SP YO X Tap
หลังากที่พี่ลมเปิดโฮมสเตย์ยกให้วาดูแลพร้อมกับงานบัญชีทุกอย่างผมก็ช่วยไอ้ไม้ที่หลังจากไปเที่ยวดูเหมือนจะบ้างานเป็นบ้าเป็นหลังโครงการทำนั่นทำนี่จนทุกคนหัวหมุนตามที่ไอ้ไม้อยากทำไม่ทัน
“มึงบ้าไปแล้ว ไอ้ไม้คิดจะทำอะไรเยอะแยะวะ” ผมทนไม่ไหวกับการที่มันคิดโครงการมามากมาย ตอนนี้มันนอนที่บ้านหลังจากกลับมาผมก็ได้ย้ายมาบ้านใหม่ที่ไม่ได้ไกลกันเลย และมันก็ถูกใจผมมากไอ้ไม้ก็กลับมานอนบ้างไม่นอนบ้างแล้วแต่วัน
“มึงกูอยากลองทำหลายๆอย่างดู” อยากจะโบกหัวมัน ดูเหมือนว่ามันจะคึกเกินไป
“มึงต้องดูก่อนถ้ามึงขยายตอนนี้ใครจะช่วยมึง” มันถอนหายใจและเชื่อผมแค่ตอนนี้งานก็ล้นมือแทบไม่มีเวลาพักแล้ว
“กูว่าจะรับคนมาช่วยงานวะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยแต่ว่าจะหาคนที่ทำงานด้านนี้และสามารถตามการทำงานของผมกับไอ้ไม้ได้
“ก็ลองหาดูแต่ขอแค่ให้สู้งานได้ละกัน” ผมเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าได้เวลาแล้วเลยเลิกคุยหนีขึ้นห้อง พอดีกับที่สัญญาณแจ้งเตือนว่ามีใครคอลมา รีบกดรับสัญญาณพี่โยนอนอยู่บนเตียงสภาพพร้อมนอนสุดๆ รู้ได้ไงนะเหรอพี่ท่านใส่แค่กางเกงนอนขายาวเคยไล่ให้ไปใส่เสื้อพี่โยก็บอกว่าชอบใส่แบบนี้จนผมขี้เกียจจะพูด
“พี่โยรอก่อนนะ ยังไม่ได้อาบน้ำ” ผมตะโกนบอกเพราะมัวไปห้ามไอ้ไม้เลยยังไม่ได้ขึ้นห้องซักที
“ว้าพี่อยากอาบด้วยจัง” อยากจะเดินไปปิดโน๊ตบุ๊คหนีน้ำเสียงอ้อนบาทาจริงๆได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำ หลังจากที่ตกลงเป็นแฟนก็ผ่านมาจะสองเดือนแล้วถ้าจะถามเรื่องความสัมพันธ์ก็เอาง่ายๆก็เรื่อยๆ เอื่อยๆ แต่ก็เสมอต้นเสมอปราย ถ้าถามเรื่องการนอกใจผมนี่ไม่มีปัญหาทุกวันนี้ถึงบ้านนี่แทบโงหัวไม่ขึ้นเพราะการโหมงานหนักของไอ้ไม้ ส่วนฝั่งพี่โยนั้นจะเรียกว่าไว้ใจก็คงไม่แปลก ถ้าเลือกที่จะคบแล้วผมก็เลือกที่จะไว้ใจคนที่รักถึงจะมีความผิดพลาดมาแล้วในอดีต ผมก็ไม่คิดที่จะเอามาเปรียบเทียบกันอีกอย่างคนกวนประสาทอย่างนั้นถ้ากล้าทำอะไรผมล่ะก็.....ผมมีวาอยู่ข้างเสมอ
“ง่วงรึยังพี่” นั่งลงเช็ดผมเห็นคนในจออ้าปากหาวกว้าง
“ยังรอคุยด้วยอยู่ครับ” แม้ผมจะดูออกว่าพี่โยง่วงแต่ก็ยังฝืนรอผมอยู่ แม้พี่โยจะเหนื่อยแค่ไหนก็จะรออยู่คุยกับผมเสมอ แม้บางวันจะหลับไปก่อนผมก็ตาม สงสารก็สงสารนะแต่ห้ามไม่เคยฟังซักที
“วันนี้ทำอะไรบ้างล่ะทำไมดูเหนื่อยๆจังครับ” นี่ล่ะรับคุยกันก็แทบมีแต่เรื่องเดิมๆไม่ได้มีอะไรหวานเวอร์อะไร
“เหนื่อย เมื่อไหร่ทัพจะได้มาช่วยงานพี่ซักครึ่งปีล่ะ” ยังไม่ลืมเรื่องข้อเสนอที่พี่ลมพูดขึ้นแล้วพากันตกลงเป็นจริงเป็นจังไม่ได้ถามอะไรผมเลย
“อีกตั้งหลายเดือนนะ”
“ก็คิดถึง” ให้ตายเถอะหลังๆมาพี่โยจะหยอดอะไรหนักหนาให้ตายเถอะพอโดนทีไรผมทำหน้าไม่ถูกซักที
“เลิกหยอดผมซักทีได้ไหมพี่โย”
“ไม่อ่ะ เห็นทัพเขินแล้วพี่สนุกดี” เนี้ยไง เสมอต้อนเสมอปลายจริงๆ
“ถ้าไปอยู่โน้นผมคงได้กินพาราวันละแผงแน่ๆ” พี่โยขำ คุยกันได้ไม่นานผมที่นั่งพูดคนเดียวกันไปก็ได้เห็นว่าฝั่งพี่โยเงียบไปแล้วหันไปก็เห็นพี่โยนอนหลับสนิทไปแล้ว ได้แต่ยิ้มขำคุยกันได้ไม่นานเลยซักนิดหลับไปซะแล้วคงจะเหนื่อยสินะ สิ่งที่พี่โยพูดมาผมก็รู้สึกได้ไม่ต่างกัน
“ผมก็คิดถึงนะ ฝันดีพี่โย” พูดจบก็รีบออฟไลน์หนีความรู้สึกอายที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ ผมคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้กัน นอนกลิ้งไม่นานผมก็หลับไป
“ทำไมไม่ไปอยู่ด้วยกันเลยวะ” ผมทักไอ้ไม้กับไอ้ผู้กองที่ถ่อวิ่งมาหากันตั้งแต่เช้า ไม่คิดจะเป็นก้างหรอกนะแต่แบบทุกวันนี้มันก็แทบจะอยู่ด้วยกันอยู่แล้วเพียงแค่สลับบ้านกันนอนแค่นั้น
“อยู่นี่ก็สบายดีจะไล่กูไปทำไมวะ”
“มึงก็ดูหน้าไอ้ผู้กองดิ” พอผมพูดเรื่องย้ายที่นัทมันอ้อนขอให้ไม้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน แต่ไม้มันก็ไม่ยอม
“เรื่องดิแบบนี้ก็ดีแล้วน่า” แอบขำกับหน้าที่ออกอาการเบือที่ไม้ไม่ยอมตามไปอย่างเห็นได้ชัดของนัท กวนมันสองคนพอหอมปากหอมคอ พวกเราก็แยกย้ายไปทำหน้าที่วันนี้เป็นหน้าที่ผมที่ต้องอยู่ไร่ช่วยพี่ลม ตอนนี้ไม้ประกาศรับสมัครพนักงานเพิ่มเพื่อที่จะได้ดูแลทุกส่วนได้อย่างครอบคลุมและเผือว่าผมไปอยู่ทที่โน้นจะได้มีคนช่วยงานได้
เผลอแปบเดี๋ยวหลังจากที่ไปบ้านวาก็ผ่านมา 4 เดือน น้องน้ำนับวันที่ฉลาดเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน เป็นจอมแสบของบ้านเลยทีเดียวล่ะ
“พี่ทัพเก็บกระเป๋าเสร็จรึยังครับให้วาช่วยไหม” ใช่ครับเก็บกระเป๋าจู่พี่โยก็ขอให้ผมไปช่วยงานทั้งๆที่มันยังไม่ถึงกำหนดด้วยซ้ำ แถมยังส่งตั๋วมาให้เรียบร้อยยังดีที่ผมมีพาสปอร์ตไม่งั้นฉุกเฉินแบบนี้ได้ลำบากแน่ๆ
“เก็บเรียบร้อยแล้วล่ะ คงไปไม่นานหรอก” คงไม่ได้อยู่นานหรอกนะ ถึงจะดีใจที่ได้เจอกันก็เถอะ
“งั้นไปเถอะครับเดี๋ยววาไปส่งเอง” ผมรีบยกกระเป๋าไปขึ้นรถในใจรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอกันซักที วาขับรถมาส่งที่สนามบิน บอกลาวาพร้อมกับบอกให้ขับกลับบ้านดีๆ ก่อนที่ผมจะบินลัดฟ้าไปหาคนที่งอแงขอให้ผมไปช่วยงานที่เห็นหน้าผมก็สงสารแล้ว เอาจริงๆผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากแค่ไหน ภาษาผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรที่เป็นทางการ แต่ถ้าพูดและฟังไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว นั่งเครื่องนานจนผมหลับได้ตื่นหนึ่ง ผมก็เดินทางมาถึง เห็นป้ายชื่อตัวเองโบกไปมารีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหา ใครหว่า รู้สึกไม่คุ้นหน้าเลยด้วยซ้ำ พี่โยไม่ได้มารับผมหรอกเหรอ สงสัยว่าผมจะแสดงอาการงงมากไปคนที่มารับเลยส่งยิ้มกว้างก่อนที่จะอธิบาย
“โยให้ผมมารับ ผมดีนนะครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะยืนมือไปจับ ท่าทางจะเป็นเพื่อนกับพี่โย คนที่มีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่เอื้อมมือมาคว้ากระเป๋าลากผมไปถือซะเองยังไม่ทันที่จะได้ห้ามอะไร
“ไปกันเถอะครับเดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน”
“อ่าครับ” ได้แต่เดินตามอย่างงงๆ คนตัวสูงที่เดินนำไปที่รถเก็บกระเป๋าหลังรถแล้วเปิดประตูให้ผมอีก ตลอดทางพี่ดีนเป็นคนคุยสนุกมาก ถามโน้นถามนี่ไม่หยุดจนมาถึงบ้านตอนไหนก็ไม่รู้
“เดี๋ยวขึ้นไปพักก่อนเลย นี่กุญแจบ้านพี่จะไปโรงงานก่อน” พอสนิทสรรพนามก็เปลี่ยนไป พี่ดีนส่งกุญแจให้แล้วก็ขนกระเป๋าลงมาให้เสร็จสรรพก็เดินกลับขึ้นรถขับออกไปซะอย่างนั้น เดี๋ยวสิ ไม่มีคนอยู่บ้านแล้วให้ผมเข้าไปเนี้ยนะ ถึงจะงงๆแต่ผมก็เพลียอยากจะนอนเลยขอเปิดบ้านเข้าไปไอ้ครั้นจะขึ้นไปนอนบนห้องผมก็เกรงใจ เลยเอากระเป๋าวางที่ห้องนั่งเล่นแล้วล้มตัวนอนที่โซฟา อยากจะเจอกับคนที่คิดถึงอยู่หรอกนะแต่ตอนนี้ผมไม่ไหว พลิกตัวไม่กี่ทีผมก็หลับไป
จึ๊กๆ
อือ....
จึ๊กๆ
“อือไม่กวนน่าไม้” พลิกตัวหนีอะไรบางอย่างที่คอยจิ้มหน้าจิ้มตาเขาอยู่
“หึๆ ตื่นได้แล้วขี้เซาเย็นแล้วนะ” เสียงทุ้มกระซิบข้างๆหู ทำไมคุ้นหูลืมตาขึ้นกระพริบหนีแสงสว่างมองรอบๆด้วยอาการเบลอๆ ก็มีมืออุ่นลูบผมอยู่
“พี่โย” เสียงแผ่วๆเรียกคนที่นั่งลูบหัวผมอยู่
“ตื่นได้แล้วขี้เซา”
“โอ๊ย เจ็บนะเว้ย” จากที่ลูบหัวอยู่ดีๆพี่มันเลื่อนมาบีบจมูกผมแรงๆ จนผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งยกมือกุมจมูกที่ไม่ต้องดูก็รู้เลยว่ามันต้องแดงแน่ๆ ดีได้ไม่ถึงสามวิเลยเหอะ
“ทำไมไม่ขึ้นไปนอนบนห้อง” ผมตวัดสายตามองคนที่นั่งลงข้างๆ ลูบจมูกที่ยังเจ็บไม่หาย
“ไม่กล้า” พี่โยส่ายหัว แล้วลูบจมูกผมเบาๆ
“แดงเลย”
“เพราะใครกันเล่า เออนี่พี่จะให้ผมอยู่กี่วันจะได้โทรไปบอกไอ้ไม้” ถึงตอนนี้จะมีคนมาช่วยงานแต่ผมก็ห่วงงานส่วนของผมเหมือนกัน
“หือ ไม่ได้บอกเหรอว่าเราจะมาอยู่นี่สองเดือน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปทำเอกสาร”
“ห๊ะ!!!!!!!!!!!!!!” ตอนนี้ผมไม่มีความเกรงใจอะไรแล้ว ดีดตัวลุกขึ้นยืนร้องลั่น ไม่เห็นรู้เรื่องเลยเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“เสียงดังอะไรกันคะ” เสียงหวานๆมาพร้อมกับคุณแม่ที่อุ้มเด็กผมทองตาสีฟ้าหน้าตาน่ารักตากลมจ้องมอง ผมรีบกลืนคำที่จะก่นด่าไอ้คนอารมณ์ดีลงคอก่อนที่จะอธิบายกับคุณแม่
“พี่โยไม่ยอมบอกว่าจะให้ผมมาอยู่นี่สองเดือนครับ” ก็สงสัยอยู่หรอกนะแต่ไม่คิดว่าจะเล่นไม้นี้ ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรมาเลย
“พี่โยนี่นิสัยแย่จริงๆ ทัพหิวไหมคะลูก แม่พึ่งทำกับข้าวเสร็จพอดี เดินทางเหนื่อยไหมคะ” น้ำเสียงห่วงใยทำให้ผมลืมความหงุดหงิดยกยิ้มกว้างให้กับคุณแม่
“กำลังหิวเลยครับ กลับไปคิดถึงฝีมือคุณแม่มากเลยล่ะครับ”
“ปากหวานจริงๆเลยนะคะ น้องวินไปหาแด๊ดก่อนนะคะ” คุณแม่กระซิบบอกเด็กน้อยที่ส่ายหน้าจนผมสีทองสะบัดไปมาแล้วชี้มาที่ผม หือ อะไรอ่ะ
“หึๆ” ไอ้พี่โยหัวเราะในลำคอที่ผมเห็นว่ามันกวนตีนมาก พอเห็นว่าเจ้าตัวเล็กยังส่ายหน้าไปมาผมเลยขยับเข้าไปใกล้
“พี่อุ้มได้ไหมครับ” พอผมถามจบเจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก แถมยังอ้าแขนกว้างโผมาหา ผมรีบรับยิ่งพอเห็นใกล้ๆยิ่งดูน่ารัก ตาโตสีฟ้ากับผิวนุ่มนิ่มแถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆอีก
“น้องวินใช่ไหมครับ พี่ชื่อทัพนะครับ” ผมยิ้มให้กับเด็กน้อยที่จ้องตาแป๋ว วินพยักหน้ารับแต่ไม่พูดอะไรแล้วกอดคอผมซบหน้าลงกับคอ น่ารักเหมือนลูกแมวเลย
“พี่โยนี่ลูกใครอ่ะ”
“ลูกพี่เอง” เฮ้ย....ผมตาโตตกใจหัวใจเหมือนจะหยุดเต้นหลบสายตาคมที่จ้องมอง เหมือนทั่วทั้งห้องนั่งเล่นมีบรรยากาศกดดันให้ผมหายใจไม่ออก
“ทัพมาทานข้าวค่ะ”ผมรีบเดินหนีจากตรงนี้ไปหาคุณแม่ทันที วินไม่ยอมปล่อยมือออกจากคอผม
“หิวไหมครับ” ผมถามเจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเกาะติดผมแน่นพยักหน้าเบาๆทีหนึ่งผมให้น้องนั่งบนตักเพราะน้องไม่ยอมห่างจากผมทั้งๆที่คุณแม่จะอุ้มน้องก็ยังไม่ยอมไปผมเลยบอกว่าจะดูน้องเอง นั่งกินพร้อมกับสลับป้อนน้องที่เคี้ยวตุ้ยๆไม่พูดไม่จา เสียงเลือนเก้าอี้ข้างๆพร้อมกับร่างสูงที่นั่งลงผมก็รู้แล้วว่าใคร แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ
“อร่อยไหมครับวิน” น้องยิ้มนิดๆแล้วพยักหน้า อ้าปากให้ผมป้อนให้อีก
“วันนี้กินเก่งจังนะเจ้าตัวยุ่ง” พี่โยเอื้อมมือมาโยกหัววินแรงๆจนผมต้องปัดมือออกแล้วลูบผมทองให้เข้าทรงวินยิ่งขยับมากอดผมแน่น ตลอดการกินข้าวผมไม่คุยกับพี่โยเลยซักคำ ไม่รู้สิเหมือนมีอะไรมาถ่วงให้ผมปากหนัก ปกติถ้าพี่โยแกล้งอะไรผมจะเต้นตามแต่ตอนผมไม่มีอารมณ์ที่จะเต้นตามเลยด้วยซ้ำ ทานเสร็จวินก็ทำท่าง่วงยกมือขยี้ตาแรงจนผมต้องจับมือเล็กๆไว้
“คุณแม่ครับน้องง่วงแล้วล่ะครับ” ผมอุ้มน้องลุกขึ้นไปหาคุณแม่ในครัว
“มาค่ะเดี่ยวแม่พาขึ้นไปเอง” คุณแม่ทำท่าจะมาอุ่มเจ้าตัวเล็กก็น้ำตาคลอกอดคอผมแน่น
“คงไม่ไปแล้วล่ะมั้งครับแบบนี้ เดี๋ยวผมพาน้องไปนอนก็ได้ ห้องน้องอยู่ตรงไหนครับ” ผมถามกับคุณแม่พร้อมกับพี่โยเดินเข้ามาใกล้ผมเบี่ยงตัวหลบแล้วอุ้มน้องพาขึ้นห้องที่คุณแม่บอก
วางน้องลงบนเตียงกล่อมจนหลับอาจจะเป็นเพราะเลี้ยงน้องน้ำด้วยรึเปล่าเลยรู้สึกถูกชะตากับน้อง วินตาปรือมือยังจับเสื้อผมแน่นนี่ขนาดหลับสนิทไปแล้วนะ ดึงผ้าห่มคลุมดีๆพร้อมกับแกะมือน้องออกให้น้องนอนดีๆ ลูกพี่โยเหรอ ไม่รู้เอาจริงหรือแกล้งผมกันแน่ พอลงมาจากห้องแล้วกระเป๋าของผมทั้งหมดก็หายไปจากห้องนั่งเล่นแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่อยู่แล้วมีเพียงพี่โยที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟา
“ กระเป๋าผมอยู่ไหน” ไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่ใช้มันห้วนไปรึเปล่าพี่โยถึงได้ขมวดคิ้วแน่น
“ห้องพี่ ทำไมไม่คุยกับพี่”
“ผมแค่เหนื่อยๆ ขอตัวก่อนนะครับ” ให้ตายเหอะนับวันผมยิ่งมีนิสัยเสียๆโผล่ขึ้นมาจากที่เคยมีอะไรก็คุยกันตรงๆแต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเหนื่อยที่จะโดนปั่นหัว
หมับ
ตุ๊บ
“เป็นอะไรของเรา โกรธอะไรพี่” ไออุ่นที่ถูกโอบกอดมันต่างจากที่คุยผ่านจอ
“ไม่หนักรึไงปล่อยผมลงเถอะ” ผู้ชายตัวเท่าควายมานั่งตักกันมันดูแปลกๆไปหน่อยไหม
“ตัวเบาจะตาย บอกพี่มาดีๆ เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเหมือนคู่อื่นๆนะทัพ มีอะไรเราก็ต้องคุยกันทุกเรื่องสิ”
“คุยกันบ้าอะไร ทีตัวเองยังไม่เห็นบอกอะไรผมเลย” ผมทั้งดิ้นทั้งแงะมือที่เหนี่ยวอย่างกับปลาหมึก
“โกรธเรื่องลูกเหรอ”
“.....” ผมเงียบไม่พูดอะไรเหมือนยอมรับกลายๆว่าโกรธเรื่องอะไร
ฟอด
“พี่โย” ผมรีบดันตัวหนีห่างเมื่อพี่โยหอมแก้ม
“พี่ว่าจะรอให้เรามาแล้วค่อยบอกไม่ใช่ว่าจะปิดบังอะไรหรอกนะ วินเป็นเด็กที่พี่รับมาเลี้ยงเอง” พี่โยเริ่มอธิบายผมก็ยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเองที่คิดมาก
“แล้วทำไมน้องไม่ยอมพูดอะไรเลยครับ” เมื่อเห็นว่าพี่โยไม่ยอมปล่อยผมก็นั่งพิงเลยล่ะกัน
“วินเป็นลูกของเพื่อนพี่เองครอบครัววินเกิดอุบัติเหตุเหมือนว่าจะช็อคเลยไม่ยอมพูดอะไรเลย” ผมพยักหน้าเข้าใจที่น้องไม่พูดแต่ก็สงสารน้อง
“ว่าแต่พี่ทำบ้าอะไรของพี่ทำไมถึงให้ผมมาอยู่นี่ตั้งสองเดือน”
“ก็มาเลี้ยงน้องวินไง” อึ้ง นี่ลากผมมาข้ามโลกเพราะจะให้มาเลี้ยงน้องวิน ให้ตายเหอะ
“เล่นใหญ่ไปไหม ปล่อยได้แล้วผมจะไปอาบน้ำนอน” จะให้นอนห้องเดียวกันผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอกนะ แต่ไอ้ครั้นจะให้อยู่เป็นเดือนๆมันจะเกิดอะไรขึ้นนี่สิ พี่โยยอมปล่อยให้ผมไปอาบน้ำ
“เดี๋ยวพี่ตามขึ้นไปนะที่รัก"ผมไม่หันกลับไปแต่ยกนิ้วกลางขึ้นใส่หน้าแล้วเดินหนีขึ้นบนห้องอยากจะโทรไปโวยที่ไร่สายลมนะ จะสไกป์มันก็คงจะไม่เล่นกันตอนนี้แน่ๆ ให้ตายเถอะอยู่ก็อยู่ หยิบเอาเสื้อผ้าหนีเข้าไปอาบน้ำ ทั้งที่ก็ยังห่วงงานอยู่เหมือนกัน เหอะ ให้ไอ้ไม้ปวดหัวกับงานไปละกัน ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างที่เห็นทุกคืน กลิ่นติดหมอนที่เหมือนพี่โยอยู่ใกล้ตลอดเวลายิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ
พอๆ
“เลิกฟุ้งซ่านแล้วนอนได้แล้วไอ้ทัพ” พลิกตัวซบลงกับหมอนกลิ่นหอมๆบวกกับอาการเหนื่อยล้าทำให้ผมหลับลงอย่างรวดเร็ว
Yo Part
ยอมรับว่าผมอดขำไม่ได้ที่เห็นทัพหน้างอที่นี่ถิ่นผม ผมจะแกล้งทัพยังไงก็ได้ หึๆ แต่พอเห็นว่าทัพจริงจังกับคำพูดของผม วินเป็นลูกชายของเพื่อนรักผมเองที่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุผมรับน้องมาเป็นลูกบุญธรรมก็เป็นเวลาเดือนกว่าที่น้องไม่พูดไม่จาเหมือนตุ๊กตายังดีที่ยอมกินข้าวกินน้ำ จะมีก็วันนี้นี่ล่ะที่เกาะติดทัพซะจนผมแปลกใจ ปิดทีวีปิดไฟก่อนที่จะขึ้นห้องที่ผมรอคอยให้ใครอีกคนมาอยู่ด้วยต้องอาศัยการเล่นเล่ห์นิดหน่อยถึงทำให้ทัพมาอยู่ตรงนี้
“หลับแล้วเหรอ” นั่งลงข้างๆคนที่หลับสนิทยิ่งได้คุยยิ่งทำให้ผมอยากให้ทัพมาอยู่ซะที่นี่แต่ผมก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทัพ ล้มตัวนอนลงข้างๆมองหน้าคมที่ฝังใบหน้าลงหมอนไปซะครึ่งแล้วขยับเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจก่อนที่จะหลับตาลง
ตื่นขึ้นมาตอนเช้าตามเวลาปกติของตัวเองมองไปข้างกายทัพก็ยังหลับอยู่สงสัยยังจะปรับตัวไม่ได้ แต่มันก็หลายชั่วโมงแล้ว
หมับ
เร็วกว่าความคิดเลื่อนมือไปบีบจมูกรั้นไว้ แล้วคอยมองคิ้วเข้มที่เริ่มขมวดเข้า เรียวปากเริ่มอ้าหอบหายใจเข้าออกก่อนที่ตาคมจะลืมขึ้นผมเลยปล่อยมือออก
“แฮ่กๆ ไอ้พี่ อุบ” ก่อนที่เรียวปากสวยนั่นจะก่นด่าอะไรผมออกมาผมก็กดปิดปากกั้นเสียงร้อง จากที่จะกดปิดเสียงแต่เรียวปากนุ่มก็ทำให้ผมอดใจไม่ไหว ยกมือกดท้ายทอยเอียงหน้าให้ได้องศาก่อนที่จะไล่ต้อนกวาดชิมรสหวานจนกระทั่งกำปั้นหนักจะทุบเข้าที่หลังผม
“เจ็บนะ”
“แฮ่กๆ จะให้ขาดใจตายรึไงเล่า” ท่าทางหลบหน้าหลบตาแถมยกมือถูปากบวมเจ่อยิ่งทำให้มันบวมกว่าเดิม
“ก็จะปลุกเดี๋ยวจะได้ลงไปพร้อมกัน”
“ปลุกดีไม่ได้รึไง” ผมลุกลงจากที่นอนมองคนที่ไม่ยอมมองหน้าผมแล้วก้มลงกระซิบข้างๆหู
“รู้ไหมพี่อยากทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” พูดจบผมก็รีบยืดตัวขึ้นคว้าผ้าขนหนูหนีเข้าห้องน้ำทันเวลาที่ทัพร้องด่า ได้ยินเสียงด่าตอนเช้าแล้วมีความสุขจริง
**************************************************************
แอบเอามาลงก่อนแก้คิดถึง
ตอนนี้เค้าพึ่งจะได้ว่าง กลับมาจะงงๆหน่อย
ฮ่าๆๆ เหมือนจะเป็นเรื่องแยกสั้นของพี่โยกับทัพเลยล่ะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ