- LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽  (อ่าน 127960 ครั้ง)

ออฟไลน์ Patar1728

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากมีพี่วินเป็นของตัวเอง :L1:

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 28



23.12

ผมนั่งพิงหัวเตียง คิ้วขมวดมาชนกันอย่างช่วยไม่ได้เมื่อก้มมองโทรศัพท์ในมือตัวเอง หลังจากคุยแชทนิดๆ หน่อยๆ จบ ก็ว่าจะเปิดเช็คอีเมลล์ก่อนนอนเพื่อความสบายใจหนึ่งรอบ ปรากฏว่างานเข้าจนต้องมานั่งคอนเฟิร์มประเด็นสำหรับการประชุมลงกรุ๊ปไลน์ซะนี่

งานของ AA ที่จะคุยกันพรุ่งนี้ไงครับ ที่มีคนเข้าประชุมเยอะแยะนั่นแหละ
แล้วพอผมพิมพ์ตอบในห้องใหญ่ ก็มีใครบางคนส่งไลน์ส่วนตัวเข้ามาหาทันที
ต้องเปิดอ่านสินะ…


Tawan R. : วินครับ พี่รู้ว่าวินยังคงโกรธพี่
Tawan R. : แต่พี่ไม่อยากให้เป็นอุปสรรคกับการทำงานของเรานะครับ



ถึงกับต้องยกมือขึ้นมาเกาหัว นี่มันคำพูดของทางนี้มากกว่าละมั้ง ผมถอนหายใจ


Wynn_Tect : ผมเข้าใจครับ

Tawan R. : พี่ยังอยากให้เราคุยกันได้เหมือนเดิมนะครับ
Tawan R. : พี่ไม่อยากทำให้วินไม่สบายใจ



อ้อ... เหรอ

การส่งดอกไม้มาที่ออฟฟิศทุกวันนี่ผมก็สบายใจมากเลยครับ สามารถเสยผมหล่อๆ แล้วตอบคนอื่นได้เต็มปากเต็มคำว่ามีคนส่งมาง้ออะครับ เป็นลูกค้าด้วย เกือบจะมีปัญหาเรื่องงานเพราะเขาเล็งผมอยู่ครับ คงตอบคนอื่นได้อย่างหน้าชื่นตาบานเลยครับคุณ


เห้ย…
สบายก็บ้าแล้วครับ ทุกวันนี้เมาท์กันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว


Wynn_Tect : งั้นผมขอพูดตรงๆ เลยแล้วกันนะครับคุณตะวัน
Wynn_Tect : ดอกไม้ตอนเช้า ผมขอบคุณมาก แต่พอเถอะครับ
Wynn_Tect : เราจะได้คุยงานกันอย่างสบายใจ ตามที่ควรจะเป็น



อีกฝ่ายเงียบไป ผมเลยพักคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงกับโต๊ะข้างเตียง
อาจจะดูรุนแรงไปหน่อย แต่ผมว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง สำหรับการคุยกับคนที่มีเจตนาแอบแฝงก็ควรจะพูดให้เคลียร์กันแบบนี้นี่แหละครับ จะได้ไม่มีปัญหายืดเยื้อ ก็ได้แต่หวังว่าจะเข้าใจล่ะนะ


เฮ่อออ ขอถอนหายใจอีกรอบ
“มานี่มา” ผมตบมือลงบนผ้าห่มข้างตัว เจ้าแมวจิ๋วที่กำลังนอนอยู่ปลายเตียงเลยร้องเหมียวแล้วลุกมาหาอย่างแสนรู้ มันเอาหัวกลมๆ ถูกับฝ่ามือของผม ก่อนจะล้มตัวลงนอนพิงลงข้างๆ ให้ผมต้องเกาคางเอาใจไปเรื่อยๆ

ขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันที่ดีก็แล้วกัน


_ _ _ _



12.45
วันอังคาร


“โอ๊ย!” ผมเอามือกุมหัวเข่าด้วยความเจ็บ
วันนี้มันวันอะไรวะครับ ตั้งแต่เช้าเดินสะดุดนู่นชนนี่ไม่หยุด นี่จะลุกขึ้นแล้วเข่าก็ไปกระแทกกับขอบโต๊ะอีก
ท่าทางวันนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ… เหรอวะ 

เออ แต่อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องดอกไม้มาให้กวนใจ แหงสิครับ พูดไปขนาดนั้นแล้วนี่เนอะ

“วิน สรุปว่าวันนี้ลุยเรื่อง TOR ให้จบ แล้วรีวิวแบบประมูลต่อเลย เพราะงั้นวันนี้เลิกช้าหน่อยนะ” พี่กิตโผล่หน้าเข้ามาในพาร์ทิชั่นเพื่อแจ้งข่าวเร็วๆ แล้วก็เดินตัวปลิวหายไปแบบไม่รอฟังคำตอบ ทำเอาผมที่ต้องเข้าร่วมได้แต่นั่งจินตนาการถึงสภาพความยับเยินหลังการประชุมมาราธอน ยังดีที่วันนี้ฝ่าย Owner Representative กับ Construction Manager เขาจะเป็นเจ้าภาพกัน ผมกับน้องแคร์แค่เข้าไปนั่งฟังและ observe เฉยๆ ถ้าไม่มีประเด็นอะไรก็ปล่อยผ่านได้

ผมดูนาฬิกาแล้วจัดการโค้กกระป๋องแดงบนโต๊ะให้หมด หวังในใจว่าทั้งน้ำตาลและคาเฟอีนคงจะช่วยให้สดชื่นขึ้นบ้าง

“พี่วิน ไปกันค่า” น้องแคร์เดินมาหาพร้อมกาแฟแก้วโตในมือ “พี่มีนกับพี่กิตบอกรึยังคะ ว่าวันนี้มีรีวิวแบบต่อ” สาวน้อยทำหน้าเหนื่อย

“พี่กิตแกมาบอกเมื่อกี้เลย” ผมลุกขึ้นยืนพลางเหน็บปากกาลามี่แท่งเดิมไว้กับเสื้อ “ท่าจะยาวจริงๆ ไม่รู้จะเลิกกี่โมง” 

“ช่ายยย” น้องแคร์ลากเสียงยาว

“ว่าแต่ทีมอื่นๆ มากันครบรึยัง” พูดจบแล้วก็เดินนำออกไปที่ห้องประชุม

“ก็เกือบครบแล้วนะคะ ขาดโอนเนอร์นี่แหละ” น้องแคร์เลื่อนดูไลน์กลุ่มไวๆ “วันนี้คุณตะวันกับคุณเอทัสเข้าค่ะ”

“อ้อ... “ ผมพยักหน้ารับรู้ ก็แหงล่ะ ทั้งสองคนเดินเข้าประตูมาจากอีกฝั่งแล้วนั่นไง

ผมมองร่างสูงที่อยู่ในชุดสูทเรียบกริบเดินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาเหมือนทุกที คนคิ้วเข้มเหลือบตามองเอกสารในมือที่ผู้ช่วยของตัวเองส่งให้ดูผ่านๆ และออกคำสั่งเร็วปรื๋อ โดยที่มือยังคงพิมพ์โทรศัพท์ยุกยิกตามประสานักธุรกิจตารางรัดตัว 

ไม่นานนักอีกฝ่ายก็สังเกตเห็นผมกับน้องแคร์ที่กำลังเดินมาจากอีกทางเช่นเดียวกัน จนกระทั่งมาหยุดยืนพร้อมๆ กันที่หน้าประตูกระจกบานใหญ่ของห้องประชุม สายตาเราประสานกันครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณตะวันกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง ผมก็ตัดสินใจโพล่งออกไป

“สวัสดีครับคุณตะวัน สวัสดีครับคุณเอทัส” ผมรีบยกมือไหว้โดยไม่ลืมสะกิดน้องแคร์ให้ทักทายลูกค้าคนสำคัญ

“สวัสดีค่ะ” คนข้างตัวรีบพูดสวัสดีอย่างรู้งาน

“ครับ” คนตัวสูงทำได้แค่ยิ้มรับไหว้แล้วกลืนคำที่ตัวเองจะพูดลงคอ โดยมีคุณเอทัสยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ

“ต้องขอโทษที พวกผมมากระชั้นไปหน่อย”

“ไม่เลยครับ นี่ยังอีกตั้งห้านาทีกว่าจะถึงเวลา” ผมว่ายิ้มๆ “เชิญเลยครับ” ผมขยับตัวไปเปิดประตูห้องประชุมพลางผายมือเข้าไปด้านใน


ให้ตายเถอะครับ อึดอัดเป็นบ้าเลย!


_ _ _ _

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2018 20:56:32 โดย idee »

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
_ _ _ _


15.35


การรีวิว TOR หรือ Term of Requirement ของผู้รับเหมานั้นใช้เวลายืดยาวกว่าที่คิด ถึงทุกคนจะได้รับเอกสารไปอ่านก่อนการประชุมถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มแล้วก็ตาม แต่เพราะการประชุมนี้ต้องช่วยกันเขียนกรอบการทำงานและลงรายละเอียดในจุดที่คิดว่าเอกสารยังระบุไว้ไม่ชัดเจนแบบทีละตัวอักษร เอาไว้ป้องกันพวกคนหัวหมอเบี้ยวงานโกงสเป็คเอาดื้อๆ ในอนาคตน่ะครับ

การจะข้ามผ่านโพสอิทแต่ละแผ่นที่ติดอยู่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

“ต่อไปนะครับ หน้า 245 ประเด็นค่าปรับหากมีความล่าช้า มีท่านใดอยากเพิ่มเติมอีกไหมครับ” พี่กิตถามเสียงแห้ง แล้วมองไปรอบห้อง ผมที่นั่งอยู่หลังห้องถึงกับแอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็มาถึงคอนดิชั่นเรื่องเงินในหมวดสุดท้ายเสียที

“ทางผมมีคำถามจุดเดียวเท่านั้นครับ ปรับวันละศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของงวดงานนี่เรทปกติใช่มั้ยครับ” คุณเอทัสถามขึ้น “แล้วถ้าเป็นงวดตรงกลางที่กระทบกับตารางเวลาโดยรวมล่ะครับ คือผมกังวลว่าผู้เช่าพื้นที่เราจะเข้าได้ช้ากว่าที่กำหนด ถ้าสัญญาเช่าพื้นที่เซ็นไปแล้ว ทาง AA จะเสียหาย”

“เป็นเรทปกติครับ ทาง CM ของเราจะติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด โดยทั่วไปแล้วหากมีการดีเลย์ เราจะ Forecast ได้ก่อนอย่างน้อยหนึ่งเดือน ภายในช่วงนั้นเราจะปรับแผนการก่อสร้างกับผู้รับเหมา สุดวิสัยจริงๆ ถึงจะยอมให้ Master Schedule เลทครับ หากเป็นเหตุที่เกิดจากผู้รับเหมาเอง ทางนั้นต้องรับผิดชอบค่าปรับในงวดถัดๆ ไปด้วย” พี่กิตตอบ “แต่ถ้าเกิดจากทางโอนเนอร์เองอยากเปลี่ยนแบบหรือเป็นงานเพิ่ม อันนี้ทางโอนเนอร์ต้องรับผิดชอบครับ”

“เกิดขึ้นบ่อยไหมครับ” คุณเอทัสถามต่อ

“โอกาสเกิดน้อยมากครับ” คนจากฝ่าย Owner Representative บอกขึ้นบ้าง
“ประเด็นนี้คงต้องดูผลงานที่ผ่านมาของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นหลักครับ ว่ามีประวัติงานเลทมั้ย มีกำลังคนและเงินพอที่จะดันให้งานจบหรือไม่ จะได้ตัดตัวเลือกที่มีความเสี่ยงออกไป”

“งั้นผมขอเสนอให้เพิ่มวงเงินจดทะเบียนขั้นต่ำของบริษัทเข้าประมูลเป็นอย่างน้อย 75% ของมูลค่าโครงการนะครับ” คุณตะวันพูดขึ้น “โครงการนี้เลทไม่ได้ครับ”

โอ้โห… ชัดเจน
ผมแอบนึกถึงชื่อบริษัทรับเหมาที่น่าจะเข้ารอบ คิดยังไงก็ไม่น่าจะเกินหกบริษัทแฮะ
โครงการนี้ของ AA ได้แต่ตัวท็อปของทั้งวงการไปแน่ๆ ทั้งออกแบบภายนอกภายใน งานระบบ รับเหมาก่อสร้าง ละเอียดยิบขนาดนี้นี่มาสเตอร์พีซนะครับบอกเลย

“ถ้าไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มเติม งั้นเดี๋ยวเราพักกันสิบห้านาทีนะครับ เดี๋ยวมารีวิวแบบ Tender Drawing สำหรับประมูลกัน” พี่กิตบอกหลังสรุปการรีวิว TOR จบ
 

เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นทั่วห้องประชุมขนาด 20 คน ผมรีบลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะเดินไปเก็บเอกสารที่โต๊ะ โดยไม่ลืมหยิบโค้กกระป๋องใหม่ในแพนทรี่ติดมือมาด้วย พอหันมองนาฬิกาก็พบว่านี่มันสี่โมงครึ่งเข้าไปแล้ว ไม่ไหว วันนี้อย่างน้อยต้องจบลงที่ทุ่มกว่าแน่ๆ ผมยืนพิงโต๊ะตัวเองแล้วกดโทรศัพท์อ่านไลน์ไปด้วย


นายหวาน : มีคุยเรื่องละครถาปัดกัน น่าจะถึงสักหกโมงนะครับ

Wynn_Tect : ประชุมยาวเลย น่าจะเลิกทุ่มครึ่งโน่น

นายหวาน : เดี๋ยวผมไปหาพี่วินที่ออฟฟิศละกัน
นายหวาน : ประชุมเสร็จแล้วค่อยโทรหาก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปหาที่นั่งรอ

Wynn_Tect : มีร้านกาแฟข้างล่าง แต่มันปิดหกโมงน่ะสิ

นายหวาน : อ่าาา ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมลองหาแถวๆ นั้นดู



ผมเม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจ


Wynn_Tect : หรืออยากขึ้นมารอข้างบน?

นายหวาน : ได้เหรอครับ

Wynn_Tect : ก็
Wynn_Tect : มาได้นะ

Wynn_Tect : เดี๋ยวบอกที่เคาน์เตอร์ไว้ให้ ไปนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะก็ได้

นายหวาน : ครับ

Wynn_Tect : คิดไว้ด้วยนะว่าจะกินอะไร
Wynn_Tect : ประชุมเยอะ แรมหมด ขี้เกียจคิดแล้ว

นายหวาน : ให้ผมเลือก แล้วจะตามใจผมเหรอครับ

Wynn_Tect : เรื่องเยอะก็ไม่ต้องกิน

นายหวาน : ใครจะยอมล่ะครับ!
นายหวาน : ถือว่าสัญญาแล้วนะ ห้ามเบี้ยวด้วย

Wynn_Tect : ถึงแล้วก็บอกละกัน


ผมปิดหน้าจอแล้วเปิดกระป๋องโค้กที่วางอยู่ ก่อนจะกดโทรศัพท์ไปแจ้งพี่จอยหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ว่าเย็นๆ จะมีคนมาหา รบกวนพามานั่งรอที่โต๊ะที วางหูปุ๊บน้องแคร์ก็เดินมาตามเข้าห้องประชุมพร้อมยื่นแบบปึกใหญ่ให้

โอ้ย... สิบห้านาทีนี่มันไวจริงๆ


_ _ _ _


18.12


สับสนไปหมดแล้วครับ… ไม่แปลกเลยที่เขาเรียกการประชุมแบบนี้ด้วยชื่อเล่นที่ไม่น่ารักว่า War Room 
พี่ๆ แต่ละฝ่ายรีวิวอ่านแบบกันเร็วระดับวินาที เหมือนดูแบบปราดเดียวก็สรุปได้แล้วว่าพอกับการเคาะราคาของผู้รับเหมาหรือเปล่า พลิกกระดาษสองทีก็รู้แล้วว่าแบบอันไหนไม่ Sync กัน นานๆ ทีก็มีคำถามให้กับเจ้าของโครงการอย่างคุณตะวันและคุณเอทัสที่หัวโต๊ะตัดสินใจ


“แผ่น AR-433 กับ AR-457 แบบขยายไม่ตรงกันนะครับ รบกวนทาง Designer คอนเฟิร์มดีเทลอีกที”


“แบบงานระบบไม่มีกำหนดตำแหน่ง CO2 sensor มานี่ครับ แค่บอกว่าต้องติดกับบอกจำนวน”


“Regularly Occupied Area รายชื่อห้องอยู่ในเอกสารแนบชุดที่ 4 ค่ะ”


“ห้องขยะเหมือนจะเล็กเกินไปหน่อยนะครับ เราจะมีเครื่องกำจัดขยะด้วย”


“แล้วแคทวอล์กที่จะใช้เซอร์วิส Curtain Wall ฝั่งตะวันตกล่ะครับ”


“เรื่อง Chiller ให้ทำตัวเลือกมาเสนอแล้วกัน พิจารณาที่ราคา”


โอ๊ย… แค่วงเมฆแก้แบบกับจดตามยังจะไม่ทันเลยครับ หมึกปากกาจะหมดแล้วเนี่ย
โชคยังดีที่งานส่วนวิเคราะห์จบไปแล้ว เลยไม่ต้องทำหน้าที่อะไรเป็นพิเศษ ถ้าเป็นช่วงก่อนที่ต้องนำการประชุมป่านนี้คงกำลังโชว์ความง่อยของตัวเองสู่สาธารณะแหงๆ ดูสิ หัวข้องานแอร์นี่อะไร ชิลเลอร์กับคูลลิ่งทาวเวอร์มันติดตั้งต่างกันยังไงนะ คืนอาจารย์ไปหมดแล้วครับเนี่ย

ระหว่างที่กำลังนั่งทำความเข้าใจรายละเอียดในแบบที่อยู่ในมือ หน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่ก็สว่างขึ้นจากการแจ้งเตือนของแชทส่วนตัว ผมกดหน้าจอเข้าไปอ่านแบบเร็วๆ


นายหวาน : ถึงแล้ว
นายหวาน : รออยู่ที่โต๊ะนะครับ


เผลอตัวชะเง้อมองโต๊ะตัวเองผ่านห้องกระจกแล้วก็ต้องด่าตัวเองตามจังหวะของหัวใจที่จู่ๆ ก็เต้นตุบตับขึ้นมาแบบหาสาเหตุไม่ได้ ไอ้วิน ไอ้บ้า พาร์ทิชั่นตัวเองอยู่ตั้งไกล จะไปมองเห็นได้ยังไงล่ะโว้ย มาแล้วก็ปล่อยให้นั่งไปสิ จะไปมองหาทำไม ประสาท 

Wynn_Tect : ยังประชุมไม่เสร็จ รอไปก่อน
Wynn_Tect : เอาหนังสือบนชั้นวางมาอ่านไปพลางๆ ก็ได้

นายหวาน : คร้าบผม



...


นายหวาน : นี่
นายหวาน : ทำไมมีโค้กเก็บอยู่ใต้โต๊ะด้วย ทานเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ

Wynn_Tect : อย่าซน
Wynn_Tect : เก็บไว้แล้วค่อยทยอยเอาไปใส่ตู้เย็นต่างหากล่ะ

นายหวาน : /สติ้กเกอร์หน้าบุ่ย

นายหวาน : อย่ากินเยอะสิครับ
นายหวาน : เป็นห่วงนะ

Wynn_Tect : นั่งอ่านหนังสือไปเลยไป
Wynn_Tect : อย่ารื้อกองเอกสารด้วย เดี๋ยวหาของไม่เจอ

นายหวาน : ไม่ไล่สิครับ
นายหวาน : เขินแล้วชอบไล่ผมอ่ะ

Wynn_Tect : ไม่ได้เขิน!!!

นายหวาน : แต่ผมชอบนะ

Wynn_Tect : พอเลย!!! 



กดตอบแล้วก็รีบคว่ำหน้าโทรศัพท์วางเอาไว้ที่เดิม... เด็กเพี้ยนเอ๊ย  หยอดอยู่ได้…
ในขณะที่กำลังจะเปิดกระดาษไปหาหน้าที่เขาประชุมกันอยู่ กระดาษโพสอิทสีเหลืองสดก็ถูกแปะลงมาที่แขนของตัวเอง

“หือ?” ผมเลิกคิ้วแล้วหันไปหาคนข้างตัว น้องแคร์ยักคิ้วให้แล้วชี้ให้อ่านข้อความบนกระดาษแผ่นเล็ก

‘ฮั่นแน่ะ วันนี้ใครมารับอ่ะ’

ถึงกับหันไปมองหน้าน้องตาโต ไวกว่านี้มีอีกมั้ยครับ! ส่งเมลล์ภายในยังไม่เร็วขนาดนี้เลยมั้ง ผมดึงกระดาษมาจรดปากกาจะเขียนตอบ
ตอบว่า… เอ่อ… ผมเม้มปากแน่น

เป็น…



“แน่ะ ทำไมคิดนาน ใครอ้ะ” น้องแคร์กระซิบ

ผมสะดุ้ง รีบเขียนตอบไปส่งๆ แล้วแปะไว้บนสมุดจดที่วางอยู่ข้างตัว
‘เพื่อน’

น้องแคร์เลิกคิ้ว ก้มลงไปมองมือถือมองปราดเดียวแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะเขียนยุกยิกลงในโพสอิทแผ่นใหม่แล้วติดลงที่กระดาษแบบของผม

‘ไม่ใช่ อย่ามาหลอกกันซะให้ยาก ชื่อน้องหวาน อยู่ปีหนึ่ง วันนี้จะมารับพี่วินไปกินข้าว’


เห้ย เดี๋ยว…

ผมเงยหน้าขึ้นมอง แอบกระซิบเสียงเบา “ไปเอามาจากไหน”

น้องตัวแสบแลบลิ้นให้อย่างกวนๆ ก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่เปิดแอพพลิเคชั่นไลน์ค้างไว้ให้ผมดู ในห้องแชทมีรูปเจ้าเด็กปีหนึ่งกำลังนั่งยิ้มร่าเริงอยู่ที่โต๊ะทำงานหน้าตาคุ้นๆ พร้อมกับหัวหน้างานสุดสวยของผมยืนกอดอกยิ้มอยู่ข้างๆ

อยากจะเอาหัวโขกกับโต๊ะให้สลบไป โดนจับสัมภาษณ์สินะ…
ไหนพี่ฝ้ายออกไปประชุมแล้วจะไม่เข้ามาแล้วไงเล่า

“เพื่อนแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะพี่วิน” น้องแคร์พูดยิ้มๆ 

“เพ้อเจ้อ” ผมส่ายหน้าพรืด ทำเมินกับสายตาล้อเลียนที่ส่งมา แล้วก้มลงไปขีดๆ เขียนๆ บนกระดาษแบบที่มั่นใจว่าเปิดไว้ผิดหน้าแน่ๆ


ที่ประชุมคุยถึงไหนแล้วนะ เสียสมาธิจริงๆ


_ _ _ _


19.44


“เดี๋ยวทาง CM จะลิสต์รายการที่ต้องเพิ่มเติมกลับไปยังดีไซน์เนอร์นะครับ ส่วนกำหนดการออก TOR กับเปิดซองยังเหมือนเดิม ไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง” พี่กิตสรุป “ขอบคุณทุกคนมากครับ”

เห็นมั้ยล่ะ ประชุมจบที่ทุ่มกว่าจริงๆ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะปิดแบบเล่มโตลงแล้วนั่งพิงเก้าอี้อย่างหมดแรงในขณะที่ทุกคนทยอยกันออกจากห้อง ให้ตายเหอะ นี่แค่แบบ Tender งานสถาปัตย์หลักนะครับ ถึงเวลารีวิวแบบอินทีเรียไม่ลากยาวไปถึงเที่ยงคืนเลยเหรอ ไหนจะดีเทลรายห้อง ไหนจะสเป็ควัสดุอีก สงสัยต้องหาเวลาคุยกับไอ้พีทซะล่ะมั้ง

“ฮั่นแน่ะ” น้องแคร์ที่มายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ชะโงกหน้าลงมายิ้มใส่ “ไม่รีบกลับเหรออ”

ผมกะพริบตาปริบๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “แคร์รีบเหรอ กลับไปก่อนได้นะ”

“ก็คิดว่าวันนี้พี่วินจะรีบไปไหนกับใครรึเปล่าน้าา”

ผมทำเสียงหึในคอ
“ไม่อ่ะ” ผมตอบแล้วลุกขึ้นยืน จัดการโค้กที่เย็นชืดจนหมดกระป๋องแล้วยักคิ้วให้ “ทำไมต้องรีบ”

“เผื่อเพื่อน พี่วินรอนาน” น้องแคร์ตอบหน้าทะเล้น
“แต่เอ… ปกติเพื่อนนี่ให้รอข้างหน้าไม่ใช่เหรอ ทำไมคนนี้ได้นั่งที่โต๊ะ” น้องแคร์พูดด้วยน้ำเสียงล้อๆ “เพื่อนแน่รึเปล่าาา หรือเป็นตัวจริงกันนะ บอกมาเลย ดอกไม้กับพี่น้ำนี่ตัวหลอกใช่มั้ย”

ถึงกับหน้าร้อนขึ้นมาแบบแปลกๆ “เอ่อ…”
ก็… ดอกไม้กับไอ้น้ำก็ไม่ใช่ตัวจริงแหงอยู่แล้ว แต่กับไอ้เด็กที่นั่งหน้าแป้นอยู่ที่โต๊ะตอนนี้..
เอ่อ... สถานะ… มัน…
“เอาเป็นว่าพี่ไม่รีบ” ผมสรุปเอาดื้อๆ “แคร์รีบก็กลับก่อนเลย”

“ด้ายยย” น้องแคร์ทำหน้าย่นใส่ “พี่วินไม่รีบก็อยู่ต่อไปเลย แคร์ไปสืบเอาจากเจ้าตัวก็ได้”

“เฮ้ย! เดี๋ยว!” เด็กแสบวิ่งปรู๊ดออกไปแบบไม่ฟังคำท้วง ไอ้วินนะไอ้วิน เสียท่าจนได้ เก็บของแล้วรีบตามออกไปดีกว่า ป่านนี้เด็กนั่นโดนถามจนพรุนแล้วมั้ง ผมเหน็บปากกาไว้กับเสื้อเชิ้ต เตรียมจะเก็บเอกสารเข้าอ้อมแขน 



“ถ้าไม่รีบ… งั้นวินก็มีเวลาคุยกับพี่สิครับ” เสียงทุ้มๆ ของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง เล่นเอาผมเกือบสะดุ้ง หันกลับไปก็เจอกับร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่   

“เอ่อ… คุณตะวัน” ผมอึกอัก “มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

“ถ้าไม่มีธุระ เราคุยกันไม่ได้แล้วเหรอครับวิน” อีกฝ่ายบอกหน้าเศร้า

“คือ… ถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วน ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ นี่ก็ได้เวลาเลิกงานพอดี” ผมมองซ้ายมองขวา คุณเอทัสหายไปไหนแล้วเนี่ย มาเอาเจ้านายกลับไปด้วยสิครับ

“วินครับ… ฟังพี่ก่อนนะ” คุณตะวันพูดเสียงอ่อน

“พี่ผิดเองที่ไปว่างานของคุณอาทิตย์แบบนั้น” คนตัวสูงพูดขึ้น “แต่พี่ก็เป็นห่วงเรื่องโปรเจ็คจริงๆ นะครับ พี่คิดว่าถ้าวินกลับมาช่วยดูแบบเต็มตัวน่าจะดีกว่า ยังไงก็เป็นคนที่ดูแลมาตั้งแต่ต้น”

“ด้วยการบอกผมว่างานมันใช้ไม่ได้ ทั้งที่ยังไม่เห็นเลยน่ะเหรอครับ” ผมพูดเสียงขุ่น “ผมเข้าใจความกังวลเรื่องโครงการของคุณตะวัน แต่ถ้าผมไม่รู้ความจริง เอาเรื่องไปแจ้งแล้วขอเปลี่ยนทีมเพราะงานคุณภาพไม่ถึงขึ้นมา มันจะเกิดผลเสียกับงานมากกว่าที่คุณตะวันกังวลแน่นอนครับ”

“คือ… วินก็น่าจะรู้ว่าพี่คิดยังไง”

“ผมขอไม่ทำความเข้าใจกับเหตุผลที่ทำแบบนี้นะครับ” ผมตัดบท “เอาเป็นว่า ผมจะทำงานในส่วนของผมให้สมบูรณ์และเป็นมืออาชีพมากที่สุด ขอให้เชื่อมือผมนะครับ” ผมหอบเอกสารบนโต๊ะขึ้น “ขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที 

“เดี๋ยวสิครับวิน!” 

ผมเดินเร็วๆ มุ่งหน้าไปที่โต๊ะตัวเองโดยมีร่างสูงเดินตามมาแบบติดๆ ถ้าเป็นตอนกลางวันการที่คุณตะวันคนดังมาเดินตามผมแบบนี้คงเรียกสายตาจากผู้คนได้ไม่ยาก โชคยังดีที่เลยเวลาเลิกงานมามากแล้ว เท่าที่เห็นก็มีแต่โซนของผมกับฝั่ง Construcrtion Management ฟากโน้นเท่านั้นที่ยังเปิดไฟอยู่ น้องแคร์กำลังก้มหน้าเก็บของ เสียงแจ๋วๆ บ่งบอกว่าว่าเจ้าตัวกำลังคุยกับใครอีกคนไปด้วย


“นี่ไง พี่วินมาแล้ว” น้องแคร์พูดขึ้นเมื่อเห็นหน้าผม แอบขยิบตาให้ก่อนจะพูดแซวๆ
“งั้นไปก่อนละนะ ไม่อยู่เป็นก้า-- อุ๊ย! ขอโทษค่ะ...” ชะงักไปเมื่อเห็นลูกค้ารายใหญ่ด้านหลัง 

“แคร์รีบกลับเถอะ เดี๋ยวพี่ก็กลับแล้ว” ผมตัดบทเอาดื้อๆ ถึงอีกฝ่ายจะดูงงๆ แต่ก็ยกมือไหว้แล้วเดินออกไปแต่โดยดี

ผมโผล่หน้าเข้าไปที่พาร์ทิชั่นของตัวเอง เด็กปีหนึ่งที่นั่งเก้าอี้ผมอยู่ยิ้มให้อย่างที่เคย ก่อนคิ้วเข้มๆ นั่นจะขมวดมุ่นเป็นปมเมื่อสายตามองเลยไปที่ร่างสูงด้านหลังแบบไม่ปิดบังความสงสัยเลยสักนิด

“หวาน… ไปกันเถอะ” ผมวางเอกสารกองไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ 

“แต่เรายังพูดกันไม่รู้เรื่องเลยนะครับวิน”   
ไม่พูดเปล่า คนตัวสูงยังคว้าเอาแขนผมไว้ รั้งให้หันกลับไปเผชิญหน้าด้วย

“ปล่อยครับ…” ผมมองมือที่จับอยู่แล้วพูดเสียงเรียบ ก่อนจะสบตาอีกฝ่ายแล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ "ผมคิดว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วนะครับ”

เพราะหันหลังอยู่เลยไม่ทันได้เห็นสีหน้ากับตาวาวๆ ของคนเด็กกว่าที่มองมาด้วยความไม่พอใจ
“ผมว่าคุณปล่อยพี่วินก่อนดีกว่า” หวานพูดเสียงขุ่น

เมื่อนึกได้ว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง คุณตะวันก็ยอมละมือที่จับไว้ออก
“น้องเหรอครับวิน” ร่างสูงยิ้มให้ “ยังไงพี่ขอคุยกับพี่วินสักครู่นะครับ ขออนุญาตนะ"

หวานแค่ปรายตาไปมองคนพูดแบบเร็วๆ แล้วหันหน้ากลับมาถามผมนิ่งๆ "เรื่องงานเหรอครับ?"

"ไม่ใช่ครับ แต่เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่กับวินเขา ยังไงขอเวลาพวกพี่สักครู่แล้วกันนะ"

สายตาคนเด็กกว่ากร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้ "พี่วิน ให้ผมรอข้างนอกก่อนมั้ย... ครับ"

"ไม่ต้องหวาน คุณอยู่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น" ผมว่า

"แต่วินครับ ให้น้องรอข้างนอกก่อนดีมั้ย เราจะได้คุยกันสะดวกๆ"

“ไม่ครับ” ผมพูดเสียงเรียบ “เขาจะอยู่”

“แต่เรื่องของเราไม่เกี่ยวกับน้องนะครับ”


เรื่องของเรา งั้นเหรอ…

ผมหันไปมองคนเด็กกว่าที่ตอนนี้กำลังกำมือแน่นสะกดความโกรธ ริมฝีปากเม้มสนิทเป็นเส้นตรง ใบหน้าฉายชัดด้วยความไม่พอใจ

เรื่อง ของเรา… ผมคิด
ใช่… เรื่องของเรา สองคน

ผมสูดหายใจลึก ก่อนจะพูดออกมาให้ชัดเจน
“เกี่ยวครับ จะเรื่องอะไรก็เกี่ยว นี่แฟนผมเอง"

...

เคยได้ยินความเงียบแบบไม่มีแม้แต่เสียงหายใจมั้ยครับ… ผมว่าออฟฟิศผมก็ไม่เคยเงียบขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน เด็กหวานที่นั่งอยู่มองหน้าผมด้วยความงงงัน จับต้นชนปลายไม่ถูก พอๆ กับคุณตะวันที่หันไปมองเด็กปีหนึ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

“วินอย่าล้อพี่เล่นเลยครับ” คุณตะวันพูดขึ้น

“ผมดูเหมือนพูดเล่นเหรอครับ” ผมย้อนถามเสียงจริงจัง ทำเอาอีกฝ่ายหน้าเจื่อน “อีกอย่าง... ผมค่อนข้างแน่ใจว่านอกจากเรื่องงานแล้ว มันไม่เคยมีเรื่องของเรานะครับคุณตะวัน”

“เอ่อ…”
เจ้าของชื่อมองมาอย่างอับจนคำพูด

“คงไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยครับ งั้นผมขอตัวก่อน” ผมหยิบกระเป๋าแล้วคว้ามือเด็กหวานที่กำลังทำหน้าเหวอให้รีบลุกขึ้น “ไปเถอะคุณ ผมหิวแล้ว” 



_ _ _ _ 



20.12



พวกผมเดินก้าวยาวๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำจนมาถึงที่ลานจอดรถ ผมถึงปล่อยมือจากคนข้างตัวที่ดูเหมือนจะสติหลุดไปแล้วให้เป็นอิสระ หวานยืนเก้ๆ กังๆ แล้วหันมามองหน้าผมงงๆ เหมือนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี


“เอ้า… ขึ้นรถสิ” ผมสั่ง ก่อนจะเปิดประตูโยนกระเป๋าไปไว้ด้านหลัง สอดตัวเข้าไปนั่งลงบนเบาะคนขับ รอให้อีกฝ่ายขึ้นรถแล้วปิดล็อกประตูให้เรียบร้อย

“อยากกินอะไร”

“เอ่อ…”

“ก็บอกให้คิดไว้ไง เร็วเลย นี่สองทุ่มกว่าแล้ว เดี๋ยวก็ปิดหมด”

“อะ… คือ…”
“อ… เอ่อ… พี่วิน…. คือเมื่อกี้...” คนเด็กกว่าพูดตะกุกตะกัก  “เอ่อ…”

“ติดอ่างรึไง พูดอะไรไม่เป็นประโยค” ผมเหลือบตามองคนข้างตัวแล้วถอนหายใจพรืด “นั่นชื่อคุณตะวัน เป็นลูกค้า… ตามตื้ออย่างที่เห็นมาสักพักแล้ว”

“หา… แล้วทำไมไม่บอ…” หวานทำตาโต ก่อนจะส่ายหน้า
“คือ… ไม่สิ… ไม่ได้จะถามเรื่องนี้สักหน่อย” คนเด็กกว่าขยี้หัวตัวเอง “เอ่อ… ที่พี่วินพูด…ว่า...”

“ว่าอะไร” ผมแกล้งย้อน

หวานกลืนน้ำลายแล้วมองหน้าผม “ก็ที่ว่าเป็น... แฟน… น่ะ”

“อือ” ผมตีหน้านิ่ง พยายามไม่สนใจอาการร้อนวาบที่แล่นขึ้นมาบนใบหน้า

“คือ… พี่พูดจริงใช่มั้ย... นี่ไม่ได้พูดตัดรำคาญคุณอะไรนั่นใช่มั้ยครับ”

“พูดไปก็ดีแล้วนี่… จะได้ไม่ต้องมายุ่งอีกไง วุ่นวาย ยุ่งยากจะตาย” ผมลอยหน้าลอยตาตอบ
“ทำไม… อยากให้เขาเข้ามาเกาะแกะด้วยรึไง จะได้กลับเข้าไปแก้ข่าว ยอมไปออกเดทดินเนอร์กับเขาสองต่อสอง”

“ไม่ได้นะครับ ไม่ให้ ไม่ให้พี่วินกับใครทั้งนั้นแหละ” หวานขมวดคิ้วตีหน้ายุ่ง

“แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น”

เจ้าตัวถอนหายใจ ก่อนจะคว้าเอามือผมไปกุมเอาไว้หลวมๆ “พี่รู้มั้ยว่าเมื่อกี้ผมอยากเข้าไปดึงพี่ออกมาจากคุณอะไรนั่นมากเลย แต่จะทำก็ไม่ได้… ก็ยังเป็นแค่รุ่นน้อง เป็นแค่คนตามจีบนี่นา… ไม่มีสิทธิ์อะไร…ได้แต่หึงได้แต่หวงไปแบบเนี้ย”

หวานสูดลมหายใจเข้าเรียกกำลังใจให้ตัวเองอีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่วิน… เราเป็นแฟนกันจริงๆ สักทีเถอะนะครับ”


หา.. ว่าไงนะ… ผมหันควับ

ไอ้เด็กนี่! ไอ้เด็กเบื๊อกนี่!!!!!!!!


“ที่เป็นอยู่นี่ไม่เรียกแฟนแล้วให้เรียกอะไรหา!!” ผมหัวร้อนโวยวาย ยกมือข้างที่อีกฝ่ายยังจับอยู่ขึ้นมาเขย่าแรงๆ “คิดว่าทำอย่างนี้กับทุกคนรึยังไง!!”

“ห้ะ” หวานยังงง มองสลับไปมาระหว่างมือกับหน้าผม “นี่เรา…”

คนตัวสูงเบิกตากว้าง ก่อนจะพูดออกมาเสียงดัง “นี่ถ้ารู้แบบนี้ เมื่อกี้ผมซัดไอ้คุณตะวันอะไรนั่นหน้าหงายไปแล้วนะ ไม่ปล่อยที่มายืนดึงแขนพี่วินแบบนั้นหรอก ตามมาตื้อ ตามมาเกาะแกะกันต่อหน้าต่อตา นี่กลับขึ้นไปได้มั้ยครับ หึงจนจะหน้ามืดอยู่แล้ว”

“บ้าแล้ว” ผมหน้าแดง “บ้าไปแล้ว”
อยากจะถามว่านี่แกล้งไม่รู้หรือไม่รู้ โอ๊ย นี่ผมทำถูกรึเปล่าวะ “คนตามจีบที่ไหนมันจะมีสิทธิ์ได้หึงแบบนี้ คิดสิคิด!”

“แต่ว่า… ผมยังไม่ได้ขอพี่เป็นแฟนอย่างเป็นทางการเลยนี่นา…”

ไม่รู้ว่าแสดงสีหน้ายังไงออกไป แต่ยิ่งเห็นคนเด็กกว่ากำลังถอนหายใจหนักๆ ยิ่งเหมือนหัวใจฟีบลงอย่างบอกไม่ถูก 

หรือทั้งหมดผมจะคิดไปเอง... ไอ้เด็กนี่อาจจะไม่ได้อยากขยับสถานะอย่างที่ผมคิดก็ได้

หวานขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกมาเป็นชุด “… นี่จะนับวันไหนเป็นวันเริ่มคบกันล่ะครับ เอาวันนี้เหรอ หรือจริงๆ ควรจะนับตั้งแต่ตอนผมแอบหอมแก้มแล้วพี่วินเขินหน้าแดง ตอนแอบนอนกอดที่คอนโด หรือตอนพี่วินไปช่วยผมตัดโมเดล ถ้าเป็นตอนนั้นถือว่าใจอ่อนรึยัง บอกหน่อยสิครับ ”

“หา..” ผมร้อง
นี่คือสิ่งที่มันกังวลเหรอ

“ไม่งั้นจะนับวันครบรอบกันยังไงล่ะครับ” เด็กโข่งพูดอุบอิบ “ผมก็อยากจะมีวันพิเศษนอกเหนือจากวันเกิดกับเขาบ้างเหมือนกันนะครับ คบกันครบรอบสามเดือนอะไรแบบนี้น่ะ ว่าแต่พี่วินอยากทำอะไรเป็นพิเศษมั้ย ผมว่าผมอยากจะพาพี่วินไ---”   

“หนวกหูน่า...” ผมตีหน้ายุ่งพูดตวัดเสียงพร้อมกับยกมือขึ้นดึงคอเสื้อของคนที่กำลังพูดไปเรื่อยเข้าหาตัว แล้วขยับหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเราสองคนสัมผัสกัน ก่อนจะตัดสินใจแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากอุ่นๆ เพื่อปิดคำบ่นของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

ทีนี้จะเงียบได้แล้วสินะ…

“อื้อ!!...” กำลังจะผละออกก็ต้องมาสะดุ้งตกใจเพราะฝ่ามือใหญ่ๆ ที่เลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้าตัวเอง ดึงรั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ทำอย่างที่คิด คนเด็กกว่าเอียงใบหน้ารุกไล่บดเบียดริมฝีปากมอบสัมผัสแนบแน่นมากกว่าเดิม ถึงจะไม่ได้รุกล้ำเอาแต่ใจ แต่ก็ไล้ละเลียดอย่างอ้อยอิ่งเนิ่นนาน จนกลายเป็นผมเองที่รู้สึกหมดแรง เผลอขย้ำคอเสื้ออีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่ออีกฝ่ายยอมถอนจูบ ก็ถึงกับต้องยกมือขึ้นมากุมอกแล้วหอบหายใจ หวานหลุดหัวเราะ ปัดเกลี่ยปลายนิ้วที่พวงแก้มแล้วกระซิบเบาๆ แทบชิดริมฝีปากที่ยังมีสัมผัสนุ่มนิ่มของเจ้าตัวติดอยู่ชัดเจน

“เริ่มก่อนต้องไม่ป๊อดสิครับ”

ตวัดตามองไอ้เด็กร้ายกาจที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่ม… ไม่น่าประมาทเลย
ผมใช้มือทุบไปที่แผ่นอกของเด็กขี้แกล้งแรงๆ ผลักให้ห่างออกไปแล้วพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ในขณะที่หัวใจยังคงเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมาให้ได้ ก่อนจะรวบรวมสติพูดเข่นเขี้ยว

“ถึงขนาดนี้แล้ว… ถ้ายังพูดว่าไม่ใช่แฟนก็ลงจากรถไปเดี๋ยวนี้เลย”

“ไม่ไปหรอกครับ จะไปกินข้าวกับแฟน” หวานยิ้มกว้าง พลางมองหน้าผมที่กำลังตั้งอกตั้งใจกับการออกรถอย่างเกินปกติ “นี่… หน้าแดงแน่ะครับ”

“เงียบไปเลย!” ผมโวย


“ว่าแต่วันนี้… ข้าวเย็นขอไปกินที่คอนโดแฟนจะได้มั้ยครับ”


_ _ _ _


TBC


เอาตอนใหม่มาส่งค่า หายไปเดือนนึง คิดถึงจุงเลยยย  :กอด1:
จะพยายามเร่งเครื่องเขียนไวๆ นะคะ
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกัน และขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และฟีดแบกในทุกทาง รักมากจริงๆ

/กอดตี๋วินลู๊กแน่นมาก และอยากถือไม้เรียวตีเด็กบางคนมากกว่า

เม้ามอยกันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก หรือบ้านคนเขียน @huentrop เหมือนเดิมนะคะ

ปล. โค้งสุดท้ายของเรื่องแล้วน้า หาเรือผีเราเจอรึยัง เราแอบไว้ลำนึง 555

ปล. อีกที คนเขียนภูมิต้านทานฉากหงิกงอต่ำมาก วอนเข้าใจนะคะ 55555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2018 18:50:26 โดย idee »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เฮ้ย  เป็นแฟนกันซะทีนะวิน  หายปากแข็งแล้ว
ขอบคุณคุณตะวันตัสกระตุ้นชั้นดี  ที่ทำให้พี่วินยอมรับเป็นแฟนกับน้องหวาน  อิอิ

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยยย หวานลูกกกกกกกกกกกก  :ling1:
เวลาอ่านไดอะล็อกของหวานแล้วรู้สึกเหมือนอ่านนิยายหรือการ์ตูนญี่ปุ่นเลยค่ะ
ลักษณะการพูดการจา จังหวะจะโคนมันใช่มาก เอ๊ะหรือเราอ่านให้มันเป็นแบบนั้นเองนะ ชักสงสัยแล้ว

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอ้ยยยยย เหม็นความรักจังเลย
หมั่นไส้ความกังวลของน้องหวานจังเลย แหมมมมมม จ้าาาาาา

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แหม ความรักอบอวลไปหมดเลย จู่ๆได้เลื่อนขั้นน้องหวานตั้งตัวไม่ทันละสิ แต่พอพี่วินจุ๊บๆเข้าหน่อย ทีนี้ความแฟนมาเต็มเลยนะ
ไปกินข้าวที่ห้องแฟนนี่ไปกินข้าวจริงป่าว

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ขนาดไม่ถนัดฉากหงิกงอ
เรายังหงิกงอไปหมดเลยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาา
หวานนี่มันจริง ๆ ขนาดขอเป็นแฟนยังไมไ่ด้ขอเลยลูกเอ๊ยยยย
ขึ้นเตียงนี่ไม่ได้นะ อย่ายอมพี่เค้า  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

อิน้องได้เป็นแฟนแบบ งงๆ 55

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
วันนี้ที่รอคอยค่าาา ขอบคุณคุณตะวันนนนน  :hao7:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao6:


เด็กมันก็จะดึ๋งๆดั๋งๆ แบบนี้

ออฟไลน์ Patar1728

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่วินน่ารักกก อยากได้ 555

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

ออฟไลน์ kstation

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นึกจะจู่โจมก็จู่โจมไม่ทันตั้งตัวเลย :z1:

ออฟไลน์ Apinnoolek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ kstation

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หายไปนานมากเลยครับ เมื่อไรจะมาต่อครับ รอ ๆ ๆ

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 29

10.32
วันศุกร์


จากวันนั้นผมก็มีแฟนมาแล้วเป็นเวลาสิบวันถ้วน

จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเท่าไหร่ ผมยังหอบเอางานกลับมาทำที่บ้านอยู่เป็นประจำ ส่วนเจ้าเด็กหวานที่เพิ่งได้สถานะใหม่ไปก็ยังต้องเข้าๆ ออกๆ คณะทุกวันอย่างกับนี่ไม่ใช่ช่วงปิดเทอม นอกจากงานสตูดิโอที่ไม่จบไม่สิ้นแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมอีกแปดล้านอย่างที่ต้องทำ ก็เห็นว่ากำลังเตรียมละครกันอยู่ ไหนจะต้องซ้อมสำหรับงานถาปัดสัมพันธ์ที่จะต้องไปเจอกับมหาลัยอื่นนั่นอีก เผลอๆ ยุ่งกว่าผมอีกละมั้ง

แต่ถึงอย่างนั้น… บางวันเจ้าตัวก็มานั่งยิ้มเผล่อยู่ที่หน้าออฟฟิศ
หรืออย่างบางวัน… คนเด็กกว่าเลิกดึกจนต้องอ้อนให้ขับรถไปรับถึงหน้าคณะ
อย่าเข้าใจผิดไปนะครับ ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้นสักหน่อย

เอ่อ… ก็แค่ พอดีบังเอิญพอมีเวลาอยู่บ้าง

เออ นั่นแหละ บางวันไง
เหมือนวันนี้น่ะ

เสื้อเชิ้ตทำงานของผมถูกพับแขนขึ้นแบบลวกๆ ส่วนสแล็คก็กลายร่างเป็นกางเกงบอลให้สะดวกต่อการนั่งทำงานบนโซฟา แลปท็อปข้างตัวเปิดค้างอยู่ที่อีเมลล์ขอความเห็นเรื่องที่ดินของโปรเจคใหม่จากฝ่ายมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งอันที่จริงควรจะรีวิวและเขียนคอมเมนต์ส่งกลับไปได้แบบเร็วๆ แต่ก็หยุดอยู่ที่พารากราฟที่สี่มาจะครึ่งชั่วโมงแล้ว

ก็ใครมันจะไปมีสมาธิกัน!

“โอ๊ยย มองอะไรอยู่ได้เล่า!” ผมโวยใส่ตัวต้นเหตุ

“มองแฟนไงครับ” หวานกะพริบตาปริบๆ พูดตอบหน้าตาเฉย “ไม่ได้เหรอ”

ผมถอนหายใจพรืดกับเด็กโข่ง ร่างสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาจะไม่รบกวนการทำงานสักนิด
ถ้าเจ้าของไม่ได้เอาหัวหนักๆ มาหนุนตักผมไว้น่ะนะ…

นอนจ้องหน้าแบบนี้ใครเขาจะไปทำอะไรได้วะ

“ไม่กลับบ้านกลับช่องสักที” ผมเคาะหน้าผากมันไปหนึ่งที “จะอยู่นี่ทั้งคืนเลยรึไง”

“ค้างได้เหรอครับ” เจ้าตัวถามเสียงตื่นเต้น “เดี๋ยวโทรบอกที่บ้านก่อนนะว่าจะอยู่กับแฟน”

“บ้าเรอะ!” นี่ผมเผลอเปิดโอกาสให้มันอีกแล้วเหรอครับ “กลับไปเลย”

“อ้าว… ไม่ได้เหรอครับแฟน” หวานทำหน้าเศร้า

“ต้องเรียกแฟนทุกคำเลยรึไง” ผมย่นจมูก

“ก็ผมเห่อแฟนผมอ่ะ” หวานจ้องหน้าผมแล้วพูดเน้นคำเป็นพิเศษ
ผมกัดปากตัวเอง ให้ตายเถอะ ยังไงก็ไม่ชินกับสายตาแบบนี้ของมันสักที

“ขออยู่แบบนี้ต่ออีกหน่อยนะครับ… นะคร้า-- โอ๊ะ!” ยังพูดวอแวไม่จบประโยคก็โดนขัดจังหวะด้วยเจ้าแมวตัวเล็กที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาบนหน้าท้องของเจ้าตัวอย่างพอดิบพอดี “จิ๋วอย่าเหยียบพุงงง” ว่าแล้วก็อุ้มเอาแมวขึ้นมาฟัดแรงๆ ทำเอาจิ๋วร้องหงุงหงิงขัดใจใหญ่

ผมถอนหายใจแรงๆ
จะนอนก็นอนไปสิ ไม่ได้ห้ามสักหน่อยนี่

วันไหนที่เจอกัน (ขอย้ำนะครับว่าไม่ได้เจอทุกวัน) เจ้าเด็กนี่ก็จะมานั่งๆ นอนๆ ที่คอนโดขอเล่นกับแมวบ้าง ขอมาอ่านหนังสือบ้างที่ห้องอยู่เป็นประจำ จนสี่ห้าทุ่มโน่นแหละถึงจะได้ฤกษ์กลับบ้าน ถ้าเอารถมาก็ขับกลับไปเอง ถ้าไม่ก็… เอ่อ… ถ้าว่างน่ะ... ถ้าว่าง… ผมก็ไปส่ง…

เออ… ก็ไปส่งไง

แต่ก็ไม่ได้เข้าไปถึงในบ้านหรอกนะครับ ส่งลงแถวๆ หน้าบ้านเท่านั้นแหละ ยังไม่รู้จะตอบคำถามของครอบครัวยังไง ทั้งกับบ้านเจ้านี่ ทั้งกับบ้านผมเนี่ยแหละ จะโดนจับข้อหาล่อลวงรึเปล่าก็ไม่รู้
อายุมันนี่เป็นปัญหาจริงๆ มองให้ตายยังไงผมก็ผิด

ทั้งๆ ที่ก็ค่อนข้างมั่นใจนะ ว่าเจ้าเด็กนี่ต่างหากที่ล่อลวงผมก่อน

ขมวดคิ้วคิดจบแล้วก็กลับมาก้มหน้าก้มตาตั้งใจอ่านอีเมลล์ ตอบกลับเสร็จก็เปิดโน่นอ่านนี่ไปเรื่อยเปื่อย พอเห็นว่าผมทำงานเสร็จคนที่นอนอยู่บนตักไปเล่นกับแมวไปอยู่ได้ตั้งนานก็เริ่มซน ทำไม่รู้ไม่ชี้จับมือผมไปวางไว้บนหัวของตัวเอง ก่อนจะวางฝ่ามือตัวเองทาบทับลงมาแล้วเกลี่ยปลายนิ้วที่หลังมือเล่น เหมือนเป็นการบังคับให้ลูบหัวเจ้าตัวแบบกลายๆ

แถมยังหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสอีกต่างหาก
จิ๋วยังไม่ขนาดนี้เลยมั้ง… หมอนี่มันขี้อ้อนยิ่งกว่าแมวซะอีก...

“พรุ่งนี้พี่วินทำอะไรครับ ไปดูหนังกันมั้ย” คนบนตักถามขึ้นลอยๆ

“ว่าจะกลับบ้านน่ะ”

“อ้าววว” หวานลืมตาแล้วร้องเสียงหลง “ทำไมล่ะครับพี่วินนน ไม่อยากดูหนังกับผมเหรอ ดูหนังกับแฟนไง” เด็กตัวโตกะพริบตาปริบๆ เรียกความน่ารักน่าเอ็นดู   

“เล่นใหญ่เหลือเกิน” ผมบีบจมูกโด่งๆ นั่นด้วยด้วยความหมั่นไส้ “ต้องกลับบ้านบ้างสิ ไม่ได้กลับมาหลายอาทิตย์แล้วเนี่ย”

“แล้วจิ๋วล่ะครับ” เจ้าตัวลูบจมูกตัวเองป้อยๆ พลางขยับลุกขึ้นนั่งตัวตรงบนโซฟาแล้ววางแมวจิ๋วไว้บนตัก

“จริงๆ เจ้านี่อยู่ตัวเดียวได้นะ… แค่มีน้ำกับอาหารก็อยู่ได้แล้ว โน่นก็เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ เนอะจิ๋ว” ผมก้มหน้าลงไปใกล้ แล้วเอานิ้วชี้แตะหัวกลมๆ ของเจ้าขนปุย พยักหน้าให้ตาแป๋วๆ ที่มองมา

รู้ตัวอีกทีคนตรงหน้าก็ยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่
“เห้ย!!” ผมร้องเสียงหลง หันไปมองตาโต “ทำอะไรเนี่ย!”

“ก็แฟนน่ารักอ่ะ” หวานพูดหน้าตาเฉยแล้วส่งยิ้มให้จนตาหยี

“มากไปแล้วโว้ยยย!!” ผมโวยวายหน้าแดง

“ไม่จริงสักหน่อยครับ” อีกฝ่ายย้อน “ทำมากกว่าจูบต่างหากถึงจะเรียกว่ามากไป” พูดพร้อมกับทำสายตาวิบวับมองมาให้ผมหน้าร้อนเล่นๆ

ผมทุบเข้าที่แขนดังพลั่กแบบไม่ออมแรง คนเด็กกว่าเลยสะดุ้งร้องเสียงดัง
“พอเลย พอ!!!” ผมลุกพรวดขึ้นในขณะที่หวานยังยิ้มระรื่นแล้วหัวเราะคิกคัก ตั้งใจจะเอาหนังสือกฏหมายควบคุมอาคารบนโต๊ะฟาดหัวแถมไปอีกสักที


Rrrr…

ถือว่าโทรศัพท์ช่วยชีวิตนะ… ผมมองเด็กหวานตาเขียว มือก็กดรับโทรศัพท์

“ว่า?”

(ฮัลโหลลลล เพื่อนตี๋) อาร์ตลากเสียงยาวทักทาย

“ไม่แดกเหล้า” ผมรีบพูด ฟังจากน้ำเสียงแบบนี้ มีเรื่องเดียวแน่ๆ ครับ
ยิ่งวันนี้มันวันศุกร์แห่งชาติด้วยเนี่ย

เด็กข้างตัวมองมาอย่างสนใจ ผมเลยบอกไปอย่างไม่มีเสียงว่า /ไอ้อาร์ตน่ะ/ หวานพยักหน้านิดหน่อยแล้วดึงมือผมที่ยืนอยู่ให้ลงไปนั่งบนโซฟาต่อ

(เห้ย กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย)

“มีเรื่องเดียวนั่นแหละ หรือกูทายไม่ถูก”  ผมย้อนถาม พร้อมๆ กับที่หวานทิ้งตัวลงมานอนบนตักเหมือนเดิม

ไอ้เด็กฉวยโอกาส...
เห็นผมโวยวายไม่ได้สินะ

(ถูก) มันหัวเราะเสียงดัง (นี่กูกับพีทเพิ่งประชุมงานเสร็จ มึงอยู่ไหนตี๋)

กำลังจะตอบบ่ายเบี่ยง แต่คนเด็กกว่าที่นอนอยู่ก็แกล้งพลิกตัวกดจมูกเข้ากับหน้าท้องแรงๆ ทำเอาตกใจร้องออกมาเสียงดัง “เชี่ยยย!!”

(เฮ้ย! เป็นอะไร) อาร์ตถามขึ้นเร็วๆ 

ผมมองอย่างคาดโทษ แต่เจ้าตัวก็แค่ยิ้มพราวแล้วเอานิ้วแตะจมูก พึมพำว่า /หอมดีนะครับ/ 

ไอ้เด็กส้นตีน
“เอ่อ..” ผมคิดข้ออ้างเร็วๆ “เออ.. จิ๋วน่ะ มันตกโซฟา”

(แมวเด๋อเหมือนคนเลี้ยงเลยนะมึง) มันขำ (อยู่คอนโดล่ะสิ)

ตายห่า...
พลาดแล้วกู...

ถึงกับต้องเอามือทึ้งหัวตัวเอง
อาร์ตเพื่อนรัก… คือ…
เอ่อ… อย่า...

(เดี๋ยวพวกกูไปหา รอแป๊บ)
นั่นไง… พูดจบก็ตัดสายแบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพอะไรสักคำ

ผมหันไปหาคนบนตักที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“คือ…” ผมกลืนน้ำลาย “เดี๋ยวพวกแม่ง… จะมา”

หวานกะพริบตาปริบๆ “แล้ว?”

“ก็… เนี่ย…” ผมย่นจมูกแล้วเขย่าขาตัวเองให้คนที่นอนอยู่รู้ตัว “มาอยู่ตรงนี้เนี่ย”

“กังวลเหรอครับ” อีกฝ่ายถามแล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง

ผมพยักหน้าตอบเรียบๆ ในระหว่างที่คนตรงหน้าคลี่ยิ้มที่ผมไม่เข้าใจ
“ยิ้มอะไรเล่า กลุ้มใจอยู่นะ”

“พี่วินไม่ได้ไล่ผมกลับ...” หวานว่า “เพราะงั้นเรื่องที่กังวลไม่ใช่การคบกับผม แต่เป็นการเปิดตัวกับเพื่อนสินะครับ”

“รู้ดี”

ได้ยินผมพูดแล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก ร่างสูงรั้งเอวผมเข้าไปเร็วๆ พริบตาเดียวก็ตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแบบเร็วๆ
“นี่!!” ผมทุบเข้าที่แขน แต่คนเด็กกว่าก็ไม่สะทกสะท้าน แถมยังโอบแน่นขึ้นอีกด้วยซ้ำจนผมยอมแพ้

“ดีใจจนจะแย่อยู่แล้วครับ”

ผมถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับคนตรงหน้าเบาๆ “ก็ไม่ได้ตั้งใจให้รู้เร็วขนาดนี้สักหน่อย…” 

_ _ _ _

11.03

เสียงกริ่งดังขึ้นแล้ว

ผมยืนเรียกกำลังใจอยู่หลังประตู ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปลดล็อค
เอาวะ... ยังไงพวกแม่งก็ต้องรู้

“เป็นไง หายหน้าหายตาไปเลยนะมึง” อาร์ตทักทันทีที่บานประตูถูกเปิดออก “ลืมหน้าหล่อๆ ของพี่อาร์ตไปรึยังครับน้องวิน” มันยิ้มกว้าง

ผมหรี่ตามอง “ก็ไม่ลืมนี่ ไปละนะ บาย” ดันประตูจะปิดใส่หน้าแม่งจริงๆ

“เฮ้ยยย” อาร์ตร้องแล้วแทรกตัวเข้ามา “โอ๋มึงงงง เพื่อนไงจำไม่ได้เหรอ ก็เห็นมึงเงียบไปนาน นึกว่าตายห่าคาออฟฟิศไปแล้ว”

ยัง! ยังจะอวยพรกูอีก! 

“มันก็มีธุระของมันมั้ย มึงอย่ามัวแซว เดินเข้าไปเร็วๆ กูหนัก” พีทตัดบท 

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะวะเนี่ย” ผมมองถุงพลาสติกในมือคนตัวสูง

“ไวน์… กับพวกเบียร์นอกที่อยู่ในตู้เย็นออฟฟิศ วันนี้เขาโล๊ะของกันน่ะเลยแบ่งๆ กันมา” พีทตอบผ่านๆ “เชี่ยอาร์ตแม่งโลภของฟรี แม่งขนมาซะบานเลย” 

“เอ้า มึงนี่อะไร ใครไม่เอาก็โง่ละ” อีกฝ่ายย้อน ”เหยด รองเท้าใหม่ว่ะ” อาร์ตพูดขึ้นหลังก้มมองสำรวจรองเท้าที่หน้าประตูทางเข้า “ไอ้น้ำมาแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่หรอก” พีทตอบในขณะที่มองเลยเข้าไปถึงเจ้าของรองเท้าที่อยู่ในห้อง

“อ้าว ใครอ่ะ ไอ้เต้เหรอ”
จบคำถามของอาร์ต เด็กหวานก็เดินเข้ามาถึงทางเข้าพอดี

เอ่อ..

“ก็.. หวานไง” ผมตอบหน้านิ่ง “เอาอะไรมาเยอะแยะวะเนี่ย” บ่นเปลี่ยนเรื่องแล้วก็รับเอาถุงพะรุงพะรังจากมือเพื่อนมาถือไว้ เตรียมจะเดินนำเข้าไปในห้อง แต่ถือได้ยังไม่ถึงนาทีก็โดนมือใหญ่ๆ แย่งถุงพลาสติกที่อยู่ในมือผมไปหน้าตาเฉย

“ผมถือให้เองครับ”

ออกตัวแรงนักนะ…
เออ ตามใจ อยากถือก็เอาไปเลย

“ไง” พีททักขึ้น

“สวัสดีครับพี่พีท พี่อาร์ต” คนเด็กกว่ายิ้มตอบด้วยท่าทีสบายๆ พีทพยักหน้ากลับมาให้ ส่วนอาร์ตก็ทำอย่างเดียวกัน.. ถึงหน้ามันจะดูงงไปหน่อยก็เถอะ “เดี๋ยวผมเอาไปเก็บให้นะครับ” หวานหันหน้ากลับมาบอกแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง

พีทมองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วยิ้มนิดๆ ผมเลยทำหน้านิ่งกะพริบตาตอบมันไปหนึ่งที แล้วเดินเข้าห้องไปอย่างไม่ฟังอะไรต่อ

“นี่กูพลาดอะไรไปรึเปล่า” อาร์ตหันหน้าไปถามพีท

“ไม่รู้สิ” คนตัวสูงยักไหล่แล้วเดินเข้าไปนิ่งๆ “โทรตามเชี่ยน้ำให้ด้วยนะ” พีทสั่ง

“เอ๊า!” อาร์ตได้แต่ยืนเกาหัวอยู่ตรงนั้น “อะไรวะ”

_ _ _ _

11.25

เป็นอันว่าวันนี้ เดอะแก๊งค์ของผมมีสมาชิกมาเพิ่มอีกหนึ่งคน
ผมยืนก้มๆ เงยๆ อยู่ในครัวเพื่อเอาของใส่ตู้เย็นบ้าง เตรียมจานใส่อาหารบ้าง ตาก็มองไปยังโต๊ะกินข้าวที่มีสามคนล้อมวงคุยกันอยู่

“อ้าว ตอนนี้พี่โอไม่ได้สอนสตูแล้วเหรอวะ” พีทถามขึ้นถึงอดีตรุ่นพี่ที่กลายมาเป็นอาจารย์ประจำสตูของตัวเองตอนปีสอง

หวานพยักหน้าตอบคนข้างตัวพลางเกาคางให้แมวจิ๋วบนตักตัวเองไปด้วย “แกได้ทุนคณะไปเรียนเอกที่ AA (Architect Associate) ที่ลอนดอนครับ เทอมหน้าเลยไม่ได้สอนแล้ว”

“เชรดดดดด AA เลยนะโว้ย” อาร์ตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโวยวายแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด “แม่งโคตรเทพ ทำไมแกไม่ประกาศหน่อยวะ กูต้องเข้าไปแสดงความยินดีในเฟสบุคหน่อยแล้ว” มันตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์ยุกยิก 

“แกไปเรียนอะไรนะ” ผมถาม

“อ่าา… น่าจะ Advanced Design นะครับ ผมก็ไม่แน่ใจ” หวานตอบ

“เออ พี่โอกราบไหว้ท่านเซอร์นอร์แมน ฟอสเตอร์ เป็นไอดอล เพราะงั้นได้ไปอังกฤษนี่สมใจแกชัวร์” พีทว่า

“อ๊ะ…” อาร์ตร้อง “ไอ้น้ำมาถึงละ” มันโชว์หน้าจอไลน์ให้ดู

ผมเงยหน้าขึ้น “เดี๋ยวกูไป--”

“เดี๋ยวผมไปให้ครับ” คนเด็กที่สุดในวงรีบลุกขึ้นอาสา หอบเอาแมวติดมือไปกดรหัสลิฟต์ด้วย

ไม่นานนักเสียงกริ่งก็ดังขึ้น พีทอดไม่ได้ที่จะต้องมองตามคนเด็กกว่าที่เดินไปเงียบๆ
ไอ้นี่มันร้าย...

“เปิดช้าชิบห--” เสียงคนมาใหม่สะดุดลงเมื่อสังเกตว่าคนที่มาเปิดประตูกลายเป็นเด็กหวานที่กำลังอุ้มแมวอยู่ในมือ “อ้าว?”

“สวัสดีครับ พี่น้ำ” หวานยิ้มทักทาย “เข้ามาเลยครับ อยู่กันข้างในกัน”

น้ำยืนนิ่งมองคนตรงหน้าด้วยสายตายากจะอธิบาย ร่างสูงใช้เวลาอึดใจหนึ่งถึงจะหาคำพูดเจอ
“อ้อ…” ส่งเสียงตอบในคอ ก่อนจะก้มลงถอดรองเท้าไว้ด้านหน้า “แม่งมาถึงกันนานแล้วล่ะสิ”

“สักพักเองครับ” หวานยิ้ม ”เดี๋ยวผมเอาจิ๋วไปใส่กรงก่อนนะ” 
 
“อืม” น้ำตอบสั้นๆ พลางมองคนตรงหน้าลูบหัวแมวเดินนำไป แล้วจึงเดินฉับๆ ตามเข้าไปด้านในเงียบๆ

“ว่าไง ธุระเยอะจังเลยนะมึง กว่าจะมา” ผมทักพลางวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ

“ต้องประชุมปิดแบบน่ะสิ นี่ยังดีเลิกแค่สี่ทุ่มครึ่ง” น้ำตอบเซ็งๆ ก่อนจะนั่งลงข้างพีทแล้วถอนหายใจ เจ้าตัวปรายตามองหวานที่เดินตามหลังมานั่งลงระหว่างผมกับอาร์ตแล้วพูดต่อ “แล้วงานพวกมึงล่ะ ไหนว่ามีรีวิวโปรเจคกัน” 

“แค่อินเทอร์นอลน่ะ” พีทตอบ “แบบหลักๆ ก็ผ่านแล้วแหละ เลยไม่ค่อยมีอะไรมาก เถียงกันเรื่องสเป็คของนิดๆ หน่อยๆ”

“อาฮะ” ผมทำเสียงในคอ รินน้ำเปล่าลงในแก้วของตัวเอง นั่งลงที่หัวโต๊ะ “ไม่ดีเลย์?”

“ไม่อ่ะ ถือว่าโอเคนะ ไม่หลุดตารางเวลาที่คิดไว้” พีทว่า

“เดี๋ยวก็เตรียมหาผู้รับเหมาอินทีเรียได้แล้วสิ” ผมถามขึ้น “เชี่ยละ กูยังไม่ได้ย้ำฝ่ายรีเทลให้ส่งรายชื่อ Candidate ผู้เช่าเลย”

อาร์ตรีบยกมือห้าม “ใจเย็นตี๋ รอให้พวกกูจบแบบให้งดงามก่อนมั้ย มึงก็รีบเกิน”

พีทพยักหน้า “กว่าจะได้ใช้รายชื่อนี่อีกนาน ไหนจะต้องประมูลผู้รับเหมาอินทีเรีย เลือกสเป็ค ต้องส่งต่อให้ผู้รับเหมาอีก โน่น หลังเทสต์งานระบบโน่น”

“ก็เดี๋ยวไม่ทัน” ผมพูดอุบอิบ… ก็คนมันกังวลนี่หว่า

“แหม เป็นห่วงโปรเจคนี้จังเลยนะครับน้องวิน ไหนมาอัพเดทให้พี่อาร์ตฟังซิ” มันเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเร็วๆ อย่างน่าเตะ นี่ไม่นับคำพูดชวนประสาทเสียที่มันจงใจเลือกใช้ด้วยนะ “เจ้าของโปรเจคไปถึงไหนแล้วครับ”

“สัดอาร์ต ไม่มีอะไรแล้วว้อย… เคลียร์แล้ว” ผมหันไปทำตาขวาง บอกสั้นๆ

“นัดเคลียร์เลยเหรอวะ” พีททวนคำ

“อ่า… ไม่เชิง แต่เอาเป็นว่าจบแน่ๆ แบบไม่กลับมาชัวร์ๆ ไม่มีอะไรละ” ผมพูดตัดบท แล้วหลีกเลี่ยงการสบตากับไอ้เด็กตัวสูงที่กำลังยิ้มกริ่มเพราะอยู่ในเหตุการณ์ “นี่พวกมึงจะกินกันเลยมั้ย เดี๋ยวกูไปหยิบของในครัวก่อน” ว่าเสร็จก็ลุกขึ้นตรงดิ่งไปที่ครัวโดยไม่รอคำตอบ

ไม่ได้พูดเกินจริงอย่างใดครับ แต่หลังจากวันนั้นคุณตะวันก็หายไปเลย
ไม่มีไลน์ส่วนตัวอีกต่อไป พบเจอกันแต่ในอีเมลล์และกรุ๊ปรวมเท่านั้นจริงๆ

“เหยดดด ทริปแสวงแต้มบุญกูได้ผลจริงเหรอวะ” อาร์ตพูดเสียงดัง “เชี่ย ขายทัวร์นี้ต้องได้ตังค์ดีแน่ๆ ไม่ทำแล้วงานสถาปนิก กูจะตั้งสำนัก มึงว่ากูเริ่มที่รูทเก้าวัดในกรุงเทพก่อนดีป่ะวะ”

น้ำมองอย่างปลงๆ “เพ้อเจ้อสัด” 

“ไอ้เหี้ยน้ำ อย่ามาขวางคนจะรวย” คนโดนแขวะมองตาขวางก่อนจะพูดต่อ
“แต่ก็ไม่นึกนะว่าไอ้คุณตะวันอะไรนั่นจะยอมรามือง่ายๆ ตามตื้อซะขนาดนั้น กูละสยองแทน ทั้งดอกไม้ ทั้งดินเนอร์ น้องวินครับ น้องวินครับอยู่นั่นล่ะ”

“หืม… มีดอกไม้ด้วยเหรอครับ…” จู่ๆ คนเด็กที่สุดในโต๊ะพูดขึ้นเสียงเรียบ

ชิบหายละ… ผมแอบชะโงกหน้ามองออกมาจากในครัว   

“เออสิวะ ตื้อแม่งเป็นอาทิตย์เลย” อาร์ตยังคงพูดยืนยัน “ดอกไม้ช่อเท่านี่”

ไอ้เชี่ย หยุด หยุดดดด!!!!
เล่าอะไรไม่ดูหน้าไอ้เด็กนั่นเลย นั่นไง หรี่ตามองมาเหมือนมีคำว่า เรื่องนี้ต้องเคลียร์ แปะอยู่บนหน้ายังไงอย่างงั้นเลย

ไม่ได้การ ต้องรีบไปขวางก่อน
ผมรีบหยิบจานและขวดเบียร์เดินปรี่ออกมาจากครัว

“เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ เอ้า ไอ้พีทมึงตักน้ำแข็งดิ่ รอให้มันละลายเหรอ” ผมพูดเร็วปรื๋อ “แล้วซื้อเบียร์กันมาตั้งขนาดนี้เห็นคอนโดกูเป็นฮอบส์เหรอ พวกมึงกะกินหรืออาบวะเอาจริงๆ เอ้า เขยิบไปทางโน้นซิ เช็ดโต๊ะด้วย”

“อะไร วุ่นวายจังมึงนิ่  ปกติก็กินกันแบบนี้อยู่แล้ว นี่คนตั้งเยอะแยะ ทำไมจะไม่หมด” อาร์ตชี้ไปรอบวง 
“เออ... แล้วไหงวันนี้ไอ้เด็กนี่มาอยู่ห้องมึงได้ล่ะ” จู่ๆ มันก็ถามขึ้นกลางปล้อง

“ห๊ะ…” ผมร้องขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินคำถามตรงๆ
ถึงกับต้องมองหน้าไอ้เพื่อนตัวดีว่านี่มึงถามเรียกตีนหรือเอาจริง แต่ก็สรุปเอาเองหลังจากหันไปเจอมันกะพริบตาใสๆ ใส่แบบเด๋อๆ ว่าแม่งงงจริง

ผมเผลอมองเลยไปยังคนที่เป็นประเด็นแว่บนึง
ไม่ต้องมายิ้มมุมปาก! เดือดร้อนอยู่เห็นมั้ย!!
“เอ่อ…”
 
“เอ๊า! ไอ้เชี่ยตี๋ มึงไม่เอาที่เปิดไวน์มาแล้วจะแดกกันยังไงเนี่ย” พีทพูดขึ้นเซ็งๆ “อ้าว แก้วไวน์ก็ไม่ได้เอามานี่หว่า มึงนี่นะ เชี่ยอาร์ต! มึงลุกไปช่วยกูหยิบแก้วหน่อย”
 
“เอ้า เกี่ยวไรกับกู ไม่ใช้ตี๋มันอ่ะ”

“ลุกเลย! มึงต้องไปเอากุ้งแช่น้ำปลาในฟรีซมึงด้วย ไหนอยากแดกแบบเกล็ดน้ำแข็ง ลุก” พีทย้ำ ร่างสูงยืนเคาะโต๊ะเป็นเชิงเร่ง ไอ้อาร์ตเลยทำหน้าบูดใส่นิดหน่อยก่อนจะยอมเดินออกมาแต่โดยดี พีทรอให้คนตัวเล็กกว่าเดินนำไปก่อน แล้วจึงยื่นมือมาตบไหล่ผมเบาๆ สองสามที แล้วจึงผละออกไป

เฮ่อ ขอบใจว่ะ

ผมหันมาสนใจขวดเบียร์หลากสีตรงหน้า ท่าทางออฟฟิศไอ้พีทจะมีคนขี้เมาอยู่เยอะเชียว มีเบียร์ต่างประเทศติดตู้ไว้เยอะขนาดนี้ ผมเลือกหยิบยี่ห้อคุ้นตามาเปิดแล้วส่งให้คนที่นั่งเงียบอยู่ข้างตัว

“อ่ะ” ผมจงใจแตะขวดเย็นๆ กับท่อนแขนให้น้ำสะดุ้งเล่น “หนักเหรอวันนี้ เงียบเชียวนะมึง”

“ก็… นิดหน่อย” น้ำพูดอย่างขอไปที ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ “แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะนะ”

ขมวดคิ้วตั้งท่าจะถามต่อว่างานมันแย่มากเลยเหรอวะ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากก็ได้ยินเสียงอาร์ตถามออกมาจากในครัว “ตี๋ มึงเอาไวน์ป่ะ กูจะได้เอาแก้วไป” 

“ไม่เอา จะกินเบียร์” ผมตอบผ่านๆ

“แล้วเด็กมึงจะแดกอะไร” อาร์ตถามต่อ จบประโยคก็แว่วเสียงหัวเราะหึหึมาจากไอ้น้ำที่นั่งข้างๆ

“เด็กกูเหี้ยอะไรครับ” ผมโวยเสียงดัง มองหน้าเจ้าตัวตาเขียว “จะกินอะไรก็บอกแม่งไป”

“กินเบียร์ครับพี่” หวานหันหน้าไปตอบแล้วก็ยื่นขวดมาทางผม คนเด็กกว่ายกมุมปากขึ้นยิ้มนิดๆ “พี่วินเปิดให้หน่อยสิครับ”

ผมย่นจมูกใส่เบียร์ที่มีชื่อหล่อๆ ว่า London’s pride ซึ่งคนเด็กกว่าเลือกดื่มก่อนจะคว้าที่เปิดขวดขึ้นมาจัดการให้มันจบๆ แล้วหันมาเลือกเครื่องดื่มให้ตัวเองบ้าง มองไปมองมาก็สะดุดกับขวดรูปทรงแปลกตา อืม Brigand ของเบลเยี่ยมเหรอ… อื้มม… น่าสนใจ

อันนี้แหละ! ผมตั้งท่าจะเปิดฝาขวด

“อ๊ะ! แลกกันครับ” คนเด็กกว่ารีบเลื่อนขวดเบียร์ของตัวเองที่เปิดแล้วมาวางตรงหน้า แล้วคว้าเอา Brigand ในมือผมไปหน้าตาเฉย

“อ้าว” ผมร้อง ตีหน้ายุ่ง

“อันนี้มันขมไป” หวานพยักเพยิดไปที่เบียร์ขวดเก่าของตัวเองพลางทำหน้าแหยงๆ “แลกกันนะครับ”

“อ่อนจริง” ผมว่าพลางถอนหายใจ ก่อนจะยกเบียร์ที่คนเด็กกว่ายกให้ขึ้นลองจิบ... ขมจริงด้วยแฮะ ผมเบ้หน้า
“เออ… แลกก็แลก” ผมพูดอุบอิบ พอดีกับที่อาร์ตกับพีทเดินหอบแก้วไวน์กับจานกับแกล้มมาวางบนโต๊ะ คนตัวสูงรินไวน์อย่างคล่องแคล่ว สมกับเป็นคุณปรเมศผู้ออกสังคมบ่อยจริงๆ

“เอ้า ชนๆ” อาร์ตเร่ง “จะได้เริ่มวันศุกร์แห่งชาติกันสักทีเว้ย”

_ _ _ _
(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2018 20:57:30 โดย idee »

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
01.05

ตั้งวงผ่านไปได้แค่ชั่วโมงกว่า ไอ้น้ำก็หนีกลับไปก่อนโดยให้เหตุผลว่าต้องไปส่งน้องแนนเข้าค่ายที่มหาลัยแต่เช้า ทิ้งพวกผมไว้บันเทิงกันเองจนตอนนี้มีกองขวดเบียร์เปล่าๆ วางระเกะระกะไว้เต็มพื้น

ผมนั่งสะอึกอยู่บนพื้นหน้าโซฟา ห้าขวดที่ผ่านไปก็เล่นเอามึนเหมือนกันนะเนี่ย ส่วนข้างตัวเป็นเด็กหวานที่ยังทำหน้านิ่งกระดกเบียร์อยู่ ด้านหลังมีไอ้อาร์ตนั้นนอนฟุบหน้านอนพังพาบอยู่บนโซฟา เห็นแล้วไม่น่าสงสารสักนิด ใครใช้ให้มันกินไวน์ผสมเบียร์ล่ะครับ

“หน้าแดง ตัวแดงหมดแล้วเนี่ย เอาผ้าเย็นมั้ยครับ” หวานก้มหน้าลงมามองผมแล้วขมวดคิ้ว

“ไม่เมาๆ” ผมรีบปฏิเสธ ยกขวดน้ำเปล่าขึ้นดื่มอึกใหญ่ “แค่นี้สบาย”

อีกฝ่ายหัวเราะเสียงเบา “ไม่ใช่สิ ผมถามว่าเอาผ้าเย็นมั้ย นี่ไม่เมาจริงเหรอ” ว่าพลางยกฝ่ามือขึ้นมาแนบหน้าผากจนผมต้องย่นคอหนี

“อื้อ ไม่เอา… อึ๊ก!”

“เอ้า ไหวมั้ยนั่นน่ะ” พีทที่เดินถือไวน์แก้วใหม่เข้ามาถามยิ้มๆ

“ดื้อครับ” หวานพูดฟ้อง ผมเลยยกมือฟาดไหล่เจ้าตัวไปเบาๆ     

“ตี๋แม่งก็แบบนี้แหละ นี่ดีนะ มึงสลับเบียร์ให้มัน ขืนให้กิน Brigand แม่งจอดตั้งแต่ขวดแรกแล้ว แอลกอฮอลล์ตั้ง 9%” พีทหัวเราะ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นที่ว่างอยู่
อ้าว อะไรเนี่ย ทำไมผมโดนหลอกให้กินเบียร์ขมๆ ล่ะ
“ว่าแต่… กว่าจะได้เจอกัน ทำเพื่อนกูว้าวุ่นอยู่ได้ตั้งนานสองนานนะมึง”

“ไอ้พีททททท...” ผมลากเสียงยาว “โอ๊ย… อึ๊ก!… มึนหัวอยู่... อย่าแซว”

“เอ้า ก็กูจะคุยกับน้องมัน” พีทแหย่ “เพื่อนกูรับมือยากนะ มึงไหวมั้ยเนี่ย”

ผมตวัดตามอง เอ๊ะ ไอ้เชี่ยพีทนี่ มึงหมายความว่ายังไงวะ
“ไหวสิครับพี่” หวานตอบ “หนักกว่านี้ก็ยอม”

“ยังไงแม่งก็เป็นผู้ชายคนนึง... กับบางเรื่องก็คิดมากชิบหาย แต่บทจะเด๋อแม่งก็โคตรเด๋อ ปากไม่ค่อยตรงกับใจอีกต่างหาก เข้าใจมันหน่อยละกัน” พีทมองมาทางผม “กว่าจะยอมรับว่าคบกับมึงก็ไม่ใช่ง่ายๆ ใช่มั้ยล่ะ”

“เชี่ยพีท” ผมร้องขึ้น “มึงขายกู...”

หวานอมยิ้ม “ชู่ว… ไม่เสียงดังครับ เดี๋ยวปวดหัวนะ”

“แต่มัน… อึ๊ก!” ผมงอแงเตรียมจะเถียงต่อ แต่คนข้างตัวก็เอื้อมมือมาโอบไหล่แล้วออกแรงดึงนิดหน่อยให้ผมนั่งพิงเจ้าตัวเอาไว้ ก็อยากจะขืนตัวไว้หรอกนะครับ แต่ติดที่ว่านั่งมึนอยู่ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เออ ไม่เถียงต่อแล้วก็ได้   

“โอ้โห… อ้อนเป็นแมวเลยเพื่อนกู ถ่ายรูปไว้ได้มั้ยเนี่ย” พีทพูดล้อ

“ไม่ได้สิครับพี่พีท พี่วินของผมนะ” หวานพูดตอบกลับไปแบบขำๆ แต่เจ้าตัวกลับเลื่อนมือมาแอบสอดนิ้วกุมมือผมเอาไว้อย่างแนบเนียน ให้ตายสิ ไอ้หมอนี่มัน...

“มึงนี่เด็กน้อยขี้หวงจริงๆ นี่จะจับเพื่อนกูแห่รอบคณะมั้ยวะ” พีทว่า

“อยากจะติดป้ายไว้เลยแหละครับ” ผมเหลือบตาไปมอง...ยังจะมาหัวเราะ คนมึนหัวอยู่เห็นมั้ย 

“คนนะ… ไม่ใช่จิ๋ว” ผมบ่นแล้วตัดสินใจหลับตาลง “ปวดหัวอ่ะ”   

“แต่หงุงหงิงเหมือนจิ๋วเลยครับ”

“ฮัลโหล… กูอยู่ตรงนี้เนอะ” พีทโบกไม้โบกมือ
“เฮ้ออ ยังไงก็ฝากมันด้วย มันยอมรับว่าคบกับมึงนี่มันก็คงคิดดีแล้ว ยังไงแม่งก็แมนพอ อันนี้กูไม่สงสัยในตัวเพื่อนกู แต่กับมึง… กูขออย่างเดียว อย่าทำเพื่อนกูเสียใจ ถ้ามันเจ็บ... กูไม่เอามึงไว้แน่”

หวานกระชับมืออีกข้างที่แอบจับกันอยู่ข้างตัวให้แน่นขึ้นอีกนิด “สัญญาเลยครับ จะไม่ทำให้พี่วินเสียใจแน่ๆ” พอพูดจบก็ได้ยินเสียงแก้วกระทบกันเบาๆ อะไร แม่งชนแก้วกันตอนผมหลับเรอะ

ผมลืมตาขึ้น
“อึ๊ก!” ผมสะอึกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ “ทำไรกันอ่ะ…”

“พี่วิน… ไม่ไหวแล้วมั้งครับเนี่ย” หวานมองหน้าผม

“ไหวดิ่” ทำไมจะไม่ไหว ผมรีบขยับมานั่งตัวตรง ถอยออกจากไหล่คนข้างตัวแล้วขมวดคิ้ว “ทำไมแอร์ร้อนจัง”

“ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยมั้ยครับ เดี๋ยวผมพาไป”

ผมหันควับ “ไม่ต้อง… ไม่ได้เมาสักหน่อย…”
ทำไมชอบเข้าใจว่าคนตัวแดงต้องเมาด้วยนะ เนี่ย ดูสิ ลุกเดินก็ยังตรง ไปห้องน้ำเองได้สบายมาก  โว้ว... ใครเอาอะไรมาวางเกะกะวะเนี่ย ผมกระโดดหลบเหยงๆ

พีทยักคิ้วให้คนเด็กกว่าเงียบๆ ก่อนจะถามไปเรื่อย “แล้วนี่มึงมาสิงเพื่อนกูที่คอนโดซะดึกเชียวนะ ไม่ต้องไปทำอะไรเรอะ” 

“ชิลๆ ครับ ปกติกิจกรรมก็ดึกอยู่แล้ว” หวานตอบ “มาแวะนี่ถือว่าเป็นกำลังใจก่อนกลับบ้าน” 

“ไอ้เด็กแสบ…” พีทแกล้งขว้างฝาเบียร์ใส่ “อย่าลืมว่าชีวิตปีหนึ่งมีครั้งเดียวนะมึง ใช้ให้คุ้มๆ แล้วถ้ามีปัญหาเรื่องเรียนอะไรก็ถามตี๋มัน ถึงงานดีไซน์ตัวเองแม่งจะงั้นๆ แต่อ่านเกมขาด ไกด์งานโคตรเก่งสมเป็นคอนซัลท์”

“จริงพี่ นี่งานผมรอดมาได้เพราะพี่วินเลย”

“มันตรวจงานให้มึงด้วย?” พีทเลิกคิ้ว

“พี่ฟ้าวานมาน่ะครับ ผมเป็นน้องรหัสพี่ฟ้าน่ะ” หวานอธิบาย “วันนั้นจะส่งงาน พี่ฟ้าโทรตามให้พี่วินมาช่วยตัดโม ไม่ได้พี่วินนี่ผมตายแน่ๆ”

“โอ้โห… ท่านเทพตี๋ถึงขนาดลงมือให้ กูนี่ยอมเลย...”

หวานหัวเราะ “ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มาช่วยนะพี่ งานตัวเองก็อยากทำด้วยมือตัวเองใช่มั้ยล่ะ แต่ในที่สุดก็ไม่รอด จนพี่วินต้องมาช่วย พี่วินเขาใจดี ส่วนผม… ก็โชคดี”

ได้ยินที่คุยกันระหว่างเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ในสมองมีความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมกันนะ...
ผมแทรกผ่านสองคนที่นั่งกับพื้นไปทิ้งตัวลงบนโซฟาแรงๆ
ทำไม...

“พี่วินหายมึนรึยังครับ” หวานหันมาถามพลางแนบใบหน้าลงกับโซฟา ทิ้งระยะห่างจากขาของผมไม่ถึงคืบ ลมหายใจร้อนๆ กระทบผิวจนต้องขยับหนี ไอ้เด็กบ้านี่…

“เป็นอะไรมึง ทำหน้าเป็นตูด” พีททักขึ้น

“ปวดหัวเหรอครับพี่”

“กูง่วงแล้ว…” ผมพูดเสียงเรียบ 
ผมไม่เข้าใจ… ทำไมวะ… ทำไม

พีทมองประเมินสถานการณ์ ก่อนจะพูดออกมา “งั้นพวกมึงไปนอนเถอะ เดี๋ยวกูจัดการตรงนี้เอง”

“งั้นผมฝากด้วยนะพี่” คนเด็กกว่าวางขวดเบียร์ไว้ข้างๆ “พี่วิน ไปนอนในห้องกันครับ... เอ้า”
อีกฝ่ายพูดยังไม่ทันจบ ผมก็ลุกขึ้นพรวดแล้วเดินจ้ำเข้าห้องนอนไปแบบไม่สนใจใคร

“นี่… นอนก็นอนให้หลับนะมึงอ่ะ รุ่มร่ามกับไอ้ตี๋กูเข้าไปถีบหน้าจริงๆ” พีทดักคอ

หวานกระตุกยิ้มแล้วพูดเสียงเบา “แต่ถ้าเพื่อนพี่เริ่ม… ก็อีกเรื่องใช่มั้ยครับ”

พีทหัวเราะเสียงดังมองคนที่เดินตามเพื่อนรักตัวเองเข้าไปในห้องนอน
ไอ้เด็กนี่แม่งแสบจริง...

ร่างสูงมองประตูห้องนอนที่ปิดลงเงียบๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่ใครบางคนที่แกล้งทำเป็นหลับอยู่บนโซฟา

“รู้นะว่ายังไม่หลับ… มีอะไรจะถามก็ว่ามา…”

_ _ _ _


2.29

ผมนั่งกอดอกพิงหัวเตียง สายตาจับจ้องบานประตูห้องน้ำที่ใครบางคนเพิ่งจะเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันต่อจากตัวเองด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่นานนักร่างสูงก็โผล่ออกมาในชุดเดิมพร้อมหยดน้ำที่เกาะพราวเต็มใบหน้า หวานยกมือปัดปอยผมชื้นๆ ให้พ้นออกไปจากมุมมองตนเอง

“ยังไม่นอนเหรอครับ” ไฟดวงใหญ่ในห้องถูกปิดลงไป เหลือเพียงแสงสว่างสีนวลจากโคมข้างเตียงให้มองเห็นสีหน้ากันและกัน คนเด็กกว่าจ้องผมแล้วกระพริบตาปริบๆ “พี่วิน… ยังปวดหัวอยู่เหรอครับ หน้ายุ่งเชียว”   

“ก็… เปล่านี่...” ผมตอบเสียงเบา 

คนเด็กกว่าขยับเข้ามานั่งตรงหน้า แล้วใช้สายตาสำรวจตัวผมไปทั่วๆ แล้วทำเสียงดุ “หน้าแดงตัวแดงไปหมดเลยเนี่ย ทีหลังให้กินแค่ขวดเดียวนะครับ จะห้ามพี่วินไม่ให้กินผสมยี่ห้อด้วย”

“ยุ่งจริง” ผมย่นจมูก ก่อนจะขยับตัวนั่งกอดเข่าแล้วก้มหน้าลงเงียบๆ
ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยแฮะ ไอ้ความคิดแบบนี้ที่วนเวียนขึ้นมาเวลาเหล้าเข้าปากน่ะ
มัน… งี่เง่าเกินไป

รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจะยิ้ม “ไหน เป็นอะไรครับ พี่วินงอนอะไรผมเหรอ”
ไม่พูดเปล่า ยังเอานิ้วเย็นๆ มาเกลี่ยแก้มอีกต่างหาก

“อื้อ… ไม่จับ” ผมย่นคอหนี ซุกหน้าลงกับเข่าตัวเอง “ไม่เอา”

อีกฝ่ายขมวดคิ้ว พยายามนึกหาสาเหตุที่ทำให้ต้องงอแงหน้ามุ่ย
“พี่วินครับ… หันหน้ามาคุยกันก่อน… นะ” หวานยกมือขึ้นมาประคองใบหน้าให้กลับมาสบตากัน “เป็นอะไรครับ”

“ไม่เอา” ผมพึมพำแล้วจ้องมือตัวเอง “มัน… งี่เง่า”

“ไม่ครับ เรื่องของพี่วิน… ไม่มีเรื่องงี่เง่า” ได้ยินแบบนั้นก็เผลอสบตาอีกฝ่ายไปโดยไม่รู้ตัว
ผมกัดริมฝีปากด้วยความประหม่า ต้องเป็นเพราะฤทธิ์เบียร์ที่กินเข้าไปแน่ๆ ถึงได้ตัดสินใจพูดเรื่องน่าอายออกไป

“ก็… สงสัย…”
“ว่าเมื่อไหร่…” ผมกลั้นหายใจ “เมื่อไหร่จะเลิกเรียกว่าพี่สักที…”

“อ...อะไรนะครับ…” หวานมองหน้าผมนิ่ง

ใช่… มันต้องเป็นเพราะแอลกอฮอลล์… ที่ทำให้ผมพูดต่อ
“นี่…” ผมยกมือขึ้นจับท่อนแขนแข็งแรงของคนตรงหน้า รู้สึกได้ว่าฝ่ามือที่วางอยู่บนแก้มขึ้นสีของตัวเองสั่นน้อยๆ ผมจ้องลึกลงไปในดวงตาอีกฝ่าย  “อยากเป็นน้องตลอดไปเลยรึไง….”

ร่างสูงเบิกตาขึ้นนิดๆ กับคำถาม  “พี่…”

ตี๋ มึงเมา… มึงเมามากๆ ผมพยายามเตือนตัวเอง แต่ก็ยังพูดต่ออย่างห้ามไม่ได้
ผมยังคงสบตานิ่ง “พีทเป็นพี่... อาร์ตด้วย... น้ำด้วย... ” ผมว่า “แต่นี่ไม่ใช่นะ… นี่เป็นแฟน”


“อื๊อ!” พูดจบก็โดนรั้งเอาใบหน้าเข้าไปประชิด หวานกดจูบหนักๆ บนริมฝีปาก บดเบียดจนไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน มือที่ประคองอยู่จัดแจงเอียงใบหน้าผมให้รับจุมพิตหนักหน่วง ลมหายใจถูกพรากไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบขาดใจ เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ร่างสูงหลอกล่อให้เปิดปากรับสัมผัสจากเรียวลิ้น มอมเมาด้วยรสจูบจนเผลอยินยอมตอบรับอย่างเต็มใจ อารมณ์ร้อนแรงที่อีกฝ่ายมอบให้เมื่อปะปนกับแอลกอฮอลล์ในกระแสเลือดยิ่งทำให้สติที่มีอยู่น้อยนิดกระเจิดกระเจิงเกินจะควบคุม

“วินครับ” แค่ได้ยินชื่อตัวเองถูกกระซิบออกมาโดยไม่มีคำนำหน้าก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิด หวานเกลี่ยจมูกไปตามผิวแก้ม จงใจคลอเคลียให้ริมฝีปากเราปัดผ่านกันไปแบบเฉียดๆ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอ้อมแขนแข็งแรงยกตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักของอีกฝ่าย หวานรั้งเอวให้เข้าไปแนบชิดแล้วประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้งและอีกครั้งจนรู้สึกหมดแรง ต้องป่ายมือโอบรอบแผ่นหลังกว้างไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว

“วิน…” ร่างสูงถอนจูบอย่างอ้อยอิ่ง ลากไล้ฝ่ามือไปตามเรียวขา ทิ้งสัมผัสร้อนผ่าวไว้ทุกที่ที่แตะต้อง

ผมหน้าแดงหอบหายใจ ซุกหน้าลงกับบ่าของอีกฝ่ายแล้วพึมพำเสียงเบา
“มาเรียกอะไรตอนนี้เล่า… เหมือนจะตายเลย”

“วินครับ” หวานพูดย้ำแบบไม่สนใจคำบ่น แถมยังกดจูบบนแก้มแรงๆ จนต้องทุบไหล่ไปแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้ คนตัวแสบยิ้มกว้างแล้วสอดมือเข้าไปใต้กางเกงไล้สัมผัสต้นขากับสะโพกอย่างถือวิสาสะ

“อ๊ะ…” ฝ่ามือร้อนๆ ที่บีบเค้นทำเอาผมสะดุ้งเฮือก “อย่า...”

“นี่ถือว่าคุณเริ่มก่อนได้มั้ยนะ” หวานพูดพลางแกล้งจูบหนักๆ ลงบนลาดไหล่ ก่อนจะขยับฝ่ามือลากไล้เข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตตัวบาง กดปลายนิ้วสัมผัสกับผิวเปล่าเปลือยที่บั้นเอวให้ลมหายใจของผมสะดุดเล่นจนเผลอเบียดสะโพกตัวเองเข้าหาอีกคนโดยไม่ได้ตั้งใจ

กระทั่งรู้สึกได้ถึงตัวตนของอีกคนนั่นแหละ สติที่หลุดหายไปนานก็เหมือนจะแล่นกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง
“อื๊อ!! เดี๋ยว... ไม่ได้!” ผมขืนตัวออกแล้วห้ามเสียงสั่น “น… นี่… ทำไม่ได้นะ…”

หวานมองด้วยตาพราวระยับ จูบแก้มผมอย่างมันเขี้ยว “ทำไมล่ะครับ”

ผมกัดริมฝีปาก ในสมองขาวโพลนไปหมด “ก็… ไม่มี.. นั่น… นั่นน่ะ”

คนเด็กกว่ายิ้มเจ้าเล่ห์ จับมือผมอ้อมไปวางไว้บนกางเกงยีนส์เนื้อหนาของตัวเอง
ผมหน้าร้อนผ่าวเมื่อสัมผัสได้ถึงซองรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าด้านหลัง

“แต่ถ้ามี...” หวานกระซิบ “ทำได้ใช่มั้ยครับ...”

“!!!”

ผมเบิกตากว้างเมื่อถูกจูบปิดปากอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงดันผมลงกับเตียงนุ่ม ทาบทับร่างกายไว้แนบสนิททั้งที่ริมฝีปากยังไม่ผละออกจากกัน ทั้งยังขยับฝ่ามือลากไล้เข้าไปใต้เสื้อ วนปลายนิ้วสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าท้อง สร้างความปั่นป่วนจนต้องส่งเสียงประท้วงออกมา

ให้ตาย… ผมว่าผมโดนร่างกายตัวเองทรยศแล้วล่ะ…
เสียงนั่น… มันไม่ได้ใกล้เคียงกับการประท้วงสักนิด

หวานถอนจูบออกแล้วจดจ้องใบหน้าผมด้วยแววตาพราวระยับ ฝ่ามือร้อนๆ ยังคงแกล้งวนเวียนอยู่แถวเอวและสะโพก มุมปากยกยิ้มอย่างพอใจเหมือนจะล้อเลียนกันเมื่อเห็นผมหอบหายใจอยู่ใต้ร่างตัวเอง
แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อไป เราสองคนก็สะดุ้งสุดตัวจากเสียงดังจากด้านนอก

ปัง!! ปัง!! ปัง!! 

/“ไอ้เชี่ยตี๋!!! มึงออกมาเลยนะเว้ย! มึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อนใช่มั้ย ฮื่ออ ไอ้เชี่ย!! ทำไมมึงไม่เล่าให้กูฟัง!! ทำมายยยยยย”/

/“ไอ้พีท ปล่อยกู! มึงก็อีกคนนะ!! แล้วปล่อยแม่งเข้าไปกันสองคน ฮืออออ ไอ้ตี๋มึงงง ออกมาเลยยย”/

 
เชี่ยอาร์ต….
เมาแล้วอาละวาดชัดๆ

ปัง!! 
/“ออกมา ออกม๊าาาาา”/

/“เชี่ย อย่าไปกวนมัน ลงไปนอนต่อดีๆ”/

/”ฮืออ ตี๋ มึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อนเหรอ”/


หวานหลับตาพ่นลมหายใจหนักๆ แล้วฝังใบหน้าลงกับลำคอของผมอย่างหมดแรง
“อะไรเนี่ย...” อีกฝ่ายพูดอู้อี้ “มาถึงขั้นนี้แล้ว… ขัดจังหวะกันแบบนี้ก็ได้เหรอ”

ปัง!!  ปัง!! 

/“ตี๋ มึงงงงงง”/

/”โอ๊ยยย ไอ้หวานน กูขอโทษษษษ”/


ผมหลุดหัวเราะนิดๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า
เกือบไปแล้วสิ…

“ไม่ตลกเลยครับ” อีกฝ่ายงอแง ก่อนจะใช้ท่อนแขนยันตัวขึ้น เงยหน้าเร็วๆ “นี่ผมต้องปล่อยวินไปในสภาพนี้จริงๆ เหรอครับ” หวานมองไล่ไปตามริมฝีปากแดงช้ำกับเรียวขาที่เกี่ยวอยู่รอบสะโพกตัวเอง “โคตรอ่อนเลย”

“ถ้าไม่ออกไป อาร์ตพังประตูแน่” ผมว่าขำๆ

“แต่ว่า...”

เพราะร่างกายยังแนบชิด แค่ขยับนิดเดียวก็สัมผัสได้ถึงอะไรใต้กางเกงยีนส์ของอีกฝ่ายได้ชัดเจน
ผมหน้าแดงวาบ “ลุกไปจัดการตัวเองเลยไป…”

“งั้นพรุ่งนี้ ไปไหว้พ่อแม่ที่บ้านวิน แล้วเราค่อยกลับมาต่อกันนะครับ” อีกฝ่ายพูดด้วยสายตาวาววับ “ผมจะได้รู้สึกผิดน้อยลงหน่อย” หวานก้มลงจูบหนักๆ บนริมฝีปากแล้วผละออกไปเข้าห้องน้ำ

ให้ตาย…

ปัง!!  ปัง!! 

/“ตี๋!! กูไม่ใช่เพื่อนมึงแล้วเหรออว้าาาาา”/


ผมรีบลุกขึ้นจัดเสื้อตัวเอง ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติก่อนจะเดินไปหน้าประตูห้องนอน
กูจะตัดเพื่อนตอนนี้แหละ อาร์ตมึง!

_ _ _ _

TBC

กลับมาแล้วค่าาาา /ไถลมาซบคนอ่าน
แงงง ตอนนี้ยากมากกกกกก ต่อสู้กับความหงิกงอของตัวเองหนักมาก หวังว่าจะชอบกันนะคะ ฮือออ
เขียนไปก็หวงตี๋ลู๊ก ไม่อยากยกให้เด็กหวานแล้ว อยากเก็บไว้บีบเองคนเดียว
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์จากทุกทาง เล้าเป็ด เด็กดี ทวิตภพ คนเขียนอ่านแล้วใจฟูวมีความสุขเป็นบ้าอยู่คนเดียว
ยินดัรับคำติชมจากทุกท่านเหมือนเดิมค่ะ ขอบคุณมากๆ จริงๆ

แวะมาเยี่ยมบ้านคนเขียนได้ที่ @huentrop นะคะ
เม้ามอยและระบายอารมณ์กันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก หรือจะเติม #อาร์ตมึง เข้าไป เราก็จะตามไปอ่านค่ะ 55555

พบกันตอนหน้าฮ่ะ
รักส์

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao7:


อ้อยกำลังจะเข้าปากช้าง !!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อาร์ตมาถูกจังหวะจริงๆ 5555

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
#อาร์ตมึง 5555555555 :fire: :fire: :fire: :fire:
ขัดจังหวะได้พอดีมาก
อะไรคือการจะไปขอพ่อแม่ก่อน  :ling1:
นังหวานมันร้ายนะคะลูกพี่  :hao7: :hao7:
แอบเสียใจแทนน้ำ แต่ไม่เป็นไรนะ
เราจะเสียสละตัวเองเพื่อน้ำเองง
อย่าเศร้าไปเลย 
ส่วนตี๋วิน รอบหน้าเจอแน่
ไม่ค่อยปฏิเสธซะด้วย!  :oo1: :jul1:

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สงสารหวานนะแต่เรายังไม่พร้อมให้ตี๋น้อยเป็นของนายเราหวงอ่ะเอาตรงๆต้องขอบคุณอาร์ตใช่ไม๊เนี่ย555555เธอมาได้ทันเวลาพอดีอย่างกับรู้ใจ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ร่วมด้วยช่วยกันติดแท็ก #อาร์ตมึง ค่ะ 55555 สงสารน้องหวานนน เป็นแฟนได้สิบวัน พกติดตัวขนาดนี้โคตรพร้อม พี่วินจะต้องอยู่อย่างหวาดระแวง 55555555555555

ออฟไลน์ Plavann

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อีพี่อาร์ตตตตตตตตตตต

ใจนึงก็สงสารหวาน แต่อีกใจก็อยากเก็บวินไว้บีบเล่นคนเดียวไม่แบ่งใคร  :o12:

ติดตามอยู่เสมอน้าคนเขียน เป็นกำลังใจให้ครับ


ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เย้ มาอัพแล้วเราเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ สงสารน้ำอ่าาา ถ้าน้ำยังไม่มีใครมาซบอกเราก็ได้นะ!

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ผิดไหมถ้าบอกว่าอยู่ทีมอาร์ต ฮ่าๆๆๆๆ
เด็กมันร้ายยยยยยยย
ตี๋วินของเรานะยะ
แอบห่วงความรู้สึกน้ำอยู่ลึกๆ มาให้พี่ซับน้ำตามาลูกกกก

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เพื่อนผู้แสนดี มาขัดตอนหวานกำลังจะกินนี่ อยากจะกรี้ด พี่วินกำลังน่าฟัดมากๆทำกันอย่างงี้ได้ไง ไม่ใช่แค่หวานที่ค้าง อินี่ก็ค้างเหมือนกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด