเวลาที่เขานั่งอยู่ข้างๆ แม้จะไม่พูดเยอะ เอ่อ...ที่จริงพูดเยอะกว่าตอนแรกๆที่เจอกันมากเลยล่ะครับ แต่ผมชอบช่วงเวลานี้จริงๆ ผมเลยเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะความสบายใจของผมคือคุณพิธาน”


        พูดออกมาพร้อมรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องล่าสุดที่นั่งดูหนังด้วยกันและซบไหล่พิธานไปด้วย รู้สึกเหมือนเป็นคู่รักวัยแรกแย้ม ทั้งๆที่มันตรงกันข้ามเพราะแท้จริงแล้วกลับเป็นคู่รักประหลาดที่ชอบร่วมรักกันด้วยความรุนแรงเร่าร้อนสุดๆ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ชีวิตรักของทั้งสองก็ยังมีเรื่องราวเล็กๆที่แสนจะกุ๊กกิ๊กไม่น้อยในความคิดของพระพาย

“จะเขินทำไม?” ธนิตเอ่ยแหวกความคิดอันหวานหอมของพระพายให้กระเจิงและกลับมาสู่บทสนทนาต่อ

“ขอโทษครับ” พระพายรีบขอโทษทันทีเมื่อถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริงต่อ

“ชอบอะไรในตัวพิธานถ้าไม่ใช่เรื่องเงิน”ดูเหมือนธนิตจะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้นิดหน่อยจึงถามต่อ

“บรรยากาศมั้งครับ...เหมือนเข้าถึงยาก เดาใจยากแต่หากตั้งใจมองก็จะรู้ว่าเขาคิดอะไร มันคือสิ่งแรกๆที่ดึงดูดผมเข้าไป” พระพายตอบได้ในทันที แต่อีกเรื่องที่บอกไม่หมด...คือความเข้ากันได้เป็นอย่างดีในเรื่องอย่างว่าด้วยเช่นกัน

“ไม่เคยคิดเหรอว่าความรักแบบพวกเธอมันจะไม่ยั่งยืน?” จ้องหน้าพร้อมถาม

“ไม่รู้หรอกครับว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้พวกเรามีความสุขในทุกๆวัน ผมบอกได้แค่นี้ครับ”

“ถ้าวันหนึ่งเกิดเลิกกัน กับเด็กที่ยึดติดมากขนาดนั้น คงจะเสียใจน่าดู”

            ธนิตพูดลอยๆขึ้นมา ฟังก็รู้ว่ากำลังพูดถึงพิธานเหมือนที่เคยได้ยินมาจากพัชชาถึงความยึดติดที่พระพายนึกภาพออกแต่ไม่รู้ว่าจะรุนแรงมากแค่ไหน คำพูดนั้นสำหรับพระพายแล้วเหมือนธนิตเป็นห่วงพิธานมากเลยทีเดียว

“ทำไมคุณลุงถึงไม่ยอมพูดดีๆกับคุณพิธานล่ะครับ?” พระพายที่หลุดสิ่งที่คิดอยู่ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ธนิตจ้องเขม็งโดยทันที

“ทำไมฉันต้องยอมอ่อนข้อให้ลูกชายที่หัวรั้นแบบนั้นล่ะ?” ธนิตว่าพลางกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างวางมาด ท่าทีเช่นนี้เหมือนมองเห็นพิธานในวัยแก่เลยทีเดียว

“แต่ผมคิดว่า ถ้าคุณลุงยอมอ่อนให้สักหน่อย...คุณพิธานก็จะรับรู้ได้นะครับ เพราะเขาเป็นคนละเอียดอ่อนพอตัวเลย” พระพายว่า ธนิตปรายตามองพระพาย ทำท่าจะพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่พิธานกลับเดินเข้ามาพอดี

“ทำไมไปนานจัง?” พระพายถามทันทีที่พิธานนั่งลง

“ไปแวะดูคุณแม่มา” พิธานตอบ

“คุณแม่หลับอยู่รึเปล่า?”

“นอนหลับอยู่” พิธานบอก

“แม่แกดีขึ้นเยอะแล้ว” ธนิตบอก พิธานไม่พูดอะไรก่อนที่จะยกแก้วดื่ม เมินคำพูดของธนิตซึ่งๆหน้า แน่นอนว่าผู้ถูกเมินนั้นคิ้วกระตุกขึ้นมาทันที

“โดนพูดอะไรไม่ดีรึเปล่า?” พิธานถามพระพายตรงๆต่อหน้าธนิตเลยทีเดียว

“แกเห็นฉันเป็นคนยังไง?” ธนิตถามด้วยอารมณ์โมโหพอควรที่ได้ยินเช่นนั้น

“คนยังไงล่ะ...คนที่ไม่คิดจะพูดดีๆกับคนอื่น” พิธานว่า พระพายรีบสะกิดพิธานทันที

“ไม่ๆ คุณลุงไม่ทำอย่างนั้นสักหน่อย” พระพายรีบออกตัวก่อนจะเลยเถิด ธนิตไม่พูดอะไรต่อก่อนที่จะกระดกแก้วดื่มที่เหลือจนหมดและลุกขึ้น

“กินเสร็จก็เก็บให้เรียบร้อยด้วย” ธนิตพูดเพียงเท่านั้นก่อนที่จะเดินออกไปและในขณะที่กำลังจะก้าวเดินเข้าประตู ธนิตก็หันมาบอก

“อย่านอนดึกล่ะ...พระพาย”


             ธนิตพูดก่อนจะเดินหายไป ทิ้งให้พระพายนั่งงงและกำลังคิดว่าตัวเองหูฝาดหรือเปล่าที่ได้ยินธนิตเรียกชื่อ จึงหันไปยืนยันความจริงกับพี่พิธานที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยใบบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด

“เมื่อกี้พ่อคุณเรียกชื่อผมใช่ไหม...” พระพายถามพลางจ้องหน้าหาคำตอบ พิธานพยักหน้านิดๆ

“จริงๆใช่ไหม?” ถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้พิธานไม่ได้หยักหน้าแต่กลับพูดออกมาแทน

“ใช่...แต่ตอนที่ฉันไม่อยู่เขาพูดอะไรกับนาย?” เสียงดูตึงๆไม่ต่างจากหน้าตาตอนนี้เลย

“หืม....ก็พูดคุยทั่วไป” พระพายตอบในทันที

“เรื่องทั่วไป อะไรล่ะ?” พิธานจี้คำถาม พระพายชะงักไปนิดก่อนตอบ

“ก็...ถามเรื่องผมว่าเป็นไงมาไงประมาณนั้น” นี่คือการโกหกที่ปรับอารมณ์ได้ยากมาก เพราะความลิงโลดไม่ทันจะหายแต่กลับต้องมาโดยบี้ด้วยคำถามเช่นนี้

“ไม่ได้มีอะไรแปลกๆใช่ไหม?”

“ไม่เลย...ว่าแต่คุณไม่ดีใจเหรอที่พ่อคุณท่านเริ่มเปิดใจรับผมสักนิดแล้ว?” พระพายถาม

“ฉันไม่เคยสนหรอกว่าเขาจะรับได้ไหม ฉันสนแค่คนที่ฉันแคร์” พิธานบอกเพียงเท่านั้น

“อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ ไปนอนดีกว่า เริ่มดึกแล้ว” พระพายปัดเปลี่ยนหัวข้อไปทันทีเพราะจะอย่างไรพิธานก็คือพิธานที่ไม่คิดจะญาติดีกับพ่อตัวเอง

“อืม” พิธานตอบรับสั้นๆก่อนที่จะเก็บแก้วและขวดเหล้าเข้าที่ เดินขึ้นไปยังห้องนอนพร้อมกันทั้งสองคน...
.
.
       เช้าวันอาทิตย์มาเยือนแล้ว เมื่อคืนเดินมาถึงห้องนอนหัวแตะหมอนพระพายก็หลับลงอย่างรวดเร็ว ไม่รู้เพราะง่วงหรือดื่มเหล้าหรือดีใจที่ธนิตเริ่มจะเปิดใจขึ้นมาบ้างแล้ว


            ตื่นมาก็พบว่าพิธานยังคงหลับอยู่ข้างๆ พระพายได้แต่บิดขี้เกียจและนอนบิดไปบิดมาเพราะไม่อยากลุกจากเตียงเท่าไหร่นัก เมื่อตื่นมาก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืน ถ้าหากธนิตเริ่มใจอ่อนกับเขาแล้ว คงจะง่ายขึ้นหากคิดจะสามสัมพันธ์ของสองพ่อลูกนี้
พระพายหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางข้างหมอน เปิดดูก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบสิบโมงแล้ว พระพายจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่ก็ลืมไปว่าเสื้อผ้าสำหรับกลางวันไม่มีเปลี่ยน พระพายจึงใส่ชุดนอนตัวเดิม ออกมากจากห้องน้ำและหยิบเสื้อผ้าที่ถอดกองไว้ ทั้งของตัวเองและของพิธานเพื่อจะเอาลงไปซัก เปิดประตูออกไปพบว่าป้าแม่บ้านเดินขึ้นมาพอดี

“คุณพระพาย จะเอาเสื้อผ้าไปไหนคะ?”

“เอาไปซักครับ”

“เดี๋ยวป้าจัดการให้ค่ะ อบแห้งเสร็จก็ประมาณบ่ายโมงน่าจะได้ใช้ค่ะ” พูดพลางรับเสื้อผ้าไปทั้งหมด

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมใส่ชุดนอนรอก่อนก็ได้” พระพายว่าและเดินกลับเข้าห้องไปและพิธานยังคงไม่ตื่นอยู่ดี


        พระพายไม่ได้สิงที่เตียงต่อจึงเดินดูรอบๆห้องว่ามีของอะไรน่าสนใจหรือไม่ มองรูปภาพสองสามรูปของพิธานที่เป็นรูปสมัยมัธยมและข้าวของที่ไม่ได้เยอะแยะหากเทียบกับแผ่นหนังซื้อเยอะกว่าเป็นไหนๆ มองหาอยู่พักใหญ่จนเมื่อไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่พระพายจึงคิดจะลงไปยังด้านล่าง ก่อนออกไปก็แอบไปดูพิธานว่ามีท่าทีจะตื่นหรือไม่แต่ก็เปล่าอยู่ดี พระพายจึงก้มลงจูบแก้มพิธานเบาๆก่อนที่จะเดินออกไป


        ลงมายังชั้นล่างพบว่าธนิตกับพัชชานั่งอยู่แล้ว พัชชาที่ดูจะสดชื่นขึ้นแม้จะไม่เหมือนยามปกติแต่สีหน้าดีกว่าเมื่อคืนมาก ทั้งสองนั่งคุยอะไรกันสักอย่างแต่พระพายไม่ทันได้ยิน บทสนทนานั้นก็พลันหยุด พัชชาหันมาทักทายพระพาย

“ตื่นแล้วเหรอ?” พัชชาทักทาย

“ครับ” ขานรับพลางนั่งลงตรงโซฟา

“ทำไมยังใส่ชุดนอน?” ธนิตมองอย่างไม่ชอบใจ

“เอ่อ เสื้อผ้ากำลังซักอยู่ครับ บ่ายๆน่าจะได้เปลี่ยน” พระพายบอก ธนิตไม่ว่าอะไรอีก

“เอ๊ะ....พูดกับพระพายแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?” พัชชาถามอย่างแปลกใจ

“ทำไมจะพูดไม่ได้” ธนิตทำหน้านิ่งก่อนที่จะหันหน้าไปมองทีวีแทน

“ค่ะ พูดได้ค่ะ” พัชชายิ้มเชิงล้อเลียนก่อนที่จะหันมาพูดกับพระพาย

“พิธานยังไม่ตื่นสินะ”

“ครับ”

“หิวรึยัง เดี๋ยวจะได้ให้เด็กจัดโต๊ะให้”

“ยังครับ เดี๋ยวรอคุณพิธานตื่นดีกว่า ว่าแต่คุณแม่กินข้าวเช้าแล้วใช่ไหมครับ?”

“แม่กินแกงจืดแล้ว” พัชชาว่า

“คุณอาการดีขึ้นรึยังครับ?” พูดไม่พอ ใช้สายตามองไปรอบๆตัวของพัชชา

“เกือบจะหายแล้วล่ะ ตอนนี้หยุดถ่ายแล้วนะ มีมวนท้องแต่แค่นิดหน่อย” พัชชาตอบ

“ดีจังเลยครับ เมื่อคืนคุณแม่เข้าห้องน้ำบ่อยมากจนกลัวจะไม่ไหว” พระพายดูโล่งใจขึ้นเยอะ

“ขอบใจพระพายมากจริงๆ แม่ดีใจนะที่พระพายมาอยู่ตรงนี้ได้”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”


        จากนั้นก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อยโดยที่มีธนิตนั่งอยู่เงียบๆโดยในมือถือไอแพดนั่งอ่านอะไรสักอย่าง แต่กระนั้นก็ไม่ยอมลุกไปไหน มีบางทีที่เหลือบมองเมื่อคุยเรื่องตลกๆของพิธานแล้วพระพายกับพัชชาพากันหัวเราะ

“มาแล้ว” พัชชาว่าพลางมองไปยังพิธานที่เดินลงมาพร้อมพร้อมหน้าตาที่ล้างและผมที่ไม่ได้ชี้โด่ชี้เด่ คงจัดการตัวเองเรียบร้อยแม้ว่าจะยังไม่ได้เปลี่ยนชุดก็ตามที

“ตื่นแล้วเหรอ?” พระพายว่าพลางยิ้มให้ พิธานนั่งลงข้างๆพระพาย

“คุณแม่ดีขึ้นรึเปล่า ยังปวดท้องอยู่ไหมครับ?” พิธานถาม แม้น้ำเสียงจะนิ่งๆแต่ดูเป็นห่วงไม่น้อยเลยทีเดียว

“ดีขึ้นมากเลย เพราะพิธานมาดูแลแม่นั่นแหละ”


             พัชชาว่าพลางยิ้มเอาใจ พิธานไม่พูดอะไรแต่รู้สึกเหมือนกำลังจะยิ้มนิดๆ ธนิตหันมองพิธานและแน่นอนว่าพิธานเมินเฉยราวกับธนิตไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น

“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” พิธานหันมาถามพระพายบ้าง

“พักใหญ่แล้ว”

“หิวไหม?” พระพายว่า คิดว่านั่งคุยกันแค่ไม่นานแต่เวลาผ่านมาจะเป็นชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันพอดี

“เริ่มแล้วล่ะ” พิธานตอบ

“ข้าวเช้าข้าวเที่ยงรวมกันเลย” พระพายว่าพลางหัวเราะ พัชชาจึงหันไปถามธนิต

“คุณคะ กินข้าวเที่ยงเลยไหม?”

“ก็ได้” ธนิตตอบเพียงเท่านั้น

“เดี๋ยวขอไปดูหน่อยว่ากับข้าวเสร็จรึยัง” พัชชาว่าพร้อมลุกขึ้น พระพายจึงลุกตามไปด้วย


        ผ่านไปพอสมควรอาหารก็วางบนโต๊ะ อาหารประมาณสามสี่อย่างเพราะจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นอีกทั้งบวกกับอาหารรสอ่อนๆเพื่อคนเพิ่งหายป่วยอย่างพัชชา พัชชาดูมีความสุขสังเกตได้จากการยิ้มแย้มและพูดคุย ตัดอาหารให้ทั้งธนิต พิธานและพระพายอยู่ตลอดเวลา

“ตักกินเองบ้างสิ” ธนิตปรามขึ้นเมื่อเห็นพัชชาเอาแต่ตัดให้คนอื่นจนไม่ยอมกินเอง

“ฉันไม่ค่อยหิวนี่คะ” พัชชาว่า ธนิตส่ายหน้านิดๆก่อนที่จะรวบช้อนบ่งบอกว่าอิ่มแล้ว ทั้งพิธานและพระพายก็เช่นกัน ที่อิ่มจัดเพราะอาหารที่พัชชาตักให้นั้นเยอะเอาการเลยทีเดียว

“เสื้อผ้าซักเสร็จแล้วนะคะ อยู่ในห้องแล้วค่ะ” ป้าแม่บ้านบอก ทั้งสองคนจึงขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พิธานเปลี่ยนเสร็จก่อนและนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ พระพายที่เสร็จทีหลังจึงเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ

“ไคชวนไปซื้อของ” พิธานบอกเช่นนั้น

“ตอนนี้เหรอ?”

“ใช่ วันเกิดเพื่อนพรุ่งนี้”

“ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเลยดีกว่า”

“อืม” ทั้งสองคนลงมายังข้างล่าง เห็นธนิตกับพัชชานั่งดูอะไรสักอย่างในไอแพดด้วยกันโดยทีพัชชานั่งหัวเราะ

“มาแล้วเหรอ นี่ๆมาดูคลิปนี้สิ ตลกมากเลย” พัชชากวักมือเรียกทั้งสอง

“คุณแม่ ผมต้องกลับแล้วครับ” พิธานบอก

“อ้าว ทำไมรีบจัง เย็นๆหน่อยไม่ได้เหรอ?” พัชชาเริ่มหน้าตูมขึ้นเมื่อได้ยินว่าทั้งสองจะกลับกันแล้ว

“พอดีมีธุระนิดหน่อยครับ” พระพายสำทับขึ้นมาอีกคน

“ก็ได แต่วันหลังต้องมาอีกนะ เข้าใจไหม?” พัชชาว่าพลางบังคับเอาคำตอบ

“ได้ครับ” พิธานว่า

“ถ้าอย่างนั้นผมลานะครับ” พระพายว่าพลางยกมือไหว้พัชชา ที่รับไหว้และกอดพระพายแถมด้วย พิธานก็โดนด้วยเช่นกัน

“ไปนะครับคุณลุง” พระพายหันไปยกมือไหว้บอกธนิต ด้านพิธานยกมือไหว้แบบรีบๆ

“เรียกว่าอะไร?”

“ครับ?” พระพายทวนคำถามอย่างงงๆ

“เรียกคุณพัชชาว่าแม่ แต่เรียกฉันว่าลุงเหรอ? ช่วยเรียงลำดับให้มันถูกหน่อย” ธนิตว่าพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย

“ผมต้องเรียกว่า..คุณ..เอ่อ..คุณพ่อ..เหรอครับ?” พระพายเข้าใจอย่างนั้นได้อย่างเดียวจริงๆ

“ก็เรียกถูกแล้วนี่” ธนิตว่า พิธานที่ดูจะอึ้งๆไปนิดก่อนที่จะปรับสีหน้าเข้าสู่โหมดปกติ พัชชาอมยิ้มจนแก้มแทบปริเลยทีเดียว

“คุณพ่อนี่น่ารักจังนะ” พัชชาว่าพลางเหล่มองธนิตที่เหมือนปรายตามองแบบดุๆ

“น่ารักอะไรคุณ พูดดีๆหน่อย” ธนิตว่าก่อนจะลุกขึ้นและทิ้งท้ายประโยคสุดท้าย

“ขับรถกันดีๆล่ะ” พูดจบก็เดินขึ้นไปยังชั้นสอง ทิ้งให้คนสามคนยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะมีรู้จะมีปฏิกิริยาตอบโต้ว่าอย่างไรดี

“เอ๊ะ...อย่างนี้ได้เหรอ?” พัชชาหันมามองพระพาย พระพายได้แต่ยิ้มๆ ด้านพิธานไม่พูดอะไรได้แต่เดินออกไปยังนอกบ้านด้วยความรวดเร็ว

“พระพาย....” พัชชาจับมือพระพายด้วยความดีใจจนกลั้นไว้ไม่อยู่

“ไว้คุยกันนะครับคุณแม่” พระพายยิ้มกว้างและรีบเดินตามพิธานไปทันที พระพายเดินตามออกมาพบว่าพิธานเปิดเครื่องยนต์รถแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นพระพายก็รีบขึ้นรถทันที

“เอ่อ..คุณพิธาน” พระพายเอ่ยเรียก ตอนนี้พิธานยังไม่ออกรถคงกำลังอุ่นเครื่องยนต์นิดหน่อย

“ว่าไง”

“ผมควรจะทำไงต่อดี?” พระพายว่าพลางจับแขนของพิธาน

“ทำไงล่ะ?” ใบหน้านิ่งๆนั้นถามกลับ

“เขา...เขาเริ่มเปิดรับผมแล้วเหรอ?”

“ตกใจเหรอ?” พิธานถาม

“สุดๆเลยล่ะ” พระพายยังคงทำตัวไม่ถูกอยู่

“นายเป็นคนน่ารัก..และไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นที่เห็น” พิธานว่าพลางเอื้อมมือไปลูบหัวพระพาย ที่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“คุณ..รู้สึกยังไง?”

“ไม่รู้....แต่เห็นนายดีใจฉันก็ดีใจ” พิธานว่าก่อนที่จะขับรถออกไป


        พระพายได้แต่มองสีหน้าด้านข้างของพิธาน สายตาที่เห็นดูวูบไหวและเหมือนจะคิดอะไรอยู่สักอย่าง ท่าทีเช่นนั้นเหมือนกำลังตรึกตรองใคร่ครวญบางสิ่งอยู่ คงกำลังไม่มั่นใจในท่าทีของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่และคงสับสนในอะไรสักอย่าง เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว จึงกำลังใจมีมากขึ้นที่จะหาทำให้ทั้งสองคนกลับมาดีกันดั่งเดิม พระพายจะบุกทำแผนนี้ให้สำเร็จอย่างเต็มตัวเสียที...


Lyrics: I won’t give up By Jason Marz.
   
 


ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ก้าวหน้าดีนะ พระพาย  :katai2-1:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
วุ้ยยยยยให้เรียกคุณพ่อแล้วเว้ยยย อมยิ้มแก้มปริเลยกู ดีใจกับพวกเขา พิธานถึงกับสตั้น3วิ  5555 เริ่มยอมรับและอ่อนลงให้กับทั้งคู่แล้ว ก้าวหน้าไปอีกขึ้น อีกไม่นานก็สำเร็จนะพระพาย รอตอนต่อไปเลยนะ ขอบคุณที่แต่งและมาอัพนะคะ รอเสมอค่ะ สนุกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
พ่อของพิธานเป็นคุณพ่อสายซึนสินะ  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คุณพ่อมุมอ่อนโยน

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
คุณพ่อ ปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ เลยกลับตัวลำบาก

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ฮือออ ฉากนี้น่ารัก คุณพ่อน่าหมั่นเขี้ยวมากอ้ะ555

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ความอ่อนโยนของพระพายกำลังแทรกซึมสำเร็จสินะ
คุณพ่อเนี่ยเป็นพวกซึนเดเระสินะ

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
พ่อของพิธานและพิธานเป้นพวกปากแข็งแต่อ่อนโยน
ชอบน้องพระพายที่สุดน่าแกล้งมาก
รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ o13

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ชอบความเก๊กของคุณพ่อจริงๆ55555

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ดีแล้วๆ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
คุณพ่อ!!!!  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ minicabbage

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พ่อกับลูกมาดเยอะทั้งคู่เลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด