HomeMate
Casting : Jun x Pae
Writer : Kajidrid
Home*Mate [3]“วอท!!!!!” คือดับบลิวเอชเควสชั่นในภาษาอังกฤษ และบางสถานการณ์ก็ทำหน้าที่เป็นคำอุทานครับ ผมรู้สิ ผมเรียนมา แต่ที่งงๆ อยู่นี่ก็เพราะไม่เข้าใจพี่สาวว่าจะส่งคำถามมาพร้อมเสียงอุทานทำไม
“ก็อย่างที่บอกไง”
“แล้วไง แกบอกอะไรชั้นก็ต้องยอมรับสิ่งนั้นหรอ?”
“เอ่า พูดงี้คืออะไรอ่ะเจ๊ป๋อม”
“เปอยู่บ้านไม่ดีกว่ารึไง เราได้เงินเพิ่มกันนะ บอกแล้วไงว่าแบ่งให้”
“ชั้นไม่สะดวก”
แปลว่าไรวะ?
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้พี่ผมไม่สะดวกกับการกลับมาอยู่บ้านกันล่ะ?
นี่ก็บ้านผมเหมือนกันนะเว้ย แม้ว่าเจ๊ป๋อมจะยกคอนโดให้ผมแล้วก็ตาม
“ไม่สะดวกยังไง เปไม่ได้รบกวนอะไรป๋อมเพิ่มเลยนะ”
“ห้องก็ห้องเดิม ทุกอย่างเดิมหมดเลย แค่ขนเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวมาเท่านั้นเอง”
“อะไรคือไม่สะดวก”
“ก็...ไม่สะดวกก็คือไม่สะดวก”
“ชั้นชินกับการอยู่คนเดียวไปแล้ว”
“ไม่ใช่อ่ะป๋อม ไม่ใช่เหตุผล”
“พูดตรงๆ ดิ ว่าไม่สะดวกเพราะอะไร”
“อือ ช่างมันเถอะ”
“เอาเป็นว่า เปกลับมาอยู่ก็ได้ แต่จะมาคัดค้านอะไรไม่ได้แล้วนะ ชีวิตใครก็ชีวิตมัน”
“กลับมาอยู่ ก็อยู่ในที่ทางของเปก็แล้วกัน”
“แล้วก็...ค่าเช่าที่ได้มา ครึ่งครึ่ง ไอ้แบ่งมา20% ให้ชั้นเนี่ย ยังไม่พอค่าสปาเท้าเลย”
“ตามนี้นะ ขัดข้องก็ล้มดีล”
อะไรของเค้า?
ผมได้แต่ขมวดคิ้ว จิ้มคอหมูย่างเข้าปาก พร้อมกับมองตามพี่สาวที่เดินขึ้นห้องส่วนตัวบนชั้น 2 ของบ้าน
พื้นที่ตามโฉนดของบ้านนี้คือ 64 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 263 ตารางเมตร ถ้าเมตรนึงของมนุษย์เราแบบก้าวเวอร์ๆ เท่ากับ 1 ตารางเมตร เท่ากับว่า ผมห่างจากพี่ผมได้มากสุดถึง 262 เมตร ผมทำให้เจ๊ป๋อมอึดอัดส่วนไหนหรอครับ? เงาตอนพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกยังไม่ทับกันเลยเถอะ ต่อให้เจ๊สยายผมแล้วลมพัดโชยด้วยอ่ะ!
แต่ก็ช่างความงงมันเถอะครับ
ตอนนี้แผนลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของผมเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว
การกลับมาอยู่บ้านไม่ใช่ปัญหาแล้ว แม้พี่สาวจะพูดปาวๆ ว่าไม่สะดวกก็เถอะ
เหลือแค่วันพรุ่งนี้ ผมจะไปเจอกับผู้เช่ารายแรก เราน่าจะได้เซ็นสัญญาเช่าห้องกันหลังจากพูดคุยเรื่องเงื่อนไขต่างๆ กันแล้ว 1 ชั่วโมง จากนั้นผมก็จะกลับไปจัดการที่ห้อง ขนของออกมาแต่เนิ่นๆ ก็ดีเหมือนกัน ถึงจะยังไม่รู้แน่ว่าเขาจะเริ่มเช่าเมื่อไหร่ก็เถอะ แต่มันก็น่าจะเป็นเดือนหน้าสิ เพราะดูเหมือนจะหาห้องเช่าด่วนๆ อยู่ ไม่อย่างนั้นพี่ทัศน์คงไม่ลงแรงช่วย
ผมให้ยาดาช่วยเรื่องสัญญาเช่า เพราะมันรอบรู้และรอบคอบกว่าผมมาก และมันเป็นเพื่อนผม มันก็ต้องช่วยผม ผมปรึกษามันแล้วว่าให้จ่ายล่วงหน้า 3 เดือนก่อนดีมั้ย มันว่าไม่ดีหรอก ผมก็เลยให้มันเขียนในสัญญาไปด้วยว่าจ่ายล่วงหน้า 6 เดือน และมันก็ทำหน้าบูด ไอ้บ้านี่งกกว่าผมอีกหรอ? จะให้ผมเก็บล่วงหน้า 12 เดือนเลยหรอ? ไม่ดีนะ มันจะเอาเปรียบฝ่ายนั้นเกินไป
ผมนั่งฝันหวานอยู่ในม้าใกล้สวนไม้พุ่มที่พ่อจัดไว้ บ้านเราร่มรื่นครับ ต้นไม้เยอะ เพราะพ่อชอบ ดอกไม้ก็เยอะตามมาเพราะแม่ชอบ เรามีแปลงผักสวนครัวนิดหน่อยแล้วแต่แม่ปลูก แต่เราไม่มีโรงเลี้ยงหมู หรือเล้าไก่เหมือนบ้านแม่ที่อ่างทองหรอกนะครับ มันจะดูแลกันยากไปนิดนึง
จะว่าไป ผมก็ยังไม่เข้าใจพวกเขานัก ไม่เข้าใจว่าแม่จะย้ายจากบ้านนี้ไปใช้ชีวิตอีกรูปแบบนึงในอีกบ้านนึงทำไมกัน เราอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขหรอ? พ่อก็ด้วย เบื่อจะอยู่บ้านนี้ขนาดนั้นเลยหรอ? ถึงต้องแยกห่างจากลูก 2 คนไปแบบนี้
ผมเคยถามแม่ แม่ก็บอกไม่อยากอยู่บ้านเบื่อๆ และอยู่บ้านนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำ นอกจากดูแลบ้าน ทำความสะอาด ทำอาหาร มันไม่สร้างรายได้หมุนเวียน ผมเคยเสนอให้แม่ทำข้าวกล่องขายออนไลน์ แม่ก็ว่ามันไม่ใช่ทาง
สุดท้ายผมก็หมดทางค้าน และต้องยอมรับระยะห่างที่พวกเขาเลือก
“น้องเป แตงโมมั้ย” ป้าพรยื่นหน้ามาถาม วันศุกร์เป็นวันแม่บ้านมาครับ และป้าพรแกดีอย่างตรงที่แกจะชอปปิ้งขนมนมเนยผลไม้เข้ามาให้ด้วย แน่นอนว่ายื่นใบเสร็จกับเจ๊ป๋อม จ่ายตามจริงครับ กินไม่กิน ชอบหรือไม่ชอบก็จ่ายเงินให้แก
“เอาครับ เอาๆ”
“แช่เย็นก่อนได้มั้ย”
“แช่ไว้ประเดี๋ยวนึงแล้ว แล้วน้องป๋อมล่ะ”
“บนห้องครับ”
“อ้อ คืนนี้ป้าไม่ค้างนะ ทำมื้อเช้าไว้ให้แล้ว อุ่นทานกันเองนะ บ่ายพรุ่งนี้ป้ามาดูแลความสะอาดให้”
“ครับๆ กลับเลยรึเปล่า เดี๋ยวเปตามไปล็อครั้วเลย”
“ใช่ๆ ป้ากลับเลย เทียวนี้แหละ” เทียวแปลว่าตอนนี้ เดี๋ยวนี้ครับ ผมได้ยินมาตลอด แกก็ไม่แก้คำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นสักที
ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วก็เดินไปส่งแกที่หน้ารั้ว จากบ้านผมออกไปปากซอยที่ติดถนนใหญ่ชื่อว่าพัฒนาการ เพียง 300 เมตรเท่านั้นแหละครับ ป้าแกเดินจนคุ้นชิน ตรงปากซอยก็จอแจด้วยวินมอเตอร์ไซค์ เซเว่น โลตัสเอ็กเพรส และป้ายรถเมล์ ถ้าได้รับอันตรายใดๆ ระหว่างเดินทางนี่ต้องถือว่าคราวเคราะห์สุดๆ แล้ว
คืนนี้จบลงอย่างง่ายดายโดยที่ผมยังไม่ทันได้ทวนแผนเจรจาหว่านล้อมผู้เช่าห้องถึงรอบที่3 ดี ก่อนจะหลับไป ผมได้ยินเสียงพี่สาวพูดว่า เปไม่เข้าใจก็เรื่องของเป ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เกี่ยวกับผมยังไง ผมจะไม่เข้าใจอะไร และพี่สาวผมคุยกับใคร แต่ก็นั่นแหละครับ เมื่อง่วง ก็ต้องนอน
Home*Mateนี่ก็...ถึงเวลาที่นัดไว้แล้ว
ผมนัดว่าที่ผู้เช่าคอนโดที่ร้านกาแฟที่ใครๆ ก็รู้จัก ในห้างที่ใครๆ ก็รู้จัก เดินทางมาถึงห้างได้โดยขนส่งสาธารณะหลายสิ่ง เพราะฉะนั้น เขาก็ไม่น่าจะเลท และไม่ควรเลท
ผมโทรหายาดา เพราะมันต้องเอาสัญญาเช่าที่มันร่างให้มาให้ผม มันจะได้ดูเป็นมืออาชีพกันหน่อย ผมไม่อยากให้ใครว่าเอาได้ว่าไม่รู้จักโต
ยาดามาตรงเวลาเสมอ วันนี้มันมากับแฟนมัน วราห์
“เอ้า มาด้วยหรอ?” ผมทักวราห์ที่ส่งยิ้มให้อย่างหล่อ มันพยักหน้ารับแล้วนั่งลงตรงกันข้ามผม จากนั้นก็ช่วยสอดส่ายสายตาหาตัวนำเงิน
“นัดกี่โมงอ่ะเป”
“ห้าเย็น”
“ก็จวนแล้วนี่”
“อือดิ แต่เขายังไม่มาว่ะ แต่เฮ้ย ไม่ต้องรอเป็นเพื่อนเรานะเว้ย วราห์มีโปรแกรมไปไหนกันต่อก็ตามสบายเลย”
“ไม่เป็นไร ดาเขาห่วง”
“เดี๋ยวเราอยู่เป็นเพื่อน ช่วยกันมุง”
“เออ ขอบใจ” ผมก็ไม่คิดหรอกครับว่าอายุขนาดนี้แล้ว ยังต้องมีเพื่อนนั่งมุง เมื่อเพื่อนมีน้ำจิตน้ำใจ ผมก็เลยอาสาเลี้ยงน้ำ ซึ่งมัน 2 คนดีใจมาก มันบอกว่านานๆ จะได้กินตังค์ผมสักที อะไรกันวะ? ผมเป็นคนมีน้ำใจกับเพื่อนเสมอนะ
ครู่เดียวที่กำลังนั่งมุงกันอยู่ (โดยที่วราห์เคร่งเครียดแทนผมมากถึงขนาดต้องงัดแว่นมาใส่) โทรศัพท์ผมก็สะเทือน ผมรีบกดรับแล้วส่งเสียงไปพร้อมกับรอยยิ้ม
“ครับ เปครับ” ใช่เขาจริงๆ ด้วยครับ เขาคนที่ไม่เมมเบอร์ ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับเขาที่ผมรอ
“ชั้น2 ใช่ครับ ใช่ๆ”
“เอ๊ะ? พี่ทัศน์ ไม่เห็นเลยนะ”
“เฮ้ย นี่พี่ทัศน์มาด้วยหรอ? อ่อ....อ่อออ” ผมเริ่มงงแบบเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงแล้วครับ บุคคลนี้ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายว่าจะได้เจอ ผมกรอกตามองเพื่อนทั้งคู่ที่ยื่นหน้ามองผมอย่างอยากรู้อยากเห็น ส่งสัญญาณมือให้พวกมันนิ่งไว้ก่อน และเมื่อวางสาย ผมก็บรีฟสั้นๆ
“พี่ทัศน์มาด้วยว่ะ”
“มันญาติกันหรอวะ? ไม่เห็นรู้”
“พี่เขาอาจมาในฐานะตัวกลางไง งั้นเรากับวราห์เป็นพยานก็แล้วกัน”
“เนี่ย มันต้องมีคนลงชื่อพยานด้วยนะ” ยาดาออกความเห็นพร้อมกับชี้เป้าช่องว่างลงชื่อพยาน 3 คน (ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องป่าวประกาศกันเยอะแยะ)
ผมนั่งรออยู่เงียบๆ ในหัวพยายามนึกเหตุผลของการมาที่นี่ด้วยของพี่ทัศน์ ซึ่งนึกยังไงก็นึกหาเหตุผลของแกไม่ออกครับ เว้นแต่ว่าเป็นญาติกันนั่นแหละถึงจะเข้าใจได้ว่าเป็นห่วงน้องนุ่ง
แต่ถ้าจะให้นึกแบบอกุศลหน่อย ก็...เสี่ยกับอีหนู
เฮ้ยยยยย แต่พี่ทัศน์เป็นผู้ชายนะเว้ย มีเมียมีลูกแล้วด้วย ... หรือมันไม่หวือหวาพอวะ ถึงต้องหาคอนโดกกอิหนูที่เป็นผู้ชาย
“เป” พี่ทัศน์ไม่ได้เป็นเพียงพี่ในมโนนึกของผมอีกต่อไป ตัวจริงที่สดกว่าโฟร์ดีปรากฏตัวขึ้นด้วยเสียงก่อน ตามมาด้วยร่างกายแสนสมาร์ท และใบหน้าหล่อภูมิฐาน .... สงสารเมียแกว่ะเห้ย ไม่น่าเล้ยยยยย
“ครับพี่ทัศน์”
“มาด้วยก็ไม่บอก”
“จริงๆ ก็ไม่ได้วางแผนไว้หรอก โตๆ กันแล้วน่าจะจัดการกันเองได้”
“แต่จุนมัน... เขาก็มีเงื่อนไขของเขานั่นแหละ” เอาใจอีหนูเกินไปป่าววะเนี่ย? ผมคิดในใจ ส่วนหน้าก็ส่งยิ้มให้พี่แกแบบฝืดๆ
“เออ พี่ทัศน์ครับ” ไม่ไหวครับ ไม่ไหว ผมไม่ชอบสงสัยโดยไม่ลองไต่ถาม
“อือ”
“พี่เป็นอะไรกับ...เขาล่ะครับ”
“หือ?”
“กับจุนน่ะหรอ?”
“พี่เป็นน้ามันน่ะ”
“อ้ออออออออออออออออออ” ผมน่าจะอ้อยาวไปหน่อย ยาดาถึงได้สะกิดกันดังเพี๊ยะ
“ก็ว่า ถ้าเป็นแค่พนักงาน พี่ก็ไม่น่าจะต้องมาประกบ”
“ยายจุนกับแม่พี่เป็นพี่น้องกัน พี่กับแม่มันก็เลยเป็นพี่น้องกัน มันก็พี่ก็เลยเป็นน้าหลานกัน งงมั้ย”
“ถ้าอธิบายแบบนี้ก็จะงงแล้วล่ะครับ” ผมตอบพลางหัวเราะ พี่ทัศน์ยิ้มยิงฟันขาวน่าหลงใหล รอยตีนกาที่หางตาบอกใบ้ให้ว่ากายหยาบแกเหยียบเลข 4 แล้ว
“พี่อยากให้จุนได้อยู่คอนโดของเปนะ จริงๆ”
“เปก็อยากให้เขาเช่าครับ”
“เห้ย งั้นก็ดีเลย จุนมันต้องอยากเช่าอยู่แล้ว”
“จริงหรอพี่ วันนั้นที่คุยกัน ดูเขาอยากอยู่โซนอื่นนะ”
“ก็นั่นแหละ เงื่อนไขเยอะ แต่พี่ไว้ใจเป ไม่อยากให้มันไปถูกเอาเปรียบมาอีก ไอ้นี่ก็ปากหนัก โดนหลอกเงินไปตั้งเท่าไหร่ก็ไม่ปริปากสักคำ น่าเตะ”
“ขอโทษก็แล้วกันครับพี่ผมน่าเตะ” อีกเสียงแทรกขึ้นระหว่างที่ผมกับพี่ทัศน์เมาท์กันอย่างเมามันโดยมียาดาและวราห์นั่งฟังตาแป๋ว
พวกผมทั้ง4 คนพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนจนเก้าอี้ส่งเสียงครืดลั่นร้าน ดีว่าคนไม่พลุกพล่านนัก
ผมมองหน้าหมอนี่ไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะพี่ทัศน์ไปล้อมหน้าล้อมหลัง หมอนี่สูงพอๆ กับพี่ทัศน์ก็น่าจะสูงราว 180 นิดๆ ส่วนผมสูงหย่อนกว่าพี่ทัศน์เล็กน้อย
“หลงหรอจุน บอกแล้วว่าให้มารถน้า”
“ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งบีทีเอสมาแป๊บเดียว แค่งงๆ ในห้าง”
“แล้ว.....”
“อ้อๆ มาๆ รู้จักกันไว้”
“เป น้องๆ นี่ค้ำจุน หลานพี่”
“ค้ำจุน นี่เป นี่เพื่อนเป นี่ก็เพื่อนเป” แม่งช่างเป็นการแนะนำที่ทำเอายาดากับวราห์งงในจังหวะกันและกัน เพราะไม่รู้ว่าใครจะเป็นเพื่อนเปที่หนึ่งและเพื่อนเปที่สอง
ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กับว่าที่ผู้เช่าห้องผม ส่วนผมยังคงมองหน้าเขาอยู่ เพราะเขายังมองหน้าผมอยู่
ราวกับว่าสติผมมันงงๆ อยู่พักนึง จากนั้นก็เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตขึ้นมาดื้อๆ
“เฮ้ย ไอ้เหี้ยนั่นนี่”“เอ้าคุณ!! พูดให้ดีๆ หน่อย”“พี่ทัศน์!” // “น้าโจ้!!!” “ไอ้นี่หรอ!!!” อาการวางสีหน้าไม่ถูกมันเป็นแบบนี้นี่เอง
ผมกดสายตาแช่มองสัญญาเช่าห้องชุดระยะยาวที่ยาดาร่างมาอย่างไร้โฟกัส ยาดากับวราห์มองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก พี่ทัศน์เองก็ทำหน้าไม่ถูก
ส่วนคู่กรณีผมก็มีสีหน้าเลื่อนลอยไม่แพ้กัน
“เอาน่า”
“มันก็แค่....แบบ...”
“แบบบบ ไงดีอ่ะ เพื่อนเปว่ายังไงกันดี” ชายหลัก4 ถามหาตัวช่วยครับ คู่รักวัย20 กลางๆ ก็เลยมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่กกว่าเดิม
“อ๋อ ค่ะ มันก็แค่...แบบ....แบบ แบบ”
“แบบยังไงดีค่ะวราห์”
“เอ่อ ทานน้ำก่อนมั้ยครับ” วราห์ ไอ้บ้า!! กูไม่เลี้ยงน้ำแม่งหรอกนะ
ผมถอนหายใจออกมาในที่สุด จากนั้นก็พูดสิ่งที่ทุกคนหันมองผมตาโต
“คืนนั้นมัน....ก็อย่างที่พูดนั้นแหละ”
“ก็คุณกวนตีนจริงๆ”
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมไม่กวนตีนนี่ ผมไม่ได้เถียงอะไรคุณสักคำ”
“งั้น แปลว่าไม่โกรธ”“ไม่ ใส่ ใจ น่ะ” กวนตีนกูอยู่สินะ ผมพยายามสะกดอารมณ์ พยายามหาเหตุผลที่ผมต้องมานั่งคุยกับไอ้พ่อค้าขายต้นไม้กวนส้นตีน เพื่อเงิน เพื่อเงิน เพื่อเงิน...แต่ว่า มันจะมีเงินเช่าห้องผมหรอวะ?
“งั้น คุณลองอ่านสัญญาเช่าดูก่อนก็แล้วกัน”
“เออๆ แบบนี้แหละดี”
“จุน ลองอ่านดู”
“พื้นที่ห้องก็กว้างขวางดีไม่ใช่หรอ จุนบอกเองนี่ มีระเบียง2ระเบียงด้วย”
“จะได้วางของ.....” พี่ทัศน์พูดเท่านี้แล้วก็สะดุดเหมือนคนเพิ่งนึกอะไรได้ จากนั้นแกก็พูดต่อ
“เด็กๆ จะได้อยู่ได้”
“เอ่อพี่ทัศน์ คอนโดเปเลี้ยงสัตว์ไม่ได้นะครับ”
“หึ” คนส่งเสียงหออึหึไม่ใช่พี่ทัศน์ครับ แต่เป็นหลานตัวเท่าควายไบซันของเขา ผมเหล่มองและได้พบกับการปรายตามองที่โคตรจะกวนส้นตีน
มันเกลียดผม ผมจะเกลียดมันให้มากกว่า กูต้องชนะเว้ย ชาตินี้กูจะแพ้แค่พี่สาวกูเท่านั้น ผมส่งกระแสจิตไปบอกไอ้คนสายตากวนตีน ไม่รู้มันจะเข้าใจมั้ย
“อ่านสัญญาดิ”
“ไม่”
“น้าโจ้ ผมว่าไปดูห้องก่อนดีกว่านะครับ ถ้าลงเงื่อนไขก็ค่อยคุยกันเรื่องค่าเช่า แล้วก็ค่อยทำสัญญา”
“เฮ้ยๆ”
“ผมเป็นเจ้าของสินทรัพย์ เท่ากับผมเป็นคนกำหนดเงื่อนไข ไม่ใช่คุณ”
“งั้นหาที่ใหม่เถอะครับน้าโจ้”
“ผมว่า เจ้าของห้องนี้ไม่น่ารัก อัธยาศัยดีน้อย”
โอ้ยยยยยย ไอ้เหี้ยยยยย
เปเว้ย เปเว้ยเป ใจเย็นเว้ย ปล่อยๆ เช่าไปมึงก็ชนะแล้วเว้ย ได้เงินไง ได้เงิน
“คือ....”
“คุณก็เห็นห้องแล้วไง ภาพผมก็ส่งให้ดูทุกมุม รายละเอียดพื้นที่ ทิศหันหัวนอนก็บอกหมด คุณโอเคแล้วนี่”
“ก็อยากเห็นกับตา”
“ไม่ได้หรอครับ งั้นก็ไม่เช่า”
“เฮ้ยคุณนี่มัน”
“ผมเป็นว่าที่ลูกค้า ผมต้องจ่ายเงินให้คุณ จะขอไปดูก่อนไม่ได้เลยหรอ”
“มันไม่ใช่ร้อยสองร้อยนะคุณ”
“เอาน่า”
“ดาว่า ไปดูห้องกันเถอะค่ะ”
“แล้ว...ถ้าต่อรองราคากันใหม่ ดาจะร่างสัญญาให้ใหม่ เอาแบบที่พอใจทั้ง2ฝ่ายเลยค่ะ”
“นะ ไม่อย่างนั้นก็เหี้ยห่าบ้าบอกันอยู่ตรงนี้ ไม่ดีค่ะ” เพื่อนผมซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในโต๊ะเสนอทางออกให้ และดูเหมือนความเป็นสุภาพบุรุษของพวกเราจะเสมอกัน ถึงได้ฟังยาดาและทำตามอย่างไร้คำคัดค้าน
“อ้อคุณ” จู่ๆ ควายไบซันก็หยุดเดินและหันมามองหน้าผม เขาจำต้องก้มหน้าลงนิดเพราะผมเตี้ยกว่า ไอ้นี่กระตุกยิ้มเหี้ยๆ แล้วก็บอกสิ่งที่เหี้ยกว่า
“ผมอยาก ทด ลอง อยู่ ก่อนสักเดือนนึง”“คงไม่ขัดนะครับ”
“น้าผม คุณนิทัศน์เขาแนะนำมาน่ะ”
ไอ้เหี้ยยยยยยยยย กูไม่ให้มึงเช่าแล้วเว้ยยยยยย!!!!!
Tbc..
เปก็จะด่าเสียงยาวหน่อยๆ
จุนก็จะกวนตีนเสียงสั้นนิดๆ
ฝากติดตามกันด้วยนะคะ เรื่องราวของผู้ชายที่ศีลเสมอกันเด๊ะ กวนมากวนกลับไม่โกง
และเมื่อคนไม่ยอมใคร ใครไม่ยอมคน ต้องมาป๊ะกันแหมแบบนี้ ผลลัพท์ความสัมพันธ์จะออกมาเป็นสีอะไร เชิญเดาค่ะ
ปล.ติดตามการอัพเดทได้จากเฟสบุ้คนะคะ กดไลค์กดติดตามกันได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/saturdayseriess/ทวิตเตอร์ก็ @zaturn1389
แต่ไม่ค่อยได้ทวิตเรื่องนิยายหรอกนะคะ ติดตามเพจดีกว่า
เจอกันใหม่ตอนหน้า ไม่เกิน 1 เดือนจากนี้ค่ะ