- LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽  (อ่าน 127878 ครั้ง)

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
ฟินตายไปละครับนะจัดๆนี้

ออฟไลน์ kstation

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนนี้หวานมากครับ  :-[ น้ำตาลไม่ต้อง

ออฟไลน์ A.zaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ A.zaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Meercorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นับถือเด็กถาปัตจริงๆเลย อดนอนขนาดนั้นกันได้ยังไงเนี้ย จะบอกว่าเด็กถาปัตที่มอเราก็แบบนี้เหมือนกัน นอนจากไม่ค่อยได้นอนแล้ว น้ำยังไม่ค่อยได้อาบอีกด้วย 5555555555 วันนี้มีแต่โมเม้นตี๋วินกับเด็กหวานทั้งนั้นเลย เรือหวานวินแล่นฉิวว :z1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
มาแล้ววว คิดถึงมาก

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
น้องหวานดูมาวินมั่กๆ แต่เราแอบเชียร์เรือผี #น้ำวิน อยู่นะ 55555

ออฟไลน์ chen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ดูเหมือนเด็กปีหนึ่งจะแง้มประตูใจพี่ตี๋วินได้บ้างแล้วนะ เราอยู่ทีมเน้
คุณตะวันนี่ชัดเจนคุณชายผู้บริหารใหญ่มากๆ เอ หรือคุณวิน เค้าจะชอบแบบผู้ใหญ่ๆหน่อย
อ่านแล้วได้เปิดโลกสายเต๊กมากๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


น้องหวานนนนนนนนนน

ออฟไลน์ Faxh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องหวานกลับมาแล้ว คิดถึงน้องหวานจังเลย

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหวานหายไปนาน โผล่มาทีทำพี่มันเขินแล้วเขินอีก
คุณตะวันก็ดี น้องหวานก็โดนจะเลือกใครดี ใครไม่ถูกเลือกมาทางนี้นะรอิยู่

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 
สนุกดีอ่านรวดเดียวเลยชอบส่วนของเรื่องราวในการทำงานมากดูสมจริงดี o13 แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเชียร์ใครดี

เหมือนทั้งพี่ตะวันและน้องหวานมันยังไม่สุดเท่าไร555555

รอติดตามนะคะ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ SMiLD

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้ยยย โซคิ้วอ่าา
ดีใจมากเปิดมาเจอตอนใหม่ รอตอนต่อไปนะค้าา
มาให้กำลังใจให้นักเขียนค่า :L2: :L2:

ออฟไลน์ waiieiei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอค่าาาา นุ้งหวานค่าตัวแพงจิง

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 23

“อืออ…”

เสียงคนคุยกันหึ่งๆ ที่ลอยมาเข้าหูทำให้ผมที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะต้องลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ผมกระพริบตาปริบๆ

“เห้ย...” ผมอุทานเบาๆ เมื่อสิ่งแรกที่สายตาโฟกัสได้กลับเป็นการสบตากับไอ้เด็กตัวโตที่กำลังเอาหน้าแนบโต๊ะแล้วส่งยิ้มกว้างมาให้ในระยะประชิด จะสิงกูเรอะไอ้เด็กนี่!

“ว้า…” มันร้องออกมาเบาๆ เมื่อผมยืดตัวขึ้นพิงพนักเก้าอี้แล้วยกมือขยี้หัวตัวเองสองสามที “อรุณสวัสดิ์ครับ”

ได้ยินคำทักทายจากอีกฝ่ายแล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง “อรุณสวัสดิ์อะไร นี่กี่โมงแล้ว มึงดูงานรึยังเนี่ย กูซัดแพทเทิร์นส่วน Hardscape ไปเองนะ แบบมึงไม่ได้กำหนดมา ตรงทางเดินมึงลืมใส่สี ดีเทลก็ไม่มี ส่วนตรงบันไดกูแก้ให้แล้ว มึงติดผิดข้างเนี่ย ไม่งั้นเสร็จไปนานละ รีบๆ ไปดูซิว่ายังขาดอะไรอีกไหม”

“โห... ตื่นมาก็เป็นชุดเลยนะครับ” หวานพูด “หนึ่ง ตอนนี้แปดโมงสิบห้านาที สอง ผมดูงานแล้ว สามและสี่ ขอบคุณและขอโทษครับ ห้า ตรวจแล้วไม่มีครับ เรียบร้อยหมดทุกอย่าง” มันยิ้มระรื่นแล้วตอบผมแบบเรียงลำดับ
“เพิ่มข้อที่หกให้ ผมส่งงานแล้ว เพราะงั้น ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปหาอะไรกินกันครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
มันยิ้มกว้างแล้วยื่นผ้าขนหนูสีขาวพร้อมโฟมล้างหน้า ยาสีฟัน และแปรงสีฟันด้ามใหม่เอี่ยมมาให้

ผมก้มมองของในมือ “เอ่อ...ขอบใจ…”

“ขอบคุณสำหรับนี่ด้วยนะครับ…” หวานยื่นมือซ้ายของมันออกมาจับปอยผมข้างแก้มของผมขึ้นไปทัดหูให้ ผมแอบย่นคอด้วยความจั๊กจี้จากสัมผัสสากๆ ของพลาสเตอร์ยาจากนิ้วชี้ของเจ้าตัวที่จงใจไล้ไปตามผิวหน้าอย่างอ้อยอิ่ง
จนหัวใจเต้นแรงขึ้นมานั่นแหละ ผมถึงได้ขยับตัวหนีมืออุ่นๆ ของคนตรงข้าม

“เอ่อ… กูไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า”




8.46

“อ่า ครับ ขอโทษทีครับพี่ ไปไม่ไหวจริงๆ” ผมยืนคุยโทรศัพท์อยู่ริมทางเดินหน้าสตูดิโอก่อนจะกดตัดสายแล้วถอนหายใจยืดยาว
รู้สึกผิด(ไม่)นิดหน่อยที่ต้องโทรไปลาแบบฉิวเฉียดด้วยอาการป่วยปลอมๆ แบบนี้
แต่เอาเข้าจริง ให้ไปทำงานก็คงจะไม่ไหวหรอกครับ เพิ่งนอนไปตอนเกือบจะตีห้านี่เอง นั่งออฟฟิศก็หลับในเอาเปล่าๆ
ไหนๆ วันนี้ก็ไม่มีประชุมด้วย ขอสักวันละกันนะครับพี่ฝ้าย พรุ่งนี้กระผมจะไปทำงานชดใช้กรรมอย่างสาสม

“พี่วิน ทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะครับ ผมหาตั้งนาน รีบไปกันเร็วเข้า” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง พอหันกลับไปก็เจอร่างสูงๆ ของหวานยืนสะพายเป้ ในมือถือกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถของผมอยู่

“หา?” 

“เร็วสิครับ” ว่าแล้วก็จับข้อมือผมหมับแล้วออกแรงดึงให้ออกเดิน

“เดี๋ยวก็ไม่ทันเข้างานกันพอดี นี่ในเป้มีขนมปังกับลิโพ กินรองท้องในรถเอาละกันนะครับ”

ผมเบ้หน้า “ลิโพเนี่ยนะ...”

“ในสตูมันไม่มีนมนี่ครับ” หวานยังคงตั้งหน้าตั้งตาลากผมไปที่ลานจอดรถ

“ไม่ต้องรีบน่า…” ผมว่าแล้วดึงมือไว้บ้าง ทำเอาคนเด็กกว่าหยุดยืนแล้วหันหน้ากลับมามองงงๆ

“ไม่รีบเหรอครับ”

ผมยกมือขึ้นเกาคอก่อนจะตอบเบาๆ “เอ่อ… วันนี้ไม่ไป”

“ยังไงนะ”

“โทรไปลางานแล้ว”

“หา…ลางาน” มันร้องขึ้น “พี่ไม่สบายเหรอครับ” หวานปล่อยข้อมือแล้วทำท่าจะเข้ามาจับหน้าผากทำเอาผมสะดุ้งถอยหลัง

“นอนไปตอนตีห้านี่สมองปลอดโปร่งมากเลย พร้อมไปทำงานมากเลยเนอะ” ผมประชด “หิวข้าวด้วย หิวนอนด้วยเนี่ย”

“เพราะมาช่วยงานผมเหรอครับ…” เอ้า หูลู่หางตกไปซะแล้วไอ้นี่ “ผมขอโท--” 

“หยุดก็ดี” ผมพูดแทรกขึ้นกลางปล้อง “กำลังอยากพักบ้างเหมือนกัน ตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยใช้วันลาเลย”

“เอ่อ..”

“งอแงอีกกูจะด่าแล้วนะ” ผมส่งสายตาคาดโทษ “ว่างแล้วไม่ดีรึไง” 

“...”

“จะไปกินข้าวก็ตามมาเร็วๆ หิว...”

ว่าแล้วผมก็ก้าวฉับๆ ออกไปแบบไม่รอฟังคำตอบ
ก็พอจะเดาได้อยู่แล้วนี่ครับว่ามันจะตอบยังไง…

“ครับ!”

ก็เล่นยิ้มกว้างซะขนาดนั้นนี่นา
_ _ _ _

9.05

ไอ้เด็กที่นั่งเบาะข้างๆ ผมเพี้ยนไปแล้วครับ นี่แม่งยิ้มบ้ายิ้มบอไม่หยุดตั้งแต่ออกมาจากคณะ
เดินก็ยิ้ม คนทักว่าส่งงานรึยังก็ยิ้ม เจอรุ่นพี่มันก็ยิ้ม บอกให้ขึ้นรถก็ยิ้ม เจอพี่ยามก็ยิ้ม
ยิ้มเรี่ยยิ้มราดเหลือเกินนะมึงน่ะ
ไอ้ตัวเมื่อกี้ที่หน้าหงอยยืนจ๋อยอยู่คืออะไร ร่างสองมึงเหรอ
ทำไมเมื่อวานไม่เอานิตโต้พันหัวมันไปให้จบๆ วะไอ้ตี๋
 
“จะกินอะไร” ผมถามเสียงห้วน

“อะไรก็ได้ครับ พี่วินอยากกินอะไร ผมไปได้หมดเลย” ยิ้มไปพูดไปอีกที

“อ่า…ร้านไหนดีล่ะเนี่ย...” ผมคิดไปขับรถไป 

“แค่ได้นั่งกินกับพี่ก็พอ”

แถมยิ้มกว้างให้อีกหนึ่งดอก คิดอีกทีเอานิตโต้พันคอตัวเองไปเลยอาจจะง่ายกว่า
ผีขนมครกมันกลับมาแล้วครับ หยอดอยู่นั่นแหละมึงเนี่ย!! กูขับรถอยู่เห็นมั้ย!!!

หลังคิดอยู่สักพัก ผมก็เลือกร้านโจ๊กแถวมหาลัยเป็นที่ฝากท้องมื้อเช้า
รอไม่นานนักผมก็ได้มานั่งเท้าคางเขี่ยโจ๊กที่เหลืออยู่เต็มชามอย่างเซ็งๆ
จริงๆ ก็ไม่ได้หิวขนาดนั้น ตอนนี้อยากนอนมากกว่า

“ทำไมไม่ทานเลยล่ะครับ”

“ง่วง…”

“ยังไงก็ต้องกินอาหารเช้านะครับ เดี๋ยวปวดท้องอีกนะ” คนเด็กกว่ากำชับ ทำเอาผมต้องตีหน้ายุ่งแล้วอ้าปากจะเถียง แต่อีกฝ่ายก็แย้งขึ้นก่อน “แน่ะ ไม่ได้นะครับ เดี๋ยวก็เป็นลมอีก”

“เงียบไปเลยมึงน่ะ…” ผมว่าเสียงเขียว

นอกจากมันจะไม่ฟังคำผมแล้ว ไอ้เด็กนี่ยังหัวเราะหึหึแล้วยักคิ้วให้อีกต่างหาก “อยากให้ผมอุ้มก็บอกกันดีๆ สิครับ ไม่ต้องเป็นลมก็พร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว”

“ไอ้หวาน!” ผมร้อง   

“ทานต่ออีกหน่อยนะครับ” คนตรงข้ามพูดอ้อนก่อนจะยิ้มตาหยีส่งมาให้

ผมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปจัดการโจ๊กในชามต่ออีกนิด
แพ้ทางสายตาลูกหมาของแม่งจริงๆ...
มึงนะมึง…

ผมวางช้อนหลังโจ๊กในชามพร่องลงไปเกือบครึ่ง กินไม่ลงแล้วจริงๆ แฮะ
“พรุ่งนี้จูรี่กี่โมง” ผมถามเวลาที่หวานต้องเสนองาน

“สิบโมงครับ”

“อือ…” ผมพยักหน้าแล้วทำเสียงในลำคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเชคการแจ้งเตือนไปพลางๆ

โดยปกติคณะผมจะกำหนดให้ส่งงานก่อนหนึ่งวัน แล้ววันรุ่งขึ้นถึงเป็นการนำเสนอรวมที่เรียกว่า Jury แบบที่เอาอาจารย์สอนดีไซน์ทุกกลุ่มมาตรวจงานเราพร้อมกันนั่นแหละครับ วัดกันไปว่าใครจะตึกระเบิดก่อนกัน คอมเมนต์กันยับไม่มีไว้หน้าว่าเด็กใครเป็นเด็กใคร จัดหนักอย่างเท่าเทียม

ส่วนที่ต้องกำหนดให้วันส่งงานกับพรีเซนต์เป็นคนละวันกันเนี่ย ไม่ใช่ว่าเป็นระบบระเบียบอะไรหรอกนะครับ แต่อดนอนกันเบอร์นี้แค่จะให้สื่อสารแบบปกติก็ลำบากแล้ว ขืนให้ส่งงานตอนเช้าแล้วพรีเซนต์งานตอนบ่ายต่อก็ตายพอดี และก็ไม่ใช่เพราะความเมตตาจากอาจารย์ให้ไปพักร่างก่อนนำเสนองานแต่อย่างใดนะครับ... แต่อาจารย์แกกลัวจะฟังไม่รู้เรื่อง เป็นภาระแก่หูและการให้คะแนน พวกแกเลยเว้นช่วงให้นักศึกษาไปนอนก่อนหนึ่งวันไว้เอาบุญ

“พี่วิน?”

“หือ” ผมพูดทั้งที่สายตายังไม่ละไปจากหน้าจอโทรศัพท์

“...”

เห็นคนตรงข้ามเงียบไปเลยต้องเงยหน้าขึ้นมาดูสถานการณ์ หวานมองโทรศัพท์ในมือของผมแบบมีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่บนหน้า… คนตัวสูงทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด จนผมต้องเป็นฝ่ายออกปากขึ้นมาเอง

“ไลน์บอกฟ้าว่างานเสร็จแล้วน่ะ ไม่ต้องห่วง เฮ้อ… นี่ถ้าคุณเธอไม่เข้าไปเจอมึงทำงานอยู่คนเดียวงานมึงจะเสร็จมั้ยเนี่ย อยากเท่ไม่เข้าเรื่อง” ผมบ่นพลางถอนหายใจ แล้วเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง “นี่ฟ้ายังถามมาอยู่เลย ถามว่าซ้อมพรีเซนต์แล้วรึยัง”

ไอ้เด็กตรงหน้าทำหน้าตาหลุกหลิกแล้วเอามือเกาคอ “อ่าาาา” มันลากเสียงยาว
“คือ… ยังไม่ได้คิดเลยอ่ะครับ”

ชัด… กูคิดอะไรเคยผิดมั้ยเนี่ย! ไอ้ชิบหาย!!
“มึงนี่นะ…” ผมถอนหายใจก่อนจะเรียกพนักงานเก็บเงิน “ให้ไวเลย ไปนอนแล้วค่อยลุกมาเตรียมพรีเซนต์!”

_ _ _ _

10.45

กรุงเทพ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว

เหรอวะ...

ผมนั่งอ่านป้ายหน้าตัวเองมาจะยี่สิบนาทีแล้วครับ นี่มันจะสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้วแต่รถก็ยังขยับได้แค่ระดับเซนติเมตร ถ้าเดินเอาเผลอๆ ป่านนี้ถึงแล้วมั้ง ทำไมการขับรถกลับไปคณะมันกินเวลาได้นานขนาดนี้กันนะ
ว่าจะไปส่งหมอนี่ที่สตูแล้วรีบกลับคอนโดไปนอนซักหน่อย…
ผมหันไปมองไอ้เด็กโข่งข้างเบาะที่กำลังหลับคอพับแล้วได้แต่ส่ายหัว
       
อ่า…
เอาอย่างนี้แล้วกัน




“หวาน… หวาน…”

“...อืออ…” มันทำเสียงอืออา

“หวาน... ตื่นก่อน... จะได้ไปนอนดีๆ” ผมว่าแล้วเขย่าตัวคนขี้เซา “หวาน”

“อือ... ครับ… พี่วิน” มันกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะขยับตัวขึ้นแล้วมองไปรอบๆ “หือ?” 

“เอ้า มัวนั่งงงอยู่นั่นแหละ ลงไปเร็วๆ” ผมว่า

“เอ่อ…” หวานหันหน้ามามอง “ที่นี่มัน…”

“คอนโดกูไง” ผมตอบปัดๆ แล้วกดปลดล็อกประตู “ง่วงนักก็ไปนอนดีๆ”

“ห๊ะ” มันพูดเสียงสูง “ให้ผมนอนนี่จริงเหรอ!”

ดูเหมือนจะไม่ง่วงแล้วนี่...
“ถ้าอยากไปนอนบนพื้นสตูก็กลับไปเองละกัน กูจะขึ้นไปนอนละ”

ผมลงมายืนข้างรถ พร้อมๆ กับที่เด็กหวานลนลานเปิดประตูตามมา
“ไปด้วยครับ ไปนอนด้วย!”

“แล้วมึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย ไอ้ชิบหาย!”

ตื่นเต้นไปมั้ย ไอ้เด็กเว่อร์

..
..

“ไม่ได้!!” ผมพูดเสียงดัง “มากไปนะมึงน่ะ!!!”

“อ้าว ทำไมล่ะครับ” มันร้อง

“ไม่ต้องเลย มึงนอนโซฟาไป”

หลังจากทักทายแมวจิ๋วจนพอใจผมก็เอาเจ้าตัวยุ่งเก็บใส่กรง แยกย้ายกันไปอาบน้ำจนเสร็จเรียบร้อย คือจะนอนเลยก็เกรงใจกาวที่ติดตามง่ามนิ้ว เราควรตัวโปร่งโล่งสบายก่อนการนอนใช่มั้ยล่ะครับ อาบให้มันจบๆ ไปเลยแล้วกัน
จากนี้ก็ควรจะเป็นเวลาที่ได้พักผ่อนอย่างสงบบนเตียงนิ่มๆ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมาเถียงเรื่องที่นอนกับไอ้บ้าแถวนี้
โอ๊ย ปวดกบาล...

เด็กตัวโตในชุดนอนของไอ้พีทยืนกอดหมอนและผ้าห่มที่ผมเอามาให้ไม่ยอมวาง พลางทำหน้ายู่ยี่
“ใจร้าย โซฟามันเล็กนะครับ เตียงพี่วินกว้างกว่าตั้งเยอะ” มันชี้มือไปที่ห้องนอนด้านหลังที่ผมยืนขวางประตูไว้

“ยังไงก็ไม่ได้!” ผมยืนยัน

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็กูไม่อนุญาตให้นอนไง!” ผมว่าแล้วดันแว่นกรอบหนาให้เข้าที่

“ไม่เห็นมีเหตุผลเลย” มันพูดก่อนจะทำเหมือนนึกอะไรได้..
ทำไมกูว่าไม่น่าใช่เรื่องดีเลยวะ...

จู่ๆ คนตรงหน้าก็ทำสายตาวิบวับแล้วเดินเข้ามาใกล้ “เอ… หรือว่า... พี่วิน... กลัวว่าผมจะทำอะไรเหรอครับ” 

“หะ.. เฮ้ย... อะไร ใครกลัวมึง”

“พี่วิน...” มันกลั้นยิ้ม “เขินหูแดงหมดแล้วครับเนี่ย”

“เขินพ่อง!!! ไม่ได้เขิน!” ผมโวยวายเสียงดัง อยากซัดกะโหลกมันสักรอบชะมัด

“ทำไมกูต้องเขิน กูเป็นคนนอนดิ้นไง ต้องนอนคนเดียว!”

“ไม่จริงสักหน่อย ก็เคยนอนด้วยกันแล้วนี่ครับ” มันว่า “คราวก่อนยังได้นอนจ้องหน้าตั้งนาน”

ได้แต่อ้าปากแล้วยกมือชี้ไอ้เด็กหน้าไม่อาย “มะ…มึงนี่มัน...”

“ตอนมีตติ้งไง” มันตอบ “นะครับ ขอผมนอนด้วยนะ”
 
สัด… อย่าสะกดจิตกู
ไม่ต้องเดินเข้ามาชิดขนาดนี้ด้วย!

“ตอนนี้ผมง่วงมากเลยนะครับพี่… สามวันที่ผ่านมานอนไปแค่ห้าชั่วโมงเอง… อยากนอนสบายๆ บ้างนะครับ... นะ”

“ไม่เอา”

“นะครับ” มันพูดอ้อนแล้วเดินเข้ามาใกล้อีก ทำเอาผมขยับถอยหลัง รู้ตัวอีกทีก็พ้นกรอบประตูห้องนอนเข้ามาแล้ว
คนเด็กกว่ารวบหมอนกับผ้าห่มไว้กับเอว เดินยิ้มกรุ้มกริ่มปราดเข้าไปในห้องนอนแบบไม่แคร์เจ้าของ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็คว้าเอาข้อมือผมแล้วออกแรงดึงให้ตามไปที่เตียงนอนหลังนุ่ม

“เห้ย… เดี๋ยว... เดี๋ยวสิ” ผมพูดตะกุกตะกักหลังร่างสูงโยนหมอนกับผ้าห่มไว้บนเตียงฝั่งหนึ่ง หวานดึงมือผมให้นั่งลงก่อนจะย่อตัวลงมานั่งคุกเข่าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกัน

“เมื่อคืนนี้ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณทุกอย่างเลย” มันว่ายิ้มๆ “ขอโทษที่ทำให้ต้องเหนื่อยด้วย”

“เออ...”

“ตอนนี้ต้องพักก่อนนะครับ” มันพูด “เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว”   

“ตกลงมึงจะนอนในห้องให้ได้ใช่มั้ยเนี่ย” ผมตีหน้ายุ่ง

ร่างสูงยิ้มกว้างจนตาหยี “สัญญาว่าจะนอนอย่างสงบเงียบเรียบร้อยครับ”

ผมหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ
“เออๆ ขี้เกียจเถียงกับมึงแล้ว” ผมถอดแว่นตาพลางพูดตัดบท ง่วงจะแย่แล้วครับเนี่ย “ไปนอนตรงโน้นเลย ห้ามทำอะไรประหลาดๆ ด้วย” ผมชี้มือไปอีกฝั่งของเตียงก่อนจะเอนตัวลงนอนห่มผ้า ซุกหน้าลงกับหมอนใบโตแล้วหันหนีไปอีกทาง
แว่วเสียงเด็กหวานหัวเราะเบาๆ พร้อมกับความรู้สึกถึงเตียงที่ยวบลงตามน้ำหนักของคนที่ตามขึ้นมานอนข้างๆ

นอนหลับตาไปยังไม่ทันไรก็รู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นๆ ที่ลูบหัวเบาๆ จากทางด้านหลัง
นึกจะด่าออกไป แต่คงเพราะง่วงมาก เลยเผลอคิดไปว่าสัมผัสแบบนี้มันก็เพลินดีเหมือนกัน

“ฝันดีนะครับ...”   

เออ…

_ _ _ _

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2018 23:29:16 โดย idee »

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
15.36

โอ๊ย... ยังไม่อยากลืมตาเลยแฮะ ขอนอนต่ออีกหน่อยได้มั้ยเนี่ย
ผมตะแคงฝังตัวอยู่ท่าเดิมบนฟูก กอดหมอนข้างในมือไว้หลวมๆ
ติดนิสัยไปแล้วล่ะครับ ที่ต้องนอนโดยมีกองหมอนเยอะแยะแบบนี้บนเตียง ก็มันนิ่มดีนี่นา แถมยังแก้หนาวได้อีกต่างหาก
ผมเบียดตัวเองเข้าหาไออุ่นที่ว่าอีกนิด

จะว่าไปก็แปลก...
แอร์ก็อุณหภูมิเท่าเดิม... แต่ผ้าห่มวันนี้ดูเหมือนจะให้ความอบอุ่นได้ดีกว่าที่เคย

“อืออ...”

ผมยืดขาแล้วพลิกตัวนอนคว่ำเอาหน้าไถลงกับหมอนนิ่มๆ
สบายเป็นบ้า
เสียงสวบสาบที่ได้ยินข้างหูทำเอาผมเผลอขมวดคิ้วทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่

เอ๊ะ...  เดี๋ยวนะ…

ผมลืมตาขึ้น แล้วหันหน้าไปมองคนร่วมเตียงที่ไม่ได้ตั้งใจจะร่วมเท่าไหร่
เด็กหวานยังคงหลับตานอนนิ่งและหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยสักนิด…
ตี๋วินเอ้ย… มึงนี่ขี้ระแวงไปแล้ว
ใครวะจะโดนกอดแล้วไม่รู้ตัว 
บ้าบอ

ผมปล่อยเปลือกตาให้ปิดลงอีกครั้ง
เอื้อมมือกระชับผ้าห่มที่ยังมีไออุ่นประหลาดติดอยู่จางๆ
ทำไมจู่ๆ แอร์ก็หนาวขึ้นมานะ

..

16.15

นอนอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงพักใหญ่ แต่ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว
ผมขยับตัวขึ้นพิงหัวเตียงก่อนจะเอื้อมมือคว้าแว่นและโทรศัพท์ ขอเช็คเมลล์หน่อยนึงแล้วกัน…

กวาดตามองดูคร่าวๆ ก็ต้องแอบดีใจที่ไม่มีงานด่วน อีเมลล์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องแจ้งให้ทราบทั่วไปเท่านั้น
ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเริ่มไล่อ่านเนื้อหาอย่างละเอียด

“ขยันไปแล้วนะครับ” เสียงเด็กหวานที่น่าจะหลับอยู่พูดขึ้น มองไปทางต้นเสียงก็เจอเจ้าตัวนอนยิ้มเผล่อยู่

“นอนต่อไปสิ” ผมบอกเสียงเรียบ “ไม่ได้นอนมาหลายวันไม่ใช่รึไง”

“แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้ว” พูดไปก็มองหน้าผมไปเหมือนจะบอกว่า 'แค่มองพี่ก็หายเหนื่อยแล้ว' นี่ต่างหากคือประโยคเต็มๆ
ได้แต่ส่งสายตาเขียวๆ ผ่านแว่นไปให้แทนคำตอบ แล้วก้มหน้าอ่านอีเมลล์ในมือต่อ

จู่ๆ เด็กตัวโตก็ขยับตัว แต่แทนที่จะยันตัวลุกขึ้นหรือลงไปนอนต่อ มันกลับส่งแขนยาวๆ เลื้อยมาโอบรอบเอวจนผมสะดุ้งร้องเสียงดัง ซึ่งนอกจากเด็กนี่จะไม่หยุดแล้ว เจ้าตัวยังย้ายหน้าหล่อๆ มาวางหนุนไว้บนตักผมอีกต่างหาก

“เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ย!!” ผมโวย

“ชู่ว… ชาร์จแบตหน่อยสิครับ” มันทำเป็นขมวดคิ้วว่าหน้าตาเฉย ผมเลยฟาดแขนคนวอนตายไปป้าบใหญ่ แต่ที่ไอ้เด็กนี่ทำก็แค่ร้องโอดโอยพอเป็นพิธีก่อนจะยอมถอนมือออกจากเอว โดยแน่นอนว่ายังคงวางหัวไว้ที่ตำแหน่งเดิม ที่เพิ่มเติมคือรอยยิ้มทะเล้นที่อยู่บนหน้า

ยัง... ยังอีก
“ลงไปเดี๋ยวนี้เลย”
เงื้อมือจะฟาดอีกรอบ แต่แสงสว่างจากการแจ้งเตือนจากไลน์ก็แย่งความสนใจไปซะก่อน เลยได้แต่เอาศอกดันและขยับขาหนีให้หัวเจ้าเด็กตัวดีหล่นตุ้บจากตักลงไปบนผ้าห่ม ก่อนจะรีบชันเข่าขึ้นป้องกันไม่ให้คนดื้อที่กำลังหัวเราะคิกคักปีนกลับมาหนุนใหม่
“โน่น บนหมอนโน่นเลย” ชี้มือบอกพร้อมทำเสียงขุ่น เด็กหวานจึงยอมล่าถอยเลื่อนตัวกลับไปแต่โดยดี 

ผมส่ายหน้าแล้วถอนหายใจก่อนจะหันกลับมาสนใจข้อความในไลน์ต่อ

Tawan R : วินครับ
Tawan R : เย็นนี้ว่างหรือเปล่า


เห… 

Wynn : วันนี้เลยเหรอครับ

Tawan R : ใช่ครับ
Tawan R : วินไม่สะดวกเหรอครับ


ผมปรายตาไปมองเด็กโข่งที่ยังคงนอนมองทำตาปริบๆ อยู่ข้างตัว
ก็ไม่ใช่ว่าจะติด ‘ธุระ’ หรอกนะ
แต่ว่า… วันนี้วันหยุดผมนี่นา...

Wynn : พี่ตะวันมีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ ไว้พรุ่งนี้ดีกว่ามั้ย

Tawan R : อืม…
Tawan R : พี่ว่าจะรบกวนเรื่องโปรเจคหน่อยน่ะครับ งาน Community Mall ด้านหน้า
Tawan R : เหมือนจะมีปัญหานิดหน่อย แต่พี่อยากปรึกษาวินก่อนน่ะ


ชิบหาย…
เห็นท่าจะไม่ดี

Wynn : อ้าว เหรอครับพี่ตะวัน 
Wynn : ช่วงหกโมงครึ่งก็ได้ครับ พี่ตะวันสะดวกที่ไหน

Tawan R : โรงแรมที่ทานข้าวกันวันก่อนก็ได้ครับ

Wynn : ได้ครับ แล้วเจอกันนะครับ


ตายห่า... งานเข้า

_ _ _ _

18.23

หลังจากนัดแนะกับคุณชายตะวันจบ ผมก็ต้องรีบผุดลุกขึ้นมาแต่งตัว ต่อด้วยการนั่งรีวิวเอกสารงานศูนย์การค้าอย่างละเอียด
ทำเอาไอ้เด็กปีหนึ่งถึงกับทำหน้าเหวอถามว่ามีใครเป็นอะไรเหรอครับพี่

งานเผือกร้อนไงครับไอ้ชิบหาย นี่เกิดปัญหาอะไรขึ้นกูยังจับประเด็นไม่ได้เลย

ก่อนออกมาก็ไม่ลืมกำชับเด็กหวานให้ลุกขึ้นมาให้อาหารแมวกับเตรียมบทพรีเซนต์งานวันรุ่งขึ้นให้เรียบร้อย สั่งเสียเสร็จก็รีบพุ่งตัวออกมานั่งรอที่นัดพบกับคุณตะวันก่อนเวลาเป็นชั่วโมง นี่ถ้ากูกลับไปแล้วเจอว่ามัวแต่เล่นกับจิ๋วแล้วงานไม่เสร็จมึงโดนไม่ใช่น้อยแน่

จะว่าไป… นี่ผมนั่งอ่านเอกสารมาสามรอบก็ยังไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนผิดปกติ ด้วยความระแวงเลยหอบทั้งแฟ้มทั้งแลปท็อปมาด้วยทั้งหมด นี่กูพลาดอะไรไปตรงไหนวะเนี่ยครับพระเจ้า รู้สึกเอาเองด้วยสัญชาติญาณว่าเรื่องนี้ไม่เล็กแน่ ไม่อย่างนั้นคุณพี่ตะวันจะมานัดคุยนอกรอบแบบนี้ก่อนทำไม ไม่รายงานให้ Owner Representative หรือ Project Manager ที่เป็นคนรับผิดชอบอยู่ตอนนี้ไม่ดีกว่ารึไง

โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งเครียดอยากทึ้งหัวตัวเอง จะทำยังง๊ายย

เฮ่อ ถอนหายใจตั้งสตินั่งสมาธิแป๊บ
ผมพยายามคิดหาทางหนีทีไล่

เอาวะ… ถ้าจนปัญญาจริงๆ วันนี้อย่างมากก็รับเอาเคสไป กลับไปปรึกษาพี่ฝ้ายแล้วพรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบแล้วกัน
ปัญหาอะไรมันจะแก้ยากสักเท่าไหร่กันเชียว อย่ากลัวไปก่อนสิโว้ยไอ้วิน

“นั่งหน้าเครียดเชียวครับวิน”

“อ๊ะ” ผมรีบลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วสวัสดีนักธุรกิจมาดเนี้ยบที่ยืนยิ้มเผล่อยู่ฝั่งตรงข้าม “สวัสดีครับพี่ตะวัน”

“มานานรึยังเนี่ย” คนตัวสูงถอดเสื้อสูทแล้วพาดลงที่พนักพิง กอดจะลากเก้าอี้นั่งลง “ทำไมไม่สั่งอาหารล่ะครับ แล้วนี่เอกสารเต็มโต๊ะเลย”

“นั่งรีวิวรายงานอยู่สักพักแล้วน่ะครับ ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ด้วย” ผมรีบเก็บกระดาษกองไว้ข้างตัว 

“ไม่ได้สิ ยังไงก็ต้องทานข้าวนะครับ” พี่ตะวันพูดยิ้มๆ แล้วหันไปมองที่พนักงาน “ขอโทษทีครับ ขอเมนูหน่อย”

“ขยันตลอดเลยนะเรา” พี่ตะวันพูดพลางพลิกเมนู ก่อนจะชี้รายการอาหารในหน้าท้ายสุด

“เอ่อ คือจริงๆ แล้ว…”

“ถ้าไม่ค่อยหิวก็… ขอแค่ 4-course dinner ละกันครับ สองชุดเลย” กำลังจะอ้าปากค้านร่างสูงก็สั่งอาหารซะคล่องปาก พูดจบก็หันมาเลิกคิ้วใส่แล้วถามต่อ “เอ้า อย่านั่งนิ่งสิครับ เราอยากกินอะไรก็เลือกเลย พี่เลี้ยงเอง”

เดี๋ยวๆ
อาหารทั้งคอร์สเลยน่ะเหรอ
รวยไปหน่อยละมั้ง...

_ _ _ _

19.12

ยอมรับเลยครับว่าอาหารเป็นคอร์สอะไรนี่มันอร่อยจริงๆ แต่สั่งซ้ำไม่ได้แล้วนะครับ เพราะจำไม่ได้แล้วว่าพี่ตะวันสั่งอะไรไปบ้าง ชื่ออะไรไม่รู้ยากเป็นบ้าแถมราคาก็คงแพงระยับ มนุษย์เงินเดือน(ชนเดือน) อย่างผมคงมีปัญญากินเฉพาะเวลามีคนเลี้ยงอย่างนี้เท่านั้นล่ะครับ 

“พักนี้งานเยอะเหรอครับ” พี่ตะวันถามพลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบหลังอาหารจานที่สองถูกวางลงบนโต๊ะ

“นิดหน่อยครับ” ผมตอบไปก็มองอาหารจานใหม่ไป…
ไอ้นี่มันคืออะไรนะ... อ๋อ ทูน่าทาร์ทาร์...

“แต่หน้าดูเหนื่อยไม่หน่อยเลยนะเรา” คนตรงหน้าขยับเข้ามาจ้องใกล้ๆ

“เป็นแพนด้าเลยเนี่ย” ไม่พูดเปล่า อีกฝ่ายยังยกมือขึ้นมาแตะข้างแก้มผมเป็นการยืนยันอีก
 
“หาา” ถึงกับต้องผงะถอยหลัง ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งแล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะยอมชักมือกลับ
ผมยกมือขึ้นมาจับถุงใต้ตาตัวเอง “โอ๊ยย แค่โต้รุ่งมาคืนเดียวเองนะครับเนี่ย”

“ฮ่ะๆ นี่เหรองานไม่เยอะ… โต้รุ่งเลยนะ”

“อ่าา…เยอะก็ได้… ครับ” ได้แต่ยิ้มแหะๆ ตอบอ้อมแอ้มไป
ก็มันใช่งานผมโดยตรงซะที่ไหนล่ะ ไอ้ที่ต้องอดนอนเมื่อคืนน่ะ… แม่ง

“ออกไปใช้ชีวิตบ้างน่า” คุณพี่ตะวันพูด “ดูอย่างพี่สิ เงยหน้ามาอีกทีก็สามสิบกว่าแล้ว”
“ลืมเรื่องหาแฟนไปเลย...”

“โห ไม่เชื่อได้มั้ยครับ” ผมหัวเราะ “ระดับพี่นี่ต้องมีสาวๆ สวยๆ มารอให้เลือกเต็มไปหมดอยู่แล้ว”

“คนที่ชอบเขาคงอยากให้พี่วิ่งตามล่ะมั้ง”

“โห… อะไรจะใจร้ายขนาดนั้น”

“นั่นน่ะสิ…” คุณตะวันว่ายิ้มๆ “ทานเถอะ ทิ้งไว้นานเดี๋ยวไม่อร่อยนะ”

“จะใจร้ายจริงรึเปล่าเดี๋ยวค่อยว่ากัน”

_ _ _ _

20.42

ผมเหลือบตามองนาฬิกา

รอจนอาหารจานหลักหมดลงแล้ว คนตรงหน้าก็ไม่ยอมเข้าเรื่องงานที่มีปัญหาสักที
ผมยกมือขึ้นลูบแขนตัวเอง แล้วนี่แอร์ในร้านมันจะเย็นไปไหน คุณเชฟแอบเลี้ยงนกเพนกวินในนี้เหรอครับ

“วินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ หนาวเหรอ”

“นิดหน่อยครับ” ผมตอบตามตรง

“จริงด้วย… ตัวเย็นเชียว” อีกฝ่ายเอื้อมมือมาแตะที่หลังมือผมไวๆ แล้วเอี้ยวตัวกลับไปหยิบสูทสีเข้มที่พาดไว้บนเก้าอี้
“เอาเสื้อพี่ไปใส่ก่อนมั้ย”

“อ่า… ไม่เป็นไรครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า” คนตัวสูงลุกยืนขึ้นพลางเดินอ้อมโต๊ะมาคลุมเสื้อให้

“เอ่อ.. ขอบคุณครับ” ผมก้มหน้าตอบเสียงเบา ไม่รู้หรอกนะครับว่าพี่ตะวันแกทำอย่างนี้เป็นปกติหรือเปล่า แต่ผมไม่ชินเอาซะเลย… ยื่นให้ก็น่าจะพอมั้ยครับ เอาตรงๆ ก็คืออึดอัดชิบหาย ไหนจะมือที่ลูบไหล่ผมอยู่อีก   

“พี่ตะวันครับ คือ…ผมว่าเข้าเรื่องงานดีกว่า” ผมพูดพลางขยับตัวหนีสัมผัส “เอ่อ… ที่พี่ตะวันว่าเรื่อง Community Mall ด้านหน้าน่ะครับ”

คนตัวสูงอมยิ้มก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วเดินกลับไปนั่งที่ “เห็นมั้ย หายใจเข้าออกก็เป็นงานไปหมดเลย”
“ไม่ใช่เรื่องงานคงไม่ได้คุยสินะครับ” พี่ตะวันพูดตัดพ้อ

ผมยิ้มแห้งๆ กับประโยคก่อนหน้า “เอ่อ… ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เห็นว่างานนี้ด่วนเลยกังวลนิดหน่อยน่ะครับ”

ร่างสูงขมวดคิ้วคิดหนัก ก่อนจะตัดสินใจเปิดปากขึ้นถาม “คือ… พี่อยากถามวินหน่อย วินได้คุยกับคุณปรเมศบ้างรึเปล่า เรื่องงานอินทีเรีย”

งานไอ้พีทน่ะเหรอ?

“เอ่อ… ล่าสุดน่าจะเป็นนัดวันพุธที่ผมส่งไปใช่มั้ยครับ” ผมว่า “ที่จะพรีเซนต์ mood and tone ใหม่ เห็นพีทบอกว่าต้องเลื่อนเพราะไม่สะดวก เลยวานผมช่วยนัดให้ ส่วนรายละเอียดงานนี่ผมไม่แน่ใจ...”     

ข้อมูลก็น่าจะแน่นพร้อมพรีเซนต์แล้วนี่ แค่นำเสนอแล้วรอ approve ก็เดินหน้าต่อ stage 2 ได้เลยละมั้ง
นอกจากที่ไอ้อาร์ตยังผูกใจเจ็บที่โดนเทประชุมไปคราวก่อน ก็ไม่เห็นมีใครบ่นอะไร
พี่ตะวันแกก็คงยุ่งตามประสานักธุรกิจใหญ่นั่นแหละ   

“วินทราบไหมครับว่าวันศุกร์คุณปรเมศไม่ได้มาพรีเซนต์เอง”

“เห็นว่าติดธุระต้องกลับไปก่อนน่ะครับ เลยจะนัดใหม่แล้วเข้าไปเองวันพุธที่จะถึงนี่” ผมว่า

“คือ… คุณปรเมศได้บอกมั้ยว่าเพราะอะไร”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ 

“งั้นเหรอครับ” มุมปากของอีกฝ่ายมีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจอย่างรวดเร็ว
“พี่ก็ลำบากใจที่ต้องมาพูดกับวินแบบนี้นะ แต่ถ้าทำงานกันไปแบบนี้ก็คงจะลำบาก พี่เลยขอแจ้งวินก่อนเลยดีกว่า" อีกฝ่ายพูดหน้าเครียด “พี่ว่างานออกมาไม่โอเคเลยครับ”

“หา”
มันจะไม่โอเคได้ยังไง ก็ผม...

“คุณปรเมศส่งเด็กฝึกงานมาพรีเซนต์น่ะครับ” คนตรงหน้าพูดพลางส่ายหน้าไปด้วย “คอนเซปต์ไม่ชัดเจน พูดก็วกไปวนมา เลยต้องให้คุณปรเมศมาใหม่อีกรอบ”

เดี๋ยว… พี่ตะวันพูดว่ายังไงนะ

“งานของอินทีเรียน่ะเหรอครับ” ผมถามย้ำ

“ครับ” พี่ตะวันยืนยัน “ดูเหมือนงานนี้คุณปรเมศคงไม่ได้คุมงานใกล้ชิด หลุดไปเยอะเหมือนกัน พี่ว่าต่อไปคงเป็นปัญหาแน่ๆถ้าไม่มีคนช่วยประสานกับทางอินทีเรียอย่างจริงจัง ตอนนี้ฝ่าย PM ก็ดูจะโฟกัสไปกับผู้ออกแบบสถาปัตย์อยู่ซะส่วนใหญ่”

“พี่มองว่าให้วินมาช่วยประสานกับอินทีเรียโดยตรงคงจะดีกว่า ไหนๆ วินก็เป็น PM เรื่องวิเคราะห์พื้นที่ กับดู Mood and Tone มาตั้งแต่ต้น น่าจะรู้สไตล์กับบรีฟอยู่แล้ว” อีกฝ่ายพูดแล้วมองหน้าผมไปด้วย “จะได้คุมให้การออกแบบเป็นไปในทิศทางเดียวกันหน่อย”

“ให้ผมกลับมาประสานงานเหรอน่ะครับ”

“ใช่ครับ เอาเด็กฝึกงานมาทำงานแบบนี้ พี่พูดตรงๆ เลยว่าพี่รับไม่ได้ งานนี้เป็นงานแรกที่บริษัท AA ลองตลาดด้านอสังหา อยากให้ทุกทีมทำงานอย่างซีเรียสหน่อยนะครับ มูลค่าของโปรเจคนี้ก็ไม่ได้น้อย ทางพี่เข้าใจว่าคุณปรเมศดูแลตรงนี้ได้ แต่ก็ยังอยากให้เลือกทีมงานด้วย...ถ้าให้เด็กมาทำแบบนี้ พี่คงลำบากใจที่จะร่วมงาน”

เคยรู้สึกว่าหัวร้อนแบบควบคุมไม่ได้ไหมครับ
ผมนั่งนับหนึ่งถึงสามสิบในใจ ขบริมฝีปากด้วยความโมโห

"พี่อยากรีเควสให้เปลี่ยนลูกทีมฝ่ายอินทีเรีย แล้วให้วินเข้ามาดูแลช่วยประสานกับคุณปรเมศใกล้ชิดหน่อย แพคคู่กันได้เลยยิ่งดี” อีกฝ่ายอธิบาย “จะได้ช่วยกันคัดเลือกทีมงานหน่อย พี่ไม่อยากให้ใครเอาโปรเจคนี้มาเป็นสนามลองงานให้เด็กไร้ประสบการณ์น่ะครับ พี่เชื่อมือวินมากกว่า วินน่าจะจัดการดูแลให้พี่ได้เป็นอย่างดี" คุณตะวันยิ้มให้

งั้นเหรอ… นี่คือสิ่งที่ต้องการใช่มั้ย…
“ผมเข้าใจในความกังวลของคุณตะวันนะครับ”
คนตรงหน้าผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจกับสรรพนามที่จงใจเลือกใช้

“ดีใจที่วินเข้าใ--”

“แต่ว่า…ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ...” ผมพูดเสียงเรียบ ทำเอาอีกฝ่ายยิ้มเก้อ

“ทำไมล่ะครับวิน ก็… ”

“ผมว่า คุณตะวันลองฟังพรีเซนต์ของทางอินทีเรียวันพุธนี้ก่อนดีไหมครับ” ผมพูด
“คุณตะวันก็ยังไม่ได้ดูงานสักนิดไม่ใช่เหรอครับ วันศุกร์นั้นมันไม่มีการพรีเซนต์เกิดขึ้นสักหน่อย”

ไม่เหลือรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณชายตะวันอีกต่อไป ร่างสูงมองหน้าผมด้วยความงงงัน

“ถ้านี่คือเรื่องงานทั้งหมดที่จะคุยแล้วล่ะก็… ผมขอตัวก่อนนะครับคุณตะวัน ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้”
ผมยิ้มเย็นแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะทำหน้านึกได้

“อ้อ… แล้วเด็กฝึกงานที่ว่านั่น... เขาชื่ออาทิตย์ครับ เป็นสถาปนิกของบริษัท เพื่อนสนิทผมเอง... ถ้าคุณได้ฟังที่เขาแนะนำตัวก็น่าจะทราบนะครับ...”

ไม่ได้หันกลับไปดูหน้าคุณตะวันหลังพูดประโยคสุดท้ายหรอกครับ

แต่เดาจากความเงียบที่เกิดขึ้น...ก็คงจะช็อคไปไม่น้อย
จริงๆ แล้ว...
ถ้าจะแต่งเรื่อง ก็ควรจะมั่นใจหน่อยนะครับ ว่าจะไม่โดนจับได้

_ _ _ _

21.46

ไม่รู้จะโมโหอะไรก่อน เหนื่อยไปหมด
ผมแตะคีย์การ์ดหน้าห้องก่อนจะผลักประตูเข้าไป เจ้าแมวจิ๋วตัวดีที่นั่งรออยู่แล้วรีบพุ่งมาเกาะขากางเกงทันที

“ว่าไง” ผมก้มลงไปอุ้มจิ๋วขึ้นมาไว้กับอก มันร้องเหมียวแล้วยืดตัวขึ้นเอาหัวถูเข้ากับแก้มผมอย่างเอาใจ “จั๊กจี้น่า...” ผมพูดเบาๆ

“อยากเป็นแมวจังเลยน้า...” เด็กหวานยิ้มยืมเผล่อยู่ตรงหน้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เอ่ยทัก

“ทะลึ่งละ” ผมว่าก่อนจะปล่อยจิ๋วลงเดินกับพื้น ตัวเล็กเอาตัวสีกับขาผมสองสามที ก่อนจะวิ่งปรู๊ดกลับไปนั่งแป้นแล้นอยู่บนคอนโดแมว “เป็นคนดีๆ ไม่ชอบรึไง”

หวานหัวเราะนิดๆ “ไปนานจังครับ… นี่ผมเตรียมพรีเซนต์เสร็จแล้วนะ” มันว่าแล้วเดินนำเข้าห้องไปนั่งที่โซฟา พลางรวบกระดาษที่วางอยู่อย่างระเกะระกะไปไว้ในมือแล้วยื่นให้ผมทีละแผ่น “นี่ ครบถ้วนทุกหัวข้อ”

ผมรับเอกสารมากวาดตาดูผ่านๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาบ้าง สมองไม่ค่อยพอจะคิดอะไรหรอกนะครับตอนนี้ เอาเป็นว่าเท่าที่คิดออกก็ไม่น่าจะขาดตกบกพร่องอะไร ลำดับการนำเสนอก็ใช้ได้ ดูจนหมดแล้วก็ส่งกระดาษคืนให้เจ้าตัวที่กำลังรอคำตอบหน้าตาจริงจัง 

“ก็โอเค”

“จริงนะครับ” 

“อือ… เก่งแล้ว ไม่ต้องแก้อะไรหรอก” เด็กหวานยิ้มรับซะตาหยี ทำเอามันเขี้ยวจนอดไม่ได้ต้องเอามือขยี้ผมคนข้างๆ ไปด้วย “ไปซ้อมพรีเซนต์ไป”

“รอบที่สามแล้วครับ ให้พักหน่อยสิ”

ผมดึงมือออกก่อนจะหัวเราะเบาๆ “มั่นใจนักนะเราน่ะ”

“ที่ปรึกษาผมเก่งที่หนึ่งเลยนี่ครับ” คนเด็กกว่าพูดพลางเอาเอกสารวางไว้บนโต๊ะ แล้วก้มตัวไปลูบหัวจิ๋วที่เดินเข้ามาหา
“เนอะ… ส่วนตัวนี้ก็ไปนอนได้แล้วมั้งเนี่ย เล่นมาทั้งบ่ายเลย” หวานพูดหงุงหงิงแล้วอุ้มแมวไปใส่กรง

ผมเงยหน้าพิงพนักโซฟาแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรง
ผมจะเอายังไงต่อดีนะ เรื่องงานของ AA เนี่ย…
ดูท่าแล้ววันพรุ่งนี้คงจะหนักหนาเอาเรื่อง… จะบอกพวกไอ้พีทกับอาร์ตดีมั้ยวะ...

“เป็นอะไรไปครับ เรื่องงานเหรอ” ร่างสูงถามพลางขยับตัวเข้ามาใกล้ 

“อือ...” ผมอืออาตอบในลำคอแล้วปล่อยตัวให้เอนไปหาอีกฝ่ายตามแรงยวบของโซฟา ก่อนจะตัดสินใจขยับเข้าไปนั่งพิงร่างสูงๆ ของคนเด็กกว่า หวานละมือจากกระดาษที่ถืออยู่แล้วจัดการโอบตัวดึงผมเข้าไปชิดขึ้นอีก

“เหนื่อยก็พักก่อนครับ” 

คำพูดง่ายๆ กับสัมผัสของอีกฝ่ายทำให้รู้สึกสบายใจอย่างประหลาด
ติดจะแปลกด้วยซ้ำที่ไม่อยากจะขยับตัวหนีมืออุ่นๆ ของเจ้าเด็กนี่

“นี่...” ผมหลับตาแล้วเอาหัวอิงไหล่คนข้างตัวไว้แบบหมิ่นๆ
“ชาร์จแบตหน่อยสิ...”

_ _ _ _

TBC

แม่ยกพรี่ตะวันโปรดอย่าขว้างปาสิ่งของใส่คนเขียน
ตี๋วินคนเก่งของเรา เวลาหัวร้อนก็น่ากลัวเหมือนกันนะเอ้า
#คุณตะวันไม่เนียนเลย

ถ้าสังเกตได้ ตี๋วินใจอ่อนไปเยอะมากแล้วนะคะ มนุษย์บ้างานแบบตี๋ยอมหยุดหนึ่งวันนี่เรื่องเล็กซะเมื่อไหร่
เป็นการเติมพลังให้แม่ๆ เจ้าหวานที่เชียร์กันอยู่นะคะ
คิดถึงทุกคนนะค้า หายไปนานเลย สวัสดีปีใหม่แบบเลทๆ ด้วย ขอให้เป็นปีที่ดีของทุกคนค่ะ

พบกันตอนหน้านะค้า
จุ๊บุ


ปล. มาเม้ามอยกันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก เหมือนเดิมนะคะ @huentrop << บ้านคนเขียน ณ ทวิตภพค่ะ ติชมได้เสมอ
ปล. มาเร็วกว่าที่คิดไว้ เป็นกำลังใจให้คนอ่านกลางอาทิตย์แบบนี้นะคะ สู้ๆ ค่ะทุกคนน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2018 23:44:09 โดย idee »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ  น่ารักมากค่ะตี๋วิน  ยอมหยุดงานเพื่อการนี้  อิอิ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ตายแล้วคุณตะวัน ไม่เนียนมากๆเลย

และ หวานเอ้ยยย พี่วินใจดีมากเลยเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ฮะฮะฮะ คนที่คุณตะวันชอบเค้าไม่ได้ใจดีอย่างที่คิดจริงๆสินะคร๊าาา
เค้าห่วงแมวกับพ่อแมวที่คอนโดค่ะ พี่ตะวัน อาทิตย์xตะวัน คุริคุริ
มีชาร์ตบ่งชาร์ตแบตให้กันแล้วค่ะคุณ กินเด็กเป็นอมตะจริงๆคร่ะพี่ตี๋วิน  :mew1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เขินตอนสุดท้ายสุด :mew3: :-[

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ขุ่นพรี่คะ แค่เค้านั่งพิงกันทำไมเขินได้ขนาดนี้  :mew4: :mew4:
ตี๋วินใจอ่อนขึ้นเยอะมากกก รักความอบอุ่นของเค้าเหลือเกิน
มีแฟนเด็กมันดีอย่างนี้นี่เอง  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฮือออออออ ใจอ่อนแล้วนะพี่วิน หวานสู้ๆเลย ทำคะแนนเยอะๆนะ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
พาวเวอร์​แบ​งค์​ส่วนตัววววว :hao7:

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
งือออย่าหายไปนานอีกน้าาาา คิดถึงจุงงงง

ออฟไลน์ CHOO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หวานได้ซีนได้คะแนนไปเต็มๆเลย วินใกล้จะใจอ่อนยวบยอมน้องแล้ว
แต่เจอเด็กแบบหวานเราก็ไปไม่เป็นนะคะ ทั้งหล่อ ขี้อ้อน แถมชอบดูแลอีก
ติดนิสัยเด็กๆมาบ้างก็ไม่สนใจแล้วล่ะ จะเอาแบบนี้จะเอาาาา

แต่พี่ตะวันกลายเป็นคนแบบนี้ได้ยังไง ไหนพี่ตะวันที่อบอุ่นของน้อง โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด