บทที่16 (ครึ่งหลัง)
“เห้ย เกิดไรขึ้นวะไอ้รบ” เทียนที่เดินตามมาเห็นเพื่อนชะงักแล้วตะโกนขึ้นมาแบบนั้นก็ได้แต่เดินเข้ามาจับไหล่ไว้ ความรู้สึกที่รับรู้ได้คือไหล่แกร่งที่สั่นสะท้าน สันกรามที่ขมเข้าหากันแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์ ใบหน้าคมหันมาจ้องเพื่อน ดวงตาคมที่นิ่งสนิทแต่ภายในดวงตากลับเหมือนมีประกายไฟแผดเผาซ่อนอยู่ ... นักรบคนเดิม คนที่หายไปนานคงกลับมาแล้ว
“กูจะฆ่ามัน”
“ใจเย็นๆมึง”
“กูไม่เย็นมันแล้ว! มึงดูที่มันทำกับไอ้ฝา มึงจะให้กูเย็นอะไรอีก!!”
เสียงเข้มที่ก้องสะท้อนไปรอบบริเวณนั้น ดวงตาคมที่มีแววดุร้ายฉายชัดว่าพร้อมจะทำร้าย และทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า แค่เผลอคิดแว๊บเดียวว่าคนร่างบางที่เห็นในคลิปจะโดนทำอะไรบ้าง ใจก็เหมือนถูกมือปริศนามาบีบที่หัวใจจนหน่วง หน้าขาวๆที่เคยด่ามันว่าจืด ตอนนี้กลับเขียวช้ำและมีแผล ได้แต่กำมือแน่นอย่างพยายามจะอดกลั้น
“แล้วมึงจะทำยังไง มึงรู้หรอว่ามันเอาไอ้ฝาไปไว้ไหน”
“กูต้องรู้! และกูต้องรู้เดี๋ยวนี้!!” ตะคอกออกมาแบบนั้นก่อนจะกดมือถือโทรออก
“เฮียทัพ ผมมีเรื่องให้ช่วย”
((มีอะไร ถ้าเรื่องไร้สาระ กูไม่ว่าง))
“ไม่ไร้สาระ ผมต้องรู้เดี๋ยวนี้!”
((หึ ร้อนรนเหมือนเมียหาย มีอะไร ถ้าไม่ใหญ่จริง มึงจะโดน))
“เออเมียกูหาย! เฮียมึงช่วยหาเดี๋ยวนี้เลย”
((หื้ม...เมียงั้นหรอ เมียอะไรวะ ไหนว่ามา))
“ดี!”
เทียนได้แต่มองเพื่อนร่างสูงที่โทสะอยู่เหนือเหตุผล ตะคอกเอาๆใส่สายโทรศัพท์ หลายครั้งที่คนแบบเค้าไม่เคยเข้าใจนักรบเลย มันที่เป็นคนไม่แคร์ใคร ไม่สนใจความรู้สึกของใครหน้าไหนทั้งนั้น แต่กับอิแค่เด็กคนนึง ของเล่นขำๆ...ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเห็นอาการร้อนรนของคนตรงหน้าแบบนี้ … บางทีตอนนี้ก็สงสัยว่าบางที ฝา อาจจะไม่ใช่แค่ของเล่นขำๆอีกต่อไปแล้วแหล่ะมั้ง แต่ที่สงสัยมากขึ้นอีกหน่อยก็คือ ไอ้เพื่อนตัวดี มันรู้หรือยังว่าสำหรับมัน ฝาคืออะไรของมันกันแน่...
“เออ แค่นี้นะเฮีย!”
เสียงเข้มที่ตะคอกใส่โทรศัพท์อีกครั้ง พร้อมกดวางสาย นักรบที่หน้าตาไม่สบอารมณ์หันมามองเพื่อนนิ่งๆ หายใจฟืดฟาดคล้ายวัวกระทิงที่เห็นผ้าแดง ความรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับไปเจอนักรบคนเก่า คนที่เขาเคยเจอเมื่อสามปีก่อนตอนอยู่ญี่ปุ่นไม่มีผิด
“สรุปว่าไงมึง”
“กูจะไปฆ่าไอ้กัณฐ์ไง!”
“มึงใจเย็นๆ” เทียนบอกเพื่อน พร้อมๆกับที่จับมือไว้แน่น กลัวว่ารบจะหุนหันไปมากกว่านี้
“ทำไมกูต้องใจเย็น! ไอ้ฝามันจะเป็นยังไงบ้าง มึงคิดสิวะ มันจะโดนอะไรบ้าง!!” น้ำเสียงของนักรบเต็มไปด้วยความร้อนรนและไม่พอใจ ร่างสูงสะบัดมือของเทียนออกจากตัวอย่างหงุดหงิด แค่เดาว่าฝาต้องเจอกับอะไร ใจของเขามันก็วูบไหวสะท้านไปทั้งใจ ร่างบางๆที่สั่นไหวอย่างน่าสงสารอยู่ในคลิป ภาพยังคงติดตาจนแทบสะบัดไม่ออก
“แล้วไอ้ฝามันเป็นอะไรกับมึง มึงคิดดูดีๆ จะเดือดร้อนทำไมไหนว่าไม่สน”
“แต่ไอ้เด็กนั่นมันกำลังเดือนร้อนเพราะกู!”
นักรบตวาดลั่น หงุดหงิดจนแทบบ้า แค้นไอ้หมาลอบกัดที่มันบังอาจมาทำร้ายกันลับหลัง หนำซ้ำยังเอาคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องมายุ่งด้วย คนที่ไม่เคยรู้อะไรเลย คนซื่อๆที่ทำอะไรตามสบาย ง่ายๆและพร้อมให้อภัยกับทุกอย่าง คนแบบนั้นที่มันคิดว่ามันคูล คนแบบไอ้ฝา ... ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง ต้องเจอกับอะไรบ้าง!
“หรอวะ มึงเป็นคนดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มึงเคยสนใจว่าใครจะเป็นจะตายตั้งแต่ตอนไหนวะ มึงทำยังกับมันเป็นเมีย แถมบอกเฮียทัพไปแบบนั้น สรุปยังไง มึงรักมัน?”
“ถ้ามึงไม่หุบปาก กูจะเลาะฟันมึงไอ้เทียน”
ดวงตาคมที่จ้องมาที่หน้าเพื่อนนิ่งๆ เสียงเข้มที่พูดออกมาไม่ได้ตะโกนอีกแล้ว แต่เย็นเยียบจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงแรงโทสะ นักรบที่แค่เดินผ่านเทียนไปขึ้นรถนิ่งๆ ก่อนที่จะขับออกไปด้วยความเร็วสูง ... เทียนที่ได้แต่มองตามไปก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักอกหนักใจ
...
“หึ สะใจกูชิพหาย”
ริมฝีปากเหยียดยิ้มชั่วๆที่ฝาได้เห็นทำให้สะท้านในอก ร่างบางที่นอนงอเข่าเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกๆที่พาลทำให้หายใจไม่ออก หน้าอกบางที่สะท้อนขึ้นลงจากการหอบหายใจเข้าร่าง ฝาที่พยายามเพ่งมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา แต่ตาก็พร่าเบลอ ความรู้สึกหวิวๆโหวงๆ ทั้งร้อน ทั้งหนาวสลับไปมาแปลกๆ ในหัวสมองเบลอไปหมด
‘ตึก ตึก ตึก’
เสียงร้องเท้าที่ดังก้องไปทั่วห้อง ทำให้ฝายิ่งพยายามหดตัว ไถร่างที่อ่อนแรงไปบนพื้นปูนเย็นๆให้ไกลจากอีกฝ่ายที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ให้ได้มากที่สุด
“หึ มึงทำให้กูแปลกใจมากเลยรู้ไหม รู้ว่าไม่มีทางสู้ไหว แต่ก็สู้ไม่ถอย”
“ยะ...อย่าเข้ามา”
“ห้ามกู? มึงคิดว่าห้ามได้หรอวะ”
“อย่ามายุ่งกับกูไอ้หน้าเห็บแมว!” ตะคอกออกมาเสียงดัง ก่อนจะยิ่งหอบหายใจมากยิ่งขึ้น ไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่รู้เลยว่าทำไมร่างกายถึงไม่มีแรง และร้อนรุ่นสลับหนาวแบบนี้
“ด่ากูซะเจ็บเลยนะ”
“เออ! ไปไกลๆกูไอ้หน้าจิ๋มหมี!”
คนตรงหน้าขมวดคิ้วแน่นขึ้น หน้าตึงเหมือนโดนถีบหน้า คำด่าที่คนตรงหน้าด่าออกมาเหมือนโดนเท้าลูบหน้ายังไงไม่รู้ มือหนาที่ตรงไปกระชากแขนบางเข้ามาหาตัว ร่างบางที่นอนพังพาบลอยหวือขึ้นมานั่ง สยตาเบลอๆของฝาที่พยายามเพ่งมองคนตรงหน้าเอาให้จำขึ้นใจ ใบหน้าคมของคนตรงหน้าที่จัดได้ว่าหล่อ แต่ติดที่สันดานเลวในความคิดของฝา
“มึงว่าหน้าแบบกูเหมือนจิ๋มหมี”
“เออ! ไม่ด่าว่าหน้าฮิหมีก็ดีแค่ไหนแล้วไอ้สัด!”
“มึง!”
“เออทำไม! ถอยออกไปกูรังเกียจ!!”
ฝาที่ว่าออกมาแบบนั้น สูดลมหายใจเข้าปอดให้มากที่สุดและยกเท้าถีบเข้าที่ท้องของคนร่างสูงตรงหน้าสุดแรง อีกฝ่ายที่หงายท้องลงไปนอนกับพื้น ร่างบางที่พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่สภาพไม่อำนวย ... หนี! ต้องหนีไปจากที่นี่
‘พรึบ!’
ขาเรียวที่ถูกอีกคนกระชากอย่างแรงจนหน้าคว่ำลงกับพื้น ก่อนจะถูกลากเข้ามาหาตัว ดวงตาคมแกร่งของกันที่จับจ้องมาอย่างน่ากลัว
“เก่งนักนะมึง!”
“ปล่อย ปล่อยกู!”
“หึ”
“อย่า มึงจะทำ อึก อึก กูไม่ อึก”
“กินเข้าไป! แล้วมึงจะรู้ว่าไม่ควรดื้อกับกู”
มือหนาที่คว้าขวดแก้วบรรจุน้ำก่อนจะเทกรอกปากร่างบางจนหมด ร่างบางที่เปียกโชกพร้อมๆกับไอสำลักน้ำอย่างแรง ได้นอนพังพาบอยู่บนพื้น ร่างสูงของกัณฐ์ที่ค่อยๆลุกขึ้นยืนมองภาพตรงหน้าก่อนจะแสยะยิ่มมุมปากน้อยๆ
“กูไม่ได้อยากทำร้ายมึงเลยนะ แค่คิดจะใช้เป็นเหยื่อล่อนิดหน่อย แต่ทำไมมึงต้องดื้อด้านนักวะ”
“กู รังเกียจ แคกๆ มึง”
หน้าขาวที่แนบไปบนพื้นปูนเย็นๆสกปรกปรือตามองขวางๆมาให้คนร่างสูงที่ยืนมองอยู่อย่างไม่ลดละ
“หึ รังเกียจกูงั้นหรอ แล้วแบบไอ้นักรบนั่นมึงชอบไปได้ยังไง”
“มันดีกว่ามึงเยอะ” บอกออกมาแบบนั้นด้วยเสียงแผ่วๆ ร่างกายสั่นสะท้านมากขึ้นทุกที อยากจะหลับเพราะรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน แต่ร่างกายกลับร้อนวูบๆวาบ
“หรอวะ...จะบอกให้เอาบุญนะ มันไม่ได้สนใจมึงจริงๆหรอก วันนั้นในผับตอนที่มึงสาดเหล้าใส่หน้ามันหน่ะ เพื่อนๆพวกมันพนันกันว่า ถ้าไอ้นักรบมันฟันมึงได้เมื่อไหร่ เพื่อนมันจะยกคอนโดให้มันห้องนึง เหอะ แบบนี้ไม่น่ารังเกียจกว่ากูรึไง”
“มะ...ไม่จริง”
“มันคือเรื่องจริง! แล้วมึงคอยดู มันต้องมาช่วยมึง หึ มันยังไม่ได้มึงล่ะสิ แต่นั่นน่ะดี...กูจะได้ชำระแค้นมันให้สาสม ยังไงก็ขอบคุณเหยื่อล่อแบบมึงมากนะ ...และอีกอย่าง คนที่ดูว่าดีอาจจะร้าย คนที่ดูว่าร้ายอาจจะดี เพราะในโลกใบนี้...ทุกคนก็แค่สวมหน้ากาก...และนี่คือบทเรียนหนึ่ง ที่มึงต้องเรียนรู้ จำเอาไว้”
“มึง อ๊ะ...อื้ออออ ระ..ร้อน”
“อ้อ...ส่วนตอนนี้ อย่าช่วยตัวเองเพลินล่ะไอ้ตัวขาว”
กัณฐ์ที่มองร่างบางที่นอนหอบหายใจทรมารอยู่บนพื้น ร่างขาวๆที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ กดมุมปากมองอย่างถูกใจ ฝา ... เป็นคนที่ไม่อ่อนแอเลยจริงๆ น่าสนใจ
.
.
.
“ร้อน อื้ออ แฮก”
ฝาที่ได้แต่นอนหอบกระเส่าอยู่บนพื้นอย่างทรมาร ห้องมืดๆไม่มีแสงสว่างใดๆลอดผ่าน ยังไม่น่ากลัวเท่าความร้อนลุ่มที่เป็นอยู่ตอนนี้ ได้แต่หอบหายใจหนักๆ ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบเข้ามาจนน่ากลัว มือบางที่สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
“ไม่ ไอ้ฝา..ตั้งสติ อื้อออ”
ถึงแม้จะพยายามบอกตัวเองแบบนั้น แต่มือเรียวก็เอื้อมไปปลดตะขอกางเกงของตัวเองออก ขาเรียวที่พยายามเตะกางเกงนักศึกษาให้ออกจากตัว อึดอัดไปหมด ร้อนจนอยากจะวิ่งกระโดดลงน้ำ กระสับกระส่ายจนหายใจไม่ออก
ร่างกายต้องการการปลดปล่อย
เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อให้มันคลายร้อน แต่ก็ยังอึดอัด ทรมาร ทรมารเหลือเกิน น้ำตาใสคลออยู่ที่หน่วยตาจนไหลลงมาอาบแก้ม ริมฝีปากสั่นระริกอย่างน่าสงสาร ความรู้สึกภายในใจที่บอกว่าอย่าทำ มึงต้องตั้งสติ มีสติเข้าไว้ ... ทั้งๆที่บอกแบบนั้น แต่ร่างกายกลับไม่รักดี ความรู้สึกปวดหนึบที่ช่วงล่าง ทำได้แต่งอขาเข้ามากอดไว้ ปวดมวนในท้องจนแทบกระอัก
‘แอ๊ดดดด’
“ไงไอ้ตัวขาว อึดชะมัดเลยนี่หว่า”
“สะ...เสือก!”
“หึ ปากดี...แต่สภาพตอนนี้มึงใช้ได้เลยว่ะ กูขอถ่ายส่งไปหาไอ้รบหน่อยนะ”
‘แชะ’
“หึ อยากจะรู้ว่ามันจะคลั่งสักแค่ไหน คลั่งได้เท่าเจนตอนโดนทิ้งรึเปล่า กูอยากจะรู้จริงๆ!”
“จะ...เจน”
“เออเจนไง คนที่ไอ้รบมันบอกว่ารักนักรักหนา สุดท้ายมันก็ทิ้งไปเอาไอ้เด็กผู้ชายที่ชื่อข้าวฟ่างหน้าตาเฉย ทิ้งเจนเป็นหมูเป็นหมา ถ้ากูไม่บังเอิญเจอเจนที่ญี่ปุ่น กูคงไม่รู้ว่าเจนน่าสงสารมากแค่ไหน ทั้งๆที่กูบอกให้รักษาดีๆ ทั้งๆที่กูยอมให้ขนาดนั้น แล้วดูมันทำกับหัวใจกู! วันนี้ มันต้องเจ็บบ้าง!”
ฝาไม่เข้าใจสักอย่าง ใครคือเจน...อะไรคือใครทิ้งใคร ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น
หูได้ยินเพียงแต่ว่า นักรบรักคนนี้ ...
ร่างบางได้แต่กระสับกระส่ายอยู่บนพื้น พร้อมๆกับน้ำตาใสที่ไหลอาบแก้ม ไม่รู้ว่าทรมารเพราะอะไรกันแน่ ระหว่างฤทธิ์ของยา หรือความเป็นจริงที่ว่า ตัวเองกำลังโดนหลอกจากคนที่ชื่อว่านักรบ
“ฮ่าๆๆๆ โทรกลับมาหากูใหญ่เลยว่ะ กูคิดแล้วว่ามึงต้องเป็นตัวล่อชั้นดีไอ้ตัวขาว”
“กูช่วยไหม”
ไม่รู้ว่าร่างสูงของกัณฐ์เดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าตั้งแต่ตอนไหน ฝาได้แต่ส่ายหน้าให้ ทั้งๆที่ทรมารเหลือเกิน กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของกัณฐ์ยิ่งทำให้คนร่างบางร้อนลุ่มมากขึ้นไปอีก คนร่างสูงที่เห็นแบบนั้นได้แต่แสยะยิ้ม ก่อนที่วงแขนแกร่งจะโอบร่างบางอุ้มขึ้นมา
“ปะ...เดี๋ยวกูช่วย”
“มะ...ไม่ ไม่!”
“หึ”
...
‘ตื่อดึง ตื่อดึง ’
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าทำเอานักรบที่กำลังขับรถด้วยความเร่งรีบต้องยกขึ้นมาดู ดวงตาคมที่จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยใจที่ร้อนรุ่ม คนที่ส่งมาไม่ใช่ใคร ในเมื่อภาพตรงหน้ายังเป็นภาพของคนร่างบางที่เขากำลังเป็นห่วง
“สัดเอ๊ย!ไอ้สัดกัณฐ์!” ได้แต่กัดฟันกรอด มือหนากำพวงมาลัยรถจนแน่น ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความอื่นที่ถูกส่งเข้ามาอีก ร่างสูงยกยิ้มร้ายทันที เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความบอกสถานที่มาจากทัพหน้า ... เฮียของเขาทำงานไว ไว้ใจได้เสมอจริงๆ
เท้าแกร่งที่เหยียบคันเร่ง ขับปาดซ้ายปาดขวาให้รถคันอื่นๆด่าพ่อล่อแม่ตามหลัง แต่ในช่วงเวลานี้ ใจที่มันร้อนรนเหมือนมีไฟสุมของนักรบ ก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าใครจะด่ายังไง ตอนนี้ที่คนร่างสูงสนใจ มีเพียงแค่...จะจัดการยังไงให้อีกฝ่ายเจ็บแสบี่สุดที่บังอาจมาลอบกัดคนแบบเขา
.
.
.
รถหรูที่เลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งเด่นเป็นสง่าทั้งหรูหราและยิ่งใหญ่ด้วยความเร็ว ประตูรั้วที่เปิดต้อนรับเขาอย่างเต็มใจ ทำให้นักรบมั่นใจว่าอีกฝ่ายู้ว่าเขาต้องมา มันถึงตั้งใจเปิดประตูให้เดินเข้าไปหาได้ง่ายๆแบบนี้
‘เอี๊ยด’
เสียงเบรกจอดดังสนั่น ร่างสูงที่เปิดประตูลงจากรถ ดวงตาคมนิ่งที่มีประกายไฟอยู่ในดวงตา จ้องมองบ้านหลังใหญ่ในเขตชานเมืองที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้วยดวงตาคลุกกรุ่น มองเห็นชายชุดดำหลายคนที่วิ่งมาล้อมรอบเขาไว้ ร่างสูงจ้องมองก่อนจะแสยะยิ้มร้าย ไม่ได้ออกวาดลวดลายนานแล้ว คลายเส้นสักหน่อยก็ได้มั้ง
“เจ้านายพวกมึงมันอยู่ไหน”
ดวงตาคมเข้มขึ้น กวาดตามองคนที่ล้อมตัวเขาไว้ ร่างสูงค่อยๆมองไปรอบๆช้าๆ มองหน้าทีละคนๆ แต่ไม่มีใครเปล่งเสียงตอบคำถามออกมาแม้แต่คนเดียว
“น่ารำคาญ!”
‘พลัก’
ขายาวๆที่เตะเสยปลายคางชายฉกรรจ์ที่อยู่ตรงหน้าทันทีด้วยความหงุดหงิดที่ไม่ได้คำตอบ ส่งผมให้ร่วงลงไปกองที่พื้นทันทีหนึ่งราย ... เทคควันโดสายดำไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เมื่อลูกน้องคนอื่นๆเห็นแบบนั้นทั้งหมดจึงกรูกันเข้ามาหานักรบ ร่างสูงแสยะยิ้มร้ายกาจทันที
ลูกน้องที่วิ่งกราดเข้ามาต่อหมายจะต่อยร่างสูงให้คว่ำ แต่ก็ถูกเท้าแกร่งก็วาดตวัดเตะเข้าที่ต้นคอจนล้มพับไป ลูกน้องรายต่อไปที่วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วก็ถูกหมัดหนักๆชกเข้าที่ท้องแรงๆจนจุกล้มลงไปกองกับพื้น อีกสามคนรุมเข้ามาพร้อมกัน นักรบต่อยหมัดข้างซ้ายขวาต่อยเข้าไปคนละข้าง ส่วนคนที่วิ่งเข้ามาตรงกลางก็กระโดดกลับหลังจระเข้ฟาดหางเข้าที่กลางซี่โครง ทำให้ล้มทับอีกสองคนที่ถูกต่อยเสียหลักไปก่อน คนแรกและคนที่สองที่ถูกเตะและต่อยลุกขึ้นมาอีกครั้งวิ่งเข้ามา นักรบยกปลายเท้าถีบถอยหลังเข้าที่กลางท้องก่อนจะหันมาต่อยอีกคนซ้ำเข้าที่หน้าจังๆจนปากแตกเลือดไหลซิบ
ลูกน้องทั้งหมดของกัณฐ์ล้มราบไม่เหลือชิ้นดี ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปในบ้านทันทีก่อนจะเหยียดยิ้มน้อยๆ
“ไอ้พวกอ่อน”
ขายาวๆก้าวเข้าไปในตัวบ้าน มองไปรอบๆไม่มีใคร คิดง่ายชิพหาย คิดว่าไอ้ลูกน้องกระจอกแค่นั้นมันจะทำอะไรเขาได้งั้นหรอ
“ไอ้พวกโง่”
ร่างสูงที่ก้าวเท้าตรงดิ่งขึ้นไปด้านบนของตัวบ้าน ชายชุดดำที่ยืนเฝ้ายามอยู่ที่หน้าประตูห้องทำเอาดวงตาคมของนักรบวาวโรจน์ทันที
“เอ๊ะ มึง!”
เหล่าลูกน้องที่เฝ้ายามอยู่หน้าห้องเมื่อเห็นร่างสูงของนักรบก็ตกใจ ก่อนจะวิ่งตรงเข้ามาหา ใบหน้านิ่งๆพร้อมขายาวที่ก้าวตรงเข้าไปแบบไม่หวาดหวั่น สายตาคมกริบมองตรงไปราวกับจะเชือด แววตาราวกับปีศาจร้ายก็ไม่ปาน
“ห้องนี้สินะ”
‘พรึบ’
มือหนาตรงเข้ากระชากแขนของคนที่วิ่งตั้งการ์ดเข้ามาให้มาประชิดกับตัว ก่อนที่จะสับสันมือลงบนต้นคอของอีกฝ่ายจนร่วง แต่ถึงกระนั้น นักรบก็ยังจับร่างของคนที่สลบไปแล้ว เหวี่ยงไปใส่คนที่กำลังกระโจนเข้ามาหาเขา ทำให้ทั้งคู่หงายหลังล้มพับลงไป ร่างสูงตรงเข้าไปเตะเข้าที่สีข้างแรงๆและกระทืบลงไปที่หน้าท้องจนกระอักเลือด ดวงตาคมนิ่งมองจ้องภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย้ยหยัน
“อ่อนด้อยจริงๆ”
.
.
.
“ปะ...ปล่อย”
เสียงที่แผ่วเบาของฝายังทำให้ตัวเองตกใจ ร่างบางที่พยายามปรือตามองคนตรงหน้าให้มากที่สุด แต่ยิ่งอีกฝ่ายเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ความรู้สึกเสียววูบวาบๆยิ่งก่อตัวมากขึ้นเท่านั้น
“เฉยๆเถอะน่า เดี๋ยวช่วยเอง ขืนปล่อยไว้แบบนี้นานๆ เดี๋ยวมึงก็ตายหรอก”
“มะ...ไม่ ไม่เอา”
ร่างบางที่ว่าออกมาแบบนั้น พยายามดันมือที่จับเข้าที่ช่วงเอวของตัวเองออก พร้อมๆกับยันตัวถอยหนีทั้งๆที่ตอนนี้ตัวเองแทบไม่มีแรงจะสู้ สิ่งเดียวที่รู้สึกคือความต้องการที่มีมากขึ้นๆเรื่อยๆจนแทบจะทนไม่ไหว อยากจะได้รับการปลดปล่อย อยากโดนกระแทกแรงๆ แต่เสียงกระซิบแผ่วๆจากหัวใจยังคงบอกเอาไว้ว่า มันไม่ใช่ใครก็ได้...มันต้องไม่ใช่แบบนั้น
“เอาน่า มานี่”
กัณฐ์ที่ว่าออกมาแบบนั้น พร้อมๆกับกระชากขาเรียวให้เข้ามาใกล้ มือหนาที่เลื่อนลงปลดกระดุมนักศึกษาออกไปก่อนจะแหวกสาบเสื้อออก แสยะยิ้มน้อยๆกับภาพตรงหน้า ใบหน้าคมที่ซุกไซร้าลงบนซอกคอขาวๆ ไล้ลงมาที่หน้าอกสวย ขบเม้มเบาๆ
“อ๊ะ อื้อออ ไม่ ไม่เอา ฮึก”
ยิ่งอีกฝ่ายซุกไซร้มากเท่าไหร่ ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายของฝายิ่งมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าฝ่ามือใหญ่จะลูบไปตรงไหนของร่างกาย ก็ยิ่งรู้สึกวูบๆวาบๆมากขึ้นไปอีกเท่านั้น
“อย่าปฏิเสธเลยน่า~~”
“ไม่ ฮึก...อ๊ะ ไม่เอาแบบนี้ ไม่ ฮึก อ๊า อื้ออ”
เสียงครางกระเส่าที่ดังปะปนมากับเสียงร้องไห้อย่างน่าสงสาร ใบหน้าเรียวที่นอนแผ่อยู่กลางเตียงนอนกว้าง ความรู้สึกที่ทั้งต้องการและปฏิเสธผสมตีรวนกันไปหมด ฤทธิ์ของยาที่ทำให้รู้สึกอยากจะอ้าขา แต่หัวสมองกลับย้ำเตือนไว้ว่า ไม่ได้ ไม่ใช่คนนี้ และเพราะแบบนั้น น้ำตาใสจึงไหลลงมาอาบแก้มด้วยความทรมาร
มือแกร่งที่รวบข้อมือเรียวไว้ด้วยมือข้างเดียว แรงน้อยนิดที่ฝามีไม่สามารถที่จะดิ้นรนได้มากกว่านี้ น้ำตาใสไหลลงอาบใบหน้า .... จบแล้ว จบแล้วจริงๆ ... ได้แต่คิดแบบนี้เมื่ออีกคนเอามืออีกข้างไปลูบไล้ที่ยอดอก ฝาได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความกลัวและทรมาร
“อ๊า อื้อออ”
“ครางเพราะดีนะมึงน่ะ”
“อื้ออ ฮึก ไม่ อื้มม”
ฝ่ามือหนาที่เลื่อนลงไปที่ซอกขาขาว ด้วยเพราะร่างบางที่ไม่ได้ใส่กางเกงอยู่แล้ว ทำให้ง่ายต่อคนร่างสูงขึ้นไปอีก มือหนาที่ลูบไล้ซอกขาอ่อนขึ้นไปเรื่อยๆ จนเข้าไปใกล้ส่วนล่างที่ตอนนี้กำลังตื่นตัวขึ้นมา
‘ผลั้ว!!’
ประตูห้องที่กระชากเปิดออกอย่างแรงด้วยฝ่าเท้าของนักรบ ร่างสูงก้าวอาดๆเข้ามา มองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่พร้อมจะเผาร่างของคนที่กำลังคล่อมร่างบางอยู่
“ไอ้เหี้ยกัณฐ์!”
เสียงเข้มที่ตวาดดังก้อง พร้อมๆกับฝ่าเท้าหนักๆที่ยกขึ้นถีบอีกคนที่ไม่ได้ทันระวังตัวให้หงายหลังจนกลิ้งตกเตียง ยิ่งเห็นสภาพของฝาแล้วยิ่งขาดสติ ร่างสูงที่ก้าวตามไปซ้ำอีกฝ่ายที่ไม่ทันระวังตัวด้วยหมัดหนักๆเข้าที่หน้า
‘ผลั้ก ตุบ ตับ!!’
“มึง!” กัณฐ์เองที่เริ่มตั้งหลักได้ก็ต่อยสวนแลกหมัดกับนักรบอย่างไม่มีใครยอมใคร นกรบที่เซถอยหลังมาหลายก้าวเพราะหมัดของอีกฝ่าย กัณฐ์ที่เห็นแบบนั้นตรงเข้ามาซ้ำทันที ถีบเข้าที่หน้าท้องแกร่ง ก่อนจะซ้ำหมัดขวาเข้าที่มุมปาก
“และนี่สำหรับที่มึงกล้าทำร้ายความรู้สึกเจน!”
ใบหน้าคมที่สะบัดไปตามแรงต่อย แรงจนเกือบมึน แต่นักรบก็กลับมามีสติได้เพราะคำพูดของคนตรงหน้า ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นทันที จ้องมองกลับไป
“เจนสิทำร้ายกูไอ้สัด!”
ตะคอกออกไปสุดเสียง พร้อมกระโดดถีบกัณฐ์จนอีกฝ่ายล้มลงไป นักรบได้จังหวะคล่อมทับร่างสูงใหญ่พอๆกับตัวเองไว้ ก่อนจะซัดหมัดใส่เข้าไปไม่ยั้ง ใบหน้าหล่อๆของกัณฐ์ที่ตอนนี้อาบไปด้วยเลือด แต่นักรบไม่คิดจะหยุด
“มึงกล้ารอบกัดกูเพราะเรื่องเหี้ยๆนี่หรอไอ้สัด!”
‘ผลัก! ผลั้ว!!’
ใบหน้าที่อาบไปด้วยเลือดของกัณฐ์ไม่ทำให้นักรบหยุดต่อย หมัดหนักๆยังสัดลงเข้าที่หน้ามุมปากและหัวคิ้ว แววตาดุจปีศาจร้ายไม่ได้มีความสะเทือนใจใดๆที่ได้เห็นภาพนี้ รอยยิ้มแสยะออกมาอย่างสะใจ
“วี๊ดวิ้ว”
เสียงผิวปากที่ดังมาจากหน้าห้องทำให้หมัดหนักๆชะงักค้าง นักรบที่หันหน้าไปมอง ก่อนที่จะเห็นวัตถุหนักๆบางอย่างลอยเข้ามาในสายตา มือแกร่งคว้ารับได้ในทันที
‘พรึบ!’
“ถือว่ากูคืน”
“มึงมาได้ยังไง”
“เฮียโทรไปบอกให้มาช่วย แต่จากที่ดูๆแล้ว มึงก็จัดการได้นี่”
คนร่างสูงที่ยืนพิงกรอบประตูด้วยท่าทีสบายๆพร้อมยกบุหรี่ขึ้นสูบ ปล่อยควันสีเทาๆลอยอบอวลอยู่ตรงนั้นบอก พร้อมปรายตามามองหน้าพี่ชาย
“เหอะ”
ทำเสียงขึ้นจมูกใส่คนน้องหน่อยๆ ก่อนจะก้มหน้าลงดูของที่ตัวเองรับมา มีดพับขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กที่มองแล้วเอาไว้ใช้เพื่อพกพาสะดวก ฉลุลวดลายมังกรไว้ที่ตัวด้าม มีความสวงงามวิจิตและประณีต ร่างสูงดันตัวมีดออกมา มีดคมแวววาวสะท้อนดวงตาของคนที่ถือไว้ ข้างๆใกล้กับตัวด้าม มีลอยสลักคำสั้นๆง่ายๆเอาไว้ ‘นักรบ’
ร่างสูงแสยะยิ้มหน่อยๆ
“และนี่คือค่าตอบแทนที่มึงกล้าสัมผัสตัวไอ้ฝา”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของคนใต้ร่าง ยามเมื่อใบมีดคมเล่มงามถูกปักลงไปกลางฝ่ามือจนมิดด้าม
“ถือเป็นการเฉลิมฉลองการได้มีดประจำตัวกูคือมาละกัน”
(มีต่อจ้า)