พิมพ์หน้านี้ - ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Letter123 ที่ 08-05-2017 13:05:03

หัวข้อ: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 08-05-2017 13:05:03
ระกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

*************************************************
ร้อน ร้อนมาก สมแล้วที่เป็นอากาศเมืองไทย ต่อให้หน้าหนาวก็ยังร้อนสำหรับผม นี่ผมอยู่บนถนนเมืองไทยเหรอนึกว่าอยู่ดาวอังคาร มีแต่หิน ผมจะเป็นลม เดินลากกระเป๋ามาได้ร่วมชั่วโมงท่ามกลางแดดร้อนแรงของเมืองไทย นี่ผมอยู่ส่วยไหนของโลกเนี้ย ทำไมไม่มีรถผ่านมาชักคัน โว้ยยยย จะเป็นลมตาย ผมลากกระเป๋าไปที่ร่มไม้ใหญ่ข้างถนนก่อนที่จะนั่งลงบนกระเป๋าเดินทาง  สายลมอ่อนๆช่วยให้ผมเย็นสบายขึ้น กลิ่นดินกลิ่นหญ้าทำให้ผมผ่อนคลายนี่ผมคงคิดถูกแล้วสินะที่มาที่นี่ทำไมผมมาที่นี่นะเหรอ ต้องย้อนกลับไปสองอาทิตย์ที่แล้ว อืม จะพูดยังไงดี ผมอาศัยอยู่กลับพ่อแม่บุญธรรม จะว่าเป็นพ่อแม่บุญธรรมก็ไม่ใช่แต่เป็นเพื่อนรักของคุณแม่ ที่รักกันมากจนเหมือนพี่น้องพอทราบข่าวว่าคุณแม่เสียตอนนั้นผมอายุเพียงหกขวบ แล้วบรรดาญาติที่แสนดีของผมก็เข้ามาจัดการธุรกรรมของผมทุกอย่าง คุณแม่บุญธรรมเลยมาเพื่อรับผมไปอยู่ด้วย เพราะคำสั่งเสียของคุณแม่และความต้องการของคุณแม่บุญธรรม
   ผมได้มาอาศัยที่บ้านนั้นแต่แล้วก็มีปัญหาเข้ามาผมเลยเลือกที่จะถอยออกมาเพื่อไม่ให้พี่ชายที่ผมรักและคุณแม่คุณพ่อต้องลำบากใจจากการโดนบีบบังคับ ผมเลือกที่จะกลับมาที่จังหวัดบ้านเกิด
   ผมเริ่มต้นใหม่จากที่นี่ ที่ไร่สายลม
***********************************************************************
แค่กๆเอาเรื่องใหม่มาลงฉลองวันเกิด ฝากติดตามด้วยนะคะ
ตามนิยายได้ที่ เพจ letter123 นะคะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 08-05-2017 17:10:28
   “ร้อนชะมัด” ผมบ่นก่อนที่จะลากกระเป๋าเดินต่อไป ไอ้ไร่บ้านี่จะอยู่ลึกไปไหน ถนนมีแต่ถนนลูกรัง โคตรเจริญเลยครับ  พาล พาลมากกก นี่เดินมาหลายกิโลตั้งแต่ถนนใหญ่ยังไม่เห็นแม้แต่ป้ายไร่ ก้มหน้าก้มตาเดินไปซักพักเหมือนได้ยินเสียงรถ ผมรีบเงยหน้า ที่เห็นริบๆโน้นใช่รถใช่ไหม ผมหยุดเดินแล้วยืนรอโบกรถ รถขับมาใกล้ทำไมขับเร็วจังวะ ผมรีบยกมือขึ้นโบก ได้ผลครับ ฝุ่นเต็มหน้าผมเลยครับ
   “แค่กๆๆ” ผมไอจนน้ำตาเล็ด รถจอดไปไม่ไกลนักก่อนที่จะถอยกลับมา
   “จะไปไหนครับคุณ” ลุงขับรถ? ท่าทางใจดี
   “แค่กๆ ขอโทษครับ ผมขอติดรถไปที่ไร่สายลมได้ไหมครับ” ผมบอกลุงพร้อมกับไอเป็นซาวด์เอฟเฟค
   “พี่ชายจะไปทำอะไรที่ไร่สายลมอะฮับ” กระจกรถด้านหลังเลือนลงทำให้เห็นใบหน้ากลมตาโตน่าตาน่ารัก ของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
   “เอ่อพี่จะไปทำงานนะครับ พอดีพี่จะมาทำงานนะครับ” ผมตอบน้องด้วยความเอ็นดู
   “เอ๋ ลุงชิตครับไร่เรามีคนงานใหม่ล่ะ ผมสายชลนะครับ”น้องทำตาโตท่าทางดีใจที่มีคนงานคนใหม่
   “สวัสดีครับน้องสายชล พี่ชื่อวาทินครับ”
   “ขึ้นรถเลยครับคุณวาทิน ผมนึกว่าคุณถึงไร่แล้วนะครับ ผมว่าผมสั่งให้คนงานมารอรับแล้วนะครับ ปล่อยให้คุณเดินเข้ามาได้ยังไงตั้งไกล ไอ้เด็กพวกนี้ต้องสั่งสอนกันหน่อยแล้ว” ลุงชิตลงจากรถเดินอ้อมมาเก็บกระเป๋าให้ผม พร้อมกับบ่นยาวเหยียด นี่รถคนของไร่เหรอผมขึ้นนั่งเบาะหน้าพอลุงชิตขึ้นประจำที่ลุงก็ออกรถ ผมเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดฝุ่นออกจากหน้าตา
   “ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณวาทินที่ทำให้คุณลำบาก” ลุงซิดก้มหัวลงเล็กน้อย
   “โธ่ลุงครับไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่เป็นไรถือว่าเดินออกกำลังกาย” ผมรีบยกมือไหว้ลุงผมจะอายุสั้นไปก่อนนะสิ
   “พี่วาทินฮับ ผมพี่วาทินสวยจัง” น้องสายชลจ้องที่ผมของผมที่เป็นสีชา ไม่เป็นสีดำเหมือนคนเอเชียทั่วไป ทำให้ผมไม่แตกต่างเท่าไหร่ที่นิวซีแลนด์แต่ที่ไทยคงดูแปลกๆสินะ
   “ขอบคุณครับน้องสายชล น้องสายชลก็น่ารักครับ” ลุงชิตยกยิ้มแบบแปลกๆแล้วออกรถ ระหว่างทางไปที่ไร่น้องสายชลชวนผมคุยนุ่นคุยนี่ตลอดจนถึงทางเข้าไร่สายลม ขับมาตั้งนานพึ่งถึงทางเข้าไร่ ข้างทางเป็นไร่องุ่นที่กำลังออกผลผลิตอยู่ ว้าวววขับไปไม่นานก็เจอไร่ส้มที่กำลังออกดอกขาวสะพรั่ง
   “ที่นี่ปลูกส้มด้วยเหรอครับ” ผมหันไปถามลุงชิต เพราะตอนที่ผมหารายละเอียดไม่เห็นว่ามีส้มด้วย
   “ฮ่าๆครับตอนนี้คุณลมกำลังสนใจเรื่องส้ม ที่ไร่เราตอนนี้กำลังลงพืชใหม่หลายๆอย่างเลยละครับ คุณวาทินชอบส้มเหรอครับ” ไร่นี้น่าสนใจมากๆเลยละครับ
   “ผมชอบมากเลยครับ ที่ผมจากมาก็มีไร่ส้มเหมือนกันครับ” ผมว่าก่อนที่จะมองเข้าไปในไร่ส้ม ลุงชิตขับรถมาถึงบ้านไม้หลังใหญ่ ลุงจอดรถเสร็จน้องสายชลก็เปิดประตูรถวิ่งเปิดประตูรั้วบ้านเข้าไป นี่ผมต้องลงด้วยใช่ไหม 
   “คุณวาทินครับเดี๋ยวเข้ามารอนายที่บ้านนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวผมเอากระเป๋าคุณวาทินไปเก็บที่บ้านพักด้านหลังก่อนนะครับ” ว่าจบลุงชิตก็คว้ากระเป๋าผมเดินตัวปลิวไม่สนใจผมเลยชักนิด เฮ้อ ผมถอนหายใจก่อนที่จะเดินเปิดประตูรั้วเข้าไปด้านใน สวนหน้าบ้านที่ผมเห็นมันสวยน่ารักมาก
   “พี่วาทินครับเข้ามาในบ้านเลยครับ” น้องสายชลวิ่งมาจูงมือผมเข้าไปในบ้าน น้องพาผมมานั่งที่ห้องรับแขกก่อนที่จะหาน้ำมาให้ผม เด็กคนนี้น่ารักจริงๆผมนั่งรอในขณะที่น้องสายชลนั่งทำการบ้าน ไม่มีคนอยู่กับน้องเลยเหรอ
   “สายชลไม่มีคนอยู่ด้วยเหรอครับ” น้องส่ายหัวเป็นคำตอบ
   “ไม่มีหรอกฮะเพราะทุกคนยุ่งกันหมด อีกอย่างผมก็โตแล้วผมอยู่ได้ฮะ” ได้ยินน้องตอบแบบนี้ผมยิ่งสงสารน้อง น้องเหมือนผมสมัยเด็กๆตอนที่ย้ายไปที่โน้นใหม่ๆ
   “หิวไหมครับ” ผมถามเพราะนี่มันจะสี่โมงแล้วแถมเจ้าตัวเล็กก็เรียนมาทั้งวันน่าจะหิว
   “หิวนิดๆครับแต่รอกินพร้อมพ่อลมก็ได้” เด็กกำลังโตแท้ๆแต่ในบ้านไม่มีแม้แต่ขนมวางไว้เลย
   “พี่ทำอะไรให้กินดีไหมครับ” สายชลเงยหน้ามองผมตาวาว
   “พี่วาทินทำอาหารเป็นด้วยเหรอครับ”
   “เป็นครับ สายชลเรียกพี่ว่าพี่วาก็ได้ครับ” ผมบอกน้องให้เรียกชื่อเล่นก็น้องเล่นเรียกชื่อจริงที่ผมบอกแต่แรก
   “พี่วาเรียกผมว่าน้ำนะครับนะครับ ผมอยากกินครับพี่วาทำให้ผมกินน้า” น้ำกระโดดมานั่งข้างผมแล้วเขย่าแขนผม
   “ได้สิครับพาพี่ไปครับหน่อยสิ” พูดจบน้ำก็ลุกขึ้นจูงมือผมไปที่ห้องครัว........................ที่สะอาดมาก มากจนคิดว่าห้องนี้มีไว้ประดับไม่ได้มีไว้ใช้งาน อันดับแรกผมเปิดดูตู้เย็นก็ต้องประหลาดใจของสดเต็มตู้เลย
   “ปกติน้ำทานข้าวนี่ใครทำกับข้าวครับ”
   “ส่วนมากพ่อลมจะชื้อเข้ามาครับของในตู้เย็นนี่อาไม้ชื้อมาไว้ครับ แต่พ่อลมก็เอาไปให้พี่ๆที่ไร่ครับ” เอ่อ...บ้านนี้จะแปลกไปไหมครับ มีของสดในตู้แต่ไม่ทำกับข้าวกินเอง รึทำไม่เป็น?? ผมเลือกปัดทิ้ง เลยค้นเอากุ้งกะผักกาดหัวอวบออกมา   “พี่วา พี่วาจะทำอะไรให้น้ำกินอ่ะครับ” เจ้าตัวเล็กปีนขึ้นมายืนบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ มองผมอย่างสนอกสนใจ
   “น้ำครับนั่งลงดีๆเดี๋ยวตก พี่วาจะทำเกี๊ยวกุ้งน้ำให้น้ำทานเล่นก่อนและพี่ว่าจะทำข้าวเย็นไว้ให้น้ำด้วย โอเคไหมครับ” ยังไงคุณลมก็ยังไม่กลับเข้าบ้าน ต้องขออนุญาตในใจ  เจ้าตัวเล็กนั่งลงเรียบน้อยแล้วเริ่มมองผมจับโน่นทำนี่
   “ไม่เห็นมีแผ่นเกี๊ยวเลยนะครับ” น้ำทำหน้างงๆ
   “อ้อพี่จะเอาผักกาดมาทำแทนแผ่นเกี๊ยวนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินเอาผักกาดขาวลงต้มแล้วช้อนขึ้นมาแช่น้ำเย็นไว้ ก่อนจะแกะเปลือกกุ้งแล้วเอาไปโขลกกับรากผักชี พริกไทยนิดหน่อยให้ละเอียดแล้วตักใส่ถ้วยพักไว้ น้ำมองตามทุกการกระทำของผม ผมเลยคิดทำข้าวเย็นก่อน กับข้าวเย็นเรียบร้อยในเวลาไม่นาน
   “น้องน้ำครับ อยากช่วยพี่ไหม” ผมยกถาดผักและกุ้งบดที่เตรียมไว้มา น้องทำตาโต
   “ช่วยครับ น้ำอยากช่วย” น้องพยักหน้ารัวๆเหมือนตุ๊กตาติดหน้ารถ ผมขำก่อนที่จะนั่งลงข้างๆน้องพร้อมสอนน้องให้ม้วนผัก มีเด็กน่ารักๆแบบนี้ก็ดีนะ ปกติมีแต่พี่โยที่คอยสอนผมพอได้ดูแลผม พอได้สอนน้ำแล้วชักอย่างมีน้องแล้วสิ
   “พี่วาดูสิ สวยไหมครับ” น้องเรียกผมดูผักที่ม้วนเสร็จถึงมันจะดูเละไปหน่อย
   “เก่งมากเลยครับ” ผมเอ่ยชมเป็นกำลังใจ น้ำยิ้มร่าก่อนที่จะทำต่อ
   “น้ำจะทำให้พ่อลมด้วยได้ไหมครับ” ผมหัวเราะกับคำถามน้อง นี่บ้านตัวเองแท้คิดว่าผมเป็นเจ้าของอาหารสินะ
   “ได้สิทำไมจะไม่ได้นี่ของน้ำทั้งนั้นเลย”
   “ก็พี่วาเป็นคนทำ” น้องทำหน้ามุ่ย
   “โอ๋ๆน้ำทำให้คุณพ่อพี่ก็ไม่ว่าครับ” ผมห่อเสร็จอันสุดท้าย ผมยกผักที่ห่อเตรียมเสร็จแล้วไปต้มในน้ำซุป
   “น้ำมาล้างมือก่อนครับ” ผมเรียกน้ำมาล้างมือ
   “พี่วาน้ำไม่ถึง” น้องเค้าสูงถึงแค่ขอบอ่างล้างมือที่ตอนนี้น้องพยายามยืดมือให้สูง
   “เดี๋ยวพี่อุ้มนะครับ” ผมกำลังจะย่อตัวอุ้มน้องก็มีมือใหญ่ชิงอุ้มน้องขึ้นก่อน
   “เดี๋ยวผมอุ้มเอง” เสียงทุ้มบอกผมผมยืดตัวยืนเหมือนเดิม
   “พ่อลม!!”น้ำร้องอย่างดีใจ หันตัวจะไปกอดพ่อผมรีบห้ามน้องไว้ “น้ำครับยังไม่ได้ล้างมือเลยนะครับ” น้องชะงักก่อนจะยืดตัวไปล้างมือ ผมหันไปมองคนข้างที่มาถึงตอนไหนก็ไม่รู้ ร่างกายสูงใหญ่ที่ผมสูงเพียงแค่บ่าของเค้าเท่านั้นเอง ผิวสีแทนคล้ำแดดเหมือนคนที่ทำงานท่ามกลางแสงแดด ใบหน้าคมเข้ม ตาคมที่เหมือนมองทะลุทุกอย่าง
   “หน้าผมมีอะไรรึเปล่า” แย่ละผมมองเพลินเสียมารยาทจริงๆ
   “ขอโทษครับคุณลม” ผมรีบหันหน้าหนีก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ปิดแก๊สเลย ผมเดินไปดูเกี๊ยวในหม้อที่สุกพอดี ก็ปิดแก๊ส
   “น้ำกินเลยไหมครับพี่จะตักให้”
   “กินครับ พี่วาตักเลย ให้พ่อลมกับพี่วาด้วยนะครับ” น้องน้ำพวกเจื้อยแจ้วในอ้อมแขนของคุณลม
   “ผมขอโทษนะครับที่เข้ามาใช้ครัวโดยพละการณ์” ผมขอโทษคุณลม
   “เดี๋ยวฉันออกไปรอด้านนอกนะ” คุณลมพูดจบก็เดินอุ้มน้องน้ำไปที่โต๊ะกินข้าว นี่แปลว่าไม่ว่าอะไรหรือเปล่านะ ผมเดินถือถ้วยเกี๊ยวสองถ้วยไปที่โต๊ะทานข้าวน้ำนั่งเรียบร้อยบนเก้าอี้
   “นี่ครับน้ำ” ผมวางถ้วยลงตรงหน้าทั้งสองคนก่อนที่จะถือวิสาสะนั่งลงข้างๆน้ำ    
   “อร่อยไหมครับ” ผมหยิบทิชชู่เช็ดมุมปากให้น้ำ
   “อือออร่อยมากๆเลยครับ” น้ำพนักหน้ารัวๆราวกับกลัวว่าผมไม่เชื่อ ผมคอยดูแลน้ำจนลืมไปว่ามีคนคนที่นั่ง แถมยังเป็นเจ้านายผมซะอีก นึกได้ก็เมื่อน้ำกินเสร็จแล้วขอไปทำการบ้านแล้ววิ่งปรูดขึ้นห้องแถมยังกำชับผมว่าอย่ากลับไปก่อนเดี๋ยวจะรีบลงมา ตอนนี้ก็เหลือเพียงผมกับเจ้านายและความเงียบ.............
   “ขอโทษนะครับที่เข้ามาโดยพละการแถมยังใช้ห้องครัวอีก” ผมไหว้ขอโทษคุณลมที่ยังนั่งนิ่ง “เอ่องั้นผมไปก่อนนะครับ” อยากจะหนีจากบรรยากาศที่มันอึดอัดแบบนี้
   “พรุ่งนี้ฉันจะสอนงานให้คุณก็กลับไปพักผ่อนก่อน” หืม ผมมองหน้านิ่งๆของคุณลม จะลงมาสอนงานผมเองเหรอ
   “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมยกมือไหว้ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายก่อนที่จะนึกได้เลยหันกลับไปบอก “อ้อ ผมทำกับข้าวไว้ในครัวนะครับ” ว่าแล้วก็เดินออกจากบ้านหันซ้ายหันขวาลุงชิตบอกว่าอยู่ด้านหลังผมเดินอ้อมบ้านหลังเล็กทั้งที่มีไร่เป็นร้อยๆแต่บ้านเจ้าของกลับเล็กๆน่ารักน่าอยู่ ซึ่งผมชอบมากเหมือนบ้านผมที่โน่นเลย เดินอ้อมไม่เท่าไหร่ก็เห็นบ้านพักเล็กๆเปิดไฟอยู่มีคนกำลังกวาดหน้าบ้านอยู่
   “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้คุณป้า
   “อ่าวคุณที่ตาชิตบอกใช่ไหมมาๆ เหนื่อยไหม” ป้ากวักมือเรียก ผมรีบเดินเข้าไปหา ป้าแกยื้นพวกกุญแจให้
   “นี่กุญแจบ้านนะคะคุณ ป้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วดีใจจริงๆที่หัวหน้าบัญชีคราวนี้เป็นผู้ชาย คงจะอยู่ด้วยกันได้นาน ป้าพูดมากไปล่ะ เดี๋ยวป้าไปก่อนตาชิตรอป้ากินข้าวอยู่” และป้าก็หันหลังเดินไวๆลับตา ยังไม่ทันได้ถามชื่อป้าเลยน่าจะเป็นเมียของตาชิต แต่กุญแจอะไรบ้างเนี้ย ผมส่ายหัวก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ด้านในมีเพียงเตียงหลังหนึ่งที่ไม่ใหญ่มาก ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ทีวี ห้องน้ำ เป็นบ้านที่น่าอยู่ทีเดียวเชียวล่ะ รื้อกระเป๋าลวกๆแล้วเดินเข้าห้องน้ำ สายน้ำเย็นฉ่ำช่วยคลายอาการเหนื่อยล้าได้ดี ผมจะเริ่มชีวิตใหม่ที่นี่!!
   คล้อยหลังผู้ช่วยคนใหม่เจ้าลูกชายของเค้าก็วิ่งตึงตังลงมา
   “พี่วา พ่อลมมมพี่วาล่ะ” มองหน้าเจ้าน้ำที่ทำไมพึ่งเจอแต่ก็ติดเขาแจขนาดนั้น
   “ให้ไปพักแล้วจะติดใจอะไรขนาดนั้นห๊ะลิง”
   “งืออพี่วาน่ารัก”
   “พอๆไปอาบน้ำได้แล้วเจ้าน้ำ” ผมยีหัวเจ้าลิงแรงๆก่อนจะไล่ไปอาบน้ำเจ้าลิงทำหน้ามุ่ยแก้มยุ้ยก่อนจะเดินขึ้นห้อง ได้แต่ส่ายหัวแรงๆปกติเจ้าลิงเนี้ยไม่ได้ติดใครง่ายขนาดนี้นะทำให้ผมแปลกใจที่แค่เจอหน้าเจ้าลูกลิงก็เหมือนจะถูกชะตาอย่างหนัก ได้แต่สายหัว เดินเข้าห้องครัวที่ดูว่ามีการผ่านการใช้งานแต่ก็ดูเรียบร้อย ผมเปิดดูอาหารที่คนงานใหม่บอกว่าทำไว้ให้ ผัดผักรวมที่มีผักหลากสีหั่นเต๋าดูน่ากิน รู้เลยว่าไม่ได้ทำเพื่อผมแต่เพื่อไอ้ลิงน้อย ในหม้อมีพะแนงหมูสีน่าทาน อืม มีฝีมือจริงๆ คงต้องรอดึฝีมือทำงานด้วยสินะ
   “โอ้ กลิ่นหอมจังพี่ ใครทำชื่นเหรอ” ไอ้ไม้ที่พึ่งกลับจากโรงงานในตัวเมือง ชะโงกมาหยิบผัดผักไปชิม
   “ผู้ช่วยใหม่”
   “ดีจังนะ จ้างผู้ช่วยใหม่ ได้พ่อครัวมือดี โอ๊ยอร่อยเว้ย ตักเผือผมด้วยพี่” เออดีมีอะไรก็ใช้แต่กู 
   “ก็ต้องดูด้วยว่าทำงานดีไหม จบมาตรงสายแต่จะเอางานเอาการไหมนั่นอีกเรื่องหนึ่ง” วุฒิที่ส่งให้มาเป็นวุฒิปวชจบบัญชีเห็นว่าเป็นผู้ชาย คงจะดีกว่าผู้ช่วยที่แล้วๆมา
   “น่าๆได้ผู้ชายก็ดีแล้วพี่ จะได้ไม่ปวดหัว” ไอ้ไม้ยักไหล่นิดๆก่อนจะตักข้าวกินเหมือนหิวโหย
   “ตายอดตายยอยากมาแต่ไหนวะ ไม่รอไอ้ลูกลิงเดี๋ยวมันก็โวยวาย” ยังไม่ทันขาดคำน้ำก็วิ่งลงมา
   “อาไม้ทำไมไม่รอน้ำ น้ำโกรธอาไม้แล้ว” ผมมองหน้าไอ้ไม้ กูบอกมึงแล้ว
   “โอ๋ๆๆ อาไม้ขอโทษกับข้าวอร่อยมากกกก อาไม้หิวมากกก” ไอ้ไม้ทำท่าทางหิวเหมือนคนจะตาย
   “พี่วาทำอร่อยใช่ไหมล่ะ พี่วาทั้งใจดี ทั้งสวยแถมทำอาหารอร่อยอีก” จะโฆษณาพี่รักคนใหม่เกินไปไหม ไม้ทำหน้างงๆผมส่ายหน้าเชิงว่าไม่รู้เหมือนกันที่จู่ๆทั้งอาทั้งพ่อหมาหัวเน่าไปเรียบร้อย
*****************************************************
เสิร์ฟตอนแรก นะคะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 08-05-2017 20:16:31
เอาอีกๆสนุกดีชอบ o13
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 08-05-2017 20:38:40
ขออีกๆๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 08-05-2017 20:39:42
ึน่าหนุกกก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-05-2017 21:27:29
ชอบๆๆๆ นายเอกแบบนี้นะ
ดูเอาการเอางาน มีความสามารถหลายอย่างด้วย
แึ่ทำอาหารอร่อยก็ได้น้ำลาย เอ้ย ได้ใจคนอ่านไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 2 13/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 13-05-2017 19:10:20
ผมตื่นขึ้นมาตอนกลางดึกถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่ตอนนี้เวลาที่โน้นมันก็ตอนกลางวันร่างกายยังปรับไม่ทันจริง เลยต้องมานั่งเปิดไฟอ่านหนังสือเล่นอยู่ จนตีห้าลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะออกไปเดินออกกำลังกาย ก็ในเมื่อวันนี้จะเริ่มทำงานแล้ว ขอสำรวจก่อนนะ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง อ่า...อากาศดีจริงๆ
   “อ่าวคุณวาทิน ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ” ผมหยุดวิ่ง เมื่อเสียงเรียกดังมาจากไร่องุ่น
   “สวัสดีครับลุงชิด ลุงก็ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ” ก้าวเท้ายาวๆไปหาลุงชิดที่ก้มๆเงยๆอยู่
   “ฮ่าๆๆ ลุงก็ตื่นเช้าปกติ”
   “ผมแค่ยังไม่ชินเลยตื่นเช้านะครับ ลุงทำไรอยู่นะครับ”
   “อ้อลุงมาใส่ปุ๋ยก่อนที่จะรดน้ำนะ” ผมมองกระสอบปุ๋ยที่กองอยู่ด้านหลัง
   “เดี๋ยวผมช่วยครับ” ผมลากกระสอบปุ๋ยคอกไปโรยใส่อีกแถว ตอนอยู่ที่บ้านผมก็ช่วยงานแบบนี้ประจำเลยรู้ว่าต้องทำยังไง อ่าว่าไปแล้วก็คิดถึง
   “บ้านคุณวาทำสวนเหมือนกันเหรอครับ ดูคล่องนะครับ”
   “เอ่อ............ครับ” มือเรียวชะงัก
   “อยู่แถวไหนล่ะครับ”
   “เอ่ออยู่ที่จันทบุรีนะครับ แต่ไม่ใช่ไร่องุ่นแบบนี้หรอกนะครับ”
   “แล้วทำไมคุณวามาทำงานไกลถึงที่นี่ละครับ”
   “เอ่อ พอพ่อแม่เสียไร่ก็เสียไปด้วยนะครับ”
   “แย่จริงๆนะครับ” ผมยิ้มก่อนที่จะหันไปสนใจงานในมือต่อ ผมพูดความจริงๆไม่หมดใช่เรื่องที่ผมเคยอยู่จันทบุรี มันก็แค่ตอนที่ผมหกขวบ แถมผมก็ไม่ได้แจ้งตอนสมัครงานด้วยว่าผมอยู่ที่นิวซีแลนเขียนไปว่าอยู่ที่จัน ดีจริงที่นี่ไม่ได้ล้วงลึกมากผมเลยรอดมาได้ แถมได้ที่พัก ได้งานทำ ได้ทำงานที่ไหนดีเท่านี้แล้ว
   “เสร็จสักที คุณวาไปอาบน้ำเดี๋ยวไปกินข้าวบ้านลุงนะ” ผมรับคำก่อนที่จะพับกระสอบเก็บไว้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินกลับบ้าน นี่ก็เจ็ดโมงเช้าแล้วได้เหงื่อดีชะมัด หลังจากอาบน้ำผมก็เดินไปบ้านลุง
   “อ่าวมาพอดีลุงกำลังจะไปตามอยู่เลยมาๆๆ” ผมถอดรองเท้าเดินเข้าไปนั่งที่เสื่อ ที่มีอาหารเหนือวางอยู่แต่ล่ะอย่างนี่ผมไม่ได้กินมานานแล้ว
   “กินได้ไหม ป้าทำไม่เผ็ดนะเผือหนูกินไม่ได้”
   “ได้ครับ” ผมรับจานข้าว เป็นมื้อเช้าที่อร่อยมากเลยทีเดียวเขาถึงกับเติมข้าวอีกรอบ หลังจากตื้อช่วยป้าล้างจานเสร็จผมก็เดินไปรอหน้าบ้านคุณลม
   “พี่วา” เสียงร้องมาก่อนที่ตัวป้อมจะพุ่งมา จนผมต้องรีบอ้าแขนรอรับ
   “วิ่งมาเดี๋ยวก็ล้มหรอกครับ”
   “พี่วาเมื่อคืนนะ อาไม้กลับมาก็แย่งกับข้าวน้ำกิน” ยังไม่ได้ทันทำอะไรเจ้าตัวป้อมก็ฟ้องผมว่าอาไม้แย่งข้าวกิน เด็กน้อยเอ้ย
   “น้อยๆหน่อยไอ้ลูกลิง เดี๋ยวนี้เป็นเด็กขี้ฟ้องเหรอ” เงยหน้าขึ้นก็เจอคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายคุณลม คุณไม้เหรอ??
   “ไม่ได้ฟ้อง น้ำแค่เล่าให้พี่วาฟัง”
   “อ้อเหรออออ สวัสดีครับผมไม้นะ กับข้าวเมื่อคืนอร่อยมากเลยล่ะ”
   “สวัสดีครับ ดีใจที่ชอบนะครับ”   
   “ไปได้แล้วไอ้ลูกลิง ถึงโรงเรียนสายอาไม่รู้ด้วยนะ” คุณไม้ก้มลงพูดขู่ลูกลิงที่ยังกอดผมแน่น น้ำทำหน้ายู่
   ฟอด
   “น้ำไปโรงเรียนก่อนนะครับ” น้ำยืดตัวหอมแก้มผมก่อนที่จะยิ้มร่า
   “หึๆ ตั้งใจเรียนนะครับ” ลูบหัวทุยเบาๆก่อนที่จะหอมแก้มยุ้ยคืน  น้ำวิ่งตามคุณไม้ก่อนที่จะออกยังไม่วายโบกมือลาผม
   “ท่าจะติดนายน่าดู” เสียงทุ้มที่จู่ๆก็โผล่มาข้างหลัง
   “งั้นเหรอครับ ผมอาจจะดูเหมือนเด็กมั้งครับ” ดวงตาคมจ้องมองคนที่ว่าตัวเองเด็กแต่ไม่ได้ว่าอะไร
   “งั้นไปที่สำนักงานก่อน” ผมรับคำก่อนที่จะเดินตามร่างใหญ่ที่ใส่ชุดทะมัดทะแมง ไปที่สำนักงานที่ตั้งอยู่ไม่ไกล คุณลมไขกุญแจเดินนำผมเข้าไปภายในสำนักงานไม่มีอะไรมาก มีเพียงโต๊ะคอมสองตัว
   “เดี๋ยวนายทำงานโต๊ะนี้นะใช้คอมได้ใช่ไหม”
   “ได้ครับ”
   “ดี งานนายส่วนมากจะเป็นคีย์ข้อมูลบัญชีกับเงินเดือนคนงานในไร่ มันจะยุ่งยากแค่ช่วงสิ้นเดือน เดี๋ยวฉันจะให้คนมาช่วยส่วนปกติ ถ้าว่างก็ช่วยงานอื่นๆล่ะนะ” อ้ออ หน้าที่ผมมันก็คงวุ่นวายแค่สิ้นเดือนสินะ ผมพยักหน้าตอบ
   “วันหยุดก็เสาร์อาทิตย์ มีข้อห้ามเดียวคือห้ามหยุดช่วงสิ้นเดือน ถ้าจะเข้าเมืองก็ทุกวันศุกร์พวกคนงานจะเข้าไป มีอะไรจะถามไหม”
   “ไม่มีครับ วันนี้จะให้ผมทำอะไรครับ” ง่ายจะตายไปวันหยุดก็คงไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว
   “ช่วยเคลียงานค้างที่คนเก่าทิ้งไว้ที” มือหนาชี้ไปทางกองบิลที่เหมือนจะทับถมกันมาหลายอาทิตย์ คุณลมแนะนำนิดหน่อยพอเห็นว่าผมเข้าใจก็ปล่อยให้ทำคนเดียว นั่งคีย์บิลไปเรื่อย ส่วนคุณลมบอกทิ้งแค่ว่าเข้าไร่ก็หายไปเลย
   แกร๊ก
   “ลมขา” เสียงแหลมแสบแก้วหูทำให้ผมต้องเงยหน้าจากคอม แม่เจ้า นั่นซักเสื้อจนเสื้อหดเหรอ
   “นายเป็นใคร คุณลมอยู่ไหน” ผมยังอึ้งกับสภาพเสื้อหด ก็โดนยิงคำถาม
   “เอ่อ..”
   “โอ๊ย นี่ฉันถามหูหนวกหรือเป็นใบ้ยะ คุณลมอยู่ไหน!!” จัดหนักจัดเต็ม ขี้หูเต้นระบำเลยทีเดียว
   “คุณลมบอกว่าเข้าไร่นะครับ”
   “ย่ะ ก็แค่นี้ไม่ได้เรื่องจริงๆ” แล้วคุณเธอก็กระแทกส้นสูงเดินออกไป อ่าเป็นคนที่ไปเร็วมาเร็วจริงๆ ได้แต่ส่ายหัว นั่งคีย์บิลไปได้อีกสี่ห้าใบ
   “คุณลมอยู่ไหน” เอ่อ
   “อยู่ในไร่ครับ” พูดจบก็ก้าวฉับๆเดินออกจากสำนักงานไป เห็นทีเจ้านายของเขาจะเสน่ห์แรงไม่เบา ช่างเถอะไม่เกี่ยวกับเขาซักหน่อย คีย์จนเสร็จก็เห็นว่าเย็นพอสมควรนี่ทำงานจนลืมเวลากินข้าวเลยเหรอ ลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะเซฟงานปิดคอม เดินออกจากสำนักงานล็อกกุญแจที่คุณลมทิ้งไว้ให้เรียบร้อย  คิดว่าคงกลับไปนอนเพราะตาเขาล้าจริงๆ
   “พี่วา” เสียงหงอยๆเรียกผม เจ้าตัวป้อมนั่งบนชิงช้า คงอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้วสินะ
   “ว่าไงครับคนเก่งทำไมมานั่งหงอยอยู่ตรงนี้ครับ”
   “ไม่มีใครอยู่ พ่อลมยังไม่ออกมาจากไร่ อาไม้ก็ยังไม่กลับ น้ำหิ๊วหิว” ทำท่าลูบพุงน้อยประกอบแถมยังทำหน้าตาละห้อยเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆอีก
   “ครับๆยอมแล้วครับ ป่ะเดี๋ยวพี่ทำไรให้กิน” ลูกหมาที่ทำตาละห้อยหายไปแล้วมีก็แต่ลูกลิงที่วิ่งแจ้นเข้าบ้านแถมยังเร่งให้ผมเดินตามอีก
   “จะกินอะไรดีครับ”
   “อืออ น้ำคิดไม่ออกอ่ะครับ อยากกินอะไรหวานๆ” ผมมองพุงน้อยๆกินหวานๆ
   “ถ้ายังกินหวานๆอีกหน่อยน้องน้ำคงจะได้กลิ้งไปแล้วล่ะ” เท่านั้นแก้มยุ้ยก็พองลม ฮ่าๆๆ น่ารักจริงๆ ผมเลิกแกล้งลิงน้อย ก่อนที่จะทำไก่ม้วนแตงกวาและแครอทให้เจ้าลิงที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ทันทีที่เห็นแครอทก็ทำหน้ายี้
   “ง่า พี่วา พี่วา น้ำไม่กินแครอทได้ไหม”
   “งั้นก็ไม่ต้องกินทั้งหมดนะครับ” ผมยึดเอาจานกลับมา
   “อืออ ก็มันไม่อร่อย”
   “เอ๋ ไม่เชื่อใจฝีมือพี่เหรอ ว้าพี่เสียใจจัง” ผมทำหน้าเศร้า “คำเดียวนะครับ” ผมต่อรอง มือป้อมหยิบเอาไก่ม้วนเข้าปาก แล้วทำตาโต
   “อู้วววอร่อย” เท่านั้นล่ะเหมือนไอ้ที่ทำไว้เต็มจานจะหายไป ผมแอบขำ เด็กๆก็แบบนี้ล่ะกินผักสดๆจะกลัวที่จะกิน แต่พอได้กินแล้วชอบ นี่ยังเป็นวิธีเบาๆของผมนี่แทบโดนแครอทยัดปากแล้วบังคับให้กิน นึกถึงแล้วขนลุก ผมมองการบ้านที่กองไว้
   “เลิกกินได้แล้วครับเดี๋ยวก็กินข้าวเย็นไม่ได้กันพอดี” ผมแย่งเอาจานกลับมา ลูกลิงทำตาละห้อย ก่อนจะหันมาทำการบ้านต่อ ผมคอยสอนตรงที่น้ำชะงักแล้วปล่อยให้ทำต่อเอง
   “ทำอะไรกันอยู่”
   “ทำการบ้านอยู่พ่อลมก็เห็น”
   “กวนนะไอ้ลูกลิง” มือใหญ่ขยี้หัวแรงจนผมกลัวว่าคอจะหัก ร่างใหญ่ทรุดลงนั่งข้างผมก่อนที่จะหยิบไก่ม้วนเข้าปาก
   “พ่อลมนิสัยไม่ดี ไม่ล้างมือ”
   “พ่อล้างแล้วเหอะอย่ามาทำรู้ดี” คุณลมชูมือขึ้นทำท่าจะเขกหัวเจ้าน้ำก็โวยวาย
   “พี่วา ช่วยน้ำด้วยพ่อลมจะตีน้ำ” น้ำแอบหลบหลังผมแถมยังแลบลิ้นใส่คนเป็นพ่ออีก
   “ใช่สิเดี๋ยวนี้มีคนหนุนหลังเดี๋ยวเหอะ” คุณลมว่าแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเพียงแต่นั่งกินอย่างเดียว
   “ไอ้นี่อร่อยดีนะ เก่งนะทำให้ไอ้ลูกลิงกินผักได้” คุณลมพูดขึ้นลอยๆทั้งที่ตั้งหน้าตั้งตากิน
   “อ้อ ต้องใช้ทริกนิดหน่อยนะครับ” ตาคมชำเลืองมองมาก่อนที่จะหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้า
   “คราวหน้ถ้ามีคนมาถามหาฉันบอกไปเลยว่าเข้าตัวเมือง”
   หืม
   “มันวุ่นวาย ฉันทำงานไม่ได้” ก็บอกว่าไม่ต้องมายุ่งก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ ผมได้แต่พยักหน้ารับนี่เหมือนเป็นงานเลขาเลยเนอะ
   “ฝากดูแลแปบฉันไปอาบน้ำก่อน” เออดีนะบ้านนี้ไว้ใจคนง่ายดี
   “ครับ” นั่งเล่นไปดูการ์ตูนไป
   “ไอ้ลูกลิงงงงง อากลับมาแล้ววววววววว” ผมสะดุ้งกับเสียงโวยวายที่มาพร้อมกับร่างหนาที่พุ่งเข้ามาฟัดหลานจนผมต้องหลบไปอยู่อีกฝั่ง   
   “คุณไม้มาก็ดีเลยครับผมว่าจะขอตัวไปอาบน้ำก่อน”
   “ได้เลยครับแต่ผมอยากขอรบกวนคุณวา กลับมาทำกับข้าวให้ได้ไหมครับ”
   “เอ๋ ปกติก็มีคนทำให้ไม่ใช่เหรอครับ”
   “ชื่นหนีไปกับผัวแล้วครับ เห็นแก่เด็กตาดำๆกับผมที่หิวโหยม๊ากมากเถอะครับ” รู้แล้วว่าไอ้ท่าทางอ้อนนี่ได้มาจากใคร ก็คุณไม้เล่นล้มตัวนอนบนโซฟาก่อนที่จะทำหน้าละห้อย
   “งั้นเดี๋ยวผมกลับไปอาบน้ำก่อนล่ะกันครับ” คุณไม้โบกไม้โบกมือก่อนที่จะกลับไปฟัดหลาน  ผมเดินกลับบ้านก่อนที่จะรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินไปบ้านคุณลม เหมือนหน้าที่ผมจะเพิ่มขึ้นเยอะเลยนะครับเนี้ย กลับมาทั้งสามคนก็อาบน้ำเรียบร้อยนั่งเล่นกันที่โซฟา
   “งั้นผมขอใช้ครัวนะครับ” ผมเดินเข้าครัวที่สภาพสะอาดเรียบร้อย เปิดตู้เย็นมองดูของแน่นขนัดตู้ ต่อให้ลี้ภัยยังอยู่ได้เป็นเดือน หยิบของที่ต้องการใช้ออกมากองข้างนอกเรียบร้อย
   “ให้ช่วยอะไรไหม”
   “เอ่อคุณลมกับข้าวเป็นด้วยเหรอครับ”
   “หือ ไม่เป็น แต่พอหั่นผักได้ล่ะกันน่า” มั่นใจขนาดนั้นยกผักให้ทั้งหมดเลยละกันนะ ส่วนผมก็ลงมือหั่นเนื้อหมู โขลกพริกกระเทียม พอหันกลับไปดูผลงาน
   “ฮ่าๆๆ คุณลมนี่คุณหั่นแล้วจริงๆใช่ไหม” ผมขำทันทีเมื่อเห็นสภาพผักที่ยาวบ้างสั้นบ้าง แอบเห็นบางก้านถูกทิ้งไปอยู่ก้นถังขยะ
   “นี่ขำเกินไปแล้ว แม่งรู้งี้ไม่น่าช่วยเลยกู” ผมแอบเห็นใบหูแดง สามคนนี้มีชีวิตรอดมาได้ไง แค่หั่นผักยังไม่รอดเลย
   “ครับ ผมว่าคุณลมไปรอด้านนอกดีกว่านะครับ” ผมดันหลังคนที่ยังยืนกรานที่จะช่วย พอไม่มีคนเกะกะแล้ว ผมก็เริ่มผัดคะน้า ต้มแกงจืดอีกเตา และทำไข่เจียวเพิ่มอีกอย่างน่าจะพอนะ
   “เสร็จแล้วนะครับ” เท่านั้นล่ะทั้งคุณไม้คุณลมต่างพุ่งเข้ามาช่วยถือไปที่โต๊ะทานข้าว
   “ในที่สุดท้องผมก็ได้รับการเติมเต็มพี่ลมขอข้าวเยอะ”
   “สั่งกูได้ตลอด” ถึงจะบ่นคุณลมก็ตักจนพูนจาน และตักข้าวให้ทุกคน
   “ขอบคุณครับ”
   “พี่ลมสวนส้มที่พี่ลงมันไม่มีปัญหาเหรอ” ผมนั่งกินเงียบๆกับน้องน้ำ ปล่อยให้สองพี่น้องคุยงาน
   “พี่ก็เห็นว่ามันไม่มีปัญหาอะไร”
   “ที่ตรงนั้นไอ้เฉลิมมันอยากได้ไม่ใช่เหรอ”
   “แต่กูไม่ขาย”
   “แต่พี่ก็ยังให้ลูกสาวเขาเข้ามาวอแวด้วย ครั้งที่แล้วลูกน้องพี่ถึงขั้นลาออกเลยนะ” ผมเห็นคุณลมเงียบไป
   “กูไม่อยากมีปัญหานะไอ้ไม้ แต่ถ้ามันเกินไปกูก็จะยอมแลกเหมือนกัน”
   “คุณวาทำกับข้าวอร่อยมากเลยนะครับเนี้ย”
   “งั้นต่อไปก็มาทำให้ทุกวันได้ไหม จะจ่ายค่าแรงต่างหาก”
   “ไม่ต้องครับผมเต็มใจทำให้แค่เงินเดือนกับที่พักผมก็เกรงใจอยู่แล้ว”
   “วา วาเป็นพ่อพระมาโปรดพวกเราเลยจริงๆ” ผมหลุดขำกับอาการโอเวอร์ของคุณไม้
   “ดีเลย น้ำจะได้เล่นกับพี่วาทุ๊กกกกวันเลย” อดใจไม่ไหวจนบีบแก้มยุ้ยแรงๆ
   “นายต้องลำบากหน่อยนะ ไอ้ลูกลิงเนี้ยเกาะนายแน่นแน่นอน”
   “ฮ่าๆไม่เป็นไรครับ ผมชอบอยู่กับน้ำ” เท่านั้นล่ะเจ้าตัวป้อมยิ้มจนแก้มแตก
   “ขอบคุณนะ” ผมได้แต่เอียงคอทำหน้างงเมื่อจู่คุณลมก็บอกขอบคุณ หลังจากที่กินเสร็จสองพี่น้องก็อาสาล้างจาน ผมกับน้องน้ำเลยนั่งดูรายการทีวี โดยที่ผมลุ้นวาจะได้ยินเสียงจานตกแตกรึเปล่า จนแล้วจนรอดก้ไม่ได้ยินถ้าทางจะเชี่ยวชาญด้านการล้างจาน กินข้าวเสร็จแล้วนั่งโซฟาดูทีวีทำให้ผมอดคิดถึงตอนที่อยู่ที่โน้นเลยจริงๆ และคืนนี้ผมก็ไม่ได้กลับเมื่อเจ้าน้ำตื้อจนผมใจอ่อนยอมนอนด้วย
   “ไอ้ลูกลิงนั่นติดวาแจเลยนะ” ไอ้ไม้พูดขึ้นลอยๆ
   “นั่นสิก็คิดอยู่ว่าจะติดเกินไปไหม” เขาได้แต่งงเพียงแค่สองวันเจ้าลูกลิงก็ตื้อให้ไปนอนด้วย หรือเขาจะสนใจลูกน้อยเกินไป การที่เขาเกิดมามันเป็นของขวัญเดียวที่วิเศษสุดในชีวิตของผม ผมกับน้องชายร่วมกันพลิกฟื้นขึ้นมาจนกลายมาเป็นไร่ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด
   “ว่าแต่วาก็น่ารักน้า ทำงานก็เก่ง ทำอาหารก็อร่อย แถมยังใจดีไม่เรื่องมาก” ผมเหล่ตามอง
   “หมายความว่ายังไง”
   “อืมจะว่าไงดี เจ้าลูกลิงอาจจะเห็นว่าวาเหมือนแม่ล่ะมั้ง”
   ห๊ะ
   แม่งั้นเหรอ
   หมอนั่นมันผู้ชายนะ ไม่ได้มีหน้าอกตูมๆแถมยังมีไอ้นั่นเหมือนเขาอีก ถึงจะน่ารักก็เหอะ หมอนั่นมันผู้ชายนะ!!!??

**********************************************************************
นี่มันนิยายทำอาหารชัดๆ
จริงๆคนเขียนก็ชอบนะคะ ชอบใช้น้องชายทำให้กิน
ฮ่าๆๆๆ น้องชายเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน ใช้ตัวอย่างจากคนใกล้ตัวสุดๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเม้นนะคะ
เป็นกำลังใจที่ดีมากเลย รักนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 2 13/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 13-05-2017 23:28:06
มาต่อบ่อยๆนะตัวเอง ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 2 13/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: คุณจัตวา ที่ 14-05-2017 09:24:04
 :hao6:t   ชอบมากมาย   ขอบคุณที่แต่งจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 2 13/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-05-2017 12:29:09
ฟิลกู๊ด
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 2 13/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-05-2017 14:46:53
ตามต่อ ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 3 19/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 19-05-2017 17:16:40
กิจวัตรประจำวันผมไม่มีอะไรมาก ตื่นแต่เช้ามืดออกไปวิ่งและไปกินข้าวบ้านลุงชิดสายหน่อยก็ไปรายงานตัวกับเจ้าลูกลิงที่ต้องหอมแก้มเขาก่อนไปโรงเรียนก่อนจะเข้าไปสำนักงานเคลียร์บิลตอนเช้า ส่วนสายหน่อยก็เข้าไร่ไปกับคนงาน ผู้คนที่นี่ทำให้ผมอุ่นใจเหมือนอยู่บ้านทั้งใจดีและอบอุ่น
   “คุณวาเจ้า พ่อเลี้ยงเปิ้นเอิ้นนะเจ้า” หือ นิ่งคิดคำแปลบางคนที่นี่ไม่พูดภาษากลางซึ่งทำให้ผมงงเป็นบางคำ มือที่กำลังเก็บองุ่นหยุดก่อนที่จะวางตระกร้ากรรไกร แล้วเดินไปที่รถโฟร์วิลที่จอดอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
   “คุณลมมีอะไรเหรอครับ”
   “นายไม่มีโทรศัพท์หรือไง” ร่างใหญ่ได้แต่ถอนหายใจเมื่อเขาตามหาผู้ช่วยที่ต้องตะเวรตามถามทุกคนในไร่ กว่าจะเจอ
   “ผมยังไม่ชื้อเลยนะครับ มีงานด่วนเหรอครับ”
   “ขึ้นรถไปกับชั้น ไอ้ลูกลิงมีปัญหา” เท่านั้นล่ะ ร่างบางรีบเปิดประตูขึ้นรถโดยทันที่ ตั้งแต่มาที่นี่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลงมาในเมือง คุณลมขับรถด้วยความเร็วที่ผมต้องกำสายเบลล์แน่น ตลอดการลงเขาเหมือนขึ้นรถไฟฟ้าเหาะ เขาได้เกร็งไปตลอดทางจนถึงโรงเรียนใหญ่ในตัวอำเภอ คุณลมก็รีบเดินลงจากรถ เขาได้แต่รีบวิ่งตาม ทำไมเดินเร็วอย่างนี้นะ ได้แต่อนาทใจที่ตัวเองขาสั้นได้แต่วิ่งตามทั้งที่อีกคนแค่เดินเร็ว
   “พ่อลม!!! ฮืออออออออออออออ” ทันทีที่คุณเปิดประตูห้องพักครูเข้าไป ร่างป้อมก็พุ่งเข้ามากอดแน่นก่อนที่จะร้องไห้โฮ
   “เกิดอะไรขึ้นครับครู”
   “เอ่อ...... เดี๋ยวรอผู้ปกครองอีกคนก่อนนะครับ” คุณครูมีท่าทีลำบากใจเมื่อมองไปยังเด็กอีกคนที่ริมฝีปากเล็กยังมีรอยช้ำอยู่เลย เจ้าตัวป้อมยังคงร้องไห้โฮอยู่บนบ่าคุณลม ซักพักแม่ของเด็กอีกคนก็เดินเข้ามา เสียงรองเท้าสั้นสูงที่ดังกระแทกพื้นทำให้เดาได้ไม่อยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น
   “เกิดอะไรกับลูกชั้น ไหนลูกไอ้อีที่ไหนกล้ามาต่อยหน้าลูกชายฉัน” ร่างเพรียวในชุดสีแดงแจ๊ด
   “เอ่อ....คุณแม่ครับใจเย็นๆก่อนนะครับ”
   “หุบปาก จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไง ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” เสียงแว้ดๆ ลั่นห้องพักครู ทำให้ผมปวดหูจริงๆ ผมเลยเดินไปสะกิดไหล่กว้าง
   “เดี๋ยวให้น้องไปอยู่ข้างนอกกับผมดีกว่าครับ” อยู่ในนี้ก็มีแต่จะทำให้น้ำร้องไห้หนักยิ่งขึ้น ยิ่งคุณแม่ตะโกนเสียงดัง น้ำยิ่งร้องไห้เพราะตกใจ คุณลมมองหน้าผมนิ่งก่อนจะพยักหน้า
   “น้องน้ำครับ คนเก่งไปกับพี่วาก่อนนะ” ผมกล่อมเด็กน้อยที่ยังร้องไห้จ้าอยู่บนไหล่พ่อ เจ้าตัวป้อมเงยหน้ามองผม ดวงตากลมโตที่ตอนนี้แดงก่ำ แก้มป่องเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ผมรู้สึกสงสารน้องจริงๆ น้ำโผเข้าหาผมก่อนทีจะคอผมแน่น ร้องไห้ต่อ ผมเดินหนีออกจากห้อง ยังได้ยินเสียงแว้ดๆตามหลังมา
   “นี่ไอ้เด็กนั่นใช่ไหมที่ต่อยหน้าลูกชายฉัน” ลมมองคนที่โวยวายนิ่ง คุณครูประจำชั้นทำสีหน้าหนักใจ
   “เกิดอะไรขึ้นครับครู” ผมเลิกสนใจคนที่ยังๆตะโกนเร่าๆตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็นเดินเข้าไปหาลูกซักครั้งนี่เหรอคนเป็นแม่คน
   “คือว่าน้องตะวันกับน้องน้ำทะเลาะกัน จนน้องน้ำต่อยน้องตะวันก็เป็นอย่างที่เห็นล่ะครับ” ลมหันไปมองเด็กน้อยที่ยังนั่งก้มหน้าอยู่ เจอหมัดไอ้ลูกลิงนี่คงจะเจ็บหนักเห็นอย่างนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่อเลี้ยงไร่สายลมนะ
   “เห็นไหมไอ้เด็กอันตพาลนั่นทำร้ายลูกฉันก่อน”
   “ช่วยเงียบๆซักทีได้ไหม” น่ารำคาญจริงๆ “ ต้นเหตุล่ะครับ”
   “คือ น้องตะวันว่าน้องน้ำว่าลูกไม่มีแม่นะครับ” ยิ่งพูดเสียงคุณครูยิ่งแผ่ว ตาคมตะวัดไปมองคนแม่ที่เงียบกริบ
   “คือเกิดเรื่องแบบนี้ผมจะเรียกผู้ปกครองมาให้รับทราบพฤติกรรมก่อนนะครับ”
   “ไอ้เด็กนั่นจะต้องมาขอโทษลูกฉัน”
   “ช่วยหุบปากซักที แล้วหันไปดูลูกตัวเองซะแหกปากอยู่ได้ ลูกเจ็บตัว ตั้งแต่คุณเข้ามาก็มาแว้ดๆ ทำอย่างกับที่นี่เป็นตลาดสด หันไปดูลูกก่อนดีไหม” คนอย่างพ่อเลี้ยงลมไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายครอบครัวเขาหรอกนะ
   “กะ....แกคิดว่าแกเป็นใคร”
   “เป็นคนที่มีการศึกษาพอที่จะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ถ้าคุณต้องการให้ลูกผมขอโทษลูกคุณก็ต้องขอโทษลูกผมก่อน ลูกคุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าลูกผมว่าลูกไม่มีแม่ผมจะไม่ยอมจบเรื่องเหมือนกัน” เสียงเย็นนั่นทำให้ทั้งห้องรู้สึกเย็นยะเยือก
   “พ่อเลี้ยงครับใจเย็นๆก่อนนะครับ” ครูได้แต่เหงื่อตกแต่ในใจนี่เย็นเฉียบ
   “พ่อเลี้ยง??” เธอได้แต่เหงือตอนี่เธอไปงัดข้อกับใครหรือเปล่า ตอนที่โรงเรียนโทรมาเธอได้แต่คิดว่าต้องเอาเรื่องคนทีต่อยลูกเธอ เธอคนที่เป็นเมียของปลัดอำเภอใครก็ต้องเกรงใจ
   “เอ่อนี่พ่อเลี้ยงลม ไร่สายลมครับ” เธอได้แต่อ้าปากค้าง พ่อเลี้ยงลมคนทั้งจังหวัดต่างรักและเกรงใจนับภาษาอะไรกับแค่ปลัดอำเภอที่เวลาเจอยังต้องให้เกียรติพ่อเลี้ยงคนนี้เลย
   “เอ่อ......ดิฉันต้องขอโทษพ่อเลี้ยงด้วยนะคะ” เธอได้แต่พูดเสียงเบา ไม่กล้าสบตาคมคนตรงหน้า “ตะวันมาขอโทษพ่อเลี้ยงสิ”
   “ช่างเถอะ” เขาได้แต่สงสารเด็กน้อยที่โดนตวาดใส่ทั้งๆที่ตัวเองก็เจ็บไม่เบา
   “เดี๋ยวผมไปตามน้ำก่อน” ลมบอกก่อนที่จะเดินออกมาตามหาผู้ช่วยและลูกชายตัวแสบของเขา เขาเดินตามหาเห็นแผ่นหลังที่นั่งโยกกล่อมลูกน้อยของเขา
   “อึก พี่วาทำไมเขาต้องว่าน้ำด้วย ทำไมต้องว่าน้ำว่าไม่มีแม่ แม่ไม่รักน้ำเหรอครับ ฮือ” เขาได้ยินเสียงงุ้งงิ้งของลูกชายที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่ในกอดของผู้ช่วยเขา
   “ไม่ครับน้องน้ำ คุณแม่น้องน้ำรักน้องน้ำแน่นอนครับ ไม่คิดอย่างนี้นะครับ” วาเขาไม่รู้เรื่องครอบครัวของเจ้านาย เพียงแต่เขารู้สึกสงสารคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเหลือเกิน
   “ฮือออไม่มีใครรักน้ำ”
   “ไม่คิดอย่างนั้นนะครับคนเก่ง ใครว่าไม่มีใครรัก พ่อลมก็รักน้ำ อาไม้ ลุงชิด พี่ๆในไร่รักน้ำกันทุกคนนะครับ พี่วาก็เหมือนกัน พี่วาก็รักน้องน้ำนะ พูดแบบนี้พี่วาเสียใจนะครับ”
   “น้ำขอโทษ”เจ้าตัวป้อมกล่าวขอโทษเสียงอ่อยๆ ผมยิ้ม
   “แต่น้องน้ำไม่ควรจะทำร้ายเพื่อนอย่างนั้นนะครับ”
   “ก็ตะวัน...” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลง
   “น้องน้ำก็ไม่ควรทำร้ายเพื่อนนะครับ เพื่อนเจ็บตัวน้องน้ำเสียใจไหมครับ” ผมก้มหน้าลงถามเจ้าตัวป้อม
   “เสียใจครับ”
   “งั้นไอ้ลูกลิงไปขอโทษเพื่อนเค้าซะ” ผมรีบหันไปมอง ก็เจ้านายเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  ก่อนที่จะเดินมานั่งลงข้างๆแล้วลูบหัวทุยเบาๆ ก่อนที่เจ้าตัวป้อมจะให้พ่ออุ้ม คุณลมอุ้มพาน้องน้ำกลับเข้าไปข้างใน ที่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่เขาอุ้มน้องน้ำออกไป
   “น้ำ ตะวันขอโทษ” ทันทีที่ปล่อยทั้งสองเจอหน้ากันตะวันก็ขอโทษน้ำ
   “น้ำก็ขอโทษตะวันนะ” และทั้งสองคนก็คืนดีกันง่ายๆ คุณลมเลยพาเจ้าตัวป้อมกลับก่อนที่โรงเรียนจะเลิก หลังจากที่ขึ้นรถมาน้องน้ำก็เอาแต่กอดเอวผมแน่นเรียกได้ว่าเป็นลูกลิงจริงๆ สงสัยว่าร้องจนเหนื่อยตอนนี้ลิงหลับไปแล้ว จนรถจอดที่หน้าบ้าน ตอนนี้ขาผมเริ่มชานิดๆแล้ว น้ำหนักเจ้าน้ำน้อยซะที่ไหนล่ะ คุณลมเปิดประตูลงจากรถก่อนที่จะเดินอ้อมมาฝั่งผม
   “เดี๋ยวฉันอุ้มลงไปเอง” คุณลมสอดมือใหญ่มาอุ้มน้ำออกจากตัก สัมผัสจากมือหนาที่ถูกต้นขาทำให้เขาเกร็งในทันที
   ลมรู้สึกแปลกใจเมื่อทันทีทีเขาโดนขาเจ้าตัวเหมือนจะเกร็งจนเขาต้องเงยหน้าขึ้นมอง แก้มขาวมีสีระเรือชวนมองทำให้เขาต้องเผลอมองเพลินจนวาต้องเตือน เขาอุ้มเจ้าลูกลิงเข้าบ้านโดยผู้ช่วยตัวเล็กเดินตามมา ผมวางน้ำลงที่เตียงลายเบ็นเท็น วาหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะถือเอากาละมังเล็กกับผ้าขนหนู ผมหลีกให้คนที่ดูเหมือนจะคล่องกว่าผมเช็ดตัวให้ ถึงผมจะเลี้ยงน้ำเพราะแม่เจ้าน้ำทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็กผมกับเจ้าไม้ช่วยกันเลี้ยง โดยมีผู้ช่วยมือหนึ่งคือเมียลุงชิดป้าแย้มคอยช่วย พ่อกับแม่ผมเสียไปก่อนที่น้ำจะเกิดไม่นาน  ผมกับไม้ช่วยกันดูแลไร่จนตอนนี้ขยับขยายจากที่เป็นเพียงไร่เล็กๆจนกลายเป็นไร่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ เจ้าน้ำเป็นของขวัญที่ล้ำค่า เป็นแรงผลักดันให้ผมเป็นกำลังใจ เห็นผมกับไอ้ไม้เลี้ยงมาแบบนี้แต่นี่คือดวงใจไร่สายลม ผมมองคนที่ค่อยๆเช็ดเนื้อเช็ดตัวน้ำ ก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมได้ยินเสียงรถอยู่หน้าบ้านเลยลงไป ปล่อยให้พี่สุดที่รักเจ้าน้ำดูแลไป แปลกที่ผมไว้ใจวาง่ายๆ
   “คุณลมขา ปรุงมาชวนไปทานข้าวที่บ้านค่ะ” ผมถอนหายใจแรง ตั้งแต่ที่ผมกับไม้ทำไร่ให้ใหญ่โตพวกผู้หญิงพวกนี้ก็พยายามเข้ามาวุ่นวายกับผม ไอ้ไม้นะเหรอแม่งเอาตัวรอดไหลอย่างกับปลาไหลมันไม่ยอมออกไปนอกไร่ซักครั้งนอกจากซื้อข้าว ตอนปกติก็โน้นฝังตัวอยู่ในโรงงาน พวกผู้หญิงเลยเล็งมาที่ผมไง กูเหนื่อยยยยย จะบ้าตาย
   “ผมไม่ว่างต้องขอโทษด้วย”
   “เอ๊ะ ปรุงมาชวนคุณทุกครั้งคุณก็บอกว่าไม่ว่าง วันนี้คุณพ่อก็มาทานข้าวด้วยนะคะ” ผมได้แต่กลอกตา พ่อคุณเธอมาแล้วยังไง เป็นแค่เสี่ยแก่ๆคนหนึ่งที่พยายามมาชื้อไร่แต่ผมไม่ขาย เลยใช้แผนลูกสาว ซึ่งลูกสาวก็ดันเป็นใจด้วยนะสิ
   “ไม่ครับ”
   “คุณลม คุณจะหักหน้าปรุงเกินไปแล้วนะ”
   “เรื่องของคุณสิ ผมไม่ได้อย่างให้คุณมาวุ่นวายกับผมหรือไร่ของผมอยู่แล้ว” ผมตอกกลับ เรื่องมากจริงๆ ปิดประตูหน้าบ้านไม่สนใจเสียงกรี๊ดที่ดังลั่นหนวกหูจริงๆ  ทรุดตัวนั่งที่โซฟาก่อนที่จะปิดตาลง วันนี้เหนื่อยจริงๆ
   “คุณลมทานอะไรหน่อยไหมครับ” วาที่เดินลงมาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าน้ำเสร็จ ได้ยินเสียงกรี๊ดเหมือนมีใครมาขอส่วนบุญเลยคิดจะลงมาดู ก่อนที่จะเห็นเจ้านายในสภาพเหนื่อยล้า เหมือนตอนพี่โยเหนื่อยหลังกลับมาจากไร่เลย ตอนออกจากไร่ก็ก่อนเที่ยงตอนนี้ก็บ่ายสองแล้ว
   “ก็ดีเหมือนกัน”
   “งั้นรอแปบนะครับ” อาหารอร่อยๆช่วยให้ดีขึ้น ผมเดินเข้าครัวทำข้าวผัดผักรวมง่ายๆกับผัดผักเพิ่มอีกอย่าง ตอนเย็นค่อยคิดว่าจะทำอะไรล่ะกัน
   “คุณลมทานข้าวครับ” ผมเรียกคนที่ยังพิงโซฟาหลับ คุณลมลุกเข้าห้องน้ำก่อนที่จะออกมาในสภาพที่หัวเปียกแล้วเดินมาที่โต๊ะกินข้าว คนคนนี้ ได้แต่ส่ายหัวก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าขนหนูหน้าบ้าน มายืนให้
   “ขอบคุณ” รับไปขยี้สองสามทีก่อนที่จะพาดไว้ที่เก้าอี้ก่อนจะเริ่มกินข้าว ซึ่งผมก็กินเงียบๆ
   “ไม่ถามอะไรเหรอ” ผมเงยหน้าจากข้าวก่อนที่จะส่ายหน้า ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะเข้าไปยุ่ง มันเป็นปัญหาส่วนตัวของเจ้านายตัวเอง
   “ฉันจะให้โทรศัพท์อีกเครื่องไปใช้นะ หาตัวนายนี่ลำบากจริงๆ” ลมว่าผู้ช่วยเขาเข้าไร่ทีไรเหมือนหายตัว กว่าจะเจอก็โน้นมาทำข้าวเย็นให้
   “อ่า ครับ”
   “ไม่คิดจะติดต่อกลับบ้านเหรอ” มือเรียวชะงักก่อนจะตักข้าวเข้าปากไม่ตอบคำถามใดๆ
   “พรุ่งนี้วันหยุดนายจะไปไหนไหม”
   “ไม่ครับ”
   “งั้นไปกับฉัน” พูดเออออเสร็จสรรพ ก่อนที่จะกินข้าวไม่สนใจว่าเขาจะปฎิเสษไหม เออเอาเถอะไงก็ว่าง กินข้าวเสร็จคุณลมก็ไปล้างจานเหมือนเคย ผมที่คิดว่าจะหนีเข้าไร่ไปเก็บองุ่นช่วยคนงานต่อก็ต้องพับแผนเมื่อคุณลมบอกจะพาผมไปที่หลังไร่
   “แล้วน้ำล่ะครับ” ผมถาม
   “ไอ้ไม้กลับมาแล้ว ไปกันเถอะจะได้กลับมาทันทำข้าวเย็น” ว่าแล้วก็เดินดุ่มๆไม่รอผม อีกแล้ว เห็นใจหน่อยได้ไหม ขาผมสั้นตามไม่ทันเว้ยยยยยย
   รถใหญ่คันเดิมวิ่งเรียบตามรั้วลวดหนามถนนขรุขระที่ทำให้เขาหัวโยกหัวคอน อ่าข้าวผัดจะรอดไหม เหมือนคนขับจะสังเกตได้เลยค่อยๆขับ คุณลมนี่ตีนผีจริงๆ ขับมาไกลจนผมคิดว่ามันไกลกว่าตอนที่เข้าเมืองด้วยซ้ำ ยิ่งเข้าใกล้ท้ายไร่ ยิ่งเห็นความเป็นธรรมชาติที่ยังเหลืออยู่ ต้นไม้ใหญ่สีเขียวอากาศที่บริสุทธิ์กว่าที่ไร่ นั่นทำให้ผมถึงกับยิ้ม รถจอดใต้ต้นจามจุรีใหญ่
   “ที่นี่ท้ายไร่เหรอครับ” เขาถามด้วยความแปลกใจก็มันเหมือนเป็นอุทยานป่าไม้ ต้นไม้ใหญ่สูงไล่ระดับ แสงแดดที่ลอดลงมานั้นแทบไม่ทำให้รู้สึกร้อนเลยซักนิด เหมือนเขาจะได้ยินเสียงน้ำไกลๆ
   “ใช่ ฉันไม่ขยายไร่มาถึงตรงนี้ ตามมาสิ” คุณลมเดินนำผมรีบวิ่งตาม ยิ่งเดินลึกยิ่งได้ยินเสียงน้ำชัดขึ้น ภาพที่ผมเห็นเหมือนภาพวาดเลยจริงๆ ลำธารเล็กที่มีฝายกั้น แสงแดดอ่อนนั่นทำให้ภาพที่เห็นเหมือนมีมนต์เสน่ห์
   ลมมองคนข้างๆที่เหมือนจะตกหลุมรักที่นี่เข้าให้แล้ว เพราะรอยยิ้มกว้างกับดวงตาที่เป็นประกาย ที่นี่เขาปล่อยให้เป็นป่าธรรมชาติ ไม่มีการตัดไม้ดูแลให้ความอุดมสมบูรณ์ จึงเป็นป่าที่สมบูรณ์มาก
   “เล่นน้ำไหม”
   “แต่ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน” กว่าจะกลับถึงไร่เขาคงไม่สบายก่อน
   “ในรถมี”
   “งั้นเล่นครับ” เขาหันไปยิ้มกว้างก่อนจะถอดรองเท้า เรียบร้อยก่อนที่จะกระโดดลงน้ำเย็นช่ำ ลมยิ้มให้กับอาการเด็กๆนั้นก่อนที่จะเดินไปนั่งที่พื้นหินไม่ลงไปเล่นด้วย
   “คุณลมไม่เล่นเหรอครับ” วาที่ดำผุดดำว่ายถาม
   “ไม่ล่ะ ว่ายน้ำเก่งนะ”
   “พี่โยสอนว่ายตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ” เป็นครั้งแรกที่คนตัวเล็กเล่าเรื่องส่วนตัวให้เขาฟังถึงจะเป็นการหลุดออกมาก็เถอะ เขานั่งมองคนที่เล่นน้ำ รอยยิ้มแต้มใบหน้านั่นยิ่งทำให้ผู้ช่วย ยิ่งมองทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันน่ารัก
   หือ
   น่ารัก
   น่ารัก!!???
   มึงต้องบ้าแน่ๆไอ้ลม ทำไมมองผู้ชายว่าน่ารักได้วะ ลมได้แต่สะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดบ้าๆ แต่เมื่อมองไปที่ผู้ช่วย อืม......ก็น่ารักจริงๆนะ
ปล.
   ไม้กลับมาถึงบ้านยังไม่ทันที่รถจะจอดดี เขาก็เห็นพี่ชายสุดที่รักขับรถออกไปกับผู้ช่วยคนสวย จะไปไหนกัน เขาเดินเข้าบ้านขึ้นไปดูไอ้ลิงแสบ เขาตกใจเมื่อพี่ชายโทรไปบอกว่าเจ้าน้ำไปต่อยหน้าเพื่อน พอรู้เหตุผลเขายิ่งสงสารหลาน ก่อนที่จะเดินลงมาข้างล่างก่อนที่จะเห็นโน้ตเล็กๆหน้าตู้เย็น บอกว่าจะไปท้ายไร่ หือ!!!???? พี่เขาพาผู้ช่วยคนน่ารักไปท้ายไร่ โอ้ววววววพระสงฆ์  พายุจะเข้าไร่หรือเปล่า ท้ายไร่ไม่ใช่ใครจะไปได้ แต่พี่เขากับพาผู้ช่วยคนน่ารักไป
   แหมๆๆ
   จะเกิดอะไรสนุกๆไหมน้า ไม้คิด
****************************************************************
ฮือออออขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ
 :o12: :o12: :o12:
เป็นแรงใจที่ดีมากเลย ดีใจที่มีคนชอบเรื่องนี้นะคะ
เรื่องนี้จะออกแนวอบอุ่นหัวใจ ดราม่าไม่มาก (เหรอ)
ยังไงก็ฝากตามต่อด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 3 19/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-05-2017 17:29:13
ยังไงๆ ท้ายไร่ไม่ใช่ใครจะไปได้
ท้ายไร่เป็นที่พิเศษ หวงห้ามงั้นสินะ
แต่พ่อเลี้ยงพาวา ไปแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 3 19/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 19-05-2017 17:40:21
 :-[
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 3 19/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 19-05-2017 18:16:16
น่ารัก ชอบๆรอนะคะ
ปล.น่าจะแบ่งวรรคหน่อยนะคะว่าตรงนี้ใครพูด
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 3 19/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 19-05-2017 18:53:15
น่ารัก ชอบๆรอนะคะ
ปล.น่าจะแบ่งวรรคหน่อยนะคะว่าตรงนี้ใครพูด
แง้ จะพยายามแก้ไขนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 3 19/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 19-05-2017 21:47:02
เตรียมยกป้ายไฟเชียร์น้องวากับพ่อเลี้ยงลมค่ะ  :pig3: :pig3: :pig3:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 3 19/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: thanatphon ที่ 19-05-2017 23:47:08
น่ารักมากๆๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 3 19/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-05-2017 12:19:42
นั่นๆๆ เริ่มเห็นวาน่ารักแล้ว
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 50 เปอร์ 22/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 22-05-2017 19:28:58
ลมต้องเรียกคนที่เล่นน้ำจนลืมเวลา นี่อายุเท่าไหร่เนี้ยพอได้เล่นสนุกแล้วลืมวัยไปเลยนะ
   “เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” เขาหยิบเสื้อผ้าให้คนที่ขึ้นมายืนตัวสั่นอยู่ข้างๆรถก่อนที่จะหอบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนหลังต้นไม้ใหญ่ ก่อนที่จะเดินออกมาทำให้เขาแทบหลุดขำ ก็ดูเหมือนผู้ช่วยเขาแอบเอาเสื้อพ่อมาใส่เลยนะสิ
   “คุณลมตัวใหญ่ไปนะครับ” เหมือนจะรู้ว่าที่เขาแอบขำ เลยโทษที่ผมตัวใหญ่
   “หึๆ กลับเถอะป่านนี้เจ้าน้ำตื่นแล้วล่ะ” เมินสายตาค้อนของคนที่พยายามมัดกางเกงให้พอดีตัว กว่าจะมาถึงบ้านก็มืดค่ำ วาขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะกลับมาทำกับข้าวให้ ทันที่เดินเข้าบ้านไอ้ไม้มันก็แซวทันที ส่วนเจ้าลิงนั่งดูการ์ตูนไม่ได้สนใจอะไรพ่อมันเลย
   “ไหงพี่ถึงพาคุณผู้ช่วยไปที่ท้ายไร่ล่ะ” ผมรู้ความหมายที่ไอ้ไม้ถามดี
   “ก็ไม่มีอะไร”
   “เหรอ พี่ไม่ให้ใครไปที่นั่นนอกจากครอบครัวไม่ใช่เหรอ” ขาที่กำลังก้าวขึ้นบันไดชะงัก ใช่น้องชายเขาพูดไม่ผิดท้ายไร่ไม่ใช่ใครก็ไปได้ ที่นั่นเป็นที่ฝังโกศของพ่อแม่ คนงานรู้ดีว่าเป็นเขตของครอบครัว นั่นสิทำไมเขาถึงพาวาไป
   “ก็ไม่มีไร เดี๋ยวลงมา” ผมบอกปัดก่อนที่จะขึ้นไปอาบน้ำ ลงมาเขาก็ได้กลิ่นหอมอบอวน ตั้งแต่แม่เสียบ้านหลังนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นแค่ที่หลับนอนไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนบ้านแบบนี้ ถึงจะมีคนทำกับข้าวแต่ก็มีเพียงกับข้าวที่เย็นชืดวางอยู่บนโต๊ะ เดินผ่านสองอาหลานที่นอนเล่นไปที่ครัว มองร่างที่เดินวุ่นในครัว เป็นภาพที่เขาเองก็ไม่ได้เห็นนานแล้ว ครัวคือพื้นที่ต้องห้ามถ้าไม่ได้อยากได้บ้านใหม่

   “อ๊ะคุณลม......หิวแล้วเหรอครับ” วาตกใจเมื่อเขาที่กำลังวุ่นวายหันกลับมาเจอคนที่ยืนพิงกรอบประตูมองเขานิ่ง
   “เปล่าหรอก  นึกว่าจะมีอะไรให้ช่วย” เขายังจำครั้งที่แล้วได้ดี
   “ผมว่าคุณลมไปนั่งเล่นกับน้ำดีกว่าครับ”
   “หึๆโอเค”  ทำโน้นทำนี่วิ่งวุ่นซักพักอาหารสี่ห้าอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เรียกทุกคนมาทานข้าว  คนแรกที่วิ่งมาคือเจ้าตัวป้อมที่รีบวิ่งมา และก็เหมือนทุกวันที่สองพี่น้องจะคุยงานที่ทำวันนี้ ผมก็มีหน้าที่เดียวคือดูแลน้ำกินข้าว
   “ไม่กินได้ไหมอ่ะครับ”
   “ไม่ได้ครับ” ผมยิ้มให้กับน้ำที่งอแงไม่ยอมกินผัก น้ำเป็นเด็กที่ไม่กินผักหลายชนิดที่กินตอนนี่มีแค่ไม่กี่อย่าง ตอนนี้ผมกำลังพยายามให้กินคะน้าที่เจ้าตัวเขี่ยทิ้งอยู่
   “มันขมอ่า”
   “ชิมดูครับ ไม่ขมหรอก ถ้าขมพี่วาจะไม่ให้กินครับ” ผมจิ้มก้านคะน้ายืนไปตรงหน้าเจ้าน้ำ ที่ตอนนี้ทำหน้ายุ่งก่อนที่อ้าปากน้อยๆกัดก้านคะน้าเข้าไปเคี้ยวผมมองคนที่เคี้ยวผักทำหน้าเหมือนเคี้ยวยาขม 
   “ไม่ขมอ่ะ” ทำตาโตก่อนที่จะจิ้มคะน้ากินอีก เด็กเอ้ย
   “น้องวาเก่งนะ ไอ้ลูกลิงนะไม่ค่อยกินผักหรอกนะ” ผมหันไปมองคุณไม้ที่นับวันคำเรียกหาจะสนิทกันขึ้นไปทุกที
   “ตอนเด็กๆผมก็ไม่กินเหมือนกันครับเลยรู้วิธีหลอกล่อนิดหน่อย” หลังจากที่กินเสร็จผมกับน้ำก็ไปนั่งดูทีวี
   “พี่วา พี่วานอนกับผมน้า”
   “เอ๋ ทำไมล่ะครับ”
   “น้ำอยากนอนกอดพี่วา”
   “เอาแล้วไงพี่ ไอ้ลูกลิงจีบคนมานอนด้วยแล้วไง” เสียงแซวแว่วมาจากในครัว
   “นอนกอดพี่เหรอครับ” ผมมองน้ำที่ลุกขึ้นมานั่งตักแล้วกอดผมแน่นหน้ากลมซุกกับอก ผมโยกตัวเบาๆ น้ำที่อายุเพียงห้าขวบ แต่ไม่เคยงอแง แค่อยู่ด้วยกันไม่กี่วันผมก็รู้เลยว่าน้ำเป็นเด็กที่โตเกินวัย
   “น้ำอยากนอนกอดแม่” เพียงคำพูดเบาๆทำให้ผมเข้าใจว่าวันนี้น้องเจอกับเรื่องเสียใจ ผมก้มลงหอมแก้มยุ้ย
   “ได้ครับพี่วาจะนอนด้วย”
   “อะไรกันสองคนนี้คุยกันงุ้งงิ้งเชียว” คุณไม้เดินเข้ามาแซว
   “ไม่คุยกับอาไม้หรอก” เจ้าน้ำว่าก่อนจะซุกกับอกผมเหมือนเดิม คุณลมเดินมานั่งข้างๆ
   “ผมขอนอนกับน้องน้ำนะครับ” ผมหันไปขอเจ้านาย
   “ตามสบายเลย ตอนนี้ฉันกับอามันกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้ว”
   “น้ำรักพี่วา” เหมือนจะตอกย้ำพ่อกับอา น้ำยิ่งซุกกอดผมแน่น ผมได้แต่ขำแล้วโยกตัวแรงๆ จนถึงเวลานอน ผมกับน้ำเลยขึ้นไปนอน เตียงน้ำเป็นไซต์ใหญ่ที่ผมนอนด้วยสบาย ทันทีที่ผมนอนน้องน้ำก็ซุกเข้ามากอด ผมตบหลังเบาๆก่อนที่จะหลับไปพร้อมๆกัน

   ลมแอบเปิดประตูเข้าไปในห้อง มองสองร่างที่นอนหลับกอดกันแน่น เดินเข้าไปยืนข้างเตียง มองลูกชายตัวอวบที่นอนยิ้มเหมือนฝันดี ดึงผ้าห่มคลุมทั้งสองคนก่อนที่จะกลับเข้าไปนอน
.
.
.
   วาตื่นตามเวลามองน้ำที่ยังนอนหลับอุตุ ค่อยๆขยับตัวลุกก่อนที่จะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตา เดินลงมาข้างล่างที่ไฟเปิดอยู่
   “คุณลม”
   “ตื่นเช้าจังเลยนะ”
   “ครับ ทานกาแฟไหมครับ” ผมชี้มือ เพราะเห็นว่าคุณลมนั่งดูข่าว
   “อืม” เดินไปชงกาแฟให้คุณลมก่อนที่จะชงโกโก้ให้ตัวเอง วางแก้วกาแฟลงก่อนที่จะนั่งลงตรงข้าม ต่างคนต่างอยู่เงียบๆ จนกระทั่งคุณไม้ลงมาพร้อมกระเป๋าเป้
   “วันนี้ไม่กลับนะพี่”
   “จะนอนที่โรงงานเหรอ”
   “อืม วันนี้มีช่างมาดูเครื่องที่โรงงานนะ คงไม่ได้กลับมา”
   “เออ มีไรก็โทรหาละกัน”
   “ไปนะน้องวา” ผมพยักหน้าคุณไม้เดินออกไป
   “วันนี้น้องน้ำหยุดสินะครับ แล้วในไร่คุณลมจะเข้าไปไหมครับ” เสียงหวานถามทำลายความเงียบ
   “วันนี้ว่าจะไปดูไร่ส้มนะ พวกองุ่นคงต้องพักไว้ก่อนพึ่งเก็บผลผลิตครั้งแรก ต้องบำรุงก่อน” มือใหญ่ยกกาแฟขึ้นจิบ พลางคิดว่ากาแฟชงได้ถูกปากเขาจริงๆ
   “คุณลมปลูกส้มมากี่ปีแล้วครับ”
   “พึ่งลงได้สองปีกว่า นี่เป็นผลผลิตแรกเลยว่าจะลงไปดูหน่อย”
   “ผมไปด้วยได้ไหมครับ” เขาเอ่ยขอเจ้านาย
   “ได้สิ” ผมยิ้มกว้าง ไร่สายลมหลักๆจะเป็นไร่องุ่นแต่คุณลมเริ่มขยายลงส้มและผลไม้อื่นๆ ในบรรดาไร่ผลไม้ของคุณลมผมอยากไปดูที่สุด แต่ยังไม่มีโอกาสไปดูไร่ส้มซักที เพราะมันไกลจากสำนักงาน เลยได้แต่ตามลุงชิดเข้าไร่องุ่นช่วยเก็บช่วยใส่ปุ๋ย
   “ที่บ้านนายมีใครบ้าง”
   “อืมก็พ่อแม่กับพี่ชายอีกคนครับ แต่.....ไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆหรอกนะครับ” ผมยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงพี่โย แด๊ดกับมัม
   “งั้นเหรอ” แล้วจู่ๆบทสนทนาก็หยุด ผมเลยยกแก้วไปล้างก่อนที่จะเดินกลับไปที่บ้าพักตัวเองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่กลับมา คุณลมที่อาบน้ำเรียบร้อยนั่งอ่านเอกสารที่โซฟา ผมเดินเข้าครัวไปหุงข้าวก่อนที่จะขึ้นไปปลุกน้องน้ำที่นอนขี้เซายังไม่ตื่น
   “น้ำครับ ตื่นได้แล้วนะครับ”  ผมลูบแก้มยุ้ย น้ำพลิกตัวหนี เจ้าลูกหมูจะขี้เซาไปแล้วนะ
   “ไม่ตื่นวันนี้พี่วาจะไม่ทำขนมให้กินนะครับ”
   “ตื่นแล้ว!!”
   “งั้นไปอาบน้ำนะครับ พี่จะลงไปทำข้าวเช้ารอ” เจ้าลูกหมูรีบลงจากเตียงก่อนที่จะวิ่งตุบตับเข้าห้องน้ำไป ผมเลยลงไปทำกับข้าวต่อ วันนี้ทำข้าวต้มหมูสับง่ายๆ ซักพักก็มีกลิ่นหอมลอยฟุ้ง ผมตั้งโต๊ะ
   “คุณลมข้าวเสร็จแล้วครับ”
   “อืม ไอ้ลูกลิงล่ะ” คุณลมวางเอกสารก่อนที่จะลุกมาที่โต๊ะกินข้าว
   “ตื่นแล้วครับ เดี๋ยวคงลงมา” ผมตักข้าวต้มใส่ถ้วยเสิร์ฟคุณลม ยังไม่ทันที่จะตักเสียงวิ่งตุบตับก็ดังลงมา
   “พี่วาหอมมจังงงงงงงงง”
   “ฮ่าๆๆ มาครับ”ผมอุ้มเจ้าลูกหมูขึ้นนั่งบนเก้าอี้ก่อนที่จะตักข้าวต้มให้แล้วนั่งลงข้างๆน้ำ ทานข้าวเสร็จก็พากันเตรียมตัวไปไร่ส้ม ช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวอากาศตอนเช้าๆจะเย็นมากเลยต้องให้น้ำใส่เสื้อกันหนาว ส่วนผมอากาศนี้ถือว่าเย็นสบายเลย รถคันเก่งวิ่งฝุ่นตลบจนมาถึงไร่ส้ม ต้นส้มกำลังออกผลเต็มต้น รถจอดข้างบ้านพักเล็กๆ ผมลงจากรถก่อนที่จะอุ้มน้องน้ำลงจากรถ
   “ว้าววส้ม น้ำเก็บได้ไหมฮะพ่อ”
   “จ่ายตังมาด้วยล่ะ” ผมได้แต่ขำกับสองพ่อลูกที่ยืนเถียงกันเรื่องราคาส้มเป็นเรื่องเป็นราว ผมเลยเดินเข้าไปดูต้นส้ม ส้มพวกนี้เป็นผลผลิตแรกลูกโตน่ากิน ผมอยากมีสวนส้มนานแล้ว
   “ดูเป็นไง”
   “สมบูรณ์มากเลยครับ ส้มสวนคุณลมต้องได้คุณภาพมากเลยครับ” ผมจับผลส้มดูเปลือกเป็นมันวาวผิวสีเนียนทั้งลูกแถมลูกยังกลม
   
   ลมมองคนที่อยากมาดูสวน ใช่มาดูจริงๆ ดูตั้งแต่โคนต้นจนถึงใบส้มเหมือนคนมีความรู้เรื่องไร่สวน ลุงชิดเคยเล่าให้ฟังว่าวามีไร่ แถมเวลาไปช่วยงานไร่ยังดูคล่องแคล่วผิดกับร่างกายที่เหมือนจะไม่มีเรี่ยวแรงซะอีก
   “ใกล้วันจ่ายเงินแล้ว สิ้นเดือนจะมีงานเลี้ยงต้อนรับนาย”
   “เอ๋ ไม่ต้องลำบากก็ได้นะครับ”
   “ไม่หรอกจริงๆก็หาเรื่องเลี้ยงคนงานไร่กันเดือนละครั้งอยู่แล้ว” พูดง่ายๆคือเอาเรื่องร่างบางมาเป็นข้ออ้างอีกเรื่อง
   “งั้นเหรอครับ”
   “เออจริงสิ นี่นายเอาไว้ใช้นะ” ผมควักเอาโทรศัพท์อีกเครื่องที่คิดว่าจะให้ตั้งแต่เช้าแต่ก็ลืม
   “อ่าครับ”
   “พ่อลมมมมมมมมมมมมมมม น้ำจะกินส้มมมมมม” ไอ้ลูกลิงวิ่งถือลูกส้มมาทางพวกเขา วานั่งลงรับส้มแล้วแกะป้อนไอ้ลูกลิง หมั่นใส้ลูกตัวเองจะผิดไหม ไอ้หน้าตาระรื่นอ้าปากรอส้มที่ผู้ช่วยร่างบางแกะป้อนให้ทีละกลีบ
   “อร่อยไหมห๊ะไอ้ลูกลิง”
   “หงั่มๆ หร่อย” ปากเต็มไปด้วยส้มยังจะตอบอีก ด้วยความหมั่นใส้เลยขยี้แก้มแรงๆ
   “แค่กๆ”
   “คุณลม แกล้งลูกทำไมครับเนี้ย” อ่าวอยู่ๆก็โดนดุ ผมทรุดลงนั่งข้างๆร่างบางไอ้ลูกลิงคายส้มออกมาก่อนที่จะพองลมใส่ผม นี่ลูกคนหรืออึ่งอ่างวะ วาเลยกล่อมป้อนส้มต่อ สบายจริงนะ
   “นี่ขอชิมบ้างสิ”
   “คุณลมก็เด็ดมาอีกลูกสิครับ”
   “ไม่แค่ชิ้นเดียวเอง” ผมทู่ชี้ แค่อยากแกล้งเจ้าน้ำเล่น วาจ้องหน้าผมนิ่ง ผมแกล้งทำหน้านิ่งจ้องตอบ วาไม่ว่าอะไรก่อนที่จะแกะส้มมาจ่อที่ปาก ผมอ้าปากรับส้ม
   อืม
   หวาน
   หวานจริงๆ
   ไม่รู้ว่าหวานเพราะส้ม หรือหวานเพราะคนป้อน
***********************************************************************************
เอามาลงก่อน
นิยายเรื่องนี้จะเรื่อยๆเอื่อยๆเหมือนคนแต่งฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 50 เปอร์ 22/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-05-2017 19:39:35
พอวา มาอยู่ที่บ้าน ดูเป็นครอบครัวอบอุ่นจริงๆ
น้ำ น่ารัก  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 50 เปอร์ 22/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 22-05-2017 19:56:55
น่าร้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 50 เปอร์ 22/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-05-2017 10:42:18
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 50 เปอร์ 22/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-05-2017 12:30:21
เนียนนะคุณลม
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 50 เปอร์ 22/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-05-2017 13:40:18
หลงลูกลิงน้ำแล้วอ่ะ ฮือออ น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 50 เปอร์ 22/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 23-05-2017 16:02:45
ครอบครัวอบอุ่นมาก น่ารักกกก ><
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 100 เปอร์ 23/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 23-05-2017 16:03:20
วามองคนที่นอนรอให้เขาป้อนส้มให้ถึงปาก ตอนนี้ทั้งสามคนนั่งบนเสื่อที่เขาหอบมา มีคุณลมนอนประกบซ้าย เจ้าลูกหมูนอนข้างขวา คอยรอส้มจากผม นอนกินแบบนี้ขอให้เป็นหมูทั้งสองคน จนผมขี้เกียจป้อนเลยบอกให้กินเอง คุณลมกลับพลิกตัวนอนนิ่ง เจ้าน้ำวิ่งเล่นไปทั่วสวน
   “พี่วา อ่ะ” น้ำที่ไปเด็ดดอกไม้มาแต่ไหนก็ไม่รู้มาทัดหูให้ผม “สวย พี่วาสวยจัง ฟอด” เจ้าลูกหมูกอดคอก่อนที่จะหอมแก้มผมซ้ายขวา
   “ฮืย น่ารักจริง” ผมว่าก่อนที่ก้มลงฟัดแก้มยุ้ยหลายๆครั้ง แล้วฟัดพุงน้อยๆ
   “เอิ๊ก ฮ่าๆๆ พี่วา น้ำจักจี้ ฮ่าๆ” น้ำดิ้นไปมา เล่นได้แปบเดียวผมก็เลิกเดี๋ยวคืนนี้น้องนอนละเมอ
   “เล่นอะไรกันสองคน”
   “พ่อลมพี่วาแกล้ง” อ่าวไหงฟ้องพ่องี้อ่ะ ผมทำหน้าเหวอเมื่อน้องรักแปรพักตร์
   “พี่วาแกล้งไรหืมไอ้ลูกลิง”
   “จึ๊กๆ นี่ๆพี่วาจิ้มเอวน้ำแบบนี้เลย” ยังมีการทำภาพประกอบการฟ้อง โอ๊ยยยย จะน่าฟัดเกินไปแล้วนะลูกหมู
   “อ้อแบบนี้เหรอ” เหมือนผมเห็นประกายตาแปลกๆ ก่อนที่คุณลมจะพุ่งเข้ามา มือใหญ่จิ้มเข้าที่เอว เฮ้ยๆๆ ผมมีจุดอ่อนอยู่ไม่กี่อย่างในนั้นคือ ผมบ้าจี้
   “อุ๊ฟ ฮ่าๆๆ คะ.....คุณลม ฮ่าๆๆ ปะ..ปล่อย” ผมพยายามที่จะจับมือใหญ่ให้อยู่นิ่งๆแต่เหมือนจะไม่ได้ผล เสียงเชียร์แย้วๆ “ฮ่าๆๆ โอ๊ยย แฮ่กๆพอนะเถอะครับคุณลม”เขาหายใจแทบไม่ทันแล้ว ได้แต่ขอร้องให้คนที่อยู่บนร่างเขาเลิกจี้เอวซักที
   .
   .
   ลมมองคนที่หอบหน้าตาแดงระเรื่อที่นอนใต้ร่างจากการแกล้งเล่นๆกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
   “คะ...คุณลมหยุดแกล้งผมได้แล้วนะครับ” เสียงหวานบนหอบนั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ มือผมที่วางอยู่บนเอวเล็กที่แค่แขนข้างเดียวก็กอดรัดได้ นี่เอวผู้ชายจริงๆเหรอ ชายเสื้อยืดที่ร่นขึ้นมาเพราะการดิ้นทำให้ผมสัมผัสถึงผิวเนียนและขาวเหมือนคนไม่เคยออกแดด ผมสีชาที่ยุ่งระใบหน้ากับดอกไม้เล็กที่ติดผมทำให้วาดู “สวย” ใช่คำนี้สวยที่ไม่ใช่สวยแบบผู้หญิงแต่มันมีเสน่ห์ ให้ตายเหอะ เขารีบดีดตัวออกเหมือนโดนของร้อน
   “เอ่อ.....เดี๋ยวฉันมา” เขารีบลุกใส่รองเท้าเดินหนีเข้าไปในสวน
   “เหี้ยไรของมึงวะไอ้ห่าลม” ทึ้งหัวตัวเองแรงๆ เหี้ยเอ๊ยยยย ทำไมถึงลบภาพเมื่อกี้ไม่ได้เลยวะ โอ๊ยเหี้ยลูกหนึ่งแล้วอายุมึงก็สามสิบแล้วนะเว้ยย เดินฟาดงวงฟาดงาเข้าไปในสวนส้ม โทรศัพท์ก็ดังขึ้นซะก่อน ไอ้ละอองโทรมาไรวะ
   “ไรวะ”
   “(นายแย่แล้ว ฝายที่ทำไว้มันพังหมดเลยครับ)”
   “มึงว่าไรนะ!!!!!!!” ใจผมหล่นไปที่ตาตุ่มฝายที่ผมกับไอ้ไม้ลงแรงทำทุกฝาย
   “(จริงครับนาย พวกผมอยู่ที่ฝายห้วยเหนือไร่ครับนาย)”
   “เออเดี๋ยวกูไป” ผมรีบเดินกลับเจอสองคนนั่นที่ยังนั่งเล่นกันอยู่
   “วาดูน้ำให้พี่ก่อนนะเดี๋ยวพี่มา” ผมบอกก่อนที่จะเดินขึ้นรถได้ยินเพียงเสียงเรียกตามหลัง ขับรถบึงมาถึงเหนือไร่ เห็นพวกไอ้ละอองยืนรอกับพวกคนงาน
   “เกิดห่าอะไรขึ้นวะ”
   “ไม่รู้ครับนาย พวกผมว่าจะไปสูบน้ำใส่ไร่องุ่นที่ฝายข้างแปลงแต่ก็เห็นแต่เศษไม้เลยเดินขึ้นมาดูก็เห็นว่ามันเป็นงี้นะนาย”
   “แม่งใครวะสัส มึงไปเรียกคนงานมาเพิ่ม กูจะซ่อมฝาย เดี๋ยวกูมา” ผมสั่งไอ้ละอองก่อนที่จะขับรถกลับไปรับสองพี่น้องนั่น
   “มีเรื่องอะไรเหรอครับคุณลม”
   “ไม่มีอะไรเดี๋ยวจะพากลับเก็บของก่อนเถอะ” ผมเร่งเจ้าน้ำที่ทำหน้าสะลืมสะลือ ท่าจะง่วงแล้ว
   “มีอะไรกันแน่ครับ” มือเรียวจับมือผมไว้  ถอนาหยใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเล่าให้ฟัง
   “ฝายที่พี่ทำไว้ถูกใครก็ไม่รู้ทำลาย” ตาโตเบิกกว้างก่อนที่จะรีบเก็บข้าวของ ก่อนที่จะทำท่าจะอุ้มเจ้าน้ำ
   “ไม่ต้องเดียวพี่อุ้มเอง วาเก็บของขึ้นรถเถอะ” ผมอุ้มเจ้าลูกลิงวาเก็บของรถพอนั่งประจำทีแล้วผมก็วางเจ้าลูกลิงก่อนที่จะขับพาสองคนกลับบ้าน ผมอุ้มน้ำขึ้นไปนอนส่วนวาเอาของไปเก็บ กำลังจะไปตามป้าแย้มมาเฝ้าน้ำ วาก็วิ่งมาหาผม
   “เดี๋ยวผมไปช่วยครับคุณลม”
   “มันร้อนนะ”
   “ไม่เป็นไรให้ผมไปด้วยนะครับ” วาทำหน้าขอร้อง ผมเลยตามป้าแย้มมาอยู่บ้านกับลูก เราสองคนขับรถขึ้นเหนือไร่ จอดรถไว้ตีนเขาก่อนที่จะพาเดินขึ้นเขา การเริ่มต้นใหม่มันต้องเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำก่อนที่จะทำไล่ลงมา ผมค่อยๆเดินหันไปมองคนที่เดินตามหลังด้วยความเป็นห่วงแต่ก็เหมือนว่าผมจะห่วงเสียเปล่า เมื่อเจ้าตัวเดินได้สบายๆ จนถึงที่ไอ้ละอองมันรอกับคนงานอีกหลายคน
   “นาย”
   “มากันครบแล้วนะ เริ่มกันเถอะ” ฝายที่ทำก็เพื่อให้หน้าหนาวไร่มีน้ำเพียงพอจนถึงหน้าฝนปีหน้า และเป็นการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำระบบนิเวศน์ แต่แม่งไอ้เหี้ยที่ไหนมันมาทำเรื่องสิ้นคิดแบบนี้ ผมไม่ปล่อยไว้หรอกแต่สิ่งสำคัญกว่าคือต้องซ่อมฝายนี่ซะก่อน ถอดเสื้อวางไว้แถวๆนั้นก่อนที่จะโดดลงลำห้วยกับพวกคนงานช่วยกันปักไม้เป็นแนวรั้ว บางส่วนก็เข้าไปตัดไม้ในป่า
   “เหงือออกเยอะเลยนะครับ” เสียงข้างตัวดังขึ้นพร้อมกับผ้าที่ซับเหงื่อให้ วาลงน้ำมาช่วยอีกแรงหลังจากที่เข้าป่าไปตัดไม้ช่วยคนงาน อยู่ไม่นิ่งจริงๆ
   “ขอบคุณ” ผมว่าก่อนที่จะหันมาทำงานต่อ วาช่วยยกหินใส่แนวรั้ว จนฝายนี้ใกล้เสร็จแล้ว มองคนข้างๆที่ก้มๆเงยๆจนเหงื่อชุ่มจนผมชุ่มแนบติดใบหน้า ผมมองก่อนที่จะเอื้อมมือไปปัดออกให้
   “อ่าขอบคุณครับ” รู้สึกว่าผมจะใช้งานผู้ช่วยมือดีของผมเกินไปแล้วใบหน้าแดงระเรื่อ เห็นแล้วชักสงสาร
   “คุณลมยังไม่ได้ทานอะไรไม่ใช่เหรอครับ” พอทักขึ้นผมก็นึกได้ว่าได้กินแต่ข้าวเช้ากับส้มเท่านั้นนี่หว่า
   “ไม่หิวเหรอครับ”
   “พอทน” ผมตอบไป
   “มีแซนวิชในเป้ผมนะ ผมถือขึ้นมาด้วยอยู่” ผมพยักหน้าก่อนที่จะทำงานต่อ “ขึ้นไปกินก่อนสิครับ” เอ๊า บังคับกูอีก ได้แต่เดินขึ้นไป รื้อกระเป๋าเป้เอากล่องแซนวิชมานั่งกินกับพื้น
   “นายเป็นไรกับคุณวาคนงาม” ไอ้ละอองมันมานั่งกระซิบถามที่ข้างหลัง
   “ถามเหี้ยไรของมึงไอ้ละออง”
   “ก็นายกับคุณวา งุ้งงิ้งกุ๊งกิ้งกิ้วๆกันอยู่สองคน บ่เห็นหัวพวกผมเลยนา” ไอ้งุ้งงิ้งอะไรของมึงวะ
   “ไม่นิ”
   “แต่คุณวาส๊วยสวยแถมทำขนมอร่อยมากนะนาย” ขนมอะไรวะ “นายไม่รู้เหรอคุณวาทำขนมมาให้พวกคนงานในไร่กินอร่อยมาก”
   “ไม่รู้เว้ย” อะไรวะกูยังไม่เคยได้กินเลย ทำไมพวกคนงานแม่งได้กินก่อนวะ ลมรู้สึกว่าแรงที่เขาเคี้ยวแซนวิชแรงขึ้น
   “โถ่ หนีไปช่วยคุณวาดีกว่า”
   “หึ”
   ตู้ม!!!!  ซ่า!!!!!
   “นาย!!!!”
   เหอะให้มันรู้เรื่องบ้างไอ้ละอองผมยืนอยู่ริมตลิ่งปล่อยให้ไอ้ละอองมันโวยวายว่าผมพาล สายตามองไปที่คนที่กำลังยิ้มกว้างหัวเราะไอ้ละอองอยู่ ใช่ วาสวย เก่งและมีเสน่ห์ และผมก็หลงไปเต็มเปา


***********************************************************************
กรี๊ดดดขอบคุณทุกคอมเม้นต์
รักกกกกกกกกกก
ฮืออเป็นเแรงใจชั้นเยี่ยมเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 100 เปอร์ 23/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 23-05-2017 16:32:05
หลงหนูวาแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 100 เปอร์ 23/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 23-05-2017 16:43:21
 :-[
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 100 เปอร์ 23/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-05-2017 17:42:18
รีบจองตัวซะ ลิงน้อยจะได้มีแม่ อิอิ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 100 เปอร์ 23/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 23-05-2017 17:43:52
น้องน้ำน่ารัก ส่วนคุณวา น่า......จีบใช่ไม๊พ่อลม  :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 100 เปอร์ 23/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-05-2017 18:04:20
อ้าวๆ.......พ่อเลี้ยง หึงวา และ   :hao3:
คนงานได้กินขนม แต่ตัวเองไม่ได้กิน
แล้วกับข้าวที่วา ทำให้กินทั้งบ้าน
ส้มที่วา ป้อนทั้งพ่อ ทั้งลูกอีกล่ะ
ไหนจะเนียนจั๊กจี๋วา อีกล่ะ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 100 เปอร์ 23/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 23-05-2017 19:27:35
ชอบบบบ อบอุ่นมาก เอาอีกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 4 100 เปอร์ 23/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 24-05-2017 15:08:20
อ้าวๆ.......พ่อเลี้ยง หึงวา และ   :hao3:
คนงานได้กินขนม แต่ตัวเองไม่ได้กิน
แล้วกับข้าวที่วา ทำให้กินทั้งบ้าน
ส้มที่วา ป้อนทั้งพ่อ ทั้งลูกอีกล่ะ
ไหนจะเนียนจั๊กจี๋วา อีกล่ะ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ไม่พอนะครับ แว่วเสียงพ่อเลี้ยงฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 5 150 เปอร์ 27/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 27-05-2017 19:08:04
“หิมะจะตกในไร่ป่าวเนี้ย ถึกอย่างพี่แม่งไม่สบาย” หนวกหูเว้ย จะพูดแม่งก็เจ็บคอ อยากลุกไปถีบมันก็ปวดตัวจนแทบไม่ได้ แม่งเอ๊ยยยกูก็แปลกใจเหมือนกันล่ะที่เป็นไข้ กว่าจะทำฝายเสร็จก็ปาไปครึ่งค่อนคืน ทั้งๆที่ระดมคนงานมาตั้งครึ่งไร่ แต่กว่าจะเสร็จ อากาศเย็นแถมยังอยู่ในน้ำทั้งคืน
   “แค่กๆ ไปทำงานได้แล้วสัส”
   “โหดขนาด ยังอุตส่าห์ด่าผมได้อีกนะ” มันว่าก่อนที่จะเดินออกจากห้อง ให้ตายเหอะ โคตรไม่ชอบเลยเว้ย ทั่งหนักหัว ทั้งเนียวตัว
   “คุณลมเป็นไงบ้างครับ” สัมผัสเย็นที่แตะทั่วทั้งหน้าทำให้เขาปรือตาขึ้นมอง เห็นคิ้วเรียวขมวดแน่น
   “แค่กๆปวดหัว” แค่เปล่งเสียงคอเขาก็เจ็บแล้ว  ได้แต่ปัดป่ายมือไปมา

   “เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้นะครับ อยู่นิ่งๆสิคุณลม”  คนป่วยทำไมแรงเยอะอย่างนี้เนี้ย แค่จะถอดเสื้อให้เขาก็หอบแล้ว ก็คุณลมปัดแขนไปมาตลอด
   “คุณลม อยู่นิ่งๆสิครับ”  เขาได้บ่นเบาๆเมื่อคนตัวโตได้แต่ปัดป่าไปทั่ว ไม่ยอมอยู่นิ่งๆให้เขาเช็ดตัว ยิ่งมือโดนผิวก็รู้เลยว่าตัวของคุณลมร้อนแค่ไหน หลังจากพยายามนานผมก็ถอดเสื้อคุณลมสำเร็จก่อนที่จะเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตามหน้าตาคุณลม แต่พอถึงแผ่นอกแกร่งมือเขากลับสั่นอย่างที่ห้ามไม่อยู่ ก็เขาไม่เคยได้เห็นแผ่นอกใกล้ขนาดนี้นิ ตอนที่พี่โยป่วยก็มีเมดคอยดูแล แต่
   งือออออออ
   เอาล่ะ แปบเดียวเอง หลับตาลงก่อนที่จะรีบลูบๆ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมปิดถึงคอ
   เฮ้ยย เสร็จซะที เขารู้สึกเหมือนเหนื่อยมากกว่าปกติซะอีก แตะที่ซอกคอ อืม เย็นลงแล้ว ไม่ร้อนเท่าเมื่อกี้แล้ว
   “หายไวๆนะครับ” ก้มลงกระซิบเบาๆก่อนที่จะเดินลงไปที่ครัวเพื่อทำข้าวต้มให้คุณลม ยังดีที่วันนี้คุณไม้อยู่ช่วยงานที่ไร่ ไม่ได้เข้าไปที่โรงงาน ส่วนน้ำนะเหรอครับ พอรู้ว่าพ่อป่วยแรกๆก็โวยวายอยากเข้ามาเฝ้า เขาเลยต้องกล่อมอยู่นาน จนยอมไปไร่กับคุณไม้ ไม่รู้จะช่วยหรือมาป่วนก็ไม่รู้ ยังไม่ทันที่เขาจะยกเข้าต้มขึ้นไป เสียงรถมาจอดหน้าบ้านซะก่อน
   “คุณลมล่ะยะ” เสียงแหลมถาม ผมที่กำลังยกถาดข้าวต้มขึ้นไปเลยต้องหยุด สวยจัง ใบหน้าเรียวกับผมดัดลอนเคลียใบหน้า รูปร่างโปร่งแถมยิ่งใส่ชุดรัดรูปยิ่งอวดเลือนร่าง เพียงแต่ คำพูดคำจาผิดกับใบหน้าสวยเลย
   “คุณลมพักอยู่ข้างบนนะครับ”
   “นี่อะไร ของแบบนี้เหรอจะให้ลมกิน”
   “อ๊ะ!!!”
   เพล้ง
   มือที่ผมมองว่าสวยนั้นปัดถาดบนมือผมทิ้ง
   “ฉันจะดูแลคุณลมเอง ไปทำอะไรก็ไป๊” ผมได้แต่ยืนอึ้ง  “ยืนเซ่ออยู่ทำไมล่ะยะ”
   “ไม่คิดนะครับ หน้าตาก็ดีแต่ทำไมเป็นคนไม่มีการศึกษาแบบนี้ครับ” มาบ้านคนอื่นแล้วทำกิริยาแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ
   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรีดร้องลั่นบ้านเซอร์ อ่า ปวดหูจัง
   “หนวกหูเว้ยยยยยยย แม่งผีห่าที่ไหนแม่งมาขอส่วนบุญว่ะ” เสียงตะหวาดลั่นทำให้ผมสะดุ้งโหยง ไม่เคยเห็นคุณลมตะโกนแบบนี้เลย
   “กรี๊ดดดลมคะ!!!!”
   “ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้” เสียงตะวาดพร้อมกับร่างสูงที่ยืนอยู่ชั้นสอง ท่าทางโงนเงนนั่นทำให้ผมรีบวิ่งขึ้นไปพยุง
   “ออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้”
   “ลมจะทำแบบนี้กับปรุงไม่ได้นะคะ” เจ้าหล่อนย่ำเท้าแรง
   “จะไปดีๆหรือจะให้คนมาลากออกไป”
   “ได้ จำไว้นะคะลม ปรุงจะไม่ยอมแน่ คุณจะได้เห็นดีกัน” ทันทีที่เธอเดินออกจากบ้านไป เขาก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นที่ไหล่ซ้าย คุณลมพิงผมมาทั้งตัว
   “คุณลมไหวไหมครับ”
   “ไม่ไหว ปวดหัวจริงๆ” คุณลมว่าก่อนที่จะเอนหัวซบที่บ่า ไม่อยากจะขัดนะครับแต่ผมหนักจริงๆ  พยายามพาคนพิงผมไปทั้งตัวเข้าห้องนอน ทันทีที่ถึงเตียงคนตัวโตก็ล้มตัวนอน
   “เดี๋ยวผมลงไปทำความสะอาดก่อนนะครับ แล้วจะเอาข้าวขึ้นมาให้”
   “อืม เร็วนะ” ทำไมผมรู้สึกหางเสียงเหมือนจะติดอ้อนนิดๆ เบลอเพราะเสียงกรี๊ดหรือเปล่า พอๆๆ 
   หลังจากที่หายฟุ้งซ่าน เก็บเศษถ้วยจานแล้วค่อยถือถ้วยข้าวต้มขึ้นห้อง
   “ค่อยๆลุกนะครับ” ผมช่วยพยุงให้คุณลมนั่งพิงหัวเตียงก่อนที่จะยกถ้วยข้าวต้มมาให้
   “มือไม่ค่อยมีแรงเลย” หือ ผมมองหน้าคนที่บอกว่าไม่มีแรง ถึงหน้าจะซีดแต่ก็ห่างไกลจากคำว่าไม่มีแรงเลยนะ
   “ทานเองจะสะดวกกว่าไหมครับ”
   “ป้อนพี่ไม่ได้เหรอ ช่างเถอะพี่ไม่หิว”  เอากับคนป่วยสิครับ
   “ก็ได้ๆครับ” เขาว่าก่อนที่จะตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าแล้วจอไปที่ปากหนาที่อ้ารับด้วยสีหน้าระรื่น คุณลมเวอร์ชั่นเด็กสามขวบชัดๆ แต่ทำไมผมไม่กล้าสบตาคนป่วยล่ะเนี้ย
   “น้ำกับยาครับ”
   “ขอบคุณมากนะ ที่ช่วยดูแลพี่”
   “ไม่เป็นไรครับ รีบๆหายเถอะครับ ผมรับมือพวกคนงานไม่ไหวหรอกนะ” ผมส่งยิ้มกว้างไปให้คนป่วย แต่ก่อนที่จะเอาจานไปเก็บ
   “อยู่กับพี่ก่อนได้ไหม”
   “อ๊ะ” ผมรู้สึกร้อนทั้งหน้าเมื่อคุณลมจับข้อมือผมไว้ หรือที่เขาว่าเวลาคนป่วยจะขึ้อ้อน ผมนั่งลงข้างเตียงคุณลมยิ้มกว้างก่อนที่จะหลับตาลง แต่ผมนะสิ หัวใจเต้นแรงจนนึกรำคาญเสียง
   ฮือออออ
   มันต้องเพราะคุณลมป่วยแน่ๆ ใช่มันต้องเป็นเพราะคุณลมป่วย ถึงได้ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ จะลุกหนีก็ไม่ได้เมื่อคนป่วยกุมมือผมแน่น
.
.
.
   
   “วา วา” ผมเขย่าตัวคนที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างเตียง หลับทั้งที่ผมกุมมือนั่นล่ะ  เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นคงจะหลับลึกน่าดู จริงวาคงจะเหนื่อย ผมรู้เพราะวันนั้นถึงผมจะไล่วากลับไปก่อนแต่วาก็ช่วยงานผมหนักแถมยังมาดูคนป่วยอีก
   “อึบ”
   “อืออออ” ทันทีที่ผมอุ้มขึ้นนอนเตียง วาก็พลิกตัวหาที่สบายก่อนจะหลับลง แล้วที่สบายของวาก็กอดเอวผมอยู่นี่ไง ให้ตายเถอะ
    ถึงก่อนหน้านี้จะเนียนขอก็เถอะ แต่แบบนี้ก็เกินความคาดหมายไปนะ ค่อยๆยกหัวทุยให้นอนที่หมอนดีๆก่อนจะที่จะเอนตัวลงนอนข้างๆ มองหน้าเนียนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาซะเลย
   อาจจะคิดว่าเร็วไปทั้งๆที่พึ่งเจอกันได้อาทิตย์เดียว  แต่บรรยากาศรอบตัวของวาทำให้ผมอยากเข้าไปใกล้ อยากดูแล อยากแกล้ง อยากอ้อนแข่งกับไอ้ลูกลิงบ้าง พึ่งเคยรู้สึกแบบนี้ครั้งแรก และที่สำคัญจะไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด ผมนึกก่อนที่จะหลับไปพร้อมกับคนข้างๆ 
*********************************************************************
พ่อเลี้ยงโคตรเนียนอ่ะบอกเลย
ฮ่าๆๆ ช่วงนี้ปั่นงานอาจจะมาช้าบ้างนะคะ
ยังไงก็ฝากติชมด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 5 50 เปอร์ 27/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-05-2017 21:05:15
เนียนสุดอะไรสุดอ่ะ พ่อเลี้ยง
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 5 50 เปอร์ 27/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-05-2017 22:07:12
พ่อเลี้ยงแสดงอานุภาพได้สุดๆเลย ถูกใจ้ ถูกใจ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ปรุง นางทำตัวได้ทุเรศมากๆ
ถูกด่า ว่า ขนาดนี้ ยังหน้าด้าน หน้าทนจริงๆ
มีการย่ำเท้าแรงๆซะด้วย นางเป็นใครกัน ญาติ ก็ไม่ใช่ มาโดยไม่ได้รับเชิญซะอีก
สงสัยมะโนว่าเป็นเมีย ที่แต่งตั้งตัวเองละม้าง

นางมีการข่มขู่ กลับอีก  ว่าจำไว้นางจะไม่ยอมแน่ จะได้เห็นดีกัน"
เห็นดี นางมีอะไรดีเนี่ย มีแต่เห็นความไม่ดีของนาง ที่หล่อนมาทำจานชามใส่ข้าวต้มเขาแตก มีสิทธิ์อะไร งงมาก
พ่อเลี้ยงน่าจะปิดประตูรั้วไร่ตลอดเวลานะ ใครไปใครมา ต้องขออนุญาตก่อน
ขยายรูปนางใหญ่ๆ แปะที่ตู้ยาม ให้ยามที่ประตูดู คนนี้ไม่อนุญาต ห้ามเข้า

สมกับที่วา ว่าหล่อนเลย “ไม่คิดนะครับ หน้าตาก็ดีแต่ทำไมเป็นคนไม่มีการศึกษาแบบนี้ครับ”
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 5 100 เปอร์ 28/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 28-05-2017 16:05:03
“คุณลมๆ”
   “อืออ” เสียงใครหนวกหูจังคนจะนอน
   “ตื่นแล้วก็ปล่อยผมก่อน” หนวกหูจริงๆ เขาตวัดวงแขนรัดคนที่เรียกเขาไม่หยุด อืม วิธีนี้ดีจริงๆ เงียบขึ้นเยอะ
   เพี๊ยะ
   “โอ๊ย”
   “ปล่อยได้แล้วนะคุณลม” ต้องรีบปล่อยมือที่กอดร่างบาง ก่อนที่วาจะรีบปีนลงเตียงแล้วหนีลงไปข้างล่างโดยที่ไม่ฟังอะไร แต่สังเกตที่ใบหูเล็กที่แดงระเรื่อ เขินสินะ ผมยิ้มกว้างก่อนที่จะลุกเดินตามลงไป ไปทั้งๆที่ใส่แค่กางเกงนี่ละ บ้านเขานี่หว่า อายอะไร รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ ต้องขอบคุณพยาบาลน่ารักที่คอยดูแล มองหาก่อนที่จะเห็น คนน่ารักนั่งกุมหัว
   “เป็นไร”
   “เฮ้ย มะ..ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขอเข้าไร่ก่อนนะครับ”
   หมับ
   “เดี๋ยวพี่ไปด้วย”
   “คุณลมขึ้นไปพักดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะกลับมาทำข้าวเย็นให้ตอนเย็น” วาดึงแขนออกก่อนที่จะเผ่นแนบแบบไม่มอง
   “หึๆ ฮ่าๆๆๆ” เขาขำหนัก ให้กับความน่ารักของวา เอาเหอะบอกให้พักเขาก็จะพัก

   โอ๊ยยย คุณลมนะคุณลม นึกถึงตอนที่ตื่นขึ้นมาเขาตกใจแทบตายเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มใกล้ชิดที่ขนาดสัมผัสได้ถึงลมหายใจ แถมพอเขาปลุกคนตัวโตยิ่งกอดเขาแน่น ฮืออออ คุณลมเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ต้องเพี้ยนไปแน่ๆ
   “พี่วา พี่วาเป็นไร ทำไมหน้าแดง” เจ้าลูกหมูที่วิ่งมาหาพี่คนโปรดถึงกับงงเมื่อพี่วาของเขาหน้าแดง
   “ไม่เป็นอะไรครับ พี่คงวิ่งมาเลยร้อน อึบ” วาตอบก่อนที่จะอุ้มลูกหมูขึ้น เหมือนจะหนักขึ้นอีกแล้ว
   “คุณวาเจ้า ป่อเลี้ยงเป็นยังไงบ้างเจ้า”
   “ดีขึ้นแล้วล่ะครับ  แล้วคุณไม้ล่ะครับ” ผมถามป้าเมื่อไม่เห็นคนที่ควรอยู่
   “เห็นตี้โรงงานโทรมาตามนะเจ้า” สงสัยเป็นเรื่องด่วน
   “มาครับน้ำ เราไปช่วยกันดูไร่ดีกว่าเนอะ”
   “ครับผม” มือป้อมยกมาตะเบ๊ะ เรียกสายตาเอ็นดูจากทุกคน
   ผมช่วยทุกคนทำงานตามหน้าทีของตนเองแม้คุณลมจะไม่ได้ออกมาดูแล ผมช่วยโน้นช่วยนี่จนค่ำ โดยมีลูกสมุนตัวอวบคอยวิ่งวนซ้ายขวา จนผมได้แต่คอยปรามไม่งั้นได้เจ็บตัวแน่ๆ
   “คุณวา คุณวา ไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ”
   “ไม่ดีกว่าครับ ผมจะพาน้ำกลับก่อน คงจะเหนื่อยมาก” ผมมองไปที่เจ้าลูกหมูที่นั่งสัปงก ก็เด็กแค่สามขวบกว่าๆ เล่นมาทั้งวัน ตอนนี้คงจะหมดพลังงานแล้ว คนงานทุกคนมองที่น้ำก่อนที่จะยิ้มกว้าง ก่อนที่จะลากลับบ้านพัก ผมทรุดตัวนั่งข้างๆลูกหมูหมดสภาพ
   “ลูกหมู ไหวไหมครับ”
   “งือออออ น้ำเหนื่อย ไม่ไหวแล้ว” ตากลมโตแทบจะปิดอยู่แล้วทำให้ผมขำ
   “มาครับ ขึ้นหลังพี่มา” ผมให้น้ำขี่หลัง “ถ้าง่วงก็นอนนะ”
   “งือออ รักพี่วาจัง” เจ้าลูกหมูว่าก่อนที่จะซบลงที่หลังแล้วหลับไป ชีวิตที่เป็นแบบนี้ก็ทำให้ผมสบายใจ ไม่รู้ตอนนี้พี่โยจะเป็นยังไงบ้างนะ
   ครั้งหนึ่งเมื่อยังเด็กเขาก็ให้พี่โยแบกกลับบ้านทุกครั้งที่เข้าไร่ คอยดูแลตอนที่ไม่สบาย คอยปกป้องเมื่อมีปัญหา อ่า คิดถึงพี่โยจัง
   “กลับมาแล้วเหรอ ทำไมหมดสภาพอย่างนั้นล่ะ” คุณลมทักทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในบ้าน
   “พอดีเล่นเยอะไปหน่อยนะครับ คุณลมจะทานข้าวเลยไหมครับ”
   “ไม่ต้องหรอกพี่ให้เจ้าไม้ชื้อเข้ามาด้วย เดี๋ยวพี่พาลูกไปอาบน้ำเอง วาไปอาบน้ำก่อนเถอะ”  มือหนาอุ้มน้ำออกจากหลังแล้วไล่ผมไปอาบน้ำ ทำไมรู้สึกใจเต้นแปลกๆเมื่อคุณลมพูดเหมือนผมเป็นครอบครัวเดียวกันอีก ได้แต่รีบเดินหนีกลับบ้านพักตัวเองที่เหมือนเอาไว้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเดียว ก็ในเมื่อทุกวันน้ำจะอ้อนให้ผมนอนด้วย ผมอยู่บ้านคุณลมมากกว่าบ้านพักตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินกลับมาบ้านคุณลม แล้วผมจะมีบ้านพักไว้ทำไมเนี้ย
   เหมือนบรรยากาศตอนนี้ทำไมเคร่งเครียดจัง สองพี่น้องนั่งคุยกันที่โซฟา ผมที่กำลังจะเลี่ยงขึ้นชั้นสอง นี่ก็เป็นอีกเรื่องบ้านนี้ไว้ใจคนง่ายไปไหม ปล่อยให้ผมเดินเข้าออกได้ทุกห้อง
   “วามานี่ก่อน” เท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดหยุดก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา
   “มีอะไรเหรอครับ” ผมถาม
   “พี่จะให้วาย้ายมาอยู่ที่นี่”
   “เอ๋!!”
   “ฮ่าๆๆพี่ทำน้องวางงหมดแล้ว ตอนนี้เหมือนที่ไร่จะไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ พี่ลมเลยจะให้วามาอยู่ที่นี่”
   “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
   “ฝายที่พังเป็นฝีมือคนทำ และวันนี้ที่โรงงานไฟก็ไม่โรงเก็บของยังดีที่ไม่มีอะไรเสียหายมาก” ได้ยินแบบนี้ผมก็ตกใจ คุณลมไปสะดุดตอใครเข้า
   “คุณลมมีปัญหากับใครรึเปล่าครับ” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
   “เยอะแยะเลยล่ะ กว่าจะทำไร่ใหญ่ขนาดนี้แถมพี่ลมยังไม่เอาใคร ก็คิดดูละกันนะวาจะมีศัตรูเยอะแค่ไหน” คุณไม้เอียงตัวมาพูดกับผม เหมือนจะกระซิบนะแต่ก็ได้ยินกันทุกคน
   พลัก
   “ใกล้ไป ไอ้ไม้”
   “โถทำหวง ไก่ตื่นแล้วจะรู้สึก” หือ ไหนไก่ ไก่อยู่ไหน ผมทำหน้างง สองคนนั่นแอบขำอย่าคิดนะว่าไม่เห็น
   “แล้วที่ไร่นี่ล่ะครับ”
   “พรุ่งนี้พี่จะพาคนไปทำรั้วที่ไร่ แล้วจะปิดไร่ น่ารำคาญพวกไม่เกี่ยวข้องเห็นว่าไร่สายลมใครจะมาก็มาได้งั้นเหรอ” น้ำเสียงติดจะหงุดหงิด เพราะตอนกลางวันเหรอ
   “คุณปรุงนะเหรอครับ”
   “ฮ่าๆๆๆ วาเคยเจอด้วยเหรอ”
   “ก็พึ่งมาเมื่อเช้านี่ล่ะครับ มาเยี่ยมคุณลม”
   “เป็นไงบ้างพี่มีคนสวยมาเยี่ยม”
   “หนวกหูจนกูไล่หนีแทบไม่ทัน”
   “ได้ข่าวว่าพ่อคุณเธอพึ่งได้เลื่อนตำเหน่งไม่ใช่เหรอ” คุณไม้เอนหลังพูดสบายๆ
   “ใช่แถมที่กูได้ข่าวมา โครงการที่มันคิดจะทำต้องเดือดร้อนพวกเราแน่ๆ” รู้สึกเหมือนเรื่องมันจะใหญ่โตเกินกว่าที่ผมจะคาดเดาไว้ซะอีก
   “พอๆเลิกเครียดไปๆกินข้าวกัน ไอ้ลูกลิงล่ะ”
   “ไปปลุกทีดิ๊” คุณลมไล่คุณไม้ไปปลุก  คุณไม้บ่นนิดหน่อยก่อนที่จะเดินขึ้นชั้นสอง
   “คุณลมรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหมครับ”
   “วา ต่อไปถ้าจะไปไหนก็บอกพี่ด้วย พี่เป็นห่วง”
   “คะ...ครับ”
   “แล้วเลิกเรียกพี่ว่าคุณซักที เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ”
   “เอ๋ ครอบครัวเดียวกัน??”
   “ก็ทั้งไร่ก็เป็นครอบครัวเดียวกันหมดนั่นล่ะ” ทำไมรู้สึกเหมือนคุณลมจะลนๆนะ
   “อ่ออครับ เดี๋ยวผมไปจัดโต๊ะก่อนนะครับ”
   “เออๆ ไปเถอะ” ผมแอบยิ้มกับอาการหงุดหงิด
   หลังจากที่จัดโต๊ะเสร็จเจ้าลูกหมูก็งอแงลงมาในวงแขนคุณไม้ สงสัยจะยังนอนไม่พอ
   “อึก ฮือออ พี่วา ฮือออ” คุณไม้ทำหน้าเซ็ง จะไม่ให้เซ็งได้ไงอุ้มก็เขาเป็นคนอุ้มแต่กลับเรียกหาแต่พี่สุดที่รัก มันน่าน้อยใจไหมหลานใครวะเนี้ย
   “มาเอาไปเลย” ผมขำให้กับอาการเซ็งของคุณไม้ก่อนที่จะรับน้ำที่โผเข้าหา ยกแขนป้อมกอดที่คอก่อนจะซุกลงที่คอผม ขี้อ้อนจริงเด็กคนนี้
   “โอ๋ๆ ร้องทำไมครับคนเก่ง”
   “อึก น้ำง่วง”   
   “เดี๋ยวกินข้าวเสร็จค่อยนอนต่อนะครับ” ผมเช็ดน้ำตาหยดโตที่ไหลอาบแก้ม
   “อือ” ผมวางน้ำลงที่เก้าอี้ตัวเอง คุณไม้นั้นประจำที่อยู่แล้ว เหลือแต่คนตัวโตที่ยังไม่มานั่นล่ะ
   “พี่ลมครับ ทานข้าวได้แล้ว” เท่านั้นล่ะ ทั้งสองคนต่างหันมามองผม “เลิกมองผมแล้วทานข้าวได้แล้วครับ” ผมว่าก่อนที่จะนั่งลงตักกับข้าวใส่จานน้ำไม่สนใจคนที่ยังมองอยู่
   ทานเสร็จก็เป็นหน้าที่ของสองเจ้าของไร่ล้างจานส่วนผมก็อุ้มน้ำขึ้นห้อง ที่หลับทันทีเมื่อหัวถึงหมอน ผมที่กำลังเอนตัวลงนอน
   ก๊อกๆ
   เสียงเคาะประตู ผมรีบลุกไปเปิด
   “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
   “ไม่ เอ่อ พรุ่งนี้ไปส่งไอ้ลูกลิงด้วยกันนะ แล้วก็......ฝันดี” ผมมองคนที่มาพูดๆๆแล้วก็เดินเข้าห้องตัวเองเฉย หึๆ พี่ลมเหรอ คืนนั้นรู้สึกว่าผมจะหลับฝันดีกว่าทุกวัน
   ตื่นตั้งแต่เช้าค่อยๆลงจากเตียงปล่อยให้น้ำนอนต่อ ล้างหน้าล้างตาก่อนที่จะลงไปทำกับข้าวเหมือนเดิมทุกวันที่ต้องชงกาแฟให้คุณลมแล้วค่อยเข้าครัว ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร เหมือนเขาจะยอมรับได้ด้วยซ้ำที่คอยดูแลลูกหมูกับคุณลมคุณไม้  เสร็จแล้วก็ไปปลุกเจ้าลูกหมูตื่นไปอาบน้ำแต่งตัว ลงมาทานข้าว
   “วาพี่จะได้นอนโรงงานคงไม่ได้กลับ ฝากสองคนนั่นด้วยนะ” จะมาฝากอะไรผมเล่า คุณไม้โบกมือลาก่อนที่จะบึงรถออกจากไร่
   “น้ำดีใจสุดๆไปเลย”
   “ดีใจอะไรไอ้ลูกลิง” คุณลมถามน้ำที่นั่งตบมือยิ้มกว้างอยู่เบาะหลัง
   “ดีใจที่พี่วามาส่งน้ำ อิอิ” น้ำยิ้มกว้างพร้อมกับชะโงกหน้ามาที่เบาะหน้า ผมเลยบีบแก้มยุ้ยเล่น
   “งั้นพ่อจะให้พี่วามาส่งทุกวันเอาไหม”
   “ดีๆๆ เย้ๆๆๆ”
   “นั่งดีๆครับน้ำเดี๋ยวก็เจ็บตัวหรอก”
   “เจ็บแค่นั้นไม่เป็นไรหรอกน่า”
   “พี่ลมไม่ต้องพูดเลยครับ ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาจะทำไง น้ำนั่งดีๆเลย” น้ำทำหน้าจ๋อยก่อนที่จะนั่งดีๆ ส่วนคนพ่อได้แต่ดุนแก้ม เอ๊ะ ผมทำให้โกรธรึเปล่าเนี้ย
   “ผมขอโทษนะครับพี่ลม” ผมยกมือไหว้ ยังไงก็อายุมากกว่าอีกทั้งเป็นเจ้านายอีกด้วย
   “ฮ่าๆๆ พี่ไม่ได้โกรธอะไรซักหน่อย” แล้วมือใหญ่ก็ยกมาโยกหัวผม
   “พี่วาหน้าแดงล่ะ”
   “หือ หน้าแดงเลยเหรอ”
   “เงียบไปทั้งสองคนเลย” ผมดุเมื่อทั้งสองคนต่างตั้งหน้าตั้งตาล้อผม ก็มันรู้สึกแปลกๆนี่น่า ส่งน้ำที่โรงเรียนเสร็จ ผมก็ขอให้พี่ลมพาไปชื้อของสด เพราะในตู้หมดแล้วแถมคุณไม้ก็ไม่ได้กลับ
   “พ่อเลี้ยงมากับใครนะคะ”
   “อ้อนี่วา” ใครถามคุณลมก็จะแนะนำเท่านี้ไม่ตอบอะไรเพิ่ม หลังจากถึงไร่ พี่ลมก็บอกแค่ว่าให้ผมเคลียบัญชีที่สำนักงาน ส่วนตัวเองจะไปทำรั้วที่ไร่ จัดของสดเข้าตู้ผมก็ไปที่สำนักงาน
   “คุณวาครับ”
   “มีอะไรเหรอละออง”
   “คุณลมเปิ้นให้ผมมาบอกคุณวาว่าจะได้กลับมาก็ตอนเย็นนู้นนะครับ”
   “อ่าวแล้วใครจะไปรับน้ำล่ะครับ”
   “เดี๋ยวผมไปรับเองครับ”
   “ไม่ต้องหรอกละออกไปช่วยคุณลมเถอะเดี๋ยวผมไปรับน้ำเอง”
   “เอางั้นเหรอครับ”ละอองเกาหัวเหมือนไม่แน่ใจผมเลยยืนยันว่าจะไปเองก็คุ้นทางแล้วล่ะถ้าไม่ได้ขับไปที่ไหน นั่งทำงานจนถึงเวลาไปรับน้ำ ปิดประตูสำนักงานก่อนที่จะขึ้นรถพี่ลมเพราะวันนี้พี่ขึ้นรถไปกับคนงาน เห็นอย่างนี้ผมสอบใบขับขี่ครั้งเดียวผ่านนะ
   “เอาล่ะ” แต่นี่มันก็เป็นการขับครั้งแรกในไทย ผมค่อยขับรถไปตามทางที่คุ้นตา พอถึงเนิน ผมก็ค่อยๆแตะเบรกเมื่อเห็นว่ารถมันไหลเร็วเกินไป ไม่จริงน่า เบรกไม่ทำงาน สติสิวาทิน
   เขาได้แต่ปล่อยให้รถไหลด้วยความเร็ว เหงือชุ่มไปทั้งตัว เขายังไม่อยากตายนะ พ้นเนินคือทางตรง ยังดีที่เป็นรถมีครัชผมยังมีทางรอด ได้แต่เดิมพันที่ผมยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ เมื่อคิดว่าคงจะได้ทีแล้ว ผมปล่อยครัชดึงเบรกมือรถดับทันทีเพียงแต่ แรงขับยังอยู่
   “เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด ปัง!!!!!” และสติเขาก็หลุดไป
************************************************************

นิยายเรื่องนี้ไม่มีมาม่า (เหรอ) 5555555
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์มากนะคะ
ดีใจมากๆเลยค่ะ อ่านไปยิ้มไป ถึงไม่ได้ตอบทุกคนแต่ก็อ่านทุกคอมเม้น
สามารถไปพูดคุยได้ที่เพจนะคะ ไม่กัด 55555
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 5 100 เปอร์ 28/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 28-05-2017 16:57:19
น้องวาเปิ้นเป็นจะไดพ่อง  รีบมาต่อเวยเวยเน้อ               :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 5 100 เปอร์ 28/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-05-2017 18:21:38
มีคนแอบตักสายเบรกแน่ๆ   :z6:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 5 100 เปอร์ 28/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-05-2017 19:35:06
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 5 100 เปอร์ 28/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 29-05-2017 00:23:03
มีคนแอบตัดสายเบรคแน่ๆเลย
วาอย่าเป็นอะไรนะ เดี๋ยวลูกหมูร้องไห้ :hao5:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 5 100 เปอร์ 28/5/2560
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-05-2017 15:59:36
เกลือเป็นหนอนนี่น่ากลัวสุดๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 6 2/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 02-06-2017 18:02:05
“ สวัสดีฮับ”
   “สวัสดีครับ น้องน้ำพูดชัดๆสิค่ะ” ผมมุ่ยหน้า อะไรอ่ะ แค่นั้นเอง ครูดุจัง
   “สวัสดีครับ ผมชื่อน้ำ ลูกพ่อลม หลานอาไม้ น้องพี่วาคนสวย”
   “เดี๋ยวค่ะน้องน้ำ เท่าที่ครูจำได้ครอบครัวของน้องน้ำมีแค่คุณพ่อกับคุณน้าไม่ใช่เหรอคะ”  แล้วพี่วาคนสวยนี่มาจากไหนกัน หรือว่าพ่อเลี้ยงจะแต่งเมียใหม่ ขึ้นชื่อว่าพ่อเลี้ยงลม แห่งไร่สายลม เป็นที่หมายปองสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งจังหวัด ถึงจะเป็นพ่อม่ายเรือพ่วงก็เถอะนะ
   “พี่วา พี่วาเป็นผู้ช่วยพ่อลม พี่วาทั้งสวย ทั้งใจดี ทำกับข้าวอร๊อย อร่อย” ทำไมครูต้องทำหน้าดุด้วยล่ะ น้ำทำอะไรผิดอ่ะ เจ้าแก้มยุ้ยได้แต่ทำหน้างง เลิกเรียนแล้ว เขากับตะวันก็จูงมือกันมานั่งเล่นที่กระบะทราย  ทำไมวันนี้พ่อลมมารับช้าจังเลยน้า
   “น้ำๆ เรากลับก่อนน้า”
   “อือ บ๊ายบาย” เขาได้แต่นั่งรอคนที่ไร่มารับ ง่า มารับไว้ๆหน่อยจิ น้ำหิวแล้วนะ
.
.
.
   “นาย นาย!!!!!”เสียงตะโกนแหกปากดังไปทั้งไร่ ร่างสูงที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อแผ่นหลังกว้างสะท้อนแสงอาทิตย์ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งจากการทำงานหนัก
   “แหกปากทำห่าอะไรวะ” เจ้าคนที่วิ่งแหกปากแทบหลบค้อนที่ปลิวมาพร้อมกับเสียงตะหวาด
   “นายๆ ทางโรงเรียนโทรมา บอกว่ายังไม่มีคนไปรับนะนาย”
   “กูบอกไอ้ละอองไปแล้วไม่ใช่เหรอวะ”
   “พี่ละอองก็มากับผมนี่ไงนาย”
   “ใครไปรับไอ้ลูกลิง” เขารู้สึกห่วงแปลกๆ นะ
   “คุณวาเปิ้นไปหับนะนาย เปิ้นว่าจะไปเอง”
   “ไอ้ห่ามึงก็ให้วาไปได้ไงวะ” เขาแทบอยากจะแตะไอ้ละอองจริงๆ ที่ให้วา คนที่ไม่คุ้นทางขับรถไปรับน้ำที่โรงเรียน  เขารีบใส่เสื้อแล้วเดินไปที่รถเพื่อหยิบเอาโทรศัพท์ เพราะมันเกะกะตอนทำงานเลยโยนๆทิ้งไว้ในรถนี่ล่ะ
   เบอร์วา !!?
   เบอร์โทรของวาที่เขาให้โทรศัพท์ โทรมาหลายสายจนผมรู้สึกแปลกใจ นั่นยิ่งทำให้สิ่งที่เขาหวาดวิตก หรือว่าจะเกิดเรื่องกับวาแล้วจริงๆ
   “สวัสดีครับ”
   “สวัสดีค่ะ” เสียงผู้หญิงที่รับสายทำให้เขาแปลกใจ
   “วาล่ะ เจ้าของโทรศัพท์นี่ล่ะ” เขาแทบจะตะโกนใส่
   “ใจเย็นๆก่อนนะคะ ดิฉันเป็นนางพยาบาลที่โรงพยาบาล ดิฉันพยายามติดต่อญาติคนไข้เพราะไม่มีเอกสารแสดงตัวเลยนะคะ”
   “เกิด...เกิดอะไรขึ้นกับวา” ตอนนี้เขาเหมือนจะหมดแรง
   “มีชาวบ้านแจ้งเหตุว่ารถเสียหลังชนกับต้นไม้ที่เนินเขาตอนที่ไปถึงคนไข้หมดสติและเสียเลือดมาก  ตอนนี้คนไข้ยังอยู่ในห้องผ่าตัดทางโรงพยาบาลต้องการประวัติคนไข้เพื่อให้เลือด รบกวนทางญาติให้ข้อมูลด้วยนะคะ”
   “วากรุ๊ปเลือด AB ครับ ผมจะรีบไปที่โรงพยาบาลเร็วที่สุดครับ” ผมวางสายก่อนที่จะกดโทรหาน้องชาย
   “ไอ้ไม้มึงไปรับไอ้ลูกลิงให้กูที วาเกิดเรื่องอยู่โรงพยาบาล”
   “(ได้ๆพี่)” ไม้รีบคำ
   “ไอ้ละอองมึงไปกับกู” เรียกไอ้คนที่ยอมให้ร่างบางขับรถไปรับลูกคนเดียวทั้งๆที่บอกไว้แล้วเตือนไว้แล้ว ยังไม่ฟังกัน
   
   “นะ.....นาย นายขับช้ากะได๋”
   “ไม่ กูรีบ”เขารีบบึงออกจากไร่ ขับตรงไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับเอกสาร ทันทีที่จอดรถเขาก็ไม่รีรอเข้าไปติดต่อแจ้งชื่อผู้ป่วยดำเนินเริ่องให้เสร็จก่อนที่จะไปนั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัด
   “ขอร้องล่ะอย่าเป็นอะไรเลยนะ” ไอ้ละอองที่พึ่งเอารถไปจอดดีๆวิ่งเข้ามา
   “หมอยังไม่ออกมาเหรอครับนาย”
   “ยัง”
   “ผมน่าจะไปรับคุณน้ำแทน”
   “ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก วันนี้กูควรไปรับลูก” หรือว่าอุบัติเหตุนี้จะมีคนจงใจ เขาต้องรอร่างบางฟื้นขึ้นมาซะก่อนค่อยถามอีกที
   “ไอ้ละอองมึงไปหารถไปลากรถไปเข้าอู่ให้เขาตรวจให้ดี กูจะอยู่นี่”
   “นี่นายคิดว่า..”
   “กูสั่งให้ไปทำก็ไปทำสิวะ อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้” ไอ้ละอองรับคำก่อนที่จะไปจัดการตามคำสั่ง ให้ตายเหอะวะ
   “พ่อออออลมมมม” เสียงที่มาพร้อมตัววิ่งมาหาผม
   “น้ำ”
   “อึก ฮือออพี่วา พี่วาเป็นไงบ้าง” น้ำหูน้ำตาเต็มหน้า
   “ไม่เป็นไรแล้วไอ้ลูกลิง ร้องมากๆพี่วาจะเสียใจนะ” ได้ผลน้ำเพียงสะอึกแต่ไม่ได้ร้องฟูมฟายแล้ว
   “พี่คิดว่าไง”
   “กูให้ไอ้ละอองเอารถไปตรวจแล้ว กูรอวาออกจากห้องอยู่” ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก
   “เป็นยังไงบ้างครับหมอ”
   “คนไข้ปลอดภัยดีครับ เพียงแค่เสียเลือดมากหมอได้เย็บแผลให้เรียบร้อยกับแขนที่หักไม่นานก็คงฟื้น”
   “ขอบคุณมากครับหมอ” เราทั้งสามคนเดินตามบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงไปที่ห้องพักพิเศษที่ผมแจ้งไว้  ผมมองคนที่นอนอยู่บนเตียง รอยแผลช้ำที่อยู่บนใบหน้า แขนที่เข้าเฝือกไว้ ผมทรุดนั่งลงข้างๆ
   “พ่อลม พี่วาจะตืนไหม”
   “ตืนสิ ตอนนี้พี่วาหลับอยู่อีกเดี๋ยวก็ตื่นแล้ว หิวไหม ไปหาอะไรกินกับอาไม้ก่อนนะ”  ไม้ชวนเจ้าลูกลิงที่เห็นว่าพี่วาของตัวเองหลับอยู่ก็เดินตามอาไม้ไป ผมลูบผมที่ปรกหน้าเนียนออก ใบหน้าติดจะซีดขาว ทั้งๆที่ตัวบางแค่นี้ ผิวที่ดูบอบบางไม่เหมือนพวกใช้แรงอย่างเขา ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ตอนที่ได้ยินข่าวทำให้เขายิ่งแน่ใจกับตัวเอง อาจจะเร็วแต่มันเหมือนทุกอย่างที่เป็นวาจะทำให้เขา “รัก” และใครก็ตามที่ทำร้ายคนที่เขารัก มันจะต้องเจ็บกว่า
   “อือ” เสียงแหบดังขึ้น คิ้วเรียวขมวดแน่น ซักพักวาก็ลืมตา
   “ตื่นแล้วเหรอ จิบน้ำก่อน” เขายืนหลอดไปแตะปากบาง ที่อ้ารับดูดน้ำไปครึ่งแก้ว ผมเลยวางแก้วลงที่โต๊ะข้างเตียง
   “น้ำล่ะครับ” ตื่นขึ้นมาก็ถามหาคนที่เขาควรไปรับ
   “ลูกตอนนี้ไปกินข้าวกับไม้เดี๋ยวก็คงเข้ามา เกิดอะไรขึ้นวา ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุได้” เขากุมมือเรียวแน่น
   “ผมก็ไม่รู้ ตอนที่รถลงเขาผมเหยียบเบรกแล้วเหมือนมันไมทำงาน ยังดีที่ไม่มีรถตามหลังผมเลยบังคับรถได้แต่ก็ยังชนจนรถพังแน่ๆเลย”
   “ยังจะห่วงรถอีก ตัวเองเจ็บตัวแค่ไหนรู้ไหม พี่เป็นห่วงเรามากกว่าไอ้รถนั่นอีก” ผมเผลอตวาดคนเจ็บที่ห่วงรถมากกว่าตัวเอง
   “ผมขอโทษ”
   “พี่ห่วงเรามากนะ ยังดีที่เจ็บแค่นี้ถ้าเกิดวาเป็นอะไรขึ้นมา...พี่กับลูกจะทำยังไง” เขาสบตากับตากลมโตที่ฉายแววงุนงง ซักพักตาโตก็เบิกกว้างก่อนที่แก้มเนียนจะขึ้นสีระเรื่อ
   “เกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะพี่ลม”
   “เดี๋ยวได้เกี่ยวกันแน่ๆ ก่อนอื่นพี่อยากให้วาเล่าเรื่องให้ละเอียดที” ปล่อยๆไปก่อนอย่างพึ่งรุกคนเจ็บเลยจะดีกว่า เปลี่ยนประเด็นไปเรื่องที่เกิดขึ้น วาเล่าให้ผมฟังอย่างละเอียด เท่านั้นผมก็รู้ได้ทันทีว่ามีคนตัดสายเบรก ยังดีที่วาฉลาดและมีสติ ถ้าไม่งั้น.....
   “พี่จะแจ้งความ หลังจากนี้ถ้าจะไปไหนต้องมีพี่ไปด้วย” พูดเองเออเองเสร็จสรรพไม่ให้คนเจ็บปฎิเสธ
   “พี่ลม!” เรียกไปเถอะ เขาไม่สนใจหรอก เขาจะกางปีกปกป้องและเหนี่ยวรั้งไม่ให้ไปจากเขาแน่นอน
   
.
   “พี่วา” เสียงร่าเริงมาพร้อมกับน้ำที่วิ่งมาเกาะเตียง พี่ไม้เดินส่ายหัวหอบของเดินเข้ามา
   “อ่ะนี่ของที่พี่ให้เตรียมมา เป็นไงบ้างน้องวา”  พี่ไม้ยืนกระเป๋าให้พี่ลมที่พอรับไปก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
   “ก็เจ็บแผลกับเคล็ดขัดยอกนิดหน่อยครับ”
   “ดีแล้วล่ะ แค่นี้ก็ทำให้ใครบางคนอกสั่นขวัญแขวนแล้ว” พี่ไม้อมยิ้ม ก่อนที่จะอุ้มน้ำขึ้นนั่งบนตียง
   “พี่วา เจ็บไหม”
   “ไม่เจ็บครับ”
   “เมื่อไหร่พี่วาจะกลับบ้าน คืนนี้น้ำนอนกับอาไม้ น้ำอยากนอนกอดพี่วา” ผมยกมือที่ไม่ได้เข้าเฝือกขึ้นบีบแก้ม อย่างที่ผมชอบทำ
   “เดี๋ยวพี่ก็ได้กลับแล้วมั้งครับ ผมต้องอยู่กี่วันนะครับพี่ไม้”
   “อ้อ เห็นหมอว่ารอดูผลไม่น่าจะเกินสามสี่วันก็ได้ออกแล้วล่ะเพราะไม่ได้บาดเจ็บภายในเลยไม่มีปัญหา” ผมพยักหน้ารับ มือก็บีบแก้มเจ้าลูกหมูเล่น ยังดีที่เจ็บมือข้างไม่ถนัด คงจะพอช่วยงานพี่ลมพี่ไม้ได้ เขาเริ่มงานไม่เท่าไหร่ก็เจ็บตัวซะแล้ว
   “กลับไปได้แล้ว คืนนี้พี่อยู่เฝ้าเอง” ออกมาจากห้องน้ำพี่ลมก็เอ่ยปากไล่ทั้งสองคนให้กลับ
   “น้ำยังอยากอยู่กับพี่วา” เจ้าลูกหมูว่าก่อนที่จะนอนลงข้างๆแล้วกอดคอผม
   “ให้พี่วานอนพักจะได้หายไวๆดีกว่านะ กลับไปนอนกอดหมอนที่บ้านไปไอ้ลูกลิง” พี่ลมเดินมาผลักหัวทุยเบาๆ
   “พ่อลมอิจฉาน้ำเหรอ” เจ้าลูกหมูทำหน้าค้อนก่อนที่จะซบลงที่คอผมเหมือนเดิมเรียกเสียงหัวเราะให้ทุกคน
   “อ๊ะ” สงสัยจะหัวเราะเกินไปรู้สึกสะเทือนแผล  แผลที่ขาไม่รู้ว่าโดนอะไรบาดโดนเข้าที่เส้นเลือดพอดี โชคดีที่รถพยาบาลมาทันไม่งั้นผมคงไม่รอด
   “ลงมาเลยไอ้ลูกลิง วาเจ็บเห็นไหม” พี่ลมรีบเดินมาอุ้มน้ำลงจากเตียง
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่หัวเราะเลยแผลกระเทือนนิดหน่อย”
   “กลับได้แล้วนี่ก็ดึกแล้ว” พี่ลมยังไม่ฟังผมเหมือนเดิม น้ำกับพี่ไม้กระซิบอะไรบางอย่างก่อนที่พี่ไม้จะอุ้มน้ำขึ้น
   จุ๊บ จุ๊บ ฟอด
   มาเป็นคอมโบเช็ท น้ำก้มจูบหน้าผาก แก้มสองข้างก่อนที่จะหอมแก้มแถมอีกที
   “เดี๋ยวพรุ่งนี้น้ำมาใหม่นะครับ บายพี่วา” แล้วพี่ไม้ก็รีบอุ้มน้ำเผ่นออกจากห้องทันที ผมแอบขำกับสองอาหลาน ที่เล่นเหมือนเด็กๆ ก่อนที่จะหันไปเห็นพี่ลมที่สีหน้าดูเหมือนคายไม่เข้ากลืนไม่ออก เหมือนจะอยากออกไปจับตัวน้ำยังไงยังงั้น
   “พี่ลมเป็นไรไหมครับ” ผมถามเบาๆ
   “ฮืย สองคนนั้น อย่าให้ถึงทีกูนะ” พี่ลมบ่นอะไรก็ไม่รู้ ก่อนที่บอกว่าจะเช็ดตัวให้
   “ไม่เป็นไรครับพี่ลม ผมเช็ดเองได้”
   “ไม่ต้องเกรงใจ” ได้แต่น้ำตาตก มันไม่เกี่ยวกับเกรงใจไม่เกรงใจซักหน่อยเพียงแต่ เขา.......อาย ไม่เคยให้ใครนอกจากคนในครอบครัวเช็ดให้นี่น่า
   พี่ลมเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำก่อนที่จะถือเอากะละมังเล็กมีผ้าขนหนูพาดอยู่มาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนที่จะก้าวมาชิดเตียงก่อนที่จะยืนมือมาตรงปมชุดผู้ป่วย ผมรีบยกมือมากุมไว้แน่น
   “ปล่อยมือ ไม่งั้นพี่จะเช็ดได้ยังไง” ผมส่ายหัวรัวๆ
   “จะให้เช็ดดีๆหรือจะให้จับมัด” เท่านั้นล่ะผมรีบปล่อยมือจากปมเสื้อ เจ็บตัวก็เจ็บตัว ขัดขืนไปไม่มีประโยชน์ ผมเห็นมือใหญ่ที่จะดึงปมนั้นสั่นเล็กน้อยก่อนที่จะปลดออกจนหมด พี่ลมเช็ดตัวเร็วมาก แล้วรีบใส่เสื้อแล้วผูกให้เรียบร้อย พี่ลมก็เดินเอาของไปเก็บในห้องน้ำ นั่นทำให้ผมยกยิ้ม เป็นคนตัวโตที่น่ารักจริงๆ ผมนอนนิ่งแล้วคุณพยาบาลเอายามาให้แล้วดูที่แผล ซึ่งมันต้องเปิดกางเกงขึ้นไป
   “เรียบร้อยแล้วค่ะ พักผ่อนเยอะๆนะคะ” ผมยิ้ม พี่ลมกลับมานั่งข้างเตียงเหมือนเดิม
   “วาจะโทรหาที่บ้านไหม”
   “.....” ผมเงียบ จะบอกพี่ลมดีไหม ว่าจริงๆแล้วผมไม่ได้อยู่ที่ไทย แต่มันก็คงไม่ไดสำคัญเท่าไหร่ล่ะมั้ง อีกอย่าง เขาก็ไม่อยากให้พี่โย
   “พี่ชายวาชื่ออะไรนะพี่โยใช่ไหม พี่ก็อยากคุยกับพี่ชายวาเหมือนกัน”
   “ผมว่าไม่ดีกว่ามั้งครับ”
   “หืม มีอะไรหรื่อเปล่า” ผมเงียบจริงๆผมก็คิดถึงพี่โยเหมือนกัน น่าจะได้เวลาติดต่อกลับแล้วล่ะมั้ง  มือใหญ่ยกวางที่หัวก่อนที่จะลูบเบาๆเมื่อเห็นว่าร่างบางทำหน้าเศร้า
   “ไม่มีอะไรครับ พี่ลมถ้าผมมีเรื่องปิดปังพี่ลมจะโกรธไหม” ผมหันไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
   “ก็ต้องดูก่อนนะ” ผมไม่กล้าสบตาคมที่จ้องผม
   “ผม ไม่ได้อาศัยอยู่ที่ไทย ผม.....อยู่กับพี่ชายและครอบครัวบุญธรรมที่นิวซีแลนด์” พูดจบผมก็ก้มหน้าลง ก่อนที่ทั้งห้องจะมีความเงียบ อย่าบอกนะว่าโกรธเขา เขาเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เขาควรจะขอโทษยังไงดี
*****************************************************
เอาล่ะคะตอนหน้ามาดูคนง้อและคนงอน
บอกอีกครั้งนิยายเรื่องนี้ไม่มาม่า
ฮ่าๆๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาคอมเม้นต์น้า
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ
จะได้แก้ไขปรับปรุง
รักคนอ่าน จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 6 2/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-06-2017 19:07:26
พ่อเลี้ยงกางปีกปกป้องวา เต็มที่
รถถูกตัดสายเบรกแน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 6 2/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-06-2017 11:06:26
พี่ลมได้เวลาปกป้องคนที่รักแล้ว
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 6 2/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-06-2017 14:33:05
ดีแล้วที่วาไม่เป็นอะไร
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 6 2/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 09-06-2017 16:08:38
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 6 2/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 10-06-2017 00:19:07
ดีแล้วที่ปลอดภัย

ชอบเรื่งนี้มากๆ

ติดตามๆ..

หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่7 50เปอร์ 14/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 14-06-2017 13:01:38
“พี่วาคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ” เสียงวิ่งมาพร้อมกับเสียงเปิดประตูเข้ามา เขายิ้มกว้าง น้ำวิ่งเข้ามาเกาะเตียง ก่อนที่จะถามอาการว่าผมเป็นยังไงบ้าง
   “พี่รู้สึกดีมากแล้วครับ พี่ไม้แล้ว...” เขาถามพี่ไม้ก่อนที่จะเหลือบตามองประตูหวังว่าจะมีใครอีกคนเดินเข้ามา
   “อ้อพี่ลมนะเหรอ เห็นว่าเข้าไร่ยังไม่ออกมา พี่ไปรับไอ้ลูกลิงแล้วเลยมาเยี่ยมนะ” ไม้ขยี้ผมน้ำแรงๆก่อนที่จะอุ้มเจ้าลูกหมูขึ้นนั่งบนเตียง
   ฟอด
   “พี่วาหายไวน้าอาไม้ทำกับข้าวไม่อร่อยมากก” เจ้าตัวเล็กลากเสียงยาวจนคนเป็นอาหมั่นไส้จนบีบแก้มยุ้ยแรงๆ
   “โอ๊ยๆๆๆน้ำเจ็บน้าอาไม้ พี่วาน้ำเจ๊บเจ็บ” ผมขำนิดๆกับอาการฟ้องของน้ำผมลูบแก้มแดงปลอบ สองคนนั่งคุยเล่นกับผมจนค่ำ พี่ไม้กับน้ำก็ต้องกลับไร่ ตั้งแต่วันที่บอกความจริงบางส่วนพี่ลมก็หายเงียบไม่มาเยี่ยมผมอีกเลย มีเพียงสองอาหลานมาเยี่ยมกับพวกคนงานในไร่บางส่วน หรือพี่ลมจะโกรธ เขาได้แต่นอนคิดในแง่ร้ายก่อนที่จะพยายามหลับ เขาไม่ชอบโรงพยาบาล แต่อีกไม่กี่วันเขาก็จะได้ออกแล้ว
   ผ่านไปสองวัน ผมก็ได้ออกจากโรงยาบาลจนวันที่ออกจากโรงพยาบาลพี่ลมก็ยังไม่มาด้วย มีเพียงพี่ไม้ ละออง และเจ้าลูกหมู พี่ไม้ประคองผมขึ้นรถเพราะแผลที่ขายังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่
   “พี่ไม้ครับ”   
   “พี่ลมไม่ว่างนะเดี๋ยวกลับไร่ก็ได้เจอกัน”
   “เย้ๆๆ พี่วาจะกลับแล้ว น้ำดีใจจัง” น้ำชูไม้ชูมืออยู่ข้างๆทำให้ผมยิ้มกว้าง เอาเถอะกลับไร่ก็คงได้เจอกัน น้ำกอดแขนผมแน่น คอยพูดโน้นพูดนี่ให้ผมฟัง เล่าให้ฟังว่าตอนนี้ส้มที่ไร่เก็บได้แล้ว รั่วรอบไร่ก็เสร็จแล้ว วันนี้ก็ใกล้สินเดือนแล้ว กลับไปเขาจะช่วยทำบัญชีเพราะงานมันไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอยู่แล้ว รถคันใหญ่แล่นมาจอดที่หน้าบ้านเล็กแต่แสนอบอุ่น พี่ไม้รีบลงจากรถแล้วมาพยุงผมลงจากรถเข้าบ้าน
   “นั่งนี่ก่อนนะ พี่จะเอาของไปเก็บที่ห้องให้” ได้แต่พยักหน้ามองรอบๆบ้านที่ดูเหมือนห้องครัวจะเหมือนโดนระเบิดลง เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินเข้าครัว ทำความสะอาดเจ้าลูกหมูพอผมเข้าบ้านก็วิ่งตามละอองเข้าไร่บอกว่าจะไปตามพ่อลม
   “วาเข้าไปทำอะไรนะ คนเจ็บก็อยู่นิ่งๆสิ” พี่ไม้รีบเดินเข้ามา
   “โธ่พี่ไม้ผมหายแล้ว แผลมันก็แค่นิดเดียว”
   “เดี๋ยวแผลมันเปิดจะทำยังไง”
   “พี่ไม้นิดเดียวนะครับ ผมหิวแล้วด้วย แปบเดียวไม่หนักหรอก” ผมอ้อนวอน นี่มันก็เหลือแค่ทำกับข้าวเองเขาเตรียมของไว้หมดแล้ว
   “เฮ้อ... เอาเถอะ วานี่ก็ดื้อจริงๆ เดี๋ยวพี่ไปดูโรงงานก่อนนะอย่าฝืนมากเดี๋ยวพี่จะให้ไอ้ละอองมาอยู่ด้วย”
   “ครับๆ เดี๋ยวผมทำกับข้าวไว้ให้นะ พี่ไม้รีบกลับมาละกันนะครับ แล้ว....พี่ลมจะกลับมาไหมครับ” ประโยคสุดท้ายเขาพูดแผ่วลงเรื่อยๆ
   “นั่นสิเดี๋ยวคงกลับมาล่ะ พี่ไปล่ะเดี๋ยวจะรีบกลับมา” พี่ไม้ลูบหัวผมก่อนที่จะเดินออกจากครัวไป ผมค่อยๆขยับตัวทำโน่นทำนี่ เหมือนจะทำเยอะเกินไปนะ เขากำลังล้างของที่แซ่ไว้รีบเดินเข้าไปปิดแก็สเพราะหม้อแกงเขาเดือนจนล้นหม้อ
   “โอ๊ย!!” มือเรียวเกาะเคาเตอร์เพราะรีบเดิน จนเหมือนว่าแผลเขาจะเปิด
   “ทำบ้าอะไรของนาย!!!” เสียงตะโกนลั่นก่อนที่จะมีมือหนาจะรั้งเขาเข้ามาในอ้อมกอดแล้วอุ้มเขาในท่าเจ้าสาวพาเขาออกจากครัวดีที่เขาปิดแก็สแล้ว เท้ายาวกว้าเร็วๆขึ้นชั้นสองก่อนที่จะวางเขาลงบนเตียงกว้าง
   “อยู่นิ่งๆเป็นบ้างไหม เจ็บแค่นี้ไม่พอใจเหรอต้องหาเรื่องเจ็บเพิ่ม”  มือใหญ่รั้งกางเกงขากว้างขึ้นเพื่อดูแผลที่ต้นขาด้านบน เรียกความร้อนขึ้นมาเห่อบนใบหน้าเนียน
   “พี่ลมไม่ต้องก็ได้นะครับเดี๋ยวผมทำเอง” เขารีบจับมือหนาที่เพียงสัมผัสผิวก็เหมือนโดนของร้อน มันรู้สึกแปลกๆจริงๆนะครับ
   “ให้พี่ดูแล้วก็อยู่นิ่งๆ” ตาคมดูดุเมื่อเงยหน้ามามอง เขาได้แต่อยู่นิ่งๆตามคำสั่ง ก่อนที่พี่ลมจะลุกเดินไปหยิบกล่องยาแล้วเช็ดแผลให้อย่างเบามือผิดกับมาดพ่อเลี้ยงจริงๆจนทำแผลเสร็จโดยที่เขาไม่รู้สึกเจ็บซักนิดเดียว
   “ดีนะที่แผลไม่ฉีก แล้วเข้าไปทำอะไรในครัว ไอ้ไม้อยู่ไหนทำไมปล่อยให้นายวิ่งวุ่นไปทำโน้นทำนี่ไม่สำนึกว่าตัวเองเจ็บเลยซักนิดเดี๋ยวห๊า!!” ยิ่งพี่ลมดุมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็เหมือนตัวหดเล็กลงเรื่อยๆเท่านั้น
   “ก็พี่ไม้จะเข้าโรงงาน อีกอย่างมันก็แค่ทำงานนิดเดียวเอง”
   “นิดเดียวก็ไม่ได้ ไม่คิดเหรอว่าตัวเองเจ็บอยู่นะ”
   “เป็นห่วงด้วยเหรอครับ” เขาพูดออกไปโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าน้ำเสียงที่พูดมันติดแง่งอนจนอีกคนลอบยิ้ม จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไงก็อีกคนดูเหมือนจะงอนเขา เขาอยากจะไปเยี่ยมใจแทบขาด แต่งานที่ไร่เขาก็ทิ้งไมได้ แถมเหมือนจะมีปัญหาหลายอย่างเข้ามาวุ่นวายกับไร่เขาจริงๆ จนทิ้งไปไม่ได้
   “พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้เยี่ยมแต่พี่เป็นห่วงเรามากนะ”
   “ผมไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย ผมนึกว่าพี่ลมโกรธที่ผมโกหก” ร่างบางบ่นอุบอิบเสียงเบา “แล้วงานเป็นยังไงบ้าง พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปทำบัญชีให้ ” ถึงดูเหมือนจะงอนร่างบางก็อดห่วงงานไม่ได้ทั้งยีงห่วงคนตัวโตอยู่ไม่น้อย
   “พี่ไม่ได้โกรธ ส่วนเรื่องงานไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวพี่เอามาให้ที่บ้าน แล้วหายปวดแผลรึยัง” ตาคมมองผิวขาวที่พ้นชายกางเกง สัมผัสนุ่มยังติดนิ้วเขาอยู่เลย  วาได้แต่ก้มหน้างุดหนีสายตาที่เรียกความร้อนก่อนที่จะส่ายหน้าจนผมกระจาย
   “ไม่ปวดครับแต่หิวแล้ว” เขาบอกก่อนที่กำลังจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน แต่ก็ช้ากว่ามือหนาที่รั้งเอวบางก่อนที่จะช้อนขึ้นอุ้ม
   “พี่ลม!!” เขาได้แต่ยกมือคล้องคอหนา เพราะกลัวตก
   “พี่ก็จะอุ้มลงไปข้างล่างไง” เพราะมัวแต่ก้มหน้าเขาเลยไม่เห็ยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนที่อุ้มเขาอยู่
   “ก็ไม่เห็นต้องอุ้มแบบนี้เลยก็ได้” เขาได้แต่พูดเสียงเบาเมืออีกคนไม่ฟังพาเขาเดินลงไปชั้นล่างแล้ว
   “พี่วา!!! พี่เป็นอะไรทำไมพ่อลมต้องอุ้มพี่วาของน้ำด้วย”
   “น้อยๆหน่อยไอ้ลูกลิง ของแกตอนไหนห๊ะ”
   “ก็พี่วาเป็นของน้ำ พ่อจะมาแย่งไม่ได้นะ”
   “ทำไม พ่อแย่งแล้วจะทำไม” ในระหว่างที่สองพ่อลูกเถียงกันเรื่องแย่งไม่แย่ง เขาก็รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าก็พี่ลมจะเถียงจริงจังไปไหม
   “ผมหิวแล้ว”
   “โอเคๆ” พูดว่าโอเคแต่ก็ไม่ปล่อยผมลงอุ้มผมไปวางที่เก้าอี้ก่อนที่จะบอกให้รอนิ่งๆ พี่ลมก็เดินเข้าไปในครัว ตักกับข้าวออกมา
   “พี่วา พี่วาเจ็บแผลไหม ให้น้ำดูให้ไหมครับ”
   “พี่ไม่เป็นไรครับ น้ำนั่งดีๆ วันนี้พี่ทำแกงจืดที่น้ำชอบด้วยนะครับ” ผมลูบแก้มยุ้ย พอได้ยินว่าทำของโปรดไว้ให้น้ำก็ยิ้มร่า
   “พ่อลมเร็วๆสิพี่วาหิวแล้ว เอาเต้าหู้เยอะๆนะครับ”
   “เออๆ สั่งจริงวุ้ยลูกใครวะ” พี่ลมบ่นแต่ก็ตักแกงจืดมาถ้วยใหญ่มาวางก่อนที่จะนั่งลงทานพร้อมกัน
   “อ่าว พี่ไม้ล่ะครับไม่รอก่อนเหรอ” ผมถามพี่ลม ซึ่งแค่ยักไหล่ก่อนแกงจืดมาใส่จาน ผมเลยตักหมูใส่จานคืนให้
   “ทำไมไม่ตักให้น้ำบ้างอ่า”
   “อ๊ะ กินไปเงียบๆเลยไอ้ลูกลิง” พี่ลมตักเต้าหู้ไข่เต็มช้อนใส่จานน้ำ ซึ่งน้ำก็ตักมาใส่จานผม นี่ผมโดนเอาใจจากทั้งสองคนเลยเหรอ ก็พอเห็นอย่างนั้นพี่ลมก็ตักมาใส่จานผมบ้าง
   “พอเถอะครับทั้งสองคน กับข้าวเต็มจานผมแล้ว” แทบจะมองไม่เห็นข้าวอยู่แล้ว ขยันตักกับข้าวมาใส่จานเขาจนล้นเลย หลังจากที่พยายามทานอาหารที่กองล้นจานจนหมด ผมก็โดนอุ้มมาที่โซฟา โดนอุ้มบ่อยซะจนเขาคิดว่าขาเขาเจ็บจนเดินไม่ได้ซะอีก
   “ทานยาก่อน”
   “ครับ” ผมรับเอายากับแก้วน้ำมาทานแล้วยื่นคืน
   “งั้นขึ้นไปนอนเลยไหม หรือจะอยู่ข้างล่างก่อน เดี๋ยวพี่เอาลูกเข้านอนก่อนเดี๋ยวลงมา”
   “ครับ” ผมเอนหลังพิงโซฟา มองสองพ่อลูกที่วิ่งไล่กันขึ้นไปชั้นสอง พร้อมกับเสียงโวยวายลั่นบ้าน
   แกร๊ก
   “อ่าว อยู่คนเดียวเหรอ”
   “พี่ไม้ กลับมาแล้วเหรอครับ อยู่กับพี่ลมกับเจ้าน้ำครับอยู่กันข้างบน”
   “หิวจัง พี่ไปกินข้าวก่อน อ้อพรุ่งนี้ผู้กองนัทจะเข้ามาสอบปากคำนะ”
   “อ้อครับ” บอกผมเสร็จพี่ไม้ก็เดินหายเข้าไปในครัว ทานเสร็จก็บอกว่าจะขึ้นไปอาบน้ำ  ผมนั่งเล่นอยู่นานกำลังตาปรือๆแล้วเชียว
   “ตื่นก่อนวา ขึ้นไปนอนบนห้องเดี๋ยวพี่ล้างแผลให้”
   “อือออ ครับ” รับคำแต่ผมก็ลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว เพราะฤทธิ์ยาบวกกับอาการปวดแผลหนุบๆทำให้ผมอยากจะนอนลงตรงนี้เลย
   “หึๆ เด็กน้อยจริงๆ”  ผมรู้สึกตัวลอยๆความอบอุ่นทำให้ผมจากที่เคลิ้มๆก็หลับไปจริงๆ
   
   ผมมองคนที่หลับอยู่ในอ้อมแขนนิ่ง ก่อนที่พาขึ้นไปที่ห้อง ผมเป็นคนสั่งเองว่าให้พาวาย้ายเข้ามาอยู่ในห้องผมเองล่ะ เรื่องอะไรจะให้โอกาสเสียไปเปล่าๆ จะยอมให้คนที่เขาหมายตาไว้กลับไปบ้านพักล่ะ ยึดเอาไว้กับตัวนี่ล่ะ ค่อยๆวางคนเจ็บที่ไม่ค่อยประมาณตนลงบนเตียง ก่อนที่จะหายเข้าห้องน้ำไปหยิบเอาอุปกรณ์เช็ดตัวมาวางที่หัวเตียง
   ให้ตายเหอะ เขาจะอดทนอดกลั้นได้ไหมเนี้ย
   ได้แต่คิดในใจเมื่อปลดกระดุมเผยให้เห็นผิวขาวเนียนเหมือนคนมีฐานะ ยอมรับว่าตอนที่ได้ยินว่าวาอยู่ที่นิวซีแลนด์แถมมีพ่อแม่บุญธรรม กับพี่ชาย เรื่องวุฒิการศึกษานั่นอีก เขาก็พึ่งว่าเห็นหน้าอ่อนๆอย่างนี้กับเรียนจบโทแล้ว  ไม่ได้โกรธเลยซักนิด เพียงแต่รู้สึกว่า คนคนนี้ไม่ควรมาอยู่นี่เลยจริงๆ ช่างเถอะ เอาไว้ค่อยคิดยังไงๆก็ไม่ปล่อยอยู่แล้ว
   “เนียนชะมัด ให้ตายเหอะ” เขาได้แต่สบทเมื่อเช็ดตัวให้คนเจ็บแล้วสัมผัสได้ถึงความเนียน ยุบหนอ อย่าพองหนอ ยุบหนอ เขาได้แต่รีบเช็ดตัวม้วนเดียวจบก่อนที่จะตลบผ้าห่มคลุมคนที่หลับได้สนิทแม้เขาเช็ดตัวจนเสร็จยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวซักนิด เขาต้องรีบกวาดเข้าของก่อนที่จะวิ่งเข้าห้องน้ำไป
   “อ่าห์...... อืมมม .....วา.......”  ก็ไม่คิดว่าหลังจากที่มีเจ้าลูกลิงแล้วเขายังต้องมาใช้มือช่วยตัวเอง ให้ตายเหอะ อย่าให้ถึงวันที่เขาเอาคืนนะ
**************************************************************************
แอบวิ่งมาลงให้ก่อน
ก่อนอื่นต้องขอโทษที่หายไปนาน
 :hao5: :hao5:
เค้าขอโต๊ดดดด  :ling2: พอดีมีอีเว้นต์ฟิค เลยต้องไปปั่นฟิค5555
ปั่นฟิคเสร็จ ฟิลพ่อเลี้ยงหาย 5555555
ขอบคุณทุกความคิดเห็น ทุกคนที่อ่านนะคะ ไปตามทวงเราที่เพจได้นะฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 7 50 เปอร์ 14/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 14-06-2017 16:14:07
หนุกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 7 50 เปอร์ 14/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 14-06-2017 17:33:29
มาให้กำลังใจจ้า

เรื่องสนุกมากๆ

ติดตามเสมอ

หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 7 50 เปอร์ 14/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-06-2017 18:18:56
พี่ลม ยึดวาเลย ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 7 100 เปอร์ 17/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 17-06-2017 18:11:27
“พี่อยากถามเรื่องที่เกิดนิดหน่อยนะครับ น้องวาไม่ทราบมาก่อนใช่ไหมครับ”
   “อ่าครับ รถคันนั้นปกติพี่ลมจะเป็นคนใช้ วันนั้นผมอาสาไปรับน้องน้ำเลยได้ใช้รถคันนั้นพอลงเขาถึงรู้ว่าผิดปกติครับ”
   “น้องวานี่มีสติมากเลยนะครับ มีอะไรผิดสังเกตบ้างไหมครับ”
   “อืมไม่ครับ”
   ให้ตายเหอะจะน้องวา พี่นัทกันอีกนานไหมวะ สายวันนี้ไอ้ไม้พาผู้กองนัทเจ้าของคดีมาหาวาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ทำไมต้องนั่งใกล้กันเกินไปไหมวะ ไหนจะน้องวา  ไหนจะพี่นัท เออ หวงเว้ย
   “พี่ว่าวาไปพักดีกว่า นี่ก็บ่ายแล้ว” เขาเดินไปหาวาที่นั่งคุยอยู่ซึ่งวาทำหน้างง “พักเถอะเดี๋ยวพี่คุยต่อเอง ผู้กองเดี๋ยวไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
   “ก็ได้ครับพ่อเลี้ยง ขอบคุณมากนะครับน้องวา” ยัง  ยังไปยิ้มให้กันอีก อีกคนนี่ก็แจกจริงๆเลยไอ้รอยยิ้มเนี้ยะ
   “ไม่คิดนะครับว่าพ่อเลี้ยงจะขี้หวงขนาดนี้”
   “เหอะ คุยเรื่องงานดีกว่าผู้กอง กูอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เล่นไม่ซื่อและกูไม่ปล่อยมันไว้แน่”
   “ทางผมก็อยากรู้เหมือนกันล่ะครับ พ่อเลี้ยงไปขัดแข้งขัดขาใครมา” อย่าแปลกใจที่ไอ้ผู้กองพูดจากวนๆ มันเป็นรุ่นน้องสมัยมอปลายผมเอง แถมยังสนิทกับบ้านนี้เรียกได้ว่าเป็นลูกอีกคนเลย
   “กูไม่รู้ ที่แน่ๆมีคนอยากได้ที่ดินไร่กู”
   “ผลประโยชน์สินะ ผมจะดูแลคดีนี้เองพ่อเลี้ยงไว้ใจผมได้” ผมตบบ่ามันแรงๆทีหนึ่ง ก่อนที่จะบอกว่าไอ้ไม้มันหนีเข้าโรงงาน มันเลยได้ลากลับ ผมเลยได้เดินเข้าบ้านไปหาคนเจ็บที่ยังดื้อนั่งทำงาน หลังจากงานที่ไร่ปรับปรุงผมก็กลับมาหาคนที่อยู่ไม่นิ่ง ส่วนไอ้ลูกลิงนะเหรอ โยนให้ไอ้ไม้เอาไปโรงงานด้วยตั้งแต่เช้าแล้ว
   “กินข้าวกินยาแล้วขึ้นไปนอนพักได้แล้ว”
   “เดี๋ยวนะพี่ลม อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วพรุ่งนี้พี่ให้คนงานมาเบิกเงินกับผมที่บ้านได้ไหม ผมคงไปที่สำนักงานไม่สะดวก” ใบหน้าเนียนเงยหน้าขึ้น เหมือนจะถามนะแต่เหมือนจะเป็นการมัดมือชกซะมากกว่า
   “เออ ยังไงก็ไม่ฟังกันอยู่แล้ว ทำตามใจเลย ขึ้นไปพักได้หรือยัง” เสียงห้วนๆทำให้คนที่เงยหน้ามองถึงกับก้มหน้างุด
   “ผมขอโทษ พี่ลมเข้าไร่ก็ได้นะ เดี๋ยวผมจะขึ้นไปพักแล้ว” คนที่พึ่งทำเสียงเข้มได้แต่ถอนหายใจหนักๆก่อนที่จะช้อนเอาคนเจ็บไว้ในอ้อมแขนก้าวยาวขึ้นห้องนอน จะว่าเขาเป็นห่วงเกินไปก็ได้ก็ในเมื่อคนเจ็บแทบไม่ระวังตัวเอาซะเลย เมื่อเช้าก็เดินลงมาเองแถมยังทำกับข้าวให้ไอ้สองคนนั่นด้วยเขาเข้าไร่ตั้งแต่เช้ามืด นึกว่าจะกลับมาทันกลับเห็นคนเจ็บยืนทำกับข้าวในครัวหน้าตาเฉย
   “พี่ลม โธ่ผมเดินขึ้นมาเองได้” ได้แต่บ่นเสียงเบา เมื่ออีกคนมองนิ่งไม่พูดไม่จา
   “โอเคๆผมพักก็ได้”  ฮื่ย พี่โยยังไม่ฮิตเลอร์ขนาดนี้เลย ร่างบางได้แต่พูดเออออแถมยังไล่เจ้าของบ้านไปทำงาน และเมื่อเขาสัญญาว่าจะทำตัวดีๆ คนตัวโตถึงได้ยอมผละแล้วเข้าไร่ซักที
   “เผด็จการจริงๆเลยนะพี่ลม” เขาได้แต่นั่งนิ่งๆบ่นให้กับคนที่พึ่งเดินออกไป มือเรียวคว้าเอาโทรศัพท์ที่วางไว้บนหัวเตียงกว้าง นี่ก็เป็นอีกเรื่องกลับมาเขาก็มาอยู่ห้องเดียวกันกับพี่ลมซะแล้ว ด้วยข้ออ้างที่ว่า จะได้ดูแลผมได้สะดวก เอากับเขาสิ  ดวงตากลมโตมองเบอร์ที่กดค้างไว้ ชั่งใจอยู่นานก่อนที่จะกดโทรออก
   “(Hello??)”
   “พี่โย....”
   “(ไอ้วา!!! แกหายไปไหน คิดเหรอว่าไอ้จดหมายแผ่นเล็กๆนั่นพี่จะยอมรับ)” อ่าจัดเต็มจนเขาต้องยืนโทรศัพท์จนสุดแขน
   “พี่โยใจร่มๆนะพี่ชาย วาก็เขียนอธิบายไว้แล้วไง”
   “(อธิบายห่าอะไร เขียนบอกแค่ว่าจะไปไทย เดี๋ยวจะติดต่อมา คิดว่ามัมกับแด๊ดไม่ห่วงแกรึไง เรื่องนั้นพี่จัดการได้)” ท้ายเสียงอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อคุยถึงปัญหา
   “น่าๆอยู่ที่นี่วาก็สบายดี คนที่นี่ดีกับวามากเลยนะ นี่ๆ พี่โยน้องน้ำน่ารักมากเลยนะ ตัวกลมแก้มยุ้ยเชียวล่ะถ้าพี่โยเห็นพี่โยต้องอยากบีบแน่ๆฮ่าๆ”
   “(เออๆ รู้ว่าสบายดีพี่ก็วางใจ มีความสุขก็ดีแล้ว ถ้าที่นี่ลงตัวแล้วพี่จะไปรับนะ ว่าแต่ไม่เปลืองตังรึไงหือ)”
   “เออจริงด้วย งั้นคราวหน้าพี่โยก็โทรมาหาวาละกันนะ”
   “(ได้ๆ ดูแลตัวเองดีๆนะ)” น้ำเสียงห่วงใยจากครอบครัวทำให้รอยยิ้มกว้างแตะใบหน้า  ทางนั้นยังคงไม่ลงตัวสินะ พี่โยต้องผ่านไปได้แน่ๆ เมื่อไม่มีข้ออ้างอย่างเขาแล้วพี่โยเล่นงานคืนแน่ๆ แต่ว่าเรื่องมารับนี่.........เขาอยากอยู่ที่นี่ อยู่กับทุกคนที่ไร่นี้
********************************************************************
ลงเต็มแล้ว อาจจะสั้นไปนิดนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น
ฮืออออดีต่อใจมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 7 100 เปอร์ 17/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 17-06-2017 18:30:15
 :L2: :L2: :L2: ร้องวากับพ้อเลี้ยงลมมาแล้ว  คราวหน้ามาต่อยาวยาวน้าาาา  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 7 100 เปอร์ 17/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-06-2017 20:02:09
รู้สึกพ่อเลี้ยง จะขี้หึงมากเกินไปหรือเปล่า :z1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 7 100 เปอร์ 17/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-06-2017 22:15:23
พ่อเลี้ยง หวงวา หรือหึงวา กันแน่ ยิ้มให้ผู้กองก็ไม่พอใจ  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 7 100 เปอร์ 17/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 19-06-2017 11:04:25
พี่ลม ขี้หวงเกินไปและ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 8 23/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 23-06-2017 19:13:53
“พี่วาคร๊าบบบบบบบบบบ” เสียงเรียกเสียงดังพร้อมกับเจ้าลูกหมูวิ่งมาหาผมที่ตอนนี้กำลังจดน้ำหนักองุ่น
   “ว่าไงครับคนเก่ง” ผมก้มอ้าแขนรอร่างป้อมที่วิ่งมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายหลัง
   “น้องน้ำไปโรงเรียนนะครับ”
   ฟอด ฟอด
   “ฮ่าๆๆ มาครับ” เขาหอมแก้มยุ้ยคืน “ตั้งใจเรียนนะครับ”
   “ครับ น้ำไปก่อนน้า” มือป้อมโบกมือพร้อมกับวิ่งไปที่รถที่คุณไม้รออยู่ ผมโบกมือให้จนรถลับสายตา
   “ชักอิจฉาไอ้ลูกลิงแล้วสิ” ผมหันไปมองคนที่พึ่งเดินเข้ามา คิ้วเรียวขมวดเมื่อได้ยินคำเมื่อครู่ อิจฉาน้องน้ำ
   “พี่ลมพูดอะไรก็ไม่รู้”เขาว่าก่อนที่จะเดินไปคุยกับคนขึ้นของ ลงบัญชีก่อนที่จะนับเงิน ตอนนี้องุ่นล็อตสุดท้ายเก็บเกี่ยวเสร็จหมดแล้วก็จะต้องพักต้นองุ่นยังดีที่ตอนนี้ส้มพึ่งออกผลผลิต เขาจดรายรับลงสมุด พี่ลมกำลังคุมคนงานให้เริ่มตัดกิ่งองุ่น
   “พี่ลมใช้เวลานานเท่าไหร่ครับ” เขาเดินเข้าไปถาม
   “ก็คงราวสองอาทิตย์ ไอ้ละอองกูบอกให้ตัดกิ่งไม่ได้ได้บอกให้มึงตัดต้นองุ่นกูทิ้งนะเว้ย”
   “นายๆอย่ามายืนคุมดี๊ ละอองตื่นเต้นนน” ละอองทำท่าสะดีดสะดิ้ง ซักพักละอองก็ต้องวิ่งเมื่อทำท่างอนเป็นผู้หญิงแล้วพี่ลมหมั่นไส้เลยวิ่งไล่เตะ
   “โอ๊ยยยยย พ่อเลี้ยงๆๆๆ พอๆๆๆๆ ละอองเจ็บ”
   “ไปทำงานได้แล้วเว้ย” พี่ลมว่าก่อนที่จะเดินกลับมาหาผมที่ยืนหัวเราะอยู่เล่นกันเหมือนเด็กๆ
   “ร้อนรึเปล่า” เขาผงะเมื่อมือใหญ่ยืนมาปัดผมชื้นเหงือให้พ้นใบหน้า
   “อ่าขอบคุณครับ” ทำไมเขาถึงรู้สึกร้อนที่หน้ากว่าเมื่อกี้อีกนะ
   “เดี๋ยววาเข้าไปที่สำนักงานก่อนเลย พี่จะไปดูไร่ผักกับสตอเบอร์รี่ซักหน่อย” สามอาทิตย์แล้วที่เขามาอยู่ที่นี่แต่เขาก็ยังไปทั่วทั้งไร่เลย ได้ไปแค่ท้ายไร่ ไร่ส้ม กับป่าเหนือไร่แค่นั้น เขารู้ว่าที่นี่ปลูกผลผลิตหลายอย่างแต่ก็ไม่คิดว่าไร่นี้จะปลูกเยอะจริงๆ โดยที่ร่างบางยังไม่รู้เลยว่าการที่เขาไปท้ายไร่มันพิเศษกว่าใคร
   “ผมไปด้วยได้ไหม”
   “หืม แต่มันจะใกล้เที่ยงแล้วนะ” คนตัวโตห่วงว่าอีกคนจะกินข้าวไม่ตรงเวลา
   “น่านะพี่ลม” ไม่รู้ตัวว่าเขาเผลออ้อนให้อีกคนตามใจ
   “ก็ได้ ใส่หมวกด้วย” เพียงเท่านั้นรอยยิ้มหวานก็มอบให้เขา
   “โอ๊ยยย มดกัดๆ แถวนี้มดเยอะจังเลย” เสียงแซวจากละออง พี่ลมทำเพียงถลึงตาก่อนที่จะคว้าข้อมือผมไปกุมแล้วพาขึ้นรถขับไปที่สวนผัก คุณลมเข้าไปหาคนดูแลสวน ผมเดินเข้าไปในสวนที่ตอนนี้ปลูกผักกาดแก้ว และกะหล่ำปลีอีกแปลงถัดไป
   “ผักน่ากินเลยนะครับ”
   “คุณวาเอากลับไปไว้ที่บ้านด้วยสิ” ป้าคนงานที่เห็นผมก้มๆเงยๆมองผักกะหล่ำเดินเข้ามาตัดกะหล่ำหัวใหญ่ให้เขา
   “โอ๊ยขอบคุณครับ เดี๋ยวผมเอาไปไว้ที่รถก่อนนะครับ” เขาเดินเอาไปเก็บที่รถก่อนที่จะเดินมาช่วยป้าเก็บกะหล่ำ
   “หลานป้าดีขึ้นรึยังครับ” เขาถามเมื่อวานนี้หลานคนเล็กของป้าไม่สบายหนักมากเขากับละอองเลยพาไปหาหมอ หลังจากเกิดอุบติเหตุผมถูกสั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้ขับรถ อีกทั้งรถที่ใช้จะต้องตรวจเช็คก่อนเสมอ หลังจากที่ตรวจอาการผมก็พาน้องกลับมาส่ง ป้าขอบคุณผมซะยกใหญ่
   “ดีขึ้นมากแล้วค่ะคุณวา ขอบคุณคุณวาจริงๆนะคะ” ผมยิ้มก่อนที่จะบอกกล่าวว่าไม่เป็นไร
   “วา” เสียงเรียกทำให้ผมหันไปมอง พี่ลมกวักมือเรียกผมบอกลาก่อนที่จะรีบเดินไปหาพี่ลม
   “มีอะไรครับ”
   “ร้อนไหม หิวยัง เดี๋ยวไปที่ไร่สตอเบอร์รี่ก่อนแล้วค่อยกลับไปกินข้าว” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบว่ายังไม่หิว พี่ลมพยักหน้าก่อนที่จะขึ้นรถจักรยานแล้วบอกให้ผมขึ้นซ้อน
   “จับดีๆล่ะ”
   “พี่ลมก็อย่าปั่นซิ่งนักก็แล้วกัน” ได้ยินแต่เสียงหัวเราะทุ้มก่อนที่ขายาวจะออกแรงถีบ ผมรีบจับชายเสื้อทั้งสองข้างไว้ จริงๆมีทางที่เอารถไปได้เพียงแต่ต้องอ้อมนิดหน่อย
   “พี่ลม วาจะขอเก็บสตอเบอร์รี่ไปทำขนมให้น้ำได้ไหม”
   “อะไรๆก็เจ้าลูกลิง ได้สิ พี่ก็อยากลองกินบ้าง”
   “ฮ่าๆอย่าว่าผมอวยตัวเองเลยนะ พี่โยกินจนน้ำหนักขึ้นตั้งหลายกิโล” พูดถึงพี่ชายแล้วขำนั่นเป็นผู้ช่วยในการชิมเลย แรกๆผมก็ทำอาหารอย่างเดียวแต่พอดูรายการทำขนมแล้วอยากลองทำ พี่โยเลยต้องมาเป็นหนูทดลองผลคือน้ำหนักขึ้น ฮ่าๆ
   “วา คิดถึงบ้านไหม”
   “ถ้าบอกว่าไม่คิดถึงคงโกหก ผมคิดถึงพี่โย มัมและแด๊ด ทุกคนมีบุญคุณกับผมมาก ผมคิดถึงพวกเขาทุกคน”
   “งั้นเหรอ” ระหว่างทางต่างคนต่างเงียบจนถึงไร่สตอเบอร์รี่ พี่ลมเดินดูตามไร่ ส่วนผมรับเอาตะกร้าไม้ไผ่ก่อนที่จะเดินตามพี่ลม
   “พี่ลมปลูกพันธ์อะไรครับ” เขาถามคนที่ทำหน้านิ่งและไม่ยอมคุยกับผม
   “พันธ์พระราชทาน 80 พึ่งลองปรับหน้าดินปลูกมาได้สองสามปีแต่ก็ได้ผลผลิตที่น่าพอใจ” พี่ลมว่าก่อนที่จะนั่งลงข้างๆแปลงพลิกดูใต้ใบว่ามีเพลี้ยหรือใบที่เป็นโรครึเปล่า
   “พี่ลมนี่เก่งนะครับ” เขาเอ่ยสิ่งที่คิดในใจมาตั้งนานแล้ว คนที่อายุไม่ถึงสามสิบดี แต่เสียทั้งพ่อและแม่ กลายเป็นเสาหลักในบ้าน บริหารจัดการไร่ ทั้งยังเลี้ยงน้องน้ำอีกด้วย ไหนจะโรงงานทีพี่ลมสร้างมาเพื่อแปรรูปสินค้าตกเกรดเพื่อเพิ่มมูลค่า ถึงจะมีพี่ไม้แต่ผมก็ว่าพี่ลมเก่งจริงๆที่ทำทุกอย่างได้ดีขนาดนี้
   “ชมพี่นี่หวังอะไรหรือเปล่า” เสียงหัวเราะทุ้มในลำคอ
   “ไม่นะพี่ลมเก่งจริงๆ พี่ลมทำหลายๆอย่างพร้อมกัน ยังดูแลคนงาน แถมยังเลี้ยงน้องน้ำได้น่ารักน่าชัง”
   “เออๆ พอเหอะก่อนที่พี่ตัวจะลอย” เขาเหลือบไปมองก็เห็นใบหูเหมือนจะแดงนิดๆ นั่นทำให้ผมแอบขำ ก่อนที่จะเลิกพูดแล้วเก็บสตอเบอร์รี่ดีกว่า ปล่อยให้พี่ลมเดินหนีไปเขินที่อื่น เก็บได้พอประมาณก็เรียกพี่ลมที่เหมือนจะคุยติดลม
   “งั้นกลับเลย พี่หิวแล้ว” ผมยิ้มก่อนที่จะเดินตามขึ้นซ้อนจักรยาน  มือหนึ่งจับชายเสื้ออีกมือก็ถือตะกร้าที่ใส่สตอเบอร์รี่ลูกโตๆเต็มตะกร้า
   “ผมหนักไว้ไหมอ่ะพี่ลม”
   “ไม่ จริงๆพี่ว่าวาตัวเล็กไปด้วยซ้ำ” ก็ถ้าเทียบกับพี่ลมเขาก็แทบเป็นคนแคระเลย เขาไม่ได้ตัวเล็กนะ พวกพี่ลมตัวใหญ่เองต่างหาก
   หลังจากที่ปั่นมาถึงไร่กะหล่ำ เราสองคนก็ขึ้นรถกลับมาที่บ้าน ผมให้พี่ลมหอบเอากะหล้ำกับผักอื่นๆที่คนงานเก็บมาไว้ท้ายรถให้เข้าบ้านส่วนผมก็เดินเข้าครัวอุ่นกับข้าวที่ทำไว้เมื่อเช้าแล้วตั้งโต๊ะ
   “พรุ่งนี้ไปตัดไหมใช่ไหม เดี๋ยวพี่พาไป ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม”
   “ครับ ไม่เจ็บแล้วมันคันมากกว่าอ่ะ” เขาว่าก่อนที่จะตักหมูใส่จานอีกคน
   “อย่าเกา พี่จะเข้าไปในไร่อีก เอกสารที่พี่ให้เตรียม...”
   “ผมทำไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ อยู่บนโต๊ะในห้องนอนพี่ลมจะใช่เลยไหม เดี๋ยวผมจะขึ้นไปเอาให้”
   “ไม่ต้องหรอกพี่แค่ถามไว้ พรุ่งนี้พี่จะเอาไปยืนกับธนาคารตอนที่พาวาไปโรงพยาบาล” เขาพยักหน้า พี่ลมกินน้ำกอ่นที่บอกว่าจะเข้าไปในไร่ แต่ก็บอกว่าผมไม่ต้องเข้าไปแล้ว
   ค้นเอาแป้งสาลีออกมากับไข่ได้ที่ผมออกไปชื้อมาเก็บไว้นานแล้ว ร่อนแป้งน้ำตาลเกลือให้เข้ากัน ก่อนที่จะตอกไข่ใส่ลงไป ตีให้แป้งเนียนก่อนที่จะเทแป้งลงถาดเอาเข้าเตาอบ ระหว่างนั้นก็เอาครีมสดมาตีจนตั้งยอด พักไว้ ก่อนที่จะล้างสตอเบอร์รี่แล้วซับน้ำออกหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า ระหว่างที่หั่นก็แอบกินไปหลายลูก ลูกสดๆนี่อร่อยจริงๆ เสียงเตาอบดังขึ้น เขาเอาแป้งที่อบได้ที่ออกมา แกะออกจากถาดพักบนเขียง รอเย็นก่อนที่จะปาดวิปครีมลงไปแล้วค่อยโรยสตอเบอร์รี่หั่นชิ้นให้ทั่วก่อนที่จะม้วนเบามือ ห่อไว้ด้วยแร็พ เอาเข้าตู้เย็นแช่ไว้รอเวลาที่ลูกหมูเลิกเรียน
   จริงๆก็เริ่มคิดแล้วว่าผมสมัครงานมาเป็นผู้ช่วยหรือเขามากลายเป็นพี่เลี้ยงและพ่อบ้านกันแน่ ได้แต่ส่ายหัวไร่ความคิดไร้สาระ ก่อนที่จะขึ้นไปเก็บห้องนอนทั้งห้องพี่ลมและห้องเจ้าลูกหมู
   “น้ำกลับมาแล้วววววววววววววววว” เสียงโวยวายขณะที่ผมกำลังปูผ้าปูผืนใหม่ให้น้ำต้องวางมือก่อนที่จะเดินลงมารับน้ำที่ตอนนี้กำลังถอดรองเท้าเก็บไว้ที่ตู้
   “กลับมาแล้วเหรอครับ” เขาถามก่อนที่จะอ้าแขนรอรับร่างป้อมที่พุ้งเข้ามา
   “น้ำหิ๊วหิว” เจอหน้าเขาแล้วหิวนี่ยังไงกันห๊ะไอ้ลูกหมู เขาบีบจมูกเล็กด้วยความหมั่นเขี้ยว
   “เห็นหน้าพี่แล้วหิวนี่มันน่าน้อยใจจังน้า”
   “อุ๊บ น้ำคิดถึ๊งคิดถึงพี่วา”
   ฟอด
   แค่อ้อนไม่พอยังมีออฟชั่นเสริมด้วยการหอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่ ผมยีหัวแรงๆก่อนที่จะไล่ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยลงมาทำการบ้าน น้ำรับคำก่อนวิ่งตึงตังขึ้นห้องตัวเอง
   “เชื่อฟังกันจริงสองพี่น้องนี่” พี่ไม้ที่หิ้วของเข้ามา ก็แซวผมทันที
   “น้องน้ำว่าง่ายอยู่แล้วครับ พี่ไม้ทานน้ำก่อน” เขายกน้ำส่งให้พี่ไม้ที่นั่งพักตรงโซฟา
   “บ้านพี่พอมีวาแล้ว พี่นึกถึงตอนที่แม่อยู่เลย”
   “เหรอครับ”
   “พี่ดีใจจริงๆนะที่วามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้” เขาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่เหรอ ไม่ได้เป็นคนนอก แต่เป็นคนในครอบครัว เป็นส่วนหนึ่ง ริมฝีปากบางค่อยๆยกยิ้ม ถึงเขาจะมีมันแด๊ดพี่โยแต่ส่วนหนึ่งในจิตใจเขาก็รู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน เขาอยากมีครอบครัว ครอบครัวของเขาเอง พื้นที่ที่เป็นของเขา และที่นี่อาจจะเป็นที่นั่น
   “ผมก็ดีใจ”
   “หึๆ”
   “พี่ไม้จะทานขนมไหมเดี๋ยวน้ำก็ลงมาผมจะได้ตัดใส่จานมาไว้เลย”
   “เอาสิ” พี่ไม้เปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อยก่อนเสียงขัดความสุขจะดังขึ้น
   “อะไร........ไม่ว่าง........ไม่ต้องมายุ่งน่า......................ว่างนักรึไงห๊ะ...................ไสหัวไปทำงานได้แล้ว” เสียงตะโกนด่าคุยโทรศัพท์ดังมาถึงในครัว เขาได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย พี่ไม้ไม่เคยตะโกนอารมณ์เสียแบบนี้มาก่อน
   “ทานอะไรหวานๆดีกว่าครับ” เขายกเค้กไปเสิร์ฟคนที่ทำท่าทางหัวเสีย
   “ขอบคุณนะวา”
   “กลิ่นอะไรห๊อมหอมมมมมมมมม” นั่นไง มาตามกลิ่นของหวานเลย
   “ฮ่าๆๆ มาเลยเจ้าลูกหมู นั่งลงดีๆครับพี่วาให้ทานชิ้นเดียวน้า”
   “ถ้าน้ำไม่อิ่มอ่ะ” แก้มป่องพองลมถาม
   “ว้า....งั้นข้าวเย็นคืนนี้น้องน้ำอดเข้าเย็นล่ะกันเนาะ”
   “ง่า........ไม่เอาน้า พี่วาคนสวยยย กับข้าวพี่วาอร่อยจะตายน้ำจะกิน”
   “งั้นก็ทานชิ้นเดียวนะ ถ้ากินเยอะกว่านี้ ลูกหมูจะกลิ้งไปอยู่แล้ว” ผมบีบพุงน้อยๆของเจ้าลูกหมู
   “ฮ่าๆๆ ขอบคุณครับพี่วา ฟอด” ไม่ขอบคุณเปล่าๆ ยังหอมแก้มผมอีกครั้ง
   “ให้ตายเหอะถ้าเจ้าลูกลิงนี่โตกว่านี้พี่ว่าพี่คงได้สู่ขอวาให้น้ำแน่ๆ”พี่ไม้ว่าขำๆก่อนที่จะตักเค้กทานอีกคำ
   “พี่ไม้!!!” เขาร้องอย่างตกใจถึงจะแซวก็เถอะแต่ถ้าใครได้ยินคงไม่ดี
   “โอ๊ะต้องบอกว่าน้องวาคนสวยของไอ้ลูกลิงถูกจองไว้เสียแล้ว” จอง ใครจองอะไรยังไง สังสัยหน้างงของผมจะน่าขำมากเพราะพี่ไม้ขำได้ยิ่งใหญ่มาก
   “เออสบายกันจริงๆนะ” เสียงทุ้มดังมาจากหน้าบ้านทำให้ทุกคนเงียบทันที
   “ไงพี่” พี่ไม้ทักพี่ลม เจ้าลูกหมูมัวกินไม่ได้สนใจพ่อหรอก ผมเลยลุกขึ้นเดินไปกดน้ำให้คนที่พึ่งกลับเข้ามา
   “กลับมาเร็วนะมึง”
   “มีตัวปัญหาไปป่วนนิดหน่อย” พี่ไม้บ่น ตัวปัญหา??  เขาทำหน้าสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรพร้อมกับยืนแก้วน้ำเย็นให้คนที่พึ่งนั่งแกล้งลูกที่โซฟา
   “ขอบคุณนะวา” ผมยิ้มแทนคำตอบก่อนที่จะลงไปนั่งข้างน้ำที่ดิ้นหนีพ่อที่ยังแกล้งไม่เลิก
   “พี่ลมเลิกแกล้งลูกได้แล้ว เดี๋ยวขนมก็ติดคอ” ผมรีบจับมือใหญ่ที่พยายามจี้พุงพุ้ยของน้องน้ำอีกรอบ ทำไมชอบแกล้งเจ้าลูกหมูจัง
   “พี่ลม!!!” ผมต้องร้องดังเมื่อจากที่ผมจับมือใหญ่ไว้ กลายเป็นพี่ลมดึงมือกลับแรงๆ ทำให้ตัวผมลอยขึ้นไปนั้งระหว่างขาของคนที่ดึงผมขึ้นมา  มืออีกข้างที่โอบที่เอวผมอย่างพอดี
   ฉ่า
   “พี่วาไม่สบายเหรอครับ” ยิ่งน้ำถามยิ่งรู้สึกร้อนที่หน้าเหมือนจะระเบิดแล้ว ได้แต่ก้มหน้าลง
   “หึๆ พี่จะรุกหนักเกินไปแล้ว ดูหน้าน้องบ้าง” ไม่รู้ว่าคนที่นั่งซ้อนหลังทำหน้ายังไงได้ยินแต่เสียงหัวเราะในลำคอนั่นยิ่งทำให้ผมก้มหน้าลงไปอีก
   “ทำไม น้องวาเขินเหรอ”
   “ปล่อยเถอะครับ” ผมได้แต่พยายามแกะมือที่โอบเอวไว้ออก
   “ฮ่าๆโอเคพี่ปล่อยก็ได้”
   “ผมจะไปทำกับข้าว” ผมรีบเดินจนแทบเหมือนวิ่งหนีเข้าไปหลบภัยในครัว ทรุดตัวลงนั่งก่อนที่จะยกมือกุมหน้าอกแน่น หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกมาอยู่แล้ว

   ดวงตาคมมองตามคนที่เดินหนีเข้าห้องครัว ริมฝีปากหนายกยิ้มที่หากวามาเห็นคงจะต้องเขินยิ่งกว่าเดิมแน่นอน
   “แหมไม่ค่อยรุกเลยนะพี่” ไอ้ไม้พูดแซวขึ้นมาเมื่อเห็นผมมีความสุขกับการเย้าแย่คนที่ “ชอบ”
   “ทำไมวะ ก็ไม่อยากเสียเวลานี่หว่า” พอถามว่าน้องคิดถึงบ้านไหม พอน้องบอกว่าคิดถึงผมนี่ใจหาย ยิ่งได้ยินที่น้องคุยโทรศัพท์กับพี่ชาย ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวใจ กลัวใจน้องจะกลับ แต่พอน้องบอกว่าจะอยู่ในใจของผมเหมือนมีเรี่ยวแรง อาจจะเห็นแก่ตัวแต่ผมก็ไม่อยากเสียความอบอุ่นนี้ไป  วาอาจจะเหมือนเข้ามาในชีวิตพวกเขาไม่นาน แต่วาเหมือนเป็นความอบอุ่นที่เข้ามาในครอบครัว และผมอยากให้ความอบอุ่นนี้อยู่กับเขานานๆ
   “เออ ผมอนุมัติผ่าน เจ้าลูกลิงล่ะ”
   “น้ำชอบพี่วา” เท่านั้นล่ะ มติเอกฉันท์ ผมยกยิ้ม
   “ว่าแต่ ไอ้ผู้กองมันได้เรื่องว่ายังไงบ้าง” ผมมองไอ้ไม้ที่ทำหน้าเหม็นเบือ
   “มันบอกว่าได้เรื่องแต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเพียงแต่มีผู้สงสัย ว่าแต่พี่ให้ไอ้ผู้กองติดต่อพี่เองสิ” ผมยิ้มร้าย เรื่องอะไรกูจะเข้าไปวุ่นวาย
   “เรื่องสิ ดูหลานไปนะมึง กูเข้าไปช่วยวาก่อน”
   “ช่วยให้วินาศสันตะโรดิ” เขาไม่ตอบเพียงแต่เดินเข้าครัว เห็นร่างบางที่เหมือนจะหายขัดเขินทำโนนทำนี่อย่างคล่องแคล่ว พอได้กินฝีมือว่าแล้ว กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่า
   “ให้พี่ช่วยอะไรไหม”
   “มะ...ไม่ต้อง พี่ลมออกไปรอข้างนอกเถอะครับ” วาหน้าแดงได้น่าดูชม เขาเลยเผลอมองเพลิน
   “ทำไมล่ะพี่อยากช่วย” ผมเดินเข้าไปใกล้อีก    
   “แค่พี่ออกไปข้างนอกก็ถือว่าช่วยผมแล้วนะครับ” วารีบเดินอ้อมไปอีกทาง นั่นทำให้เขารู้สึกแปลกๆ หรือเพราะเรื่องเมื่อกี้
   “รังเกียจพี่เหรอ” เขาลองถามอย่างลองเชิง แสร้งทำหน้าเศร้าอีกนิด
   “ไม่ใช่นะพี่ลม...... วาแค่ทำตัวไม่ถูก” เสียงพูดอ่อยๆนั่นทำให้เขายิ้มกว้าง และเขาก็เริ่มรู้สึกเก้อๆขึ้นมานิด
   “อ่า งั้นพี่ออกไปก่อนนะ” เขาว่าให้วาอยู่ในครัวคนเดียวนั่นเป็นความคิดที่ดีแล้ว
   “อ่าวไหงออกมาเร็ว”
   “กูขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ”
   หลังจากที่ขึ้นไปอาบน้ำกลับลงมาดูเหมือนอาการขัดเขินจะลดลง ถึงแม้จะมีบ้างที่วาหลบสายตา และเอาแต่ดูแลไอ้ลูกลิง แต่แก้มเนียนกลับแดงระเรื่อทันทีเมื่อสบสายตา แม่ง น่ารักโคตร กูเผด็จศึกเลยดีไหมวะ
   “พี่ ...เก็บอาการบ้างพี่ หน้านี่.....” ไอ้สัด!!!ไม้
******************************************************************************
เอาพ่อเลี้ยงไปเก็บที



เขาอยากบอกว่า ......เขาแต่งพร้อมกันสี่เรื่อง
บางที่ก็ตันเรื่องโน้นมาแต่งเรื่องนี้
เพราะฉะนั้นความสับสนจะมีมากมาย
ขอบคุณทุกคนที่เข้่ามาอ่าน
ขอบคุณที่เข้ามาเม้นท์ให้กำลังใจ
ชอบคนอ่าน รักคนเม้นท์
ฮ่าๆๆๆๆ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่8 23/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-06-2017 19:37:26
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่8 23/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 23-06-2017 19:55:37
รู้สึกชอบวาจังเลย น่ารักมากๆ
 :man1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่8 23/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-06-2017 20:56:03
เอาอีกๆ

อ่านไม่เคยพอเลย

ตอนนี้ความรู้สึกเริ่มชัดเจนมากขึ้น

หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่8 23/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 23-06-2017 22:14:24
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ

รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่8 23/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 24-06-2017 07:37:30
เป็นกลจ.ให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่8 23/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 24-06-2017 13:34:19
หวานซะ  :-[
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่9 29/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 29-06-2017 19:11:36
ให้ตายเถอะทำไมเขาถึงลืมคิดไปว่าเวลานอนเขาต้องนอนกับคนตัวโต แล้วไอ้อาการขัดเขินเมื่อตอนเย็นยังไม่เท่าตอนนี้เลยให้ตายเหอะ เขาพยายามไม่สบตากับคนที่ตอนนี้นอนเอกเขนกที่เตียงกว้าง เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง พยามให้ความสนใจกับการเช็ดผม แต่เขาก็รู้สึกเหมือนโดนจ้องอยู่ตลอด
   “จะเช็ดผมจนมันร่วงรึไงวา”
   “พี่ลมง่วงก็นอนไปก่อนเลยครับ” บรรยากศตอนนี้ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน มันทำให้เขาทำอะไรรู้สึกเก้ๆกังๆ เขาเหมือนจะรู้แล้วว่า ไอ้คำว่า “รุก” ที่พี่ไม้พูดมันหมายความว่าอะไร
   “พี่ยังไม่ง่วงแต่พรุ่งนี้วาต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่เหรอ ต้องลงไปทำกับข้าวแต่เช้าไม่ใช่เหรอ” ทำไมเขารู้สึกว่าเสียงมันใกล้เขาอย่างนี้ล่ะ ก่อนที่เขาจะหันไปมือใหญ่ก็คว้าเอาผ้าขนหนูมาซับผมนิ่มอย่างเบามือ ร่างบางได้แต่นั่งหลังตรงแน่ว
   “แห้งแล้วไปนอนได้แล้วครับ” เหมือนคนตัวโตจะสนุกเมื่อเห็นปฏิกิริยา มือไม้พันกัน แต่ก็ไม่ได้พูดแซวมากกว่านี้เพราะไม่งั้นร่างบางคงจะไม่นอนซักที เขาเลยเดินเข้าห้องน้ำไป
   วามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าห้องน้ำไปเขารีบเดินเอาผ้าขนหนูไปตากก่อนที่จะกระโดดขึ้นเตียงก่อนที่จะคลุมถึงคอแล้วแกล้งหลับ ซักพักเขาก็ได้ยินเสียงเท้าเดินเข้ามาพร้อมกับเตียงที่ยวบลง ก่อนที่เขาจะรู้สึกว่าผ้าห่มอีกฝั่งดูดึงขึ้น เขาเผลอเกร็งตัว ขยับตัวนิดหน่อยก่อนที่เขาจะผ่อนคลายแล้วก็หลับสนิท
   ลมมองคนที่นอนหันหลังให้ที่ตอนนี้หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ดูเหมือนจะหลับสนิทไปแล้วสินะ เขาขยับเข้าไปใกล้ก่อนที่จะรั้งคนที่นอนสนิทเข้ามากอด เหมือนเป็นความพอดี ถ้าไอ้ไม้มาเห็นเขาตอนนี้คงบอกว่าเขาบ้าที่นอนยิ้ม เขาที่กำลังจะนอนหลับไปคนในอ้อมกอดก็พลิกตัวกลับมา ขยับหาที่สบายๆก่อนที่จะซบลงที่อกเขา ให้ตายเหอะเขาจะนอนหลับได้ไหม ได้แต่ข่มตาหลับพร้อมกับคนในอ้อมแขน

   “พี่กับน้ำไปก่อนนะ อย่ามัวแต่เขินพี่ลมจนโดนเอาเปรียบล่ะ”
   “พี่ไม้!!!” เขาได้แต่เรียกชื่อคนที่แซวเขา ก่อนที่จะก้มลงไปกอดน้ำและหอมแก้มยุ้ยทั้งสองข้าง
   “โอ๋ๆเดี๋ยวน้ำจะจัดการอาไม้ให้น้า”
   ฟอด ฟอด
   “ครับ เอาให้หนักๆเลยนะ” เขากระซิบบอกซึ่งเจ้าลูกหมูก็พยักหน้าหนักแน่น เขายิ้มปล่อยให้อาหลานไปทะเลาะกันเอง  ส่วนเขาก็เดินกลับเข้าครัวไปเก็บทำความสะอาดก่อนที่จะขึ้นไปอาบน้ำ ก็จะไม่ให้เขาเขินได้ไงล่ะ เมื่อเช้านี้เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็เจอกับอกกว้างๆ ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ก่อนที่เขาจะค่อยไล่สายตาขึ้นไปมองใบหน้าคมเข้มที่ยังหลับสนิท ไรหนวดจางๆบนคางได้รูป และแขนแกร่งที่โอบกอดเขาไว้อีก  คิดดูสิว่าเขาจะรู้สึกอายแค่ไหน แถมตอนที่เขาจะลุก พี่ลมตื่นขึ้นมาพอดีรอยยิ้มกว้างนั่นยิ่งทำให้เขาเขินหนักกว่าเดิม เลยได้แต่ขอร้องให้อีกคนปล่อยมือก่อนที่เขาจะวิ่งลงไปข้างล่าง แถมยังได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มตามหลังมาอีก ใช่สิ เห็นเขาลนแล้วสนุกมากเลยสินะ ยังดีที่อีกคนปล่อยให้เขาหายใจหายคอ เพราะตอนเช้าก็เข้าไปในไร่ บอกเพียงจะเข้ามาสายๆ เขาเลยมีเวลาพักหายใจหายคอ  มือเรียวหมุนก๊อกน้ำก่อนที่จะหยิบเอาผ้าขนหนูมาซับน้ำตามตัวก่อนที่จะแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้องน้ำ
   “อ่าวเสร็จแล้วเหรอ พี่กำลังจะเรียกพอดี”
   “ครับ พี่ลมจะไปแล้วเหรอครับ”
   “อืม เดี๋ยวลงไปรอพี่ข้างล่างก่อนนะ” เขาพยักหน้าก่อนที่จะหยิบกระเป๋าลงไปรอข้างล่าง
   ซักพักพี่ลมที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินถือซองเอกสารลงมา ผมเลยลุกเดินตามไป
   “พี่ลมเดี๋ยวนะครับ” เขาเรียกอีกคนไว้ ก่อนที่เขย่งตัวจัดปกเสื้อที่ยังไม่เข้าที่ “เรียบร้อยแล้วครับ”
   “ขอบคุณนะ” เขายิ้มตอบก่อนที่จะหยิบรองเท้ามาใส่บ้าง 
   “พี่ลมจะส่งผมที่โรงพยาบาลหรือพี่จะลงไปด้วยครับ” เขาหันไปถามคนที่ขับรถพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย อารมณ์ดีจริงๆ
   “เดี๋ยวพี่ลงไปด้วยดีกว่านะ”
   “งั้นผมก็ต้องไปธนาคารกับพี่ด้วยนะสิ”
   “ใช่”
   “มันไม่เกี่ยวกับผมไม่ใช่เหรอ” เขาได้แต่ทำหน้างงๆ ให้อีกคนขำ
   “เกี่ยวอยู่แล้วทำไมวาจะไม่เกี่ยวล่ะ” เขารีบหลบสายตาที่สื่อความหมายมากมาย
   “พี่ลมหมายความว่าไง...ครับ”
   “เอาไว้พี่มั่นใจว่าวาพร้อมที่จะฟังพี่พี่จะบอกละกันนะ”  อันนี้เขาเห็นด้วย ตอนนี้ถึงเขาจะรับรู้แต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะฟัง หัวใจเขายังแข็งแรงไม่พอ เกิดได้ยินไปเขาหัวใจวายขึ้นมาจะทำไง และก็เงียบไปตลอดทาง
   มาถึงโรงพยาบาล  คุณหมอก็ดูแผลให้ก่อนที่จะบอกว่าผมดูแลได้ดีมาก ถึงจะเป็นรอยแผลเป็นแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกซีเรียสอะไรเพราะยังไงมันก็อยู่โคนขาไม่มีใครมาเห็นอยู่แล้ว หลังจากตัดไหม พี่ลมก็พาผมไปที่ธนาคารเพื่อยืนเรื่องของกู้เพื่อมาขยายพื้นที่ไร่และโรงงานที่จะเปลี่ยนเป็นโรงงานแปรรูปเต็มตัว
   “งั้นพ่อเลี้ยงเซ็นต์ตรงนี้นะครับ”
   “ครับ” พี่ลมตวัดปากกาก่อนที่พนักงานธนาคารจะตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนที่บอกว่าเงินก้อนนี้จะเข้าทันที่เมื่อทางผู้ตรวจสอบอนุมัติ ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเราสองคนกู้ไม่มากแต่หลักทรัพย์ประกันของทางเรามีมูลค่าและความมั่นคงสูง ไม่น่าจะมีปัญหา
   “เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อยๆกินล่ะกัน วาจะได้ไม่ต้องเหนื่อย” พี่ลมว่าเพราะตอนนี้ก็ค่อนไปทางบ่ายแล้ว
   “ก็ได้ครับ พี่ลมพาผมไปกินอะไรอร่อยๆนะครับ จะว่าไปตั้งแต่ที่ผมมาอยู่ผมยังไม่เคยไปเที่ยวเลย” เขาพูดเล่นๆเพราะที่ไร่เขาก็ยังเที่ยวไม่หมดเลย
   “อยากไปเที่ยวไหนไหมล่ะ หืม” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนถามเขา
   “ผมไม่อยากไปเที่ยวหรอกนะครับ ว่าแต่พี่ลมจะพาผมไปกินอะไรอ่ะ”
   “อืม ขนมจีนน้ำเงี้ยวดีไหม พี่มีร้านประจำ”
   “ตามใจคนในพื้นที่เลยครับ” ทั้งผมและพี่ลมต่างขำที่ไม่รู้ว่าขำอะไร พี่ลมขับรถเข้าไปในตัวตลาดกลางเมือง ก่อนที่จะจอดรถหน้าปากซอย แล้วเดินไปอีกนิดก็เจอร้านขนมจีนที่ไม่ใหญ่มากแต่ร้านดูสะอาดสะอ้าน คนนั่งเต็มร้านเลย
   “พ่อลม ลมอะไรพัดมาเนี้ย มาๆนั่งๆ ใครกันล่ะที่หนีบมาด้วยนะ”
   “นี่วาคนของผมเอง ป้าอุ้ย” พี่ลมทักแค่นั้น ก่อนที่จะเดินตามป้าอุ้ยไปที่โต๊ะที่ว่าง
   “แล้วนี่จะกินอะไรกันบ้างจ๊ะ”
   “เอาขนมจีนน้ำเงี้ยวสองที่ล่ะกันป้ากับน้ำเปล่า” พี่ลมสั่ง โดยที่ผมได้แต่มองตาปริบๆปล่อยให้คนที่พามาสั่งให้ มองดูรอบๆร้าน ที่มีคนหลากหลายวัยเข้ามานั่งกิน หลายคนที่พอสบตากับผมแล้วรีบหันหน้าหนี อะไรของเขา
   “ไม่น่าพามาเลย” คนที่นั่งตรงข้ามพึมพำอย่างหัวเสีย
   “อะไรเหรอครับ”
   “ก็ดูพวกนั้นมองดูวาสิ” ผมได้แต่ยิ้มกับอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงคนเดียว แต่ก่อนที่ผมจะตอบอะไรไป น้องก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ ผมมองสำรับอาหารที่มีจานขนมจีน กับถ้วยน้ำเงี้ยว ผักเคียงและแคปหมู กลิ่นหอมมากเลย ผมมองพี่ลมหยิบโน้นหยิบนี่ใส่จาน แล้วทำตาม ก่อนที่จะตักเข้าปาก
   อร่อยจัง
   “น่าจะพาพี่ไม้กับน้ำมาด้วยนะครับ”
   “พอเหอะสองคนนั่นแอบมากินบ่อยกว่าพี่อีก” ผมยิ้มเพราะพี่ไม้เข้าเมืองบ่อยแถมมารับเจ้าลูกหมูอีก คงตะเวรกินตลอดช่วงเย็นสินะ 
   “ผมว่าจะหัดทำให้พี่ลมว่าดีไหม”
   “ดีสิ วาทำอะไรก็อร่อย”
   “กินนี่ไปเลยไป” เขาตักมะเขือเทศไปใส่จานคนช่างหยอด พี่ลมก็ตักเนื้อมาใส่จานผมคืน กินไปตักแบ่งกันไปยังไม่ทันหมดจานก็มีขบวนเดินเข้ามา
   “อ่าว อ่าว อ่าวนึกว่าใคร พ่อเลี้ยงสายลมนี่เอง”
   เคร้ง เสียงวางช้อนดัง ผมมองหน้าพี่ลมที่เป็นสีหน้าที่เค้าไม่เคยได้เห็น
   “พี่ลมขา ปรุงไม่รู้เลยนะคะเนี้ยว่าพี่ลมจะมากินน้ำเงี้ยวที่นี่” ร่างอวบอัดในชุดรัดรูปพุ่งเข้ามานั่งข้างๆแล้วกอดแขนพี่ลมแน่น เขาตักขนมจีนเข้าปากไม่พูดอะไรออกไป เพราะเขาไม่รู้จักคนที่ยืนค้ำโต๊ะอยู่นี่เลย
   “ทำไมฉันต้องบอกเธอ ว่าแต่เสี่ยปานมาทำอะไรแถวนี้คงไม่บังเอิญมาเจอผมหรอกนะ” สายตาคมตวัดมองคนที่พี่ลมเรียกว่าเสียปาน สายตาของคนคนนี้ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเป็นคนดี แถมยังดูเจ้าเล่ห์จนน่าขนลุก
   “แก แกทำไมถึงมานั่งกินกับพี่ลมได้ล่ะยะ”
   “แล้วทำไมวาถึงนั่งกับไม่ได้ก็ในเมื่อวาเป็นคนในครอบครัว” เสียงเข้มเน้นคำว่าคนในครอบครัว ใบหน้าสวยบิดเบี้ยว เมื่อมือใหญ่เอื้อมมากุมมือคนที่เธอรู้สึกเกลียดตั้งแต่แรกเห็น
   “แต่ไอ้นี่มันเป็นผู้ชายนะ!!” เสียงแหลมปรี๊ดจนลูกค้าหลายคนรีบจ่ายเงินแล้วลุกหนี
   “ผมไม่คิดเลยนะว่าพ่อเลี้ยงจะมีรสนิยมแบบนี้” ดวงตาจิ้งจอกมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะแสยะยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น จนเขาเผลอบีบมือใหญ่แน่น
   “พี่ลม พี่จะทำอย่างนี้กับปรุงไม่ได้นะ” คุณปรุงลุกขึ้นกระทืบเท้าแรงๆ ก่อนที่จะกรี๊ดลั่น
   “ลูกสาวผมทั้งสวยทั้งน่ารักคุณกับตาต่ำไร้รสนิยม แถมยังวิปริสผิดเพศ”สายตาเหยียดหยาม ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไป พี่ลมก็ควักเงินมาวางไว้ที่โต๊ะก่อนที่จะลุกขึ้นพร้อมกับดึงให้ผมลุกตามพร้อมกับกุมมือผมแน่น แถมยังยืนบังผมไว้อีก
   “ก็ถ้าผู้หญิงมันเร่ขายแถมยังไม่มีจิตสำนึกแบบนี้ ผมคงจะเอามาทำพันธ์หรอกนะ” ทั้งน้ำเสียงและสายตาเย็นซาซะจนเขารู้สึกกลัวใจแทนสองคนนั่น แล้วพี่ลมก็จูงมิอผมออกไป
   “พ่อเลี้ยงจะได้เห็นดีกับผมแน่”
   “หึ ถ้าคิดจะทำอะไรครอบครัวผมก็ลองดูสิ” พี่ลมพูดเสียงเหี้ยมทิ้งท้ายก่อนที่จะจูงมือผมออกมาขึ้นรถ แล้วขับออกไป
   ผมมองคนที่ทำหน้าเครียดไม่เลิก ถึงตอนนี้จะอยู่ที่บ้านแล้วก็ตาม เขาเดินเข้าไปรินน้ำเย็นมาให้ ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ
   “ทำหน้าซะน่ากลัวเลยนะครับพี่ลม ไม่ต้องคิดมากนะครับ” เขาบีบมือใหญ่
   “ขอโทษนะ วาเลยกินข้าวไม่เสร็จเลย”
   “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลยนะพี่ลม ทำกินที่บ้านก็ได้ ผมไม่อยากให้พี่ลมเครียดแบบนี้เลยนะ”
   “ให้ตายเถอะ พี่ดีใจนะที่วาอยู่ด้วย พี่ไม่ได้เครียดแต่พี่กำลังคิดว่าสองคนนั่นจะมาไม้ไหน”
   “เขาเป็นใครกันล่ะครับ” ผมถามแต่มองมือที่ตอนนี้พี่ลมเป็นฝ่ายกุมไว้แล้วลูบเบาๆ
   “เสี่ยปานตอนนี้มันได้ตำแหน่งรองผู้ว่า ส่วนลูกสาววาเคยเจอแล้วใช่ไหม จริงๆพี่ก็ไม่ได้ยุ่งแต่เหมือนฝั่งนั้นเขาจะเสนอตัวมาก็เถอะ” เขาพยักหน้ารับรู้
   “ไอ้เสี่ยปานมันอยากได้ที่ดินข้างๆที่พี่ชื้อไว้ และมันยังอยากได้ที่ดินข้างหน้าเพราะโครงการที่มันจะทำมันมีผลกับไร่เราโดยตรง พี่ยังไม่เห็นประโยชน์ของโครงการที่มันจะทำเลยซักอย่าง มีแต่เรื่องโกงกิน พี่กับไร่อื่นๆต่างคัดค้านแต่ไอ้เสี่ยนั่นยังไม่ยอมแพ้ยอมกระทั้งให้ลูกสาวมาวุ่นวายกับพี่”
   “พี่ลมน่าจะชอบนะครับ มีแต่คนสวยๆมาวุ่นวาย” อดไม่ได้ที่จะแขวะตั้งแต่ที่ผมมาอยู่นี่สาวน้อยสาวใหญ่ต่างเทียวมาไร่จนหัวกระไดไม่แห้ง
   “แต่พี่ก็ไม่สนใจไม่ใช่เหรอครับ พี่สนแค่คนๆเดียวนี่ล่ะ”
   “พี่ลม!! ผมไปทำกับข้าวรอน้ำดีกว่า” ไม่น่าเปิดช่องให้เลย เขาสะบัดมืออกก่อนที่จะวิ่งหาไปที่หลบภัย 
   
   ลมมองคนที่วิ่งหนีเข้าครัว ท่าทางผมจะมีหวัง แต่เรื่องที่ไอ้เสี่ยนั่นพูดมันทำให้เขาต้องคิดหนักรึว่าเรื่องวุ่นวายภายในไร่จะเป็นฝีมือของมัน ทั้งเรื่องอุบัติเหตุของวาด้วย
   “ไอ้ผู้กอง”
   “(ไงพ่อเลี้ยง)”
   “ตามป่วนน้องกูจนไม่ได้ทำงาน เรื่องที่กูให้ตามนี่ตกลงถึงไหนวะ” ผมถาม
   “(ไม่ได้เรื่องอะไรเลยพ่อเลี้ยง รถไม่เจอหลักฐานที่ชี้ไปทางผู้ต้องสงสัยเลยพ่อเลี้ยง)” ทำงานเนี๊ยบจริงๆนะ ผมคิดก่อนที่จะบอกเรื่องวันนี้ให้ไอ้รุ่นน้องฟัง
   “(พี่ก็ระวังตัวไว้หน่อยนะ ถึงพี่จะขึ้นชื่อแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนมาลูบคมนะ)”
   “เออๆกูฝากด้วยนะ”  ไอ้นัทรับคำก่อนที่จะวางสายไป กลิ่นหอมๆลอยอบอวน สงสัยพ่อครัวจะแสดงฝืมือเสร็จแล้ว ลุกเดินเข้าไปในครัว มองคนที่กำลังตักแกงใส่ถ้วย
   “คุยเสร็จแล้วเหรอครับ เดี๋ยวกินนี่เสร็จผมว่าจะไปดูไร่ส้มหน่อย พี่ลมจะไปด้วยไหมครับ”
   “ได้สิจะเข้าไปทำไมเหรอ” เขาถามก็ในเมื่อส้มพึ่งเก็บผลผลิตไป ตอนนี้ก็เหลือแต่ส้มที่ยังไม่พอดี
   “ผมจะเข้าไปดูสวนหน่อยนะครับ หลังจากการเก็บส้มไปมันก็ต้องดูแลเหมือนองุ่นนะครับ” วาว่าก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ
   “อ้องั้นเหรอพี่ก็พึ่งลองปลูก วาเคยปลูกมาก่อนเหรอ”
   “ใช่ครับแต่คนละสายพันธุ์กับพี่ลมนะ เดี๋ยวผมจะช่วยดูให้ อ้อแล้วงานเลี้ยงพี่ลมยังจะจัดงานเลี้ยงอยู่ไหมครับ” เออผมลืมเรื่องงานเลี้ยงไปเลย
   “พี่ว่าจะจัดวันเสาร์นี้ เดี๋ยวพี่วานวาบอกพวกคนงานด้วยนะ” ถ้ากินดืมวันเสาร์วันอาทิตย์คงไม่มีผลกระทบกับงาน วาพยักหน้า หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ขับรถพาวาไปที่ไร่ส้ม ที่ตอนนี้เก็บผลผลิตไปหมดแล้วเหลือก็แต่ผลที่สุกช้ากว่าเพื่อน  วารีบเดินลงจากรถทันทีที่ถึงแล้วไปก้มๆเงยๆใต้ต้นส้ม
   “มีอะไรหรือเปล่า”
   “อืม ผมว่าต้นส้มยังไม่แข็งแรงพอนะพี่ลม ถ้าอยากให้รอบหน้าส้มได้ผลผลิตเราต้องบำรุงก่อนที่จะให้ส้มพวกนี้ออกดอกอีกรอบ และต้องริดกิ่งพวกนี้ออก ส้มที่เหลือด้วย” ผมมองคนที่พลิกดูใบส้ม ดูดินที่อยู่บริเวณต้นส้ม ผมคงคิดไม่ผิดจริงๆที่หัวใจผมเลือกคนคนนี้ คนที่เป็นเพื่อนคู่คิด และคนที่เป็นที่พึ่งพิงยามเหนื่อยล้า  ผมเดินเข้าไปหาก่อนที่จะโอบร่างบางจากด้านหลัง
   “พี่ลม...ทำ..ทำอะไรนะ” คนที่อยู่ในอ้อมกอดเขารีบแกะมือ
   “ขอบคุณนะ”
   “เอ๋!?? เรื่องอะไรครับ” เหมือนที่เขาพูดขอบคุณออกไปจะทำให้อีกคนชะงักเลิกแงะมือผมออก เปิดโอกาสให้ผมทำเนียนต่อไป
   “ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตพี่และลูก”
   “อ่า มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอครับ”
   “ไม่หรอก พี่ดีใจจริงๆนะที่วาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพี่” ผมส่งยิ้มกว้างให้คนที่ดันหน้าอกผมไว้ ไม่ยอมสบตาผม
   “รู้แล้ว รู้แล้ว พี่ลมปล่อยผมก่อน” ผมยิ้มกว้างเมื่อสังเกตเห็นใบหูเล็กแดงก่ำ
   “หึๆก็ได้ๆ ยังไงพี่ก็ได้กำไรแล้ว”
   เพี๊ยะ
   แสบ มือเล็กฟาดเต็มแรงที่ต้นแขนเขาจนต้องยกมือมาลูบตรงที่โดนฟาด วายกมือขึ้นอีกครั้งผมรีบถอยห่าง แล้วยกสองมือยอมแพ้
   “เรื่องไร่ส้มพี่จะให้วาดูแลเลยนะแล้วส้มพวกที่เหลือนี่ล่ะ” เขารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะโดนทำร้ายร่างกายอีกที
   “เดี๋ยวพี่ลมให้คนงานเก็บไปส่งบ้านล่ะกันครับ ว่าจะลองทำแยมกับจะเอาไว้ทำขนมไว้ทาน” คงไม่พ้นไอ้ลูกลิงอยู่ดี รายนี้ก็ตามใจที่จะทำอะไรให้กินตลอด แต่ผมรู้ดีว่าวาจะไม่มีทางปล่อยให้ลูกลิงมันกินจนอ้วนแน่ๆ
   “ได้ แต่พี่ว่าเรากลับกันก่อนดีไหม อีกเดี๋ยวไอ้ลูกลิงกลับเดี๋ยวจะโวยวายหาพี่สุดที่รักไม่เจอ”
   “พี่ลมนี่ชอบแขวะลูกจริงๆเลยนะครับ” อ่าวแล้วทำไมผมถึงโดนค้อนล่ะแค่บ่นเฉยๆเอง ได้แต่ช่วยอีกคนเก็บส้มจนพอใจก็พากลับบ้าน วาก็หอบส้มลงจากรถเข้าบ้านไม่รอผมเลยซักนิด  เข้าไปในไร่ก่อนละกัน เดินตรวจตามไร่องุ่นที่ผมทำเป็นเกือบสามสิบไร่ ยังไม่รวมไร่อย่างอื่นอีกหลายๆอย่าง ยังดีที่นี่อยู่กันแบบครอบครัว ทุกคนต่างตั้งใจทำงานและช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี
   “ไอ้ละออง หายหัวไปไหนของมันวะ”
   “พ่อเลี้ยงจะเรียกผมทำไมเนี้ย” มันโผล่ขึ้นมาจากกองกิ่งองุ่นที่ตัดกองทิ้งไว้ มันไปมุดอะไรอยู่ตรงนั้น
   “มึงทำอะไรอยู่วะ” เขาเดินไปหา
   “นายผมเปล่าอู้นะ” หึ มึงไม่ค่อยร้อนตัวเลยนะ
   “พรุ่งนี้มึงแบ่งคนงานไปไร่ส้มกับกูซัก ยี่สิบคน ส่วนมึงก็อยู่ช่วยทางไร่องุ่นให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ล่ะกัน เพราะวันเสาร์กูจะจัดงานเลี้ยง” พอได้ยินคำว่างานเลี้ยงเท่านั้นล่ะ   มันก็แทบที่จะเฮลั่นไร่
   “หมู่เฮา ป่อเลี้ยงจะจัดงานเลี้ยงวันเสาร์นี้” เท่านั้นล่ะแต่ละคนนี่เฮลั่น
   “แต่ก่อนวันนั้นตั้งใจทำงานไป”  แต่ละคนนี่แทบมุดลงไปตัดกิ่งองุ่นกันแทบไม่ทัน ผมได้แต่ส่ายหัว กฎเหล็กของไร่ มีอยู่สองข้อ คือห้ามเล่นการพนัน และห้ามกินเหล้าจนเสียงานเสียการเขาจะให้โอกาสเพียงสามครั้ง เขาเดินลงไปช่วยแต่งกิ่งจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานถึงได้เดินกลับบ้าน  แค่เดินถึงหน้าบ้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่าของไอ้ลูกลิงแล้ว เขาถอดรองเท้าก่อนที่จะเดินตามเสียงไป อยู่ในครัวสินะ
   “ทำอะไรอยู่นะ หืม” เขาถามสองพี่น้องที่กำลังขุดผิวส้มลงหม้ออยู่
   “น้ำกำลังทำแยมครับพ่อลม นี่ๆน้ำทำเองเลยนะ พรุ่งนี้น้ำจะเอาไปให้ตะวันด้วย” เหอะๆ เด็กตะวันนั่นเหรอ ก่อนหน้านี้ยังต่อยกันอยู่เลย อยากบีบแก้มย้วยๆที่ยิ้มกว้างของมันจริงๆ แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำวาก็ใช้ให้ผม ไปหยิบขวดในซึ้งมา
   “ล้างมือก่อนนะพี่ลม”
   “อิๆ พ่อลมโดนดุ”
   “เดี๋ยวเถอะไอ้ลูกลิง” ได้แต่คาดโทษไอ้ลูกลิงที่เยาะเย้ย ก่อนที่จะเดินไปหยิบขวดแก้วในซึ้ง ใส่ถาดมาวางให้ สองพี่น้องที่ดูจะสนุกกันซะจริง  วาใช้ช้อนตักแยมใส่ขวดแก้วจนเต็มหมด เหลือติดก้นหม้อนิดหน่อย
   “พี่ลม ชิมหน่อยครับ” ช้อนเล็กยืนมาตรงปาก เขาชิม สมเป็นฝีมือวา
   “อืม อร่อยดีนะ ไม่หวานมาก” วายิ้มกว้างทันทีที่ผมชม รอยยิ้มที่นับวันจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ
   “ทำอะไรกันอยู่นะครอบครัวสุขสันต์” ไอ้ตัวขัดความสุขเอ้ย
   “อาไม้ๆๆ มาชิมแยมที่น้ำกับพี่วาทำเร็ว”  ไอ้ไม้เห็นสายตาผมก็ขำก่อนที่จะเดินมาชิมแยมจากช้อนหลานตัวเอง
   “เออ อร่อย วาสนใจเอาไปขายไหมพี่จะเอาไปขายที่สหกรณ์ ว่าแต่พี่ลมเรื่องธนาคารว่าไง”
   “อ้อโทรมาเรียบร้อยแล้วครับ ตอนที่พี่ลมเข้าไปในไร่ ว่าแต่ผมพี่ลมก็มีโทรศัพท์ไว้เฉยๆนะ” เอาแล้วไง
   “งั้นเหรอเขาว่าไงบ้างล่ะ”
   “อนุมัติผ่านครับ อ้อพรุ่งนี้ บริษัทเครื่องจักรจะเข้ามาประเมินแล้วติดตั้งให้นะครับ” มีวาอยู่ในครอบครัวแล้วดีจริงๆ  ไอ้ไม้พยักหน้ารับก่อนที่จะถามหาของกิน
   “ทั้งสามคนขึ้นไปอาบน้ำเลยครับ ค่อยลงมาเดี๋ยวผมจะเตรียมไว้ให้ ช้าอดไม่รู้ด้วยนะครับ” เท่านั้นล่ะแยกย้ายกันไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ผมเดินลงมาเห็นแต่ว่าที่จัดโต๊ะอยู่เลยไปช่วย
   “วาเหนื่อยไหม”
   “เหนื่อยอะไรกันครับพี่ลม” คนตรงหน้ายิ้มงงๆให้ผม
   “ที่ต้องดูแลพี่และลูก”
   “ผมเต็มใจทำให้นะครับ” ผมมองใบหน้าเนียนที่ขึ้นสีระเรื่อเมื่อผมขยับเข้าไปใกล้ก่อนที่จะลูบไล้แก้มเนียน
   “ขอบคุณ ขอบคุณวามากจริงๆ” ผมพึมพำข้างหูก่อนที่จะก้มลงสัมผัสแนบชิดความนุ่มหยุ่นแผ่วเบาเหมือนแมลงปอแตะ ก่อนที่จะผละออกอย่างเสียดาย มองคนที่หลับตาพริ้มกับใบหน้าแดงระเรื่อ นั่นทำให้ผมแทบจะอดใจไม่ไหวอยากจะแนบชิดความนุ่มอีกครั้ง
   “ยะ..อย่าพี่ลม” เสียงสั่นๆนั่นทำให้ผมหยุดชะงัก
   “พี่ไม่ขอโทษหรอนะ เพราะพี่อยากจะทำแบบนี้มานานแล้ว” ผมกระซิบเสียงทุ้มข้างหู นั่นยิ่งทำให้แก้มเนียนยิ่งแดงก่ำเหมือนสตอเบอร์รี่สดๆที่น่ากัดชิม แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรลงไป
   “ฮะแฮ่ม พี่ผมกับหลานหิวแล้ว” เสียงมารมาขัดจนได้  ให้ตายเหอะ วารีบผละจากผมไปในทันที ไอ้ไม้ส่งสายตาล้อๆส่วนไอ้ลูกลิงนี่ยกมือมาปิดตา แต่เห็นนะที่มองลอดนิ้วนะ ยังดีที่สองคนนี่ไม่พูดแซวมากมาย บนโต๊ะอาหารเลยมีเพียงอาการขัดเขินเล็กๆน้อยๆ คอยดูเหอะ คืนนี้ผมจะไม่รอจนหลับแล้วค่อยกอดแล้ว                                                   
************************************************************
กรี๊ดดดดดดดดดดดดเกือบไม่ทันลงก่อนเลิกงาน
5555555 พ่อเลี้ยงเรารุกจริงอะไรจริง
แจ้งข่าวนะคะ อาทิตย์หน้า ติดภารกิจไปอบรมอาจจะไม่ได้แต่งลง
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน รักนะคะ
ขอบคุณคนอ่าน รักทุกความคิดเห็นนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่9 29/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-06-2017 19:56:21
พ่อเลี้ยง วา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ปรุงนี่ กรี๊ดซะ ได้ทุกที่ กระทืบเท้านี่ก็ถนัดเจงๆ
ชอบพูดจัง  “พี่ลม พี่จะทำอย่างนี้กับปรุงไม่ได้นะ”  ตลกจริงๆ
นางเป็นอะไรกับพ่อเลี้ยงเหรอ ประหลาดคน
มาว่าการคบของคนอื่นอย่างนั้นอย่างนี้
เขาคบกันบนหัวนางหรือไง
ต้องคบกับนางถึงจะถูกต้องงั้นสิ เหอะ  :fire:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่9 29/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 29-06-2017 20:45:58
พ่อเลี้ยงมือไวจังค่ะ น้องเค้ายังไม่ทันเตรียมตัวเลย  :-[
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่9 29/6/2560
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-06-2017 23:56:37
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่10 10/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 10-07-2017 18:17:02
ลมตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดมองคนที่ยังหลับสนิทในอ้อมแขน เมื่อคืนก่อนนอนเขารั้งร่างบางเข้ามากอด โดยวาทั้งดิ้นทั้งขัดขืนแต่เขาก็เรียกได้ว่าเนียนไม่ปล่อยแถมยังแกล้งหลับไป ได้ยินแต่เสียงประท้วงแผ่วเบาก่อนที่ร่างบางจะหลับไป เขาค่อยลืมตาขึ้นมองใบหน้าเนียน การมีวาเข้ามาในชีวิตเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เขากดจูบที่หน้าผากเนียนก่อนที่จะหลับไปด้วยกัน
   “อือ..” เสียงครางเบาๆพร้อมกับแพขนตาหนาขยับ คิ้วเรียวขมวดแน่น ก่อนที่ตากลมโตจะลืมตาขึ้นฉายแววงงๆ
   “อรุณสวัสดิ์”
   “อ่ะ พะ..พี่ลมปล่อยก่อน” ยิ่งเสียงหวานอ้อนให้เขาปล่อย เขายิ่งอยากแกล้งก่อนที่จะกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
   “ปล่อยทำไมกันล่ะ กอดไว้อย่างนี้ก็อุ่นดีนี่น่า”ผมมองแก้มเนียนขึ้นสีระเรื่อ ยิ่งผมเย้าแหย่ วาก็เหมือนจะเขินอายได้น่าดูชม
   “พี่ลม!!! เลิกแกล้งผมเถอะ สายแล้วผมจะลงไปทำกับข้าว”เสียงอ่อยๆประท้วง ผมเลยยกยิ้มกริ่ม
   “งั้นหอมแก้มพี่สิ”
   “พี่ลม” เสียงหวานอุทานอย่างจนใจ ดวงตาโตซ้อนมองอีกคนอย่างไม่แน่ใจนัก ก่อนที่จะข่มความอาย เงยหน้ากดจมูกลงแก้มสากก่อนที่จะถอยออกมาในทันที
   “หึๆ พี่ขอกาแฟด้วยนะ” ลมไม่คิดที่จะแกล้งให้อีกฝ่ายอายจนไม่กล้ามองหน้าเขา  ถ้ารุกเกินไปก็ไม่ดีเท่าไหร่ เขาปล่อยวาออกจากอ้อมแขน ทันทีที่ปล่อยร่างบางก็รีบลุกลงจากเตียงหนีลงไปเข้าล่างทันที

   “พี่ลมนะพี่ลม ฮืย” วาได้แต่บ่นอย่างขัดใจ แต่ยังง่วนกับการชงกาแฟให้คนที่บ่นอยู่ ยิ่งอยู่ด้วยกันสองคน พี่ลมยิ่งรุกหนัก แม้บางครั้งจะปล่อยให้เขาพักหายใจหายคอบ้างแต่ทุกครั้งหัวใจเขาทำงานหนักมากเลยทีเดียว
   “หอมจัง” อ้อมแขนจากด้านหลังทำให้ผมสะดุ้ง เมื่ออีกคนลงมาแล้ว
   “อ๊ะ พี่ลม นี่ครับกาแฟ” ผมชี้ที่ถ้วยกาแฟ ไม่ดิ้นหนีไม่ขัดขืน เพราะรู้ว่าทำไปก็เท่าเดิมคนเอาแต่ใจไม่ยอมปล่อยเขาแน่ๆ
   “ขอบคุณนะ” รอยยิ้มกว้างทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ พี่ลมปล่อยให้ผมเป็นอิสระก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา ส่วนผมก็หมุนตัวไปทำกับข้าวต่อให้เรียบร้อยก่อนที่ผมจะหยิบเอาแก้วโกโก้ออกไปนั่งที่โซฟาด้านนอก
   “เสร็จแล้วเหรอ”
   “ครับ วันนี้พี่ลมจะไปไหนบ้าง” ผมจิบโกโก้พลางถามคนที่นั่งดูข่าว เขายังไม่กล้าที่จะสบตาตรงๆกับคนตรงหน้าซักที
   “พี่ว่าจะเข้าไปไร่องุ่นแล้วเลยไปที่สวนส้มด้วย”
   “ว่าแต่เรื่องงานเลี้ยงนี่พี่ลมจะจัดยังไงครับจะให้ผมทำอาหารเองเลยไหมครับ” เขาถามเพราะมันอีกไม่กี่วันแล้ว
   “เดี๋ยวพวกผู้หญิงจะทำกัน เจ้าของงานนะอยู่เฉยๆเลยนะ” ผมที่กำลังจะพูดว่าจะช่วยต้องเก็บคำพูดลงคอทันที ก็ในเมืออีกคนดักคอไว้อย่างนี้ ได้แต่ยอมรับ พี่ลมวางแก้วกาแฟแล้วบอกว่าจะเข้าไร่ เขาเลยขึ้นไปทำธุระส่วนตัวก่อนที่จะเดินไปปลุกเจ้าลูกหมู
   “หมูน้อยของพี่วา ตื่นได้แล้วครับ สายแล้วน้า”
   “อือ.... น้ำง่วง”
   “ตื่นได้แล้วครับคนเก่ง วันนี้พี่วาทำข้าวต้มเต้าหู้ไข่น้า ถ้าช้าหมดไม่รู้ด้วยน้า” บีบพุงน้อยๆของคนที่ยังงัวเงียแต่พอได้ยินว่ามีของโปรดหมูน้อยก็ดีดตัวลุกขึ้น
   “ตื่นแล้ววววววว”
   “อาบน้ำแล้วค่อยลงไปนะครับ” เขาลูบแก้มยุ้ย น้ำลงจากเตียงหยิบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำ ส่วนเขาก็ไปหยิบเอาเสื้อผ้ามาเตรียมไว้ที่เตียง ก่อนที่จะเดินไปอีกห้องพี่ไม้ยังไม่ตื่นเลย แปลกๆนะ ปกติพี่ไม้ต้องลงไปกินกาแฟหลังพวกเขาตื่นได้ไม่นาน
   ก๊อกๆ
   “พี่ไม้ พี่ไม้เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาเคาะประตูห้องที่ปิดเงียบ
   แกร๊ก
   “อือ วาเหรอ”    
   “พี่ไม้เป็นอะไรรึเปล่า” ผมมองใบหน้าซีดเซียว
   “พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย” สิ้นคำ มือเรียวก็แตะที่หน้าผากซึ่งมันรุมๆหน่อย
   “พี่ไม้เข้าไปพักก่อนนะครับเดี๋ยวผมเอาข้าวขึ้นมาให้” เขาดันหลังพี่ไม้ให้เข้าไปในห้อง เขาแวะไปดูน้ำที่กำลังแต่งตัวแล้วเดินลงไปข้างล่าง
   “ยังไม่มีใครลงมาอีกเหรอ”
   “พี่ลม พี่ไม้ไม่สบายครับ ส่วนน้ำกำลังแต่งตัว” เขาเล่าให้คนที่พึ่งเดินเข้ามาฟังก่อนที่จะเดินเข้าไปในครัวเตรียมอาหารให้ทั้งสองพ่อลูกและตักใส่ถ้วยไว้ให้พี่ไม้
   “เหรอ พี่จะขึ้นไปดูมันหน่อย เดี๋ยวพี่ลงมา” พี่ลมว่าก่อนที่จะเดินขึ้นไปข้างบนสวนทางกับลูกหมูที่วิ่งลงมา
   “อ่าวอาไม้ล่ะ”
   “อาไม้ไม่สบาย น้ำนั่งกินข้าวก่อนนะครับเดี๋ยวพี่ขึ้นไปดูอาไม้ก่อน” กำชับน้ำให้นั่งดีๆก่อนที่จะถือถาดข้าวต้มขึ้นไป ประตูห้องพี่ไม้เปิดอยู่ เขาเลยเอาถาดข้าวต้มไปวางที่โต๊ะ พี่ลมที่เดินออกจากห้องน้ำมา
   “มันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่เป็นหวัดได้พักคงจะดีขึ้น” พี่ลมว่าก่อนที่จะเดินออกจากห้อง
   “วางไว้นั่นเลยวาเดี๋ยวพี่ไปทานเอง” พี่ไม้ดูเป็นคนป่วยที่ไม่งอแงเหมือนใครอีกคน ผมวางยาลงข้างๆ ถ้วยข้าวต้ม
   “พี่ไม้มีอะไรโทรเรียกผมได้ตลอดเลยนะครับ” ผมกำชับคนป่วยอีกครั้งค่อยลงไปหาน้ำ วันนี้พี่ลมไปส่งเองก่อนออกจากบ้านเขาโดนน้ำหอมซ้ายหอมขวาจนน้ำลายเปื้อนแก้ม  หลังจากที่สองคนนั่นออกไปแล้วเขาเลยไปดูไร่องุ่นแทนคนตัวสูง
   “ละอองๆ ตรงนี้ละอองต้องดูดีๆนะ” ผมเรียกละอองมาใกล้ๆก่อนที่จะชี้จุดที่ต้องตัดแต่งกิ่ง ไร่องุ่นกว้างมากจนการตัดแต่งกิ่งกินเวลาเกือบๆสองอาทิตย์เลยทีเดียว ตอนนี้ก็ใกล้เสร็จแล้วเพราะแต่ละคนคึกกับงานเลี้ยงวันหยุดนี้จนขยันจนน่ากลัว
   “คุณวา แล้วตรงสวนส้มล่ะครับ”
   “เดี๋ยวบ่ายๆฉันจะเข้าไปดู วันนี้พี่ไม้ไม่สบาย พี่ลมน่าจะต้องเข้าไปดูโรงงาน” ผมหยิบเอากรรไกรแต่งกิ่งมาตัดกิ่งองุ่นช่วยละออง
   “คุณวา โชคดีที่คุณวามาทำงานกับพวกเรา งานที่ไร่ก็ไม่วุ่นวาย พ่อเลี้ยงกับเจ้าน้ำก็มีความสุข” เขาได้แต่เสไปตัดกิ่งองุ่น เพราะคำพูดที่ละอองพูด เขาพร้อมที่จะฟังสิ่งที่พี่ลมต้องบอกรึยัง หัวใจเขาพร้อมรึยัง
   “ละอองปุ๋ยที่สั่งไว้มาส่งรึยัง”ผมถามเปลี่ยนเรื่องเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีการวางบิลส่งของร้านปุ๋ยที่เราติดต่อไว้
   “ยังไม่เห็นเลยนะครับ” พยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์โทรหาพี่ลม
   “(ว่าไงวา)”
   “พี่ลม ปุ๋ยยังไม่มาส่งเลยครับ ตอนนี้พี่ลมอยู่ไหนครับ”
   “(พี่อยู่ที่โรงงานตอนนี้ช่างเขามาติดตั้งเครื่องให้ วาจัดการให้พี่เลยได้ไหม)” ทางนั้นก็คงวุ่นวาย เพราะกว่าจะติดตั้งเครื่องเสร็จคงจะครึ่งค่อนคืน
   “ได้ครับ พี่ลมอย่าลืมหาอะไรทานนะครับ”
   “(พี่ชักอยากกับไปกินที่บ้านแล้วสิ ไอ้ลูกลิงนะเดี๋ยวพี่ให้คนไปรับไปส่งที่บ้านนะ)”
   “ครับ” ผมกดวางวาย ก่อนจะหันไปกำชับให้ละอองทำงานให้เสร็จก่อนวันพรุ่งนี้เพราะจะได้เอาปุ๋ยมาใส่ ร่างบางสาวเท้าเดินตรงกลับสำนักงาน ที่นี่เราใช้ปุ๋ยธรรมชาติ บวกกับปุ๋ยเพิ่มแร่ธาตุในดินซึ่งเป็นปุ๋ยชีวะภาพ ถึงไร่เราจะทำใช้เองแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะใช้ทั้งไร่ ทั้งที่จะต้องใช้แล้วแต่ทางร้านยังไม่ส่งมาให้อีก
   “สวัสดีครับจากไร่สายลมนะครับ”
   “(เอ่อ ครับ)”
   “พอดีที่สั่งปุ๋ยไว้ยังไม่เห็นเข้ามาส่งเลยนะครับ”
   “(ต้องขอโทษด้วยนะครับปุ๋ยไม่มีส่งให้แล้ว แกร๊ก)” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร ร้านปุ๋ยก็ตัดสายเขาทันทีนี่มันอะไรกัน ร่างบางติดจะไม่พอใจหน่อยๆ แต่ก็เลือกที่จะเปิดสมุดค้นหาเบอร์โทรร้านปุ๋ยที่เคยสั่งซื้อด้วย แต่เหมือนพอได้ยินว่ามาจากไร่สายลมก็พากันปฏิเสธแล้วตัดสายทิ้งทันทีนี่มันเรื่องอะไรกัน
   “พี่ลม โทรหาพี่ลมละกัน” นิ้วเรียวกดเบอร์โทรออกอย่างรวดเร็วรอไม่นานอีกคนก็รับสาย
   “(มีอะไรหรือเปล่าวา)”
   “พี่ลม ไม่มีใครส่งปุ๋ยให้เราเลยครับ” ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ
   “พี่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร”
   “งั้นเดี๋ยวผมจะลองติดต่อเจ้าอื่นๆดูนะครับ ที่โรงงานเป็นยังไงบ้างครับ”ผมถามด้วยความเป็นห่วงแค่ที่ไร่ยังมีปัญหาเลย
   “(ไม่มีปัญหาอะไร พี่ฝากวาด้วยนะ)”  ผมรับคำก่อนที่จะกำชับอีกคนให้หาอะไรทานด้วยนี่มันก็เที่ยงแล้ว มือเรียวกดค้นหาเบอร์โทรร้านเล็กๆที่อาจจะมีของน้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีของเข้าไร่ มีร้านสองร้านที่บอกว่ามีของและจะส่งของมาให้ แต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี
   “ละอองๆ”ผมตะโกนเรียกคนที่พึ่งวิ่งผ่านสำนักงาน
   “ครับ??”
   “เดี๋ยวละอองให้คนขับรถไปเอาปุ๋ยสองร้านนี้นะแล้วเอาบิลกลับมาให้ผมด้วย” ยืนเบอร์โทรและเงินให้ก่อนที่จะเข้าไปติดต่อร้านจากต่างอำเภอที่พอมีของแบ่งให้เขา แต่ต้องเอารถไปขนเองเขาเลยบอกให้ทางร้านรวบรวมไว้ให้ก่อนที่จะไปขนเอาทีเดียวซึ่งทางนั้นก็ใจดีที่จะหาไว้ให้เพราะทางไร่สายลมก็มีเครดิตดี  ร่างบางมัววุ่นวายกับการหาปุ๋ยจนเหมือนว่าจะลืมอะไรไปบางอย่าง
   “พี่ไม้!!!” ผมลืมคนป่วย พอคิดได้ก็รีบปิดสำนักงานรีบสาวเท้ากลับไปบ้าน ฮืออผมลืมจริงๆ  แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมีรถคุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้าน พี่นัท??
   “สวัสดีครับพี่นัท” ผมยกมือไหว้คนที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสอง
   “อ่าว หวัดดีวา กลับมากินข้าวเหรอ”
   “เปล่าครับผมมาดูพี่ไม้” 
   “อ้อหลับไปแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง เออพี่จะเป็นคนไปรับน้ำมาส่งให้นะ เดี๋ยวพี่ไปทำงานต่อก่อนนะ” ได้แต่พยักหน้างงๆ พี่นัทก็เดินออกจากบ้านขับรถออกไป เอ่อผมคงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้วล่ะมั้ง รีบกินข้าวก่อนที่จะไปหาคนงานที่ยืนรอข้างรถเพราะผมสั่งไว้ก่อนที่จะเข้าสำนักงานว่าจะพากันเข้าสวนส้ม
   “เดี๋ยววันนหลังกลับจากไร่ส้มผมมีเรื่องจะบอกเดี๋ยวช่วยไปรวมกันที่ศาลาด้วยนะครับ”  ผมบอกกับคนงาน ก่อนที่จะขึ้นรถไปยังไร่ส้ม ที่พี่ลมให้ผมดูแล ตั้งใจว่าวันนี้ต้องริดกิ่งให้เสร็จพรุ่งนี้ค่อยมาคิดเรื่องปุ๋ย ผมถือกรรไกรตัดแต่งกิ่งลงไปช่วยคนงาน ถึงจะบอกว่าพี่ลมลองปลูกแต่ก็มีพื้นที่ใหญ่อยู่เหมือนนะเกือบๆสิบไร่ แสงแดดร้อนแรงทำให้ใบหน้าเนียนชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่คนตัวเล็กไม่คิดที่จะไปพัก เพียงใช้หลังมือปาดเหงื่อและผมที่ดูเหมือนตอนนี้จะเปียกชุ่ม
   “คุณวาไปพักเต๊อะเจ้า”
   “ไม่เป็นไรครับช่วยกันจะได้เสร็จเร็วๆ” ผมรับแก้วน้ำเย็นที่ป้าตักส่งมาให้ยกขึ้นดื่มก่อนที่จะคืนแก้วแล้วยกยิ้มกว้างให้ป้า ก่อนที่จะเริ่มทำงานต่อ จนย่ำค่ำถึงได้พากันขึ้นรถไปที่ศาลารวมกลุ่มกัน  พอมารวมตัวกันทั้งหมดแล้วก็รู้เลยว่าไร่สายลมเป็นครอบครัวใหญ่แค่ไหน ผมเดินไปด้านหน้า
   “อ่าทุกคนคงรู้จักผมกันแล้วเนอะ วันเสาร์นี้จะมีงานเลี้ยงนะครับ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ ส่วนเรื่องปุ๋ยตอนนี้มีปัญหาอยู่ อีกสองสามวันคงจะเริ่มมีเข้ามายังไงก็ฝากด้วยนะครับ”
   “มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับคุณวา” ผมหันไปมองคนที่ถาม
   “ตอนนี้ผมอยากให้ทุกคนรู้เพียงว่ามีปัญหานิดหน่อยอยากให้ทุกคนช่วยดูแล “ไร่ของเรา” ด้วยนะครับ ส่วนงานพรุ่งนี้ยังไงก็ต้องรอปุ๋ยกัน อยากให้ทุกคนช่วยกันเตรียมพื้นที่ เดี๋ยวผมมาช่วยอีกแรง”
   “แต่ที่แน่ๆช่วยกลับไปทำกับข้าวให้พี่กับไอ้ลูกลิงกินหน่อยสิครับ” ผมรีบหันไปตามเสียงทุ้มที่ดังแทรกเข้ามา พี่ลมเดินเข้ามาหาก่อนที่จะโอบเอวผมแถมยังดึงผมเข้าไปหาอีก
   “พี่ลมปล่อยนะ” ผมกระซิบเบาๆพร้อมกับการพยายามแกะมือที่เหนี่ยวยิ่งกว่าปลาหมึอออกจากเอว
   “นายๆ สงสารคุณวาหน่อยหน้าแดงหมดแล้ว” ยิ่งละอองพูดผมยิ่งอยากจะทำร้ายคนที่ยังเนียนไม่ยอมปล่อยแขนจากเอวผมซักที
   “เอาล่ะพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันต่อแยกย้ายไปพักผ่อน ลูกกูหิวข้าวร้องแง้วๆหาแต่พี่วานั่นพี่วานี่” ผมเงยหน้ามองคนที่นินทาลูกตัวเองแล้วเบ้ปาก คนคนนี้นี
   “พี่ลม ห้ามว่าน้ำนะ” ในที่สุดผมก็แงะมือปลาหมึกออกก่อนที่จะขยับถอยห่าง “ผมจะกลับไปหาน้ำ” ผมว่าก่อนที่จะเดินหนีกลับไปบ้าน ให้ตายเถอะพี่ลมทำไมชอบทำให้เขาเขินหนักนะ

   ลมมองตามหลังคนตัวบางที่เขินได้น่ารักที่รีบเดินกลับบ้าน ก่อนที่จะหันมาหาลูกน้อง จริงๆเขาต้องอยู่คุมงานอยู่ที่โรงงานแต่พอรู้เรื่องปุ๋ยก็คิดได้เลยว่าเป็นฝีมือใคร ทำได้แค่นี้เองเหรอ วาช่วยผมได้มากจริง แถมยังทำได้ดีมากเสียด้วย
   “มองตามขนาดนั้นนายก็ตามกลับไปสิ” ไอ้ละออง ไอ้ห่านี่แซวกูได้ตลอด
   “มึงอยากโดนลดเงินเดือนใช่ไหม”
   “โอ๊ยยยยนาย ไอ้ละอองผิดไปแล้ววว” ผมยิกยิ้มเหี้ยม แซวบ่อยๆวาได้เขินจนไม่กล้าเข้าใกล้เขาพอดี ทุกคนหัวเราะที่ไอ้ละอองทำท่าอ้อนตีนผม
   “อีกเรื่องอยากให้ทุกคนช่วยสอดส่องว่ามีใครแปลกหน้าเข้ามายุ่งย่าม ตอนนี้กูมีปัญหา บอกตรงๆเลยว่าปัญหามันจะมีมาอีก”
   “นายไปงัดข้อกับใครมา”
   “เออกูกำลังเคลียอยู่ เพราะงั้นกูฝากด้วย แค่นี้ล่ะกูกลับไปกินข้าวก่อนแยกย้ายๆ” บอกลาพร้อมกับกำชับทิ้งท้ายกับลูกน้องผู้ชายว่าให้เปลี่ยนเวรกันไปเดินดูตามไร่ให้บ่อยขึ้น ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆกลับมาบ้าน กลิ่นหอมของกับข้าวอบอวล
   “มาพอดีเลยครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปอาบน้ำก่อนถ้าหิวพี่กินก็ได้นะครับ” ผมมองคนที่ยังวุ่นกับการตักกับข้าวใส่จาน ก่อนที่จะเดินไปแย่งเอาจานไปวางก่อนที่รั้งเอวบางเข้ามาใกล้ ไม่ได้ยินเสียงไอ้ลูกลิง ไม่งั้นได้โวยวายเขาแกล้งพี่สุดที่รักของเจ้าน้ำอีก
   “พี่ลม ปะ.....ปล่อยนะครับ” เสียงที่ผมฟังยังไงก็ห้ามผมไม่ได้ทั้งยังเหมือนเชิญชวนให้ผมทำอะไรๆอีกหลายอย่าง ผมกอดเอวบางด้วยมือข้างเดียวอีกมือหนึ่งยกมาปัดผมสีชาที่ตกระใบหน้าทัดหู
   “เหนื่อยไหม ได้ยินว่าไปอยู่ไร่ส้มทั้งเย็นเลย ผิวแดงหมดแล้ว” ผมถามขณะที่มือยังลูบไล้ที่แก้มเนียนเบาๆ ยิ่งทำให้แก้มเนียนขึ้นสีแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม
   “ไม่เหนื่อยครับ แล้วพี่ลมเป็นยังไงบ้าง ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ” ผมก้มลงสบตากับดวงตากลมโตที่ฉายแววเป็นห่วง ให้ตายเหอะ แบบนี้ต่อให้มีปัญหาอีกร้อยแบบ มึงก็เข้ามาเหอะ กูไม่แพ้แน่ๆ
   “ไม่ต้องห่วงแต่พี่จะต้องกลับไปที่โรงงานอีก”
   “แต่มันดึกแล้วจะไม่เป็นไรเหรอครับ”
   “พี่ไม่เป็นไรหรอก วาขึ้นไปอาบน้ำเถอะพี่จะรอกินข้าวพร้อมกัน” อดใจไม่ไหวที่จะก้มลงหอมแก้มเนียน ซึ่งวาก็ไม่ได้เอ่ยทักอะไรเหมือนจะเอียงแก้มให้เขาซะด้วยซ้ำ  กูกินวาก่อนกินข้าวจะดีไหมวะเนี้ย ก่อนทีจะทำตามความคิดอกุศลของตัวเอง ผมก็ปล่อยให้อีกคนเดินหูแดงขึ้นห้อง ไอ้ห่าลม มึงอย่ารีบร้อนสิวะ ตอนนี้ยังไม่ได้ 
   “พ่อลมม วันนี้พ่อลมจะไม่นอนที่บ้านเหรอ”
   “ใช่ พ่อจะไปดูโรงงาน”
   “ดีจังน้ำจะได้นอนกับพี่วา” ให้มันน้อยๆหน่อย
   “ก็แค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นล่ะ”
   “พ่อลมขี้หวง”
   “ใช่พ่อหวง มีอะไรไหม” เขายักคิ้วใส่ลูกชายที่ตอนนี้ทำหน้าเบ้เหมือนหมั่นไส้ผมเต็มทน โดยที่ว่าได้แต่สายหัวกับการทะเลาะแบบเด็กๆของผมกับไอ้ลูกลิงที่ตอนนี้พัฒนาเป็นลูกหมูแล้ว
   “พี่ฝากบ้านด้วยนะไอ้ไม้มันดีขึ้นแล้วเดี๋ยวไอ้ผู้กองนัทจะมา”
   “ครับพี่ลมก็ขับรถดีๆนะครับ” ให้ตายเหอะกูไม่อยากไปแล้วโรงงานอยากนอนกอดว่าที่เมียเว้ยยย ก็ได้แต่คิดเขาก็ยังเดินขึ้นรถเพื่อขับไปโรงงานอยู่ดี

   วามองตามท้ายรถจนลับสายตาไปจึงได้เดินเข้าในบ้าน ลูกหมูที่ตอนนี้นั่งตาปรือดูการ์ตูนอยู่
   “ป่ะครับน้องน้ำขึ้นไปนอนกันดีกว่านะ” เขาเดินไปปลุกเจ้าลูกหมู
   “งือพี่วา น้ำง่วง ไปนอนกันน้า” ผมยิ้มกับน้ำที่เอาแก้มถูที่อกผม
   “ครับๆ ป่ะไปนอนกัน” คงได้อุ้มน้ำ ที่ตอนนี้น้ำหนักรู้สึกจะเพิ่มขึ้นอีกแล้วนะ คงต้องงดของทอดซะแล้วสิ ค่อยๆวางน้ำลงบนเตียงก่อนที่จะล้มตัวนอนข้างๆ ลูบหัวลูบหางซักพักเจ้าลูกหมูก็หลับสนิท เขาเลยค่อยๆลุกลงจากเตียงลงไปเก็บของและเตรียมของไว้ทำกับข้าวพรุ่งนี้เช้า

   ก๊อกๆ

   เสียงเคาะประตูทำให้เขาต้องรีเดินออกไปดูก็เห็นพี่นัทยืนยิ้มร่า เขาเลยรีบเปิดประตูให้อีกคนเข้ามา
   “พี่นัทกินอะไรมารึยังครับ”
   “พี่เรียบร้อยแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหาคนป่วยก่อนนะ” ได้แต่พยักหน้า เมื่ออีกคนเดินขึ้นไปเหมือนเป็นบ้านตัวเอง ท่าทางจะดูคุ้นกับที่นี่นะ ผมเดินเช็คกลอนประตูหน้าต่างก่อนที่จะขึ้นไปนอนกับน้ำ อ่าทำไมผมถึงนอนไม่หลับล่ะเนี้ย ได้แต่ขยับเข้าไปกอดหมูน้อย ดูท่าเขาจะเคยชินกับการที่มีใครกอดซะแล้วสิ
*************************************************
ตอนใหม่มาเสิร์ฟแล้วจ้าาาาาาา
พ่อเลี้ยงโคตรเนียน สงสารน้องวาฮ่าๆๆ
จะเอื่อยๆไปก่อนเนาะ ขอจุดเตาต้มน้ำแป๊บ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้าาาา
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่10 10/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-07-2017 18:50:01
ดีใจ

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่10 10/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 10-07-2017 19:06:59
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่10 10/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 10-07-2017 19:49:50
พี่ลมสู้ๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่10 10/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-07-2017 20:39:24
เสี่ย ทำเรื่องแสบ ลอบกัด เรื่องปุ๋ยสินะ
อยากได้ที่ดินเขา
ให้ลูกสาวไปอ่อย ให้ท่าเขาก็ไม่เอา
วางแผนฆาตกรรม ก็ทำ เลวโคตรๆ

เรื่องปุ๋ยขาด ร้านไม่ยอมขาย
ก็สั่งซื้อปุ๋ยข้ามถิ่นเลย
 
พ่อเลี้ยง เนียนถึงเนื้อถึงตัว กอดจูบวา ตลอด
พี่นัท นี่ท่าจะมีไรๆกับพี่ไม้แน่เลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่10 10/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-07-2017 22:00:48
คงไม่มีอะไรมากนะ ถึงมีพี่ลมกำลังใจเต็มร้อยอยู่แล้ว สู้ๆ นา
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่10 10/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-07-2017 22:18:33
เอาใจช่วยพี่ลม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่11 17/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 17-07-2017 19:43:21
ผมตื่นขึ้นมาเมื่อกลางดึกเพราะเสียงฟ้าร้อง ฝนตกเหรอ ไม่เห็นมีเค้าเลย ร่างบางรีบลุกลงจากเตียงคลุมผ้าห่มให้ลูกหมูที่นอนหลับอุตุ ก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่างแสงฟ้าผ่ากับเสียงฟ้าร้องดังถี่ขึ้นเป็นระยะๆ ถ้าฝนตกหนักน้ำในฝายจะล้นหรือเปล่า เดินเช็คประตูหน้าต่างว่าปิดดีรึเปล่า ยังไม่ทันที่จะกลับขึ้นไป ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา พอตื่นแล้วก็ไม่อยากนอนต่ออีก ตาโตเหลิอบไปมองนาฬิกาที่ชี้อยู่ที่เลข สาม เดินเข้าครัวไปชงโกโก้ร้อนให้ตัวเองก่อนที่จะมานั่งเล่นที่โซฟาเหมือนเดิม สายฝนยังตกหนักกระทั่งผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วยังไม่ซาเลย จนผมเริ่มเป็นห่วงเรื่องพวกพืชผัก กับฝายแล้วสิ
   ผมนั่งกระวนกระวาย เพราะดูเหมือนฝนจะยังไม่เลิกตกง่ายๆ
   “ฮึก แม่ ฮือออออออ คุณแม่อยู่ไหน” เสียงร้องไห้พร้อมกับเสียงร้องเรียกทำให้ผมต้องรีบวางแก้วแล้ววิ่งขึ้นไปดูน้ำ ทันทีที่เปิดห้องเข้าไปเขาก็เห็นเพียงลางๆว่าร่างป้อมนั่งขุดคู้เป็นก้อนกลมอยู่บนเตียงเขารีบเดินเข้าไปหาแล้วกอดร่างเล็กไว้แน่น
   “น้องน้ำเป็นอะไรครับ”
   “ฮืออออคุณแม่ คุณแม่”เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกับเสียงเล็กๆที่เรียกหาคนเป็นแม่ ทำให้ผมกอดน้ำแน่นขึ้น
   “น้ำครับไม่ร้องนะครับ โอ๋ๆคนเก่งของพี่วาเป็นอะไรครับ” ผมได้แต่ลูบหัวลูบหลังเจ้าลูกหมูที่ตอนนี้มีเพียงเสียงสะอื้น มือป้อมกำชุดนอนผมแน่น
   “อึกๆ คุณแม่” น้ำพึมพำพร้อมกับกอดผมแน่นขึ้น และก็เหมือนจะหลับไปแล้วด้วย ผมที่กำลังจะให้น้ำลงนอนดีๆแต่ทันที่ที่ผมไม่ได้กอดน้ำก็ผวาร้องไห้ทันทีทำให้ผมต้องกอดน้ำจนหลับสนิท ผมค่อยๆเช็ดคราบน้ำตาที่แก้มยุ้ย ผมลืมนึกถึงความเป็นจริงที่ว่าพี่ลมมีครอบครัวแล้ว ถึงผมจะไม่เคยเห็นหรือไม่เคยได้ยินใครในบ้านพูดถึงแต่เขาลืมเรื่องสำคัญนี้ได้ยังไงกัน ผมมองหัวทุยที่ซบอยู่ตรงอกเขา ผมรู้สึกรักเด็กน้อยร่างป้อมคนนี้จริงๆ หากตัดเรื่องความรู้สึกที่ชัดเจนขึ้นทุกวันแล้ว เขาก็ต้องคิดอีกครั้งว่าที่นี่จะใช่ที่ของเขาจริงๆรึเปล่า ผมนอนกอดน้ำจนถึงเวลาปรกติที่ผมต้องลงไปข้างล่างเลยค่อยๆขยับตัว ก่อนที่จะเอาหมอนให้น้ำกอดไว้ แล้วเขาค่อยลงมาเก็บแก้วไปที่ครัว ก่อนที่จะเตรียมทำอาหารเช้าไว้ให้ทุกคน พี่ลมยังไม่กลับเข้ามาเขาเป็นห่วงไร่จริงๆ เลยเลือกที่จะปัดความคิดไร้สาระที่คอยรบกวนจิตใจเขาอยู่เรื่อย
   ก๊อก ก๊อก
   แกร๊ก
   “พี่นัท ผมทำข้าวไว้ให้แล้วนะครับ พี่ไม้เป็นไงบ้างครับ” ผมถามคนที่หัวฟูมาเปิดประตู พี่นัทหาวกว้างๆทีหนึ่ง
   “อ้อขอบคุณนะ ไม้ดีขึ้นแล้วล่ะเดี๋ยวพวกพี่ลงไปกินนะ” ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินไปที่ห้องนอนของน้องน้ำที่ยังนอนหลับอุตุอยู่
   “ตื่นได้แล้วนะครับหมูน้อย”  ผมเขย่าร่างป้อมที่งัวเงียลุกขึ้นนั่งกำลังยกมือขึ้นขยี้ตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้เมื่อคืนจนผมต้องรีบจับมือไว้
   “เดี๋ยวไปล้างหน้านะครับไม่ขยี้นะ”
   “อือ ครับคุณแม่” ผมไม่พูดอะไรกับคำเรียกหา อาจจะเพราะน้ำยังไม่งัวเงียเขาได้แต่บอกให้ไปล้างหน้าอาบน้ำแล้วลงไปทานข้าวแล้วค่อยออกจาห้องไป พอดีที่พี่ไม้เดินออกมาพอดี
   “อ่าพี่ไม้ผมทำกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว พอดีผมจะเข้าไร่เลยนะครับ”
   “อ่าว แล้วไม่รอกินกับไอ้ลูกลิงเหรอ”
   “ผมเป็นห่วงไร่เมื่อคืนฝนตกหนักผมจะเข้าไปดูก่อนนะครับ” ผมบอกแล้วรีบเดินลงไปข้างล่างหยิบเสื้อแขนยาวแล้วออกไปที่ไร่ พอดีที่ละอองกำลังขับมอเตอร์ไซ
   “ละอองๆ รอหน่อย” ผมตะโกนเรียก ละอองเบรกซะจนตัวโก่ง
   “อ่าวคุณวา ผมตกใจหมด มาๆซ้อนท้ายผมเลย คุณวาจะไปไหน”
   “เข้าไปไร่ส้มก่อนนะแล้วค่อยไปที่สวนผัก อีกอย่างฉันอยากไปดูฝายด้วยเมื่อคืนฝนตกหนัก” ผมค่อยๆขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ที่เบาะนั้นแข็งจริงๆ ก่อนที่จะจับเสื้อละอองไว้แน่นเพราะเขากลัวตกจากใจ
   “จับแน่นๆนะคุณวา” แรงออกตัวทำให้ผมแทบจะกอดเอวละอองแน่น
   “ละ.....ละอ๊องงงงงงง” ได้แต่ร้องลั่นเมื่อพลขับบิดออกตัวแรงพร้อมกับเสียงหัวเราะลั่น มันต้องแกล้งผมแน่ๆเลยเลยได้แต่จับเสื้อละอองไว้แน่น เขาจะตกตายก่อนที่จะถึงไร่ส้มไหมล่ะเนี้ย

   ลมที่พึ่งขับรถกลับเข้ามาสวนทางกับใครที่ทำให้เขานอนไม่หลับเพราะไม่ได้กลิ่นหอมๆกอดตอนนอนทำให้เขาต้องรีบกลับมาทันทีเมื่อเช็คความเรียบร้อยที่โรงงาน ที่เขายืนกู้เงินขอลงเครื่องแปรรูปและขยายโรงงานให้มีมาตรฐานหลังจากนี้เขาก็จะยืนขอใบอนุญาต ซึ่งมันจะทำให้พวกคนในพื้นที่มีงานทำแถมเขาก็รับผลผลิตจากสวนซึ่งเขาให้ราคาตามตลาดหลายๆสวนเลยทำข้อตกลงกับโรงงานเขาเรียบร้อย โรงงานเป็นการจัดการของไอ้ไม้เพราะมันเรียนจบด้านนี้มาโดยตรง ไอ้ผมไม่รู้เรื่องกับมันหรอกทำได้แค่ทำไร่ทำสวนนี่ล่ะ
   “ว่าไงไอ้ลูกลิง อร่อยเชียวนะ” ผมแซวลูกตัวเองที่นั่งกินแก้มป่องอยู่
   “อร่อย ไม่แบ่งให้พ่อลมหรอก” หมั่นเขี้ยวลูกตัวเองเว้ย ผมยกมือบีบแก้มยุ้ยๆนั่นแรงๆไปหนึ่งที ก่อนที่จะมองไอ้ไม้และไอ้ผู้กองที่นั่งกินแบบไม่สนใจหัวพี่มันที่พึ่งกลับมาเลย
   “หายแล้วเหรอมึง ไอ้ยาดีเหรอ” เขาปรายตามองไอ้ผู้กองที่นั่งกินข้าวต้มเหมือนอยู่บ้านตัวเอง
   “วาไม่อยู่เข้าไร่ไปแล้ว” แทนที่มันจะด่าอะไรผมมันเล่นผมกลับเหมือนกัน
   “ทำไมไปไร่แต่เช้า”    
   “ไม่รู้สิเห็นบอกว่าเมื่อคืนฝนตกหนักห่วงไร่” ผมพยักหน้าก่อนที่จะบอกว่าขอขึ้นไปนอนก่อน
   วาคิดว่าสิ้นเดือนนี้เขาหักเงินละอองจะผิดไหม ตอนนี้เขาต้องยืนนิ่งๆเพื่อให้ขาหายสั่นจากการนั่งซ้อนท้าย
   “คุณวาไหวไหมครับ”
   “ไม่ไหว นายขับได้หวาดเสียวเกินไปแล้วนะ”ตอนนี้ขาของผมเริ่มหายสั่นแล้ว ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ
   “แล้วคุณวาทำไมมาแต่เช้าล่ะครับ” ละอองถามพร้อมกับเดินตามคนที่หน้าซีด แค่ซ้อนมอไชค์เขาเองไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นหรอกน่า
   “เมื่อคืนฝนตกฉันกลัวมีปัญหาเรื่องปุ๋ยเป็นยังไงบ้างล่ะละออง พรุ่งนี้พอที่จะพากันไปเอาได้ไหม”
   “ได้ๆมีรถว่างสองคันพอดีที่โรงงาน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมกับพวกไอ้สินจะพากันไปเอาพอดี” ผมพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปดูไร่ส้มที่ตอนนี้เหมือนว่าน้ำจะท่วมขังเยอะเกินไปอาจจะเป็นเพราะน้ำที่ห้วยมันเอ่อขึ้นมา ช่วงนี้เห็นว่าพายุจะเข้า เขาคงต้องบอกพี่ลม
   “ละอองถ้าพรุ่งนี้ไปเอาปุ๋ยเรียกฉันด้วยนะจะไปดูด้วย”
   “คุณวาไม่ไปกับนายเหรอครับ”
   “พี่ลมคงวุ่นๆพอดีมีธุระในเมือง ป่ะละอองไปที่สวนผักกัน แต่คราวนี้ไม่ต้องซิ่งขนาดนั้นนะ” เขาตบบ่าละออง ที่ยิ้มร่าก่อนที่จะขับรถนิ่มกว่าเดิมขึ้นมาก
   “คุณวามาแต่เช้าเลยนะเจ้า”
   “สวัสดีครับเมื่อคืนฝนตกผมเลยมาดูไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ” การจัดการไร่นี้ยังไม่มีระบบเท่าที่ควรก็เพราะพี่ลมดูแลคนเดียวบางทีมีปัญหากว่าจะแจ้งปัญหากว่าจะแก้ปัญหามันก็ย่ำแย่ไปในบางครั้ง เพราะคนๆเดียวคงเป็นทุกอย่างให้ทุกคนคงไม่ได้
   “ก็แย่อยู่เจ้า ผักคงเก็บขายไม่ได้ สตรอเบอร์รี่ก็เห็นว่าเสียหมดเลยนะเจ้า” ผมพยักหน้า
   “เดี๋ยวผมจะแจ้งพี่ลมให้นะครับ พวกสตรอเบอร์รี่ก็ตัดดอกทิ้งไปเลยนะครับ ค่อยรอรอบหน้า” ผมบอกกับป้าก่อนที่จะให้ละอองพาไปที่ท้ายไร่
   “ผมไปไม่ได้นะคุณวา ที่นั่นมีแค่พวกครอบครัวนายไปได้”
   “งั้นเหรอ อืมงั้นไปไร่องุ่นกัน”
   “คุณวาไม่กลับไปบ้านก่อนเหรอครับ”
   “ไม่ล่ะ ไปเร็วๆละออง” ผมกระโดดซ้อนท้าย เริ่มชินกับการแว้นของละอองแล้ว จนกระทั่งมาถึงไร่องุ่นยังดีที่มันอยู่ที่ราบและอยู่ไกลจากฝาย ตอนนี้คนงานตัดแต่งกิ่งองุ่นเรียบร้อยหมดแล้วกำลังช่วยกันถอนวัชพืชเตรียมพร้อมสำหรับการใส่ปุ๋ย เขาเลยลงมือช่วยพวกคนงาน วันนี้งานที่สำนักงานไม่มีอะไร
   “คุณวาไปกินข้าวกัน”
   “อ้อได้ๆ” ผมวางมือจากจอบก่อนที่จะเช็ดมือกับกางเกงที่ตอนนี้ไม่ได้สะอาดกว่ากันท่าไหร่ ผมกับละอองเดินไปที่ศาลา ที่ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อกินข้าว ผมเดินไปตักข้าวก่อนที่จะนั่งลงกับพวกละอองและสินพร้อมกับคุยกันเรื่องที่จะไปเอาปุ๋ยพรุ่งนี้เช้า
   “เฮ้ยกูว่าเราย้ายโต๊ะดีกว่า” จู่ๆละอองก็สะกิดสินที่นั่งข้างกัน สินเงยหน้าขึ้นเหมือนจะพูดอะไรผมนั่งตรงข้ามได้แต่ทำหน้างง ก่อนที่ทั้งก๊วนจะลุกพรึบหนี
   “ทำไมมากินข้าวที่นี่” เสียงทุ้มคุ้นหูทำให้ผมต้องหันกลับไปดู ทำไมพี่ลมทำหน้าเหมือนโกรธใครมา
   “ก็....ก็ผมคิดว่ากินที่นี่จะสะดวกกว่าครับ ผมไม่คิดว่าพี่ลมจะกลับมาแล้ว”
   “สะดวกอะไร” ลมแทบอยากจะคาดคั้นเอากับคนตรงหน้าเมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขายังไม่เจอร่างบาง แถมไม้ยังพาหลานไปเที่ยวเพื่อปลอบใจเพราะเจ้าน้ำงอแงหาแต่พี่วาอยู่ไหนจนไอ้ไม้ขี้เกียจปลอบเลยพาไปเที่ยวในเมือง ส่วนเขาก็เดินตามหาตัวการที่ไม่พกโทรศัพท์ออกมาเหมือนเคย
   “ก็...”ยิ่งอีกคนอึกอักเหมือนมีอะไรปิดบังเขายิ่งอยากจะเค้นถามติดก็แต่ไอ้หูที่กางเป็นกระด้งของแต่ละคนนี่ทำให้เขาไม่อยากซักอะไรอีก
   “มากับพี่” ได้แต่ทำเสียงเข้มบอกอีกคนให้ลุกเดินกลับบ้านด้วยกันท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของทุกคนเดี๋ยวเถอะ ได้แต่ถลึงตาใส่ไอ้ละอองที่ยังทำตาเสือกอยากรู้อยากเห็นอีกนะมึง เขาเดินช้าๆข้างคนที่ปกติจะพูดนั่นพูดนี่ให้ผมฟังแต่ตอนนี้กลับเงียบแถมยังทำท่าทางเหมือนตอนที่บอกเรื่องที่บ้านด้วย สงสัยมีเรื่องปิดบังผมแน่ๆ ทันทีที่ถึงบ้านคนที่หลบหน้าผมก็หลบเข้าไปในครัว คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ
   “ตกลงมีเรื่องอะไรที่ต้องบอกพี่ไหม” ผมเดินเข้าไปหาก่อนที่จะกักตัวคนที่หลบตาให้อยู่นิ่งๆ
   “พี่ลม ผมจะทำกับข้าว” ผมมองมือเล็กที่พยายามแงะมือผมออกจากเค้าเตอร์ที่ดูเหมือนจะคล้ำลงจากเดิมแต่ก็ยังขาวกว่าผิวคนเหนืออย่างเราๆซะอีก
   “บอกพี่มาก่อนที่พี่จะทำอะไรมากกว่านี้” ผมก้มหน้าเข้าไปชิดกว่าเดิม มองดูวาที่เอนหลังถอยให้ห่างจากผมจนหลังเอนไปพิงเค้าเตอร์
   “ไม่  มันแค่ความคิดที่กวนใจผมอยู่ มันงี่เง่านิดหน่อย” ยิ่งพูดคนตรงหน้ายิ่งก้มหน้าลงต่ำ
   “มีเรื่องอะไรก็บอกพี่ได้ พี่บอกแล้วเราเป็นครอบครัวเดียวกัน” ผมยกมือลูบแก้มเบาๆ จนคนที่ไม่ยอมสบตายอมเงยหน้ามามองผม
   “พี่ลม ผมคิดมากเอง พี่หิวหรือยังผมยังไม่อิ่มเลย”ยังจะเปลี่ยนเรื่องได้อีก
   “พี่อยากฟังทุกเรื่องที่วาคิดมาก ทุกเรื่องที่ไม่สบายใจ”
   “ผม.....ไม่รู้สิครับพี่ลม ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้ มันทั้งกังวล ทั้งกลัว แถมยังไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยซักนิด” ผมได้แต่ยิ้มให้คนที่กำลังระบายทุกสิ่งออกมา
   “ผมรู้สึกแย่ที่คิดในร้ายๆแบบนั้น มันเหมือนไม่ใช่ตัวผม ตอนที่เห็นน้ำร้องไห้เรียกหาแม่ อึก” ผมยกยิ้มเมื่อพอจะเดาได้ แถมผมยังรู้สึกดีใจเพราะเหมือนคนตรงหน้าจะมีใจให้ผมแล้วนะสิ ผมเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอยู่แก้มเนียนออก
   “พร้อมที่จะฟังรึยัง เรื่องที่พี่เคยบอกว่าจะบอก” ผมก้มลงพูดใกล้ๆคนที่ยังน้ำตาคลอ
   “อ่า”
   “พี่รู้ว่าวารู้ก็พี่เล่นรุกหนักขนาดนี้ถ้าไม่รู้พี่ว่าวาคงจะซื่อน่าดู” อดไม่ได้ที่จะบีบปลายจมูกแดงๆนั่นหนึ่งที
   “พีชอบวานะ อยากให้วามาดูแลพี่และลูก”
   “พี่ลม แต่มัน...เราพึ่งเจอกัน”
   “ใช่ มันไม่นาน แต่พี่มั่นใจความรู้สึกของพี่ที่ชัดเจนมากพออย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน อยู่ดูแลพี่กับลูก เป็นครอบครัวเดียวกันนะ” วาอาจจะไม่รู้แต่เขาพึ่งเคยรู้สึกแบบนี้จริงๆกับใคร วาเป็นคนเดี๋ยวที่เขาทั้งอยากดูแล อยู่ด้วยแล้วสบายใจวาทำให้บ้านเป็นบ้านเหมือนที่แม่เขาเป็น  ทันทีที่ผมพูดจบ น้ำใสก็กลิ้งลงมา พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
   “อึกพี่ลม วาเป็นได้ใช่ไหม”
   “ได้สิ วาเป็นคนในครอบครัวพี่แล้วนะ ห้ามไปไหนอยากไปพี่ก็ไม่ให้ไปแล้ว” ผมว่าก่อนที่จะเชยคางคนที่ยังยิ้มกว้างก่อนที่จะเช็ดน้ำตาก่อนที่จะก้มลงไปแนบชิดริมฝีปากหยุ่นจากที่ครั้งแรกเพียงแตะแนบชิด แต่ครั้งนี้ผมกดลงแนบแน่นขบเม้มริมฝีปากล่างนิ่มก่อนที่จะแต่ก่อนที่เขาจะสัมผัสลึกซึงเหมือนที่คิดไว้ ฝ่ามือฟาดลงที่แขนผมทำให้ผมต้องปล่อยให้คนที่ฟาดมาแรงๆ ที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำ เม้มปากแน่น
   “ออกไปเลยนะ วาจะทำกับข้าว” เขาได้แต่ยอมถอยออกจากครัวเมื่ออีกคนดันหลังให้ผมออกจากครัว ปล่อยให้อีกคนยืนเขิน
   ให้ตายเหอะจะน่ารักเกินไปแล้วนะ ยกมือลูบหน้าแรงๆ ลิ้นหนาดันแก้ม ให้ตายเหอะ กูจะทนได้ไหมวะ จับกดแม่งตอนนี้เลยจะผิดไหม แต่แม่งเอ๊ย กูไม่รู้วิธีทำเว้ยยยยย
***************************************************
ตอนใหม่มาเสิร์ฟแล้วจ้าาาา
เขาหนีไปอู้มาล่ะติดไลฟ์เกมส์อีสปอตไปสองวันไม่ได้ปั่นอะไรเลย
//หลบรองเท้า
เรื่องนี้ยังคงเส้นคงวา ไม่ดราม่าอะไรนะคะ
อ่านแล้วเป็นไงติชมได้น้าาาา น้อมรับทุกสิ่งอย่างค่ะเพื่อพัฒนาฝีมือ
อิอิ รักคนอ่านจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่11 17/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-07-2017 19:52:21
สงสารพี่ลม อยากกดวา แต่ไม่รู้วิธีทำ  :z3: :z3: :z3:
ใครจะช่วยบอกวิธีกับพี่ลมได้นะ พี่นัทหรือเปล่า  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่11 17/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-07-2017 19:56:58
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่11 17/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 17-07-2017 20:36:40
 :m20: :m20: พี่ลมอยากทำแต่ไม่รู้วิธีอ่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่11 17/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-07-2017 21:28:37
จริงง่ะ พี่ลมว่าทำไม่เป็น  :hao6:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่12 22/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 22-07-2017 18:35:15
วาได้แต่ขัดเขิน เหมือนอะไรๆจะดูยุ่งเหยิง มือไม้เขาเหมือนจะติดขัดไปหมด คนที่เป็นต้นเหตุหลังจากกินข้าวเสร็จก็เดินขึ้นไปอาบน้ำ ปล่อยให้เขานั่งเขินอยู่คนเดียวนี่ล่ะ
   กริ๊งๆ
   “ครับไร่สายลมครับ”
   “(ขอสายลมหน่อยค่ะ)”
   “เดี๋ยวรอซักครู่นะครับ” เขารู้สึกแปลกใจเมื่อเสียงหวานๆ เขาเดินขึ้นไปตามคนที่อยู่บนห้อง
   “พี่ลมครับ”
   “ครับ” เขาแทบจะหันหลังหนีทันทีเมื่อคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูพันที่เอว
   “อ่า...เอ่อ มีคนโทรมาขอสายพี่ลมครับ” ผมว่าก่อนที่คิดว่าจะเดินออกจากห้องกลับต้องหยุดเมืออีกคนคว้าข้อมือเขาไว้เชิงว่าให้ลงไปพร้อมกัน แต่ทางที่ดี พี่ลมช่วยไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนได้ไหม เขารู้สึกถึงความร้อนที่หน้าทีกำลังลามไปทั้งตัว ก็เมือคนที่อวดกล้ามเนื้อที่ได้จากการทำงานในไร่เดินทั่วบ้านโดยไม่คิดที่จะแต่งตัวเลยซักนิด
   “ครับ”
   “(ลมนี่ปลานะ)” ผมที่กำลังจะหนีแต่เมื่อพี่ลมได้ยินว่าใครโทรมากลับคว้ามือเรียวไปกุมแน่น ผมมองคนที่ทำหน้าเข้มขึ้น จนเขาต้องขยับมายืนใกล้ๆ
   “ว่ายังไง”
   “(ปลาได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้วนะ ปลาขอโทษ)” ลมบีบมือคนที่ยืนข้างๆแน่น
   “ไม่ต้องขอโทษ เธอไม่ผิด”
   “(เพราะครอบครัวปลาเอง ลูกเป็นยังไงบ้าง)”
   “น้ำสบายดี ไม่ต้องห่วงถ้าบ้านเธอไม่ทำอะไรสิ้นคิดฉันก็จะปราณีในฐานะที่เป็นญาติเธอ”
   “อ๊ะ” ผมอุทานเมื่ออีกคนยกมือที่กุมไว้ขึ้นจูบเบาๆที่หลังมือพร้อมกับส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นว่าแกล้งเขาจนหน้าแดง ได้แต่ก้มหน้าลงขบเม้มริมฝีปากล่างที่อีกคนมองแล้วเหมือนยั่วเขาเสียมากกว่า แต่ก่อนที่ร่างสูงจะได้ทำตามใจคิด คนในสายก็บอกขอบคุณพร้อมกับขอโทษ ก่อนที่จะตัดสายไปทำให้ลมต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆอีกรอบ นั่นก็เรียกความสนใจคนที่กำลังเขินจนตัวจะระเบิดได้
   “มีอะไรรึเปล่าครับพี่ลม” เสียงหวานถามด้วยความเป็นห่วง ลมก้มมองคนที่ไม่ปิดบังอาการเป็นห่วงเขาเลยซักนิด เขาก้าวยาวๆจูงอีกคนไปที่โซฟาก่อนที่เขาจะนั่งลงพร้อมกับรั้งคนที่ยังงงๆนั่งตัก
   “พี่ลม!!”
   “ขอพี่อยู่อย่างนี้แป๊บนะ” วาได้แต่นั่งนิ่งๆให้อีกคนกอดเอวไว้แน่นใบหน้าซบลงที่บ่า
   “มีอะไรรึเปล่าครับพี่ลม” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเงียบ ถึงแม้ไอ้อกแผ่นอกที่แผ่ไออุ่นออกมาจะทำให้หัวใจเขาทำงานหนักก็เถอะ
   “ปลา......คนที่โทรมา....เป็นแม่ของน้ำ” ร่างบางนิ่งเกร็งขึ้นทันทีจนอีกคนรู้สึกได้แขนใหญ่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นคล้ายจะปลอบ
   “พี่กับปลาจบกันแล้ว ตอนนี้ปลาก็มีครอบครัวที่รักเจ้าตัวจริงๆแล้ว” มือใหญ่ยกขึ้นบิบจมูกเล็กเบาๆอย่างหยอกล้อ
   “เรื่องนี้พี่จะเล่าให้วาฟังไม่ใช่เพราะต้องการอธิบายแต่พี่อยากให้วารู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพี่ เรื่องนี้ก็ต้องย้อนไปประมาณสี่ห้าปีก่อน” ลมสูดกลิ่นกายหอมก่อนที่จะเริ่มเล่าอดีตที่ผิดพลาดของตน
   เมื่อห้าปีก่อน เขายังเป็นวัยรุ่นคึกคะนอง กล้าได้กล้าเสียเรียกได้ว่าพ่อยังต้องส่ายหน้า ยังดีที่กำลังจะเรียนจบ ชีวิตของเขาจะเรียกได้ว่าเสเพลไปเลยก็ได้ ทั้งกินเหล้า เที่ยวกลางคืน มั่วผู้หญิง อ๊ะ แต่ผมก็ป้องกันนะเออ อย่ามองผมแบบนั้น ยิ่งไกลหูไกลตาพ่อแม่เรียกได้ว่ายิ่งกว่าหลุดจากโซ่ และผมก็ได้เจอปลาที่ผับ หลังจากคุยกันไม่กี่คำ เราสองคนก็จบกันที่เตียง ต่างฝ่ายต่างพอใจที่มันจะเป็นแค่เพียงคืนๆหนึ่ง แต่เพียงเพราะผมไม่ได้ป้องกัน เพราะผมเมาอีกฝ่ายก็เมา
   ผ่านไปเกือบเดือน
   “ฉันท้อง”  คำบอกเล่าของคนที่มาเคาะห้องเขาตั้งแต่เช้าทำให้ตื่นเต็มตา
   “แน่ใจได้ยังไงว่าลูกกู” ลมแทบจะกระชากอีกคนมาถาม
   “มึงต้องรับผิดชอบลูกกู”ก่อนที่ลมจะว่าอะไร ร่างท้วมสูงวัยก็เดินมาซ้อนหลังปลา พร้อมกับท่าทางเอาเรื่อง ถึงแม้ว่าลมจะยังเป็นแค่เด็กวัยรุ่นแต่พ่อของเขาก็เป็นถึงพ่อเลี้ยงไม่ได้หมายความว่าจะมากดขี่กันง่ายๆ ตอนนั้นทั้งไร่สายลมและพ่อของปลาเรียกได้ว่าตกเป็นขี้ปากชาวบ้านกันทั่วทั้งจังหวัด ก็ปลาเป็นลูกสาวคนโตของเสี่ยปานที่กำลังทำมีอิทธิพล แต่เรื่องก็จบลงด้วยการที่เขากับปลาต้องแต่งงานกันแต่นั่นก็เป็นความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นน้ำตาของแม่
   “ลม ลูกเป็นลูกผู้ชาย ทำอะไรไปแล้วต้องรับผิดชอบนะลูก”
   “แต่..มันไม่ใช่ความผิดผม!!”
   “แต่ลูกต้องทำ” และเขาก็ได้เห็นแม่ร้องไห้ เขายอมแต่งงานเพียงแต่ให้คำขาดว่าการที่ปลาแต่งเข้าบ้าน คนทางบ้านปลาจะไม่มีสิทธิเข้ามาวุ่นวายนั่นคือจุดแตกหักของเขากับครอบครัวปลา หลังจากเรียนจบผมก็ให้ปลาเข้ามาอยู่ในไร่ โดยที่คนบ้านนั้นจะไม่มีสิทธิใดๆมายุ่งเกี่ยว ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อทำไร่สายลมให้ยิ่งใหญ่ขึ้น เขากับปลามีความสัมพันธ์แค่ในนาม และปลาก็เข้าใจ เป็นแค่หมากตัวหนึ่งของพ่อตัวเอง เลยอยู่เหมือนเป็นเพื่อนกันซะมากกว่า
   จนกระทั่ง วันที่น้ำเกิดมา วันที่ผมรู้ว่าผมควรทำเพื่อใคร ปลาทันทีที่คลอดเมื่อแผลรักษาหายเธอก็หายไปจากไร่สายลมไม่มีใครรู้ว่าอยู่ไหน แต่เพราะข้อตกลงสัญญาที่ปลาเคยทำไว้ลูกจึงเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว และหลังจากที่น้ำอายุได้สามเดือนเศษ พ่อและแม่ก็จากเขาไปตลอดกาล ทุกอย่างอยู่บนบ่าของเขาตั้งแต่นั้นมาเขาก็ตั้งมั่นที่จะทำเพื่อลูกและไร่สายลม ทุกปีปลาจะติดต่อกลับมาถามไถ่สารทุกสุขดิบ
   “ตั้งแต่นั้นพี่กับเสี่ยปานก็เหมือนจะไม่ลงลอย พอลูกสาวคนเล็กโตก็ให้มาจับพี่ทั้งๆที่พี่เกลียดบ้านนั้นเข้ากระดูกดำ” วาหันไปมองคนที่เล่าเรื่องในอดีตให้เขาฟัง นั่นทำให้วารู้สึกคิดไม่ผิดที่จะเปิดใจให้กับคนๆนี้ แต่จะดีกว่านี้มากถ้าอีกคนแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้
   “แล้วเสี่ยปานเขามาหาน้ำบ้างไหมครับ”
   “ไม่พี่ไม่ให้มันมายุ่ง ตั้งแต่ตอนนั้นมันก็อยากได้ที่ดินจนตัวสั่นตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน” มือเล็กยกขึ้นแตะที่หัวคิ้วที่ขมวดแน่น ก่อนที่จะนวดเบาๆ
   “เดี๋ยวพี่ลมก็แก่เร็วหรอกครับ ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมจะอยู่ข้างพี่ลม” สิ้นคำมือใหญ่ก็กดท้ายทอยเขาแน่นก่อนจะลิ้มชิมรสหวานจากริมฝีปากบางที่เอ่ยคำหวาน ปลายลิ้นหนาไล่เล็มเลาะขอบหยัก ก่อนที่คนในอ้อมแขนจะโอนอ่อนเผยช่องให้ปลายลิ้นเข้าไปกวาดกวัดริมรสหวาน จูบที่ลึกซึ้งทำให้วาคิดอะไรไม่ออกมือเรียวได้แต่เกาะที่ต้นแขนใหญ่ ปล่อยให้อีกคนปลุกเร้าความรู้สึกวูบวาบไปทั่วร่างกาย
   “อืม...” เสียงครางแผ่วพร้อมกับมือเล็กที่พยายามดันร่างใหญ่ออกเมื่อเขารู้สึกเหมือนจะขาดใจ ลมยอมปล่อยให้คนที่ประท้วงเป็นอิสระ แต่ยังไม่วายที่จะกดจูบที่มุมปากจมูกโด่งคลอเคลียที่แก้มใส เขาไม่อยากห่างเลยจริงๆ กลิ่นกายหอมอุ่นทำให้เขาเสพติด มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อยืดเนื้อนิ่มลูบไล้ผิวเนียนลื่นมือ สัมผัสร้อนจากฝ่ามือด้านทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน
   “ยะ.....อย่า.....” เสียงห้ามขาดห้วงและอาการสั่นทำให้ลมต้องหยุดก่อนที่เขาจะห้ามตัวเองไม่ได้ ใบหน้าคมกดหน้าซุกลงที่ซอกคอเนียนสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ปรารถนาที่ปะทุขึ้นมา
   “พี่อยากกินวาจัง” เสียงทุ้มกระซิบเบา นั่นยิ่งทำให้อีกคนรู้สึกเขินอาย นั่งนิ่งๆไม่ขยับเมื่อรู้ว่าอะไรๆมันตื่นทะลุผ้าขนหนูดุนต้นขาอยู่
   “ไม่ต้องสนใจมันเดี๋ยวพี่ขึ้นไปข้างบนก่อน ฟอด” ยังไม่วายที่จะกดจมูกหอมแก้มเนียนไปแรงๆอีกทีก่อนที่วาจะรีบลุกทันทีที่เขาปล่อย ท่าทางแสนกลัวนั่นทำให้เขายกยิ้มก่อนที่จะรีบเดินขึ้นไปจัดการอะไรๆที่บนห้อง
   “ฮืออออออ จะตายแล้ว” วาพึมพำพร้อมกับซุกหน้าลงกับหมอนข้าง เขารู้สึกร้อนจนเหมือนตัวจะระเบิดเลย
   ครืดๆ เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น มือเรียวหยิบมากดรับทันที
   “ครับ”
   “(วานี่พี่นะ)”
   “พี่โย” เสียงติดจะอ้อนทำให้ปลายสายรับรู้ถึงความผิดปกติ
   “(เป็นอะไรหือวา)”
   “พี่โย วาเขิน เขินมากๆเลย” ยิ่งนึกถึงคนขี้อายก็ได้แต่ส่ายหน้าซุกหมอนอิง โยถึงกับงง นี่น้องเขาไปเขินใครเข้าล่ะเนี้ย
   “(ไปเขินใครมาล่ะหืมตัวแสบ เรื่องทางนี้ใกล้จะเข้าที่ พี่จะได้ไปหาเราที่โน้น)”
   “พี่โย วาไม่อยากกลับ” เสียงอ่อยๆทำให้โยธินถึงกับทำหน้าเครียด
   “พี่วา น้ำกลับมาแล้วฮับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ” น้ำร้องก่อนที่จะวิ่งตุบตับมาหาพี่สุดที่รักพร้อมกับกระโดดทับ ??
   “โอ๊ย น้องน้ำครับเดี๋ยวนั่งดีๆน้าพี่วาคุยโทรศัพท์อยู่ครับ” วารีบนั่งดีๆก่อนที่จะตบที่หน้าขาให้น้ำนั่งตัก  น้ำรีบปีนขึ้นนั่งพร้อมกับกอดเอว ซุกกอดพี่วาคนดี ท่าทางออดอ้อนทำให้วาหลุดขำ
   “น้องน้ำสวัสดีลุงโยก่อนครับ” วาพูดขำๆ ก่อนที่จะกดเปิดลำโพงให้น้ำได้ยินด้วย
   “สวัสดีครับลุงโย” น้ำพาซื่อเรียกโยธินตามพี่วาบอก คนปลายสายทำหน้าปั่นอยากอยู่ดีๆก็ได้เป็นลุงซะแล้ว
   “(น้อยๆหน่อยเจ้าวา เรียกพี่ก็พอมั้ง  สวัสดีครับน้องน้ำ)”
   “ครับผม”
   “น้ำหิวยังครับพี่วายังไม่ได้ทำอะไรไว้เลย” ต้องโทษคนที่ยังไม่ลงมานั่นล่ะ
   “น้ำอิ๊มอิ่ม....อาไม้พาน้ำไปเล่นน้ำด้วย แถมอานัทยังชื้อขนมให้น้ำเยอะแยะเลย” เหมือนคำว่าเยอะจะไม่พอ น้ำกางมืออกกว้าง เจ้าลูกหมูเอ๊ย
   “กินเยอะ อีกหน่อยน้ำจะกลิ้งไปแล้วนะ”
   “น้ำไม่อ้วนซักหน่อย ตะวันบอกน้ำกำลังน่ารัก” ถ้าพี่ลมได้ยินนี่จะทำหน้ายังไงกันนะ 
   “น่ารักหรือน่าถีบห๊ะไอ้ลูกลิง” ไม้ที่พึ่งหอบเข้าของเข้ามาพูดดักคอหลานที่ตอนนี้ทำหน้างอง้ำ น่าบีบจริงๆ โยธินฟังเสียงที่ดังลอดเข้ามา ทำให้เขาวางใจได้ว่าน้องชายของเขาเจอกับคนที่ดี เท่าที่ฟังดูเหมือนจะอบอุ่นมากเลยทีเดียวด้วยซ้ำ
   “ลุงโย ลุงโย อาไม้แกล้งน้ำ” วาขำเมื่อเจ้าลูกหมูไม่มีคนให้อ้อนเลยหันไปอ้อนคนที่ถือสายอยู่ จนพี่โยหัวเราะ
   “(เลิกเรียกว่าลุงซักทีเถอะ แล้วพี่จะช่วยได้ยังไงหือ)” เหมือนเขาจะนึกภาพพี่โยตอนนี้ออก ต้องกุมขมับอยู่แน่ๆ
   “ยกพี่วาให้น้องน้ำ น้องน้ำอยากให้พี่วาอยู่กับน้ำ”
   “ไอ้เด็กแสบ พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อน” พี่ไม้ยีหัวน้ำก่อนที่จะเดินขึ้นข้างบน
   “เดี๋ยวพี่โยคุยกับน้ำนะ วาจะไปทำกับข้าวให้น้องก่อน”
   “เย่ๆ ลุงโยคุยกัน คุยกัน” น้ำคว้าเอาโทรศัพท์ไปถือเอง ได้ยินแต่เสียงโวยวายของพี่โยแต่ก็ยอมคุยกับน้อง ผมเลยปล่อยให้สองลุงหลานคุยกัน เท่าที่ได้ยินแว่วๆ เถียงกันเรื่องลุงนี่ล่ะนะ ได้แต่ส่ายหัวกับคนที่ไม่ยอมแก่ ทำโน้นทำนี่ซักพักอาหารสี่ห้าอย่างก็เสร็จอย่างรวดเร็ว ตอนที่ออกมาจากครัวเขาก็เห็นพี่ลมกับน้ำคุยกับพี่โยอย่างออกรส
   “ขอบคุณมากเลยนะ ได้แนวคิดดีๆอีกเยอะเลย”
   “(ไม่เป็นไร ไว้จัดการเรื่องวุ่นวายทางนี้เสร็จผมจะไปเที่ยวที่ไร่ซักครั้งเพราะเห็นทีคนบางคนคงไม่อยากกลับ)” ผมได้แต่มองถลึงคนที่ดึงให้ผมนั่งข้างๆก่อนที่จะโอบเอวผมไว้ ทั้งๆที่ยังคุยอยู่กับพี่ชายเขา
   “พ่อลม พี่วาของน้ำนะ วาขอพี่โยแล้ว” ไปติดสินบนกันอีท่าไหนล่ะถึงได้เปลี่ยนเป็นจากลุงเป็นพี่
   “พอๆครับ ผมทำกับข้าวเสร็จแล้ว”
   “หึๆ ก็ได้” พี่ลมว่าก่อนที่จะยืนโทรศัพท์คืนให้ผม ก่อนที่จะอุ้มลูกหมูไปที่โต๊ะพี่ไม้ก็เดินลงมาพร้อมกับพี่นัทที่พึ่งเดินเข้าบ้านมา ผมเลยหันมาคุยกับพี่โย
   “วาวางสายก่อนนะพี่โย”
   “(ครับๆ ดูแลตัวเองดีๆ)”
   “ครับผม” ผมกดตัดสายแล้วเดินไปสมทบที่โต๊ะกินข้าว ที่ทุกคนนั่งกันเรียบร้อยแล้ว มือนี้ทุกคนต่างหัวเราะกับเรื่องราวของน้ำ ก่อนที่จะแยกย้ายปล่อยให้สองหนุ่มล้างจานส่วนผมก็ขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน เพราะน้ำพี่ลมจะพานอน ผมนั่งเช็ดผมอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง
   “แกร๊ก”
   “น้ำหลับแล้วเหรอครับ”
   “ใช่ ตอนนี้ก็เป็นเวลาของพี่แล้ว”
   “เหวอ ปล่อยผมเลยนะ” ผมได้แต่ร้องตกใจเมื่อจู่ๆพี่ลมก็เดินมาอุ้มผมขึ้นจนต้องรีบกอดคอคนช่างแกล้งไว้แน่นเพราะกลัวตก
   “มาให้พี่นอนกอดซะดีๆ” พี่ลมว่าก่อนที่จะสอดแขนรองคอก่อนที่จะรั้งผมไปกอด
   “ผมยังไม่ง่วงเลย” ได้แต่บ่นแต่เขาก็ขยับหาที่สบายๆก่อนที่จะนอนนิ่งให้อีกคนกอด ก็เล่นกอดเขาทุกคนนี่นะ
   “ฝันดี” ผมแค่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไรเพียงแต่ซุกหน้าลงกับอกกว้าง ก่อนที่หลับไปด้วยความสุขใจ

   และวันที่จัดงานก็มาถึง ผมรีบตื่นแต่เช้าวิ่งวุ่นกับไร่ส้มและไร่องุ่น เพราะปุ๋ยที่สั่งละอองไปเอามาให้แล้วจริงๆก็จะไปด้วยนะเพียงแต่ใครบางคนพอรู้ ก็สั่งห้ามผมทันที ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ตอนนี้ใส่ปุ๋ยเรียบร้อย รอเพียงการแตกยอดใหม่ ยังดีที่ฝนไม่ตกอีก นี่ก็เย็นแล้ว
   “คุณวา คุณวา!!! พ่อเลี้ยงให้มาตาม” ผมได้แต่กลอกตา อะไรอีกล่ะครับ
   “ได้ๆเดี๋ยวฉันไปนะ” ผมเช็ดไม้เช็ดมือให้เรียบร้อย ไหนว่าไปดูฝายแล้วทำไมกลับมาเร็วจัง เขารีบขึ้นซ้อนท้าย
   “มาเถอะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวกับลูกก่อน” อ้อ งานเริ่มแล้วเหรอ
   “มาครับน้ำไปอาบน้ำกัน”
   “อาบด้วยกันนะ” ผมยิ้มก่อนที่จะพยักหน้าตกลง
   หลังจากที่เข้าไปอาบน้ำด้วยกันเราสองคนก็รีบแต่งตัวก่อนที่จะเดินไปที่ศาลา ที่ตอนนี้ทุกคนต่างมารวมตัวกันเกือบหมดแล้วพร้อมกับเสียงดนตรีกระหึ่ม
   “มานั่งนี่มา” ผมอุ้มน้ำขึ้นให้นั่งกลางระหว่างผมกับพี่ลม
   “เฮ้ยๆๆ ค่อยกิน ฟังกูก่อน” พี่ลมร้องบอกซึ่งทุกคนก็พากันหยุดกินหันมาฟัง
   “งานวันนี้กูจัดเพื่อต้อนรับวา เอาจริงๆก็แค่ข้ออ้างเลี้ยงทุกคน ต่อไปวาจะเป็นคนในครอบครัวกูดูแลดีๆด้วย”
   “วิดวิ้วววววววว โห่ววววววววววววววววว” เสียงแซวเสียงโห่ดังมาจากฟากของกลุ่มละออง ก็คงมีกลุ่มนี้กลุ่มเดียวล่ะที่กล้าแซวโดยไม่กลัวโดนหักเงินและไม่กลัวโดนเท้า
   “ทำไมแซวมากๆกูจะให้วาหักเงินเดือนพวกมึงทั้งกลุ่มให้หมด”
   “โอ๊ะ ไอ้สินกูว่าต่อไปเราต้องยืนข้างคุณวาวะ” ละอองหันไปกระซิบกับคู่หูที่ได้ยินกันทั้งศาลา
   “ไอ้ละออง”
   “โอ๊ยยไอ้ละอองล้อเล่น”
   “มึงนิ กูจะพูดต่อล่ะนะ กินได้แต่อย่ากินจนเกิดเรื่องเกิดราว ใครกลับไม่ไหวก็นอนนี่ไปเลยกูเตรียมไว้ให้แล้ว” พี่ลมชี้ไปที่กองผ้าห่มกับมุ้ง นี่เตรียมพร้อมจริงๆ “กินต่อเถอะ” สงสารแต่ล่ะคนล่ะไม่กล้ายกแก้ว จนพี่ลมเลิกพูดเท่านั้นล่ะอย่างกับนกแตกรัง พี่ไม้กับพี่นัทที่พึ่งมาถึงเดินมานั่งโต๊ะ
   “น้ำจะกินอะไรครับ” ผมถามคนที่หันซ้ายหันขวามองทุกคนคุยกัน
   “ไก่ทอด” ผมตักไก่ใส่จานหันเป็นชิ้นๆแล้วปล่อยให้น้ำทานเอง งานเลี้ยงยิ่งดึกก็เหมือนยิ่งคึกโดยเฉพาะกลุ่มละอองที่ตอนนี่ท่าเต้นยิ่งดูแปลกตาและล้ำขึ้นไปทุกที น้ำที่ทีแรกสนุกแต่ตอนนี้เกาะผมเป็นลูกลิงพร้อมกับหลับตาพริ้ม
   “พี่ลม ผมพาน้ำกลับไปนอนก่อนนะ”
   “อืมไปเถอะเดี๋ยวพี่ตามไป” เขาพยักหน้าอุ้มน้ำเดินกลับบ้าน

   ลมมองหลังบางที่อุ้มลูกเขากลับบ้าน หลังจากที่คุยกับพี่ชายวาแล้วเขาก็รู้สึกวางใจในระดับหนึ่งที่พี่วาเหมือนจะรับรู้แต่ไม่ว่าอะไรและยังพูดเหมือนจะไม่พาตัววากลับ
   “มองขนาดนั้นก็กลับไปนอนเหอะ”
   “เงียบเหอะไอ้ไม้”
   “ใช่สิ ไม่ใช่น้องวา” อือหืออถ้ามึงนั่งใกล้ๆนี่กูถีบไปแล้วนะ ทำสะดิ้ง
   “ไอ้ผู้กองเรื่องที่ให้สืบนะถึงไหนแล้ววะ” ผมหันไปถามเรื่องอุบัติเหตุของวา
   “คืบหน้าอยู่พี่ตอนนี้เริ่มสาวถึงตัวคนที่ตัดสายเบรกแล้ว แต่พี่น่าจะรู้อยู่แล้วนะว่าเป็นคนงานในไร่พี่” นัททำหน้าจริงจัง ผมถอนหายใจก็พอจะรู้
   “เรื่องนั้นขอแค่กูรู้ว่าใครกูจะส่งให้ถึงมือมึง”  ลมมองดูลูกน้องที่กินดื่มกันอย่างมีความสุข
   “อืม เรื่องนี้เกี่ยวกับเสี่ยปานด้วยนะ” อยากจะจัดการให้จบๆเรื่องไปแต่เพราะคำสัญญาของเขากับมารดา
   “กูอยากจัดการเองให้มันจบๆไป แม่งอยากได้อะไรหนักหนากับที่ดินกู กูก็บอกไม่ขายแม่งยังเสือกมาใช่คำว่าพ่อตากับกูอีก แถมยังส่งลูกมาระรานกู”
   “ก็มันเรื่องจริงนะพี่ ถึงพี่ปลาจะไม่อยู่แล้ว ไอ้เสี่ยปลามันก็ยกเรื่องนี้มาพูดได้ส่วนเรื่องปรุงพี่ก็ปล่อยให้ยัยนั่นมาวุ่นวายกับพี่เอง” นี่มันน้องกูป่าววะ แม่งไม่เคยเข้าข้างกูเลย
   “ไอ้ผู้กอง กูอนุญาตให้มึงมานอนที่บ้านกูเดือนหนึ่ง”
   “ไอ้เชี่ยพี่ลม!!!!!”  เชี่ยเต็มหน้ากูเลยสัส
   “หึๆ”
   “ทำไมไม่พอใจ หนีไปนอนโรงงานสิ” ไอ้ไม้บ่นอุบอิบแต่ก็ไม่กล้าเถียงอะไรผมอีก นั่งกินจนจะเที่ยงคืนหลายคนก็กลายเป็นศพเรียบร้อย ผมบอกคนที่ยังมีสติให้ดูแลกัน ส่วนตัวเองก็เดินเซกลับบ้าน หนีไปอาบน้ำให้สร่างเมา จริงๆเรื่องปรุงก็เป็นเพราะผมไม่ห้ามไม่เด็จขาดเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้เขาต้องทำอะไรให้เด็จขาดรวมทั้งเรื่องเสี่ยปานด้วย ที่ตอนนี้รู้สึกว่าจะล้ำเส้นจนเกินไป
   “อือกลับมาแล้วเหรอครับ” วาถามงัวเงียทันทีที่ผมล้มนอนข้างๆ
   “อืมนอนต่อเถอะ” วาพยักหน้าก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับซุกที่อกผม นับวันยิ่งน่ารักนะเรา ก้มลงจูบที่ขมับก่อนที่จะหลับตาลง บางทีเรื่องความรักก็ไม่เกี่ยวกับการมีเซ็กส์กันซะทีเดียว
   ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการเมาค้างให้ตายเหอะ ไม่ได้กินนาน เสือกกินเยอะแล้วมาปวดหัวอยู่นี่ไงเขาเดินลงไปข้างล่างพร้อมกับกลิ่นหอมเดินตามกลิ่นเข้าไปในครัว สงสัยไอ้ไม้ยังไม่ตื่น
   “ตื่นแล้วเหรอครับ”
   “พี่ปวดหัวจังเลยวา” ผมว่ากอ่นที่จะทำเนียนเดินเข้าไปชิดก่อนที่จะวางคางบ่นไหล่เล็ก
   “หือ เมาค้างรึเปล่าครับ” วาหันมามองก่อนที่จะยกมือมาแตะที่หน้าผาก
   “อือ” เขาไม่ตอบอะไรเพียงแต่ซบหน้าที่ไหล่ไม่ไปไหน
   “พี่ลม ปล่อยผมก่อนเดี๋ยวจะชงกาแฟให้”
   “ชงไปสิ”แต่ผมก็ยังไม่ปล่อย ได้ยินวาบ่นเบาๆแต่ก็ไม่ได้ผละออกเพียงแต่ขยับไปชงกาแฟดำหอมกลุ่นให้ผม เลยต้องปล่อยมือรับเอาแก้วกาแฟแต่ยังยืนพิงเค้าเตอร์มองคนทำกับข้าวในครัว เป็นบรรยากาศสบายๆที่ทำให้ผมอยากเจอทุกๆวัน
   “นายยยย นายยยยยเรื่องใหญ่แล้ววววว วววววว” และความหวังของผมก็พังลงทันทีที่เสียงแหกปากของไอ้ละออง
   “มีห่าอะไรแต่เช้าวะ” มันยังตื่นมาป่วนตั้งแต่เช้าได้ไงทั้งๆที่มันกินอย่างกับอาบ
   “นะ.............นาย.......ฟะ.......ไฟไหม้....ไฟไหม้ที่....ที่โรงงาน....” ไอ้ละอองพูดไม่เป็นคำ แต่ตอนนี้ผมแทบจะไม่ได้ยินอะไรแล้ว
   เพล้ง!!       
   “พี่ลม ใจเย็นๆก่อนนะครับ” มือเรียวแตะที่มือใหญ่ที่ตอนนี้กำแน่นทำให้ใจเขาสงบอย่างประหลาด
   “เสียหายไปเท่าไหร่”
   “ไหม้ที่โรงงานเก่าครับนาย” ลมรู้สึกโล่งใจที่โรงงานที่เขาพึ่งลงเครื่องยนต์ไปไม่มีความเสียหาย และที่กูคิดไม่ผิดตัวการแม่งมีคนเดียว มึงจะล้ำเส้นเกินไปแล้วนะไอ้เสี่ยปาน
***********************************************************************
ช่วงนี้สิ้นเดือน รับมาม่าไหมคะ
ฮ่าๆๆไม่ใช่ๆ ตอนนี้ใกล้สิ้นเดือนเค้าเหมือนจะขาดใจ
เปย์นิยายไปเยอะเหลือเกิน
ซดมาม่าวนไป พ่อเลี้ยงอ้อยแรงอ่ะ เกลียด
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้าาาาาาาาา
รักคนอ่าน คนเม้นต์ ขอบคุณทุกความคิดเห็น
เป็นแรงใจที่ดีจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่12 22/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 22-07-2017 23:52:42
ไอ่เสี่ยนี่ น่ากระทืบมาก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่12 22/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-07-2017 00:15:06
 :L2: :L1: :pig4:

เราจะกินมาม่าเป็นเพื่อนกัน
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่12 22/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-07-2017 08:09:40
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่12 22/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-07-2017 13:31:46
จัดการกับเสี่ยปานให้เด็ดขาดซักที
ลูกน้องคนไหนตัดสายเบรก สืบให้ได้ด้วย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่13 29/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 29-07-2017 19:27:04
พี่ลมออกไปที่โรงงานทันทีที่ได้ข่าวยังไม่ทันที่จะกินข้าวด้วยซ้ำ เขารีบเดินขึ้นไปเคาะประตูห้องพี่ไม้ พี่ไม้ที่เปิดประตูออกมาในสภาพที่เสื้อผ้ายังเหมือนเมื่อคืน
   “พี่ไม้ละอองพึ่งมาบอกว่าที่โรงงานไฟไหม้”
   “เหี้ย!!!พี่จะรีบไป” พี่ไม้ที่ส่างเมาทันทีที่ได้ยินข่าว
   “พี่ลมไปดูแล้ว ผมขึ้นมาเรียกพี่ไม้”
   “ได้ๆเดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อน” พี่ไม้เดินกลับเข้าห้อง ก่อนที่จะไปถีบคนที่ยังนอนบนเตียง
   “อ่า...งั้นเดี๋ยวผมไปปลุกน้ำก่อนนะครับ” เขารีบหนีก่อนดีกว่าก็เพราะตอนนี้เหมือนพี่ไม้จะโดนพี่นัทแกล้งซะแล้ว ผมรีบหันหลังก่อนที่จะเปิดเข้าไปในห้องน้ำ
   “ตื่นได้แล้วครับลูกหมูรีบแต่งตัวนะครับพี่วาจะพาไปหาพ่อครับคนเก่ง”  น้ำรีบงัวเงียตื่นแล้วรีบลงจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ผมรีบไปเตรียมข้าวใส่ปิ่นโตเพราะผมก็เป็นห่วงที่โรงงานเหมือนกันถึงจะไม่เคยไปแต่ที่นั่นก็เป็นอีกรายรับอีกทางที่ทำผลกำไร ให้ไร่สายลมเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนงานหลายร้อยคน
   “ไปกันเถอะวา” พี่ไม้ที่แต่งตัวลวกกับลูกหมูวิ่งลงมาเขารีบหิ้วปิ่นโตพร้อมกับแก้วกันความร้อนที่ชงกาแฟไว้เต็ม
   “มาครับพี่วาอุ้ม” ผมอุ้มน้ำที่ยังงัวเงีย รีบเดินขึ้นรถที่พี่ไม้ขับมาจอดรออยู่แล้ว พอนั่งเรียบร้อยรถกระบะก็วิ่งออกจากไร่ด้วยความเร็ว ยังดีที่เขาสั่งงานละอองไว้แล้ว ส่วนบ้านพี่นัทคงจะดูให้ โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าพี่นัทมีภารกิจสำคัญอยู่แล้ว นั่งไม่นานเราก็พากันมาถึงโรงงาน ซึ่งไม่ถือว่าใหญ่แต่ก็เป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานและตอนนี้กำลังจะขยายให้เป็นโรงงานขนาดกลางที่รองรับเครื่องมือและคนงานเพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้ดันมีเรื่องราวซะก่อน
   “พี่ลมเป็นยังไงบ้างครับ” ผมรีบเดินเข้าไปหาคนตัวโตที่ทำหน้าเครียด
   “วา ก็เยอะอยู่” พี่ลมว่าก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ มือเล็กแตะเบาๆที่ต้นแขนแกร่ง
   “ไม่เป็นไรนะครับพี่ลมเดี๋ยวมันก็จะดีขึ้น”
   “พ่อลมมมม โอ๋ๆน้า” น้ำที่ไม่รู้เรื่องแต่เห็นพี่วาของเขาปลอบ เขาก็อยากปลอบพ่อลมบ้าง
   “ไอ้ลูกหมู” พี่ลมก้มลงอุ้มน้ำขึ้นก่อนที่จะฟัดแก้มยุ้ยจนแดงเป็นริ้วๆ
   “ฮ่าๆๆ น้ำจักกะจี้ พี่วา ช่วยน้ำโด้ยยย” ผมได้แต่ยืนมือไปรับน้ำที่พยายามดิ้นมาทางผม พี่ไม้ที่เดินเข้าไปหากลุ่มคนงานตั้งแต่มาถึงพึ่งเดินมา
   “แม่งไม่ได้เรื่องเลยพี่ พวกคนงานมันไม่เห็นอะไรเลย” พี่ไม้พูดอย่างหัวเสีย
   “ไม่ต้องห่วงงานนี้กูเล่นหนักแน่” ดวงตาคมเปล่งประกายจ้าก่อนที่จะหันมาแท็คทีมกับพี่ไม้มาแกล้งน้ำที่ยิ่งถูกแกล้งยิ่งหัวเราะแต่ก็กอดคอผมแน่น จะหายใจไม่ออกแล้วนะ
   “หึๆ เห็นว่าโรงงานพ่อเลี้ยงไฟไหม้แต่ก็คงไม่เป็นอะไรมาสินะถึงยังได้ยิ้มได้” ทุกคนชะงักบรรยากาศดีๆเมื่อครู่หายวับไป ทันที่ที่ร่างท้วมของอีกคนเดินเข้ามา
   “ไม่คิดว่าคนอย่างมึงจะมีเวลาว่างมากถึงได้มาถึงที่นี่” พี่ลมก้าวออกมายืนอยู่หน้าผม 
   “ก็คนในครอบครัว ก็เลยเป็นห่วงเลยจะแวะมาดู”
   “เหอะ กูไม่เคยนับมึงเป็นครอบครัว อย่ามาพูดให้เป็นเสนียดแถวนี้”
   “มึงไอ้ลม หึ นั่นมันหลานกูไม่ใช่เหรอ” ร่างท้วมที่ขยับเดินเข้ามาพี่ลมกางแขนกั้น ส่วนผมก็กอดน้ำแน่น และน้ำก็เหมือนจะเข้าใจรีบกอดคอผมแน่น
   “อย่าคิดแม้แต่จะแตะลูกกูแม้แต่ปลายเล็บ เรื่องเลวๆที่มึงทำกูจะไม่ปล่อยให้มึงล้ำเส้นกูอีกต่อไป วาพาลูกขึ้นรถ” พี่ลมหันมาบอกผมนิ่งๆ ได้แต่พยักหน้าแล้วอุ้มน้ำไปขึ้นรถ และผมก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นพี่ลมกับพี่ไม้คุยอะไรกันกับเสี่ยปานอีก ซักพักเสี่ยก็กลับด้วยท่าทางฉุนเฉียว ส่วนพี่ไม้กับพี่ลมคุยกันอีกสองสามคำพี่ลมก็เดินมาที่รถ
   “เป็นไงบ้างครับ”
   “ใครอ่ะพ่อลม” ลูกหมูที่นั่งเคี้ยวแซนวิชตุ้ยๆ ถามทั้งๆที่แก้มยังป่องด้วยแซนวิช
   “อยากรู้เกินไปแล้วไอ้ลูกหมู ก็ไม่มีอะไรแล้ว วา...พี่อยากให้วาอยู่แต่บ้าน แค่สองสามวันนี้ พี่จะรีบจัดการให้เร็วที่สุด” แค่อยู่กับบ้านไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่เขาห่างคนที่ทำหน้าเครียดอยู่ต่างหาก
   “อย่าทำอะไรให้ตัวเองต้องเจ็บตัวนะพี่ลม”
   “ไม่ต้องบอกพี่เลยเรานะเจ็บตัวก่อนพี่อีก พ่อกินด้วยสิไอ้ลูกหมู” แหย่ผมเสร็จยังไม่วายที่จะแหย่ลูกก็รู้ๆอยู่น้ำกับของกิน แย่งได้ซะที่ไหน
   “ม่ายยยนี่ของน้ำ ในเป๋านั่นก็ของน้ำ” อยากจะบีบแก้มที่ป่องเหมือนกระรอกจริงๆ หวงจริงๆนะของกินเนี้ย
   “ไอ้หมูน้อยเอ๊ย อีกหน่อยก็กลิ้งเล่นในไร่เลยล่ะกัน” ถึงพี่ลมจะพูดแบบนั้นแต่ก็เหมือนจะดีใจที่น้ำกินเยอะนะ
   “พี่ไม้เดี๋ยวครับ” ผมเรียกพี่ไม้ที่กำลังจะเดินเข้าโรงงาน
   “อะไรเหรอวา”
   “กาแฟครับกับแซนวิช” ผมส่งแก้วกาแฟกับแซนวิชที่เก็บไว้ต่างหากให้พี่ไม้
   “ขอบใจนะ น่ารักจริงๆเล้ยย”  พี่ไม้ว่าพร้อมกับยกมือมาบีบแก้มผมเบา
   “ไอ้ไม้ปล่อยมือมึงนะ”
   “ปล่อยก็ได้” ฟอด อ่ะ ไม่เพียงแต่ผมที่ตกใจเมื่อพี่ไม้ก้มลงหอมแก้มก่อนที่จะรีบวิ่งหนี พอหันไปมองพี่ลมที่ตอนนี้อ้าปากค้างตัวแข็งไปแล้ว จนผมและน้ำแอบขำอยู่นานสองนานกว่าพี่ลมจะได้สติมาโวยวาย
   “วาทำไมให้ไอ้ไม้หอมแก้มห๊ะ”
   ฟอด ฟอด จุ๊บ
   “ฮ่าๆๆพ่อลมไม่ต้องอิจฉา น้ำก็หอมเหมือนกัน” น้ำที่คิดว่าที่พ่อโวยวายเพราะอิจฉาอาไม้ เลยเอาคืนพ่อด้วยการหอมแก้มพี่วา
   “ไอ้ลูกหมู หืย ไม่ต้องขำวา อย่าให้ถึงทีพี่ ถ้าพี่เอาจริงแล้ววาจะรู้สึก” สายตาคมที่สื่อความหมายออกมา ทำให้เขาต้องเสหลบสายตา ก่อนที่จะยืนปิ่นโตให้
   “พี่ลมจะกินข้าวเลยไหม พี่คงจะอยู่ที่เคลียที่นี่กันพี่ไม้”
   “ไม่หรอกพี่จะกลับไร่เดี๋ยวค่อยกลับไปกินที่ไร่ นั่งดีๆไอ้ลูกหมู” พี่ลมบอกน้ำที่ยังนั่งกินไม่สนใจอะไรจนน้ำต้องลุกขึ้นมานั่งที่เบาะดีๆ พี่ลมถึงขับรถกลับไร่

   “ไอ้นัทกูจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” ลมที่ตอนนี้กำลังเดินตรวจไร่องุ่นโดยมีนัทเดินตามมา ส่วนวาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน  วาดูแลไร่ได้ดีจริงๆ ลมคิดเมื่อตอนนี้องุ่นเริ่มแทงยอดอวบ ท่าทางจะได้รับการบำรุงดูแลดี
   “ผมรู้พี่ลมแต่ว่าหลักฐานตอนนี้มันยังมีช่องโหว่อยู่ เดี๋ยวมันก็ดิ้นหนีไปได้” นัทพูดอย่างหนักใจ
   “กูไม่ปล่อยให้มันรอดหรอกเดี๋ยวหลักฐานก็จะถึงมือมึงเอง และกูมีตัวช่วย” นัททำหน้างง เอาเหอะระดับพ่อเลี้ยงไม่ปล่อยคนที่ระรานรอดหรอก
   “เอาเหอะ ผมจะรอ ได้ข่าวว่าตอนนี้มันกำลังดิ้นเลยนิ”
   “ใช่ กูว่าที่มันลงมือแบบนี้เพราะบ่อนทางพม่า” ทำไมลมจะไม่รู้ว่าเสี่ยปานติดการพนัน แต่ก่อนที่เขาปล่อย อาจจะใช่ที่เหตุผลหนึ่งคือเป็นพ่อของปลา แต่หลักๆเขาคิดว่าไอ้เสี่ยนี่ไม่ได้มีน้ำยามากถึงขนาดเล่นงานเขาได้ แต่เขาก็ประมาทเกินไป หมาจนตรอกมันทำได้ทุกอย่างจริงๆ ถึงได้ทำทุกทาง แถมยังยอมแลกทุ่มทุนทุกอย่างที่มี น่าสมเพศ
   “พี่ลมนี่นะรู้ขนาดนี้แล้วยังปล่อยให้มันเล่นอยู่ได้”
   “ก็นะ กูผิดเองล่ะตอนนี้คงปล่อยไว้ไม่ได้ กูมีคนให้ห่วงเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว”
   “นี่จริงจัง”
   “เออเหลือแต่ไปขอกับพี่ชายวานั่นล่ะ”เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาคิดหนักกว่าการที่จะจัดการเสี่ยปานเสียอีก
   “เหอะๆ งั้นผมไปก่อนนะพี่”
   “เออจะไปไหนก็ไป” เขาโบกมือไล่โดยไม่สนใจสายตาค่อนแคะของมันเลยซักนิด  เขายังคงเดินสำรวจไร่องุ่นต่อ

   “พี่วา น้ำไม่เข้าใจ”
   “ตรงไหนเหรอครับ” ผมที่ถือจานผลไม้เดินไปหาน้ำที่นั่งทำการบ้านอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวี ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ
   “อ้อ ตรงนี้น้องน้ำต้องบวกข้างหลังก่อนครับ” เขาชี้จุดที่น้ำไม่เข้าใจ น้ำเป็นเด็กเรียนรู้เร็วตอนนี้สามารถบวกเลขในใจได้แล้ว การบ้านทุกอย่างก็ทำเอง ไม่เข้าใจถึงขอความช่วยเหลือ ผมนั่งดูน้ำทำการบ้านไป สลับกับที่ผมเตรียมผักสำหรับทำอาหารเย็น
   เอี๊ยดดดดดดดดดดด 
   เสียงบดของล้อยางดังลั่น ทั้งผมและน้ำต่างสะดุ้ง
   ปัง
   “ฉันมาหาลม” เสียงแว๊ดๆเป็นเอกลักษณ์ของร่างระหงที่ก้าวเข้ามาในบ้าน
   “พี่ลมไม่อยู่ครับ” ผมกระซิบบอกน้ำ น้ำพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินขึ้นห้องตัวเองก่อนที่ลุกขึ้นไปคุยด้วยเพราะเห็นท่าทางหาเรื่องของอีกฝ่ายแล้ว คงไม่แคล้วที่จะมาหาเรื่องเขาแน่ๆ
   “หึ แกมาอยู่อะไรที่นี่ คิดจะมาเกาะลมเหรอ แกต้องการเท่าไหร่”
   “หมายถึงอะไรครับ”
   “โง่” สายตาหยามเหยียดนั่นไม่ได้ทำให้ผมโมโหอะไร เพียงแต่ผมรู้สึกสงสาร สงสารคนๆนี้ที่ยังยึดติด
   “แกต้องการเงินเท่าไหร่ถึงจะออกไปจากชีวิตพี่ลม”
   “พี่ลมไม่มีค่าเท่ากับเศษเงินพวกนั้นหรอกนะครับ ผมว่าคุณปรุงกลับไปดีกว่านะครับตอนนี้พี่ลมไม่อยู่”
   “แกเป็นใครมีสิทธิอะไรมาไล่ฉัน แกคงไม่รู้สินะ ฉันเป็นน้องสาวของปลา อ้อแกคงจะแปลกใจว่าปลาคือใคร ปลาคือแม่ของน้ำ ตอนนี้นังนั่นทิ้งพี่ลมไปฉันควรจะเป็นคนที่เข้ามาเป็นนายหญิงของไร่สายลม” หญิงสาวพูดอย่างเพ้อฝัน เธอเกิดมาเป็นลูกสาวคนเล็กที่ถูกทุกคนรอบตัวกล่าวชมทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำ ถึงแม้สิ่งที่เธอทำจะผิด แต่เมื่อทุกคนรอบตัวชื่นชม นั่นคือสิ่งที่ถูก เมื่อโตขึ้นมา เธอถูกห้อมล้อมไปด้วยคนที่เห็นด้วยกับเธอ หมุนรอบตัวเธอ ใครที่ไม่เห็นด้วยจะถูกมองเป็นแกะดำ และถูกโจมตี นั่นยิ่งให้เธอมั่นใจในการกระทำของตัวเองว่าถูก
   ตอนที่พี่สาวของเธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่ชื่อลม ตอนแรกเธอได้แต่เหยียดหยามว่าพี่สาวเหลวแหลกของเธอไปคว้าผู้ชายระดับไหนมาเป็นสามี แต่เมื่อเธอได้เจอลม เธอกลับตกหลุมรักผู้ชายคนนั้น เธอเคยพร่ำขอกับบิดาว่าเธออยากแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอถูกขัดใจ  แต่เธอรู้ดี รู้ดีว่าทั้งสองคนนั่นไม่ได้รักกัน ลมรักเธอ  เขาคอยสบตากับเธอเสมอ ดังนั้นเธอต้องจะต้องได้เคียงคู่กับเขา หลังจากที่เด็กนั่นคลอดออกมาแล้วพี่สาวของเธอหายตัวไป ตอนนั้นบิดาหัวเสียมาก ในตอนนั้นเธอคิดว่าเป็นโอกาสของเธอ แถมบิดายังคอยสนับสนุน นั่นยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าเธอจะต้องได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้แน่
   จนกระทั่ง ........ไอ้ผู้ชายคนนี้มา ผู้ชายที่ทำให้ลมวิปริต ทำให้คนรักของเธอเปลี่ยนไป ดังนั้นเธอต้องกำจัดหมอนี่
   “ฉันเคยเตือนแกแล้ว แต่แกก็ยังดื้อด้านกลับมา” เรียวปากแดงเสยะยิ้มบิดเบี้ยว วาเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อคนตรงหน้าเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นั่นทำให้วาระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม
   “หมายความว่ายังไงครับคุณปรุง ในเมื่อผมกับคุณแทบไม่ได้คุยกัน คุณเตือนผมตอนไหนกัน”
   “เหอะ แกน่าจะตายๆไปตั้งแต่รถคว่ำ แต่แกก็หนังเหนียว” ผมได้แต่ตกใจเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนบงการ ผู้หญิงคนนี้ทัศนคติผิดเพี้ยนไปแล้ว
   “ผมคงคิดโง่ๆจริงๆ คุณปรุงนั่นก่อนดีไหมครับ ค่อยๆคุยรายละเอียดกัน” ผมพยายามที่จะคล้อยตามเพื่อไม่ให้อีกคนสติแตก
   “หึ” ขาเรียวก้าวไปยังโซฟา ก่อนที่จะมองกองหนังสือมือสวยปัดทิ้ง ผมนั่งลงตรงข้ามก่อนที่จะเก็บอุปกรณ์ทำครัวให้พ้นมือ คุณปรุงพูดเล่าเรื่องราวความรักของตัวเองก่อนที่จะเข้าเรื่องการจ้างให้เขาออกจากชีวิตพี่ลม แต่ก่อนที่ผมจะเออออ
   “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ทางที่ดีอกควรหายไปจากพี่ลมตลอดกาล” ให้ตายเถอะผู้หญิงคนนี้สติหลุดไปแล้วจริงๆ
   “คุณปรุงใจเย็นๆก่อนนะครับ”
   “หึๆ” เมื่อเห็นท่าไม่ดีเขารีบลุกขึ้นแต่ก็เหมือนจะช้ากว่าคนที่สติหลุดไปแล้ว เล็บยาวจิกเข้าที่แขนขาวเป็นรอยยาว
   “โอ๊ย” ผมจับมือคุณปรุงออก ก่อนที่จะกุมไว้แน่น
   “ได้สติซะทีเถอะคุณปรุง” ผมตะโกนอย่างเหลืออด แต่เหมือนจะเป็นการกระตุ้นอีกคนให้พุ่งเข้ามาทำร้าย แต่เขาก็จับมืออีกคนไว้แน่นยังไงซะแรงผู้หญิงก็ยังน้อยกว่าแรงผู้ชายอย่างผม แต่ผมก็โต้กลับไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้หญิง
   “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” ในที่สุดความช่วยเหรอที่เขาตามมาก็มาถึง
   ลมรีบกลับมาทันทีที่เจ้าลูกหมูโทรไปรายงาน แต่กว่าที่จะมาถึงเขาก็เห็นผู้หญิงน่ารำคาญนั่นยื้อยุดกับวา เขารีบเดินไปกระชากแขนคนที่คล่อมวาจนตัวปลิวกระแทรกโซฟา
   “โอ๊ยย” เสียหวีดร้องไม่ได้เรียกความสนใจของผมได้ เขาพุ่งไปดูร่างบางที่กำลังลุกขึ้น ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นเมื่อเห็นรอยแดงรอยถลอกที่แขนขาว
   “พาผู้หญิงไร้สติไปส่งโรงพัก”
   “ครับนาย” ละอองรีบรับคำก่อนที่จะล็อกแขนสองข้างดึงตัวออกไป
   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แกอย่ามาแตะตัวฉันนะ ลมคุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ”
   “หุบปากแล้วออกไปจากบ้านฉันซะ” ละอองได้ยินแบบนี้ก็รู้แล้วว่านายตัวเองโมโหแล้ว รีบลากคนออกไป สงสัยงานนี้เขาจะต้องเบิกเงินแน่ๆเพราะหูเขาใกล้บอดแล้ว
   “เป็นไงบ้าง”
   “ไม่เป็นไรครับพี่ลม”
   “พี่วา ฮือออออ” ยังไม่ทันที่วาจะตอบอะไรร่างตุ้ยนุ้ยก็พุ่งเข้ามาหา ได้แต่กอดปลอบน้ำที่น้ำตานอง คงจะกลัวสินะ
   “ยืนแขนมาให้พี่ดูหน่อย” ลมบอกวาที่ตอนนี้กอดกันกลม วายืนแขนข้างที่โดนจิกมาให้เขา
   “ให้ตายเถอะพี่น่าจะมาเร็วกว่านี้”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ลม” ถึงแม้ว่าวาจะพูดอย่างนั้นแต่เขาก็ยังไม่ชอบใจเลย ความรู้สึกที่ปกป้องอีกคนไม่ได้ 
   “เดี๋ยวพี่ทำแผลให้ นี่น้อยๆหน่อยไอ้ลูกหมู” เขามองไอ้ลูกหมูที่กลายล่างจากลูกลิงตอนนี้จะกลิ้งได้อยู่แล้ว ตอนนี้กอดยังไม่พอยังอ้อนให้วาหอมแก้มอีกหลายครั้ง  คนโดนอ้อนก็ทำตามที่ขออีก เขาใส่ยาจนเรียบร้อย
   “เย็นนี้เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวเอง” พูดจบวาก็เงยหน้า ตากลมยิ่งเบิกกว้าง
   “วาไม่อยากให้ห้องครัวพังหรอกนะ” ผมล่ะชอบตอนที่วาแทนตัวว่าวาจริงๆ ได้ยินตอนคุยกับคุณโย วาอย่างนั้นวาอย่างนี้ เหมือนอ้อนเขาจริงๆ
   “ไม่พังหรอกเดี๋ยวพี่จะให้วาสอน” เอาน่าทำงานไร่มาทั้งชีวิตกะอีแค่เข้าครัวมันคงไม่พังหรอก
   “ก็ได้ครับ แต่วาโหดนะ”
   “ไม่กลัวอยู่แล้ว”
   “น้ำก็จะทำด้วยยยยย” อยากมีส่วนร่วมจริงๆนะ เขาโยกหัวทุยแรงๆหนึ่งที เอาล่ะจะยากแค่ไหนกันเชียว
   “พี่ลม หันครับไม่ใช่สับ”
   “นี่พ่อลมดูสิ น้ำยังทำได้เลย”
   “พี่ลมนั้นเกลือครับไม่ใช่น้ำตาล
   “พ่อลมนี่ไม่รู้อะไรเล้ย”
   “พี่ลม!!! คนสิครับไหม้แล้ว”
   “จะกินได้ไหมน่อ”
   โว้ยยยยยยยยยย กูขอกลืนน้ำลาย การทำอาหารแม่งโคตรยากเลยเว้ย
*************************************************************
 :katai4: ปั่นแบบแหกนรกแตกมาก
คนคนหนึ่งมีบุคลิกนิสัย เกิดจากการบ่มเพาะจากสังคม
สิ่งสำคัญคือ ครอบครัว ว่าเลี้ยงดูแบบไหนมา
เคยมีคนแบบนี้โผล่มาในชีวิต ได้แต่อ้าปากค้าง
กับอาการโลกหมุนรอบตัวเอง  :mew5:
เอาล่ะพร้ำเพ้อเกินไปแล้วฮ่าๆๆ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
เข้ามาเม้นต์ ไปกดไลค์พูดคุยได้ที่เพจนะคะ
https://www.facebook.com/letter123.writer/ (https://www.facebook.com/letter123.writer/)
รักคนอ่านทุกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่13 27/7/2560
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-07-2017 21:05:29
เป็นนี่นะ จะแกล้งเหวี่ยงชะนีปรุงให้กระแทกขอบโต๊ะขอบประตูแรงๆ
ใครว่าก็จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่14 04/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 04-08-2017 18:26:08
   เคยมีคนเคยให้สัญญาไว้ แต่สุดท้าย คนคนนั้นกลับลืมเลือนทุกอย่างทั้งๆที่ เขาจำทุกอย่าง ช่างแม่งเหอะ  ลืมๆมันไปเถอะไอ้เรื่องสมัยขาสั้น สวัสดีครับกระผมนายไม้  เกิดมาเป็นลูกคนเล็กแต่ดันเกเรไม่ได้เพราะไอ้พี่ชายสุดที่รักมันดันเกเรไปก่อนเลยต้องเป็นลูกชายแสนดี อย่า อย่าทำหน้าอย่างนั้นครับ ผมก็เด็กผู้ชายคนหนึ่งนะครับ  ผมก็สอบติดที่มหาลัยกรุงเทพกูเป็นไทแล้วเว้ยยยยย  สี่ปี  สี่ปีที่ไร่สายลมพบเจอความเปลี่ยนแปลง  สี่ปีที่มีการสูญเสีย และการได้สมาชิกใหม่ในครอบครัว หลังเรียนจบผมก็กลับมาช่วยพี่ลมดูแลไร่  โดยที่ผมดูแลส่วนโงงานแปรรูปเล็กๆ  ที่มีโคลงการที่จะขยายให้โรงงานใหญ่ขึ้น เพื่อรับผลผลิต จากชาวสวนในจังหวัด
   “ไอ้ไม้กูจะให้มึงรับผิดชอบโรงงานไปเลยนะ”
   “พี่ ผมรู้น่าว่าพี่ขี้เกียจ”
   “เออมึงก็รู้ดี จะให้กูไปดูแลโรงงานกูว่าเจ๊ง” พี่ผมยังไงก็ยังเป็นพี่ที่เหนือความคาดหมาย ได้ตลอด จากไร่เล็กๆขยายเพิ่มขึ้นปลูกพืชหลายอย่างมากขึ้นทั้งผักและผลไม้ ส่วนที่คัดเกรดก็จะส่งไปที่ตลาด ส่วนพวกที่ตกคัดเกรดก็จะส่งเข้ามาที่โรงงานแปรรูป  งานที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากมาย ชีวิตใช้กับการทำงานที่โรงงานอาจจะวิ่งไปช่วยงานที่ไร่ แล้วก็ช่วยเลี้ยงหลานตัวอ้วน
   “ยามม้าย....” เจ้าน้ำที่ตอนนี้ได้ขวบครึ่งแต่ความฉลาดนี่เกินวัย  ดูจากที่เรียกผมสิ พูดไม่ชัดยังอุตส่าห์เรียกผมอีก
   “ไรครับลูกลิง” ได้ฉายาว่าลูกลิงก็เพราะว่าติดคน ถ้าอยู่กับใครจะติดคนนั้น วันนี้ที่โรงงานเป็นวันหยุด แต่งานที่ไร่มันไม่มีวันหยุดผมเลยดูแลหลานเอง
   “ยิว” เออ...กินเก่งจริงเว้ย ผมเดินไปครัวหยิบขนมปังกับแยมมาทา  กินกันตาย ชีวิตลูกผู้ชายครัวคือพื้นที่ห้ามเข้า  เปิดดูรายการการ์ตูนทิ้งให้น้ำดูส่วนผมก็นั่งดูบัญชี ซึ่งเป็นอะไรที่เกลียดมาก ตอนเรียนยังสอบผ่านแบบงงๆเลยเว้ย อยากจะจ้างคนมาทำบัญชีนะ แต่มีผู้หญิงมาสมัครและเรื่องหลายอย่างก็ตามมา โดยเฉพาะ เรื่องวอแวกับพี่ชายเขา พ่อม่ายลูกติดแต่ดีกรีความรวยดึงความสนใจสาวๆหลายคนแล้ว   นั่งกินขนมปังเสร็จก็พาลูกลิงขึ้นไปนอน  ผมก็นั่งงมบัญชีต่อไป ทำทุกอย่างได้ยกเว้นบัญชี
   เอี๊ยด 
   เสียงรถที่ไม่คุ้นเคยนั่นทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร
   “พี่ล๊มมมมมมมม” เสียงตะโกนเรียกหาพี่ชายที่ฟังดูคุ้นหู แต่เขาก็เดินออกไปเปิดประตู
   นัท......
   “พี่ลมอยู่ในไร่” ปัง บอกจบเค้าก็ปิดประตูทันที ตั้งแต่ที่เขากลับมา เขาก็แทบจะไม่คุยกับเพื่อนสมัยเด็กอีกเลย  แม้จะบอกว่าเขาไม่แคร์แต่เขาก็ยังไม่พร้อม
“เฮ้ ไม้ใช่ไหม ตั้งแต่กลับมาทำไมไม่ได้คุยกันเลยวะ”  จะเอาห่าอะไรมาคุยวะ กูไม่อยากคุยกับมึงเว้ย อยากจะตะโกนออกไปนะ แต่เขาเลือกที่จะหอบของเดินขึ้นไปห้องนอนน้ำ เลือกไม่สนใจ เอาน่าถึงจะอยู่จังหวัดเดียวกัน ถึงจะรู้จักกันตั้งแต่เด็ก แค่การหลบหน้าคนๆหนึ่งทำไมจะทำไม่ได้   
แต่เขาคิดผิด!!!!!!!!!!!
   “ไม้ไปกินข้าวกัน”
   “..............”
   “นี่มันพักเที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ กูมีเวลาว่างอีกชั่วโมง เดี่ยวต้องกลับไปขึ้นเวร” ผมกรอกตามองบนใครจะคิดว่าหลังจากที่เขาเปิดประตูไปเจอหน้ามัน มันก็เล่นเสนอหน้ามาให้เห็นทุกเที่ยง ทุกวัน
   “ไม่ว่าง” ผมบอกก่อนที่จะปิดประตูห้องทำงานแล้วล็อคแน่นหนา จะมาวุ่นวายอะไรกับกูหนักหนาวะ  อีกชั่วโมงมันก็คงจะกลับไปเอง 
   แม้มือจะเปิดแฟ้ม แต่ดวงตากลับเหม่อลอย มันเป็นความผิดของเขาเอง ที่หลงละเมอกับความรักแรกกับคำสัญญาที่อีกฝ่ายไม่คิดจริงจังเพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงเพื่อนสมัยเด็กของเขา
   ‘ไม้ มึงว่ากูจะมีแฟนไหมวะ”   
   ‘หน้าตาอย่างมึงไม่น่าจะยาก’
   ‘แต่ถ้าจะให้ครบกับพวกผู้หญิงกูคบกับมึงดีกว่าวะ แม่งอยู่ด้วยแล้วสบายใจชิบหาย”
   ‘มั่วแล้วมึง’
\   ‘เอางี้ไหม ถ้าจบม.หก เอาวันที่จบนะเว้ย มึงยังไม่มีแฟนกูจะเป็นแฟนกับมึง’ พอคิดย้อนถึงตรงนี้ เรียวปากบางยกยิ้ม เมื่อนึกถึงความสุขเมื่อตอนนั้น แต่มันก็เหมือนลมปากช่างเถอะ ถึงแม้จะผิดหวังแต่ท้ายที่สุดหัวใจเขาก็เลือกที่จะรักคนคนนี้แม้แต่ตอนที่เขาเลือกที่จะลองคบใคร แต่หัวใจเขาก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง  ได้แต่ยินยอมที่จะยอมผิดหวัง  แต่จะให้เขากลับไปเป็นเพื่อนมัน ตอนนี้เขายังเป็นให้ไม่ได้จริงๆ ปิดโรงงาน แวะทักทายยามกะเย็นก่อนที่จะขับรถกลับ เขาแวะตลาดเพื่อที่จะชื้อของสดเข้าไปไว้ในตู้ แต่เย็นวันนี้คงต้องกินแกงถุงไปก่อน 
   “พี่นัท ร้านนี้น่าอร่อยมาก ทานร้านนี้กัน” เพียงได้ยินชื่อเขาก็หันมองหา ก็เห็นเพียงร่างสูงของอีกคนที่ถูกหญิงสาวเดินควงแขนเข้าร้านอาหาร  เขาควรพอแล้วจริงๆ  รีบสั่งรีบจ่ายก่อนที่จะรีบขึ้นรถบึ่งกลับบ้าน บางทีเขาก็คิดว่าตัวเองโง่เง่า หัวใจดื้อรั้น จนรู้สึกเกลียดใจตัวเอง
   “กินข้าวกันพี่ ไอ้ลูกลิงเลิกดูได้แล้ว”  ผมเรียกสองคนที่ยังเล่นกันอยู่ให้มากินข้าว ซึ่งกว่าจะย้ายก้นกันมาได้  ก่อนที่จะลงมือกินข้าวกันได้ซักที บางทีเขาควรที่จะโฟกัสกับสิ่งที่เหลืออยู่ ..............เลิกเพ้อฝันแบบเด็กๆได้แล้ว
   “ไม้ไปกินข้าวเที่ยงกัน”  หลายวันถัดมานัทก็กลับมาหลังจากที่หายไปหลายวัน พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
   “ที่ไหนวะ” ผมกองงานไว้ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าตัง และโทรศัพท์ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอหน้างงๆของมัน
   “ไม่ไปเหรอ กูต้องรีบกลับมาดูโรงงาน” ผมยกคิ้วสงสัย ก่อนที่มันจะเลิกเอ๋อแล้วเดินพาไปที่รถ พาผมไปกินขนมจีนน้ำเงี้ยว เออเอางี้เหรอ  ระหว่างที่กิน ก็ไม่มีการพูดคุยใดๆ ก่อนที่มันจะมาส่งผมที่โรงงาน หลังจากนั้นก็มาชวนผมกินข้าวบ้างบางครั้ง บางวันผมก็ไม่ว่าง หรือมันไม่ว่าง  และมันก็ไปช่วยราชการที่อื่น หัวใจผมก็เหมือนจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
   “นี่ผู้ช่วยใหม่ ชื่อวา” การที่ได้วามาอยู่ในครอบครัวทำให้ชีวิตจืดชืดของพี่ชายเขามีความสุขมากขึ้น น้ำก็มีความสุข ส่วนผมก็มีอาหารดีๆกิน แถมยังอร่อยมาก ไม่ต้องพึ่งอาหารถุงแล้ว แถมยังบัญชีที่มั่วชั่วของผมยังได้น้องวาช่วยดูแล พ่อพระมาโปรดชัดๆ
   “วาพี่ไปนอนโรงงานนะ” ผมตะโกนบอกคนที่นั่งเล่นกับไอ้ลูกลิงที่ติดวาเป็นตังเม วาร้องบอก ช่วงนี้โรงงานกำลังจะขยายเพื่อติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่เพื่อรองรับการผลิต  และพี่ชายตัวดีเขาก็เตือนเรื่องเสี่ยป่าน เอาเหอะ เขาคงต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นอีก ถึงจะระวังแต่ยังโดนลอบกัดยังดีเป็นแค่กองไม้ มันก็แค่เตือน
   แต่ที่คิดไม่ถึงคือน้องวาโดนหางเลขไปด้วย ผมรีบไปรับไอ้ลูกลิงทันทีที่พี่ลมโทรมาบอก
   “อาไม้ พี่วาเป็นอะไร” ผมไม่ตอบแต่ลูบหัวทุยก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปที่โรงพยาบาล ยังดีที่น้องไม่เป็นอะไรมาก เขาเทียวไปเทียวมาระหว่างโรงพยาบาลกับโรงงานและยังต้องรับส่งน้ำอีก เหมือนหลายสิงหลายอย่างวุ่นวายจนเขาไม่ทันรู้ว่าใครอีกคนมันย้ายกลับมาแล้ว จนกระทั่งมีสายเรียกเข้าของเบอร์ไม่คุ้น
   “ครับ”
   “(ไม้ฝากบอกพี่ลมหน่อยนะว่าเรื่องคดีนะ กำลังตรวจสอบอยู่)” ว่าแล้วที่ตาขวาเขากระตุกทั้งวันต้องมีเรื่อง
   “บอกเองสิวะกูไม่ว่างแค่นี้ล่ะ” ถึงจะว่าอย่างนั้นอีกคนก็ยังโทรมาบอกผ่านเขา พอไปโวยวายกับไอ้พี่ตัวดี มันก็ทำตัวไม่รู้เรื่อง  ให้ตายเหอะ ได้แต่หนีมาอยู่โรงงาน
   “ซ่า”
   “เชี่ย!!!” เปียกให้ตายเหอะ ทั้งหัวเขานี่เปียกหมดแล้ว ก็ไอ้ลูกน้องตัวดีสาดน้ำมาเต็ม แต่ก็โทษมันไม่ได้ เขาสั่งทำความสะอาดโรงงาน แต่ดันมายืนผิดที่เอง หลังจากที่มันขอโทษขอโพย เขาก็ได้แต่เดินหัวเปียกไปทำงานในห้อง
   แค่ก
   กูป่วยจ้า สาดดดดด  วาขึ้นมาเคาะห้อง เขาได้แต่พูดเสียงแหบก่อนที่วาจะยกข้าวขึ้นมาให้ ใช่สิไม่ใช่ไอ้พี่ลมนิ ง่อยแดกแล้วพาล ไอ้พี่ตัวดีก็ขึ้นมาดู ก่อนที่จะพาวาไปด้วย อ่าว กูป่วยนะเห้ยยยยยยยย ไอ้แต่นอนปวดหัวเจ็บคอ มุดตัวอยู่ในผ้าห่ม
   เย็น
   ความเย็นทำให้เขาต้องลมตาขึ้นก็เห็นคนที่ไม่ควรมาอยู๋ในห้องเขากำลังใช้ผ้าเช็ดแขนเขาอยู่
   “ไง ดีขึ้นรึเปล่า”
   “มาได้ไง” เสียงที่เปล่งออกมาแทบจะไม่มีแรง
   “มาหาพี่ลมเลยรู้ว่าไม่สบายเลยขึ้นมาดูแลให้” ตอนเขาป่วยคนที่ไม่อยากให้มาเจอที่สุดก็คนคนนี้นั่นล่ะ   เช็ดตัวเสร็จอีกคนก็ยกถ้วยโจ๊กใส่ขิงมาให้
   “เดี๋ยวกูกินเอง มึงไปเถอะกูดีขึ้นแล้ว” เขายืนมือไปรับแต่อีกคนกลับถือไว้แล้วนั่งลงตักโจ๊กก่อนที่จะยืนมาใส่ปากเขา จะป้อนเหรอ
   “กูจะกินเอง”
   “กูจะป้อน อ้าปาก”
   “ออกไป เดี๋ยวนี้” ยิ่งอาการปวดหัวรุมเร้ายิ่งทำให้เขาไม่อยากให้อีกคนอยู่ จนอีกฝ่ายยอมวางโจ๊กแล้วเดินออกจากห้องไป เขาลุกขึ้นกินโจ๊กกับกินยา ถึงจะกินโจ๊กได้ไม่กี่คำ เขาก็กรอกยาลงไป ไม่ชอบการป่วยเลยจริงๆ  แต่หลังจากที่อัดยาเขาก็สลบหลับไปถึงเช้า
   หนัก
   “เห้ยยยย” เขาร้องลั่นห้องก็เมื่อไอ้คนที่เขาไล่ไปเมือวานกลับนอนเอาแขนพาดคอเขาอยู่เนื้ย รีบยกแขนออกก่อนที่เขาจะถีบอีกคนลงจากเตียง
   “โอ๊ย” ผมรีบลุกจากเตียงเดินหนีเข้าห้องน้ำไม่สนใจไอ้คนที่ร้องโอดโอย เปลี่ยนเสื้อผ้าเดินออกมา มองคนที่ลูบท้องอยู่ปลายเตียงก่อนที่จะเดินหนี
   “ไม่คิดจะขอบคุณกันหน่อยเหรอ”   
   “ขอบคุณ และทีหลังไม่ต้องมาวุ่นวาย”
   “มึงเป็นอะไรของมึงวะ ตั้งแต่กูกลับมาเนี้ย คุยกันดีๆไม่ถึงสิบประโยคเลยนะเว้ย เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย”
   “...เออ โทษที เดี๋ยวกูลงไปก่อนนะ” แม่งกูเกลียดคำว่าเพื่อนเว้ยยยยยยยยยยยยยย  ลงมาอย่างหัวเสียก่อนที่จะบอกวาว่าจะไปโรงงาน ไม่อยากอยู่เจอไอ้คนบนห้องนั้นเท่าไหร่ เออ เพื่อนกูจะกลับเป็นเพื่อนมึงก็ได้ ห่าเอ้ย
   

********************************************************************************
เอาพาร์ทพี่ไม้มาลงแก้ขัด มาฝึกงานให้พนักงานใหม่ต่างจังหวัด
เหนื่อยมากกกกกกกกกก เจอโรงแรมที่ถ้าพักนานกว่านี้
เค้าคงได้เขียนเรื่องสยองขวัญ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ว่าแต่มันโอเคไหม
อ่านแล้วช่วยบอกเราด้วยน้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน รักคนเม้นต์
จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่14 04/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-08-2017 19:08:55
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่14 04/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-08-2017 19:15:16
อ้าว ไม้เองก็มีเหมือนกันเหรอ
นึกว่าแซวๆ แต่พี่ลม อิอิอิ
น่ารักจังครอบครัวนี้
 o13
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่14 04/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 04-08-2017 19:33:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่14 04/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-08-2017 20:51:15
นัท ลืมที่เคยรับปากกับไม้สินะ
น่าจะมีใครมาชอบไม้นะ
ไม้ นัท จะได้รู้ตัวว่ามันถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่14 04/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-08-2017 08:26:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) Mai x Nut 1 16/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 15-08-2017 19:51:52
หากจะถามว่าไม้ตัดใจได้รึยัง คำตอบก็คือไม่!! เพียงแต่ความเป็นจริงมันฟาดหน้าเขาซะจนต้องยอมรับว่ามันควรจะถึงทางตันแล้ว วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มันยังคงมาวอแวชวนผมไปกินข้าว หลังจากที่พี่ลมจัดการกับปรุงเล่นเอากลายเป็นข่าวใหญ่ ซุบซิบกันทั่วทั้งจังหวัด ส่วนเสี่ยปานตอนนี้ก็เงียบหายไป ซึ่งลมมันก็ไม่ได้วางใจนักได้แต่กำชับให้ผมดูแลโรงงานให้ดี ตอนนี้จ้างคนงานมาเพิ่มแถมยังมีสายตรวจมาอยู่ในโรงงาน ใครล่ะที่จัดมาถ้าไม่ใช่ไอ้นัท นั่นยิ่งทำให้มันเข้ามาวุ่นวายกับผมขึ้นเรื่อยๆ
   “ไปกินข้าวกัน”
   “กูไม่ว่าง” เงยหน้าไปตอบก่อนที่จะฝังตัวลงกองเอกสารที่ผมต้องรื้อออกมาเพราะผมต้องการให้โรงงานมีการรับรองที่ได้มาตรฐาน แต่การที่ผมบริหารงานคนเดียว นั่นทำให้บางทีเอกสารมันก็ขาดๆหาย ให้ตายเหอะ นี่กูหามาจะครึ่งวันแล้วทำไมไม่เจอวะ อ๊ากกกกูอยากจะบ้าตาย ขอยืมตัววามา ไอ้พี่ลมแม่งก็เป็นห่วง จนบอกจะมาช่วยตอนเย็นๆ มาเป็นครอบครัวพร้อมหน้ากันเลยทีเดียว
   “น่าไปกินแปบเดี๋ยวไม่หรอกเว้ย”
   “โธ่เว้ย ไม่เห็นรึไงกูยุ่งอยู่ มึงไปหาอะไรกินคนเดียวก่อนนะ” โบกมือไล่ไอ้ผู้กองที่เหมือนงานจะว่างเหลือเกิน หูได้ยินเสียงปิตประตูเบาๆคงจะหนีไปกินข้าวแล้ว  ผมยังวุ่นวายกับการลื้อแฟ้มเอกสารเพื่อต้องการหาเอกสารก่อตั้งโรงงานที่ดูเหมือนผมจะเก็บดีเกินไป จนหาไม่เจอ
   หอม
   กลิ่นหอมๆทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นจากกองแฟ้มผมก็เห็นนัทที่กำลังเทแกงใส่ถ้วยพอดี นัทหันหน้ามาพอดีที่เห็นผมทำหน้างงๆ
   “ก็มึงไม่ว่างกูเลยชื้อมาเสิร์ฟมึงไง”
   “อ่า......” บางทีเพราะมันเป็นแบบนี้ไง ผมถึงได้คิดเข้าข้างตัวเองมาตั้งแต่สมัยขาสั้นไง กูนี่โง๊โง่เนาะ
   “หิวจนเบลอรึไงวะ ลุกดิ๊” ไอ้นัทที่เห็นผมยังนั่งเอ๋ออยู่เรียกผมอีกรอบ ผมเลยลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะ นัทยืนช้อนส้อมมาให้และผมก็รู้ว่าผมหิวมาก ไม่พูดพร่ำทำเพลงผมก็ตักข้าวเข้าปากไม่พูดไม่จา อีกคนก็นั่งกินข้างๆ พยายามชวนคุยผมก็เพียงแต่ตอบคำถาม มึงจะให้กูกินก่อนไหมล่ะ
   “แล้ววันนี้มึงจะกลับกี่โมง”  ผมรีบเคี้ยวก่อนที่จะตอบไปว่าผมจะนอนนี่ ที่ห้องทำงานจะมีห้องเล็กๆอยู่ด้านหลังมีเบาะเอาไว้ซุกหัวนอนซึ่งเอาจริงๆก็แค่ไม่กี่ซั่วโมง นัทพยักหน้ารับแต่ก็ไม่พูดอะไรจนกระทั่งกินเสร็จ
   “เดี๋ยวกูเก็บเอง มึงกลับไปเข้าเวรเหอะ” ผมบอกนี่มันก็จะบ่ายแล้วมันยังไม่กลับไปอีก
   “ขอกูนั่งย่อยก่อน”
   “ถามจริง ไม่มีเพื่อนกินข้าวด้วยเหรอวะ” ผมยกถ้วยไปอีกห้องที่แบ่งสัดส่วนไว้สำหรับห้องครัวและห้องเก็บเสื้อผ้าและข้าวของบางส่วนที่เหมือนจะเป็นที่อยู่มากกว่าที่ทำงานชัดๆ
   “มีแต่อยากมากินกับมึง” ตึกตัก ให้ตายเหอะทำไมผมต้องใจเต้นรู้สึกเหมือนเด็กๆด้วยนะ
   “เหอะๆ เพื่อนไม่คบล่ะสิ”
   “เดี๋ยวเหอะ กูแค่อยากมาคุยกับมึงนี่หว่า แม่งตั้งหลายปีกว่ากูจะกลับมาแถมกลับมามึงก็เปลี่ยนไปอีก” ผมหัวเราะแห้งๆกับคำพูดของมัน เอาจริงๆมันก็แค่สัญญาเด็กๆที่มันไม่จำแค่นั้นเอง ผมเช็ดมือกับผ้าก่อนที่จะกลับไปนั่งที่กองแฟ้ม โดยมีไอ้นัทนั่งกระดิกตีนกินกาแฟเย็นมองอยู่ นี่มึงว่างอะไรขนาดนั้นวะ
   “กูไม่ได้เปลี่ยนเว้ย แต่กูไม่รู้จะคุยกับมึงยังไง”
   “ทำไมวะหรือเพราะกูหล่อขึ้น” สิ้นคำมันก็หัวเราะเมื่อผมทำหน้าจะอ้วก ไอ้ความหลงตัวเองนี่มัน...ไม่มีลดจริงๆ
   “กล้าพูดนะมึง กูเจอคนหล่อกว่ามึงอีก” ไพล่คิดถึงไปถึงเพื่อนซี้ตอนที่เรียนมหาลัย ไม่อยากจะโม้นะแต่มันเป็นเดือนเลยทีเดียว แต่จะว่าไปก็ไม่ได้ติดต่อมันนานแล้วนะ
   “แน๊ะๆ มีเหม่อ มีเหม่อ เพื่อนหรือแฟน”
   “ก็น่าจะนะ” ผมพูดทีเล่นทีจริง เอาจริงๆผมได้ทั้งหญิงและชายเพียงแต่คนที่รู้มันก็น้อย ไอ้นัทก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น มันทำหน้าตกใจ
   “เฮ้ยใครวะ แนะนำให้กูรู้จักหน่อยสิวะ”
   “กูยังไม่ได้บอกว่ามีเลยสัส กลับไปทำงานได้แล้วชวนกูคุยอยู่นี่”  ผมว่ามันนั่งสบายมองดูผมทำงาน
   “เอองั้นกูกลับล่ะ” ผมโบกมือไล่ มันเพียงหัวเราะก่อนที่จะเดินออกจากห้องทำงานผมไป แม่งดีแต่มาป่วนทั้งมาป่วนงานป่วนหัวใจกูอีก แม่ง จะด่ามันก็กระดากปาก จะคุยเหมือนตอนม.ปลายก็เหมือนผมจะจำไม่ได้แล้วว่าอดีตผมคุยเล่นกับมันยังไง
   เฮ้อ
   สมาธิ สมาธิ ทำงาน ทำงาน
   นั่งรื้อแฟ้มต่อไป เอกสารนี้สำคัญมากแต่ผมหามันไม่เจอ โว้ยยยกูเอาไว้ไหนวะ ตอนนี้ทั้งห้องเต็มไปด้วยเอกสาร เต็มไปด้วยแฟ้ม และกล่องหลายใบ ผมมัวแต่หาเอกสารและจัดเตรียมเอกสารอีก จนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้
   ก๊อกๆ
   “พี่ไม้พักก่อนดีไหมครับ” เสียงที่ชวนฟังแล้วให้ความรู้สึกสบายดังขึ้นทำให้ผมโงหัวจากการทำงาน
   “น้องวา ความหวังของพี่!!!!!!!!!!!” ผมแทบจะพุ่งเข้าไปหาวาถ้าไม่ติดไอ้พี่ชายที่อุ้มลูกทำหน้าตาเข้มอยู่ เออ หวงจริงวุ้ย
   “ฮ่าๆๆ ผมทำกับข้าวมาด้วยเดี๋ยวพี่ไม้กินก่อนนะครับนี่ก็เย็นมากแล้ว” ผมรีบปัดเนื้อปัดตัวลุกขึ้นไปรับปิ่นโตอันใหญ่ที่น้องวาหิ้วมาให้ก่อนที่จะนั่งกินตรงโต๊ะนั่นล่ะ วาบอกพี่ลมพาน้ำออกไปเล่นข้างนอกก่อนที่จะช่วยเก็บแฟ้มเข้าชั้นทีละอัน ฝีมือทำกับข้าววานี่สุดยอดเลยครับ
   “พี่ไม้หาอะไรอยู่นะครับ มันถึงได้รกแบบนี้ล่ะครับ” วาบ่นผมพร้อมกับเก็บแฟ้มที่กระจายไปทั่วห้อง ผมขำเมื่อวาทำหน้ารับไม่ได้กับการทำงานของผม
   “อ่า พี่หาตัวขอจัดตั้งโครงการกับตัวผ่านการรับรองเมื่อปีที่แล้วนะ” ผมนั่งนึกเมื่อมันเหลืออยู่แค่สองอย่างที่ผมหาอยู่ เท่าที่นึกออกตอนนี้ล่ะนะ
   “ก็พี่ไม้เก็บไม่เป็นระเบียบนิครับ แต่ล่ะแฟ้มพี่ไม้เอามาปนกันหมดเลย แถมบางอันยังมีใบเสร็จอีก พี่ไม้..” เสียงอ่อนอกอ่อนใจของวาทำให้ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ก็วาพูดถูกเมื่อการทำงานของผมมันก็ออกจะไม่เป็นระเบียบนิดหน่อย เออ.......ยมมรับก็ได้ วาจัดของให้ผมเป็นระเบียบด้วยความรวดเร็ว และวาก็เอาเอกสารที่ผมหามาหลายชั่วโมงขึ้นมา ให้ตายเหอะ ให้วามาทำงานกับผมได้ไหม อยากจะจ้างผู้ช่วยนะ แต่ก็ไม่มีใครทำงานได้นานซักที
   “ขอบคุณมากนะน้องวา”  วาได้แต่ส่ายหัวเมื่อผมส่งยิ้มอ้อนๆไปให้ เป็นอย่างนี้ทุกที พอผมอ้อนวาจะขำตลอด ผมผิดตรงไหนกันวาใช้เวลาไม่นานก็เก็บเสร็จเรียบร้อย เอกสารที่ต้องเตรียมก็ถูกจัดไว้บนโต๊ะเรียบร้อยเสร็จก่อนที่ผมจะกินเสร็จซะอีก
   “เสร็จแล้ววันนี้พี่ไม้ไม่กลับบ้านเหรอครับ” วาวางแฟ้มก่อนที่จะหันมาถามผม
   “ไม่ล่ะพี่ว่าจะนอนเฝ้าโรงงาน”
   “น้ำบ่นแล้วนะครับว่าอาไม้ไม่ยอมกลับบ้าน” ผมนี่ขำลั่นห้อง ไอ้ลูกหมูมันไม่มีคนเล่นด้วยซะมากกว่ามั้งถึงได้บ่นนะ  ผมปิดปิ่นโตก่อนที่พี่ลมจะขึ้นมาตามวา
   “อาไม้ น้ำโกรธอาไม้แล้ว” ไอ้ลูกหมูสะบัดอยู่บนบ่าพ่อซะจนผมกลัวว่าคอหลานจะเคล็ด
   “อ่าวโกรธอาไมอ่ะ” ผมเดินเข้าไปหาพร้อมกับหยิกแก้มยุ้ยแรงๆหนึ่งทีก่อนที่ผมจะหอมแก้ม
   “อาไม้ไม่กลับไปเล่นกับผมเลย”
   “อาไม้วุ่นอยู่นะครับ สัญญาอีกสาม ไม่สิอีกสองวันอาจะกลับไปนะครับคนเก่ง” น้ำทำหน้ามุ้ยก่อนที่จะหยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะหอมแก้มผมทั้งสองข้าง เอาจริงๆน้ำก็ติดผมมากกว่าพี่ลม เพราะผมพาหลานไปเที่ยวกับดูแลตั้งแต่เด็ก หลานเลยเกิดอาการงอน ครอบครัวสุขสันต์ก็กลับไปก่อนไปไอ้พี่ลมยังบอกว่าให้เพลาๆงานลงบ้าง พอบอกว่าให้วามาช่วยงานมันก็บอกให้ผมนอนเน่าอยู่โรงงานนิล่ะ โหดร้ายจริงๆ  ผมปิดประตูห้องทำงานก่อนที่จะหยิบไฟฉายเดินดูรอบๆโรงงาน
   “อ่าวนาย” พวกคนงานกะดึกที่มาเฝ้ายาม ทักขึ้นเมื่อเดินมาเจอกันที่หลังโรงงาน
   “ไง ฝั่งนั้นเป็นไงบ้าง” ผมถามถึงอีกฝั่งที่พวกคนงานเดินลาดตะเวน
   “ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ ว่าแต่นายไม่กลับบ้านอีกแล้วเหรอครับ” 
   “ไม่ล่ะ งานฉันเยอะเกิน” พอผมบอกไอ้สองคนนั่นก็หัวเราะ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป ผมเดินวนรอบโรงงานรอบหนึ่งก่อนที่จะกลับมาที่ห้องของตัวเอง ปิดม่านลงแต่ไม่ได้ล็อคประตูเพราะตอนนี้ทั่งข้างบนก็มีเพียงผมอยู่แล้ว ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องนอน หยิบชุดกับผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จคงจะต้องนั่งทำงานอีกหน่อย
   ซ่า
   อ่างน้ำอุ่นที่ผมลงทุนขยายห้องน้ำเพื่อเวลาเหนื่อยๆจะได้นอนแช่น้ำอุ่นให้สบาย อ่า มันสบายจริงๆ เอนหลังพิงอ่าง น้ำอุ่นๆช่วยให้ผมผ่อนคลายและหายเหนื่อยได้อย่างดี แช่สบายซะจนผมเกือบเคลิ้มหลับ ได้แต่ลุกขึ้นจากอ่างคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันเอวแล้วเดินออกจากห้องน้ำ
   “วิ๊ดวิ้ววว” ผมสะดุ้งโหยงเมือออกมาเห็นใครอีกคนนั่งบนเก้าอี้ ไอ้นัท
   “มึงมาทำอะไรดึกๆดื่นๆวะ”
   “กูมาหามึงไง แล้วมึงไม่ไปแต่งตัวเหรอวะ” มันทักเมื่อผมยืนกอดอกทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูพันไว้  ผมหยักไหล่ มึงมาบุกรุกเวลาส่วนตัวของกูเอง
   “มีเรื่องอะไรวะ” ผมว่าก่อนที่จะเดินไปเข้าไปในห้องนอนเพื่อใส่เสื้อผ้า ใส่บ็อกเซอร์กับเสื้อยืดเน่าๆตัวใหญ่ ผมชอบใส่แบบนี้นะมันนอนสบายดี เพียงแต่วันนี้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
   “กูแค่มาดู มันยังไม่หมดเรื่อง”
   “ไม่ต้องห่วง มึงก็เห็นกูแล้วนิกลับได้แล้วไป กูจะนอนแล้ว” ผมโบกมือไล่มันพร้อมกับหยิบเอาเอกสารที่ต้องทำความเข้าใจเพื่อไม่ให้เกินความผิดพลาดเมื่ออีกไม่กี่เดือนที่เขาต้องผ่านการประเมินเพื่อการรับรอง
   “กูนอนด้วยดิขี้เกียจขับรถกลับ” ผมเลิกคิ้วขึ้น
   “เรื่องดิ กลับไปนอนกกสาวที่บ้านมึงโน้น” ผมขยับเดินไปโยนแฟ้มเข้าไปในห้อง ถ้าวามาเห็นผมคงโดนดุอีกรอบ
   “น่าคืนเดียวกูง่วงวะเนี้ยพึ่งออกเวรมาด้วยเมื่อคืนกูก็ไม่ได้นอน” ผมถอนหายใจเดินเข้าไปหาไอ้คนที่นั่งสบายๆอยู่ บนใบหน้าหล่อๆของมันมีร่องรอยอิดโรย จนผมอดไม่ได้ที่จะใจอ่อนให้นัทอีกครั้งถึงจะใจอ่อนทุกครั้งก็ตามแต่
   “รกหน่อย แต่จะไปอาบน้ำก่อนก็ได้”
   หมับ
   “ขอบคุณเพื่อน”
   “ไม่เป็นไรเพื่อน” ผมตอบกลับพร้อมกับยิ้มกว้าง ยิ้มที่เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง นัทยิ้มร่าก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเดินไปเก็บข้าวของเพื่อให้อีกคนนอนได้ สงสัยว่าผมคงต้องเคลียงานจนเช้าแน่ๆ ผมย้ายมาทำงานที่โต๊ะทำงาน จนกระทั่งนัทเดินออกมาพร้อมกับชุดนอน
...................ลายเป็ดสีเหลือง...........................
   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ๊ยยยยยยยยยยยยชุดอะไรของมึง” ผมขำแทบตกเก้าอี้มันหลุดลุคหล่อๆของมัน
   “ทำไมวะมันน่ารักดีนะเว้ย”
   “อุ๊ฟ เออๆ น่ารักก็น่ารัก เข้าไปนอนก่อนเลย” ผมบอกมันก่อนที่จะหันมาสนใจงาน มันพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องนอน ผมหลุดยิ้มเมื่อเหมือนอีกคนจะมีรสนิยมที่เปลี่ยนไป ชุดนอนลายเป็นเหลืองเหรอ หึๆ  ผมส่ายหัวเบาๆ  พร้อมกลับเรียกสติให้มาจดจ่อกับงาน เขาจะไม่เข้าไปนอน!!!
   หาววว
   จำไม่ได้ว่าหาวครั้งที่เท่าไหร่ เพียงแต่เขาพยายามถ่างตาไว้ ขอพักสายตาซักหน่อยก็แล้วกันนะ ฟุบลงกับโต๊ะหนุนแขนตัวเองก่อนที่จะหลับตาลง
   “เฮ้ ตื่น เข้าไปนอนในห้องสิวะ” อือ หนวกหู  ปัดไม้ปัดมือที่วุ่นวายออกแล้วหลับต่อ กำลังหลับสบายๆ และผมก็รู้สึกตัวหวิวก่อนที่จะซุกตัวเข้าหาความอบอุ่นแล้วหลับสนิททันที
   อือ
   ผมค่อยๆบิดขี้เกียจก่อนที่จะลืมตาขึ้นก็พบว่าห้องนอนว่างเปล่ ยกมือขึ้นยีหัวแรงๆเพื่อเรียกสติเข้าร่าง มองทั่วห้องก่อนที่จะสะดุดตากับโพสอิสสีแสบตาที่ติดไว้ตรงประตู
   “รีบไปเข้าเวร เดี๋ยวแวะมากินข้าวเที่ยงด้วย ปล.ตัวมึงหนักมาก”  ไอ้นัททททททททททททท แม่ง กล้าว่ากูเหรอ ได้แต่ขยี้หัวทั้งๆที่ผมควรโมโหแต่กลับห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มไม่ได้เลย  ผมอาบน้ำเตรียมตัวสำหรับการทำงานในวันนี้ วิ่งหัวยุ่งตั้งแต่เช้าจนบ่าย ยังไม่เห็นว่าใครอีกคนจะมาจนทนหิวไม่ไหว
   “นิว พี่จะไปกินข้าวในเมือง ฝากพี่ชื้ออะไรไหม”
   “นิวจะกินเค้กร้านข้าวหอมนะพี่ ขอสองชิ้นเลย”
   “กินเข้าไปจะกลิ้งแข่งกับไอ้น้ำอยู่แล้ว” ผมว่าให้ก่อนที่จะนิวลูกน้องที่ขยันกินพอๆกับขยันทำงาน ยัยนี่ทำงานได้ทุกอย่างยกเว้นทำงานเป็นเลขาผม เพราะจะทะเลาะกันตลอด  ได้ยินแต่ไอ้นิวตะโกนโวยวายไล่หลังมา ขับรถออกจากโรงงานเข้าตัวเมือง ปัญหาโลกแตกผมควรจะกินอะไรดีเที่ยงนี้ ปกติไอ้นัทจะสรรหาอะไรอร่อยๆมาให้ผมกินเสมอ มันทำให้ผมนิสัยเสียแล้วล่ะสิ คิดอะไรไม่ออกเลยไปที่ตลาด เผือจะมีไอเดียว่าจะกินอะไร
   “อ่าวพ่อไม้วันนี้มาซะบ่ายล่ะ”
   “งานยุ่งๆนะครับ ป้า คิดถึงขนมปั้นขลิบป้าเลยมาชื้อไง”
   “แหมพ่อไม้ปากหวานตลอด” ป้าเขินเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้มทำให้ผมยิ้มก่อนที่จะสั่งให้ป้าห่อให้สามร้อยเผือเด็กๆที่โรงงาน แล้วค่อยกลับมาเอาผมเลยเดินเข้าร้านอาหารตามสั่งก่อนที่จะสั่งเมนูสิ้นคิดกินเสร็จก็ไปเอาขนมก่อนที่จะไปร้านข้าวหอมเพื่อสั่งเค้กไปให้ไอ้นิว
   “เอานี่สองชิ้นกับนี่อีกชิ้นนะครับ” ผมจิ้มๆตู้สั่งส่งๆ พร้อมกับสั่งกาแฟให้ตัวเองอีกแก้ว ระหว่างที่ยืนรอจัดเค้กให้ เสียงหัวเราะใสก็เรียกความสนใจให้ผมหันไปมองพร้อมกับการก้าวเข้ามาของคนอีกสองคน
   “ร้านนี้อะไรอร่อยนะนัท”
   “ก็อร่อยทุกอย่างนะ ไม่ได้มากินนานแล้วแพร” อ่ากาแฟทำไมมันขมจังเลยวะ
   “เค้กได้แล้วค่ะพี่ไม้”
   “ขอบคุณนะ” ผมรับเอาถุงเค้กพอดีกับที่อีกคนพึ่งสังเกตเห็นผม ทั้งๆที่ผมก็ยืนเป็นตอม่ออยู่ เอาเหอะ
   “ไง”
   “อ่าวไม้มากินข้าวเหรอ” มันถามเหมือนไม่ได้บอกอะไรไว้ ก็น่าจะจำนะ ว่ามันเคยพูดแบบนี้แล้วเกิดอะไรขึ้น โถมึงนี่ดักดารนะไม้
   “เออ แนะๆ มีเดตกับสาว กูไม่กวนล่ะ เดี๋ยวลูกน้องจะแดกคอกูแทนเค้ก” ผมชูถุงเค้กพร้อมกับอ้างไอ้นิว 
   “เฮ้!!ไม้”มันร้องเรียกก่อนที่ผมจะเดินออกนอกร้า ผมหันไปมองหน้ามันแต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาผมเลยเดินออกจากร้านเพื่อขึ้นรถ แต่ก่อนที่จะสตาร์ทรถโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เบอร์แปลกๆ
   “ครับ”
   “(อ่าไม้ใช่ไหม)”
   “หืมใครนะ”
   “(เห้ย จำเพื่อนซี้ไม่ได้เหรอไอ้ไม้ผุ)” ฉายานี้ มีคนเดียวที่เรียก ไอ้ทัพพี
   “ไอ้ทัพพี”
   “(สัสอยากมาเรียกฉายากู แม่งเสียสถาบันเดือนหมด)” ผมหัวเราะร่าเมื่อมันว่าผมอย่างไม่จริงจังนักเอาจริงๆมันก็ไม่ได้คุยกันตั้งแต่ผมกลับมาอยู่ที่บ้านเพราะต่างคนก็ต่างมีชีวิตถึงจะติดต่อกันมันก็ส่วนน้อยจริงๆ
   “มึงเกิดนิมิตอะไรถึงได้โทรมาหากู”
   “(พอดีกูอยากไปพักผ่อนที่เหนือ กูเลยคิดถึงมึงไง)” ผมขำ
   “ได้ดิ แต่ที่พักฟรีมึงต้องมาทำงานช่วยกู” ทันทีที่ผมบอกมันก็หัวเราะแล้วบอกว่ายอม
   “(กูจะเดินทางพรุ่งนี้น่าจะไปถึงบ่ายๆ ไงก็กรุณามารับเพื่อนหน้าตาหล่อๆตาดำๆอย่างกระผมด้วยนะครับ)” ดูมันพูด นิสัยมากผมอยากจะโบกมันซักที กวนยังไงก็กวนอย่างนั้น ผมรับคำมันกวนตีนผมอีกสองสามคำก่อนที่จะวางสายไป ผมมาถึงโรงงานโยนเค้กกับขนมให้ไอ้นิวไปแจกพร้อมกับบอกว่าผมไม่ต้องการให้ใครรบกวน
   “เหนื่อยชะมัด” กลับไปฟัดไอ้ลูกหมูดีกว่า ขอเยี่ยวยาจิตใจหน่อยดีกว่า ถึงเวลาเลิกงานปุ๊บผมก็ปิดห้อง ไปสั่งงานกับกะเย็นอีกสองสามอย่างแล้วบึงรถกลับบ้าน
   “อ่าวพี่ไม้ไหนว่าจะกลับอีกสองสามวัน”
   “พี่คิดถึงน้ำกับฝีมือกับข้าววานะ” ผมโยนกระเป๋าส่งๆไปที่โซฟาแล้วเดินไปหาวาที่อยู่ในครัว
   “ทำไรกิน”
   “อ้อพะแนงหมู ต้มจืดมะระ และก็ผัดเผ็ดปลาสามรสครับ” อือหืออออออออ แค่ได้ยินผมก็น้ำลายไหล
   “โหยยพี่หิวเลย ไอ้ลูกลิงล่ะ”
   “อยู่ข้างบนครับพึ่งกลับมาจากไร่เลยไล่ให้ไปอาบน้ำ”
   “เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน” ผมหยิบเอากระเป๋าก่อนที่จะวิ่งขึ้นบ้านโยนกระเป๋าเข้าห้องก่อนที่จะเข้าไปป่วนไอ้ลูกหมูที่อาบน้ำเสร็จ
   “อาไม้ อาไม้กลับมาแล้ววววววว”
   แอ่ก
   “จุกเว้ยไอ้ลูกหมู ทำร้ายอาเหรอหนอย” ผมพุ่งเข้าไปอุ้มก่อนที่จะโยนขึ้นเตียงแล้วฟัดพุงขาวๆแรงๆ
   “ฮ่าๆๆๆๆ โอ๊ย อาไม้ น้ำจักกะจี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
   “ยอมยัง”
   “ยอมแล้วววววววว” ลูกหมูพูดพร้อมกับกอดคอผมทำให้ผมฟัดแก้มยุ้ยๆไปอีกหลายๆที
   “วันนี้อากลับมานอนด้วย”
   “เย้ๆๆๆๆ” เจ้าลูกหมูล่อนจ้อนกระโดดดึ๋งๆบนเตียง จนวาเห็นว่าทั้งผมและน้ำยังไม่ลงไปซักทีเลยขึ้นมาตาม ระหว่างกินข้าวไอ้พี่ลมเหลือบมามองผมบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร จนกระทั่งถึงเวลาล้างจาน
   “เป็นอะไรวะ”
   “เปล่านิพี่”
   “มึงทำตัวติดกับลูกกูขนาดนั้น กูพี่มึงนะ” คำขาดของมันมาอีกแล้ว มันพูดว่าพี่มึงนะทีไรผมแทบจะปิดอะไรมันไม่ได้ แต่คราวนี้มันไม่ใช่
   “ไม่มีไรหรอกน่า มันจบแล้วกูเลยมาขอฟัดไอ้ลูกหมูเพิ่มพลังนี่ไง”  ไอ้พี่ลมทำหน้าไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรผม เลยปล่อยเลยตามเลย ถึงเวลาเข้านอนผมเข้าไปนอนกับน้ำ พี่ชายมันเพียงส่ายหน้าพร้อมบอกวาว่าผมเป็นหนักแล้วก็โอบเอววากลับห้อง เหม็นเบือคนมีความรัก ไอ้ลูกหมูกอดผมแน่น ผมนอนนิ่งพร้อมกับคิดถึงเรื่องราวต่างๆ เอาน่า ถึงเวลาแล้วสินะ
*********************
*****************************************************************************
Talk
เค้าตอนนี้วุ่นวายระดับสิบ กับการวิ่งไปสอนงานเด็กใหม่ที่ต่างจังหวัด
ลงตอนเลิกงานพอดี ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาเม้นต์กันนะคะ
แวะไปพูดคุยกันที่เพจได้ เค้าเหงา บายยยยย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) Mai x Nut 1 15/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-08-2017 20:53:06
ไม้ทำงานหนัก ก็มีเหงาบ้าง มองคนข้างๆ บ้างนะอย่าทำซื่อบื้อ
 :haun5:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) Mai x Nut 1 15/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-08-2017 21:19:41
ไม้ ถึงเวลาอะไร
ถึงเวลา ตัดใจเลิกจากนัทเหรอ
เพราะทัพพีที่จะมาพักผ่อนสินะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) Mai x Nut 1 15/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-08-2017 12:06:16
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) Mai x Nut 1 15/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-08-2017 12:47:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 18/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 18-08-2017 19:51:15
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของพี่ลม เขาต้องพยายามค่อยๆแงะแขนแกร่งที่โอบกอดเขาแน่นก่อนที่จะเอาหมอนนุ่มให้อีกคนกอดแทน ค่อยๆขยับลงจากเตียงเข้าไปทำธุระส่วนตัวแล้วค่อยลงไปที่ครัว เปิดโทรทัศน์ฟังเสียงข่าวเบาๆ ก่อนที่จะเข้าครัวต้มกาแฟรอพี่ลมที่อีกไม่นานคงจะตื่นพร้อมกับชงโกโก้ให้ตัวเอง พร้อมกับเปิดตู้เย็นค้นเอาผักและเนื้อสัตว์ออกมา
   “อืมต้องให้พี่ลมพาไปตลาดแล้วล่ะ” เสียงหวานบ่นเบาๆ เพราะในตู้เย็นมีของสดเพียงเล็กน้อย วันนี้ต้องไปส่งน้ำตอนเช้าไปซื้อของบ้านเลยละกัน เตรียมของที่จะทำกับเข้าตอนเช้าไว้แล้วหยิบเอาแก้วโกโก้ไปนั่งที่โซฟา ฟังข่าวตอนเช้า ร่างบางยกเข่าชันขึ้นแขนเรียวยกขึ้นกอดเข่า
   “นี่ก็สองเดือนกว่าแล้วสินะ” สองเดือนกว่าที่เขามาอยู่ที่ไร่สายลม สองเดือนที่ผ่านเรื่องราวมากมายจนเหมือนเวลามันสั้นนิดเดียว และยังเรื่องราวที่ยังไม่จบ เขาเป็นห่วงคนในไร่นี้เหลือเกิน ทั้งเจ้าลูกหมูที่ตอนนี้เขารักเด็กคนนี้มาก รวมทั้งราอีกคนที่หัวใจเขาเปิดรับยิ่งนานวันหัวใจดวงน้อยของเขายิ่งเต็มตื้นกับความดีของคนตัวโตที่ใส่ใจความรู้สึกและดูแลเขาทุกอย่างนั่นยิ่งทำให้เขาไม่อยากจากที่นี่ไป
   ฟอด
   “เหม่ออะไรอยู่ครับ”  เขาสะดุ้งเมื่อคนที่กำลังคิดถึงนั้นจู่ๆก็มาหอมแก้มเขา
   “เปล่าครับ พี่ลมลงมานานรึยัง” วารีบนั่งดีๆเมื่อลมเดินอ้อมมานั่งข้างๆ
   “นานพอที่จะรู้ว่าเรานั่งเหม่อ” สายตาคมทอประกายอ่อนโยน บ่งบอกว่าเป็นห่วงเขาแต่เรื่องอะไรที่เขาจะบอกเล่า มันน่าอายจะตายไป
   “อ่า วาไปเอากาแฟมาให้นะ” ผมรีบลุกขึ้นหนี ไปเทกาแฟใส่แก้วยื่นให้พี่ลมที่ยังมองตามเขาอยู่
   “จะไม่บอกพี่เหรอ” ผมรีบส่ายหน้า พี่ลมยกยิ้มแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่หันไปดูข่าวเงียบๆ ส่วนผมก็เดินเข้าครัวทำอาหารเช้าไว้รอทุกคน
   “เดี๋ยววาไปปลุกน้ำก่อนนะครับ”
   “งั้นพี่เข้าไร่ก่อน  แล้วจะกลับมากินข้าวด้วย” ผมพยักหน้ารับคำต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ ผมเดินขึ้นไปห้องน้ำเพื่อปลุกลูกหมู ที่เขาต้องพยายามให้ลดน้ำหนักลงแล้ว ชักจะอวบเกินไป
   “ลูกหมูตื่นได้แล้วครับ”
   “งืออ พี่วา น้ำยังง่วงอยู่เลยครับ” น้ำงัวเงียลุกขึ้นพร้อมเบ้ปากพี่วาทำไมมาปลุกเขาแต่เช้าเขายังอยากนอนอยู่เลยอ่า
   “ไปออกกำลังกายกันครับ” วาขำเมื่อลูกหมูทำหน้ายุ่งแล้วทำตาโตเมื่อได้ยินว่าจะไปออกกำลังกาย
   “ไม่ทำได้ไหมครับ” แขนป้อมยกขึ้นกอดเอวพร้อมกับแก้มยุ้ยที่ถูไถออดอ้อนตรงท้องทำให้วาขำ
   “ไม่ได้ครับลุกเร็วครับเดี๋ยวสายไม่รู้น้า” เมื่อเห็นว่าอ้อนไม่ได้ผลน้ำก็ยอมลงจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาก่อนที่จะออกมาแต่งตัวในชุดที่เขาเตรียมไว้ให้ ถ้าเขายังตามใจลูกหมูอีกหน่อยคงจะกลิ้งไปตามทางเดินจริงๆ แม้จะอิดออดแต่น้ำก็ยอมลงไปวิ่งกับผมโดยที่ผมพาวิ่งรอบบ้านเพียงแค่สองรอบกับยืดเส้นยืดสายอีกครึ่งชั่วโมงก็ให้น้ำขึ้นไปอาบน้ำแล้วค่อยลงมากินข้าวพอดีกับที่พี่ลมกลับมาจากไร่มาวุ่นวายกับผมในครัวซักพัก หลังจากที่เข้าครัววันนั้นแล้วพี่ลมก็ไม่กล้าขอทำอาหารอีกเลย
   “พี่ลม!! ขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วครับ” ผมรีบยกมือขึ้นยันใบหน้าคมพี่พยายามจะหอมแก้มผมอยู่เนี้ย มันจะช้ำหมดอยู่แล้ว
   “หึๆก็ได้ๆ” ได้แต่ส่งสายตาค้อน
   ฟอด
   “พี่ลม!!!” ผมยกมือปิดแก้มเมื่อคนว่าได้ๆกลับฉวยโอกาสหอมแก้มเขาก่อนที่จะหัวเราะร่าเมื่อผมทำหน้าบึ้งแล้วเดินหนีขึ้นไปอาบน้ำ นับวันยิ่งแหย่เขาถึงเนื้อถึงตัวเขาตลอด ยกมือลูบอกให้จังหวะหัวใจกลับมาปกติก่อนที่จะตั้งโต๊ะ
   “อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไม้” ผมทักคนที่กลับมานอนบ้านได้สองวันแล้วแถมยังทำตัวติดลูกหมูอีก
   “อรุณสวัสดิ์ ได้ข่าวว่าลากไอ้ลูกหมูไปวิ่งเหรอ”
   “ใช่ครับ คงต้องคุมอาหารด้วย” ผมยกจานผัดผักบุ้งมาวางที่โต๊ะ ผมทำข้าวต้มกุ้ย ที่มีผักและเครื่องเคียงเยอะๆน้ำจะได้ไม่เบือ
   “ฮ่าๆๆ จะทนลูกอ้อนน้ำไหวเหรอ” พี่ไม้ถามผมขึ้นพร้อมกับรับถ้วยข้าวต้ม
   “พี่ไม้ต่างหากล่ะ วารู้นะว่าพี่ชอบพากันไปเที่ยวกินของอร่อยๆหลังน้ำเลิกเรียนนะ” เจ้าลูกหมูถึงได้ติดกินขนมและกินไม่ยั้งตอนเย็นๆไง พี่ไม้หัวเราะแห้งๆเหมือนคนมีความผิด
   “ไม่พูดดีกว่าเข้าตัวหมด” ผมตักข้าวเตรียมไว้ให้อีกสองคนที่กำลังเดินลงมา
   “หอมจังเลยครับพี่วา” จากที่พูดเก่งอยู่แล้วตอนนี้น้ำพูดเก่งกว่าเดิมแถมยังพูดชัดขึ้นไม่เหมือนก่อนหน้านี้
   “หอมก็ทานเยอะๆนะครับ” ผมบอกน้ำที่ยิ้มร่าแล้วตั้งหน้าตั้งตากินข้าว
   “แล้วมึงจะเข้าโรงงานไหม” พี่ลมหันไปถามพี่ไม้ที่นั่งจิ้มพุงหลาน
   “เข้าอยู่แต่จะกลับมานอนบ้าน” ผมเงยหน้ามองพี่ไม้ที่หลังๆมาจะติดบ้านเหลือเกิน  ทานข้าวเสร็จผมกับพี่ลมก็เตรียมไปส่งน้ำ ส่วนพี่ไม้อาสาล้างจานแล้วจะไปโรงงานเลย หลังจากที่ส่งน้ำเข้าห้องเรียนผมกับพี่ลมก็เดินกลับมาที่รถด้วยกัน
   “พี่ลมขากลับแวะซื้อของเข้าบ้านก่อนนะครับ”
   “ได้เดี๋ยวพี่พาไปเดินตลาด” พี่ลมว่าก่อนที่จะขับรถพาไปตลาดสด
   “พี่ลมอยากกินอะไรไหม วาจะได้ซื้อกลับไปทำให้” ผมหันไปถามคนตัวโตเที่เดินถือของตามหลังที่ส่วนมากเขาจะเลือกไว้ทำให้น้ำกินเผือว่าอยากจะกินอะไรพิเศษ พี่ลมยกยิ้มก่อนที่จะก้มลงมากระซิบเบาๆที่ทำให้เขาหน้าแดงต้องรีบเดินหนี
   “อยากกินวา”
   “พี่ลม!!!” เขาอยากทำร้ายคนตรงหน้าจริงๆ ที่นี่มันตลาดนะ เหมือนหลายๆคนจะมองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
   “อ่าวพ่อเลี้ยงทำไมได้มาตลาดเองล่ะ”
   “พอดีพาคนทำกับข้าวมาเลือกเองนะ”
   “แฟนพ่อเลี้ยงก่อ น่าฮักขนาดเจ้า” แม่ค้าขายผักแผงข้างๆเอ่ยขึ้น
   “ใช่ แฟนผมเอง” คำตอบของพี่ลมยิ่งทำให้ผมรู้สึกหน้าเห่อร้อนกว่าเดิม
   “วาจะไปรอที่รถ” เขาบอกก่อนที่จะรีบเดินหนีแต่เขายังได้ยินเสียงแซวแว่วๆมา ให้ตายเถอะเขาอายจะแย่แล้ว
   ครืดๆ
   เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเรียกความสนใจเขาได้ตอนนี้เขาได้แต่ยืนอยู่ข้างรถเพราะพี่ลมยังไม่กลับมาเลย
   “ครับพี่ไม้”
   “(วา เมื่อเช้าพี่ลืมบอก วันนี้เพื่อนพี่จะมาเที่ยวพี่เลยให้มันไปนอนที่บ้าน พี่ก็ลืมไปเลย)”
   “จะมาถึงกี่โมงครับ วาจะได้เตรียมห้องกับทำกับข้าวไว้รอ” ที่บ้านยังมีห้องรับแขกที่ปิดไว้นานแล้วถ้าจะพักห้องนั้นเขาคงต้องเข้าไปทำความสะอาดซักหน่อย
   “(น่าจะกลับไปพร้อมพี่เลย แต่ไม่ต้องเตรียมห้องหรอกเดี๋ยวพี่ให้มันนอนกับพี่)” แม้จะแปลกใจแต่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ไม้เขาเลยเลือกที่จะไม่ถามอะไรออกไป
   “ได้ครับเดี๋ยววาจะทำกับข้าวไว้รอ” พี่ไมขอบคุณก่อนที่จะวางสายไป พอดีกลับพี่ลมที่เดินหอบของเดินมาที่รถพอดี
   “มีอะไรเหรอ”
   “พอดีพี่ไม้บอกว่าจะมีเพื่อนมาพักด้วยครับ หนักไหมครับขอโทษที่วาไม่ได้ช่วยเลย” ผมรีบช่วยเอาของวางในรถ ทั้งยังรู้สึกผิดที่เมื่อกี้เขามัวแต่เขินเดินหนีออกมาปล่อยให้พี่ลมถือของคนเดียวมันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ
   “ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ”
   “เข้าใจว่า???” เขาถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
   “เข้าใจว่าวาเขินที่แม่ค้าแซวไง”
   “พี่ลมจะแซววาทำไมเล่า ขึ้นรถไปเลยไป๊” ได้แต่ก้มหน้าหลบคนที่พยายามยิ้มล้อเขาอยู่จนต้องไล่ให้ขึ้นรถ ขับกลับมาถึงไร่พี่ลมก็บอกว่าจะขึ้นไปดูไร่ผักทีแรกว่าจะช่วยเขาขนของเข้าบ้านแต่เขาไล่ให้ไปทำงานนี่ก็สายมากแล้วยังมีเวลาอู้มากวนเขาอีก หลังจากที่เก็บของเสร็จผมก็ไปที่สำนักงาน ไล่เคลียบัญชีก่อนที่จะไปไร่องุ่นที่ตอนนี้เริ่มแทงยอดอ่อนแล้ว
   “อ่าวคุณวามีอะไรหรือเปล่าครับ”
   “ไม่มีอะไรครับลุง นี่ละอองไปไหนเหรอครับ” ผมถามหาสมุนซ้ายของพี่ลม
   “อ้อละอองมันไปดูสวนส้มนะคุณลมเห็นว่าเอาปุ๋ยไปว่าน”
   “ขอบคุณครับ” ผมเดินกลับไปเอาจักรยานที่สำนักงานแล้วค่อยปั่นไปที่สวนส้ม ตั้งแต่แต่งกิ่งไปเขายังไมได้มาดูเลย เร่งปั่นจนถึงไร่ส้มเขาก็หอบแทบแย่จะวาไกลก็ไกล จะว่าใกล้ก็ใกล้แต่ก็เล่นเอาเขาหอบไปเลย
   “อ่าวคุณวาทำไมได้ปั่นจักรยานมา ไม่บอกให้ไอ้ละอองไปรับ”
   “ไม่ละ ฉันเข็ดแล้วส้มเป็นยังไงบ้าง”
   “ฮ่าๆๆๆๆ ออกจะเร้าใจ คุณวานี่ไม่วัยรุ่นเลย”เขาขำเมื่อละอองทำหน้าเบือๆพร้อมกับเดินหนีเข้าสวนส้ม ที่ตอนนี้แทงยอดแทงช่อดอกแล้วอีกไม่นานก็จะได้เก็บผลอีกรอบ เดินดูทั่วไร่แล้วเขาเลยขอให้ละอองไปส่งที่แปลงผัก เขาถึงกับต้องขู่ให้เจ้าละอองขับช้าๆ ไม่นานก็มาถึงแปลงผัก ผมลงไปเก็บใส่ตระกร้าก่อนที่จะซ้อนท้ายกลับบ้านเพราะตอนนี้ก็บ่ายแล้ว พี่ลมโทรมาบอกว่าจะไปไปรับน้ำเอง
   ผมเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารสำหรับตอนเย็นที่จะมีแขกมาเพิ่ม ทำโน่นทำนี่ในครัวซักพักก็ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามา
   “กลับมาแล้วคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบ” เสียงเล็กๆร้องขึ้นทันทีที่ก้าวเข้าบ้านและวิ่งเข้ามาในครัว ผมนั่งลงอ้าแขนรอรับร่างป้อมที่วิ่งเข้ามาหา
   ฟอด ฟอด ฟอด
   “ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะร่าเมื่อโดนหอมแก้ม ผมฟัดแก้มยุ้ยแรงๆหลายทีจนน้ำหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
   “เลิกนัวเนียกันซักทีเถอะ”
   “อิอิๆ พ่อลมขี้อิจฉา” ผมหลุดขำเมื่อพี่ทำท่าโมโหเดินเข้ามาอุ้มน้ำพาดบ่า
   “ว่าพ่อเหรอ กล้าว่าพ่อไปอาบน้ำเลย” พี่ลมพาน้ำขึ้นห้องผมได้แต่ขำแต่เอาจริงๆน้ำก็พูดถูกล่ะนะ ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อเสียงรถอีกคันก็จอดที่หน้าบ้าน
   “พี่กลับมาแล้ว” ผมรีบเดินออกไป พี่ไม้เดินนำเพื่อนผู้ชายที่หน้าตาดีมากจนเขานึกว่าเป็นดาราซะอีก
   “อ้อไม่ต้องอค้งขนาดนั้นนี่เพื่อนพี่เองมันชื่อทัพพี มีดีแค่หน้าตานี่ล่ะ”
   พลั๊วะ
   “ไอ้ไม้ผุ พี่ชื่อทัพไทนะ อย่าไปฟังไอ้ไม้ผุมันบอก” ท่าทางสนิทสนมของทั้งสองคนทำให้เขายิ้มก่อนที่จะยกมือไหวพี่ทัพไท
   “เชี่ยกูเจ็บนะมึง เดี๋ยวพี่พามันขึ้นไปข้างบนก่อนนะแล้วค่อยลงมากินข้าวกัน”
   “ครับ” สองคนนั่นก็เดินขึ้นไปห้องข้างบน ผมจะทำกับข้าวเสร็จไหมล่ะเนี้ยเมื่อกำลังจะเข้าครัวก็มีใครมา
   “อ่าวพี่นัท”
   “วาไม้อยู่บ้านรึเปล่า” พี่นัทรับไหว้แต่ก็ถามถึงพี่ไม้ทันที สองคนนี้เขาเล่นหนังอินเดียกันเหรอ วิ่งไล่ตามหากันได้ตลอด
   “อยู่ข้างบนครับ พี่นัทไปช่วยผมทำกับข้าวได้ไหมครับ”พี่นัททำท่าอยากขึ้นไปข้างบนแต่เมื่อผมขอร้องพี่นัทเลยยอมเดินเข้าครัวกับผม พี่นัทช่วยได้มากเลยทีเดียวแตกต่างจากผู้ชายบ้านนี้ที่แม้แต่หั่นผักยังไม่รอด ทำให้เขาทำกับข้าวเสร็จอย่างรวดเร็ว
   “ทำไมวันนี้ทำกับข้าวเยอะจัง”
   “อ้อพอดีพี่ไม้มีเพื่อนมาหานะครับ” ยังไม่ทันที่พี่นัทพูดอะไรน้ำก็ลงมาซะก่อนพร้อมกับพี่ลมที่ที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
   “อานัททท มาเล่นกานนนนนนนนนนนนนนนนนน” เมื่อเห็นว่าน้ำมีคนเล่นด้วยผมเลยบอกให้พี่ลมตั้งโต๊ะรอส่วนเขาจะขึ้นไปอาบน้ำ
   ผมลงมาทุกคนก็พร้อมหน้าอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้ว แต่ทำไมบรรยากาศมันดูแปลกๆนักล่ะ
   “พี่วา” น้องน้ำดิ้นมาหาผมทันทีที่ผมนั่ง จนพี่ลมต้องปรามว่าให้นั่งดีๆถึงเวลากินข้าวแล้ว ทั้งโต๊ะมีเพียงเสียงช้อนทั้งๆที่ปกติจะมีเสียงพูดคุยตลอด
   “อร่อยมากเลย วาทำเองเหรอ สุดยอด” และคนที่ทำลายความเงียบก่อนคือพี่ทัพไท
   “ขอบคุณครับงั้นทานเยอะๆเลยนะครับ”
   “มึงอย่าเต๊าะวามากเดี๋ยวพี่กูไล่มึงออกจากบ้าน”
   “ห๊ะ อย่าบอกนะว่า............” พี่ทัพเว้นช่วงไปนานจนเขารู้สึกหวั่นใจ “โหมีคนจองแล้วเหรอเนี้ย” พี่ทัพพูดเล่นๆ ก่อนที่บรรยากาศในโต๊ะจะดูเป็นกันเองขึ้น
   “แล้วนี่มาเที่ยวกี่วัน”พี่ลมถาม
   “ผมก็คิดว่าจะมาซักหลายอาทิตย์ เผือไอ้ไม้ผุมันเห็นว่าผมช่วยงานได้ อาจจะได้ทำงานอยู่นี่เลย” พี่ทัพหันไปโยกหัวพี่ไม้เบาๆ เห็นว่าเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยตอนเรียนมหาลัย
   “อย่างมึงกูไม่จ้างหรอก ทำงานแลกข้าวแลกที่อยู่ก็พอไป๊” พี่ไม้ปัดมือออกแล้วผลักหัวพี่ทัพแรงๆไปที
   เคร้ง!!!!!
   เสียงช้อนกระทบจาน เรียกให้ทุกคนหันไปมอง..................อ่า.............หวังว่าจะไม่มีสงครามอะไรหรอกนะ

   “พี่วา อานัททำหน้าตาหน้ากลัวจัง” นี่ล่ะที่ผมหวั่นใจ
**********************************************************
เอามาลงก่อนครึ่งหนึ่ง เสาร์อาทิตย์นี้ต้องไปทำงานต่างจังหวัด
ถ้ามีเวลาเดี๋ยวจะปั่นมาลงต่อนะคะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
รักคนเม้นขอบคุณคนอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 50เปอร์ 18/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-08-2017 20:52:08
จะเกิดสงครามหรือเปล่านะ น่ากลัว :katai1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 50เปอร์ 18/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-08-2017 21:40:16
ยังไงๆ นัท ทำลืมๆกับคำสัญญาที่ให้กับไม้
หรือนัทสับสนกับความรักเพศเดียวกัน
แล้วทำไมตอนนี้ เหมือนไม่ชอบความสนิทสนมของไม้กับทัพล่ะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 เต็ม 22/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 22-08-2017 17:38:19
ทุกคนหันไปมองนัทที่ทำหน้าเหมือนพึ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปเลยจัดการรวบช้อน
   “ขอโทษพอดีนึกว่ามีธุระด่วน ผมกลับก่อนนะพี่ลม ไปนะวา” พี่นัทที่จู่ๆนึกได้ว่าตัวเองธุระด่วน รีบผลุนผันลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วขอตัวกลับโดยที่ไม่หันไปมองใครอีกคนที่ตอนนี้หน้าเสียไปเรียบร้อย
   “กินข้าวต่อเหอะ พรุ่งนี้มึงจะไปเที่ยวที่ไหนก่อนไหม เดี๋ยวกูพาไป” พี่ไม้หันกลับไปคุยกับพี่ทัพเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยมีเจ้าลูกหมูที่วอนขออยากไปด้วย
   “น้ำไปไม่ได้ครับพรุ่งนี้เราต้องไปเรียน”
   “ง่า แต่น้ำอยากไปพี่วา”  อ้อนเสียงอ่อนแถมยังเกาะแขนเขาเขย่าเบาๆ ผมถอนหายใจนับวันน้ำยิ่งอ้อนเก่ง อดใจไม่ไหวที่จะบีบจมูกรั้นเบา
   “ไม่ได้ครับ เดี๋ยววันหยุดค่อยไปนะคนเก่ง” น้ำทำหน้ามุ่ยแต่ก็ไม่งอแงอีก
   “น้องวานี่เหมือนแม่น้ำเลยนะครับ”  พี่ทัพที่เลิกทานหันมามองเขากับน้ำคุยกัน ผมที่กำลังจะพูดแย้งพี่ลมก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อนแถมยังทำให้ผมรู้สึกเขินมากๆเลยด้วย
   “ก็อยากให้เป็นอยู่ล่ะนะ เจ้าตัวเขาไม่ยอมซักที” แล้วทำไมต้องพูดด้วยรอยยิ้มร้ายแบบนั้นด้วยล่ะ มือไม้เริ่มรู้สึกเก้งก้าง ไม่รู้ว่าจะวางตรงไหน
   “พี่ลม วาเป็นผู้ชายนะ” ผมประท้วงไป พี่ลมเพียงยักคิ้วกวนๆ หึ่ยให้ตายเถอะอย่าให้ถึงทีเขานะ สามหนุ่มขออาสาทำความสะอาดผมเลยพาน้ำขึ้นไปนอน ผมก็เดินไปอาบน้ำแล้วเดินถือหมอนไปห้องน้ำ
   “พี่วา??” น้ำงัวเงียปรือตามองผมที่กำลังจะล้มตัวนอนข้างๆ
   “พี่มานอนด้วยครับ ไม่ให้พี่นอนด้วยเหรอ”
   “เย้ นอนๆ น้ำจะนอนกอดพี่วา” น้ำตบลงข้างตัวผมขำเบาๆก่อนที่จะเอนตัวนอนข้างๆ น้ำขยับตัวเข้ามากอดแล้วซุกที่อกผม
   “ฝันดีครับคนเก่ง”
   จุ๊บ
   “ฝันดีครับ” น้ำตาปรือก่อนที่จะหลับลงและผมก็ค่อยๆเข้าสู่นิทราด้วยกัน ไม่อยากบอกแต่ผมเอาคืนพี่ลมด้วยการหนีมานอนห้องน้ำ ปล่อยให้นอนคนเดียวซะให้เข็ด แม้จะชินกับไออุ่นของอีกคนก็ตาม 
   
   อุ่น
   ความอบอุ่นที่คุ้นเคยทำให้ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ซุกซบกับแผ่นอกกว้างพร้อมรอยยิ้มพอใจบางๆแตะแต้มใบหน้า คนที่พึ่งตื่นได้ซักพักเมื่อคนที่นอนข้างๆขยับพลิกตัวเข้ามาเบียดแนบชิดเหมือนทุกคืน ลมก้มลงมองหัวทุยที่ตอนนี้ผมสีชาเริ่มยาวระใบหน้าเนียนที่หลับสนิท มือใหญ่ค่อยๆปัดผมที่ปรกแก้มเนียนขึ้น เมื่อคืนหลังจากที่เขากับสองคนนั่นนั่งคุยและดูฟุตบอลกันพอขึ้นห้องเขาก็ไม่เห็นคนที่ต้องนอนข้างเขาทุกคืน จนเขาเปิดเข้าไปในห้องนอนลูกชายก็เห็นสองคนนอนกอดกันแน่น แต่ปล่อยให้เขาต้องนอนคนเดียวเนี่ยนะ เหอะ ฝันไปเถอะ สุดท้ายเขาก็นอนข้างๆโดยที่อีกสองคนยังหลับสนิท จนกระทั่งอีกคนพลิกตัวเข้ามาซุกเขา เหมือนแมวจริงๆ ตอนนี้เรื่องยุ่งยากทั้งหมดก็เหลือแค่รอเวลา แต่เขาก็ไม่อยากให้วาเป็นอันตรายตอนนี้เลยให้วาอยู่แต่ในไร่ไปซะก่อน
   “อือ..”เหมือนว่าเขาจะลูบแก้มนุ่มจนทำให้อีกคนตื่นซะแล้ว
   “ตื่นแล้วเหรอ”
   “ครับพี่ลม เอ๋...มะ.....มานอนห้องนี้ได้ไง”คนที่ยังเมาขี้ตาอยู่ถึงกับทำตาโต รีบยกมือขึ้นกั้นความใกล้ชิด
   “ก็ใครให้พี่นอนคนเดียวล่ะ”
   “วาไม่ผิดซักหน่อย” ลมมองคนที่ทำหน้ามุ่ยไม่ยอมรับผิดที่แอบมานอนห้องนอนลูก ถึงจะล็อกห้องเขาก็ไขกุญแจเข้ามาได้ล่ะกัน
   “ไม่ผิดงั้นเหรอ ทิ้งพี่นอนคนเดียว ไม่ได้กอดวาพี่ก็นอนไม่หลับนะสิ” ได้ทีก็หยอดบ้าง ถึงแม้ว่าท่าทีของวาจะเอนเอียงมาทางผม แต่มีโอกาสจะทิ้งทำไม ยอมรับว่าการนอนคุยกันนั้นไม่เคยอยู่ในความคิด เขาต้องรีบตื่นไปเข้าไร่ การนอนแบบนี้มันไร้ประโยชน์แต่ตอนนี้เขาอยากจะนอนกอดคนที่ทำแก้มแดงระเรื่อทั้งวันก็ยังได้
   “ง่า ปล่อยได้แล้วครับ เดี๋ยววาลงไปชงกาแฟไว้ให้พี่ลมต้องเข้าไร่นะครับ”
   “พี่อยากนอนกอดวา”
   “ไม่เอาครับปล่อยเลยครับพี่ลม เกเรใหญ่เลยแล้ว” ผมหลุดขำกับคำต่อว่าของวา ถ้าเขาจะเกเรวาต้องเขินหนักกว่านี้แน่
   ฟอด
   “อรุณสวัสดิ์ครับ เดี๋ยวพี่ปลุกลูกเอง” ยังฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่มที่แดงระเรื่อล่อตาล่อใจก่อนที่จะปล่อยให้วาจากอ้อมแขน ทันทีที่ปล่อยวารีบลงจากเตียงเดินหนีออกจากห้อง ใบหน้าคมเข้มนอนยิ้มกว้างอยู่บนเตียง
   “ลูกหมูน้ำตื่นได้แล้ว”
   “อืออ”
   “ถ้าไม่ตื่นพ่อจะไม่ให้พี่วามานอนด้วยนะ”
   พรึบ
   ทันทีที่ยกวามาอ้างไอ้ลูกหมูก็เด้งตัวขึ้นทันทีทั้งๆที่ตายังปิดอยู่นั่นล่ะ ตกลงมันลูกใครกันวะเนี้ย ยกวามาทีไรทำตามตลอด มันน่าหมั่นไส้จริงๆ บอกให้ไปแต่งตัวล้างหน้าก็ทำตาม ผมอุ้มเจ้าลูกหมูที่รู้สึกว่าจะหนักขึ้นเยอะเลย
   “ลงมากันแล้วเหรอครับ” วาที่เดินออกมาจากครัวพร้อมกับแก้วกาแฟของเขาทันทีที่ไอ้ลูกหมูเห็นวาก็ดิ้นไปหา วายืนแก้วกาแฟมาให้ผมถือก่อนที่จะรับไอ้ลูกหมูที่โน้มตัวไป
   “พี่วา” เกลียดไอ้น้ำเสียงอ้อนของลูกตัวเองจะผิดไหม ทันทีที่อยู่ในอ้อมแขนวา น้ำก็ซุกแล้วออดอ้อนจนผมกลัวว่าแขนวาจะหักเมื่อน้ำหนักน้ำไม่ธรรมดา
   ฟอด
   อยากจะแยกลูกกับว่าที่เมียออกจากกันจะผิดไหม
   “มานี่เลยไอ้แสบ อ้อนจังเลยนะ” ผมหิ้วคอน้ำ ก่อนที่ผมจะกินกาแฟจนหมดแก้วแล้วพาน้ำออกไปวิ่งรอบบ้านเอง ปล่อยให้วาทำกับข้าวไปเพราะมีแขกมาเพิ่มผมไม่อยากให้วาเหนื่อยแต่วาก็ยังอยากทำ
   “แฮ่กๆ”
   “อีกรอบเจ้าลูกหมู”
   “เหนื่อยแล้วอ่าพ่อลม” ผมมองลูกที่ตอนนี้เหงื่อท่วมแก้มยุ้ยแดงก่ำ ก็เพราะทั้งผมและไม้ตามใจอยากกินอะไรอยากได้อะไรพวกเขาไม่เคยห้ามเพราะไม่ค่อยมีเวลาแต่ก็ยังดีที่น้ำไม่เป็นเด็กเอาแต่ใจที่ทำให้ผมปวดหัว เพียงแต่เรื่องกินนี่ล่ะที่ตามใจหนักมาก หนักจนลูกลิงกลายเป็นลูกหมูแบบนี้ไง
   “อีกรอบ พี่วาของน้ำบอกว่าห้ารอบนะวันนี้”
   “แง้ แต่น้ำเหนื่อยแล้ว”
   “เลิกอิดออดได้แล้ว วิ่งเข้าไอ้ลูกหมู” น้ำทำปากยู่แต่ก็ยอมขยับวิ่งจนครบรอบที่วากำหนดไว้ น้ำก็เดินคอตกเหงือซกเข้าบ้านทีแรกว่าจะเข้าไปหาพี่วาแต่ผมไล่ให้ขึ้นไปอาบน้ำเตรียมไปโรงเรียน สวนทางกับสองเพื่อนที่กำลังเดินลงมา
   “ให้พี่ช่วยอะไรไหม” ผมเดินเข้าไปในครัว
   “ยังไม่เข็ดเหรอพี่ลม วาว่าพี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”  วาคงจะห้ามให้ผมเข้าครัวตลอดไป  ได้แต่หมุนตัวขึ้นชั้นห้องไปอาบน้ำ
   “พี่ วันนี้ผมจะพาไอ้ทัพไปเที่ยวตัวจังหวัดนะ เรื่องโรงงาน”ไอ้ไม้ร้องถามผมทันทีที่เดินลงมา
   “เดี๋ยวกูเข้าไปดูให้”
   “แล้วไร่ล่ะพี่”
   “ไม่มีอะไรวุ่นวายหรอกเดี๋ยวพี่กับวาจะเข้าไปดูให้” ไอ้ไม้ทำหน้าเหม็นเบือ
   “เหม็นความรักวะ ไปไอ้ทัพไปกินข้าวกัน” มันกอดคอเพื่อนไปที่โต๊ะกินข้าว เดี๋ยวกูโบกหัวทิ่ม ผมเดินไปนั่งวาตักข้าวต้มปลาให้ ซักพักน้ำก็วิ่งตุ๊บตับลงมา อาหารที่วาทำก็เป็นเพราะต้องการคุมน้ำหนักเจ้าลูกหมู
   “อร่อยยยย”
   “วานี่เป็นพ่อครัวได้เลยนะ”
   “ตอนเย็นเดี๋ยวผมทำกับข้าวไว้ พี่ทัพกับพี่ไม้จะกลับบ้านไหมครับ”
   “กลับๆ พี่จะพามันไปเที่ยวแค่ตัวเมืองเดี๋ยวพี่จะรับน้ำกลับมาเอง” วาพยักหน้ารับก่อนที่จะสั่งห้ามทั้งสองคนซื้อขนมให้น้ำตามใจชอบ
   “พี่ไปล่ะ ฝากด้วยนะ” ไม้บอกลาวา พี่มึงนั่งหัวโด่อยู่นี่เมินกูตลอด
   “วาขึ้นไปเถอะ เดี๋ยวพี่จะเก็บเอง”
   “ขอบคุณครับ” รอยยิ้มกว้างของวายิ่งทำให้ผมตกหลุมรักอีกรอบ ให้ตายเถอะ แค่รอยยิ้มวาก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว เก็บกวาดเสร็จวาก็ลงมาพอดี ผมกับวาไปที่โรงงานปล่อยให้วาจัดเอกสารที่แสนจะวุ่นวายเพราะไอ้ไม้มันเก็บไม่เป็นระเบียบ
   “อ่าวพี่ลม ไมได้มาอยู่โรงงาน” ไอ้ผู้กองนัท ตัวต้นเหตุที่ทำให้ไอ้ไม้อยู่กวนตีนเขาที่บ้านตั้งสามวัน แต่จะโทษมันก็ไม่ได้ เมื่อฝ่ายเขาคิดไปเองคนเดียว
   “ไอ้ไม้มันพาเพื่อนไปเที่ยว ว่าแต่มึงมานี่มีธุระอะไรกับมันเหรอ” ยืนกอดอกมองคนที่ทำหน้าเครียด ซึ่งรู้เลยว่าไม่ได้เครียดเรื่องกู
   “เปล่า เออพี่ลมตอนนี้ผมออกหมายจับไปแล้วนะ เห็นว่าหนีไปกบดานที่ตะเข็บชายแตน”
   “เออ กูขอบใจมาก เรื่องหลักฐานได้พอแล้วใช่ไหมต้องการเพิ่มก็บอกกูได้” หลักฐานที่ผมใช้เส้นสายหลายอย่างเพื่อให้ได้มา เพื่อเล่นไม่ให้มันดิ้นหลุดแต่ก็อย่างว่าคนเลวลื่นเป็นปลาไหลอย่างมันก็ดิ้นหาทางรอดได้อยู่ดี ได้แต่หวังว่าครั้งนั้นจะไม่แว้งกัดอะไรเขาอีก
   “งั้นผมกลับก่อนล่ะ เออเดี๋ยวผมจะให้เพื่อนตามเรื่องนี้ให้นะ พอดีต้องไปช่วยงานที่อื่นสองเดือน”
   “เหรอแล้วไอ้ไม้รู้เรื่องรึเปล่า” 
   “ไม่หรอก ทีแรกว่าจะมาบอกมันแต่เพื่อนมันมาพอดี ช่างเหอะพี่ ไปนะ” มันโบกมือลาที่คงคิดว่าโคตรเท่ ได้แต่ส่ายหัว เอาเหอะ ถือว่าเป็นสองเดือนที่คนของเขาจะได้ทำใจได้ แล้วเริ่มต้นใหม่ได้ซักที
************************************************************
ทำไมเขียนถึงไม้แล้วอินมาก
พ่อเลี้ยงคือใคร ฮ่าๆๆๆๆ 
ขอบคุณเสียงตอบรับต้อนรับพี่ไม้นะคะ
คงจะได้กลับมาอีกทีก็คงสิ้นเดือนถ้าคึกมากก็จะอู้งานปั่นมาลง
55555555555 ดูเป็นคนดีไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 เต็ม 22/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 23-08-2017 08:52:43
 :กอด1:  เป็นภาพในฝันเลยๆๆๆ. พ่อเลี้ยงลมคับ. อยังมาน่าฮักแต้ว่า.  อนาคตแ้อเลี้ยงวา. อยังมาเป็นคนดีจนาดดด.  พ่อเลี้ยงไม้นี้ด้าบ่ฮู้ใจตัวเองเนา.


มาเร็วๆๆๆนะ.  จ
รออยู่ป้อเลี้ยงสายลม
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 เต็ม 22/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 23-08-2017 09:52:43
:กอด1:  เป็นภาพในฝันเลยๆๆๆ. พ่อเลี้ยงลมคับ. อยังมาน่าฮักแต้ว่า.  อนาคตแ้อเลี้ยงวา. อยังมาเป็นคนดีจนาดดด.  พ่อเลี้ยงไม้นี้ด้าบ่ฮู้ใจตัวเองเนา.


มาเร็วๆๆๆนะ.  จ
รออยู่ป้อเลี้ยงสายลม
โอ๊ยยยเค้าชอบเม้นนี้ ขอบคุณที่ชอบนะคะ ฮึบๆ มีแรงป่ันต่อ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 เต็ม 22/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-08-2017 14:37:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 เต็ม 22/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2017 16:14:25
ไม้ รู้ใจตัวเอง และพยายามตัดใจ
นัท มาใกล้ชิดไม้นี่ แบบเพื่อนหรือแบบคนรัก
นัท ไม่ชัดเจน เพราะยังควงสาวอยู่นี่
ให้ไม้พูดเรื่องสัญญา มันก็แปลกๆ
แล้วเมื่อไหร่จะรู้ใจกันซักที

หรือการที่นัทมาเข้าหานัท เพราะอยากใกล้ชิดไม้
แต่ไม้บ่ายเบี่ยงตลอด มันวนลูปอีกและ
แต่คิดว่าถ้านัทชอบไม้จริง ควรพูดให้รู้ชัดเจน
ไม่ใช่ชวนกินข้าวเฉยๆ

พ่อเลี้ยงลม วา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 เต็ม 22/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 23-08-2017 18:43:07
ไม้ รู้ใจตัวเอง และพยายามตัดใจ
นัท มาใกล้ชิดไม้นี่ แบบเพื่อนหรือแบบคนรัก
นัท ไม่ชัดเจน เพราะยังควงสาวอยู่นี่
ให้ไม้พูดเรื่องสัญญา มันก็แปลกๆ
แล้วเมื่อไหร่จะรู้ใจกันซักที

หรือการที่นัทมาเข้าหานัท เพราะอยากใกล้ชิดไม้
แต่ไม้บ่ายเบี่ยงตลอด มันวนลูปอีกและ
แต่คิดว่าถ้านัทชอบไม้จริง ควรพูดให้รู้ชัดเจน
ไม่ใช่ชวนกินข้าวเฉยๆ

พ่อเลี้ยงลม วา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
คู่นี้จะยังอึนๆต่อไป ฮ่าๆๆๆ เค้าชอบความมึนนี้ ฮ่าๆๆมันจะสวนทางเหมือนทางวันเวย์
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 เต็ม 22/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 27-08-2017 08:10:04
เฮาอ่านรอบที่ 3 แล้วหนา. เฮามาดูฮักป้อเลี้ยงลม กับ  วาทิน. เอาะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 14 เต็ม 22/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 30-08-2017 19:20:32
หลังจากที่ไปรับไอ้ทัพพีที่สนามบินคำทักแรกของเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานคือ
   “หน้าเหมือนคนอกหักนะมึง” แทบอยากจะข่วนหน้ามันแหก หลังจากที่พามันกลับมาบ้านแล้ว พอลงมาจากห้อง ก็แปลกใจเมื่อเห็นไอ้นัทกำลังเล่นกับหลานอยู่ เขายังคิดไม่ถึงว่ามันจะมาอยู่นี่ในตอนทีใจยังไม่เต็มร้อย เลยได้แต่ลากคอไอ้ทัพพีเข้าครัวไปตั้งโต๊ะ หูได้ยินเสียงหัวเราะแว่วๆ
   “ใครวะ” ไอ้ทัพพีที่กำลังตักแกงขยับเข้ามาใกล้แล้วถามขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
   “หือ อะไร”
   “ไอ้คนที่ทำให้มึงทำหน้าตกใจไง”
   “ถ้ามึงอยากอยู่เที่ยวแบบสบายๆอย่าเสือก ถือออกไปได้แล้วเว้ย”
   “เชี่ยคำว่าเสือกกระแทกหน้ากูเลยเออกูไม่ซักมึงก็ได้ แต่ถ้าจะร้องอกพี่พร้อมให้ซบนะจ๊ะ” แล้วมันก็ทำหน้ากวนตีนสะบัดตูดเดินออกจากครัว ไอ้เพื่อนเลวววววววววววววววววววววววว อยากจะทำร้ายมันแต่วาลงมาก่อน ทั้งโต๊ะเหมือนมีบรรยากาศแปลกๆ โดยที่ไอ้เพื่อนเขาไม่ได้สนใจเลยซักนิด จนกระทั่งนัทขอตัวกลับ ผมเหมอืนได้กลับมาหายใจเต็มท้อง เห็นสายตาไอ้พี่ลมมองมาแต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ เก็บกวาดเสร็จผมก็บทัพก็พากันขึ้นห้องไปนอน ไอ้คนที่เดินทางมาไกลก็หลับไปแล้วเหลือเพียงเขาที่ยังหลับไม่ลง
   “ไม่นอนรึไงวะ” ไอ้คนที่คิดว่าหลับไปแล้วกลับพลิกตะแคงข้างหันมาหาผม
   “ยังไม่นอนเหรอ กูไม่ง่วง” ผมพลิกตัวไปคุยกับเพื่อนซี้ที่ยังทำตาใส ไม่มีท่าทางของคนง่วงเลยซักนิด
   “อกกูซบได้นะเว้ย” มันพูดยิ้มๆ
   “กูผ่านจุดๆนั้นมาแล้ว”
   “เดี๋ยวมึงก็ทำใจได้”
   “เหมือนมึงนะเหรอ” ให้มันมาปลอบฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกนะคนอย่างมันไม่มีทางที่จะเปลี่ยนเบอร์ที่ใช้มาตั้งแต่มหาลัยแถมยังดั้นด้นมาหาเขา
   “สัส อย่ารู้ทันกู” มันทำหน้าเซ็ง แน่ล่ะก็กูเพื่อนมึง
   “กูคงทำได้แค่ทำใจวะ เดี๋ยวกูกับมึงก็คงผ่านมันไปได้” ผมยิ้มกว้าง ปลอบใจทั้งตัวเองทั้งมัน มือหนายกขึ้นขยี้หัวผมจนฟู
   “หัวกูฟูหมดแล้ว” รีบปั่ดมือใหญ่ให้พ้นหัว ทำร้ายกูเหรอ ผมยกมือบีบแก้มมันเหมือนที่บีบแก้มไอ้ลูกหมูก่อนที่จะยืดออก
   “โอ๊ยยยยย อ่อยกู เอ็บๆ”
   “ฮ่าๆๆๆ  แต่มึงอยากเล่าไหม” มันส่ายหัวก่อนที่ฟุบหน้าลงกับหมอน ผมเลยไม่เซ้าซี้ ก่อนที่แต่ละคนจะจมกับความคิดตัวเองก่อนที่จะพากันนอนทั้งๆที่ในใจยังคงยุ่งเหยิง
   หลังจากที่ขอให้วากับพี่ลมช่วยดูโรงงานให้ผมกับไอ้ทัพก็ขับรถเข้าตัวเมืองก่อน ทั้งๆที่ออกมาเที่ยวแต่เหมือนแต่ละคนจะจมกับความคิดตัวเองซะงั้น
   “เลิกเหม่อเหอะ มึงมาพักผ่อนนะเว้ย” ผมหันไปแซวมัน ท่าทางอาการมันจะหนักกว่าผมซะอีก ทัพถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะยกมือขึ้นเสยผม
   “เออ แม่งกูไม่น่าคิดถึงเรื่องมันเลย กูน่าจะลืมๆมันไปซะ” ท่าทางหัวเสียทำให้ผมมองมันด้วยความเป็นห่วง เลยปล่อยให้มันนั่งพิงกระจกมองวิวข้างทาง ก่อนที่จะหมุนพวงมาลัยเปลี่ยนเส้นทางออกนอกตัวเมือง จนกระทั่งมาจอดที่ทางเข้าอุทยาน
   “ไหนมึงบอกว่าจะพากูเที่ยวในเมือง”
   “ถ้ากูพามึงไปชายแดนมึงก็ยังไม่รู้ตัวหรอก ลงมา เดินต่ออีกหน่อยก็ถึงแล้ว” ผมลงจากรถเดินไปหยิบขวดน้ำกับอาหารที่แวะซื้อไว้โดยที่ไอ้ทัพแม่งมัวแต่เหม่อ ผมเดินไปติดต่อเจ้าหน้าที่ในขณะที่ไอ้ทัพยังบ่นงืมงัมเป็นหมีกินผึ้งอยู่
   “จะยืนบ่นอะไรหนักหนา เสด็จได้แล้วครับไอ้เพื่อน”
   ผลั๊ว
   “กวนตีนแล้วสัด” เหี้ยหัวกู แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมัน ผมเดินนำมันขึ้นเขาไปเดินไม่ไกลเท่าไหร่เสียงน้ำตกก็ได้ยินชัดขึ้นจากที่บ่นๆไอ้ทัพก็รีบเดินนำอย่างกับมันรู้จักทาง ได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินตามมันไปจนกระทั่งถึงน้ำตกที่พึ่งเปิดเส้นทางใหม่ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่แต่เขากับพี่ลมและกรมป่าไม้ร่วมกันบุกเบิกเพียงแต่เหลือแค่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
   “โคตรสวยเลยวะ” มันวางกระเป๋าลงบนก้อนหินพร้อมกับนั่งลงถอดรองเท้าถุงเท้าก่อนที่จะแช่เท้าลง
   “ใช่ไหม สบายใจขึ้นยัง” ผมถามก่อนที่จะนั่งลงข้างๆมัน
   “เออ บางทีกูก็เหนื่อยวะ แม่งหนีมันไม่ได้ซักที”
   “มันหนีไม่ได้หรอกวะ ทำได้แค่ยอมรับมัน” ผมเงยหน้ามองดูร่มไม้ฟังเสียงน้ำตกที่ช่วยทำให้ใจที่วุ่นวายสงบลง ทั้งผมกับไอ้ทัพต่างปล่อยให้ความเงียบเข้ามาแทนที่ ทั้งผมทั้งมันต่างจมกับความหลัง
   วันปฐมนิเทศ
   วันที่ผมคิดว่ามันจะทำตามสัญญาทั้งๆที่หลังจากที่มันพูดออกมา มันเหมือนให้ความหวังผมโครมใหญ่ไม่งั้นผมจะคิดไปไกลขนาดที่รอให้ถึงวันนี้อีกเหรอ ทั้งการเดินจับมือ ทั้งอนาคตที่พูดถึง ทั้งถ้อยคำหวานหูที่มันพูดออกมาผมจำได้ทุกคำ รอวันนี้ วันที่ถ้าผมรู้ว่าต้องเจ็บ ผมคงไม่ต้องการให้มันมาถึง หลังจากที่ออกจากหอประชุมผมยืนรอมันที่ใต้ตึกพร้อมกับคำถามที่อยากให้มันตอบ
   มึงยังจำคำสัญญาได้ไหม
   รอจนกระทั่งคนเริ่มซาก็ยังไม่เห็นมันลงมาจากห้อง ขึ้นไปตามมันก็ได้วะ มันบอกว่าจะกลับบ้านด้วยกันนี่หว่า
   “ไอ้นะ.........” ผมที่กำลังจะเรียกต้องรีบกลืนคำพูดแล้วหลบฉาก เมื่อนัทไม่ได้อยู่คนเดียว
   “เราชอบนัท ชอบมานานแล้ว”
   “เอ่อ...”
   “เราคบกันได้ไหม”
   “ได้สิ” คำตอบของนัททำให้ผมเหมือนทุกอย่างดับวูบ หูไม่ได้ยินเสียงอะไร ไม่รู้ว่าพาตัวเองมาอยู่หน้าโรงเรียนได้ยังไง ไม่รู้ว่าโทรหาไอ้พี่ลมมารับตอนไหน จนกระทั่งพี่มันมายืนอยู่ตรงหน้า
   “มึงเป็นไรไอ้ไม้” คำถามของพี่ชายที่แม้มันจะดูห้วนแต่ก็แฝงด้วยคำห่วงใย จนบ่อน้ำตาที่กลั้นไว้แตกพราก
   “พี่ลม”
   “อ่าวไอ้ห่า ร้องทำเหี้ยไรวะ” ถึงมันจะด่าแต่มันก็ดึงผมเข้าไปกอด
   “เอ่าๆ ร้องเข้าไปสิ เสื้อกูเปียกหมดแล้วไอ้เหี้ย ไปกลับบ้านร้องอย่างกับญาติมึงเสีย” มันโยกหัวผมแรงๆก่อนที่จะล็อกคอผมขึ้นซ้อนท้ายกลับบ้าน หลังจากที่กลับมาถึงบ้านไอ้พี่ลมมันก็ไม่ถามอะไรมากแตะผมเข้าห้องแล้วบอก ร้องไห้ตายแล้วค่อยกลับมา นี่ล่ะความรักฉบับไอ้พี่ลม ผมนั่งร้องจนพอใจ เออวะ ปล่อยมันแม่ง ตอนเย็นผมก็กลับมาเป็นคนเดิมถึงจะไม่เต็มร้อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครเป็นห่วง
   “ไอ้นัทมันโทรมาหามึง”
   “ช่างมันเถอะ เออพี่ผมจะไปเรียนที่กรุงเทพนะ” ทีแรกตอนประกาศผลเขาคิดที่จะเรียนที่จังหวัด เพียงแต่ตอนนี้เขาเลือกที่ไปอยู่ที่ไกลๆ
   “ตัดสินใจดีแล้ว”
   “เออ”
   “ก็แล้วแต่มึง” ครับ พี่ผม หลังจากที่ตัดสินใจเลือกแล้วผมก็เริ่มเตรียมตัวโดยที่ไม่ได้บอกเพื่อนคนไหน โดยเฉพาะไอ้นัทที่ก็เริ่มไม่ได้คุยกันเพราะมันติดนายร้อยก็เริ่มวุ่น ก็ดีเหมือนกันเขาก็ยังไม่อยากคุยกับมัน เพราะที่คุยกันไปมันก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่มันเคยพูดไว้เลยซักนิด แล้วจะคุยกันทำมะเขืออะไรวะ จนกระทั่งผมไปเรียนที่กรุงเทพเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อยอมรับสิ่งใหม่ๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ แต่ยังไงผมก็ยังคงรักมัน ถึงจะรู้ว่าท้ายที่สุดคำสัญญาจากปากมันไม่มีความหมาย
   “มึงรักคนนั้นมากเลยใช่ไหม”
   “ก็คงงั้น แล้วมึงล่ะ” ผมหันไปถามมันที่เลิกเหม่อ
   “ก็รักนะแต่ความเจ็บมันมีมากกว่าวะ มันเหมือนสิ่งที่กูทุ่มเทให้มันไม่มีความหมายอะไรเลย”
   “งั้นทำไมเราต้องเสียใจด้วยวะ กับคนที่มันไม่เห็นค่าความรักเรา” ผมพูดปลอบทั้งตัวเองทั้งมันด้วย ใช่ไหมล่ะ ทำไมเราสองคนต้องจมปลักกับความรักที่คนอื่นไม่เห็นค่าด้วย
   “เออวะ กูจะกลับไปเป็นคนใหม่เว้ย หาคนที่รักกูดีกว่าวะ สนใจไหมเพื่อน” มันหันมายักคิ้วเท่ๆให้ผม
   “เหอะๆ” ผมหัวเราะแล้วขยับลุกขึ้นยืน
   ตู้ม!!!
   “ไอ้เชี่ยไม้!!!”
   “ปากมอมนะมึง กูไม่สนใจมึงหรอกสัสหล่อแต่หน้า” ผมนั่งลงใกล้ๆน้ำตกชี้หน้าว่าไอ้ทัพมันลูบหน้าลูบตาเสยผมขึ้นมองผมเคืองๆ
   “สัสกูพูดเล่นนะเข้าใจไหมวะ เหี้ยกูเปียกหมด”
   “เอ๊ามาเที่ยวน้ำตกมึงจะไม่เปียกจะใช่เหรอ”  ผมยิ้มกวนตีนมัน
   ตู้ม!!!!!!
   “งั้นมึงก็ลงมาด้วยสิ”
   “แค่กๆไอ้ทัพพี”
   “ไอ้ไม้เน่ามีปัญหา”
   “ไอ้ทัพพีคด” แล้วก็จ้องหน้ากันก่อนที่จะหลุดขำกันดังลั่นป่า ยังดีนะไม่มีคนอื่นนอกจากเขาสองคน เดี๋ยวจะโดนด่า
   “ถือว่าเริ่มต้นใหม่นะ กูกับมึง”
   “เออ แต่ก่อนอื่นมึงไม่หนาวเหรอวะ” ผมถามมันน้ำตอนนี้ก็ถือว่าเย็นสบายสำหรับเขาอยู่
   “ไม่วะ เย็นดีวะ รู้สึกโล่งชิบหายเลยวะ คิดถูกแล้วที่มาหามึง” มันว่าก่อนที่จะลอยตัวปล่อยตัวตามสบายมองดูท้องฟ้าใส ที่เหมือนหัวใจของพวกเขาที่ไม่มีตะกอนอยู่แล้ว
   “แน่นอนกูเพื่อนซี้มึงนิ”
   “หึๆ” กูเกลียดเสียงหัวเราะมันจริงๆ เล่นน้ำกันซักพักก็ขึ้นมาพักกินข้าวพากันกลับบ้านแล้วแวะรับลูกหมูกลับบ้าน
   หมับ
   “อาไม้ น้ำคิดถึงงงงงงงงงงงงงง”ยังไม่ทันข้ามวัน จะมาคิดถึงอะไรกันขนาดนั้น
   “เดี๋ยวปล่อยอาก่อนลูกหมู”
   “กลับกันๆๆ น้ำคิดถึงพี่วา” น้ำดึงมือผมไปที่รถ นั่นไง คิดไว้แล้วว่าอามันแค่ตัวแถม
   “เดี๋ยวๆไอ้ลูกหมู ลืมอะไรไปรึเปล่า” ผมยืนกอดอกกดดันน้ำที่คึกเกินเหตุจนลืมสิ่งที่ควรทำ น้ำทำหน้าสลดก่อนที่จะยืนดีๆแล้วยกมือขึ้น
   “อาไม้ อาทัพ สวัสดีครับ” น้ำก้มลงไหว้สวยก่อนจะเงยหน้ามายิ้มแป้น ผมลูบหัวทุยแรงๆ
   “ดีมากเจ้าลูกหมู ป่ะเดี่ยวพาไปหาพี่วา”
   “เย้” น้ำวิ่งนำพวกผมขึ้นรถ ขับรถไปส่งลูกหมูที่โรงงานเห็นแค่วาอยู่ในห้องส่วนไอ้พี่ลมเห็นว่าอยู่ในโรงงานก่อนที่พวกเขาสองคนจะกลับบ้านไร่ ผมไล่ให้ไอ้ทัพไปอาบน้ำบนห้องส่วนผมก็เข้าไปอาบห้องไอ้ลูกหมู
   “ไอ้ไม้โทรศัพท์เว้ย”ไอ้ทัพตะโกนโหวกเหวกหน้าห้องน้ำ
   “เออๆ” ผมขานรับก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดตัวผูกเอวลวกๆเดินออกไปเอาโทรศัพท์กับมัน
   “ฮัลโหลครับ”
   “(ไม้นี่กูนะ)”
   “ไอ้นัท มีไรวะ” ผมถามแต่ตาเหลือบมองไอ้ทัพที่ยืนพิงกรอบประตูแต่หูนี่กางเก็บข้อมูลเต็มที่
   “(กูจะโทรมาบอกมึงว่ามึงคงไม่ได้เห็นกูอีกซักสองเดินวะ)”
   “อ่าวเหรอ มึงจะไปไหนวะ”
   “(กูได้ไปช่วยงานที่จังหวัดอื่น สองเดือน ไม่ต้องคิดถึงนะเว้ย ฮ่าๆๆ)” สองเดือนเลยเหรอ
   “ใครจะไปคิดถึงมึงไอ้สันขวาน” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ใจผมก็หวิวๆไปเหมือนกัน
   “(แต่กูคงคิดถึงมึงวะ)” เนี้ยะ...ก็เพราะมันเป็นคนอย่างนี้ไง แล้วผมจะทำใจได้ที่ไหนกันล่ะ แม่งเอ๊ยยยย
   “เสี่ยวแดกวะ”
   “(เดี๋ยวกลับไปกูสัญญา)”
   “มึงเลิกพูดคำว่าสัญญาซักทีได้ไหม” ผมรู้สึกทนไม่ไหวกับคำว่าสัญญาจากปากมัน ที่มันไม่แม้แต่จะจดจำ
   “(มึงโมโหอะไรกูวะ)”
   “มึงเลิกสัญญาซักที ในเมื่อมึงไม่ทำตามที่พูดซักที ทั้งเมื่อก่อนนี้ จนถึงตอนนี้ มึงเคยจำสัญญาที่เคยให้กับกูซักครั้งไหม”
   “(มึงอย่าจริงจังนักสิวะ)
   ปึด
   เหมือนเส้นความอดทนของผมมันขาดลง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทนเพราะผมจริงจังผิดกับมันที่ลืมทุกอย่าง
   “เออ กูผิดที่จริงจังกับคำพูดมึง กูผิดที่เคยเชื่อทุกอย่างที่มึงพูด ผิดที่ชอบมึง ผิดที่ยังเพ้อฝัน กูเคยคิดนะว่าทำไมกูจริงจังกับคำสัญญากับมึงทำไมทั้งๆที่กูก็เคยเจ็บ เคยเสียน้ำตา แต่กูก็เหมือนคนโง่ที่ยังเชื่อมึงซ้ำๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมากูไม่ไหวแล้ว มึงเคยถามว่าทำไมกูไม่เป็นเพื่อนมึงเหมือนเดิม เพราะกูไม่เคยคิดว่ามึงเป็นเพื่อนไง มึงไม่ต้องมาพ่นคำว่าสัญญาออกมาอีกเลยนะ” ร่ายยาวจนต้องหอบหายใจไอ้ทัพเดินเข้ามาบีบไหล่ผม
   “(ไอ้ไม้กู...)”
   “มึงไม่ต้องพูด เพราะกูจะพูดครั้งเดียวจบ ส่วนมึงจะคิดไงก็เรืองของมึง กูจะไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ แต่กูอยากถามว่ามึงจำสัญญาได้ไหม สัญญาก่อนจบม.ปลาย”
   “(เรื่องอะไร......เห้ย!!)” เสียงตกใจของมันทำให้ผมรู้ว่ามันจำไม่ได้เลย ตอนนี้ผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าร้องไห้เมื่อไอ้ทัพมันเอาผ้าขนหนูที่พาดคอมาถูหน้า เช็ดดีๆก็ได้มั้งมึง
   “กูรู้ว่ามึงจำไม่ได้ สองเดือนนี้คงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่มึงจะได้รู้ว่าจะเอายังไงต่อ แต่กูคงกลับไปเป็นเพื่อนมึงไม่ได้ แล้วคำสัญญาของมึง  มึงเอาไปใช้กับคนอื่นเถอะ กูคงไม่เชื่อมึงอีกแล้ว แต่กูขอบคุณมึงนะที่เป็นเพื่อนกู ขอโทษที่เป็นเพื่อนมึงไม่ได้ อึก แค่นี้นะเว้ย โชคดีกับการเดินทางนะ” ผมกดตัดสาย พร้อมกับไอ้ทัพดึงตัวผมไปกอด
   “มึงทำดีแล้วไม้”
   “อืม” ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยที่ไอ้ทัพลูบหัวผมเบาๆไม่พูดอะไร
   ตึงๆ
   “พ่อลมมมมม อาไม้แก้ผ้ากอดกับอาทัพพพพพพพพพพพพพพ” เสียงโวยวายดังลั่นบ้านผมกับไอ้ทัพรีบผละออกจากกันทันที ไม่รู้ว่าครอบครัวนั้นกลับมาเมื่อไหร่
   “ไปแต่งตัวก่อนเถอะเดี๋ยวกูลงไปก่อน”
   “เออ ขอบใจนะเว้ย”
   “มึงทำดีแล้วล่ะ” ผมพยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าห้องไป ว่าแต่ไม่น่ารีบวางเลยแหะ น่าจะด่าให้สมกับที่มันทำเขาเจ็บ แต่จะด่าว่าควายก็สงสารควาย แต่พอได้ระบายออกไปก็รู้สึกโล่งขึ้นเยอะ แต่งตัวเรียบร้อยก็ลงไปข้างล่าง ได้ยินเสียงไอ้ทัพกับน้องวาแว่วมาจากครัว เลยเดินไปนั่งข้างๆไอ้พี่ลม
   “ไงมึงได้ข่าวว่าแก้ผ้ากอดกันเหรอวะ”
   “เลิกแซวได้แล้วน่าพี่”
   “คิดดีแล้วนะมึง”มันคงได้ยินที่ผมคุยโทรศัพท์แล้วสินะ
   “ดีแล้วล่ะไม่ต้องห่วง”
   “กูไม่ห่วงมึงหรอกโตเท่าควายแล้วมึงอ่ะ”
   “อานัทเป็นควาย” เอาแล้วไงอยู่ดีๆกูก็โดนหลานด่า
   “พี่ลม!! วาบอกแล้วไงเรื่องคำหยาบเห็นไหมลูกพูดตามแล้ว” วารีบเดินออกมาจากครัวพร้อมกับใบหน้าหวานบึ้งตึงแถมยังยกมือกอดอก ที่ผมมองว่ามันไม่ได้ดูน่ากลัวซักนิด
   “โธ่ วาพี่แค่ลืมตัวไป” โอ๊ยยยยยกูเห็นแววอนาคตพี่ชายกูรำไรเลยเว้ย โธ่พี่กู กลัววาซะจนออกนอกหน้าแล้ว
   “พี่ไม้ก็เหมือนกันนะครับ ตอนนี้น้ำเริ่มจำคำไปใช้แล้ว ผมไม่อยากให้น้ำเป็นเด็กไม่น่ารัก”
   “พี่วา น้ำน่ารักน้า น่ารักจริงๆน้า” เจ้าลูกหมูรีบลุกไปเกาะขาอ้อนวาทันที
   “งั้นน้องวาต้องขอโทษอาไม้ก่อน ส่วนคำเมื่อกี้น้องน้ำห้ามเอาไปว่ากับใครนะครับ” น้ำพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะหันมาขอโทษผม แล้วไปอ้อนพี่วาต่อผมว่าต่อไปนี้วาต้องคุมทุกคนได้แน่นอน ผมยิ้มขำๆ
   “ไปกินข้าวกันเถอะครับ พี่ทัพเลยได้ตั้งโต๊ะคนเดี๋ยวเลย”
   “ไม่เป็นไรๆ ครอบครัวสุขสันต์ก็งี้ล่ะ” บอกแล้วสกิลปากมันแซวหน้าตายเป็นยังไงมองหน้ามันเลยครับ วาเขินหน้าแดง ไม่ยอมสบตาไอ้ทัพอีกเลยตลอดการทานข้าว ผมกับไอ้ทัพขึ้นห้องเตรียมเข้านอน
   “เออพรุ่งนี้กูไปช่วยมึงที่โรงงานล่ะกัน ยังไงกูก็ว่าง” ไอ้ทัพมันพูดขึ้นในขณะที่ผมกำลังจะหลับ
   “อ่าวแล้วมึงไม่ไปเที่ยวเหรอวะ”
   “ไม่วะ กูมาแค่อาทิตย์เดียวแถมยังไม่รู้จะไปไหน”
   “ไปเที่ยวเหอะ กูแค่ล้อมึงเล่นเอารถกูไปใช้เลย มึงจะได้พักผ่อนเต็มที่”มันนิ่งคิดไปนิดก่อนที่จะพยักหน้าตกลง ในเมื่อมันช่วยผมผมก็อยากให้มันดีขึ้น
   อยากรู้หลังจากที่ผมตัดสายไอ้นัทไปนะเหรอครับ โทรศัพท์ผมก็เงียบสงบมันคงจะคิดได้ล่ะนะ ผมก็คิดได้แล้วเหมือนกันมันเป็นการยึดติดของผมเอง ผมอาจจะรักมัน แต่ผมจะไม่ยึดติดอีกแม้ตอนนี้มันจะหน่วงๆหน่อยแต่มันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ผมว่ามันคงจะคิดได้แล้วล่ะนะ โว้วคิดอะไรมากมาย นอนดีกว่านะ

***********************************************
มาแบบสั้นๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาลงครึ่งหลังนะคะ
พี่ไม้เราจะดราม่าต่อไปค่ะ
5555555555
โดยส่วนตัวชอบพี่ไม้นะ นิสัยยึดติดแปลกๆ 55555
ส่วนคู่พี่ลมกับวานั้น .......ปล่อยให้เพิ่มความหวานไร่ส้มต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 50 เปอร์ 30/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 30-08-2017 20:09:28
ตกลงแล้วพี่ไม้ ฝังใจกับคำสัญญามาตลอดสินะ
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 50 เปอร์ 30/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-08-2017 20:24:19
อืออออ..........ชัดละ ชัดเลย  :z3: :z3: :z3:
นัท ลืมสัญญา
พอมีสาวมาบอกชอบ ขอคบก็ไปคบสาวเลย
เป็นคนที่พูดคำว่าสัญญาๆ ติดปาก
โดนไม้สวนกลับไป จำได้เลยมั้ง
แต่ถ้านัทชอบหญิง ก็ไปทางเดิม จบกับไม้ไป
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 50 เปอร์ 30/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-08-2017 20:26:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 50 เปอร์ 30/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 30-08-2017 23:00:21
ไม้ๆๆๆ. จงพลางพลูออกมาได้สบายใจนะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 50 เปอร์ 30/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 31-08-2017 10:53:33
ก็ยังรอเหมือนเดิม.เพิ่มเติมวนอ่านอีกรอบ. 55
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 100 เปอร์ 31/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 31-08-2017 18:46:23
“วาครับหายโกรธพี่เถอะนะพี่ไม่ได้ตั้งใจ” ผมที่กำลังเป่าผมอยู่เหลือบไปมองคนตัวโตที่ทำหน้าจ๋อยอยู่บนเตียงเพราะตั้งแต่ที่เขาดุอีกฝ่ายเขาก็ไม่ยอมคุยด้วย เพราะเรื่องนี้คุยกันแล้วและพี่ลมก็รับปากแต่ก็ยังหลุดปากทำให้ไปพูดไม่น่ารักใส่พี่ไม้ถ้าไม่เตือนไม่ห้ามตั้งแต่ตอนนี้ล่ะก็น้ำจะคิดว่าตัวเองทำได้ แล้วจะติดเป็นนิสัย
   “โธ่วา คุยกับพี่หน่อยสิ พี่ขอโทษนะคนดี” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูพร้อมกับแขนแกร่งสอดรัดที่แอว ทำไมต้องมากระซิบอ้อนเขาแบบนี้ด้วยล่ะ เขารับรู้ถึงมือที่สั่นน้อยๆจนต้องวางไดร์เป่าผมลง
   “ปล่อยได้แล้วพี่ลม วาหายโกรธแล้ว คราวหน้าพี่ลมก็ระวังหน่อยสิครับ”
   “อืม พี่จะระวัง”
   ฟอด
   “พี่ลม!!” เขาได้แต่ปิดแก้มหนีอีกคนที่ฉวยโอกาสก้มลงหอมแก้มเขาเฉยเลย
   “ป่ะไปนอนได้แล้ว”  ได้แต่ลุกตามแรงฉุดเบาๆก่อนที่จะโดนรวบไปกอดจนชินไปซะแล้ว ผมขยับตัวเพื่อหาจุดสบายๆ
   “พี่ลมเรื่องพี่ไม้” พวกเขากลับมาบังเอิญได้ยินที่พี่ไม้คุยกับพี่นัทก็เสียงดังขนาดนั้น ตอนแรกเขาคิดว่าจะขึ้นไปดูแต่พี่ลมคว้าแขนไว้ก่อนแล้วบอกว่าปล่อยให้พี่ไม้พูดไป แต่พี่ลมคงจะทันห้ามแค่ผมไม่ได้ห้ามน้ำที่วิ่งขึ้นไปชั้นสองแล้วร้องโวยวายลงมา
   “มันไม่เป็นไรหรอก วาไม่ต้องห่วง ห่วงแค่ไอ้คนดักดารนั่นดีกว่านะ” คนดักดาร? ใครกันนะ
   “พรุ่งนี้เราจะเข้าไร่ส้มกันไหมครับ”
   “วาเข้าไปดูเลยก็ได้ พี่จะขึ้นไปดูฝาย ว่าจะทำเพิ่ม” ผมพยักหน้าหงึกหงักกับอกกว้าง ที่หลังๆพี่ลมเริ่มใส่แค่เสื้อกล้ามนอน
   “ราตรีสวัสดิ์นะวา” ริมฝีปาหนาแนบชิดกับหน้าผากเนียน
   “ครับฝันดีนะพี่ลม” ร่างบางตอบกลับก่อนที่จะซุกหน้าลงกับอกกว้างก่อนที่จะหลับไหลไปพร้อมกับอ้อมกอดอุ่น
   ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดเสียเวลากับการแงะตัวเองออกจากอ้อมแขนพี่ลมหลังๆมาพี่ลมจะตื่นเช้ากว่าเขาประมาณหนึ่ง ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยก่อนที่จะลงไปชงกาแฟไว้สำหรับทั้งสามคนแล้วเตรียมทำกับข้าวเช้า ไม่นานนักพี่ลมก็ลงมา พร้อมกับพี่ไม้ที่เตรียมตัวเสร็จแล้ว
   “พี่ไม้จะไปไหนแต่เช้ามืดครับ” ผมถามพร้อมกับยืนกาแฟให้ทั้งสองคน
   “พี่จะแวะไปท้ายไร่แล้วค่อยไปโรงงานนะ” ผมทำหน้างงๆแต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร
   “แล้วพี่ทัพล่ะครับ”
   “อ้อ มันจะไปเที่ยวนะตอนนี้ยังไม่ตื่นหรอก”  ผมพยักหน้า งั้นวันนี้คงจะได้ไปส่งน้ำก่อนแล้วค่อยกลับเข้าไร่
   “พี่ไปก่อนนะ” พี่ไม้ซดกาแฟอักๆเหมือนไม่ร้อนจนเขากลัวแทน ก่อนที่จะสะพายเป้เดินออกจากบ้านไป เหมือนจะดูร่าเริงขึ้นกว่าปกตินะ
   “หึๆ คราวนี้มีเรื่องสนุกๆให้ดูอีกแล้วล่ะสิ” เหมือนจะมีคนที่รอดูเรื่องสนุกคนเดียว
   “พี่ลมรู้อะไรบอกผมด้วยสิ”
   “อยากรู้เหรอ” ผมรีบพยักหน้ารัวๆ พี่ลมกวักมือให้ผมเข้าไปใกล้ๆ ผมขยับเข้าไปชิดก่อนที่พี่ลมจะชี้นิ้วไปที่แก้ม
   บ้าเหรอ!!!!
   ผมรีบดีดตัวออกห่างได้ทีนี่เอากำไรเข้าตัวตลอด จะให้เขาหอมแก้มเหรอจะบ้าหรือไง
   “โธ่ไม่อยากรู้เหรอไง”
   “ไม่อยากรู้แล้ว”  ตลอด พี่ลมอ่ะตลอดนิดๆหน่อยๆก็ชอบทำให้เขาเขินจนทำตัวไม่ถูก คิดที่จะลุกขึ้นหนีเข้าครัวแต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่ตวัดวงแขนรอบเอวบางรั้งให้นั่งตัก
   “ยอมๆพี่ซักทีให้พี่ชื่นใจไม่ได้เหรอครับ”
   “นี่วายังไม่ยอมอีกเหรอ” อยากจะถามใจแทบขาดว่าทุกวันนี้เขาไม่ยอมอีกเหรอ เดี๋ยวกอดเดดี๋ยวหอมไหนจะปล้นจูบเขาอีก
   “โธ่วา แค่หอมแก้มพี่เองน้า” หันไปมองเสี้ยวหน้าคนตัวโตที่ทำหน้าอ้อน ให้ตายเถอะคุณพ่อลูกหนึ่งทำไมถึงชอบอ้อนเขาแข่งกันกับลูกนักนะ แต่เขาก็มองเห็นสิ่งที่พี่ลมให้เกียรติและความชัดเจนจนเขาคิดไม่ผิดที่ยอมเปิดใจให้อีกฝ่าย ผมยกมือขึ้นกอดคอหนาก่อนที่จะจรดปลายจมูกลงที่แก้ม
   “หอมแล้วก็เลิกงอแงแล้วปล่อยวานะครับ”
   “หืย!! ทำไมน่ารักอย่างนี้นะ พี่ล่ะอยากฟัดเราทั้งตัวแล้ว” ฉ่า คำพูดที่เหมือนกำลังสะกดกั้นอารมณ์ทำให้เลือดสูบฉีดจนแก้มแดงก่ำ
   “พี่ลม!! ปล่อยเลย ปล่อยๆ” เขารีบดิ้นและพยายามแกะมือพี่ลมออกเมื่อรับรู้ถึงอะไรที่ใหญ่ขึ้น
   “อ่า วาอยู่นิ่งๆ” เสียงแหบพร่าพร้อมกับอ้อมกอดกระชับแน่นขึ้นทำให้ผมต้องนั่งนิ่งเหมือนถูกสต๊าฟไว้   
   “ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวมันก็สงบไปเองพี่ขอกอดอีกซักพักนะคนดี” มือใหญ่ลูบขึ้นลงเพื่อปลอบร่างบางที่สั่นเทา  วาไม่รู้ตัวเองเลยว่าตัวเขานั้นสั่นและตื่นตระหนกเมื่อสัมผัสถึงความต้องการของร่างใหญ่ แม้จะใกล้ชิดแต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ก้าวข้ามไปอีกขั้นเพราะลมเองก็กลัวว่าวาจะรองรับความต้องการของเขาไม่ได้ อีกทั้งเขาก็ไม่กล้าทำอีกฝ่ายเจ็บ แม้จะนอนกอดกันทุกคนแต่ทุกคนไม่รู้หรอกว่าเขาต้องใช้ความอดทนแค่ไหนที่จะไม่กดวา แถมเจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าเวลานอนนั้นยั่วยวนเขาแค่ไหน เขาต้องอดกลั้นแค่ไหน แล้วไอ้ที่ลงมาช้ากว่าวาเนี้ยเพราะเขาเสียเวลาปลอบลูกชายที่มันตื่นเคารพธงชาติให้สงบลงถึงได้ลงมา
   ผ่านไปซักพักทุกอย่างก็กลับมาปกติ วานั่งนิ่งๆถึงแม้จะหายสั่นแต่ผมก็ไม่ได้ปล่อยให้วาลงจากตัก
   “พี่ขอโทษนะ”
   “มะ...ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ลมปล่อยวาก่อน”
   “พี่ถามหน่อยสิ วากลัวพี่ไหม” เขาก้มมองคนที่พยายามหลบหน้าหลบตาเขาพอถามไปแก้มเนียนก็แดงก่ำ มือเรียมบีบแน่นริมฝีปากเม้มและคลายออก ทำไมเขาดูว่ามันเชิญชวน กูคิดเรื่องดีๆเป็นไหมวะ นับวันยิ่งอยากฟัด นับวันยิ่งอยากกด แหมไม่อยากจะอวดผมไปถามผู้มีประสบการณ์มาแล้ว  แลกกับการโดนมันแซวจนหน้านี่เพิ่มความหนาขึ้นอีกหลายนิ้ว จากที่กระดากอายมันแซวจนผมเลิกอายจะคิดดู
   “อ่า พี่ลมปล่อยก่อนไม่ได้เหรอ”
   “ตอบพี่ก่อนสิ”
   “ก็ได้ๆ วาไม่กลัวพี่ลมหรอก พี่ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย” ไอ้สายตาท้าทายนี่มัน อย่าให้พี่ทำนะ จะเอาให้พูดไม่ออกเลย ก็ได้แต่คิดในใจล่ะครับจะให้ทำอะไรล่ะในเมื่อผมกลัววาเจ็บ ผมคลายอ้อมแขนวาก็กระโดดหนีเข้าครัวทันทีจะกลัวอะไรขนาดนั้นถ้าพี่ทำแล้วจะรู้สึก  ทำไมรู้สึกกูหื่นจังวะ คิดแต่เรื่องสัปดน คนหื่น 2017เลยกู  ปล่อยให้วาทำอะไรให้หายเขิน ผมเลยขึ้นไปปลุกไอ้ลูกหมูไปวิ่ง เดี๋ยวนี้ชินไม่ค่อยโยเยเท่าไหร่แล้ว เหมือนจะน้ำหนักลงแต่แก้มยังยุ้ยเหมือนเดิม ปล่อยให้วิ่งรอบบ้านส่วนเขาก็ไปสั่งงานไอ้ละออง
   “นาย ไอ้ละอองขอถามหน่อย”
   “ถามไรวะ” ผมมองมันอย่างระแวง เมื่อไอ้ละอองเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ๆแถมยังทำหน้ากวนตีน
   “นายจับคุณวากินรึยัง” แหมมึงกระซิบดังขนาดนี้ให้กูเอาโทรโข่งให้ไหม สายหน้าแทนคำตอบ
   “โหหหหหหหหหหห นายแม่งไม่มีน้ำยาว่ะ” มันโห่แล้วลอยหน้าลอยตาทำหน้าสมเพศเวทนาผม
   “หึๆไอ้ละออง อย่าอยู่เลยมึง”
   ผล๊วะ
   “โอ๊ยยยยย นายๆๆๆๆๆ ไอ้ละอองผิดไปแล้ว ไอ้ละอองขอโทษ” มันวิ่งสี่คูณร้อยไปหลบหลังไอ้สน
   “ปากดีนักนะมึง”
   “ก็นายทำไมไม่จับกินซักทีเล่า”
   “แล้วมึงเสือกอะไรกับชีวิตครอบครัวกูหนักวะ กูไม่ทำแล้วมันทำไมวะ” อยากจะแตะมันอีกซักที เผือมันจะหายกวนตีนซักที
   “ก็เป็นห่วง หลักๆคืออยากเสือกอ่ะ” ดีมากไอ้ลูกน้องตัวดี ดีจริงๆ
   “สิ้นเดือนกูจะหักเงินเดือนมึง”
   “ม่ายยยยยยยยยย ผมจะฟ้องคุณวา” ดู ดู๊มันสิแม่งรู้อีกว่าควรเข้าข้างใคร ไอ้มือขวาแปลพักตร์
   “มึงไม่ต้องอ้างวาเลย วันนี้งานที่กูสั่งไว้ไม่เสร็จมึงเจอดีแน่ไอ้ละออง” ผมชี้หน้ามัน ซึ่งมันก็ตเบะรับ กวนตีนแบบไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ สั่งงานเสร็จก็กลับเข้าบ้าน ลูกหมูแต่งตัวเตรียมพร้อมนั่งกินข้าวพร้อมกับทัพ ที่วันนี้แต่งตัวเตรียมพร้อมออกไปข้างนอก
   “หวัดดีพี่ลม เดี๋ยวผมไปส่งน้ำให้พอดีว่าจะเข้าไปเที่ยวเมืองนะพี่”
   “ไม่รบกวนนะ”
   “ไม่พี่ อยากไปกับอาไม้ลูกน้ำ” ลูกกูได้ชื่อใหม่อีกแล้ว  น้ำเงยหน้าขึ้นจากถ้วยข้าวต้มพยักหน้ารัวๆ เดี๋ยวนี้น้ำเริ่มเข้าสังคมมากขึ้น ไม่กลัวคนที่ไม่คุ้นหน้าเหมือนเมื่อก่อน
   “งั้นพี่ฝากหน่อยนะ”
   “ไม่มีปัญหาพี่ ป่ะลูกน้ำ เดี๋ยวตอนเย็นผมไปรับลูกน้ำให้ด้วยนะ”ทัพโยกหัวทุยของน้ำไปมา ดีจริง ทัพกับน้ำก็ออกไปแล้ว ว่าแต่วาหายไปไหนล่ะ จนเขากินข้าวเสร็จยังไม่เห็นวาเลย
   ตึงๆๆๆ
   “วาวิ่งทำไมระวังเดี๋ยวก็ล้มหรอก” ผมรีบคว้าคนที่วิ่งพุ่งเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
   “พี่ลม” รอยยิ้มกว้างทำให้ผมชักอยากรู้แล้ววาดีใจเพราะเรื่องอะไรกัน
   “มีอะไรกันถึงได้ดีใจขนาดนี้ หือ” วาก้มหน้าลงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะแตะแต้มใบหน้า
   “พี่โย พี่โยจะมาหาวาล่ะ พี่ลมวาดีใจมากๆเลยล่ะ”
   ห๊ะ
   ห๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
   เชี่ยล่ะ พี่ว่าที่เมียจะมา
   กูปิดไร่ทันไหม
**************************************************************************************
5555555555555555555555555555555
ตอนหน้าปูพรมแดงเปิดตัวพี่โยอย่างเป็นทางการ
พ่อเลี้ยงควรได้โล่ #คนกลัวเมีย2017 #คนหื่น2017
นับวันพ่อเลี้ยงเรายิ่งง๊องแง๊ง 555555555555555
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 100เปอร์ 31/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 31-08-2017 19:02:43
ละออง นายนี่จริงๆ เลยนะ พูดดีทำดีมาก อิอิอิ
สู้ๆ นะพี่ลม พี่เมียไม่ได้น่ากลัวหรอก หื่นสู้พี่ลมไม่ได้แน่ๆ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 100เปอร์ 31/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 31-08-2017 20:03:23
ละออง. นายแน่มากๆๆๆ.
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 100เปอร์ 31/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-08-2017 20:39:24
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 100เปอร์ 31/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-09-2017 07:57:19
ไหนๆพี่ทัพเค้าก็อกหักพอดี เราว่าจับเค้าให้ได้กับพี่โยเลยดีไหม :laugh:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 15 100เปอร์ 31/8/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 01-09-2017 09:03:08
ไหนๆพี่ทัพเค้าก็อกหักพอดี เราว่าจับเค้าให้ได้กับพี่โยเลยดีไหม :laugh:
อิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 16 3/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 03-09-2017 11:02:11
หากจะถามใจลมตอนนี้ บอกเลยว่ากูป๊อด แม้จะเคยคุยกันแต่ก็เพียงคุยกันครั้งเดียวผ่านโทรศัพท์แต่น้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานและดูท่าจะเป็นคนจริงจังเสียด้วยสิ แถมเท่าที่คุยเขาเป็นคนที่โดนสอบสวนซะมากกว่า ดูท่าจะรักวามากเลยทีเดียว หลังจากที่บอกข่าววาก็หนีไปทำงานด้วยอารมณ์ดีมาก แม้ว่าโยจะมาในอีกสามวันข้างหน้า ร่างเล็กก็เหมือนจะตื่นเต้นมากมายเลยทีเดียว แต่เขาก็เข้าใจวาดี แม้ว่าจะหวาดหวั่นไปหน่อยกับการเจอกับครอบครัวของคนที่จะจริงจังด้วย ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะเว้ย แม่งชีวิตไม่เคยได้คิดจริงจังกับใครแต่ก็มาพลาดท่าซะก่อนล่ะ
   “พี่ลมทำไมดูเครียดจังครับ”
   “อ้อไม่มีอะไร งานเสร็จแล้วเหรอ” วันนี้วาบอกว่าจะแวะเข้าไปจัดการบัญชี แล้วค่อยเข้าไร่ ผมเลยเข้ามาทำงานที่ไร่องุ่นก่อน
   “ครับ เหนื่อยไหมพี่ลม” ให้ตายเหอะแค่คำถามผมก็หายเหนื่อยแล้ว
   “ไม่หรอกทำทุกวัน จะเข้าไร่ส้มใช่ป่ะ เดี๋ยวพี่พาไป” ผมวางกระสอบปุ๋ยลงปัดมือลวกๆ
   “ครับ น้ำครับ” ผมยิ้มกว้างเมื่อวาส่งน้ำเย็นๆให้
   “ไอ้สินกูว่าองุ่นคราวนี้มันต้องหวานฉ่ำแน่เลยวะ” เสียงแซวแว่วมาพร้อมไอ้สมุนแฝดที่เดินกอดคอกันตรงมาทางเขา
   “ทำไมวะละออง”
   “ก็นายเรามีความรักเว้ยมึงได้กลิ่นความรักไหมเว้ย อบอวนทั่วไร่เลยมึง” ผมว่าไอ้ละอองมันต้องไปอ่านนิยายมากไปแน่ๆ
   “จริงด้วยวะ กูว่ามันต้องหวานมากแน่ๆ” ไอ้นี่ก็ลูกคู่จริงๆเว้ย
   “งานที่กูสั่งนะเสร็จยัง ถึงได้เดินอู้แบบนี้ห๊ะ” ตอนนี้วาไม่เขินกับการแซวของไอ้ปากมอมสองตัวนี้แล้วแต่แก้มเนียนก็ยังขึ้นสีระเรื่อ
   “โหยยยนายยย แค่ใส่ปุ่ยไร่กระหล่ำไร่หนึ่ง แค่นี้จิ๊บๆ” เหมือนมันจะเข้าใจผิดอะไรไปนัด
   “ไร่หนึ่งนะ กูหมายถึงทั้งไร่นะ” ทันทีที่พูดจบไอ้สองตัวนั่นก็มือไม้อ่อน ว่าแล้วไง คิดเหรอว่างานที่ให้มันจะสบายขนาดนั้น
   “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
   “ไปทำงานต่อได้แล้วพวกมึง ไม่ต้องโหยหวน ป่ะวา”
   “นายสองมาตรฐาน”
   “ใช่ๆ” ผมปล่อยให้มันประท้วงไป เดินหนีออกมาพร้อมกับวาที่มองหน้าผม
   “มีอะไรรึเปล่าหืม”
   “พี่ลมแกล้งอะไรละออง”
   “ไม่ได้แกล้งน่า ขึ้นสิ” ผมขึ้นคล่อมจักรยานโดยที่วากระโดดขึ้นซ้อน เพื่อไปดูสวนส้มที่ตอนนี้ดอกเริ่มผลิบาน วาเป็นคนคุมส่วนนี้เองและผมก็ไว้ใจเมื่อสิ่งที่วาทำมันช่วยให้ผลผลิตงอกงามได้ดีขึ้น ผมกับวาแยกย้ายทำหน้าที่ วาเดินเข้าไปคุยกับคนงานก่อนที่จะเข้าไปดูต้นส้มที่ล่ะต้น ส่วนผมก็ไปใช่แรงงานช่วยพวกคนงานไร่ดายหญ้ารอบๆต้นส้มจนกระทั่งวามาเรียกว่าถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว
   “เดี๋ยววากลับก่อนเลยนะ พี่จะเลยไปดูสวนสตรอเบอร์รี่ เดี๋ยวพี่จะกลับไปพร้อมกับพวกคนงานที่นั่นเลย”
   “ครับ พี่ลมอยากกินอะไรไหม”
   “ไม่ล่ะเดี๋ยวพี่เอาสตรอเบอร์รี่กลับไปด้วย วาจะได้ไม่ต้องทำเพิ่มหลายอย่าง” ในบ้านผมจะมีคนงานเก็บแล้วส่งไปให้ที่บ้านอยู่แล้ว
   “ได้ครับ” วาปั่นจักรยานกลับผมก็ติดรถคนงานไปยังไร่สตรอเบอร์รี่ที่เป็นผลผลิตที่ขายได้ตอนนี้กับผักต่างๆเพราะทั้งองุ่นและส้มต่างพักต้น ไม่งั้นต้นองุ่นต้นส้มเราจะโทรมจนให้ผลผลิตที่ไม่ดี ลงไปควบคุมการใส่ปุ๋ย เดินวุ่นวายทั่วทั้งไร่จนกระทั้งพระอาทิตย์คล้อยตกเขาถึงได้กระโดดขึ้นรถพร้อมกับคนงานเพื่อกลับบ้าน งานที่ไร่เหมือนมีอะไรให้ทำตลอดเวลาเป็นงานที่ไม่จบไม่สิ้นมีงาน มีปัญหาให้แก้ตลอด แต่พอได้เห็นผลผลิตออกมาก็ทำให้เราหายเหนื่อย
   “พี่ลมขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ทันทีที่ผมเดินเข้าบ้านวาก็ชะโงกหน้าออกมาจากครัว ผมเห็นเจ้าลูกหมูกำลังเล่นกันกับอาคนใหม่ ไอ้ไม้ดูท่าจะอยู่โรงงาน
   “งั้นพี่ขึ้นไปก่อนนะ” ผมขึ้นห้องไปอาบน้ำเสร็จก็ลงมาเห็นทุกคนอยู่บนโต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว
   “พี่ลมพรุ่งนี้วาจะเข้าไปจองโรงแรมให้พี่โยนะ”
   “จองทำไมให้เปลือง ให้มาพักด้วยกันที่บ้านนี่ก็ได้นะยังไงก็คนกันเอง ห้องรับแขกเราก็ว่างอยู่” วายิ้มกว้างพร้อมกับบอกขอบคุณ
   “อาโยจะมาเหรอครับ” น้ำที่นั่งฟังถามขึ้น วาเลยหันไปตอบ ส่วนทัพก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาก็ไปเที่ยวคงกลับมาก็แค่ตอนเย็น ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อเขาอยู่แล้ว
   “งั้นเดี๋ยววาจะทำความสะอาดห้องล่ะกันครับ”
   “ได้สิ”
   “น้ำจะไปรับอาโย”
   “อืมคงไม่ได้นะครับ เห็นว่าจะมาตอนบ่าย น้ำเรียนอยู่ไปไม่ได้เดี๋ยวกลับบ้านค่อยมาเจอกันนะครับ” เพียงวาอธิบายเจ้าลูกหมูก็เชื่อฟัง อย่าให้เป็นเขานะ ต้องได้เถียงกันซักคำสองคำก่อนที่จะยอม
   “น้ำจะได้เจออาโยแล้ว” เจ้าลูกหมูร้องดีใจแต่ทำไมเขาไม่ดีใจด้วยวะ
   “พี่ลม กลัวรึไง” ไอ้ทัพที่นั่งอยู่ข้างๆเอียงตัวมากระซิบ
   “ใคร ใครกลัว”
   “โธ่ ก็พี่ลมไง ไม่อยากเจอพี่ชายวาใช่ไหมล่ะ” ไอ้เด็กนี่นิ จริงๆก็สนิทสนมกับมันพอควรล่ะนะมันถึงได้กล้าพูดเล่นกับผม
   “เออ แม่งกูก็หวั่นๆเหมือนกัน”
   “น่าๆพี่ลม อย่างพี่ต้องกลัวอะไรอีก สู้สิ” มันยุยงส่งเสริมกูดีจริงๆ เอาวะเป็นไงเป็นกัน

   Part Yotin
   ใครจะไปคิดว่าน้องชายสุดที่รักจะจัดการแก้ปัญหาให้เขาโดยการหนีไปตายเอาดาบหน้าที่ประเทศบ้านเกิดที่จากมาหลายปี  จริงๆเขาก็จัดการได้แต่ถ้าจัดการก็จะเป็นการไม่ไว้หน้าญาติผู้ใหญ่แถมยังเกรงใจบิดามารดาตนเองอีก เหอะ ถ้าพวกญาติๆที่ก่อความวุ่นวายปวดหัวพวกนั้นควรดีใจที่ยังมีพ่อและแม่เขาอยู่ไม่งั้นเขาก็เล่นจัดการแบบไม่ต้องไว้หน้าใครทั้งนั้น ต่อให้เป็นญาติตัวเองก็เหอะ
   “มัม ผมจะไปหาน้อง”
   “จะไปแล้วเหรอลูก เพราะแม่ไม่ดีเองทำให้น้องต้องหนีไปไกลแบบนั้น พาน้องกลับมานะลูก” เขากรอกตาขึ้นมองฟ้า เท่าที่ฟังลูกชายคนเล็กของแม่คงไม่อยากลับมาซะแล้วมั้ง
   “ผมอยากให้มัมทำใจไว้ ผมว่ายังไงไอ้ซนนั่นคงไม่กลับมาแน่ๆ”
   “เอ๋ ทำไม”
   “ผมว่าน้องคงมีทีที่น้องสามารถพักพิงได้แล้วล่ะครับ” รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นเมื่อนึกถึงใครบางคนที่น้องชายสุดที่รักบอกเล่าให้ฟังเขาอยากจะเห็นคนที่ทำให้วาถึงกับเปิดใจให้
   “โอ้ ตายจริง จริงเหรอจ๊ะ โยกลับมาเล่าให้มัมฟังบ้างนะคะ” ผมพยักหน้ารับคำ มัมสบายใจขึ้น
   ผมเก็บกระเป๋า ปัญหาก็เพราะเรื่องสมบัติบ้าบอของตาที่บรรดาญาติหิวกระหายต่างพากันวุ่นวายกับเขาผู้เก็บเอกสารต่างๆของคุณตา หนักสุดก็บีบเรื่องแต่งงานแถมยังใช่เรื่องที่วาไม่ใช่คนในครอบครัวมาบีบบังคับเพราะวาก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับผลประโยชน์เช่นเดียวกัน จนวาหนีไปก่อนที่เขาจะเก็บซากศพญาติที่ตอนนี้โดนเขาตอกตะปูติดฝาโลงไม่กล้าทำอะไรแล้ว เหอะ นี่ยังเห็นแก่หน้ามัมและแด๊ดนะเขาเอาให้ไม่ฟื้นแน่ๆ แต่ก็คงไม่ได้ทำอะไรให้วุ่นวายใจอีกเขาก็ตัดสินใจแพ็คกระเป๋าไปหาน้องชายที่ประเทศไทย และเขาก็จะได้เจอกับ ไอ้ ไม่สิมันไม่สุภาพสินะ นายลมอะไรนั่นซักที
   ทันทีที่เท่าแตะสนามบิน อากาศที่ดูเหมือนจะร้อนไปนิดสำหรับเขา ก่อนหน้านี้ที่เขาลงเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพได้ติดต่อโทรบอกวาไว้เรียบร้อยแล้ว จะให้ไปถึงแล้วโทรนะเหรอมันไม่ใชเรื่องเลยซักนิดแบบนั้นเสียเวลาเขาเป็นคนที่ทำอะไรมีแบบแผนจะให้มาฉุกละหุกนี่ รับไม่ได้อย่างแรง ทันทีที่เดินออกจากประตูขาเข้า
   “พี่โย!!!” เสียงคุ้นหูเรียกเสียงดัง เขาหันไปเห็นคนที่ยืนโบกไม้โบกมือยิ้มร่า ท่าทางมีความสุขดีสินะ ร่างสูงลากกระเป๋ารีบเดินเข้าไปหา
   “คิดถึงจัง”
   “แล้วใครใช้ให้หนีมา” อย่าคิว่าจะมีคำพูดชวนหวานหูออกจากปากผม เจ้าวาทำหน้าเหม็นเบือ
   “สวัสดีครับ คุณโย” คนที่ยืนประกอบฉากข้างๆวาพูดขึ้นเรียกความสนใจจากเขา ดวงตาคมกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างที่ไม่กลัวว่าจะเสียมารยาท ส่วนสูงไม่ได้ต่างจากเขามากมาย ผิดแต่ออกจะหนากว่าเขาไปหน่อย ดวงตาคมที่เหมือนผ่านปัญหามามากมายก็คงเหมือนที่วาเล่าให้ฟัง
   “ไม่ต้องเรียกคุณหรอก ท่าทางเราจะอายุไม่ห่างกันเท่าไหร่ ในที่สุดก็ได้เจอกันซักที”รอยยิ้มการค้าถูกใช้ออกมา โดยไม่สนใจน้องชายที่กรอกตาไปมา
   “งั้นไปกันดีกว่าเดี๋ยวจะถึงที่ไร่มืดซะก่อน”
   “ป่ะพี่โย” วากระโดดมากอดแขนลากเขาเดินตามลมไป ถึงยังไงน้องชายเขาก็ยังดูเหมือนเด็กตลอดเขาขึ้นนั่งที่เบาะหลังพลางสังเกตทั้งสองคน
   “วาจะแวะซื้ออะไรอีกไหม”
   “ไม่แล้วพี่ลม วาวานพี่ไม้ชื้อเข้าไปให้แล้ว”
   “เออจริงสิพรุ่งนี้จะมีพ่อค้าคนกลางเข้ามาดิลด้วยพี่ฝากวาด้วยนะ”
   “ได้ครับ พรุ่งนี้พี่ลมต้องอย่าลืมว่าต้องไปงานที่โรงเรียนน้ำนะครับ” เออ คุยกันซะให้พอ
   “น้ำ เด็กที่เรียกพี่ว่าลุง” อายุผมไม่ได้มากเลยนะ ยังไม่พอที่จะเป็นลุงใคร
   “ใช่ครับพี่โย น้องดีใจที่จะได้เจอพี่มากเลยนะ” เหอะๆ ได้แต่หัวเราะในใจ รถวิ่งยาวจนกระทั้งถึงไร่ จนกระทั่งถึงจอดที่หน้าบ้านเขาเปิดประตูลงก่อนที่จะเดินตามหลังเจ้าบ้านเข้าไป
   “พี่วา อาโยล่ะอาโยล่ะ” เสียงโวยวายดังลั่นตั้งแต่เขายังไม่ก้าวเข้าประตู
   “นิ่งๆไอ้ตัวแสบ ทำไงก่อน” ลมยืนจับหัวทุยที่เขาพึ่งเห็น เด็กอะไรมันน่าบีบจังวะ
   “สวัสดีครับอาโย”
   “สวัสดีครับ ลูกหมู” เขานั่งลงเพื่อให้เสมอกับเจ้าตัวป้อม
   “น้ำไม่เป็นลูกหมูแล้วนา” ยิ่งทำหน้าพองลมยิ่งทำให้เขาอยากบีบแก้ม แล้วก็ทำตามที่คิดเขายกมือบีบแก้มนุ่มทันที เป็นอย่างที่วาว่าไว้ ถ้าได้เจอเขาจะต้องชอบ เด็กนี่มันน่ารักจริงๆ
   “เลิกแกล้งหลานเลยพี่โย ไปดูห้องกับวาก่อน”
   “ได้ นำไปสิเจ้าของบ้าน” แซวให้วาหน้าแดงเล่น วาส่งค้อนให้ผมก่อนที่จะเดินนำขึ้นชั้นสอง สวนทางกับใครบางคนที่เดินลงมา
   “พี่โยนี่พี่ทัพเพื่อนพี่ไม้ครับ พอดีขึ้นมาเที่ยว”
   “อ่าสวัสดีครับ ผมทัพครับ” โยมองคนมือไหว้เขา แม้จะดูประหม่าเพราะสายตาของเขาที่มองอยู่
   “ผมโย” แนะนำสั้นๆก่อนที่ทัพจะขอตัวลงไปข้างล่าง ผมมองตามหลังไปนิ่งๆจนวาต้องเรียกผมอีกรอบ เอากระเป๋าเก็บไว้เขาก็ลงไปที่โต๊ะอาหาร ที่ตอนนี้อยู่กันครบทุกคน นั่งลงตรงกลางระหว่างวาและทัพ เพียงอยู่ด้วยไม่นานเขาก็สัมผัสถึงความอบอุ่น และวาก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้
   เคร้ง
   “ขอโทษครับ” คนข้างๆขอโทษทันทีที่ช้อนชนกัน ก่อนที่จะเปลี่ยนไปตักกับข้าวจานอื่น ทานไปได้ซักพักผมก็พูดขึ้น
   “อ้อ ว่าแต่ลม ทำไมน้องชายฉันถึงได้บาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาล” พูดจบทุกคนย้กเว้นน้ำและทัพต่างสะดุ้งโยง
   ก็นะที่มานี่ไม่ใช่เพราะอยากเจอน้องชายอย่างเดียวหรอกนะ
*****************************************************
สั้นไหม ไม่เท่าไหร่หรอกเนาะ
พี่โยคนจริง2017
ขอบคุณทุกเม้นนะคะ เป็นกำลังใจสุดๆ
ตัวละครน่าจะครบล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
ตอนต่อไปอาจจะมาช้าหน่อยนะคะ
รักคนอ่าน คนเม้นต์นะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 16 3/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 03-09-2017 12:24:48
 :L2:  ตายแล้วจะเป็นยังไงต่อนะ.    มาต่อเร็วๆๆฟนะ. อารมค้างนะคับ. 555. ล้อเล่น. ชอบๆๆเป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 16 3/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-09-2017 12:26:59
ลม จะตอบยังไงดี
ตอบความจริงไปว่าทางไร่กำลังเกิดเรื่องลอบฆ่า
เกิดพี่โยกลัวชึ้นมา พาวากลับไป ลมก็แย่สิ

ทำไม ทัพถึงดูประหม่าๆพี่โยล่ะ   :hao3:
       :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 16 3/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-09-2017 12:37:20
คาดว่าพี่ทัพจะมีคนมาดามใจแล้วล่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 16 3/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-09-2017 21:34:01
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 16 3/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 05-09-2017 12:45:43
เจอซาตาน
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 17 5/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 05-09-2017 18:42:28
ความเงียบเข้าครอบงำทันทีที่พี่โยพูดจบ ผมหันไปมองพี่ลมที่ทำหน้าเครียด พี่โยรู้ได้ยังไงถึงจะรู้ว่าพี่ชายตัวเองนั้นเป็นหมาจิ้งจอกที่สวมหนังแกะไว้ ไอ้ท่าทางผู้ดีอะไรนั่นมันเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้นล่ะครับ แต่พี่โยก็เป็นคนดีถ้าไม่มีใครไปล้ำเส้นของพี่โย
   “มันแค่อุบัติเหตุนะครับพี่โย”
   “ใช่เหรอวา” คำถามสวนกลับทำเอาผมต้องเงียบลง  แรงสัมผัสจากมือแกร่งที่เอื้อมมากุมมือเขาไว้ ผมบีบมือใหญ่กลับเบาๆ

   “เป็นความผิดของฉันเอง ตอนนั้นที่ไร่มีปัญหาเลยโดนลอบกัด” ลมตอบด้วยความจริง ลมรู้ดีคนๆนี้โกหกไม่ได้
   “งั้นเหรอ แล้วปัญหานี้นายจัดการเสร็จแล้วเหรอ” ตอนนี้คงไม่ต้องกินข้าวกันแล้ว เมื่อโยวาช้อน มือใหญ่ประสานอยู่ตรงหน้าดวงตาคมหรี่ลงพร้อมกับฉายแววไม่พอใจ อาการคุกคามทำให้ทุกบนโต๊ะเงียบ
   “เอาเถอะฉันรู้คำตอบแล้ว กินข้าวต่อสิ ฝีมือน้องนี่อร่อยไม่เปลี่ยนเลย” จู่โยก็เปลี่ยนเรื่องแล้วเริ่มต้นกินข้าวต่อ ทำให้ทั้งโต๊ะงงงวย
   “อ่าวอิ่มกันแล้วเหรอ”  ลมอยากจะร้องบอกว่ามันเพราะใครกันล่ะที่ทำให้มันมีบรรยากาศแบบนี้
   “นิสัยเสียจริงๆเลยน้า” เสียงบ่นเบาๆที่ได้ยินกันทั้งโต๊ะ จนโยหันควับไปมองคนที่ตักข้าวเข้าปากแบบไม่รู้สึกอะไรหลังจากพูดออกไป
   “ว่ายังไงนะครับน้องทัพ”
   “เปล่าแค่บ่นลอยๆ”  ผมได้แต่หวั่นๆเมื่อโยยังมองทัพที่ไม่สนใจทั้งยังหันไปคุยกับไอ้ไม้ การกินข้าวเย็นนี้ทำไมเหมือนกินข้าวท่ามกลางสงคราม โยเหมือนจะปล่อยผ่าน เป็นคนที่ตามความคิดไม่ได้ ทัพกับไม้อาสาล้างจาน วาพาลูกขึ้นไปนอน ผมกับโยมานั่งเงียบอยู่ที่โซฟา
   “เอาล่ะ บอกสถานการณ์มาได้แล้ว” ไม่มีปี่ไม่มีขลุยโยก็เปิดประเด็น
   “ตอนนี้เหลือแค่จับตัวการให้ได้แค่นั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจแล้ว”
   “แล้วไอ้คนที่ตัดสายเบรกล่ะ” คนคนนี้รู้เรื่องแค่ไหนกันเนี้ยไหนว่าอยู่คนละประเทศวะ
   “รู้ตัวแล้ว”
   “แล้วนายจะเลี้ยงงูไว้แว้งกัดอีกรึไง” โยนั่งพิงโซฟาด้วยท่าทีที่สบายๆมือประสานอยู่บนตักแต่ทำไมถึงมีความกดดันแผ่ออกมาจนรู้สึกได้ ให้ตายเหอะทำสองพี่น้องนี้ถึงนิสัยไม่เหมือนกันนะ อีกคนอยบู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่อีกคนกลับเหมือนนักธุรกิจที่ผ่านสนามมาอย่างโชกโชน
   “ไม่ได้คิดอย่างนั้น”
   “อ่า คนไทยเขาใช้อะไรนะ เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด”
   “นาย....ตกลงที่มาไทยเพื่ออะไร”
   “ก็มาหาน้องชาย มาดูว่าที่นี่มีอะไรดี เจ้าวาถึงได้ออกปากว่าอยากอยู่ที่นี่” ผมรู้สึกดีใจที่วาอยากอยู่ที่นี่
   “ฉันก็อยากให้วาอยู่ที่นี่ตลอดไป”
   “ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายและวาสองคนแค่นั้น” ผมเข้าใจความหมายของโยดี
   “ฉันมั่นใจว่าทุกอย่างจะไปด้วยดี” โยหรี่ตาลง ก่อนที่จะหัวเราะเบาๆในลำคอ
   “แล้วถ้าฉันไม่เห็นด้วยล่ะ”
   “แล้วคุณจะไปวุ่นวายอะไรกับครอบครัวเขาล่ะ พี่ลมเสร็จแล้วนะ ป่ะไอ้ไม้ขึ้นไปนอนกัน”  ไอ้ทัพเดินมาแขวะเสร็จก็กอดคอไอ้ไม้ขึ้นไปนอน ปล่อยระเบิดทิ้งไว้แล้วหนีนะมึง
   “เด็กนั่น” รอยยิ้มตรงหน้าทำให้ผมสยองแทนไอ้คนที่ไม่รู้เรื่อง
   “ยังไม่ขึ้นไปนอนกันเหรอครับ” วาเดินลงมานั่งลงข้างๆโย
   “งั้นน้องก็ไปนอนกับพี่ ราตรีสวัสดิ์นะลม” ยังไม่ทันที่จะแย้งอะไรโยก็ลากวาขึ้นไปนอนที่ห้องรับแขก เขาได้แต่ถอนหายใจแรง นี่ตกลงมาป่วนชัดๆ ไม่ได้มาหาน้องอะไรหรอก คืนนี้เขาต้องนอนคนเดียวเหรอ เมื่อไหร่พี่ว่าที่เมียจะกลับวะ 

   วาตื่นขึ้นแต่เช้ามืดด้วยความเคยชิน เขามองดูพี่ชายที่ยังนอนหลับสนิท เป็นคนที่กินอิ่มนอนหลับได้สบายจริงๆเลยนะ เขาไม่รู้เลยว่าพี่โยรู้เรื่องราวแค่ไหนแต่เขาเห็นแววตาสนุกของพี่โยที่ตั้งใจมาป่วนพี่ลมแน่ๆ ค่อยๆย่องลงจากเตียงเพื่อลงไปเตรียมอาหารเช้า วันนี้วันเสาร์ทุกคนคงไม่ได้ออกไปไหน
   “อ่าวพี่ลมทำไมลงมาเร็วจังครับ” เขาต้องแปลกใจเมื่อคนที่หลังๆจะลงมาช้ากลับนั่งดูข่าวอยู่ที่โซฟา
   “ไม่มีคนให้กอดนอนไม่หลับ” ทำไมชอบพูดให้เขาทำอะไรไม่ถูกอยู่เรื่อยเลย
   “กอดหมอนไปสิ แล้วกินกาแฟรึยังครับ”
   “รอวา” ครับหยอดตลอด  ได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินไปชงกาแฟใส่กาใหญ่ ก่อนที่จะรินใส่ถ้วยส่งให้พี่ลมที่เลิกดูข่าวแล้วเข้ามาในครัว
   “พี่ลมไม่ดูข่าวต่อแล้วเหรอครับ” ผมถามขณะที่เตรียมกับข้าว
   “อยากอยู่กับวา”  ให้ตายเถอะเขาเกือบหันนิ้วตัวเอง
   “พี่ลมก็อยู่ด้วยกันตลอด”
   “พี่คิดว่าพี่คงจะไม่ได้อยู่ใกล้วาจนกว่าพี่ชายเราจะกลับ” คำตอบทำให้ผมถึงกลับหลุดขำ พี่โยเป็นพวกแกล้งหน้าตายพี่ลมคงโดนหนักป่วนหนักแน่
   “พี่ลมทำใจเลยนะครับพี่โยนะวาว่ามาเพื่อป่วนแน่ๆครับ” พี่ลมทำหน้าเซ็ง
   “นินทาอะไรพี่หือไอ้แสบ” คนที่กำลังพูดถึงยืนทำหน้าง่วงหน้าครัว
   “อ่าวตื่นแล้วเหรอครับพี่โย”
   “ไม่มั้ง พี่ขอกาแฟหน่อยสิ” ทำไมพี่ชายเขากวนจังน้า ได้แต่ส่ายหัวให้กับความกวนก่อนที่จะรินกาแฟส่งไปให้
   “พี่อยากกินเฟรชโทสต์ฝีมือวา”
   “ครับได้ครับพี่ชาย ออกไปรอข้างนอกกันดีกว่าไหมครับ” ผู้ชายตัวโตสองคนอยู่ในนี้มันทำให้ครัวดูแคบลงทันทีจนต้องไล่ออกไป
   “ลมออกมาคุยอะไรกันหน่อยสิ” และทั้งสองคนก็ชวนกันออกไปคุย ผมก็อยากรู้นะว่าคุยอะไรกัน แต่ก็ทำกับข้าวไปเสร็จเขาก็ตอ้งขึ้นไปปลุกน้ำเพื่อลงมาออกกำลังกาย ซึ่งตอนนี้น้ำไม่อิดออดหลังจากปลุกเสร็จน้ำก็เตรียมตัวเองและออกไปวิ่ง
   “พ่อลมไม่ไปกับน้ำเหรอ” น้ำที่แต่งตัวลงมาวิ่งไปหาพี่ลม
   “ไม่ครับ วันนี้วิ่งไปคนเดียวนะลูกหมูพ่อจะคุยกับอาโย หกรอบนะ”
   “ครับผม” น้ำรับคำก่อนที่จะออกไปวิ่ง
   “อรุณสวัสดิ์น้องวา”
   “สวัสดิ์ดีครับพี่ทัพ ท่าทางดูง่วงๆนะครับ” ผมทักพี่ทัพเมื่อหน้าตาหล่อๆนั่นดูอิดโรยเหมือนคนยังไม่ได้นอน
   “ไม่ง่วงได้ไง ไอ้ไม้แม่งนอนดิ้นชิบหายแถมยังละเมอบ้าบออะไรของมันทั้งคืน” มองดูใต้ขอบตาที่คล้ำไปทำให้ผมอดรู้สึกสงสาร
   “เดี๋ยวผมไปเอากาแฟให้นะครับ”
   “ไม่ต้องๆเดี๋ยวพี่ทำเอง วาไปทำอย่างอื่นเถอะ” พี่ทัพว่าก่อนที่จะเดินเข้าครัว ผมเลยขึ้นไปอาบน้ำส่วนผู้ชายตัวโตสองคนนั่นปล่อยให้คุยกันหน้าเครียด
   ทัพไทย  Part
   จริงๆไม่ใช่เพราะไอ้ไม้หรอกที่ทำให้เขานอนไม่หลับ เพียงเพราะสายที่โทรเข้าเมื่อคืนทำเอาเขาปั่นป่วนจนนอนไม่หลับ ถือแก้วกาแฟออกไปนั่งข้างนอกมองดูน้ำที่วิ่งออกกำลังกาย
   “สู้เขาลูกน้ำ” ผมร้องบอกเมื่อน้ำวิ่งผ่าน มันจะโทรมาทำไมวะ ทั้งๆที่มันแม่งเป็นคนเลิกกับเขาเองแท้ๆ เหี้ยเอ๊ยกูอุตส่าห์ทำใจได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายดี เมื่อคืนก็เล่นเอาเขานอนไม่หลับ
   “ทำไมถึงลาออกล่ะทัพ” พี่เจนถามด้วยความตกใจเมื่อผมเดินเข้าฝ่ายบุคคลแล้วยืนซองขาว
   “ผมจะไม่รับเงินเดือนเดือนนี้นะพี่เจน ชดเชยกลับที่ผมลาออกกะทันหัน” ผมไม่บอกเหตุผล
   “มีอะไรรึเปล่าทัพ”
   “ไม่มีอะไรพี่เจน ผมลาล่ะครับ”ยกมือไหว้พี่เจนก่อนที่จะเดินออกจากห้องไม่ฟังเสียงร้องเรียกของพี่เจนไล่หลังมา รีบเดินออกจากบริษัทข้าวของบนโต๊ะทำงานผมก็ไม่คิดที่จะไปเก็บในเมื่อมันไม่มีอะไรให้น่าเสียดาย เขาไม่อยากอยู่ที่นั้นแม้ซักวินาทีเดียว ก่อนที่จะแวะร้านมือถือเพื่อซื้อซิมใหม่เปลี่ยนเบอร์ทันที ก่อนที่จะคิดถึงไอ้ไม้โทรหามันก่อนที่จะจองตั๋วแบกกระเป๋าขึ้นมาหามัน สงสัยว่ามันจะได้เบอร์จากพี่เจนที่เขาโทรไปบอกเรื่องงานเพราะพี่แกเมลมาหาแม้จะไม่ได้เมมเบอร์ไว้แต่เขาก็ยังจำมันขึ้นใจ กี่ปีนะ สองปีที่คบกันมา ที่ไว้ใจที่ทุ่มเทให้ทุกอย่างทั้งทุ่มใจให้ทั้งใจวาดแผนที่จะอยู่ด้วยกัน นึกถึงวันที่เขานัดเพื่อฉลองครบรอบวันที่เขาไม่อยากจำมันได้
   “ทัพเราเลิกกันเถอะ”
   “ทำไมวะ มึงพูดบ้าอะไรของมึง” วันที่ตกลงคบกันกลับกลายเป็นวันที่บอกเลิก เหอะ ใครแม่งจะรับได้วะ
   “เราเจอคนที่เรารักแล้ว”    แล้วกูนี่หมารึไงวะสองปีที่คบกันมานี่มันไม่ได้รักกูเลยรึยังไง
   “แล้วที่ผ่านมา”
   “เราขอโทษเราแค่เหงา และทัพก็เป็นคนดี” เขาแเค่นยิ้ม หึ คนดี คนดีแล้วกูได้อะไรวะ อยากจะกระชากตัวมาถามเพียงแต่เขาก็นั่งนิ่ง
   “ถามคำถามเดียว มึงนอกใจกูอย่างเดียวหรือทั้งนอกกายและนอกใจ” มันเงียบเป็นคำตอบ รู้สึกตัวเองแม่งมีเขางอกออกมา สองปีที่คบกันผมให้เกียรติเมื่อคิดว่ามันไม่พร้อมก็รอแค่อยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว
   “ทัพเราขอโทษ”
   “เท่าไหร่......นานเท่าไหร่แล้ว” แต่ละคำที่พูดเขาต้องเค้นออกมา มือที่กำแน่นอยู่บนตัก
   “ขอโทษ อึกเราขอโทษ” ผมทนฟังไม่ไหวแล้ว
   ครืด
   “ทัพเดี๋ยวสิ..” เสียงเรียกไม่ได้ทำให้เขาต้องหันกลับไปในตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเขาไม่อยากอยู่ตรงนี้ กลับมาที่คอนโดได้ยังไงก็ยังไม่รู้กับตัวเอง เก็บข้าวของทั้งหมดที่มีในห้องที่เคยใช้ร่วมกัน ออกไปพักโรงแรมไม่รับสายที่กระหน่ำโทรจนต้องปิดโทรศัพท์ทิ้งไป  นั่งเหม่อจนกาแฟที่ถือเย็นหมด
   “เฮ้อ” เขาถอนหายใจแรงเมื่อคิดถึงเรื่องที่ทำให้เขาต้องหนีมานี่
   “ถอนหายใจแรงขนาดนั้นเพิ่มคาร์บอนให้โลกเหรอ” น้ำเสียงยียวนทำให้ผมต้องคิ้วขมวด
   “คุณยุ่งไรด้วยเนี้ย” ผมไม่ชอบคนแบบนี้เลยให้ตายเหอะ อ่านอะไรไม่ออกซักอย่าง
   “ก็เปล่าเห็นนั่งนิ่งนึกว่าหลับ” คุยกับคนแบบนี้เหนื่อยซะมัด หนีดีกว่านะ ผมลุกขึ้นเพื่อที่จะกลับเข้าบ้าน แต่คนที่ยังอยู่ในชุดนอนกลับก้าวมาขวางไว้
   “อะไรของคุณ”
   “ทำไมชอบทำหน้าแบกโลก”โว๊ะ ยุ่งอะไรกับผมวะเลือกที่จะไม่ตอบก่อนที่จะเบี่ยงตัวชนไหล่อีกฝ่ายเข้าบ้านไป
   “ไอ้ทัพวันนี้มึงจะไปไหนไหมวะกูว่าง” ไอ้ไม้ถามเมื่อผมเข้าห้องมา
   “ไม่รู้วะ กูแม่งไม่ได้แพลนไว้ซักอย่างแล้ววันนี้มึงจะทำไรวะ” ล้มตัวลงนอนก่อนที่จะถามมัน
   “ว่าจะเข้าไร่วะ”
   “งั้นกูไปกับมึงล่ะกันวะ”
   “มึงไหวเหรอวะ เหมือนคนไม่ได้นอน”
   “ก็ไม่ได้นอนแม่งมันโทรมาวะ”
   เพี๊ยะ
   “เชี่ยยยยยยยยย  หน้าผากกู” ไอ้เวรมันฟาดหน้าผากผมโคตรแรงแม่งแดงแน่ๆ
   “แล้วทำไมมึงไม่คุยกับเขาวะ” มันนั่งลงข้างๆผม
   “คุยทำไมวะแค่นี้กูก็เหมือนควายแล้วสัส กูไม่เป็นไร” เห็นสายตาเป็นห่วงของมัน รู้สึกว่าคิดถูกที่ขึ้นมาหามัน
   “เออ ให้มันได้อย่างที่พูด ถ้าจะไปกับกูก็ได้ เดี๋ยวกูลงไปข้างล่างนะ” ผมพยักหน้าให้มัน มันลงไปข้างล่าง ผมนอนนิ่งไปก่อนที่จะลุกไปแต่งตัวแล้วลงไป เพือกินข้าวเช้าเอาจริงๆผมชักจะติดรสมือของวาแล้วสิ
   “พี่โยจะไปเที่ยวไหนไหมครับ” วาถามพี่ชาย
   “วาไปไหนพี่ก็จะไปกับวานั่นล่ะ”
   “อ่า ผมจะเข้าไร่นะพี่โย”
   “งั้นพี่ก็จะไปไร่กับวา” โว้ยยย เขาไม่เคยเห็นใครกวนแบบหน้าตายแบบนี้เลยให้ตายเหอะ เห็นหน้าพี่ลมแล้วสงสารชะมัด
   “ไอ้ไม้เปลี่ยนโปรแกรมวะ มึงพากูไปเที่ยวทีดิ๊” ผมกระซิบกับไอ้ไม้
   “มึงคิดอะไรว่ะ” แหมไอ้นี่รู้ทัน
   “กูสงสารพี่มึงวะ”
   “โอเค” ผมสองคนแอบตีมือกันใต้โต๊ะ ส่งเสริมคนอื่นเข้าบ้างเผือว่าผมจะได้เจอความรักดีๆเหมือนพี่ลม
   จนกระทั่งทุกคนมายืนที่หน้าบ้านผมกับไอ้ไม้แอบไปเตรียมของโยนไว้ที่รถเรียบร้อย ตอนนี้พี่ลมกับวากำลังตกลงว่าจะไปไหนกัน
   “งั้นพี่ไปกับวาล่ะกันนะน้อง” น้ำเสียงกวนๆชวนคิ้วกระตุกจริงๆ
   “ครับพี่โย” ผมกับไม้พยักหน้าไอ้ไม้ติดเครื่องรอให้ผมทำหน้าที่
   “ผมวาคุณมากับพวกผมดีกว่านะ” ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัวผมแทบจะล็อกคอกอ่นที่จะผลักขึ้นรถปิดประตูผมรีบเปิดประตูกระโดดขึ้นรถแล้วไอ้ไม้ก็ออกรถ
   “เล่นอะไรเป็นเด็กๆนะพวกคุณ” น้ำเสียงสบายๆจากเบาะหลัง
   “ก็นะใครกันล่ะที่มาป่วน” ผมตอบกลับไป
   “แล้วนี่จะไปไหนกัน”อีกฝ่ายยังถามต่อเหมือนไม่ได้เดือนเนื้อร้อนใจอะไรที่โดนลากมา
   “ผมจะพาพี่ไปตั้งเต้นท์ที่อุทยานนะพี่” ไอ้ไม้ตอบ
   “นี่กะไม่ให้พี่ไปป่วนสองคนนั่นเลยสินะ” ไอ้น้ำเสียงรู้ทันนี่ทำเอาผมกับไอ้ไม้สบตากัน
   “อ้อแล้วเสื้อผ้าพี่ล่ะ คงเก็บมาให้ด้วยแล้วสินะ ทำงานเป็นทีมจังเลยน้า” เราสองคนหมดคำพูดเมื่ออีกฝ่ายรู้ทันหมดแล้วก็คงไม่มีอะไรต้องแล้ว ผมมองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังเห็นท่าทางสบายๆ ไม่ได้ทุกร้อนอะไรนักคงไม่ได้โกรธอะไรพวกเขา
   “มองแบบนั้นสายตาเสียพอดีหันมามองพี่ตรงๆก็ได้นะ” โว้ยยยยยยยยย เกลียดเว้ย ผมหันหน้าหนีไปมองวิวข้างทางดี คิดถูกคิดผิดเนี้ยที่ลงทุนช่วยพี่ลม ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไม้จะพาไปตั้งเต้นท์ที่ไหน เพราะตอนนี้ก็ขับออกจากตัวจังหวัดไปเรื่อยๆ
   ครืดๆ
   เสียงโทรศัพท์ที่วางไว้คอนโซลรถสั่นรัวไม้เหลือบมองนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าผมไม่สนใจมันก็ไม่ได้ถามอะไร สั่นได้ซักพักก็หยุดลงแล้วก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
   “มึงรับเหอะวะ”
   “กูยังไม่อยากคุย” ไอ้ไม้ทำหน้าคิดหนักก็ในเมือผมไม่พร้อมที่จะคุยจริงๆ ดังอยู่หลายครั้ง มีความอดทนจังวะ เหมือนว่าจะมีคนหมดความอดทนก่อนเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาจากเบาะหลังคว้าเอาโทรศัพท์ของเขาไปกดรับทันทีโดยที่เขาจะพูดอะไรก็ไม่ได้เพราะไม่อยากให้ปลายสายได้ยินเสียง
   “สวัสดีครับ ......................อ้อ พอดีทัพไม่อยากรับครับผมเลยรับแทน...................ผมเป็นไรกับทัพเหรอ” ผมสบตากับดวงคาดมที่ตวัดมามองเขาก่อนที่จะยกยิ้มที่ผมมองยังไงๆก็เห็นว่าคนๆนี้กำลังสนุกอยู่ซัดๆ
   “ก็แล้วแต่คุณจะคิดล่ะกันนะครับว่าผมเป็นอะไรกับทัพ............ผมบอกไปแล้วว่าทัพไม่อยากคุยนี่ผมพูดไม่ชัดเจนเหรอ...............ใจเย็นๆสิครับขึ้นเสียงแบบนี้มารยาทของคุณแย่จังเลยนะครับ..............คุยกับคุณแล้วผมปวดหูจังแค่นี้นะครับ”แล้วพี่ท่านก็กดวางสาย โดยที่ผมและไอ้ไม้ได้แต่อึ้ง
   “คุยกับคนแบบนี้น่ารำคาญนะ คราวหน้าพี่รับให้ก็ได้นะ”
   “ไม่เป็นไร ผมขอโทรศัพท์คืนด้วย” เหมือนลมผ่านหูเมื่อพี่โยทำหน้านิ่งแล้วเก็บโทรศัพท์เขาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองหน้าตาเฉย
   “คุณ!!!!!”
   “ใจเย็นไอ้ทัพ”สายตาของไอ้ไม้ทำให้เขาไม่พูดอะไรต่อได้แต่กลั้นไว้
   “เออ กูนอนแม่ง” นอนประชดแม่งในเมื่อทำอะไรไม่ได้นอนล่ะกัน   เขาปรับเบาะก่อนที่จะปิดตาลงเห็นทีการมาพักใจของเขาต้องปวดหัวหนักแน่ๆ
***************************************************************
จริงๆบอกว่าจะอู้ไม่ปั่นซักสองสามวัน  :ling2: :ling2:
แต่ทำไมถึงไหลลื่นได้มาตอนหนึ่ง
ฮ่าๆๆๆๆ ยิ่งเขียนยิ่งมันส์   :katai4: :katai4:
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ
เป็นกำลังใจที่ดีมากเลยค่ะ
เอาล่ะ จะอู้จริงๆล่ะนะคะ 555555555  :ling1:

หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 17 5/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-09-2017 18:59:56
พี่โย ป่วนจริงๆ

แฟนทัพไทย อะไรของเขา ขอเลิกเองชัดๆ
มาวุ่นวายโทรหาทำไม ก็ได้เลิกกับทัพอย่างที่ชอบนี่
เลยเจอพี่โยจอมป่วนรับซะเอง
เหมือนมีแวนะ พี่โย ทัพ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 17 5/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 05-09-2017 21:31:26
ชอบป๋าโย~~~~~
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 17 5/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-09-2017 22:16:15
แบบนี้เขาเรียกป่วนของจริง ไม่ใช่เล่นๆ นะเนีย  o13
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 17 5/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 06-09-2017 09:02:10
คุณโยชอบทัพใช้ไหม.  ตอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 17 5/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-09-2017 17:02:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 17 5/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ipookza ที่ 06-09-2017 20:29:24
โยทัพ คู่นี้เคมีเข้ากัน
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 18 9/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 09-09-2017 17:51:08
คิดว่าจะเพียงแค่พักสายตาเท่านั้นแต่เขาก็ดันหลับไปจริงๆเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนทำให้เขาเผลอหลับไปจริง รู้ตัวอีกทีรถก็จอดสนิทและเขาก็อยู่คนเดียวบนรถมีเพียงกระจกรถที่เลื่อนลงไว้ ได้แต่ตื่นขึ้นมางงๆ เมื่อไม่เห็นว่าไม่มีใครอยู่ด้วยแถมยังเริ่มมืดแล้ว
   “นึกว่าจะต้องทำ CPR ซะก่อนถึงจะตื่น”
   “มันใช่เหรอ แล้วนี่ตั้งเต็นท์ที่ไหน” พยายามที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย
   “เดินไปทางโน้นเดี๋ยวก็ถึง ใกล้ริมน้ำโน่นนะ” ผมพยักหน้าแทนคำขอบคุณก่อนที่จะลงมาบิดขี้เกียจก่อนที่คิดว่าจะเดินไปหาไอ้ไม้เลยเพราะมิอยากอยู่ใกล้อีกคนนัก
   “อ่าวๆตื่นขึ้นแล้วก็อู้เลยเหรอ” ยังไม่ทันทีจะก้าวเท้าหนีเสียงกวนประสาทก็ขัดขึ้นซะก่อน เขาไม่ตอบโต้เพียงแต่เข้าไปช่วยขนของ
   “นี่ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ” โว๊ะ วุ่นวายกับเขาจริงๆเว้ย ผมถอนหายใจแรงก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยถือกระเป๋าถ้าเดาไม่ผิดไอ้ไม้น่าจะอยู่กางเต็นท์ แล้วทำไมเขาถึงโดนก่อกวนแบบนี้ด้วย เขารีบแบกเอาของแล้วเดินไปหาไอ้ไม้
   “มึงไมปลุกกูวะ” ผมวางข้าวของก่อนที่จะตรงเข้าไปต่อว่าเพื่อนสนิททันที ไอ้ไม้ทำหน้าเหรอหรา
   “อ่าวก็พี่โยไล่ให้กูมาแล้วจะปลุกมึงเองนี่หว่า” ไอ้เพื่อนเชี่ยยยยยยยยย จะด่ามันยังไงดี แต่ก่อนที่เขาจะได้ด่าอะไรมันตัวต้นเหตุก็เดินมาถึงจุดตั้งเต็นท์
   “ที่นี่มันที่ไหนเหรอไม้” ผมขยับตัวหนีปล่อยให้สองคนนั่นเขาคุยไป
   “อุทยานพึ่งเปิดนะพี่โย ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครมาตั้งเต็นท์เหรอ มันพึ่งช่วงต้นหนาวถ้าตื่นเช้าๆพี่จะได้เห็นหมอกด้วยล่ะ” ฟังไอ้ไม้บรรยายพรุ่งนี้ผมคงต้องตื่นขึ้นแต่เช้ามืดแล้วล่ะยังดีที่แบกเอากล้องมาด้วยเผือได้รูปสวยๆกลับไปบ้าง จนกระทั่งกางเต็นท์เสร็จ
   “พี่นอนเต็นท์คนเดียวได้เลยนะพี่ ส่วนเต็นท์ใหญ่ผมกับไอ้ทัพจะนอนด้วยกันเอง”
   “พี่ติดหมอนข้าง.............” แล้วพี่มันก็เว้นช่วงไปนานจนผมหงุดหงิดอดถามขึ้นไม่ได้
   “แล้ว????”
   “ให้น้องทัพมาเป็นหมอนข้างให้พี่ทีสิ” ผมได้แต่อ้าปากค้างแล้วหุบแต่ก็ยังหาเสียงพูดไม่เจอ อะไรของพี่มันวะ
   “เรื่องสิ นอนคนเดียวไปเลยไป แล้วผมก็ขอโทรศัพท์คืนด้วย” ผมยืนมือไปตรงหน้า
   “ว้า พี่คงคืนให้ไม่ได้เพราะพี่ไม่มีหมอนข้างพี่จะหงุดหงิดและนอนไม่หลับเพราะงั้นขอยืดไว้ก่อนล่ะกัน” มันเกี่ยวอะไรกันวะ ได้แต่ถอนหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ นึกภาพน้องวาไว้ ไม่โมโห ไม่เต้นตาม
   “เออเรื่องของมึง” ไอ้คำสุภาพนั้นเขาเก็บใส่ไหฝังกลบไม่คิดที่จะใช้กับคนคนนี้หรอก ว่าจบก็โยนกระเป๋าเข้าเต็นท์ก่อนที่จะมุดหายเข้าไป ทำให้เขาไม่เห็นรอยยิ้มสนุกๆของอีกฝ่ายที่ยั่วโมโหเขาได้
   
   “พี่ก็อย่ายั่วโมโหมันนักสิ” ไม้อดไม่ได้ที่จะห้ามปรามคนที่ตาพราวระยับด้วยความสนุก
   “ก็ทำให้หมอนั่นมีชีวิตชีวาดีไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความหมายทำให้ไม้ชะงัก ก็จริงอย่างที่พี่โยว่าแต่พี่แกก็แกล้งมันบ่อยจนมันไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่น
   “แต่พี่ก็ต้องเข้าใจด้วยนะว่าไอ้ทัพมันไม่ได้คิดถึงจุดนั้น ผมไม่อยากให้มันอารมณ์เสียทั้งๆที่มาเที่ยวหรอกนะ” ไม้เตือนแค่นั้นก่อนที่จะมุดเข้าเต็นท์เพื่อไปให้ไอ้ทัพบ่นเขา
   แววตาคมฉายแววขบขันเมื่อถูกน้องชายลมเตือน เอาจริงๆเขาก็แค่สนุกที่ได้แหย่อีกฝ่ายแก้เบือไปงั้น แต่ไม่คิดว่ามันจะโมโหจริงจังสงสัยเขาต้องเพลาๆลงหน่อย จะให้โกรธจริงจังก็เห็นทำหน้าเบื่อโลกขนาดนั้นเลยคิดจะแหย่เล่น แต่สายโทรเข้าที่เขาถือวิสาสะรับก็เดาได้ไม่ยากเลยว่า อีกฝ่ายเจอปัญหาอะไรมา ไม่ได้แปลกใจที่เห็นว่าคบกับผู้ชายที่โน้นก็มีเยอะแยะ เขาเพียงแต่แปลกใจเมื่อคนในสายมาแว๊ดๆใส่เขาจนหูเขาแทบหนวก คบกับคนน่ารำคาญแบบนี้ได้ยังไง
   ซักพักสองคนนั่นก็ออกมาจากเต็นท์โดยที่คนที่โดนผมป่วนไปเริ่มตีสีหน้าเมินเฉยไม่แม้กระทั่งปรายตามามอง ว้า อย่างนี้ยิ่งแกล้งสนุกนะสิ  ผมนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าใบเล็กๆที่เตรียมมามองคนที่คุยกับเพื่อน ยอมรับว่าหน้าตาดูดีจริงๆ คงระดับดาราได้เลยล่ะนะ ถึงแม้จะดูสูงแต่ก็ยังเตี้ยกว่าเขาที่เป็นลูกครึ่งทั้งยังหุ่นที่ดูหนาของผมอีก  ผมสังเกตเห็นว่าอีกคนดูเหมือนจะรู้ตัวว่าผมจ้องอยู่ใบหน้าหล่อเหลาดูหงุดหงิด อยากจะโวยแต่ก็ไม่อยากคุยกับเขา 
   “เอ่อ ไอ้ทัพมึงไปเอาน้ำมาเพิ่มไป อยู่ที่หลังรถวะ” มองคนที่พยักหน้ารับคำเพื่อนตัวเองก่อนที่จะรีบเดินไปที่รถ เขาที่กำลังจะลุกขึ้นตามไปกับโดนไม้ห้ามไว้
   “ขัดพี่จังนะ”
   “นั่นเพื่อนผมนะ” เออ ห่วงกันจังนะ ไม้ส่ายหัวก่อนที่จะจุดเตาปิ้งบาร์บีคิว แล้วใช้ให้ผมแกะกล่องพลาสติกที่มีหมูหมักอยู่ กลิ่นหอมแบบนี้น่าจะเป็นฝีมือเจ้าแสบ
   “ให้พี่ย่างเลยไหม” เอาเถอะในเมื่อกันท่าเขาขนาดนี้จะไปแกล้งก็คงไม่สนุก ไม้พยักหน้าผมลงมือย่างพอดีกับที่อีกคนที่ถือน้ำกลับมา
   “พี่ขอจานหน่อยสิ” ไม่มีเสียงตอบรับมีเพียงเสียงถอนหายใจแรงก่อนที่ทัพจะเดินไปหยิบเอาจานมาส่งให้เขา
   “ถือไว้ก่อนนะ” แอบขำคนที่ระแวงว่าเขาจะแกล้งอะไรเลยยืนถือจานซะห่างเขาเป็นโยชน์
   “เสร็จรึยังเนี้ย” น้ำเสียงหงุดหงิดทำให้เขาแอบขำ
   “ใกล้แล้วล่ะ แล้วทำไมไปยืนซะไกลขนาดนั้น”
   “ก็คุณ..”
   “ไม่แกล้งแล้วน่า ทำตัวเหมือนเด็กนะเรา”
   “ไอ้...”
   “ทำไมเป็นคนไม่สุภาพอย่างนี้ล่ะครับ เหมือนกับคนที่โทรมาหานายเลยนะ” เหมือนเขาจะหลุดปากเกินไปหน่อยเมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงอีกคนที่โทรเข้ามาทัพก็วางจานจนแทบจะเหมือนว่าเขวี้ยงมันลงแล้วเดินดุ่มๆหนีไปทั้งๆที่มันก็มืดแล้ว ปากเขาไวเกินไปนะ
   “เฮ้ยๆ ไอ้ทัพจะไปไหนวะ กลับมาเว้ย พี่ไปพูดอะไรกับมัน” น้ำเสียงเหี้ยมเมื่อไม้เรียกทัพแล้วเพือนไม่หันกลับมา
   “พี่ผิดเองล่ะ ปากไวไปหน่อย เดี๋ยวพี่ไปตามกลับมาเอง”
   “ตามกลับนะพี่ไม่ใช่ไปฆ่ากันหมกป่าแถวนั้น” ผมยิ้มกว้างก่อนที่จะหยิบไฟฉายแล้วเดินไปทางที่ทัพเดินไป
   เขาปากไวไปเพราะอยากแกล้งเลยลืมนึกไปว่าอีกฝ่ายน่าจะมีแผลเจ็บหนักและเขาดันไปซ้ำแผลนั้น เล่นแรงเกินไปหน่อย
   “ไอ้คนไม่มีมารยาท เชี่ย จะพูดทำเหี้ยอะไรวะ”
   จ๋อม
   เสียงบ่นพร้อมกับเสียงหินกระทบน้ำแว่วๆมา เขาปิดไฟฉายก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าไปเงียบๆโดยอาศัยแสงจันทร์รางๆนำทาง มองเห็นเงาลางๆที่นั่งลงกับพื้นโยนหินลงที่แม่น้ำพร้อมกับก่นด่าผม แหม แต่ละคำสรรเสริญจนเขาคงจะอายุยืน
   “เหี้ย กูไม่น่าช่วยไอ้พี่ลมเลยสัส ทำไมต้องมาเจอคนอย่างมันด้วยวะ”
   “คนอย่างผมมันทำไมเหรอครับ” ผมถามขณะเดินเข้าไปชิด
   “คนอย่างคุณมันน่าอยู่ใกล้เลยซักนิด ทั้งกวนประสาท ทั้งนิสัยเสีย ผมไปทำอะไรให้คุณรึไงกัน” น้ำเสียงโมโหพร้อมกับอาการหัวเสียทำให้เขารู้สึกผิดนิดหนึ่ง
   “ขอโทษไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดแบบนั้นไป” ผมขยับเข้าไปใกล้จนมองเห็นเสี้ยวหน้าคมแววตาฉายแววเจ็บปวดทำให้เขารู้สึกผิดเพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่ง
   “เลิกยุ่งวุ่นวายกับผมซะทีแล้วก็ถือว่าเราไม่ได้รู้จักกันดีกว่านะ”
   “ขอโทษที่พูดไม่ทันคิด นายควรลืมหมอนั่นไปได้แล้วนะ”
   “คุณ!! คุณไม่รู้คุณก็ไม่ต้องพูด สิ่งที่ผมต้องการจะลืมทำไมคุณถึงขุดมาพูดอยู่เรื่อย” เสียงสั่นนั่นทำให้ผมรู้แล้วว่าคนตรงหน้านั้นอดทนไม่ไหวแล้ว
   “พี่ขอโทษ” ผมได้แต่ขอโทษเสียงอ่อนเมื่ออีกคนเริ่มน้ำตาคลอ เขาผิดเองที่ไปสะกิดใจอีกฝ่าย
   “ผมเกลียดคุณ” พูดจบทัพก็เดินชนไหล่จนผมเซ ได้แต่มองแผ่นหลังคนที่โมโหเขาจนบอกว่าเกลียด
   “โดนเกลียดจริงๆแล้วสิ” ผมบ่นกับตัวเองรู้สึกเฟลๆอยู่นะที่โดนเกลียดในเมื่อเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้ทัพโมโหเขาเลยซักนิด อาจเป็นเพราะเขาแกล้งหนักไปจริง แย่แหะ ถึงจะชอบแกล้งคนอื่นที่อยากสนิทด้วยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากโดนเกลียดนะ จะทำยังไงให้อีกคนหายโกรธดีล่ะเนี้ย

   ในขณะที่การไปเที่ยวของสามหนุ่มดูเหมือนจะกร่อยลงไปเรื่อย ในไร่สายลมกลับเต็มไปด้วยความสุข ก็ในเมื่อไม่มีก้างชิ้นโตอย่างพี่ชายว่าที่เมียอยู่แล้ว ลมมองไปทางไหนก็เจอแต่ความสบายตาสบายใจ
   “อารมณ์ดีจังนะครับพี่ลม”
   “ก็ไม่มีก้างพี่จะได้อยู่กับวาตลอดไง”
   “ลืมลูกไปแล้วเหรอครับ”
   “ก็ลูกไม่เคยเป็นก้างแต่เป็นโซ่ทองคล้องใจเราต่างหาก” ถามว่าอายไหมที่พูดต้องบอกว่าด้านได้อายอด
   “พี่ลม!!!” เสียงร้องไม่เต็มเสียงทำให้เขาขำเมื่อวาหน้าแดงก่ำ
   “รึไม่จริงล่ะวา ป่ะไปกินข้าวที่ท้ายไร่ดีกว่าวันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วนิ”
   “งั้นพี่ลมก็ไปตามน้ำเลยครับ เดี๋ยววาจะไปทำปิ่นโต”
   ฟอด
   “ครับที่รัก”
   “พี่ลม!!” แอบหอมแก้มเนียนแลกกับเสียงหวานร้องทั้งๆที่หน้าแดงก่ำก็คุ้มก่อนที่เขาจะเดินเข้าไร่ไปตามลูกที่ไปเล่นกับไอ้ละออง
   “ลูกหมู มาหาพ่อมา เดี๋ยวไปเที่ยวท้ายไร่กัน”
   “คร๊าบบบบบบบบ” น้ำทิ้งส้อมพรวนดินสำหรับเด็กทันทีแล้ววิ่งมาหาผม
   “ไปเก็บของก่อนนะเจ้าลูกหมู เช็ดมือให้สะอาดด้วย” ผมต้องเตือนน้ำเมื่อบางครั้งน้ำจะรีบจนโยนของตัวเองทิ้งเรียราดเพราะรู้ว่ามีคนเก็บให้ ซึ่งมันไม่นิสัยที่ดีเลย น้ำยอมกลับไปเก็บส้อมพรวนดินดีๆ ล้างมือแล้วเดินมาหาผม ผมชอบให้น้ำมาเล่นในไร่ ช่วยงานคนงานทำโน่นทำนี่เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมทำเลยอยากให้ลูกรู้ว่ามันทำยังไง เหนื่อยแค่ไหน เพราะสุดท้ายไร่นี้ก็ต้องเป็นของเจ้าน้ำ
   “อุ้ม น้ำเหนื่อย”  ผมได้แต่ขำเมื่อน้ำชูแขนขึ้น
   “ฮ่าๆๆได้ๆ อึบ หนักนะเรานะ” ผมเย้าลูกเล่น น้ำทำแก้มป่อง ที่ตอนนี้แดงระเรื่อเพราะตากแดด ผมยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อตามไรผมและแก้มป่อง
   “ป่ะเดี๋ยวไปอาบน้ำแต่งตัวกัน พี่วาของเรารอแล้ว” ลูกหมูพยักหน้ารัวๆ ผมอุ้มน้ำเข้าบ้านก่อนที่จะปล่อยตัวลงให้ไปอาบน้ำ ส่วนผมก็เดินเข้าไปในครัว
   “อ่าวน้ำล่ะครับ”
   “พี่ไล่ให้ไปอาบน้ำแล้วล่ะ เปื้อนเกินไป มาพี่ช่วย” ผมแย่งปิ่นโตใหญ่ไปถือ แล้วบอกให้วาไปตามลูกหมูเดี๋ยวเขาจะเตรียมของเอง เตรียมเสื่อ และเสื้อผ้าของพวกเขาขึ้นท้ายรถแล้ว รอซักพักสองคนที่เขารักก็ลงมา
   “ป่ะเดี๋ยวตอนเย็นๆค่อยกลับกัน”
   “ครับ” นั่งประจำที่เรียบร้อยผมก็ขับรถไปที่ท้ายไร่
   “พ่อลมๆ น้ำอยากเล่นน้ำ”
   “ได้ครับเดี๋ยวพ่อพาลงนะ” พอผมอนุญาตน้ำก็ดีใจยกใหญ่ หันไปอ้อนพี่วา ผมมองขำๆ ขับมาไม่นานผมก็มาจอดรถใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เดิม พอรถจอดสองคนนั่นก็รีบลงจากรถ วาเหมือนจะย้อนไปเป็นเด็กที่ดีใจเมื่อจะได้เล่นน้ำ จนเขาได้แต่ส่ายหน้าไปมาขนของตามเด็กน้อยสองคน เหมือนวาจะได้สติรีบจูงมือน้ำเดินกลับมาหา
   “ขอโทษวาลืมไป”
   “ไม่เป็นไร พาลูกไปเล่นเถอะเดี๋ยวพี่จะเตรียมให้” วาส่ายหน้าแล้วยืนมือมารับเสื่อแล้วจูงมือน้ำไปที่ลานหินก่อนที่จะช่วยกันปูเสือ ผมวางข้าวของมองสองคนที่ส่งสายตาอ้อน แล้วผมจะสู้ได้ยังไงล่ะ
   “อยากเล่นก็ไปเล่นครับ” ทั้งน้ำและวาต่างยิ้มร่า วาถอดเสื้อคลุมออกเหลือเพียงเสื้อยืดข้างในและกางเกงขาสั้น เจ้าลูกหมูก็ถอดเสื้อเหลือแต่กางเกงขาสั้นก่อนที่จะลงไปเล่นน้ำด้วยกัน
   “เย็นจัง พี่วาจับน้ำด้วย ฮ่าๆๆๆ” แม้จะเล่นกันที่น้ำตื้นๆแต่น้ำก็ยังกลัว วาพยุงน้ำให้ลอยตัว
   “เล่นกันดีๆอย่าลงไปลึกนักนะ” ผมนั่งลงบนเสือหยิบเอาโทรศัพท์มากดถ่ายรูปไว้หลายรูป ก่อนที่จะวางลงมองดูทั้งสองคนเล่นน้ำ
   “พ่อลมๆ มาเล่นกัน”
   “ได้เลย” ผมลุกขึ้นถอดเสื้อยืดพ้นหัว ก่อนที่จะเดินไปตรงที่น้ำลึกแล้วกระโดดลงไป
   ตู้ม ซ่า
   พรวด
   “ฮ่าๆๆ พ่อลมเท่จัง” พอผมโผล่พ้นน้ำ เจ้าลูกหมูก็ตบมือพร้อมกับชม ผมว่ายเข้าไปหาทั้งสองคนก่อนที่จะหันหลังให้น้ำเกาะ ซึ่งเจ้าลูกหมูรู้ดีรีบเกาะหลังผม
   “มาเล่นตรงนี้เถอะวา น้ำเกาะพ่อแน่นๆนะ”
   “ครับ” ผมว่ายไปตรงน้ำลึก น้ำร้องด้วยความสนุกสนานเมื่อวาว่ายตามลงมา
   “พ่อลมหนีเร็ว พี่วามาแล้ว เร็วๆๆ” จะคึกเกินไปแล้วลูก
   “เดี๋ยวใจเย็นๆลูก พ่อหายใจไม่ออก” วาเห็นว่าน้ำดิ้นหนักเลยรีบว่ายมารั้งตัวน้ำออก ทำให้ผมได้หายใจทั่วท้อง
   “พ่อเกือบตายนะลูกหมู”
   “น้ำขอโทษครับ” น้ำทำหน้าละห้อยเมื่อตัวเองเล่นสนุกเกินไป เมื่อก่อนเขาเล่นกับพ่อสองคนพอมีพี่วาเขาเลยสนุกเกินไป  ลมลูบหัวก่อนที่จะหันหลังให้น้ำเกาะอีกรอบหนึ่ง เล่นไล่จับในน้ำกันวนไปวนมาจนเรี่ยวแรงเริ่มหาย ลมเห็นปากทั้งสองคนเริ่มซีดคล้ำเลยไล่ให้ขึ้นจากน้ำ
   “วาเช็ดตัวให้ลูกก่อนนะ” เขายืนผ้าขนหนูผืนใหญ่ให้ วารีบเอาไปเช็ดตัวให้น้ำที่สั่นเทาด้วยความหนาว  วารีบถอดเสื้อผ้าก่อนที่จะพันตัวน้ำเป็นดักแด้ ผมเอาผ้าขนหนูอีกผืนคลุมที่หัวของวาก่อนที่จะซับน้ำให้ด้วยความเบามือ
   “พี่ลม”
   “นิ่งๆเดี๋ยวพี่เช็ดให้”
   “แต่ว่า”
   “ให้พี่ทำให้เถอะ” ผมค่อยๆเช็ดจนผมมาดดี พึ่งสังเกตว่าผมวายาวขึ้นมากเลยทีเดียว
   “ไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ” ผมพยายามที่จะไม่ก้มมองเสื้อยืดที่แนบตามลำตัว เลยได้แต่ไล่ให้ไปเปลี่ยน เขาค่อยไปเปลี่ยนตามหลัง เดินกลับมาวาก็เตรียมกับข้าวไว้เรียบร้อย ผมนั่งลงข้างๆ วายืนช้อนมาให้ทันที เริ่มกิน น้ำคอยอ้อนผมอ้อนวาให้ตักโน้นตักนี่ป้อน กินเสร็จก็นั่งคุยกันเพราะเริ่มเย็นผมไม่ยอมให้เล่นน้ำ
   “เดี๋ยวไปกับพี่หน่อยนะ มาลูกหมูพ่ออุ้ม”
   “ไปไหนครับ”
   “เดี๋ยวก็รู้ครับ” ผมไม่ตอบเพียงแต่กุมมือนุ่มจูงเดินขึ้นเรียบลำน้ำจนถึงสะพานเล็กๆ ที่เขาทำขึ้น ข้ามสะพานมาจะเจอทางเดินหินเล็กๆขึ้นเนินไปท่ามกลางแมกไม้ร่มรื่น เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นโกศสีขาวใหญ่ที่เขาสร้างไว้เพื่อเก็บเถ้าพ่อและแม่ หน้าโกศมีดอกไม้ที่ดูเหี่ยว คงเป็นของไอ้ไม้ ผมปล่อยน้ำลง
   “คุณปู่คุณย่า สวัสดีครับ”  น้ำก้มลงกราบที่โกศ ผมนั่งลงข้างๆก่อนที่จะฉุดดึงให้วาที่ยังงงให้นั่งลงข้างๆ
   “ทำไม”
   “ไหว้พ่อแม่พี่ก่อนสิ” วารีบยกมือไหว้ ผมพนมมือ มองรูปบิดาและมารดา
   “พ่อครับแม่ครับ ผมพาคนที่ผมจะใช้ชีวิตหลังจากนี้ไปด้วยกัน พ่อแม่อาจจะผิดหวังอีกครั้ง คนที่ผมรักเป็นผู้ชายครับ” ผมหันไปสบตากลมโตที่เบิกกว้าง ก่อนที่จะหันกลับไป
   “คนคนนี้เข้ามาในชีวิตผม ช่วยทำให้ชีวิตของผมเต็มไปด้วยความอบอุ่น เป็นคนที่ผมอยากใช้ชีวิตด้วย เป็นคนที่อยากให้ผมตื่นมาเจอทุกเช้า คนนี้ชื่อวานะครับ เจ้าลูกหมูติดแจเลยล่ะ วาเป็นคนที่ดีมาก และตอนนี้ผมบอกได้เต็มปากเลยว่า วาเป็นคนที่ผมรัก” ผมหันไปบอกวา ผมมั่นใจแล้วและผมก็อยากจะใช้ชีวิตกับคนคนนี้ แววตากลมโตฉ่ำวาว แก้มเนียนแดงระเรื่อ
   “พี่ลม” วาเรียกผมเสียงแผ่ว
   “พี่จริงจังนะวา พี่รักวานะ”  ลมกุมมือขาวที่เริ่มคล้ำเพราะตากแดด เขาอาจะเห็นแก่ตัว แต่ว่าเขาอยากให้วาอยู่ที่นี่กับเขา อยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ผมเช็ดหยุดน้ำตาที่คลอแก้มเนียน
   
   วาสบตาคนที่พาเขาขึ้นมาไหว้พ่อแม่โดยไม่บอกเขาซักคำ แถมยังพูดตกลงเป็นตุเป็นตะ พูดเองเออเองไปซะหมด ความจริงใจที่เขาได้รับ ความรักที่อีกฝ่ายไม่คิดจะปิดบัง การให้เกียรติที่มอบให้เขาเสมอ คนที่กุมมือเขาไม่ได้ให้อะไรมากมาย แต่ให้ความ “สม่ำเสมอ” เขาควรที่จะตกลงได้รึยัง ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับจับมืออีกฝ่ายรึยัง ตอนนี้วามีคำตอบให้ตัวเอง คำตอบที่มาจาก “หัวใจ”
****************************************************
กลับมาแล้วววววววว  หลังจากที่อู้ ก็โดนลากไปสอบใบขับขี่อย่างงงๆ
55555
 กลับมาปั่นรัวๆ  :katai4: :katai4: :katai4:
คิดถึงกันไหม อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
รักคนอ่าน คิดถึงคนเม้นต์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 18 9/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 09-09-2017 18:26:08
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 18 9/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-09-2017 19:33:55
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 18 9/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 09-09-2017 19:45:40
คือดี. จริงๆๆมันเป็นชีวิตที่เราอยากได้อยากให้เป็นนะ. เราเกิดมาเพื่อใครสักคน. แล้อยากใช้ชีวิต กับใครสักคน ที่สำคัญกับเรา. แล้ว เราก็สำคัญกับเขา.   ชอบ.  รักตัวล่ะครในเรื่อง.  รักคนเขียนด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 18 9/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-09-2017 21:09:46
จะเอาแบบพี่ลมบ้าง มีอีกไหม ไม่ต้องรวยระดับพ่อเลี้ยงก็ได้
 :hao7:
ส่วนพี่โยสู้ๆ นะ ดูแลน้องทัพให้ดีด้วยละกัน อย่าแกล้งมากนักสงสาร
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 18 9/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-09-2017 08:35:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 18 9/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-09-2017 10:14:44
พี่ลมเปิดตัวแล้วสินะ แบบเป็นทางการ น้องวาไปไม่เป็นเลยสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 50เปอร์ 12/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 12-09-2017 19:26:44
ผมมองคนที่กุมมือผมแน่น โดยมีน้ำนั่งทำตาแหววยิ้มกว้างเมื่อพี่ลมพูดจบ ผมพูดอะไรไม่ออกมองมือที่ถูกมือใหญ่กุมไว้
   “พี่ลม วา...วา” ผมได้แต่พูดชื่อตัวเองซ้ำๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรตอบไป มองมือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบแก้มที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้
   “พี่ไม่อยากให้วาบอกรัก พี่อยากถามวาว่า วาจะเป็นครอบครัวเดียวกันกับพี่ไหม อยู่ด้วยกันกับพี่ คอยเป็นกำลังใจให้พี่ คอยดูแลลูก อยู่ที่ไร่ตลอดไป วายินดีไหม” เสียงทุ้มต่ำยังคงถามพร้อมกับมือหนาที่แนบแก้ม ผมค่อยๆเงยหน้ามองพร้อมกับยกยิ้มกว้าง
   “วา..... วาตกลงครับพี่ลม” ทันทีที่ผมบอกตกลงพี่ลมยิ้มกว้างก่อนที่จะดึงตัวผมเข้าไปกอด
   “เย้ๆๆๆๆ พี่วาจะอยู่กับน้ำตลอดไป น้ำกอดด้วยยยยย” น้ำตะโกนดีใจก่อนที่จะพุ่งเข้ามาแทรกกลาง พี่ลมแกล้งถอนหายใจแรงก่อนที่รวบเอาน้ำเข้ามากอด
   “ขอบคุณนะวา ขอบคุณมาก”
   “วาต่างหากที่ต้องเป็นคนขอบคุณ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับนัยน์ตาคมที่สะท้อนเงาตัวเอง ที่มีความมั่นคงเป็นที่พักพิงให้กับเขา รอยยิ้มกว้างทำให้เขาเรียกความกล้าก่อนที่จะหยัดกายขึ้น
   ฟอด
   “วา!!!” พี่ลมร้องลั่นเมื่อผมหอมแก้ม ผมได้แต่ยิ้มขำเพราะไม่เคยเห็นพี่ลมฟอร์มหลุดขนาดนี้
   “น้ำปิดตา” ผมได้แต่งงว่าพี่ลมสั่งให้น้ำปิดตาทำไม ซึ่งเจ้าลูกหมูก็ทำตาม 
   “อือ” เสียงร้องตกใจถูกปิดจากริมฝีปากหนาที่ก้มลงแนบชิด และเขาต้องตกใจอีกครั้งเมื่อริมฝีปากถูกขบเม้มไม่เบา ทันทีที่เขาเผลออ้าปากด้วยความตกใจเปิดทางให้อีกคนแทรกเข้ามา เขาหดลิ้นหนีด้วยความตกใจแต่ก็ต้องคล้อยตามอีกคนที่พยายามไล่ต้อนหยอกเย้า มันแตกต่างจากที่เคยทั้งเรียกร้อง ทั้งเร่งเร้า เอาแต่ใจจนทำให้เขาได้แต่เกาะแขนอีกคนไว้
   “อือ..อืม..”
   “พ่อลม น้ำเปิดตาได้ยังครับ” เสียงที่แทรกขึ้นทำให้ผมได้สติ ยกมือขึ้นทุบไหล่ของคนที่ยังตักตวงเอาเปรียบเขา
   “แฮ่กๆ” เขารีบฮุบอากาศเข้าปอดเมื่อพี่ลมปล่อยเขาเป็นอิสระ มือหนาลูบหลังเขาขึ้นลง
   “พี่วาเป็นอะไรอ่ะครับ หน้าแดงจัง” ผมขบริมฝีปากแน่นก่อนที่จะก้มลงไปกอดเจ้าลูกหมูหนีสายตาคมที่เร่าร้อนจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
   “พี่ไม่ได้เป็นอะไรครับ” ผมบอกกับน้ำเสียงแผ่ว
   “ใช่พี่วาของน้ำไม่เป็นไรพี่วาก็แค่เขิน” น้ำเสียงหยอกเย้าทำให้เขาเขินยิ่งกว่าเดิมอีก
   “พี่ลม!!”
   “หึๆ เรากลับกันดีกว่านะ เดี๋ยวจะได้ทานข้าวเย็นกัน” ผมได้แต่พยักหน้าตามที่พี่ลมพูด ก้มกราบโกศคุณพ่อคุณแม่ พี่ลมบอกจะพากลับมาหาทุกอาทิตย์ ขับรถกลับมาถึงบ้าน พี่ลมพาลูกขึ้นไปอาบน้ำส่วนเขาก็เข้าไปทำกับข้าวรอสองพ่อลูก กินข้าวเสร็จผมก็พาน้ำเข้านอนก่อนที่จะหนีเข้าไปอาบน้ำ
   “อ่าวเสร็จแล้วเหรอ” ผมชะงักเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพี่ลมนั่งอยู่บนเตียงในมือมีผ้าขนหนู มือใหญ่กวักให้เขาเข้าไปหา ก่อนที่พี่ลมจะดึงแขนให้เขานั่งลงที่เตียง ก่อนที่จะช่วยซับผมให้บรรยากาศที่อบอวนไปด้วยความอบอุ่นทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง
   “ยิ้มอะไรกันหือ”  พี่ลมถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ผมหันไปยิ้มกว้าง
   “ดีใจครับ”
   “ดีใจอะไรกัน” พี่ลมขมวดคิ้วงงๆ
   “ดีใจ......ที่พี่ลมรักวา”
   “วา..อย่ามายั่วพี่นะ” ผมลอบขำเมื่ออีกคนทำหน้าเซ็ง แถมยังเอาผ้าขนหนูมาปิดหน้าเขาอีก เขินแล้วมาปิดหน้าคนอื่นเขาเนี้ยนะ
   “พี่ลมเขินล่ะสิ คิก”
   “รู้แล้วก็เลิกแซวพี่ได้แล้วหันไปเลยนะ พี่จะเช็ดผมให้” ผมได้แต่หัวเราะเบาๆหันหลังให้พี่ลมเช็ดผม  เมื่อแห้งดีแล้วพี่ลมก็เอาผ้าไปตากก่อนที่ล้มตัวนอนแล้วรั้งตัวผมไปกอดเหมือนทุกคืน
   “ฝันดีนะวา”
   “ฝันดีครับพี่ลม”
   ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะแนบลงที่หน้าผากแล้วมือหนาก็กดหน้าผมแนบอก ตอนที่คนตัวโตเขินนี่น่ารักจริงๆนะ
   อีกฝั่งหวานแววอบอวนไปด้วยความรัก แต่อีกฝั่งไม้อยากรื้อเต็นท์เก็บข้าวของยัดสองคนที่นั่งแผ่รังสีไม่น่าเข้าใกล้ ไอ้ทัพหลังจากที่เดินกลับมาก็ทำหน้าเหมือนอยากฆ่าคน ส่วนพี่โยก็เดินทำหน้าเฉยๆกลับมาแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่ไอ้ทัพ  ไอ้ไม้อยากจะบ้าตาย
   “งั้นก็รีบนอนล่ะกันนะครับ พรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาดูทะเลหมอกกัน” ไม้รีบหาทางออกเมื่อมีแต่เขาคุยอยู่คนเดียว ถามไอ้ทัพก็เพียงตอบเออออ ถามพี่โยก็ไม่ยอมตอบได้แต่หาทางออกให้สองคนนั่นแยกย้ายเข้านอน ซึ่งทั้งสองคนไม่ตอบเพียงแต่หมุนกายเข้าเต็นท์ใครเต็นท์มัน ไอ้ไม้อยากตะโกนระบาย เขาเลยมุดเข้าเต็นท์ ไอ้ทัพมันนอนกายหน้าผากหน้าเคร่งอีกนิดมันคงจะเอาตีนกายแล้วล่ะมั้งนั่น
   “มึงไหวไหม”
   “กูอยากกลับวะ” ผมถอนหายใจแรงแล้วล้มตัวนอนลงข้างๆมัน
   “เออเดี๋ยวพรุ่งนี้กูพากลับเลยล่ะกัน  ว่าแต่ตกลงมึงมาอยู่นี่กี่วันวะ”
   “ทีแรกว่าจะอาทิตย์หนึ่งแต่ กูคิดว่าจะหางานทำที่นี่วะ”
   “มึงจะย้ายมาอยู่นี่เหรอ”
   “เออ” ผมได้แต่เงียบ สายงานมันก็น่าจะทำงานกับเขาได้อีกอย่างให้มันทำงานอยู่ด้วยผมก็มีเพื่อนที่ไว้ใจได้
   “มึงทำงานกับกูสิ”
   “ได้เหรอวะ”
   “เออ แต่ค่าจ้างอาจจะไม่ได้เท่าที่กรุงเทพนะ”
   “กูทำ เดี๋ยวกูกลับไปเคลียปัญหาที่โน่นก่อนแล้วจะย้ายมาที่นี่ถาวร” แม้จะไม่เข้าใจว่ามันจะเคลียอะไร แต่เขาก็เต็มใจช่วยมันอยู่แล้ว
   “นอนเถอะจะได้ตื่นทัน” ไม้บอกก่อนที่จะพลิกกายหันหลังแล้วนอนหลับไป กับคนที่คิดว่านอนแล้วกลับนอนไม่หลับ เขายอมรับว่าโกรธคนที่นอนอีกเต็นท์มาก แต่พออีกคนขอโทษ ในใจเขาก็ยอมลงให้แล้วเพียงแต่มันก็ยังขุดขึ้นมาอีก เขาอยากจะฟาดหน้าอีกคน เฮ่อ เขาอยากจะจบเรื่องราวเหมือนกันเพียงแต่โทรศัพท์
   หือ!!
   โทรศัพท์!!!!!!
   เขาลืมทวงโทรศัพท์จากหมอนั่น ทัพลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อนึกขึ้นได้เขาไม่น่าลืมเลยให้ตายเถอะ เขาหันไปยังอีกเต็นท์ เห็นเงาที่เคลื่อนไหวคงยังไม่นอน เอาวะคุยอีกครั้งก็พอ เขารูดซิบออกไปข้างนอก สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะเดินไปยืนหน้าเต็นท์
   “คุณนอนหรือยัง”
   ซิบหน้าเต็นท์ถูกรูดลงพร้อมกับคนที่เขาตั้งใจไว้ว่าจะไม่คุยด้วยโผล่หน้าออกมา
   “มีอะไรรึเปล่า”
   “ผมมาขอโทรศัพท์คืน” ผมยืนมืออกกไปตรงหน้าคนที่โผล่เพียงหน้าออกมาจากเต็นท์
   “อ้อ ขอโทษด้วย ผมก็ลืมไป” สรรพนามที่เปลี่ยนกลับทำให้ผมแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็เอาเถอะขอแค่ได้โทรศัพท์คืนก็พอ ผลุบหายไปซักพักก่อนที่จะออกมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของเขา
   “ผมขอโทษที่พูดไม่คิด ไม่ได้อยากให้คุณไม่สบายใจ” เขาที่รับเอาโทรศัพท์แต่กลับโดนมือใหญ่จับมือผมไว้ก่อนพร้อมกับคำพูดขอโทษอย่างจริงใจ
   “ผมไม่ได้โกรธแล้ว อีกอย่างคุณปล่อยมือผมได้แล้วนะ”
   “โอ๊ะ ผมก็จับเพลินไป นุ่มดีนะครับ” พูดดีได้ไม่เกินสามประโยค ก็เอาอีกแล้ว คนกวนประสาทยอมปล่อยมือผมแต่ก็ยังไม่เข้าไปนอน จ้องหน้าเขาอยู่นั่นล่ะ
   “มีอะไรรึเปล่า”
   “ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม” ไม่ตอบคำถามแต่ดันชวนเขาไปเดินเล่น อารมณ์ไหน ผมเงียบแทนคำตอบ ซึ่งทำให้อีกคนถอนหายใจแรง
   “ไม่เป็นไร ผมแค่ยังไม่ง่วงเลยชวนคุณไปด้วย งั้นราตรีสวัสดิ์ครับ” ผมรู้หรอกว่าแกล้งตีเศร้า
   “ไปดิ จะไปรึเปล่าล่ะ” ผมบอกแล้วกลับไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวในเต็นท์ เอาจริงๆก็หายโกรธแล้วล่ะ จะให้โกรธนานแม่งก็ไม่แมนไปป่ะวะ   อีกอย่างมันก็ขอโทษแล้ว (ถึงจะกวนตีนหน่อยก็เถอะ) เดินออกมาที่ริมแม่น้ำ
   ผมนั่งลงกับพื้นฟังเสียงน้ำเสียงธรรมชาติ ไม่ได้สนใจคนที่เดินตามหลังมาแล้วทรุดนั่งข้างๆ แล้วก็เงียบ
   “อกหักสินะ” ยังคงไม่เลิกถามจี้ใจดำเขาซักที ผมเลยเลือกที่จะเงียบ
   “คนแบบนั้นคุณเลิกไปก็ดีแล้ว คุณดีกว่าคนแบบนั้นเยอะ” แม้จะไม่ตอบแต่ในหัวผมกลับคิดตามคำพูดของมัน
   “ผมไม่ได้เสียใจ เพียงแต่มันเสียความรู้สึกจนไม่อยากพูดถึงมันอีก” เป็นครั้งแรกที่ผมพูดเรื่องนี้กับคนอื่นแม้กระทั่งไอ้ไม้เขายังไม่ได้บอกอะไรมันมาก
   “ผมว่าคุณควรเอาคืนเขานะ”
   “ฮ่าๆ ผมก็คิดอยู่นะ แต่เอาจริงๆก็ไม่กล้าทำอยู่ดี เพราะผมเคยรักเขาเลยเป็นฝ่ายที่จะจากมาเอง”
   “ถ้าเป็นผมนะ ผมไม่ปล่อยไว้หรอก” ผมหลุดขำกับแววตาที่เอาจริงเอาจังจนเขาคิดว่าคนรักของไอ้พี่โยถ้าคิดจะเลิกกับมันนี่ซวยแน่ๆ
   “คุณคงไม่รู้หรอก สองปีเลยนะ ที่ผมโง่แบบนี้ตอนที่รู้ความจริงรู้สึกตัวเองเหมือนมีเขางอกออกมา” ผมพูดยังไม่ทันจบ ไอ้พี่โยก็ยกมือโบกไปมาตรงหัวผม พอเห็นว่าผมทำหน้างงไอ้พี่โยก็ยกยิ้มก่อนที่จะเฉลย
   “ก็ไม่เห็นมีอะไรงอกมานิ ผมว่าที่คุณออกมาคุณก็หายโง่แล้วล่ะ”
   “โว๊ะคุณนี่กวนจริงๆ ไม่สมกับเป็นพี่น้องวาเลยซักนิด” ผมที่เหมือนจะสนิทใจกับคนกวนประสาทเลยเริ่มที่จะกวนกลับบ้าง
   “ก็วาไม่ใช่ผมจะไม่เหมือนกันก็ไม่แปลก  น้ำค้างเริ่มแรงแล้วกลับกันเถอะเดี๋ยวไม่สบาย”
   “ผมไม่อ่อนแอขนาดนั้นนะ” ถึงจะพูดแบบนั้น ผมก็ลุกขึ้นเดินกลับไปพร้อมกับไอ้พี่โย
   “ราตรีสวัสดิ์นะ” ไม่รู้ว่าจะพูดตอบว่ายังไง เลยพยักหน้ารับแล้วมุดตัวเข้าเต็นท์   แล้วหลับลงอย่างสบายใจ
   “เฮ้ ไอ้ทัพตื่นเว้ย เดี๋ยวไม่ทันถ่ายรูปนะเว้ย” เสียงโวยวายรบกวนความสงบของไอ้ไม้ทำให้ผมต้องงัวเงียแคะขี้ตาลุกขึ้น คว้าเอากล้องกับผ้าเช็ดตัวออกจากเต็นท์ เห็นไอ้ไม้กำลังจะไปปลุกพี่โย ล้างหน้าล้างตา แล้วผมก็เดินไปที่ริมน้ำ อากาศเย็นทำให้เขาอยากกลับไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวที่เต็นท์ แต่ถ้ากลับมาอีกเขาคงพลาดที่จ่ะถ่ายช็อตสวยๆ ทนๆเอาหน่อยล่ะกัน ผมตั้งขากล้องก่อนที่จะรอเวลาแสงขึ้น
   “จริงจังไปนะมึง” ไอ้ไม้ที่พึ่งเดินมาพูดแขวะเมื่อผมตั้งกล้องเพื่อถ่ายรูปจริงจัง
   “ก็ได้มาทั้งทีกูก็อยากได้รูปสวยๆดิวะ”
   “ไม่หนาวเหรอวะ” มันถามเพราะผมใส่แค่เสื้อยืดมา
   “ถามไม่คิดนะมึง ดูแขนกู” ผมยกแขนให้มันดูที่ตอนนี้ขนลุกเพราะความหนาว
   “แล้วก็ไม่ไปเอาเสื้อมาใส่นะมึง”
   “เดี๋ยวพลาดวะ” ผมหันไปบอกมันแล้วกลับมาจดจ่อกับกล้อง ถึงแม้ผมจะเรียนจบบริหารมา แต่การถ่ายรูปก็เป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่ผมชอบ ตั้งค่าแล้วก็รอแสงแรก
   พรึบ
   หือ!!
   เสื้อกันหนาวอุ่นๆถูกโยนมาคลุมหัวจนผมต้องรีบดึงออกก็เห็นตัวต้นเหตุยืนทำหน้าหล่อๆจนน่าหมั่นไส้
   “หนาวนะ” จะตีความหมายได้ว่าที่โยนมานี่ โยนมาให้ผมใส่เหรอ  ผมควรจะขอบคุณใช่ไหม
   “ขอบคุณ” ผมบอกเสียงเบา แล้วค่อยสวมทำให้เขารู้สึกอุ่นขึ้น
   “พูดเบาจังเลยน้า”
   “อยู่เงียบๆไปเลยคุณ” เผลอหันไปค้อนคนที่ทำดีได้ไม่ถึงสามวิก็กลับมากวนประสาท เขากลับมาสนใจกล้อง นิ้วกดรัวชัตเตอร์เมื่อแสงแรกโผล่พ้นขอบฟ้า แสงแดดอุ่นทอแสงผ่านม่านหมอกสีเหลืองทองกระทบน้ำภาพที่เห็นสวยจนแทบลืมหายใจ ผมเงยหน้าเก็บภาพตรงหน้าไว้ในความทรงจำ แสงใหม่ วันใหม่ และชีวิตที่จะเริ่มต้นใหม่ ผมพร้อมแล้วที่จะก้าวต่อไป 
   “สีหน้าดูดีขึ้นแล้วนิ สนใจเอาคืนไหม”
   “คุณนี่ นิสัยเสียจริงๆ” บ่นอุบให้กับคนที่ยังยุยงให้เขาเอาคืน แต่ทำไมคนข้างๆถึงได้มองเขาออกตลอดเลยวะ อ่านใจได้รึไง
   “ขอบคุณที่ชมนะ ได้ยินคำนี้บ่อยๆ” ได้แต่กรอกตาใครเขาชมมันกันวะ
   “กลับกันเลยไหม จะได้ถึงบ้านสายๆพอดี” คนที่ยืนเป็นตัวประกอบหันมาถามสองคนที่สนิทกันไม่เหมือนคนที่จะฆ่ากันเมื่อวานนี้เลย
   “ก็ดีว่ะ กูว่าจะกลับกรุงเทพ” พอผมบอกว่าจะกลับ ไอ้ไม้มันทำตาโต
   “แล้วกูจะรีบกลับมายืนใบสมัครที่บริษัทมึง” ผมขำเมื่อมันยังเป็นห่วงผมอยู่
   “เดี๋ยวกูเตรียมต้อนรับมึงเลย” มันเดินมากอดคอ ผมหัวเราะ เป็นการหัวเราะที่แท้จริงของผมหลังจากเกิดเรื่อง ผมพร้อมแล้วล่ะ  พวกเราช่วยกันเก็บเต็นท์ก่อนที่จะขับรถกลับบ้าน
   ครืดๆ
   เสียงโทรศัพท์ที่พึ่งมีสัญญาณสั่นทำให้ผมหยิบขึ้นมาดู เบอร์ที่คุ้นตาทำให้ผมลังเลที่จะกดรับ ไอ้ไม้ชำเลืองมองผม
   “ให้ผมรับให้ไหมคุณ”
   “คุณจะป่วนเขานะสิ” ผมสวนกลับทันที เพราะแววตาระยิบระยับนั่นทอประกายสนุก
   “ก็ถือว่าเอาคืนให้คุณไง” น้ำเสียงติดจะเย้าแหย่ ทำให้ผมอยากจะปาโทรศัพท์ใส่หน้า ไม้ได้แต่แปลกใจที่เห็นสองคนนี้คุยกันได้โดยไม่โมโหใส่กัน 
   “เอาไปสิ” ผมโยนโทรศัพท์ไปให้คนข้างหลัง ก่อนที่จะปรับเบาะเพื่อที่จะเอนหลัง โทรศัพท์สั่นอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้มีคนรับ
   “สวัสดีครับ”
   “ผมเหรอ.....คุณก็เคยคุยด้วยแล้วนิครับ......จะคุยกับทัพ” พอได้ยินชื่อผมเลยหันไปมอง ไอ้พี่โยกำลังยิ้มสนุกสนาน แถมยังยักคิ้วให้เขาอีก จนเขาได้แต่ส่ายหน้า
   “ทัพคุณจะคุยกับเขาไหม” ไอ้น้ำเสียงทุ้มหูนี่มันอะไรกันวะ
   “ผมจะกลับไปคุยกับเขาเองที่กรุงเทพ” ผมตอบกลับไป
   “คุณได้ยินแล้วใช่ไหม..........อยู่ไหน.......ผมกับทัพก็มาพักผ่อนสิครับ ผมเห็นทัพเขาเคลียดผมเลยพาไม้มาพักผ่อนกันสองต่อสอง .............คุณนี่กินนกหวีดเป็นอาหารเหรอ บายครับ” ผมหลุดขำทันทีที่ไอ้พี่โยว่าปลายสายว่ากินนกหวีดเป็นอาหาร ฮ่าๆๆ เขารู้ฤทธิ์คนนั้นดี เวลาที่โดนขัดใจ
   “ขำได้อีกนะคุณ ผมนี่หูแทบแหก”
   “สมควรคุณไปปั่นเขาเองนิ” ผมรับโทรศัพท์ที่พี่โยส่งคืน
   “คุณก็ไปคบกับเขาได้นะ”
   “ก็ตอนนั้นผมไม่ได้ตาสว่างแบบนี้นิ”
   “หึๆ” เสียงหัวเราะยียวนนั่นไม่ได้ทำให้เขาประสาทเสียแต่มันทำให้เขาสบายใจขึ้นจากการคุยกับพี่โย เห็นทีคงจะได้มองอีกคนใหม่ซะแล้ว
*************************************
ปั่นหน้าแหก ฮ่าๆๆๆ  :katai4:
พี่โยคนป่วน พี่ลมปั่นพี่ลมแล้วเขินอ่า
อ่านคอมเม้นต์ทุกคนแล้วยิ้มกว้างเลยล่ะคะ
ขอบคุณมากนะคะ
รักคนอ่าน รักคนเม้นต์
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 50เปอร์ 12/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-09-2017 20:50:11
นึกว่าจะมีตบกันเลือดตกยางออก แต่ก็ไม่แล้ว อิอิอิ
 :really2:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 50เปอร์ 12/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 12-09-2017 21:09:10
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 50เปอร์ 12/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-09-2017 22:56:19
พอรู้ว่าต้องเสียทัพไปจริงๆ
แฟนเก่าทัพ เลยโทรหาทัพกระหน่ำเลย

น่าสนใจ เรื่องเอาคืน
พี่โย พร้อมช่วยเต็มที่ แค่คุยด้วยก็หวีดวี้ดและ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 15-09-2017 22:00:43
บ่ายคล้อยรถคันใหญ่ก็แล่นมาจอดหน้าบ้าน ทัพรีบเปิดประตูรถลง แม้จะไม่นานแต่การนั่งรถนานๆก็ทำให้เขาปวดเมื่อยได้เหมือนกัน ร่างสูงเดินไปขนของหลังรถที่รู้สึกกว่าจะเยอะจากของฝากที่แวะซื้อระหว่างทางกลับ ก็ไอ้คนกวนประสาทเล่นบอกให้ไอ้ไม้แวะทุกร้านที่ผ่าน ไม่งั้นเขาคงกลับมาถึงเร็วกว่านี้ พี่โยลงจากรถแล้วมาช่วยผมขนของฝาก
   “คุณจะกลับพรุ่งนี้เลยเหรอ” จู่ๆก็ถามขึ้นมาผมหันไปมอง ก่อนที่จะพยักหน้า
   “ผมอยากกลับไปจัดการให้เรียบร้อย” ร่างสูงพยักหน้ารับแล้วยกยิ้ม   
   “ให้ผมไปด้วยไหมล่ะคุณ” ไอ้น้ำเสียงสนุกสนานนั่นทำให้ผมส่ายหัว
   “คุณจะไปป่วนล่ะสิไม่ว่า”
   “ก็นะ ผมอยู่ที่นี่คงจะทำอะไรสนุกๆไม่ได้แล้วล่ะ” ผมมองไปตามสายตาที่ร่างสูงมองไป ก็เข้าใจว่าทำไมพี่โยถึงบอกว่าทำอะไรสนุกๆไม่ได้ ก็ภาพที่เห็นมันบ่งบอกถึงความสัมพันธ็ที่รุดหน้าของพี่ลมกับน้องวา  พี่ลมที่นอนหนุนตักวาที่กำลังสอนการบ้านวา แล้วไอ้การหยอกเย้าแบบคู่รักทำให้ผมอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้จริงๆ
   “หวานจนมดขึ้นหมดแล้วมั้งนะ” และตัวทำลายบรรยากาศก็โผลงขึ้น วาสะดุ้งหันมาทำตาโตตกใจ ในขณะที่พี่ลมนั้นมองบนถอนหายใจแรง
   “กลับมาเร็วจังครับ” วาถามขึ้นทั้งๆหน้าแดงระเรื่อ
   “กลับช้าพี่จะเห็นเหรอว่าเราโดนเอาเปรียบเหรอ ว่าแต่ลม ขอคุยด้วยหน่อยสิ” พี่โยที่ทีแรกพูดเล่นกับน้อง แต่พอหันไปเรียกพี่ลมกลับทำหน้าจริงจังซะจนเขาเดาไม่ออกว่าเอาจริงหรือจะแกล้งพี่ลม  พี่ลมยอมเดินออกไปด้วยกัน ผมเลยได้หอบข้าวของไปเก็บในครัว วาว่าจะช่วยแต่ผมบอกให้วาดูแลลูกไป เก็บของเสร็จผมก็ขึ้นไปอาบน้ำเตรียมพักผ่อน กดจองตั๋วเครื่องบินสำหรับพรุ่งนี้ แล้วผมค่อยล้มตัวนอน เก็บของนะเหรอ จริงๆไมต้องก็ได้ในเมื่อเขาแค่ไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอาจริงๆ เขาต้องเตรียมตัวไปเก็บของซะมากกว่า  กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง หลังจากที่พี่โยป่วนไปก็ไม่มีการโทรเข้าอีกเลย นั่นทำให้ผมสบายใจ เอาจริงๆผมก็คิดไม่ออกว่าจะพยายามติดต่อผมทำไม ทั้งๆที่เป็นคนบอกเลิกผมไปเอง  เอาเหอะ ไปเจอหน้ากันเดี๋ยวก็รู้เองล่ะ อืออออ  บิดขี้เกียจแก้ปวดเนื้อปวดตัว
   ก๊อก ก๊อก
   ใครมาเคาะประตูเขากัน ไม่อยากลุกขึ้นไปเปิดเลยเหอะ ผมนอนห้อยหัวลงจากเตียง เขาขี้เกียจจนเกินจะทนไหว 
   “เข้ามาเลยครับ”
   แกร็ก
   “หึ ท่านอนอะไรนั่น” เสียงทุ้มทำให้เขารีบพลิกตัวนอนคว่ำเงยหน้ามองคนยืนพิงกรอบประตูใบหน้าคมมีรอยขบขัน
   “คุณมาทำไม” ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงดีๆ
   “วาให้ขึ้นมาตามไปกินข้าว”
   “อ้อ ไปสิ” รีบกระโดนลงจากเตียงพี่โยเดินตามลงมา บรรยากาศวันนี้เหมือนจะดูชื่นมื่น ไม่ได้ดูมาคุเหมือนวันแรกที่คนประสาทมาป่วน
   “อาโย อ้ำๆ” ผมแอบขำเมื่อเจ้าลูกน้ำจิ้มผักในจานตัวเองที่วาตักไปวาง จ่อปากพี่โย
   “วาเจ้าลูกหมูไม่ยอมกินผัก”    
   “น้ำ”
   “หึ อาโยขี้ฟ้อง” ฮ่าๆๆ ลูกน้ำสะบัดหน้าหนีอาโยที่หันไปฟ้องวา บ่งบอกอาการงอน ยิ่งเห็นว่าหลานงอน พี่โยก็ยิ่งแหย่ให้เจ้าลูกน้ำทำแก้มพอง บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
   “พี่ขึ้นไปนอนล่ะนะ”
   “พรุ่งนี้พี่จะไปส่งนะทัพไอ้ไม้ต้องเข้าโรงงาน โทษฐานที่มันแอบหนีเที่ยว” ผมพยักหน้า ปล่อยให้พี่ลม ไอ้ไม้และพี่โยนั่งคุยกันต่อ

   “ป่ะไปกันเถอะเดี๋ยวสาย” พี่ลมเรียกผมที่พายเพียงกระเป๋าเป้ใบเล็ก ก็ในเมื่อจะย้ายมาอยู่แล้วจะขนลงไปอีกทำไม รีบวิ่งขึ้นรถแล้วพี่โยก็บึ่งไปส่งผมที่สนามบิน เช็คอินเข้าเกตยังดีที่เขาเอารถไปจอดที่สนามบินตอนถึงเขาจะได้ขับรถกลับไปพักที่คอนโดแล้วรุ่งขึ้นเขาจะได้ไปเจอจัดการให้จบๆซะที ว่าแต่ต้องนัดเจอก่อนสินะ ผมเดินขึ้นเครื่องทรุดนั่งที่นั่ง รัดเข็มขัดก่อนที่จะหลับตารอเวลาเครื่องขึ้น
   “คุณนี่นั่งเป็นหลับตลอดเลยนะ”   
   เดี๋ยวนะ!!!
   เสียงกวนประสาทคุ้นหูนี่มัน
   พรึบ
   “อะ...........ไอ้พี่โย”
   “ไม่สุภาพเลยนะครับ” ผมค้นหาคำพูดไม่เจอ ขึ้นมาได้ยังไงวะ เดี๋ยวๆนี่ไม่ใช่ประเด็น มันมาทำไมวะ
   “ขะ...ขึ้นมาได้ไงวะ” ผมขยับถอยห่างจนชิดพนักพิงอีกด้าน ส่วนไอ้คนที่นั่งทำหน้ายียวนกลับเอนตัวมาด้านเขาแถมยังยืนหน้ามาใกล้เขาอีก
   “ก็จองตั๋วเครื่องบินแล้วจ่างเงินแล้วก็เดินขึ้นมานั่งไงล่ะ”
   “เลิกกวนซักทีได้ไหม”
   “ก็ได้ๆ คุณนี่เสียงดังรบกวนคนอื่นเขา” อยากจะต่อยที่เขาเสียงดังก็เพราะใครกันเล่า!!
   “อธิบายมา” ผมกลับมานั่งดีๆ ยกมือนวดขมับปวดหัว ผมปวดหัวจริงๆ แต่ก่อนที่ผมจะได้ฟังเครื่องบินก็ขึ้นซะก่อน แถมอีกคนยังยกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปากได้รูปเชิงบอกให้ผมเงียบ ได้แต่ยอมนิ่ง
   “เอาล่ะคุณคงพร้อมที่จะบอกผมแล้วล่ะนะ” ผมหันไปสบตาด้วยตรงๆ อีกฝ่ายก็ติดรอยยิ้มขี้เล่นตลอด จนทำให้ผมอยากจะยกมือชกหน้าอีกฝ่าย
   “ก็ไม้เป็นห่วงคุณ ผมก็เลยอาสามาดูแลคุณไง” ผมเชื่อ
   เชื่อ!!! เชื่อมันก็หมาแล้วครับ 
   “ผมเชื่อ...กับผีนะสิ คุณตามมาป่วนผมชัดๆ”
   “ผมเป็นห่วงคุณ” ผมแทบจะปรับอารมณ์ตามไม่ทันเมื่ออีกคนเปลี่ยนเป็นจริงจัง เลยสะบัดหน้าหนีพิงเบาะหลับหนีไปเลย ปล่อยให้อีกคนพูดน้ำไหลไฟดับไปคนเดียวเลยไป๊  นั่งเครื่องไม่นานผมก็กลับมายังชีวิตที่วุ่นวายโดยมีอีกคนที่เกาะตามติดเป็นปลิงอยู่เนี้ย แถมยังบอกว่าจะไปพักกับผมอีก
   “เออก็ได้ ไปที่รถก่อนล่ะกัน” ผมพาไปที่รถ ก่อนที่จะพาไปที่คอนโดของผมที่ซื้อมาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ส่วนอันที่อยู่ด้วยกันอันนั้นเป็นการซื้อร่วมกันเขาเลยถือว่าทิ้งให้เป็นสิ่งสุดท้ายล่ะกัน
   “เข้าไปอาบน้ำก่อนเลยคุณ ผมจะจัดห้องก่อน” ผมไล่คนที่ยังเดินตามตูดไปเข้าห้องน้ำ ถึงจะบอกว่าจะไปจัดห้องแต่ผมกลับหยิบโทรศัพท์มาโทรหาคนที่จะเคลียปัญหาด้วย
   “(ทัพ??)”
   “อืม ฉันเอง พรุ่งนี้ว่างคุยกันไหม”
   “(ทัพ..ฉัน...)”
   “พรุ่งนี้ 11 โมง เจอกันที่ร้านประจำ แค่นี้นะ”
   “ดะ....เดี๋ยวทัพ” ผมรีบตัดสายไปก่อนที่คนในห้องน้ำจะออกมา ไม่อยากให้เข้าไปป่วนด้วยหรอกนะ แอบไปคงจะดีกว่า ผมจัดที่นอนซึ่งแม่งเป็นห้องเดียวไงประเด็น ผมเลยคิดว่าจะไปนอนที่โซฟา ไอ้นอนเตียงเดียวกันนะผมไม่ได้ซีเรียสอะไรถ้าคนนั้นเป็นเพื่อนสนิท แต่นี่เราแค่รู้จักผิวเผิน คงจะให้นอนด้วยไม่ได้หรอก จะให้แขกพักข้างนอกก็กระไรอยู่
   แกร๊ก
   “คุณพักห้องนี้เลยละกัน ผมโทรสั่งอาหารให้แล้วถ้าขึ้นมาคุณก็กินไปก่อนเลยนะ” ผมบอกก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำบ้าง
   “แล้วพรุ่งนี้คุณจะไปเจอเขากี่โมงกัน”
   “บ่ายๆโน้นล่ะ” โกหกเสร็จก็รีบเดินเข้าห้องน้ำ ไว้ใจได้ที่ไหน จนผมอาบน้ำแต่งตัวออกมา ก็เห็นพี่โยนั่งรอที่โต๊ะหน้าทีวี พร้อมกับอาหารที่ผมสั่งไว้
   “อ่าวพอดีกันเลย พึ่งขึ้นมาส่งมากินก่อนสิ” ผมเดินไปนั่งตรงข้ามก่อนที่จะนั่งกินข้าวกันเงียบๆเคล้าเสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้ให้มันไม่เงียบเกินไป
   “พรุ่งนี้จะทำยังไงถ้าเจอหน้า”
   “ก็ไม่ทำยังไง คุยกันให้จบๆ ผมต้องไปคุยที่บริษัทอีก” พี่เจนยังติดต่อกันอยู่ แถมที่กลับมานี่ก็เพราะงานที่ยังติดขัดกันอยู่  ทานเสร็จก็แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวเหมือนจะอยู่กันด้วยความสงบสุขจนกระทั่งมาถึงตอนที่จะนอนกันนี่ล่ะ
   “ทำไมคุณต้องไปนอนข้างนอก ไม่นอนด้วยกันล่ะเตียงออกจะใหญ่”
   “ผมไม่สะดวกใจ คุณนอนเถอะ ผมง่วงแล้ว”
   “คุณก็แค่กลัว  กลัวผมใช่ไหมล่ะ” เดี๋ยวนะใครกลัววะ กลัวอะไรมันวะ   
   “ตกลงนี่จะได้นอนกันไหมเนี้ย”
   “งั้นก็ไปนอนด้วยกันสิ” น้ำเสียงสบายๆแต่ก็แฝงไปด้วยความยียวน นอนก็นอน ไม่งั้นกูคงจะไม่ได้นอนกันพอดี ผมเดินดุ่มๆเข้าห้องนอน กระโดดขึ้นเตียงดึงผ้าห่มคลุมแล้วหลับ ไม่สนใจไอ้คนยียวนกวนประสาท หลับหนีแม่ง
   
   ฟ้ายังไม่สางผมก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงมองคนที่ยังหลับสนิทก่อนที่จะเข้าห้องน้ำแต่งตัวแล้วค่อยหยิบของย่องออกจากห้องไป  ผมเดินเข้าบริษัทตอนเวลาทำการ ซึ่งก็โทรหาพี่เจนตอนออกมาแล้ว ผมเดินเข้าห้องประชุมพี่เจนก็นั่งรออยู่แล้ว 
   “สวัสดีครับพี่เจน” พี่เจนยกมือรับไหวพร้อมกับเชิญผมนั่งลงข้างๆ ก่อนที่จะกางแฟ้มงานที่มีปัญหา นี่ผมบอกหรือยังว่าผมทำงานฝ่ายวางแผนงานตลาด ตอนที่ผมจะลาออกผมจัดการงานทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่จะออกแต่แผนงานที่เจ้านายขอแก้ดันเป็นแผนงานเก่าผมเลยต้องมาแก้ให้ใหม่ หลังจากที่แก้งานเสร็จแล้วพี่เจนก็เดินมาส่งผมที่หน้าห้อง
   “ผมไปล่ะนะพี่เจน มีอะไรให้ผมช่วยก็โทรหาผมได้นะครับ” ผมบอกอย่างมีน้ำใจ พี่เจนก็ช่วยผมไว้บ่อยครั้ง
   “ขอบใจมากนะจ๊ะ  ว่าแต่เราจะไปทำงานที่ไหนล่ะ”
   “ผมจะไปทำที่เหนือครับ นี่ก็จะมาเคลียของเพื่อนขนขึ้นไปที่โน้นล่ะครับ” ผมบอกยิ้มๆ
   “ดีใจด้วยนะ ไว้พี่มีงานพี่จะขอให้เราช่วยโชคดีนะทัพ” พี่เจนตบบ่า ผมยิ้มก่อนที่จะยกมือไหว้
   “ขอบคุณครับพี่เจน” คุยเสร็จก็ใกล้ได้เวลานัดผมเลยรีบขับรถไปที่ร้านอาหารร้านประจำ เอาง่ายๆก็ร้านที่ผมโดนบอกเลิกนั่นล่ะนะ เอาจริงๆมันก็ยังเจ็บจิ๊ดเหมือนโดนเข็มทิ่ม แต่ผมก็ดีขึ้นมาก  เดินเข้าไปในร้านก่อนที่จะแจ้งว่าจองที่ไว้แล้ว เดินเข้าไปผมถึงกับแปลกใจ เมื่อมีใครบางคนมารออยู่แล้ว ปกติมันมาก่อนเขาซะที่ไหนล่ะ
   ครืด
   “มานานรึยังล่ะ” ถามทันทีที่นั่งลง มองใบหน้าน่ารักที่ผมเคยคิดว่าเป็นคนแสนดี แต่ดันแทงข้างหลังได้เจ็บปวดที่สุด
   “ไม่นาน ทัพ...ทัพเป็นไงบ้าง”  แววตากลมโตที่ผมมอง มันสื่อถึงความรู้สึกผิด
   “ก็ดีนะ ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าตอง” 
   “เราอยากขอโทษ และ...อยากขอโอกาสจากทัพ” คิ้วกระตุกเลยทีเดียว เดี๋ยวนะ ทุกคนช่วยกรอให้ผมฟังอีกทีดิ๊
   ขอคืนดี !!!
   มารดาเมิงเถอะครับ ไม่อยากหยาบเลยให้ตายเหอะ
   “เดี๋ยวนะตอง โอกาสอะไร”  ถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ในใจนี่อยากจะล้มโต๊ะ
   “โอกาสที่เราจะกลับมาคืนดีกันไง” รอยยิ้มหวานๆที่เคยชอบแต่ตอนนี้มันเหมือนเคลือบยาพิษในรอยยิ้มนั้น
   “นี่ตองยังคิดว่ามีโอกาสอยู่เหรอ แล้ว(ไอ้)คนรักตองล่ะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ตองทำตาโตก่อนที่จะน้ำตาร่วงกราว อาจจะแปลกใจแต่ผมก็ไม่ได้ใจอ่อนหรอก ไอ้ที่ร่วงๆนะโกหกชัดๆ คบมาตั้งสองปีทำไมจะไม่รู้นิสัยของตอง แต่ก่อนผมแค่มองข้ามๆไป ตอนนี้นะเหรอ เหอะ
   “อึก.....รึว่าทัพมีคนใหม่แล้ว........อึกคนที่รับโทรศัพท์เราใช่ไหม” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นทำให้หลายคนเริ่มมองมาที่ผม อ่า เล่นแผนนี้เลยเหรอ พูดแบบนี้ทำตัวหน้าสงสารแบบนี้พวกขาเผือกก็ต้องว่าผมเป็นฝ่ายผิดนะสิ แต่ก่อนที่ผมจะตอบอะไร ก็มีมือใหญ่วางลงที่บ่าพร้อมกับลมหายใจอุ่นรดหัว
   “ทำไมไม่รอกันก่อนล่ะครับทัพ” รู้สึกขนลุกไปทั้งตัวกับไอ้น้ำเสียงอบอุ่นเกินจริง ผมหันไปหน้าเหวอๆ ผิดกับใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่
   ไอ้พี่โย!!
   มันมาได้ไงวะ
   “แอบมานอกใจพี่รึไงครับ” เชี่ยแล้ว ความบรรลัยมาแล้ว ผมต้องเตรียมถังดับเพลิงซะแล้วสิ
*************************************************************
ลงเต็มแล้วจ้าาาา  :katai4: :katai4:
ไฟจะไหม้ร้านอาหารไหม
พี่โยจัดเต็มแน่ๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ
รักทุกคน อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ipookza ที่ 15-09-2017 22:21:44
ชอบๆๆ คู่นี้งานดีจริง
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 15-09-2017 22:34:47
 คุณโยร้ายกาจมากๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-09-2017 23:04:40
 o13 ยกนิ้วให้เลยพี่โย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-09-2017 00:42:52
 :L2: :L1: :pig4:

รักพี่โยอะ ขอกลับบ้านสักที่
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-09-2017 06:03:13
ทัพ หนีพี่โย ไม่พ้นร้อก  o18
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 16-09-2017 20:12:36
หึหึ   พี่โยสายจัด... มาแล้ว

 :hao3:     o3
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 16-09-2017 20:44:07
ร้ายจริงพี่โย  ทัพเอ๋ย ไม่รอดมือพี่โยแน่แน่  :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 17-09-2017 04:36:48
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 17-09-2017 06:52:10
ไฟท่วม...
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ศตรัศมี ที่ 17-09-2017 08:17:22
มันส์พะยะค่ะเลยทีนี้ ได้ยินเพลงละครเพลิงพระนางลอยมาเลยอ่ะ ตอนหน้าเจ้าหลวงโยธินปะทะเจ้านางตองแหล(ม)เพื่อแย่งชิงเจ้านางทัพพีหลวง แซ่บไปอิ๊กกกกก มาต่อโวยๆน๋าจ้าววว
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 19 100เปอร์ 15/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 18-09-2017 14:11:32
อ่านทตามทันแล้วจ้า สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 20 18/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 18-09-2017 15:08:24
บรรยากาศบนโต๊ะตอนนี้แทบถึงจุดเยือกแข็งเมื่อพี่โยนั่งข้างๆผมพร้อมกับยกแขนอีกข้างมาพาดบนเก้าอี้ผมคล้ายโอบไหล่กลายๆ แต่ที่ทำให้ผมเหงื่อตกยิ่งกว่าคือตองที่ตอนนี้เม้มปากทำตาโต อาการก่อนวีนแตกชัดๆ
   “นั่นใครกันนะทัพ” น้ำเสียงเหวี่ยงมาเต็มๆ
   “เอ่อ..”
   “สวัสดีครับ เราเคยคุยกันแล้ว พอมาเจอตัวจริงแล้ว...............” พี่โยเว้นวรรคไป สายตาคมกวาดมองตองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะยกยิ้มกว้าง
   “ทำไมเจอแล้วทำไม” ผมเริ่มที่จะเดาผลได้รางๆแล้วล่ะว่าใครจะชนะ ทางที่ดีผมควรนั่งนิ่งๆปล่อยให้คนที่ตามมาป่วนจัดการเองดีกว่า ผมยกแก้วน้ำขึ้นกินพยายามทำตัวให้ลีบเข้าไว้
   “ก็ไม่เท่าไหร่” รอยยิ้มเยาะประดับบนใบหน้าทำให้หน้าตาดูกวนเบื้องล่างเพิ่มขึ้นอีก
   “แก!!....ทัพไม่น่าไปคบกับคนไม่มีมารยาทแบบนี้เลยนะ” ดวงตากลมหงุดหงิดสะบัดหน้ามาทางเขา เวรแล้วไง
   “ต้องบอกว่าทัพตาสว่างแล้วจะดีกว่านะครับ  ส่วนคนไม่มีมารยาทนั้นผมก็เคยบอกคุณไปแล้วนิครับ หิวรึเปล่า” ใบหน้าเรียบเฉยต่อว่าอีกคนก่อนที่จะหันมายิ้มอบอุ่นแถมถามด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกันจนผมแทบจะตรบมือให้กับการเปลี่ยนอารมณ์ไปมาไวยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี
   “ก็นิดหน่อย”
   “งั้นสั่งอะไรทานดีกว่านะ” เหมือนพี่โยจะเมินตองโดยการยกมือเรียกพนักงานเพื่อขอเมนู ผมเปิดดูไปเรื่อยๆ คิดถึงฝีมือวาแฮะ
   “อันนี้อะไรนะทัพ” คนข้างๆสะกิดถาม ผมชะโงกหน้าไปมองเมนูในมือใหญ่ ที่พี่โยชี้ที่เมนูหนึ่ง
   “อ้ออันนี้ล่าเตียงครับพี่โย เป็นหมูกับเครื่องเทศแล้วห่อด้วยไข่ที่ทอดเป็นตาข่ายมั้งครับ ผมก็ไม่ได้แน่ใจ”
   “อ้อ น่าทานดีนะ งั้นผมเอานี่ และนี่กับแกงนี้นะครับ เห็นทัพชอบกินตอนอยู่บ้านลม” น้ำเสียงสบายๆที่คำพูดบ่งบอกถึงความสนิทสนมของผมกับพี่โย แล้วไอ้แกงนั่นนะ พี่แกรู้ได้ยังไงว่าผมชอบ 
   “นี่นาย!!”
   “อ่าวคุณยังอยู่เหรอครับ”
   “ทัพ  ไม่น่าตาต่ำคบกับคนแบบนี้ไปได้เลยนะ ต่ำ!!” ผมได้แต่ส่ายหน้าเมื่ออีกคนดูเหมือนจะของขึ้นเพราะอาการสนิทสนมของผมกับพี่โย
   “ว้าแย่จังเลยนะ ทัพไม่น่าตาต่ำเลยจริงๆ นี่ทนคบไปได้ยังไง ผมออกจะหล่อ รวย แถมยังคอยดูแลตามใจทัพทุกอย่าง ผิดจากใครบางคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับคนรัก คุณคิดว่าคนแบบไหนมันต่ำกว่ากันละครับ”และผมต้องแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อใบหน้าติดจะขี้เล่นตอนนี้รอยยิ้มขี้เล่นหายไปแววตาคมดูแข็งกร้าว จนผมนึกหวั่น
   ปัง
   “แก!!”  ตองทุบโต๊ะพร้อมกับลุกขึ้นยืนเตรียมการที่วีนแตกจนผมคิดว่าควรจบเรื่องไร้สาระแล้วจะได้กินข้าวซะที
   “ตอง ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ นายเป็นคนขอเลิกกับฉันเอง จะกลับมายุ่งวุ่นวายกับฉันทำไมอีก ช่วงเวลาที่ผ่านมาถือว่าเลิกแล้วต่อกันอย่ามายุ่งกับฉันอีก”
   “นาย.............นายกล้าพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
   “ฉันกล้ากว่านี้อีกนะตอง นายเป็นคนหักหลัง เป็นคนบอกเลิก เป็นคนบอกว่าไม่ได้รักฉัน เพราะฉะนั้นนายไม่มีสิทธิมาเรียกร้องอะไร ถือว่าเราจบกันแล้วเลิกแล้วกันไป ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกัน” พอพูดจบตองก็อึ้งไป เพราะไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนี้มาก่อน ก็แน่ล่ะตอนเป็นแฟนกับเป็นศัตรูกันมันก็อีกเรื่อง
   “ทัพ ทำไมเป็นแบบนี้”
   “จริงๆก็เป็นนิสัยจริงๆล่ะนะ แต่นายไม่เคยสังเกตฉันดีๆเอง กลับไปเถอะแล้วก็เลิกติดต่อกับฉันได้แล้ว”
   “เห็นไหมล่ะครับ ว่าทัพนั้นไม่เลือกคุณ” นี่ก็กระพือไฟจริงๆ ว่างเป็นไม่ได้ใช่ไหม พอดีกับอาหารที่พนักงานเอามาเสิร์ฟ ผมเลยจิ้มเอาล่าเตียงยัดเข้าปากคนที่อยู่ว่างเป็นไม่ได้ ปั่นตลอด
   “ทัพจะเลิกกับผมจริงๆเหรอ ทัพไม่รักผมแล้วเหรอ” พอเล่นบทเรียกร้องไม่ได้ก็มาบีบน้ำตา
   “ต้องบอกว่าเราเลิกรักนายไปแล้วดีกว่านะตอง และฉันก็ไม่คิดที่จะกลับไปด้วยหรอกนะ”
   “ถ้าฉันบอกว่าทุกอย่างที่ทำไปเป็นเรื่องโกหกล่ะ” หือ ผมหันไปสบตากับตอง แววตาที่ไม่โกหก หมายถึงอะไร เรื่องที่บอกว่ามีคนรักนะเหรอที่ว่าโกหก
   “เราแค่อยากทดสอบ เราไม่คิดว่าทัพจะโกรธจนเลิกกับเราไปเลย เราขอโทษนะทัพ” ผมรู้สึกตัวชา หมอนี่คิดอะไรของมัน ทำไมต้องทดสอบ ผมกำมือแน่นจนรู้สึกถึงเล็บที่จิกเข้าไปในเนื้อ
   มันคิดบ้าอะไรของมัน
   ยิ่งได้ฟังผมยิ่งโมโห ก่อนที่จะพูดอะไรออกไปก็มีมือใหญ่เอือมมาปิดตาผมพร้อมกับมือที่ถูกกุมไว้
   “ไสหัวไป”
   “อะ..”
   “ไสหัวไปอย่าคิดกลับมาอีก ก่อนที่ฉันจะทำอะไรร้ายๆลงไป” น้ำเสียงเหี้ยมทำให้ผมเดาสีหน้าพี่โยไม่ออกเลย
   “มันไม่เกี่ยวกับแกเลยซักนิด”
   “นายคิดเล่นสนุกแต่เคยนึกถึงจิตใจของคนที่รักนายเลยซักนิดคนอย่างนายต่อให้มีเพชรอยู่ในมือก็ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ คนอย่างนายไม่สมควรที่จะรักใครด้วยซ้ำ นี่ค่าอาหาร ส่วนนายก็อยู่กับความคิดบ้าๆของนายไปซะ”  ผมไม่รู้ว่าเดินไปทางไหนเพราะไอ้พี่โยยังไม่ยอมเอามือออกได้แต่เดินตามพี่ลมนำทางไป ไม่ได้ยินเสียงเรียกตามหลังของตอง จนกระทั่งถึงที่รถพี่โยยอมปล่อยแล้วดันเขาเข้าไปในรถ ไม่รู้ว่าหยิบเอากุญแจรถไปตอนไหน ผมนั่งพิงเบาะพร้อมกับหลับตาลง นี่ผมเสียใจไปเพราะไอ้การอยากทดสอบงี่เง่าเหรอวะ
   “อยากร้องไห้ไหม” เสียงทุ้มที่มาพร้อมกับมือใหญ่ที่วางบนหัวทำให้ผมรู้สึกทนเข้มแข็งไม่ไหวแล้ว
   “โอ๋ๆๆ มานี่มา....มาซบอกพี่มา” แม้น้ำเสียงจะกวนตีนไปหน่อยแต่ผมก็ยอมโดนดึงเข้าไปซบบ่ากว้าง แม่งผู้ชายตัวโตๆกอดซบไหล่กันน่าขำซะมัดแต่ผมก็ยอมซบ มือหนาลูบหัวลูบหลัง
   “แม่งเหมือนคนโง่”
   “ผมบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ได้โง่ ผมเอาคืนให้คุณแล้วไง โอ๋ๆไม่ร้องน้าเด็กน้อย”
   “ใครเด็กน้อยกัน ปล่อยได้แล้วเว้ย” ผมที่พยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนแกร่งที่ยิ่งดิ้น ยิ่งรัดผมแน่น อะไรของมันวะ
   “หายใจไม่ออกเว้ยปล่อยได้แล้ว” ผมทุบบ่ากว้างแรงๆจนพี่โยยอมปล่อย
   “ตาแดงหมดแล้ว” ถ้อยคำพร้อมกับมือที่ลูบตามหางตานั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ จนต้องปัดมือนั้นทิ้งไป
   “ว่าแต่ทำไมคุณตามผมมาได้”
   “ก็...จีพีเอสไงคุณ”
   หือ
   “เดียวนะ อย่างบอกนะโทรศัพท์ผม”
   “ใช่ เมื่อคืนนี่ตอนคุณหลับผมแอบเปิดเครื่องคุณแล้วเปิดติดตามไว้นะ” พูดด้วยสีหน้ายิ้มไม่มีวี่แววความสำนึกผิดเลยซักนิดทำเอาพูดไม่ออก 
   “ไปหาอะไรกินกันเถอะ” ตัดบทเปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้ท้องผมโอดครวญเพราะหิว เสียดายอาหารที่สั่งไป
   “ไม่เป็นไรแล้วนะ” แม้จะดูกวนประสาทแต่เขาก็รู้สึกความเป็นห่วงในน้ำเสียง ตอนนี้ในใจเขาความรู้สึกมันจบไปแล้ว
   “ไม่เป็นไรแล้ว แต่ตอนนี้ผมหิวมาก”
   “งั้นไปกินร้านไหนดี” ผมลืมไปว่าคนขับรถของเขาไม่รู้จักทางในกรุงเทพ
   “เปลี่ยนที่กัน” พอผมบอกพี่โยกลับส่ายหัวปฎิเสธแล้วบอกให้ผมบอกทางเอา เลยคิดว่าไปกินที่คอนโดดีกว่าเพราะพรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางแต่เช้า จนถึงคอนโดผมแวะสั่งข้าวแล้วค่อยขึ้นห้อง
   “คุณจะกลับพร้อมกันกับผมรึเปล่า”
   “ก็ต้องกลับพร้อมคุณสิ คุณจะทิ้งผมรึไงทัพ” เหมือนอีกคนยังสนุกกับการสวมบทบาทเพราะสายตาหวานกับเสียงออดอ้อนนั่น ทำให้ผมถอนหายใจ รู้สึกเหมือนจะแก่ขึ้นอีกหลายปีถ้ายังอยู่ใกล้คนคนนี้
   “ครับๆ งั้นผมเก็บของก่อนล่ะกัน อาหารมาก็เรียกด้วยนะ” ผมบอกแล้วเดินเข้าห้องไปเก็บเสื้อผ้า ผมคิดว่าจะปล่อยห้อง เพราะคงไม่คิดที่จะกลับมาที่นี่แล้ว จะปล่อยให้ว่างก็คงจะเปล่าประโยชน์เกินไป พับเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าจนหมดเหลือเพียงข้าวของกระจุกกระจิกที่ต้องแพ็คใส่กล่อง
   “ทัพ มากินข้าวก่อน เดี๋ยวกินเสร็จพี่จะเข้าไปช่วย” ไอ้คำสรรพนามที่เปลี่ยนไปแม้จะทำให้เขาแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะทักท้วง เดินออกไปกินข้าวจนเสร็จอีกคนก็ทำตามที่พูดเข้ามาช่วย
   มาช่วยป่วนนะสิ!!
   “คุณเอาไปใส่กล่องโน้นสิใส่กล่องนี้เดี๋ยวก็แตกกันพอดี”
   “ก็พี่ไม่รู้” แม้จะพูดเสียงอ่อนแต่ผมก็ไม่ได้ใจอ่อนหรอกนะ ยืนคุมให้พี่โยเก็บของเข้าให้เป็นระเบียบโดยดี กว่าจะเก็บของเสร็จก็ปาไปครึ่งค่อนคืน จนผมไล่ให้คนที่ช่วยป่วนไปนอนแม้จะดื้อดึงในตอนแรกแต่เมื่อผมเงียบแล้วทำหน้าเข้มพี่โยก็ยอมไปนอนแต่โดยดี ส่วนผมก็เก็บส่วนสุดท้ายแล้วค่อยคลานขึ้นเตียงไปนอน สายๆค่อยออกเดินทางล่ะกันพวกของนี่ก็จะจ้างบริษัทขนส่งขนไปให้ก็รถที่เขามีมันเป็นรถแนวสปอร์ต ขนได้แค่ของไม่กี่อย่างหรอก ล้มตัวลงนอนข้างๆคนที่นอนหลับสนิท นอนพักเอาแรงก่อนล่ะกัน

   คนที่คิดว่าหลับกลับลืมตาตื่นขึ้นมา มองใบหน้าหล่อที่นอนหลับสนิท อาจจะคิดว่าเขาแปลกที่จู่จองตั๋วเครื่องบิน บินตามคนที่พึ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่เรียกลมไปคุยเรื่องอนาคตของวา เอาจริงๆผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรซักหน่อย แค่มา....อ่า ...อะไรนะ ทัพชอบว่าผมมาป่วนใช่ผมมาป่วน และผมก็เห็นน้องมีความสุขแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว ก่อนกลับเข้าบ้านไม้ก็เข้ามาปรึกษาผมเรื่องของทัพ ซึ่งเอาจริงๆเขาก็เป็นห่วง จากการที่ผมได้คุยผมก็รู้สึกเป็นห่วงเหมือนกัน เลยตัดสินใจตามมายุ่งนี่ไงล่ะ ทันทีที่เห็นหน้าเหวอๆนั่นทำให้ผมคิดถูกที่ตามมา ทั้งๆที่น่าจะโมโหแต่ทัพกลับเป็นคนยอมลงให้ นั่นทำให้ผมเข้าใจว่าทัพเป็นคนอ่อนโยนแค่ไหน และโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย เรื่องที่โกหกเขามองแวบเดียวก็รู้เลยว่าโกหก ผมเลยทำทุกวิถีทางที่สามารถตามอีกคนไปได้ที่ร้านอาหาร
   ผมแทบจะกระโจนต่อยอดีตคนรักของทัพเมื่อมันพูดว่าต้องการทดสอบ โง่เง่า ผมไม่เคยเห็นใครโง่เง่าแบบนี้ในโลกเลยให้ตายเถอะ ดีแล้วที่ทัพเดินออกมา แบบนี้ล่ะดีแล้ว ทัพเหมาะรอยยิ้มกว้างๆกับใบหน้ามีชีวิตชีวามากกว่า ผมถึงได้คอยปั่นหัวอยู่นี่ไง  อาจจะแปลกๆ แต่ผมก็รู้สึกว่า ใช่ คนๆนี้อาจจะเป็นคนที่ ใช่ สำหรับเขา แต่มันคงไม่ใช่ตอนนี้ ที่ผมจะเดินหน้าเพื่อค้นหาคำตอบว่า ทัพเป็นคนที่ใช่จริงๆไหม
   ลูบเบาๆที่หางตาคมที่ยามตื่นแววตาเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและมีร่องรอยเศร้าแฝงอยู่ เอาเหอะ จะเป็นยังไงก็เป็นไปตามนั้นล่ะกัน เมื่อคิดตกร่างสูงก็เข้าสู่นิทราอย่างแท้จริง

   Lom Part
   .ให้ตายเหอะพี่ว่าที่เมียมาทิ้งประเด็นให้แล้วก็ปัดตูดหนีไปเที่ยวกับไอ้ทัพแล้ว แม้จะรู้สึกสงสารทัพแต่ก็ดี  คำเตือนสุดท้ายของโยทำให้เขากังวล
   “อย่าเลี้ยงงูไว้ในบ้านรีบจัดการให้เสร็จไม่งั้นฉันจะเอาน้องกลับ อีกเรื่องฉันเดาว่านายคงจะคิดที่จะอยู่ร่วมกันกับวาแล้วสินะ  ขออย่างเดียวอย่าทำให้วาต้องทุกข์ใจ” ผมเข้าใจความหมายของโยดี ถ้าหากจะอยู่ร่วมกันแล้วนั้น ผมจะต้องไม่ทำให้วาทุกข์ทั้งกายและใจ แม้ในไร่จะไม่มีใครรู้สึกแปลก แต่ภายนอกล่ะ แม้เขาไม่คิดจะแคร์แต่คนอ่อนหวานอย่างวา  เขาไม่อยากจะให้วาทุกใจเลยจริงๆ
   “พี่ลมทำหน้าเครียดจังครับ”
   “วา พี่อาจจะทำให้วามั่นใจในทุกๆด้านไม่ได้ แต่พี่จะพยายามให้วาไม่ทุกข์ใจนะคนดี” แววตากลมฉายแววงงงวยแต่ซักพักก็เผยรอยยิ้มหวาน
   “พี่ลม วาไม่คิดมากหรอกนะครับ วาเข้าใจทุกคน วาสนใจแค่ครอบครัววา ครอบครัวเราเท่านั้นล่ะครับ วาไม่เก็บเรื่องนั้นมาคิดมากหรอกนะครับ” สิ้นคำตอบวาผมก็ยิ้มกว้างก่อนที่จะดึงรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมแขนสูดกลิ่นหอมกรุ่นจากผิวเนียน กอดที่วากอดตอบนั่นทำให้ผมรู้สึกเต็มตื้น  วาของผมช่างน่ารักจริงๆ
   “เดี๋ยวพี่เข้าไร่นะ จะกลับมากินข้าวเย็นส่วนไอ้ไม้พี่ว่าน่าจะนอนโรงงาน” เดี๋ยวนี้ไอ้ไม้ดูจริงจังกับงานมากกว่าปกติเสียอีกเอาเถอะ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองล่ะ
   “เดี๋ยววาทำกับข้าวรอนะครับ” อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มเนียนซักฟอดก่อนที่จะรีบเดินหนีหลบมือเรียวที่เขินแล้วจะฟาดเขาตลอด เขินแล้วทำร้ายร่างกาย
   ผมเข้าไปในไร่ก่อนที่จะเรียกไอ้ละอองกับไอ้สินมา
   “มีอะไรครับนาย”
   “กูมีเรื่องจะให้มึงทำ” เมื่อเห็นว่าผมจริงจังเจ้าสองตัวก็ไม่ทำท่าทีเล่นทีจริง
   “ว่ามาเลยครับนาย”
   “กูอยากเก็บเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด มึงจำตอนที่วาเกิดอุบัติเหตุ” เจ้าสองคนนั่นก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วทำหน้าอยากรู้อยากเห็นว่าผมจะพูดอะไรต่อ
   “จับตัวไอ้เก้าส่งตำรวจ”
   “ห๊า!!!”
   “ไอ้เก้า” กูบอกให้เงียบมันเสือกแหกปาก เออดีจริงวุ้ยลูกน้องกูแต่ละคน
   “กูบอกให้เงียบไงไอ้พวกซื่อบื้อ”
   โป๊ก โป๊ก
   เขกหัวให้รางวัลมันคนละที ไอ้สองตัวนี้มันเชื่อถือได้ไหมเนี้ย เลยบอกให้มันตามผมขึ้นรถเพื่อไปที่บ้านพักคนงาน เขารู้ตัวนานแล้วเพียงแต่มันเป็นลูกของลุงชิต ผมไม่อยากให้ลุงชิตเสียใจเพราะยังไงลุงก็เป็นคนเก่าคนแก่แถมยังคอยดูแลเจ้าน้ำอีก ผมเป็นห่วงความรู้สึกของลุงชิตมากกว่า
   “อ่าวพ่อเลี้ยงมาทำอะไรเหรอครับ” สีหน้ายิ้มแย้มนั่นยิ่งทำให้ผมลำบากใจที่จะพูด แต่สิ่งที่โยเตือนไว้มันก็เป็นเรื่องจริงจะให้เลี้ยงงูเพื่อที่ซักวันมันจะแว้งกัดเอานะเหรอ
   “ลุงผมมาหาไอ้เก้า”
   “มันก่อเรื่องอะไรอีกเหรอครับ” รอยยิ้มกว้างหายไปเหลือเพียงหน้าตาวิตกกังวลทำให้ผมยิ่งไม่กล้าที่จะพูดออกไป
   “ไอ้เก้ามันเป็นคนตัดสายเบรกรถของวา”  สีหน้าตกใจก่อนที่ข้าวของในมือจะร่วงลงพื้น พร้อมกับใบหน้าสิ้นหวังของลุงชิตทำให้ผมลำบากใจ
   “มันทำไม......... ทำไมมันเลวแบบนี้”  ผมไม่มีคำตอบให้ ลุงชิตเพียงบอกว่าไอ้เก้ามันนอนอยู่ในห้อง ผมบอกให้ไอ้สองคนนั่นไปลากตัวมันส่งโรงพัก
   “นาย นาย ผมผิดไปแล้ว อย่าส่งผมให้ตำรวจเลยนะ นาย” ไอ้เก้ามันถลามามาคุกเข่าอ้อนวอนผม
   “ไอ้ลูกไม่รักดี มึงไม่ต้องมาอ้อนวอน ไอ้ละออง ไอ้สิน จับมันไป เอามันไปให้พ้นๆหน้ากู” ลุงชิตตะโกนลั่นผมเลยพยักหน้าสั่งให้ไอ้ละอองกับไอ้สินหิ้วปีกไอ้เก้าไปโรงพัก คล้อยหลังสองคนนั่นไปลุงชิตก็ล้มลงจนผมต้องรีบเข้าไปพยุงพาไหนั่งพักดีๆ
   “ไม่เป็นอะไรนะลุง”
   “พ่อเลี้ยงลุงขอโทษ ลุงสั่งสอนไอ้เก้าไม่ดี มันถึงได้เลวได้ทำชั่วแบบนี้”
   “มันไม่เกี่ยวกับลุงหรอกนะ มันขึ้นอยู่กับตัวมันเองต่างหาก ผมเองก็ไม่อยากเอาเรื่องอะไรมันหรอกนะลุง เพียงแต่มันทำร้ายคนที่ผมรัก ลุงคงเข้าใจผมนะ”
   “ลุงไม่ได้โกรธพ่อเลี้ยงหรอกนะ ลุงโกรธตัวเอง โกรธไอ้ลูกเวรที่มันกล้าทำร้ายคนมีบุญคุณกับมันล้นหัว” ผมลูบหลังลุงที่นั่งร้องไห้ แม้จะเป็นผลลัพธ์ที่ผมเดาได้แต่คนที่สูญเสียก็ไม่มีอะไรที่จะมาทดแทนความรู้สึกนั้นได้ ผมนั่งปลอบลุงชิตจนลุงดีขึ้น ผมเลยเดินกลับบ้าน ทันทีที่เดินเข้าไปกลิ่นหอมก็ลอยอบอวลทั่วบ้าน
   “กลับมาแล้วเหรอครับ มีอะไรรึเปล่าครับพี่ลม”
   “พี่ขอเพิ่มพลังแปบ” พูดเสร็จผมก็เดินไปรวบตัวร่างบางเข้ามากอด สูดกลิ่นกายหอมที่ช่วยผ่อนคลายจนผมรู้สึกดีขึ้นค่อยคลายอ้อมกอด
   “พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ” แม้จะทำหน้างงแต่วาก็ไม่ซักถาม
   หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาที่โต๊ะ ที่ตอนนี้เจ้าน้ำกำลังอ้อนวาให้ป้อนนั่นป้อนนี่ ผมนั่งกินคอยแกล้งเจ้าน้ำที่ขยันอ้อนว่าที่เมียเขานักหนา  ว่าแต่เขาจะให้วาคงว่าที่นี่อีกนานไหม สมควรที่ผมจะพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นอีกขั้นรึยังนะ แต่ทุกอย่างที่จะพัฒนาเขาและวาต้องพร้อมที่จะก้าวไปพร้อมๆกัน
   ใช่มือขวาตัวเองต่อไปก็แล้วกันนะไอ้ลม
   
   แม้การที่จะต้องนอนกอดกันทุกคืนนั่นยิ่งทำให้ความต้องการของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่ผมก็ไม่อยากให้วากลัว อาศัยมือขวาตัวเองนี่ล่ะวะ คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ผมต้องทนกับความน่ารักยามที่วานอน ยิ่งวาไว้วางใจผมมากเท่าไหร่ ตอนหลับวายิ่งอ้อดอ้อนยิ่งกว่าตอนตื่นเสียอีก
   “อือ” นี่ไง มาแล้ว เสียงครางด้วยความสบายเมื่อวาขยับตัวหาที่สบาย ใบหน้าหวานถูไถบนอกเหมือนแมวน้อยที่ขยับหาที่อุ่นสบาย มันจะดีกว่านี้มากถ้ามันไม่ใช่อกผม โอ๊ยทำไมน่ารักแบบนี้นะ ได้แต่กำมือแน่นยับยั้งความตั้งใจที่จะจับกินซะตอนนี้ ขณะที่ผมตั้งสติวาก็เหมือนจะแกล้งผมเข้าไปอีก
   “พี่ลม...” ไอ้การละเมอเป็นชื่อเขานี่แกล้งกันใช่ไหม อยากจะปลุกอีกคนมาชดใช้ความผิดแต่ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มบางแตะแต้มบ่งบอกถึงความสุข จนผมอดยิ้มตามไม่ได้ วาเป็นความสุขของผมจริงๆ
   “ฝันดีคนดีของพี่” ผมกระซิบบอกก่อนที่จะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ก่อนที่จะเข้าสู่ค่ำคืนแสนอบอุ่นหัวใจ
***************************************************
แค่กๆ เหมือนทุกคนรักพี่โยมากฮ่าๆๆ
คนเขียนก็ชอบนางมากเช่นกัน
ในส่วนของพี่ลม เป็นความสุขที่ไม่สุด  เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า55555
ตอนหน้าเราจะไปดราม่ากับพี่ไม้และคุณนัทนะคะ //ผายมือ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เข้ามาเม้นต์นะคะ
ตามอ่านทุกคนเม้น แล้วยิ้มกว้างจนน้องที่ทำงานถาม 555555
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 20 18/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 18-09-2017 17:37:18
กำบังฟินเลย. จบล่ะ. 555. เป็นกำลังใจให้นะ. เลียนต่อไวไวนะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 20 18/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-09-2017 18:10:04
 :angry2:  ตอง คิดได้ไง ทดสอบว่าทัพรักจริงหรือเปล่า
ด้วยวิธีบอกเลิก ไม่รักอีกแล้ว มีคนใหม่แล้ว
อย่างนี้เข้าทางพี่โยเลย  :hao3:

เอ.....พี่ลม นี่รักวามาก หรือป๊อดกันแน่  o18 o18 o18
พี่ลม วา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 20 18/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-09-2017 18:48:05
พี่โยตัวร้ายยยยยย :laugh:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 20 18/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-09-2017 20:39:02
พี่โย กับ ทัพก็ผ่านไปแล้ว
พี่ลมก็เกร็งมือไปก่อนตอนนี้
รอพี่ไม้ กับพี่นัท ว่าใครเป็นพระเอกนายเอก
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 50เปอร์ 23/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 23-09-2017 19:17:34
หลังจากที่ดูคนงานขนของขึ้นรถพร้อมกับแจ้งจุดหมายปลายทางผมก็กลับขึ้นรถขับกลับบ้านไอ้ไม้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น โดยมีบุคคลที่ตามติดเขาเป็นขี้ปลาทองทีแรกนั้นพี่โยขอขับแต่ผมไม่ไว้ใจหรอกนะ ขับรถมาได้ครึ่งวันผมก็แวะเข้าปั๊ม
   “เปลี่ยนให้พี่ขับให้ไหม”
   “พี่รู้จักทางเหรอ” ผมถามกลับไปจะรู้จักทางจริงๆนะเหรอ
   “ไม่หรอกเดี่ยวทัพค่อยบอกพี่ละกัน จะให้ขับคนเดียวก็จะเกินไป”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกอย่างพี่ก็ไม่มีใบขับขี่จะมาขับมันก็ไม่ใช่ ผมว่าไปต่อกันเถอะครับจะได้ถึงไม่ดึกมาก”เปิดประตูเข้าฝั่งคนขับปล่อยให้อีกคนหอบถุงขนมที่พึ่งซื้อตามขึ้นรถตามมา ผมก็ออกรถอีกครั้งถ้าขับด้วยความเร็วประมาณนี้น่าจะถึงประมาณ 2-3ทุ่ม ขับไปซักพักนมจืดเสียบหลอดเรียบร้อยก็ยืนมาตรงหน้า
   “กินอะไรรองท้องก่อน ตั้งแต่เช้าแล้วไม่หิวเหรอ” เสียงทุ้มว่าพร้อมกับขยับหลอดมาจ่อปากผมจนต้องอ้าปากกินตามที่อีกคนป้อนจนพอใจ ยังไม่ทันได้ว่าอะไรขนมปังก็ถูกยื่นมาจ่อปากเขาอีก มือหนาขยับเข้ามาใกล้สองสามทีเชิงให้ผมอ้าปากกินได้แล้ว ได้แต่ทำตามความต้องการของคนที่แกะขนมรออีกสองสามห่อ นี่กะจะให้เขาอิ่มเลยใช่ไหม
   “พี่ก็กินบ้างเถอะผมอิ่มจนจุกแล้วเนี้ย” ได้บอกคนที่ป้อนเขาเอาป้อนเขาเอาจนขนมปังหมดไปสองสามห่อแล้ว คนป้อนยังไม่กินอะไรเลย
   “อ่าวเหรอ เห็นป้อนแล้วก็กินเอากินเอา เหมือนแฮมเตอร์นึกว่าหิวจัด” ทำดีได้ไม่สุดจริงๆเลยคนๆนี้ หลังจากนั้นพี่โยก็นั่งกินโน่นกินนี่ไปเรื่อยพร้อมกับส่งมาป้อนเขาเมื่อเห็นว่าขนมที่กินมันอร่อย ผมเลยได้แต่ตามใจอยากป้อนก็ป้อน แวะพักเข้าห้องน้ำอีกรอบก่อนที่จะยิงยาวถึงบ้านเลย ในที่สุดการเดินทางยาวก็ถึงจุดหมาย พวกผมมาถึงก่อนรถขนส่งเอกชนซะอีกเพราะไม่ได้แวะทานข้าวเลย
   “กลับมาแล้วเหรอครับ หิวกันรึเปล่าเหนื่อยไหมครับ” เสียงหวานๆของวาที่ถามด้วยความเป็นห่วงทำให้ผมแทบหายเหนื่อย
   “พี่หิวจังเลยวา มีอะไรให้พี่กินบ้าง” ผมรีบวางกระเป๋าที่โซฟาก่อนที่จะเดินเข้าไปหาวาที่ครัว ลืมคนที่เดินทางมาด้วยกันเสียสนิท
   “วาทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลยล่ะครับ เดี๋ยวพี่ทัพ พี่โยขึ้นไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนแล้วค่อยลงมาทานล่ะกันครับ พอดีกับพี่ลมกลับมา” พอวาพูดขึ้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ยินเสียงเจ้าลูกน้ำเลยสงสัยออกไปข้างนอกกับพี่ลมแน่ๆ
   “แล้วไอ้ไม้ล่ะวา” ผมถามหาไอ้เพื่อนสนิทที่โทรติดต่อไม่ได้ จนผมนึกว่ามันหายสาบสูญที่โรงงานซะแล้ว
   “พี่ไม้ติดงานที่โรงงานจนไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้วล่ะครับ”
   “วา พี่คิดถึงจัง” คนที่ผมลืมไปแล้วกลับเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับกอดเอววาซุกหน้าลงที่ไหล่บางโดยที่วาหัวเราะน้อยๆเมื่อพี่ชายตัวโตอ้อนเหมือนเด็กๆ แต่ทำไมผมรู้สึกคิ้วกระตุกนะ
   “ทำอะไรกัน ห๊ะ” น้ำเสียงดุดันทำให้ผมต้องรีบหันกลับไปมองที่หน้าครัวพี่ลมที่อุ้มน้ำอยู่แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจไม่ใช่พี่ลมที่มาแบบเงียบๆแต่เป็นสีหน้าที่หน้ากลัวนั่นต่างหาก
   “โอ๊ะโย่ว พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ”
   ฟอด
   ยังไม่วายที่จะหอมแก้มน้องก่อนที่จะเดินเบียดไหล่พี่ลมขึ้นบนห้อง ผมว่าพี่โยแกล้งพี่ลมแน่ๆ รู้ว่าพี่ลมขี้หึงแค่ไหนยังไปแหย่พี่มันอีก เห็นทีผมต้องปล่อยให้คู่นี้เคลียปัญหาก่อน
   “ลูกน้ำไปเล่นน้ำกับอาทัพป่ะ” ผมเดินเข้าไปรับเจ้าลูกน้ำก่อนที่จะบอกทั้งสองคนว่าขึ้นไปอาบน้ำก่อน ลูกหมูดูดีใจดี๊ด๊าที่ได้ไปอาบน้ำกับผม
   “อาทัพของฝากล่ะ ของฝากน้ำล่ะครับ”
   “อยู่ในกระเป๋าอาครับ เดี๋ยวอาบน้ำกินข้าเสร็จเราค่อยเอาไปเปิดกันเนาะ” ผมบีบแก้มยุ้ยๆของน้ำที่ตอนนี้รู้สึกว่าจะลดลงไปเยอะแต่ก็ยังน่าบีบเหมือนโมจิลูกขาวๆทีเดียวเลยล่ะ
   “เย้ๆ ของฝากของฝาก” น้ำร้องดีใจ ผมพาน้ำไปหยิบเสื้อผ้าที่ห้องก่อนที่จะพาไปที่ห้องนอนผมเพราะห้องน้ำมันใหญ่กว่ามาก ต้องบอคุณไอ้ไม้ที่มันสร้างอ่างอาบน้ำใหญ่ขนาดนี้ มันบอกว่าเวลาทำงานเหนื่อยๆต้องได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ  ผมจับเจ้าลูกน้ำถอดเสื้อผ้าก่อนที่ผมจะถอดเสื้อผ้ามีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอว น้ำที่เปิดรองไว้เต็มอ่าง
   “ไปเล่นน้ำกันลูกน้ำ” ผมจูงมือป้อมเข้าห้องน้ำก่อนที่จะลงแช่น้ำด้วยกัน เสียงหัวเราะคิกคักดังก้องทั่วห้องน้ำ ผมคิดถูกแล้วสินะ มาอยู่ที่นี่ผมได้หัวเราะ มีความสุขกับการเลี้ยงหลาน ส่วนไอ้คนที่คิดโง่ๆนั่น ปล่อยแม่งไปเถอะ
   “อาทัพเหม่ออะไรครับ”
   ซ่า
   “แค่กๆ หนอยแนะกล้าแกล้งอาเหรอ” เจ้าลูกน้ำที่ถามผมเสร็จก็สาดน้ำใส่หน้า
   “คิกๆ ยอมแล้ว อาทัพน้ำยอมแล้วคิก” น้ำดิ้นไปมาเพราะผมจี้เอวจนน้ำต้องเกาะคอผมไว้ เมื่อน้ำเริ่มเย็นเลยให้น้ำขึ้นจากอ่างผมคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันไว้แล้วหยิบอีกผืนมาพันลูกน้ำจนเป็นดักแด้ค่อยอุ้มขึ้นไปนอนบนเตียง ผมปล่อยให้น้ำแต่งตัวเองก่อนที่ผมจะหันไปแต่งตัวบ้าง เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วผมก็อุ้มน้ำลงไปข้างล่างที่ดูเหมือนจะกลับมาหวานชื่นแล้ว
   “ลงมากันแล้วเหรอครับ ทานข้าวกันดีกว่าครับ” ทันทีที่ผมวางน้ำลง ลูกน้ำก็วิ่งขึ้นไปนั่งเก้าอี้ประจำตัวส่วนผมก็นั่งลงข้างๆ ก่อนที่จะรับจานข้าววันนี้ไอ้ไม้ก็นอนที่โรงงานอีกแล้วสินะ
   “หือ” จู่ๆไก่น่องหนึ่งก็ลอยมาอยู่จานเขาเพราะมันแต่สนใจน้ำเลยไม่ทันมองว่าใครเป็นคนตักมาให้
   “อร่อยนะ” และคนที่ตักมาก็บอกว่ามันอร่อย จนผมยิ้มขอบคุณ แล้วค่อยตักเนื้อไก่เข้าปาก จนอิ่มแล้วผมก็อาสาไปล้างจานเอง
   “มาพี่ช่วย”
   “อ่าวไม่ไปเล่นกับน้ำหรอกเหรอครับ” ผมถามพี่โยก่อนหน้านี้เห็นเล่นกับน้ำอยู่เลยเพราะกินเสร็จก่อนผม
   “ไม่ล่ะ เจ้าหมูน้อยนั่นทวงของฝากแล้วน่ะเลยเข้ามาช่วย” อ้อ ผมพยักหน้ารับพร้อมกับเร่งมือล้างจานส่วนพี่โยก็ช่วยล้างน้ำสะอาดแล้วเช็ดวางบนชั้นเรียบร้อย
   “ใบสุดท้ายแล้วครับ งั้นผมขึ้นไปหยิบของฝากให้น้ำก่อนนะครับ” พี่โยพยักหน้าผมเลยเดินขึ้นไปหยิบของฝากที่เป็นรถบังคับที่แวะซื้อก่อนที่จะกลับมา เจ้าลูกน้ำดีใจยกใหญ่ทั้งหอมแก้ม จุ๊บปากจนผมต้องรีบเบรกไว้ น้ำวิ่งเอาของไปอวดพ่อและก็วา จนผมอดขำไม่ได้เห่อจริงๆนะ
   “อ้อพี่โยจะกลับวันไหนนะครับ”
   “พี่ว่าอีกสามวันพี่ก็จะกลับแล้วล่ะ ทิ้งงานที่บ้านไว้นานแล้ว” พอรู้ว่าอีกสามวันใครอีกคนจะกลับแล้วเขาก็รู้สึกโหวงๆในใจแหะ
   “งั้นพี่โยอยากไปเที่ยวไหนไหมล่ะครับ วาจะพาไป”
   “ทำงานไปไอ้ตัวยุ่ง พี่จะพักอยู่บ้านนี่ล่ะ” เหมือนผมจะเห็นพี่โยกรอกตาอยู่นะ ได้แต่มองพี่โยที่ยิ้มร่าเล่นกับหลาน เอาเถอะก็คงเป็นคนที่แค่เดินผ่านเข้ามาในชีวิตแค่นั้นแต่ต้องขอบคุณพี่โยที่ช่วยดึงเขาออกจากความรู้สึกแย่นั้นถึงแม้จะเป็นวิธีการแปลกๆก็เถอะ  เล่นกันซักพักวาก็ขอตัวพาน้ำไปนอนเหลือแต่พวกผมสามคน
   “ทัพก็นอนห้องไอ้ไม้ไปเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจยังไงซะก็ถือว่าที่นี่เป็นบ้านล่ะกันนะ” พี่ลมว่าคงจะเพราะไอ้ไม้นอนที่โรงงานซะส่วนใหญ่ดังนั้นห้องนั้นยังไงก็ว่า  ผมพยักหน้ารับ
   “พรุ่งนี่จะเข้าไร่กับฉันไหม”พี่ลมหันไปถามพี่โยซึ่งพี่โยก็พยักหน้า ส่วนผมก็บอกว่าขอจัดข้าวของให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปเริ่มทำงานกับไอ้ไม้ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอน
   รุ่งเช้าผมตื่นขึ้นมาช่วยวาทำกับข้าวแล้วค่อยให้วาไปปลุกน้ำ ยังไงซะงานเขาตอนนี้ก็ไม่มี ที่ผมสามารถย้ายมาที่นี่โดยไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงข้างหลังเพราะเขาเองก็ไม่เหลือใครในชีวิตแล้ว บิดามารดาเสียหลังจากที่เขาเรียนจบไม่กี่ปี ทันทีที่ไอ้ไม้รู้ข่าวมันก็รีบลงไปหาเขาทันทีแถมยังคอยปลอบ ตอนนี้ตอนที่เขาเขวมันก็ยอมช่วยเขา เพราะฉะนั้นอะไรที่ช่วยไม้ได้ ผมก็เต็มใจที่จะช่วยมัน สายๆหน่อยหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายรถบริษัทขนส่งก็มาถึงพร้อมกับคำขอโทษเพราะรถเกิดเสียทำให้ต้องพักกลางทาง ผมเลยไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ให้ช่วยขนของขึ้นบนห้อง ผมนั่งจัดเสื้อผ้าเข้าตู้พอดีกับที่ไม้มันกลับเข้ามาบ้าน
   “กลับมาแล้วเหรอวะ” มันถามขณะที่ไปเก็บเสื้อลงกระเป๋า คงจะไม่กลับบ้านอีกแล้ว
   “เออวะ”
   “เป็นไงบ้างวะ” เก็บเสื้อผ้าเสร็จมันก็วางกระเป๋าไว้แล้วลงมานั่งข้างๆ ที่ถามคงจะหมายถึงเรื่องของตอง
   “สรุปที่กูเสียใจเพราะความโง่ของมันวะ เอาเหอะยังไงกูก็ดีขึ้นมากแล้ว”
   “คิดถูที่กูให้พี่โยไปด้วย” ให้มันเข้าใจแบบนั้นก็คงจะเป็นที่สบายใจของมันก็เอาเหอะ แต่ก็ต้องขอบคุณมันล่ะนะ
   “เออ กระผมขอบคุณคุณไม้นะครับกระผม” พูดจบมันโบกหัวผมไปหนึ่งที
   “พรุ่งนี่ไปหากูที่โรงงานด้วยล่ะกันมึง เดี๋ยวพี่ลมคงพาไป”
   “เออ ไม่อยู่กินข้าวเย็นก่อนเหรอวะ”
   “ไม่วะกูงานเยอะ” ผมรู้ดีที่มันโหมทำงานหนักตั้งแต่วันที่คุยกับคนที่ชื่อนัท มันแทบจะไม่กลับมานอนบ้านโหมงานทำงานแทบทุกอย่างจนแทบเหมือนจะเป็นยามจนถึงคนงานทำงานทุกอย่างในโรงงานแล้ว ยังดีมันไม่มาเหมางานที่ไร่อีก
   “พักบ้างนะมึง เดี๋ยวจะได้ตายซะก่อน”
   “เออ ไม่ต้องห่วงกูน่า กูรู้ตัวดี” ผมแทบไม่เชื่อคำพูดมันเลยซักนิด มันไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามันฝืน ฝืนมากเลยทีเดียวได้แต่ตบบ่ามันแรงๆก่อนที่มันบอกว่าจะกลับไปโรงงาน ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บของต่อไป ทุกอย่างมันต้องผ่านไปด้วยตัวเองโดยที่เขาก็ช่วยอะไรมันไม่ได้
   
   Mai Part
   ผมรู้ดีว่าไอ้คำที่บอกว่ารู้ตัวดีนั้น ผมโกหกไอ้ทัพและโกหกตัวเองผมเสแสร้งว่าตัวเองไม่เป็นไร แกล้งว่าตัวเองเข้มแข็งแต่ในทุกๆวัน ในทุกเวลา ในทุกวินาที ผมกลับทำทุกอย่างตามที่สมองสั่งงานแต่ตัวกลับรู้สึกว่าเปล่า ทั้งๆที่บอกตัดมันไปแล้ว ท้ายที่สุดคนที่เสียใจก็ยังคงเป็นเขา
   เฮ้อออ
   ได้แต่ถอนหายใจรอบที่ล้านแปด พร้อมกับยกมือขึ้นนวดระหว่างตาที่ปวดุบๆเมื่อผมจ้องทั้งคอมและเอกสารนานจนดวงตาต้องประท้วงด้วยอาการล้าจนผมต้องหลับตาซักพัก
   “พี่ไม้ จะกินอะไรไหม” ไอ้นิวเดินเข้ามาในห้อง ตอนนี้คงเลิกงานแล้วสินะ คิดถึงกับข้าวฝีมือวาชะมัด แม้จะกลับไปบ้าแต่ผมก็แค่กลับไปเอาเสื้อผ้าแถมวายังไม่ได้กลับมา ไอ้นิวจะเป็นคนชื้ออาหารฝากยามมาส่งผม
   “เอาข้าวและกับข้าวมาซักสามสี่อย่างล่ะกัน”
   “รับทราบเจ้าค่ะ เดี๋ยวฝากพี่ยามขึ้นมาให้นะ หนูไปล่ะคะ” ผมโบกมือไล่ไอ้นิวทั้งๆที่ก็เป็นสาวเป็นนางแต่นิสัยก็ยังกระเปิ๊บกระป๊าบแก่นแก้วจริงๆยังเด็กนี่ก็เห็นกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แต่ยิ่งโตยิ่งซน ซักพักลุงยามก็ถือถุงกับข้าวขึ้นมาส่ง ผมขอบคุณพร้อมกับแบ่งกับข้าวให้ลุงถุงหนึ่ง ก่อนที่ผมจะแกะกับข้าวใส่ถ้วยแม้จะอร่อยแต่ผมก็ยังคิดถึงรสมือของวา
   ครืด ครืด
   เสียงโทรศัพท์ที่สั่นทำให้ผมต้องวางช้อนก่อนที่จะลื้อหาท่ามกลางกองเอกสารที่วางเต็มโต๊ะก่อนที่จะเห็นว่ามันอยู่ข้างล่างท่ามกลางเศษเอกสาร
   “สวัสดีครับ............อัลโหล....ได้ยินรึเปล่าครับ” ผมต้อถามซ้ำเมื่อเสียงปลายสายมีเพียงเสียงของรถ เสียงพูดคุย ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนโทรผิดเมื่อไม่มีชื่อที่แสดงขึ้นจนผมคิดจะวางสาย แต่เสียงคุ้นหูทำให้ชะงักแทบหยุดหายใจ
   “(ไม้)” เสียงเบาๆทำให้ผมยกโทรศัพท์ออกจากหูเพื่อที่จะดูเบอร์แต่มันก็ไม่ใช่เบอร์ที่เขาคุ้นตาเลย
   “อ่า....นัท”
   “(อืม...กูเอง)” และทั้งผมและมันก็ต่างพากันเงียบ เอ๊า จะเงียบทำไมวะมึงเป็นคนโทรมานะเฟ้ยยยย ใจจริงก็อยากจะตะโกนออกไปนะเพียงแต่.......เขาไม่อยากเป็นเหมือนเดิม
   “มีธุระอะไรหรือเปล่า พอดีติดงานอยู่” ผมรีบที่จะหาข้ออ้างที่จะดัดสาย
   “(เรื่องเสี่ยปาน ตอนนี้ได้ข่าวว่าโดนฆ่าตัดตอนไปแล้ว)” แม้ข่าวที่ได้ยินจะน่าตกใจแต่ผมก็โล่งใจที่จะได้ไม่มีคนมาลอบกัดแล้ว ได้แต่อโหสิกรรมให้แม้จะทำเรื่องราวให้กับครอบครัวเขาแต่ทุกคนก็ได้รับผลกรรมที่ได้กระทำกันไว้แล้วขอเพียงไม่มีเวรมีกรรมต่อกันแล้วก็พอ
   “งั้นจะบอกพี่ลมให้ละกันนะ”
   “(ไม้ เดี๋ยวก่อน)” มันเรียกผมไว้แล้วก็เงียบ ตกลงจะเรียกผมไว้ทำไมวะ
   “(สบายดีไหม)” เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย อยากตะโกนให้ลั่นโรงงาน กูไม่สบายทั้งนั้นล่ะ  ทั้งกายและใจกูเหนื่อยยยยย
   “สบายดี แค่นี้ก่อนนะพอดียุ่งมาก” ผมบอกปัดพร้อมกับโกหกมันอีกแล้วกดตัดสายไป  ผมแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งแต่การทำลายข้าวของไม่ใช่นิสัยของผมเลยได้แต่วางลงแรงๆ มองกับข้าวที่คงหมดอารมณ์กิน ทำไมผมต้องฝังใจกับรักครั้งแรกที่มันยาวนานขนาดนี้ด้วย ได้แต่เอนหลังพิงเก้าอี้ก่อนที่จะตัดสินใจเอากับข้าวไปไว้ในตู้เย็นก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อแช่น้ำอุ่นเผือว่าอาการเครียดๆเซ็งๆของเขาจะทุเลาลง
   ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะจับเอากับข้าวเมือคืนเข้าไมโครเวฟ เพื่ออุ่นกินตอนเช้า จัดการตัวเองเสร็จผมก็เดินลงไปทักลุงยามที่กำลังจะเปลี่ยนเวร แล้วเดินเข้าโรงงานเหมือนออกกำลังตอนเช้าก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องทำงานเหมือนเดิม ทำไมรู้สึกว่าโลกผมนับวันยิ่งแคบลงกันน้า
   นั่งทำงานจนกระทั่งจะเที่ยง เจ้านิวก็ยังไม่เข้ามาถามว่าเขาจะกินอะไรรึเปล่าสงสัยว่าวันนี้ต้องพึ่งตัวเองซะแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะได้ลุกจากเก้าอี้ กลิ่นหอมก็ทำให้ผมท้องร้องเสียงดัง กลิ่นนี้มัน
   “น้องวา???”
   “เสียใจ น้องวาโดนพี่ลมกักตัวไว้วะ กูเลยเอาเสบียงมาส่งมึงคนเดียว” ไอ้ทัพพูดถึงพี่ลมก็ทำให้ผมขำ ยิ่งพี่โยอยู่ที่ไร่ด้วย วันนี้หลานเขาก็ไปโรงเรียนเพราะงั้นรับรองได้ว่าต้องมีก้างชิ้นโตตามติดไปทุกที่แน่ๆ
   “เหรอวะ ส่งปิ่นโตมาเลยมึง กูโคตรคิดถึงกับข้าวฝีมือวา” ผมยืนมือไปรับปิ่นโตเถาโตที่ไอ้ทัพถือมา ซึ่งมันส่ายหน้าก่อนที่จะส่งมาให้ผม พอเปิดเท่านั้นล่ะกลิ่นหอมก็ลอยอบอวน
   “ตกลงมึงจะใช้ชีวิตอยู่นี่เลยหรือไงวะ” ไอ้ทัพที่นั่งดูผมกินจู่ก็ถามขึ้น
   “ก็ไม่นะ กูก็กลับบ้านอยู่ไง” ผมตอบแต่มันก็รู้ดีว่าผมโกหกมัน เมื่อมันทำหน้าจริงจังขึ้นแล้วจ้องหน้ากดดันผม
   “เออ กูรู้ตัวน่า”
   “เหรออออออออออออออออ” มันลากเสียงยาวประชดกูนี่หว่า
   “เย็นนี้กลับบ้านด้วยกันไฟต์บังคับพี่ลมสั่งให้กูลากคอมึงกลับบ้านด้วย” ได้แต่ถอนหายใจรอบที่หนึ่งล้านหนึ่ง กลับไปฟัดไอ้ลูกหมูเยียวยาจิตใจ ไอ้ทัพก็อยู่ช่วยผมจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน พอผมเลิกงานเร็ว ลุงยามถึงกับทักขึ้นด้วยความแปลกเมื่อผมกลับเร็ว
   “อ่าวพี่ไม้กลับมาแล้วเหรอครับ” วาทักทันทีที่เห็นผมเดินเข้าบ้านมา
   “คิดถึงกับข้าวฝีมือวา” วาเพียงแต่ยิ้มตอบแล้วไล่ให้ผมขึ้นไปอาบน้ำ เพราะก่อนกลับผมลงไปโรงงานไปดูช่างที่เข้ามาเช็คเครื่องยนต์ในโรงานทั้งเนื้อทั้งตัวเลยเปื้อนไปด้วย ผมเลยขึ้นไปอาบน้ำก่อนที่จะลงมาช่วยวาตั้งโต๊ะ พอดีกลับสองพี่ใหญ่กลับมาบ้าน
   “กินข้าวกันก่อนครับ”
   “ลูกหมูของอา” ผมวิ่งเข้าไปหาเจ้าน้ำทันทีที่เห็นผมเข้าไปหาก็สะบัดหน้าหนี บ่งบอกถึงอาการงอนหนักมาก แถมยังไม่หันมาคุย แต่ไปออเซาะพี่โย ไอ้ทัพ เออกูโดนหลานเทแล้วใช่ไหมเนี้ย ไอ้พี่ลมพอเห็นหน้าผมเหวอก็หัวเราะ
   “หึ สมน้ำหน้า” โอ๊ยยยยยเจ็บปวดดด โดนหลานเท ผมกลับไปนั่งลงกินข้าวพยายามขอคืนดี และผมก็รู้ว่าพี่โยจะกลับในวันพรุ่งนี้ แต่เช้าด้วยผมเลยอาสาจะไปส่งพร้อมกับไอ้ทัพที่ขอไปด้วยแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพี่โยดูท่าทางจะใส่ใจไอ้ทัพโดจการตักโน้นตักนี่ให้ไม่หยุด แถมไอ้ทัพก็ไม่ได้โวยวายแถมยังบอกขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่แฝงความเศร้าอีกต่อไป นี่กูพลาดอะไรไป กูเสือกไม่ทันนนนนน พลาดจริงๆเลยกู  แม้ผมจะพยายามจับสังเกตเพิ่มแต่เหมือนพี่โยจะรู้ทันเลยหันมาตักแกงใส่ถ้วยผมพร้อมกับบอกว่ากินให้อร่อย แต่สายตามึงอ่ะไม่ใช่เลย จนผมต้องหยุดเสือก หันมาง้อหลานที่เริ่มใจอ่อนแล้วกลับมาคุยกับผมแล้ว กลับมานอนบ้านก็ช่วยทำให้ผมสบายใจ
   “กลับมานอนบ้านได้แล้วมึงนะ” ไอ้ทัพมันกำชับผมอีกรอบตอนที่ขึ้นมานอนบนเตียง
   “กูแค่ยังทำใจไม่ได้วะ”
   “แผลของมึงลึก จะให้หายง่ายๆก็ไม่ใช่แต่มึงต้องเดินหน้าได้แล้ว” แหมๆๆพูดเหมือนมันผ่านเรื่องราวทั้งหมดมาได้แล้วผมหันไปมองหน้ามันก็เห็นว่ามันไม่มีความเศร้าอีกต่อไป
   “เหรอแล้วมึงคงจะเดินหน้าแล้วสินะ กับใครว้า” ผมยกยิ้มกว้าง
   “หุบปากแล้วนอนไปเลยสัส” มันเหวแล้วพลิกตัวหันหลังหนี ไอ้ป๊อดดดดดดดด
***************************************************
อ๊ายยยย เลิกอู้แล้วค่ะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้าาาาา


อย่างที่ชี้แจงในเพจเนาะ
เท่าที่คิดๆไว้ก็คงอีกไม่นานแล้วทีจะปั่นเรื่องนี้ให้จบ แล้วจะได้ไปจับเรื่องอื่นทีค้างไว้
ต่อ
รักคนอ่าน ทุกคนค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 23/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 23-09-2017 21:48:31
เรื่องยุ่งยากกำลังจะเข้าที่แล้วสินะ ไม้อย่าแซวทัพให้มากนะ เค้าเขิน อิอิอิ :-[
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 23/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 23-09-2017 22:13:02
นัทนี้ก็ปากแข็งนะ. แต่ไม้นี้จะปักใจ. ทัพกับโยจะได้นักกันแต่ก็พลันจากจร  แต่ก็สามพ่อลูกนะ. วา. ลม. น้องน้ำ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 23/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 23-09-2017 22:50:20
อยากรู้เรื่องของนัทครับ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 23/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-09-2017 23:10:45
คู่หลัก พี่ลม วา  :กอด1: :กอด1: :กอด1: ไปโลด

คู่รอง พี่โย ทัพ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: ก็ไปได้ดี
 
คู่ นัท ไม้  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  เงียบกริบ
นัท นิ่งอยู่ได้
รอรู้ว่าพี่โยชอบทัพก่อนใช่มั้ย
ถึงจะรู้ตัวว่าตัวเองซื่อบื้อ และไม้ยังชอบตัวเอง
อยากอ่านพาร์ทนัทแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 23/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-09-2017 01:32:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 23/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 25-09-2017 01:04:17
รีบมาๆๆๆนะ. รออ่าน. อยู่เบย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 100 เปอร์ 26/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 26-09-2017 19:21:34
รุ่งเช้าผมกับไอ้ทัพเตรียมตัวไปส่งพี่โยที่ตอนนี้กำลังล่ำลากับน้องชายที่หน้าประตูโดยมีพี่ลมยืนเป็นแบล็คกราวน์อยู่ด้านหลัง
   “ถึงแล้วพี่โยโทรหาน้องด้วยนะครับ”
   “ได้ อยู่ที่นี่ก็ทำตัวดีๆล่ะ” พี่โยโยกหัววาแรงจนพี่ลมจ้องเขม็ง
   “อ้อส่วนลม อย่าคิดจะทำอะไรที่มันข้ามขั้นนะลม” ผมได้แต่แอบขำกับไอ้ทัพเมื่อพี่ลมทำหน้าเหวอๆ แหมพี่ชายกูคิดจะเคลมน้องวาแน่ได้ข่าวแอบซุ่มศึกษาแต่ที่ดูๆพวกผมคงได้จุดพลุฉลองกันทั้งไร่แน่ๆ
   “ไม่ได้ทำอะไรหรอกน่า”
   “เหรออออออออออ” ผมกับไอ้ทัพพูดขึ้นพร้อมกันไอ้พี่ลมชี้หน้าคาดโทษพวกผม วากอดลาพี่โยก่อนที่พวกผมจะขึ้นรถเดินทางไปที่สนามบิน ช่วยกันถือกระเป๋าที่เพิ่มขึ้นเพราะวาแพ็คของฝากไปให้ครอบครัวที่โน้น
   “ขอบคุณมากนะที่มาส่ง”
   “ไว้ว่างพี่ก็มาเที่ยวที่ไร่อีกนะครับ ยังไงก็เป็นคนกันเอง”ไอ้พี่โยยิ้มกว้างเพราะเข้าใจความหมายที่ผมสื่อ เอาน่าถือว่าโมเมช่วยพี่ชายตัวเอง
   “ไว้ว่างก่อนล่ะกันนะ ว่าแต่หลับเหรอทำไมเงียบจัง” พี่โยหันไปถามไอ้ทัพที่กำลังหาวอ้าปากกว้าง
   “ใครบ้าจะยืนหลับ รีบๆกลับไปได้แล้ว” เหมือนมีบรรยากาศกรุ่นๆที่ผมรู้สึกเป็นส่วนเกินแหะ
   “ไปแล้วก็อย่านั่งเหงาล่ะ”
   “รีบๆกลับไปได้น่า” ไอ้ทัพปัดมือที่โบกผ่านไปมาผ่านหน้าหล่อๆของมันที่ทำหน้ายุ่งขึ้นไปทุกทีๆที่พี่โยกวนประสาท นี่กูพลาดอะไรไปวะ เมื่อพี่โยสังเกตว่าผมเริ่มทำหน้างง ก็บอกลาครั้งสุดท้ายก่อนที่พี่โยจะเดินเข้าเกตไปขึ้นเครื่อง ผมเดินไปกอดคอไอ้คนที่ยังเหม่อมองตามหลังคนที่เดินเข้าไปไกลแล้ว
   “กลับไปทำงานได้แล้วไอ้หล่อ”
   “เออไอ้ไม้ผุ” มันยกมือขึ้นมากอดคอผมคืน ใช่ไงกูเตี้ยกว่ามึงทำให้มันพาดแขนที่คอเขาได้อย่างสบายๆผมเอามือลงก่อนที่จะผลักมันออกทำให้มันหันมาขยี้หัวผมแรงๆทีก่อนที่จะเดินหล่อนำผมกลับไปที่รถ ไอ้หล่อ ไอ้เสาไฟฟ้า ได้แต่ลูบผมที่ฟูขึ้นจากการโดนขยี้ให้เข้ารูป แล้วรีบวิ่งไปให้ทันมัน ทำไมล่ะก็ในเมื่อมันเป็นคนเอากุญแจไป
   และความบังเอิญที่มีในโลกก็ทำให้ผมไม่ได้ทันรู้เลยว่ามีใครที่กำลังเดินออกมาจากเกตมองดูความสนิทสนมกันของสองเพื่อนซี้ด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก

   “ผู้กองนัทดูอะไรเหรอครับ” เสียงทักจากด้านหลังทำให้ร่างสูงในชุดเครื่องแบบหันกลับไปหาเพื่อนร่วมงานที่เดินทางไปพร้อมกันแต่กลับมาก่อนกำหนดเมื่องานที่เขาได้รับมอบหมายนั้นถูกเขาเร่งงานจนต้องกลับก่อนกำหนดไปหลายสัปดาห์
   “ไม่มีอะไรครับ เรากลับกันดีกว่า”ร่างสูงเดินลากกระเป๋าออกจากสนามบินขึ้นรถที่ทางสน.ส่งมารับเพื่อพาผมไปรายงานผลทันที รายงานผลเสร็จผมก็ได้รับวันหยุดอาทิตย์หนึ่งซึ่งก็สมควรผมให้จ่าอีกคนขับรถมาส่งที่บ้าน
   “กลับมาแล้วครับแม่”
   “ว่าไงเจ้าดื้อ” เวลาที่แม่ทักผมแบบนี้นั่นหมายความว่าผมต้องทำอะไรให้ท่านแม่ไม่พอใจแน่ๆ
   “เอ่อ............ผมทำอะไรผิดเหรอครับ”ได้แต่โยนกระเป๋าทิ้งแล้วเดินไปกอดร่างเล็กของผู้ให้กำเนิด
   “ทำไมถึงได้รีบกลับมาหืม ไหนบอกว่าจะไปเดือนหนึ่งนี่รีบกลับมาเพราะลูกไปแอบมีแฟนใช่ไหม” สิ้นคำของมารดายทำให้ผมต้องกรอกตานี่แม่คิดว่าเขามีแฟนอีกแล้วเหรอ แม้มารดาจะเลี้ยงดูเขาแบบตามใจแต่ก็ยังไม่ค่อยจะโอเคนักที่จะให้เขายอมคบหากับผู้หญิงนัก ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร่
   “ผมแค่อยากกลับมาอยู่กับแม่ไงครับ ไม่ดีใจเหรอ”
   “ดีใจจ้าดีใจ ขึ้นไปพักเถอะเดี๋ยวตอนเย็นแม่จะทำอะไรอร่อยๆให้ทาน”
   ฟอด
   “ขอบคุณครับ” แอบหอมแก้มนุ่มไปหนึ่งทีก่อนที่จะหิ้วข้าวของขึ้นห้อง โยนของกองๆไว้แล้วเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัว อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนที่เตียงใหญ่ หลับตานึกถึงเหตุผลที่ทำให้ผมต้องทุ่มเทกับการทำงานจนมันเสร็จเร็วกว่ากำหนด
   เออกูผิดที่จริงจังกับคำพูดมึง กูผิดที่เคยเชื่อทุกอย่างที่มึงพูด ผิดที่ชอบมึง
   ผิดที่ยังเพ้อฝัน กูเคยคิดนะว่าทำไมกูจริงกังกับคำสัญญาของมึงทำไมทั้งๆ
   ที่กูก็เคยเจ็บ เคยเสียน้ำตา
   เพียงนึกถึงคำพูดของไอ้ไม้ที่ตะโกนกรอกมาทางโทรศัพท์ก็ทำให้เขาหัวตื้อคิดอะไรแทบไม่ออก คำสัญญาที่ผมเคยให้ไว้กับมัน คำที่มันบอกรักผม ที่มันบอกว่าผมเคยทำให้เสีย ทำให้มันร้องไห้ ผมไม่เคยเห็นมันร้องไห้มาตั้งนานแล้ว ให้ตายเหอะทุกคำมันไม่หายไปไหน คอยแต่จะวนเวียนตอกย้ำให้ผมรู้สึกผิด ใบหน้าคมเข้มหันไปมองกรอบรู้บนหัวเตียง รูปสมัยมัธยมที่เขายืนกอดคอกับไอ้ไม้
   คำสัญญาสมัยม.ปลายที่มันถาม
   สัญญาที่ไม่มีใครเราจะมาเป็นแฟนกัน
   ยอมรับเลยว่าผมลืมไปแล้ว คงจะเป็นอย่างที่ไอ้ไม้มันว่า ที่ผมชอบพ่นคำสัญญาจนมันดูไม่มีค่าอะไรมากกว่าลมปาก จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็นผมก็ลงไปข้างล่างแม่กำลังยกหม้อข้าวมาที่โต๊ะพอดี
   “อ่ะวันนี้แม่ทำของโปรดไว้เยอะเลย”
   “คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่มากเลยครับ” ผมนั่งลงพร้อมกับรับจานข้าวมามองบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยของชอบเขา นั่งทานไปซักพักผมถึงได้เอ่ยปากถามมารดา
   “แม่........ถ้ามีคนผิดสัญญากับแม่ แม่จะโกรธเขาไหม” แม่มองหน้าผมพร้อมกับหรี่ตาลง
   “นัทฟังแม่นะ รู้ไหมความหมายของคำว่าสัญญาคืออะไร” แม่ถามผมกลับซึ่งผมก็พยักหน้าแน่นอนสิใครจะไม่รู้
   “เพราะมันเป็นคำสัญญามันจึงสำคัญและมีความหมายเพราะงั้นลูกไปให้สัญญาอะไรกับใครไว้ล่ะ”
   “ผม ผิดสัญญากับมันมาหลายครั้งแล้วครับ” เมื่อนึกดูดีๆผมบอกสัญญากับมันหลายครั้งแต่ผมก็ผิดสัญญากับมันแทบทุกครั้งเลย ยิ่งนึกถึงผมยิ่งไม่อยากกินข้าว
   “กับไม้นะเหรอ”
   “แม่.. แม่รู้ได้ไงครับ” ผมได้แต่อึ้งเมื่อแม่เขาพูดถึงไม้  แม่ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยกยิ้มซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจสุด
   “แม่รู้ยังไงไม่สำคัญ เพียงแต่ลูกรู้สึกยังไงตอนนี้” เหมือนเป็นคำถามที่ผมยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ว่าผมรู้สึกยังไงกันแน่ในหัวตอนนี้มันพันกันยุ่งเหยิงไปหมดจนผมแทบคิดอะไรไม่ออกแล้วกับการที่จะสานสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าอย่างไม้
   “ผมไม่รู้ครับแม่ ผมอยากเป็นเพื่อนกับไม้เหมือนตอนนั้น” แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากแต่ผมก็คิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับไม้ สมัยม.ปลาย พวกผมเรียกได้ว่าเป็นเด็กแสบของชั้นทั้งแกล้งเพื่อน ป่วนอาจารย์ เล่นสนุก เมื่อเห็นผมก็ต้องเห็นไม้ ไม้คอยอยู่เคียงข้างผมเสมอและผมก็สบายใจที่ได้อยู่กับไม้ มันไม่เหมือนอยู่กับคนอื่นไม่งั้นผมจะอยากกลับไปสนิทกับไม้อีกทำไมทั้งๆที่ห่างกันตั้งหลายปี เขาพึ่งรู้ว่าระยะห่างของเขากับไม้ไม่ใช่เพราะช่วงเวลาแต่เป็นระยะห่างของความรู้สึกที่แตกต่างของผมกับไม้ต่างหาก
   “แม่ว่าในเมื่อลูกเป็นคนผิดสัญญากับลูกไม้แล้ว และเท่าที่แม่ดูๆนะ ลูกไม่คิดเหรอว่าไม้ยังอยากสนิทกับลูก แล้วลูกจะเดินดุ่มๆเข้าไปแล้วขอเป็นเพื่อนเหมือนเดิมนะเหรอแม่ว่าลูกไม่ใช่แค่ดื้อนะแต่ลูกนะทึ่มอีกด้วย” ผมได้แต่สะอึกไม่ใช่ที่แม่ว่าผมทึ่มแต่ผมคิดตามที่ว่าไม้อยากสนิทกลับผม แล้วยิ่งภาพที่ได้เห็นวันนี้ ไม้ยังอยากจะสนิทกับผมไหม
   “แม่ไปอาบน้ำก่อนล่ะเก็บจานด้วย เฮ่อ....ไม่น่าเลี้ยงลูกออกมาให้ทึ่มแบบนี้เลย” เดี๋ยวนะแม่ แม่บ่นแล้วเดินตูดสะบัดขึ้นห้องปล่อยให้ผมนั่งบื้ออยู่คนเดียว ทำไมแม่ต้องถอนหายใจแรงแบบนั้นด้วยเล่า
*****************************************************
เอามาลงให้เต็มแบบสั้นๆ

รู้กันแล้วนะคะว่านัทเป็นคนยังไง 5555

ช่วงนี้คนไข้เยอะอาจจะไม่ได้ป่ันเท่าไหร่นัก

แต่จะพยายามเข้ามาต่อให้นะคะ อ่านเแล้วเป็นไง

บอกเค้าด้วยน้า
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 100เปอร์ 26/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-09-2017 20:15:35
มาต่ออีกหน่อยนะ อยากรู้เรื่องราวนัท+ไม้ในอดีต นะ นะ
 :z13:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 100เปอร์ 26/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 26-09-2017 21:10:25
เป็นกำลังใจให้นะ. อ่านแล้วติด. ชอบ. 555. เป็นตัวละครที่เราอยากเป็นนะ. 555.
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 100เปอร์ 26/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-09-2017 22:01:17
นัท รู้ว่าไม้สำคัญ อยากอยู่กับไม้ไปเรื่อยๆ
แล้วถามตัวเองสิ ไม้สำคัญยังไง ขาดไม่ได้ใช่มั้ย
แล้วอยากให้ไม้มาอยู่กับตัวเองด้วย ในสถานะไหน
คิดสิผู้กองจอมทึ่ม   :m16: :m16: :m16:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 21 100เปอร์ 26/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-09-2017 09:18:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 22 100เปอร์ 26/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 30-09-2017 16:38:34
หลังจากที่ส่งพี่โยกลับไปแล้วผมกับไอ้ทัพก็ไปทำงานต่อ แม้จะวุ่นวายขนาดไหนไอ้ทัพก็ยังลากเขากลับไปบ้านทุกวัน แถมยังทำตัวติดกับผมทุกฝีก้าวราวกับกลัวว่าผมจะทำอะไรโง่ๆอย่างนั้นล่ะ เพียงแต่วันนี้มันต่างออกไป เสียงพูดคุยในบ้านมีเสียงของคนที่ผมคุ้นหูอยู่ เท้าที่กำลังก้าวเข้าบ้านหยุดชะงักจนไอ้ทัพหันมามองงงๆ
   “กูกลับไปนอนที่โรงงาน”
   “หยุดเลยมึง”
   แอ๊ก แม่งเดินมาล็อกคอเขาเฉยเลย ไอ้เพื่อนเวรรรร
   “กลับมาแล้วครับ” ไอ้ทัพเดินเข้าไปทักไอ้พี่ลมกับวาโดยที่ล็อกคอผมลากให้เดินตามไป
   กูหายใจไม่ออกแล้วเว้ยยยย
   ผมยกมือขึ้นตบหลังไอ้ทัพที่มันยังทำเนียนล็อกไม่ยอมปล่อย
   “แค่กๆ ไอ้........ทัพหายใจไม่ออกแล้วนะ(เฟ้ย)เล่นบ้าอะไร(ของมึงวะ)” ต้องมีการดูดเสียงเมื่อน้ำยังนั่งจ้องตาแป๋ว ขืนได้หลุดหยาบนี่คงโดนวาหมายหัวแน่ๆ ไอ้ทัพเพียงหยักไหล่แล้วเดินไปนั่งลงข้างๆลูกหมู ปล่อยให้ผมได้แต่ยืนเคว้ง
   “งั้นฉันขึ้นไปอาบน้ำก่อนล่ะกัน” เพื่อหาทางออกให้ตัวเองผมเลยเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับคนที่ยังนั่งคุยกับพี่ลม
   “อืมไปเถอะ” มันโบกมือไล่ผมแล้วหันไปฟัดหลานต่อ แม่งเห็นหลานดีกว่ากูไอ้เพื่อนเลว ผมเลยได้ทีวิ่งขึ้นห้องปิดประตูห้องผมก็ทรุดลงนั่งพิงประตูทันที มันมาทำวะ เอาน่ามันอาจจะมาคุยกับพี่ลมสูดหายลึกนะไอ้ไม้ ทำเป็นเหมือนแค่คนรู้จักกันก็พอ หายใจเข้าลึกๆ หลังจากที่แช่น้ำจนตัวเปื่อยออกมายังไม่เห็นไอ้ทัพขึ้นมาแม้เขาพยายามเตะถ่วงเวลาแต่ยังไงเขาก็ต้องลงไปอยู่ดี หวังว่าลงไปมันจะไม่อยู่ ผมเดินลงไปเรียกไอ้ทัพให้ขึ้นไปอาบน้ำ
   “กูขึ้นไปนะ” ผมพยักหน้าแล้วค่อยเดินเข้าครัว อ่าววาหาย ได้แต่โคลงหัวไปมาไอ้พี่ชายก็หายไปด้วยหนีไปสวีทกันที่ไหนวะ
   “อาไม้ น้ำหิว” น้ำอยู่คนเดียวไม่น่าจะใช่ วาไม่ยอมแน่ๆงั้นคนที่ยังอยู่ ไอ้นัท
   “ครับๆ มาเดี๋ยวอาน้ำเอาให้นะ ว่าแต่พ่อหายไปไหน อึบ” ผมอุ้มน้ำขึ้นแล้วเดินไปที่โต๊ะก่อนที่จะถามหาพี่ชายตัวดี
   “ไม่รู้ครับ พ่อลมให้น้ำอยู่กับอานัทแล้วก็พาพี่วาไป” น้ำว่าพร้อมกับพองลมเต็มแก้มงอนที่พี่วาโดนฉุดไปสินะ ผมจิ้มแก้มป่องนั่นสองสามทีก่อนที่จะเดินเข้าไปตักกับข้าวที่วาทำไว้มาที่โต๊ะพร้อมกับจานข้าวสี่จาน ถ้าจะไม่ตักให้อีกฝ่ายก็จะเหมือนแล้งน้ำใจมากเกินไปเขาเลยตักมาเผือแต่ก็ไม่ได้เรียกคนที่นั่งคุยโทรศัพท์มาหรอกนะ
   “อ่ะกินเยอะๆนะเจ้าลูกหมู” ถ้าจะโทษว่าใครที่ทำให้เจ้าลูกหมูน้ำหนักเยอะขนาดนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นเพราะเขาส่วนหนึ่งที่ชอบพาน้ำไปกินอะไรอร่อยๆเมื่อมีโอกาสนั่นทำให้เจ้าลูกหมูจ้ำม่ำแบบนั้นไงล่ะ มองดูน้ำกินด้วยความสุขแล้วผมก็เริ่มกินบ้าง ไอ้ทัพทำไมยังไม่ลงมาอีกนะ นั่นกินจนข้าวพร่องลงไปครึ่งจานคนที่เขาไม่อยากเจอหน้าก็เดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว ทั้งที่อยากจะถาม ไหนว่าไปทำงานหนึ่งเดือนไงทำไมถึงได้กลับมาเร็ว เพียงแต่จะให้เขาเอ่ยปากถามก็คง..ไม่ เรื่องอะไรที่เขาจะต้องถามมันล่ะ ของร้องล่ะไอ้ทัพมึงรีบไสหัวลงมาซักที่เหอะ
   ความเงียบที่หน้าอึดอัดดำเนินต่อไปจนน้ำได้แต่มองหน้าผมและหน้าไอ้นัทสลับไปมาแล้วก้มหน้ากินต่อไป ส่วนผมก็พยายามไม่สนใจคนที่แอบจ้องผมอยู่ จะจ้องอะไรหนักหนาวะ หลังๆมานี่รู้สึกว่าผมจะทำได้แค่คิดในใจ เจอไอ้ทัพก็แพ้ทางมัน เจอไอ้นัทเขาก็ไม่อยากจะคุย
   “ผอมลงไปนะ” จู่ๆไอ้คนที่จ้องเขานิ่งก็พูดขึ้นหมายถึงเขาเหรอ แค่ไม่นานผมคงไม่ได้ผอมลงอะไรขนาดนั้นหรอกนะ เอ๊ะหรือกูผอมลงจริงๆวะ ผมเผลอก้มสำรวจเนื้อตัวว่าผอมลงไปจริงหรือเปล่ากว่าจะนึกได้ก็มีเสียงหัวเราะทุ้มดังขึ้นเสียก่อนทำให้รู้ตัวว่าเผลอไปอีกแล้ว
   “น้ำอิ่มยังครับ” ผมหันไปถามน้ำที่พยักหน้าหงึกหงักตอบ
   “น้ำจะขึ้นไปอาบน้ำกับอาทัพ อาทัพชวนน้ำไปเล่นอาบน้ำด้วย” เจ้าลูกหมูว่างั้นก่อนที่จะลงจากเก้าอี้วิ่งตุ๊บตั๊บขึ้นด้านบน ซวยแล้วไงกู แล้วความเงียบก็แผ่กระจายทั่วโต๊ะกินข้าว
   ......................
   เมื่อเห็นว่าอีกคนก็ไม่คิดที่จะพูดอะไร ผมก็ลุกขึ้นถือถ้วยชามออกไปเก็บที่อ่างล้างจานก่อนที่คิดจะขึ้นไปข้างบน
   หมับ
   “เดี๋ยวสิ คุยกันก่อนนะไม้” นัทคว้าข้อมือเขาไว้ตอนที่เดินผ่านพร้อมกับน้ำเสียงทุ้มที่ดูอ่อนแรงที่มีอ้อนวอนเจืออยู่ในน้ำเสียง
   “.....”ผมเงียบมองมือใหญ่ที่กำข้อมือเขารอบ
   “นะ.ไม้” ผมยอมนั่งลงตรงข้าม แต่พอนั่งแล้วมันก็เงียบไม่พูดอะไร ตกลงมันจะคุยอะไรกับผมกัน
   “ถ้าจะเงียบอย่างนี้ฉันก็ขอขึ้นไปนอนก่อน” ผมเตรียมที่จะลุกมันก็ยอมเปิดปาก
   “กูขอโทษ”
   “เท่านี้ที่มึงจะพูด” จะมาพูดทำไมวะ
   “ไม่ใช่ ที่กูขอโทษคือขอโทษที่ลืมสัญญาตอนนั้น” สัญญานั่น
   ปัง!!
   “มึงจะพูดขึ้นมาทำไม มึงจะกลับมาทำไม”ผมกระชากคอเสื้อมันพร้อมเค้นเสียงถามมัน มันจะกลับมาทำไม กลับมาตอนที่เขายังไม่สามารถดึงตัวเองกลับมาได้ มายุ่งวุ่นวายให้เขาเขวทำไม
   “มึงคิดเหรอว่าแค่คำขอโทษจะทำให้กูรู้สึกดีขึ้น กูพอแล้ว มึงเข้าใจใช่ไหมกูพอแล้ว กูเหนื่อย” ผมก้มหน้าลงเพื่อซ่อนสีหน้าและดวงตาที่เริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาที่ผมกำลังอดกลั่นไม่ให้มันไหลออกมาเขาไม่อยากร้องไห้ให้มันเห็น เพราะทุกครั้งที่ผมร้องไห้มันไม่ได้อยู่ข้างผมซักครั้ง ผมไม่อยากอ่อนแอ
   “ไม้ กู......”
   “พอแล้ว...พอแล้วทุกอย่าง” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่ปล่อยมือออกจาคอเสื้อมันพร้อมกับเงยหน้าสบตากับคนที่มีสีหน้าคล้ายเจ็บปวด ทำไมล่ะกูต่างหากที่ต้องเจ็บปวด คนที่เจ็บปวดต้องเป็นกูไม่ใช่เหรอ
   “ไอ้ไม้ มาหากูนี่” เหมือนสวรรค์เห็นใจผมส่งไอ้ทัพที่แม่งหายหัวไปนาน ผมเดินไปหามันซึ่งมันก็คว้าคอผมกดเข้ากับไหล่มันพร้อมกับมือที่ลูบหัวเบาๆ
   “เดี๋ยวกูจัดการเองจะร้องก็ร้องนะมึง” มันกระซิบบอกทันทีที่มันบอกผมก็เหมือนเขื่อนแตกมือกำชายเสื้อนอนของมันแน่นปล่อยให้น้ำตาไหลซึมผ่านเสื้อไอ้ทัพ
   “กูว่ามึงกลับไปก่อนดีกว่านะ” เสียงไอ้ทัพดูจริงจัง
   “กูต้องการคุยกับไม้”
   “มึงนี่ดื้อด้านนะ อย่างที่มึงเห็นไอ้ไม้ไม่ต้องการเจอมึง ไม่อยากคุยกับมึง เพราะฉะนั้นมึงควรไปได้แล้ว” ผมได้แต่กำชายเสื้อไอ้ทัพไว้แน่น
   “แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับนาย พี่ลมก็อนุญาตแล้ว”ม
   “แต่มึงเห็นอาการไอ้ไม้ไหม กูว่ามึงไม่ต้องมาเจอมันอีกเลิกยุ่งกับมันได้แล้ว” แม้ไอ้ทัพจะห้ามปรามแต่เหมือนไอ้นัทจะไม่ยอมยังที่จะทู่ซี้จะคุยกับผม
   “ไม้มึงขึ้นห้องไป” ไอ้ทัพลูบหัวผมเบาๆ ผมพยักหน้าหงึกหงักกับไหล่กว้างแต่กอนที่ผมจะเดินหนีขึ้นข้างบน ข้อมือผมก็โดนมือใหญ่ดึงพร้อมกับถูกยกขึ้นพาดบ่า
   “เฮ้ย!!!” ผมได้แต่ร้องลั่น พอจะเงยหน้าเรียกไอ้ทัพ มันดันโบกมือลาหมายความว่าไงวะ ไอ้เพื่อนเลววววววววววววววววววววว แต่ก่อนที่ผมจะทำจะร้องแหกปากก็ถูกโยนเข้ารถกระบะคันใหญ่พร้อมกับคาดเข็มขัดให้เขาพร้อมเสร็จสรรก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นฝั่งคนขับแล้วบึ่งรถออกไป นี่มันเกิดบ้าอะไรของมัน

   Nut Part
   หลังจากที่คุยกับแม่ผมก็กลับมานอนคิดนั่งคิดแทบจะตีลังกาคิดผมก็เริ่มเข้าใจตัวเองขึ้นมานิดหน่อย เขาได้แต่คิดว่าทำไมต้องยึดติดกับไม้ อยากคุย อยากอยู่ใกล้  คิดถึงความห่วงใย คิดถึงอาการโก๊ะเปิ่นที่ผมมองว่ามันน่ารัก ความคิดที่ยุ่งเหยิงเริ่มตกตะกอน
   ผมชอบมันเหรอ
   ถ้านี่คือความรู้สึกชอบผมก็คงมีคำตอบเรื่องความรู้สึกและเรื่องที่ผมอยากจะให้มันมาอยู่ข้างๆผมอีกครั้ง แต่สิ่งที่ดังขึ้นในหัวคือคำที่แม่ว่า ไม้มันยังอยากกลับมาไหม ยิ่งคิดยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบีบรัดหัวใจ แค่รู้ว่ามันจะไม่กลับมาผมก็รู้สึกเสียใจจนแทบทนไม่ไหว ผมคงเข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้แล้วสินะ
   รุ่งเช้าผมลงมาก็เห็นแม่ตั้งโต๊ะรอแล้ว ผมนั่งคนข้าวต้มจนมันจะเละเป็นโจ๊กอยู่แล้ว
   เพี๊ยะ
   “โอ๊ย แม่ตีผมทำไม” ผมยกมืออีกข้างขึ้นลูบมือที่โดนมือเล็กฟาดแรง
   “จะคนทำไมล่ะคะ กินเข้าไปสิ”
   “แม่ ผมจะไปหาไม้” แม่วางช้อนก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นสบตากับผมแววตาของคนที่ผ่านโลกมามาก และยิ่งเป็นคนที่เลี้ยงดูผมมา แม่เข้าใจดีกว่าผมว่าผมรู้สึกยังไงด้วยซ้ำ
   “ไปหาทำไมล่ะคะ”
   “ผมเข้าใจที่แม่ว่าผมแล้วล่ะ ผมอยากให้ไม้อยู่ข้างๆผม” เหมือนผมเห็นดวงตานั้นมีประกายแปลกๆ แม่ยิ้มน้อยๆก่อนที่จะบอกว่าก็ต้องเตรียมตัวรับกรรมไปนะ ผมขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะเดินทางเข้าไร่สายลม ถามหาพี่ลมจะให้ไปหาไม้เลยผมคงจะปรับความเข้าใจไม่ได้ต้องมีผู้ช่วยซักหน่อย
   “ไง อะไรทำให้มึงโผล่หน้ามาไร่กู” น้ำเสียงที่ฟังดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ทำให้ผมเดาออกสามถึงสี่ส่วนว่าพี่ลมรู้เรื่องที่ผมกับไม้ทะเลาะกันแน่ๆ
   “ผมจะมาหาพี่เรื่องไม้”
   “เรื่องนั้นกูว่ามึงอย่าเลยดีกว่านะ” พี่ลมวางงานที่กำลังทำแล้วเดินเข้ามากอดคอเขาพร้อมกับพูดตัดความหวังที่จะได้ผู้ช่วยมา
   “ทำไมล่ะพี่ลม ผมอยากเจอไม้”
   “มึงทำให้น้องกูเสียใจมานานมากแล้วนะ กูไม่ได้เห็นมันร้องไห้หนักตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้วและกูก็ไม่ยอมปล่อยผ่านแล้ว” ได้แต่ยอมก้มหน้ารับคำต่อว่าที่มันเป็นเรื่องจริง แต่พี่ลมก็ถอนหายใจหนักเมื่อเห็นสภาพผม
   “กูจะให้โอกาสครั้งเดี๋ยวแต่ก็ไม่รู้นะว่าไอ้ไม้มันจะยอมคุยกับมึงไหม” ยิ่งพี่ลมบอกนั้นยิ่งเป็นการตัดความหวังที่ริบหรี่ของเขาให้น้อยลงกว่าเดิม
   “ผมก็ไม่รู้” พี่ลมเพียงส่ายหน้าแล้วก็ว่าให้ผมว่าฉลาดขึ้นมานิดหนึ่ง ผมโง่ตรงไหนกันเมื่อเห็นว่าผมอยู่ว่างๆพี่ลมก็ใช้งานผมทันที
   “พี่ลมจะแกล้งพี่นัททำไมครับ”น้องวามาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผมเมื่อเห็นว่าเสื้อยืดสีขาวตอนนี้มันเละจนแทบไม่เหลือสีเดิมแถมทั้งตัวยังชุ่มไปด้วยเหงื่อ
   “ใครแกล้งไม่มี๊ แค่นี้ยังน้อยไปสำหรับที่มันทำกับไอ้ไม้อีก” พี่ลมก็ยังสาดเกลือใส่แผลผมอีกครั้ง เอาเถอะผมผิดไปจริงๆ
   “ไม่เป็นไรครับน้องวา”
   “เล่นอย่างกับเด็กๆ” วาหันไปค้อนพี่ลมที่ดูมีความสุขที่ได้กลั่นแกล้งผม
   “อย่าช้าๆคนงานใหม่ เสร็จนี่ก็ไปช่วยขุดหลุมเตรียมปลูกส้มด้วยนะป่ะวาไปรับน้ำกัน อย่าอู้นะมึง” ผมได้แต่ถอนหายใจตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปจนถึงเย็นผมถึงได้กลับไปพักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ซักที และตอนนั้นที่ไม้กลับมา ยิ่งผมเห็นความสนิทสนมของสองคนนั่นผมยิ่งรู้สึกเหมือนอากาศหายใจน้อยลงไปทุกที หลังจากที่ไม้ขึ้นไปอาบน้ำพี่ลมกับวาก็บอกว่าจะพากันไปดินเนอร์ข้างนอก ส่วนทัพหลังจากที่ประเมินผมแล้วก็ยอมที่จะขึ้นไปข้างบนปล่อยให้ผมกับไม้ได้อยู่ด้วยกัน
   ไม้ไม่ได้โวยวายแต่น้ำเสียงที่พูด มือสั่นเทาที่กำคอเสื้อผมแน่นทำให้ได้รู้ว่าไม้เจ็บปวดแค่ไหน ผมทำร้ายไม้มานานแค่ไหนแล้ว มองดูไม้ที่ไม่ร้องไห้ต่อหน้าผมแต่ร้องไห้กับเพื่อนสนิทแล้วยังมือที่ลูบหัวนั่นอีก
   เอามือนั่นออกไปนะ
   เท่านี้ผมคงเข้าใจ หัวใจตัวเองแล้วสินะผมถึงได้ไปฉุดคนที่ไม่ยอมร้องไห้ให้ผมเห็นขึ้นรถ ผมขับรถออกจากไร่เหลือบมองคนที่ไม่ยอมสบตาแถมยังไม่ยอมมองหน้าผมด้วยจนกระทั่งผมจอดรถที่บ้านหลังเล็กที่ผมซื้อไว้นานแล้ว
   “ลงมาสิ” ยืมมองคนที่ยังก้มหน้ามือกุมกันแน่นที่หน้าตัก เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอมลงมาผมก็เลยฉุดลงมาลากเข้าบ้านพร้อมกับปิดประตูแน่นหนา
   “จะคุยกันก่อนได้ไหม” ผมนั่งลงข้างๆไม้ที่ยังไม่มองหน้าผมจนผมต้องบังคับให้ไม้หันมามอง
   “ไม่ฉันบอกนายไปแล้ว” ผมมองตาที่แดงก่ำที่ดูก็รู้ว่าร้องไห้หนักแค่ไหนผมยกมือลูบเบาๆที่ใต้ตาช้ำนั่น
   “ขอโทษที่ทำนายร้องไห้อีกแล้ว” ยิ่งผมพูดดวงตากลมที่เคยเปล่งประกายในความทรงจำตอนนี้กลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด
   “อึก ฉันบอกว่าพอแล้วไง” น้ำเสียงแหบพร่านั่นยิ่งทำให้ไม้ดูน่าสงสารทั้งยังที่พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดไปด้วย
   “ฉันไม่ยอมหรอกนะ ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายไปอีกแล้ว”ผมดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด
   “อึก พอแล้ว ฮืออ”ทันทีที่อยู่ในอ้อมแขนผมไม้ก็ปล่อยโฮเหมือนเด็กๆความเปียกชื้นที่ที่ซึมผ่านเนื้อผ้าทำให้หัวใจของผมเหมือนถูกบีบรัดโดยมือที่มองไม่เห็น
   “ชู่ ไม่ร้องแล้วนะ” ยิ่งผมปลอบไม้ก็ยิ่งร้องไห้หนักผมลูบแผ่นหลังที่ดูบอบบางของไม้ไปมา ผ่านไปพักใหญ่ไม้ก็นิ่งเงียบไปจนผมแปลกใจเลยคลายอ้อมกอดก็เห็นว่าไม้นั้นหลับไปแล้ว
   ผมอุ้มไม้ที่ตัวเบากว่าที่เห็นไปนอนบนเตียงก่อนที่จะหยิบผ้าขนหนูไปชุบน้ำแล้วมานั่งลงข้างๆคนที่นอนหลับทั้งๆที่หน้าเต็มไปด้วยรอยน้ำตา ค่อยๆบรรจงใช้ผ้าขนหนูซับตามแก้มเนียนลบคราบน้ำตาที่เปื้อนไปทั่ว ขอบตาแดงก่ำนั่นยิ่งทำให้ดูน่าสงสารและคนที่ทำให้ร้องไห้ก็ไม่ใช่ใครเป็นผมเอง
   “อือออ อึก” เสียงละเมอพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนั่นยิ่งทำให้ผมปวดใจ ผมโยนผ้าทิ้งไปส่งๆก่อนที่จะล้มตัวลงนอนรั้งคนที่หลับเข้ามากอด หวังว่าตอนที่ตื่นขึ้นมาไม้จะยอมฟังผม
   
   ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้ายผมก้มมองคนที่ยังนอนหลับในอ้อมแขนซุกหน้ากับอกผมนั่นทำให้ผมถอนหายใจโล่งอก นอนมองคนที่หลับสนิทในอ้อมกอดแล้วรู้สึกเหมือนนี่คือสิ่งที่เหมาะเจาะกับสิ่งที่ขาดหายไปของผมได้อย่างพอดี  ซักพักคนในอ้อมกอดก็ขยับตัวขนตาแพหนากระพริบถี่ๆเหมือนยังงงว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก่อนที่จะผงะดันผมออก
   “ตื่นแล้วเหรอ”
   “ปะ...ปล่อยนะ” น้ำเสียงสั่นแหบพร่าพวงแก้มแดงระเรื่อนั่นยิ่งทำให้ผมมองเห็นว่าไม้...น่ารัก
   “ไม่ปล่อยคุยกันก่อนได้ไหม ขอร้องล่ะ” แตะเบาๆที่แก้มเนียนไม้สะดุ้งแต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆเหมือนรอฟังผมพูด
   “อาจจะเหมือนข้อแก้ตัวที่เห็นแก่ตัวแต่ขอโทษที่ลืมคำสัญญานั่น” คนในอ้อมแขนตัวสั่นเทาเมื่อพูดถึงคำสัญญานั่น
   “และจะเป็นอะไรไหมที่ฉันจะขอใช้สัญญานั่นตอนนี้จะได้ไหม” ไม้แทบจะเงยหน้ามองผมทันทีที่พูดจบ ใบหน้าไม่ปิดบังความไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดเลยซักนิด
   “ฉันรู้ตัวช้า เราคบกันนะ” ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ หน้าเหวอๆของน้ำแทบจะทำให้ผมหลุดขำถ้าไม่ใช่ว่ากลัวอีกคนโกรธผมคงขำไปแล้ว
   “ดะ....เดี๋ยวสิ มันต้องมีอะไรผิดแน่ๆ ปล่อยเลยนะเว้ย” พอหายตกใจมันก็กลับมาดื้อจนผมต้องปล่อยให้มันลุกขึ้นนั่ง ผมที่ชี้ฟูกับอาการตกใจนั่นยิ่งทำให้ผมเห็นว่าไม้น่ารักจริง นี่ผมพลาดไปได้ยังไงตั้งนาน
   “มึงเล่นบ้าอะไรของมึง” มันหันมาทำหน้าจริงจังกอดอกพร้อมกับจ้องหน้าผมนิ่ง
   “ยอมมองหน้ากูแล้วรึไง” มันแทบจะยกมือฟาดแต่ก็ห้ามตัวเองไว้ได้ทันแล้วมาจ้องหน้ากดดันผม
   “ไม่ได้ล้อเล่น กูพูดจริงๆกูผิดเองที่โง่มานานให้โอกาสกูได้ไหม” ผมดึงมือมันมากุมไว้พร้อมกับลูบเบาๆ
   เผาะ
   หยุดน้ำตาร่วงเป็นสายนั่นยิ่งทำให้ผมใจเสียเพราะกลัวใจไม้ที่มันจะไม่ยอมให้โอกาสผม
   “ไม้กูขอโทษที่ผ่านๆมากูกลับไปแก้ไขมันไม่ได้ แต่ขอร้องล่ะให้โอกาสกูได้ไหม”ตอนนี้ให้ผมทำอะไรก็ยอมทั้งนั้นขอเพียงให้ไอ้ไม้ให้โอกาส
   “อึก มึงจะไม่ผิดสัญญากับกูอีกแล้วใช่ไหม”
   “กูจะไม่สัญญาแต่กูจะให้มึงรอดูที่การกระทำของกู มึงจะให้โอกาสกูไหมไม้” ผมมองคนที่ก้มหน้าเงียบไม่พูดไม่จา ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมทำผิดไปผมแทบไม่มีความมั่นใจเลยว่ามันจะให้โอกาสผม ขอแค่ความหวังเล็กๆให้กับคนที่พึ่งรู้ตัวแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
***************************************************
ลงตอนใหม่สั้นๆนะคะ

ปั่นงานหัวหมุนเลยล่ะคะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านน้าาาา หลังจากนี้อาจจะได้ลงช้า

คงไม่น่าจะเกินวันพุธนะคะ

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 22 30/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 30-09-2017 17:59:30
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 22 30/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-09-2017 19:00:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 22 30/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 30-09-2017 19:37:40
อ้าววว
 :a5:
ไม้เป็นนายเอกหรอกหรือ ที่ผ่านมาหลงเข้าใจผิดซินะ
แต่ก็ไม่เป็นไร ขอให้สมหวังนะ อย่าได้ร้องไห้อีกเลย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 22 30/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 30-09-2017 19:40:13
อ้าววว
 :a5:
ไม้เป็นนายเอกหรอกหรือ ที่ผ่านมาหลงเข้าใจผิดซินะ
แต่ก็ไม่เป็นไร ขอให้สมหวังนะ อย่าได้ร้องไห้อีกเลย
เดี๋ยววนี่คิดว่าไม้เป็นพระเอกเหรอฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 22 30/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-09-2017 20:58:05
นัท รู้ล่ะสิว่าที่ผ่านมา ว่าตัวเองน่ะโง่
แต่โง่แบบทำให้ตัวเองมีความสุขนี่ ใช่ป่ะ เพราะคบสาวๆไปเรื่อย
แต่ไม้ อยู่กับความทุกข์ทรมาน มองนัทที่มีความสุข เพราะนัทลืมสัญญา

ยังดีที่นัท รู้สึกตัวได้ ฉลาดขึ้น มาง้อไม้
เข้าใจกันได้ซะที รู้ละสิว่าไม้ น่ารัก
นัท ไม้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
จะได้อ่าน nc  ใช่มั้ยไรท์ที่น่ารัก รอนะะะะะ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 22 30/9/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-09-2017 22:56:55
ง้อ.....นะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่ 23 4/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 04-10-2017 17:19:54
   ไม้แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าไอ้นัทมันมาขอโอกาส ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้ให้มันเห็นแต่สุดท้ายผมก็แพ้มันตลอดกับคำที่มันถามผมก็ยังไม่มีคำตอบให้ถ้าเกิดเขาให้โอกาสกับมันแล้วสุดท้ายคนที่ยังเสียใจยังเป็นเขาล่ะ
   “ฉัน.....ยังไม่รู้” ผมได้แต่ก้มหน้าตอบไม่ยอมสบตาด้วย รับรู้ถึงแรงบีบที่มือแรงขึ้น
   “งั้นขอได้ไหมแค่นายไม่หนีหน้าฉันก็พอ” น้ำเสียงทุ้มที่ติดจะอ้อนวอนในทีนั่นทำให้ผมอกไม่ได้ที่จะพยักหน้าตอบรับคำขอ มันยิ้มกว้างก่อนที่จะดึงผมเข้าไปกอดแน่นจนผมต้องยกดันอกกว้างให้มันปล่อยเขาออก
   “มึงพากูมาที่ไหนวะ นี่กี่โมงแล้วเนี้ย” ขยับตัวหนีออกห่างคนที่ทำให้หัวใจเขาเริ่มทำงานหนักขึ้นไปทุกทีแล้วถามเพื่อทำลายความรู้สึกแปลกๆที่มันจักกะจี้หัวใจเขาอยู่ ไอ้นัทมันนั่งอมยิ้มก่อนที่จะล้มตัวนอนมองผมแต่ไม่ยอมตอบคำถามผม จนผมเลิกคิ้วเพื่อกระตุ้นให้มันตอบคำถาม
   “บ้านกูเองล่ะ ซื้อตั้งแต่ปีที่แล้วตอนนี้ก็สองโมงเช้าแล้วล่ะ” ผมมองดูรอบๆมันเป็นห้องนอนเปิดโล่งมีเพียงชั้นวางโฮมเธียเตอร์กั้นพื้นที่ระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล็กมันเป็นหลังเล็กๆที่น่าอยู่เลยทีเดียว 
   “กูหิว” บอกมันไป
   “เดี๋ยวกูไปทำให้ มึงจะอาบน้ำก่อนก็ได้นะ หาเสื้อผ้าเอาเลยในตู้” มันชี้ไปที่ตู้บิวท์อินแล้วค่อเดินไปที่ครัว ผมลุกเดินไปเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าที่ดูใหญ่กว่าไชต์ผมนิดหน่อยแล้วค่อยเดินเข้าห้องน้ำกระจกใส
   เหี้ย!!!!!!!!
   กูจะอาบน้ำยังไงวะ
   “ไอ้นัทห้องน้ำอะไรของมึงวะ” ผมตะโกนลั่นทีแรกไม่ได้สังเกตเพราะมัวแต่ใจเต้นกับไอ้ท่าทีอ้อนของมัน
   “จะร้องทำไมมันมีผ้าม่านบิดน่า” มันร้องมาบอกจากครัว ผมเลยเดินเข้าไปก็เห็นว่ามันมีผ้าม่านสีขุ่นกั้นซ่อนอยู่
   “มึงนี่คิดไงทำห้องน้ำแบบนี้วะ” ผมตะโกนไปว่ามันแล้วค่อยเดินเข้าห้องน้ำรูดม่านปิดยังดีที่มันไม่ปีดได้
   “ก็กูอยู่คนเดียวนี่หว่า” เออกูผิดเองที่ให้มึงพากูมาบ้านมึง ไอ้สันขวานผมก็ได้แต่บ่นมันในใจแล้วค่อยอาบน้ำใส่เสื้อผ้าแล้วค่อยออกจากห้องน้ำ
   “เหี้ย มึงมายืนอยู่นี่ทำไม” ผมแทบผงะเมื่อเปิดออกมาไอ้นัทมันนั่งอยืนอยู่ที่หน้าห้องน้ำ
   “เปล๊า...กูจะมาเรียกไปกินข้าว” ผมพยักหน้าถึงจะงงๆที่มันไม่ยอมสบตาผมก็เถอะ ผมนั่งลงที่โต๊ะหน้าทีวี มันส่งจานข้าวมาให้ มองกับข้าวที่ดูน่ากินมันมีฝีมือทำกับข้าวด้วยเหรอวะ จะว่าไปก็เห็นมันเข้าไปช่วยวาทำกับข้าวแต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะน่ากินขนาดนี้ ผมนั่งกินเงียบๆยอมรับว่าฝีมือมันก็ถูกปากเขาไม่น้อย
   “อร่อยไหม” มันถามเมื่อผมกินเอากินเอาไม่ยอมคุยกับมัน เลยพยักหน้ารัวๆในเมื่อข้าวยังเต็มปาก มันยิ้มกว้างแล้วตักกับข้าวใส่จานผมรัวๆ
   “กูจะไปทำงาน” ผมบอกถึงตอนนี้จะสายแต่ผมก็ต้องเข้าไปโรงงานปล่อยให้ไอ้ทัพทำงานคนเดียวคงจะยังไม่ได้
   “กูจะไปส่ง”
   หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อยมันก็ยอมไปส่งผมที่ทำงาน แต่มันก็ไม่ยอมกลับแถมยังเดินขึ้นไปที่ห้องทำงานอีก พอถามมันก็ไม่พูดอะไร
   “อ่าวกูนึกว่ามึงจะไม่มาทำงานแล้ว” ไอ้ทัพทักขึ้นพร้อมกับเหล่มองคนที่เดินตามหลังมา
   “ทำไมกูจะไม่มาทำงานวะ” ผมถามกลับงงๆแต่มันไม่ตอบแต่หัวเราะแล้วเดินมากอดคอผม
   “ยังไงกับเพือ่นผมครับผู้กองนัท” ไอ้ทัพหันไปหาเรื่องคนที่มองอยู่
   “ก็อย่างที่คุณเข้าใจนั่นล่ะครับ ว่าแต่ช่วยเอามือออกด้วยครับ” ผมได้แต่ยืนมองงงๆที่จู่ๆไอ้นัทก็เดินมาจับมือไอ้ทัพออก แล้วขยับตัวมายืนข้างๆผม
   “แต่ตอนนี้ไอ้ไม้ก็ไม่มีใครแถมผมก็เพื่อนมันจะจับจะกอดก็ไม่เห็นแปลกอีกอย่างผมก็นอนกับมัน” ได้แต่มองมันสองคนที่จ้องตากันถ้าเป็นปลากัดแม่งคงท้องไปแล้ว    
   “พวกมึงคุยอะไรกันวะ วุ้ยพอๆๆ กูจะทำงาน มึงก็กลับไปได้แล้วไอ้นัท” ผมโบกมือไล่ไอ้นัทที่ยังคงแง่งๆกับไอ้ทัพอยู่
   “งั้นตอนเย็นกูมารับ”
   “รับทำไมวะกูก็จะกลับไปนอนบ้านอยู่แล้ว” หันไปทำหน้างงใส่มัน ซึ่งไอ้ทัพแม่งก็ไม่ยอมรามือหันไปยักคิ้วแบบว่ากูเหนือกว่าให้ไอ้นัท มึงจะมาตีกันนี่ไม่ได้นะเว้ยยยย
   “กูจะพามึงไปนอนบ้านกู”
   “ไอ้นัทกูจะนอนบ้านกู” และกลายเป็นผมที่ต้องโมโห “แค่ให้โอกาสนะไอ้นัทไม่ได้หมายความว่ามึงจะมาทำตัวเอาแต่ใจกับกูได้นะ กลับไปเถอะ” มันมองหน้าผมนิ่งก่อนที่จะไม่พูดไม่จาแล้วเดินกลับออกไป ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
   “มึงไปพูดแบบนั้นมันก็คงจะเสียใจนะเว้ย” 
   “ตกลงมึงอยู่ข้างไหนกันแน่วะ” เดินผ่านมันไปนั่งที่โต๊ะถามไอ้ทัพงง เหมือนจะช่วยกูแต่ตอนนี้กลับไปเข้าข้างไอ้นัท
   “กูเข้าข้างคนที่น่าสนุกว่ะ” แทบจะโยนแฟ้มเอกสารฟาดใส่หน้ามัน นี่มันไปติดเชื้อมาจากพี่โยรึไงวะ
   “แล้วมึงก็ไปปั่นหัวมันนี่นะ”
   “หึๆ ตกลงกันได้แล้วสินะ” มันหันมาทำตัวจริงจังจนผมตามอารมณ์มันไม่ทัน
   “กูตกลงจะให้โอกาสมัน แต่กูไม่รู้วะไอ้ทัพ แม่งอยู่ดีๆก็มาบอกชอบกูแม่งตอนนี้กูยังงงอยู่เลยเนี้ย”หันไปปรึกษาเพื่อนสนิทที่นั่งยิ้มกริ่ม
   “กูว่ามึงทำตามที่ใจมึงต้องการเถอะในเมื่อมันมาขอโอกาสกับมึงแล้วก็เอาคืนให้หนักๆเลย” เดี๋ยวนะทำไมเพื่อนผมดูเปลี่ยนไป
   “ใครเข้าสิงมึงวะไอ้ทัพ” ผมทำหน้ากลัวมัน
   ผลั๊วะ
   “มีคนมาตื้อแล้วโง่นะมึง” มันตบหัวผมแรงจนน้ำตาซึมแล้วกลับไปทำงาน เหี้ย กูเจ็บไอ้เพื่อนเลวววววว มองแรงใส่มันก่อนที่จะหันกลับมาทำงาน พักเที่ยงไอ้ทัพก็ลากคอผมไปกินข้าวแล้วกลับมาโหมงานต่อจนกระทั่งมืดค่ำพวกผมก็เตรียมตัวกลับ
   “อ่าวนัท” ผมอุทานชื่อมันด้วยความแปลกใจเมื่อมันยืนอยู่ข้างๆรถผม
   “กลับกับกูนะ”มันเอื้อมมือมาจับมือผมไว้พร้อมกับบีบเบาๆ อย่าบอกนะว่ามารอรับผม ได้แต่ถอนหายใจหนักทำไมวันนี้ผมถึงได้ถอนหายใจหลายครั้งจริงๆ ยังไงก็จะพาผมกลับไปด้วยจริงๆสินะ ไอ้ทัพมันยืนขำอยู่ด้านหลัง
   “ไอ้ทัพกูกลับกับไอ้นัทนะ” พอเห็นสายตาของนัทก็ทำให้ผมใจอ่อนอีกแล้ว
   “เออๆ” ไอ้ทัพโบกมือไล่ผมก็โดนไอ้นัทลากขึ้นรถ ตกลงกูจะโดนลากตลอดเลยใช่ไหม พอกลับขึ้นรถมาไอ้นัทก็เงียบผมก็เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดียอมให้มันพากลับบ้านใหญ่ หือ ทำไมมาบ้านหลังนี้ล่ะผมไม่กล้าที่จะเข้าบ้าน
   “เข้ามาสิ” มันเดินมาจูงมือผมเข้าบ้าน ผมขีนตัวเองไว้เล็กน้อยแต่ก็ยังสู้แรงควายของมันไม่ได้
   “อ่าวมากันแล้วเหรอจ๊ะ แม่ไม่ได้เจอหนูนานมากเลยโตขึ้นมาแล้วหล่อจัง แม่ทำกับข้าวหลายอย่างเลย” รอยยิ้มของแม่นัททำให้ผมเริ่มสบายใจ บนโต๊ะอาหารคุณแม่ชวนผมคุยตลอดทั้งยังคอยคะยั้นคะยอให้ผมกินโน้นกินนี่ตลอดจนผมเริ่มทำตัวสบายๆ อย่างสนิทใจมากขึ้น และปัญหาหลังจากนี้คือตอนนอนทำไมผมต้องนอนกับมัน
   “กูนอนข้างล่างก็ได้นะ” แม้เราจะ...เอ่อ..จะเรียกความสัมพันธ์ยังไงดี เรียกว่ากำลังพัฒนาแต่จะมาให้ผมมานอนข้างๆมันมันก็รู้สึกแปลกๆนะ หลายปีที่ผมและมันไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันเลยแต่พอมันขอโอกาสมามันก็เล่นถึงเนื้อถึงตัวผมทั้งกอดทั้งจับมือทำให้หัวใจผมทำงานหนักเลยทีเดียว
   “ไม่ต้องหรอกถ้ามึงยังไม่สะดวกใจกูจะไปนอนห้องแขกก็ได้นะมึงใช้ห้องนี้เลย เอ่อ..ฝันดีนะ” พูดจบมันก็เดินออกจากห้องทิ้งให้ผมยืนอมยิ้มเมื่อสังเกตเห็นว่ามันก็รู้สึกไม่ชินเหมือนกันกับผม ถือวิสาเปิดตู้หยิบของจำเป็นเข้าห้องน้ำ  ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงกว้างที่กลิ่นอาฟเตอร์เชฟที่ติดอยู่บนที่นอนทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้น ผมได้มานอนบนเตียงของมัน อ่าทำไมผมรู้สึกเขินอย่างนี้ได้หวังว่ามันจะไม่เป็นเพียงฝันดีชั่วครั้งชั่วคราวที่พอตื่นขึ้นมาผมจะต้องเสียใจ ช่างมันก่อนเถอะถึงเวลานั้นผมค่อยคิดล่ะกัน ในเมื่อจะให้โอกาสผมก็จะยอมทำตามหัวใจดูซักครั้งล่ะกัน นอนกลิ้งไปกลิ้งมาซักพักผมก็คล้อยหลับไป

   ทัพไทย Part
   ผมโดนทิ้งแล้วครับ โดนทิ้งจากเพื่อนสนิทที่ตอนนี้วี่แววความรักของมันท่าทางจะสดใส หลังจากที่เริ่มงานที่นี่ผมก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง ส่วนเรื่องจิตใจ ผมว่าผมหลุดพ้นแล้วล่ะถามว่ามันติดต่อมาไหม มันยังพยายามติดต่อมาแต่ผมปิดช่องทางการติดต่อทุกทางยกเว้นก็แต่ทางพี่เจนที่ผมยังติดต่ออยู่และพี่เจนเป็นคนบอกผมเองว่ามันพยายามติดต่อผม ผมเลยบอกปัดทางพี่เจนว่าผมไม่อยากคุยด้วยอีกแล้ว
   ตอนที่รู้ว่ามันต้องการทดลอง เหมือนหัวผมว่างเปล่าสิ่งที่มันทำทำร้ายความรู้สึกดีๆให้หมดไป เรื่องนั้นชั่งมันเถอะ ผมเริ่มชินกับที่นี่แถมบ้านไอ้ไม้ยังอบอุ่นมากอีกด้วย
   และวันนี้ผมก็ต้อนนอนคนเดียวอีกแล้ว ให้ตายเถอะพอเพื่อนจะสมหวังผมก็รู้สึกเหงาๆเหมือนกันนะ แต่อย่างน้อยก็ดีใจกับมันที่สมหวังซักทีรึเปล่านะ ผมนอนกลิ้งเล่นบนเตียงเหมือนที่เคยทำ พร้อมกับเปิดโน๊ตบุ๊คไว้
   ติ๊งๆ
   เสียงแจ้งเตือนสไกป์ทำให้ผมพลิกตัวไปมองใครสไกป์มา ไอดีที่ขึ้นมาไม่คุ้นตาผมไม่กดรับจนกระทั่งไอดีนั้นทักมา
   [จะไม่รับหน่อยเหรอทัพ ผมรู้นะว่าคุณดูอยู่] ผมขมวดคิ้วแน่นเมื่อภาพใครบางคนแวบเข้ามาในสมอง ไม่น่าใช่ ผมกดรับเมื่อใครอีกคนคอลมาอีก
   “hi”ไอ้น้ำเสียงร่าเริงผิดกับผมที่ต้องหลุบตาลงเมื่ออีกคนนอนคว่ำโชว์แผ่นอกกว้างบนที่นอน
   “มีอะไรถึงได้ทักมาแล้วรู้จักสไกป์ผมได้ยังไง” ผมคว้าเอาหมอนมารองเพื่อจะคุยได้สะดวก
   “ว่างแล้วนี่ทำอะไรอยู่เหรอ” อีกคนพลิกตัวนอนตะแคงโดยมีผ้าห่มคลุมสะโพกโชว์ซิกแพคขาวสะท้อนแสงนีออน จะโชว์ทำไมวะแต่ก็ไม่ตอบคำถามที่ผมถามไป
   “กำลังจะนอน” ผมฟุบหน้าลงกับหมอนมีคนคุยด้วยก่อนนอนก็ทำให้ความรู้สึกโหวงๆหายไป
   “เป็นไร ทำหน้าเหมือนลูกหมาเมายาหึๆ” อยากต่อยหน้าคนจังเลยครับ ไม่กวนซักวันชีวิตคงไม่มีความสุขสินะ
   “เปล่าแค่ต้องนอนคนเดียว”
   “เหงารึไง” แม่งคำถามจี้ใจดำ ผมฟุบหน้าลงแล้วส่ายหน้ากับหมอน
   “เดี๋ยวก็ขาดใจตายหรอ” ไม่รู้ทำไมพอคุยกับพี่โยแล้วผมจะเป็นตัวของตัวเองทำตัวเหมือนเด็กๆ
   “ง่วงแล้ว ที่โน่นน่าจะดึกมากแล้วคุณยังไม่นอนอีกเหรอ” เวลาที่ต่างกันก็น่าจะราวๆหกชั่วโมงตอนนี้ สามทุ่มที่โน้นก็น่าจะตีสาม
   “ก็พึ่งตื่นอีกเดี๋ยวต้องออกไปแล้ว จะนอนเลยก็ได้นะไม่ต้องปิดหรอก” ผมเอียงหน้าหันไปมองคนที่ไปหยิบเอาหนังสือมาตอนไหนมาอ่าน ผมเลยขยับตัวหาที่สบายๆ ฟังเสียงคนอีกฟากเปิดหนังสืออ่านผมก็เริ่มเคลิ้มหลับก่อนที่จะหลับสนิทผมได้ยินแว่วว่าใครอีกคนบอกหลับฝันดี
   
   ผมตื่นขึ้นมาคอมยังเปิดไว้พร้อมโปรแกรมสไกป์ที่ยังเปิดอยู่แต่ใครอีกคนไม่อยู่แล้วมีเพียงเสียงเพลงเบาๆที่เปิดคลอไว้ ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา เลยลุกจากเตียงทำธุระให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาปิดคอมแล้วเตรียมตัวไปทำงาน ซึ่งวันนี้ไอ้ไม้บอกว่าจะไม่เข้าโรงงาน ไอ้เพื่อนเชี่ยยยยยยปล่อยกูทำงานคนเดียววว
   ทำงานงกๆคอยมีหนูนิวซื้อเข้าซื้อน้ำมาส่งให้ไอ้เพื่อนตัวดีมันไม่แม้จะโทรเข้ามาถามไถ่แถมวันนี้ยังมีของเข้าโรงงานอีกผมต้องวิ่งลงไปตรวจดูของ ไอ้ไม้มันสอนผมตั้งแต่วันแรกแล้ว กว่าจะเสร็จก็แทบหมดวันจนตอนนี้ผมเดินคอตกออกจากโรงงานตอนสามทุ่ม
   “ไอ้ไม้ทำไมทำงานแบบนี้ได้ทุกวันน้า” ผมนวดคอพร้อมกับเดินออกมาจากโรงงาน
   “ทัพ......” เสียงเรียกคุ้นหูทำให้ผมต้องตกใจเมื่อตองยืนพิงรถอยู่ที่หน้าโรงงาน
   “มาที่นี่ได้ยังไง” เท้าหยุดชะงักเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเราสองคน
   “ทัพกลับมาคืนดีกลับเราได้ไหม”
   เชี่ย!!!!!!!!!!!!
********************************************
เอามาลงตามสัญญา
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า คนทึ่มที่พอรู้ตัวแล้วทำไมรุกเร็ว
ส่วนพี่ทัพปัญหากำลังมา 555555
 :katai4: อาจจะสั้นแต่ตอนต่อไปจะพยายามลงให้เร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่23 4/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-10-2017 17:39:01
เสียใจด้วยนะตอง ทัพไม่มีใจให้แล้ว  :beat:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่23 4/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-10-2017 18:24:17
นัท ไม้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เชียร์ให้ไม้ใจอ่อนไวๆ

ตอง ตามติดทัพ ถึงไร่เลย
ทัพ คงหมดเยื่อใยแล้ว
โย ทัพ  :กอด1:

พี่ลม วา น้องน้ำไม่มีบทเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่23 4/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 04-10-2017 20:10:06
ต่อไปก็อ่านคู่ของ. ทัพโย. นัทไม้.
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่23 4/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 04-10-2017 22:25:33
รีบมานะโยเดี๋ยวโดนแย่งนะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่23 4/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 06-10-2017 09:20:23
นัท ไม้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เชียร์ให้ไม้ใจอ่อนไวๆ

ตอง ตามติดทัพ ถึงไร่เลย
ทัพ คงหมดเยื่อใยแล้ว
โย ทัพ  :กอด1:

พี่ลม วา น้องน้ำไม่มีบทเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
แค่กๆ คนเขียนลืมพี่ลมไปแล้ว //ผิดฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่24 9/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 09-10-2017 17:30:35
ผมยืนนิ่งเหมือนโดนแช่แข็งกับคำขอคืนดีของคนที่อยู่ตรงหน้าที่ดั้นด้นมาหาผมถึงที่นี่ แม้จะแปลกใจแต่ผมก็ไม่ได้มีความคิดที่จะกลับไปคืนดี
   “ดึกแล้วตองกลับไปเถอะ” ผมบอกปัดไปเพื่อที่ไม่อยากคุยต่อแต่เหมือนตองจะไม่ยอมเป็นฝ่ายรุกเดินเข้ามาจับมือผมแน่น ก้มลงมองมือที่ถูกกุมไว้คิดถึงตอนที่ผมพยายามที่จะจูงมือนี้เดินไปพร้อมกันแต่กลับมาพังเพราะความคิดโง่ๆของอีกฝ่าย
   “ทัพฟังตองนะ”
   “ตอง เราว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วนะที่ตองทำตองคิดว่ามันถูกแล้วเหรอ” ผมดึงมือตองออกพร้อมกับขยับหนี มองคนที่น้ำตาไหลอาบแก้มป่องด้วยสายตาว่างเปล่า มันใช่เหรอที่จู่ๆมาบอกเลิกในวันครบรอบต่อให้เขานอนคิดตีลังกาคิดยังไงผมก็ไม่สามารถเข้าใจได้
   “เราขอโทษนะทัพ อึก กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”
   “ตองมาร้องขออะไรในเมื่อตองเป็นคนทำมันพัง”ผมคงน้ำเสียงปกติต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมพยายามไม่โมโหใส่เพราะเขาก็เป็นคนเป็นห่วงที่เคยรักแต่จนถึงตอนนี้ผมทนไม่ไหวจนต้องตะคอกออกไป
   “อึก....เราขอโทษ”
   “ตองกลับไปเถอะ ครั้งนี้ถือว่าขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกัน”
   “ทำไมล่ะทัพ ทัพจะให้อภัยเราไม่ได้เลยเหรอ” น้ำเสียงอ้อนวอนไม่ได้ทำให้ผมใจอ่อนในเมื่อตอนนี้ใจผมมันพึ่งที่จะดีขึ้นทำไมต้องมาสะกิดแผลผมด้วย
   “ตองเราจะกลับมาคบกันไม่ได้ในเมื่อความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้มันถูกทำลายลงไปแล้ว” เขาเมินหน้าหนีไม่สบตากับสายตาตัดพ้อที่ส่งมา
   “ขับรถกลับดีๆนะตอง ขอให้โชคดีเราคงจะไม่เจอกันอีกแล้ว” บอกลาคนที่ยืนร้องไห้แล้วเดินมาขึ้นรถนั่งมองคนตัวเล็กขึ้นรถแล้วขับออกไปผมถึงได้ขับรถกลับมาบ้านในสภาพเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ
   “พี่ทัพไหวไหมครับ” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น
   “ไม่เป็นไรหรอกวา เดี๋ยวพี่จะขึ้นไปนอนเลยนะ ขอบคุณมาก” ผมยิ้มกว้างให้วาก่อนที่จะขึ้นไปอาบน้ำนอนกลิ้งบนเตียงเปิดเพลงเบาๆฟัง ทุกคนอาจจะคิดว่าผมโคตรใจร้ายแต่ว่าสิ่งที่มันเสียไปแล้วมันไม่ใช่เพียงแค่คำขอโทษจะเรียกทุกอย่างให้กลับคืนมา ผมที่พยายามเยียวยาบาดแผลตัวเองให้มันดีขึ้นแต่ทำไมมันต้องโผล่มาทำให้ผมรู้สึกเจ็บอีกล่ะ ในเมื่อสิ่งที่ตองทำคือการไม่ไว้ใจมันก็สามารถบอกได้เลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ตองไม่ไว้ใจทั้งๆที่ผมทุ่มเททุกอย่างให้แม้จะดีขึ้นแต่ตอนนี้ผมก็นอนร้องไห้ แม่งเอ๊ยกูเกลียดตัวเองจังวะ
   ติ๊งๆ 
   ตอนที่ผมกำลังเศร้า เสียงทักสไกป์ดังขึ้นทำให้ต้องรีบเช็ดน้ำตาให้หมดแล้วกดรับ ภาพจากอีกประเทศก็เด้งขึ้นมาภาพใครอีกคนกำลังนั่งเช็ดผมแม้เวลาที่ต่างกันแต่ผมก็เดาได้ว่าคนตัวสูงพึ่งเลิกงานทั้งๆที่แตกต่างหกชั่วโมงทันทีเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่เช็ดผมก็ทำหน้าตกใจแล้วรีบพุ่งมาจ้องใกล้ๆ
   “ทำไมร้องไห้” ช่างสังเกตจริงๆนะ ผมไม่ตอบทำให้พี่โยยกโน๊ตบุ๊คขึ้นวางบนโต๊ะ
   “นี่ตาแดงหมดแล้ว ตกลงเป็นอะไรกันครับอย่าบอกเหตุผลว่าฝุ่นเข้าตานะ” แม้คำพูดจะเหมือนเย้าแหย่แต่น้ำเสียงจริงจัง
   “ผมเจอมัน” ผมบอกเสียงแผ่วพร้อมกับซบหน้าอิงหมอน ได้ยินเสียงใครอีกคนถอนหายใจหนัก
   “แล้วเขามาทำอะไรที่นั่นล่ะ” พี่โยถาม ผมเลยตอบอู้อี้ไปว่าตองแอบขึ้นมาหาเขาเมื่อกี้นี้แถมยังเล่าให้คนอีกประเทศฟังทุกอย่างที่พึ่งได้เจอมานั่นทำให้ผมรู้สึกโล่งเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจฟังเขาพูดไม่พูดอะไรออกมาจนผมเล่าจบ
   “โอ๋เอ๋ไม่ร้องนะเด็กดี” ไอ้น้ำเสียงกวนๆนั่นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นถลึงตาใส่คนในจอ
   “ผมไม่ใช่เด็กนะพี่โย” แม้จะพูดอู้อี้อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มให้
   “สบายใจขึ้นรึยัง” ผมพยักหน้ากับหมอนนุ่มมองอีกคนนั่งทำงาน
   “ทำอะไรอยู่” พี่โยปรายตามามองทางผมแวบหนึ่ง
   “บัญชีนะ” พี่โยหันหน้ากระดาษมาให้ผมเพียงแค่เห็นตัวเลขผมก็ตาลายแทนแล้ว
   “ที่โน่นก็มันดึกแล้วนะ” ผมว่าขึ้นลอยๆ
   “ห่วงพี่เหรอครับ พี่วาเรานั่นล่ะควรนอนพรุ่งนี้ตื่นมาหน้าตาคงดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม” เรื่องอื่นหยามได้แต่เรื่องหน้าตานี่หยามไม่ได้เลยครับ
   “ถึงอย่างนั้นผมก็หล่อกว่าพี่ล่ะกัน” พอได้ยินพี่โยก็หลุดขำแม้แต่จะบอกอย่างนั้นผมก็ยอมรับว่าพี่โยนั่นหล่อกว่าผมจริงๆแต่เรื่องอะไรจะบอกให้อีกคนรู้เล่าเสียเชิงหมด
   “งั้นเหรอ หล่อกว่าพี่จริงเหรอ” ไอ้น้ำเสียงล้อๆนั่นคืออะไรกัน
   “เออ” ผมกระแทกเสียงใส่คนในจอซึ่งหัวเราะขำลั่นผมทำหน้าเซ็ง
   “ง่วงก็นอนเถอะ ไม่ต้องคิดมากนะครับ”
   “ไม่ได้คิดอะไรแล้ว” มันดีขึ้นจริงๆเมื่อมีใครคุยด้วย ส่วนไอ้เพื่อนเขามันรอดกลับมาให้ได้ก่อนก็แล้วกันนะ
   “แล้วทำไมได้อยู่คนเดียวไม้ล่ะ”
   “อ้อ มันท่าทางจะสมหวังในความรักเลยลืมเพื่อนไปแล้ว” ผมพูดยิ้มๆพี่โยทำหน้างงแต่ก็พยักหน้าเข้าใจ
   “เหงาล่ะสิ”
   “ไม่เหงาซักหน่อย”
   “แน่ใจเหรอครับ” พี่โยเลิกคิ้วถาม อยากจับคอคนเขย่าจริงๆเลยให้ตายเหอะกวนได้ตลอด แต่เอาจริงๆเขาก็เหงาอยู่นิดๆ
   “ก็นิดหน่อย”
   “งั้นพี่จะมาคุยด้วยทุกคืนดีไหม” เงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ
   “ว่างมากเหรอครับ” ผมพลิกตัวนอนหงายฟังอีกฝ่ายเปิดบัญชีแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงในกระดาษเสียงขีดเขียนทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ด้วยนั่นทำให้ผมไม่รู้สึกเหงา
   “เห็นแก่เด็กตาดำๆ” โว้ยยังหาเรื่องผมอีก คุยโน่นคุยนี่ไปจนผมหลับไปก่อนอีกครั้ง งานวันนี้มันเหนื่อยจริงๆจนเผลอหลับไปทั้งๆที่ยังคุยกันอยู่ด้วยซ้ำ
   ตื่นเช้ามาผมก็ทำกิจวัตรประจำวันปกติที่เพิ่มขึ้นมาก็มีเพียงปิดคอมที่พี่โยติดโพสอิทสีแสบตาหน้ากล้องบอกว่าพี่แกออกไปทำงานแล้วและบอกให้ผมเช็ดน้ำลายด้วย จะไม่เห็นตัวก็ยังกวนผมได้เป็นคนที่มีความสามารถล้นเหลือจริงๆ ผมลงไปทานข้าวเช้าด้านล่าง
   “อรุณสวัสดิ์ครับพี่ทัพ” รอยยิ้มของวานี่สมแล้วที่พี่ลมจะรักวาขนาดนี้
   “หวัดดีวันนี้มีอะไรกินนะหอมจัง”
   “เป็นข้าวผัดรวมมิตรครับ” อาหารเพื่อเจ้าลูกน้ำอีกแล้วล่ะสิ ผมรับจานข้าวผัดที่น้องส่งให้ผมว่าถ้าผมยังกินกับข้าวฝีมือวาน้ำหนักผมคงจะขึ้นแน่ๆ
   “วาพี่ถามอะไรหน่อยสิ” วาทำหน้างงแต่ก็ตั้งหน้าตั้งตาฟัง
   “พี่โยนี่กวนตลอดเลยเหรอ”
   “เอ๋.พี่ทัพยังติดต่อกับพี่โยอยู่เหรอครับ” ตากลมโตลุกวาวมีประกายจ้าเมื่อผมพูดถึงพี่โย
   “แค่กๆ  ก็......ใช่ยังติดต่ออยู่” ผมแทบจะสำลักข้าวเมื่อวาจ้องผมเขม็ง
   “อืม..พี่โยจะเป็นอย่างนี้กับคนที่สนิทด้วยนะครับ คนสำคัญของพี่โยเท่านั้นล่ะครับที่พี่โยจะแสดงตัวตนที่แท้จริงให้เห็น” มันควรจะดีใจหรือเสียใจดีล่ะครับ วาพยายามที่จะซักไซ้เรื่องที่ผมคุยกับพี่โยแต่ผมก็เงียบจนวาถอยไปเอง
   “พี่ไปทำงานก่อนนะ” ผมร้องบอกวาที่อยู่ในครัว แล้วค่อยขับรถไปที่โรงงาน
   “นิวไอ้ไม้ยังไม่มาเหรอ” ผมถามน้องนิวที่กำลังกินขนมอยู่หน้าห้อง
   “ยังไม่มาเลยพี่ทัพ หายไปไหนก็ไม่รู้ นี่หนูก็ติดต่อไม่ได้แล้วเนี้ย” ไม่พูดเปล่าเจ้านิวชูโทรศัพท์ที่ติดต่อหาไอ้ไม้หลายสาย นี่ไอ้นัทมันหิ้วเพื่อนเขาไปไหนวะ เดินเกาหัวเข้าห้องแล้วโทรหาพี่ลม
   “(ไง)”
   “พี่ลมไอ้ไม้แม่งไม่มาทำงานวันที่สองแล้วนะ ตกลงไอ้ผู้กองมันพาเพื่อนผมไปไหน” คุยโทรศัพท์ไปดูบิลไป แม่งกูปวดหัว งานบางงานต้องรอไอ้ไม้มาเซ็นต์อนุมัติแล้วไอ้ผู้กองมันลากเพื่อนผมไปกกวันนี้ก็วันที่สองแล้ว งานแม่งไม่เดิน
   “(อ้อ กูว่างานนี้มึงกับกูจะได้เล่นผู้กองวะ ไอ้ไม้โทรมาบอกว่าขอลี้ภัย)” อ่าว เหี้ยแล้วไหมล่ะ ไอ้ผู้กองแม่งทำอะไรกับเพื่อนกูวะ
   “พี่จะทำไรก็เรียกผมด้วยล่ะกัน ผมไม่เอามันไว้แน่” บอกเสียงเข้ม กูอุตส่าห์เชียร์เสือกทำเสียเพื่อนกูจะเป็นไงบ้างเนี้ย  ได้แต่ทำงานที่ไม่ได้รอไอ้ไม้เซ็นต์ให้เสร็จ
   “พี่กลับนะนิว” ปิดห้องแล้วบอกกับนิวที่นั่งรอแฟนมารับ ซึ่งพึ่งคบหาดูใจกันแถมหวานจนน่าอิจฉา นี่ผมชักจะเป็นคนขี้อิจฉาแล้วสิ การอกหักครั้งเดียวทำให้ผมเริ่มนิสัยเสีย หรือด้านมืดผมพึ่งเปิดเผย หึๆไ ไอ้แต่หัวเราะกับความคิดไร้สาระ ผมกลับมาถึงบ้านไร่สายลมในเวลาไม่นาน พี่ลมกับวาและเจ้าลูกน้ำนั่งหน้าเครียดอยู่
   “ตกลงไอ้ไม้มันหายหัวไปอยู่ไหนพี่” ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆทันที
   “ไม่รู้วะ มันส่งข้อความมาบอก แล้วก็ติดต่อไม่ได้เลย” ผมพิงพนักแล้วอุ้มเจ้าลูกน้ำมาฟัด
   “อาทัพหน้าเครียด” เจ้าลูกหมูดึงแก้มผมเล่น
   “เครียดเพราะอาไม้ไม่กลับบ้านครับลูกน้ำ” ผมก้มลงฟัดแก้มที่ขาวเหมือนโมจิจนเจ้าลูกน้ำดิ้นเพราะความจั๊กกะจี้
   “คิกๆ อาทัพ พอแล้ว คิกๆ” มือป้อมถูกยกขึ้นยันหน้า ผมรู้แล้วทำไมทุกคนเวลาเครียดถึงมาฟัดเจ้าลูกน้ำ
   “แล้วพี่จะเอาไงกับผู้กอง” ผมจิ้มแก้มโมจิไปหันไปคุยกับพี่ลม
   “พี่จะเอาคืนให้น้องกูสิวะ อุตส่าห์ให้โอกาสไปแต่มันก็ยังทำไอ้ไม้เจ็บไงพี่ก็ไม่ยอมแน่ๆ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั่นแต่ความสัมพันธ์มันก็เหมือนใยเส้นเล็กที่ถูกสะกิดก็ขาดและไอ้ผู้กองก็รักษามันไว้ไม่ได้
   “ทั้งสองคนอย่าทำอะไรที่มันร้ายแรงเกินไปนะครับ”
   “ไม่ แม่มันก็อนุญาตแล้ว” ถึงจะงงว่าเกี่ยวอะไรกับแม่ไอ้ผู้กองแต่เหมือนพี่ลมจะจับมือกับสายลับฝั่งโน้นมานานแล้ว เห็นทีว่าไอ้ผู้กองคงจะตายแน่ๆคราวนี้ หลังจากที่กินข้าวและคุยกันผมนั่งเล่นกันกับเจ้าลูกน้ำและวา พี่ลมขึ้นไปข้างบน
   “พี่วา น้ำคิดถึงอาโย” จู่เจ้าลูกน้ำที่กำลังออกอ้อนวาก็พูดถึงคนที่พึ่งกลับไปได้อาทิตย์
   “งั้นรอคุยไหมล่ะเจ้าลูกน้ำ” ผมยืดแก้มขาวนั่นแรงๆ
   “อ๊ะพี่โยคอลมาทุกคืนเลยเหรอครับ” ผมว่านะวาก็ต้องมีเชื้อเจ้าเล่ห์จากไอ้พี่โยแน่ๆ
   “ก็...อืม”  ยอมรับไปตรงๆนี่ละ    
   “เดี๋ยวอาไปเอาคอมก่อนนะครับ” ก้มฟัดแก้มน้ำแรงๆก่อนที่จะเดินไปเอาโน้ตบุ๊กแล้วลงมา นั่งที่เดิมรอเวลาที่คนอีกประเทศจะคอลมา
   ติ๊งๆ
   ไม่นานเสียงคอลก็ดังขึ้นผมกดรับภาพเดิมๆพี่โยที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอม
   “อาโย”
   “หือน้ำเหรอ” พี่โยทำเสียงประหลาดใจเมื่อเห็นหน้าป้อมๆโผล่เต็มหน้าจอ จนผมต้องบอกให้น้ำนั่งคุยดีๆ
   “ทำไงก่อนครับน้ำ” เสียงวาบอกกับน้ำ น้ำยกมือป้อมก่อนที่จะยกมือไหว้พี่โย
   “อาโยน้ำคิดถึง พี่วาก็คิดถึง อาทัพก็คิดถึง” เดี๋ยวๆเจ้าลูกน้ำดูท่าจะทำเกินหน้าที่
   “หือ อาทัพคิดถึงอาโยจริงๆเหรอครับน้ำ” เหมือนพี่โยจะเลิกทำงานแล้วหันมาคุยกับน้ำจริงๆจังๆ
   “อือ อาทัพคิดถึงอาโย” เอาแล้วไงหลานรักเล่นผมแล้วไง น้ำยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าหงึกหงักยืนยันคำพูดตัวเอง
   “คิกๆ พี่ทัพแย่แล้วล่ะครับ” วาหัวเราะ
   “เจ้าแสบอยู่ด้วยเหรอ”
   “สวัสดีครับพี่โย” วาชะโงกหน้าไปทักทายพี่โยคุยกันไม่กี่คำก่อนที่จะขอตัวขึ้นไปข้างบนเพราะพี่ลมเรียก
   “ไม่คุยอะไรกับพี่หน่อยเหรอ” เมื่อเห็นผมเงียบไปพี่โยก็หันมาเรียกผม
   “ก็เห็นคุยกับหลานอยู่ แล้วไม่ทำงานต่อแล้วเหรอ”  ผมถามกลับไป
   “ก็อยากคุย” ไม่รู้ว่าอยากคุยกับหลานหรืออยากคุยกับผมกันแน่เลยได้แต่นั่งทำหน้าอึนๆ ดูคนที่หันไปคุยเล่นกับหลานแล้วผมนั่งฟังไปบางทีก็หัวเราะกับอาการตลกๆของน้ำที่โดนพี่โยแกล้ง 
   “น้ำครับขึ้นนอนได้แล้ว” วาลงมาตามน้ำเมื่อคุยกันเพลินจนลืมเวลา น้ำบอกลาก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไป
   “แล้วค่อยคุยกันนะครับพี่โย”วาโบกมือลาแล้วพาน้ำขึ้นไปนอน ผมล้มตัวลงนอนบนโซฟา
   “เบือแล้วเหรอ” ใครอีกคนทักผมเมื่อเห็นผมนอนเงียบ
   “ยัง พี่ทำงานไปเถอะผมจะนอนแล้ว”
   “มีปัญหาอีกหรือเปล่า” น้ำเสียงเป็นห่วง
   “ไม่หรอกแค่ผมง่วง” ผมว่าพร้อมกับหลับตาลงเหมือนจะเป็นความเคยชินที่จะนอนฟังใครอีกคนทำงานแล้วหลับไป
   “ไม่ไปนอนบนห้องดีๆ”
   “ขี้เกียจ” เสียงอีกคนเริ่มแผ่วในความรู้สึกผมแล้วผมก็นอนหลับไปทั้งๆที่นอนอยู่บนโซฟา และก็เป็นอีกคืนที่ผมหลับพร้อมๆกับใครอีกคน

   Mai Part
   ผมตืนขึ้นมาพร้อมกับการหลับสบายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแม้จะไม่ใช่เตียงตัวเองก็เถอะ จัดการธุระส่วนตัวเสร็จผมก็ลงไปข้างล่างที่แม่กำลังตั้งโต๊ะพอดี
   “เดี๋ยวผมช่วยครับ”
   “ตื่นแล้วเหรอคะ นอนหลับสบายดีไหม” รอยยิ้มกว้างชวนให้ผมยิ้มตอบกลับไป
   “หลับสบายครับ แล้วนัทล่ะครับแม่” หันมองไปรอบๆก็ไม่เห็นมัน
   “ยังไม่ตืนมั้งคะ แม่ก็ยังไม่เห็น กินข้าวกันดีกว่าจ๊ะ” เมื่อคุณแม่ชวนผมก็ไม่ปฎิเสธที่จะกินข้าวก่อน อาสาล้างจาน ทีแรกว่าจะออกไปทำงานก่อนแต่ไอ้นัทดันตื่นแล้วลงมาซะก่อน
   “เดี๋ยวกูไปส่ง”
   “อืม” รอมันไม่นานมันก็พร้อมที่จะไปส่ง
   “ไปเที่ยวกันดีกว่า” นั่งไปได้ครึ่งทางมันก็คิดเปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวเข้าตัวเมือง
   “เดี๋ยวนะไปเที่ยวในเมืองนี่นะ” ไปที่อื่นกูยังจะไม่แปลกใจเท่านี้เลย แต่มันก็ไม่เปลี่ยนใจขับรถยิ้มๆจนกระทั่งมาถึงร้านกาแฟที่ผมเคยเห็นมันมากับผู้หญิงวันที่มันลืมสัญญา อ่า ไม่อยากเข้าเลยซักนิด แต่ก็ยอมแพ้แรงความที่มันลากผมเข้าไปนั่งในร้าน
   “กูจะกลับไปทำงาน” ผมทำหน้าเซ็งไอ้ทัพมันโทรมาไอ้คนที่นั่งตรงข้ามนี่ก็แย่งไปรับแถมยังลางานให้ผมเรียบร้อย
   “กินไปเถอะน่าแล้วก็เลิกทำหน้างอได้แล้วครับ”  ผมปัดมือที่มันจิ้มๆแก้มเล่นแต่ก็หลุดยิ้มกับไอ้อาการเสียงอ่อนของมัน
   “เออๆ ว่าแต่จะพากูมานั่งกินกาแฟแค่นี้เหรอ” ตักเค้กเข้าปากในเมื่อหยุดแล้วก็ขอพักให้สบายๆล่ะกัน
   “เดินเที่ยวในเมืองนี่ล่ะ ไปกัน” แล้วมันก็จูงมือผมเดินเข้าตลาด พากันเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ เดี๋ยวก็แวะชิมอาหารพากันแวะนั่นแวะนี่   เหมือนช่วงเวลาเก่าๆหวนกลับคืนมา ผมเริ่มรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ข้างๆกันมากขึ้นเหมือนตอนสมัยม.ปลาย มองมือหนาที่กุมมือผมไว้ยิ่งทำให้ใจผมเริ่มลืมความเจ็บขอแผลในใจ
   “ยิ้มเยอะๆแล้วก็น่ารักดีนะ” จู่ๆมันก็พูดขึ้นทำเอาผมทำหน้าไปไม่ถูก
   “บ้าแล้วมึง” ไอ้แต่ว่ามันแล้วเดินหนีไปอีกทาง ใจผมเต้นแรงจนได้ยินเสียงก้องอยู่ในหู
   “เขินแล้วด่าแรงนะมึงนะ” มันเดินมาทันผมแล้วจับมือผมไว้เหมือนเดิม โอ๊ยกูเขินเข้าใจไหมว่ากูเขิน ได้แต่บ่นขมุบขมิบเดินตามมันไป ก่อนที่พวกเราจะตัดสินใจเลือกร้านอาหารร้านหนึ่งเพื่อทานอาหารกลางวันที่ค่อนไปบ่ายกว่าแล้ว
   “เดี๋ยวกูเข้าห้องน้ำก่อนนะ” หลังจากสั่งอาหารผมก็ขอไปเข้าห้องน้ำ
   ซ่า
   ให้ตายเถอะวันนี้เป็นเหมือนกับอยู่ในความฝัน ฝันที่เคยคิดไว้ตอนนั้นให้ตายเถอะ พยายามล้างหน้าเพื่อเรียกสติ เช็คความเรียบร้อยแล้วผมก็เดินกลับมาที่โต๊ะ

   เคยรู้สึกเหมือนอยู่ดีๆตัวเองก็ตกลงเหวไหมครับ ตอนนี้ผมเหมือนจู่ๆก็โดนถีบลงจากสวรรค์ให้ร่วงลงสู่เหว เมื่อที่ทีผมเคยนั่นตอนนี้มีใครนั่งแทน มือขาวเกาะแขนไอ้นัทท่าทางสนิทสนมเอียงเข้าหากระซิบกระซาบและรอยยิ้มกว้างทำให้ผมแทบไม่อยากก้าวเข้าไปแทรก
   “อาจจะเป็นแค่เพื่อน” ผมได้แต่บอกกับตัวเองแล้วเดินไปที่โต๊ะ
   “โทษทีนานไปหน่อย”
   “อ่าวนัทนัดกับเพื่อนไว้เหรอ แล้วทำไมไม่บอกแพรล่ะคะ”  มือเรียวตีที่ไหล่ไอ้นัทไปทียิ่งทำให้ผมยิ่งรู้สึกหายใจไม่ออก
   “เอ่อสองคนนี่เป็น....”ผมถามเรื่องที่ใจอยากรู้ที่สุด ตอนนี้เหมือนหัวใจมันหยุดเต้นหายใจไม่ออก
   “คือก็เขินๆนะคะ แพรนะคะยินดีที่ได้รู้จัก เป็น...คู่หมั่นกับนัทค่ะ” รอยยิ้มหวานนั่นทำให้ผมสะอึก
   “แพร!!” เสียงไอ้นัทดูจะตกใจแต่มันก็ไม่ได้ห้ามหรือแก้ตัวอะไรที่คุณแพรพูดและที่โดนเกาะแกะอยู่ ผมยิ้มให้ทั้งสองคน
   “เอ๋ผมไม่เคยรู้เลยครับ แต่พวกคุณเหมาะสมกันมากเลยครับ เออเมื่อกี้ที่โรงงานโทรมากูต้องกลับแล้ววะโทษทีนะเพื่อน” ผมไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าอะไรออกไปไอ้นัทไม่ได้คิดที่จะพูดตัดอะไรออกไป หรือไม่แม้จะห้ามผม รีบเดินออกจากร้านลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่ได้เอารถมาโบกแท็กซี่ ไม่รู้ว่าบอกให้ไปที่ไหนจนรถมาจอดที่หน้าโรงเรียน ผมมองรั้วภาพความทรงจำเก่าๆก็ย้อนกลับมา ผมเงียบก่อนที่จะบอกจุดหมายต่อไป แล้วโทรหาพี่ลม เหมือนเหตุการณ์นั้นจะวนมาเหมือนเดิม
   “พี่ลม”
   “(ไงไอ้ไม้โดนจัดหนักไปรึไงถึงได้ไม่ไปทำงาน)” เพียงได้ยินเสียงผมก็เหมือนกับกลับไปเป็นไม้ตอนม.ปลาย
   “อึก พี่ลม......”
   “(มึงเป็นไรไอ้ไม้)” น้ำเสียงตกใจแฝงด้วยความเป็นห่วงทำให้ผมร้องหนักขึ้นกว่าเดิม
   “พี่....ผม..ขอหายไปซักพักนะ” ตอนนี้ที่ร้องไห้ผมก็แค่ผิดหวังเพราะแผลเก่ามันก็แค่เปิดออก แต่ตอนนี้ผมมีสติพอที่ไม่ทำอะไรโง่ๆ ผมแค่ผิดหวัง แต่ยังไม่ถึงกับจะตายผมรู้ดีว่าเพราะผมให้โอกาสมันเองผมก็ต้องเจ็บเอง ได้ยินปรายสายถอนหายใจหนัก
   “(หายแล้วก็กลับมานะมึง บ้านรอมึงอยู่เสมอ)”
   “ขอบคุณนะพี่ลม ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว” มันรับคำแล้วผมก็ตัดสายปิดเครื่องพร้อมกับที่จะหนีไปพักคงไม่นานที่ผมคงพร้อมที่จะกลับมา และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย
*******************************************
ตอนนี้อาจจะช้าหน่อยเพราะปัญหารุมเร้านะคะ
พี่โยกับทัพนี่มาสายสโลว์ความสัมพันธ์
ส่วนพี่ไม้................... :hao5: :hao5:
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่24 9/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-10-2017 18:11:08
สงสารไม้ แต่หมั่นไส้พี่โย อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่24 9/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 09-10-2017 18:49:08
นัทต้องมีเหตุผลอธิบาย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่24 9/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-10-2017 19:00:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่24 9/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 11-10-2017 20:28:42
ชอบพี่โย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่24 9/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-10-2017 22:25:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่25 12/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 12-10-2017 23:24:23
Nut Part
   ผมพึ่งรู้ว่าตัวเองซวยมากก็คราวนี้ล่ะ เมื่อสาวที่ผมเคยควงแถมยังควงมาตั้งแต่สมัยเรียนตำรวจส่วนความสัมพันธ์มันเหมือนเพื่อนมากกว่าคู่ควงหลายๆอย่างที่ผมกับแพรเข้ากันได้ดีแต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้แพรอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ ทั้งๆที่พึ่งได้โอกาสและในวันนี้ผมได้รู้ว่าผมคิดถูกแล้วว่าหัวใจผมมันเต้นแรงแค่ไหนเมื่อเห็นไม้ทำท่าทางเขินอาย รอยยิ้มกว้างที่ผมไม่ได้เห็นมานาน แต่ทุกอย่างก็พังลงหมดเมื่อแพรเข้ามาและยังบอกอีกว่า
   “คู่หมั่นค่ะ” ผมตกใจแทบตายเมื่อแพรบอกสถานะที่พวกผมเคยพูดเล่นๆกันภายในหมู่เพื่อน สีหน้าของไม้ทำให้ผมอยากจะย้อนเวลากลับไป รอยยิ้มชืดที่เคยส่งให้ผมกลับมาอีกครั้ง
   “ขอตัวนะครับ” ไม้เดินออกไปแล้ว เดินออกไปพร้อมกับหัวใจผมที่มันปวดร้าวเมื่อเห็นสายตาตัดพ้อ
   “แพรปล่อยผม” ผมพยายามแกะมือที่กอดแขนผมไว้
   “เป็นอะไรไปคะ นัท คนเมื่อกี้นี่เพื่อนนายเหรอ” แพรยอมปล่อยแขนและหันมาคุยกับผม
   “เธอพาความซวยมาหาฉันจริงๆนะ” ผมอดไม่ที่จะว่าแม้จะไม่เป็นสุภาพบุรุษก็เถอะ ผมรีบลุกขึ้นจากโต๊ะวิ่งออกไปแต่ผมก็ไม่เห็นไม้แล้ว ให้ตายเถอะไม่รู้ว่าไม้จะคิดไปถึงไหน มือกดโทรหาไม้ตลอดเวลาจนกระทั่งติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ ผมยังไม่อยากโทรไปหาพี่ลม ตอนที่ขอโอกาสไปพี่ลมเตือนเขาแล้วได้แต่ภาวนาว่าไม้จะไม่ตัดโอกาสนั้นจริงๆ และเหมือนความหวังของผมจะเริ่มริบหรี่เมื่อรุ่งขึ้นอีกวันผมก็ยังติดต่อไม้ไม่ได้ เอาวะเป็นไงเป็นกัน ผมขับรถเพื่อไปที่ไร่สายลม
   “เดี๋ยวครับผู้กอง นายไม่ให้ผู้กองเข้า” ละอองยกมือขึ้นกันผมทันทีที่กำลังจะเข้าไปในบ้านเพราะตอนนี้น่าจะกินข้าวเช้ากันอยู่
   “ไปบอกพี่ลมว่าฉันมีเรื่องด่วนจะคุยด้วย”
   “แต่กูไม่มีเรื่องด่วนที่ต้องคุยกับมึงวะไอ้ผู้กอง” เสียงแหบห้าวดังออกมาก่อนที่ผมจะเห็นตัวพี่ลมซะอีก
   “พี่แต่ผมติดต่อไม้ไม่ได้”
   “ปล่อยมันเข้ามาไอ้ละออง” ละอองยอมปล่อยให้ผมเข้าบ้านทันทีที่นายสั่งผมรีบเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ยกเว้นน้ำที่สงสัยไปโรงเรียนแล้ว
   “กูให้มึงพูดก่อน” สีหน้าเครียดของทุกคนในบ้านทำให้ผมรู้แล้วว่าผมทำเรื่องเลวร้ายลงไปแล้ว
   “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เรื่องที่เกิดขึ้นมันแค่เรื่องเข้าใจผิด กับแพรนั่นก็แค่เพื่อนแต่มันก็เกิดเรื่องเข้าใจผิดแล้วผมก็ติดต่อไม้ไม่ได้เลย” ผมที่ยืนอยู่กลางบ้านโดยมีสายตาสามคู่มองโทษผมอยู่ วาลูบแขนพี่ลมไปมาเมื่อพี่ลมกำหมัดแน่น
   ผลั๊วะ
   “อึก” หมัดหนักๆกระแทกจนผมเซไอ้รสสนิมในปากท่าทางปากจะแตก
   “พี่ลม!!” เสียงวาร้องอย่างตกใจ ผมส่ายหน้าไปมาเพราะหมัดหนักๆทำให้ผมมึนเลยทีเดียว ผมยกมือเช็ดที่มุมปากก็เห็นเลือดติดออกมา แตกจริงๆสินะผมสมควรโดนแล้ว
   “กูให้โอกาสที่มึงขอ ไอ้ไม้ก็ให้โอกาสมึงกูไม่รู้ว่าเหตุการณ์แม่งมันเกิดอะไรขึ้น กูอยากต่อยมึงมากกว่านี้แต่กูรู้ถึงทำไปน้องกูก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น ถึงมึงจะบอกว่ามันเป็นเหตุบังเอิญหรือห่าเหวอะไรแต่น้องกูก็เสียใจอีกแล้ว” ผมได้แต่ก้มหน้าจริงที่พี่ลมว่าทุกอย่างเพราะผมไม่บอกไม่พูดค้านอะไรออกไป ไม้จะเข้าใจผิดก็ไม่แปลกเพราะผมไม่รีบอธิบาย
   “มึงมันโง่แต่คนที่โง่กว่าคือไอ้ไม้ที่ผ่านมากี่ปีๆมันก็ยังรักมึง รักทั้งๆที่มึงไม่ได้สนใจ ไม่ได้แคร์อะไรมัน กูว่าคนที่โง่คงเป็นน้องกู”
   “ผมไม่อยากให้มันจบตรงนี้” พี่ลมถอนหายใจแรงเมื่อผมทำได้แค่ก้มหน้าสำนึกผิด
   “กูไม่อยากตัดความหวังน้อยนิดของมึงนะ แต่ไอ้ไม้มันพอแล้ว” เหมือนตัวผมชาไปแล้วเมื่อคิดว่าไม้พอแล้วมันหมายถึง...มันจะไม่ให้โอกาสผมอีกแล้วเหรอแล้วจะให้ผมทำอะไรได้ล่ะ แต่ผมยังไม่อยากยอมแพ้
   “ไอ้ผู้กองกูบอกเลยนะ....ว่าเพื่อนกูตอนนี้มันอาจจะหยุดแต่มันจะเดินไปข้างหน้าเหมือนกูและมึงก็จะเป็นแค่อดีตสำหรับมัน” แม้จะเกลียดขี้หน้าเพื่อนไม้แต่ผมก็ต้องยอมรับว่ามันพูดถูก
   “กูจะไม่ยอมเป็นอดีตของไม้หรอกนะ” ผมหันไปตอบกลับทั้งๆที่ผมไม่มีความมั่นใจในสิ่งที่พูดเลยซักนิด
   “หึๆมึงคิดว่าจะทำได้งั้นเหรอกูบอกเลยถ้าไอ้ไม้กลับมาครั้งนี้มึงจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรอกนะ”ผมแทบจะยั้งตัวเองไว้ไม่อยู่เมื่อสิ่งที่ทัพพูดมันแทงใจดำ
   แปะ
   ผ้าห่อน้ำแข็งถูกแตะที่มุมปากจนผมสะดุ้งเพราะความแสบบอกขอบคุณวาที่ยังใจดีเอาน้ำแข็งมาให้ผม
   “พี่นัท วาว่าท้ายที่สุดพี่นัทต้องยอมรับว่าพี่ไม้ขอจบแล้วพี่จะยื้อไปทำไมครับ”
   “แต่พี่รักมันนะวา” ผมรีบตอบแต่ก็ได้เสียงหัวเราะเยาะจากสองคนนั่นเป็นการตอบรับ ผมจะทำอะไรได้อีก ผมอยากให้ย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่นิ่งเงียบจนไม้เข้าใจผิด
   “พี่นัทความรักของพี่กับพี่ไม้มันสวนทางกัน พี่ทำความรักของพี่เหมือนการเล่นขายของพี่นัทควรจะปล่อยพี่ไม้ได้แล้วนะครับ”น้ำเสียงราบเรียบแต่ความหมายของคำพูดนั้นกลับบาดลึกลงในใจผมเอง
   ผมควรปล่อยไม้ไปจริงๆเหรอ!??

   “เฮ่อ........” ผมได้แต่ถอนหายใจเมื่อพี่นัทเดินคอตกกลับบ้านไป ทั้งที่พี่นัทและพี่ไม้ต่างก็ใจตรงกันแล้วแต่ทำไมมันถึงสวนทางกันแบบนี้ไปได้นะ
   “ถอนหายใจทำไมครับ” สัมผัสเบาๆที่หัวทำให้ผมเอนตัวพิงกับอกแกร่ง
   “ทำไมความรักมันถึงได้ยุ่งยากแบบนี้ล่ะครับ” ร่างบางปิดตาลงปล่อยให้มือหนาลูบผมนิ่ม
   “วาไม่ต้องคิดมากนะ ถ้าสองคนนั่นมีวาสนาต่อกันจริงๆก็คงจะได้อยู่ด้วยกันเองล่ะ ทำไมทำหน้าเศร้าจังเลย หือ”  ผมเงยหน้ามองใบหน้าครามแดดมีไรเคราจางๆเพราะเมื่อเช้ามัววุ่นวายร่างใหญ่เลยไม่ได้โกน มือเรียวยกแตะไล่ตามสันกราม
   “วารักพี่ลมนะครับ” เรียวปากบางเผยรอยยิ้มหวาน ถ้อนคำหวานบอกรักทำให้หัวใจของลมเต้นรัว
   “พี่ก็รักวา” สิ้นคำอ้อมแขนใหญ่ก็ตวัดเอวบางกอดรัดจนแน่น ผมยกมือขึ้นกอดตอบส่งผ่านความรู้สึกหวานให้แก่กันและกัน
   “พี่ชักไม่อยากไปทำงานแล้วสิ” ผมได้แต่หลุดขำเมื่อพี่ลมทำท่าจะเกเรไม่ยอมไปทำงานแถมมือหนายังสอดเข้ามาใต้เสื่อเขาอีก ความสม่ำเสมอและความมั่นคงของพี่ลมทำให้ใจทั้งดวงนั้นไปอยู่กับอีกฝ่ายไม่ยาก
   “อย่าเกเรสิครับพี่ลม......เอ่อ...ไว้ตอนค่ำนะครับ” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาจนแทบจะกระซิบ ได้แต่ก้มหน้างุดซุกกับอกกว้างรู้สึกเขินอายกับถ้อยคำที่พูดออกไปมันเหมือนเป็นการยอมในสิ่งที่พี่ลมเคยขอ
   “หือ!! พูดจริงเหรอ” พี่ลมดันตัวผมออกมือใหญ่เชยคางขึ้นผมได้แต่เสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตากับแววตาคมที่เปล่งประกายกล้าเมื่อเข้าใจความหมายที่ผมพูด
   “ตอบพี่หน่อยสิคนดี”
   “ก็อย่างที่พี่ลมเข้าใจนั่นล่ะ!! วาไม่คุยด้วยแล้ว” ผมรีบหนีจากสถานการณ์ที่ผมทำให้ผมเขินมาก
   ฮืออออ ผมบอกไปอย่างนั้นได้ยังไง อ๊ากกก ตอนเย็นผมหนีไปนอนกับน้ำได้ไหม ทำไมผมรู้สึกเขินจัง พี่ลมเข้าไร่ไปด้วยอาการหน้าบานจนลูกน้องทำหน้างงว่านายไปโดนตัวไหนมาถึงได้ยิ้มร่าหน้าบานขนาดนั้น
   ตอนเย็นหลังจากที่ไปรับน้ำแล้วผมก็เข้าครัวทำกับข้าวเย็นตามปกติ พี่ทัพโทรมาบอกว่าจะนอนที่ณโรงงานเพราะเครื่องยนต์มีปัญหาเพราะฉะนั้นวันนี้ผมเลยอยู่กันสามคน พี่ไม้โทรติดต่อมาเองแม้จะยังไม่กลับมาแต่น้ำเสียงที่ได้ยินนั่นทำให้ผมรู้สึกชื้นใจขึ้นบ้างที่พี่ไม้น่าจะรู้สึกดีขึ้น
   “น้ำขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วครับ” ผมร้องบอกน้ำที่นั่งดูการ์ตูนหลังจากทำการบ้านเสร็จแล้ว
   “คร๊าบบบบ” น้ำรีบลุกขึ้นจากโซฟาวิ่งมาทางผม
   “วันนี้อาบน้ำคนเดียวนะครับ” ผมทรุดนั่งลงให้เสมอกับน้ำลูบแก้มที่เหมือนโมจินั่นเบาๆ น้ำพยักหน้ารับแล้วยิ้มกว้างเอียงแก้มป่องมาหาผม
   ฟอด ฟอด
   “ไปได้แล้วครับคนเก่ง” น้ำยิ้มร่าเมื่อผมหอมแก้มทั้งสองข้างแล้ววิ่งขึ้นไปข้างบน ตอนนี้ผมฝึกให้น้ำช่วยเหลือตัวเองทั้งการอาบน้ำและการแต่งตัว และการทำหลายๆอย่างด้วยตัวเอง  กลับเข้าไปทำกับข้าวต่อ ตอนนี้งานที่ไร่เริ่มกลับมายุ่งอีกครั้ง ต้นส้มและองุ่นเริ่มแตกช่อดอกทั้งผมและพี่ลมต่างวุ่นกับการบำรุงหลายอย่างเพื่อให้คุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐาน
   “หอมจัง เจ้าลูกหมูล่ะ”
   “ขึ้นไปอาบน้ำครับ พี่ลมก็ขึ้นไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ” ผมบอกเมื่อเห็นสภาพเลอะฝุ่นเลอะโคลนดูไม่ได้
   “ไม่ให้รางวัลพี่เหมือนลูกเหรอ” พี่ลมก้มหน้าลงมาใกล้แถมยังเอียงแก้มมาให้ผมอีกจนผมยกมือดันหน้าไว้
   “เต็มไปด้วยฝุ่นแบบนี้วาไม่ทำหรอกนะครับ”  แกล้งทำหน้าแหยงๆใส่เอาจริงๆเขาก็แค่เขินเท่านั้นล่ะ
   “โอ๊ย เจ็บนะพี่ลม” ผมร้องลั่นยกมือปิดจมูกเมื่อพี่ลมบีบจมูกผมแรง แดงรึเปล่าเนี้ย
   “ทำหน้าแบบนี้ใส่พี่เดี๋ยวก็โดนดีหรอก หึๆ ไม่ทำพี่ทำเองก็ได้”
   ฟอด ฟอด
   จากที่ต้องปิดจมูกผมต้องเลื่อนมาปิดแก้มที่โดนฉวยโอกาสหอมแก้มไปคนละฟอด
   “แดงเลย พี่ขอโทษนะ”พอเห็นปลายจมูกแดงๆของผมพี่ลมก็ลูบเบาๆ
   จุ๊บ
   “อือ ไม่เอาแล้ว” ผมรีบก้าวถอยหลังให้ห่างคนเอาเปรียบผมอยู่ได้
   “หึๆ คืนนี้ยังไงก็ไม่รอดหรอกนะ” ได้แต่ขยับหนีจนไปชิดเคาเตอร์ครัวโดยที่ตัวต้นเหตุเดินผิวปากขึ้นไปอาบน้ำส่วนผมได้แต่ปลอบใจที่ตุ้มๆต่อมให้กลับมาเป็นปกติ หายใจคล่องแล้วค่อยไปตั้งโต๊ะกินข้าวพอดีกับสองหนุ่มลงมา
   “ไหนหอมไหมคนเก่ง” ก้มลงอุ้มน้ำสูดกลิ่นแป้งที่ดูเหมือนน้ำจะเทมาซะครึ่งกระปุกกดจมูกลงกับแก้มนุ่มกลิ่นหอมโชยออกมา
   “หอมไหมครับพี่วา”
   “หอมครับคนเก่ง ป่ะกินข้าวกันดีกว่านะ” ผมวางน้ำลงที่เก้าอี้เด็ก
   “พี่ไม้อีกกี่วันจะกลับครับ”
   “พรุ่งนี้ล่ะมั้ง พี่บอกไปว่าไอ้ทัพมันจะตายคาโรงงานแล้วมันเลยบอกวันกลับ” ดูพูดเข้าจริงๆก็เป็นห่วงน้องแต่พูดดีๆไม่ได้
   “พี่ไม้ดีขึ้นไหมครับ” ถ้าหากกลับมาผมเดาได้เลยว่าพี่นัทต้องไม่ยอมแพ้แต่ใจของพี่ไม้ก็คงไม่เหมือนเดิม
   “เท่าที่ฟังเสียงก็น่าจะโอเคขึ้นแล้วล่ะ”
   “น้ำคิดถึงอาไม้” น้ำพูดขึ้นเมื่อเห็นเราสองคนพูดถึงพี่ไม้
   “พรุ่งนี้อาไม้ก็กลับมาแล้วครับ” ผมลูบหัวทุยเบาๆ น้ำยิ้มร่ากลับไปตั้งอกตั้งใจกินเหมือนเดิม  พี่ลมรับหน้าที่ล้างจาน ส่วนผมก็พาน้ำขึ้นนอน
   “ฝันดีนะครับ”ผมก้มลงจูบหน้าผากพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้น
   “น้ำรักพี่วานะครับ” จู่ๆน้ำก็พูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นจูบแก้ม ผมรู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อถ้อยคำใสซื่อที่เต็มไปด้วยความจริงใจ
   “พี่ก็รักน้ำครับ” ผมกอดน้ำแน่น
   “พี่วาอยู่กับน้ำตลอดไปเลยนะครับ” ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา
   “อือพี่จะอยู่กับน้ำตลอดไปครับ”

   “ขี้แงอะไรกันทั้งสองคน” ลมเดินเข้ามาในห้องนอนลูกก็เห็นคนที่รักของเขาร้องไห้กอดกันแน่น
   “เปล่าครับ” ลมส่ายหัวแล้วทรุดตัวนั่งลงข้างๆคนที่น้ำตาคลอแล้วค่อยยกมือเช็ดน้ำตา
   “ถึงเวลานอนได้แล้วเจ้าลูกหมู”
   “ฝันดีพ่อลม” ลมก้มลงจูบแก้มป่องของเจ้าลูกตัวแสบแล้วจูงมือคนที่พยายามอิดออดไม่อยากกลับห้อง พอเข้ามาในห้องวาก็ดูเก้ๆกังๆก่อนที่จะบอกว่าไปเข้าไปอาบน้ำผมได้แต่แอบขำจริงๆที่วาพูดเมื่อตอนกลางวันผมก็รู้สึกดีใจแต่ผมก็ไม่อยากให้วากดดันตัวเองจนกลายเป็นว่ากลัวไปซะอย่างนั้น ผมนอนเอนหลังอยู่บนเตียงไม่นานวาก็ออกมาจากห้องน้ำผมเดินเข้าไปแย่งผ้าขนหนูในมือวาแล้วลงมือเช็ดผมให้ บ่อยครั้งที่วาจะบ่นเรื่องที่ผมเช็ดผมให้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆผมอยากทำให้
   “แห้งดีแล้วนอนกันเถอะ” ผมดันหลังคนที่ยังหันมามองผมงงๆ อย่าหันมามองแบบนั้นนะ ผมตวัดเอวบางเข้ามากอด วาดิ้นขยุกขยิกเมื่อผมบอกว่าฝันดี
   “พี่ลม..”
   “ถ้าวายังไม่พร้อมก็นอนนิ่งๆเถอะ”
   “ผมพร้อมนะพี่ลม” แม้เสียงจะแผ่วแต่แรงกอดที่เอวพร้อมหน้าที่ซุกลงกับอกนิ่ง เห็นแค่ใบหูแดงก่ำ มือใหญ่ค่อยๆสอดเข้าไปใต้เสื้อนอนนิ่มสัมผัสผิวเนียนลื่นมือร่างบางสั่นน้อยๆ
   “พี่รักวานะคนดี” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู
   “อือ..” แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรริมฝีปากบางถูกบดเบียดแนบชิด เรียวบางนุ่มหยุ่นเผยอรับลิ้นหนาไล่ต้อนเกี่ยวกระวัดลิ้นเล็กจนน้ำใสไหลซึมแต่ทั้งคู่ไม่สนใจ มือต่างฝ่ายต่างลูบไล้ปลุกเร้าเพิ่มความร้อนให้แก่กัน เสื้อผ้าต่างถูกถอดโยนทิ้งร่างเปลือยเปล่ากอดรัดลูบไล้ ท่ามกลางอากาศหนาวข้างนอกภายในห้องอุณหภูมิกลับร้อนผ่าว เหงื่อเปียกชุ่มที่รู้ว่าเป็นของใคร เมื่อแกนกายสอดแทรกลมได้แต่ขบกรามแน่นเมื่อถูกบีบรัด เล็บสั้นจิกข่วนแผ่นหลังกว้าง เสียงครวญหวานแทรกกับเสียงสอดกระทบก้องทั่วห้อง เมื่อใกล้ถึงฝั่งฝันลมกอดเอวบางแน่นสอดกายเข้าแรงๆอีกสองสามทีก่อนที่จะปลดปล่อยน้ำขุ่นเข้าสู่ช่องทางบีบรัดไม่ต่างกับแกนกายร่างบางที่ปลดปล่อยไปพร้อมๆกัน
   “แฮ่กๆ” เสียงหอบผสานแผ่นอกกระเพื่อมหลังจากจบกิจกรรมเร่าร้อนบนเตียง รีมผีปากหนาคลอเคลียไม่ห่างหลังคอไหล่ลาดกดจูบหนักๆจนเกิดรอยแดงตัดกับผิวขาว ร่างบางขยับเล็กน้อยเพราะความอึดอัด
   “อือ..พี่ลม” เรียวปากแดงก่ำเปล่งเสียงแหบพร่าเมื่อสิ่งที่ยังอยู่ในร่างเริ่มขยับขยายอีกครั้ง
   “อีกรอบนะคนดี” ร่างขาวไม่มีสิทธิได้ตอบอะไรเมื่ออีกคนเริ่มขยับอย่างเร่งเร้า และไม่มีทางรู้เลยว่า ร่างสูงจะร้องขอ “อีกรอบ” ตลอดทั้งคืน 

   ลมตื่นขึ้นมาตามเวลาที่เคยชินแม้จะพึ่งหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง เมื่อคืนเป็นคำคืนที่วิเศษที่สุดในชีวิต ดวงตาคมทอประกายอ่อนโยนเมื่อมองคนที่นอนหลับสนิทซุกอยู่ในอ้อมกอดเขา ผิวเนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มมีรอยแดงแต้มอยู่จนแทบไม่มีช่องว่าง เมื่อคืนเขาเอาแต่ใจตักตวงให้สมกับที่อดอยาก..ไม่ใช่สิ อดกลั้นมานานจนตอนนี้วาถึงยังได้หลับสนิทเพราะความอ่อนเพลียจากการตามใจผมทั้งคืน ก้มลงจูบไหล่ขาวก่อนที่จะลุกลงจากเตียง ดึงผ้าห่มคลุมคนที่นอนหลับสนิทแล้วก้าวยาวๆเข้าห้องน้ำวันนี้เขาต้องไปส่งลูกเองคนเดียว ปล่อยให้วาได้พักคงจะดีกว่ายังดีที่เขาทำเช็ดตัวและเช็คดูแล้วท่าทางจะไม่มีไข้ จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปปลุกไอ้ลูกหมูขี้เซา
   “ตื่นได้แล้วนะลูกหมู  สายแล้วพ่อให้สามสิบนาที” น้ำงัวเงียลุกขึ้นเดินลากเท้าเข้าห้องน้ำ ต้องขอบคุณที่วาสอนน้ำได้ดีน้ำเลยเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ ปล่อยให้น้ำจัดการตัวเองผมก็กลับเข้าห้องนั่งลงที่เตียง
   “วา”
   “อือ ครับ” แม้จะรับคำแต่ก็ยังไม่ลืมตาทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะกดจูบที่ไหล่ลาดยกมือขึ้นลูบเบาๆ
   “พี่จะออกไปส่งลูกนะ วาเอาอะไรไหม”
   “อือสายแล้วเหรอครับ” ผมยิ้มกว้างกับอาการคลอเคลียมือผมที่เหมือนแมวน้อย
   “ใช่ วันนี้พักผ่อนนะ รู้สึกไงบ้าง” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
   “เหมื่อยไปทั้งตัวเลย”
   “หึๆ งั้นพักไปนะเดี่ยวพี่กลับมา” จูบเบาๆที่ขมับ  วามุดหน้าลงกับหมอนหลับไปแทบจะทันที 

   “โอ๊ะๆๆ ทำไมนี้นายหน้าบานเป็นจานดาวเทียมล่ะน่อ มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า” ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าขึ้นรถไอ้ละอองมันก็มาลอยหน้าลอยตาแซวผม
   “นั่นสิฮะพี่ละออง” ลูกผมก็เป็นไปกับมันอีก ไม่ควรปล่อยลูกไว้กับมันจริงๆ
   “เลิกยุ่งกับกูได้แล้วนะมึง ไปทำงานได้แล้ว ป่ะเจ้าลูกหมู พ่อจะรีบกลับมาดูแลพี่วาของเรา” ถ้าไอ้ละอองมันฉลาดคงแปลคำพูดผมออกและดูเหมือนว่ามันจะฉลาดเพราะมันอ้าปากค้างตัวแข็งทื่อไปแล้ว
   หลังจากที่ส่งลูกที่โรงเรียนที่ได้อาหารเช้าเป็นข้าวเหนียวหมูปิ้งอาหารทำเองนะอย่าคิดให้ผมทำเลยไม่งั้นได้สร้างบ้านหลังใหม่ก่อนโครงการที่คิดจะทำแน่ๆ ผมคิดที่จะสร้างบ้านหลังเล็กให้กับไอ้ทัพและไอ้ไม้ถึงพวกมันสองคนจะนอนที่โรงงานมากกว่าก็เถอะแต่จะให้ผู้ชายตัวโตๆสองคนนอนในห้องเดียวกันคงไม่มีความส่วนตัวเท่าไหร่ เลยคิดที่จะปลูกบ้านหลังใหม่ข้างๆให้กับพวกมันสองคน
   ถือถ้วยข้าวต้มพร้อมกับยาที่จะให้คนที่ยังนอนหลับกินกันไว้   เปิดประตูเข้าไปวายังนอนหลับอยู่โดยไม่มีท่าทีที่จะตื่นเลยซักนิด
   “ตื่นขึ้นกินข้าวก่อนนะ”
   “อือ...พี่ลม”
   “มาลุกขึ้นกินข้าวก่อน”ผมรีบประคองวาที่ยังงัวเงียให้นั่งเอนหลังดีๆ วารีบลืมตาทันทีเมื่อผิวกายโดนอากาศเย็นๆเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้าก็รีบตะครุบผ้าห่มคลุมจนถึงคอผมได้หลุดขำ
   “อายอะไรกันพี่เห็นหมดแล้ว” ยิ่งผมพูดวาก็ยิ่งจะมุดตัวลงใต้ผ้าห่ม ผมคงต้องเลิกแซวก่อนที่วาจะมุดหนีไม่ยอมกินข้าว
   “พี่เลิกแซวแล้วกินข้าวก่อนเถอะจะได้กินยา”
   “ไม่กินยาได้ไหม” วาว่าเสียงอ่อย
   “ไม่ได้ ถึงตัวจะไม่ร้อนแต่ก็ต้องกินกันไว้ก่อน” ผมพยายามไม่สบตากลมที่ออดอ้อนวอนขอไม่กินยาเพราะมันจะทำให้ผมใจอ่อน ป้อนข้าวจนหมดปัญหาก็เกิดเมื่อวาก้มหน้างุดไม่ยอมรับยาไปกิน
   “กินยาวา” ต้องทำเสียงเข้มให้วายอมรับยาไปกิน
   “ไม่กินได้ไหมอ่า” เสียงอู้อี้ไม่ยอมรับยาไปซักที
   “อย่าให้พี่ต้องป้อนเองด้วยปากนะรับรองเราจะอายจนไม่กล้ามองหน้าพี่แน่ๆ” พอได้ยินผมขู่แขนขาวก็ยืนมาคว้ายาโยนเข้าปากพร้อมกับกรอกน้ำจนหมดแก้ว พึ่งรู้ว่าวาก็มีมุมเด็ก เด็กยิ่งกว่าน้ำซะอีก
   “ไม่ต้องขำเลยนะพี่ลม”
   “หึๆ นอนต่อเถอะ” ลูบหัวทุยแม้จะไม่มีอาการหวัดแต่ผมก็รู้ดีว่าวาเหนื่อย
   “วา”
   “หือ..ครับ”
   “ไว้เราไปหาพ่อแม่วาด้วยกันนะ” จริงอยู่ที่ผมพาวาไปบอกกับพ่อแม่แล้วถึงแม้จะโตแล้วแต่ผมก็อยากทำทุกอย่างให้ถูกครรลองอีกอย่างวาก็คงจะคิดถึงพ่อแม่ ถ้างานที่ไร่อยู่ตัวเพราะผมคิดจะให้ไอ้ละอองและไอ้สินขึ้นมาดูแลแม้มันจะดูซื่อบื้อแต่มันก็เป็นคนซื่อสัตย์ ดังนั้นงานที่ไร่คงไม่มีปัญญา
   “พี่ลม”
   “พี่อยากไปขอวากับท่าน บอกว่าพี่รักอยากให้วามาเป็นคู่คิดดูแลกันและกันตลอดไป
   “อึก พี่ลม....วารักพี่ลมนะ” วาโถมทั้งตัวมากอดผม ถ้อยคำรักกับเนื้อตัวเปลือยเปล่านี่ไม่ได้อยู่ในความคิดของผมเลย
   “วา ถ้าไม่ปล่อย พี่ได้กินวาแน่ๆ” ผมกระซิบเสียงแหบพร่า วารีบผละออกแล้วมุดตัวลงใต้ผ้าห่มทันที หึๆ เขาก็ไม่อยากรังแกคนรักมากไปหรอกนะ 
   “ไงกลับมาแล้วเหรอมึง” ผมที่เอาถ้วยไปเก็บออกมาก็เห็นไอ้ไม้เดินเข้าบ้านดี
   “อืม” แม้จะมีสีหน้าเหนื่อยๆแต่แววตาของมันก็ดูเด็ดขาด เห็นทีคงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะมั้ง
   “แล้วเป็นไง” คำถามที่มันเข้าใจรอยยิ้มจางๆที่ยังดีที่ยังมี
   “ไม่ต้องห่วงแล้วพี่ผมไม่เป็นไรแล้ว” ถึงจะสงสารแต่ก็ไม่อยากให้มันเสียใจอีก
   “ถ้ามึงตัดสินใจอย่างนั้นก็ดี ยังไงกูกับไอ้ทัพก็เอาคืนมึงไปแล้ว”
   “..............” แม้จะแค่แว๊บเดียวแต่ผมก็เห็นว่ามันเป็นห่วง
   “ถ้ากูบอกว่ามึงเข้าใจผิดล่ะ แต่กูก็ไม่บ่อกให้มึงให้อภัยมันหรอกนะ ถ้ามึงตัดแล้วก็ปล่อยมันไปเถอะถ้ามึงจะคู่กันจริงคงได้คู่กันนั่นล่ะ”เดินเข้าไปโยกหัวมัน
   “แล้วไมพี่อยู่บ้านได้วะ” มันนอกเรื่อง
   “กูดูแลวา” บอกมันเพียงเท่านี้สมองมันก็คิดลึกได้ถึงใจกลางโลกแล้ว
   “พี่กูไม่ไร้น้ำยาแล้วเว้ย”
   “กูว่าปิดเทอมจะพาวากลับบ้าน”
   “แล้วใครจะดูแลไร่กับโรงงาน” มันถามผม ก็คิดไว้แล้วว่ามันจะไม่ยอมอยู่แน่ๆ
   “เออกูมีวิธี ขึ้นไปพักผ่อนเถอะกูเข้าไร่ล่ะ” ไล่มันขึ้นไปนอนท่าทางเหมือนคนนอนไม่พอ เรื่องหนีงานไปเที่ยวคงต้องคิดหาวิธีก่อนล่ะกัน และผมก็เดินหน้าบานเข้าไร่ให้พวกไอ้ละอองแซวแม่งทั้งวัน
**************************************************************
ในที่สุดพี่ลมกับน้องวาก็ตกล่องปล่องชิ้นกันซะที จุดพลุ
ส่วนไม้ก็  :hao5:
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเม้นต์เข้ามา่อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่25 12/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-10-2017 10:20:10
โว๊ะ วันนี้คนงานมีความสุขแน่ๆ เพราะพี่ลมอารมย์ดีทั้งวัน
 :z2:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่25 12/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-10-2017 11:18:22
แหมๆ........พี่ลม เอาคืนให้สมกับที่อดกลั้นมานาน  :z1: :pighaun: :haun4:

นัท นายซวยมาก
เวลาล้อๆกัน อย่ายอมให้เข้าถึงตัวแต่แรก ต้องตัดไฟแต่ต้นลม
เป็นไงคู่หมั้นขำๆ ที่เคยไม่รู้สึกไร
ยังดีที่เรียกแค่คู่หมั้น ไม่ใช่เมียๆ  :z6: :z6: :z6:
ตอนนี้กกลายเป็นไฟลามทุ่งไปแล้ว
พาความลำบาก และเจ็บตัวมาหาตัวเองแล้ว
ให้แม่ช่วยอีกไหม ผุู้กองนัท  :hao3: :hao3: :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่25 12/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 13-10-2017 11:50:16
ไม้กับนัทนี้อุปสรรคเยอะนะเป็นกำลังใจให้ นัท และผู้เขียนนะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่25 12/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 13-10-2017 18:37:49
ไม่เข้าใจ ทำไมนัทไม่ตอบปฎิเสธหรือธิบายตั้งแต่แรก  :ling1: ถ้าไม้จะไม่ให้อภัยก็เข้าใจได้นะ เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่25 12/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 14-10-2017 19:30:33
น้องวาน่ารัก ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่26 17/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 17-10-2017 16:08:10
Mai Part
   ในที่สุดพี่ชายเขาก็สมหวังได้แต่แสดงความยินดีกับพี่ชายและพยายามไม่ล้อวาที่ตอนบ่ายลงมาจากห้องด้วยท่าเดินแปลกๆ ที่พี่ลมบอกว่าพี่ท่านกับไอ้ทัพเอาคืนให้แล้วมันออกจะรู้สึกทั้งสะใจและเป็นห่วง แล้วไอ้ที่พี่ลมบอกว่าเข้าใจผิดนั่นทำให้ผมสงสัยแต่พอถามใจตัวเองว่าจะให้อภัยมันไหม
   ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมันมีความสุขมาก
   มันเป็นช่วงเวลาที่ผมแค่ให้โอกาสนัทอาจมีเรื่องที่ทั้งผมและมันต้องปรับ ผมให้มันเต็มร้อยแต่มันพึ่งเริ่มนับหนึ่ง ผมควรที่จะลดให้ความรู้สึกให้เท่ากันเพื่อที่เขาและมันจะเดินไปพร้อมกันได้หรือเปล่า
   ผลัวะ
   “เหม่อเข้าไปไอ้หอก” มาถึงมันก็ทำร้ายร่างกายผม
   “สัด กูเจ็บนะเว้ย”
   “ดีขึ้นยัง”  มันถามเสียงจริงจังผมพยักหน้าตอบ ก่อนที่จะถามในสิ่งที่ผมคิด
   “มึงคิดว่ากูจะให้อภัยมันดีไหม” มันหันมามองหน้าผมแล้วยกยิ้มร้าย
   “กูว่ามึงนะใจอ่อนให้มันแล้วเหอะจะถามกูทำมะเขืออะไรไอ้หอก” แม่งด่ากูตลอด
   “ก็ไม่รู้สิแล้วเรื่องเข้าใจผิดนี่เรื่องอะไรวะ” ผมลุกไปนอนข้างๆ มันขยี้หัวผมจนฟู
   “เรื่องคู่หมั่นนะเป็นแค่เพื่อนมัน แต่ไม้มึงต้องคิดดีๆนะ ถ้ามึงจะคบกันกับมันต่อมึงจะอยู่กับมันด้วยความระแวงอย่างนี้เหรอถึงมึงจะกลับไปคบแล้วมันทั้งๆที่ระแวงทุกเรื่องอย่างนี้เหรอ”
   “กูก็อยากจะเชื่อมันนะทัพแต่มันไม่เคยคบผู้ชายเลยนะเว้ย แถมที่มันคบก็มีแต่ผู้หญิงสวยๆทั้งนั้นกูเลยไม่มั่นใจ”ผมบอกเสียงเบา แม่งก็ไม่มั่นใจจริงๆนะ
   “มึงคิดอย่างนี้สิ มึงเป็นผู้ชายคนเดียวที่ทำให้มันชอบเชียวนะเว้ย” มันพูดติดตลกซึ่งก็ได้ผล เออคิดแบบนี้มันจะเข้าข้างตัวเองไปไหมวะ
   “หึๆ มึงก็คิดได้นะ”
   “ก็จริงนะเว้ย มึงควรจะตัดสินใจและคุยกับมันให้เรียบร้อยตกลงกันให้ได้ว่าจะเอายังไง ไสหัวไปคุยกับมันได้แล้ว” มันผลักหัวผมจนคอแทบเคล็ด  ผมเลยตัดสินใจที่จะโทรหามัน ทันทีที่เปิดเครื่องแจ้งมิสคอลก็ดังรัวจนผมตกใจกับสายที่โทรเข้ามีเพียงเบอร์เดียว เบอร์ไอ้นัท  ยังไม่ทันที่จะกดโทรกลับมันก็โทรเข้ามาพอดี
   “ฮัลโหล”
   “(ไม้มึงเป็นไง กูขอโทษที่ทำให้เสียใจ กูผิดเองที่ไม่อธิบายให้มึงฟัง คุยกับกูได้ไหม)” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรมันก็รัวอย่างกับปืนกล
   “ใจเย็นๆก่อนนะ กูสบายดีตอนนี้กูอยู่ไร่ มึงมาหากูหน่อยสิ”
   “(ได้ๆกูจะรีบไป)” ฟังจากน้ำเสียงก็รู้เลยว่ามันจะรีบมา
   “ไม่ต้องรีบมากยังไงกูก็รอฟังมึงอยู่” ผมบอกมันเพราะเห็นการกระตือรือร้นที่จะมาหา มันรับคำแล้วก็ตัดสายไปเลย
   ผมนั่งรอมันที่ห้องนั่งเล่นไอ้ทัพลงมากินน้ำมองผมยิ้มๆ แล้วเดินสะบัดตูดขึ้นห้อง พี่ลมก็เดินกอดเอวน้องวาเดินเข้าบ้านมา อะไรจะประคบประงมขนาดนั้น
   “น้องวาพี่ได้ข่าวว่าช่วงลูกหมูปิดเทอมจะกลับบ้านเหรอ”
   “อ่าครับ” วาหลบตาผมทันทีเมื่อพูดถึง
   “ดีเลยพี่จะได้ไปพักผ่อนด้วย”
   “แล้วมึงนั่งรอใครอยู่” เกลียดพี่ชายตัวเองนี่จะผิดไหมแม่งรู้ทันเขาตลอด
   “ไอ้นัท” บอกไปมันก็ยิ้ม หันไปกระซิบอะไรกับวาแล้วก็บอกว่าจะไปรับลูก ปล่อยให้ผมนั่งรอไอ้นัทอยู่คนเดียว ไม่นานนักเสียงจอดรถดังลั่นหน้าบ้าน
   ปัง
   “ไม้!!!” มันจะตะโกนทำไมนะ  ไม่ตะโกนเปล่ามันรีบเดินเข้ามาใกล้แล้วดึงผมเข้าไปกอดแน่น
   “ปะ...ปล่อยกูไอ้นัท” ผมรีบทุบหลังบอกมันเมื่อมันแน่นมากจนผมหายใจแทบไม่ออก
   “เอ่อ...กูขอโทษ มึงเป็นไงบ้างกูขอโทษ” มันยกมือขึ้นลูบตามหน้าตามตัว พอได้มองหน้ามันชัดๆแล้วก็เห็นรอยช้ำที่มุมปากและแก้มดูท่าจะโดนทั้งไอ้ทัพและพี่ลมไปหลายหมัดและรอยคล้ำใต้ตานั่นอีก
   “ไปนั่งก่อนเถอะ” ผมบอกเมื่อมันยังยืนกอดเอวผมแน่น  พอพากันนั่งแล้วทั้งผมและมันก็เงียบไป มือที่ถูกกุมไว้โดนลูบเบาๆ
   “นัท กูจะขอยกเลิกทุกอย่างทีเคยตกลงไว้” ทันทีที่ผมพูดจบไอ้นัทก็เงยหน้าขึ้นทันทีแววตาคมฉายแววเจ็บปวด
   “ทะ..ทำไมละไม้” เสียงแผ่วที่ถูกแปล่งออกมาแฝงความเจ็บปวด
   “กูไม่มั่นใจ.....ทั้งที่อยากจะเชื่อใจมึงให้เต็มร้อยแต่กูก็ยังระแวง” ผมก้มมองมือที่ถูกกุมไว้ ส่วนหนึ่งเพราะในใจเขาก็ไม่มั่นใจ
   “กูรู้ไม้”
   “มึงไม่เคยคบกับผู้ชาย แถมกูก็ให้ใจมึงเต็มร้อย แต่มึงพึ่งเริ่ม ดังนั้นกูจะยกเลิกทั้งหมด”
   “เดี๋ยวนะหมายความว่า.....มึงจะยอมให้โอกาสกูอีกเหรอ” มันเงยหน้ามองผมแบบไม่เชื่อสายตา ผมส่ายหน้า
   “กูไม่ได้ให้โอกาสมึง แต่กูอยากให้เราสองคนเริ่มต้นพร้อมกัน” ผมพูดจริงจัง ผมจะปล่อยให้ทุกอย่างในอดิตเป็นแค่เรื่องราวที่ผ่านไป จะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
   หมับ
   “ขอบคุณนะไม้ กูจะเริ่มต้นใหม่ กูไม่ขอสัญญาอะไรอีกแล้วแต่กูจะทำทุกอย่างให้มึงเห็นว่ากูจริงจังกับความรักครั้งนี้” ผมได้แต่รับคำอู้อี้กับไหล่กว้าง
   “มึงไปกินข้าวเย็นกับกูนะ” จู่ๆมันก็ดันตัวผมออกแล้วชวนผมไปกินข้าวเย็นเฉยเลย   
   “อืมก็ได้นะ กูขอไปเปลี่ยนเสื้อก่อน” มันพยักหน้าพร้อมกับนั่งรอ
   “ไงดีกันแล้วสิ” น้ำเสียงกวนตีนทักขึ้นทันทีที่เห็นหน้า
   “ก็ไม่ถือว่าดีมั้งเรียกว่าเริ่มต้นใหม่ดีกว่า” ผมถอดเสื้อโยนทิ้งลงตะกร้าแล้วหยิบเสื้อตัวใหม่มาใส่
   “(อ่าวสวัสดีน้องไม้)” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นผมรีบใส่เสื้อทำตาโตเมื่อเสียงนั่นมันเสียงพี่โยนี่หว่า
   “พี่โย! ไอ้ทัพทำไมมึงไม่บอกกู” ผมรีบใส่เสื้อแล้วเดินไปหาไอ้ทัพที่ตอนนี้นอนคว่ำหน้ากับโน๊ตบุ๊คที่เปิดโปรแกรมไว้ พี่โยนั่งโบกมือให้ผม โอ้โหสองคนนี้มีซัมติงกันถึงขนาดไหนแล้ววะเนี้ย ถึงได้สไกป์คุยกัน
   “ดีครับพี่โย คุยกับไอ้ทัพไปนะผมจะไปกินข้าวแล้ว” ยกมือไหว้คนในจอแล้วเดินหนีออกจากห้องปล่อยให้สองคนนั่นสวีท ??กันต่อ
   “ไปเถอะ” ไอ้นัทเดินมาจูงมือผมไปขึ้นรถพอดีกับพี่ลมกับครอบครัวกลับมา
   “อ่าวจะออกไปข้างนอกกันเหรอ”
   “ครับน้องวา” ไอ้นัทเป็นคนตอบแทนยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากด้วยซ้ำ
   “งั้นเที่ยวให้สนุกนะครับ”
   “อย่าทำให้น้องกูร้องไห้อีกล่ะ” น้ำเสียงพี่ลมเอาจริงเอาจังเสียจนผมรู้สึกตื้นตันพี่มันก็ห่วงผมตามแบบของมันนั่นล่ะนะ
   “ผมไม่ทำผิดซ้ำซากหรอกนะครับ” ไอ้นัทว่าก่อนที่จะดึงผมขึ้นรถแล้วพาผมขับไปที่ร้านอาหารชื่อดัง แต่ก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะผมก็เห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตามาแต่ไกลจนผมต้องหยุดยืนนิ่ง
   “เป็นไร”
   “ไม่ได้กินกันสองคนเหรอ” ผมเงยหน้าถามมัน มันจะพาผมมากินข้าวกับเพื่อนมันหรอกเหรอ
   “ไปเถอะไม่เป็นไรหรอก” ว่าจบมันก็ดึงลากผมไปที่โต๊ะ
   “มาช้านะมึงแล้วมึงพาใครมาด้วยล่ะนั่น”
   “เอ๋คุณไม้”
   “นี่ไม้ ว่าที่แฟนกูเอง” ผมเงยหน้าตกใจเมื่อไอ้นัทแนะนำตัวผมกับกลุ่มเพื่อน พร้อมกับดึงผมให้นั่งลงข้างๆ มือที่ถูกกุมไว้
   “ว่าที่?? มึงจีบเขาไม่ติดเหรอวะ นี่มึงชอบผู้ชาย” เพื่อนมันคนหนึ่งถามขึ้น ได้แต่หันมองซ้ายมองขวาไม่กล้าสบตาไอ้นัทที่จ้องผมอยู่
   “กูไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคน กูชอบแค่ไม้” เชี่ย ผมรู้สึกหน้าร้อนมาก ท่ามกลางเสียงแซวว่าไอ้นัทเสี่ยวผมหันไปมองคนที่พูดเต็มปากเต็มคำและพาผมมาเปิดตัวกับเพื่อน มือที่ถูกกุมไว้ผมบีบตอบพร้อมกับยกยิ้มกว้าง
   “ไม้ แพรขอโทษนะ ที่นัทหน้าตาเป็นแบบนี้ก็เพราะเราใช่ไหม” สาวสวยที่นั่งข้างๆผมกระซิบถาม เหลือบมองรอยซ้ำบนหน้าของคนที่กำลังหัวเราะกับเพื่อนแล้วพยักหน้าเบาๆ
   “คิกๆ สมน้ำหน้า ไม้ไม่ต้องคิดมากนะแพรนะแกล้งนัทเล่นๆเท่านั้นล่ะกับมันนะ ไม่มีอะไรในกอไผ่แน่ๆ” รอยยิ้มกว้างทำให้ผมยิ้มตอบ
   “นี่ๆคุยอะไรกันห๊ะ ไม้ไม่ต้องไปยุ่งกับยัยนั่นนะ”ไอ้นัทที่เห็นผมหัวเราะกับแพรกันสองคนมันก็เอามือพาดไหล่ดึงผมให้ออกห่างจากแพร
   “ปากเสียยะ หวงเข้าไปสิ” แพรชี้หน้าคาดโทษนัท ผมได้แต่นั่งขำ แรกๆอาจจะเกร็งๆไปพอผ่านไปซักพักก็เริ่มคุยกันได้ถูกคอจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปข้ามวัน
   “ง่วงแล้วเหรอ” ไอ้นัทกระซิบถาม ผมพยักหน้าหงึกหงักเพราะตาจะปิดแล้วผมไม่ค่อยได้นอนดึกซักเท่าไหร่แถมช่วงนี้ผมยังนอนไม่พออีก
   “กูกลับล่ะ จะต้องไปส่งไม้ด้วย” พวกเพื่อนๆที่กำลังสนุกได้ที ผมบอกลาทุกคนไอ้นัทก็จูงมือกลับไปที่รถ ขึ้นรถได้ผมก็ปรับเบาะเอนลงนอนเพราะตาจะปิดแล้ว
   “นอนเลยก็ได้เดี๋ยวไงก็ไปนอนบ้านกูไหม”
   “อืม” ตอบรับคำแบบเบลอๆยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปค้างบ้านมันซักหน่อย ผมหลับสนิทไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาถึงบ้านไอ้นัทตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว  ผมเลยบอกมันให้ไปส่งที่ไร่
   “กูไปล่ะ เดี๋ยวตอนเที่ยงกูไปกินข้าวด้วยได้ไหม” ดูเหมือนไอ้นัทจะถามความสมัครใจผมก่อน
   “ก็แล้วแต่มึงเลย กูจะเข้าโรงงานไม่รู้งานจะทับคอไอ้ทัพตายรึยัง” ตอนนี้ยังเช้าผมคงทันไปโรงงานพร้อมกันกับไอ้ทัพ
   “อืม ไปนะ”
   “เอ่อ..ขับรถดีๆ” บอกมันอุบอิบแล้วหนีเข้าบ้าน  ไม่อยากอยู่ดูหน้ามันหรอกนะ ร้อนหน้าไปหมดแล้ว 
   โชคดีที่ในบ้านมีแค่วาถ้าไอ้พี่ลมอยู่ผมคงโดนแซวจนไปไม่ถูกแน่ๆ ทักวาสองสามคำแล้วก็ขึ้นห้องไอ้ทัพมันยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำนอนคว่ำหน้าโดยมีโน๊ตบุ๊คเปิดอยู่ แอบชะโงกหน้าไปดูก็เห็นแค่ห้องนอนฝั่งโน้นพร้อมกับโพสอิทสีแสบตา  อืม สองคนนี่ยังไงยังไงกันอยู่น้า
   “ไอ้ทัพตื่นเว้ย เข้าโรงงานได้แล้ว” ผมกระโดดทับมัน
   “อ๊ากกกไอ้เหี้ยไม้” ผมรีบลุกหนีเข้าห้องน้ำทันทีที่มันโวยวาย อยู่ให้มันถีบเอานะสิ จนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมค่อยออกมาไอ้ทัพก็ยืนทำหน้าอาฆาตผมอยู่บนเตียง
   “ไปอาบน้ำได้แล้วมึง”
   “อย่าให้ถึงทีกูนะมึง” มันชี้หน้าคาดโทษผมแล้วเดินเข้าห้องน้ำ  ผมเลยลงไปข้างล่างเพื่อที่จะรอกินข้าว
   “ไงหนีไปเที่ยวมาเหรอมึง”
   “พูดไม่เพราะนะพี่ลม” หึๆเหมือนพี่ชายผมจะลืมไปว่าลูกนั่งอยู่ด้วยเลยโดนวาดุให้
   “วันนี้อาไม้ไปส่งนะเจ้าลูกหมู”
   “อาไม้ขี้โกง” อ่าวไปโกงหลานตอนไหนวะเนี้ย
   “อาขี้โกงตอนไหน”
   “อาไม้มีบ้านหลังใหม่อาไม้ขี้โกง” หือบ้านหลังใหม่
   “ไม่ต้องทำหน้างง พี่คิดจะปลูกบ้านหลังใหม่ให้แกกับทัพ จะให้นอนห้องเดียวกันตลอดก็ยังไงอยู่แล้วน้ำได้ยินเลยโวยวายกับแกนั่นล่ะ” พยักหน้าหงึกหงักนี่พี่ชายเขาคิดที่จะปลูกบ้านใหม่ให้เขากับไอ้ทัพเลยเหรอ
   “จริงๆก็คงจะปลูกให้ทัพอยู่คนเดียวซะล่ะมั้งเพราะแกคงจะแต่งออกไม่ได้แต่งเข้า” เชี่ยยยยย อยากจะด่าพี่ตัวเองแต่หลานนั่งหัวโด่เลยได้แต่เข่นเขี้ยวแต่ไม่สามารถทำอะไรไอ้พี่ตัวดีได้ โดยที่มันยกคิ้วเยาะเย้ยผม หืย อย่าต่อยพี่ชายตัวเองเว้ย
   “ทำหน้าตาเหมือนคนไม่ได้ขี้นะไอ้ไม้ผุ”
   เสือก
   ผมด่าแบบไม่ออกเสียงมันทำท่าจะด่ากลับผมเลยชี้ไปที่เจ้าลูกหมูไอ้ทัพเลยแยกเขี้ยวใส่ผมแล้วนั่งลงกินข้าว
   “พี่ไปก่อนนะวา” บอกวาแล้วพวกผมสามคนก็ไปขึ้นรถแวะส่งน้ำที่โรงเรียนค่อยเข้าโรงงานและผลของการที่ผมหนีงานไปสามวันก็เป็นผล แฟ้มงานที่รอผมอนุมัติก็กองซะครึ่งโต๊ะ
   “พี่ไม้กลับมาทำงานได้ซะที นี่เอกสารอีกกองนะคะที่พี่ต้องเซ็นให้สมกับที่พี่อู้งาน” ไอ้นิวที่พอผมนั่งเก้าอี้ยังไม่ทันอุ่นก็หอบงานมาอีกหอบใหญ่
   “ทำไมงานมันเยอะขนาดนี้”
   “ก็ใครใช้ให้มึงอู้ ป่ะนิวลงไปในโรงงานกันปล่อยให้ไอ้เจ้าของนั่งทำงานไป” ไอ้ทัพเดินกอดคอไอ้นิวเดินออกจากห้องทิ้งผมให้อยู่กับกองงาน กูจะไม่ทิ้งงานอีกแล้วให้ตายเถอะ นั่งเซ็นๆอ่านๆจนกระทั่งเที่ยง ไอ้นัทก็มารับผมไปกินข้าวแล้วก็กลับมาส่งผมที่โรงงาน เหมือนเป็นการกลับมาทำความรู้จักกันใหม่แม้ผมจะรู้ทุกอย่างก็เถอะเหมือนว่าจะเป็นการเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ น่าจะว่างี้ได้สินะ
   “กับข้าวมันคงจะอร่อยมากสินะถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”
   “ก็คงเหมือนมึงที่เดี๋ยวนี้นอนคนเดียวไม่ได้ล่ะวะ”
   “ไอ้ไม้!!”
   “ไรไอ้ทัพ!!” ต่างคนต่างจ้องหน้ากันนิ่ง คิดว่าแซวกูได้อย่างเดียวเหรอในเมื่อมันก็มีเรื่องให้ผมแซวเหมือนกัน เท่าที่แอบถามวาก็รู้ว่ามันกับพี่โยคุยกันทุกคืน หึๆ หลังจากที่จ้องตากันเงียบๆมันก็ยอมแพ้
   หึๆ มึงแพ้แล้ว
   
ทัพ Part
   ไอ้ไม้นะไอ้ไม้มีความสุขแล้วแซวไม่ได้เลยนะดันโดนมันตอกกลับมาซะผมโต้กลับคืนไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่ผมเริ่มชินกับการที่ต้องคุยกับอีกคนก่อนนอนทุกคืนและมันเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันซะแล้วที่ก่อนนอนแล้วตื่นขึ้นมาพร้อมกับข้อความที่พี่โยแปะไว้ แม้จะรู้สึกแปลกๆแต่ผมก็ไม่คิดที่จะหาคำตอบให้กับความรู้สึกที่มันเพิ่มขึ้นมาทุกทีๆ บางทีการเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องจำกัดความ และค้นหาความรู้สึกตัวเอง เพราะบางทีมันอาจเป็นความรู้สึกที่เขาคิดไปแค่ฝ่ายเดียวเพราะงั้นเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
   วันนี้ผมก็กลับบ้านคนเดียวอีกแล้วไอ้ไม้แม่งไปเดทกันอีกแล้ว ครั้งนี้ดูท่าทางจะมั่นคงกว่ารอบที่แล้ว วันก่อนพึ่งได้รับข่าวดีว่าห้องที่ผมประกาศขายมันขายได้แล้วแถมยังได้ราคาดีอีกด้วยทีแรกว่าจะไปหาซื้อบ้านเล็กๆเพราะเขาก็เกรงใจพี่ลมที่ต้องมาอาศัยอยู่ในบ้าน แต่เมื่อเช้าพอรู้ว่าพี่ลมคิดที่จะปลูกบ้านแยกให้ผมกับไอ้ไม้ทำให้ผมรู้สึกดีใจและรู้สึกอบอุ่น แต่จะให้พี่ลมทำให้เปล่าๆมันก็คงไม่ใช่ผมเลยตั้งใจที่จะออกเงินค่าบ้านให้เลย
   “ไม่ต้องเกรงใจพี่เลยไอ้ทัพยังไงพี่ก็คิดที่จะสร้างให้ไอ้ไม้อยู่แล้วมันก็แค่เพิ่มห้องมาอีกห้อง ถึงแม้พีคิดว่าไอ้ไม้คงไม่ได้อยู่ มึงก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกูแค่มึงกูเลี้ยงได้น่า” อยากกอดพี่มันนะแต่กลัวโดนตีนถีบออกมา
   “อาทัพ น้ำอยากคุยกับอาโย” เจ้าลูกน้ำที่แต่ตัวเตรียมนอนแล้วกระโดดขึ้นนั่งข้างๆเขย่าแขนออดอ้อน
   “แล้วทำไมถึงมาอ้อนอาล่ะครับ”
   “ก็อาทัพคุยกับอาโยตลอดนิครับ น้าๆๆๆ” เพิ่มระดับการอ้อนด้วยการซบหน้าที่ไหล่ถูไปมา ผมเลยยกมือขยี้หัวทุยแรงๆ
   “งั้นไปนอนกับอาไหม”
   “เย้ๆ ไปๆๆ” ผมได้แต่ส่ายหน้ากับอาการดีใจจนเวอร์ของน้ำ เอาเถอะผมจะได้มีเพื่อนนอนด้วย พึ่งรู้เหมือนกันล่ะครับว่าผมเป็นคนขี้เหงาขนาดนี้
   “ไงเจ้าลูกหมูอย่ากวนอาทัพล่ะ” พี่ลมที่อุ้มน้ำมาส่งผมที่ห้องกำชับกับน้ำที่พยักหน้ารัวๆ
   “ครับ ฝันดีครับพ่อลม” น้ำหอมแก้มพี่ลมจนเปียกเป็นที่พอใจแล้วก็ดิ้นลงวิ่งขึ้นเตียงผมทันที
   “เจ้าแสบ ฝากหน่อยนะทัพ” ผมยิ้มเพราะตอบอะไรไม่ได้เมื่อน้ำกลิ้งมาทับเขาจนจุก แม้จะผอมลงแต่ก็หนักไม่ใช่เล่นนะ
   นอนเล่นกันซักพักเสียงแจ้งโปรแกรมก็ดังขึ้นผมกดรับแล้วปล่อยให้น้ำเป็นคนคุย เพราะยังไม่อาบน้ำ และอีกอย่างเขาก็ไม่อยากถลำลึกควรรักษาระยะห่างมากกว่านี้ จริงๆวันนี้เขาตั้งใจจะไปเปิดคอมด้วยซ้ำ
   ฟอด
   “คุยไปนะอาไปอาบน้ำก่อน” ผมก้มหอมแก้มยุ้ยแล้วหยิบผ้าหนีเข้าห้องน้ำได้ยินแต่เสียงออดอ้อนของน้ำเป็นระยะๆ ผมพยายามถ่วงเวลาจนกระทั้งข้างนอกไม่มีเสียงอะไรแล้วสงสัยว่าเจ้าน้ำคงจะหลับแล้วแน่ๆ พอออกมาก็จริงน้ำหลับปุ๋ยไปแล้ว เดินไปตากผ้าขนหนูแล้วกลับมาที่เตียงห่มผ้าให้น้ำหอมแก้มป่องนั่นไปทีหนึ่ง แล้วล้มตัวนอนข้างๆน้ำแล้วหลับตาลง
   “อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ”    ปรือตามองจอก็เหมือนเดิมคือพี่โยนั่งทำงาน
   “อืม” มันเหมือนทุกวันแต่สิ่งที่เปลี่ยนคือความรู้สึกผมรึเปล่านะถึงได้มองภาพคนกวนประสาทที่นั่งทำงานแล้วมันดูเท่อย่างบอกไม่ถูก แต่มันก็เป็นความรู้สึกของผมฝ่ายเดียวมันก็แค่ความเหงาเพราะงั้นผมควรที่จะทิ้งความรู้สึกนี้ไปซะจะดีกว่า
   “ง่วงแล้วเหรอ มีอะไรหรือเปล่า”    พี่โยทักเมื่อเห็นผมเหม่อ
   “ไม่มีไร แค่เหนื่อยๆ งั้นฝันดีนะครับ” ผมบอกแล้วปิดโปรแกรมไปในทันที ก่อนที่จะปรับลมหายใจตัวเองที่เหมือนคนทำอะไรผิดแล้วหนี ฟู่ว ผมต้องปรับความรู้สึกตัวเองแล้วจริงๆ มันก็แค่เหงา  ใช่ผมก็แค่เหงา
*************************************************
เอามาลงสั้นๆ
ในส่วนของความรู้สึกไม้ถึงแม้จะยังไงก็รักล่ะนะ
ส่วนอีพี่นัทก็เริ่มที่จะทำอะไรๆ ให้ชัดเจน
ต้องเข้าใจพี่นัทว่าพึ่งรู้ตัวไง โง่มานานฮ่าๆๆ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่26 17/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-10-2017 18:26:13
ใกล้จบแล้วสินะ น่ารักจังครอบครัวนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่26 17/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-10-2017 18:33:26
พี่ลม ไม่ไร้น้ำยาแล้ว
ทะนุถนอมวา จนไม้หมั่นไส้
พี่ลม วา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

นัท พาไม้  ไปเปิดตัวว่าที่แฟนกับเพื่อนๆด้วย
นัท ไม้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

พี่โย ทำให้ทัพหวั่นไหวแล้ว
รีบกลับมาจีบทัพเป็นจริงจังได้แล้ว
พี่โย ทัพ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่26 17/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-10-2017 19:28:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่26 17/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-10-2017 21:55:30
คงต้องรุกให้หนักกว่านี้ล่ะแหละโยไม่งั้นคงนกแน่
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่26 17/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 18-10-2017 00:29:29
โยคะ.. รุกฆาตค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่26 17/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-10-2017 08:18:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่27 22/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 22-10-2017 13:55:46
หลังจากที่ไอ้ไม้กับกับไอ้นัทกลับมาคบกันก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปในทิศทางทีดี ทำให้ผมหมดห่วงเรื่องของมัน
   “อืออพี่ลมปล่อยวานะ” เสียงหวานประท้วงเมื่อผมยังไม่ยอมปล่อยให้วาลุกจากเตียง
   “พี่ไม่อยากลุกเลย” ไม่ว่าป่ามือผมก็ไม่หยุดนิ่งลูบไล้ตามแผ่นหลังเนียนที่เต็มไปด้วยรอยแดง หลังจากที่คืนนั้นวายอมผมก็โมเมกินวาแทบทุกคืน หึๆ แม้จะประท้วงแต่วาก็ยอมผมอยู่ดี แต่ผมก็ไม่ได้รังแกน้องขนาดนั้นหรอกนะ เพียงแต่การได้นอนแนบชิดนั่นทำให้ผมมีความสุขเหลือเกิน
   “สายแล้วครับ แล้วก็หยุดลูบวาได้แล้วนะ อือ” วาส่งเสียงครางเมื่อผมเลื่อนไปสะกิดยอดอกแดงก่ำ แย่ล่ะผมทำร้ายตัวเองด้วยสิ ชักไม่อยากปล่อยแล้วสิ
   “วาลุกไปก่อนที่พี่จะกินวาอีกรอบดีกว่านะ” พูดจบวาก็ทำตาโตเพราะสัมผัสถึงอะไรๆที่มันตื่นขึ้น
   “พี่ลมหลับตาเลยนะ”
   “จะอายอะไรกันพี่เห็นมาหมดแล้ว” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ผมก็ยอมหลับตาให้คนขี้อายลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมนอนเล่นบนเตียงยิ่งได้ครอบครองผมยิ่งรักวาเพิ่มขึ้นทุกวันๆ ให้ตายเถอะผมมีความสุขมากจนจะสำลักตายอยู่แล้ว
   “พี่ลมยิ้มอะไรกันครับ”
   “พี่มีความสุข เดี๋ยวพี่จะปลุกลูกเองวาลงไปข้างล่างเลยนะ” วาพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้อง จะนอนอู้ต่อก็ใช่ที่ผมเลยลุกขึ้นไปจัดการอะไรๆให้เรียบร้อยแล้วเข้าไปปลุกลูกหมูที่นอนหลับอุตุ
   “ตื่นได้แล้วลูก” ผมฟัดแก้มยุ้ยๆของเจ้าน้ำแรงๆเพื่อเป็นการปลุกลูกถ้าวามาเห็นผมคงโดนดุ
   “อือ น้ำง่วง” ไอ้อาการง่วงๆนี่เหมือนกับวาตอนจะตื่นนอน
   “ตื่นได้แล้วครับ สายแล้วนะ” น้ำงัวเงียลุกขึ้นพยักหน้าแล้วลงจากเตียงเดินโซเซเข้าห้องน้ำ เพราะวาเป็นคนสอนให้น้ำทำอะไรเองผมเลยไม่ต้องเข้าไปวุ่นวาย ปล่อยให้น้ำจัดการตัวเองผมเลยลงไปกวนวาดีกว่า
   “นี่กาแฟครับ”
   ฟอด
   “ขอบคุณครับ” หอมแก้มไปทีแลกกับโดนวาฟาดที่ไหล่   ผมนั่งดูข่าวตามปกติซักพักทัพก็ลงมา
   “พี่ เรื่องบ้านนะ จะสร้างจริงเหรอ” ผมรู้ว่าไอ้ทัพมันเกรงใจแต่ผมก็รู้จักกับมันมานานแถมมันก็ไม่มีใครแล้วผมก็ถือมันเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง
   “สร้างดิวะ”
   “งั้นผมจะออกเงินด้วยนะพี่จะให้พี่ออกให้คนเดียวผมเกรงใจ” ผมพยักหน้าเข้าใจ
   “อยากได้แบบไหนล่ะ” จะปลูกบ้านก็ต้องตามใจผู้อยู่
   “ไม่ต้องหลังใหญ่มากนะพี่เอาแบบบ้านพี่นี่ล่ะผมชอบ เอาไว้แค่นอนก็พอแล้ว ยังไงผมก็ต้องมาอาศัยน้องวาทำกับข้าวให้กินอยู่ดี” มันพูดยิ้มๆ ก็จริงของมันทุกคนต่างติดรสมือของวากันหมดแล้วขนาดพวกคนงานยังไม่เว้นเลยล่ะ
   “อืมงั้นกูจะให้ช่างมาดูให้ล่ะกัน อ่าวลงมาแล้วเหรอลูก” หันไปเจอเจ้าลูกหมูที่แต่งตัวเรียบร้อยแต่ตายังปรือๆอยู่
   “อรุณสวัสดิ์ครับอาทัพ พ่อลม” น้ำยกมือไหว้แล้วเดินเข้าไปในครัว ได้ยินแต่เสียงงุ้งงิ้งของสองแม่ลูก อ่ะอย่าไปเรียกให้วาได้ยินเชียวนะครับ ผมได้โดนหยิกเนื้อเขียวหมดแน่ๆ พออ้อนพี่วาเสร็จก็ออกไปวิ่ง รอบบ้าน ผมก็ได้เวลาเข้าไร่ไปดูคนงานเก็บผัก
   “วาพี่เข้าไร่นะ” 
   “ครับพี่ลม อย่าลืมกลับมากินข้าวล่ะ” วาตะโกนออกมาบอกจากในครัว เพราะหลายวันก่อนผมทำงานเพลินลืมกลับมากินข้าววานี่บ่นผมใหญ่เลย
   “ครับ เข้าไปด้วยกันไหมไอ้ทัพ”
   “ไปพี่” มันวางแก้วแล้วลุกตามผม ซ้อนมอไซค์ไปที่ส่วนของสวนผัก ที่กำลังเก็บกะหล่ำปลีขึ้นรถ ผมเลยเดินไปหาไอ้ละอองส่วนไอ้ทัพนี่เดินเข้าไปในไร่ไปช่วยคนงานเก็บผักแล้ว
   “เป็นไงบ้างไอ้ละออง”
   “แหมๆนายกูนับวันยิ่งหน้าบานชีวิตหวานชื่น ไอ้ละอองอิจฉา” มันยังไม่เลิกแซวผมอีก
   “อิจฉามึงก็ไปแดกไอ้สันสิ” ผมบอกมันหน้านิ่งๆ มันทำตาโตแทบจะพุ่งมาปิดปากผม
   “นายจะพูดทำไมเนี้ย” มันโวยวายแล้วหันไปยุ่งกับการชั่งน้ำหนักผักที่จะขนขึ้นรถ
   “หึๆ กูไม่พูดก็ได้ เอามาเดี๋ยวกูจดเอง” มันรีบส่งสมุดจดน้ำหนักให้อย่างเชื่อฟัง
   ผมจดน้ำหนักทั้งหมดที่ได้ก็ราวๆตันกว่า ถือว่าผลผลิตไร่ดีกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีกทั้งที่ผมไม่ได้ปลูกเยอะ  ไอ้ละอองยังทำหน้างอนผมที่ดันพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง
   “มึงไปส่งที่ตลาดเลยไป” ผมรู้ว่ามันอยากไปในเมืองแต่มันเป็นมือขวาของผมเลยไม่ค่อยได้ออกจากไร่เท่าไหร่
   “จริงเหรอนาย นายใจดีที่สูดดดด” มันกระโดดดีใจแล้ววิ่งไปขึ้นรถจนผมร้องตามไม่ทันอะไรมันจะดีใจขนาดนั้น
   “เดี๋ยวพวกที่เหลือนี่ก็ไถกลบได้เลยนะ พอไถกลบเสร็จก็เอาปุ๋ยคอกในโกดังมาโรยกับพวกปุ๋ยหมักเอามาฉีดตามดินให้เรียบร้อยเลยนะ”
   “ครับนาย”
   “ทัพกลับไปกินข้าวกันเถอะ” ผมเรียกไอ้ทัพที่ดูเหมือนจะสนุกที่ได้มาเก็บผัก
   “ครับพี่” เช็ดไม้เช็ดมือแล้วรีบวิ่งมาหาผม ซ้อนท้ายกันกลับบ้านพอดีที่ทั้งวาและทั้งน้ำจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว
   “นึกว่าจะต้องไปตามซะแล้วนะครับ”
   “ฮ่าๆ พึ่งขนผักเสร็จนะ พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ” เพราะสภาพมันเละทั้งผมและทัพเลยขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวลงมากินข้าว ไอ้ทัพก็ไปที่โรงงาน
   “เฮ้ บอกไอ้ไม้ด้วยนะว่าให้กลับบ้านวันนี้”
   “ผมว่าต้องบอกให้ไอ้ผู้กองดีกว่ามั้งครับ”  เออจริงมันขยันมาลากไอ้ไม้ไปนอนพักด้วยตลอด
   “เออวะ แต่มึงบอกมันไว้ถ้าไอ้ผู้กองมาก็ลากคอมันมาด้วยกันจบ” ไอ้ทัพส่ายหน้าแบบจนใจแต่ก็รับคำ ผมกับวาไปส่งน้ำที่โรงเรียน
   “ไปล่ะครับ ขอบคุณครับพ่อลมพี่วา” น้ำยกมือไหว้ พร้อมกับไปหอมแก้มวาแล้ววิ่งเข้าห้องเรียนไป  ได้แต่ส่ายหน้ากับการนัวเนียของสองคนนี้ หลังจากกลับมาที่ไร่ผมให้วาทำบัญชีส่วนผมก็ไปที่ไร่องุ่น แม้จะแยกย้ายกันทำงานแต่ตอนเที่ยงผมก็กลับมากินข้าวที่บ้าน ตกบ่ายก็ไปรับลูกด้วยกันแม้จะผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมาแต่ผมก็ไม่ยอมที่จะให้วาขับรถไปรับลูกคนเดียวผมไม่อยากเจอเหตุการณ์ที่บีบหัวใจผมอีกแล้ว
   “กลับมาแล้ว”
   “อาไม้!!! อ่าวอานัท” น้ำที่วิ่งเข้าไปหาอาต้องเบรกเมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังมา
   “ไงเจ้าน้ำ” น้ำวิ่งพุ่งเข้าไปกอดอานัทให้ฟัดแก้มป่องแล้วเข้าครัวไปช่วยวาทำกับข้าวส่วนพวกไร้ความสามารถในการทำครัวก็ออกมานั่งชุมนุมกันที่โซฟา
   “ทัพว่าจะเอาแบบบ้านหลังนี้ แกคิดว่าไง”  เมื่อมีน้ำอยู่ผมเลยต้องลดคำพูดที่ไม่ดีลง
   “ก็เอาอย่างที่ทัพว่าก็ได้นะพี่ ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
   “ทำอย่างกับจะได้กลับมาอยู่” ผมแทบจะลุกแท็คมือกับไอ้ทัพเมื่อมันตอกกลับไอ้ไม้
   “หึๆ”
   “แล้วทำไมจะไม่ได้กลับมาอยู่ล่ะ อย่ามาพูดมั่วๆน่า” แม้มันจะว่าผมสองคนแต่ผมก็เห็นว่าแก้มมันขึ้นสี เขินแล้วพาลนะเนี้ย
   “งั้นเอาไม่ใหญ่มากห้องนอนสองกับห้องนั่งเล่นก็พอใช่ไหม” ผมจดความต้องการของมันลงสมุด
   “อ้อ เอาห้องน้ำที่พอจะใส่อางอาบน้ำด้วยนะพี่ลม” ผมกรอกตา มันจะชอบอ่างอาบน้ำเกินไปแล้วนะ
   “ชอบนักหรือไงวะไอ้อ่างอาบน้ำเนี้ย”
   “พี่ไม่รู้เวลาเราทำงานเหนื่อยๆมันก็ต้องการการพักผ่อนนะ แช่น้ำอุ่นนะสบายจะตายไป” ไอ้ทัพพยักหน้าเสริม อืมอ่างอาบน้ำเหรอ หึๆ
   “พี่คิดไรหื่นๆใช่ไหม” ไอ้ทัพมันทักผม
   “อะไรหาเรื่องพี่ละ” แม้จะบอกปัดมันไปแต่สิ่งที่คิดในหัวของผมมันถึงได้ไหลมาเป็นฉากๆล่ะเนี้ย
   “หน้าพี่โคตรหื่น”ไอ้ไม้มันว่าให้จนต้องปรับสีหน้าให้ปกติ
   “ห้องนอนสอง ห้องนั่งเล่น อ่างอาบน้ำ เอาสองชั้นหรือชั้นเดียว”
   “ชั้นเดียวก็พอมั้งเนาะทัพ”
   “อืม  ห้องกว้างแค่สองเมตรหกสิบหรือสามเมตรก็น่าจะพอ” ผมพยักหน้าในเมื่อเป็นห้องของพวกมันอยากได้อะไรก็ตามนั้น ผมจดลงบนสมุดซึ่งมันก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อต่างคนต่างออกความคิดเห็น โดยมีเจ้าน้ำออกความคิดเห็นด้วยในบางครั้ง
   “ทานข้าวได้แล้วครับ” วาเรียกพวกผมทันทีที่ตั้งโต๊ะเสร็จ อาหารมากมายที่ทำเสร็จในเวลาไม่นานเพราะมีนัทเข้าไปช่วยถ้าให้พวกผมไปช่วยนี่คงเละ
   ตลอดการกินอาหารเย็นที่อบอุ่นไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจื้อยแจ้วของน้ำ ทำให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านอย่างแท้จริง  นี่ล่ะคือครอบครัวของผม ครอบครัวที่มีวาเข้ามาเติมเต็มความอบอุ่นให้
   
   หลังจากที่ตกลงว่าอยากได้แบบไหนเสร็จเรียบร้อยพี่ลมก็เรียกช่างมาเขียนแบบผมพอใจกับแบบที่ถูกเขียนขึ้นพี่ลมเลยให้ผมเข้ามาคุมการก่อสร้างโดยให้เหตุผลว่ามันเป็นบ้านของผม จริงๆผมว่าพี่แกกลัวจะเสียเวลาที่จะสวีทกับน้องวาแน่ๆ หลังจากที่คุยกับพี่โยครั้งสุดท้าย ตอนนี้ผมแทบที่จะไม่เปิดคอมแล้วนั่นทำให้ผมรู้สึกเหงาๆแต่ก็มีงานให้ทำจนหัวหมุนช่วยให้ผมลืมเรื่องความรู้สึกที่มันเพิ่มมากขึ้นได้
   “ตรงนี้แบบนี้ใช่ไหมครับ”
   “ไหนครับ อ้อ ครับ ผมขอให้มันกว้างกว่านี้ได้ไหม ตรงห้องน้ำ” ผมชี้แปลนห้องน้ำของไอ้ไม้ที่ต้องการให้มันกว้างครึ่งหนึ่งของห้องนอนด้วยซ้ำ เลยต้องดูเรื่องนี้ให้เป็นพิเศษเดี๋ยวมันไม่พอใจมันจะโวยวาย
   “มันจะไม่ใหญ่ไปเหรอครับ”
   “ไม่หรอก พอดีคนอยากได้มันอยากได้แบบนี้”
   “โอเคครับงั้นจะจัดให้ตามที่ต้องการเลยครับ” แม้จะรูสึกแปลกใจแต่ช่างก็ยอมทำตามความต้องการอยากได้ห้องน้ำที่ใส่อ่างอาบน้ำได้ ไอ้ไม้ก็ปล่อยให้ผมมาดูส่วนมันก็อยู่ที่โรงงาน
   “พี่ทัพไปกินข้าวกันครับ” วาเดินมาเรียก มันได้ได้สร้างห่างจากบ้านหลังใหญ่ไม่กี่ก้าวแทบเรียกได้ว่าสร้างต่อกันเลย
   “โอเคพี่จะไปแล้ว” วันนี้พี่ลมบอกว่าจะเข้าไร่ไม่ออกมาผมเลยได้นั่งกินกับวาสองคน
   “พี่ทัพได้คุยกับพี่โยไหมครับ” คำถามที่เล่นเอาผมเกือบสำลักข้าว
   “อ้อไม่นะ พี่เหนื่อยหัวถึงหมอนก็หลับเลยไม่ค่อยได้คุยกัน” มันอาจจะเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวที่ว่าผมเลยไม่กล้าสบตาวาด้วยซ้ำที่บอกวาไปแบบนี้
   “งั้นเหรอครับ” วาพยักหน้าเข้าใจผมเลยเงียบไปสนใจกินต่อ วาขอตัวไปส่งกับข้าวพี่ลมก่อนผมเลยอาสาล้างจานให้ จริงอยู่ที่ไม่ได้คุยกว่าผมจะหลับต้องพลิกไปพลิกมานานแค่ไหนจนกว่าจะหลับ แต่ผมก็เลือกไปแล้ว
   เฮ้อ....
   “ถอนหายใจอะไรหนักหนาวะ” ได้แต่บ่นให้ตัวเองที่พอเผลอผมก็ต้องถอนหายใจบ่อยๆ ให้ตายเถอะไอ้อาการโหวงๆในใจคืออะไรกัน ตอนที่เขาผิดหวังจากตองผมยังไม่อาการหนักเท่านี้เลย เลิกๆ ไอ้ทัพมึงนี่นับวันยิ่งเพ้อนะ ลูบหน้าลูบตาเรียกสติตัวเองหนักๆแล้วกลับไปคุมงานต่อ
   หลังจากที่แปลนพอใจโครงสร้างทั้งหมดก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างผมก็ปล่อยให้ช่างจัดการไปส่วนผมก็กลับไปทำงานที่โรงงาน
   “ไม้ไปกินข้าวกัน”
   “กูก็นั่งอยู่ด้วยป่ะวะ” ทุกวันที่ไอ้ผู้กองมารับไม้ มันอดไม่ได้ที่จะเป็นก้างจะ ถ้าไม่ขัดไอ้ผู้กองเหมือนจะผิดศิลธรรมในตัวเขายังไงไม่รู้
   “ไม่ชวนมึงก็ไปด้วยไม่ใช่เหรอวะ”
   “แหมกับไอ้ไม้นี่เสียงอ่อนเสียงหวานเลยนะมึง กูว่ากูเดาอนาคตมึงได้วะ” หลังๆมายิ่งผมกวนมันยิ่งสนิทกันแปลกๆ
   “ไอ้ทัพมึงก็เลิกหาเรื่องมันเถอะ ว่าแต่มึงจะกลับไปทำงานวันไหน” ไอ้เพื่อนรักที่เห็นคนรักดีกว่า
   “ก็อาทิตย์หน้าก็กลับไปทำงานแล้วล่ะ”
   “งั้นเหรอ”
   “ทำหน้าหมาหงอยเชียวนะมึง” เอาจริงๆไอ้สองคนนี้เป็นเป้าที่ผมแกล้งกวนประสาทคลายเหงา ลืมเล่าให้ฟังหลังจากที่ตองมาง้อวันนั้นผมก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยแต่พี่เจนเล่าให้ฟังว่าตองได้คนดามใจใหม่แล้ว ซึ่งผมก็ดีใจด้วยเพราะยังไงซะตองก็ไม่ได้เป็นคนรักที่เลวร้ายเพียงแต่การตัดสินใจที่ทำลงไปทำให้ผมหมดซึ่งความไว้ใจ
   “ไอ้ทัพมึงเป็นไรวะทำไมกวนพวกกูจัง”
   “เปล๊า ไปกินข้าวใช่ไหมไปดิ”  ผมตัดบทลากคอไอ้ไม้ออกไปจากห้อง ขอทำตัวไร้สาระกวนมันสองคนไปก่อนละกันถ้าจะให้ไปกวนพี่ลมกับวาผมไม่อยากเสี่ยงโดนตีนขนาดนั้น
   “อันนี้อร่อยนะ” มองนัทที่ตักกับข้าวใส่จานให้ไม้ และไอ้เพื่อนตัวดีก็หน้าบานยิ้มแป้นไม่ได้บ่งบอกเล๊ยว่าดีใจแค่ไหนที่ไอ้นัทคอยดูแลนะ
   “อ่ะไม้อันนี้ก็อร่อยนะ” ผมตักข่าไปใส่จานไอ้ไม้ แหม ทำไมไมองกูตาคว่ำอย่างนี้วะ
   “ไอ้ทัพมึงเป็นไร” ไอ้ไม้มันวางช้อนลงแล้วหันมาเซ้าซี้ผมแทน
   “ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงวู้ จะเซ้าซี้กูทำไม” พอบอกอย่างนั้นทั้งไอ้นัทและไอ้ไม้ตางจ้องหน้าผมนิ่งเป็นการบังคับกลายๆว่ามึงจงบอกกูมาซะ
   “ก็กูพยายามทำตัวบ้าๆอยู่เพื่อกำจัดความรู้สึกบ้าๆ” ผมบอกพร้อมกับถอนหายใจยาว ไอ้ไม้จ้องผมนิ่ง
   “เออน่ากูกวนพวกมึงเฉยๆน่า เดี๋ยวกูก็กลับมาเป็นปกติ”
   “แน่ใจมึงเป็นหนักกว่าตอนเลิกกันกับแฟนเก่ามึงอีกนะ”
   “ก็นะ กูก็ยังไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน” ผมเขี่ยข้าวไปมา ไอ้ไม้มันก็ไม่เซ้าซี้ผมอีกปล่อยให้ผมจมกับความคิดแล้วหมดอารมณ์ที่จะกินข้าวเลยแหะ หลังจากที่กินข้าวเที่ยงไปผมก็เริ่มจมกับตัวเองกับสิ่งที่ผมรู้สึก กับความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นหลังจากที่ไม่ได้คุยกับพี่โย นี่ผมเป็นคนที่ตกหลุมรักใครง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ใจง่ายไปแล้วนะทัพ
   “วันนี้กลับไปนอนบ้านไหม”
   “คงไม่วะ”
   “แหมเพื่อนกู ไม่ใช่ยอมมันแล้วหรอกนะ” แม้จะไม่ได้ว่าอะไรแต่มันก็ไปค้างกับไอ้ผู้กองบ่อยๆ
   “ไอ้บ้ากูไม่ได้ง่ายแบบนั้นนะเว้ย”
   “ว่าแต่คู่มึงนี่ตกลงใครกดใคร” ผมเท้าคางถามมันนิ่งๆ และได้ผลไอ้ไม้นี่หน้าแดงก่ำตะโกนด่าผมแล้วเดินหนี หึๆ ดูท่าเพื่อนผมคงจะโดนกดซะแล้วละมั้ง คืนนี้ผมก็ต้องนอนคนเดียวอีกแล้วเหรอเนี้ย
   “อาทัพ อาทัพ น้ำนอนด้วยได้ไหม” หลังกินข้าวเสร็จเจ้าน้ำก็มาอ้อนขอนอนกับผม
   “ทำไมอยากนอนกับอาล่ะครับ”ผมอุ้มน้ำขึ้นมากอด
   “น้ำกลัวอาทัพเหงา” โอ๊ย ผมฟัดแก้มยุ้ยจนน้ำดันหน้าผมออก น่ารักจริงๆเลยหลานคนนี้
   “อาว่าเพราะน้ำกลัวมากกว่า เอาสินอนกับอาก็ได้” ผมฟัดพุงนิ่มอย่างที่ไอ้ไม้เคยบอกไว้ว่าฟัดน้ำแล้วจะรู้สึกหายเหนื่อยซึ่งมันจริง
   “น้ำคุยกับอาโยได้ไหม” อ่าตอนนี้ผมชักไม่อยากให้หลานไปนอนด้วยแล้วสิ
   “อาก็ไม่รู้เหมือนกันครับอาไม่ได้คุยกับอาโยนานแล้ว”
   “น้าๆๆๆอาทัพใจดี๊ ใจดี” น้ำถูหน้ากับอกผมอ้อนๆ
   “อ่าครับได้ครับเดี๋ยวอาจะลองดูครับ วา วันนี้น้ำนอนกับพี่นะ” ผมที่กำลังจะอุ้มน้ำที่กลายร่างเป็นลูกลิงเรียบร้อย
   “อาทัพเร็วๆซี น้ำอยากคุยกับอาโย” พอถึงห้องน้ำก็เร่งให้ผมเปิดคอม
   “ครับๆ” กดดันจริงๆ ผมรีบเปิดคอมออนไลน์สไกป์เห็นไอดีพี่โยออนไลน์อยู่เลยกดคอลไป
   “อาไปอาบน้ำนะคุยกันไปยาวๆเลย”
   ฟอด
   หอมแก้มยุ้ยนั่นแรงๆหนึ่งทีก่อนที่จะกระโจนไปคว้าผ้าขนหนูหนีเข้าห้องน้ำทันทีระหว่างอาบน้ำผมก็ได้ยินเสียงคุยเจื้อยแจ้วดังแว่วเข้ามา พยายามทำทุกอย่างให้ช้าเพื่อนที่จะไม่อยากออกไปคุย แต่สุดท้ายผมก็หนีความจริงไม่ได้แต่งตัวออกมาจากห้องน้ำ น้ำที่กำลังปรือตาท่าทางจะง่วงแล้วสินะ
   “นอนได้แล้วครับคนเก่ง”
   “อือ ฝันดีครับอาทัพ”
   ฟอด
   “ฝันดีครับ” ก้มลงหอมแก้มยุ้ยห่มผ้าให้ตัวเล็กแล้วค่อยลุกเอาผ้าเช็ดตัวไปตากพยายามไม่สนใจคนที่อยู่ในจอ จนเขาเดินกลับมาบนเตียงเตรียมตัวนอน
   “หายไปไหนมาหลายวัน”
   “เหนื่อยนะ” ผมโกหกไปพร้อมกับนอนลงข้างน้ำ พี่โยเลิกคิ้วเข้มขึ้นเหมือนไม่เชื่อคำโกหกผม และผมก็ไม่พูดอะไรต่อพี่โยก็เงียบแม้จะเงียบแต่ความรู้สึกคุ้นเคยก็กลับมา
   “อย่าโกหกพี่เลยดีกว่า บอกพี่มานะทัพ”
   “ผม..ไม่ได้โกหกอะไรซักหน่อย” แม้จะรู้สึกเคืองๆกับน้ำเสียงที่ดูหาเรื่องของพี่โยหน่อยก็เถอะ
   “เอาล่ะมาคุยกันดีๆ นายเป็นอะไรบอกพี่มา” พี่โยเลิกทำงานแล้วหันมาคุยด้วยสีหน้าจริงจัง
   “ไม่ได้เป็นอะไร ทำงานต่อเถอะผมจะนอนแล้ว”
   “ทัพ พี่ดูก็รู้แล้วว่าเราหลบหน้าพี่ มีอะไรรึเปล่า ไม่อยากคุยกับพี่สินะ” ไอ้น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจลงท้ายนั่นคืออะไร
   “ไม่ใช่ซักหน่อย”
   “เอาเถอะพี่เข้าใจแล้ว ฝันดีนะ” แล้วก็พี่โยก็ตัดไป แถมยังออฟไลน์ด้วย เดี๋ยวสิ!! ผมลุกขึ้นนั่งปกติพี่โยจะไม่เป็นคนปิด ก็น่าจะดีแล้วไม่ใช่เหรอทัพ ทั้งๆที่น่าจะคิดแบบนั้นแต่ผมกลับรู้สึกหน่วงๆในหัวใจยิ่งกว่าเดิม
   หลังจากที่คุยกันเมื่อคืนผมก็แทบนอนไม่หลับเลย พี่โยโกรธเหรอ ผมตื่นนอนด้วยอาการเบลอเลยขอกาแฟเข้มๆจากน้องวา
   “ขอบคุณนะ”
   “พี่ทัพเป็นอะไรหรือเปล่าครับ รึว่าน้องน้ำกวนจนพี่ทัพไม่ได้นอน” วาถามเมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของผม
   “อ้อไม่เป็นไรหรอกพี่นอนไม่หลับเอง วาพี่ถามอะไรหน่อยสิ”
   “ได้ครับพี่ทัพอยากรู้อะไรครับ” พอวาทำท่าตั้งใจฟังคำถามผมก็พูดไม่ออก
   “อ่า.....เอ่อพี่โยเป็นพวกโกรธง่ายรึเปล่า” วาทำตาโตเมื่อผมถามถึงพี่โยก่อนที่จะรีบตอบอย่างกระตือรือล้น
   “อย่างที่พี่ทัพคงจะรู้นิสัยพี่โยนะครับ พี่โยชอบแกล้งแต่เป็นคนจริงจังแถมยังเป็นคนที่ชอบปกป้องแบกรับทุกอย่างแต่พี่โยไม่ค่อยโกรธใครหรอกนะครับ พี่ทัพถามทำไมเหรอครับ”
   “ก็เปล่าหรอก”  ผมทำให้พี่โยโกรธจริงๆเหรอเนี้ย
   “แต่ถ้าที่โยโกรธ ง้อง่ายๆเลยครับแค่ขอโทษแล้วอ้อนหน่อยพี่โยก็หายโกรธแล้วล่ะครับ”
   “พี่ไม่ได้อยากรู้ซักหน่อย พี่ไปทำงานดีกว่า” อ้อนเหรอ ใครจะอ้อนกันถือว่าเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไปล่ะกัน ไม่แน่พี่โยอาจจะไม่ได้โกรธอะไรผมก็ได้

   ผมอาจจะหลอกตัวเองไปก็ได้เมื่อคืนนี้ที่ผมเปิดคอมไว้แต่ใครอีกคนก็ไม่ออน หรือพี่โยจะโกรธเขาจริงๆ
   “โกรธจริงๆเหรอ” บ่นเบาๆก่อนที่จะปิดคอมนอน ทั้งๆที่น่าจะดีแล้ว ทั้งๆที่ผมน่าจะดีใจแต่ผมก็ยังรู้สึกผิด วันหนึ่งก็แล้ว สองวันก็แล้วจนขึ้นวันที่สามผมก็ไม่เห็นพี่โยออนไลน์อีกเลยจะถามกับวาผมยิ่งไม่กล้า ทั้งๆที่มันควรดีใจแท้ๆ

   ไม่รู้ว่าไอ้ทัพเป็นเหี้ยอะไร ยอมให้มันกวนตีนยังดีกว่ามันทำงานเป็นบ้าเป็นหลังแล้วเงียบแบบนี้ หลังจากที่มันบอกว่ามันกวนผมเพราะอะไรจู่ๆวันนี้แม่งมาเป็นอีกคนแถมยังดูท่าทางจะหนักกว่าตอนที่มันมาหาผมอีก
   “มึงไหวไหม หยุดก็ได้นะ”
   “กูไม่รู้วะไอ้ไม้ทั้งๆที่กูน่าจะดีใจที่ไม่ต้องติดต่อกันอีกแต่...กูกลับรู้สึกเหมือนชีวิตกูขาดหาย”
   “มึงชอบเขา” ถ้าให้ผมเดาก็คงเป็นพี่โยไม่รู้ว่ามันไปชอบกันตอนไหน
   “ก็น่าจะ”
   “แล้วมึงเอาไงทำไมไม่สานต่อไปล่ะ” หายากที่ไอ้ทัพจะเล่าอะไรให้ฟัง มันเป็นพวกเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวไม่ว่าจะเสียใจแค่ไหนอาจเป็นเพราะมันอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่วัยรุ่นเลยมีนิสัยเสียแบบนี้ ยังดีที่มันเข้มแข็งไม่เหมือนชาวบานมันจะดึงตัวเองกลับมาได้เสมอ
   “กูไม่กล้าวะ อีกอย่ามันใกล้...ใกล้ตัวเกินไป”
   “มึงกลัวสินะ” มันชะงักนิ่งแล้วพยักหน้ารับ กลัวที่จะเริ่มต้นใหม่
   “กูไม่กล้าที่จะรักว่ะ..แต่ช่างกูเถอะอีกหน่อยก็คงจะดีขึ้นไม่ต้องห่วง” ถ้ามันพูดแบบนี้แสดงว่ามันก็พร้อมที่จะตัดใจแล้ว นิสัยมันถ้าคิดจะตัดคือตัด ผมควรจะทำยังไงดี อยากช่วยให้เพื่อนรักสมหวังในความรักซักที
   “ไม่ต้องทำหน้าเครียดเลย กูกลับล่ะ มึงวันนี้ไอ้ผู้กองมารับใช่ไหม”
   “อือ” มันพยักหน้าแล้วเก็บของเดินออกจากห้องไป ผมถอนหายใจทั้งๆที่มันดีขึ้นแล้วแต่กลับดูแย่ลงกว่าตอนนั้นเสียอีกตอนที่ผมเสียใจมันก็คอยอยู่ข้างๆแต่ตอนนี้มันเสียใจผมกลับช่วยอะไรมันไม่ได้ ผมควรทำยังไงดี โขกหัวกับโต๊ะเผือจะคิดออกดีไหมวะ
   “ทำแบบนั้นไม่เจ็บรึไง” ผมสะด้งเมื่อไอ้นัทจู่ๆก็เดินเข้ามา
   “ไม่อ่ะ”
   “เป็นอะไรไป”
   “ไม่มีอะไรวันนี้จะกลับไปกินข้าวกับแม่ก่อนใช่ไหม” ผมเก็บของแล้วเดินไปหาคนที่ยืนรอที่หน้าห้อง หลังจากที่ไปเปิดตัว?? กับเพื่อนๆและผมก็เข้าใจมันแล้วตอนนี้ก็เหมือนผมกับเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่เริ่มก้าวไปพร้อมกัน
   “เดี๋ยวแวะชื้อของเข้าบ้านด้วย” ผมพยักหน้าแต่ยังคิดเรื่องของไอ้ทัพอยู่ “เป็นอะไรไป”
   “หือ อ้อคิดเรื่องไอ้ทัพนิดหน่อยนะ”
   “อ้อ อย่าคิดมากมันเป็นเรื่องที่ไอ้ก้างนั่นจะคิดได้เอง” คำพูดคำจา นัทตั้งฉายาใหม่ให้ไอ้ทัพว่าก้าง ไม่ใช่หมายถึงหุ่นอะไรหรอกแต่เป็นเพราะไอ้ทัพชอบขัดคอเป็นก้าง
   “ก็ไปเรียกมันอย่างนั้นนะ จะซื้ออะไรบ้างวะ” อีกเรื่องที่เปลี่ยนไอ้นัทมันจะไม่ค่อยพูดพวกคำหยาบกับผมจริงๆก็รู้สึกแปลกอยู่ล่ะนะ
   “พวกของกินนั่นล่ะต้องซื้อเพิ่มเพราะใครบางคนมันกินเก่ง”
   “เด๊ะๆ ใครกินเก่งวะ ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก”
   “โอ๋ๆ ไม่ต้องทำหน้าบึ้ง ป่ะลงไปซื้อของกัน เย็นนี้อยากกินไร” มีมันก็ดีไปอย่างครับถึงไม่ได้ไปนอนบ้านแม่แต่ผมก็ไม่อดตายเพราะมันทำกับข้าวอร่อยมากแต่ก็ยังแพ้น้องวาอยู่ดี
   “อยากกินยำรวมมิตรวะ”
   “งั้นไปซื้อของกันก่อนล่ะกัน” มือหนาแตะเข้าที่ต้นแขนผมเบาๆเชิงบังคับให้เดินไปด้วยกัน ทีแรกผมทำท่าว่าจะสะบัดออกก็มันเป็นถึงผู้กองจะให้มาเดินใกล้เขาผมกลัวว่าหลายคนจะมองมันไม่ดีมากกว่าแต่มันก็เปลี่ยนมากุมมือผมแทน ให้ตายเหอะกูไม่ด้านเท่ามึงนะ ได้แต่ยอมให้มันจูงเข้าร้านโน้นออกร้านนี้จนข้าวของเต็มมือเลยพากันกลับ
   ตอนเย็นนัทกับแม่ก็ลงครัวทำกับข้าวมากมายจนผมอิ่มตื้อไปหมด เมื่อมันชวนออกไปเดินย่อยอาหารผมเลยไม่ปฏิเสธ เดินออกมาเงียบๆที่สวนหน้าบ้านบนยากาศตอนมืดเงียบสงบเหมือนบ้านที่อยู่ไกลตัวเมือง
   “อิ่มวะ”
   “ก็เล่นกินไปขนาดนั้นไม่อิ่มก็แปลก”
   “ก็แม่ทำกับข้าวอร่อย” ผมเล่นกินข้าววันละสองจานแบบนี้รับรองน้ำหนักขึ้นแน่ๆ ทั้งผมและนัทต่างนั่งเงียบๆ
   “กลับไปทำงานแล้วคงไม่ค่อยได้กินข้าวเที่ยงด้วยกันเท่าไหร่นะ” จู่ๆมันก็พูดทำลายความเงียบ
   “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้นะนัท ทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีก็ส่วนเรื่องของเรากูว่าค่อยๆเป็นค่อยๆไปแบบนี้เรื่อยๆก็ดีนะ ไม่ต้องทำอะไรให้กูมากก็ได้แค่มึงยังอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว” พูดเองก็ชักจะเขินเองแหะ
   “ไม้....มึงโคตรน่ารักเลยวะ” ไม่พูดเปล่ามันโถมตัวมากอดจนผมตั้งหลักไม่ทันได้แต่อยู่นิ่งๆให้มันกอด
   “แน่นไปแล้วนะ” ผมเตือนเมื่อมันยังกอดผมแน่นไม่ยอมปล่อย จะมานั่งกอดกันหน้าบ้านแบบนี้มันคงไม่ดีเท่าไหร่ แต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อยแถมยังมือปลาหมึกล้วงเข้ามาในเสื้อผมอีก
   ป๊าบ
   “โอ๊ย เจ็บนะไม้”
   “เลื้อยแล้วนะมือมึงอ่ะ” มองไอ้คนสำออยที่ดิ้นกุมหน้าผากที่ผมฟาดไปเบาๆเอง
   “โถแค่นิดหน่อยเอง ทำเยอะกว่านี้ค่อยมาว่ากูเลื้อยดีกว่าน่า” ดู!! ดูมันพูดแล้วไอ้สายตาแพรวพราวนั่นอีก  ผมชักไม่ไว้ใจที่จะนอนกับมันแล้วสิ ครั้งหน้าผมไม่ควรที่จะมานอนค้างบ้านมัน
****************************************************************
ิขอบอกเลยว่าตอนนี้โผล่มาครบทุกคน 555
พี่ลมจ้องแต่หาวิธิกินวาให้อร่อย  :hao6:
ส่วนโยกับพี่ทัพ ฮ่าๆๆขอเอาให้หน่วงต่อไปหน่อย
ไอ้พี่นัทนี่ก็เริ่มออกลายแล้ว
ส่วนน้องน้ำยังเป็นขวัญใจคนเขียนเช่นเดิม 555
สปอยตอนหน้า
คนจะง้อ จะง้อได้น่ารักหรือน่าถีบ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์นะคะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้าเพื่อเป็นการพัฒนา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ปล. จบแล้วจะมีตอนพิเศษประมาณสองตอนนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่27 22/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 22-10-2017 16:54:21
พี่ลมก็ยังเป็นคนในฝันของผู้อ่านคนนี้เสมอนะ. อยากเป็นวา อยากเจอผู้ชายแบบคุณลมที่ทั่งอบอุ่นและปกป้องย่อมรับทุกอย่าง. หลงรักพี่จริงๆๆนะนี้
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่27 22/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 22-10-2017 19:19:26
เป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่27 22/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-10-2017 19:30:19
ขำละอองแซวเจ้านาย แล้วโดนตอกกลับ
เอว่าแต่.. ทั้งไร่สายลมนี้จะมีคู่ชายชายกันหมดเลยใช่ไหมคนเขียน
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่27 22/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 22-10-2017 21:04:22
ขำละอองแซวเจ้านาย แล้วโดนตอกกลับ
เอว่าแต่.. ทั้งไร่สายลมนี้จะมีคู่ชายชายกันหมดเลยใช่ไหมคนเขียน
 :z2: :z2:
55555เอาจริงๆคนเขียนก็เกิดอยากให้ละอองมีคู่เลยจับคู่ให้ซะ เอาจริงๆเรื่องนี้เขียนสนองนีทตัวเองล้วนๆไม่มีอะไรผสมเลยค่ะ555
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่27 22/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-10-2017 21:23:45
พี่ลม หื่นมากกกกกก
พี่ลม วา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ทัพ รีบง้อพี่โยเร็วๆได้แล้ว
ง้อแล้วจะได้มีความสุขทั้งคู่

ทัพ ไม้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เริ่มๆกันใหม่ ไหงทัพเลื้อยใส่ไม้และ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่27 22/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 22-10-2017 22:25:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่27 22/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 22-10-2017 22:33:32
น้องน้ำหล่ิอมากกก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่27 22/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-10-2017 13:23:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่27 22/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-10-2017 07:39:15
ตามทันแล้วววว
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่28 29/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 29-10-2017 18:58:11
ให้ตายเถอะ  พี่โยจะโกรธนานไปแล้วนะ ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งยังไม่ออนไลน์เลย จากที่เคยดีใจแต่ตอนนี้ผมชักที่จะเสียใจแล้วสิ ไม่ได้อยากให้เลิกเจอกันแบบนี้ซักหน่อย โอ๊ยอยากจะบ้าตาย บ้าเพราะความรู้สึกขึ้นๆลงๆของตัวเอง ทั้งๆที่อยากคุยต่อแต่อีกใจผมก็อยากหยุดความรู้สึกตัวเอง ตอนนี้ผมแทบรู้สึกเป็นบ้ากับความรู้สึกที่ตีกันอยู่ข้างใน
   “พี่ทัพเป็นอะไรไปครับ”
   “วา เจ้าลูกน้ำล่ะ” วันนี้เป็นวันหยุดผมเลยได้นอนกลิ้งเครียดๆที่โซฟาตั้งแต่เช้า วันหยุดก็ขอขี้เกียจหน่อยนะ
   “น้ำไปกับพี่ลม วันนี้จะไปเล่นท้ายไร่กันพี่ทัพไปด้วยกันนะครับ แวะไปไร่ส้มด้วย” 
   “ไปสิ อยากฟัดเจ้าลูกน้ำจัง”
   “พี่ทัพดูเครียดๆนะครับ”
   “วา พี่ชายวาทำไมขี้งอนแบบนี้” ผมลุกขึ้นนั่งคว้าหมอนอิงมากอดแน่นก่อนที่จะระบายความอัดอั้นที่ติดต่อใครอีกคนไม่ได้ให้ฟัง
   “พี่พยายามที่จะขอโทษแต่ว่าตั้งแต่ทะเลาะกันแต่พี่ชายวากลับไม่ยอมออน นี่พี่รู้สึกผิดจริงๆนะ” พอพูดจบวาก็ขำคิกคักแล้วคว้าเอาโทรศัพท์ออกมาโบกไปมาหน้าผม
   “พี่ทัพลืมไปรึเปล่าว่าผมเป็นน้องชายพี่โย ก็ต้องมีเบอร์พี่โยอยู่แล้วนะครับ พี่ทัพจะคุยกับพี่โยไหมล่ะครับ” เออ ทำไมกูโง่ในโง่แบบนี้วะ แต่จะให้โทรไปก่อนผมก็ยังไม่กล้าอยู่ดี
   “น้องวาคนดี คุยให้พี่หน่อยสิ” ผมยกมือมากุมกันไว้แล้วอ้อนให้วาโทรให้ วาส่ายหน้าแต่ก็ยอมกดโทรศัพท์โทรไปหาพี่ชาย
   “สวัสดีครับพี่โย”
   “(ว่าไงเจ้าแสบมีอะไรถึงโทรหาพี่)” เสียงที่ลอดลำโพงออกมา ทำให้ผมรู้สึกคิดถึงวาทำท่าจะให้ผมคุยต่อแต่ผมโบกมือห้ามแล้วซบหน้าลงกับหมอนอิงไม่กล้าคุยจริงๆ
   “อ้อพี่ลมว่าจะพาผมกลับไปเยี่ยมบ้านตอนที่ลูกปิดเทอมก็ประมาณเดือนหน้า” อันนี้ผมก็พึ่งรู้ว่าจะไปกันเดือนหน้า น่าจะเหลือเวลาสองถึงสามอาทิตย์ 
   “(หึๆ จะมาสู่ขอรึไง)”
   “พี่โย!!” ผมหลุดขำเมื่อวาโวยวายหน้าแดงเอาจริงๆ ผมก็ว่าพี่ลมคงจะยกสินสอดไป
   “(อยู่กับใครเหรอ)” เชี่ยแล้วไง ผมแค่หลุดครั้งเดียวเองผมรีบโบกมือห้ามไม่ให้วาบอก
   “อ่าพี่ทัพครับ” วา ผมทำหน้าจนใจเมื่อวาบอกพี่โยไป
   “(งั้นพี่กลับไปทำงานก่อนนะ)” อะไรกันจะไม่คุยกับผมเหรอ ชักจะโมโหแล้วนะจะงอนอะไรหนักหนาวะ ผมยืนมือไปคว้าโทรศัพท์มาก่อนที่จะตะโกนกรอกให้กระแทกหูคนอีกปลายฝั่งให้หูหนวกไปเลย
   “จะงอนอะไรกันหนักหนาวะ คิดว่าผมไม่มีความรู้สึกหรือไงกัน คิดว่าผมอยากจะคิดมากแบบนี้รึไง อยากจะงอนต่อก็งอนไปเลยนะ ผมจะได้เลิกคิดมากแบบนี้ถ้าพี่ไม่อยากคุยกันอีกผมจะได้ตัดความรู้สึกบ้าๆนี่โยนทิ้งซะที แฮ่กๆ” ผมถึงกับหอบเมื่อพูดยาวๆรวดเดียวจนหายใจไม่ทัน อาทิตย์เดียวนั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไบโพล่า
   “พี่จะเข้าไร่ ไม่คุยก็ไม่ต้องคุย” โยนโทรศัพท์ไปที่โซฟาไม่สนใจเรื่องมารยาทอะไรแล้ว ลุกเดินกระแทกเท้าออกจากบ้านหนีเข้าไร่ รู้ดีว่าอีกคนหนีหน้าแต่พอมาเจอโดนกระทำต่อหน้าผมก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ โยนทิ้งให้มันหมดเลยดีไหม เดินหน้าบึ้งเข้าไร่เดินผ่านไอ้ไม้และคนงานพิเศษ ไปที่ไร่ผักโดยการกระโดดเกาะท้ายไอ้ละออง
   “มาลุงผมช่วย” ไปแย่งงานลุงที่กำลังถางหญ้าแปลงผัก แม่งกวนประสาทปล่อยให้ผมคิดมากแถมยังมาทำตัวเป็นเด็กๆอีก ย๊ากกกจะพ่นไฟไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เกิดมา
   “คุณทัพครับ เบาๆดินมันหลุดตามไปหมดแล้วครับ” สงสัยว่าจะใส่อารมณ์มากไปจากการถางหญ้ากลายเป็นการขุดทั้งดินทั้งหญ้าออกจากแปลง
   “ขอโทษครับลุง” รีบแก้ขุดถมที่เดิมแล้วช่วยงานถางหญ้าไปหลายแปลงเหงื่อชุ่มเต็มหลังความรู้สึกหงุดหงิดที่มีเริ่มจางหายเหลือเพียงความรู้สึกเฟลๆที่เกาะติดภายในใจตั้งหน้าตั้งตาทำจนกระทั่งวาเดินตามมาเรียกไปท้ายไร่ผมรีบวางอุปกรณ์วิ่งไปล้างมือแล้ววิ่งไปกระโดดขึ้นท้ายรถที่มีไอ้ไม้และคนงานกิตติมาศักดิ์ นั่งอยู่ข้างๆคอยเช็ดเหงื่อให้ เหม็นความรักเว้ย
   “ดูมึงทำหน้าตาเข้าได้ข่าวว่าทะเลาะกับพี่โยเหรอวะ” ไอ้ไม้ถามผมพยักหน้าให้ พอมานั่งนึกดีๆเขาก็ไม่น่าไปอารมณ์ขึ้นใส่พี่โยเลยทั้งๆที่มันเป็นเพราะตัวเขาเอง เขาไม่มีสิทธิที่จะไปอารมณ์เสียและโทษพี่โยอย่างนั้นเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน
   พอเคลียความรู้สึกตัวเองแล้ว ผมชอบพี่โย ชอบที่จะอยู่ด้วยชอบความกวนประสาทที่ทำให้เขาสบายใจความรู้สึกผมถล่ำลึกเกินไปเพราะความใจดีของอีกฝ่าย
   “เลิกทำหมาหงอยซักที ไปเล่นน้ำคลายเครียดกัน” มันขยับมากอดคอผมจนไอ้คนหวงกระแอมปรามผมเลยกอดคอไอ้ไม้ใส่ซะเลย แกล้งจนมันมาดึงไม้กลับไปนั่งข้างพอดีกับที่เรามาถึงน้ำตกท้ายไร่
   “เย้ๆๆน้ำจะเล่นน้ำ” ทันทีที่วิ่งลงจากรถแล้ววิ่งไปที่ลานหิน จนพี่ลมต้องร้องห้าม ผมไปช่วยวาขนของ
   “พี่ทัพเรื่องพี่โย” วาพูดขึ้นเมื่อผมอยู่ด้วยกัน
   “เรื่องนั้นพี่ฝากวาขอโทษพี่โยด้วยนะที่ตะคอกใส่อย่างเสียมารยาท อ่าจะว่าไงดี พี่อารมณ์ร้อนเองพี่ขอโทษวาด้วยนะไม่ต้องห่วงแล้วพี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก” ผมบอกวาพอได้ตะคอกใส่ได้ออกแรงได้จัดการความรู้สึกตัวเองที่หงุดหงิดสะสมมาตลอดสัปดาห์ทำให้เข้าใจความรู้สึกตัวเอง แล้วเรื่องก็คือเขาเป็นฝ่ายผิดแถมยังไปโมโหพี่โยไปอีก
   “เดี๋ยวสิพี่ทัพไม่ชะ.”
   “ฮ่าๆพี่ผิดเองล่ะวา ยังไงพี่ก็เป็นฝ่ายผิดอืม...จะว่าไงดี พี่ฝากวาขอโทษพี่โยด้วยกันนะ” ผมยกมือขึ้นโยกหัวทุยที่เหมือนจะพยายามพูดอธิบายแต่ผมยังไม่อยากฟัง
   “พี่ทัพฟังวาก่อนสิ”
   “พี่ยังไม่อยากฟังตอนนี้นะวา ไปกันเถอะพี่ลมชะเง้อคอมองจนคอจะยาวเป็นยีราฟแล้ว” ผมบอกปัดชวนวาไปรวมกลุ่มเขายังไม่อยากฟังตอนนี้จริงๆ กระโดดไปร่วมวงไอ้ไม้ที่ตอนนี้เล่นน้ำกับไอ้ไม้และเจ้าลูกน้ำ ขอความสนุกก่อนแล้วกัน
   อีกฟากฝั่งทวีปคนที่โดนตะคอกใส่อย่างงงๆทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยเอาจริงๆเขาก็แค่แกล้งเล่นแม้ว่าอยากจะคอลไปคุยด้วยแค่ไหนก็ตาม ทัพเริ่มที่จะเลิกออนแถมบางทียังเอาหลานมาบังหน้าหนีเข้าห้องน้ำออกมาก็บอกว่าง่วงยังไม่ทันได้คุยกันด้วยซ้ำ ผมก็เลยจัดให้ซะเลยไม่ออนคุยกลับ แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะโดนตะคอกใส่แบบจัดเต็มแถมไอ้คำลงท้ายนั่นยังชวนให้ผมคิดหนักซะอีก พอที่จะคุยวาก็บอกว่าทัพเดินหัวเสียออกจากบ้านไปแล้ว
   เฮ้อ
   “ถอนหายใจอะไรกันคะลูก”
   “เปล่าครับ อ้อมัม น้องบอกเดือนหน้าจะพาครอบครัวกลับมาหานะ”
   “อุ๊ยจริงเหรอคะ มากันกี่คนล่ะคะมัมจะได้เตรียมห้องไว้ให้” ไพล่คิดถึงคนที่พึ่งโมโหเขาเมื่อสักครู่ไม่รู้ว่าจะมาด้วยหรือเปล่าถ้าวาบอกไปคงจะยอมมา
   “ก็มาประมาณห้า –หกคนล่ะครับมัม” มัมดูดีอกดีใจรีบไปบอกเมดแถมยังจะเดินไปบอกแด๊ดอีก มัมโทรคุยกับน้องบ่อยหลังจากที่ผมกลับมาและปัญหาที่บ้านมันจบไปแล้ว หวังว่าวาจะช่วยพูดให้ทัพเข้าใจ อยากจะแกล้งต่ออยู่หรอกนะแต่ผมเองก็ทนไม่ไหวที่ไม่ได้คุยกันเหมือนกัน
   หนึ่งวัน
   สองวัน
   หนึ่งอาทิตย์
   “Shit นี่มันอาทิตย์กว่าๆแล้วนะ” ผมบ่นอย่างหัวเสียเมื่อยังไม่มีวี่แววของใครที่ผมเฝ้ารอมาออนไลน์แต่เงียบหายไปแบบนี้หมายความว่าไงวะ แถมโทรไปถามไอ้แสบแล้วก็บอกว่าพี่ทัพสบายดีแต่ไม่ยอมคุยกับวาส่วนตัวแถมยังไม่ได้อธิบายไปอีก
   “(พี่โย วาจะพูดเตือนอะไรหน่อยนะ พี่นะชอบแกล้งคนที่อยากสนิทด้วยแต่กับพี่ทัพ....สายตาพี่ทัพไม่เหมือนเดิมแล้วนะครับ)”
   ผมยังจำได้ดีกับการโทรไปถามครั้งสุดท้ายแล้วเจ้าแสบมันวา เบอร์โทรสิบหลักที่อยู่ในมือมาได้สามสี่วันแล้วแต่ผมก็ยังไม่กล้าโทรไป ผมเพียงแค่สนใจทัพคนที่เหมือนจะเล่นๆแต่การใช้ชีวิตกลับตรงข้ามกับผม ตลอดเวลาที่อยู่ไทยทัพเป็นคนน่าสนใจ น่าสนใจมากจนผมหยุดตัวเองไม่ให้ทำความรู้จักไม่ได้ ผมควรโทรไปสินะ
   ช่วงเวลารอสายเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน เสียงรอสายดังขึ้นและตัดไป ผมกดโทรอีกรอบรอจนกระทั้งตัดสายไป ไม่ยอมรับสายกันเลยรึไง
   “หึไม่ได้มีทางเดียวซักหน่อย” ผมมองนาฬิกาตอนนี้น่าจะยังอยู่ที่โรงงาน กดเบอร์โทรอีกเบอร์ที่เขาขอไว้อย่างรวดเร็วและโทรออก ยังไงคนนี้มันก็ต้องช่วยเขาอยู่แล้ว
   “(สวัสดีครับ)”
   “ไม้พี่ขอสายทัพที” ผมกรอกความต้องการของผมไปทันที  ได้ยินเสียงทัพแว่วเข้ามาว่าไม่คุยเพราะไม่รู้เป็นใครแต่ไม้มันก็บังคับจนเห็นผล
   “(ครับ)”
   “อย่าคิดแม้แต่จะกดวางนะทัพ” ผมรีบบอกออกไปจะให้ไปสวัสดีมีหวังทัพได้วางทันทีที่ผมพูดจบ ผมรู้ดีว่าทัพจำเสียงผมได้
   “(พี่โย)”
   “ใช่พี่เอง โวยวายใส่พี่แล้วหายไปนี่หมายความครับ บอกพี่มาซิ หือ” น้ำเสียงติดจะขุ่นเคืองผิดกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่ถ้าปลายสายมาเห็นคนจะโดนต่อยแน่ๆ
   “(เฮ้อ ขอโทษด้วยแล้วกันนะครับ)” เขารู้สึกได้ถึงความอึกอัดและหนักใจของทัพแต่เขาไม่เข้าใจในเมื่อเราก็เหมือนจะเข้ากันดีแต่ทำไมทัพต้องเว้นระยะห่างไกลริบขนาดนั้น
   “ทัพบอกพี่มาตรงๆ ทัพไม่อยากคุยกับพี่ใช่รึเปล่าแล้วที่ทัพหนีหน้าพี่ก็เหมือนกัน” ผมจี้จุดลงไป ทัพเงียบไปส่วนผมก็รอคนปากหนักตอบกลับมา
   “(ใช่ผมหนีหน้าพี่)” พอได้ยินมันก็เจ็บเบาๆแหะ
   “ทำไมต้องหลบหน้าพี่ด้วย เราก็เข้ากันดีไม่ใช่เหรอหรือทัพไม่ชอบอะไรพี่หรือเปล่า”  ผมไม่รู้เลยว่าน้ำเสียงที่พูดออกไปมันเจือความน้อยใจที่อีกคนไม่คิดเหมือนกันกับเขา ผมได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆก่อนที่จะเงียบกันไปทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างจมกับความคิดตัวเอง
   “(ผมไม่อยากถลำลึกกว่านี้ มันเร็วจนผมกลัวทั้งๆที่พึ่งเจอกันไม่นานมันเร็วจนผมกลัว)” ทั้งๆที่ทัพพูดเรื่องจริงจังแต่ทำไมผมกลับกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ที่ทัพพูดมานั่นหมายถึงทัพคิดเหมือนกันใช่ไหม
   “นายจะกลัวอะไรกัน ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรเป็น” ผมบอกเพราผมก็ทำตามที่ใจผมต้องการ
   “(มันไม่เหมือนกันนะพี่กับความรู้สึกที่นานกว่านี้ผมยังต้องเสียใจเลยแล้วถ้าผมคิดไปไกลกว่านี้...)”
   “อย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาตัดสินพี่นะทัพ พี่อาจให้สัญญาไม่ได้แต่ถ้าเราใจตรงกันทำไมต้องเอาเรื่องคนอื่นมาตัดสินเรื่องของเรา” ผมเน้นย้ำคำว่าเราเพราะผมพร้อมที่จะเดินหน้าเอาจริงๆทัพเป็นคนอยู่ด้วยแล้วสนุกมากทีเดียวเลยล่ะและผมยังอยากวนเวียนกวนทัพ คุยกันทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องไร้สาระจนเรื่องงานที่ทำ บางเรื่องที่ทัพจะช่วยงานผมไม่ได้แต่ทัพก็คอยฟังผมระบาย
   “(ด......เดี๋ยวนะที่ว่าใจตรงกัน..ผมกับพี่..)” เสียงติดอ่างทำให้ผมเดาออกเลยว่าทัพทำสีหน้ายังไง
   “ใช่ก็เราใจตรงกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
   “(พี่อย่ามามั่วเราไปใจตรงกันตอนไหน)”ทัพอาจจะไม่รู้ตัวแต่ทัพก็พูดว่า เรา ออกมา
   “ก็น่าๆข้ามรายละเอียดปลีกย่อยไป กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วน่า”
   “(เหมือนเดิมแบบไหนกันล่ะ)” เหมือนผมจะโดนกวนกลับแหะ
   “ก็ตอนที่น้องทัพทำตัวน่ารักๆไงครับ”
   “(ไอ้พี่โย!!!  ไปทำตัวน่ารักตอนไหนวะ)” เหมือนหลังๆจะเป็นการพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า นี่ไงที่ผมบอกว่าน่ารัก เวลาทัพโวยวายน่ารักจะตายไป ผมยังคงคุยเล่นอีกสองสามนาทีก่อนที่งานจะเรียกตัวให้ผมกลับไปทำ แต่ทัพก็ยอมรับปากว่าจะรับคอลผมตอนค่ำ แถมยังแหวผมอีกตอนที่ผมแหย่เล่นอีก
   “โยลูกเป็นอะไรทำไมยิ้มอย่างกับคนบ้าแหนะ” ผมได้แต่ยกมาลูบหน้าลูบตาเมื่อโดนแด๊ดถามนี่ผมยิ้มอยู่เหรอ
   “ก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นนิดหน่อยครับแด๊ด”
   “หืมเรื่องอะไรพอจะบอกได้ไหม” แต๊ดนั่งลงตรงข้ามผม แม้หน้าตาจะบ่งบอกเหมือนดุแต่จริงๆแล้วกลับเป็นผู้ชายอบอุ่นไม่อยากบอกว่าผมก็ได้พอมาเยอะ
   “อ่า ผมมีคนที่คิดจะจริงจังด้วย” คิ้วเข้มยกขึ้นเมื่อผมบอกความจริงไป
   “หืม คนไหนกันล่ะ”
   “โถแด๊ดพูดอย่างกับผมมีเยอะนัก อ่าเป็นคนไทย ที่สำคัญเป็นผู้ชาย”
   “แกไปล่อลวงอะไรเขามาล่ะ” ดูสิครับ ดูที่แด๊ดพูดเข้าสิผมออกจะเป็นคนดี ล่อลงล่อลวงที่ไหน
   “พูดบ้าๆน่าแด๊ด”
   “เอาเถอะถ้าไงก็พามาให้รู้จักหน่อยว่าทำไมถึงได้โชคร้ายมาเจอแกได้” พูดจบก็เดินหนีอะไรกัน โชคร้ายที่ไหนแด๊ดมั่วจริงๆ นั่งทำงานทั้งๆที่ใจก็อยากให้เวลาผ่านไปเร็วจะได้ถึงเวลาคอลซะที เมื่อถึงเวลาผมก็คิดที่จะแหย่ทัพหลังจากที่ไม่ได้คุยมานาน หลังจากอาบน้ำเสร็จผมไม่ไปแต่งตัวเพียงแต่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีเข้มนั่งอ่านเอกสารบนเตียงกับโน๊ตบุ๊คที่เปิดไว้พอเห็นไอดีขึ้นผมก็กดคอลไปเหมือนว่าทัพรอตลอดกดรับทันที
   “แต่งตัวบ้าอะไรของพี่” ยังไม่ทันที่จะทักทาย ทัพก็ตะโกนลั่นผมแอบขำเพราะถึงทัพจะตะโกนว่าแต่แก้มกับมีรอยแดงก่ำ ทัพเป็นคนผิวขาวดังนั้นพอเจ้าตัวอายหรือโมโหมันแสดงออกชัดทางสีหน้า
   “ก็พึ่งอาบน้ำเสร็จ” เอาจริงๆอาบน้ำเสร็จนานแล้วล่ะนะ
   “พี่ต้องแกล้งผมแน่ๆ ไปแต่งตัวใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะ” ทัพไม่ยอมสบตาเมื่อผมขยับชุดคลุมที่มัดไว้หลวมๆก็คลายออกเหลือหมิ่นเหม่ตรงหว่างขายิ่งทำให้ทัพร้องโวยวายแถมยังยกหมอนมาปิดหน้าอีก  นี่ไงทัพนะน่ารักจริงๆนะ
   “จะโวยวายทำไมกันของพี่ก็มีเหมือนๆกันกับของทัพไม่ใช่เหรอ” ยิ่งพูดทัพยิ่งปิดหน้า
   “ถึงจะเหมือนกันแต่พี่จะมาโชว์แบบนี้เป็นโรคจิตรึไง” ยังบ่นอุบอิบแต่ผมก็ไม่ยอมลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรอกนะ ได้แกล้งคนอยู่แบบนี้สนุกกว่าเยอะถึงจะเปลืองเนื้อเปลืองตัวหน่อยก็เถอะ
   “วันนี้งานเยอะไหม”
   “ก็เอาเรื่องช่วงนี้ต้องไปช่วยงานในไร่ด้วยเพราะปีนี้ผลไม้ออกเยอะขึ้นคนงานก็หาไม่ทันเลยต้องไปช่วยก่อน”
   “มิน่าถึงได้ดำขึ้น”
   “เฮ้ยจริงดิ” ผมแค่พูดเล่นๆไปจริงไม่ได้คลำอะไรหรอกแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะจริงจังถึงขึ้นลุกขึ้นดูสีผิวตัวเอง
   “ไม่จริงหรอกพี่พูดเล่น”
   “ไอ้พี่โย”
   “หลุดเรียกพี่ว่าไอ้มาหลายรอบแล้วนะหือ อย่าให้อยู่ใกล้นะพี่จะจัดการให้เข็ด” ทัพอ้าปากค้างหน้าแดงก่ำ
   “ไอ้โรคจิต!!” จู่ๆก็ร้องตะโกนแล้วออฟไลน์ปิดหนีผมไปเลย เดี๋ยวสิผมทำไรผิดวะ พอก้มมองตัวเองก็รู้ว่าทำอะไรผิดก็เมื่อกี้นี้ผมขยับตัวทำให้สาบเสื้อมันขยับด้วย อ่า ผมไม่ไดอยากโชว์ลูกชายตัวเองซักหน่อยนะไม่ได้โรคจิตนะทัพ
   

   ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้คนชอบแกล้ง ได้แต่บ่นพร้อมกับหน้าตาแดงก่ำเพราะภาพที่เห็นมันทำให้ผมรู้สึกอายอยู่เนี้ย อุตส่าห์ปรับความเข้าใจกันแล้วแต่ไอ้พี่โยแม่งก็ยังแกล้งเขาอีกรู้อยู่แล้วไอ้ที่ใส่เสื้อคลุมนั่นเขาก็รู้ดีว่าใส่มาแกล้งเขาแต่ใครจะรู้เล่าว่าจะไม่ใส่อะไรข้างในเลย หืย ถ้าคืนนี้เขาฝันร้ายนะต้องโทษไอ้พี่โยคนเดียวเลย ได้แต่พยายามปลอบใจตัวเองแล้วหลับหนี
   ตื่นมาพร้อมกับง่วงเลยรีบอาบน้ำลงไปขอกาแฟจากน้องวา วันนี้เห็นทีเขาจะได้เข้าไร่ไปช่วยพี่ลม ส่วนไอ้ไม้ก็ไปโรงงานตอนนี้ไอ้ผู้กองกลับไปทำงานแล้วแต่ก็ยังโดดมารับไอ้ไม้ไปกินข้าวเที่ยงตลอดแถมยังลักพาตัวเพื่อนเขาไปนอนด้วยบ่อยๆ บ้านหลังที่สร้างช่างบอกน่าจะเสร็จก่อนที่พวกผมจะไปเที่ยวบ้านวา ทีแรกเขาก็ปฏิเสธแต่พี่ลมก็จองตั๋วให้เรียบร้อย
   “นี่กาแฟครับพี่ทัพ”
   “ขอบคุณนะวา”
   “ทำไมดูง่วงๆล่ะครับ นอนไม่หลับเหรอ” พอคิดถึงสาเหตุที่เขานอนไม่หลับก็ทำหน้าเซ็ง
   “พี่ชายวานี่โรคจิตชัดๆ” ผมบ่นให้วาฟังแต่พอวาถามว่าพี่โยทำอะไรให้ผมก็ตอบไม่ได้ใครจะกล้าตอบกันล่ะว่าพี่ชายวาทำอะไร
   “ช่างเถอะ”
   “คืนดีกับพี่โยแล้วสินะครับ” วาพูดแซว ผมทำได้แต่ยิ้มตอบก็ถือว่าคืนดีแล้วล่ะแต่ผมก็จะโกรธใหม่เพราะไอ้เรื่องเมื่อคืนนี่ล่ะเล่นเอาเขาไม่อยากมองหน้าพี่โยเลยด้วยซ้ำ 
   “วันนี้พี่ช่วยงานที่ไร่นะ เจ้าลูกน้ำวันนี้ใครจะไปรับให้พี่ไปรับให้ไหม”
   “ผมกับพี่ลมจะไปรับครับพอดี...มีนัดพาน้ำไปกินไอศกรีมนะครับ”
   “อ้องั้นงานที่ไร่พี่จะดูแลให้ละกันไปเดทกันตามภาษาครอบครัวกันเถอะ”
   “พี่ทัพ อย่าแซววานะ” หึๆผมได้แต่ขำกับคำห้ามที่น่ารักของวา
   ช่วยวาทำกับข้าวเสร็จผมก็รีบกินแล้วรอรถคนงานที่จะไปไร่สตรอเบอร์รี่กับสวนผักขึ้นไปพร้อมกับคนงานที่ไร่นี้อย่างทุกคนเหมือนครอบครัวที่ไม่ถือตัวไม่ถือยศช่วยกันทำทุกอย่าง บ้านพักคนงานก็อยู่กันเป็นครอบครัว
   “เก็บล็อตนี้เสร็จส่วนที่ส่งตลาดก็รีบไปส่งเลยนะครับ เพราะเขาจองมาหลายวันแล้ว พวกเกรดต่ำหน่อยก็เอาไปส่งโรงงานเลยนะครับ” ผมบอกกับคนที่คุมส่วนไร่สตรอเบอร์รี่แล้วค่อยไปลงมือช่วยเก็บแม้จะไม่เร็วแต่ก็ถือว่าได้ช่วย
   “คุณทัพๆ พักก่อนครับมากินข้าวกัน”
   “ครับ เดี๋ยวก่อนนะครับ” ผมถอนหญ้าต้นสุดท้ายในแปลงถอดถุงมือทิ้งก่อนที่จะไปล้างมือกินข้าวกับพวกคนงานนี่ล่ะไม่ได้กลับไปบ้านหรอกครับมันไกลไปกินง่ายๆแล้วก็ทำงานจนค่ำก็ขึ้นรถกลับ พอถึงบ้านได้ยินเสียงโวยวายของไอ้ไม้กับไอ้นัทผมรีบสาวท้าวเข้าบ้าน
   “นั่นเล่นอะไรกันวะ” ผมถามขึ้นเพราะตอนที่ผมเข้าบ้านมาก็เห็นไอ้ไม้กระโดดข้ามโซฟาหนีไอ้ไม้ที่นั่งกุมท้องอยู่ที่โซฟาอีกตัว
   “ไอ้ทัพช่วยกูด้วย” มันวิ่งมาหลบหลังผม อ่า รอยแดงที่คอผมก็พอจะเดาๆได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
   “ไอ้ผู้กองมึงนี่มือไวใจเร็วไปไหมเพื่อนกูพึ่งตกลงกับมึงได้นะ เพื่อนกูเสียหายหมดแล้ว” ผมชี้หน้ามันก่อนที่จะติดกระดุมให้ไอ้ไม้ดีๆ
   “ด่ากูได้แต่อย่าอยู่ใกล้กันนักสิวะ” มันรีบเดินมาแยกผมออกจากกันแล้วลากไอ้ไม้ไปนั่งบนตักพร้อมกับกอดไว้แน่น
   “หวงทำไมหนักหนาวะ ดูปากกู กูเพื่อนมันเว้ย” หวงอะไรไม่เข้าเรื่อง
   “ก็มึงแม่งหน้าตาก็ดีแถมยังรู้เรื่องที่บางทีกูก็ไม่รู้อีก” ดูมันทำ
   “เอ๋ จะว่าไปตอนไปออกค่ายกูกับมันก็นอนด้วยกัน อาบน้ำด้วยกะ..”
   “หยุดพูดเลยนะมึง ลืมทั้งหมดไปด้วย” มันชี้หน้าโวยวายบอกให้ผมลืมทุกอย่าง ฮ่าๆ แม่งหึงได้งี่เง่ามากดูจากสายตาของไอ้ไม้ที่กรอกตาไปมาแต่ก็ยังยอมนั่งนิ่งๆให้ไอ้ไม้กอด
   “ผู้กองหิววะทำกับข้าวให้หน่อยดิ” เพราะว่าทั้งผมกับไอ้ไม้สกิลทำกับข้าวนี่ติดลบ ทำกินได้ก็แค่มาม่าก็หรูแล้ว
   “เออ ไม้ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ” เสียงอ่อนเสียงหวานจนน่าหมั่นใส่ ผมก็เหนียวตัวเลยไปหยิบเสื้อผ้าแล้วไปอาบน้ำห้องหลานปล่อยให้ไอ้ไม้อาบน้ำที่ห้องไป
   “มากินข้าวกันเถอะ” ผู้กองมันใช้เวลาไม่นานก็ทำกับข้าวง่ายๆเสร็จก็เรียกพวกผม วันนี้พี่ลมพาครอบครัวไปทานข้าวข้างนอกพวกผมรอดตายจากไอ้ผู้กองนี่ล่ะ
   “จะนอนนี่ไหมล่ะไอ้ผู้กอง เดี๋ยวกูจะไปนอนกับหลาน”
   “ไอ้ทัพอย่าทิ้งกูสิ”
   “ถ้ามันกล้าทำในบ้านหลังนี้ก็ลองดูสิ” ถ้ากล้าทำมันก็กล้าเกินไปแล้วล่ะ
   “งั้นกูนอนด้วย” ตาไม่ค่อยเป็นประกายเลยนะมึง กินข้าวเสร็จนั่งคุยกันซักพักสองคนนั้นก็พากันขึ้นห้องนอนส่วนผมก็นั่งเล่นที่โซฟาต่อ ตอนนี้ได้เวลาปกติที่ผมควรจะออนไลน์แล้วแต่เหตุการณ์เมื่อวานทำให้ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่โยด้วยซ้ำ เสียงโทรศัพท์ขัดความคิดเพลินๆของผม เบอร์โทรนี่มันพี่โย??
   “ครับ”
   “(ทำไมไม่ออนล่ะวันนี้หรือว่า...)”ก่อนที่พี่โยจะพูดอะไรผมรีบห้ามไม่ให้พูดถึง
   “หยุดพูดถึงมันเลยนะพี่โยก่อนที่ผมจะวางสาย” ได้ยินเสียงหัวเราะตามสายมา ผมกับพี่โยคุยกันด้วยความสบายใจเพราะไม่เห็นหน้าทำให้ผมไม่เขินแต่พี่โยก็ยังสามารถแกล้งผมได้ตลอดการคุย
   “(ทำเสียงแหบๆจะเล่นเซ็กโฟนกันรึไงครับ)”
   “ไอ้พี่โย” อยากจะตะโกนแต่นี่ก็ดึกแล้วผมก็ง่วง
   “(หรือว่าทัพอยากลองพี่ไม่เคยเล่นนะแต่ถ้ากับทัพก็อยากลองดูนะครับ)” อ...ไอ้พี่โยผมไม่รู้ว่าจะด่าว่ายังไง
   “ไม่เล่นแล้วผมจะนอนแล้ว”
   “(ฮ่าๆๆ นึกว่าจะเล่นกับพี่ ไม่แกล้งแล้วฝันดีครับ)” เสียงทุ้มที่ใกล้ชิดกว่าปกติทำให้ผมรู้สึกจักจี้แปลกๆ
   “ฝันดีเหมือนกันครับพี่โย” พูดจบก็รีบวางสายก่อนที่จะขึ้นไปนอนกับน้ำเพื่อสู้กับงานวันพรุ่งนี้ คืนนี้เป็นคืนที่ผมฝันดีกว่าทุกวัน
***********************************************************
กลับมาแล้วค่า หลังจากที่เคลียงานจนมือหงิก  :katai4:
ในที่สุดก็เอาพี่โยกับทัพมาส่งให้ทุกคนได้อ่าน
ทำไมหมั่นใส้อีพี่โยขึ้นทุกวันฮ่าๆๆ
จะจบแล้ววววว คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันนะคะเนี้ยฮ่าๆ
หลังจากจบเรื่องนี้จะไล่เคลียอีกสองเรื่องให้จบ
แล้วจะเปิดอีกสองเรื่องใหม่ที่พึ่งนึกพล็อตได้คร่าวๆ  :ling2:
เรื่องหนึ่งจะออกแนวมาม่าหนักๆ ซึ่งไม่เคยเขียนฮ๋าๆๆ
กับอีกเรื่องจะน่ารักๆสบายๆ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
อ่านตอนนี้เป็นไงแล้ว บอกกันด้วยนะคะ
ทุกเม้นต์เค้าอ่านตลอดเป็นกำลังใจสุดๆเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่ทุกคนเม้นต์มานะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่28 29/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-10-2017 19:56:04
ดีกันแล้ว  :mew1:
พี่โย ทัพ  :กอด1:

อยากอ่านทัพ ไม้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
มุ้งมิ้ง เอ่อ.......ชัดๆซักที   :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่28 29/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-10-2017 21:51:47
บรรยากาศ ทำไมเป็นสีชมพูๆ มากมายเลยตอนนี้
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่28 29/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-10-2017 23:12:03
 :laugh:

พี่โย อิพี่โรคจิต

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่28 29/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 30-10-2017 00:56:54
ไม่มีบทพี่ลม คนหล่อเลย.
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่28 29/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 30-10-2017 09:43:26
 :z2:เข้าใจกันก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่28 29/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-10-2017 12:19:54
3 คู่ชู้ชื่นนนน
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่28 29/10/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-10-2017 14:54:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่29 3/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 03-11-2017 19:08:57
ลมตื่นมาแต่เช้าเมื่อคืนนี้หลังจากที่พาครอบครัวไปทานข้าววาทำตัวน่ารักมากจนผมอดใจไม่ไหวที่จะรังแกน้องไปหลายรอบวันนี้วาเลยยังไม่ตื่น ผมคงจะรังแกน้องมากไปสินะทำไงได้น้องน่ารักเกินไปจนอดใจไม่ไหว
   “อือ”
   “นอนต่อเถอะครับเดี๋ยวพี่ดูแลลูกเอง” ผมเดินไปหอมแก้มป่องที่โผล่พ้นผ้าห่มไปทีวายังดูง่วงๆอยู่
   “เพราะใครกันละครับ” เสียงบ่นเหนื่อยๆทำให้ผมแอบขำยอมรับก็ได้ว่าเป็นความผิดผม
   “งั้นนอนพักนะครับคนดี” วาไม่ตอบอะไรเพียงแต่หลับตาแล้วก็หลับไปในทันทีสงสัยจะเหนื่อยจริงๆ ผมไปปลุกน้ำให้เตรียมตัวไปโรงเรียนเมื่อคืนไอ้นัทมานอนนี่ผมเลยจะโยนหน้าที่ทำอาหารให้มันคงจะดีกว่า
   “ฝากทำกับข้าวด้วยนะ” ไอ้นัททำหน้าเบลอๆแต่ก็ยอมเดินเข้าครัวเลยปล่อยให้นัทรับผิดชอบไป
   วันนี้ก็คจะเป็นอีกวันที่วุ่นวายเหมือนเดิมเมื่อผลผลิตในไร่เริ่มเก็บเกี่ยวได้อีกครั้ง และดูเหมือนว่าจะได้เยอะกว่าเดิมซะอีกเลยต้องรับคนงานมาเพิ่มอีก ไม่นานไอ้ทัพกับไอ้ไม้ก็ตามลงมาสมทบ
   “ไงวันนี้ใครจะอยู่ไร่ พี่ต้องการคนช่วย”
   “แหมรังแกน้องได้ตลอดเลยนะพี่” ไอ้ทัพทำหน้าตารู้ทัน อยากจะปาแก้วกาแฟใส่หน้ามันอย่าให้กูพูดเรื่องมึงนะ
   “เดี๋ยวผมอยู่ช่วยเอง วันนี้ไอ้ไม้มันต้องไปดูพวกแปลรูป” ผมพยักหน้าตอนแรกคิดว่าทัพมันจะทำงานในไร่ไม่ได้แต่เอาเข้าจริงๆกลับสู้งาน
   “งั้นดูไร่องุ่นให้พี่ที ไอ้ละอองมันจะพาคนงานไปปรับพื้นที่”
   “พี่จะปลูกอะไรอีก”
   “พี่ว่าจะทำเหมือนโฮมสเตย์บ้านพักเล็กๆนะ” เป็นโครงการที่จะทำตรงเหนือไร่เพราะที่ตรงนั้นวิวจะดีมาก แถมยังเป็นสัดส่วนแยกจากไร่ตรงถ้าเสร็จผมจะให้วาเข้าไปดูแลตรงส่วนนั้นแล้วก็บัญชี ผมจะเลือนขั้นพวกไอ้ละอองไอ้สันขึ้นมาเป้นผู้จัดการไร่ช่วยผม แม้มันจะกวนตีนไปหน่อยแต่มันก็ซื่อสัตย์แถมยังทำงานดีอยู่กับผมมาก็นาน 
   “พ่อลมพี่วาของน้ำล่ะ”
   “วาไม่สบายไปกินข้าวกับอานัทก่อนไปเดี๋ยวพ่อไปส่ง”
   “พ่อลมต้องรังแกพี่วาแน่ๆ” เดี๋ยวเถอะนี่ลูกใครกันแน่ ห๊ะ
   “ไปเอาคำแบบนี้มาแต่ไหนกันหือเจ้าตัวแสบ”
   “อาทัพพูดน้ำเลยจำมา” ตอนนี้เจ้าแสบหลังจากปิดเทอมนี้ ก็จะขึ้นป.หนึ่งแล้วนับวันยิ่งช่างพูดช่างจาแถมยังฉลาดแกมโกงอีกต่างหาก เรื่องอ้อนอย่าให้พูดถึงแม้แต่ผมยังใจอ่อน
   “จำแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นนะเรานะ ไปกินข้าวได้แล้วไป” ก้มลงอุ้มเจ้าลูกลิงที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นลูกหมูแล้วหลังจากการคุมอาหารและการออกกำลังกายน้ำก็หนักในเกณฑ์ปกติ หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ไปส่งน้ำที่โรงเรียน แวะกลับเข้าบ้านก่อนที่จะไปไร่ วายังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงกว้าง ผมค่อยๆนั่งลงที่เตียงค่อยๆยืนมือไปปัดปอยผมที่ตกละใบหน้าเนียนค่อยแตะหน้าผากยังดีที่ไม่มีไข้
   “อือ”
   “กินข้าวก่อนไหมค่อยนอนต่อ”
   “พี่ลม..ไม่เข้าไร่เหรอครับ” วาขยับตัวมาใกล้ๆขาแล้วซุกหน้าลงกับต้นขาแล้วถูไถขยับหาที่สบาย จะอ้อนเกินไปแล้วนะ อดไม่ได้ที่จะก้มลงหอมแก้มนุ่มแรงๆไปที
   “พี่แวะมาดูครับ เดี๋ยวต้องไปดูไร่ส้มครับ”
   “ไปทำงานเถอะครับ”
   “พี่วางข้าวไว้ตรงนี้นะ วันนี้ก็พักเถอะพี่ขอโทษที่เอาแต่ใจเกินไป” เมื่อเห็นคนรักเหนื่อยผมก็รู้สึกผิด
   “ไม่เป็นไรครับพี่ลม อีกอย่างผมก็...เต็มใจ”แม้จะพูดเสียงเบาแต่ผมก็ได้ยินอยู่ดีจนอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มป่องอีกครั้ง
   “พี่ไปทำงานก่อนนะ” วาถูหน้าลงกับหน้าขาผมสองสามทีก่อนที่จะกลับไปนอนหนุนหมอน ผมดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้ดีๆก่อนที่จะเดินลงไปทำงานได้ซักที ขับรถเข้าไปไร่ส้มช่วยคนงานเก็บส้ม คงจะเก็บได้อีกสองสามล็อตช่วยเก็บได้ไม่กี่ลังผมก็สั่งงานไว้แล้วไปดูพวกไอ้ละอองคุมงานปรับพื้นที่ ผมจะไม่บอกวาเพราะจะเก็บเป็นของขวัญให้วา ตอนนี้วาเป็นครอบครัวของผมแล้วโฉนดที่ดินทุกใบและทุกอย่างมีชื่อวาอยู่ร่วมด้วยตรงนี้ผมก็จะยกให้เป็นของวาเลย
   “เป็นไงบ้างไอ้ละออง”
   “ก็ใกล้แล้วล่ะครับนาย เห้ๆๆๆ ตรงนั้นนะปรับให้มันเท่ากันสิ” หันมาบอกผมเสร็จมันก็รีบตะโกนสั่งงานต่อ เป็นงานเป็นการดีจริงๆนะ
   “เออ กูจะให้มึงขึ้นเป็นผู้จัดการกับไอ้สันและก๊วนมึงขึ้นดูแล”
   “นายผมไม่กล้าหรอกครับ”
   “ไม่กล้าอะไรกูไว้ใจพวกมึงถึงได้ให้ทำอีกอย่างงานมันก็เยอะขึ้นเรื่อยๆกูจะให้มึงทำงานหนักโดยไม่ให้อะไรมึงอีกอย่างมึงก็เป็นครอบครัวกู”
   “นายยยยยยยยยยยยย”
   “เฮ้ยๆ ไม่ต้องมากอดกู!!”ผมรีบขยับตัวหนีมันที่น้ำตานองหน้าวิ่งเข้ามากอดผม
   “แงๆๆขอบคุณครับนาย ผมจะทุมเททำงานแบบถวายหัวเลยครับนาย” ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความติ๊งต๊องของไอ้ละอองที่น้ำหูน้ำตาเปื้อนเต็มไปหมด
   “เออๆ ฝากบอกพวกมึงด้วยละกัน เดี๋ยวมึงปรับเสร็จวันนี้ก็ให้เอาบิลค่าจ้างมาเบิกที่กูนะอย่าให้วารู้ล่ะ” ผมกำชับมันเพราะไว้ใจมันไม่ได้
   “โถๆนายไว้ใจไอ้ละอองคนนี้ได้เลย” เพราะเป็นมึงนี่ล่ะกูถึงห่วง  คุมงานกับไอ้ละอองจนมืดค่ำผมถึงได้พากันกลับ
   “กลับมาแล้วเหรอครับพี่ลม” เสียงหวานทักขึ้นทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในบ้านที่เงียบผิดปกติ
   “อืม ทำไมได้อยู่คนเดียวล่ะ”ผมเดินเข้าไปกอดคนที่กำลังง่วนกับการอุ่นกับข้าววางคางลงบนไหล่บาง
   “น้ำขึ้นไปนอนแล้ว พี่ทัพเห็นว่าพี่โยโทรมาส่วนพี่ไม้แหะๆพี่นัทพาตัวไปหลังจากที่มาส่งน้ำครับ” อีกแล้วมาอุ้มน้องกูไปอีกแล้ว เอาเถอะ
   “หอมจังพี่หิวแล้วล่ะ วากินรึยัง”
   “ยังครับวารอพี่อยู่” ได้ยินแล้วชื่นใจจัง ยอมปล่อยวาออกจากอ้อมแขนแล้วไปช่วยตั้งโต๊ะ กินข้าวไปคุยไป กินเสร็จผมก็โดนวาไล่ไปอาบน้ำ ออกมาจากห้องน้ำวาก็นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เช็ดผมลวกๆตากผ้าขนหนูแล้วขึ้นเตียง
   “พรุ่งนี้วาเคลียบัญชีแล้วเอาเงินเข้าบัญชีนี้นะ” ผมหยิบเอาสมุดบัญชีที่เขาพึ่งไปเปิดใหม่ให้คนที่ผมรักทั้งสองคน วารับไปเปิดดูก็ทำตาโตเมื่อเห็นชื่อผู้ร่วมบัญชี
   “นี่มันอะไรครับ”
   “บัญชีร่วมของพี่กับวาแต่พี่ให้วาเป็นคนเก็บไว้ดูแลลูก”
   “แต่มันมากเกินไปนะครับ” วาพูดเสียงอ่อยเมื่อเห็นยอดในบัญชี ผมยิ้มกว้าง
   “ไม่มากเกินไปหรอกนะ ตอนนี้ทุกอย่างของพี่ก็เป็นของวา” เขาขยับตัวไปเปิดตู้เซฟเอาโฉนดที่ดินและเอกสารทางการเงินทุกอย่างส่งให้วาที่นั่งทำตาโตอ้าปากค้างอยู่
   “นะ...นี่มันอะไรกันครับ” วายิ่งทำตาตื่นเมื่อเห็นชื่อตัวเองอยู่หลังเอกสารทุกใบโดยเฉพาะเอกสารสำคัญ
   “ก็ทุกอย่างเป็นชื่อพี่กับวาไงตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วพี่อยากให้วา ร้องไห้ทำไมละหืม” ถามเสียงนุ่มเมื่อน้ำตาไหลชุ่มแก้มเนียนจนผมคอยเช็ดออกแต่ดูท่าคงไม่หยุดง่ายๆ
   “อึก วาไม่ต้องการของพวกนี้ซักหน่อย อึก” ผมได้แต่ยิ้มกว้างผมรู้ดีว่าวาไม่ได้อยากได้ของของผม แต่เป็นผมเองที่อยากให้วาอนาคตไม่แน่นอนผมก็อยากให้วาเป็นคนดูแลมัน
   “พี่รู้ครับ พี่รู้ แต่พี่อยากให้วานะไม่ได้เป็นการผูกมัดแต่พี่อยากให้วาช่วยดูแลถือว่าเป็นของๆเรานะ” พูดจบคนร้องไห้ก็โผเข้ากอดผมแน่นจนผมได้แต่ลูบหัวทุยไหล่บางที่สั่นเพราะแรงสะอื้นโอบปลอบอยู่นานจนวาเงยหน้าที่ฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำตาแต่กลับมีรอยยิ้มหวาน
   “ขอบคุณนะครบพี่ลม วารักพี่นะ” ให้ตายเถอะเพียงแค่น้องบอกรักผมหัวใจผมก็เต้นแรงถ้าหากน้องเอ่ยปากขออะไรผมก็แทบหามากองให้แล้ว อดไม่ได้ที่จะให้รางวัลเป็นจูบหวานๆที่วาเต็มใจตอบโต้ผม อ่า อยากจะทำอะไร อะไรมากกว่านี้แต่ผมก็สงสารไม่อยากรังแกวาไปมากกว่านี้เพราะความน่ารักของวาอาจจะทำให้ผมยั้งใจไม่อยู่  เก็บเอกสารให้เข้าที่แล้วล้มตัวนอนรั้งคนที่คืนนี้น่ารักลงนอนข้างๆ
   “นอนดีกว่านะคนดีของพี่” กดจูบหน้าผากเนียนวาอมยิ้มก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นหอมแก้มผมแล้วซุกหน้าลงกับอกเห็นเพียงปลายหูแดงระเรื่อทำให้ผมแอบยิ้มก่อนที่จะหลับไปโดยไม่แซวคนขี้อายให้เขินไปกว่านี้ 


   ผมตื่นขึ้นมาก็เห็นที่ข้างๆว่างเปล่าแล้วสงสัยว่าจะตื่นนอนแล้วสินะลุกขึ้นจัดการธุระแล้วเดินลงไปข้างล่าง
   “อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก” โอบเอวบางคนที่ยืนวุ่นวายในครัวพร้อมกับหอมแก้มป่องไปทีจนวาสะดุ้งหันมาฟาดมือที่ไหล่ผมแรงๆ
   “พี่ลม!!ถ้าเกิดวาถือมีดอยู่ล่ะ เลิกเล่นแบบนี้เลยนะครับ” โดนดุแต่เช้าผมเลยส่งยิ้มเอาใจ
   “โอ๋ๆ พี่ขอโทษครับวันนี้มีอะไรกิน หอมจัง” ผมชะโงกหน้าข้ามไหล่ไปมองของที่อยู่บนเตา
   “พอดีเมื่อวานน้ำดูการ์ตูนแล้วอยากกินข้าวห่อไข่วาเลยจะทำให้นะครับ พี่ลมอยากกินอะไรไหมครับ” วาเอาใจใส่ลูกชายตัวแสบเขาแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกอุ่นใจ
   “อะไรง่ายๆก็ได้ พี่จะเข้าไร่เดี๋ยวกลับมากินนะ”
   “อย่าลืมก็แล้วกันนะครับ” วาทำเสียงเข้มเพราะบางทีผมก็กลับมาช้า 
   “ครับที่รัก” ผมก้มลงบอกและก็ได้ผลเมื่อวาหน้าแดงก่ำเห็นแบบนี้ผมก็พอใจแล้วรีบหนีก่อนที่วาจะหายเขินแล้วทำร้ายดีกว่า ขึ้นไปทางเหนือไร่ที่ตอนนี้ปรับพื้นที่เรียบร้อยและของก็เริ่มขนส่งเข้ามาแล้ว
   “นายมาทำไมแต่เช้าเลย”
   “มาดูก่อนวะ ของเข้าครบไหมวะ” เดินเข้าไปหาไอ้ละอองที่กำลังตรวจของอยู่
   “ขาดเหล็กอ่ะนายเดี๋ยวเขาจะเอาเข้ามาส่งให้” พยักหน้ารับก่อนที่จะรับบิลราคาของเก็บเข้ากระเป๋า ทีแรกว่าจะทำบ้านไม้อยู่แต่ว่าทำเป็นบ้านปูนแบบเล็กๆกะทัดรัดน่าจะดูโอเคกว่า
   “เออ อีกสองอาทิตย์พวกมึงก็ดูแลไร่ให้กูด้วยนะ”
   “นายจะไปไหนทำอย่างกับจะไปกันทั้งหมด”มันทำหน้างงๆ
   “ใช่กูจะไปทั้งหมดนี่ล่ะ พาวากลับไปเยี่ยมบ้าน” บอกจบมันก็ทำตาโต
   “นายไม่กลัวผมโกงไร่รึไงกัน จะหนีเที่ยวกันทั้งหมดเนี้ยนะ” ผมรู้ดีที่มันโวยวายไม่ใช่ที่ผมจะหนีเที่ยวหรอก หรือมันจะโกงไร่หรอก
   “โกงเหี้ยไรมึง อีกสองอาทิตย์ก็เก็บพวกองุ่นกับไม้ผลหมด มีแค่ผักที่มึงต้องส่งขายกับดูแลไร่แค่นี้ มึงขี้เกียจก็บอกกูมา”
   “นายไอ้ละอองออกจะขยัน” ปรายตามองคนที่บอกขยันผมไว้ใจพวกมัน จริงๆงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกพวกมันไว้ใจได้ อีกอย่างผมไปแค่ไม่กี่วัน ไร่ผมคงไม่เจ๊งเพราะพวกมันดูแลหรอกนะ
   “เออ กูไปแค่สามสี่วันไม่ได้หายไปเป็นเดือนมึงไม่ต้องโอดครวญ”
   “งั้นนายอย่าลืมของฝากผมนะไม่งั้นกลับมาไร่นายเจ๊งไอ้ละอองไม่รู้ด้วยนะ” มันลอยหน้าลอยตาทำหน้าอ้อนตีนแต่ผมก็รู้ดีว่ามันพูดเล่น
   “เออๆ กูจะหาของฝากมาให้ แต่มึงก็ต้องดูแลไร่ให้ดีๆนะมึง”
   “ครับนาย” มันตะเบ๊ะรับปากแข็งขัน ได้แต่ส่ายหัวกับความไม่เต็มของมัน พอดีกับที่เขาเอาเหล็กมาส่งรับของเสร็จผมก็ตรวจเช็คก่อนทีจะเซ็นเช็คให้ทันทีเพราะไม่อยากให้วารู้เรื่อง คนงานผมก็จ้างมาจากข้างนอกวาไม่รู้หรอกเพราะช่วงนี้บัญชีไร่ต้องทำทุกวันส่วนมากวาก็จะอยู่แค่ในสำนักงาน สั่งงานเรียบร้อยผมก็ต้องรีบกลับไปกินข้าวที่บ้าน
   “อ่าวกลับมาพอดี วาว่าจะไปตามอยู่แล้วเชียว” วากำลังจะเดินออกจากบ้านผมก็เดินเข้าไปพอดี
   “หึๆ เข้าบ้านเถอะลูกล่ะ”
   “กำลังกินข้าวอยู่ครับ” ผมเดินไปที่โต๊ะเจ้าน้ำก็กินข้าวอยู่กับอาทัพ
   “ทัพมีพาสปอร์ตหรือเปล่า”พวกผมนะมีอยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าทัพมีไหม
   “อ้อมีครับพี่ลม”
   “งั้นพี่จะจองตั๋วให้เลยล่ะกัน” พูดจบไอ้ทัพก็สำลักข้าวต้มหน้าแดง
   “ผมไม่ได้อยากไป ใครจะดูแลไร่ให้ครับ” แต่ก่อนที่ผมจะตอบกลับอะไรไปวาก็พูดขึ้นเสียก่อน
   “พี่ทัพไม่อยากเจอพี่โยเหรอครับ” ได้ผลมันสำลักข้าวต้มหนักกว่าเดิมจนน้ำต้องขยับแก้วน้ำไปตรงหน้าทัพ
   “อาทัพกินดีๆสิครับ” ผมกับวาหลุดขำเมื่อน้ำพูดด้วยหน้าดุด้วยหน้าตาน่ารักๆ
   “แค่กๆ ครับๆอาทัพผิดเอง”ยอมรับเออออแล้วยกน้ำขึ้นจิบ หน้าแดงไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอหรือว่าเขินกันแน่
   “ตกลงไปกันหมดนั่นล่ะถือว่าพักผ่อนด้วย”
   “ก็ได้ครับ” ผมเลยให้วาเป็นคนจัดการจองตั๋วแล้วบอกวันเวลาที่จะไปถึงให้กับพี่ชาย ผมให้ทัพไปส่งน้ำทีตอนนี้พยายามทำตัวให้โตเพราะบอกว่าจะดูแลพี่วา ให้ตายเหอะนี่ผมต้องแข่งกับลูกชายหรือไงกัน  หลังจากที่วารู้ว่าผมให้จัดการเงินในบัญชีทุกอย่าง วาก็เริ่มวางแผนการเงินให้กับไร่เรียบร้อย
   “พี่ลมตรงนี้วาจะให้เป็นของน้ำนะครับ ส่วนนี่วาเอาไปซื้อหุ้นที่พี่โยแนะนำมาวาก็เห็นว่าดีนะ”
   “เอาตามที่วาเห็นว่าดีเลย” ผมมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงแจกแจงว่าทำอะไรไปบ้างโดยที่ผมนอนมองอยู่
   “งั้นเอาตามนี้เลยนะครับ พี่โยว่าจะมารับ ตื่นเต้นจังเลยล่ะครับ”  ผมมองวาขำๆ
   “คนที่หน้าตื่นเต้นมันควรเป็นพี่ไม่ใช่เหรอครับ”
   “พี่ลมจะตื่นเต้นอะไรกันครับ” วาเก็บของแล้วล้มตัวนอนข้างๆ ผมรั้งเอวเล็กเข้ามากอดก่อนที่จะกระซิบบอก
   “ก็พี่จะไปขอลูกเขาพี่ก็ต้องตื่นเต้นสิ”
   “บ้า”
   “พี่ขอบคุณนะที่เข้ามาในชีวิตพี่” ผมบอกวาที่ตอบรับผมด้วยการกอดผมแน่น ชีวิตที่มีวาและลูกคือชีวิตที่สมบูรณ์แบบของผมแล้ว

   “ได้ข่าวว่าจะไม่มาหาพี่เหรอ” เสียงทุ้มที่มีแววหาเรื่องถามขึ้นทันทีที่กดตอบรับคอลผมทำหน้างงๆ อ้อวาคงบอกไปสินะ
   “แต่ผมก็ไปแล้วนิ” นั่งเช็ดหัวมองคนนั่งทำหน้าเครียด
   “แต่ตอนแรกบอกว่าไม่อยากมานิ” นี่งอนเขาเหรอ
   “เดี๋ยวนะพี่โย หัวก็ไม่ล้านทำไมขี้น้อยใจจังวะ” ผมอ้าปากค้างกับไอ้นิสัยขี้งอน
   “ไม่ได้งอนซักหน่อย” เหมือนจะมีคนปากแข็งแหะ
   “พี่โยผมอยากไปนะแต่ผมก็เป็นห่วงไร่”
   “ไม่ใช่ไร่ตัวเองซักหน่อย” เนี้ยกวนแล้วไง พองอนก็จะเริ่มกวนผมแล้ว ผมเงียบมองพี่โยที่เงียบ เอาเหอะใครจะเงียบได้นานกว่ากัน เลือกที่จะไม่สนใจผมนั่งเช็ดผมไปเรื่อยจนแห้งลุกเอาผ้าไปตาก หอบเอาหนังสือที่พึ่งชื้อมาใหม่วางไว้บนเตียงแล้วล้มตัวนอนคว่ำอ่านหนังสือไม่สนใจคนในจอซักนิด อืมเรื่องนี้สนุกดีนะ
   “ฮ่าๆๆๆ” ผมอดไม่ได้ที่จะขำออกมา โอ๊ยขำ สนุกซะจนลืมว่ามีคนงอนเขาอยู่
   “สนุกมากไหม” ในที่สุดพี่โยก็ยอมเปิดปากถามผมก่อน
   “ก็สนุกมากเลยล่ะ” หันไปตอบแล้วกลับมาอ่านต่อ
   “อย่าให้ถึงทีพี่นะพี่จะเอาคืนซะให้เข็ด”
   “อะไร พี่จะทำอะไรผม” เงยหน้าขึ้นไปสบตาคมที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ทำให้ผมรู้สึกใจสั่นแปลกๆ พี่โยไม่พูดอะไรมุมปากยกยิ้มร้ายที่ทำให้ผมอยากยกเลิกการบินไปบ้านพี่โยแล้วสิ
   “นั่นสิพี่จะทำอะไรดี มาอยู่สี่วันสินะ” คิดจะแกล้งผมอยู่แน่ๆเลย
   “ถ้าพี่โยแกล้ง ผมจะ....” ยังคิดไม่ออกว่าเขาจะเอาคืนยังไงคนคนนี้เอาคืนไม่ได้ง่ายๆ ดีไม่ดีเขาจะโดนโต้คืนเอานะสิ
   “อะไรจะทำอะไรพี่ อ่ะเนี้ยทำเลยสิพี่นอนรอแล้วเนี้ย” โว้ยใครไปทำรถอ้อยคว่ำแถวนั้นวะ ดูพี่มันสิ นอนตะแคงข้างดึงเสื้อขึ้นโชว์หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเป็นลอน ยิ่งเห็นผมหน้าแดงพี่โยยิ่งยิ้มกว้าง
   “ทำไมพี่อ่อยอย่างนี้วะ”
   “นี่ขนาดอ่อยยังได้แค่นี้” พี่โยทำหน้าเช็งจนผมหลุดขำ
   “จะเอาขนาดไหนกันล่ะครับแค่นี้ผมก็แย่แล้วนะ” แย่ที่ใจผมให้คนกวนประสาทไปเกินครึ่งนี่สิ แย่ที่ไม่รู้ว่าให้ไปมากขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน แม้ว่าท้ายที่สุดผมไม่รู้ว่าจะลงเอยยังไงแต่ผมก็ให้ไปแล้ว
   “พี่ก็ไม่ต่างกันหรอกนะครับ” แววตาจริงจังนั่นทำให้ใจผมแทบลอยไปให้แล้ว 
   “ผมอยากเจอพี่นะ” แม้จะได้ยินเสียงผ่านโทรศัพท์ได้เห็นหน้าผ่านจอแต่มันก็ยังไม่เพียงพอผมอยากเจอหน้า
   “เหมือนกัน พี่ก็รู้สึกเหมือนกัน” ผมซบหน้าลงกับแขนสบตากับคนที่ยังนอนอ่อยไม่เลิกไม่ยอมเอาเสื้อลงซักที แม้จะอยู่เงียบๆแต่ผมก็รับรู้ความรู้สึกของกันและกัน กลับทำให้ผมยิ่งโหยหาคิดถึงตอนที่อยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ
   “พี่โย ทำไมตอนนั้นถึงไปกับผม” อยู่ๆนึกได้ผมก็ถามออกไป
   “ไปไหน..อ้อกรุงเทพนะเหรอ เอาจริงๆเลยนะพี่แค่สนใจเราเท่านั้นล่ะ” คำตอบที่ได้กลับมาทำให้ผมไม่กล้ามองหน้าเลยทีเดียว
   “อ่อยขนาดนี้ให้ผมกดเลยดีกว่าไหม” อดที่จะแขวะไม่ได้
   “แน่ใจเหรอที่จะกดพี่”
   “ผมไม่คิดที่จะให้พี่กดผมหรอกนะ”  เพราะผมก็เป็นฝ่ายรุกจะให้เป็นรับมันก็รู้สึกแปลกๆ พี่โยได้แต่ยิ้มกว้างก่อนที่จะบอกอย่างใจกว้าง
   “ถ้าลองกดพี่ได้ก็กดพี่สิ”
   “อ่อยเข้าไป ผมจะนอนแล้ว” หนีสถานการณ์อันตรายนี้ดีกว่าผมชักรู้สึกว่าผมจะโดนกดยังไงอย่างนั้น
   “หึๆ ตอนนี้หนีได้หนีไปเถอะ ฝันดีนะครับน้องทัพ” ไอ้น้ำเสียงยียวนกวนประสาทมันน่าโดนกระทืบซะจริงๆ
   “เหมือนกันนะไอ้พี่โย” พูดจบผมก็รีบปิดทุกอย่างลง ไอ้พี่โยคิดจะกดเขาจริงๆสินะให้ตายเถอะเรืองอะไรจะยอมกันเล่า แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ผมคิดจริงจังถึงขั้นนั้นแล้วเหรอ คิดไปได้นะไอ้ทัพบ้า นอนๆๆ 
   ในแต่ละวันที่ผ่านยิ่งใกล้วันไปเท่าไหร่ผมก็ยิ่งตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นหลังจากที่รับวามาจากโรงเรียนผมก็อยู่เล่นกับหลานเพราะวันนี้ผมไม่ได้ไปโรงงานแต่ช่วยพี่ลมที่ขยันโดดงานไปเหนือไร่พอถามพี่ลมก็บอกเป็นความลับอยากตามไปเผือกแต่กลัวโดนพี่ลมหาว่าเสือกเอา
   “อาทัพน้ำหิว” ตายล่ะ  วายังไม่กลับมาผมก็ดันไม่ได้แวะซื้อหาอะไรให้หลานกินซะก่อน
   “เอ่อกินมาม่าได้ไหมครับ”
   “พี่ทัพพูดอะไรนะครับ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ยินคำตอบของน้ำวาที่พึ่งกลับบ้านมาได้ยินผมบอกหลานพอดีตอนนี้หน้าหวานๆนั้นบึ้งตึงจนผมกลัว
   “เอ่อ พี่เปล่าพูดอะไรนะ”
   “พี่วาๆ อาทัพจะต้มมาม่าให้น้ำกินล่ะครับ” เจ้าลูกน้ำแปรพักตร์ได้แต่อ้าปากเหวอเมื่อน้ำวิ่งเข้าไปอ้อนวาแถมยังฟ้องอีก ไม่เห็นแก่เขาที่ไปรับไปส่งชื้อขนมนมเนยให้กินเลย
   “งั้นเหรอครับ อย่างนี้ไม่ดีนะ เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวให้นะครับนั่งทำการบ้านไปก่อนนะ พี่ทัพครับไปช่วยผมในครัวเลยครับ”  อยากจะตะโกนว่าผมไม่ผิดนะ แต่เมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องของวาทำให้ผมต้องเดินก้มหน้ารับกรรมไปช่วยวาในครัว
   “พี่ทัพวามีเรื่องจะปรึกษา” จู่ๆวาที่ทำกับข้าวอยู่พูดขึ้นผมหยุดมือที่กำลังหั่นผักหันไปฟังวา
   “มีอะไรเหรอ”
   “พี่ทัพคิดว่าพี่ลมมีอะไรแปลกๆไปรึเปล่าครับ” วาพูดเสียงอ่อยสีหน้าหวานดูหม่นหมองลง
   “ทำไมวาคิดงั้นล่ะไอ้พี่ลมมันรักวาจะตายไป” ตายล่ะหว่าไอ้พี่ลมมันทำอะไรลงไปกันวะ
   “พี่ลมดูเหนื่อยอาบน้ำเสร็จแล้วก็นอนเลยทั้งๆที่ปกติไม่เป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ” ยิ่งวาพูดยิ่งเสียงเบาลงเรื่อย โอ๊ยไอ้พี่ลมทำอะไรลงไป
   “กลับมาแล้วอยู่ไหนกันหมด” พี่ลมกลับมาในเวลาที่ผมต้องการตัวพอดี
   “พี่ว่าวาถามพี่ลมเอาเองเถอะนะ พี่แนะนำว่าถ้าพี่ลมไม่พูดอะไรวาก็จัดการอ้อนพี่ลมบริการให้เต็มที่ไปเลย”
   “พี่ทัพ!!!” วาตะโกนลั่นเมื่อเข้าใจความหมายที่ผมพูดไปหน้าแดงก่ำ
   “ตะโกนอะไรกันนะครับ” พี่ลมโผล่หน้าเข้ามาในครัวคือสีหน้างงๆก่อนที่จะตวัดสายตาคมมาจ้องผมเขม็งเมื่อเห็นหน้าวาแดงระเรื่อ
   “อะไรพี่ผมไม่เกี่ยวอะไรนะ เคลียกันเองเลยผมจะไปอยู่กับหลาน” รีบโยนมีดทิ้งแล้วเผ่นหนีให้สองคนนั้นปรับความเข้าใจกันเอง

   “มีอะไรกันรึเปล่าครับ” พี่ลมถามแต่จะให้ผมตอบไปได้ยังไงล่ะว่ารู้สึกแปลกๆที่พี่ลมไม่หยอกเค้าแล้วรู้สึกแปลกๆ
   “ปะ....เปล่าครับ..เปล่า” ได้แต่ตอบตะกุกตะกักแล้วหันไปทำกับข้าวต่อไม่ยอมสบตาพี่ลม
   “งั้นเหรอ พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนละกัน”ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพี่ลมออกจากครัวไป แม้จะรู้สึกแปลกแต่ๆให้ถามเขาก็อายซะจนไม่กล้าเอ่ยปาก ตลอดเวลาบนโต๊ะอาหารพี่ลมคอยมองโดยตลอดแต่ไม่ถามอะไรจนขึ้นห้องนอนพี่ลมก็ไม่ถามผมเลยหลบเข้าไปอาบน้ำออกมาพี่ลมก็หลับไปแล้ว
   “ทำไมกันนะ” ขยับเข้าไปชิดทุกคืนเขานอนในอ้อมกอดพี่ลมเสมอแต่หลายคืนมานี้พี่ลมหลับสนิทแม้กระทั่งกอดตอนนี้เขายังไม่ได้เลย เขารู้สึกหนาวจริงๆนะ
**************************************************
กลับมาจากความตายแล้ว
ฮอลเหนื่อยมาก
อีพี่โยคนอ่อยแห่งปี
จะรีบป่ันให้จบภายในเดือนนี้นะคะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่29 3/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-11-2017 19:41:31
ขอบคุณคนเขียนมากนะ ที่มาเติมน้ำตาลจนมดขึ้นไปหมดแล้ว  :z2:
ว่าแต่ทัพ ไปแนะนำวาให้ทำอย่างนั้นได้ยังไง ระวังตัวเองเถอะ เจอพี่โยแล้วจะหนาว
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่29 3/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-11-2017 19:59:00
น้ำตาลเกาะจอกันไปจ้าาา
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่29 3/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-11-2017 21:57:33
ลมก็แปลกๆนะ ที่หาคนงานมาเพิ่ม
แลัวสั่งละอองไม่ต้องบอกวา
 
วาเองก็สงสัยที่ลมดูเงียบๆเฉยไป
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่30 7/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 07-11-2017 19:36:29
วาได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าที่จะถามเมื่อพี่ลมออกไปทำงานแต่เช้ากลับมาก็มืดค่ำแถมยังไม่ค่อยได้คุยกันความห่างเหินที่ผมรู้ดีว่าไม่ควรที่จะน้อยใจแต่เมื่อมันเหมือนขาดอะไรไป พี่ลมอาจจะแค่เหนื่อยจากการทำงานได้แต่ส่ายหน้าไปมาสลัดความรู้สึกแปลกๆที่เกาะกุมหัวใจเขาอยู่ 
   “คุณวาหน้าซีดๆเป็นอะไรคะ”
   “เปล่าครับ” คุณป้าที่เข้ามาส่งบิลทักขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองหน้าซีดตอนไหน
   “ไม่สบายรึเปล่าคะ”
   “คงไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ เรียบร้อยครับเดี๋ยววาก็จะกลับไปพักแล้วล่ะ” ยกยิ้มบางส่งให้ป้าที่พยายามย้ำให้ผมไปพัก ผมคงจะเหนื่อยไปจริงๆสินะ คนอื่นรู้แต่พี่ลมไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ทำไมผมมีความคิดน่ารังเกียจแบบนี้นะ ไม่รู้ว่าเป็นการถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ เก็บงานทุกอย่างเข้ากระเป๋าแล้วปิดสำนักงานเดินกลับไปทำกับข้าวรอทุกคนกลับบ้าน วันนี้เป็นเวรพี่ไม้ที่จะรับน้องน้ำมาตอนนี้ผมไม่ได้ไปทำงานในไร่แล้วเพราะงานเอกสารและการวางบิลค่าใช้จ่ายต่างๆมันเยอะจากการขายผลผลิตในไร่ได้ดีกว่าแต่เดิมเพราะการปรับปรุงการดูแลจากที่พี่โยแนะนำและไร่พึ่งผ่านการประเมิน Global GAP  ซึ่งได้รับรองว่าปลอดสารพิษ นั่นยิ่งทำให้ตลาดของไร่สายลมเปิดกว้างยิ่งกว่าเดิม
   “ทำไมกันนะ” ผมบ่นพึมพำเมื่อคิดถึงพี่ลมและการกระทำที่เปลี่ยนไป เขาควรปรึกษาพี่โยดีไหมนะ
   “เฮ้ๆ กลิ่นไหม้อะไรนะวา” เพราะมันแต่เหม่อจนแกงในหม้อเริ่มมีกลิ่นไหม้ออกมาทำไมผมเหม่อแบบนี้นะ
   “ขอโทษครับ”
   “วาเป็นอะไรรึเปล่า ดูเหม่อๆแถมหน้ายังซีดๆอีก” พี่ไม้เดินเข้ามาปิดแก๊สเพราะผมลนจนทำอะไรไม่ถูก
   “ไม่ได้เป็นไรครับ” แม้จะบอกไปอย่างนั้นแต่ผมก็รู้ตัวเองดีว่าไม่ได้เป็นอย่างที่พูด พี่ไม้ดูไม่เชื่อ
   “ขึ้นไปพักเลยส่วนกับข้าวไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพี่ให้ไอ้นัทซื้อเข้ามาขึ้นไปพักดีๆเลย” ท่าทางเอาจริงเอาจังจนผมไม่กล้าค้านอะไรเดินขึ้นไปอาบน้ำนอนบนห้อง พี่ลมหายไปไหนกันนะนอนกอดผ้าห่มที่ให้ความอุ่นกายแต่หัวใจเขากลับหนาวไม่ชอบเลยจริงๆ ไม่ชอบที่ตัวเองคิดมากแบบนี้เลย ผมหลับทั้งๆที่คิดวุ่นในหัว
   
   ไอ้พี่ลมทำอะไรลงไปวะ เขาสังเกตมาหลายวันแล้วทีแรกไอ้ทัพมันก็ถามว่าพี่ลมมันทำอะไรแปลกๆไปรึเปล่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะว่าไอ้พี่ชายตัวดีของเขาทำบ้าอะไรอยู่จนได้มาเห็นวา มันรู้ตัวบ้างไหมเนี้ยว่าวาไม่ยิ้มเลยช่วงหลังๆ ผมที่ไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะไอ้นัทมันหิ้วผมไปนอนบ้านมันอยู่เรื่อยต้องเป็นฝ่ายมาอยู่บ้านซะเอง น้ำไม่เคยทำหน้าตาแบบนี้แถมยังไม่สบายอีก หลังจากที่ผมโทรให้นัทซื้อกับข้าวก็นั่งรอพี่ลมกลับบ้าน
   “อาไม้ น้ำขึ้นไปดูแลพี่วาได้ไหม” น้ำนั่งลุกลี้ลุกลนอยากขึ้นไปดูวา จนผมต้องห้ามให้น้ำขึ้นไปรบกวนวาที่พักผ่อน
   “กลับมาแล้ว อ่าวทำไมวันนี้อยู่กันสองคน” ไอ้ตัวต้นเรื่องเดินเข้าบ้านมาหน้าตายิ้มแย้ม เออดีจังวุ้ย
   “วาไม่สบาย”
   “วาเป็นอะไรเมื่อเช้ายังดีๆอยู่นิ” เคยรู้อะไรบ้างไหมวะ ผมลุกขึ้นบอกให้น้ำนั่งเล่นรออานัท ส่วนผมก็เดินไปล็อคคอพี่ชายคนดีออกไปนอกบ้าน

   ผมได้แต่งงเมื่อไอ้ไม้เดินมาล็อคคอผมออกจากบ้าน ยิ่งใกล้วันเดินทางผมก็ต้องยิ่งดูแลการก่อสร้างให้เสร็จ บ้านไอ้ไม้ก็เหลือแค่เก็บรายละเอียดผมก็จะโอนช่างไปช่วยที่รีสอร์ท ที่ผมเร่งงานเพื่อที่จะให้เร็วที่สุดเพื่อที่กลับมาจากไปเที่ยวของขวัญชิ้นนี้จะได้เสร็จเรียบร้อยเพราะการเร่งงานทำให้ผมต้องไปคุมเองแถมบางทีผมก็ต้องลงมือเอง  ทำให้พอหัวถึงหมอนผมก็หลับเป็นตาย
   “พี่ทำบ้าอะไรของพี่วะ วาไม่สบายพี่ยังไม่รู้ พี่ทำบ้าอะไรของพี่วะ”
   “พี่แค่เหนื่อย”
   “พี่รู้ไหมวาคิดมากแค่ไหน” ไอ้ไม้ยืนกอดซักไซ้ผม วาคิดมากเหรอ วาคิดมากเรื่องอะไรกัน หลังๆมาผมไม่ได้คุยช่วงก่อนนอนกับน้อง พอเห็นสีหน้าที่เหมือนจะนึกออกของผมไอ้ไม้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
   “เออ ฉลาดแล้วสินะ ขึ้นไปดูน้องเถอะพี่แม่งบ้าจะทำอะไรก็อย่าให้น้องมันคิดมากดิวะ” ได้ทีก็ใส่กูใหญ่เลยนะ แต่ก็ต้องขอบใจมัน ผมรีบก้าวยาวๆขึ้นห้องที่เปิดเข้าไปก็เห็นวานอนขดอยู่บนเตียงใหญ่ขยับขึ้นไปนั่งบนเตียง มองคนหลับหน้าซีดๆนั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเท่าการเห็นคราบน้ำตา ผมทำให้น้องต้องร้องไห้
   “พี่ขอโทษนะคนดี” กระซิบบอกคนหลับใหลหอมแก้มเนียนเบาๆลุกไปอาบน้ำกลับมาสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มคว้าเอวบางมากอดวาพลิกตัวขยับเข้ามาซุกหน้ากับอกมือกำชายเสื้อผมแน่น รอตื่นก่อนนะคนดีพี่จะอธิบายให้ฟัง  ผมกอดคนที่นอนหลับเพราะอาการไม่สบายก่อนที่จะหลับไปด้วยกัน
   ผมตื่นขึ้นเพราะการขยับเบาๆผมก้มมองคนในอ้อมกอดที่เริ่มขยับและกระพริบตาเหมือนว่าจะตื่นแล้วสินะ
   “อือ พี่ลมเหรอ”
   “ใช่พี่เอง หิวไหมนี่ก็ดึกแล้วจะให้พี่ลงไปเอาอะไรมาให้กินไหม” ผมจับปอยผมที่ตกละใบหน้าขึ้นทัดใบหูวาส่ายหน้าเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแววตาฉ่ำน้ำ
   “แค่กอดกันนอนแบบนี้ก็พอแล้ว” วาซุกหน้าลงกับอกทำให้ผมคิดได้ว่าหลังๆมาผมหลับก่อนน้องตลอดตื่นขึ้นผมก็รีบไปดูไซต์ก่อสร้างแทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำก็ควรแล้วที่น้องคิดมาก
   “พี่ขอโทษนะ ที่ทำให้วาคิดมาก” ลูบแก้มเนียน
   “พี่ลมแปลกไป มันทำให้วากลัว” เสียงกระซิบแผ่วเบา ถ้าผมยิ้มน้องจะโกรธผมไหมเนี้ย
   “พี่ขอโทษนะ แต่พี่แค่เหนื่อยไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้นนะคนดี”
   “อือ วารู้ไม่ชอบเลยที่คิดมากแบบนี้”
   “พี่ผิดเองต่างหากล่ะเลิกคิดมากได้แล้วครับคนดี” ผมหอมแก้มซ้ายขวาน้ำฟัดแรงๆก่อนที่จะลุกลงไปอุ่นกับข้าวรอซักพักวาก็เดินตามลงมาผมตักข้าวให้น้องวากลับมายิ้มกว้างให้ผมตลอดการกินข้าวถ้าพี่ชายวารู้ว่าผมทำให้น้องร้องไห้แล้วล่ะก็ผมคงโดนฆ่าตายแน่ๆ กินเสร็จเราสองคนก็ช่วยกันล้างจานก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนห้อง
   “แล้วพี่ลมทำอะไรมาครับถึงได้ดูเหนื่อยๆ” วาลูบหน้าลูบแก้มผม ท่าทางน่ารักที่ทำให้ผมอดยิ้มกว้างไม่ได้
   “พี่กำลังทำอะไรบางอย่างให้กับคนที่พี่รัก” เท่านั้นล่ะวาหน้าแดงก่ำล้มตัวนอนหันหลังหนีหน้า ผมล้มตัวนอนข้างๆดึงเอวบางมากอด
   “อีกไม่กี่วันพี่ก็จะได้ไปเจอครอบครัววาแล้ว จะได้ทำให้มันทางการซักที”
   “วาก็ดีใจครับ” อีกแค่ไม่กี่วันผมก็จะได้ไปเจอกับครอบครัวน้องแล้วหอมแก้มเนียนแล้วค่อยนอนหลับพร้อมกับคนในอ้อมกอดที่เข้าใจกันดีแล้ว
      
   เวลาที่วิ่งผ่านโดยเร็ววันนี้ก็เป็นวันเดินทางของพวกผมแล้วเจ้าน้ำดีใจยกใหญ่ พูดจ้อไม่หยุดซักโน่นซักนี่ตอนนี้พวกเรากำลังเก็บของขึ้นรถที่เอาแน่ๆมันก็เยอะล่ะนะ ไอ้นัทเป็นคนอาสาไปส่งมันติดงานเลยไปด้วยไม่ได้ งอแงกับไอ้ไม้
   “พ่อลมๆอีกนานไหมกว่าจะได้เจออาโย”
   “อ่าไม่นานหรอก” พอเห็นว่าผมตอบไม่ได้ก็หันไปปีนขึ้นตักวาแล้วอ้อนถามโน้นถามนี่ พอถึงสนามบินขนของโดยไอ้ละออกช่วยขนกระเป๋า
   “กูฝากไร่ด้วยนะ” โรงงานมีน้องที่ไว้ใจได้ดูแล พวกผมเลี้ยงคนด้วยใจมากกว่าที่จะเลี้ยงด้วยเงินถึงได้มีคนรอบตัวที่ไว้ใจได้ ช่วยดูแล
   “ได้ครับนายรับรองกลับมาไร่เป็นของผมแน่ๆ”
   “เออๆ เอาที่มึงสบายใจ” ได้แต่ส่ายหน้ากับความต๊องของมัน พอดีกับที่เขาประกาศเรียกขึ้นเครื่อง ผมเดินไปอุ้มลูก
   “ป่ะเราไปกันได้แล้วน้ำ”
   “เย้ๆ” น้ำดี๊ด๊าแต่ผมกลับรู้สึกเหงื่อออกอ่าอีกไม่กี่ชั่วโมงผมก็จะได้เจอครอบครัววาแล้ว หลังจากเครื่องขึ้นน้ำก็เงียบ ไอ้ทัพพอขึ้นเครื่องก็หลับทันทีอะไรจะง่วงขนาดนั้น
   “เป็นไงบ้างลูก” ผมก้มลงไปถามน้ำที่นั่งนิ่งๆ
   “อือน้ำไม่ได้ยินอะไรเลย” น้ำหูอื้อเพราะแรงกดอากาศ วาได้ยินเลยหยิบเอาหมากงฝรั่งส่งให้น้ำ พอน้ำได้หมากฝรั่งก็เหมือนจะดีขึ้นคุยจ้อกับวาเลยทีเดียว เปลี่ยนเครื่องที่สุวรรณภูมิ พวกเราก็นั่งเครื่องยาว
   นั่งเครื่องบินหลายชั่วโมงพวกผมก็มายืนอยู่ที่แผ่นดินบ้านเกิดโย น้ำดูจะตืนตาตืนใจตาโตกวาดมองผู้คนหัวสีทอง ไม้ลากกระเป๋าตามมาพร้อมกับจูงแขนไอ้ทัพที่ยังตาปรือมันนอนยาวและก็เหมือนคนยังไม่ตื่นต้องให้ไอ้ไม้ลากคอตลอด
   “วาเดี๋ยวพี่อุ้มเอง” วาที่กำลังจะอุ้มน้ำขึ้นเพราะคนเริ่มเยอะแต่ผมอาสาก่อนตัวแค่นั้นอุ้มน้ำได้ปวดแขนพอดี ก้มลงอุ้มน้ำมือหนึ่งลากกระเป๋า วาที่สะพายหันมายิ้มกว้างแล้วมองหาคนที่จะมารับเพราะแจ้งเวลาไว้แล้ว
   “อ่า พี่โย”จู่ๆวาก็พูดเสียงอ่อยแล้วซุกหน้าลงกับหลังผม หือเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันที่จะถามวาผมก็รู้เลยว่าวาเป็นอะไรก็ไอ้พี่โยเล่นปริ้นรูปวาใบใหญ่ติดป้ายให้คนชูตรงประตูขาออกใครที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับหลุดยิ้ม
   “หึๆเด่นชะมัด” ไอ้ไม้บ่นพร้อมกับยกมือปิดหน้าหนีความจริง ส่วนไอ้ทัพนะเหรอมันยืนปิดตาพิงหลังไอ้ไม้หลับ พวกผมที่ยังอึ้งๆอยู่ที่โยมาตอนรับได้อย่างที่พวกเราจะเดินกลับไปขึ้นเครื่องจริงๆนะ
   “อาโย!!!!!!!!” เจ้าน้ำรีบตะโกนแล้วโบกไม้โบกมือให้โยที่ยืนยิ้มกว้างโบกมือตอบกลับทำให้พวกผมรีบเดินเข้าไปหาคนที่ยิ้มกว้างชูป้ายรอรับพวกผมอยู่
   “พี่ทำอะไรของพี่นะ” วาบ่นเบาๆทั้งที่ยังซุกอยู่กับหลังผม น้ำโผเข้าหาโยที่อ้าแขนรอรับ
ฟอด ฟอด
“น้ำคิดถึงอาโย” คอมโบอ้อนของน้ำทั้งหอมแก้มทั้งกอดคอแล้วซบ โยยิ้มกว้างเมื่อโดนอ้อน
“ป่ะไปกันเถอะมัมรออยู่ที่บ้านแล้ว”
“เก็บป้ายไปเลยนะพี่โย” วาโวยวายเพราะป้ายที่โยเอาชูรอรับมันเด่นซะจนวาอาย
“ไม่ชอบเหรอ” โยถามวาที่พยายามแย่งเอาป้ายจากคนที่มากับโยแต่เหมือนไม่มีความหมายอะไรเพราะวาตัวเล็กกว่าจนวาทำหน้าบึ้งโยถึงบอกให้ลูกน้องเอาป้ายเก็บ ผมลากกระเป๋าพร้อมกับจูงมือวาน้ำคุยจ้อกับโย ส่วนสองคนเพื่อนซี้ก็ลากคอกันตามมา
    “ไอ้ทัพมึงจะนอนอะไรหนักหนาวะ เมื่อคืนไม่ได้นอนรึไง” สงสัยว่าไอ้ไม้คงจะทนไม่ไหวทีต้องคอยลากคนเบลอ
   “อือ กูไม่ได้นอน” มันงัวเงียพยายามสะบัดหัวไล่ความง่วง ผมชักสงสัยแล้วสิว่าทำไมมันไม่ได้นอน โยยิ้มแปลกๆแต่ก็ไม่ได้ไปวอแวอะไรทัพ พอถึงรถเก็บของเรียบร้อยแล้วผมกับวาขึ้นคันที่โยขับ ส่วนสองเพื่อนซี้นั่นขึ้นอีกคัน อ่า ให้ตายเถอะ ไม่เคยตื่นเต้นเท่านี้เลย รถคันหรูเล่นออกนอกเมืองทิวทัศน์จากตึกเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้ากว้างเขียวขจี เต็มไปด้วยวัวและแกะ
   “ว้าววววว พ่อลม น้ำอยากเลี้ยงแกะ” เอาแล้วไงลูกผม
   “ไว้น้ำโตก่อนพ่อถึงจะให้เลี้ยง”
   “น้ำโตแล้วนะ เนาะพี่วาเนาะ” น้ำทำหน้าบึ้งที่ผมว่าแถมยังมีการไปหาแนวร่วมอีก วายิ้มแล้วบีบแก้มป่อง
   “ไว้น้ำสูงกว่าตะวันก่อนละกันนะครับ”
   “เดี๋ยวนะวาแล้วตะวันเกี่ยวอะไรกับลูกพี่ล่ะ”เจ้าเด็กที่โดนน้ำต่อยแถมตอนนี้ยังเป็นเพื่อนซี้กันอีก
   “ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ลม เนาะน้ำ” นี่ก็ไปเนาะกับลูกอีก ได้แต่ส่ายหัวเพราะวาคงไม่บอกอะไรผมแน่ๆ สองคนคุยกันตลอดทาง ผมเลยหันไปคุยกับโยยิ่งใกล้ผมยิ่งรู้สึกใจเต้นแรง โยเลี้ยวรถเข้าประตูรั้วสีขาว ตามแนวรั้วปลูกต้นไม้ใหญ่ อณาเขตรั้วที่กว้างสุดลูกหูลูกตานั่นยิ่งทำให้ผมอึ้งที่โยจัดการมันด้วยตัวคนเดียว ขับผ่านทุ่งหญ้าสีเขียว ทุ่งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่โยบอกไว้ว่าเขาทำฟาร์มด้วยแต่ก็พึ่งเริ่ม จนกระทั่งรถมาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังใหญ่ ผมรู้สึกมือเย็นเฉียบ พวกเราลงจากรถโยให้คนยกกระเป๋าเข้าบ้าน
   “ลูกวา” ทันทีที่วาลงจากรถผู้หญิงร่างเพรียวพุ่งเข้ามากอด
   “มัม” วากอดตอบแล้วร้องไห้ออกมา ผมอุ้มน้ำยืนอยู่ข้าง
   “เป็นไงบ้างลูก มัมคิดถึงหนูมากเลยนะ คนนี้ใช่ไหมที่ลูกไปทำงานด้วย” ผมสะดุ้งเมื่อคุณแม่หันมามองผม อยากจะยกมือไหว้แต่ก็ติดที่อุ้มน้ำอยู่เลยได้แต่โค้งให้  คุณแม่เป็นคนสวยมากมาซะจนไม่คิดว่าจะมีลูกโตเท่าโย
   “สวัสดีก่อนครับลูก” ผมบอกน้ำ เจ้าลูกลิงก็ยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มกว้าง
   “สวัสดีครับ”
   “ตายแล้ว น่ารักจังมิน่าลูกวาถึงไม่ยอมกลับมา” คุณแม่ยกมือบีบแก้มน้ำอย่างที่ทุกคนชอบทำ
   “สวย” เจ้าน้ำยิ้มเขินชมคุณแม่วาซะอย่างนั้น
   “ปากหวานนะมาให้แม่อุ้มหน่อยค่ะ” น้ำแทบจะโผเข้าไปหาทันทีแถมยังซบอีกต่างหาก เอากับความขี้อ้อนของน้ำสิ ได้แต่ยิ้มขำ
   “เข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ เดินทางมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปพักก่อนนะจ๊ะค่อยลงมาทานข้าวเย็นกัน”
   “ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ คุณแม่เพียงยิ้ม
   “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงซะเราก็ครอบครัวเดียวกัน” ผมยิ้มกว้างเหมือนมันจะไม่ได้น่ากลัวเท่ากับที่ผมคิดไว้ วาเดินพาผมขึ้นห้องพอเปิดประตูเข้าไปผมก็รู้เลยว่าเป็นห้องของวา
   “พี่ลมนอนพักก่อนนะครับ เมื่อคืนก็นอนดึกแถมเวลายังต่างกันอีก” มือเล็กของวายกขึ้นลูบใต้ตา ผมยกมือจับมือขาวไว้แนบแก้ม
   “นอนด้วยกันสิ วาก็เหนื่อย”
“แต่ว่าลูก” ผมนั่งลงที่เตียงก่อนที่จะดึงคนที่คิดถึงลูกนั่งตักแล้วกอดเอวบางไว้หลวมๆ
“โยดูแลให้แล้ว” น้ำพอมาถึงที่แรกนึกว่าจะเหนื่อยจนหลับแต่กลับคึกไม่เหนื่อยเลยซักนิดตามติดโยร้องเย้วๆ อยากไปดูแกะ สงสัยกลับไปผมจะได้ทำฟาร์มแกะแน่ๆ
“งั้นก็นอนสิครับ” วาพยายามดิ้นลงจากตักเสียงดุๆนั่นทำอะไรผมไม่ได้เพราะแก้มแดงๆนั่นทำให้ผมอดใจไม่ไหวกดจมูกสูดกลิ่นหอมเข้าปอด
เพี๊ยะ
“เลิกแกล้งวานะ” ผมขำเบาๆก็วาเล่นดุผมแต่ไม่ยอมสบตาแถมยังฟาดหน้าอกผมแรงๆไปที 
“ถ้าพี่แกล้งวาไม่ได้นั่งอยู่แบบนี้หรอก”
ตุ๊บ
ผมล้มตัวลงนอนดึงคนดื้อลงนอนด้วยกันซะเลยวาดิ้นขลุกขลักแปบหนึ่งถอนหายใจแรงก่อนที่จะขยับตัวซุกอกผมนอนนิ่งอยากจะแกล้งอยู่หรอกนะ แต่ผมก็เพลียจากการเดินทางไม่นานผมก็หลับไปพร้อมๆกัน

ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนขยับตัวลืมตางัวเงียจะลุกแต่ก็ติดอ้อมแขนแกร่งที่กอดรัดไว้แน่นจนต้องเสียเวลาแงะออกดูท่าพี่ลมจะเพลียมากหลับลึกขนาดที่ผมแกะมือออกยังไม่ตื่น ลงจากเตียงไปเปิดประตู
“ยังไม่ตื่นเหรอคะ”
“พึ่งตื่นครับมัม” ส่งยิ้มกว้างให้มัม
“งั้นลงไปช่วยมัมทำกับข้าวดีไหมคะ” หันไปมองคนที่ยังหลับอยู่บนเตียงแล้วพยักหน้าตอบตกลง เดินกอดแขนมัมลงไปที่ห้องครัวนี่มันเย็นขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย
“แด๊ดล่ะครับมัม” ผมถามเมื่อไม่เห็นแด๊ดเพราะนี่ก็เย็นแล้วยังไม่เห็นใครกลับมาเลย
“อ้อแด๊ดพาทัพกับไม้ไปดูเขาเก็บมะกอกตั้งแต่บ่ายยังไม่กลับเลยค่ะ” สองคนนั้นตื่นกันตั้งแต่ตอนไหนพี่ทัพนี่เหมือนไม่ได้นอนด้วยซ้ำยังอุตส่าห์ลุกไปเก็บมะกอกได้อีก
“แล้วน้ำล่ะครับ” หยิบผักขึ้นมาหั่นฝีมือการทำกับข้าวของผมเรียนรู้มากจากมัม มัมเป็นผู้หญิงที่สวยและอ่อนหวานคอยดูแลครอบครัวเป็นความอบอุ่นแหล่งพลังงานของครอบครัวมือหยุดหั่นผักแล้วหันไปถามผู้หญิงที่เป็นที่รักของทุกคนในบ้าน
“น้ำเกาะติดพี่โยโน้นล่ะค่ะ” สงสัยว่าพี่โยจะได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มขั้น ขออย่าให้น้ำติดนิสัยแสบๆจากพี่โยมาก็แล้วกันแค่ตอนนี้ก็ฉลาดเป็นกรดแล้ว
“มัมไม่โกรธที่วาหนีไปเหรอครับ” ผมถามเสียงเบามัมลดไฟเตาลงแล้วหันมามองทำให้ผมยิ่งไม่กล้าสบตา
“มัมไม่โกรธหรอกนะคะ วาโตแล้วมัมดีใจนะที่น้องวาได้เจอคนดีๆเจอคนที่จะเป็นครอบครัวของวา” มือสวยที่ลูบผมเบาๆทำให้ผมน้ำตาคลอโผกอดคนที่เลี้ยงดูผมมา
“ขอบคุณนะครับ”
“ขี้แยจังน้า ไปหั่นผักต่อได้แล้วค่ะเสร็จไม่ทันพี่โยจะโวยวายเอานะคะ” ผมหลุดขำเพราะมันเป็นเรื่องจริงทำมื้อใหญ่เสร็จก็พอดีกับแด๊ดและพี่โยพากันกลับมา
“เป็นไงบ้างครับพี่ทัพพี่ไม้” สภาพทั้งสองคนดูไม่จืดท่าทางจะไปร่วมเก็บมะกอกแน่ๆ
“เหนื่อยแต่สนุกมากพี่ว่าอยู่ที่นี่สามวันพี่คงได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะแน่ๆ” พี่ไม้ดูท่าทางจะชอบใจส่วนพี่ทัพเลื้อยลงกับโซฟาดูท่าว่าคงจะโดนพี่ไม้ลากไป
“พี่วา แกะ แกะเยอะไปหมดเลยครับ” น้ำที่พึ่งลงจากแขนพี่โยวิ่งฉิวมาหาพร้อมกับพูดจ้อสงสัยไร่สายลมคงจะได้เลี้ยงแกะแน่ๆ
“งั้นเหรอครับน้ำชอบเหรอครับ”
“น้ำซ๊อบชอบ” ชอบของน้ำนี่น้ำลายแทบเต็มหน้าผมเลยทีเดียว
“งั้นพี่วาว่าน้ำไปอาบน้ำดีกว่าครับ พี่ทำของโปรดให้ด้วยน้า อ้อไปปลุกพ่อลมด้วยนะครับ” พอได้ยินว่าให้ปลุกพ่อลมด้วยน้ำตาลุกวาว ยิ้มร่าจนผมกลัวว่าแก้มจะแตกเอาน้ำพยักหน้ารัวๆแล้ววิ่งขึ้นห้องที่ผมบอกไว้ก่อน
“น่ารักจริงเลยน้าน้ำ” แด๊ดผมก็ดูท่าจะตกหลุมรักความน่ารักของน้ำอีกคนเดินไปหอมแก้มมัมแล้วเดินมาโยกหัวผมแรงๆ
“ไง หนีไปนานกลับมาก็มีลูกซะแล้ว” ไม่ต้องแปลกใจเลยนะครับว่าพี่โยได้นิสัยขี้แกล้งมาจากใคร
“แด๊ด”
“แซวนิดแซวหน่อยก็หน้าแดง เจ้าแสบเอ๊ย” แด๊ดโยกหัวผมแรงๆผมอมยิ้ม แด๊ดขึ้นไปอาบน้ำพี่โยนั่งทีโซฟาเป็นเบาะให้พี่ทัพเอนตัวนอนพิงไหล่หลับไปทั้งๆอย่างนั้น ผมเตรียมตั้งโต๊ะอาหารที่วันนี้ทำมื้อใหญ่ต้อนรับพี่ลม ยังไม่ทันที่จะตั้งโต๊ะเสร็จพี่ลมก็อุ้มน้ำลงมา
“แสบนักนะวา น้ำปลุกซะพี่จุกไม่หายเลยเนี้ย” ผมได้แต่ยิ้มวิธีปลุกของน้ำไม่ว่าใครก็เข็ดทั้งนั้นล่ะ
“เก่งมากครับน้ำ” ไม่ตอบพี่ลมแต่หันไปหอมแก้มป่องเป็นรางวัล
ฟอด
“พี่ลม!!” จู่ๆพี่ลมก็ก้มลงหอมแก้ม ผมร้องลั่นยกมือปิดแก้มไว้มองคนตัวโตที่หาเรื่องแกล้งผมโดยมีน้ำที่ยกมือปิดตาแต่กางนิ้วคืออะไรกัน
“แฮ่ม หวานอะไรเกรงใจฉันบ้างนะลม” พี่โยพูดขึ้นผมได้แต่ทำแก้มพองหมุนตัวเข้าครัวหลบสายตาเจ้าเล่ห์ ผมยกกับข้าวจานสุดท้ายมาวางก็พอดีกับทุกคนลงมาที่ห้องนั่งเล่น
“พี่โยปลุกพี่ทัพก่อนเถอะครับ” บอกพี่โยที่ยังเป็นเบาะให้พี่ทัพนอนพิง พี่โยพยักหน้าก่อนที่จะดีดหน้าผากพี่ทัพเสียงดังทำเอาผมเจ็บแทน   
“โอ๊ยเจ็บนะเว้ย”
“เว้ยเลยเหรอ ตื่นได้แล้วไปล้างหน้าล้างตาแล้วมากินข้าวกัน” แม้จะว่าแต่ไอ้น้ำเสียงอบอุ่นนั่นคืออะไรกัน ได้แต่เบ้ปากเพราะความสองมาตรฐานของพี่ชายตัวเอง ทุกคนนั่งทานข่าวบรรยากาศอบอุ่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มพี่ลมดูเหมือนจะพูดคุยถูกคอกับแด๊ดและพี่โย ส่วนพี่ทัพก็เหมือนจะโดนมัมสนอกสนใจเป็นพิเศษ พี่ไม้บ่นเรื่องพี่นัทโทรมางอแง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้ผมยิ้มกว้าง
“ยิ้มอะไรกันครับ” พี่ลมหันมากระซิบที่ข้างหูพร้อมกับมือที่ถูกกุมไว้
“วามีความสุขครับ” ผมบีบมือตอบกลับเอียงหัวซบไหล่กว้างมองความสุขที่อยู่รอบตัวผม พี่ลมไม่พูดอะไรแต่ผมก็รู้ดีว่าพี่ลมก็มีความสุขไม่ต่างกันกับผม ความสุขที่เรียกว่าครอบครัว

SP Part
ผมแทบไม่ได้นอนเลยยิ่งเร่งเคลียงานแถมผมจัดการงานที่รับทำของพี่เจนทำให้ผมต้องโต้รุ่งทำงานเพราะดันสัญญาไว้แล้ว นั่นล่ะครับทำให้ผมกลายเป็นซอมบี้ให้ไอ้ไม้คอยลากจูง ถามว่าดีใจไหมที่วินาทีนั้นได้เจอพี่โยตอบคือดีใจแต่สังขารผมไม่ไหวแล้วจริงๆแค่มาถึงบ้านวาเนี้ยผมก็ไม่รู้แล้วมาได้ยังไง ยังดีที่ได้นอนแปบหนึ่งก่อนที่ไอ้ไม้จะลากคอผมไปเก็บมะกอก
มะกอกเนี้ยนะ !!!
ถึงจะได้นอนสองถึงสามชั่วโมงก็ไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นเท่าที่ควรแต่ก้ต้องยอมลุกขึ้นไปเก็บมะกอกทีแรกมันผมก็แค่งงแต่พอเข้าไปจริงๆมันกลับสนุกมา โดยเฉพาะไอ้ไม้เนี้ยะ ทีไม่คุ้นขอความรู้จากพ่อพอรู้แล้วมันก็เขย่ากิ่งช่วยเขาเก็บซะงั้น  ผมเลยคึกไม่ดูสังขารตัวเองวิ่งตามไอ้ไม้ไปช่วยอีกแรง คุณพ่อบอกว่าการเก็บด้วยมือต้นทุนสูงแต่เก็บแบบนี้จะดีกว่า จนกระทั่งบอกให้พอนั่นล่ะทั้งผมกับไอ้ไม้ถึงได้เลิกแล้วกับมานอนพิงโซฟาหลับตาเพราะความเหนื่อยที่บ้านพอดีกับที่พี่โยกลับมา
   ตุ๊บ
   “ทำไมดูเหนื่อยจัง” เสียงทุ้มถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆผมปรือตามองนิดหนึ่งก่อนที่จะทิ้งตัวพิงพี่โยแล้วหลับไปทั้งๆอย่างนั้น จนกระทั่งไอ้พี่โยดีดหน้าผากผมแรงๆจนต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา ยังดีที่ผมหิวเกินกว่าจะเอาเรื่องเลยคาดโทษไว้ก่อนแล้วไปล้างหน้าล้างตาตามที่พี่มันบอก  กินข้าวจนอิ่มกับข้าวบ้านวานี่อร่อยจริงๆถ้าผมอยู่นี่เป็นเดือนผมคงอ้วนแน่ๆเพราะชีสอร่อยจริงๆ กินข้าวเสร็จผมก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนแบบซ้อมตายเพราะไปรับปากไว้ผมก็ไม่อยากเสียคำพูด
   “ไปนอนห้องโน้นเลยมึง” ผมที่กำลังจะล้มตัวนอน ไอ้ไม้มันก็เอาตีนมาเขี่ยผมให้ลุก
   “กูต้องไปนอนห้องไหนวะ” ผมงัวเงียลุกขึ้นนั่ง มันดึงตัวแล้วลากผมไปที่หน้าประตูเปิดประตูแล้วผลักผมออกไป
   “เฮ้ย”
   หมับ
   ก่อนที่ผมจะทิ่มก็มีใครมารับไว้พอดี อะไรจะพอดีขนาดนั้นวะ
   “ฝันดีเว้ย” ปัง
   ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรมันก็ปิดประตูแถมยังล็อกห้องเรียบร้อย อ่าวเห้ย ยังไม่ทันเงยหน้ากลิ่นอาฟเตอร์เชฟก็ทำให้ผมรู้ว่าใครเพราะกลิ่นมันยังติดอยู่ในความทรงจำ
   “ปล่อยได้แล้วน่า” นานแล้วนะยังไม่ยอมปล่อยเขาอีก
   “ไปนอนห้องพี่”
   “ห๊ะ ดะ..เดี๋ยวนะ ทำไมต้องห้องพี่วะ” ผมพยายามขืนตัวเองไว้
   “พูดจาไม่น่าฟัง” ตรงไหนกันฟระ ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงต้องเงียบเพราะคุณพ่อเปิดประตูออกมาพอดี เห้ย ผมพยายามดึงมือพี่โยออกนี่มือคนหรือปลาหมึกวะ 
   “ทำอะไรกันอยู่นะ” เสียงเข้มทำให้ผมมีสติพยายามสะกิดให้พี่โยปล่อยมือทั้งแงะทั้งหยิก
   “พาคนไปนอน” ฮืออแล้วจะบอกทำไม ผมอ้าปากค้างมองคุณพ่อกับไอ้พี่โยสลับกัน
   “หึๆคนนี้เหรอ น่าแกล้งดีนะ”
   “แด๊ดห้ามแกล้งนะนี่ของผม” ไอ้พี่โยคว้าตัวผมไปกอดแต่การที่พูดแบบนี้หมายความว่าไงกัน
   “น้องงงหมดแล้วนั่น ฝันดีนะ หึๆ” คุณพ่อว่าขำๆแล้วเดินลงไปข้างล่าง ผมได้แต่ยืนงงอยู่ในอ้อมแขนพี่โย และผมก็โดนลากเข้าห้องรู้ตัวอีกทีก็อยู่ในห้องไอ้พี่โยแล้ว เห้ย!! กูพลาด
**********************************************************************
แค่กๆ คนเรามักจะพลาดตอนสำคัญ ฮ่าๆ
เรื่องนี้หลังจากนี้อีกสองตอนก็น่าจะจบแล้ว
จะมีตอนพิเศษของไม้กับทัพนะคะ ส่วนพี่ลมนั้น
สำลักความหวานค่ะ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเม้นต์ มาอ่านนะคะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่30 7/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-11-2017 21:15:07
มุ้งมิ้งจังเลย อบอุ่นมากๆ  :man1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่30 7/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-11-2017 21:56:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่30 7/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-11-2017 15:00:21
เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและน่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่30 7/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-11-2017 19:43:45
น่ารักมากมาย :L2:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่31 14/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 14-11-2017 17:17:33
“ผมจะกลับไปนอนห้องโน้น” ผมพยายามหาเรื่องหนีตอนนี้ผมตื่นเต็มตาอยากหนีกลับไปนอนห้องโน้นใจจะขาดก็สายตาพราวระยับกับเรื่องที่พี่โยบอกคุณพ่อไปแบบนั้นยิ่งทำให้ผมไม่กล้าอยู่ด้วย แถมไอ้เรื่องที่คุยก่อนหน้านี้
   “นอนนี่ล่ะอย่าคิดหนีลงไปนอนเลย” เผลอขยับถอยหนีมือที่จะมาจับตัวเขา ยิ่งทำให้พี่โยยิ้มกว้างรีบคว้าเอวผมไว้ทุ่มโยนลงเตียงพร้อมกับร่างหนาที่ล้มลงทับผมจนจุก
   “เจ็บนะไอ้พี่โย” พยายามดันไหล่หนาที่ทับเขาอยู่ครึ่งตัว เสียงหัวเราะลำคอยอมลงไปนอนข้างๆดีๆพร้อมกับแขนที่รัดเอวผมแน่น ลมหายใจที่รดซอกคอยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนผ่าวแปลกๆพยายามขยับตัวหนีแต่ก็หนีไม่ได้จะรัดเขาแน่นไปไหน
   “คิดถึง” ถ้อยคำที่ทำให้ผมยอมหยุดนอนนิ่งพลิกตัวหันไปสบตาคมนิ่งแววตาจริงจัง ห้ามรอยยิ้มตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ รู้เลยว่าตอนนี้ผมคงจะยิ้มกว้างแน่ๆ
   “ผมก็เหมือนกัน” ได้อยู่ใกล้ชิดสัมผัสได้ถึงไออุ่นลมหายใจ พึ่งรู้ว่าคิดถึงมากก็ตอนที่ได้เจอหน้ากัน  เอียงหน้าซบลงกับมือหนาที่ลูบแก้มเขาอยู่ ในห้องมีเพียงแต่ความเงียบ รับรู้เพียงใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจ ก่อนที่ริมฝีปากจะแนบชิดแตะเพียงแผ่วเบาจนเขาเป็นฝ่ายผละออกก้มหน้าหนีสายตาคมที่มองอยู่ ให้ตายเหอะ เพียงแค่จูบเล็กๆเหมือนเด็กประถมแต่ทำไมหัวใจผมถึงเต้นแรงจนกลัวอีกคนได้ยินเสียงตอนนี้เหมือนทั้งห้องอบอวนไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้ผมอาย
   “หึๆ” เสียงหัวเราะในลำคอพร้อมกับอ้อมแขนที่รัดแน่นขึ้น “น่ารักจริงๆเลยน้า” พี่โยพึมพำแล้วก้มลงหอมแก้มผมซ้ายขวา
   “เลิกนัวเนียซักทีได้ป่ะ” พยายามที่จะดันตัวคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงไม่เลิก
   “นอนๆก่อนที่พี่จะไม่ให้นอน” รีบหลับบตานอนนิ่ง ไม่ได้กลัวนะเว้ย แค่ง่วง มือใหญ่ที่ลูบหลังไปม่ยิ่งทำให้ผมหลับเร็วขึ้น คืนนี้ผมคงนอนหลับฝันดี
   ผมตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นพี่โยอาจจะตื่นไปทำงานแล้วก็ได้ ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่าง เห็นเพียงคุณแม่ที่นั่งถักนิตติ้งอยู่ตรงโซฟา
   “ตื่นแล้วเหรอคะลูก”
   “อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่” คุณแม่ยิ้มรับไหว้แล้วตบเบาๆที่โซฟา ผมทำหน้างงก่อนที่จะเดินไปนั่งลงข้างๆ คุณแม่ส่งยิ้มละมุนที่ทำให้ผมยิ้มตาม
   “ตาโยนี่ตาแหลมนะ เหนื่อยหน่อยนะลูก ลูกชายมัมนะได้นิสัยแด๊ดมาเต็มๆ ขี้แกล้งก็ที่หนึ่ง เอาแต่ใจอีก” มือสวยยกขึ้นลูบหัวผมพร้อมกับคำพูดที่ทำให้ผมน้ำตาคลอ
   “อ่าวตาโยไม่ได้บอกเหรอว่าตาโยบอกแม่หมดแล้วตั้งแต่กลับมาจากไทยแล้ว มัมรู้แล้วตาโยแกล้งไม่บอกใช่ไหมคะ” ผมพยักหน้าหงึกหงักใช่ไอ้พี่โยมันไม่ได้บอกอะไรผมเลยด้วยซ้ำ ปล่อยให้ผมเหวออยู่คนเดียวเนี้ย
   “พี่โยนี่ชอบแกล้งผมตลอดเลยครับคุณแม่ ตั้งแต่ไปหาน้องวาที่ไทยแล้วครับ แถมยังตามไปแกล้งผมด้วยนะครับ” ได้ทีผมก็ฟ้อง คุณแม่ยิ้มขำแถมเล่าเรื่องแสบๆของพี่โยให้ผมฟังจนลืมไปว่ายังไม่ได้กินข้าว
   “มัมผมไหม้แล้วครับ หิวหรือเปล่า” พี่โยที่มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้กอดคอผมต่อหน้าคุณแม่แถมถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นซึ่งผมก็หิวทันทีที่ถาม
   “อืม ก็หิวนิดๆครับ” หันไปบอก
   “ตายแล้วมัมก็ลืมไป พาน้องไปกินข้าวเถอะค่ะพี่โย” พี่โยหันไปหอมแก้มคุณแม่แล้วจูงมือผมไปที่ครัว
   “แล้วพวกพี่ลมล่ะพี่โย” มัวแต่คุยกับคุณแม่เลยลืมที่จะถาม
   “อ้อ พี่ลมกับเจ้าแสบพาน้ำไปดูแกะส่วนไม้เห็นหนีไปดูโรงงานแปรรูปของพี่นะ” ผมพยักหน้า
   “เห็นทีกลับไปคงได้เลี้ยงแกะแน่ๆ” ผมว่าก่อนที่จะรับจาน
   “จะกลับจริงๆเหรอ” แม้จะพูดเบาๆแต่ผมก็ได้ยิน เพราะอยู่กันเพียงสองคน
   “กลับครับ แต่ว่า....ผมก็อยากอยู่ที่นี่นะ” ต่างคนต่างเงียบผมก้มหน้าตั้งตากินข้าว เสร็จก็ยกไปล้างเรียบร้อยพี่โยยังนั่งรอไม่ยอมลุกไปทำงาน
   “ป่ะไปกับพี่” ยังไม่ทันที่จะได้ย่อยพี่โยก็ลากแขนผมขึ้นรถขับออกไปที่ไร่ ทุ่งหญ้าสีเขียวสุดลูกหูลูกตา มีแกะสีขาววิ่งอยู่บนทุ่งหญ้าให้ตายเถอะที่นี่สวยชะมัด ไร่ใหญ่ขนาดนี้พี่โยดูแลหมดได้ยังไง พอๆกับพี่ลมเลย ทั้งไอ้ไม้และพี่ลมต่างดูแลทุกอย่างได้อย่างไร้ที่ติ
   “ไร่มะกอก??”
   “ใช่ เดี๋ยวจะพาไปดูที่ทำงานพี่ต่อ” ผมพยักหน้าเดินตามพี่โยไปที่สวน  ที่กำลังใช้เครื่องเขย่ากิ่งต้นมะกอกใต้ต้นปูผ้ายางรองรับผลมะกอกที่ร่วงลงพื้นแล้วคนงานจะเป็นคนเก็บมะกอกทั้งหมด พี่โยเล่าว่าแต่ก่อนไม่ได้ใช้เครื่องมือแต่ใช้แรงงานคนแต่ถึงจะใช้เครื่องมือแต่ก็ต้องใช้แรงงานคนอยู่ดี ขายได้ทั้งผลสดและการแปรรูปซึ่งพี่โยทำครบวงจรเพราะงั้นสินค้าที่ออกไปเลยเป็นผลผลิตแปรรูป
   “พี่นี่เก่งจัง”
   “แน่นอนสิ ก็พี่เป็นแฟนทัพนิ” เดี๋ยวนะ ฟะ..แฟน ผมไปตกลงกับพี่มันตอนไหนกันวะ
   “ไม่ใช่ซักหน่อย”
   “งั้นเป็นแฟนกันนะ” อะไรคือการขอเป็นแฟนท่ามกลางเครื่องจักรที่กำลังทำงานและคนงานที่กำลังเก็บมะกอกที่เหมือนจะหยุดมือแอบมองเราสองคน ผมที่ยืนอึ้งอยู่กับพี่โยที่ยืนยิ้มมองผมอยู่ โคตรโรแมนติกและมีสักขีพยานเป็นสิบ โคตรไม่เหมือนใครเลยเหอะ ไม่รู้จะบอกความรู้สึกตัวเองตอนนี้ยังไงดี จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้ ยิ่งผมนิ่งไอ้คนชอบแกล้งก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ คิดจะทำอะไรของพี่มันวะ ผมขยับตัวถอยห่าง
   “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะเว้ยพี่โย” รีบยกมือขึ้นห้ามเมื่อระยะห่างหน่อย ให้ตายเหอะ คิดยังไงมาขอเป็นแฟนกันตรงนี้วะ
   “ตอบคำถามพี่มาทัพ” แล้วทำไมต้องกดดันผมด้วยวะ ไหนจะสายตาอีกสิบๆคู่ ที่จ้องอยู่
   “แล้วมาขอกันตอนนี้นี่นะ” ผมว่าเรื่องผมกับพี่โยมันเกินกว่าที่จะขอมาเป็นแฟนกันแล้วเถอะ
   “ตอนนี้ล่ะดี มีสักขีพยานเยอะแยะ” ไอ้คนด้าน ไอ้คนขี้แกล้งได้แต่ด่าในใจเพราะขืนด่าไปตรงๆผมได้โดนแกล้งหนักกว่านี้แน่ๆ แม้สีหน้าพี่โยจะดูยิ้มๆแต่ผมก็เห็นว่าแววตาพี่โยมันแฝงความหวาดหวั่นไม่ต่างกับผม ที่ถ้าหากตัดสินใจคบกันอนาคตเราจะเป็นยังไงระยะห่างที่มันไม่ใช่ใกล้ๆ
   จะลองเสี่ยงไหม
   จะผิดหวังอีกหรือเปล่า
   เจ็บปวดครั้งนี้ผมจะทนได้ไหม
   อาจจะหลงตัวเองไปหน่อยแต่ผมก็มั่นใจที่สุดคือความรู้สึกของทั้งผมและพี่โย นิ่งเงียบจนคนหน้านิ่งเริ่มหวั่นใจ ผมยิ้มก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ
   “ที่พยักหน้านี่แปลว่า...”
   “ก็อืมไง” บอกไปเสียงเบา
   “อืมนี่ตกลงไม่ตกลง หือ” ยังไม่เลิกแกล้งผมอีกเหรอ
   “ก็ตกลงไงเล่า” ไอ้คนขี้แกล้งเอ๊ย สุดทนเลยตะโกนใส่หน้าใบหน้าคมค่อยๆยิ้มกว้างแล้วพุ่งเข้ามากอดผมแน่นท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของคนงาน โอ๊ย ให้ตายเหอะผมไม่น่าตกหลุมไอ้พี่โยเลยเหอะ
   “ขอบคุณๆ ทุกคนเป็นพยานให้ผมนะว่าตกลงเป็นแฟนกับผมแล้ว” ยังมีหน้าไปขอให้เป็นพยานอีก โอ๊ยอยากจะหนีติดที่ว่ากุญแจรถอยู่กับพี่โยแถมถ้าจะกลับผมก็กลัวหลง
   “เลิกแกล้งผมได้แล้วทำงานไปเลยไป๊” ดันหลังพี่โยที่หน้าระริกระรี้เกินปกติจนผมอยากถอดคำพูดคืนแต่ผมก็คงไม่ต่างกัน หลังจากการขอเป็นแฟนแบบหน้าด้านๆกลางไร่มะกอกเที่ยงกว่าๆพี่โยก็พาไปกินข้าวแล้วขับเลยไปที่ฟาร์มต่อ
   “ไงพี่ลม ดูงานก่อนที่จะเปิดฟาร์มเลี้ยงแกะเหรอ” เดินเข้าไปทักพี่ลมที่กำลังคุยกับคนเลี้ยงอย่างจริงจัง
   “กูว่าคงได้ทำจริงๆวะ ดูน้ำดิ” ผมหันไปมองน้ำที่วาดูแลอยู่ กำลังเล่นกับลูกแกะอยู่
   “พี่ได้งานเพิ่มแล้วล่ะ ไอ้ไม้ล่ะยังไม่เห็นหัวมันแต่เช้าเลยเนี้ย”
   “มันไปมุดหัวอยู่โรงงานกับพ่อวานั่นล่ะ” ผมขำที่พี่ลมบ่นๆไอ้ไม้แต่ก็ภูมิใจน้องล่ะสิ
   หมับ
    “สนใจพี่บ้างสิ” เหมือนจะมีคนงอแงเรียกร้องความสนใจจริงๆนี่กลับไปเป็นเด็กเท่าหลานเหรอวะ
   “พี่โยไปหาหลานสิไหนบอกว่าจะมาหาหลาน” พยายามแงะมือที่กอดเอวผมแน่นพร้อมกับคางที่วางอยู่บนไหล่
   “ยังไงสองคนนี้” พี่ลมชี้ไปชี้มาระหว่างผมสองคน
   “แฟนไง” พี่โยตอบพร้อมกับหยักคิ้วกวนๆส่งให้พี่ลมแล้วร้องเรียกวาเสียงดัง
   “อะไรของพี่ห๊ะพี่โย วาจะไปดูน้ำ” วาบ่นคนที่ยังกอดเอวผมแน่น
   “ยกมือไหว้พี่สะใภ้เร็วเจ้าแสบ”
   “ห๊ะ!!!” พึ่งเคยได้เห็นวาอุทานอ้าปากค้าง มองเราทั้งคู่อึ้งๆ ก่อนที่จะยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้ผม
   “สวัสดีครับพี่สะใภ้” ทำไมผมโดนรุมวะ พี่ลมกับไอ้พี่โยหัวเราะแล้วตีมือกันวายิ้มกว้างพุ่งมากอดผม
   “น้ำกอดด้วย” น้ำเห็นผมกับวากอดกันก็วิ่งมากอดกลายเป็นผมโดนทั้งวาทั้งน้ำกอดแน่น
   “วายินดีที่พี่ทัพมาเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ” รอยยิ้มจริงใจทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้
   “เดี๋ยวๆเกินไปแล้ว” ทั้งผมและวาต่างโดนแยกออกจากกันโดยผู้ชายขี้หึง ขี้หวงกับเรื่องไร้สาระทั้งสองคน ทั้งๆที่ผมกับวาไม่มีอะไรเลยยังจะหวงอีกได้แต่ถอนหายใจ
   “จะมากอดอะไรนักหนาเล่า” ถึงจะปากจะบ่นแต่ผมก็ไม่ได้ขยับตัวหนี ก็มีคนกอดแบบนี้ก็ดีกว่าอีกอย่างพรุ่งนี้เราก็จะกลับแล้ว อยากจะตักตวงความรู้สึกนี้ไว้ก่อนที่จะจากกัน
   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นครับ”
   “ถ้ากลับไปแล้ว.....” ผมพูดได้แค่นี้ก็เหมือนมีอะไรมาจุกคอเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่ต้องห่างกัน
   “อยู่กับพี่ที่นี่สิ” ใจผมก็อยากอยู่ที่นี่แต่ที่ไร่สายลมก็ให้อะไรผมมากมายเหลือเกิน ทั้งที่อยู่และครอบครัวที่ผมขาดหายไป แต่หัวใจของผมก็อยู่ที่นี่
   “ไม่ได้หรอกนะครับ” ที่ไร่สายลมก็เป็นบ้านผม
   “มึงก็อยู่ไร่ครึ่งปี อีกครึ่งปีก็มาอยู่ที่นี่ดิวะ” แล้วไอ้พี่ลมก็ทะลุกลางปล้องบอกทางแก้ปัญหาที่ดูเหมือนพี่โยจะเห็นด้วย
   “ก็ดีนะ เอาแบบนี้ดีไหมครับ” ถามขึ้นทั้งๆที่ตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ดูท่าผมคงไม่มีทางเลือก พี่โยหันไปแกล้งหลานโดยมีวาคอยห้ามปรามผมเลยเดินเข้าไปหาพี่ลม
   “จะดีเหรอพี่”
   “ทำตามที่ใจมึงต้องการเลยมึงก็เหมือนน้องกูคนหนึ่ง” มือหนาตบที่ไหล่ผมเบาๆ
   “แล้วเรื่องที่ทำงานล่ะครับ”
   “ห่วงอะไรมากมายวะ ไอ้ไม้มันจัดการได้อยู่แล้ว กลับไปกูก็มีแผนที่จะเลื่อนขั้นคนงานอยู่แล้วเพราะงานมันเยอะขึ้นแน่ๆ พวกกูไม่เหนื่อยหรอก”
   “ขอบคุณนะพี่ลม”
   “เกรงใจอะไรคนครอบครัวเดียวกัน” ผมยิ้มกว้าง ใช่คนในครอบครัว ยืนคุยกับพี่ลมไม่นานวาก็อุ้มน้ำหน้าบึ้งกลับมา
   “เป็นอะไรครับ” พี่ลมถามเสียงนุ่ม โอ๊ยยคู่นี่ยิ่งนานวันยิ่งหวาน
   “พี่โยกวนวา คอยดูนะวาจะฟ้องมัมซะให้เข็ด พี่ทัพไม่ต้องยอมพี่โยนะครับ” วาเริ่มหาพวกพี่ลมขออุ้มน้ำแล้วลูบแก้มวาคงดีใจที่เห็นน้องร่าเริงได้ขนาดนี้
   “กลับกันเถอะมัมบอกว่าจะทำปาร์ตี้บาร์บีคิวตอนเย็น” พี่โยที่พึ่งคุยโทรศัพท์เสร็จเดินมาหา วายังงอนจูงมือพี่ลมเดินผ่านหน้าไปขึ้นรถ ผมได้แต่ขำกับอาการงอนของวา
   “ป่ะ กลับบ้านกัน” พี่โยกุมมือจูงไปขึ้นรถขับกลับบ้านหลังจากที่ตลอนมาทั้งวัน ทันทีที่ถึงบ้านผมก็ขอตัวไปอาบน้ำพร้อมกับเอาน้ำไปด้วยเพราะไอ้พี่โยวอแวที่จะอาบน้ำกับผมอ้างว่าเป็นแฟนกัน ให้ตายเหอะคืนนี้ผมจะไว้ใจได้ไหมเนี้ย

   “มาครับผมช่วย”  ลมเดินเข้าไปในครัวทั้งๆที่มันเป็นสถานที่ต้องห้ามเพราะเห็นคุณแม่กำลังวุ่นอยู่ในครัว
   “ช่วยได้นะคะ ไม่ใช่พังครัวมัมนะคะ” ได้แต่เกาหัวแก้เขินคนรักเขาคงจะเผาจนไหมแล้วสินะ
   “ก็ถ้าช่วยหยิบจับคงได้ครับ” หัวเราะแห้งๆเอ่ยปากบอกงานที่ตัวเองที่พอจะช่วยได้ตอนนี้เขาช่วยได้เท่านี้ล่ะหลังจากที่วาช่วยสอนทุกอาทิตย์ หั่นผักผั่นหมูให้ยังคงเป็นผักและไม่กลายเป็นหมูสับไปซะก่อน
   “งั้นล้างผักให้มัมทีนะคะ” ผักกองโตที่ทำเตรียมไว้ผมเลยยกไปล้าง
   “อ่าวพี่ลม” เสียงหวานๆแปลกใจเมื่อเห็นร่างสูงก้มๆเงยๆล้างผักอยู่ในครัว
   “น้องวาช่วยมัมทำสลัดมันฝรั่งทีค่ะ” ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันมัมก็ให้วาช่วยงานซะก่อน เขาล้างผักเสร็จเรียบร้อยเลยหันไปดูวาทำ เวลาที่วาทำกับข้าวยิ่งทำให้วาดูน่ารักอ่อนหวาน
   “ให้พี่ช่วยไหม”
   “พี่ลมช่วยบดมันฝรั่งให้วาก็ได้ครับ” รับชามที่ใส่มันฝรั่งต้มสุกใช้ซ้อมกดแรงๆ ให้ละเอียด
   “ใช้ได้ไหมครับ” หันไปถามคนรักหลังจากบดจนคิดว่ามันน่าจะพอ วาหันมาดูแล้วพยักหน้าพอใจ
   “ใช้ได้ครับ เดี๋ยววาทำต่อเอง”
   “ไม่เอาอ่ะพี่อยากทำ สอนพี่หน่อยสิ” จริงๆอยากอยู่ใกล้วาอีกนิด อยู่ที่นี่ผมเกรงใจพ่อกับแม่วาเลยลดการนัวเนียน้องลงถึงน้องจะนอนห้องด้วยกันก็เถอะ วายกยิ้มแล้วตั้งหน้าตั้งตาสอน ที่มันทำง่ายเองนี่น่าใส่เพียงมายองเนสกับเกลือ
   “พี่ลมคลุกให้เข้ากันก็เสร็จแล้วครับ”
   “พี่ก็เก่งนะเนี้ย”
   “แค่สลัดนี่นะครับ” วาส่ายหน้า นี่กลับมาบ้านแล้วรู้สึกว่าวาจะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
   “กล้าว่าพี่เหรอ” ผมขยับเข้าไปใกล้แล้วยกมือขึ้นจี้เอวบางจนวาดิ้นหนีมือผมใหญ่
   “ฮ่าๆ โอ๊ยๆ พี่ลมพอแล้ว”
   “คิกๆ” เสียงหัวเราะเล็กๆทำให้ผมหยุดชะงักแกล้งน้องจนลืมไปเลยว่ามีใครอีกคนในครัว
   “น่ารักกันจังเลยนะคะ” คุณแม่แซววาก็ก้มหน้าซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อเดินหนีไปหาคุณแม่ซะงั้น ส่วนผมก็ได้แต่ลูบคอแก้เก้อ เอาจริงๆก็เขินเหมือนกันนะครับ
   “เห็นอย่างนี้มัมก็สบายใจ เดี๋ยวยกไปที่โต๊ะข้างนอกเลยก็ได้ค่ะ เสร็จหมดแล้ว” ผมรีบยกของออกไปที่โต๊ะ ข้างนอกลูกชายผมคอยวิ่งตามอาทัพที่กำลังจัดโต๊ะ โยเป็นคนจุดไฟ
   “พ่อลมมมมม น้ำไม่อยากกลับเลย” น้ำวิ่งมากอดขา
   “ไม่อยากกลับไปเลี้ยงแกะรึไงหือ” พอเห็นลูกชอบผมก็อดไม่ได้ที่จะตามใจ อีกอย่างในเมื่อจะทำท่องเที่ยวมาเกี่ยวด้วยแล้วถ้าเลี้ยงแกะก็ดี
   “จริงนะพ่อลม น้ำจะเลี้ยงน้ำจะเลี้ยง” น้ำร้องดีใจวิ่งไปบอกคนนั้นทีคนนี้ทีจนผมต้องรีบเอาของไปวางแล้วอุ้มน้ำขึ้นมา
   “ถ้าจะเลี้ยงลูกต้องตั้งใจเรียนแล้วดูแลมันดีๆนะ สัญญากับพ่อได้ไหมครับ”
   “ได้ๆๆน้ำสัญญาเลยครับพ่อลม” น้ำพยักหน้ารัวจนผมต้องจับหัวเล็กๆนั่นไว้ กลัวคอลูกเคล็ด
   “งั้นกลับไปก่อนนะพ่อจะทำให้”
   “เย้ รักพ่อลมที่สุดเลย”
   “บอกรักอะไรกันครับสองพ่อลูก” วาที่ถือของออกมาทันได้ยินน้ำร้องบอกรักผม
   “น้ำรักพี่วาน้า ไม่น้อยใจนะ โอ๋ๆๆ” กลัวพี่สุดที่รักน้อยใจน้ำรีบโผเข้าไปหาแล้วซุกไซร้ออดอ้อน จนวาขำ
   “อ่าวๆรักกันอยู่แค่นั้นรึไง” ไอ้ไม้ที่พึ่งเดินออกจากบ้าน มันไปดูโรงงานทั้งวันเอาจริงเอาจังซะจนผมคิดว่ามันไม่ได้มาพักผ่อนแต่มาดูงาน
   “โอ๋ๆ น้ำรักอาไม้น้า” เพราะทนเสียงบอกรักของน้ำไม่ไหว มันเดินมายืดแก้มน้ำ
   “อาก็รักนะไอ้ลูกน้ำ” 
   “อะไรกันน้ำไม่รักอาเหรอ” ทัพส่งเสียงงอนๆมา น้ำดิ้นลงจากแขนวายืนบนสนามหญ้าแล้วกวักมือให้พวกผมนั่งลง
   ฟอด
   ฟอด
   ฟอด
   ฟอด
   “ลุงโยนั่งลงมาเลยนะครับ” น้ำหอมแก้มพวกผมคนล่ะครั้งแล้ววิ่งไปหอมแก้มทัพที่นั่งลง เหลือก็แต่โยที่แกล้งหลานไม่ยอมนั่งจนน้ำพองลมแก้มป่องถึงยอม
   ฟอด
   “น้ำรักทุกคนเล๊ย” ทุกคนยิ้มกว้างโดยเฉพาะผมและไอ้ไม้เด็กน้อยที่พวกเราเลี้ยงดูเติบโตขึ้นถึงจะขาดแม่แต่น้ำกลับน่ารักและเป็นที่รักของทุกคนเท่านี้ผมก็พอใจแล้ว เดินเข้าไปอุ้มลูกชายตัวน้อยที่โตขึ้นทุกวันขึ้นหอมแก้มคืนบ้าง
   “คิกๆ จักกระจี้ คิกๆพ่อลม” มั่นเขี้ยวแก้มขาวนี่จริงๆ ฟัดจนน้ำดันหน้าผมออก
   “พอแล้วพี่ลมเดี๋ยวลูกก็ละเมอตอนนอนหรอกครับ” วารีบมาห้ามเพราะน้ำหัวเราะจนหน้าแดงไปแล้ว พอดีกลับคุณพ่อคุณแม่เดินออกมาพร้อมกับเนื้อบาร์บีคิว
   “เล่นอะไรกันนะคะ”
   “น้ำบอกรักทุกคนครับ คิกๆ”
   “ต๊ายน่ารักจริงๆเชียวไปทานข้าวกันค่ะ” น้ำรีบโผไปซบคุณแม่ทันที ทัพกับโยหันไปคุมเตาปิ้งย่าง ไอ้ไม้ก็นั่งคุยกับคุณพ่อเป็นเรื่องเป็นราว ท่าทางกลับไปโรงงานคงได้มีโปรเจคใหม่แน่ๆ ผมกุมมือวาไว้แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ ครอบครัวผม นี่คือครอบครัวผมที่ใหญ่ขึ้นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแล้วสำหรับผม
***************************************************
ทำไมพอบอกว่าจะจบแล้ว รู้สึกใจหาย  :hao5:
ฮืออออ ตอนหน้าแล้วอ่ะ พอเขียนแล้วยิ่งเขียนตอนจบไม่ออก
 :katai1: ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
เป็นกำลังใจที่สำคัญมากที่ทำให้เขียนเรื่องนี้
ขอบคุณจริงๆค่ะ
ปล.อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
ปลล.สามารถติดตามข่าวคราวได้ที่หน้าเพจนะคะ ถึงจะไม่ค่อยอัพเท่าไหร่ก็เถอะ 5555
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่31 14/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-11-2017 18:11:14
อบอุ่นมากมาย o13
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่31 14/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-11-2017 18:52:45
มีความสุขกันทุกคู่ละ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่31 14/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 14-11-2017 19:56:16
พอจะจบคนอ่านก็ใจหายนะืทุกอาทิตรอติดตาม  พี่ลมนี้คือคนในฝันเลยจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่31 14/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-11-2017 21:45:24
 :pig4:  เพิ่งตามอ่านได้ไม่นานจะจบซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่31 14/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-11-2017 23:18:54
น่ารักมากมายเลยครอบครัวนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 19-11-2017 13:49:03

   เวลาพักผ่อนมักจะหมดไปเร็วเสมอ วันนี้ก็วันสุดท้ายแล้ววาแทบจะทำตัวติดกันกับคุณแม่เลยทีเดียวพ่วงด้วยเจ้าน้ำที่วิ่งทำโน้นทำนี่ด้วย วันนี้ตกลงกันว่าจะพักผ่อนไม่ออกไปไหนนั่งมองวาเดินเข้าออกครัวเป็นว่าเล่น เหลือไม่อีกชั่วโมงผมอยากให้วาอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด และผมมีความคิดที่จะให้วากลับมาเยี่ยมบ้านอยู่แล้ว
   “เดินตามอะไรกันหนักหนา หือ เจ้าลูกหมู” หลังจากที่ปล่อยให้วิ่งตามมาหลายรอบจนลายตาไปหมดแล้ว
   “น้ำจะถักเสื้อกับคุณยาย”
   “ครับ ตามสบายเลยครับ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ผมก็ลุกเดินตามออกไปทีสวนข้างนอกวานั่งข้างคุณแม่ถักไหมพรมมีน้ำนั่งจุมปุกอยู่บนเสื่อปากเล็กๆนั่นถามโน้นถามนี่ไม่หยุด
   “ถักอะไรกันนะครับ” นั่งลงที่เสื่อแล้วหันไปถามวา
   “วาจะถักผ้าพันคอไว้ให้พี่โยกับแด๊ด ทุกปีวาจะถักให้” รอยยิ้มน้อยๆแต้มใบหน้าเนียน ท่าทางที่ความสุขแผ่กระจายออกมาทำให้ผมมีความสุขร่วมไปด้วย
   “ถักให้พี่ลมด้วยสิคะลูก” เปิดช่องให้อย่างนี้ผมก็หันไปสบตากลมที่รีบหลบตาแล้วบอกคุณแม่เสียงเบา
   “เดี๋ยววาถักให้ตอนกลับไปครับ” ให้ตายเถอะผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างถ้าอยู่ที่บ้านผมคงดึงวาเข้ามากอดแล้ว พอเห็นหน้าแดงๆของวา ทั้งผมกับคุณแม่ต่างยิ้มให้กับอาการน่ารักของวา
   “คุณแม่ไปเที่ยวที่ไร่ผมได้ตลอดเลยนะครับ” ผมหันไปบอกคุณแม่
   “มัมก็อยากไปนะคะ แต่ว่าต้องถามสองคนโน้นล่ะคะ” คุณแม่พยักหน้าไปทางประตูโยกับคุณพ่อกลับมาพร้อมกับสองเพื่อนซี้ที่ยังตลอนเที่ยวอยู่
   “มากันพอดีเลยไปกินข้าวกันค่ะ”
   “เดี๋ยววาตามไปนะครับ อีกนิดก็เสร็จแล้วเดี๋ยวไม่ทัน”
   “น้ำไปกินข้าวกับอาไม้นะครับเดี๋ยวพ่อลมตามไปนะ”
   “เร็วๆน้าพ่อลม พี่วา” น้ำโผไปให้ไม้อุ้มเข้าบ้านคุณพ่อคุณแม่บอกเพียงแค่ว่าจะให้คนยกออกมาให้ ผมนั่งมองวาที่ตั้งอกตั้งใจเร่งมือถักผ้าพันคอสีเข้มขยับเข้าไปใกล้แล้วเอนหัวซบหัวเข่าเล็กที่สะดุ้งทันที
   “นิ่งๆน่าพี่ของหน่อยนะครับ”
   “พี่ลมอ้อนผมเหรอครับ” เดี๋ยวนี้ชักจะกล้าใหญ่
   “อยากให้พี่อ้อนกว่านี้ไหมล่ะ” ใบหน้าคมยิ้มเจ้าเล่ห์ไหนจะแววตาวิบวับที่ทำให้วาก้มหน้างุด เพราะรู้ความหมายของสายตานั้นดี จะอะไรนอกจากหาเรื่องรังแกวา เมื่อเห็นคนรักเงียบแถมยังหน้าแดงระเรื่อนั่นอีก ลมก็ไม่คิดที่จะกระเซ้าเย้าแหย่ให้คนรักเขินอายกว่านี้ เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านพ่อแม่วาให้กลับถึงบ้านก่อนเถอะจะรังแกซะให้สมกับที่ผมอดทนเลย
   “พี่ลมคิดอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหมครับ” นี่ออกหน้าออกตาขนาดนั้นเลยเหรอเนี้ยผมคงต้องเก็บอาการหน่อยแล้ว
   “เปล่าซักหน่อย ใกล้เสร็จรึยังครับ”
   “อีกนิดครับ พี่ลมหิวไปกินก่อนก็ได้นะครับ” น้ำเสียงห่วงใยทำให้ผมยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าพิงเข่าเหมือนเดิม
   “พี่อยากอยู่กับวา” วาไม่ได้ตอบกลับ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อปล่อยให้วาทำงานไปผมก็พักสายตา ไม่นานวาก็ทำเสร็จ เราสองคนลงมือกินข้าวที่คุณแม่ให้คนยกออกมาให้
   “เดี๋ยวพี่ยกเข้าไปเองวาเก็บของเถอะ” ผมรีบแย่งถาดจานมาถือ พอเข้าบ้านผมก็เดินเข้าไปในครัววาเดินไปหาทุกคนที่นั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นเก็บถ้วยจานเสร็จผมก็เดินออกมาไปนั่งข้างๆลูกชายตัวนุ้ยที่กินเก่งกว่าเดิมซะอีก
   “กลับวันนี้แล้วสินะคะ มัมต้องคิดถึงหลานแน่ๆเลย” ผมยิ้มที่คุณแม่เอ็นดูลูกชาย
   “มัมก็ไปหาวาสิ ถ้าแด๊ดกับพี่โยไม่พาไปมัมก็ไปเองเลยเดี๋ยววาจะพาเที่ยวนะครับ” วากอดแขนคุณแม่ด้วยท่าทางน่าเอ็นดู
   “เดี๋ยวมัมจะแอบไปนะคะ” เหมือนผมจะเห็นคิ้วคุณพ่อกระตุกเมื่อเห็นสองแม่ลูกคุยหัวเราะต่อกระซิกซุบซิบกัน
   “สองคนนั่นเก็บกระเป๋ารึยัง” ผมหันไปถามสองเพื่อนซี้ที่ยังคุยกันติดลม เพราะอีกไม่นานก็ต้องเดินทางแล้ว
   “เรียบร้อยแล้วพี่ ไม่รู้ที่ไร่จะเป็นไงบ้าง” ไอ้ไม้ก็ห่วงงานแต่ผมไว้ใจไอ้ละอองหวังว่างานที่ผมสั่งไว้จะเสร็จทันกำหนดที่หวังไว้ ซึ่งไอ้ละอองมันก็รับปากครั้งล่าสุดที่บอกแถมยังรับปากเสร็จสรรพว่ามันทันแน่นอน ที่สำคัญบ้านไอ้ไม้กับไอ้ทัพก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
   “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า” นั่งคุยเล่นจนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องเดินทางไปสนามบินแล้วครอบครัวก็ยกโขยงไปทั้งบ้าน พอถึงสนามบินวาล่ำลากับครอบครัว
   “มัมฝากน้องวาด้วยนะคะพี่ลม”
   “ดูแลกันดีนะๆ” ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต่างฝากฝัง
   “ครับคุณพ่อคุณแม่” โดนคุณพ่อดึงเข้าไปกอดก่อนที่จะพวกเราจะเดินเข้าเกตวามองตามครอบครัวจนลับสายตาผมโอบเอวบางไว้
   “เดี๋ยวพี่จะพามาอีกนะ” แววตาฉ่ำคลอน้ำตาเงยหน้าสบตาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
   “อืม เดี่ยววาจะหนีพี่กลับบ้านบ่อยๆ” เอาแล้วไง ยังไม่ทันไรเมียกูก็มีแผนหนีออกจากบ้านแล้ว
   “กล้าทำก็รอดู” ผมจะกดให้หนีไม่ได้เลยคอยดู วาเงียบหันไปคุยกับน้ำไม่ยอมสบตาผมอีกเลย ไอ้ไม้กับไอ้ทัพก็เริ่มสุมหัวคุยอะไรไม่รู้ดูจริงจัง ไม่นานพวกเราก็ขึ้นเครื่องเดินทางกลับบ้าน มาถึงไทยก็ข้ามมาอีกวันแล้วแต่ละคนก็เริ่มเหนื่อยอ่อนเพราะนั่งกันนาน ตอนนีพวกผมกำลังรอรถจากไร่มารับไม่นานนักรถคุ้นตาสองคันก็วิ่งมาจอด
   “นายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” อยากจะหาอะไรมาอุดปากมัน ไอ้ละอองทันทีที่รถจอดมันเปิดประตูแหกปากวิ่งถลามาหา ผมนี่ยกเท้าขึ้นกันทันที
   “แหกปากบ้าอะไรของมึงวะ”
   “คิดถึงนาย คิดถึงคุณวา ฮืออไอ้ละอองจะตาย” มันโหยหวนแทบจะคุกเข่ากอดขาผมกับวาอยู่แล้ว ให้ตายเถอะกูอายชิบหาย
   “มึงมาลากมันไปทีดิ๊” กวักมือเรียกไอ้สินมาหิ้วปีกมันออกจากขา วาขำความติ๊งต๊องของไอ้ละอองที่ดูท่าทางจะเป็นหนักเพราะงานแน่ๆ น้ำขำคิกคักแล้วโผเข้าหาละออง
   “กลับบ้านกันเถอะ” ผมจูงมือเล็กขึ้นรถปล่อยให้ไอ้ละอองฟัดน้ำเดินตามมา ไม่นานก็มาถึงบ้านผมอุ้มน้ำที่เพลียหลับระหว่างทางขึ้นไปนอนที่ห้องนอน เช็ดตัวเพื่อให้ลูกหลับสบายยังดีที่น้ำกินข้าวกินขนมบนเครื่องบินมาเยอะแล้ว คงจะเหนื่อยจากการเดินทางสินะ
   จุ๊บ
   “ฝันดีนะ”  หอมแก้มนุ่มดึงผ้าห่มคลุมดีๆปิดไฟปิดห้องแล้วลงไปข้างล่าง วาจัดโต๊ะเสร็จพอดีกับข้าวพวกนี้ผมแวะซื้อก่อนที่จะเข้าบ้านเพราะวาก็เหนื่อยแล้วจะให้มาทำกับข้าวก็สงสาร
   “คิดถึงกับข้าวฝีมือน้องวามากกว่าอ่ะ” ไอ้ไม้บ่นอุบอิบ
   “เดี๊ยะๆ กินกันตายไปเลยมึง วาเหนื่อยแล้ว” ผมรีบห้ามให้วาลุกขึ้นเพราะไอ้ไม้บ่นวาก็จะลุกไปทำกับข้าวให้
   “โถ ไอ้พี่ชาย เกินหน้าเกินตาไปล่ะ”
   “ทำไม จะให้กูพูดไหมว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงไอ้ผู้กองมันต้องแจ้นมาหามึง” เท่านั้นล่ะมันปิดปากเงียบสงสัยว่าวันนี้ไอ้ทัพจะได้ไปนอนบ้านหลังใหม่คนเดียวแล้ว
   “จะนอนห้องเดิมหรือจะย้ายไปนอนที่บ้านใหม่ก่อนไหมล่ะทัพ” หันไปหาคนที่หน้าตามีความสุขตั้งแต่ไปเจอหน้าโย ห้องที่บ้านหลังใหม่ตกแต่งภายในเรียบร้อยแล้วเหลื่อแค่ขนของเข้าไปอยู่
   “อ้อ ย้ายไปเลยก็ได้พี่จะได้จัดห้องด้วย” กินข้าวยังไม่ทันเสร็จเสียงรถคุ้นหูก็วิ่งเข้ามาจอดเห็นไหมผมพูดผิดตรงไหน
   “หวัดดีพี่ เหนื่อยไหมครับ” ทักผมแบบผ่านๆมันก็ไปนั่งข้างไอ้ไม้แถมถามเสียงอ่อนเสียงหวานเชี่ยวนะ
   “ไม่เท่าไหร่แต่ง่วง นอนบนเครื่องไม่สบายเท่าไหร่”
   “งั้นไปนอนด้วยกันนะ” เห็นไหมพูดผิดตรงไหน ไม้มันกวาดสายตามองรอบโต๊ะแล้วพยักหน้าเบาๆกินข้าวเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายไอ้ไม้โดนลากขึ้นรถไปเรียบร้อยไอ้ทัพทีแรกว่าจะเข้ามาช่วยผมล้างจานแต่เห็นว่าแต่ละคนก็เหนื่อยแล้วอีกอย่างทัพมันต้องย้ายห้องอีก
   “ไปจัดของแล้วพักผ่อนเหอะพรุ่งนี้ค่อยไปทำงาน” ตอนนี้พึ่งจะสายๆพักผ่อนอีกวันค่อยไปทำงานคงจะดีกว่า
   “งั้นผมไปเก็บของก่อนนะพี่”ผมพยักหน้าให้มัน วาเก็บจานส่วนที่เหลือเข้าครัวตั้งท่าจะช่วยผม
   “วาขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ”
   “เดี๋ยววาช่วย”
   ฟอด
   “ขึ้นไปพักดีๆหรือจะไม่พักก็ได้นะ” กดจมูกแรงๆที่แก้มหอมแล้วส่งสายตาวิบวับให้ วาวางจานลงซิงค์โครมใหญ่
   “พักก็ได้ พี่ลมก็รีบขึ้นไปพักนะครับ” ถึงจะทำหน้าบึ้งแต่ก็ยังเป็นห่วงผม ให้ตายเหอะน่ารักน่าฟัดจนผมไม่อยากไปคุยงานกับไอ้ละอองเลย ไม่ได้วาเหนื่อยแล้ววันหลังค่อยทบต้นทบดอกทีเดียวละกัน ล้างจานเสร็จผมก็ออกไปหาไอ้ละอองที่เอาเอกสารมาให้บิลทั้งสามใบไม่ใช่น้อยๆ ทั้งหลักฐานการโอนเงินจ่ายเงินทุกอย่างจริงๆไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้เพราะผมก็ไว้ใจลูกน้องตัวเองอยู่แล้ว
   “ขอบใจนะไอ้ละออง”
   “ไม่เป็นไรครับนาย ผมเต็มใจอยู่แล้ว งานที่นายสั่งไว้ก็เสร็จเรียบร้อยหมดแล้วนะครับ” ผมพยักหน้ารับ
   “เดี๋ยวสิ้นปีกูจะขึ้นโบนัสให้” ถือเป็นการตอบแทนที่มันทำงานได้ตามคำสั่งแถมตั้งอกตั้งใจทำงาน ผมถือเอกสารแยกตัวกลับไปบ้านวันนี้ก็ให้ละอองมันครองตำแหน่งตัวแทนผมอีกซักวันขอพักอีกวันพรุ่งนี้ค่อยลุยงาน

   “พี่ลมหายไปไหนมา วาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้รีบขึ้นมาพัก” ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป วาในชุดนอนยืนกอดอกทำหน้าบึ้งยิ่งเห็นงานที่ผมหอบขึ้นมาวายิ่งหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม
   “พี่ไปเอางานกับละอองมาแปบเดียวเองนะที่รัก” รีบทิ้งงานในมือไปกอดเอวคนหน้าบึ้งที่น่ารักหอมแก้มหอมซ้ายทีขวาที
   “ไปอาบน้ำได้แล้วครับ อย่ามาเนียนนะพี่ลม” วาตีมือผมที่สอดเข้าใต้เสื้อ นิดๆหน่อยๆก็เอา
   “วานอนไปก่อนเลยเดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อนนะ” คนน่ารักเริ่มยิ้มพยักหน้า คนน่ารักนี่ทำอะไรก็น่ารัก อะไรใครอวยเมียตัวเอง ไม่มีเหอะ วาน่ารักจริงๆรึคุณจะเถียง ผมออกมาจากห้องน้ำวาก็หลับอุตุไปแล้วผมค่อยๆสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มวาก็พลิกตัวขยับเข้ามาซุกผมทันทีอดยิ้มไม่ได้กับอาการน่ารักๆที่วาทำไปโดยไม่รู้ตัว อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มรั้งเอวบางเข้ามากอดแนบชิดแล้วหลับตาพักผ่อน ไว้ตื่นค่อยพาไปดูของขวัญ
   หลังจากที่นอนไม่นานผมก็ตื่นคิดว่าตื่นก่อนคนข้างๆแล้วซะอีกมองนาฬิกาหัวเตียง เย็นขนาดนี้แล้วเหรอลุกขึ้นเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองเสร็จค่อยลงไปข้างล่าง
   “บ้านเป็นไงบ้างทัพ” ผมยังไม่ได้เดินไปดูภายในเลยแต่ก็มั่นใจช่างเพราะเป็นคนๆเดียวกันที่สร้างบ้านหลังนี้
   “ดูดีสุดๆเลยพี่ ผมชอบมันมากเลยล่ะ” มองซ้ายมองขวาหาคนที่ตื่นมาก่อน  “ หาวาเหรอพี่ทำกับข้าวเสร็จก็อุ้มน้องออกไปข้างนอกโน้นนะ”
   “กินข้าวเย็นไปเลยก็ได้นะ จะพาเมียไปกินข้าวข้างนอก” ยกคิ้วให้ มันทำหน้าเหม็นเบือ โบกมือไล่ได้ข่าวนี่บ้านกูนะ ผมเดินออกไปนอกบ้านเห็นวากำลังนั่งเล่นกับไม้ที่ม้าหินอ่อน ยกหูโทรศัพท์สั่งให้ละอองเตรียมของให้ผมซึ่งมันรับปากดิบดี
   “วา ไปกับพี่ที่หนึ่งหน่อยสิ” ทั้งวากับน้ำเงยหน้ามองผมงงๆ เหมือนกันจริงๆกับไอ้สายตากลมๆนี่ ผมยิ้มแต่ไม่ได้บอกอะไรเข้าไปอุ้มน้ำมืออีกข้างก็คว้าข้อมือเรียวมากุมไว้เดินไปที่รถ
   “พ่อลมจะไปไหนครับ”
   “เซอร์ไพรส์ครับคนเก่ง” น้ำตบมือดีใจแม้จะไม่เข้าใจว่าเซอร์ไพรส์มันคืออะไร
   “พี่ลมจะเล่นอะไรกันล่ะครับ”
   “รอดูก็แล้วกันนะครับ” ขับรถออกไปทางเหนือไร่ ที่ผมให้ไอ้ละอองจัดเตรียมสถานที่ไว้ให้เรียบร้อยรอขับรถไม่นานก็เข้าเขตโฮมสเตย์ที่ผมสร้างไว้เป็นของขวัญ บ้านพักเล็กๆที่สร้างอยู่ระหว่างต้นไม้ใหญ่มีแนวรั้วเป็นต้นโมกกลิ่นหอมผมคิดแบบไว้ ซึ่งมันเป็นบ้านพักไม้หลังเล็กๆ ผมสร้างไว้แค่แปดหลังกับหลังใหญ่ที่เป็นบ้านพักเผื่อครอบครัววามาเที่ยวจะได้เอาไว้พัก
   “นี่มันอะไรกันครับพี่ลม” วาได้แต่มองอึ้งๆเมื่อบ้านพักถูกตกแต่งด้วยไฟสีส้มนวลตา ยิ่งทำให้บ้านพักดูสวย
   “ของขวัญไง”
   “น...นี่มันใหญ่เกินไปนะครับ” ดวงตากลมคลอน้ำใสแวว
   “สวยจังเลยครับพ่อลม”
   “นี่เป็นของที่พี่ทำให้วากับลูก”
   “แต่ที่พี่ให้มันก็มากมายแล้ว แค่พี่อยู่กับวาก็พอแล้ว” ใครใช้ให้พูดจาน่ารังแกแบบนี้กันนะ ผมยกมือปิดตาลูกก่อนที่จะกดริมฝีปากนุ่มที่พูดคำหวานน่ารังแก
   “อือ ....อืม...”เสียงหวานๆนั่นทำให้ผมไม่อยากหยุด
   “พ่อลมน้ำมองไม่เห็นนนนน ปล่อยน้ำน้า” เสียงโวยวายทำให้ผมต้องผละออกอย่างเสียดาย วาทรุดนั่งกอดเข่า ผมเอามือออกจากหน้าลูกที่ดิ้นโวยวาย
   “พี่วาพ่อลมแกล้งน้ำ” น้ำโผเข้าไปกอด วารวบตัวน้ำไปกอด
   “แกล้งพี่วาเหมือนกันล่ะครับ”  ผมขำกับท่าทางเขินแล้วไปฟ้องลูกของวา แต่ก่อนที่จะกอดกันนานกว่านี้ผมดึงวาให้ลุกขึ้น ดูเหมือนว่าวาจะเขินจนไม่ยอมสบตากับผม
   “ชอบไหมครับวา”
   “ชอบครับ”
   “พี่ดีใจที่วาชอบ ต่อไปทั้งไร่และตัวพี่และลูกจะให้วาดูแลขอแค่อยู่กับพี่ตลอดไปก็พอ พี่รักวานะ” เพียงแค่พูดจบหยดน้ำใสกลิ้งไหลลงแก้มเนียน
   “วาก็รักพี่ รักน้ำ อึก ขอบคุณครับ”
   “พี่วาขี้แยจัง โอ๋ๆน้า เดี๋ยวน้ำปลอบ” น้ำกระตุกขากางเกงให้ผมอุ้ม อุ้มขึ้นเสร็จน้ำยกมือป้อมๆเช็ดน้ำตาให้วา
   “พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อคนที่พี่รักทั้งสองคนเห็นบ้านหลังใหญ่นั่นไหมพี่จะเอาไว้ถ้าเกิดว่าพ่อกับแม่มาเที่ยวจะได้ให้มาพักที่นี่” ยิ่งเห็นว่าผมคิดถึงครอบครัววาผมอุ้มลูกจูงมือวาเข้าบ้านใหญ่ ที่ดูเหมือนไอ้ละอองจะทำดีจนเกินที่ผมสั่งไว้มันเล่นจัดโต๊ะใต้แสงเทียนมันจะดีกว่านี้มาก ท่ามันไม่เอาเทียนเล่มใหญ่ที่ไม่รู้มันไปขโมยวัดไหนมา
   “คิก พี่ลมให้ใครจัดให้ครับเนี้ย” อยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออกไม่รู้มันหวังดีหรือต้องการกวนตีนผมกันแน่
   “พี่ว่าพี่คงจะให้รางวัลละอองเพิ่มซักหน่อยแล้ว” ถึงจะบอกไปแบบนั้นผมก็ไม่ทำอะไรมันหรอก
   “เทียนเบ้อเริ่มเลยอ่ะพ่อลม” แทบจะโยนไอ้เทียนพรรษานี่ทิ้งเดินไปเป่าไฟให้ดับแล้วยกไปวางที่อื่นน้ำนั่งที่เรียบร้อย ยังดีที่อาหารที่มันจัดไว้ให้ไม่ได้พิสดารถ้าไม่งั้นมันได้โดนดีแน่ๆ    
   “นี่ครับพี่ลม ที่ตอนนั้นพี่ลมกลับบ้านเหนื่อยๆเพราะนี่ใช่ไหมครับ”
   “ก็นั่นล่ะนะพี่พยายามเร่งคุมงานให้มันเสร็จทันจะได้เซอร์ไพรส์วา”
   “ขอบคุณนะครับ” มือเรียวเอื้อมมากุมมือ ผมยิ้มตอบพร้อมกับจับมือไว้
   “น้ำจับด้วย เนาะพี่วาเนาะ”
   “ยุ่งจริงนะเจ้าตัวแสบ”
   “น้ำไม่แสบซักหน่อยน้ำน่ารักใช่ไหมพี่วา” เจ้าแสบเกาะแขนเขย่าๆอ้อนๆ แถมยังอ้าปากรอวาป้อนเหมือนเป็นลูกนกยังไงอย่างนั้น
   “นี่กินดีๆสิ”
   “น้ำจะให้พี่วาป้อน”
   “พี่ลมอย่าหาเรื่องทะเลาะกับลูกสิครับ” ให้ตายเถอะกลายเป็นผมผิดไปซะอย่างนั้น แล้วดูน่าลูกผมสิล้อเลียนผมชัดๆไม่น่าให้อยู่กับโยเลยช่วงไปเที่ยวเหมือนจะซึมซับนิสัยเสียๆมาด้วย
   “พี่ไม่ผิดซักหน่อยวา”
   “พี่ลมอย่างอแงสิครับ”
   “ช่ายๆ พ่อลมอย่างอแง” หนอยยยย อย่าให้ถึงเปิดเทอมนะ ได้แต่คาดโทษลูกไว้ในใจเพราะภาพวากับลูกที่คุยกันนั่นทำให้ผมมีความสุขแล้ว ต่อให้ทำงานหนักกว่านี้ ทำทุกอย่างมากขึ้นกว่านี้เพื่อคนที่ผมรักผมก็ยอมเหนื่อย
   ฟอด
   ฟอด
   “รักพ่อลมน้า/รักพี่ลมนะครับ” ให้ตายเถอะผมจับตัวน้ำมาฟัดซ้ายฟัดขวา หันไปมองเป้าหมายต่อไปที่รีบลุกขึ้นแล้วถอยหลังไปหลายก้าว
   “ไม่เอานะพี่ลม”
   “มาน้ำจัดการเอาคืนพี่วากัน” รีบวางน้ำแล้วพุ่งเข้าไปหาวาที่เตรียมวิ่งหนีแล้ว
   “พี่วาอยู่เฉยๆสิ”
   “พอเลยนะหยุดเลยนะ” เสียงหวานที่พยายามร้องห้ามผมและลูกแต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไร เสียงหัวเราะสนุกสนานดังทั่วทั้งบ้านตอนนี้ที่ไร่แห่งนี้มีแต่ความสุขและความรัก พวกคุณสามารถเข้ามาพักผ่อนสัมผัสความรักและความสุขจากไร่สายลมได้นะครับ
********************************************************************
จบแล้วนะ ฮือออออออออออออออออออ
เอาจริงๆตอนจบนี่เขียนยากมากอ่ะ ไม่อยากให้จบ
เดี๋ยวตอนพิเศษจะเอามาลงที่หลังนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมา
ตอนนี้ประกาศเรื่องใหม่แล้วน้า
ไว้แต่งได้เยอะจะเอามาลงนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ
รัก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-11-2017 14:33:03
 :L2: :L1: :pig4:

หวาน
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-11-2017 16:06:27
จบแล้ววว
พี่ลม วา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
น้ำน่ารักมาก

นัท ไม้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
นัทรีบมาหาไม้ พาไม้ไปนอนบ้านตัวเองอย่างว่องไว

ชอบรีสอร์ทที่ลมสร้างไว้เป็นของขวัญวา
บ้านไม้ ทัพ ก็ดีเป็นส่วนตัว เอกเทศ
ขอบคุณไรท์มากกกกก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-11-2017 16:50:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-11-2017 19:23:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 20-11-2017 01:11:10
ดีใจ...ขอพิเศษพี่โยด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-11-2017 13:48:53
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 20-11-2017 23:40:01
 :pig3: :pig3: :pig3:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 21-11-2017 19:08:37
ลูกหมู น่ารัก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 22-11-2017 22:09:11
ตอนจบได้น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 25-11-2017 04:37:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 25-11-2017 13:22:15
อบอุ่นมากเรื่องนี้
มาแบบเรื่อยๆ ไม่หวือหวา
ชอบน้องน้ำมากๆๆๆ
รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ตอนที่32 19/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 27-11-2017 10:56:25
เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ

ว่าแต่บ้านใหม่คงจะไม่ค่อยได้ใช้อ่ะ

ไม้ก็ไปนอนบ้าผู้กอง ทัพก็อาจไปอยุ่กับพี่โย 55555
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนที่พิเศษโย*ทัพ 50เปอร์ 29/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 29-11-2017 17:49:17
SP YO X Tap
   หลังากที่พี่ลมเปิดโฮมสเตย์ยกให้วาดูแลพร้อมกับงานบัญชีทุกอย่างผมก็ช่วยไอ้ไม้ที่หลังจากไปเที่ยวดูเหมือนจะบ้างานเป็นบ้าเป็นหลังโครงการทำนั่นทำนี่จนทุกคนหัวหมุนตามที่ไอ้ไม้อยากทำไม่ทัน
   “มึงบ้าไปแล้ว ไอ้ไม้คิดจะทำอะไรเยอะแยะวะ” ผมทนไม่ไหวกับการที่มันคิดโครงการมามากมาย ตอนนี้มันนอนที่บ้านหลังจากกลับมาผมก็ได้ย้ายมาบ้านใหม่ที่ไม่ได้ไกลกันเลย และมันก็ถูกใจผมมากไอ้ไม้ก็กลับมานอนบ้างไม่นอนบ้างแล้วแต่วัน
   “มึงกูอยากลองทำหลายๆอย่างดู” อยากจะโบกหัวมัน ดูเหมือนว่ามันจะคึกเกินไป
   “มึงต้องดูก่อนถ้ามึงขยายตอนนี้ใครจะช่วยมึง” มันถอนหายใจและเชื่อผมแค่ตอนนี้งานก็ล้นมือแทบไม่มีเวลาพักแล้ว
   “กูว่าจะรับคนมาช่วยงานวะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยแต่ว่าจะหาคนที่ทำงานด้านนี้และสามารถตามการทำงานของผมกับไอ้ไม้ได้
   “ก็ลองหาดูแต่ขอแค่ให้สู้งานได้ละกัน” ผมเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าได้เวลาแล้วเลยเลิกคุยหนีขึ้นห้อง พอดีกับที่สัญญาณแจ้งเตือนว่ามีใครคอลมา รีบกดรับสัญญาณพี่โยนอนอยู่บนเตียงสภาพพร้อมนอนสุดๆ รู้ได้ไงนะเหรอพี่ท่านใส่แค่กางเกงนอนขายาวเคยไล่ให้ไปใส่เสื้อพี่โยก็บอกว่าชอบใส่แบบนี้จนผมขี้เกียจจะพูด
   “พี่โยรอก่อนนะ ยังไม่ได้อาบน้ำ” ผมตะโกนบอกเพราะมัวไปห้ามไอ้ไม้เลยยังไม่ได้ขึ้นห้องซักที
   “ว้าพี่อยากอาบด้วยจัง” อยากจะเดินไปปิดโน๊ตบุ๊คหนีน้ำเสียงอ้อนบาทาจริงๆได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำ หลังจากที่ตกลงเป็นแฟนก็ผ่านมาจะสองเดือนแล้วถ้าจะถามเรื่องความสัมพันธ์ก็เอาง่ายๆก็เรื่อยๆ เอื่อยๆ แต่ก็เสมอต้นเสมอปราย ถ้าถามเรื่องการนอกใจผมนี่ไม่มีปัญหาทุกวันนี้ถึงบ้านนี่แทบโงหัวไม่ขึ้นเพราะการโหมงานหนักของไอ้ไม้ ส่วนฝั่งพี่โยนั้นจะเรียกว่าไว้ใจก็คงไม่แปลก ถ้าเลือกที่จะคบแล้วผมก็เลือกที่จะไว้ใจคนที่รักถึงจะมีความผิดพลาดมาแล้วในอดีต ผมก็ไม่คิดที่จะเอามาเปรียบเทียบกันอีกอย่างคนกวนประสาทอย่างนั้นถ้ากล้าทำอะไรผมล่ะก็.....ผมมีวาอยู่ข้างเสมอ
   “ง่วงรึยังพี่”  นั่งลงเช็ดผมเห็นคนในจออ้าปากหาวกว้าง
   “ยังรอคุยด้วยอยู่ครับ” แม้ผมจะดูออกว่าพี่โยง่วงแต่ก็ยังฝืนรอผมอยู่ แม้พี่โยจะเหนื่อยแค่ไหนก็จะรออยู่คุยกับผมเสมอ แม้บางวันจะหลับไปก่อนผมก็ตาม สงสารก็สงสารนะแต่ห้ามไม่เคยฟังซักที
   “วันนี้ทำอะไรบ้างล่ะทำไมดูเหนื่อยๆจังครับ” นี่ล่ะรับคุยกันก็แทบมีแต่เรื่องเดิมๆไม่ได้มีอะไรหวานเวอร์อะไร
   “เหนื่อย เมื่อไหร่ทัพจะได้มาช่วยงานพี่ซักครึ่งปีล่ะ”  ยังไม่ลืมเรื่องข้อเสนอที่พี่ลมพูดขึ้นแล้วพากันตกลงเป็นจริงเป็นจังไม่ได้ถามอะไรผมเลย
   “อีกตั้งหลายเดือนนะ”
   “ก็คิดถึง” ให้ตายเถอะหลังๆมาพี่โยจะหยอดอะไรหนักหนาให้ตายเถอะพอโดนทีไรผมทำหน้าไม่ถูกซักที
   “เลิกหยอดผมซักทีได้ไหมพี่โย”
   “ไม่อ่ะ เห็นทัพเขินแล้วพี่สนุกดี” เนี้ยไง เสมอต้อนเสมอปลายจริงๆ
   “ถ้าไปอยู่โน้นผมคงได้กินพาราวันละแผงแน่ๆ” พี่โยขำ คุยกันได้ไม่นานผมที่นั่งพูดคนเดียวกันไปก็ได้เห็นว่าฝั่งพี่โยเงียบไปแล้วหันไปก็เห็นพี่โยนอนหลับสนิทไปแล้ว ได้แต่ยิ้มขำคุยกันได้ไม่นานเลยซักนิดหลับไปซะแล้วคงจะเหนื่อยสินะ สิ่งที่พี่โยพูดมาผมก็รู้สึกได้ไม่ต่างกัน
   “ผมก็คิดถึงนะ ฝันดีพี่โย” พูดจบก็รีบออฟไลน์หนีความรู้สึกอายที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ ผมคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้กัน นอนกลิ้งไม่นานผมก็หลับไป
   
   “ทำไมไม่ไปอยู่ด้วยกันเลยวะ” ผมทักไอ้ไม้กับไอ้ผู้กองที่ถ่อวิ่งมาหากันตั้งแต่เช้า ไม่คิดจะเป็นก้างหรอกนะแต่แบบทุกวันนี้มันก็แทบจะอยู่ด้วยกันอยู่แล้วเพียงแค่สลับบ้านกันนอนแค่นั้น
   “อยู่นี่ก็สบายดีจะไล่กูไปทำไมวะ”
   “มึงก็ดูหน้าไอ้ผู้กองดิ” พอผมพูดเรื่องย้ายที่นัทมันอ้อนขอให้ไม้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน แต่ไม้มันก็ไม่ยอม
   “เรื่องดิแบบนี้ก็ดีแล้วน่า” แอบขำกับหน้าที่ออกอาการเบือที่ไม้ไม่ยอมตามไปอย่างเห็นได้ชัดของนัท กวนมันสองคนพอหอมปากหอมคอ พวกเราก็แยกย้ายไปทำหน้าที่วันนี้เป็นหน้าที่ผมที่ต้องอยู่ไร่ช่วยพี่ลม ตอนนี้ไม้ประกาศรับสมัครพนักงานเพิ่มเพื่อที่จะได้ดูแลทุกส่วนได้อย่างครอบคลุมและเผือว่าผมไปอยู่ทที่โน้นจะได้มีคนช่วยงานได้ 
   

   เผลอแปบเดี๋ยวหลังจากที่ไปบ้านวาก็ผ่านมา 4 เดือน น้องน้ำนับวันที่ฉลาดเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน เป็นจอมแสบของบ้านเลยทีเดียวล่ะ
   “พี่ทัพเก็บกระเป๋าเสร็จรึยังครับให้วาช่วยไหม” ใช่ครับเก็บกระเป๋าจู่พี่โยก็ขอให้ผมไปช่วยงานทั้งๆที่มันยังไม่ถึงกำหนดด้วยซ้ำ แถมยังส่งตั๋วมาให้เรียบร้อยยังดีที่ผมมีพาสปอร์ตไม่งั้นฉุกเฉินแบบนี้ได้ลำบากแน่ๆ
   “เก็บเรียบร้อยแล้วล่ะ คงไปไม่นานหรอก” คงไม่ได้อยู่นานหรอกนะ ถึงจะดีใจที่ได้เจอกันก็เถอะ
   “งั้นไปเถอะครับเดี๋ยววาไปส่งเอง” ผมรีบยกกระเป๋าไปขึ้นรถในใจรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอกันซักที วาขับรถมาส่งที่สนามบิน บอกลาวาพร้อมกับบอกให้ขับกลับบ้านดีๆ ก่อนที่ผมจะบินลัดฟ้าไปหาคนที่งอแงขอให้ผมไปช่วยงานที่เห็นหน้าผมก็สงสารแล้ว เอาจริงๆผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากแค่ไหน ภาษาผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรที่เป็นทางการ แต่ถ้าพูดและฟังไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว นั่งเครื่องนานจนผมหลับได้ตื่นหนึ่ง ผมก็เดินทางมาถึง เห็นป้ายชื่อตัวเองโบกไปมารีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหา ใครหว่า รู้สึกไม่คุ้นหน้าเลยด้วยซ้ำ พี่โยไม่ได้มารับผมหรอกเหรอ สงสัยว่าผมจะแสดงอาการงงมากไปคนที่มารับเลยส่งยิ้มกว้างก่อนที่จะอธิบาย
   “โยให้ผมมารับ ผมดีนนะครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะยืนมือไปจับ ท่าทางจะเป็นเพื่อนกับพี่โย คนที่มีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่เอื้อมมือมาคว้ากระเป๋าลากผมไปถือซะเองยังไม่ทันที่จะได้ห้ามอะไร
   “ไปกันเถอะครับเดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน”
   “อ่าครับ” ได้แต่เดินตามอย่างงงๆ คนตัวสูงที่เดินนำไปที่รถเก็บกระเป๋าหลังรถแล้วเปิดประตูให้ผมอีก ตลอดทางพี่ดีนเป็นคนคุยสนุกมาก ถามโน้นถามนี่ไม่หยุดจนมาถึงบ้านตอนไหนก็ไม่รู้
   “เดี๋ยวขึ้นไปพักก่อนเลย นี่กุญแจบ้านพี่จะไปโรงงานก่อน” พอสนิทสรรพนามก็เปลี่ยนไป พี่ดีนส่งกุญแจให้แล้วก็ขนกระเป๋าลงมาให้เสร็จสรรพก็เดินกลับขึ้นรถขับออกไปซะอย่างนั้น เดี๋ยวสิ ไม่มีคนอยู่บ้านแล้วให้ผมเข้าไปเนี้ยนะ ถึงจะงงๆแต่ผมก็เพลียอยากจะนอนเลยขอเปิดบ้านเข้าไปไอ้ครั้นจะขึ้นไปนอนบนห้องผมก็เกรงใจ เลยเอากระเป๋าวางที่ห้องนั่งเล่นแล้วล้มตัวนอนที่โซฟา อยากจะเจอกับคนที่คิดถึงอยู่หรอกนะแต่ตอนนี้ผมไม่ไหว พลิกตัวไม่กี่ทีผมก็หลับไป

   จึ๊กๆ
   อือ....
   จึ๊กๆ
   “อือไม่กวนน่าไม้” พลิกตัวหนีอะไรบางอย่างที่คอยจิ้มหน้าจิ้มตาเขาอยู่
   “หึๆ ตื่นได้แล้วขี้เซาเย็นแล้วนะ” เสียงทุ้มกระซิบข้างๆหู ทำไมคุ้นหูลืมตาขึ้นกระพริบหนีแสงสว่างมองรอบๆด้วยอาการเบลอๆ ก็มีมืออุ่นลูบผมอยู่
   “พี่โย” เสียงแผ่วๆเรียกคนที่นั่งลูบหัวผมอยู่
   “ตื่นได้แล้วขี้เซา”
   “โอ๊ย เจ็บนะเว้ย” จากที่ลูบหัวอยู่ดีๆพี่มันเลื่อนมาบีบจมูกผมแรงๆ จนผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งยกมือกุมจมูกที่ไม่ต้องดูก็รู้เลยว่ามันต้องแดงแน่ๆ ดีได้ไม่ถึงสามวิเลยเหอะ
   “ทำไมไม่ขึ้นไปนอนบนห้อง” ผมตวัดสายตามองคนที่นั่งลงข้างๆ ลูบจมูกที่ยังเจ็บไม่หาย
   “ไม่กล้า” พี่โยส่ายหัว แล้วลูบจมูกผมเบาๆ
   “แดงเลย”
   “เพราะใครกันเล่า เออนี่พี่จะให้ผมอยู่กี่วันจะได้โทรไปบอกไอ้ไม้” ถึงตอนนี้จะมีคนมาช่วยงานแต่ผมก็ห่วงงานส่วนของผมเหมือนกัน
   “หือ ไม่ได้บอกเหรอว่าเราจะมาอยู่นี่สองเดือน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปทำเอกสาร”
   “ห๊ะ!!!!!!!!!!!!!!” ตอนนี้ผมไม่มีความเกรงใจอะไรแล้ว ดีดตัวลุกขึ้นยืนร้องลั่น ไม่เห็นรู้เรื่องเลยเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
   “เสียงดังอะไรกันคะ” เสียงหวานๆมาพร้อมกับคุณแม่ที่อุ้มเด็กผมทองตาสีฟ้าหน้าตาน่ารักตากลมจ้องมอง ผมรีบกลืนคำที่จะก่นด่าไอ้คนอารมณ์ดีลงคอก่อนที่จะอธิบายกับคุณแม่
   “พี่โยไม่ยอมบอกว่าจะให้ผมมาอยู่นี่สองเดือนครับ” ก็สงสัยอยู่หรอกนะแต่ไม่คิดว่าจะเล่นไม้นี้ ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรมาเลย
   “พี่โยนี่นิสัยแย่จริงๆ ทัพหิวไหมคะลูก แม่พึ่งทำกับข้าวเสร็จพอดี เดินทางเหนื่อยไหมคะ” น้ำเสียงห่วงใยทำให้ผมลืมความหงุดหงิดยกยิ้มกว้างให้กับคุณแม่
   “กำลังหิวเลยครับ กลับไปคิดถึงฝีมือคุณแม่มากเลยล่ะครับ”
   “ปากหวานจริงๆเลยนะคะ น้องวินไปหาแด๊ดก่อนนะคะ” คุณแม่กระซิบบอกเด็กน้อยที่ส่ายหน้าจนผมสีทองสะบัดไปมาแล้วชี้มาที่ผม หือ อะไรอ่ะ
   “หึๆ” ไอ้พี่โยหัวเราะในลำคอที่ผมเห็นว่ามันกวนตีนมาก พอเห็นว่าเจ้าตัวเล็กยังส่ายหน้าไปมาผมเลยขยับเข้าไปใกล้
   “พี่อุ้มได้ไหมครับ” พอผมถามจบเจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก แถมยังอ้าแขนกว้างโผมาหา ผมรีบรับยิ่งพอเห็นใกล้ๆยิ่งดูน่ารัก ตาโตสีฟ้ากับผิวนุ่มนิ่มแถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆอีก
   “น้องวินใช่ไหมครับ พี่ชื่อทัพนะครับ” ผมยิ้มให้กับเด็กน้อยที่จ้องตาแป๋ว วินพยักหน้ารับแต่ไม่พูดอะไรแล้วกอดคอผมซบหน้าลงกับคอ น่ารักเหมือนลูกแมวเลย
   “พี่โยนี่ลูกใครอ่ะ”
   “ลูกพี่เอง” เฮ้ย....ผมตาโตตกใจหัวใจเหมือนจะหยุดเต้นหลบสายตาคมที่จ้องมอง เหมือนทั่วทั้งห้องนั่งเล่นมีบรรยากาศกดดันให้ผมหายใจไม่ออก
   “ทัพมาทานข้าวค่ะ”ผมรีบเดินหนีจากตรงนี้ไปหาคุณแม่ทันที วินไม่ยอมปล่อยมือออกจากคอผม
   “หิวไหมครับ” ผมถามเจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเกาะติดผมแน่นพยักหน้าเบาๆทีหนึ่งผมให้น้องนั่งบนตักเพราะน้องไม่ยอมห่างจากผมทั้งๆที่คุณแม่จะอุ้มน้องก็ยังไม่ยอมไปผมเลยบอกว่าจะดูน้องเอง นั่งกินพร้อมกับสลับป้อนน้องที่เคี้ยวตุ้ยๆไม่พูดไม่จา เสียงเลือนเก้าอี้ข้างๆพร้อมกับร่างสูงที่นั่งลงผมก็รู้แล้วว่าใคร แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ
   “อร่อยไหมครับวิน” น้องยิ้มนิดๆแล้วพยักหน้า อ้าปากให้ผมป้อนให้อีก
   “วันนี้กินเก่งจังนะเจ้าตัวยุ่ง” พี่โยเอื้อมมือมาโยกหัววินแรงๆจนผมต้องปัดมือออกแล้วลูบผมทองให้เข้าทรงวินยิ่งขยับมากอดผมแน่น ตลอดการกินข้าวผมไม่คุยกับพี่โยเลยซักคำ ไม่รู้สิเหมือนมีอะไรมาถ่วงให้ผมปากหนัก ปกติถ้าพี่โยแกล้งอะไรผมจะเต้นตามแต่ตอนผมไม่มีอารมณ์ที่จะเต้นตามเลยด้วยซ้ำ ทานเสร็จวินก็ทำท่าง่วงยกมือขยี้ตาแรงจนผมต้องจับมือเล็กๆไว้
   “คุณแม่ครับน้องง่วงแล้วล่ะครับ” ผมอุ้มน้องลุกขึ้นไปหาคุณแม่ในครัว
   “มาค่ะเดี่ยวแม่พาขึ้นไปเอง” คุณแม่ทำท่าจะมาอุ่มเจ้าตัวเล็กก็น้ำตาคลอกอดคอผมแน่น
   “คงไม่ไปแล้วล่ะมั้งครับแบบนี้ เดี๋ยวผมพาน้องไปนอนก็ได้ ห้องน้องอยู่ตรงไหนครับ” ผมถามกับคุณแม่พร้อมกับพี่โยเดินเข้ามาใกล้ผมเบี่ยงตัวหลบแล้วอุ้มน้องพาขึ้นห้องที่คุณแม่บอก
   วางน้องลงบนเตียงกล่อมจนหลับอาจจะเป็นเพราะเลี้ยงน้องน้ำด้วยรึเปล่าเลยรู้สึกถูกชะตากับน้อง วินตาปรือมือยังจับเสื้อผมแน่นนี่ขนาดหลับสนิทไปแล้วนะ ดึงผ้าห่มคลุมดีๆพร้อมกับแกะมือน้องออกให้น้องนอนดีๆ ลูกพี่โยเหรอ ไม่รู้เอาจริงหรือแกล้งผมกันแน่ พอลงมาจากห้องแล้วกระเป๋าของผมทั้งหมดก็หายไปจากห้องนั่งเล่นแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่อยู่แล้วมีเพียงพี่โยที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟา
   “ กระเป๋าผมอยู่ไหน” ไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่ใช้มันห้วนไปรึเปล่าพี่โยถึงได้ขมวดคิ้วแน่น
   “ห้องพี่ ทำไมไม่คุยกับพี่”
   “ผมแค่เหนื่อยๆ ขอตัวก่อนนะครับ” ให้ตายเหอะนับวันผมยิ่งมีนิสัยเสียๆโผล่ขึ้นมาจากที่เคยมีอะไรก็คุยกันตรงๆแต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเหนื่อยที่จะโดนปั่นหัว
   หมับ
   ตุ๊บ
   “เป็นอะไรของเรา โกรธอะไรพี่” ไออุ่นที่ถูกโอบกอดมันต่างจากที่คุยผ่านจอ
   “ไม่หนักรึไงปล่อยผมลงเถอะ” ผู้ชายตัวเท่าควายมานั่งตักกันมันดูแปลกๆไปหน่อยไหม
   “ตัวเบาจะตาย บอกพี่มาดีๆ เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเหมือนคู่อื่นๆนะทัพ มีอะไรเราก็ต้องคุยกันทุกเรื่องสิ”
    “คุยกันบ้าอะไร ทีตัวเองยังไม่เห็นบอกอะไรผมเลย” ผมทั้งดิ้นทั้งแงะมือที่เหนี่ยวอย่างกับปลาหมึก
   “โกรธเรื่องลูกเหรอ”
   “.....” ผมเงียบไม่พูดอะไรเหมือนยอมรับกลายๆว่าโกรธเรื่องอะไร
   ฟอด
   “พี่โย” ผมรีบดันตัวหนีห่างเมื่อพี่โยหอมแก้ม
   “พี่ว่าจะรอให้เรามาแล้วค่อยบอกไม่ใช่ว่าจะปิดบังอะไรหรอกนะ วินเป็นเด็กที่พี่รับมาเลี้ยงเอง” พี่โยเริ่มอธิบายผมก็ยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเองที่คิดมาก
   “แล้วทำไมน้องไม่ยอมพูดอะไรเลยครับ” เมื่อเห็นว่าพี่โยไม่ยอมปล่อยผมก็นั่งพิงเลยล่ะกัน
   “วินเป็นลูกของเพื่อนพี่เองครอบครัววินเกิดอุบัติเหตุเหมือนว่าจะช็อคเลยไม่ยอมพูดอะไรเลย” ผมพยักหน้าเข้าใจที่น้องไม่พูดแต่ก็สงสารน้อง
   “ว่าแต่พี่ทำบ้าอะไรของพี่ทำไมถึงให้ผมมาอยู่นี่ตั้งสองเดือน”
   “ก็มาเลี้ยงน้องวินไง” อึ้ง นี่ลากผมมาข้ามโลกเพราะจะให้มาเลี้ยงน้องวิน ให้ตายเหอะ
   “เล่นใหญ่ไปไหม ปล่อยได้แล้วผมจะไปอาบน้ำนอน” จะให้นอนห้องเดียวกันผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอกนะ แต่ไอ้ครั้นจะให้อยู่เป็นเดือนๆมันจะเกิดอะไรขึ้นนี่สิ พี่โยยอมปล่อยให้ผมไปอาบน้ำ
   “เดี๋ยวพี่ตามขึ้นไปนะที่รัก"ผมไม่หันกลับไปแต่ยกนิ้วกลางขึ้นใส่หน้าแล้วเดินหนีขึ้นบนห้องอยากจะโทรไปโวยที่ไร่สายลมนะ จะสไกป์มันก็คงจะไม่เล่นกันตอนนี้แน่ๆ ให้ตายเถอะอยู่ก็อยู่ หยิบเอาเสื้อผ้าหนีเข้าไปอาบน้ำ ทั้งที่ก็ยังห่วงงานอยู่เหมือนกัน เหอะ ให้ไอ้ไม้ปวดหัวกับงานไปละกัน ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างที่เห็นทุกคืน กลิ่นติดหมอนที่เหมือนพี่โยอยู่ใกล้ตลอดเวลายิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ
   พอๆ
   “เลิกฟุ้งซ่านแล้วนอนได้แล้วไอ้ทัพ” พลิกตัวซบลงกับหมอนกลิ่นหอมๆบวกกับอาการเหนื่อยล้าทำให้ผมหลับลงอย่างรวดเร็ว               

   Yo Part
   ยอมรับว่าผมอดขำไม่ได้ที่เห็นทัพหน้างอที่นี่ถิ่นผม ผมจะแกล้งทัพยังไงก็ได้ หึๆ แต่พอเห็นว่าทัพจริงจังกับคำพูดของผม วินเป็นลูกชายของเพื่อนรักผมเองที่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุผมรับน้องมาเป็นลูกบุญธรรมก็เป็นเวลาเดือนกว่าที่น้องไม่พูดไม่จาเหมือนตุ๊กตายังดีที่ยอมกินข้าวกินน้ำ จะมีก็วันนี้นี่ล่ะที่เกาะติดทัพซะจนผมแปลกใจ ปิดทีวีปิดไฟก่อนที่จะขึ้นห้องที่ผมรอคอยให้ใครอีกคนมาอยู่ด้วยต้องอาศัยการเล่นเล่ห์นิดหน่อยถึงทำให้ทัพมาอยู่ตรงนี้
   “หลับแล้วเหรอ” นั่งลงข้างๆคนที่หลับสนิทยิ่งได้คุยยิ่งทำให้ผมอยากให้ทัพมาอยู่ซะที่นี่แต่ผมก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทัพ ล้มตัวนอนลงข้างๆมองหน้าคมที่ฝังใบหน้าลงหมอนไปซะครึ่งแล้วขยับเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจก่อนที่จะหลับตาลง
   
   ตื่นขึ้นมาตอนเช้าตามเวลาปกติของตัวเองมองไปข้างกายทัพก็ยังหลับอยู่สงสัยยังจะปรับตัวไม่ได้ แต่มันก็หลายชั่วโมงแล้ว
   หมับ
   เร็วกว่าความคิดเลื่อนมือไปบีบจมูกรั้นไว้ แล้วคอยมองคิ้วเข้มที่เริ่มขมวดเข้า เรียวปากเริ่มอ้าหอบหายใจเข้าออกก่อนที่ตาคมจะลืมขึ้นผมเลยปล่อยมือออก
   “แฮ่กๆ ไอ้พี่ อุบ” ก่อนที่เรียวปากสวยนั่นจะก่นด่าอะไรผมออกมาผมก็กดปิดปากกั้นเสียงร้อง จากที่จะกดปิดเสียงแต่เรียวปากนุ่มก็ทำให้ผมอดใจไม่ไหว ยกมือกดท้ายทอยเอียงหน้าให้ได้องศาก่อนที่จะไล่ต้อนกวาดชิมรสหวานจนกระทั่งกำปั้นหนักจะทุบเข้าที่หลังผม
   “เจ็บนะ”
   “แฮ่กๆ จะให้ขาดใจตายรึไงเล่า” ท่าทางหลบหน้าหลบตาแถมยกมือถูปากบวมเจ่อยิ่งทำให้มันบวมกว่าเดิม
   “ก็จะปลุกเดี๋ยวจะได้ลงไปพร้อมกัน”
   “ปลุกดีไม่ได้รึไง” ผมลุกลงจากที่นอนมองคนที่ไม่ยอมมองหน้าผมแล้วก้มลงกระซิบข้างๆหู
   “รู้ไหมพี่อยากทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” พูดจบผมก็รีบยืดตัวขึ้นคว้าผ้าขนหนูหนีเข้าห้องน้ำทันเวลาที่ทัพร้องด่า ได้ยินเสียงด่าตอนเช้าแล้วมีความสุขจริง
**************************************************************
แอบเอามาลงก่อนแก้คิดถึง
ตอนนี้เค้าพึ่งจะได้ว่าง กลับมาจะงงๆหน่อย
ฮ่าๆๆ เหมือนจะเป็นเรื่องแยกสั้นของพี่โยกับทัพเลยล่ะคะ 
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 50 เปอร์ 29/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 30-11-2017 06:23:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 50 เปอร์ 29/11/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 30-11-2017 07:36:34
มีเด็กๆมา เราชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 100 เปอร์ 4/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 04-12-2017 19:04:53
ผมชักจะเริ่มรู้สึกตงิดๆกับไอ้อาการเกาะติดแจของวินกับทัพแล้วนะ ก็ดูสิตั้งแต่น้องตื่นขึ้นก็เดินมาเคาะประตูห้องผมพอเปิดให้ก็ไม่มองผมเดินดุ่มๆมองหาแต่ทัพพอไม่เห็นก็เริ่มเบ้หน้า
   “เดี๋ยวเถอะจะร้องทำไมกันหือ ทัพไปเข้าห้องน้ำจะร้องทำไมกัน” ผมอุ้มวินขึ้นที่เริ่มมีน้ำตาคลอหน่วยจะติดกันเกินไปแล้วนะ หัวทุยพยักหน้าเบาๆแล้วดิ้นจะลงจากแขนด้วยความกลัวตกผมเลยปล่อยน้องลงวินเดินไปนั่งรอทัพที่เตียงอยากจะกวนน้องอยู่หรอกนะแต่น้องไม่ค่อยที่จะเปิดใจให้ผมซักเท่าไหร่
   “อ่าว” ทัพอุทานเมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นวินนั่งรออยู่บนเตียง
   “วินรอนายนะ พี่ลงไปก่อนนะ วันนี้ก็อยู่เล่นกับน้องไปก่อนล่ะกันนะ” พูดจบผมก็เดินเข้าไปหาทัพเริ่มขยับหนี
   ฟอด
   “ไอ้พี่โย” ทัพหน้าขึ้นสียกมือขึ้นปิดแก้มตากลมเหลือบมองวินที่นั่งนิ่งมองพวกเรา
   “อายอะไรกับลูก” รีบขยับตัวหนีกำปั้นที่เตรียมจะฟาดลงมาก่อนที่จะชิ่งออกจากห้องเดินไปหอมแก้มป่องแล้วลูกหัวทุยแล้วค่อยเดินออกจากห้องปล่อยให้สองคนนั่นอยู่ด้วยกัน เดินลงมาด้านล่างที่ทั้งมัมและแด๊ดยังไม่ออกไปทำงาน
   “หน้าตาระรื่นเชียวนะ”
   “ก็นิดหนึ่งครับ”
   “แล้วคิดจะเอาลูกเขามาอยู่นี่เลยหรือไง” แด๊ดปิดหนังสือพิมพ์แล้วหันมาถามผมจริงจัง ผมก็อยากให้ทัพย้ายมาอยู่นี่ถาวรติดก็แต่จะล่อมายังไงนี่สิ
   “ก็คิดๆอยู่นะแด๊ด” มุมปากยกยิ้มอย่างที่บิดามองแล้วรู้สึกสงสารว่าที่ลูกสะใภ้ตัวเองจริงๆ
   “จะทำอะไรก็คิดถึงใจน้องด้วยนะคะ” 
   “โถมัม ผมจะไปบังคับอะไรน้องได้ล่ะครับ”
   “เหรอคะ” เสียงหวานกระแทกเสียงพร้อมกับปรายตามอง ผมเพียงแค่ยิ้ม
   “ขอโทษที่ลงมาช้าครับ” ทัพเดินลงมาพร้อมกับวินที่คล้องแขนกอดคอซบบ่า
   “ดูท่าว่าทัพคงจะได้ลูกลิงติดสอยห้อยตามแน่ๆ” แด๊ดเอ่ยแซววินที่ยิ่งกอดคอทัพแน่น
   “ถ้าลูกลิงน่ารักแบบนี้ผมก็ชอบนะครับ” ไม่พูดเปล่าทัพก้มลงหอมแก้มขาวไปที วันนี้งานผมไม่ได้ยุ่งอะไรมาก เกงานมาเฝ้าว่าที่เมียและลูกดีไหมอยากจะทำอย่างนั้นแต่รู้เลยว่าทัพต้องไม่ยอมแน่นอนแค่ยังอยู่กับผมก็ถือว่าดีมากแล้ว
   “เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะพาไปขอวีซ่านะ วันนี้พี่ขอเคลียงานก่อนนะ” ทัพพยักหน้าส่งๆเพราะมัวป้อนข้าววินอยู่ ให้ตายเถอะ ทำไมรู้สึกเหมือนถูกลืมเลยวะได้แต่ส่ายหน้าสะบัดความรู้สึกไร้สาระ แล้วออกไปทำงาน ผมมีผู้ช่วยมือหนึ่งคือดีนที่เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยไฮสคูลที่ยังอยู่ช่วยงานผมมาตั้งแต่แรกเริ่ม
   “ไง”
   “มาช้านะวันนี้ เมื่อคืนหนักเหรอ”
   “หนักบ้าอะไรล่ะ จะให้น้องอยู่นี่ตลอดไปกูควรทำไงดีวะ” ผมนั่งลงที่โต๊ะก่อนที่จะปรึกษามัน ถึงจะมีแผนในใจอยู่แล้วก็เถอะ
   “คุยกับน้องรึยังล่ะไม่ใช่หลอกมาเหมือนครั้งนี้หรอกนะ” ดีนหรี่ตาจับผิดผม เพราะครั้งนี้ผมหลอกให้น้องมาจริงๆแถมยังจะให้อยู่นานถึงสองเดือนอีกด้วย
   “อยากไปอยู่ที่ไทยไหมดีน”
   “เฮ้ย ไม่ต้องคิดอะไรบ้าๆเลยนะเว้ย ไม่เอาด้วยหรอกนะ” มันขยับตัวหนี ผมแสร้งถอนหายใจยาว อืม มัดมือชกดีไหมน้า หรือจะฉุดให้อยู่ที่นี่ถาวรเลย หรือพาไปจดทะเบียนเลยแบบนี้น่าจะดี
   “หน้ามึงดูชั่วร้ายมากวะ” 
   “กูกำลังวางแผนครอบครัวอยู่” ถึงจะว่าแบบนั้นแต่ท้ายที่สุดผมก็ไม่อยากบังคับทัพอยู่ดี เอาวะ ช่วงเวลาสองเดือนก็ถือว่าเป็นการลองใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อเรียนรู้ซึ่งกันล่ะกันแล้วกัน
   ปึง
   “เลิกคิดชั่วๆแล้วทำงานเถอะ” นี่เพื่อนไงวางดังขนาดนี้ทำไมไม่ฟาดหน้ากูเลยล่ะ ได้แต่ยอมทำงาน นั่งในสำนักงานจนครึ่งค่อนวันผมก็เก็บแฟ้มกองๆไว้แล้วโดดงานหนีกลับบ้าน พอเปิดประตูเข้าบ้านก็เจอแต่ความเงียบ สองคนนั่นหายไปไหนกันนะแล้วก็ได้คำตอบเมื่อเดินเข้าไปตรงพรมหน้าทีวีที่มีสองร่างนอนกอดกันกลมอยู่เป็นภาพที่ทำให้ผมยิ้มกว้าง ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องนอนไปหยิบเอาผ้าห่มแม้จะอยู่ในบ้านและเปิดฮีตเตอร์อยู่แต่ถ้านอนกันอย่างนี้คงได้ไม่สบายกันพอดี ค่อยๆครี่ผ้าห่มคลุมทั้งสองคนแล้วล้มตัวลงนอนที่ว่างอีกฝั่งมองทัพที่หลับตาพริ้มและวินที่พอได้ผ้าห่มอุ่นๆก็ขยับซุกตัวกับอกทัพขยับตัวเข้าไปใกล้ตวัดแขนกอดทั้งสองคนแล้วหลับตาลง
   
   “อือ” เสียงครางและขยับตัวทำให้ผมรู้สึกตัวลืมตาก้มมองลูกแมวน้อยขนสีทองที่ขยับมาซุกอกผมไม่เพียงแต่ลูกแมวเท่านั้นที่มาซุกทัพก็ไม่ต่างกันเงยขึ้นมองหน้าต่างเริ่มแสงสีส้มเริ่มแตะขอบฟ้าคงต้องปลุกทั้งสองคนแล้วล่ะ
   “ตื่นได้แล้วครับ” หยัดตัวขึ้นกระซิบเบาๆที่ข้างหูทัพกับวินที่เริ่มขยับตัวยกมือขึ้นขยี้ตาจนผมต้องจับมือทั้งคู่ไว้ไม่งั้นได้ขยี้จนตาแดงแน่ๆ
   “เย็นแล้วตื่นไปล้างหน้าล้างตาเถอะ”
   “พี่โย” ทัพที่เหมือนยังไม่ตื่นดีกระพริบตางงๆหัวฟูๆนั่นอีก มองภาพน่ารักๆแล้วอดใจไม่ไหวกดจมูกลงแก้มเนียนไปฟอดใหญ่
   “อือ” วินที่ยังงัวเงียส่งเสียงงืมงำ ผมเลยก้มลงหอมแก้มป่องที่ดูมีสีชมพูจางๆไม่ซีดเซียวเหมือนก่อนหน้านี้
   “ไม่เอานะ” หือ เสียงเล็กๆที่ประท้วงทำให้ผมและทัพก้มมองวินที่ยกมือปิดแก้มป่องของตัวเองไว้    “ตื่นได้แล้วครับ ไปล้างหน้ากับทัพนะเดี๋ยวพี่จะเตรียมข้าวรอ” ผมฟัดวินอีกสองสามครั้งแล้วดันหลังวินที่พยายามเลื้อยลงนอนอีกรอบ
   “พี่จะเข้าครัว?” ทัพทำตาโต แต่ไอ้สภาพหัวฟูๆแล้วมันดูน่ารักมากในสายตาผม ยกมือขึ้นลูบหัวฟูให้เข้าทรง
   “ทำไมเหรอ เห็นอย่างนี้พี่ก็ทำอาหารพอได้ไม่ทำให้พวกเราอดตายหรอกน่าวันนี้มัมกับแด๊ดไปบ้านอีกหลังคงไม่ได้กลับมาทำ ไปลุกกันได้แล้วจอมขี้เซาทั้งสองคน” ทั้งทัพและวินพยักหน้าหงึกหงักแล้วพากันเดินขึ้นชั้นสอง ส่วนผมก็พับผ้าห่มไว้ตรงโซฟาแล้วเดินเข้าครัวเห็นอย่างนี้แต่ผมก็ทำอาหารเป็นนะจริงๆมัมบังคับเรียนผมไม่ได้ใฝ่รู้งานครัวเหมือนวารายนั้นเรียกได้ว่าทำเป็นทุกอย่างส่วนผมทำเป็นแค่พอใช้ได้ กำลังเตรียมของทัพก็เดินเข้ามาพร้อมกับลูกลิงที่เกาะมาด้วย
   “เดี๋ยวผมช่วยนะ วินนั่งรอตรงนี้นะครับ” วินพยักหน้าหงึกหงักมุมปากยกยิ้มน้อยๆที่ผมมองว่าวินเริ่มเปิดใจขึ้นอีกนิด
   “งั้นหูงข้าวให้พี่ละกัน พี่จะทำกับข้าวลูกก่อน”
   “ได้” ทัพหันไปทำงานตามที่สั้ง ส่วนผมก็ตีไข่จนขึ้นฟูปรุงรสนิดหน่อยใส่เนยลงกระทะแล้วเทไข่ลงไปแล้วรีบคนก่อนที่จะตล่อมให้มันกลมแล้วเทใส่จาน
   “ว้าวพี่โยน่ากินมาก” แววตาวาวๆทำให้ผมขำก็ดูสิทั้งทัพทั้งวินตาวาวประกายจ้าทั้งคู่โดยมีวินพยักหน้าเป็นลูกคู่ 
   “ทัพอยากกินอะไรไหมพี่จะได้ทำให้”
   “แล้วแต่พี่เลยผมไม่เรื่องมาก”ทัพไหวไหล่ ผมเลือนจานไปให้วิน
   “กินก่อนได้เลยนะ” ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่วินก็ยังนั่งนิ่งรอเลยต้องหันไปเร่งมือทำกับข้าว ทำแค่ผัดผักและสตูที่มัมทำไว้ทำง่ายๆแล้วก็พากันตั้งโต๊ะ  ผมกับวินนั่งสวดภาวนาก่อนทานโดยที่ทัพก็นั่งรอแล้วค่อยทานพร้อมกันกับการปรับตัวเล็กๆน้อยๆก็ทำให้ผมยิ้มได้
   “อร่อยไหมวิน” ถามเจ้าตัวเล็กที่เคี้ยวออมเล็ตตุ้ยๆ
   “อือ” ถึงจะเบาแต่ผมก็ได้ยินเสียงเล็กๆนั่นตอบกลับมายกมือขึ้นยีหัวทุยนั่นเบาๆ ทัพดูเหมือนจะเจริญอาหารทั้งตักป้อนวินทั้งตักกินเอง กินเสร็จทัพอาสาล้างจานแต่ผมบอกปัดโดยให้พาวินไปอาบน้ำ และดูเหมือนว่าจะมีปัญหาเมื่อวินไม่ยอมกลับไปนอนห้องตัวเอง
   “ให้น้องนอนด้วยก็จบแล้วน่าพี่โยจะงอแงทำไม” ทัพยืนกอดอกโดยมีวินยืนกอดขาตาสีฟ้ากลมโตจ้องมองผม ให้ตายเถอะ ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
   “นอนก็นอน” ทันทีที่อนุญาตทัพก็อุ้มวินที่ชูมือขึ้นมุมปากยิ้มน้อยๆที่ดูเหมือนจะเป็นรอยยิ้มที่กว้าที่สุดในตอนนี้แล้ว ผมล้มตัวลงนอนโดยมีวินนอนตรงกลาง กดจูบที่หน้าผากเนียนแล้วคว้ามือทัพมาแนบกับริมฝีปาก
   “ฝันดีครับ” วินเพียงขยับมาซุกตัวกับผมส่วนทัพก็ซุกหน้าลงกับหมอนพูดอู้อี้ออกมา
   “เหมือนกันครับพี่โย”  ชักอยากจะให้เป็นแบบนี้ไปตลอดไปแล้วสิ
**********************************************************
ทำไมยิ่งแต่งยิ่งเหมือนเป็นเรื่องแยกของคู่นี้ 5555
เอานะ ไม่น่าจะเกิน 3-4 ตอน
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ
รัก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 100 เปอร์ 4/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-12-2017 20:20:03
หวานเรี่ยราดเลยนะพี่โย  :hao6:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 100 เปอร์ 4/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: oppapp ที่ 05-12-2017 00:20:29
อยากให้น้องวินกับน้องน้ำเจอกัน น่าจะเป็นคู่แสบ อิอิ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 100 เปอร์ 4/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 05-12-2017 20:46:06
 o13
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 100 เปอร์ 4/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-12-2017 20:57:33
วิน ติดทัพ  :mew1: :mew1: :mew1:
ดีกว่าไม่ชอบทัพนะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 100 เปอร์ 4/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-12-2017 09:52:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 100 เปอร์ 4/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 06-12-2017 15:18:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 100 เปอร์ 4/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-12-2017 16:43:11
น่าร๊าก~~~
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 1 100 เปอร์ 4/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 07-12-2017 22:49:25
น่ารักอ่ะ
น้องวินน่าคักมาก
รอเจอกับน้องน้ำ
อยากรู้ว่าใครจะเจ้าเล่ห์มากกว่ากัน
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ2 50 เปอร์ 10/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 10-12-2017 18:01:40
ตอนนี้ผมรู้สึกอยากจะฟาดใครซักคนซึ่งคนๆนั้นก็คือพี่โย หลังจากที่ว่าจะพาไปขอวีซ่าแต่ดันจะพาผมมาจดทะเบียนแต่งงาน บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้วแน่ๆ
   “พี่บ้าไปแล้ว ปล่อยเลยนะเว้ยไอ้พี่โย”
   “ไม่ ทัพพี่อยากให้ทัพมาอยู่ด้วยอยากทำอะไรให้มันเป็นทางการและพี่ก็คิดที่จะให้ทัพเป็นคนเดียวที่พี่จะให้อยู่ข้างๆเพราะงั้นก็เลิกดื้อแล้วเข้ามาซักทีเถอะมัมกับแด๊ดรอนานแล้วนะ” น้ำเสียงจริงจังกับสายตาที่จริงจังทำให้ผมพูดไม่ออกแต่ที่บอกว่าคุณพ่อคุณแม่มาอยู่ที่นี่ด้วยหมายความว่าไงวะ
   “พี่แม่งหลอกผมมาชัดๆ” และพอผมเดินตามเข้าไปก็แปลกใจเมื่อนอกจากคุณพ่อคุณแล้วทั้งพี่ดีน และวินก็มาอยู่ที่นี่ด้วย
   “นี่มันอะไรกันครับ”
   “พี่โยคงจะแกล้งไม่บอกอะไรน้องอีกแล้วสินะ แม่อยากให้น้องเข้ามาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน” คุณแม่เดินมาจับมือผมแล้วบีบเบาๆรอยยิ้มใจดีบนใบหน้าทำให้ผมยิ้มตอบ
   หมับ
   “หืออะไรครับวิน” ผมก้มลงไปหาวินที่เดินมาเกาะขา
   “อึบ มาให้พ่ออุ้มดีกว่านะ” วินทำหน้างอนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้พี่โยอุ้มแถมยังกอดคอแน่น
   “เอาล่ะถ้าครบแล้วก็เข้าไปกันเถอะ” คุณพ่อว่า พี่โยอุ้มวินแล้วจูงมือผมเข้าไปในห้องที่มีเจ้าหน้าที่อยู่ พี่โยบอกว่าเรื่องพิธีพี่โยจะจัดเฉพาะในครอบครัวตอนนี้ก็แค่มาทำอะไรที่มันเป็นทางการซะก่อนหลังจากจดทะเบียนเรียบร้อยข้อมูลต่างๆของผมก็ถูกคุณพ่อขอไปยืนวีซ่าถาวรซึ่งมันไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก เสร็จจากการที่จู่ๆก็โดนลากมาจดทะเบียนทั้งๆที่พี่มันก็ไม่ได้ขอให้มันเป็นเรื่องเป็นราวนั่นทำให้ผมอกไม่ได้ที่จะเคืองพี่โยมาก เคืองมากๆเลยทีเดียวเชียวล่ะ เดินไปแย่งวินมาอุ้มซึ่งเจ้าตัวก็เต็มใจที่จะโผมากาผม
   “พี่ดีนผมไปกับพี่นะ” ยังไม่ทันที่พี่ดีนจะปฎิเสธอะไรผมก็อุ้มวินหนีขึ้นรถ ตอนแรกพี่ดีนงงๆแต่ก็รีบมาขึ้นรถพาผมกับบ้าน วินที่นั่งจ้องหน้านิ่งก่อนที่จะยกมือจิ้มๆที่มุมปากผมแล้วยกขึ้นเพราะผมไม่ยิ้มวินเลยอยากให้ผมยิ้มเหรอ ผมยกยิ้มบางๆส่งให้และยกมือลูบหัวทุย ถึงบ้านผมก็พาวินขึ้นบนห้องทันทีโยไม่ลืมที่จะบอกขอบคุณพี่ดีน
   แกร๊ก
   ล็อกประตูไว้แล้วไปนั่งอยู่บนเตียง วินล้มตัวลงนอนหนุนตักผม ที่ผมโกรธพี่โยไม่ใช่เรื่องพาไปจดทะเบียนแต่เป็นเรื่องที่พี่ไม่มีการบอกกล่าวอะไรมากกว่าซะอีกคิดจะทำอะไรก็ทำ ไม่เห็นขอผมเลยซักนิด เดี๋ยวสิไม่ใช่เรื่องนั้นซักหน่อยแต่เป็นเพราะพี่โยชอบทำอะไรโดยไม่บอกผมคิดแต่จะแกล้งอยู่นั่นล่ะไม่คิดหรือไงว่าไอ้ที่ทำนะเหมือนเป็นการมัดมือชกผมชัดๆ ไอ้รักก็รักอยู่หรอกนะ แต่จะให้ยอมทุกอย่างที่พี่โยทำมันก็ไม่ใช่ป่ะวะ ทั้งตั้งแต่หลอกให้ผมมาหาที่นี่แล้ว
   “หิวไหมครับวิน” ก้มลงถามตัวเล็กที่อยู่บนตัก หัวทุยส่ายไปมาก่อนที่ดิ้นลงจากตักไปนั่งบนเตียงแล้วตบบุๆข้างให้ผมล้มตัวลงนอนพอผมนอนวินก็นอนลงข้างๆ สงสัยว่าจะง่วงเพราะตื่นแต่เช้า
   “งั้นนอนนะครับ”
   ฟอด
   ได้แต่ยิ้มกับความน่ารักน่าอ้อนของวิน ยังไม่ทันที่ผมจะหลับตามวินเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อนผมค่อยๆขยับตัวแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู
   “ทำไมรีบกลับมาก่อน”
   ปัง
   ยังไม่ทันที่พี่โยจะพูดอะไรต่อผมก็ปิดประตูใส่หน้าพร้อมกับล็อกกลอนแน่นหนา
   “เดี๋ยวสิทัพเป็นอะไรเปิดประตูให้พี่ก่อน”  เสียงเคาะประตูยังดังลั่นจนผมต้องร้องออกไปบอก
   “เงียบนะพี่โย ตอนนี้ผมไม่อยากคุยด้วยแล้วถ้าพี่เข้ามาผมจะเก็บของกลับบ้านตอนนี้เลย” มีเพียงความเงียบผมยืนพิงประตู
   “ไว้ทัพใจเย็นพี่จะมาคุยด้วยนะ” ผมเงียบไม่ตอบอะไร ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าที่ห่างออกไปทำให้ผมถอนหายใจแรงยังดีที่พี่โยยอมถอยหรือเป็นเพราะกลัวคำขู่ของผมกันแน่ได้แต่ส่ายหัวปัดความคิดบ้าๆกลับขึ้นไปนอนกอดน้องบนเตียงแล้วหลับไปด้วยกัน จนกระทั่งผมรู้สึกมีมือแปะป่ายไปทั่วหน้าผมถึงได้ลืมตางัวเงียลุก วินนั่นเองสงสัยว่าจะตื่นเพราะว่าหิวแน่ๆ
   “หิวเหรอ” วินพยักหน้า
   “งั้นไปล้างหน้ากันดีกว่าครับ” เหลือบมองนาฬิกาว่าที่มันก็บ่ายกว่าจวนจะค่ำแล้วไม่น่านอนเพลินจนวินไม่ได้กินข้าวเลย ล้างหน้าล้างตาเสร็จผมก็อุ้มน้องลงไป พี่โยคงจะไปทำงานแล้วเพราะบ้านมันเงียบผิดปกติแต่เหมือนว่าผมจะคิดผิดเมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างกำลังนั่งอยู่บนโซฟา วินดิ้นลงจากอ้อมแขนพอผมปล่อยลงวินก็วิ่งหาพี่โย
   “หืออะไรครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนถาม วินลูบท้องบ่งบอกว่าหิวพี่โยหัวเราะทุ้มต่ำแล้วลุกขึ้นผมที่มัวแต่ดูภาพอบอุ่นนั่นลืมไปเลยที่จะหนี
   “ทัพ” เสียงเรียกดึงสติให้ผมรู้ตัวว่ากำลังโกรธพี่โยอยู่ทำให้ผมขยับหนีมือใหญ่ที่เดินเข้ามาจะจับแขนเลี่ยงไปอุ้มวินไปที่ครัว
   “โกรธอะไรพี่กันทัพ พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจกัน” น้ำเสียงที่เหมือนจะหาเรื่องยิ่งทำให้ผมเม้มปากจนแทบเป็นเส้นตรงไม่อยากพูดอะไรที่มันเป็นการทะเลาะกันมากกว่านี้ ทั้งๆที่อยากจะเคลียปัญหาอยากจะเลิกทำปั้นปึงใส่กันทีแต่พอพี่โยทำน้ำเสียงแบบนี้ทำให้ผมแทบจะไม่อยากคืนดี
   “ถ้าพี่โยไม่รู้ก็ไม่ต้องมาพูดดีกว่าครับ ยังไงซะพี่โยก็ตัดสินเอง อยากทำอะไรก็ทำเองมาถามผมทำไมล่ะครับว่าผมไม่พอใจอะไร” นี่สินะเขาถึงว่าถ้าอยากรู้ว่าไปกันได้หรือไม่ได้ต้องได้มาอยู่ด้วยกันทีแรกก็นึกว่าเป็นเพราะนิสัยขี้แกล้งของอีกคนแต่จริงๆแล้วเป็นคนที่ทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้ถามความรู้สึกผมเลยซักนิด
   “ทัพ พี่ขอโทษ” พี่โยขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับพูดเสียงอ่อยแล้วดึงมือผมไปกุมซึ่งผมไม่ได้สะบัดออก
   “วินหิวข้าวแล้วครับ” ผมบอกปัดไปเรื่องอื่นแถมวินทำหน้าละห้อยมือกุมท้องพี่โยรู้ดีว่าตอนนี้ผมไม่พร้อมจะคุย
   “งั้นพี่จะเข้าไปทำกับข้าวให้นะ นั่งเล่นรอพี่ตรงโซฟาก่อนนะครับ” พี่โยรีบเดินเข้าครัว ผมก็เลยพาวินไปนั่งที่หน้าโซฟาปล่อยให้คนที่มีความผิดติดตัวทำกับข้าวไปคนเดียว ไม่นานข้าวผัดจากใหญ่ก็มาเสิร์ฟ  ผมปล่อยให้วินกินก่อนเพราะยังไม่หิวเท่าไหร่
   “อ้ำ” เสียงเล็กๆมาพร้อมกับช้อนที่มีข้าวผัดพูนๆ โอ๊ยน้องวินทำไมน่ารักอย่างนี้นะผมอ้าปากรับข้าวผัดวินผลัดกินเองแล้วก็ป้อนผมไปด้วยจนกระทั่งหมดจาน วินก็ชี้ออกไปนอกบ้าน
   “เดี๋ยวเก็บจานก่อนครับ” วินพยักหน้าแล้วพยายามถือจานเข้าไปในครัวเลยอนุญาตให้ออกไปเล่นตรงสนามหน้าบ้านทีแรกผมว่าจะตามออกไปแต่ติดที่มือใครอีกคนดึงมือผมไว้
   “จะออกไปดูวิน”
   “วินอยู่ได้น่า”
   “ก็ให้มาดูแลวินไม่ใช่เหรอไง” อดไม่ได้ที่จะประชดกับความเอาแต่ใจตั้งแต่ต้น
   “ไม่ใช่ซักหน่อยทัพ นี่เราจะคุยกันดีๆไม่ได้เหรอ” ตวัดค้อนมองคนที่ทำเสียงอ่อยอ้อนถ้าไม่คุยดีๆผมลุกไปนานแล้วไม่อยู่ตรงนี้หรอกนะ 
   “ก็ได้”
   “ทัพ.....โกรธอะไรพี่”
   “นี่พี่โยมรู้เหรอว่าพี่เอาแต่ใจแค่ไหนคิดจะทำอะไรก็ทำไม่เคยถามผมซักคำทุกอย่างพี่คิดจะจัดการเองไม่เคยถามผมซักอย่างพี่คิดจะทำพี่ก็ทำ” ผมพูดด้วยความโมโหยิ่งอยู่ด้วยกันผมยิ่งเห็นภาพในอนาคตเลือนราง
   “แต่พี่จริงจังกับทัพนะ พี่ถึงได้ทำแบบนี้คิดว่าเราคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว”
   “แล้วพี่คิดว่าจะทำอะไรตามใจก็ได้อย่างนั้นเหรอ ใช่เราคบกันแต่สิ่งที่พี่ทำมันไม่เหมือนคนคบกันเลยซักนิดถ้าคบกันแล้วเป็นอย่างนี้ผมก็ว่าเรากลับไปคุยกันแบบเดิมดีกว่าไหมครับ”
   “ทัพจะเลิกกับพี่เหรอ มันก็แค่เรื่องเท่านี้เองนะ” พอพี่โยพูดจบยิ่งทำให้ผมโมโหขึ้นกว่าเดิม เรื่องเท่านี้
   “พี่ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องเท่านี้ แต่พี่เคยถามผมไหม ความรู้สึกผมล่ะ ผมต้องการคนที่คบกันนะพี่ไม่ใช่คนที่ตัดสินใจทุกอย่างแทนผมโดยไม่สนใจว่าผมคิดอะไรแบบนี้” ผมสะบัดมือจนหลุดแล้วลุกขึ้นยืน จะจดทะเบียนห่าเหวอะไรนั่นก็แล้วไป ผมโกรธ โกรธที่พี่โยตัดสินใจเองทุกอย่าง
   “ทัพจะเดินหนีพี่อย่างนี้ไม่ได้นะ”
   “แล้วผมทำอะไรได้บ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างพี่โยคิดเองหมดแล้ว ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่แล้วผมจะกลับ” ยังไม่ทันที่ผมจะบอกว่ากลับไปไหนพี่โยก็ดึงผมเข้าไปกอด อ้อมกอดแน่นที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บ
   “อย่าหันหลังหนีพี่อย่างนี้นะ พี่ขอโทษ” อ้อมกอดแน่นกับคำขอโทษเสียงเบาที่กระซิบบอกตรงไหล่
   “พี่จะขอโทษผมทำไม”
   “ขอโทษที่เอาแต่ใจ ขอโทษที่ทำอะไรโดยไม่ถามก่อน พี่รักทัพนะพี่ขอโทษที่เอาแต่ใจ” ผมถอนหายใจแค่อยากจะดัดนิสัยคนตัวโตที่เอาแต่ใจทีแรกว่าจะเล่นนานกว่านี้ไม่นึกว่าพี่โยจะยอมขอโทษซะก่อน
   “ครับรู้แล้วครับ ปล่อยผมก่อนหายใจไม่ออกแล้ว”
   “ไม่เอาเดี๋ยวทัพหนี”
   “พี่โย ผมจะออกไปดูวินแล้วนี่เลิกอ้อนเป็นเด็กๆได้แล้ว” พยายามที่จะแงะมือที่เหนียวยิ่งกว่าปลาหมึก
   “ไม่เอาอยากกอดทัพอยู่อย่างนี้”
   “พี่โย เลิกเล่นได้แล้วนะ” หันไปมองใบหน้ายิ้มกว้างที่น่าหมั่นไส้ที่สุดในโลกพอได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ผมก็ยอมตามใจพี่แกทุกอย่างแล้ว
   “ไม่ได้เล่น วินปล่อยไว้นั่นก็ได้ยังไงก็มีคนดูแลอยู่แล้วแต่พี่นี่สิไม่มีคนดูแลเลยนะ” ใครก็ได้ช่วยผมทีไอ้น้ำเสียงอ้อนๆนี่จะทำให้ผมใจแข็งได้ยังไง
   “อีกไม่นานผมก็จะกลับแล้ว”
   “ไม่ให้กลับหรอก ยังไงทัพก็ต้องอยู่ที่นี่กับพี่และลูก” เดี๋ยวนะ ทำไมคำพูดมันถึงได้ดูจักกะจี้แบบนี้นะ
   “ได้ไงผมต้องกลับไทยอยู่ดี”
   “อยู่กับพี่ที่นี่เลยไม่ได้เหรอ” ยังดีที่ถามนะ ไม่ใช่เล่นมัดมือชกแบบเมื่อเช้าอีก
   “ผม..ไม่รู้สิ ปล่อยก่อนน่าพี่โย” มายืนกอดกันกลางบ้านแบบนี้มันใช่ซะที่ไหนเล่า
   “อยู่ที่นี่เถอะน้า นะทัพนะ” 
   หมับ
   “ด้วยกันนะ” เสียงเล็กๆที่มาพร้อมกับแรงกอดที่ขาทำให้ผมก้มลงมองวินที่ไม่รู้ว่าวิ่งมาตั้งแต่ตอนไหนมากอดขาทั้งยังพูดด้วยเสียงน่ารักๆนั่นว่าให้ผมอยู่ด้วยกันแล้วทำไมต้องมาอ้อนผมพร้อมกันด้วยเล่า
**********************************************
ทนความคิดถึงไม่ไหว แอบอู้เอามาลงก่อน
ฮือออ งานสุมคอเหลือเกินค่ะ
จะตายแล้ว
จะจบให้ได้ก่อนสิ้นปีล่ะกันนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ชอบน้องวินฮ่าๆๆ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 2 50 เปอร์ 10/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-12-2017 18:18:11
พี่โย เอาแต่ใจจริงๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 2 50 เปอร์ 10/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 10-12-2017 22:48:45
เอาแต่ใจจริงๆ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 2 50 เปอร์ 10/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 11-12-2017 00:36:54
 :-[ :o8 :o8: :-[ :impress2: :impress2: :man1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 2 100 เปอร์ 13/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 13-12-2017 15:12:34
ยิ่งผมเงียบสองคนนี่ก็แทบที่จะกอดผมไว้ให้ไปไหนเอาเข้าไปนี่ต้องให้ได้คำตอบใช่ไหม หันมองทั้งสองคน
   “ปล่อยผมซักทีเถอะน่าทั้งสองคนเลย”
   “บอกตกลงพี่ซะดีๆ” เดี๋ยวนะมันใช่เหรอแถมยังวินที่พยักหน้าตามอีก
   “เฮ้อ..ยังไงผมก็หนีไปไหนไม่ได้แล้วนิ” ถึงจะพูดเหมือนจนใจแต่ในใจผมนั้นรู้สึกดีแค่ไหน เท่านั้นล่ะพี่โยก็หอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ แถมยังอุ้มวินขึ้นมาให้หอมแก้มผมอีกไม่เคยโกรธพี่โยได้นานเลยจริงๆ
   “วันนี้มัมกับแด๊ดไม่อยู่ตอนเย็นก็กินฝืมือพี่อีกแล้วกันนะ” ผมพยักหน้ายังดีที่พี่โยทำอาหารเป็น พี่โยเคยบอกว่าจ้างเมดแต่คุณแม่ก็ให้ทำแค่ความสะอาดส่วนเรื่องอาหารคุณแม่จะจัดการเอง
   “ฝากท้องไว้กับพี่ล่ะกันผมไม่อยากให้ครัวพัง” พี่โยขำ
   “ว่าแต่ทัพเลิกโกรธพี่แล้วนะ”
   “ไม่เลิกหรอกมั้งครับ” คุยกันดีขนาดนี้แล้วคงจะยังไม่หายโกรธหรอกนะอ้าแขนรอรับวินที่โน้มตัวมาทางผม น้องติดขนาดนี้ผมจะกลับไปได้ยังไงกันพี่โยยิ้มกว้างจูงมือผมเดินไปนั่งที่โซฟา ปล่อยให้ผมและวินดูทีวีส่วนพี่โยก็นั่งทำงานผมปล่อยให้วินนั่งดูทีวีส่วนผมก็ขยับไปนั่งข้างๆ
   “มีอะไรให้ผมช่วยไหม” จะให้นั่งดูพี่โยทำงานก็ดูเหมือนจะเป็นงานที่ดูจะไม่ถนัดรู้ได้ไงนะเหรอครับก็คิ้วพี่โยแทบจะผูกเป็นโบอยู่แล้วนะสิ
   “เฮ้อ ช่วยดูตรงนี้ให้พี่ที” ถึงจะเป็นภาษาอังกฤษแต่ผมก็คงจะพอช่วยงานได้นะ นั่งทำงานช่วยพี่โยจนวินหลับไปแล้วตื่นหนึ่งคงจะได้เวลาอาหารแล้วสินะ
   “เดี๋ยวทัพขึ้นไปอาบน้ำกับลูกก่อนเดี๋ยวพี่จะเข้าไปทำกับข้าวรอ” แม้พี่โยจะมีท่าทีเหนื่อยๆผมเลยขอเข้าไปช่วยแต่พี่โยก็ไล่ให้พาวินไปอาบน้ำเลยปล่อยให้พี่โยทำกับข้าวคนเดียว
   “ป่ะครับคนเก่งวันนี้ไปอาบน้ำด้วยกันครับ”
   “ว้า พูดซะพี่ไม่อยากทำกับข้าวแล้วขึ้นไปอาบน้ำกับเราและลูกเลย” ได้ทีหน่อยไม่ได้เอาเข้าตัวเองตลอด
   “ทำกับข้าวไปเลยครับ เราอาบกันสองคนเนาะ” หันไปเออออกับวินที่ยิ้มหวานแล้วพยักหน้าหงึกหงักเออออไปกับผม ตอนนี้น้องเริ่มที่จะยิ้มง่ายและพูดคุยมากขึ้นแถมยังขี้อ้อนขึ้นเยอะเลยถอดเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและวินก่อนที่เข้าไปแช่ในอ่าง
   “สบายไหมครับ”
   “อือ ทัพ อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ” วินที่นั่งพิงอกผมหันมาพูดเสียงเบาพร้อมกับกอดเอวผมไว้ ให้ตายเถอะผมจะทิ้งเด็กคนนี้ไปได้ยังไง 
   “ครับเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”
   ฟอด
   ก้มลงหอมแก้มเนียนที่ดูป่องขึ้นเยอะเลย อ่า ถ้ามีได้เจอกับน้ำน้องคงจะร่าเริงกว่านี้แน่ๆ อ่าคิดถึงเจ้าลูกน้ำจริงๆน้า
   “วินเหงาไหมครับ” ผมลูบผมสีทองนิ่มมือ
   “ไม่เหงา มีทัพอยู่” อ่า อยากจะฟัดทั้งตัว
   “น่ารักจังเลยนะครับ” หอมแก้มป่องไปทีแล้วชวนขึ้นจากอ่างเพราะน้ำเริ่มเย็นแล้ว เช็ดตัวให้น้องจนแห้งผมก็ให้น้องแต่งตัวเองส่วนผมก็แยกไปแต่งตัวเสร็จผมก็เดินจับมือลงไปด้านล่างพี่โยกำลังตั้งโต๊ะพอดี
   “มาครับผมช่วย” ผมรีบเดินปรี่เข้าไปช่วยถืออาหารวินปีนขึ้นเก้าอี้ประจำตัวไม่นานก็เสร็จ
   “หอมฟุ้งเซียวน้า” พี่โยเดินอ้อมไปฟัดวินที่ทำหน้ามุ้ยดันหน้าพี่โยออกก็เล่นฟัดซะจนแก้มน้องแดงขนาดนั้น
   ฟอด
   “อ่าอีกคนก็หอม”
   “อ่ะ” ผมผงะเมื่อพี่โยหันมาหอมแก้มผมแทน
   “ร้องแบบนี้พี่ชักอยากจะทำมากกว่านี้แล้วสิ” สายตาที่บ่งบอกว่าพี่โยต้องการทำอะไรทำให้ผมต้องหลบสายตา
   “พอเลย กินข้าวได้แล้ว” ดุเพื่อกลบเกลื่อนความเขินที่จู่โจมผมเป็นแบบนี้บ่อยๆเหมือนตำแหน่งผมจะไม่มั่นคงเอาเสียเลย
   “หึๆ” อยากจะซื้อเอาเสียงหัวเราะนี่ไปโยนทิ้งจริงๆคนกวนประสาทยอมที่จะกลับไปนั่งกินดีๆ ผมคอยดูแลวินที่ดูจะเจริญอาหารขึ้นทุกวัน
   “พรุ่งนี้อยากไปเที่ยวไหนไหมมาหลายวันพี่ยังไม่ได้พาไปไหนเลย” จู่ๆพี่โยก็พูดขึ้น อ่านั่นสินะ มานี่ก็หลายวันแล้วอยู่แต่กับบ้าน
   “ไม่รู้สิเที่ยวในไร่ก็ได้พี่งานยุ่งไม่ใช่เหรอ”
   “ไม่เป็นไรพรุ่งนี้โรงงานพี่หยุดเดี๋ยวพาครอบครัวไปเที่ยว” มีการยกคิ้วให้
   “แล้วแต่พี่เลยล่ะกันผมก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน” อยากไปแต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ถ้าเจ้าตัวว่างแล้วอยากพาไปผมก็ไม่มีปัญหาอะไร กินเสร็จผมก็ให้วินอยู่กับพี่โยแล้วอาสาล้างจานเอง ได้ยินแต่เสียงหัวเราะเล็กๆของวินตอนที่ผมเดินออกมาจากครัวก็เห็นพี่โยกำลังแกล้งวินทั้งจิ้ตรงนั้นตรงนี้แถมยังก้มลงไปฟัดพุงน้อยๆนั่นอีกก็รู้ว่าวินไม่ชอบยังจะทำสมเป็นพี่โย
   “แกล้งอะไรน้อง เดี๋ยวก็ได้นอนละเมอพอดีพี่โยขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวผมกับวินจะขึ้นไปนอนแล้ว”
   “อ่าพี่ปวดหลังอยากได้คนถูหลังให้จังเลยน้า” มองเด็กโข่งที่นอนอยู่บนพื้นพรมที่ส่งสายตาอ้อนๆ แต่ก็เมินหันไปอุ้มวินที่เริ่มง่วงแต่ก็หยุดตรงบันไดแล้วบอกคนที่ลุกขึ้นมานั่งทำงานต่อ
   “เดี๋ยวจะรองน้ำอุ่นไว้ให้ล่ะกัน” พูดจบผมก็รีบเดินหนีขึ้นห้องไม่ทันสังเกตว่าคนชอบแกล้งนั้นยิ้มกว้างแค่ไหน พอถึงเตียงวินก็แทบจะลืมผมไปทันทีรีบล้มตัวนอนไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว
   “ฝันดีนะครับ”จูบหน้าผากเนียนก่อนที่จะเดินกลับห้องตัวเองแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อรองน้ำอุ่น เอาจริงๆตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นอกจากจูบแล้วก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเพราะต่างรู้สึกว่าไม่รู้จะเริ่มเข้าใกล้กันยังไงเพราะตลอดเวลาที่คุยกันก็แค่เห็นไม่ได้อยู่ใกล้กันพอมาอยู่ด้วยกันก็รู้สึกแปลกๆถึงความกวนประสาทของพี่โยจะทำให้เราเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น
   “น้ำจะล้นแล้วนะ” ผมสะดุ้งเมื่อมัวแต่เหม่อจนน้ำเกือบล้นอ่างและเสียงคุ้นหูยิ่งทำให้ผมประหม่าพอหันกลับไปจะว่าอะไรนิดหน่อยแต่พอเห็นผมหันกลับแทบไม่ทันเพราะพี่โยยืนกอดอกทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพันเอวอยู่
   “อ่า...อาบเลยไหม” ให้ตายเถอะผมคิดหาคำพูดไม่ออกเลยจริงๆ
   “อืม นวดหลังให้พี่ได้ไหม” ตอนนี้เหมื่อนพี่โยพยายามปรับตัวมาขึ้นคอยถามความเห็นผมก่อนตลอดถึงแม้เรื่องที่ถามมันจะชวนให้ผมกระอักกระอวลใจที่จะตอบ คงจะเข็ดหลังจากที่ผมโมโห
   “ก็เข้าไปนั่งสิ”  บอกจบผมก็หันไปทำตัววุ่นวายกับการหาครีมอาบน้ำหันหลังให้กับอ่างอาบน้ำได้ยินแต่เสียงน้ำล้นค่อยหันกลับไปพี่โยลงไปนอนพิงอ่าง ดีที่ผมใส่ขาสั้นเรียบร้อยแล้ว
   “ขยับหน่อยสิ” ผมไล่ให้พี่โยนั่งดีๆก่อนที่ตัวเองจะไปนั่งบนขอบอ่างแล้วให้พี่โยพิงผมไว้ ค่อยๆกวักน้ำขึ้นลดผมให้เปียกเทยาสระผมแล้วค่อยๆนวดหัวเบาๆสมัยเรียนไอ้ไม้ชอบให้ผมทำให้เวลาเรียนเหนื่อยๆ
   “แรงไปไหม” ผมถามคนที่พิงตัวหลับตาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
   “อือ กำลังดีเลยล่ะ” อยากจะแกล้งนะแต่เห็นท่าทีสบายๆเลยไม่ได้ทำ
   “หลับตาให้สนิทนะจะล้างผม” มีเพียงเสียงครางรับผมเอื้อมดึงเอาฝักบัวมาฉีดฟองสบู่ออกซึ่งมันก็เปียกผมไปด้วยค่อยเปลี่ยนล่ะกัน
   “เสร็จแล้ว”  พี่โยลืมตาขึ้นข้างหนึ่งก่อนที่จะก้มตัวเอาหัวจุมในน้ำแล้วสะบัดๆหัวแรงๆจนน้ำกระจายไปทั่ว
   “พี่โยเปียกหมดแล้วเว้ย” ผมร้องโวยวายในเมื่อตอนนี้มันไม่ได้เปียกแค่กางเกงแล้วแต่มันดันเปียกไปทั้งตัวเลย
   “ฮ่าๆ งั้นก็ลงมาแช่ด้วยกันสิ”ยังไม่ทันที่จะตอบอะไรมือใหญ่ก็ดึงผมลงไปแช่ในอ่างที่ดูเหมือนจะแคบลงไปถนัดตาเมื่อผู้ชายตัวโตสองคนลงด้วยกัน
   “เล่นบ้าอะไรของพี่ ผมอาบน้ำแล้วนะ” ผมโวยวายพร้อมกับลูบน้ำออกจากหน้า ให้ตายเถอะผมต้องเปียกอีกรอบเลย
   “ก็อาบน้ำด้วยกันไง” น้ำเสียงกรุ้มกริ่มนั่นทำให้ผมรีบขยับตัวไปชิดขอบอ่างทันทีเมื่อรู้สึกแปลกกับพี่โยที่ทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กปิดไว้อยู่
   “หึๆ ไม่ต้องไปชิดขนาดนั้น”
   “ผมจะขึ้น”
   “นวดหลังให้พี่ก่อนนะ” พี่โยหันหลังมาทางผมถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้แต่ในเมื่อเปียกแล้วก็ยอมคนเอาแต่ใจนั่นหน่อยล่ะกัน เพียงแค่ผมขยับเข้ามาใกล้พี่โยก็คว้ามือผมแล้วหันกลับมาดึงผมที่ตั้งตัวไม่ทันถลาเข้าไปซบแผ่นอกกว้างทันที
   “อะ...ไอ้พี่โย”อยากจะทำร้ายนะแต่พี่มันดันจับมือผมผมไว้แน่น
   “อยู่ใกล้กันแบบนี้ดีกว่าเยอะเลย” ให้ตายเถอะพูดเฉยๆไม่ได้ยังเอามือมารัดเอวผมแน่นมันยิ่งแนบชิดเข้าไปอีก
   “ปล่อยนะเว้ย” ผมไม่อยากนิ่งในเมื่ออะไรๆมันแนบกันอยู่
   “ไม่เอาพี่อยากอยู่แบบนี้”
   “ไม่เล่นนะพี่โย” ผมรีบห้ามเมื่อมือที่กอดมันไม่ได้อยู่นิ่งๆอีกต่อไป สัมผัสเย็นที่สอดเข้ามาใต้เสื้อยืดนุ่มมันปลุกความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา
   “อึก” เรียวปากเม้มแน่นเมื่อมือใหญ่เลื่อนสัมผัสมาที่หน้าท้องที่เกร็งขึ้นทันทีที่มือใหญ่เลื่อนผ่าน
   “พี่ไม่ได้เล่นแล้ว พี่เอาจริง” แล้วจำเป็นต้องเน้นคำว่าเอาขนาดนั้นไหม
   “อ๊ะ เลิกลูบได้ไหม” มือที่จะผลักออกต้องบีบไหล่กว้างอีกคนแน่นเมื่อสองมือใหญ่ลูบไล้ปลุกอารมณ์เขาให้ตื่น แต่กอ่นที่จะได้ห้ามอะไรมากกว่านี้ก็โดนริมฝีปากหนาแนบลงมาขมเม้มบดเบียดปลายลิ้นไล่ตามขอบหยักราวอ้อนวอนขอเข้าไปทำให้เขาใจอ่อนให้อีกคนเข้ามา
   “อืม......” มือจากที่เกาะบ่าอยู่เลื่อนไปคล้องคอใบหน้าเอียงเพื่อให้แนบชิดได้ลึกล้ำกว่าปลายลิ้นต่างผลัดผลักดันเกาะเกี่ยวไม่มีใครยอมใครจนเหมือนจะหมดลมหายใจถึงได้ยอมผละออก
   “อ่า..แฮ่ก..... อืม....”แต่เหมือนพี่โยจะไม่ยอมให้ผมหยุดพักมือหนาเลื่อนมาบดเขี่ยยอดตุ่มไตใต้เสื้อนิ่ม
   “หวานจังน้า” น้ำเสียงหยอกเย้าเบาๆที่ลำคอกดจูบให้เกิดรอยสีกุหลาบ
   “หยุดพูดนะ อ๊ะ” ผมสะดุ้งเมื่อคนเอาแต่ใจกัดเบาๆ แต่ในห้องน้ำนี่นะ ให้ตายเถอะผมพยายามที่จะห้ามปรามคนที่ยังสัมผัสไปทั่วตัว
   “ไม่เอา.....อย่า...” เหมือนที่ผมห้ามพี่โยยอมหยุดแล้วเงยหน้ามาสบตาผม
   “ทำไมล่ะทั้งๆที่เราก็รู้สึกไม่ต่างกัน”
   “อึก” ได้แต่ตวัดสายตามองค้อนคนขี้แกล้งที่กดสะโพกผมให้อะไรๆที่มันตื่นแนบชิด
   “มะ...ไม่ใช่ในนี้” ผมพูดเสียงเบาแล้วก้มหน้างุดเมื่อพี่โยหัวเราะเบาๆ ยังดีที่ไม่ได้พูดให้ผมอายยิ่งกว่านี้
   ซ่า
   เสียงน้ำกระทบกระเบื้องเมื่อพี่โยลุกขึ้นจากอ่างแล้วดึงผมให้ลุกออกจากอ่างมายืนข้างๆก่อนที่จะลงมือถอดเสื้อผ้าผมทั้งหมดโดยที่ผมห้ามไม่ทัน
   “เหวอ” ได้แต่ยกมือคล้องคอไว้เมื่อพี่โยอุ้มผมขึ้น แล้วรีบพาผมไปที่เตียงที่อย่างนี้ทำไมเร็วนักนะ
   “พี่จะอ่อนโยนนะที่รัก” กระซิบเบาๆที่ข้างหูในขณะที่มือไม่อยู่เฉย ถึงขนาดนี้แล้วผมคงจะไม่ห้าม หลบสายตาคมแล้วยกมือโอบบ่งบอกกลายๆว่ายอม ริมฝีปากหนาพรมจูบทั่วใบหน้าก่อนที่กดจูบตักตวงน้ำหวานจากคนที่ยินยอมตอบสนองอย่างเร่าร้อนเพิ่มอุณหภูมิในห้องให้ร้อนฉ่า ต่างฝ่ายต่างเรียกร้องในสัมผัสของกันและกันทั้งเรียกร้องเร่งเร้าจนค่อนคืน
   โยโอบกอดร่างแนบชิดที่หลับลงอย่างเหนื่อยอ่อนทันทีหลังจากอารมณ์ร้อนๆได้จบลงมือลูบไล้แผ่นหลังเนียนของคนที่หลับสนิท ผมรู้ดีว่าทัพยอมให้ผม ใครจะรู้ว่าเห็นอย่างนี้ทัพเป็นคนที่ร้อนแรงมากทั้งๆที่เป็นครั้งแรกแต่ผมก็เรียกร้องอย่างเอาแต่ใจจนทำให้ทัพต้องเหนื่อยแต่มันก็เป็นความสุขสุดๆและผมก็รู้ดีว่าทัพก็คงไม่ต่างกัน มองเสี้ยวใบหน้าของทัพที่ผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ผมค่อยขยับตัวเพราะทัพนอนทับอกผมอยู่ ทัพขยับตัวเล็กน้อย ผมค่อยๆลงจากเตียงหยิบโทรศัพท์โทรหาใครอีกคนที่จะทำให้ทัพมีวันพิเศษๆที่ทัพไม่มีวันลืมแน่ๆ
******************************************************************
คลานมาอัพให้เต็ม
เอร๊ยย เขินอ่า ตอนหน้าพี่โยก็จะจบแล้วฮ่าๆๆ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
ชอบอ่านคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์นะคะ
จุ๊ฟๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 2 100 เปอร์ 13/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 13-12-2017 16:03:09
หวาาาาา พี่จะอ่อนโยน ฮืออออดี
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 50 เปอร์ 15/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 15-12-2017 16:54:24
แสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านไม่ได้ทำให้ร่างขาวรู้สึกตัวแต่อย่างใดทั้งยังดึงผ้าห่มขึ้นคลุมแน่นเพราะอากาศตอนเช้าที่เย็นอยู่ โยมองคนที่ยังหลับสนิทเพราะการออกกำลังกายอย่างหนักเมื่อคืนขนาดที่เขาอาบน้ำเสร็จยังไม่มีท่าทางที่จะตื่นเลย คงต้องไปดูลูกชายก่อนล่ะนะ เดินไปห้องวินที่ตอนนี้ยังนอนหลับขี้เซาเหมือนทัพที่ยังนอนอยู่อีกห้องไม่มีผิด
   “เฮ้ เจ้าตัวเล็กตื่นได้แล้วนะ” นั่งลงข้างๆวินที่นอนขดเป็นก้อนกลมๆใต้ผ้าห่ม
   “อือ” เจ้าตัวเล็กทำเพียงขยับตัวขดกว่าเดิมแถมยังทำคิ้วยุ่ง เหมือนกันกับทัพจริงๆเชียว รีมฝีปากหนายกยิ้มร้ายก้มลงกระซิบบางอย่างกับวิน
   “ถ้าไม่ตื่น..........พ่อจะพาทัพหนี” เท่านั้นล่ะเจ้าตัวเล็กก็ดีดตัวขึ้นทันที
   “ทัพ.....” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อตาสีฟ้าก็คลอไปด้วยน้ำตา
   “ไม่ต้องร้องพ่อล้อเล่น ไปอาบน้ำได้แล้วครับ” ตาสีฟ้าตวัดค้อนก่อนที่จะโยนหมอนเล็กๆนั่นใส่ อาการงอนเล็กๆนั่นทำให้ผมหัวเราะลั่นห้อง เมื่อเห็นว่าวินเข้าไปอาบน้ำผมก็เดินผิวปากด้วยอารมณ์ดีๆลงมาข้างล่าง
   “อารมณ์ดีเชี่ยวนะ”
   “ก็นิดหนึ่งนะแด็ด” เดินไปนั่งลงตรงโต๊ะทานข้าวที่เต็มไปด้วยอาหารเช้า
   “แล้วทัพล่ะคะ”
   “อ่าเมื่อคืนนี้นอนดึกนะครับ” แม้จะบอกเรียบแต่รอยยิ้มกว้างนั่นผู้ให้กำเนิดทั้งสองสบตากันแล้วยิ้มอย่างอ่อนใจ
   “จะทำอะไรก็อย่าไปทำโดยไม่บอกน้องเหมือนตอนนั้นล่ะ” มัมอย่ามาย้ำแผลเดิมสิเข็ดแล้วกับการที่ทัพเล่นเมินแบบนั้น
   “ผมไม่ได้เอาแต่ใจแบบนั้นแล้วน่า มัม แด็ด ผมอยากให้ช่วยเตรียมงานให้ผมหน่อย หลังจากพาน้องกลับมาจากเที่ยวผมจะจัดเลย”
   “มีเซอร์ไพรส์อะไรน้องอีกล่ะ”
   “น่านะครับคราวนี้รับรองไม่มีปัญหาตามหลังแน่ๆครับ เดี๋ยวผมฝากงานให้ดีนด้วยนะครับแด๊ด เดี๋ยวผมขึ้นไปดูวินกับน้องก่อน” อยากจะนั่งคุยต่อแต่กลัวว่าวินที่อาบน้ำเสร็จแล้วจะเข้าไปกวนคนที่อ่อนเพลีย ขายาวก้าวไปที่ห้องวิน ยังดีที่วินพึ่งอาบน้ำเสร็จ
   “จะไปหาทัพ” แก้มขาวพองลมบ่งบอกว่าวินกำลังงอน
   “มาครับ แต่ว่าทัพไม่สบายอย่าดื้อนะเจ้าตัวเล็ก” วินพยักหน้ารับผมเลยอุ้มไปที่ห้องพอเปิดประตูเข้าไปทัพยังนอนหลับอยู่ ค่อยๆเดินให้วินลงบนเตียงส่วนผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปเปิดน้ำอุ่นไว้ให้เพราะตื่นขึ้นมาทัพคงจะปวดไปทั้งตัวแน่ๆยังดีที่เมื่อคืนผมเช็ดตัวให้ทัพแล้ว พอเห็นว่าน้ำเต็มผมก็เตรียมผ้าไว้ให้เรียบร้อยพอออกมาข้างนอนวินก็นั่งเล่นตรงชั้นวางของเล่นของผม
   “จะรอกินข้าวก่อนไหมวิน” วินพยักหน้า ผมตวัดผ้าห่มออกทัพเพียงส่งเสียงครางเบาๆ แล้วช้อนตัวทัพที่ยังหลับสนิทเข้าห้องน้ำค่อยๆวางทัพลงในอ่างแล้วสลัดเสื้อผ้าลงไปนั่งในอ่างให้ทัพพิงหลักไว้ไม่นานดวงตาคมก็กระพริบก่อนที่จะตื่น
   “อือ พี่โย” น้ำเสียงแหบพร่าทำให้ผมกดจูบเบาๆที่ริมฝีปากนุ่มไปหนึ่งที
   “ตื่นแล้วเหรอยังปวดอยู่ไหม” ทีแรกทัพทำหน้างงว่าอะไรก่อนที่จะตื่นเต็มตาพร้อมกับหน้าแดงก่ำ
   “แล้วทำไมต้องลงมาแช่ด้วยกันล่ะ”
   “ก็ทัพยังไม่ตื่น” กวักน้ำรดไหล่ที่เต็มไปด้วยรอยสีกุหลาบ
   “อือ....เลิกลูบซักทีได้ไหม ออกไปก่อนนี่ตื่นแล้วไง” ทัพพยายามที่จะดิ้นหนีทำให้ผมหลุดขำ อ่าแกล้งมากกว่านี้ทัพคงจะโมโหแน่ๆ
   “งั้นก็รีบๆแช่นะเดี๋ยวไม่สบาย เสื้อผ้าพี่แขวนไว้ให้ข้างนอกนะ” ผุดลุกขึ้นจากอ่างทัพก็ร้องโวยวายหันหน้าหนีก็เพราะผมไม่ได้ใส่อะไรเลยอยากจะแกล้งแต่ต้องอดใจไว้ก่อน แต่งตัวออกมาเล่นกับวินพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสามใบที่วางไว้ปลายเตียงไม่นานทัพที่แต่งตัวเรียบร้อยก็เดินออกมา ถึงท่าเดินจะดูแปลกๆแต่ดูเหมือน้ำอุ่นที่แช่จะช่วยได้มาก
   “หิวรึยัง” ทัพพยักหน้ามือยังเช็ดผมที่เปียกอยู่
   “งั้นลงไปกันเถอะนี่ก็สายแล้ว” อุ้มวินเดินไปหาพร้อมกับยืนมือไปหา ทัพมองนิ่งก่อนที่จะยอมจับมือ พอเดินลงมาข้างล่างก็มีอาหารที่คุณแม่เตรียมไว้ให้อยู่บนโต๊ะเรียบร้อย
   “รีบกินเถอะจะได้ไม่สายมาก”
   “หือจะไปไหนเหรอ” ทัพเงยหน้าจากจานข้าวที่ดูเหมือนจะหิวมาก
   “ไปเที่ยวทะเลกันไง ถึงอากาศจะเย็นไปหน่อยแต่ก็ถือว่าไปเที่ยวเอาบรรยากาศล่ะกันนะ” ตาคมทอประกายวาววับ
   “วินไปด้วย” เสียงเล็กๆที่ประท้วงกลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ไปด้วย
   “ไปไม่ได้หรอก”
   “ทำไม”
   “ก็พ่อไม่ให้ไป”
   “วินจะไป”
   “ก็ไม่ให้ไปจะทำไม”  ผมขำเมื่อวินทำตาแดงๆ แกล้งแล้วสนุกจริงๆ
   “เลิกแกล้งวินเลยนะพี่โย วินไปได้อยู่แล้วครับ”
   “หึๆไม่แกล้งแล้วก็ได้ อย่ารีบกินขนาดนั้นเดี๋ยวก็ติดคอเอาหรอก” เย้าวินที่รีบกินข้าวจนผมกลัวว่ามันติดคอเล็กๆนั่นเอา เดินขึ้นไปเอากระเป๋าไปที่รถปล่อยให้ทัพและวินทานข้าวไป
   “เอาล่ะ พร้อมนะ Let’s go” หันไปดูวินที่นั่งคาร์ซีทแล้วค่อยออกรถผมคิดว่าจะพาทั้งสองคนไปไม่ไกลและไปแค่วันเดียวเพราะงานที่เห้เตรียมมันก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่
   ขับรถไปไม่ถึงสองชั่วโมงผมก็มาถึงบ้านพักริมชายหาดที่ผมจองไว้ปล่อยให้ทัพอุ้มวินลงจากรถผมขนกระเป๋าลงมาพอดีกับพนักงานที่เดินมาเปิดบ้านให้
   “พาวินขึ้นไปนอนก่อนเถอะอีกสักพักค่อยปลุก เราก็ขึ้นไปนอนกับวินด้วย”
   “อยากลงไปทะเล”
   “ทะเลไม่หนีไปไหนหรอก เรายังดูเหนื่อยๆอยู่เลย” ถึงจะทำหน้ายุ่งแต่ก็ยอมขึ้นไปพักผมเลยถือโอกาสโทรศัพท์
   “(จะโทรมาเร่งอะไรกันคิดจะทำอะไรก็ทำด่วนๆ)” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรปลายสายก็บ่นเขารัวๆ อดทนไว้
   “เรื่องที่ขอได้เรื่องไหม”
   “(คิดบ้างไหมว่ามันวุ่นวายแค่ไหนกัน เอาเถอะเพราะเป็นพี่ทัพหรอกนะถึงได้ยอม)”
   “ครับๆ ขอบคุณครับ” ประชดคนปลายสายมันก็ไม่สะทกสะท้านอะไรแถมยังบ่นผมอีกยาวจนต้องตัดสายทิ้ง โทรหาดีนก็ยังดีที่บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ติดต่อโน้นนี่นั่นเสร็จก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงจนได้เวลาทานข้าวเที่ยงแล้ว เลยเดินขึ้นชั้นสองเพื่อไปเรียกคนขี้เซาทั้งสองคนมากินข้าว ล้างหน้าล้างตาเสร็จพวกเราก็พากันเดินไปหาร้านอาหารแถวๆนี้
   “คิดถึงน้ำจิ้มซีฟู้ดเลย”
   “อยากกินเหรอเดี๋ยวขากลับชื้อกลับบ้านแล้วให้มัมทำให้ทานสิ”  ทัพตาวาวพยักหน้าให้แล้วหันไปดูแลวินที่ดูจะเจริญอาหารกว่าเดิม
   “อร่อย อ้ำ” ยังมีการจิ้มเนื้อกุ้งป้อนใส่ปากทัพส่วนทัพก็ตามใจทั้งยังหอมแก้มคืนอีก เอาเข้าไปคู่นี้ขยันอ้อนกันจริงๆ
   “อ่ะ” จู่ๆกุ้งก็ยื่นมาตรงหน้าทำให้ผมยิ้มกว้างอ้าปากรับเอากุ้งชิ้นโตที่ทัพป้อนให้ ผมตักกับข้าวคืนพร้อมกับแกล้งวินด้วยการแย่งกินของในจานจนทัพได้แต่ส่ายหัวกับการแกล้งของผม  กินเสร็จพวกเราก็พากันลงไปเดินที่ทะเล
   “ถอดรองเท้ามาสิ” ผมบอกทัพที่สะบัดเท้าไปมา และพอถอดผมก็ก้มลงเอามาถือทีแรกทัพก็ขอแย่งเอาไปถือเองแต่ผมบอกให้ไปดูวิน
   “อ๊าเย็น....” วินที่ถอดรองเท้าทิ้งไว้แล้วเดินลงทะเลพอน้ำทะเลซัดมาวินก็ร้องแล้ววิ่งหนีคลื่นเย็นๆ
   “อยากเล่นน้ำไหมล่ะ” ผมก้าวไปนั่งยองๆข้างๆวินที่ย่ำเท้าอยู่กับที่
   ซ่า
   “เฮ้ย” ผมร้องลั่นเมื่อวินขยับไปใกล้แล้วสาดน้ำใส่หน้าผม
   “คิก คิก ฮ่าๆๆ” วินหัวเราะกว้างวิ่งหนีผมที่ลุกขึ้นวิ่งไล่
   “แกล้งพ่อเหรอ อย่าให้จับได้นะ”
   “คิกๆไม่ทันหรอก” วินว่าพร้อมกับวิ่งหนีผม รอยยิ้มกว้างกับเสียงหัวเราะทำให้ผมและทัพดีใจที่น้องเริ่มเปิดใจกับพวกเรา พอเห็นว่าวิ่งหนีผมไม่พ้นวินก็วิ่งไปหลบหลังทัพ
   “คิดว่าจะรอดเหรอ หือ”
   “ทัพช่วยด้วย” วินหลบซ้ายขวาไปมาหลังทัพ
   “หึๆ มาให้เอาคืนซะดีๆ”
   “โอ๊ยหยุดนะทั้งสองคน”เสียงทัพโวยวายเมื่อเริ่มเวียนหัว ผมคว้าตัววินแล้วอุ้มพาดบ่าวิ่งไปรอบๆเสียงหัวเราะดังทั่วทั้งชายหาด โดยมีทัพคอยวิ่งห้ามไม่ให้ผมแกล้งวินเล่นไปซักพักพวกเราก็เริ่มที่จะเหนื่อยผมเลยชวนกลับบ้านพักสั่งอาหารมากินที่บ้าน ทั้งิวนและทัพหนีเข้าไปอาบน้ำโดยมีการทำร้ายร่างกายผมก่อนเข้าไปเพราะผมอยากเข้าไปด้วยพอไม่ได้เลยแยกไปอาบน้ำอีกห้องถ้าให้ผมคาดการณ์ทัพต้องหนีมานอนกับวินแน่ๆ เพราะงั้นผมจะเข้ามานอนด้วยเรื่องอะไรจะไปนอนคนเดียวกันเล่า อาบน้ำเสร็จก็มานอนรอที่เตียงจะอาบน้ำนานไปไหนนะสองคนนั้น ไม่นานนักก็พากันออกมาทัพดูงงๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรวินที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วขึ้นมานอนข้างๆผมแถมยังชโงกหน้ามาดูว่าผมกำลังทำอะไรผมขยับหนีวินก็ขยับตาม
   “เลิกเล่นกันเลยนะทั้งสองคนนอนได้แล้ว พรุ่งนี้กลับแต่เช้าใช่ไหมครับพี่โย”
   “อืม งั้นนอนกันเถอะ” ทัพพยักหน้าผมเอื้อมไปปดไฟหัวเตียง วินขยับไปซุกอกทัพผมขยับเข้าไปใกล้พาดแขนกอดทั้งทัพและวิน  ก่อนที่จะหลับตาลง หวังว่าพรุ่งนี้คงจะเป็นวันที่ทัพมีความสุขอีกวัน
/*******************************************************
เอามาลงก่อนครึ่งนะคะ

ตอนนี้ก็เป็นตอนจบล่ะนะคะ

หลังจากนี้จะลงมือปั่นไหดองก่อนนะคะ

แล้วเรื่องใหม่จะตามมาปีหน้าน่อ  :katai4:

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 50 เปอร์ 15/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 15-12-2017 19:16:42
น้องวินน่ารัก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 50 เปอร์ 15/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-12-2017 21:43:34
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 50 เปอร์ 15/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 15-12-2017 21:50:24
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 100 เปอร์ 20/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 20-12-2017 12:19:36
คนตัวโตที่นอนกอดดวงใจทั้งสองคนค่อยลืมตามองคนขี้เซาทั้งคู่ที่ยังนอนหลับสนิทเหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงเห็นว่ายังไม่ได้สายมากปล่อยให้นอนอีกซักพักก็แล้วกันนะค่อยๆลุกขึ้นขยับตัวเบาๆเพราะทันทีที่เขาขยับทัพก็ส่งเสียงครางในลำคอทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะหลุดขำเบาๆก่อนที่จะลุกเข้าห้องน้ำ
   “ยังไม่คิดที่จะลุกกันเลยหรือไงนะ” นี่ขนาดผมอาบน้ำเสร็จจนโทรสั่งกับข้าวเรียบร้อยยังนอนหลับอุตุอยู่เลย ถ้ายังไม่ตื่นคงไม่ทันการ
   “ทัพ วินตื่นได้แล้วครับ” ดึงผ้าห่มเบาๆ ทั้งสองคนเพียงขยับตัวนิดหนึ่งแล้วก็หลับต่อ หึๆ หัวเราะเบาๆแล้วจับผ้าห่มแสนอบอุ่นกระชากออกจากทั้งสองคน
   “ตื่นได้แล้วจอมขี้เซา” ทั้งสองคนค่อยๆขยับตัวกระพริบตาถี่ๆแล้วค่อยลุกขึ้นนั่งบนเตียงสภาพหัวฟูๆที่เหมือนกันนั่นทำให้ผมอดไม่ไหวที่จะลูบผมฟูๆนั่นให้เข้าทรง
   “ไปอาบน้ำได้แล้วครับสายแล้ว พี่สั่งข้าวไว้ให้แล้วออกมาจะได้ทานเดี๋ยวเราจะเดินทางกลับแล้วนะ” พูดจบก็ยังนิ่งเหมือนวิญญาณยังไม่เข้าร่าง
   ฟอด
   ฟอด
   “อ๊ะ” ทั้งสองคนยกมือปิดแก้มเมื่อผมหอมแก้มเรียกสติ ถ้ายังไม่เตรียมตัวเวลากลับอาจจะมีปัญหากับแผนที่ผมวางไว้
   “ลุกได้แล้วครับ ถ้ายังไม่ลุกพี่จะอุ้มไปอาบทีละคนเลย” เหมือนเตียงจะร้อนขึ้นทันที ทั้งทัพและวินรีบลงจากเตียงวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที ถือโทรศัพท์เลี่ยงออกไปคุยที่ระเบียง
   “มัมทุกอย่างเป็นไงบ้างครับ”
   “(โถ ใจร้อนจริงๆนะคะลูกชาย เรียบร้อยแล้วค่ะจะกลับมารึยังอย่ารีบนะคะ)” รับคำมัมพอดีกับทัพและวินออกมาจากห้องน้ำ
   “แค่นี้ก่อนล่ะกันครับ” กดวางสายแล้วเดินเข้ากลับเข้าห้อง
   “กินข้าวกันเถอะจะได้กลับกันเลย” มองเห็นแววตาเสียดายของทัพที่ส่งมาได้อย่างดี ผมเลยบอกว่าจะพามาอีก
   “ได้มาอีกก็ดีสิ” หลังจากกินข้าวเสร็จทัพก็มาช่วยผมเก็บของวินนั่งมองเงียบๆพอเก็บข้าวของเสร็จก็เดินทางกลับ จะเป็นยังไงน้าถ้าไปถึงหวังว่าทัพจะไม่โกรธเหมือนคราวที่แล้วหรอกนะ ขับรถมาทั้งใจตุ้มๆต่อมๆ ไหงผมต้องตื่นเต้นแบบนี้ด้วยนะ
   “พี่เป็นอะไรทำไมดูเครียด”
   “อ่าเปล่าๆ” หันมาตั้งสมาธิกับการขับรถอ่าทำไมรู้สึกเหมือนทางกลับมันใกล้ขึ้นกันนะ ขับรถเลี้ยวเข้าไปจอดที่โรงจอดรถยังดีที่งานเตรียมไว้ที่สนามหลังบ้านทำให้ทัพยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
   “เดี๋ยวทัพเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้องนะ ส่วนวินมากับพ่อมา” ถึงแม้จะงงๆแต่พอผมดันหลังทัพก็ยอมหิ้วกระเป๋าเข้าบ้าน ผมอุ้มวินไปที่หลังบ้านที่ทุกคนรวมตัวอยู่แล้ว
   “กว่าจะมาได้นะพี่โย คิดจะทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด” ทันทีที่เห็นหน้าผมเข้าแสบก็บ่นๆๆ
   “ลุงโย คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” เสียงร้องพร้อมกับร่างป้อมวิ่งเข้ามากอดขาผมแน่น เดี๋ยวนะทำไมผมกลับมาเป็นลุงอีกล่ะเนี้ย
   “ใคร” เสียงเล็กๆถามพร้อมกับก้มลงมองเจ้าลูกหมูที่กลับมามีแก้มอีกแล้ว
   “วินนี่น้องลูกหมูนะ” ผมแนะนำเพราะวินท่าจะอายุมากกว่าเจ้าลูกหมู วินขอลงจากแขนผมเลยปล่อยลง และวินก็ทำเหมือนที่ใครหลายๆคนชอบทำกับเจ้าลูกหมู คือบีบแก้มยุ้ยนั่น
   “นิ่มจัง”
   “อืออไม่เอา ไม่ให้บีบ” น้ำที่พยายามปัดมือวินที่บีบแก้มอยู่ ก็ยังจะคุยกันรู้เรื่องนะเมื่อวินยอมปล่อยมือแต่วิ่งตามน้ำที่วิ่งกลับไปหาวา
   “นี่เหรอน้องวินน่ารักจังเลยนะ” วาก้มลงพูดกับวินโดยมีเจ้าลูกหมูเกาะขามองเพื่อนใหม่ด้วยสายตาสนใจ วินเอียงคอมองวา
   “แล้วลมกับไม้ล่ะ” ผมถามหาคนสองคนที่น่าจะอยู่ตรงนี้แต่กลับไม่เห็นเงา
   “ไปรอเซอร์ไพรส์พี่ทัพบนห้อง” เห็นทีทัพคงจะได้เซอร์ไพรส์แน่ๆ
   ทัพได้แต่สงสัยกับอาการแปลกๆของโยแต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่าไม่เป็นไรก็คงไม่มีอะไรยอมรับว่าอยากอยู่เที่ยวอีกหลายๆวันแต่ก็เกรงใจพี่โย
   แกร๊ก
   “ไอ้ทัพ!!!” ได้แต่อ้าปากค้างเมื่อเป็นประตูห้องเข้าไปก็เจอไอ้ไม้ที่พุ่งเข้ามาหากับพี่ลมที่นั่งอยู่ปลายเตียงโบกมือให้
   “มะ...มาได้ไงวะ” ได้แต่ทิ้งกระเป๋าที่หิ้วขึ้นมาลงกับพื้นแล้วเดินเข้าไปกอดเพื่อนซี้ถึงจะงงๆหน่อยก็เถอะ
   “อย่าพึ่งถามกู เอานี่ไปเปลี่ยนชุดก่อนไป” ไม้มันส่งสูทขาวมาให้ผมแล้วดันหลังผมให้เข้าห้องน้ำ อะไรของมันวะ ในหัวตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมายแต่ก็ยอมแต่งตัวตามที่มันส่งมาให้เพราะรำคาญเสียงโวยวายแง๊วๆให้ผมใส่อยู่หน้าประตูห้องน้ำ ทำไมต้องใส่ชุดแบบนี้ด้วยเนี้ย
   “อ่ะเสร็จแล้วก็ไปกัน” ยังไม่ทันได้อ้าปากถามพอออกมาจากห้องน้ำไอ้ไม้กับพี่ลมก็ล็อกแขนคนล่ะข้างลากผมออกจากห้อง
   “เดี๋ยวนะทำอะไรเนี้ย พี่ลมเว้ยปล่อยนะ”
   “เออน่าเงียบๆไปได้แล้วมึง” ยังมีหน้ามาบ่นผมอีกนะไอ้พี่ลม พอผมพยายามที่จะถามอะไรมากเข้าไอ้ไม้มันยกมือมาปิดปากผมยังดีที่มันเว้นที่ให้หายใจออกบ้าง สองคนหิ้วปีกผมไปทางสวนหลังบ้านที่พอเป็นประตูแล้วทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าการเห็นพี่ลมกับไอ้ไม้ซะอีกเมื่อสวนหลังบ้านถูกจัดตกแต่งเป็นงานเลี้ยงเล็กๆมีเก้าอี้ไม่กี่ตัววางสองข้างเว้นตรงกลางเป็นทางเดินและที่ปลายทางเดินนั้นมีพี่โยยืนอยู่ข้างๆกันคือน้องวินที่แต่งชุดสูทขาวเหมือนกันกับพี่โย นี่มันอะไรกัน ลมกับไม้ที่เห็นว่าทัพไม่โวยวายแล้วก็ปล่อยแขนลดมือลงจัดสูทบนตัวทัพให้เรียบร้อย
   “เดินไปสิมึง” ไม้สะกิดเมื่อเห็นว่าผมยืนอึ้ง มันดันหลังจนผมเริ่มเดิน
   “นี่มันอะไรกัน” หันไปถามไม้ที่เดินมาข้างๆผม
   “เออน่าเดี๋ยวก็รู้ ยิ้มสิมึง” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ผมก็ได้แต่เดินตามมันไปงงๆ จนกระทั้งผมมายืนตรงเก้าอี้แถวหน้าไม้มันก็ปล่อยมือจากแขนผมพี่ลมตบเบาๆที่ไหล่ แล้วแยกไปนั่ง
   “วา ลูกน้ำ” ผมที่ยังยืนงงๆอยู่ แม้จะแอบเห็นรอยยิ้มขำของพี่โยก็เถอะ
   “นี่ครับอาทัพ” น้ำส่งช่อกุหลาบขาวมาให้ผมได้แต่รับช่อดอกไม้นั่นไว้
   “ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวเรานะครับ” ผมได้แต่หลบสายตากลมของวาด้วยความเขินอาย หันไปมองพี่โยที่ส่งมือมาผมมองมือนิ่งแล้วส่งมือไปจับมือใหญ่ไว้ สายตาคมที่ทอประกายทำให้ผมเบือนหน้าหนี
   “นี่มันอะไรกันพี่โย” ผมถามเสียงเบาขณะที่ผมเดาได้แล้วว่ามันงานอะไร
   “พี่อยากทำอะไรให้เป็นทางการ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน” แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อแต่คุณพ่อก็ก้าวมาอยู่ระหว่างผมและพี่โย
   “แฮ่มขอขัดจังหวะหวานกันซักนิดนะ” พี่โยกรอกตามองบนก่อนที่จะหันไปหาคุณพ่อ
   “เพราะก็ผ่านการทำพิธีกันตอนที่จดทะเบียนแต่ว่าไอ้ลูกชายตัวดีของพ่อมันอยากทำพิธีเหมือนจะประกาศความเป็นเจ้าของอ่ะนะ”
   “แด๊ด นี่งานผมนะ”  ผมขำเมื่อพี่โยโวยวายเพราะคุณพ่อแขวะก็เพราะหมั่นไส้ลูกชายตัวดีที่จู่ๆก็คิดจะจัดงานด่วนๆ
   “อ่ะๆ ยอมๆ งานในวันนี้ที่เชิญทุกคนมาเป็นสักขีพยานความรักระหว่างลูกชายทั้งสองของผม” มือใหญ่ที่กุมไว้เปลี่ยนมาสอดประสานกันแน่น ผมรู้ดีที่พี่โยทำเพราะอะไร ผมว่าผมเลือกได้แล้วล่ะนะบีบมือตอบกลับเหมือนเป็นคำตอบ
   “อ่าก็นะไอ้คำถามบลาๆที่บาทหลวงถามพ่อก็จะไม่ถามแล้วกันนะ ขอให้อยู่กันอย่างมีความสุขนะ เอาล่ะกินเลี้ยงได้”
   “แด๊ด!!!” พี่โยร้องลั่นเมื่อคุณพ่อตัดบทเริ่มงานเลี้ยงท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน
   “อะไรงานก็จัดให้แล้วอย่าโวยวายน่าโย อ่ะๆ ขอให้คู่รักจูบสาบานกันครับ” เดี๋ยวสิ ผมทำหน้าเหวอก็จู่ๆลัดมาขั้นตอนนี้ได้ยังไงเนี้ย
   “เดี๋ยวสิ ไม่เอานะพี่โย” ขยับตัวถอยห่างคนที่ยิ้มกริ่มขยับเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นว่าหนีไม่พ้นผมเลยหลับตาหนีความจริงไป
   ฟอด
   “เอ๋” อุทานด้วยความแปลกใจเมื่อมันเป็นการหอมแก้มไม่ใช่สิ่งที่ผมนึกกลัว
   “เอาไว้ทำกันสองคนล่ะกันนะ”อยากจะฟาดคนที่ทำหน้าจริงจังพูดเรื่องแบบนี้จริงๆ เสียงเฮลั่นก่อนที่ทุกคนจะเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับผม
   “งั้นห้องที่ไร่คงต้องปิดแล้วสินะ” พี่ลมพูดล้อๆ
   “ไม่ต้องปิดหรอกยังไงก็จะพาทัพไปเที่ยวบ่อยๆอยู่แล้ว” ผมหันไปมองคนที่ยังกุมมือผมแน่น ถ้อยคำที่แสดงถึงความห่วงใยเพราะยังไงที่นั่นก็เป็นบ้านอีกหลังของผม
   “ดีนะมึง แต่งงานไม่นานก็มีลูกทันใช้แถมยังน่ารักอีก” ไม้มองวินที่ตอนนี้แต่งตัวด้วยสูทเต็มยศแต่ก็ดูน่ารักสมวัยเกาะขาผมไว้เพราะไม่คุ้นหน้าคุ้นตา
   “ปากเหรอวะนั่น ทำไมไอ้ผู้กองปล่อยมึงมาได้”
   “คิกๆ พี่ทัพตอนนี้พี่ไม้ก็ไม่ได้อยู่บ้านใหม่เหมือนกันล่ะครับ”วาพูดเสร็จก็ขยับไปอยู่หลังพี่ลม พอเอาคืนไม่ได้ไม้เลยหันไปแกล้งหลานแทน
   “นี่ๆผมสวยจังนะ” น้ำที่วิ่งมาหลบหลังผมหันไปคุยกับวินพร้อมกับจับผมสีทองของวินอย่างสนใจ
   “นิ่ม” วินก็จับแก้มน้ำกลับ ท่าทางน่ารักๆนั่นทำให้ผมหลุดยิ้ม
   “อยู่นี่ไม่ว่ายังไงแกก็เป็นครอบครัวเดียวกันกับพี่นะทัพ”  มือใหญ่บีบที่ไหล่ผมที่ทำท่าจะเข้าไปกอดพี่ลมติดก็คนที่กุมมือผมไว้ไม่ยอมปล่อยนี่ล่ะ
   “ไม่ต้องไปกอดเลยนะ”
   “อะไรกันเล่านั่นพี่ลมนะ”
   “หวง มีไรไหม” ให้ตายเถอะได้แต่ยอมยืนนิ่งๆให้คนที่ดุงผมไปกอดเพราะความหวงบ้าๆนี่ พร้อมกับสายตาล้อๆของทุกคน ก่อนนี้ผมตัวคนเดียว และได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไร่สายลมและตอนนี้ผมมีครอบครัวของตัวเองแล้ว ถึงแม้จะไกลบ้านเกิดแต่ผมก็อยากอยู่ตรงนี้
   “ขอบคุณนะพี่โย” หันไปขอบคุณคนที่กอดเอวผมแน่นขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ครอบครัวของผม
***************************************************************
อ่า พอบอกว่าจะจบแล้วคราวนี้ก็จบจริงๆแล้ว  :o12:

รู้สึกใจหาย ขอบคุณทุกคนที่ติดตามความรักของไร่สายลม

ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ทุกคอมเม้นต์ ทุกวิว เป็นกำลังใจที่ดีที่สุด

ขอบคุณที่รักเจ้าลูกหมู รักพี่ลมและน้องวา พอจะจบแล้วก็ใจหายจริงๆ

ไว้เจอกันเรื่องใหม่นะคะ สำหรับเรื่องอื่นๆที่ยังค้างไว้จะต่อให้จบก่อนแล้วค่อยลงเรื่องใหม่นะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 100 เปอร์ 20/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 20-12-2017 13:40:13
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 100 เปอร์ 20/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-12-2017 22:49:07
 :L2: :L1: :pig4:

หวานไปอีกกกก
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 100 เปอร์ 20/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 21-12-2017 02:10:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 100 เปอร์ 20/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Agapex ที่ 21-12-2017 19:15:33
น่ารักอบอุ่นมากกกก ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆแบบนี้ค่ะ :impress2: :impress2: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 100 เปอร์ 20/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-12-2017 23:09:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 100 เปอร์ 20/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 22-12-2017 19:47:06
น่ารักมาก เป็นเรื่องที่น่ารักมาก ๆ ครับ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ โย x ทัพ 3 100 เปอร์ 20/12/2560 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-12-2017 22:13:53
น่ารักทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ ลมX วา 9/3/2561 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 09-03-2018 18:36:11
SP 1 (วาเลนไทน์ของลม X วา )

วันนี้พี่ลมทำท่าแปลกๆไปดูเหมือนมีอะไรปิดบังตอนเช้าตื่นขึ้นมาผมก็ไม่เห็นพี่ลมแล้ว วันนี้น้องน้ำต้องไปออกทัศนศึกษากับทางโรงเรียนจัดการธุระตัวเองเรียบร้อยผมก็เดินไปปลุกน้ำที่ตอนนี้เลื่อนชั้นเป็นเด็กป.หนึ่งแล้ว แถมตอนนี้ตัวเริ่มโตผอมลงแต่แก้มก็ยังป่องเหมือนเดิม เสน่ห์แรงแต่ก็ยังสนิทกับตะวันจนคนเป็นพ่อนั้นเริ่มคิดที่จะไว้หนวดแล้ว

   “น้ำครับตื่นได้แล้วน้า ช้าไปไม่ทันรถไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆนะ” ทีแรกก็กลิ้งไปกลิ้งมาไม่ยอมลืมตาพอได้ยินว่าจะไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง

   “ตื่นแล้วครับบบ” แขนป้อมๆชูขึ้นปากบอกว่าตื่นแต่ตานี่ยังปิดสนิท

   “ครับๆ ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำเลยครับ เดี๋ยวพี่วาเตรียมชุดให้” หัวทุยๆนั่นพยักหน้าสองสามทีแต่ก็ยังไม่ยอมลุก

   ฟอด

   “ไปแล้วคร๊าบบบ” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าน้ำได้นิสัยเจ้าเล่ห์นี่มาจากใคร ต้องหอมแก้มก่อนถึงยอมวิ่งเข้าห้องน้ำ ได้แต่ส่ายหัว เตรียมเสื้อผ้าให้เสร็จแล้วผมก็ลงไปข้างล่างเตรียมทำข้าวเช้าและข้าวกล่องให้น้ำ

   “อ่าวสวัสดีครับพี่ไม้” ผมอุทานด้วยความแปลกใจเมื่อพี่ไม้เดินเข้าบ้านมาในเวลานี้ ตอนนี้พี่ไม้เรียกได้ว่าย้ายไปอยู่กับพี่นัทแล้วหรือจะเรียกได้ว่าพี่นัทไม่ยอมปล่อยให้พี่ไม้กลับต่างหาก

   “พี่มาฝากท้องนะ ไม่ได้กินข้าวฝีมือวานานแล้ว” พี่ไม้เดินเข้าครัวมาด้อมๆมองๆของในหม้อ

   “เอ๋ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   “เอ่อไม่มีอะไรหรอก” พี่ไม้โบกมือไปมา ก่อนที่จะหนีจากครัวไปหาน้ำ แสดงว่ามีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆไม่งั้นไม่หนีผมขึ้นไปหาน้ำหรอก  ผมที่กำลังตั้งโต๊ะสองอาหลานก็เดินลงมา

   “วาไม่มากินข้าวก่อนล่ะ” ไม้เรียกคนที่มัวแต่ดูแลน้ำไม่ยอมกินข้าว

   “วาว่าจะรอพี่ลม” จนป่านนี้ยังไม่กลับมาจากไร่มากินข้าวอีก ไม่รู้ว่าไปทำงานเพลินหรือยังไง จนได้เวลาไปส่งน้ำพี่ลมก็ยังไม่กลับมาผมกับพี่ไม้เลยเข้าเมืองไปส่งน้ำที่โรงเรียน

   “ตอนเย็นเจอกันนะครับ” นั่งลงหอมแก้มยุ้ยซึ่งน้ำก็หอมแก้มผมคืนซะเสียงดังโบกมือลาแล้ววิ่งเข้าโรงงเรียน ทีแรกว่าจะกลับไร่เลยแต่เมื่อพี่ลมไม่ยอมกลับมาเขาก็ไม่อยากกลับเหมือนกัน ไม่ได้งอนอะไรหรอกนะครับ ไม่ได้งอนจริงๆ

   “พี่ไม้ส่งวาลงที่ตลาดได้ไหมครับ”

   “อ่าววาไม่ได้กลับไปที่ไร่เหรอ”

   “ไม่ครับวาว่าจะซื้อของซักหน่อย” จริงๆก็แค่ยังไม่อยากกลับ

   “ทำไมไม่รอชวนพี่ลมมาล่ะ” ไม้ถามขึ้นน้อยครั้งที่วาจะไปไหนมาไหนคนเดียวเพราะพี่ลมไม่ยอมเห็นทีคราวนี้พี่ลมคงจะต้องอกแตกตายแน่ๆ ไม้เลี้ยวรถไปส่งวาที่ตลาดพอบอกว่าจะให้มารับไหมวาก็บอกว่าไม่จะกลับเอง ไร่โพายุลงแน่ๆไม้รีบคิดหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองวันนี้คงต้องหนีไปนอนบ้านไอ้นัทอีกแล้วก่อนที่เขาจะโดนหางเลข

   พอลงมาวาก็ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรเพราะในตู้เย็นมีของอยู่เต็มแถมของใช้ก็ยังเหลืออีกเยอะยังดีที่งานในไร่ผมทำเสร็จแล้ว ในกระเป๋าเขามีบัตรทุกอย่างที่พี่ลมทำให้ เลยคิดว่าเข้าไปเดินห้างดีกว่าพอเห็นบรรยากาศตกแต่งแล้ว วาก็รู้เลยว่าวันนี้เป็นวาเลนไทน์นี่ทำงานจนลืมวันลืมคืนอีกแล้วเหรอ งั้นตอนเย็นทำช็อกโกแลตให้น้ำดีกว่า ส่วนพี่ไม้คงไปฉลองกับพี่นัทซื้อของเสร็จก็เรียกรถให้ไปส่งที่ไร่ในมือหอบช็อกโกแลตราคาแพงที่เลือกมาทำให้น้องน้ำเก็บข้าวของที่ซื้อมาไว้ในครัวมองกับข้าวที่ตั้งโต๊ะไว้ไม่ได้พร่องลงไปซักนิด ไม่กลับก็ไม่ต้องกลับสิ ผมย่นจมูกใส่ลมฟ้าอากาศเผือว่าจะพัดไปหาตัวต้นเหตุ

   “คุณวาจะไปไหนครับ” ผมที่กำลังจะปั่นจักรยานไปที่ไร่สตรอว์เบอร์รี่ ละอองก็แว้นมอไซค์คู่กายมาพอดี

   “จะไปเก็บสตรอว์เบอร์รี่ พาไปหน่อยสิ” รีบจอดจักรยานแล้วกระโดดขึ้นซ้อนละออง ที่ยังงงๆแต่ก็ยอมออกรถไปโดยดียังดีที่ไม่ได้ขับเร็วเหมือนครั้งแรกที่ซ้อน แวะเก็บไม่นานก็ให้ละอองขับกลับมาส่ง ตระเตรียมของทีจะทำขนมวาเลนไทน์ให้กับน้ำล้างสตรอว์เบอร์รี่วางไว้บนทิชชู่ ก่อนที่จะต้มน้ำให้เดือดหรี่ไฟลงแล้ววางชามสแตนเลสแล้วค่อยๆบิช็อกโกแลตที่ซื้อลงชามจนหมดค่อยๆตะล่อมๆให้ละลายจนได้ที่ค่อยๆเทนมใส่ทำทั้งดาร์กช็อกและไวท์ช็อก ปิดแก๊สยกชามลงมาไว้แล้วเอาสตรอว์เบอร์รี่จุ่มให้ทั่วโรยด้วยเกล็ดช็อกโกแลตเรนโบว์ให้ทั่ววางบนถาดที่ปูกระดาษไขทำจนหมดก็เอาไปแช่เย็น

   “ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ” บ่นเบาๆถึงคนที่ยังไม่กลับมา พี่ลมก็คงวุ่นกับงานในไร่วันนี้ก็คงเป็นวันธรรมดาๆ ผมหอบเอาช่อกุหลาบแดงที่ซื้อกลับมาด้วยขึ้นไปบนห้องนอนจัดใส่แจกันวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง ถอยออกมาดูภาพรวมแล้วเข้าไปจัดอีกนิดหน่อยแล้วค่อยลงไปข้างล่าง


   “กลับมาแล้วเหรอครับ” พูดออกไปโดยไม่รู้ว่าเสียงตัวเองนั้นติดจะแข็ง

   “ครับ วันนี้วาทำอะไรกินนะพี่หิวมากเลย” เผลอส่งสายตาค้อนให้วงใหญ่แล้วเดินไปอุ่นอาหาร นั่งกินเงียบๆ เมื่อเช้าเขารอก็ทานตลอดเช้าพี่ลมก็ยังไม่มาแล้วจะให้ผมยังยิ้มนะเหรอ หึ

   “วาเป็นอะไรครับบอกพี่สิ”ลมรีบคว้าเอวคนรักที่จะเดินหนีเขาอีกแล้ว

   “ไม่เป็นอะไรครับพี่ลมปล่อยวานะ” ลมก้มหน้ามองวาที่หน้างอนี่เหรอคนที่ไม่เป็นอะไร โกรธเขาแน่ๆ

   ฟอด

   “หายโกรธพี่นะครับคนดี” ฉวยโอกาสหอมแก้มเนียนแถมยังทำเสียงอ้อนให้วาใจอ่อน

   “โอ๊ยๆๆ วาๆพี่เจ็บครับ” ลมรีบปล่อยมือเพราะโดนนิ้วเรียวหยิกแล้วบิดเต็มแรง

   “หึ”

   “พี่ขอโทษโกรธอะไรพี่เหรอครับ” วามองคนที่ยังไม่รู้ตัวทั้งๆที่เคยตกลงกันแล้วเรื่องการมากินข้าวเช้าด้วยกัน

   “ไม่รู้จริงๆเหรอครับพี่ลม” ผมยกมือกอดอกมองหน้าคนที่ทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง

   “ไม่รู้จริงๆครับ แย่ละ พี่ต้องเข้าไร่ก่อนนะ” ยังไม่ทันที่จะคุยให้รู้เรื่องพี่ลมก็ปุบปับเดินออกจากบ้านไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำ วาได้แต่ถอนหายใจหมุนตัวเดินขึ้นไปบนห้องล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ก่อนที่จะกดโทรหาพี่ชาย

   “(ไงเจ้าตัวยุ่ง)”

   “แฮปปี้วาเลนไทน์นะพี่โย”

   “(หึๆ ทำไมทำเสียงหงอยแบบนั้นล่ะ)” พอพี่โยทักผมก็เผลอถอนหายใจ

   “วาเบือตัวเองที่งี่เง่านิดหน่อยนะพี่โย” เขารู้ว่าพี่ลมมีงานเยอะแต่ก็ดันทำตัวงี่เง่า งอแงทั้งๆที่พี่ลมก็เหนื่อยอยู่แล้ว

   “(งี่เง่าอะไรกันตัวยุ่ง ทะเลาะอะไรกับลมหรือเปล่า)” น้ำเสียงแสดงถึงความห่วงใยถามขึ้น

   “ไม่ได้ทะเลาะครับ อ่า เดี๋ยววาต้องไปรับน้ำแล้ว พี่โยคิดถึงน้า”

   “(หึๆ เหมือนกันเจ้าตัวยุ่ง)” กดวางสายจากพี่ชายเขาก็เตรียมตัวที่จะไปรับน้ำพร้อมกับเตรียมธุระที่ต้องไปทำนั่งรอพี่ลมที่ห้องนั่งเล่น รอแล้วรอเล่าพี่ลมก็ยังไม่มาจนเลยเวลาที่ต้องไปรับน้ำก็ยังไม่มา พอโทรไปหาก็ไม่รับสาย ผมเลยโทรไปหาละอองเพื่อถามว่าเจ้านายอยู่ไหน

   “(ไม่รู้นะคุณวา ผมไม่เห็นนายในไร่เลยนะ)” ไม่อยู่ในไร่ได้ยังไง ก็พี่ลมบอกเองว่าจะเข้าไร่ มือเรียวกำโทรศัพท์แน่นก่อนที่จะบอกละอองว่าไม่เป็นไร เขาวางโทรศัพท์และเอกสารทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกไปขับรถไปรับน้ำ ยอมรับว่าตัวเองตอนนี้งี่เง่าและโกรธมาก เพราะพี่ลมโกหกเขาทำไมทั้งๆที่บอกว่าเข้าไร่แต่ละอองไม่เห็น ในความสับสนทำให้วาขับรถเร็วจนมาถึงโรงเรียนอย่างเร็ว

   “พี่วา” พอน้ำเห็นพี่วาก็พุ่งเข้ามากอดแถมยังหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ รอยยิ้มกว้างของน้ำทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น

   “วันนี้เราไปเดทกันนะครับ”

   “อู้วว ไปครับไปๆ” น้ำรีบจูงมือผมไปที่รถใหญ่แถมยังทิ้งตะวันที่เดินมาด้วยกันอีก ผมพาน้ำมาทานข้าวในห้างพร้อมกับพาไปกินไอศกรีมฉลองอีกจนกระทั่งมืดค่ำ เราสองคนถึงได้กลับบ้านไม่มีสายเรียกเข้าเพราะผมทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน

   “สนุกไหมครับ” หันไปถามน้องน้ำที่ร้องเพลง

   “สนุกไว้เราแอบพ่อลมมาอีกนะครับ” น้ำยิ้มกว้างแถมยังวางแผนหนีกันไปสองคนอีก

   “ครับ เป็นความลับนะ” ผมกับน้ำยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะหัวเราะคิดคัก กลับมาถึงบ้านก็เกือบจะสองทุ่มเสียงหัวเราะเริ่มเงียบหายเมื่อเดินเข้าบ้านมาเจอกับคนที่ยืนยักษ์ปักหลั่นหน้าทะมึงอยู่กลางบ้าน ผมยืนนิ่งน้ำรีบขยับมายืนหลบหลังผมทันที

   “น้ำขึ้นไปอาบน้ำก่อนครับ” ก้มลงบอกน้ำที่รีบพยักหน้าแล้ววิ่งฉิวขึ้นไปบนบ้าน เหลือเพียงผมและพี่ลมที่ยังยืนนิ่ง เมื่อพี่ลมไม่พูดอะไรผมเลยพูดก่อน


   “มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ลม”

   “หายไปไหนมา ติดต่อก็ไม่ได้!! ” เสียงดังที่เหมือนจะตะคอกจนทำให้ผมสะดุ้ง พี่ลมไม่เคยตะคอกผมเลยด้วยซ้ำ

   “ผมกับน้ำไปกินข้าวกันมาครับ”

   “ทำไมไม่รอพี่ แล้วทำไมไม่เอาโทรศัพท์ไป” ยิ่งพูดลมยิ่งโมโหตะคอกคนที่หนีไปเที่ยวโดยไม่บอกอะไรไว้กลับมาบ้านเขาไม่เห็นคนแถมยังติดต่อไม่ได้เขาเป็นห่วงแค่ไหน

   “ก็กลับมาแล้วนี่ไงครับ” วาถอนหายใจพยายามที่จะเดินเลี่ยงหลบขึ้นห้องแต่ก็โดนมือใหญ่คว้าเอาไว้

   “เป็นอะไรบอกพี่ ปกติวาไม่ได้เป็นแบบนี้” ลมพยายามที่จะใจเย็นคุยกับวาที่วันนี้ดูแปลกไป

   “ปกติวาเป็นแบบไหน พี่ลมเป็นแบบไหนกันล่ะครับ” วาพยายามที่จะจับมือที่จับแขนเขาแน่นอย่างกับคีมเหล็ก

   “วาอย่ามากวนประสาทพี่นะ”

   “หึ ปล่อยผมนะ” วาหัวเราะแห้งไม่ยอมสบตาสายตาคมที่ดูแข็งกร้าวจนผมไม่กล้าสบตา

   “เป็นอะไรของวากัน” ลมเริ่มลดเสียงลงถ้าจะทะเลาะกันเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมลงเขาก็ต้องลงให้

   “ผมไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยครับ”ทันทีที่โดนปล่อยแขนวาก็วิ่งขึ้นห้องหยิบเสื้อผ้าหนีเข้าห้องน้ำทันที ลมได้แต่มองตามหลังเล็ก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันลมขยี้หัวแรงๆ เขาอยากจะจับตัววามาเขย่าแล้วถามว่าเป็นอะไรไป เขาไม่อยากจะขึ้นไปปะทะกับวาเดินไปเปิดตู้เย็นก็เห็นช็อกโกแลตเต็มถาดในตู้เย็น วาทำไว้เหรอ พอกินน้ำเสร็จลมก็ขึ้นไปบนห้อง ขาหยุดกึกเมื่อเห็นช่อกุหลาบใหญ่ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงลมนั่งลงบนเตียงมือใหญ่ลูบกลีบกุหลาบเบาๆ

   “นี่เราจะทะเลาะกันวันนี้จริงๆเหรอวา” ลมกำหมัดแน่น ไม่เขาจะไม่ยอมโทรเรียกไอ้ละอองมาอยู่เป็นเพื่อนน้ำ ลมรีบอาบน้ำแล้ว หยิบกุญแจไปไขห้องของลูก

   “วา”

   “อึก ออกไปก่อนครับ” น้ำเสียงแหบนั่นทำให้ลมรู้ว่าวาร้องไห้ทั้งๆที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้

   “คนดี ไปกับพี่ก่อนนะครับ พี่ขอโทษนะ” ลมเดินเข้าไปนั่งข้างๆเตียงยกมือเช็ดน้ำตาดีที่วาไม่หลบ ลมดึงแขนวาให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินออกจากบ้านพอดีกับไอ้ละอองมาถึงจับวาให้เข้ารถก่อนที่จะออกรถ เอื้อมมือใหญ่ไปกุมมือเรียวแม้จะไม่ยอมมองหน้าแต่ก็ไม่ได้ดึงมือออกจนกระทั่งมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่เขาสร้างไว้ ถึงจะช้าแต่เขาก็อยากทำชดเชยวันนี้

   “มีอะไรกันครับ”

   “มากับพี่ก่อนนะ” แม้จะไม่ตอบอะไรแต่วาก็ยอมที่จะเดินตามเขาขึ้นไปบนบ้าน ลมเปิดห้องแล้วกดเปิดไฟทันทีที่เปิดไฟ ห้องที่ถูกตกแต่งด้วยกุหลาบสีแดงและเทียนหอมที่ดับไปแล้ว
 
   “นี่มันอะไรกันครับ”

   “พี่ว่าจะทำอะไรให้วาวันนี้แต่กลับทำให้วาเสียใจ พี่ขอโทษนะ” ลมรีบยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหล

   “อึก พี่ลมไม่ผิดวางี่เง่าเอง” วาโผกอดเอวคนรักแน่นซบหน้ากับอกกว้างที่คอยให้ที่พักพิงเขาเสมอ

   “ไม่หรอก พี่ว่าพี่คงไม่เหมาะกับการทำเซอรไพรส์เท่าไหร่” ลมพูดติดตลก เพราะทุกครั้งที่จัดงานเซอร์ไพรส์จะทำให้น้องร้องไห้ตลอดเลย

   “คิก ขอโทษนะครับพี่ลมที่วางี่เง่าเอง วาแค่หงุดหงิดแล้วทำตัวเด็ก”

   “ไม่เป็นไรถือว่าเป็นสีสันของชีวิตคู่เรา คราวหน้าไม่ร้องไห้แล้วนะครับพี่ใจไม่ดีเลย” ลมลูบหัวทุยปล่อยให้วาซบอยู่บนอก
 
   “อือ รักนะครับ”

   “รักเสมอและตลอดไปครับ” มือใหญ่ขยับลูบตามแผ่นหลังก่อนที่จะสอดมือใต้เสื้อนอนสัมผัสผิวเนียนละเอียดที่ยิ่งได้ชิมยิ่งโหยหา

   “อ๊ะ พ..พี่ลม”

   “เรามาฉลองวันแห่งความรักกันดีกว่าครับ” ไม่มีเสียงประท้วงจากเรียวปากบางมีเพียงเสียงครางแผ่วเบาตลอดทั้งคืน
   ชีวิตคู่ไม่ได้มีเพียงแค่ความราบรื่น อาจจะทะเลาะกันบ้าง อาจจะงอนง้อกันบ้าง แต่ชีวิตคู่ของเขาจะอยู่จากนี้และตลอดไป
******************************************
บางทีก็คิดถึงเรื่องนี้เลยแวะมาแต่งลง

พี่ลมไม่ควรทำเซอร์ไพรส์ไปตลอดชีวิตค่ะฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ ลมxวา 9/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-03-2018 19:44:36
พี่ลม วา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ ลมxวา 9/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-03-2018 23:33:55
 :L2: :L1: :pig4:

คิดถึงเหมือนกัน
พี่ลม ควรหาทีมที่ปรึกษา 55 พลาดตลอด
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ นัทxไม้ 12/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 12-03-2018 11:43:24
SP ไม้ x นัท
    ไอ้พี่ลมต้องมีแผนทำอะไรแน่ๆแต่ทำทุกทีน้องได้งอนทุกที ผมว่าควรหนีพายุที่บ้านก่อนดีกว่า ขับรถไปตามทางที่คุ้นเคยวันนี้เป็นวันหยุดของไอ้ผู้กองหลังจากที่เริ่มคบกันมันก็แทบที่จะลากเขามานอนด้วยตลอดจนบ้านที่สร้างไว้ที่ไร่เป็นเหมือนบ้านร้างเข้าไปทุกทีเพราะไม่มีคนไปอยู่

   “อ่าววันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอ” ไม้ถามอย่างแปลกใจเมื่อเดินเข้าบ้านมาก็เห็นไอ้ผู้กองนอนใส่บ็อกเซอร์ดูทีวีอยู่บนเตียง
 
   “ไม่ล่ะเมื่อคืนออกเวรมาก็ดึกเลยได้หยุด” ผมพยักหน้าก่อนที่จะเดินเอาของไปเก็บไว้ในครัว วันนี้ที่โรงงานก็หยุดเลยคิดว่ามาอยู่บ้านนี้ดีกว่า ชะโงกหน้าไปมองคนที่ทำตัวขี้เกียจนอนดูทีวีดูท่าวันนี้คงจะไม่ออกไปไหนแล้ว หยิบของในถุงสีชมพูหวานออกมาภายในมีกล่องช็อกโกแลตยี่ห้อหรู ไม้ไม่ได้ใส่ใจกับวันพิเศษนักเพราะตั้งแต่เคยคิดที่จะให้ช็อกโกแลตไอ้คนนอนเน่าอยู่นั่นก็ทำเขาเสียใจซะก่อนมันน่าไหมล่ะ

   “หิวไหมไอ้นัท” ถามว่าเป็นแฟนกันแล้วจะมาคุยปกติมันก็ดันไม่ชินปากแม้จะพยายามแต่ก็ไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่

   “ไม่อ่ะ กินไปแล้ว ไม้หิวเหรอจะให้ทำให้ไหม” จะมีก็แต่ไอ้นัทที่เปลี่ยนว่าตอนที่มันยังไม่รู้ตัวทำตัวอ้อนทำตัววอแวกับเขาเท่าไหร่พอตกลงคบกันมันยิ่งกว่าเดิมอีก

   “ไม่ เรากินมาจากบ้านแล้ว” เดินเข้าไปหาคนที่นอนบนเตียงพร้อมกับกล่องช็อกโกแลตที่แอบไว้ด้านหลังพยายามข่มความรู้สึกตื่นเต้นค่อยๆคลานเข่าไปนั่งข้างๆ นัทหันมาเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นคนรักนั่งก้มหน้างุดมีเพียงเสี้ยวแก้มขาวที่แดงระเรื่อ

   “หลับตาหน่อยสิ”

   “หือ จะเล่นอะไร”

   “เอาน่า หลับตาก่อนนะนัท” น้อยครั้งที่ชื่อเขาจะถูกเรียกโดยไม่มีสรรพนามนำหน้าเลยยอมหลับตาตามคำสั่ง ไม้โบกไม้โบกมือผ่านหน้าเมื่อเห็นว่าปิดสนิท สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกความกล้าที่จะทำให้เขาต้องอายแน่ๆ ไม้ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งคล่อม

   “หือ??” นัทอุทานด้วยความตกใจคิดจะลืมตาแต่เสียงดุๆก็แทรกขึ้นเสียก่อน

   “อยู่นิ่งๆหลับตาด้วย”  ไม้ว่าพร้อมกับแกะกล่องข้างในเป็นช็อกโกแลตที่เป็นรูปขวดไวน์เขาแกะออกมาชิ้นหนึ่งกลิ่นหอมของช็อกโกแลตที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์หอมอบอวน

   “อ้าปากสินัท” เสียงหวานกระซิบข้างหูทำให้นัทยอมอ้าปากตามคำขอ ไม้สูดหายใจลึกๆอีกครั้งก่อนที่จะส่งช็อกโกแลตเข้าปากยกมือขึ้นคล้องคอหนาแล้วกดรีมฝีปากแนบชิดใช้ลิ้นดันช็อกโกแลตที่เริ่มละลายทำให้ใส้ด้านในไหลออกมา เหล้ากลิ่นแรงไหลอบอวนทั่วทั้งปากปลายลิ้นหนาตวัดแลกชิมรสช็อกโกแลตและเหล้าภายในปากบาง

   “อือ..อืม” เสียงจูบดังก้องจนหน้าอายจนกระทั่งไม้เหมือนจะหมดลมหายใจนัทถึงยอมผละออก หยาดน้ำใสไหลย้อยจนถึงปลายคางนัทขยับลิ้นไล่เลียแล้วผละออกมองเรียวปากแดงฉ่ำวาว ดวงตาฉ่ำวาว

   “หวานชะมัด ขอนัทกินอีกนะครับ” เอ่ยเสียงอ้อนจมูกโด่งคลอเคลียแก้มแดงระเรื่อสูดกลิ่นหอม ไม้ได้แต่หลบสายตาหยิบช็อกโกแลตขึ้นมาอีกชิ้น นัทอ้าปากรอให้ไม้ป้อนแล้วบดรีมฝีปากบางส่งความหวานและความร้อนของแอลกอฮอล์มือใหญ่สอดเข้าใต้เสื้อยืดลูกไล้ผิวเนียนลื่นมือ ความแข็งขืนที่ดุนดันผ่านกางเกงบ็อกเซอร์ไม้กดสะโพกลงเบียดแนบชิดมือลูบไล้ตามแผ่นอกต่างฝ่ายต่างลูบไล้ปลุกเร้าความรู้สึกวาบหวามจูบที่เจือรสหวานขมยิ่งทำให้ต้องการซึ่งกันและกัน



   กว่าอารมณ์เร่าร้อนวาบหวามจะผ่านก็เป็นเวลาบ่าย สองร่างเปลือยเปล่าอีงแอบมีเพียงผ้าห่มคลุมหมิ่นเหม่ตรงสะโพก มือใหญ่ลูบแผ่นหลังที่มีรอยรักแตะแต้ม

   “อือ....เหนื่อยแล้วนะ” ไม้บ่นเสียงเบาเพราะรู้สึกคอแห้งเหลือเกิน

   “หึๆ ไม่ทำอะไรแล้ว พึ่งรู้นะเนี้ยว่าไม้จะร้อนแรงแบบนี้” นัทพูดเย้าไหนจะเริ่มจู่โจมเขาก่อน ไหนจะยอมทำตามที่เขาต้องการแถมยังยอมอยู่บน อ่า ทางทีดีไม่ควรคิดดีกว่าเดี๋ยวไม้ได้เหนื่อยกว่านี้

   “หยุดพูดเลยนะนัท” นัทหัวเราะเบาๆกับคำขู่ฟ่อเหมือนลูกแมว เขาเข้าใจดีว่าที่ไม้ทำเพื่ออะไร

   “ขอบคุณนะครับสำหรับช็อกโกแลตและของขวัญสุดพิเศษ” กระซิบเบาๆก้มลงสูดกลิ่นหอมมือลูบแผ่นหลังเนียนเบาๆ

   “อือ หิวแล้ว” นัทหัวเราะเบาๆตวัดผ้าห่มออก ไม้รีบซบหน้าลงกับหมอนก็ในเมื่อไอ้นัทมันไม่ได้ใส่อะไรเลยนะสิ นัทเดินไปหยิบบ๊อกเซอร์ที่พื้นมาใส่แบบลวกๆแล้วเดินหายไปในครัว

   พออยู่คนเดียวไม้ได้แต่ซบหน้าลงกับหมอนเพราะความเขินอายที่ตัวเองทำอะไรลงไปเพราะอยากขอบคุณคนรักที่คอยดูแลและให้ความมั่นคงกับรักครั้งนี้แต่เหมือนมันจะได้ผลเกิดคาดเพราะตอนนี้เหมือนเขาจะขยับสะโพกไม่ได้เลย ไม่นานกลิ่นหอมก็โชยมาตอนนี้เขาแรงที่จะขยับตัวยังไม่มีเลย

   “มาแล้วครับ” ไม้ปรือตามองคนที่ยกอาหารมาให้ ตอนนี้เขาเหนื่อยจนแทบจะลุกไม่ขึ้น นัทเห็นท่าทางอ่อนแรงของคนรักเลยรีบวางแล้วเข้ามาพยุง

   “ตัวเริ่มรุมๆแล้ว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วกินยานะ” ไม้มองสีหน้ารู้สึกผิดเลยยกมือลูบแก้มแล้วยกยิ้มบาง

   “อือ หิวแล้วป้อนด้วย” อ้าปากรอข้าวต้มฝีมือนัท น้อยครั้งที่เขาจะอ้อน กินข้าวเสร็จก็กินยาเพราะความเหนื่อยอ่อนความรู้สึกสุดท้ายคือได้ยินคำบอกรักและบอกว่าจะเช็ดตัวให้

   ไม้ตื่นขึ้นมาก็เช้าอีกวันยังดีที่อาการปวดดีขึ้นจนสามารถเดินได้ไม่ติดขัดเท่าไหร่ และไอ้นัทก็ไม่ยอมให้เขาไปโรงงาน
 
   “จะไปทำงานไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อยนะนัท” ตั้งแต่เช้าจนนี่จะได้เวลาเข้างานแล้วไอ้นัทก็ไม่ยอมให้เขาไปทำงาน

   “แต่ไม้พึ่งหายไข้นะ” นัทยืนกอดอก กับคนที่เมื่อคืนตัวร้อนจนเขารู้สึกผิดพออาการดีขึ้นกลับดื้ออยากไปทำงาน ไม้ถอนหายใจยาวแล้วยกยิ้มร้าย เขาขยับเข้ามาใกล้ยกมือขึ้นคล้องลำคอหนา เรียวปากบางยกยิ้มยั่วแล้วกดริมฝีปากแนบชิดจนนัทเคลิ้มกับจูบหอมหวาน ไม้ผละออกมา

   “ไปทำงานแล้วนะ อย่างอแงนะที่รัก” ไม้รีบหนีก่อนที่นัทจะตั้งสติได้

   นัทพอรู้ตัวตัวแสบก็หนีไปแล้ว ได้แต่ยกมือลูบหน้าลูบตาเรียกสติกลับมา นับวันยิ่งร้ายกาจแสนยั่วเขาขึ้นทุกวัน เล่นอย่างนี้คอยดูเถอะ เย็นนี้เขาจะเอาคืนเสียให้เข็ด

***********************************
ทำไมไม้ร้อนแรง เอร๊ยย แต่งเองเขินเอง
ก็คู่ไม้ดราม่าหน่อยตอนพิเศษเลยให้ไม้มาแบบร้อนแรงซะบ้าง

หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ นัทxไม้ 12/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: nitty23 ที่ 12-03-2018 16:51:55
 :mew3: หลงลูกลิง หลงน้องวา
ขอบคุณคนเขียนนะคะ ^ ^
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 15-03-2018 17:34:32
โยxทัพ

   “วิน จะอธิบายเรื่องนี้ยังไงครับ” บรรยากาศในห้องนั่งเล่นเงียบสงัดเมื่อหนึ่งคนตัวโตยืนกอดอกก้มมองเด็กน้อยที่ก้มหน้ามือเล็กกำเสื้อตัวเองแน่น

   “วินไม่ได้ตั้งใจ อึก” ดวงตาสีชาแดงก่ำพยายามที่จะกั้นน้ำตา ทัพพ่นลมหายใจจะดุต่อก็สงสาร แต่ถ้าไม่ว่าอะไรเลยวินก็จะไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำไม่ถูกต้อง

   “มีอะไรกันทั้งสองคน” โยที่กลับมาจากทำงานเดินเข้ามาถามด้วยความแปลกใจเพราะบรรยากาศแปลกๆภายในห้องนั่งเล่น ตอนนี้ทั้งบ้านมีเพียงครอบครัวเขา มัมกับแด๊ดเห็นว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก็แบกกระเป๋าหนีเที่ยวรอบโลก

   “พี่โย วินไปเล่นริมสระทั้งที่ผมบอกแล้ว” ยิ่งพูดวินยิ่งหน้าก้มต่ำเพราะตัวเองผิดคำสั่งของทัพ

   “วินขอโทษครับ” เมื่อเห็นท่าทางสำนึกผิดแล้วทัพก็โกรธไม่ลงนั่งลงกอดร่างเล็กที่กำลังร้องไห้

   “ไม่เป็นไรครับพี่แค่เป็นห่วงถ้าไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วยถ้าเกิดอะไรขึ้น”

   “วินขอโทษ” โยมองสองคนที่กอดกันกลม แหม ชักอยากจะเดินเข้าไปแยกเพราะดูเหมือนเขาจะกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว วินที่โตขึ้นทุกวันนับวันยิ่งติดทัพหนัก ส่วนเขานะเหรอเรียกได้ว่าโดนเรียกหาเมื่อต้องการให้เขามีประโยชน์เท่านั้นล่ะ  โยเดินหายเข้าไปในครัวเพื่อทำมื้อเย็นทุกวันนี้ทัพยังทำอาหารได้เป็นบางอย่างแต่ผมก็ไม่ไว้ใจทัพให้เข้าห้องครัวหลังจากที่พยายามที่จะทำลายล้างห้องครัว ทำอาหารเย็นง่ายๆปล่อยให้สองแม่ลูกนั่นคุยกัน เอ๊ะ แต่อย่าไปเรียกให้ทัพได้ยินนะครับไม่อย่างนั้นบ้านแตกแน่ๆ

   “ไปกินข้าวกันได้แล้วครับทั้งสองคน” เรียกสองคนที่ยังนั่งกอดกันกลมดูทีวี ที่พอได้ยินผมเรียกก็รีบมาที่โต๊ะ

   “วันนี้ทำไมทำเยอะจังครับ” ทัพถามเมื่อบนโต๊ะมีแต่ของชอบของเขากับวิน

   “วันพิเศษไงครับ”  ทัพทำหน้างงวันนี้มันวันอะไรกันนะ เขาต้องไปเปิดปฏิทินดูหรือเปล่า ตลอดปีที่มาอยู่ที่นี่ เขาได้รับความรักมากมายจากพี่โยแถมยังการกวนประสาทที่หายไป กลายเป็นผู้ชายอบอุ่นแฟมิลี่แมน อย่างที่น้องวาบอกที่พี่โยอยากสนิทกับใครแล้วจะกวนประสาทแต่พอได้เป็นครอบครัวแล้วเขากลับยิ่งเขินพี่โยยิ่งกว่าตอนพี่มันจีบซะอีก

   “เหนื่อยไหมครับ” ทัพถามขณะที่ตักกับข้าวใส่จานคนรัก วันนี้เขาไม่ได้เข้าไปช่วยงานเพราะเตรียมตัวให้วินเข้าโรงเรียนพรุ่งนี้ก็เป็นวันแรกที่วินจะได้ไปโรงเรียนซึ่งวินงอแงจนแอบหนีเขาไปที่ริมน้ำจนเกิดเรื่องนี่ล่ะนะ

   “ไม่เท่าไหร่ครับวันนี้ไม่มีงานหนักมาก” ทัพพยักหน้ารับคอยดูทั้งวินทั้งโยจนกระทั่งกินเสร็จเขาอาสาล้างจานเองปล่อยให้สองพ่อลูกเล่นกันอยู่ห้องนั่งเล่น

   “ได้เวลาเข้านอนแล้วนะครับ” ทำงานทุกอย่างจนเสร็จสองพ่อลูกยังนอนเล่นกันตรงพื้นพรมหน้าทีวี โดยเฉพาะพี่โยที่เลิกงานแล้วยังไม่ไปอาบน้ำเลย

   “ครับ” วินรับคำ ก่อนที่จะหอมแก้มพี่โยแล้ววิ่งมาหาผม

   ฟอด ฟอด จุ๊บ หอมแก้มซ้ายแก้มขวาแถมยังจุ๊บปากเขาอีก

   “เกินไปแล้วนะวิน นั่นของแด๊ดนะ” วินหันไปยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนที่ลุกขึ้นมาโวยวาย


   จุ๊บ


   ผมได้แต่ส่ายหัวกับความแสบไม่มีใครเกิน วินจุ๊บผมก็วิ่งหนีขึ้นห้องเปล่อยให้พี่โยนั่งทำหน้าบึ้งเมื่อเห็นลูกลูบคม ไม่ต้องถามว่าวินได้ใครมาอย่างกับพ่อลูกกันจริงๆ

   “แสบนักนะ” พี่โยได้แต่บ่นขบเคี้ยวเขี้ยวฟันแถมยังคาดโทษลูกอีก ผมส่ายหัวกับอาการหวงแบบเด็กๆก่อนที่จะไล่พี่โยไปอาบน้ำก่อน ส่วนเขารอให้พี่โยอาบน้ำเสร็จก่อน รอไม่นานพี่โยก็ใส่เพียงกางเกงนอนออกมา จาอที่เคยอ่อยด้วยกล้ามท้องยังไงตอนนี้ก็เป็นเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือพี่มันไม่ใส่เสื้อนอนซักวัน เขาเดินหนีเข้าห้องน้ำเพราะเห็นกี่ทีๆก็ไม่ชิน ออกมาพี่โยนอนอ่านเอกสารอยู่บนเตียง

   “ยังไม่นอนเหรอครับ” ผมขึ้นไปสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มนอนข้างๆ ดวงตาสีฟ้าคมหันมามองริมฝีปาหนายกยิ้มวางเอกสารในมือลงก่อนที่จะเอนตัวลงนอน

   “ไม่มีคนให้กอด” พูดจบก็คว้าเอวเขาเข้าไปกอด ผมขยับตัวนิดหน่อยซบหน้าลงกับอกแกร่ง เป็นอย่างนี้ทุกคืนพอวันไหนไม่ได้นอนในอ้อมกอดนี้ผมกลับนอนไม่หลับ

   “งั้นนอนดีกว่าไหมครับ” พูดปนขำเพราะมือใหญ่ที่สอดเข้ามาใต้เสื้อนอน

   “หึๆ วันนี้วันวาเลนไทน์ไงครับ” อ่าววันนี้วันวาเลยไทน์เหรอแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมือที่ตอนนี้เริ่มเลื้อยลงต่ำไปเรื่อยๆจนผมต้องรีบจับไว้

   “อย่ามามั่วน่า ไม่เห็นเป็นวันอะไรพี่โยก็กดผมอยู่ดี” ได้แต่บอกอ้อมแอ้มผมไม่เคยขัดใจพี่โยได้ซักที
   
   “ก็รู้ดีนี่ครับ นะที่รัก” ผมเกลียดดดดดดด เกลียดพี่โยที่ทำเสียงละมุนทำให้ผมขัดใจไม่ได้เลยซักครั้ง

 
   “อือ แต่พรุ่งนี้เราต้องไปส่งวินที่โรงเรียนนะครับ” ยกมือขึ้นคล้องคอหนาเอียงหน้ารับริมฝีปากหนา


   จุ๊บ

   “โอเคครับที่รัก”  และเสียงพูดคุยก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานทั้งห้องอบอวนด้วยความรัก 




   
   ทัพตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดแม้เมื่อคืนจะโดนรังแกแต่ยังดีที่พี่โยไม่ได้รังแกเขาหนักแถมยังช่วยดูแลเพราะเขาหลับก่อน ค่อยๆลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำจัดการธุระอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปข้างล่างเพราะพี่โยไม่อยู่บนเตียง

   “ตื่นแล้วเหรอครับ เพลียไหม พี่ทำซุปให้” โยได้แต่งงเมื่อคนที่ถามไม่ยอมตอบอะไรแต่ยิ้มกว้างกำลังที่จะเรียกทัพก็เดินเข้ามากอดเขาแน่น

   “ขอบคุณนะครับ” แม้ไม่รู้ว่าคนรักขอบคุณเรื่องอะไรเพียงแค่ทัพมีรอยยิ้มเขาก็โอเคแล้ว

   “ไปนั่งก่อนครับ เดี๋ยวพี่จะยกอาหารไปให้” ทัพเงยหน้ามอง



   ฟอด

   “ครับ” พอหอมแก้มเสร็จทัพก็หนีไปนั่งรอที่โต๊ะปล่อยให้คนที่โดนหอมแก้มยืนกระฟัดกระเฟียดอยากจะคว้าตัวคนรักมาฟัดแต่ก็รู้ดีว่าถ้าทำทัพได้โกรธเขาแน่ๆ ไม่นานโยก็ยกอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะพร้อมกับวินที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินคอตกลงมาที่โต๊ะอาหาร

   “ว่าไงเจ้าแสบทำไมทำหน้ามุ่ย” ยิ่งพี่โยถามวินก็ยิ่งทำหน้ามุ่ยลงกว่าเดิม

   “ไม่อยากไปอ่ะ แด๊ด” แนะมีการงอแง ทัพหันไปส่ายหัวกับอาการงอแงไม่อยากไปเรียนของวิน

   “ต้องไปครับ สัญญากับพี่แล้วไง” พอเห็นแก้มป่องๆนั่นทำหน้ายุ่งผมก็อดไม่ได้ที่จะไปยืดเบาๆ วินไม่ได้ประท้วงอะไรแล้วเขากับพี่โยก็ไปส่งวินที่โรงเรียน และพอถึงโรงเรียนที่ผมเป็นคนหาข้อมูลและพี่โยที่แนะนำมา

   “ถึงแล้วครับ” หันไปหาวินที่นั่งเงียบมาตลอดทาง

   “งั้นวินไปนะครับ” วินสูดหายใจลึกๆก่อนที่จะเปิดประตูลงจากรถไป ผมเปิดประตูลงไปหา

   “ตอนเย็นพี่จะมารับนะครับ สู้ๆนะ” ผมเป็นห่วงเพราะวินไม่ได้เรียนในโรงเรียน



   “ขอกอดหน่อยครับ” อมยิ้มกับท่าทางไม่มั่นใจ ผมนั่งลงกอดพร้อมกับหอมแก้มป่องๆนั่น วินยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าโรงเรียนไป

   “ตอนเย็นก็ได้เจอกันแล้ว” ไม่รู้ว่าพี่โยลงมาจากรถตอนไหนมายืนอยู่ข้างๆพร้อมกับโอบไหล่ผมไว้

   “ไม่ได้เป็นไรซักหน่อย”

   “เหรออออ” พี๋โยลากเสียงยาวไม่เชื่อ

   “อย่ามาล้อผมนะ” ห้ามไปเท่านั้นสายตาพี่โยบอกทุกอย่างนั่นล่ะ สะบัดค้อนใส่พร้อมกับหนีขึ้นรถ ถึงจะอบอุ่นแต่พี่มันก็ยังไม่ทิ้งลายแกล้งผมหรอกนะ  ถึงจะอยู่ไกลบ้าน ไกลเพื่อน แต่เขาก็ได้เจอครอบครัวที่เป็นของเขาครอบครัวที่อบอุ่นของเขา
**********************************************
แอ้ครบแล้ว ทีแรกว่าจะไม่ได้แต่งคู่นี้แล้ว
แต่สุดท้ายก็เข็นมาลงจนได้
ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ยังคิดถึงคนในไร่สายลมนะคะ

หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-03-2018 08:36:41
 :L2: :L1: :pig4:

หวานๆ ทัพ โย วิน
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 18-03-2018 01:44:59
จบแล้ววว  รักน้ำที่สุดทั้งเรื่อง สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-03-2018 19:28:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-03-2018 00:17:49
ตามมาอ่านจนจบ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆ นะครับ ชอบมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 22-03-2018 16:21:58
 :-[
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 23-10-2019 23:56:12
น่ารักทุกคู่เลย  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 18-01-2021 11:38:00
ครอบครัวอบอุ่นมาก น่ารักทุกคู่ น้องน้ำก็น่าฟัดแถมเพิ่มความน่ารักของน้องวินมาอีก คู่พี่โยได้แต่งอยากเห็นคู่พี่ลมกับวาแต่งด้วยอ่ะค่ะ จัดให้หน่อย :katai2-1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 20-01-2021 18:11:16
 :pig4: