12.23“บอกว่าจะไปช่วยก็ไม่เชื่อ” เสียงคนเด็กกว่าพูดเซ็งๆ
ผมทำเสียงฮึในคอ “ง้อเจ้าตัวนั้นเถอะ” ผมชี้มือไปยังแมวจิ๋วที่ตอนนี้นั่งขนฟูสะอาดเอี่ยมแต่ตาขวางอยู่บนชั้นวางของ ก่อนจะยกผ้าขึ้นเช็ดผมตัวเองลวกๆ
ไม่น่าลืมไปว่าตัวแสบยังงอนอยู่ พอเข้าห้องน้ำเปิดฝักบัวปุ๊บก็วิ่งปั๊บ ทั้งสะบัดทั้งหนีจนวุ่นไปหมด กว่าจะจับได้เล่นเอาเหนื่อยแฮ่กทั้งแมวทั้งคน พออาบน้ำแมวเสร็จสภาพผมนี่อย่างกับออกมาจากข้าวสารตอนวันสงกรานต์ เปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า เลยจำเป็นต้องเรียกให้เจ้าเด็กหวานมารับจิ๋วจากหน้าประตูห้องน้ำไปเป่าขน ส่วนผมก็เลยต้องอาบน้ำสระผมใหม่ซะอย่างนั้น ดีหน่อยที่จับตัดเล็บไปแล้ว ไม่งั้นคงได้เลือดเอาแน่ๆ
“ตัวนั้นให้ขนมหน่อยก็ลืมแล้วครับ ที่จะเป็นหวัดน่ะคนนี้ต่างหาก เช็ดอย่างนั้นเมื่อไหร่จะแห้งล่ะครับพี่วิน” พูดจบก็จัดการจับจูงผมไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะยืนยิ้มกว้างแล้วหยิบปลายผ้าผืนเล็กไว้ในมือตัวเองแทน “ผมช่วยนะครับ”
ผมมองตามผ้าไปอย่างชั่งใจ
พลันนึกถึงคำแนะนำประหลาดของเพื่อนตัวเองเมื่อไม่นานมานี้
ชีวิตอย่ามีเหตุผลนักเลยมึง ใช้ความรู้สึกมั่งเหอะ ยังไม่รู้หรอกครับว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร แต่ตอนนี้ที่มีมันอยู่ข้างๆ ก็ดีเหมือนกัน
“อือ”
ผมส่งเสียงตอบไปเบาๆ ในลำคอ แล้วขยับตัวนั่งกอดเข่าเงียบๆ ปล่อยให้เด็กหวานใช้ฝ่ามือใหญ่ๆ กับผ้าขนหนูซับน้ำออกจากเส้นผมตัวเองจนเกือบแห้ง
ผมวางคางลงกับเข่าตัวเองแล้วหลับตาลง
มึงรู้สึกยังไงก็ทำไปตามนั้น อยากจะชอบก็ชอบ อยากจะรักก็รัก“พี่วิน” คนเด็กกว่าเรียกขึ้น ทำเอาต้องลืมตาขึ้นมาแบบช่วยไม่ได้
เมื่อไหร่กันที่เจ้านี่หยุดมือไปแล้วมานั่งจ้องหน้าผมแบบนี้
“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกันมั้ยครับ”
พรุ่งนี้เหรอ ผมขมวดคิ้ว
“ไม่ได้ว่ะ… นัดกับพวกแม่งไว้น่ะสิ ทั้งวันเลย”
“อ้าว…”
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย” ผมพูดดักคอ “ไว้วันหลังสิ”
“สัญญานะ” ร่างสูงพูดเสียงเบา
เซ้าซี้จริง “อือ”
หวานยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นพร้อมผ้าเช็ดผมในมือ “ห้ามเบี้ยวนะครับ”
เออน่า…
ไอ้เด็กนี่คิดว่าผมรับปากไปอย่างนั้นหรือไงกัน
ทุกอย่างที่ผมทำน่ะ เลือกแล้วทั้งนั้นล่ะ
_ _ _ _
20.32“เห้ยย อะไรวะเนี่ยยย” ผมโวยวายแล้วโยนจอยลงบนโซฟา “โกง มึงโกงแน่ๆ”
“อ้าว แพ้แล้วพาลนี่ครับ”
“มีอย่างที่ไหนจะมายิงได้สามประตูในสองนาที” ผมว่าเสียงดัง “บ้าแล้ว บ้า”
เด็กหวานหัวเราะหึ “แพ้ก็ยอมรับสิครับพี่วิน”
“คนแพ้ต้องล้างจานนะ พี่วินบอกเอง”
ใครจะไปคิดว่าจะแพ้วะ
ผมย่นจมูก “เออ คำไหนคำนั้นอยู่แล้ว” ผมเดินปึงปังไปที่ครัวพร้อมเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย
ก็ได้แต่ส่งสายตาอาฆาตใส่คนชนะที่กำลังเก็บเครื่องเกมไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี อะไรวะ ผมเป็นเจ้าบ้านนะ
ปล่อยให้ทีมหลุดลีกแบบนั้นมาชนะได้ยังไง หงุดหงิดเป็นบ้า
เดี๋ยวจะไปซ้อมกับพวกไอ้อาร์ตให้หนักเลยคอยดู
แต่ตอนนี้ต้องล้างจาน เฮอะ!
สรุปแล้วเด็กหวานมันมาขลุกอยู่ที่นี่ทั้งวันจริงๆ ตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยทีเดียว
เมื่อตอนกลางวันหลังจากง้อแมวจิ๋วด้วยทาโร่ครึ่งซอง หวานก็ขอไปค้นเอาหนังสือในห้องทำงานผมมานั่งอ่านหน้าโซฟา ท่าทางจะเจ็บใจที่โดนติเรื่องทรีดีเรนเดอร์และพรีเซนเทชั่นมากอยู่ หนังสือที่วางกองอยู่ตรงหน้านอกจากหนังสือของทาดาโอะ อันโดะที่มันชอบแล้ว ถึงได้เป็นรวมผลงานของ BIG (Bjarke Ingels Group) แก๊งค์สถาปนิกชื่อดังของเดนมาร์กที่ทำงานนำเสนอได้โดดเด่นกว่าใคร
เห็นร่างสูงนั่งจมจ่อมกับหนังสือแบบนั้น ผมก็เลยกึ่งนั่งกึ่งนอนจับจองโซฟาซะเต็มที่แล้วคว้าหนังสือเศรษฐศาสตร์การเงินเล่มโตขึ้นมาบ้าง กลายเป็นว่างต่างคนต่างอ่านหนังสือไปเงียบๆ จนกระทั่งที่เจ้าจิ๋วเริ่มป่วนปีนแข้งปีนขา ร้องเหมียวๆ กวนเอาตอนห้าโมงเย็นนั่นแหละ ถึงได้รู้ตัวว่าลืมมื้อกลางวันไปซะสนิท
นี่ถ้าอยู่คนเดียวผมก็คงกินขนมปังเปล่าๆ กับนมไปอีกตามเคย แต่ก็คิดว่าเจ้าเด็กตัวโตนี่คงจะไม่อิ่มแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจลงทุนสั่งอาหารดิลิเวอรี่ง่ายๆ มาส่งที่ห้องแทน ถือซะว่าสปอยล์ตัวเองด้วยอาหารดีๆ ไปก็แล้วกัน
นั่งกินไปสักพัก เจ้าเด็กนี่ก็พยักเพยิดไปที่เครื่องเกมส์ที่วางอยู่หน้าทีวี แถมยังริอาจจะถามถึงฝีมือวินนิ่งของผม เลยต้องมีแมตช์เล่นให้เด็กมันดู พนันกันด้วยจานกองหนึ่งของมื้อเย็นวันนี้
แล้วผมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้มายืนล้างให้มือเปื่อยอยู่นี่ไง
แม่งเอ้ย…
“แล้วพรุ่งนี้พี่วินไปไหนเหรอครับ” หวานนั่งลงที่เคานเตอร์ครัว
จิ๋วรีบกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะอย่างเรียกร้องความสนใจบ้าง
“ไปทำบุญ… อยุธยาน่ะ”
“เห… กับพวกพี่พีทน่ะเหรอครับ” หวานเลิกคิ้ว “ดูไม่ใช่แนวเลย”
ก็ถ้าไม่มีสาเหตุก็คงไม่ไป…
แต่ให้ตายยังไงก็จะไม่เล่าให้ไอ้หมอนี่ฟังเด็ดขาด
“ทำไม ต้องทริปบาปหรือไงถึงจะเหมาะ” ผมย้อนให้แล้ววางจานใบสุดท้ายลงตะแกรง
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อยครับ” มันยิ้ม “แค่แปลกใจหน่อยๆ”
“แล้วไปกันยังไงครับ พี่วินขับไปเหรอ” หวานถามต่อพลางเกาคางให้แมวไปด้วย
“ไอ้พีทขับน่ะ นัดกันที่บ้านมันแต่เช้า”
“งั้นผมไปส่งนะ” อีกฝ่ายรีบพูดแล้วยิ้มตาหยี
“อะไร” ผมทำเสียงเขียว “จะไปทำไม”
“พี่วินจะได้ไม่ต้องเรียกแท๊กซี่ตอนเช้า ถ้าจะขับรถไปก็ไม่สะดวกใช่มั้ยล่ะครับ ต้องจอดทิ้งไว้ กว่าจะขับกลับมาอีก” อีกฝ่ายว่า “ให้ผมนอนนี่แล้วไปส่งพี่วินตอนเช้าดีกว่า” หวานกระพริบตาปริบๆ
“ไม่เห็นจะเข้าท่าเลย” ผมขมวดคิ้ว “ข้ออ้างชัดๆ”
“เปล่านะครับ” คนเด็กกว่าพูดมาหน้าตาเฉย
“ก็… พี่วินไปทั้งวันเลยใช่มั้ยล่ะครับ… เนี่ย เจ้านี่ก็โดนทิ้งไว้ตัวเดียวอีกแล้วสิน้า…” พูดจาหงุงหงิงเสร็จแล้วก็เอานิ้วขึ้นเกลี่ยหูจิ๋วที่อยู่บนเคาน์เตอร์เบาๆ ทำเอาเจ้าตัวเล็กสะบัดหัวเงยหน้าขึ้นมามองตาแป๋ว
“นี่ๆ พี่วินจะทิ้งไปอีกแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวเหอะ ไม่ได้ทิ้งสักหน่อย ออกไปหน่อยเดียวเอง เย็นๆ ก็กลับมาแล้ว” ผมตีหน้ายุ่งเดินไปนั่งข้างอีกฝ่าย
“ตั้งตอนเย็นเลยน้า… เราน่ะก็ต้องหิวข้าวท้องกิ่ว หิ้วท้องรอพี่วินจนหมดแรงแน่ๆ” หวานพูดลอยๆ ใส่จิ๋วที่เอียงคอฟังอยู่
“กว่าพี่วินจะกลับ ต้องอยู่ตัวเดียวเหงาๆ ห้องก็กว้างออกขนาดนี้เนอะ เหงามั้ยเรา”
ผมมองเด็กหวานที่ตั้งหน้าตั้งตาสื่อสารกับแมวแล้วก็เกือบจะหลุดขำ ก็ภาพแบบนี้มันตลกน้อยเสียเมื่อไหร่
ไหนดูซิ… จะมาไม้ไหนต่อ
“หือ อะไรนะ… ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเหรอ…” หวานพยักหน้าใส่แมวหงึกๆ “ต้องขอพี่วินก่อนนะ ไม่รู้ว่าจะใจร้ายไม่ยอมให้มาหรือเปล่าน้อ” พอดีกับที่จิ๋วร้องเหมียวขึ้นมา ทำเอาอีกฝ่ายได้จังหวะแกล้งทำตาโต “โห อยากให้อยู่ด้วยตั้งแต่คืนนี้เลยเหรอตัวจิ๋ว”
“มากไปละ” ผมยกมือเบรค “อันนี้เพ้อเจ้อ”
คนเด็กกว่าตีหน้าเศร้า เล่าให้แมวฟังต่อ “นี่ดูสิ เขาว่าเราเพ้อเจ้อ.. เนี่ย จิ๋วยังเสียใจเลยดูสิครับ”
“เป็นเรื่องเป็นราวเชียวนะ” ไอ้เด็กจิตนาการสูง
“ก็พี่วินใจร้ายกับผมตลอดเลยนี่นา…” หวานพูดเสียงเบา
ผมได้โอกาสอุ้มจิ๋วมาไว้บนตักตัวเอง ปรายตามองคนข้างตัวเร็วๆ
“คำก็ใจร้าย สองคำก็ใจดำ” ผมก้มหน้าพูดกับแมว
“ก็ยังไม่ได้บอกสักคำว่าไม่ให้อยู่เนอะ”
“หือ...” เสียงอีกฝ่ายพูดอย่างงุนงง “พี่วิน?”
ผมยังคงมองก้อนขนบนตัก “ก็…จะกลับก็ตามใจ แต่ถ้าอยู่...พรุ่งนี้ก็ดูแลห้องกับเจ้านี่ให้ดีแล้วกัน” ผมลุกขึ้นแล้วปล่อยแมวจิ๋วลงกับพื้น เจ้าตัวเล็กเอาตัวถูกับขาผมอย่างเอาใจ “เอ่อ… แล้วก็...”
ผมก้มหน้างุด ก่อนจะตรงไปที่ประตูห้องนอน “ถ้าจะนอนในนี้ก็… กฎเดิม ทำไม่ได้ก็นอนโซฟาไป...”
อยากหายไปจากตรงนี้เร็วๆ ไม่ค่อยอยากเห็นหน้าอีกคนยังไงก็ไม่รู้
ก็กลัวว่าเสียงหัวใจมันจะดังทะลุออกมาน่ะสิ
_ _ _ _
7.23
วันอาทิตย์“ข้างหน้าเลี้ยวซ้าย… อือ ตรงไปเลย นั่นๆ ซ้ายมือ ตรงห้องแถวสีเทาๆ ที่มีรถจอด” ผมชี้ไม้ชี้มือบอกคนขับรถอาสาประจำวันที่ยังอยู่ในชุดนอน “แล้วจอดตรงนี้เลยก็ได้ เดี๋ยวเดินเข้าไปเอง”
320d คันงามหยุดลงอย่างนิ่มนวลตามคำขอ ไม่ต้องขับเองนี่มันสบายจริงจริ๊ง
หวานถอดแว่นตากันแดดออก “อื้อหือ บ้านพี่พีททำอะไรครับเนี่ย ห้องแถวตั้งหกห้องติดกัน”
“โรงงานเฟอร์นิเจอร์น่ะ” ผมว่า “มันถึงเลือกเรียนอินทีเรียไง เห็นอย่างนั้นก็คุณชายเหมือนกันนะ”
“อ๋อ…” หวานพยักหน้า
“ส่งเสร็จก็กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวขากลับไอ้พีทคงไปส่งที่คอนโด” ผมเดา จะไม่ไปส่งก็จะแล้งน้ำใจเกินไปนะครับเพื่อนพีท
“ดูแลจิ๋วดีๆ ล่ะ ว่างๆ ก็อ่านหนังสือซะ” ผมกำชับ “กองที่เอามาให้เมื่อคืนน่ะ”
“คร้าบ… รีบกลับมานะครับ ผมรออยู่น้าา อย่าปล่อยให้คิดถึงนานนะ” อีกฝ่ายลากเสียงอย่างน่าหมั่นไส้ ก่อนลงจากรถผมเลยอดไม่ได้ที่จะเคาะหน้าผากเด็กปีนเกลียวไปหนึ่งที โทษฐานทำตัวกวนประสาทแต่เช้า
มองรถขับออกไปสักพัก เลยได้เวลาโทรหาเจ้าบ้านเพื่อรายงานตัว ปรากฏว่าเพื่อนอีกสองหน่อยังไม่โผล่ ผมเลยได้โอกาสเข้ามานั่งตากแอร์ในบ้านพีทก่อน อ่าห์… โซฟาหนังแท้ชุดเบ้อเร่อนั่งแล้วสบายตูดสมกับเป็นร้านขายเฟอร์เนิเจอร์จริงๆ ราคาคงจะหลายหลัก นั่งให้คุ้มหน่อยละกัน
ผมนั่งอ้าปากหาววอดๆ แล้วบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาที
“ฮ้าวว…” หรือไม่ก็ควรจะนอนไปเลย น่าจะคุ้มที่สุด
“ตี๋ มึงช่วยให้เกียรติกาแฟที่พึ่งแดกไปหน่อยได้มะ กูซื้อเครื่องมาแพงนะสัด” ไอ้พีทมองผมอย่างเซ็งๆ แล้วนั่งลงข้างตัว
“ก็กูง่วงอ่ะ” ผมเถียง
“ไม่ได้นอนรึไงล่ะครับเพื่อน” มันแหย่ “ทำอะไรดึกดื่นกับใครรึเปล่าครับ”
“สัดพีท อย่าเพ้อเจ้อ” ผมขว้างซองน้ำตาลที่ยังไม่ได้แกะใส่มัน “กูดูซีรีส์ถึงตีสอง”
“ตอบคำถามไม่ครบ กูถามด้วยว่ากับใคร”
“...”
กูไม่รู้ กูหิวน้ำ
ผมยกกาแฟขึ้นดื่มอึกๆ
“ฮั่นน่อววว ร้ายว่ะไอ้เสือ” มันยิ้มกริ่มแล้วเอาศอกสะกิดผม
“เอ้อ… เมื่อเช้ามึงมายังไง แท๊กซี่เหรอ?”
“อือ กูมาแท๊กซี่” ผมโกหกหน้าตาย
ไอ้พีทพยักหน้า… ค่อยโล่--
“อื้มม… เดี๋ยวนี้เขาเอาบีเอ็มมาขับแท๊กซี่กันแล้วเหรอวะ” มันลูบคางแล้วมองหน้าผมด้วยสายตาล้อเลียน ในขณะที่ผมได้แต่อ้าปากค้าง เดี๋ยวก่อน!
“ก็กูดูวงจรปิดอยู่” มันเฉลย “หึ… อย่าริอาจโกหกกูครับเพื่อน”
ไอ้สัด! ไอ้พีทแม่ง!!
เดี๋ยวก่อน!
CCTV มันยี่ห้ออะไร ความละเอียดเท่าไหร่วะ
ผมคิดเร็วๆ รถไอ้หวานติดฟิล์มหกสิบหรือสี่สิบกันแน่… มันจะเห็นชัดไปถึงหน้าคนขับมั้ยเนี่ย
กรรม!!
“เออน่า… ไม่ต้องเครียด” มันเอื้อมมือมาตบไหล่ผม “กูยังไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น จนกว่ามึงจะพร้อมให้กูรู้”
ชัดเลย… แม่งเห็นแน่ๆ
“เอ่อ…” ผมนั่งนิ่ง “มึง… มึงโอเคเหรอวะ กับ… คือ…”
“ทำไมกูต้องไม่โอเค?” มันย้อน “กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีแล้วไอ้ตี๋ ถ้ากูไม่โอเคกูคงเลิกคบกับมึงไปนานแล้ว”
“แต่ว่า.. คนที่กูคุยอยู่… มัน...” ผมยกมือลูบหลังคอตัวเอง
โอ้ย จะเริ่มตรงไหนดีวะ
“มึงมีความสุขมั้ย” มันถาม
“หา?”
ผมขมวดคิ้ว ยังไงนะ
“เวลาเขายิ้ม มึงยิ้มมั้ย… แล้วเวลามึงยิ้ม เขายิ้มกับมึงหรือเปล่า”
“โลกของมึงกับโลกของเขา มันหมุนในจังหวะเดียวกันหรือเปล่า”
“อยู่กับเขาแล้วมึงมีความสุขมั้ย”
“ทั้งหมดนี้ไม่ต้องตอบกู” มันยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ “ตอบตัวเอง”
“ว่ามึงเจอคนนั้นของมึงหรือยัง”
“...”
“แค่มึงมีความสุขกูก็ดีใจแล้วตี๋” มันยิ้ม “ต่อให้แม่งเป็นมนุษย์ต่างดาวกูก็ไม่แคร์”
_ _ _ _
TBC
เอาเด็กๆ มาส่งเป็นกำลังใจวันกลางอาทิตย์แบบนี้อีกแล้วค่า
ตี๋วินลู๊กก ยอมเปิดใจให้น้องสักทีเนอะ ถึงเด็กจะทำตัวน่าตีไปหน่อยก็ตาม
ว่าแต่ทำไมยิ่งเขียนยิ่งรักพีท 5555
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆ อ่านวนไปวนมาเวลาเขียนไม่ออกบ่อยมากๆ มากอดทีนึง
ถ้าเรื่องนี้ช่วยฮีลลิ่งคนอ่านได้บ้างเราก็จะดีใจมากเลย ไม่ดราม่าค่ะสัญญา
ยินดีรับคำติชมจากทุกคนค่าา
เม้ามอยกันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก เหมือนเดิมนะคะ ส่วนบ้านคนเขียน ณ ทวิตภพ @huentrop ก็มาคุยเล่นได้เหมือนกันค่า ยินดีๆ
ปล. ค่าตัวเจ้าหวานที่ทุกคนโดเนทมาสำแดงเดชแล้วค่ะ บทเยอะจนเบียดทุกคนไปเลย
ปลล. กดเข้าไป
คู่มือการอ่าน>>Insight Analyst<< ได้เหมือนเดิมนะคะ แต่อาจจะยังไม่ได้อัพเดทมากเท่าไหร่ งงคำไหนบอกได้เหมือนเดิมค่า
ตอนหน้าเรามาดูทริปแก้ชงของตี๋วินกันนะคะ ว่าเดอะแก๊งค์จะป่วนขนาดไหน แล้วที่คุณตะวันเงียบไปนี่ยังไงกันน้อ
พบกันตอนหน้าค่ะ
รักส์
