คนตัวโตที่นอนกอดดวงใจทั้งสองคนค่อยลืมตามองคนขี้เซาทั้งคู่ที่ยังนอนหลับสนิทเหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงเห็นว่ายังไม่ได้สายมากปล่อยให้นอนอีกซักพักก็แล้วกันนะค่อยๆลุกขึ้นขยับตัวเบาๆเพราะทันทีที่เขาขยับทัพก็ส่งเสียงครางในลำคอทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะหลุดขำเบาๆก่อนที่จะลุกเข้าห้องน้ำ
“ยังไม่คิดที่จะลุกกันเลยหรือไงนะ” นี่ขนาดผมอาบน้ำเสร็จจนโทรสั่งกับข้าวเรียบร้อยยังนอนหลับอุตุอยู่เลย ถ้ายังไม่ตื่นคงไม่ทันการ
“ทัพ วินตื่นได้แล้วครับ” ดึงผ้าห่มเบาๆ ทั้งสองคนเพียงขยับตัวนิดหนึ่งแล้วก็หลับต่อ หึๆ หัวเราะเบาๆแล้วจับผ้าห่มแสนอบอุ่นกระชากออกจากทั้งสองคน
“ตื่นได้แล้วจอมขี้เซา” ทั้งสองคนค่อยๆขยับตัวกระพริบตาถี่ๆแล้วค่อยลุกขึ้นนั่งบนเตียงสภาพหัวฟูๆที่เหมือนกันนั่นทำให้ผมอดไม่ไหวที่จะลูบผมฟูๆนั่นให้เข้าทรง
“ไปอาบน้ำได้แล้วครับสายแล้ว พี่สั่งข้าวไว้ให้แล้วออกมาจะได้ทานเดี๋ยวเราจะเดินทางกลับแล้วนะ” พูดจบก็ยังนิ่งเหมือนวิญญาณยังไม่เข้าร่าง
ฟอด
ฟอด
“อ๊ะ” ทั้งสองคนยกมือปิดแก้มเมื่อผมหอมแก้มเรียกสติ ถ้ายังไม่เตรียมตัวเวลากลับอาจจะมีปัญหากับแผนที่ผมวางไว้
“ลุกได้แล้วครับ ถ้ายังไม่ลุกพี่จะอุ้มไปอาบทีละคนเลย” เหมือนเตียงจะร้อนขึ้นทันที ทั้งทัพและวินรีบลงจากเตียงวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที ถือโทรศัพท์เลี่ยงออกไปคุยที่ระเบียง
“มัมทุกอย่างเป็นไงบ้างครับ”
“(โถ ใจร้อนจริงๆนะคะลูกชาย เรียบร้อยแล้วค่ะจะกลับมารึยังอย่ารีบนะคะ)” รับคำมัมพอดีกับทัพและวินออกมาจากห้องน้ำ
“แค่นี้ก่อนล่ะกันครับ” กดวางสายแล้วเดินเข้ากลับเข้าห้อง
“กินข้าวกันเถอะจะได้กลับกันเลย” มองเห็นแววตาเสียดายของทัพที่ส่งมาได้อย่างดี ผมเลยบอกว่าจะพามาอีก
“ได้มาอีกก็ดีสิ” หลังจากกินข้าวเสร็จทัพก็มาช่วยผมเก็บของวินนั่งมองเงียบๆพอเก็บข้าวของเสร็จก็เดินทางกลับ จะเป็นยังไงน้าถ้าไปถึงหวังว่าทัพจะไม่โกรธเหมือนคราวที่แล้วหรอกนะ ขับรถมาทั้งใจตุ้มๆต่อมๆ ไหงผมต้องตื่นเต้นแบบนี้ด้วยนะ
“พี่เป็นอะไรทำไมดูเครียด”
“อ่าเปล่าๆ” หันมาตั้งสมาธิกับการขับรถอ่าทำไมรู้สึกเหมือนทางกลับมันใกล้ขึ้นกันนะ ขับรถเลี้ยวเข้าไปจอดที่โรงจอดรถยังดีที่งานเตรียมไว้ที่สนามหลังบ้านทำให้ทัพยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“เดี๋ยวทัพเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้องนะ ส่วนวินมากับพ่อมา” ถึงแม้จะงงๆแต่พอผมดันหลังทัพก็ยอมหิ้วกระเป๋าเข้าบ้าน ผมอุ้มวินไปที่หลังบ้านที่ทุกคนรวมตัวอยู่แล้ว
“กว่าจะมาได้นะพี่โย คิดจะทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด” ทันทีที่เห็นหน้าผมเข้าแสบก็บ่นๆๆ
“ลุงโย คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” เสียงร้องพร้อมกับร่างป้อมวิ่งเข้ามากอดขาผมแน่น เดี๋ยวนะทำไมผมกลับมาเป็นลุงอีกล่ะเนี้ย
“ใคร” เสียงเล็กๆถามพร้อมกับก้มลงมองเจ้าลูกหมูที่กลับมามีแก้มอีกแล้ว
“วินนี่น้องลูกหมูนะ” ผมแนะนำเพราะวินท่าจะอายุมากกว่าเจ้าลูกหมู วินขอลงจากแขนผมเลยปล่อยลง และวินก็ทำเหมือนที่ใครหลายๆคนชอบทำกับเจ้าลูกหมู คือบีบแก้มยุ้ยนั่น
“นิ่มจัง”
“อืออไม่เอา ไม่ให้บีบ” น้ำที่พยายามปัดมือวินที่บีบแก้มอยู่ ก็ยังจะคุยกันรู้เรื่องนะเมื่อวินยอมปล่อยมือแต่วิ่งตามน้ำที่วิ่งกลับไปหาวา
“นี่เหรอน้องวินน่ารักจังเลยนะ” วาก้มลงพูดกับวินโดยมีเจ้าลูกหมูเกาะขามองเพื่อนใหม่ด้วยสายตาสนใจ วินเอียงคอมองวา
“แล้วลมกับไม้ล่ะ” ผมถามหาคนสองคนที่น่าจะอยู่ตรงนี้แต่กลับไม่เห็นเงา
“ไปรอเซอร์ไพรส์พี่ทัพบนห้อง” เห็นทีทัพคงจะได้เซอร์ไพรส์แน่ๆ
ทัพได้แต่สงสัยกับอาการแปลกๆของโยแต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่าไม่เป็นไรก็คงไม่มีอะไรยอมรับว่าอยากอยู่เที่ยวอีกหลายๆวันแต่ก็เกรงใจพี่โย
แกร๊ก
“ไอ้ทัพ!!!” ได้แต่อ้าปากค้างเมื่อเป็นประตูห้องเข้าไปก็เจอไอ้ไม้ที่พุ่งเข้ามาหากับพี่ลมที่นั่งอยู่ปลายเตียงโบกมือให้
“มะ...มาได้ไงวะ” ได้แต่ทิ้งกระเป๋าที่หิ้วขึ้นมาลงกับพื้นแล้วเดินเข้าไปกอดเพื่อนซี้ถึงจะงงๆหน่อยก็เถอะ
“อย่าพึ่งถามกู เอานี่ไปเปลี่ยนชุดก่อนไป” ไม้มันส่งสูทขาวมาให้ผมแล้วดันหลังผมให้เข้าห้องน้ำ อะไรของมันวะ ในหัวตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมายแต่ก็ยอมแต่งตัวตามที่มันส่งมาให้เพราะรำคาญเสียงโวยวายแง๊วๆให้ผมใส่อยู่หน้าประตูห้องน้ำ ทำไมต้องใส่ชุดแบบนี้ด้วยเนี้ย
“อ่ะเสร็จแล้วก็ไปกัน” ยังไม่ทันได้อ้าปากถามพอออกมาจากห้องน้ำไอ้ไม้กับพี่ลมก็ล็อกแขนคนล่ะข้างลากผมออกจากห้อง
“เดี๋ยวนะทำอะไรเนี้ย พี่ลมเว้ยปล่อยนะ”
“เออน่าเงียบๆไปได้แล้วมึง” ยังมีหน้ามาบ่นผมอีกนะไอ้พี่ลม พอผมพยายามที่จะถามอะไรมากเข้าไอ้ไม้มันยกมือมาปิดปากผมยังดีที่มันเว้นที่ให้หายใจออกบ้าง สองคนหิ้วปีกผมไปทางสวนหลังบ้านที่พอเป็นประตูแล้วทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าการเห็นพี่ลมกับไอ้ไม้ซะอีกเมื่อสวนหลังบ้านถูกจัดตกแต่งเป็นงานเลี้ยงเล็กๆมีเก้าอี้ไม่กี่ตัววางสองข้างเว้นตรงกลางเป็นทางเดินและที่ปลายทางเดินนั้นมีพี่โยยืนอยู่ข้างๆกันคือน้องวินที่แต่งชุดสูทขาวเหมือนกันกับพี่โย นี่มันอะไรกัน ลมกับไม้ที่เห็นว่าทัพไม่โวยวายแล้วก็ปล่อยแขนลดมือลงจัดสูทบนตัวทัพให้เรียบร้อย
“เดินไปสิมึง” ไม้สะกิดเมื่อเห็นว่าผมยืนอึ้ง มันดันหลังจนผมเริ่มเดิน
“นี่มันอะไรกัน” หันไปถามไม้ที่เดินมาข้างๆผม
“เออน่าเดี๋ยวก็รู้ ยิ้มสิมึง” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ผมก็ได้แต่เดินตามมันไปงงๆ จนกระทั้งผมมายืนตรงเก้าอี้แถวหน้าไม้มันก็ปล่อยมือจากแขนผมพี่ลมตบเบาๆที่ไหล่ แล้วแยกไปนั่ง
“วา ลูกน้ำ” ผมที่ยังยืนงงๆอยู่ แม้จะแอบเห็นรอยยิ้มขำของพี่โยก็เถอะ
“นี่ครับอาทัพ” น้ำส่งช่อกุหลาบขาวมาให้ผมได้แต่รับช่อดอกไม้นั่นไว้
“ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวเรานะครับ” ผมได้แต่หลบสายตากลมของวาด้วยความเขินอาย หันไปมองพี่โยที่ส่งมือมาผมมองมือนิ่งแล้วส่งมือไปจับมือใหญ่ไว้ สายตาคมที่ทอประกายทำให้ผมเบือนหน้าหนี
“นี่มันอะไรกันพี่โย” ผมถามเสียงเบาขณะที่ผมเดาได้แล้วว่ามันงานอะไร
“พี่อยากทำอะไรให้เป็นทางการ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน” แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อแต่คุณพ่อก็ก้าวมาอยู่ระหว่างผมและพี่โย
“แฮ่มขอขัดจังหวะหวานกันซักนิดนะ” พี่โยกรอกตามองบนก่อนที่จะหันไปหาคุณพ่อ
“เพราะก็ผ่านการทำพิธีกันตอนที่จดทะเบียนแต่ว่าไอ้ลูกชายตัวดีของพ่อมันอยากทำพิธีเหมือนจะประกาศความเป็นเจ้าของอ่ะนะ”
“แด๊ด นี่งานผมนะ” ผมขำเมื่อพี่โยโวยวายเพราะคุณพ่อแขวะก็เพราะหมั่นไส้ลูกชายตัวดีที่จู่ๆก็คิดจะจัดงานด่วนๆ
“อ่ะๆ ยอมๆ งานในวันนี้ที่เชิญทุกคนมาเป็นสักขีพยานความรักระหว่างลูกชายทั้งสองของผม” มือใหญ่ที่กุมไว้เปลี่ยนมาสอดประสานกันแน่น ผมรู้ดีที่พี่โยทำเพราะอะไร ผมว่าผมเลือกได้แล้วล่ะนะบีบมือตอบกลับเหมือนเป็นคำตอบ
“อ่าก็นะไอ้คำถามบลาๆที่บาทหลวงถามพ่อก็จะไม่ถามแล้วกันนะ ขอให้อยู่กันอย่างมีความสุขนะ เอาล่ะกินเลี้ยงได้”
“แด๊ด!!!” พี่โยร้องลั่นเมื่อคุณพ่อตัดบทเริ่มงานเลี้ยงท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน
“อะไรงานก็จัดให้แล้วอย่าโวยวายน่าโย อ่ะๆ ขอให้คู่รักจูบสาบานกันครับ” เดี๋ยวสิ ผมทำหน้าเหวอก็จู่ๆลัดมาขั้นตอนนี้ได้ยังไงเนี้ย
“เดี๋ยวสิ ไม่เอานะพี่โย” ขยับตัวถอยห่างคนที่ยิ้มกริ่มขยับเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นว่าหนีไม่พ้นผมเลยหลับตาหนีความจริงไป
ฟอด
“เอ๋” อุทานด้วยความแปลกใจเมื่อมันเป็นการหอมแก้มไม่ใช่สิ่งที่ผมนึกกลัว
“เอาไว้ทำกันสองคนล่ะกันนะ”อยากจะฟาดคนที่ทำหน้าจริงจังพูดเรื่องแบบนี้จริงๆ เสียงเฮลั่นก่อนที่ทุกคนจะเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับผม
“งั้นห้องที่ไร่คงต้องปิดแล้วสินะ” พี่ลมพูดล้อๆ
“ไม่ต้องปิดหรอกยังไงก็จะพาทัพไปเที่ยวบ่อยๆอยู่แล้ว” ผมหันไปมองคนที่ยังกุมมือผมแน่น ถ้อยคำที่แสดงถึงความห่วงใยเพราะยังไงที่นั่นก็เป็นบ้านอีกหลังของผม
“ดีนะมึง แต่งงานไม่นานก็มีลูกทันใช้แถมยังน่ารักอีก” ไม้มองวินที่ตอนนี้แต่งตัวด้วยสูทเต็มยศแต่ก็ดูน่ารักสมวัยเกาะขาผมไว้เพราะไม่คุ้นหน้าคุ้นตา
“ปากเหรอวะนั่น ทำไมไอ้ผู้กองปล่อยมึงมาได้”
“คิกๆ พี่ทัพตอนนี้พี่ไม้ก็ไม่ได้อยู่บ้านใหม่เหมือนกันล่ะครับ”วาพูดเสร็จก็ขยับไปอยู่หลังพี่ลม พอเอาคืนไม่ได้ไม้เลยหันไปแกล้งหลานแทน
“นี่ๆผมสวยจังนะ” น้ำที่วิ่งมาหลบหลังผมหันไปคุยกับวินพร้อมกับจับผมสีทองของวินอย่างสนใจ
“นิ่ม” วินก็จับแก้มน้ำกลับ ท่าทางน่ารักๆนั่นทำให้ผมหลุดยิ้ม
“อยู่นี่ไม่ว่ายังไงแกก็เป็นครอบครัวเดียวกันกับพี่นะทัพ” มือใหญ่บีบที่ไหล่ผมที่ทำท่าจะเข้าไปกอดพี่ลมติดก็คนที่กุมมือผมไว้ไม่ยอมปล่อยนี่ล่ะ
“ไม่ต้องไปกอดเลยนะ”
“อะไรกันเล่านั่นพี่ลมนะ”
“หวง มีไรไหม” ให้ตายเถอะได้แต่ยอมยืนนิ่งๆให้คนที่ดุงผมไปกอดเพราะความหวงบ้าๆนี่ พร้อมกับสายตาล้อๆของทุกคน ก่อนนี้ผมตัวคนเดียว และได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไร่สายลมและตอนนี้ผมมีครอบครัวของตัวเองแล้ว ถึงแม้จะไกลบ้านเกิดแต่ผมก็อยากอยู่ตรงนี้
“ขอบคุณนะพี่โย” หันไปขอบคุณคนที่กอดเอวผมแน่นขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ครอบครัวของผม
***************************************************************
อ่า พอบอกว่าจะจบแล้วคราวนี้ก็จบจริงๆแล้ว

รู้สึกใจหาย ขอบคุณทุกคนที่ติดตามความรักของไร่สายลม
ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ทุกคอมเม้นต์ ทุกวิว เป็นกำลังใจที่ดีที่สุด
ขอบคุณที่รักเจ้าลูกหมู รักพี่ลมและน้องวา พอจะจบแล้วก็ใจหายจริงๆ
ไว้เจอกันเรื่องใหม่นะคะ สำหรับเรื่องอื่นๆที่ยังค้างไว้จะต่อให้จบก่อนแล้วค่อยลงเรื่องใหม่นะคะ
ขอบคุณค่ะ