[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก
Part 12# Thara ค่ำคืนสุดท้าย
“ไม่จริงใช่มั้ย” ผมน้ำตาไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เมฆพูดมันช่างโหดร้ายและทรมานจิตใจผมเกินไปแล้ว
“คุณรู้ว่าผมพูดจริง ในเมื่อคุณหาข้อมูลเรื่องสองบุคลิกมาเป็นอย่างดีคุณก็ต้องรู้สิว่า ไม่ช้าก็เร็วต้องมีใครคนใดคนหนึ่งหายไป ไม่มีทางที่ทั้งสองบุคลิกจะอยู่ในร่างเดียวกันได้ตลอดชีวิต”
คำพูดของเมฆทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่พฤกษ์เคยพูดกับผม พฤกษ์เคยบอกผมเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ผมกลับลืมเพราะมีเรื่องสำคัญให้ต้องคิดมากกว่า ผมก็หลงดีใจไปว่าหลังจากนี้คงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เพราะปัญหาทุกอย่างได้คลี่คลายหมดแล้ว ผมกับหมอกและเมฆจะรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดเลยแม้แต่น้อย เมฆจะจากผมไปโดยเหลือเวลาให้อยู่ด้วยกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
“อันที่จริงตอนที่แกบอกว่าเป็นอีกบุคลิกของหมอก พ่อก็คิดว่าจะพาแกไปรักษาอยู่เหมือนกัน พ่อเป็นห่วงกลัวว่าแกจะมีปัญหาในการใช้ชีวิต ไหนจะร่างกายของแกอีก” พอได้ยินพ่อพูดแบบนี้เมฆเลยหันหน้าไปหาท่าน
“พี่หมอก็เคยบอกผมแบบนี้เหมือนกัน การที่มีผมอยู่ทำให้ร่างกายของหมอกรับภาระหนักเกินไป ยิ่งผมออกมาบ่อยเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้หมอกพักผ่อนน้อยมากเท่านั้น ตอนนี้หมอกยังอายุน้อยอยู่เลยอาจจะยังไม่ส่งผลกระทบเท่าไหร่ แต่นานไปร่างกายหมอกรับไม่ไหวแน่ๆ หมอกอาจจะอ่อนแอจนอายุสั้นก็ได้” พูดถึงตรงนี้เมฆก็หันหน้ามองมาที่ผม จากนั้นก็ใช้มือประคองที่ข้างแก้มแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาออกให้
“ทีนี้ธารเข้าใจแล้วนะว่าทำไมผมต้องหายไป เพราะงั้นอย่าร้องไห้แล้วก็อย่าเศร้าเลยนะ” เมฆพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อาจพยักหน้าหรือตอบรับได้ แม้ว่าผมจะเข้าใจเหตุผลที่เมฆต้องหายไป แต่ผมก็ยังอดที่จะเศร้าและเสียใจไม่ได้อยู่ดี
“แล้วนี่พวกคุณมาหาหมอกมีธุระอะไรรึเปล่า” เมฆหันไปหาพ่อกับแม่อีกครั้ง
“แม่เห็นว่าลูกปิดเทอมแล้วแต่ยังไม่กลับบ้านเลยมาตามน่ะ”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นหมอกอึดอัดน่ะเลยไม่อยากกลับบ้าน แต่ตอนนี้ในเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว อีกวันสองวันเดี๋ยวหมอกก็คงกลับไปมั้ง”
“อ๋อ” แม่ของหมอกพยักหน้ารับรู้
“ทำไมแกยังเรียกพ่อกับแม่ว่าคุณอยู่ล่ะ เรียกพ่อกับแม่เหมือนหมอกสิ” ประโยคนี้พ่อเป็นคนพูด เมฆจึงมองหน้าท่านแล้วพูดอย่างไม่ปิดบังออกมาว่า...
“พูดตามตรงผมไม่เคยคิดว่าพวกคุณคือพ่อแม่อยู่แล้ว ผมเกิดมาจากความโกรธแค้น ถึงแม้ตอนนี้ผมจะให้อภัยพวกคุณแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ลืมอยู่ดีว่าก่อนหน้านี้พวกคุณเคยทำอะไรกับหมอกไว้บ้าง” พอได้ยินแบบนี้พ่อของหมอกก็หน้าเจื่อนลงไปทันที ส่วนแม่ก็มีน้ำตาคลอใกล้จะร้องไห้ออกมาอีกรอบ
“พ่อขอโทษนะ” เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำคำนี้ออกมาจากปากของท่าน สีหน้าท่านตอนนี้ดูเสียใจและรู้สึกผิดกับการกระทำที่ผ่านมาจริงๆ
“เอาเถอะ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว หลังพ้นคืนนี้ยังไงผมก็ต้องหายไปอยู่ดี เพราะงั้นพวกคุณไม่ต้องกังวลเรื่องของผมหรอก ทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดีกับหมอกก็พอ” พวกท่านทั้งสองพยักหน้ารับรู้ ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมา แต่ผมก็มองออกว่าจากนี้ไปพวกท่านจะเลิกเข้มงวดและบงการชีวิตหมอกอย่างที่ผ่านมาแน่นอน
“ถ้างั้นแม่กับพ่อกลับก่อนดีกว่า ลูกจะได้มีเวลาอยู่กับ...เอ่อ...ธารใช่มั้ย?” แม่ของหมอกหันหน้ามามองผมอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“ครับ ผมชื่อธาร”
“ฝากดูแลเมฆด้วยนะ แล้วก็...ตอนหมอกกลับบ้านถ้าเธอว่างก็มาด้วยกันนะ จะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น” พูดจบท่านก็ส่งยิ้มมาให้ ผมที่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ก็ถึงกับอึ้งจนไปแทบไม่เป็น
“เอ่อ...ครับ...ได้ครับ” ผมส่งยิ้มกลับคืนไปให้
“ไปกันเถอะค่ะคุณ ตอนนี้ให้เวลาเด็กๆ อยู่ด้วยกันดีกว่า” แม่ของหมอกหันหน้าไปหาสามีที่อยู่ข้างๆ ท่านจึงพยักหน้าแล้วเดินตามภรรยาออกไป จนตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงแค่ผมกับเมฆสองคนเท่านั้น
“มีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงทำอะไรกันดี” เมฆพูดขึ้นทำลายความเงียบด้วยท่าทีสบายๆ ผมที่ได้ยินแบบนั้นเลยอดไม่ได้ที่จะหันไปฟาดท่อนแขนของเมฆอย่างแรง
“ยังจะมาทำเป็นไม่ทุกข์ร้อนอีก! นายกำลังจะหายไปนะเมฆ! เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้บ้างมั้ย!” พูดแล้วน้ำตาของผมก็ทำท่าจะไหลลงมาอีกรอบ วันสองวันนี้ผมคิดว่าตัวเองร้องไห้มากกว่าทั้งชีวิตรวมกันซะอีก
“ก็เพราะผมเข้าใจไงธารถึงได้ทำแบบนี้ ผมไม่อยากเห็นคุณต้องร้องไห้ มาทำให้วันสุดท้ายของเรามีแต่รอยยิ้มเถอะธาร” เมฆพูดจบก็ยิ้มกว้างออกมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นว่าเสี้ยวหนึ่งในแววตามีความเศร้าปะปนอยู่ เมฆก็คงจะรู้สึกเหมือนผมในตอนนี้ การที่ต้องจากลาคนรักตลอดกาลมันทำใจได้ยากจริงๆ
แต่ในเมื่อนี่คือคำขอสุดท้ายของเมฆ เพรางั้นผมก็จะต้องทำให้ได้ แม้ว่าผมต้องฝืนเก็บความเศร้าเอาไว้ในใจมากเท่าไหร่ก็ตาม
“อืม วันนี้นายอยากได้อะไรก็บอกนะ ฉันจะตามใจนายทั้งวันเลย” ผมพยายามฝืนยิ้มกว้างออกมาให้เป็นธรรมชาติ เมฆถึงแม้จะมองออกแต่ก็ทำเป็นปล่อยผ่าน เราสองคนเหลือเวลาไม่มากเพราะงั้นจะมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องไม่ได้
“ผมยังไม่เคยกินข้าวกับคุณเลยธาร เราออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกมั้ย หรือจะสั่งมากินที่นี่ก็ได้”
“ถ้างั้นให้ฉันทำกับข้าวให้นายกินมั้ย ฉันพอจะทำของง่ายๆ เป็นบ้าง แต่ถ้านายไม่อยากกิน...”
“ก็ต้องอยากกินอยู่แล้ว! ฝีมือแฟนสุดที่รักผมจะไม่อยากกินได้ยังไงกันล่ะ!” เมฆพูดขัดขึ้นอย่างตื่นเต้น ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยยิ้มออกมา
“ถ้างั้นก็ไปอาบน้ำซะ ระหว่างนี้ฉันจะไปทำกับข้าว นายจะได้ไม่มาเกะกะ” อันที่จริงผมกลัวจะทำอะไรเปิ่นๆ โก๊ะๆ ต่อหน้าเมฆต่างหาก เพราะตั้งแต่มีตะวันมาเป็นแม่บ้าน (พ่วงตำแหน่งเมียพี่ภู) ผมก็ไม่ได้เข้าครัวทำอาหารอีกเลย
“โหย ผมก็อุตส่าห์ว่าจะไปยืนอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้คุณแท้ๆ”
“ไม่ต้องเลย เกะกะ” พูดจบผมก็ลุกเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วเลือกของที่พอจะทำอาหารได้ออกมา จากนั้นก็เดินไปยังระเบียงที่มีเตาไฟฟ้า ตอนแรกผมก็คิดว่าเมฆจะรั้นตามมาแต่ก็ผิดคาด เมฆยอมอยู่ในห้องไม่มาเกะกะแต่โดยดี เชื่อฟังมากกว่าที่คิดนี่นา
ผมใช้เวลาทำอาหารประมาณ 20 นาที ถึงจะใช้เวลาทำนานขนาดนี้แต่ผมก็ทำได้แค่ผัดมาม่ากับไข่เจียวเท่านั้น ก็นะ...วัตถุดิบในตู้เย็นมันมีเพียงแค่ไม่กี่อย่าง แถมผมก็ไม่ได้เข้าครัวนานแล้วเลยเงอะงะไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นรสชาติก็ออกมาอร่อยใช้ได้เลยล่ะ
“กับข้าวเสร็จแล้วนะเมฆ! ฝากจัดใส่จานหน่อยฉันจะไปอาบน้ำ!” ผมตะโกนเรียกเมฆในขณะที่กำลังล้างมืออยู่ที่ซิงค์
“โอเค!” เสียงเมฆตะโกนกลับมา ก่อนที่สักพักจะเดินมาจัดทุกอย่างใส่จานตามคำสั่ง ส่วนผมก็ไปอาบน้ำล้างคราบควันและความมัน จากนั้นจึงได้ออกมานั่งกินข้าวกับเมฆ
“เป็นไง อร่อยมั้ย?” ผมถามหลังจากที่เมฆคีบเส้นเข้าปากคำแรก
“อร่อยมาก” เมฆพูดทิ้งที่เส้นยังคงเต็มปาก แถมยังยกนิ้วหัวแม่มือการันตีอีกด้วย ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยอมยิ้มและหัวเราะน้อยๆ ก่อนที่จะลงมือกินอาหารจานตัวเองบ้าง ซึ่งกว่าจะกินเสร็จก็ปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะเมฆได้สวมวิญญาณเด็กงอแงให้ผมป้อนอยู่นั่น แถมผมก็ยังบ้าจี้ยอมทำตามอีกต่างหาก ไม่รู้กล้าทำลงไปได้ยังไง
“ดูหนังด้วยกันมั้ยธาร” เมฆพูดขึ้นหลังจากที่เราสองคนย้ายมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกัน ซึ่งเมฆกำลังนอนตักผมแล้วกดรีโมททีวีไล่หาช่องได้สักพักกว่าจะเจอที่ถูกใจ
“เอาสิ เรื่องอะไรล่ะ” แล้วเมฆก็บอกชื่อเรื่องหนังที่เกี่ยวกับทหารและสงคราม เรื่องแบบนี้ไม่ใช่แนวที่ผมชอบเลยสักนิด แถมเนื้อหายังอิงกับสงครามโลกอีกต่างหากมันเลยทำให้ผมดูไม่ค่อยรู้เรื่อง จึงได้เบื่อและง่วงจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตอนนี้เป็นช่วงเย็นใกล้จะค่ำแล้ว ผมยังคงอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งพิงโซฟาเป็นนอนราบอย่างสบาย ซึ่งผมไม่มีทางลงมานอนเองอย่างเรียบร้อยได้ขนาดนี้แน่ๆ เมฆต้องเป็นคนจัดท่าทางการนอนให้ผมอยู่แล้ว
“ทำไมถึงไม่ยอมปลุกฉัน เวลาที่เราจะอยู่ด้วยกันมันยิ่งน้อยๆ อยู่ด้วย” ผมเดินไปหาเมฆที่ระเบียง โดยใช้มือสวมกอดที่ด้านหลังแล้วเอียงหน้าซบลงไปที่แผ่นหลังกว้าง ตอนนี้ความเศร้าโศกกำลังแผ่กระจายเกาะกุมหัวใจของผมอีกครั้ง ผมไม่น่าเสียเวลาอันมีค่านอนหลับไปแบบนั้นเลย
“ผมอยากให้คุณพักผ่อนเพราะเมื่อคืนคุณนอนแค่แป๊บเดียวเอง อีกอย่างผมก็อยู่กับคุณไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” เมฆหันหน้ามาหาแล้วโอบเอวผมเอาไว้ โดยที่ผมก็ยังคงสวมกอดเมฆไม่ปล่อยเช่นเดิม
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ฉันก็รู้สึกว่าได้อยู่กับนายแค่แป๊บเดียว อีกเดี๋ยวมันก็จะค่ำแล้ว” ผมพูดอย่างเศร้าๆ ผมไม่เคยเกลียดกลางคืนขนาดนี้มาก่อนเลย ยิ่งท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้หัวใจของผมถูกบีบรัดมากเท่านั้น
“อย่าทำหน้าเศร้าสิธาร จำไม่ได้หรอว่าผมขอให้วันสุดท้ายของเรามีแต่รอยยิ้ม”
“เรื่องนั้นฉันจำได้ แต่ตอนนี้ฉันทำไม่ได้ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่เวลาที่ฉันจะได้อยู่กับนายมันก็ยิ่งน้อยลง ฉันจะไม่ได้เจอนายอีกแล้วนะเมฆ” พูดถึงตรงนี้น้ำตาของผมมันก็ไหลทะลักลงมา ผมฝืนทำเป็นร่าเริงและทำเป็นไม่รู้สึกอะไรไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“โธ่...อย่าร้องไห้สิธาร พอเห็นคุณร้องไห้แล้วผม...” เมฆพูดได้แค่นี้ก็เงยหน้าขึ้นแล้วหลับตา ผมไม่รู้ว่าเมฆกำลังจะร้องไห้เหมือนผมรึเปล่า แต่ที่ผมรู้คือเมฆรู้สึกเศร้าและเสียใจไม่ต่างจากผม เพียงแค่กำลังฝืนทนไม่แสดงมันออกมาเท่านั้นเอง
“เข้าไปข้างในกันเถอะธาร ผมมีอีกอย่างที่ต้องการทำกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย” เมฆพูดจบก็ช้อนตัวผมขึ้นแล้วอุ้มเข้าไปในห้อง จัดการวางผมนอนราบไปกับที่นอนแล้วทาบทับลงมา
“ผมจะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับคุณตรงนี้ จะใช้ร่างกายบอกรักคุณทั้งคืนจนคุณไม่มีวันลืมผม จำความรู้สึกและช่วงเวลานี้เอาไว้ให้ดีนะธาร...ผมรักคุณ” เมฆพูดจบก็ก้มหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากของผม ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีทั้งหมดจนแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ จูบนี้ถึงแม้ว่ามันจะหวานหอมแต่ก็ขมขื่น จนผมไม่อาจฝืนทนกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
“ฉันก็รักนายนะเมฆ” ผมยกสองมือขึ้นไปโอบรอบลำคอของเมฆเอาไว้ ผมอยากจะรับรู้ถึงอุณหภูมิของร่างกาย ความรู้สึกที่ส่งผ่านมา รวมทั้งความรักและความอบอุ่นจากร่างที่อยู่ตรงหน้าทุกวินาที
เราสองคนต่างปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกัน จากนั้นก็ลูบไล้สัมผัสให้ตราตรึงในความทรงจำเพราะมันคือค่ำคืนสุดท้าย ผมจะจดจำเมฆเอาไว้ในใจตลอดไป ไม่ว่ากี่วัน กี่เดือน กี่ปีก็ไม่มีทางลืมเลือน
“คืนนี้ไม่ต้องใช้หรอกเมฆ” ผมคว้าถุงยางอนามัยออกมาจากมือของเมฆแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี คืนนี้ผมจะไม่ยอมให้มีอะไรมาขวางกั้นทั้งนั้น ผมอยากสัมผัสถึงเมฆทุกอณู
“ถ้างั้นผมเข้าไปเลยนะ” เมฆก้มลงมาจูบที่หน้าผาก จากนั้นก็แทรกกายเข้ามาในคราวเดียวจนผมเสียวสะท้าน ความรู้สึกซาบซ่านกว่าครั้งไหนๆ ได้แผ่กระจายขึ้นมา แต่พอคิดว่ามันคือครั้งสุดท้ายน้ำตาของผมมันก็ไหลลงมาอีกครั้ง
“คุณร้องไห้อีกแล้วนะธาร” เมฆใช้มือประคองที่ใบหน้าของผมแล้วปาดน้ำตาออกไป สีหน้าตอนนี้ของเมฆกำลังเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด
“ก็ฉันมีความสุขนี่นา ฉันมีความสุขมากเลยนะถึงได้ร้องไห้ การได้รักนายมันทำให้ฉันมีความสุขมากจริงๆ” ยิ่งพูดน้ำตาของผมมันก็ยิ่งไหล เรื่องที่พูดผมไม่ได้โกหกแต่อย่างใด เพียงแต่ผมบอกไม่หมดเท่านั้นว่ากำลังปวดร้าวที่ใจควบคู่กันไปด้วย
“ผมก็มีความสุขเหมือนกัน...รักคุณนะธาร...ผมรักคุณ...” พูดจบเมฆก็ก้มหน้าลงมาจูบผมอีกครั้ง พร้อมกับขยับร่างกายเข้าออกช้าๆ จนเมื่อห้วงอารมณ์ทะยานสูงขึ้นเมฆก็เร่งจังหวะ กระทั่งถึงจุดสูงสุดก็ฝากฝังสายธารแห่งความรักเข้ามา แล้วก็ปล่อยซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนมันอัดแน่นไปทั้งร่าง การกระทำในคืนนี้จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของผมมิรู้ลืม...
“ผมไม่ไหวแล้วธาร ผมแทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว” เมฆพูดอย่างสะลึมสะลือ เมฆคงฝืนร่างกายได้เพียงเท่านี้หลังจากที่ร่วมรักกันมาทั้งคืนจนเกือบฟ้าสาง ตอนนี้เมฆกำลังพิงขอบเตียงโดยมีผมนั่งคร่อมอยู่ที่ตัก ร่างกายของเราสองคนยังคงเชื่อมต่อกันอย่างแนบแน่น
“ถ้าไม่ไหวก็นอนซะนะ ขอบคุณที่ฝืนอยู่กับฉันมาจนถึงตอนนี้ ฉันรักนายนะเมฆ” ผมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ โดยที่ใบหน้ากำลังมีน้ำตาไหลทะลักลงมาอย่างไม่ขาดสาย ในที่สุดมันก็ถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่กับเมฆแล้ว
“ผมก็รักคุณเหมือนกันนะธาร...จะรัก...ตลอดไป...” เมฆพูดจบก็ดันท้ายทอยของผมลงมาจนริมฝีปากของเราสัมผัสกัน ซึ่งนั่นก็เป็นจุมพิตครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนั้นเมฆก็ไม่ปรากฏออกมาอีกเลย
ตัวตนของเมฆได้ถูกลบไปตลอดกาล...
2BC
สวัสดีค่ะทุกคน Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนค่ำคืนสุดท้ายก็ได้จบลงไปแล้ว ซึ่งก็จะเป็นตอนที่เศร้าและบีบหัวใจนิดนึง

ซึ่งตอนแรกเราเขียน NC แบบจัดเต็มเอาไว้ แต่คิดไปคิดมาไม่อยากให้โฟกัสตรงนั้น เลยตัดสินใจเขียนใหม่โดยเน้นที่ความรู้สึกของเมฆและธาร เพราะงั้นเราถึงได้มาลงดึกขนาดนี้ทั้งที่ตั้งใจจะลงสักช่วงหัวค่ำ แหะๆ

ส่วนเรื่องที่เมฆจะต้องหายใป เราก็คิดว่าหลายคนน่าจะทำใจไว้แล้ว เพราะเราได้เกริ่นมาตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง ส่วนคนที่ลืมก็อาจจะรู้สึกหน่วงอยู่บ้าง แต่เอาน่า อย่าพึ่งเศร้าไปเลยนะคะ เพราะถึงเมฆจะหายไปแล้วแต่หมอกก็ยังอยู่เหมือนเดิม ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้หมอกกับคุณธารในบทส่งท้ายด้วยนะคะ เพราะตอนหน้าเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่ติดตามเรื่องนี้มาจนถึงตอนนี้

รักทุกคนมากๆเลยค่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้น้า บ๊ายบายยยยย

(4 ธ.ค. 60)