[END] High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน บทที่ 50 งานแต่ง (17-11-17) จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน บทที่ 50 งานแต่ง (17-11-17) จบแล้ว  (อ่าน 56262 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
จะจบแล้วหรอเนี่ย ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ คงคิดถึงลุงแย่เลยย :hao5:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 48
ปลอบ






พาร์ทของภู่









“ว่าไงครับ พ่อหนุ่มนักเรียนนอก”เสียงทักทายพร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นที่เดินเข้ามากอด ฝ่ามือตบที่หลังผมเบาๆ สองที ใช่แล้วครับวันนี้ผมมางานเลี้ยงรุ่น จะว่างานเลี้ยงรุ่นมันก็ไม่เชิงเสียทีเดียวหรอกครับ ที่จริงมันก็แค่การนัดดื่มของเพื่อนๆ นี่แหละเพื่อนๆ มัธยมที่พอเรียนจบต่างก็แยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเอง จนตอนนี้ทุกคนก็มีการมีงานทำกันหมดแล้ว

ก็ตามปกติของสมัยนี้ที่มักจะมี line group โน่นนี่นั่นเต็มไปหมด เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมรุ่นของพวกผมนี่แหละครับ มันก็เลยมีคนเสนอว่าน่าจะออกมาเจอตัวเป็นๆ กันบ้างไม่ใช่ทักทายกันแค่ในโลกออนไลน์ การนัดรวมตัวกันกลุ่มใหญ่ในวันนี้เลยเกิดขึ้น

“ก็สบายดีแหละมึง แต่ช่วงนี้งานหนักนิดนึง กำลังเร่งสร้างตัว”ผมตอบกลับเพื่อนไปอย่างยิ้มแย้ม ผมทักทายทุกๆ คนที่อยู่ด้านหน้าพักนึงก่อนจะรีบตามไปสมทบกับเพื่อนสนิทอย่างไอ้ยิวและไอ้สอ

“อ้าว มาๆ นั่งนี่มึง”ผมมองสองเพื่อนสนิทแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ทำไมนะเหรอครับ ก็งานนี้จริงๆ เค้าก็ไม่ได้ห้ามพาแฟนมาหรอกนะครับ แต่ไอ้สองตัวนี้เล่นควงสาวหน้าอกตู้มมา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แฟนของพวกมัน เพราะถ้าเอาตามจริง พวกมันยังไม่คบใครจริงจังเลย

“อุ้ย เพื่อนพี่สอนี่หล่อจังเลยนะคะ นี่ถ้าไม่ติดว่าแคทมีพี่สออยู่แล้ว แคทจะรีบคว้าเลยนะคะเนี่ย”นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดที่มางานนี้ครับเนี่ย ทำไมแค่มาถึงก็เริ่มรู้สึกว่าจะไม่สนุกแล้ว

“น้องแคทอย่าไปยุ่งกับมันเลย ไอ้นี่มันชอบคนแก่”อ้าวๆ ไอ้นี่ชักจะลามปามมาหาว่าสุดที่รักผมแก่ แก่ที่ไหน แปงของผมยังหน้าใสไร้ริ้วรอย ถึงจะอายุมากไปหน่อย แต่ผมแซวเรื่องนี้ได้คนเดียว คนอื่นห้าม

“แล้วนี่น้องฟ้า ที่เจอกันวันก่อนไปไหนแล้วละไอ้สอ”ผมวางระเบิดลงไปก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

“ฟ้าไหนพี่สอ”

นั่นแหละครับปล่อยให้เพื่อนได้ง้อสาวบ้างชีวิตจะได้มีสีสัน อีกอย่างผมก็ไม่ได้กลัวทั้งคู่จะทะเลาะกันใหญ่โตหรอกครับ เพราะเท่าที่ดู ต่างฝ่ายก็คงไม่น่าจะจริงจังอะไร

“แล้วไม่ชวนพี่แปงมาด้วยวะ”เป็นไอ้ยิวที่ถามถึงสุดที่รักของผมอีกรอบ เพราะตอนคุยกันพวกนี้ก็ให้ผมชวนเค้ามาด้วย แต่เจ้าตัวนั่นแหละครับไม่ยอมมากับผม

“พี่ดื่มไม่ค่อยเก่ง”
“ไปก็ไม่ค่อยรู้จักใคร”
“เดี๋ยวภู่มัวแต่ห่วงพี่แล้วจะไม่สนุกเอานะสิ”
“ไปสนุกกับเพื่อนๆ เถอะ”


นั่นแหละครับสาระพัดเหตุผลที่จะยกมา แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยอยากให้เค้ามาหรอกครับ กลัวเค้าอึดอัด แถมเพื่อนๆ ผมก็ปากดีๆ กันทั้งนั้น

“เค้าไม่สะดวก นี่กูก็ว่าจะมาสักพักก็คงกลับแล้ว ไม่อยากให้เค้าอยู่คนเดียว”ผมตอบออกไปตามตรง เผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัวเมื่อนึกถึงอีกคน นี่เค้าจะทานข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ นั่งรอผมกลับอยู่หรือเปล่า

“มึงนี่แววกลัวเมียมาแต่ไกลเลยนะเนี่ย”

“พวกพี่อย่าไปว่าพี่ภู่สิคะ ผู้ชายแบบนี้สิน่ารักจะตายให้เกียรติแฟน ให้เกียรติผู้หญิง”ผมเกือบสำลักเครื่องดื่มที่กำลังยกขึ้นจิบ สองสาวนี่คงคิดว่าแฟนผมเป็นผู้หญิงสินะ ส่วนไอ้เพื่อนสองตัวของผมนั่นหัวเราะออกมาเสียงดัง จนสองสาวต่างรีบถามด้วยความสงสัยว่าหัวเราะอะไรกัน

ก็คงไม่แปลกหรอกครับที่สองสาวนี่จะคิดว่าแฟนผมเป็นผู้หญิง ก็ขนาดผมเองยังไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ทั้งไอ้สอและไอ้ยิวไม่ทันได้อธิบายถึงการหัวเราะชอบใจเมื่อสักครู่ เพราะมีกลุ่มเพื่อนเข้ามาสบทบเพิ่มเสียก่อน บทสนทนาถูกปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องสัพเพเหระ ซึ่งส่วนใหญ่ก็พวกวีรกรรมที่ทำกันตอนเรียนนั่นแหละครับ ผมอยู่สังสรรค์กับเพื่อนๆ พักนึงจนเวลาปาเข้าไปเกือบจะ 5 ทุ่มแล้ว เลยแอบชิ่งกลับโดยแอบกระซิบบอกแค่สองเพื่อนซี้ ซึ่งทั้งคู่ก็รั้งผมไม่ได้อยู่แล้ว

ที่จริงก็มองว่ายังไม่ดึกหรอกนะครับ แต่อย่างที่บอกว่าผมไม่อยากปล่อยให้คนแก่ของผมอยู่คนเดียว ยิ่งวันนี้จะไปค้างที่คอนโดด้วยแล้ว ยิ่งน่าเป็นห่วง ไหนจะอาหารการกิน นี่ถามไปว่ามื้อเย็นทานอะไรไปก็ตอบอ้ำๆ อึ้งๆ ทั้งๆ ที่ผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้หาอะไรกินให้เรียบร้อย ค่อยเข้าคอนโด ไม่ก็ซื้อจากข้างนอกติดไป หรือแม้กระทั่งทีแรกที่ผมอาสาจะไปทำอะไรไว้ให้ก่อนจะออกมาหาเพื่อนก็ไม่เอาอีก บอกไม่อยากให้ผมเสียเวลา

ผมใช้เวลาไม่นานนักก็กลับมาถึงคอนโดของเค้า คอนโดที่เราทั้งคู่ก็สลับไปๆ มาๆ กับบ้านที่น้าปุ๊กยกให้ผม ช่วงนี้เราก็ต่างคนต่างทำงาน แต่ของแปงจะดูหนักกว่าผมหน่อย จนเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ คือตอนนี้พี่ปอเองอยากจะถ่ายงานส่วนใหญ่มาไว้ที่แปงของผม เพราะแพลนแต่งงานของพี่ปอกับพี่ต๊าฟก็เริ่มมีคุยๆ กันแล้ว แถมถ้าแต่งงานไป ก็คงมีน้องเลย งานนี้คนที่ต้องรับภาระหนักก็แฟนผมนี่แหละครับ

“ทำไมมานอนตรงนี้”

ภาพที่ผมเห็นเมื่อเปิดประตูเข้ามาคืออีกคนที่งัวเงียบนโซฟา หันมามองหน้าผมเหมือนลูกแมวรอเจ้าของกลับบ้าน นี่แหละครับจะไม่ให้ผมรีบกลับได้ยังไงกัน ทั้งๆ ที่บอกแล้วว่าไม่ต้องรอ ง่วงก็นอนก่อนได้เลย แต่คนดื้อก็ยังเป็นคนดื้ออยู่วันยังค่ำแหละครับ

“มากอดหน่อย”

น้ำเสียงอ้อนๆ จนผมนึกแปลกใจแต่ก็รีบเดินไปหาเจ้าของเสียงที่ขยับตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ทันทีที่ผมเดินเข้าไปในรัศมีวงแขนของคนแก่ขี้อ้อนนี่ก็คว้าเอวผม ซุกหน้ามาที่หน้าท้องของผมพร้อมส่ายไปมา นี่เดี๋ยวนี้ชักจะขี้อ้อนเกินไปแล้ว

“ขอโทษที่กลับช้า”

“จุ๊บหัวเหม็นที”

เหมือนเค้าจะไม่ได้สนใจการที่ผมจะมาช้าหรือเร็ว แต่ท่าทีที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไอ้สองมือที่พยายามรั้งให้ผมกดจมูกลงบนหัวเค้านี่…คือมันก็ไม่ได้เหม็นอย่างที่เค้าว่าหรอกนะครับ แต่ผมเองนี่แหละที่ชอบแซวเพราะบางทีเค้าก็ไม่ค่อยชอบสระผมเท้าไหร่

“เป็นอะไรครับ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”

ที่เค้าทำตอนนี้เหมือนกำลังอ้อนให้ผมปลอบ แสดงว่าคงมีอะไรที่ไม่สบายใจอยู่แน่ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนถึงจะถามเค้าก็คงไม่ค่อยยอมบอกยอมเล่าให้ผมฟังหรอกครับ แต่ตอนนี้เรามีข้อตกลงกันแล้วว่าทุกเรื่องต้องแชร์ให้กันและกันรับรู้ ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องแย่ ผมนั่งลงข้างๆ เค้าก่อนจะดึงให้อีกคนซบเค้ามาหา

“ภู่อยู่นี่แล้ว มีอะไรก็เล่าให้ภู่ฟังได้นะครับ”

ที่จริงถ้าให้ผมเดาก็คงไม่พ้นเรื่องงานแหละครับ ใจนึงก็อยากมาช่วยงานเค้านะครับ แต่ติดที่ผมเองก็ยังไม่ได้เก่งหรือมีประสบการณ์ในการทำงานจนช่ำชองขนาดนั้น ตอนนี้ที่ทำได้ก็คงมีแค่ให้กำลังใจไปแบบนี้แหละครับ

“โดนเจ้ปอดุ”

“ร้ายแรงไหม”

“ดีลงานผิด งานใหญ่ด้วย”

“มันแก้ไขได้ไหมครับ”

ผมอื้อมฝ่ามือไปลูบเบาๆ ที่ศีรษะของเค้า นี่ดีนะที่ผมรีบกลับมา ถึงจะดึกไปหน่อยก็เถอะ แล้วสุดที่รักของผมนี่ก็ยิ่งเป็นคนคิดมากเสียด้วยสิ เค้าพยักหน้า ตอบรับว่าสิ่งที่เค้าทำผิดพลาดนั่นมันก็ไม่ได้ถึงกับขนาดว่าแก้ไขไม่ได้ แต่อย่างว่าแหละครับ บางทีการโดนคาดหวังมาก มันก็ต้องรู้สึกกดดันเป็นธรรมดา

“ผมรู้ว่าถ้าบอกให้ไม่คิดมากมันคงไม่ช่วยอะไร งั้นเรามาทำอะไรแก้เครียดกันไหม”

“ทะลึ่ง”

เค้าผละออกจากตัวผมทันที ด้วยท่าทางฮึดฮัด ส่วนผมก็ได้แต่อมยิ้มอย่างพอใจ ก็แฟนผมปลอบธรรมดาได้ที่ไหนละครับ พูดดีๆ ไปยังไงสุดท้ายเค้าก็ไม่คลายกังวลอยู่ดี หลังๆ ผมเลยต้องแหย่ให้หงุดหงิด โมโห รวมถึงเขินผมนี่แหละ จะได้ลดความกังวลลงบ้าง

“ผมล้อเล่น แค่จะบอกว่าในเมื่อมันพลาดไปแล้วก็เก็บมันไว้เป็นบทเรียน แล้วถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้แฟนคนนี้ยินดีช่วยเสมอนะครับ”

ผมเอื้อมมือไปจับมือเค้า อยากให้เค้ารู้ว่าจากนี้ไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเค้ายังมีผมอยู่ตรงนี้ข้างๆ เค้าเสมอ

“กอดหน่อย แต่ห้ามหื่นนะ”

“อ้อนขนาดนี้ มันก็จะห้ามใจอยากอยู่หน่อยๆ นะครับ”

ผมบอกออกไปขำๆ ดึงอีกคนเข้ามาในอ้อมแขน มีแฟนน่ารักขนาดนี้จะมาห้ามไม่ให้หื่นยังไงไหวละครับ แต่ตอนนี้แฟนกำลังคิดมากก็คงทำได้แค่กอดเฉยๆ นี่แหละครับ เอาไว้ถึงเตียงก่อนค่อยว่ากันอีกที

“เจ้ปอให้พักงานด้วย ตั้ง 3 วันแหนะ ครั้งนี้รู้สึกแย่จริงๆ นะ”

ผมขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้รับรู้ ปกติพี่ปอก็เป็นคนจริงจังกับงานแหละครับ แต่เท่าที่ฟังในเมื่องานมันก็สามารถแก้ไขได้ แม้มันจะผิดพลาดก็เถอะ ถ้าถึงขนาดต้องสั่งพักงานนี่ผมว่า มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า เพราะช่วงนี้แปงเองก็ต้องรีบรับถ่ายงานจากพี่ปออยู่นี่นา ไว้ผมคงต้องถามพี่ปอสักหน่อยแล้วแหละครับ ไม่ได้จะก้าวก่ายอะไรนะครับ แค่จะได้ปลอบสุดที่รักของผมให้ถูกจุดก็เท่านั้นเองครับ

“เอางี้ไหม ไหนๆ ก็ไม่ได้ทำงานแล้ว เราไปพักผ่อนกันไหม ไปต่างจังหวัดใกล้ๆ เผื่อจะได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นไง”

“จะดีเหรอ แบบนี้เจ้ปอจะยิ่งไม่คิดว่า งานการไม่สนใจไปเที่ยวเล่นอย่างสบายใจอีกงี้”

“บางอย่างช่างมันบ้างก็ได้นะครับ คิดแค่ว่าเราสองคนได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น”

“…”

“เรายังไม่เคยไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันเลยนะครับ”

เมื่ออีกฝ่ายยังคงเงียบ ผมเลยต้องเป็นฝ่ายต้องอ้อนกลับบ้าง งานนี้ต้องมีเพิ่มสกิลตีหน้าเศร้าเข้าไปอีกสักหน่อย

“แล้วภู่ไม่ต้องทำงานหรือไง”

“ช่วงนี้งานผมก็ยังไม่มีอะไรมาก อีกอย่างเห็นแฟนเป็นแบบนี้ #คนรักแฟน2017 อย่างผมจะทนอยู่เฉยๆ ได้ยังไงกัน”

“…”

ผมแอบลุ้นเพราะใจนึงก็อยากให้เค้าไปจะได้ผ่อนคลาย ส่วนอีกใจ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคิดไม่ดีไว้แล้ว ไหนจะได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน 2-3 วันเต็มๆ ได้เปลี่ยนบรรยากาศอีก แค่คิดบางอย่างของผมก็ตื่นตัวจนต้องพยายามเบี่ยงหลบไม่ให้มันไปโดนอีกคน เพราะเดี๋ยวจะโดนหาว่าหื่นแล้วเสียเรื่องอีก

“นะ…นะครับ ถือว่าซ้อมฮันนีมูนของเราก็ได้”

“ฮันนีมูนอะไรเล่า เราไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย”

เขินแล้วบ่ายเบี่ยงทุกทีสิแฟนผมเนี่ย

“สรุปว่าไปนะครับ”

“อือ ไปก็ไป”

“งั้นรีบนอนพักผ่อนกันดีกว่าครับ พรุ่งนี้จะได้รีบเดินทางแต่เช้า”

ผมรีบดึงอีกคนให้ลุกเข้าห้องนอน น้ำท่ายังไม่ต้องรีบอาบครับ เดี๋ยวคุณแฟนเปลี่ยนใจ เอาไว้นอนคุยกันไป เนียนๆ ไปยังไงก็คงได้อาบน้ำอีกรอบอยู่แล้ว

“แล้วจะไปไหนละ”

“เรานอนปรึกษากันก็ได้ครับ จะได้ไม่เสียเวลาพักผ่อน”

ผมต้องรีบเก็บอาการให้มิดชิดที่สุดแม้มันอาจจะไม่ทันแล้วก็ตามที เพราะอีกคนก็ยอมเดินตามผมด้วยสายตารู้ทันแล้วแหละครับ









TBC
————————————————————————————






มาสั้นๆ อีกแล้ว พอให้หายคิดถึงแล้วกันเนอะ
ใจหายเหมือนกันที่เรื่องนี้ใกล้จบแบบนี้
แต่ก็ต้องรีบจบ เพราะต้องไปสะสางเรื่องที่ค้างไว้
555

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แปง ไปพักผ่อนก็ดีนะ
จะได้คลายเครียดๆกับงาน

ภู่ คุยกับเจ้ปอ ก็ดีจะได้รู้เหตุผล
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 49
การเดินทางของสองเรา



พาร์ทของภู่




“น้องชายพี่ไปฟ้องว่าไงละเนี่ย”

เหมือนพี่ปอจะรู้ว่าผมโทรหาด้วยเหตุผลอะไร เลยเป็นฝ่ายพูดดักมาแบบนี้

“โถ่พี่อย่าเรียกว่าฟ้องเลยครับ เรียกว่าระบายให้ฟัง แล้วแปงเค้าก็ไม่ได้ให้ผมโทรหาพี่ปอหรอกครับ เพียงแต่ผมเห็นเค้าเครียดๆ เลยโทรมาถามว่าเรื่องมันร้ายแรงขนาดไหน ผมจะได้ปลอบได้ตรงจุดไงครับ”

“เบื่อคนหลงแฟนจริงๆ เลย”

น้ำเสียงบ่นอย่างไม่จริงจัง แถมออกจะเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ ทำให้ผมเริ่มเบาใจว่าที่จริงเรื่องราวที่สุดที่รักผมโดนตำหนิมันก็คงไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก

“ที่จริงพี่ก็ว่าจะโทรบอกภู่เหมือนกันแหละ แต่พี่ก็ช้ากว่าคนหลงแฟนอ่ะเนอะ”

“…”

“คือพี่ก็แค่อยากให้แปงได้พักนั่นแหละ เลยสั่งพักงานไปโดยใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างด้วย”

“แล้วต้องทำแฟนผมคิดมากขนาดนี้เลยเหรอครับ”

ผมแกล้งทำเสียงเคืองๆ เล็กน้อย แต่อย่าหาว่าผมปีนเกลียวนะครับ ที่ผมกล้าเล่นกล้าแซวพี่ปอเพราะพี่แกก็ให้ความสนิทสนมกับผมจนผมเองก็เหมือนน้องชายแกอีกคนแล้วแหละครับ

“แหม ยังกะถ้าพี่บอกให้พักตรงๆ แปงมันจะยอมพักงั้นแหละ”

“ช่วงนี้แปงเค้าโหมงานหนักไปเหรอครับ พี่ปอถึงอยากให้พัก”

“จะว่ายังไงดีละ คือเอาตรงๆ พี่ก็ได้ฤกษ์แต่งงานแล้ว อีกสักพักพี่ก็คงยุ่งเรื่องเตรียมงาน ไหนจะไปฮันนีมูนตามใจต๊าฟอีก แปงก็เลยเครียดๆ แหละกลัวว่าถ้าพี่ไม่อยู่แล้วตัวเองจะทำไม่ได้”

“แล้วพี่ปอคิดว่าตอนนี้วางใจในการทำงานของแปงเค้าเต็มร้อยหรือยังครับ”

เสียงของพี่ปอเงียบไปพักใหญ่เหมือนกำลังใช้ความคิด ผมเองก็เงียบ รอฟัง เพราะเอาจริงๆ ผมเองก็ถือว่ารู้ในเนื้องานแค่บางส่วนของแปงกับพี่ปอเท่านั้นแหละครับ เวลางานผมก็ไม่ค่อยได้ไปก้าวก่ายสักเท่าไหร่ด้วย

“จะว่าไปก็…”

“…”

“ก็ได้แหละ ที่ยังขาดอีกนิดหน่อยก็เรื่องความเด็ดขาดกล้าตัดสินใจ ที่บางทีพี่ยังต้องตัดสินใจให้ ทั้งๆ ที่บางทีที่เค้าคิดมันก็แบบเดียวกับที่พี่คิดนั่นแหละ ส่วนไอ้เรื่องทำงานผิดพลาดนี่พี่ก็ว่าดีแล้วที่ได้เจอตอนนี้ มันจะได้เป็นบทเรียน คนเรามันต้องมีผิดพลาดกันทั้งนั้นแหละ แต่พอผิดพลาดแล้วจะนำมาปรับปรุงได้หรือเปล่า ตรงนี้แหละที่พี่อยากให้แปงได้เรียนรู้”

“ทำไมพี่ปอไม่บอกกับแปงเค้าตรงๆ ละครับ ถ้าบอกเหมือนที่บอกผม ผมว่าแปงก็ต้องเข้าใจ แถมคงรักพี่ปอเพิ่มขึ้นไปอีก”

“ทำยังกับไม่รู้จักน้องชายพี่งั้นแหละ ไหนลองตอบใหม่สิ ถ้าพี่ทำแบบที่ภู่บอกคิดว่าแปงจะเป็นยังไง”

นี่เป็นคำถามตัดสินชีวิตหรือเปล่าครับเนี่ย ถ้าผมตอบผิดนี่จะโดนพี่เมียกีดกันไหมละ ผมค่อยๆ คิดตามสิ่งที่พี่ปอถาม คือถ้านิสัยส่วนตัวของแฟนผม ผมก็รู้แหละครับ แต่เรื่องบุคลิคในการทำงาน ผมก็คงไม่สันทัดสักเท่าไหร่นี่สิ แต่ถ้าฟังจากสิ่งที่พี่ปอเล่ามันก็น่าจะ…

“แปงก็จะยังไม่โต คอยให้พี่ปออุ้มไว้เหมือนเดิม แบบนั้นใช่ไหมครับ”

“ใช้ได้นิ นึกว่าพี่จะต้องเปลี่ยนน้องเขยซะแล้ว”

“โหพี่ ตำแหน่งนี้ผมจองคนเดียวตลอดชีวิตครับ ไม่ปล่อยให้ใครแน่นอน”

“จ้า พ่อคนหลงแฟน เอาเป็นว่าพี่ฝากดูแลพาน้องชายพี่ไปพักผ่อนที เพราะหลังจากนี้ไปต้องกลับมารับบทหนักแทนพี่แล้ว แกล้งพาไปไกลๆ กลับไม่ทันกำหนดตามที่โดนพักงานก็ได้นะ พี่อนุญาต”

“ได้ครับผม”

เปิดทางมาขนาดนี้ เรียกว่ายิ่งกว่าชี้โพรงให้กระรอกแล้วครับ มีหรือคนอย่างผมจะไม่รีบตักตวงเอาไว้ โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหนกันละครับ แถมนี่เท่าที่ฟังหลังจากนี้แปงคงงานหนัก และอาจมีเวลากุ๊กกิ๊กกับผมน้อยลงแน่ๆ เลย ถ้าเค้างานหนักมากๆ ผมเองก็คงไม่กล้ากวนเค้าหรอกครับ สงสาร

“เออภู่ ไหนๆ ก็คุยกันแล้ว พี่มีอีกเรื่อง”

“ครับ”

“รู้ใช่ไหมว่าถ้าพี่แต่งงานแล้วคงย้ายไปอยู่บ้านต๊าฟ”

“แปงเคยบอกแล้วครับ”

“แล้วแปงบอกไหมว่าเค้าต้องย้ายกลับเข้ามาอยู่บ้านกับพ่อแม่”

“ก็มีเกริ่นๆ ไว้เหมือนกันครับ”

“แล้วภู่ละ จะมาอยู่ด้วยกันใช่ไหม”

คำถามของพี่ปอ มันก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมเคยพูดไว้กับแปงว่าถ้าวันนึงพี่ปอแต่งงาน ย้ายออกไปผมจะแต่งงานเข้าบ้านแปง แม้ผมอาจจะไม่ได้พูดอย่างเป็นทางการ และผมก็ไม่รู้ว่าแปงจะคิดว่าผมจริงจังกับเรื่องนี้หรือเปล่า แต่แน่นอนว่าผมคงต้องทำให้มันเกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งอาจจะต้องขอยืดเวลาออกไปหน่อย เพราะผมไม่แน่ใจว่าเงินเก็บของผมตอนนี้มันจะพอหรือยัง

“ที่จริงก็ตกลงกับแปงไว้แบบนั้นแหละครับ”

“ก็ดี ว่าแต่ทางบ้านภู่ก็โอเคใช่ไหม”

“ครับ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา พ่อกับแม่ผมมีพี่บึ้งอยู่ด้วยแล้ว แต่ผมมีอีกเรื่องนึงที่อาจต้องขอให้พี่ปอช่วยหน่อยนะครับ”

“ได้สิ ว่ามาเลย”

ผมรีบคุยในสิ่งที่ต้องการให้พี่ปอฟังคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว เพราะคาดว่าอีกสักพักสุดที่รักผมจะตื่นแล้ว ดีที่พี่ปอตอบตกลงช่วยผมเต็มที่ เลยสบายใจไปเปราะนึง ที่เหลือผมเองก็คงต้องค่อยๆ เตรียมการไประหว่างรองานแต่งพี่ปอนี่แหละครับ

“โอเคพี่เอาใจช่วย งานแต่งพี่ก็อีกตั้งเกือบ 5 เดือน พี่เชื่อว่าภู่ทำได้ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ”

ผมบอกขอบใจพี่ปออีกครั้งก่อนจะวางสายไป ผมกลับเข้าไปในห้องนอนและก็พบว่ายังมีคนขี้เซามุดอยู่ใต้ผ้าห่ม จนผมอดที่จะเผลออมยิ้มไม่ได้ คนอะไรอายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่ทำตัวน่าเอ็นดูเหลือเกิน มีแฟนเด็กอย่างผมนี่มันจำเป็นต้องทำตัวเด็กกว่าแฟนไหมเนี่ย

“ตื่นได้แล้วครับ”

ผมก้มลงไปกระซิบข้างๆ หู ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าลงไปหอมแก้มนิ่มๆ นั่นฟอดใหญ่ เจ้าของแก้มขมวดคิ้วอย่างขัดใจพร้อมกับยื่นมือมาดันผมออก แต่มีเหรอครับที่จะสู้แรงผมได้

“จะตื่นหรือจะให้ลักหลับ”

ผมกระซิบอีกรอบด้วยเสี่ยงหื่นๆ และดูเหมือนคราวนี้จะได้ผลดีเสียด้วยครับ คนขี้เซารีบลืมตามองผมด้วยความไม่พอใจ

“ยังเช้าอยู่เลย รีบปลุกทำไม”

“ต้องรีบครับเดี๋ยวสาย วันนี้เราจะไปออกทริปกัน”

“ทริปอะไร”

เจ้าของคำถามพยายามดันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ทำให้ผมต้องขยับตัวให้เค้านั่งสบายขึ้น แล้วค่อยๆ ขยับชิดเข้าไปนั่งข้างๆ โดยที่ยังไม่ตอบคำถามของเค้า

“รีบไปอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว จะได้รีบไป กระเป๋าผมก็เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”

“จะไปไหน ไม่เห็นถามเลยว่าอยากไปหรือเปล่า”

“ไปซ้อมฮันนีมูนไงครับ”

“ไม่ตลก”

“ก็ไม่อยากให้เครียด”

“…”

“โอเคๆ ผมยอมแพ้ ก็แค่เห็นว่าไม่สบายใจ แล้วไหนๆ ก็หยุดแล้วเลยอยากพาไปพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ พาไปสวีทค้างคืนสัก 2-3 คืน ก็นึกว่าแฟนจะขอบคุณที่ทำให้ แต่…”

“ก็ไม่บอกดีๆ ตั้งแต่แรก”

“ตกลงไปใช่ไหมครับ”

ได้แกล้งแหย่แฟนตัวเองนี่มันมีความสุขจริงๆ ครับ ว่าแต่นี่เค้าก็ดูไม่เครียดเท่าเมื่อวานแล้ว หวังว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ของเราจะช่วยให้เค้าสบายใจขึ้นนะครับ อีกอย่างนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราสองคนจะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันสองต่อสอง ถึงผมจะพูดเล่นๆ ว่าเป็นการไปซ้อมฮันนีมูน แต่ในใจนี่ผมคิดจริงนะครับ ถึงเราจะใช้ชีวิตด้วยกันมาระยะนึงแล้ว แต่ชีวิตเรามันก็มีแค่บ้าน ที่ทำงาน ไปเดินห้างกินข้าว ดูหนังกันบ้าง ครั้งนี้มันคงเป็นอะไรที่พิเศษกว่านั้น แล้วภาพในหัวผมก็เริ่มจะคิดดีไม่ได้แล้วครับ เหอๆ

“ทำไมต้องยิ้มแบบนั้นด้วย แล้วถามว่าจะพาไปไหนเนี่ย ทำไมไม่ยอมบอก”

“เซอร์ไพรส์ไง ไม่ชอบเซอร์ไพรส์เหรอ”

แววตาสงสัยยังคงมองผมอย่างจับผิด แต่ก็ยอมลุกเดินไปเข้าห้องน้ำแต่โดยดี ช่วงระหว่างรอเค้าอาบน้ำผมก็จัดแจงทั้งเสื้อผ้าไว้รอ อาหารเช้าก็เตรียมไว้พร้อม กระเป๋าเดินทางสำหรับเราสองคน ที่ผมจัดไว้แล้วถูกนำไปไว้หลังรถเป็นการเตรียมพร้อม หลังทานข้าวเสร็จ จัดการทุกอย่างเรียบร้อยเราก็ออกเดินทางกันทันที สุดที่รักผมก็ไม่อิดออดแล้วครับ ดูจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วด้วย








พาร์ทของปาแปง





“เขาใหญ่?”

“ใช่ครับ ช่วงนี้เห็นว่าอากาศเย็นลงมากแล้ว ผมอยากพาแปงไปเจออากาศดีๆ จะได้สบายใจขึ้น”

ได้ยินแบบนี้ผมแทบจะไม่อยากเครียดเลยครับ ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ กลัวเค้าเป็นห่วงมากเกินไปนี่แหละ แค่นี้ก็จัดเต็มทั้งยอมหยุดงานเตรียมทุกอย่างพาผมมาเที่ยว ผมเลยต้องรีบหายเครียดครับเค้าจะได้ไม่ต้องมากังวลกับผมด้วยอีกคน แต่มันก็คงหายทั้งหมดไม่ได้หรอกครับ

เพราะตอนนี้ผมทั้งกดดัน ทั้งอะไรอีกหลายอย่าง ยิ่งรู้ว่าเจ้ปอจะแต่งงานมันยิ่งทำให้ผมกังวลไปต่างๆ นานา ไหนจะเรื่องดูแลงานแทนพี่สาวได้ไหม แล้วนี่ยังมาทำงานพลาดจนโดนพักงานนี่อีกไม่รู้เจ้ปอจะวางใจให้ผมดูแลงานอย่างหายห่วงหรือเปล่า ตอนนี้อาจจะกำลังปวดหัวกับผมอยู่ก็เป็นได้  แต่ก็นั่นแหละครับผมนอนคิดมาทั้งคืนแล้ว อะไรที่มันพลาดไปแล้วผมก็คงต้องเก็บมาเป็นบทเรียน ความผิดพลาดบางทีมันก็แค่อุปสรรคที่เข้ามาให้เราแกร่งขึ้น เก่งขึ้น บอกกับตัวเองแบบนี้ก็พอสบายใจขึ้นมาหน่อยแหละครับ

“เดี๋ยวผมลงไปซื้อขนมอะไรไว้กินระหว่างทาง เอาอะไรเป็นพิเศษไหม”

“ไปด้วยดิ”

อีกคนทำหน้าแปลกใจที่เห็นผมยิ้มแย้ม และขอลงรถไปกับเค้าด้วย ตอนนี้เราเพิ่งออกมานิดเดียวแวะเติมน้ำมันที่ปั้ม และเค้ากำลังจะลงไปหาสเบียงมาตุนในรถ แต่ในเมื่อเค้าเองก็คงอยากมาใช้เวลากับผมในช่วง 2-3 วันนี้ และเค้าก็ทำอะไรให้ผมหลายอย่างแล้ว ผมจะทำตัวน่ารักใส่เค้าบ้างจะเป็นไรไปจริงไหมครับ เราช่วยกันหยิบขนมขบเคี้ยวพร้อมเครื่องดื่มอีกนิดหน่อย ก่อนจะออกเดินทางต่อ

“ถ้าง่วงก็หลับไปเลยนะ”

“เพิ่งตื่นเอง ไม่ง่วงหรอก นั่งฟังเพลงเป็นเพื่อนแฟนดีกว่า”

“มาแปลกนะเนี่ย วันนี้”

“ไม่ชอบเหรอ”

“ชอบสิ ชอบมาก แต่ว่า…”

“ว่าอะไร”

“กลัวจะต้องแวะรีสอร์ทข้างทาง ไม่ถึงเขาใหญ่สักทีนี่สิ”

“…”

พอจะเข้าโหมดหวานหน่อยก็ดึงไปทางหื่นตลอดครับแฟนผม แล้วดูยิ้มเข้า ยิ้มแบบนี้ผมรู้เลยว่าไม่ได้คิดดีแน่ๆ นี่เขื่อได้เลยว่าชวนผมออกต่างจังหวัดแบบนี้ นอกจากจะอยากให้ผมหายเครียด คลายกังวลมันต้องมีหวังผลอย่างอื่นด้วยแน่ๆ

“อะ อะ เพลงนี้ก็มา”

ผมได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ เมื่อเสียงเพลงในรถเป็นเพลงที่เราสองคนต่างคุ้นกันดี มันเป็นเพลงเก่าเพลงเดิมที่เหมือนกลายมาเป็นเพลงระหว่างเราสองคนไปเสียแล้ว ก็เพลงที่เค้าเอามาขอผมเป็นแฟนนั่นแหละครับ



“… love is a word that explains
How I feel for you
And when you’re in my arms
All my dreams come true
And when you’re not around
You can’t hardly see
These tears that i’m crying
Now are for you to be with me…”





“ซึ้งๆ ซึ้งอะดิ”

“ก็เคยมีคนเอามาร้องขอเป็นแฟน”

“ต้องเขินไหมเนี่ย”

เสียงเพลง เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะของเราทั้งคู่ดังสลับกันไปตลอดเส้นทาง มันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ดูจะพิเศษมากขึ้น จริงอยู่ที่เราอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่นี่อาจจะเป็นการนั่งในรถนานที่สุดสองต่อสองของเราสองคนแล้วมั้ง ไม่นับเวลารถติดในกรุงเทพฯ นะครับ อันนั้นออกจะเรียกว่ามีความทุกข์ร่วมกัน มากกว่าจะมีความสุขด้วยกัน

“แล้วนี่ภู่จองที่พักของที่ไหนไว้”

“ยังไม่ได้จองเลยครับ”

“อ้าว”

“ใจเย็นสิครับแปงครับ นี่มันไม่ใช่วันหยุด ไม่ใช่เทศกาล เราไปถึงเจอที่ไหนน่าพักค่อยตัดสินใจก็ได้”

“…”

“เอาน่า ลองทำอะไรที่มันไม่มีแบบแผนดูบ้าง”

“งั้นเปลี่ยนจากเขาใหญ่ไปวังน้ำเขียวแทนได้ไหม”

“ตัดไปสิครับ แฟนอยากไปไหน ภู่จัดให้หมดครับ”

ผมก็แค่พูดเล่นๆ แต่อีกคนนี่สิจริงจังไปแล้ว ทีแรกผมก็เกือบจะโมโหแบ้วนะครับเรื่องที่พักเนี่ย แต่พอฟังเหตุผลเค้า ถ้ามองทุกอย่างให้มันเป็นมุมดีๆ มันก็โอเคหมดแหละ จริงไหมครับ ที่จริงแค่ได้มากันสองคนแบบนี้มันก็ดีมากแล้ว และนั่นทำให้เราเปลี่ยนเป้าหมายจากเดิมคือเขาใหญ่ กลายเป็นวังน้ำเขียวซะงั้น แต่ทั้งสองที่มันก็ไม่ได้ไกลกันมากนัก จากการที่แวะนั่นนี่ ตลอดทาง แบบเห็นอะไรน่าสนใจอยากจอดเราสองคนก็จอด

สุดท้ายเราก็ถึงวังน้ำเขียวจนได้ครับ เราตัดสินใจเลือกพักที่รีสอร์ทเล็กๆ แห่งนึง อากาศที่นี่เย็นสบายอย่างที่เค้าบอกไว้จริงๆ ครับ หลังเข้าที่พัก นอนเอาแรงนิดหน่อยก็เย็นพอดี เกือบจะเป็นปัญหาในการหาที่ทานมื้อเย็นเพราะเราทั้งคู่ไม่เคยมาที่นี่เลย ไม่รู้ว่าจะเลือกไปทานข้าวที่ไหนกัน ทางรีสอร์ทเองก็เป็นรีสอร์ทเล็กๆ ไม่ได้มีบริการอาหารให้สั่ง แต่ดีที่เค้าแนะนำร้านอาหารให้เราได้

หลังมื้อเย็นเราก็หอบหิ้วเบียร์กันมาเต็มที่ ไอ้ผมนะไม่เท่าไหร่ แต่อีกคนนั่นกะมอมผมแน่ๆ รู้ทั้งรู้ว่าถ้าผมเมาแล้วชอบทำอะไรน่าอายก็ยังจะแกล้ง

“มานั่งนี่มา”

เราอยู่ที่ระเบียงของห้องพัก ตอนนี้เพิ่งจะ 1 ทุ่ม แต่บรรยากาศก็เงียบตามประสาต่างจังหวัด แถมอากาศเย็นจนเกือบจะหนาวแบบนี้อีก ผมเลยไม่อิดออดที่จะเดินไปนั่งชิดกับอีกคน

“ดีใจนะที่ได้มาซ้อมฮันนีมูนกันแบบนี้”

“พูดเล่นอีกละ”

“ถ้าไม่พูดเล่นล่ะ”

“…”

“เงียบ ไม่ตอบแบบนี้ต้องให้ดื่มเยอะๆ แล้วละ เผื่อจะพูดมากขึ้น”

“พอแล้ว”

“…”

“ขอบคุณนะที่พามา ขอบคุณที่ดูแลกัน และก็ ดูแลกันแบบนี้ไปตลอดเลยนะ”

ผมขยับตัวซุกเข้าหาอ้อมกอดของเค้า ถึงอากาศตอนนี้จะเย็นขนาดไหนแต่พอได้อยู่ในอ้อมกอดของเค้ามันก็ทำให้ผมยังอบอุ่นใจอยู่เสมอ เราเงียบกันไปพักใหญ่ ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน นี่ผมคงต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมทำงานผิดพลาด ขอบคุณเจ้ปอที่สั่งพักงานผม และขอบคุณเจ้าของอ้อมกอดนี้ที่พาผมมา เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ผมก็คงไม่ได้มาใช้เวลากับเค้าที่นี่แน่นอน

แม้นี่จะเป็นเพียงการเดินทางด้วยกันครั้งแรกของเราสองคน แต่จากนี้ไปเราก็คงจะได้เดินไปด้วยกันตลอดไป

“เราเข้านอนกันเลยไหม”

“เพิ่งทุ่มนึงเองนะ”

“ก็ไม่ได้จะให้นอนจริงๆ แค่จะให้ไปที่เตียง”

เกือบแล้วครับ มันเกือบจะซึ้งอยู่แล้ว ถ้าไอ้คนหื่นนี่ไม่ลากไปที่เตียงแบบนี้ แต่ถามว่าผมยอมไหม ก็ไม่ “ไม่ปฏิเสธ” นั่นแหละครับ แล้วนี่จะลากผมขึ้นเตียงตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้ ผมจะโดนอีกกี่รอบกันละครับเนี่ย

“…”




TBC


มาสั้นๆ พอให้หายคิดถึงเนอะ เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก

และตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้าย

ส่งท้าย จบแล้ว

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ






CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
บรรยากาศดีดี
กับน้องภู่ที่หื่นเสมอต้นเสมอปลาย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ซ้อมฮันนีมูนเหรอภู่  o18
ก็ซ้อมๆมานานแล้วไม่ใช่เหรอ
เพียงแต่ไม่ได้ออกจากบ้านเท่านั้น
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
น่ารัก อบอุ่น อ่านแล้วมีความสุข ^^

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 50
งานแต่ง
[ตอนจบ]





ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ผมได้เห็นคนในครอบครัว ยิ้มอย่างมีความสุข และครอบครัวเราดูจะกลายเป็นครอบครัวใหญ่ขึ้นไปอีก วันนี้ดูพ่อกับแม่ของผมจะยิ้มจนหุบไม่ลงแล้ว ส่วนคนสำคัญของงานในวันนี้อย่างเจ้ปอ พี่สาวของผมนะเหรอครับ

“เหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย ร้อนก็ร้อน ชุดก็อึดอัด หิวก็หิว จะกินก็ไม่ได้เดี๋ยวถ่ายรูปออกมาไม่สวย”

นั่นแหละครับพี่สาวผม ขนาดวันสำคัญของตัวเองแท้ๆ ดูไม่เหมือนสาวๆ คนอื่นเลย อย่างข้าวหอมเพื่อนสนิทผมนี่ตอนวันงานแต่งดูจะแฮปปี้มากๆ แถมวันนี้เพื่อนสนิทของผมก็มีลูกชายตัวน้อยมาร่วมงานด้วยแล้วครับ

“พี่ปอสวยมากเลยแก เห็นแล้วอยากแต่งงานอีกรอบเลย แต่แกดูสภาพชั้นสิ ตั้งแต่คลอดไข่เจียวมาก็เผละเอาๆ อยากกลับไปสวยเช้งเหมือนเดิมจัง”

“แค่นี้ก็สวยจนพี่ไม่รู้จะหลงยังไงแล้ว”

นี่ก็หวานกันตั้งแต่เริ่มจีบยันลูกหนึ่งจริงๆ ผมหันไปหยิกแก้มน้องไข่เจียวลูกชายตัวน้อยของข้าวหอมกับพี่โต ตอนนี้ก็ขวบกว่าแล้ว กำลังหัดพูดได้เป็นคำบ้างแล้ว ไข่เจียวนี่ข้าวหอมยกให้ผมเป็นพ่อทูนหัวนะครับ แต่เจ้าตัวเล็กจะไม่ชอบผมเท่าไหร่ เพราะผมชอบหยิกแก้มนี่แหละ

“อ่ะพี่โต ดูไข่เจียวด้วย ขบวนขันหมากจะมาแล้ว ส่วนแกแปง เร็วสิไปกั้นประตูกัน”

ผมถูกลากกึ่งวิ่ง อย่างไม่ทันตั้งตัวตรงไปยังทางเข้าที่ตอนนี้หลายคู่เริ่มจับจองพื้นที่เพื่อกั้นประตูเงินประตูทอง งานนี้ดูๆ แล้วพี่ต๊าฟคงลำบากไม่น้อยกว่าจะผ่านแต่ละประตูไปได้ บรรยากาศก็ดูจะเต็มไปด้วยความชื่นมื่น เสี่ยงโห่ร้องดังมาเป็นระยะด้วยความครึกครื้น

เมื่อขบวนใกล้เข้ามาผมก็ได้เห็นใครอีกคนที่อยู่ในขบวนด้วย วันนี้เค้าบอกจะไปอยู่ฝั่งเจ้าบ่าวครับ เพื่อให้ฝั่งนั้นคนเยอะหน่อย อีกอย่างเค้าเองก็เรียกว่าสนิทกับทั้งเจ้าบ่าวอย่างเฮียต๊าฟ รวมทั้งพี่เชษฐ์พี่ตี๊ฟที่อยู่ในขบวนนั้นด้วย เราสบตายิ้มให้กันเล็กน้อย ก่อนจะสนใจขบวนตรงหน้าต่อ แต่ก็มีนิดนึงนะครับ ที่ผมแอบคิดถึง เรื่องที่เค้าเคยบอก

เรื่องระหว่างเราสองคนหลังจากนี้ ที่เค้าเคยพูด พอถึงวันที่เจ้ปอแต่งงานจริงๆ แบบนี้ เค้ากลับไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย แต่ก็นั่นแหละครับ ยังไงเสียเราก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว พิธีการอะไรสำหรับผมมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอกครับ แค่มันบังเอิญนึกถึงแค่นั้นเอง

“แกๆ เราให้พี่ต๊าฟทำอะไรดี เอาแบบยากๆ ไม่ให้ผ่านง่ายๆ”

“แล้วแต่แกเลย”

“แปง แกเป็นน้องเจ้าสาวนะมันต้องมีแบบพีคๆ สิ พีคๆ อ่ะมีไหม”

“…”

ผมได้แต่ยิ้มขำๆ ให้ข้าวหอม เพราะผมเองไม่ได้กะจะอะไรมากมาย อีกอย่างเราสองคนอยู่กั้นท้ายๆ ต้องรักษาเวลาไม่ให้เลยฤกษ์ด้วย ดีไม่ดีเจ้าบ่าวอาจจะไม่ต้องทำอะไรก็ได้ เพราะพวกผมต้องรีบปล่อยไปให้ทันฤกษ์

“อ้าวๆ นี่ด่านน้องเจ้าสาวเสียด้วย คงเป็นด่านยากละมั้งเนี่ย”

“ฮิ้ว”

เสียงโห่ร้องเชียร์อย่างสนุกสนาน ทำเอาผมกับข้าวหอมมองหน้ากันเลิ่กลั่ก นี่ไม่ใช่ว่าทุกคนกำลังคาดหวังจะเห็นอะไรพีคๆ จากการกั้นประตูของเราสองคนหรอกนะครับเนี่ย

“น้องแปง น้องหอม พี่ขอผ่านเข้าไปนะครับ”

ซองสีชมพูถูกยื่นมาให้ผมกับข้าวหอมเป็นค่าผ่านทาง ตามด้วยสายตาของกองเชียร์ อย่างพี่เชษฐ์ พี่ตี๊ฟ และอีกหลายคนที่รอดูว่าผมกับหอมจะให้ผ่านไปง่ายๆ ไหม นอกจากนี้อีกคนที่ยืนยิ้มกดดันอยู่ข้างหลังนั่นอีก ผมต้องรีบหันไปมองข้าวหอมเพื่อส่งสายตาขอความช่วยเหลือ

“ผ่านง่ายๆ มันก็ไม่ใช่หอมสิคะพี่ต๊าฟ”

“น้องหอมจะให้พี่ทำอะไร ว่ามาเลยครับ”

“พี่ต๊าฟก็แค่หอมแก้ม แปงกับข้าวหอม คนละฟอดค่ะ แล้วหอมจะให้ผ่าน”

“ฮิ้ว”เสียงโห่ร้องอย่างชอบใจจากคนที่รอฟัง มันก็โอเคนะครับที่ด่านเรามีอะไรให้เล่น แต่ผมแทบจะหันมองข้าวหอมตาขวาง ก็เล่นอะไรเนี่ย

“ต้องหอมสองคนเลยเหรอ”

“ไม่กล้าเหรอคะพี่ต๊าฟ”

“หอมเลยๆ หอมเลยๆ”

เดี๋ยวครับเสียงเชียร์นี่มันต้องใช้กับบ่าวสาวไม่ใช่เหรอครับ จะมาเชียร์ให้เจ้าบ่าวหอมแก้มบรรดาน้องๆ เจ้าสาวนี่มันใช่ไหม

“เดี๋ยวๆ พี่ว่าอันนี้พี่ว่าพี่ทำไม่ได้ เพราะถึงพี่จะเคยเจ้าชู้ แต่ตอนนี้พี่รักปอคนเดียว ริมฝีปากพี่มีไว้จูบ ไว้หอม ว่าที่ภรรยาพี่คนเดียวครับ”

พอพี่ต๊าฟ พูดจบเสียงโห่ร้องด้วยความชอบใจก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจโดยเฉพาะบรรดาทีมงานที่ตามหลังเจ้าบ่าวมานั่นแหละครับ

“งั้นพี่ต๊าฟเลือกตัวแทนมาเลยค่ะ หอมอยากโดนลวนลาม”เสียงเฮดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับบรรดาเพื่อนๆ พี่ต๊าฟแย่งกันอาสา เอ่อคือพี่ๆ เค้ารู้ไหมว่าข้าวหอมนี่ลูกกะสามีก็ยืนอยู่ไม่ไกลนะครับ ไม่ต้องแย่งกันก็ได้

“พี่ว่าคนนี้เลยเหมาะสุด”

“แอร๊ยยย”เสียงกรี๊ดของข้าวหอมดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าใครคือคนที่พี่ต๊าฟดึงออกมา ซึ่งตอนนี้ผมว่าคนที่น่าจะซวยมันน่าจะเป็นผมแล้วละครับ

“ถ้าเป็นน้องภู่แบบนี้ พอดีพี่ก็ไม่ชอบแย่งของเพื่อนขอยกภาระนี้ให้แปงแบบรับไว้เองแล้วกันนะคะ”นั่นไงละ ทำไมอยู่ๆ หวยมันมาออกที่ผมได้ละครับเนี่ย

“หอมเลย หอมเลย”เสียงเชียร์ดังขึ้นอีกพร้อมกับที่อีกคนเดินขยับเข้ามาหยุดตรงหน้าผม

“เขินเหรอครับ”

“อายไหมละ คนเยอะขนาดนี้”ผมบ่นอุบอิบ แต่จะให้ปฏิเสธ ก็โดนกดดันทางสายตาจากทุกทิศทุกทาง เอาวะ ยังไงแทบทุกคนตรงนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าผมกับภู่เป็นอะไรกัน ว่าแต่นี่มันจะไม่เป็นการแย่งซีนบ่าวสาวใช่ไหมครับเนี่ย เพราะตอนนี้ดูทักคนยกมือถือขึ้นมาเตรียมถ่ายรูปแล้ว

“เร็วดิ จะได้จบๆ ไป”ผมรีบเร่งอีกคนที่เอาแต่ยืนยิ้มมองผม เค้าค่อยๆ โน้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากที่แก้มผม แล้วกระซิบเบาๆ

“นี่แค่ซ้อมนะครับ”

ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรเพราะเค้าเองก็ถอยออกไป ตามด้วยเสียงโห่ร้องชอบอกชอบใจ ส่วนผมกับข้าวหอมเองก็ต้องเปิดทางให้ขบวนขันหมากผ่านเข้าไปแบบงงๆ

“ถ้าจะขนาดนี้แต่งพร้อมพี่ปอเลยไหมแก”ข้าวหอมแซวผมหลังจากทีมของพี่ต๊าฟผ่านเข้าไป

“แกกหละเล่นบ้าอะไรไ ม่รู้”

ผมบ่นข้าวหอมอีกนิดหน่อย แต่เจ้าตัวดูจะยิ่งสนุกที่ได้แกล้งผม ส่วนคนมาหอมแก้มผมโชว์นั่นก็รวมกลุ่มอยู่กับพวกพี่เชษฐ์พี่ตี๊ฟแหละครับ พิธีการต่างๆ ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จริงๆ พิธีช่วงเช้านี่ก็จะมีแค่ญาติๆ กับเพื่อนๆ ของบ่าวสาวเสียเป็นส่วนใหญ่แหละครับ ส่วนแขกอื่นๆ ก็คงไปร่วมงานเย็นที่โรงแรมอีกทีนึง

ช่วงพิธีการผมก็ได้แต่นั่งเล่นกับไข่เจียว ลูกชายข้าวหอมแหละครับ ไม่ได้มีส่วนอะไรในพิธีการเค้าหรอกครับ จนถึงช่วงรดน้ำสังข์นั่นแหละครับ ถึงได้มาถ่ายรูปบ้าง อวยพรให้พี่สาวตัวเอง จนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทีนี้ก็เหมือนเป็นช่วงเวลาถ่ายรูปของบรรดาเพื่อนๆ ของบ่าวสาวแหละครับ เห็นแล้วก็นึกขำเจ้ปอ ที่ตอนนี้ฉีกยิ้มค้างตลอดเวลา แต่ผมดันนึกถึงคำพูดบ่นๆ ของแกเสียมากกว่า

“แปงมานี่ๆ”ผมเดินเข้าไปตามเสียงเรียกของพี่สาว

“พยุงหน่อย จะเดินไม่ไหวแล้วเนี่ย”

“ไม่ไหวก็พักไหมละเจ้”

“อีกนิดนึง เดี๋ยวไปถ่ายรูปที่สวนหน้าบ้านก็พอแล้วเนี่ยเหนื่อย”

“เหนื่อยแต่ก็ยิ้มไม่หุบเลยนะ”

“แหมงานแต่งตัวเองทั้งทีจะให้หน้าเป็นตูดหรือไง แต่ไม่เอาอีกแล้วนะ แต่งครั้งเดียวพอแล้ว” ดูพูดเข้าสิครับพี่สาวผม เราสองคนก็เดินคุยไปโดยผมต้องเป็นฝ่ายให้เจ้แกเกาะ พยุงแหละครับ แถมนี่รองเท้าส้นสูงก็ถอดให้ผมหิ้วแล้ว นี่สินะภาพเบื้องหลังงานแต่งที่เรามักจะเห็นแค่ภาพสวยๆ แต่กว่าจะได้ภาพมามันคงทุลักทุเลไม่น้อย

“แล้วนี่เจ้าบ่าวเจ้ไปไหนเนี่ย”เมื่อมาถึงสนามหน้าบ้านก็มีแค่บรรดาเพื่อนๆ ของพี่ปอที่แต่งชุดมาสีเดียวกันตามธีมที่เลือกกันมา

“เดี๋ยวผมไปเรียกให้ครับ”พี่เชษฐ์ที่เหมือนจะมารออยู่แล้วอาสาออกไปเรียกให้

“อ่ะๆ ระหว่างรอไหนขอถ่ายรูปกับน้องชายสุดที่รักหน่อย”พอบอกว่าถ่ายรูปนี่เหมือนทุกคนจะพร้อมเสมอเลยครับ บรรดาเพื่อนเจ้าสาวนี่ล้อมวงเข้ามาเลย ตอนนี้ผมเลยเหมือนเป็นตัวแทนเจ้าบ่าวไปโดยปริยาย ถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ พี่ต๊าฟก็มา บรรดาเพื่อนๆ เจ้าสาวก็ตีวงออกเหมือนล้อมผมกับพี่ปอไว้ ผมกำลังจะเดินออกจากวงให้พี่ต๊าฟเข้ามาแทนที่ แต่กลับถูกดึงไว้

“แปงอยู่ตรงนี้แหละ”

พี่สาวผมบอกยิ้มๆ พร้อมเป็นคนเดินออกไปหาพี่ต๊าฟ ทิ้งให้ผมยืนงงๆ อยู่กลางวงล้อมเพียงลำพัง แต่แล้วด้านหลังที่พี่ต๊าฟยืนบังอยู่ก็ปรากฏร่างใครอีกคนที่สะพายกีตาร์ ยืนยิ้มมองมาที่ผม นิ้วเรียวนั้นเริ่มขยับ พร้อมๆ กับเสียงร้องที่ออกมาจากใบหน้ายิ้มแย้มนั้น

“…It’s a beautiful day, we’re looking for something dumb to do
Hey baby, I think I wanna marry you
Is it the look in your eyes, or is it this dancing juice
Who cares baby, I think I wanna marry you…”


เสียงกีตาร์จังหวะสนุกสนาน เสียงปรบมือเข้าจังหวะของทุกคนที่อยู่ตรงนี้ เสียงร้องเพลงที่ออกจากปากของคนที่กำลังเดินตรงมาหาผมนั้น เหมือนทุกอย่างมันเกิดเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน เรียกว่าตอนนี้ผมหูอื้อตาลายไปแล้วละครับตอนนี้ เราไม่เคยพูดคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังสักครั้ง นั่นทำให้ผมไม่คิดว่าวันนึงเค้าจะทำอะไรแบบนี้ แต่ถามว่าผมดีใจไหม ก็ต้องบอกเลยว่ามาก

ทว่าตอนนี้มันทั้งตกใจ ดีใจ เขินอีกด้วยที่ต้องมาอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ แบบนี้ มันทำเอาผมทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว น้ำตาแห่งความสุขมันเอ่อล้นขึ้นมา แต่ผมก็พยายามกลั้นมันเอาไว้ สายตามองสบกับอีกคนที่มายืนอยู่ตรงหน้า



“…Just say I do
Tell me right now baby
Tell me right now baby, baby

…I think I wanna marry you”




เสียงเพลงจบลง ตามมาด้วยบรรยากาศความเงียบเข้ามาแทนที่ แต่แล้วก็มีเสียงซุบซิบด้วยความเอ็นดูเมื่อไข่เจียว ลูกชายตัวน้อยของข้าวหอม วิ่งเอากล่องใบจิ๋วมาส่งให้กับคนตรงหน้าผม เค้าผลักกีตาร์ไปสะพายด้านหลังก่อนจะก้มลงรับแหวนจากไข่เจียว พอเสร็จภารกิจเด็กน้อยก็รีบวิ่งกลับไปหาพ่อกับแม่ ผมอมยิ้มน้อยๆ กับภาพนั้น ก่อนจะหันมาสนใจคนตรงหน้า เค้าค่อยๆ คุกเข่าลงตรงหน้าผม

“แต่งงานกันนะ”

ทั้งที่ก็คิดว่าอะไรแบบนี้มันไม่ได้พิเศษอะไร ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าไม่อยากให้ใครมาทำอะไรแบบนี้ให้ พอวันนี้ วันที่มันเกิดกับตัวเองจริงๆ ผมกลับปฏิเสธไม่ได้เลย ว่ามันรู้สึกดี ดีมากจนผมเองอธิบายไม่ถูก

“แต่งอยู่แล้ว รีบลุกขึ้นเถอะ อายคนอื่นเค้า”

“เดี๋ยวสิ”

เค้าหยิบแหวนที่อยู่ในกล่องออกมาสวมที่นิ้วของผม ริมฝีปากเรียวนั้นประทับลงเบาๆ ที่หลังมือของผม

“เฮ”เสียงเฮดังลั่นขึ้นทันที ภู่ลุกขึ้นยืนและดึงผมเข้าไปสวมกอด

“โอ้ย เหม็นความรัก”

“ไม่แต่งพร้อมกันสองคู่ไปเลยล่ะ”

และอีกมากมายคำพูดที่ถูกส่งเสียงออกมาหยอกเย้าเราสองคน แต่มันก็เต็มไปด้วยความเอ็นดู และยินดีกับเราสองคน บรรยากาศดูครึกครื้นอยู่สักพัก ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันออกไป ผมกับภู่หลบมุมมานั่งคุยกันส่วนตัวที่ศาลาในสวนหน้าบ้าน

“ผมลุ้นมากๆ เลย กลัวแปงปฏิเสธ”

“อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้ ยังกล้าคิดว่าจะปฏิเสธอีกเหรอ”

“มันไม่เหมือนกันนี่ครับ ทุกวันนี้เราเป็นแค่แฟน แต่จากนี้ไปเราจะเป็นคนๆ เดียวกัน เป็นทุกอย่างของกันและกัน”

“…”

“อย่าเขินมากนะครับ”

“ทำไม”

“เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหว”

ทั้งที่ก็เป็นแฟนกันมานาน อยู่กันมาก็ไม่ใช่เวลาน้อยๆ แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังทำผมเขินได้ตลอดสิเนี่ย ถึงจะดูรีบไปหน่อย แต่เราก็คุยวางแผนต่างๆ คร่าวๆ กันอย่างไม่มีใครยอมใคร แน่นอนว่าทุกอย่างเราค่อนข้างเห็นตรงกัน ทั้งการจัดงานที่คงมีแค่ญาติๆ เพื่อนสนิท จัดเป็นงานเล็กๆ ก็พอ และชีวิตหลังจากนี้ผมและเค้าคงย้ายกลับมาอยู่กับพ่อแม่ผมที่นี่

“ขอบคุณนะ”ผมบอกพร้อมกับมองเค้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

“ขอบคุณที่เข้ามาเป็นคนแรก และเป็นคนสุดท้าย ขอบคุณที่ทำให้รู้จักคำว่ารัก ขอบคุณที่ยอมย้ายมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ในวันนี้ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา”

“…”เค้ามีเพียงรอยยิ้มที่ไม่ต่างจากผมส่งกลับมา

“ขอบคุณที่รักกัน แปงรักภู่นะครับ”

“ภู่ก็รักแปงครับ แต่ว่า…”

“…”

มือเรียวของเค้าค่อยๆ ขยับมากุมมือผม นิ้วชี้และนิ้วกลางค่อยๆ ขยับ เคลื่อนที่ไต่มาตามแขนของผม สายตาเจ้าเล่ห์ในแบบที่ผมเห็นประจำกลับมาอีกครั้ง

“ขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณที่แปงว่ามาทั้งหมดเป็น…”

“ไม่ให้”ผมรีบดึงแขนกลับด้วยความหมั่นไส้ กำลังจะซึ้งอยู่แล้วเชียว

“รู้เหรอว่าผมจะขอเปลี่ยนเป็นอะไร”

“ไอ้ทะลึ่ง”ผมรีบลุกเตรียมตัวจะเดินหนี แต่ก็ยังโดนเดินตามมาวอแวอีกเหมือนเดิม

“ไม่ใช่แค่ทะลึ่งนะครับ หื่นด้วย”นั่นแหละครับ ไม่มีคำว่าสลดเลยสักนิด แต่เค้าก็คือคนที่ผมเลือก คนที่เข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มในชีวิตของผม จากนี้ไปมันจะสุข เราก็คงสุขร่วมกัน ทุกข์ก็คงต้องทุกข์ด้วยกัน ไม่ว่าวันข้างหน้ามันจะมีอุปสรรคปัญหาอะไรเข้ามา อย่างนึงที่จะไม่เปลี่ยนไป คือเราจะยังมี “กันและกัน” ตลอดไป























END






จบแล้วคร๊าบบบบ

ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ติดตามให้กำลังใจกันมาตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องนี้ตั้งแต่แรกก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้ออกมาสบายๆ ก็เลยไม่ค่อยมีอะไรหวือหวาอยู่แล้ว จนบางช่วงก็อาจจะราบเรียบเกินไป 555

จุดไหนผิดพลาดก็ขออภัยอีกรอบเนอะ น่าจะยังมีอีกหลายจุดที่ต้องปรับปรุงต่อไป

ตอนพิเศษคาดว่าคงมี แต่ไม่กล้ารับปากว่าเมื่อไหร่ แหะๆ

เพราะตอนนี้แต่งค้างดองไว้อีก 2 เรื่อง ก็คงถึงเวลาเคลียร์ อีก 2 เรื่องที่เหลือก่อน ก็ฝากเป็นกำลังใจกับเรื่องอื่นๆ ของไรท์ด้วยนะครับ

รักรีดเดอร์ทุกคน ขอบคุณทุกกำลังใจจริงๆ ครับ แค่เห็นว่ามีคนอ่าน มีคนชอบ แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้วครับ




ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Norita_Boy
norita_boyV2

ฝากนิยายด้วยนะครับ

เรื่องที่จบแล้ว

เรื่องที่ 1 : 45 วันพนัน(ไม่)รัก

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44636.0
เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่คิดเกมพนันให้เพื่อนที่เหมือนจะไม่ชอบเกย์
ให้มาอยู่ร่วมห้องกับเพื่อนที่เป็นเกย์ กติกาคือถ้าภายใน 45 วันถ้าทั้งคู่ตกหลุมรักกันก็จะแพ้
แต่ถ้าไม่รักกัน เพื่อนๆ ก็จะเป็นฝ่ายชนะ แนวสบายๆ

เรื่องที่ 2 : ระหว่างเราคือ...???

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44196.0
เรื่องราวความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนผัวพันกันจนยากที่จะแก้ไข สุดท้ายมันก็พันกัน
จนกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ อีกคนชัดเจนในความรู้สึกแต่ก็โอนอ่อน
ผ่อนตามอีกคนที่ไม่ชัดเจน จนดึงคนอื่นเข้ามาในวังวน ทุกคนตัดสินใจทำ
และมองแค่ในมุมของตัวเองจนเหมือนต่างคนต่างเห็นแก่ตัว
ค่อนข้างจะดราม่า หน่วงๆ พอสมควรกับเรื่องราว 1 หญิง 2 ชาย

เรื่องที่ 3 : (ไม่)รักได้ไง

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44195.0
เพื่อนสนิทในอดีตที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน ได้บังเอิญกลับมาเจอกันอีกครั้ง
ความรู้สึกที่ไม่เคยบอกกับอีกฝ่าย ได้เข้ามาเติมเต็มชีวิต และต้องพยายามพิชิตใจ
ของอีกคน เป็นแนวสบายๆ ที่ให้เห็นความต่างจาก เรื่อง ระหว่างเราคือ...???
และมีตัวละครจากอีกเรื่องโผล่ มาด้วยนิดหน่อย เพื่อให้เห็น
ข้อผิดพลาดในการตัดสินใจของตัวเอง

เรื่องที่ 4 : เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44051.0
เรื่องราวของคู่รักที่มีบางอย่างไม่เข้าใจกัน เป็นเรื่องสั้นๆ เนื้อหาไม่มากนัก
เรื่องราวเล่าความสัมพันธ์ในอดีตสลับกับเหตุการณ์ 1 วันในปัจจุบันที่ทั้งคู่
ต้องเผชิญ

เรื่องที่ 5 : ผิดที่ใคร? Right or Wrong

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54094.0
จุดเริ่มต้นจาก Sex Friends ที่ทั้งคู่ต่างเห็นตรงกันว่าจะไม่ผูกมัด และจะหยุด
หากอีกฝ่ายคิดที่จะมีความสัมพันธ์ที่จริงจัง หรือมีใครคิดเกินเลย
และด้วยความที่คนนึงชัดเจนว่าจะใช้ชีวิตในแบบ ช-ช แต่อีกคนยังมี
ความฝันที่จะแต่งงานมีลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ช่วงแรกๆ จะยัง
สบายๆ ช่วงหลังๆ ค่อนข้างอึดอัด อึมครึมจนเกือบจบ

เรื่องที่ 6 : คำตอบที่ว่างเปล่า

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54742.0
เรื่องราวของชายหนุ่มที่รู้สึกว่าตัวเองขาดความรักจากครอบครัว
ครอบครัวที่ดูเหมือนจะเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่แล้วคืนนึงที่โดนทำร้าย
จนหมดสติไป เค้ากลับตื่นขึ้นมาในอดีต ที่ย้อนไปกว่า 100 ปี บางอย่างที่
พาเค้าไป กำลังต้องการบางอย่างจากเค้า เรื่องราวจะไม่ได้ดำเนิน
ในพาร์ทอดีตทั้งหมด มีเรื่องราวของการทำบาป กรรม ผูกเข้ากับเนื้อเรื่อง
เล็กน้อย


เรื่องที่ 7 : High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60703.0
เรื่องราวของชายหนุ่มวัยเบญจเพศที่ยังไม่เคยมีแฟน และยังเวอร์จิ้น
ชีวิตต้องเดินตามกรอบของครอบครัวที่ตีไว้มาตลอด เลยลองย้ายออกมาเช่าบ้าน
อยู่คนเดียวเป็นเวลา 1 ปี เพื่อใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากเป็น แต่ก็ต้องปวดหัว
เมื่อต้องมาเจอกับเพื่อนบ้านเป็นเด็ก ม.ปลาย ที่สุดแสนจะกวนประสาท



เรื่องที่กำลังออนแอร์


เรื่องที่ 1 : Grain Brothers พี่น้องข้าว

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60918.0
เรื่องราวของสองพี่น้องคนละสายเลือดแต่เติบโตมาพร้อมกับ แต่แล้ว
วันนึงทั้งคู่ก็ต้องสูญเสียครอบครัวไป จนต่างคนต่างเหลือตัวคนเดียว
รวมทั้ง จุดหมายในชีวิตที่ต่างกันทำให้ทั้งคู่ต่างใช้ชีวิตกันคนละทิศละทาง
โดยมีข้อตกลงที่จะมาเจอกันปีละ 1 ครั้งในช่วงเวลาที่สูญเสียครอบครัว
เพื่อเป็นการรำลึกถึง และเพื่อใช้เวลาร่วมกัน

เรื่องที่ 2 : Drunk in Love

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63814.0
เรื่องราวของคนสองคนที่รู้จักกันเพราะความบังเอิญ และค่อยๆ เรียนรู้กันผ่านแอลกอฮอล์




ฝากลองติดตามกันด้วยนะครับ
 o13
[/b]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2017 16:31:47 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
จบแบบโม้นต์หวานๆ แฮปปี้เอ็นดิ้ง    :กอด1:
ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านนะคะ

เป็นนิยายที่อ่านเพลินมาก ชอบบบ :กอด1:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หวาน เลี่ยน อิจฉาข้าวใหม่ปลามัน
ขอบคุณคนแต่งน้าาา จะตามเป็นติ่งต่อไป :katai5:

ออฟไลน์ basza2x

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
 :hao5: เพิ่งได้เข้ามาอ่านตอน อ่านทีเดียว 50ตอนเลย สนุกมากๆๆครับ feel good ไม่หน่วงเกินไป มันลงตัวมากๆ น่ารักด้วย อยากมีแฟนเด็กเลย 55555 ขอบคุณมากๆๆนะครับ  :bye2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด