[END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]  (อ่าน 98626 ครั้ง)

ออฟไลน์ aommaboo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เจ้าที่ไปเกิดแล้วจะจำแท้งค์ได้มั้ยอ่ะ :sad4:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
จะไปเกิดใหม่แล้ว? กว่าจะเกิดนานไหมคะท่าน
เด๋วแทงค์จะรอจนแก่นะท่านนนนนนน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ้าว จะไปเกิดละ
งั้นที่ให้สร้างไว้เพราะจะได้สะดุดตาจำได้ตอนกลับมาใช่มะ ฮา

คิดเหมือน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
แอบตกใจตอนที่บอกว่าท่านเจ้าที่จะไปเกิด
แล้วแสดงว่าเจ้าที่กลับมาเป็นคนซินะ
แบบกลับมาเจอกันคือคนหน้าคล้ายท่านเจ้าที่แล้วมาเจอแทงค์ไหมอ่ะ
รออ่านนะค่ะ

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ตอนที่ 14

“มองข้าขนาดนี้ หลงเสน่ห์ข้าล่ะสิ”

 

วันเสาร์ : 08.40 น.

ผมแต่งตัวเสร็จก็ลงมารอไอ้ธีร์ที่หน้าบ้านทันที ล่าสุดที่คุยกันในแชทมันไปรับไวท์แล้ว ตอนนี้กำลังมารับผม

ผมมองหาท่านเจ้าที่ไปด้วยเพราะนี่มันจะเก้าโมงเข้าไปแล้วทำไมเขายังไม่โผล่หน้ามาอีก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาอยู่ดี กำลังคิดว่าจะเดินไปเรียกที่ศาลพระภูมิดีมั้ยก็นึกขึ้นได้เสียก่อนว่าท่านเจ้าที่เขาบอกว่าปิดบ้านรอปรับปรุงไปแล้ว...งั้นตะโกนเรียกมันตรงนี้เลยละกัน

“ท่านเจ้าที่!! อยู่ไหนน่ะ ออกมาได้แล้ว จะไปไหมเนี่ย!?”

“เออ มาแล้ว” เสียงทุ้มดังตอบ พร้อมกับการปรากฏตัวของอีกฝ่ายที่ด้านข้างตัวผม หันไปมองก็เจอร่างสูงในชุดใหม่ เมื่อวานใส่สูท วันนี้ใส่สบายๆ เป็นเสื้อยืดสีส้มสว่างสดใสธรรมดา กางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาลอ่อนกับรองเท้าแตะธรรมดาๆ ปล่อยผมปรกหน้าแล้วปัดไปด้านขวา ดวงตาสีรัตติกาลถูกบดบังด้วยแว่นกันแดด

แหมเท่ เท่จังเลย นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเจ้าที่โรคจิต ผมก็คงจะยืนกรี๊ดอีกฝ่ายจนไข่สั่นไปแล้ว...หมายถึงถือไข่ไก่ไว้ในมือแล้วสั่นน่ะนะ แฮะๆ แต่ขอยอมรับเบาๆ ในใจว่าตอนนี้ผมอดใจเต้นไม่ได้เหมือนกันว่ะ แม่งเท่เกิ๊น กูใจสั่นไปหมดละ อยากได้เจ้าที่เป็นผั---แค่กๆ โทษที ถือว่าไม่ได้พูด(อีกครั้ง)แล้วกัน

“มองข้าขนาดนี้ หลงเสน่ห์ข้าล่ะสิ” ท่านเจ้าที่เอ่ยเสียงเย้าแหย่ ด้วยประโยคที่เรียกความหมั่นไส้จนน่ากระทืบ

เออ หลง! แต่ผมไม่ยอมรับหรอกเว้ย หมั่นไส้ฉิบหาย ชิ!

“กินยาระงับประสาทบ้างนะ หลงตัวเองเหลือเกิน” ผมตอบสิ่งที่ไม่ตรงกับใจออกไปแล้วเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่นแทน เมินเสียงโวยวายของท่านเจ้าที่ที่ดังตามมา

“นี่เอ็งว่าข้าเป็นโรคประสาทรึไอ้เด็กนี่!? ปากคอเราะร้าย ถ้าข้าเป็นพ่อแม่เอ็งคงเอาขี้เถ้ายัดปากไปแล้ว!”

“...” ผมแกล้งเมินตามเดิม

“เด็กเวร! เมินข้าเรอะ?! คืนนี้เอ็งนอนคนเดียวไปเลยนะ!”

“คืนนี้ผมไปทำงาน ลืมเหรอ” ผมว่าเสียงเรียบ เหลือบมองท่านเจ้าที่จากหางตาด้วยความเอือมระอาปนเบื่อหน่าย...เบื่อที่จะเถียงด้วยนี่แหล่ะ!

“จริงสิ เอ็งทำงานพิเศษ งั้นพรุ่งนี้เช้าข้าจะไปรับเหมือนเดิมนะ”

“จะไปรับผมทำไม?” ผมหันหน้าไปถามอย่างงุนงง แต่ก็รู้ทันในวินาทีต่อมายามนึกไปถึงครั้งก่อนที่ท่านเจ้าที่ไปรับผมกลับบ้านโดยไม่บอกล่วงหน้า “อ๋อ กลัวผมหลับในขี่รถไปล้มตายที่ไหนแล้วกลัวไม่ได้ตามรังควานผมอีกล่ะสิ”

“ฉลาดนี่ อย่าได้คิดว่าข้าจะเป็นห่วงเอ็งเสียล่ะ ความห่วงใยของข้ามีค่ามหาศาล จงรู้ไว้ซะ”

ผมถอนหายใจใส่เขา “เออ รู้แล้ว”

ผมส่ายหน้าให้กับอีกฝ่ายแล้วหันไปมองหน้าบ้านแทน เผื่อรถไอ้ธีร์มาจอดจะได้รีบออกไป แต่ท่านเจ้าที่ก็เหมือนจะว่างจัดอ่ะ เพราะแทนที่จะอยู่เงียบๆ บ้างกลับหาเรื่องชวนผมคุยอีกแล้ว...ชวนคุยหรือชวนทะเลาะนี่ก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำ

“จริงๆ เอ็งไม่ต้องให้เพื่อนของเอ็งมารับก็ได้นะ”

“แล้วจะให้ผมขี่มอ’ไซค์ไปหรือไงล่ะ ไกลจะตาย ไม่เอาหรอก”

“ข้ามีพาหนะเร็วที่จะพาเราไปต่างหากเล่า”

พาหนะเร็ว?

“อะไร รถยนต์เหรอ พระภูมิเจ้าที่มีรถเหมือนชาวมนุษย์เขาด้วยอีกหรือไง ผมนึกว่าใช้หายตัววุบวับเอาก็ไปถึงที่หมายเลยอะไรงี้เสียอีก”

“ไม่มีหรอก ถ้าข้าตั้งใจจะเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวด้วยตนเองน่ะ แต่ถ้าต้องทำตัวให้กลมกลืนไปกับมนุษย์ ข้าจึงจะมีพาหนะ และจะเลือกมาใช้แล้วแต่ว่าสถานที่ที่จะไปนั้นเป็นที่ไหน” ผมทึ่ง โอ้โห มีให้เลือกหลายแบบด้วยว่ะ

“แล้วไหนพาหนะของท่าน?” ผมถามพลางมองซ้ายมองขวาหาพาหนะที่ว่า

“นี่ไง” ท่านเจ้าที่หยิบของบางอย่างออกมาโชว์ให้ผมดู

ผมมองเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือของเขาแล้วก็ได้แต่ทำหน้าเหมือนปลานอนตายใส่เขา...ก็ในมือของเขาน่ะมีรูปปั้นขนาดเท่ามือเด็กสามขวบวางอยู่ เป็นรูปปั้นม้าสีน้ำตาล เคยเห็นรูปปั้นม้ารูปปั้นช้างที่ประดับบนศาลพระภูมิหรือศาลตายายไหมครับ? ไอ้ที่อยู่ในมือท่านเจ้าที่ก็นั่นล่ะครับ แบบนั้นเลย

นี่อ่ะนะพาหนะของคุณมึง ไอ้ท่านเจ้าที่!!

“รูปปั้น ท่านเจ้าที่ นี่มันก็แค่รูปปั้น นี่มันรูปปั้น!” ผมอดรนทนไม่ไหว แหกปากแล้วชี้นิ้วยิกๆ ไปที่ของในมืออีกฝ่าย

ท่านเจ้าที่ทำหน้าเหมือนเห็นคนโง่ก่อนจะว่า “เอ็งนี่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาเสียเลย มันเป็นรูปปั้นก็จริง แต่มันเป็นของศักดิ์สิทธิ์โว้ย”

ศักดิ์สิทธิ์ยังไงวะ!?

และเพราะผมคงแสดงออกอย่างชัดเจนไปหน่อยว่าไม่เชื่อถือคำพูดกับของในมือของเขา ท่านเจ้าที่เลยหลับตาลงแล้วงึมงำอะไรก็ไม่รู้ จากนั้น...รูปปั้นม้าในมือของอีกฝ่ายก็หายวับไป

ฮี้~~

...กลายเป็นม้าตัวจริงเสียงจริงที่โผล่มาตรงหน้าผมแทน!

ม้าจริงๆ ว่ะเฮ้ย! ม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ ส่งเสียงร้องพลางยกขาย่ำไปมา ความหัศจรรย์ตรงหน้าทำให้ผมเกิดคำถามที่เคยถามตัวเองมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วว่า...นะ นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมวะ!?! เฮ้ยยย

“นี่ม้าของข้าเอง” ท่านเจ้าที่ว่าพลางยื่นมือไปลูบหน้าลูบแผงคอสีเข้มของมัน และเจ้าม้าก็เอียงหัวดุนจมูกเข้าหาบ่งบอกให้รู้ว่ามันเชื่องกับเจ้าของมากแค่ไหน

ไอ้ฉิบหาย นี่มันม้าตัวเป็นๆ เลยนะเว้ย!!

“โทรไปบอกเพื่อนของเอ็งสิว่าให้ไปเจอกันที่ร้าน ไม่ต้องมารับเอ็งแล้ว”

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อนนะท่านเจ้าที่” ผมยกมือขอเวลานอก หันหลังให้กับท่านเจ้าที่และม้าของเขา ลูบหน้าลูบตาตัวเองเพื่อตั้งสติ ใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าที่ผมจะหันกลับไปได้ “ท่านเจ้าที่จะขี่ม้าไป?”

“ใช่ เอ็งกับข้า ขี่ม้าไปที่ร้านขายวัสดุก่อสร้าง”

“ซึ่งร้านมันอยู่ไกลมากและอากาศก็ร้อน แดดแรงจนแทบจะเผาเราให้เป็นจุณ แต่ท่านก็ยังจะไปด้วยการขี่ม้า?”

“เรื่องร้อนน่ะเอ็งไม่ต้องเป็นห่วง” ท่านเจ้าที่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอมภูมิ ก่อนจะดีดนิ้ว แล้วบนหลังม้าก็ปรากฏร่มอันใหญ่ผูกติดเอาไว้ กลายเป็นที่กันแดดชั้นดี...หากแต่สีหน้าของเจ้าม้าเหมือนโดนรถสิบแปดล้อวิ่งทับก็ไม่ปาน

ผมมองตาค้าง พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ ได้แต่พะงาบๆ ปากแค่ว่า “นี่...นี่...”

“หรือถ้าเอ็งคิดว่ามันยังไม่พอล่ะก็...” ท่านเจ้าที่ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะเจ้าตัวดีดนิ้วอีกที จากร่มก็กลายเป็นตู้กระจกที่ข้างในติดแอร์เอาไว้ด้วย ครั้งนี้เจ้าม้าทำหน้าเหมือนโดนรถสิบแปดล้อคันเดิมวิ่งวนกลับมาเหยียบมันซ้ำ

ถ้ามันพูดได้ ผมสาบานว่ามันคงจะพูดว่า ‘ช่วยผมด้วย ถ้าจะให้ผมออกไปวิ่งทั้งๆ ที่มีตู้ติดแอร์ประหลาดๆ นี่อยู่บนหลัง ก็ได้โปรดฆ่าผมทิ้งเสียยังดีกว่า’

เออ เป็นกูก็อยากตายเหมือนกันล่ะวะ!

“ไม่ขำนะท่านเจ้าที่!” ผมหาเสียงของตัวเองเจอก็เอ่ยขึ้นพลางถลึงตาใส่ท่านเจ้าที่ไปด้วย “ไม่เอาร่มกันแดด! ไม่เอาตู้ติดแอร์หรืออะไรทั้งนั้น! ไม่เอาม้าไปขี่ด้วย!”

“บ๊ะ! แต่มันเป็นพาหนะที่เร็วที่สุดเลยนะ!”

“เร็วแค่ไหนก็ไม่เอา! เอามันเก็บไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมเถียงกับท่านเจ้าที่อยู่อีกสิบนาทีเห็นจะได้ ก่อนสุดท้ายฝ่ายที่พ่ายแพ้ไปก็คือเขา...อีกฝ่ายบ่นอุบ ก็ไม่หรอก บ่นแล้วตามด้วยด่ามากกว่าต่างหาก จนผมนี่ประสาทจะเสียเต็มทนแล้ว! ไอ้ธีร์นะไอ้ธีร์ ถ้ามึงไม่รีบมาในอีกสองนาทีข้างหน้า กูจะเฉาะหัวไอ้ท่านเจ้าที่ด้วยพลั่วขุดดินแล้วนะ!

ผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ มองนาฬิกาข้อมือนับถอยหลังไปด้วย...สองนาทีนะมึง แค่สองนาที ก่อนที่ความอดทนของกูจะสิ้นสุด แล้วไอ้ท่านเจ้าที่นี่ก็อีก จะพูดอะไรนักหนา เหงาไง๊?! เป็นคนเหงาศตวรรษที่ 21 เหรอออ

เข็มเวลาที่บอกวินาทีเคลื่อนผ่านครบวงเป็นเวลาสองนาทีพอดีเด๊ะ ผมตั้งใจจะหันไปฉะกับท่านเจ้าที่อีกสักยกตามความตั้งใจเงียบๆ ของตัวเอง แต่แล้วเสียงบีบแตรที่ดังขึ้นหน้าบ้านก็ทำให้ผมโห่ร้องในใจ มาสักทีไอ้ฉิบหาย!

“เลิกบ่นเลิกด่าผมแล้วขยับเท้าเดินสักทีดิ๊!” ผมจิกตามองท่านเจ้าที่ก่อนจะเดินนำไปที่รถ...วันนี้ไอ้ธีร์เอารถกระบะมาเพราะต้องใช้ขนของกลับบ้านผมด้วย ไอ้นี่บ้านมันรวยครับ มีรถหลายคัน จะใช้คันไหนก็แค่เสียบกุญแจแล้วขับออกมาเลย ชีวิตมันก็ดีแต่ทำไมมีนิสัยกวนตีนก็ไม่รู้

อย่าไปบอกมันนะว่าผมแอบด่ามันในใจ

พอขึ้นมาได้ก็เอ่ยทักทายกับไวท์และไอ้ธีร์ ท่านเจ้าที่ก้าวตามขึ้นมานั่งข้างกัน แถมยังปรับสีหน้าจากที่กำลังโมโหให้กลายเป็นรอยยิ้มใจดีอ่อนโยนอย่างรวดเร็วแทน...สร้างภาพเก่งขนาดนี้ทำไมถึงเป็นเทวดาได้ฟะเนี่ย

กว่าเราจะมาถึงร้านขายวัสดุก่อสร้างก็สิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว บอกแล้วว่าร้านมันไกลมาก กว่าจะฝ่ารถติดมาได้ก็ใช้เวลานานไม่น้อยเลยทีเดียว นี่ถ้าผมเป็นพวกบ้าจี้แล้วยอมขี่ม้าของท่านเจ้าที่มาล่ะก็ ผมคงตัวไหม้แดดตายกลางถนนไปแล้ว

“เดี๋ยวเราไปดูเหล็กที่จะใช้ขึ้นโครงหล่อปูน ส่วนแทงค์ไปดูสีนะ แยกกันไปจะได้เร็วขึ้น”

“โอเค” ผมตอบรับ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทางโดยมีท่านเจ้าที่เดินตามหลังมาด้วย ขณะที่ไอ้ธีร์ไปกับไวท์ มันบอกจะได้ไปช่วยไวท์ยกของขึ้นรถ

มาจนถึงโซนขายสี ผมเลือกดูเฉพาะสีถังเล็กสุดเพราะคงใช้ไม่เยอะ...เดินดูสีแต่ละถังไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อท่านเจ้าที่กวักมือเรียก ผมเลยเดินเข้าไปหาเขา

“ข้าจะเอาสีนี้” เขาว่าพลางชี้นิ้วไปที่ถังสีเมื่อผมเดินมาถึงตัวเขา

ผมมองก่อนจะพยักหน้ารับ “ชมพูพาสเทลอ่อนๆ ก็สวยดี จะเอาสีนี้แน่นะ?”

“ใช่” เทวดาหน้าหล่อพยักหน้าหงึกหงัก ริมฝีปากได้รูปจุดยิ้มขึ้นมาเหมือนเด็กดีใจยามได้ของเล่นใหม่ จนผมเผลอยิ้มตาม...มุมนี้ไม่เคยเห็นไง แปลกดี

เราเลือกดูสีสำหรับเอาไปเพนต์ลายด้วย จริงๆ ที่คุยกันไว้คือถ้าเอาไปเพนต์น่ะมันต้องเป็นสีอีกแบบ แต่ท่านเจ้าที่เสนอไอเดียมาว่าให้แกะไม้เป็นรูปยูนิคอร์นแล้วทาบกับตัวเสาของศาล จากนั้นก็ค่อยทาสีลงไปในส่วนที่แกะเป็นช่องไว้แล้วแทน ใช้แปรงเบอร์เล็กหน่อย แค่นี้ก็ไม่ต้องยุ่งยากเพนต์มันด้วยพู่กันให้ลำบาก ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะถ้าเกิดเพนต์เองแล้วบูดๆ เบี้ยวๆ เสียหายขึ้นมา เดี๋ยวเจ้าของศาลเขาจะโกรธาเอาได้ ทำแบบที่เจ้าตัวเขาเสนอมานี่แหล่ะ ง่ายดี

“ท่านบอกจะเอายูนิคอร์นสีรุ้งนี่ใช่ไหม” ผมถาม เงยหน้ามองสีสารพัดเฉดที่อยู่สูงขึ้นไป ขนาดผมสูงเกือบร้อยแปดสิบยังต้องเงยจนปวดคอ ทำไมต้องจัดเชลฟ์สูงขนาดนี้ด้วยเนี่ย ดีซีซุปเปอร์ฯ ยังไม่จัดเชลฟ์สูงขนาดนี้เลย

ผมเอื้อมมือขึ้นไปกะจะหยิบสีฟ้า เกี่ยวหูของถังสีได้ก็ดึงมันลงมา แต่เพราะก้าวถอยหลังโดยไม่ทันระวังเลยเผลอสะดุดอะไรเข้าสักอย่างจนเสียหลักเซล้ม แย่ยิ่งกว่าคือผมเผลอปล่อยมือจากถังสีที่ดึงลงมา มันก็เลยหล่นตามมาด้วย

“เฮ้ย!”

ในจังหวะที่ผมกำลังจะล้มโดยมีถังสีหล่นใส่หัวอีกทอด จู่ๆ ก็มีแรงดึงจากมือหนารั้งผมกลับไปข้างหน้า ก่อนที่ท่านเจ้าที่จะพลิกตัวผมให้หันหลังแล้วดันให้ไปพิงกับเชลฟ์เพื่อเอาตัวเองบังถังสีที่หล่นลงมาแทนผม

พลั่ก!

“ท่านเจ้าที่!” ผมร้องเรียกด้วยความตื่นตระหนก เงยหน้ามองคนที่สูงกว่าแค่ไม่กี่เซนต์ตาเบิกกว้าง เฮ้ยๆๆ ผมมั่นใจว่าท่านเจ้าที่โดนถังสีหล่นใส่แทนผมนะ ว่าแต่มันหล่นโดนตรงไหนของร่างกายเขาเนี่ย

ผมกำลังจะดึงแขนของอีกฝ่ายที่กักตัวผมเอาไว้อยู่ลง เพื่อจะได้ขยับไปตรวจดูร่างกายของเขาว่าบาดเจ็บตรงไหน แต่ท่านเจ้าที่กลับก้มลงมามองผมเสียก่อน ทำให้จมูกของเราสองคนแตะกันโดยไม่ได้ตั้งใจ...กึก

ผมนิ่ง เขาก็นิ่ง ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งอยู่กับที่

ลมหายอุ่นๆ ของท่านเจ้าที่รินรดที่เหนือริมฝีปากของผม ไหนจะอ้อมแขนแกร่งที่กักผมเอาไว้นี่อีก มันเป็นความใกล้ชิดที่ทำให้ผมใจสั่นอย่างที่ไม่เคยสั่นขนาดนี้มาก่อน

ผมตั้งสติแล้วค่อยๆ เบือนหน้าไปอีกทาง มือทั้งสองข้างยกขึ้นจับแขนของท่านเจ้าที่เอาไว้ ดันให้เว้นระยะห่างจากผม...อย่างน้อยก็ขอให้ห่างให้มากพอที่ผมจะไม่ต้องใจสั่นมือสั่นมากไปกว่านี้

“ทะ ท่านเป็นไงบ้าง ถังสีหล่นใส่นี่ใช่ไหม” ผมถาม ดันร่างสูงออกไปอีกนิดเพื่อสำรวจร่างกายของอีกฝ่าย ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเทวดาแล้วจะบาดเจ็บแบบมนุษย์มนาเขาได้ไหม แต่ในเมื่อถังสีมันหล่นใส่ดังพลั่กขนาดนั้น ผมก็ต้องกังวลไว้ก่อนแหล่ะว่าท่านเจ้าที่จะบาดเจ็บ

“ข้าไม่เป็นไร” เขาตอบพลางเอื้อมมือไปจับไหล่ข้างซ้ายของตัวเองเล็กน้อย ผมก็เลยขยับเข้าไปแล้วถกคอเสื้อของเขาลงเพื่อดูว่ามีรอยฟกช้ำหรือเปล่า แต่ก็ต้องมาหัวเสียเมื่อท่านเจ้าที่พูดขึ้นว่า “มาถกเสื้อข้าในที่สาธารณะแบบนี้ได้ยังไง หน้าไม่อายเลยนะเอ็ง”

“โว้ย! มันใช่เวลาป่ะ นี่เป็นห่วงเว้ย ไม่ได้จะลวนลาม!” ผมหันมาต่อว่าต่อขานใส่ ถลึงตามองด้วยเอ้า! ไอ้ที่กูใจสั่นก่อนหน้านี้แม่งหายเป็นปลิดทิ้งเลยเมื่อเจอความกวนส้นตีนของท่านเขา โว๊ะ! แล้วกูจะใจสั่นไปเพื่ออะไรฟะไอ้ฉิบหาย!

ผมมองหารอยช้ำไปพร้อมๆ กับก่นด่าท่านเจ้าที่ในใจ แต่ก็ไม่พบรอยอะไรสักอย่าง และดูเหมือนเจ้าของร่างกายจะรู้ว่าผมกำลังงงมากแค่ไหน เลยยอมเปิดปากอธิบายให้ผมเข้าใจ

“ไม่มีบาดแผลหรอก ข้าส่งพลังไปรักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรทั้งนั้น”

“ก็ดี จะได้หายห่วง” ผมตอบรับ ปล่อยมือจากคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วก้มลงไปเก็บถังสีที่หล่นอยู่ไม่ไกล แต่ก็ต้องชะงักเมื่อท่านเจ้าที่เอ่ยขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

“แหม ย้ำหลายรอบจังนะว่าเป็นห่วงข้า หวังจะให้ข้ายินดีแล้วเลิกรังควานเอ็งล่ะสิ”

ผมกลอกตาทำหน้าเซ็ง หันกลับมาสบตาแล้วตอบแค่... “เออ!!!”

จากนั้นก็เดินหนีมาพร้อมกับถังสี หย่อนใส่รถเข็นใส่ของดังโครมใหญ่ ก่อนจะเข็นมันเดินลิ่วๆ เร่งเท้าหนี...คือจะไปที่ไหนก็ได้อ่ะตอนนี้ ขอแค่ผมไม่ต้องเห็นหน้าไอ้ท่านเจ้าที่จอมกวนประสาทสักวินาทีก็ยังดีวะ!

คนเขาเป็นห่วงจริงๆ ก็ยังมากวนตีน ประสาทจะกินครับ!


__________

อยากขี่ม้าไปร้านขายวัสดุกับท่านเจ้าที่จังงง 55555 บางทีก็คิดนะว่าท่านภูกับแทงค์นี่จะด่ากันให้ตายไปข้างนึงเลยหรือเปล่า นี่กลัวว่าพวกนางจะตีกันมากกว่ามุ้งมิ้ง เลยเอาความมุ้งมิ้งมาให้ แม้จะแค่นิดเดียวก็ตาม ก๊ากกก

ขอพูดถึงหน่อย คือมีคอมเมนต์ของนักอ่านท่านนึงทักท้วงเรื่องนี้มา เรื่องเงินที่ท่านเจ้าที่มี เราก็ไม่ได้อธิบายที่มาอ่ะเนอะว่าทำไมเทวดาถึงมีเงินกันได้ ก่อนอื่นเราต้องขอบอกก่อนเลยว่า สวรรค์ในเรื่องนี้เป็นจินตนาการของเราค่ะ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเราสร้างให้สวรรค์มีทุกอย่างคล้ายโลกมนุษย์ มีพรรคการเมือง ธนาคาร ฯลฯ เพราะงั้นก็ต้องมีเงินเดือน แล้วเงินที่ได้นี่ไม่ได้มาจากเสกนะคะ มาจากโรงพิมพ์ธนบัตรแห่งสวรรค์ค่ะ 555

เอาล่ะ ทอล์คแค่นี้ดีกว่า แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ จุ๊บๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2017 23:10:40 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
สงสารม้าาาาาาาา มีห้องแอร์ด้วยอ่ะเท่าเจ้าที่ ยอมแล้ววว

โอ้โห คนเหงา2017 จริงๆด้วย

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เขามีม้าประจำตำแหน่งด้วยละเธอ (แอบดีใจที่สีน้ำตาลธรรมดาไม่พาสเทล)

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
บางทีก็คิดว่าท่านภูตลาเหมือนเด็กๆ เลย

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ท่านเจ้าที่เท่ห์ น่าร้าก

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เหมือนเด็กทะเลาะกัน ฮา

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
โอ้ยยย ชอบบบบบบบบ

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
โอ้ยยย ชอบบบบบบบบ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
น่ารักจังค่ะ
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ขี่ม้าไปนี่คนก็แตกตื่นกันหมดหรอกท่านเจ้าที่

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

ตอนที่ 15

“เกาะแน่นๆ”

 

“ไอ้แทงค์ มึงไหวป่ะเนี่ย เป็นอะไรหรือเปล่า?”

ผมหันไปมองคนถาม ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่พนักงานประจำที่เข้ากะพร้อมกับผมในวันนี้ เขาชื่อพี่ทศ เป็นรุ่นพี่ที่สอนงานให้ผมตอนที่ผมเข้ามาทำงานที่นี่วันแรกแล้วได้ทำงานกะดึกของวันเสาร์ด้วยกันพอดี

“อืม ผมไหวพี่” ผมตอบไปทั้งๆ ที่ความจริงคือผมปวดหัวตุบๆ ไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆ ก็ปวดหัวขึ้นมา หรือเพราะผมไปตะลอนซื้อของทั้งวัน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็บ่ายสองเข้าไปแล้ว นอนก็น้อย อาการปวดหัวเลยถามหา

“แต่กูว่ามึงไม่ไหว หน้ามึงซีดมาก เอาดีๆ บอกมาเป็นอะไร”

“อ่า ก็ปวดหัวนิดหน่อยอ่ะพี่ แต่ยังพอทนไหว”

“ปวดหัวก็คือทนไม่ไหวแล้วเถอะไอ้แทงค์ อย่าฝืน” พี่ทศเอ่ยแกมดุก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลที่หน้าเคาน์เตอร์...ตอนนี้พวกเรากำลังจัดสินค้าวางบนเชลฟ์เล็กๆ หน้าเคาน์เตอร์อยู่น่ะครับ “นี่ก็ตีสี่จะครึ่งแล้ว ใกล้จะหมดกะ กูว่ามึงกลับเลยก็ได้นะ เอาไง?”

“แทงค์เป็นไรอ่ะพี่?” เสียงของพี่กันต์ พี่พนักงานอีกคนถามขึ้นจากหลังเคาน์เตอร์ พี่ทศเลยหันไปตอบ

“มันปวดหัว พี่ก็เลยว่าจะให้มันกลับบ้านไปเลย เขียนใบลาขอเลิกงานก่อนเวลาเอา พี่ผู้จัดการไม่ว่าหรอก”

“งั้นเดี๋ยวผมไปเอาใบลามาให้”

“ขอบคุณครับตัวเล็ก” พี่ทศยิ้มหวานให้พี่กันต์จนอีกคนหน้าแดงขึ้นมา ยกกำปั้นใส่ก่อนจะจ้ำเท้าหนีไป ทิ้งให้พี่ทศยืนหัวเราะกับท่าทางน่ารักของแฟนตัวเอง...พี่ทศกับพี่กันต์เป็นแฟนกันน่ะครับ เวลาเห็นสองคนนี้กุ๊กกิ๊กดุ๊กดิ๊กกันทีไรผมล่ะโคตรอิจฉา ความน่ารักของพวกพี่เขาทำให้หลายครั้งผมก็อยากจะมีแฟนบ้างเหมือนกันนะ แต่ยังรักโลกส่วนตัวที่ไม่ต้องแบ่งเวลาไปให้ใครอยู่ ผมก็เลยเลือกที่จะไม่มีดีกว่า

ไม่ถึงห้านาทีพี่กันต์ก็กลับมาพร้อมกับใบลาและข้าวของของผม ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่เป้กับเสื้อแจ็กเก็ตกันลมตัวหนึ่ง “อ่ะ พี่เอาของของแทงค์มาให้ด้วย เราจะได้เซนต์ใบลาแล้วตอกบัตรออกไปได้เลย”

“ขอบคุณครับพี่กันต์ ขอบคุณนะพี่ทศ” ผมเอ่ยอย่างซึ้งในน้ำใจ พวกพี่ๆ ที่นี่ดูแลผมเป็นอย่างดีตลอด ตั้งแต่ช่วงสอนงานจนมาถึงตอนนี้ก็ยังคอยแทคแคร์เป็นห่วงเป็นใยเสมอ ผมรู้สึกดีนะที่ได้มาทำงานที่นี่

“ไม่เป็นไรพวกพี่ยินดี เอ้าๆ รีบเขียนใบลาซะจะได้กลับบ้าน”

ผมจรดปากกาเซนต์ชื่อลงไปบนใบลาก่อนจะยื่นให้พี่ทศ “ฝากด้วยนะพี่”

“เออ แล้วนี่ขี่รถกลับไหวเหรอวะ?”

“ไม่ต้องห่วง ผมมารับเขากลับแล้ว” ผมยังไม่ทันได้ตอบว่าผมขี่ไหว เสียงทุ้มเรียบของคนคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาเสียก่อน พอมองไปที่หน้าประตูทางเข้าซุปเปอร์ฯ ก็เจอท่านเจ้าที่ยืนอยู่ตรงนั้น

มาตอนไหนวะ มาได้ไง และต้องถามด้วยว่ารู้ได้ไงว่าผมกำลังจะกลับบ้านทั้งๆ ที่มันยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยด้วยซ้ำ...หรือเทวดามีญาณทิพย์รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า?

“ท่า...มาได้ไง” เป็นอีกครั้งที่ผมเกือบจะหลุดปากเรียกเขาว่าท่านเจ้าที่ แต่ก็ยั้งไว้ได้ทันอีกเช่นกัน

“มารอตั้งนานแล้ว กำลังจะเข้ามาบอกว่าจะรอที่รถจนกว่าจะเลิกงาน แต่ก็มาได้ยินเข้าเสียก่อนว่าปวดหัวเลยจะกลับก่อนเวลา” ท่านเจ้าที่อธิบายเสียงเรียบเรื่อย ก้าวเท้าเข้ามาหาผมก่อนจะแนบหลังมือเข้ากับหน้าผากของผม “ตัวรุมๆ นะ ไม่สบายเหรอ?”

“งั้นมั้ง” ผมตอบรับแบบขอไปที ไม่ได้คิดจะปัดมือของอีกฝ่ายที่กำลังวัดอุณหภูมิของผมจากหน้าผากลงมาที่ข้างแก้มและต้นคอ...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ก่อนหน้านี้ผมก็คิดว่าตัวเองทนได้กับอาการปวดหัวที่เป็นอยู่ แต่เพียงท่านเจ้าที่ปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น ผมก็รู้สึกหมดแรงจนไม่อยากแม้แต่จะยืนอยู่อย่างนี้ขึ้นมาเสียเฉยๆ

มันเหมือนกับว่าเมื่อผมได้พบคนที่ไว้ใจได้ ผมก็พร้อมที่จะเผยความอ่อนแอออกมา คนที่ทำให้ผมอยากพึ่งพาในตอนที่ไม่สบาย และมั่นใจว่าเขาจะดูแลเราได้...หรือท่านเจ้าที่คือคนๆ นั้นสำหรับผม

“งั้นกลับกันเถอะ”

“อืม” ผมพยักหน้าตอบรับ หันไปบอกลาพี่ๆ ทั้งสอง...มองจากสีหน้าก็พอจะเดาได้ว่าทั้งสองคนสงสัยมากแค่ไหนว่าผู้ชายหน้าเข้มตัวสูงที่มารับผมเนี่ยเป็นใคร แต่ก็ไม่ได้รั้งผมเอาไว้เพื่อถาม ซึ่งนั่นก็ดี เพราะผมยังไม่อยากคุยอะไรกับใครในตอนนี้ทั้งนั้น อยากกลับไปนอนมากกว่า

ผมเดินตามท่านเจ้าที่มาถึงรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง สวมแจ็กเก็ตกันลมสะพายเป้เรียบร้อยเตรียมขึ้นซ้อนท้าย แต่เทวดาหน้าหล่อกลับโยนเสื้อยีนส์ที่ตัวเองใส่อยู่มาให้ผม เกือบรับไม่ทันแหน่ะ

“เอาไปใส่อีกตัว อากาศมันเย็น เอ็งอาจจะไม่สบายได้”

“...ขอบคุณครับ” ผมนิ่งไปหลายวินาทีก่อนจะเอ่ยขอบคุณแล้วยอมสวมเสื้อในมือ พอสวมเสร็จท่านเจ้าที่ก็สตาร์ทรถรอเรียบร้อยพอดี ผมขึ้นซ้อนท้าย กอดเอวซุกหน้ากับแผ่นหลังกว้างโดยไม่คิดอิดออดใดๆ ทั้งนั้น ปวดหัวและง่วงมากจนไม่อยากจะมาทำเป็นเล่นตัวอะไรแล้ว กอดๆ ไปเหอะเผื่อเผลอหลับจะได้ไม่หล่นจากรถ

“เกาะแน่นๆ” ท่านเจ้าที่เอ่ยย้ำให้ผมรัดวงแขนกับเอวแกร่งเพิ่มขึ้นอีกนิด หลับตาลงซบแก้มกับแผ่นหลังกว้าง

รถเคลื่อนตัวออกเดินทางแล้ว แต่ผมยังคงหลับตาเช่นเดิม เสียงลมพัดหวีดหวิวผ่านหู ปนไปกับเสียงรถราที่วิ่งไปมาตามถนนแม้จะมีไม่เยอะก็ตาม ถ้าให้ผมเดานะ ผมคิดว่าท่านเจ้าที่น่าจะเลี้ยวรถเข้าซอยบ้านมาแล้ว เพราะเสียงรถราเริ่มเบาลงเรื่อยๆ แต่จู่ๆ รถก็จอดนิ่งสนิทจนผมที่อยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นต้องลืมตาขึ้นมามอง

รอบข้างเงียบสงัด ผมผงกหัวขึ้นมองไปข้างทาง...นี่มันซอยที่เคยมีผู้หญิงกวักมือเรียกผมนี่หว่า แล้วท่านเจ้าที่มาจอดอะไรใกล้ๆ กับทางเลี้ยวเข้าซอยนี้ล่ะ?

“จอดทำไม...!!!” ผมออกปากถาม แต่แล้วก็ต้องนิ่งงันเมื่อชะเง้อหน้าจากด้านหลังท่านเจ้าที่เพื่อมองด้านหน้า แล้วก็เจอเข้ากับ...กองทัพย่อมๆ ของพวกผู้หญิง

มันก็คงไม่มีอะไรหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกผู้หญิงที่กำลังยืนดักหน้าขวางทางรถของเราอยู่จะไม่ใช่...ผี!!!

“ผะ ผะ ผะ...” ผมปากคอสั่น ไอ้ที่ปวดหัวเอยง่วงนอนเอยก่อนหน้านี้เหมือนโดนสับสวิตช์ให้หายเป็นปลิดทิ้ง “เกิดอะไรขึ้นวะท่านเจ้าที่ ทำไมมีผะ...ผี! ผีมาขวางทางเราเต็มไปหมดเลยล่ะ!?”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรหรอก เอ็งมีข้าอยู่ทั้งคน ไม่ต้องกังวล” ท่านเจ้าที่เอ่ยปลอบผม มือหนาลูบเบาๆ ที่มือของผมซึ่งกำลังกอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ผมขยับตัวเข้าไปชิดกับแผ่นหลังท่านเจ้าที่มากขึ้น ต่อให้มีเขาอยู่ด้วยผมก็ยังกลัวอยู่ดี เกิดผีมันมาโผล่ข้างหลังหรือข้างๆ ตัวผม ผมไม่สติแตกตายห่าเหรอ!

“พวกเอ็งต้องการอะไรถึงมาขวางทางข้า!?!”

ท่านเจ้าที่เอ่ยถามพวกผีด้วยน้ำเสียงเข้มจัด ก้องกังวานดุดันจนผมที่เป็นคนแท้ๆ ยังอดหวั่นใจด้วยความกลัวเกรงไม่ได้ นี่ท่านเขากำลังแผ่อำนาจในแบบฉบับพระภูมิเจ้าที่อยู่ใช่ไหม

“เราเพียงแต่อยากเห็นท่านเท่านั้นค่ะท่านเจ้าที่”

เสียงกลวงๆ เย็นๆ ของผีหนึ่งในนั้นพูดขึ้นอย่างนอบน้อม ผมแอบลอบๆ มองเพื่อนับดูว่าผีพวกนี้มีกันกี่ตัว...ราวๆ 6-7 ตัวได้อ่ะ ทำไมมากันเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย แล้วมีแต่ผู้หญิงด้วยนะ ผีผู้ชายไปไหนล่ะ สูญพันธุ์ไปแล้วเรอะ?!

อ่า แล้วมันใช่เรื่องที่มึงสมควรจะสงสัยหรือไงวะไอ้แทงค์!

ผมเลิกคิดเรื่องไร้สาระแล้วแอบๆ มองท่านเจ้าที่คุยกับพวกผีสาวต่อเงียบๆ เงียบแบบไม่ส่งเสียงอะไรออกไปขัดจังหวะแม้แต่นิดเดียวน่ะครับ ไม่อยากเป็นจุดสนใจแทนท่านเจ้าที่เว้ย

“หมายความว่าอย่างไร? พวกเอ็งไม่ได้มาดักพวกข้าเพราะเจ้าเด็กน้อยข้างหลังข้าหรอกรึ?”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะท่านเจ้าที่ พวกเราอยากเจอท่านต่างหาก”

“แล้วที่มีวิญญาณสองดวงไปก่อกวนที่บ้านของข้าเล่า ข้าจำเอ็งได้นะ” ท่านเจ้าที่ว่าพลางก็ชี้มือไปที่วิญญาณผีตัวหนึ่ง ผมเหลือบๆ มองตามก็พบว่าผีตัวนั้นคือตัวเดียวกันกับที่โผล่มาหลอกผมในคืนแรก

“หนูไปเพราะอยากเห็นหน้าท่านเท่านั้นเองค่ะ”

“ฉันก็ด้วยค่ะท่านเจ้าที่” วิญญาณดวงที่สองก้าวออกมา พูดแบบนี้แปลว่าเป็นตัวเดียวกันกับที่ไปหลอกผมในคืนที่สองอ่ะดิ!? อ้าว ไหนท่านเจ้าที่บอกว่าให้ยมทูตมาจัดการแล้วไง แต่ทำไมยัยผีนี่ยังอยู่ล่ะ แล้วก็นะ โอ้โห แท็กทีมกันแบบนี้แปลว่ารู้จักกันก่อนจะไปหลอกกูที่บ้านสินะ!

“แล้วพวกเอ็งจะอยากเห็นข้าไปทำไม?” ท่านเจ้าที่ยังคงถามต่อไป

“พวกเราได้ยินมาว่ามีพระภูมิเจ้าที่องค์ใหม่ย้ายมาอยู่ที่บ้านของพ่อหนุ่มคนนี้ แถมยังได้ยินมาอีกว่าหล่อมาก ก็เลยอยากเห็นหน้าน่ะเจ้าค่ะ” ผีสาวตนหนึ่งเอ่ยพลางกรีดกรายเดินนวยนาดเข้ามาใกล้ท่านเจ้าที่มากขึ้น ยื่นหน้าทำตาปิ๊งๆ ใส่ ก่อนจะใช้เสียงที่ห้าวขึ้นอีกระดับพูดต่ออีกว่า “แหม แล้วก็หล่อสมคำเล่าลือจริงๆ ด้วย อ๊ายยย ซินดี้ชอบจังเลยค่ะ!”

ฉิบหาย ผีกระเทยนี่หว่า ไม่ใช่ผู้หญิง!

“อย่ามายุ่งกับข้านะ” ท่านเจ้าที่ทำหน้าหวาดผวา เอนตัวถอยหลังเหมือนต้องการจะหนี ทั้งๆ ที่ผีซินดี้ก็ไม่ได้ยื่นหน้าเข้ามาจนชิดติดกับหน้าของเขามากมายอะไรนัก แต่เป็นผมก็ขออยู่ให้ห่างเหมือนกันว่ะ อึ๋ย น่ากลัววว

“งื้ออ มาดเข้มจังเลย ชอบๆ เท่มากเลยเนอะพวกแก” ผีซินดี้หันไปวี๊ดว้ายกับเพื่อนผีทั้งหลาย ท่าทางระริกระรี้จนน่าสยอง เห็นดังนั้นผมก็รีบสะกิดเสื้อท่านเจ้าที่แล้วกระซิบบอกเสียงเบา

“รีบๆ คุยแล้วกลับบ้านเหอะท่านเจ้าที่ ก่อนท่านจะโดนผีลากไปรุมโทรม”

“ข้าเห็นด้วย” ท่านเจ้าที่รับคำอย่างไว ก่อนจะหันไปหาพวกผีสาวแล้วเอ่ยเสียงทุ้มเข้มขึงขังว่า “ข้าจะไปแล้ว เพราะงั้นจงหลีกทางให้ข้า และอย่าโผล่ไปที่บ้านของข้าอีก ข้าไม่ชอบ! เข้าใจไหม?”

“รับคำสั่งค่ะท่านขาาา เอ้าพวกมึงหลีกทางสิค้าา ให้ท่านเจ้าที่เขากลับบ้าน” ผีกระเทยซินดี้กรีดกรายเดินกลับไปหาฝูงเพื่อนผีก่อนจะผลักๆ ดันๆ ทุกคนให้พ้นทาง จากนั้นจึงหันมาผายมือเปิดทางให้เรา “เชิญค่ะท่านขา จุ๊บๆ”

ท่านเจ้าที่บิดมอ’ไซค์อย่างไวชนิดที่ถ้าผมไม่ได้กอดเอวอีกฝ่ายอยู่คงได้มีหงายหลังไปแล้ว...เข้าใจแหล่ะว่าคงอยากหนีไปให้พ้นจากตรงนี้ ซึ่งผมก็ไม่ว่าหรอกนะ เพราะผมก็ไม่อยากอยู่นานไปกว่านี้เหมือนกัน

พวกผีคลั่งเจ้าที่นั่นน่ะ อย่าได้เจอกันอีกเลยไอ้ห่าเอ๊ย!

กลับมาถึงบ้านได้ผมก็ถึงกับต้องถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกสุดๆ พวกเรากลับมาถึงโดยไม่มีวิญญาณใดๆ ตามมาแม้แต่ตัวเดียว ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ดีมาก

“เอ็งไม่สบายก็ไปกินยานอนเสีย นี่มันตีห้าแล้ว”

ท่านเจ้าที่เอ่ยปากไล่ผม พอบอกว่าตีห้าผมก็ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือทันที...เออว่ะ ตีห้าแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเจอกองทัพแฟนคลับผีๆ ของท่านเจ้าที่ พวกเราคงกลับมาถึงตั้งแต่เมื่อสิบนาทีก่อนแล้วเถอะ

ผมไม่ได้พูดอะไร ถอดเสื้อยีนส์ส่งคืนให้ท่านเจ้าที่ได้ก็ถอดแจ็กเก็ตตัวเองออกโยนไว้บนโซฟา จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนบนนั้นเท่าที่ความกว้างของโซฟาจะอำนวยให้ผมนอนได้...ก็จะเมื่อยๆ หน่อยแต่รู้สึกดีมากกว่า เพราะงั้นนอนได้

จะว่าไปผมก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีกแล้วแฮะ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ ด้วย หรือผมจะไม่สบายจริงๆ วะ

“เอ๊ะ ไอ้เด็กนี่ ข้าบอกให้กินยาแล้วไปนอนบนห้องมิใช่รึ?”

“อือ” ผมตอบรับในลำคอแต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน กำลังเคลิ้มๆ จะหลับท่านเจ้าที่ก็โผล่มานั่งยองๆ ตรงหน้าแล้วยื่นพาราฯ กับแก้วน้ำมาให้

“กิน” ...แถมยังเอ่ยแกมบังคับเสียงเข้มเหมือนดุเด็กไม่ยอมกินยาอีกต่างหาก

ผมสบตาเขาเล็กน้อย ก่อนสุดท้ายจะยอมผงกหัวขึ้นมาตั้งตรงแล้วรับเอายามาโยนเข้าปาก ตามด้วยดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว ผมส่งแก้วคืนให้ท่านเจ้าที่ พึมพำบอกเสียงเบา “ขอบคุณครับ”

แล้วผมก็ปล่อยตัวเองลงนอนอีกครั้ง หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ผ่อนลมหายใจยาว ปล่อยให้สติค่อยๆ เลือนรางจนหลับไปไม่รับรู้อะไรหลังจากนั้นอีก เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือคำพูดของท่านเจ้าที่...

“ให้ข้าต้องอุ้มเอ็งไปนอนอีกแล้วนะ”

 

เจ้าที่หนุ่มถอนหายใจอย่างเอือมระอา แต่ก็โน้มตัวลงไปช้อนร่างสูงโปร่งของไอ้เด็กแสบขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแกร่ง สองขาสาวเท้าก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของอีกฝ่าย ก่อนจะวางร่างของเจ้าเด็กแทงค์ลงบนเตียงนอน ตวัดผ้าขึ้นห่มให้เหมือนเมื่อครั้งก่อนไม่มีผิด ต่างกันก็ตรงที่ครั้งนี้ร่างสูงหายเข้าห้องน้ำไปเพื่อเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดคอให้เด็กหนุ่มที่หลับสนิท

“เป็นเจ้าที่มาเกือบจะสองร้อยปีแล้ว ก็มีแต่เอ็งนี่แหล่ะคนแรกที่ข้าดูแลขนาดนี้ ควรรู้ตัวเอาไว้เสียบ้างนะไอ้หนูน้อยว่าเอ็งได้อภิสิทธิ์พิเศษมากขนาดไหน” เช็ดตัวให้เด็กมันไปก็อดสงสัยในใจไม่ได้ว่าทำไมพระภูมิเจ้าที่อย่างเขาต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย แต่จะให้เมินเฉยมันก็ทำไม่ได้อีกนั่นล่ะ

เจ้าเด็กคนนี้จะพิเศษกับเขามากเกินไปแล้ว


__________
ตั้งใจจะอัพตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แต่วายฟายหอกากมากกกกกกกก วันนี้ก็ยังกาก นี่นั่งเชื่อมเน็ตตั้งนาน นานจนแบบอ่านมังงะได้ครึ่งเล่มแล้วก็เพิ่งจะติดนี่แหล่ะค่ะ ฮื่อ หงุดหงิดดด

สำหรับในส่วนของตอนนี้ เราไม่รู้ว่ามันดูน่ารักขึ้นบ้างมั้ย สองคนนี้ตีกันตลอด หาโมเมนต์ให้เขามุ้งมิ้งใส่กันนี่ยากจริงๆ ค่ะ 555 จนตอนนี้เราสต็อกไว้ 20 ตอนมันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรักกันสักที วุ้ย เมื่อไหร่จะรักกันฮะ!? //หันไปว้ากใส่

ท้ายสุดในวันนี้ หวังว่าทุกคนจะยังสนุกกับนิยายของเราเรื่องนี้นะคะ ติชมกันได้เต็มที่ เราจะได้ปรับปรุงแก้ไข แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ จุ๊บๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2017 23:15:05 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
นั่นสิคะ เมื่อไหร่จะรักกันเนี่ย เห็นมีแต่กวนกัน ทะเลาะกันไปวัน ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PingPong_Hunlay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ท่านเจ้าบริการโครตดี

ออฟไลน์ Altasia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ขอสมัครเป็นแฟนคลับท่านเจ้าที่ด้วยคนได้ไหมสาวๆ

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ท่านเจ้าที่เส่นห์แรง...

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
กรี๊ดๆๆๆๆ มีความอุ้มไปนอน มีความป้อนยา เช็ดตัว!!
ฮ่อลลลลลลล >\\\\\\<

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
นี่ก็มุ้งมิ้งขึ้นแล้ว  :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด