Chapter 20
ได้ที่เรียน...พากเพียรเป็นผล
จากการลำบากตรากตรำอ่านหนังสือสอบ ทั้งโอเน็ต ทั้งสอบตรง ทั้งคะแนน 7 วิชาสามัญ ไหนจะตามไปสอบภาษาอังกฤษในตัวมหาวิทยาลัยบางแห่งเพื่อใช้เป็นคะแนนรับตรงของเขาเอง ในที่สุดเน่ก็ผ่านด่านแรกของมหาวิทยาลัยด้านวิชาการอันดับ 1 ของประเทศไทย เหลือด่านสุดท้ายคือการสอบสัมภาษณ์ที่ไม่น่ายากอะไร แต่ก็ต้องเข้ากรุงเทพอีกรอบ เสี่ยจึงมีท่าทีเหนื่อยๆเมื่อเนเน่นำข่าวมาบอก
แหงล่ะ
มันทำให้เน่รู้สึกแย่สุดๆไปเลย
เมื่อคนที่อยู่กับเรา คนที่เราพึ่งพา เขาไม่ยินดีกับความสำเร็จครั้งนี้
“ถ้าไม่สะดวก เน่ไปเองก็ได้นะ”
รู้ตัวว่าพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง เขาอยากให้เสี่ยรู้ว่าเขาโกรธ เสี่ยจะทำตัวเป็นเด็กด้วยการเงียบไม่ได้
“เสี่ยจะคิดเงินเน่ หรือจะทบต้นทบดอกอะไรก็ได้ ก็แค่อยากสอบให้มันถึงที่สุด ได้ไม่ได้ก็ยังไม่รู้เลย”
“ยังไม่ได้พูดว่าจะไม่ให้ไป”
“ใช่! แต่เสี่ยไม่พูดอะไรเลยต่างหาก”
“....ขอเวลาหน่อยสิ”
“ขอเวลาเหรอ...แค่เสี่ยจะดีใจให้เน่สักหน่อย เสี่ยยังไม่ทำเลย...ขอเวลาเนี่ยนะ?!”
“กลับไปสงบสติอารมณ์ไป ฉันจะทำงาน”
น้อยใจ
น้อยใจจริงๆ
เสี่ยคงคิดว่าใช้วิธีเงียบแล้วเน่กลัว ตรงกันข้าม เด็กหนุ่มมีแต่ความผิดหวังในตัวผู้ใหญ่ เสี่ยที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ที่ไหนได้ก็มีนิสัยแบบเด็กๆ หวงอย่างไม่มีเหตุผล!
โอเค—ก็รู้ว่าเสี่ยเป็นผู้ปกครองในตอนนี้ แต่เขาผิดหวังจริงๆ แค่ยิ้มสักนิด บอกว่า ‘เก่งมาก’ สักหน่อย แค่นี้มันจะตายหรือไง
เน่ไม่อยากกลับไปเรียกเสี่ยว่าไอ้บ้าอีก แต่ก็แอบสบถในใจอยู่ตลอด มันคงไม่บาปหรอกมั้ง เพราะเสี่ยไม่ใช่พ่อนี่ เป็นปะป๋า sugar daddy เฉยๆ
•
หรือรักครั้งนี้มันจะจบลงจริงๆ?
เวลาสามปี มันคงหมดช่วงโปรโมชั่น เมื่อเสี่ยเห็นว่าเน่ดูแลตัวเองได้แล้ว ก็อาจจะส่งให้เน่ไปอยู่กับพ่อแม่ก็ได้ แต่ทำไมไม่ให้ไปเรียนกรุงเทพล่ะ?
เฮ้อ!
ถอนใจแรงๆหลายที ความคิดตีกันมั่วไปหมด
“ปลากินเบ็ดมึงแล้วมั้งเน่”
“เฮ้อ!”
ถอนใจอีกรอบ แล้วค่อยๆยกเบ็ดขึ้นมา มีปลาติดมาจริงๆด้วย เป็นปลาแขยงที่เน่ขยาด จึงให้เอ็มเอาออกจากเบ็ดให้
“ระวังนะ”
“เออน่า”
ปลาแขยงมีแง่งหนามเหมือนปลาดุก เน่จึงกลัวโดนทิ่ม เขาเคยถูกครีบแหลมๆของปลาหมอไปนิดเดียว ตอนนั้นมือบวมไปตั้งอาทิตย์นึง
“นี่ไอ้เน่ มึงจะคุยกับเสี่ยเขามั้ยวะ มะรืนแล้วไม่ใช่เหรอที่ต้องไปสัมฯอ่ะ”
“อือ”
“อือ? อือนี่คืออะไรวะ”
มิคสงสัย
“จะคุย”
“เฮ้อ/เฮ้อ”
สองเกลอถอนใจพร้อมกัน ท่าทางจะสงสารเวทนาน้องเน่เพื่อนรักมากทีเดียว
“เป็นพวกมึง พวกมึงจะทำยังไงอ่ะ”
“เป็นกูเหรอ กูจะขโมยตังค์หนีไปกรุงเทพเลย หรือขอเงินพ่อแม่มาเป็นทุนก่อนแล้วค่อยไปหางานทำ ส่งตัวเองเรียน”
เอ็มว่า นั่นยิ่งทำให้เน่แทบหน้าหงาย ขืนทำไป ก็คงได้โดนฆ่าหมกป่า
“มึงล่ะมิค”
“กูคงไม่ไปว่ะ เกรงใจเสี่ยเขา ยังไงอยู่นี่ก็ได้งานทำอ่ะ”
“ไม่คิดถึงตอนที่เน่มันเลิกกับเสี่ยล่ะวะ”
“ไม่รู้ กูอาจจะหน้าด้านทำที่เดียวกันต่อ หรืออาจจะแอบเอาความสามารถของตัวเองที่เรียนรู้มาจากเสี่ยไปสมัครโรงงานอื่น เสี่ยคงไม่ว่ามั้ง หรือทำนาทำไร่กับแม่ก็ได้”
“มึงนี่แม่ง”....คนดีศรีสุพรรณอีกคนสินะ
“กูแค่อยากให้เขาสนใจกูบ้าง ทำเหมือนเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้”
“อย่างน้อยเขายังให้ไปสอบตรงตั้งหลายที่ไม่ใช่เหรอเน่”
ให้ไปเพราะจำใจล่ะสิ ในเมื่อแม่เน่โทรมาขอร้องเสี่ยว่าให้เนเน่ลองทำบ้าง ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต ไม่ได้หมายความว่าถ้าติดแล้วจะให้ไปสักหน่อย
“แล้วที่มึงไปสอบภาษาอังกฤษอ่ะเป็นไงบ้างวะ”
คนถูกถามส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่สนุกเลย เสี่ยเคยรักกูบ้างหรือเปล่าวะ”
เพื่อนซี้ถึงกับเลิ่กลั่ก ถามอย่าง ตอบอีกอย่าง สงสัยจะเพี้ยนๆตามประสาวัยรุ่นวัยรัก
“เขาไม่ให้กูไปก็เข้าใจนะ แต่เขาดูไม่มีความสุขกับกูแล้ว”
น้ำเสียงเริ่มสั่น คันเบ็ดที่จับไว้ก็วางลง เนเน่มองผืนน้ำไหลเอื่อย ยิ่งสะท้อนในอกว่าสายน้ำไม่ไหลกลับฉันใด ความรักก็ไม่หวนคืนฉันนั้น เด็กหนุ่มคงหมดความน่ารักลง ทั้งเสียงที่ทุ้มขึ้น ทั้งร่างกายที่สูงเทอะทะตั้งร้อยเจ็ดสิบกว่า ทุกอย่างมันคงรวมๆกันจนกลายเป็น ‘เบื่อ’
“เสี่ยเบื่อกูแล้วแน่ๆ เขาตั้งใจทำแบบนี้กับกูเพื่อให้กูบอกเลิกเขา”
“ไปใหญ่แล้วเน่”
สองเพื่อนซื้อไม่รู้จะช่วยอย่างไร ไม่เคยมีความรักเสียด้วยสิ
“เขาไม่เคยมาดูดำดูดีเลย ignore me all the time”
ในที่สุดน้ำตาแห่งความน้อยใจก็ไหลออกมา เนเน่ปาดทิ้งอย่างเงียบๆ พยายามกลั้นเสียงสะอื้นอันน่าอายของตน ไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ อยากมีชีวิตเหมือนคนอื่นบ้าง เวลาเสี่ยไม่พอใจ เสี่ยก็ชอบทำเมินเฉย นี่แหละเป็นการลงโทษที่เจ็บที่สุด เจ็บยิ่งกว่าดุด่ากันเสียอีก
“จริงๆ เสี่ยก็ควรพูดถึงเรื่องไปสัมภาษณ์ได้แล้ว กูก็เข้าใจนะถ้ามึงจะร้องไห้”
มิคอยากเตือนสติเน่อีกครั้งว่ายังไงเสี่ยก็เป็นคนดูแลเน่ แต่ก็พูดไม่ได้ เดี๋ยวยิ่งไปกดดันเพื่อนอีก
เป็นเด็กเสี่ยมันไม่ง่ายเลยนะ ไม่มีอิสระเลย
“เดี๋ยวพวกกูช่วยพูดให้มั้ยล่ะ”
“ไม่ต้องหรอก...”
“แล้วมึงจะทำยังไง”
“จะถามเค้า ว่าตกลงจะเอายังไง เลิกกันไปเลยก็ได้ ขอเงินเขาสักพันสองพันไปตั้งต้นชีวิตใหม่ คงไม่ยากมั้ง”
“เวรกรรม”
เพื่อนอยากจะบอกเน่ว่าชีวิตข้างนอกกรงทองนั้น เงินพันสองพันมันไม่พอจริงๆ กับข้าวในโลกข้างนอกมันแพงกว่าในรั้วโรงเรียนรัฐบาลนะ
“มาอยู่ที่นี่เองเหรอ”
เด็กหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงคุณเลขาฯตัวโตของเสี่ย พี่แกบ่นเรื่องขับรถตามหาตั้งนาน ไม่รู้ว่าที่บ้านไม่มีคนคุยด้วยหรือยังไง หรือก็คงเพี้ยนไปเพราะเทียนทิ้ง ตั้งแต่อกหักก็เอาแต่สูบบุหรี่ จนใครๆพากันเป็นห่วง
“ดูสิ แค่มาตามด้วยตัวเองยังไม่มาเลย”
เน่หมายถึงผู้ปกครองของเขา เอ็มกับมิคก็ได้แต่เออออตาม ด้วยไม่อยากขัดอารมณ์เพื่อน ทั้งๆที่ก็รู้กันว่ามีไม่กี่ครั้งที่เสี่ยไม่มาตามเอง แล้วเน่ก็ใช่ว่าจะออกข้างนอกบ่อยที่ไหน ถึงสิบครั้งหรือเปล่าเถอะ
คนมันน้อยใจน่ะนะ ทำอะไรก็ถูกมองไม่ดีไปหมด
“มึงลองคุยกับเสี่ยดีๆนะ อย่าใช้อารมณ์”
“อือ”
“พูดเพราะๆเข้าไว้ด้วย”
“เออ มีอะไรจะสั่งเสียอีกมั้ย”
“อย่ารื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ”
คนฟังกลอกตา สั่งอย่างกับเป็นพ่อ!
เด็กเสี่ยบอกลาเพื่อนก่อนตามไทขึ้นรถ รายนี้ก็ไม่ค่อยเล่นมุกอะไร เป็นพี่หมีคนขรึมที่ตั้งใจทำงานไปแล้ว
.
.
.
.
เนเน่กลับมาบ้านได้สักพัก เสี่ยถึงเพิ่งกลับมาจากโรงงานขนมหมา พอเห็นเสี่ยลงจากรถ จึงเอาเจ้าแซ่บไปผูกไว้ เขายกมือไหว้เสี่ยด้วยความเคยชิน แอบดีใจที่คนแก่ยิ้มให้ แล้วยังลูบหัว
เน่ชอบการสัมผัส เน่ชอบสัมผัสเสี่ย ร่างกายเชื่อมต่อกัน ได้สื่อสารกัน ถ่ายเทความอบอุ่นให้แก่กัน แล้วก็...ตกหลุมรักอีกครั้ง
เขาเคยได้ยินเพลง ‘ยอมตั้งแต่หน้าประตู’ ความรู้สึกมันเป็นแบบนี้เองสินะ ยอมเขาตั้งแต่เห็นเขาแล้ว
“เสี่ยครับ”
ไอ้ที่ร้องไห้ด่าเขาเมื่อกลางวันไม่มีความหมาย เนเน่ทิ้งตัวกอดเสี่ยที่นั่งเอนหลังหนุนหมอนสามเหลี่ยมตรงลานบ้านมุมโปรด
“เสี่ยกลับมาช้าจังเลย”
ซุกหน้าเข้ากับแผงอกอุ่น สองแขนกอดรัดรอบตัวหนาๆ
“งานยุ่งน่ะ”
“เรื่องโกดังเหรอ”
โกดังที่กรุงเทพเกิดไฟไหม้ขึ้นมา เสียหายไม่มากนัก แต่ก็ไม่น้อยขนาดที่จะวางใจได้
“อืม คงต้องไปดู”
“ไปกรุงเทพเหรอครับ”
อย่างนี้ก็ดีสิ
“อืม ว่าแต่มากอดนี่ไม่งอนแล้วเหรอ”
อยู่ๆคนที่ปั้นปึ่งมาทั้งอาทิตย์ก็มากอด เสี่ยจะไม่งงได้ไง
“อือ”
เน่ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นเพราะเสี่ยยิ้มและลูบหัวเมื่อสักครู่ มันจะดูเด็กน้อยเกินไป อีกอย่าง เขาไม่ได้โกรธมากมาย ยังคุยกับเสี่ยทุกวันอยู่เลย ก็แค่เสี่ยนั่นแหละไม่ยิ้มให้ ไม่คุยก่อน
“เสี่ยต่างหาก อยู่ดีๆมาคุยกับเน่ก่อน”
คนแก่นึกดู...เขาก็ยังไม่แก่จนลืมนะว่าตัวเองพูดกับเน่ตอนไหน
“ลูบหัวเขาเรียกว่าคุยเหรอ”
น่าเอ็นดูจริงๆ
“เสี่ยครับ”
“ว่าไง”
“เน่น่ารักมั้ย”
“น่ารักสิ”
“จริงเหรอ ทั้งๆที่เน่ไม่เหมือนเดิมนะ”
“อะไรที่ไม่เหมือนเดิม”
“เสียงใหญ่ ตัวก็ใหญ่ เก้งก้าง ไม่น่ากอด มีขนที่หน้าแข้งด้วย”
คนฟังได้แต่ยิ้ม
“เสี่ยอยากเลิกกับเน่มั้ย”
คราวนี้ขมวดคิ้ว
“นึกยังไงถึงถาม”
“ก็เน่ไม่น่ารักแล้ว”
“น่ารักจะตายไป”
“แล้วทำไมเสี่ยถึงต้องทำตัวแปลกๆด้วย”
เอ่ยแค่นั้นก็หยุดไป เพราะเสียงตัวเองเริ่มงี่เง่า เริ่มมองเห็นภาพคนทะเลาะกันในอีกไม่กี่นาที เน่ไม่อยากเป็นอย่างนั้น
“แปลกอะไร พูดมาเถอะ”
“ช่างมันเถอะ”
เด็กหนุ่มพลิกตัวไม่กอด หันมานอนกอดอกตัวเองข้างๆเสี่ยแทน
เสี่ยมองทุกกิริยาแล้วกลุ้มใจ คงเป็นเรื่องเดิมๆ แต่หนักขึ้นตรงที่เน่จินตนาการไปร้อยแปด คิดได้ไงว่าเขาไม่รัก
‘อยู่’ ด้วยกันมาตั้งนาน
จึงลูบไหล่อีกฝ่ายเพื่อปลอบโยน และบอกให้รู้ว่ายังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ไปไหนเลย
“เสี่ยไม่ดีใจที่เน่สอบติด เสี่ยไม่ภูมิใจ เสี่ยไม่กอดเน่ ไม่เอาเน่มานานแล้ว”
บทจะตรงก็ตรงทื่อเลยวุ้ย
“เนเน่...”
น้ำเสียงนุ่มลึก อบอุ่นเสียยิ่งกว่าพ่อ เคยให้เสี่ยเป็นทุกอย่าง แล้วตอนนี้...เสี่ยยังเป็นอยู่ใช่ไหม?
“ก็รู้อยู่ว่าฉันชอบใช้เวลาคิด ถ้ามีเรื่องไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้”
“เน่ทำเสี่ยผิดหวัง”
“ไม่ใช่หรอก มันแค่ออกจากแผนไปนิดหน่อย มันก็ต้องใช้เวลาจัดการหลายๆอย่าง ในช่วงนี้แหละที่ฉันชอบเหม่อ เพราะคิดอยู่...นิสัยไม่ดีเลยเนอะ ขอโทษนะ”
“เสี่ยดีใจมั้ยที่เน่สอบที่ดีๆได้”
“ดีใจสิ ดีใจมากที่เน่เก่งมากๆ ไม่ว่าจะสอบที่ไหนติด ฉันก็ดีใจหมดนั่นแหละ”
“รู้ไหมเน่กลัวว่าเสี่ยจะเลิกกับเน่ เอาเน่ไปอยู่ที่อื่น”
“ถ้าจะทำอย่างนั้น แล้วจะหวงไม่อยากให้ไปสอบทำไม”
“ก็ปั่นหัวเน่ไง แบบว่าให้ไปทำเท่าที่อยาก แล้วก็ห้ามในด่านสุดท้ายไรงี้ ให้เน่เสียใจมากๆจนบอกเลิกเสี่ยเอง”
คนฟังขำ
“นอกจากจะเก่งเรื่องเรียนแล้วยังเก่งจินตนาการอีก”
“ก็เสี่ยเฉยชาอ่ะ คนเย็นชา! ไม่เท่หรอกนะ ไม่ใช่พระเอกละครสักหน่อย”
“ขอโทษ มันลืมตัว”
“ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น เพราะมันกระทบจิตใจเน่มากๆ แต่เน่ก็อภัยให้เสี่ยได้เสมอแหละ”
พลิกตัวกลับมา เห็นแผงอกแกร่งระยะสายตาพอดี เขายกมือลูบวนบริเวณไหปลาร้าที่โผล่พ้นปกเสื้อ กำลังคิด
“เสี่ยเป็นยิ่งกว่าพ่อแม่เน่แล้วนะ เสี่ยสำคัญที่สุดของเน่ ไม่ว่าจะทำอะไร มันก็กระทบความรู้สึกเน่ได้ทั้งนั้น”
“แค่เดินล่ะ กระทบมั้ย”
“กระทบสิ—แค่เสี่ยเดินไปเดินมา เน่ก็มีความสุขได้จากการมอง หรือถ้าเสี่ยเดินไปร้องไห้ไป เน่ก็เศร้าตาม”
ถ้าไม่เรียกว่ารัก จะเรียกว่าอะไรได้อีก
เสี่ยอยากจะยิ้ม อยากจะวิ่งวนให้ทั่วหมู่บ้านแล้วตะโกนว่า “น่ารัก” หลายๆครั้ง แต่เขาไม่ใช่เด็กแล้ว จึงทำได้แค่ก้มลงจูบปากนิ่มสีหวาน รสชาติกลมกล่อมไม่เคยจืดจาง
“อยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีปัญหากันบ้าง ฉันดีใจนะที่เธอเปิดอกคุยกัน”
มองแก้มแดงเนียนไร้ที่ติด้วยความเอ็นดู ดวงตากลมใส ช่างไร้เดียงสา หากแต่เจ้าของมันไม่เคยรู้ตัว
“เสี่ยให้เน่ไปสอบสัมภาษณ์นะ”
“ไปสิ ฉันจะไปด้วย ไปให้กำลังใจเธอ”
“แล้วถ้าสอบติดล่ะครับ”
“แล้วแต่เธอเลย ทางนี้เตรียมการไว้หมดแล้ว”
“แผนเยอะนักนะ”
เสี่ยยักคิ้ว
“ต้องเยอะสิ เมียจะจากอ้อมอกทั้งที เผื่อมีแมลงวันมาตอมหลายตัวล่ะแย่เลย ต้องคอยดักตีพวกมัน”
“เน่ไม่ใช่ขี้นะ!”
“ฮ่าๆๆ พูดเองนะ”
“เสี่ยนี่!!”
ตีหน้าอกไปทีนึงด้วยความโมโห แต่เป็นโมโหที่มีความสุขนะ เขาทำความเข้าใจกับเสี่ยได้แล้ว ดีใจมากๆ นึกภาพที่ชีวิตขาดคนๆนี้ไปไม่ได้เลย เวลาแค่สามปีเอง กลายเป็นคนสำคัญมากขนาดนี้ พวกที่เลิกกับแฟนทั้งๆที่คบกันมาตั้งหลายปี เขาทำได้ยังไงกันนะ เน่น่ะ...ทำไม่ได้หรอก
•
-ปลาแขยง อ่านว่า ขะ-แหยง
เมื่อก่อนข้าพเจ้าชอบไปนั่งตกปลาริมคลอง แล้วก็ได้แต่ปลาแขยงกับปลาหมอ ความฝันอันสูงสุดคือตกได้ปลาช่อน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ มันฉลาดเกินไป
-เพลงยอมตั้งแต่หน้าประตู
แต่วันนี้แค่ฉันเห็นเธอ
ความเข้มแข็งมันก็ละลาย
ยิ่งเธอบอก
ให้เรา เป็นอย่างนั้น ได้ ไหม
เธอรู้ไหมว่าทั้งหัวใจ
ยอมกลับไปกลายเป็นของเธอ
ตั้งแต่เจอ เธอยืน หน้าประตู
cr.
https://xn--72c9bva0i.meemodel.com/