Home * Mate ll ต้นไม้...นายหน้า ตอนที่ 22 (210222)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Home * Mate ll ต้นไม้...นายหน้า ตอนที่ 22 (210222)  (อ่าน 27158 ครั้ง)

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เป็นเพื่อนกันแล้ว เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันค๊ะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขำเป ตามไปดูเงินหมื่น แต่ไม่เห็นเพราะเขาโอนให้กัน อิอิอิ
แถมยังเลี้ยงข้าวต้มหน้าคอนโดอีก นึกว่าพาไปกินร้านหรู
ต้นสน.. นี่จอมชงเลยนะ มีแต่เปเท่านั้นที่ยังไม่รู้ตัว
 :really2: :really2:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เป ขอร้อง 555555555555555555555
เป็นเพื่อนกันแล้วๆๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1

 :katai2-1: นี่ได้อยู่ด้วยกันก็แทบจะ 24 ชมเลยนะนั่น  แต่แค่เพื่อนค่ะ 5555555555 ไม่เป็นไรๆ เรารอไปเรื่อยๆได้

ออฟไลน์ chap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพื่อนกันเนอะเพื่อนกัน  o18

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
เอ็นดูน้องเปลนางกวัก
ชอบเวลาจุนเปลอยู่ด้วยกันมากๆเลยค่ะ
ถ้าครบหกเดือนแล้วเปลี่ยนสัญญาเป็นอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตเลยไหมจ๊ะ หุหุ
 :pig4:

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
HomeMate
Casting : Jun x Pae
Writer : Kajidrid

Home*Mate [14]


การตาย กับการหลับเป็นตาย น่าจะคล้ายๆ กัน
ผมตื่นมาสักพักแล้วครับ แต่ว่ายังไม่ได้ลุกจากเตียง
ห้องนอนผมแท้ๆ แต่กลับมีเสียงกรนเซ็งแซ่ทั้งที่ผมกำลังตื่นอยู่
กรอกตาไม่กี่หน ผมก็ลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืด
เสียงกรนยังมีต่อเนื่อง มันไม่บางลงเลยแม้ว่าจะมีมนุษย์อีกคนลุกขึ้นนั่งบนเตียงเคียงกับผม

“หนวกหูเนอะ”

“อืมดิ” ผมตอบรับคำชวนวิพากษ์สถานการณ์ อีกคนที่ฟื้นสติแล้วหยิบโทรศัพท์มากดดู จากนั้นก็รายงานต่อ

“ตีสองอ่ะ ขอโทษนะคุณ”

“นั่นดิ” ผมตอบรับคล้ายๆ เดิม ไม่หันมองหน้าเขาเพราะในห้องที่เราอยู่กันนี้มันมืด

“เอาไงดีอ่ะ”

“ก็ต้องนอนต่ออ่ะ พรุ่งนี้ทำงาน”

“แต่ไอ้ต้น”

“ก็เออ นั่นดิ ไอ้ต้น” ผมรู้สึกหนักหัว อยากหลับต่อ แต่เสียงรกหูก็คงไม่หยุดลงง่ายๆ

“ปลุกมันไปนอนข้างนอกดีมั้ย”

“จะตื่นหรอคุณ ลึกขนาดนี้”

“ก็ออ นั่นดิ” นายค้ำจุนลอกคำผมบ้าง

ผมถอนหายใจ เขาก็ถอนหายใจในจังหวะเดียวกัน จบเสียงเฮ้ออันเหนื่อยหน่าย นายค้ำจุนก็วางแผนครับ

“ไปนอนห้องผมเถอะ”

“แต่มีต้นไม้”

“แค่นิดหน่อย ไม่ทำให้เราหายใจไม่ออกตายหรอกคุณ เดี๋ยวลากมาไว้หน้าโซฟาก็ได้  2 กระถางเอง
ไอ้ต้นมันไปไกลมากแล้ว เชื่อเถอะ ปลุกไม่ตื่นหรอก ต่อให้ตื่นมันก็หลับใหม่อย่างง่ายดาย แล้วก็กรนต่อ”

“งั้นไปนอนห้องคุณกันเถอะ” ผมเอออออย่างงัวเงีย ลุกจากเตียงตามแรงดึง เดินออกจากห้องตามแรงจูง และเอนตัวลงบนเตียงนอนในอีกห้องหนึ่งตามแรงผลัก

ผมไม่ใยดีว่านายค้ำจุนจะย้ายต้นไม้ไว้ที่ไหน พื้นเป็นรอยมั้ย แล้วเมื่อกลับเข้าห้องมาแล้วเขาจะนอนตรงมุมไหน ผมช่างแม่งมันทุกอย่างเพราะความง่วงและความเหนื่อยล้าจากการทำงานเล่นงานเอา


ตื่นมาอีกทีก็ค่อนไปทางสายแล้วครับ ดีว่าวันนี้ งานแรกของวันเกิดขึ้นที่บริษัทนายค้ำจุน เอ้ย! บริษัทพี่นิทัศน์ ผมนัดกับยาดาที่บริษัทลูกค้าตอน 10 โมงเช้า เรามีประชุมร่วมกันกับทีมพีอาร์องค์กรและทีมบริหารครับ

ผมตื่นเพราะเสียงคุยกันโหวกเหวกแว่วเข้าหู ตัดสินใจเปิดประตูมาอวดสติตัวเองจึงได้เจอกับไทยไฟท์คู่เด็ด

“มึงนั่นแหละไอ้ต้น ชีวิตกูกับเปจะดีมากถ้าเมื่อคืนมึงไม่ขัดขึ้นมา ลั่นขนาดนั้นจะให้พวกกูนอนกันต่อได้ไง กูนึกว่าแผ่นดินทรุด ครืดคราดเก่ง มึงตั้งใจเกิดมาเป็นใบผาลถากหน้าดินหรอ ครืดคราดอยู่ได้ทั้งคืน” ภาษาด่าอะไรวะเนี่ย ผมฟังไปงงไป นายต้นหันหน้าโกรธมามองผมแล้วก็สะบัดใส่ เอ่อ...โทษนะ คุณมึงกี่ขวบแล้วต้น

“ก็ปลุกกูสิ”

“ต้น มึง.....พูดออกมาได้ไง ปลุกสิ
มึงไม่รู้ตัวนี่ว่ากูเขย่ามึงแรงกว่าเซียมซีศาลเจ้า
พวกกูก็เหนื่อยกันมั้ย ง่วงก็ง่วง ยังต้องมาอีโวร่างเพื่อเรียกพลังปลุกมึงอีกเนี่ยนะ
เลิกงอแงได้แล้ว ไปเยี่ยวให้เสร็จๆ พวกกูต้องไปทำงาน”

“ใช่สิ!” ทิ้งไว้เท่านี้แล้วก็เดินอาดๆ ไปเข้าห้องน้ำ มีนายค้ำจุนถอนหายใจไล่ตูด เขาเบนความสนใจมาที่ผม เช็คเวลากับนาฬิกาเล็กๆ แล้วก็ส่งสีหน้าขอโทษ

“เอ่อ....คนมันจะกรนอ่ะคุณ อย่าไปว่าอะไรนักเลย ไม่มีใครอยากกรนจนกวนคนอื่นหรอก” ผมทำตัวเป็นกรรมการห้ามศึก

“ก็จะไม่ด่ามันหรอก ถ้าไม่มางอแงน่าเตะ” เขาเกริ่นที่มาที่ไปของอาการเม้งใส่เพื่อน

“ทำไมหรอ”

“มันมางอแงว่าพวกเราทิ้งมันไปนอนกกกัน 2 คน มาว้าเหว่ห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ ไอ้ประสาทแดก
น่าเตะปากมั้ยล่ะ ใครนอนกกใคร พูดหมาๆ ใช่มั้ยล่ะคุณ”

“เออ หมา ไม่ได้กกกันซะหน่อย ก็นอนปกติ”

“นั่นดิ”

แล้วก็เงียบครับ....ผมไม่รู้ว่าเขาเงียบลงเพราะอะไร แต่ผมเนี่ย เงียบไปเพราะนึกย้อนอยู่ว่าเมื่อคืนนอนยังไงวะ? แต่ตื่นมาก็รู้สึกปกตินะ

ตัวผม ซึ่งเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนคบใครยาก ตอนนี้กลับไม่รู้สึกประดักประเดิดใดๆ กับที่มีใครก็ไม่รู้ เพื่อนก็ไม่ใช่ คนรู้จักก็ไม่เชิง มาแชร์พื้นที่ส่วนตัว
ผมไม่ได้หมายถึงนายค้ำจุนครับ ตอนนี้นายต้นสนเองก็ดูเหมือนชินชาหนังหน้าแล้ว เวลาพูดว่า คืนนี้ขอค้างด้วยนะเป

มื้อเช้าเช้านี้ ใครสนิทกับห้องนี้น้อยที่สุดเป็นคนทำ พรมแดงเลยทิ้งตัวลาดยาวสู่ปลายเท้านายต้นสนครับ ส่วนผมและเพื่อนของเขาก็นั่งรอกิน

สิ่งที่นายต้นสนบันดาลมาให้ตรงหน้าก็โอเคครับ พอกินได้ ขนมปังปิ้งกับนมที่ซื้อตุนติดตู้เย็นกันไว้ตั้งแต่ต้นเดือน

“แล้วมึงกลับบ้านมึงเลยมั้ย” นายค้ำจุนที่ยังกัดขนมปังปิ้งปาดแยมส้มคาปากอยู่ถามเพื่อน ส่วนผมซึ่งกินนำไปแล้วครึ่งแผ่นก็หันไปรอคำตอบของนายต้นสนเหมือนกัน

“เดี๋ยวจะไปบ้านพี่ปรีก่อน แกชวนไปดูฟรองซัวร์ แกผสมเอง เห็นว่าได้ด่าง”

“หรอวะ?” ไม่ใช่แค่เสียงหรอกครับที่ฟังก็รู้ว่าโคตรตื่นเต้น อาการแทบจะทิ้งขนมปังที่ห้อยอยู่ปลายขบฟันบอกกันได้ดี นายค้ำจุนที่โคตรบ้าต้นไม้

“อ่า....แล้วสรุป คุณจะไปทำงานหรือไปดูด่างกับต้นเนี่ย” ผมขอคำตอบครับ จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่สนใจ แต่ที่ต้องรู้ก็เพราะว่าการไปทำงานหรือไม่ไปทำงานของนายค้ำจุนนั้น มีผลกับการเดินทางของผมวันนี้

ผมนัดประชุมกับลูกค้าตอน 10.00 น.ครับ และลูกค้าที่ว่า ก็คือบริษัทนายค้ำจุน เอ้ย! บริษัทที่นายค้ำจุนทำงานอยู่นั่นแหละ

“อ่อ... คุณมีประชุมที่บริษัทผมนี่นา” แหนะ สุดท้ายก็ยอมรับแล้วสิว่าเรียกแบบนี้มันง่ายกว่า ผมพยักหน้ารับการตระหนักรู้ (สักที) ของเขา แล้วก็ทำตาโตขอคำตอบอย่างเป็นทางการ
“แต่ผมไม่ต้องเข้าประชุมด้วยนี่ ใช่มั้ย?”

“ผิดแล้ว คุณนั่นแหละเจ้าภาพ” ผมย้ำข้อเท็จจริงให้เขาได้รู้

“เอ๊ะหรอ?”

“ก็เออสิ”

“งั้นผมยกเลิกก็ไม่น่าเกลียดน่ะสิ เจ้าภาพย่อมมีสิทธิตัดสินใจ”​

เอาจริงดิ? หน้าผมคงบอกเขาแบบนี้แน่ๆ นายค้ำจุนถึงได้หัวเราะออกมาในท้ายที่สุด

“ล้อเล่นน่า ผมรู้หรอกว่าอะไรสำคัญกว่ากัน”

“ประชุม?”

“ไปดูด่างสิคุณ!”

ไอ้เวร!!!! คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่าผมด่าใคร

สุดท้าย นายต้นสนก็เป็นคนไกล่เกลี่ยครับ ไม่อย่างนั้นพวกผมคงด่ากันอ้อมๆ จนไม่จบเรื่องกันเสียที สรุปแล้ว นายค้ำจุนไปดูด่างไม่ได้เพราะต้องประชุมกับผมก่อน แน่นอนว่านายต้นสนเชื่อว่าผมสำคัญกว่าต้นไม้อยู่แล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นความคิดที่เข้าท่าที่สุดที่เขามี

นายต้นสนแยกตัวไปตามเส้นทางสายด่าง ส่วนผมและเพื่อนสนิทของเขา ติดแหงกกันอยู่บนถนนครับ แม้เราจะเร่งรีบ แต่ก็ทำอะไรกับการจราจรที่แน่นขนัดแบบนี้ไม่ได้ ทำได้ดีสุดก็คือการเอนจอยไปกับมัน นั่นก็คือการฟังเพลงกันไปเพลินๆ เงียบๆ ครับ

“หลับก็ได้นะคุณ เดี๋ยวถึงแล้วปลุก หรือจะให้ปลุกก่อนหน้านั้นเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของพีอาร์” หมอนี่คงหลงใหลการทำเกษตรมากๆ แน่นอน เอะอะก็ถากถาง และผมก็เป็นคนครับ ไม่ใช่วัชพืช เลยไม่นึก ปลื้มฝีปากเขา แต่สิ่งที่เลือกแสดงออกก็แค่เหล่มองเท่านั้น ยอมรับก็ได้ว่ายังง่วงอยู่ ก็เมื่อคืนนี้ไม่ได้หลับยาวนี่ครับ มีเสียงแห่เรือยาวมารบกวน
“หลับได้จริงๆ คุณ ติดขนาดนี้ อีกสักครึ่งชั่วโมงแหละ กว่าจะถึง”

“งั้นหลับนะ”

“ใจจืดขนาดนั้นก็เอาสิ”  แหม แล้วปากดีมาบอกให้หลับ ผมขำฮึเย้ยเขา นั่งกอดอกถ่างตาเปิดหูอยู่ข้างคนขับที่หน้าง่วงไม่แพ้กันไปตลอดทาง

ถึงบริษัทเขาก็เกือบถึงเวลาประชุมแล้ว ผมโทรเช็คยาดาว่าอยู่พิกัดไหนของโลก เพื่อนผู้มากความรับผิดชอบบอกว่ามาถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว นั่นทำให้ผมรู้สึกชนะเจ้าภาพผู้จัดการประชุมขึ้นมาทันที ผมและนายค้ำจุนแยกกันตั้งแต่ชั้นจอดรถ เขาต้องเข้าฝ่ายเขาก่อน ส่วนผมรีบเร่งฝีเท้าไปหายาดาที่ห้องประชุมหลักซึ่งอยู่คนละชั้นกัน

“เหนื่อยมาเลยนะ” ยาดาทักทายอย่างน่าเอ็นดูครับ ผมยักคิ้วยอมรับสภาพ ชี้ขวดน้ำเปล่าที่วางประจำตำแหน่งเก้าอี้เป็นเชิงถามว่า ดื่มได้มั้ย? เมื่อเพื่อนพยักหน้ารับรองว่ามันเป็นน้ำที่ดื่มได้ ผมก็ดื่มน้ำดับความเหนื่อยทันที
“แล้วมายังไง”

“มากับจุน” ตอบเท่านี้แล้วก็กระดกขวดดื่มน้ำอีกอึกใหญ่

“อ่อ เราก็ลืมไปว่าอยู่ด้วยกัน จริงๆ ก็นึกได้ตั้งแต่เริ่มห่วงว่าเปจะมาสายแล้วแหละ เกือบจะโทรหาแล้ว แต่นึกได้ก่อนว่าเปกับจุนอยู่กินกันแล้ว”

“ดา ขอเถอะว่ะ อย่าอำเรื่องนี้ได้มั้ย  ไม่ตลก”

“ใช่ ไม่ตลก น่ารักออก”

“ไอ้ยาดา”

“จ้าๆ ไม่อำก็ได้ ใครเขาเอาเรื่องจริงมาพูดเล่นกัน เนอะเปเนอะ”

“ไอ้ดา”

เขม่นใส่ให้ตายไปข้างนึง ผมก็เชื่อว่าเพื่อนไม่เลิกอำหรอกครับ มันคงเป็นเรื่องสนุกสำหรับเพื่อน แต่มันไม่ค่อยสนุกสำหรับผมนักหรอก

อยู่กินกัน นั่นมันคำของผัวเมีย ซึ่งผมกับนายค้ำจุนไม่ใช่

ยาดาหัวเราะส่งท้าย จากนั้นก็กางแผนประชุมขึ้นมาเพื่อทวนงานกันอีกรอบ

ลูกค้ารายนี้เพิ่งเซ็นสัญญาจ้างพวกผมมาดูแลเรื่องงานพีอาร์ครับ วันนี้นัดประชุมกันครั้งแรกเพื่อรับฟังว่าลูกค้าต้องการสื่อสารต่อสาธารณะเรื่องอะไรบ้าง จะได้วางแผนเกี่ยวกับช่องทางการสื่อสาร และรูปแบบคอนเทนท์กันได้อย่างเหมาะสม

ผู้เข้าร่วมประชุมวันนี้ มีตั้งแต่ระดับกรรมการผู้จัดการ , ผู้จัดการทั่วไป , สื่อสารองค์กรบริษัท และผู้จัดการโปรเจคระหว่างประเทศครับ ตำแหน่งสุดท้ายที่เอ่ยหมายถึงนายค้ำจุนนั่นเอง

พวกเรานั่งประชุมงานกันอย่างขะมักเขม้น ทุกคนล้วนแสดงความคิดเห็นกันตามบทบาท จะมีล้นบทบาทก็แค่คนเดียวครับ นายค้ำจุน

เขาไม่มองผม ไม่แสดงอาการว่ารู้จักกับผมและยาดามาก่อนแล้วแม้ว่าระดับหัวอีก 2 ท่านที่ร่วมประชุมด้วยจะแสดงออกชัดเจนว่ารู้จักผมกับยาดามาอยู่ก่อนแล้วก็ตาม  ผมไม่เข้าใจหรอกครับว่าเขาวางทีท่าแบบนี้ทำไม แต่ผมก็ไม่พอใจมากๆ เหมือนกัน

“ก็..ราวๆ นี้แหละเป ดา เดี๋ยวให้ทีมจุนเขาฟอลโลวอัพนะ
หรือมีข้อมูลอะไรที่อยากได้ หรืออยากให้เคลียร์ให้ชัดกว่านี้ ก็บอกจุนไว้ ...
รุ่น ๆ เดียวกันล่ะมั้ง รู้จักกันไว้ซะ”

“ครับ” นายค้ำจุนตอบรับ และก็ทำให้ผมกับยาดาตาพองขึ้นอีกรอบจนได้ นายคนนี้ตบๆ ตามกระเป๋าตัวเอง ทั้งเสื้อเชิ้ต ทั้งสูท ทั้งกางเกง เพื่อล้วงนามบัตรมายื่นให้กับผม

ไอ้เวร นี่ผมนอนกับคนประเภทไหนมาตั้งหลายเดือนวะเนี่ย?
ประโยชน์อะไรกับการทำเป็นไม่รู้จักผมวะเนี่ย​ งงจนคิดหาเหตุผลไหนมาอธิบายไม่ได้แล้วครับ

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณ......” ยาดาเป็นคนยื่นมือไปรับนามบัตรมุมเยินนั้นเอาไว้ รายนี้ไขสือเก่งจนแสดงอาการเอียงคออ่านชื่อบนนามบัตร
“....คุณปวริทธิ์ อ่า มีชื่อเล่นมั้ยคะ?”

ทำดีมากดา อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะกระดากปากบ้างมั้ย แม่งขายต้นไม้ให้ยาดาไปตั้งหลายพันบาทแล้วด้วย

“ค้ำจุน ครับ แต่เรียกจุนดีกว่า
แล้วคุณยาดาล่ะครับ”

“ค่ะ เรียกว่าดา สั้น ๆ ก็ได้ค่ะ
ส่วนนี่ก็.......” เดี๋ยว ๆ ไม่ต้องเผื่อแผ่คำแนะนำตัวกันหรอก
“นี่เปลค่ะ แต่ไม่มีใครกระดกลิ้นให้เกียรติเท่าไหร่ ก็เรียกเปแบบลิ้นแบนๆ ตามชาวโลกแล้วกันนะคะ จุน”

“ครับ”  แล้วก็หัวเราะกันครับ.... ยาดาก็หัวเราะไปพร้อม ๆ กันด้วย ผมค่อนข้างประหลาดที่เพื่อนไม่ประหลาดใจกับพฤติกรรมน่าประหลาดใจของหมอนี่

ทุกอย่างคลี่คลายที่ร้านอาหารครับ จะเรียกว่าร้านอาหารก็ไม่ตรงปกสักเท่าไหร่ ที่นี่ก็คือร้านข้าวแกงพ่วงอาหารตามสั่งนั่นแหละครับ เจ้าถิ่นเขาอาสาพามาทานข้าว ผม ยาดา และนายค้ำจุน จึงมานั่งประชันเหงื่อบนหน้ากันอยู่แบบนี้

“ตอนแรกเราก็เกือบทักทาย แต่เห็นจุนไม่ทำตัวคุ้นหน้ากันเลย ก็เลยดูทรงก่อน ดีนะเนี่ยที่อ่านขาดว่าโดนเขม่นมา”​

“อืม จริง ๆ ก็ไม่ถึงกับโดนเขม่นหรอก แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่เปกับดาต้องมาโดนไปด้วย 
ก็นะ.... ใครๆ เขาก็มองว่าเป็นเด็กเส้น ก็...เซ็ง ๆ ไป ทำได้เท่านี้” เจ้าของประเด็นตอบกลับเหมือนไม่คิดอะไรมาก แต่ผมคิดว่าผมมองไม่เขาผิดหรอก นายค้ำจุนโคตรเครียดเรื่องนี้เลย

“จริง ๆ คุณบอกผมไว้ก่อนก็ได้นะ บอกตามตรงว่าเหวอเลย ในห้องประชุมนั่นผมก็ไม่พอใจท่าทางคุณเลยนะ ดูเหยียดใส่กันอ่ะ” ผมออกโรงบอกความรู้สึกบ้าง นายค้ำจุนหันมายิ้มแหย ยกไหล่ห่อคอ ทำท่าทำทางเหมือนขอโทษขอโพย

“เอาน่าเป  ทุกคนก็มีเหตุผลส่วนตัว แต่สุดท้ายก็มากินข้าวด้วยกันนี่ไง ก็ถือว่าทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้วต่อหน้าธารกำนัล ชนแก้วกัน เย้”

ไม่มีใครเย้ไปกับยาดาหรอกครับ ผมยิ้มบางๆ ให้กับนายค้ำจุนที่ส่งตายิ้มมาขอโทษกันอีกครั้ง

Home*Mate

“มันก็แบบ Excuse me, can I ask? 
และทางนั้นก็ Yeah sure Go ahead.
พอฝรั่งตอบงี้ มันทำไงรู้ป่ะ?” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ นายต้นสนอมยิ้มแล้วก็เล่าเรื่องต่อ

“มันก็....
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”

ใช่ครับ เรากำลังนินทานายค้ำจุนกันอยู่ และตอนนี้ผมไม่รู้จะขำคนต้นเรื่องหรือคนเล่าเรื่องดี อีกคนก็มุกไม่ฮาแต่เพื่อนไม่เครียดด้วย อีกคนก็ไม่สนใจว่าเพื่อนเครียดเอาแต่ฮาอย่างเดียว

“เรื่องตั้งหลายปี มึงก็พูดถึงอยู่ได้ไอ้ต้น” มาแล้วครับเจ้าของเรื่อง ผมหันไปมองนายค้ำจุนที่เดินกลับมาที่ร้านขายต้นไม้ ในมือมีโตเกียวทรงยาวสารพัดไส้ ซึ่งมันของกินรองท้องสำหรับผมคนนี้นี่เอง

“แต่มันก็ขำดีนะคุณ ไม่นึกว่าจะมีมุมแบบนี้”

“มุมอารมณ์ดีมีเสน่ห์น่ะหรอ? ผมมีถมเถ”

“ไม่ดิ หมายถึงมุมเล่นมุขประสาทแดก” ผมกวนตีนกลับด้วยปาก ส่วนมือรีบคว้าถุงโตเกียวที่เขาเดินไปซื้อให้มาไว้แนบอก เรื่องกินเรื่องใหญ่เสมอครับ

นายค้ำจุนยิ้มมุมปากพลางส่ายหน้าใส่บาง ๆ คงเอือมมารยาทผมล่ะมั้ง เขานั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ ลงมือจัดต้นไม้รอต้อนรับลูกค้าเหมือนวันอังคารอื่น ๆ ที่มาเปิดร้าน

“อื้อคุณ”

“อือ ไรคุณ”

เราเริ่มบทสนทนากันแบบนี้จนชินแล้วครับ ผมไม่รู้สึกว่าการใช้เสียงสั้น ๆ คำห้วน ๆ เป็นอาการไม่สุภาพหรือกวนตีนแต่อย่างไร

“ไม่มีออเดอร์ล็อตใหญ่ ๆ แล้วหรอ เผื่อได้กินข้าวฟรีอีก” ผมหมายถึงเงินเกือบแสนนั่นแหละครับ แบบว่าอยากตื่นเต้นอีกครั้ง แม้จะไม่ได้ค่านายหน้าใด ๆ ก็ตาม

“ก็อยากมีเหมือนกันแหละน่า แต่มันไม่มีมานี่
เหมือนตอนนี้เทรนด์ไปพวกกุหลาบหินนำเข้า”

“หรอ แล้วเราไม่มีหรอ”

“อืม เราไม่ได้เล่นกุหลาบหิน ผมว่ามันดูแลยาก สำหรับผมนะ แต่คนนี้เขาว่าง่าย”

“หรอ”

“อือ”

“หน้าตาไงอ่ะ นำเข้า” ผมถามพลางยืดคอส่งหน้าตัวเองไปจ่อที่โทรศัพท์มือถือที่เขากำไว้ในมือ

“แป๊บนะ” แล้วเจ้าของมือถือก็รู้ตัวครับ เขาตั้งหน้าตั้งตาหารูปกุหลาบหินนำเข้ามาให้ผมศึกษา ปล่อยให้หน้าที่จัดหน้าร้านเป็นของนายต้นสน

พวกมันสวยดีครับ แต่สืบ ๆ ราคาดูแล้ว ผมรีบบอกตัวเองให้หุบปากเรื่องกุหลาบหินเวลาคุยกับยาดาเชียวครับ ไอ้สวยมันก็สวยอยู่หรอก แต่ถ้าเอามาแล้วตาย ก็โคตรเสียดายเงิน ท่าทางพวกมันบอกบางซะด้วยสิ

“เฮ้ย อันนี้น่ารักอ่ะคุณ เหมือนกระต่าย”

“เขาก็เรียกว่ากันว่าหูกระต่ายนะ ชอบหรอ” นายค้ำจุนสบตาถาม สลับกับก้มมองมือถือตัวเองที่อยู่ในมือผม 

“น่ารักดี”

“มันก็น่ารักหมดแหละ แล้วแต่ว่าถูกใจแบบไหนมากกว่า
แต่คุณเลี้ยงไม่รอดหรอก พวกโคโน หรือไลทอป ไม่ตัวแตกโดนต้มก็แห้งตาย”

“โหยยย ดูถูกกันมากอ่ะคุณ”

“ดูไม่ผิดแน่นอน ผมยังเลี้ยงไม่รอดเลย”

“เอามาเลย เอามา ผมจะเลี้ยงหูกระต่ายให้รอดให้ดู” เกิดการท้าทายกันขึ้นจนได้ครับ ยอมรับว่าไม่รู้จักตื้นลึกไอ้หูกระต่ายนี่มากไปกว่าการได้เห็นรูปเมื่อครู่ แต่ผมก็ปากเบาท้าทายไปแล้ว นายค้ำจุนหัวเราะใส่และหันไปบอกโจทย์อันแสนท้าทายของผมให้นายต้นสนรู้เรื่องด้วย นายคนนี้ฟังแล้วปรี่มาหาผมทันที

“เปชอบหรอ จะเลี้ยงหรอ เอาสิ ผมพาไปซื้อ รู้จักร้าน เดินไปนิดเดียวเอง”

“เออ นำไปเลยต้น แม่ง คนเราว่ะ ดูแคลนกันมาก ผมจะเลี้ยงให้ดู เอาให้แม่งโตเป็นหูกระจงเลย” อันนี้มั่วครับ นึกชื่อต้นไม้อะไรได้ก็เอามาข่มไว้ก่อน

นายต้นสนคว้ามือผมไปสอดจับไว้ จูงไปยังร้านเป้าหมาย เขาหันมายิ้มให้ผมอย่างสดใสเป็นระยะ สีหน้าและท่าทางกระตือรือร้นบ่งบอกว่าเขามีความสุขมากที่ได้เป็นผู้บรรยายรายชื่อต้นไม้ที่ผ่านตาให้ผมฟัง

โดยยังไม่ปล่อยที่ประสานไว้กับผม เขานำพาให้ผมได้มาเผชิญหน้ากับไอ้หูกระต่ายเป็นครั้งแรกในชีวิต

“มาเลี้ยงมันด้วยกันนะเป”

ผม.....รู้สึกแปลก ๆ



Cut




 :mew5: :mew5: :mew5:
ตอนหน้าจะพยายามเร็วกว่าเดิมค่ะ
  :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ช่วยกันเลี้ยงยังไงก็รอด เนอะะะะะะะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ยาดาคือตัวแทนหมู่บ้าน ชงเก่งมาก  o13
ต้นสน.. :เฮ้อ: ไม่อยากให้เพื่อนแตกหักกันเลย
 :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จะมีคนหึงไหมนะ นายตายแน่ๆ นายต้นสน ขอบอกไว้ก่อน อิอิอิ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
ตายค่ะ งานนี้มีตายแน่ๆ 55555555555555555555 ว่าแต่งานซึนทั้งคู่ซินะ

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 o13

ออฟไลน์ SLEEPERINDY

  • I am a normal girl.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
จิ้ม ๆ คนเขียน อยากอ่านต่อเเล้วค่า

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เรารอค้ำจุนอยู่นะคะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
HomeMate
Casting : Jun x Pae
Writer : Kajidrid

Home*Mate [15]



ความสันโดษของผมถูกทำลายโดยผู้ชายที่ชื่อว่าไอ้ต้นสนครับ
แค่ปลูกต้นไม้ด้วยกัน แต่มันกลับถมความเชื่อที่วาเราเป็นคู่แท้จากชาติภพที่แล้วใส่หัวผม และแน่นอนว่าผมเขย่าหัวร่อนความคิดนั้นทิ้งไปทุกครั้ง
ครั้งนี้ก็ไม่ต่าง

“เป เป หูกระต่ายของเรางอกแล้วนะ น่ารักมากๆ เดี๋ยวเอาไปอวดให้ไอ้จุนอิจฉากัน
ถ้าไม่ใช่มือ 2 คู่ของพวกเรา เอาไอ้สายพันธุ์นี้ไม่รอดหรอก” เหตุเกิดที่หน้าสถานีเอ็มอาร์ที รูที่ออกมาเจอตรอกต้นไม้ที่นายค้ำจุนขายของพอดี ซึ่งความบังเอิญบนโลกใบนี้ไม่มีอยู่แล้ว ดูก็รู้ว่ามารอ

“อือ” ผมตอบสั้นๆ ไม่แสดงอาการตื่นเต้นใดๆ เพราะเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเรียนรู้แล้วว่าถ้าคิดจะเป็นคนมีกำแพง ก็ต้องมีกำแพงที่แข็งแกร่งทั้งบนดินและใต้ดิน

“อยากดูป่ะ อยากสิ ใช่มั้ย ผมพามาด้วยวันนี้
ตั้งแต่มันงอกขึ้นมา เปก็ยังไม่ได้เห็นมันเลยนี่”

“อื้อ”

“ไอ้จุนก็ว้าวมากเลยนะ นี่ถ้าเราเลี้ยงมันรอด แล้วผสมพันธุ์ทำเมล็ดได้ เราก็ทันร้านใหญ่อีกก้าวแล้ว ดูก็รู้ว่ามันอิจฉาเรา
ก็สมน้ำหน้ามันเนอะ เราก็ชวนมันแล้วแท้ๆ เนอะ”

“ต้น...” ผมตัดสินใจหยุดการพล่ามของมันเมื่อไม่อยากทนฟัง ช่วยไม่ได้ที่ผมไม่ได้อินกับการเลี้ยงต้นไม้แบบพวกเขา ก็เลยห้ามไม่ได้ถ้าผมจะพูดอะไรแบบคนที่ไม่เข้าใจพวกเขามักจะพูดกัน
“ถ้าได้น้ำชากาแฟสักแก้ว จะหยุดพูดมั้ยวะ?”

ไอ้ต้นสนหน้าเหวอไปอึดใจ แต่แล้วมันก็หัวเราะแหะๆ แล้วก็ชี้ชวนให้ผมเดินเคียงกับมันไปยังร้าน แต่ผมเบื่อแล้ว ไม่ได้เบื่อร้านขายต้นไม้ใดๆ แค่เบื่อการเอาหน้ามาวอแวใส่ผมตลอดเวลาที่ไอ้ต้นมันทำในพักหลังๆ

“เออ เอานี่ให้จุนมันทีแล้วกัน วันนี้เหนื่อยอ่ะ บอกจุนว่าผมกลับก่อนนะ”

“อ้าว....หรอ” หงอยสุดๆ เลยครับ เศร้ากว่าหน้าไอ้ต้นตอนนี้ก็น่าจะมีแค่หมาอดผสมพันธุ์

“อื่อ ไปแล้วนะ”

“เอ่อ...แล้วชา...กาแฟ”

“ผมไม่ได้อยากหรอก เผื่อต้นอยากน่ะ เห็นพูดเยอะ เลยคิดว่าน่าจะฝืดคอ” พูดเท่านี้ก็น่ารู้แล้วว่าผมด่ามันพูดมาก

ของที่ผมฝากนายต้นสนไปมอบให้ถึงมือนายค้ำจุนก็คือไอแพดครับ เมื่อเช้า เขาไลน์มาบอกว่าลืมไว้ที่ห้อง ฝากผมหยิบติดมือมาให้ที่ร้านตอนเย็นด้วย ก็ไม่ได้อยากเป็นเบ้ให้หรอกครับ แต่บุญคุณข้าวเช้าหลายเดือนมานี่มันค้ำคอ

ธุระที่ต้องทำก็จบแล้ว ผมไม่มีอารมณ์เตร่ที่ไหนต่อ แม้จะรู้สึกหิวนิดๆ แต่ก็เชื่อว่าตัวเองน่าจะแบกท้องกลับไปกินแถวคอนโดได้

แต่ว่า....
โดยสารยังไม่ทันเอมใจแอร์ฉ่ำ ๆ โทรศัพท์ก็เส่งเสียงเรียกร้องครับ คนโทรมาคือนายค้ำจุน ผมหัวเราะนิดหน่อยเพราะนึกหน้าเขาแล้วขำ คิดเดาเอาว่าน่าจะโทรมาขอบคุณ...โธ่เอ้ย เรื่องแค่นี้เอง

“อื้อ คุณ ว่าไง”
“หือ? ตอนนี้หรอ อ่ออออ” ผมเงยหน้ามองเหนือประตูเข้าออกเพราะเช็คพิกัดตัวเองให้แน่ชัด เพราะตอนนั่งไม่ได้สนใจเสียงประกาศใดๆ
“กำลังจะถึงอารีย์ มีอะไรหรอ”
“ลง?”
“ลงทำไมอ่ะ”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ไม่รู้จะลงทำไมไง ก็บอกมาดิ”
“เออๆ ลงแล้วเนี่ย!”

ผมวางสาย อารมณ์เสียนิดๆ ที่ถูกบังคับโดยไม่บอกเหตุผล แต่ที่อารมณ์หนักมากที่ตัวเองดันทำตามที่ถูกบังคับทั้งที่ไม่รู้เหตุผล

เขาบอกให้ลง แล้วก็รอ
บอกเท่านี้แหละครับ ไม่รู้แม่งจะประหยัดคำพูดไปเพื่ออะไร บอกๆ มาก็จบ

ผมไม่ได้ขยับตัวลงจากชานชาลา เพราะเขาบอกให้รอแบบห้วนมาก ก็เลยเดาเอาว่า ลงตรงไหนก็รอตรงนั้น แต่ก็ตั้งกติกาของตัวเองไว้นะครับว่า ถ้าไม่มาภายใน 10 นาที ก็บ๊ายบาย

และก็ไม่เกิน 10 นาทีครับ บีทีเอสขบวนที่ 3 จอดที่สถานีอารีย์ ผู้คนเดินสวนกันบางตา ไม่ช้าประตูก็ปิดลงตามเสียงไล่ และเมื่อขบวนรถไฟผ่านไป นายค้ำจุนก็แตะไหล่ผมพร้อมแสดงอาการเหนื่อยหอบ

“เอ้าคุณ เหนื่อยอะไรมา นี่วิ่งมาจากไหน”

“..........” ไม่ตอบครับ หอบอยู่

“เอาเถอะ พักมั้ย ตรงนั้นมีเก้าอี้” รอบนี้พยักหน้าผมก็เลยดึงแขนพาไปนั่ง มองเขาหอบอยู่พักนึง เมื่อเห็นว่าปอดเขาเริ่มทำงานปกติแล้ว จึงได้ถามใหม่

“เหนื่อยอะไรมา วิ่งมาจากไหน แล้วคุณให้ผมลงแล้วรอทำไม”

“ก็....ไม่มีอะไร”
“กินข้าวกัน” 

อึ้งครับ
หนึ่ง อึ้งกับคำตอบไม่ครบคำถาม
สอง อึ้งที่ชวนกินข้าว
สาม อึ้งที่ตัวเองเกือบยิ้ม

ผมสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ แต่มันก็บางมาก จึงไม่คิดสนใจ

“เอาดิ กินไรอ่ะ”
“แต่คุณยังไม่ตอบเลยว่าไปเหนื่อยอะไรมา วิ่งมาจากไหนทำไมดูแทบร่วงกองไปกับพื้นขนาดนั้น”

“คุณก็เวอร์เก่ง”
“กองเกิงอะไร แค่นี้เด็กๆ”
“ไปๆ กินข้าวกัน มีร้านอร่อย”
“ตอนเรียนมากับเพื่อนบ่อย”

“ต้นอ่ะหรอ?” ผมต่อบทสนทนา และที่เอ่ยชื่อนายต้นสนออกมาก็เพราะว่าผมรู้จักเพื่อนเขาอยู่แค่คนเดียว

นายค้ำจุนแทบสะดุดเท้าตัวเองหัวทิ่มตกบันได เขายึดราวเหล็กไว้และหันมองหน้ามองผมอย่างพินิจ

“ทำไมต้องไอ้ต้นล่ะ ผมไม่ได้มีเพื่อนคนเดียวสักหน่อย”

“แต่ผมรู้จักเพื่อนคุณคนเดียว ก็คือต้นไง คุณก็รู้จักเพื่อนผมคนเดียว ก็คือยาดา ไม่เห็นแปลก”

“อือออ ก็จริง”
“ไปกันเถอะ ช่างหัวมันไป ไอ้ลูกหมานั่น”

เขาบอกให้ช่าง ผมก็ช่าง นายต้นสนเป็นเพื่อนเขาเขายังช่างหัวได้ ทำไมผมถึงควรปฏิเสธคำชี้นำนั่นล่ะ?

นายค้ำจุนเดินพาผมเข้าซอยอารีย์ที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้ดูป้าย ร้านนี้เป็นร้านอาหารไทยร่วมสมัย ครับ บรรยากาศชักชวนให้คิดไปถึงป่าเอมาซอน ดูเขียว ครึ้ม ชื้นๆ แน่นอนว่ามีมุมกลาสเฮ้าส์ และมีเคาน์เตอร์กาแฟ 

“ข้าวเนอะ” นี่เขาถาม บอกการตัดสินใจ หรือแนะนำ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็พยักหน้าไว้ก่อน เวลาเริ่มค่ำแบบนี้จะกระโจนหาเคาน์เตอร์กาแฟนก็ใช่ที่

เขาพาเดินขึ้นชั้นลอย ซึ่งก็ยังคงเป็นคงคอนเซปป่าไว้เหมือนเดิม ผมยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน พนักงานร้านอาหารก็เดินมารับออเดอร์ และก็ได้รับออเดอร์ไปโดยที่ผมยังคิดอะไรไม่เสร็จดี

“อ้าว ผมยังไม่ได้สั่งเลย”

“สั่งให้แล้ว”

“สั่งอะไรอ่ะ แล้วไม่ถามผมหรอ?”

“สั่งให้ไม่ได้หรอ โทษที แต่ผมว่าเมนูนี้อร่อย คุณก็น่าจะชอบเหมือนกัน”

“ซะงั้น”

“ไม่ได้หรอ”

แล้วมันต้องได้หรอวะ? ผมยักไหล่และไม่ตอบอะไร นายค้ำจุนก็เลยไม่ได้บอกเสียทีว่าสั่งเมนูอะไรมากิน เอาจริงๆ ผมยังไมได้ยินเสียงเขาพูดกับพนักงานเลยด้วยซ้ำ

รออยู่ไม่นานเครื่องดื่มก็มาก่อนครับ และมันคือคอกเทล....สรุปกูต้องแดกอะไรบ้างวะ?

“ดื่มไม่ได้หรอ?” ทันทีที่ผมมองหน้าเขาแล้วเลิกคิ้วถาม นายคนนี้ก็พูดคำเดิมจนผมเริ่มรู้สึกตงิดๆ ว่ากำลังถูกกวนตีน

“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”

“ก็คือได้” คิดเหมือนกันมั้ยครับว่าเขากวนตีนผม เวลาแบบนี้ ผมคิดว่าผมควรชี้แจง

“ก็ไม่ใช่ว่าได้” ตอบปุ๊บ เงยหน้าขึ้นจากมือถือมาจ้องปั๊บเลยครับ เพราะน้ำเสียงผมกวนตีน ผมเห็นผมขมวดคิ้วไม่คลาย นายค้ำจุนก็ถอนหายใจและเกาหัว

“คืองี้.....โทษทีที่ไม่ได้ถามอะไร ไม่ได้บอกอะไร
คืองี้นะคุณ.....
คือ...เฮ้อ....จริงๆ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับผม
เอาว่าผมไม่มีความคิดเห็นเรื่องนี้นะ และก็ไม่ชอบทำอะไรแบบนี้ด้วย
คือ......”

“คืออะไรอ่ะคุณ ยึกยักอยู่ได้ มีอะไรก็พูด”

“พูดเลยนะ”

“สักทีเหอะ”

“ชอบคุณ....”


นี่คือคำลวง ผมมั่นใจ นี่ไม่ใช่คำพูดเขา ผมมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองมาก


“ไอ้ต้น... ไอ้ต้นมันชอบคุณ”


กูว่าแล้ว นี่คือเสียงในหัวของผม ไม่น่าแปลกใจหรอกครับที่ผมฉลาดรู้ทันความรู้สึกนายต้นสน แต่อีกเสียงในหัวที่ทำให้ประหลาดใจตัวเองก็คือ....

แล้วมึงก็มาบอกกูแทนเพื่อนมึงเนี่ยนะ?
ไม่บอกไปล่ะว่ากูไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อน

ทำไมผมถึงไปคาดหวังว่าเขาจะพูดแทนความรู้สึกผมได้
ทำไมผมถึงเชื่อมั่นว่าเขาต้องรู้คำตอบของผม และพูดแทนผมได้

นั่นสิ ทำไมวะ?


“ฮื่อ” ในที่สุดผมก็เปล่งเสียงแรกหลังจากนิ่งเงียบกันพักนึง คอกเทลที่อยู่ตรงหน้าได้รับความสนใจจากสายตาผมอยู่นาน ในที่สุดมันก็ได้ทำหน้าที่ล้างความสากของลำคอเสียที ผมยกแก้วคอกเทลมาดูดน้ำ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่มองหน้าเขาเพราะงงกับความรู้สึกตัวเองอยู่

ผมน้อยใจ
จู่ๆ ก็น้อยใจ
ทำไมเขาปล่อยให้เรื่องนี้มาชนกับผมโดยตรง
ทำไมเขาไม่ปัดมันไปให้พ้นๆ การรับรู้ของผมวะ?

เราก็เพื่อนกันไม่ใช่หรอ
เราเป็นรูมเมทกันไม่ใช่รึไง
ถ้าเดาได้ หรือพอจะรู้ลางๆ ว่าคำตอบผมจะเป็นแบบไหน อย่างน้อยปัดมันไปให้พ้นผมหน่อยไม่ได้หรอ?

“เป”

“อือ” ผมขานรับ เลี่ยงตาไปมองสีเขียวเข้มชุ่มตาของใบไม้ใบใหญ่

“เรื่องของคุณแล้วนะ
ผมไม่ยุ่งเรื่องนี้”


จู่ๆ ก็ไม่แยแสกันแบบนี้น่ะหรอ?
ผมไม่ควรยกระดับความสัมพันธ์ให้เขาเป็นเพื่อนเลย ให้ตาย!


Cut


มาต่อแล้วค่าาาา
ขอยืนยันว่ายังเขียนนิยายอยู่นะคะ ของรักของชอบ จะให้เลิกง่ายๆ ก็ใช่ที่ แม้จะอ่านกันสองสามสี่ห้าคน เราก็จะเขียนต่อไปค่า

อัพเดทความเคลื่อนไหวของเราไว้ที่เพจเฟสบุ้คนะคะ เฟสบุ้ค/saturdayseriess กดติดตามไว้ได้ค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2019 10:34:39 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ค้ำจุน!!! ทำไมทำแบบนี้เนี่ย
เปน้อยใจแล้วรู้บ้างไหม
อยากบิดหูให้ขาดจริงๆ

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ต้นก็รุกมาก ส่วนจุนก็ชิวไป

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
จุนโว้ยยย นิ่งมาก นิ่งเกิ๊นนน ส่วนต้นสนก็ก็พูดมากเกิน สงสารเปลแล้วเนี่ย เริ่มนอยด์นายค้ำจุนแล้ว

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อะไรของนายจุนเนี่ยย
อยากช่วยเพื่อนเหรอ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
กำลังอิน กับความสับสนในใจของเปอยู่ มาเจอคนเขียนบ่นน้อยใจซะละ โอ๋ๆๆๆๆ
รออ่านทุกครั้งแหละ ถึงจะมีสี่ห้าคนแต่เราก็ติดตามตลอดนะ รักษาสุขภาพด้วยนละ
 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1

โว๊ะ !!!!! ไรอ่ะจุน อยากเข้าไปบีบคอเขย่าๆ ขัดใจอิแม่จริงๆ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คิดถึงเรื่องนี้เลยกลับมาอ่านอีกรอบ ยังรอตอนต่อไปอยู่นะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่า :L2:

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
HomeMate
Casting : Jun x Pae
Writer : Kajidrid

Home*Mate [16]


โทรศัพท์ของผม มีเบอร์นายต้นสน แชทไลน์ก็มีชื่อและหน้านายคนนี้อยู่ด้านบนสุด บ่งบอกถึงสถานะความแอคทีฟสูงสุดท่ามกลางหมู่มนุษย์ที่ผมมีปฏิสัมพันธ์ด้วย

ส่วนคนที่อยู่ใกล้กันมากสุด กลับอยู่ปลายสุดของห่วงโซ่วงสนทนา

ต้นเหตุมันก็มีแหละครับ
ผมไม่คุยกับเขา ไม่ชวนทะเลาะ ไม่หารค่าอาหารประจำสัปดาห์ ไม่ไปซื้อของใช้เข้าห้องประจำเดือนด้วย ไม่อะไรสักอย่าง
ผมทั้งนั้นที่ทำราวกับว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน

สาเหตุก็ย่อมมีแน่นอน
ผมโกรธเขาอยู่ และที่ผ่านมาเกือบเดือน ทำให้ผมได้ข้อสรุปแล้วว่า เขารับรู้ว่าผมไม่อยากเสวนากับเขา และเขาไม่รู้เหตุผล และเขาก็ไม่คิดด้วยว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั่นแหละคือเหตุผล

ช่างเป็นเหตุผลการโกรธที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย... อย่างน้อยก็ในความคิดนายค้ำจุน

แม้จะไม่เสวนาพาทีใส่กัน แต่ข้าวเช้าของผมก็ยังมีอยู่ทุกเช้าล่ะนะ แม้ว่าเดือนนี้ผมไม่ได้หารค่าอาหารและค่าของใช้ในห้องก็เถอะ ผมไม่ได้คิดจะเบี้ยวนะครับ แต่เขาไม่ถาม และก็ยังจัดเตรียมอาหารส่วนของผมให้เหมือนเดิม ผมก็เลยยังคงซื้อขนมกินเล่นเอย ชากาแฟสำเร็จรูปเอยมาวางไว้บนโต๊ะส่วนกลางสารพัดประโยชน์เช่นเคย

ชีวิตพวกเราเลยเหมือนเดิม แม้ว่าเราจะไม่ได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนเดิมก็ตาม

เช้านี้ก็เช่นกัน หมูสับผัดซอสมะเขือเทศหลากหลายสายพันธุ์คือมื้อเช้าที่ผมพบเจอ คนทำออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว ผมเดาว่าเขาไปทำงานเร็วขึ้น เพราะมีวันหนึ่งที่ผมตื่นเร็วจากอาการท้องเสียและพบว่าเขาออกไปทำงานแล้ว...ซึ่งวันนั้นผมตื่นเร็วกว่าปกติ 1 ชั่วโมง ยอมรับว่าประหลาดใจครับ ไม่คิดว่านายค้ำจุนจะเป็นพวกนกตื่นเช้าได้กินหนอนอวบ

ดูแลตัวเองตามสภาพเสร็จก็พร้อมออกไปทำงาน เวลานี้นายต้นสนจะโทรมาหา นายคนนี้ก็ประหลาดสมกับเป็นเพื่อนนายค้ำจุนครับ

ผมไม่รู้ว่า “แฮ่ เราชอบเป ก็เลยบอกไอ้จุนมัน มันก็เลยบอกต่อให้ เฮ้ยๆ ไม่มีไรต้องซีเรียสเลย”  มันต้องรู้สึกยังไง หรือตอบรับแบบไหน

แต่เกือบเดือนที่ผ่านมา นอกจากหมอนี่มาจะมาแฮ่ๆ ฮี่ๆ บ่อยกว่าปกติ ก็ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องน่างุนงงสำหรับผมแล้ว จนตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยครับว่า นายต้นสนต้องการอะไรจากการ “ชอบผม” 
 
เขาไม่ได้ขอเป็นแฟน
ไม่ได้บอกเพิ่มว่าชอบแบบไหน
ไม่แจ้งวัตถุประสงค์ด้วยว่าชอบเพื่ออะไร
ไม่ระบุช่วงเวลาด้วยว่าเริ่มชอบเมื่อไหร่และจะชอบไปถึงเมื่อไหร่
นอกจากโทรมาถามเรื่องทั่วไป ชวนไปดูต้นไม้ที่สวนปิดที่เข้ายากชิบหาย ซื้อของกินมาฝาก (แน่นอนว่าฝากมากับนายค้ำจุนแต่โทรมาบอกผมไว้ก่อน) เขาก็ไม่มีอีเวนท์พิเศษมาวอแวกับผมแล้ว

ซึ่ง...ผมรู้สึกว่าได้เพื่อนเพิ่มมา  1 คน

แต่ถ้าต้องการแค่เป็นเพื่อนผม ไม่ต้องไปบอกนายค้ำจุนว่าชอบ และขอให้นายค้ำจุนมาบอกผมว่าชอบก็ได้มั้ง....นายต้นสนจะรู้มั้ยว่าทำให้ผมน้อยใจผู้ชายที่มาเช่ากึ่งแชร์ห้องเกือบ 1 เดือน

ครุ่นคิดถึงปุ๊บ ก็โทรมาปั๊บครับ

“อื้อ ต้น ว่าไง” ปลายสายส่งเสียงสดใสถามว่า อยากกินอาหารทะเลมั้ย
“เอาสิ ก็ชอบอยู่นะ เออ ไม่ได้กินนานแล้วด้วย ที่ไหนล่ะ”
“อ่อ....เอางั้นหรอ?” เขาบอกว่ากินที่ห้องผมนี่แหละ เขาจะสั่งเดลิเวอรี่มาเย็นนี้
“ได้ๆ หารมาละกัน เอาปูนึ่งแบบเนื้อหวานๆ แน่นๆ นะ ผมชอบ กุ้งนี่ถ้าเผาแล้วแกะเปลือกมาก็ดี แต่ถ้าร้านไม่แกะมา ต้นแกะละกัน ผมไม่ถนัดอ่ะ ถนัดกิน 5555” หัวเราะแล้วก็ชังลูกกระเดือกตัวเองครับ มันเคลื่อนไหวฝืดขึ้นมาทันทีเมื่อนายต้นสนตอบมาว่า เรารู้ เรารู้ ไอ้เปบอกอยู่บ่อยๆ

เขาส่งท้ายแค่ว่าเย็นนี้เจอกัน แล้วก็วางสาย ขณะที่ผมหน่วงหัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก


Home*Mate


“เราว่า เปอ่ะคิดมาก จริงๆ อยากใช้ว่าคำว่าแกเป็นคนประสาทแดก แต่เราไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ” ยาดาเป็นผู้หญิงปากหมา นิสัยแมน ที่เสือกสวยผิดนิสัยและฝีปาก
“แต่ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ ต้นอาจจะไม่ได้ชอบแบบแฟนกันก็ได้นะ อาจจะชอบแบบเพื่อนกัน อยากเป็นเพื่อนด้วย แค่นั้นเอง”

“ก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? มันก็ออโต้อ่ะดา เราเป็นเพื่อนดา เพื่อนก็ดาก็เหมือนเพื่อนเรา”

“ก็ใช่ แต่ก็แค่กับบางคนนะ” เพื่อนสาวผมลูบแขนผมเพื่อดึงหัวคิ้วของผมครับ ตอนนี้มันกำลังดีดตัวขึ้นที่สูง
“เผื่อเปไม่รู้ตัวนะ เราจะบอกให้ตามความจริงเลย
ไม่มีใครกล้านับเปเป็นเพื่อนแบบอัตโนมัติตามสมการที่เปพูดเมื่อกี้หรอก เพราะเปกำแพงสูงมาก
โอเค เพื่อนเราคุยกับเป แต่ก็แค่คนรู้จักกันเฉยๆ แก๊ง ม.ปลายเราก็ไม่เคยมาปรึกษาหรือมาทำอะไรด้วยกันตามประสาเพื่อนกับเปเลย ใช่มั้ยล่ะ?
เพราะอะไร เพราะเค้าไม่คิดว่าเปเป็นเพื่อน
แกก็แค่ เพื่อนของเพื่อน ซึ่งนั่นไม่นับเป็นเพื่อน มันไม่ออโต้นะ ทำความเข้าใจใหม่”

“อ่าวหรอ”

“เราก็เลยคิดว่า ต้นสนไม่แปลกหรอกที่จะชอบเปแบบเพื่อน เลยอยากเป็นเพื่อน เลยต้องบอกชอบผ่านเพื่อนเค้ามาก่อน งงมั้ย”

“นิดนึง แต่ก็คิดว่าเข้าใจ”
“สรุปแล้ว  ดาคิดว่าไอ้ต้นไม่ได้อยากเป็นแฟนเรา ไม่ได้คิดจะจีบ และไม่ได้ขอให้หมอนั่นช่วยจีบใช่มั้ย”

“ก็เกือบเดือน เค้าจีบแกมั้ยล่ะ?”

“ก็....ที่โทรมาเวลาเดิมๆ ตอนเช้า วันเว้นวันบ้าง เว้นสองวันบ้าง ส่งไลน์มาคุย ชวนไปฟาร์มต้นไม้ จีบมั้ย”

“วราห์ไม่ได้จีบเราแบบนี้ เราตอบไม่ได้ ไม่เคยมีประสบการณ์
แต่ตามที่เราคิดนะ” ยาดาช่วยวิเคราะห์ต่อครับ ข้าวเที่ยงหมดไปนานแล้ว จริงๆ ก็ถึงเวลาเริ่มงานช่วงบ่ายแล้วแต่ผมกับยาดายังเอ้อระเหยกันอยู่ที่ร้านกาแฟ
“ไม่น่าจีบ”

เอ้า....หมามั้ยล่ะกู
สรุปโกรธอะไรเขาวะเนี่ย?
ผมมองหน้ายาดาอย่างจนปัญญา ถอนหายใจแล้วก็ลุกออกจากร้านกาแฟเพื่อเข้าออฟฟิศ ระหว่างก้าวขาเดินก็ยังครุ่นคิดอยู่ว่า ที่ผ่านมาผมไม่พอใจอะไร นายค้ำจุนผิดอะไร และทำไมเราถึงไม่คุยกันเหมือนเดิม

เอาเป็นว่า เปิดอกคุยกับไอ้ต้นก่อนก็แล้วกัน
ถ้ามันไม่ได้ชอบแบบแฟน ก็แค่หน้าแตกกับไอ้ต้น เดี๋ยวผมค่อยเนียนๆ ชวนค้ำจุนคุยใหม่เหมือนเดิม แต่ถ้ามันดันชอบแบบแฟนขึ้นมา ผมก็จะฉวยโอกาสปฏิเสธไปตรงๆ ท่ามกลางเหล่าสัตว์ทะเลที่ตายแล้วเป็นหมู่พยาน

บ่ายนี้ค่อนข้างว่างครับ
ผมเพิ่งทำ 1h2020 PR plan ส่งให้กับลูกค้าในพอร์ตที่ดูแลเสร็จ ถึงจะยังไม่ใช่แพลนสุทธิเพราะลูกค้าต้องขอเพิ่มขอแทรกแพลนอยู่แล้ว แต่ก็ถือว่าเสร็จไปตามแผนที่ผมรับปากกับตัวเอง

ได้มีเวลายืดเส้นสายเข้าหน่อย ผมก็เช็คเรื่องราวในโซเชียล ไถๆ อยู่ไม่กี่ฟีด ต่อมเสือกก็ทำงาน ผมเข้าไลน์และเลือกดูหน้าโพสท์ของนายค้ำจุน หมอนี่อัพแต่รูปต้นไม้ นึกขึ้นได้ก็รี่ไปดูหน้าเพจขายต้นไม้ของเขาในเฟสบุ้ค เพิ่งลงขายล็อตใหม่ด้วย เอาเวลาที่ไหนไปแยกกระถาง?

เขาคงนอนดึกมากแน่ๆ การแยกกระถางแคคตัสก็คืองานที่น่าปวดหลังที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น แต่นายค้ำจุนกลับทำไปยิ้มไป มีคืนหนึ่งที่เขาบอกผมว่าอย่าเผลอล็อคหน้าต่างกระจกนะ เพราะเขาทำต้นไม้อยู่ที่ระเบียง ผมก็เลยดุไปว่าก็เปิดม่านไว้สิ จะได้รู้ว่าคนอยู่ที่ระเบียง จะได้ไม่เผลอล็อค เขาก็บอกว่าเกรงใจ จำได้ว่าผมไม่ชอบเปิดม่าน

นึกได้อีกเรื่องก็เรื่องไม้หนีบผ้าที่เดือดร้อนผม แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา นายค้ำจุนกวาดเอาไม้หนีบผมไปเกือบหมดเพื่อไปหนีบสแลนกรองแสงกับรั้วระเบียง เขาบอกว่าต้องกันนกมาอึใส่ แล้วก็ไม่ให้มาระรานต้นไม้ด้วย แล้วช่วยกรองแสงแดดให้กับต้นอ่อนของเขาด้วย ช่วงนั้นผมเลยตากผ้าแบบพาดๆ เอา แต่ผ้ามันไม่ปลิวไปไหนหรอกครับ เพราะผมเป็นคนอาภัพที่ต้องตากผ้าในห้องนั่งเล่นทั้งที่มีระเบียงในครอบครองถึง 2 แห่ง

เกือบเดือนที่ไม่ได้คุยกัน เขาน่าจะได้เจออะไรเยอะแยะไปหมด
ส่วนผม....แทบไม่ได้สื่อสารกับโลกนี้เลย 


Home*Mate


เย็นนี้ผมถึงห้องเร็วกว่าเดิมเกือบครึ่งชั่วโมง กลิ่นทะเลมันหอมครับ 5555  ล้อเล่น เพราะไม่ต้องหามื้อเย็นต่างหาก

ผมที่ว่าถึงห้องเร็วแล้ว นายค้ำจุนกลับถึงห้องเร็วกว่าผมอีกครับ
ดูเขาตกใจมากที่ผมกลับเข้าห้องมา ตาเขาโตกว่าเดิมซะอีก
เจอหน้ากันตรงๆ แบบนี้ ผมต้องพูดอะไรมั้ยวะ? ผมแทบลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เราคุยกันด้วยประโยคแบบไหน

“เอ่อ เดี๋ยวผมออกไป”

“ออกไปไหน?” ผมถามทันทีที่เขาบอกแผนตัวเอง ค่อนข้างงงครับ เพราะสำรวจเสื้อผ้าเขาแล้วก็คือชุดพร้อมนอน

“ก็ไอ้ต้นจะกินอาหารทะเล...
กับคุณ....”

“กับคุณด้วยนี่ ต้นบอก” เปล่าครับ นายต้นสนไม่ได้เอ่ยถึงประเด็นว่าจะกินอาหารทะเลกันกี่คน ใครบ้าง ผมกุขึ้นมาเอง

“มันน่าจะอยากกินกับคุณ 2 คน”

“คุณคิดเอาเองอีกล่ะสิ” ผมเหน็บใส่แล้วก็เดินผ่านหน้าเขาเข้าห้องนอน  ปิดประตูแล้วก็รีบเอาหูแนบประตูตัวเองเพื่อเงี่ยหูฟังว่าเขาจะออกจากห้องไปตามที่บอกจริงหรือไม่

แต่ว่า
กึก!
ปัก!

ครับ ประตูที่ผมเอาหูแนบไว้มันถูกเปิดและผลักเข้ามาโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว

แม่งเจ็บนะเว้ย!

ผมคลำแก้มตัวเองป้อยๆ และส่งสายตาตัดพ้อใส่อีกฝ่าย นายค้ำจุนเหวอไปนิดๆ ดูเหมือนจะยื่นมือมาจับทับมือผมอีกที แต่ก็ชะงักอยู่กลางอากาศ

“จ...เจ็บหรอ”

“ก็ต้องเจ็บดิ จู่ๆ ก็ดันเข้ามา”

“แล้วเอาหน้ามาขวางประตูทำไมล่ะ”

“เอ้า! ผมผิดอีก....
เป็นงั้นไป” ไม่พ้อแค่สายตาแล้วครับ เสียงและสีหน้าจัดเต็มแน่นอน

เขาจ้องหน้าผมแล้วก็ก้มหลบ แต่ผมรู้ ผมดูออก เขาหลบไปหัวเราะ แม่ง...บันเทิงบนความเจ็บปวดของคนอื่นนี่เรียกมีมารยาทมั้ย? อยากถามมาก

“แล้วไม่ออกไปล่ะ ไหนว่าจะไป” ผมเริ่มถามบ้าง ยอมรับครับว่ายียวนไปงั้นแหละ

“อยากให้ไป?” แม่งมีหน้ามาเลิกคิ้วถาม น่ามองตายห่าล่ะ!

“ผมจะอยากหรือไม่อยากอะไร มันกำหนดส้นตีนคุณได้ด้วยหรอ” รู้ครับว่าหยาบคายไม่น่ารัก ปกติผมก็ไม่ใช่คนหยาบคาย แต่เห็นหน้าตากวนตีนของนายค้ำจุนแล้วมันอดไม่ได้

“ไม่ น่า รัก” เขาวิจารณ์เบาๆ แต่ผมก็ได้ยิน แน่ล่ะครับ ก็หน้าเราอยู่ใกล้กันแค่นี้

“หน้าผม จะน่ารักหรือไม่น่ารัก มันไปหนักกะบาลคุณหรอ?”

“ไม่รู้ไอ้ต้นชอบไปได้ไง”

“ไม่รู้ว่าชอบได้ไงแล้วไปแนะนำให้ไอ้ต้นมาชอบทำไม”

“ไม่ได้แนะนำอะไรสักหน่อย มันชอบของมันเอง ถ้ามันถามผมก่อนผมก็ไม่แนะนำให้มันชอบคุณหรอก”

“แนะนำให้ไม่ชอบตอนนี้ก็ไม่สายหรอก ไปดิ ไปบอก”

“บอกเองดิ ทำไมผมต้องเป็นคนพูดให้เพื่อนผมอึดอัดหรือเสียใจด้วย”

“งั้นผมก็ไม่ใช่เพื่อนคุณน่ะสิ คุณก็เลยพูดให้ผมอึดอัดแล้วก็เสียใจได้”

แล้วก็เงียบครับ เงียบกันทั้งคู่ ผมไม่ได้นวดกกแก้มตัวเองแล้วแม้ว่ายังเจ็บๆ อยู่ และคนที่ทนยืนเงียบๆ เฉยๆ ไม่ไหวอีกต่อไปก็คือผมเอง ผมผลักเขาให้พ้นจากห้องไปเพื่อจะปิดประตูห้อง แต่นายค้ำจุนกลับกางแขนยันประตูเอาไว้ก่อน

“คุณอึดอัดหรอ?”

“ดูไม่ออกหรอ?”

“เพราะผมหรอ?”

“...........” ผมไม่ตอบด้วยคำพูด แต่ใช้สายตาบอกเขาแทน

เออเนอะคนเรา....ผมคงคิดเอาเองอยู่ฝ่ายเดียวเราว่าสื่อสารกันได้แม้ว่าจะไม่ได้ใช้คำพูด

ท่าทีที่ผมแสดงออกมาเกือบเดือนไม่ได้สื่อความว่าผมอึดอัดเพราะเรื่องคืนนั้นหรอ?
คืนที่เขาพาผมไปนั่งในร้านอาหาร สั่งอาหาร สั่งเครื่องดื่มให้แล้วก็ทิ้งผมไว้พร้อมกับคำพูดที่ว่าเพื่อนเขาชอบผม ปล่อยให้ผมนั่งงงจนนายต้นสนมาถึงร้านและพูดอะไรต่อมิอะไรมากมายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

สีหน้าผมไม่ได้บอกกับพวกเขาหรอว่าผมอึดอัด

“แล้วทำไมไม่บอก”

เออ เป็นผมที่ผิดเองที่ไม่เสือกบอกว่าคิดอะไร รู้สึกยังไง
เป็นผมเองที่ผิดที่คิดเหมาเอาว่าเพื่อนกัน มันต้องเข้าใจได้แม้จะแค่กระพริบตาเพื่อบอกความนัย

“ช่างมันเหอะ คุณออกไปดิ บอกจะไปไม่ใช่หรอ” ผมตัดสินใจแล้วว่านายค้ำจุนจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป

“คุณอึดอัดเพราะผมอยู่ด้วยหรอ?”
หรืออึดอัดเพราะไอ้ต้น
ห่าเอ้ย!
ผมบอกมันหมดแล้วนะว่าคุณไม่ชอบอะไร ชอบอะไร
มันตอแยคุณมากหรอ คุณก็บอกมันตรงๆ สิ ว่าอึดอัดอะไร ตอนไหน”

“................” ความจริงแล้ว นอกจากคำว่า เราชอบเป ที่ออกจากปากนายต้นสนตรงๆ ครั้งนั้นครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยทำอะไรให้ผมอึดอัดหรือเสียใจเลย กลับเป็นคนที่ไม่พูดอะไรเลยต่างหากที่เป็นคนปักความรู้สึกพวกนั้นเอาไว้ในใจผม

“หรือว่าคุณก็ชอบมันเหมือนกัน”

“เฮ้ย!” ครั้งนี้ผมสาดเสียงใส่ ออกแรงผลักเขา แต่หมอนี่ก็มือเหนียวยึดประตูเอาไว้

“ก็แล้วคุณเป็นอะไรล่ะ ผมไม่เข้าใจ
ทำไมเราไม่คุยกันเหมือนเดิม”

“..............”

“งั้น ... โอเค เดี๋ยวผมหาทางบอกไอ้ต้นให้ว่าคุณอึดอัดที่มันมาชอบคุณ
แต่ต้องให้เวลามันหน่อยนะ มันเป็นคนอ่อนไหว ผมไม่อยากเห็นมันเสียใจแล้วไปลงขวด เปลืองตังค์ชิบหาย”

“ไม่ต้องหรอก มันเป็นเรื่องของผมกับต้น ไม่เกี่ยวกับคุณแล้ว
คุณก็พูดเองนี่ จำไม่ได้หรอ
คุณบอกว่าผมจะไม่ยุ่งเรื่องนี้”

รอบนี้ เขาอึ้งไปครับ แขนที่เคยเหยียดยันประตูหดกลับไป มือที่เคยเกือบจะมาแตะแก้มผมยกขึ้นเกาแก้มตัวเองแทน

“อ้อ...ผมพูด” บอกไว้เท่านี้แล้วก็เดินดุ่ยๆ ไปที่ประตูห้องทันที และเมื่อนายค้ำจุนเปิดประตูเพื่อออกไปตามที่บอก แขกบ้านแขกเมืองก็โผล่หน้ามายิ้มเผล่ให้

“เป ไอ้จุน ทะเลมาแล้ววววววววว”



Home*Mate


“ทะเลาะอะไรกันอยู่หรอ?” ไอ้ประโยคนี้คือมันควรได้รับเกียรติเป็นประโยคทักทายหรอ ผมล่ะสงสัย นายต้นสนจัดแจงเตรียมโต๊ะอาหารให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับเซ็ตทะเลเผา อยากรู้เหลือเกินครับว่าจะได้กี่กินปูกินกุ้งกี่พันล้านตัวกันเชียว
“ไอ้จุน มึงกับเปทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ”

ไม่มีใครตอบนายต้นสนครับ ผมไม่รู้จะตอบอะไร นายค้ำจุนเองก็คงไม่รู้จะตอบยังไง

“เป ไอ้จุนมาพูดกวนตีนอะไรหรอ”

“ช่างมันเถอะ” ผมเลี่ยงพลางยื่นหน้าไปดูทะเลเผาในห่อฟลอยด์ หอมมากๆ ดีมากๆ เยอะมากๆ หิวมากๆ ด้วยครับ

นายต้นสนหัวเราะท่าทางผมแล้วก็ยื่นหน้ามาสูดกลิ่นอาหารด้วย เขาส่งเสียงฟุดฟิดแล้วก็กุลีกุจอจัดใส่จาน หยิบอุปกรณ์แจกแล้วก็ชักชวนกันกินโดยเสนอเงื่อนไขที่ผมพอใจที่สุด

“ไอ้จุน ยืนนิ่งทำไมอะ แกะกุ้งแกะปูให้เปดิ”

เอาเถอะ นายต้นสน วันนี้จะยอมรื่นเริงกับนายไปก่อน เพราะอาหารและบรรยากาศที่นายพาติดตัวมามันช่วยไล่ความอึดอัดใจให้หายไป

เอาไว้โอกาสหน้า ค่อยถามอย่างเปิดใจก็แล้วกัน


cut


สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคน เจออะไรไม่ถูกใจหรือเรื่องรำคาญใจก็มาหย่อนสมองกับจุนเปได้นะคะ เรื่องนี้ไม่เครียดค่ะไม่เครียด

เจอกันตอนหน้าค่ะ

ปล.ขอบคุณคุณ tasteurr ที่นึกถึงค่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: back

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เวนกำ  :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด