ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไร่สายลม ตอนพิเศษ วาเลนไทน์ โยxทัพ 15/3/2561  (อ่าน 85132 ครั้ง)

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ขำละอองแซวเจ้านาย แล้วโดนตอกกลับ
เอว่าแต่.. ทั้งไร่สายลมนี้จะมีคู่ชายชายกันหมดเลยใช่ไหมคนเขียน
 :z2: :z2:
55555เอาจริงๆคนเขียนก็เกิดอยากให้ละอองมีคู่เลยจับคู่ให้ซะ เอาจริงๆเรื่องนี้เขียนสนองนีทตัวเองล้วนๆไม่มีอะไรผสมเลยค่ะ555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ลม หื่นมากกกกกก
พี่ลม วา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ทัพ รีบง้อพี่โยเร็วๆได้แล้ว
ง้อแล้วจะได้มีความสุขทั้งคู่

ทัพ ไม้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เริ่มๆกันใหม่ ไหงทัพเลื้อยใส่ไม้และ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
น้องน้ำหล่ิอมากกก

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ตามทันแล้วววว

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ให้ตายเถอะ  พี่โยจะโกรธนานไปแล้วนะ ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งยังไม่ออนไลน์เลย จากที่เคยดีใจแต่ตอนนี้ผมชักที่จะเสียใจแล้วสิ ไม่ได้อยากให้เลิกเจอกันแบบนี้ซักหน่อย โอ๊ยอยากจะบ้าตาย บ้าเพราะความรู้สึกขึ้นๆลงๆของตัวเอง ทั้งๆที่อยากคุยต่อแต่อีกใจผมก็อยากหยุดความรู้สึกตัวเอง ตอนนี้ผมแทบรู้สึกเป็นบ้ากับความรู้สึกที่ตีกันอยู่ข้างใน
   “พี่ทัพเป็นอะไรไปครับ”
   “วา เจ้าลูกน้ำล่ะ” วันนี้เป็นวันหยุดผมเลยได้นอนกลิ้งเครียดๆที่โซฟาตั้งแต่เช้า วันหยุดก็ขอขี้เกียจหน่อยนะ
   “น้ำไปกับพี่ลม วันนี้จะไปเล่นท้ายไร่กันพี่ทัพไปด้วยกันนะครับ แวะไปไร่ส้มด้วย” 
   “ไปสิ อยากฟัดเจ้าลูกน้ำจัง”
   “พี่ทัพดูเครียดๆนะครับ”
   “วา พี่ชายวาทำไมขี้งอนแบบนี้” ผมลุกขึ้นนั่งคว้าหมอนอิงมากอดแน่นก่อนที่จะระบายความอัดอั้นที่ติดต่อใครอีกคนไม่ได้ให้ฟัง
   “พี่พยายามที่จะขอโทษแต่ว่าตั้งแต่ทะเลาะกันแต่พี่ชายวากลับไม่ยอมออน นี่พี่รู้สึกผิดจริงๆนะ” พอพูดจบวาก็ขำคิกคักแล้วคว้าเอาโทรศัพท์ออกมาโบกไปมาหน้าผม
   “พี่ทัพลืมไปรึเปล่าว่าผมเป็นน้องชายพี่โย ก็ต้องมีเบอร์พี่โยอยู่แล้วนะครับ พี่ทัพจะคุยกับพี่โยไหมล่ะครับ” เออ ทำไมกูโง่ในโง่แบบนี้วะ แต่จะให้โทรไปก่อนผมก็ยังไม่กล้าอยู่ดี
   “น้องวาคนดี คุยให้พี่หน่อยสิ” ผมยกมือมากุมกันไว้แล้วอ้อนให้วาโทรให้ วาส่ายหน้าแต่ก็ยอมกดโทรศัพท์โทรไปหาพี่ชาย
   “สวัสดีครับพี่โย”
   “(ว่าไงเจ้าแสบมีอะไรถึงโทรหาพี่)” เสียงที่ลอดลำโพงออกมา ทำให้ผมรู้สึกคิดถึงวาทำท่าจะให้ผมคุยต่อแต่ผมโบกมือห้ามแล้วซบหน้าลงกับหมอนอิงไม่กล้าคุยจริงๆ
   “อ้อพี่ลมว่าจะพาผมกลับไปเยี่ยมบ้านตอนที่ลูกปิดเทอมก็ประมาณเดือนหน้า” อันนี้ผมก็พึ่งรู้ว่าจะไปกันเดือนหน้า น่าจะเหลือเวลาสองถึงสามอาทิตย์ 
   “(หึๆ จะมาสู่ขอรึไง)”
   “พี่โย!!” ผมหลุดขำเมื่อวาโวยวายหน้าแดงเอาจริงๆ ผมก็ว่าพี่ลมคงจะยกสินสอดไป
   “(อยู่กับใครเหรอ)” เชี่ยแล้วไง ผมแค่หลุดครั้งเดียวเองผมรีบโบกมือห้ามไม่ให้วาบอก
   “อ่าพี่ทัพครับ” วา ผมทำหน้าจนใจเมื่อวาบอกพี่โยไป
   “(งั้นพี่กลับไปทำงานก่อนนะ)” อะไรกันจะไม่คุยกับผมเหรอ ชักจะโมโหแล้วนะจะงอนอะไรหนักหนาวะ ผมยืนมือไปคว้าโทรศัพท์มาก่อนที่จะตะโกนกรอกให้กระแทกหูคนอีกปลายฝั่งให้หูหนวกไปเลย
   “จะงอนอะไรกันหนักหนาวะ คิดว่าผมไม่มีความรู้สึกหรือไงกัน คิดว่าผมอยากจะคิดมากแบบนี้รึไง อยากจะงอนต่อก็งอนไปเลยนะ ผมจะได้เลิกคิดมากแบบนี้ถ้าพี่ไม่อยากคุยกันอีกผมจะได้ตัดความรู้สึกบ้าๆนี่โยนทิ้งซะที แฮ่กๆ” ผมถึงกับหอบเมื่อพูดยาวๆรวดเดียวจนหายใจไม่ทัน อาทิตย์เดียวนั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไบโพล่า
   “พี่จะเข้าไร่ ไม่คุยก็ไม่ต้องคุย” โยนโทรศัพท์ไปที่โซฟาไม่สนใจเรื่องมารยาทอะไรแล้ว ลุกเดินกระแทกเท้าออกจากบ้านหนีเข้าไร่ รู้ดีว่าอีกคนหนีหน้าแต่พอมาเจอโดนกระทำต่อหน้าผมก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ โยนทิ้งให้มันหมดเลยดีไหม เดินหน้าบึ้งเข้าไร่เดินผ่านไอ้ไม้และคนงานพิเศษ ไปที่ไร่ผักโดยการกระโดดเกาะท้ายไอ้ละออง
   “มาลุงผมช่วย” ไปแย่งงานลุงที่กำลังถางหญ้าแปลงผัก แม่งกวนประสาทปล่อยให้ผมคิดมากแถมยังมาทำตัวเป็นเด็กๆอีก ย๊ากกกจะพ่นไฟไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เกิดมา
   “คุณทัพครับ เบาๆดินมันหลุดตามไปหมดแล้วครับ” สงสัยว่าจะใส่อารมณ์มากไปจากการถางหญ้ากลายเป็นการขุดทั้งดินทั้งหญ้าออกจากแปลง
   “ขอโทษครับลุง” รีบแก้ขุดถมที่เดิมแล้วช่วยงานถางหญ้าไปหลายแปลงเหงื่อชุ่มเต็มหลังความรู้สึกหงุดหงิดที่มีเริ่มจางหายเหลือเพียงความรู้สึกเฟลๆที่เกาะติดภายในใจตั้งหน้าตั้งตาทำจนกระทั่งวาเดินตามมาเรียกไปท้ายไร่ผมรีบวางอุปกรณ์วิ่งไปล้างมือแล้ววิ่งไปกระโดดขึ้นท้ายรถที่มีไอ้ไม้และคนงานกิตติมาศักดิ์ นั่งอยู่ข้างๆคอยเช็ดเหงื่อให้ เหม็นความรักเว้ย
   “ดูมึงทำหน้าตาเข้าได้ข่าวว่าทะเลาะกับพี่โยเหรอวะ” ไอ้ไม้ถามผมพยักหน้าให้ พอมานั่งนึกดีๆเขาก็ไม่น่าไปอารมณ์ขึ้นใส่พี่โยเลยทั้งๆที่มันเป็นเพราะตัวเขาเอง เขาไม่มีสิทธิที่จะไปอารมณ์เสียและโทษพี่โยอย่างนั้นเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน
   พอเคลียความรู้สึกตัวเองแล้ว ผมชอบพี่โย ชอบที่จะอยู่ด้วยชอบความกวนประสาทที่ทำให้เขาสบายใจความรู้สึกผมถล่ำลึกเกินไปเพราะความใจดีของอีกฝ่าย
   “เลิกทำหมาหงอยซักที ไปเล่นน้ำคลายเครียดกัน” มันขยับมากอดคอผมจนไอ้คนหวงกระแอมปรามผมเลยกอดคอไอ้ไม้ใส่ซะเลย แกล้งจนมันมาดึงไม้กลับไปนั่งข้างพอดีกับที่เรามาถึงน้ำตกท้ายไร่
   “เย้ๆๆน้ำจะเล่นน้ำ” ทันทีที่วิ่งลงจากรถแล้ววิ่งไปที่ลานหิน จนพี่ลมต้องร้องห้าม ผมไปช่วยวาขนของ
   “พี่ทัพเรื่องพี่โย” วาพูดขึ้นเมื่อผมอยู่ด้วยกัน
   “เรื่องนั้นพี่ฝากวาขอโทษพี่โยด้วยนะที่ตะคอกใส่อย่างเสียมารยาท อ่าจะว่าไงดี พี่อารมณ์ร้อนเองพี่ขอโทษวาด้วยนะไม่ต้องห่วงแล้วพี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก” ผมบอกวาพอได้ตะคอกใส่ได้ออกแรงได้จัดการความรู้สึกตัวเองที่หงุดหงิดสะสมมาตลอดสัปดาห์ทำให้เข้าใจความรู้สึกตัวเอง แล้วเรื่องก็คือเขาเป็นฝ่ายผิดแถมยังไปโมโหพี่โยไปอีก
   “เดี๋ยวสิพี่ทัพไม่ชะ.”
   “ฮ่าๆพี่ผิดเองล่ะวา ยังไงพี่ก็เป็นฝ่ายผิดอืม...จะว่าไงดี พี่ฝากวาขอโทษพี่โยด้วยกันนะ” ผมยกมือขึ้นโยกหัวทุยที่เหมือนจะพยายามพูดอธิบายแต่ผมยังไม่อยากฟัง
   “พี่ทัพฟังวาก่อนสิ”
   “พี่ยังไม่อยากฟังตอนนี้นะวา ไปกันเถอะพี่ลมชะเง้อคอมองจนคอจะยาวเป็นยีราฟแล้ว” ผมบอกปัดชวนวาไปรวมกลุ่มเขายังไม่อยากฟังตอนนี้จริงๆ กระโดดไปร่วมวงไอ้ไม้ที่ตอนนี้เล่นน้ำกับไอ้ไม้และเจ้าลูกน้ำ ขอความสนุกก่อนแล้วกัน
   อีกฟากฝั่งทวีปคนที่โดนตะคอกใส่อย่างงงๆทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยเอาจริงๆเขาก็แค่แกล้งเล่นแม้ว่าอยากจะคอลไปคุยด้วยแค่ไหนก็ตาม ทัพเริ่มที่จะเลิกออนแถมบางทียังเอาหลานมาบังหน้าหนีเข้าห้องน้ำออกมาก็บอกว่าง่วงยังไม่ทันได้คุยกันด้วยซ้ำ ผมก็เลยจัดให้ซะเลยไม่ออนคุยกลับ แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะโดนตะคอกใส่แบบจัดเต็มแถมไอ้คำลงท้ายนั่นยังชวนให้ผมคิดหนักซะอีก พอที่จะคุยวาก็บอกว่าทัพเดินหัวเสียออกจากบ้านไปแล้ว
   เฮ้อ
   “ถอนหายใจอะไรกันคะลูก”
   “เปล่าครับ อ้อมัม น้องบอกเดือนหน้าจะพาครอบครัวกลับมาหานะ”
   “อุ๊ยจริงเหรอคะ มากันกี่คนล่ะคะมัมจะได้เตรียมห้องไว้ให้” ไพล่คิดถึงคนที่พึ่งโมโหเขาเมื่อสักครู่ไม่รู้ว่าจะมาด้วยหรือเปล่าถ้าวาบอกไปคงจะยอมมา
   “ก็มาประมาณห้า –หกคนล่ะครับมัม” มัมดูดีอกดีใจรีบไปบอกเมดแถมยังจะเดินไปบอกแด๊ดอีก มัมโทรคุยกับน้องบ่อยหลังจากที่ผมกลับมาและปัญหาที่บ้านมันจบไปแล้ว หวังว่าวาจะช่วยพูดให้ทัพเข้าใจ อยากจะแกล้งต่ออยู่หรอกนะแต่ผมเองก็ทนไม่ไหวที่ไม่ได้คุยกันเหมือนกัน
   หนึ่งวัน
   สองวัน
   หนึ่งอาทิตย์
   “Shit นี่มันอาทิตย์กว่าๆแล้วนะ” ผมบ่นอย่างหัวเสียเมื่อยังไม่มีวี่แววของใครที่ผมเฝ้ารอมาออนไลน์แต่เงียบหายไปแบบนี้หมายความว่าไงวะ แถมโทรไปถามไอ้แสบแล้วก็บอกว่าพี่ทัพสบายดีแต่ไม่ยอมคุยกับวาส่วนตัวแถมยังไม่ได้อธิบายไปอีก
   “(พี่โย วาจะพูดเตือนอะไรหน่อยนะ พี่นะชอบแกล้งคนที่อยากสนิทด้วยแต่กับพี่ทัพ....สายตาพี่ทัพไม่เหมือนเดิมแล้วนะครับ)”
   ผมยังจำได้ดีกับการโทรไปถามครั้งสุดท้ายแล้วเจ้าแสบมันวา เบอร์โทรสิบหลักที่อยู่ในมือมาได้สามสี่วันแล้วแต่ผมก็ยังไม่กล้าโทรไป ผมเพียงแค่สนใจทัพคนที่เหมือนจะเล่นๆแต่การใช้ชีวิตกลับตรงข้ามกับผม ตลอดเวลาที่อยู่ไทยทัพเป็นคนน่าสนใจ น่าสนใจมากจนผมหยุดตัวเองไม่ให้ทำความรู้จักไม่ได้ ผมควรโทรไปสินะ
   ช่วงเวลารอสายเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน เสียงรอสายดังขึ้นและตัดไป ผมกดโทรอีกรอบรอจนกระทั้งตัดสายไป ไม่ยอมรับสายกันเลยรึไง
   “หึไม่ได้มีทางเดียวซักหน่อย” ผมมองนาฬิกาตอนนี้น่าจะยังอยู่ที่โรงงาน กดเบอร์โทรอีกเบอร์ที่เขาขอไว้อย่างรวดเร็วและโทรออก ยังไงคนนี้มันก็ต้องช่วยเขาอยู่แล้ว
   “(สวัสดีครับ)”
   “ไม้พี่ขอสายทัพที” ผมกรอกความต้องการของผมไปทันที  ได้ยินเสียงทัพแว่วเข้ามาว่าไม่คุยเพราะไม่รู้เป็นใครแต่ไม้มันก็บังคับจนเห็นผล
   “(ครับ)”
   “อย่าคิดแม้แต่จะกดวางนะทัพ” ผมรีบบอกออกไปจะให้ไปสวัสดีมีหวังทัพได้วางทันทีที่ผมพูดจบ ผมรู้ดีว่าทัพจำเสียงผมได้
   “(พี่โย)”
   “ใช่พี่เอง โวยวายใส่พี่แล้วหายไปนี่หมายความครับ บอกพี่มาซิ หือ” น้ำเสียงติดจะขุ่นเคืองผิดกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่ถ้าปลายสายมาเห็นคนจะโดนต่อยแน่ๆ
   “(เฮ้อ ขอโทษด้วยแล้วกันนะครับ)” เขารู้สึกได้ถึงความอึกอัดและหนักใจของทัพแต่เขาไม่เข้าใจในเมื่อเราก็เหมือนจะเข้ากันดีแต่ทำไมทัพต้องเว้นระยะห่างไกลริบขนาดนั้น
   “ทัพบอกพี่มาตรงๆ ทัพไม่อยากคุยกับพี่ใช่รึเปล่าแล้วที่ทัพหนีหน้าพี่ก็เหมือนกัน” ผมจี้จุดลงไป ทัพเงียบไปส่วนผมก็รอคนปากหนักตอบกลับมา
   “(ใช่ผมหนีหน้าพี่)” พอได้ยินมันก็เจ็บเบาๆแหะ
   “ทำไมต้องหลบหน้าพี่ด้วย เราก็เข้ากันดีไม่ใช่เหรอหรือทัพไม่ชอบอะไรพี่หรือเปล่า”  ผมไม่รู้เลยว่าน้ำเสียงที่พูดออกไปมันเจือความน้อยใจที่อีกคนไม่คิดเหมือนกันกับเขา ผมได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆก่อนที่จะเงียบกันไปทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างจมกับความคิดตัวเอง
   “(ผมไม่อยากถลำลึกกว่านี้ มันเร็วจนผมกลัวทั้งๆที่พึ่งเจอกันไม่นานมันเร็วจนผมกลัว)” ทั้งๆที่ทัพพูดเรื่องจริงจังแต่ทำไมผมกลับกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ที่ทัพพูดมานั่นหมายถึงทัพคิดเหมือนกันใช่ไหม
   “นายจะกลัวอะไรกัน ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรเป็น” ผมบอกเพราผมก็ทำตามที่ใจผมต้องการ
   “(มันไม่เหมือนกันนะพี่กับความรู้สึกที่นานกว่านี้ผมยังต้องเสียใจเลยแล้วถ้าผมคิดไปไกลกว่านี้...)”
   “อย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาตัดสินพี่นะทัพ พี่อาจให้สัญญาไม่ได้แต่ถ้าเราใจตรงกันทำไมต้องเอาเรื่องคนอื่นมาตัดสินเรื่องของเรา” ผมเน้นย้ำคำว่าเราเพราะผมพร้อมที่จะเดินหน้าเอาจริงๆทัพเป็นคนอยู่ด้วยแล้วสนุกมากทีเดียวเลยล่ะและผมยังอยากวนเวียนกวนทัพ คุยกันทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องไร้สาระจนเรื่องงานที่ทำ บางเรื่องที่ทัพจะช่วยงานผมไม่ได้แต่ทัพก็คอยฟังผมระบาย
   “(ด......เดี๋ยวนะที่ว่าใจตรงกัน..ผมกับพี่..)” เสียงติดอ่างทำให้ผมเดาออกเลยว่าทัพทำสีหน้ายังไง
   “ใช่ก็เราใจตรงกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
   “(พี่อย่ามามั่วเราไปใจตรงกันตอนไหน)”ทัพอาจจะไม่รู้ตัวแต่ทัพก็พูดว่า เรา ออกมา
   “ก็น่าๆข้ามรายละเอียดปลีกย่อยไป กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วน่า”
   “(เหมือนเดิมแบบไหนกันล่ะ)” เหมือนผมจะโดนกวนกลับแหะ
   “ก็ตอนที่น้องทัพทำตัวน่ารักๆไงครับ”
   “(ไอ้พี่โย!!!  ไปทำตัวน่ารักตอนไหนวะ)” เหมือนหลังๆจะเป็นการพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า นี่ไงที่ผมบอกว่าน่ารัก เวลาทัพโวยวายน่ารักจะตายไป ผมยังคงคุยเล่นอีกสองสามนาทีก่อนที่งานจะเรียกตัวให้ผมกลับไปทำ แต่ทัพก็ยอมรับปากว่าจะรับคอลผมตอนค่ำ แถมยังแหวผมอีกตอนที่ผมแหย่เล่นอีก
   “โยลูกเป็นอะไรทำไมยิ้มอย่างกับคนบ้าแหนะ” ผมได้แต่ยกมาลูบหน้าลูบตาเมื่อโดนแด๊ดถามนี่ผมยิ้มอยู่เหรอ
   “ก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นนิดหน่อยครับแด๊ด”
   “หืมเรื่องอะไรพอจะบอกได้ไหม” แต๊ดนั่งลงตรงข้ามผม แม้หน้าตาจะบ่งบอกเหมือนดุแต่จริงๆแล้วกลับเป็นผู้ชายอบอุ่นไม่อยากบอกว่าผมก็ได้พอมาเยอะ
   “อ่า ผมมีคนที่คิดจะจริงจังด้วย” คิ้วเข้มยกขึ้นเมื่อผมบอกความจริงไป
   “หืม คนไหนกันล่ะ”
   “โถแด๊ดพูดอย่างกับผมมีเยอะนัก อ่าเป็นคนไทย ที่สำคัญเป็นผู้ชาย”
   “แกไปล่อลวงอะไรเขามาล่ะ” ดูสิครับ ดูที่แด๊ดพูดเข้าสิผมออกจะเป็นคนดี ล่อลงล่อลวงที่ไหน
   “พูดบ้าๆน่าแด๊ด”
   “เอาเถอะถ้าไงก็พามาให้รู้จักหน่อยว่าทำไมถึงได้โชคร้ายมาเจอแกได้” พูดจบก็เดินหนีอะไรกัน โชคร้ายที่ไหนแด๊ดมั่วจริงๆ นั่งทำงานทั้งๆที่ใจก็อยากให้เวลาผ่านไปเร็วจะได้ถึงเวลาคอลซะที เมื่อถึงเวลาผมก็คิดที่จะแหย่ทัพหลังจากที่ไม่ได้คุยมานาน หลังจากอาบน้ำเสร็จผมไม่ไปแต่งตัวเพียงแต่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีเข้มนั่งอ่านเอกสารบนเตียงกับโน๊ตบุ๊คที่เปิดไว้พอเห็นไอดีขึ้นผมก็กดคอลไปเหมือนว่าทัพรอตลอดกดรับทันที
   “แต่งตัวบ้าอะไรของพี่” ยังไม่ทันที่จะทักทาย ทัพก็ตะโกนลั่นผมแอบขำเพราะถึงทัพจะตะโกนว่าแต่แก้มกับมีรอยแดงก่ำ ทัพเป็นคนผิวขาวดังนั้นพอเจ้าตัวอายหรือโมโหมันแสดงออกชัดทางสีหน้า
   “ก็พึ่งอาบน้ำเสร็จ” เอาจริงๆอาบน้ำเสร็จนานแล้วล่ะนะ
   “พี่ต้องแกล้งผมแน่ๆ ไปแต่งตัวใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะ” ทัพไม่ยอมสบตาเมื่อผมขยับชุดคลุมที่มัดไว้หลวมๆก็คลายออกเหลือหมิ่นเหม่ตรงหว่างขายิ่งทำให้ทัพร้องโวยวายแถมยังยกหมอนมาปิดหน้าอีก  นี่ไงทัพนะน่ารักจริงๆนะ
   “จะโวยวายทำไมกันของพี่ก็มีเหมือนๆกันกับของทัพไม่ใช่เหรอ” ยิ่งพูดทัพยิ่งปิดหน้า
   “ถึงจะเหมือนกันแต่พี่จะมาโชว์แบบนี้เป็นโรคจิตรึไง” ยังบ่นอุบอิบแต่ผมก็ไม่ยอมลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรอกนะ ได้แกล้งคนอยู่แบบนี้สนุกกว่าเยอะถึงจะเปลืองเนื้อเปลืองตัวหน่อยก็เถอะ
   “วันนี้งานเยอะไหม”
   “ก็เอาเรื่องช่วงนี้ต้องไปช่วยงานในไร่ด้วยเพราะปีนี้ผลไม้ออกเยอะขึ้นคนงานก็หาไม่ทันเลยต้องไปช่วยก่อน”
   “มิน่าถึงได้ดำขึ้น”
   “เฮ้ยจริงดิ” ผมแค่พูดเล่นๆไปจริงไม่ได้คลำอะไรหรอกแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะจริงจังถึงขึ้นลุกขึ้นดูสีผิวตัวเอง
   “ไม่จริงหรอกพี่พูดเล่น”
   “ไอ้พี่โย”
   “หลุดเรียกพี่ว่าไอ้มาหลายรอบแล้วนะหือ อย่าให้อยู่ใกล้นะพี่จะจัดการให้เข็ด” ทัพอ้าปากค้างหน้าแดงก่ำ
   “ไอ้โรคจิต!!” จู่ๆก็ร้องตะโกนแล้วออฟไลน์ปิดหนีผมไปเลย เดี๋ยวสิผมทำไรผิดวะ พอก้มมองตัวเองก็รู้ว่าทำอะไรผิดก็เมื่อกี้นี้ผมขยับตัวทำให้สาบเสื้อมันขยับด้วย อ่า ผมไม่ไดอยากโชว์ลูกชายตัวเองซักหน่อยนะไม่ได้โรคจิตนะทัพ
   

   ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้คนชอบแกล้ง ได้แต่บ่นพร้อมกับหน้าตาแดงก่ำเพราะภาพที่เห็นมันทำให้ผมรู้สึกอายอยู่เนี้ย อุตส่าห์ปรับความเข้าใจกันแล้วแต่ไอ้พี่โยแม่งก็ยังแกล้งเขาอีกรู้อยู่แล้วไอ้ที่ใส่เสื้อคลุมนั่นเขาก็รู้ดีว่าใส่มาแกล้งเขาแต่ใครจะรู้เล่าว่าจะไม่ใส่อะไรข้างในเลย หืย ถ้าคืนนี้เขาฝันร้ายนะต้องโทษไอ้พี่โยคนเดียวเลย ได้แต่พยายามปลอบใจตัวเองแล้วหลับหนี
   ตื่นมาพร้อมกับง่วงเลยรีบอาบน้ำลงไปขอกาแฟจากน้องวา วันนี้เห็นทีเขาจะได้เข้าไร่ไปช่วยพี่ลม ส่วนไอ้ไม้ก็ไปโรงงานตอนนี้ไอ้ผู้กองกลับไปทำงานแล้วแต่ก็ยังโดดมารับไอ้ไม้ไปกินข้าวเที่ยงตลอดแถมยังลักพาตัวเพื่อนเขาไปนอนด้วยบ่อยๆ บ้านหลังที่สร้างช่างบอกน่าจะเสร็จก่อนที่พวกผมจะไปเที่ยวบ้านวา ทีแรกเขาก็ปฏิเสธแต่พี่ลมก็จองตั๋วให้เรียบร้อย
   “นี่กาแฟครับพี่ทัพ”
   “ขอบคุณนะวา”
   “ทำไมดูง่วงๆล่ะครับ นอนไม่หลับเหรอ” พอคิดถึงสาเหตุที่เขานอนไม่หลับก็ทำหน้าเซ็ง
   “พี่ชายวานี่โรคจิตชัดๆ” ผมบ่นให้วาฟังแต่พอวาถามว่าพี่โยทำอะไรให้ผมก็ตอบไม่ได้ใครจะกล้าตอบกันล่ะว่าพี่ชายวาทำอะไร
   “ช่างเถอะ”
   “คืนดีกับพี่โยแล้วสินะครับ” วาพูดแซว ผมทำได้แต่ยิ้มตอบก็ถือว่าคืนดีแล้วล่ะแต่ผมก็จะโกรธใหม่เพราะไอ้เรื่องเมื่อคืนนี่ล่ะเล่นเอาเขาไม่อยากมองหน้าพี่โยเลยด้วยซ้ำ 
   “วันนี้พี่ช่วยงานที่ไร่นะ เจ้าลูกน้ำวันนี้ใครจะไปรับให้พี่ไปรับให้ไหม”
   “ผมกับพี่ลมจะไปรับครับพอดี...มีนัดพาน้ำไปกินไอศกรีมนะครับ”
   “อ้องั้นงานที่ไร่พี่จะดูแลให้ละกันไปเดทกันตามภาษาครอบครัวกันเถอะ”
   “พี่ทัพ อย่าแซววานะ” หึๆผมได้แต่ขำกับคำห้ามที่น่ารักของวา
   ช่วยวาทำกับข้าวเสร็จผมก็รีบกินแล้วรอรถคนงานที่จะไปไร่สตรอเบอร์รี่กับสวนผักขึ้นไปพร้อมกับคนงานที่ไร่นี้อย่างทุกคนเหมือนครอบครัวที่ไม่ถือตัวไม่ถือยศช่วยกันทำทุกอย่าง บ้านพักคนงานก็อยู่กันเป็นครอบครัว
   “เก็บล็อตนี้เสร็จส่วนที่ส่งตลาดก็รีบไปส่งเลยนะครับ เพราะเขาจองมาหลายวันแล้ว พวกเกรดต่ำหน่อยก็เอาไปส่งโรงงานเลยนะครับ” ผมบอกกับคนที่คุมส่วนไร่สตรอเบอร์รี่แล้วค่อยไปลงมือช่วยเก็บแม้จะไม่เร็วแต่ก็ถือว่าได้ช่วย
   “คุณทัพๆ พักก่อนครับมากินข้าวกัน”
   “ครับ เดี๋ยวก่อนนะครับ” ผมถอนหญ้าต้นสุดท้ายในแปลงถอดถุงมือทิ้งก่อนที่จะไปล้างมือกินข้าวกับพวกคนงานนี่ล่ะไม่ได้กลับไปบ้านหรอกครับมันไกลไปกินง่ายๆแล้วก็ทำงานจนค่ำก็ขึ้นรถกลับ พอถึงบ้านได้ยินเสียงโวยวายของไอ้ไม้กับไอ้นัทผมรีบสาวท้าวเข้าบ้าน
   “นั่นเล่นอะไรกันวะ” ผมถามขึ้นเพราะตอนที่ผมเข้าบ้านมาก็เห็นไอ้ไม้กระโดดข้ามโซฟาหนีไอ้ไม้ที่นั่งกุมท้องอยู่ที่โซฟาอีกตัว
   “ไอ้ทัพช่วยกูด้วย” มันวิ่งมาหลบหลังผม อ่า รอยแดงที่คอผมก็พอจะเดาๆได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
   “ไอ้ผู้กองมึงนี่มือไวใจเร็วไปไหมเพื่อนกูพึ่งตกลงกับมึงได้นะ เพื่อนกูเสียหายหมดแล้ว” ผมชี้หน้ามันก่อนที่จะติดกระดุมให้ไอ้ไม้ดีๆ
   “ด่ากูได้แต่อย่าอยู่ใกล้กันนักสิวะ” มันรีบเดินมาแยกผมออกจากกันแล้วลากไอ้ไม้ไปนั่งบนตักพร้อมกับกอดไว้แน่น
   “หวงทำไมหนักหนาวะ ดูปากกู กูเพื่อนมันเว้ย” หวงอะไรไม่เข้าเรื่อง
   “ก็มึงแม่งหน้าตาก็ดีแถมยังรู้เรื่องที่บางทีกูก็ไม่รู้อีก” ดูมันทำ
   “เอ๋ จะว่าไปตอนไปออกค่ายกูกับมันก็นอนด้วยกัน อาบน้ำด้วยกะ..”
   “หยุดพูดเลยนะมึง ลืมทั้งหมดไปด้วย” มันชี้หน้าโวยวายบอกให้ผมลืมทุกอย่าง ฮ่าๆ แม่งหึงได้งี่เง่ามากดูจากสายตาของไอ้ไม้ที่กรอกตาไปมาแต่ก็ยังยอมนั่งนิ่งๆให้ไอ้ไม้กอด
   “ผู้กองหิววะทำกับข้าวให้หน่อยดิ” เพราะว่าทั้งผมกับไอ้ไม้สกิลทำกับข้าวนี่ติดลบ ทำกินได้ก็แค่มาม่าก็หรูแล้ว
   “เออ ไม้ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ” เสียงอ่อนเสียงหวานจนน่าหมั่นใส่ ผมก็เหนียวตัวเลยไปหยิบเสื้อผ้าแล้วไปอาบน้ำห้องหลานปล่อยให้ไอ้ไม้อาบน้ำที่ห้องไป
   “มากินข้าวกันเถอะ” ผู้กองมันใช้เวลาไม่นานก็ทำกับข้าวง่ายๆเสร็จก็เรียกพวกผม วันนี้พี่ลมพาครอบครัวไปทานข้าวข้างนอกพวกผมรอดตายจากไอ้ผู้กองนี่ล่ะ
   “จะนอนนี่ไหมล่ะไอ้ผู้กอง เดี๋ยวกูจะไปนอนกับหลาน”
   “ไอ้ทัพอย่าทิ้งกูสิ”
   “ถ้ามันกล้าทำในบ้านหลังนี้ก็ลองดูสิ” ถ้ากล้าทำมันก็กล้าเกินไปแล้วล่ะ
   “งั้นกูนอนด้วย” ตาไม่ค่อยเป็นประกายเลยนะมึง กินข้าวเสร็จนั่งคุยกันซักพักสองคนนั้นก็พากันขึ้นห้องนอนส่วนผมก็นั่งเล่นที่โซฟาต่อ ตอนนี้ได้เวลาปกติที่ผมควรจะออนไลน์แล้วแต่เหตุการณ์เมื่อวานทำให้ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่โยด้วยซ้ำ เสียงโทรศัพท์ขัดความคิดเพลินๆของผม เบอร์โทรนี่มันพี่โย??
   “ครับ”
   “(ทำไมไม่ออนล่ะวันนี้หรือว่า...)”ก่อนที่พี่โยจะพูดอะไรผมรีบห้ามไม่ให้พูดถึง
   “หยุดพูดถึงมันเลยนะพี่โยก่อนที่ผมจะวางสาย” ได้ยินเสียงหัวเราะตามสายมา ผมกับพี่โยคุยกันด้วยความสบายใจเพราะไม่เห็นหน้าทำให้ผมไม่เขินแต่พี่โยก็ยังสามารถแกล้งผมได้ตลอดการคุย
   “(ทำเสียงแหบๆจะเล่นเซ็กโฟนกันรึไงครับ)”
   “ไอ้พี่โย” อยากจะตะโกนแต่นี่ก็ดึกแล้วผมก็ง่วง
   “(หรือว่าทัพอยากลองพี่ไม่เคยเล่นนะแต่ถ้ากับทัพก็อยากลองดูนะครับ)” อ...ไอ้พี่โยผมไม่รู้ว่าจะด่าว่ายังไง
   “ไม่เล่นแล้วผมจะนอนแล้ว”
   “(ฮ่าๆๆ นึกว่าจะเล่นกับพี่ ไม่แกล้งแล้วฝันดีครับ)” เสียงทุ้มที่ใกล้ชิดกว่าปกติทำให้ผมรู้สึกจักจี้แปลกๆ
   “ฝันดีเหมือนกันครับพี่โย” พูดจบก็รีบวางสายก่อนที่จะขึ้นไปนอนกับน้ำเพื่อสู้กับงานวันพรุ่งนี้ คืนนี้เป็นคืนที่ผมฝันดีกว่าทุกวัน
***********************************************************
กลับมาแล้วค่า หลังจากที่เคลียงานจนมือหงิก  :katai4:
ในที่สุดก็เอาพี่โยกับทัพมาส่งให้ทุกคนได้อ่าน
ทำไมหมั่นใส้อีพี่โยขึ้นทุกวันฮ่าๆๆ
จะจบแล้ววววว คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันนะคะเนี้ยฮ่าๆ
หลังจากจบเรื่องนี้จะไล่เคลียอีกสองเรื่องให้จบ
แล้วจะเปิดอีกสองเรื่องใหม่ที่พึ่งนึกพล็อตได้คร่าวๆ  :ling2:
เรื่องหนึ่งจะออกแนวมาม่าหนักๆ ซึ่งไม่เคยเขียนฮ๋าๆๆ
กับอีกเรื่องจะน่ารักๆสบายๆ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
อ่านตอนนี้เป็นไงแล้ว บอกกันด้วยนะคะ
ทุกเม้นต์เค้าอ่านตลอดเป็นกำลังใจสุดๆเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่ทุกคนเม้นต์มานะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีกันแล้ว  :mew1:
พี่โย ทัพ  :กอด1:

อยากอ่านทัพ ไม้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
มุ้งมิ้ง เอ่อ.......ชัดๆซักที   :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
บรรยากาศ ทำไมเป็นสีชมพูๆ มากมายเลยตอนนี้

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :laugh:

พี่โย อิพี่โรคจิต

 :L2: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไม่มีบทพี่ลม คนหล่อเลย.

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
 :z2:เข้าใจกันก็ดีแล้ว

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
3 คู่ชู้ชื่นนนน

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ลมตื่นมาแต่เช้าเมื่อคืนนี้หลังจากที่พาครอบครัวไปทานข้าววาทำตัวน่ารักมากจนผมอดใจไม่ไหวที่จะรังแกน้องไปหลายรอบวันนี้วาเลยยังไม่ตื่น ผมคงจะรังแกน้องมากไปสินะทำไงได้น้องน่ารักเกินไปจนอดใจไม่ไหว
   “อือ”
   “นอนต่อเถอะครับเดี๋ยวพี่ดูแลลูกเอง” ผมเดินไปหอมแก้มป่องที่โผล่พ้นผ้าห่มไปทีวายังดูง่วงๆอยู่
   “เพราะใครกันละครับ” เสียงบ่นเหนื่อยๆทำให้ผมแอบขำยอมรับก็ได้ว่าเป็นความผิดผม
   “งั้นนอนพักนะครับคนดี” วาไม่ตอบอะไรเพียงแต่หลับตาแล้วก็หลับไปในทันทีสงสัยจะเหนื่อยจริงๆ ผมไปปลุกน้ำให้เตรียมตัวไปโรงเรียนเมื่อคืนไอ้นัทมานอนนี่ผมเลยจะโยนหน้าที่ทำอาหารให้มันคงจะดีกว่า
   “ฝากทำกับข้าวด้วยนะ” ไอ้นัททำหน้าเบลอๆแต่ก็ยอมเดินเข้าครัวเลยปล่อยให้นัทรับผิดชอบไป
   วันนี้ก็คจะเป็นอีกวันที่วุ่นวายเหมือนเดิมเมื่อผลผลิตในไร่เริ่มเก็บเกี่ยวได้อีกครั้ง และดูเหมือนว่าจะได้เยอะกว่าเดิมซะอีกเลยต้องรับคนงานมาเพิ่มอีก ไม่นานไอ้ทัพกับไอ้ไม้ก็ตามลงมาสมทบ
   “ไงวันนี้ใครจะอยู่ไร่ พี่ต้องการคนช่วย”
   “แหมรังแกน้องได้ตลอดเลยนะพี่” ไอ้ทัพทำหน้าตารู้ทัน อยากจะปาแก้วกาแฟใส่หน้ามันอย่าให้กูพูดเรื่องมึงนะ
   “เดี๋ยวผมอยู่ช่วยเอง วันนี้ไอ้ไม้มันต้องไปดูพวกแปลรูป” ผมพยักหน้าตอนแรกคิดว่าทัพมันจะทำงานในไร่ไม่ได้แต่เอาเข้าจริงๆกลับสู้งาน
   “งั้นดูไร่องุ่นให้พี่ที ไอ้ละอองมันจะพาคนงานไปปรับพื้นที่”
   “พี่จะปลูกอะไรอีก”
   “พี่ว่าจะทำเหมือนโฮมสเตย์บ้านพักเล็กๆนะ” เป็นโครงการที่จะทำตรงเหนือไร่เพราะที่ตรงนั้นวิวจะดีมาก แถมยังเป็นสัดส่วนแยกจากไร่ตรงถ้าเสร็จผมจะให้วาเข้าไปดูแลตรงส่วนนั้นแล้วก็บัญชี ผมจะเลือนขั้นพวกไอ้ละอองไอ้สันขึ้นมาเป้นผู้จัดการไร่ช่วยผม แม้มันจะกวนตีนไปหน่อยแต่มันก็ซื่อสัตย์แถมยังทำงานดีอยู่กับผมมาก็นาน 
   “พ่อลมพี่วาของน้ำล่ะ”
   “วาไม่สบายไปกินข้าวกับอานัทก่อนไปเดี๋ยวพ่อไปส่ง”
   “พ่อลมต้องรังแกพี่วาแน่ๆ” เดี๋ยวเถอะนี่ลูกใครกันแน่ ห๊ะ
   “ไปเอาคำแบบนี้มาแต่ไหนกันหือเจ้าตัวแสบ”
   “อาทัพพูดน้ำเลยจำมา” ตอนนี้เจ้าแสบหลังจากปิดเทอมนี้ ก็จะขึ้นป.หนึ่งแล้วนับวันยิ่งช่างพูดช่างจาแถมยังฉลาดแกมโกงอีกต่างหาก เรื่องอ้อนอย่าให้พูดถึงแม้แต่ผมยังใจอ่อน
   “จำแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นนะเรานะ ไปกินข้าวได้แล้วไป” ก้มลงอุ้มเจ้าลูกลิงที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นลูกหมูแล้วหลังจากการคุมอาหารและการออกกำลังกายน้ำก็หนักในเกณฑ์ปกติ หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ไปส่งน้ำที่โรงเรียน แวะกลับเข้าบ้านก่อนที่จะไปไร่ วายังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงกว้าง ผมค่อยๆนั่งลงที่เตียงค่อยๆยืนมือไปปัดปอยผมที่ตกละใบหน้าเนียนค่อยแตะหน้าผากยังดีที่ไม่มีไข้
   “อือ”
   “กินข้าวก่อนไหมค่อยนอนต่อ”
   “พี่ลม..ไม่เข้าไร่เหรอครับ” วาขยับตัวมาใกล้ๆขาแล้วซุกหน้าลงกับต้นขาแล้วถูไถขยับหาที่สบาย จะอ้อนเกินไปแล้วนะ อดไม่ได้ที่จะก้มลงหอมแก้มนุ่มแรงๆไปที
   “พี่แวะมาดูครับ เดี๋ยวต้องไปดูไร่ส้มครับ”
   “ไปทำงานเถอะครับ”
   “พี่วางข้าวไว้ตรงนี้นะ วันนี้ก็พักเถอะพี่ขอโทษที่เอาแต่ใจเกินไป” เมื่อเห็นคนรักเหนื่อยผมก็รู้สึกผิด
   “ไม่เป็นไรครับพี่ลม อีกอย่างผมก็...เต็มใจ”แม้จะพูดเสียงเบาแต่ผมก็ได้ยินอยู่ดีจนอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มป่องอีกครั้ง
   “พี่ไปทำงานก่อนนะ” วาถูหน้าลงกับหน้าขาผมสองสามทีก่อนที่จะกลับไปนอนหนุนหมอน ผมดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้ดีๆก่อนที่จะเดินลงไปทำงานได้ซักที ขับรถเข้าไปไร่ส้มช่วยคนงานเก็บส้ม คงจะเก็บได้อีกสองสามล็อตช่วยเก็บได้ไม่กี่ลังผมก็สั่งงานไว้แล้วไปดูพวกไอ้ละอองคุมงานปรับพื้นที่ ผมจะไม่บอกวาเพราะจะเก็บเป็นของขวัญให้วา ตอนนี้วาเป็นครอบครัวของผมแล้วโฉนดที่ดินทุกใบและทุกอย่างมีชื่อวาอยู่ร่วมด้วยตรงนี้ผมก็จะยกให้เป็นของวาเลย
   “เป็นไงบ้างไอ้ละออง”
   “ก็ใกล้แล้วล่ะครับนาย เห้ๆๆๆ ตรงนั้นนะปรับให้มันเท่ากันสิ” หันมาบอกผมเสร็จมันก็รีบตะโกนสั่งงานต่อ เป็นงานเป็นการดีจริงๆนะ
   “เออ กูจะให้มึงขึ้นเป็นผู้จัดการกับไอ้สันและก๊วนมึงขึ้นดูแล”
   “นายผมไม่กล้าหรอกครับ”
   “ไม่กล้าอะไรกูไว้ใจพวกมึงถึงได้ให้ทำอีกอย่างงานมันก็เยอะขึ้นเรื่อยๆกูจะให้มึงทำงานหนักโดยไม่ให้อะไรมึงอีกอย่างมึงก็เป็นครอบครัวกู”
   “นายยยยยยยยยยยยย”
   “เฮ้ยๆ ไม่ต้องมากอดกู!!”ผมรีบขยับตัวหนีมันที่น้ำตานองหน้าวิ่งเข้ามากอดผม
   “แงๆๆขอบคุณครับนาย ผมจะทุมเททำงานแบบถวายหัวเลยครับนาย” ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความติ๊งต๊องของไอ้ละอองที่น้ำหูน้ำตาเปื้อนเต็มไปหมด
   “เออๆ ฝากบอกพวกมึงด้วยละกัน เดี๋ยวมึงปรับเสร็จวันนี้ก็ให้เอาบิลค่าจ้างมาเบิกที่กูนะอย่าให้วารู้ล่ะ” ผมกำชับมันเพราะไว้ใจมันไม่ได้
   “โถๆนายไว้ใจไอ้ละอองคนนี้ได้เลย” เพราะเป็นมึงนี่ล่ะกูถึงห่วง  คุมงานกับไอ้ละอองจนมืดค่ำผมถึงได้พากันกลับ
   “กลับมาแล้วเหรอครับพี่ลม” เสียงหวานทักขึ้นทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในบ้านที่เงียบผิดปกติ
   “อืม ทำไมได้อยู่คนเดียวล่ะ”ผมเดินเข้าไปกอดคนที่กำลังง่วนกับการอุ่นกับข้าววางคางลงบนไหล่บาง
   “น้ำขึ้นไปนอนแล้ว พี่ทัพเห็นว่าพี่โยโทรมาส่วนพี่ไม้แหะๆพี่นัทพาตัวไปหลังจากที่มาส่งน้ำครับ” อีกแล้วมาอุ้มน้องกูไปอีกแล้ว เอาเถอะ
   “หอมจังพี่หิวแล้วล่ะ วากินรึยัง”
   “ยังครับวารอพี่อยู่” ได้ยินแล้วชื่นใจจัง ยอมปล่อยวาออกจากอ้อมแขนแล้วไปช่วยตั้งโต๊ะ กินข้าวไปคุยไป กินเสร็จผมก็โดนวาไล่ไปอาบน้ำ ออกมาจากห้องน้ำวาก็นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เช็ดผมลวกๆตากผ้าขนหนูแล้วขึ้นเตียง
   “พรุ่งนี้วาเคลียบัญชีแล้วเอาเงินเข้าบัญชีนี้นะ” ผมหยิบเอาสมุดบัญชีที่เขาพึ่งไปเปิดใหม่ให้คนที่ผมรักทั้งสองคน วารับไปเปิดดูก็ทำตาโตเมื่อเห็นชื่อผู้ร่วมบัญชี
   “นี่มันอะไรครับ”
   “บัญชีร่วมของพี่กับวาแต่พี่ให้วาเป็นคนเก็บไว้ดูแลลูก”
   “แต่มันมากเกินไปนะครับ” วาพูดเสียงอ่อยเมื่อเห็นยอดในบัญชี ผมยิ้มกว้าง
   “ไม่มากเกินไปหรอกนะ ตอนนี้ทุกอย่างของพี่ก็เป็นของวา” เขาขยับตัวไปเปิดตู้เซฟเอาโฉนดที่ดินและเอกสารทางการเงินทุกอย่างส่งให้วาที่นั่งทำตาโตอ้าปากค้างอยู่
   “นะ...นี่มันอะไรกันครับ” วายิ่งทำตาตื่นเมื่อเห็นชื่อตัวเองอยู่หลังเอกสารทุกใบโดยเฉพาะเอกสารสำคัญ
   “ก็ทุกอย่างเป็นชื่อพี่กับวาไงตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วพี่อยากให้วา ร้องไห้ทำไมละหืม” ถามเสียงนุ่มเมื่อน้ำตาไหลชุ่มแก้มเนียนจนผมคอยเช็ดออกแต่ดูท่าคงไม่หยุดง่ายๆ
   “อึก วาไม่ต้องการของพวกนี้ซักหน่อย อึก” ผมได้แต่ยิ้มกว้างผมรู้ดีว่าวาไม่ได้อยากได้ของของผม แต่เป็นผมเองที่อยากให้วาอนาคตไม่แน่นอนผมก็อยากให้วาเป็นคนดูแลมัน
   “พี่รู้ครับ พี่รู้ แต่พี่อยากให้วานะไม่ได้เป็นการผูกมัดแต่พี่อยากให้วาช่วยดูแลถือว่าเป็นของๆเรานะ” พูดจบคนร้องไห้ก็โผเข้ากอดผมแน่นจนผมได้แต่ลูบหัวทุยไหล่บางที่สั่นเพราะแรงสะอื้นโอบปลอบอยู่นานจนวาเงยหน้าที่ฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำตาแต่กลับมีรอยยิ้มหวาน
   “ขอบคุณนะครบพี่ลม วารักพี่นะ” ให้ตายเถอะเพียงแค่น้องบอกรักผมหัวใจผมก็เต้นแรงถ้าหากน้องเอ่ยปากขออะไรผมก็แทบหามากองให้แล้ว อดไม่ได้ที่จะให้รางวัลเป็นจูบหวานๆที่วาเต็มใจตอบโต้ผม อ่า อยากจะทำอะไร อะไรมากกว่านี้แต่ผมก็สงสารไม่อยากรังแกวาไปมากกว่านี้เพราะความน่ารักของวาอาจจะทำให้ผมยั้งใจไม่อยู่  เก็บเอกสารให้เข้าที่แล้วล้มตัวนอนรั้งคนที่คืนนี้น่ารักลงนอนข้างๆ
   “นอนดีกว่านะคนดีของพี่” กดจูบหน้าผากเนียนวาอมยิ้มก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นหอมแก้มผมแล้วซุกหน้าลงกับอกเห็นเพียงปลายหูแดงระเรื่อทำให้ผมแอบยิ้มก่อนที่จะหลับไปโดยไม่แซวคนขี้อายให้เขินไปกว่านี้ 


   ผมตื่นขึ้นมาก็เห็นที่ข้างๆว่างเปล่าแล้วสงสัยว่าจะตื่นนอนแล้วสินะลุกขึ้นจัดการธุระแล้วเดินลงไปข้างล่าง
   “อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก” โอบเอวบางคนที่ยืนวุ่นวายในครัวพร้อมกับหอมแก้มป่องไปทีจนวาสะดุ้งหันมาฟาดมือที่ไหล่ผมแรงๆ
   “พี่ลม!!ถ้าเกิดวาถือมีดอยู่ล่ะ เลิกเล่นแบบนี้เลยนะครับ” โดนดุแต่เช้าผมเลยส่งยิ้มเอาใจ
   “โอ๋ๆ พี่ขอโทษครับวันนี้มีอะไรกิน หอมจัง” ผมชะโงกหน้าข้ามไหล่ไปมองของที่อยู่บนเตา
   “พอดีเมื่อวานน้ำดูการ์ตูนแล้วอยากกินข้าวห่อไข่วาเลยจะทำให้นะครับ พี่ลมอยากกินอะไรไหมครับ” วาเอาใจใส่ลูกชายตัวแสบเขาแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกอุ่นใจ
   “อะไรง่ายๆก็ได้ พี่จะเข้าไร่เดี๋ยวกลับมากินนะ”
   “อย่าลืมก็แล้วกันนะครับ” วาทำเสียงเข้มเพราะบางทีผมก็กลับมาช้า 
   “ครับที่รัก” ผมก้มลงบอกและก็ได้ผลเมื่อวาหน้าแดงก่ำเห็นแบบนี้ผมก็พอใจแล้วรีบหนีก่อนที่วาจะหายเขินแล้วทำร้ายดีกว่า ขึ้นไปทางเหนือไร่ที่ตอนนี้ปรับพื้นที่เรียบร้อยและของก็เริ่มขนส่งเข้ามาแล้ว
   “นายมาทำไมแต่เช้าเลย”
   “มาดูก่อนวะ ของเข้าครบไหมวะ” เดินเข้าไปหาไอ้ละอองที่กำลังตรวจของอยู่
   “ขาดเหล็กอ่ะนายเดี๋ยวเขาจะเอาเข้ามาส่งให้” พยักหน้ารับก่อนที่จะรับบิลราคาของเก็บเข้ากระเป๋า ทีแรกว่าจะทำบ้านไม้อยู่แต่ว่าทำเป็นบ้านปูนแบบเล็กๆกะทัดรัดน่าจะดูโอเคกว่า
   “เออ อีกสองอาทิตย์พวกมึงก็ดูแลไร่ให้กูด้วยนะ”
   “นายจะไปไหนทำอย่างกับจะไปกันทั้งหมด”มันทำหน้างงๆ
   “ใช่กูจะไปทั้งหมดนี่ล่ะ พาวากลับไปเยี่ยมบ้าน” บอกจบมันก็ทำตาโต
   “นายไม่กลัวผมโกงไร่รึไงกัน จะหนีเที่ยวกันทั้งหมดเนี้ยนะ” ผมรู้ดีที่มันโวยวายไม่ใช่ที่ผมจะหนีเที่ยวหรอก หรือมันจะโกงไร่หรอก
   “โกงเหี้ยไรมึง อีกสองอาทิตย์ก็เก็บพวกองุ่นกับไม้ผลหมด มีแค่ผักที่มึงต้องส่งขายกับดูแลไร่แค่นี้ มึงขี้เกียจก็บอกกูมา”
   “นายไอ้ละอองออกจะขยัน” ปรายตามองคนที่บอกขยันผมไว้ใจพวกมัน จริงๆงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกพวกมันไว้ใจได้ อีกอย่างผมไปแค่ไม่กี่วัน ไร่ผมคงไม่เจ๊งเพราะพวกมันดูแลหรอกนะ
   “เออ กูไปแค่สามสี่วันไม่ได้หายไปเป็นเดือนมึงไม่ต้องโอดครวญ”
   “งั้นนายอย่าลืมของฝากผมนะไม่งั้นกลับมาไร่นายเจ๊งไอ้ละอองไม่รู้ด้วยนะ” มันลอยหน้าลอยตาทำหน้าอ้อนตีนแต่ผมก็รู้ดีว่ามันพูดเล่น
   “เออๆ กูจะหาของฝากมาให้ แต่มึงก็ต้องดูแลไร่ให้ดีๆนะมึง”
   “ครับนาย” มันตะเบ๊ะรับปากแข็งขัน ได้แต่ส่ายหัวกับความไม่เต็มของมัน พอดีกับที่เขาเอาเหล็กมาส่งรับของเสร็จผมก็ตรวจเช็คก่อนทีจะเซ็นเช็คให้ทันทีเพราะไม่อยากให้วารู้เรื่อง คนงานผมก็จ้างมาจากข้างนอกวาไม่รู้หรอกเพราะช่วงนี้บัญชีไร่ต้องทำทุกวันส่วนมากวาก็จะอยู่แค่ในสำนักงาน สั่งงานเรียบร้อยผมก็ต้องรีบกลับไปกินข้าวที่บ้าน
   “อ่าวกลับมาพอดี วาว่าจะไปตามอยู่แล้วเชียว” วากำลังจะเดินออกจากบ้านผมก็เดินเข้าไปพอดี
   “หึๆ เข้าบ้านเถอะลูกล่ะ”
   “กำลังกินข้าวอยู่ครับ” ผมเดินไปที่โต๊ะเจ้าน้ำก็กินข้าวอยู่กับอาทัพ
   “ทัพมีพาสปอร์ตหรือเปล่า”พวกผมนะมีอยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าทัพมีไหม
   “อ้อมีครับพี่ลม”
   “งั้นพี่จะจองตั๋วให้เลยล่ะกัน” พูดจบไอ้ทัพก็สำลักข้าวต้มหน้าแดง
   “ผมไม่ได้อยากไป ใครจะดูแลไร่ให้ครับ” แต่ก่อนที่ผมจะตอบกลับอะไรไปวาก็พูดขึ้นเสียก่อน
   “พี่ทัพไม่อยากเจอพี่โยเหรอครับ” ได้ผลมันสำลักข้าวต้มหนักกว่าเดิมจนน้ำต้องขยับแก้วน้ำไปตรงหน้าทัพ
   “อาทัพกินดีๆสิครับ” ผมกับวาหลุดขำเมื่อน้ำพูดด้วยหน้าดุด้วยหน้าตาน่ารักๆ
   “แค่กๆ ครับๆอาทัพผิดเอง”ยอมรับเออออแล้วยกน้ำขึ้นจิบ หน้าแดงไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอหรือว่าเขินกันแน่
   “ตกลงไปกันหมดนั่นล่ะถือว่าพักผ่อนด้วย”
   “ก็ได้ครับ” ผมเลยให้วาเป็นคนจัดการจองตั๋วแล้วบอกวันเวลาที่จะไปถึงให้กับพี่ชาย ผมให้ทัพไปส่งน้ำทีตอนนี้พยายามทำตัวให้โตเพราะบอกว่าจะดูแลพี่วา ให้ตายเหอะนี่ผมต้องแข่งกับลูกชายหรือไงกัน  หลังจากที่วารู้ว่าผมให้จัดการเงินในบัญชีทุกอย่าง วาก็เริ่มวางแผนการเงินให้กับไร่เรียบร้อย
   “พี่ลมตรงนี้วาจะให้เป็นของน้ำนะครับ ส่วนนี่วาเอาไปซื้อหุ้นที่พี่โยแนะนำมาวาก็เห็นว่าดีนะ”
   “เอาตามที่วาเห็นว่าดีเลย” ผมมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงแจกแจงว่าทำอะไรไปบ้างโดยที่ผมนอนมองอยู่
   “งั้นเอาตามนี้เลยนะครับ พี่โยว่าจะมารับ ตื่นเต้นจังเลยล่ะครับ”  ผมมองวาขำๆ
   “คนที่หน้าตื่นเต้นมันควรเป็นพี่ไม่ใช่เหรอครับ”
   “พี่ลมจะตื่นเต้นอะไรกันครับ” วาเก็บของแล้วล้มตัวนอนข้างๆ ผมรั้งเอวเล็กเข้ามากอดก่อนที่จะกระซิบบอก
   “ก็พี่จะไปขอลูกเขาพี่ก็ต้องตื่นเต้นสิ”
   “บ้า”
   “พี่ขอบคุณนะที่เข้ามาในชีวิตพี่” ผมบอกวาที่ตอบรับผมด้วยการกอดผมแน่น ชีวิตที่มีวาและลูกคือชีวิตที่สมบูรณ์แบบของผมแล้ว

   “ได้ข่าวว่าจะไม่มาหาพี่เหรอ” เสียงทุ้มที่มีแววหาเรื่องถามขึ้นทันทีที่กดตอบรับคอลผมทำหน้างงๆ อ้อวาคงบอกไปสินะ
   “แต่ผมก็ไปแล้วนิ” นั่งเช็ดหัวมองคนนั่งทำหน้าเครียด
   “แต่ตอนแรกบอกว่าไม่อยากมานิ” นี่งอนเขาเหรอ
   “เดี๋ยวนะพี่โย หัวก็ไม่ล้านทำไมขี้น้อยใจจังวะ” ผมอ้าปากค้างกับไอ้นิสัยขี้งอน
   “ไม่ได้งอนซักหน่อย” เหมือนจะมีคนปากแข็งแหะ
   “พี่โยผมอยากไปนะแต่ผมก็เป็นห่วงไร่”
   “ไม่ใช่ไร่ตัวเองซักหน่อย” เนี้ยกวนแล้วไง พองอนก็จะเริ่มกวนผมแล้ว ผมเงียบมองพี่โยที่เงียบ เอาเหอะใครจะเงียบได้นานกว่ากัน เลือกที่จะไม่สนใจผมนั่งเช็ดผมไปเรื่อยจนแห้งลุกเอาผ้าไปตาก หอบเอาหนังสือที่พึ่งชื้อมาใหม่วางไว้บนเตียงแล้วล้มตัวนอนคว่ำอ่านหนังสือไม่สนใจคนในจอซักนิด อืมเรื่องนี้สนุกดีนะ
   “ฮ่าๆๆๆ” ผมอดไม่ได้ที่จะขำออกมา โอ๊ยขำ สนุกซะจนลืมว่ามีคนงอนเขาอยู่
   “สนุกมากไหม” ในที่สุดพี่โยก็ยอมเปิดปากถามผมก่อน
   “ก็สนุกมากเลยล่ะ” หันไปตอบแล้วกลับมาอ่านต่อ
   “อย่าให้ถึงทีพี่นะพี่จะเอาคืนซะให้เข็ด”
   “อะไร พี่จะทำอะไรผม” เงยหน้าขึ้นไปสบตาคมที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ทำให้ผมรู้สึกใจสั่นแปลกๆ พี่โยไม่พูดอะไรมุมปากยกยิ้มร้ายที่ทำให้ผมอยากยกเลิกการบินไปบ้านพี่โยแล้วสิ
   “นั่นสิพี่จะทำอะไรดี มาอยู่สี่วันสินะ” คิดจะแกล้งผมอยู่แน่ๆเลย
   “ถ้าพี่โยแกล้ง ผมจะ....” ยังคิดไม่ออกว่าเขาจะเอาคืนยังไงคนคนนี้เอาคืนไม่ได้ง่ายๆ ดีไม่ดีเขาจะโดนโต้คืนเอานะสิ
   “อะไรจะทำอะไรพี่ อ่ะเนี้ยทำเลยสิพี่นอนรอแล้วเนี้ย” โว้ยใครไปทำรถอ้อยคว่ำแถวนั้นวะ ดูพี่มันสิ นอนตะแคงข้างดึงเสื้อขึ้นโชว์หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเป็นลอน ยิ่งเห็นผมหน้าแดงพี่โยยิ่งยิ้มกว้าง
   “ทำไมพี่อ่อยอย่างนี้วะ”
   “นี่ขนาดอ่อยยังได้แค่นี้” พี่โยทำหน้าเช็งจนผมหลุดขำ
   “จะเอาขนาดไหนกันล่ะครับแค่นี้ผมก็แย่แล้วนะ” แย่ที่ใจผมให้คนกวนประสาทไปเกินครึ่งนี่สิ แย่ที่ไม่รู้ว่าให้ไปมากขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน แม้ว่าท้ายที่สุดผมไม่รู้ว่าจะลงเอยยังไงแต่ผมก็ให้ไปแล้ว
   “พี่ก็ไม่ต่างกันหรอกนะครับ” แววตาจริงจังนั่นทำให้ใจผมแทบลอยไปให้แล้ว 
   “ผมอยากเจอพี่นะ” แม้จะได้ยินเสียงผ่านโทรศัพท์ได้เห็นหน้าผ่านจอแต่มันก็ยังไม่เพียงพอผมอยากเจอหน้า
   “เหมือนกัน พี่ก็รู้สึกเหมือนกัน” ผมซบหน้าลงกับแขนสบตากับคนที่ยังนอนอ่อยไม่เลิกไม่ยอมเอาเสื้อลงซักที แม้จะอยู่เงียบๆแต่ผมก็รับรู้ความรู้สึกของกันและกัน กลับทำให้ผมยิ่งโหยหาคิดถึงตอนที่อยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ
   “พี่โย ทำไมตอนนั้นถึงไปกับผม” อยู่ๆนึกได้ผมก็ถามออกไป
   “ไปไหน..อ้อกรุงเทพนะเหรอ เอาจริงๆเลยนะพี่แค่สนใจเราเท่านั้นล่ะ” คำตอบที่ได้กลับมาทำให้ผมไม่กล้ามองหน้าเลยทีเดียว
   “อ่อยขนาดนี้ให้ผมกดเลยดีกว่าไหม” อดที่จะแขวะไม่ได้
   “แน่ใจเหรอที่จะกดพี่”
   “ผมไม่คิดที่จะให้พี่กดผมหรอกนะ”  เพราะผมก็เป็นฝ่ายรุกจะให้เป็นรับมันก็รู้สึกแปลกๆ พี่โยได้แต่ยิ้มกว้างก่อนที่จะบอกอย่างใจกว้าง
   “ถ้าลองกดพี่ได้ก็กดพี่สิ”
   “อ่อยเข้าไป ผมจะนอนแล้ว” หนีสถานการณ์อันตรายนี้ดีกว่าผมชักรู้สึกว่าผมจะโดนกดยังไงอย่างนั้น
   “หึๆ ตอนนี้หนีได้หนีไปเถอะ ฝันดีนะครับน้องทัพ” ไอ้น้ำเสียงยียวนกวนประสาทมันน่าโดนกระทืบซะจริงๆ
   “เหมือนกันนะไอ้พี่โย” พูดจบผมก็รีบปิดทุกอย่างลง ไอ้พี่โยคิดจะกดเขาจริงๆสินะให้ตายเถอะเรืองอะไรจะยอมกันเล่า แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ผมคิดจริงจังถึงขั้นนั้นแล้วเหรอ คิดไปได้นะไอ้ทัพบ้า นอนๆๆ 
   ในแต่ละวันที่ผ่านยิ่งใกล้วันไปเท่าไหร่ผมก็ยิ่งตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นหลังจากที่รับวามาจากโรงเรียนผมก็อยู่เล่นกับหลานเพราะวันนี้ผมไม่ได้ไปโรงงานแต่ช่วยพี่ลมที่ขยันโดดงานไปเหนือไร่พอถามพี่ลมก็บอกเป็นความลับอยากตามไปเผือกแต่กลัวโดนพี่ลมหาว่าเสือกเอา
   “อาทัพน้ำหิว” ตายล่ะ  วายังไม่กลับมาผมก็ดันไม่ได้แวะซื้อหาอะไรให้หลานกินซะก่อน
   “เอ่อกินมาม่าได้ไหมครับ”
   “พี่ทัพพูดอะไรนะครับ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ยินคำตอบของน้ำวาที่พึ่งกลับบ้านมาได้ยินผมบอกหลานพอดีตอนนี้หน้าหวานๆนั้นบึ้งตึงจนผมกลัว
   “เอ่อ พี่เปล่าพูดอะไรนะ”
   “พี่วาๆ อาทัพจะต้มมาม่าให้น้ำกินล่ะครับ” เจ้าลูกน้ำแปรพักตร์ได้แต่อ้าปากเหวอเมื่อน้ำวิ่งเข้าไปอ้อนวาแถมยังฟ้องอีก ไม่เห็นแก่เขาที่ไปรับไปส่งชื้อขนมนมเนยให้กินเลย
   “งั้นเหรอครับ อย่างนี้ไม่ดีนะ เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวให้นะครับนั่งทำการบ้านไปก่อนนะ พี่ทัพครับไปช่วยผมในครัวเลยครับ”  อยากจะตะโกนว่าผมไม่ผิดนะ แต่เมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องของวาทำให้ผมต้องเดินก้มหน้ารับกรรมไปช่วยวาในครัว
   “พี่ทัพวามีเรื่องจะปรึกษา” จู่ๆวาที่ทำกับข้าวอยู่พูดขึ้นผมหยุดมือที่กำลังหั่นผักหันไปฟังวา
   “มีอะไรเหรอ”
   “พี่ทัพคิดว่าพี่ลมมีอะไรแปลกๆไปรึเปล่าครับ” วาพูดเสียงอ่อยสีหน้าหวานดูหม่นหมองลง
   “ทำไมวาคิดงั้นล่ะไอ้พี่ลมมันรักวาจะตายไป” ตายล่ะหว่าไอ้พี่ลมมันทำอะไรลงไปกันวะ
   “พี่ลมดูเหนื่อยอาบน้ำเสร็จแล้วก็นอนเลยทั้งๆที่ปกติไม่เป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ” ยิ่งวาพูดยิ่งเสียงเบาลงเรื่อย โอ๊ยไอ้พี่ลมทำอะไรลงไป
   “กลับมาแล้วอยู่ไหนกันหมด” พี่ลมกลับมาในเวลาที่ผมต้องการตัวพอดี
   “พี่ว่าวาถามพี่ลมเอาเองเถอะนะ พี่แนะนำว่าถ้าพี่ลมไม่พูดอะไรวาก็จัดการอ้อนพี่ลมบริการให้เต็มที่ไปเลย”
   “พี่ทัพ!!!” วาตะโกนลั่นเมื่อเข้าใจความหมายที่ผมพูดไปหน้าแดงก่ำ
   “ตะโกนอะไรกันนะครับ” พี่ลมโผล่หน้าเข้ามาในครัวคือสีหน้างงๆก่อนที่จะตวัดสายตาคมมาจ้องผมเขม็งเมื่อเห็นหน้าวาแดงระเรื่อ
   “อะไรพี่ผมไม่เกี่ยวอะไรนะ เคลียกันเองเลยผมจะไปอยู่กับหลาน” รีบโยนมีดทิ้งแล้วเผ่นหนีให้สองคนนั้นปรับความเข้าใจกันเอง

   “มีอะไรกันรึเปล่าครับ” พี่ลมถามแต่จะให้ผมตอบไปได้ยังไงล่ะว่ารู้สึกแปลกๆที่พี่ลมไม่หยอกเค้าแล้วรู้สึกแปลกๆ
   “ปะ....เปล่าครับ..เปล่า” ได้แต่ตอบตะกุกตะกักแล้วหันไปทำกับข้าวต่อไม่ยอมสบตาพี่ลม
   “งั้นเหรอ พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนละกัน”ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพี่ลมออกจากครัวไป แม้จะรู้สึกแปลกแต่ๆให้ถามเขาก็อายซะจนไม่กล้าเอ่ยปาก ตลอดเวลาบนโต๊ะอาหารพี่ลมคอยมองโดยตลอดแต่ไม่ถามอะไรจนขึ้นห้องนอนพี่ลมก็ไม่ถามผมเลยหลบเข้าไปอาบน้ำออกมาพี่ลมก็หลับไปแล้ว
   “ทำไมกันนะ” ขยับเข้าไปชิดทุกคืนเขานอนในอ้อมกอดพี่ลมเสมอแต่หลายคืนมานี้พี่ลมหลับสนิทแม้กระทั่งกอดตอนนี้เขายังไม่ได้เลย เขารู้สึกหนาวจริงๆนะ
**************************************************
กลับมาจากความตายแล้ว
ฮอลเหนื่อยมาก
อีพี่โยคนอ่อยแห่งปี
จะรีบป่ันให้จบภายในเดือนนี้นะคะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอบคุณคนเขียนมากนะ ที่มาเติมน้ำตาลจนมดขึ้นไปหมดแล้ว  :z2:
ว่าแต่ทัพ ไปแนะนำวาให้ทำอย่างนั้นได้ยังไง ระวังตัวเองเถอะ เจอพี่โยแล้วจะหนาว

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
น้ำตาลเกาะจอกันไปจ้าาา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลมก็แปลกๆนะ ที่หาคนงานมาเพิ่ม
แลัวสั่งละอองไม่ต้องบอกวา
 
วาเองก็สงสัยที่ลมดูเงียบๆเฉยไป
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
วาได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าที่จะถามเมื่อพี่ลมออกไปทำงานแต่เช้ากลับมาก็มืดค่ำแถมยังไม่ค่อยได้คุยกันความห่างเหินที่ผมรู้ดีว่าไม่ควรที่จะน้อยใจแต่เมื่อมันเหมือนขาดอะไรไป พี่ลมอาจจะแค่เหนื่อยจากการทำงานได้แต่ส่ายหน้าไปมาสลัดความรู้สึกแปลกๆที่เกาะกุมหัวใจเขาอยู่ 
   “คุณวาหน้าซีดๆเป็นอะไรคะ”
   “เปล่าครับ” คุณป้าที่เข้ามาส่งบิลทักขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองหน้าซีดตอนไหน
   “ไม่สบายรึเปล่าคะ”
   “คงไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ เรียบร้อยครับเดี๋ยววาก็จะกลับไปพักแล้วล่ะ” ยกยิ้มบางส่งให้ป้าที่พยายามย้ำให้ผมไปพัก ผมคงจะเหนื่อยไปจริงๆสินะ คนอื่นรู้แต่พี่ลมไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ทำไมผมมีความคิดน่ารังเกียจแบบนี้นะ ไม่รู้ว่าเป็นการถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ เก็บงานทุกอย่างเข้ากระเป๋าแล้วปิดสำนักงานเดินกลับไปทำกับข้าวรอทุกคนกลับบ้าน วันนี้เป็นเวรพี่ไม้ที่จะรับน้องน้ำมาตอนนี้ผมไม่ได้ไปทำงานในไร่แล้วเพราะงานเอกสารและการวางบิลค่าใช้จ่ายต่างๆมันเยอะจากการขายผลผลิตในไร่ได้ดีกว่าแต่เดิมเพราะการปรับปรุงการดูแลจากที่พี่โยแนะนำและไร่พึ่งผ่านการประเมิน Global GAP  ซึ่งได้รับรองว่าปลอดสารพิษ นั่นยิ่งทำให้ตลาดของไร่สายลมเปิดกว้างยิ่งกว่าเดิม
   “ทำไมกันนะ” ผมบ่นพึมพำเมื่อคิดถึงพี่ลมและการกระทำที่เปลี่ยนไป เขาควรปรึกษาพี่โยดีไหมนะ
   “เฮ้ๆ กลิ่นไหม้อะไรนะวา” เพราะมันแต่เหม่อจนแกงในหม้อเริ่มมีกลิ่นไหม้ออกมาทำไมผมเหม่อแบบนี้นะ
   “ขอโทษครับ”
   “วาเป็นอะไรรึเปล่า ดูเหม่อๆแถมหน้ายังซีดๆอีก” พี่ไม้เดินเข้ามาปิดแก๊สเพราะผมลนจนทำอะไรไม่ถูก
   “ไม่ได้เป็นไรครับ” แม้จะบอกไปอย่างนั้นแต่ผมก็รู้ตัวเองดีว่าไม่ได้เป็นอย่างที่พูด พี่ไม้ดูไม่เชื่อ
   “ขึ้นไปพักเลยส่วนกับข้าวไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพี่ให้ไอ้นัทซื้อเข้ามาขึ้นไปพักดีๆเลย” ท่าทางเอาจริงเอาจังจนผมไม่กล้าค้านอะไรเดินขึ้นไปอาบน้ำนอนบนห้อง พี่ลมหายไปไหนกันนะนอนกอดผ้าห่มที่ให้ความอุ่นกายแต่หัวใจเขากลับหนาวไม่ชอบเลยจริงๆ ไม่ชอบที่ตัวเองคิดมากแบบนี้เลย ผมหลับทั้งๆที่คิดวุ่นในหัว
   
   ไอ้พี่ลมทำอะไรลงไปวะ เขาสังเกตมาหลายวันแล้วทีแรกไอ้ทัพมันก็ถามว่าพี่ลมมันทำอะไรแปลกๆไปรึเปล่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะว่าไอ้พี่ชายตัวดีของเขาทำบ้าอะไรอยู่จนได้มาเห็นวา มันรู้ตัวบ้างไหมเนี้ยว่าวาไม่ยิ้มเลยช่วงหลังๆ ผมที่ไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะไอ้นัทมันหิ้วผมไปนอนบ้านมันอยู่เรื่อยต้องเป็นฝ่ายมาอยู่บ้านซะเอง น้ำไม่เคยทำหน้าตาแบบนี้แถมยังไม่สบายอีก หลังจากที่ผมโทรให้นัทซื้อกับข้าวก็นั่งรอพี่ลมกลับบ้าน
   “อาไม้ น้ำขึ้นไปดูแลพี่วาได้ไหม” น้ำนั่งลุกลี้ลุกลนอยากขึ้นไปดูวา จนผมต้องห้ามให้น้ำขึ้นไปรบกวนวาที่พักผ่อน
   “กลับมาแล้ว อ่าวทำไมวันนี้อยู่กันสองคน” ไอ้ตัวต้นเรื่องเดินเข้าบ้านมาหน้าตายิ้มแย้ม เออดีจังวุ้ย
   “วาไม่สบาย”
   “วาเป็นอะไรเมื่อเช้ายังดีๆอยู่นิ” เคยรู้อะไรบ้างไหมวะ ผมลุกขึ้นบอกให้น้ำนั่งเล่นรออานัท ส่วนผมก็เดินไปล็อคคอพี่ชายคนดีออกไปนอกบ้าน

   ผมได้แต่งงเมื่อไอ้ไม้เดินมาล็อคคอผมออกจากบ้าน ยิ่งใกล้วันเดินทางผมก็ต้องยิ่งดูแลการก่อสร้างให้เสร็จ บ้านไอ้ไม้ก็เหลือแค่เก็บรายละเอียดผมก็จะโอนช่างไปช่วยที่รีสอร์ท ที่ผมเร่งงานเพื่อที่จะให้เร็วที่สุดเพื่อที่กลับมาจากไปเที่ยวของขวัญชิ้นนี้จะได้เสร็จเรียบร้อยเพราะการเร่งงานทำให้ผมต้องไปคุมเองแถมบางทีผมก็ต้องลงมือเอง  ทำให้พอหัวถึงหมอนผมก็หลับเป็นตาย
   “พี่ทำบ้าอะไรของพี่วะ วาไม่สบายพี่ยังไม่รู้ พี่ทำบ้าอะไรของพี่วะ”
   “พี่แค่เหนื่อย”
   “พี่รู้ไหมวาคิดมากแค่ไหน” ไอ้ไม้ยืนกอดซักไซ้ผม วาคิดมากเหรอ วาคิดมากเรื่องอะไรกัน หลังๆมาผมไม่ได้คุยช่วงก่อนนอนกับน้อง พอเห็นสีหน้าที่เหมือนจะนึกออกของผมไอ้ไม้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
   “เออ ฉลาดแล้วสินะ ขึ้นไปดูน้องเถอะพี่แม่งบ้าจะทำอะไรก็อย่าให้น้องมันคิดมากดิวะ” ได้ทีก็ใส่กูใหญ่เลยนะ แต่ก็ต้องขอบใจมัน ผมรีบก้าวยาวๆขึ้นห้องที่เปิดเข้าไปก็เห็นวานอนขดอยู่บนเตียงใหญ่ขยับขึ้นไปนั่งบนเตียง มองคนหลับหน้าซีดๆนั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเท่าการเห็นคราบน้ำตา ผมทำให้น้องต้องร้องไห้
   “พี่ขอโทษนะคนดี” กระซิบบอกคนหลับใหลหอมแก้มเนียนเบาๆลุกไปอาบน้ำกลับมาสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มคว้าเอวบางมากอดวาพลิกตัวขยับเข้ามาซุกหน้ากับอกมือกำชายเสื้อผมแน่น รอตื่นก่อนนะคนดีพี่จะอธิบายให้ฟัง  ผมกอดคนที่นอนหลับเพราะอาการไม่สบายก่อนที่จะหลับไปด้วยกัน
   ผมตื่นขึ้นเพราะการขยับเบาๆผมก้มมองคนในอ้อมกอดที่เริ่มขยับและกระพริบตาเหมือนว่าจะตื่นแล้วสินะ
   “อือ พี่ลมเหรอ”
   “ใช่พี่เอง หิวไหมนี่ก็ดึกแล้วจะให้พี่ลงไปเอาอะไรมาให้กินไหม” ผมจับปอยผมที่ตกละใบหน้าขึ้นทัดใบหูวาส่ายหน้าเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแววตาฉ่ำน้ำ
   “แค่กอดกันนอนแบบนี้ก็พอแล้ว” วาซุกหน้าลงกับอกทำให้ผมคิดได้ว่าหลังๆมาผมหลับก่อนน้องตลอดตื่นขึ้นผมก็รีบไปดูไซต์ก่อสร้างแทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำก็ควรแล้วที่น้องคิดมาก
   “พี่ขอโทษนะ ที่ทำให้วาคิดมาก” ลูบแก้มเนียน
   “พี่ลมแปลกไป มันทำให้วากลัว” เสียงกระซิบแผ่วเบา ถ้าผมยิ้มน้องจะโกรธผมไหมเนี้ย
   “พี่ขอโทษนะ แต่พี่แค่เหนื่อยไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้นนะคนดี”
   “อือ วารู้ไม่ชอบเลยที่คิดมากแบบนี้”
   “พี่ผิดเองต่างหากล่ะเลิกคิดมากได้แล้วครับคนดี” ผมหอมแก้มซ้ายขวาน้ำฟัดแรงๆก่อนที่จะลุกลงไปอุ่นกับข้าวรอซักพักวาก็เดินตามลงมาผมตักข้าวให้น้องวากลับมายิ้มกว้างให้ผมตลอดการกินข้าวถ้าพี่ชายวารู้ว่าผมทำให้น้องร้องไห้แล้วล่ะก็ผมคงโดนฆ่าตายแน่ๆ กินเสร็จเราสองคนก็ช่วยกันล้างจานก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนห้อง
   “แล้วพี่ลมทำอะไรมาครับถึงได้ดูเหนื่อยๆ” วาลูบหน้าลูบแก้มผม ท่าทางน่ารักที่ทำให้ผมอดยิ้มกว้างไม่ได้
   “พี่กำลังทำอะไรบางอย่างให้กับคนที่พี่รัก” เท่านั้นล่ะวาหน้าแดงก่ำล้มตัวนอนหันหลังหนีหน้า ผมล้มตัวนอนข้างๆดึงเอวบางมากอด
   “อีกไม่กี่วันพี่ก็จะได้ไปเจอครอบครัววาแล้ว จะได้ทำให้มันทางการซักที”
   “วาก็ดีใจครับ” อีกแค่ไม่กี่วันผมก็จะได้ไปเจอกับครอบครัวน้องแล้วหอมแก้มเนียนแล้วค่อยนอนหลับพร้อมกับคนในอ้อมกอดที่เข้าใจกันดีแล้ว
      
   เวลาที่วิ่งผ่านโดยเร็ววันนี้ก็เป็นวันเดินทางของพวกผมแล้วเจ้าน้ำดีใจยกใหญ่ พูดจ้อไม่หยุดซักโน่นซักนี่ตอนนี้พวกเรากำลังเก็บของขึ้นรถที่เอาแน่ๆมันก็เยอะล่ะนะ ไอ้นัทเป็นคนอาสาไปส่งมันติดงานเลยไปด้วยไม่ได้ งอแงกับไอ้ไม้
   “พ่อลมๆอีกนานไหมกว่าจะได้เจออาโย”
   “อ่าไม่นานหรอก” พอเห็นว่าผมตอบไม่ได้ก็หันไปปีนขึ้นตักวาแล้วอ้อนถามโน้นถามนี่ พอถึงสนามบินขนของโดยไอ้ละออกช่วยขนกระเป๋า
   “กูฝากไร่ด้วยนะ” โรงงานมีน้องที่ไว้ใจได้ดูแล พวกผมเลี้ยงคนด้วยใจมากกว่าที่จะเลี้ยงด้วยเงินถึงได้มีคนรอบตัวที่ไว้ใจได้ ช่วยดูแล
   “ได้ครับนายรับรองกลับมาไร่เป็นของผมแน่ๆ”
   “เออๆ เอาที่มึงสบายใจ” ได้แต่ส่ายหน้ากับความต๊องของมัน พอดีกับที่เขาประกาศเรียกขึ้นเครื่อง ผมเดินไปอุ้มลูก
   “ป่ะเราไปกันได้แล้วน้ำ”
   “เย้ๆ” น้ำดี๊ด๊าแต่ผมกลับรู้สึกเหงื่อออกอ่าอีกไม่กี่ชั่วโมงผมก็จะได้เจอครอบครัววาแล้ว หลังจากเครื่องขึ้นน้ำก็เงียบ ไอ้ทัพพอขึ้นเครื่องก็หลับทันทีอะไรจะง่วงขนาดนั้น
   “เป็นไงบ้างลูก” ผมก้มลงไปถามน้ำที่นั่งนิ่งๆ
   “อือน้ำไม่ได้ยินอะไรเลย” น้ำหูอื้อเพราะแรงกดอากาศ วาได้ยินเลยหยิบเอาหมากงฝรั่งส่งให้น้ำ พอน้ำได้หมากฝรั่งก็เหมือนจะดีขึ้นคุยจ้อกับวาเลยทีเดียว เปลี่ยนเครื่องที่สุวรรณภูมิ พวกเราก็นั่งเครื่องยาว
   นั่งเครื่องบินหลายชั่วโมงพวกผมก็มายืนอยู่ที่แผ่นดินบ้านเกิดโย น้ำดูจะตืนตาตืนใจตาโตกวาดมองผู้คนหัวสีทอง ไม้ลากกระเป๋าตามมาพร้อมกับจูงแขนไอ้ทัพที่ยังตาปรือมันนอนยาวและก็เหมือนคนยังไม่ตื่นต้องให้ไอ้ไม้ลากคอตลอด
   “วาเดี๋ยวพี่อุ้มเอง” วาที่กำลังจะอุ้มน้ำขึ้นเพราะคนเริ่มเยอะแต่ผมอาสาก่อนตัวแค่นั้นอุ้มน้ำได้ปวดแขนพอดี ก้มลงอุ้มน้ำมือหนึ่งลากกระเป๋า วาที่สะพายหันมายิ้มกว้างแล้วมองหาคนที่จะมารับเพราะแจ้งเวลาไว้แล้ว
   “อ่า พี่โย”จู่ๆวาก็พูดเสียงอ่อยแล้วซุกหน้าลงกับหลังผม หือเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันที่จะถามวาผมก็รู้เลยว่าวาเป็นอะไรก็ไอ้พี่โยเล่นปริ้นรูปวาใบใหญ่ติดป้ายให้คนชูตรงประตูขาออกใครที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับหลุดยิ้ม
   “หึๆเด่นชะมัด” ไอ้ไม้บ่นพร้อมกับยกมือปิดหน้าหนีความจริง ส่วนไอ้ทัพนะเหรอมันยืนปิดตาพิงหลังไอ้ไม้หลับ พวกผมที่ยังอึ้งๆอยู่ที่โยมาตอนรับได้อย่างที่พวกเราจะเดินกลับไปขึ้นเครื่องจริงๆนะ
   “อาโย!!!!!!!!” เจ้าน้ำรีบตะโกนแล้วโบกไม้โบกมือให้โยที่ยืนยิ้มกว้างโบกมือตอบกลับทำให้พวกผมรีบเดินเข้าไปหาคนที่ยิ้มกว้างชูป้ายรอรับพวกผมอยู่
   “พี่ทำอะไรของพี่นะ” วาบ่นเบาๆทั้งที่ยังซุกอยู่กับหลังผม น้ำโผเข้าหาโยที่อ้าแขนรอรับ
ฟอด ฟอด
“น้ำคิดถึงอาโย” คอมโบอ้อนของน้ำทั้งหอมแก้มทั้งกอดคอแล้วซบ โยยิ้มกว้างเมื่อโดนอ้อน
“ป่ะไปกันเถอะมัมรออยู่ที่บ้านแล้ว”
“เก็บป้ายไปเลยนะพี่โย” วาโวยวายเพราะป้ายที่โยเอาชูรอรับมันเด่นซะจนวาอาย
“ไม่ชอบเหรอ” โยถามวาที่พยายามแย่งเอาป้ายจากคนที่มากับโยแต่เหมือนไม่มีความหมายอะไรเพราะวาตัวเล็กกว่าจนวาทำหน้าบึ้งโยถึงบอกให้ลูกน้องเอาป้ายเก็บ ผมลากกระเป๋าพร้อมกับจูงมือวาน้ำคุยจ้อกับโย ส่วนสองคนเพื่อนซี้ก็ลากคอกันตามมา
    “ไอ้ทัพมึงจะนอนอะไรหนักหนาวะ เมื่อคืนไม่ได้นอนรึไง” สงสัยว่าไอ้ไม้คงจะทนไม่ไหวทีต้องคอยลากคนเบลอ
   “อือ กูไม่ได้นอน” มันงัวเงียพยายามสะบัดหัวไล่ความง่วง ผมชักสงสัยแล้วสิว่าทำไมมันไม่ได้นอน โยยิ้มแปลกๆแต่ก็ไม่ได้ไปวอแวอะไรทัพ พอถึงรถเก็บของเรียบร้อยแล้วผมกับวาขึ้นคันที่โยขับ ส่วนสองเพื่อนซี้นั่นขึ้นอีกคัน อ่า ให้ตายเถอะ ไม่เคยตื่นเต้นเท่านี้เลย รถคันหรูเล่นออกนอกเมืองทิวทัศน์จากตึกเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้ากว้างเขียวขจี เต็มไปด้วยวัวและแกะ
   “ว้าววววว พ่อลม น้ำอยากเลี้ยงแกะ” เอาแล้วไงลูกผม
   “ไว้น้ำโตก่อนพ่อถึงจะให้เลี้ยง”
   “น้ำโตแล้วนะ เนาะพี่วาเนาะ” น้ำทำหน้าบึ้งที่ผมว่าแถมยังมีการไปหาแนวร่วมอีก วายิ้มแล้วบีบแก้มป่อง
   “ไว้น้ำสูงกว่าตะวันก่อนละกันนะครับ”
   “เดี๋ยวนะวาแล้วตะวันเกี่ยวอะไรกับลูกพี่ล่ะ”เจ้าเด็กที่โดนน้ำต่อยแถมตอนนี้ยังเป็นเพื่อนซี้กันอีก
   “ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ลม เนาะน้ำ” นี่ก็ไปเนาะกับลูกอีก ได้แต่ส่ายหัวเพราะวาคงไม่บอกอะไรผมแน่ๆ สองคนคุยกันตลอดทาง ผมเลยหันไปคุยกับโยยิ่งใกล้ผมยิ่งรู้สึกใจเต้นแรง โยเลี้ยวรถเข้าประตูรั้วสีขาว ตามแนวรั้วปลูกต้นไม้ใหญ่ อณาเขตรั้วที่กว้างสุดลูกหูลูกตานั่นยิ่งทำให้ผมอึ้งที่โยจัดการมันด้วยตัวคนเดียว ขับผ่านทุ่งหญ้าสีเขียว ทุ่งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่โยบอกไว้ว่าเขาทำฟาร์มด้วยแต่ก็พึ่งเริ่ม จนกระทั่งรถมาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังใหญ่ ผมรู้สึกมือเย็นเฉียบ พวกเราลงจากรถโยให้คนยกกระเป๋าเข้าบ้าน
   “ลูกวา” ทันทีที่วาลงจากรถผู้หญิงร่างเพรียวพุ่งเข้ามากอด
   “มัม” วากอดตอบแล้วร้องไห้ออกมา ผมอุ้มน้ำยืนอยู่ข้าง
   “เป็นไงบ้างลูก มัมคิดถึงหนูมากเลยนะ คนนี้ใช่ไหมที่ลูกไปทำงานด้วย” ผมสะดุ้งเมื่อคุณแม่หันมามองผม อยากจะยกมือไหว้แต่ก็ติดที่อุ้มน้ำอยู่เลยได้แต่โค้งให้  คุณแม่เป็นคนสวยมากมาซะจนไม่คิดว่าจะมีลูกโตเท่าโย
   “สวัสดีก่อนครับลูก” ผมบอกน้ำ เจ้าลูกลิงก็ยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มกว้าง
   “สวัสดีครับ”
   “ตายแล้ว น่ารักจังมิน่าลูกวาถึงไม่ยอมกลับมา” คุณแม่ยกมือบีบแก้มน้ำอย่างที่ทุกคนชอบทำ
   “สวย” เจ้าน้ำยิ้มเขินชมคุณแม่วาซะอย่างนั้น
   “ปากหวานนะมาให้แม่อุ้มหน่อยค่ะ” น้ำแทบจะโผเข้าไปหาทันทีแถมยังซบอีกต่างหาก เอากับความขี้อ้อนของน้ำสิ ได้แต่ยิ้มขำ
   “เข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ เดินทางมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปพักก่อนนะจ๊ะค่อยลงมาทานข้าวเย็นกัน”
   “ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ คุณแม่เพียงยิ้ม
   “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงซะเราก็ครอบครัวเดียวกัน” ผมยิ้มกว้างเหมือนมันจะไม่ได้น่ากลัวเท่ากับที่ผมคิดไว้ วาเดินพาผมขึ้นห้องพอเปิดประตูเข้าไปผมก็รู้เลยว่าเป็นห้องของวา
   “พี่ลมนอนพักก่อนนะครับ เมื่อคืนก็นอนดึกแถมเวลายังต่างกันอีก” มือเล็กของวายกขึ้นลูบใต้ตา ผมยกมือจับมือขาวไว้แนบแก้ม
   “นอนด้วยกันสิ วาก็เหนื่อย”
“แต่ว่าลูก” ผมนั่งลงที่เตียงก่อนที่จะดึงคนที่คิดถึงลูกนั่งตักแล้วกอดเอวบางไว้หลวมๆ
“โยดูแลให้แล้ว” น้ำพอมาถึงที่แรกนึกว่าจะเหนื่อยจนหลับแต่กลับคึกไม่เหนื่อยเลยซักนิดตามติดโยร้องเย้วๆ อยากไปดูแกะ สงสัยกลับไปผมจะได้ทำฟาร์มแกะแน่ๆ
“งั้นก็นอนสิครับ” วาพยายามดิ้นลงจากตักเสียงดุๆนั่นทำอะไรผมไม่ได้เพราะแก้มแดงๆนั่นทำให้ผมอดใจไม่ไหวกดจมูกสูดกลิ่นหอมเข้าปอด
เพี๊ยะ
“เลิกแกล้งวานะ” ผมขำเบาๆก็วาเล่นดุผมแต่ไม่ยอมสบตาแถมยังฟาดหน้าอกผมแรงๆไปที 
“ถ้าพี่แกล้งวาไม่ได้นั่งอยู่แบบนี้หรอก”
ตุ๊บ
ผมล้มตัวลงนอนดึงคนดื้อลงนอนด้วยกันซะเลยวาดิ้นขลุกขลักแปบหนึ่งถอนหายใจแรงก่อนที่จะขยับตัวซุกอกผมนอนนิ่งอยากจะแกล้งอยู่หรอกนะ แต่ผมก็เพลียจากการเดินทางไม่นานผมก็หลับไปพร้อมๆกัน

ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนขยับตัวลืมตางัวเงียจะลุกแต่ก็ติดอ้อมแขนแกร่งที่กอดรัดไว้แน่นจนต้องเสียเวลาแงะออกดูท่าพี่ลมจะเพลียมากหลับลึกขนาดที่ผมแกะมือออกยังไม่ตื่น ลงจากเตียงไปเปิดประตู
“ยังไม่ตื่นเหรอคะ”
“พึ่งตื่นครับมัม” ส่งยิ้มกว้างให้มัม
“งั้นลงไปช่วยมัมทำกับข้าวดีไหมคะ” หันไปมองคนที่ยังหลับอยู่บนเตียงแล้วพยักหน้าตอบตกลง เดินกอดแขนมัมลงไปที่ห้องครัวนี่มันเย็นขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย
“แด๊ดล่ะครับมัม” ผมถามเมื่อไม่เห็นแด๊ดเพราะนี่ก็เย็นแล้วยังไม่เห็นใครกลับมาเลย
“อ้อแด๊ดพาทัพกับไม้ไปดูเขาเก็บมะกอกตั้งแต่บ่ายยังไม่กลับเลยค่ะ” สองคนนั้นตื่นกันตั้งแต่ตอนไหนพี่ทัพนี่เหมือนไม่ได้นอนด้วยซ้ำยังอุตส่าห์ลุกไปเก็บมะกอกได้อีก
“แล้วน้ำล่ะครับ” หยิบผักขึ้นมาหั่นฝีมือการทำกับข้าวของผมเรียนรู้มากจากมัม มัมเป็นผู้หญิงที่สวยและอ่อนหวานคอยดูแลครอบครัวเป็นความอบอุ่นแหล่งพลังงานของครอบครัวมือหยุดหั่นผักแล้วหันไปถามผู้หญิงที่เป็นที่รักของทุกคนในบ้าน
“น้ำเกาะติดพี่โยโน้นล่ะค่ะ” สงสัยว่าพี่โยจะได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มขั้น ขออย่าให้น้ำติดนิสัยแสบๆจากพี่โยมาก็แล้วกันแค่ตอนนี้ก็ฉลาดเป็นกรดแล้ว
“มัมไม่โกรธที่วาหนีไปเหรอครับ” ผมถามเสียงเบามัมลดไฟเตาลงแล้วหันมามองทำให้ผมยิ่งไม่กล้าสบตา
“มัมไม่โกรธหรอกนะคะ วาโตแล้วมัมดีใจนะที่น้องวาได้เจอคนดีๆเจอคนที่จะเป็นครอบครัวของวา” มือสวยที่ลูบผมเบาๆทำให้ผมน้ำตาคลอโผกอดคนที่เลี้ยงดูผมมา
“ขอบคุณนะครับ”
“ขี้แยจังน้า ไปหั่นผักต่อได้แล้วค่ะเสร็จไม่ทันพี่โยจะโวยวายเอานะคะ” ผมหลุดขำเพราะมันเป็นเรื่องจริงทำมื้อใหญ่เสร็จก็พอดีกับแด๊ดและพี่โยพากันกลับมา
“เป็นไงบ้างครับพี่ทัพพี่ไม้” สภาพทั้งสองคนดูไม่จืดท่าทางจะไปร่วมเก็บมะกอกแน่ๆ
“เหนื่อยแต่สนุกมากพี่ว่าอยู่ที่นี่สามวันพี่คงได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะแน่ๆ” พี่ไม้ดูท่าทางจะชอบใจส่วนพี่ทัพเลื้อยลงกับโซฟาดูท่าว่าคงจะโดนพี่ไม้ลากไป
“พี่วา แกะ แกะเยอะไปหมดเลยครับ” น้ำที่พึ่งลงจากแขนพี่โยวิ่งฉิวมาหาพร้อมกับพูดจ้อสงสัยไร่สายลมคงจะได้เลี้ยงแกะแน่ๆ
“งั้นเหรอครับน้ำชอบเหรอครับ”
“น้ำซ๊อบชอบ” ชอบของน้ำนี่น้ำลายแทบเต็มหน้าผมเลยทีเดียว
“งั้นพี่วาว่าน้ำไปอาบน้ำดีกว่าครับ พี่ทำของโปรดให้ด้วยน้า อ้อไปปลุกพ่อลมด้วยนะครับ” พอได้ยินว่าให้ปลุกพ่อลมด้วยน้ำตาลุกวาว ยิ้มร่าจนผมกลัวว่าแก้มจะแตกเอาน้ำพยักหน้ารัวๆแล้ววิ่งขึ้นห้องที่ผมบอกไว้ก่อน
“น่ารักจริงเลยน้าน้ำ” แด๊ดผมก็ดูท่าจะตกหลุมรักความน่ารักของน้ำอีกคนเดินไปหอมแก้มมัมแล้วเดินมาโยกหัวผมแรงๆ
“ไง หนีไปนานกลับมาก็มีลูกซะแล้ว” ไม่ต้องแปลกใจเลยนะครับว่าพี่โยได้นิสัยขี้แกล้งมาจากใคร
“แด๊ด”
“แซวนิดแซวหน่อยก็หน้าแดง เจ้าแสบเอ๊ย” แด๊ดโยกหัวผมแรงๆผมอมยิ้ม แด๊ดขึ้นไปอาบน้ำพี่โยนั่งทีโซฟาเป็นเบาะให้พี่ทัพเอนตัวนอนพิงไหล่หลับไปทั้งๆอย่างนั้น ผมเตรียมตั้งโต๊ะอาหารที่วันนี้ทำมื้อใหญ่ต้อนรับพี่ลม ยังไม่ทันที่จะตั้งโต๊ะเสร็จพี่ลมก็อุ้มน้ำลงมา
“แสบนักนะวา น้ำปลุกซะพี่จุกไม่หายเลยเนี้ย” ผมได้แต่ยิ้มวิธีปลุกของน้ำไม่ว่าใครก็เข็ดทั้งนั้นล่ะ
“เก่งมากครับน้ำ” ไม่ตอบพี่ลมแต่หันไปหอมแก้มป่องเป็นรางวัล
ฟอด
“พี่ลม!!” จู่ๆพี่ลมก็ก้มลงหอมแก้ม ผมร้องลั่นยกมือปิดแก้มไว้มองคนตัวโตที่หาเรื่องแกล้งผมโดยมีน้ำที่ยกมือปิดตาแต่กางนิ้วคืออะไรกัน
“แฮ่ม หวานอะไรเกรงใจฉันบ้างนะลม” พี่โยพูดขึ้นผมได้แต่ทำแก้มพองหมุนตัวเข้าครัวหลบสายตาเจ้าเล่ห์ ผมยกกับข้าวจานสุดท้ายมาวางก็พอดีกับทุกคนลงมาที่ห้องนั่งเล่น
“พี่โยปลุกพี่ทัพก่อนเถอะครับ” บอกพี่โยที่ยังเป็นเบาะให้พี่ทัพนอนพิง พี่โยพยักหน้าก่อนที่จะดีดหน้าผากพี่ทัพเสียงดังทำเอาผมเจ็บแทน   
“โอ๊ยเจ็บนะเว้ย”
“เว้ยเลยเหรอ ตื่นได้แล้วไปล้างหน้าล้างตาแล้วมากินข้าวกัน” แม้จะว่าแต่ไอ้น้ำเสียงอบอุ่นนั่นคืออะไรกัน ได้แต่เบ้ปากเพราะความสองมาตรฐานของพี่ชายตัวเอง ทุกคนนั่งทานข่าวบรรยากาศอบอุ่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มพี่ลมดูเหมือนจะพูดคุยถูกคอกับแด๊ดและพี่โย ส่วนพี่ทัพก็เหมือนจะโดนมัมสนอกสนใจเป็นพิเศษ พี่ไม้บ่นเรื่องพี่นัทโทรมางอแง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้ผมยิ้มกว้าง
“ยิ้มอะไรกันครับ” พี่ลมหันมากระซิบที่ข้างหูพร้อมกับมือที่ถูกกุมไว้
“วามีความสุขครับ” ผมบีบมือตอบกลับเอียงหัวซบไหล่กว้างมองความสุขที่อยู่รอบตัวผม พี่ลมไม่พูดอะไรแต่ผมก็รู้ดีว่าพี่ลมก็มีความสุขไม่ต่างกันกับผม ความสุขที่เรียกว่าครอบครัว

SP Part
ผมแทบไม่ได้นอนเลยยิ่งเร่งเคลียงานแถมผมจัดการงานที่รับทำของพี่เจนทำให้ผมต้องโต้รุ่งทำงานเพราะดันสัญญาไว้แล้ว นั่นล่ะครับทำให้ผมกลายเป็นซอมบี้ให้ไอ้ไม้คอยลากจูง ถามว่าดีใจไหมที่วินาทีนั้นได้เจอพี่โยตอบคือดีใจแต่สังขารผมไม่ไหวแล้วจริงๆแค่มาถึงบ้านวาเนี้ยผมก็ไม่รู้แล้วมาได้ยังไง ยังดีที่ได้นอนแปบหนึ่งก่อนที่ไอ้ไม้จะลากคอผมไปเก็บมะกอก
มะกอกเนี้ยนะ !!!
ถึงจะได้นอนสองถึงสามชั่วโมงก็ไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นเท่าที่ควรแต่ก้ต้องยอมลุกขึ้นไปเก็บมะกอกทีแรกมันผมก็แค่งงแต่พอเข้าไปจริงๆมันกลับสนุกมา โดยเฉพาะไอ้ไม้เนี้ยะ ทีไม่คุ้นขอความรู้จากพ่อพอรู้แล้วมันก็เขย่ากิ่งช่วยเขาเก็บซะงั้น  ผมเลยคึกไม่ดูสังขารตัวเองวิ่งตามไอ้ไม้ไปช่วยอีกแรง คุณพ่อบอกว่าการเก็บด้วยมือต้นทุนสูงแต่เก็บแบบนี้จะดีกว่า จนกระทั่งบอกให้พอนั่นล่ะทั้งผมกับไอ้ไม้ถึงได้เลิกแล้วกับมานอนพิงโซฟาหลับตาเพราะความเหนื่อยที่บ้านพอดีกับที่พี่โยกลับมา
   ตุ๊บ
   “ทำไมดูเหนื่อยจัง” เสียงทุ้มถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆผมปรือตามองนิดหนึ่งก่อนที่จะทิ้งตัวพิงพี่โยแล้วหลับไปทั้งๆอย่างนั้น จนกระทั่งไอ้พี่โยดีดหน้าผากผมแรงๆจนต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา ยังดีที่ผมหิวเกินกว่าจะเอาเรื่องเลยคาดโทษไว้ก่อนแล้วไปล้างหน้าล้างตาตามที่พี่มันบอก  กินข้าวจนอิ่มกับข้าวบ้านวานี่อร่อยจริงๆถ้าผมอยู่นี่เป็นเดือนผมคงอ้วนแน่ๆเพราะชีสอร่อยจริงๆ กินข้าวเสร็จผมก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนแบบซ้อมตายเพราะไปรับปากไว้ผมก็ไม่อยากเสียคำพูด
   “ไปนอนห้องโน้นเลยมึง” ผมที่กำลังจะล้มตัวนอน ไอ้ไม้มันก็เอาตีนมาเขี่ยผมให้ลุก
   “กูต้องไปนอนห้องไหนวะ” ผมงัวเงียลุกขึ้นนั่ง มันดึงตัวแล้วลากผมไปที่หน้าประตูเปิดประตูแล้วผลักผมออกไป
   “เฮ้ย”
   หมับ
   ก่อนที่ผมจะทิ่มก็มีใครมารับไว้พอดี อะไรจะพอดีขนาดนั้นวะ
   “ฝันดีเว้ย” ปัง
   ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรมันก็ปิดประตูแถมยังล็อกห้องเรียบร้อย อ่าวเห้ย ยังไม่ทันเงยหน้ากลิ่นอาฟเตอร์เชฟก็ทำให้ผมรู้ว่าใครเพราะกลิ่นมันยังติดอยู่ในความทรงจำ
   “ปล่อยได้แล้วน่า” นานแล้วนะยังไม่ยอมปล่อยเขาอีก
   “ไปนอนห้องพี่”
   “ห๊ะ ดะ..เดี๋ยวนะ ทำไมต้องห้องพี่วะ” ผมพยายามขืนตัวเองไว้
   “พูดจาไม่น่าฟัง” ตรงไหนกันฟระ ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงต้องเงียบเพราะคุณพ่อเปิดประตูออกมาพอดี เห้ย ผมพยายามดึงมือพี่โยออกนี่มือคนหรือปลาหมึกวะ 
   “ทำอะไรกันอยู่นะ” เสียงเข้มทำให้ผมมีสติพยายามสะกิดให้พี่โยปล่อยมือทั้งแงะทั้งหยิก
   “พาคนไปนอน” ฮืออแล้วจะบอกทำไม ผมอ้าปากค้างมองคุณพ่อกับไอ้พี่โยสลับกัน
   “หึๆคนนี้เหรอ น่าแกล้งดีนะ”
   “แด๊ดห้ามแกล้งนะนี่ของผม” ไอ้พี่โยคว้าตัวผมไปกอดแต่การที่พูดแบบนี้หมายความว่าไงกัน
   “น้องงงหมดแล้วนั่น ฝันดีนะ หึๆ” คุณพ่อว่าขำๆแล้วเดินลงไปข้างล่าง ผมได้แต่ยืนงงอยู่ในอ้อมแขนพี่โย และผมก็โดนลากเข้าห้องรู้ตัวอีกทีก็อยู่ในห้องไอ้พี่โยแล้ว เห้ย!! กูพลาด
**********************************************************************
แค่กๆ คนเรามักจะพลาดตอนสำคัญ ฮ่าๆ
เรื่องนี้หลังจากนี้อีกสองตอนก็น่าจะจบแล้ว
จะมีตอนพิเศษของไม้กับทัพนะคะ ส่วนพี่ลมนั้น
สำลักความหวานค่ะ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเม้นต์ มาอ่านนะคะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
มุ้งมิ้งจังเลย อบอุ่นมากๆ  :man1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและน่ารักมากเลย

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
น่ารักมากมาย :L2:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
“ผมจะกลับไปนอนห้องโน้น” ผมพยายามหาเรื่องหนีตอนนี้ผมตื่นเต็มตาอยากหนีกลับไปนอนห้องโน้นใจจะขาดก็สายตาพราวระยับกับเรื่องที่พี่โยบอกคุณพ่อไปแบบนั้นยิ่งทำให้ผมไม่กล้าอยู่ด้วย แถมไอ้เรื่องที่คุยก่อนหน้านี้
   “นอนนี่ล่ะอย่าคิดหนีลงไปนอนเลย” เผลอขยับถอยหนีมือที่จะมาจับตัวเขา ยิ่งทำให้พี่โยยิ้มกว้างรีบคว้าเอวผมไว้ทุ่มโยนลงเตียงพร้อมกับร่างหนาที่ล้มลงทับผมจนจุก
   “เจ็บนะไอ้พี่โย” พยายามดันไหล่หนาที่ทับเขาอยู่ครึ่งตัว เสียงหัวเราะลำคอยอมลงไปนอนข้างๆดีๆพร้อมกับแขนที่รัดเอวผมแน่น ลมหายใจที่รดซอกคอยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนผ่าวแปลกๆพยายามขยับตัวหนีแต่ก็หนีไม่ได้จะรัดเขาแน่นไปไหน
   “คิดถึง” ถ้อยคำที่ทำให้ผมยอมหยุดนอนนิ่งพลิกตัวหันไปสบตาคมนิ่งแววตาจริงจัง ห้ามรอยยิ้มตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ รู้เลยว่าตอนนี้ผมคงจะยิ้มกว้างแน่ๆ
   “ผมก็เหมือนกัน” ได้อยู่ใกล้ชิดสัมผัสได้ถึงไออุ่นลมหายใจ พึ่งรู้ว่าคิดถึงมากก็ตอนที่ได้เจอหน้ากัน  เอียงหน้าซบลงกับมือหนาที่ลูบแก้มเขาอยู่ ในห้องมีเพียงแต่ความเงียบ รับรู้เพียงใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจ ก่อนที่ริมฝีปากจะแนบชิดแตะเพียงแผ่วเบาจนเขาเป็นฝ่ายผละออกก้มหน้าหนีสายตาคมที่มองอยู่ ให้ตายเหอะ เพียงแค่จูบเล็กๆเหมือนเด็กประถมแต่ทำไมหัวใจผมถึงเต้นแรงจนกลัวอีกคนได้ยินเสียงตอนนี้เหมือนทั้งห้องอบอวนไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้ผมอาย
   “หึๆ” เสียงหัวเราะในลำคอพร้อมกับอ้อมแขนที่รัดแน่นขึ้น “น่ารักจริงๆเลยน้า” พี่โยพึมพำแล้วก้มลงหอมแก้มผมซ้ายขวา
   “เลิกนัวเนียซักทีได้ป่ะ” พยายามที่จะดันตัวคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงไม่เลิก
   “นอนๆก่อนที่พี่จะไม่ให้นอน” รีบหลับบตานอนนิ่ง ไม่ได้กลัวนะเว้ย แค่ง่วง มือใหญ่ที่ลูบหลังไปม่ยิ่งทำให้ผมหลับเร็วขึ้น คืนนี้ผมคงนอนหลับฝันดี
   ผมตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นพี่โยอาจจะตื่นไปทำงานแล้วก็ได้ ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่าง เห็นเพียงคุณแม่ที่นั่งถักนิตติ้งอยู่ตรงโซฟา
   “ตื่นแล้วเหรอคะลูก”
   “อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่” คุณแม่ยิ้มรับไหว้แล้วตบเบาๆที่โซฟา ผมทำหน้างงก่อนที่จะเดินไปนั่งลงข้างๆ คุณแม่ส่งยิ้มละมุนที่ทำให้ผมยิ้มตาม
   “ตาโยนี่ตาแหลมนะ เหนื่อยหน่อยนะลูก ลูกชายมัมนะได้นิสัยแด๊ดมาเต็มๆ ขี้แกล้งก็ที่หนึ่ง เอาแต่ใจอีก” มือสวยยกขึ้นลูบหัวผมพร้อมกับคำพูดที่ทำให้ผมน้ำตาคลอ
   “อ่าวตาโยไม่ได้บอกเหรอว่าตาโยบอกแม่หมดแล้วตั้งแต่กลับมาจากไทยแล้ว มัมรู้แล้วตาโยแกล้งไม่บอกใช่ไหมคะ” ผมพยักหน้าหงึกหงักใช่ไอ้พี่โยมันไม่ได้บอกอะไรผมเลยด้วยซ้ำ ปล่อยให้ผมเหวออยู่คนเดียวเนี้ย
   “พี่โยนี่ชอบแกล้งผมตลอดเลยครับคุณแม่ ตั้งแต่ไปหาน้องวาที่ไทยแล้วครับ แถมยังตามไปแกล้งผมด้วยนะครับ” ได้ทีผมก็ฟ้อง คุณแม่ยิ้มขำแถมเล่าเรื่องแสบๆของพี่โยให้ผมฟังจนลืมไปว่ายังไม่ได้กินข้าว
   “มัมผมไหม้แล้วครับ หิวหรือเปล่า” พี่โยที่มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้กอดคอผมต่อหน้าคุณแม่แถมถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นซึ่งผมก็หิวทันทีที่ถาม
   “อืม ก็หิวนิดๆครับ” หันไปบอก
   “ตายแล้วมัมก็ลืมไป พาน้องไปกินข้าวเถอะค่ะพี่โย” พี่โยหันไปหอมแก้มคุณแม่แล้วจูงมือผมไปที่ครัว
   “แล้วพวกพี่ลมล่ะพี่โย” มัวแต่คุยกับคุณแม่เลยลืมที่จะถาม
   “อ้อ พี่ลมกับเจ้าแสบพาน้ำไปดูแกะส่วนไม้เห็นหนีไปดูโรงงานแปรรูปของพี่นะ” ผมพยักหน้า
   “เห็นทีกลับไปคงได้เลี้ยงแกะแน่ๆ” ผมว่าก่อนที่จะรับจาน
   “จะกลับจริงๆเหรอ” แม้จะพูดเบาๆแต่ผมก็ได้ยิน เพราะอยู่กันเพียงสองคน
   “กลับครับ แต่ว่า....ผมก็อยากอยู่ที่นี่นะ” ต่างคนต่างเงียบผมก้มหน้าตั้งตากินข้าว เสร็จก็ยกไปล้างเรียบร้อยพี่โยยังนั่งรอไม่ยอมลุกไปทำงาน
   “ป่ะไปกับพี่” ยังไม่ทันที่จะได้ย่อยพี่โยก็ลากแขนผมขึ้นรถขับออกไปที่ไร่ ทุ่งหญ้าสีเขียวสุดลูกหูลูกตา มีแกะสีขาววิ่งอยู่บนทุ่งหญ้าให้ตายเถอะที่นี่สวยชะมัด ไร่ใหญ่ขนาดนี้พี่โยดูแลหมดได้ยังไง พอๆกับพี่ลมเลย ทั้งไอ้ไม้และพี่ลมต่างดูแลทุกอย่างได้อย่างไร้ที่ติ
   “ไร่มะกอก??”
   “ใช่ เดี๋ยวจะพาไปดูที่ทำงานพี่ต่อ” ผมพยักหน้าเดินตามพี่โยไปที่สวน  ที่กำลังใช้เครื่องเขย่ากิ่งต้นมะกอกใต้ต้นปูผ้ายางรองรับผลมะกอกที่ร่วงลงพื้นแล้วคนงานจะเป็นคนเก็บมะกอกทั้งหมด พี่โยเล่าว่าแต่ก่อนไม่ได้ใช้เครื่องมือแต่ใช้แรงงานคนแต่ถึงจะใช้เครื่องมือแต่ก็ต้องใช้แรงงานคนอยู่ดี ขายได้ทั้งผลสดและการแปรรูปซึ่งพี่โยทำครบวงจรเพราะงั้นสินค้าที่ออกไปเลยเป็นผลผลิตแปรรูป
   “พี่นี่เก่งจัง”
   “แน่นอนสิ ก็พี่เป็นแฟนทัพนิ” เดี๋ยวนะ ฟะ..แฟน ผมไปตกลงกับพี่มันตอนไหนกันวะ
   “ไม่ใช่ซักหน่อย”
   “งั้นเป็นแฟนกันนะ” อะไรคือการขอเป็นแฟนท่ามกลางเครื่องจักรที่กำลังทำงานและคนงานที่กำลังเก็บมะกอกที่เหมือนจะหยุดมือแอบมองเราสองคน ผมที่ยืนอึ้งอยู่กับพี่โยที่ยืนยิ้มมองผมอยู่ โคตรโรแมนติกและมีสักขีพยานเป็นสิบ โคตรไม่เหมือนใครเลยเหอะ ไม่รู้จะบอกความรู้สึกตัวเองตอนนี้ยังไงดี จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้ ยิ่งผมนิ่งไอ้คนชอบแกล้งก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ คิดจะทำอะไรของพี่มันวะ ผมขยับตัวถอยห่าง
   “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะเว้ยพี่โย” รีบยกมือขึ้นห้ามเมื่อระยะห่างหน่อย ให้ตายเหอะ คิดยังไงมาขอเป็นแฟนกันตรงนี้วะ
   “ตอบคำถามพี่มาทัพ” แล้วทำไมต้องกดดันผมด้วยวะ ไหนจะสายตาอีกสิบๆคู่ ที่จ้องอยู่
   “แล้วมาขอกันตอนนี้นี่นะ” ผมว่าเรื่องผมกับพี่โยมันเกินกว่าที่จะขอมาเป็นแฟนกันแล้วเถอะ
   “ตอนนี้ล่ะดี มีสักขีพยานเยอะแยะ” ไอ้คนด้าน ไอ้คนขี้แกล้งได้แต่ด่าในใจเพราะขืนด่าไปตรงๆผมได้โดนแกล้งหนักกว่านี้แน่ๆ แม้สีหน้าพี่โยจะดูยิ้มๆแต่ผมก็เห็นว่าแววตาพี่โยมันแฝงความหวาดหวั่นไม่ต่างกับผม ที่ถ้าหากตัดสินใจคบกันอนาคตเราจะเป็นยังไงระยะห่างที่มันไม่ใช่ใกล้ๆ
   จะลองเสี่ยงไหม
   จะผิดหวังอีกหรือเปล่า
   เจ็บปวดครั้งนี้ผมจะทนได้ไหม
   อาจจะหลงตัวเองไปหน่อยแต่ผมก็มั่นใจที่สุดคือความรู้สึกของทั้งผมและพี่โย นิ่งเงียบจนคนหน้านิ่งเริ่มหวั่นใจ ผมยิ้มก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ
   “ที่พยักหน้านี่แปลว่า...”
   “ก็อืมไง” บอกไปเสียงเบา
   “อืมนี่ตกลงไม่ตกลง หือ” ยังไม่เลิกแกล้งผมอีกเหรอ
   “ก็ตกลงไงเล่า” ไอ้คนขี้แกล้งเอ๊ย สุดทนเลยตะโกนใส่หน้าใบหน้าคมค่อยๆยิ้มกว้างแล้วพุ่งเข้ามากอดผมแน่นท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของคนงาน โอ๊ย ให้ตายเหอะผมไม่น่าตกหลุมไอ้พี่โยเลยเหอะ
   “ขอบคุณๆ ทุกคนเป็นพยานให้ผมนะว่าตกลงเป็นแฟนกับผมแล้ว” ยังมีหน้าไปขอให้เป็นพยานอีก โอ๊ยอยากจะหนีติดที่ว่ากุญแจรถอยู่กับพี่โยแถมถ้าจะกลับผมก็กลัวหลง
   “เลิกแกล้งผมได้แล้วทำงานไปเลยไป๊” ดันหลังพี่โยที่หน้าระริกระรี้เกินปกติจนผมอยากถอดคำพูดคืนแต่ผมก็คงไม่ต่างกัน หลังจากการขอเป็นแฟนแบบหน้าด้านๆกลางไร่มะกอกเที่ยงกว่าๆพี่โยก็พาไปกินข้าวแล้วขับเลยไปที่ฟาร์มต่อ
   “ไงพี่ลม ดูงานก่อนที่จะเปิดฟาร์มเลี้ยงแกะเหรอ” เดินเข้าไปทักพี่ลมที่กำลังคุยกับคนเลี้ยงอย่างจริงจัง
   “กูว่าคงได้ทำจริงๆวะ ดูน้ำดิ” ผมหันไปมองน้ำที่วาดูแลอยู่ กำลังเล่นกับลูกแกะอยู่
   “พี่ได้งานเพิ่มแล้วล่ะ ไอ้ไม้ล่ะยังไม่เห็นหัวมันแต่เช้าเลยเนี้ย”
   “มันไปมุดหัวอยู่โรงงานกับพ่อวานั่นล่ะ” ผมขำที่พี่ลมบ่นๆไอ้ไม้แต่ก็ภูมิใจน้องล่ะสิ
   หมับ
    “สนใจพี่บ้างสิ” เหมือนจะมีคนงอแงเรียกร้องความสนใจจริงๆนี่กลับไปเป็นเด็กเท่าหลานเหรอวะ
   “พี่โยไปหาหลานสิไหนบอกว่าจะมาหาหลาน” พยายามแงะมือที่กอดเอวผมแน่นพร้อมกับคางที่วางอยู่บนไหล่
   “ยังไงสองคนนี้” พี่ลมชี้ไปชี้มาระหว่างผมสองคน
   “แฟนไง” พี่โยตอบพร้อมกับหยักคิ้วกวนๆส่งให้พี่ลมแล้วร้องเรียกวาเสียงดัง
   “อะไรของพี่ห๊ะพี่โย วาจะไปดูน้ำ” วาบ่นคนที่ยังกอดเอวผมแน่น
   “ยกมือไหว้พี่สะใภ้เร็วเจ้าแสบ”
   “ห๊ะ!!!” พึ่งเคยได้เห็นวาอุทานอ้าปากค้าง มองเราทั้งคู่อึ้งๆ ก่อนที่จะยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้ผม
   “สวัสดีครับพี่สะใภ้” ทำไมผมโดนรุมวะ พี่ลมกับไอ้พี่โยหัวเราะแล้วตีมือกันวายิ้มกว้างพุ่งมากอดผม
   “น้ำกอดด้วย” น้ำเห็นผมกับวากอดกันก็วิ่งมากอดกลายเป็นผมโดนทั้งวาทั้งน้ำกอดแน่น
   “วายินดีที่พี่ทัพมาเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ” รอยยิ้มจริงใจทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้
   “เดี๋ยวๆเกินไปแล้ว” ทั้งผมและวาต่างโดนแยกออกจากกันโดยผู้ชายขี้หึง ขี้หวงกับเรื่องไร้สาระทั้งสองคน ทั้งๆที่ผมกับวาไม่มีอะไรเลยยังจะหวงอีกได้แต่ถอนหายใจ
   “จะมากอดอะไรนักหนาเล่า” ถึงจะปากจะบ่นแต่ผมก็ไม่ได้ขยับตัวหนี ก็มีคนกอดแบบนี้ก็ดีกว่าอีกอย่างพรุ่งนี้เราก็จะกลับแล้ว อยากจะตักตวงความรู้สึกนี้ไว้ก่อนที่จะจากกัน
   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นครับ”
   “ถ้ากลับไปแล้ว.....” ผมพูดได้แค่นี้ก็เหมือนมีอะไรมาจุกคอเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่ต้องห่างกัน
   “อยู่กับพี่ที่นี่สิ” ใจผมก็อยากอยู่ที่นี่แต่ที่ไร่สายลมก็ให้อะไรผมมากมายเหลือเกิน ทั้งที่อยู่และครอบครัวที่ผมขาดหายไป แต่หัวใจของผมก็อยู่ที่นี่
   “ไม่ได้หรอกนะครับ” ที่ไร่สายลมก็เป็นบ้านผม
   “มึงก็อยู่ไร่ครึ่งปี อีกครึ่งปีก็มาอยู่ที่นี่ดิวะ” แล้วไอ้พี่ลมก็ทะลุกลางปล้องบอกทางแก้ปัญหาที่ดูเหมือนพี่โยจะเห็นด้วย
   “ก็ดีนะ เอาแบบนี้ดีไหมครับ” ถามขึ้นทั้งๆที่ตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ดูท่าผมคงไม่มีทางเลือก พี่โยหันไปแกล้งหลานโดยมีวาคอยห้ามปรามผมเลยเดินเข้าไปหาพี่ลม
   “จะดีเหรอพี่”
   “ทำตามที่ใจมึงต้องการเลยมึงก็เหมือนน้องกูคนหนึ่ง” มือหนาตบที่ไหล่ผมเบาๆ
   “แล้วเรื่องที่ทำงานล่ะครับ”
   “ห่วงอะไรมากมายวะ ไอ้ไม้มันจัดการได้อยู่แล้ว กลับไปกูก็มีแผนที่จะเลื่อนขั้นคนงานอยู่แล้วเพราะงานมันเยอะขึ้นแน่ๆ พวกกูไม่เหนื่อยหรอก”
   “ขอบคุณนะพี่ลม”
   “เกรงใจอะไรคนครอบครัวเดียวกัน” ผมยิ้มกว้าง ใช่คนในครอบครัว ยืนคุยกับพี่ลมไม่นานวาก็อุ้มน้ำหน้าบึ้งกลับมา
   “เป็นอะไรครับ” พี่ลมถามเสียงนุ่ม โอ๊ยยคู่นี่ยิ่งนานวันยิ่งหวาน
   “พี่โยกวนวา คอยดูนะวาจะฟ้องมัมซะให้เข็ด พี่ทัพไม่ต้องยอมพี่โยนะครับ” วาเริ่มหาพวกพี่ลมขออุ้มน้ำแล้วลูบแก้มวาคงดีใจที่เห็นน้องร่าเริงได้ขนาดนี้
   “กลับกันเถอะมัมบอกว่าจะทำปาร์ตี้บาร์บีคิวตอนเย็น” พี่โยที่พึ่งคุยโทรศัพท์เสร็จเดินมาหา วายังงอนจูงมือพี่ลมเดินผ่านหน้าไปขึ้นรถ ผมได้แต่ขำกับอาการงอนของวา
   “ป่ะ กลับบ้านกัน” พี่โยกุมมือจูงไปขึ้นรถขับกลับบ้านหลังจากที่ตลอนมาทั้งวัน ทันทีที่ถึงบ้านผมก็ขอตัวไปอาบน้ำพร้อมกับเอาน้ำไปด้วยเพราะไอ้พี่โยวอแวที่จะอาบน้ำกับผมอ้างว่าเป็นแฟนกัน ให้ตายเหอะคืนนี้ผมจะไว้ใจได้ไหมเนี้ย

   “มาครับผมช่วย”  ลมเดินเข้าไปในครัวทั้งๆที่มันเป็นสถานที่ต้องห้ามเพราะเห็นคุณแม่กำลังวุ่นอยู่ในครัว
   “ช่วยได้นะคะ ไม่ใช่พังครัวมัมนะคะ” ได้แต่เกาหัวแก้เขินคนรักเขาคงจะเผาจนไหมแล้วสินะ
   “ก็ถ้าช่วยหยิบจับคงได้ครับ” หัวเราะแห้งๆเอ่ยปากบอกงานที่ตัวเองที่พอจะช่วยได้ตอนนี้เขาช่วยได้เท่านี้ล่ะหลังจากที่วาช่วยสอนทุกอาทิตย์ หั่นผักผั่นหมูให้ยังคงเป็นผักและไม่กลายเป็นหมูสับไปซะก่อน
   “งั้นล้างผักให้มัมทีนะคะ” ผักกองโตที่ทำเตรียมไว้ผมเลยยกไปล้าง
   “อ่าวพี่ลม” เสียงหวานๆแปลกใจเมื่อเห็นร่างสูงก้มๆเงยๆล้างผักอยู่ในครัว
   “น้องวาช่วยมัมทำสลัดมันฝรั่งทีค่ะ” ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันมัมก็ให้วาช่วยงานซะก่อน เขาล้างผักเสร็จเรียบร้อยเลยหันไปดูวาทำ เวลาที่วาทำกับข้าวยิ่งทำให้วาดูน่ารักอ่อนหวาน
   “ให้พี่ช่วยไหม”
   “พี่ลมช่วยบดมันฝรั่งให้วาก็ได้ครับ” รับชามที่ใส่มันฝรั่งต้มสุกใช้ซ้อมกดแรงๆ ให้ละเอียด
   “ใช้ได้ไหมครับ” หันไปถามคนรักหลังจากบดจนคิดว่ามันน่าจะพอ วาหันมาดูแล้วพยักหน้าพอใจ
   “ใช้ได้ครับ เดี๋ยววาทำต่อเอง”
   “ไม่เอาอ่ะพี่อยากทำ สอนพี่หน่อยสิ” จริงๆอยากอยู่ใกล้วาอีกนิด อยู่ที่นี่ผมเกรงใจพ่อกับแม่วาเลยลดการนัวเนียน้องลงถึงน้องจะนอนห้องด้วยกันก็เถอะ วายกยิ้มแล้วตั้งหน้าตั้งตาสอน ที่มันทำง่ายเองนี่น่าใส่เพียงมายองเนสกับเกลือ
   “พี่ลมคลุกให้เข้ากันก็เสร็จแล้วครับ”
   “พี่ก็เก่งนะเนี้ย”
   “แค่สลัดนี่นะครับ” วาส่ายหน้า นี่กลับมาบ้านแล้วรู้สึกว่าวาจะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
   “กล้าว่าพี่เหรอ” ผมขยับเข้าไปใกล้แล้วยกมือขึ้นจี้เอวบางจนวาดิ้นหนีมือผมใหญ่
   “ฮ่าๆ โอ๊ยๆ พี่ลมพอแล้ว”
   “คิกๆ” เสียงหัวเราะเล็กๆทำให้ผมหยุดชะงักแกล้งน้องจนลืมไปเลยว่ามีใครอีกคนในครัว
   “น่ารักกันจังเลยนะคะ” คุณแม่แซววาก็ก้มหน้าซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อเดินหนีไปหาคุณแม่ซะงั้น ส่วนผมก็ได้แต่ลูบคอแก้เก้อ เอาจริงๆก็เขินเหมือนกันนะครับ
   “เห็นอย่างนี้มัมก็สบายใจ เดี๋ยวยกไปที่โต๊ะข้างนอกเลยก็ได้ค่ะ เสร็จหมดแล้ว” ผมรีบยกของออกไปที่โต๊ะ ข้างนอกลูกชายผมคอยวิ่งตามอาทัพที่กำลังจัดโต๊ะ โยเป็นคนจุดไฟ
   “พ่อลมมมมม น้ำไม่อยากกลับเลย” น้ำวิ่งมากอดขา
   “ไม่อยากกลับไปเลี้ยงแกะรึไงหือ” พอเห็นลูกชอบผมก็อดไม่ได้ที่จะตามใจ อีกอย่างในเมื่อจะทำท่องเที่ยวมาเกี่ยวด้วยแล้วถ้าเลี้ยงแกะก็ดี
   “จริงนะพ่อลม น้ำจะเลี้ยงน้ำจะเลี้ยง” น้ำร้องดีใจวิ่งไปบอกคนนั้นทีคนนี้ทีจนผมต้องรีบเอาของไปวางแล้วอุ้มน้ำขึ้นมา
   “ถ้าจะเลี้ยงลูกต้องตั้งใจเรียนแล้วดูแลมันดีๆนะ สัญญากับพ่อได้ไหมครับ”
   “ได้ๆๆน้ำสัญญาเลยครับพ่อลม” น้ำพยักหน้ารัวจนผมต้องจับหัวเล็กๆนั่นไว้ กลัวคอลูกเคล็ด
   “งั้นกลับไปก่อนนะพ่อจะทำให้”
   “เย้ รักพ่อลมที่สุดเลย”
   “บอกรักอะไรกันครับสองพ่อลูก” วาที่ถือของออกมาทันได้ยินน้ำร้องบอกรักผม
   “น้ำรักพี่วาน้า ไม่น้อยใจนะ โอ๋ๆๆ” กลัวพี่สุดที่รักน้อยใจน้ำรีบโผเข้าไปหาแล้วซุกไซร้ออดอ้อน จนวาขำ
   “อ่าวๆรักกันอยู่แค่นั้นรึไง” ไอ้ไม้ที่พึ่งเดินออกจากบ้าน มันไปดูโรงงานทั้งวันเอาจริงเอาจังซะจนผมคิดว่ามันไม่ได้มาพักผ่อนแต่มาดูงาน
   “โอ๋ๆ น้ำรักอาไม้น้า” เพราะทนเสียงบอกรักของน้ำไม่ไหว มันเดินมายืดแก้มน้ำ
   “อาก็รักนะไอ้ลูกน้ำ” 
   “อะไรกันน้ำไม่รักอาเหรอ” ทัพส่งเสียงงอนๆมา น้ำดิ้นลงจากแขนวายืนบนสนามหญ้าแล้วกวักมือให้พวกผมนั่งลง
   ฟอด
   ฟอด
   ฟอด
   ฟอด
   “ลุงโยนั่งลงมาเลยนะครับ” น้ำหอมแก้มพวกผมคนล่ะครั้งแล้ววิ่งไปหอมแก้มทัพที่นั่งลง เหลือก็แต่โยที่แกล้งหลานไม่ยอมนั่งจนน้ำพองลมแก้มป่องถึงยอม
   ฟอด
   “น้ำรักทุกคนเล๊ย” ทุกคนยิ้มกว้างโดยเฉพาะผมและไอ้ไม้เด็กน้อยที่พวกเราเลี้ยงดูเติบโตขึ้นถึงจะขาดแม่แต่น้ำกลับน่ารักและเป็นที่รักของทุกคนเท่านี้ผมก็พอใจแล้ว เดินเข้าไปอุ้มลูกชายตัวน้อยที่โตขึ้นทุกวันขึ้นหอมแก้มคืนบ้าง
   “คิกๆ จักกระจี้ คิกๆพ่อลม” มั่นเขี้ยวแก้มขาวนี่จริงๆ ฟัดจนน้ำดันหน้าผมออก
   “พอแล้วพี่ลมเดี๋ยวลูกก็ละเมอตอนนอนหรอกครับ” วารีบมาห้ามเพราะน้ำหัวเราะจนหน้าแดงไปแล้ว พอดีกลับคุณพ่อคุณแม่เดินออกมาพร้อมกับเนื้อบาร์บีคิว
   “เล่นอะไรกันนะคะ”
   “น้ำบอกรักทุกคนครับ คิกๆ”
   “ต๊ายน่ารักจริงๆเชียวไปทานข้าวกันค่ะ” น้ำรีบโผไปซบคุณแม่ทันที ทัพกับโยหันไปคุมเตาปิ้งย่าง ไอ้ไม้ก็นั่งคุยกับคุณพ่อเป็นเรื่องเป็นราว ท่าทางกลับไปโรงงานคงได้มีโปรเจคใหม่แน่ๆ ผมกุมมือวาไว้แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ ครอบครัวผม นี่คือครอบครัวผมที่ใหญ่ขึ้นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแล้วสำหรับผม
***************************************************
ทำไมพอบอกว่าจะจบแล้ว รู้สึกใจหาย  :hao5:
ฮืออออ ตอนหน้าแล้วอ่ะ พอเขียนแล้วยิ่งเขียนตอนจบไม่ออก
 :katai1: ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
เป็นกำลังใจที่สำคัญมากที่ทำให้เขียนเรื่องนี้
ขอบคุณจริงๆค่ะ
ปล.อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า
ปลล.สามารถติดตามข่าวคราวได้ที่หน้าเพจนะคะ ถึงจะไม่ค่อยอัพเท่าไหร่ก็เถอะ 5555

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
อบอุ่นมากมาย o13

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มีความสุขกันทุกคู่ละ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พอจะจบคนอ่านก็ใจหายนะืทุกอาทิตรอติดตาม  พี่ลมนี้คือคนในฝันเลยจริงๆๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :pig4:  เพิ่งตามอ่านได้ไม่นานจะจบซะแล้ว

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
น่ารักมากมายเลยครอบครัวนี้  :กอด1:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2

   เวลาพักผ่อนมักจะหมดไปเร็วเสมอ วันนี้ก็วันสุดท้ายแล้ววาแทบจะทำตัวติดกันกับคุณแม่เลยทีเดียวพ่วงด้วยเจ้าน้ำที่วิ่งทำโน้นทำนี่ด้วย วันนี้ตกลงกันว่าจะพักผ่อนไม่ออกไปไหนนั่งมองวาเดินเข้าออกครัวเป็นว่าเล่น เหลือไม่อีกชั่วโมงผมอยากให้วาอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด และผมมีความคิดที่จะให้วากลับมาเยี่ยมบ้านอยู่แล้ว
   “เดินตามอะไรกันหนักหนา หือ เจ้าลูกหมู” หลังจากที่ปล่อยให้วิ่งตามมาหลายรอบจนลายตาไปหมดแล้ว
   “น้ำจะถักเสื้อกับคุณยาย”
   “ครับ ตามสบายเลยครับ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ผมก็ลุกเดินตามออกไปทีสวนข้างนอกวานั่งข้างคุณแม่ถักไหมพรมมีน้ำนั่งจุมปุกอยู่บนเสื่อปากเล็กๆนั่นถามโน้นถามนี่ไม่หยุด
   “ถักอะไรกันนะครับ” นั่งลงที่เสื่อแล้วหันไปถามวา
   “วาจะถักผ้าพันคอไว้ให้พี่โยกับแด๊ด ทุกปีวาจะถักให้” รอยยิ้มน้อยๆแต้มใบหน้าเนียน ท่าทางที่ความสุขแผ่กระจายออกมาทำให้ผมมีความสุขร่วมไปด้วย
   “ถักให้พี่ลมด้วยสิคะลูก” เปิดช่องให้อย่างนี้ผมก็หันไปสบตากลมที่รีบหลบตาแล้วบอกคุณแม่เสียงเบา
   “เดี๋ยววาถักให้ตอนกลับไปครับ” ให้ตายเถอะผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างถ้าอยู่ที่บ้านผมคงดึงวาเข้ามากอดแล้ว พอเห็นหน้าแดงๆของวา ทั้งผมกับคุณแม่ต่างยิ้มให้กับอาการน่ารักของวา
   “คุณแม่ไปเที่ยวที่ไร่ผมได้ตลอดเลยนะครับ” ผมหันไปบอกคุณแม่
   “มัมก็อยากไปนะคะ แต่ว่าต้องถามสองคนโน้นล่ะคะ” คุณแม่พยักหน้าไปทางประตูโยกับคุณพ่อกลับมาพร้อมกับสองเพื่อนซี้ที่ยังตลอนเที่ยวอยู่
   “มากันพอดีเลยไปกินข้าวกันค่ะ”
   “เดี๋ยววาตามไปนะครับ อีกนิดก็เสร็จแล้วเดี๋ยวไม่ทัน”
   “น้ำไปกินข้าวกับอาไม้นะครับเดี๋ยวพ่อลมตามไปนะ”
   “เร็วๆน้าพ่อลม พี่วา” น้ำโผไปให้ไม้อุ้มเข้าบ้านคุณพ่อคุณแม่บอกเพียงแค่ว่าจะให้คนยกออกมาให้ ผมนั่งมองวาที่ตั้งอกตั้งใจเร่งมือถักผ้าพันคอสีเข้มขยับเข้าไปใกล้แล้วเอนหัวซบหัวเข่าเล็กที่สะดุ้งทันที
   “นิ่งๆน่าพี่ของหน่อยนะครับ”
   “พี่ลมอ้อนผมเหรอครับ” เดี๋ยวนี้ชักจะกล้าใหญ่
   “อยากให้พี่อ้อนกว่านี้ไหมล่ะ” ใบหน้าคมยิ้มเจ้าเล่ห์ไหนจะแววตาวิบวับที่ทำให้วาก้มหน้างุด เพราะรู้ความหมายของสายตานั้นดี จะอะไรนอกจากหาเรื่องรังแกวา เมื่อเห็นคนรักเงียบแถมยังหน้าแดงระเรื่อนั่นอีก ลมก็ไม่คิดที่จะกระเซ้าเย้าแหย่ให้คนรักเขินอายกว่านี้ เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านพ่อแม่วาให้กลับถึงบ้านก่อนเถอะจะรังแกซะให้สมกับที่ผมอดทนเลย
   “พี่ลมคิดอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหมครับ” นี่ออกหน้าออกตาขนาดนั้นเลยเหรอเนี้ยผมคงต้องเก็บอาการหน่อยแล้ว
   “เปล่าซักหน่อย ใกล้เสร็จรึยังครับ”
   “อีกนิดครับ พี่ลมหิวไปกินก่อนก็ได้นะครับ” น้ำเสียงห่วงใยทำให้ผมยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าพิงเข่าเหมือนเดิม
   “พี่อยากอยู่กับวา” วาไม่ได้ตอบกลับ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อปล่อยให้วาทำงานไปผมก็พักสายตา ไม่นานวาก็ทำเสร็จ เราสองคนลงมือกินข้าวที่คุณแม่ให้คนยกออกมาให้
   “เดี๋ยวพี่ยกเข้าไปเองวาเก็บของเถอะ” ผมรีบแย่งถาดจานมาถือ พอเข้าบ้านผมก็เดินเข้าไปในครัววาเดินไปหาทุกคนที่นั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นเก็บถ้วยจานเสร็จผมก็เดินออกมาไปนั่งข้างๆลูกชายตัวนุ้ยที่กินเก่งกว่าเดิมซะอีก
   “กลับวันนี้แล้วสินะคะ มัมต้องคิดถึงหลานแน่ๆเลย” ผมยิ้มที่คุณแม่เอ็นดูลูกชาย
   “มัมก็ไปหาวาสิ ถ้าแด๊ดกับพี่โยไม่พาไปมัมก็ไปเองเลยเดี๋ยววาจะพาเที่ยวนะครับ” วากอดแขนคุณแม่ด้วยท่าทางน่าเอ็นดู
   “เดี๋ยวมัมจะแอบไปนะคะ” เหมือนผมจะเห็นคิ้วคุณพ่อกระตุกเมื่อเห็นสองแม่ลูกคุยหัวเราะต่อกระซิกซุบซิบกัน
   “สองคนนั่นเก็บกระเป๋ารึยัง” ผมหันไปถามสองเพื่อนซี้ที่ยังคุยกันติดลม เพราะอีกไม่นานก็ต้องเดินทางแล้ว
   “เรียบร้อยแล้วพี่ ไม่รู้ที่ไร่จะเป็นไงบ้าง” ไอ้ไม้ก็ห่วงงานแต่ผมไว้ใจไอ้ละอองหวังว่างานที่ผมสั่งไว้จะเสร็จทันกำหนดที่หวังไว้ ซึ่งไอ้ละอองมันก็รับปากครั้งล่าสุดที่บอกแถมยังรับปากเสร็จสรรพว่ามันทันแน่นอน ที่สำคัญบ้านไอ้ไม้กับไอ้ทัพก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
   “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า” นั่งคุยเล่นจนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องเดินทางไปสนามบินแล้วครอบครัวก็ยกโขยงไปทั้งบ้าน พอถึงสนามบินวาล่ำลากับครอบครัว
   “มัมฝากน้องวาด้วยนะคะพี่ลม”
   “ดูแลกันดีนะๆ” ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต่างฝากฝัง
   “ครับคุณพ่อคุณแม่” โดนคุณพ่อดึงเข้าไปกอดก่อนที่จะพวกเราจะเดินเข้าเกตวามองตามครอบครัวจนลับสายตาผมโอบเอวบางไว้
   “เดี๋ยวพี่จะพามาอีกนะ” แววตาฉ่ำคลอน้ำตาเงยหน้าสบตาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
   “อืม เดี่ยววาจะหนีพี่กลับบ้านบ่อยๆ” เอาแล้วไง ยังไม่ทันไรเมียกูก็มีแผนหนีออกจากบ้านแล้ว
   “กล้าทำก็รอดู” ผมจะกดให้หนีไม่ได้เลยคอยดู วาเงียบหันไปคุยกับน้ำไม่ยอมสบตาผมอีกเลย ไอ้ไม้กับไอ้ทัพก็เริ่มสุมหัวคุยอะไรไม่รู้ดูจริงจัง ไม่นานพวกเราก็ขึ้นเครื่องเดินทางกลับบ้าน มาถึงไทยก็ข้ามมาอีกวันแล้วแต่ละคนก็เริ่มเหนื่อยอ่อนเพราะนั่งกันนาน ตอนนีพวกผมกำลังรอรถจากไร่มารับไม่นานนักรถคุ้นตาสองคันก็วิ่งมาจอด
   “นายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” อยากจะหาอะไรมาอุดปากมัน ไอ้ละอองทันทีที่รถจอดมันเปิดประตูแหกปากวิ่งถลามาหา ผมนี่ยกเท้าขึ้นกันทันที
   “แหกปากบ้าอะไรของมึงวะ”
   “คิดถึงนาย คิดถึงคุณวา ฮืออไอ้ละอองจะตาย” มันโหยหวนแทบจะคุกเข่ากอดขาผมกับวาอยู่แล้ว ให้ตายเถอะกูอายชิบหาย
   “มึงมาลากมันไปทีดิ๊” กวักมือเรียกไอ้สินมาหิ้วปีกมันออกจากขา วาขำความติ๊งต๊องของไอ้ละอองที่ดูท่าทางจะเป็นหนักเพราะงานแน่ๆ น้ำขำคิกคักแล้วโผเข้าหาละออง
   “กลับบ้านกันเถอะ” ผมจูงมือเล็กขึ้นรถปล่อยให้ไอ้ละอองฟัดน้ำเดินตามมา ไม่นานก็มาถึงบ้านผมอุ้มน้ำที่เพลียหลับระหว่างทางขึ้นไปนอนที่ห้องนอน เช็ดตัวเพื่อให้ลูกหลับสบายยังดีที่น้ำกินข้าวกินขนมบนเครื่องบินมาเยอะแล้ว คงจะเหนื่อยจากการเดินทางสินะ
   จุ๊บ
   “ฝันดีนะ”  หอมแก้มนุ่มดึงผ้าห่มคลุมดีๆปิดไฟปิดห้องแล้วลงไปข้างล่าง วาจัดโต๊ะเสร็จพอดีกับข้าวพวกนี้ผมแวะซื้อก่อนที่จะเข้าบ้านเพราะวาก็เหนื่อยแล้วจะให้มาทำกับข้าวก็สงสาร
   “คิดถึงกับข้าวฝีมือน้องวามากกว่าอ่ะ” ไอ้ไม้บ่นอุบอิบ
   “เดี๊ยะๆ กินกันตายไปเลยมึง วาเหนื่อยแล้ว” ผมรีบห้ามให้วาลุกขึ้นเพราะไอ้ไม้บ่นวาก็จะลุกไปทำกับข้าวให้
   “โถ ไอ้พี่ชาย เกินหน้าเกินตาไปล่ะ”
   “ทำไม จะให้กูพูดไหมว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงไอ้ผู้กองมันต้องแจ้นมาหามึง” เท่านั้นล่ะมันปิดปากเงียบสงสัยว่าวันนี้ไอ้ทัพจะได้ไปนอนบ้านหลังใหม่คนเดียวแล้ว
   “จะนอนห้องเดิมหรือจะย้ายไปนอนที่บ้านใหม่ก่อนไหมล่ะทัพ” หันไปหาคนที่หน้าตามีความสุขตั้งแต่ไปเจอหน้าโย ห้องที่บ้านหลังใหม่ตกแต่งภายในเรียบร้อยแล้วเหลื่อแค่ขนของเข้าไปอยู่
   “อ้อ ย้ายไปเลยก็ได้พี่จะได้จัดห้องด้วย” กินข้าวยังไม่ทันเสร็จเสียงรถคุ้นหูก็วิ่งเข้ามาจอดเห็นไหมผมพูดผิดตรงไหน
   “หวัดดีพี่ เหนื่อยไหมครับ” ทักผมแบบผ่านๆมันก็ไปนั่งข้างไอ้ไม้แถมถามเสียงอ่อนเสียงหวานเชี่ยวนะ
   “ไม่เท่าไหร่แต่ง่วง นอนบนเครื่องไม่สบายเท่าไหร่”
   “งั้นไปนอนด้วยกันนะ” เห็นไหมพูดผิดตรงไหน ไม้มันกวาดสายตามองรอบโต๊ะแล้วพยักหน้าเบาๆกินข้าวเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายไอ้ไม้โดนลากขึ้นรถไปเรียบร้อยไอ้ทัพทีแรกว่าจะเข้ามาช่วยผมล้างจานแต่เห็นว่าแต่ละคนก็เหนื่อยแล้วอีกอย่างทัพมันต้องย้ายห้องอีก
   “ไปจัดของแล้วพักผ่อนเหอะพรุ่งนี้ค่อยไปทำงาน” ตอนนี้พึ่งจะสายๆพักผ่อนอีกวันค่อยไปทำงานคงจะดีกว่า
   “งั้นผมไปเก็บของก่อนนะพี่”ผมพยักหน้าให้มัน วาเก็บจานส่วนที่เหลือเข้าครัวตั้งท่าจะช่วยผม
   “วาขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ”
   “เดี๋ยววาช่วย”
   ฟอด
   “ขึ้นไปพักดีๆหรือจะไม่พักก็ได้นะ” กดจมูกแรงๆที่แก้มหอมแล้วส่งสายตาวิบวับให้ วาวางจานลงซิงค์โครมใหญ่
   “พักก็ได้ พี่ลมก็รีบขึ้นไปพักนะครับ” ถึงจะทำหน้าบึ้งแต่ก็ยังเป็นห่วงผม ให้ตายเหอะน่ารักน่าฟัดจนผมไม่อยากไปคุยงานกับไอ้ละอองเลย ไม่ได้วาเหนื่อยแล้ววันหลังค่อยทบต้นทบดอกทีเดียวละกัน ล้างจานเสร็จผมก็ออกไปหาไอ้ละอองที่เอาเอกสารมาให้บิลทั้งสามใบไม่ใช่น้อยๆ ทั้งหลักฐานการโอนเงินจ่ายเงินทุกอย่างจริงๆไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้เพราะผมก็ไว้ใจลูกน้องตัวเองอยู่แล้ว
   “ขอบใจนะไอ้ละออง”
   “ไม่เป็นไรครับนาย ผมเต็มใจอยู่แล้ว งานที่นายสั่งไว้ก็เสร็จเรียบร้อยหมดแล้วนะครับ” ผมพยักหน้ารับ
   “เดี๋ยวสิ้นปีกูจะขึ้นโบนัสให้” ถือเป็นการตอบแทนที่มันทำงานได้ตามคำสั่งแถมตั้งอกตั้งใจทำงาน ผมถือเอกสารแยกตัวกลับไปบ้านวันนี้ก็ให้ละอองมันครองตำแหน่งตัวแทนผมอีกซักวันขอพักอีกวันพรุ่งนี้ค่อยลุยงาน

   “พี่ลมหายไปไหนมา วาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้รีบขึ้นมาพัก” ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป วาในชุดนอนยืนกอดอกทำหน้าบึ้งยิ่งเห็นงานที่ผมหอบขึ้นมาวายิ่งหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม
   “พี่ไปเอางานกับละอองมาแปบเดียวเองนะที่รัก” รีบทิ้งงานในมือไปกอดเอวคนหน้าบึ้งที่น่ารักหอมแก้มหอมซ้ายทีขวาที
   “ไปอาบน้ำได้แล้วครับ อย่ามาเนียนนะพี่ลม” วาตีมือผมที่สอดเข้าใต้เสื้อ นิดๆหน่อยๆก็เอา
   “วานอนไปก่อนเลยเดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อนนะ” คนน่ารักเริ่มยิ้มพยักหน้า คนน่ารักนี่ทำอะไรก็น่ารัก อะไรใครอวยเมียตัวเอง ไม่มีเหอะ วาน่ารักจริงๆรึคุณจะเถียง ผมออกมาจากห้องน้ำวาก็หลับอุตุไปแล้วผมค่อยๆสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มวาก็พลิกตัวขยับเข้ามาซุกผมทันทีอดยิ้มไม่ได้กับอาการน่ารักๆที่วาทำไปโดยไม่รู้ตัว อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มรั้งเอวบางเข้ามากอดแนบชิดแล้วหลับตาพักผ่อน ไว้ตื่นค่อยพาไปดูของขวัญ
   หลังจากที่นอนไม่นานผมก็ตื่นคิดว่าตื่นก่อนคนข้างๆแล้วซะอีกมองนาฬิกาหัวเตียง เย็นขนาดนี้แล้วเหรอลุกขึ้นเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองเสร็จค่อยลงไปข้างล่าง
   “บ้านเป็นไงบ้างทัพ” ผมยังไม่ได้เดินไปดูภายในเลยแต่ก็มั่นใจช่างเพราะเป็นคนๆเดียวกันที่สร้างบ้านหลังนี้
   “ดูดีสุดๆเลยพี่ ผมชอบมันมากเลยล่ะ” มองซ้ายมองขวาหาคนที่ตื่นมาก่อน  “ หาวาเหรอพี่ทำกับข้าวเสร็จก็อุ้มน้องออกไปข้างนอกโน้นนะ”
   “กินข้าวเย็นไปเลยก็ได้นะ จะพาเมียไปกินข้าวข้างนอก” ยกคิ้วให้ มันทำหน้าเหม็นเบือ โบกมือไล่ได้ข่าวนี่บ้านกูนะ ผมเดินออกไปนอกบ้านเห็นวากำลังนั่งเล่นกับไม้ที่ม้าหินอ่อน ยกหูโทรศัพท์สั่งให้ละอองเตรียมของให้ผมซึ่งมันรับปากดิบดี
   “วา ไปกับพี่ที่หนึ่งหน่อยสิ” ทั้งวากับน้ำเงยหน้ามองผมงงๆ เหมือนกันจริงๆกับไอ้สายตากลมๆนี่ ผมยิ้มแต่ไม่ได้บอกอะไรเข้าไปอุ้มน้ำมืออีกข้างก็คว้าข้อมือเรียวมากุมไว้เดินไปที่รถ
   “พ่อลมจะไปไหนครับ”
   “เซอร์ไพรส์ครับคนเก่ง” น้ำตบมือดีใจแม้จะไม่เข้าใจว่าเซอร์ไพรส์มันคืออะไร
   “พี่ลมจะเล่นอะไรกันล่ะครับ”
   “รอดูก็แล้วกันนะครับ” ขับรถออกไปทางเหนือไร่ ที่ผมให้ไอ้ละอองจัดเตรียมสถานที่ไว้ให้เรียบร้อยรอขับรถไม่นานก็เข้าเขตโฮมสเตย์ที่ผมสร้างไว้เป็นของขวัญ บ้านพักเล็กๆที่สร้างอยู่ระหว่างต้นไม้ใหญ่มีแนวรั้วเป็นต้นโมกกลิ่นหอมผมคิดแบบไว้ ซึ่งมันเป็นบ้านพักไม้หลังเล็กๆ ผมสร้างไว้แค่แปดหลังกับหลังใหญ่ที่เป็นบ้านพักเผื่อครอบครัววามาเที่ยวจะได้เอาไว้พัก
   “นี่มันอะไรกันครับพี่ลม” วาได้แต่มองอึ้งๆเมื่อบ้านพักถูกตกแต่งด้วยไฟสีส้มนวลตา ยิ่งทำให้บ้านพักดูสวย
   “ของขวัญไง”
   “น...นี่มันใหญ่เกินไปนะครับ” ดวงตากลมคลอน้ำใสแวว
   “สวยจังเลยครับพ่อลม”
   “นี่เป็นของที่พี่ทำให้วากับลูก”
   “แต่ที่พี่ให้มันก็มากมายแล้ว แค่พี่อยู่กับวาก็พอแล้ว” ใครใช้ให้พูดจาน่ารังแกแบบนี้กันนะ ผมยกมือปิดตาลูกก่อนที่จะกดริมฝีปากนุ่มที่พูดคำหวานน่ารังแก
   “อือ ....อืม...”เสียงหวานๆนั่นทำให้ผมไม่อยากหยุด
   “พ่อลมน้ำมองไม่เห็นนนนน ปล่อยน้ำน้า” เสียงโวยวายทำให้ผมต้องผละออกอย่างเสียดาย วาทรุดนั่งกอดเข่า ผมเอามือออกจากหน้าลูกที่ดิ้นโวยวาย
   “พี่วาพ่อลมแกล้งน้ำ” น้ำโผเข้าไปกอด วารวบตัวน้ำไปกอด
   “แกล้งพี่วาเหมือนกันล่ะครับ”  ผมขำกับท่าทางเขินแล้วไปฟ้องลูกของวา แต่ก่อนที่จะกอดกันนานกว่านี้ผมดึงวาให้ลุกขึ้น ดูเหมือนว่าวาจะเขินจนไม่ยอมสบตากับผม
   “ชอบไหมครับวา”
   “ชอบครับ”
   “พี่ดีใจที่วาชอบ ต่อไปทั้งไร่และตัวพี่และลูกจะให้วาดูแลขอแค่อยู่กับพี่ตลอดไปก็พอ พี่รักวานะ” เพียงแค่พูดจบหยดน้ำใสกลิ้งไหลลงแก้มเนียน
   “วาก็รักพี่ รักน้ำ อึก ขอบคุณครับ”
   “พี่วาขี้แยจัง โอ๋ๆน้า เดี๋ยวน้ำปลอบ” น้ำกระตุกขากางเกงให้ผมอุ้ม อุ้มขึ้นเสร็จน้ำยกมือป้อมๆเช็ดน้ำตาให้วา
   “พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อคนที่พี่รักทั้งสองคนเห็นบ้านหลังใหญ่นั่นไหมพี่จะเอาไว้ถ้าเกิดว่าพ่อกับแม่มาเที่ยวจะได้ให้มาพักที่นี่” ยิ่งเห็นว่าผมคิดถึงครอบครัววาผมอุ้มลูกจูงมือวาเข้าบ้านใหญ่ ที่ดูเหมือนไอ้ละอองจะทำดีจนเกินที่ผมสั่งไว้มันเล่นจัดโต๊ะใต้แสงเทียนมันจะดีกว่านี้มาก ท่ามันไม่เอาเทียนเล่มใหญ่ที่ไม่รู้มันไปขโมยวัดไหนมา
   “คิก พี่ลมให้ใครจัดให้ครับเนี้ย” อยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออกไม่รู้มันหวังดีหรือต้องการกวนตีนผมกันแน่
   “พี่ว่าพี่คงจะให้รางวัลละอองเพิ่มซักหน่อยแล้ว” ถึงจะบอกไปแบบนั้นผมก็ไม่ทำอะไรมันหรอก
   “เทียนเบ้อเริ่มเลยอ่ะพ่อลม” แทบจะโยนไอ้เทียนพรรษานี่ทิ้งเดินไปเป่าไฟให้ดับแล้วยกไปวางที่อื่นน้ำนั่งที่เรียบร้อย ยังดีที่อาหารที่มันจัดไว้ให้ไม่ได้พิสดารถ้าไม่งั้นมันได้โดนดีแน่ๆ    
   “นี่ครับพี่ลม ที่ตอนนั้นพี่ลมกลับบ้านเหนื่อยๆเพราะนี่ใช่ไหมครับ”
   “ก็นั่นล่ะนะพี่พยายามเร่งคุมงานให้มันเสร็จทันจะได้เซอร์ไพรส์วา”
   “ขอบคุณนะครับ” มือเรียวเอื้อมมากุมมือ ผมยิ้มตอบพร้อมกับจับมือไว้
   “น้ำจับด้วย เนาะพี่วาเนาะ”
   “ยุ่งจริงนะเจ้าตัวแสบ”
   “น้ำไม่แสบซักหน่อยน้ำน่ารักใช่ไหมพี่วา” เจ้าแสบเกาะแขนเขย่าๆอ้อนๆ แถมยังอ้าปากรอวาป้อนเหมือนเป็นลูกนกยังไงอย่างนั้น
   “นี่กินดีๆสิ”
   “น้ำจะให้พี่วาป้อน”
   “พี่ลมอย่าหาเรื่องทะเลาะกับลูกสิครับ” ให้ตายเถอะกลายเป็นผมผิดไปซะอย่างนั้น แล้วดูน่าลูกผมสิล้อเลียนผมชัดๆไม่น่าให้อยู่กับโยเลยช่วงไปเที่ยวเหมือนจะซึมซับนิสัยเสียๆมาด้วย
   “พี่ไม่ผิดซักหน่อยวา”
   “พี่ลมอย่างอแงสิครับ”
   “ช่ายๆ พ่อลมอย่างอแง” หนอยยยย อย่าให้ถึงเปิดเทอมนะ ได้แต่คาดโทษลูกไว้ในใจเพราะภาพวากับลูกที่คุยกันนั่นทำให้ผมมีความสุขแล้ว ต่อให้ทำงานหนักกว่านี้ ทำทุกอย่างมากขึ้นกว่านี้เพื่อคนที่ผมรักผมก็ยอมเหนื่อย
   ฟอด
   ฟอด
   “รักพ่อลมน้า/รักพี่ลมนะครับ” ให้ตายเถอะผมจับตัวน้ำมาฟัดซ้ายฟัดขวา หันไปมองเป้าหมายต่อไปที่รีบลุกขึ้นแล้วถอยหลังไปหลายก้าว
   “ไม่เอานะพี่ลม”
   “มาน้ำจัดการเอาคืนพี่วากัน” รีบวางน้ำแล้วพุ่งเข้าไปหาวาที่เตรียมวิ่งหนีแล้ว
   “พี่วาอยู่เฉยๆสิ”
   “พอเลยนะหยุดเลยนะ” เสียงหวานที่พยายามร้องห้ามผมและลูกแต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไร เสียงหัวเราะสนุกสนานดังทั่วทั้งบ้านตอนนี้ที่ไร่แห่งนี้มีแต่ความสุขและความรัก พวกคุณสามารถเข้ามาพักผ่อนสัมผัสความรักและความสุขจากไร่สายลมได้นะครับ
********************************************************************
จบแล้วนะ ฮือออออออออออออออออออ
เอาจริงๆตอนจบนี่เขียนยากมากอ่ะ ไม่อยากให้จบ
เดี๋ยวตอนพิเศษจะเอามาลงที่หลังนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมา
ตอนนี้ประกาศเรื่องใหม่แล้วน้า
ไว้แต่งได้เยอะจะเอามาลงนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ
รัก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด