พิมพ์หน้านี้ - - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: idee ที่ 03-05-2017 17:05:13

หัวข้อ: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 03-05-2017 17:05:13
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

วิเคราะห์การรัก

เพราะความรักมีความเสี่ยง โปรดศึกษาวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

#วิเคราะห์การรัก

สารบัญ

ความเสี่ยงที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3628144#msg3628144)
ความเสี่ยงที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3630057#msg3630057)
ความเสี่ยงที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3636296#msg3636296)
ความเสี่ยงที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3639931#msg3639931)
ความเสี่ยงที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3644879#msg3644879)
ความเสี่ยงที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3653108#msg3653108)
ความเสี่ยงที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3657870#msg3657870)
ความเสี่ยงที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3662260#msg3662260)
ความเสี่ยงที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3666605#msg3666605)
ความเสี่ยงที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3673012#msg3673012)
ความเสี่ยงที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3680248#msg3680248)
ความเสี่ยงที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3685976#msg3685976)
ความเสี่ยงที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3691488#msg3691488)
ความเสี่ยงที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3694542#msg3694542)
ความเสี่ยงที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3701162#msg3701162)
ความเสี่ยงที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3711678#msg3711678)
ความเสี่ยงที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3716601#msg3716601)
ความเสี่ยงที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3721574#msg3721574)
ความเสี่ยงที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3729764#msg3729764)
ความเสี่ยงที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3736999#msg3736999)
ความเสี่ยงที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3744821#msg3744821)
ความเสี่ยงที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3759107#msg3759107)
ความเสี่ยงที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3769749#msg3769749)
ความเสี่ยงที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3786579#msg3786579)
ความเสี่ยงที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3795502#msg3795502)
ความเสี่ยงที่ 26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3801255#msg3801255)
ความเสี่ยงที่ 27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3815717#msg3815717)
ความเสี่ยงที่ 28 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3828956#msg3828956)
ความเสี่ยงที่ 29 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3842464#msg3842464)
ความเสี่ยงที่ 30 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3858992#msg3858992)

New 30.8.2018
ความเสี่ยงที่ 31 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59737.msg3880751#msg3880751)

คู่มือการอ่าน
>>Insight Analyst<< (https://docs.google.com/spreadsheets/d/1348KZUrcI5bpsy-1gKgj5ZlbztDyWYXjWKtH705A3qk/edit?usp=sharing)
หัวข้อ: Re: -LOVE ANALYST- นักวิเคราะห์การรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐฐา ที่ 03-05-2017 17:18:35
รอค่ะ  :z13:
หัวข้อ: Re: -LOVE ANALYST- นักวิเคราะห์การรัก
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 03-05-2017 17:26:30
-LOVE ANALYST-
วิเคราะห์การรัก

ความเสี่ยงที่ 1

"บัณฑิต ยิ้มหน่อยครับ!"

แชะ!

แชะ!

แชะ!

"เอ้า รูปสุดท้ายแล้ว คุณพ่อคุณแม่ กดไลค์หน่อยครับ"
แชะ!

ผมซึ่งเป็นบัณฑิตหมาดๆ ในชุดเสื้อครุยสีทึบ ในมือหอบช่อดอกไม้หลากสียิ้มอย่างอ่อนแรงให้พี่ตากล้องจ้างหลักพันถ่ายหลักหมื่นที่เพื่อนของเพื่อนผมหามา นี่มันจะห้าโมงแล้วนะครับ! ผมยืนยิ้มเหงือกบานกลางสนามมาตั้งแต่บ่ายโมงกว่าๆ ให้ตายเหอะ ขาสั่นไปหมดแล้ว นี่คนกลับกันจะหมดคณะแล้วเฮ้ย! พอแล้วมั้งเพ่!

“พอแล้วพี่ นี่แสงจะหมดละคร้าบบ” ผมยกไม้ยกมือบอกพี่ตากล้องสุดฟิต พี่เขาพยักหน้าหงึกหงักแล้วเปิดกล้องดูรูปเร็วๆ

“คร้าบน้องวิน พี่เชครูปตรงนี้แป๊บนึง ไปพักเหอะครับ”
ผมเดินไปนั่งยืดขากับขอบฟุตบาท ใครว่ารับปริญญามีแต่ยืนยิ้มชิวๆ ผมนี่โคตรเหนื่อยเลยครับเนี่ย!

เตี่ยกับแม่ผมท่านก็ดูเหนื่อยแต่ก็ยังยิ้มกว้าง คุยกับญาติๆอย่างอารมณ์ดี แหงสิครับ ผมเป็นลูกชายคนเดียวนี่นา แถมเป็นหลานคนสุดท้องด้วย ตี๋เล็กของตระกูลเรียนจบแล้วนะครับ อาแปะอาโกวทั้งหลายงี้มาแสดงความยินดีกันใหญ่

หลังจากจ่ายเงินกับตกลงกับพี่ตากล้องเรื่องวันรับรูปส่งรูปอะไรเทือกๆนี้เสร็จ ผมก็เดินเอาดอกไม้ไปวางรวมกันไว้ในรถเข็นคันเล็กริมสนาม ถอดเสื้อครุยที่ทั้งร้อนทั้งหนักออกแล้ววางสุมไว้ข้างบนอีกที เอาน่ะ ใช้วันนี้วันสุดท้ายแล้ว จะยับบ้างก็ช่างมันเถอะ

"เห้ย ไอ้ตี๋!!" เสียงไอ้อาร์ตเพื่อนผมตะโกนเสียงดังมาจากหน้าคณะ ผมขมวดคิ้วแล้วรีบหันควับไปที่ต้นเสียง

พวกแม่ง... เพื่อนผมเองแหละครับ ถึงวันนี้จะอยู่กันไม่ครบแก๊ง แต่ตัวจี๊ดก็ยังยืนสุมหัวกันอยู่ตั้งสามคน ไอ้ตัวเสียงดังสุดนั่นไอ้อาร์ตครับ คนดูจะทรงเกาหลีอปป้าที่สุดนั่นไอพีท ส่วนคนที่ยืนเก๊กหล่อคิ้วเข้มอยู่ชื่อไอ้น้ำ

"เอ้ย.. ไอ้วิน มึงจะกลับยังอ้ะ.." พอเห็นญาติๆผมหันตามไปมอง ไอ้เชี่ยอาร์ตเปลี่ยนชื่อเรียกผมอย่างไวเลยครับ เอ่อ ลืมบอกไป..ผมไม่ได้ชื่อตี๋ครับ... ผมแค่หน้าตี๋เฉยๆ..

"เออ ว่าจะกลับแล้ว ที่บ้านจะไปเลี้ยงกันต่อว่ะ" ผมตอบกลับไปเสียงดัง

"มานี่ก่อนเด่ะ" ไอ้อาร์ตเรียก ผมหันไปพยักหน้ากับเตี่ยนิดหน่อยว่าผมไปแป๊บนึงนะ แล้วก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาพวกมัน ว่าก็ว่าเถอะครับ แก๊งค์ผมนี่ถ้าอยู่ครบๆเป็นบอยด์แบนด์ได้เลยนะ ตอนเป็นพี่ว้ากช่วงปีสามงี้ละโคตรรุ่งเรือง เดินเรียงหน้ากระดานทำหน้าเข้มไปเข้มมา น้องๆงี้ตามกรี๊ดกันตลอดๆ

"โคตรไม่คุ้นหน้ามึงเวลาไม่ใส่แว่น" อาร์ตมองหน้าผมแล้วพูดขึ้น

"เอ้า รับปริญญา กูก็อยากจะหล่อใสๆแบบไม่มีแว่นงะ" ผมว่า

"ตี๋เอ้ยย มึงรู้ป่ะว่าหน้าเต้าหู้เข้าไปอีกก" ไอ้พีทรีบพูด ส่วนอีกสองคนขำก๊าก

"เกาหลีไงมึง โวะ! พวกมึงนี่ไม่เข้าใจเทรนกูเลอะ!" เออ กุรู้ว่ากูหน้าจืด แล้วยังไงล่ะ ไม่หล่อเหมือนพวกมึงนิ่

"มาเซลฟี่กันก่อนเว้ยตี๋ กูจะอัพรูป" ไอ้น้ำหยิบโทรศัพท์มือถือมันออกมาชู ไอ้พีทรีบจัดทรงผมอย่างรู้งาน ส่วนผมกอดคอยิ้มแฉ่งอยู่กับไอ้อาร์ตอยู่ด้านหน้า ปล่อยให้กำแพงมนุษย์สองคนอยู่ข้างหลังไป แหม ผมกับมันไซส์มาตรฐานชายไทยน่ะครับ 175 พอดีไม่มีขาดเกิน (จริงๆผมว่าอาร์ตมันสูงไม่ถึงหรอกครับ แต่ถ้ามันจะยืนยันอย่างงั้นก็ตามใจ) ส่วนไอ้น้ำกับไอ้พีทผมถือเป็นยักษ์ ความสูงแม่งทะลุ 180 ไปแล้ว ไอ้น้ำยืดแขนยาวๆหามุมดีๆ แล้วกดถ่ายรูป

แชะ

"ไหนๆ เอามาเชคเด้ะ" ผมชะเง้อคอไปมอง อื้อหืออ ยังกะเด็กน้อยสองคนถ่ายกับดารา พีทมันเป็นพรีเซนเตอร์คณะตอนปีสองครับ ไอ้ใบปลิวโฆษณาหลักสูตรคณะน่ะมีหน้ามันยิ้มหราอยู่ ส่วนน้ำเป็นหนึ่งในสามของมือกลองของคณะตลอดห้าปี (ที่ต้องมีฝีมือและหน้าตา เอาไว้แข่งกับมหาลัยอื่นอ่ะครับ..) ในขณะที่ผมกับอาร์ตเป็นเด็กยกของ ใช่สิวะ กูมันไม่หล่อเท่าพวกมึงนิ่

"นี่พวกกูว่าจะไปกินเหล้ากันต่อ มึงเลี้ยงที่บ้านเสร็จตามมามั้ย พวกที่เหลือก็ว่าจะตามมา" น้ำว่าพร้อมกดโทรศัพท์อัพไอจียิกๆ

"เหอะ วันนี้ญาติกูมาเยอะ ไปไม่ได้ว่ะ" ผมบอกปฎิเสธไป

"โห่มึง ครั้งสุดท้ายแล้วนะ" พีทร้อง

"พ่องสิ! วันซ้อมใหญ่ก็เพิ่งแดกไป กูนี่แหละเก็บศพพวกมึงมา!! ไม่มีอ่ะสำนึกบุญคุณ แล้วแต่ละตัวแม่งอย่างกาก!!" ผมโวย

"ฮ่าๆๆๆ มึงนี่นะ ใครใช้ให้มึงอ่อนแพ้แอลกอฮอลวะตี๋" ไอ้เชี่ยอาร์ตหัวเราะเสียงดังไปป่ะ

"กินนิดเดียวก็ตัวแดงยังกะกวนอูลง" ไอ้น้ำพูดแล้วเอามือมาขยี้หัวผม โว๊ะ! เสียทรงหมด!!

ผมแยกเขี้ยวกลับไป ผมกินเหล้าแล้วหน้าแดงตัวแดงครับ ถึงจะไม่ได้เมามากก็ตาม คนกินด้วยงี้ตกใจประจำ เพราะงั้นผมเลยไม่ค่อยอยากกินเหล้ากับคนไม่สนิทเท่าไหร่

"ไม่รู้แหละ วันนี้กูไปไม่ได้ว้อย! พวกมึงไปเหอะ เดี๋ยวกูไปละ" ผมยืนยัน พวกแม่งยืนอิอ๊ะเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้ผมเดินกลับไปหาเตี่ยกับแม่และคนอื่นๆ

เสียงเพื่อนผมหัวเราะเฮฮาแว่วมาให้ได้ยินในขณะที่ผมกำลังเดินไปขึ้นรถ พวกมันคงกำลังวางแผนเมาของคืนนี้ ผมหันกลับไปมองหน้าคณะในบรรยากาศครึ้มๆ ผมก้มมองใบปริญญาบัตรที่อยู่ในมือแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

จริงๆ แล้วผมเรียนจบมาเกือบหกเดือนแล้วแหละครับ กว่าจะรับปริญญานี่ แต่ผมก็ยังแวะเวียนมาที่คณะอยู่บ่อยๆ เหมือนปิดเทอมแต่ไม่มีโปรเจ็กให้ทำ แต่เอาล่ะครับ ได้เวลายอมรับแล้วล่ะว่าชีวิตนักศึกษาสถาปัตย์เป็นเวลา 5 ปีของผมมันจบลงแล้วจริงๆ...

เอาว่ะ ก้าวต่อไปของชีวิตกำลังจะเริ่ม!


---- 3 เดือนต่อมา ----


12.11

คลิก!

ผมกดส่งเมลล์คอนเฟิร์มสเปกกระจกกลับไปให้ลูกค้าแล้วก็บิดซ้ายบิดขวาไล่ความเมื่อย นั่งทำงานมาตั้งแต่เก้าโมง ยังไม่ได้ลุกไปไหนเลยครับ นี่นั่งจ้องจอจนตาปวดตุบๆ ไปหมด ใส่คอนแทคนานๆไม่ดีจริงๆด้วยแหละ

แต่เอาเหอะครับ เพราะเวลานี้มัน..
พักเที่ยงแล้ว! อยากจะลุกขึ้นมาเต้นรอบโต๊ะ
ป้าแม่บ้านจะซื้อข้าวให้ผมหรือยังหว่า.. ลงทุนไปอ้อนมาเมื่อเช้าเลยเชียวนะ
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยครับ อโศกแลนด์นี่ช่วงเที่ยงแออัดยังกับอะไร ผมชอบนั่งชิวตากแอร์กินข้าวบนออฟฟิสมากกว่า

ผมพลิกไอโฟนขึ้นมาเลื่อนๆฆ่าเวลา โอ้โห พวกแม่งคุยอะไรกันเยอะแยะวะ ผมกดเข้าไปอ่านไลน์ห้อง "แหล่งซ่องสุม" แหม่ ชื่อห้องมันก็ตั้งกันไปงั้นแหละครับ นี่มันห้องรวมแก๊งค์ครับ 11 คนคุณภาพแห่งรุ่น 76

ผมเริ่มไล่อ่านข้อความที่ค้างอยู่

Nahm_Tect : ว่อยยย อาชีพสถาปนิกแม่งน่าเบื่อแสดดดดดด
นั่งดราฟห้องน้ำมาเป็นเดือนแล้วกูเนี่ยยยยยยยยยยย

Artis_Tect : แล้วใคร หมาที่ไหนบอกกูว่าต้องเรนเดอร์ทรีดีได้เทพๆ!! มาถึงงี้เปิดเอ๊กเซลให้กูทำใบ BOQ เฉยเลยห่านนนนนนน!

Pete_Int : วะฮ่าฮ่า หนุ่มอินทีเรียอย่างกูได้เจอเซลล์ขายหลอดไฟน่ารักประจำเลยยย

Nut_tect : แล้วทำไมกูกับไอ้เอ็มได้เดินแต่ไซท์ก่อสร้างวะ แม่ง โลกไม่ยุติธรรมมม



หึ... บ่นเรื่องงานกันอีกแล้วพวกนี้ ผมพิมพ์ตอบกลับไปบ้าง


Wyn_Tect : มาทำคอนซัลท์กะกูดิ่ มาๆ แอร์เย็นเน็ตแรงกลับตรงเวลานะโว้ย

Artis_Tect : เชี่ยตี๋ กูไม่ได้เรียนเก่งแบบมึงนิ่

First_Tect : โอ้ยยย ไอ้ตี๋ กูอิจฉาาา ออฟฟิสกูนี่ตีสามมาสามวันแล้ว

Thep_int : เออ มีแต่คนแย่งตัวไปทำงาน เทพจังนะตี๋วินนน

ผมยิ้ม เอ้า ไอ้เทพ มึงอ่ะเทพไม่ใช่กู...
ผมนั่งอ่านไลน์ไปขำไป พวกแม่งเข้ามาตัดพ้อชะตากันใหญ่เลย เห็นท่าน่าจะบ่นกันอีกนาน ผมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วเดินไปหยิบข้าวกล่องจากแพนทรี่มานั่งกินที่โต๊ะ

ครับครับ ผมโดนดึงตัวมาทำงานบ.ที่ปรึกษาและวิเคราะห์ที่ดิน ไอ้ที่ต้องมานั่งวิเคราะห์กำไรขาดทุนตั้งแต่แบบมันอยู่ในกระดาษ สร้างได้กี่หลัง ขนาดห้องเท่าไหร่ คืนทุนมั้ยอะไรแบบนี้แหละครับ วันๆนั่งอยู่กับแบบ คอม และก็รายการคำนวน ไม่มีเขียนแบบหรือนั่งดราฟ โห สวรรค์คนเกลียดการตีแคดข้ามคืนอย่างผมชัดๆ แถมออฟฟิสผมผู้หญิงเยอะมาก ดาวล้อมเดือนครับพูดเลย น้องวินคะ พี่วินขาตลอด ชีวิตดี

"วินนน กินข้าวที่โต๊ะคนเดียวไม่เหงาเหรอจ้ะ" นั่นไง นี่พี่ฝ้ายครับ หัวหน้าผมเอง สวยเช้งมาทุกวัน ส่วนที่เดินตามหลังมานั่นน้องแคร์ น้องในแผนก

"กินไปอ่านอะไรเพลินๆไปครับพี่" ผมตอบ

"แหม อย่าให้รู้นะว่าคุยกับแฟน เจ้ไม่ยอมนะยะ ทรัพยากรผู้ชายออฟฟิสมีน้อย"

"น้อยแต่มีคุณภาพนะครัชช" ผมส่งยิ้มกลับไปให้

"อย่าอ้อยเจ้!! เจ้เอาจริง!" พี่ฝ้ายทำปากจิ๊จ๊ะในขณะที่น้องแคร์ก้มหน้างุดๆ "บ่ายนี้พรีเซนต์กับบ. Xx design นะ อย่าลืมเตรียมเอกสารด้วย"

"เรียบร้อยแล้วคร้าบ จองห้องประชุมแล้วด้วย"

"น่ารักที่สุดดด สุดหล่อของเจ้" พี่ฝ้ายพูดแล้วบอกว่าจะเดินลงไปช้อปปิ้งตลาดนัดข้างตึกกับน้องแคร์ก่อน

ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปอีกสักพัก

First_Tect : เออ น้องปาล์มปีสามมันบอกว่า อีกเดือนนึงมันจะให้พวกเราไปว้ากปีหนึ่งอ่ะ

ไอ้เฟิร์สประธานว้ากรุ่นผมแจ้งข่าว

Thep_Int : เฮ้ยยยยยย ได้เวลาคืนสังเวียนละโว้ยยย

ไอ้เทพตอบมาอย่างเร็วเป็นคนแรก หลังจากนั้นเหรอครับ โอ้ย โทรศัพท์จะระเบิด ทุกคนตื่นเต้นที่จะได้ลงสนามอีกครั้ง แถมยังนัดเตรียมงานที่ร้านเหล้า(?)กันอย่างเร็วอีกต่างหาก
ใช่ครับ..
มันนัดกันคืนนี้... โอ้ยแม่ง เร็วไป๊!! เรื่องอื่นพวกมึงกระตือรือร้นแบบนี้มั้ยเนี่ย

Nahm_Tect : ตี๋ มึงอ่ะเลิกงานเร็วสุด มึงไปจองโต๊ะเลย วันนี้วันศุกร์ เดี๋ยวโต๊ะเต็ม เจอกันหัวช้าง

เอ้า เชี่ยนี่
โยนใส่กูซะงั้น แล้วกว่าพวกมึงจะตามกันมาอ่ะนะ กูไม่รากงอกเลยเรอะ...แต่ถึงจะเถียงไปมันก็ต้องเป็นกูสินะ...
ผมตอบตกลงกลับไปเร็วๆ แล้วหันไปเตรียมเอกสารประชุมช่วงบ่าย ปล่อยสมาชิกที่เหลือคุยกันต่อไป

----------

20.45

นั่นงะ กะอะไรไว้ไม่เคยพลาด....

จะสามทุ่มอยู่รมร่อ ยังมีไอ้วินคนนี้แหละครับ นั่งหัวโด่เด่อยู่โซนเอ้าท์ดอร์ท่ามกลางเก้าอี้เปล่าๆอีกสิบตัว... พวกแม่งยังไม่โผล่ซักตัวเลยครับ ร้านคนก็เยอะ หญิงโต๊ะนู้นมองมาทำหน้าสงสารใส่ผมอีกแล้ว ผมยิ้มเจื่อนๆตอบกลับไป อ้าว.. แล้วไหงสาวผมยาวคนสวยสบตากับผมแล้วก็หลบไปเฉยเลย อะไรวะเนี่ยย

ข้าวผัดปูจานเล็กที่สั่งมาแก้เก้อนั้นพร่องไปเยอะแล้ว เด็กเสิร์ฟเดินมามองเป็นรอบที่สิบ
เอ้า ก็ได้วะ กินนำพวกมันไปก่อนละกัน...

"น้อง ลีโอสองขวด"

-----------

21.20

"เฮ้ย ไอ้ตี๋ พวกกูมาแล้ววว" ในที่สุดก็มีคนมา! เอ็มกับนัทโผล่หน้าเข้ามาในร้านแล้วพุ่งตัวเข้ามาตบไหล่ผมแรงๆ เจ็บมั้ยให้ทาย

"โอ้ยห่าาาา กว่าจะมานะมึงงง" ผมว่า

"น่อวว นั่งหน้าใสเชียวนะครัชช" นัทพูดเสียงดัง

"เห้ย น้องตี๋ มึงนำไปก่อนเลยเหรอเนี่ย แดงละมึง" เอ็มพยักหน้ามาที่ขวดเบียร์เปล่าๆ สองขวด

"น้องอะไรล่ะ! พวกมึง! กูยังไม่เมา กูตัวแดงเฉยๆ" ผมยักไหล่พร้อมกระดกเบียร์ที่เหลือในแก้วเข้าปาก

"ฮ่าๆ เอาว่ะมึง"

"น้อง! ช้างทาวน์นึง แก้วเพิ่มสอง" ไอ้นัทหันไปสั่งเด็กเสิร์ฟเพิ่ม

หลังจากนั้นไอ้พวกที่เหลือก็ทยอยกันมาครับ ไอ้น้ำมาถึงร้านเป็นคนสุดท้าย ว่าจะครบก็เกือบห้าทุ่มพอดี แม่งง กูมาตั้งแต่สองทุ่มครึ่ง เบียร์หมดไปสี่ทาวน์แล้วเนี่ย! ไอ้น้ำมองมาแล้วทำหน้ายุ่ง ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม

"เชี่ยตี๋ มึงแดกไปเยอะเหรอ องค์ลงละมึง"

"ไม่อ่ะ ปกติ" ผมกินไปไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับ ไม่ได้เมา แต่กำลังมึนแบบสนุกเลย

"เอ้า มากันครบแล้ว ก่อนคุยงาน ชนแก้วกันเว้ยยยยย!!" เสียงไอ้เฟิร์สจากอีกฟากของโต๊ะพูดซะดัง ก่อนจะมีเสียงแก๊งๆของแก้วกระทบกันไปทั่ว

23.50

เอะอะชนแก้ว เอะอะหมดแก้ว ไม่เห็นแม่งจะได้การได้งานห่าอะไรกันเลย เหมือนหาเรื่องมาอัพเดทชีวิตกินเหล้ากันธรรมดานี่แหละครับ.. ตอนนี้ทาวน์เบียร์เปล่าๆอยู่บนโต๊ะเกินครึ่งโหลแล้ว ผมอ้าปากหาววอดๆ รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบไปหมด กินเยอะไปป่ะวะเนี่ย

"พี่ครับ โต๊ะนั้นฝากมาอ่ะครับ" เด็กเสิร์ฟเดินเอากระดาษใบเล็กๆ มายื่นให้ผม พยักพเยิดไปทางโต๊ะเยื้องๆ


หวาน 08x xxx xxxx


อุ่ย เอาว่ะ

"ง่อววววว ไอ้ตี๋ว่ะะะ" เชี่ยอาร์ตนำมาเลยครับ

"แหม่ ถอดแว่นแล้วมีหญิงเลยนะมึงงงง" ไอ้บอยเอาศอกสะกิดผม

"พ่อง! กูหล่ออยู่แล้วแสดด" ผมย้อน

"น่อวววว"  เสียงแซวอื้ออึง

ผมหน้าร้อนใจเต้นตุบๆ หันไปมองทางโต๊ะรอบๆหาเจ้าของกระดาษแผ่นเล็กนี่ ก็ไม่เห็นมีสาวๆสบตากลับมาซักคน

ผมมองงงๆ
ผิดป่ะวะ
เขาจะให้ไอ้น้ำที่อยู่ตรงข้ามป่ะวะ ร้อยทั้งร้อยเวลาอยู่กับพวกแม่ง ไม่มีคนสนผมหรอกครับ ออร่าพวกมันบังหมด
ต้องใช่แน่ๆ ใครเขาจะแจกเบอร์มึงเนี่ย

"นี่" ผมเรียก
"กูว่าเขาจะให้มึงอ่ะ อึ๊ก!" ผมยื่นกระดาษไปให้หน้าไอ้น้ำ โอ่ย สะอึกอีก เอาเข้าไป

"หน้าแดงหมดละมึง ไหวป่ะเนี่ย แดกน้ำเปล่าไป๊" บอยที่นั่งข้างผมส่งแก้วให้ ผมดื่มน้ำอึกๆ

ไอ้น้ำแบมือรับกระดาษไป ดูๆเสร็จก็เก็บลงกระเป๋าเสื้อ แล้วเลื่อนแก้วเบียร์ผมออกไป "ไม่ต้องแดกละ" มันพูดเรียบๆ แล้วปล่อยให้ผมนั่งสะอึกต่อ

"อ่ะๆ เรื่องงานบ้าง! ฟังๆ พวกมึง" เฟิร์สพูดเสียงดัง

"หน้าที่เหมือนเดิม กู เทพ บอย เอ็ม เป็นตัวว้าก ตี๋วิน อาร์ต พวกมึงเป็นหน่วยกดดันและจิกกัด ปั่น นัทมึงเป็นพี่เทวดาโอ๋น้อง น้ำ พีท ไปยืนหล่อเป็นหน้าเป็นตา ส่วนไอ้กล้าใต้ มึงไม่ต้องพูด"

"เอ้า! อะไหร้นิ ไมกูไม่ได้พู้ดนิ" ไอ้กล้าแย้ง ทำเอาทุกคนฮาครืน

"ห่า ก็มึงสำเนียงทองแดง!" ปั่นโวย

"ก้อไมทำแบบนี้กะกูนิ กูพูดกลางแล้วนิ" กล้ายืนยัน

"โห ไอ้ฟาย กลางมากเลยมึง อยู่กลางยะลาเลยเนี่ย" อาร์ตแซว

"หน้ามึงอ่ะ น้องเห็นก็กลัวตายห่านึกว่าโจรใต้ ยืนเฉยๆ ก็พอ" เอ็มว่า

โว้... นอกเรื่องอีกละ ไปห้องน้ำดีกว่า ผมส่ายหัวเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน โอ้ย ทุกอย่างช้าไปหมดเลยเว้ยย

"มึงไหวป่ะ? กูไปด้วยมะ" ไอ้น้ำถามผม

"กุไปเองได้แสดด"

"เหรอๆ ไมเสียงยานคางจังวะ ฮ่าๆ" ไอ้บอยขำใส่ผมที่ยืนเอนๆ

"กูง่วงงงงไงงง"

"ไปดีๆ อย่าร่วงกลางทางนะมึง" น้ำพูดแล้วหันกลับไปคุยต่อ

หน้าห้องน้ำทำไมสเต็ปเยอะจังวะ ไม่เหมาะกับคนเมาจริงๆ ใครออกแบบร้านนี้วะเนี่ย ผมเดินก้มหน้าดูพื้นไป จังหวะกำลังจะก้าวขึ้นก็ชนเข้ากับใครบางคนในกางเกงยีนส์สีเข้มที่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี

“เห้ยยย” ผมร้องเสียงยานคาง ไอ้ที่ชนน่ะไม่แรงหรอกครับ แต่ด้วยความมึน (ไม่เมาจริงๆ สัญญา) ผมว่าผมหน้าคว่ำจูบบันไดปูนเปลือยนี่ก่อนจะทรงตัวได้แน่ๆ

*หมับ*

คนที่เพิ่งเดินสวนไปจับข้อมือผมไว้แล้วดึงหน่อยๆ ผมที่ทรงตัวไม่ค่อยจะอยู่เซวืดจนหลังชนกับเจ้าตัว

"ใครวะ.." ผมตั้งท่าจะโวย

"กระดาษใบนั้น.. ของนาย ไม่ใช่ของไอ้หน้าหล่อนั่น ไปเอาคืนมาด้วยนะ" เสียงทุ้มๆ บอกอยู่ข้างหลังหูผม

"หาา ยังไงนะ.." ผมขมวดคิ้วแล้วหันขวับกลับไป เชี่ย สูงเท่าไอ้พีทเลยมั้งเนี่ย ไฝเล็กๆใต้ตาข้างขวาของคนตรงหน้าดึงความสนใจให้ผมมองตามันตรงๆ ไอ้นี่มันยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลยครับ
"กระดาษอะ..ไร"

"ตามนั้นอ่ะ..." อ้าว หลบตากูทำไม ผมยังงงไม่จบแต่มันก็เดินหนีไปเฉยเลย
ผมยกมือเกาหัว

กระดาษอะไรวะ...
...
.....


อ๋อ!!
ไอ้กระดาษเบอร์นั่นอ่ะนะ!?
ชื่อหวาน..ใช่มั้ยนะ?..

คนเมื่อกี้แม่งต้องเป็นเพื่อนกับสาวที่ชื่อหวานแน่ๆ ว่าแต่ว่าน้องเขาแจกเบอร์ให้ผม! ไม่ใช่ไอ้น้ำว่ะ! เรตติ้งกูยังดีอยู่สินะ ผมอมยิ้มกับตัวเอง

---

00.23

ผมเดินโงนเงนกลับมาที่โต๊ะ
พวกแม่งยังเสียงดังเฮฮากินเบียร์กันยังกับน้ำอยู่เลย

"อาทิตย์หน้าวันพุธ เข้าคณะไปส่องน้องกันก่อน ยังไม่ได้ดูทรงเด็กใหม่เลย" ไอ้เทพเสนอ

"ดีดี จะได้รู้ว่าใครแจ่ม" ไอ้นัทยิ้มระรื่น

"สัส มีเมียแล้วเงียบปากไป ปล่อยคนโสดอย่างกูนี่" พีทเขวี้ยงเศษทิชชู่ในมือใส่แขนนัท

"เออ น้องกลองที่แม่งคัดกันมา ไม่รู้เป็นไงบ้าง กลับไปดูก่อน กีฬาถาปัดอายเขาตาย" บอยมือกลองอีกคนหันไปพยักหน้ากับคำพูดของน้ำ

"งั้นต้องชวนทอมเอ้ด้วยเด่ะ" บอยพูด ครับ มือกลองปีผมมีสามคน ชายสองทอมหนึ่ง เลือกกรี๊ดกันเลยครับสาวๆ

"ไม่รู้เอ้มันว่างป่ะนะ เห็นต้องออกต่างจังหวัดเรื่อยๆ เดี๋ยวกูถามให้" อาร์ตพูด มันสองคนทำงานที่เดียวกันครับ

นัดแนะกันเรื่องเข้าคณะไปส่องเด็กเสร็จก็ตีหนึ่งกว่าๆ
ไอ้นัทก็พูดขึ้นมาว่าจะกลับไปหาแฟน ปั่นกับกล้าบอกว่ากลับด้วยเด่ะ ส่วนบอยกับเทพบอกว่ามีไปตรวจไซท์ต่างจังหวัด เอ้า กลับไปซะครึ่ง จะอยู่ทำไมล่ะครับ โน่น ไอ้เฟิร์สสั่งคิดเงินแล้ว

"... อะไร.." ไอ้น้ำถามผม

"กระดาษเมื่อกี้อ่ะ.." ผมแบมือใส่หน้ามัน

"กระดาษทำไม.."

"ของกู.. น้องหวานเขาให้กู.." ผมบอกมัน

"เห้ยย จริงง่ะ มึงรู้ได้ไงไอ้ตี๋" อาร์ตถามสอดขึ้นมา

"เพื่อนเขาบอกกู.. ตอนเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้..นู่น!" ผมชี้ไปมั่วๆ โอ้ย โต๊ะไหนนะเมื่อกี้อ้ะ
เพื่อนอีกสี่คนหันไปมองงงๆ

"มึงเพ้อละ" พีทว่า

"เอามาาาาา" ผมจ้องหน้าไอ้น้ำ

"ไม่ให้..... เอ้า นี่เงิน" มันยิ้มกวนตีนแล้วหยิบเงินจากกระเป๋าส่งให้เฟิร์สที่กำลังนับแบงก์

"ปะ กูไปส่ง คืนนี้นอนคอนโดมึงนะตี๋ ขี้เกียจขับไกลๆ" พีทพูดเร็วๆแล้วควงกุญแจรถโชว์

"เห้ยย กูด้วยดิ่" อาร์ตแทรกตัวเข้ามายืนแบบเอนๆ

"กูก็ไป" ไอ้น้ำหยิบกระเป๋ามาสะพาย นี่พวกมึงถามอะไรกูรึยังวะเนี่ย

"แหม พวกมึงนี่ตัวติดกันอีกละนะ จตุรเทพมั้งแสดดดด" ไอ้เฟิร์สแซวอย่างอิจฉา มันต้องกลับออฟฟิสครับ มันว่าต้องบินไปพรีเซนต์ที่ลาววันจันทร์ งานทุกอย่างต้องพร้อมคืนวันเสาร์ นี่แม่งออกมากินเหล้ากับเพื่อน กูละนับถือจริงๆ

พีทเดินนำหน้าไปที่รถบีเอ็มสีแดงของมัน(ไม่ต้องอิจฉาครับ คันเก่าของที่บ้านมัน ใช้มาตั้งแต่ปีสองละ) ไอ้อาร์ตกับผมเดินกอดคอเซซ้ายทีขวาที ส่วนน้ำถือสัมภาระของพวกผมสองคน

"เอ้า ระวังหัวๆ" พีทเปิดประตูหลังแล้วยัดพวกผมเข้าไป

"เดี๋ยวไอ้ตี๋.. คีย์การ์ด.. กุญแจ.." น้ำเอี้ยวตัวมาจากเบาะข้างคนขับ

"อือ" ผมหยิบของที่มันถามหาแล้วส่งให้ "อ่ะ.."

"พวกมึงนี่เมาแล้วทิ้งตัวนะ" ไอ้พีทว่าขำๆ

"คราวที่แล้วกูเป็นคนเก็บพวกมึงนะ" ผมพูด

"เมาก่อนได้เปรียบ บาย..." อาร์ตพูดเสียงง่วงแล้วหลับตาไปเลย

"ชิบหาย ต้องลากพวกมันไปเรอะ" น้ำพูดเซ็งๆ

"หึหึ กูเอาคืนไง..." โอ้ย มึน พูดจบแล้วผมก็หลับกองอยู่เบาะหลังกับอาร์ตมันเนี่ยแหละครับ...

-----------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณมากๆ ที่กดเข้ามาอ่าน Love Analyst กันนะคะ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของวัยทำงานค่าา

น้อมรับคำติชมทุกท่านนะคะ ขอบคุณเล้าเป็ดด้วยค่า
หัวข้อ: Re: -LOVE ANALYST- นักวิเคราะห์การรัก *ความเสี่ยงที่ 1*
เริ่มหัวข้อโดย: ชมรดา ที่ 03-05-2017 20:38:36
สนุกอ่ะ  ชอบๆจ้า  ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: -LOVE ANALYST- นักวิเคราะห์การรัก *ความเสี่ยงที่ 1*
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 03-05-2017 23:18:56
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❣- LOVE ANALYST -❣ [นักวิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 1 ✽5.4.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: MeganMP ที่ 04-05-2017 10:54:28
สนุกดีนะ ชอบๆ ไม่ใช่ว่าพระเอกเป็นเด็กปี1นะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 2 ✽6.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 06-05-2017 21:05:50
------------
ความเสี่ยงที่ 2


"อือออออ..."
ปวดหัวชิบหายยยยยยเลยยยยยครับบบบบบ
ไอ้บ้าที่ไหนมันสั่งช้างวะ ไม่น่ากินผสมกันเลยยย ตื่นมายังกะโดนช้างเหยียบ

ผมดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้าแล้วพลิกตัว แสงจากหน้าต่างข้างเตียงแยงตาเป็นบ้า แล้วนี่อะไร
ขา? ขน?

"งื่ออออ" เสียงไอ้อาร์ตดังลอดออกมาจากใต้ผ้าห่มอีกฟาก


เชี่ย จะนอนซุกขนหน้าแข้งมันอยู่แล้ว!


"ตื่นได้แล้วพวกมึง สายโด่งแล้วยังเน่าอยู่เลย...แล้วมึง ไอ้พีท ไม่ได้เมาก็ตื่นสายเหมือนเมาเลยนะ! ออกมาจากผ้าห่มได้แล้วสัส" ไอ้น้ำพูดเสียงดัง

"ก็เตียงห้องนี้มันสบายนี่หว่า" พีทพูดเสียงเคลิ้มจะหลับ

ผมพลิกตัวหนีขนหน้าแข้งไอ้อาร์ตหันไปอีกข้าง

"อุ่ยเหี้ย!!" อุทานเสียงดังเพราะแม่งนอนบนหมอนใบเดียวกับผมครับ หันมาเจอผมยุ่งๆของไอ้พีทระยะประชิด ตกใจเหมือนเจอตีนไอ้อาร์ตเมื่อกี้เลย ดีที่นอนหันหลังชนกัน

ผมลุกขึ้นมานั่งเกาหัวแกร่กๆ ไอ้น้ำยืนพิงประตูห้องนอนดูกองเพื่อนด้วยความสมเพช สภาพมันอาบน้ำแต่งตัวซะเรียบร้อย

"จะกลับแล้วเหรอวะ" ผมมองนาฬิกา นี่มันสิบโมงกว่า

"เปล่า ยังไม่กลับ กูออกไปข้างนอกมาเมื่อกี้ มึงไปอาบน้ำไป หิวละ ให้ไว"

"เอออ.." ผมลากเสียงยาวลุกขึ้นหาววอดๆ แล้วพาร่างตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อกล้ามกับบ๊อกเซอร์ที่ใส่นอนออก

ผมอาบน้ำพร้อมมีความรู้สึกว่าพี่เสือลีโอกับช้างยังวิ่งไล่กันอยู่ในหัวผม ซาฟารีมั้งพวกมึง!

คณะไหนๆก็กินเหล้ากินเบียร์เป็นน้ำทั้งนั้นแหละครับ หมอเอย บัญชีเอย ไม่ใช่แค่ถาปัด วิศวะที่เขาว่ากัน คนมันจะกินเยอะก็เยอะครับ ไม่เกี่ยวกับคณะหรอก ตัวผมเรียนสายแบบนี้มาก็ไม่ได้กินเป็นอาชีพ เอาว่ากินสนุกๆชิลๆกับเพื่อนฝูงนี่โอเค นี่ยังไม่เคยเมาแล้วออโต้ไพลอตเลยนะครับ เมาแล้วหลับอย่างเดียว เอ๊ะ จะว่าไปเมื่อคืนผมมีสติถอดคอนแทคเลนส์ด้วยล่ะ..
แต่ทำไมจำไม่ได้เลยวะ.. หรือนี่จะเป็นการภาพดับที่เขาว่ากัน

ผมก้าวออกมาจากโซนอาบน้ำแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง ก่อนจะยืนแปรงฟันหน้ากระจกไปมองหุ่นตัวเองไปด้วย
ก้างจริงๆ ก้างจริงๆ ก้างจริงๆ ผมพูดกับตัวเอง
เมื่อคืนแม่งไม่น่ากินเยอะเลย บวมเบียร์กันไปสิกู ซิกส์แพคยิ่งจะรวมกันเป็นก้อนเดียวอยู่ เวทก็ไม่ค่อยจะขึ้น นอนดึกแล้วตาโหล ผิวซีดๆของผมวันนี้ยิ่งซีดขึ้นไปอีก ดูรวมๆแล้วโทรมเป็นพิเศษครับพูดเลย

ผมเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาข้างนอกพลางเช็ดผมไปด้วย

"เชี่ยอาร์ต ไปอาบน้ำไปมึงงง" ผมเอาเท้าเขี่ยกองผ้าห่มรูปคนบนเตียง
"เออออ มึงอย่าพูดเสียงดังดิ! กูปวดหัววว" ไอ้อาร์ตใต้กองผ้าห่มนั่นขยับๆ ตอบผม
"ไอ้พีทมันออกไปอาบน้ำข้างนอกแล้ว น้ำแม่งแต่งตัวรอตั้งแต่ไก่โห่แล้ว เหลือมึงเนี่ย!"

ผมบอกมันแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบกางเกงใน เสื้อยืดย้วยๆกับขาสั้นตัวเก่งออกมาใส่โดยไม่เกรงกลัวสายตาเพื่อนในห้อง ไม่อายอ่ะจะทำไม

ไอ้อาร์ตเดินมึนๆ ผ่านหลังไปเข้าห้องน้ำ

"ตี๋มึงผอมลงป่ะเนี่ย" พีทที่พาดตัวนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงทักผม น้ำหันหน้าขึ้นมามองจากเก้าอี้มุมห้องที่มันนั่งอ่านการ์ตูนอยู่

"เออว่ะ ตอนกูแบกขึ้นมานี่เบาหวิวเลย แดกข้าวมั่งมั้ย" น้ำพูดสมทบ

"อ้าว นี่กูไปเล่นฟิตเนสมาไง กำลังลีน กูบิ้วต์กล้ามอยู่" ผมพูดยืดๆแล้วสวมเสื้อเข้าคอ เบ่งกล้ามแขนให้ดู
ไอ้น้ำขำกิ๊กกั๊ก

"โคตรกะหร่อง อย่างมึงอ่ะนะ จะมีกล้าม"

"กูกับไอ้น้ำงี้จะรอดูเลยตี๋" พีทเสริม

"แน้ะ ไอ้พวกเชี่ยนี่ เดี๋ยวกูจะเป็นกัปตันอเมริกาให้มึงดู!!" ผมประกาศกร้าวก่อนจะหยิบแว่นสายตากรอบหนาที่ตอนนี้นานๆ จะใส่ทีมาสวม ทำสายตามุ่งมั่น แม่งหัวเราะกันหนักกว่าเดิมอีก
โอ้ยย แม่ง อย่าให้กูมีกล้ามนะพวกมึง

หลังจากรอไอ้อาร์ตอาบน้ำเสร็จ ก็ได้เวลาเคลื่อนขบวนไปหาอะไรกินแถวๆละครับ นี่มันจะเที่ยงแล้ว

คอนโดที่(เตี่ย)ผมซื้อไว้อยู่กลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า โลเคชั่นดี๊ดี มีหนึ่งห้องนั่งเล่น สองห้องน้ำ สองห้องนอน ซึ่งอีกห้องที่ว่าผมเอาโต๊ะทำงาน โต๊ะดราฟ คอม เข้าไปตั้งจนกลายเป็นฐานทัพเรียบร้อย

ด้วยความที่พื้นที่เหมาะขนาดนี้หลายๆครั้งพวกแม่งก็จะผลัดกันมาขอนอนด้วยจนชินไปแล้ว
คนไหนทำงานดึก ห้องไอ้ตี๋
คนไหนเมา ห้องไอ้ตี๋
คนไหนว่าง ไม่มีที่ไป ก็ยังห้องไอ้ตี๋อีก
นี่ถ้าทำ airbnb เก็บเงินนี่รวยไปแล้วเนี่ย!

พวกผมสี่คนเดินชิวไปร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำ สั่งเส้นเล็กเส้นใหญ่อะไรกันไปคนละชามสองชามแล้วแต่ละคนก็นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไป

"แน้....ไอ้น้ำ.. น้องพลอยมึงอ่ะ.. อะไรอ่ะยังไง ไหนมึงบอกห่างๆกันแล้วไง" อาร์ตชูโทรศัพท์ขึ้นแล้วเอาศอกสะกิดน้ำที่นั่งข้างๆ

"เหยย.. น้องอัพเตตัสโคตรมุ้งมิ้งอ้ะ ขอบคุณที่มาส่งนะคะแฮชแทก better together นี่อาไร้" ไอ้พีทเสริม

"ก็น้องเขาจะไปวิ่งตอนเช้าวันนี้ กูเลยไปส่งสวนลุมไง ไม่มีไร" ไอ้น้ำพูดปัดๆ

"อ่ออออ ที่มึงหายไปตอนเช้าเพราะงี้นี่เองงง" ผมพูดแล้วรับเอาชามก๋วยเตี๋ยวจากเด็กเสิร์ฟ

"พอๆ กูบอกว่ามันไม่มีอะไรไงพวกมึง จบๆ" ไอ้น้ำส่งตะเกียบกับช้อนให้ทุกคน "เอ้า แดก"

"นี่มึงยังคบกะเขาอยู่? ไหนคราวที่แล้วบอกพวกกูว่าเลิกแล้ว? นี่ดีกันแล้ว?" อาร์ตถามเป็นชุด

"เลิกกันแล้ว" น้ำถอนหายใจแล้วตอบเรียบๆ

"เอ้า!" ผมกะไอ้พีทพูดออกมาพร้อมกัน อะไรของแม่งวะ

"ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ทำไม กูจะไปเจอเขาไม่ได้เรอะ ก็เป็นพี่เป็นน้องกัน" ตอบเสร็จก็ก้มหน้ากินเส้นเล็กต้มยำในชามเฉยเลย

ไอ้อาร์ตส่ายหน้าเซ็งๆ ผมมองหน้าไอ้พีท แล้วขยับปากบอกว่า ช่างแม่งเหอะ

ไอ้น้ำมันเป็นเพื่อนที่ดีครับ แต่มันคงไม่ได้เป็นแฟนที่ดีเท่าไหร่
เอาเป็นว่าเท่าที่พวกผมรู้ เรียนมาห้าปีแม่งเปลี่ยนแฟนไปเจ็ดคน ด้วยเหตุผลว่าเบื่อบ้าง เข้ากันไม่ได้บ้าง รำคาญบ้าง
พวกผมเป็นผู้ชายฟังแล้วยังอยากจะถีบเลยครับ คำว่ากะล่อนบวกเจ้าชู้นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
แต่คนนี้มันคบนานสุดละครับ น้องพลอยเป็นรุ่นน้องคนสวย หมวยๆ ตัวเล็กน่ารัก เด็กกว่าพวกผมสองปี ก็เด็กว้ากพวกผมแหละเอาจริงๆ พวกมันคบกันมาตั้งแต่ตอนก่อนทำทีสิส ตอนเปิดตัวงี้งงกันใหญ่ว่าไปชอบกันตอนไหนวะ

"แล้วน้องมึงอ่ะไอ้พีท" ไอ้น้ำถามเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา

"น้องไร กูไม่มีเด็ก" ไอ้พีทรีบพูด

"อย่ามาตลก กูเห็นมึงแอดหญิงเป็นสิบในเฟส" ผมว่า

"เซลทั้งนั้นอ่ะมึง คอนเนคชั่นไง อ่อยไปก่อน ตัวอย่างผ้าม่านนี่จะมาอย่างไว" ไอ้พีทยิ้มเจ้าชู้
ไอ้นี่ก็ใช่ย่อยครับ ไม่มีเป็นตัวเป็นตนหรอก เรียกว่าหว่านไปทั่วจะดีกว่า

"มึงนี่เชี่ยจริงๆ..." อาร์ตยกนิ้วกลางให้ "กูนี่ไม่เห็นจะมีบ้างเลย...เนอะตี๋" เอ้า ไหงมาเข้ากู

"สาวอโศกไม่มีแจ่มๆเลยเหรอวะ" พีททำหน้าสงสัย

"มี สาวๆออฟฟิสบัญชีข้างล่างนี่อย่างสวย แต่กูขี้เกียจจีบแล้วอ้ะ" ผมว่า

"คืออยากให้เขาจีบ?" อาร์ตถาม

"ก็เหี้ยละครับ กูหมายถึงกูกำลังสนุกกับการทำงาน! จีบหญิงใช้พลังงานนะสัส" ผมตอบ

"มึงอ่อนเองป่าวว" น้ำพูดขำๆ

"ถึงเขาจีบจริงมึงก็ไม่รู้ตัว ตอนพี่ปอยรุ่น 73 ตามจีบมึงเป็นเดือนมึงก็ง่าวเหอะ มีหน้าเอาเบอร์เขาไปให้เพื่อนโรงเรียนมึงอีก!" ไอ้พีทขุดประวัติผม อีกสองตัวหัวเราะนำมาเลยครับ

"เอ้า กูไม่รู้นิ่!! บอกมาเลยเด่ะ นี่ จีบ! กูจะได้เคลียร์!" ผมตบโต๊ะโวย ใครจะไปรู้วะครับ

"เซนส์ช้าชิบหาย..." อาร์ตบอก "เสียดายพี่ปอย อย่างสวยเลยนะมึง"

"เออน่ะ กูขี้เกียจคิดเรื่องอะไรแบบนี้ละ จะแดกมั้ยเนี่ยลูกชิ้นน่ะ ไม่งั้นกูแย่ง!" ผมชูตะเกียบ

ใช่ครับ นี่ผมพูดจริงๆ ตั้งแต่ทำงานมาผมไม่คิดเรื่องอะไรแบบนี้เลย ผมเลิกกับ 'ฟ้า' เพื่อนปีเดียวกันที่กลายมาเป็นแฟนผมไปเมื่อตอนเรียนจบ (เกือบปีแล้วนะครับ)

ฟ้าเป็นคนเก่ง น่ารัก ไม่ได้สวยจัดแต่เป็นคนมีสเน่ห์ ปีหนึ่งนี่อย่างป๊อบ ตอนปีสามฟ้าเป็นหัวหน้าฝ่ายพยาบาลแล้วผมเป็นว้าก เลยได้สนิทกัน เราไม่ได้มีช่วงจีบกันจริงๆ ด้วยซ้ำ ติวด้วยกัน ทำงานด้วยกัน เข้าค่าย ออกทริปด้วยกัน ไปๆมาๆก็เลยลงเอยกันตอนปีสี่

แต่นั่นแหละครับ พอช่วงที่ทำทีสิสต่างคนต่างจมลงไปกับงานตัวเอง ไม่ได้ใกล้ชิดกันเหมือนเดิม พอเงยหน้ามาอีกทีก็กลายเป็นว่าเรา 'เฉยๆ' กับกันและกันไปแล้ว ผมกับฟ้าก็คุยกันตรงๆ ไม่มีน้ำตา ไม่มีการโวยวายจากใคร มีแต่อาการโหวงๆในใจกับความงงของเพื่อนคนอื่นๆเท่านั้น

แล้วผมก็โสดมาจนตอนนี้แหละครับ

"เดี๋ยวกูกลับละ" น้ำพูดแล้วมองนาฬิกา

"อ่ะแน่ะ! มึงจะไปรับน้องพลอยอ่ะเด่ะ!" ผมรีบแซว

"แน้ ตัดกันไม่ขาดว่ะ" อาร์ตเสริม

"เสือกน่ะพวกมึง" น้ำว่าด้วยเสียงไม่จริงจัง

"เอาเถอะพ่อคู้นน.. เออ ใช่! แล้ววันพุธเอาไง เข้าคณะกะกูป่ะ เดี๋ยววนมารับที่รถไฟฟ้า" พีทถามเมื่อนึกขึ้นได้

"อือ กูไปด้วย" ผมพูด

"เดี๋ยวกูไปเอง ไม่รู้เลิกกี่โมง" น้ำบอก

"กูถามเอ้ก่อน ถ้าทอมไปด้วยกูไปกะทอม" อาร์ตพูดแล้วจิ้มโทรศัพท์ น่าจะไลน์ถามเอ้เลย

"โอเค งั้นกูมารับมึงทุ่มนึงละกันตี๋ น่าจะถึงคณะสองทุ่มพอดี" พีทสรุป

"ตามนั้น"

แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไป

------

วันพุธ

19.45

ผมเดินตากแอร์อยู่ในเซเว่นใต้คอนโด
โทรศัพท์สั่นครืดๆ อยู่ในกระเป๋า ผมกดเข้าไปอ่านเร็วๆ


Pete_Tect : ตี๋ กูมาแล้วววว

Wyn_Tect : มึง!... มา!... สาย!... มาก!!

Pete_Tect : โอ๋ๆ ไม่โกรธนะ งอนแล้วหน้าเหี่ยวนะครับมึง กุรออยู่หน้าป้อมยามนะ



ไอ้นี่... ผมเดินเร็วๆ ไปขึ้นรถที่กำลังจอดกระพริบไฟอยู่


"ไหนทุ่มนึงของมึงเชี่ยพีท!... กูเดินเซเว่นไปเป็นร้อยรอบ น้องพนักงานเข้าใจว่ากูมาจีบเขาแล้ว!
นี่มันจะสองทุ่มแล้วแสดดดด ป่านนี้เข้าไปจะได้ทำอะไร เขาถึงกันหมดละ ไอ้เทพโทรตามกูตั้งสองรอบ
น้องประชุมเชียร์จะเสร็จละมั้ง" ขอด่ามันแป๊บนึงครับ แป๊บนึงจริงๆ สัญญา

ไอ้พีทมองอึ้งๆ
"เป็นชุดเลยมึงนิ่.. เออๆ กูสายเอง... อ่ะ!... ไถ่โทษๆ" มันยื่นโค้กกระป๋องแดงในมือมาให้ผม ง่อวว เอาของโปรดผมมาล่อนะ รับมาสิครับจะรออะไร
"ด่าจบแล้วเนอะ กูออกรถได้ยัง" มันถาม

"เออๆ"

ผมเปิดกระป๋องดังกริ๊ก พร้อมๆกับรถที่ออก

------

"ก้มหน้าลงไป!"
"โตๆ กันแล้ว ทำไมต้องให้พวกผมสอนเรื่องมารยาท"
"ผู้หญิงไม่ต้องใส่สั้น ไม่อยากดู!!"
"ผมไม่ใช่พี่คุณ ไม่ต้องเรียก!!"

ไดอาลอกแม่งไม่พัฒนากันเลยเหรอวะ ผมนั่งคิดเงียบๆ ตอนนั่งดูน้องประชุมเชียร์กัน นี่ได้ยินมาแต่รุ่นไหนรุ่นไหน เหมือนเดิมเด๊ะเลย

เด็กปีหนึ่งในชุดเรียบร้อยยืนเข้าแถวหน้ากระดานเรียงสิบ ไล่ตามระดับความสูง ผู้หญิงอยู่หน้า ผู้ชายอยู่หลัง ก้มหน้ามองพื้นในขณะที่พวกพี่รอบๆ ตะโกนกันโหวกเหวก

ที่คณะผมเลือกเอาปีสามเป็นพี่ว้ากให้กับเด็กปีหนึ่ง ปีสองมีหน้าที่ทำสันทนาการเล่นตลกให้พวกน้องๆดู ปีนี้ปีหนึ่งมีราวๆ เก้าสิบคนต่อพี่ว้ากแปดคน ถือว่าไม่เยอะไม่น้อยไป น่าจะกำลังดี

คณะผมไม่ได้ถือว่าว้ากแรงหรืออะไรเลยครับ เป็นกิจกรรมขำๆ กันซะอีก เหมือนมาเล่นละครให้น้องดูเป็นเวลา 4 เดือน ให้น้องมีเรื่องคุยกัน วาดคัตเอ้าท์ เม้าท์พี่ จำชื่อเพื่อน อะไรซะมากกว่า ไอ้เรื่องรับโหดๆนี่ลืมไปเหอะครับ ไม่มีซะหรอก

"คราวหน้า ผมสั่งอะไรไว้ อย่าลืมแล้วกัน!" น้องปาล์ม หัวหน้าเชียร์ปีนี้ตะโกนออกมา แล้วพี่ว้ากทั้งแปดคนก็เดินเร็วๆ หายออกไปจากสนาม ปีหนึ่งเริ่มแตกแถวออกมาคุยกันถึงงานที่จะต้องทำต่อ ดีครับ ถือว่าโอเค

พวกผมที่เข้าคณะมาสังเกตการณ์นั่งดูความเคลื่อนไหวผ่านกระจกอยู่ในห้องมืดๆ ติดกับลานที่น้องเข้าแถวกันเริ่มคุยกันบ้าง

สักพักเดียวพี่ว้ากของปีนี้ทั้งแปดคนเดินเข้ามาทักพวกผมอย่างคุ้นเคย
"เห้ยพี่วินนน!!! เพิ่งมาเหรอพี่ คิดถึงงง" เต้ หลานรหัสผม หนึ่งในว้ากปีนี้วิ่งเข้ามาหาทันทีที่เจอหน้า

"ไอ้เต้!!!!" ผมตบไหล่มัน

"พี่ วิชาเอนเทคไม่ไหวแล้วว่ะฮืออออออ ช่วยหน่อยยย" มันร้อง

"แหม นึกว่าคิดถึงกู นี่คือจะอ้อนให้กูติว!" ผมผลักหัวมัน

"ผมก็ไม่ไหวแล้วพี่วินนนน" น้องเอกเดินเข้ามาเอาหัวถูกับแขนผม

"พอเลยแสดด คุยงานก่อน!" ผมสะบัดใส่ พวกมันทำหน้าตาเสียใจ แล้วหันไปฟังน้องปาล์ม ประธานปีนี้สรุปงาน



"พวกผมจะว้ากกันสี่เดือน ตั้งแต่เปิดเทอมเมื่อสามเดือนก่อน ประชุมเชียร์อังคารกับพฤหัส แต่พอหลังจากเดือนนี้ไป พวกผมปรับให้เป็นจันทร์ พุธ ศุกร์ เว้นศุกร์สิ้นเดือนตรงนี้ เพราะน้องส่งงานครับพี่" ปาล์มเขียนสรุปบนกระดาน

"แล้วงานที่ต้องออกข้างนอกอ่ะ กำหนดยัง" บอยถามขึ้นมา

"อีกสามเดือนมีสิบสามถาปัตย์ครับ ยังตกลงเจ้าภาพไม่ได้ ตอนนี้มีน้องสมัครกลองหกคน แต่ยังไม่ได้คัดจริงๆจังๆเลย" เอก มือกลองรุ่นน้องรายงาน

"เดี๋ยวกูมาช่วยดู" น้ำพูดขึ้น


กลองที่คณะสถาปัตย์อย่างพวกผมมีกัน ไม่ใช่กลองโป๊งชึ่งสามช่านะครับ เป็นกลองลูกใหญ่ๆเหมือนกลองสะบัดชัยอย่างนั้นเลย ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ คนอื่นที่ไม่ใช่มือกลองห้ามแตะ แถมจะตีต้องใช้แรงเยอะเป็นบ้า เพราะงั้นมือกลองนี่ต้องคัดมาอย่างดี เวลามีงานรวมตัวเด็กถาปัตย์หลายๆมหาลัยก็จะมีการดวลกลองกัน สนุกโคตรเลยครับเอาจริงๆ

"ต่อนะพี่.. หลังปิดว้าก แจกรุ่นตอนวันศุกร์นี้" ปาล์มวงวันที่บนกระดาน "แล้วขนน้องขึ้นรถไปมีตติ้งที่ระยองต่อเสาร์อาทิตย์นี้กับนี้เลยครับ รุ่นพี่เฟิร์สจะไปกันกี่คนอ่ะ ผมจะได้จองที่พักกับรถให้?"

พวกพี่ปีแก่ๆ อย่างผมยุกยิกเชคตารางในมือถือกันใหญ่

"งั้นเดี๋ยวกูรวมให้แล้วบอกมึงเอง" ผมพูดอาสา "ไม่ต้องเตรียมรถเผื่อพวกกูหรอก เปลืองตัง ขอแค่ที่พักพอ เดี๋ยวขับตามไปเอง พวกมึงโอเคมั้ย" ผมหันมองแก๊งค์ ทุกคนพยักหน้าหงึกๆ

หลังจากนั้นปาล์มกับเอกก็พูดเรื่องที่จะให้พวกผมลงว้ากในอีกสามอาทิตย์ รวมทั้งตกลงเรื่องรับน้อง คัดกลอง อะไรอีกมากมาย
"ประมาณนี้ฮะพี่ พักกันก่อนเนอะ" ปาล์มมองพวกผมแล้วพูดเหนื่อยๆ

โอ้ยเมื่อย

ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเดินไปส่องน้อง ๆ ริมหน้าต่าง ปีหนึ่งยังคุยงานกันอยู่เลยแฮะ.. โห ปีนี้หญิงแจ่มสมคำบอกเล่าจริงๆด้วย เห็นทีต้องเข้ามาบ่อยๆ ซะแล้วสิ

ว่าแต่...

ไอ้คนสูงๆ ที่ยืนเด่นอยู่ตรงกลางนั่นหน้าคุ้นชิบหาย... ผมเดินเข้าไปใกล้หน้าตาอีกนิดแล้วหรี่ตามอง
คิ้วเข้มๆ หางตาตกๆ กับไฝใต้ตาข้างขวา... โคตรคุ้น...

นั่นมันคนที่เจอในร้านเหล้านี่หว่า!!
หรือว่า ???


"เต้! มานี่ดิ้" ผมเรียกหลานรหัส มันเดินมาหาแบบงงๆ
"ปีหนึ่งมีคนชื่อหวานป่ะวะ" ผมถาม

"มีดิ่.. อย่างดัง.. โคตรป๊อบเลย" มันตอบเร็วมากครับ

"อ่ออ..."

"ทำไมพี่ รู้มาจากไหน? สนใจเหรอ?" มันเอาศอกสะกิดผม สายตาเป็นประกาย

"อยากรู้เฉยๆ" ผมหันไปมองทางปีหนึ่ง ให้ตายดิ่! พรหมลิขิตชัดๆ จู่ๆ ก็รู้สึกดีใจยังไงก็ไม่รู้สิครับ

"จริงดิ่ ชอบป่าววว คู่แข่งเยอะน้าา" เต้พูดล้อๆ

"โวะ บอกว่าเปล่า กูอยากรู้เฉยๆ!" ผมยกเท้าขึ้นจะถีบมัน แต่ไอ้ตัวแสบวิ่งหนีไปไกลเชียวครับ

เอาว่ะ น้องหวานเป็นน้องปีหนึ่งคณะผม!!!
ถ้าจะเริ่มจีบ ถ้าจะอ่ะนะ.. เริ่มจากคนที่โชคชะตาจัดมาให้แบบนี้ดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ..


------------
tbc

เอ็นดูตี๋วินกันด้วยนะคะ อิอิ
ฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยค่า
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 2 ✽6.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 06-05-2017 23:34:36
ชอบค่ะ สนุกกกกกกก ติดตามๆๆๆๆ

สรุปคือตอนนี้ตี๋ก็ยังเข้าใจว่าหวานคือเพื่อนของน้องคนหล่ออยู่ใช่มั้ยคะ 55555555555
น่าจะมันอยู่อ่ะ  55
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 2 ✽6.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-05-2017 12:30:07
รอดูหน้าน้องหวานที่แท้จริงค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 2 ✽6.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 16-05-2017 22:44:26
ความเสี่ยงที่ 3


"ครับ... ใช่ครับ... ผังนี้เราได้มากสุด 20 ยูนิตครับถ้าเป็นทาวน์เฮ้าส์... ไม่ครับ มันมีระยะร่น.... ครับ ... เกรงว่ามันจะไม่คุ้มครับ ราคาที่ดินเราสูงไป.... ครับ.... ตามเอกสารที่เราส่งไปเลยครับ.... ครับ.... ขอบคุณครับ"

จีบหญิงกะผีน่ะสิครับ...

นี่ผ่านมาอาทิตย์นึงผมยังไม่ได้โงหัวขึ้นมาจากโต๊ะทำงานเลย งานที่ปรึกษาของผมช่วงนี้ช่างฮอตซะเหลือเกิน คนนู้นจะเอาผัง คนนี้จะเอาราคา ไหนจะต้องตามเจ๊ฝ้ายคนสวยไปประชุมอีกเยอะแยะ ผมยัดกระดาษแผ่นใหญ่ลงซองแล้ววางกองไว้บนโต๊ะ โอ้ย นี่ผมต้องหาเวลาเคลียร์โต๊ะซะบ้างแล้วล่ะครับ เอกสารมันเยอะเกินไปแล้ว
ผมนั่งถอนหายใจได้ไม่ถึงสามเฮือก หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็กระพริบเตือนว่าผมมีประชุมในอีกสิบนาที.. ผมหันควับไปมองโต๊ะเจ้านายสุดสวยของผมแล้วก็พบกับความว่างเปล่า.. นี่พี่ฝ้ายไปไหนอะครับ...

อ้าว นั่นน้องแคร์เดินมานู่นแล้ว
"พี่วินคะ คนจากบริษัท AA มาแล้วค่ะ แคร์บอกพี่ฝ้ายแล้ว แต่พี่ฝ้ายบอกให้พี่เข้าก่อนเลย"

"โอเค พี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ" ผมรวบเอกสารลวกๆ หยิบสมุดกับปากกาแล้วหันไปยิ้มอ่อนกับน้องแคร์
พี่ฝ้ายคร้าบบ นี่รับบรีฟครั้งแรก พี่เล่นปล่อยลูกนกลูกกาอย่างผมออกไปชนลูกค้าแล้วเหรอคร้าบบ ตามมาเร็วๆนะครับเจ๊

ผมเปิดประตูแล้วก้าวไวๆเข้าห้องประชุมหลังเคาะประตู

"สวัสดีครับ.. ขอโทษที่ทำให้รอ" ผมพูดแล้วเงยหน้ามองคู่สนทนาที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง พร้อม ๆ กับที่อีกฝ่ายเอี้ยวตัวมามองผม

เชรดด...

หลุดออกมาจากละครเรื่องอะไรวะเนี่ย....

ผู้ชายตรงหน้าผมอายุน่าจะยี่สิบปลายๆ รูปหล่อหน้าคมคิ้วเข้ม ใส่เสื้อเชิ้ตดำ ทับด้วยสูทโคตรเนี้ยบสีเทา ยืนล้วงกระเป๋าดูวิวริมกระจกห้องประชุม นี่พรี่มาถ่ายหนังเหรอครับ

ผมกลืนน้ำลายด้วยความประหม่าไปดังเอื๊อก นี่อีกนิดกูจะคิดว่ากูเป็นอั้ม พัชราภาในละครแล้วนะแสด
"ผมมาวินทร์ รัตติอนันต์ เป็นนักวิเคราะห์ที่นี่ครับ เชิญนั่งก่อนเลยครับ" ผมแนะนำตัวแล้วเดินนำไปที่โต๊ะประชุมอีกฟาก

“ยินดีครับ”
อีกฝ่ายตอบเสียงนุ่มแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ พลางหยิบนามบัตรออกมาจากเสื้อสูท
"สวัสดีครับคุณมาวินทร์ ผมตะวัน จากบริษัท AA ครับ" ผมเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปรับแล้วรีบหยิบนามบัตรของตัวเองส่งให้บ้าง

ผมดูนามบัตรที่รับมาแล้วสะดุดกับนามสกุล.. อื้อหือ... ชัด...ลูกชายเจ้าของบริษัท AA บริษัทส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ มาดคนรวยนี่มันรวยจริงๆ

"พอดีผมได้คอนเนคชั่นมาจากบริษัทที่เคยออกแบบโรงงานให้ผมน่ะครับ เขาว่าที่นี่รับพัฒนาโครงการ ผมมีที่อยู่สามไร่ ติดถนนใหญ่ ว่าจะทำคอนโดน่ะครับ" เขาพูดเร็วๆ

"อ๋อ รับครับ เราทำครบวงจร ตั้งแต่วิเคราะห์พื้นที่ คิด Feasibility และระยะคืนทุน วางผัง จนถึงขายเลยครับ" ผมตอบ "ไม่ทราบว่าตอนนี้มีในหัวคร่าวๆรึยังครับ ว่าอยากให้ออกมาเป็นแบบไหน อาคารสูงหรืออาคารเตี้ย เกรดไหนครับ"

"จริงๆ แล้วไม่มีเลยครับ ผมน่าจะต้องขอคำแนะนำทางนี้อีกมาก" คุณชายตะวันตอบยิ้มๆ
อ่ออ เข้าใจๆ เป็นลูกค้าประเภทมีตัง มีที่ แต่ทำยังไงดีน้า สินะ

"ยินดีเลยครับ" ผมตอบกลับ คิดเอาเองว่าทำท่ามั่นใจก็ชนะไปกว่าครึ่งแล้ว เมื่อไหร่พี่ฝ้ายจะมาอ่ะครับบบบ

"ทางทีมเราจะทำการวิเคราะห์พื้นที่เบื้องต้นก่อน ว่าสามารถสร้างตึกแบบไหนได้บ้าง กี่ยูนิต รันราคาเบื้องต้น แล้วเปิดประมูลผู้ออกแบบ ตามด้วยผู้รับเหมา ประมาณนี้ครับ" ผมเปิดคอมแล้วเอาปากกาชี้อธิบายการทำงานคร่าวๆ แล้วหยิบเอกสารอีกชุด
"แล้วนี่เป็นรายละเอียดบริษัทเราครับ มีโครงการที่เคยทำ และรายชื่อทีมงานด้วย"
“อย่างโปรเจ็กต์ของคุณตะวัน น่าจะใกล้เคียงกันกับงานโครงการนี้ที่เราเคยทำไปเมื่อปีที่แล้วครับ” ผมเปิดเอกสารในมือแล้วเอื้อมส่งให้คนฝั่งตรงข้าม “ขออนุญาตครับ”

"ดีเลย ผมจะได้ศึกษาก่อน ขอบคุณครับ" คนหน้าคมรับแล้วหยิบไปพลิกดู "แล้วทีมที่จะดูโครงการนี้...."

น่าน...พูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ไม่มั่นใจล่ะสิ ดูออกแน่ ๆ ว่ากูเป็นมือใหม่... เจ๊ฝ้ายครับบ ช่วยผมด้วยย
ผมทำใจดีสู้เสือมองหน้าว่าที่ “ลูกค้า” ที่กำลังก้มดูเอกสารแล้วตอบกลับไป

"ไม่ต้องห่วงครับคุณตะวัน หัวหน้าทีมที่จะรับผิดชอบคือคุณชนันญา คุณฝ้ายน่ะครับ แกเป็นไดเรคเตอร์ฝ่ายพัฒนาและวิเคราะห์ที่ดิน แต่วันนี้แกเข้าประชุมกับคุณตะวันไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยนะครับ"

"แล้วคุณมาวินทร์ล่ะครับ? ดูโปรเจ็กนี้ด้วยรึเปล่า หรือเป็นส่วน Business Development"  อีกฝ่ายละสายตาจากแฟ้มในมือขึ้นมามองหน้าผม

"อ่า.. ดูสิครับ ผมเป็นนักวิเคราะห์และผู้ประสานงานโครงการครับ" ผมยิ้มอ่อนตอบไป ในมือนี่กำปากกาหมึกซึมด้ามเก่งจนแน่น ความประหม่านี่พุ่งปรี๊ด นี่ความน่าเชื่อถือกูไม่มีขนาดนั้นเลยเรอะ สูท ZARA ตัวละสองพันสี่ (ลดแล้ว) ไม่ได้ช่วยกูเลยใช่มั้ยยยยย

ผมเกือบจะกลั้นหายใจรอคำถามถัดไปของคุณตะวัน

"เดี๋ยวผมให้เลขาฯส่งข้อมูลของที่ดินให้คุณมาวินทร์นะครับ ทางนี้ส่งใบเสนอราคาให้ผมได้เลย"

เฮ้ย...

ส่งใบเสนอราคาได้เลย ไม่มีถามต่อแล้วเหรอ ยะเฮ้!!! ผมแอบทำตาโตดีใจอยู่คนเดียว
จริงป่ะเนี่ยยย!! การคุยกับลูกค้าคนเดียวครั้งแรกของกูววว นี่ลูกค้ามีเงินเขาคุยกันไม่ถึงสิบห้านาทีแบบนี้เหรอ? โหยยย เท่ห์ไปเลยยยย

"ทางคุณมาวินทร์สะดวกไหมครับ?" คนตรงหน้าผมถามขึ้นเมื่อเห็นผมเงียบไปนาน

"อ้ะ สะดวกครับ ยังไงถ้าได้ข้อมูลจากทางคุณตะวันแล้ว ไม่เกิน 3 วัน ทางเราจะส่งตารางเวลา และใบเสนอราคาให้ครับ" ผมพูดรัวๆ

"ตกลงครับ พอดีผมมีต้องไปที่อื่นต่อ คงต้องไปแล้ว ยังไงฝากด้วยนะครับ" คุณตะวันขำนิดๆกับท่าทางของผม แล้วลุกขึ้น

“ครับผม ขอบคุณมากครับ” ผมพูดแล้วลุกขึ้นเดินตามอีกฝ่ายไปทางประตู

“ครับผม แล้วพบกันใหม่ครับ... อ้อ ปากกาสวยจังนะครับคุณมาวินทร์” คุณชายตะวันหันกลับมาพูดยิ้มๆ

เหอ..

“อ้ะ..อ๋อ!... ครับ เป็น LAMY รุ่นเก่าแล้วน่ะครับ” ผมยกปากกาในมือขึ้นมาชูไว้อย่างเก้ๆกังๆ

“ครับ สวยมากเลย” อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งผมกับปากกาด้ามเก่งในมือเอาไว้หน้าประตู

เยสสสส คุยกับลูกค้าก็ไม่ยากนี่นา!!!
รีบสรุปแล้วรายงานให้พี่ฝ้ายรู้เลยดีกว่า!!!

_ _ _ _


“กรี๊ดด! วิน เธอได้คุยกับคุณตะวัน รัชยานนท์ ลูกชายบริษัท AA เลยเหรอ ตัวจริงเป็นไง หล่อมั้ย??” พี่ฝ้ายรับนามบัตรไปดูแล้ววี๊ดว้ายเสียงดัง

“อ้าวพี่ ไม่สนงานเหรอ”

“สนสิ แต่ชั้นอยากรู้ว่าเขาหล่อเหมือนในรูปมั้ย เป็นแรงผลักดันในการทำงาน” พี่ฝ้ายมองหน้าผมด้วยสายตาเป็นประกาย

“อ่ะ ก็หน้าตาดี.. แหละ”

“โคตรหล่อเลยค่ะพี่ฝ้าย” น้องแคร์ที่นั่งพิมพ์งานอยู่เงยหน้าขึ้นมาบอกท่าทางจริงจัง

“ดี เจ้าของหล่อด้วย เป็นงานที่ดีด้วย...” พี่ฝ้ายพูด ว่าแล้วหัวหน้าผมก็ก้มอ่านเอกสารที่ผมเพิ่งพิมพ์ให้เร็วๆ
“แล้วเป็นไง คุยง่ายมั้ย” พี่ฝ้ายถามในขณะที่ยังไม่เงยหน้าจากกระดาษ

“ง่ายเลยพี่ คุยแป๊บเดียวเอง เขาดูๆพอร์ตเราแล้วก็บอกว่าจะส่งข้อมูลที่ดินมาให้ แล้วให้เราส่งใบเสนอราคาได้เลย”

“ดี งานนี้พี่จะให้วินเป็น Project Manager”

หะ.. อีกทีซิ
“อะไรนะพี่” ผมเนี่ยนะ “ผมเพิ่งทำงานได้สามเดือนเองนะ!”
 
“เออ แกเนี่ยแหละวิน โครงการนี้ไม่ใหญ่มาก เหมาะจะเรียนรู้ เดี๋ยวเจ๊ประกบเอง” พี่ฝ้ายสรุปสั้นๆ

“หรือแกจะมีปัญหา..” เหวอ หันขวับพร้อมสายตาพิฆาตมาทางนี้แล้ว

“โอ้ย ไม่มีคร้าบคนสวย อย่าใจร้ายกับผมมากละกันนะคร้าบ” ผมมองตาปริบๆ 

“ดีมาก จงไปตามข้อมูลจากคุณตะวันสุดหล่อของเจ๊มา วันพรุ่งนี้เอามาคุยกันบ่ายสอง ห้ามเลท”
 
งานช้างหล่นใส่หัวก็งานนี้ล่ะครับ

- - -

19.56

“ไปไม่ได้” ผมพูดเรียบ ๆ ใส่โทรศัพท์ เสียงสูงโวยวายออกมาจากปลายสาย
“งานเข้าอ่ะดิ่ กูต้องส่งงานพรุ่งนี้บ่ายเนี่ย เย็นนี้ไปกับพวกมึงไม่ได้หรอกอาร์ต นี่กูต้องวางเลย์เอ้าท์ต่อ” ผมเอาไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้แล้วคีย์ข้อมูลใส่คอม
“มึงเตรียมงานกันไปก่อนเลย... เออ... ไม่เป็นไร.... วันพุธนี้ที่จะเข้าว้ากกันกูไม่เบี้ยวหรอกน่า... เออ... ทริปรับน้องด้วย ไปๆ กูเคลียร์งานไว้ละ.. โอเค.... แค่นี้ก่อนนะมึง บาย..”

ผมกดตัดสายแล้ววางมือถือไว้มุมโต๊ะ ไอ้อาร์ตโทรมางอแงเพราะเดอะแก๊งค์นัดบรีฟกันครับวันนี้ เพราะอีกสองวันจะได้เวลาที่พวกผมจะได้ลงว้ากน้องในนาม “พี่ปีแก่” โอ้ยใครวะช่างคิดชื่อนี้ เอาเป็นว่าพี่ว้ากรุ่นก่อนหน้าจะมารวมกันสำแดงเดชกันน่ะครับ นัยว่าจะให้น้องทำความรู้จักรุ่นพี่ๆที่จบไปแล้วด้วย ถัดไปอีกสองวันก็จะเป็นวันรับรุ่นของน้อง ตามติดด้วยทริปบันเทิงเสาร์อาทิตย์ รับน้องที่ทะเลตามแผนที่เจ้าปาล์มหัวหน้าว้ากมันวางแผนเอาไว้

พูดว่านัดบรีฟอ่ะครับ... แต่มันก็นัดกันที่ร้านเหล้าเอกมัย คงจะได้คุยหรอกงานเนี่ย ถ้าได้งานซักยี่สิบนาทีนี่ผมไหว้เลย
กลับมาตั้งสติต่อดีกว่า ผมไม่อยากพลาดครับงานนี้ เจ๊ฝ้ายไว้ใจให้ผมคุม ผมต้องทำให้ได้ดี

_ _ _ _

23.08


บ้าบอออ

นี่ผมออกจากออฟฟิสตอนห้าทุ่มเหรอ บ้าไปแล้ว ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาการกลับบ้านเร็วนี่เป็นเรื่องโกหกใช่มั้ยครับ
รายละเอียดเยอะกว่าที่ผมคิดไว้มาก แถมยังติดขัดตรงนั้นตรงนี้เต็มไปหมด
ให้ตายดิ่! นี่คิดไม่ตกจนต้องปริ้นผังกลับมาด้วยเลย ผมสะพายกระเป๋า พยายามรวบเอกสารในมือแล้วเดินเร็วๆไปที่รถไฟฟ้า
เอาน่ะ เดี๋ยวกลับคอนโด อาบน้ำแล้วค่อยรื้ออีกที เผื่อจะคิดอะไรดีๆออกได้

_ _ _ _

00.14

ผมอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเสร็จก็ล้มลงมานอนแผ่หราตากแอร์บนเตียง ไม่เคยคิดขอบคุณเตี่ยขนาดนี้เลยครับเรื่องซื้อคอนโดกลางเมือง ผมเหลือบตามองแบบที่ดินวางกระจายอยู่บนพื้น

“อืมมมมม”

ผมครางฮือในคอ ก่อนจะตัดใจจากเตียงนุ่มนิ่ม ลุกขึ้นมาจ้องเจ้ากระดาษสีซีดๆ บนพื้นอีกรอบ
ที่ดินโลเคชั่นดีขนาดนี้ จะทำ Community mall ก็ได้.... แต่คอนโดก็น่าจะดี..... ทำไงดีวะ.. หรือจะมิกซ์กันไปเลย.. แต่ถ้าจะทำแบบนั้น ต้องคิดแผนทั้งสามแบบเลยนะ ทันมั้ยวะเนี่ย... ผมมองนาฬิกา เอาน่ะ มันจะซักเท่าไหร่กัน....

...
....
......
.........

เท่าไหร่ล่ะ.... ก็ตีสามน่ะสิครับ!

ผมมองดูไฟล์คำนวณที่ดินเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกดเซฟ (ไม่นับไฟล์ชื่อ Final และ Final revised หรือ Final Final Final ที่ผมทำไปเมื่อกี้อ่ะนะ) หัวงี้มึนไปหมดแล้วครับเนี่ย ผมบิดขี้เกียจแล้วหาววอดๆ ตั้งนาฬิกาปลุกแล้วเตรียมทิ้งตัวลงบนเตียง       

ครืด... ครืดดดด....

ใครวะโทรมาป่านนี้... ผมก้มดูชื่อแบบตาจะปิด..

“อือ.. น้ำ ว่าไง...” ผมรับโทรศัพท์เสียงง่วงๆ

(เอ้า หลับแล้วเหรอวะ กดเปิดประตูรับพวกกูหน่อยดิ่ อยู่ข้างล่างคอนโดมึงเนี่ย)

“อื้อหือ ความเกรงใจนั้นมีบ้างมั้ยยย นี่กูกำลังจะนอนน” ผมว่า

(ดีเลย แปลว่ามึงยังไม่หลับ นี่ไอ้อาร์ตจะน็อกละ เปิดเร็วๆ)

“เออ ดี ให้มันได้แบบนี้ อีกหน่อยกูจะเก็บเงินพวกมึง”

ผมกดตัดสายแล้วเดินโงนเงนออกไปกดรหัสเปิดประตูด้านล่าง ตามด้วยรหัสลิฟต์ให้พวกมันกดขึ้นมาชั้น 46 นี่ได้ ขอบคุณที่เลือกเทคโนโลยีสะดวกๆ แบบนี้ให้ด้วยนะครับเตี่ย

_ _ _ _

กริ๊ก

“ให้ไว กูง่วงมากแล้ว” ผมทำเสียงบูด (หน้าก็บูด) ใส่พวกแม่งที่ยืนเด่อยู่หน้าประตู “แล้วไอ้พีทล่ะ” ผมมองซ้ายมองขวา

“มันขับมาส่งอ่ะ แต่ไปละ มีคิวส่งไอ้เทพกับไอ้กล้าต่อ” ไอ้อาร์ตพูดเสียงยืดๆ ผมพยักหน้ารับรู้ไปส่งๆ

“เข้ามาๆ อยากทำอะไรทำ ไม่ต้องชวนกูคุยนะ กูง่วงมากก นอนละ”

ผมตัดบทแล้วตรงดิ่งเข้าห้องนอน อาร์ตเดินตามมาแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น ส่วนไอ้น้ำทำตัวมีน้ำใจโดยการล็อกประตูหน้าให้ก่อนแล้วเดินตามเข้ามา

“โห นี่กระดาษอะไรเต็มไปหมดเลยวะ ไม่เก็บเรอะ” มันมองงานผมแบบอึ้งๆ

“ห้ามแตะ เดี๋ยวกูจำไม่ได้ว่าอะไรวางไว้ไหน” ผมเอาหน้าซุกหมอนแล้วพูดเสียงอู้อี้

“ถ้ามึงจะนอนบนเตียง กูขอสั่งให้ไปอาบน้ำก่อน กูเพิ่งเปลี่ยนผ้าปู” ผมเงยหน้ามาพูดเสียงเขียวดักไว้ก่อน

“โวะ อนามัยจังนะ” น้ำพูดติดตลก ผมจ้องมันแบบที่ตาจะปิด ถ้ามีซับไตเติ้ลก็น่าจะอ่านได้ว่า กูไม่ได้พูดเล่น จริงจังนะแสด

“เออๆ กูอาบน้ำก็ได้ จะเอาให้ตัวหอมฉุยมานอนข้างมึงเลยครับตี๋”

“ดีมาก”

ผมมุดตัวลงผ้าห่มแล้วก็หลับไปอย่างเร็วเลยครับ...

...
...
....

“อือ...”

แอร์มันร้อนจังคืนนี้.... ต้องปรับแอร์หน่อยแล้ว... ผมยื่นมือออกไปควานหารีโมทที่โต๊ะข้างเตียง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ โอ้ย ทำไมเอามือออกไปไม่ได้อ้ะ...
หนัก...
ผมผงกหัวขึ้นแล้วลืมตามองในความมืด
 
อื้อหือ สิงกูเลยมั้ยเชี่ยน้ำ!
 
ผมที่อยู่ใต้ผ้าห่ม เอ้ะ อย่าเรียกว่าใต้ผ้าห่มเลยครับ เอาเป็นว่าผ้าห่มมันม้วนรอบตัวผมอยู่ยังกับแยมโรลยักษ์ แถมไอ้น้ำที่นอนอยู่ข้างๆยังเอามือเอาขามาก่ายในท่าหมีโคอาล่ากอดหมอนข้างอีกต่างหาก นี่ขยับอะไรไม่ได้เลยว้อย

“น้ำ.. น้ำ.....” ผมเรียกมันพร้อมขยับตัวยุกยิก

นิ่ง...

ผมยื่นหน้าไปใกล้แล้วสูดหายใจลึกๆ

“น้ำ!... ไอ้น้ำ!... ไอ้น้ำว้อยยย!” ผมพูดเสียงดังใส่หู ทำเอาคนนอนข้างๆสะดุ้งลืมตา เอาสิ มึงจะไม่ตื่นก็เกินไปละ

“เอ้ยย... อะไรวะตี๋” มันถามผมเสียงแหบๆ

“กูไม่ใช่หมอนข้างสัด ขยับไม่ได้เลยเนี่ย จะสิงกูเรอะ” ผมพูดง่วงๆ ไม่น่าดิ้นกับพูดเสียงดังเลย พลังงานยิ่งน้อยๆอยู่

“อืออ.. แบบนี้ดีแล้ว....” มันพูดแล้วก็หลับตาซุกหน้าลงผ้าห่มต่อ “นิ่มดี...”

“กูไม่ได้ถามว่านิ่มรึเปล่า ห่า กูให้มึงถอยไป กูร้อน”

“แต่กูหนาว”

“แหงดิ่ ผ้าห่มอยู่ที่กูหมดเนี่ย”

“เอาน่ะ แบ่งกัน นอนๆ” มันตบๆมือที่กำลังก่ายอยู่ลงบนก้อนผ้าห่ม
 
นี่ผมงงหรือผมงง แบ่งอะไรของมึงวะ
แต่เอาเถอะครับ นอนก็นอน อีกแป๊บเดียวก็เช้าละ

....
.......
_ _ _ _

7.48       

ผมน่าจะได้นอนต่ออีกนิด.. ถ้าไม่ใช่เพราะว่า

“เชี่ยยยยย นี่ถ้ากูรู้ว่าพวกมึงรักกันขนาดนี้.. กูจะชงคู่มึงทุกเช้ากลางวันเย็นเลย ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะไอ้อาร์ตครับ เอาซะลั่นห้องนอนเลย “กูจะเข้ามาแปรงฟัน เจอช็อตเด็ดคนดังของพวกมึง ไปไม่เป็นเลย ฮ่าๆๆๆ”

ผมลืมตาอย่างงัวเงีย เห็นอาร์ตยืนหัวเราะตัวงออยู่ปลายเตียง
“พ่องสิ” ผมพูด แยมโรลผ้าห่มก็ยังอยู่ ไอ้คนผิวเข้มหน้าหล่อก็ยังเกาะอยู่ท่าเดิมแทบไม่ขยับ
แต่ผมเห็นนะ ว่ามันแอบยิ้มมุมปากอยู่
“เชี่ยน้ำ กูรู้ว่ามึงตื่นละ ขยับออกไปเลยเร็วๆ กูปวดแขนจะตายละ”
ผมพูดจบปุ๊บ ไอ้น้ำก็ลืมตาปั๊บ กระพริบตาปริบๆ คิดว่าน่ารักเหรอไอ้ฟายย

“ฮ่าๆ หวงเนื้อหวงตัวนะมึงเนี่ยย” มันยกแขนยกขาออกจากตัวผมแล้วบิดขี้เกียจ

ผมรีบกลิ้งตัวให้ผ้าห่มหลุดออกจากร่างแล้วยืดแขนยืดขา
“ฮ่าห์ ฟรีด้อมมมมม”

“กูอาบน้ำเสร็จละ พวกมึงไปอาบน้ำ จะได้ออกไปทำงานพร้อมกันนะคร้าบ” อาร์ตพูด

“เดี๋ยวกูอาบในห้อง มึงไปอาบข้างนอกปะไอ้น้ำ” ผมสั่งการแล้วลุกจากเตียง หยิบผ้าขนหนู แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

อย่างที่บอกแหละครับ คอนโดผมนี่ยังกับ Airbnb พวกเดอะแก๊งค์ชอบมานอนบ่อยๆ หนักเข้ามันก็เอาชุดมาทิ้งไว้คนละชุดสองชุด แปรงสีฟัน ผ้าขนหนูพร้อม ชั้นวางของในห้องน้ำนี่อย่างกับโฮสเทล หลังๆนี่มีแปะชื่อไว้ด้วยนะครับว่าของใครเป็นของใคร
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวกันจนเสร็จ ผมก็คว้าเอากระเป๋า เอกสาร กระดาษที่ยังคงวางเกะกะอยู่บนพื้นรวมๆมาใส่แฟ้ม แล้วก็รีบลากเพื่อนสองคนที่ยังนั่งทำตัวชิวออกมาจากห้อง

_ _ _ _

“มึงจะรีบทำไมเนี่ย กูเข้าตั้งสิบโมง” อาร์ตโอดโอยขณะพวกผมก้าวออกจากลิฟต์

“เออ กูก็เข้าสายได้ เมื่อคืนกลับออกมาตั้งห้าทุ่ม” น้ำเสริม

“แต่เพื่อนตี๋มึงเข้าเก้าโมงไงครับแสด.. กูไม่ได้อยู่ออฟฟิสดีไซน์เหมือนพวกมึงนะ” ผมย้อน
อื้อหือ นี่แดดข้างนอกตอนแปดโมงครึ่งจริงเหรอวะ ร้อนชิบผายเลย นี่พวกผมต้องเดินไปขึ้นรถไฟฟ้ากันครับ

“เออ.. กูรู้ครับตี๋ ออฟฟิสกูไม่มีคนแต่งตัวเหมือนคนขายเครื่องกรองน้ำแบบมึง”
แน่ะ พูดไม่พอ ไอ้อาร์ตยังเอานิ้วมาชี้ๆ อีกต่างหาก อะไร แค่มีแจ็คเกตสูทสีดำกูก็เหมือนเซลขายของตามบ้านเรอะ

“เดี๋ยวพ่อต่อยหน้าแหกเลยเชี่ยอาร์ต ไม่รู้จักสไตล์เลอ” ผมมองตาขวาง “แล้วนี่อะไร มึงแต่งตัวงี้ไปทำงาน? เขาไม่ด่ามึงเรอะ”

อาร์ตอยู่ในเสื้อยืดย้วยๆสีเทา กับกางเกงยีนส์ขาเดฟขาดเข่า หิ้วกระเป๋าผ้า และรองเท้า Adidas Stan Smith สีขาวเขียว เอาเป็นว่าทั้งตัวมันเนี่ย รองเท้านี่ดูดีสุดละครับ

“ก็กูไม่ต้องออกไปเจอใครอ่ะ นั่งอยู่หน้าคอมทั้งวัน” มันย้อน

“กูก็ไม่ต้องออกไปเจอใคร แต่อย่างมึงนี่ก็กากไปป่ะ” น้ำพูด
ร่างสูงๆที่กำลังก้าวขายาวๆ ของมันอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเกือบจะเรียบ กางเกงยีนส์สีดำตัวเดิม และรองเท้าหนังหัวแหลม สะพายกระเป๋าหนังใบเก่งของมันไว้ข้างตัว เออ ลืมไป มันหล่อ แม่งใส่อะไรก็ดูดี

“เอาน่ะ ช่างกู เจ้านายกูยังไม่ด่าเลย” อาร์ตพูดอย่างตัดรำคาญ

ผมส่ายหน้าแล้วนึกได้ “เออ แล้วพรุ่งนี้ต้องเข้าคณะว้ากน้องแล้วนิ่ เมื่อคืนตกลงพวกมึงไปคุยกันว่าไง”       

“ก็ไม่มีไร ไปถึงคณะทุ่มครึ่ง ลงจริงสองทุ่มถึงสามทุ่มครึ่ง น้องมันจะเริ่มกันตั้งแต่ทุ่มนึง” ไอ้น้ำตอบขณะเดินขึ้นบันไดเลื่อน 

ฟังแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว “แล้วไง แค่เนี้ย? นี่พวกมึงแดกเหล้ากันอย่างเดียวสินะ”

“กินกันไม่เยอะหรอก วันนี้ทำงาน” ไอ้น้ำตอบเรียบๆ แล้วเดินก้าวฉับๆ ไปแตะบัตรที่หน้าทางเข้า

“กูว่าละ ดีนะที่ไม่ไป” ผมพูดกับตัวเอง แล้วเดินตามเข้าไปบ้าง

“บาย กูกะไอ้น้ำไปทางนี้” อาร์ตโบกมือหยอยๆ

“เค แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ผมบอกแล้วเดินแยกออกไปขึ้นบันไดฝั่งตรงข้าม จริงๆแล้วออฟฟิสผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเวลาเข้างานเท่าไหร่หรอกครับ แต่จะให้ไปสายโด่งเลยก็คงไม่ดี นี่เพิ่งพ้นโปรมาไม่ถึงสองอาทิตย์เลย

เออ จะว่าไป ผมมีพรีเซนต์งานบ่ายสองนี่หว่า ต้องรีบละ ยังทำพรีเซนต์ไม่เสร็จเลย

_ _ _ _
(มีต่อ)

หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 2 ✽6.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 16-05-2017 22:51:15
_ _ _ _
 
“ใช้ได้นี่นา”

“จริงเหรอพี่?” ผมถามเสียงตื่นเต้น

“เออสิยะ! ไม่ดีรึไง อยากให้เจ๊สั่งทำใหม่เหรอ” พี่ฝ้ายคนสวยแหวขึ้นเสียงดัง

“ไม่ใช่สิพี่ ผมไม่แน่ใจว่าที่ทำมาสามแบบนี่ ผมจะเลือกแบบไหนดี” ผมชี้ๆ ที่ตารางที่เขียนไว้

“เนี่ย อันนี้ก็ดี หรือจะเลือกแบบนี้ดีอ่ะครับ”

“บ้า คนเลือกอ่ะลูกค้า ไม่ต้องคิดแทนเขา” พี่ฝ้ายพูดดุๆ “พวกเราน่ะมีหน้าที่เตรียมข้อมูล ทำการวิเคราะห์เพื่อให้เขาตัดสินใจ จะทำไม่ทำ นั่นมันเงินเขา”

อื้อหือ

ผมงี้เหมือนมีคนมาเปิดโลกให้เลยครับ เออว่ะ เราไม่ใช่เจ้าของเงินนี่นา หน้าที่ของที่ปรึกษา ก็คือให้คำแนะนำ หน้าที่นักวิเคราะห์ คือการดูโดยรวมถึงความเป็นไปได้ ตาสว่างว่ะ

“เฮ่ยยยย พี่เท่ห์ว่ะ” ผมพูดดังๆ

“ชมว่าสวยสิยะ” เจ๊แกมองมาแบบเคืองๆ “ส่ง proposal ไปตามนี้ แล้วก็เตรียมพรีเซนต์ นัดวันคุณตะวันของชั้นได้เลย” พี่ฝ้ายวงตัวเลขค่าที่ปรึกษาในกระดาษ แล้วสั่งงานต่อ

“โอเคครับ เดี๋ยวผมโทรไปนัดเลย” ผมรับคำ

...
...

“เอ.. เบอร์คุณตะวัน” ผมไล่นิ้วตามกองนามบัตร เมื่อหาเจอก็กดโทรศัพท์ รอไม่นานนักเสียงสาวโอเปอเรเตอร์ปลายสายก็ตอบกลับมา

[สวัสดีค่ะ บริษัท AA ค่ะ]

“สวัสดีครับ ผมมาวินทร์จากบริษัท OO เรียนสายคุณตะวัน รัชยานนท์ครับ”

[กรุณาถือสายรอสักครู่ค่ะ]

“ครับ ขอบคุณครับ”

สายถูกโอนไปด้วยเสียงเพลงกุ๊งกิ๊งก่อนจะมีคนรับ   

[สวัสดีครับ คุณมาวินทร์ ผมตะวันครับ]

“สวัสดีครับคุณตะวัน ผมมาวินทร์ จะแจ้งความคืบหน้าของโครงการพัฒนาที่ดินครับ”

[ครับ เป็นยังไงบ้างครับ]

“ทางผมจัดส่ง Proposal ไปทางอีเมลล์เมื่อสักครู่นะครับ ตอนนี้เตรียมตัวเลือกการพัฒนาไว้สามทาง อยากขอนัดคุณตะวันเข้าไปนำเสนอครับ”

[ได้สิครับ นัดมาได้เลย] เสียงนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี

“เป็นวันศุกร์ สะดวกมั้ยครับ” ผมเชคตารางเร็วๆ

[ได้ครับ วันศุกร์เช้าผมว่าง ว่าแต่ ถ้าผมอยากให้คุณมาวินทร์ไปดูที่ด้วยกันเลย จะได้มั้ยครับ? อาจจะใช้เวลาถึงเที่ยงหรือบ่ายโมง]

“ไม่มีปัญหาครับ ดีเลย ผมจะได้เก็บข้อมูลเบื้องต้นด้วย” ผมกดล็อคเวลาในปฏิทิน

[โทรเข้าบริษัท รอนานมั้ยครับ]

“ไม่ครับ ไม่นานเลยครับ” ผมรีบปฏิเสธ

[เอ่อ ถ้ายังไง คราวหน้าคุณมาวินทร์ติดต่อผมโดยตรงเลยก็ได้ครับ]

“ไม่เป็นไรครับคุณตะวันโทรเข้าบริษัทก็ไม่ได้รอนานอะไร”

[เบอร์ผม 08x-xxx-xxxx นะครับ] คุณชายตะวันรีบบอกเบอร์โทรศัพท์

“เอ่อ..”

[เถอะครับ.. เดี๋ยวจะพลาดกัน เผื่อมีอะไรจะได้แจ้งกันโดยตรง]

“อ่ะ ได้ครับๆ คราวหน้าผมจะโทรไป เดี๋ยวผมอีเมลล์คอนเฟิร์มนัดไปอีกทีนะครับ”

[ขอบคุณครับ ไว้พบกันวันศุกร์นะครับคุณมาวินทร์]

ปี๊บ...
แล้วสายก็ตัดไป..
ดูเจ้าของโครงการจะกระตือรือร้นจังแฮะ
ถึงกับแจกเบอร์ส่วนตัวกันเลยทีเดียว
งานหินแน่ๆ

“พี่วินค้า ดูตรงนี้ให้หน่อยสิ สูตรมันใช้ไม่ได้อ้ะ” น้องแคร์โบกมือเรียกขอความช่วยเหลือจากโต๊ะตรงข้าม ผมกดส่งอีเมลล์แล้วลุกขึ้นไปช่วยน้องต่อ

_ _ _
 
วันพุธ

ผมรีบเคลียร์งานตั้งแต่เที่ยงวัน ยอมอดข้าวกลางวันเพื่อนั่งทำงานเลยนะครับเนี่ย
หลังจากบอกพี่ฝ้ายคนสวยเรียบร้อย ผมก็พุ่งตัวออกจากออฟฟิสตอนหกโมงพอดีเด๊ะ แต่เนี่ยแหละครับ การจราจรของอโศกแลนด์แดนมหัศจรรย์ เอาอะไรไม่ได้เลยย

ผมขับรถมาถึงคณะในเวลาทุ่มสิบห้าพอดี ทั้งๆที่ที่ทำงานกับมหาลัยผมมันก็ไม่ได้ไกลกันขนาดนั้น.. นี่เหยียบเบรคจนเมื่อย ถ้ามารถไฟฟ้า แว้บเดียวก็ถึงละ (แหะ.. ผมมีรถนะครับ แต่ด้วยความงกค่าน้ำมันส่วนใหญ่เลยจอดไว้เฉยๆ ไม่ค่อยได้ขับ)

ผมกดโทรศัพท์หาเฟิร์ส ไอ้นี่น่าจะมาถึงละ

“ไง อยู่ไหนละ” ผมถาม

[ห้องเดิม เข้ามาเลย ตอนนี้ปีสามเริ่มละ โล่งๆทางสะดวก]

“โอเค เจอกัน”
 
ผมกดตัดสาย

ใครเป็นคนต้นคิดวะว่าพี่ว้ากต้องหลบน้อง สมัยผมนี่ต้องฝากเพื่อนซื้อข้าวขึ้นมากินในสตู ลำบากลำบน จะไปซื้อของทำโมเดลในร้าน ก็ต้องส่องดูก่อนว่ามีปีหนึ่งอยู่รึเปล่า ไปไหนก็ต้องไปกันเป็นแผง แต่งตัวต้องเป๊ะ สแลค เข็มขัด เนคไทด์มาเต็ม เอาเป็นว่าต้อง keep cool ตลอดเวลาล่ะครับ

ผมเดินก้าวไวๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องประชุม เดอะแก๊งค์นั่งอยู่เกินครึ่งแล้ว

“ไง” ผมทักรวมๆ พวกที่นั่งๆยืนๆ อยู่หันมาพยักหน้ารับรู้กันใหญ่

“โอเค ไอ้ตี๋มาละ เหลืออีกสาม บอย กล้าใต้ นัท” เทพเขียนชื่อผมลงกระดาน “นี่ผังยืนวันนี้” มันชี้ให้ผมดู

“โอเค...”

ผมมองตำแหน่ง น้องจัดแถวเรียงสิบ ผู้หญิงอยู่หน้า ผู้ชายอยู่หลัง พี่ยืนล้อมน้อง ข้างหน้าสาม ประกบตามแถวข้างละสามซ้ายขวา หลังอีกสอง (ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นชื่อไอ้กล้าใต้ ผู้ไม่มีบทพูด) หน้าสุดเป็นพีท เฟิร์ส น้ำ
แหม่ เอาพวกหน้าตาดีไว้อวดน้องสินะ ผมหาชื่อตัวเอง นู่นครับ หลุดไปอยู่ท้ายแถวเฉยเลย อะไรฟระ อดส่องน้องสาวๆเลย

“นี่เหมือนนัดกันแต่งตัวมาเลยว่ะ” ไอ้เฟิร์สพูด ทำให้ผมต้องมองไปรอบห้องบ้าง
ทุกคนใส่เสื้อแขนยาวสีขาวพับแขน กางเกงสแลค รองเท้าหนัง บรรยากาศเหมือนตอนจะเข้าว้ากสมัยปีสามไม่มีผิด

“นี่กูเอาไทด์มาด้วยนะ” ไอ้ปั่นชูไทด์ขึ้น หัวเราะขำๆ “ตลกเนอะ.. พวกมึงไม่ได้เอามากันใช่ป่ะ” มันว่าเบาๆ

“เฮ่ย กูก็เอามา!!” ผมพูดขึ้นมาพร้อมตบกระเป๋าตัวเอง

“พวกกูด้วย” พวกที่เหลือสมทบ

“ต้องมาเต็มดิ่วะ” ไอ้พีทเสริม
 
ผมมองไปหาอาร์ตที่ยืนก้มหน้านิ่งๆ “อาร์ต มึงไม่ได้เอามาเหรอ ไม่เป็นไรหรอก พวกกูไม่ได้นัดกัน”

“หึหึหึ นี่กูติดมาเฉยๆ นะเนี่ย” อาร์ตพูดลอยหน้าลอยตาแล้วหยิบไทด์ออกจากกระเป๋ากางเกง ยิ้มกวนตีนให้ผม

“ฮ่าๆ เชี่ยมากมึงนี่” ผมว่า พอดีกับที่บอย นัท กล้าเดินเปิดประตูเข้ามาพร้อมชุดเต็มยศ ผูกไทด์เรียบร้อย ในมือมีถุงขนมและน้ำพะรุงพะรัง พวกมันวางลงกลางโต๊ะแล้วว่าซื้อเสบียงมาฝาก โทษฐานมาช้า

“โอ้ย คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ว่ะพวกมึง” เฟิร์สพูดเสียงดัง

“คำพูดแก่เหี้ยๆ” อาร์ตล้อ

“อ่ะ ใครจะกินอะไรหยิบก่อนเลย หมดกูไม่รู้นะ” ไอ้นัทพูดแล้วรีบหยิบขนมออกไปถุงหนึ่ง

“งั้นกูกินโค้กนะ” ผมรีบเดินไปที่โต๊ะขนม แล้วหยิบเจ้ากระป๋องแดงๆ สุดโปรดออกมาเปิดดังกริ๊ก..

อ่าห์ ชอบเสียงนี้จังครับ สดชื่นน

“มึงนี่ยังติดโค้กไม่เลิกนะ” อาร์ตกระทุ้งผมเบาๆ

“เออ นี่กูนอนตีสามตีสี่มาสองวันติดละ น้ำตาลตก ง่วงมาก อยากได้คาเฟอีน” ผมบอก

“กาแฟมั้ยมึง” น้ำเดินเข้ามาที่โต๊ะขนมแล้วพูด “หัดกินสิวะ”

“มันขมอ่ะ ไม่อร่อย ไม่ชอบ”

“เขากินเอาตื่น ไม่เอาอร่อย” น้ำขมวดคิ้วแล้วพูดตอบผม ชูกาแฟดำกระป๋องในมือโชว์ไปด้วย

“เหอะ ไม่เอาอ่ะ” ผมส่ายหน้าแล้วเดินถอยออกมาพิงกำแพง อาร์ตเดินตามมาอยู่ข้างๆ
 
“เออ บทวันนี้เอาไง การจิกกัดของมึงกับกูอ่ะ” มันถามขึ้น

“มึงโซโล่เลย เดี๋ยวกูหาช่องแทรกเอง วันนี้เหนื่อย ขี้เกียจตะโกน ไม่ได้กินข้าวกลางวันด้วย” ผมพูดพลางถอนหายใจ ปวดกระเพาะขึ้นมาจี๊ดๆ

“เอ้า มึงไหวป่ะ แดกขนมก่อนมั้ย”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่อ่ะ กูโอเค” ว่าแล้วก็ดื่มโค้กในมือที่เหลืออยู่ครึ่งกระป๋องแบบรวดเดียวหมด 
 
ผ่านมาเกือบปี แต่พออยู่กับพวกมันแบบนี้เหมือนได้ย้อนเวลากลับมาเป็นเด็กปีสามเลยครับ ผมคิดถึงคณะ คิดถึงเวลาที่กินที่นอนในสตูดิโอ คิดถึงเวลาทำงานดึกๆ เวลาหลับในห้องเรียน คิดถึงเวลาออกทริปกันกับพวกมัน วางแผนโน่นนี่ คิดบทว้าก ทำอะไรได้ตามใจ ไม่ต้องระวังอะไรมากเหมือนชีวิตการทำงาน เฮ่ออ พรุ่งนี้ก็ต้องเข้าตั้งแต่เก้าโมงอีกแล้วสินะ.. ง่วงนอนเป็นบ้า
 
“พี่ครับ ได้เวลาแล้ว” เต้ หลานรหัสผมเปิดประตูแล้วยื่นหน้าเข้ามาถาม “พร้อมยังครับ”

“พร้อมดิ่ ไปได้เลย” เฟิร์สตอบเร็วๆ “ใส่ไทด์ให้เรียบร้อยพวกมึง จำที่ยืนได้นะ” มันหันกลับมามอง ทุกคนพยักหน้าแล้วเดินเข้ามารวมกลุ่มกัน

“ลุยเว้ยยย” อาร์ตพูด
_ _ _ _

“ถาปัดปีหนึ่ง! ถาปัดปีหนึ่ง! แถวตอนเรียงสิบ ปฏิบัติ!!!”

_ _ _ _

เย้
ฝากตอนที่ 3 ไว้ด้วยค่าาาา
ขอบคุณทุกคนที่คอมเมนต์นะคะ ดีใจที่มีคนอ่าน ฮือออออ  :monkeysad:
จะรีบมาต่อในเร็ววันฮ่ะ
จุ๊บุ <3
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 3 ✽update 16.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 17-05-2017 09:24:03
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ชอบตี๋วิน ว่าละว่าอิคุณตะวันจะต้องจีบน้องวินของเรา โอ้ยยยย
ตอนหน้าจะเจอหวานแล้วใช่ไหม จะรู้แล้วใช่ไหมว่าน้องผู้ชายคนนั้นคือหวาน ฮืออออ
แต่เราว่าน้ำวินนี่มีเคมีนะคะ มันยังไงๆอยู่ สัมผัสได้ตั้งแต่ตอนแรกละ ขอให้เป็นจริง เฮ้ย!! ฮ่าๆๆ
แต่ส่วนตัวชอบความสัมพันธ์แบบเหมือนจะเป็นเพื่อนที่เกินเลยแต่ก็ไม่ใช่อ่ะ ส่วนน้ำวินนี่...ยังไม่กล้าฟันธงว่าน้ำคิดรึเปล่า
รอตอนต่อไปนะคะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 3 ✽update 16.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 17-05-2017 10:42:47
นี่จะคุณตะวัน หรือน้องหาน ดี
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 3 ✽update 16.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 17-05-2017 11:48:50
ตี๋วินเสน่ห์แรงแท้ มีคนตามจีบหลายคน อิอิ แต่รู้ตัวไหมอีกเรื่อง
เชียร์น้ำ +1 555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 3 ✽update 16.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 17-05-2017 16:10:04
ตี๋วินคนฮอตต :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 3 ✽update 16.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ชมรดา ที่ 17-05-2017 21:49:21
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 3 ✽update 16.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: zonpine ที่ 18-05-2017 16:15:14
ชอบน้องผช.ที่เจอในผับมากกว้าค่ะ5555
แต่ไม่รู้ว่าน้องจะได้เป็นพระเอกไหม ชอบเรื่องนี้นะคะเนื้อหาและภาษาเป็นแบบที่เราชอบเลย
เป็นกำลังใจให้ในการแต่งค่ะ มาต่อไว้ๆนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 3 ✽update 16.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 23-05-2017 01:23:20
ความเสี่ยงที่ 4

น้องๆ ปีหนึ่งหอบแฮ่กจากการจัดแถวป็นรอบที่สี่ หลังจากที่เฟิร์สตะโกนบอกว่ารอบก่อนๆ นั้นยังไม่เร็วพอ
พวกผมยืนตีหน้านิ่งบอกบุญไม่รับยืนคุมเชิงประจำตำแหน่งที่กำหนดไว้

สนามที่พวกผมใช้ในการว้ากคือลานกลางแจ้งครับ เป็นที่จัดกิจกรรมเกือบทุกอย่างในคณะ
ลานโล่งๆ มองเห็นท้องฟ้าได้เต็มตา ยิ่งตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะตกดินด้วย ปุยเมฆดูน่าจะนุ่มนิ่มมีสีทองเรืองๆที่ขอบ แถมด้วยพระอาทิตย์ดวงโตส่องแสงสีส้มอยู่ที่ขอบฟ้า ในขณะที่ด้านบนมีสีน้ำเงินอมม่วงของเวลากลางคืนกระจายไปทั่ว
ภาพตรงหน้าทำให้ผมมองจนเพลิน ตกหลุมรักทุกทีที่เห็น

ไม่มีที่ไหนท้องฟ้าสวยเท่าคณะผมอีกแล้วครับ
 
ปีหนึ่งถูกจัดแถวให้หันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ประจันหน้ากับพี่ว้ากสามคนตรงหน้าที่อยู่ในมุมย้อนแสงพอดิบพอดี
พีท เฟิร์ส น้ำ ยืนตัวตรงเอามือไพล่หลังอย่างเท่ๆ แสงสีส้มที่อยู่ด้านหลังทำให้กลายเป็นภาพย้อนแสง เมื่อบวกกับเงาที่ทอดยาวไปหาแถวของเด็กปีหนึ่งทำให้พวกมันดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีก

แน่นอนครับ ดีเทลพวกนี้พวกผมคิดเอาไว้หมดแล้วแหละ ดีไซน์เนอร์นะครับ
 
“ก้มหน้าลงไป จะมองพวกผมหาอะไร!” เอ็มตวาดขึ้นเสียงดัง น้องผู้หญิงด้านหน้าสะดุ้งเฮือก

“น้องพวกผมบอกว่าพวกคุณมันสุดจะทน! พวกผมเลยต้องลงมาจัดการ ทำไม! มีปัญหาอะไรกับน้องผมมากเลยเหรอ!” เฟิร์สพูดอย่างเหลืออด

“หรือน้องผมมันไม่น่าเคารพ ไม่ดีพอสำหรับพวกคุณ” บอยเอ่ยเสียงเรียบ ส่งสายตาอาฆาตไปด้วย อื้อหือ ผมยืนอยู่ไกลตั้งเยอะยังสัมผัสได้ พวกนี้นี่เล่นใหญ่จริงๆครับ

“ไม่ต้องเคารพหรอกม้าง อยู่กันเองได้ ไม่ต้องมีรุ่นพี่ก็ได้เนอะ” มาละครับ ไอ้อาร์ตตัวจิกกัดหมายเลข 1 ผมที่ยืนตรงข้ามมันสบตากันผ่านแถวน้องแบบรู้จังหวะ มันพยักหน้าให้ผมพูดแทรก 
 
ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วพูด “เก่งๆกันทั้งนั้นแหละ กร่างกันจัง ข้ามหัวพวกผมไปเลยก็ได้นะ ถ้าไม่อยากจะนับรุ่นกันล่ะก็”

“คิดว่าจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ! คิดว่าไม่ต้องเห็นหัวพวกคนที่อยู่มาก่อนใช่ไหม” เอ็มตะโกน

“ผมเดินเขามา ยังไม่เห็นมีใครทัก เดินลงบันไดก็จะชนอยู่แล้ว” พีทส่ายหัว  “ผมผิดหวังจริงๆ ผมคิดว่าพวกคุณน่าจะมีมารยาทมากกว่านี้”    

“รุ่นน้องแบบนี้ไม่อยากได้!!” เฟิร์สตะโกน

การไซโคน้องเริ่มขึ้นเป็นระยะจากตัวว้ากทั้งหลาย ตะโกนบ้าง ทำเสียงเย็นบ้าง จิกกัดบ้างสับกันไป น้องหลายคนก้มหน้านิ่ง ส่วนผู้หญิงบางส่วนเริ่มสีหน้าไม่ค่อยดี

พวกผมเริ่มเดินขยับตัวเพื่อเดินสำรวจน้องใกล้ๆ เผื่อมีคนอาการไม่ดีแล้วล้มลงไป

“ใครยืนไม่ไหว ต้องรู้ตัว รีบออกมาเลยนะครับ อย่าเป็นภาระของเพื่อนคุณ” ปั่นพูดเสียงเบาละมุนตัดอารมณ์ สมเป็นพี่ที่เอาไว้โอ๋น้องจริงๆ

แหม่ จริงๆ พวกผมก็ห่วงน้องนะครับ

“วันนี้พวกคุณมีกี่คน?” เฟิร์สถามเสียงโหด

(...)

“เงียบทำไม เพื่อผมถาม ตอบสิ!” เทพตะคอกเสียงดัง

“แปดสิบสี่คนค่ะ/ครับ!!” น้องตะโกนตอบพร้อม

“แล้วรุ่นคุณมีกี่คนหา!!” เทพพูดต่อ

“กะ.. เก้าสิบคนค่ะ/ครับ!!!!”

“คนหายไปหกคน ไปไหนกันน้า” ผมแกล้งพูดแบบลอยหน้าลอยตา

“รักเพื่อนมากใช่มั้ยพวกคุณน่ะ ผมอยากรู้ว่าทำไมวันนี้มีคนขาดประชุมเชียร์ถึงหกคน ใครบอกเหตุผลมาซิ!!” เอ็มเค้นคำตอบ
 
น้องผู้หญิงแถวหน้าๆ ยกมือขึ้น “ข ขออนุญาตพูดค่ะพี่”
 
“ผมไม่ใช่พี่คุณ ไม่ต้องเรียกผมว่าพี่! อยากพูดก็พูดเสียงดังๆ เพื่อนคุณจะได้รับรู้” พีทจ้องตา
 
“ค..ค่ะ ขออนุญาตพูดค่ะ!” เสียงใสๆพูดสั่นๆในช่วงแรก “สามคนลาไปธุระให้ที่บ้าน หนึ่งคนไปทำเรื่องย้ายหอ อีกสองคนไม่ทราบค่ะ!!” น้องปีหนึ่งคนนั้นตอบเสียงดังฟังชัด
 
แหม ตอบงี้ก็เข้าทางสิครับ
ผมสบตากับอาร์ต มันพยักหน้าให้ผมพูด
 
“ไหนบอกน้องผมว่ารักเพื่อนมากไง เพื่อนจะไปตายที่ไหนก็ไม่ต้องสนใจงั้นสิ?” ผมพูดแบบเฉือดเฉือน (ก็เล่นใหญ่ตามเพื่อนอ่ะนะครับ)
 
“ผมให้เวลาสิบนาที ไปหามาให้ได้ว่าเพื่อนที่เหลือสองคนนั่นอยู่ที่ไหน” เฟิร์สพูดเสียงเย็น แล้วให้สัญญาณพวกผมเดินหันหลังออกจากลาน น้องปีหนึ่งกรูเข้ามารวมคุยกันแล้วพยายามโทรศัพท์ถามคนที่หายไป ที่พวกผมทำแบบนี้เพราะอยากให้น้องใส่ใจเพื่อนด้วยกันครับ เพื่อนไปไหน กลับถึงหอรึยัง ไม่ใช่หายไปไหนไม่รู้ เกิดมีเรื่องอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยกันทัน
แถวมหาลัยนี่ถึงคนจะเยอะก็ใช่ว่าจะปลอดภัยครับ
 
อาร์ตเดินตีคู่มาข้างผม
“แหม่ เสียงมึงไม่โหดเลอ น้องจะกลัวมั้ยเนี่ย” มันกระซิบ

“กูไม่ต้องโหดมากก็ได้ป่ะวะ ดูตัวว้ากซะก่อน ไอ้บอย เฟิร์ส เอ็ม เทพ เล่นซะใหญ่เชียะ”

“เออ มึงพูดถูกไอ้ตี๋ ไอ้เฟิร์สนี่ท่าทางจะเก็บกด อินจังวะ กูนี่ตามไม่ทัน”

“เออ เอาน่ะ ไปต่อกันดีกว่า” ผมตัดบท

“ฉากสองๆ แอ๊คชั่น!” อาร์ตตีหน้านิ่ง เก๊กขรึมซะจนทำเอาผมอยากขัดขามันซักป้าบ หมั่นไส้
 
ยังครับ
อย่าคิดว่ามันจะจบ..

ละครนี่มันต้องมีสปินออฟ พวกผมเดินก้าวยาวๆ มายืนประจำที่แล้วพยักหน้าให้กัน

“ถาปัดปีสาม ถาปัดปีสาม แถวตอนเรียงแปด ปฏิบัติ!!!” น้ำตะโกนเรียกแถวอยู่ที่สนามบาสที่อยู่ห่างออกมาจากลานกิจกรรมที่ปีหนึ่งอยู่กัน พวกน้องว้ากผมทั้งแปดคนวิ่งกระหืดกระหอบจากในคณะออกมา น้องปีหนึ่งหันมามองตามกันเป็นแถบ
สำเร็จ..
แต่โอ้ย เดินแบบรีบๆนี่ไม่ดีเลย ปวดท้องไปหมด
 
คือตามสูตรแล้วต้องเรียกพวกน้องปีสามผมมาเล่นละครด้วยครับ จัดฉากว่าปีสามต้องโดนด่าว่าดูแลน้องไม่ดี น้องหายไปไหน ทำไมไม่รู้เรื่อง ทำไมน้องไม่เคารพ สารพัดอ่ะครับ ต้องให้น้องปีหนึ่งเห็นว่าพวกนี้ก็โดนเรียกไปว่าเหมือนกัน

“พวกคุณเป็นถึงปีสามแล้ว ทำไมควบคุมอะไรไม่ได้เลย โตซะเปล่า!!” ไอ้เฟิร์สตะโกนเสียงดัง

มั่นใจว่าปีหนึ่งต้องได้ยินแน่ๆ

“ขอโทษครับ!!!” ตอบเสียงดังพร้อมเพรียง แต่หน้าพวกมันงี้อมยิ้มกันไม่หยุด มันหันหลังให้พวกน้องๆอยู่ครับ

“แล้วมึงจะยิ้มกันทำไมเนี่ย เดี๋ยวพวกกูก็หลุดหรอก” ผมพูดใส่เสียงเรียบๆ ไกลขนาดนี้ปีหนึ่งไม่ได้ยินหรอก

“ใช้ไม่ได้!!” บอยตะคอกแล้วปั้นหน้ายักษ์ใส่ ไอ้น้องปาล์มหัวหน้าว้ากปีนี้ยิ้มกริ่มแล้วผิวปากวิ้ว “โอ้ว พี่บอยเท่ห์จังเลยคร้าบ”

“แสด หยุดเลย ก้มหน้าไป ไม่เนียนเลยพวกเมิงนิ่”  อาร์ตหันไปว่าปาล์มเบาๆ

“พวกผมเพิ่งจบไปไม่เท่าไหร่ ทำไมคณะมันเละขนาดนี้! อยากทำลายสิ่งที่พวกผมทำมาตลอดใช่มั้ย!!”

“ต้องให้พวกผมทำยังไง ต้องเข้ามาทุกวันเลยมั้ย!”

เทพรับหน้าที่ตะโกนว้ากน้องต่อเรื่องระเบียบวินัย สลับไซโคกับเอ็มไปเรื่อย ผมยืนเอามือกดท้องที่ปวดแปล๊บๆ แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างแถวปีสาม
 
“พี่วินเป็นไร” น้องเอก หนึ่งในว้ากปีนี้ชะโงกหน้ามามองผม

“หือ ไม่เป็นไรนิ่” ผมรีบตอบ

“เหรอ….”

“ทำไม จ้องกูทำไม มีอะไร”

“พี่วินไม่ใส่แว่นแล้วแปลกดีอ่ะ ไม่ชิน” มันหันกลับไปมองไอ้เอ็มที่กำลังว้ากอยู่แล้วพูดลอย ๆ “หล่อขึ้นเย้อะ”

“คือเมื่อก่อนกูไม่หล่อ”

“เมื่อก่อนน่ารัก” มันทำหน้าทะเล้นใส่ 

“พ่องสิ” ผมด่าเบาๆ
 
“ผมพูดอยู่ทำไมไม่ฟัง!!!!” จู่ๆน้ำก็ตะคอกขึ้นมา “ไม่เห็นพวกผมเป็นพี่แล้วรึไง!!!” น้ำจ้องหน้าน้องๆแบบเอาเรื่อง ปีสามก็ทำเป็นจ๋อยก้มหน้าลงไปมองพื้น หน้าตาสงบเสงี่ยมแต่ก็ยังยิ้มอยู่

“ทำตัวให้สมกับเป็นปีสามหน่อย” เฟิร์สตะโกน “ต้องให้พวกผมลงมาคุม ทำอะไรเองเป็นมั้ย? น่าผิดหวังที่สุด!”
“ผมหวังว่าจะไม่ต้องยึดรุ่นพวกคุณคืน” พีทพูดเสียงดัง “เป็นพี่ซะเปล่า.. ควบคุมตัวเองยังไม่ได้ จะไปคุมปีหนึ่งได้ยังไง”

“เอ้าๆ พอละ ไปต่อที่ปีหนึ่งกันดีกว่า” ปั่นมองนาฬิกาแล้วพูดขึ้นเบาๆ พวกผมเตรียมจะเดินไปหาปีหนึ่งที่ลานโล่ง
 
“เดี๋ยว.....” เสียงไอ้กล้าร้องขัดขึ้น

“ว่าไงไอ้กล้า” พีทถาม

“กูก้ออยากได้บทพู้ดบ้างนิ” กล้าคนใต้ตีหน้าเศร้าพูดขึ้นมาเบาๆ ทำเอาพวกน้องว้ากปล่อยหัวเราะพรูด พวกผมงี้กลั้นขำกันไหล่สั่น ใช่เวลามั้ยมึง..

“ไม่ได้ว้อยย” เทพพูดจบก็เดินนำไปเรียกแถวกลางลานนู่นเลยครับ
 
_ _ _
 
ขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่ม
 
น้องปีหนึ่งผ่านการว้ากไปอีกหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาที ตอนนี้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว มีแต่แสงไฟสปอร์ตไลท์สี่ดวงที่ให้ความสว่างลานกิจกรมโล่งๆ เด็กปีหนึ่งแปดสิบสี่ชีวิต และพี่ปีแก่อย่างพวกผมอีกจำนวนสิบเอ็ดคน เพื่อนผมก็กำลังว้ากเด็กอย่างจริงจัง ที่แว่วเข้าหูผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ผมซึ่งบทพูดไม่ค่อยจะมีก็ยืนมองท้องฟ้าที่มีพระจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่กลางอากาศแทน จริงๆ แล้วอาการปวดท้องของผมติดจะแย่ลงด้วยซ้ำ ลมที่พัดปะทะเข้าที่ใบหน้าทำให้ผมรู้สึกตัวเย็นมือเย็นไปหมด ผมปวดหัวหนึบ เดี๋ยวเลิกแล้วออกไปกินข้าวก็น่าจะดีขึ้น
 
ผมกำมือที่ชื้นเหงื่อ ลองเดินซักหน่อยดีกว่า..
 
ผมเอามือไพล่หลังแล้วเดินวนดูน้องอยู่ที่สามแถวหลังสุดท้าย เผื่อว่าจะมีน้องคนไหนไม่ไหวแล้วล้มพับไป แต่น่ะแหละ นี่มันโซนผู้ชายครับ ผมไม่น่าจะต้องห่วงอะไรเท่าไหร่หรอกเนอะ

ว่าแต่เด็กเดี๋ยวนี้มันสูงจังวะ
ผมเดินตัดแถวเข้าไปมองดูความเรียบร้อย แล้วก็เจอกับสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองผมอย่างตื่นๆ

ใบหน้าหล่อเหลาที่โดนแสงสปอร์ตไลท์ส่องไปครึ่งหนึ่งทำให้ดูคมเข้มกว่าที่เคย ผมสบตาในขณะที่ก้าวเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนหน้าคุ้น อยู่ใกล้กันขนาดนี้ทำให้ผมสังเกตเห็นหางตาตกๆ กับไฝใต้ตาด้านขวา และความสูงกว่าผมเกือบสิบห้าเซนต์ได้อย่างชัดเจน
 
เพื่อนน้องหวานที่ร้านเหล้า..
 
“ทำไม.....” มันพูดเสียงเบา สายตายังจ้องหน้าผมเหมือนไม่เชื่อสายตา คิ้วเข้มๆของมันขมวดมุ่นแบบไม่เข้าใจ

อ้อ มันเพิ่งเจอผมนี่หว่า
ทำหน้ายังกับเจอผี
 
ผมพูดเสียงเบา “เออ ผมเป็นพี่บัณฑิตคุณ ตกใจมากสิ” ผมยิ้มมุมปาก
“ตั้งใจประชุมเชียร์ไป”

ผมหมุนตัวเดินออกมาด้านหลังแถว ในระหว่างนั้นความปวดก็แล่นแปล๊บจนต้องเอามือกุมท้องไว้
 
/“ปีหนึ่งคนนั้นคุณหันไปมองอะไร!!” เสียงเทพตวาดมาจากด้านหน้า/
 
“โอ้ย.. ปวดชิบ” ผมเงยหน้าขึ้นสูดอากาศ ปวดท้องจนมึนหัวเลยเหรอเนี่ย ดีที่ตรงนี้น้องปีหนึ่งหันหลังอยู่ ผมว่าจะนั่งลงไปกับพื้นสักหน่อย ไอ้กล้าใต้ที่ยืนอยู่อีกมุมขยับตัวทำท่าจะเดินเข้ามาหาผม

“ไอ้ตี๋... มึงเป็นไร้นิ่” มันพูดเสียงเบา
 
/“มองตรงไปข้างหน้า!!! หันหลับมาเดี๋ยวนี้!!!”/
 
“ปวดท้อง ละ.. แล้วก็มึนหัว มึนหัวมากๆเลย” ผมตอบเสียงสั่น
 
/“บอกให้หันมา!” เสียงพีทตะโกน/
 
สายตาผมพร่าเลือน ผมเอื้อมมือจะไปจับแขนไอ้กล้ามันเป็นที่ยึด ความเจ็บที่ท้องเข้าเล่นงานผมอีกครั้งจนต้องงอตัว
แล้วสติผมก็ดับวูบไป 

....
...


_ _ _ _


กลิ่นแอมโมเนียฉุนกึ้กที่ลอยเข้าจมูกทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้น
ผมกระพริบตาปริบๆ เมื่อกี้ผมยืนว้ากอยู่ไม่ใช่เหรอวะ.. ผมปวดท้อง.. แล้วไงต่อนะ…

ชิบหาย….

“เห้ย!” ผมลุกพรวดขึ้น

“พี่วิน อย่างเพิ่งลุก! เป็นไรมั้ย” น้องผู้หญิงหน่วยพยาบาลตกใจ

“พี่เป็นลมเหรอ” ผมถามงงๆ

“ใช่ดิ่ นี่พวกเพื่อนพี่เป็นห่วงกันใหญ่.. แกๆ ไปบอกพวกพี่อาร์ตหน่อยดิ่” น้องหันไปพูดประโยคสุดท้ายกับเพื่อน

“ตอนกำลังว้ากอ่ะนะ” ผมย้ำ

“ใช่พี่ พี่น้ำอุ้มออกมาอ่ะ พวกหนูตกใจแทบแย่”

ผมเอามือทึ้งหัว ตายห่า ภาพพจน์กู

“ตี๋!!!” อาร์ตกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาผม ตามมาด้วยพีท น้ำ และเฟิร์ส “มึงเป็นไรมากมั้ย”

“ไม่เป็นไรละ นอนน้อย ไม่ได้กินข้าว โรคกระเพาะเลยกำเริบว่ะ” ผมตอบ พลางรับเอาผ้าชุบน้ำที่น้องพยาบาลส่งให้มาเช็ดหน้า ผมคลายเนคไท

“มึงแดกโค้กด้วย” อาร์ตพูดอย่างโกรธๆ “ลืมไปเลย กูน่าจะห้ามมึง”

“โง่มากไอ้ตี๋ กินโค้กตอนท้องว่าง” พีทว่า

“กูก็นึกว่ามึงจะเดินไปตรวจแถว จู่ๆร่วงลงไปเลยนะมึง” น้ำบ่น

เฟิร์สนั่งลงข้างผมแล้วถอนหายใจเบาๆ “ดีที่หัวไม่ฟาด แม่ง ตกใจหมด”

“เออ ไม่ต้องรุมว่ากู ขอโทษษษ แค่นี้กูก็อายจะตายห่าละ เป็นลมต่อหน้าปีหนึ่ง รู้ถึงไหนอายถึงนั่น โอ้ยยย” ผมเอาผ้าปิดหน้า

“นี่พวกหนูอบรมการปฐมพยาบาลมา ไม่นึกเลยว่าจะได้ใช้กับพี่ว้าก ปกติจะเป็นน้องนะเนี่ย” น้องพยาบาลมาเสริมทัพ ยื่นแก้วน้ำหวานให้ผม

“ไม่ต้องย้ำครับบบ พี่อ่อนเองงงง” รับมาแล้วดื่มรวดเดียว “แล้วนี่ยังไง กี่โมงแล้ววะ”
 
“สามทุ่มสิบห้า กูปิดว้ากวันนี้ของพวกเราเรียบร้อย น้องทยอยกันกลับละ ที่เหลือกำลังสรุปกับพวกไอ้ปาล์มปีสามอยู่” เฟิร์สบอก
“ถ้าไม่นับเรื่องมึงเป็นลม วันนี้โอเคเลยนะ” มันพูดล้อๆ

“แม่ง กูต้องกลายเป็น พี่คนนั้นที่เป็นลมตอนว้ากอ่ะมึง ของปีหนึ่งแน่เลยแสดดดด” ผมโวยวาย

“ชัวร์ กูรับประกัน” อาร์ตพูดโดยมีอีกสามคนพยักหน้าเห็นด้วย

“เฮ่ออ กลับไปหาพวกนั้นกัน” ผมพูดแล้วยันตัวลุกขึ้นยืน นี่กูต้องโดนล้อยันลูกบวชเลยสินะ

_ _ _ _

ผมรู้สึกขอบคุณพวกแม่งอยู่ในใจที่ไม่ล้อผมเกินไปกว่า “เชี่ยตี๋อ่อนแอแสดด” หรือ “ตี๋แม่งกาก” หลังจากที่ผมเดินเข้าวงประชุมไป ส่วนใหญ่หันกลับมาด่าผมเรื่องไม่ดูแลสุขภาพกับการกินน้ำอัดลมมากกว่า โห มิติใหม่มากครับ ชีวิตวัยทำงานแม่งเป็นแบบนี้นี่เอง นี่ถ้าสมัยเรียนผมต้องตื่นมาพร้อมรอยปากกาตราม้าบนหน้าผากแล้วเนี่ย
 
“วันนี้กูเอารถมา ใครกลับกะกูป่ะ” ผมที่ยืนเคี้ยวขนมปังตุ้ยๆ ถามขึ้นหลังจากเริ่มสลายตัวจากการประชุม

นัท บอย กล้า ขอติดรถผมไปที่รถไฟฟ้า พีท น้ำ เทพ ไปด้วยกันเพราะไอ้พีทเอารถมา ส่วนคนอื่นๆก็สลายโต๋ไปละครับ ผมแปลกใจนิดๆ ที่วันนี้ไม่มีใครชวนไปกินเบียร์ต่อ ท่าทางพวกมันคงอยากกลับบ้านไปพักพอๆ กันกับผมแหละครับเนี่ย 

“กูไปด้วย” อาร์ตวิ่งมายืนข้างผม “เอ้ะ กูขับให้มึงดีกว่า”

“ไม่ต้องมึง กูขับได้”

“เอาน่ะ กูขับให้ วันนี้กูใจดี” อาร์ตยืนยัน ผมเลยตามใจมันโดยการยื่นกุญแจรถให้

“ดี งั้นมึงเอาไปเลย” ผมเดินนำไปที่จอดรถ

...

“ตี๋ มึงโอเคใช่มั้ยนิ กูงี้ตกใจอย่างแหรง” ไอ้กล้าหันมาพูดกับผมขณะเดินไปขึ้นรถ

“โอเคแล้ว กูไม่ได้กินข้าวกลางวัน โรคกระเพาะกำเริบอ่ะ ยืนนานด้วย” ผมตอบพลางเปิดประตูรถ “ยังดีหัวไม่ฟาด”

“เออ ต้องขอบคุณไอ้เด็กนั่นนิ รับมึงได้ไวกว่ากูอีก”

เด็ก เด็กไหน..กล้ามันพูดอะไรวะ...

“เด็กที่ไหน อะไรวะกล้า” ผมงง

"เด็กที่อุ้มมึงไง"

ผมขมวดคิ้ว "ไหนบอกว่าน้ำแบกกูออกมา"

“นั่นมันตอนหลังสุดแหล่วว ก่อนหน้านั้น ตอนมึงจะล้มนิ เด็กหน้าหล่อๆ สูงๆ มันออกจากแถวมาคว้าตัวมึงไว้ก่อน ไม่งั้นหัวแตกคางแตก เจ็บมากกว่านี้แล้วนิ” กล้าพูดจบก็เข้าไปในรถ ปิดประตู

อื้อหือ ผมนี่งงไปเลยครับ



นี่กูโดนปีหนึ่งหิ้วด้วยเหรอวะ นี่จะเอาหน้าไปไว้ไหนวะไอ้ตี๋วิน!!
ปีหนึ่ง..
ปีหนึ่ง…

ตายห่า...

น้องหวานกูก็ต้องเห็นภาพนั้นด้วยสิเฮ้ย ป่านนี้น้องคงมีความสังเวชกูแทนการแอบปลื้มชื่นชม เรตติ้งตกฮวบๆ แล้วเนี่ยยย
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ
ไว้ทำคะแนนตอนวันแจกรุ่น กับตอนไปเที่ยวทะเลละกันนะครับน้องหวาน!

_ _ _



แฮ่ ตอนที่ 4 มาเสิร์ฟละค่าาา
ขอบคุณมากๆที่คลิกเข้ามาอ่านกัน และทิ้งคอมเมนต์ไว้นะคะ ทุกเมนต์และความคิดเห็นมีความหมายมากๆเลยค่า ฮืออ ดีใจ
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหะ ส่วนเรื่องป้าย เอาจริงๆ ตอนนี้คนเขียนเองก็ยังลังเล ว่าจะทีมไหนดีน้าา
คนอ่านว่ายังไงกันบ้างคะ  :o8:

พบกันตอนหน้าค่ะ
จุ๊บุ
:กอด1: :กอด1: :กอด1:

 
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 4 ✽update 23.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 31-05-2017 16:07:56
ความเสี่ยงที่ 5

วันศุกร์แล้วครับ ผมโยนๆเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเตรียมไประยองเย็นนี้ กิจกรรมวันนี้เยอะแยะเหลือเกิน ตอนเช้ามีประชุมกับคุณชายตะวัน ตอนบ่ายต้องเคลียร์งาน เย็นก็ต้องพุ่งตัวไปคณะรับรุ่นปีหนึ่ง แล้วหอบร่างขึ้นรถ(เผลอๆก็ต้องขับ) ไประยองยาวเสาร์อาทิตย์ นี่วันจันทร์ผมไม่ได้ลางานด้วยนะครับ สามวันนี้จะนอนได้ถึงสิบชั่วโมงมั้ย..
 
หลังจากเป็นลมล้มพับไปเมื่อวันพุธ พอกลับถึงคอนโดผมก็หลับเป็นตาย ไอ้อาร์ตทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีขับรถมาส่ง แล้วมันก็กลับไป (นึกว่ามันจะมานอนคอนโดผมซะอีก) ตื่นมาอีกทีไลน์ส่วนตัวนี่มีแจ้งเตือนเป็นสิบๆ จากพวกแม่งทั้งหลาย ทั้งถามไถ่อาการ ทั้งเตือนเรื่องกินข้าว ห้ามกินน้ำอัดลมอีกต่างหาก ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่นี่เพื่อนหรือพ่อวะครับ..
 
ผมหอบหิ้วสัมภาระที่เยอะเกินวันปกติขึ้นรถไฟฟ้า หลังจากนัดแนะกันในห้องไลน์เมื่อคืน ปีแก่ๆ 11 คนอย่างพวกผมตกลงกันว่าจะเข้าคณะสักสองทุ่ม ที่น่าจะเป็นเวลารับรุ่นพอดี กะว่าผูกข้อไม้ข้อมือกันเสร็จก็แยกกันขับรถไปสี่คัน (แหงแหละ ผมไม่เอาไปหรอก) ผมก็จะไปแก๊งค์เอฟโฟร์ของผมครับ ให้ไอ้พีทมันขับไป เพราะงั้นตอนนี้ต้องแบกของที่จะไประยองมาเลย
 
มา...
มาประชุมที่ตึกโคตรหรูเนี่ยครับ!!
 
ผมยืนอึ้งอยู่หน้าล็อบบี้ โห ก็เคยได้ยินแต่ชื่ออ่ะนะบริษัท AA อะไรเนี่ย แต่ก็ไม่นึกว่ามันจะขนาดนี้ มีสวน vertical garden กับน้ำตกในล็อบบี้ด้วย นี่พารากอนรึเปล่าครับ หลังจากยืนอึ้งและถ่ายรูปเก็บไว้สองสามรูป (แหม ก็ตกแต่งมาซะสวย ด้วยสัญชาติญาณสถาปนิกมันอดไม่ได้ครับ..) ผมยืนกดโทรศัพท์ยิกๆ หาเจ๊ฝ้ายคนสวย
 
[กลัวชั้นเบี้ยวเหรอยะสุดหล่อ ชั้นจอดรถอยู่ รอในล็อบบี้แหละ อีกห้านาทีก็ถึงแล้ว]
 
เจ๊เขาว่าอย่างงี้อ่ะครับ…
 
อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด ผมหามุมสงบนั่งรอ พลางกดโทรศัพท์หาหม่อมแม่ของผม เอ้า ก็ต้องรายงานซะหน่อยว่าจะไปต่างจังหวัด แต่ไอ้เรื่องเป็นลมนี่ก็ลืมๆไปเหอะครับ เดี๋ยวจะโดนห้ามซะเปล่าๆ
 
(ว่าไงลูกชาย หายไปหลายวันเลยนะ)

“เอ้า ม๊า ก็คุยกันในไลน์ตลอดไง”

(ย่ะ ไลน์มันไม่ได้ยินเสียงนิ่ นี่ แล้วเสาร์อาทิตย์กลับบ้านมั้ย) แหม แม่นี่รู้ทันจริงๆ ถามตรงประเด็นเชียว

“แหะๆ กำลังจะโทรมาบอกเนี่ยม๊า ว่าไม่ได้กลับนะ จะไประยองกับเพื่อนอ่ะ”

(อะไร๊! นี่ไม่ได้กลับมาตั้งสามอาทิตย์ละนะวิน นี่จะสิงที่คอนโดเลยรึไง) แม่ผมแหวขึ้น

“โหย ไม่เอาดิ่ เดี๋ยวกลับมาวันอาทิตย์แล้วอยู่บ้านยาวเลยก็ได้เอ้า!!”

(ย่ะ แล้วนี่ไม่ทำงานเหรอ)

“นี่ออกมาประชุมอ่ะม๊า เดี๋ยวไปละ”

(เอ้อ โชคดีๆ แค่นี้แหละ)

“บายครับม๊าาา”
 
เอ้อ เนอะ ไม่ได้กลับบ้านมาพักนึงละ อาทิตย์หน้าอยู่บ้านชดเชยหน่อยน่าจะดีกว่า หม่อมแม่งอนแล้ว มาทำงานก็อาจจะลำบากขึ้นนิดนึง ขึ้นมอไซค์มารถใต้ดินเอาละกัน ผมนั่งวางแผนการเดินทางอยู่ในใจก็พอดีกับที่เจ๊ฝ้ายเดินสวยๆเข้ามาหาพอดี
โห ผมรู้นะว่าพี่ฝ้ายเป็นผู้หญิงสวย หุ่นดี แต่วันนี้พี่แกจัดเต็มมากครับ พี่ฝ้ายม้วนผมเป็นลอน ใส่เสื้อเชิ้ตแขนกุดสีดำ กระโปรงทรงดินสอแคบๆ บวกรองเท้าบูทหุ้มข้อเท้าสูงปรี๊ดลายเสือ และปากแดงแปร๊ด
 
“โห วันนี้จัดเต็มเลยนะพี่ สวยเชียว” ผมแซว

“วันนี้ต้องสวยสิ นัดคุณตะวันเชียวนะยะ” ว่าแล้วก็สะบัดผมโชว์

“คร้าบบบ”

“พอละ เจ๊ว่าขึ้นไปเลยเหอะ เตรียมของมาพร้อมใช่มั้ย?”

“อื้อ พร้อมครับ” ผมพยักหน้ารับ “ชั้น 24 ครับ”
 

หลังจากผ่านพิธีกรรมแลกบัตรและแสกนเนอร์กดลิฟต์อะไรงงๆ เรียบร้อย ตอนนี้ผมกับพี่ฝ้ายก็มายืนอยู่หน้าห้องส่วนตัวของท่านชายตะวันแล้วครับ ต้องขอบคุณเลขาคนสวยนะเนี่ย ทางเข้ามาถึงโซนผู้บริหารนี่ยังกับเขาวงกต ให้เข้ามาเองคงหลงตาย
 
“คุณชนัญญากับคุณมาวินทร์จากบริษัท OO ค่ะ” คนนำทางผมมาพูดใส่อินเตอร์คอมหน้าห้องโคตรเว่อร์ เว่อร์มาก เว่อร์ได้อีก อินเตอร์คอมที่ห้องส่วนตัวอ่ะนะ เคาะเอาไม่ได้เรอะ

“เข้ามาได้เลยครับ” เสียงคุณชายตอบสั้นๆ แล้วคุณเลขาก็เปิดประตูให้ผมกับพี่ฝ้ายเดินเข้าไป
 
..
...

คือถ้าครั้งที่แล้วพี่แกหลุดออกมาจากละคร ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันอ่ะครับ

อยากจะถามว่าพี่มีคนเซทอัพใช่มั้ย ที่เห็นอยู่นี่มันเรื่องหลอกลวงใช่รึเปล่า คนอะไรจะมาดดีขนาดนี้ ครั้งนี้ไม่ได้ยืนล้วงกระเป๋าครับ แต่ยืนเก๊กไขว้ขาพิงโต๊ะทำงานใหญ่เบิ้มจิบกาแฟจากแก้วกระเบื้องแอร์เมส วันนี้คุณตะวันใส่เชิ้ตสีน้ำเงิน เนคไทสีดำ สูทสีดำ รองเท้าเงาแว้บ ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มเมื่อเห็นพวกผม

“สวัสดีครับคุณชนัญญา คุณมาวินทร์” อื้อหือ อะไรจะมีออร่าขนาดนั้น พี่ฝ้ายกูละลายไปรึยัง..

“สวัสดีค่าคุณตะวัน ต้องขอโทษทีที่คราวที่แล้วฝ้ายไม่ได้อยู่ประชุมด้วยนะคะ พอดีติดงานอยู่อีกที่ค่ะ” เออ ยังอยู่แฮะ

“ไม่เป็นไรครับ วันนั้นคุยไอเดียคร่าวๆกับคุณมาวินทร์ไปแล้ว” คุณตะวันวางแก้วบนโต๊ะ “ผมเห็น Proposal แล้วล่ะ โอเคเลยนะครับ ผมเซ็นไว้ให้แล้ว ขอจากเลขาด้านนอกได้เลย”     
 
เห้ยย โอเคเลย ไม่ต่อสักคำเรอะ
 
“โอ้ ดีเลยค่ะ วันนี้ฝ้ายกับวินเอาแนวคิดกับแบบคำนวนเรื่องเงินลงทุนมานำเสนอต่อค่ะ” พี่ฝ้ายพูด

“งั้นเชิญนั่งเลยครับ” คุณตะวันเดินนำไปที่โต๊ะประชุมขนาด 6 คนที่ตั้งอยู่อีกมุม โห ห้องนี้ใหญ่จังวะเนี่ย

เวลาผ่านไปสามสิบห้านาทีโดยผมแทบไม่ได้พูดอะไรเลย ยกเว้นคลิกสไลด์กับช่วยหยิบเอกสารให้

หัวหน้าคนสวยของผมเริ่มการนำเสนอแบบที่เรียกว่า “ขายงาน” ได้โคตรลื่นไหล ถึงผมจะเป็นคนทำข้อมูลทั้งหมดนี่ก็เหอะ ต้องยอมรับจริงๆ ว่าผมยังอ่อนด้อยเรื่องการพรีเซนต์ต่อหน้าลูกค้าจริงๆ ให้ตาย เมื่อวานนี้ลองพูดงานให้เจ๊แกฟังก็ยังมีวกไปวนมา (นี่ขนาดทำเองนะครับ) พอมานั่งฟังเจ้านายพรีเซนต์ผมงี้นั่งเคลิ้มซะจนน้ำลายจะยืดอยู่ข้างโต๊ะ ถ้ามีตังจะยัดใส่มือแล้วให้ทำโปรเจ็กเดี๋ยวนี้เลย เมื่อไหร่ผมจะทำได้แบบนี้อ่ะครับ! สกิลนี้ต้องฝึกยังไงเหรอ ต้องพยายามอีกมากนักตัวกูเอ้ย!!
 
“ประมาณนี้ค่ะ สามทางเลือก หนึ่งคอนโด สองคอมมูนิตี้มอลล์ สามคือทั้งสองอย่าง พื้นที่นี้มีศักยภาพพอทำได้ค่ะ” พี่ฝ้ายสรุป
“อืมม ผมว่าทางเลือกที่สามน่าสนใจ ทำทั้งสองแบบไป ให้มัน Sustain ด้วยระบบของกันและกัน” คุณตะวันเปิดเอกสารแล้วทำท่าคิด “ถ้ายังไงผมอยากให้ลองคิดเรื่องเวลาคืนทุนกับโมเดลนี้ครับ ถ้าทำแล้วมันโอเค ผมว่าอันนี้น่าจะดีสุด” เขาว่า
 
อื้อหือ นักธุรกิจเขาตัดสินใจกันเฉียบขาดแบบนี้นี่เอง
 
“ได้เลยค่ะ ทางนี้ตอนทำก็คิดว่าโมเดลนี้น่าสนใจ น่าจะดึงคนได้เยอะ คอมมูนิตี้มอลล์ด้านหน้าจะช่วยอัพราคาให้กับคอนโดข้างหลังด้วย”

“ขอบคุณนะครับคุณฝ้าย ทางนี้ทำการบ้านมาดีมาก วางใจขึ้นเยอะเลยครับ”

“ต้องขอบคุณวินน่ะค่ะ งานนี้ฝีมือเขาล้วนเลย ฝ้ายมาช่วยคุมเฉยๆ”
 
ผมนั่งตัวแข็ง.. ละสายตาจากการจ้องกระดาษกับปากกาลามี่ด้ามน้ำเงินของผมแล้วยิ้มแห้งๆ ใส่คนทั้งคู่ เห้ยพี่ บอกกันอย่างนี้ไม่เป็นไรเหรอ เกิดเขาหาว่าเอาเด็กที่ไหนไม่รู้มาจับโปรเจ็กต์เป็นร้อยๆล้านงี้ จะไหวเหรอวะ
 
“โอ้ ดีเลย ขอบคุณนะครับคุณมาวินทร์ งานนี้ผมดีใจมากที่ได้ทีมเก่งๆมาช่วยดู” ลูกค้าหมาดๆ ของผมยิ้มหล่อโปรยให้พี่ฝ้าย แถมเผื่อแผ่มาถึงผมด้วย โอ่ย ขนหัวลุกไปหมด นึกว่าจะโดนโวยซะแล้ว

“ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส งานนี้ผมเต็มที่ครับ” ผมตอบ
 
คุณชายตะวันที่นั่งตรงข้ามยกนาฬิกาขึ้นมาดู “นี่จะสิบเอ็ดโมงแล้ว เราไปดูไซท์กันมั้ยครับ ผมเตรียมรถตู้ไว้แล้ว”

“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” ผมรีบเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋า
คุณตะวันลุกขึ้นมาก่อนแล้วเดินนำไปที่ประตู ตามด้วยพี่ฝ้ายเดินสวยๆ และผมผู้หิ้วคอมเอย กระดาษแบบเอย เป้ไปเที่ยวเอย เดินตามปิดท้ายเป็นเด็กยกของ (ก็ไม่ผิดอ่ะนะครับ...)
 
“วันนี้ของเยอะเลยนะครับคุณมาวินทร์” คุณชายตะวันพูดขึ้นขณะพวกเรากำลังลงลิฟต์

“แหะๆ จะไปทริปทะเลกับพวกที่คณะน่ะครับ” ผมยืนตัวลืบติดผนัง ของเยอะจนสังเกตได้

“โอ้ ดีจังเลย ผมก็อยากหาเวลาไปเที่ยวบ้างเหมือนกันครับ อิจฉาจัง” อีกฝ่ายพูดอย่างสนอกสนใจ

“ทริปรับน้องน่ะครับ ไม่ได้เที่ยวเท่าไหร่ น่าจะหนักที่ดูน้องมากกว่า” ผมยิ้มตอบ
 
พี่ครับ ถ้าพี่จะเที่ยวอ่ะนะ รอบโลกสามรอบนี่ขนหน้าแข้งพี่ยังไม่กระดิกซักเส้นเลยนะครับ
 
“แล้วนี่จะมีเวลาทำงานให้ผมเหรอครับ” มิสเตอร์ตะวันยิ้มขำๆ

“มีสิครับ!” ผมรีบตอบ พี่ฝ้ายยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ

“ฝ้ายไม่ปล่อยหรอกค่าา ให้เวลาเที่ยวแค่เสาร์อาทิตย์นี้เท่านั้นนะยะ!” เจ้านายผมประกาศกร้าวต่อหน้าลูกค้า

“ฮ่ะๆๆ ออฟฟิสนี้รื่นเริงดีนะครับ” คนหน้าเข้มหัวเราะ “อ้ะเชิญครับ” เขาพูดขึ้นเมื่อลิฟต์เปิดพอดี
 
_ _ _ _

อย่างที่ว่าอ่ะเนาะครับ ที่ดินโลเคชั่นดี๊ดี นั่งรถมาไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงแล้ว ผมก้าวลงจากรถ ตามด้วยคุณชายตะวัน และพี่ฝ้ายเจ้านายผม

“อ้ะ ที่ดินยังไม่ได้เคลียร์นี่ครับ พี่ฝ้ายไหวมั้ย” ผมหันไปมองคนสวยประจำรถ (แหงแหละ มีอยู่คนเดียว) พี่ฝ้ายลงมายืนบนถนนก็จริง แต่ข้างหน้านี่ดินล้วนเลยนะครับ บูทส้นสูงสุดเปรี้ยวคู่นั้นใส่ลุยไม่ได้แน่ๆ “พี่รอบนรถมั้ยครับ ผมลงไปถ่ายรูปแป๊บเดียว” ผมบอก

“นั่นสิ งั้นฝ้ายขออนุญาตส่งตัวแทนเป็นวินไปนะคะคุณตะวัน ลืมเลยว่าต้องเดินไซท์” พี่ฝ้ายหันไปบอกคนร่างสูงที่กำลังหยิบร่มออกจากรถ

“ได้สิครับ น่าจะเดินดูรอบๆ เท่านั้นเองแหละครับ” ว่าจบคุณตะวันก็หยิบร่มส่งให้ผมคันหนึ่ง “นี่ครับคุณมาวินทร์”
ผมทำหน้างง

“แดดมันร้อนครับ กางร่มดีกว่า”

“โอ๊ะ ไม่เป็นไรเลยครับ เดินตรวจงานแบบนี้ผมสบายมาก ปกติครับ” ผมรีบปฏิเสธ

คุณชายตะวันยัดร่มใส่มือผม “ใช้เถอะครับ หน้าซีดๆ เป็นลมผมอุ้มไม่ไหวนะครับคุณมาวินทร์”
 
ฉึก ฉึก ฉึก!!
ผมงี้หน้าร้อนวาบรับร่มมาแบบจำใจ เพราะดันไปนึกถึงเรื่องที่เป็นลมวันก่อน พูดมานี่เป๊ะยังกับตาเห็น
 
อ้าว แล้วทำไมพี่แกไม่กางร่มวะ

“คุณตะวันไม่กางร่มเหรอครับ” ผมเดินตามไปติดๆ

“ไม่ล่ะครับ ผมชอบโดนแดด อุดอู้อยู่ในห้องทั้งวันเลยปกติแล้ว ไม่ค่อยได้ออกมาหรอกครับ” เขายิ้ม
 
หึหึหึ ถ้าพี่ต้องออกมากินข้าวตอนกลางวันนอกตึกแบบชาวออฟฟิสทั่วไป พี่จะไม่พูดแบบนี้ เชื่อดิ่!
 
แต่จะไปบังคับให้เขาเข้าร่มก็ไม่ใช่เรื่องอ่ะนะ ผมเลยปล่อยให้คุณชายเดินในทุ่งหญ้า(?)ตามสะดวก ส่วนผมก็เดินตามและถ่ายรูปไปเรื่อย
 
“ต้นไม้ในไซท์นี่ใหญ่มากเลยนะครับ จริงๆแล้วอยากจะเก็บไว้”คุณตะวันชี้ให้ดูต้นก้ามปูขนาดใหญ่ แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาหลายเมตรเชียวครับ ที่กะๆดูด้วยสายตาส่วนต้นนี่น่าจะสักสี่ห้าคนโอบได้

“เห็นด้วยเลยครับ ดีใจจังที่มีคนคิดแบบนี้ คนส่วนใหญ่จะโค่นทิ้งซะมาก เพราะมันจะทำให้พื้นที่ขายน้อยลง” ผมบอก

“ถ้าเป็นไปได้ เก็บไว้นะครับ มุมโน้นมีอีกสองต้นเล็กกว่านี้หน่อย เก็บแค่ต้นเดียวได้ก็ยังดี พื้นที่มันจะน้อยลงอีกเท่าไหร่กันเชียว” เขาชี้มือไปอีกมุมหนึ่งของที่ดินแล้วหันหน้ามามองผม

“ได้เลยครับ ผมสนับสนุนเต็มที่ จะเก็บต้นใหญ่ๆไว้ทุกต้นเลยครับถ้าเป็นไปได้” ผมยิ้ม
 
คนรวยๆ ที่มีความคิดแบบนี้หายากนะครับ

โดยปกติเห็นที่ดินหน่อยไม่ได้ ต้องเคลียร์ให้เกลี้ยง มีอะไรในไซท์พ่อตัดเหี้ยน ไม่สนใจหรอกครับว่าควรจะดูแลรักษาอะไรหรือเปล่าหรือเปล่า มันเกะกะการทำงานขวางทางตึกก็เอาออกไป มีบ่อก็ถมมีต้นไม้ก็ตัด เคสที่เลือกล้อมย้ายนี่น้อยมากครับ เพราะใช้เงินเยอะ ยุ่งยากทั้งการเตรียมที่ทางจะขน ตัดแต่งต้นไม้ ย้ายไม่ดีต้นไม้จะช้ำและตายอีก ทุกคนก็เลยอยากเลือกทางง่ายๆคือตัดทิ้ง ขุดรากออก จบ ผมเห็นแล้วไม่ชอบใจทุกทีสิน่า

“คุณมาวินทร์นี่เรียนจบมานานรึยังครับ” คุณชายตะวันถามขึ้นขณะเดินไปชี้หมุดทองเหลืองบอกเขตที่ดินที่แกบ่นว่ามันน่าจะเคลื่อนตำแหน่ง

“อ้ะ ผมเพิ่งจบมาเกือบปีน่ะครับ ทำที่นี่ที่แรกเลย” ผมตอบแบบแอบโกงเวลาไปนิดหน่อย “แหะๆ จริงๆเรียกผมว่าวินเฉยๆก็ได้ครับ เต็มยศเชียว”

“ฮ่ะๆ ผมว่าแล้ว หน้าเด็กแบบนี้น่าจะเพิ่งจบ จริงๆตอนเจอกันครั้งแรกผมนึกว่าเป็นเด็กฝึกงานของบริษัทซะอีก” คนหน้าคมพูดไปขำไป

“อ้าวว ซะงั้นเลยนะครับบ” ผมยกกล้องถ่ายรูปแล้วถอนหายใจพรืด มีแต่คนบอกว่าหน้าอ่อน ไม่รู้อ่อนกว่าอายุจริงหรืออ่อนประสบการณ์อ่ะนะ ผมกลับไปใส่แว่น ใส่เจลทำผมปาดข้างดีมั้ยครับ เอาให้เพิ่มอายุไปสิบปีเลย

“เดี๋ยวดูตรงนี้เสร็จก็โอเคแล้วล่ะครับ ผมถ่ายเก็บไว้หมดแล้ว” ผมชูโทรศัพท์ขึ้น

“โอเคครับ กลับกันดีกว่า” คุณตะวันหมุนตัวแล้วเดินนำไปที่รถ

ผมเปิดเชครูปในกล้อง เผื่อตรงไหนพลาดไปจะได้ไม่ต้องมาอีก “เดี๋ยวภายในพุธหน้า ผมส่งรายการคำนวนกับเลยเอ้าท์ใหม่ไปนะครับ…” ผมเดินถือร่มตามไป “อ้ะ คุณตะวันอยากให้รังวัดที่ใหม่ด้วยไหมครับ เดี๋ยวผมติดต่ออีกทีมให้”

“ได้ครับ วินจัดการได้เลย” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง..

“จริงๆ ถ้าผมเรียกคุณว่าวินเฉยๆ คุณเรียกผมว่าพี่ตะวันก็ได้นะครับ”

“อุ่ย.. ไม่ดีมั้งครับ…” ผมแย้ง

“จะได้เท่ากันไงครับ” เขาสรุปแบบที่ผมงงๆ “เรียกแบบนั้นเถอะครับ” พูดจบแล้วก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งฉับ
“อ่า.. ครับ…”
 
อะไรฟะเนี่ย…
 
ผมนั่งรถกลับไปที่ตึกสุดหรูแบบไม่ค่อยเข้าใจนัก
_ _ _
 
17.44
 
“พี่ฝ้ายครับ ผมลองวางแปลนใหม่ไว้นี่นะ” ผมหยิบแปลนที่เพิ่งพริ้นท์ออกมาวางไว้บนโต๊ะเจ้านาย “อันนี้ปรับจากคอมเมนต์วันนี้อ่ะ”

“ที่เก็บต้นไม้ไว้อ่ะนะ ทำเสร็จแล้วเหรอ” พี่ฝ้ายหันขึ้นมาถามผม

“ใช่ครับ แต่ยังไม่ได้ลองรันราคานะ ผมทำไว้สองแบบให้พี่รีวิวก่อน”

“โอเค” พี่ฝ้ายพยักหน้า

“แหะๆ งั้นผมไปก่อนนะครับ คืนนี้ต้องไประยองที่ผมบอกไว้อ่ะครับ” ผมตั้งท่าจะลุก

“วิน! ไปกับเพื่อนจริงใช่มะ! เธออย่านอกใจเจ๊นะ!” พี่ฝ้ายพูดเสียงดัง บวกความดราม่าสามสเต็ป

“ฮ่าๆ กับเพื่อนสิครับพี่” ผมขำ

“เพื่อนที่ไหนไม่เคยแนะนำให้รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าตา!” พี่ฝ้ายทำท่าปาดน้ำตา ทำเอาน้องแคร์ที่นั่งอยู่ด้วยขำพรูด

“เพื่อนจริงๆ คร้าบบบ” ผมลากเสียงยาว “เดี๋ยวผมเอาคอมไปเผื่อ มีอะไรด่วนบอกนะครับ” พูดแล้วก็ม้วนสายชาร์ตแบตไปด้วย ว่าก็ว่าเหอะครับ ไปไหนไม่มีคอมติดไปเนี่ย ว้าวุ่นตลอด เผื่องานเข้าแบบปัจจุบันทันด่วนจะได้มีข้อมูลทำงาน

“ย่ะ ถ่ายรูปตอนเล่นน้ำทะเลมาให้เจ๊ด้วยนะ” พี่ฝ้ายทำเสียงงอนๆ เรียกเสียงขำกิ๊กกั๊กจากน้องแคร์และผมได้อีก
 
_ _ _ _
 
19.40
 
ควรจะมาถึงคณะก่อนหน้านี้เกือบสองชั่วโมงครับ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมโทรหาไอ้เฟิร์สหัวหน้าว้ากแล้วมันบอกมาว่าไม่ต้องรีบ มานั่งรวมกลุ่มกินข้าวกันก่อนดีกว่า เข้าไปทั้งแก๊งค์เวลาน้องรับรุ่นพอดีจะได้เปิดตัวแบบหล่อๆ เลยไปนั่งกินข้าวแกล้มเบียร์กันที่ร้านหน้ามหาลัยกัน (นี่น่าจะจุดประสงค์หลักของพวกแม่ง..) กว่าจะได้เข้าคณะก็เนี่ยครับ มืดแล้ว แต่ผมไม่ได้กินกับพวกมันนะครับบอกไว้ก่อน ไม่อยากเดินตัวแดงให้น้องปีหนึ่งเห็นกันอ่ะ…
 
พวกผมเอาของที่ต้องเอาไประยองกองไว้ในห้องประชุมที่ตอนนี้เรียกได้ว่าวุ่นวายโคตรๆ น้องๆปีสามที่รับผิดชอบเรื่องทริปนี้กำลังเชคเรื่องคิวรถบัสและเชคชื่อคนที่จะขึ้นรถของทุกชั้นปี ส่วนพวกปีสี่ก็ดูเรื่องการรับรุ่นวันนี้ ประเพณีคณะน่ะครับ
 
วันนี้คนเข้าคณะคึกครื้นเชียวครับ ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ รวมไปถึงพี่ปีแก่ๆที่จบไปหลายปีก็โผล่หน้ากันมาให้เต็มห้องไปหมด ผมกวาดตาไปทั่วห้อง ของรุ่นผมที่เพิ่งรับปริญญาไปหมาดๆ นอกเหนือจากแก๊งค์ว้ากเกอร์สิบเอ็ดชีวิตที่เพิ่งเข้ามา ก็ยังมีทอมเอ้ที่เป็นมือกลอง กับเพื่อนๆในรุ่นอีกราวๆเจ็ดแปดคนที่ตอนนี้ยืนจับกลุ่มคุยกันบ้าง เดินแซวน้องบ้างไปตามเรื่อง ผมพยักหน้าทักทายไปทั่วๆ
 
“ว่าไงวิน! กว่าจะโผล่มาได้นะ” เจ้าของเสียงใสโผล่เข้ามาทักผม ส่งยิ้มคุ้นตามาให้

“อ้าว ฟ้า ไม่เห็นบอกว่าจะมา เป็นไงบ้างล่ะ”

“บอกแล้วย่ะ ในเฟสบุครุ่นไง นี่ไม่ได้เชคเลยสิ”

“ไม่ค่อยได้เข้าอ่ะ มัวแต่ทำงาน”

“ทำงานจนเป็นลมอ่ะนะ” ฟ้าพูดยิ้มๆ

“เฮ้ย! รู้ได้ไง” ผมร้อง

“แหม่! ไม่รู้เลยมั้ง ข่าวใหญ่จะตาย!” ฟ้าประชด “แล้วนี่เป็นอะไรมากรึเปล่า โรคกระเพาะเหมือนเดิมเหรอ ไปหาหมอยัง”

“เหมือนเดิมแหละ นอนน้อย ไปกันใหญ่เลย แต่ไม่เป็นไรละ” ผมอธิบาย

“จริงๆเล้ยย นายเนี่ย” ฟ้าบ่นอุบ

“นี่ฟ้าไประยองด้วยป่ะเนี่ย” ผมถามขึ้น

“ไม่อ่ะ เหนื่อยไป เสาร์อาทิตย์เราขอพักเถอะ” ฟ้าส่ายหน้าดิก “เดินทางดีๆล่ะ”
 
ผมกับฟ้ายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆครับ มากจนหลายคนงงกันเลยแหละว่าเรายังปกติกันได้ยังไง ผมสามารถคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้กับฟ้าเหมือนเดิม พ่อแม่เราก็รู้จักกัน แม่ผมกับแม่ฟ้าสนิทกันด้วยครับ ชอบโทรคุยกันบ่อยๆ แค่เราไม่ได้เป็นแฟนกันเท่านั้นแหละครับ 
 
“อ้ะๆๆ นี่อะไรก๊านนนน” ไอ้อาร์ตที่เดินเฉียดไปส่งเสียงแซว “นัดกันมารึเปล่าน้าาาา”

“สวัสดีเพื่อนอาร์ต” ฟ้าหันหน้าไปทักทาย “แล้วอาร์ตล่ะ.. นัดใครมารึเปล่าน้าาาาาาาา” ฟ้าแกล้งพูดลอยหน้าลอยตา

“เฮ่ยๆ อะไรๆ เราตกข่าวเหรอ” ผมถามฟ้า

ไอ้อาร์ตรีบโบกมือปฏิเสธ “เห้ย ไม่มี!! ฟ้าอย่าชงดิ่!” ท่าทางมันเรียกหัวเราะจากฟ้ากับผมได้เยอะเชียว

“ว่าแต่ สวยขึ้นนะเราอ่ะ มีแต่งน่งแต่งหน้า สมัยเรียนไม่เห็นทำงี้เลอ” อาร์ตรีบเปลี่ยนเรื่อง

“แหม สมัยเรียนก็ไม่รู้จะแต่งให้ใครดูป้ะ”

“ให้พวกเราดูไงงงง” พีทเดินยิ้มแป้นเข้ามาพร้อมกับเทพ “เป็นไงบ้าง”

“สบายดีๆ แหม นี่ไปกินกันมาก่อนเข้าคณะล่ะสิ ละมุดมากกก” ฟ้าพูด

“รู้ทันพวกเราตลอดเลย” ไอ้เทพบ่น
 
...

“ฟังทางนี้หน่อยค่าาา” พวกผมหันไปทางเสียงแจ๋วๆ ที่หน้าห้อง

“น้องๆพี่ๆคะ เดี๋ยวพอสองทุ่มสิบห้า ปีหนึ่งเริ่มร้องเพลง พี่ๆ ทยอยกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้านะคะ บนนั้นจะมีเทียนสีขาวอยู่ รอพวกว้ากให้สัญญาณแล้วจุดเทียน แล้วค่อยๆ เดินช้าๆ ลงมาทางโถงลิฟต์แก้วเข้าลานแล้วมายืนล้อมน้องเป็นวงไว้นะคะ พอเสร็จก็ร้องเพลงคณะ จากนั้นก็ผู้ข้อไม้ข้อมือน้องได้เลย อันนี้สายสิญจ์หยิบเก็บไว้คนละกำ แล้วส่งต่อเลยค่าาา” น้องหมิว ประธานรุ่นปีสี่พูดเสียงดัง แล้วส่งลังใส่สายสิญจ์ที่ถูกตัดเป็นเส้นๆเรียบร้อยแล้วมาให้กับน้องคนอื่นๆ แล้วส่งต่อมาเรื่อยๆ ให้พวกเด็กๆก่อนละกันครับเดี๋ยวมันจะไม่พอเอา พอถึงตาพวกผมหยิบเอาไว้คนละนิดหน่อยก็พอแล้ว
 
“พวกปีเราขึ้นไปก่อนเลยดีมั้ย เดี๋ยวคนเยอะ” ผมเสนอ พอใกล้ๆเวลาผมว่าลิฟต์จะเต็มน่ะ

“เอ้อ เอาสิ ดีเหมือนกัน  นี่ๆ งั้นพวกพี่ขึ้นไปก่อนนะ” พีทพยักหน้าเห็นด้วย หันไปพูดประโยคหลังกับน้องๆ

พวกผมกดลิฟต์กันขึ้นมายืนส่องน้องๆปีหนึ่งจากบนดาดฟ้า คุยเฮฮากันบ้าง บางคนจุดบุหรี่ขึ้นสูบ บางคนก็เอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปลานกิจกรรมจากมุมสูง ไม่นานนักน้องๆตั้งแต่ปีสองถึงปีห้าก็ตามขึ้นมาสมทบจนพื้นที่ดูเล็กลงไปถนัดตา เทียนสีขาวเล่มเล็กถูกแจกจ่ายไปทั่ว
 
วันนี้ลานกิจกรรมที่ใช้เป็นที่รับรุ่นของปีหนึ่งคือคอร์ทกลางที่ถูกล้อมรอบด้วยตึกของคณะสถาปัตย์เหมือนทุกๆปีที่เคยทำมา ถึงลานนี้จะขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับลานที่อยู่ข้างนอก.. ลานที่ผมเป็นลมอ่ะครับ นั่นแหละ.. แต่ผมว่าลานนี้ทำให้รู้สึกว่าพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่จริงๆ คงเป็นเพราะตึกเรียนสูงแปดชั้นที่หันเอาระเบียงล้อมอยู่แบบนี้นี่แหละครับ ทุกครั้งที่มีกิจกรรมอะไร พี่ๆน้องๆในคณะก็จะต้องมาเกาะตามระเบียงเพื่อชะโงกหน้าดูทุกที
 
มันอบอุ่นดีน่ะผมว่า
 
เหมือนตอนนี้ที่พวกผมยืนพิงระเบียงชั้นแปดมองดูเด็กปีหนึ่งเข้าแถวอยู่นี่แหละครับ
 
“คิดถึงสมัยปีหนึ่งเนอะ” ผมพูดขึ้นเบาๆ

“อื้อ” น้ำที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆผมเงยหน้าขึ้นมามอง “เหมือนกัน”

“เออ ยังจำได้อยู่เลย วันที่พวกพี่แบงค์ให้รุ่น ยืนร้องเพลงอยู่ตั้งสามชั่วโมง.. แม่ง อย่างนาน” อาร์ตพูดขึ้น

“แต่รุ่นผม พวกพี่ก็ให้ยืนสามชั่วโมงนะ” อดีตน้องว้ากคนหนึ่งที่ยืนใกล้ๆแย้งขึ้น

“เอ้า เอาคืนดิ่ จะได้เหมือนๆกันไง” อาร์ตตอบ ทำเอาน้องที่อยู่แถวนั้นขำพรืด
 
ไม่นานนักน้องหมิวก็โผล่หน้าขึ้นมา

“ได้เวลาแล้ว ปีสองนำไปก่อนเลย ตามด้วยปีสาม สี่ ห้า และพี่บัณฑิตปิดท้ายนะคะ”
จบคำของน้องหมิวพูด ทุกคนบนดาดฟ้าก็เริ่มตั้งแถวและค่อยๆจุดเทียนเล่มเล็กในมือทันที จากนั้นก็ค่อยๆเดินลงบันไดไป
 
ผมยังจำได้อยู่เลยครับ หลังจากต้องยืนร้องเพลงคณะอยู่ในลานนี่เป็นเวลาสามชั่วโมง เสียงเริ่มแหบแห้งเพราะน่าจะร้องไปสองร้อยกว่ารอบ ตรงส่วนโถงลิฟต์ที่เป็นกระจกด้านหน้าพวกผมก็เริ่มมีแสงสว่างจุดเล็กๆ วิบวับ ค่อยๆ เคลื่อนตัวเป็นสายลงบันไดมาจากชั้นแปด เป็นภาพที่สวยติดตาผมมาก ทุกคนก็คงคิดเหมือนกัน เป็นพี่ๆ ทุกคนในคณะนี่แหละครับ ที่ถือเทียน ลงมาทีละคนๆ แลวมายืนล้อมพวกผมเอาไว้ แล้วร้องเพลงไปด้วยกัน จบด้วยการผูกข้อไม้ข้อมือกันทีละคนๆ นัยว่ารับเราเป็นรุ่นน้องอย่างเป็นทางการ
 

และวันนี้ ภาพแบบนั้นมันกำลังจะกลับมา
ผมกำลังจะได้ทำหน้าที่ของ “รุ่นพี่” อีกครั้งแล้วครับ



(มีต่อจ้ะ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 31-05-2017 16:13:21
ผมเดินเอามือป้องเทียนไม่ให้ลมพัดดับลงบันได พอมาจนถึงคอร์ทกลางที่น้องๆ ปีหนึ่งกำลังร้องเพลงอยู่ก็เรียงแถวล้อมน้องไว้แบบที่ตกลงกันเอาไว้ ผมยืนเป็นคนสุดท้ายของเดอะแก๊งค์ ข้างหนึ่งของผมเป็นไอ้กล้าใต้ (ซึ่งอีกฝั่งของมันคือไอ้เทพผู้ยังมีกลิ่นละมุด) ส่วนอีกข้างเป็นฟ้าที่กำลังตั้งใจเอามือป้องเทียนอยู่ หน้าปีหนึ่งแต่ละคนดูเหนื่อยมากครับ แต่สายตาทุกคนนี่เป็นประกายปิ๊งๆ
 
ไม่นานนักทุกคนก็ร้องเพลงคณะเสียงดังก้องไปทั่วลาน แสงเทียนวูบไหวย้อมคอร์ทกลางให้เป็นสีส้มทองอร่าม น้องปีหนึ่งหลายคนดีใจน้ำตารื้นจนหุบยิ้มไม่อยู่ อย่าว่าแต่น้องเลยครับ พวกผมก็อมยิ้มไม่หยุดเหมือนกัน ได้มีน้องเพิ่มมาอีกหนึ่งรุ่นแล้วนะพวกเรา
 
“ยินดีต้อนรับ นักศึกษาสถาปัตย์ รุ่น 81 น้องของพวกผม” เฟิร์สพูดเสียงก้อง

“พี่หวังว่าพวกน้องทำชื่อเสียงที่ดีให้แก่คณะ เหมือนๆ ที่รุ่นพี่ของพวกคุณได้ทำมาตลอด” น้องปาล์มพูดขึ้นบ้าง

“ต่อไปนี้ เป็นพี่เป็นน้องกันแล้วนะครับ มีอะไรบอกกัน พวกพี่ยินดีช่วยเหลือเสมอครับ” น้องเต้หลานรหัสผมก็ได้บทพูดเหมือนกันน้า..
 
“ต่อไป เชิญพี่ๆ นั่งลงเป็นวงกว้างๆ แล้วผูกข้อมือรับน้องกันได้เลยค่าา เด็กๆเข้าแถววนไปนะคะ” น้องหมิวพูดเสียงดัง
 
บรรยากาศเริ่มคึกครื้นขึ้นเยอะครับ น้องๆต่างเข้าไปให้พี่ปีโตๆ ผูกข้อไม้ข้อมือให้เป็นการใหญ่ แถวชักเริ่มไม่เป็นแถวแล้วครับ วุ่นวายหน่อย แต่บรรยากาศแบบนี้แหละคณะผม
 
อ้ะ มาแล้วๆ ฟ้าผูกเสร็จละครับ ตอนนี้ตาผมละ

“น้องชื่ออะไร อยู่ภาคไหนครับ” ผมยิ้มแล้วถามน้องผู้หญิงหน้าตาน่ารักตรงหน้าที่ยื่นข้อมือให้

“แจนค่ะ อินทีเรีย 308” เธอยิ้มจนตาหยี 

“พี่ชื่อวินนะครับ เรียนเต็ก รุ่น 76 ตั้งใจเรียนนะคร้าบ มาอยู่คณะนี้ต้องอดทนนะ โชคดีๆ” ผมพูดไปผูกข้อมือไป พอเสร็จน้องก็เขยิบไปทางกล้าต่อ
 

จากนั้นก็ไม่ได้หยุดเลยครับ


ผมถามชื่อ อวยพรผูกข้อมือน้องๆ หลายต่อหลายคนได้สักพัก สายสิญจ์ที่เตรียมไว้ก็หมด ผมยิ้มแหะๆ ให้กับน้องผู้ชายชื่อนิว (เพิ่งถามเมื่อกี้) ตรงหน้า
“แป๊บนึงนะ”
 
ผมหันไปถามคนข้างๆ
“ฟ้าๆ มีเหลือมั้ยอ้ะ”

“อื้อ เหลือแค่นี้อ้ะ เธอแบ่งไปดิ่” ฟ้ายื่นสายสิญจ์ส่วนของตัวเองมาให้สี่เส้น

“ขอบคุณๆ”

“เฮ้ย ของกูก็หมดนิ” กล้าหันมาแบมือขอบ้าง

“โอ้ย ปล้นกูมั้ย นี่ถ้าหมดต้องไปเอาจากน้องหมิวละ” ผมบอกขณะหยิบให้มันไปครึ่งหนึ่ง แล้วหันกลับมาผูกข้อมือต่อ

“อ้ะ มาละครับน้องนิว ขอให้ผ่านสตูแบบชิวๆ ได้นอนเต็มอิ่มนะคร้าบบ” ผมพูด

“มาๆ ต่อเลย เส้นสุดท้ายแล้ว”

ผมก้มหน้าหยิบสายสิญจ์เส้นต่อไป พอเงยหน้าขึ้นก็สบตาเข้ากับคนที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว

..
ไอ้หน้าหล่อนี่นา
“ไง” ผมทัก

“นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว” คนตรงหน้าผมพูดขึ้น

“หือ เนี่ยอ่ะเหรอ” ผมชูสายสิญจ์เส้นเดียวในมือขึ้น “เส้นสุดท้ายพอดี.. เอามือมาดิ่ เพื่อนน้องหวานใช่มั้ย”

มันมองหน้าผมอึ้งๆ ไม่นึกว่าผมจะจำได้ล่ะสิ “อะ อื้อ..” มันตอบเสียงเบาๆ แล้วขมวดคิ้ว “รู้จักหวานด้วยเหรอ”   

“รู้ดิ่ ปีหนึ่ง ป๊อบด้วยนี่” ผมตอบหน้านิ่ง “แต่ยังไม่เคยเจอเลย คนไหนล่ะ” พูดพลางเอาสายสิญจ์วนรอบข้อมือของมัน ทำไมมือใหญ่จังวะ..

“จะอวยพรอะไรผมดีอ่ะ” คนตรงหน้าผมถามแล้วยิ้มกริ่ม

“อืมมม อะไรดี ขอให้ได้เอวิชาสตู”

มันทำหน้ายู่ “ไม่เอาอ่ะ ผมเก่งแล้ว”

“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวก็รู้ นี่ยังไม่ได้เริ่มของจริงป่ะ” ผมหัวเราะ “แล้วอยากได้อะไร จะได้จัดให้ถูก”

“อยากสมหวัง”

“เห้อ .. เอาซะกว้างเชียว โลภว่ะ…” มันมองผมด้วยสายตาจริงจัง “เออๆ เอ้าๆ ขอให้สมหวังละกัน” ผมอวยพรตามใจพร้อมผูกข้อมือเสร็จสรรพ

“นี่เรียนภาคไหน รหัสอะไรล่ะ”

“เต็ก 012” คนตรงหน้าตอบผม

“เอ้ย บังเอิญจัง!... เอ้า ฟ้า! น้องเธอแน่ะ” ผมสะกิดคนข้างๆ “พอดีเลย”

ฟ้าละมือจากน้องที่เธอกำลังอวยพรอยู่ “เอ้ยยย มีผู้ชายเพิ่มในสายแล้วววอ้ะะะะ” ฟ้าพูดเสียงตื่นเต้น

“เหลนรหัสแล้วมั้ย” ผมแซว

“วิน!!” ฟ้าเอามือตีไหล่ผมดังป้าบแล้วหันไปพูดกับไอ้ปีหนึ่งนี่แทน “ยินดีต้อนรับเข้าสายพี่ พี่ชื่อฟ้านะคะ โอ้ยดีใจ มีน้องหน้าตาดี!” ฟ้าพูดอย่างดีใจแล้วชวนไอ้หล่อหน้าผมคุยไปเรื่อย

“เอ๊ะ ไอ้ตี๋นิ” ไอ้กล้าสะกิดไหล่จึกๆ ผมเลยหันกลับไปเลิกคิ้วถาม

“ว่าาา”

“น้องคนนี้แหละนิ ปีหนึ่งที่มาอุ้มมึงตอนมึงเป็นลม กูจำด่าย” กล้าพูด
 
เอ้ยย ไอ้หมอนี่เนี่ยนะ
ตายห่าา
 
“ว้ายย น่ารักอ้ะ” ฟ้าพูดขึ้นเสียงดังจนผมหันกลับไปมอง

เด็กปีหนึ่งตรงหน้ายิ้มแบบที่สาวน่าจะกรี๊ดด้วยความหล่อใส่พวกผมก่อนจะลุกขึ้นยืน “งั้นผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณมากครับพี่ฟ้า.. พี่วินด้วย” ทำไมคำว่าพี่ของกูมันเบาจังล่ะวะ ไอ้เด็กนี่ กวนตีนกูป่ะเนี่ย 

ร่างสูงเดินฉับๆ ออกกไปแบบไม่รีรอ

“เอ้อ แล้วมันชื่ออะไรนะ ยังไม่ได้ถามเลย” ผมหันกลับไปถามฟ้าแบบเพิ่งนึกขึ้นได้

ฟ้าหันมาพูดแล้วยิ้มกว้าง “ชื่อหวานอ่ะ น่ารักดีเนอะ”
 

หา…….

“ห้ะ ชื่ออะไรนะ...”

“หวาน ชื่อหวาน แบบหวานเจี๊ยบอ่ะ” ฟ้าย้ำ
 
เหมือนมีคนเอาถังน้ำแข็งมาราดหัวผมเลยครับตอนนี้
โป๊ะกว่านี้มีอีกมั้ยครับ !!!!
 
_ _ _

ตอนที่ 5 มาแล้วค่า ยาวไปหน่อยนะคะ หวังว่าจะชอบกันค่ะ

/คุณตะวันนี่น่าหมั่นไส้ในทุกท่วงท่า
/ในที่สุดเจ้าหวานก็มีบทซักที!
/ตี๋วินทำงานหนักจังงง TvT
/ชอบอาร์ตจังเลยค่ะ เป็นตัวละครที่เขียนแล้วสนุกจัง :3

ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์เลยค่ะ ดีใจ  :pig4: :pig4: :pig4:
พบกันในเร็ววันค่า :D
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 31-05-2017 23:02:24
ฮือออออ น่าร๊ากกกกก เรายังหลังรักตี๋วินเลย ไม่แปลกที่ตี๋จะมีคนมารุมรัก  :hao7: :ling1:
อยากอ่านต่อแล้ววววววว
หัวข้อ: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 01-06-2017 00:05:46
ตี๋วินไม่มีสาวเข้าหา แต่เหมือนจะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เรียงคิวเป็นพระเอกหลายคนเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 01-06-2017 00:27:49
กรี้ดดดดด ตอนนี้ยาวมากกกกกกกกก ดีสุดๆค่ะ

โอ้ยละยิ่งเลือกไม่ถูกเลยว่าใครดีน้า

ตืดตามตอนต่อไปค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 01-06-2017 01:02:23
เชียร์หวานนะ  อิอิ  บึกบึนแข็งแรงดี  555
อุ้มตี๋วินไว้ตอนเป็นลม  เหอๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-06-2017 02:03:39
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 01-06-2017 18:52:09
วิน.... :ruready :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 02-06-2017 00:53:07
เป็นไงละตี๋เจอหวานเข้าไป หวานจี๊ดเลยไหม55
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 07-06-2017 19:05:12
รอตี๋วินอยู่ทุกวันเลยยยยยยย เข้ามาดูทุกวันเลยนะคะ คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 13-06-2017 22:17:04
ความเสี่ยงที่ 6

ผมเจอหวานแล้ว
 
หวานเป็นน้องปีหนึ่งของผม
หวานเป็นรุ่นน้องภาคผม เรียนเต็ก
หวานอยู่สายรหัสเดียวกันกับฟ้าแฟนเก่าผม
 
และ


…...

หวานเป็นผู้ชาย
หวานเป็นคนอุ้มผมตอนเป็นลมอีกต่างหาก
 
วอทดาฟัก… อะไรจะแจ็คพอตขนาดนี้วะครับ..
 
หลังจากจบการผูกข้อไม้ข้อมือก็ได้เวลาพักเพื่อจะเตรียมตัวขึ้นรถไปมีตติ้งกันที่ระยองต่อ
ผมก็นั่งหน้ามึนรอพวกเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ แบ่งกลุ่มเพื่อรอขึ้นรถบัสที่จอดรอไว้ น้องหมิวบอกว่าปีนี้คนจะไปทริปมีทั้งหมดเกือบๆ สามร้อยคน น้องปีหนึ่งแปดสิบนิดๆ พวกปีสองถึงปีสี่อีกร้อยห้าสิบ ปีห้าน้อยหน่อย (ตั้งใจทำทีสิสไปเถอะพวกมึงน่ะ!!)
รวมกันกับพี่ปีแก่ๆ อย่างพวกผมอีกราวๆ สามสิบคน เสียงขานชื่อดังล้งเล้งไปหมด
 
ผมนั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าคณะ
 
“มีหวานเดียวแหละพี่ ไอ้หวานที่พี่เคยถามไง หล่อๆ มีไฝตรงนี้” เต้ หลานรหัสสุดรักของผมเอามือชี้หน้าตัวเอง

เออ กูแค่ถามเพื่อความมั่นใจไง
เผื่อชื่อมันจะโหล..
 
“เอาข้าวป่ะเฮีย” มันยื่นข้าวกล่องมาให้ ขณะที่ตัวมันเคี้ยวตุ้ยๆ

“ไม่เอาอ่ะ กินไปเมื่อตอนเย็นก่อนเข้าคณะ”

“เออ วันนี้ตอนผูกข้อมือนี่เฮียป๊อบนะ น้องต่อคิวกันเป็นแถวเลย บางคนไม่ได้บ่นเสียดายกันใหญ่”  มันพูดแล้วนั่งลงข้างๆ ผม

“เหอะ มึงเห็นของไอ้พีท ไอ้น้ำ ไอ้บอยรึเปล่า ยังกะงานแจกลายเซ็น โน่น ยังยืนอ่อยน้องอยู่นู่น” ผมพยักหน้าไปทางคอร์ทกลาง นี่งานมีทแอนด์กรีทหรือเปล่าครับ ยืนหัวเด่ยิ้มร่าเริงอยู่สามคนในดงผู้หญิง 

“เออจริง เดินมาดอยสายสิญจ์จากพวกผมตั้งสามสี่รอบ” เต้เห็นด้วย

“ทริปนี้จัดรถไปกี่คันอ่ะ” ผมถามขึ้นมา

“ไปกันสี่คันอ่ะพี่ ให้น้องเป็นหลัก พวกปีโตบางคนก็ขับรถไป”

“เออ ดีแล้ว ไม่เปลือง กูก็ไปกับเดอะแก๊งค์ พีท อาร์ต น้ำ”

“ขับดีๆ พี่ไม่ต้องรีบ ไปถึงก็น่าจะเช้ามืดแหละ เข้าที่พักก่อน กิจกรรมจริงๆ เริ่มสิบเอ็ดโมงโน่น”

“ดีๆ กูจะได้นอนก่อน ไม่ไหวๆ” ผมส่ายหัว

“เออ ไม่เป็นไรแล้วใช่ป่ะ ที่วันก่อนเฮียเป็นลมอ่ะ” เต้ถามขึ้นเร็วๆ “ผมงี้โคตรตกใจเลย”

“เออ ไม่เป็นไรละ นอนน้อย โรคกระเพาะด้วย” ผมเสมองไปทางอื่น อายอ่ะครับไม่ใช่อะไร...

“โอ้ย ดูแลตัวเองบ้างเฮีย โค้กอ่ะเลิกๆเหอะ” มันบ่นครับ มันบ่นผม!

“มึงกินเหล้า ดูดบุหรี่งี้แย่กว่ากูแดกโค้กป่ะเต้..” ผมทำหน้ายุ่ง
 
“พอกันอ่ะ..” น้ำเดินนำเข้ามา อ้าว งานมีทติ้งมึงจบแล้วเรอะ “นี่อาร์ตกับพีทไปไหนอ่ะ” มันถาม

“พีทไม่รู้ มันอยู่กับมึงไม่ใช่เรอะ แต่อาร์ตกูเห็นมันเดินไปกับพวกน้องหมิวปีสี่ทางนู้นเมื่อกี้” ผมบอก “เดี๋ยวกูโทรหาให้”
ผมกดโทรศัพท์หาอาร์ต บอกมันว่ารออยู่หน้าคณะบวกกับฝากมันตามหาไอ้พีทให้ด้วย พูดจบผมก็วางสายไป
 
“พี่น้ำ เป็นไงบ้างพี่ บริษัทดีไซน์ที่ทำอยู่” ไอ้เต้ถาม “ผมกำลังมองหาที่ฝึกงานตอนปีสี่อ่ะ”

“ก็ดี แต่มาถึงต้องดราฟก่อนอ่ะ นี่กูเขียนห้องน้ำมาสามเดือน เพิ่งได้แตะบันไดหนีไฟเมื่ออาทิตย์ก่อน” มันพูดเซ็งๆ

“โห งี้คือลืมเรื่องดีไซน์ไปได้เลย” น้องผมถอนหายใจหนักๆ “อยากออกแบบว่ะพี่ เข้าไปจะได้ทำมั้ยอ่าา”

“ทีละขั้นไงมึง อย่าใจร้อน รักจะเป็นเทพดีไซน์ล่ะก็” น้ำพูดอย่างใจเย็น

“ก่อนอื่นมึงก็จะได้เป็นเทพห้องน้ำ ต่อไปก็เป็นเทพบันไดหนีไฟเหมือนไอ้น้ำไง” ผมแทรกขึ้น

“เออ ถูกของมึง ตอนนี้หลับตาตีแคดห้องน้ำได้ละ สบาย” ไอ้น้ำพูดเสียงไร้อารมณ์

“ถ้าอยากออกแบบ มึงต้องไปบริษัทเล็กๆหน่อย จะได้มีโอกาสทำทุกอย่าง” น้ำแนะนำ

“อือ เห็นด้วย เข้าบริษัทใหญ่ต้องอดทน” ผมเสริม “มึงลองถามพวกไอ้เฟิร์สดูดิ่ รายนั้นบริษัทเล็กจริง มีเต็กอยู่สามคน ทำแม่งทุกอย่างตั้งแต่ออกแบบยันส่งเอกสาร เหนื่อยหน่อย”

“แต่ลองดูก็ดี กูเคยฝึกงานแบบนั้นแล้วอ่ะ จบมาเลยมาอยู่บริษัทใหญ่ดูบ้าง” น้ำพูดขึ้น
 
หลายๆคนในรุ่นผมก็ทำงานกันหลากหลายนะครับ คนที่ยังทำสถาปนิกสายออกแบบก็เยอะ หน้าไซท์ก็มีบ้าง ส่วนคนที่ออกไปทำอย่างอื่นเลยก็มี แต่มีผมเนี่ยแหละครับ ออกมาทำที่ปรึกษาอยู่คนเดียว
 
ผมเป็นมนุษย์ตรรกะตรงแด่วครับ จะมาออกแบบเอาใจลูกค้า ให้แก้แล้วแก้อีกงี้คงทนไม่ได้ (ไอ้ประเภท ทำไมออกแบบออกมาแล้วดูไม่แพงเลย หรือบอกว่างานไม่สวยแต่อธิบายเหตุผลไม่ได้ว่าไม่ชอบตรงไหนน่ะ) หรือจะให้ไปอยู่ราชการที่ต้องมีการเมืองเยอะๆ ก็คงไม่ได้อีก อาจารย์ที่ปรึกษาผมเลยแนะนำว่าผมน่าจะทำได้ดีกับอะไรที่มีข้อเท็จจริง มีตัวเลขให้เห็น จับต้องได้มากกว่า
 
ผมมันพวกต้องเอาเหตุเอาผลมาเป็นที่ตั้งน่ะครับ ไม่ชอบเดาเอาสุ่มๆ 
เลยมาเป็นนักวิเคราะห์อยู่นี่ไง...

_ _ _ _

 
“เต็กปีหนึ่ง เต็กปีสอง รถคันที่หนึ่งนะคะ ส่วนอินปีหนึ่งปีสอง รถคันที่สอง เต็กอินปีสาม รถคันที่สาม นอกนั้นอยู่คันที่สี่เลย” น้องหมิวเจ้าประจำประกาศเสียงดัง “ตัวแทนรถออกมารับน้ำดื่มด้วยค่าาา”
 
ลานหน้าคณะตอนนี้เต็มไปด้วยคนมากมายครับ ปีสี่กำลังช่วยเชคตามรายชื่อเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้หลงลืมใครไว้ที่คณะ ส่วนพวกที่ขับรถตามไปเองก็ต้องรายงานตัวนะครับ เดี๋ยวจะไม่มีที่นอนเอา ส่วนพวกผมปีโตแล้วก็ใช้ไอ้น้องเต้ที่นั่งคุยกันเมื่อกี้นี่แหละครับไปจัดการให้ ลอยตัวครับพูดเลย 
 
เวลาตอนนี้ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง หลังจากมองดูน้องๆ บางส่วนทยอยกันเดินแถวขึ้นรถ พวกผมก็ได้เวลาเคลื่อนตัวกันบ้าง นอกเหนือจากพวกผมที่แบ่งรถกันไปสามคัน (ของพีท บอย และก็ปั่น) เพื่อนๆที่เข้าคณะมาวันนี้แต่ไม่ได้ไปทริปก็เตรียมตัวกลับบ้านเหมือนกัน
 
ตอนที่กำลังยืนรอระหว่างแบ่งรถกันอยู่สายตาผมก็เหลือบไปเห็นร่างสูงเด่ไอ้น้องหวานคนนั้น..

อืม ผู้ชายอะไรวะชื่อหวาน พ่อแม่มันคิดอะไรอยู่วะตอนตั้งชื่อ ชอบกินของหวานตอนท้องงี้ ตอนเด็กๆมันจะโดนล้อมั้ยอ่ะครับ หรือว่ามันเพิ่งมาเปลี่ยนเองตอนโต หรือตอนเด็กๆหน้ามันจะหวาน
เอ่อ.. อันนี้ไม่น่าจะใช่แฮะ..
หรือมันจะมีพี่ชื่อเปรี้ยว เออ อันนี้เข้าท่า.. ผมคิดหาเหตุผลไปเรื่อย จนรู้ตัวอีกที เจ้าของชื่อคนนั้นก็ยืนยักคิ้วให้ผมจึกๆ มองกลับมาทำให้ผมต้องรีบหันหน้าหนี
 
ก็ไม่ได้อยากมองหรอกครับ แต่มันตัวสูงไง
แล้วกูก็แค่สงสัยเรื่องชื่อมึงเท่านั้นแหละ
 
“นั่งเบียดๆ กันไปหน่อยละกันนะ แป๊บเดียว รถไอ้บอยกับปั่นเต็มแล้วอ่ะ”
พีทบอกหลังจากที่เอ้กับฟ้าเดินมาขอติดรถออกจากคณะ

“สบายมาก เราไม่เกี่ยงอ่ะ” เอ้ ผู้หญิงผมสั้นเกรียนสุดจะคูลบอกปัดๆ

อย่างที่ว่าอ่ะครับ เอ้เป็นหนึ่งในสามมือกลองคณะ ตอนที่ปีผมออกไปเชียร์โต้กับที่อื่น สาวๆงี้กรี๊ดกันแทบสลบ ถึงขนาดมีคนถ่ายรูปเอาไปลงเพจคณะอะไรนั่นเช่นเดียวกับพวกไอ้น้ำ พีท และบอยผู้เป็นสมบัติคณะ (ตามที่คนอื่นเขาเรียกกัน) คนกดไลค์กันเป็นร้อยเป็นพัน
 
ไม่อยากจะพูดว่าผมยังไม่เคยได้ลงเลยอ่ะครับ ว่าแต่เป็นชัตเตอร์กดติดวิญญาณอยู่ข้างหลังพวกมันนี่นับมั้ยอ่ะครับ ถ้านับก็ได้ลงเยอะอยู่นะผมกะไอ้อาร์ตเนี่ย
 
“โอเค เอาของขึ้นรถหมดแล้วใช่ป่ะ” พีทถามแล้วกดเปิดประตูรถ BMW สีแดงของมัน

“กูนั่งหน้า!” อาร์ตรีบพุ่งตัวไปที่ประตูรถข้างคนขับทันที “กูเมารถ”

“เห้ยย ไม่เอาา กูเมากว่ามึงอีกเชี่ยอาร์ต มึงก็รู้” ผมแย้ง

“มึงนั่งข้างหลังตรงกลางไปก่อน เดี๋ยวกูเปลี่ยนให้” มันไม่ยอมครับ

“ต้องเปลี่ยนนะมึง พีท ถ้าไม่เปลี่ยนกูจะอ้วกใส่รถมึง!” ผมรีบขู่

พีทส่ายหัวด้วยความเซ็ง “เออๆ พวกมึงไปนั่งไป เดี๋ยวตอนแวะพักกูให้เปลี่ยน”     
 
ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะหลังตรงกลาง น้ำอยู่ด้านขวา ส่วนฟ้ากับเอ้นั่งเบียดกับผมที่ฝั่งซ้าย จะได้ลงง่ายๆ
อาร์ตรับหน้าที่กดเลือกเพลงสำหรับการเดินทางอยู่เบาะหน้า “เอาเพลงไรดีอ้ะ”

“ไม่เอาบอสซ่า เดี๋ยวกูหลับ” พีทตอบ อาร์ตกดสุ่มเพลงร็อคขึ้นมาจากไอโฟนของมัน “จัดไป”

ฟ้าย่นหน้า “นี่ต้องไปทะเลด้วยความเมทัลระดับนี้เลยเหรอ”

“ปลุกใจๆ” อาร์ตตอบขำๆ “เออ นี่ฟ้าทำอยู่ที่เดิมป่ะ ที่ทำคอนโดเยอะๆ” มันถามต่อ

“ช่ายย อยู่ห้องแบบเลยอ่ะ เหนื่อยดี ต้องคุยกับมาร์เก็ตติ้งด้วย แต่คงเหนื่อยไม่เท่าเอ้เนาะ” ฟ้าพยักหน้าไปทางอีกคน

“ใครจะอยากอยู่หน้าไซท์แบบเร๊าา” เอ้พูดขึ้น “ไอ้อาร์ตยังไม่เอาด้วยเลย แม่งเลือกฝ่ายแบบเฉย”

“ใช่ดิ่ ใครจะอยากออกไปตากแดดเหมือนมึงครับทอม ร้อนจะตาย” อาร์ตเบ้หน้าใส่ “กูชอบห้องแอร์”

“หวาย อ่อนนน ผู้ชายอะไรไม่แมนเลอออ” เอ้พูดล้อๆ

“ครับ ครับ บนรถนี่มึงแมนสุดละครับทอม” อาร์ตประชด
 
อย่างที่ผมเคยบอกครับ อาร์ตกับเอ้ทำงานที่เดียวกันแต่คนละฝ่าย อาทิตย์นึงจะเจอกันสักครั้ง เอาจริงๆสองคนนี้ตอนเรียนก็ไม่ได้สนิทกันมากนักนะครับ เพิ่งเห็นว่าแซวเล่นกันก็หลังจากเริ่มทำงานนี่เอง จริงๆ สมัยก่อนเอ้สนิทกับน้ำและบอยมากกว่าเพราะฝึกกลองด้วยกันตลอด กินนอนด้วยกันเป็นเดือนๆ
 
“เออ นี่ เมื่อกี้เราไปดูฝ่ายพยาบาลมา เลยขอยามาเผื่ออ่ะ” ฟ้ายื่นซองยามาให้ผม “แก้โรคกระเพาะ จะได้ไม่เป็นลมอีกไง”

“เอ้ย อย่าแซวดิ่ อายนะเนี่ย! แต่ขอบคุณมากฟ้า ช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณมากๆ” ผมหยิบของมาจากมือแล้วพลิกซ้ายพลิกขวาดู

“สบายมาก” ฟ้าตอบ
 
ผมว่าทั้งรถเงียบนะ เงียบจนถึงขนาดได้ยินเสียงแอร์คลอไปกับเพลงร็อคของไอ้อาร์ตเลย

“อ้ะ เราลงตรงนี้แหละ” ฟ้าพูดขึ้น พีทเปิดไฟเลี้ยวและชิดซ้ายให้ตามคำขอ

“ขอบคุณมาก เที่ยวให้สนุกล่ะ”

“ขอบใจๆ” ทั้งสองคนพูดขณะก้าวลงจากรถ

“กลับบ้านดีๆล่ะ” อาร์ตเปิดกระจกแล้วพูดลา

“อย่ากินเหล้าเยอะล่ะ” ฟ้าเสริม “พีทขับรถดีๆนะ”

“คร้าบ” เจ้าตัวตอบรับเสียงยานคาง

“บายยย” ต่างฝ่ายต่างก็ร่ำลากัน อาร์ตกดกระจกข้างตัวขึ้นจนสุด
 

หลังจากพีทเลี้ยวรถออกมาได้ไม่เท่าไหร่อาร์ตก็ถามขึ้นทันที

“ตี๋ มึงกับฟ้านี่คุยกันได้เหมือนเดิมเลยเหรอวะ”

“เออ นั่นดิ่ กูกำลังจะถามเลย” พีทอดไม่ไหว

“กูก็คุยกะเขาแบบนี้ตลอดแหละ” ผมตอบ “ทำไม แปลกเรอะ”

“แปลกสิ มึงเป็นแฟนเก่ากันนะ ตอนนั่งแจกรุ่นน้องก็นั่งติดกัน แถมยังเอายามาเผื่อมึงอีกอ้ะ” อาร์ตหันหลังกลับมามองหน้าผม

“ไม่มีแบบ เข้าหน้ากันไม่ติดบ้างเหรอวะ กูกับแฟนเก่าที่เป็นเด็กอักษรนี่ เขาไม่มองหน้ากูเลยนะ” พีทถาม

“ใช่ๆ พวกมึงเหมือนเดิมมาก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยอ่ะ” อาร์ตพูด

“โว๊ะ หนึ่ง เชี่ยพีท มึงบอกเลิกเขา สอง เชี่ยอาร์ต ทำไมกูกับฟ้าจะเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันนี่หว่า คบกัน เลิกกันก็จบ เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี กูก็เหมือนพวกมึงที่เป็นเพื่อนเขาแหละ แค่ไม่ได้คบเป็นแฟนแค่นั้นเอง” ผมเถียง

“รู้ได้ไง เขาอาจอยากกลับมาเป็นแฟนกับมึงก็ได้” พีทโต้

“ไม่อ่ะ ฟ้ากับกูตกลงกันแล้วว่าตอนนี้เป็นเพื่อนกันดีกว่า มันไม่รู้สึกเหมือนแฟนแล้วอ่ะ” ผมตอบหนักแน่น 

“แม่ง คนจริง” น้ำพูด “ตรงชิบหายยยยเลยยย” มันลากเสียงยาว

“เออสิวะ! ไม่มีใครกั๊กเหมือนมึงหรอก!” ผมพูดเสียงดัง โดยมีพีทหัวเราะเป็นลูกคู่ และอาร์ตนั่งพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ

“เอ้า กูกั๊กอะไร” น้ำทำเสียงสูง

“น้องพลอยไง น้องพลอย ยังต้องถามอีกเหรอวะ” พีทเฉลย

“ไม่มีไรแล้วอ่ะ พี่น้องกัน ปกติๆ”

“ไอ้ตี๋อ่ะกูเชื่อ ว่ามันเลิกกับฟ้าจริงแต่ยังเป็นเพื่อนกัน แต่มึงน่ะ ให้ตายกูก็ไม่เชื่อ น้องพลอยยังเมนต์ยังกดไลค์เหมือนเดิมอยู่เลย แหววกว่าเดิมอีก” อาร์ตพูดรัวๆ
“แฮชแท๊ก bettertogether ก็ยังอยู่ ห่าา ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่” มันหยิบโทรศัพท์ให้ดูหน้าไอจีด้วยครับ ทำเอาไอ้น้ำเงียบไปเลย

“เออ กูไม่ได้เป็นไรกันแล้วจริงๆ เชื่อกูเห้อะ” มันพูดโอดโอย

“เอาที่มึงสบายใจเถอะครับคุณน้ำ” ผมประชดใส่ มันมองผมแล้วทำเบื่อโลก ทำเอาไอ้อาร์ตที่หันมาคุยอยู่หัวเราะพรูด ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันกลับไปเลือกเพลงในไอโฟนของมัน ส่วนพีทก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วตั้งใจขับรถต่อ
 
สรุปพวกผมก็ยังเค้นมันไม่ได้อยู่ดีครับ แต่ก็ไม่ใช่ธุระอ่ะนะ ถ้ามันจะไหลไปได้เรื่อยๆก็ตามใจเหอะครับ
ผมขอนอนสักงีบแล้วกัน ถือซะเป็นการตุนล่วงหน้านะ
 
_ _ _ _
 
 
“นี่ๆ กูจะแวะปั๊มข้างหน้านะ พวกมึงจะเอาอะไรกันมั้ย” เสียงพีทพูดขึ้นทำให้ผมลืมตาตื่นมาแบบงงๆ
“อาร์ต ตี๋กับน้ำมันหลับป่ะวะนั่น หันไปปลุกพวกมันดิ้”

ผมลืมตามาพอดีกับที่อาร์ตหันหลังกลับมาดู ผมมองไปข้างๆ ไอ้น้ำที่เอาหัวพิงกระจกอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี

“พวกมันตื่นละ” คนตัวเล็กสรุป
ผมกระพริบตาปริบๆ บิดขี้เกียจแล้วหาวออกมาวอดใหญ่

“เดี๋ยวออกจากนี่กูเปลี่ยนขับให้มั้ย พวกมึงจะได้หลับบ้าง” ผมเสนอระหว่างพีทเลี้ยวรถ

“ไม่เป็นไร อีกชั่วโมงนึงก็ถึงแล้วแหละ น่าจะถึงซักตีสามพอดี นอนทีเดียว” ไอ้พีทตอบ “จอดนี่เนอะ”
มึงไม่ได้นอนหรอกเชื่อดิ่ แม่งต้องมีวงเหล้ากันตั้งกะไปถึงชัวร์..
 
“อือ โอเค เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อน” อาร์ตขยับตัว

“ไปด้วยดิ่” ผมบอก

“กูก็ปวด” พีทก็ด้วย

“ไปกันให้หมดนี่แหละ โว้ะ” อาร์ตบอกตัดหน้าไอ้น้ำที่กำลังจะอ้าปาก
 
หลังจากพวกผมทำธุระกันเสร็จ ก็ได้เวลาเดินหาของกินในเซเว่นแล้วครับ
ผมเดินเลือกหยิบขนมกรุบกรอบใส่ตะกร้าไปเรื่อย ตามจริงแล้วผมไม่ค่อยชอบกินขนมถุงๆแบบนี้เท่าไหร่หรอกครับ นานๆ จะกินซักทีนึง แต่งวดนี้ผมตั้งใจจะไม่กินเหล้าครับ! เลยว่าจะหาของกุบกิบไปนั่งกินในวงแทน
 
“พวกมึงจะกินน้ำอะไรกัน.. ไอ้ตี๋… มึงห้ามแดกโค้ก” ไอ้พีทที่ยืนอยู่หน้าตู้แช่เย็นอยู่หันขวับมาบอก ขณะผมกำลังจะอ้าปาก

“เอ้า….” ผมร้อง

“เออ เอาน้ำเปล่าไปให้หมดนี่แหละ” พีทพูดแล้วหยิบน้ำขวดใหญ่ออกมาสามสี่ขวด “เผื่อตอนกินเหล้าด้วย”

“พวกกูอดเป็นเพื่อนมึงเลยนะเนี่ย” อาร์ตเดินมาโยนขนมใส่ตะกร้าที่ผมถืออยู่ “ขอบคุณพวกกูซะ”

“กราบขอบพระคุณครับคุณเพื่อน ผมจะไม่ลืมน้ำใจทุกท่านในครั้งนี้เลย”

“มากไปแสด” อาร์ตเอาศอกกระทุ้งผมเบาๆ

“ไปกันยัง” ไอ้น้ำที่กำลังเดินมาตามถามขึ้น

“กูอยากนอนต่อแล้วอ่ะ” มันพูด
 
_ _ _ _
 
ขึ้นรถมาผมก็นั่งหน้ามึนอยู่บริเวณเบาะหลังเหมือนเดิมครับ (ไอ้อาร์ตไม่ยอมแลกที่กับผมซะงั้น มันบอกว่าอยากจะเอนเบาะนอน) ไหนๆอีกชั่วโมงเดียวก็จะถึงรีสอร์ทละ ผมก็เลยไม่อยากหลับบนรถ ไอ้อาร์ตน่าจะหลับ (ไม่งั้นก็ต้องได้ยินเสียงจ้อมัน) ส่วนไอ้น้ำก็คอพับไปแล้วครับ ตื่นมาคุยกับไอ้พีทที่กำลังขับรถดีกว่า

“เดี๋ยวนี้มีตติ้งทะเลนี่เขาทำอะไรกันบ้างวะ ตอนพวกเราปีหนึ่งนี่เป็นไง กูลืมไปแล้วอ่ะ” ผมถามขึ้น

พีททำท่านึก “อืมมม รุ่นพวกเราปีหนึ่งก็เล่นเกม.. กินเหล้า แล้วก็เล่นโปโลน้ำแบบถอดกางเกง ที่พอลงไปแล้วพวกพี่ว้ากเอากางเกงไปซ่อนอ้ะ แม่ง.. ต้องเดินโทงๆ ขึ้นมาขุดหากางเกงที่ฝังไว้ในทราย เกมอะไรทุเรศชิบเป๋ง”
 
เออ ชัดเลย ภาพงี้ย้อนมาเป็นฉากๆ เกมอะไรเนี่ยจำไม่ได้หรอกครับ แต่เอะอะก็จะให้ถอดกางเกงลงทะเลอย่างเดียว พวกพี่ผู้ชายน่ะไม่เท่าไหร่ คือของมันก็เหมือนๆกันจะกลัวอะไร แต่พวกพี่ผู้หญิงนี่ดิ่! น่ากลัวมากครับพูดเลย นั่งมองอยู่ริมชายหาดไม่พอ บางคนยังเอากล้องขึ้นมาส่องด้วย
 
โหย ขนลุกพรึ่บ
 
“เออ กูจำอย่างอื่นไม่ได้เลยว่ะนอกจากการแก้ผ้า” ผมพูด “กูเคยถามฝั่งผู้หญิง เล่นเกมชิวๆ ทายคำงี้ บอลชายหาดงี้ เล่นน้ำทะเลงี้”

“จริง ภาพงี้ติดตากูไปเป็นเดือน” พีทพูดแล้วทำหน้ายู่

“ปีนี้ต้องมีอีกแหงๆ ไปนั่งไกลๆกันเหอะมึง กูไม่อยากเห็น ห้าปีที่ผ่านมานี่มันมากพอละ ทำไมชีวิตกูจะต้องมาเห็นของผู้ชายเป็นร้อยเป็นพัน” ผมโอดโอย

“ฮ่าๆ ไอ่เชี่ยตี๋นี่ มึงก็ว่าไป แต่พวกไอ้ปาล์มบอกว่าปีนี้ไม่มีแก้ผ้านะ” พีทว่า “มันว่าจะรับรวมกันทั้งหญิงชาย”

“เชื่อก็โง่ละ” ผมพูด “ไม่มีกูให้เตะเลย”

ไอ้พีทหัวเราะเสียงดัง
 
ผมกับมันนั่งคุยเรื่อยเปื่อยไปอีกสักพัก จู่ๆมันก็ถามขึ้น

“เออนี่ตี๋ กูถามอะไรหน่อยสิ”

ผมพยักหน้า “อือ ถามมาดิ่”

“มึงไม่เหงาบ้างเหรอวะ” มันพูด “ไม่มีแฟนอ่ะ”

“หือ ยังไง เหงาอะไรวะ”

“กูเหงา” พีทพูด “กูต้องมีคนคุยด้วยตลอด”

“เหอ.. มึงก็เลยคุยไปทั่วงี้” 

“ตื่นเช้า ทำงาน กินข้าว ทำงาน กินข้าว กลับบ้าน จบ” มันพูด “มันเงียบไปว่ะ”

ผมทำท่าคิด “กูว่า… มึงแค่ปรับตัวไม่ได้เท่านั้นแหละ ปกติมึงเจอหน้าเพื่อนทุกวันเพราะอยู่หอเดียวกัน พอมาตอนนี้ ทุกคนแยกไปทำงานที่นั่นที่นี่ ไม่ได้เจอกันเหมือนเดิม ออฟฟิสมึงคนน้อยด้วยนิ่ มึงรู้สึกว่าสังคมมึงแคบลง มึงเลยรู้สึกเหงา”
 
มันพยักหน้า
 
“ซึ่งกูจะบอกว่า ที่มึงคุยกับหญิงไปทั่ว แม่งไม่ใช่ทางแก้ว่ะ” ผมพูดแทรกมันที่กำลังจะอ้าปาก

“มึงลองหาอย่างอื่นทำ หาเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง อ่านหนังสือ ดูหนัง อะไรก็ได้คนเดียว มันดีกว่าที่คิด เชื่อกู”

มันถอนหายใจ “มึงนี่ให้คำปรึกษาได้ทุกครั้งจริงๆ” 

“ก็กูรู้สันดานมึงไง” ผมตอบ
 
“เอ๊ะตี๋ รีสอร์ทมันชื่ออะไรนะ” พีทชะลอรถแล้วถามขึ้น “ใช่อันนี้รึป่าววะ”

“บ้านใกล้ทะเล” น้ำที่ไม่รู้ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ตอบให้ “คุยกันขนาดนี้ใครจะหลับลง” มันบ่น

“ไอ้อาร์ตยังกรนอยู่เลอ” ผมชี้ไปหาอาร์ตที่เบาะหน้า

“มีแต่แม่งแหละหลับได้หลับดี” พีทพูดขำๆ แล้วหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปยังรีสอร์ท
 
ผมมองไปยังลานจอดรถ

“อ้าว ยังไม่มีใครถึงเลยว่ะ” พีทพูด ผมจับเบาะด้านหน้าแล้วชะโงกไปดู “จริงด้วย”

“เห้ย ดีๆ งั้นกูจะได้เชคอินแล้วนอนเอาแรงก่อน” พีทพูดอย่างดีใจ

“เย้ ได้นอนบนเตียงแล้ว” จู่ๆไอ้อาร์ตก็ทะลึ่งดีดตัวขึ้นมาจากเบาะ

“เชี่ย!” ผมอุทาน ตกใจหมดห่านี่

“ฮ่าๆ ขวัญอ่อนว่ะมึง” มันขำใส่ ผมเลยโบกไปที่กลางกบาลมันไปหนึ่งที

“โอ๊ย! ไม่เห็นต้องตีกูเลยอ้ะ!” มันโวย

“อ่ะๆ พอๆนะครับพวกมึง ลงไปได้ละ กระเป๋าใครก็หยิบเอาเองนะครับ” น้ำพูดตัดบท
 
“เอ้า ลงๆ” ผมเปิดประตู
 
_ _ _ _
 
พวกผมเช็คอินเข้าที่พักเป็นกลุ่มแรก
หลังจากโทรถามคันของบอยกับปั่นแล้ว พวกมันว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะถึง ส่วนรถบัสน่าจะอีกชั่วโมง น่าจะถึงช่วงตีสี่นิดๆ
กิจกรรมคงได้เริ่มกันสิบเอ็ดโมงละครับ
 
ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม แต่ทางรีสอร์ทก็ยังมีพนักงานอยู่ที่ฟร้อนท์นะครับ ดีจริงๆ นึกว่าจะต้องไปเคาะเรียกซะแล้ว
 
“เซ็นชื่อตรงนี้เลยค่ะ” สาวต้อนรับเงยหน้าขึ้นบอกพวกผม แหม่.. น้องกับเพื่อนนี่จ้องไอ้พีทกับไอ้น้ำซะจะทะลุแล้วครับ 
“บ้านหลังนี้จองไว้ว่านอน 15 คน มีห้องนอน 3 ห้องใหญ่ ทางเราจัดเตียงไว้ห้องละ 5 คนนะคะ ตามมาทางนี้เลยค่า” อีกคนที่อยู่ด้วยกันพูดขึ้น แล้วสาวสองคนก็เดินนำพวกผมออกไปที่บ้านพัก
 
โฮลี่ชิท
มืด ชิบ หาย เลย ครับ
 
พนักงานสาวสองคนที่นำหน้าผมถือไฟฉายส่องทางเดินด้วยความคล่องแคล่ว นี่พรี่ต้องมีญาณวิเศษหรือพลังจิตก่อนมั้ยครับ ถึงจะเดินได้แบบน้อง ผมหันไปสบตากับอาร์ตแล้วพยักหน้าให้กัน
 
ถ้าโดนหลอกไปฆ่ากูก็จะมีเพื่อนละนะ
 
ผมมองดูแล้ว รีสอร์ทนี่ถือว่าเป็นระดับกลางๆ ไม่ได้หรูหราอะไรมาก ห้องพักส่วนใหญ่เป็นบ้านพักหลังใหญ่ ปลูกอยู่ห่างๆกันพอให้มีบริเวณเป็นส่วนตัว คงเอาไว้สำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆแบบนี้แหละครับ นี่พวกปีสี่ก็น่าจะเหมาทั้งรีสอร์ทไว้ หาที่ได้ดีเหมือนกันนะ หลังจากเดินตามสองสาวผู้นำทางไปสักพัก พวกผมก็ถึงที่นอนคืนนี้แล้วครับ บ้านหลังใหญ่มีสามห้องนอน สามห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น มีครัวเล็กๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง พนักงานแนะนำบ้านคร่าวๆ แล้วก็ขอตัวกลับไป
 
พวกผมเดินสำรวจบ้านอยู่สักพักก็ยกของเข้าไปไว้ในห้องนอนห้องหนึ่ง ฟูกเดี่ยว 5 เตียงถูกวางปูไว้ที่พื้นอย่างดีพร้อมหมอนและผ้าห่มมุมหนึ่ง อีกฟากเป็นห้องโล่งๆ ที่พวกผมวางกระเป๋าเป้กองไว้   

“พวกเราก็นอนห้องนี้ไปเลยละกัน แล้วพอพวกมันมาถึงค่อยว่ากัน” ผมสรุป

“โอเค รับทราบ ลาก่อน กูจะนอนละ” อาร์ตเดินแล้วทิ้งตัวจองที่

“มึงนอนมาตลอดทางยังไม่พออีกเรอะ” พีทบ่น “กูเนี่ยคนขับ” มันนั่งลงรื้อของออกจากกระเป๋า

“รีบๆ อาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาแล้วนอนเหอะ พวกแม่งมาถึง ไม่ได้นอนแล้วแน่ๆ” น้ำพูดออกมา
 
พวกผมพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตากันทีละคนสองคน แล้วกลับมานอนเอาแรง
 
_ _ _ _
 
เสียงคุยกันที่อยู่ด้านนอกทำให้ผมงัวเงียตื่นขึ้น ท่าทางว่าพวกแม่งจะมาถึงกันแล้ว ผมคว้าแว่นสายตาข้างตัวมาใส่ลวกๆ ก่อนเปิดประตู ชะโงกหน้าออกไปดูคนที่มาใหม่
 
“เอ้า มึงหลับกันแล้วเหรอ” ไอ้นัททักผม

“อือ ไม่รู้แหละ กูนอนตุนก่อน” ผมหาวใส่มัน “แล้วนี่พวกเด็กมากันยัง” ผมมองเพื่อนๆคนอื่นๆเดินเข้าเดินออกห้องนอนอีกสองห้องอย่างง่วงๆ

“บัสมาถึงหลังกูสักสิบนาทีได้ กูเลยต้องช่วยต้อนทุกคนเข้าบ้านพัก ตอนนี้เรียบร้อยละ” นัทตอบ 

“อ่ออ มิน่ามาช้า” ผมดูนาฬิกา ตีสี่ครึ่งแล้วเหรอเนี่ย
 
ผมกวาดสายตาไปทั่วๆ แล้วก็สะดุดกับลังเบียร์กระป๋องที่เฟิร์สเพิ่งยกเข้ามา “นี่พวกมึงจะกินกันตั้งแต่ตอนนี้เลยเรอะ” ผมตกใจ

“แหม่ เอามาวางไว้ก่อนไง หรือมึงอยากเปิดก่อนก็ได้นะครัช” บอยที่กำลังยกมาอีกสองลังพูดสมทบ

“ไม่เอา แสด กูกลับไปนอนต่อละ” ผมทำหน้าเซ็ง กลับไปนอนดีกว่าครับ “เออ ห้องนี้นอนได้อีกคนนะ ใครจะเข้ามานอนก็เอาเลย” ผมบอก 
 
_ _ _ _

(มีต่อ)


หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 5 ✽update 31.5.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 13-06-2017 22:23:54
_ _ _ _
 
11.00

/ปรี๊ดดดดดดดด/
/ปรี๊ดดดดดดดด/

 
เสียงนกหวีดแหลมๆ ดังขึ้นในขณะที่พวกผมนอนกลิ้งกันอยู่ในห้อง

สี่คนในห้องนี้ตื่นแล้วครับ ไปๆมาๆก็ไม่มีใครเข้ามานอนในห้องพวกผมเพิ่ม มีบางคน (เช่นไอ้เทพ บอย และนัท) นอนกองๆกันอยู่ที่หน้าห้องเพราะมันเปิดเบียร์กระป๋องกินกันตั้งแต่ที่มาถึง น่าจะเพิ่งหลับไปเมื่อหกโมงนี่เอง หลังจากที่ออกไปหาอะไรกินรองท้องตอนเก้าโมงครึ่ง ผมก็กลับมานอนตากแอร์ผึ่งพุงฟังเพลงในโทรศัพท์อยู่บนฟูกอันริมสุด ถัดไปเป็นอาร์ตที่นอนเล่นโทรศัพท์ และพีทที่แต่งตัวเรียบร้อยกำลังนั่งเช็ดผมให้แห้งอยู่ปลายเตียง ส่วนน้ำออกไปเดินเล่นแล้วพักหนึ่ง   
 
“เรียกรวมแล้วว่ะ” พีทพูดขึ้น เอาขาเขี่ยๆอาร์ตที่อยู่ข้างๆ “ลุกๆ” 

“ยังไม่อยากออกไปว่ะะะ” อาร์ตอิดออด “กูอยากนอนตากแอร์อ้ะ”

“มึงนิ่ จะนอนแม่งทั้งวี่ทั้งวันเลยเรอะ” ผมบ่นแล้วพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง หันไปคว้าหมวกแคปสีขาวกับแว่นกันแดดออกมาจากเป้ “ไปเหอะ”
 
ผมเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น ทุกคนออกมาพร้อมอยู่แล้ว วันนี้ผมอยู่ในชุดเสื้อกล้ามยืดย้วยๆสีเทาตัวใหญ่ กางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อคลุมแขนยาวสีขาว หมวกและแว่นพร้อม ช่างแตกต่างกับไอ้พวกในห้องนี่เหลือเกิน บางคนอยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นบ้าง เสื้อกล้ามบ้าง หมวกบ้างแว่นบ้าง มีแต่ผมนี่แหละที่มาเต็มสตรีม ใครไม่เคยโดนแดดเผาคงไม่รู้หรอกครับว่ามันเจ็บแสบขนาดไหน ตอนปีหนึ่งแขนกับหลังคอผมนี่ไหม้เป็นแถบๆเลยครับ หลังจากนั้นมาต่อให้โดนแซวยังไง ผมก็ไม่ยอมถอดเสื้อคลุมนี่เด็ดขาด เอาสิ
 
หลังจากพยายามปลุกขี้เมาสามคนที่นอนกองอยู่หน้าห้อง (ก็ได้แค่พยายามอ่ะครับ ไม่ตื่นหรอก) พวกผมก็ออกมาเดินหล่อว์ๆกันริมทะเล ในขณะที่น้องปีหนึ่งออกมายืนเข้าแถวรวมเพื่ออกกำลังกายตอนเช้าโดยมีปีสามเป็นผู้นำ แหงแหละว่าท่าออกกำลังกายอะไรนี่เป็นแค่ข้ออ้าง ผมยืนกอดอกดูเด็กๆทำท่าตลกๆอยู่ไกลๆ แล้วก็ยืนหัวเราะไปด้วยอยู่สักสิบห้านาทีได้
พวกน้องปาล์มปีสามก็เดินมาบอกให้กระจายตัวไปตั้งฐานให้น้องเล่นเกมกันได้แล้ว
 
“พวกผมจะแบ่งน้องเป็นสี่กลุ่มตามสีผ้าพันคอ มี แดง เหลือง ชมพู ฟ้า กลุ่มละยี่สิบนะพี่ เรามีฐานสี่ฐาน ปีสอง สาม สี่กับห้ารวมกัน แล้วก็ฐานของพวกพี่ ก็วนได้กลุ่มละฐานพอดี เล่นกลุ่มละ 20 นาที เดี๋ยวอีกสิบนาทีเริ่มได้เลย” ปาล์มพูดเร็วๆ
 
พวกผมแปดคนย้ายตัวกันมาอยู่มุมหนึ่งของหาด (ผมว่าคนเมาสามคนนั้นน่าจะตื่นอีกทีราวๆบ่ายสอง) มีร่มห้าคันกางเอาไว้ให้พอมีที่บังแดด กับเตียงผ้าใบอีกสี่ตัว 

“เอ้า ปีเราไม่มีผู้หญิงเลยนี่หว่า” เฟิร์สบอกงงๆ “แล้วเล่นไรดีวะ”

“นั่นดิ่ เอาไงดี” พีทบ่นเบาๆ

“ไหนใครลองเสนอมาหน่อยดิ่ กูจะกินเบียร์รอ” จู่ๆ ไอ้เอ็มก็หยิบเบียร์กระป๋องออกมาจากเป้ที่มันถืออยู่ครับ กูก็ว่าละมันแบกอะไรมาดูท่าหนักๆ

“เฮ้ย ไอ้เอ็ม เอางี้เลยเรอะ!” ผมร้อง

“เอางี้แหละ โตแล้วจะทำอะไรก็ได้เว้ย! ใครเอาบ้าง” มันถามแล้วยักไหล่ใส่ผม แล้วโยนเบียร์กระป๋องให้คนที่ยกมือ
เอาว่ะ กินเบียร์ไปด้วย รับน้องไปด้วย เออ ก็คุ้นอยู่นะ เหมือนภาพนี้เคยเกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน

“จะให้ดีพวกเราต้องเล่นกับน้องด้วยดิ่วะ” ปั่นเสนอ “จะได้สนิทกันไว้ไง”
 
“เอ้ย กูคิดออกแล้ว!” อาร์ตพูดขึ้นมา
“นี่ไง แบ่งน้องกลุ่มหนึ่งออกเป็นสองฝ่าย กลุ่มละ 10 แล้วพวกเราส่งตัวแทนลงไปฝ่ายละคนเป็นหัวหน้าทีม ใส่หมวกเอาไว้  ต่างฝ่ายต่างต้องแย่งหมวกของหัวหน้าทีมฝั่งตรงข้ามมาให้ได้  ลงไปเล่นในน้ำ ฝ่ายไหนหมวกหลุดก่อนแพ้” ไอ้อาร์ตอธิบาย “เอาหมวกขาวไอ้ตี๋ กับหมวกสีน้ำตาลของมึงอ่ะน้ำ” มันชี้ให้เสร็จสรรพ
 
พวกผมพยักหน้าหงึกๆ เออ ก็น่าจะสนุกดี “แล้วใครต้องเป็นคนลงไปเล่นกับน้องนิ” กล้าถามขึ้น

“อืมม ตอนนี้เรามีกับแปดคน น้องมีสี่กลุ่ม ก็รอบละสองคนพอดีไง” ผมพูดแล้วมองไปรอบๆ “ก็จับคู่กันไปละกัน”

“เห็นด้วยๆ” ทุกคนเห็นพ้องต้องกันครับ อ้ะ นู่นๆ น้องสีฟ้าเดินมาแล้ว 
 
หลังจากแนะนำตัวรุ่นพี่และพี่ปีหนึ่งกันแล้ว หลังจากแนะนำตัวพอเป็นพิธี พวกผมก็ให้น้องแบ่งออกเป็นสองกลุ่มตามใจชอบ ให้กลุ่มหนึ่งผูกผ้าพันคอไว้ อีกกลุ่มให้ถอดเก็บ รอบแรกเป็นของเฟิร์สกับเอ็มครับ ผ่านไปด้วยความเฮฮา เกมของไอ้อาร์ตนี่ใช้ได้เลย พวกผมอีกหกคนที่เหลือก็ตะโกนเชียร์กันอย่างเมามัน น้องๆเล่นกันอย่างสนุก ช่วยกันปกป้องรุ่นพี่ฝ่ายตัวเองกันใหญ่ แต่ก็ได้บรรยากาศดีครับ
สรุปแล้วทีมของเฟิร์สชนะไปครับ ไม่รู้เพราะไอ้เอ็มมันเมาเบียร์รึยัง แต่มันขยับตัวหนีช๊าา ช้าครับ กลับขึ้นฝั่งด้วยอาการเปียกมะล่อกมะแล่ก
 
รอบต่อไปเป็นน้องสีแดง พวกผมส่งพีทกับน้ำลงไปพร้อมกัน (ก็ตัวมันยักษ์พอๆกันอ่ะครับ) น้องผู้หญิงนี่สู้ตายถวายชีวิตมาก อืม พวกมึงน่าปกป้องขนาดนี้เลยเหรอวะ หน้าตาช่างมีผลจริงๆ
 
“พวกนี้แม่งอ่อยแสดดด ดูไอ้พีท ใส่เสื้อขาวลงน้ำอ้ะ” อาร์ตหันมาพูดใส่ผม

“เออจริง” ทั้งไอ้พีทกับไอ้น้ำเลยครับ ถึงไอ้พีทจะมีเสื้อรด.สีเข้มใส่คลุมเอาไว้ แต่ข้างในนี่มึงตั้งใจโชว์หุ่นมากเลยนะ ส่วนไอ้น้ำ เสื้อสีเทาของแม่งก็ไม่ได้ช่วยปกปิดหุ่นมันเล้ย  ยิ่งโดนน้ำ มันก็ลู่ติดตัวไปเท่านั้นอ่ะ
 
ไอ้พีทกับไอ้น้ำเป็นพวกหล่อคนละแบบครับ พีทหล่อใสๆประมาณว่าเกาหลีอปป้า ยิ้มทีตาหยีดูไม่มีพิษมีภัย (แต่นั่นล่ะครับ มันหน้าม่อนะ) ส่วนไอ้น้ำเป็นพวกหล่อเข้ม ผิวแทนๆเหมือนพวกนักบอล เอ่อ จริงๆแล้วก็ใช่ มันเข้ามหาลัยมาด้วยโควต้านักกีฬาฟุตบอลน่ะครับ เพราะงั้นเวลาผมอยู่ด้วยกันทั้งกลุ่ม ผมกับไอ้อาร์ตจึงดูจืดจาง เหมาะเป็นแบ๊กกราวน์พวกมันสองคนมากๆ   
 
พวกกูเลยไม่เคยเกิดซักที
 
พูดถึงคนหล่อ.. จะว่าไปก็ยังไม่เห็นไอ้น้องหวานหน้าหล่อนั่นเลยนะ.. ผมสังหรณ์ใจว่ามันจะต้องโผล่มาตอนถึงตาผมลงเล่นแหงๆ ผมเคยบอกรึยังว่าผมคิดอะไรไม่ค่อยพลาดน่ะ

โว้ว แล้วผมจะไปนึกถึงมันทำไมวะ
 
กลับมาที่เกมกันต่อ รอบนี้จะว่ายากก็ยากนะครับ ไอ้พีทก็สูง ไอ้น้ำก็สูง แย่งหมวกที่อยู่บนหัวมันยิ่งยากเข้าไปอีก น้องผู้หญิงก็ช่วยสู้ฝ่ายตรงข้ามสุดๆ ทั้งผลักทั้งดัน กว่าที่น้องผู้ชายคนหนึ่งจะกระโดดคว้าหมวกของไอ้น้ำได้นี่ลุ้นกันไปเป็นแถบๆ
 
“เหนื่อยแสดดด” ไอ้พีทเดินหัวเปียกขึ้นมา “ใครต่อ น้องสีเหลืองมารอละ”

“พวกกูๆ” ปั่นกับกล้าใต้ยกมือ
 
อื้อหือ การจับคู่ระหว่างพี่เทวดากับโจรใต้สำเนียงทองแดงมาละครับ 
 
ทีมของกล้าชนะไปด้วยเวลาไม่ถึงสิบห้านาที ใครจะไปกล้าตบหมวกจากหัวไอ้กล้าวะ.. หน้าโหดชิบเผง นี่ร่างส่วนบนมันแม่งยังไม่เปียกเลยมั้งครับ ส่วนพี่ปั่นคนอบอุ่น (ได้ยินน้องผู้หญิงเขาเรียกกัน) ก็โดนน้องสาดน้ำใส่แล้วชิงเอาหมวกไปอย่างง่ายดาย ชิห์ อ่อนจริงๆ
 
โอ๊ะ ได้เวลาผมลงสนามกับน้องสีชมพูแล้วครับ คู่ปรับผมจะเป็นใครไปได้นอกจากไอ้อาร์ต หลังจากจบการแนะนำตัวของพวกผม น้องๆก็ทำการแนะนำตัวให้พี่ๆรู้จักทีละคนด้วยชื่อเล่น ภาค และรหัส
 
ผมเคยคิดอะไรพลาดที่ไหน...
ไอ้น้องหวานนี่อยู่กลุ่มนี้ครับ…
 
ผมจัดการฝากแว่นกันแดด Gentle Monster ไว้ที่ไอ้พีท (หายไม่ได้นะครับ ไม่มีเงินจะซื้อละ) แล้วก้าวออกมายืนด้านหน้าพร้อมไอ้อาร์ต หันหลังให้พวกน้องๆ ขณะที่เอ็มอธิบายกติกาการเล่น
 
“ถ้าเข้าใจแล้ว ต่อแถวหน้าพี่ที่น้องๆ รู้สึกอยากจะปกป้องได้เลยครัชช เลือกทีมได้เลยคร้าบบบบบบบ จะอยู่กับใครระหว่างพี่ตี๋วิน กับพี่เชี่ยอาร์ตคร้าบบบบ” เอ็มตะโกนถาม ทำเอาน้องฮากันครืน

“ทำไมหน้าชื่อกูต้องมีเชี่ยด้วยอ่ะ” อาร์ตค้อนขวับ

“มันจะได้สามพยางค์เท่ากันไง” เอ็มยักคิ้วใส่ “เอ้าๆ น้องแบ่งกันเสร็จแล้วใช่มั้ยครับบ พี่หัวหน้ากลุ่มหันมาได้เลยคร้าบบบบบ”
 
ผมหมุนตัวหันไปดูลูกทีมตัวเอง อืม น้องผู้หญิงเจ็ดคน และน้องผู้ชายสามคน.. หนึ่งในนั้นคือไอ้หวานนี่แหละครับไม่ต้องเดา มันยืนอมยิ้มมองมาที่ผมจากปลายแถว แหม ผูกผ้าพันคอสีชมพูเข้ากับชื่อมึงเชียวนะ

ผมยิ้มให้น้องๆผู้หญิงในทีม “น้องผู้หญิงดูแลพี่ด้วยนะคร้าบบบบ ส่วนน้องผู้ชาย เอาหมวกไอ้อาร์ตมันให้ได้นะครัช”
น้องๆผู้หญิงตบปากรับคำอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ส่วนน้องผู้ชายก็ดูแข็งขันดีนะ
 
“เอ้า ถ้าพร้อมแล้ว ทีมพี่เชี่ยอาร์ตถอดผ้าพันคอคร้าบบ ลงน้ำได้เลยยยยย” เฟิร์สพูดเสียงดัง
ผมขยับตัวจะเดินไปที่ทะเล

“อ้ะอ้ะ นี่รอบสุดท้ายแล้ว กูขอเพิ่มกติกา.. “ เอ็มทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ทีมใครแพ้ หัวหน้าทีมต้องโดนจับฝังทราย!!!” 
 
ไอ้บ้าาา มาเปลี่ยนกติกาอะไรตอนกูจะเล่น!!
ผมอ้าปากกำลังจะด่าว่าเก็บไว้ให้พ่องเล่นเหอะครับเพื่อน

แต่ว่า
 
“เอาดิ่! กูมั่นใจว่าไม่แพ้!” อาร์ตพยักหน้า ผมอึ้ง

“ไอ้ห่านนนนนนน ถามความสะดวกกูมั้ยมึงงงงง” ผมโวยวาย “ทีมมึงมีผู้ชายตั้งหกคน”

“กลัวหราาาาาา” อาร์ตลากเสียงยาว

“ไม่กลัว” ผมว่าไปก่อน

“แต่ถ้ากูชนะ น้องผู้ชายฝั่งมึงต้องโดนด้วย” ผมยื่นข้อเสนอโดยมีเสียงสนับสนุนจากน้องทีมผมเป็นลูกคู่

“ด้ายยยย” มันว่า
 
“นี่ เอาให้ชนะนะเว้ย พี่ไม่อยากโดนฝังทรายอ่ะ” ผมหันไปพูดกับน้องในทีม น้องๆพยักหน้าให้

“ไม่ต้องห่วง ไม่แพ้หรอกน่า”
ผมแอบสะดุ้งเล็กๆ กับเสียงข้างตัวที่จู่ๆก็พูดขึ้นมา
 
เห้ย
วาร์ปมายืนข้างๆ อะไรตรงนี้วะไอ้เด็กหวานนี่! ตกใจหมด
 
“เอ้า ลงทะเลกัน!!” ผมว่าแล้วใส่หมวกเดินนำหน้าลงน้ำไป
 
_ _ _ _

ตอนที่ 6 มาแล้วค่ะ

ดีใจที่มีคนรอตี๋วิน <3 ฮืออ มากอดทีนึง
จริงๆแล้วตี๋วินเป็นคนน่าแกล้งพอประมาณนะคะ เพราะความเป็นคนจริงจังทำให้มีคนเข้ามาหยอดบ่อยๆ
แต่ฮีก็จะคิดว่าเขาเล่นไปซะหมดแหละ (แต่จริงจังก็มีนะ) ฮีเซนส์ช้าเรื่องนี้ค่ะ แยกไม่ค่อยออก

จะรีบมาต่อในเร็ววันฮ่ะ
จุ๊บุ
  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 6 ✽update 13.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-06-2017 22:47:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 6 ✽update 13.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-06-2017 22:48:24
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 6 ✽update 13.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 14-06-2017 00:53:30
น้องหวานมาปกป้องพี่วินแล้วคร๊าบบบบ~ :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 6 ✽update 13.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 14-06-2017 01:00:37
ฮื่อออออ ตี๋วินของพี่~~~~~~ เห็นว่าอัพก็ดีใจแล้วอ่ะ แต่รู้สึกว่าอ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ แย่เนอะ ฮ่าๆๆๆ มักมากอ่ะคนเรา เฮ้อออ
ชอบภาษานะคะ ปกติไม่ชอบอ่านที่บรรยายด้วยบุรุษสรรพนามที่ 1 สักเท่าไหร่ แต่ภาษาดีค่ะ อ่านแล้วอิน ชอบบบ
รอตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้  :L2:
ปล.จริงๆแล้วชอบพวกเต็กเป็นพิเศษด้วย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 6 ✽update 13.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 16-06-2017 20:25:12
ีอ๊ายยย ถึงตอนนี้จะไม่มีท่านรอง แต่น้อวหวานก็ทำให้ป้ากร๊าวใจมากมายยย
#คถ.ท่านรอง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 6 ✽update 13.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 21-06-2017 21:55:26
ความเสี่ยงที่ 7

การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญครับ รบร้อยครั้งชนะครั้งเดียวก็ดีใจละ (มีสุภาษิตนี้มั้ย.. อ๋อ ไม่มี)
แผนของทีมพวกผมน่ะเหรอ…
 
พี่วินไม่ต้อง...
ผู้หญิงจะไฝว้กันเอง

 
น้องเขาว่างั้นอ่ะครับ
 
ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ…
ขอย้ำครับ….
ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ..
 
ผมที่ยืนแช่อยู่ในน้ำความสูงเท่าหน้าอก ได้แต่มองน้องปีหนึ่งที่เพิ่งแนะนำตัวอย่างใสแบ๊วกำลังห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ฝั่งอาร์ตเองก็ดูตกใจไม่แพ้กัน เพราะมันวางน้องผู้ชายทั้งหกคนไว้เป็นทีมบุก ซึ่งพอมาเจอทีมเจ็ดนารีของผมพุ่งเข้าชาร์ตกันคนต่อคน ทั้งสาดน้ำอัดหน้า ดึงเสื้อ ดึงแขน ทำเอาไปต่อกันไม่ถูก กลายเป็นว่าไม่มีใครฝ่าวงล้อมเข้ามาได้สักคน
 
“หลบนี่แหละ” หวานหันมาพูดกับผมที่กำลังตื่นตะลึงกับความแข็งแกร่งของเพศแม่ มันพยักหน้าให้ผมไปหลบด้านหลัง
แถมยังแนะนำเพื่อนอีกสองคนให้ผมรู้จัก “นี่โจ นี่โบ๊ท” ผมพยักหน้าทักทาย เออ น่าจะปกป้องกูได้ โจเป็นคนสูงประมาณนึงเลยครับ ถึงจะเตี้ยกว่าไอ้หวานอะไรนี่ก็เหอะ ส่วนโบ๊ทเป็นผู้ชายร่างหมีหน่อยๆ

“ช่วยหน่อยนะ” ผมพูด
 
ทีมตรงข้ามพยายามว่ายน้ำหลบเข้ามา น้องๆผู้หญิงส่งเสียงวี๊ดว้ายแต่ก็ยังบล็อกไว้ได้ตลอด คนที่เข้ามาได้ลึกหน่อยก็โดนดึงเสื้อเอาไว้ให้อยู่กับที่ บางคนโดนดึงแรงหน่อยก็เสียหลักลงน้ำไป คนอื่นๆที่อยู่บนฝั่งนั่งหัวเราะกันใหญ่
 
“เห้ยยยยย อ่อนว่ะะะ” ไอ้เอ็มตะโกนมาจากฝั่ง “บุกเข้าไปไม่ได้เลยเร้อออ” เสียงเชียร์ค่อยๆดังขึ้น

“โห ทีมไอ้ตี๋ผู้หญิงโคตรแกร่ง ฮ่าๆ” พีทพูดแล้วหัวเราะดังๆ
 
ทีมผมถึงจะจำนวนเยอะกว่าแต่ยังไงก็เป็นผู้หญิงอ่ะครับ ได้แต่ป้องกัน แต่บุกเข้าไปไม่ได้ซักที ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่น้องผมหมดแรงก่อนแหงๆ ทำไงดี ทำไงดี ผมว่ายน้ำวนๆ อยู่ด้านหลังสุด

“ออกไปช่วยเพื่อนดิ๊ พี่ว่าจะเอาไม่อยู่ละ ถ้ามีโอกาสบุกเดี่ยวไปเลย อาร์ตแม่งอ่อน เชื่อกู” ผมบอกกับทั้งสามคนที่ยืนเป็นกำแพงด้านหน้า

“โจ มึงไป” หวานรีบพูดสั่งอย่างเร็ว นี่มึงเป็นหัวหน้ากลุ่มเรอะ

“โอเค” โจตอบรับสั้นๆ แล้วว่ายน้ำออกไปอย่างว่าง่าย
 
ไอ้อาร์ตเห็นช่องโหว่ทันทีครับ

“เห้ย น้องผู้หญิงลุยเข้าไปเลยยย ตี๋แม่งไม่มีการ์ดแล้วว” ไอ้อาร์ตตะโกนบอกน้องในทีม น้องผู้หญิงสองคนจากทีมมันว่ายออกมาช่วยเป็นทีมโจมตี ตายห่าาา จะยันไม่อยู่แล้ววว ค่ายกลดอกท้อกูจะแตกพ่ายเรอะ ไม่นะะะ
 
พอได้คนมาช่วยรับมือ น้องผู้ชายทีมอาร์ตที่กำลังพยายามหาช่องโหว่จากสาวทั้งเจ็ดทีมผมเพื่อว่ายน้ำเข้ามาดึงหมวกก็ได้จังหวะบุกง่ายขึ้น เห้ย ในที่สุดก็ต้องมาถึงการปะทะกันระหว่างอัศวินของผมแล้วล่ะครับ สู้เขานะไอ้น้องทั้งคู่ ผมว่ายน้ำหลบอยู่ด้านหลัง เอามือเกาะไหล่พวกมันไว้ทรงตัวคนละข้าง เอาตัวพวกมันบังพลางว่ายน้ำหนีไปด้วย 
 
“เฮ้ยยย” ผมร้องขณะพยายามหนีมือที่เอื้อมข้ามมาจะคว้าหมวกที่อยู่บนหัว ก่อนหวานจะกระโดดปัดมือนั้นออกไป
ผมแอบถอนหายใจเบาๆ “เกือบไปแล้ว”
เสียงโวยวายจากฝั่งอาร์ตดังขึ้นเหมือนๆกัน ผมคิดเอาเองว่าทีมผมอาจจะมีลุ้นก็ได้ล่ะมั้ง
 
แต่อย่าเพิ่งลุ้นชนะครับ เอาตัวเองให้รอดดีกว่า ตอนนี้หลุดเข้ามาตรงนี้อีกสองคนแล้วครับ
โบ๊ทรีบผละตัวออกไปกันไว้ได้หนึ่ง ทำให้ตอนนี้เหลือผมกับหวานอยู่ตรงนี้แค่สองคน ผมจับไหล่มันแน่น
อีกคนก็กำลังว่ายเข้ามาใกล้แล้วครับ เหวออ ตัวเบ้อเร่อเลยยย   
 
“กติกาบอกว่า หมวกหลุดแพ้ใช่มั้ย” จู่ๆหวานก็ถามขึ้น

“ใช่ เฮ้ยย มาทางนี้แล้ววว” ผมจับไหล่มันให้หมุนบังตัวเอาไว้ “ช่วยกูก๊อนนน”
ผมร้องบอกแล้วก้มตัวหลบอยู่ด้านหลัง

“เอาขึ้นไปไว้ที่สูงๆ ซะก็หมดเรื่อง”

ผมหันขวับ “ที่สูงๆ อะไรวะ เฮ้ยยยยยย ทำอะไร๊รรรรรร” ผมร้องเสียงหลง
 
จะไม่ให้ร้องได้ยังไงครับ มันเล่นจับขาผมทั้งสองขาขึ้นไปล็อกไว้กับเอว แล้วออกแรงยกตัวผมขึ้นจากน้ำ ผมที่ทรงตัวไม่อยู่เสียศูนย์จะหงายหลังล้มลงทะเล ใจหายแว้บจนต้องรีบคว้าคอคนที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้ ใบหน้าผมแนบเข้ากับเรือนผมสีเข้ม เผลอเอาตัวกอดแผ่นหลังกว้างเข้าไปเต็มๆ
 
“เฮ้ยยยยยยยยยย” ผมไม่รู้แล้วครับ ว่าเสียงผมหรือเสียงแซวจากบริเวณหาดมันดังกว่ากัน แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้ไอ้น้องหวานคนนี้มันจับผมขี่หลังมันเรียบร้อยแล้ว ตกใจแทบตายไอ้เด็กบ้านี่

“ปล่อยกู๊ววววว” ผมโวยออกมา  “นี่มึงต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ” ผมถามพลางเอาศอกดันขืนตัวออก
 
พวกที่หาดแซวอะไรไม่ได้ยินเลยครับ หูอื้อไปหมดได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองเต้น

มันกระชับแขนที่สอดอยู่ใต้ขาผมให้แน่นขึ้นอีก “พี่อยากแพ้มั้ย ถ้าอยากจะปล่อย” มันถามเรียบๆ

“เอ่อ… “ ผมตอบไม่ถูกขณะใช้ความคิด แหงสิ ใครจะอยากนอนแล้วเอาทรายมาเททับใส่ตัวเล่นกันบ้างอะครับ

“แต่กู..” ผมอ้าปากจะเถียง แต่สายตาเหลือบไปเห็นทีมตรงกันข้ามกำลังว่ายดิ่งเข้ามาหาเลยร้องขึ้น “เฮ้ย ตรงนั้น!”

มันเบี่ยงตัวหลบมือที่เอื้อมมาจะคว้าหมวกผม “อยู่เฉยๆ เหอะน่า... จะชนะให้ดู”
 
“แล้วอย่าลืมให้รางวัลด้วยล่ะ” หวานพูดอะไรบางอย่างเบาๆ ที่ผมจับใจความไม่ค่อยออก

พูดจบมันก็เดินดุ่ยลุยน้ำเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับแบกผมอยู่บนหลัง สมาชิกอีกทีมหลายคนที่จะกระโดดคว้าหมวกผมก็กระโดดไม่ถึง ที่เกือบๆ ผมก็เอามือปัดออกไปบ้าง เบี่ยงตัวหลบบ้าง เออว่ะ อยู่บนนี้ก็ได้เปรียบดีแฮะ
 
ตอนนี้ทีมผมได้ทีช่วยกันกรุยทางกันฝ่ายตรงข้ามให้ไอ้น้องหวานนี่เดินเข้าไปได้โล่งๆ อาร์ตที่เห็นท่าไม่ดีเลยขอขึ้นไปขี่หลังน้องในทีมบ้าง แต่เสียใจครับ ผมว่าทางเราตัวสูงกว่านิดนึง ทางคนอื่นๆก็ยังสาดน้ำขัดขวางกันอยู่อย่างสนุก บนหาดก็ส่งเสียงเชียร์สนุกกันใหญ่ โบ๊ทมนุษย์หมีว่ายน้ำเข้าไปล็อคตัวน้องที่ให้อาร์ตขี่คอเอาไว้
 
เมื่อผมกับหวานเดินถึงตัวอาร์ต ก็ไม่อยากนี่ครับที่จะดึงหมวกออกมาได้พร้อมเสียงเชียร์จากทีม อาร์ตเบี่ยงตัวหลบจนหล่นลงน้ำดังตู้ม มันโผล่หน้าขึ้นมาไอคอกแคก เอามือเช็ดน้ำที่หน้าแรงๆ “ไอ้ตี๋!!! โคตรโกงงง” มันว่าไปเรื่อย

“กูเก่ง!” ผมเถียง “มึงอ่อนเอง หว่ายยย กากก” แลบลิ้นแถมใส่มันด้วย นี่ๆ
ผมยกมือชูหมวกสีน้ำตาลในมือแล้วโบกไปทางเพื่อนตัวเองบนหาด “ชนะแล้วเว้ยยยยย” น้องในทีมดีใจกันใหญ่
 
“พี่ตี๋วินชนะแล้ววว”
“อย่าลืมเลี้ยงหนมนะพี่ นี่ปกป้องพี่สุดชีวิตเลยขอบอก”
“โคตรเหนื่อยยย”
“พี่วิน ไปขุดทรายฝังทีมนู้นกันนน”
“พี่วินนนนนน เลี้ยงข้าวหน่อยยย พวกหนูทุ่มสุดตัวเลยนะ”
 
ผมยิ้มร่า “เออได้! เดี๋ยวพี่เลี้ยงไอติมเลย รถเข็นริมชายหาดอ้ะ” ผมชี้ไม้ชี้มือ

“โห่ววววว” มีเสียงประท้วงเบาๆ

ผมมองค้อนขวับ “จะกินป่ะ”

“กินดิ่พี่!” แน้ ไอ้เด็กพวกนี้นิ่ ผมขำพรืดขณะพลางมองดูเด็กๆเดินไปบนฝั่งที่ทุกคนรออยู่
 
“นี่”
คนตรงหน้าผมพูดขึ้น
“จะกอดผมอีกนานป่ะ..”
 
ชิบหาย…
ลืมไปเลยว่าผมยังขี่หลังมันอยู่!

ผมปล่อยมือที่โอบไหล่มันออกเร็วๆ “ไม่ได้กอดว้อย! ปล่อยดิ่!”

“ปล่อยดีมั้ยน้า หรือจะเดินไปทั้งอย่างนี้ดี” มันพูดลอยหน้าลอยตา ทำท่าจะออกเดิน

“ปล่อยกู” ผมทำเสียงเขียวใส่
ผมเห็นนะว่ามันแอบยิ้ม ไอ้เด็กเลวว
 
“จีบกันป่ะวะน่ะ ลงมาจากหลังน้องมันได้ละม้างงง” ไอ้พีทพูดเสียงดัง

“เอ้าๆ หรือน้องหวานหลงสเน่ห์ไอ้ตี๋เพื่อนพี่เหรอคร้าบบ” เสียงไอ้อาร์ตตะโกนมาจากบนหาด พร้อมกับเสียงแซวฮิ้วว ของพวกแม่ง
 
จู่ๆ ไอ้คนที่แบกอยู่ก็ปล่อยผมลงน้ำดังตู้ม!

“เฮ้ยย” ผมล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปนั่งบนทราย น้ำเค็มๆไหลเข้าจมูกเข้าปาก แสบคอไปหมด ผมรีบยันตัวขึ้นผ่านผิวน้ำมาด่า

“แค่ก แค่ก.. เฮ่ย! มึงนึกจะปล่อยก็ปล่อยเหรอวะ!! ไอ้บ้านี่!!!” หูได้ยินเสียงเพื่อนผมขำกันครืนใหญ่
 
ไอ้เด็กนี่มันห่วยจริงๆแหละครับ เดินไปนู่น ไม่ได้หันกลับมามองกูเล้ย ผมสะบัดหมวกที่เปียกน้ำในมือแรงๆก่อนจะเดินตามขึ้นไปบนหาด ไอ้น้องหวานเดินดุ่ยเข้าไปหากลุ่มปีหนึ่งที่กำลังคุยกันอย่างสนุก เอ้า เป็นอะไรของมึงเนี่ย
 
“เอ้าเร๊ววตี๋ ปีสามมาตามไปกินข้าวละ” ปั่นร้องบอก ผมพยักหน้าไปส่งๆ
ช่างแม่ง
 
พีทที่ยืนรออยู่บนหาดยื่นผ้าขนหนูมาให้ “ขอบใจ” ผมรับมาแล้วเช็ดหน้าตัวเอง “เหนื่อยแสดดด” ผมบ่น

“นี่ๆ” น้องทีมผมยืนรอกันหน้าสลอน “พี่วินอย่าลืมสัญญาาาาา” น้องหมีโบ๊ทพูดเตือนแล้วชี้มือจึกๆไปที่รถขายไอศครีม

“ไม่ลืม คำไหนคำนั้นเว้ยย กินข้าวเสร็จเลี้ยงเลย” ผมบอก หางตาเหลือบไปเห็นไอ้หวานนี่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ คนควรบูดคือกูไม่ใช่มึงป่ะ
 
“ไหนอาร์ต มึงลงไปนอนบนทรายกับน้องมึงเลย ให้พวกกูฝังซะดีๆ” ผมหันขวับไปหามัน

“ว้าาา นี่เที่ยงกว่าแล้วอ่ะ เวลากินข้าวแล้วน้าาา น่าเสียดายจุงเบยยยยย” ไอ้อาร์ตแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย น้องผู้ชายในทีมมันก็ทำหน้าอ้อนวอนผมซะเหลือเกิน

“ด้ายยย กินข้าวเสร็จแล้วค่อยมานอนผึ่งพุงกลางทรายก็ย่อมได้ กูไม่มีปัญหา” ผมบอก ไอ้อาร์ตทำหน้าย่นใส่
 
ไอ้เฟิร์สผิวปากดังวิ้ว “เอ้า ขอบคุณมากๆคร้าบบ ถึงพวกรุ่นพี่จะจบกันไปแล้วแต่ก็มาแฮงค์เอ้ากันได้นะครับ”

“มีอะไรสงสัยก็มาถามได้ ยินดีๆ” น้ำว่าขึ้น น้องผู้หญิงแอบส่งเสียงกรี๊ดเบาๆ อะไรวะ ประโยคเดียวเอง กูเล่นน้ำกะมึงออกจะเปลืองตัว ไม่เห็นกรี๊ดกูเลอ

“ยินดีต้อนรับสู่คณะของพวกเราครับ” ปั่นพูด “ตอนนี้ไปกินข้าวกันนน นู่น เขาไปที่ร้านอาหารกันหมดละ กลุ่มสุดท้ายละเราเนี่ย”
 

พวกเพื่อนๆผมเริ่มขยับเดินนำหน้าน้องๆปีหนึ่ง คุยกันบ้างหัวเราะกันบ้างไปตามเรื่อง ไอ้น้องหวานนั่นเดินทำหน้าเซ็งไปกับกลุ่มเพื่อน คิ้วเข้มๆของมันนี่จะผูกกันเป็นโบว์อยู่กลางหน้าผาก แม่งโมโหอะไรวะ หรือตัวผมหนักจนมันปวดหลัง แล้วจะแบกกูทำไมตั้งแต่แรก โว้ะ
 
“ปะ ปะ ไปกินข้าวนะครับคุณเพื่อน” ไอ้อาร์ตเดินเข้ามาประกบ ลากแขนผมไปด้วย

“ไม่ต้องอ้อน กูไม่ใจอ่อน กินข้าวเสร็จมึงเตรียมนอนรอเลย บอกน้องมึงด้วย” ผมหัวเราะหึหึแล้วออกเดินไปที่ร้านอาหารในรีสอร์ท โดยมีไอ้อาร์ตเดินบ่นปอดแปดไปด้วยตลอดทาง คิดว่ากูจะยอมพลาดโอกาสเรอะ ไม่มีทาง
 
สองคนสุดท้ายที่หาดคือเอ็มที่กำลังเก็บของลงกระเป๋า และน้ำที่กำลังอารมณ์ไม่ดี
“เฮ่ย ไปแดกข้าวกันครัช น้ำ มึงจะทำหน้ายุ่งอีกนานมั้ย ไปเว้ยๆ” เอ็มพูดแล้วสะพายกระเป๋าลุกเดินนำหน้าไป

“ทำไมกูคิดไม่ได้วะ” น้ำพูดกับตัวเองแล้วเดินตามไป
 
_ _ _ _
 
ภาคบ่ายผ่านไปแบบที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่ เพราะกิจกรรมช่วงนี้พวกปีสามเป็นตัวต้นคิด แทนที่จะนั่งตากแดดให้ตัวแห้งแล้วคันยุบยิบ พวกผมเลยกลับมาอาบน้ำแล้วนอนเล่นกันที่บ้านพักรอเวลากิจกรรมช่วงกลางคืน ระหว่างนั้นผมก็เลยหยิบแมคบุคคู่ใจออกมาเชคเมลล์ นอนคว่ำหน้าทำงานไปพลางโดยมีพีทนอนหลับเอาแรงอยู่ข้างๆ และน้ำนั่งเงียบๆอยู่อีกฝั่ง
 
“เชี่ยยย เอางานมาด้วยเรอะ!” อาร์ตที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเจออุทานขึ้น

“ไม่เชี่ย.. กูก็ทำอยู่” เสียงน้ำพูดขึ้นมาจากมุมห้อง “ตรวจไซท์ผ่านรูปถ่าย” มันชี้หน้าจอ

“โห ต้องแบบนี้แล้วเหรอวะ” ผมละมือจากคอมแล้วขยับตัวไปริมฟูก จ้องแลปท็อปมันแบบอึ้งๆ “ทุ่มเทชิบเผง”

“ช่วยไม่ได้ว่ะ เขาจะเทพื้นกันวันนี้อ่ะ” มันพูดเซ็งๆ “มึงก็ทำงาน” มันหันมาพูดกับผม

“งานกูไม่ได้เร่ง กูตอบเมลล์กับเขียนไอเดียไว้ก่อน เดี๋ยวลืมไง” ผมบอก

“อื้อหือ พวกมึงนี่ขยันจังวะ” อาร์ตเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์ตทิ้งไว้ “ดูไอ้พีท แม่งยังหลับอยู่เลอ” มันชี้

“มันขับรถมาไง ให้มันนอนเห๊อะ” ผมพูดแล้วหันกลับไปพิมพ์งานต่อ ไอ้พีทนี่น่าจะหลับยาว

“เออ ปีสองเซทอัพสมุดกระจกเสร็จแล้วนะ ไปเขียนกันได้เลย มีของพวกเราด้วย” อาร์ตทำท่านึกได้

ผมหันไปมองนาฬิกา “นี่เพิ่งสี่โมงนิดๆ ไว้ห้าโมงค่อยออกไปเหอะ ไปเขียนสมุดแล้วก็กินข้าวเลย” จะได้ทำงานต่ออีกหน่อยด้วยอ่ะครับไม่ใช่อะไร ทุกคนพยักหน้า
 
อ้อ.. คณะผมมีประเพณีอีกอย่างครับ

“สมุดกระจก” ที่อาร์ตว่าเป็นสมุดเล่มเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ มีชื่อเขียนไว้บนหน้าปก เป็นเหมือนสมุดประจำตัว ที่รอให้ใครต่อใครหยิบไปเขียนถึงเจ้าของเล่ม จะเขียนด่าเขียนชม หรือบอกความในใจอะไรต่ออะไรก็เขียนไปเถอะครับ เพราะมันไม่จำเป็นต้องลงชื่อ ใครอยากเขียนอะไรก็เต็มที่เลย
 
ที่พวกเราเรียกกันว่าเป็นสมุดกระจก ก็เพราะมันสะท้อนสิ่งที่ตัวเราเป็นในสายตาคนรอบข้างน่ะสิครับ
 
เป็นไง..
คมมั้ยล่ะ..

ผมไม่ได้คิดเองหรอกครับ! มันมีมานานแล้วต่างหาก

ช่วงสมัยผมยังเรียนอยู่สมุดกระจกผมป๊อบพอประมาณเลยนะครับ น้องๆพี่ๆ เขียนซะจนเต็มตลอด ทั้งเขียนชมบ้าง แซวบ้าง ขอความช่วยเหลือบ้าง (เช่น พี่พีทหล่อจัง ฝากบอกหน่อยค่ะ) หรือแม้กระทั่งต่อว่าก็มี (เลิกซื้อข้าวตัดหน้าผมซักที / มึงอย่างทำโมเทพมากได้ป่ะ) ผมรู้สึกสนุกและตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เปิดอ่าน อยากรู้ว่าคนคิดยังไงกับผมบ้าง สมุดกระจกปีเก่าๆ ผมก็ยังเก็บไว้อยู่ที่ห้อง เวลาเอามาอ่านเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเจอตัวเองเมื่อหลายปีก่อน อ่านไปผมก็โตขึ้นเยอะเหมือนกันนะ
 
แต่ก่อนจะโตขึ้นแบบไม่มีกิน ขอตอบเมลล์เจ๊ฝ้ายแป๊บนึงนะครับ
 
_ _ _ _
 
งานนี่แปลกนะครับ ทำยังไงก็ไม่จบไม่สิ้นซักที

ผมยกมือขึ้นนวดหัวตาเบาๆ แล้วบิดขี้เกียจ หันซ้ายหันขวาไปเจออาร์ตนอนพังพาบหลับคาโทรศัพท์อยู่บนเตียงอีกฝั่ง คือมันชวนพวกผมให้เล่นไพ่กับมันไม่สำเร็จครับ (ก็ผมกับไอ้น้ำทำงาน พีทก็หลับ...)  มันเลยต้องหาอะไรใส่ปากแทน เดินเข้าเดินออกห้องซะหลายรอบ รอบแรกมาได้ไอศครีม กินหมดก็ออกไปเอาขนมกรุบๆมากินไปเล่นโทรศัพท์ไป จนหมดสภาพแบบนี้อ่ะครับ ผมนั่งพิมพ์ก๊อกแก๊กไปอีกสักพัก จู่ๆไอ้พีทก็ลุกขึ้นงัวเงียถามว่ากี่โมง พอได้ฟังคำตอบเสร็จมันก็กลับลงไปนอนต่อ ผมกับน้ำได้แต่มองหน้าแล้วทำหน้างงใส่กัน นี่มันละเมอรึเปล่าวะ
 
“ปลุกพวกมันได้ละม้าง” น้ำหันมาพูดกับผม “นี่งานยังไม่เสร็จเหรอ” มันทำหน้ายุ่งใส่แล้วลุกเดินเข้ามาหาผม “เยอะอะไรขนาดนั้นวะ”

ผมส่ายหน้า “ทำไม่มีวันเสร็จหรอก เนี่ย ดูดิ่ ไปได้เรื่อยเลยแหละ” ผมชี้หน้าจอ “อันนี้แบบร่างที่สองอ่ะ กูเพิ่งคำนวนพื้นที่ขายเสร็จ”

น้ำนั่งลงข้างๆผมแล้วชะโงกหน้าเข้ามาดู “หืออ แล้วมึงไม่ต้องออกแบบเหรอ นี่มันมีแต่เลย์เอ้าท์ วางผังอย่างเดียวนิ่ ยังเป็นกล่องอยู่เลย”

“ไม่ต้องว่ะ กูแค่คิดงบ คิดจุดคุ้มทุน ฟังก์ชั่นแล้วก็แบบตึกคร่าวๆ ถ้าจะเอาสวยก็นี่ไง งานมึง” ผมยิ้มแล้วชี้หน้ามัน “แต่มึงต้องพ้นการเป็นเทพทางหนีไฟก่อนนะ ฮ่าๆๆ”

มันทำตาขวางแล้วคว้าหมับเข้าที่นิ้วชี้ผม โยกไปมาแรงๆ “โว้ะ จำไว้เลยไอ้ตี๋! เดี๋ยวกูก็เทพแล้ว!”

“เจ็บ!” ผมร้อง ก่อนจะเอามืออีกข้างตีหน้าผากมัน “ปล่อยเลย!”

มันหัวเราะขำๆก่อนจะปล่อยนิ้วผม ห่านน ถ้านิ้วกูซ้นพิมพ์งานไม่ได้นะมึง กูจะให้มึงทำงานแทนให้หมดเลยยย

“ปลุกไอ้พีทไอ้อาร์ตเถอะ นี่ห้าโมงกว่าละ” มันพูด แล้วหันไปดึงขาพีทที่นอนอยู่ ส่วนผมก็พับหน้าจอ เก็บของแล้วเตรียมปลุกเพื่อน
 
“ไปเขียนสมุดให้น้องกันนนนนนน” ผมพูดเสียงยานคางใส่หูอาร์ต
ตอนมันตื่นนแบบเลิ่กลั่กนี่ตลกเป็นบ้า

_ _ _ _
 
17.25
 

อื้อหือ..
พวกผมเดินมายืนอึ้งกับจำนวนสมุดที่ถูกแขวนไว้กับเชือกเหมือนปลาหมึกตากแห้งยาวเป็นพรืด นี่กะจากสายตาคร่าวๆ ก็ห้าร้อยกว่าเล่มแล้วนะครับ!! กว่าจะเขียนให้ทุกคนได้ กูต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง! ตอบ!!!
 
มือจะหงิกครับพูดเลย
 
พีท ผม น้ำ และอาร์ตนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆ ที่ถูกลากมาวางเรียงกันไว้หน้าราวแขวนแล้วตั้งหน้าตั้งตาเขียนสมุดด้วยสปีดระดับที่ยูเชียน โบลต์ยังต้องอาย (แหงสิ เขาวิ่งเร็ว ไม่ได้แข่งเขียนหนังสือไวโอลิมปิกนี่ครับ) พวกผมตั้งใจอยากเขียนให้เสร็จก่อนเริ่มกิจกรรมภาคกลางคืน แต่ประเด็นก็คือ… ปีนี้น้องปีหนึ่งมีเก้าสิบชีวิต ด้วยประเพณีและศักดิ์ศรีความเป็นพี่ว้าก พวกผมต้องเขียนให้ปีหนึ่งทุกคนครับ จะเขียนกี่บรรทัดมากน้อยยังไงก็ได้ไม่กำหนด แต่ต้องครบทุกคน ส่วนปีอื่นๆ ผมเอาเฉพาะที่สนิทกันละกันนะ เพราะถ้าไม่เขียนให้พวกแม่งก็จะงอนอีก ตั้งหน้าตั้งตาเขียนจนเมื่อยมือไปหมด นี่จริงจังกว่าทำงานอีกนะครับเนี่ย
 
ส่วนใหญ่ผมจะเขียนไปว่า ยินดีต้อนรับครับตามด้วยชื่อน้อง หรือ ขอให้ได้นอน อะไรทำนองนี้ แต่ถ้าคนไหนที่ผมเคยผูกข้อมือแล้วจำได้ ก็จะเขียนแซวไปบ้าง แล้วก็ลงชื่อว่าพี่วิน 043 เป็นอันเสร็จสิ้น หรือบางคนก็ให้ไลน์ไอดีไปด้วยถ้าเป็นน้องในสายรหัส (ไม่ได้อ่อยนะครับ! บอกช่องทางการติดต่อไง!)
 
“อื้อหือ นี่โรงงานอะไรเนี่ย” เสียงน้องเอกร้องทักขึ้น เจ้าตัวมาพร้อมแก๊งค์ว้ากปีสามอีกสองคน น้องปาล์มกับน้องสัน

“สมุดกระจกไง พี่ว้ากต้องเขียนให้ปีหนึ่งทุกคน ลืมเหรอพวกมึง” พีทตอบดุๆ พลางยื่นสมุดที่เพิ่งเขียนเสร็จส่งให้ผม แล้วหยิบสมุดเล่มใหม่ลงมาจากราว ต้องทำเป็นทอดๆ อย่างนี้ล่ะครับ เร็วดี

“จำได้ดิ่พี่ แต่พวกผมมีเวลาไง นี่จบมีตติ้งแล้วก็เอาสมุดไปแขวนต่อที่คณะอีกสองอาทิตย์น่ะ เดี๋ยวค่อยเขียนตอนนู้นก็ได้” ปาล์มตอบ

“โห… ดูพวกกู เขียนกันเป็นลิงเลย” อาร์ตเบ้หน้า แขวนสมุดที่เขียนเสร็จแล้วกลับลงไปในราว “แล้วนี่ปีหนึ่งทำอะไรกันอยู่อ้ะ”

“นู่น เล่นอยู่หาดด้านโน้นนน วิ่งสามขา แชร์บอลนั่นนี่แหละ นี่ผมกับมาเตรียมที่กินข้าวก่อนอ่ะ” เอกพูดแล้วยกมือขึ้นมองนาฬิกา “อีกสักสิบห้านาที อืมม ก็น่าจะหกโมงครึ่ง กินข้าว เสร็จแล้วก็เรียกรวม ให้ดูเบื้องหลังว้าก ชีวิตสตู รูปสมัยพวกเราปีหนึ่ง และก็แยกย้ายตั้งวงละ” มันบอกตาราง พวกผมพยักหน้าหงึกๆ มือก็เขียนสมุดไปด้วย คืนนี้ยังอีกยาวไกลสินะ
 
กำลังเขียนเพลินๆ ก็โดนขัดขึ้นด้วยเสียงไอ้เทพที่อุทานซะดัง

“เชรดดดดด สมุดปีนี้อย่างเยอะ”

“ตายห่าาาาาแล้ววววววววววว” ไอ้บอยร้อง

ผมเงยหน้าขึ้นมองหาต้นเสียงโหหูหาด้านหลัง อ้าว เดอะแก๊งค์ย้ายตูดกันออกมากจากบ้านพักแล้วครับ มากันครบเชียว

“โห กว่าพวกมึงจะฟื้น นี่ครึ่งวันเข้าไปละ” ผมบ่น

“เหยดด นิกูยังไม่ได้เขียนซักเล่มนิ” กล้าทำหน้าเลิ่กลั่ก “ต่ายห้านนนน”

“มานั่งเขียนกันให้ไวเลย” เฟิร์สแทรกขึ้น

“ต้องเสร็จว่ะ เอ้าเริ่ม” มันพูด
 
_ _ _ _
 
18.40
 

มือผมไร้ความรู้สึกไปละครับ

นี่นั่งนับอยู่คร่าวๆ น่าจะเหลืออีกแค่ยี่สิบกว่าเล่มเท่านั้น ทำเวลาจริงๆครับพวกผมเนี่ย ดีที่ตอนนี้ปีหนึ่งยังไม่มา สงสัยว่าจะเล่นเกมกันติดพัน
 
ฮ่วย ไอ้พีทเขียนช้าครับเล่มนี้ ขออู้แป๊บนึงนะ ผมถือโอกาสเงยหน้าขึ้นมาจากตักตัวเองแล้วบิดซ้ายบิดขวา
นี่มันอะไรวะเนี่ยยยย แก๊งค์ปีแก่ของพวกผมนั่งเรียงกันเป็นตับ ต่างคนต่างก้มหน้า เวียนสมุดกันไปทีละเล่มๆ เสร็จแล้วก็ส่งให้คนข้างๆ เป็นภาพที่ตลกดีครับ ผมหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา.. ขอถ่ายรูปเก็บไว้แป๊บนะ
 
“เอ้าๆ เอาไปๆเสร็จละ” พีทโยนสมุดเล่มใหม่มาบนตักผม
 
ไหนดูซิของใคร

ชื่อตัวเบ้อเร่อที่หน้าปกอ่านได้ว่า “หวาน 012”
 
หน้าบูดๆของมันเมื่อเที่ยงนี่ลอยขึ้นมาเลยครับ..
แม่งจะทำหน้ายุ่งโมโหหาสรรค์วิมานอะไรไม่รู้
จะเขียนอะไรดีวะ…
 
“ไอ้ตี๋ ให้ไว” พีทโบกสมุดเล่มที่มันเพิ่งเขียนเสร็จแล้วโยนลงบนตักผม

“เห้ยย เดี๋ยวดิ่” ผมร้อง “ยังเขียนไม่เสร็จเลยยย”

“อะไร ให้ไวเลย คิดไรเยอะแยะ มีอีกหลายเล่มนะแสด กูอยากไปกินข้าวแล้ว” พูดจบมันก็คว้าเล่มใหม่ขึ้นมาจากราวแขวน
 
ผมรีบก้มหน้าลงไปเขียนให้เสร็จ แล้วส่งต่อให้น้ำที่อยู่ข้างๆ มันรับเอาสมุดไปแล้วพลิกดูชื่อ
“คิดนานจังเลยนะมึง” มันว่าพลางเปิดหาหน้าว่างๆ เพื่อจะเขียน

“ห้ะ” คิดอะไรนานนะ

“เปล๊า” มันขึ้นเสียงสูงแล้วเขียนสมุดไปเงียบๆ ทำเอาผมเลิกคิ้วสูง เออ ตกลงมึงจะสื่อสารกับกูหรือยุงลายแถวนี้ พูดให้คนเข้าใจเป็นมั้ยมึงเนี่ย
 
อาร์ตที่อยู่อีกฟากชะโงกหน้ามามอง
“ตี๋ เขียนเร็วๆ ค้างอยู่ที่มึงเยอะละเนี่ย” มันโวย

“โอ้ยย รีบแล้วครับคุณเพื่อน เอ๊ะ...เดี๋ยวๆ นี่กูยังไม่ได้จับมึงฝังทรายเลยนะ กล้าหือเหรอวะ!” ผมรีบเปลี่ยนเสียง ไอ้อาร์ตมองหน้าผมแล้วทำหน้าเหวออย่างนึกขึ้นได้ แล้วหันหน้ากลับไปหาสมุดที่มันกำลังเขียนอยู่ทันที
 
ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร

ผ่านไปอีกสิบกว่านาที เสียงจ้อกแจ้กของเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเลิกเล่นเกมก็ดังขึ้นละครับ เดินมากันราวๆ สามสิบคนได้ พวกผมสี่หล่อที่มานั่งเขียนก่อนพวกแม่งทำภารกิจเสร็จสิ้นเรียบร้อย และกำลังนั่งกระดิกเท้ากดดันพวกที่ยังเขียนสมุดไม่ได้ถึงครึ่งอยู่
 
“ปีหน้ามั้ย กว่าจะเสร็จ” อาร์ตที่นั่งเท้าคางมองอยู่ที่ม้าหินใกล้ๆถามขึ้น “ปีหนึ่งมาโน่นแล้ว” มันพยักเพยิดไปที่ทางเดิน

“มึงรีบมั้ยล่ะ กูไม่ค่อยรีบ” เอ็มตอบเสียงเอื่อยๆ “ไปแดกข้าวกันก่อนเลยไป๊” มันไล่

“ไม่เอา กูเขิน” อาร์ตบอก “ปีแก่ต้องไปกันเป็นแก๊งค์ดิ่”

“เขินหาพ่องงงงงงง” เอ็มเงยหน้าขึ้นมาโวย

“ห่าเอ็ม เขียนเร็วๆ จะหมดละเนี่ย” เทพพูดทักขึ้น   
 
“อ้ะ กลุ่มสองฟังๆ เวลาปล่อยฟรี ชั่วโมงครึ่ง ใครจะไปกินข้าวในโรงอาหาร เขียนสมุดกระจก หรือใครจะอาบน้ำก่อนก็เอา แล้วมาเจอกันที่ลานนี้ตอนสองทุ่มครึ่ง” น้องปาล์มปีสามที่เดินนำหน้ามาพูดขึ้น ปีหนึ่งขานรับเสียงอ่อนแล้วเดินแตกแถวกันออกไป เออ มันคงจะเหนื่อยกันเนอะ ทำกิจกรรมมาตั้งแต่เช้า ดูหัวเหอนี่กระเจิงจากน้ำจากลมทะเลกันหมด นี่กลุ่มอื่นๆ อีกสามกลุ่มก็ค่อยๆ เดินมากันแล้ว
 
“เย่! พวกแม่งเขียนเสร็จแล้ว ไปแดกข้าวกันครัช!!!” ไอ้อาร์ตลุกขึ้นยืนชี้นัทที่กำลังแขวนสมุดกระจกเล่มสุดท้ายกลับไปที่เดิม

“นี่มึงต้องลุ้นเบอร์นี้” ผมถาม

“ก็กูหิวอ้ะ” มันเอามือลูบท้อง

“อ่ะๆ ปะๆ กินข้าวกัน” พีทตามใจ ลุกขึ้นแล้วเดินนำไปทางโรงอาหาร ทุกคนทยอยกันเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ
 
พอดีกับที่ปีหนึ่งกลุ่มสุดท้ายเดินเข้ามาพอดี

ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วสายตาก็ไปเจอเอากับร่างที่เดินสูงเด่มาแต่ไกล มันคุยเล่นยิ้มไปหัวเราะไปกับน้องหมี.. (เออ ชื่ออะไรนะคนนั้นอ่ะ…) เออ ก็อารมณ์ดีแล้วนี่หว่า ตอนกลางวันมันคงเหนื่อยๆ
 
พอผมคิดในหัวจบปุ๊บ มันก็สบตาผมปั๊บ..
แล้วแม่งก็หุบยิ้มฉับ หันหน้าไปทางอื่นทันที
 
อ้าวไอ้นี่..

มึงจะเอาใช่ป่ะ.. ห่าน นี่กูเป็นพี่มึงนะ นี่ผมผิดอะไรวะ ทำไมมันต้องมาทำเมินด้วยอ้ะ
ผมตีหน้ายุ่ง นี่เริ่มโมโหบ้างแล้วนะ..
 
ผมก้าวเร็วๆตามกลุ่มเพื่อนที่เพิ่งเดินไป
โอ้ย หงุดหงิด
 
“เขียนสมุดจนหมดมุกเลยว่ะ” ผมที่เพิ่งเดินมาทันได้ยินบอยบ่น

“เออจริง กูด้วย หลังๆนี่มีแต่ “ยินดีต้อนรับครับ” แล้วลงชื่อ” เฟิร์สตอบ

“โห่ว มึงไม่ครีเอทเลย” ผมแกล้งบลัฟ “นี่กูคัสตอมทุกเล่มเลยนะ”

“โม้ละ” ไอ้เฟิร์สพูด “ถ้ากูเจอเล่มไหนมึงเขียนซ้ำกันกูจะเอามาปาใส่หน้ามึงนะครัชตี๋” ผมฟังแล้วหัวเราะใส่มัน
 
“แต่ว่า...” น้ำหันควับมาบอกผม “มึงคิดนาน ชักช้าว่ะ”
 
เห้ย บ้าสิ
“กูเขียนเร็วจะตาย” ผมแย้ง

“ไม่จริงอ่ะ” มันทำหน้าเบื่อใส่ผม “มึงคิดนาน.. เล่มของไอ้น้องหวานที่มึงขี่หลังวันนี้อ้ะ กูเห็นนะ”
 
โว๊ะ เรื่องไอ้บ้านี่อีกละ นี่ยังไม่หายอารมณ์เสียเลยนะครับ
“เหอะ ของเด็กนั่นอ่ะนะ มึงคิดไปเองละ” ผมว่าแล้วเดินฉับๆ นำหน้าไป
 
อะไร คิดนานตรงไหน
สมุดของไอ้เด็กนั่นอ่ะนะ มาคิดตอนนี้ไม่น่าเขียนแบบนั้นลงไปเลย
โธ่เว้ย..
 
เลิกทำหน้าตูดได้แล้ว กูไม่ได้ตัวหนักขนาดนั้น
ขอบคุณทั้งวันนี้และวันโน้น
 
วิน 043
STU#76

 

มาคิดตอนนี้..
กลับไปเขียนด่าแม่งได้ป่ะครับ!
 
_ _ _ _

ตอนที่ 7 มาแล้วค่าาา
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ ดีใจมากๆจริงๆ
*กอดรวบๆ*
 :-[ :-[ :-[

/ตี๋วินนนโอเคมั้ยลูกกกกกกกก
/คนคิดถึงท่านรอง รอหน่อยนะคะ เดี๋ยวท่านรองจะกลับมาด้วยท่าเปิดตัวใหม่ๆ แฮ่~

แล้วพบกันค่า
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 7 ✽update 21.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 21-06-2017 22:33:12
ฮื่ออออ เข้ามาดูทุกวันเลยยยยย :ling1: :ling1:
เหมือนมีซัมติงในบางประโยคของน้ำ เอ๊ะหรือเราคิดไปเอง ฮ่าๆๆ
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 7 P.2 ✽update 21.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-06-2017 23:17:26
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 7 P.2 ✽update 21.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 21-06-2017 23:54:12
อ่านทีเดียว จนถึงตอนล่าสุดเลอ
สนุกดีค่ะ

ลุ้นว่าใครจะคู่กับน้องตี๋วินมาก

นีเชียร์ทุกคน จะหวาน จะน้ำ จะคุณประธาน AA(สงสัยมากว่าคนเดียวกับหวานจะเป็นไปได้ไหมค่ะ)

ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 7 P.2 ✽update 21.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 22-06-2017 09:44:14
น้องเขางอนที่ไม่ยอมให้รางวัลอะค่ะพี่วิน~~~ หึๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 7 P.2 ✽update 21.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 22-06-2017 12:37:35
ยกป้ายไฟ หวาน-วิน แต่ก็มีปันใจให้ท่านรองนะค๊ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 7 P.2 ✽update 21.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 22-06-2017 13:14:14
น้องหวานงอนอะไรพี่เค้าคะลูก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 7 P.2 ✽update 21.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 24-06-2017 23:22:11
มาจากกระทู้แนะนำนิยายยยย สำนวนดีน่าอ่านมากเลยย เราชอบนะเรื่องนี้อ่ะ เชียร์นายหวานเป็นพระเอก ปอลิงหวานโกรธเรื่องวินยังไม่ให้รางวัลรึเปล่า?//เดามั่ว :z2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 7 P.2 ✽update 21.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 28-06-2017 21:36:46
ความเสี่ยงที่ 8

หลังกินข้าวเสร็จ พวกผมปีแก่ๆก็มานั่งก๊งกันอยู่ที่โต๊ะยาวริมลานกว้างๆ ตรงกลางมีจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่สีขาวกางอยู่ น้องปีหนึ่งนั่งรวมกันอยู่ด้านหน้า ตามด้วยปีสองอยู่ด้านหลัง ส่วนปีโตอื่นๆ ก็จับจองโต๊ะรอบนอกเอา นั่งบ้างยืนบ้างตามแต่จะพอใจ พวกผมเลือกที่นั่งที่ค่อนมาทางด้านหลังสักหน่อย ลงความเห็นกันว่าปล่อยให้เด็กๆเขาเล่นตลกกันไป พวกเราขอนั่งดูสนุกๆตรงนี้ดีกว่า

ผมนั่งดูดน้ำมะพร้าวเผาอยู่กับพวกแม่งที่กำลังชงเหล้า คอนทราสจริงๆสิให้ตาย

“อ้าว นู่นน้องพลอยนี่หว่า ทำไมกูเพิ่งเห็นวะ นึกว่าไม่มา” พีทชี้ไปยังโต๊ะปีสี่ที่มีคนอยู่ไม่มากนัก มันเอามือเกาหัวแล้วหันมาหาผมที่นั่งอยู่ตรงข้าม อาร์ตกับเฟิร์สที่นั่งอยู่ใกล้ๆ มองตามนิ้วมันไป
“เออ กูก็เพิ่งเห็นตอนนี้เนี่ยแหละ ถามนู่นสิ เพื่อนผู้มีสถานะสับสนกับน้องพลอย” ผมพยักหน้าไปทางไอ้น้ำที่กำลังเติมน้ำแข็งให้ตัวเองอยู่อีกฟากของโต๊ะ
“สถานะสับสนอะไรวะ น้ำมันไม่ได้คบกับพลอยอยู่เหรอ” เฟิร์สทำหน้างง
“ทุกคนก็คิดงั้นแหละ ยกเว้นไอ้น้ำเอง” ผมพูด
“เห้ย อะไรวะ กูตกข่าวแสด เรื่องเป็นไงอ้ะ” 
“ไม่รู้ว่ะ” พีทตอบ “แม่งไม่เล่าอะไรเลย”
“เฮ้ย อะไรอ่ะ พวกมึงต้องรู้ดิ่ สนิทกับแม่งอ้ะ” เฟิร์สโวย “อาร์ต ปกติมึงนี่ตัวเจือกเลย ยอมได้ไงวะ” 
“เอ้า ไอ้นี่ด่ากูเสือกอีก” อาร์ตมองตาขวาง 
“มึงจะลองถามเองก็ได้อ่ะ พวกกูถามจนเบื่อละ” ผมบอกเฟิร์ส พีทพยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ
“กูว่ามันไม่บอกอะไรเหมือนเดิมแหละ เดี๋ยวมึงดู” อาร์ตตัดบท

ใช้เวลาไม่นาน เจ้าของเรื่องก็กลับมานั่งลงที่เก้าอี้ระหว่างผมกับอาร์ต
“เน่ๆ… น้องพลอยมาด้วยแน่ะ” อาร์ตเอาศอกสะกิดให้น้ำหันไปมองที่โต๊ะปีห้า
ไอ้น้ำปรายตาไปมองแล้วก็หันกลับมาสนใจแก้วเหล้าตัวเองต่อ “อือ..”

ผมมองหน้าเฟิร์สที่นั่งอยู่อีกฝั่ง น่ะ เห็นมะ กูบอกละ

“นี่มึงรู้ป่ะเนี่ยว่าเขาจะมา” อาร์ตลองถามต่อ
“รู้ คุยกันละ” น้ำตีหน้าเรียบแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม “อื้อหือ ไม่น่าให้เชี่ยบอยชงให้เลย อย่างเข้ม” มันเบ้หน้า
อาร์ตยักคิ้วใส่เฟิร์ส 
“อ้าว แล้วมึงไม่ไปนั่งกับน้องเขาเหรอ” เฟิร์สถามขึ้นเอง
“ไม่อ่ะ ก็ไม่ได้เป็นไรกัน” น้ำตอบนิ่งๆ “กูเลิกกันตั้งนานแล้ว” 
“หาาาาาาา มึงอะนะไม่ได้เป็นไรกัน สเตตัสเฟสบุคยังหวานอยู่เลยนะครัช” เฟิร์สลากเสียงยาว
“ไม่รู้ ไม่คุยเรื่องนี้ละ” น้ำตัดบทเอาดื้อๆ “หยิบเลย์ให้กูถุงดิ่” มันหันมาพูดกับผม

โว้ เหมือนเดิมเด๊ะ คือยืนกรานปฏิเสธอยู่นั่นแหละ ไอ้เฟิร์สยังทำหน้างงอยู่แต่ก็ไม่รู้จะถามอะไรต่อ
ผมเอื้อมแขนหยิบขนมยัดใส่มือน้ำ พอดีกับที่น้องปีสี่เริ่มกิจกรรมพอดี

“ฮาโหลๆ ทุกคนพร้อมมั้ยค้าาาา” น้องหมิวพูดเสียงแหลม “ยินดีต้อนรับสู่ทริปมีตติ้งต้อนรับรุ่น 81 อย่างเป็นทางการค่าาาา” เสียงโหฮิ้วดังไปทั่ว
           
“นี่พี่หมิว อินปีสี่นะ มีใครยังไม่รู้จักชั้นมั้ย ประธานรุ่นน่ะเธอ” น้องหมิวแนะนำตัว “เล่นเกมกันมาทั้งวัน เดี๋ยวเรามานั่งดูรูปเบื้องหลังสนุกๆกันดีกว่า ตอนนี้เราก็ปิดประชุมเชียร์กันแล้ว ไหนๆก็ไหนๆ เชิญพวกพี่ว้ากปีนี้มาข้างหน้าเลยค่าาา” น้องหมิวโบกมือให้สัญญาณไปยังโต๊ะปีสาม น้องปาล์มหัวหน้าว้ากลุกขึ้นมาเป็นคนแรก ตามด้วยคนอื่นๆ ออกมายืนเรียงแถวกันด้านหน้า

อื้อหือ .. กินไปกี่ขวดกันแล้วล่ะนั่นน่ะ เดินเซกันขนาดนั้น

น้องหมิวรับหน้าที่เป็นพิธีกร แนะนำพี่ว้ากปีนี้ทีละคน
“นี่นะคะ อีปาล์ม อยู่เต็ก ถ้ามีอะไรไม่พอใจเรื่องว้าก ด่ามันเลยค่ะ มันเป็นหัวหน้าว้าก” 
“เห้ย มันเป็นหน้าที่” ปาล์มโวย
“ไม่รู้ค่ะ มึงเป็นหัวหน้า มึงต้องรับความเลวทั้งปวงไป ต่อมานะคะ น้องเต้ อยู่เต็กเหมือนกัน เทพดีไซน์ มีอะไรไปถามมันค่ะ เก่งมาก หมั่นไส้ จบนะ ต่อไป! น้องเอกอินทีเรีย คนนี้เจ้ขอ พี่เทวดาของเจ้ค่ะ น่ารักค่ะ จบ ”

เสียงน้องผู้หญิงวี๊ดว้าย เอ๊ะ เป็นพี่เทวดานี่แฟนคลับเยอะจังครับ จะว่าไปนัทกับปั่นปีผมก็มีน้องปลื้มเยอะอยู่นะ

“พอค่ะ! หยุดกรี๊ดน้องเอก! คนนู้นน้องพงศ์ อยู่เต็ก เป็นเด็กขี้เหล้า นิสัยจิกกัดนี่ของจริงนะคะไม่แอคติ้ง ต่อมา ผู้หญิงสองคนในหมู่มาร น้องแป้งกับน้องเฟิร์น นี่น้องเบื่อมั้ยคะมาอยู่กับอีพวกนี้” ถามพร้อมยื่นไมค์ไปให้
“แป้งชินละค่ะ” น้องแป้งตอบหน้าเพลียโดยมีเฟิร์นพยักหน้าอยู่ข้างๆ
“พี่เห็นใจน้องมากค่ะ ต่อมาคนนี้..น้องก้องอยู่เต็ก เห็นเงียบๆฟาดเรียบนะคะ อ่ะล้อเล่นน นี่ประเสริฐกว่านี้ก็พระละค่ะพ่อคู๊ณณ” น้องหมิวพูดเรีกเสียงฮา “คนสุดท้าย น้องแมนเต็ก ถึงจะดูดุ แต่จริงๆแล้ว….. มันก็เป็นคนโหดจริงๆนั่นแหละ อ่ะจบ ทั้งหมดแปดยอดมนุษย์” น้องหมิวพูดสรุปเร็วปรื๋อ

หลังจากนั้นก็เป็นการแฉเบื้องหลังของการเตรียมว้าก ตั้งแต่ตอนประชุมงานช่วงปิดเทอม ซ้อมตีหน้านิ่ง คิดบท ไปจนถึงก่อนลงประชุมเชียร์จริง น้องๆว้ากเกอร์ปีนี้ก็ยืนพากย์กันอยู่อย่างสนุกที่หน้าจอ กดสไลด์ไปเรื่อย จะเผาเพื่อนกันก็ต้องจังหวะนี้แหละครับ

ผมนั่งหัวเราะอยู่กับเพื่อนๆที่โต๊ะ ดูรูปไปก็นั่งคุยถึงเรื่องสมัยที่พวกเราเป็นว้ากเกอร์ไป ชี้ชวนกันขำรูปของปีสามไป

“โห ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าพวกกูกับมึงจะไร้สาระกันได้ขนาดนี้ นี่น้องจะยังมีความเคารพกันอยู่มั้ย” น้องเต้พูดขึ้นเมื่อสไลด์ของปีสามจบลง “กากจริงๆ” มันพูด
“นี่ๆ แต่ตอนที่พวกผมทำว้าก พวกผมมีไอดอลลลลนะครัชชชช” เสียงน้องพงศ์ดังขึ้น
“โหโหโห ไอดอลนี่ใครอะครับ” เต้ทำเป็นตื่นเต้นชงมุกให้

พงศ์ทำตาเป็นประกาย “พี่ว้ากของพวกผมอีกทีไงครับเต้! วันนี้พวกเขามาด้วยนะ! โน่นครับ นั่งหล่อว์กันอยู่ตรงนั้น!”  ว่าจบมันก็ชี้มือมาที่โต๊ะผม น้องงี้หันตามมามองกันพรึ่บ

“นั่นครับ พี่บัณฑิตสดๆร้อนๆ ยกมือทีละคนหน่อยครับ อ่ะนั่น เริ่มที่มุมโต๊ะด้านขวา พี่บอยมือกลองในตำนาน พี่กล้าใต้หร่อยแรง พี่เอ็มมือโมเดล พี่นัท พี่ปั่นผู้เป็นต้นแบบให้ไอ้เอกปีเรา คนที่เมาแล้วคือพี่เทพ ถัดไป พี่เฟิร์สหัวหน้าว้าก”
ไอ้น้องพงศ์เว้นช่วงแล้วชี้มือมาที่กลุ่มผม “ส่วนนั่นแก๊งค์จตุรเทพสุดหล่อประจำรุ่น 76 พี่ตี๋วิน พี่น้ำ พี่อาร์ต และพี่พีทคร้าบบบบ เอ้ากรี๊ดดด” พวกผมยกมือขึ้นแบบเก้ๆกังๆ ไอ้เด็กพวกนี้ทำอะไรไม่ปรึกษากูเลย เสียงน้องๆ ตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีห้าตะโกนแซวกันใหญ่ โน่นก็แฟนคลับไอ้น้ำ นี่ก็แฟนคลับไอ้พีท โอ้ยย เอากูติดร่างแหพวกมึงไปทำไมเนี่ยยยย

“เอ้าๆ เสียงกรี๊ดเกินหน้าเกินตาคนอื่นมากครับ กรุ๊ปหลังเนี่ย” น้องเต้พูดเบรค
น้องพงศ์ยิ้มมาทางกลุ่มผมแล้วพูดต่อ “ว่าแต่ว่า อยากเห็นพวกพี่เขาสมัยเรียนกันมั้ยครับ” มันยักคิ้วใส่ผมแล้วกดสไลด์ขึ้นจอ เสียงน้องๆวี๊ดว้ายทำให้ผมหันหน้าไปมอง


ไอ้ชิบหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เอารูปอะไรมาโชววววววววว์


ภาพในจอเป็นรูปพวกผมสี่คนตอนปีหนึ่ง กำลังเอ๊าะๆ เพิ่งจะเข้าปีหนึ่งได้ไม่ถึงเทอมเลยครับ
แต่ดันเป็นตอนที่ทำละครรุ่น….
เรื่องบ้านทรายทอง….

บ้าเอ้ยยยย

ไอ้น้ำที่ยืนยิ้มหล่อตรงกลางอยู่ในมาดคุณชายกลาง ครับ แม่งเป็นพระเอก ส่วนพีทที่ยืนเก๊กอยู่ซ้ายสุดเป็นท่านชายต้อม เออ ก็พระรองอ่ะครับ ตัดภาพมายังฝั่งขวาเป็นไอ้อาร์ตที่นั่งยิ้มเผล่อยู่บนรถเข็นในบทชายน้อย (ยังดีที่รูปนี้มันไม่ได้ทำปากเบี้ยว) ส่วนสุดท้ายเป็นผมที่ยืนยิ้มตาหยีอยู่ในชุดเสื้อติดกระดุมคอสีขาวและกางเกงดำ ใช่ครับ ผมได้เล่นเป็นคนขับรถให้ไอ้น้ำ….. และตอนถ่ายรุปผมยืนถือชะลอมให้พจมานอยู่…...

“เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ไอ้อาร์ตโวยขึ้นก่อน “รูปตั้งแต่สมัยไหนแล้วพวกมึ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง”
ไอ้น้ำมองรูปอึ้งๆแล้วทำหน้าบอกไม่ถูก ผมยกมือขึ้นนวดหัวตา
“โอ้ยย ภาพลักษณ์กู” ไอ้พีทบ่น “กูมีช่วงเวลาไว้ผมปาดข้างแบบนั้นด้วยเหรอวะ ทำไมไม่มีใครเตือนกูเลย” มันหันมาพูดกับพวกผม
“เอ้าา น่ารักจะตายพี่อาร์ต ตัวพอดีกับรถเข็นเลย นี่ๆ ผมทรงเกรียนๆแบบนี้พี่พีทกับพี่น้ำก็ยังหล่อนะครับน้องๆ ดูดิ่ พี่วินยังใส่แว่นอยู่เลยอ้ะ ใสกิ๊งงงงงง” ไอ้พงศ์รีบพูดใส่ไมค์
“แสดดดดดดดดดด อย่ายุ่งกะกู๊” ผมพูดมองตาขวาง “เปลี่ยนรูปได้แล้ว!”

ไอ้น้องพงศ์กับไอ้น้องเต้ตัวดีหัวเราะเสียงดังแล้วกดเปลี่ยนรูป ที่จริงๆแล้วก็ไม่ได้ดีกว่าเดิมเท่าไหร่ แต่ถ้ามันจะเปลี่ยนเป้าหมายไปหาคนอื่นได้ผมก็โอเค

พวกผมนั่งหัวเราะกันจนเหนื่อยกับรูปตลกๆ ที่น้องๆไปสรรหามาจากไหนก็ไม่รู้ ทั้งรูปจากค่ายอาสาตอนปีสอง ตอนเป็นพี่ว้ากประชุมเชียร์ปีสาม รูปตอนหมดสภาพนอนกองกันช่วงมีตติ้ง (ที่แยกไม่ออกว่าปีไหน เพราะสภาพเหมือนกันทุกปี) ตอนทำทีสิส คัดกลอง กีฬาถาปัด จนกระทั่งน้องหมิวประกาศว่าหมดเวลา ได้เวลาปล่อยฟรีแล้วนั่นแหละครับ ถึงจะได้เวลาก๊งกันจริงจัง (จะว่าไปแล้วก็จริงจังกันมาตลอดนะ..)  ใครอยากกลับไปนอนก็เอา แต่ส่วนใหญ่ก็นี่แหละครับ มุ่งหน้าหาขวดเหล้า กระป๋องเบียร์กันนี่แหละ น้องๆหลายคนแวะเวียนเข้ามาชนแก้วทักทายที่โต๊ะของปีแก่ๆอย่างพวกผม แซวบ้างเล่นบ้างไปตามเรื่อง

ผมยังคงนั่งปักหลักกับน้ำมะพร้าวในวงเหล้า ในขณะที่สมาชิกบางคนในวงก็เปลี่ยนหน้าไป เช่น ไอ้เทพไปปลิ้นอยู่โต๊ะปีสี่ ปั่นหนีไปนอน ไอ้น้ำหายไป และไอ้น้องเต้หลานรหัสกับน้องเอกเพื่อนมันย้ายตัวเองมาสิงโต๊ะผมอย่างสมบูรณ์แทน

หลังจากที่ต้องทนไอ้เต้เซ้าซี้อยากจะให้ผมกินเหล้าด้วยมาเกือบครึ่งชั่วโมง พอได้โอกาสที่มันหันไปชนแก้วกับอาร์ต ผมก็เผ่นแน่บออกมาจากวง โอ้ย ขออยู่สงบๆ บ้างเถอะครับ เฮียอย่างงั้นเฮียอย่างี้อยู่นั่นแหละ

ผมเดินเลี่ยงจากลานกิจกรรมมาที่ริมทะเล ตัดสินใจนั่งลงที่หาดทรายนิ่มๆ พลางเปิดเพลงที่ชอบจากมือถือคลอไปด้วยเบาๆ นั่งกอดเข่าแล้วมองดูพระจันทร์ดวงโตที่ลอยอยู่บนฟ้า ปล่อยให้ลมเย็นๆปะทะหน้า ออกจะหนาวไปสักนิดสำหรับเสื้อยืดตัวบางกับกางเกงขาสั้นที่ผมใส่อยู่ แต่อยู่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ

“มานั่งทำอะไรตรงนี้วะ” เสียงงงๆ ดังขึ้นข้างหลัง พอผมหันมองก็เจอไปเจอไอ้น้ำยืนมองอยู่
“อ้าว”
“ไม่ต้องมาอ้าว มึงมาทำอะไรตรงนี้คนเดียวเนี่ย” มันซัก
“กูก็มานั่งตากลมดูพระจันทร์ไง มึงเหอะหายไปไหนมาตั้งนาน” ผมย้อน

ไอ้น้ำทำท่าอึกอักจนรู้สึกได้ พอผมมองเลยไปอีกนิดก็ทันเห็นหลังไวๆของผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปที่ลานกิจกรรม
“อ่อออออ น้องพลอย?” ถามไปงั้นแหละครับ รู้คำตอบอยู่แล้วล่ะ
“เอาเป็นว่ามึงก็รีบเข้าไปละกัน ตรงนี้มันมืด” ไอ้น้ำทำหน้าปั้นยาก พูดปัดๆ ก่อนจะเดินหันหลังกลับไป

ผมหันหน้ากลับมาทางทะเลแล้วแอบขำกับท่าทางแบบนี้ของมัน เหมือนโดนแม่จับได้ว่าแอบดูดบุหรี่ไม่มีผิด
ซึ่งมันก็ไม่ผิดป่ะถ้ามันจะคบกับน้องพลอย จะปฏิเสธไปทำไม ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ยอมรับออกมาเลยน่าจะดีกว่า หรือมันจะคบซ้อนสองซ้อนสามวะ…

เออ ช่างมันเหอะ ถ้ามันเห็นว่าผมควรรู้อะไร มันก็บอกมาเองน่ะแหละ..
ผมเอาคางวางเกยกับเข่า แล้วหลับตาฟังเสียงคลื่นไปเรื่อย

จนมีคนมาสะกิดไหล่ผมนั่นแหละ
“นี่”
นึกว่าจะเห็นน้ำเดินกลับมาอธิบายข้ออ้างของมันกับน้องพลอย แต่กลับเป็นไอ้เด็กปีหนึ่งหน้าคุ้นคนหนึ่งมานั่งจ้องหน้าผมแทน

ไอ้น้องหวาน

“ไม่ได้ทำหน้าตูดเพราะตัวหนักสักหน่อย” มันพูด
“หะ” ผมขมวดคิ้ว นี่บทสนทนาอะไรของมึงเนี่ย
“เอ้า.. ในสมุดไง” ไอ้เด็กนี่มันถอนหายใจใส่ผมมม “หรือแก่แล้วความจำไม่ดี” มันยิ้มล้อๆ
“ปาก!” ผมโบกเข้าไปกลางหน้าผากด้วยความมือไว
“โอ๊ย!” คนข้างหน้าผมร้องแล้วเอามือหนึ่งขึ้นมากุมหัวไว้ สำออยชัดๆ 

แล้วอีกมือของมันนี่อะไร๊... จับมือกูไว้ทำไม๊!
มันมือไวกว่าผมอีกเหรอครับ!!

ผมมองมือที่กุมหลวมๆเอาไว้ที่ข้อมือตัวเอง แล้วส่งสายตาอาฆาตไปให้คนตรงข้าม
แทนที่มันจะปล่อย ดันมาจ้องหน้าผมซะอย่างงั้น “นี่… กินเหล้ามารึเปล่า”
“เป็นเตี่ยกูหรือไง” ผมพูดนิ่งๆ “ปล่อย”
“ตอบก่อนดิ่”
ผมถอนหายใจ “ไม่ได้กินว้อยย”
“ดีมาก” พูดชม(?)ผมเสร็จ มันก็ปล่อยข้อมือผมให้เป็นอิสระ แล้วลุกมานั่งลงข้างๆ หน้าตาเฉย

“ใครอนุญาตให้นั่งตรงนี้เนี่ย” ผมค้อนขวับ
“อย่างกสิครับ นั่งด้วยนิดเดียวเอง”
“ไม่ไปกินเหล้านั่งคุยกับคนอื่นโน่นล่ะ”
“เหล้ากินแล้ว ตอนนี้ก็มานั่งคุยไง”
“อะไรของมึงเนี่ย”

มันแบมือแล้วยื่นมาตรงหน้าผม

“รางวัลล่ะ”

“หือ? รางวัลอะไร”
“เล่นเกมเมื่อเช้า ผมไม่ลืมหรอกนะ”
“เลี้ยงไอติมไปแล้วไง”
“นั่นมันคนอื่น นี่ผมนะ”
“เป็นมึงแล้วยังไง นี่อย่าบอกนะที่มึงทำหน้าเหม็นเบื่อตลอดบ่ายเพราะเรื่องนี้” ผมหันขวับ
“สังเกตด้วยเหรอครับ” มันพูด ก่อนจะทำตาโต “ฮั่นแน่! แอบมองผมเหรอ”
“ห่าสิ!” ผมร้อง ทำไมผมจะต้องไปแอบมองแม่งด้วยล่ะครับ “กูบังเอิญเห็นเฉยๆ”
“ที่หน้าบึ้งน่ะ ไม่ใช่เพราะรางวัลหรอกนะ…” มันบ่นงึมงำ
“นี่มึงงอนกู?” ผมชี้ตัวเอง นี่กูต้องง้อรึไงวะ
“หายละ เลยมาทวงรางวัลไง” มันตอบหน้าตาเฉย
“ไม่มี” ผมบอกเรียบๆ “ของมึงอ่ะไม่มีหรอก”
“ผมเปลืองแรง ลงทุนกว่าคนอื่นตั้งเยอะ”
“เอ้า” ผมร้อง “มึงปล่อยกูลงน้ำ นี่ยังไม่ได้ด่าเลย”
“ก็มัน...” มันเงียบไปแป๊บนึง แล้วทำหน้าแบบถือไพ่เหนือกว่า “จริงๆ แล้ว..ผมอุ้มตั้งสองรอบนะ...ตอนว้าก..”
“เฮ้ย จะพูดขึ้นมาทำไม๊” ผมร้องเสียงหลง
“เอ้า ก็มันจริงนี่”
“เออ อันนั้นกูรู้ ไม่ต้องย้ำก็ได้”
“ก็เดี๋ยวจะลืม”
“กูก็อยากลืมเหมือนกันน่ะแหละ!”
“เอาเป็นว่าติดหนี้ผม” มันรีบสรุป
“เออ..” ผมตอบเสียงอ่อย
“สองรอบ..”  คนตรงหน้าผมต่อประโยคเสร็จก็ยิ้มกว้าง

ถึงมันจะหน้าตาดี แต่ตอนนี้ความกวนตีนนำหน้าความหล่อไปแล้วครับ

“โอ้ย มึงนี่” ผมพูดเสียงดัง “จะเอาอะไรก็ว่ามา”
มันทำท่าคิด “ยังนึกไม่ออกอ่ะ”
“อย่าเล่นตัว”
“ยังนึกไม่ออกจริงๆ เก็บไว้ก่อนได้มะ”
“เรื่องเยอะ” ผมบ่นเบาๆ แล้วเอามือเท้าคาง หันหน้าไปอีกทาง

สงสัยผมจะปล่อยคลื่นพลัง 'กูเหนื่อย อย่าชวนคุย' ออกมามากไปหน่อยเลยทำให้ไอ้เด็กปีหนึ่งที่นั่งข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมนั่งฟังเสียงคลื่น มองทะเลกับพระจันทร์ดวงโตเงียบๆ

จนเพลงในเพลย์ลิสต์มันวนกลับมาที่เดิมน่ะแหละ ผมถึงได้ขยับตัวเตรียมจะลุก

“จะไปแล้วเหรอ” คนข้างๆ หันมามองหน้าผม
“อื้อ” ผมตอบด้วยเสียงในลำคอแล้วพยักหน้า เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างตัว 
“นี่” เสียงเรียกทำให้ผมหันไปเจอหน้าคนที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว

“ขอเบอร์หน่อยสิ”

“หะ” ผมขมวดคิ้วแล้วกระพริบตาปริบๆ นี่ผมได้ยินอะไรผิดรึเปล่านะ
“ขอเบอร์หน่อย” มันพูดย้ำด้วยสายตาจริงจัง
“ถ้านึกขึ้นได้ว่าอยากได้อะไรเป็นรางวัล จะได้โทรไปบอกไง” พูดจบก็หยิบมือถือของตัวเองส่งมาให้อีกต่างหาก 
“เรื่องเยอะแบบนี้แม่ไม่ว่าบ้างรึไง” ผมเหล่มองมัน
“แม่อ่ะไม่ว่า แต่แฟนน่าจะบ่น” มันพูดแล้วอมยิ้มมุมปาก “รับไปสิครับ”

ผมว่าที่ปีสองหลงมันเนี่ย คงไม่พ้นเพราะรอยยิ้มแม่งแน่ๆ   
แต่ผมว่าแม่งดูเจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้สิครับ

ผมหยิบไอโฟนจากมือมันมากดเบอร์ให้เร็วๆ แล้วส่งคืน ”เอาไปเลย”
เห็นอีกฝ่ายรับโทรศัพท์ไปโดยดี ผมเลยลุกขึ้นยืดขาแล้วปัดทรายออกจากกางเกงตัวเอง

Rrrr….
หือ?

“นั่นเบอร์ผม” คนตรงหน้าลุกขึ้นยิ้มกว้างแล้วชูหน้าจอโทรศัพท์ให้ผมดู
“ไม่ได้ขอ”
“ก็ผมอยากให้นี่” มันตอบหน้าตาเฉย “กดเมมสิครับ... นี่เอาไปขายได้ตัวละสองร้อยนะ” 
ผมแอบขำแล้วเก็บมือถือลงกระเป๋า “ได้ก็บ้าแล้ว”
“ยิ้มแล้ว” มันมองหน้าผมแล้วพูดเบาๆ “น่ารักกว่าตอนแกล้งโหดเยอะเลย”
“หะ” ได้ยินไม่ถนัด “ว่าอะไรกูนะ..” ผมหรี่ตามอง อะไรโหดๆ เดี๋ยวเหอะมึง เดี๋ยวจะได้รู้ว่าโหดจริงมันเป็นยังไง
“เปล่าครับ” มันอมยิ้ม   

ผมหมุนตัวเดินกลับไปที่ลานกิจกรรม โดยมีเจ้าเด็กปีหนึ่งชื่อประหลาดนี่เดินตามมาด้วย
“พี่จะเข้าที่พักเลยมั้ย” หวานถามขึ้นระหว่างทาง
ผมยกนาฬิกาขึ้นดู นี่เพิ่งจะเที่ยงคืนกว่า “ยังอ่ะ คงไปนั่งที่โต๊ะก่อน”
“ผมไปนั่งด้วยได้มั้ย” 
“หน้าเหมือนพ่อเหรอ? มาขออนุญาตน่ะ” ผมชี้ตัวเอง “อยากไปก็เอาดิ่”
เด็กหวานยิ้มขำไม่ตอบอะไรแล้วเดินตามผมไปเงียบๆ

เออ เงียบสงบแบบนี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย

_ _ _ _

สงบก็ไม่ใช่วงเหล้าสิ.....
หลังพวกแม่งเห็นว่าสมาชิกใหม่ในโต๊ะเป็นไอ้เด็กหวานหน้าหล่อนี่

เป้าหมายการกินเหล้าเอาชิวก็เปลี่ยนไปเป็นทะเลสุราเลยครับ..

“เฮ้ยยย ชนดิ่ นี่น้องหวานสุดป๊อบเลยนะ!”
“เชี่ยหวานนนนน แดกเลยยยยยยย”
“เอาแก้วนี้ไป กูหมั่นไส้ความหล่อของมึง”
“ชนนนนนนน หมดแก้ว หมดแก้ววว!!”

นี่งานเลี้ยงวันเกิดมันเหรอครับ?

ตั้งแต่มานั่งตรงนี้เมื่อเกือบครึ่งชั่วโมงก่อน ไอ้หวานน่าจะโดนเรียกให้กินเหล้าไปมากกว่าสิบแก้วแล้ว
นี่ไม่รวมเหล้าช็อตนะครับ
   
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีหนึ่ง คนในลานกิจกรรมดูบางตาลงไปเยอะแล้ว โต๊ะปีต่างๆจึงถูกยุบมารวมอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ มีสมาชิกเหลืออยู่ราวๆยี่สิบคน จตุรเทพผมอยู่กันครบ ส่วนเพื่อนปีแก่ก็มีนี่แหละครับ บอย นัท เทพ แก๊งค์ขี้เหล้า นอกนั้นก็หน้าเดิมๆ ปาล์ม เต้ เอก พงศ์ ปีสาม น้องหมิวปีสี่กับเพื่อนๆ ปีสองกับปีหนึ่งอีกนิดหน่อย หนึ่งในนั้นก็ไอ้หวานที่นั่งกินเหล้าอยู่ข้างผมนี่แหละครับ

ไอ้เด็กบ้านี่ก็ไม่ออกอาการเมาเลยสักนิดเดียว มีหน้าเล่นมุกต่อกันกับพวกน้องเอก ไอ้อาร์ต แล้วก็พวกปีสองอีกต่างหาก

เอ้า อยากกินก็กินไป ดูซิว่ามึงจะทนได้แค่ไหนกันเชียว

_ _ _ _
 
2.18

โอ้ย ตาจะปิด

แผนมอมเหล้าไอ้น้องหวานของพวกแม่งไม่สำเร็จครับ ผมบอกเลย
มันยังมีสติอยู่อย่างน่ามหัศจรรย์ ในขณะที่พวกปีโตเมาเป็นหมา หิ้วปีกกลับบ้านพักกันไปแล้วหลายคน   
ส่วนคนไม่เมาอย่างผมอ่ะเหรอครับ ก็ต้องทำหน้าที่เก็บศพสิ..

“เชี่ยอาร์ตเดินดีๆ” ผมพูดใส่หูมันขณะหิ้วปีกมันไปบ้านพักคู่กับไอ้พีทที่หน้าแดงก่ำ ส่วนที่เดินตามมาด้านหลังเป็นไอ้เทพเจ้าประจำที่โดนน้ำกับหวานช่วยกันแบกมา เมื่อโยนเพื่อนผู้เมามายลงพื้นห้องนั่งเล่นไปเรียบร้อย (พร้อมถุงพลาสติกเกี่ยวหูเผื่อพวกมันอ้วกด้วย) ก็ได้เวลาแยกย้ายไปนอนกันละครับ นู่น ไอ้พีทเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว

“ขอบคุณมาก ไอ้เชี่ยเทพนี่หนักเป็นบ้า” น้ำพูดกับหวานแล้วนวดแขนตัวเองแรงๆ
“ไม่เป็นไรพี่ แค่มึนๆ แต่สบายมาก” มันตอบ
“คอแข็งนี่หว่า กินไปตั้งเยอะ” น้ำว่า
“โห่ นี่ก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกันพี่ แทบจะอาบแทนกินแล้ว” มันพูดติดตลก

ไม่ไหวอะไรของมึง นี่กินไปเป็นลิตร หน้าแค่แดงหน่อยๆ  บ้านแม่งทำโรงเหล้าเหรอครับ?

“งั้นกูไปนอนละ บาย” พูดจบน้ำก็เดินเข้าห้องนอนไป
 
“เฮ่ออ มึนเป็นบ้าเลย” มันถอนหายใจแล้วนั่งลงกับพื้น
“เอ้า เอาไป” ผมยื่นขวดน้ำเปล่าให้ มันหยิบไปจากมือแล้วดื่มเข้าไปหลายอึก
“งั้นผมไปก่อนนะ” หวานหันมาบอกผมแล้วเตรียมจะเดินออกประตู
“เห้ย เดี๋ยวดิ่ นี่พักบ้านหลังไหน” ผมถาม
“ด้านหลัง เบอร์ 12”
“มันมืด มึงจะเดินไปคนเดียวได้ไง” ผมท้วง ”นี่เมารึเปล่าวะ?”
เจ้าตัวส่ายหน้าดิก “เป็นห่วงเหรอครับ” มันมองหน้าผมแล้วยิ้มล้อๆ
“เดี๋ยวมึงตาย คณะเป็นข่าว” ผมบอกหน้านิ่ง “มึงกินไปตั้งเยอะ ไม่ต้องกลับหรอก นอนนี่แหละ ห้องพวกกูว่าง เชี่ยอาร์ตก็นอนตายอยู่ข้างนอกเนี่ย ว่างตั้งสองฟูก”
“จริงเหรอ” มันทำหน้าตาตื่นเต้น “ให้ผมค้างด้วยจริงดิ่”
“นี่มึงไม่เมาแน่ใช่มั้ย” ผมขยับเข้าไปใกล้ พยายามจ้องหน้ามันอย่างจับผิด

มันกระพริบตาปริบๆ ตอบกลับมา
“เอ๊ะ”
จู่ๆมันก็เอามือสองข้างมาจับหน้าผมให้มองตามันอยู่อย่างนั้น

“เห้ย ทำอะไร” ผมตกใจ
อีกฝ่ายจ้องตาผม “จริงๆด้วย..”
“หา..”
“วินตาสีน้ำตาล”
มันพูดเสียงเบลอในขณะที่ก้มลงมาจนปลายจมูกเกือบสัมผัสกัน
 
ใกล้ไปแล้ว..
 
โป๊ก!
เสียงมะเหงกของผมที่กลางหัวมันเองแหละครับ

ใครว่าแม่งไม่เมา
นี่มันโคตรของโคตรเมาแล้ว!!

มันร้องโอ้ย แล้วเอามือลูบหัวตัวเอง
“เรียกกูวินเฉยๆได้รึไง! เมาแล้วก็ไปนอนไป๊!” ผมโวยเบาๆ แล้วรีบเดินไปเปิดประตูห้องนอน
“รอด้วยสิ”
“ไปนอนตรงนู้นเลย” ผมชี้มือไปที่ฟูกว่างๆ ระหว่างน้ำกับพีทที่นอนอยู่แล้ว
มันหันหน้ามามองผม “อยากนอนกับพี่อ่ะ” 

ไอ้นี่เมาแล้วเรี่ยราดชิบหายยย

“ไป.. นอน…ไป....” ผมเอามือยันหัวมันเข้าไปในห้องแล้วพูดเสียงเข้ม อีกฝ่ายทำปากบุ่ยเหมือนเด็กๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนฟูกอย่างว่าง่าย
เพียงไม่นานผมก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอ นายหวานหลับไปแล้วล่ะครับ


เขาว่า คนเมาก็พูดไปเรื่อย ทำไปเรื่อย
แล้วเรื่องอะไรผมจะต้องมาใส่ใจอะไรกับเรื่องเมื่อกี้ใช่มั้ยครับ

_ _ _ _

ตอนที่ 8 มาแล้วฮ่ะะะ

ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ อ่านคอมเมนต์ทุกคนแล้วมีกำลังใจในการเขียนมากๆ
น้อมรับคำติชมทุกท่านค่าา 
/คนเขียนโดดแจกกอดคนละที  <3

ยินดีต้อนรับสู่โลกของการมีตติ้งแบบเต็กๆค่ะ เมากันไปยาวๆเนาะ
ตอนหน้าได้เวลากลับสู่โลกการทำงานของตี๋วินแล้วล่ะค่ะ คิดถึงคุณตะวันกันม้ายย

จะรีบมาต่อนะฮะ
จุ๊บุ
:pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 8 P.2 ✽update 28.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 28-06-2017 22:44:59
ฮื่ออออออ ชอบอะไรที่เป็นเต็ก ชอบตี๋วิน  :ling1:
หวานน่ารักนะ เด็กมันปีนเกลียว
น้ำก็ไม่ชัดเจน ดูก้ำกึ่ง แต่ทำไมเราเชียร์อ่ะ ฮือออ
หวานจ๋าพี่ขอโทษ~~~~
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 8 P.2 ✽update 28.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-06-2017 23:04:21
หวานน่ารักนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 8 P.2 ✽update 28.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-06-2017 23:05:22
 :hao3:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 8 P.2 ✽update 28.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 28-06-2017 23:15:23
แน่~~~~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 8 P.2 ✽update 28.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 29-06-2017 22:54:57
เย้ๆๆๆ ตอนที่ 8 มาแล้ว
คิดถึงตี๋วิน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 8 P.2 ✽update 28.6.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 05-07-2017 18:00:15
ความเสี่ยงที่ 9

8.50

ผมตื่นมาก็พบว่าไอ้เจ้าเด็กหวานนั่นหายไปแล้ว สงสัยว่าจะกลับบ้านพักไปตั้งแต่เช้า
ผมบิดขี้เกียจสองสามที ก็ลุกขึ้นมาเจอน้ำนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ปลายฟูก ส่วนพีทกำลังแต่งตัวด้วยหน้าตาสดใส
 
“เอ้า ตี๋ ไปอาบน้ำปะ กูกะลังจะปลุกเลย” พีททักขึ้น

“พวกมึงตื่นเช้ากันจังวะ นึกว่าจะตายยาว” ผมหาวไปพูดไป

“เฮ้ย ชั้นนี้แล้ว” น้ำพูดขึ้น

“เหยดด พวกมึงไม่แฮงค์เลยเรอะ” ผมถามอย่างสงสัย

“เหอะ จะเหลือเหรอ” พีทเงยหน้าขึ้นมาจากการติดกระดุมเสื้อ “กูกับไอ้น้ำไปถอนมาแล้ว” มันชูขวดเบียร์เปล่าๆให้ผมดูแล้วยักไหล่ ไอ้น้ำหัวเราะหึหึ
 
ผมเบ้หน้าใส่
ทฤษฎีบ้านไหนของมันก็ไม่รู้ล่ะครับ ถ้าตื่นมาแล้วแฮงค์ต้องอัดเข้าไปอีกน่ะ
 
“ตกลงเมื่อคืนไอ้น้องหวานนอนนี่เรอะ” น้ำทักขึ้น “กูตื่นมาตอนมันเปิดประตูออกไป ซักช่วงเจ็ดโมงกว่าๆ”

“อือ กูเห็นว่ามันดึกแล้ว บ้านพักแม่งไกล ทางก็มืด เลยให้แม่งนอนนี่แหละ” ผมตอบ

“เออ แต่ไอ้เด็กหวานนี่แม่งคอโคตรแข็ง มอมไม่ได้เลย” พีทพูดเสริม
 
ขอกูมองบนหน่อย
เหอะ ใครว่าไม่เมา
นอกจากจะเรี่ยราดแล้วแม่งยังปีนเกลียวอีกต่างหาก
 
“แน้ ไอ้ตี๋ มึงแสดงอาการแบบนั้นหมายความว่าอะไรร” ไอ้พีทขยับเข้ามานั่งข้างผม “น้องแม่งเต๊าะมึงเหรอ”

“พ่อสิครับคุณเพื่อน” ผมสวนกลับไป “มันเมา แต่มันฟอร์ม”

“อ่าวจริงดิ่” น้ำพูดงงๆ “กูก็ยังว่าทำไมกินเก่งจัง ดวลกับกูแก้วต่อแก้วจนกูงี้เดินจะไม่ตรง”

“มันน่าจะเมาพอๆกับมึงอ่ะแหละ คือพอมีสติ รั่วๆบ้างนิดหน่อย” ผมว่าเร็วๆ “เออ มีใครไปเก็บเชี่ยอาร์ตจากข้างนอกรึยัง” ผมเตือนก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ
 
“เออว่ะ รีบไปดูแล้วถ่ายรูปแบล็กเมล์มันดีกว่า” พีทรีบคว้าโทรศัพท์แล้วเดินออกไปนอกห้อง
 
_ _ _ _
 
10.55
 
“สำหรับวันนี้ พวกพี่ก็ต้องขอบขอบคุณน้องๆมากๆ นะคะที่มาสนุกกันน” น้องหมิวประกาศเสียงแจ๋วๆ

“ถ้าพวกพี่ทำอะไรเกินเลยไปพี่ขอโทษด้วยนะ ความตั้งใจหลักคือพี่อยากให้เป็นความทรงจำดีๆ” น้องปาล์มพูดขึ้นบ้าง

“แล้วก็ขอบคุณปีสองที่ดูแลเรื่องจัดการสถานที่ ปีสามที่แปลนทริปนี้ ปีสี่ที่ดูเรื่องสวัสดิการ ปีห้าที่มาสนุกกันแม้งานจะเดือด แล้วก็พี่ปีโตๆที่มาเจอกันนะค้าาาา” น้องหมิวพูด
 
น้องๆทุกคนต่างปรบมือ หลายคนผิวปากดังวิ้วให้เป็นกำลังใจ ทีมงานทุกคนคงหายเหนื่อยกันแล้วล่ะครับ ดูพวกมันยิ้มสิ ผมยังมีความสุขเลย
 
หลังจากนั้นพวกเราก็ตบท้ายด้วยการร้องเพลงคณะเสียงดังลั่นรีสอร์ท
 
จบแล้วล่ะครับมีตติ้งปีนี้
 
“เอ้อ! สมุดกระจกจะย้ายไปแขวนที่คณะอีกสองอาทิตย์นะครับ ยังไม่ต้องเอากลับไป ยกเว้นของพี่บัณฑิตที่จะแจกคืนตอนเที่ยง ถ้าอยากเขียนของพวกพี่บอย พี่น้ำสุดหล่องี้ ก็ต้องรีบนะจ้ะเธอออ” น้องหมิวประกาศ

“เอ๊ พี่น้ำเนี่ย สาวๆเขียนสมุดได้มั้ยน้าาา ต้องขอใครมั้ยน้าาา” น้องพงศ์แซวสมทบ
 
ไอ้คนถูกพูดถึงก็ยืนหัวโด่ตีหน้านิ่งไม่ได้ปฏิเสธหรือว่าอะไรต่อ พอมองไปที่โต๊ะปีห้าน้องพลอยคนสวยก็ยืนแก้มแดงเพราะโดนเพื่อนๆล้ออยู่ ผมกับไอ้อาร์ตหันมาสบตาแล้วยักคิ้วใส่กัน ถ้ามีคนเปิดซับไตเติ้ลข้างล่าง คงอ่านได้ว่า มึงดูดิ่ แล้วใครมันจะไม่เข้าใจผิด
 
พวกผมนั่งๆยืนๆ อยู่ตรงโต๊ะตัวเมื่อคืน ทำตัวเป็นศาลพระภูมิให้น้องๆเดินเข้ามาทักทายคุยเล่นไปเรื่อยเปื่อย เอาตรงๆ สมองผมจำปีหนึ่งปีนี้ได้ห่วยมากครับ จะจำได้ก็พวกกลุ่มสีชมพูที่เล่นเกมกับผมและอาร์ต แค่ยี่สิบกว่าคนเท่านั้นแหละ
 
หนึ่งในนั้นก็หมอนี่ไง
 
“เมาดิ่ แฮงค์ดิ่” ผมพูดนำไปก่อนเมื่อเห็นนายหวานเดินตรงดิ่งเข้ามาหา ใต้หางตาตกๆนั่นมีรอยคล้ำอยู่บ้าง นอนไม่พอล่ะสิ

“ผมตื่นก่อนพี่อีกนะ” มันทำยิ้มทะเล้น 

ผมเบ้ปาก “แล้วไง ไม่เห็นเกี่ยวเลย”

มันพูดเสียงเบาเหมือนไม่อยากให้ใครได้ยิน “นี่ ถามอะไรหน่อยสิ” ทำหน้าจริงจังแล้วขยับเข้ามาใกล้ผม

“อ อื้อ” ผมเอียงคอเข้าไปรอฟัง ท่าทางดูซีเรียส หรือมันจะไม่สบายวะ 
 
“นอนน้ำลายยืดทุกวันเลยป่ะเนี่ย” มันกระซิบใส่หูผม
 
ไอ้เด็กบ้าาาาาาาาาาาาาา
ผมทุบเข้าที่หลังมันดังพลั่กจนไอ้กล้าใต้กับปั่นที่อยู่ใกล้ๆหันมาทำหน้างงใส่
ไอ้เด็กตัวแสบยืนกุมท้องกลั้นหัวเราะอยู่หน้าผม
 
“อูย มือหนักจัง ล้อเล่นไม่ได้เลยนะเนี่ย” มันแกล้งโอดโอย

“เดี๋ยวจะโดนมากกว่านี้” ผมตั้งท่าจะเขกหัว แต่ไอ้ปีหนึ่งนี่ก็รู้ดีเตรียมยกมือมาปิดหัวมันไว้เฉยเลยครับ
ชิ คิดว่าจะหลบได้ใช่มั้ยย มาาา กูมีพี่บัวขาวเป็นไอดอลนะแสดดดดดด
 
“นี่มึงเล่นไรกันอ่ะ” น้ำที่เพิ่งเดินมาขมวดคิ้วแล้วทักขึ้น ในมือมีถุงพลาสติกใส่สมุดกระจกอยู่เต็ม

“เด็กนี่มันกวนตีนกู” ผมชี้ตัว

“เฮ้ย ไม่ฟ้องดิ่” มันร้องขึ้น

“ฮ่าๆ นี่มึงโดนน้องแกล้งเหรอ โถ ตี๋เอ้ยยย” ไอ้น้ำหัวเราะใส่เฉยเลยครับ “อ่อนแอก็แพ้ไปเนาะ” ประโยคสุดท้ายก็หันไปพยักหน้ากับไอ้เด็กหวานปีหนึ่ง ซึ่งมันก็พยักหน้ากลับรัวๆ ถ้ามึงจะสนับสนุนกันขนาดนี้ มึงไม่รับเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันไปเลยวะไอ้พวกบ้าาาา
 
แถมพอไอ้น้ำพูดจบก็มีการเอามือมาตบหัวผมแปะๆ อีกต่างหาก ไอ้เพื่อนเลวววววววว

“พ่อเมิงงงงงงงงงง” ผมปัดมือมันออกแล้วด่าเสียงดัง 
ไอ้น้ำยิ้มแล้วยักไหล่ให้ผม ส่วนไอ้เด็กหวานก็ไม่ได้พูดอะไร สะใจมึงสินะ!!
 
“เอ้าาา ใครกลับรถบัส มาเชคชื่อตรงโต๊ะนี่นะค้าา” น้องหมิวพูดใส่โทรโข่ง “ตัวแทนรถออกมารับข้าวกล่องกับน้ำด้วย” 

“เดี๋ยวผมไปละ ทางโน้นเรียกรวมแล้ว” หวานพูดขึ้น

“เออ” ผมตอบมัน “ไปเลย”

“เออๆ กลับดีๆพวกมึง วันหลังมาแดกเหล้ากัน บายย” น้ำโบกมือให้หวาน

“ไว้เจอกันครับ…. นี่.. อย่าลืมสัญญานะ คำไหนคำนั้น” มันหันมาพูดกับผม

“เออ เออ ไอ้เด็กเรื่องเยอะ” ผมตอบปัดๆ

“สองรอบ” มันพูดแล้วก็หันหลังเดินไป
อยากเขวี้ยงรองเท้าตามมันจังเลยครับ จะเอาอะไรกับกูนักหนาเนี่ยยยยย
 
ไอ้บ้าเอ้ยยยย
 
_ _ _ _
 
11.20
 
หลังจากยืนดูน้องๆขึ้นรถบัสจนรถขับออกไปเรียบร้อย พวกปีแก่ๆอย่างพวกผมก็ได้เวลาแยกย้ายกันจะกลับแล้วครับ
ผมยืนร่ำลาเพื่อนๆ ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเวทนา (โดยเฉพาะไอ้เทพกับนัท) ด้วยสภาพพวกแม่งแบบนี้ น่าจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าแอลกอฮอลล์จะระเหยออกไปจากเลือดหมด อย่าคิดว่าจะต้องไปไหนต่อกันเลยครับ เดินไปขึ้นรถให้ถูกคันก็พอ นี่ถ้าเจ้านายพวกมึงมาเห็น เขาจะยอมให้มึงเขียนแบบบ้านให้มั้ย
 
โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าผมสั่นครืด เมื่อผมหยิบขึ้นมาก็พบว่ามีเมลล์เข้าจากเจ้านายสุดสวยของผม
พี่ฝ้ายตอบกลับเมลล์ที่ผมส่งไปเมื่อวานมาซะยาวยืด นี่ไม่มีใครหยุดทำงานวันอาทิตย์เลยเหรอครับเนี่ยย
 
ผมยืนพิงรถพิมพ์ตอบอีเมลล์นั้นไปยาวพอๆกัน เกี่ยวกับแผนงานโปรเจ็กต์คุณชายตะวันที่ผมเป็น PM กับอีกสองโปรเจ็กต์ที่ผมเป็นผู้ประสานงานกับผู้ออกแบบอยู่ เอ.. จะว่าไปต้องเมลล์ไปหาน้องแคร์คนงามให้ช่วยปริ้นท์งานเตรียมไว้ประชุมตอนบ่ายวันจันทร์ด้วยสินะ ไหนจะต้องคุยกับพี่บัญชีอีก เอ้า เขียนไปเลยครับยาวๆ
 
เปิดดูทำไมเนี่ยอีเมลล์ อยากตีมือตัวเองจริงๆ
 
ผมติดนิสัยอยู่อย่างนึงครับ คงนับเป็น OCD ได้แล้วล่ะ ผมไม่ชอบให้มีไอคอนขึ้นเตือนบนหน้าจอ อินบ็อกซ์เมลล์ต้องเป็นศูนย์ ไลน์ต้องไม่ค้าง เมจเสจอะไรต้องเปิดดูให้หมด ไม่งั้นเวลามองเห็นแล้วมันรำคาญใจทุกที เหมือนมีอะไรคั่งค้าง รู้สึกทำงานไม่เสร็จตลอด
 
“เอ้า พร้อมยัง” ไอ้พีทถามขึ้นหลังปิดกระโปรงท้ายรถ “เอ้า ไอ้น้ำล่ะ?”
ผมยืนจิ้มโทรศัพท์อยู่ข้างรถเงยหน้าขึ้น เออ หายหัวไปไหนวะ

“กูว่าไปกะน้องพลอยชัวร์” อาร์ตว่าขึ้น

“ห้ะ มึงรู้ได้ไง” ผมงง

“โอ่ย มึงนี่ ไม่งั้นมันจะหายไปไหนล่ะวะ” อาร์ตพูด “มึงนี่อ่อนด้อยจริงๆ”

“มึงว่าน้องเขาคิดเหมือนไอ้น้ำป่ะวะ” พีทถามขึ้น “ที่ว่าเป็นแค่พี่น้องกันอ่ะ”

อาร์ตส่ายหน้าดิก “กูว่าไม่มีทาง น้องแม่งยืนม้วนขนาดนั้นมึงก็เห็น”

“เนอะ กูว่าไอ้เพื่อนห่าของพวกเรานี่แหละทำอะไรไม่ชัดเจน” พีทเสริมขึ้น
 
“อย่ามั่ว… กูไปแจกสมุดกระจกให้พวกแม่งมา” เสียงของน้ำแทรกขึ้น ร่างสูงชูสมุดที่เหลือในมือขึ้น “นี่ของพวกมึง”
 
หันหน้ามองกันเลิ่กลั่กสิทีนี้ ผมตีเบลอเดินไปรับสมุดไว้ในมือแล้วพลิกเร็วๆ
โห คนเขียนเยอะเหมือนกันแฮะ ผมเก็บสมุดใส่ลงในกระเป๋าเป้ที่มีแมคบุคลูกรักอยู่ ไว้เดี๋ยวค่อยไปอ่านที่บ้านทีเดียวละกันครับ ตอนนี้ย้ายตูดขึ้นรถไปจองเบาะหน้าดีกว่า 
 
_ _ _ _
 
11.48
 
 
“มึงว่ามีตติ้งปีนี้เป็นไง” ขณะขับรถพีทก็ถามขึ้นลอยๆ “กูว่าดีนะ ไม่มีแก้ผ้าให้อุจาดตาด้วย”

“ใครว่า ตอนบ่ายพวกปีสามก็เล่นเหอะ” อาร์ตพูดไปกดโทรศัพท์ไป

“เหยดดดดดด” พีทกับน้ำร้องขึ้นพร้อมกัน ส่วนผมได้แต่ทำตาโตแล้วถามขึ้น “นี่มึงไปดูมาเหรอ”

“กูเอะใจตั้งแต่แยกน้องผู้หญิงออกไปละ เลยนั่งดูไกลๆ” อาร์ตทำหน้าสยอง “พวกไอ้น้องหมิวปีสี่เอากล้องไปส่องแล้วเม้ากันใหญ่เลย” 

“กูว่าแม่งต้องมีปล่อยรูปในเฟสบุคชัวร์” พีทพูด

“มันมาแล้ว” อาร์ตชูโทรศัพท์ “และนี่ มีอัลบั้มขายรูปผู้ชายงานดี ติดต่อหลังไมค์”

“เชรดดด… ไหนเอามาดูดิ้” น้ำยื่นหน้าไปมอง

“อื้อหือ แฮชแทกห้าแซ่บปีหนึ่ง น้องแม็กอิน น้องคิวเต็ก น้องบิวเต็ก น้องหวานเต็ก น้องฟิวอิน เหี้ยอะไรเนี่ยยย” ไอ้น้ำโวยวาย

“มีแฮชแทกปีโตเปียกน้ำ แล้วมีชื่อพวกมึงด้วยนะ ฮ่าๆๆ” อาร์ตพูดเสริมแล้วขำ

“เหี้ยยยยยยยย ขนลุกกกกกกก” ไอ้พีทร้อง
 
ไอ้เด็กหวานติดหนึ่งในห้าด้วยเหรอครับ
เออ.. จริงๆแล้ว แต่ถ้าไม่ติดคงจะน่าแปลกใจมากกว่า
คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ตาเรียว หางตาตกๆ กับไฝสเน่ห์ใต้ตา
สูงแบบต้องเงยหน้ามอง กล้ามก็มี ผิวก็พอๆกับไอ้พีท ไม่ได้ขาวซีดเป็นไก่ต้มแบบผม
ดูรวมๆแล้ว...มันก็หน้าตา.. เอ่อ… ดีอยู่… ละมั้ง…นะ….
 
แล้วกูจะมานั่งชื่นชมความหล่อมันทำไมวะครับ!
 
“ตอนปีหนึ่งมึงก็เคยโดน” อาร์ตบอก “มึงสองคน ไอ้บอย ทอมเอ้งี้ ไอ้ปั่น มาปีนี้อีก! ทำไมเราสองคนไม่ติดอันดับบ้างวะตี๋~~” มันแกล้งโอดครวญ   

“จริงๆแล้วรูปมึงสองตัวก็เยอะอยู่นะ แทรกอยู่ตามรูปพวกกูไง ฮ่าๆๆ” พีทพูดแซะ ทำเอาไอ้น้ำที่เบาะหลังหัวเราะก๊าก

“เออจริง แว้บๆเหมือนชัตเตอร์อ่ะ” น้ำพูด

“กูจะขี่คอมึงให้หักเลย” อาร์ตเค้นเสียง

“เออ พวกกูก็เป็นได้แค่ส่วนประกอบแหละ” ผมประชดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง
 
“เอ๊ะ เอ๊ะ... มึงเปิดโทรศัพท์ทำไม อยากส่องรูปน้องๆเหรอจ้ะตี๋~” อาร์ตพูดล้อ

“ก็เชี่ยละ! กูจะเชคเมลล์ เชคเฟสบ้างไม่ได้เรอะ” ผมโวย “นี่ไง รูปกูโดนแท็ก กับพวกปีหนึ่งแอดเฟสกูมา” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นให้พวกมันดู ไอ่เชี่ยอาร์ตนี่คิดได้เชี่ยจริงๆครับให้ตายดิ่

“ไหนๆ มีใครแจ่มบ้าง” พีทถาม ไอ้อาร์ตกับน้ำชะโงกหน้ามาดูจากเบาะหลัง

ผมไล่พูดชื่อเด็กปีหนึ่งที่อยู่ในเฟสบุค “มีน้องจอย น้องนิว คนนี้ไม่คุ้น น้องใหม่ น้องโม นอกนั้นเป็นเดือยล้วนละ พวกมึงคงไม่สนใจ” พวกมันสองคนพยักหน้าหงึกๆ แล้วหันไปเปิดโทรศัพท์ตัวเองเชคเรตติ้งบ้าง
 
แอพไลน์ผมมีเลขสามสีแดงแจ้งเตือนอยู่
พอดูชื่อก็ได้แต่เบ้ปากใส่

นายหวาน add you as a friend.
ไอ้คนตายยากเอ้ย
 
นายหวาน : นี่
นายหวาน : กลับบ้านดีๆนะครับ
นายหวาน : อย่าลืมที่สัญญากับผมนะ
 
คือ
ถ้ามึงจะทวง.. มึงก็ควรบอกกูก่อนนะครัช ว่ามึงอยากได้อะไร.. 
อ่านจบผมก็ไม่ได้พิมพ์อะไรตอบกลับ แค่กดปิดหน้าจอลงไปเท่านั้น
ไม่รู้จะตอบอะไรนี่ครับ
 
“พวกมึงหิวกันป่ะ” พีทที่กำลังขับรถอยู่ถามขึ้น

“กูไม่ แล้วพวกมึงอ่ะอาร์ต? น้ำ?” ผมตอบส่วนของตัวเองแล้วหันหน้ากลับไปมองที่เบาะหลัง พวกมันส่ายหน้าเงียบๆ

“งั้นกูไม่แวะนะ ยิงยาว” พีทสรุป

“นี่กลับถึงกรุงเทพแล้วทำอะไรกันต่ออ่ะ” อาร์ตถามขึ้น “กูอยากไปดูหนังห้องไอ้ตี๋” มันแจ้งความจำนง

“เออๆ เดี๋ยวซื้อของเข้าไปกินมื้อเย็นด้วย” ไอ้พีทรีบบอก

“นี่มึงถามความสะดวกกูซักคำมั้ย” ผมถาม

“กูรู้ว่ามึงโอเค” อาร์ตตอบกลับเร็วๆ

“วันนี้ไม่ได้ กูจะกลับไปนอนบ้าน หม่อมแม่กูงอนละเนี่ย” ผมบอกมัน “เดี๋ยวมึงส่งกูตรง..” ผมกำลังจะบอกที่หมาย

“งั้นไปบ้านตี๋กัน!!” ไอ้พีทแทรกขึ้นเสียงดัง “พวกมึงว่างใช่ป่ะ”

“ว่าง!” น้ำกับอาร์ตตอบขึ้นพร้อมกัน

“เฮ้ยย” ผมร้อง

“วันนี้ม๊ามึงทำอะไรเลี้ยงอ่ะ” อาร์ตถาม “แต่ซื้อเข้าไปด้วยดีกว่า เดี๋ยวไม่พอ”

“เดี๋ยวแวะตรงตลาดเลียบทางด่วนซื้อของกินเข้าไปละกัน” น้ำสรุปให้อย่างใจเย็น
 
“โอ้ย พวกมึงแม่ง!!!”

พูดได้เท่านั้นจริงๆ
 
_ _ _ _
 
18.44
 
รถติดเป็นบ้าเลยครับ
 
นี่มันวันอาทิตย์แห่งชาติชัดๆ ทุกคนมุ่งหน้าเข้าเมืองกันหมด กว่าจะถึงกรุงเทพ กว่าจะแวะเข้าตลาดไปซื้อของกิน อาร์ตก็นั่งนับเวลากระดื๊บจากตลาดถึงบ้านผมได้หนึ่งชั่วโมงครึ่งพอดิบพอดี ผมว่าจะเปลี่ยนมือขับรถซักหน่อย แต่ไอ้พีทที่หาวแล้วหาวอีกก็ยังยืนยันว่าขับไหว พวกที่เหลือก็เลยได้แต่นั่งคุยเป็นเพื่อนไม่ให้มันหลับมาตลอดทางนี่แหละครับ กว่าจะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านได้ลุ้นแทบตาย
 
ผมเดินบิดขี้เกียจลงจากรถไปเปิดประตูรั้ว บ้านผมเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นดีไซน์โมเดิร์น (เมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้วน่ะครับ..) ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีพื้นที่สวนพอให้ม๊าปลูกต้นไม้และให้เตี่ยเลี้ยงปลาคาร์ฟได้ โลเคชั่นนับว่าอยู่เกือบจะชายขอบกรุงเทพ ใกล้ที่ทำงานเตี่ยที่เป็นโรงงานของกงสีแค่สามสิบนาที แต่ถ้าจะมุ่งหน้าเข้าเมืองละก็ต้องเผื่อเวลาสักชั่วโมงเพื่อไปให้ถึงรถไฟฟ้า 
 
หลังจากที่จอดรถเข้าบ้านและคลานเข่าไปกราบหม่อมแม่เรียบร้อย พวกผมก็ได้เวลามานั่งเขมือบข้าวเย็นกันแล้วครับ หลังจากที่ตอนอยู่ตลาดผมโทรกลับมาที่บ้านเพื่อจะบอกว่าจะมีพวกแม่งมาฝากท้องอีกสามตัว อาม๊าก็รีบลงมือทำกับข้าวเพิ่มเพราะกลัวพวกมันจะไม่อิ่ม บวกกับของที่พวกผมซื้อเข้ามาก็แทบจะเลี้ยงได้ทั้งซอยแล้ว
 
“พีท ไม่เจอนานเลย ซูบไปนะลูก กินเยอะๆ” ม๊าผมตักหมี่ผัดใส่จานของพีท ใช่ครับ ไอ้พวกนี้มันเลื่อนชั้นมาเป็นลูกม๊าลูกเตี่ยเท่าผม ก็เจอกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ความเกรงใจเหรอ ไม่มีเหลือแล้วครับ

“เจ้าอาร์ต นี่ทำงานเป็นยังไงบ้างล่ะ” พ่อผมถามขึ้น “ไม่เห็นเล่าให้ฟังเหมือนน้ำกับพีทเลย”

“ก็เรื่อยๆครับเตี่ย ชีวิตดีไซน์เนอร์ก็งี้ ไม่ชิคเท่าไอ้วินหรอกครับ” มันรีบกลืนข้าวแล้วพูดตอบ

“ชิคอะไร ไม่เห็นจะได้กลับบ้านกลับช่องเลย” ม๊าผมแหวขึ้น “ไม่รู้ไปแอบมีสาวที่ไหนรึเปล่า ใครรู้มั้ยลูก”

“คุณพระ มึงมีสาวเหรอ” พีทแกล้งทำเป็นตกใจแล้วเอามือทาบอก
มีใครบอกมึงมั้ยว่ามึงเล่นใหญ่มาก
 
“ห้ะ หรือว่าที่มึงบอกกูบ่อยๆว่ามีงานดึกๆ นี่…” อาร์ตรีบตบมุก

“ก็เชี่ยละมึง ม๊าาา ผมทำงานจริงๆ” ผมรีบหันไปพูดประโยคสุดท้ายกับหม่อมแม่ พวกแม่งหัวเราะคิกคัก

“เอ้า ก็นึกว่าจะมีว่าที่สะใภ้” เตี่ยพูดเล่นเสียงเรียบทำเอาผมแทบพ่นข้าวลงจาน ไอ้พวกเพื่อนตัวดีขำก๊าก

“ฮ่าๆๆๆๆ พวกผมช่วยสกรีนเองครับ ถ้ามีเนี่ยไม่ต้องห่วง เตี่ยรู้ก่อนไอ้วินแน่นอน” ไอ้พีทรับปากแข็งขัน

“พวกมึงจะมายุ่งอะไรกับชีวิตกู๊ววววว” ผมโวยวาย

“สอดส่องให้ม๊าหน่อยนะพวกเราน่ะ” จะลุกไปหยิบของหวานมาให้ก็ยังไม่วายกำชับ 
 
“ม๊า!!” แน่ะ ดูท่านแม่สิครับ
หวงลูกชายจังเล้ยยยย
 
“แล้วนี่พรุ่งนี้ทำงานกันรึเปล่า จะค้างนี่กันมั้ย” เตี่ยผมถามขึ้น

“ทำสิครับ แต่ไม่เป็นไรครับเตี่ย กินขนมเสร็จพวกผมก็กลับแล้ว” น้ำพูดขณะช่วยม๊าผมแกะถุงบัวลอยไข่หวาน

“วินมันเข้างานเช้าอ้ะ พวกผมตื่นไม่ไหวแน่” พีทบอกเหตุผล

เตี่ยหัวเราะเบาๆ “โอ้ย เด็กพวกนี้นิ่ เป็นโรคแพ้การตื่นเช้าหมดเลยเว้ย วินก็ด้วย”
 
เอ้า รายการเผาลูกวันนี้ท่าทางจะยังไม่จบง่ายๆแฮะ
 
“ว่างๆ ก็แวะมากินข้าวที่นี่บ่อยๆสิ ม๊าอยู่บ้านคนเดียวแล้วเหงา” ม๊าเปรยขึ้น “เตี่ยแกบางวันก็ทำงานดึก ทิ้งม๊าไว้คนเดียว”

“แน๊ รีบกลับบ้านสิเตี่ย อยู่โรงงานดึกทำไมเนี่ย ขับรถดึกๆก็อันตรายอีก” ผมได้โอกาสว่าบ้าง

“เฮ่ย ขี้บ่นเหมือนม๊ามึงเลย” พ่อผมโวยวาย

“น้อยๆหน่อยเถอะย่ะ!” ม๊าส่งเสียงเบรค
 
ผมละคิดถึงเสียงล้งเล้งแบบนี้จริงๆ
 
หลังจากจัดการกับของหวานเสร็จและส่งม๊ากับเตี่ยไปนั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นเรียบร้อย พวกผมก็มาแบ่งหน้าที่กันเก็บกวาด
บ้านผมไม่มีแม่บ้านประจำหรอกครับ จะมีคนเข้ามาทำความสะอาดวันเว้นวันเท่านั้น ตอนนี้พีทกับอาร์ตก็เลยช่วยกันล้างจานอยู่ที่แพนทรี่ น้ำยืนเช็ดจานเช็ดแก้วที่ล้างเสร็จ ในขณะที่ผมมัดปากถุงขยะเตรียมเอาไปทิ้ง แหม่ มีแรงงานให้ใช้ฟรีแบบไม่ต้องเอ่ยปากขอนี่มันดีจริงๆ
 
พวกแม่งนี่เข้าออกบ้านผมมาตั้งแต่ปีสองละครับ ช่วงปีหนึ่งผมไปอยู่หอ เสาร์อาทิตย์ถึงจะกลับบ้าน แต่ด้วยความที่มหาลัยมันก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้น บางวันม๊าก็ชอบแอบมาเซอร์ไพรซ์พาไปกินข้าวเย็นบ้าง ทำกับข้าวมาให้บ้าง ด้วยความหน้าหนาอยากมีส่วนร่วมทุกกิจกรรม ไอ้พวกนี้ก็เลยพลอยได้ส่วนแบ่งไปด้วยทุกที ยันผมย้ายกลับมาอยู่บ้านแม่งก็ยังตามมากินข้าวด้วยบ่อยๆ ฝากท้องกันไปยาวๆจนถึงตอนนี้นี่แหละครับ
 
“ขนมที่เหลือนี่กูเก็บในตู้เย็นนะ” น้ำชูถุงพลาสติกสีสดขึ้น

“เหอะ พวกมึงเอากลับไปเหอะ บ้านกูมีอยู่สามคนเอง กินไม่หมดหรอก” ผมรีบพูด

“อ่ะ ได้ๆ งั้นกูแบ่งไปนะ อาร์ต อันนี้มึงแดกมั้ยเนี่ย” น้ำถามพลางหยิบขนมออกจากถุง

“ไหนนนน กูเลือกก่อนน” พีทรีบถลาตัวเข้ามาแทรก

“อันนี้อร่อย กูไม่ให้” อาร์ตพูดแล้วหยิบขนมใส่ถุงในมือตัวเอง
 
พอแบ่งขนมกันเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาแยกย้าย พวกมันเดินเข้าไปสวัสดีเตี่ยกับม๊าที่ห้องนั่งเล่น
กว่าผมจะส่งพวกมันปิดประตูรั้ว กว่าจะแวะแซวแม่กับเตี่่ย กว่าจะได้ทำนู่นนี่นั่นโน่นแล้วได้เข้ามานั่งพักในห้องนอนก็ปาไปสี่ทุ่มแล้วครับ
 
ผมหยิบมือถือที่ชาร์ตเอาไว้ก่อนทานข้าวเย็นขึ้นมาเชคอีเมลล์ เผื่อว่าจะมีใครติดต่อมาแบบด่วนๆ
ในกรุ๊ปไลน์แก๊งค์พี่ว้ากทั้งสิบเอ็ดคนก็กำลังคึกคักด้วยรูปจากทริปมีตติ้ง ไอ้อาร์ตแอบอัพรูปโต๊ะพร้อมกับข้าวบ้านผมไปอวด เรียกความอิจฉาได้เยอะเชียว
 
First_Tect : โอ้ยยย ไอ้ตี๋ ทำไมไม่เรียกกกกก
 
Thep_int : ชายหนึ่งหมี่เกี๊ยวแบบเหงาๆ เพราะกูยังแฮงค์อยู่เลย
           /รูปเซลฟี่กับชามบะหมี่
 
Nut_Tect : อะไรของมึ๊งงงง
 
Boyy_Tect : ไอ้เชี่ยเทพ ไอ้คนใจบาป กูหิว!!!
 
Wyn_Tect : /อีโมติค่อนมองบน
 
Boyy_Tect : ไอ้ตี๋ มึงด้วย!!!!
 
Klar_Tect : เหยด
 
Pete_Int : /รูปคะน้าหมูกรอบ
               /รูปปลาทับทิมราดพริก
          /รูปบัวลอยไข่หวาน
 
Nahm_Tect : ถือเป็นเรื่องราวดีๆ
 
Boyy_Tect : ทำไมกูที่กำลังจะนอนต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ ห่าาาาาาาา
 
ผมนั่งหัวเราะกับคำสรรเสริญของเพื่อนๆ แล้วกดดูรูปในอัลบั้มกรุ๊ปดูเล่นไปเรื่อย

อื้อหือ นอกจากจะเมากันเละเทะ ก็ยังมีรูปไว้เป็นหลักฐานด้วยนะครับ นี่รูปตอนเช้าวันเสาร์ที่ไอ้เทพ บอย นัท นอนกองกันอยู่กับพื้นพร้อมกองกระป๋องเบียร์ เหอะ แค่มองรูปนี่กลิ่นก็มาเลอ.. ส่วนนี่ก็รูปตอนเล่นเกมในทะเลกันจนเปียกมะล่อกมะแล่ก ดูไม่จืดจริงๆ แล้วนี่อะไร รูปไอ้พีทกับน้ำตอนเปียกทำไมเยอะจัง หุ่นนี่เหมือนกับฟิตมาเพื่อการนี้ โด่ว รอกูก่อนนะ จะเป็นสตีฟ โรเจอร์ให้ดู

ผมเลื่อนผ่านไปเรื่อยจนเจอกับรูปตัวเองที่กำลังทำหน้าเหวอขี่หลังไอ้ปีหนึ่งตัวสูงอยู่ ผมกำลังเอามือข้างหนึ่งจับหมวกบนหัวของตัวเองไม่ให้ปลิว อีกข้างโอบรอบคอเด็กหวานที่กำลังยิ้มร่าเริงจนเห็นไรฟันสีขาว แขนที่สอดอยู่ใต้ขาผมเกร็งจนกล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นจนน่าอิจฉา ดูเทียบกันแบบนี้เหมือนมันกำลังแบกหมาตัวใหญ่ๆมากกว่าผู้ชายหนึ่งคน ตัวกูยิ่งดูเล็กเข้าไปใหญ่เลย
 
ห่า
รูปแบบนี้ไม่ต้องถ่ายก็ได้มั้ง

_ _ _ _
 

23.31
 
ผมแต่งตัวอย่างลวกๆแล้วมานั่งเช็ดผมให้แห้งอยู่ปลายเตียง พลางรื้อของออกจากกระเป๋าเป้ อันนี้ต้องลงตะกร้าซักผ้า อันนี้ชุดยังไม่ได้ใส่ แล้วนี่อะไร เสื้อยืดใครวะเนี่ย ผมเอานิ้วคีบออกมา.. ต้องเป็นของไอ้เชี่ยอาร์ตแน่ๆ แม่งเมาแล้วเอาอะไรมายัดใส่กระเป๋ากูเนี่ย โอ้ยย
 
ในระหว่างนั้นสมุดเล่มเล็กก็ตกลงมา
 
พี่วิน <3
043

 
ใครมาเติมหัวใจหลังชื่อผมวะ
 
ผมเอื้อมมือหยิบสมุด พอดีกับที่เหลือบเห็นหน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงแจ้งเตือนว่ามีไลน์เข้า
ถ้าแจ้งเตือนหน้าจอต้องเป็นไลน์ส่วนตัว ส่วนกลุ่มเพื่อนที่มีกันหลายๆคนผมตั้งไว้ว่าให้ขึ้นเตือนที่ไอคอน
เออ ดูไลน์ก่อนก็ได้วะ
 
ผมเลื่อนมือไปกดอ่าน
 
นายหวาน : ไม่ตอบหน่อยเหรอครับ อ่านนานแล้วนะ
นายหวาน : นั่นแน่ะ อ่านอยู่นี่นา!
 
ไอ้เด็กนี่…
ผมกดพิมพ์กลับไปเร็วๆ
 
Wynn_Tect : รู้ดี
นายหวาน : กว่าจะตอบนานจัง
Wynn_Tect : รีบเหรอ? กูไม่รีบนะ
นายหวาน :  ผมรอได้ พี่ล่ะรอได้รึเปล่า
Wynn_Tect : เชี่ยอะไรของมึงเนี่ย
นายหวาน : ไปล่ะ
 
แล้วบทสนทนางงๆ ก็จบลงแค่นั่นแหละครับ
มันประสาทรึเปล่าวะ
 
ผมเลื่อนอ่านไลน์ในกลุ่มสุมหัวทำชั่วอีกนิดหน่อยแล้วก็หันกลับมาสนใจสมุดกระจกที่วางอยู่บนเตียงต่อ
ผมนอนพังพาบไปกับเตียง มือก็เปิดสมุดอ่านอย่างตั้งใจ
จะว่าไปก็มีคนมาเขียนสมุดผมเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
 
คิดถึงคลาสติวฮิสทรี่ก่อนไฟนอลของพี่วินมากกกก
/หนุงหนิง#2
 
หนักเหรอวะพี่ หายหน้าไปเลย สมาคมบอลวันอังคารรออยู่นะ
/กอล์ฟ#4

 
แหม่ ให้กูได้มีเวลานอนมั้ย
 
พี่วินน่ารักก จะแอบแอดไลน์ไปนะคะ
/ปีหนึ่งคนนึง
 
ขอบคุณค่าที่เลี้ยงไอติม
/นิว#1
 
หล่อกว่าเดิมอ่ะ มีแฟนหราาาา
/ไม่บอกหรอกว่าใคร
 
#น้ำวิน


ไอ้ชิบหาย แฮชแท็กเชี่ยอะไรเนี่ยยย
 
เฮียยยย
ติวเอนเทกให้ด้วยยยย
/น้องเต้ของเฮียเอง
 
พี่วินไม่ใส่แว่นแล้วอ้ะ เสียดายจัง
#ชอบหนุ่มแว่น
 
โสดแล้วจีบได้มั้ยคะ ฮะอิ้ววววว
หมิว#4
 
พี่วินคือพี่ที่เป็นลมตอนว้ากป่ะ   
เห็นไม่ชัด แต่รักสุดใจ
/ได้แต่แอบมองอยู่แถวหน้าสุด


ห่า กูว่าแล้ว น้องจำกูได้เพราะแบบนี้แหละ
 
อยากอยู่สายรหัสนี้อ้ะ
จิ๋ว#1
 
แวะมาหาพวกผมบ้างดิ่
เอก#3
 
ตอนเป็นลมก็น่าร้าก
ตอนเล่นเกมยิ่งน่ารักใหญ่เลยยยยยยย
/ปี1
 
ปอนด์#2มาเยือน!
 
พี่วินเข้าคณะบ่อยๆ หน่อย คิดถึงงงงง
/ทีมพี่วิน


ผมนั่งอ่านข้อความต่อไปเรื่อยๆแล้วหัวเราะเบาๆ
ก่อนจะพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย
 
ไอ้คนเขียนหน้าถัดไปมันคือใครรรรรรร →
/พี่วินของกูววววว

 
หือ?
ผมรีบไล่สายตาตามลูกศรไปยังกระดาษฝั่งขวามือ
แล้วก็เจอเข้ากับลายมือยุกยิกไม่คุ้นตา
 
ให้เบอร์ไป คงเอาไปไว้ไหนแล้วไม่รู้
เห็นว่าคราวนี้แจกเบอร์ให้เองกับมือหรอกนะ
ปล. ตอนหลับน่ารักดีนะครับ

 
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นโผล่ขึ้นมาในหัวแบบไม่ต้องสืบ
 
ไอ้เด็กหวาน!
 
_ _ _ _


แฮ่ ตอนที่ 9 มาแล้วค่า
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ หวังว่าจะสนุกไปด้วยกัน

ยินดีต้อนรับทุกคำติชมนะคะ
 :-[

/วินเป็นคนซีเรียสกับงานเกินไปง่ะ จะป่วยก็เพราะแบบนี้
/อาทิตย์นี้วินกลับมานอนที่บ้านนะฮะ ให้เวลาให้ฮีอยู่กับครอบครัวบ้างเนาะ
/โปรเจ็กท่วมแน่วิน กลับไปวันจันทร์น่ะ

ไปปั่นต่อละค่ะ
รัก
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 9 P.2 ✽update 5.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 05-07-2017 18:53:24
ทีมหวานเลย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 9 P.2 ✽update 5.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 05-07-2017 19:35:44
หวานลู๊กกกกกกกกกกก
 :ling1: :ling1:
ตี๋วินของพี่นะ!! ฮ่าๆๆๆ
น่ารัก ชอบค่ะ รออ่านต่อนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 9 P.2 ✽update 5.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 05-07-2017 20:14:46
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 9 P.2 ✽update 5.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-07-2017 20:45:25
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 9 P.2 ✽update 5.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-07-2017 21:35:29
น้องวินของพี่ โดนหยอดขนาดนั้นก็ยังไม่รู้ตัวสินะ ฮาาาา

ตอนนี้ขออนุญาต #ทีมหวานวิน ละกันเนอะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 9 P.2 ✽update 5.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-07-2017 23:53:19
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 9 P.2 ✽update 5.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 08-07-2017 21:06:46
ตี๋วินนึกนึกน้องหวานบ่อยๆ ขนาดนี้ สงสัยน้องหวานจะเป็นพระเอกแล้ววว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 9 P.2 ✽update 5.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 09-07-2017 00:04:12
 :katai1: :katai1: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 9 P.2 ✽update 5.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-07-2017 08:21:12
 :L2: :L1: :pig4:

สนุกดี มะรุมมะตุ้ม คนรักตี๋
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 10 P.3 ✽update 16.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 16-07-2017 11:39:42
ความเสี่ยงที่ 10

10.34

ผมนั่งหาววอดๆ อยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเอง กาแฟดำแก้วโตที่วางอยู่ข้างๆพร่องลงไปเกือบสามในสี่
แต่ความง่วงผมไม่ได้น้อยลงเลยครับ หรือควรจะเอามาราดหัวแทน นี่อาจจะเป็นวิธีทำให้ตื่นด้วยกาแฟที่ถูกต้องก็ได้

วันนี้ผมตื่นหกโมงครึ่ง กินข้าวตอนเจ็ดโมง ออกจากบ้านตอนเจ็ดโมงครึ่ง และได้ขึ้นรถไฟฟ้าตอนแปดโมงครึ่ง
รวมสิริเวลานอนได้เกือบหกชั่วโมง ซึ่งจริงๆ ก็นับว่าเยอะแล้วเมื่อเทียบกับสมัยเรียน…
ถ้าผมไม่ได้เพิ่งกลับมาจากไอ้ทริปทรหดอดทนจากระยองอ่ะนะ..

บอกตรงๆครับว่าตอนนี้ร่างจะแตก แรมต่ำมากๆ

“นี่สุดหล่อ ผังอัพเดทกับตารางพื้นที่ของโครงการที่สามย่านอยู่ไหนอ่ะ อันที่ส่งให้แก้เมื่อวันอาทิตย์” พี่ฝ้ายยื่นหน้ามาถามแล้วชูเอกสารขึ้น “พี่อยากเพิ่มสถานี EV สำหรับชาร์ตรถใช้ไฟฟ้า กับที่จอดจักรยานเข้าไปด้วยอ่ะ”

“ที่จอดจักรยานมีแล้วฮะ ผมลงไว้ 15 คัน พี่ลองเปิดดูในไฟล์ที่ผมส่งให้พี่ไปตอนสิบโมงกว่าๆ แต่เรื่อง EV นี่ขอหาข้อมูลก่อนนะ ไม่เกินบ่ายสอง” ผมตอบเร็วๆ แล้วจดโน้ตลงโพสอิทสีสดก่อนจะแปะไว้ที่ขอบโต๊ะ

“โอเคๆ” พี่ฝ้ายรับคำแล้วเลื่อนเก้าอี้ไป

“พี่วินๆ บัญชีโทรมาถามว่าโปรเจ็กต์ของคุณตะวันวางบิลได้ยังอ่ะ”

“ได้แล้วนะ แจ้งไปเลยก็ได้” ผมตอบแบบไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าจอ

“เอ้อ พี่ฝ้ายครับ รีวิวที่ผมแก้ของคุณตะวันอ้ะยัง คุยตอนบ่ายสองพร้อมกับ EV ได้ป่ะครับ” ผมนึกขึ้นได้ อยากรีบสรุปผังพื้นที่แล้วอ้ะ จะได้หาผู้ออกแบบต่อ

“ได้ๆ รวบคุยกันตอนสี่โมงเย็นเลยละกัน แคร์เข้าด้วยนะ”

หลังจากตอบรับพี่ฝ้ายประโยคนั้นจบ ผมก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะอีกเลยครับ

_ _ _ _


14.40

ผมตักข้าวเข้าปากแบบไม่ค่อยรู้รส วันนี้กินข้าวเลทอีกละ นี่โรคกระเพาะกูจะหายมั้ย

ส่วนใหญ่ผมจะเลือกใช้เวลาครึ่งเช้าเป็นเวลาทำงานหลัก หลังจากไล่อ่านและตอบอีเมลล์จนอินบ๊อกซ์เป็นเลขศูนย์ ผมก็จะปักหลักทำงานแบบไม่คุยกับใคร พยายามเคลียร์งานส่วนของตัวเองให้เสร็จ แล้วเหลือช่วงบ่ายไว้คุยเพื่อโอนงานต่อประสานงาน เข้าประชุม หรือเก็บฟีดแบ็กต่างๆ แล้วค่อยตอบเมลล์รอบเย็นอีกทีก่อนกลับบ้าน

แค่วันนี้รอบเช้ามันเกินมาถึงบ่ายสองเท่านั้นแหละ

ใครจะไปคิดวะว่าไอ้ซัพพลายเออร์มันจะเล่นตัวขนาดนี้ ขอข้อมูลทีแทบจะต้องคลานเข่าไปเปิดกรวยบายศรี ห่า ไม่ขายมั้งของน่ะ

นี่ถ้าบ่ายสามยังไม่ได้ข้อมูลมึงนะ…
กูจะโทรไปขออีกรอบ!!

ก็แล้วผมจะทำอะไรได้มากไปกว่านี้ล่ะครับ….

ผมผ่านช่วงบ่ายไปด้วยความชิว สองโปรเจ็กที่ผมช่วยประสานงานนั้นอยู่ในช่วงกำลังคัดเลือกผู้ออกแบบ แค่ส่งเอกสารและตามไว้ไม่ให้หลุดแผนก็พอ ส่วนอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ของคุณชายตะวันนั่น ถ้าวันนี้พี่ฝ้ายคนสวยไม่ได้ระเบิดผังแบบผมก็น่าจะรอด เหลือแค่นัดเวลากับลูกค้าเพื่อนำเสนอชิวๆ

ผมพิมพ์เอกสารที่เพิ่งส่งมาจากซัพพลายเออร์สดๆร้อนๆแล้วรวบเข้ามือ ก้าวยาวๆ ไปที่ห้องประชุมที่พี่ฝ้ายกับน้องแคร์นั่งรออยู่แล้ว

ผมเริ่มที่การรายงานความคืบหน้าของสองโปรเจ็กต์แรก ตามด้วยการให้พี่ฝ้ายรีวิวแบบโครงการของคุณตะวัน เราถามตอบกันอยู่พักหนึ่ง พอจบผมก็เขียนสรุปคอมเมนต์ที่ได้ด้วยปากกาหมึกซึมด้ามเก่งลงสมุดประจำตัวแบบเร็วๆ เตรียมเอาไปปรับแบบแล้วทำพรีเซนต์ ถัดไปก็เป็นการดูข้อมูลของสถานี EV charger ที่เพิ่งได้มา กว่าจะหารุ่นที่เหมาะสมกับเมืองไทยได้นี่รื้อกันเละครับ เอกสารงี้กระจายไปทั่วโต๊ะกระจกสำหรับแปดคนเลย

“อื้อ พี่ว่าใส่ไปด้วยอ่ะ ระบุไปเลยว่าต้องเป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติแบบนี้” พี่ฝ้ายพยักหน้า

“โอเค เดี๋ยวผมเพิ่มใน requirement ให้”

ก๊อก... ก๊อก..

มีเสียงใครบางคนเคาะกระจก เมื่อผมมองไปก็เจอพี่มีนฝ่ายแบรนด์ดิ้งยืนยิ้มให้พลางทำปากขมุบขมิบถามว่าใช้ห้องเสร็จหรือยัง

เอ้า นี่มันห้าโมงสิบนาทีแล้ว
น้องแคร์จองห้องประชุมไว้ชั่วโมงเดียวนี่นา

พี่ฝ้ายบุ้ยใบ้ให้คนมาใหม่เข้ามาได้เลย “วินเก็บอันนี้ก่อน นอกนั้นแคร์ถือไปโต๊ะพี่” พี่ฝ้ายสั่งรวดเร็ว
“โทษทีมีน เราตรวจเพลินไปหน่อย ทีหลังบอกได้เลยนะ”

“ไม่เป็นไรๆ เราจะ Con Call กับลูกค้าในห้องตอนห้าโมงครึ่งน่ะ จริงๆยังมีเวลา” พี่มีน หัวหน้าฝ่ายหน้าหมวยบอกยิ้มๆ นี่แหละครับ บางทีลูกค้าไม่ว่าง เราก็ต้องใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ Conference Call กันไป อยู่ที่ไหนในโลกก็คุยได้ครับถ้าอยากจะคุย

บริษัทผมมีหลายฝ่ายครับ รวมๆกันแล้วก็เกือบสี่สิบคนได้ ทั้งฝ่ายวิเคราะห์ที่ดินแบบที่ผมทำ ฝ่ายแบรนด์ดิ้งแบบพี่มีนที่เอาไว้สร้างเอกลักษณ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้โครงการ (นึกถึงพวก J Avenue หรือ La villa อะไรแบบนี้น่ะครับ) ฝ่ายหาผู้เช่า Retail ที่ติดต่อหาพวกร้านต่างๆเอามาลงในมอลล์เพื่อเพิ่ม Traffic  จะสตาร์บัค ฟูจิ เกรย์ฮาวน์เราก็มีคอนแทคไว้หมด รวมไปจนถึงฝ่าย Marketing ที่เอาไว้สำรวจตลาด หาข้อมูล insight โครงการนี่บริษัทผมก็มีนะ ทุกฝ่ายนี่ก็ทำงานร่วมกันบ้าง แยกกันบ้างแล้วแต่โปรเจ็กต์ไป

“เอ้อ นี่ โปรเจ็กต์ที่เราเคยบอกอ่ะมีน ของลูกชายบริษัท AA ตระกูลรัชยานนท์อ่ะ อาจจะต้องขอคอมเมนต์จากแบรนด์ดิ้งด้วย” พี่ฝ้ายพูดขึ้น

“อ๋อๆ คุณตะวันป้ะ ที่หล่อๆ ออกงานบ่อยๆ” พี่มีนถาม

“ใช่ๆ โปรเจ็กต์นี้วินดูอยู่ ถ้าวินแก้ตามคอมเมนต์วันนี้เสร็จ เวลาส่งให้พี่ cc ถึงพี่มีนด้วยนะ” พี่ฝ้ายหันมาพูดกับผม
ผมพยักหน้า “ได้ครับ”

“แหม อิจฉาอ่ะ มีน้องหล่อๆ ดูดิ่ ฝ่ายเรามีแต่ผู้หญิงอ่ะ” พี่มีนทำเสียงเซ็ง “มาอยู่กับพรี่เลยมั้ยจ้ะวิน”

“ไม่ได้ๆๆ คนนี้เราหวง เป็นมือเป็นเท้าเราเลยนะ” พี่ฝ้ายรีบเข้ามาเกาะแขนผม “เนาะวินเนาะ”
ผมหัวเราะแหะใส่พี่สาวทั้งสองไป ก่อนจะขอตัวออกมาทำงานต่อ

ผมพลิกหาเบอร์โทรศัพท์แล้วก็ชั่งใจ
ออฟฟิสหรือมือถือ ออฟฟิสหรือมือถือ…
ออฟฟิสละกัน ใจยังไม่กล้าพอ

ผมถือสายรอหลังจากบอกชื่อคนที่อยากคุยและแจ้งชื่อกับสาวเสียงใส

ตรู๊ด…. ตรู๊ด…….

(ว่าไงครับวิน)

“อ้ะ สวัสดีครับคุณตะวัน” ผมพูดตะกุกตะกัก
ไม่ได้เตรียมใจกับความสนิทเบอร์นี้ป่ะวะ “ขอโทษที่โทรมารบกวนตอนเย็นครับ”

(พี่ยังทำงานอยู่เลยครับวิน ไม่กวนๆ… แล้วทำไมโทรเข้าออฟฟิสเนี่ย ไม่อยู่ก็แย่สิ) อีกฝ่ายพูดกลั้วหัวเราะ

“คือ... อ่า..ผมจะโทรมาขอนัดวันเข้าไปพรีเซนต์แบบครับ”

(ได้ครับ ขอพี่เช็คตารางแป๊บนึงนะ)

“ครับ แล้วแต่คุณตะวันสะดวกเลยครับ ขอเวลาสักชั่วโมงก็พอ ถ้าได้ภายในอาทิตย์นี้ก็ดีเลย” ผมเปิดดูตารางตัวเองกับพี่ฝ้ายคู่กันไปด้วย

(อืมม อาทิตย์นี้ค่อนข้างแน่นเลย อีกทีก็นู่นเลยครับ อีกสองอาทิตย์ พอดีพี่ต้องไปต่างประเทศ)

“อ๋าาา…” ผมเผลอส่งเสียงประหลาด นี่ถ้าอีกสองอาทิตย์ งานคงช้าไปอีกจม
แต่มันก็ช่วยไม่ได้

“งั้นมะ…” ไม่เป็นไรครับ อีกสองอาทิตย์ก็ได้

(แต่วันพุธหลังเลิกงานได้อยู่นะ สักทุ่มครึ่ง วินสะดวกมั้ยล่ะ) ฝั่งตรงข้ามพูดแทรกประโยคในหัวผมไปซะก่อน

“เอาอย่างนั้นเหรอครับ” ผมเคาะนิ้วลงกับโต๊ะรัวๆ
อืมมมมม ยังไงก็อยากให้อนุมัติแบบนี้ก่อน.. ไม่งั้นก็ทำต่อไม่ได้น่ะสิ “ได้ครับ รบกวนด้วยนะครับ” ยังไงพี่ฝ้ายกับผมก็ว่างแหละ

(ตกลงครับ งั้นเจอกันที่ไหนดี ถ้ามาแถว AA ละดวกมั้ยครับ)

“ได้ครับคุณตะวัน”

(ทุกทีเลย)

“อะไรนะครับ” ผมทวน

(เรียกคุณตะวันอีกแล้ว รู้สึกแก่ไปเลย ฮ่าๆ) 

“อ่าา มันไม่ชินน่ะครับ” ผมแก้ตัว

(ไว้เจอวันวันพุธครับวิน)

“ครับพี่ตะวัน”

ผมกดตัดสาย โอ้ย พูดเองก็อายปากเอง กูจะไปนับญาติอะไรกับคุณชายนี่วะ


ผมเลื่อนเก้าอี้ไปรายงานสรุปให้พี่ฝ้ายฟัง


“พุธเย็นเหรอ? ก็ได้นะ” พี่ฝ้ายพยักหน้า “แค่พรีเซนต์ผังใหม่กับราคาเนอะ”

“ใช่ครับ ถ้าอนุมัติตัวนี้ก็ส่งต่อฝ่ายออกแบบได้เลย น่าจะเสร็จตอนคุณตะวันกลับมาจากต่างประเทศพอดี”

“โอเคๆ ก็เตรียมเอกสารตามปกติแหละ ถ้าคอมเมนต์แบรนด์ดิ้งมาทันก็เอาไปเสนอด้วย”

“ได้คร้าบบบ” ผมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองเพื่อตอบเมลล์รอบเย็นจนเสร็จ


ผมมองนาฬิกาที่หน้าจอ
18.20


เห้ยยยย
ได้กลับบ้านเร็วว่ะะะะ !!!!!

ขอเวลาไอ้วินแว้บหน่อยเถอะครับ

_ _ _ _


“ที่เดียวนะคะ” พนักงานหน้าใสถามย้ำผม

ผมพยักหน้าหงึก “ครับ”

“140 บาทค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” สาวคนนั้นส่งยิ้มกลับมาให้พร้อมตั๋ว “ชมภาพยนต์ให้สนุกนะคะ”


ผมชอบดูหนังคนเดียว
และผมเชื่อว่ากิจกรรมการดูหนังไม่เหมาะกับการดูเป็นหมู่คณะ…
หลายครั้งที่ผมต้องโวยไปยังเก้าอี้ข้างเคียงเพราะมีใครบางคนคุยเสียงดังในโรงหนัง พยายามเล่าเรื่องย้อนความไปยังภาคที่แล้วให้เพื่อนฝูงพี่น้องฟัง อธิบายมุกตลกที่ยากจะเข้าใจ หรือกระทั่งมาชวนผมคุย

โว้ะ ก็จะดูหนังอ้ะ ไม่ได้มาฟังคนคุย แล้วก็ไม่ได้อยากคุยกับใคร!!!!

เพราะฉะนั้น นานน๊านนนทีผมจะมาดูกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆสักครั้ง
ส่วนใหญ่ก็จะฉายเดี่ยวแบบนี้แหละครับ
ผมยืนชั่งใจอยู่หน้าเคานเตอร์เครื่องดื่มและป๊อบคอร์น อยากกินโค้ก อยากกินโค้กกกกกอ้ะะะะะะ

ฮืออออ
ผมร้องอยู่ในใจในขณะควักเงินจ่ายค่าน้ำเปล่า ไอ้วิน มึงควรรักษากระเพาะไว้ย่อยข้าวบ้าง
ยังมีเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนหนังจะฉาย ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาวแล้วหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาดู
หน้าจอที่ควรจะว่างๆของผมมีคนส่งข้อความมาเมื่อห้านาทีก่อน

ผมแค่มองดูตัวอักษรนั้นผ่านหน้าจอ
นายหวาน : นี่
นายหวาน : วันนี้ว่างมั้ย

ไม่ว่าง
ก็กำลังจะดูหนังนี่ไง


ผมเห็นการแจ้งเตือนเป็นเลข 2 ที่ไอคอนแอพพลิเคชั่น แสดงว่าก็เป็นฝีมือสองข้อความของไอ้เจ้าหวานนี่แหละที่โชว์อยู่ไม่ใช่ใคร ในระหว่างที่กำลังชั่งใจว่าจะกดเข้าไปอ่านดีมั้ย หน้าจอผมก็สว่างอีกครั้ง

นายหวาน : เห็นแล้วก็ตอบหน่อยสิครับ

ผมทำตาโต.. ตายโหง.. รู้ได้ไงวะ
กูยังไม่ได้เปิดอ่านในไลน์ด้วยซ้ำ มึงเป็นญาติกับชารล์ส เซเวียร์เหรอสัส!

ผมกดเข้าแชทล็อกแล้วพิมพ์สั้นๆ

Wynn_Tect : กำลังจะดูหนัง

มีข้อความตอบกลับมาแทบจะทันที

นายหวาน : รู้แล้ว

อ่านจบแล้วผมก็ขมวดคิ้วมุ่น
รู้แล้ว????

“ยืนต่อแถวซื้อตั๋วอยู่ด้านหลังตั้งนานแล้วน่ะสิ” เสียงทุ้มๆของคนที่ก้มลงมาพูดข้างหูทำเอาผมสะดุ้ง

“เหี้ย!”

“หวานครับ ไม่ใช่เหี้ย” มันพูดยิ้มๆ แล้วถือวิสาสะนั่งลงข้างผม

“เห็นดูหนังคนเดียวกลัวจะเหงา” พูดไปก็ดูดโค้กในมือไปด้วยแบบหน้าตาเฉย

“หา” 

“เอาป๊อบคอร์นมั้ยครับ เดี๋ยวไปซื้อให้ ยังไม่ได้กินข้าวล่ะสิ” 

“เดี๋ยวๆ” ผมเบรก “นี่มาทำอะไร”

“มาโรงหนัง ก็ต้องดูหนังสิ” มันตอบหน้าตาย เออถูก ทำคำถามกูโง่เลยนะมึง

“เห็นพี่กำลังซื้อตั๋วพอดีน่ะ”

“อ๋อ..” ผมพยักหน้าตอบเบาๆ เออ โรงหนังนี่มันก็ใกล้มหาลัย มันจะมาดูก็ไม่แปลกป่ะวะ

“แล้วนี่มาคนเดียว?” ผมถาม

“พี่เห็นคนอื่นมั้ยล่ะ” 

“กวนตีน”

คนข้างตัวทำลอยหน้าลอยตาเหมือนภูมิใจที่โดนด่าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

โทรศัพท์ในมือผมสว่างขึ้น บนหน้าจอมีข้อความสั้นๆ
Tawan R. add you as a friend.

ตะวัน…
อ่อ คุณชายตะวัน

ไม่ถึงอึดใจก็มีข้อความเข้ามา

Tawan R. : วินครับ
Tawan R. : รบกวนสร้างกรุ๊ปไว้คุยเรื่องโครงการหน่อยนะ เผื่อว่ามีอะไรให้ดูก่อนจะได้ไม่ต้องรอนัด เอาไว้อัพเดทด้วย ฝากเชิญคุณฝ้ายด้วยครับ

ผมพิมพ์ข้อความกลับไป

Wynn_Tect : ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้

ผมใช้เวลาอีกสองสามนาทีสร้างกรุ๊ปใหม่ของโครงการและทำการแอดพี่ฝ้าย น้องแคร์ และเลขาคุณตะวันเข้าไปด้วย เขียนสรุปสถานการณ์สั้นๆและลงนัดหมายของวันพุธให้ทุกคนอ่าน พอเสร็จผมก็กดล็อคหน้าจอให้เรียบร้อย

ผมเงยหน้าขึ้นเจอเอากับเด็กปีหนึ่งข้างตัวกำลังมองอยู่ยิ้มๆ

“ทีของผมอ่านแล้วไม่เห็นรีบตอบแบบนี้เลยอ่ะ” มันพูดแซวๆ

“อันนี้งาน” ผมตอบสั้นๆ

“โหย นี่มันกี่โมงแล้ว” มันร้อง “หมดเวลางานแล้ว”

“งานมันไม่จบง่ายเหมือนโปรเจ็กสตูนะเว้ย” ผมได้ทีสอนมัน “จะเลิกงานแล้วรึเปล่าเขาไม่รู้หรอก ถ้าลูกค้าถามมา เขาต้องการคำตอบเร็วที่สุด”

“ผมก็เหมือนกัน” มันพูดลอยๆ ตามองไปทางอื่น

“นี่หัวมึงล้านป่ะเนี่ย ขี้น้อยใจขนาดนี้ ไหนมาดูดิ้” ผมแกล้งยื่นมือไปตบๆบนหัวไอ้เด็กหวาน แล้วแอบขยี้ผมสีเข้มของมันให้เละเทะ

“โอ้ยย เดี๋ยวไม่หล่อนะ” มันโวยแล้วยกมือขึ้นกันไว้

“อื้อหือ ห่วงหล่อเหรอมึง” ผมพูดเสียงหมั่นไส้ อย่าคิดเลยครับว่าผมจะหยุดเล่นหัวมัน 

“ห่วงสิ” พูดจบปุ๊บก็จับมือผมหมับจนผมสะดุ้ง “หล่อขนาดนี้ยังไม่มีคนสนใจ ขืนไม่หล่อก็หมาพอดี”

มันยกมือผมออกแล้วกุมเอาไว้หลวมๆ

“พอเลยๆ” ผมพูดเสียงเรียบแล้วเหลือบมองมือตาเขียว มันหัวเราะหึหึในคอก่อนจะปล่อยมือผมออก แล้วหันมาจัดทรงผมของตัวเอง

“หล่อยังอ้ะ”

“ก็ได้เท่านั้นแหละ” ผมทำหน้ายู่

“ว้าา ไม่หลงความหล่อผมหน่อยเหรอ”

“มีอะไรให้หลงวะ เดือยเหรอ กูก็มีนะ”

“โธ่พี่ ไม่ใช่สิ” มันหัวเราะเสียงดัง

ผมยกนาฬิกาขึ้นดู

“ได้เวลาละ กูไปดูหนังก่อนนะ” ผมตัดบทแล้วยืดตัวขึ้นเต็มความสูง

“ไปด้วยดิ่.. ก็เรื่องเดียวกัน” มันรีบลุกขึ้นตาม “บอกแล้วไงว่าบังเอิญยืนซื้อตั๋วอยู่ข้างหลัง” พูดจบก็ยักคิ้วให้หนึ่งที แล้วเดินนำไปก่อน ทิ้งผมยืนงงกับมันไปสามวิ ก่อนจะเดินตามมันเข้าไป

ผมนั่งลงบนเก้าอี้
แล้วไอ้ที่นั่งของกูกับมึงที่อยู่ติดกันนี่บังเอิญด้วยมั้ยวะ??

_ _ _ _

ผมมองหน้าจอที่มีรายชื่อนักแสดงและทีมงานเลื่อนขึ้นไปแบบเหม่อๆ 

หนังจบลงไปด้วยความรู้สึกอึนๆ
มันไม่ใช่หนังฟีลกู๊ดที่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
แต่มันเป็นหนัง Coming of Age แบบที่เล่าถึงการเติบโตของตัวละคร เล่าเหตุผลในการตัดสินใจเลือกทางเดินให้กับชีวิต ทำให้เราเข้าใจการก้าวข้ามผ่านกำแพงบางอย่างเพื่อออกไปสู่อนาคตข้างหน้า ผมเชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ถ้าเราไม่ใช่คนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นๆ เราก็ไม่มีสิทธิ์จะไปว่าใครว่าเขาตัดสินใจโง่ๆ
ซีเรียสไปมั้ยครับ ฮ่าๆ

ผมอดไม่ได้ที่จะย้อนกลับไปคิดถึงอดีตและจุดยืนในปัจจุบันของตัวเองบ้าง
อะไรทำให้กูโตมาเป็นคนแบบนี้วะเนี่ย..

จะเรียกว่าผมเป็นพวกบ้าความสมบูรณ์แบบก็คงจะไม่ผิด
ไม่ใช่แค่ต้องทำให้ได้ แต่ผมต้องทำมันให้ได้ดี ผมต้องมั่นใจ

สำหรับผมคงเป็นเพราะความกลัว กลัวที่จะผิดหวัง กลัวไม่เป็นอย่างที่คิดไว้
และกลัวว่ามันจะทำให้ผมหมดความเชื่อมั่นในตัวเอง

เลยเป็นคนบ้าตรรกะอยู่แบบนี้ไงครับ

“ไปกันเถอะ” เสียงทุ้มข้างตัวพูดขึ้นทำลายความเงียบเมื่อไฟสว่างทั้งโรง ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเดินตามร่างสูงออกไป

“ชอบมั้ย” คนเดินนำหน้าถามขึ้นขณะมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์

“หือ”

“หนังน่ะ” หวานถามย้ำ

“อื้อ ทำให้ย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองตอนเด็กๆ ดี” ผมตอบ

“พูดเหมือนตัวเองแก่มากเลย” มันพูดยิ้มๆ

“แก่กว่ามึงเยอะแล้วกัน”

“ห้าปีเอง” หวานตอบกลับมาอย่างเร็ว

ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง “ท่องไว้เหรอ”

“จำได้ต่างหากล่ะ” มันตอบหน้าตาเฉย

ผมก้มดูนาฬิกา สี่ทุ่มครึ่งแล้ว “นี่มึงกลับยังไง” 

“ขับรถมา... แล้วพี่ล่ะ”

“รถไฟฟ้า” ผมตอบกลับพลางก้าวเข้าไปในลิฟต์ เตรียมจะกดไปที่ชั้น M 

“ดีเลย” มันคว้ามือผม   

“ผมไปส่งนะ” ว่าแล้วก็กดไปที่ชั้น 7 แบบไม่รีรอ

“เห้ย ไม่ต้อง” ผมรีบพูด “กูกลับเองได้ บ้านกูไกล”

“ก็ดีสิ พี่จะได้ไม่ต้องกลับคนเดียวไง ดึกแล้ว”

“มึงจะลำบากทำไม”

“ผมขับรถ ไม่ได้เดินไปส่ง”

“เสียเวลามึง”

“พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้า ว่าง”

“แต่ว่า..”

“นะครับ” มันกระชับมือผมแน่นแล้วพาออกจากลิฟต์ ก่อนจะมองหน้าผมด้วยสายตาลูกหมา


แล้วผมก็มานั่งจุ้มปุ๊กเป็นตุ๊กตาหน้ารถ BMW 320d Sport สีดำของมันอยู่นี่แหละ
ไอ้ห่าวินเอ้ย ใครช่วยแก้นิสัยขี้ใจอ่อนของผมทีสิครับ!

_ _ _ _

หลังจากเซทอัพ GPS โดยมีเป้าหมายอยู่ที่บ้านผมเสร็จ คนขับข้างตัวผมก็เปิดวิทยุแล้วผิวปากตามเพลงอย่างอารมณ์ดี

“นี่ พี่ยังทำงานเป็นเต็กอยู่มั้ย” มันถามขึ้น สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ถนน

ผมส่ายหน้าใส่ “เหอะ เป็นนักวิเคราะห์ที่ดินอ่ะ อยู่บริษัทที่ปรึกษา”

“โห.. เท่ห์ไปเลย” มันทำเสียงหูหา
“มันคืออะไรอ่ะ” 

อ่าวไอ้ฟาย แล้วมึงจะทำเสียงตื่นเต้นทำแมวอะไร..
เด็กแม่งก็เป็นเด็กวันยันค่ำล่ะวะ

“กากเอ้ยย ก็พวกที่คำนวนการใช้พื้นที่ วางผัง คิด feasibility จุดคุ้มทุน อะไรพวกนี้ก่อนจะสร้างไง” ผมอธิบาย

“อ๋ออ” มันลากเสียงยาว “สายตัวเลข”
“พี่ไม่ชอบงานดีไซน์เหรอ”

“ชอบ” ผมตอบ “แต่ไม่เคยพอใจกับงานของตัวเองเลย” ผมหัวเราะเบาๆ “แต่งานที่ทำอยู่ทุกวันนี่ก็ไม่ได้เกลียดนะ อย่าเข้าใจผิด มันเป็นทางที่กูถนัดและทำได้ดี”

ผมสูดหายใจลึก “เวลามองงานของเกรทเต็กแล้วรู้สึกว่ายิ่งใหญ่ งานที่มองเผินๆแล้วเรียบๆ ธรรมดาๆ มันมีหลายมิติเกินกว่าที่กูจะสามารถคิดได้ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกอยากค้นหา กูเลยชอบซึมซับความงามของสถาปัตย์มากกว่าที่จะสร้างมันขึ้นมาเอง” ผมเข้าโหมดจริงจัง เตรียมกำมือพร้อมที่แลนดิ้งมะเหงกที่หน้าผากถ้ามันขำ

“ผมชอบออกแบบ” มันว่าขึ้น

“ผมอยากให้คนเข้าใจงานผม เข้าใจความคิดของผม” มันหันมาพูดยิ้มๆ “เข้าใจตัวผม”

นอกจากคนข้างๆจะไม่ขำใส่ ยังมีผีดีไซน์เนอร์เข้าสิงมันอีกครับ ทำเอาผมไปไม่เป็นเลย
อื้อหือ ใสกิ๊ง ความโลกสวยของเด็กปีหนึ่งเป็นแบบนี้เอง

“เรียนไปให้เยอะเถอะ อีกหน่อยมึงอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้” ผมหัวเราะ

“โห ไม่เชื่อหน่อยเหรอ” คนตรงข้ามทำหน้าเสียใจ

“ตั้งใจเรียน ปีหนึ่งอ่ะ ดูงานเยอะๆ แล้วทดลองทำดูมากๆ ว่าแนวไหนเข้ากันกับมึง”

“ผมชอบงานทาดาโอะ” มันตอบ

“แมสว่ะ” ผมแซว มันทำหน้าย่น
“แต่กูก็ชอบนะ” ผมหัวเราะใส่
“คนเหี้ยอะไรโคตรเก่ง ปรัชญายากชิบหาย แต่งานถ่ายทอดออกมาได้หมด” ผมบอก

คนที่มันกับผมพูดถึงคือทาดาโอะ อันโด สถาปนิกตัวพ่อของวงการสถาปัตย์ของญี่ปุ่น ที่นอกจากจะไม่เคยเรียนในโรงเรียนสถาปัตย์แล้ว ยังเคยเป็นคนขับรถบรรทุกกับนักมวยมาก่อนอีกต่างหาก งานนี่อย่างนิ้ง สเปซเทพครับบอกเลย อัจฉริยะอย่างแท้จริง

“ตอนปีห้าอาจารย์จัดทริปไปอยู่ โหย เห็นของจริงแล้วขนลุก กูงี้แทบจะเอาตัวหลอมไปพร้อมกับคอนกรีต”

“ขนาดนั้นเลย” มันพูดขำๆ

“เออ ขนาดนั้นแหละ งานที่มึงเห็นมาแต่ในหนังสือตลอดห้าปีมาอยู่ตรงหน้า แผ่นคอนกรีต ก้อนหิน บันได สัมผัส แสง เสียง รูปถ่ายมันให้ไม่ได้” ผมบอก ไอ้เด็กข้างๆ พยักหน้าสองสามทีแล้วก็ขับรถต่อ

“ต้องเริ่มเก็บตังแล้ว” มันพูด “สนใจไปอีกทีมั้ยครับ” หวานถามขึ้น

“กูต้องไถนาก่อนนะ เงินเดือนจะไม่พอยาไส้เลยเนี่ย อ้ะ.. ตรงนี้เลี้ยวซ้ายเลย” ผมบอกขณะมองดูทาง

ถึงวันนี้จะเป็นวันจันทร์ แต่คงเพราะดึกแล้วรถเลยไม่ค่อยติด จากโรงหนังกลางเมืองถึงหน้าหมู่บ้านผมจึงกินเวลาไปแค่ 30 นาทีเท่านั้น โอ้โห มหัศจรรย์

“อ้ะ จอดตรงนี้เลยก็ได้” 

“หลังนี้อ่ะเหรอ ประตูสีขาวนะ” หวานหยุดรถแล้วหันหน้ามาถาม

“อื้อ” ผมพยักหน้าตอบ มือหนึ่งก็คว้ากระเป๋าอีกมือหนึ่งก็เปิดประตูแล้วขยับตัวออกจากรถ “ขอบใจมากๆ รีบกลับบ้านเหอะ ดึกแล้ว”

“ครับ” ผมปิดประตูรถ

“นี่” มันเปิดกระจกเรียกผมไว้ ทำให้ต้องชะโงกหน้าเข้าไปคุยอีก ลำบากกูมั้ย มีอะไรทำไมไม่พูดให้หมดวะ

“จะรอนะ” พูดแล้วก็ยิ้มมาให้อีกหนึ่งที แล้วกดปิดกระจก
ผมที่เหลืออยู่กับเสียงจิ้งหรีดริมบ้านก็ได้แต่พยักหน้าไปแบบงงๆ ได้แต่เปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้าไป
ส่วน BMW 320d เป็นมันวับก็ขับออกไป

ประโยคสุดท้ายมันคืออะไรนะครับ… ประโยคบอกเล่าเหรอ
มึงนี่ปรัชญาเยอะยิ่งกว่างานทาดาโอะอีกมั้ง!!

_ _ _ _
วันพุธ
15.56


หึหึหึหึ…

การยุ่งแบบนรกแตกตอนสมัยเรียนน่ะเหรอ.. จะมาเทียบอะไรกับการยุ่งแบบโลกันตนรกแตกตอนทำงานแบบนี้กันล่ะครับ
จะสามโมงแล้ว ผมยังรวบรวมคอมเมนต์จากฝ่ายแบรนด์ดิ้งไม่เสร็จเลย ต้องทำพรีเซนต์อีก จะปริ้นทันม้ายยยย โอ้ยยยยยย
ขรี้จะแตกครับพูดเลย

“พี่วิน โครงการสามย่านโทรมาขอข้อมูลบิดดิ้งอ่ะ เขาว่าเงื่อนไขมันไม่มี” น้องแคร์ถือโทรศัพท์รอไว้

“หา จริงเหรอ..เขาอ่านครบรึยัง” ผมรีบถลาไปรับโทรศัพท์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็ไอ้เอกสารที่ว่าน่ะความรับผิดชอบผมเต็มๆ ถ้าพลาดนี้ซวยยันชาติหน้าแน่ๆ แต่พอได้คุยกับคนในสายแล้วก็ได้แต่ถอนใจ อยากเอาเรื่องไปลงเพจลูกค้าผู้น่ารักเหลือเกิน

โหลดเอกสารไปไม่ครบครับ!! โง้ยยยยย คนยิ่งรีบๆอยู่

เอาตามจริงแล้วอยากจะไล่ให้กลับไปอ่าน TOR กับเอกสารที่ประกาศเงื่อนไขประมูลอีกสามสิบรอบ ไอ้ที่ถามมาน่ะมีเขียนไว้แล้วแน่ๆ แต่ไหนๆก็ไหนแล้ว ผมเลยต้องคว้าเอาเอกสารปึกเบ้อเร่อมาเปิดอธิบายไปพร้อมกัน เอาให้ชัดกันไปเลย เผื่อพี่แกอ่านแล้วงง จะได้ไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์มาอีก

อีกพักเดียวพี่มีนฝ่ายแบรนดิ์ดิ้งส่งข้อมูลมาให้ยาวเป็นพรืด ผมเปิดอีเมลล์แล้วลมจะใส่ นี่จะทำยังไงให้ได้ก่อนประชุมวะ

ผมพิมพ์สรุปแบบรัวๆ พร้อมกับหารูปและบรรยากาศอ้างอิงตามที่แนะนำไว้ กะว่าจะฝากเผื่อให้คุณตะวันเลือกรูปแบบ Scheme ที่ชอบ ถ้าเราตีกรอบคอนเซปต์ช่วงนี้ได้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ จะทำให้สถาปนิกทำงานได้ง่ายเพราะมีโจทย์ที่ชัด มีภาพสุดท้ายว่าจะให้บรรยากาศโครงการออกมาเป็นอย่างไร ทุกคนจะได้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
   
“สุดหล่อ ถ้าคอมเมนต์แบรนด์ดิ้งไม่เสร็จก็ไม่เป็นไรนะ เอาติดไปเฉยๆก็พอ มีเวลาก็ดู” พี่ฝ้ายที่เดินกลับมาจากประชุมชะโงกมาดูที่หน้าจอผม “ส่วนอันนี้พี่ดูในห้องประชุมละ โอเค”

“เสร็จครับพี่ เหลือทำกราฟตรงนี้นิดเดียว” ผมชี้ “อันนี้พี่มีนบอกว่ามาจากข้อมูลอินไซต์คอนโดระดับ A+ เมื่อต้นปีอ่ะครับ ผมว่าควรเอาไป”

“อืมม ก็ถ้าเสร็จไม่ทันไม่เป็นไร เอาให้ผังหลักกับ Fease แรกผ่านก่อน Scheme ไว้ทีหลังได้” พี่ฝ้ายบอก

“ครับ”

“เออ แต่วันนี้วินโซโล่เลยนะ พี่ประชุมทั้งวัน เจ็บคอแล้วอ่ะ”

“เห้ยยย ไหงงั้น” ผมร้องเสียงหลง

“เอาน่ะ นี่ข้อมูลก็ของเธอ เตรียมมาเองกับมือ กลัวอะไร ถ้าติดตรงไหนเจ๊ช่วยเอง”

“ฮืออออออ” ผมร้องโวยวายในลำคอ หือไปก็ไร้ประโยชน์ครับผมรู้ดี ใครจะไปเถียงนางพญาได้ ก้มหน้ารับบัญชาไปสิครับ

“แล้วก็.. เจ๊มีนัดดูหนังตอนสามทุ่มที่เมเจอร์รัชโยธินนะ… สองทุ่มกว่าเจ๊ขอบาย”

ผมที่กำลังสั่งปริ้นงานอยู่อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะ ไปทำเชี่ยอะไรครับไกลจัง เซนเวิร์ลใกล้ๆทำไมไม่ไปอ้ะ “โง้ยยยยย พี่ฝ๊ายยยยย” ได้แต่ร้องออกมาแบบไม่เป็นภาษา

“มันจะนานแค่ไหนเชียว! รีบคุยรีบกลับไง”

ขอให้มันเป็นแบบนั้นเถอะครับ!!!

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 9 P.2 ✽update 5.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 16-07-2017 11:51:18
18.15

ผมนั่งเหนื่อยๆกองอยู่บนเก้าอี้หลังจากปริ้นงานและเอาให้พี่ฝ้ายรีวิวเสร็จ
ข้อมูลที่จะเอาไปคุยกับคุณตะวันเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น
ในระหว่างนี้ขอเดินไปกินโค้กแป๊บ นี่กระป๋องแรกของช่วงสองอาทิตย์นะครับ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูไลน์ไปพลางๆ
พอกดเข้าไปก็เห็นไอ้น้ำทักมาตั้งแต่ช่วงเที่ยงๆ

Nahm_Tect : เย็นนี้มึงว่างป่ะ
Nahm_Tect : แดกข้าวมะ กูไปแถวออฟฟิสมึง

ว่างก็เห้ละครัชคุณน้ำ กูเพิ่งมีเวลาหายใจเมื่อกี้เอง
 
Wynn_Tect : ไม่ว่างว่ะ มีประชุมตอนเย็น น่าจะดึก ไว้วันหลังนะ

“วินน ไปกันเหอะะะ” พี่ฝ้ายเดินมาเรียกผมที่แพนทรี่เสียงแจ๋วๆ ทำให้ผมต้องรีบขานรับ

“ครับบบ ไปแล้วครับบ”
แล้วก็ได้แต่วิ่งกลับไปหอบข้าวของ สะพายกระเป๋าเตรียมไปพรีเซนต์งานนอกเวลาและสถานที่กับคุณชายตะวัน

_ _ _ _

19.10

ผมกับพี่ฝ้ายนั่งทำตาปริบๆรออยู่ในห้องที่คุณเลขาคนสวยจัดไว้ให้เพราะคุณตะวันยังติดประชุมอยู่
อื้อหือ ทุ่มกว่าแล้วนะ ผู้บริหารนี่ไม่มีเวลาเลิกงานเหรอครับ
ผมนั่งอ่านเอกสารในมือทวนไปเรื่อยๆ ในขณะที่พี่ฝ้ายนั่งฮัมเพลงไปแชทไปอย่างอารมณ์ดี
เจ๊ครับ สนใจลูกนกลูกกาอย่างไอ้วินหน่อยเถอะครับ

ไม่นานนักร่างสูงที่ผมคอยอยู่ก็เดินเข้ามาแบบรีบๆ
“สวัสดีครับ ขอโทษที รอนานไหมครับ คุณฝ้าย วิน”

พี่ฝ้ายกับผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วสวัสดี “ไม่นานค่า นี่ยังไม่ถึงเวลานัดพวกเราเลย”

“ก็กลัวว่าจะรอกันนานครับ ประชุมที่แล้วควรจะเสร็จตอนทุ่มนึง ถ้ายังไงผมขอเวลาสักสามนาทีนะครับ เดี๋ยวเรามาคุยกัน”

“ตามสบายค่ะคุณตะวัน”
วันนี้คุณตะวันดูเหนื่อยกว่าที่เคย ผมที่เคยเซทมาเป็นอย่างดีมีเค้ายุ่งนิดๆ ร่างโปร่งอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบกริบแบบไม่มีเสื้อสูท ผูกเนคไทสีน้ำตาลเข้มกับกางเกงสแลคสีดำสนิทเดินออกไปไวๆ

อีกไม่นานนักหน้าหล่อๆ ของลูกชายเจ้าของตึกก็โผล่มาพร้อมกับถือกระเป๋าเอกสารหนังสีดำ และเสื้อสูทที่พาดอยู่บนแขน
เห? เอามาทำไมอ่ะ

“วันนี้ขอประชุมข้างนอกก็แล้วกันนะครับ พอดีจริงๆตอนนี้ออฟฟิสผมปิดแล้วล่ะ เดี๋ยวพวกคนดูแลต้องกลับกันดึก” เขาพูดเร็วปรื๋อ พยักเพยิดไปทางด้านนอก “ยังไงเราทานข้าวไปคุยกันไปได้ไหมครับ”

“ได้ค่ะ ข้อมูลวันนี้ที่เอามาคุยกันเป็นข้อมูลเบื้องต้น อยากจะเสนอพวกคอนเซปต์กับผังหลักๆ เดี๋ยวยังไงคุณตะวันเอาไปอ่านก่อนแล้วค่อยแอพฟรูฟก็ได้ค่ะ”

ผมกับพี่ฝ้ายก็เดินตามต้อยๆ ลงจากตึก แล้วก็เดินไปยังห้างหรูที่อยู่ติดกันกับออฟฟิสแบบมาทางเดินเชื่อม สะดวกกว่านี้ไม่มีแล้วครับ ฝั่งนึงก็รถไฟฟ้า อีกฝั่งนึงก็ห้างดัง ที่ดินโลเคชั่นแบบนี้ตารางวาละกี่แสนกันนะ


คุณชายเดินนำพวกผมฉับๆตรงเข้าไปยังร้านอาหารที่ชีวิตนี้ผมได้แต่เดินผ่าน


“คุณฝ้ายกับวินสั่งได้เลยนะครับ ร้านนี้อร่อยจริงๆ”

ผมนั่งจ้องเลขราคาในเมนูด้วยสายตาเลื่อนลอย นี่ราคาพาสต้าหรือโต๊ะจีนอ่ะครับ ทำไมเลขดูละลานตา
ด้วยความไม่รู้จะสั่งอะไร อ้ำๆอึ้งๆสั่งสลัดตามพี่ฝ้ายไปละกัน บวกด้วยครับ บวกด้วย!
คุณตะวันเลิกคิ้วนิดหน่อยแล้วถามว่าจะอิ่มเหรอครับ ได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบว่าสบายมากครับ ทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ย พอจ่ายแค่สลัดล่ะครับบอกเลย

หลังจากได้น้ำแร่จากแหล่งธรรมชาติมากินแก้กระหาย ก็ได้เวลาโซโล่โปรเจ็กต์ให้ลูกค้าฟังละครับ

ผมเปิดคอมนั่งอธิบายที่มาที่ไป ข้อจำกัดของพื้นที่ แผนผังคร่าวๆ ให้คุณตะวันฟัง คนตรงข้ามนั่งฟังตาปริบๆพลางจดโน้ตสั้นๆลงใน Handout ที่ผมเตรียมไว้ให้ ก่อนจะได้พูดเรื่องพื้นที่ขายอาหารก็มาวางตรงหน้าพอดี

สลัดผักใบเขียวกับแซลม่อนรมควันชิ้นโตสองอ่างถูกวางลงที่หน้าผมกับพี่ฝ้าย ส่วนสเต็กขาแกะกับมิ้นท์เจลลี่ของคนฝั่งตรงข้ามนั่นดูระยิบระยับเหลือเกินครับในสายตาผม ไม่เอานะ อย่ามาท้องร้องตอนนี้

“อ้ะ เชิญเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” คุณตะวันพูด “ผมต้องขอเสียมารยาทหน่อย ขอฟังไปทานไปนะครับ นี่มื้อแรกของวันเลย”

“โห นี่จะเกือบสองทุ่มแล้วนะคะ” พี่ฝ้ายทัก

“พอดีเสาร์นี้ผมต้องไปเซี่ยงไฮ้กับเกาหลีน่ะครับ ประชุมยาวสองอาทิตย์ทุกอย่างเลยมาอัดเอาช่วงนี้”

“เหนื่อยหน่อยนะคะ คุณตะวันเชิญเลยค่ะ เดี๋ยวให้วินสรุปตรงนี้ให้ฟัง กับเรื่องแบรนด์ดิ้งนิดหน่อยแล้วไม่กวนละค่ะ”
อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วผมก็เริ่มอธิบายต่อ

ตัวเลขพื้นที่ขายกับราคานั้นผ่านตาคุณตะวันมาบ้างแล้วในห้องไลน์และอีเมลล์ที่ผมอัพเดทไป แต่คนตัวสูงดูจะสนใจข้อมูลของแบรนด์ดิ้งมากเป็นพิเศษ

“ดีครับ ผมว่าภาพลักษณ์แบบนี้ดูเข้ากับโครงการของเรา” เขาว่า “ถ้ายังไงรบกวนส่งข้อมูลอันนี้แยกให้ผมอีกทีได้ไหมครับ”

“ได้ครับ”

“ทางคุณตะวันมีข้อสงสัยอะไรอีกหรือเปล่าครับ” ผมถามขึ้น สลัดของพี่ฝ้ายร้องลงไปมากแล้ว แถมตอนนี้แกเหล่มองนาฬิกาแล้ว อย่าเพิ่งทิ้งโผมมม

“อืมม ตอนนี้ยังไม่มีครับ ผังนี้โอเค แต่จำนวนพื้นที่ขายกับราคานี่ผมคงต้องขอเอาไปศึกษาก่อน” อีกฝ่ายตอบแล้วพลิกดูเอกสารพลางๆ “วินกับคุณฝ้ายทานเถอะครับ” ผมรีบก้มหน้าลงไปหาจานสลัดแล้วกินให้เร็วที่สุดเท่าที่มารยาทจะอำนวย จะได้ขอตัวออกไปพร้อมพี่ฝ้าย

ทำไมมันยากจังวะ ผมคิดในขณะพยายามจิ้มส้อมลงบนมะเขือเทศที่กลิ้งหนี

“ฮ่ะฮ่ะ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ครับวิน มีธุระหรือเปล่าครับ” คนนั่งตรงข้ามถามขึ้นขำๆ

“อ้ะ เปล่าครับ คือ..”

“แหะๆ คนมีธุระน่ะฝ้ายเองค่ะ” เจ้านายสุดสวยผมพูดขึ้น

“อ้าว ผมขอโทษทีครับ คุณฝ้าย ผมไม่ทราบเลย”   

“ไม่เป็นไรค่า”

“จริงๆ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้วนะครับ ถ้าคุณฝ้ายจะไปก่อนก็ได้” คุณตะวันมองดูเอกสารทุกอย่างเร็วๆ

“เอางั้นนะคะ ถ้ามีอะไรสงสัยก็ถามวินได้เลยนะคะ มือเซียนค่ะคนนี้”
พี่ครับ!อย่าาาาา!! เอาผมไปด้วยยยเส่ะะะ

“งั้นฝ้ายต้องขอตัวก่อนจริงๆ อันนี้..” พี่ฝ้ายหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา

“อ็ะ ไม่ต้องครับ ผมชวนออกมา มื้อนี้ผมต้องจ่ายสิครับ” คุณตะวันพูดดักคอ

“แต่ว่า.. ทีมฝ้ายมีกันตั้งสองคนนะคะ” พี่ฝ้ายแย้ง

“ไว้คราวหน้าก็ได้ครับ มื้อนี้ไม่ให้เลี้ยงผมโกรธนะ” ส่งยิ้มพิฆาตไปแถมให้เจ้านายผมด้วย อื้อหือ โดนดาเมจไปสิ

“อ้าา ค่ะ งั้นขอบคุณค่ะสำหรับมื้อนี้ คราวหน้าฝ้ายไม่ยอมแล้วนะคะ” พี่ฝ้ายขยับตัวลุกขึ้นแล้วร่ำลาไปด้วยความเร็วแสง


เจ๊ครับ น้องเจ๊ล่ะครับ...
ผมนั่งเขี่ยผักที่อยู่ในจาน หมดเรื่องงานก็ไม่รู้จะคุยอะไรแล้วครับ

“อิ่มเหรอเราน่ะ” คนตรงหน้าเอ่ยขึ้น

“เอ่ออ ก็อิ่มนะครับ” ผมตอบแก้เขิน อีกฝ่ายอมยิ้ม

“แต่พี่ยังไม่อิ่ม.. ว่าจะสั่งอีกจานแต่คงทานไม่หมด ช่วยหน่อยได้มั้ยล่ะ?”

“หา?”

“นั่นแหละ ขอโทษนะครับ ขอสั่งอาหารเพิ่มหน่อย” ว่าแล้วก็หันไปสั่งพาสต้าอะไรสักอย่างชื่อยากๆกับพนักงาน แล้วก็มานั่งตีมาดขรึมอ่านเอกสาร ขีดๆเขียนๆ ต่อไป


หือ?
ผมนั่งตาโตจ้องปากกาหมึกซึมเนื้อด้านสีส้มอิฐในมือคนตรงข้าม..
เดี๋ยวก่อนนนนนนนน

“เอ่อ…” ผมปากคอสั่น
“คุณตะวันครับ… เอ่อ พี่ตะวัน… ปากกาอันนั้น..” เปลี่ยนสรรพนามกลางคันเพราะเจ้าของชื่อเงยหน้ามามอง

“อ๋อ.. อันนี้ Lamy Terracotta ปี 1980 น่ะครับ” พูดแล้วก็ชูขึ้นมาให้ดู
 

คุณพระ…..
เคยเห็นแต่ในอีเบย์ ไม่นึกว่าจะได้มาเห็นของจริง แม่งเอ้ยยยย

“ชอบล่ะสิ เอาไปดูมั้ย”
ม่ายยยย คุณตะวันครับ อย่าเอามันมาใกล้ผมมมมมม
มันงดงามเกินไปปปปปป ม่ายยยยยยยยย

คนอย่างไอ้วินเคยปฏิเสธเรื่องอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอครับ...
จบท้ายที่ผมเอามือถือมาถ่ายรูปเก็บไว้ทุกมุมก่อนจะส่งคืนอย่างอาลัยอาวรณ์พร้อมเสียงหัวเราะขำๆของคุณชายตะวัน

ไม่นานนักพาสต้าชื่อประหลาดของคนตรงหน้าก็ถูกวางลงตรงกลาง

“อ่ะ วินแบ่งไปทานก่อนเลย”

“ไม่เป็นไรครับ พี่..ตะวันทานก่อน หิวไม่ใช่เหรอครับ ไม่ได้ทานมาทั้งวันเลย”
คนตรงหน้ายิ้มบางๆ ก่อนจะม้วนเส้นพาสต้าไปสองรอบ แล้วเลื่อนจานมาให้ผม

“เห”

“พี่อิ่มแล้วอ่ะ สงสัยเมื่อกี้หน้ามืดสั่งมา ฝากวินจัดการหน่อยแล้วกัน”

“มุกแล้วครับ” ผมแย้ง

“ไม่ต้องวิเคราะห์ไปซะทุกเรื่องก็ได้น่า” อีกฝ่ายตัดบทแล้วชวนคุยเรื่องอื่นแทน


จริงๆแล้วพออยู่นอกออฟฟิส คุณตะวันอะไรนี่ก็แทบไม่เหลือมาดคุณชายบริษัทใหญ่โตเลยนะ คนตรงหน้าชวนผมคุยเรื่องเจ้าเซโร่หมาไซบีเรียนที่บ้านแก บอกว่ามันสุดจะซนและติงต๊องซะเหลือเกิน ทำยังไงก็สอนให้เชื่อฟังไม่ได้ซักที เออ เศรษฐีก็มีเรื่องแบบนี้เนอะ ผมนั่งหัวเราะกับวีรกรรมป่วนๆที่พี่แกเล่าให้ฟังจนปวดท้องไปหมด

ไม่นานนักอาหารตรงหน้าของผมก็หมดลง

“เฮ่ออ อิ่มจริงๆแล้วครับ” ผมบอก “ขอบคุณพี่ตะวันครับ”

“ฮ่าๆ ดีแล้วๆ แล้วนี่วินกลับยังไง”

“รถไฟฟ้าครับ สบายมาก คอนโดอยู่ใกล้ๆนี่เอง” ผมรีบบอก คืนนี้คงกลับบ้านไม่ทันแล้ว

“พี่ไปส่งมั้ย?”

“โอ้ย ไม่เป็นไรครับ รถไฟฟ้าสะดวกกว่าจริงๆ” ผมรีบปฏิเสธ

“อ่ะ เอางั้นก็ได้” ว่าพลางจัดการหยิบบัตรเครดิตเงาวับออกมาจ่ายเงิน

หลังจากออกมายืนหน้าร้าน ผมก็ขอตัวกลับ ส่วนคุณตะวันก็เดินกลับไปที่ตึก AA ที่แกจอดรถทิ้งไว้

กำลังจะออกเดิน สายตาก็พลันไปเจอเข้ากับร่างคุ้นตา


อ้าว? ไอ้น้ำ?

_ _ _ _


แฮ่ มาเสิร์ฟตอนที่ 10 แล้วค่า
ขอโทษที่เลทไปหน่อยนะคะ แก้ตัวด้วยการเขียนซะยาวเลย ทดแทนกันได้มั้ยน้า
ขอบคุณทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านกันค่ะ ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์เลย ขอกอดรวบๆสักสามสี่ที

คนไหนคิดถึงคุณตะวันบ้างน้าา มีบทแล้วนะเออ 5555
ส่วนเด็กหวานดูอารมณ์ขึ้นลงยังกะคนวัยทอง นี่เด็กปีหนึ่งจริงๆเหรอคะ
จริงๆแล้ววินเป็นคนคิดมากนะคะ แต่ฮีไม่ค่อยคิดเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ ถ้าเรื่องงานล่ะถึงไหนถึงกัน


รักทุกคนค่ะ
จุ๊บุ <3

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 10 P.3 ✽update 16.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 16-07-2017 14:22:25
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 10 P.3 ✽update 16.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 16-07-2017 14:24:21
พี่ตะวันก็ชอบ แต่เชียร์หวาน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 10 P.3 ✽update 16.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-07-2017 15:58:56
 :L2: :pig4:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่คุณคนเขียน
ติดตาม
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 10 P.3 ✽update 16.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 16-07-2017 19:24:58
ทำไมแอบเชียร์คุณตะวันนาาาา :mew4: :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 10 P.3 ✽update 16.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 16-07-2017 23:29:41
จบได้ค้างมาก  :ling1: :ling1:
ฮืออออ ต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ค้างงงงง ฮ่าๆๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ สนุกกกกกก เสพติดตี๋วิน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 10 P.3 ✽update 16.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-07-2017 10:10:14
วินคนฮอต 
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 11 P.3 ✽update 29.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 29-07-2017 13:08:53
ความเสี่ยงที่ 11

ไอ้น้ำหรี่ตามองแล้วร้องทักมาแต่ไกล

“แน่ะ ไอ้ตี๋ เมื่อกี้ใครอ้ะ”

“ลูกค้า แล้วนี่มึงมายังไงเนี่ย”

“กูมาถ่ายรูปดีเทลชอปที่เขียนไป” ว่าแล้วก็ชูกระเป๋ากล้องให้ดู “บอกแล้วไงว่าจะมาแถวออฟฟิสมึง”

“อ๋ออ..” ผมร้อง จะว่าไปจริงๆที่นี่ก็ห่างจากที่ทำงานผมแค่สองสถานีเอง

“แต่เดี๋ยวก่อน ของมึงอ่ะยังไม่จบ ลูกค้าอะไรนั่งร้านโคตรหรู”

“พ่องสิครัชเพื่อน ลูกค้าจริงๆ นี่งานเต็มมือกูเลยเนี่ย” 

“แล้วต้องมาอะไรกันเวลานี้ นี่สามทุ่มกว่าละสัด เวลางานมีไม่คุย นี่ไม่ต้องกลับบ้านหรือไง” มันพ่นเป็นชุด

“เดี๋ยวๆ พ่อกูมั้ง”

“ไปเลยเร็วๆ” มันจับผมหมุนตัวแล้วเอามือดันหลังผมให้ออกเดิน

งงไปสิครับ

“หะ ไปไหน”

“แดกข้าวสิ กูหิว”

“แต่กูเพิ่งกินมา นี่กูจะกลับคอนโดแล้วว”

“ก็ไปแดกเกาเหลาหน้าคอนโดมึงไง”

เดี๋ยวๆ ช่วยให้เกียรติของในพุงกูบ้าง พาสต้าแพงเชี่ยๆเลยนะเห้ย

_ _ _ _

21.40

ผมนั่งเท้าคางเปิดดูรูปในกล้องไปเรื่อยๆ ในขณะที่เจ้าของ Canon D70 ในมือกำลังก้มหน้าก้มตากินเกาเหลาหมูกรอบ
ดูไปก็ได้แต่ถอนหายใจ ดีเทลดีไซน์นี่ยากจัง นี่ให้กลับไปทำคงตายแหงๆ

“นี่มึงถ่ายรูปกี่โมงเนี่ย ทำไมเลิกเอาป่านนี้” ผมถาม

“ก็หลังเลิกงานอ่ะ กูเลิกทุ่มครึ่ง กว่าจะมานี่ กว่าจะถ่าย ก็เสร็จตอนสามทุ่มพอดี”

“แหม แล้วเสือกมาชวนกูแดกข้าวเย็น ต้องหิ้วท้องรอมึงมั้ง”

“ก็กะว่าถ้ามึงว่างกูจะออกมาก่อนไง” มันตอบเรียบๆ “แต่เห็นมึงยุ่ง กูก็เลยไม่ได้รีบ ใครจะรู้วะว่ามีเดทกับหนุ่ม”

“เดทพ่องงงงงงงงง”

“ฮ่าๆๆๆ แซวหน่อยเป็นอะไรล่ะ” มันขำ

“เออๆ ลูกค้าที่กูคุยมาวันนี้ แม่งมีลามี่เทราคอตต้าด้วยอ้ะ”

“เหยด ด้ามละสามหมื่นอ่ะนะ”

“เออ ของแท้ด้วย กูจับมาละ”

“อื้อหือ รวยสัด”

“เออ รวยเชี่ยๆ ลูกชายเจ้าของบริษัท AA” พูดแล้วก็ดูดน้ำเก๊กฮวยในแก้วไปด้วย ฮ่าห์ สดชื่น

“เชรดดดด งั้นมีซักร้อยด้ามก็ไม่แปลกป่ะวะ” มันเงยหน้าขึ้นมาถาม “มีเงินก็ซื้อได้ดิ่”

“นี่กูไม่ได้ชื่นชมที่มาหรือเจ้าของปากกา กูชื่นชมตัวปากกาต่างหาก นี่ แท่งนี้ในฝันกูเลย ดูดิ่มึ๊งงง” ผมชูรูปที่ถ่ายให้ดูในโทรศัพท์
ไอ้น้ำหยิบไปแล้วพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะส่งคืนแล้วแล้วก้มลงไปกินต่อ

“เดี๋ยวมึงก็ซื้อได้ ทำงานไถนาไปดิ่” มันถอนหายใจแล้วบอกสั้นๆ

โคตรแปลก

ผมขมวดคิ้ว ปกติแม่งต้องตื่นเต้นกว่านี้ดิ่ นี่ปากกาในตำนานเลยนะ มันยังจะเห็นตือฮวนในชามสำคัญกว่าอีกเหรอวะ
แล้วนี่ก็ยังไม่ยอมกิน เขี่ยอยู่ได้ อยากให้หมูกรอบมันแตกหน่ออกมาหรือยังไง

เนี่ย! แล้วก็ถอนหายใจอีกละ

“เป็นอะไร” ผมถามขึ้นหลังจากมองมันอ้าปากหุบปากอยู่เป็นครั้งที่สาม “มีอะไรก็ว่ามา”

“แสนรู้จริงๆ มึงนี่” มันพ่นลมหายใจยาว ผมเลยยกเท้าเหยียบตีนมันอยู่ใต้โต๊ะแทนคำด่า แต่นอกจากมันจะไม่ร้องโอดโอยแล้วยังทำเป็นไม่สนใจอีกต่างหาก เครียดจริงนี่หว่า ผมเลยต้องเปิดโหมดจริงจังบ้าง

“พูดได้แล้วครับเชี่ยน้ำ ต้องให้กูง้างปากมึงมั้ย เวลากูเป็นเงินเป็นทอง”

มันถอนหายใจใส่ชามเกาเหลา “พลอยบอกว่า พลอยคุยกับคนนึงอยู่ว่ะ”

“แล้ว?” ผมเลิกคิ้ว

“เป็นงั้นได้ไงวะ” น้ำถอนหายใจอีกรอบ

“ไหนมึงบอกไม่ได้คิดไรกับน้องแล้วไง” เห็นมะ ตอแหลกับเพื่อนชัดๆ

“ก็...ใช่...“ มันพูด “แต่พอได้ยินว่าเขาจะมีคนใหม่ก็ก็โหวงๆ”

“อยากกลับไปคบ?” ผมถาม

มันมองหน้าผมแล้วส่ายหน้าเบาๆ “กูไม่ได้คิดกับเขาแบบคนรักแล้ว แต่ทำไมกูยังรู้สึกแบบนี้วะ”

“มึงเสียดายไง” ผมตอบชัดเจน

“...” น้ำมองหน้าผมตาปริบๆ

“อ้าว จากคนกลายเป็นควายแล้วเพื่อนกู” ผมหัวเราะ

“เวลามึงบอกคนอื่นๆ ว่าไม่มีแฟน แต่ทุกครั้งที่มึงหันกลับไป น้องพลอยก็อยู่ตรงนั้นตลอดไม่ได้ไปไหน มึงเลยอุ่นใจ คิดไปเองว่ามันเหมือนเดิม”

“แล้ว..”

“ก็เขาจะเดินต่อแล้วไง มึงต้องรู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของใครจริงๆ ถ้ามึงคิดว่าตัดความสัมพันธ์แล้วแล้วมันจะ เหมือนเดิม ล่ะก็ มึงเพ้อละ”

“เฮ่ออ..” มันทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“ยิ่งถ้ามึงยังเก็บความทรงจำของเมื่อวานมาเป็นปัจจุบันด้วยน่ะนะ หนัก กูหวังว่าความโหวงของมึงจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ” ผมพูด

“งั้นกูควรยินดีกับเขาใช่ป่ะ”

ผมพยักหน้าตอบ มันไม่ได้ว่าอะไรต่อ พลางก้มลงไปดื่มน้ำเงียบๆ

นานๆ จะเห็นมันซึมเป็นผ้าขี้ริ้วข้างทางแบบนี้นะครับ ไม่สมกับเป็นไอ้น้ำเลย
ผมได้โอกาสเอามะเหงกเคาะหัวมันไปหนึ่งทีแล้วพูดเสียงดัง
“เฮ่อออ...​นี่ไอ้เสือกลุ่มกูมันหายไปไหนวะเนี่ยย โคตรกากเลย”

“กูจะอ่อนไหวบ้างไม่ได้ไง?” มันกุมหัวป้อยๆ ”คนหล่อก็มีหัวใจนะครัช”

“อย่าดราม่า เดี๋ยวแม่งก็ผ่านไป”

“ขอบใจว่ะ”

ผมยิ้ม “ไม่ต้องขอบใจ กูคิดตัง”

“ห่า”

“เลี้ยงหนังกูละกัน อาทิตย์หน้ากูว่าง” ผมรีบสรุป 

อาทิตย์หน้าได้ดูหนังฟรี เย้

พอไอ้น้ำกินข้าวเสร็จก็ได้เวลาแยกย้ายกัน ผมกลับขึ้นคอนโด ส่วนไอ้น้ำก็เดินลอยๆขึ้นบีทีเอสไป สงสัยจะหนักจริง
ฟื้นตัวเร็วๆ ละกันนะเพื่อนยาก

_ _ _ _

22.20

มีบทสนทนาแปลกๆลอยเข้าหูผมในระหว่างเดินเข้าคอนโด
ผมก็เห็นพี่ยามกับผู้หญิงสองสามคนยืนมุงอะไรอยู่ที่สวนหย่อมเล็กๆ

“ทำไงดีอ่ะพี่”


“ไม่กล้าจับว่ะ”

“น่ากลัวอ้ะ”

“ไม่รอดแล้วแหละ”


“เอ่อ... มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจหยุดแล้วเดินเข้าไปถามกลางวง ความเสือกมันห้ามไม่ได้จริงๆครับเนี่ย

“คือ.. นี่น่ะค่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งชี้มือไปที่พื้น

เมื่อมองตามไป สิ่งที่ผมเห็นคือก้อนกลมๆที่ขดตัวอยู่ใต้พุ่มไม้ริมทางเดิน ผมอยากจะบอกว่ามันเป็นลูกแมวสีดำ แต่ตอนนี้ขนที่ควรจะปุกปุยน่ารักกลับหายไปเป็นหย่อมๆ แทนที่ด้วยเนื้อสีแดงก่ำไปทั้งแถบ เจ้าจิ๋วนี่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ข้างทาง

“เฮ้ย!” ผมตกใจ

“พี่ไม่รู้จะทำยังไงดี” พี่ยามพูด “จะจับก็ไม่กล้า”

“อ่าาาา เอางี้ละกัน คุณครับ ไปหากล่องอะไรก็ได้ให้ผมหน่อย ขอเซเว่นใต้ตึกก็ได้ เดี๋ยวผมเอาไปหาหมอเอง พี่ยามครับ ผมขอผ้าขนหนูที่พาดบ่าพี่หน่อย ผมจะเอามาจับแมว เดี๋ยวผมซื้อคืนให้” ผมพูดเร็วจี๋

“ค.. ค่ะ” เธอพยักหน้าแล้ววิ่งเข้าไปในอาคาร

“ได้ๆ เอาไปเลย” พูดพลางยื่นผ้าขนหนูสีมอมๆใส่มือผมทันที

ไม่นานนักผู้หญิงคนเดิมก็ได้กล่องลูกฟูกขนาดไม่ใหญ่นักมาให้ ผมค่อยๆเอาผ้าห่อมือแล้วพยายามอุ้มลูกแมวตัวเล็กขึ้นมาอย่างเบามือที่สุด แต่แค่ผมแตะโดนมันก็ส่งเสียงครางด้วยความเจ็บ ผิวหนังสีชมพูของมันบวมแดงและมีเลือดไหลซิบๆ โอ้ย ไปโดนอะไรมาล่ะเนี่ย

“พี่ยามครับ เรียกแท๊กซี่ให้ผมหน่อย” ผมกัดฟันหยิบเจ้าตัวเล็กขึ้นมาแล้ววางลงในกล่อง  “ขอโทษ เจ็บนิดเดียว นิดเดียวนะ เดี๋ยวพาไปหาหมอแล้ว อดทนหน่อย”

_ _ _ _

23.20

ผมพาเจ้าตัวเล็กนี่มาที่คลินิกแถวคอนโด โชคดีที่ที่นี่เปิดรับเคสอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากยื่นลังกระดาษให้พยาบาลที่เคานเตอร์ พอเห็นสภาพก็รีบโทรเรียกคุณหมอแล้วนำแมวเข้าไปในห้องตรวจทันที นี่ก็เข้าไปนานแล้ว
เฮ้ออ ไอ้วินทำได้เท่านี้ล่ะนะ.. 

“น้ำร้อน?”

“ใช่ค่ะ มันโดนน้ำร้อนราดมา แผลเบิร์นไปถึงกล้ามเนื้อเลย” คุณหมอสาวหน้าตาน่ารักพูดกับผมที่นั่งรออยู่ด้านหน้าเกือบหนึ่งชั่วโมง 

“ด้านซ้ายนี่โดนหนักหน่อย ต้องตัดใบหูข้างซ้าย ตรงขาหน้าด้านซ้ายต้องขูดเนื้อตายออกแล้วลุ้นกันอีกทีว่าจะต้องตัดทิ้งรึเปล่า”

ผมนิ่งไป ใครมันใจร้ายได้ขนาดนี้วะ แมวตัวกระจิ๊ดริดยังจะเอาน้ำร้อนไปราด

“มันจะรอดมั้ยครับ” ผมกลั้นใจถาม

“พูดยากค่ะ ต้องผ่านสามสี่วันนี้ให้ได้ก่อน แมวยังเล็กอยู่ น่าจะราวสามเดือนเท่านั้นเอง โดนน้ำร้อนไปราวๆ 40%ของร่างกาย แผลลึกด้วยค่ะ”

“หมอช่วยหน่อยละกันครับ เดี๋ยวผมรับเป็นเจ้าของเอง” ผมตัดสินใจ ไหนๆก็ช่วยให้ถึงที่สุด

“เคสแมวจรหมอไม่กล้าคิดแพงหรอกค่ะ แต่ช่วงแรกๆ ค่ายาอาจจะแพงหน่อย ต้องให้ยาฆ่าเชื้อกับแก้อักเสบตลอด” คุณหมออธิบาย “แต่ตัวนี้โชคดีนะคะ ได้คุณพามารักษา ไม่งั้นคงแย่แล้ว”

“เห็นแล้วทิ้งไม่ลงน่ะครับ ยังไงก็ฝากด้วยนะครับคุณหมอ ทำให้เต็มที่เลย” ผมบอก

“เอ้อ ตอนนี้แมวอยู่ไหนแล้วครับ ผมไปดูได้มั้ย”

“พยาบาลน่าจะพันแผลเสร็จแล้ว เชิญทางนี้เลยค่ะ”

ผมเดินตามคุณหมอไปด้านหลัง กรงสแตนเลสสำหรับพักฟื้นสัตว์ป่วยถูกติดอยู่กับผนังฝั่งหนึ่งจนเต็ม ด้านล่างๆเป็นกรงขนาดใหญ่ มีลาบราดอร์สีครีมกำลังนอนทำหน้าหงอยอยู่ฟากหนึ่ง ส่วนตรงกลางมีบีเกิ้ลกำลังถูกให้น้ำเกลือ

“นั่นเลยค่ะ จ๋อยอยู่” คุณหมอชี้มือไปที่กรงขวาสุดแถวกลาง ด้านในมีแมวโดนพันผ้าสีขาวไว้เต็มตัวเป็นมัมมี่กำลังนอนนิ่งๆ ผมรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้

“ไงล่ะเรา ถึงมือหมอแล้วนะ” ผมพูดเบาๆ ผ่านลูกกรงสเตนเลส เจ้าตัวเล็กมองผมด้วยตาสีอำพันแป๋วแหว๋ว เมื่อดูใกล้ๆก็มีแค่บริเวณหูขวา หน้า เท้าหน้าด้านขวากับเท้าหลังเท่านั้นที่ไม่มีผ้าก๊อซ นอกนั้นก็โดนพันซะแน่น โดยเฉพาะบริเวณที่ควรจะเป็นหูซ้ายที่ตอนนี้เรียบเปล้เพราะโดนตัดใบหูออกไป ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้สองสามรูป กะว่าจะเอาไว้ให้พี่ยามที่คอนโดดูซะหน่อย

ผมเดินกระเป๋าเบาออกจากคลีนิครักษาสัตว์ในเวลาเฉียดเที่ยงคืน ค่ารักษาเจ้าแมวนี่ก็เจ็บอยู่เหมือนกันนะครับ ยังดีที่ร้านนี้รับบัตรเครดิต หวังว่ามันจะอาการดีขึ้นในเร็ววัน ไม่งั้นผมคงต้องขายไตเอามารักษาแมวแน่ๆ

_ _ _ _
 
00.23

หลังจากอาบน้ำเสร็จ มองโทรศัพท์ปราดเดียวก็ต้องหยิบขึ้นมาเพราะมีข้อความแจ้งเตือนเยอะไปหมด
นี่ผมไม่ได้แตะโทรศัพท์ตั้งแต่ช่วงทุ่มกว่าๆเลยนี่เนอะ

เอ้า เริ่มเคลียร์! จะได้นอนซักที

แค่กดอ่านแชทแรกก็สะพรึงละครับ...

Mamawannachat : ไม่กลับบ้านก็บอกสิยะ
                         /รูปโต๊ะกับข้าวเต็มสตรีม

 
อุ่ย หม่อมแม่ครับ วินขอโทษ ลืมบอกไปเลยว่าวันนี้จะนอนคอนโด รีบพิมพ์ตอบไปว่าลูกผิดไปแล้ว ส่งรูปแมวไปเรียกคะแนนสงสารด้วยเลยเอ้า แต่ก็เพิ่งคิดได้ว่าม๊าน่าจะนอนไปแล้วเช่นกัน โอ้ย ข้าน้อยสมควรตายย

ดูกรุ๊ปงานบ้างละกัน

อันนี้ผู้ออกแบบแจ้งสเปกกระจกมาใหม่ โว้ะ แล้วอินทีเรียทำไมไม่แย้งเลยล่ะ บอกไปเซ่ว่าของสั่งผลิตไปแล้ว ไม่ทันแล้วเพ่
อีกอย่างนี่คิดยังไงใช้กระจกสีเขียวอี๋กับตึกที่ตึกแคลดดิ้งสีเทา โบราณเป็นบ้าเลย
กระทบหมดเลยนะ ทั้งราคา เวลา และภาพลักษณ์ อันนี้ต้องเคลียร์วันพรุ่งนี้ ปวดหัวแน่ๆครับพูดเลย

อ่ะ กรุ๊ปงานคุณชายตะวัน

Tawan R. : คุณฝ้ายกับวินครับ ผมรีวิวแบบเสร็จแล้ว มีคอมเมนต์ตามนี้ครับ
               /แนบรูป
               ผมจะไปต่างประเทศตั้งแต่วันศุกร์ แต่ติดต่อได้ตลอดนะครับ
P Fye คนสวย : ได้ค่า เดินทางปลอดภัยนะคะ


ฮืออ คอมเมนต์เร็วเป็นบ้าเลย ให้ผมได้พักบ้างเถอะครับพี่คุณชายตะวัน
ทำอะไรไม่ได้นอกจากพิมพ์กลับไป

Wyn_Tect : รับทราบครับ เดินทางปลอดภัยครับ


กลุ่มสุมหัวทำชั่วก็มีเรื่องไ่ม่เป็นเรื่องตามเคย
ผมเลื่อนๆ อ่านข้ามๆเพื่อเคลียร์แจ้งเตือน

สายรหัส 043 ของผมกำลังนัดแนะกันเรื่องเลี้ยงสาย ผมแค่ตอบไปว่าเอาที่น้องๆสะดวก ตัวผมมันกะเกณฑ์อะไรไม่ค่อยได้อยู่แล้วนี่ งานจะเข้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เฮ่อออ

มีน้องปีหนึ่งแอดผมเข้ามาสองสามคน เดาว่าน่าจะเป็นแฟนคลับพี่พีทสุดหล่อ ผมก็ได้แต่ตอบคำถามคำไปเรื่อย แบบเขาถามสามผมตอบคำนึง อะไรแบบนี้แหละครับ เด็กเดี๋ยวนี้ก็กล้าคุยกับรุ่นพี่ปีโตๆเนอะครับ สมัยผมนี่กลัวกันจะตาย

มีข้อความหนึ่งที่ค้างมาตั้งแต่ช่วงสองทุ่ม

นายหวาน : /รูปแมสโมเดล
                พี่ว่าไง อยากได้คอมเมนต์อ่ะ นี่ Study model


ผมกดดูรูป มันเป็นโมเดลที่ตัดง่ายๆ ด้วยกระดาษชานอ้อยและโฟมอัดแผ่นบาง รูปทรงเลียนแบบตึก Church of light ของสถาปนิกไอดอลของเจ้าตัว ทาดาโอะ อันโดะนี่แหละ ผมขยับแว่นสายตาแล้วซูมดูดีเทล

Wyn_Tect : ก็ดีนิ่ โปรเจ็กต์อาจารย์เก่งเหรอ? ที่ให้ตัดโมตึกดังๆอ่ะนะ

ผมว่าไม่เกินสิบวินาที ข้อความของผมก็ขึ้น read แล้วก็มีคำตอบมา

นายหวาน : ทำไมวันนี้ตอบดึกจัง
นายหวาน : ปกติเห็นตอบตอนสามสี่ทุ่ม

Wyn_Tect :  เพิ่งกลับ

นายหวาน : ไปทำอะไรมาอ่ะ

Wyn_Tect : จะถามเรื่องกูหรือปรึกษาเรื่องงาน

นายหวาน : เรื่องงานก็ได้ครับ
นายหวาน : แต่ก็อยากรู้เรื่องพี่ด้วย

Wyn_Tect : เพื่อนเล่นมั้งมึง
Wyn_Tect : โมเดลมึงก็ดูโอเค แต่มึงต้องกรีดชานอ้อยให้เป็นรอยเหมือนคอนกรีตด้วย เก็บรายละเอียดหน่อย วัดระยะให้ดีๆ จุดสำคัญของงานทาดาโอะมันอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่แค่แมสกับรูปทรงอย่างเดียว อีกอย่าง งานทาดาโอะมีหยากไย่ด้วยเหรอวะ กาวงี้ยืดเชียว ไม่เนี้ยบเลย

นายหวาน : โห.. ว่าซะเสียเลย

Wyn_Tect : กูไม่ได้บอกว่าแย่ป่ะ แล้วนี่มึงถามเองนะ

นายหวาน : /สติ้กเกอร์หมีบราวน์ตะเบ๊ะ
นายหวาน : เรื่องงานเดี๋ยวไปแก้ แต่อยากรู้ว่าพี่ไปไหนมาครับ กลับดึกจัง


ความเสือกนี้ท่านได้แต่ใดมาครับคุณหวาน
ผมถอนหายใจใส่ไอโฟนแล้วพิมพ์ตอบมันไป

Wyn_Tect : พาแมวไปหาหมอมา

นายหวาน : ?

Wyn_Tect : ไม่ใช่แมวกูหรอก มันไปโดนคนที่ไหนไม่รู้สาดน้ำร้อนใส่มา กูเลยเอาไปรักษา

นายหวาน : อ่าว เป็นอะไรมากมั้ยครับ

Wyn_Tect : /ส่งรูปแมวมัมมี่
                 ต้องตัดใบหูไปข้างหนึ่ง ให้ยาฆ่าเชื้อ ขูดเนื้อตายทิ้งจนกว่าจะหาย

นายหวาน : เห้ย น่าสงสาร ผมช่วยค่ารักษามั้ย

Wyn_Tect : เก็บเงินไว้แดกข้าวเถอะครับมึงน่ะ

นายหวาน : แค่ค่าอาหารแมวก็ได้

Wyn_Tect : กูจะนอนละ ไปนอนไป


ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ ไอ้เด็กนี่เรื่องเยอะไม่เคยเปลี่ยน มีเรื่องไลน์มาถามได้ทุกวัน
ใช้อะไรทำโมเดลดี วิชาเลือกจะลงของใคร สตูดิโออาจารย์คนไหนดี โวะ พี่รหัสมันไปไหนวะ

อ้าว เออ แฟนเก่ากูนิ่….

ผมถอดแว่นแล้วบีบหว่างคิ้วเบาๆ ก่อนจะปิดไฟ

ช่างมันเหอะครับ นอนดีกว่า

Rrrr….

ใครวะ โทรมาขัดจังหวะวาร์ปจริงๆ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว
กูนอนไปยังไม่ถึงห้านาทีเลย ถ้าเรื่องไม่สำคัญนะมึง ผมคว้ามือถือขึ้นมาแนบหูทั้งๆที่ยังหลับตา

“ครับ”

(ที่ไหนอ่ะ)

“หา…”

(พี่ไปฝากแมวไว้คลีนิคไหนครับ)

“ไอ้หวานนนน….” ผมลากเสียงยาว “อะไรของมึงเนี่ย…”

(โห ดีใจอ้ะ จำเสียงผมได้เหรอ)

ผมพ่นลมหายใจใส่โทรศัพท์แรงๆ แล้วเอาหน้าซุกหมอน “โอ้ยยยยย”

(พี่วิน บอกหน่อยสิครับ ขี้เกียจพิมพ์แล้วอ่ะ)

“นี่มึงโทรมาแค่นี้ใช่มั้ย”

(เรื่องอื่นก็มี แต่เอาเรื่องนี้ก่อนก็ได้ครับ)

“โอ้ยยยย” ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆ

(บอกผมมาเหอะ ไม่งั้นผมจะโทรจนพี่นอนไม่ได้เลยคอยดู)

“เฮ่อออ  คนอย่างมึงเนี่ยนะ.. คลีนิครักษาสัตว์ตรงสุขุมวิทซอย 3”

(แค่นั้นแหละ นึกว่าจะได้ตามถึงบ้านละ ฝันดีนะครับ)

เสียใจ กูอยู่คอนโด ไม่ใช่บ้าน
ผมกดตัดสายแล้วโยนมือถือกลับไปไว้ที่หัวเตียง เสียเวลากูมากครับไอ้เด็กบ้า

_ _ _ _

11.20

วันหยุดซักทีครับบบบบบบบบ
วันเสาร์แบบนี้ผมล่ะอยากจะได้นอนอืดตื่นเที่ยงจริงๆ
ผมเดินเอื่อยๆอยู่ริมถนน คิดไปพลางดูดน้ำมะเขือเทศกล่องในมือไปด้วย อืม รสชาติมันก็ไม่แย่เนาะ
นี่ผมงดน้ำอัดลมติดกันเป็นวันที่สามแล้วนะเออ…   

บ่ายนี้ผมตั้งใจว่าจะไปวิ่งที่สวนแถวคอนโดก่อนกลับบ้านไปหาหม่อมแม่ซักหน่อย ซื้อรองเท้ากับกางเกงวิ่งไว้แต่ใช้ไปได้แค่สองเดือนหลังจบ หลังจากทำงานปุ๊บรองเท้าวิ่งก็จอดนิ่งอยู่ในตู้ปั๊บเลยครับ ไม่ได้แตะอีกเลย เห็ดจะขึ้นละครับ

คงเป็นเพราะแต้มบุญที่ก่อนหน้านี้ทำงานดึกมาเกือบสองอาทิตย์ ทำให้ช่วงอาทิตย์ที่เหลือนี้ชิวกว่าที่เคย
เลิกงานได้ตรงเวลาหกโมงเป๊ะ นอกจากจะมีเวลาขับรถกลับบ้านได้สบายๆแล้วยังมีเวลาแอบแวะไปคลีนิครักษาสัตว์ ดูอาการไอ้ตัวยุ่งที่ตอนนี้ถึงจะอาการดีขึ้นแต่ก็ยังต้องทำแผลอยู่ทุกวัน ล้างแผลทีนี่แหกปากคลีนิคแทบแตก แถมไม่รู้เป็นอะไรไม่ชอบหน้าผู้ช่วยคุณหมอเอามากๆ เดือดร้อนต้องให้ผมไปช่วยจับตลอด
 
ภารกิจแรกของวันเสาร์ก็เลยเป็นการมาจับแมวตอนสิบเอ็ดโมงครึ่งไงครับ

“สวัสดีครับพี่ แมวเป็นไงบ้างครับ” ผมทักทายที่หน้าเคานเตอร์แล้วถามถึงอาการแมวในความรับผิดชอบ(ด้านเงิน) ของตัวเอง

“กำลังล้างแผลพอดีเลยค่ะ น้องวิน เชิญค่ะๆ” ผู้ช่วยคุณหมอยิ้มกว้างเมื่อเห็นผม ซี้กันแล้วครับเพราะผมแวะมาทุกเย็น

“แหม เริ่มกันไม่รอเลยนะครับ เดี๋ยวจิ๋วได้ร้องลั่นคลีนิคแน่ๆ” ผมหยอก

“อ้าว ก็พะ...” พี่ผู้ช่วยที่เดินนำผมยังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงครางขู่ต่ำๆ ที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นของเจ้าจิ๋วนี่แหละ

“นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ” ผมบอก พลันได้ยินกับเสียงปลอบใจแมวเบาๆ
เอ๊ะ วันนี้คุณหมอคนสวยไม่อยู่เหรอ ทำไมเป็นเสียงผู้ชายวะ.. คิดแล้วก็ผลักประตูเข้าไป

“จิ๋ว! ร้องเสียงดังทำไม” ผมพูดนำไปก่อน

“เอ้า..มาแล้วเหรอครับ”

เดี๋ยวๆ

ไอ้คนที่ถือผ้าจับแมวให้คุณหมออยู่แล้วเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มร้องทักผมที่อยู่ตรงนั้นน่ะ
ไม่ใช่หมอป่ะวะ..
ไม่ใช่ผู้ช่วยที่นี่ป่ะวะ..
เด็กสถาปัตย์ปีหนึ่งป่ะวะ…

ไอ้หวานไม่ใช่รึไงนั่นน่ะ…

“พี่กำลังจะบอกว่าเพื่อนน้องวินมาแล้วน่ะค่ะ” พี่ผู้ช่วยบอกขณะผมยืนงงอยุ่

“มายังไงเนี่ย” ผมถาม

“ขับรถมาไงครับ”

“ไม่ใช่สิ หมายถึงมึงมาได้ยังไง มาทำไม แล้วมาทำอะไรในนี้”

“พี่วินจะถามตอนนี้จริงดิ่ มาช่วยกันจับแมวก่อนสิครับ”
 
_ _ _ _

ตอนที่ 11 มาแล้วค่า
หายไปพักใหญ่ กลับมาแล้วนะคะ
คิดถึงเราม้ายย คนเขียนล่ะคิดถึงคนอ่าน 555

หวังว่าจะยังไม่ลืมกันนะคะ
เรื่องอาจจะดูเฉื่อยๆ ไปหน่อย อยากให้ค่อยๆรู้จักโลกของคนธรรมดาๆ แบบตี๋วินนี่แหละค่ะ

สำหรับเรื่องของน้ำกับน้องพลอย คงเป็นความสัมพันธ์มึนๆ ที่ไม่รู้จะเอายังไงดี
อยากมีคนไว้ให้อุ่นใจ แนวๆหมาหวงก้างหน่อยๆอะไรประมาณนี้

ขอบคุณทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านกันค่ะ
พบกันตอนหน้าค่าาาาา
จุ๊บุ
 :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 11 P.3 ✽update 29.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-07-2017 14:07:11
คิดถึงจ้า   ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 11 P.3 ✽update 29.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-07-2017 14:55:54
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 11 P.3 ✽update 29.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 29-07-2017 16:56:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 11 P.3 ✽update 29.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: iaum ที่ 29-07-2017 17:42:22
น้องหวานโคตรรุกเลย พี่วินตั้งตัวไม่ทันแล้ว55
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 11 P.3 ✽update 29.7.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-07-2017 18:26:27
แหมมมมม น้องหวานนนนน

แหมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 12 P.3 ✽update 8.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 08-08-2017 23:46:08
ความเสี่ยงที่ 12

ผมล้างมืออยู่ที่เคานเตอร์หลังคุณหมอล้างแผลให้แมวจิ๋วเสร็จ

ให้ตายสิ เห็นแผลทุกวันยังรู้สึกสยองไม่ได้ รอยที่โดนน้ำร้อนส่วนขาหน้ากับช่วงไหล่นั่นลึกไปถึงกล้ามเนื้อ ต้องอาศัยวิธีขูดเนื้อตายออก ใส่ยา แล้วรอให้ร่างกายสร้างเนื้อขึ้นมาเองจนแผลปิดสนิท อัดยาฆ่าเชื้อกันไป นี่ไม่นับแผลใบหูด้านซ้ายที่โดนตัดออกไปจนหมด ไม่แปลกหรอกถ้าแมวมันจะดิ้นจะร้องขนาดนั้น

ส่วนตอนนี้เหรอครับ โน่น ตัวโวยวายนอนครางครืดๆอ้อนอยู่บนตักของไอ้เด็กหวานที่ไม่รู้ไปสนิทกันเมื่อไหร่ที่มุมห้องโน่น พี่ผู้ช่วยบอกว่าไอ้หมอนี่โผล่มาตอนสิบโมงกว่า บอกว่าเป็นเพื่อนผมมาดูเคสแมวมัมมี่ มาด้อมๆมองๆริมกรงแล้วก็อาสาช่วยจับตอนคุณหมอจะล้างแผลให้ แหม่ คุณหมอนะคุณหมอ นัดกันไว้ซะดิบดีว่าวันนี้จะล้างแผลตอนเที่ยงๆ เจอไอ้เด็กนี่ปั๊บก็ลืมผมซะงั้น   

“โอ๋ ไม่เจ็บแล้วเนอะ” เจ้าตัวพูดเสียงเบาๆขณะนั่งลูบหลังแมวตัวจ้อยไปด้วย

ผมปรายตาไปมองคนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังโอ๋แมวด้วยความหมั่นไส้ เด็กหวานอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดและรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดัง แค่จะมาคลีนิครักษาสัตว์จำเป็นต้องเซ็ทผมมั้ย ดูกูนี่ เสื้อยืดย้วยๆหมายเลขสิบแปดกับกางเกงบอลขาสั้น บวกด้วยแว่นตากรอบหนาเพราะวันนี้ขี้เกียจใส่คอนแทคเลนส์และทรงผมส่งตรงจากที่นอน นี่ถ้าไม่ได้ใส่รองเท้าวิ่งมาด้วยก็เด็กส่งแก๊สชัดๆ

“ไหน หมดแรงเลยสิ ร้องซะลั่นเชียว” ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะย่อตัวลงด้านหน้าเก้าอี้ที่หวานนั่งอยู่ มองก้อนขนกลมๆที่ขดอยู่บนตักคนตัวสูง

“น่ารักเนอะครับ” หวานบอก

“อือ เงียบๆแบบนี้ค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย จิ๋วเอ้ย” ผมว่าขึ้นก่อนจะเอานิ้วเขี่ยใบหูข้างขวาที่เหลืออยู่เบาๆ “จะหลับแล้วเนี่ย” ตัวแสบกระดิกหางอย่างรำคาญใจ

“ให้ไปนอนพักในกรงดีกว่า” ผมแนะนำ หวานพยักหน้าแล้วอุ้มลูกแมวที่กำลังส่งเสียงประท้วงขึ้นมาใส่มือผมอย่างเบามือ ตัวเล็กดิ้นนิดๆ แล้วร้องเมี้ยวขึ้นดังๆทั้งๆที่ตายังหลับอยู่

“ไอ้นี่… ขี้บ่นจัง” ผมว่าในขณะยืดตัวขึ้นแล้วเดินเอาแมวไปใส่กรง โดยมีเด็กหวานตามมาติดๆ


“หายเร็วๆล่ะจิ๋ว” ผมบอกขณะปิดประตูกรง “เดี๋ยววันจันทร์มาหานะ”

“พรุ่งนี้พี่ไม่มาเหรอครับ” หวานถามขึ้นอย่างเร็ว

“อืม” ผมตอบเบาๆ อีกฝ่ายพยักหน้าพร้อมเสียง อือ เบาๆในคอ



“แผลที่หูก็ไม่น่าเป็นอะไรค่ะ ก็ห่วงแต่ที่ขาขวาหน้ากับไหล่ คงต้องเอาเนื้อตายออกเรื่อยๆ” คุณหมอพูด “แต่ไม่ซึม กินเยอะอีกต่างหาก อึดอยู่ค่ะเจ้าตัวนี้”

“ค่อยยังชั่วครับ วันก่อนท่าทางแย่เชียว” ผมนึกไปถึงคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา เจ้าตัวแสบนอนแหม่บอยู่กับพื้นกรง เรียกก็ไม่ตอบ ตาก็ลอยๆคุณหมอบอกให้ทำใจ นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว

“แล้วคุณวินตั้งชื่อรึยังคะเนี่ย”
ผมส่ายหน้าดิก “ยังเลยครับ เรียกแต่จิ๋ว” พูดจบคนข้างตัวก็ขำพรืดออกมา ผมตวัดสายตาไปมอง “ขำอะไรล่ะ!”

“เปล่าครับ” เด็กหวานส่ายหน้ารัวๆ

“ถ้างั้นลงชื่อนี้ไปก่อนก็ได้ค่ะ น่ารักดีนะ แมวจิ๋ว” คุณหมอตอบแล้วเขียนลงใบประวัติอย่างอารมณ์ดี

“เอางั้นแหละครับ ฝากด้วยละกันครับคุณหมอ พรุ่งนี้ผมคงไม่ได้เข้ามา”

“แต่เดี๋ยวผมมาครับ” คนข้างตัวผมรีบแทรกขึ้น

“หือ?” ผมหันควับ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องล้างแผลใช่มั้ยครับหมอ” พูดแล้วก็พยักหน้าให้หมอหนึ่งที “เดี๋ยวผมมาช่วยจับเอง” แถมด้วยยิ้มกว้างให้ไปอีกหนึ่งดอก อื้อหือ มึงใช้ท่าไม้ตายเลยเหรอ

แล้วคุณหมอก็พ่ายแพ้ “ได้สิคะ ยินดีๆ” ตอบมันเฉยเลย


ได้ยินแบบนั้นมันก็หันก็หันมายักคิ้วใส่ผม
เออ อยากมาก็เรื่องของมึงเลย


_ _ _ _


“พี่ไปไหนต่ออ่ะครับ” มันหันหน้ามาถามผมหลังจากเราออกมายืนหน้าคลีนิก

“กูจะขึ้นรถไฟฟ้าไปวิ่งที่สวนตรงนู้น” ผมชี้มือ   
มันก้มลงดูนาฬิกาแล้วขมวดคิ้ว “นี่มันบ่ายโมงกว่าแล้วนะครับ อยากเป็นมะเร็งผิวหนังเหรอ”

“ในสวนต้นไม้เยอะจะตาย วันนี้แดดไม่แรงด้วย”   

“งั้นไปด้วยสิครับ” มันพูด ทำท่าจะออกเดิน 

“เดี๋ยวๆๆ” ผมขัด “ว่างมากเหรอ งานไม่มีทำรึไง”

“เกือบเสร็จแล้ว นี่ทำมาตลอดสองวันเลยนะ นอนตีสี่มาสองคืนแล้ว” มันทำหน้าเหนื่อย “โมอยู่หลังรถ เอามาให้พี่ตรวจด้วยเนี่ย”

“เรื่องอะไรต้องตรวจให้วะ น้องรหัสกูก็ไม่ใช่”

“พี่ฟ้าบอกว่าให้ส่งมาให้พี่คอมเมนต์ พี่ฟ้าชอบงานป้าซาฮ่า ฮาดิด ไม่อินงานทาดาโอะ”


อ้าวเฮ่ย ทำไมโยนมาแบบนี้ล่ะครับอดีตแฟน

 
“อะไรวะเนี่ยยย”

“น่าพี่ เดี๋ยวไปส่งบ้านเป็นการตอบแทน”

“ไม่ต้อง”

“บ้านพี่ไกลจากตรงนี้จะตาย เดี๋ยวไปส่ง”

“กูขับรถไปเอง”

“โม้ละ ไม่เห็นมีรถใครเลย” มันชี้ไปที่ลานจอดรถข้างตึก รถที่จอดโดยไม่มีแผง “เจ้าหน้าที่” กั้นอยู่ก็มีแต่  BMW มันปลาบคันเดิมคันเดียวของเจ้าตัวนี่แหละครับ


แหม ช่างสังเกตนักนะ


“ไม่ได้จอดตรงนี้ จอดไว้คอนโดน่ะ”

“อ่อออ” หวานพยักหน้า “อยู่แถวนี้สินะครับ”

“อือ ตรงรถไฟฟ้าน่ะ” ผมชี้มือ “คอนโด N ตรงนั้นน่ะ”

“อ้อออ” มันหันมามองหน้าแล้วทำตาวิบวับ



“ดีเลย! งั้นผมไปนั่งรอพี่วิ่ง” ทำหน้าจริงจัง “ผมเอาคอมมาด้วยอยู่ในรถ เดี๋ยวนั่งทำเพลทพรีเซนต์เลยที่ร้านกาแฟ พี่จะได้ตรวจงานเลยทีเดียว”

ผมทำหน้างงใส่คนตัวสูงที่พูดเร็วปรื๋อ
“หะ..”

“ปะครับ ขึ้นรถ เดี๋ยวพาไปส่งที่สวน” หวานกดรีโมทปลดล็อคประตู

“อะไรของมึงเนี่ยยยย”

“ก็นี่ไงครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่สวน พี่ไปวิ่ง ผมนั่งทำงาน พอพี่วิ่งเสร็จก็มาตรวจงานผม พอจบแล้วผมก็ไปส่งพี่ที่คอนโด โห โคตรลงตัว” มันสรุปง่ายๆ แล้วเปิดประตู
 
“ขึ้นไปสิครับ เดี๋ยวแดดร้อนนะ” พูดจบก็ดันหลังผมให้ขึ้นรถ ปิดประตูให้อีกต่างหาก นี่มันเป็นรุ่นน้องหรือพ่อกูวะ บังคับกันจัง


เออ ได้นั่งบีเอ็มไปวิ่งว่ะ ไม่ต้องเปลืองตังค์ขึ้นรถไฟฟ้าเอง
ดีเหมือนกันล่ะมั้ง


_ _ _ _


14.56


หอบแฮ่กสิครับ


สรุปสถิติที่ทำได้วันนี้ คือ 5.3 กิโลเมตรในหนึ่งชั่วโมง เคยฟิตกว่านี้นะไม่อยากจะคุย แต่หลังจากร้างลาไปนาน ได้แค่นี้โดยไม่เป็นลมก็ถือว่าบุญโขแล้วล่ะครับ เหนื่อยเป็นหมาหอบแดด เหงื่อไหลเป็นน้ำ ครึ่งกิโลสุดท้ายนี่ขาสั่นหงึกๆ


ผมวิ่งเหยาะๆ ไปที่ทางออกสวน เอามือเสยผมเปียกๆ ไปด้วย

 
“โห ดูไม่จืดเลย” ไอ้เด็กปีหนึ่งที่ควรจะนั่งปั่นเพลทอยู่ที่ร้านกาแฟข้างๆ กลับมายืนยิ้มเผล่อยู่ที่หน้าสวนซะนี่ “นี่มารออุ้มเลยนะ นึกว่าจะเป็นลม” มันยิ้มตาหยี

“เป็นลมพ่องงงงง!!” ผมหอบไปด่าไป “แล้วมาทำไมตรงนี้เนี่ย! ไหนงาน! เสร็จยัง จะให้ดูมั้ย”

“รอให้หายเหนื่อยก่อนมั้ยครับ” ว่าแล้วก็บิดฝาขวดน้ำแล้วยื่นให้
ผมเบ้หน้า “มีสินบน กลัวกูไม่ดูงานให้รึไง”

“โธ่ ไม่ใช่สักหน่อย” คนตัวสูงแกล้งทำหน้าหงอย เชอะ เพราะกูรู้ทันล่ะสิ

“เหอะ” ผมคว้าขวดน้ำจากมือมันมาดึมอึ้กๆ “ให้ไว จะให้ดูงานก็เอามา” 


มันฉีกยิ้มแก้มจะถึงหู
ไอ้พวกทำอะไรหวังผลเอ้ยยย


_ _ _ _

15.46


“แล้วอันนี้อะไร จะเขียนทำไมยืดยาว” ผมเอานิ้วจิ้มหน้าจอ “ทำไดอะแกรมอธิบาย circulation เอาดิ่” 

“อ้าว แล้วชั้นสองจะทำไงอ่ะ” หวานทำหน้างง

“อธิบายเป็นภาพ isometric ไง แล้วเขียนลูกศรเอา”

“เอออ จริงด้วยยยย”


ตอนนี้พวกเรามานั่งแช่แอร์อยู่ที่ร้านกาแฟใต้คอนโดผมครับ หลังจากกินน้ำพักจนหายเหนื่อยแล้วไอ้เด็กปีหนึ่งก็สารภาพว่างานยังไม่เสร็จ ขอต่อเวลาอีกครึ่งชั่วโมง (แล้วมึงจะเดินไปที่สวนทำแมวอะไรวะ) พร้อมเสนอว่าให้ขึ้นรถมันกลับคอนโดไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนแล้วค่อยมานั่งตรวจงานในร้านกาแฟใต้คอนโดนี่แทน
ผมที่กำลังคันตัวยุบยิบเจอข้อเสนอน่าสนใจแบบปฏิเสธไม่ลงเลยต้องตอบรับไปครับ เพราะสภาพผมนี่เรียกว่ายับเยินได้ที่ ได้อาบน้ำสระผมแล้วค่อยดีขึ้นหน่อย


ผมเลื่อนดูเพลทพรีเซนต์ในไฟล์ illustrator


“เนี่ย แล้วอันนี้มันเป็น narrative architecture จริงๆควรจะต้องทำ sequence chart เวลาเดินเข้าไปในตึกด้วย เติมเข้าไปตรงนี้ สัก 9 scenes” ผมขีดๆ ใส่กระดาษให้อีกฝ่ายดู

“โห..” มันมองหน้าผมอึ้งๆ

“อะไร มีเวลาตั้งเยอะ ทำไปดิ่ งานสตูส่งตั้งวันอังคาร”

“นี่พี่วินพูดมาเนี่ย เพลทผมจากสี่จะกลายเป็นสิบแล้วนะ”


ผมเบ้หน้าใส่ 


“ทำครับทำ” คนตรงข้ามรีบรับปากแล้วจดลงสมุด “แล้วโมเดลล่ะครับ” หวานชี้ไปข้างๆ
ผมหยิบโมเดลสีขาวขึ้นมาส่องซ้ายส่องขวา เออ เนี้ยบขึ้นเยอะเลย ทำดีๆ ก็เป็นนี่หว่า ตัดเข้ามุม 45 องศาซะด้วย น่อวว

“แก้ตามที่บอกแล้วนิ่ ก็โอเคแล้ว ไม่มีไร ให้ผ่าน” พูดจบก็วางโมเดลลงบนโต๊ะแล้วคว้าเอาอเมริกาโน่เย็นขึ้นมาดื่มต่อ

“เฮ่ออ นึกว่าจะต้องตัดใหม่อีกรอบซะแล้ว” มันถอนหายใจเบาๆ

“เห้ย นี่ตัดใหม่เลยเหรอ” ผมตกใจ

“อื้อ ไม่อยากแก้อ่ะ ตัดใหม่เร็วกว่า”

“เสียเวลามั้ยยย แทนที่จะเอาเวลาไปทำเพลทก่อน แล้วค่อยกลับมาแก้โม”

“ไม่อ่ะ มันคาใจ พอพี่คอมเมนต์เสร็จวันก่อนก็ตัดใหม่เลย” หวานหยิบแลปท็อปกลับไปวางไว้ที่หน้าตัวเองแล้วเริ่มคีย์ต็อกแต๊ก

“มึงก็เกินไป” ผมบอก “กูก็พูดไปตามที่คิดอ่ะ มึงไม่ต้องเชื่อทุกอย่างก็ได้ป่ะวะ”
ไอ้เด็กนี่จัดลำดับงานไม่เป็นรึไงวะ ควรทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนสิ นี่ดีนะขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็น่าจะใช้เวลาอยู่

มันยิ้มๆกับคำบ่นของผมแล้วทำงานต่อ ไอ้เด็กนี่ รู้ร้อนรู้หนาวอะไรบ้างสิฟะ



Rrr…

ผมกำลังจะอ้าปากว่ามันต่ออีกนิด แต่เสียงโทรศัพท์ก็แทรกขึ้นซะก่อน
ผมหยิบออกมากดรับสาย

“ว่าไงฟ้า” ผมทักหลังจากดูชื่อจากหน้าจอ

(วิน คุยได้มั้ยยย)

“ได้ๆ ว่างๆ” ผมตอบแล้วนั่งพิงลงไปกับพนักเก้าอี้ คนตรงหน้าเหลือบตาขึ้นมามองนิดหนึ่งแล้วก้มลงไปใหม่

(วินมีคอนแทคซัพพลายเออร์กระจก shop window สูงเกินสามเมตรมั้ยอ่ะ)

ผมคิด “สามเมตรเหรอ มีนะ แต่วินไม่แน่ใจว่าเบสผลิตอยู่ไทยรึเปล่า คุ้นๆว่าน่าจะอิมพอร์ตกระจก แต่เอามาประกอบในไทย”

(โหย นี่งานเร่งด้วยอ่ะ)

“เดี๋ยววินส่งให้สองเจ้าละกัน จำได้ว่าประมูลแข่งกันอยู่ ฟ้าลองติดต่อดู”   

(จ้า ขอบใจมาก แล้วนี่ทำอะไรเสาร์อาทิตย์)

“ฮ่าๆ อยู่แถวนี้แหละ จะไปไหนล่ะ”

(ได้ว่างก็ดีแล้ว นี่ฟ้ายังทำงานอยู่เลย)

“สู้ๆ เก่งเกินก็งี้แหละ วันไหนว่างมากินข้าวกัน” ผมบอก

(เอาสิๆ เดี๋ยวฟ้าบอกวันว่าง ต้องพ้นช่วงนี้ไปก่อนล่ะ เดือดมาก อย่าลืมส่งคอนแทคให้เราหน่อยน้า ขอบใจมาก ต้องไปล่ะ บายย) ฟ้าบอกลาเสียงใส

“บายๆ”   


ผมกดตัดสายแล้วค้นอีเมลล์หารายชื่อผู้ผลิตอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดส่งไปให้ฟ้าในไลน์


“นี่พี่ฟ้า 012 เหรอครับ” หวานถามขึ้นมาทั้งที่ตายังจ้องคอมพิวเตอร์อยู่ ผมพยักหน้าหงึกๆตอบไปพลางดูดกาแฟในแก้วไปด้วย “พี่ฟ้าสนิทกับพี่วินจังนะครับ” 

“ฮ่าๆ ต้องสนิทดิ่” ผมบอก

มันเลิกคิ้ว “เป็นแฟน?”

“อือ..เคยเป็น” ผมตอบเรียบๆ พลางขยับหลอดในแก้วกาแฟ หวานหยุดพิมพ์กึกแล้วเงยหน้ามองผมตาโต

“ฮ่าๆ ทำหน้าตลกว่ะ มึงจะตกใจอะไรขนาดนั้น” ผมพูดขำๆ

“ตกใจดิ่ ผมแซวเล่นไปอย่างงั้นแหละ ใครจะนึกว่าเป็นเรื่องจริงล่ะ” มันตอบหน้าอึ้งๆ “แต่เคยเป็น… งั้นตอนนี้..”

“โสด แต่เสียใจด้วย ฟ้าเขาไม่ชอบคบเด็ก เพลทถึงไหนละ” ผมเปลี่ยนเรื่อง

“ว้าา เขาว่ากินเด็กแล้วเป็นอมตะนะ” หวานทำหน้าเสียดาย

“เอามาให้ดูเลยเร็วๆ” ผมเร่ง เด็กหวานเลยรีบเลื่อนคอมพิวเตอร์กับเมาส์มาให้


ผมนั่งเท้าคางตรวจสไลด์พรีเซนต์
“อืมมม อันนี้โอเคแล้วแหละ แต่อันนี้เอาไปแต่งช้อปหน่อย สีมันโดดไป” ผมชี้ไดอะแกรม

“ได้ครับ ปรับ white balance เอาละกัน”
ผมพยักหน้าตอบ “นอกนั้นไม่มีอะไรละแหละ”

“โอเคคค” หวานตอบเสียงดีใจ “เดี๋ยวผมทำเสร็จส่งให้พี่ดูนะ”

“อื้อ” ผมเลื่อนคอมกลับไปให้

“โปรเจ็กต์นี้ A ลอยมาแหงๆ” หวานพูดยิ้มๆ

“ลองไม่ได้ดูดิ่ กูนี่แหละจะตามไปเตะ”

“ฮ่าๆ เก็ทเอแน่ๆครับ สัญญา” มันกดเซฟงานแล้วพับหน้าจอลง

“ขอบคุณมากนะครับ” เด็กหวานยิ้มตาหยี

“เออ ไม่เป็นไร จริงๆ งานมึงก็ดีอยู่แล้วแหละ กูแค่เพิ่มเติมอะไรนิดๆหน่อยๆ แค่นั้นเอง”
ไม่อยากชมมาก เดี๋ยวแม่งเหลิง

“ยังไงพี่ก็ช่วยผมนี่”

“ฟ้าฝากมานี่หว่า” ผมบ่น   

“แล้วถ้าพี่ฟ้าไม่ฝาก”

“มึงก็ไลน์มาถามงานกูอยู่ดีน่ะแหละ!” ผมโวย
ไอ้เด็กตัวดีหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี “พอละ มึงกลับไปทำงานต่อ เดี๋ยวกูก็จะกลับบ้านละ”
ผมลุกขึ้นรวบแก้วพลาสติกบนโต๊ะ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทิ้งลงถังขยะข้างๆ

“คร้าบ คร้าบ” หวานพูดแล้วก็เก็บคอมพิวเตอร์ลงกระเป๋าสะพาย

ผมมองคนตัวสูงที่กำลังยืนนิ่งชั่งใจกับกองกระดาษกับโมเดลบนโต๊ะอยู่พักหนึ่ง คงกำลังคิดว่าจะหอบไปยังไงดีโมเดลถึงจะไม่พังและกระดาษไม่ยับ(ไปมากกว่านี้) ผมก็เดินมาคว้าเอาโมเดลลูกรักผลผลิตจากการอดนอนของมันมาถือไว้ให้

“ไปดิ่” ผมพูดหน้าเรียบ

.
..

“ถือให้”


มันยิ้มกว้าง
ทำไม
การที่ผมมีน้ำใจกับรุ่นน้องมันน่าแปลกนักรึไงเล่า

_ _ _ _


21.40 


“กูไม่ไปปปปปปป” ผมพูดเสียงยานใส่โทรศัพท์ตอบอาร์ต เสียงล้งเล้งจากลำโพงบอกได้ว่าอีกฝั่งกำลังปาร์ตี้อยู่อย่างเมามัน นี่พวกมันไม่เหนื่อยกันเหรอครับทำงานเนี่ย ผมล่ะอยากจะฝังตัวเองลงที่นอน นี่ก็นอนกลิ้งกลุกๆ อยู่หน้าทีวีกับเตี่ยกับม๊า

(ทำไมมึงอนามัยจังว้าาาาา หรือเพราะกูไม่ใช่ลูกเจ้าของบริษัท AA เลยไม่ได้สิทธิ์ดินเนอร์ ฮ่าๆๆๆ)

ห่า...ไอ้น้ำปากสว่างสินะ

“สัสอาร์ต” พูดจบนี่ม๊าหันหน้าขึ้นมามองควับ ขอโทษครับ ไอ้อาร์ตมันกวนตีนลูกม๊าก่อนอ่ะ

(แหมๆ เดี๋ยวนี้ไม่มาเจอเพื่อนเจอฝูง พวกกูมันไม่สำคัญแล้วสินะ ฮึก) มันทำเสียงงอน   

“ไม่ต้องอ้อร้อ กูไม่ไป จะอยู่บ้าน” ประกาศกร้าว

(โด่ว) แว่วเสียงไอ้เฟิร์สว่า ตี๋ๆ ถ้ามึงจะออกมาพวกกูไปรับบบบ

“ถุยเถอะครับ เดินให้ตรงมั้ย” ผมถอนหายใจ “พวกมึงเถอะ กินกันเพลาๆหน่อย ออกแม่มศุกร์เสาร์อาทิตย์ ตับน่ะแข็งเป็นหินแล้วแสด”

(เอ้อ แล้วไอ้น้ำอยู่กับมึงป่ะ) อาร์ตถามขึ้นอย่างไม่สนใจคำบ่นก่อนหน้า

“หือ ไม่นะ กูอยู่บ้านเนี่ย”

(อ้าว เดาผิดว่ะ แล้วทำไมกลับบ้านวันนี้เนี่ย นึกว่าคืนนี้จะไปนอนคอนโดมึงซะหน่อย อดเลอ)

“ห่า”

(เออๆ ไม่ไปก็ไม่ไป มึงก็กลับบ้าน ไอ้น้ำก็หายหัว กูโทรไปแม่งไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน หายไปไหนของแม่งก็ไม่รู้ วันหยุดแบบนี้ไม่น่าพลาดนะจริงๆแล้ว)


ไอ้หน้าหล่อประจำกลุ่มคงหลบไปทำใจเรื่องอดีตแฟนมีคนใหม่อยู่ละมั้ง ผมคิด


“มันคงยุ่งๆอยู่มั้ง เห็นว่าโปรเจ็กต์เร่ง” ผมตอบปัดๆ “มึงก็อย่าแดกเยอะ กูไม่ได้อยู่คอนโดให้มึงทิ้งตัวนะ ให้ไอ้พีทมันไปส่งบ้าน ไม่งั้นก็นอนบ้านแม่งแหละ”   

(ครับพ่อครับ ไปละ ติดตามในกรุ๊ปละกันนะครับ) แล้วมันก็ตัดสายไป

ไอ้พวกนี้เที่ยวได้แม่งทุกอาทิตย์จริงๆ.. ผมนอนบิดขี้เกียจ


“เหล้าก็อย่ากินเยอะ” เตี่ยพูดขึ้นลอยๆ

“นานๆจะกินทีน่า แพ้เหมือนเตี่ยนั่นแหละ” นี่ดีหน่อยนะครับผมแค่ตัวแดงๆ คันๆ แต่เตี่ยเนี่ย ทั้งผื่นทั้งลมพิษ แพ้แอลกอฮอลล์เต็มรูปแบบ ผมเลยไม่ได้แตะของมึนเมาเลยจนกระทั่ง.. นั่นแหละครับ เข้ามาเรียนสถาปัตย์เนี่ย
เพื่อนแนะนำความจังไรทั้งน้านน

“แล้วนี่อาร์ตชวนไปเที่ยวเหรอ ไม่ไปกับเพื่อนล่ะ” ม๊าถามขึ้น

“อ้าว นี่ลูกอยู่ติดบ้านนะไม่ดีเหรอม๊า กลางอาทิตย์ยังบ่นอยู่เลยว่าให้ผมกลับบ้าน” ผมลุกขึ้นมานั่งงง

“ออกไปแล้วกลับมานอนบ้านสิ” 

“ไม่อ่ะม๊า วินขี้เกียจ เพิ่งเจอกันมาเอง นี่อยู่คอนโดแม่งก็มากันบ๊อยบ่อย อยากให้มันช่วยหารค่าไฟด้วยเลยเนี่ย” ผมพูดปัด “อยู่บ้านเป็นตัวเกะกะเตี่ยกะม๊าดีกว่าาา” ผมพูดอ้อน

“โว้ เกะกะตั้งกะเด็กแล้ว เบื่อหน้า!” ม๊าแกล้งบ่นเสียงดัง ทำเอาเตี่ยกับผมหัวเราะเสียงดัง

“เออ พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆเตี่ยกับม๊าจะไปดูละครเวทีนะ อาแปะใหญ่จองบัตรไว้” ม๊าทำท่านึกขึ้นได้

“อ่าว” ผมร้อง

“ลื้อก็เฝ้าบ้านไป” เตี่ยสรุปหน้าที่ให้

“โธ่ วินอุตส่าห์กลับบ้าน”

“อยู่บ้าน ทำอย่างอื่นนอกจากงานซะบ้างเถอะลื้อน่ะ” 


ผมพยักหน้าหงึกๆแล้วเลื้อยลงไปนอนกับพื้น "ก็ด้ายยย"
บ้านผมเป็นแบบนี้แหละครับ โลกส่วนตัวสูงทั้งบ้าน เจอกันแป๊บๆพอให้หายคิดถึงเท่านั้นแหละ


นี่กลับบ้านมาใช่จะมีกิจกรรมอะไรร่วมกันนอกจากกินข้าว ตอนนี้อยู่ด้วยกันทั้งบ้านก็จริง แต่ผมกำลังผมนอนพังพาบแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นๆ อ่านโน่นอ่านนี่ไปเรื่อย ปล่อยเตี่ยนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาตัวใหญ่ ส่วนม๊าก็นั่งดูละครหลังข่าวไป ใครอยากทำอะไรทำครับ เอาที่สบายใจ อยากไปไหนก็เชิญ กลับดึกได้ไม่มีเคอร์ฟิว แค่อย่าให้มีเรื่องถึงตำรวจก็พอ
อิสระเกินครับ พูดเลย


เออจะว่าไป ไอ้น้ำมันไปอิสระอยู่ไหนวะ

ถ้าอาร์ตมันโทรไปไม่รับ ถึงผมโทรไปแม่งก็คงไม่รับเหมือนกัน
เอาวิธีนี้แล้วกัน
ผมกดไลน์ทักไป

Wynn_tect : มึงอยู่ไหน ไปแดกกับพวกแม่งป้ะ

ไม่ถึงสองนาที หน้าจอผมก็โชว์ข้อความใหม่
อ้าว มันก็ตอบไลน์นี่?

Nahm_Tect : ไม่ได้ไป
Nahm_Tect : กูพาแนนมาดูหนัง ร้องอยากดูมานานละ


มิน่าเลยไม่ได้รับโทรศัพท์

อ้ะ แต่แนนที่ว่าเนี่่ย ไม่ใช่เด็กในสต็อกมันหรอกนะครับ น้องสาวแท้ๆของไอ้น้ำนี่แหละ ตอนนี้อยู่ปีสองแต่คนละมหาลัย ใสกิ๊ง น่ารัก ตากลม คิ้วเข้มเหมือนพี่มันในเวอร์ชั่นขาวกว่าหน่อย ไอ้เต้น้องผมเคยเห็นรูปในเฟสแล้วขอจีบ โดนไอ้น้ำไล่เตะรอบโรงอาหาร ไม่รู้จะหวงไปไหน นี่ผมเองยังเคยเจอแค่สี่ห้าครั้งเอง

Wynn_tect : อ๋ออ

Wynn_tect : แหม คุณพี่ชายที่แสนดี

Nahm_Tect : มึงจะออกไปเหรอ เดี๋ยวกูไปรับ

Wynn_tect : เห้ย เปล่าๆ ถามเฉยๆ กูอยู่บ้านเนี่ย
ผมรีบพิมพ์ตอบไป


Nahm_Tect : เอ้า 

Nahm_Tect : นึกว่าอยากก๊ง


Wynn_tect : ไม่ก๊งว้อย! ถามไปงั้นแหละ กูไปละ

Nahm_Tect : 555555


ผมอ่านแล้วก็โล่งใจ เออ มึงยังหัวเราะได้ก็ดีละ
ไม่ได้อกหักนี่นะ แค่สถานะชัดเจนขึ้น แต่ยังไงก็คงต้องใช้เวลาปรับตัว


ผมเลื่อนดูรูปในไลน์กลุ่มสุมหัวฯ สมาชิกก็หน้าเดิมๆ พีท อาร์ต บอย นัท เทพ เฟิร์ส พวกแม่งนี่จัดหนักกันแต่หัววันอีกละ
ว่าแต่ใครใจป้ำสั่งแบล็กเลเบลวะ ทีตอนสมัยเรียนกินกันแต่หงษ์ทอง ชิ รวยกันแล้วสินะ มีเงินหน่อยไม่ได้


ระหว่างกำลังไล่ดูเฟสคนอื่นสนุกๆ notification จากไลน์ก็ขึ้นแจ้งเตือนบนหน้าจอให้ต้องกดเข้าไปอ่าน

Tawan R. :     /แนบรูป
                   อยู่ที่เซี่ยงไฮ้แล้วเจอ Community Mall ครับ บรรยากาศแบบนี้ผมว่าโอเคเลย
ใช้เป็นแนวทางการออกแบบโครงการได้ไหมครับ ฝากให้ทางแบรนด์ดิ้งดูด้วย


Wynn_tect : ได้ครับ

Tawan R. : กวนวันเสาร์หน่อยนะครับวิน

Wynn_tect : สบายมากคร้าบ พี่ตะวันต่างหาก เซี่ยงไฮ้เป็นไงบ้างครับ

Tawan R. : อยู่แต่ในตึกครับ ไม่ได้ไปไหนเลย นี่เพิ่งได้ออกมาเดินรอบๆโรงแรม เห็นตึกนี้สวยดีเลยถ่ายมา

Wynn_tect : โหย ที่นั่นจะห้าทุ่มแล้วนะครับ
ว่าจะบอกให้เที่ยวเผื่อ แต่สงสัยจะไม่มีเวลา

Tawan R. : ฮ่าๆ งี้แหละ พี่ชินแล้ว

Wynn_tect : ถ้างานจะเยอะขนาดนั้น พี่รีบพักเถอะ

Tawan R. : โอเคๆ พี่ฝากโปรเจ็กต์ด้วยละกัน



ผมจิ้มโทรศัพท์บอกลาลูกค้ารายใหญ่ แล้วก็มาส่องเฟสบุคต่อ
โว้ มีแต่คนออกไปเที่ยวแฮะ สงสัยเป็นเพราะอาทิตย์นี้มันปลายเดือน เงินเดือนออกกันล่ะสิ


“แน่ะ คุยกะใครอ่ะ” ม๊าถาม อ่าว นี่ไม่ได้ดูละครอยู่หรอกเหรอ

“ลูกค้าอ่ะม๊า”

“หยา ลูกค้าอะไรคุยดึกดื่น ไม่รู้เวล่ำเวลาเลย”

“เขาส่งรูปมาเป็นเรฟเฉยๆ คุยนู่นนี่อีกนิดหน่อย” ผมลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ

“นี่ลูกค้า VIP สุดๆๆๆ เลยนะม๊า เลยต้องดูแลหน่อย”

“อย่างลูกจะไปดูแลใคร ตอนมีแฟนยังไม่ค่อยเห็นเทคแคร์เลย” ม๊าสวนขึ้นทันควัน


“เกี่ยวอะไรด้วยเล่าา” ผมทำหน้าบุ่ย


“แล้วหนูฟ้าเป็นไงบ้างล่ะ นี่เขามีแฟนใหม่ยัง” จู่ๆเตี่ยก็ถามขึ้นทั้งๆที่ตายังมองอยู่ที่หนังสือบนตัก

“วันนี้ก็เพิ่งคุยกัน ว่าแต่วินจะไปรู้ได้ไงว่าเขามีแฟนใหม่ยัง”

“ไหนว่าคุยกัน ไม่รู้เลยรึไงเล่า”

“เหอะ” ผมส่งเสียงในคอ “ก็คุยกันแต่เรื่องงาน ไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวนี่นา”   

“โถ ลูกโดนหญิงทิ้ง” ม๊าพูดลอยๆ

“เฮ่ยยย ไม่ใช่ดิ่ม๊า นี่่ตกลงว่าเลิกกันไงงงง วินไม่ได้โดนทิ้งง” ผมร้องเสียงหลง

“ก็มีแฟนซะทีสิ” ท่านแม่ชี้ทางสว่าง

“หาาา” 

“ตกใจทำไม ม๊าก็อยากให้ลูกมีคนดูแลไง ยิ่งบ้างานอยู่ เดี๋ยวอายุสั้น” นี่ม๊าแช่งผมรึเปล่าครับ


ผมนวดขมับตัวเองหนึ่งที “ไม่เห็นเกี่ยวเลย นี่วินก็ดูแลตัวเองอยู่นะ อีกอย่าง..ผู้ชายก็ต้องดูแลผู้หญิงสิม๊า”

“เกี่ยวกับผู้ชายผู้หญิงที่ไหน มันต้องดูแลกันและกันต่างหากล่ะ ไอ้ลูกหมาเอ้ย” เตี่ยแทรกขึ้น



จู่ๆ ก็พูดคำคมนะเตี่ยเนี่ย



“ครับครับ พรุ่งนี้จะรีบหาลูกสะใภ้ไว้ดูแล เตี่ยกับม๊าไม่ต้องเป็นห่วงเลยยยยย” ผมรับคำแล้วลากเสียงยาวยืดดดดด ทำเอาทั้งสองคนส่ายหน้าด้วยความเอือมลูกชายตัวเอง



อะไรล่ะครับ
ไม่เชื่อผมรึไง?


_ _ _ _

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันค่ะ

เย้ พาตี๋วินกลับมาแล้วค่ะ
/เอาหัวซบคนอ่าน

คิดถึงบรรยากาศวงเหล้ากันมั้ยคะ พักนี้ไม่ได้พานายวินไปเจอเดอะแก๊งค์เลย
หวานก็ต้องส่งงาน คุณตะวันก็ไปประชุมต่างประเทศ นายน้ำก็หลบไปรักษาแผลใจ ส่วนอาร์ตกับพีทนี่ก็ยังตั้งมั่นกับการออกเที่ยวกลางคืน

นายวินก็ทำงานหนักราวกับไถนา
คนเขียนก็งานท่วมเหมือนกัน หาเวลาปั่นได้ยากเหลือเกิน

จะรีบมาต่อนะคะ
เลิ้บบบ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 12 P.3 ✽update 8.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 09-08-2017 00:16:05
ที่แน่ๆก็น้องหวานเนอะ รอดูแลอยู่เนี่ย

มึใครให้มากกว่านี้ไหมคะ? 5555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 12 P.3 ✽update 8.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-08-2017 08:47:53
 :L2: :L1: :pig4:

เราจะวิเคราะห์กันต่อไป
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 12 P.3 ✽update 8.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 10-08-2017 20:28:12
คนอ่านก็ยุ่งๆค่ะ ฮ่าๆๆ
เลยต้องมาย้อนอ่านตี๋วิน คิดถึงงงงง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 12 P.3 ✽update 8.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 10-08-2017 21:12:39
ชอบหวาน อยากกินเด็ก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 19-08-2017 22:34:59
ความเสี่ยงที่ 13

18.20


“พวกมึงมานี่ได้ไงเนี่ย…”

ผมพูดงงๆ เมื่อเห็นไอ้น้องเต้กับเอกยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่หน้าออฟฟิสผม

จริงๆแล้วมันก็มีเหตุผลอยู่นะ เพราะวันนี้เป็นวันนัดเลี้ยงสายรหัสรวมดาว 043
แต่ที่ไม่เข้าใจคือพวกมันจะมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้ เวลานัดมันสองทุ่มครึ่งไม่ใช่เรอะ!

“มารับเฮีย!!” พวกมันพูดพร้อมกัน

“พวกมึงนี่นะ……” ผมถอนหายใจ “ทำไม กลัวว่ากูจะเป็นเด็กอนุบาลหมีน้อยหลงทางไปร้านเลี้ยงสายรหัสไม่ถูกรึไง แล้วนี่ไอ้เอก มึงเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย เลี้ยงสายกูไม่ใช่เรอะ” ผมแกล้งทำหน้าดุ

“แหะ ไปด้วยดิ่ น้าาาาาา” มันพูดแล้วทำสายตาละห้อย ผมเลยหลุดหัวเราะออกมา

“เออๆ ไปสิ กูไม่ได้ว่าอะไร” 

“พี่เอารถมาใช่ป่ะ” เต้ถามขึ้น สายตาเป็นประกาย

นั่นงะ พวกมึงถึงได้ถ่อมาหาถึงนี่ “อยากให้กูเป็นคนขับรถสินะ…”

“โธ่ววว เฮียรู้ทันตลอดเลย” เต้บ่นอุบอิบ “ว่าจะมาขอไฟล์แมททรีเรียลทรีดีเฮียด้วยอ่ะ ตอนเฮียทำทีสิส”

โห่ อย่างนาน ผมขอนึกแป๊บ..
“เหอะ ไม่มีละอ่ะ ตอนเรนเดอร์ก็ให้พวกไอ้น้ำ ไอ้พีทเรนเดอร์ให้ กูแค่ปั้นโมเดลเฉยๆ” ผมตอบ “พวกแมททีเรียลนี่น่าจะของไอ้พีทมัน”

“อ้าววววววว”

“เอาไว้กูจะขอไอ้พีทให้”

น้องเอกทำหน้านึกได้ “เออ จะมาอ้อนให้เฮียติวด้วยอ่ะ EnTech ไม่ไหวล้าววววว”

“เอาชีทไปดิ่ อยู่ที่ไอ้หยองมั้ง” ผมพูดถึงน้องรหัสปีห้า

ไอ้เต้ส่ายหน้าดิก “เอามาแล้วพี่ อ่านจนจะต้มกิน นอกจากไม่เข้าใจแล้วยังจำห่าอะไรไม่ได้เลย”

“อ้าว ไอ้พวกนี้ สมองไปกองกับขี้หูหมด”

“นะ นะ มาติวให้หน่อย พี่เอวิชานี้นิ่” น้องเต้ถลาเข้ามาเกาะแขน

“ดูก่อน” ผมเล่นตัว

น้องเอกเอื้อมมาเกาะแขนอีกข้าง “ฮือออ ไม่งั้นพวกผมตายแน่ นี่จะไฟนอลแล้ว มัวแต่กิจกรรมอ้ะ”

“โวะ บอกว่าเดี๋ยวว่ากัน มึงจะไปมะเลี้ยงสายเนี่ย มึงไม่ไปกูไปนะ” ผมโวยวาย แกล้งสะบัดพวกมันออก

“ไปครับๆ มาๆ เฮียผมถือคอมให้ รถเฮียอยู่ไหนครับนำไปเลย” น้องเอกรีบหยิบกระเป๋าไปจากมือ

“เออๆ เอาไปเลย” ผมยัดม้วนกระดาษให้น้องเต้ที่อยู่อีกทาง

กูจะเดินตัวปลิวอย่างสบายล่ะ พวกมึงสองคนจงเป็นลิ่วล้อซะ ผมหัวเราะหึหึ
ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาในใจ เอ๊ะ แต่คนขับรถให้พวกมันนั่งนี่กูไม่ใช่เรอะ…
ใครเป็นลิ่วล้อกันแน่วะ

_ _ _ _


20.15


“วินนนนนน” เสียงแจ๋วๆ ร้องขึ้นเสียงดังเมื่อผมโผล่หน้าเข้าไป

“เฮ้ยยย เจ้มุก เป็นไงบ้างพี่” ผมร้องทัก สาวสวยตรงหน้านี่พี่รหัสปีติดกันของผมเอง จริงๆตอนนี้เจ้แกทำงานอยู่ภูเก็ต ช่วงนี้ขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพ เลยได้ฤกษ์เลี้ยงสายพอดี


“สบายดีย่ะ แล้วนี่เป็นยังไง เฟสบุคไม่เห็นอัพเลย ชั้นไม่รู้จะส่องความเป็นไปของแกได้ที่ไหน” ผมนั่งลงตรงวงเดียวกันกับพี่มุก เต้กับเอกก็นั่งลงตามน้ำไป

“ฮ่าๆ ไม่ค่อยมีเวลาครับ แต่ผมส่องตลอดนะ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อน “เฮ้ย ขอบใจหยอง” ผมรับแก้วจากน้องรหัสแล้วถาม
“ทีสิสมึงเป็นไง”

“อย่าพูดถึงเลยพี่ มือชั้นนี้แล้ว”

น้องเต้ตั้งใจชงมุก “คือสบายมาก ผ่านฉิว”

“ก็เหี้ยละครับ! หัวข้อยังไม่ผ่านเลย!” ทั้งโต๊ะหัวเราะครืน

“ในเลขห้าของทุกคนมีน้ำตากูซ่อนอยู่” น้องหยองรำพึงกับตัวเองขณะชนแก้ว


“เอ้าๆ เมื่อคนครบกันแล้ว ก็แนะนำตัวหน่อยยย ไล่มาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยคร้าบบบ เชิญๆ” เต้เคาะแก้วน้ำแล้วพูดเสียงดัง

เริ่มด้วยตรงกลางโต๊ะที่เป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ออกจะหมวยๆหน่อยในชุดนักศึกษาลุกขึ้นแล้วพูดเสียงใส
“สวัสดีค่ะพี่ๆ หนูชื่อนิว รุ่น 81 ค่าา ฝากตัวด้วยนะค้า” พูดจบก็มีเสียงปรบมือและผิวปากวิ้ว นานน๊านจะมีผู้หญิงหลงมาสายนี้นะครับเนี่ย บอกได้เลยว่าเทคแคร์กันขาดใจ ไล่มาเป็นน้องกันปีสอง ปีสามที่คือไอ้น้องเต้ ปีสี่ซิ่วไปเลยว่าง ไอ้น้องหยองปีห้า ผม พี่มุก พี่โจ แล้วก็ไล่ขึ้นไปยังพี่ปีโตๆ

จริงๆแล้วตอนนี้รุ่นของคณะผมรันไปถึง 81 แล้วล่ะครับ 043 ก็ควรจะมีทั้งหมด 81 คนตามความเป็นจริง
แต่สมาชิกบางปีก็ซิ่วออกไปบ้าง ไม่มีบ้าง ส่วนรุ่นคุณลุงคุณตาก็มารวมรุ่นเอาตอนงานเลี้ยงคืนสู่เหย้า home coming ที่คณะ วันนี้รวมกันมาได้เกือบๆ 20 คนที่ร้านหมูกะทะแบบนี้ได้ก็หรูละครับ

นั่งกินหมูกระทะแกล้มเบียร์กันไป เอ๊ะ หรือควรจะเรียกว่าเบียร์แกล้มหมูกระทะดีวะ..

“เห้ย มึงจะโดดตรวจไม่ได้ จารย์เก่งเอาตายเลยห่า” ผมที่กำลังปิ้งหมูอยู่โวยวาย

ไอ้น้องหยองทำหน้าเซ็ง “โอ้ยย ให้ทำไงอ้ะพี่ ยังเขียนอะไรไม่ได้ซักตัว Hypothesis อะไรนี่ก็ยังไม่ผ่าน ยังไม่ต้องถึง Methodology หรอกกก”

“ถึงมึงยังคิดไม่ออกก็ต้องไปคุยกับจารย์” ผมยืนยัน “ไปทั้งหัวว่างๆ ก็ได้ แต่มึงต้องไป”

“โอ้ยยยยยยยยย” มันร้องโอดโอยแล้วหันไปกระดกเบียร์

“นี่วงนี้จะคุยแต่เรื่องงานเหรอวะ โด่วว” พี่โจ รุ่นพี่ผมสองปีที่นั่งอยู่เตาเดียวกันทักขึ้น พี่มุกรีบพยักหน้าหงึกๆคงอยากให้เปลี่ยนเรื่องเต็มที ส่วนไอ้เต้กับเอกก็เอาแต่กินอย่างตั้งใจ ไม่ได้ฟังความทรมานที่พี่มันบ่นเล้ย

“ก็ไอ้นี่แม่งจะโดดตรวจทีสิส” ผมชี้

“ฮ่าๆๆ โดดไปดิ่ อย่าไปกลัว” พี่โจหัวเราะขำ “ก็ถ้ามึงอยากจบหกปีก็เอา” พี่โจพูดเสียงเย็น ทำเอาไอ้หยองขนลุกวาบ ผมเลยได้ทีหันไปยักคิ้วใส่มันหนึ่งทีแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม


อ้ะๆ ผมไม่ได้กินเบียร์หรือสิ่งมึนเมานะ น้ำเปล่านี่แหละ
ไม่อยากตัวแดงในร้านหมูกะทะครับ ก็คนมันเยอะนี่นา…


“แล้วนี่กับน้องฟ้าเป็นไง” พี่มุกหันหน้ามาถามผมตอนกำลังคีบหมูเข้าปาก

...

เดดแอร์ไปประมาณสามวินาที
เต้กับเอกพยายามบุ้ยใบ้ให้เจ้ใหญ่ ทำปากมุบมิบว่า เห้ย อย่าถามพี่ เขา-เลิก-กัน-แล้ว

กูไม่เห็นเลยมั้งครับน้องรหัส

“เลิกกันแล้วพี่” ผมตอบเรียบๆ ทำเอาไอ้เต้สะดุ้ง

“หา” พี่มุกทำตาโด “นานยัง ทำไมพี่ไม่รู้เรื่องเลยวะ”

“อะไร กูยังรู้เลย” พี่โจแทรกขึ้น “ก็ดังอยู่นะ คู่รักไอดอลอ่ะ ไอ้วินกับน้องฟ้า”

“ไอดอลอะไรพี่” ผมเคี้ยวหยับๆ “เอก มึงไปเอาปลาหมึกมาดิ้ กูลุกยากอ่ะ” ผมหันไปสั่งรุ่นน้อง มันอิดออดนิดหน่อยแล้วยอมทำตามคำสั่งโดยดี

“เอ้า ก็แบบว่าน้องตี๋วินแก๊งค์จตุรเทพ เรียนก็เก่ง กิจกรรมก็ดี เหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบ กับน้องฟ้าหน้าหมวย ขาว น่ารัก เรียบร้อย ท็อปชั้นปีไง” พี่โจพูดอธิบายแล้วดื่มเบียร์ในแก้ว พี่มุกกับน้องเต้พยักหน้าเห็นด้วย

“ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ผมขำ

“เห้ยจริง พี่เป็นคู่โคตรเพอร์เฟค เหมือนร่างแยกกันอ่ะ” หยองรีบพูด “ตอนรู้ว่าเลิกนี่โคตรงง”

“แต่เลิกกันกูก็ยังเป็นเพื่อนกันนะ คุยกันปกติ” ผมตอบสั้นๆก่อนเอาหมูเข้าปากอีกชิ้น

พี่มุกมองแล้วขยับปากถาม “แล้วนี่มีแฟนใหม่ยัง”

“เหอะ” ผมส่ายหน้า ทำเสียงในคอตอบไปเพราะปากยังเคี้ยวอยู่

“อะไรว้าา น้องพี่ไม่ดีตรงไหน” พี่มุกแกล้งโวย “หล่อก็หล่อ หน้าที่การงานก็ดี เสียอย่างเดียว เล็ก ไปหน่อย” พูดแล้วก็ทำมือประกอบ ไอ้หยองกับพี่โจขำก๊าก

“เจ๊มุก!!” ผมร้อง นี่จะพ่นหมูออกจากปาก

“เอ้า ไม่ใช่เหรอ มันต้องเป็นไปตาม proportion ความสูงไง!” คนสวยประจำสายรหัสบอกกลั้วหัวเราะ 

“เฮ้ยๆๆๆ อะไรเล็ก พี่ผมไม่เล็กนะครับ” เต้รีบพูด

“เขาเรียกมาตรฐานชายไทย! ไหน เฮียเอาออกมาโชว์เลย!” ไอ้เอกมาตบมุกได้ทันเวลาพร้อมตะกร้าผักบุ้งและปลาหมึกสดในมือ

ผมเอื้อมมือไปโบกหัวมันสองตัวในครั้งเดียว

“โอ้ย! ผมพูดถึงความยาวนิ้วก้อย” พวกมันแถ

“เชื่อตายห่า! โดนไปน่ะดีแล้ว ข้อหาสมรู้ร่วมคิดและชักจูงทำให้คนอื่นเข้าใจผิด”

“ไมลงที่ผมสองคนอ้ะ ต้องว่าเจ้มุกสิ” เอกโวย

“เพราะมึงเป็นน้องกูไงแสด จะให้กูตีเจ้รึไง”

เด็กปีสามสองคนมองหน้ากัน

“เอ้าาาาาาา” พวกมันโวยวาย


_ _ _ _


22.43


ผมมองนาฬิกาก่อนจะเผลอหาวออกมา มีรุ่นพี่กับน้องทยอยกลับไปบ้างแล้ว แต่หน้าเตาที่ผมอยู่นี่ยังครบเลยครับ ทั้งพี่โจ เจ้มุก หยอง เต้ เอก และผม เพิ่มด้วยพี่คิวกับพี่เป้รุ่นไกลๆ ที่ขยับเข้ามาคุยมาก๊งด้วย ตอนนี้ไม่มีใครกินหมูกะทะกันแล้ว ดวดกันแต่เบียร์ล้วนเลยเนี่ย เห็นว่าพรุ่งนี้วันเสาร์สินะ!


“แล้วพี่เป้เมื่อไหร่จะหลานให้พวกมุกเล่นอ่ะ รอนานละนะ” พี่มุกพูดแซวพี่ปีโตที่เพิ่งแต่งงานไปปีที่แล้ว

“ดูสภาพสังคม การเมือง เศรษฐกิจและอื่นๆ ตอนนี้ของบ้านเราก่อนครับไอ้น้องมุก แล้วบอกพรี่ให้ชื่นใจซิว่าควรจะมีลูกมั้ย” พี่เป้ทำหน้าเซ็ง

“เห้ย แต่ตามหลักประชากรศาสตร์แล้ว คนชนชั้นกลางควรมีลูกให้มากๆ เพราะตอนนี้สังคมเรากำลังเต็มไปด้วยเด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อมนะ” ผมพูดขึ้น “เฮียกับซ้อถือว่าพร้อมและสามารถเลี้ยงลูกให้เปนเด็กมีคุณภาพได้ มีไปเหอะ”

“แหม แดกทฤษฏีเข้าไปเหรอมึงน่ะ” พี่โจ้พูดกัดแล้วกระดกเบียร์เข้าปาก

“เอ้า เรื่องจริง”

“แล้วเมื่อไหร่คนพร้อมๆ อย่างเฮียวินจะมีบ้างล่ะครับ” เอกถามขึ้น

ไอ้เต้เอาศอกสะกิดผม “น่าน เข้าตัวเลย” มันพูด

“โนคอมเมนต์ครับ ฮ่าๆ” ผมทำตลกกลบเกลื่อนก่อนจะโดนพี่คิวปาเศษน้ำแข็งใส่แขน

“ไอ้ตี๋นี่ร้ายยย มีความลับกับสายรหัสเป็นบาปหนัก!”

“ไม่บอกไม่ว่า แต่อย่าให้กูรู้เอง เจ็บหนักแน่ จะเล่นยันลูกบวชเลยคอยดู” พี่โจสมทบ

ผมหัวเราะใส่เสียงดัง “ฮ่าๆๆ ถ้ามีจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวเลยครับ”

“ว่าแต่ไอ้น้องเต้ดีกว่า เปนอย่างไรครับ ไอ้หยอง ไอ้เอก รายงานดิ้” พี่เป้เปลี่ยนเป้าหมาย

เต้ถึงกับสะดุ้งที่โดนโยนขรี้ใส่ นี่ไอ้หยองเริ่มเมาละด้วย เอกถึงจะไม่ออกอาการแต่ก็กินไปไม่ใช่น้อย น่าจะมีเรื่องหลุดออกมาแน่ๆ

“อืมมม เห็นแม่งก็ม่อแต่น้องปีหนึ่ง” หยองทำท่านึก

“ช่ายช่าย เวลาประชุมเชียร์แม่งขออยู่หน้าตลอดเลยพี่ น้องอะไรนะ น้องจอย จ๊อยส์ น้อยส์อะไรสักอย่างที่มึงเพ้ออยู่อ่ะ” เอกเอามือสะกิดเพื่อนตัวเอง คนบ้าอะไรจะชื่อน้อยส์วะ ผมคิด

“เห้ยย ไม่ได้เพ้อ ก็ปกติิ ที่มึงยังไปเดินอ่อยหญิงบัญชีเลย” เต้โวยวาย

“เฮ้ย ไม่จริง ไม่มี ไม่เคยเลย พวกเฮียอย่าไปเชื่อมันนน” เอกพูดเสียงหลง


อะไรจะตั้งหน้าตั้งตาปฎิเสธขนาดนั้นวะเนี่ย ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่เลย
ท่าทางกว่าจะเค้นคำตอบมันได้ก็คงอีกนาน ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูเล่นๆ


หน้าเฟสบุคของผมมีรูปที่โดนแท็กเข้ามาจากน้องกันปีสองที่เป็นคนถ่ายรูปรวมสายเอาไว้ก่อนกลับ
มีคนกดไลค์กดคอมเมนต์กันเข้ามาเยอะแยะ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นปีหนึ่งก็น่าจะเป็นแฟนคลับพี่ว้ากอย่างเต้กับเอกแหละครับ เห็นเข้ามากรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ มีพวกรุ่นอื่นๆเข้ามาทักทายเยอะเหมือนกัน


ผมกดแชร์ไปที่หน้าวอลล์ตัวเองแล้วเปลี่ยนไปยังแอพพลิเคชั่นที่คุ้นเคย

มีแชทไลน์ค้างไว้ตั้งแต่เกือบสองทุ่ม และพอดีมีเรื่องต้องเชคนิดหน่อย
ผมกดอ่านๆ ข้อความไปเรื่อย อันไหนต้องตอบก็พิมพ์กลับไปสั้นๆ อันไหนไม่ต้องตอบก็กดอ่านเฉยๆ


นายหวาน : วันนี้จิ๋วแหกปากเสียงดังเหมือนเดิมครับ หมอบอกว่าเนื้อตายตรงไหล่ไม่มีแล้ว แต่ที่ขาหน้ายังต้องขูดออกอยู่ น่าจะอีกอาทิตย์ถึงจะโอเค

นายหวาน : /แนบรูป

นายหวาน : /แนบรูป



แชทล็อกเว้นช่วงไปราวสองชั่วโมง ข้อความสุดท้ายเข้ามาตอนสี่ทุ่มนิดๆ


นายหวาน : หายยาว…. เมื่อไหร่พี่จะกลับอ่ะ


ไอ้เรื่องที่ต้องเชคน่ะ เรื่องไอ้แมวตัวจิ๋วนี่แหละครับ


ย้อนไปเมื่อวันอาทิตย์ เพราะผมต้องกลับบ้านเลยจะไม่ได้ไปคลินิกสัตวแพทย์ดูเจ้าจิ๋ว เด็กหวานเลยอาสาไปจับแมวแทนให้

ตอนบ่ายแก่ๆ ขณะกำลังให้อาหารปลาคาร์ฟในบ่อหน้าบ้านผมก็ได้รับไลน์รายงานความคืบหน้าการรักษาอย่าละเอียดพร้อมรูปประกอบจากนายหวาน ทิ้งท้ายไว้ว่าวันอังคารส่งงานสตูดิโอ วันจันทร์ต้องปั่นงานคงไม่ได้ไปดูแมวให้

ผมก็ขอบอกขอบใจแล้วไล่ไปทำงานตามระเบียบล่ะครับ เย็นวันจันทร์มันส่งงานมาให้ดู ขอความเห็นอะไรไปตามเรื่อง ส่งงานจบก็นึกว่าจะหายไปนอนยาวๆ แต่พอเย็นวันอังคารก็มาเจอที่หน้าคลินิกแบบงงๆพร้อมคำตอบของมันว่า “มาเยี่ยมจิ๋วไงครับ”

ไอ้เด็กนี่ท่าทางจะรักแมวจริงๆ


“เออนี่” พอนึกได้ว่าตกลงจะเลี้ยงสายรหัสกันปลายอาทิตย์ ผมเลยออกปากถาม “วันศุกร์ที่จะถึงนี่ว่างมั้ย”

“ทำไม ชวนไปเดทเหรอครับ” หวานที่กำลังลูบหลังแมวบนตักผมหันหน้าขึ้นมาถามอย่างไว

“บ้าเรอะ” ผมว่า “วันศุกร์กูมีเลี้ยงสาย ถ้าว่างฝากมาดูเจ้านี่หน่อยสิ” ผมชี้ไปที่แมวบนตัก จิ๋วมองตามนิ้วตาแป๋ว ก่อนจะยกเท้าเล็กๆ ขึ้นเกาะปลายนิ้วผม ทำท่าจะงับเล่น

“แน่ะ จะกัดเหรอ” หวานหัวเราะน้อยๆ แล้วเอามือกอบแมวไปวางบนตักตัวเอง “ได้สิครับ.. แต่ต้องมีของแลกเปลี่ยนนะ”

“พี่ต้องเป็นคอนซัลท์งานสตูผม”

ผมย่นจมูก “นี่กูไม่ได้เป็นอยู่รึไง เอะอะก็ส่งมาให้ดูตลอดไม่ใช่เรอะ”

มันหัวเราะเสียงดังก่อนจะรับปากเรื่องแมว


นี่จึงเป็นที่มาของการรายงานอาการแมววันนี้ไงครับ


“เฮีย ทำไรอ้ะ” เอกเรียกผมให้หยุดจากการย้อนความ “ลอยไปไหนแล้ว แชทกะใครอ้ะ”

“ยุ่งน่า เรื่องของมึงดีกว่า จบยัง” ผมถามกลับ

“โห่ยยยยยย อะไรก๊านนนนนน” มันร้องโวยวาย
ผมหัวเราะก่อนจะก้มลงไปพิมพ์แชทตอบเร็วๆ


Wyn_Tect : เดี๋ยวจะกลับแล้วน่า

นายหวาน : ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะครับ

Wyn_Tect : เรื่องเยอะ



ไอ้เด็กนี่มันอยู่หน้ามือถือตลอดเลยรึไงนะ ตอบเร็วชิบเผง
เสร็จสรรพผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง หันมาคุยในวงต่อ


_ _ _ _


“เอ้าๆ ได้เวลาแยกย้าย เมียกูตามแล้วเนี่ย” พี่เป้พูด “วันนี้ขอชิ่งหล่อๆ ไม่ส่งใครนะ ต้องรีบกลับว่ะ”

“เอ้า ใครไปกะกูบ้าง ผ่านรถไฟฟ้า” พี่คิวถามขึ้น เจ้มุกรีบยกมือ

“เดี๋ยวผมกะไอ้เอกเอาพี่หยองไปส่งเอง แท๊กซี่ง่ายกว่าครับ” เต้รีบบอก
ผมมองเลยไปที่ไอ้น้องหยองที่กำลังคอพับคออ่อนอยู่ “พวกมึงไหวนะ” ผมย้ำ พวกมันพยักหน้าหงึกๆ

“อ่ะ จ่ายตัง พวกมึงสามคนเอามาคนละร้อยเดียวพอ นอกนั้นพวกกูหาร” พี่คิวที่เป็นคนนับเงินพูดขึ้น


ผมควักเงินออกจากกระเป๋าสตางค์ นี่แหละครับ เก็บไอ้พวกที่เรียนอยู่แค่เป็นพิธีเท่านั้นแหละ รุ่นพี่มีเงินเดือนก็ต้องเลี้ยงน้องตามระเบียบ คนไม่ต้องออกเลยคือน้องใหม่ปีหนึ่งเท่านั้นแหละ


“ขอบคุณทุกคนมากๆ ดีใจที่ได้เจอ” เฮียใหญ่อย่างพี่เป้บอก แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ผมส่งหยอง เต้และเอกขึ้นแท๊กซี่ โบกมือบ๊ายบายพี่มุกกับพี่คิว ก่อนจะขึ้นรถและขับกลับคอนโด


ง่วงจังเลยแฮะ


_ _ _ _


00.14


ผมที่อาบน้ำแล้วกำลังคลานขึ้นเตียงนุ่มๆ พรุ่งนี้จะนอนให้ละลายไปกับเตียงเลยคอยดู
โชคดีที่อาทิตย์นี้งานไม่ค่อยเดือด กลับได้ตรงเวลาชิวๆ โปรเจ็กใหม่ก็ยังไม่เข้า สบายใจ


ผมเอื้อมมือไปปิดไฟ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเคลียร์อีเมลล์และแจ้งเตือนอื่นๆ

อาร์ตไลน์มาชวนไปดูหนังกันวันพรุ่งนี้เย็นๆ บอกว่าพีทกับน้ำจะมาด้วย เออ ก็ดี ไม่ได้เจอพวกมันมานานแล้วเหมือนกัน
ผมเลยตอบตกลงไป


ไอ้เด็กหวานตอบกลับข้อความที่สั้นๆ ที่ผมส่งบอกมันตอนเพิ่งกลับถึงคอนโด
 

นายหวาน : กลับดึกจังครับ

Wyn_Tect : เลี้ยงสายนะครับ ไม่ใช่ฉันเพล จะได้เสร็จตอนเที่ยงๆ

นายหวาน : พรุ่งนี้พี่จะแวะไปคลีนิคมั้ยอ่ะครับ

Wyn_Tect : แวะสิ สักเที่ยงๆจะเข้าไป

นายหวาน : โอเค เจอกันที่คลีนิคนะครับ

Wyn_Tect : จริงๆ มึงไม่ต้องไปทุกวันก็ได้นะ

นายหวาน : อ้าว ทำไมอ่ะ

Wyn_Tect : ก็จะไปทำไมเล่า เสียเวลามั้ย จับจิ๋วคนเดียวก็พอ

นายหวาน : คิดถึง



ผมอ่านซ้ำ คำเมื่อกี้ทำเอาตาสว่างหายง่วง


นายหวาน : แมว

นายหวาน : ให้ผมไปเหอะน่า



อ่อ คิดถึงแมว

แล้วจะเว้นวรรคทำอาม่ามึงเรอะไอ้เด็กนี่!!! ตกใจหมด!
ผมลอบถอนหายใจแล้วพิมพ์กลับไป


Wyn_Tect : เออ แล้วแต่มึงละกัน


ผมวางโทรศัพท์ลงที่หัวเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัว
พยายามหายใจเข้าหายใจออกให้เป็นปกติ


หัวใจมันเต้นแรงเกินไปน่ะสิครับ
มาตกใจก่อนจะนอนแบบนี้ไม่ดีเลยให้ตาย


_ _ _ _

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 19-08-2017 22:35:50
12.36


“จิ๋วว”
ผมนั่งขัดสมาธิกับพื้นแล้วเขย่าลูกบอลกรุ๊งกริ๊งเรียกความสนใจจากลูกแมวตัวเล็กที่เพิ่งทำแผลเสร็จ เจ้าตัวเล็กหลบอยู่หลังกระเป๋าที่ผมวางกองไว้บนพื้น

“นี่ จิ๋วๆๆ”

นอกจากมันจะไม่วิ่งมาหาแล้ว ยังเอาแต่เอียงคอมองตามไอ้เด็กหวานที่เดินไปเดินมาอีกต่างหาก
ผมถอนหายใจพรืด ลืมหน้ากูไปแล้วเหรอไอ้แมวจ้อย!

“ช่วงนี้จิ๋วชอบเล่นไอ้นี่ครับ” หวานเดินลงมานั่งข้างผม ในมือมีแกนกระดาษทิชชู่สีน้ำตาลที่เพิ่งหยิบออกมาจากกระเป๋า ไอ้ตัวเล็กวิ่งเข้ามาเกาะกางเกงยีนส์มันแทบจะทันที มันหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆอุ้มแมวที่ตอนนี้ไม่ค่อยเป็นมัมมี่แล้วออกจากขาแล้วส่งให้ผมอุ้ม

“ไปติดไอ้เด็กแบบนี้ได้ยังไงฮึ” ผมยกตัวมันขึ้นจ้องหน้าแล้วแกล้งถาม ทำเอาคนโดนพาดพิงร้องอ้าวเสียดัง

“ไหงงั้นล่ะครับ”

“ไม่รู้แหละ พาลเว้ย”

มันหัวเราะพลางยื่นแกนกระดาษกลมๆ ให้แมวในมือผมดู จิ๋วมองตามแล้วจ้องของเล่นตาแป๋ว
คนข้างตัวปล่อยแกนทิชชู่ให้กลิ้งกับพื้น ไอ้ตัวแสบเริ่มดิ้นขลุกขลักเพราะความอยากเล่น ผมเลยปล่อยแมวจิ๋วลงกับพื้นให้วิ่งไล่ได้ตามใจ “เออ น่าจะชอบจริง”

“เมื่อวานวิ่งอยู่ตั้งเกือบสิบนาทีแน่ะครับ” หวานบอกยิ้มๆ “พอเหนื่อยก็กลับมานอนซุกขา ขี้อ้อนชะมัด”

“เอ้า” ผมว่าขึ้นเมื่อเห็นมันลื่นเอาตัวถูพรืดไปกับพื้นแล้วร้องเมี้ยวเสียงดัง “เจ็บมั้ยน่ะ” เตรียมขยับตัวจะลุกขึ้นไปดู แต่ก็เห็นแมวจิ๋วพลิกตัวขึ้นมาแบบไม่ยี่หระ แล้วพุ่งใส่แกนกระดาษต่อ อ้าว ไ่ม่เป็นไรนี่หว่า ค่อยโล่งใจหน่อย

“แหม ห่วงเป็นลูกเลยนะครับ” หวานแซว

ผมหน้าตึงๆ “ก็เดี๋ยวแผลมันฉีก...แล้วก็จะไม่หายซักที เปลืองค่ารักษากูอีก…” ผมพูดอุบอิบ

“ครับครับ เชื่อครับ”

แต่หน้ามึงไม่ได้เชื่อเลยครับสัส
 
“กวนตีน..”

พูดจบผมก็นั่งมองลูกแมวตัวจิ๋วที่มีหูข้างเดียวปลุกปล้ำกับแกนกระดาษทิชชู่อย่างสนุก
เจ้าจิ๋วพยายามกระโดดตะปบแต่แกนทิชชู่ก็กลิ้งหนีมันอยู่เรื่อย จนตอนนี้มันส่งเสียงต่ำอย่างๆไม่พอใจ ผมกับหวานหัวเราะขำเมื่อเห็นจิ๋วเริ่มหงุดหงิดและเปลี่ยนมานอนแทะขอบกระดาษแทน คนข้างๆ ยิ้มกว้างแล้วหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายวีดีโอไว้
เห็นแบบนั้นผมก็เลยหยิบไอโฟนตัวเองออกมาถ่ายรูปบ้าง

“จิ๋ว!” ผมลองเรียกเสียงดัง เจ้าตัวยุ่งหันมามองโทรศัพท์ สายตาแป๋วๆจ้องที่เลนส์กล้องอย่างสนใจ ทิ้งแกนทิชชู่ที่กำลังกัดอยู่เฉย

เออ แมวก็บ้ากล้องเว้ย

ผมคิดในขณะจิ๋วค่อยๆ ย่องมาหาจนถึงตัวผมที่นั่งอยู่ มันยกเท้าเล็กๆยกขึ้นแตะที่โทรศัพท์ ทำสายตาอยากรู้อยากเห็น

“แน้ แบบนี้ก็บังกล้องน่ะสิ” ผมยกมือถือขึ้นแล้วพูดใส่ “กูถ่ายไม่ได้นะจิ๋วว”
มันเอียงคอร้องเหมียวเบาๆ เหมือนจะเป็นการตอบรับ แต่ยังจ้องไอโฟนในมือผมไม่วางตา “มองนี่ๆ” ผมชี้ที่เลนส์

“คุยกันรู้เรื่องแล้วเหรอครับ” หวานหัวเราะคิกคัก มือยังถือโทรศัพท์ถ่ายวีดีโออยู่

“มึงนี่..” ผมมองตาเขียว แต่มันก็ไม่สะทกสะท้านใดๆ ส่งยิ้มกลับมาให้แทน

พอดีกับที่แมวจิ๋วปีนขึ้นมาบนตักผม “ว่าไงล่ะ เพิ่งจำได้รึไง หายไปวันเดียวทำลืมนะ” พูดจบผมเลยช้อนตัวมันขึ้นมาวางไว้บนตักแล้วปรับกล้องเป็นโหมดเซลฟี่

“ไหนๆ มองกล้องๆ แมวที่ไหนเนี่ย หน้าตาคุ้นจังเลย” ผมพูดพลางลูบหัวมันไปด้วย ไอ้ตัวเล็กบนตักผมชะโงกหน้าดูที่จอใหญ่ ผมเลยปรับมุมกล้องนิดหน่อยแล้วก็ถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองกับแมวไว้สองสามรูป

คนข้างๆเห็นเข้าก็เลยเก็บโทรศัพท์ตัวเองเข้ากระเป๋าแล้วขยับตัวมาชิดผม “ถ่ายด้วยสิครับ” ว่าแล้วก็เอาหน้าหล่อๆของมันเข้ามาในเฟรม มันเอื้อมมือมาช่วยจับแมวบนตักให้ผมได้ถ่ายรูปสะดวกๆ ผมนับถอยหลังแล้วกดชัตเตอร์ไปสี่ห้าครั้งเผื่อพลาด

ไหนดูรูปซิ..

ตรงกลางของภาพมีหน้าเบ้อเร่อของแมวหูแหว่งที่พันด้วยผ้าพันแผลกำลังทำตาแป๋วแหว๋วมองกล้อง เลยออกไปหน่อยเป็นผมที่นั่งยิ้มตาเป็นขีด มือข้างหนึ่งยื่นออกมาเพื่อถือโทรศัพท์ ส่วนด้านขวามีหวานนั่งยิ้มโชว์หล่อกับคิ้วเข้มๆและไฝใต้ตาด้านขวาของมัน

เออ ตลกดี

_ _ _ _


จิ๋วเดินเหยียบๆ อยู่บนตักของผมแล้วขดลงนั่งตัวกลมป๊อก

“ท่าทางจะเหนื่อยแล้วล่ะครับเนี่ย ดูหน้าสิ” หวานก้มลงมามอง เอามือลูบหัวแมวเบาๆ

“อือ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย “นี่ อย่าเพิ่งหลับนะ” ผมเขย่าขาให้ไอ้ตัวเล็กตื่น แหม หน้าเคลิ้มเชียว
ผมมองนาฬิกา "ไปนอนในกรงดีกว่า” ผมอุ้มแมวตัวจ้อยไปเรียกพี่ผู้ช่วยคุณหมอให้เอาจิ๋วใส่กรง
เสร็จสรรพพวกผมก็ร่ำลาพนักงานคลีนิกที่หน้าเคาน์เตอร์ก็เป็นอันจบ

พีทส่งไลน์มาเร่งผมยิกๆ ระหว่างที่ผมยืนปัดขนแมวออกจากกางเกงอยู่หน้าคลีนิค

“แล้วเสร็จจากนี่พี่จะไปไหน” หวานถามขึ้นขณะเปิดประตูออกจากคลีนิค

“มีนัดดูหนังอ่ะ” ผมตอบ

“ไปด้วยดิ่”   

ผมเลิกคิ้วแทนคำถาม

“ก็เพิ่งจะส่งงานไป เหนื๊อยเหนื่อย อยากพักดูหนังบ้าง” หวานทำท่าโอเวอร์ “พี่นัดกับใครไว้อ่ะ”

“พวกที่คณะแหละ รุ่นกู ไม่รู้มึงจำได้มั้ย อาร์ต พีท น้ำ” ผมบอกเรียบๆ

“ไปป่ะล่ะ” ผมถามไปตามน้ำ

รุ่นพี่เยอะขนาดนี้ มันจะอยากไปได้ยะ...

“ไปสิครับ”

คิดยังไม่ทันจบประโยค มันก็พูดขัดขึ้นก็ขยับกระเป๋าเป้ในมือ เดินนำไปยังลานจอดรถทันที

เออ
ผมกระพริบตาปริบๆ
ก็ลืมไปว่ามันเป็นเด็กใสกิ๊งไม่คิดอะไรมาก
กะอีแค่รุ่นพี่ไม่กี่คน มันจะไปแคร์อะร๊ายยย

_ _ _ _

12.50

“นี่” มันพูดขึ้นขณะขับรถ ผมละสายตาจากอีเมลล์ที่กำลังอ่านในโทรศัพท์ขึ้นมอง หวานยังคงมองตรงไปที่ถนนพร้อมบังคับพวงมาลัยในมือ

“ขอรูปเมื่อกี้หน่อยสิครับ” หวานทวง “ที่เซลฟี่กันเมื่อกี้”

“เอาดิ่” ผมก้มหน้าเปิดรูปเตรียมจะส่งให้มันในไลน์


อืมมม..
รูปนี้เหรออ อืมมม..

มันก็น่าจะเป็นรูปเซลฟี่ธรรมดาใช่มั้ยครับ มีผม มีแมว มีไอ้หวาน จบ

แต่ด้วยมุมกล้องบ้าๆบอๆแบบนี้ มันทำให้ชวนเข้าใจผิดชะมัด
เพราะมือหนึ่งของผมมันอยู่ที่หลังคอจิ๋ว ส่วนมือข้างหนึ่งของหวานก็จับอยู่ที่ตัวแมว
แต่มันโดนหัวกลมๆของจิ๋วบังเอาไว้หมดเลยน่ะสิ เห็นแต่แขน
อีแบบนี้มันเหมือนกำลังกุมมือกันอยู่มากกว่า…
 
ผมเหลือบตามองคนขับที่กำลังฮัมเพลงงึมงำในคือ แล้วกูจะมานั่งคิดมากทำไมวะกะอีแค่รูปถ่าย
ผมส่ายหัวก่อนจะกดส่งรูปให้หวานผ่านไลน์

_ _ _ _


13.10

“อ๊ะ มาแล้ว” พีทที่กำลังยืนชะเง้อคออยู่พูดขึ้น “แล้วนั่นใครวะ”

“หน้าคุ้นๆ” อาร์ตบอกขึ้น
 
“ไง” ผมที่เพิ่งเดินมาถึงร้านกาแฟทักเพื่อนๆ วันเสาร์บ่ายแบบนี้ห้างคนเยอะเหมือนกันนะ “ไอ้น้ำล่ะ?” ผมมองซ้ายมองขวา
พีทยืนตัวสูงเด่อยู่ที่โซนซื้อตั๋ว ถัดไปเป็นอาร์ตที่กำลังนั่งกระดิกเท้าอยู่บนโซฟา

“ไปเข้าห้องน้ำ แล้ว..” พีทเลิกคิ้วเป็นคำถาม

“อ้อ นี่หวาน ปีหนึ่ง ส่วนนี่ไอ้พีท กับไอ้อาร์ต เพื่อนกูเอง” ผมยืนกอดอกบอกสั้นๆ

“สวัสดีครับพี่ๆ” หวานยกมือขึ้นไหว้.. หือ... ผมปรายตามอง
ทีกับกูแม่งไม่เห็นจะเคยไหว้เลย

“หวัดดี” อาร์ตยกมือขึ้นทักแบบงงๆ

“เห้ยย!!!” พีทอุทานขึ้นเสียงดัง “ไอ้เด็กป๊อบในวงเหล้านี่หว่า ไปไงมาไงเนี่ย”

“วงเหล้าไหนวะ กูไม่เห็นรู้เรื่องเลอ” อาร์ตทำหน้างง

“ก็มึงเมาเป็นหมาไปตั้งกะเที่ยงคืน จำได้ก็แปลกละ” ผมว่า “มีธุระกันนิดหน่อย เสร็จแล้วก็เลยพามาด้วย” ผมบอกปัดๆ แล้วนั่งลงเบียดอาร์ต ขี้เกียจอธิบายยืดยาว

“เออ เอาดิ่” พีทพูด

“แล้วพวกมึงซื้อตั๋วรึยัง” ได้การส่ายหน้าจากอาร์ตเป็นคำตอบ “งั้นเดี๋ยวกูกดจองให้เลย” ผมว่าพลางหยิบมือถือออกมากดซื้อตั๋ว

“แล้วไหงมากับไอ้ตี๋ได้วะ” อาร์ตเงยหน้าขึ้นถามคนที่เด็กสุดในวง

ผมหันขวับขึ้นมามอง พูดดีๆนะเห้ย..
หวานมองตาผมแว้บหนึ่งแล้วหันไปตอบอาร์ต

“อ่าาา.. ก็...พี่วินชวนมาอ่ะครับ” มันยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เขิน

อืม ตอบดีมาก...

เดี๋ยว!

ไอ้เด็กบ้าาาาาาาาา ผมทำตาโต
ตอบอย่างงี้ก็ได้เหรอ ไอ้คนร้องแง้วๆ อยากตามมานั่นมันมึง!
และที่สำคัญ

มึงจะเขินทำไม!!!!

“หือออออ มึงอะนะชวนคนอื่นมาดูหนัง ไหนว่าชอบดูหนังคนเดียวววว” อาร์ตพูดอย่างจับผิด

ผมรีบก้มหน้าลงจดจ่อกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือในมือ “ก็…อ่า…”

“นั่นดิ่ ปกติพวกกูชวนมึงยังไม่ค่อยจะออกมาเลย” พีทเสริม


สัสอย่ารุมกู
แล้วไอ้เด็กแสบจะมาอมยิ้มหาพระแสงอะไร


“อ้าว ไอ้ตี๋มาแล้วเรอะ” เสียงของคนมาใหม่ขัดขึ้น

เย้ ไอ้น้ำมาแล้ว! ผมอุทานในใจ
มาช่วยกูออกจากสถานการณ์นี้ที กูไม่รู้จะตอบพวกแม่งสองคนนี้ยังไง

“กูซื้อตั๋วเสร็จแล้ว! จ่ายกูมาคนละร้อยแปดสิบ! เอ่อ.. แล้วตอนนี้กูก็.. หิว! หิวมากด้วย! กูไปซื้อป๊อปคอร์นกับไส้กรอกดีกว่า พวกมึงเอาอะไรมั้ย ป๊อปคอร์นถังใหญ่ละกันเนอะ” ผมพูดเร็วปรื๋อแล้วรีบเดินออกมา

“เดี๋ยวผมไปช่วย”


มึงจะตามกูมาทำม๊ายยยยยยยยย!!!

_ _ _ _

ตอนที่ 13 มาแล้วค่า

ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ
/ซบคนอ่านทุกคน

 :pig4: :pig4: :pig4:

ห่างหายไปพักนึง กลับมาแล้วนะฮือออ
หวานใส่เกียร์รุกสุดติ่ง หลงเด็กกันไปหมดแล้วรึยังคะ แหะๆ

พบกันตอนหน้าค่ะ
 :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 20-08-2017 00:47:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 20-08-2017 04:26:57
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 20-08-2017 06:32:46
ชอบหวาน-วิน มากค่ะ เขียนดี อ่านเพลิน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-08-2017 07:27:09
สนุกมากๆ เลยครับ
ไม่รู้พลาดเรื่องนี้ไปได้ไง เพิ่งได้มาอ่าน
เด็กก็งานดี ผู้ใหญ่ก็เร้าใจ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 20-08-2017 09:53:27
ฮือออ เหมือนอ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ  :ling1:
อยากอ่านตอนหน้าละ นายหวานกำลังรุกเข้าไปในกลุ่มเพื่อนวินเลย
ชอบค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 20-08-2017 10:35:35
พี่วินน่ารัก อุ๊อิ :)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-08-2017 15:13:57
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-08-2017 22:26:40
หวานวินก็น่ารักดี แต่พี่ตะวันวินก็งานดีเหมือนกันนะ โอ๊ยเลือกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 13 P.3 ✽update 19.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 20-08-2017 22:46:57
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 14 P.3 ✽update 25.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 25-08-2017 23:22:20
ความเสี่ยงที่ 14

14.47

“ไม่ดิ่ กูว่าภาคก่อนทำดีกว่านี้เยอะเลย” พีทว่าขึ้น

“แต่บทเรื่องนี้มันดีกว่านะ” อาร์ตเถียง “อันก่อนหน้านี้ตัดรายละเอียดออกไปหมดเลย”

“เห้ย แต่ถ้าเอามาเล่าในเรื่อง คนไม่ได้อ่านหนังสือมางงตายห่า” พีทยืนยัน

“จริงๆ แล้วมันเล่าเรื่องเรียงตามหนังสือเลยนะเรื่องที่แล้วอ่ะ ถ้าเป็นแฟนบอยน่าจะพีคอยู่” ผมบอก

“เห่ย คุยกันเรื่องที่เพิ่งดูสิวะ เรื่องก่อนกูยังไม่ได้ดูเลย” น้ำโวยขึ้นมาบ้าง

“กูว่าคราวนี้ผู้กำกับเมายาไปหน่อยว่ะ” ผมว่า “จริงๆถ้าโฟกัสแค่เรื่องครอบครัวพระเอกจะดีมาก ผูกปมมาซะเยอะ แต่อธิบายไม่หมด มันเลยจับฉ่ายไปหน่อย” เพื่อนผมพยักหน้าเห็นด้วย

“แต่กูชอบฉากริมแม่น้ำอ้ะ” น้ำแสดงความเห็น “แสงสวย”

“เห็นมั้ย” อาร์ตตบเข่า ทำหน้าดีใจเมื่อมีคนเข้าข้าง

น้ำหันขวับ “แต่กูก็ยังไม่ชอบบทเหมือนกันว่ะ”

“บทมันก็ต้องมีช่องว่างบ้างป่าววะ แหม่” อาร์ตพูดอุบอิบแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้เขิน
 

ทุกครั้งหลังหนังจบ มักจะเป็นแบบนี้แหละครับ มานั่งคุยกันเถียงกัน วิจารณ์หนังกันอยู่ในร้านกาแฟแบบนี้
เห็นตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง สนุกดีนะครับ
แต่สงสัยเด็กหวานจะไม่อิน นั่งฟังเงียบๆละเลียดลาเต้ของมันอยู่นิ่งๆ ไม่มีส่วนร่วมการสนทนาแบบนี้สักกะนิด


Rrr….

“อ๊ะ ของกูเอง” น้ำพูดขึ้นพร้อมรับโทรศัพท์
มันพูดสองสามคำก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปคุยนอกร้าน


“แหม่ ต้องหลบไปคุย แม่งมีความลับอีกละ” พีทแซว

“ปล่อยมันไปเห๊อะ” ผมพูด

“แน่ะ มึงรู้อะไรมาจ๊ะตี๋” อาร์ตเอาศอกสะกิดผม “บอกกูมาให้ไวเลย”

“มึงกับไอ้น้ำมีความลับกับพวกกูเรอะ” พีทว่า

ผมสะดุ้ง “เห้ย กูจะรู้อะไร” ตอบแบบตามองไปที่แก้วกาแฟตัวเอง 

“ไม่เนียนเลยมึง”

“นั่นดิ่ นี่ไอ้หวาน พี่มึงรู้อะไรมาเนี่ย” อาร์ตหันหน้าไปถามคนนั่งเงียบมานาน

“เอ่อ ไม่รู้สิครับ” หวานตอบเสียงนิ่ง “ต้องลองถามพี่วินดูน่ะแหละ ว่ามีเรื่องอะไรบอกพวกพี่ไม่ได้รึเปล่า”


อย่าโยนให้กู ไอ้เด็กนี่!


“ไม่มีไรจริงๆ ไม่เชื่อมึงลองถามไอ้น้ำแม่งเองเลย มาโน่นแล้ว” ผมชี้มือไปยังไอ้น้ำที่เดินเข้ามาแล้วทำหน้างง

“มีไร”

“คุยกะใครวะ?” พีทถามขึ้นโต้งๆ

“น้องแนน คุณเธอจะให้กูไปรับที่มหาลัยว่ะ สงสัยต้องกลับบ้านไปเอารถก่อน” มันพูดเซ็งๆ

“อ่อออ” ร้องอ๋อขึ้นมาพร้อมกัน “อ้าว งี้มึงก็ต้องรีบกลับอ่ะสิ” พีทว่า

“คงงั้น เดี๋ยวกูโทรถามพ่อก่อนว่ารถอยู่มั้ย ไม่งั้นต้องแท๊กซี่ไปรับ”

“เออๆ…. มึงจะไปก็…..ห้ะ เดี๋ยวๆ น้องแนนอ่ะนะ” พีทถามย้ำแล้วทำตาเป็นประกาย


ผมแอบถอนหายใจที่เปลี่ยนประเด็นกันได้ซักที พอดีกับที่หันไปสบตากับเด็กที่ทำหน้างงอยู่ข้างตัว “น้องสาวไอ้น้ำน่ะ ชื่อน้องแนน” ผมบอกสั้นๆ หวานพยักหน้าเข้าใจ จะว่าไปทำไมมันเงียบจังวะตั้งแต่ดูหนังจบ


“เห้ยยย พอดีเลย กูว๊างว่างอ่ะ เดี๋ยวกูขับรถให้ ไปรับน้องแนนแลวก็ไปส่งมึงที่บ้าน งะ พอดีเพ๊ะ” พีทตบโต๊ะ ทำเอาน้ำมองแบบไม่ไว้ใจเตรียมอ้าปากปฏิเสธ สงสัยโรคหวงน้องกำเริบ  “พวกกูไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงจริงจริ๊ง” พีทย้ำ 

“เห้ย กูก็ว่างพอดีเลย ตี๋ มึงด้วยใช่ป่ะ!” อาร์ตรีบแทรกขึ้น “ไปส่งไอ้น้ำกับพวกกูดีกว่า”

“อ่า..” ผมมองหน้าเด็กปีหนึ่งในโต๊ะ ก็ผมนั่งรถมันมานี่ครับ 

“ไม่เป็นไรพี่ ไปกับเพื่อนเหอะ ผมว่าจะไปเดินดูหนังสือต่อพอดี คงอีกสักพักกว่าจะกลับ” หวานชิงพูดขึ้นก่อน

“เออๆ ก็ได้” ผมพยักหน้าตอบตกลง

“แสดดด ปกติหาว่าบ้านกูไกลอย่างนั้นอย่างนี้ พอมีน้องกูเข้ามาเอี่ยวนี่พวกมึงรีบกันเลยนะ” น้ำโวยวาย

“เอ้า นี่ความมีน้ำใจล้วน มึงอ่ะคิดมาก ว่าแต่กินกันเสร็จรึยัง ปะ รีบไปกัน เดี๋ยวน้องมึงรอนาน” พีทรีบพูดแล้วพยักหน้าให้คนที่เหลือ “ปะ ปะ” มันเร่ง

“มึงก็รีบเกิ๊น” ผมว่าขึ้น เหลือบตาไปทางหวานที่กาแฟในแก้วยังเหลืออีกเกินครึ่ง ไอ้เชี่ยพีทนี่ก็เร่งจัง รอมันกินหมดก่อนค่อยไปก็ได้ป่ะ ยังกะว่าไปเร็วแล้วน้ำมันจะยอมให้มันจีบน้องสาวงั้นแหละ


“พวกพี่ไปเลยก็ได้ครับ” หวานพูดพลางยกแก้วลาเต้ของตัวเองขึ้นดื่มแล้ววางลงนิ่งๆ “ผมขอนั่งต่ออีกหน่อย”

ทิ้งมันไปแบบนี้จะดีเหรอวะ? “เอ่อ..”

“ไปเถอะครับ ไม่ต้องห่วงหรอก” มันพูดยิ้มๆ

“อ่ะ ไปครับคุณเพื่อน ไปรับน้องกันครับพี่เขย” อาร์ตลุกขึ้นยืนแล้วพูดแซว เลยโดนน้ำเตะเอาที่หน้าแข้ง


ผมลุกขึ้นตาม เจ้าเด็กคิ้วเข้มก็หันมายิ้มแล้วโบกมือให้

เออๆ ไปก็ไป!

_ _ _ _


15.42


ไกลชิบหาย

ก็รู้แหละครับว่าบ้านไอ้น้ำมันไกล ใช่ว่าจะไม่เคยมา
แถมวันนี้ต้องนั่งรถรอบเบ้อเร่อ ไปรับน้องแนนที่มหาวิทยาลัย แล้วค่อยวนมาส่งสองพี่น้องที่บ้าน
นี่กูต้องนั่งจนเป็นแผลกดทับเลยมั้ย

ผมนั่งกดโทรศัพท์ในมือเพื่อตอบไลน์ของคุณตะวันที่ส่งรูปตึกหน้าตาทรงประหลาดที่โซลมาให้ผมดู
อ่อ นี่แหละครับตึกของป้าซาฮ่า ฮาดิดที่ฟ้าชอบนักชอบหนา คือสวยมันก็สวยแหละครับ เดี๋ยวผนังเอียงเดี๋ยวมีอุโมงค์ แต่เดินแล้วจะหลงตายเอา ไม่ค่อยถูกจริตกับคนชอบตึกนิ่งๆของทาดาโอะแบบผมเท่าไหร่

ผมชะโงกหน้าไปดูถนน นี่กูแชทตั้งนาน ยังไม่ถึงไหนเลยเหรอวะเนี่ย

ผมนั่งหน้ามึนๆ อยู่ที่เบาะหลังรถกับไอ้น้ำ สัปหงกไปหลายรอบ โงนเงนไปมาจนไอ้น้ำรำคาญเลยจับหัวผมหนุนหมอนเน่าของไอ้พีทแล้วผลักให้ลงไปนอนดีๆ เพราะพื้นที่ข้างหลังแคบไปหน่อยหัวผมเลยเกยกับตักมันนิดๆ แต่มันก็ดูไม่ได้จะใส่ใจเท่าไหร่
โอเค ขอบใจมาก
กูจะนอนอย่างสงบละนะ

หนึ่ง..
สอง…

คร่อกกก...

“เออ มึงไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะตี๋” เสียงอาร์ตลอยมาจากด้านหน้ารถ
ไอ้ห่า กูยังไม่ทันจะหลับเลย

ผมขมวดคิ้วแล้วลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง “หือ”

“ไอ้น้องหวานไง” อาร์ตทวน

“หา”

“เออนั่นแหละ มึงไปสนิทกันได้ไง” 

โอ้ย จะมาคุยอะไรตอนกูจะนอน
“ก็ไม่มีอะไร มันเป็นน้องรหัสฟ้าไง” ผมหลับตาลงเหมือนเดิม

“แล้วตามมาดูหนังพร้อมกันอ่ะนะ” น้ำถามขึ้นแล้วเอามือตีแก้มผมเบาๆ “เห้ย อย่าเพิ่งหลับดิ่ ตอบๆ” 

“โอ้ยย ฟ้าฝากให้ช่วยรีวิวโปรเจ็กไอ้หวาน งานจารย์เก่ง ไอ้ที่ให้ตัดโมกับทำอนาไลซ์ตึกดังๆอ่ะ มันได้ทำงานพ่อกู ตึกทาดาโอะ” ผมขยับหนีอย่างรำคาญ แหม จะให้เล่าทั้งหมดก็ยาว ขอตัดรายละเอียดออกบ้างละกัน

ให้พวกมันรู้แค่นี้แหละดีแล้ว

“อ่อออ” พวกมันสามคนอืออาแสดงความเข้าใจกับสิ่งที่ผมบอก

“แค่นั้นแหละ พอยัง จะนอนละ” ผมว่าแล้วซุกหน้าลงกับหมอน

“เออๆ นอนไป เดี๋ยวถึงมหาลัยน้องกูแล้วจะปลุก” น้ำว่าอย่างนั้น
มันเอามือตบหัวผมเบาๆสองสามทีก่อนจะปล่อยให้ผมหลับไป

_ _ _ _

16.30

หาววววว....

พวกผมตัดสินใจจอดรถแล้วเดินไปรับน้องแนนถึงในคณะ เพราะไอ้อาร์ตร้องแง้วๆ อยากจะลงไปเดินส่องน้องๆในชุดนักศึกษา
มันว่าเผื่อจะมีโชคได้ไลน์มาสักคน

หราาาาา!

ทานโทษนะครับ คุณมึงเอาที่ไหนมามั่นใจว่าจะได้แดก บทเรียนห้าปีที่ผ่านมานี่ไม่ได้เรียนรู้เลยเรอะ ว่าถ้าเดินอยู่ข้างๆไอ้น้ำกับไอ้พีทแล้ว กูกับมึงก็ได้เป็นแต่ฉากหลังเบลอๆ เท่านั้นแหละ

ว่าแต่คณะดนตรีที่นี่ใหญ่จริงๆ ผมมองซ้ายมองขวาแล้วหยิบมือถือออกมาถ่ายรูป
ตึกก็สวย ที่ไหนออกแบบนะ

ตึกสูงห้าชั้นดูหนักแน่นสีเทาสูงตระหง่านตัดกับสนามหญ้าสีเขียว บันไดขนาดใหญ่หน้าคณะมีนักศึกษานั่งกันประปราย บางคนเอาโน้ตมานั่งกางพร้อมฝึกซ้อมเครื่องดนตรีคู่มือไปด้วย บ้างก็ฟลุต ไวโอลิน กีต้าร์ เสียงเพลงท่อนสั้นๆ ดังกังวานไปทั่วบริเวณสนามรูปครึ่งวงกลม 

บรรยากาศดีเป็นบ้า

ผมก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไป ที่โถงหน้าคณะมีนักศึกษานั่งกันอยู่หนาตา พอโผล่เข้าไปปุ๊บ บางกลุ่มก็หันควับก็มองมาที่พวกผมแบบงงๆ ว่าไอ้พวกนี้มันเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่
โธ่น้องครับ พี่จบมายังไม่ถึงปี หน้าเนียนเป็นปีสี่ไม่ได้เชียวเหรอ

“พี่น้ำ! อ้ะ พี่ๆ สวัสดีค่า” สาวสวยในชุดนักศึกษายิ้มร่าลุกขึ้นทักทายทันทีที่เห็นพวกผม

อื้อหือ สวยวาบมาเลย นี่แหละครับน้องแนน น้องสาวสุดหวงของไอ้น้ำ นั่งอยู่เป็นกลุ่มก้อนนี่ออร่าจับอยู่คนเดียวเหมือนพี่มันเลย บ้านนี้นี่หน้าตาดีจริงๆ

“สวัสดีครับน้องแนน สวัสดีครับทุกคน พี่มากวนรึเปล่าเนี่ย” พีทโปรยยิ้มอปป้าของมันซะเรี่ยราด เผื่อแผ่ความหล่อของมันไปยังน้องๆคนอื่นๆ ที่นั่งในกลุ่มน้องแนน ทำเอาสาวๆมองกันเคลิ้มเชียว บางคนมีการสะกิดน้องแนนแล้วกระซิบกระซาบ นี่น้องเม้าท์พวกพี่กันระยะเผาขนเลยเหรอครับ

“เห็นน้ำว่าต้องมารับน้องแนนแล้วกลับบ้าน พวกพี่เลยขับรถมาด้วย กลับกันเลยมั้ยครับ” อาร์ตพูดด้วยเสียงสาม.. เรนจ์เสียงที่มันคิดเอาเองว่าหล่อสุด

“เสร็จแล้วค่ะ….” น้องแนนกระพริบตา มองกลับไปกลับมาระหว่างพี่ชายตัวเองกับพวกผม พวงแก้มซับสีเลือดขึ้นนิดๆ
“เอ่ออ.. คือว่า…”

ยืนยิ้มหวานกันอยู่สองหน่อ พวกผมกลั้นหายใจรอฟัง อย่าบอกว่าหลงเสน่ห์ไอ้สองตัวนี้นะ

“พวกพี่ชื่ออะไรนะคะ...”

ชิ้ง….

อาร์ตกับพีทอ้าปากพะงาบๆ

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมกับน้ำฟังแล้วหัวเราะกันตัวงอ สาวๆที่นั่งอยู่แอบยิ้มขำกันทั้งโต๊ะ

“โอ้ยพี่น้ำ! อย่าขำสิ” เจ้าตัวลุกขึ้นมาตีแขนพี่ชายตัวเองที่กำลังหัวเราะแบบหยุดไม่อยู่ “แนนขอโทษษษ ก็เคยเจอพวกพี่ไม่กี่ครั้งเอง คนนี้อ่ะพี่วิน แต่คนไหนพี่พีทกับพี่อาร์ตนะคะ สับสนอ้ะ” น้องสาวคนสวยรีบมายืนข้างพี่ชายตัวเองแล้วพูดเร็วปรื๋อ

“ฮ่าๆๆๆ โคตรฮา ไอ้นี่ไอ้พีท ส่วนไอ้นี่เชี่ยอาร์ต ฮ่าๆ” น้ำชี้บอกทั้งๆที่ยังหัวเราะไม่หยุด

“ไม่ยุติธรรมเลยน้องแนน ทำไมจำไอ้วินได้ล่ะครับ” พีทร้อง

“โอ้ย ปวดท้องไปหมดแล้ว” ผมพูดแล้วยกมือปาดน้ำตาป้อยๆ เชี่ยยยยย ออกตัวแรง เป็นไงล่ะมึงงงงงงง

“ก็ตอนโน้น พี่วินเคยมาส่งที่มหาลัยกับพี่น้ำอ่ะค่ะ” ไอ้อาร์ตหันขวับมามอง ผมยักคิ้วกลับไป

“วันนั้นเพิ่งส่งงานเสร็จ พวกมึงบอกว่าจะนอน” น้ำบอกสั้นๆ “กูก็เลยไปกับไอ้ตี๋สองคน”

“โหย พวกกูเลยพลาดงี้” พวกมันบ่นปอดแปด หมดกันที่เก๊กมาทั้งหมด
นี่คุยกันด้วยความตลกแต่แรกก็จบป่ะ.. อย่าไปเลยทางหล่อขี้เก๊กเนี่ย มันไม่ใช่เลยอ่ะนาย..


“แล้วนี่เสร็จยัง ไปเลยมั้ย เดี๋ยวมืด” น้ำพูดกับน้องสาว น้องแนนบอกลาเพื่อนๆ นิดหน่อย ส่วนไอ้พีทก็โดนขอไลน์ตามระเบียบ ไอ้อาร์ตก็ใจว้างแถมไอดีไลน์ของตัวเองให้ไปด้วย
ของสมนาคุณมั้งมึง ถามเขารึยังว่าอยากได้มั้ย

_ _ _ _

17.24

มีสาวๆ อยู่ในรถมันชุ่มชื่นหัวใจอย่างนี้เอง

นั่งรถมาตาแป๋วไม่มีง่วงกันเลยครับทั้งแก๊งค์เนี่ย นั่งฟังเสียงเจื้อยแจ้วของน้องแนนที่ชวนคุยไปเรื่อย
ติดแต่ว่าไอ้ตัวพี่ชายนี่แหละครับ ขัดได้ขัดดีซะเหลือเกิน

“แหม ก็เพื่อนพี่น้ำเยอะอ่ะ ใครจะไปจำหมด ไม่ได้เจอบ่อยๆ ด้วย เห็นแต่ในเฟสบุคเท่านั้นแหละ” สาวน้อยคนเดียวในรถพูดขึ้นงอนๆ “ขอโทษนะคะ พี่อาร์ตพี่พีท” หันกลับมาส่งยิ้มหวานเป็นการไถ่โทษด้วย

“พี่ชายแนนอ่ะแหละ กีดกันพวกพี่” ไอ้อาร์ตว่า ผมกับพีทที่นั่งเรียงกันอยู่สามคนด้านหลังนั่งพยักหน้าเห็นด้วย ไอ้น้ำยังคงลอยหน้าลอยตาขับรถต่อไป


ดูสิครับ นี่ขนาดรถมันยังแย่งไปขับ ไม่ยอมให้ไอ้พีทผู้เป็นเจ้าของนั่งหน้าคู่กับน้องสาวมัน ต้องระเห็จมานั่งเบียดกันเบาะหลังเนี่ย


“แต่ตอนนี้จำชื่อได้แล้วนะคะ ไม่พลาดละ”

“โหย จำชื่ออย่างเดียวเดี๋ยวก็ลืม แอดเฟสบุคไว้ได้มั้ยอ่ะครับ” อาร์ตพูดหยอด

“อ้ะ ดะ” น้องแนนกำลังจะอ้าปากตอบ

“คุยผ่านเฟสกูก็ได้” น้ำพูดเสียงเรียบแล้วปรายตามองคนนั่งข้างตัวเอง

“เอ้าา แค่แอดเฟสไง” พีทโวย เอ้า ไอ้นี่ หยิบไอโฟนมาเตรียมพร้อมเลยเรอะ

“หวงอะไรแนนนักหนาเนี่ยพี่น้ำ” เอ้า น้องมันทำทำแก้มป่องแล้วครับ

“ใครจะไปหวง หน้าพื้นบ้านขนาดนี้” น้ำว่าขึ้น อื้อหือ นี่ถ้าน้องแม่งหน้าตาดาษดื่น กูก็เต้าหู้คินุดีๆนี่เองไอ้ห่า 

“ที่ทำไปนี่ไม่ได้หวงน้องเลยยยยยยย” ผมลากเสียงยาว


“ไม่ได้หวงน้อง…” มันพูดเสียงเบาพลางหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน
“หวงเพื่อน”


เหรออออออออ

_ _ _ _


23.35


ไอ้ชิบผายยยย กว่าจะถึงคอนโด
ผมเดินลากเท้าออกจากลิฟต์
มหาลัยน้องแนน บ้านไอ้น้ำ แวะคุย รถติด บ้านไอ้อาร์ต แวะคุย รถติดดดด คอนโดผม นี่ไอ้พีทจะถึงบ้านกี่โมงวะ
เหนื่อยเป็นบ้า

ผมล้มตัวลงกับเตียง ขอนอนก่อนแล้วค่อยอาบน้ำนะ ไม่ไหวแล้วววว

Rrrr…

เอ้า เอาเข้าไป วันนี้จะนอนสบายๆ ไม่ได้เลยใ่ช่มั้ยยยย

“ฮัลโหล”

(พี่ถึงคอนโดหรือยัง ไลน์ไปไม่ตอบเลย)

“อือ เพิ่งถึงเนี่ย เหนื่อยจะตาย”

(อื้อ)
“แล้วนี่มีอะไร ถ้าตรวจงานเอาไว้พรุ่งนี้นะ เดี๋ยวดูให้” ผมซุกหน้าลงที่นอนแล้วหาวใส่โทรศัพท์แถมไปอีกที

(ออกมาได้ป่ะ)

“หา”

(ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิครับ หิวอ่ะ)

“กูเพิ่งมาถึงนะ จะนอน”

(ผมรออยู่ล็อบบี้คอนโดนะ)

“เห้ย…” แล้วแม่งก็ตัดสายไปเฉย ปล่อยให้กูอุทานกับไอโฟน

บ้า มันจะมาคอนโดผมตอนนี้ทำไม
ว่าแต่มันอยู่ข้างล่างจริงเหรอวะ

_ _ _ _

00.15

เชี่ย
เรื่องจริง..

ผมเอามือขยี้หัวตัวเองจนผมกระเจิงไม่เป็นทรง ไอ้เด็กหวานมานั่งกระดิกตีลฟังเพลงอยู่ที่โซฟาล็อบบี้คอนโดผมจริงๆว่ะครับ
หลังวางสายไปผมกะจะนอนต่อ ในระหว่างที่ถอดคอนแทคเลนส์และเปลี่ยนจากกางเกงยีนส์ไปเป็นกางเกงขาสั้นเพื่อความสบายตัว ก็เอะใจว่าไอ้เด็กเพี้ยนนี่มันอาจจะมาจริง เลยแวะลงมาดูซักหน่อย 
ก็แค่เผื่อไว้ก่อนอ่ะครับ

นี่ถ้ากูคิดว่ามึงล้อเล่นแล้วไม่ลงมามึงไม่ต้องนั่งรอทั้งคืนเลยรึไง

ผมเดินลากรองเท้าแตะดังแปะๆไปตามพื้น พอใกล้จะถึงตัวหวานก็เงยหน้ามามองแล้วยิ้มกว้าง
“มาแล้วเหรอครับ” มันขยับตัวลุกขึ้น

เออสิวะ ผมทำหน้ายุ่งให้มันแทนคำตอบ

“ไปกันเถอะครับ” มันรั้งข้อมือผมให้ออกเดิน “เดินไปละกันเนอะ”

“อะไรของมึงเนี่ยย”
ก็ต้องก้าวไปตามแรงดึงของมันอ่ะครับ ไม่มีแรงจะคัดค้านอะไรแล้วเนี่ย

_ _ _ _

00.32

ร้านเกาเหลาหมูกรอบเจ้าประจำเป็นเป้าหมายของไอ้หวาน

“อยากกินเจ้านี้มานานแล้วอ่ะ”

“มึงก็มาแถวนี้บ่อย ต้องเป็นวันนี้เลยเหรอวะ” ผมขยับแว่นถาม

“ก็ตั้งใจว่าจะกินวันนี้” มันพูดก่อนจะหันไปสั่งอาหาร “เกาเหลาที่นึงครับ ข้าวเปล่าหนึ่ง พี่เอาอะไร”

“เกาเหลาหมูกรอบล้วนครับ ข้าวไม่เอา” จะว่าไปก็ไม่ได้กินข้าวเย็นนะ ทุกคนอยากกลับไปนอน บอบช้ำจากการนั่งรถรอบเมือง

พอของที่สั่งมา ไอ้คนตรงหน้าก็ยื่นตะเกียบกับช้อนส่งให้ผม นั่งก้มหน้ากินไปเงียบๆ ไม่เห็นจะชวนคุยเหมือนปกติ
แปลก..

“ทำไมวันนี้มึงเงียบจัง ตั้งแต่บ่ายละ”

“...”

ผมจ้อง…
ยัง ยังไม่เงยหน้ามาตอบกูอีก

“ไอ้หวาน..” ผมพูดเสียงเรียบ

“ก็เปล่านี่ครับ..”

คุยกับกระเพาะหมูในชามเหรอมึงอ่ะ

“ตอแหลรุ่นพี่เป็นบาป..” 

“เห้ย เปล่า” หวานรีบเงยหน้าขึ้นปฏิเสธ
“ก็เห็นพี่คุยกับเพื่อนอ่ะ ผมดูหนังไม่ได้ลึกซึ้งอะไรขนาดนั้น เรื่องที่แล้วของผู้กำกับคนนี้ก็ไม่ได้ดู ไม่รู้จะแทรกตรงไหน ไปไม่เป็นเลย” พูดยืดยาวมาแล้วปิดด้วยการถอนหายใจหนึ่งเฮือก

“ฮ่าๆ มึงไม่เข้าใจไม่เห็นแปลก พวกกูมันเป็นกีค”

มันทำหน้างง

“กีค G-E-E-K ไง พวกอินกับอะไรมากๆ อย่างพวกกูก็หนัง สถาปัตย์ ปากกาลามี่” ผมอธิบาย “เวลาคุยกันก็เลยยืดยาว ดูเป็นภาษาต่างดาวของคนนอกวง”

มันกะพริบตาปริบๆ วางช้อนในมือ ก่อนจะจ้องหน้าผม “แล้วคนนอกอยากเป็นคนในจะทำยังไงละครับ” 

ผมนึก

“อืมมม มึงก็…หาสิ่งที่สนใจ สิ่งที่มึงชอบ แล้วมึงก็จะอยากศึกษา ค้นคว้าหาข้อมูลจนเป็นคนวงในได้เองแหละ” ผมตอบแล้วมองหน้ามันให้กำลังใจ

“เจอแล้ว กำลังศึกษาอยู่ แต่ไม่รู้จะเป็นคนวงในได้มั้ย”

“เป็นได้ดิ่ ถ้ามึงมี Passion” ผมพยักหน้า เอื้อมมือไปตบไหล่มันแปะๆ “พยายามเข้าน่า” 

“อยู่แล้วล่ะครับ” แถมด้วยยิ้มหล่อๆอันเป็นเอกลักษณ์ของมันให้ผมมาอีกหนึ่งดอก
โอ้ย...
ท่าไม้ตายแบบนี้กูขอซื้อได้มั้ยอ่ะ อยากเอาไปใช้บ้าง คนโดนเข้าไปเหมือนโดนป้ายยา มีร้อยให้ล้านอ่ะพูดเลย นี่ว่าชินแล้วยังต้องหลบตาลงมากินหมูกรอบในชามต่อเลยครับเนี่ย บ้าจริง

พอจะเรียกจ่ายเงิน เด็กหวานมันก็แย่งผมจ่ายซะงั้น

“ก็ผมไปลากพี่ออกมากิน ก็ต้องเลี้ยงพี่สิครับ” มันยืนยัน

“โอ้ย กูทำงานมีเงินเดือนแล้วเนี่ย ต้องให้เด็กปีหนึ่งมาเลี้ยงมันใช่เรื่องเรอะ”

“พี่กินน้อยจะตาย ให้เลี้ยงตลอดเลยก็ยังได้”

“ไม่เอา” ผมว่า “ไอ้เด็กดื้อ เอาไปดีๆ” ผมพยายามทำเลียงดุ วางแบงก์ลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนไปตรงหน้ามัน   

“มื้อนี้ผมเลี้ยง เอาไว้มื้อแพงกว่านี้ค่อยเลี้ยงผมละกัน” มันหยิบมาคืน “นะครับ”

เออ กูยอม
ผมคงโดนป้ายยาด้วยยิ้มบ้าๆของมันอีกรอบแล้วล่ะ

_ _ _ _


2.45


“อืออ..”

ผมพลิกตัวลุกขึ้นนั่งงงๆ บนเตียง
นานๆทีจะลุกขึ้นมากลางดึกแบบนี้ สงสัยมื้อดึกกินน้ำเยอะไปหน่อยแฮะ
ผมหาววอดก่อนจะลุกขึ้นไปทำธุระ

ผมเงยหน้าขึ้นดูนาฬิกาแล้วก็ทิ้งตัวลงเตียง เพิ่งหลับไปได้สองชั่วโมงกว่าๆ เดี๋ยวจะนอนต่อเอาให้พรุ่งนี้คืนเที่ยงเลยคอยดู แล้วบ่ายๆ ค่อยไปคลีนิคดูจิ๋วและเคลียร์ค่าใช้จ่ายประจำอาทิตย์ เอ๊ะ เด็กหวานบอกว่าจะมารึเปล่านะ? จำไม่ได้แฮะ..

เมื่อคืนหลังเถียงกันเรื่องจ่ายค่าอาหารเสร็จ หวานก็เดินกลับมาส่งที่ล็อบบี้คอนโดเมื่อตอนห้าทุ่มกว่าๆ ก่อนมันจะขับรถกลับบ้านไป
พอผมอาบน้ำแต่งตัวเตรียมนอน มันก็ไลน์มาว่าถึงบ้านแล้วพอดี ผมตอบกลับไปนิดหน่อยแล้วก็เข้านอนไป

เออ
ผมขมวดคิ้ว
นี่มันตั้งใจมากินเกาเหลาเจ้านี้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ 
     
แสงแสดงการแจ้งเตือนจากไอโฟนสว่างขึ้นในห้องมืดๆ
ผมพลิกตัวหันกลับมาหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์ตแบตไว้ที่โต๊ะข้างเตียง

ไอ้น้ำไลน์มา ตอนนี้เนี่ยนะ?

ผมปลดล็อกแล้วกดเข้าไปอ่าน มีข้อความก่อนหน้านั้นอยู่สองสามบรรทัด

Nahm_Tect : ตี๋
Nahm_Tect : เป็นไงบ้าง
Nahm_Tect : มึงหลับแล้วแหงเลย


เป็นไงบ้างนี่คืออะไรวะ ก็เพิ่งเจอกันป่ะ ผมเกาหัว กำลังหาประโยคที่จะพิมพ์กลับไป
จู่ๆ ก็มีข้อความถูกส่งมาใหม่อีกหนึ่งข้อความ

Nahm_Tect : ทำไมต้องเป็นคนนี้วะ

หา?
ผมอ่านแล้วต้องขมวดคิ้ว มันพูดเรื่องอะไรวะเนี่ย

อีกทางคงเห็นว่าไลน์ถูกอ่าน

Nahm_Tect : เชี่ย นี่มึงยังไม่นอนเหรอ

Wyn_Tect : อือ ลุกมาพอดี
Wyn_Tect : แล้วทำไมมึงยังไม่นอน

Nahm_Tect : กูนอนไม่หลับ

Nahm_Tect : กูถามอะไรหน่อยดิ่
Nahm_Tect : มึง


Nahm_Tect : มึงเคยหึง หรือหวงกูบ้างมั้ยวะ

_ _ _ _

ตอนที่ 14 มาแว้วค้าบบบ
 :mc4:

น้องหวานรุกเยอะละเกิน พรี่ล่ะกลัวใจ
ว่าแต่น้ำยิงมาแบบนี้ ตี๋วินจะตอบยังไงดีล่ะคะ..

เห็นว่าตี๋วินทำตัวชิวแบบนี้ แต่ฮียังบ้างานอยู่นะคะ แค่ช่วงนี้มันยังไม่เดือดเท่านั้นเอง 555

ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ
เลิฟฟฟ

พบกันตอนหน้าค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 14 P.3 ✽update 25.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 26-08-2017 02:08:24
แอร๊ยยย พี่ตะวันอย่ายอมแพ้นะคะ รีบมาเต๊าะตี๋วินอีกคนเร็วว

หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 14 P.3 ✽update 25.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-08-2017 07:49:01
ชอบความรุกแบบมึนๆเนียนๆของน้องหวาน. และความเบลอๆของพี่วินมาก

แต่น้ำ...น้ำจะมาทำเป็นสับสนตอนนี้ไม่ได้นะ เพิ่งจะจบเรื่องสถานะที่ชัดเจนกับแฟนเก่าเอง หรือว่าจริงๆแล้วเป็นพวกกลัวการเปลี่ยนแปลงในทุกๆเรื่องเลย?
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 14 P.3 ✽update 25.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 26-08-2017 08:15:34
น้ำเอาแล้วไง เปิดตัวทางเลือกที่สาม
ว่าแต่วินรู้ตัวยังว่าต้องเลือก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 14 P.3 ✽update 25.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 26-08-2017 09:57:26
ฟุบหน้าแล้วกรี๊ดอัดโต๊ะ  :ling1: :ling1:
บอกเลยทีมน้ำ แต่ก็เชียร์หวานนะ เพราะยังไม่มั่นใจว่าน้ำชอบวินจริงหรือแค่กลัวการเปลี่ยนแปลงในทุกความสัมพันธ์ แต่ยังไงก็ชอบอ่ะ ชอบความซึมลึกของเพื่อน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 15 P.4 ✽update 7.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 07-09-2017 23:16:35
ความเสี่ยงที่ 15

Nahm_Tect : มึงเคยหึง หรือหวงกูบ้างมั้ยวะ

ผมถึงกับลุกมานั่งขัดสมาธิบนเตียง ขยี้ตาอ่านซ้ำอีกสองรอบ
อารมณ์ไหนวะเพื่อนกู 

Wyn_Tect : หา
Wyn_Tect : ถามห่าอะไรของมึง
Wyn_Tect : เมาป่ะเนี่ย

Nahm_Tect : ตอบกูหน่อย


Wyn_Tect : นี่มืงโอเคมั้ย

Nahm_Tect : ตอบกู

Wyn_Tect : ก่อนตอบ กูจะถามก่อน ว่าทำไมมึงถึงอยากถามกูแบบนี้


ข้อความผมขึ้น read แต่มันเงียบไป

เชี่ยอะไรวะเนี่ย
แต่ก็ดี.. ในระหว่างที่มันยังไม่ได้พิมพ์อะไรกลับมา ผมก็ขอเอาเวลานี้ตั้งหลักหน่อยแล้วกัน

ผมรู้จักไอ้น้ำตั้งแต่ปีหนึ่ง อยู่กลุ่มเดียวกันตั้งแต่รับน้องจนถึงทุกวันนี้เลยนะครับ เรียกได้ว่าเป็นคนแรกๆ ที่คุยกันเลยด้วยซ้ำ
จากหนุ่มม.ปลายตัวสูงโย่งที่เข้าคณะสถาปัตย์ด้วยโควต้านักฟุตบอล จนมาเป็นพี่ว้ากหน้าหล่อให้รุ่นน้องกรี๊ด
ผ่านกันมาหมดแล้วทุกอย่าง เคยเหล่หญิงคนเดียวกัน เมาเป็นหมาด้วยกัน ทำงานข้ามวันข้ามคืนด้วยกัน ช่วยปลอบกันเวลาอกหัก ต่อยกัน ทะเลาะกันเพราะแม่งทำตัวเหี้ยๆใส่คนอื่น ตอนไม่สบาย หามกันไปเข้าโรงพยาบาลก็ทำมาแล้ว

อาจจะชั่วกับคนอื่น แต่กับเพื่อนมันให้เต็มร้อยจริงๆ เชื่อเถอะครับ 
ในกลุ่มสี่คน ความสนิทอาจจะมากเท่าๆกัน แต่ถ้าพูดกันจริงๆ ผมว่าผม “รู้จัก” ไอ้น้ำมากกว่าใคร

ปกติแค่มองหน้าก็รู้ความคิดกันไปถึงไหนต่อไหน เรียกว่าแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว
ตอนนี้ก็อยากจะพูดอย่างนั้นอยู่หรอกครับ แต่ผมไม่เข้าใจคำถามมันตอนนี้เลยว่ะ
คำว่า ‘หึง’ หรือ ‘หวง’  เนี่ย มันใช้กับเพื่อนได้เหรอครับ
 
Nahm_Tect : กูไม่อยากให้มึงหายไป

ผมอ่านจบแล้วถอนหายใจ หนักแล้วเพื่อนกู
มึงคิดว่ากูจะหายไปจากมึงได้ง่ายๆ รึไง ไอ้ชิบหาย

Wyn_Tect : เอาล่ะ
Wyn_Tect : กูเคยหึงหรือหวงมึงมั้ย คำตอบของกูคือ ‘ไม่’

Wyn_Tect : แต่กู ‘ห่วง’ มึง
Wyn_Tect : มึงมันใจร้อน ชอบทำอะไรไม่คิดถึงผลที่จะตามมา กับหญิงมึงก็ทำตัวขี้ม่อ ขี้กั๊ก ชอบทำตัวเลวๆ คนอื่นเลยมองว่ามึงอ่ะนิสัยชั่ว เชื่อไม่ได้ เป็นภาระกับพวกกูที่ต้องคอยแก้ตัวให้

Nahm_Tect : นี่เป็นห่วงหรือจะด่า

Wyn_Tect : ด่า
Wyn_Tect : สำหรับคนอื่นมึงอาจจะเลวไง แต่มึงไม่เคยเลวกับกู มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกูจริงๆ
Wyn_Tect : มึงไม่เคยทิ้งกู
Wyn_Tect : แล้วทำไมมึงถึงคิดว่ากูจะทิ้งมึงได้วะ

Nahm_Tect : มึงก็เป็นเพื่อนรักที่สุดของกูเหมือนกัน

Nahm_Tect : ตี๋
Nahm_Tect : กูหวงมึงได้ใช่มั้ย


คำถามสั้นๆของมันทำให้ผมขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก
เชี่ยน้ำแม่ง….

บางทีผมก็เกลียดความรู้ทันกันของเราสองคนซะจริงๆ
ห่าเอ้ย..

บทสนทนาของผมกับมันมีข้อความที่มองไม่เห็นแทรกอยู่ระหว่างบรรทัด
ข้อความที่ดูเหมือนจะคลุมเครือ แต่ตรงไปตรงมาจนเหลือเชื่อ
และมันรู้ว่าผมจะเข้าใจ...

ไอ้น้ำไม่ได้เลือกใช้คำผิด มันเข้าใจดีว่ากำลังพูดถึงความรู้สึกประเภทไหน
ความรู้สึกบางอย่างที่ถ้าใครสักคนพูดออกมา ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม

บางอย่างที่มันไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ
บางอย่างที่ผมเคยสงสัยในการกระทำของมัน 
บางอย่างที่ตอนนี้ผมค่อนข้างแน่ใจ

ผมเคาะนิ้วลงกับโทรศัพท์ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ตอบ

Wyn_Tect : ห่วงกูก็พอ

ไอ้น้ำเงียบไปพักหนึ่ง
เชื่อเถอะครับ ว่าผมจ้องรอคำตอบของมันอย่างตั้งใจ พอๆกับที่ผมพิมพ์ตอบมันไป

Nahm_Tect : กูก็ห่วงมึงตลอดแหละ
Nahm_Tect : มึงน่ะ คิดมาก ชอบเก็บอะไรไว้กับตัวคนเดียว กลัวเสียฟอร์มเป็นที่สุด มันแดกได้มั้ยล่ะฟอร์มน่ะ
Nahm_Tect : ปล่อยๆไปบ้าง ไม่ต้องเฟอร์เฟคไปซะทุกอย่างหรอก
Nahm_Tect : เก่งจังไอ้เรื่องในตำราเนี่ย นี่เอาตัวรอดมั้ยเนี่ยออกมาจากมหาลัยแล้ว ปกติต้องให้พวกกูช่วยทุกเรื่อง
Nahm_Tect : แถมยังไม่ชอบดูแลตัวเอง ไม่ได้อยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่เดือน มึงยังปล่อยตัวจนเป็นลมคาสนามว้ากเลย

Wyn_Tect : เดี๋ยวๆ

Nahm_Tect : จนป่านนี้กูยังไม่เข้าใจเลย น้องๆ กรี๊ดมึงได้ไงวะ ตัวก็เตี้ย เซนส์ก็ช้า ตามคนอื่นไม่ค่อยจะทัน
Nahm_Tect : อะไร


มาซะนอนสต็อปเลยนะไอ้เชี่ย

Wyn_Tect : นี่ความเป็นห่วงของมึงเหรอ เหมือนจะเก็บกดมานานนะ

Nahm_Tect : เออ มีปัญหาเหรอ

Wyn_Tect : ถ้าจะพิมพ์ชนาดนี้ โทรมาด่ากูเลยมั้ยล่ะ

Nahm_Tect : ไม่เอา
Nahm_Tect : กูจะพิมพ์อย่างนี้แหละ

Wyn_Tect : ไอ้ห่า

Nahm_Tect : เข้าใจความเป็นห่วงของกูรึยัง
Nahm_Tect : กูก็จะเป็นห่วงมึงไปแบบนี้แหละ
Nahm_Tect : ทำใจซะ

Wyn_Tect : กูรับรู้ความเป็นห่วงของมึงแล้วครับ ท่วมท้นมาก ขอบใจ


หน้าจอโทรศัพท์ของผมสว่างขึ้นอีกครั้งพร้อมข้อความจากไอ้น้ำ

Nahm_Tect : ฝันดีมึง



ผมจะไม่ถาม และมันจะไม่พูด
จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
มันจะเป็นเพื่อนรักผมเหมือนเดิม

นี่คือความชัดเจนที่สุดเท่าที่เรื่องนี้จะเป็นไปได้
ผมจะไม่แลกความเป็นเพื่อนกับอะไรแบบนี้แน่ๆ


_ _ _ _


7.45

เป็นวันอาทิตย์ที่ไม่สดใสเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ

ผมนั่งกินขนมปังปิ้งเปล่าๆ อย่างไร้รสชาติและไร้อารมณ์อยู่บนโซฟา ตาก็มองวิวตึกด้านนอกไปเรื่อย
ในหัวก็ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมต้องตื่นขึ้นมาเช้าขนาดนี้… ไม่สิ.. ต้องถามว่า ทำไมคำถามบ้าๆบอๆ ที่ไอ้น้ำไลน์มาเมื่อคืนนั่นยังติดอยู่ในหัวผมอยู่เลยวะ

เราเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยวะ

ผมละมือจากการกินแล้วหันมากดโทรศัพท์ กะว่าจะหาโน่นนี่อ่านแก้เบื่อรอขนมปังย่อยซักหน่อย แล้วค่อยกลับไปนอนเล่นที่เตียง เจ็ดโมงนี่มันเกินไปสำหรับวันหยุดนะครับ

ว่าแต่ นี่ผมไม่ได้เข้าไปดูตั้งแต่เมื่อคืนก่อนจะนอนเองนะ ทำไมเฟสบุคถึงมีการแจ้งเตือนเยอะจัง
มีความรู้สึกว่าจะพลาดข่าวใหญ่.. ผมรีบกดเข้าไปดูความเคลื่อนไหวในหน้าฟีดของตัวเอง

Pete Poramech add 3 photos of you
And 209 others recently liked a photo that you are tagged in
89 comments on a photo that you are tagged in


แหม่ ช่างป๊อบสมเป็นอดีตถาปัตย์คิ้วท์บอยจริงๆ

เมื่อวานนี้ที่ไปดูหนัง พีทถ่ายเซลฟี่กลุ่มใหญ่เอาไว้ตอนที่พวกเรานั่งคุยกันอยู่ที่ร้านกาแฟ ภาพที่ออกมาเลยกลายเป็นแก๊งค์ชายล้วนห้าคนที่ประกอบด้วยพวกผมและไอ้เด็กหวานหน้าหล่อ ดูแบบนี้เหมือนผมกับอาร์ตเป็นผู้จัดการพวกมันเลยว่ะครับ มีคอมเมนต์จากคนในคณะ กรี๊ดแตกกันไปเมื่อตัวท็อปในอดีตกับปัจจุบันมาอยู่ด้วยกัน

อีกสองรูปเป็นตอนที่พวกผมไปรับน้องแนนที่คณะ อื้อหือ เจตนาของมึงนี่ชัดเจนมาก อยากแท็กหาน้องสาวคนสวยของไอ้น้ำสินะ คราวนี้คอมเมนต์จากเพื่อนผู้ชายนี่มาเต็ม แซวกันไปเลยครับยาวๆ เรียกไอ้น้ำเป็นพี่เขยกันเกือบทุกคน นี่ถ้าน้องแนนมาเห็น (ซึ่งก็น่าจะเห็นแล้ว ก็ยังมากดไลค์รูปอยู่นี่เลย) ก็น่าจะออกแนวกลัวกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ซะมากกว่า ส่วนไอ้ตัวพี่ชายนี่ก็ได้แต่คอมเมนต์หวงน้องฟ่อแฟ่ไปเรื่อย

คิดแล้วเผลอก็ถอนหายใจออกมาแบบไม่รู้ตัว
เฮ่อ ไอ้น้ำ...

หน้าจอผมกระพริบขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนจะมีคนเมนชั่นผมในรูปของใครสักคน
ว่าแต่อะไรจะแจ้งเตือนเยอะได้ขนาดนั้นนะ

Whann Aran Werawongnusa add a photo of you
And 507 others recently liked a photo that you are tagged in
241 comments on a photo that you are tagged in
198 mentioned you in the comment



อื้อหือ มาแรงแซงทางโค้ง ปีหนึ่งนี่มันล้อเล่นด้วยไม่ได้จริงๆ นี่ขนาดรูปเดียวกันนะ
คงได้เวลาหลีกทางให้เด็กรุ่นใหม่ซะละมั้งเพื่อนพีท ผมคิดในใจแล้วเลื่อนมือไปกดดูรูป

ไอ้ชิบผาย!

กูเข้าใจแล้วว่าทำไมมีคนคอมเมนต์ถล่มทลายขนาดนี้
ไอ้เด็กห่านี่ไม่ได้อัพรูปที่ร้านกาแฟ แต่เป็นรูปเซลฟี่คู่กับผมที่คลีนิครักษาแมว
ไอ้รูปมุมกล้องบ้าๆที่ดูแล้วเหมือนผมกับมันจับมือกันนั่นแหละครับ ใครใช้ให้มึงอัพลงเฟสบุควะเนี่ยยยยยย
ไอ้เด็กหอยหลอดดดดดด

เอาใหม่..
นับหนึ่งถึงสิบก่อนตี๋วิน หายใจเข้า หายใจออก

...
ถึงยี่สิบก็ได้เอ้า จะตกใจทำไมก็แค่รูปไง
เห็นมั้ย มีคนกดไลค์แค่.. ห้าร้อยกว่าคนเอง..
ไอ้ชิบหาย นี่มันเป็นซัมวันขนาดนั้นเลยเหรอครับ   

พอเลื่อนๆ ดูคอมเมนต์ด้านล่างก็พบว่า ร้อยละเก้าสิบนี่คือคำชมความหล่อของไอ้เด็กแสบ หวาน/น้องหวานน่ารักจังอย่างนั้นอย่างนี้ ที่เหลือคือถามเรื่องแมวว่าทำไมถึงมีหูข้างเดียว แต่ร้อยละร้อยของคอมเมนต์ที่ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกหน้าร้อนหัวร้อนไปหมดคือแซวล้วน ชาวคณะเล่นกันแบบไม่มียั้งแถมเปิดประเด็นไว้อีกเพียบ ไหงผมไปถ่ายรูปอยู่กับมันได้ แมวใคร ทำไมพี่วินกับน้องหวานสนิทกัน เป็นอะไรกันรึเปล่า แฮชแท็กทีมอกหัก แถมมีจำนวนไม่น้อยที่ถามว่า นั่นจับมือกันอยู่รึเปล่า มีการซูมรูปดูแล้วหวีดกันไปว่านี่มันภาคต่อของเกมที่ทะเลชัดๆ ชงกันแรงยิ่งกว่าชาตรามือ เออสิ กูเป็นคนถ่ายเองยังเข้าใจแบบนั้นเลย บ้าบอที่สุด

แล้วไอ้หวานก็กดไลค์คอมเมนต์แบบนี้ซะเยอะจริง นี่มึงไม่กลัวคนเข้าใจผิดไปกันใหญ่เรอะ
ไม่เข้าใจความคิดมันเลยครับเอาจริงๆ มีข่าวกับรุ่นพี่ปีแก่แถมยังเป็นผู้ชายอีก คะแนนนิยมตกนะโว้ย
หัดออกมาแก้ข่าวซะบ้างสิไอ้บ้านี่

ผมพิมพ์ใส่ช่องคอมเมนต์แล้วก็ลบทิ้งอยู่สองสามรอบ ก่อนจะคิดว่า ช่างแม่งมันเถอะ เดี๋ยวกระแสแบบนี้ก็หายไปเอง
เหมือนตอนเป็นพี่ว้ากเมื่อปีสาม ด้วยความที่ผู้หญิงมันน้อยหรือยังไงไม่รู้ พวกเราผ่านจุดนั้นมาหมดแล้วครับ จับคู่กันทุกความน่าจะเป็นมาหมดแล้ว #น้ำพีท #พีทอาร์ต #น้ำวิน #บอยพีท #เฟิร์สปั่น หรือจะสายโหดอย่าง #กล้าเฟิร์ส ก็ยังมี เต็มไทม์ไลน์ไปหมด อันหลังสุดนี่ไอ้อาร์ตเคยกดเข้าไปอ่านเล่นๆที มันถึงกับล่าถอยออกมาเลยนะครับ

กะอีแค่คนแซวแบบนี้ไม่สะเทือนหนังหน้าผมหรอก
แต่วันนี้รู้สึกแอร์มันร้อนแปลกๆ ขอไปอาบน้ำก่อนละกันนะครับ

_ _ _ _


11.20


“ดีจังนะครับ จิ๋วใกล้จะหายแล้ว ตัวก็โตขึ้น แรงเยอะอีกต่างหาก ดูสิ วันนี้กัดนิ้วผมเป็นรูเลย”
“อือ”
“หิวมั้ย กินอะไรก่อนกลับคอนโดมั้ยครับ”
“...”
“พี่วิน?”


แอร์เย็นๆในรถนี่มันดีจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อรถติดแล้วไม่ต้องขับเอง

ตอนนี้ผมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ BMW คันเดิมของเด็กหวานเพื่อจะกลับคอนโดหลังเสร็จสิ้นภารกิจแมวพ่อลูกอ่อนวันอาทิตย์ของผม จริงๆแล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับไอ้หน้าหล่อที่ขับรถอยู่เลยซักกะติ๊ด แต่ไปๆมาๆก็กลายเป็นภารกิจของไอ้เด็กหวานตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่จะต้องมาช่วยผมจับแมวเพื่อล้างแผลที่คลีนิคแล้วขับรถไปส่งผมที่คอนโดทุกวี่ทุกวัน อยากจะถามว่ามีบ่อน้ำมันอยู่หลังบ้านเหรอครับคุณ? รับส่งกูยิ่งกว่าสาวอีกมั้ง..

เออ.. นี่มันมีแฟนรึเปล่าวะ ผมขมวดคิ้ว ไอ้เราก็ไม่เคยถามซะด้วยสิ

เอาเวลามาขลุกกับผมแบบนี้ ถ้าเป็นแฟนมันก็คงหึงตาย ดักเก็บผมระหว่างทางแน่ๆ
นี่เมื่อคืนแม่งดันอัพรูปชวนคิดว่าผมกับมันมี “ซัมติง” แถมยังเพิ่มด้วยการกดไลค์คอมเมนต์สองแง่สองง่ามเข้าไปอีกจนตอนนี้ผมถึงกับต้องปิดการแจ้งเตือนของเฟสบุคเลยนะครับ ไอโฟนจะค้างเอา

ทำไมไม่ปฏิเสธไปให้มันจบๆ จะไปกดไลค์ให้หัวให้หูร้อนแบบนี้ทำไม

หรือมันจะมี “ซัมติง”
กับคนแก่กว่ามันตั้งห้าปีอย่างผมเนี่ยนะ…
บ้าแล้ววินเอ้ยย


“ทำไมวันนี้เงียบจังเลยล่ะครับ”

“...”

“พี่วิน?”

“ห้ะ อะไรๆ” ผมสะดุ้งเมื่อมีฝ่ามือใหญ่ๆของหวานมาโบกอยู่ตรงหน้า

“ไม่สบายหรือเปล่าครับ” 

“เปล่า เปล่า สบายดี เห้ย จะหันมามองทำไม ขับรถไปดิ่ เดี๋ยวก็ชนหรอก” ผมรีบพูด แน้ะ ยังมาจ้องหน้าอีก

“ไม่สบายแน่ๆ” ไม่พูดเปล่า ยังเอามือเอื้อมมาอังหน้าผากทำเอาผมสะดุ้ง

“เห้ย!!”

“ตัวร้อนจริงๆด้วย” เจ้าตัวพูดในขณะที่ตายังมองถนนอยู่

“กูสบายดี!” ผมพูดเสียงดังแล้วดันมือมันออก

“อา ถึงคอนโดแล้วทานยาหน่อยก็ดีนะครับ” มันพูดยิ้มๆ   

“เยอะ”

“น้อยแล้วครับ สำหรับพี่เนี่ย” คนเด็กกว่าพูดหน้าตาเฉย แล้วฮัมเพลงต่ออย่างอารมณ์ดี

“...”

“อา...” มันยกมือขึ้นเกาข้างแก้ม

“เออใช่ ว่าจะถาม งานที่บอกให้ปรับนี่แก้รึยังน่ะ” ผมถามขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ขอบคุณสมองตัวเองจริงๆ ที่เปลี่ยนเรื่องได้ แม้จะดูแถไปหน่อยก็ตาม “นี่ไฟนอลดีไซน์วันไหนเนี่ย”

“แก้แล้วครับ แต่ยังไม่เสร็จ เดี๋ยวว่าใกล้ๆ จะให้พี่ดูอีกที ส๋งพาร์ทแรกอังคารหน้า ส่วนไฟนอลจริงๆโน่นครับ น่าจะหลังสอบ”

“อืมม นี่คือใกล้จะสอบแล้วใช่มั้ย ปิดภาคน่ะ” 

“เอ่ออ..” หวานทำท่านึก “ใช่ครับ อีกเกือบเดือน”

“ก็ยังมีเวลานะ อย่าลืมอ่านหนังสือด้วย พวกประมาทฮิสทรี่นี่คาบเอฟกันมาแล้วรัวๆ เอ้ย จอดตรงนี้ก็ได้” ผมรีบบอก “เดี๋ยวเดินไปเอง เลี้ยวเข้ามาทำไม” ผมบอก ยิ่งงงหนักเข้าไปอีกเมื่อหวานเลี้ยวรถเข้ามายังที่จอดรถของคอนโด

“มาจอดรถ แล้วกินข้าวกันก่อนไงครับ พี่วินพูดเองนะ”

“หา ตอนไหน” ผมงง

“โห ชวนผมกินข้าวแล้วทำเป็นจำไม่ได้ น้อยใจนะครับเนี่ย” หวานพูดพลางจ้องหน้าผมในจังหวะที่กำลังจะเตรียมถอยรถ

“เอ้าา” ผมร้องเสียงดัง กูผิดอะไรร นี่ตกลงกูชวนมึงกินข้าวเหรอ

“เลี้ยงข้าวผมเลย”

“นี่จะมาตลกแดกแบบนี้อ่ะนะ..” ผมล่ะเชื่อเลย

“ไม่ได้เหรอครับ”

“...”

“นะ”

“เออ…เลี้ยงก็เลี้ยง”

ไหนๆผมก็เป็นรุ่นพี่มัน
ใช่มั้ยครับ

_ _ _ _


12.34


ผมกับหวานนั่งตากแอร์อยู่ในคาเฟ่เล็กๆใต้คอนโดของผมหลังจากที่เราจัดการอาหารจานเดียวง่ายๆ ตรงหน้าหมด
วันนี้วันอาทิตย์เลยมีคนอยู่ไม่มาก ร้านเลยโล่งกว่าปกติ นั่งต่อซักหน่อยก็คงไม่เป็นไร
ผมจัดการสั่งอเมริกาโน่ให้ตัวเอง แล้วเลิกคิ้วใส่เด็กตรงหน้าเป็นเชิงถาม   

“น้ำเปล่าก็พอครับ”

“ดีแล้ว อย่าติดเลยกาแฟ.. วันไหนไม่ได้กินนี่ชีวิตพัง” ผมบอกสั้นๆ

หวานยิ้มแล้วพูดขึ้ยเบาๆ “ไม่ใช่แค่คาเฟอีนหรอกครับที่ติดได้น่ะ”

“เออ จะคาเฟอีน บุหรี่ เหล้า หรือกระทั่งน้ำตาล มากไปมันก็ติดทั้งนั้นแหละน่า” ผมว่า

“ไม่ใช่สักหน่อย พี่นี่นะ…” มันหุบยิ้มแล้วถอนหายใจพรืด ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ แลทำเอาหัวเหอยุ่งไปหมด

อะไร กูทำไมอีก
ผมมองหน้าอยากจะเถียงต่อ แต่อีกฝ่ายก็หยิบสมุดสเก็ซออกมาแล้วก้มหน้าขีดๆเขียนๆ แบบไม่อยากคุยต่อ
เหอะ ก็ไม่ได้อยากกวนเด็กอารมณ์ติสต์ แถมพี่สาวคนสวยก็มาเสิร์ฟกาแฟพอดี
ระหว่างรอกาแฟหายร้อน ผมเลยหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นตามความเคยชิน

ไม่มีอีเมลล์เข้าใหม่
ส่วนไลน์… ก็มีแต่พวกแม่งมาแซว.. เรื่องนั้นแหละครับ ผมเหลือบตามองคู่กรณีที่นั่งชิวมองวิวริมหน้าต่างแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว
สบายใจจังนะมึงเนี่ย มือถือกูจะค้างเอา ผมเลื่อนฟีดในเฟสบุคดูไปเรื่อย โชคดีไปที่หัวข้อผมเริ่มซาลงไปแล้ว ผมเลยตัดสินใจเปิดการแจ้งเตือนไว้เหมือนเดิม คงไม่มีอะไรแล้วแหละ

พอผมเงยหน้าขึ้นมาจะหยิบกาแฟ ก็เจอกับคนที่นั่งเท้าคางมองอยู่ก่อนแล้ว “เห็นโพสรึยังครับ”

อะไรของมึ๊ง “เออ เห็นแล้ว”

“ไม่เห็นมาคอมเมนต์หรือกดไลค์เลยนี่นา” หวานพูดยิ้มๆ “มีคนมาคอมเมนต์กันเยอะเลยนะครับ ไม่ไปตอบหน่อยล่ะ”

“แซวกันไปอย่างนั้นแหละ อย่าไปสนใจเลย พี่ๆน้องๆ กันทั้งนั้น” ผมพูดปัดๆ “กูโดนมาเยอะแล้ว”

“กับพี่น้ำน่ะเหรอครับ” มันถามเสียงเรียบ   

“เอ่อ” ถามอะไรตรงตัวขนาดนั้น “ก็.. อือ”  ไม่รู้ทำไมอยากหลบสายตาที่มันมองมาซะเฉยๆ

“ก็เห็นมีทีม #น้ำวิน เต็มเลย”

“เล่นกันไปเรื่อยอ่ะพวกนี้ ไอ้พีทก็โดน อาร์ตอีก โดนกันทั้งแก๊งค์อ่ะเอาจริงๆ”

“...”

“เอ่อ.. แต่ว่า” ผมสูดหายใจเข้าก่อนจะตัดสินใจพูด “ถ้า ‘ทางมึง’ เข้าใจผิดหรือเขาลำบากใจ ให้กูเคลียร์ให้ก็ได้นะ แท๊กชื่อกูซะขนาดนั้น รู้สึกต้องรับผิดชอบเลยว่ะ” ผมบอกพร้อมมองหน้าหวานไปด้วย

“อืม..”


Rrrr…

คนตรงหน้าผมมองโทรศัพท์ตัวเอง

“แป๊บนึงนะครับ” พูดจบหวานก็ลุกขึ้นเดินเร็วๆ ไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน หน้าตางี้บูดเชียว
แต่ไม่นานนักมันก็เดินกลับมา

“ต้องไปแล้วล่ะ”

“อือ” ผมพยักหน้า

“เรื่องรูป.. ไม่ต้องเคลียร์หรอกครับ ‘ทางผม’ ไม่ได้เข้าใจผิดอะไร” มันว่า “น่าจะยังไม่เข้าใจมากกว่า”

“หา..” แล้วมันจะดีเหรอวะ

“เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” มันตัดบท “ผมไปก่อนนะ” หวานยกมือเป็นสัญญาณบอกลา ทำไมมึงไม่ไหว้กูสักทีวะ

“อ่ะ อือๆ ขับรถดีๆ” ผมโบกมือตอบมันแบบงงๆ แล้วมองคนตัวสูงเดินก้าวยาวๆ ออกไปจากร้าน

มันเอาที่ไหนมามั่นใจนะ ว่าแฟนมันจะไม่เข้าใจอะไรผิด
แล้วไอ้ยังไม่เข้าใจนี่คืออะไรวะ ไอ้นี่ชอบพูดอะไรประหลาดๆอยู่เรื่อย

ผมถอนหายใจพลางจิบกาแฟไปด้วย
เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหน้าจอที่ยังค้างอยู่ที่เฟสบุคก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
ส่องเฟสบุคต่อดีกว่า

นั่งเล่นจนเพลิน รู้ตัวอีกทีกาแฟก็เหลือติดแค่ก้นแก้วแล้ว
ผมอัพเดทหน้าเฟสบุคฟีดอีกครั้ง ก่อนชื่อของคนเด็กกว่าจะปรากฏให้เห็น

Whann Aran Werawongnusa added a new photo
รูปวาดลายเส้นแก้วกาแฟอเมริกาโน่กับแก้วน้ำเปล่าถูกโพสลงบนหน้าวอลล์ของหวาน   

ผมมองมือถือสลับกับโต๊ะตรงหน้า รูปของแก้วพวกนี้ชัดๆ

วาดไปตอนไหน
ไม่เห็นรู้ตัวเลย

_ _ _ _

โฮฮฮ
กลับมาแล้วค่ะ
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ

ตอนนี้เขียน-ยาก-มาก-มาก เลยค่ะ ฮือออ /แถไปซบคนอ่าน
เขียนแล้วลบเขียนแล้วลบอยู่หลายสิบรอบมาก
สายใยบางๆระหว่างกันแบบนี้เปราะบางมาก ทั้งน้ำทั้งวินเลยไม่อยากจะพูดคำนั้นออกมา
รู้ตัวกันทั้งคู่ล่ะค่ะ ว่าถ้าใครพูดหรือถามออกมา มิตรภาพมันจะไม่เหมือนเดิม

ส่วนที่ว่าทำไมน้ำถึงมาถามเอาตอนนี้.. ก็เพราะเห็นจากเฟสบุคของเด็กหวานนั่นแหละค่ะ ชาวคณะก็ชงกันจ๊างง
ความหวงเพื่อนเลยพุ่งปรี๊ด

หวังว่าจะชอบกันค่ะ

พบกันตอนหน้านะคะ
เลิฟฟ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 15 P.4 ✽update 7.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 08-09-2017 09:59:00
ชอบมากกกก ฉากน้ำกับวินเขียนได้ดีค่ะ สงสารน้ำเลย ส่วนพี่วินก็มึนๆ สงสารหวานเหมือนกัน  :ling1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 15 P.4 ✽update 7.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-09-2017 18:01:55
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 15 P.4 ✽update 7.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-09-2017 18:29:13
เนี่ยยยย พี่วินเข้าใจเพื่อน แต่ยังไม่เข้าใจน้องใช่ไหมล่าาาาา?

ต้องให้น้องมาหยอดบ่อยๆเนอะ จะได้หายซึน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 15 P.4 ✽update 7.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-09-2017 01:00:10
สนุกแล้วก็ดูเรียลมากๆเลยค่ะ ชอบมากๆ รอตอนต่อไปนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 15 P.4 ✽update 7.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: changemoo ที่ 25-09-2017 03:09:46
และแล้วเราต้องคอมเม้น (ปกติเป็นนักอ่านเงา ขอโทษด้วยน้าาา) สังเกตมาตั้งแต่ช่วงแรกๆล่ะว่าน้ำค่อนข้างพิเศษกับวิน แต่ก็ไม่ไปต่อเพราะความสัมพันธ์ของเพื่อน หรืออาจจะสับสนความรู้สึก เราค่อนข้างชอบตัวละครทุกตัวช่วงแรกเพราะมีคาแรคเตอร์ตามแบบที่เราชอบ พออ่านมาเรื่อยๆแต่ล่ะตัวละครมีมิติมากขึ้นซึ่งดีมากก แต่ก็ทำให้เราเชียร์หวานน้อยลง ฮ่าาาาา เพราะตัวละครสื่อความต่างของอายุได้นะและเราไม่ค่อยชอบคนที่อ่อนกว่าเท่าไหร่(ประหนึ่งตัวเองเป็นวิน) ส่วนตะวันยังไม่ได้ทำความรู้จักจริงจังเลยวางตัวเป็นกลางไว้ก่อน ส่วนน้ำซึ่งดูจากตอนนี้คงไม่มีหวัง ถ้าน้ำเป็นคนที่...อธิบายไม่ถูก แบบว่าไม่สับสน งงงวยกับความรู้สึกตัวเอง(จริงๆก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่ไม่ใช่สเปคเรา)  เราก็คงเชียร์มากๆด้วย สรุปแล้วเราชอบวินที่สุดในเรื่องนี้ น่าร้ากกกก คู่กับพี่ฝ้ายไปเลยค่ะ สุดท้ายยเราชอบเรื่องนี้น้าาา ไม่ว่าใครได้ใจวิน เราก็จะติดตามเรื่องนี้ต่อไปฮับ
ปล.ถึงหวานมาแรงมากๆๆๆก็เถอะ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 15 P.4 ✽update 7.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 26-09-2017 07:24:47
 :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 15 P.4 ✽update 7.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 26-09-2017 17:07:41
 :hao7: :mew2:คิดถึงตั๋วินแล้ว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 15 P.4 ✽update 7.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 27-09-2017 11:32:56
  :z13:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 28-09-2017 23:30:49
ความเสี่ยงที่ 16

11.14
วันพุธ


“พี่วินคะ มีลูกค้ามาพบค่ะ”
 
“หา” ผมเงยหน้าเหวอๆขึ้นจากกองเอกสาร “ดีไซน์เนอร์ของ XX อ่ะนะ พี่ไม่ได้นัดคุยกับวันพฤหัสเหรอ นี่วันอะไรนะ” ลืมวันลืมคืนไปหมดแล้วเนี่ย

“วันนี้วันพุธค่ะ แต่.. เอ่อ ไม่ใช่จาก XX อ่ะพี่” น้องแคร์ฟังโทรศัพท์ต่อ “พี่จอยให้รอในห้องประชุม 2 ค่ะ”

ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนจะรวบกระดาษตรงหน้าไปไว้ฟากหนึ่งของโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดิน
อะไรวะเนี่ย นัดก็ไม่ได้นัด นึกจะมาก็มาเหรอคร้าบบบ ถ้าติดประชุมจะทำยังไง ทำไมไม่นัดก่อนนนน โว้ยยยย คิดว่าพรี่เป็นใครครับเนี่ยยย

ผมมองปลายเท้าตัวเองขณะที่เดิน ถอนหายใจหนักๆก่อนจะเงยหน้าแล้วผลักประตูกระจกเข้าไป

อ่อ..
เออ พี่ไม่ต้องนัดหรอกครับ
ทุกคนต่างหากที่ต้องคลานเข่าพร้อมกรวยบายศรีเข้าไปนัดพี่

“พี่ตะวัน มาได้ไงครับเนี่ย”
ร่างสูงที่กำลังยืนพินิจพิจารณาชั้นวางโมเดลในห้องหันกลับมาอย่างว่องไว แค่เห็นสูทคัตติ้งเรียบเป๊ะแบบนี้ก็จำได้แล้วล่ะ

“สวัสดีครับวิน” อีกฝ่ายยิ้มให้ผมอย่างอารมณ์ดี “พี่เพิ่งกลับจากเกาหลีน่ะ วันนี้ยังว่างๆอยู่เลยเอาของมาฝาก”

“จะมาทวงงานด้วยล่ะสิครับ” ผมพูดขำๆ

“นั่นก็ด้วยครับ อยากเห็น mood and tone บอร์ดแล้ว” 

ผมอ้าปากค้าง ชิบผาย พ่อมาทวงงาน! ยังไม่เสร็จครับพูดเลย ก็เพิ่งจะส่งคอมเมนต์มาวันจันทร์ตอนกลางคืนเอง นี่ยังอยู่ที่พี่มีนฝ่ายแบรนด์ดิ้ง รายชื่อผู้ออกแบบก็ยังไม่ครบห้าเจ้า ตายห่าาาาา ในระหว่างที่กำลังคิดหาคำตอบที่ไม่ตลกแดกจนเกินไป คนตัวสูงก็หัวเราะขึ้นมา

“ฮ่าๆ พี่พูดเล่นครับวิน ดูทำหน้าตลกเชียว”

“หาา” ผมทำหน้าเหลอหลา

“พี่เอาของมาฝากเฉยๆน่ะ จะได้มีกำลังใจทำงาน” ว่าแล้วก็หยิบถุงขนมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาโชว์

“ใจหายหมดเลย” ผมว่า “ได้ยินว่าทวงงานนี่ขนลุกเกรียวเลยครับ”

“ฮ่าๆ นี่อันนี้จากเกาหลี ส่วนอันนี้จากเซี่ยงไฮ้ครับ ลองแล้ว อร่อย รับประกัน” คนในชุดสูทยกไม้ยกมือประกอบแล้วส่งถุงขนมให้

“ขอบคุณครับ นี่พี่ตะวันซื้อมาเยอะแบบกินได้ทั้งออฟฟิสเลยเนี่ย อ้วนชัวร์” ผมบอกขอบคุณ ขนมสามถุงใหญ่ๆในมือหนักพอควร ผมเลยวางไว้ที่เก้าอี้ด้านหน้า

“แล้วก็นี่ อันนี้ของวิน” คุณตะวันยิ้มกว้างก่อนจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูท หยิบถุงกระดาษเล็กๆ ออกมา “พี่ให้”

“เห้ยยยยยย” ผมเผลอร้องเสียงดัง “พี่ไปหามาได้ยังไงน่ะครับ!!!”

ผมมองถุงกระดาษในมือพี่ตะวันแล้วทำตาโต
นี่มันปากกาหมึกซึม LAMY สีน้ำตาลแบบลิมิเตดที่ collaboration กับ LINE friend มีขายเฉพาะที่เกาหลีนี่! แถมไม่ได้หาง่ายนะครับ Sold out ทั้งประเทศ ของมาทีจะตีกันตาย! ตอนนี้ราคาน่าจะพุ่งไปที่ด้ามละเกือบๆ ห้าพันบาทแล้ว

พี่ตะวันอมยิ้ม “เห็นวินชอบ LAMY พี่ว่าน่าจะชอบ”

“แต่ว่า มันแพงนะครับ ผมรับไว้ไม่ได้หรอก” 

“รับไปเถอะครับ นี่พี่มีอีกหลายแท่งเลย ไปประชุมแล้วเขาแจกมา”

“หา ประชุมอะไรครับเนี่ย” ผมทำหน้าไม่เชื่อ เบี้ยประชุมแจกเป็นปากการึไง

“ฮ่าๆ อย่าเป็นเด็กขี้สงสัยสิครับ” พูดจบก็ยัดถุงปากกาใส่มือผมหน้าตาเฉย

“เอ้าาาา” ผมร้องโวย
ไอ้นิสัยชอบเปย์ของพี่แกนี่คงเกินเยียวยาแล้วล่ะ

“ใช้ด้วยนะครับ อย่าเก็บไว้เฉยๆ” คนในชุดสูทยกมือขึ้นดูนาฬิกา “เดี๋ยวพี่ต้องไปล่ะ ไว้คุยกันนะครับ”

“อ่าา ครับ”

แล้วคุณตะวันก็เดินตัวปลิวออกไปจากห้องประชุม ทิ้งผมไว้กับขนมถุงเบ้อเร่อและปากกาลามี่ในมือ
นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป นี่มันนิสัยคนรวยจริงๆเลยแฮะ

_ _ _ _

18.36

“อื้อ”

(ขอโทษนะครับ)

“เห้ย ไม่เป็นไร จะขอโทษทำไมเล่า ไปทำงานดิ่”

(ก็สัญญาว่าจะไป)

“ติดงานก็ติดงานดิ่ ไปทำงานไป ห่วงอะไรหนักหนาเนี่ย”

(ครับ ครับ)

ผมกดวางสาย
ไอ้หวานโทรมาบอกครับว่าทั้งอาทิตย์ที่เหลือนี่มันไปดูจิ๋วไม่ได้ ต้องทำโปรเจ็กงานกลุ่ม เตรียมพรีเซนต์อะไรไม่รู้
เออสิ มึงเป็นนักศึกษานะ ไม่ใช่หมอแมว จะมัวมาขลุกอยู่ที่คลีนิคทำไม อยู่ไปสิสตูดิโอน่ะ

จะว่าไป ตอนปีหนึ่งผมว่างขนาดมันเลยเหรอครับ ไหนจะงาน Design fundamental ไหนจะ sketch design ที่ต้องส่งความคืบหน้ากันทุกวันอังคารกับศุกร์ก็แทบจะลากเลือดแล้ว ไม่นับพวกวิชา Construction ที่แทบจะเอาตัวไม่รอดตอนเทอมแรก โชคดีหน่อยที่พวกวิชาทฤษฎีแบบประวัติศาสตร์ศิลป์หรือ Design Principle อาศัยฟังๆเอาในห้องเอาได้ กว่าจะปรับตัวได้นี่ก็ปาเข้าไปเกือบขึ้นปีสองแล้ว

แม่งเอาเวลาที่ไหนมาดูแลแมวจิ๋วได้เกือบทุกวันวะ นี่ไม่นับที่พักนี้แม่งชอบโทรมาถามงานบ้าง ไลน์มากวนประสาทผมบ้างตอนกลางคืนด้วยนะบางที มึงไม่ทำงานเหรอครับเด็กหวาน ไหนจะ 'คนทางนั้น' ของมันอีก เอาเวลาที่ไหนไปเทคแคร์แฟนวะ มาหยอดไปหยอดมากับกูอยู่ได้

มันก็แค่เด็กปีหนึ่ง
จะไปเอาอะไรจริงจังกับมันใช่มั้ยครับ

“วินไปยัง เดี๋ยวพี่จะกลับละ” เสียงพี่ฝ้ายเรียกผมจากประตูทางเข้า

“อ้ะ กลับครับ” ผมกวาดของลงกระเป๋า
ไม่ลืมหยิบเอาถุงปากกาที่ได้จากคุณชายตะวันไปด้วย

เออ จู่ๆก็ได้ปากกาฟรีแฮะ   

ผมเดินออกจากออฟฟิสไปกับเจ้านาย ในใจก็คิดว่า เย็นนี้หลังจากไปเยี่ยมจิ๋วแล้วไปดูหนังดีมั้ยนะ
หรือว่าจะไปซื้อของที่ห้างดี ของสดในตู้เย็นจะหมดรึยัง 

“อ้าว วินไม่ไปรถไฟฟ้าเหรอ” พี่ฝ้ายถามเมื่อเห็นผมทำท่าจะเดินไปอีกทาง

“ไปทำธุระนิดหน่อยครับ”

“แน่ะ นัดใคร”

“แมวน่ะครับ”

พี่ฝ้ายทำหน้างง

“แมวจริงๆ น่ะพี่ เมี้ยว” ผมยกมือขึ้นเป็นแมวกวักแล้วทำเสียงประกอบ

“แหมมม ” อีกฝ่ายหัวเราะแล้วเอามือตีไหล่ผม “ต้องแบ๊วเบอร์นี้เลยเหรอยะ” 

“ฮ่ะๆ มันโดนน้ำร้อนลวกเอาน่ะครับ บังเอิญผมไปเจอมันพอดีเลยเอามารักษา”

“ห้ะ”

ผมพยักหน้าพร้อมเปิดหารูปในโทรศัพท์ให้ดู “นี่ไง”

“โอ้ย หูหายไปไหน น่าสงสารจังลูกก” พี่ฝ้ายร้องขึ้นหลังจากหยิบมือถือไปดู “แล้วนี่รักษามานานรึยัง ไม่เห็นบอกเลย” เจ้ฝ้ายผมนี่ก็ทาสแมวนะครับ ที่บ้านแกมีอยู่สองตัว เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กแต่น้อย

“สักสามอาทิตย์แล้วล่ะครับ ที่คลีนิคตรงซอย 3 นี่เอง” ผมบอก “ไปด้วยกันมั้ยล่ะครับ”

“เอาสิ วันนี้พี่ไม่ได้รีบไปไหน”

เป็นอันว่าผมได้คนเดินไปคลีนิคเป็นเพื่อนอีก 1 ea

_ _ _ _

19.07

วันนี้การรักษาแมวจิ๋วเป็นไปได้อย่างราบรื่น สภาพแผลดีขึ้นมาก แถมตัวแสบก็ยังร่างเริงแรงดีไม่มีตก เกาะไหล่ปีนหัวแทะนิ้วผมได้สบายๆ พอถึงเวลาเล่นเจ้าตัวเล็กก็ตาแป๋วเมื่อเจอคนหน้าใหม่ เดินเข้าไปดมๆอย่างตื่นเต้น พี่ฝ้ายคงมีกลิ่นแมวจากที่บ้านติดมา
 
“นี่ค่ะน้องวิน” พี่ผู้ช่วยพยาบาลส่งใบแจ้งค่ารักษาของอาทิตย์นี้มาให้ผมเซ็น ในขณะที่พี่ฝ้ายกำลังอุ้มจิ๋วเล่นอยู่

“เอ้ย พี่ออกให้เอง ถือว่าช่วยกันๆ” เจ้านายคนสวยของผมชะโงกหน้าเข้ามาดู “อ้ะ ไม่ต้องเถียง ชั้นเป็นเจ้านายเธอ” ผมที่กำลังจะส่งเสียงค้านโดนพูดดักคอไว้ “นี่ต้องรักษาอีกนานมั้ยคะ” พูดพลางส่งจิ๋วให้ผมอุ้ม ส่วนตัวเองก็ค้นกระเป๋าสตางค์ยื่นเครดิตการ์ดให้เจ้าหน้าที่ไป

“อีกสักอาทิตย์ก็กลับบ้านได้แล้วค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องขูดเนื้อตายแล้ว รอให้แผลแห้งอย่างเดียว”

เออว่ะ ผมยังไม่ได้นึกเลยว่าจะทำยังไงกับจิ๋วต่อ
คงต้องหาบ้านให้แล้วสินะ.. ยังไงดีล่ะเนี่ย

“พี่ก็อยากรับอยู่หรอกนะ แต่เด็กๆที่บ้านสองตัวก็ไม่ไหวละ” พี่ฝ้ายโอดครวญ เอามือเกาคอแมวจิ๋วที่อยู่ในมือผม

“น้องวินฝากไว้ที่คลีนิคก่อนก็ได้ค่ะ หาบ้านได้แล้วค่อยมารับไป” พี่ผู้ช่วยแนะนำ

หลังจากเล่นกับจิ๋วไปเพลินๆ จนรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะสองทุ่มก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับ ผมเอาเดินเอาจิ๋วไปใส่กรงก่อนจะเคาะหัวบอกลาแมวหูเดียวที่ทำตาใส มันเอาหัวถูมือผมแล้วร้องเมี้ยวกลับมา เฮ่ออ จะทำใจเอาไปให้คนอื่นเลี้ยงได้ยังไงล่ะเนี่ย

หรือผมจะแอบเลี้ยงในคอนโดดีนะ

_ _ _ _

22.34

(พี่ลบโพสเดี๋ยวนี้เลย)

“ทำไม”

(ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ยอม)

“โว้ะ!”

มันเวรกรรมอะไรของผมที่ต้องลุกขึ้นมานั่งเถียงเป็นจริงเป็นจังกับเด็กอายุ 18 ตอนเกือบห้าทุ่มแบบนี้วะครับ
หลังจากผมโพสประกาศหาบ้านให้แมวจิ๋วเสร็จ (ไม่ใช่ทำใจง่ายๆนะครับ เขียนแล้วลบอยู่นั่นแหละ) ตั้งท่าเอนตัวพิงหัวเตียงแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านปุ๊บ ไอ้เด็กนี่ก็โทรมาปั๊บ โวยวายใหญ่ว่าไม่อยากยกแมวให้คนอื่น

(เดี๋ยวผมรับมาเลี้ยงเอง)

“หาเวลานอนให้พอก่อนเถอะมึงน่ะ ให้คนอื่นที่เขาพร้อมๆดีกว่า”

(ไม่เอา)

“มีเวลาดูแลที่ไหนล่ะ” ผมถอนหายใจ

(มีดิ่)

“คิดดีๆ นอนยังไม่ค่อยจะได้นอน นี่ปีต่อๆไปหนักกว่านี้อีก กูรับรอง”

(ผมดูแลได้ดิ่ นี่ยังไปหาได้เกือบทุกวันเลย)

“ค่าใช้จ่ายอีกเยอะแยะ ไหนจะค่ายาค่าวัคซีน ค่าอาหาร ต้องดูแลเยอะนะ”

(...)

“น่ะ เห็น-”

(แต่จิ๋วติดผมนะ)

นั่นไง..
ข้อนี้แหละที่ผมก็กังวล ไอ้ตัวแสบยังคงเล่นตัวกับพี่ผู้ช่วย ต้องให้ผมไม่ก็ไอ้เด็กหวานนี่ไปช่วยจับ ไม่งั้นมีอาละวาดข้าวของพังไปเป็นแถบๆ นี่บางวันไม่ว่างตรงกันทั้งสองคน แมวก็ไม่ต้องล้างแผลกันล่ะครับ ทั้งกัดทั้งข่วนจนเขาขยาดกันไปหมด

(ใช่มั้ยล่ะ ให้ผมรับเลี้ยงเนี่ยดีที่สุดแล้ว)

“บอกว่าไม่ให้”

(แล้วพี่จะทำยังไงอ่ะ ให้คนไม่รู้จักนี่ผมไม่ยอมนะ)

นี่ผมไม่เคยเห็นมันเถียงอะไรจริงจังขนาดนี้เลยนะ ให้ตายเหอะ

(พี่จะรู้ได้ไงว่าคนที่จะรับจิ๋วไปเขาจะดูแลดี เลี้ยงแมวเป็นรึเปล่า ถ้าเลือกคนที่มีแมวอยู่แล้วก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวก็ตีกันตาย จิ๋วมันจะไปสู้อะไรใครเขาได้อ่ะ จิ๋วมันคอนดิชั่นเยอะนะครับพี่วิน)

“หวาน”

(ไปเจอพวกเลี้ยงระบบเปิดก็แย่อีก เกิดปล่อยออกไปข้างนอกแล้วจะอยู่ได้ยังไง โดนเจ้าถิ่นรังแกตายเลย)

“ฟังก่อนดิ่”

(รักแมวรึเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ดิ่พี่ ถ้ามันโดนทิ้งอีกจะทำยังไง หูก็มีอยู่ข้างเดียว ขนก็หลุดๆร่วงๆ…. เห้ย หรือคนที่จะมาขอรับจะเอาจิ๋วไปหากิน โพสสร้างสตอรี่ดราม่าๆ หากินจากความสงสาร)

ไปกันใหญ่แล้วไอ้บ้าาาาาาาา

“ไอ้คุณหวานว้อยยยยยยย” ถ้านี่เป็นรถผมนี่ก็เรียกว่ากระทืบเบรคอ่ะครับ

(อะไรล่ะครับ)

“มึงอ่านโพสกูหมดป่ะเนี่ย ว่ามีข้อกำหนดกี่ข้อกว่าจะขอรับจิ๋วได้ ละเอียดกว่ารับมึงเข้าเรียนอีกมั้ง”

(อ่า..)

“ยาวไปไม่อ่านรึไง ชอบอ่านคลิกเบทเหรอ เห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ยห้ะ ไอ้เด็กบ้า…” ผมบ่น

(ก็...)

เออ
แดกจุดไปดิ่

“เขียนไว้หมดแหละ บ้านมีกี่คน ต้องเคยเลี้ยงแมวมาก่อน แมวยังอยู่มั้ย กี่ตัว ประวัติวัคซีนเป็นยังไง วิธีเลี้ยงแมว ให้แมวกินอาหารออะไร สภาพบ้านเป็นยังไง แมวนอนที่ไหน มีสัตว์อย่างอื่นในบ้านมั้ย ข้างบ้านมีหมารึเปล่า นี่กูเป็นนักวิเคราะห์นะครับมึง รอบคอบพอ” ผมพูดเร็วปรื๋อ

(แล้วถ้า..)

ยัง ยังอีก ยังจะเถียงกูอีก…
“ถ้าไม่มีใครรับไป กูนี่แหละจะเอามาเลี้ยงเอง”

(อ๋อ…) เสียงคนเด็กกว่าอ่อนลงไปหลายสเต็ป

“พอใจยังไอ้เด็กยุ่ง”

(ก็ผมตกใจอ้ะ) มันแก้ตัวดื้อๆ

“คิดว่ากูจะใจร้ายอะไรขนาดนั้น”

(ไม่รู้นี่นา ก็ปกติใจร้ายกับผมตลอดเลย) 

นั่น กลายร่างเป็นเด็กสามขวบไปแล้วครับ
“จะหาเรื่องใช่มั้ยห้ะ..” ผมทำเสียงขุ่น

(เปล่าครับ)

“กวนตีน”

(งั้นถ้าพี่เลี้ยงจิ๋ว ผมก็ไปหาได้ดิ่) มันเปลี่ยนเรื่องเฉย

“เออ..”

(สาาาธุ อย่ามีคนรับเลี้ยงเลย ให้พี่วินเลี้ยงเถอะ)

“อะไรของมึง”

(ก็ผมจะได้ไปหาบ่อยๆ)

“...”

(คิดถึง)

“มึงนี่ติดแมวเนอะ”

(ติดพี่ต่างหาก)

เหอออออ…..
“พ่องสิ..” ไอ้เด็กนี่จะหนักข้อขึ้นทุกวันแล้วนะ หยอดไปเรื่อยเลยไอ้นี่

(อะไร ผมจริงจังนะ)

“...”

(พี่วิน?)

“กูจะนอนละ”

(หา?)

“บาย”

แล้วผมก็กดตัดสายมันไปอย่างเร็ว
จะจริงจังอะไรล่ะสัส!! ไปจริงจังกับแฟนมึงโน่น!!

_ _ _ _

18.40
วันพฤหัส


ผมก้มหน้ามองนาฬิกาแล้วถอนหายใจเบาๆ วันนี้ลากยาวอีกแล้ว 

จริงๆแล้วโปรเจ็กนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผมโดยตรงหรอกครับ หลังบรีฟผู้ออกแบบเสร็จแบบชิวๆ ตอนบ่ายสองครึ่ง พี่ฝ้ายก็บอกว่าฝ่ายแบรนด์ดิ้งเขาจะบรีฟทิศทางให้ผู้ออกแบบภายในของคอนโดระดับ A++ กัน ให้ผมเข้าสังเกตการณ์ที่แถวหลังสุด เผื่อเวลาต้องบรีฟอินทีเรียโปรเจ็กต์ของคุณตะวันจะได้เข้าใจ งานอินทีเรียแบรนด์ดิ้งนี่รายละเอียดเยอะยุบยิบ ทั้งพรอบทั้งเฟอร์ตีกันให้ยุ่ง นั่งมาสองชั่วโมงครึ่ง ยังไม่มีท่าทางว่าจะจบเลย

สารภาพตามตรงว่าตอนนี้ไม่ค่อยได้สนใจที่เขาพรีเซนต์กันอยู่เท่าไหร่หรอก มัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยมากกว่า

ก็….เรื่องไร้สาระแหละครับ ไม่สำคัญเท่าไหร่.. หรอกมั้ง……
คือปกติผมก็ว่าเป็นคนมองสถานการณ์อะไรไม่ค่อยพลาดนะ แต่พักนี้เหมือนเซนส์จะเสื่อมไปซะแล้ว
แยกไม่ค่อยออกแล้วครับ อันไหนจริงอันไหนไม่จริง.. ใครพูดจริงพูดเล่น
โว้ย ไม่ชอบเลย อะไรไม่แน่นอนแบบนี้เนี่ย

“วิน”

“...”

“น้องวิน?” พี่มีนฝ่ายแบรนด์ดิ้งที่ยืนอยู่หน้าห้องเอียงคอถาม

ผมทำหน้าเหวอไปสามวินาที “อ้ะ คะ ครับ” 

“มีอะไรจะถามรึเปล่าคะ พวกขั้นตอนตรงนี้”

“อ่าาา ยังไม่มีครับ”

“โอเคค่ะ พอดีเดี๋ยวจะเข้าส่วนของการคิด Risk Management แล้ว อาจจะต้องขอให้ทีมวิเคราะห์ดูความถูกต้องอีกที”

“ครับๆ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก   

“งั้นต่อเลยนะคะ”

“ครับผม”

พอตอบพี่มีนเสร็จก็อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะให้สลบไป พี่ฝ้ายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะงี้ค้อนเอาตาเขียว ไอ้คนทำผิดแบบผมก็ได้แต่ก้มหัวขอโทษขอโพยไป มีอย่างที่ไหนมานั่งใจลอยระหว่างประชุม บ้าบอจริงๆ

พักนี้ผมว่าผมปล่อยให้คนเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวผมง่ายเกินไปแล้วล่ะ
มันชักจะรบกวนความคิดประจำวันผมมากเกินไปแล้ว

ผมดึงสติกลับมาตั้งใจฟังการประชุมใหม่ นั่งไปอีกเกือบสามสิบนาทีถึงได้ฤกษ์เลิกประชุมกัน

หลังจากโดนพี่ฝ้ายสวดเอาเรื่องเหม่อในห้องประชุมจบไปหนึ่งยก กราบขออภัยโทษเสร็จผมก็รีบพุ่งตัวมาที่คลีนิคสัตวแพทย์ หลังจากโทรเชคแล้วก็เป็นไปตามคาดคือมาไม่ทันจิ๋วล้างแผล คุณหมอใจกล้าจัดการเรียบร้อยแล้ว (พี่ผู้ช่วยสังเวยแขนตัวเองไปสองรอย พรุ่งนี้ต้องซื้อขนมมาให้ซะแล้ว) ผมโผล่เข้าไปตอนกำลังจะเอาจิ๋วเข้ากรงพอดี ไอ้ตัวแสบเห็นหน้าปุ๊บนี่ก็แหกปากเรียกเป็นอย่างแรก ต้องรีบเข้าไปอุ้มแล้วลูบหัวลูบหางเอาใจอยู่ตั้งนาน

อีกสิบห้านาทีคลีนิคจะปิด

ผมนั่งเอนตัวเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาหน้าห้องตรวจโดยมีแมวจิ๋วนอนครางครืดๆให้ผมเกาคออยู่บนตัก นี่ผมกลายเป็นทาสมันอย่างสมบูรณ์แล้วสินะ

ผมกดดูอินบ๊อกซ์ของตัวเอง มีคนติดต่อมาเรื่องรับเลี้ยงแมวจิ๋วสองคน

คนหนึ่งมีแมวตัวเมียอายุห้าปีอยู่แล้วหนึ่งตัว ดูแลฉีดวัคซีนตามปกติ อืมม ตัวเมียกับตัวเมียก็อาจจะเข้ากันได้ แต่เขาเลี้ยงแมวระบบเปิด ผมว่าจิ๋วไปอยู่อย่างนั้นจะแย่เอา ไม่เสี่ยงดีกว่า

ส่วนอีกคนเคยเลี้ยงแมวมาก่อน ผ่านเกณฑ์ทุกอย่างแต่แฟนเจ้าของบ้านกำลังท้องอยู่… คิดหนักเลยครับ นี่ถ้ามีเด็กอ่อนเกิดมา ขนเจ้าจิ๋วจะไปกระตุ้นภูมิแพ้เด็กรึเปล่า แล้วเขาจะมีแวลาดูแลแมวมั้ยล่ะเนี่ย…

ผมก้มหน้ามองแมวจิ๋วที่อยู่บนตักตัวเอง มันส่งสายตาแป๋วแหววกลับมา แล้วยังจะยื่นจมูกมาชนคางผมอีก
ถ้าจะอ้อนซะขนาดนี้… ไม่ต้องหาคนรับเลี้ยงแล้วครับ
อยู่กะผมแม่งนี่แหละ!

ผมถอนหายใจแล้วพูดกับมันเบาๆ “ไปอยู่กับกูละกันนะจิ๋ว”

“จริงเหรอ!”

ไอ้หวานที่ยืนอยู่ตรงประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้พูดเสียงดัง
ผมตกใจจนจิ๋วที่อยู่บนตักสะดุ้งไปด้วย ยังดีที่จับไว้ทัน คนมาใหม่เดินก้าวยาวๆตรงมานั่งลงข้างผมหน้าตาเฉย

“นึกว่ามาไม่ทันแล้วเนี่ย” มันถอนหายใจ จะว่าไปวันนี้มันดูโทรมกว่าที่เคย สงสัยจะโดนฤทธิ์เดชของโปรเจ็กต์ดีไซน์เข้าไป ของเขาแรงครับ ใต้ตางี้คล้ำเชียว

“นี่มึงโดดงานดีไซน์บิลด์มาเหรอ เลวจริงๆ” ผมพูดถึงงานกลุ่มที่เด็กปีหนึ่งจะต้องทำร่วมกัน นอกจากจะต้องออกแบบแล้ว ยังต้องลงมือสร้างจริงกันเองอีกต่างหาก ถึงจะเป็นโปรเจ็กต์เล็กๆ เช่น ป้อมยาม ที่นั่งเล่นหน้าห้องสมุด บูธขายน้ำ บลา บลา บลา แต่สำหรับเด็กปีหนึ่งที่ไม่มีพื้นฐานการก่อสร้างจริง บอกได้เลยครับว่าหนัก

“เห้ย ไม่ใช่ดิ่ กลุ่มผมทำนาฬิกาแดดที่วงเวียนหน้าคณะ นี่เพิ่งเทปูนฐานเสร็จไง” มันรีบตอบ

“อ่อ” อย่างน้อยก็ต้องรอปูนเซทตัวอีกอย่างน้อยหนึ่งวันสินะ

“ว่าแต่พี่พูดจริงใช่มั้ย ที่จะรับเอาจิ๋วไปเลี้ยงเองน่ะครับ” หวานหันหน้ามาถามผม เจ้าตัวยิ้มจนตาตี่

“เออออ” ผมลากเสียง

“เยส!” มันพูดเสียงดังแล้วเอื้อมมือมาจับเอาจิ๋วที่อยู่บนตักผมไปอุ้มไว้กับอก “ไปอยู่กับพี่วินเนอะ จะได้ไปหาบ่อยๆ”

“...”

จำไอ้เรื่องที่ผมคิดไม่ตกในห้องประชุมจนโดนดุได้มั้ยครับ
เอาตรงๆ เลยก็เรื่องไอ้เด็กหน้าหล่อคนนี้น่ะแหละ
คือที่มันมาป้วนเปี้ยนรอบๆตัวเนี่ย ก็ไม่ใช่ว่ารำคาญอะไร เอ็นดูมันในฐานะรุ่นน้องคนหนึ่ง 
แต่ที่มันขยันหยอดผม พักนี้มันชักจะเยอะไปแล้วไง
นี่เริ่มแยกไม่ออกแล้วว่ามันพูดจริงหรือเล่น ถ้ามันไม่พูดที่ร้านกาแฟก็คงคิดไปแล้วว่ามันจะจริงจัง

ผมสลัดหัวไล่ความคิดออกจากหัวแล้วมองมันคุยหงุงหงิงกับจิ๋ว “มึงก็พูดภาษาแมวเป็นเรื่องเป็นราวเนอะ”

“เมื่อกี้พี่ยังคุยกับจิ๋วเลย”

“ไอ้--”

“กลับเข้ากรงเถอะเน้อะ เดี๋ยวคลีนิคจะปิดแล้ว พี่ๆที่ดูแลเขาจะกลับบ้านดึกเอา” มันเดินอุ้มแมวลอยหน้าลอยตาไปที่กรงแบบไม่รอผมด่าให้จบ เดี๋ยวเถอะมึง ขอให้คืนนี้ฝนตกแล้วปูนแม่งไม่แห้ง ขอให้ไม้แบบมึงเบี้ยว ไอ้เด็กบ้านี่

“อ้ะ น้องวินคะ” พี่ผู้ช่วยที่กำลังเดินเข้ามาเช็คเด็กๆที่อยู่ในกรงทักขึ้น

“ครับผม”

“เมื่อวานน้องผู้หญิงที่สวยๆ เขาถามเรื่องอาหารแมวรอยัลคานินสำหรับแมวในบ้านไว้ ฝากบอกได้มั้ยคะว่าของเข้าแล้ว”

“อ๋อ ได้ครับ เดี๋ยวผมบอกให้”

คนอายุน้อยที่สุดในห้องหันควับมามองหน้าผม “ใครน่ะครับพี่วิน”

“ยุ่ง”

“แฟนเหรอ?”

(...)

“เห้ย จิงดิ่ แฟนพี่เหรอ?”

“ยัง..”

“ยังไม่ใช่แฟน? พี่จีบอยู่??”

“ยังไม่หยุดถามอีกมึงเนี่ย..” ผมโวย “จะกลับมั้ย ไม่กลับกูกลับนะ... พี่ๆครับ ผมไปก่อนนะ” หันไปพูดประโยคสุดท้ายกับพวกพนักงานในคลีนิค

“เอ้ย กลับสิครับ.. นี่ เดี๋ยวผมไปส่ง” มันดึงข้อมือผมเอาไว้ก่อนจะหันไปยิ้มหล่อบอกลาคนอื่นๆ “ผมไปแล้วนะครับ บ๊ายบาย”
เสร็จแล้วก็เดินลากผมออกมาเฉย นี่กูเป็นเด็กอนุบาลกุ๊กไก่รึยังไง

“ขึ้นรถสิครับ รีบกลับกัน ผมง่วงแล้วอ่ะ” มันเปิดประตูฝั่งตัวเอง

“แล้วจะไปส่งกูทำไม แค่นี้กูเดินไปได้ป่ะ กลับไปนอนดิ่”

“ไม่เอาอ่ะ ต้องไปส่งพี่วินก่อนสิครับ”

ผมส่ายหัวให้ความเด็กโข่งของมันสามสี่ทีก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ หวานตามเข้ามานั่งก่อนที่จะค่อยๆ ออกรถไปเงียบๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไลน์หาพี่ฝ้ายเรื่องอาหารแมว ต่อด้วยการนั่งตอบอีเมลล์ที่ค้างมาตั้งแต่ตอนเย็น ก็วันนี้เล่นประชุมตั้งแต่บ่ายสามยันเกือบทุ่ม ตารางเวลาผมเลยรวนไปหมดน่ะสิครับ

นั่งตอบเมลล์ไปยังไม่ทันหมด รถของหวานก็มาจอดที่คอนโดผมเรียบร้อยแล้ว

“เอ้ย ขอบใจมาก มึงก็รีบไปพักผ่อน ดูไม่ได้เลยวันนี้” ผมบอกพลางปลดเข็มขัดนิรภัย เตรียมจะหยิบกระเป๋าแล้วเปิดประตู

“พี่วิน ผมถามอะไรหน่อยสิ..” หวานหันหน้ามามองผมหน้าเครียด “คนที่พี่พามาคลีนิคเมื่อวาน.. แฟนพี่จริงเหรอ”

นี่คุณมึงคาใจอะไรขนาดนั้นล่ะครับ “ถ้าใช่ล่ะ?” ผมถามกลับ

“ไม่เอาดิ่พี่ ซีเรียสนะ” มันพูดเสียงเข้มใส่ เชรดดด จะจริงจังอะไรขนาดนั้น

“ไม่บอก” ผมว่า “ทีมึงมีแฟนกูยังไม่ถามเลย”

หวานทำตาโต “เห้ย ตอนไหน”

“ก็มึงพูดเองที่ร้านกาแฟวันก่อนไง ว่าแฟนมึงเขาไม่ได้เข้าใจผิด แต่เขาไม่รู้เรื่อง” ผมย้อน

“โอ้ยยย” มันร้อง เหอะ ไม่คิดล่ะสิว่ากูจะจำได้ ขอโทษที นี่ตี๋วินเอง “ไม่ดิ่ พี่ตอบผมก่อน ตกลงคนนั้นนี่แฟนพี่รึเปล่า”

“ไม่ใช่” ผมส่ายหน้าตอบมัน อำไปก็ไม่ได้รางวัลอ่ะนะ “เอาจริงๆ กูว่ามึงควรเลิกหยอดไปทั่วแบบนี้นะ แฟนมึงอาจจะไม่รู้ แต่ติดเป็นนิสัยแล้วมันจะไม่ดี มึงควรจะให้เกียรติเขาบ้าง” ผมได้โอกาสสอน

“ไม่ใช่แล้วววว ผมไม่มีแฟนนนน” มันเอามือขยี้หัวตัวเอง ทำท่าเหมือนจะเอาหัวโขกพวงมาลัยรถซะให้ได้

“เอ้า ก็มึง..”

“ไม่ได้หยอดไปทั่วด้วย” หวานปิดหน้าแล้วพูดเสียงอู้อี้

“แต่มึงหยอดกูซะเป็นหนมครกเลยไอ้ห่า” ผมโวยวาย

“โอ้ยยยยยย” มันตั้งสติแล้วหันมาประจันหน้ากับผมแล้วถอนหายใจ “นี่ยังไม่ชัดอีกเหรอ”

“อะไรล่ะ”

“ผมจีบพี่อยู่ไง”

“พ่อมึง” พูดออกไปด้วยความตกใจขั้นสุด

อยากจะบอกว่ามันอำแต่หน้าตามันตอนนี้นี่ห่างไกลจากคำว่าล้อเล่นไปเยอะ หวานถอนหายใจแล้วจ้องหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง
“ถือว่าผมขอเป็นรางวัลเมื่อตอนมีตติ้งแล้วกันนะ”

“ผมขอจีบนะครับ”

_ _ _ _

 :pig4: :pig4: :pig4:

มาแล้วค่าาาา ลืมตี๋วินกันหมดแล้วรึเปล่าาาา
มีมรสุมชีวิตนิดหน่อยแต่เรากลับมาล้าววววว คิดถึงทุกคนนะคะ

สำหรับตอนนี้.. ขุ่นตะวันคัมแบ็ก แต่หวานมาแรงกว่า ปีหนึ่งมันไฟแรงขนาดนี้เลยเรอะ เด็กๆนี่ดีจริงๆ 5555

ปล. แอบเห็น #วิเคราะห์การรัก อยู่ในทวิตภพ พูดแบบไม่เว่อร์ว่าดีใจน้ำตาจะไหล
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันและเอ็นดูตี๋วินค่ะ มีไฟและกำลังใจในการเขียนจริงๆนะ /มากอดที

แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ

 :katai4: :katai4: :katai4:

หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-09-2017 23:50:55
พอรู้แบบนี้ตี๋หวั่นไหวกับการโดนหยอดบ้างยังคะ 55555555555555  :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 29-09-2017 02:23:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 29-09-2017 08:34:17
น้องหวานลูกกกกกกกกกกกกกกก
ตี๋วินจะได้หายซื่อซะที  :katai4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: fongcha28 ที่ 29-09-2017 15:07:15
อวยคุณตะวัน สายเปย์รัวๆๆ หมั่นไส้น้องหวาน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 29-09-2017 18:26:03
รู้แล้วใช่ไหมว่าจีบนักวิเคราะห์ต้องประกาศตัวให้ชัดไปเลย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-09-2017 22:08:05
พี่คะ น้องเขาชัดเจนมาขนาดนี้แล้ว เอายังไงต่อดีคะ?

เต็มที่เลยหวาน ลูกกกก 5555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: sanzon ที่ 30-09-2017 12:28:41
สนุกมากค่าาาาาาา  :katai2-1: :katai2-1:
ตามมาจากในทวิตฯ
รอตอนต่อไปๆๆๆ

เรือน้องหวานแล่นฉิวมากกกกก :-[
อยากแล่นเรือคุณตะวันบ้างค่ะ อิอิ :mew1:

สงสารน้ำ เป็นเรือที่ไม่ได้ออกจากท่าเลยย :hao5:

คนเขียนแต่งเก่งมากๆๆๆๆๆค่ะ บรรยายดี เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตาม
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-10-2017 10:21:13
เราอยู่ทีมนำ้กับคุณตะวัน  :mew1: :mew1:
และเราหมั่นไส้หวานอะ  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: wwll ที่ 01-10-2017 14:25:45
สมัครสมาชิกมาเพราะอยากขอบคุณwriterจริงๆค่ะ
อ่าน16ตอนรวดเลย รู้สึกอิ่มมากๆค่ะ

ไรท์ทำให้รูึกเหมือนได้ไปกินข้าวกับเพื่อนที่รู้ใจที่ห่างหายกันไปด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคน
แล้วร้านอาหารที่ไปก็อาหาร,service,บรรยากาศ,ความสะอาด,location,ราคา จนไปถึงห้องน้ำห้องท่าอะไรก็ถูกจริตไปหมด
กวาดทุกcriteriaแบบไม่มีข้อติเลย

ตัวละครทุกตัวมีบทบาทที่พอเหมาะพอดี
เนื้อเรื่องครบทุกรสชาติ ทั้งความรัก การงาน มิตรภาพ ทุกอย่างสมเหตุสมผลมากค่ะ
ได้ความรู้เรื่องสายงานวิเคราะห์จากน้องตี๋วินของเรา ชอบในความperfectionismของนาง
อยากจะซื้อที่ดีๆสักผืน แล้วขอproposal, request ให้น้องเป็นPMบ้าง
(น้องคงบอกว่าก่อนพี่จะซื้อที่ พี่ต้องมีเงินก่อนพี่คงลืมไปรึเปล่า พี่ไปเคลียงานที่มีให้จบก่อนมั้ยยังไง 555)

ว่าแต่ทางนี้ #ทีมพี่ตะวันสายเปย์ ค่ะ
เรามันชอบมวยรอง ดูซีรีย์เกาหลีทีไรก็ปันใจให้พระรองทุกที
เห็นใจคุณพี่ตะวัน ด้วยหน้าที่การงาน ไม่ได้มีเวลามาเทียวรับเทียวส่งเหมือนน้องหวานเจี๊ยบ
เลยได้แต่เปย์ไปตามวาระโอกาส
โถ่ๆๆๆเอ็นดู (ชูป้ายไฟพี่ตะวัน)

รอติดตามตอนต่อไป
เป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-10-2017 14:44:49
ไม่ได้อ่านนาน จำเรื่องไม่ได้เลยสงสัยต้องย้อนอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 02-10-2017 01:25:29
นารักอ่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: yprjb ที่ 02-10-2017 12:38:03
สนุกมากๆเลย ชอบ รู้ตัวอีกทีก็สนุกกับการติดตามชีวิตของวิน ถ้าเราเป็นพวกหนุ่มๆบอกตรงๆว่าก็คงหลงรักวินอ่ะ ทำไมซึนขนาดนี้ เชียร์หวานนะ แต่คุณตะวันก็มีเสน่ห์เหมือนกัน คือมันคนละแบบ เราลุ้นไปด้วยว่าใครจะได้ใจวิน แต่ตอนนี้หวานคะแนนนำ 5555 รอตอนต่อไปนะ สู้ๆนะคะ :katai3:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 04-10-2017 00:50:25
ค้างอยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 16 P.4 ✽update 28.9.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 06-10-2017 08:52:51
หวานรุกเต็มที่แล้ว เอาใจช่วยนะ

หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 08-10-2017 17:25:42
ความเสี่ยงที่ 17


ใบ้แดก…

ผมกลับเข้าห้องตัวเองแบบสติไม่ค่อยจะครบถ้วน
หลังจากฟังจบผมก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาดื้อๆ ไม่ได้พูดอะไรกับมันซักคำ เอาเป็นว่างงโคตรๆ ก็แล้วกัน
เหี้ยนอะไรวะเนี่ย จะจีบใคร กูเหรอออออ ตลกไปหน่อยล่ะมั้ง เด็กเดี๋ยวนี้มันปีนเกลียวกันขนาดนี้เลยเหรอครับ

คือมันนน เอ่อ สถานการณ์ตอนนี้… เอ่อมมมมมม
โอ้ยงง คิดอะไรไม่ออกแล้ว ไปอาบน้ำแป๊บ

10.23

บอกเลยครับ ว่าหลังจากใช้เวลานอนแช่น้ำเกือบหนึ่งชั่วโมงก็ไม่ได้ทำให้อะไรชัดเจนขึ้นนอกจากตัวเปื่อยและซีด จริงๆก็อยากจะยุ่ยและย่อยสลายไปเหมือนกัน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะห้องข้างล่างจะด่าเอาเพราะท่อตัน เลยต้องยกย้ายสารร่างขึ้นมาบนเตียงเพื่อใช้สมองประมวลเหตุการณ์และคิดต่อว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี

โอเค Let’s try again
คือผมคิดว่-

Rrr….

ขอบใจมาก ถูกเวลามากเลยครับ ใครวะโทรมาตอนนี้

“ครับ”

(วินเหรอครับ นี่พี่ตะวันเองนะ)

ได้ยินชื่อแล้วถึงกับต้องดีดตัวขึ้นมานั่งพับเพียบคุยเลยทีเดียว

“ครับ ครับ” ละล่ำละลักพูดตอบไป นี่แหละโทษของการไม่ดูชื่อคนก่อนรับโทรศัพท์

(ขอรบกวนตอนดึกหน่อย คือพี่เพิ่งมาตามอ่านอีเมลล์รีพอร์ต เห็นว่าวินจะคุยบรีฟกับผู้ออกแบบวันพรุ่งนี้ พี่เข้าด้วยได้มั้ย)

“อ่า ได้สิครับ คุยกัน… อ่า..” ขอนึกตารางหน่อย “ช่วงบ่ายสามโมงเย็นครับ ที่ออฟฟิสผมเอง แต่ว่าบรีฟแค่สองเจ้านะครับ ของ XX พรีเซนต์ไปแล้ววันนี้ตอนบ่าย”

(เอ้าเหรอ นี่อัพเดทกันพี่ตามไม่ทันเลย พอมาอ่านดูเห็นว่ามีบรีฟพรุ่งนี้ พี่ดูแล้วว่างพอดี เลยจะขอเข้าด้วย)

“ได้ครับ ทางพี่ตะวันจะมากันกี่คนครับ” ผมนึกไปถึงห้องที่น้องแคร์จองไว้ ลืมไปแล้วว่าดีไซน์เนอร์จะมากี่คน ห้องจะพอมั้ยเนี่ย

(สองคนครับ เดี๋ยวพี่พาคนที่จะรับช่วงบริหารมอลล์นี้เข้าไปด้วย ชื่อคุณเอทัส)

“ได้ครับ เดี๋ยวผมเตรียมที่ไว้ให้”

(โอเค พี่กวนเท่านี้แหละ ไปนอนเถอะ ขอโทษจริงๆ ที่ต้องกวนเวลานี้)

“ไม่เป็นไรครับพี่ตะวัน ยังไม่ถึงเวลานอนผมเลย”

(นอนดึกมากเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็แย่หรอก ยังหนุ่มอยู่น่ะสิเลยไม่ค่อยเห็นความสำคัญ สามสิบกว่าแล้วจะรู้สึก สุขภาพน่ะสำคัญนะ)

(อ่าว แล้วขำอะไรเนี่ย)

ผมที่อยู่กำลังกลั้นหัวเราะอยู่ถึงกับสะดุ้ง “ก็..พี่ตะวันพูดเหมือนอายุเยอะมากเลยนี่ครับ”

คุณตะวันเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายขำแทน (ปีหน้าพี่จะสามสิบสามแล้วนะวิน)

“เห้ยพี่ โม้แล้ว” ผมเผลอตัว “อ้ะ.. ขอโทษครับ”

(นี่เป็นคำชมใช่มั้ย)

“ชมครับชม ผมนึกว่าพี่เกือบๆสามสิบซะอีก”

(ฮ่ะๆ โดนเด็กชมว่าหน้าเด็กแล้วก็รู้แปลกๆนะ เอาเถอะ พี่ไม่กวนละ เจอกันพรุ่งนี้ครับ)

“ครับผม”

(ฝันดีนะครับ) อีกฝ่ายหัวเราะน้อยๆ แล้วตัดสายไป

ฝันดีนะครับ.. เหรอออออออ
คำนี้เขาใช้กับลูกน้องหรือเปล่านะ.. ผมพยายามคิดภาพพี่ฝ้ายพูดฝันดีนะใส่
เออ ก็พอจะไปได้อยู่..

เพราะเรื่องไอ้เด็กหวานทำผมหลอนไปหมดแล้วเนี่ย คุณชายสายเปย์นี่คิดอะไรกับผมรึเปล่าวะ
คิดเอาแบบเร็วๆ เพราะมีเรื่องต่อคิวอีกเยอะ ผมว่าไม่ ไอ้ที่คุณชายบริษัทใหญ่ยักษ์ทำอยู่น่ะเป็นเรื่องปกติของเขา ที่คุยกันก็มีแต่เรื่องงานทั้งนั้น ที่เอ็นดูนี่ก็น่าจะเพราะเห็นใจว่าผมจบใหม่ต้องมาชนกับโปรเจ็กต์มูลค่าเยอะขนาดนี้
สรุปอย่างนั้นไปก่อนละกันนะ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที

หลังจากส่งไลน์ส่วนตัวไปบอกน้องแคร์เรื่องห้องประชุม ก็ต้องส่งไปบอกบริษัทดีไซน์ที่นัดเจอพรุ่งนี้ทั้งสองเจ้าด้วยว่า “เพิ่มเติมสำหรับประชุมพรุ่งนี้ครับ Owner เข้าบรีฟด้วยนะครับ ชื่อคุณตะวัน รัชยานนท์กับทีม” พูดตรงๆ ว่าสัมผัสได้ถึงแรงสาปแช่งจากฝั่งตรงข้าม ว่ามึงมาบอกอะไรตอนนี้ อยากจะขออโหสิกรรมพร้อมตอบทางโทรจิตไปว่าผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันครับ

จัดการเรื่องงานเสร็จ ขอกลับมาตั้งสติกับเรื่องส่วนตัวบ้าง ไม่เคลียร์กับตัวเองนี่นอนไม่หลับแน่ๆ พรุ่งนี้ต้องออกไซต์ด้วย ผมตั้งนาฬืกาปลุกในโทรศัพท์แล้วก็หงุดหงิด หน้าจอที่ปกติควรเคลียร์การแจ้งเตือนให้ไม่เหลือ ตอนนี้ที่ไลน์มีเลขสี่ตามจำนวนข้อความที่ผมยังไม่ได้เปิดอ่านขึ้นให้รำคาญลูกกะตาอยู่… จากไอ้เด็กต้นเหตุนั่นแหละครับ..

คือว่า.. ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงดี..

เคยพูดไปเล่นๆว่าถ้าจะจีบบอกมาเลยว่า เนี่ย จีบ! อ้อยอยู่! ไม่ต้องทำอะไรให้คลุมเครือ แต่พอเอาเข้าจริงก็.. ไม่รู้โว้ย ไม่เคยคิดว่าจะมีใครใช้มุกนี้จริงๆ คือทำอย่างงี้ก็ได้เหรอวะ บอกกันโต้งๆอย่างงี้อ่ะนะ ไปไม่เป็นเลยกู

แล้วคนบอกดันไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นไอ้เด็กหวานเนี่ย มันไม่แปลกเหรอครับ คือประเด็นที่ว่ามันเป็นผู้ชายที่หน้าตา.. ก็ดี.. แหละ.. เออ หน้าตาดีก็ได้ จะมาชอบไอ้ตี๋จากไหนไม่รู้อย่างผมก็น่าขมวดคิ้วอยู่แล้ว

จะมาจีบผมทำไม ผู้ชายนะ เป็นแฟนเก่าพี่รหัสแม่งด้วย คือตัวเลือกอื่นมึงไม่มีเหรอ ด้วยหน้าตาและโพรไฟล์ก็ไม่น่าจะหมดหนทางขนาดนี้ป่ะ แถมมันยังเป็นเฟรชแมนใสกิ๊งอายุ 18 โอ้ยไอ้บ้า เด็กกว่าพี่ปีแก่อย่างผมตั้งห้าปีเลยนะครับ ช่องว่างระหว่างวัยนี่มันอะไร ถ้าเป็นแฟนกันต้องเข้าคุกมั้ย จะโดนข้อหาล่อลวงรึเปล่า คิดยังไงก็ไม่สมเหตุสมผลสักทาง อะไรของมันว--

เดี๋ยวก่อน..

มันแค่ขอจีบป่ะ… แค่จีบ
ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องคบกับมันสักหน่อย
กูจะเดือดร้อนอะไรวะเนี่ย…
ไปกันใหญ่แล้วเฮ้ย

อยากเขกกะโหลกตัวเองสักที จะมาเปลืองเซลล์สมองกับเรื่องอะไรแบบนี้ทำไม
ส่วนเรื่องนี้ก็...ตีเบลอไปก่อนละกัน ทิ้งระยะสักพักผมก็น่าจะหาทางทำความเข้าใจและตั้งตัวได้ เรื่องวันนี้มันเกินความคาดหมายไปเยอะเลย เพราะงั้นไปหยิบคอมดีกว่า เตรียมสคริปต์บรีฟผู้ออกแบบพรุ่งนี้เถิดจะเกิดผล

Rrr…

วันนี้ก้าวเท้าผิดฝั่งออกจากบ้านหรือยังไง คิดอะไรมันก็จะไม่เป็นไปตามที่คิดทั้งวันเลยใช่มั้ย

แม่งเอ้ยย…
ผมเอามือทึ้งหัวตัวเองหลังมองชื่อคนโทร

มึงต้องรีบคุยกับกูตอนนี้เลยรึไง หายไปสักวัน ไม่สิ สักสามวันให้กูคิดอะไรหน่อยได้มั้ยวะ นี่ไม่เคยรู้สึกอับจนคำพูดขนาดนี้มาก่อนเลยนะครับ ว่าแต่ถ้าไม่รับนี่มันต้องโทรจนผมรำคาญตายแน่ๆ ไอ้บ้าเอ้ย
รับๆไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเลยแล้วกัน 

“ฮัลโหล กูนอนแล้ว”

(ไม่เนียนเลย)

“..”

(พี่วิน)

“...”

(ไม่เงียบสิครับ เงียบทั้งตอนลงจากรถ ไลน์ก็ไม่ตอบ ผมทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย)

“...” กูสิทำตัวไม่ถูก

(พี่วิน ผมจีบพี่อยู่นะครับ)

ไอ้ห่าาาาาาาาาาาาาาา “ไม่ต้องพูดแล้วโว้ยยยยยยยยยยย” ผมโวยวาย

(นี่เขินหรืออะไรครับ เสียงดังเชียว)

“เอาจริงๆ มึงล้อกูเล่นใช่ป่ะ แกล้งกูเพราะพักนี้ไม่ได้รีวิวงานให้มึงเหรอ” ผมพยายามถาม

(พี่วิน นี่ผมจริงจังมากนะ บอกว่า ผม-จีบ-พะ)

ผมแทรกขึ้นก่อนมันจะพูดจบ “นี่มึงคิดดีแล้วเหรอ กูเป็นผู้ชายนะ เป็นพี่มึงตั้งห้าปีนะ พี่คณะด้วย พี่ปีแก่เลยนะ”

(ไม่เอาดิ่ อายุไม่ใช่ประเด็น ชอบก็คือชอบ)

“เห้ยยยยย” มึงจะกล้าเกินร้อยไปแล้ว

(ทุ่มทุนขนาดนี้พี่ยังไม่เชื่ออีกเหรอ)

“เอ่ออ..” 

(บอกจีบอย่างเป็นทางการอยู่นี่ไง อยากให้พี่รู้จากปากผมชัดๆ แล้วเปิดใจให้โอกาสผมบ้างเท่านั้นแหละ)

“เชี่ย.. มึงมันตรงเกินไปแล้ว” หมดคำพูดกับไอ้เด็กนี่จริงๆ

(แค่นี้แหละครับที่อยากบอก)

“...”

(ดีใจอ่ะ รู้สึกมีโอกาส)

“อะไรของมึง กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

(พี่แค่ถามผมว่าคิดดีแล้วเหรอ ไม่ได้ห้ามจีบนี่)

“เอ่อ..” คือยังไง “กูห้ามได้เหรอ”

(ไม่ได้หรอกครับ... จะจีบให้เบื่อจนพี่อยากเป็นแฟนแทนเลย)

“สัส….”

(ถ้าทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่พี่กังวล ผมก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว) มันพูดด้วยน้ำเสียงแบบที่ผมจิตนาการรอยยิ้มมันออกเลย

(ฝันดีนะครับ)

หวานวางสายไปแล้ว
ไอ้เด็กนี่แม่งต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

บ้าพอๆกับผมที่นั่งหน้าร้อนอยู่บนเตียงเนี่ยแหละครับ

_ _ _ _

9.34

โธ่ว้อย กว่าจะเตรียมพรีเซนต์ กว่าจะนอนหลับก็เกือบตีสามเข้าไปแล้ว
แล้วเช้านี้ต้องมาเดินตาลอยตรวจหน้าโครงการ ขอโยนความผิดทั้งหมดให้ไอ้เด็กบ้าชื่อไอ้หวานคนเดียวเลยครับ แม่งเอ้ย.. 
ทำกูคิดวนไปวนมาทั้งคืน เพิ่มเรื่องวุ่นวายให้ชีวิตไปอีก

ขอตั้งสติกลับมาทำงานแป๊บ วันนี้ผมต้องมาหน้าโครงการที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งจริงๆแล้วนานน๊านถึงจะต้องเข้าที เพราะจู่ๆเจ้าของแกก็เกิดนิมิตว่าอยากจะติดโซล่าร์เซลล์บนดาดฟ้า ฝ่ายที่ทำอาคารเขียวเลยต้องวิ่งหน้าตาตื่นยกทีมวิศวกรไฟฟ้ากับตัวแทนจำหน่ายแผ่นพลังงานแสงอาทิตย์นี่มาดูทิศทางการติดตั้งและพื้นที่จริง และขอหิ้วผมมาด้วยเพื่อจะได้เอาไปคิดต่อว่าลงทุนไปแล้วมันจะประหยัดไปได้เท่าไหร่ คุ้มมั้ย คืนทุนกี่ปี

และเพราะว่ามันจะต้องติดแผ่นแพงๆพวกนี้บนดาดฟ้า ตอนนี้ก็เลยต้องย้ายร่างอันนอนน้อยของตัวเองขึ้นไปบนตึกที่กำลังก่อสร้างกันอยู่แบบนี้ โครงสร้างน่ะเสร็จแล้ว เสาคานพื้นครบ แต่ผนังยังไม่มี รั้วราวอะไรอย่าไปหวัง ดูแลตัวเองกันไปครับยาวๆ ลิฟต์จริงก็ยังไม่ได้ติด เพราะงั้นทางเดียวนอกจากการเดินขึ้นตึกให้ข้อเข่าเสื่อมแล้วก็คือการใช้ลิฟต์ก่อสร้างที่อยู่ในไซต์แบบนี้แหละ 

ผมกระชับหมวกนิรภัยสีขาวให้แน่นขึ้นอีกนิดเพื่อความอุ่นใจ ลิฟต์ที่ใช้ในช่วงการก่อสร้างเป็นกล่องเหล็กตะแกรงโปร่งๆ มองเห็นได้ทั้งหกด้าน ดีหน่อยก็มีแผ่นไม้อัดวางรองที่พื้นไว้ให้ไม่เสียวไส้แบบวันนี้ เสาโครงลิฟต์ที่เป็นเหล็กกล่องจะถูกสร้างเป็นรางไกด์ขนานไปตามความสูงของตึก เวลาลมพัดก็อาจจะมีแกว่งไปบ้างแล้วแต่บุญแต่กรรม ประตูเข้าออกก็เอามือเรานี่แหละเปิดปิด แมนนวลกันไปอีก ขับเคลื่อนโดยพี่ๆคนงานขับลิฟต์ที่ทำหน้าที่คุมแผงคอนโทรลแบบง่ายๆ ด้านใน ที่เป็นตัวออกคำสั่งให้รอกไฟฟ้าที่อยู่ด้านบนทำงานเพื่อดึงกล่องลิฟต์ขึ้นหรือลงตามความต้องการ

การจะจอดตรงไม่ตรงก็ต้องพึ่งความเซียนของพี่เขาแหละครับ   
ผมปรายตาไปยังแผงคอนโทรลที่มีพวงมาลัยแห้งๆ แขวนไว้ที่ก้านควบคุม
เออ.. ต้องใช้ศรัทธาด้วย...

เมื่อถึงขึ้น 11 ที่เป็นเป้าหมายในการตรวจงานวันนี้ ลิฟต์ก็ส่งเสียงกึงกังก่อนจะหยุดลง คนคุมงานเป็นคนเอื้อมมือมาดึงประตูให้เปิดออกก่อนจะก้าวนำไป
“เชิญครับคุณวิน”

เออ
นี่ก็ก้าวแห่งโชคชะตานะ… พลาดนี่เจอกันอีกทีคือชาติหน้าเลย

ผมมองช่องว่างระหว่างลิฟต์และตึก ด้วยความที่ว่าลิฟต์กับตึกมันไม่ได้อยู่ชิดกัน ถึงจะมีแผ่นเหล็กพาดออกมาจากโครงลิฟต์ มันก็ยังจะมีระยะห่างราวๆ.. เอ่อ… หกสิบเซนติเมตรที่ว่างเวิ้งลงไปถึงพื้นชั้นล่าง เซฟตี้นี่มีไว้ให้อุ่นใจเฉยๆนะครับพูดเลย นี่ถ้าตกลงไปตายก็โกยใส่กล่องแล้วกัน ไม่ต้องเรียกรถให้วุ่นวาย ว่าแต่ป๊าม๊าจะได้เงินประกันเท่าไหร่วะ คุ้มกันมั้ยเนี่ย...
 
หลังจากเดินตากแดดวนไปวนมาบนดาดฟ้าจนเหงื่อชุ่มทั้งผมและทีมโซล่าร์เซลล์ก็ลงความเห็นกันว่า อย่าทำเลยว่ะ นอกจากจะต้องลงทุนสูงเพราะไม่ได้ออกแบบมาตั้งแต่แรกแล้วยังโดนเงาของตึกข้างๆบังเข้าไปอีกทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้านั้นลดลง อาจจะประหยัดไม่ได้มากอย่างที่คิด
มองหน้ากันเสร็จก็ไต่ลงมาจากตึกเพื่อคุยสรุปและเตรียมเขียนรายงานกันไปรัวๆ

_ _ _ _

13.20

อยากจะกราบตัวเองที่พาตัวเองฝ่ารถติดและแดดอันร้อนแรงของกรุงเทพเข้ามาออฟฟิสได้ภายในสองชั่วโมง ถึงสภาพจะแย่ไปหน่อยแต่ก็ยังพอทนได้ ต้องรีบพุ่งตัวมานั่งโต๊ะเพื่อเขียนรายงานเช้านี้ไว้ก่อนกันลืม ตามด้วยการเคลียร์มหากาพย์อีเมลล์ และเตรียมพรีเซนต์บรีฟกับผู้ออกแบบสองเจ้า

อาฮะ ทั้งหมดนี้ต้องเสร็จก่อนบ่ายสองครึ่ง
ขอยาดมแป๊บ

นั่งทำงานแบบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะจนคอจะเคล็ด
นี่กี่โมงแล้วไม่รู้ แต่ตอบอีเมลล์ฉบับสุดท้ายเสร็จแล้ววววว จะเตรียมพรีเซนต์นี่เหลือเวลาบ้างมั้ยยย

ยังดีที่เมื่อคืนซ้อมมาก่อนรอบนึง และเมื่อวานก็แจกบรีฟผู้ออกแบบไปแล้วเจ้านึงด้วบความลื่นไหนไม่มีคำถามอะไรเลย เพราะงั้นตีเบลอไปเลยแล้วกันนะ ไม่ไหวแล้วววว

ผมดูดอเมริกาโน่ในแก้วจนหมดเกลี้ยงแล้วฟุบหน้าลงกับกองเอกสารเพื่อพักสายตาแล้วยืดหลังไปด้วย นี่บริษัทออกค่ากายภาพบำบัดให้ด้วยได้มั้ย เหมือนเบิกค่าน้ำมันน่ะ เหมือนร่างจะแตกเอาให้ได้

“เหนื่อยหน่อยนะครับ”

ผมสะดุ้งลืมตามองต้นเสียงแล้วร้องเห้ยออกมาเบาๆ ก่อนจะได้สติพูดทักทาย “สวัสดีครับพี่ตะวัน”

“จริงๆมายืนได้สักพักแล้ว แต่เห็นยังวุ่นๆอยู่” ร่างสูงๆที่วันนี้อยู่ในชุดสูทสีเทาเงินยืนพักขาเอาไหล่พิงพาร์ทิชั่นอยู่พูดยิ้มๆ นี่ก็ท่าเยอะจริงๆนะพ่อคุณ ยังกะเคาะออกมาจากแมกกาซีน

“อ้าา พอดีผมมีงานต้องเคลียร์ก่อนเข้าประชุมนิดหน่อยน่ะครับ แต่ก็เรียกได้ ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยครับ จริงๆพี่ตะวันมาถึงแล้วน่าจะเข้าไปรอในห้องรับรองก่อน อ้ะ เห็นว่ามาสองท่าน อีกคนล่ะครับ” ผมพูดเร็วๆแล้วลุกขึ้นยืนพลางคิดในใจว่าทำไมพี่จอยหน้าเคาน์เตอร์ถึงปล่อยให้ลูกค้าเดินดุ่ยเข้ามาแบบนี้ล่ะเนี่ย ต้องพาไปนั่งสิ

“ฮ่าๆ วินไม่ต้องลำบาก อีกคนเขาเข้าไปรอในห้องแล้ว ตอนเดินผ่านพี่เห็นนั่งคิ้วขมวดอยู่เลยจะเดินมาแซวเฉยๆ”

“เอ้าา พี่ตะวัน” ผมเผลอร้องออกมา อะไรของเขาวะ

“จริงๆ ก็เรียกแล้วนะแต่ไม่ได้ยินอ่ะ” เขาว่าขำๆ แล้วขยับตัวมายืนล้วงกระเป๋าแทน

ผมกำลังนึกคำพูดก่อนจะเห็นน้องแคร์ยืนชะเง้อคออยู่ที่อีกฝั่งของห้อง ผมเลยพยักหน้าให้เดินเข้ามา “อ่า พี่วินคะ ดีไซเนอร์เจ้าแรกมาแล้วค่ะ อีกสิบห้านาทีจะได้เวลาประชุมแล้ว..ค่ะ” พูดไปก็แอบมองคุณตะวันไปด้วย น้องครับ หน้าพี่อยู่นี่ไง นี่พี่วินเองจำไม่ได้เหรอ

“โอเคครับ แคร์แจ้งพี่ฝ้ายแล้วเตรียมเซทคอมกับโปรเจ็กเตอร์เลย”

“งั้นพี่ไปเตรียมตัวรอในห้องประชุมด้วยเลยแล้วกันเนอะ เชิญเลยครับ” คุณตะวันสรุปผายมือให้น้องแคร์เดินนำไปก่อน
อะหือ ผู้ดีในทุกท่วงท่า น้องผมละลายไปแล้วมั้งน่ะ   

ผมรวบเอกสารกับคอมพิวเตอร์เตรียมเข้าห้องประชุม
ยาวไปครับ ภาวนาให้จบไม่เกินทุ่มแล้วกัน

_ _ _ _

19.23

แทบ….ตายยย…..

ประชุมบรีฟผู้ออกแบบวันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่ก็ใช้ข้อมูลเดียวกันกับที่บรีฟอีกเจ้าไปเมื่อวาน แต่ลักษณะการทำงานของสองเจ้าที่เข้ารับบรีฟในวันนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง บอกตรงๆ ว่ามือาชีพกว่ามาก ตอบได้ตรงคำถาม อันไหนไม่เคลียร์ก็ไล่บี้เอาคำอธิบายจนได้ (แล้วเจ้าเมื่อวานที่อ่านแล้วไม่มีคำถามเลยคืออะไรวะ..) แถมหนึ่งในนั้นยังแนะนำเรื่องงานระบบที่เหมาะกับอาคารได้อีก ฟังแล้วน้ำตาจะไหลอยากร่วมงานด้วย

จากรายชื่อผู้ออกแบบห้าเจ้าที่ส่งหนังสือเชิญไป ตอบรับเข้าร่วมมาสามและขอไม่รับโปรเจ็กต์ไปสอง เลยเหลือตัวเลือกที่ต้องรับบรีฟอยู่แค่สาม เจ๊ฝ้ายน่าจะดูทรงผู้ออกแบบเจ้าเมื่อวานออก คุณเธอแทงศูนย์แน่ๆว่าเจ้านี้ไม่ได้ชัวร์เลยให้ผมลองสนามโซโล่ประชุมเอง

คุณพี่ตะวันกับคุณเอทัส (คนที่โดนมอบหมายให้ดูโครงการนี้ที่มากับคุณชายเขาน่ะแหละครับ ก็ดูจะอายุพอๆกับคุณตะวัน แต่ในนามบัตรนี่เขาก็เป็นถึง Managing Director เลยนะครับ) ก็ดูจะพอใจกับการบรีฟวันนี้นะ นั่งตัวตรงเด๊ะตั้งใจฟังตลอด แถมยังฟันธงตอบคำถามและบอกความต้องการให้ด้วย ตัดสินใจฉับไวสมเป็นทายาทบริษัทใหญ่จริงๆ

คือ..

ไอ้ที่ดูง่อยสุดในห้องคงจะเป็นตัวผมที่เป็นคนนำการประชุมนี่แหละ ประสบการณ์ก็น้อย บางทีดีไซเนอร์ถามก็จนมุมต้องให้พี่ฝ้ายมาช่วยตอบ ข้อมูลโครงการบางตัวก็ต้องเปิดหา บางทีโดนคุณตะวันแย่งตอบด้วยซ้ำทั้งๆที่ผมเป็นคนทำเอกสารเองกับมือ อดสงสัยไม่ได้ว่าพี่แกจำตัวเลขยิบย่อยได้ยังไงวะ เกินคนไปหน่อยละมั้ง

พอส่งทีมดีไซเนอร์คนสุดท้ายเสร็จก็รีบกลับมาจดประเด็นทุกอย่างลงสมุดเพื่อเตรียมเขียนรายงานการประชุม ในระหว่างที่คุณตะวันและคุณเอคุยกับพี่ฝ้ายเรื่องการทำงานขั้นต่อไปอยู่ท้ายห้อง กำหนดส่งพิจารณางานจะมีในอีกสามอาทิตย์ ขอให้งานพรีดีไซน์กับค่าบริการที่เคาะออกมาโอเคด้วยเถ๊อะ เจ้าไหนก็ได้ระหว่างสองเจ้านี้ ทำงานด้วยน่าจะได้พัฒนาตัวเองอีกเยอะ

โอ้ย งั้นก็ต้องรีบส่งข้อมูลที่คุณตะวันเพิ่งบอกมาวันนี้ให้ผู้ออกแบบรายเมื่อวานด้วยน่ะสิ ถ้าไม่ทำต้องโดนหาว่ากั๊กข้อมูลแน่
หึหึหึ ได้ทำงานวันเสาร์แน่เลยกู อยากจะบ้า ผมเอามือกุมหัวไปเขียนไป

น้องแคร์เดินถือถาดเครื่องดื่มเย็นๆ เข้ามาแจกในห้องประชุม บรรยากาศเลยผ่อนคลายลงมาก รุ่นน้องคนเก่งยื่นโค้กกระป๋องให้ผมอย่างรู้ใจ

“คิ้วจะชนกันแล้วนั่น ดูสิครับ” พี่ตะวันพูดจากอีกฟากของโต๊ะ ชี้ชวนให้พี่ฝ้ายกับคุณเอที่นั่งอยู่ติดกันมองหน้าผม

“จริงด้วยค่ะ ไม่ดีนะวิน หน้าแก่นะ เจ๊ขอเตือน”

ถึงกับต้องเอานิ้วนวดหว่างคิ้ว “ก็ข้อมูลมันเยอะนี่ครับ พลาดไปก็ยุ่งสิ เนี่ย อย่างวันนี้ก็พลาดไปตั้งเยอะ” ผมบ่นอุบอิบแล้ว

“ไม่เห็นพลาดเลย วินก็พรีเซนต์ได้ดีออก” พี่ตะวันว่า

“หลุดข้อมูลไปตั้งหลายตัว” ผมแย้ง “เมื่อวานเจอดีไซเนอร์ชิว ผมเลยประมาทวันนี้น่ะสิ”   

“ไม่ต้องกดดันขนาดนั้นน่า” พี่ฝ้ายปลอบ “ถ้าทำไม่ดีจริงๆชั้นด่าเปิงไปละ”

“แต่ว่า..”

“คิดมากหน้าแก่นะครับวิน” พี่ตะวันย้ำขำๆ พี่ฝ้ายหัวเราะสมทบด้วยเสียงดัง

ผมหน้าหงิก สองคนนี้นี่เข้ากันดีจริงๆ พี่ควรคบกันไปเลยนะครับเนี่ย

“เดี๋ยวข้อมูลที่เราเคยคุยกันก่อนหน้านี้ วานทางวินส่งให้คุณเอดูด้วยนะครับ ย้อนหลังทั้งหมดเลย ผมอาจจะตกหล่นอะไรไป” คุณตะวันพูด “ส่วนขั้นต่อไปเรื่องอินทีเรีย ผมขอคุมแค่ Scheme ส่วนใหญ่ๆ อย่างส่วนกลางกับเซอร์วิส พวกพื้นที่เช่ากับพื้นที่ขายผมให้คุณเอตัดสินใจ”

“ได้ครับ” ผมรับคำ

“ขอออกตัวก่อนนะครับว่าแบ็กกราวน์ผมเป็นไฟแนนซ์ เรื่องอื่นๆนอกจากตัวเลขนี่ไม่ถนัดจริงๆ นี่คงต้องให้ทางนี้ช่วยเหลือเยอะทีเดียว” คุณเอทัสว่า “แต่ได้ทีมนี้มาเป็น Owner Representative ผมก็อุ่นใจได้เปราะหนึ่งละ ทุกคนมืออาชีพมากเลย” คนมาใหม่คลี่ยิ้ม

“มีตรงไหนมีประเด็นอีกไหมครับ” คุณตะวันถาม

พี่ฝ้ายส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ไม่มีแล้วค่ะ วันนี้รบกวนเยอะมากเลย ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ”

“ยินดีครับ” คุณตะวันกับคุณเอลุกยืนขึ้น “งั้นผมกับคุณเอขอตัวก่อนนะครับ ไว้คุยกันต่อในเมลล์”

“ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ” คุณเอพูดปิดท้าย

“ค่า”

“ได้เลยครับ”


หลังจากผมกับพี่ฝ้ายเดินไปส่งลูกค้ารายใหญ่เสร็จก็กลับมานั่งสรุปงานกันต่ออีกราวๆ สิบห้านาที ถึงจะได้เก็บของกลับบ้านกันจริงๆ เฮ่ออ จบซักทีวันอันยาวนานของผม

เราสองคนขยับตัวเดินไปที่ลานจอดรถ

“คนบริษัท AA นี่มีแต่หล่อๆ เนอะ”

“ห้ะ?” ผมทวนคำถาม

“คุณตะวันกับคุณเอทัสไง ยังกะออกมาจากซีรี่ย์ ตอนรับทำงานเขาคัดหน้าตาป่ะ”

“หาาาาาาาาา” ผมลากเสียงยาว พี่ฝ้ายหัวเราะคิกคัก

“แซวไปงั้นแหละย่ะ เออ แล้วแมวเป็นไงบ้างอ่ะวิน”

“จิ๋วเหรอครับ ก็..ดีขึ้นเยอะนะ ไม่ต้องล้างแผลทุกวันแล้วล่ะครับ”

“แล้วมีใครรับไปรึยัง”

“อ่า ผมว่าจะเอามาเลี้ยงเองอ่ะพี่” ผมพูดแล้วควานหากุญแจรถไปด้วย

“เอ้ย ดีเลยสิ ว่าแต่นี่จะเอาไว้คอนโดเหรอ” พี่ฝ้ายทำเสียงตื่นเต้น

“ก็ว่างั้นแหละครับ ลองดูในกฏแล้วเขาก็ไม่ได้ห้ามเลี้ยงสัตว์น่ะครับ ยกเว้นที่เสียงดังๆ” ผมบอก

“ดีๆ ไว้วินเลี้ยงพี่ก็วางใจ” พี่ฝ้ายยิ้มๆ

ตั้งใจไว้ว่าจากนี่ก็จะแว้บไปเจอหน้าจิ๋วหน่อย โชคดีที่ตอนนี้ไม่ต้องขูดเนื้อตายแล้ว คุณหมอบอกว่าแค่ทำแผลและเปลี่ยนผ้าสองวันครั้งก็พอ (ล่าสุดก็เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อวาน) เสร็จแล้วจะได้รีบกลับ อยากนอนจะแย่แล้ว

“แล้ววันนี้กลับไง ให้เจ๊ไปส่งมั้ย”

“ผมขับรถมาอ่ะครับ พอดีเมื่อเช้าไปไซท์”

“อ่อ โปรเจ็กต์บางนาที่จะติดโซล่าร์เซลล์อ่ะนะ ที่ฝ่ายอาคารเขียวรีเฟอร์มาอ่ะเหรอ”

“ใช่ครับ” ตอบแล้วเพิ่งนึกได้ “เห้ย เดี๋ยว ผมอุส่าห์ปั่นรายงานส่งอีเมลล์ นี่พี่ยังไม่ได้อ่านเหรอครับบบเนี่ยยยยย” ผมโวย

พี่ฝ้ายเอามือตีไหล่ “โอ้ย ก็เจ๊ยังไม่มีเวลาอ่านนี่ อีกอย่างไม่ได้เกี่ยวโดยตรงซักหน่อย ยังไงก็รายงานให้ฝั่งกรีนอยู่แล้วป้ะ”     

“เสียใจจจจจจ” ผมแกล้งทำหน้าบุ่ย

“โอ๋นะๆ” พี่ฝ้ายเอามือลูบหัวผมสองสามทีแล้วผลักผมออก “ไปๆ ขึ้นรถ รีบกลับบ้านได้ละ”

“ฮ่าๆๆ คร้าบผม” ผมโบกมือให้เจ๊ใหญ่แล้วปลดล็อครถตัวเอง

เย็นวันศุกร์แบบนี้ ขอให้รถไม่ติดละกันนะ
ผมกดสตาร์ทรถแล้วออกตัวไปช้าๆ

Rrr….

ผมมองชื่อคนโทรเข้าแล้วพูดกับโทรศัพท์เสียงเนือย “ว่าาา”

(ไม่ต้องติดต่อมั้งเพื่อนเพิ่นน่ะ วันนี้เขานัดกันไอ้ห่า วันศุกร์แห่งชาติ) ไอ้พีทโวยมาแต่ไกล (โทรศัพท์มีไว้ทับกระดาษเหรอครับคุณ) 

“กูทำงานป้ะ ใครจะว่างตอบพวกมึงตลอดเวลา” ผมว่าพลางเลี้ยวรถขึ้นจากที่จอดรถ

(โว้ จะสองทุ่มแล้วใครเขาทำงานกัน นี่ทำเยอะขนาดนี้มีเวลาใช้ตังมะถามจริง)

“จะมาช่วยใช้รึไง ไม่ต้องเลย”

(วันนี้มากันบานเลยนะเว้ย พวกไอ้ปั่นกับทอมเอ้ก็มา) มันพูดแบบไม่สนใจผม 

“โอ้ย ไม่เอา กูเหนื่อยมากก วันนี้ไปไซท์ เพิ่งประชุมเสร็จ กำลังจะออกจากออฟฟิส” เลี้ยวข้างหน้านี่ก็ทางออกตรงดรอปออฟพอดี ทางบังคับว่าต้องวนหน้าตึกหนึ่งรอบถ้วน

(กำลังออกเหรอ… ดีเลย..)

“อะไรของมึง”

(ก็พวกกูอยู่หน้าตึกมึงแล้วเนี่ย) ไอ้พีทว่า

“ห้ะ!!!!!”

อุทานผมจบก็เห็น BMW สีแดงแรงฤทธิ์ของไอ้พีทจอดกระพริบไฟรออยู่จริงๆ

(อ้าว ขับรถมาเหรอ) มันพูดใส่โทรศัพท์เสียงนิ่งๆ แล้วหันไปสั่ง (อาร์ตมึงลงไปขึ้นรถมันเลย เดี๋ยวตี๋แม่งเบี้ยว)

“ไม่ได้ถามความเห็นกูเล้ยไอ้เชี่ยยยยยยยยย” ผมร้องออกมาในขณะมองอาร์ตปิดประตูแล้วเดินตรงดิ่งมาที่รถตัวเอง

มันเปิดประตูขึ้นมานั่งหน้าตาเฉย ขยับตัวคาดเข็มขัดได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“ขืนโทรมาชวนนี่มึงปฏิเสธแน่ๆ ต้องทำแบบนี้แหละ”   

“พวกมึงเลยมาจอดรถรอกูอ่ะนะ”

“ช่าย ทีแรกนึกว่ามึงไม่ได้เอารถมา กะว่าจะมาเอาตัวขึ้นรถไปเลย พอเห็นมึงขับรถมาเลยต้องส่งกูมานั่งประกบแทน”
อยากจะไหว้พวกมันในส่วนของความทุ่มเทนี้

“เออ นี่มาตั้งแต่ทุ่มนิดๆเลยนะ เห็นเมื่อวานมึงบอกว่าวันนี้มีประชุม ไอ้พีทบอกว่าไม่น่าจะเลิกเร็ว”

“ไม่คิดว่ากูจะมีธุระอะไรต้องไปที่อื่นเลยงี้”​

“มึงจะไปไหนล่ะ กูว่าง” มันหันมาตอบหน้าตาย “ถ้าคุณวินจะไปเลทก็ไม่มีใครด่าหรอกครัช”

“ห่า” แล้วจะแว้บไปหาแมวได้ยังไงล่ะเนี่ย “คือกูต้องไปธุระก่อน”

“เอาดิ่ ไปด้วย กูไม่รีบ เดี๋ยวไลน์บอกพวกแม่งแป๊บ ว่าเดี๋ยวตามไป” มันยกโทรศัพท์ขึ้นกดจึ้กๆ

“เออๆ” โอ้ยย ขั้นนี้แล้ว ช่างแม่งง อยากไปก็ไปป

_ _ _ _

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 08-10-2017 17:35:55
20.45

“เฮ่ยยยยยยย นี่มันแมวในตำนานตัวนั้นนี่หว่า” ไอ้อาร์ตลากเสียงยาว “ตัวที่มึงประกาศหาบ้าน แล้วก็ถ่ายรูปกับไอ้น้องห--”

“เชี่ยไรมึง” ผมพูดขัดขึ้นขณะรับจิ๋วจากมือพี่ผู้ช่วย

“แหมมมม อย่าหยาบคายสิครัชไอ้ตี๋ กูก็ว่ามึงมาทำอะไรที่คลีนิครักษาสัตว์ ที่แท้ก็แอบมีลูกไว้นี่เอง” มันมองหน้าจิ๋วในมือผม จะเอื้อมมือมาจับแต่ไอ้ตัวแสบส่งเสียงฟ่อใส่ “แน๊ ดุเหมือนพ่อมันเลย”

ผมแยกเขี้ยว
“ดีๆ อย่าไปญาติดีกับแม่งเลยจิ๋ว” ผมพูดกับแมว “เดี๋ยวติดเชื้อบ้า”

“อ้าว อะไรครับคุณมึง”

“ยุ่ง กูคุยกับแมวกู ขี้เจือกนะเราอ่ะ”

พี่ผู้ช่วยยิ้มขำๆ ที่เห็นผมกับมันเถียงกัน

ผมนั่งลงบนเก้าอี้โดยให้จิ๋วอยู่บนตัก ลูบหัวลูบหางไปสักพักแล้วจึงเอาขนมแมวให้จิ๋วดมๆ ตัวเล็กทำจมูกฟุดฟิดแล้วเลียปาก แสนรู้จริงจริ๊ง เท้าเล็กๆเหยียบนวดบนหน้าขาผมอย่างเอาใจ

“เอามามั่งดิ่ อยากสร้างสัมพันธ์กับลูกมึง” อาร์ตนั่งลงข้างผม แบมือขอขนมแมวบ้าง จริงๆแล้วมันเป็นมนุษย์สายหมามากกว่าแมวนะ แต่อย่างว่าแหละ จิ๋วมันน่ารักจริงๆ

อาร์ตรับซองขนมจากมือผมไป “มานี่มะ เมี้ยวๆ” อาร์ตลองเรียกแล้วตบที่ตักตัวเอง จิ๋วจ้องตามซองขนมอย่างชั่งใจ ไอ้ตัวเล็กมีการหันหน้าขึ้นมามองผมก่อนด้วยทีหนึ่ง

“ฮ่าๆๆ ไปดิ่ๆ ไม่ต้องกลัว ถ้ามันแกล้งเดี๋ยวกูเตะให้เอง” ผมพยักหน้าให้แมวแล้วเอามือดันตัวจิ๋ว

“ขี้ระแวงสัส เหมือนมึงเลย” มันว่าขณะมองจิ๋วค่อยๆ ยกขาก้าวไปบนตักมัน
อาร์ตใช้เวลาหลอกล่อสักพักจิ๋วก็ยอมกินขนมจากมือ ผมเลยหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเก็บไว้ ตลกดีครับ เหมือนหมากับแมวอยู่ด้วยกันยังไงไม่รู้

“เอ้อ พี่ครับ แล้วเมื่อไหร่จิ๋วจะกลับบ้านได้อ่ะครับ” ผมหันไปถามพี่ผู้ช่วยที่อยู่ใกล้ๆเมื่อนึกได้

“คุณหมอบอกว่า จริงๆแล้วจิ๋วก็พร้อมกลับบ้านแล้วนะคะ แผลไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เหลือแต่ที่ตื้นๆ”

“จะได้เตรียมที่เตรียมทางน่ะครับ ผมคงมารับวันอาทิตย์นี้แหละ” จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าฝากเลี้ยง ไม่น้อยนะครับอาทิตย์นึงเนี่ย

“ได้สิคะ” พี่สาวตอบเสียงใส “แล้ววันนี้น้องหวานไม่มาเหรอคะ”
อาร์ตหันขวับขึ้นมาหรี่ตามอง

“อ่าา” ผมยิ้มแห้ง “ติดงานมั้งครับ.. ผมก็ไม่ค่อยรู้”
รังสีความอยากรู้ของมันนี่แผ่ออกมาเต็มร้านเลยครับ ขี้เสือกจริงๆ

“อ้าวเหรอคะ เห็นปกติมาด้วยกันทุกวัน”

เดี๋ยวๆ..
ผมว่าผมเห็นไอ้เชี่ยอาร์ตยิ้มมุมปาก
พี่ครับ เหลือที่ให้ผมเดินบ้าง!

“เอ่ออ ก็…” ผมนึก “พักนี้ไม่ค่อยได้คุยอ่ะครับ”

“คือพักก่อนคุยกันบ่อย” อาร์ตถามด้วยหน้าตากวนตีนตามแบบฉบับของมัน “สนิทกันจังเลยน้า” มันว่าลอยๆ

ผมหน้าร้อน “ไม่ใช่โว้ย” โวยเสร็จก็เสมองไปที่นาฬิกา “มึงให้ขนมหมดยัง รีบไปกันได้แล้ว” ผมตัดบทแล้วรีบลุกขึ้นพาแมวเดินไปส่งให้พี่ผู้ช่วยแบบไม่รอคำตอบเพื่อนตัวเอง

“ไปก่อนนะครับ” ผมว่าเร็วๆ แล้วออกมาจากคลีนิคด้วยความเร็วแสง กลัวจะมีคำถามตามมาจุดประเด็นอีก
คือถ้าเชี่ยอาร์ตรู้.. โลกก็รู้อ่ะครับ

พอขึ้นรถได้ หลังบอกชื่อร้านที่เป็นจุดหมายเสร็จไอ้อาร์ตก็ผิวปากอย่างอารมณ์ดี

“ตี๋… มีอะไรจะบอกเพื่อนรักคนนี้มั้ยจ้ะ” เกลียดหน้าแม่งตอนนี้จริงๆ สีหน้าเหมือนกุมความลับคนทั้งโลกไว้น่ะ

“อะไร บอกเรื่องไร ไม่มี”

“เริ่มที่ว่า.. มึงสนิทกับไอ้น้องหวานนั่นถึงขั้นไหนก็ได้นะ เพราะเรื่องนั้นกูก็ยังไม่รู้”

“อ่าาาา..” ผมจ้องถนนตรงหน้า “ก็ไม่ได้สนิทมากเท่าไหร่นะ”

“อื้มมม” มันพยักหน้า

“มันเป็นน้องรหัสฟ้า ฟ้าเลยฝากให้กูตรวจแบบบ่อยๆ เลยคุยกันบ้างอะไรงี้”

“หราา”

“อือ”

“อยากให้กูขยี้มั้ย” มันเอาศอกสะกิดแขนผม

“ไม่”

“โถ่ว” อาร์ตจิ๊ปาก “สารภาพมาหนักจะได้กลายเป็นเบา ถ้ากูรู้เองนี่เจ็บหนักนะบอกก่อน” มันว่า

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละน่า” ผมยืนยันไม่ตอบ อาร์ตส่ายหัวใส่แล้วก้มหน้าลงไปเล่นมือถือ

ผมลอบถอนหายใจเบาๆ อย่าเค้นกูเลยเพื่อนรัก ปล่อยกูขับรถไปเถอะ
เพราะเรื่องนี้กูไปไม่ถูกเหมือนกันว่ะเพื่อน นี่ยังงงอยู่เลย

ก็...ไม่สนิทเท่าไหร่จริงจริ๊ง..
เจอหน้ากันเกือบทุกวัน.. ไลน์กันทุกคืน
คือโดนมันจีบมาสักพักแต่กูไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง

กูนี่ก็ง่าวได้ใจเหมือนกันนะ.. บ้าบอ

แสงการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์สว่างวาบขึ้นมา
แถมมองปราดเดียวก็รู้ว่าไอ้คนที่ไลน์มาเป็นไอ้เด็กปีหนึ่งที่เป็นหัวข้อสนทนาอยู่เมื่อกี้ ผมรีบคว้าขึ้นมาแบบเร็วๆ
ไอ้อาร์ตเห็นมั้ยเนี่ย ผมแอบเหลือบไปมองเพื่อนตัวเอง แต่มันกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นมือถืออยู่
เออ โชคดีไป

นายหวาน : มาไม่ทันอ่ะ พี่เขาบอกว่าพี่วินกลับไปแล้ว เสียใจ
นายหวาน : ถึงคอนโดแล้วบอกนะครับ
นายหวาน : คิดถึงแล้ว


ผมอ่านข้อความแบบผ่านๆ พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะกดล็อคหน้าจอแล้ววางคว่ำหน้าไว้ที่เดิม

ไอ้เด็กนี่ก็ขยับจีบกูจัง!!!


_ _ _ _


พาตี๋วินกลับมาแล้วค่าา
ขอบคุณมากๆนะคะที่เอ็นดูทุกตัวละคร ฮืออ คนเขียนดีใจจริงๆ
ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์นะคะ ยินดีรับคำติชมทุกประการค่ะ อยากจะพัฒนาให้มากไปกว่านี้อีกเยอะๆ

ท่านใดอยากระบายอารมณ์ใส่คนเขียน แสดงตัวเป็นแม่ยกน้องหวาน ยกป้ายคุณตะวัน หรืออยากแจวเรือน้ำวิน ติดแท็ก #วิเคราะห์การรัก ได้เลยค่ะ (เก๊าแอบส่องอยู่ล่ะ เขินจัง)

ขอบคุณทุกคนค่ะ

ปล. ตอนหน้ากลับไปวงเหล้ากันดีกว่าค่ะ แฮ่ คิดถึงเดอะแก๊งค์อ่ะ

พบกันตอนหน้านะคะ

รักก
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 08-10-2017 18:08:50
คิดถึงเดอะแก๊งเหมือนกันค่ะ :ling1:
จริงๆแล้วเราแอบแจวเรือน้ำวินนะ แต่น้องหวานก็ดี พี่ตะวันก็ยังมาแบบเนียนๆอยู่
เลือก (ให้ตี๋วิน) ไม่ถูกเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 08-10-2017 19:00:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 08-10-2017 20:50:17
หึๆ พี่วินเอ้ยย o18
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 08-10-2017 21:31:28
 :-[ :o8: :sad4: สนุกค่ะ
ตอนนี้คิดถึงแมวของพี่วินน้องหวานมากกว่าแล้ว
เมือ่ไหร่จะหายลูก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-10-2017 22:15:09
ทีมน้องหวานผู้หยอดอย่างสม่ำเสมอค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-10-2017 23:09:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: yprjb ที่ 08-10-2017 23:50:27
หูยย เราเข้ามาส่องทุกวันว่าเมื่อไหร่อัพ ในที่สุดก็มาจนได้ ยังสนุกเหมือนเดิม อืม.. คอมเม้นท์นิดนึง เท่าที่เราอ่านมาด้วยเนื้อหาที่มีการบรรยายบรรยากาศของวงเหล้า กลุ่มเพื่อนแล้วต้องใช้คำหยาบ ในคห.ของเรา เราคิดว่าอยากให้พิมพ์ให้ชัดไปเลยว่าเป็นคำนั้น แต่เราก็เข้าใจว่าอาจจะเพราะไม่อยากให้ดูหยาบมากไป แต่พออ่านแล้วเรารู้สึกขัดๆอรรถรสหน่อยๆ แหะๆ ^^"
เราชอบเวลาที่คนเขียนบรรยายบรรยากาศการทำงานของวินมาก คือเห็นภาพตามและเอาตรงๆก็ได้ความรู้เพิ่มของสายงานนี้ว่าทำอะไรบ้างนะ รู้สึกเหนื่อยกับวินไปด้วยเวลาเร่งทำงาน เป็นห่วงว่าวินจะนอนพอมั้ย(อินมาก) 5555 ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ เราโอเคกับทุกคนที่วินชอบ เอาใจช่วยให้วินจัดการกับความสับสนของตัวเองให้ได้ และสุดท้าย หวาน...พี่เอาใจช่วยนะลูก (ไหนบอกโอเคทุกคน=.=) 55555  :katai3:

ปล.เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ จะติดตามต่อไปนะ ชอบสำนวนที่ใช้ ชอบภาษาที่เขียน อ่านแล้วสบายๆไม่ขัดเลย นี้ไม่ได้อวยนะ รู้สึกจริงๆ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 14-10-2017 14:26:42
เรื่องนี้น่ารัก มีอะไรให้ลุ้นตลอดว่าสรุปใครจะได้คู่๋สิ้น ตอบๆ แต่ละคนก็มีดีกันหมด เชียร์ไ่ม่ถูกเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-10-2017 15:03:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 17 P.4 ✽update 8.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 14-10-2017 21:19:41
รอร๊อรอ..
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 18 P.5 ✽update 17.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 17-10-2017 15:45:03
ความเสี่ยงที่ 18

“เชรดดดดดดดด ท่านตี๋ว่ะ”
“โห เชี่ยอาร์ต มึงลากออกมาได้ กูนี่นับถือเลย”
“เชี่ย ตากูคงฝ้าฟาง ไอ้ตี๋มาไงวะเนี่ย”
“โหยยย กว่ามึงจะมาเจอเพื่อนเจอฝูงบ้างงง”
“นี่กูต้องจองตัวกับเลขามึงข้ามเดือนเลยป่ะวะ”


ขอมองบนแพ้บ คือถ้าพวกมึงจะโหวกเหวกกันขนาดนี้... ทีหลังกินเหล้าที่บ้านพ่อตัวเองมั้ยจะได้ไม่เดือดร้อนชาวบ้าน
ดันเลือกโซนด้านนอกซะด้วย ทั้งร้านเขารู้หมดแล้วว่ากูชื่อตี๋และไม่ค่อยมาเจอเพื่อน บ้าบอจริงๆ

ผมมองปราดไปทั่วโต๊ะ แหม่ สมาชิกมากันเยอะตามที่อาร์ตมันโฆษณาไว้ ไอ้เฟิร์สนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะตามประสาคนเคยเป็นหัวหน้าว้ากเหมือนอย่างเคย บนม้านั่งตัวยาวฝั่งซ้ายเป็นปั่น เอ้ และพีทนั่งเรียงกันมา ส่วนฝั่งตรงกันข้ามก็เป็นไอ้บอยหน้าหล่อ ต่อด้วยมนุษย์เทพผู้ขี้เมา ถัดไปอีกหน่อยก็เป็นไอ้น้ำ

“ไง” ผมกับอาร์ตยกมือทักทุกคน ก่อนมันจะรีบเดินไปนั่งต่อท้ายพีทที่อยู่ปลายโต๊ะโดยไม่รอเพื่อนตอบกลับ ผมมองพีทกับน้ำยกแก้วแล้วพยักหน้ากลับมาให้เป็นการทักทาย

ระหว่างที่กำลังมองหาที่เหมาะๆแลนดิ้งอยู่นั้น ไอ้เทพก็กวักมือเรียกหยอยๆ

“มาๆ มานั่งนี่เลย” มันตบที่ข้างตัวปุๆเรียกให้ผมไปนั่งระหว่างมันกับน้ำแล้วทำตาวิบวับ “หายหน้าไปนาน กูละคิดถึ๊งคิดถึงง บอกเพื่อนมาซิครับว่าติดอะไรหรือติดใครอยู่ถึงไม่มาเจอเพื่อนฝูง” 

“ตีนกูจะติดหน้ามึงเนี่ย!” ผมว่าพร้อมยกเท้าขึ้น ไอ้เทพหัวเราะคิกคัก

“โอ้ยย ฟ่อแฟ่ใหญ่เลยนะมึง อารมณ์ไม่ดีเหรอจ้ะตี๋” เฟิร์สที่อยู่หัวโต๊ะแซวยิ้มๆ

ห่าราก... ใครไปปากโป้งอะไรเรื่องกูรึเปล่า พักนี้ยิ่งมีประเด็นอยู่

“นั่งๆ” เทพยังคงยืนยันให้ผมนั่งลง แต่พูดก็พูดเหอะ ผมเคยนั่งข้างมันแล้วลำบากชิบหายเลยครับ นอกจากจะเมาแล้วเรื้อนชอบเลื้อยไปทั่ว มันยังเป็นพวกเมาแล้วชอบหาเรื่องอีกต่างหาก นี่ไม่นับไอ้ที่มันชอบสูบบุหรี่ในวงกับมอมผมด้วยนะ
เอาตรงๆจากใจคือไม่อยากนั่งข้างแม่งอ่ะ... 

ในระหว่างที่กำลังยืนขมวดคิ้วตัดสินใจ จู่ๆไอ้น้ำก็เลื่อนตัวเองมานั่งติดกับไอ้เทพซะเฉยๆ 

“ไหนมึงจะคุยอะไรกับกูเรื่องกลองนะเอ้” มันพูดกับเอ้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “อยู่ตรงนู้นฟังไม่ถนัดว่ะ ตี๋มึงมานั่งนี่แทนกูดิ๊”
น้ำหยิบกระเป๋าจากมือผมไปวางตรงที่มันเคยนั่ง ทำเอาไอ้เทพที่กำลังจะเอื้อมมือมาดึงผมลงไปนั่งถึงกับร้องอ้าว เป็นอันว่าผมเลยได้นั่งท้ายโต๊ะจ้องหน้าอาร์ตโดยมีน้ำอยู่ข้างๆเป็นกันชนระหว่างผมกับเทพแทน

โคตรของความไม่เนียน

ผมตบหลังมันเบาๆ เป็นการขอบใจ น้ำหันมาทำตาใสเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถามว่า ทำไม อะไรเหรอ
ไอ้ส้นตีน สาบานซิว่ามึงแลกที่เพราะจะคุยกับเพื่อนจริงๆ 

“มึงนิ่” ผมพูดเสียงแข็ง โบกสักทีดีมั้ยล่ะ

มันหัวเราะนิดๆ ก่อนจะหันไปคุยกับเอ้และบอยที่อยู่อีกด้าน “เรื่องไรนะเอ้ ที่มึงจะถามกูกับบอย” 

“หา” เอ้กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะนึกได้  “อ้อ เรื่องค่ายเก็บตัวมือกลองไง นี่มึงจะไปมั้ย” เอ้ว่าแล้วยกเบียร์ในมือขึ้นจิบ

“นี่ปีหนึ่งยังไม่ได้เข้าค่ายฝึกเหรอวะ พวกปีสามแม่งทำอะไรอยู่เนี่ย ไม่ติดสอบแล้วเรอะป่านนี้” บอยบ่นเสียงดัง

“ไม่รู้ว่ะ ไปหลังสอบมั้ง แต่กูอาจจะไม่ไปนะ” น้ำออกตัว

“กูก็ว่างั้น ลางานลำบากว่ะ หน้าไซท์เนี่ย ให้พวกน้องๆจัดการกันเองเถอะ” เอ้ว่า

“เห้ยย เหลือกูคนเดียวกูก็ไม่ไปนะ” บอยว่า “เรื่องนี้ต้องตามจากใครวะ มือกลองปีสามเหรอ”

“ไปถามพวกไอ้พงศ์เอาเองไปพวกมือกลองเนี่ย” เฟิร์สเบรค “แล้วนี่งมึงทำอะไรไอ้ปั่น มัวแต่เล่นโทรศัพท์ไอ้ห่า”

“ตอบเมลล์ลูกค้าอ้ะ” ปั่นตอบแบบไม่ละสายตาขึ้นมามองคนถามด้วยซ้ำ

“ขยันชิบหาย เห้ย นี่คืนวันศุกร์นะเว้ย” บอยโวยวาย “พักหน่อยไม่ได้เหรอวะ เอ้า ชนๆๆ”

ว่าแล้วก็ยื่นแก้วไปหาคนที่อยู่ตรงหน้า แต่ปั่นยกมือยันไว้ก่อน “ไม่ได้ว้อย กูต้องตอบเดี๋ยวนี้ พวกมึงไม่เข้าใจหัวอกคนทำงานฟรีแลนซ์แบบกูหรอก”

ก็จริง..

ปั่นเป็นคนเดียวในวง(เหล้านี้) ที่ไม่ได้ทำงานประจำครับ ด้วยความที่มีฝีมือและไม่อยากนั่งแกร่วรองานน่าเบื่อๆ ในออฟฟิสเดือนละชิ้นสองชิ้น หลังเรียนจบมันเลยตัดสินใจรับงานเรนเดอร์ตีฟขายเป็นล่ำเป็นสัน พวกบริษัทใหญ่ๆที่ต้องการใช้มือปืนทำแบบนี้มีอยู่มากทีเดียวครับ เนื่องจากราคาไม่แพง งานเร็ว และไม่ต้องจ่ายรายเดือน พวกภาพ Perspective สวยๆหรูหราชวนฝันที่เห็นแปะขึ้นป้ายเวลาขายโครงการ พร้อมตัวดอกจันเล็กจิ๋วว่า ภาพจำลองบรรยากาศจริงใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น นั่นแหละครับ ผ่านมือมันมาหมดละ

“เออว่ะ มึงรับงานเองนี่หว่า แล้วไงล่ะ เดือนนี้กี่โปรเจ็กต์” พีทถามขึ้น

“สอง แต่มียิบย่อยอีก รวมๆแล้วเกือบยี่สิบรูปว่ะ นี่กูเปิดคอมเรนเดอร์ทิ้งไว้นะเนี่ย” ปั่นตอบขณะพิมพ์ไลน์ไปด้วย

“อะโหห รวยว่ะ” อาร์ตนับนิ้ว “รูปละสี่พัน โห..”

“รวยก็เหี้ยละ เดือนหน้านี่ยังไม่มีซักงาน ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาอะไรแดกครับ”

ผมพยักหน้า

ช่าย… ประเด็นสำคัญก็คือ ความไม่แน่นอน.. ฟรีแลนซ์แบบนี้ต้องขยันหางานให้ตัวเอง ไม่มีอะไรการันตีปริมาณงานหรือรายได้แต่ละเดือนได้เลย เดือนนี้งานล้นมือ แต่อาจได้นั่งตบยุงเล่นวินนิ่งไปอีกสามเดือนก็ได้ครับใครจะรู้ ทำได้แค่รักษาท่อต่องานจากลูกค้าให้ดีๆ คงระดับคุณภาพงานและส่งให้ตรงต่อเวลา ไม่งั้นเดี๋ยวเขาก็หนีไปใช้เจ้าอื่นกันหมด เงินช็อตทีนี่ไม่ตลกนะครับ     

“เอ้อ ปั่น มึงส่งพอร์ตมึงมาดิ่ นี่กูถืออยู่โปรเจ็กต์นึง จะประกาศผลผู้ออกแบบกันอาทิตย์หน้า กูจะได้ฝากโพรไฟล์มึงไป  เผื่อเขาจะเรียกใช้” ผมนึกได้

ปั่นทำหน้าดีใจ “จริงป่ะเนี่ยย เออๆ เดี๋ยวคุยนี่จบกูส่งให้เลยตี๋” 

“แต่กูไม่รับประกันนะเว้ย ว่าเขาจะเรียกรึเปล่า” ผมออกตัว

“เห้ย แค่เขาเอาโปรไฟล์กูไปก็ดีแล้ว ขอบใจว่ะ” มันว่า


“โอ้ย พวกมึงนี่มีแต่งานๆๆ” เทพพ่นลมออกจมูกแรงๆ “มาเจอเพื่อนก็พักหน่อยสิวะ” พูดจบก็ดื่มเบียร์เข้าไปอึกใหญ่

“เห้ย นี่งานจำเป็น ต้องกินต้องใช้ไอ้ห่า” ปั่นยืนยัน “หรือวันนี้มึงจะเลี้ยง?”

“ห้ะ ใคร กูเหรอ” เทพชี้ตัวเอง “กูไม่รู้ กูเมาแล้ว” มันยกมือสองข้างขึ้นยอมแพ้แล้วทำหน้าตาใสซื่อ

“ถุยยย” อาร์ตแทรกขึ้นมาจากท้ายโต๊ะพร้อมปาทิชชู่ใส่หน้าเทพแม่นอย่างกับจับวาง “ทีงี้ล่ะมาเมา”
ทำเอาทั้งโต๊ะหัวเราะกันครืน

สรุปแล้วเรื่องที่คุยก็หนีไม่พ้นเรื่องงานหรอกครับ (ถ้าไม่อยากฟังก็เชิญมึงเมาไปเลยครับเทพ) มีเรื่องเล่าปรับทุกข์กันทุกคน ทั้งพวกที่อยู่ห้องแบบบริษัทใหญ่ๆอย่างไอ้น้ำ พวกที่อยู่หน้าไซท์แบบอาร์ตและเอ้ เฟิร์สที่เป็นคนทำทุกอย่างในบริษัทเล็กๆ ฟรีแลนซ์แบบปั่น รวมถึงอินทีเรียที่ต้องชนลูกค้าเองแบบพีท ต่างก็มีเรื่องเล่าทุกข์ระทมของการทำงานกันทั้งนั้น

เห็นจะมีแต่บอยกับเทพที่ไม่มีเรื่องบ่น เพราะหลังจากรับงานช่วยโปรเจ็กต์เล็กๆ ของรุ่นพี่จบไปพวกมันก็แทบไม่ได้แตะงานเต็กอีกเลย บอยกำลังทำเรื่องเรียนต่อปริญญาโท ส่วนเทพก็กลับไปดูแลกิจการโรงเลื่อยที่บ้าน ถ้าจะมีปัญหาก็น่าจะเป็นนับเงินไม่ทันเท่านั้นแหละครับ สองคนนี้เลยได้แต่ผสมโรงนั่งวิจารณ์ไปตามเรื่องตามราว คอยตบมุกให้เพื่อนๆ ไม่ซีเรียสจนเกินไป

จะว่าไปมาคุยแบบนีก็ดี เปิดโลกการทำงานให้ผมเยอะเลย
แต่ละคนก็ต้องเจอความสนุกและความลำบากกันคนละแบบ
ฟังแล้วก็วิจารณ์กันไป แลกเปลี่ยนคำแนะนำกันไป รู้สึกพวกเราโตขึ้นอีกนิด

_ _ _ _


00.25

วงเหล้าวันนี้เลิกไวกว่าที่เคย
แต่ 9 คน 5 ทาวน์นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับพูดเลย มีป้อแป้อยู่เหมือนกัน

ผมที่ไม่ได้กินนั่งหาวแล้วหาวอีก ส่วนพวกคนที่ขับรถอย่างพีทและบอยก็หยุดไปตั้งแต่แก้วที่สอง

ดูน่าชื่นชมใช่มั้ยครับ เหตุผลไม่ใช่เพราะอยากจะเคารพกฎหรือเนื้อแท้เป็นคนดีอะไร แต่เพราะมีบทเรียนจากเรื่องจริงต่างหาก ตอนปีสี่ก็ไอ้บอยนี่แหละครับกินซะเยอะยังจะสะเออะขับรถ พอจะกลับเจอเป่าที่ด่านตรวจเข้าไป... จะเหลือเหรอครับ.. เรียกว่าออกจากข้าวสารปุ๊บก็เลี้ยวเข้าสน.ชนะสงครามปั๊บ คืนนั้นมันก็เลยต้องนอนในคุกแทนเตียงที่บ้าน เดือดร้อนพวกผมต้องออกมาจากคณะไปประกันตัวมันตอนตีสามเพราะมีส่งงานวันรุ่งขึ้น ไม่สนุกและไม่ตลกครับบอกเลย
ได้บทเรียนชิ้นโตแบบไม่มีใครกล้าเสี่ยงเมาแล้วขับกันอีก..

บอยรับหน้าที่ไปส่งเอ้กับเทพเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน หวังว่ามันจะลากเอาร่างเละๆของไอ้เทพไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ส่วนปั่นคนขยันก็กลับไปทำงานต่อ ชีวิตต้องสู้จริงๆ ให้ตาย

ส่วนคนอื่นๆ น่ะเหรอครับ…
นอนกองกันอยู่เบาะหลังรถผมนี่ไง ยกเว้นไอ้พีทที่ขับรถตามมา
ใช่ครับ… พวกมันจะแลนด์ดิ้งที่คอนโดผม!
ไอ้บ้าเอ้ย.. หรือนี่เป็นเหตุผลแท้จริงที่แม่งลากผมมาด้วยวะ

_ _ _ _

01.04

ยังดีที่ไม่มีใครถึงกับอ้วกเรี่ยราด และที่สำคัญคือทุกคนมีสติพอจะอาบน้ำแปรงฟันก่อนนอนด้วย เห้ย มิติใหม่แห่งการเมาว่ะ ไม่มีใครทิ้งตัวเลยเหรอ ก็ดี.. จะได้ไม่ต้องทำความสะอาดขนานใหญ่เหมือนทุกทีที่มีคนเมามานอน กลิ่นละมุดไม่ใช่เรื่องตลก.. และการซักผ้าปูเตียงกลิ่นละมุดก็ยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่

ผมโยนกระเป๋าสะพายลงพื้นแล้วเลื้อยตัวอยู่ที่เก้าอี้มุมห้องในชุดเดิมเพื่อรออาบน้ำ
พีทกับอาร์ตแยกกันอาบน้ำคนละห้อง ในขณะที่น้ำกับเฟิร์สในชุดเสื้อยืดกางเกงบอลนอนอยู่บนเตียงเพราะอาบน้ำเสร็จแล้ว

“เห้ย ไม่ได้มานอนนี่ตั้งนานแน่ะ” เฟิร์สว่าแล้วเอาหน้าซุกหมอนใบโต

“คอนโดกูไม่ใช่โรงแรมนะครับสัส” ผมย้อน “แล้วอย่าน้ำลายไหลใส่หมอนกู”

เฟิร์สขำกิ๊ก “อนามัยจังครับเพื่อน”

ผมมองตาขวาง "สัด"

“เฟิร์ส มึงหยิบปลั๊กต่อมาดิ้ กูจะชาร์ตโทรศัพท์” น้ำกระดิกมือเรียก

เฟิร์สเอื้อมมือไปที่โต๊ะข้างเตียง แล้วส่งสายชาร์ตให้ “เอ้า เอาไป”

คนมาเยอะครับวันนี้ ถึงขนาดต้องเอาฟูกมาปูข้างเตียงเพิ่มเลยทีเดียว
โหวตกันแล้วครับว่าอาร์ตกับพีทต้องลงไปนอนข้างล่าง (โดยคนเข้าร่วมโหวตมีผม น้ำ และเฟิร์ส โหวตกันเมื่อกี้ โห.. ยุติธรรมกว่านี้มีมั้ย)
อืมมม… เมื่อไหร่จะได้อาบน้ำวะเนี่ย เมื่อยตัวไปหมด สงสัยวันนี้ใช้พลังเยอะไปหน่อย
แล้วเสียงอะไรเนี่ยแปลกๆ.. เหมือน.. โทรศัพท์เข้า

ไอ้ชิบหาย..
ผมรีบรื้อกระเป๋าตัวเองที่วางกองอยู่บนพื้น

ชัดเลย.. ไอ้เด็กหวานกำลังโทรมา
ถึงกับต้องถลาตัวออกมาจากห้องแล้วมากดรับสายนอกระเบียงห้องนั่งเล่น ทำเอาไอ้พวกที่กำลังนอนอยู่ถึงกับงงไป

“ฮะ. ฮัลโหล” ผมพูดไปปิดประตูระเบียงไป

(ฮัลโหล พี่วิน ไปไหนมาครับ นี่ผมโทรตั้งนานแล้วนะ ไลน์ก็ไม่อ่านเลย นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย)

“ไม่ได้เป็นอะไร กูเลิกงานแล้วก็ไปกินข้าวกับพวกแม่ง เอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า ไม่ได้เช็คเลย” สี่มิสคอลเลยเหรอวะ นี่มึงจะร้อนรนอะไรขนาดนั้น

(เฮ่ออ ค่อยยังชั่ว นานกว่านี้นี่จะขับรถออกไปตามแล้วนะครับ)

“เกินไปละมึงอ่ะ” ผมว่า

(ก็ปกติไม่หายไปนานแบบนี้นี่ครับ ว่าแต่นี่กินเหล้ารึเปล่า ถึงคอนโดรึยัง)

“เอ่ออ.. ไม่ได้กินเหล้า.. แล้วก็ถึงคอนโดแล้ว..” ผมตอบมันเสียงเบา
“นี่ทำไมกูต้องรายงานมึงด้วยเนี่ย มึงสิควรไปนอน”

(นอนไม่หลับหรอก ยังไม่รู้ว่าพี่อยู่ไหนนี่นา) 

“อ่า..”

(แต่ตอนนี้รู้ละ นอนได้สบายใจ พี่เองก็รีบนอนนะครับ)

“อะ.. เออๆ”

(ผมเป็นห่วงนะครับ)

เอ่ออออ เอ่อออออออออออ
ทำไมกูต้องติดอ่างทางความคิดด้วย แต่ไม่รู้จะตอบมันว่าอะไรอ่ะครับ

ซึ่งจริงๆแล้วไอ้บทสนทนาพวกนี้.. เด็กหวานก็พูดอยู่เป็นประจำแหละครับ แล้วผมก็จะคิดทุกครั้งว่ามัน “เยอะ”
แต่หลังจากที่มันประกาศกร้าวว่า เฮ้ยเนี่ย จีบอยู่ ผมก็ดันรู้สึกแปลกๆกับคำพูดแนวนี้ของมันซะอย่างนั้น
ก็มันไม่ได้พูดเล่นเหมือนที่ผมเข้าใจน่ะสิ..

บอกไม่ถูก
และไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง
 
คิดยังไม่ทันจบก็ไปสบตากับไอ้พีทที่เดินออกมาจากห้องน้ำในห้องนั่งเล่นผ่านกระจก มันขมวดคิ้วแล้วทำหน้างงใส่ผมก่อนจะบุ้ยใบ้ถาม

/มึงแอบมาคุยกับใครดึกดื่นวะ/

เชี่ย ตอบว่าอะไรดีอ่ะ หาสาเหตุไม่ทัน /ไม่มีอะไร มึงเข้าไปนอนเลย/ ผมขยับปาก

/ใคร/ มันยังไม่ยอมครับ

ไอ้นี่…เสือกละ /ไปนอนเลย/ ผมโบกมือไล่

/อ๋าา ไล่กูเหรอ.. ก็ด้ายยยย/ พีทอมยิ้ม..และเหมือนจะหัวเราะหึ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนโซฟาหน้าทีวี
/กูไม่ไป/

ไอ้ชิบหาย..

(พี่วิน? เป็นอะไรครับ) เสียงคนในสายเรียกสติผมกลับมา

“อ่า..” ผมว่าแบบเก้อๆ แล้วหมุนตัวหันหลังให้กระจก “ไม่มีไรหรอก พวกแม่งมานอนด้วยน่ะ”

(พวกเพื่อนพี่น่ะเหรอครับ)

“อื้อ มึงอ่ะไปนอนได้ละ กูก็จะนอนแล้วเหมือนกัน” ผมพยายามตัดบท

(ฮึ่ยย..) หวานทำเสียงในลำคอ (นี่พี่จะทำผมนอนไม่หลับก็อย่างเนี้ย) มันว่า

“อะไร กูทำอะไร”

(ช่างเหอะ ผมไปนอนแล้วก็ได้)

“อืม ไปนอนเหอะ” เออช่วยรีบวางหน่อย ป่านนี้ไอ้พีทคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

(ครับ ฝันดีนะครับพี่วิน)


ผมกดตัดสาย

“เชี่ย!!!” หันหน้ากลับมาก็ต้องตกใจเพราะไอ้พีทที่ควรจะนั่งอยู่ที่โซฟาดันเอาหน้ามาแนบกระจก มันหัวเราะเสียงดัง
“ไอ้ห่าพีททท ตกใจแทบตาย” ผมด่าไปเลื่อนเปิดประตูไป “หัวใจวายไปมึงรับผิดชอบมั้ย”

“แล้วหัวใจมึงนี่ใครต้องรับผิดชอบล่ะ กูจะได้ตามตัวถูก” มันลอยหน้าลอยตาย้อนผม

จู่ๆก็อยากถีบเพื่อนตัวเองครับ “เชี่ยไร! เพ้อเจ้อสัด” ผมโวย แถมด้วยการปิดประตูแรงๆ ทำเอาไอ้พีทหัวเราะลั่น

“มึงนี่ไม่เนียนเลยว่ะตี๋” มันส่ายหัวแล้วตบไหล่ผม “ให้กูสอนจีบสาวมั้ย เรียกกูว่าท่านอาจารย์สิ”

“เหอะ” ผมย่นจมูก

“อ้ะ เดี๋ยวๆๆๆ หรือนี่มึงไม่ได้จีบเขา” มันยกมือขึ้นชี้หน้าผม “มึงโดนเขาจีบเหรอวะ เชี่ยยยย นี่เป็นสิ่งที่มึงรอคอยเลยนะ คนมายื่น Proposal จีบมึงอย่างที่มึงเคยบอกอ่ะ ใคร อะไร ยังไงวะ ไหนบอกกูซิ ต่อมเสือกกูทำงานเต็มที่แล้วเนี่ย” พีทพูดเร็วปรื๋อ

“ไม่มีไรทั้งนั้นอ่ะ อย่าเดามั่ว มึงไปนอนนนนน” ผมยืนกรานไม่ตอบ เอามือดันหลังมันให้เข้าไปในห้องนอน เกลียดคนรู้ทัน “ไปเลยๆ”

“ด้ายย ไม่บอกกู กูสืบเองก็ด้ายยย กูต้องรู้ให้ได้ว่าใครมาจีบเพื่อนกู ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” พีทหันหน้ามามองด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะผลักประตูเข้าไป เดชะบุญที่ทุกคนหลับกันไปแล้ว ไม่งั้นเรื่องคงไม่จบง่ายๆ 

อ๋อ เด็กปีหนึ่งหน้าหล่อๆ ที่เคยหิ้วกูตอนเป็นลมแม่งจีบกูอยู่ว่ะ
ถุยยยยยยย จะให้พูดอย่างนั้นรึไงเล่าาา!!!

_ _ _ _

11.57

“กากสัดดดดดดดด”
“หวายย เชี่ยเฟิร์สมึงอ่อนมากก”
“โว้ เล่นให้เด็กมันดูหน่อยซิเพื่อนรัก”
“พูดมากจริงๆ เก่งแต่ปากนะไอ้อาร์ต”
“เล่นแม่งเลยป่ะล่ะ”


“โว้ยยยยย คอนโดกูไม่ใช่ร้านเกม ไอ้พวกบ้าาาาา” ผมโวยวาย
ดูสิครับ พวกมันไม่เห็นจะสะเทือนเลย แม่งทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุอย่างนั้นแหละ

แทนที่ตื่นมาจะอาบน้ำแปรงฟันกินข้าวเช้าแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านกลับช่อง พวกแม่งดันปักหลักเอาคอมมาต่อทีวีในห้องนั่งเล่นผมแล้วดวลวินนิ่งกันเฉย แล้วนี่ใครไปค้นเอาจอยกูออกมาวะเนี่ย ไร้มารยาทจริงๆ นั่งกันหน้าสลอนอยู่ที่โซฟา
ผมเริ่มจะคิดแล้วนะว่าพวกมันวางแผนฮุบคอนโดผมแล้วเปลี่ยนเป็นเกมเซนเตอร์หรือสถานพักตากอากาศของพวกแม่ง นี่เล่นไปตะโกนบลัฟกันไปอย่างเมามัน อินจังเลยนะพวกมึง ไม่ได้เห็นใจเจ้าของห้องอย่างผมเลยสักกะติ๊ดเดียว

“มึงก็หยุดทำงานแล้วมาเล่นด้วยกันดิ่วะ” เฟิร์สว่าขณะสายตายังจับจ้องกับหน้าจอ “แป๊บเดียวเนี่ย เดี๋ยวไอ้พีทก็แพ้ละ มึงมารอเลยตี๋”

“ถ้างานไม่เร่งกูจะต้องทำวันเสาร์มั้ยล่ะ คิดสิมึง” ผมถอนหายใจ

“เดี๋ยวๆ ใครจะแพ้ครับคุณเฟิร์ส เมื่อกี้แค่อ่อยให้เฉยๆ คุณมึงรอดูกูนะครับ” พีทว่า

“ให้ไวเลยครับ ทั้งคู่น่ะครับ กูกับไอ้น้ำรอนานแล้วครับเพื่อน เสืออาร์ตจะได้ลงสนาม”   

“อะโห กล้าเนาะ มึงนี่เสือมากเลยเนาะ เมี้ยวๆๆ” เฟิร์สหัวเราะใส่ เลยโดนอาร์ตโยนเศษขนมใส่ ไอ้ห่า..ปาก็ไม่แม่น แล้วนั่นพรมกูมั้ย ใครจะเก็บ..

“ปล่อยตี๋แม่งทำงานไปเหอะ ลงมาก็แพ้ หว่าย อ่อนนนน” น้ำพูดให้ผมยู่หน้าเล่นๆ

แสด รองานเสร็จก่อนเถอะ เทพวินนิ่งจะจุติให้พวกมึงได้กราบไหว้กัน

ก็เพราะประชุมบรีฟผู้ออกแบบเมื่อวานนั่นแหละ มีข้อมูลต้องเพิ่มอีกตั้งเยอะ แถมต้องส่งรายงานให้ดีไซเนอร์เจ้าแรกที่มารับบรีฟวันโน้นอีกต่างหาก เดี๋ยวจะหาว่าไม่ยุติธรรม ผมเลยต้องมานั่งจุ้มปุ๊กทำรายงานสรุปอยู่ที่โต๊ะกินข้าวในขณะที่เพื่อนๆเล่นเกมกันอยู่แบบนี้ ว้าโว้ย 

ผมดันแว่นกรอบหนาที่ใส่อยู่แล้วตั้งสมาธิเขียนรายงานการประชุมต่อให้เสร็จ
สักพักใหญ่ๆโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะผมก็สั่นครืด พร้อมโชว์ข้อความจากไลน์ที่หน้าจอ

นายหวาน : วันนี้ไม่มาเหรอครับ
       //แนบรูปเซลฟี่คู่กับจิ๋ว


เด็กนี่มันเอาเวลาที่ไหนมาหาแมวได้ทุกวี่วันเนี่ย

ผมมองไปยังกองเพื่อนของตัวเอง พวกมันไม่มีทีท่าว่าจะกลับในเร็วๆนี้แน่ ดูทรงแล้วน่าจะสามสี่โมงเย็นโน่น งานเนี่ยเหลือแค่ส่งอีเมลล์ก็จะเสร็จ แต่ไหนจะรอพวกแม่งย้ายตัวเองกลับบ้าน ไหนจะเก็บห้อง จัดที่จัดทางเตรียมรับเลี้ยงจิ๋วอีก นี่พวกสายไฟก็ยังไม่ได้เอาพลาสติกมาพันกันแมวแทะ ขาโต๊ะก็ยังไม่ได้หุ้ม ลูกเหม็นในตู้ก็ยังไม่ได้ทิ้ง ตรงราวระเบียงก็ยังไม่ได้เอาตะแกรงไปติดกันร่วงลงไป ของแตกได้ก็ยังไม่ได้เก็บเข้าตู้

โอ่ย ยุ่งตาย
กว่าจะได้เข้าไป

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพิมพ์ตอบคนเด็กกว่าไปตามจริง

Wynn_Tect : ไม่ว่างว่ะ ไม่แน่ใจว่าจะได้เข้าไปมั้ย
Wynn_Tect : ยังไงกูก็ฝากดูจิ๋วด้วยละกันวันนี้

นายหวาน : อ้าว เหรอครับ งานเร่งเหรอ

Wynn_Tect : นิดหน่อย

นายหวาน : โอเค งั้นตั้งใจทำงานนะครับ
       /แนบรูปจิ๋วแทะนิ้ว

Wynn_Tect : อย่าให้กัดดิ่! เดี๋ยวจิ๋วติดนิสัย!

นายหวาน : 5555
นายหวาน : ครับครับ


อืมม เดี๋ยวนะ..

ผมเลื่อนไปดูรูปที่เด็กหวานส่งมาในมือถือตัวเอง

มันเป็นรูปถ่ายของหวานที่รวบตัวจิ๋วไว้ในมือเดียวแล้วยกขึ้นมาแนบหน้า เจ้าแมวตัวเล็กทำตาบ้องแบ๊วน่าฟัด ส่วนตัวคนอุ้มเองก็ยิ้มกว้างแบบที่มันชอบทำ หางตาตกๆยกยิ้มอย่างสบายใจ มีความสุขจังนะมึงเนี่ย ว่างจัง งานไม่ต้องทำมั้ง

ผมจ้อง…
แต่จะว่าไป มันก็ดูโทรมไปเยอะเหมือนกันนะ..

ผมที่ปกติจะถูกเซทมาอย่างดี อย่างมากวันนี้ก็ได้เจอแค่หวีแบบลวกๆ นัยน์ตาที่ปกติจะดูสดใสเป็นประกายปรากฏรอยสีแดงจางๆ เช่นเดียวกับใต้ตาที่มีรอยคล้ำเป็นวง ผิวก็ดูซีดเซียวจนทำให้ไฝเม็ดเล็กใต้ตาขวาของมันดูชัดกว่าที่เคย ทุกอย่างที่เห็นเหมือนจะประกาศว่าเจ้าตัวขาดการพักผ่อนขนาดไหน
 
นี่มันได้นอนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่วะ… เอาเวลาดูแมวไปนอนมั้ย
จะมัวเทียวไปเทียวมาทำไม

คิดจบก็ได้คำตอบให้ตัวเองทันที
มันจีบมึงไงล่ะครับตัวกู...

ไอ้เด็กผู้ชายปีหนึ่งที่เพิ่งจะพ้นจากรั้วโรงเรียนมาหมาดๆ มันจะมาจีบหนุ่มออฟฟิสที่อายุห่างกันห้าปีอย่างกูนี่ไง
แค่เรียบเรียงสถานการณ์สองประโยคอย่างเมื่อกี้ยังเห็นแต่อุปสรรคซ้อนอุปสรรค ยังไม่ต้องคิดถึงมิติอื่นๆเลยนะครับ
มันอาจจะยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกตัวเองด้วยซ้ำ อาจจะแค่เหงา แค่อยากรู้ อยากลองดู
แล้วผมเนี่ย... แน่ใจแล้วเหรอวะ ที่จะยอมเปิดโอกาสให้มันจีบอยู่แบบนี้...

ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างตัดสินใจ
ไอ้วิน มึงต้องตั้งสติ...

“ตี๋!! นี่งานมึงเสร็จยังเนี่ย ไอ้อาร์ตจะไปซื้อข้าวเที่ยงอ่ะ มึงจะกินอะไร” เสียงเรียกของน้ำทำเอาผมสะดุ้งออกจากภวังค์

“กูไปแค่เซเว่นนะ ถ้านอกนั้นจะสั่งไลน์แมน”

“อะ เออ.. เสร็จแล้วๆ เดี๋ยวกูไปด้วยขอกูส่งเมลล์แป๊บนึง” ผมตอบไปตามนั้น

“นี่มึงแอบอู้งานป่ะเนี่ย ปกติทำงานเสร็จเร็วจะตายห่า” เฟิร์สบอก

พีทตวัดสายตาวาววับเหมือนรอจังหวะอยู่นาน “จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหรอครับมึงงงง”

ใช่ ต้องตั้งสติให้มากๆเลย..
ผมเขวี้ยงเศษกระดาษพลาดหัวไอ้พีทไปนิดเดียวจริงๆ

_ _ _ _

พาไปกินเหล้ากันทั้งตอน 5555

สาระเนื้อเรื่องอะไรไม่ค่อยจะมีเลยค่ะ เป็นความอยากเขียนล้วนๆ อ่านเอาบันเทิง(รึเปล่า?) ละกันนะคะ ฮือ
ขอบคุณคนอ่านทุกๆคนที่คลิกเข้ามาอ่านกันและให้ความเอ็นดูตี๋วินและเจ้าหวานนะคะ ดีใจจริงๆ ทุกคอมเมนต์มีความหมายกับเรามากๆ

ใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านก็ยินดีต้อนรับนะค้า /เชิญขึ้นเรือค่ะ เราไม่ใจร้ายหรอก สัญญา

สำหรับตอนหน้าน้านนนน
กลับออฟฟิสกันค่ะ!

อยากเม้ากับเราหรือคอมเมนต์ฟิคในทวิตภพ #วิเคราะห์การรัก ได้เลยค่ะ เดี๋ยวเราจะตามไปหาเอง 5555 (ไม่หลอนเนาะ ไม่หลอนสิ!)

ปอลอ เรื่องคำหยาบในวงเหล้า น้อมรับไว้ค่า (บางทีก็เขินที่จะต้องพิมพ์คำนั้นตรงๆ จริงๆนั่นแหละค่ะ แต่จะพยายามปรับดู ทุกคนจะได้อ่านกันลื่นๆเนอะ)
ปอลอ 2 ถ้ามีคำติชม จัดมาได้เลยนะคะ อยากพัฒนางานให้มากกว่านี้จริงๆ เรื่องนี้ก็นิยายเรื่องแรก + เขียนสนองตัวเองล้วนค่ะ สารภาพเลย 555

พบกันตอนหน้าค่ะ

  :bye2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 18 P.5 ✽update 17.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-10-2017 17:11:38
แนะนำให้พี่ตี๋วิน ชวนน้องหวานมานอนพักที่ห้องคนพี่ก่อนดีกว่านะคะ ท่าทางน้องจะเพลียงี้ โฮะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 18 P.5 ✽update 17.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 17-10-2017 17:43:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 18 P.5 ✽update 17.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-10-2017 19:03:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 18 P.5 ✽update 17.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-10-2017 19:30:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 18 P.5 ✽update 17.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 18-10-2017 09:55:03
ตี๋วินน่ารัก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 18 P.5 ✽update 17.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 19-10-2017 14:06:36
ตี๋วินมาแล้วว คิดถึงมากมายย ทีมหวานวินรอกัปตันมาแจวเรืออยู่นะคะ ช่วงนี้คุณน้องหวานค่าตัวแพงเหลือเกินโผ่ลมาแค่เสียง55555 อยากให้เขาได้เจอหน้ากันบ้าง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 18 P.5 ✽update 17.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-10-2017 21:28:54
พี่วินนนนน เห็นหวานทุ่มขนาดนี้ก็รับไว้พิจารณาเยอะๆนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 18 P.5 ✽update 17.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 29-10-2017 11:38:04
พึ่งมาอ่าน ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 18 P.5 ✽update 17.10.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 29-10-2017 19:05:43
ขอบบบบบ รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 02-11-2017 17:10:59
ความเสี่ยงที่ 19

13.32

“ถึงแล้วๆ ขี้บ่นจริงๆ”
ผมวางตะกร้าลงบนพื้นห้องตัวเอง เสียงเล็กๆ ดังเมี้ยวลอดมาอย่างไม่พอใจ
ไอ้ตัวยุ่งเอ้ย 

ผมไปรับจิ๋วมาแล้วครับ
หลังจากเมื่อวานนี้พวกแม่งกลับไปช่วงบ่ายสามโมง ผมก็รีบทำความสะอาดห้องและเตรียมที่เตรียมทางไว้รับสมาชิกใหม่ ก่อนจะรีบเผ่นออกไปซื้อของจำเป็นในการเลี้ยงแมวจากคลีนิคตอนเกือบสองทุ่ม ทั้งกระบะทราย ชามอาหาร ที่ฝนเล็บ ที่แปรงขน อาหารแมว ขนม ของเล่น และ…

คอนโดแมวสูงสามชั้น…
 
เอามาทำไมวะ.. กว่าจะประกอบเสร็จตั้งตีหนึ่งกว่า
จิ๋วจะนอนรึเปล่ายังไม่รู้เลย

พอผมเปิดตะกร้า แมวตัวจ้อยก็ยืดตัวโผล่หน้าขึ้นมามองบ้านใหม่ทันที จิ๋วทำตาแป๋วมองไปรอบๆ 
หูเล็กๆที่เหลือเพียงข้างเดียวขยับดุ๊กดิ๊กพลางยกหางปัดตะกร้าด้วยความตื่นเต้น สักพักตัวแสบก็กระโดดแผล็วออกมาอยู่บนตักผม เท้าเล็กๆเดินเหยียบไปมาอย่างไม่แน่ใจว่าจะก้าวลงไปบนพื้นดีหรือไม่

“ลงไปเดินดิ่ นี่พื้นบ้านใหม่ไง” ผมรวบจิ๋วไว้สองมือแล้วค่อยๆหย่อนให้อุ้งเท้าสัมผัสพื้น ตัวเล็กดิ้นขลุกขลักพร้อมส่งเสียงต่ำๆในลำคอ “ไม่ต้องกลัวน่า นี่ไงๆ” ผมลองปล่อยให้ขาหลังสัมผัสพื้น จิ๋วดูแหยงๆหน่อยในตอนแรก สงสัยพื้นลามิเนตลายไม้นี่จะไม่ถูกใจเจ้านี่ซักเท่าไหร่ กว่าจะให้คุ้นคงใช้เวลาน่าดู

..
..

ซะที่ไหนล่ะ…

หลังจากใช้เวลาปรับตัวกับบ้านใหม่ถึง.. ฮึ่มม สิบสองนาทีถ้วน ตอนนี้จิ๋วเดินกร่างไปทั่วคอนโดเลยครับ อะไรแทะได้แทะ อะไรปีนได้ปีน วิ่งไปๆกลับๆระหว่างห้องน้ำกับห้องนั่งเล่นนี่เป็นยี่สิบรอบแล้วมั้ง ดีนะที่ปิดห้องนอนกับห้องทำงานไว้ ไม่งั้นได้เข้าไปรื้อกองกระดาษกับกองผ้าห่มจนตามเก็บกันไม่ไหวแน่

ผมปล่อยให้สมาชิกใหม่เดินเล่นอย่างที่อยากทำ แล้วย้ายร่างตัวเองมานอนยืดขาบนโซฟาแทน
สักพักก็ต้องหาวขึ้นมาวอดใหญ่ ขอถอดแว่นแล้วนอนพักสายตาแป๊บนึงละกันนะ

..
..
..

Rrrr….

หือ..

ผมปรือตาขึ้นมองโทรศัพท์ที่กำลังสั่นครืดอยู่บนโต๊ะ แต่ยังไม่ทันได้หยิบก็ต้องแอบยิ้มกับเจ้าจิ๋วที่กำลังนอนหลับทับบนอกที่มีเสื้อยืดย้วยๆที่ผมใส่อยู่เป็นเบาะอย่างสบายใจ ขึ้นมาเมื่อไหร่เนี่ยไอ้แสบ เคลิ้มเชียว ยังดีนะที่ตัวเล็ก ถ้าตัวใหญ่กว่านี้นี่คงนึกว่าโดนผีอำไปแล้วแหงๆ ผมเอื้อมมือไปหยิบไอโฟน ดูชื่อปลายสายแล้วก็กดรับเร็วๆ

ไอ้น้ำ

“อืออ”

(มึงอยู่ห้องป่ะ แล้วทำไมเสียงเป็นแบบนั้นเนี่ย) 

“อยู่” ผมตอบเสียงแห้งแล้วหันไปมองนาฬิกา นอนไปแป๊บเดียวเองแฮะ

(นอนอยู่ล่ะสิมึง)

“อือ” ผมตอบสั้นๆ

(เออดี เดี๋ยวกูเข้าไปนะ ยัยแนนบอกให้กูมารับแล้วเปลี่ยนใจดูหนังกับเพื่อนเฉยเลย กูเลยต้องแกร่วอยู่แถวสยามเนี่ย)

“เออ เอาดิ่ ซื้อข้าวมาให้ด้วยนะ” ผมขยับตัวนิดๆไล่ความเมื่อยด้วยความเกรงใจแมว “ยังไม่ได้กินข้าวอ่ะ เอาอะไรมาก็ได้”

(เชี่ยนี่ รอให้กระเพาะมึงโดนย่อยไปก่อนมั้ย นี่มันจะบ่ายสองเข้าไปแล้วไอ้ห่า)

“บ่นเป็นหมีเลยมึง” ผมหัวเราะ ทำเอาแมวที่นอนหลับอยู่กระดิกหนวดขึ้นน้อยๆ
เห้ย อย่าเพิ่งตื่น นอนต่อไปเลยไอ้ตัวจ้อย ผมเอานิ้วลูบหัวมันเบาๆ

(ห่า งั้นเดี๋ยวอีกสิบห้านาทีเจอกัน)

_ _ _ _

14.03

“เอ้า ข้าวผัดกุ้ง” น้ำยื่นกล่องข้าวใส่ผมตั้งแต่หน้าประตู คือมึงจะไม่ทักทายอะไรกูก่อนเลยเรอะ
ช่างมันเหอะ ของกินมาแล้วนี่ครับ

“ขอบใจ” รับเสบียงแล้วก็เดินนำเข้ามาในห้อง “นั่งๆ แล้วมึงไม่กินเหรอ”

น้ำที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงขาสั้นส่ายหน้าแทนคำตอบ “จัดห้องใหม่เหรอวะ โล่งเชียว แล้วตรงนู้นอะไร เมื่อวานยังไม่เห็นมี” มันชะโงกมองไปยังคอนโดแมวที่มุมห้อง

ผมอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกุกกักมาจากครัว

“อ๋อ”
พอดีกับที่จิ๋วถลาตัวเข้ามาขวางหน้าผมพอดี ก้อนกลมๆสีดำ ลื่นไถลพรืดไปกับพื้น

น้ำถึงกับสะดุ้งร้องเฮ้ยขึ้นมาเสียงดังเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว “ตัวไรวะเนี่ย” มันว่า

“แมวกูเอง” ผมก้มลงไปอุ้มจิ๋วไว้กับตัว ไอ้ตัวนี้นอนมาตลอดบ่าย ชาร์ตแบตมาเต็ม อย่างคึกครับพูดเลย “ชื่อจิ๋ว สมาชิกใหม่” ผมหัวเราะเสียงดังแล้วจับเอาขาหน้าเจ้าตัวเล็กยกขึ้นเป็นการทักทาย “รู้จักกันไว้ซะ”

“อ๋อ ที่มึงโพสหาบ้านอยู่อ่ะนะ” ยื่นมือมาจับอุ้งเท้าจิ๋วเบาๆ “อย่ากัดกูล่ะ” พูดจบปุ๊บจิ๋วก็ดิ้นขลุกขลักไม่อยากโดนอุ้มต่อ ผมหัวเราะเบาๆ แล้วปล่อยลงพื้น ตัวแสบวิ่งปรู๊ดไปหลบบนชั้นวางของหน้าทีวีทันที เฮ่อ นิสัยตื่นคนนี่จะแก้ยังไงนะ

….

หลังเดินเข้าห้องมาไอ้น้ำถือโอกาสเปิดหนังนอนดูอย่างสบายใจเฉิบอยู่ที่โซฟาในระหว่างผมนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะ (โดยมีแมวนั่งเฝ้าไปด้วย จิ๋วนี่ก็ตามติดผมยังกับเงา)   

หลังจากนั้นน่ะเหรอ ผมโดนยึดโซฟาไปแล้วนี่..
ก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์สิครับ...

“น้ำ มึงรู้จักบริษัทอินทีเรียเจ๋งๆที่ไหนป่ะวะ เอาแบบรับงานอาคารขนาดใหญ่ได้ 2 อาคารพร้อมกัน มอลล์กับคอนโด” ผมถามขึ้น ขณะนั่งเท้าคางจ้องคอมพิวเตอร์ตัวเอง “กูต้องหาเข้ามาประมูลสามบริษัทเป็นอย่างน้อย นี่ขาดอีกหนึ่ง”

“เชี่ย นี่มึงนั่งทำงานเหรอ กูนึกว่านั่งส่องเฟส” มันอุทาน “บ้างานเกินไปแล้ว”

“ส่องก็เหี้ยละ นี่โปรเจ็กที่กูเป็น PM อยู่ถ้าจบเฟสบิดอินทีเรียกูจะได้วางมือแล้วส่งงานต่อให้ฝ่าย CM แล้วไปเริ่มโปรเจ็กต์อื่นซะที”

“ไอ้โปรเจ็กต์ของ AA คุณตะวันอะไรนั่นอ่ะนะ”

“อือ” ผมพยักหน้าแล้วกดเสิร์ชหาผู้ออกแบบในฐานข้อมูลบริษัท

“เร่งมากเลยเหรอวะ” มันลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งข้างๆผม “ไหนดูตารางดิ้”
ผมเปิดให้มันดูแบบไม่ขัดศรัทธา “จริงๆ ก็ไม่เร่งเท่าไหร่หรอก แต่กูอยากทำให้เสร็จเร็วๆ”

“ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ป่ะ?” มันขมวดคิ้วแล้วถาม “กับเจ้าของไรงี้”

“เหอะ ไม่มีอ่ะ”

“แล้วเรื่องอื่นมึงมีปัญหามั้ย” มันมองหน้าผม

ผมขมวดคิ้ว “หือ เรื่องอะไรวะ? ไม่มีนะ”

“ไม่มีก็ดีแล้ว” มันตัดบทแล้วหันไปมองหน้าจอ “ว่าแต่ CM มึงใช้ที่ไหน ต้องประมูลอีกป่ะเนี่ย”

“ของบริษัทกูเนี่ยแหละ in house ครบวงจร ไม่ต้องบิดแยก” มันพยักหน้าตามผมอธิบาย “ว่าแต่กูถามหาบริษัทอินมั้ย จงตอบมาให้ไว”   

“บริษัทไอ้พีทก็น่าจะได้นะ” น้ำทำท่าคิด “บริษัทก็ไม่ได้ใหญ่มาก แต่งานสเกลนี้ก็น่าจะโออยู่ เห็นวันก่อนแม่งบอกว่าเพิ่งได้รางวัลหน้าใหม่ปีนี้ด้วยนี่”

“เออว่ะ” ผมตบเข่า “ลืมนึกไปเลย เดี๋ยวถามไอ้พีทก่อน” ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์ต่อสายทันที

..
..

“มึง” 

“อืออ” ผมทำเสียงตอบในลำคอขณะนั่งขัดสมาธิเล่นกับจิ๋วอยู่ที่หน้าโซฟา ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาต้นเสียงที่กำลังเอกเขนกอยู่ด้านหลัง “ว่า”

“เมื่อคืนก่อน มึงออกไปคุยโทรศัพท์กับใครวะ”

ชิบหายละ
“ห้ะ คืนไหน” ผมพูดหน้าตาย

ไอ้น้ำจ้องหน้าผมกลับ “เชี่ยตี๋ อย่ามา กูมองหน้ามึงตอนมึงดูโทรศัพท์กูก็รู้ละว่าไม่ปกติ”

“เอ่อ ก็..งานแหละ.. ไม่มีไร” 

“มึงหรือเขาที่ไม่มี”

กูเนี่ยไม่มี!
“ไม่มีอะไรจริงๆ ไอ้เชี่ยนี่” ผมเอาศอกกระทุ้งเข่ามัน “ว่าแต่มึงเถอะ เรื่องน้องพลอยนี่หายสนิทรึยัง วันก่อนกูเห็นน้องเปลี่ยนสเตตัสในเฟสบุคว่า.. นั่นแหละ”

รู้ครับว่าถามแบบนี้มันเลว แต่ความเสือกก็มีอยู่ประมาณหนึ่ง..
น้ำหัวเราะหึ “เปลี่ยนเรื่องอย่างนี้เลยเหรอวะ” มันถอนหายใจ “ก็เขาคบกับคนใหม่แล้ว จบ”

“สั้นๆแค่เนี้ย?”

“มันจะยาวได้ไงวะ ก็เรื่องของกูมันจบแล้วนี่ไง”

“แล้วมึงโอเคมั้ยวะ” ผมถามพลางขยับตัวขึ้นมานั่งข้างมันบนโซฟา

“ถ้ากูไม่โอเคมึงจะทำไง” มันยิ้มอ่อนเมื่อเห็นผมอึ้งกับคำถาม “ก็ต้องโอเคสิ จะได้ move on” มันถอนหายใจเพิ่มอีกที “ว่าแต่ไอ้ตัวนั้นติดมึงจัง” มันชี้มาที่จิ๋วที่นั่งจดๆจ้องๆ เตรียมกระโดดขึ้นมาบนตักผม

“เออใช่ เดินตามตลอด ทำอะไรยุ่งด้วยทุกเรื่องอ่ะตัวนี้” ผมว่าแล้วอุ้มจิ๋วขึ้นส่งให้น้ำ “อ่ะ เอาไปฟัดเล่นแก้เหงา”

มันหัวเราะ “เด็กเนาะมึงอ่ะ ฟัดแมวก็หายเหงาแล้วเหรอ” มันรับจิ๋วไปวางข้างตัว ไอ้ตัวเล็กหันมองซ้ายทีขวาทีแล้วนั่งซุกอยู่ระหว่างขาไอ้น้ำกับพนักเก้าอี้

“บางทีคนเราก็ต้องการแค่นี้ป่ะวะ มีตัวอะไรสักอย่างอยู่ข้างๆ แบบไม่ต้องเข้าใจก็ได้ แค่อยู่ด้วยกันก็พออย่างนี้น่ะ” ผมว่า

น้ำตบไหล่ผมแล้วพูดยิ้มๆ
“เชื่อเถอะ..กูเข้าใจดีกว่ามึงอีก”

อืม..

ถึงไอ้น้ำจะไม่ได้ฟัดแมวตามที่ผมแนะนำ แต่มันก็นั่งเงียบๆ เอามือลูบหัวจิ๋วไปเรื่อย จนน้องแนนโทรมานั่นแหละ มันถึงได้พรวดพราดลุกขึ้นแล้วออกไปด้วยความเร็วแสง คนหวงน้องก็แบบนี้แหละครับ เรื่องอื่นล่ะไม่เห็นจะเคยเร็วแบบนี้เลย

Rrrr..

ผมรีบรับโทรศัพท์เมื่อเห็นชื่อคนปลายสาย

“ว่าไงวะพีท พี่เขาโอเคมั้ย?”

_ _ _ _

17.08

ผมขยับตัวไปอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม

สิ่งที่น่าดีใจสำหรับวันนี้คือผมหาผู้ออกแบบตกแต่งภายในได้ครบแล้วครับ ยะฮู้ว พีทบอกว่าเจ้านายมันว่าน่าสนใจดีเลยอยากเสนองานด้วย มันดีใจใหญ่ที่ได้เอาโปรเจ็กต์เข้าบริษัท แต่เดี๋ยว.. มึงต้องประมูลชนะก่อนนะถึงจะได้ทำ ดีใจเร็วไปมั้ยวะ

ผมรีบส่งอีเมลล์แจ้งพี่ฝ้ายและเริ่มทำตารางเวลาใหม่ นี่ถ้าด้วยความเร็วขนาดนี้ อีกสักเดือนก็คงได้ award ผู้ออกแบบหลักครบ แล้วโอนถ่ายให้ฝ่าย Construction Management ไปทำงานกับผู้ออกแบบเพื่อพัฒนาแบบสำหรับการประมูลผู้รับเหมาก่อสร้างต่อ

ผมจะได้ลดบทบาทเหลือแค่ผู้ประสานงาน แล้วเอาเวลาไปเริ่มโปรเจ็กใหม่ซักที
เห้ย นี่ทำงานครบลูปเป็นโปรเจ็กต์แรกเลยนะเนี่ย ดีใจอยู่ลึกๆ

ผมบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อย
กว่าจะทำตารางเวลากับเอกสารเชิญประมูลเสร็จ ซัดไปซะสองชั่วโมง..

ส่วนเรื่องน่าหนักใจสำหรับวันนี้น่ะเหรอ.. ผมมองนาฬิกา
ก็มีอยู่นะ.. ตอนเย็นๆ แบบนี้น่ะ


Rrr…
นี่ไง..

เมื่อคืนวานเด็กหวานก็ไลน์มาตามปกติ (ของมัน) ชวนคุยโน่นนี่ ทั้งเรื่องสอบไฟนอล เรื่องดีไซน์สตูดิโอ แล้วก็ไม่พ้นถามเรื่องแมวจิ๋วนี่ ก็เลยต้องตอบมันไปว่าวันนี้จะรับจิ๋วมาอยู่ด้วย ไอ้เด็กนี่เลยได้จังหวะบอกว่า ดีเลย อยากเอางานมาให้ตรวจ แล้วก็มาเยี่ยมจิ๋วที่คอนโดพี่ด้วยละกัน.. ตบท้ายด้วยคำว่าคิดถึงนะครับ.. อยากเจอ..

เหมือนมีคนมาพัดเอาฝุ่นในใจให้ฟุ้งขึ้นมาอีกรอบ
ตะกอนบ้าๆที่ควรจะหายไปจากความคิดผมได้แล้ว ไม่ใช่ยังทำให้มีอาการร้อนหน้าร้อนตาใจเต้นอยู่แบบนี้
มันเป็นแค่เด็กปีหนึ่ง จะมามีอิทธิพลกับความคิดผมอะไรขนาดนั้น
กูต้องเจอมันหยอดจนเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

ให้ตายเหอะ ผมควรเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้
รุ่นพี่ให้คำปรึกษาเรื่องงานกับรุ่นน้อง.. ผมเปิดโอกาสให้มันมากไปใช่มั้ย

_ _ _ _

20.26

“ดีไซน์แบบนี้ให้พ่อมึงทำเถอะครับบบ” ผมร้องออกมาดังๆ

“อ้าว ทำไมอ้ะ ไม่ได้เหรอ สะพานคาราทาว่าเขายังทำได้เลย” ไอ้เด็กหวานชี้รูปสเก็ตช์ของตัวเองจึ้กๆ “ดีไง Tension Design เท่ห์ออกจะตาย”

“เสามึงต้องใหญ่สักสามคูณสามเมตรอ่ะจะหิ้วสตรัคเจอร์แบบนี้ได้ ว่าแต่มีความจำเป็นอะไรต้องเล่นใหญ่ทำให้มันลอยด้วยการใช้สลิง จะทำไบเทคเหรอ นี่ไซต์มึงมีสองร้อยตารางวา อยู่ในซอยอีก คิดสิคิด” ผมชี้ขอบเขตที่ดินรัวๆ “แล้วไหนอินสไปเรชั่นจากงานทาดาโอะ กูยังไม่เห็นอะไรที่จะสื่อได้เลย” ผมพลิกดูกระดาษร่างบนโต๊ะกินข้าวเร็วๆ

“อ่าว ออกจะทาดาโอะ เนี่ยๆ คอนกรีตเทาๆ” มันยืนยัน

“นี่เขาเรียกเลียนแบบแมททีเรียล เดี๋ยวกูไล่ไปอ่านหนังสืออีกรอบ เนี่ย ปนกันมั่วไปหมด คาราทาว่า ทาดาโอะ โตโยอิโตะ เอามาหมดญี่ปุ่นเลยมั้ยล่ะ” ผมเอาไม้สเกลสามเหลี่ยมเคาะหัวมัน

“โอ้ย! อย่าเอาสันตีดิ่พี่วิน! เดี๋ยวหัวก็เจาะหรอก”

“ดี สมองมันจะได้ไหลออกมาบ้าง คิดใหม่เลย กูไม่ให้ผ่านหรอก ไอ้ชิบหาย” ผมด่าแล้วลุกขึ้นเพื่อปล่อยให้มันทำงาน นี่คอมเมนต์แบบมันซะเสียงแห้งเลยนะครับ แต่ก่อนที่จะเดินไปที่ตู้เย็นก็ต้องชะงักกึก ไอ้ตัวยุ่งนี่.. “จิ๋วลงจากโต๊ะเลย อย่าเหยียบกระดาษร่างด้วย!” วุ่นวายจริงๆ ลำบากกูต้องอุ้มเอาไปใส่กรงอีก

"อ้าวววว" คนเด็กกว่าร้องอย่างเสียดายซะเสียงดังจนผมส่งสายตาคาดโทษไปให้

มาถึงก็มัวแต่อี๋อ๋อเล่นกับแมว เดินส่องห้องกูไปทั่ว ถามนู่นถามนี่อยู่นั่น กว่าจะได้ทำงานจริงๆก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมง
ผมถอนหายใจนิดๆแล้วมองหวานที่กำลังก้มหน้าก้มตาสเก็ตช์แบบลงกระดาษร่างแผ่นใหม่ด้วยสีหน้าจริงจัง

กูก็ไม่ได้อยากล้มแบบมึงหรอกนะ แต่ถ้าส่งงานช่วงสองไปแบบนี้ มึงไม่รอดแน่ๆ..

สตูดิโอดีไซน์ของปีหนึ่งพาร์ทแรกนั้นเน้นที่การทำความเข้าใจระบบการคิดงานเป็นหลัก ก่อนอื่นก็ให้เลือกตึกดังๆ ของเกรทอาร์คิเต็คทั้งหลายแหล่มาหนึ่งหลัง วิเคราะห์ให้หมดทุกประเด็น ขั้นตอนการออกแบบ แนวคิด ทฤษฎี วัสดุ โครงสร้าง ตบท้ายด้วยการทำโมเดลจำลองตึกให้ละเอียดที่สุดเพื่อศึกษาสเปซภายในแล้วเอาข้อมูลทั้งหมดมานำเสนอกัน
ส่วนนี้น่ะผ่านไปแล้ว... และมันก็ได้เอมาอย่างที่โม้จริงๆ

สำหรับครึ่งหลังนั้นเป็นการเอาแนวคิดหลักและทฤษฎีของสถาปนิกที่ได้เรียนรู้จากครึ่งแรกมาลองใช้ออกแบบ Art Gallery ในที่ดินที่อาจารย์กำหนดให้ ให้มีกลิ่นอายของสถาปนิกคนนั้นๆมากที่สุด แต่ไม่ใช่ให้ก็อปงานนะครับอย่าเข้าใจผิดไป ออกแบบใหม่นี่แหละ แค่ใช้วัตถุดิบของเดิมมาเป็น inspiration เท่านั้น

ถึงจะมีโจทย์ชัดขนาดนี้แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่จะหลงทางซะแล้ว ความคิดฟุ้งไปหมด ไม่เห็นมันจะจริงจังกับแนวคิดหลักของทาดาโอะที่ต้องใช้ในการออกแบบเท่าไหร่เลย ไหนว่าชอบนักชอบหนา เห็นอันนี้ก็ดีอันนั้นก็อยากทำ

ความชอบของเด็กมันก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาง่ายแบบนี้น่ะแหละ เห็นมั้ย
มาเร็ว ไปเร็ว

เรื่องอื่นก็คงเหมือนกัน

แค่เว้นระยะห่างไปสักหน่อย ให้ไปเจอสิ่งที่น่าตื่นเต้นกว่า เดี๋ยวก็ลืมไปหมดเองนั่นแหละ

_ _ _ _

21.03

“ก็.. ไม่แย่เท่าอันแรก..อันนี้ด้วย” ผมชี้ไปยังกระดาษร่างสองแผ่น

“เห้ย ผ่านแล้วดิ่” หวานยิ้มกริ่ม

ผมหรี่ตามอง มั่นใจเกินไปละไอ้เด็กนี่ “ก็แค่พอใช้ได้ อย่าเหลิง.. เห็นตรงนี้ป่ะ”

“อ่าว..” มันร้อง

“มึงลองบิดแกนตึกมาทางนี้ดิ่ อย่างนี้” ผมขยับกระดาษร่าง “ดีขึ้นป่ะ เนี่ย เปิดมุมมองจากทางนี้อ่ะ” ว่าแล้วก็ชี้ให้คนเด็กกว่าดู “แล้วก็.. เอาตรงนี้มาใช้กับตรงนี้แทน อันนี้โค้งๆไม่เอา อ่านหนังสือวาบิซะบิมาแล้วนิ่” ผมขีดเส้นโยงพร้อมอธิบาย

“เห้ย จริงด้วย” หวานอุทาน “เมื่อกี้ผมมองว่ามุมตรงนี้มันประหลาดๆ แต่ไม่รู้ควรจะทำยังไง”

คือยังไง จะชมว่ากูเก่งเหรอ ต้องดีใจมั้ย “นอกนั้นมึงไปทำเองได้ละ” 

“ครับๆ” มันว่า “นี่ถ้าได้เอนะ จะพาพี่วินไปเลี้ยงชาบู พาไปดูหนังเลย อยากได้อะไรบอก”

“ให้ได้ซะก่อนค่อยมาว่ากัน” ผมพูดยิ้มๆ

“เอ้า ต้องได้อยู่แล้วสิครับ พี่วินอุตส่าห์ตรวจแบบให้ทั้งทีนี่นา” มันพูดพลางจดคอมเมนต์ใส่กระดาษร่างยุกยิกโดยมีผมยืนกอดอกมองอยู่ ไอ้เด็กนี้ชอบคิดว่าทุกอย่างมันง่ายไปหมดรึไงนะ

..

“พี่วิน”

“ว่า?”

“อีกเดือนนึงสอบแล้วอ่ะ” หวานบอกเสียงเซ็งพลางก้มหน้าเขียนลูกศรอธิบายในภาพหนึ่ง “พวกที่ต้องนั่งสอบจริงๆ ฟิสิกส์ เลข ฮิสทรี่ คอน เยอะแยะเลย”

“แล้ว?”

“ก่อนหน้านั้นก็ต้องทำดีไซน์บิลด์ให้เสร็จ งานกลุ่ม โน่นนี่เยอะแยะถึงจะสอบ แล้วก็ส่งสตูดิโอโปรเจ็กต์นี้” มันไล่ตารางให้ผมฟัง

“อาฮะ” จะพูดอะไรอีกล่ะไอ้นี่

“งานจะยุ่งเอามากๆ” มันเอาหน้าแนบลงไปกับโต๊ะแล้วหันมามองผม

“เออ..แล้วไง”

“คิดถึง”

ขอถอนหายใจแรงๆ สักที นึกว่ามันจะไม่วกเข้าเรื่องนี้แล้วเชียวนะ
ผมไม่อยากทำตัวใจร้ายใจดำ แต่คิดว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะที่จะต้องปรามมันบ้าง

“จริงจังหน่อย”

“ครับ?” 

“เล่นเยอะไปแล้วรู้รึเปล่า?” ผมยกมือขึ้นกอดอกแล้วขยับเอาสะโพกพิงขอบโต๊ะ

คนเด็กกว่านั่งยืดหลังตรง ตั้งท่าจะเถียง “ผมมะ--”

“ตอนนี้สิ่งที่มึงควรจะทุ่มเทคืองาน ทำหน้าที่ตัวเองก่อน ทำงานส่ง อ่านหนังสือสอบ ไม่ใช่มัวมาอะไรๆกับกูอยู่แบบนี้” 

เจ้าของคิ้วเข้มๆที่กำลังขมวดมุ่นหันมามองผมอย่างไม่เข้าใจ
“พี่จะให้ผมเลิ--”

“กูกำลังบอกให้มึงตั้งใจ โฟกัสกับการทำงานมากกว่านี้” ผมพูดแทรกมันอีกครั้ง “เท่านั้นแหละ”
“นี่เพื่อตัวมึงเองนะ”

และกูด้วย..
อย่ามาล้อเล่นกับจิตใจกูเลย
ผมเม้มปากกั้นประโยคสุดท้ายให้อยู่แค่ในความคิด พยายามทำหน้าให้เป็นปกติ

ผมย้ำกับตัวเอง
ทำถูกแล้ว
ที่ผมพูดไป.. ผมทำถูกแล้ว
 
คนเด็กกว่าเงยหน้ามองผมนิ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“เข้าใจแล้วครับ” 

ผมชะงักกับคำตอบเสียงเรียบจากอีกฝ่าย คำว่าเข้าใจดูจะเกินความคาดหมายของผมไปหน่อย ก่อนจะทันได้พูดอะไรเพิ่มหวานก็คว้าแขนแล้วออกแรงดึงผมที่กำลังยืนอยู่ให้เข้าไปหาตัว ก่อนสอดมือเข้าตรงช่องว่างระหว่างเอวเพื่อกระชับกอดไว้หลวมๆ

“เฮ้ย เดี๋ยวสิ!” ผมร้องขึ้นอย่างตกใจแล้วขืนตัวไว้ “มึงทำอะไรเนี่ย!”

“ผมขอนะครับพี่วิน” คนเด็กกว่ารีบพูดแล้วโอบรั้งร่างให้เข้าไปชิดยิ่งกว่าเดิมด้วยความรวดเร็ว หวานแนบใบหน้าเข้ากับเอวผมแล้วพูดเสียงเบา “แค่แป๊บเดียวเท่านั้น.. ถือซะว่าผมขอเบิกรางวัลสุดท้ายที่พี่เคยติดไว้ก็ได้..นะครับ”

“เอ่อ..” ถึงกับไปไม่เป็นเมื่อได้ยินประโยคขอร้องแบบนั้นเข้าไป
ผมยืนนิ่งปล่อยให้เด็กปีหนึ่งทำตามคำขอแบบปฏิเสธไม่ออก อ้อมกอดอุ่นๆของมันที่โอบแน่นรอบเอวทำเอาสับสนไม่รู้ต้องทำตัวยังไง คำพูดทั้งหลายถูกกลืนลงไปในลำคอด้วยความมึนงงพร้อมๆกับความรู้สึกประหลาดที่แล่นริ้วขึ้นมาวูบวาบที่ใบหน้า มือที่ตั้งใจว่าจะผลักออกก็ได้แต่ยกค้างเอาไว้กลางอากาศแบบเก้ๆกังๆ 

ผ่านไปหลายวินาทีคนเด็กกว่าจึงได้ผละตัวคลายอ้อมกอดออก “ขอบคุณนะครับ”
หวานมองตาผมแล้วยิ้มให้ “ถ้าพี่คิดถึงผมบ้างก็คงดีเนอะ”
 
ผมหลุบตาลงต่ำมองที่พื้น
ไม่ชอบรอยยิ้มของมันในตอนนี้เลยให้ตาย
ใจมันวูบยังไงก็ไม่รู้...

_ _ _ _


พาตี๋วินมาส่งละค่า


หายไปนาน ลืมกันไปแล้วละยางง ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ
ช่วงนี้คนเขียนก็ยุ่งพอประมาณ (นี่ออฟฟิสปิดเช็คระบบกันสิบนาที เลยแว้บมาแปะตอน 19 เอิ๊กส์)

ตี๋วินก็เป็นคนคิดยุบยิบสมกับเป็นนักวิเคราะห์แบบนี้ล่ะค่ะ จู่ๆมีเด็กปีหนึ่งมาแรงแซงมาจีบแบบนี้ไปไม่เป็น
โต๊ะกะใจไปสามตอนถ้วน ไหนพวกเพื่อนอีก รู้นี่เล่นกันยับค่ะพูดเลย

แทรกเรื่องงานเยอะไปหน่อย แต่อาชีพตี๋วินนี่ก็ยุ่งประมาณนี้ล่ะค่ะเอ้อออ คิดว่าเรียนหนักแล้ว มาทำงานนี่หนักกว่าเก่า
ไม่มีเวลาวิเคราะห์ชีวิตตัวเองเลยลูกเอ้ยยย
ติชมกันได้เหมือนเดิมนะคะ น้อมรับความเห็นทู๊กคนนน
 
อยากปาของใส่คนเขียน ทวงบทให้คุณตะวัน ปลอบใจน้องหวาน ขึ้นแพน้ำวิน แวะเล่นกับจิ๋ว หรือจะเม้ามอยกันเชิญได้ที่ #วิเคราะห์การรัก เหมือนเดิมนะค้า

พบกันตอนหน้าค่ะ
เลิ้บ
 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 02-11-2017 17:38:35
แหนะ มาแบบเทาๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-11-2017 19:57:57
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 02-11-2017 21:17:30
สงสารน้องหวาน เห็นใจนางเหลือเกิน
แพน้ำวินของเรายังกระท่อนกระแท่น เราเข้าใจ มันจะมั่นคงได้อย่างไรในเมื่อตี๋หวั่นไหวกับหวานไปแล้ว
รอเสมอนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-11-2017 21:39:30
น้องหวานก็ต้องให้เวลาพี่วินเขาหน่อย ระหว่างนี้ให้จิ๋วทำคะแนนนำไปก่อนสักพักละกันเนอะ 5555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-11-2017 23:07:08
พี่ใจแข็งเกินไปนะ น้องหวานจีบสารพัดวิธีละไม่ยอมใจอ่อนซักที
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-11-2017 03:37:51
รอน้องหวานสอบเสร็จ และมาดูแลเจ้าจิ๋วให้พี่วินบ่อยๆ ฮีลลิ่งที่ดีมากค่ะ อยากให้พี่วินเปิดใจให้น้อง น้องไม่เล่นๆนะ ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นะคะ ชอบมากๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 03-11-2017 16:58:54
ทำไมพี่วินถึงคิดว่าหวานเล่นๆ ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-11-2017 19:12:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 04-11-2017 13:03:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 06-11-2017 14:13:28
ตี๋วินคงจะยังไม่ทันตั้งตัว เด็กมันมาแรงแซงทางโค้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 07-11-2017 20:00:05
น้องหวานรอพี่วินเค้าหน่อยนะลูก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 07-11-2017 23:00:58
#ทีมน้ำวินรัวๆ อินกับเพื่อนอะไรแนวๆนี้
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 08-11-2017 02:01:20
ละมุนมากกกกกกกก ชอบความวิน
รักความจริงจัง เพราะเราอยากทำได้แบบวินมั่ง55555555555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 08-11-2017 21:20:24
ตี๋วินใจแข็งง หรือจริงๆแล้วพระเอกจะคือเจ้าแมวจิ๋ว 5555555 ติดตี๋วินแจเลย อะไรคือการได้ไปนอนบนอกแล้วน้องหวานหยอดมาตั้งนานยังไม่เคยเลยนะ #ทีมหวานวิน ชอบเมะเด็กอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 14-11-2017 23:35:21
ความเสี่ยงที่ 20


11.43

เชี่ย

เชี่ย ไอ้พีทต้องดีใจมาก มาก มากกกกก ดีใจจนเป็นลม ผมรับรองเลย
บริษัทมันได้งานว่ะ

ผมเดินเร็วๆ กลับมาที่โต๊ะเพื่อถ่ายรูปเอกสารแจ้งผลการประมูลผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมภายในของโครงการคุณตะวันแล้วส่งไปให้พีทดูเร็วๆ ผ่านไลน์ นี่ตื่นเต้นยังกับชนะประมูลเองเลยครับเนี่ย มือเมอนี่สั่นไปหมด

นับตั้งแต่วันก่อนโน้นที่ต้องเสนอรายชื่อบริษัทอินทีเรีย จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสามอาทิตย์พอดิบพอดี แต่เป็นสามอาทิตย์ที่ตัวจะแตก เหนื่อยไปสามโลก ไหนจะประกาศผู้ออกแบบสถาปัตย์หลัก ไหนจะล้วงข้อมูลจากแบรนด์ดิ้ง ทำผังการใช้พื้นที่ภายใน ไหนจะเตรียมบรีฟอินทีเรีย เรียกประชุม ประมูล ประสานกับทีม CM เปิดซอง จนได้ผู้ออกแบบครบวันนี้เนี่ย โอ้ย จะบ้าไปหลายรอบ บางทีก็อยากยืนบนเก้าอี้แล้วตะโกนว่าไม่ไหวแล้วโว้ย ใส่กองเอกสารแล้วจุดไฟเผาไปให้มันจบๆ งานมันเดือดนักใช่มั้ย กลายเป็นผุยผงไปเถอะมึงอะไรแบบนี้ เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน บ้านก็ไม่ได้กลับ ให้ตายเหอะครับ บ้าบอจริงๆ

กดส่งไปไม่ถึงนาทีโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ปลายสายคือไอ้พีทที่กำลังพูดรัวๆ ด้วยความตื่นเต้น

(เชี่ยตี๋ จริงป่ะเนี่ยมึงงงงงง)   

ผมเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู “กูจะได้อะไรจากการโกหกนี้ ตอบ”

(เห้ย นี่กูไปขอเจ้านายไว้เลยนะ ว่าถ้าได้กูขอดูโปรเจคนี้)

“เออ บริษัทมึงได้จริงๆ” ผมว่า “ยินดีด้วย” ผมว่าแล้วเปิดอีเมลล์เช็คไปพลางๆ
อ้าว มีเมลล์ใหม่จากคุณตะวันแฮะ

(เชี่ยยยยยยยย ดีใจจจ กูไปบอกเจ้านายก่อน)

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวกูส่งเป็นเมลล์ไป” ผมพูดเร็วๆ “จะได้เป็นทางการหน่อย”

(ได้ๆๆ ขอบใจมาก ต้องเลี้ยงตอบแทนมึงแล้วเนี่ย กลางวันมั้ย เดี๋ยวกูดูตารางหาเวลาว่างแป๊บ) มันพูด

ผมอ่านข้อความในหน้าจอเร็วๆ “อ่อ... ไม่ต้องหรอก นี่เจ้าของโครงการเขาเพิ่งเมลล์มาว่าจะนัดกินข้าวกัน”

(หือ คุณเอทัสที่มาฟังบรีฟน่ะเหรอ)

ผมกวาดตามอง “ไม่ใช่ว่ะ… คุณตะวัน รัชยานนท์เลยน่ะแหละ” ผมว่า “แกว่าอยากนัดเลี้ยงผู้ออกแบบทุกเจ้าน่ะ”

(โห... จริงจังสัด)

“เดี๋ยวกูเขียนนัดไปในอีเมลล์ละกัน แค่นี้นะ ตอบเมลล์ก่อน”

(โอเค บาย ขอบใจมากมึง) มันพูดแล้ววางสายไป

ผมเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจเฮือก ในที่สุดก็ได้คนทำงานครบแล้ว ต่อไปนี้ก็เหลือแค่หน้าที่ประสานงานจุกจิก 
คงจะมีเวลาหายใจหายคอมากขึ้นหน่อย ที่ผ่านมาแทบไม่มีเวลาให้คิดอะไรเลยแฮะ

แต่ก็ดีแล้วล่ะมั้งที่ไม่ได้คิด
ทำตัวยุ่งต่อไปน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี

“วิน นัดประชุมกับลูกค้าใหม่รึยัง วันไหนนะ”

นั่นไง ยังไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงพี่ฝ้ายถาม ทำเอาผมต้องรีบเปิดปฏิทินแล้วตอบ “วันศุกร์หน้าครับ บ่ายโมงที่พระรามเก้า”

“วินไปกับพี่เหมือนเดิมนะ” ผมพยักหน้า

“เอ้อ พี่ฝ้ายครับ นี่คุณตะวันนัดทานข้าวเย็นวันพุธนี้น่ะครับ เลี้ยงผู้ออกแบบทุกเจ้าเลย แต่เมื่อกี้ผมดูแล้วตารางพี่ไม่ว่าง ให้ผมแจ้งไปทางโน้นมั้ยครับ เผื่อจะเลื่อน”

หัวหน้าคนสวยผมโผล่หน้าข้ามพาร์ทิชั่นมามอง “เอ้ย วินก็ไปดิ กินข้าวเจอหน้ากันเฉยๆ ไม่ได้คุยงานอะไรป่ะ เลื่อนเดี๋ยวยุ่งยาก คนเยอะ” 

“อ้าว โดนทิ้งอีกดิผม”

“ไม่ต้องงอนเลย งานนี้ยังไงเธอก็ต้องไป เอ้อ แล้วบริษัทอินที่ได้นี่ของเพื่อนวินป่ะ ที่หล่อๆ เกาหลีๆ” พี่ฝ้ายถาม

“ใช่ครับ บริษัทไอ้พีท” แหม่ อิจฉาความออร่าของมันจริงๆ เป็นหน้าเป็นตาไปไหนใครก็จำได้ นี่เจ้านายผมยังไม่เคยเจอบอยกับน้ำนะ อยู่กันครบนี่มีเพ้อแน่ๆ

“โหย งั้นพี่ไม่ได้ไปกินข้าวก็อดเจอดิเนี่ย หรือจะเทเลี้ยงส่งเพื่อนดี”

ทำอย่างนั้นได้ซะที่ไหนกันเล่า!

_ _ _ _

20.29


“เฮ่ออออ”

ผมนอนคว่ำหน้าเป็นผักเหี่ยวๆ อยู่ที่โซฟา
เคยมั้ยครับที่ไม่อยากขยับไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว กระพริบตาก็เหนื่อยแล้วประมาณนั้น
ผมกำลังเป็นอยู่...   
วันนี้ถือว่าได้กลับเร็วที่สุดในรอบหลายอาทิตย์ ขอหายใจทิ้งแบบนี้แป๊บนึง

จิ๋วเดินเอาหน้ามาถูมือผมที่กำลังห้อยเรี่ยพื้นแล้วร้องเมี้ยวขึ้นเบาๆ ตามประสาแมวขี้เอาแต่ใจ ผมอมยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นลูบเจ้าก้อนขนนุ่มนิ่ม ไอ้ตัวนี้แหละครับที่ทำให้หายเหนื่อยหน่อย เดินตามต้อยๆ ทั้งวี่ทั้งวัน จะออกไปทำงานแต่ละทีต้องแงะออกจากเสื้อ ผมกลับมาก็นอนรอหน้าประตู อ้อนจนใจอ่อนยวบต้องเอาเข้ามานอนด้วยทุกคืน คอนโดแมวก็เป็นหมันไป นานน๊านจิ๋วจะขึ้นไปปีนเล่นสักที คิดแล้วก็อุ้มแมวหูเดียวมาไว้บนพุงตัวเอง

ผมมองการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบขึ้นมามองผ่านๆ

ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์สักครั้งหรือไลน์สักบรรทัดจากเด็กหวานมาสามอาทิตย์แล้ว
ไอ้เด็กปีหนึ่งตัวโตหายไปเลยจริงๆ หลังจากวันนั้นที่คอนโด
เห็นมั้ยล่ะไอ้วิน มึงจะไปจริงจังกับคำพูดว่าชอบของเด็กปีหนึ่งนี่ได้ยังไง

ผมสั่งตัวเองวันละหลายรอบให้เลิกคิดและก็เลิกสนใจมันได้แล้ว 
แต่เคยคุยเคยเจอหน้ากันเกือบทุกวัน จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรที่หายไปก็คงจะไม่ได้หรอกครับ

ยอมรับกันอย่างแมนๆ ว่ามีใจสั่น มีหวั่นไหวไปบ้าง
โดยเฉพาะกับอ้อมกอดอุ่นๆ ของมันในวันนั้น
แม่งเอ้ย กูเป็นเอามากนะ

ถึงกับต้องส่ายหัวใส่ความคิดโหวงๆ ที่เกิดขึ้นในใจแล้วลุกขึ้นมานั่งตอบไลน์ในโทรศัพท์ที่ค้างไว้
ก็ถ้าสมมุติตอนนั้นเกิดใจอ่อนไปอะไรๆ กับคำพูดของมันขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่ผมหรือไงที่ตอนนี้จะต้องเจ็บ

เชื่อเถอะว่ามันจะแย่กว่าที่รู้สึกอยู่ตอนนี้แน่ๆ

_ _ _ _

19.32
วันพุธ


ผมกระพริบตาปริบๆอยู่บนโต๊ะอาหารขนาดสิบสองที่นั่ง
นี่มันงานสถาปนิกเหรอครับ ทำไมมีแต่คนใหญ่คนโต ออร่างี้ฟุ้งไปหมดยังกับอยู่คนละโลก
กูมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ยยยย

โน่นก็เจ้าของโครงการหลายร้อยล้าน ทางนั้นก็เจ้าของบริษัทอาร์คิเต็กชื่อดังที่ชนะประมูลกับซีเนียร์ดีไซน์เนอร์ ทางนี้ก็ซีอีโอของบริษัทวิศวกรรมงานระบบ ถัดไปอีกก็เป็นเจ้าของบริษัทอินทีเรียดาวรุ่งที่เพิ่งได้รับรางวัลกับทีมงาน พอมาเห็นแบบนี้ก็เพิ่งจะคิดได้ว่า โครงการครั้งนี้ของบริษัท AA ได้ตัวท็อปของวงการออกแบบมาจริงๆ เวลาตึกสร้างเสร็จคงมีคนต่อคิวขอสัมภาษณ์ยาวเหยียด ได้ลงหนังสือจนเอียนกันไปข้างนึงเลย

ด้วยความที่ว่าวงการออกแบบในเมืองไทยก็ไม่ได้กว้างนัก เลยกลายเป็นว่าทุกคนรู้จักกันหมด ถ้าไม่เคยร่วมงานกันมาก่อนก็มักจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในสถาบันเดียวกัน การพบเจอกันครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการเลี้ยงรุ่นย่อมๆ ไปซะอย่างนั้น บทสนทนาบนโต๊ะก็มีตั้งแต่การคุยกันเรื่องโครงการของ AA เทรนด์การออกแบบตอนนี้ ไปจนถึงงานดีไซน์ที่มิลาน ไม่ได้เคร่งเครียดอะไร เหมือนเป็นการทำความรู้จักและปรับจูนเข้าหากันของทุกฝ่ายมากกว่า

ผมซึ่งเป็นนักวิเคราะห์และผู้ประสานงานตัวกระจ้อยก็ได้แต่ตั้งใจฟังแอบเก็บรายละเอียดของบทสนทนาที่พวกคนดังๆ เขาคุยกันอยู่ ใจจริงอยากจะเอาสมุดกับปากกาขึ้นมาจดให้มันรู้แล้วรู้รอดไป นี่พวกเขากำลังวิจารณ์งานที่ได้ Pritzker Prize ปีนี้เลยนะครับ ประมาณว่าโนเบลของโลกสถาปนิกนั่นแหละ

ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อมีคนเตะขาจากใต้โต๊ะ
จะใครล่ะถ้าไม่ใช่ว่าที่ Interior Project Coordinator ของโครงการนี้ที่ชื่อคุณปรเมศ

ไอ้พีทไงครับ…
นั่งเก๊กหล่ออยู่เยื้องๆ ผมเนี่ย

“อัดเสียงสิวะ” มันขยับปากบอกผม “เผื่อกูด้วย”

ผมพยักหน้าตอบไปเร็วๆ ก่อนจะเอาไอโฟนตัวเองออกมากดอัดเสียงแล้ววางคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะอย่างแนบเนียน
รู้ครับว่าอัดไปอย่างนี้น่ะนิสัยไม่ดี แต่เพื่อความรู้ไง...ไม่ใช่จะง่ายๆ นะครับจะมาฟังคนระดับนี้วิเคราะห์งานกัน
ถ้าติดคุก... มึงไปกับกูละกันนะพีท

..

“ขอบคุณทุกท่านมากๆ นะครับที่อุตส่าห์มาวันนี้” เสียงคุณตะวันกับคุณเอทัสผลัดกันกล่าวขอบคุณเพื่อส่งคนร่วมโต๊ะอาหารกลับดังขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของคืน ในระหว่างที่สถาปนิกตัวเอ้ต่างแยกย้ายกันเดินทางกลับ พวกลูกน้องที่แต่ละบริษัทหอบหิ้วมาเพื่อเป็น Project Coordinator อย่างพวกผมกับพีทก็ยังคงง่วนกับการแลกคอนแทคและจัดกรุ๊ปอีเมลล์ระหว่างบริษัท พวกรายละเอียดประเภทติดต่อคนนี้ต้องผ่านเลขาสองคน คนนั้นไม่ว่างวันอังคาร คนโน้นเป็นหัวหน้าคนนี้ ติดต่อบริษัทนี้ต้องผ่านคนนี้ เรื่องเล็กๆ แบบนี้พลาดทีนี่ก็พังได้นะครับเนี่ย

จนเก็บรายละเอียดหมดนั่นแหละ แก๊งค์จูเนียร์ถึงจะได้สลายตัวกันบ้าง
ผมยืนอ่านโน้ตที่ตัวเองจดในมือถือทวนอีกครั้งระหว่างรอพีท

“ไง วันนี้ฉายเดี่ยวอีกแล้วนะวิน” คุณตะวันที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้พูดขึ้น “ในโต๊ะงี้นั่งเกร็งเชียว”

“อ้าว พี่ตะวัน” ผมรีบละสายตาจากจอมือถือตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นตอบ “ก็ในโต๊ะมีแต่ผู้ใหญ่นี่ครับ ผมงี้ตัวหดเหลือจี๊ดเดียว” ผมทำมือประกอบ

คนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ “อะไรกันเล่า นี่วินเป็นนักวิเคราะห์มือหนึ่งของพี่เลยนะ” อีกฝ่ายพูดพร้อมเอามือตบไหล่ผมเบาๆ

ทำเอาผมต้องยกมือลูบคอด้วยความประหม่า... นี่พี่ไม่ได้ประชดใช่มั้ยครับ   

“แล้วนี่วินจะกลับเลยรึเปล่า” คนตัวสูงถามยิ้มๆ

“เอ่อ ก็...” ผมมองซ้ายมองขวา

“ถ้าไม่รีบ ไปหาดื่มอะไรกันหน่อยไหม บาร์ของโรงแรมนี้ดังมากเลยนะ” กำลังจะอ้าปากปฏิเสธว่าไม่ดื่มเหล้าแต่คนตรงหน้าก็แทรกขึ้นเสียก่อน “นี่กระทั่งคุณเอก็หนีพี่กลับไปแล้ว ไม่ต้องเกร็งแล้วน่า” คุณตะวันเสริม
 
“เฮ้ย ตี๋... อ๊ะ” พีทที่เดินเข้ามาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่ผมยืนคุยอยู่ด้วยเป็นใคร “ขอโทษครับ” 
คนอายุมากกว่าขมวดคิ้วขึ้นเล็กๆ คงกำลังสงสัยว่าไอ้หมอนี่มันเรียกใครกัน

“อ้ะ คุณตะวันครับ คนนี้คุณปรเมศ โปรเจคโคของ XX interior ครับ” ผมแนะนำ พีทยกมือไหว้อย่างรู้งาน

“ครับ” คุณตะวันตอบ “จำได้ครับ เมื่อสักครู่นั่งทางท้ายโต๊ะเลยไม่มีโอกาสคุยด้วย” ยังแอบเห็นความสงสัยแปะอยู่บนหน้า
ปกติผู้บริหารเขางงกันนานแบบนี้เลยเหรอครับ “เพื่อนผมเองครับ เรียนมาด้วยกันเลย”

“อ้าว วินเป็นเพื่อนกับคุณปรเมศหรอกเหรอครับ”

“ครับ” พีทเป็นฝ่ายตอบ “ผมเรียนอินทีเรีย ส่วนวินเรียนสถาปัตย์”

“อ้อ...” คุณตะวันพยักหน้า “งั้นที่ชวนเมื่อกี๊ ไปด้วยกันเลยเป็นไงครับ”

_ _ _ _

22.12

“โอ้โห วินก็เป็นพี่ว้ากกับเขาด้วยเหรอ ใครจะไปกลัวเนี่ย” คุณตะวันพูดขำๆ แล้วจิบไวน์ในแก้ว

“อ้าว ไหงงั้นล่ะครับ” ผมร้อง “นี่ก็ขำจัง” ว่าแล้วก็ตบไหล่ไอ้พีทที่นั่งกลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆ ไปหนึ่งป้าบ

“สนิทกันจังเลยนะครับ” 

“ครับ ก็อยู่กันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แก๊งค์ว้ากนี่ก็ก๊วนเดียวกัน” พีทพยักหน้าแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม

“อ๊ะ แต่ที่ประมูลได้นี่ไม่ได้มีนอกมีในกันนะครับ” ผมรีบบอก

“ฮ่าๆ อันนี้พี่ทราบครับวิน ทาง AA เป็นคนเลือกนี่นา พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณพีทเป็นเพื่อนวิน ถ้ารู้ก็ว่าไปอย่าง”

“แหม พูดเหมือนถ้ารู้จะเลือกเลยอย่างนั้นแหละครับ” ผมแซว

คนที่นั่งตรงข้ามหัวเราะหึหึในคอ “ก็ไม่แน่”

โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของผมสั่นครืด “อ๊ะ สักครู่นะครับ” ผมหยิบไอโฟนออกมาพลิกดูชื่อคนโทรเข้าเร็วๆ
ไอ้เต้? โทรมาป่านนี้ทำไมวะ

ผมคงทำหน้าสงสัยเกินจริงไปหน่อย คุณตะวันที่นั่งตรงกันข้ามถึงกับถามออกมา “มีอะไรรึเปล่าครับ รับได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“อ่า เอ่อ ไม่มีอะไรครับ” ผมรีบกดปฏิเสธสายแล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม

พีทมองตามแล้วรีบฉวยโอกาสพูดแทรก “ใช่คนนั้นของคุณวินรึเปล่าครับ” 

“ไม่ใช่” ผมตอบ พอดีกับที่ทันเห็นไอ้พีททำตาวิบวับ

ชิบหาย...

มันแกล้งอุทาน “โอ๊ะ แสดงว่ามีคนนั้นจริงๆ ใช่มั้ยครับ”

เกลียดแม่งมากกกกกก “คนไหนอะไรครับคุณพีท เพ้อเจ้อ ไม่มีครับ” ผมตอบหน้าตาย

“แฟนวินเหรอ” คุณตะวันถามเรียบๆ 

“เอ้ย ไม่ใช่ครับ” ผมตอบแล้วจ้องหน้าเพื่อนตัวแสบไปด้วย ห่ารากกกกก อ่านสายตากูสิไอ้เชี่ยพีท กูกำลังด่ามึงอยู่

“อืมม ยังไม่ใช่รึเปล่าครับ” ไอ้พีทลอยหน้าลอยตา สีหน้าแม่งสะใจมากเพราะมันรู้ว่าผมด่ามันได้แค่ในใจ

“คุณพีทครับ เปลี่ยนเรื่องคุยกันครับ”

“เรื่องนี้ก็ออกจะสนุก เนอะครับคุณตะวัน” มันหันไปพยักเพยิดกับคุณตะวัน ดูหน้าเขาหน่อยมั้ยว่าเขาเนอะกับมึงมั้ย ไอ้เรื่องไม่เป็นเรื่องเนี่ย
“หึหึ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ชนแก้วกันดีกว่าครับ” พีทยกแก้วเบียร์ขึ้นพลางยักคิ้วให้

ผมแจกคำด่าทางโทรจิตให้พีทเป็นรอบที่สิบแปดระหว่างชนแก้ว ไอ้ตัวดีก็ได้แต่ยิ้มยียวนกวนส้นให้ผม
จนไม่ได้สนใจคุณตะวันที่กำลังพึมพำกับตัวเอง

“อืม มีคู่แข่งสินะ...”

_ _ _ _

23.01

ผมนั่งเท้าคางตาลอยอยู่บนรถไอ้พีท

กว่าจะได้กลับ
ก็ไม่รู้คุณตะวันจะชวนขึ้นไปนั่งชิวที่บาร์ทำไม ทีแรกนึกว่าจะคุยเรื่องงานซะอีก
สุดท้ายก็เป็นผมกับพีทที่ต้องนั่งจ้อเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง เล่นเงียบซะลูกเดียว จนกระทั่งจะแยกย้ายกันกลับนั่นแหละ ถึงได้เปิดปากอาสาจะไปส่ง (แต่ผมก็ยืนยันจะกลับกับไอ้พีทอ่ะนะ ให้ลูกค้ามาส่งก็ไม่ใช่เรื่องถูกมั้ยครับ)   
เฮ่ออ เบียร์ก็ไม่ได้กิน ไวน์ก็ไม่ได้แตะ
แถมยังง่วงนอนเป็นบ้าเลย

“ไอ้ตี๋...” พีทพูดขึ้นหลังนั่งเงียบๆ มาพักหนึ่ง

“ว่าาา” ผมหันไปหาวใส่มัน

“มึงสนิทกับคุณตะวันมากเหรอวะ” มันถามลอยๆ

“ก็คุยกันบ่อยอยู่นะ”

“มึงรู้จักเขามาก่อนรึเปล่า”

“เหอะ” ผมทำเสียงในคอ “จะเอาที่ไหนไปรู้จัก คุยกันส่วนใหญ่ก็เรื่องงานน่ะแหละ ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”

“กูว่า... แปลกๆ…” พีทบอก

ผมเลิกคิ้วขึ้น “จะแปลกอะไรวะ”

“เชื่อกูดิ่”

ผมกลอกตา “อ่า...”

เป็นคนแปลกน่ะเหรอ... ก็แค่ท่าเยอะเฉยๆ ล่ะมั้ง...

_ _ _ _

23.40

“ไม่ไป”

(เฮ้ยยย ไม่ได้ดิเฮียยย) เสียงน้องรหัสสุดที่รักของผมโวยวายออกมาจากโทรศัพท์

“นี่กูเรียนจบแล้วนะ ทำไมต้องไป พวกมึงก็จัดกันเองดิ” ผมว่าแล้วถอนหายใจแรงๆ ไม่น่าโทรกลับไปหาแม่งเลยครับเนี่ย

(ไม่มีใครเทพเท่าเฮียแล้วเอาจริงๆ เนี่ย ตายหมู่เลยนะถ้าเฮียไม่มา)

“พ่อเมิงงงง กูว่างมากดิ่”

(เนี่ย EnTech ยังมืดแปดด้านกันอยู่เลย อยากเรียนเชิญให้เฮียมาเป็นเทียนส่องสว่างกลางสมองพวกผมเหลือเกิน) มันพูดเร็วๆ แบบไม่สนใจประโยคก่อนหน้าของผม (ไม่งั้นไม่รอดชัวร์)

“...”

(นะเฮีย นะะะ)

“ไม่มีคนอื่นแล้วเหรอวะ ทำไมต้องกูเนี่ย” ผมว่าแล้วขยี้หัวแรงๆ

(พลีสสสสส เดี๋ยวผมไปรับเลย)

“ไม่ต้องมา ไอ้ห่า” ผมพูดแล้วถอนหายใจอีกรอบ “วันไหน...”

(เฮ้ยยยยยยยยยยยย เฮียใจดีที่สุดดดด ผมรู้ว่าเฮียต้องไม่ทิ้งพวกผม  เชี่ยปาล์ม เฮียกูจะมาติวให้) มันบอกเพื่อนเสียงดัง (เฮียสะดวกวันไหนบอกเลย ผมสอบวันพฤหัสหน้า)

ผมคิดเร็วๆ “ไอ้เหี้ยยยยย เหลือเวลาให้กูเตรียมตัวเยอะมาก” นี่มันคืนวันพุธ จะติวพรุ่งนี้ก็เตรียมสอนไม่ทัน ศุกร์ไม่ว่างเพราะต้องเตรียมประชุมแบบสถาปัตย์วันจันทร์ เพราะงั้นอาทิตย์นี้ตัดไปได้เลย แล้วอาทิตย์ถัดไปพวกแม่งสอบ ไอ้น้องห่าพวกนี้นี่แม่ง...
“จันทร์หรืออังคารแล้วกัน พุธติวไปก็ช่วยเชี่ยไรไม่ทันละ”

(โอ้ยเฮียย ขอบคุณมากๆ เดี๋ยวบอกวันอีกที รักเฮียมากกกครับ บายยย) มันตัดสายไปอย่างเร็ว

คือทำไมกูต้องหาธุระเพิ่มให้ตัวเองด้วยวะ แค่นี้ยังยุ่งไม่พอรึไง

คิดจบก็หนีความจริงดีกว่า
ฟัดกับเจ้าแมวหูเดียวไปได้สักพัก โทรศัพท์ที่วางบนหัวเตียงก็สว่างขึ้นเพราะการแจ้งเตือนจากไลน์อีกครั้ง
สงสัยไอ้เต้จะจัดเวลาได้แล้ว ผมปล่อยให้จิ๋วแทะมือข้างหนึ่งเล่น ส่วนอีกข้างก็คว้าเอามือถือขึ้นมาเปิดดู
เห... ไม่ใช่แฮะ

Tawan R. : วินถึงบ้านแล้วใช่ไหมครับ

ผมพิมพ์ตอบกลับไป

Wynn_Tect : ถึงได้สักพักแล้วล่ะครับ

Tawan R. : ดีแล้วๆ
Tawan R. : อืมม วินว่าบาร์ที่ไปดื่มกันต่อวันนี้เป็นยังไง ดีไหม?


ดี? ดีในแง่ไหนล่ะ ดีไซน์? บรรยากาศ? เครื่องดื่ม? ผมคิด

Tawan R. : เผื่อพี่จะเช่าที่บนมอลล์ที่กำลังจะสร้างแล้วทำเป็น Pub and Restaurant บ้าง

Wynn_Tect : อ๋อออ
Wynn_Tect : ผมว่าก็ดีนะครับ แต่ผมไม่ค่อยสันทัดแนวนี้เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าธุรกิจแบบนี้คืนทุนกี่ปี ต้องมี factor อะไรบ้าง จริงๆ น่าจะต้องปรึกษาพวกที่ทำร้านอาหารโดยตรงน่าจะดีกว่า ผมว่าฝ่าย Retail น่าจะมีข้อมูล ยังไงผมส่งคอนแทคให้ดีกว่า ฟังผมไปก็เชื่อไม่ได้ครับพี่ตะวัน 555

Tawan R. : ได้ครับ
Tawan R. : แล้ววินชอบมั้ย

Wynn_Tect : บรรยากาศดีนะครับ อยู่ซะชั้นสูงลิ่วขนาดนั้น มองวิวเมืองได้เต็มตาเลย เสียดายที่แพงไปหน่อย
Wynn_Tect : อ้ะ ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่ตะวันอีกทีที่เลี้ยงพวกผมนะครับ

Tawan R. : ไม่เป็นไรๆ วันหลังไปกันอีกสิ สนุกดี

Wynn_Tect : โอ้ย ไม่ไหวมั้งครับ
Wynn_Tect : ผมคงสั่งได้แต่น้ำเปล่า

Tawan R. : พี่เลี้ยงเองน่า
Tawan R. : บางทีอยากไปคนเดียวแต่ก็เขิน วินไปเป็นเพื่อนหน่อย

Wynn_Tect : โห ระดับนี้แล้วนะครับพี่ตะวัน ไม่ต้องเขินแล้ว

Tawan R. : เอ้า พี่พูดจริงๆ
Tawan R. : เอาเป็นว่าพี่ชวนครั้งหน้าต้องไป ห้ามปฏิเสธครับ

Wynn_Tect : เหย... ง่ายๆ แบบนั้นเลยเหรอครับพี่ 555

Tawan R. : ง่ายๆ แบบนี้แหละ
Tawan R. : ฝันดีครับ

Wynn_Tect : ครับ


ผู้บริหารเขาก็มีมุมขี้เหงาเหมือนกันแฮะ
ผมเอื้อมมือไปเกาคางจิ๋วที่ตอนนี้ย้ายตัวมานั่งบนตักผมไปเพลินๆ แล้วก็ถือโอกาสตอบไลน์กลุ่มและเข้าเฟสบุคเพื่อส่องข่าวคราวคนอื่นๆ ไปด้วย ไม่ได้อัพเดทมานานแล้วเหมือนกันแฮะ

ผมเห็นชื่อไอ้เด็กที่หายหัวไปเกือบเดือนโดนแท๊กอยู่ในอัลบั้มของอาจารย์คนหนึ่ง
ดูเผินๆ ก็เป็นรูปรวมงานโปรเจคดีไซน์บิลด์ของปีหนึ่งนั่นแหละ นาฬิกาแดดกลางวงเวียนคณะของมันคงเสร็จแล้ว
ผมเลื่อนผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจนัก

ไม่อยากจะใส่ใจ
ไม่ต้องใส่ใจ

คงจะดีที่สุด

_ _ _ _


(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 14-11-2017 23:47:20
วันศุกร์
10.03


งานเข้า

(คนไม่พอว่ะตี๋...)

“ชิบหายแล้วไงไอ้เหี้ยพีท เขาเรียกรีวิว Mood and Tone วันศุกร์หน้า” ผมดูตารางแล้วกุมหัว

(เออ รู้ว่าชิบหายไง เลยโทรมาถามมึงว่าเลื่อนได้มั้ย กูจะเสกยังไงให้ทัน)

โอ้ย ปวดกบาลลล “แล้วมึงไม่ได้ดูตารางเลยรึไงเนี่ยยย กูก็บอกแล้วว่าโปรเจคนี้แม่งเร่ง”

(พี่ในทีมรถล้มแขนหัก แล้วไฟนอลอีกโปรเจคเขาเลื่อนเป็นวันพุธเพราะเจ้าของจะเลื่อนวันเปิด ไอ้เหี้ยยย ทำไมชีวิตกูเป็นแบบนี้วะ) มันร้อง (กูฝิ่นเอาได้ป่ะวะ) เดี๋ยว... มันหมายถึงจะส่งงานต่อให้ฟรีแลนซ์พาร์ทไทม์น่ะเหรอ...

“ไอ้ห่าาา โปรเจคใหญ่ขนาดนี้มึงจะฝิ่นน ไอ้เหี้ยยย กูไม่ยอมมมม” ผมโวยวาย

(แล้วจะให้กูทำยังง๊ายยยยย มีมือมีตีนงอกออกมาอีกสี่ข้างยังทำไม่ทันเลย)

“กูทำให้มั้ย” ผมอาสา

(ไอ้เชี่ยตี๋ ว่างนักเหรอ)

“ไม่ว่างเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยมึงก็ไว้ใจได้ป่ะวะ อีกอย่างเอาให้ใครที่ไหนไม่รู้ก็ไม่ดีป่ะ ”

(คนที่ไว้ใจได้เหรอ…) ไอ้พีทพูดเสียงเบา (ไอ้ตี๋รอแป๊บ เดี๋ยวกูโทรกลับ)

“เฮ้ย ไอ้พีท!”

มันวางโทรศัพท์ไปแล้ว
อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะแรงๆ อะไรวะเนี่ยยย

“เหนื่อยเหรอครับ หน้ายุ่งเชียว” เสียงแบบนี้คุ้นๆ นะ เหมือน…
 
คุณตะวัน!!!

“เฮ้ย!” ผมดีดตัวลุกขึ้นยืน “มาได้ไงครับ!” ผมร้องทักคนหน้าเข้มที่อยู่ในชุดสูทสุดกริ๊บที่เป็นยูนิฟอร์มประจำตัว ร่างสูงยืนเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าแล้ววางถุงบางอย่างลงบนโต๊ะผม

“จะเข้ามาขอคอนแทคฝ่าย Retail น่ะ ที่วินบอกวันก่อน” คนตรงหน้าบอกยิ้มๆ ส่วนหน้าผมคงซีดไปแล้ว ตายห่า ลืมส่งให้พี่แกว่ะ “ส่วนอันนี้พี่เอามาฝาก วินดื่มอเมริกาโน่เย็นใช่มั้ย?” ว่าแล้วก็เลื่อนถุงมาให้ผม

รู้ได้ไงวะ...

“อะ... เอ่อ ขอบคุณครับสำหรับกาแฟ ส่วนเรื่องคอนแทคผมลืมไปสนิทเลย ต้องขอโทษพี่ตะวันมากๆ จริงๆ ทวงผมทางอีเมลล์ก็ได้นะครับ” มัวแต่ทำนู่นนี่ พลาดได้ยังไงว่ะไอ้ตี๋เอ้ยยยย

คุณตะวันหัวเราะยิ้มๆ “ไม่เป็นไรครับวิน พี่อยากแวะมาอยู่แล้วด้วย ไม่เสียเที่ยวหรอก”

“สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมเรียกฝ่าย Retail ให้ ถ้าทางนั้นว่างวันนี้จะได้--” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ แต่ถูกอีกฝ่ายยกมือห้ามไว้ก่อน

“ไม่เป็นไรครับ เอาเบอร์ตรงมาก็พอ เดี๋ยวพี่ให้เลขาติดต่อมา”

ผมทำหน้างง “หา...”

“เอาเบอร์ตรงครับ” คนตรงหน้ายืนยัน ผมเลยต้องหยิบกระดาษออกมาจดเบอร์ฝ่าย Retail แบบงงๆ แล้วยื่นให้


“พี่ตะวันอยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มไหมครับ”

อีกฝ่ายเก็บกระดาษเข้าเสื้อแล้วเงยหน้าขึ้นถาม “ทำไมวินไม่ใช้ Lamy แท่งนั้นล่ะ”

“ห๊ะ?”

“ที่พี่ซื้อให้ตอนนั้นไง” คุณตะวันย้ำ

“อ่าาา” ไม่ได้หมายถึงข้อมูลแบบนี้ป่ะวะ “ไม่กล้าใช้อ่ะครับ แล้วก็แท่งนี้ใช้จนติดมือไปแล้วด้วย” ผมสารภาพเสียงอ่อย

“เรานี่น้าา” คุณชายตะวันส่ายหัวแล้วอมยิ้มนิดๆ “ใช้หน่อยเถอะ คนซื้อเสียใจแย่” เขาว่า

ผมกระพริบตาปริบๆ “อ่า ครับ...”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ” พูดจบคุณชายก็ก้าวขายาวๆ ในชุดสูทออกไปซะแล้ว ผมยังพูดสวัสดีครับไม่จบประโยคด้วยซ้ำ


มาเร็วไปเร็วเหมือนเคย
แล้วตกลงพี่แกเข้ามาทำไมวะเนี่ย

_ _ _ _

12.11

“ว่าไงเชี่ยพีท” ผมรับโทรศัพท์เสียงเหนื่อย

(กูหาคนฝิ่นได้ละ) มันบอกอย่างมั่นใจ

“ไอ้เหี้ย นี่เอาจริงใช่ป่ะ เชื่อได้มั้ยเนี่ย” ผมเคาะนิ้วลงกับโต๊ะรัวๆ

(เชื่อได้ กูรับรอง)


ผมถอนหายใจ “ถ้าแม่งเบี้ยวนะกูจะต่อ--”

(ไปเตะแม่งพร้อมกันเลย)

“ห๊ะ” ผมงง “นี่คือมึงได้ใครมาวะ”

(ไอ้อาร์ต...)

“หาาา”

(คุณอาทิตย์ครับเพื่อน คุณเชี่ยอาร์ตเพื่อนพวกเรานี่แหละ)

“มันรับงานนอกด้วยเหรอวะ” ถึงกับต้องยกมือขึ้นมาเกาหัว

(ก็โทรไปถามมันมา ว่าสนใจมาเป็นพาร์ทไทม์บริษัทกูมั้ย เห็นตอนโน้นมันบ่นๆ ว่าอยากเก็บเงินซื้อรถ)

“อื้อหือออออ มีเป้าหมาย ไม่เหมือนเชี่ยอาร์ตที่กูรู้จักเลย คนเดียวกันป่ะเนี่ย” ผมว่า

(เชี่ยตี๋ มึงก็ไปว่ามัน) พีทหัวเราะ

“เออ ถ้าเป็นเชี่ยอาร์ตก็เบาใจ อย่างน้อยก็ตามรีดงานจากมันได้ง่ายหน่อย” ผมโล่งอก

(เออน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้วันเสาร์ไอ้อาร์ตจะเข้ามาออฟฟิสคุยกับเจ้านายกูเรื่องเวลา มึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูไปทำงานต่อละ)

“กูด้วย บ่ายนี้มีประชุม ไปละ บาย”


เฮ่อ โล่งใจไปได้นิดนึงละนะ
ผมหันไปเตรียมเอกสารต่อ
เสาร์อาทิตย์ก็ต้องเตรียมอ่านหนังสือติวให้ไอ้เด็กพวกนั้นอีก เดือดร้อนจริงๆ เลยกู...

_ _ _ _

10.25

วันอาทิตย์แบบนี้ยังต้องตื่นเช้ามาทำอะไรแบบนี้อีกเหรอวะ ผมร้องในใจอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตัวเอง

นี่จะครบสองเดือนแล้วมั้งครับที่ไม่ได้กลับบ้าน เมื่อวานเตี่ยกับม๊าเลยมาเยี่ยมที่คอนโดเพื่อให้แน่ใจว่าลูกชายยังไม่แห้งตาย พร้อมทั้งเจอว่าผมเลี้ยงแมวในห้อง คุณนายโวยวายนิดหน่อยแต่ด้วยเรื่องราวดราม่าและตาแป๋วๆ ของจิ๋ว แม่ผมก็กลายเป็นทาสแมวไปเรียบร้อย (บอกแล้วครับว่าตัวแสบนี่มันอยู่เป็น) หลังจากนั้นก็ลากผมออกไปกินข้าวทั้งเที่ยงทั้งเย็น กลายเป็นว่ากว่าจะได้กลับมาก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้ว ไหนจะต้องรื้อเอกสารกับสไลด์เก่าออกมาใช้เป็นข้อมูลอีก กว่าจะนั่งทบทวนเนื้อหาและทำสรุปเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน

วันนี้เลยต้องมานั่งปรับสไลด์แบบนี้นี่แหละครับ
ผมปรายตามองแมวตัวแสบที่นอนแผ่อยู่บนโซฟาด้วยความอิจฉา
ทีตอนเช้าวันนี้ล่ะมาเดินบนหมอนปลุกผมแต่เช้า แล้วพอทำงานดันมานอนโชว์

ผมบิดขี้เกียจแล้วไล่ดูเนื้อหาอีกรอบ เท่านี้ก็น่าจะพอ
ขอไปหาอะไรกินก่อนล--

Rrr..
เออ เอาเข้าไป ใครอีกล่ะเนี่ย

..
..

“แล้วพวกมึงก็เลยมาทำงานห้องกูอ่ะนะ…” ผมยืนกอดอกอุ้มจิ๋วอยู่ที่ประตูห้องหลังจากเปิดประตูให้พวกมัน “เห็นคอนโดกูเป็น Too fast too sleep รึไง” ผมหรี่ตามอง

“ม่ายยย...” อาร์ตส่ายหน้าแล้วลากเสียงยาว “ทูฟาสต้องจ่ายตังค์... แต่ที่นี่ฟรี...” พูดจบมันก็เอามือลูบหัวจิ๋วแล้วเดินผ่านผมเข้าไปในห้อง
ไอ้พีทที่ยืนอยู่หัวเราะร่วน “ฮ่าๆ ตามนั้นแหละครับคุณมาวินทร์” มันว่าแล้วเดินเข้ามาแล้วปิดประตู “แอร์เย็นเนทแรงมีแมวให้เล่น”
ผมเบ้ปาก


อาร์ตกับพีทจัดแจงกางโน้ตบุคของมันบนโต๊ะในห้องนั่งเล่นพร้อมแบบช่วง Preliminary ของผู้ออกแบบหลัก หลังจากบรรจงวางเอกสารแผ่ๆ ไปรอบโต๊ะเสร็จ (แน่นอนว่าผมต้องเอาจิ๋วไปเก็บ ไอ้ตูดนี่ชอบเดินเหยียบกระดาษครับ) พวกมันก็เปลี่ยนโหมดแล้วเริ่มคุยเรื่องงานกันอย่างไม่ให้เสียเวลา พีทนั่งอธิบายฟังก์ชั่นของตึกและแนวคิดหลักของผู้ออกแบบสถาปัตย์หลักให้อาร์ตฟังตามที่ได้ข้อมูลมา ก่อนจะเริ่มพูดถึงโจทย์ที่ได้รับมาตอนไปนั่งทานข้าวกันเมื่อวันก่อน ทำเอาผมที่ต้องทำสไลด์ประกอบการติวนั่งไม่ติดย้ายตัวมาฟังและแชร์ข้อมูลไปด้วย

ก็โปรเจคนี้มันน่าสนุกกว่ากันเยอะเลยนี่นา

“ก็... สำหรับ Community Mall ด้านหน้า” ผมอ่านลายมือตัวเองในสมุด “ต้องเป็นห้องรับแขกให้กับคอนโดด้านหลัง”   

อาร์ตละสายตาจากสมุดจดตัวเองขึ้นมามองหน้าผม

“ก็คอนโดพื้นที่มันเล็กใช่มะ อย่างมากก็อยู่กันได้สองคน ถ้าเพื่อนหรือญาติมา จะให้อัดกันอยู่ในห้องก็คงไม่ได้” ผมชี้ผังคอนโดขนาด 21 ตารางเมตรในจอ “เพราะงั้นมอลล์ข้างหน้านี่แหละ ต้องมีฟังก์ชั่นของการเป็นห้องรับแขกและสนามหน้าบ้านของคนในคอนโด ให้มานัดเจอกันที่นี่ ไม่ต้องขึ้นไปบนห้อง”

“อาฮะๆ นึกออกๆ” อาร์ตพึมพำ “เลยต้องมีพื้นที่สีเขียวเยอะขนาดนี้สินะ” มันชี้เลย์เอ้าท์แปลน

“ช่ายย” ผมลากเสียง

“ก็จะออกมาอารมณ์ประมาณนี้” อาร์ตเสิร์ชรูปดูเร็วๆ

ถึงช่วงนี้งานของอินทีเรียจะทำอะไรไม่ได้มากเพราะต้องรอแบบงานสถาปัตย์หลักลงตัวก่อน (ซึ่งก็น่าจะเกินเดือน) แต่การทำ Mood and Tone Board เพื่อนำเสนออารมณ์ของงานและแนวทางที่จะใช้ในการออกแบบก็ควรจะทำให้เร็วที่สุด จะได้หลีกเลี่ยงการเข้าใจไม่ตรงกันระหว่างคนทำงานกับลูกค้าและให้ทุกคนเห็นภาพเดียวกัน พีทกับอาร์ตเสิร์ชหารูปภาพอ้างอิงแล้วพลัดกันเขียนคีย์เวิร์ดสำคัญๆ ลงบนกระดาษร่างแผ่นใหญ่

“กูว่า Mood board วันพุธควรจะทำไปเสนอพี่กูอย่างน้อยห้า แล้วคัดไปพรีเซนต์วันศุกร์สามแบบ” พีทบอก

ท่าทางจะไปได้ดีแฮะ
เพราะงั้นผมไปเตรียมสไลด์ติวต่อดีกว่า

..

ว่าแต่
เข้าคณะแล้วจะเจอหมอนั่นรึเปล่านะ
แล้วจะทำหน้ายังไงดี

_ _ _ _

TBC

_ _ _ _

พาลูกชายมาส่งค่ะ ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันค่า
แล้วก็...น่าจะหายไปอีกสักพักนะคะ /ซับน้ำตา
ติดงานกับคุณตะวัน(ตัวจริง)อยู่ค่ะ ฮือออ

เม้ามอยกันได้ที่ twitter #วิเคราะห์การรัก เหมือนเดิมนะคะ
(เราแอบสิงอยู่แถวนั้นแหละค่ะ แหะๆๆ)

หากคนอ่านไปเจอที่อื่น โดยคุณ MaBlink นั่นสาขาสองของเรานะคะ ไม่ต้องตกใจเน้อ

แล้วพบกันค่ะ
 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-11-2017 00:15:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 15-11-2017 00:39:38
คุณตะวันจะเดินหน้าจริงจังแล้วใช่ไหมคะ?
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-11-2017 03:45:52
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-11-2017 10:30:08
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 15-11-2017 19:13:40
น้ำหายไปไหนคะ คิดเถิงงงงงงง  :ling1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 15-11-2017 20:14:15
เห็นบรรายากาศการทำงานเลย มันดูน่าสนุกดีนะ
น้องหวานหายไป ไม่เป็นไรเพราะเรามีคุณตะวัน ว่าแต่วินจะรู้เมื่อไหร่ว่ามีคนมาจีบ
 :pigha2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 15-11-2017 20:48:54
คิดถึงน้องหวาน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 15-11-2017 21:40:24
เป็นตี๋วินนี่ชีวิตยุ่งจริงๆเลย55555555 ทั้งงานนอกงานใน เข้ามอไปก็ขอให้ได้เจอน้องหวานด้วยนะจ๊ะ ชั้นรู้ว่านายก็คิดถึงน้องเขา หยั่มมาาา
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-11-2017 21:19:59
คิดถึงน้องหวานแทบจะทุกช่วงของชีวิต คุณตะวันเร่งเครื่องทันไหมคะเนี่ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 17-11-2017 09:04:09
สนุกมาก อ่านเพลินเลย ภาษาดี รายละเอียดเยอะไปนิดแต่เรื่องนี้ชอบนะเพราะอ่านแล้วได้รู้ว่า เออ อาชีพนี้เค้าทำอะไรกัน ชอบๆ   o13 

..อยากเชียร์คุณตะวัน แต่ตี๋คงชอบน้องหวานไปแล้วชิมิ  :hao3:

รออ่านอยู่นะ นี่ไปสมัครสมาชิกมาเม้นท์เรื่องแรกเลย หลังจากแอบอ่านเว็บนี้นานมาก ชอบขนาดไหนคิดดู เพราะงั้นอย่าทิ้งอย่าเทกันนะจ๊ะ #ไม่กดดัน  :mew4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 18-11-2017 22:45:05
เดาว่าหวานกะคุณตะวันต้องเป็นญาติกันแน่ ๆ เลยครับ

ชอบมากครับ ถึงต้องสมัครสมาชิกเข้ามาตอบกระทู้เลยครับ แต่งดีครับทำให้เข้าใจในอาชีพนี้เลยครับ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 19-11-2017 02:17:57
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากๆ บรรยายดี เนื้อเรื่องไหลลื่น ข้อมูลแน่น
ถึงกะอ่านรวดเดียว 20 ตอน ขอคารวะเลย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 21-11-2017 00:08:52
คุณตะวันทำคะแนนรัวๆ เด็กหวานหายไปเลยยย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 21-11-2017 01:18:31
คิดถึงหวานจะบ้าแล้ว  :hao5:  :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 28-11-2017 13:02:37
คิดถึงตี๋วินกับน้องหวานแล้ว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 20 P.6 ✽update 14.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 28-11-2017 13:42:24
แอบจิ้นคุณตะวันกะนุ้งพีท 555555  o18 o18 o18
(พยายามตัดคู่แข่งให้น้องหวาน ฮี่~)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 28-11-2017 21:24:02
ความเสี่ยงที่ 21

วันจันทร์
19.23


“เฮียยยย คิดถึงจังเล้ยยยยย” ไอ้เต้วิ่งกระหืดกระหอบมารับผมถึงที่ลานจอดรถ หลังจากผมโทรบอกไปไม่ถึงสามนาที

“แหม่ ปกติมึงเคยเดินมารับกูมั้ยเนี่ย” ผมว่าพลางพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาถึงศอกแล้วปลดกระดุมเสื้อ เนคไทค์ถูกโยนส่งๆ กลับเข้าไปในรถ พร้อมๆ กับที่หยิบกระเป๋าสะพายส่งให้ไอ้เต้ที่ยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ “เอาไปถือเลย”

“เฮียมาติวให้ทั้งทีก็ต้องบริการกันหน่อยดิ่” มันยื่นโค้กกระป๋องในมืออีกข้างมาให้ผมแล้วยั้งมือไว้
“อ้ะๆ นี่กินข้าวยัง เป็นลมตอนติวไม่เอานะเฮีย”

“ไอ้เหี้ยเต้“ ผมด่าแล้วหยิบโค้กในมือมันมา “แล้วนี่ติวไหน ลานหน้าสโมรึเปล่า”

“เหอะ เฮียวินมาทั้งที...” มันส่ายหน้าแล้วเดินนำไปเร็วๆ “ผมจองห้องเลคเชอร์ไว้เลยแหละ”

“เออๆ...” ผมตอบผ่านๆ ก่อนจะทำตาโต
“เฮ้ย... เดี๋ยว... มึงมีกี่คนเนี่ย”

น้องรหัสสุดรักของผมยิ้มแฉ่ง “เกือบร้อย... ทั้งเต็กทั้งอินอ่ะ”     

“ไอ้เหี้ยเต้!!”

_ _ _ _

21.40

“ไหนใครมีคำถามเรื่องอะไรอีกมั้ย” ผมพูดเสียงแห้ง

“พี่วินคะ ทวนวิธีอ่าน Sun chart อีกทีได้มั้ยอ่ะคะ” น้องเฟิร์นยกมือขึ้น

“ได้สิ” ผมพูดตอบ พลันแว่วเสียงร้องว่าพอแล้วๆ อย่างอ่อนแรงจากกลุ่มเด็กปีสามในห้อง ทำเอาต้องขมวดคิ้วมุ่น
“หรือพวกมึงแม่นกันแล้วล่ะ ไหนลองคำนวนข้อนี้ซิว่าแดดเข้ากี่องศา ถ้าตอบถูกภายในสามนาทีกูยอมเลย” ผมขยับตัวไปเขียนโจทย์บนกระดาน เสียงร้องระงมดังขึ้นทั้งห้อง

“โอ้ยยย พี่วินนนน”     
“กูบอกแล้วอย่าไปทักก”
“ไม่เอาแล้ววววววว”
“พี่เฉลยมาเหอะ ไม่มีสมองจะคิดแล้วอ้ะ”
“แง หิวข้าววว”

 
ผมเบ้หน้า ต้องสอนการอ่านแผนจำลองแสงอาทิตย์ใหม่อีกรอบสินะ

เอาเถอะ ผมยอมรับว่ามันน่าสับสนเอาเรื่อง ทั้งมุมทั้งองศา ทั้งอาซิมุธดวงอาทิตย์อะไรก็ไม่รู้ ถ้าทำงานดีไซน์ก็อาจจะได้ใช้ความรู้ส่วนนี้อยู่บ้าง แต่เขาก็ใช้โปรแกรมคำนวนกันทั้งนั้นแหละครับ หมดยุคมานั่งหมุนไอ้แผ่นใสกลมๆ นี่ไปตั้งนานแล้ว ในมหาลัยแบบนี้สอนกันแค่ให้รู้คอนเซปก็พอ ผมถอนหายใจก่อนจะเริ่มอธิบายใหม่อีกครั้ง

..
 
22.15

ผมมองน้องหลายคนหมดสภาพนอนกองกันอยู่บนโต๊ะ ท่าทางจะสมองบวมกันไปหมดแล้วมั้งเนี่ย
น้องหลายคนงึมงำคุยกันแล้วเปิดสมุดทบทวนเร็วๆ ส่วนที่เหลือก็นั่งตาลอยมองหน้าผมสลับกับกระดานไวท์บอร์ด เห้ย ไหวป่ะวะ ผมสอนยากไปเหรอ
 
“ครบทุกหัวข้อแล้วเนอะ ไม่มีแล้วใช่ป่ะ” ผมสรุปเบาๆ แล้วยืนพิงโต๊ะ โค้กสองกระป๋องที่วางอยู่หมดเกลี้ยงไปนานแล้ว
“งั้นขอให้ทุกคนโชคดีละกัน ไปทบทวนเข้า อาจารย์แกไม่ออกยากหรอกน่า มันก็อยู่ในหนังสือทั้งนั้นแหละ” ผมว่า

ผมทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ ไอ้เต้นะไอ้เต้ นึกว่าจะให้ติวแค่กลุ่มเล็กๆ สิบห้าคนก็มากแล้ว นี่เล่นมาซะเต็มห้องเลคเชอร์ ครบหมดทั้งสองภาค ดีนะที่เตรียมการสอนมา ไม่งั้นมาเจอคนขนาดนี้ผมตายพอดี ไอ้เด็กพวกนี้ก็ยังไง ถามกันเหมือนไม่ได้เรียนมาเลยซักกะติ๊ด
จากที่กะไว้ว่าจะติวแบบสรุปสั้นๆ ดันขอให้เริ่มสอนตั้งแต่เบสิกคาบแรกยันคาบสุดท้าย จากชั่วโมงเดียวเลยกลายเป็นต้องโซโล่นอนสต๊อปสองชั่วโมงกว่าแบบนี้

งานมันยุ่งไม่พอใช่มั้ยวะตี๋!



“พี่วินนนนน ไม่ได้พี่ติวนี่ตายยยย ขอกอดทียยย์” ไอ้น้องเอกพุ่งตัวเข้ามาในขณะผมกำลังยืนคุยอยู่กับไอ้เต้ที่โถงหน้าคณะ

“ไอ้เชี่ยยยยยเอกกกก” ผมโดดเหยง “อะไรของมึง”

มันจิ๊ปาก “งกอ่ะ กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้” พูดจบมันก็โดนน้องรหัสผมโบกหัวดังป้าบ

“ไอ้นี่นิ่ เฮียกูมั้ย” ไอ้เต้ว่า “ว่าแต่… เฮียย กราบขอบคุณอีกทีนะครับ” มันหันหน้ามาทำตาหวานซึ้ง

“เออๆ ไม่เป็นไร ก็ติวให้ได้แค่นี้แหละ” ผมบอก “แล้วนี่พวกมึงนอนสตูเหรอ”

“ม่ายอ่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว” เอกพูด

“เฮียยย ไปส่งพวกผมรถไฟฟ้าหน่อยสิ” เต้รีบหันมาพูดเสียงอ้อน

“เอออ...” ผมลากเสียง

น้องเอกทำหน้าแบบนึกขึ้นได้ “เอ้อ แต่ว่าผมอยากไปดูพวกปีหนึ่งติวก่อนกลับอ่ะพี่วิน พรุ่งนี้พวกมันสอบฮิสทรี่ใช่ป่ะเต้”

น้องรหัสผมพยักหน้าตอบ “เอ้อจริง แวะไปแป๊บนึงได้มั้ยอ่ะเฮีย หรือเฮียจะรอหน้าคณะก็ได้” 


ปีหนึ่ง..งั้นเหรอ


“อืม” ผมทำเสียงอืออา “เอ่อ... มันติวกันที่ไหนล่ะ”

“ชั้นสองน่ะ พี่จะไปเหรอ” เต้ถาม

“อ่า...” ผมอ้ำอึ้ง “ก็...ไปก็ได้”

_ _ _ _

23.43

ผมปิดประตูห้องเสียงดังกว่าปกติ ทำเอาแมวตัวเล็กที่มารออยู่ด้านหน้าสะดุ้งโหยง

ไอ้เด็กบ้านั่น
มันสบตาผมแน่ๆ

เคยรู้สึกหน้าชามั้ยครับ
ร่างสูงๆ นั่นเดินออกไปจากห้องทันทีที่ผมกับพวกไอ้เต้โผล่หน้าเข้าไปในห้อง
ไม่ทักทาย ไม่ยิ้ม ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองผมเลยด้วยซ้ำ 
ยอมรับว่าความอดทนต่ำกว่าที่คิด อารมณ์มันตีกันมั่วไปหมดไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นทำหน้าออกไปยังไง

มันเมินผม เมินแบบจริงจังเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น
คิดว่ามันเป็นใครกันวะ ไอ้เด็กห่านี่!

ขอนั่งเล่นกับแมวเพื่อสงบสติอารมณ์หน่อย
ผมนับหนึ่งถึงร้อยแปดสิบในใจแล้วถอนหายใจแรงๆ เรียกสติ

เออ

นี่อาจจะดีก็ได้ จริงๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่ใช่รึไงเล่า เด็กหวานหายไปอย่างที่คิดแล้วนี่

ที่เหลือก็แค่จัดการความรู้สึกตัวเองให้มันจบๆ
แล้วก็กลับไปเป็นแบบเดิม
ง่ายจะตายไป

_ _ _ _

วันพุธ
14.32


ช่วงนี้คงเป็นช่วงคิวทองของผมจริงๆ ก็ไอ้โครงการหลายร้อยล้านของคุณพี่ตะวันนี่น่ะแหละครับ เพราะกำลังเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายงานออกจากบริษัทไปสู่ผู้ออกแบบภายนอก และส่งข้อมูลต่อให้ผู้ควบคุมงานก่อสร้างในบริษัทผมเอง
ด้วยความที่ส้มหล่นแบบเทกระจาดมาเป็น Project Manager ของโครงการ ก็เลยต้องประชุมรัวๆ วิ่งไปมาระหว่างฝ่ายเพื่อซัพพอร์ตข้อมูล เรียกว่าเอะอะอะไรก็วินๆๆ เรียกกันให้ควั่กทั้งฝ่ายวิเคราะห์ แบรนด์ดิ้ง และฝ่าย CM
ครบครับ ครบ

“วิน มาดูนี่หน่อยสิ ตารางนี้มันผิดรึเปล่า” เสียงพี่ฝ้ายเรียกขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังนั่งตอบอีเมลล์อยู่พอดี

ถึงกับต้องรีบลุกขึ้นเดินไปหา “ห้ะ ตรงไหนนะครับ”

“เนี่ย ตารางที่จะส่งต่อให้ฝ่าย CM น่ะ ส่วนของแบบประมูลผู้รับเหมามันควรจะเร็วกว่านี้ไม่ใช่เหรอ” พี่ฝ้ายเอานิ้วชี้ที่จอ

“เอ่อ อันนี้ผู้ออกแบบสถาปัตย์หลักแจ้งมาแล้วไงครับ ว่าจะดีเลย์ เพราะทางเจ้าของโครงการ approve แบบครั้งที่สามช้าไปรอบนึง มันเลยยืดมาอีกอาทิตย์กว่า” ผมอธิบาย

“เอ้าาา เรื่องนี้ต้องทำบันทึกนะ”

“เอ่อ เขียนในบันทึกการประชุมครับ-”

“ไม่ใช่สิวิน ต้องทำบันทึกแยกแปะไปกับตารางเลย แจ้งกับ CM ว่างานมันเลื่อนเพราะอะไร ต้องโน้ตแยกไว้เลยว่าเนี่ย factor ที่ทำให้งานช้ามันมีสาเหตุจากอะไร เดี๋ยวตอนหลังต้องมาตามเช็คอีก ฟ้องกันนี่ตายเลยนะ” พี่ฝ้ายอธิบาย

ลืมคิดไปเลยแฮะ “ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”   


เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะพลาดเลยแฮะ ได้แต่เดินจ๋อยไปนั่งทำเอกสารเพิ่มเติมที่โต๊ะตัวเอง
งานหลุดไม่พอ สติผมนี่แหละที่จะหลุดไปด้วย 

Rrrr...

เห…

มองชื่อที่ขึ้นอยู่หน้าจอก็ต้องขมวดคิ้ว มีอะไรหรือเปล่านะ
ผมรีบรับโทรศัพท์

“ครับพี่ตะวัน” 

(สวัสดีครับวิน)

“ครับ พี่ตะวันมีอะไรหรือเปล่าครับ โทรมาเองเลย” ผมแอบแซว

(อ้าว ต้องมีเรื่องเหรอครับถึงจะโทรหาวินได้) ปลายสายพูดเสียงเหวออย่างสมจริง ทำเอาผมหลุดหัวเราะ

(แต่ก็มีเรื่องรบกวนจริงๆ นั่นแหละ คือพี่จะโทรมาถามเรื่องเอกสารประมูลผู้รับเหมา กับพวกตารางเวลาน่ะครับ)

“อ้อ TOR ของผู้รับเหมาใช่มั้ยครับ เอ... เหมือนคุณกิตฝ่าย CM จะส่งในอีเมลล์ลูปให้แล้วนะครับ วันก่อนผมว่าผมเห็นอยู่ เดี๋ยวผมประสานกับฝ่าย CM ให้อีกทีครับ”

(ขอบคุณครับ ว่าแต่ วินไม่ได้ดูโปรเจคนี้แล้วเหรอ พักหลังๆ พี่เห็นแต่อีเมลล์จากคุณกิตกับคุณมีนตอบกับดีไซน์เนอร์)

“กำลังถ่ายงานกันอยู่ครับ แต่เป็นผู้ประสานงานเฉยๆ ตอนนี้ผ่านช่วงการทำ Conceptual Design เข้า Design Develop แล้ว ดังนั้นงานของบริษัท OO จะออกจากฝ่าย PM และ Construction Manager เป็นหลักละครับ” ผมอธิบาย

(อ้อ เข้าใจแล้วครับ)

“แต่ผมยังดูอยู่นะครับ อาจจะไม่ใช่คนออกแอ็คชั่นเท่านั้นเอง” ผมรีบเสริม

(ครับวิน) เสียงนุ่มตอบกลับมาจากปลายสาย (ว่าแต่ช่วงอาทิตย์หน้าวินว่างมั้ยครับ)

“อ่าา ประชุมเหรอครับ” ผมเปิดปฏิทินตัวเอง ทำไมไม่มีใครบอกเลยล่ะ “ผมยังไม่เห็-”

(เปล่าครับ พี่จะชวนไปกินข้าวเย็น) อีกฝ่ายบอกกลั้วหัวเราะ

“เอ่ออ” ผมลากเสียง กินข้าวเย็น นัดกินข้าวเย็นเนี่ยนะ แปลกไปมั้ย

(คราวที่แล้ววินสัญญาไว้แล้วนะ ว่าจะไป นี่จะครบเดือนแล้วครับเนี่ย)

ก็ยังแปลกอยู่ดีแหละ “อ่า..”

(พี่ไม่เอาเราไปขายที่ไหนหรอกน่า) คุณตะวันย้ำ

“เอ้ย... ผมไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย แค่กำลังนึกตารางอยู่ครับ ก็ได้ครับ”

(งั้นเดี๋ยวใกล้ๆ นัดกันอีกทีเนอะ)

“ครับ”

(อย่าลืมตาม CM ให้พี่ล่ะ แค่นี้นะครับ พี่ต้องไปประชุมต่อแล้ว)

“ครับพี่ตะวัน”

หลังวางหูไปผมก็ใช้เวลาอีกไม่ถึงสองนาทีในการหาอีเมลล์ฉบับที่ว่าแล้วกด Forward ไปให้คนที่เพิ่งวางหูไปอีกรอบ ทั้งๆ ที่ชื่อตะวัน รัชยานนท์นั่นก็โชว์หราอยู่ในลูปอีเมลล์ที่ CM ส่งให้แต่แรกแล้วแท้ๆ หาไม่เจอซะอย่างนั้น

ประหลาดแฮะ สงสัยงานจะเยอะจนล้นเมลล์บ๊อกซ์
ไอ้เรื่องชวนไปกินข้าวนั่นก็ด้วย


“พี่วินคะ พี่มีนกับพี่กิตให้มาเรียกค่า จะรีวิวแบบสถาปัตย์หลักกัน” น้องแคร์เดินยิ้มแป้นมาพร้อมเอกสารปึกใหญ่ในมือ “นี่ แคร์ปริ้นท์ให้ละค่ะ”

โอ้ยย ยังไม่ทันให้หายใจเลยย

“โอเค ขอบคุณมากครับแคร์ นี่พี่ขาดน้องไปคนนึงต้องตายแน่นอน” ผมว่าแล้วรับเอกสารมาถือไว้ ทำหน้าซาบซึ้งให้น้องไปหนึ่งยิ้ม

“แหม น้อยๆ หน่อยย่ะ” เสียงพี่ฝ้ายแหวขึ้นจากพาร์ทิชั่นข้างๆ
“อย่าอ้อย ที่นี่ชั้นอ้อยได้คนเดียวเข้าใจมั้ย”

ขอให้อาทิตย์นี้ผ่านไปด้วยเสียงหัวเราะแบบวันนี้ละกันนะครับ

_ _ _ _


วันศุกร์
14.45


ให้ตาย
บรรยากาศการประชุมแย่ๆ มันเป็นแบบนี้นี่เอง

“ผมถามว่ามันทำได้มั้ย..” ผู้ชายสูงวัยที่นั่งบริเวณหัวโต๊ะเอ่ยเสียงเข้ม นิ้วมืออวบอูมที่ประสานกันอยู่บนโต๊ะมีแหวนเพชรเม็ดโตประดับอยู่หลายวง มองแล้วแสบตาพิลึก

“จากข้อมูลของที่ดิน ดิฉันเกรงว่าด้วยระยะร่นกับกฏหมายควบคุมความสูง จะทำให้เราไม่สามารถขึ้นอาคารพักอาศัยขนาดใหญ่ได้ค่ะ” พี่ฝ้ายตอบชัดเจน “ข้อเสนอของทางนี้ในเบื้องต้นคือ ควรพัฒนาพื้นที่ให้เป็นอาคาร Office Building เพื่อให้เช่าพื้นที่สำนักงาน ทำเป็นตึกประสิทธิภาพสูงแล้วเน้นปล่อยเช่าสำหรับบริษัทข้ามชาติจะเหมาะสมมากกว่าค่ะ”

“แล้วทำไมตึกของบริษัทนั้นเขาทำได้ล่ะ อยู่ข้างกันแท้ๆ ถ้าเขาทำได้ทำไมผมจะทำไม่ได้” คนพูดขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ

พี่ฝ้ายพยักหน้าให้ ผมเลยคีย์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์เร็วๆ
“ขอเรียนอย่างนี้ครับ ทางตึกของบริษัท CC อยู่ในพื้นที่สีน้ำตาลเหมือนกันก็จริง แต่รูปร่างของที่ดินเป็นตอนลึกเข้าไป ทำให้ไม่ติดเรื่องความสูงเหมือนผืนนี้ ที่สำคัญคือได้มีการขอรับรองอาคารเขียวตามเกณฑ์ของสถาบันอาคารเขียวไทย เลยได้ FAR Bonus อีก 1.5 เท่า ทางนั้นเลยขึ้นตึกสูงได้มากกว่าปกติ” ผมอธิบาย

“นี่คุณ อย่ามัวเอาเด็กมาพูด ผมไม่มีเวลามาฟังทั้งวันนะ” ร่างอวบหันไปพูดกับพี่ฝ้ายโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าผม

อื้อหือ..
โดนไปหนึ่งดอก

“ดิฉันก็ต้องขอยืนยันตามที่นักวิเคราะห์ตอบไปค่ะ” พี่ฝ้ายยืนยัน

“หึ.. นี่พวกคุณเคยทำงานจริงกันหรือเปล่า รู้มั้ยว่าบริษัทนี้เดือนหนึ่งทำกำไรได้เท่าไหร่ ไอ้ตึกแบบนี้น่ะผมทำมาตั้งแต่ก่อนพวกคุณเกิดอีก” ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะ “มันสร้างได้ทั้งนั้นแหละ พวกคุณแค่ไม่รู้วิธี นี่เคยทำงานจริงกันบ้างหรือเปล่า”


ผมอ้าปากค้าง
โอ้โห...
หลุดออกมาจากโลกไหนกันครับคุณ


ผมนั่งนิ่งแล้วสบตากับพี่ฝ้าย หัวหน้าคนเก่งของผมพยักหน้าแล้วพูดเสียงหนักแน่น
“อย่างนั้นทางบริษัทคงต้องขอถอนตัวค่ะ ความสามารถคงไม่พอกับโครงการนี้จริงๆ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณมากนะคะที่ให้โอกาสเข้ามานำเสนองาน” พี่ฝ้ายกรีดยิ้มแล้วลุกขึ้นสวัสดีแบบไม่รอฟังคำตอบ ซึ่งที่ถ้าให้ผมมอง... เขาก็คงไม่ได้อยากจะรั้งไว้ด้วยซ้ำ

ดีครับดี ถึงเรียกไว้ก็ไม่อยากจะอยู่เท่าไหร่หรอก ผมลุกขึ้นยกมือไหว้แล้วเดินตามไปติดๆ 

เราสองคนเดินออกมาแบบไม่พูดอะไรกันเลยซักคำ พี่ฝ้ายคงอารมณ์กรุ่นไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ เดาจากเสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกหนักๆ ไปตามล็อบบี้ทางเดิน

“ไม่ไหว” ผมพูดทำลายความเงียบขณะที่พวกเราเดินพ้นจากลิฟต์แล้วมุ่งหน้าไปยังที่จอดรถ “ไม่ไหวจริงๆ ผมไม่คิดเลยนะเนี่ย ว่าจะมาเจอลูกค้าแบบนี้ บริษัทก็ออกจะใหญ่โต พูดจาไม่น่าเคารพเลยสักนิด” 

“ลูกค้าน่ะมีหลายแบบ” พี่ฝ้ายพูดนิ่งๆ “ที่ดีก็มี ที่แย่ก็เยอะ”

“นี่ก็แย่ไปไง” ผมถอนหายใจพรืด “กร่างแล้วยังจะปากเสียอีก ไม่ให้เกียรติกันเลย”

“ไม่แปลกหรอกน่า อายุพวกเราก็เป็นลูกเขาได้ด้วยซ้ำ” พี่ฝ้ายปราม “เรามันทำหน้าที่ที่ปรึกษา ถ้าเขาไม่เชื่อเรา เราก็ให้คำปรึกษาเขาไม่ได้น่ะ จบ ที่ไหนรับได้ก็ทำไป”

ผมพยักหน้าหงึกๆ ตามคำอธิบาย

“ไม่ต้องอารมณ์ไม่ดีหรอกน่า” พี่ฝ้ายเอามือตบไหล่ผมปุๆ “วันนี้ในห้องประชุมวินเองก็ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว รายงานฉะฉาน ถ้าเขาจะไม่เชื่อเพราะหน้าเด็กมันก็ไม่ใช่ความผิดวินนี่นะ” เจ้านายคนสวยของผมยิ้มให้แล้วเปิดประตูรถ
“เอ้า ขึ้นรถ เดี๋ยววันนี้กลับไปออฟฟิสเจ้จะเลี้ยงไอติม”

ผมยู่หน้าก่อนจะก้าวขึ้นรถแล้วปิดประตู “นี่ก็กำลังทำเหมือนผมเป็นเด็กน้อยอยู่เหมือนกันนี่ครับ เอาไอศกรีมมาล่อน่ะ..”

“แปลว่า..”

“เอาแม็กนั่มนะ” ผมตอบหน้าตาย 

พี่ฝ้ายหัวเราะเสียงดังลั่นรถเลยครับ

_ _ _ _

18.00

Rrrr…


“ว่าไงมึง โทรมาซะหกโมงเพ๊ะเลยนะ” ผมทัก “ถ้าให้เดาคือตามกูไปแดกเหล้า”

(รู้ดีนะมึง) อาร์ตตอบเสียงขุ่น ทำเอาผมที่กำลังจะตอบปฏิเสธชะงักไปเลย
(กูจองไว้ทุ่มนึงที่พญาไท ถ้ามึงไม่โผล่ล่ะน่าดู)

“โว้ว เดี๋ยวๆ ไปโมโหอะไรที่ไหนมาวะ” 

(มึงน่าจะเดาได้นะ)

“หา?”

(เอาเป็นว่าถ้ามึงไม่มาล่ะน่าดู ทุ่มนึงนะ ห้ามเลท ไม่งั้นกูตัดเพื่อนแน่)

แล้วอาร์ตก็วางสายไปแบบงงๆ
ท่าทางวันนี้คงต้องเปิดห้องเป็น AirBnb อีกแล้วล่ะมั้ง

_ _ _ _

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 28-11-2017 21:46:49
_ _ _ _

19.03

ผมก้าวเท้าเร็วๆ จากรถไฟฟ้า มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารกึ่งผับเจ้าดังที่นานๆ จะมาสักที ไม่ใช่ว่าร้านไม่ดีอะไรหรอกนะครับ ถึงจะไม่มีแอร์แต่บรรยากาศดี อาหารอร่อย ค็อกเทลก็เด็ด สาวเชียร์เบียร์ก็แจ่ม วงดนตรีสดที่คัดมาก็เล่นสบายหู ดีทุกอย่างแหละครับ
เอาจริงๆ ที่ไม่ค่อยได้มาก็เพราะปกติคนจะแน่นจนแทบหาที่นั่งไม่ได้ต่างหาก แต่วันนี้เพื่อนอาร์ตถึงกับลงทุนโทรมาจองโต๊ะไว้กันพลาดแถมนัดตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้ด้วย ท่าทางว่ามันจะมีเรื่องอยากคุยจริงๆ

สิ่งแรกที่ผมเห็นตั้งแต่เดินเข้าร้านคืออาร์ตที่นั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ที่โต๊ะ

“เชี่ยตี๋ มานั่งเลย” มันทัก

“ไปเจออะไรมาวะ” ผมว่าก่อนจะลากเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงตรงข้ามมัน “มาซะเร็วเลย”

“เดี๋ยวค่อยเล่าที่เดียวตอนไอ้น้ำกับไอ้พีทมา” มันตอบ “แต่ก่อนอื่นมึงต้องแดกกับกู”
มันหันไปสั่งกับเด็กเสิร์ฟ “น้องครับ เอา Coronita Bottoms Up แอปเปิ้ลหนึ่ง ลิ้นจี่หนึ่ง”

“เห้ยยย มึงไหวป่ะเนี่ย มีเรื่องอะไรมาวะ ไหนบอกกูซิ” มาถึงก็สั่งเหล้าไม่พูดไม่จา ไปโดนตัวไหนมาอยากรู้จริงๆ

“โวยวายอะไรกันวะ เสียงดัง” พีทที่เพิ่งเดินเข้ามาทักขึ้น ข้างหลังมีไอ้น้ำยืนอยู่ มันมองหน้าผมแบบงงๆ

“พวกมึงนั่งเลย” อาร์ตสั่ง ทำเอาคนมาใหม่ขมวดคิ้วกันหนักกว่าเดิม แต่ก็นั่งลงตามคำบอก

“แม่งเป็นไรเนี่ย” พีทที่นั่งข้างผมกระซิบถามก่อนจะได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ “มันว่าถ้ามาช้าจะตัดเพื่อน”

“กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ะ”

..
..

หลังจากทักทายกันไปสักพัก คนจัดแจงนัดก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆ) อาร์ตหันตัวไปรับแก้วค็อกเทลที่สั่งไว้จากมือเด็กเสิร์ฟแล้วสั่งเหล้าให้พีทกับน้ำแบบไม่ถามความเห็นคนกิน
มันเลื่อนโถมาวางไว้ด้านหน้าทำเอาผมต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก บอกตรงๆ ว่าแค่มองก็จะเมาแล้วครับ
ไอ้เหล้าสีสวยๆ พวกนี้มีกลิ่นผลไม้ก็จริง แต่ไอ้ขวดเบียร์สองขวดที่ปักโด่เด่นั่นเป็นตัวการันตีถึงความแฮงค์ในวันพรุ่งนี้ได้อย่างดี

นึกไม่ออกจริงๆ... เหล้าผสมเบียร์มันจะไม่เละได้ยังไง...

“อย่ามาทำหน้าแบบนั้นไอ้ตี๋ มีแต่คนอ่อนแอเท่านั้นแหละที่จะเมากับของเด็กเล่นแบบนี้” อาร์ตพูดดักคอ

“เหรอวะ” น้ำถามขึ้น ทำเอาอาร์ตหันมามองตาเขียว แต่ตัวคนพูดก็แค่ยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ

“เอาเลยครับเพื่อน ตามสบายเลย” พีทพูดขำๆ แล้วเลื่อนโถแก้วเข้าไปใกล้อาร์ตอีก “แค่อย่าอ้วกในรถกูก็พอ”

“เหอะ” อาร์ตทำเสียงในคอก่อนจะเอามือจับแก้ว “นี่มันค็อกเทลถ่ายรูปสวยๆ เมาก็หมาแล้ว”

เหรอวะ..

พวกเราที่เหลืออีกสามคนกำลังเถียงกันทางโทรจิตว่าใครจะเป็นคนแบกไอ้ขี้เมานี่กลับห้องดี


เมื่อทุกคนได้เครื่องดื่มมึนเมากันครบ ไอ้อาร์ตก็ดื่มอึ้กๆ ก่อนจะพูดเสียงดัง

“ไอ้เชี่ยพีท เริ่มที่มึงก่อนเลย ทำไมวันนี้มึงโดดคุยงานตอนบ่าย”   

“เห้ย กูไปกับมึงไง”

“แต่มึงไม่อยู่จนจบ ไอ้เหี้ย รู้มั้ยกูเจออะไรบ้าง”

“กูมีประชุมต่อตอนบ่ายสามไงเลยต้องชิ่งก่อน” พีทว่าเสียงอ่อย “แล้วตกลงเป็นยังไงวะเนี่ย กูงงแล้วนะ” มันเกาหัว

ผมกระพริบตาปริบๆ งานที่แม่งทำร่วมกัน… 
“เดี๋ยวๆ นี่คืองานนั้นเหรอ” ผมถาม

“ใช่ดิ่ งานไอ้คุณชายตะวันห่าอะไรของมึงนั่นแหละ วันนี้นัดส่ง Mood and Tone บอร์ดตอนบ่ายไง” อาร์ตโวยวาย

“เกิดไรขึ้นวะ” น้ำก็งงไปด้วย

“นัดกันบ่ายโมง กูกับไอ้อาร์ตก็ไป ปรากฏว่าเลขาเขาบอกไม่ว่าง ให้รอก่อน” พีทอธิบาย “แต่กูมีอีกประชุมตอนบ่ายสาม พอบ่ายสอง กูก็เลยต้องไปก่อน” มันถอนหายใจ “แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรป่ะวะ มึงก็อธิบายได้เหมือนกันนี่ ทำไมวะ โดนด่าเหรอ”   

“มึงรู้มั้ยกว่าจะได้เข้าไปกี่โมง” อาร์ตถาม พวกผมส่ายหน้าดิก
ห้า!!! ห้าโมงเลยนะไอ้เหี้ย”

“เฮ้ย... ทำไมนานขนาดนั้นวะ” ไอ้น้ำว่า

“กูก็อยากรู้เหมือนกัน นี่กูลางานหน้าไซต์มาครึ่งวัน พอเข้าไปแนะนำตัวจะส่งงานไอ้คุณอะไรนั่นก็มองกูหัวจรดเท้า ถามว่าคุณปรเมศไม่มาเหรอ กูเลยบอกว่ามึงติดอีกงาน ยังพูดไม่ทันจบแม่งบอกให้กูวางงานไว้บนโต๊ะแล้วกลับไปนัดมาใหม่ ไอ้เหี้ย อะไรวะ”

“หา” คนที่เหลือบนโต๊ะร้องออกมาพร้อมกัน

“มึงจะบอกว่ามึงไม่ได้พรีเซนต์เลยเหรอ” พีททำหน้าเหวอ

“เออสิวะ กูเลยบอกว่าขอเสนอคอนเซปต์คร่าวๆ ก่อน แม่งบอกว่าไม่มีเวลา ให้คุณปรเมศมาเอง แล้วเชิญกูกลับเฉย”

“เชี่ย โคตรแย่” น้ำว่าขึ้นแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ

“นี่มึงเจอใครนะ คุณเอทัสเหรอ” ผมถาม
คุณเอนี่ก็โหดจังวะ ดีนะไม่ค่อยได้ดีลด้วย

“เหอะ กูเจอตัวคุณชายตะวันอะไรนี่เลยน่ะแหละ ท่าเยอะชิบหาย”

“หือ คุณตะวัน ที่คิ้วเข้มๆ นะ สูงๆ” ผมย้ำ

“เออสิวะ ไอ้คุณตะวันนี่แหละ” อาร์ตบอก

“หาา”
คุณตะวันเนี่ยนะ ปกติแกออกจะใจดีไม่ใช่เหรอวะ? คนเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย

“มึงแต่งตัวยังไงไปวะ” น้ำถามขึ้นบ้าง “ไม่ใช่ใส่ขาดเข่าเหยียบส้นไปงี้”

“เหี้ยน้ำ”
อาร์ตลุกขึ้นยืน “นี่ ดู ยีนส์สีดำ ไม่ขาดซักกะนิด เสื้อยืดขาวก็จริง แต่กูใส่แจ็คเกตทับ” มันหยิบเสื้อสูทที่พาดเก้าอี้อยู่ขึ้นมาวางแรงๆ บนโต๊ะ
         
“เหยด นิวอาร์ต” น้ำว่า

“กูเป็นคนเช็คเรื่องการแต่งตัวแม่งเอง ไม่พลาดหรอก” พีทอธิบาย “แต่ทำไมเป็นงี้วะ”

“แต่ไอ้คุณตะวันนี่ก็เกินไปป่ะวะ ผิดเวลานัดแล้วยังเทประชุมอีก” น้ำว่าขึ้นบ้าง

“เหี้ยตี๋ มึงก็ควรจะเตือนพวกกูก่อนป่ะวะ ว่าลูกค้าแม่งแย่อ่ะ” อาร์ตโวย

“เดี๋ยวๆ กูทำงานกับเขามาจะครึ่งปีแล้วมั้ง ไม่เห็นมีปัญหาเลยนะเว้ย ราบรื่นตลอด นัดไม่เคยเบี้ยว บางทีไม่ได้นัดก็ยังโผล่มาอีกต่างหาก วันนี้แกคงยุ่งจริง” ผมแก้ต่างให้

“แม่งเอ๊ย กูกับไอ้พีทก็เตรียมมาซะอย่างดี ชิบหาย” อาร์ตบ่นไม่หยุด

“ปกติไม่เป็นแบบนี้จริงๆ” ผมพูด

“แต่เออ... เขาอาจจะไม่เคยเจอมึงน่ะ” พีทว่า “กูก็ลืมคิดไป คราวหน้ากูพาเข้าไปแนะนำเอง”

“เอาน่า ถือเป็นวันแย่ๆ ของพวกมึง” น้ำพูดปลอบแล้วตบไหล่คนข้างตัว “มันต้องมีกันบ้างทุกคนแหละ”

“เออใช่ จริงๆ วันนี้กูก็เจอลูกค้าห่วยๆ มานะ” ผมพูดพลางปลดกระดุมเสื้อลง ร้อนจังแฮะวันนี้

“ว่ามา ดูซิว่าเรื่องของกูหรือของมึงจะห่วยกว่ากัน” อาร์ตพูดจบก็คว้าหลอดดื่มเหล้าอึ้กๆ ทำเอาพวกผมต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

กินขนาดนี้ มึงจะฟังกูรู้เรื่องมั้ยล่ะ

_ _ _ _

00.23


ถือเป็นสถิติใหม่..
ของความเมา

ไม่ใช่ผมนะครับ!

สรุปแล้วเล่าเรื่องผมไปก็มีแต่พีทกับน้ำเนี่ยที่นั่งพยักหน้าหงึกๆ แสดงความเห็นใจ ส่วนไอ้ตัวขี้โมโหก็นั่งดื่มเอาดื่มเอาจน Coronita Bottoms Up แก้วเบิ้มหมดเกลี้ยง ก่อนจะล้มคว่ำในขณะลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำหน่อย” (ซึ่งกลายเป็น Dying Message ประจำคืนนี้)
ทำเอาพีทต้องรีบไปโกยตัวเปลี้ยๆ ของมันจากพื้นร้าน และไอ้น้ำก็มาดึงเอาโถแก้วของผมออกจากมือไปด้วยความเร็วสูง
เห้ย อะไรกัน จริงๆ ผมก็ยังไม่เมาซักหน่อย แค่มึนๆ และเดินเซนิดหน่อยเท่านั้นเอง วัดจากตอนเดินไปที่รถไอ้พีทเนี่ย

..

“เวรกรรมอะไรของกูที่ต้องมานั่งนี่วะ” ไอ้น้ำบ่นอุบอิบอยู่ที่เบาะหลัง ข้างหนึ่งเป็นผมที่นั่งมองถนนด้านนอกไปเรื่อย โว้ว ไฟจราจรนี่ก็สีสวยเหมือนกันนะครับเนี่ย ส่วนอีกข้างเป็นอาร์ตที่นั่งคอพับและมีถุงพลาสติกคล้องอยู่ที่หู

“มึงอยู่ตรงนั้นน่ะดีแล้ว เผื่ออาร์ตอ้วกมึงจะได้เอาถุงให้ทัน เผื่อไอ้ตี๋เมาแล้วโวยวายด้วย ดูแม่งทั้งคู่อ่ะ”

“ใครเอา เอ้ย ใครเมา มึงพูดให้ดีๆ เลยพีท” ผมยื่นหน้าไปโวยใส่พีทเมื่อถูกพาดพิง “กูไม่เมา”

“ครับมึง ไม่เมาครับ” น้ำแกะมือผมออกจากเก้าอี้คนขับ “นั่งดีๆ ครับคุณมึง” มันผลักตัวผมเบาๆ ให้นั่งพิงเบาะดีๆ

ผมถอนหายใจหนักๆ “พวกมึงอ่ะชอบหาว่ากูเมา” ผมทำหน้ายู่ “ดูดิ่ กูแค่ตัวแดงเฉยๆ” แถมด้วยการชี้ให้ดูต้นคอแดงๆ  ของตัวเอง
“แป๊บเดียว เดี๋ยวหายละ” ผมว่า

“เออ นั่งไปดีๆ” น้ำว่า แล้วหันไปดึงตัวอาร์ตที่กำลังไหลลงไปนอนบนเบาะให้ขึ้นมานั่งในระดับปกติ

“พีท มึงขับเร็วๆ เลย ก่อนที่จะมีคนให้แบกเพิ่มอีกคน”

_ _ _ _

11.45
วันเสาร์


ว่าแล้วว่ามันจะต้องปวดหัว ให้ตายเหอะครับ ไม่นึกว่าจะแฮงค์ขนาดนี้ ก็ว่าไม่ได้เมาอะไรขนาดนั้น ยังมีสติอาบน้ำด้วยซ้ำตอนมาถึง แต่พอหัวถึงหมอนปั๊บ สวิชต์ก็ดับไปเฉยเลย แล้วตื่นมาซะเกือบเที่ยง ค็อกเทลเด็กน้อยอะไรของไอ้อาร์ตวะเนี่ย หลอกลวงเป็นบ้า

ผมมองไปรอบห้องนอนตัวเองแล้วกระพริบตางงๆ พวกแม่งกลับไปแล้วเรอะ
ไม่มีทาง... วันเสาร์แบบนี้แม่งคงตั้งวงเล่นวินนิ่งกันที่ห้องผมมากกว่า
ไหนล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปตูซิ

หลังก้าวออกจากห้องนอน สิ่งที่ผมเห็นคืออาร์ตและพีทกำลังนั่งสุมหัวกันทำงานอยู่หน้าคอม โดยมีไอ้น้ำอุ้มจิ๋วเดินไปเดินมาเป็นฉากหลัง

“เหยดดดดดดดด” ต้องอุทานอย่างนี้จริงๆ “พวกมึงเนี่ยนะทำงาน นี่กูฝันอยู่ป่ะวะ”

“อ้าว ตื่นมาก็ปากดีเลยนะครับคุณหนู” อาร์ตเอ่ยปากแซว

“ไอ้เหี้ยอาร์ต” ผมทำเสียงเขียว

“อ้ะๆ กูตื่นก่อน” มันรีบพูด “มึงแหละน็อกยาว”

“ไม่ตื่นสักบ่ายสามเลยวะ” น้ำเดินอุ้มจิ๋วมาส่งให้ “ไอ้นี่แม่งกัดกู” มันโชว์นิ้วชี้ที่มีรอยฟันฟ้องผม

“อ่อน” ผมพูดสั้นๆ พร้อมรับแมวไว้ในมือแล้วมองแผลมัน “ไหนดูดิ๊”

“ก็ตอนเปิดประตูห้องนอน แม่งวิ่งสวนโดดขึ้นเตียงไปหามึงเฉยเลย” มันอธิบาย “พอกูจะไปจับ หันมากัดกูซะงั้น”

“เอ้า” ผมว่า “กากสัด”
ผมปล่อยจิ๋วเดินกับพื้นแล้วลากมือมันไปล้างแผลและติดพลาสเตอร์ยา ดีนะว่าจิ๋วฉีดยาแล้ว
วุ่นวายชิบเผง ลูกกูมั้งมึงเนี่ย

หลังจากบ่นมันเสร็จผมก็มายืนส่องพีทกับอาร์ตทำงานต่อ ท่าทางพวกมันจะแค้นจริง นี่คงตั้งใจทำงานไปฟาดคราวหน้า ลงดีเทลกันซะเกินจำเป็นเชียว

เออ จริงด้วย

“นี่พวกมึงนัดคุณตะวันอีกทีรึยัง” ผมถาม

“เหอะ ยังไม่ได้นัดอ่ะ ก็โดนเทตอนห้าโมงกว่าแล้ว” อาร์ตว่า “โมโหด้วย เลยขี้เกียจ ว่าจะนัดวันจันทร์”

“อาฮะ” ผมทำเสียงในคอแล้วเดินไปหยิบแลปท็อป
“งั้นเดี๋ยวกูนัดให้ นี่มีเมลล์ของ CM ต้องส่งให้คุณตะวัน Approve พอดี มึงว่างวันไหน” ผมนั่งลงบนโซฟา

“จันทร์บ่าย” พีทว่า

“เห้ย แต่กูไม่ว่าง” อาร์ตท้วงขึ้น “เร็วไป๊ ลางานไม่ทันโว้ย” 

“อ้าวว แต่กูว่างได้แค่นั้นอ่ะ ไม่งั้นก็พุธบ่าย” พีทตอบ “คือ Mood and tone ควรจบได้ภายในอาทิตย์นี้แล้วนะเว้ย”

“อ่ะ เอาเป็นว่าพุธบ่าย” ผมสรุปให้แล้วพิมพ์เร็วๆ

“แหม่ เดี๋ยวนี้ช่วยกันทำมาหากินเนอะ อยากมีส่วนร่วมบ้างเลยว่ะ” น้ำที่เดินลงมาทิ้งตัวลงโซฟาข้างผมพูดขึ้นบ้าง

ผมกดส่งอีเมลล์แล้วพูดล้อๆ “ไปเป็นเทพทางหนีไฟเถอะครับเพื่อน ผมไม่อยากขัดทางท่าน”

“เดี๋ยวเหอะมึง” น้ำว่า

“แซวหน่อยไม่ได้เล้ยยยย” อาร์ตบ่นแทนผม “แล้ววันนี้ไม่มีคิวแว้บไปหาสาวเหรอครับเพื่อน”

“น่อววว” ผมกับพีทแซวขึ้นพร้อมกัน

“เงียบเลยนะครับ ไม่มีบอกเพื่อนบอกฝูง” พีทเสริม

ไอ้น้ำทำหน้าตายเหมือนเดิม คนหน้าเข้มปิดปากเงียบแล้วหันไปเล่นกับแมวที่อยู่บนพื้น

พวกผมที่เหลือพยักหน้าให้กันเหมือนอย่างที่เคย
คนแม่งชอบมีความลับ ยังไงมันก็ไม่บอกหรอกครับ
เมื่อเห็นว่าบทสนทนาของพวกเราสำหรับเรื่องนี้คงตันอยู่แค่นั้น อาร์ตกับพีทเลยหันกลับไปคุยกันเรื่องงานต่อ

หลังจากนั่งส่องเฟสบุคไปเพลินๆสักพัก ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูหลังจากเห็นการแจ้งเตือนใหม่บนอยู่บนหน้าจอ

“อ่า... นัดได้วันพุธบ่ายนะ” ผมว่าหลังจากกดอ่านจากหน้าจอ

“ห๊ะ?” พีทพูดเสียงสูง “นัดอะไร”

“นัดกับคุณตะวันอ่ะนะ” อาร์ตถาม

“อือ พุธบ่ายที่ AA” ผมว่าแล้วชูโทรศัพท์ให้ดู “แกตอบกูมาทางไลน์น่ะ”

“หา” พีทร้อง

“แกว่าโอเค เดี๋ยวแกให้เลขาตอบเมลล์ในลูปอีกที” ผมอ่าน

“อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ” อาร์ตถาม ผมเลยพยักหน้าแทนคำตอบ “เหี้ย นี่ยังไม่ถึงสิบห้านาทีเลยนะไอ้ห่า ทำไมกับมึงเขา Respond เร็วจังวะตี๋ ไม่มีอิดออด” มันว่า

“เขาเกลียดมึงป่ะอาร์ต” น้ำพูดขำๆ

“ก็เชี่ยละ” ผมตอบ “กูบอกแล้วว่าปกติเขาตอบเร็ว ไม่เคยติดต่อไม่ได้เลยนะเว้ย ทำงานสมูธ เมื่อวานมันคงแจ็กพอตจริงๆ” ผมว่า

“ให้มันจริงเหอะ...” พีทพูดเรียบๆ แล้วก้มหน้าลงไปทำงานต่อ

_ _ _ _

10.23
วันอาทิตย์


หลังจากเมื่อวานพวกแม่งกลับไปหลังจากกินข้าวเย็น (แมทช์วินนิ่งผมได้ที่สองนะ ทำเป็นเล่นไป) ผมเลยนั่งเคลียร์รายงานการประชุมจนเสร็จตอนเที่ยงคืนกว่า ตื่นเช้ามาผมก็ได้ใช้เวลาวันอาทิตย์ไปอย่างเอื่อยเฉื่อยแบบที่ไม่ได้ทำมานาน
เปิดวันด้วยการเดินเล่นในสวนข้างคอนโด ซึ่งใจจริงก็อยากจะเรียกวิ่งออกกำลังกาย แต่ก็เกรงใจสปีดหอยทากของตัวเอง ได้เข้าห้างซื้อหนังสือ นั่งร้านกาแฟ ตบท้ายด้วยการไปดูหนังคนเดียว เรียกได้ว่าเป็นวันใช้ชีวิตชิคๆ อย่างแท้ทรูของไอ้ตี๋วินจริงๆ
กว่าจะได้กลับมาคอนโดก็สี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว

ปกติกลับบ้านมาก็น่าจะได้อาบน้ำกระโดดขึ้นเตียงนอน แต่เดี๋ยวนี้ต้องมานั่งเกาหูเกาหางเอาใจแมวอยู่กับพื้นข้างโซฟา ทิ้งมันไปทั้งวันเดี๋ยวจะงอนไม่ยอมกินข้าวอีก นี่ผมมาถึงจุดที่ต้องนั่งง้อแมวได้ยังไงครับ

Rrrr…..
ผมชะโงกหน้าดูโทรศัพท์ ก่อนจะคว้ามารับสายเร็วๆ

“ว่าไงฟ้า โทรมาซะดึกเชียว” ผมว่าพลางเกาคางแมวจิ๋วไปด้วย

(ฮือ... วิน... ฟ้าไม่รู้จะทำยังไงดี... วินช่วยด้วย...) ปลายสายส่งเสียงสะอื้น

“เห้ย!! ฟ้า! ฟ้าเป็นอะไร!!” ผมละล่ำละลักถาม ตั้งแต่คบกันจนเลิก ฟ้าร้องไห้ให้ผมเห็นไม่เกินสามครั้งเองนะครับ

(วิน... น้องแย่แล้ว... ฮือ) ฟ้าพูดเสียงอู้อี้

“ฟ้า ตั้งสติก่อนนะ น้องไหน ใครเป็นอะไร”

(...หวาน...น้องหวานอ่ะวิน น้องหวานแย่แล้ว...)

หัวใจผมหล่นวูบ
หวาน... เด็กหวานนั่นน่ะนะ

“หา ไอ้หวานเป็นอะไร? ฟ้า? เดี๋ยว นี่ฟ้าอยู่ไหน?” 

(ฟ้า...ฟ้าอยู่คณะ...วิน วินต้องช่วยน้องนะ...)

“ฟ้าใจเย็นๆ รอเราก่อนนะ เดี๋ยวเราไปหา”


ไอ้เด็กเวร มึงอย่าเป็นอะไรไปก่อนเชียวนะ
กูยังโกรธมึงอยู่นะโว้ย!!


_ _ _ _


TBC


พาเด็กมาส่งแล้วค่าาาาา โปรดอย่าขว้างปาสิ่งของใส่คนเขียน
ตอนนี้ยาวม๊ากกก อดทนกันหน่อยนะคะ หวังว่าคงไม่เบื่อกัน
ขอเวลาแวะดราม่าแป๊บเดียวค่ะสัญญา

ขอบคุณมากๆ นะคะที่คลิกเข้ามาอ่านวิเคราะห์การรักกัน
คนเขียนอ่านทุกคอมเมนต์ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนบ้า ขอบคุณจริงๆ ที่เอ็นดูตี๋วินและเจ้าหวานของเราค่ะ
ติชมกันได้เหมือนเดิมนะคะ ยินดีมากๆค่ะ

แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ

รักส์

 :bye2:

เม้ามอยกันที่ทวิตภพได้เหมือนเดิมค่ะ #วิเคราะห์การรัก
อันนี้บ้านคนเขียน เข้าไประบายอารมณ์กันได้ค่ะ @huentrop

ปล. ใครทายออกมั้ยเอ่ยว่าร้านที่เดอะแก๊งค์ไปกันคือร้านอะไร?
ปลล. สาขาสองโดยคุณพี่ MaBlink ยังเปิดดำเนินการอยู่นะคะ   

 :katai5: :katai5: :katai5:

หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-11-2017 22:06:46
อ่าวววว เกิดอะไรขึ้นกับหวานเนี่ย?
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 28-11-2017 22:44:53
คิดถึงหวานจะขาดใจแล้ว
หัวใจคนรอ :katai1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 29-11-2017 07:35:53
เอ้าาาาา หวานเป็นอะไรรรรรร
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 29-11-2017 10:07:18
คิดถึงหวาน รอตอนหน้า
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Supansahn ที่ 29-11-2017 10:12:20
คิดถึงหวานน หวานเป็นอะไรรร
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 29-11-2017 10:58:55
หวานเป็นอะไรรอพี่วินก่อน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-11-2017 16:55:12
 :pig4: :katai5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-11-2017 20:53:39
น้องหวานเป็นอะไรรร เฮิร์ตอะไร ทำไมโกรธพี่เขา  :katai1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 29-11-2017 22:53:53
เป็นอะไรกับการ่นามอ่านนิยายแล้วชอบมาอ่านตอนเรื่องมันค้างงง ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: yprjb ที่ 29-11-2017 23:26:35
ขออนุญาต อ่านรวดแล้วมาเม้นทีเดียวเลยนะคะ หลังจากที่ไม่ได้แวะมาเลยฮืออ พอได้กลับมาอ่านด้วยความโหยหาตี๋วินและความซึนของคุณเขา เราเป็นหวานหรือคุณตะวันเราก็แอบชอบอ่ะ คนอะไรช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยนะ มาถึงตรงนี้แอบเชียร์คุณตะวันเบาๆ(แต่เมนคือน้องหวานนะ555) คุณเค้าดูอบอุ่นเวลาอยู่กับวินช่างเอาอกเอาใจ แต่กับน้องหวานพี่ยอมรับว่าน้องก็ทำให้ตี๋วินกระชุ่มกระชวยไม่น้อย หวานทำถูกที่ชัดเจนกับวิน ตอนนี้วินก็รู้แล้วใช่มั้ยล่ะว่าใจคิดถึงใคร โฮะๆๆ ไว้รออ่านตอนหน้านะคะ เป็นกำลังใจให้ไรท์มากๆ ขอโทษที่ไม่ได้มารอทุกตอนฮือ มาแบบรวดเลย

ปล.เรื่องคำหยาบที่เคยเม้นไว้ ทำได้ดีมากเลยค่ะ ถึงใจขึ้น รู้สึกอ่านแล้วลื่นไหลขึ้นมากเลย เรื่องการบรรยายบรรยากาศงานหรือขั้นตอนต่างๆ ดีค่ะ เราได้ความรู้เกี่ยวกับงานสายนี้ด้วยเบาๆ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่จะพยายามค่ะ ชอบที่ตัวละครมีความแอคทีฟ ดูมีกิจวัตรที่โลดแล่นเหนื่อยด้วยแต่ก็ลุ้นไปด้วยค่ะ เม้นยาวไปเดี๋ยวไรท์ไม่อ่าน พอดีกว่าค่ะ 5555

ทั้งหมดทั้งมวลที่ร่ายมายืดยาว อยากจะบอกสั้นๆเลยค่ะ "มันดีย์อ่ะ"  o13


อีกนิด... หวานลู๊กกกกกก หนูเป็นอาร้ายยยยยย พี่วินกำลังไปโอ๋แล้วนะลูกกก อย่าเป็นไรน๊าา :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-11-2017 23:42:18
เป็นไร อ่านหนังสือน็อค???
อะไรยังไง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-11-2017 11:16:17
 :hao5:

หวานสอบตก นี่ ฮาเลยน่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 30-11-2017 11:55:59
หวานเป็นไรอ่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 01-12-2017 03:05:22
หวานนนนนน :a5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 02-12-2017 12:21:12
หวานเป็นอะไรรรร
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 02-12-2017 21:33:56
คิดถึงตี๋วินน คิดถึงหวานด้วย หวานเป็นอะไรร แล้วหลบหน้าพี่เค้าทำไมลู๊กกก ส่วนคุณตะวันนี้ยังไงร้ายกับคนทั้งโลกแต่ดีกับเธอคนเดียวงี้หรอ555555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-12-2017 22:05:09
ตัดจบแบบนี้ ค้างสิค้างเลย  :ling1:
ว่าจะเชียร์คุณตะวันแล้ว น้องหวานมาพอดี
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: little_dugong ที่ 03-12-2017 01:00:13
หวานมาแล้ววว แต่หวานเป็นอารายยยยยยย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: SMiLD ที่ 05-12-2017 14:26:24
ค้างเว่ออ รอตอนต่อไปนะคะ
ตอนนี้แวะมาให้กำลังใจคนเขียนค่าา
 :katai2-1:  :L2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 05-12-2017 16:25:03
มารออย่างใจจดใจจ่อครับ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 19-12-2017 02:59:42
มาให้กำลังใจคนเขียนค่า
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 21-12-2017 08:32:57
แวะมาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 23-12-2017 02:14:39
ยังรออยู่นะคะ คิดถึงน้องหวานกะตี๋วินม๊ากมากก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 23-12-2017 23:46:33
ความเสี่ยงที่ 22

23.05


เชี่ยหวาน มึง...

ตอนขับรถในสมองผมมีแต่ความว่างเปล่าไปหมด เข้าใจคำว่าสติหลุดขึ้นมาเลย 

อย่าเป็นอะไรนะโว้ย

“วินน ฮือออ” ฟ้าวิ่งถลาเข้ามาหาผมตั้งแต่อยู่หน้าคณะ ดวงตาแดงก่ำ
“ฟ้า หวานเป็นอะไร” ผมจับมือเย็นเฉียบของคนตรงหน้าไว้แน่น “ใจเย็นๆ นะ”
“ฮือ” ร่างเล็กกว่าออกแรงดึงให้ผมก้าวเท้าวิ่งตามไปเร็วๆ

“ไปเร็ววิน...ไม่ทันแล้ว...”


..
..

ถ้าผมรู้ว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้
ผมจะไม่รับโทรศัพท์สายนัั้น


แม่ง…

ถึงจะอยู่ในสภาพแย่ แต่ก็ห่างไกลจากที่ผมคิดไว้ในหัวมาก
แม่งยังไม่ตายนี่ครับ...

ตอนนี้ผมยืนอยู่ในสตูปีหนึ่ง ยืนหอบแฮ่กประจันหน้าอยู่กับไอ้เด็กบ้าๆ ที่แม่งหายไปจากชีวิตผมเกือบเดือน เมินผมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และตอนนี้ยังเสือกทำแฟนเก่าผมยืนร้องไห้อีก ดูจากที่มันมองผมสลับกับฟ้ารัวๆ เดาว่ามันก็คงจะงงไม่แพ้กัน 

“ไม่ทันแล้วอ่ะวิน เรามีประชุมพรุ่งนี้ที่เวียดนาม เครื่องออกตีห้า” ฟ้าปาดน้ำตาลวกๆ “เราบอกกับน้องว่าทันแน่ๆ แต่มันก็ไม่เสร็จอ่ะวิน ดูสิ น้องทำคนเดียวไม่ไหวแน่เลย”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจแปลกๆ

นี่ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นแฟนเก่าคงได้ต่อยกันไปแล้ว ดราม่าเบอร์นี้ไอ้เด็กนี่ต้องรถคว่ำหรือโดนยิงแล้วนะครับ ไม่ใช่แค่จะตัดโมส่งโปรเจควันรุ่งขึ้นไม่ทันแบบนี้ ทำเอารีบจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะนึกว่าแม่งชิงตายไปก่อนโดนผมด่า แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่น่าลืมไปว่าสองในสามครั้งที่เห็นฟ้าร้องไห้ เป็นเพราะแต่งโฟโต้ช้อปไม่ทันกับปักต้นไม้ไม่ครบ (ซึ่งมันหยุมหยิมมากครับ ผมบอกเลย) ถ้าจะมีคนบ้างานกว่าผม... ก็ฟ้านี่แหละครับ โว้ยยยย บ้าจริง

กูเป็นบ้าไปเองที่เป็นห่วงมึง

“พี่ฟ้าใจเย็นๆ... ผมทำคนเดียวได้ไม่เป็นไรครับ เนี่ย... เหลืออีกนิดเดียวเอง สบายมาก” หวานพยายามพูดเสียงสดใส แม้ว่ามันจะฟังดูแหบแห้งซะเหลือเกิน

“ยังไงก็ต้องใช้สองคนทำอยู่ดี” ฟ้าชี้ตารางงาน “นี่หวานไม่ได้นอนมาจะสองวันแล้ว ไม่ไหวหรอก”

ผมตวัดตาไปมอง
สองวัน?
นี่ไม่ร่วงลงไปกองกับพื้นก็ดีเท่าไหร่แล้ว ผมกวาดตามองกองกระดาษและโมเดลเร็วๆ แล้วขบริมฝีปากตัวเองด้วยความหงุดหงิด ไอ้เด็กส้นตีน...

“พี่วิน...” มันเรียกผมเสียงเบาหวิว “ถ้าพี่มะ-”

“เดี๋ยวเราจัดการเอง” ผมพูดกับฟ้า “เหลืออะไรบ้าง”

“อันนี้เหลือโมเดลหลักอีกเกือบครึ่ง แล้วก็โมเดลเซ็คชั่นสองตัว ส่วนทางเข้ากับส่วนจัดแสดง” ฟ้าบอกเร็วๆ แล้วชี้มือไปที่โต๊ะตัวยาวข้างตัว

ผมพยักหน้าแล้วพูดตัดบท “โอเค ฟ้ากลับเถอะ นี่ดึกแล้ว เดี๋ยวเราเดินไปส่ง”

“อือ เราฝากหน่อยนะ ไม่รู้จะเรียกใครแล้วจริงๆ”




หลังเดินไปส่งฟ้าขึ้นแท็กซี่ ผมก็กลับมายืนอยู่หน้าประตูเพื่อพบกับความวินาศสันตะโรของสตูดิโอปีหนึ่ง เมื่อกี้ที่เข้ามาไม่ได้สังเกตอะไรแม้แต่น้อยครับขอสารภาพ วิ่งตามฟ้ามาอย่างเดียวเพราะนึกว่ามีคนจะตาย พอกลับมามองแบบสติครบถ้วนแบบนี้ถึงได้รู้ครับ ว่าสภาพสงครามที่คุ้นเคยไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด 

พื้นที่ราวสองร้อยห้าสิบตารางเมตรถูกแบ่งด้วยพาร์ทิชั่นเตี้ยๆ ออกเป็นแถว (พวกผมชอบเรียกว่าซอย) เพื่อให้ทุกคนมีที่ทำงานอย่างเป็นส่วนตัวแบบไม่กวนกัน แต่ละคนก็จัดโต๊ะดราฟ โต๊ะตัดโมเดลนั่งกันได้ตามสะดวก ส่วนใหญ่ซอยหนึ่งมักจะมีสมาชิก 3-4 คน จัดกันเองแล้วแต่ความสมัครใจ

โดยปกติก็จะสะอาดเรียบร้อยดีอยู่หรอก แต่ถ้าถึงฤดูส่งงานเมื่อไหร่นะเหรอ… หึ

ก็จะกลายเป็นแบบนี้แหละครับ เศษกระดาษ เศษโฟม ฝุ่นไม้บัลซ่าร์ กลิ่นกาว กระป๋องสเปรย์ กระทิงแดง เอาให้ว่อนไปหมด บนพื้นก็มีโมเดลวางกันระเกะระกะจนแทบจะไม่มีที่เดิน นี่ยังไม่นับรวมคนจำนวนมากที่ถูกเกณฑ์มาช่วยกันรุมทำงานให้เสร็จอีกนะครับ

เวลานอนเหรอ...

อย่าไปพูดถึงมันครับ คนเราไม่ต้องนอนแปดชั่วโมงทุกวันหรอก สามวันแปดชั่วโมงก็อยู่ได้ถ้างานไม่เสร็จ
ดูสิ พวกเด็กปีหนึ่งกลายเป็นหมีแพนด้ากันหมดแล้ว
เต็มที่ครับทุกคน พวกมึงต้องเจอแบบนี้ไปอีกห้าปีเต็ม ทำใจชินกับมันซะ กูบอกเลย 

ผมผลักประตูเข้าไปแล้วก้มหน้าก้มตาเดินเร็วๆ เข้าไปด้านใน
ยังไม่ทันพ้นมุมแรกก็มีคนเรียกแล้วครับ

“พี่ตี๋?” 

ผมหยุดเดินแล้วหันไปตามคำเรียก “อ้าว น้องแป้ง” ผมทัก

“เมื่อกี้เห็นแว้บๆ นึกว่าไม่ใช่ซะอีก” อีกฝ่ายบอกแล้วมองผมงงๆ “นี่มาช่วยน้องเหรอคะ”

“อ...อื้อ…” ผมตอบได้ไม่เต็มปาก ก็ตั้งใจจะมาช่วยน่ะแหละ แต่ไม่ใช่ความหมายแบบที่น้องเข้าใจหรอกนะ

“วิ่งซะหน้าตาตื่นเชียว ทำเอาตกใจหมดเลย” น้องปีสามอมยิ้ม

“อ่า… กาวแม่งหมดน่ะ เลยรีบซื้อมาให้” ผมว่าไปโน่น

“นี่แป้งก็โดนเรียกมาช่วยน้องเหมือนกัน” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่ด้านหลังที่กำลังมะรุมมะตุ้มกันอยู่ “ดีนะที่ปีอื่นๆ ส่งโปรเจคไปหมดแล้วอ่ะ ไม่งั้นปีหนึ่งมันจะทำทันกันได้ยังไงเนี่ย น้องพี่ยังเหลือเยอะมั้ย”

“ก็หนักอยู่แหละ.. เอ้อ งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ น้องมันรอละ” ผมนึกได้

“พี่ตี๋วินนี่ใจดีจังเลยน้า” น้องแป้งพูดขึ้น “เอ้อ วันก่อนขอบคุณมากเลยนะคะพี่ที่มาติวให้ ไม่ได้พี่ล่ะแย่เลย แป้งไม่กวนละ ไปเหอะพี่”

“อื้อ โชคดีๆ ทำงานเสร็จไวๆ ล่ะ” ผมว่าก่อนจะรีบเดินต่อ

ด้วยความที่เป็นโปรเจคสุดท้ายก่อนปิดเทอมของเด็กปีหนึ่ง เหล่าพี่ปีโตที่ส่งงานแล้วเลยทั้งอาสาทั้งโดนเกณฑ์ลงมาช่วยกันยกใหญ่ ซึ่งก็แหงแหละครับว่าไอ้พวกนี้มันรู้จักผม ตอนนี้ก็เลยเดินๆ หยุดๆ ทักทายแฟนคลับอยู่เนี่ย ไม่ถึงโต๊ะไอ้เด็กบ้านั่นซักกะที พวกมึงไม่ต้องทักกูเยอะขนาดนั้นก็ได้มั้ง ปล่อยผ่านไปบ้างเหอะ กูเขิน…

ไม่ใช่แบบนั้นครับ!

เอ่อ..คือ... พอดีว่าตอนได้โทรศัพท์ผมเพิ่งกลับบ้าน และพอดีว่าเพิ่งไปเดินทำตัวชิคๆ ที่สยามมาเลยแต่งตัวเต็มไปหน่อย แล้วก็พอดีอีกว่ารีบออกมาแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผลลัพธ์ที่ได้คือเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำและรองเท้าแตะสลิปเปอร์ใส่ในบ้านลายคุมะมง…

โคตรคูล… ผมคิดพลางโบกมือให้น้องหลายคนที่มองมาแบบงงๆ
ก็ยังดีที่ตอนนั้นไม่ได้ใส่บ๊อกเซอร์อยู่…

ไม่นานนักก็กลับมายืนอยู่หน้าซอยเดิม ผมยืนมองเด็กปีหนึ่งตัวโตที่กำลังยืนก้มหน้าตัดกระดาษอยู่อย่างเหงาๆ คงเพราะปีนี้จำนวนนักศึกษาค่อนข้างน้อย เจ้าหวานเลยได้ครองซอยคนเดียวแบบไม่ต้องแบ่งกับใคร อย่างคราวผมช่วงทำธีสิสในซอยก็อยู่กับอาร์ตและเฟิร์ส (ส่วนพีทก็อยู่กับพวกอินทีเรีย และน้ำก็อยู่กับพวกมือกลอง พวกผมสี่คนไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้นหรอกนะครับ) ว่าแต่นอกจากพี่บัณฑิตอย่างฟ้านี่รหัสมันไม่มีใครมาช่วยเลยเรอะ เจอหน้าจะด่าให้ มีอย่างที่ไหนปล่อยน้องแม่งตัดโมคนเดียว สายอื่นเขาขนมาช่วยกันโครมๆ น่าเศร้าเป็นบ้า

โทรศัพท์ผมสั่นครืดอยู่ในกระเป๋ากางเกง เมื่อเปิดดูเร็วๆ ก็เป็นฟ้าที่ไลน์มาบอกลิสต์งานที่ต้องทำอย่างละเอียด

Fah : โมเดลหลักน้องหวานน่าจะทำเสร็จทัน เหลือแค่ตึก surrounding
Fah : ส่วนที่อยากให้วินช่วยคือโมเดลขยาย ต้องทำสองตัว ทางเข้ากันส่วนจัดแสดง exhibition
        ตรงทางเข้าเราต่อไว้บ้างแล้ว แต่ยังไม่จบ ใช้สเกล 1:50   
   
     
ผมเดินตรงดิ่งเข้าไปหยิบโมเดลที่ฟ้าตัดไว้ส่องดู อื้อหืม… นี่คุณเธอกะว่าจะตัดโมเดลขยายละเอียดขนาดนี้เชียวเรอะ

Fah : ส่วนเพลทพรีเซนต์เราเพิ่งส่งร้านพิมพ์ไปตอนสี่ทุ่ม วันนี้ร้านเปิดถึงตีสอง

จ้ะแม่คุณ...
แปลว่าต้องไปเอาอีกสินะ...

Fah : น้องส่งงานเก้าโมงนะวิน
Fah : ขอบคุณมากๆ


ผมเหลือบมองนาฬิกา เที่ยงคืนพอดิบพอดี
โอ้โห… เวลาเหลือเฟือมากครับ

ไอ้ชิบหาย ผมอุทานกับตัวเอง

ผมเดินเข้าไปหาคนที่กำลังตัดโมเดลอยู่
“แปลนกับรูปด้าน” พูดจบเจ้าตัวก็เงยหน้ามามองแบบงงๆ “เอามาดิ่ ไม่งั้นกูจะตัดได้ยังไง เอาเซ็คชั่นมาด้วย”

“เอ่อ พี่วิน พี่ไม่ต้อ-”

“ไม่เสร็จกูจะด่าให้” ผมพูดเสียงเข้ม “เอามาเร็วๆ”

เด็กหวานเม้มปากยอมเงียบแล้วส่งแปลนกับแบบขยายมาให้ตามที่ผมต้องการ ผมพลิกดูเร็วๆ แล้วเดินไปนั่งที่อีกฟากของโต๊ะ รื้ออุปกรณ์ที่ต้องใช้ออกมากอง ก่อนจะเริ่มดูแบบอย่างละเอียดก่อนลงมือตัดโมเดลต่อจากที่ฟ้าเริ่มไว้ให้

แบบไฟนอลของเด็กนี่ถือว่าดีเกินความคาดหมายของผมไปเยอะ ดีเทลหลายอย่างถูกปรับเปลี่ยนใหม่ให้ไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญคือคราวนี้ผลงานของมันมีกลิ่นอายของสถาปนิกชื่อดังอย่างทาดาโอะอยู่อย่างชัดเจนเลยทีเดียวครับ ถึงดูผ่านๆ อาจจะเรียบไปหน่อย แต่ลูกเล่นที่ซ่อนอยู่ในการออกแบบคือการใช้สีแทรกเข้าไปที่บริเวณรอยต่อที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้าง ทั้งรอยหมุดและเส้นที่เกิดจากการถอดแบบ formwork ของคอนกรีตหล่อผนัง

ทาดาโอะไม่เคยใช้สีอื่น นอกจากสีของวัสดุ 
มันไม่ได้กำลังเน้นที่ตัวอาคารหรือวัสดุอะไร แต่นี่เป็นการให้ความสำคัญกับรายละเอียดและกระบวนการทำงานต่างหาก
ซึ่งนั่นแหละ...จุดเด่นของงานทาดาโอะ...

ถึงดีเทลและสัดส่วนงานจะดูแปลกไปบ้าง รูปเรนเดอร์ของมันก็ยังฝีมือไม่เข้าที่ แต่ของพวกนั้นมันมันฝึกกันได้ครับ
ที่ต้องยอมรับคือเซนส์เรื่องสเปซและคอนเซปมันต่างหาก

ไอ้เด็กนี่เก่งมากเลยนะครับ
ถึงนี่จะเป็นแค่การใช้สีสันในจุดเล็กๆ แต่นี่ก็ถือเป็นการใส่ตัวมันลงในงานอย่างชัดเจน
แถมได้อิมแพคมหาศาลอีกต่างหาก นี่แหละครับ less is more ของจริง
(ถึงนี่จะไม่ใช่งานที่ได้แรงบันดาลใจจาก Mies van der Rohe คนพูดประโยคนี้ไว้ก็ตามน่ะ)   

คราวที่แล้วที่รีวิวแบบ แม่งยังดูขาดๆ เกินๆ อยู่เลย
ผีเกรทอาคิเต็คแม่งต้องเข้าสิงมันเหรอครับ

พอ… เลิกวิจารณ์งาน หันมาตัดโมเดลดีกว่า… ผมพับแขนเสื้อขึ้นไปถึงข้อศอก

ผมเลือกจะทำโมเดลทางเข้าก่อน ไหนๆ ฟ้าก็ตัดไว้แล้วประมาณ 40% จากการประมาณ...อืม… อีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็น่าจะเสร็จครับ ถ้าจบตรงนี้แล้วก็บึ่งไปเอาเพลทที่ปริ้นท์ไว้ กลับมาค่อยมาดูโมเดลหลักที่ไอ้เด็กบ้านี่ทำ ถ้ายังไม่เสร็จจะได้ไปช่วย ส่วนโมเดลขยายของส่วนจัดแสดง… มีเวลาเหลือก็ค่อยจัดการแล้วกัน คนบ้าอะไรต้องมีโมเดลขยายสองตัว..

เอ๊ะ...
เอ่อ... ยอมรับก็ได้ครับว่าเคยเป็นบ้า...

แผ่นรองตัดพร้อม คัตเตอร์พร้อม ฟุตเหล็กพร้อม
รีบลงมือดีกว่า

_ _ _ _

01.24

“หวาน เดี๋ยวกูไปเอาเพลทที่ร้านปริ้นท์นะ” ผมเดินไปบอกเจ้าของงานหลังนั่งตัดโมเดลส่วนทางเข้าจนเกือบเสร็จ เหลือแค่ประกอบเข้าไป อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ “เดี๋ยวกลับมาทำต่อ” ผมว่า

“เอ่อ.. พี่วินช่วยแค่นี้ก็มากแล้ว..พอแล้วครับ” หวานพูดพลางนั่งก้มหน้าทำงานต่อ “กลับเถอะ”

“อะไรอีก…” ผมถามเสียงขุ่น ไอ้นี่เงียบตลอดตั้งแต่ผมมาถึงเลยนะครับ
ถามคำตอบคำทำหน้าเหมือนจะตาย

“พี่กลับเหอะ ผมทำคนเดียวได้" คนเด็กกว่าถอนหายใจ แต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง 


"อะไรของมึง นี่โมเดลยังไม่เสร็จสักตัว พรุ่งนี้มึงจะเอาที่ไหนไปส่ง ตายห่าพอดี"


"ก็...ช่างเหอะ ผมทำได้" มันว่าพลางรวบกระดาษที่ตัดเสร็จแล้วไว้กองเดียว


"ตกลงมึงจะเอาไง” ผมหัวร้อนขึ้นบ้าง “นี่คือจะหาเรื่องทะเลาะกับกูใช่มั้ย"

“เปล่า…” หวานเงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ "คือ… แม่ง........ผมไม่อยากให้พี่อยู่ตรงนี้"

เชี่ย
เหมือนถูกต่อยโดยคำพูด หน้าชาตัวชาไปหมด 
เจอแบบนี้เข้าไปก็สะอึกเหมือนกันนะครับ ไม่ต่างจากโดนบอกว่าเสือกเลยสักนิด
ใช้เวลาหลายอึดใจกว่าจะคิดได้ว่าควรทำอะไร

"เออ… กูก็… ได้... กูไปก็ได้" เหมือนมีก้อนอะไรไม่รู้จุกอยู่ที่คอ สมองจะคิดอะไรก็ดูจะช้าไปหมด “เอ่อ.. กู.. กูยุ่งเองแหละ” พูดจบผมก็หมุนตัวเดินออกไปเร็วๆ เด็กมันพูดมาขนาดนี้แล้วจะมาหน้าด้านอยู่ตรงนี้ทำไม ไม่ใช่ที่ของกูไง... 


"พี่วิน! เดี๋ยว…” หวานลุกขึ้นคว้าเอาข้อมือผมไว้
“คือ… ผมไม่ได้ไล่...ผมแค่.........แม่ง ยังไงดีวะ" มันพูดเสียงเบา


“มึง....ปล่อย" ผมหันกลับมาพูดเสียงแข็งแล้วดึงมือกลับ แต่คนตรงหน้าก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ “กูจะกลับแล้ว อยากที่มึงอยากไง” ผมว่า


"ไม่เอา... ผมขอโทษที่พูดไม่ดี” มันมองหน้าผมอย่างชั่งใจ “ผม.. โธ่ว้อย…”

“ปล่อย..” ผมย้ำ 

คนตรงหน้าถอนหายใจยืดยาวก่อนจะยอมเปิดปาก “คือ.. พี่ฟังผมก่อน… นะครับ” หวานเอามือทั้งสองข้างมากุมมือผมไว้ 
“ผมไม่อยากให้พี่เห็นอะไรแบบนี้…” มันว่า “ผมอยากเป็นคนเท่ๆ ให้พี่เห็น อยากให้พี่รู้ว่าผมก็ทำได้ อยากให้พี่เห็นว่าผมเก่ง” มันสูดหายใจอีกเฮือกใหญ่
“แต่ตอนนี้ผมแม่งห่วย งานแค่นี้ก็จัดการเองไม่ได้..” มันก้มหน้าก้มตาพูด

"..."

“พี่เป็นคนสุดท้ายที่อยากให้เห็นในสภาพนี้เลย… แต่จู่ๆ ก็โผล่มา แถมต้องมาช่วยผมอีก” มันพูด

กูก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาช่วยมึงแบบนี้หรอกนะ

"ถึงอย่างนั้นผมก็ดีใจที่ได้เจอพี่ ผมคิดถึงพี่มากเลยนะครับ คิดถึง...แล้วก็อยากเจอมากๆ"

ผมมองหน้ามันอึ้งๆ “แต่มึงหายไปเลยนะไอ้เหี้ย”   

“ถ้าไลน์ไปก็อยากได้ยินเสียง แล้วถ้าโทรไปก็ต้องอยากเจอหน้าแน่ๆ ผมทนไม่ได้หรอก” มันว่า “พี่ว่าผมไม่มีสมาธินี่ครับ... ผมเลยตั้งใจว่าจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน ทั้งสอบทั้งงานพวกนี้.. แล้วค่อยไปหาพี่แบบเท่ๆ…” มันพูด
"ผมไม่อยากให้พี่มองว่าผมเป็นเด็ก ผมอยากเป็นคนที่พี่ก็พึ่งพาได้เหมือนกันนี่…"

"พี่เข้าใจผมมั้ยครับ" มันมองหน้าผมแล้วกระชับมือที่กุมอยู่เบาๆ

“วันก่อนมึงเมินกู” ผมพูดเสียงเขียว

“ถ้าวิ่งเข้าไปกอดวันนั้นจะโกรธมั้ยล่ะครับ” มันย้อน

“ไอ้…”

“นี่ ผมจริงจังกับทุกเรื่องที่พูดกับพี่ไปนะ” หวานพูดชัดเจน “ได้แต่คิดถึงมาตั้งหลายอาทิตย์ วันนี้ได้เจอทั้งที อย่ากลับเลยนะครับ” มันจ้องหน้า “นะ…”

เผลอกัดปากตัวเองเพราะไม่รู้จะตอบมันว่าอะไรดี ผมหลบตาไปมองพื้นห้อง
พอเจอลูกอ้อนเข้าไปก็เหมือนสมองจะหยุดทำงานไปดื้อๆ ทิ้งร่างให้ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่แบบนี้
วูบหนึ่งก็เหมือนได้ยินคนตรงหน้าหัวเราะหึหึในลำคอ

“ว่าแต่...” ร่างสูงโน้มตัวลงก่อนจะพยายามสบตาผมให้ได้ “แล้วพี่คิดถึงผมบ้างมั้ยครับ” 

เยอะไปแล้วเฮ้ย!!!
สายตาแบบนั้นมันอะไร ไหนจะรอยยิ้มมุมปากมึงอีก!

“อะ… เอ่อ…”


“เฮียวิน!!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อเสียงดังมาจากหน้าซอย ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัวผละมือออกจากเด็กปีหนึ่งแล้วหันควับไปมองต้นเสียงทันทีที่ตั้งสติได้

“ไอ้เต้!” ผมเรียกอย่างตกใจ น้องรหัสเดินปรี่เข้ามาหาผมเร็วๆ

“เฮียมาไงเนี่ย ผมนึกว่าไอ้แป้งพูดมั่ว นี่เข้ามาทำไมไม่บอกล่ะ ไอ้น้องนิวอยู่ฟากโน้นนู่น” มันพูดรัวๆ แล้วชี้มือข้ามห้อง

“เอ่อ… เอ้อ ของน้องนิวเป็นไง” ผมแถถามแบบเพิ่งนึกขึ้นได้ เออ น้องรหัสปีหนึ่งของผมก็ต้องส่งงานเหมือนกันนี่หว่า

“มีผมกับน้องกันสองคนอ่ะ ก็เหลือไม่เยอะ แต่ก็น่าจะเช้าอยู่” เต้พูด “แล้วนี่เฮียไม่ได้...” มันถามงงๆ

“เอ่อ… กูมาช่วยไอ้นี่...” ผมพูดชี้ไปข้างตัวแบบไม่มองแล้วรีบอธิบาย “คือฟ้าฝากกูมา แม่งไม่มีคนช่วยเลยเนี่ยดูดิ”

เต้หรี่ตามอง “เออ ตอนเย็นผมมาดูแม่งละ บอกให้เรียกสายมาช่วยมันก็ไม่ยอมเว้ยเฮีย มันบอกว่าจะทำงานคนเดียว ใครมาก็ไล่ให้ไปช่วยคนอื่น เป็นไงล่ะมึง” มันว่าเอา “เสร็จสมใจมึงมั้ยล่ะเนี่ย”

“ก็ผมอยากทำงานเองทั้งหมดนี่…” ไอ้เด็กที่ยืนข้างๆ ผมพูดเสียงเบา

โว้ย ไอ้เด็กห่านี่
ทำเก่งไม่เข้าเรื่องนะ ผมถอนหายใจพรืด

“เออ เต้ น้องนิวไปเอาเพลทที่ร้านปริ้นท์ยัง” พอเห็นมันส่ายหน้าผมเลยได้ทีพูดต่อ “ดี ฝากไปเอาที่ร้านนี้ด้วย งานไอ้หวานเนี่ย อันนี้รหัสรับงาน” ผมเขียนโพสอิทให้มันเร็วๆ “ไปเลยมึง ร้านปิดตีสอง เร็วเลย”

“อ่า.. ได้ครับ” มันรับกระดาษจากมือผมไปแบบงงๆ แล้วเดินออกไป
ผมลอบถอนหายใจเบาๆ ไอ้เต้มันคงไม่ได้เห็นหรือสงสัยอะไรใช่มั้ยวะ

คนข้างตัวเดินเข้ามาใกล้อีกนิด “ตกลงว่า… ไม่กลับแล้วใช่ป่ะ”
หวานยื่นหน้าเข้ามาสบตาตรงๆ ก่อนจะยิ้มกว้าง มองหน้ามันในระยะประชิดแบบนี้ทำเอาความร้อนวูบวาบแล่นขึ้นมาบนหน้าอย่างช่วยไม่ได้ สายตาแม่งวิบวับจนอยากเอานิ้วจิ้มไปให้จบๆ ไม่ดี ไม่ดีเลยให้ตาย

ผมเอามือดันอกมันออกก่อนจะโวยวาย “ถ้ากูไม่อยู่แล้วงานมึงจะเสร็จมั้ยล่ะ!” คนตรงข้ามหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะยอมผละออก ผมเดินปึงปังไปที่โต๊ะตัดโมเดลตัวเดิม แม่งเอ้ย

“เฮ่ออ จริงๆ ฝันไว้ว่าอยากให้แค่มานั่งดูผมทำงาน ไม่ได้ให้มาช่วยทำงานอย่างนี้นะ”
มันว่า “แบบมานั่งน่ารักให้กำลังใจอะไรแบบนี้”

“น่ารักพ่อง!!! ทำงานไปเลยไอ้เด็กห่านี่!!” ผมว้ากพร้อมเขวี้ยงหลอดกาวใส่มันแล้วหันมาตั้งสมาธิกับการตัดโมเดลแทน
หวานหัวเราะเสียงดังก่อนจะกลับไปสนใจงานตรงหน้าเช่นกัน

ถ้าไม่นับหัวใจที่เต้นรัวเป็นกลองอยู่ตอนนี้… ก็ไม่เถียงหรอกนะว่าบรรยากาศมันดีขึ้นเยอะ…

_ _ _ _
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 23-12-2017 23:57:01
03.55

ไอ้เต้เอาเพลทพรีเซนต์มาส่งนานแล้ว
ผมนั่งมองโมเดลขยายส่วนทางเข้าที่ตัดเสร็จเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะยกไปวางบนโต๊ะข้างตัวหวาน

“อ่ะ โมเดลขยายเสร็จหมดแล้ว” ผมว่าขึ้น “เอาสติ๊กเกอร์คำอธิบายกับป้ายสเกลมาสิ จะติดให้”

“อ่า...” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม ในขณะที่มือก็ยังง่วนอยู่กับการทำงาน “น่าจะอยู่บนโต๊ะดราฟครั--”
หวานสะดุ้ง “อ้าว...” มันว่าเสียงเรียบแล้วก้มมองมือตัวเอง

มองตามไปก็เจอกองเลือดสีสดอยู่บนแผ่นรองตัด เจ้าตัวมองดูนิ้วที่โดนคัตเตอร์บาดอย่างงงๆ   

“เฮ้ย!” หวานกับผมร้องขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ ไอ้เด็กปีหนึ่งยังมีหน้ายกเอากระดาษที่กำลังตัดอยู่ขึ้นมาส่องดู ทำเอาเลือดหยดลงบนโต๊ะเป็นทาง “โอ้ย...เปื้อนเลย...” มันว่าอย่างเสียดาย

“ใช่เวลามั้ยมึง!” ผมว่าเสียงดังก่อนจะรีบเดินไปดึงเอาคัตเตอร์กับกระดาษออกจากมือมันทีละข้าง มือก็คว้าเอาผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อแล้วกดลงบนแผลที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของมันแรงๆ “ทำอะไรไม่ระวังเลยมึงนี่!!”

“ตัดโมไม่มีสติ! ยังดีนี่แค่บาด... ไม่นิ้วขาดก็ดีแล้ว” ผมซับเลือดแล้วเปิดผ้าดูแผล ก่อนจะจับมือมันพลิกไปมาแล้วเอาผ้าปิดไว้เหมือนเดิม เลือดยังไหลอยู่เลยแฮะ “ไม่ระวังเลย” ผมย้ำ

“ขอโทษครับ...“ มันพูดหงอยๆ

ผมถอนหายใจแรงๆ แล้วก้มหน้าเอามือกดแผลไว้
“ไหนบอกอยากเท่ อยากให้กูเห็นมุมดีๆ ไง… แล้วนี่อะไร คัตเตอร์บาด...”

"ยอมครับ"

"อะไรนะ"
 
"ก็ถ้าพลาดแล้วพี่จะเป็นห่วงแบบนี้ ผมยอมไม่เท่แล้วก็ได้ครับ"

“…”

“โอ๊ย… เขินก็อย่าลงที่ผมสิครับ” หวานนิ่วหน้าแล้วเอาฝ่ามือข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมาจับที่ข้อมือผมเบาๆ ทำเอาต้องตวัดตาขึ้นไปมองพร้อมสีหน้าบูดๆ

ใครเขิน… ใครเขินมึง… นี่กูกดแผลห้ามเลือดอยู่ไง
“ไม่ลึกเท่าไหร่ แต่เลือดยังไหลอยู่” ผมพูดหน้าตายพลางดึงเอาผ้าเช็ดหน้าชุ่มๆออกแล้ววางไว้ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาทิชชู่สะอาดๆ มาพับเป็นทบๆ แล้ววางบนแผล “กดไว้ซิ” ผมสั่งแล้วผละออกไป

“เอ่อ…” หวานขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นผมกลับมาพร้อมกับกระดาษกาวในมือ

“เอานิตโต้พันไว้” ผมพูดแล้วฉีกเทปดังแคว่ก ก่อนจะพันทับทิชชู่ตรงปลายนิ้วของมันไว้แน่นๆ 

“อ้าว… ไม่ทำแผลให้เหรอครับ ซีนนี้ต้องมาแล้วนะ”

“นี่ก็เหมือนกันแหละ” ผมก้มหน้าก้มตาบอก “ไอ้นี่ห้ามเลือดดีกว่าพลาสเตอร์อีก เชื่อกู แถมตัดโมต่อได้ด้วย ไอ้เฟิร์สโดนบ่อยๆ” 

“...”

“ดีนะที่ของมึงโดนบาดเข้าไปตรงๆ เนื้อไม่หลุดมาเป็นชิ้น... อ่ะ เสร็จแล้ว” ผมพูดแล้วปล่อยมือออก ตอนนี้ปลายนิ้วของมันถูกนิตโต้พันไว้หนาๆ “ไปทำงานต่อได้” ผมว่าจบก็เงยหน้าขึ้นมาเจอไอ้เด็กหวานทำหน้ายุ่งมองอยู่ก่อนแล้ว

“อะไร” ผมขมวดคิ้วถาม

“ยังจะพี่เฟิร์สอีกเหรอครับ เยอะเกินไปแล้วนะ”

ผมบรรจงดีดหน้าผากเด็กบ้าไปหนึ่งทีจนมันร้องโอ้ย “เพ้อเจ้อนะมึงน่ะ”
“แล้วนี่โมเดลหลักเสร็จรึยัง” ผมถามแล้วมองนาฬิกาไปด้วย

“เหลือตรงนี้อีกนิดครับ” หวานชี้ที่ส่วน landscape กับพวกดีเทลเล็กๆน้อยๆ

ผมกวาดตามองไปทั่วๆ
“เอ่อ… งั้นมึงไปนอนได้แล้ว” ผมชี้ไปหลังโต๊ะดราฟที่มีเสื่อและถุงนอนพับอยู่

“หา” คนเด็กกว่าทำหน้าเหวอใส่

“เดี๋ยวกูทำต่อให้ เหลือนิดเดียวเอง ตอนนี้ตีสี่ มึงตื่นมาซักเจ็ดโมงครึ่งเช็คดูอีกทีก็ได้” ผมบอก “ส่งเก้าโมงไม่ใช่รึไง” 
“ไม่ได้นอนตั้งสองวัน เดี๋ยวก็ร่วงหรอก”

หลังผมพูดจบ เด็กหวานก็ยิ้มกว้าง ส่งสายตาวิบวับแล้วพูดแหย่ “เป็นห่วงผมเหรอ”

ผมเบ้หน้า “หน้าตาแม่งดูไม่ได้เลย เหมือศพอ่ะ สงสาร”

“เป็นห่วงเหรอครับ” มันย้ำแล้วขยับเข้ามาสบตาให้ใกล้ขึ้นอีก

ผมข่มใจจ้องกลับแล้วทำเสียงดุ “ไปนอน...”

“บอกก่อนสิครับว่าเป็นห่วงรึเปล่า” 
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มระบายอยู่เต็มใบหน้าฝ่ายตรงข้ามแบบไม่ปิดบัง

โอเค กูแพ้…
ไม่มองหน้ามึงละ… ผมก้มหน้างุด แล้วเอามือดันตัวมันออกไปห่างๆ
“ส้นตีน ไปนอน ไม่งั้นกูกลั-” 
ยังพูดไม่ทันจบ หวานก็เอามือที่มีนิตโต้พันอยู่มาจับหมับเข้าที่แขน

“ไม่เอา” หวานพูดเสียงอ่อน “ไม่ให้กลับครับ”

“งั้นก็ไปนอน” ผมว่า

“สัญญาก่อนว่าตื่นมาจะเจอ”

เซ้าซี้จริง
ผมทำหน้ายุ่ง “เออออ… ไม่กลับก็ไม่กลับ” ผมลากเสียงยาวจนอีกฝ่ายแล้วผลักมันออกไปเบาๆ ก่อนจะออกแรงหมุนตัวรุนหลังให้มันเดินไปหาที่นอน

ยังดีที่มันยอมปูเสื่อและกางถุงนอนอย่างที่ผมยืนยัน เท็กบุควิชา History of Art เล่มหนาถูกคว้ามาหนุนนอนต่างหมอนอย่างพอดิบพอดี

ผมถอนหายใจเบาๆ เดินกลับไปนั่งจัดการโมเดลหลักที่โต๊ะต่อ
เจ้าหวานขยับตัวยุกยิกอยู่ใต้ถุงนอนสักพัก ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้
ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เป็นสัญญาณว่าเด็กตัวโตนี่หลับไปแล้วจริงๆ
แหงสิ ไม่ได้นอนมาตั้งสองวัน อยู่ได้ขนาดนี้ก็เหลือเชื่อแล้ว

_ _ _ _

04.50

ผมหมุนซ้ายหมุนขวาส่องโมเดลหลักที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจนแน่ใจว่าเก็บรายละเอียดครบ ก่อนจะติดสติ๊กเกอร์ชื่อและรหัสของไอ้เด็กที่ตอนนี้หลับปุ๋ยอยู่ในถุงนอนลงไปเป็นอันดับสุดท้าย

เสร็จซะที
ผมยืดตัวไล่ความเมื่อยแล้วลุกขึ้นยืน

อ้อ
เหลืออีกอย่าง…

..
..

ผมทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นอย่างเงียบๆ แล้วเอื้อมไปยกแขนของคนกำลังหลับขึ้นมาอย่างเบามือ
กระดาษกาวที่พันนิ้วอยู่ถูกตัดออกด้วยกรรไกรอันจิ๋วที่ไปหยิบมาจากตู้พยาบาล เช่นเดียวกับเบตาดีนที่ถูกใส่ลงบนแผล
ผมค่อยๆ พันพลาสเตอร์ยาอย่างระวังไม่ให้เจ้าตัวตื่น

จนทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะรู้ตัวเลยสักนิด
หลับลึกขนาดนี้ ต่อให้มีประทัดจุดขึ้นมาก็คงไม่ตื่นหรอกมั้ง ผมรวบอุปกรณ์ทำแผลเข้ามือแล้วลุกขึ้นยืน

ตีสี่กว่าเข้าไปแล้ว
กลับคอนโดดีมั้ยนะ

_ _ _ _

TBC

คิดถึงทุกคนจังเลยค่าาาาา
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ คุณตะวันตัวจริงนั้นมีหลายร่างเหลือเกิน ทำงานรับใช้ไม่ถูกจริงๆ ฮรืออ
ตอนนี้ยาวไปหน่อย หวังว่าทุกคนจะอ่านกันจนจบนะคะ แม่ยกน้องหวานยังอยู่ดีกันหรือเปล่า หรืออยากจะตีลูกตัวเองขึ้นมาเพราะความรุกหนักๆ ของเด็กปีหนึ่งกันไปหมดแล้ว

ให้บทเขาหน่อยเนาะ เขาหายไปตั้งสามตอน 555

ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์เช่นเคยนะคะ
คนเขียนชอบเข้ามาอ่านซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนบ้าเวลาเขียนอะไรไม่ออก จำชื่อคนอ่านได้ทุกคนจริงๆนะ คนที่เข้ามาเม้ามอยกันในทวิตเตอร์ #วิเคราะห์การรัก ด้วย รักคนอ่านจริงๆ ขอบคุณมากๆ ที่เอ็นดูเด็กๆ และยินดีทุกครั้งที่มีคนติชมค่ะ

เม้ามอยกันได้เหมือนเดิม สาขาสองของคุณ MaBlink ก็ยังเปิดทำการอยู่นะคะ อัพมาจะทันในเล้าแล้ว 
พบกันตอนหน้านะคะ

รักส์
 :bye2: :bye2: :bye2:

 :katai4:
 
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-12-2017 00:36:29
ฮื่ออ คิดถึงมากเลยค่ะ นึกว่าน้องหวานจะเป็นอะไรซะแล้ว พี่วินก็ใจดีมากกก กลบเกลื่อนความเขินทำเป็นดุน้อง ความจริงก็หวั่นไหวสินะ
เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียนสู้ๆกับงานนะคะ รอได้เสมอ ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 24-12-2017 01:00:12
โอ้ยยยย ดีต่อใจ น้องหวาน กลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 24-12-2017 01:15:28
มาแล้วววววววว
หวานคัมแบ็คแล้ว คิดถึงเว่อร์
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 24-12-2017 02:06:41
ฮือออออคิดถึงค่ะ ดีใจมากค่ะที่มาอัพ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 24-12-2017 02:33:27
ที่แท้ก็แบบนี้นี่เองงงงง คิดเป็นตุเป็นตะไปตั้งไกลว่าน้องหวานเป็นอะไร 5555555555555
เอ็นดูจริงจริ๊งงงง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-12-2017 03:26:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 24-12-2017 03:54:50
หายไปตั้งนาน คิดถึงตี๋วินเสมอค่ะ
น้องหวานหยอดทุกดอกจริงๆ เก็บทุกเม็ดไม่เหลือ ตี๋เราคงปั้นหน้าลำบาก ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: dashdash ที่ 24-12-2017 04:42:23
สวัสดีครับแอบอ่านเงียบๆมานาน ชอบเรื่องนี้ตรงการใช้ภาษาและโครงเรื่องที่อิงอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงที่พบเจอได้ หลายๆเรื่องจะมีความแฟนตาซีอยู่มากในแง่ของนิสัยของตัวละครหรือการกระทำ เป็นกำลังให้นักเขียนนะครับ
ตอนล่าสุดนี่ช็อตทำแผลก่อนจบนี่ตายไปเลย ฟินมาก เขินแทนครับ 5555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-12-2017 06:12:12
น้องหวานน่ารัก พี่วินใจอ่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 24-12-2017 06:36:05
ต้องขอบคุณฟ้า เลย ทำให้ได้คุยกันซะที
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 24-12-2017 08:13:19
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 24-12-2017 09:19:47
ฟินตายไปละครับนะจัดๆนี้
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 24-12-2017 14:13:53
ตอนนี้หวานมากครับ  :-[ น้ำตาลไม่ต้อง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: A.zaa ที่ 24-12-2017 19:04:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: A.zaa ที่ 24-12-2017 19:06:11
 :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 24-12-2017 20:10:17
นับถือเด็กถาปัตจริงๆเลย อดนอนขนาดนั้นกันได้ยังไงเนี้ย จะบอกว่าเด็กถาปัตที่มอเราก็แบบนี้เหมือนกัน นอนจากไม่ค่อยได้นอนแล้ว น้ำยังไม่ค่อยได้อาบอีกด้วย 5555555555 วันนี้มีแต่โมเม้นตี๋วินกับเด็กหวานทั้งนั้นเลย เรือหวานวินแล่นฉิวว :z1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-12-2017 21:55:44
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-12-2017 23:57:13
มาแล้ววว คิดถึงมาก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 25-12-2017 12:03:51
น้องหวานดูมาวินมั่กๆ แต่เราแอบเชียร์เรือผี #น้ำวิน อยู่นะ 55555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 25-12-2017 17:21:11
ดูเหมือนเด็กปีหนึ่งจะแง้มประตูใจพี่ตี๋วินได้บ้างแล้วนะ เราอยู่ทีมเน้
คุณตะวันนี่ชัดเจนคุณชายผู้บริหารใหญ่มากๆ เอ หรือคุณวิน เค้าจะชอบแบบผู้ใหญ่ๆหน่อย
อ่านแล้วได้เปิดโลกสายเต๊กมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-12-2017 22:53:51
 :katai2-1:


น้องหวานนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 26-12-2017 14:18:52
น้องหวานกลับมาแล้ว คิดถึงน้องหวานจังเลย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-12-2017 21:54:34
น้องหวานหายไปนาน โผล่มาทีทำพี่มันเขินแล้วเขินอีก
คุณตะวันก็ดี น้องหวานก็โดนจะเลือกใครดี ใครไม่ถูกเลือกมาทางนี้นะรอิยู่
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 27-12-2017 10:50:08
 
สนุกดีอ่านรวดเดียวเลยชอบส่วนของเรื่องราวในการทำงานมากดูสมจริงดี o13 แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเชียร์ใครดี

เหมือนทั้งพี่ตะวันและน้องหวานมันยังไม่สุดเท่าไร555555

รอติดตามนะคะ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: SMiLD ที่ 30-12-2017 00:49:56
โอ้ยยย โซคิ้วอ่าา
ดีใจมากเปิดมาเจอตอนใหม่ รอตอนต่อไปนะค้าา
มาให้กำลังใจให้นักเขียนค่า :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 03-01-2018 21:17:48
รอค่าาาา นุ้งหวานค่าตัวแพงจิง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 11-01-2018 18:03:49
ความเสี่ยงที่ 23

“อืออ…”

เสียงคนคุยกันหึ่งๆ ที่ลอยมาเข้าหูทำให้ผมที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะต้องลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ผมกระพริบตาปริบๆ

“เห้ย...” ผมอุทานเบาๆ เมื่อสิ่งแรกที่สายตาโฟกัสได้กลับเป็นการสบตากับไอ้เด็กตัวโตที่กำลังเอาหน้าแนบโต๊ะแล้วส่งยิ้มกว้างมาให้ในระยะประชิด จะสิงกูเรอะไอ้เด็กนี่!

“ว้า…” มันร้องออกมาเบาๆ เมื่อผมยืดตัวขึ้นพิงพนักเก้าอี้แล้วยกมือขยี้หัวตัวเองสองสามที “อรุณสวัสดิ์ครับ”

ได้ยินคำทักทายจากอีกฝ่ายแล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง “อรุณสวัสดิ์อะไร นี่กี่โมงแล้ว มึงดูงานรึยังเนี่ย กูซัดแพทเทิร์นส่วน Hardscape ไปเองนะ แบบมึงไม่ได้กำหนดมา ตรงทางเดินมึงลืมใส่สี ดีเทลก็ไม่มี ส่วนตรงบันไดกูแก้ให้แล้ว มึงติดผิดข้างเนี่ย ไม่งั้นเสร็จไปนานละ รีบๆ ไปดูซิว่ายังขาดอะไรอีกไหม”

“โห... ตื่นมาก็เป็นชุดเลยนะครับ” หวานพูด “หนึ่ง ตอนนี้แปดโมงสิบห้านาที สอง ผมดูงานแล้ว สามและสี่ ขอบคุณและขอโทษครับ ห้า ตรวจแล้วไม่มีครับ เรียบร้อยหมดทุกอย่าง” มันยิ้มระรื่นแล้วตอบผมแบบเรียงลำดับ
“เพิ่มข้อที่หกให้ ผมส่งงานแล้ว เพราะงั้น ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปหาอะไรกินกันครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
มันยิ้มกว้างแล้วยื่นผ้าขนหนูสีขาวพร้อมโฟมล้างหน้า ยาสีฟัน และแปรงสีฟันด้ามใหม่เอี่ยมมาให้

ผมก้มมองของในมือ “เอ่อ...ขอบใจ…”

“ขอบคุณสำหรับนี่ด้วยนะครับ…” หวานยื่นมือซ้ายของมันออกมาจับปอยผมข้างแก้มของผมขึ้นไปทัดหูให้ ผมแอบย่นคอด้วยความจั๊กจี้จากสัมผัสสากๆ ของพลาสเตอร์ยาจากนิ้วชี้ของเจ้าตัวที่จงใจไล้ไปตามผิวหน้าอย่างอ้อยอิ่ง
จนหัวใจเต้นแรงขึ้นมานั่นแหละ ผมถึงได้ขยับตัวหนีมืออุ่นๆ ของคนตรงข้าม

“เอ่อ… กูไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า”




8.46

“อ่า ครับ ขอโทษทีครับพี่ ไปไม่ไหวจริงๆ” ผมยืนคุยโทรศัพท์อยู่ริมทางเดินหน้าสตูดิโอก่อนจะกดตัดสายแล้วถอนหายใจยืดยาว
รู้สึกผิด(ไม่)นิดหน่อยที่ต้องโทรไปลาแบบฉิวเฉียดด้วยอาการป่วยปลอมๆ แบบนี้
แต่เอาเข้าจริง ให้ไปทำงานก็คงจะไม่ไหวหรอกครับ เพิ่งนอนไปตอนเกือบจะตีห้านี่เอง นั่งออฟฟิศก็หลับในเอาเปล่าๆ
ไหนๆ วันนี้ก็ไม่มีประชุมด้วย ขอสักวันละกันนะครับพี่ฝ้าย พรุ่งนี้กระผมจะไปทำงานชดใช้กรรมอย่างสาสม

“พี่วิน ทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะครับ ผมหาตั้งนาน รีบไปกันเร็วเข้า” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง พอหันกลับไปก็เจอร่างสูงๆ ของหวานยืนสะพายเป้ ในมือถือกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถของผมอยู่

“หา?” 

“เร็วสิครับ” ว่าแล้วก็จับข้อมือผมหมับแล้วออกแรงดึงให้ออกเดิน

“เดี๋ยวก็ไม่ทันเข้างานกันพอดี นี่ในเป้มีขนมปังกับลิโพ กินรองท้องในรถเอาละกันนะครับ”

ผมเบ้หน้า “ลิโพเนี่ยนะ...”

“ในสตูมันไม่มีนมนี่ครับ” หวานยังคงตั้งหน้าตั้งตาลากผมไปที่ลานจอดรถ

“ไม่ต้องรีบน่า…” ผมว่าแล้วดึงมือไว้บ้าง ทำเอาคนเด็กกว่าหยุดยืนแล้วหันหน้ากลับมามองงงๆ

“ไม่รีบเหรอครับ”

ผมยกมือขึ้นเกาคอก่อนจะตอบเบาๆ “เอ่อ… วันนี้ไม่ไป”

“ยังไงนะ”

“โทรไปลางานแล้ว”

“หา…ลางาน” มันร้องขึ้น “พี่ไม่สบายเหรอครับ” หวานปล่อยข้อมือแล้วทำท่าจะเข้ามาจับหน้าผากทำเอาผมสะดุ้งถอยหลัง

“นอนไปตอนตีห้านี่สมองปลอดโปร่งมากเลย พร้อมไปทำงานมากเลยเนอะ” ผมประชด “หิวข้าวด้วย หิวนอนด้วยเนี่ย”

“เพราะมาช่วยงานผมเหรอครับ…” เอ้า หูลู่หางตกไปซะแล้วไอ้นี่ “ผมขอโท--” 

“หยุดก็ดี” ผมพูดแทรกขึ้นกลางปล้อง “กำลังอยากพักบ้างเหมือนกัน ตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยใช้วันลาเลย”

“เอ่อ..”

“งอแงอีกกูจะด่าแล้วนะ” ผมส่งสายตาคาดโทษ “ว่างแล้วไม่ดีรึไง” 

“...”

“จะไปกินข้าวก็ตามมาเร็วๆ หิว...”

ว่าแล้วผมก็ก้าวฉับๆ ออกไปแบบไม่รอฟังคำตอบ
ก็พอจะเดาได้อยู่แล้วนี่ครับว่ามันจะตอบยังไง…

“ครับ!”

ก็เล่นยิ้มกว้างซะขนาดนั้นนี่นา
_ _ _ _

9.05

ไอ้เด็กที่นั่งเบาะข้างๆ ผมเพี้ยนไปแล้วครับ นี่แม่งยิ้มบ้ายิ้มบอไม่หยุดตั้งแต่ออกมาจากคณะ
เดินก็ยิ้ม คนทักว่าส่งงานรึยังก็ยิ้ม เจอรุ่นพี่มันก็ยิ้ม บอกให้ขึ้นรถก็ยิ้ม เจอพี่ยามก็ยิ้ม
ยิ้มเรี่ยยิ้มราดเหลือเกินนะมึงน่ะ
ไอ้ตัวเมื่อกี้ที่หน้าหงอยยืนจ๋อยอยู่คืออะไร ร่างสองมึงเหรอ
ทำไมเมื่อวานไม่เอานิตโต้พันหัวมันไปให้จบๆ วะไอ้ตี๋
 
“จะกินอะไร” ผมถามเสียงห้วน

“อะไรก็ได้ครับ พี่วินอยากกินอะไร ผมไปได้หมดเลย” ยิ้มไปพูดไปอีกที

“อ่า…ร้านไหนดีล่ะเนี่ย...” ผมคิดไปขับรถไป 

“แค่ได้นั่งกินกับพี่ก็พอ”

แถมยิ้มกว้างให้อีกหนึ่งดอก คิดอีกทีเอานิตโต้พันคอตัวเองไปเลยอาจจะง่ายกว่า
ผีขนมครกมันกลับมาแล้วครับ หยอดอยู่นั่นแหละมึงเนี่ย!! กูขับรถอยู่เห็นมั้ย!!!

หลังคิดอยู่สักพัก ผมก็เลือกร้านโจ๊กแถวมหาลัยเป็นที่ฝากท้องมื้อเช้า
รอไม่นานนักผมก็ได้มานั่งเท้าคางเขี่ยโจ๊กที่เหลืออยู่เต็มชามอย่างเซ็งๆ
จริงๆ ก็ไม่ได้หิวขนาดนั้น ตอนนี้อยากนอนมากกว่า

“ทำไมไม่ทานเลยล่ะครับ”

“ง่วง…”

“ยังไงก็ต้องกินอาหารเช้านะครับ เดี๋ยวปวดท้องอีกนะ” คนเด็กกว่ากำชับ ทำเอาผมต้องตีหน้ายุ่งแล้วอ้าปากจะเถียง แต่อีกฝ่ายก็แย้งขึ้นก่อน “แน่ะ ไม่ได้นะครับ เดี๋ยวก็เป็นลมอีก”

“เงียบไปเลยมึงน่ะ…” ผมว่าเสียงเขียว

นอกจากมันจะไม่ฟังคำผมแล้ว ไอ้เด็กนี่ยังหัวเราะหึหึแล้วยักคิ้วให้อีกต่างหาก “อยากให้ผมอุ้มก็บอกกันดีๆ สิครับ ไม่ต้องเป็นลมก็พร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว”

“ไอ้หวาน!” ผมร้อง   

“ทานต่ออีกหน่อยนะครับ” คนตรงข้ามพูดอ้อนก่อนจะยิ้มตาหยีส่งมาให้

ผมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปจัดการโจ๊กในชามต่ออีกนิด
แพ้ทางสายตาลูกหมาของแม่งจริงๆ...
มึงนะมึง…

ผมวางช้อนหลังโจ๊กในชามพร่องลงไปเกือบครึ่ง กินไม่ลงแล้วจริงๆ แฮะ
“พรุ่งนี้จูรี่กี่โมง” ผมถามเวลาที่หวานต้องเสนองาน

“สิบโมงครับ”

“อือ…” ผมพยักหน้าแล้วทำเสียงในลำคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเชคการแจ้งเตือนไปพลางๆ

โดยปกติคณะผมจะกำหนดให้ส่งงานก่อนหนึ่งวัน แล้ววันรุ่งขึ้นถึงเป็นการนำเสนอรวมที่เรียกว่า Jury แบบที่เอาอาจารย์สอนดีไซน์ทุกกลุ่มมาตรวจงานเราพร้อมกันนั่นแหละครับ วัดกันไปว่าใครจะตึกระเบิดก่อนกัน คอมเมนต์กันยับไม่มีไว้หน้าว่าเด็กใครเป็นเด็กใคร จัดหนักอย่างเท่าเทียม

ส่วนที่ต้องกำหนดให้วันส่งงานกับพรีเซนต์เป็นคนละวันกันเนี่ย ไม่ใช่ว่าเป็นระบบระเบียบอะไรหรอกนะครับ แต่อดนอนกันเบอร์นี้แค่จะให้สื่อสารแบบปกติก็ลำบากแล้ว ขืนให้ส่งงานตอนเช้าแล้วพรีเซนต์งานตอนบ่ายต่อก็ตายพอดี และก็ไม่ใช่เพราะความเมตตาจากอาจารย์ให้ไปพักร่างก่อนนำเสนองานแต่อย่างใดนะครับ... แต่อาจารย์แกกลัวจะฟังไม่รู้เรื่อง เป็นภาระแก่หูและการให้คะแนน พวกแกเลยเว้นช่วงให้นักศึกษาไปนอนก่อนหนึ่งวันไว้เอาบุญ

“พี่วิน?”

“หือ” ผมพูดทั้งที่สายตายังไม่ละไปจากหน้าจอโทรศัพท์

“...”

เห็นคนตรงข้ามเงียบไปเลยต้องเงยหน้าขึ้นมาดูสถานการณ์ หวานมองโทรศัพท์ในมือของผมแบบมีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่บนหน้า… คนตัวสูงทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด จนผมต้องเป็นฝ่ายออกปากขึ้นมาเอง

“ไลน์บอกฟ้าว่างานเสร็จแล้วน่ะ ไม่ต้องห่วง เฮ้อ… นี่ถ้าคุณเธอไม่เข้าไปเจอมึงทำงานอยู่คนเดียวงานมึงจะเสร็จมั้ยเนี่ย อยากเท่ไม่เข้าเรื่อง” ผมบ่นพลางถอนหายใจ แล้วเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง “นี่ฟ้ายังถามมาอยู่เลย ถามว่าซ้อมพรีเซนต์แล้วรึยัง”

ไอ้เด็กตรงหน้าทำหน้าตาหลุกหลิกแล้วเอามือเกาคอ “อ่าาาา” มันลากเสียงยาว
“คือ… ยังไม่ได้คิดเลยอ่ะครับ”

ชัด… กูคิดอะไรเคยผิดมั้ยเนี่ย! ไอ้ชิบหาย!!
“มึงนี่นะ…” ผมถอนหายใจก่อนจะเรียกพนักงานเก็บเงิน “ให้ไวเลย ไปนอนแล้วค่อยลุกมาเตรียมพรีเซนต์!”

_ _ _ _

10.45

กรุงเทพ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว

เหรอวะ...

ผมนั่งอ่านป้ายหน้าตัวเองมาจะยี่สิบนาทีแล้วครับ นี่มันจะสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้วแต่รถก็ยังขยับได้แค่ระดับเซนติเมตร ถ้าเดินเอาเผลอๆ ป่านนี้ถึงแล้วมั้ง ทำไมการขับรถกลับไปคณะมันกินเวลาได้นานขนาดนี้กันนะ
ว่าจะไปส่งหมอนี่ที่สตูแล้วรีบกลับคอนโดไปนอนซักหน่อย…
ผมหันไปมองไอ้เด็กโข่งข้างเบาะที่กำลังหลับคอพับแล้วได้แต่ส่ายหัว
       
อ่า…
เอาอย่างนี้แล้วกัน




“หวาน… หวาน…”

“...อืออ…” มันทำเสียงอืออา

“หวาน... ตื่นก่อน... จะได้ไปนอนดีๆ” ผมว่าแล้วเขย่าตัวคนขี้เซา “หวาน”

“อือ... ครับ… พี่วิน” มันกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะขยับตัวขึ้นแล้วมองไปรอบๆ “หือ?” 

“เอ้า มัวนั่งงงอยู่นั่นแหละ ลงไปเร็วๆ” ผมว่า

“เอ่อ…” หวานหันหน้ามามอง “ที่นี่มัน…”

“คอนโดกูไง” ผมตอบปัดๆ แล้วกดปลดล็อกประตู “ง่วงนักก็ไปนอนดีๆ”

“ห๊ะ” มันพูดเสียงสูง “ให้ผมนอนนี่จริงเหรอ!”

ดูเหมือนจะไม่ง่วงแล้วนี่...
“ถ้าอยากไปนอนบนพื้นสตูก็กลับไปเองละกัน กูจะขึ้นไปนอนละ”

ผมลงมายืนข้างรถ พร้อมๆ กับที่เด็กหวานลนลานเปิดประตูตามมา
“ไปด้วยครับ ไปนอนด้วย!”

“แล้วมึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย ไอ้ชิบหาย!”

ตื่นเต้นไปมั้ย ไอ้เด็กเว่อร์

..
..

“ไม่ได้!!” ผมพูดเสียงดัง “มากไปนะมึงน่ะ!!!”

“อ้าว ทำไมล่ะครับ” มันร้อง

“ไม่ต้องเลย มึงนอนโซฟาไป”

หลังจากทักทายแมวจิ๋วจนพอใจผมก็เอาเจ้าตัวยุ่งเก็บใส่กรง แยกย้ายกันไปอาบน้ำจนเสร็จเรียบร้อย คือจะนอนเลยก็เกรงใจกาวที่ติดตามง่ามนิ้ว เราควรตัวโปร่งโล่งสบายก่อนการนอนใช่มั้ยล่ะครับ อาบให้มันจบๆ ไปเลยแล้วกัน
จากนี้ก็ควรจะเป็นเวลาที่ได้พักผ่อนอย่างสงบบนเตียงนิ่มๆ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมาเถียงเรื่องที่นอนกับไอ้บ้าแถวนี้
โอ๊ย ปวดกบาล...

เด็กตัวโตในชุดนอนของไอ้พีทยืนกอดหมอนและผ้าห่มที่ผมเอามาให้ไม่ยอมวาง พลางทำหน้ายู่ยี่
“ใจร้าย โซฟามันเล็กนะครับ เตียงพี่วินกว้างกว่าตั้งเยอะ” มันชี้มือไปที่ห้องนอนด้านหลังที่ผมยืนขวางประตูไว้

“ยังไงก็ไม่ได้!” ผมยืนยัน

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็กูไม่อนุญาตให้นอนไง!” ผมว่าแล้วดันแว่นกรอบหนาให้เข้าที่

“ไม่เห็นมีเหตุผลเลย” มันพูดก่อนจะทำเหมือนนึกอะไรได้..
ทำไมกูว่าไม่น่าใช่เรื่องดีเลยวะ...

จู่ๆ คนตรงหน้าก็ทำสายตาวิบวับแล้วเดินเข้ามาใกล้ “เอ… หรือว่า... พี่วิน... กลัวว่าผมจะทำอะไรเหรอครับ” 

“หะ.. เฮ้ย... อะไร ใครกลัวมึง”

“พี่วิน...” มันกลั้นยิ้ม “เขินหูแดงหมดแล้วครับเนี่ย”

“เขินพ่อง!!! ไม่ได้เขิน!” ผมโวยวายเสียงดัง อยากซัดกะโหลกมันสักรอบชะมัด

“ทำไมกูต้องเขิน กูเป็นคนนอนดิ้นไง ต้องนอนคนเดียว!”

“ไม่จริงสักหน่อย ก็เคยนอนด้วยกันแล้วนี่ครับ” มันว่า “คราวก่อนยังได้นอนจ้องหน้าตั้งนาน”

ได้แต่อ้าปากแล้วยกมือชี้ไอ้เด็กหน้าไม่อาย “มะ…มึงนี่มัน...”

“ตอนมีตติ้งไง” มันตอบ “นะครับ ขอผมนอนด้วยนะ”
 
สัด… อย่าสะกดจิตกู
ไม่ต้องเดินเข้ามาชิดขนาดนี้ด้วย!

“ตอนนี้ผมง่วงมากเลยนะครับพี่… สามวันที่ผ่านมานอนไปแค่ห้าชั่วโมงเอง… อยากนอนสบายๆ บ้างนะครับ... นะ”

“ไม่เอา”

“นะครับ” มันพูดอ้อนแล้วเดินเข้ามาใกล้อีก ทำเอาผมขยับถอยหลัง รู้ตัวอีกทีก็พ้นกรอบประตูห้องนอนเข้ามาแล้ว
คนเด็กกว่ารวบหมอนกับผ้าห่มไว้กับเอว เดินยิ้มกรุ้มกริ่มปราดเข้าไปในห้องนอนแบบไม่แคร์เจ้าของ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็คว้าเอาข้อมือผมแล้วออกแรงดึงให้ตามไปที่เตียงนอนหลังนุ่ม

“เห้ย… เดี๋ยว... เดี๋ยวสิ” ผมพูดตะกุกตะกักหลังร่างสูงโยนหมอนกับผ้าห่มไว้บนเตียงฝั่งหนึ่ง หวานดึงมือผมให้นั่งลงก่อนจะย่อตัวลงมานั่งคุกเข่าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกัน

“เมื่อคืนนี้ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณทุกอย่างเลย” มันว่ายิ้มๆ “ขอโทษที่ทำให้ต้องเหนื่อยด้วย”

“เออ...”

“ตอนนี้ต้องพักก่อนนะครับ” มันพูด “เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว”   

“ตกลงมึงจะนอนในห้องให้ได้ใช่มั้ยเนี่ย” ผมตีหน้ายุ่ง

ร่างสูงยิ้มกว้างจนตาหยี “สัญญาว่าจะนอนอย่างสงบเงียบเรียบร้อยครับ”

ผมหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ
“เออๆ ขี้เกียจเถียงกับมึงแล้ว” ผมถอดแว่นตาพลางพูดตัดบท ง่วงจะแย่แล้วครับเนี่ย “ไปนอนตรงโน้นเลย ห้ามทำอะไรประหลาดๆ ด้วย” ผมชี้มือไปอีกฝั่งของเตียงก่อนจะเอนตัวลงนอนห่มผ้า ซุกหน้าลงกับหมอนใบโตแล้วหันหนีไปอีกทาง
แว่วเสียงเด็กหวานหัวเราะเบาๆ พร้อมกับความรู้สึกถึงเตียงที่ยวบลงตามน้ำหนักของคนที่ตามขึ้นมานอนข้างๆ

นอนหลับตาไปยังไม่ทันไรก็รู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นๆ ที่ลูบหัวเบาๆ จากทางด้านหลัง
นึกจะด่าออกไป แต่คงเพราะง่วงมาก เลยเผลอคิดไปว่าสัมผัสแบบนี้มันก็เพลินดีเหมือนกัน

“ฝันดีนะครับ...”   

เออ…

_ _ _ _

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 11-01-2018 18:12:08
15.36

โอ๊ย... ยังไม่อยากลืมตาเลยแฮะ ขอนอนต่ออีกหน่อยได้มั้ยเนี่ย
ผมตะแคงฝังตัวอยู่ท่าเดิมบนฟูก กอดหมอนข้างในมือไว้หลวมๆ
ติดนิสัยไปแล้วล่ะครับ ที่ต้องนอนโดยมีกองหมอนเยอะแยะแบบนี้บนเตียง ก็มันนิ่มดีนี่นา แถมยังแก้หนาวได้อีกต่างหาก
ผมเบียดตัวเองเข้าหาไออุ่นที่ว่าอีกนิด

จะว่าไปก็แปลก...
แอร์ก็อุณหภูมิเท่าเดิม... แต่ผ้าห่มวันนี้ดูเหมือนจะให้ความอบอุ่นได้ดีกว่าที่เคย

“อืออ...”

ผมยืดขาแล้วพลิกตัวนอนคว่ำเอาหน้าไถลงกับหมอนนิ่มๆ
สบายเป็นบ้า
เสียงสวบสาบที่ได้ยินข้างหูทำเอาผมเผลอขมวดคิ้วทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่

เอ๊ะ...  เดี๋ยวนะ…

ผมลืมตาขึ้น แล้วหันหน้าไปมองคนร่วมเตียงที่ไม่ได้ตั้งใจจะร่วมเท่าไหร่
เด็กหวานยังคงหลับตานอนนิ่งและหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยสักนิด…
ตี๋วินเอ้ย… มึงนี่ขี้ระแวงไปแล้ว
ใครวะจะโดนกอดแล้วไม่รู้ตัว 
บ้าบอ

ผมปล่อยเปลือกตาให้ปิดลงอีกครั้ง
เอื้อมมือกระชับผ้าห่มที่ยังมีไออุ่นประหลาดติดอยู่จางๆ
ทำไมจู่ๆ แอร์ก็หนาวขึ้นมานะ

..

16.15

นอนอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงพักใหญ่ แต่ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว
ผมขยับตัวขึ้นพิงหัวเตียงก่อนจะเอื้อมมือคว้าแว่นและโทรศัพท์ ขอเช็คเมลล์หน่อยนึงแล้วกัน…

กวาดตามองดูคร่าวๆ ก็ต้องแอบดีใจที่ไม่มีงานด่วน อีเมลล์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องแจ้งให้ทราบทั่วไปเท่านั้น
ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเริ่มไล่อ่านเนื้อหาอย่างละเอียด

“ขยันไปแล้วนะครับ” เสียงเด็กหวานที่น่าจะหลับอยู่พูดขึ้น มองไปทางต้นเสียงก็เจอเจ้าตัวนอนยิ้มเผล่อยู่

“นอนต่อไปสิ” ผมบอกเสียงเรียบ “ไม่ได้นอนมาหลายวันไม่ใช่รึไง”

“แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้ว” พูดไปก็มองหน้าผมไปเหมือนจะบอกว่า 'แค่มองพี่ก็หายเหนื่อยแล้ว' นี่ต่างหากคือประโยคเต็มๆ
ได้แต่ส่งสายตาเขียวๆ ผ่านแว่นไปให้แทนคำตอบ แล้วก้มหน้าอ่านอีเมลล์ในมือต่อ

จู่ๆ เด็กตัวโตก็ขยับตัว แต่แทนที่จะยันตัวลุกขึ้นหรือลงไปนอนต่อ มันกลับส่งแขนยาวๆ เลื้อยมาโอบรอบเอวจนผมสะดุ้งร้องเสียงดัง ซึ่งนอกจากเด็กนี่จะไม่หยุดแล้ว เจ้าตัวยังย้ายหน้าหล่อๆ มาวางหนุนไว้บนตักผมอีกต่างหาก

“เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ย!!” ผมโวย

“ชู่ว… ชาร์จแบตหน่อยสิครับ” มันทำเป็นขมวดคิ้วว่าหน้าตาเฉย ผมเลยฟาดแขนคนวอนตายไปป้าบใหญ่ แต่ที่ไอ้เด็กนี่ทำก็แค่ร้องโอดโอยพอเป็นพิธีก่อนจะยอมถอนมือออกจากเอว โดยแน่นอนว่ายังคงวางหัวไว้ที่ตำแหน่งเดิม ที่เพิ่มเติมคือรอยยิ้มทะเล้นที่อยู่บนหน้า

ยัง... ยังอีก
“ลงไปเดี๋ยวนี้เลย”
เงื้อมือจะฟาดอีกรอบ แต่แสงสว่างจากการแจ้งเตือนจากไลน์ก็แย่งความสนใจไปซะก่อน เลยได้แต่เอาศอกดันและขยับขาหนีให้หัวเจ้าเด็กตัวดีหล่นตุ้บจากตักลงไปบนผ้าห่ม ก่อนจะรีบชันเข่าขึ้นป้องกันไม่ให้คนดื้อที่กำลังหัวเราะคิกคักปีนกลับมาหนุนใหม่
“โน่น บนหมอนโน่นเลย” ชี้มือบอกพร้อมทำเสียงขุ่น เด็กหวานจึงยอมล่าถอยเลื่อนตัวกลับไปแต่โดยดี 

ผมส่ายหน้าแล้วถอนหายใจก่อนจะหันกลับมาสนใจข้อความในไลน์ต่อ

Tawan R : วินครับ
Tawan R : เย็นนี้ว่างหรือเปล่า


เห… 

Wynn : วันนี้เลยเหรอครับ

Tawan R : ใช่ครับ
Tawan R : วินไม่สะดวกเหรอครับ


ผมปรายตาไปมองเด็กโข่งที่ยังคงนอนมองทำตาปริบๆ อยู่ข้างตัว
ก็ไม่ใช่ว่าจะติด ‘ธุระ’ หรอกนะ
แต่ว่า… วันนี้วันหยุดผมนี่นา...

Wynn : พี่ตะวันมีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ ไว้พรุ่งนี้ดีกว่ามั้ย

Tawan R : อืม…
Tawan R : พี่ว่าจะรบกวนเรื่องโปรเจคหน่อยน่ะครับ งาน Community Mall ด้านหน้า
Tawan R : เหมือนจะมีปัญหานิดหน่อย แต่พี่อยากปรึกษาวินก่อนน่ะ


ชิบหาย…
เห็นท่าจะไม่ดี

Wynn : อ้าว เหรอครับพี่ตะวัน 
Wynn : ช่วงหกโมงครึ่งก็ได้ครับ พี่ตะวันสะดวกที่ไหน

Tawan R : โรงแรมที่ทานข้าวกันวันก่อนก็ได้ครับ

Wynn : ได้ครับ แล้วเจอกันนะครับ


ตายห่า... งานเข้า

_ _ _ _

18.23

หลังจากนัดแนะกับคุณชายตะวันจบ ผมก็ต้องรีบผุดลุกขึ้นมาแต่งตัว ต่อด้วยการนั่งรีวิวเอกสารงานศูนย์การค้าอย่างละเอียด
ทำเอาไอ้เด็กปีหนึ่งถึงกับทำหน้าเหวอถามว่ามีใครเป็นอะไรเหรอครับพี่

งานเผือกร้อนไงครับไอ้ชิบหาย นี่เกิดปัญหาอะไรขึ้นกูยังจับประเด็นไม่ได้เลย

ก่อนออกมาก็ไม่ลืมกำชับเด็กหวานให้ลุกขึ้นมาให้อาหารแมวกับเตรียมบทพรีเซนต์งานวันรุ่งขึ้นให้เรียบร้อย สั่งเสียเสร็จก็รีบพุ่งตัวออกมานั่งรอที่นัดพบกับคุณตะวันก่อนเวลาเป็นชั่วโมง นี่ถ้ากูกลับไปแล้วเจอว่ามัวแต่เล่นกับจิ๋วแล้วงานไม่เสร็จมึงโดนไม่ใช่น้อยแน่

จะว่าไป… นี่ผมนั่งอ่านเอกสารมาสามรอบก็ยังไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนผิดปกติ ด้วยความระแวงเลยหอบทั้งแฟ้มทั้งแลปท็อปมาด้วยทั้งหมด นี่กูพลาดอะไรไปตรงไหนวะเนี่ยครับพระเจ้า รู้สึกเอาเองด้วยสัญชาติญาณว่าเรื่องนี้ไม่เล็กแน่ ไม่อย่างนั้นคุณพี่ตะวันจะมานัดคุยนอกรอบแบบนี้ก่อนทำไม ไม่รายงานให้ Owner Representative หรือ Project Manager ที่เป็นคนรับผิดชอบอยู่ตอนนี้ไม่ดีกว่ารึไง

โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งเครียดอยากทึ้งหัวตัวเอง จะทำยังง๊ายย

เฮ่อ ถอนหายใจตั้งสตินั่งสมาธิแป๊บ
ผมพยายามคิดหาทางหนีทีไล่

เอาวะ… ถ้าจนปัญญาจริงๆ วันนี้อย่างมากก็รับเอาเคสไป กลับไปปรึกษาพี่ฝ้ายแล้วพรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบแล้วกัน
ปัญหาอะไรมันจะแก้ยากสักเท่าไหร่กันเชียว อย่ากลัวไปก่อนสิโว้ยไอ้วิน

“นั่งหน้าเครียดเชียวครับวิน”

“อ๊ะ” ผมรีบลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วสวัสดีนักธุรกิจมาดเนี้ยบที่ยืนยิ้มเผล่อยู่ฝั่งตรงข้าม “สวัสดีครับพี่ตะวัน”

“มานานรึยังเนี่ย” คนตัวสูงถอดเสื้อสูทแล้วพาดลงที่พนักพิง กอดจะลากเก้าอี้นั่งลง “ทำไมไม่สั่งอาหารล่ะครับ แล้วนี่เอกสารเต็มโต๊ะเลย”

“นั่งรีวิวรายงานอยู่สักพักแล้วน่ะครับ ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ด้วย” ผมรีบเก็บกระดาษกองไว้ข้างตัว 

“ไม่ได้สิ ยังไงก็ต้องทานข้าวนะครับ” พี่ตะวันพูดยิ้มๆ แล้วหันไปมองที่พนักงาน “ขอโทษทีครับ ขอเมนูหน่อย”

“ขยันตลอดเลยนะเรา” พี่ตะวันพูดพลางพลิกเมนู ก่อนจะชี้รายการอาหารในหน้าท้ายสุด

“เอ่อ คือจริงๆ แล้ว…”

“ถ้าไม่ค่อยหิวก็… ขอแค่ 4-course dinner ละกันครับ สองชุดเลย” กำลังจะอ้าปากค้านร่างสูงก็สั่งอาหารซะคล่องปาก พูดจบก็หันมาเลิกคิ้วใส่แล้วถามต่อ “เอ้า อย่านั่งนิ่งสิครับ เราอยากกินอะไรก็เลือกเลย พี่เลี้ยงเอง”

เดี๋ยวๆ
อาหารทั้งคอร์สเลยน่ะเหรอ
รวยไปหน่อยละมั้ง...

_ _ _ _

19.12

ยอมรับเลยครับว่าอาหารเป็นคอร์สอะไรนี่มันอร่อยจริงๆ แต่สั่งซ้ำไม่ได้แล้วนะครับ เพราะจำไม่ได้แล้วว่าพี่ตะวันสั่งอะไรไปบ้าง ชื่ออะไรไม่รู้ยากเป็นบ้าแถมราคาก็คงแพงระยับ มนุษย์เงินเดือน(ชนเดือน) อย่างผมคงมีปัญญากินเฉพาะเวลามีคนเลี้ยงอย่างนี้เท่านั้นล่ะครับ 

“พักนี้งานเยอะเหรอครับ” พี่ตะวันถามพลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบหลังอาหารจานที่สองถูกวางลงบนโต๊ะ

“นิดหน่อยครับ” ผมตอบไปก็มองอาหารจานใหม่ไป…
ไอ้นี่มันคืออะไรนะ... อ๋อ ทูน่าทาร์ทาร์...

“แต่หน้าดูเหนื่อยไม่หน่อยเลยนะเรา” คนตรงหน้าขยับเข้ามาจ้องใกล้ๆ

“เป็นแพนด้าเลยเนี่ย” ไม่พูดเปล่า อีกฝ่ายยังยกมือขึ้นมาแตะข้างแก้มผมเป็นการยืนยันอีก
 
“หาา” ถึงกับต้องผงะถอยหลัง ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งแล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะยอมชักมือกลับ
ผมยกมือขึ้นมาจับถุงใต้ตาตัวเอง “โอ๊ยย แค่โต้รุ่งมาคืนเดียวเองนะครับเนี่ย”

“ฮ่ะๆ นี่เหรองานไม่เยอะ… โต้รุ่งเลยนะ”

“อ่าา…เยอะก็ได้… ครับ” ได้แต่ยิ้มแหะๆ ตอบอ้อมแอ้มไป
ก็มันใช่งานผมโดยตรงซะที่ไหนล่ะ ไอ้ที่ต้องอดนอนเมื่อคืนน่ะ… แม่ง

“ออกไปใช้ชีวิตบ้างน่า” คุณพี่ตะวันพูด “ดูอย่างพี่สิ เงยหน้ามาอีกทีก็สามสิบกว่าแล้ว”
“ลืมเรื่องหาแฟนไปเลย...”

“โห ไม่เชื่อได้มั้ยครับ” ผมหัวเราะ “ระดับพี่นี่ต้องมีสาวๆ สวยๆ มารอให้เลือกเต็มไปหมดอยู่แล้ว”

“คนที่ชอบเขาคงอยากให้พี่วิ่งตามล่ะมั้ง”

“โห… อะไรจะใจร้ายขนาดนั้น”

“นั่นน่ะสิ…” คุณตะวันว่ายิ้มๆ “ทานเถอะ ทิ้งไว้นานเดี๋ยวไม่อร่อยนะ”

“จะใจร้ายจริงรึเปล่าเดี๋ยวค่อยว่ากัน”

_ _ _ _

20.42

ผมเหลือบตามองนาฬิกา

รอจนอาหารจานหลักหมดลงแล้ว คนตรงหน้าก็ไม่ยอมเข้าเรื่องงานที่มีปัญหาสักที
ผมยกมือขึ้นลูบแขนตัวเอง แล้วนี่แอร์ในร้านมันจะเย็นไปไหน คุณเชฟแอบเลี้ยงนกเพนกวินในนี้เหรอครับ

“วินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ หนาวเหรอ”

“นิดหน่อยครับ” ผมตอบตามตรง

“จริงด้วย… ตัวเย็นเชียว” อีกฝ่ายเอื้อมมือมาแตะที่หลังมือผมไวๆ แล้วเอี้ยวตัวกลับไปหยิบสูทสีเข้มที่พาดไว้บนเก้าอี้
“เอาเสื้อพี่ไปใส่ก่อนมั้ย”

“อ่า… ไม่เป็นไรครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า” คนตัวสูงลุกยืนขึ้นพลางเดินอ้อมโต๊ะมาคลุมเสื้อให้

“เอ่อ.. ขอบคุณครับ” ผมก้มหน้าตอบเสียงเบา ไม่รู้หรอกนะครับว่าพี่ตะวันแกทำอย่างนี้เป็นปกติหรือเปล่า แต่ผมไม่ชินเอาซะเลย… ยื่นให้ก็น่าจะพอมั้ยครับ เอาตรงๆ ก็คืออึดอัดชิบหาย ไหนจะมือที่ลูบไหล่ผมอยู่อีก   

“พี่ตะวันครับ คือ…ผมว่าเข้าเรื่องงานดีกว่า” ผมพูดพลางขยับตัวหนีสัมผัส “เอ่อ… ที่พี่ตะวันว่าเรื่อง Community Mall ด้านหน้าน่ะครับ”

คนตัวสูงอมยิ้มก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วเดินกลับไปนั่งที่ “เห็นมั้ย หายใจเข้าออกก็เป็นงานไปหมดเลย”
“ไม่ใช่เรื่องงานคงไม่ได้คุยสินะครับ” พี่ตะวันพูดตัดพ้อ

ผมยิ้มแห้งๆ กับประโยคก่อนหน้า “เอ่อ… ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เห็นว่างานนี้ด่วนเลยกังวลนิดหน่อยน่ะครับ”

ร่างสูงขมวดคิ้วคิดหนัก ก่อนจะตัดสินใจเปิดปากขึ้นถาม “คือ… พี่อยากถามวินหน่อย วินได้คุยกับคุณปรเมศบ้างรึเปล่า เรื่องงานอินทีเรีย”

งานไอ้พีทน่ะเหรอ?

“เอ่อ… ล่าสุดน่าจะเป็นนัดวันพุธที่ผมส่งไปใช่มั้ยครับ” ผมว่า “ที่จะพรีเซนต์ mood and tone ใหม่ เห็นพีทบอกว่าต้องเลื่อนเพราะไม่สะดวก เลยวานผมช่วยนัดให้ ส่วนรายละเอียดงานนี่ผมไม่แน่ใจ...”     

ข้อมูลก็น่าจะแน่นพร้อมพรีเซนต์แล้วนี่ แค่นำเสนอแล้วรอ approve ก็เดินหน้าต่อ stage 2 ได้เลยละมั้ง
นอกจากที่ไอ้อาร์ตยังผูกใจเจ็บที่โดนเทประชุมไปคราวก่อน ก็ไม่เห็นมีใครบ่นอะไร
พี่ตะวันแกก็คงยุ่งตามประสานักธุรกิจใหญ่นั่นแหละ   

“วินทราบไหมครับว่าวันศุกร์คุณปรเมศไม่ได้มาพรีเซนต์เอง”

“เห็นว่าติดธุระต้องกลับไปก่อนน่ะครับ เลยจะนัดใหม่แล้วเข้าไปเองวันพุธที่จะถึงนี่” ผมว่า

“คือ… คุณปรเมศได้บอกมั้ยว่าเพราะอะไร”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ 

“งั้นเหรอครับ” มุมปากของอีกฝ่ายมีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจอย่างรวดเร็ว
“พี่ก็ลำบากใจที่ต้องมาพูดกับวินแบบนี้นะ แต่ถ้าทำงานกันไปแบบนี้ก็คงจะลำบาก พี่เลยขอแจ้งวินก่อนเลยดีกว่า" อีกฝ่ายพูดหน้าเครียด “พี่ว่างานออกมาไม่โอเคเลยครับ”

“หา”
มันจะไม่โอเคได้ยังไง ก็ผม...

“คุณปรเมศส่งเด็กฝึกงานมาพรีเซนต์น่ะครับ” คนตรงหน้าพูดพลางส่ายหน้าไปด้วย “คอนเซปต์ไม่ชัดเจน พูดก็วกไปวนมา เลยต้องให้คุณปรเมศมาใหม่อีกรอบ”

เดี๋ยว… พี่ตะวันพูดว่ายังไงนะ

“งานของอินทีเรียน่ะเหรอครับ” ผมถามย้ำ

“ครับ” พี่ตะวันยืนยัน “ดูเหมือนงานนี้คุณปรเมศคงไม่ได้คุมงานใกล้ชิด หลุดไปเยอะเหมือนกัน พี่ว่าต่อไปคงเป็นปัญหาแน่ๆถ้าไม่มีคนช่วยประสานกับทางอินทีเรียอย่างจริงจัง ตอนนี้ฝ่าย PM ก็ดูจะโฟกัสไปกับผู้ออกแบบสถาปัตย์อยู่ซะส่วนใหญ่”

“พี่มองว่าให้วินมาช่วยประสานกับอินทีเรียโดยตรงคงจะดีกว่า ไหนๆ วินก็เป็น PM เรื่องวิเคราะห์พื้นที่ กับดู Mood and Tone มาตั้งแต่ต้น น่าจะรู้สไตล์กับบรีฟอยู่แล้ว” อีกฝ่ายพูดแล้วมองหน้าผมไปด้วย “จะได้คุมให้การออกแบบเป็นไปในทิศทางเดียวกันหน่อย”

“ให้ผมกลับมาประสานงานเหรอน่ะครับ”

“ใช่ครับ เอาเด็กฝึกงานมาทำงานแบบนี้ พี่พูดตรงๆ เลยว่าพี่รับไม่ได้ งานนี้เป็นงานแรกที่บริษัท AA ลองตลาดด้านอสังหา อยากให้ทุกทีมทำงานอย่างซีเรียสหน่อยนะครับ มูลค่าของโปรเจคนี้ก็ไม่ได้น้อย ทางพี่เข้าใจว่าคุณปรเมศดูแลตรงนี้ได้ แต่ก็ยังอยากให้เลือกทีมงานด้วย...ถ้าให้เด็กมาทำแบบนี้ พี่คงลำบากใจที่จะร่วมงาน”

เคยรู้สึกว่าหัวร้อนแบบควบคุมไม่ได้ไหมครับ
ผมนั่งนับหนึ่งถึงสามสิบในใจ ขบริมฝีปากด้วยความโมโห

"พี่อยากรีเควสให้เปลี่ยนลูกทีมฝ่ายอินทีเรีย แล้วให้วินเข้ามาดูแลช่วยประสานกับคุณปรเมศใกล้ชิดหน่อย แพคคู่กันได้เลยยิ่งดี” อีกฝ่ายอธิบาย “จะได้ช่วยกันคัดเลือกทีมงานหน่อย พี่ไม่อยากให้ใครเอาโปรเจคนี้มาเป็นสนามลองงานให้เด็กไร้ประสบการณ์น่ะครับ พี่เชื่อมือวินมากกว่า วินน่าจะจัดการดูแลให้พี่ได้เป็นอย่างดี" คุณตะวันยิ้มให้

งั้นเหรอ… นี่คือสิ่งที่ต้องการใช่มั้ย…
“ผมเข้าใจในความกังวลของคุณตะวันนะครับ”
คนตรงหน้าผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจกับสรรพนามที่จงใจเลือกใช้

“ดีใจที่วินเข้าใ--”

“แต่ว่า…ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ...” ผมพูดเสียงเรียบ ทำเอาอีกฝ่ายยิ้มเก้อ

“ทำไมล่ะครับวิน ก็… ”

“ผมว่า คุณตะวันลองฟังพรีเซนต์ของทางอินทีเรียวันพุธนี้ก่อนดีไหมครับ” ผมพูด
“คุณตะวันก็ยังไม่ได้ดูงานสักนิดไม่ใช่เหรอครับ วันศุกร์นั้นมันไม่มีการพรีเซนต์เกิดขึ้นสักหน่อย”

ไม่เหลือรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณชายตะวันอีกต่อไป ร่างสูงมองหน้าผมด้วยความงงงัน

“ถ้านี่คือเรื่องงานทั้งหมดที่จะคุยแล้วล่ะก็… ผมขอตัวก่อนนะครับคุณตะวัน ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้”
ผมยิ้มเย็นแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะทำหน้านึกได้

“อ้อ… แล้วเด็กฝึกงานที่ว่านั่น... เขาชื่ออาทิตย์ครับ เป็นสถาปนิกของบริษัท เพื่อนสนิทผมเอง... ถ้าคุณได้ฟังที่เขาแนะนำตัวก็น่าจะทราบนะครับ...”

ไม่ได้หันกลับไปดูหน้าคุณตะวันหลังพูดประโยคสุดท้ายหรอกครับ

แต่เดาจากความเงียบที่เกิดขึ้น...ก็คงจะช็อคไปไม่น้อย
จริงๆ แล้ว...
ถ้าจะแต่งเรื่อง ก็ควรจะมั่นใจหน่อยนะครับ ว่าจะไม่โดนจับได้

_ _ _ _

21.46

ไม่รู้จะโมโหอะไรก่อน เหนื่อยไปหมด
ผมแตะคีย์การ์ดหน้าห้องก่อนจะผลักประตูเข้าไป เจ้าแมวจิ๋วตัวดีที่นั่งรออยู่แล้วรีบพุ่งมาเกาะขากางเกงทันที

“ว่าไง” ผมก้มลงไปอุ้มจิ๋วขึ้นมาไว้กับอก มันร้องเหมียวแล้วยืดตัวขึ้นเอาหัวถูเข้ากับแก้มผมอย่างเอาใจ “จั๊กจี้น่า...” ผมพูดเบาๆ

“อยากเป็นแมวจังเลยน้า...” เด็กหวานยิ้มยืมเผล่อยู่ตรงหน้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เอ่ยทัก

“ทะลึ่งละ” ผมว่าก่อนจะปล่อยจิ๋วลงเดินกับพื้น ตัวเล็กเอาตัวสีกับขาผมสองสามที ก่อนจะวิ่งปรู๊ดกลับไปนั่งแป้นแล้นอยู่บนคอนโดแมว “เป็นคนดีๆ ไม่ชอบรึไง”

หวานหัวเราะนิดๆ “ไปนานจังครับ… นี่ผมเตรียมพรีเซนต์เสร็จแล้วนะ” มันว่าแล้วเดินนำเข้าห้องไปนั่งที่โซฟา พลางรวบกระดาษที่วางอยู่อย่างระเกะระกะไปไว้ในมือแล้วยื่นให้ผมทีละแผ่น “นี่ ครบถ้วนทุกหัวข้อ”

ผมรับเอกสารมากวาดตาดูผ่านๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาบ้าง สมองไม่ค่อยพอจะคิดอะไรหรอกนะครับตอนนี้ เอาเป็นว่าเท่าที่คิดออกก็ไม่น่าจะขาดตกบกพร่องอะไร ลำดับการนำเสนอก็ใช้ได้ ดูจนหมดแล้วก็ส่งกระดาษคืนให้เจ้าตัวที่กำลังรอคำตอบหน้าตาจริงจัง 

“ก็โอเค”

“จริงนะครับ” 

“อือ… เก่งแล้ว ไม่ต้องแก้อะไรหรอก” เด็กหวานยิ้มรับซะตาหยี ทำเอามันเขี้ยวจนอดไม่ได้ต้องเอามือขยี้ผมคนข้างๆ ไปด้วย “ไปซ้อมพรีเซนต์ไป”

“รอบที่สามแล้วครับ ให้พักหน่อยสิ”

ผมดึงมือออกก่อนจะหัวเราะเบาๆ “มั่นใจนักนะเราน่ะ”

“ที่ปรึกษาผมเก่งที่หนึ่งเลยนี่ครับ” คนเด็กกว่าพูดพลางเอาเอกสารวางไว้บนโต๊ะ แล้วก้มตัวไปลูบหัวจิ๋วที่เดินเข้ามาหา
“เนอะ… ส่วนตัวนี้ก็ไปนอนได้แล้วมั้งเนี่ย เล่นมาทั้งบ่ายเลย” หวานพูดหงุงหงิงแล้วอุ้มแมวไปใส่กรง

ผมเงยหน้าพิงพนักโซฟาแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรง
ผมจะเอายังไงต่อดีนะ เรื่องงานของ AA เนี่ย…
ดูท่าแล้ววันพรุ่งนี้คงจะหนักหนาเอาเรื่อง… จะบอกพวกไอ้พีทกับอาร์ตดีมั้ยวะ...

“เป็นอะไรไปครับ เรื่องงานเหรอ” ร่างสูงถามพลางขยับตัวเข้ามาใกล้ 

“อือ...” ผมอืออาตอบในลำคอแล้วปล่อยตัวให้เอนไปหาอีกฝ่ายตามแรงยวบของโซฟา ก่อนจะตัดสินใจขยับเข้าไปนั่งพิงร่างสูงๆ ของคนเด็กกว่า หวานละมือจากกระดาษที่ถืออยู่แล้วจัดการโอบตัวดึงผมเข้าไปชิดขึ้นอีก

“เหนื่อยก็พักก่อนครับ” 

คำพูดง่ายๆ กับสัมผัสของอีกฝ่ายทำให้รู้สึกสบายใจอย่างประหลาด
ติดจะแปลกด้วยซ้ำที่ไม่อยากจะขยับตัวหนีมืออุ่นๆ ของเจ้าเด็กนี่

“นี่...” ผมหลับตาแล้วเอาหัวอิงไหล่คนข้างตัวไว้แบบหมิ่นๆ
“ชาร์จแบตหน่อยสิ...”

_ _ _ _

TBC

แม่ยกพรี่ตะวันโปรดอย่าขว้างปาสิ่งของใส่คนเขียน
ตี๋วินคนเก่งของเรา เวลาหัวร้อนก็น่ากลัวเหมือนกันนะเอ้า
#คุณตะวันไม่เนียนเลย

ถ้าสังเกตได้ ตี๋วินใจอ่อนไปเยอะมากแล้วนะคะ มนุษย์บ้างานแบบตี๋ยอมหยุดหนึ่งวันนี่เรื่องเล็กซะเมื่อไหร่
เป็นการเติมพลังให้แม่ๆ เจ้าหวานที่เชียร์กันอยู่นะคะ
คิดถึงทุกคนนะค้า หายไปนานเลย สวัสดีปีใหม่แบบเลทๆ ด้วย ขอให้เป็นปีที่ดีของทุกคนค่ะ

พบกันตอนหน้านะค้า
จุ๊บุ


ปล. มาเม้ามอยกันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก เหมือนเดิมนะคะ @huentrop << บ้านคนเขียน ณ ทวิตภพค่ะ ติชมได้เสมอ
ปล. มาเร็วกว่าที่คิดไว้ เป็นกำลังใจให้คนอ่านกลางอาทิตย์แบบนี้นะคะ สู้ๆ ค่ะทุกคนน


หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 11-01-2018 18:35:24
ขอบคุณค่ะ  น่ารักมากค่ะตี๋วิน  ยอมหยุดงานเพื่อการนี้  อิอิ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 11-01-2018 19:12:53
ตายแล้วคุณตะวัน ไม่เนียนมากๆเลย

และ หวานเอ้ยยย พี่วินใจดีมากเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 11-01-2018 22:30:28
ฮะฮะฮะ คนที่คุณตะวันชอบเค้าไม่ได้ใจดีอย่างที่คิดจริงๆสินะคร๊าาา
เค้าห่วงแมวกับพ่อแมวที่คอนโดค่ะ พี่ตะวัน อาทิตย์xตะวัน คุริคุริ
มีชาร์ตบ่งชาร์ตแบตให้กันแล้วค่ะคุณ กินเด็กเป็นอมตะจริงๆคร่ะพี่ตี๋วิน  :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-01-2018 22:45:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-01-2018 22:51:29
 :L2: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 12-01-2018 00:02:17
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 12-01-2018 00:21:45
เขินตอนสุดท้ายสุด :mew3: :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 12-01-2018 04:52:15
ขุ่นพรี่คะ แค่เค้านั่งพิงกันทำไมเขินได้ขนาดนี้  :mew4: :mew4:
ตี๋วินใจอ่อนขึ้นเยอะมากกก รักความอบอุ่นของเค้าเหลือเกิน
มีแฟนเด็กมันดีอย่างนี้นี่เอง  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 12-01-2018 06:58:17
ฮือออออออ ใจอ่อนแล้วนะพี่วิน หวานสู้ๆเลย ทำคะแนนเยอะๆนะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 12-01-2018 07:14:46
พาวเวอร์​แบ​งค์​ส่วนตัววววว :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 12-01-2018 14:59:49
งือออย่าหายไปนานอีกน้าาาา คิดถึงจุงงงง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: CHOO ที่ 12-01-2018 15:09:09
หวานได้ซีนได้คะแนนไปเต็มๆเลย วินใกล้จะใจอ่อนยวบยอมน้องแล้ว
แต่เจอเด็กแบบหวานเราก็ไปไม่เป็นนะคะ ทั้งหล่อ ขี้อ้อน แถมชอบดูแลอีก
ติดนิสัยเด็กๆมาบ้างก็ไม่สนใจแล้วล่ะ จะเอาแบบนี้จะเอาาาา

แต่พี่ตะวันกลายเป็นคนแบบนี้ได้ยังไง ไหนพี่ตะวันที่อบอุ่นของน้อง โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 12-01-2018 23:17:30
วินอ้อนน้องงงงงง
ครุคริๆกันน่ารักน่าชัง
ผิดหวังกับคุณตะวันจริงๆอุตส่าห์เชียร์มาตลอด จะจีบก็น่าจะจีบตรงๆทำแบบนี้เสียคะแนนหมด
น้องหวานลอยลำไม่เห็นฝุ่นละเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-01-2018 09:14:08
คุณตะวันไม่เนียนเลยค่ะ นัดกินข้าวเฉยๆยังไม่หัวร้อนเท่านี้  น้องหวานสู้ๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 13-01-2018 09:46:21
น้องหวาน หนูช็อกไปแล้วหรือยังคะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: xkoxko ที่ 13-01-2018 10:08:58
ฟินจวางงงงงง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 13-01-2018 13:37:21
 :mc4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 13-01-2018 16:49:29
โดยนิสัยคุณตะวันไม่น่าใช้วิธีแบบนี้เลยพลาดมาก ๆ  :katai1: ทำอะไรน่าจะตรงไปตรงมา จะจีบเขาก็น่าจะบอกเขาไปตรง ๆ ซะ :m31:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 13-01-2018 20:37:49
อ้าวววว คุณตะวันนน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-01-2018 22:33:10
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 14-01-2018 14:36:52
โธ่ คุณตะวันไม่น่าแต่งเรื่องเลย ตอนนี้เจ้าหวานได้คะแนนไปเต็มๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Mukk ที่ 14-01-2018 15:48:40
เจ้าหวานมาแรงมากค่ะตอนนี้ 555555555 หยอดคนพี่เป็นขนมครกเลยนะ แหมมมมม  :-[ วินก็ใจอ่อนลงเยอะเลย ยอมมาชาร์ตแบตกับน้องหวานแบบนี้ 555 พี่ตะวันที่พูดแบบนี้เพราะอยากใกล้ชิดวินตอนทำงานสินะ เสียใจด้วยนะพี่ แต่งเรื่องแบบไม่เนียนก็ต้องโดนกันไป ถ้าเราเป็นวินก็คงโกรธเหมือนกัน :katai5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: vilcious ที่ 14-01-2018 22:41:44
เเงง เราทีมคุณตะวัน!! ป๋าขาสู้ๆค่า เดี๋ยวมันต้องมีจุดพลิก...พลิกตี๋วินมาใต้ร่างคุณตะวัน!!!!
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 14-01-2018 23:12:15
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมาก
ภาษาดีมาก
เชียร์น้องหวานสุดใจ
กินเด็กเป็นอมตะค่ะ
ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆมาให้อ่านนะค่ะ
อยากให้พิมพ์เป็นหนังสือจังเลยอยากเก็บค่ะ
มาต่อเร็วๆนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 15-01-2018 10:18:03
น้องหวาน is back :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 24-01-2018 16:52:31
หวานหวานอยู่ดีๆ ก็ได้แต้ม   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 30-01-2018 16:16:49
คิดถึเจ้าหวานแล้วววว  :L2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 04-02-2018 01:02:17
ชอบทุกพาร์ทที่ตี๋วินอยู่กับน้องหวานมากๆเลยอ่ะ มันแบบละมุนใจยังไม่รู้อ่ะ ชอบมากเลยค่ะ
เชียร์น้องหวานขาดใจเลย :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 09-02-2018 17:00:20
ความเสี่ยงที่ 24

8.05
วันอังคาร

“ให้ไวเลย เอกสารครบมั้ยเนี่ย” ผมยืนกอดอกพิงรถในลานจอดคณะดูเด็กปีหนึ่งในชุดนักศึกษาเต็มยศรวบเอกสารกับหนังสืออ้างอิงที่ผมแนะนำไว้จนเต็มอ้อมแขน

“ครบแล้วครับๆ” หวานนับจำนวนกระดาษแล้วปิดประตู “ขอบคุณนะครับพี่วิน ให้ยืมชุดด้วย” มันยิ้มตาหยี

“มีเวลาก็ไปเปลี่ยนกางเกงซะ… ทำไมมันเต่อได้ขนาดนี้วะ” ผมบ่นปอดแปดพลางมองคนตรงหน้า ช่องว่างระหว่างขากางเกงกับข้อเท้ามันนี่แม่งไม่ให้เกียรติส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นของผมเอาซะเลย “ไปเตรียมตัวได้แล้ว เร็วเลย พรีเซนต์เก้าโมงใช่มั้ย อย่าลืมกินข้าวด้วย”

“ครับผม” หวานพูดแล้วเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “ว่าแต่…”
“ขอกำลังใจหน่อยสิครับ”

“อะไร ไม่ต้องเลย” ผมย่นจมูกใส่คนเด็กกว่า “นี่ทั้งช่วยตัดโม รีวิวพรีเซนต์ ให้ยืมชุด จะเอาอะไรอีกฮึ”

“ว้าา… คนแถวนี้ใจร้ายจังเลย… ขอนิดขอหน่อยก็ไม่ได้” หวานแกล้งบ่นอุบอิบ
“น้าาา… นะครับ” มันอ้อนอย่างตั้งใจ

“ยุ่งยาก” ผมถอนหายใจพรืด ก่อนจะเอื้อมมือโยกหัวคนตรงหน้าไปทางซ้ายทีขวาที
“ช่วยเยอะขนาดนี้แล้ว... ถ้าไม่ได้เอมาล่ะน่าดู”
ได้ยินคำพูดผมไปมันก็ยิ้มกว้างอย่างน่าหมั่นไส้ สดใสเชียวนะเอ็ง

หวานจับมือผมออกจากหัวตัวเองแล้วกุมไว้หลวมๆ “ขอบคุณนะครับ… เดี๋ยวพรีเซนต์เสร็จจะโทรไปรายงานผล”
“แล้วเย็นนี้ไปทานข้าวกันนะ” 
 
“ดูก่อน” ผมว่าแล้วมองไปทางอื่น ก่อนจะต้องพูดขึ้นเสียงเขียว
“มือนี่ก็ปล่อยได้แล้ว จะไปทำงาน”

_ _ _ _

8.56

“หา!?” ผมพูดเสียงดังอยู่หน้าเคาน์เตอร์ออฟฟิศ “ของใครนะครับพี่จอย”

“ของน้องวินน่ะแหละค่ะ แมสเซนเจอร์มาส่งตั้งแต่แปดโมงครึ่งแล้ว”

ผมมองช่อดอกไม้สีขาวที่พี่จอยยื่นให้ในมืออย่างตกตะลึง
ไอ้ชิบหาย อะไรวะเนี่ย
ผมพลิกซ้ายพลิกขวาดูการ์ดใบกระจิ๋วที่แนบมาด้วย

T.R.

ลายมือหวัดๆ ด้านหลังเขียนไว้ว่าอย่างนั้น

“แหม… สาวที่ไหนกันนะ กล้าส่งดอกไม้ให้หนุ่มน้อยบริษัทเรา” พี่จอยพูดพร้อมนั่งเท้าคางมองยิ้มๆ

เฮอะ…
จะใครซะอีกล่ะครับ คุณตะวัน รัชยานนท์คนดังไงเล่า
ผมดึงกระดาษแผ่นเล็กออกก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้คนตรงหน้า
“พี่จอยครับ ผมให้”

“เอ๋?”

“ครับ พี่เอาไปเถอะ” ผมพยักหน้ายืนยันตามที่พูด

อีกฝ่ายรับช่อดอกไม้ไปแบบงงๆ แต่ก็ไม่กล้าถามออกมา
ผมเลยได้จังหวะขอตัวไปนั่งทำงานที่โต๊ะด้วยอารมณ์ขุ่นมัว 

ไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้แล้วรึยังไง
จู่ๆ ก็มาดูถูกว่าไอ้อาร์ตเป็นเด็กฝึกงานดูไม่โปร ได้ฟังพรีเซนต์หรือก็เปล่า ตัวเองเป็นคนเทประชุมชัดๆ แถมไอ้ข้ออ้างเรื่องงานมีปัญหาแล้วจะให้ผมกลับไปคุมนี่มันน่าโมโหซะจริง

เขาเห็นผมโง่มากเลยใช่มั้ยวะ

อุตส่าห์มองว่าเป็นคนดี เป็นลูกค้าที่โอเค
แต่มาหาข้ออ้างแบบนี้มันห่วยแตกเกินไปหน่อย
เจอกันแต่ในงานก็แล้วกันนะครับคนแบบนี้

..

11.10

“เมื่อวานเป็นยังไงบ้างน่ะวิน” พี่ฝ้ายถามหลังจากผมเดินเข้ามาส่งรายงานการประชุม ทำเอาผมทำหน้าเหวอไปสองวินาที เรื่องมันเยอะเหลือเกินครับเมื่อวาน เป็นยังไงคืออะไรของเรื่องไหนนะครับ

“หายแล้วใช่มั้ย” อีกฝ่ายถามย้ำ

“เอ่อ… ก็โอเคแล้วครับพี่ ช่วงอาทิตย์ที่แล้วก็นอนน้อยด้วย น็อคเลย” ผมตอบอ้อมแอ้ม

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รักษาสุขภาพด้วย อย่าเครียดมากนัก”

“ครับ”

“ว่าแต่… งานโปรเจคใหม่ ที่รีเฟอร์มาจากฝ่ายอาคารเขียวนี่… เขาส่งผังมาให้แล้วใช่มั้ย”

“ส่งมาเมื่อวานแล้วครับ ช่วงเช้านี้ผมเอาลงเอ็กเซลไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ลองรันตัวเลข ขอเวลาสักวัน”

“อืม ถ้าพี่จะให้วินเป็น PM โครงการนี้วินจะโอเคมั้ย งานจะโหลดรึเปล่าน่ะ งานของคุณตะวันโอนให้ฝ่าย Owner Representative กับ Construction Management ของคุณกิตหมดแล้วใช่มั้ย?”

“สบายมากครับ” ผมตอบพลางคิดเร็วๆ ถึงงานที่กำลังถืออยู่
“ที่ต้องยังทำอยู่ก็น่าจะแค่ประสานงานกับคอนเฟิร์มพวกพื้นที่ต่างๆ ให้ไม่หลุดเท่านั้นเอง ไม่น่าจะกินเวลาเยอะ ถ้าให้เริ่มโปรเจคใหม่เลยก็ได้…” พูดจนจบแล้วก็ต้องทำตาโต
“เอ๊ะ.. เฮ้ย เดี๋ยวนะ…ให้ผมเป็น PM อีกแล้วเหรอครับพี่ฝ้ายยยยย” ผมร้องโอดโอย

“เอ้า ใช่สิ ทำมาแล้วตั้งโปรเจคนึง กลัวอะไรล่ะยะ”

“ก็….” ไม่ได้กลัวอ่ะ ขยาดกับเจ้าของโครงการมากกว่า
“ประเด็นคือยังไม่จบโปรเจคด้วยซ้ำ พี่จะเอาอะไรมามั่นใจให้ผมรับเป็น Project Manager ต่อล่ะ งานของ AA นี่ผมทำเป็นยังไงบ้างยังไม่รู้ผลเลย พี่ลองประเมินก่อนสิครับ เอาตรงๆ”

“เฮ้ย ถ้าทำห่วยเจ้ซัดไปนานแล้วย่ะ” พี่ฝ้ายร้อง “ต้องโอเคสิ ทุ่มเทให้กับงานดี ตามติด ถึงจะมีหลุดๆ รายละเอียดช่วงหลังไปนิดหน่อยแต่ถือว่าทำได้ดีมากสำหรับงานแรก” 

“โอย... ค่อยยังชั่ว” ผมถอนหายใจโล่งอก นึกว่าจะตกประเมินซะแล้ว
“งั้นถ้าพี่ฝ้ายว่าผมไหว ผมก็ไหวครับโปรเจคใหม่เนี่ย เอาจริงๆ ตอนนี้โครงการของคุณตะวันนี่ก็เริ่มอยู่ตัวละ งานเป็นแพทเทิร์นเดิมๆ พอจะปล่อยมือได้ละครับ”

“ดีมาก งั้นพี่ขอรันตัวเลขดูภายในพรุ่งนี้เที่ยงสักสอง option ไหวป่ะ Case Study ด้วยสักสามที่”

“นั่น! ทำไมรีบล่ะครับ ผมเพิ่งได้เมลล์เมื่อวานเองนะ บรีฟก็ยังไม่มีอ้ะ” ผมตีหน้ายุ่งงอแงไปก่อน ทำเอาอีกฝั่งหัวเราะคิกคัก

“รู้หรอกย่ะ” พี่ฝ้ายบอก “เคสยังไม่ต้อง ขอดูตัวเลขอย่างเดียว พรุ่งนี้เย็นๆ ก็ได้”

“เฮ่ออ ตกใจหมดเลยอ่ะพี่ อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย”
“งั้นผมรีบไปทำงานก่อนละครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีส่งเจ้านายคนสวย” ว่าแล้วก็หยอดแถมให้หนึ่งที ทำเอาพี่ฝ้ายยิ้มเขินๆ

“ปากหวาน! บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าอ้อย เจ้เอาจริงแล้วเธอจะหนาว!”
   
_ _ _ _

14.50

(เดี๋ยวผมไปรับที่ออฟฟิศพี่ไงครับ)

“ไม่เอา ไม่ต้องเลย”

(อ้าว) หวานร้องเสียงลั่นผ่านโทรศัพท์
(ไหนจะทานข้าวเย็นกันไงครับ นี่ผมได้คำชมมาเต็มเลยนะ ต้องเลี้ยงข้าวที่ปรึกษาสิ)

“เมื่อเช้าบอกไปว่าดูก่อน… ยังไม่ได้รับปากว่าจะไปสักหน่อย” ผมเอาไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้แล้วพิมพ์งานต๊อกแต๊กไปด้วย
“นี่งานก็เต็มมือไปหมด ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่”

(...)

ไม่รู้เพราะอะไรหน้าหงอยๆ ของคนเด็กกว่าก็ลอยขึ้นมาให้เห็นในความเงียบซะอย่างนั้น
ผมลอบถอนหายใจ ช่วยไม่ได้แฮะ…

“เออ… เดี๋ยวเย็นๆ จะบอกอีกทีแล้วกัน”
ผมบอกก่อนจะตัดสายไปหลังฟังคำตอบของอีกฝ่าย
ขอมองบนหน่อย… ก็ไอ้เด็กนี่ชอบดีใจจนโอเวอร์ทุกทีสิน่า

หวังว่าวันนี้จะได้เลิกงานตามเวลาละกันนะ



16.23

ผมพลิกดูการแจ้งเตือนในโทรศัพท์… แล้วก็ปวดหัวจี๊ดเลยแฮะ
ให้ตายเถอะ เคลียร์ไปหลายรอบ แต่ตัวเลขข้อความในไลน์ของคนที่ไม่อยากเปิดอ่านก็ยังโผล่มาเรื่อยๆ อยู่ดี

Tawan R. : วินครับ
Tawan R. : วิน
Tawan R. : พี่อยากขอโอกาสอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น
Tawan R. : วินครับ ตอบพี่หน่อยนะครับ
Tawan R. : วินกำลังเข้าใจพี่ผิดนะครับ


งั้นเหรอ ผมว่าผมเข้าใจทุกอย่างนะ ไม่เห็นจะมีเรื่องอะไรน่าคุยต่อเลย
แต่ถ้าไม่ตอบ ตัวเลขแจ้งเตือนพวกนี้คงไม่มีทางลดลงได้แน่

Wynn_Tect : ไม่ทราบคุณตะวันอยากให้แก้ไขงานส่วนไหนเหรอครับ เดี๋ยวผมจะประสานงานให้

Tawan R. : วินครับ ฟังพี่ก่อนนะครับ


ผมถอนหายใจก่อนจะพิมพ์กลับไปเร็วๆ

Wynn_Tect : ถ้าคุณตะวันไม่มีรายละเอียดตรงไหนต้องแก้ไขงั้นผมขออนุญาตทำงานก่อนนะครับ พอดีผมติดประชุมยาว หากมีอะไรให้แก้ไขเพิ่มเติมรบกวนส่งเป็นเมล์มาได้เลยนะครับ ทางผมจะรับเรื่องแล้วประสานงานกับฝ่าย Owner Representative ให้ครับ

หลังข้อความขึ้นคำว่า Read ก็ผ่านไปหลายอึดใจ กว่าจะมีข้อความตอบกลับจากอีกฝ่าย

Tawan R. : โอเคครับ
Tawan R. : ถ้าวินยังไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ
Tawan R. : ยังไงก็หวังว่าวินจะชอบดอกไม้ที่พี่ส่งไปนะครับ


ผมกดปิดหน้าจอแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด
ให้ตาย ทำไมต้องมาเจอคนประเภทนี้ด้วยวะเนี่ย

_ _ _ _

19.45


“ก็ดี? ก็ดีเนี่ยนะ??”

ผมถามขณะหยิบไก่ทอดชิ้นหนึ่งวางลงในจานตัวเอง
หลังจากเด็กหวานโทรมาถามเวลาเลิกงาน เจ้าตัวก็สรุปเอาเองว่าจะไปรอผมที่คอนโดแล้วค่อยว่ากัน
กลับมาก็เจอร่างสูงมานั่งยิ้มเผล่รออยู่ในล็อบบี้ด้านล่างพร้อมอาหารที่ซื้อมาซะแล้ว
ทุกอย่างเลยมาจบลงที่โต๊ะทานข้าวกับเก้าอี้ตัวเดิมๆ ในห้องผมนี่แหละ

“อะไรวะ มันจะแค่ ก็ดี ได้ยังไง” ผมโวยใส่คนหน้ามึนที่ก้มลงไปเล่นหงุงหงิงกับจิ๋วที่อยู่บนตักหลังจากตอบเรื่องพรีเซนต์วันนี้ไปแบบแกนๆ ทำเอาผมหงุดหงิด ไม่สนแล้วไก่ทอดบอนชอนอะไรนี่ “บอกมาให้หมดเดี๋ยวนี้เลย”

เด็กหวานถอนหายใจแบบเซ็งๆ ก่อนจะตอบเสียงเบา “อาจารย์เก่งบอกว่าสเปซสวย แล้วก็ไปชมแต่ส่วนที่พี่ช่วยคิดอ่ะ ดีเทลตรง Facade ด้านหน้างี้ narrative ที่ทำไว้งี้… แล้วก็มัวแต่ไปสนใจโมเดลขยายตรงห้องนิทรรศการ… แล้วก็โดนเรื่องทรีดีซะเละเลย” 

ผมหัวเราะพรูดทำให้อีกฝ่ายหน้างอเข้าไปอีก
“ไม่เห็นขำเลยครับ”

“เพราะอย่างนั้นเลยมานั่งหน้าเป็นตูดแบบนี้อ่ะเหรอ” ผมพูดล้อๆ

“ก็ส่วนที่มันดี… มาจากพี่หมดเลยนี่ครับ เหมือนไม่ได้ทำงานเองเลย” หวานทำหน้าหงอย “ส่วนทรีดีที่ทำเองก็แย่ไปเลย”

“บ้าเหรอ” ผมเอานิ้วเคาะหน้าผากมันไปหนึ่งที “ช่วยคิดให้แค่นิดเดียวเท่านั้นล่ะ ไม่ได้แตะคอนเซปต์หลักกับสเปซเลยสักนิด”

“แต่ว่า…” คนเด็กกว่าตั้งท่าจะเถียง

“นี่…” ผมแทรกขึ้น “ที่เอางานมาปรึกษาน่ะ… อยากให้มันดีขึ้นไม่ใช่รึไง” ผมถาม
“ที่ทำก็แค่ให้ความคิดเห็นไปเท่านั้นแหละ คนที่ตัดสินใจปรับปรุงงานให้มันออกมาเป็นแบบนี้ก็ตัวเองทั้งนั้น โมเดลพวกนั้นก็ตัดตามแบบที่เขียนไว้แล้ว ส่วนเรื่องทรีดี คราวนี้รู้ว่าอ่อน คราวหน้าก็ปรับปรุง” ผมว่า “อยู่ที่ตัวมึงทั้งนั้นแหละ ทุกอย่างเลย”

“ก็จริงๆ แล้ว… ผมอยากทำด้วยตัวเองทั้งหมดนี่นา”  อีกฝ่ายยังคงยืนยันพลางเกาคอแมวที่อยู่บนตัก

“การมีคนมาช่วยทำงานให้เสร็จน่ะ มันไม่ได้แปลว่าห่วยสักหน่อยนี่” ผมอธิบาย “เขามาช่วยคือเขามีน้ำใจอยากจะช่วยให้งานเสร็จเร็ว” ผมว่าขึ้นพร้อมกับจิ๋วที่ร้องเหมียวขึ้นมาอย่างแสนรู้ “เห็นมั้ย จิ๋วยังเห็นด้วยเลย”

เมื่อเห็นเด็กโข่งหน้าบึ้ง เลยต้องอธิบายต่อ

“ข้อแรก… จำไว้เลยนะว่าถึงงานจะดีแค่ไหน แต่ถ้าเกินเวลาที่กำหนดล่ะก็สูญเปล่า เพราะอย่างนั้นนี่คือบทเรียนของการวางแผนงานบริหารเวลาและบริมาณงานให้พอดีกัน ข้อสอง คนที่มาช่วยเป็นแค่ลูกมือ ไม่ได้มีหน้าที่มาคิดแทนหรือก้าวก่ายแบบของเรา เขาแค่มาช่วยจบงานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เจ้าของงานต่างหากที่ต้อง assign งานให้เป็น นี่คือแบบฝึกหัดสำหรับการสื่อสารและบริหารจัดการคนในทีม เข้าใจมั้ย...”   

“อา... ครับ” หวานตอบ

“แล้วทำไมยังทำหน้าแบบนั้น”

“ก็มันไม่เท่นี่…” มันก้มหน้าพูดอุบอิบ “ทำเสร็จด้วยตัวเองมันภูมิใจกว่า” ทำเอาผมต้องถอนหายใจพรืด

“ทำเสร็จแล้วนอนตายไปสามวันไม่ได้ทำอย่างอื่นแล้วมันจะเท่มั้ย” ผมถาม
“อีกอย่าง...มีคนมาช่วยแล้วไล่กลับ งานไม่เสร็จไม่มีส่ง นอกจากได้เอฟแล้วยังดูน่าสมน้ำหน้ามากกว่าเดิมอีก” อยากโบกหัวคนตรงหน้าซักที

“ยอมแล้วคร้าบ ยอมแล้วว” พอหมดหนทางจะแย้ง เด็กหวานก็หดคอยกมือแมวจิ๋วขึ้นสองข้างทำท่ายอมจำนนต่อคำพูด ทำเอาไอ้ตัวเล็กเงยหน้ามองร้องอืออาอย่างขัดใจ

“พอเลย จิ๋วเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย” ผมเอามือเคาะหน้าผากมันเบาๆ อีกที แล้วลุกขึ้นเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปรับเอาจิ๋วมาอุ้มไว้แทน   
“ว่าแต่….” ผมนั่งลูบหัวแมวไปด้วย ก่อนจะตัดสินใจถาม
“คือ… แล้วไหงยอมให้ฟ้าไปช่วยได้ล่ะ” อย่างว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยครับ คนมันสงสัยจริงๆ นี่นา….

“ก็… พี่ฟ้าเข้ามาซื้อกระดาษที่คณะตอนบ่ายสามเลยแวะมาทักที่สตู ทีแรกว่าจะเอาขนมมาให้ คงเห็นในกรุ๊ปสายรหัสน่ะครับ… แล้วก็โวยใหญ่เลยตอนผมบอกว่าเพิ่งส่งปริ้นท์แบบ โมเดลหลักก็ยังเพิ่งเริ่ม แถมไม่ให้คนช่วยอีก”

ผมหัวเราะเบาๆ “เจ้าแม่เลยปรี๊ดแตกสินะ”

อีกฝ่ายพยักหน้าหงึก “พี่ฟ้าบอกว่ามีงานต่อตั้งแต่แรกแหละครับ แต่ก็ยังลงมาข่วย ตอนสามทุ่มกว่าก็ลนลานแล้วว่าไม่ทันแน่ๆ สักพักก็หายออกไป ผมเข้าใจว่าจะไปเรียกคนอื่นๆ ในสายมาช่วยตัดโม ไม่รู้เลยว่าจะโทรหาพี่วิน พอเห็นพี่วิ่งมานี่ผมงงไปเลย”
“อ๊ะ แต่ผมก็ดีใจมากๆ เลยนะครับที่พี่มา” หวานรีบบอก 

“ก็ฟ้าโทรมา ร้องไห้ด้วย กูนี่โคตรตกใจ” ผมว่าแล้วก้มลงปล่อยจิ๋วลงกับพื้นห้อง “นึกว่าเป็นอะไรไปแล้ว แม่งเอ้ย ตัดโมไม่ทันเนี่ยนะ… ไม่เห็นจ--”
พอเงยหน้าก็เจอเด็กหวานยิ้มกว้างรออยู่แล้ว
ชิบหาย...

“เป็นห่วงผมมากเลยเหรอครับ” มันทำตาวิบวับ

“เพ้อเจ้อ…” ใช้เสียงเข้มนำไปก่อนแบบหวังว่าจะเห็นเด็กหน้าหงอย แต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ

“แล้วที่แก้มแดงขนาดนี้ เขินหรือร้อนครับเนี่ย”
ไม่พูดเปล่า อีกฝ่ายยังเอื้อมมือมาทำท่าจะจับแก้มผมเข้าจริงๆ
ทำเอาต้องขยับหลบแล้วมองตาเขียว

ไอ้เด็กเลว…
“ร้อน! แอร์มันไม่ค่อยดีไง จะกินมั้ยข้าวเนี่ย! รีบๆ กิน รีบๆ กลับ ง่วงแล้ว!!”

“อ้าว นอนที่นี่ไม่ได้เหรอครับ” หวานร้อง

“ไม่ให้นอนว้อย กลับหอตัวเองสิ จะมาอยู่คอนโดกูทำไม” ผมโวยวาย

“ทำไมใจร้ายจังครับเนี่ย” มันตีหน้าเศร้า “เมื่อวานยังชวนผมขึ้นมาน--”

“พอเลย!! เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวานสิวะ” ผมร้องเสียงดัง “วันนี้รีบกินแล้วก็รีบกลับไปได้แล้ว ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นด้วย!”
ไอ้ตี๋คนนี้จะไม่หลงกลสายตาลูกหมาของมันอีกเป็นอันขาดครับ บอกเลย

“ก็อ้อนไปเผื่อว่าจะโชคดี มีคนใจอ่อนยอมให้นอนด้วยนี่นา” หวานยกศอกขึ้นเท้าคางกับโต๊ะ “เหมือนที่โชคดีมีคนแอบมาทำแผลให้ตอนหลับอะไรแบบนั้น”

ถึงกับต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่ ส้นตีนละมึงเนี่ย!
“ไม่ได้เรียกว่าใจอ่อนโว้ย! รู้สึกสมเพชน่ะเข้าใจมั้ย! กลัวแผลมันจะติดเชื้อจนต้องตัดนิ้วทิ้งน่ะ”

นอกจากจะไม่สะดุ้งสะเทือนแล้ว เด็กหวานยังนั่งมองหน้าผมแล้วยิ้มจนตาหยี
“รู้มั้ย.. พี่วินทำอย่างนี้น่ะ…ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่เลย”

“ห้ะ”

“รักแล้วนะครับ”
“แล้วเรื่องนี้ใจอ่อนบ้างรึยัง”

โอ๊ยยยยยยย ไอ้เด็กหน้าด้านนนนนน

_ _ _ _

18.13
วันพุธ


หงุดหงิด หงุดหงิดเป็นบ้า

ไม่ใช่เพราะงานหรอกนะครับ วันนี้ทำทุกอย่างเสร็จตามที่คิดไว้ทุกอย่าง ได้กลับบ้านตรงเวลาอีกต่างหาก
จะได้กลับไปเล่นกับแมวจิ๋ว นอนดูซีรี่ย์สักสองตอนคลายเครียดอะไรแบบนั้น

ก็ดูเหมือนจะดี
แต่สาเหตุหลักน่ะเหรอครับ…

นั่นไง

ผมปรายตาไปที่อดีตดอกไม้ช่อสวยของผมที่ตอนนี้อยู่ในแจกันเคาน์เตอร์พี่จอย ระหว่างเดินออกจากออฟฟิศ
นี่ช่อที่สองแล้วนะครับ… สำหรับอาทิตย์นี้น่ะ
ทำไมคนเรามันเข้าใจอะไรยากจังวะ อ่านภาษาไทยไม่เข้าใจรึยังไง
ผมไลน์ไปบอกให้หยุดส่งได้แล้ว แต่ที่อีกฝ่ายก็ยังคงยืนยันจะส่งให้ จนกว่าผมจะยอมไปคุย ‘ปรับความเข้าใจ‘ กัน
เรื่องอะไรล่ะครับ...

Rrrr….
อาร์ต?
เอ๊ะ โทรมาตอนใกล้เลิกงานแบบนี้น่ะเหรอ...

“ว่า?”

(ไอ้ตี๋เพื่อนยากกกกกก เย็นนี้ว่างมั้ยจ๊ะ)   

“โว้ยย เบาหน่อย” ผมรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู “เสียงหวานขนาดนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ”

(โอ๊ะ โอ๊ะ ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะครับเพื่อน) อาร์ตพูดเสียงดัง

“หรือไม่จริง ไหนมีอะไรว่ามาให้ไว”

(จะชวนไปแดกเหล้าครับ)

“นั่นไง ไม่เอา ไม่แดกแล้ว” ผมรีบพูด ซื้อหวยไม่ถูกงี้บ้างวะ

(กูว่าละ ไม่ต้องเลย มึงเดินลงมาจากตึกให้ไวเลย)

“หา…”
อย่าบอกนะ… ว่า….

(ไม่ต้องหา พวกกูจอดรถรออยู่ข้างตึกเนี่ย)

ไอ้ห่าาาาพวกนี้นี่แม่มมมม
“เชี่ย พวกมึงต้องเลิกทำแบบนี้ได้แล้ววว ไอ้ชิบหายย”

(มาให้ไวนะจ๊ะเพื่อน กูกับพีทรออยู่)

_ _ _ _
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 09-02-2018 17:15:50
_ _ _ _

21.23

“มึงจะมานั่งหน้าบูดหน้าบึ้งหาอะไรล่ะเนี่ย นี่เน้นความสะดวกของมึงเป็นหลักเลยนะ”
ไอ้อาร์ตตัวแสบนั่งบ่นงึมงำแล้วตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

“พวกกูตามใจมึงสุดแล้ว” พีทพูดเสริมโดยมีน้ำพยักหน้าเป็นหน่วยสนับสนุน “ไอ้น้ำแม่งยังต้องตามมานี่เลย”

ผมมองแรงใส่เพื่อนสนิททั้งสามคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะอาหารพลางอุ้มแมวจิ๋วไปใส่กรง หลังจากเถียงกันไปมาถึงสถานที่สำหรับคืนนี้ไม่จบสักทีก็กลายเป็นว่ามาลงเอยเอากับการแวะซุปเปอร์ซื้ออาหารสำเร็จรูปง่ายๆ และสิ่งมึนเมาตามที่อยากจะกินกันคนละขวดสองขวด แล้วหอบหิ้วทั้งหมดที่ว่านั้นมาตั้งวงแบบพร้อมทิ้งตัวที่คอนโดผม 

ไอ้เชี่ยพวกนี้นี่…

“ว่าแต่ทำไมจู่ๆ ก็เรียกมากินหล้าวันพุธเนี่ย... แม่งต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ” น้ำพูดขึ้น “พวกมึงมีเรื่องอะไรให้อารมณ์ดีจนอยากจะปาร์ตี้เนี่ย วันกลางอาทิตย์แบบนี้ยุ่งจะตายห่า” น้ำพูดขึ้นพลางจิบเบียร์จากขวดไปด้วย

“นั่น! ถามได้ดี” อาร์ตดีดนิ้วเป๊าะ “วันนี้งานพวกกูผ่านฉลุยเลย พรีเซนต์ลื่นปรี๊ด ต้องฉลองหน่อย”

งานพวกมัน? ผมขมวดคิ้วแล้วนึกตาราง
อ้อ… วันนี้วันพุธ พวกมันไปประชุมเสนอ Mood and Tone รอบที่สองของโครงการนั้นนี่หว่า

“คอมเมนต์ออกมาดีเลยแหละ ตกลงเลือก Scheme ได้ภายในสองชั่วโมง ไม่มีเสียเวลา ฟันธงกันไปโช้ะเชะทุกรายละเอียด เดินหน้าทำต่อได้เลย ไม่ต้องแก้สักนิด” พีทเล่าบ้าง “แต่นี่กูก็ยังกังวลอยู่นะ ผ่านง่ายแบบนี้ ไม่ใช่ว่ามีคำสั่งจากเบื้องบนขอเปลี่ยนแบบฟ้าผ่าอีก ยุ่งตายห่าเลย”

“มึงจะคิดมากอะไร มีคุณตะวันคอยหนุนอยู่ขนาดนี้ เออ… สงสัยแกจะรู้สึกผิดจากคราวที่แล้วเลยช่วยเคลียร์ข้อสรุปให้ แถมตอนจบคุณชายนั่นยังมาขอโทษกูที่เทประชุมไปคราวก่อนด้วยนะ อธิบายใหญ่เลยเขาว่าติดงานด่วนจริงๆ” อาร์ตยิ้มแก้มปริ

“แต่กูก็ยังกังวลอยู่ดี” พีทว่าแล้วยกขวดเบียร์ขึ้นดื่ม “มันประหลาดว่ะ”

“เฮ้ย แต่เขาพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะเลยนะว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง นี่ยังให้เบอร์ส่วนตัวมาด้วย บอกว่ามีอะไรให้อัพเดทเขาได้ตลอด เอ้อ ยังถามถึงมึงอยู่เลยตี๋ ตอนแยกกันน่ะ” 

หราาาาา...
นึกถึงเจ้าของโครงการแล้วผมก็เบ้หน้าในใจ ติดต่อเรื่องงานเหรอ เฮอะ...
แม่งเอ้ย ดอกไม้ช่อเบ้อเริ่มพวกนั้นอีก ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิ--

“อ๊ะ... อ๊ะ… ทำหน้าเหม็นเบื่อแบบนั้นแปลว่าอะไรครับเพื่อน” พีทยกนิ้วชี้มาทางผมทันที “เกิดอะไรขึ้น”

“ไม่มีอะไรเว้ย” ผมรีบตอบ “ไม่มี” 

“ไม่เชื่อโว้ย” พีทว่า ทำเอาอาร์ตกับน้ำชะงักแล้วหันมาจ้องผมบ้าง

“ไม่มีจริงๆ” ผมยังคงยืนยัน “อะไรเนี่ย แดกต่อไปสิ”

พีทหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ “หรือว่ามึงไปพูดอะไรกับคุณตะวันนั่นมา”
“บอกมาเลยมึง มีอะไร” มันย้ำ

โอ้ย อย่ากดดันกู
“เอออออออ…” ผมถอนหายใจ แม่งเอ้ย เกลียดเซนส์บ้าเซนส์บอของไอ้เชี่ยนี่จริงๆ
“เออ… เมื่อวันจันทร์กูไปเจอคุณตะวันมา แม่งบอกกูว่างานมีปัญหา ต้องรีบออกไปคุย”

“อาฮะ ก็ไม่แปลกนี่” น้ำพยักหน้า “กูก็เป็นออกบ่อย ลูกค้าเรียกไปนอกรอบน่ะ”

“ที่มันห่วยก็คือ” ผมถอนหายใจ “เขาเรียกมาบอกว่าพรีเซนต์ของอินทีเรียใช้ไม่ได้ ไม่ตรงคอนเซปต์ที่บรีฟไว้ และบอกกับกูว่าไอ้พีทเอาเด็กฝึกงานมาคุย เด็กไม่เข้าใจแบบ จะรีเควสขอให้กูช่วยดีลกับพีทตรงๆ”

“หา…” ทั้งสามคนเหวอไปพร้อมกัน 

“ใช่ เขาหมายถึงมึงเลยครับอาร์ต” ผมขยายความ “มึงเลย เขาว่ามึงเป็นเด็กฝึกงานเลยไม่อยากคุยด้วย”

“ห๊ะ” อาร์ตอุทาน

“กูสับสนไปหมดแล้ว” น้ำแทรกขึ้นแบบงงๆ

“เดี๋ยวนะ… เขาบอกมึงว่างานที่พรีเซนต์ไปงั้นเหรอ” พีททวนคำ “ทั้งๆ ที่... “

“เออ... ทั้งๆ ที่วันนั้นมันไม่มีพรีเซนต์สักหน่อย” ผมตอบ “มาโกหกใส่กูเฉยเลยไง”

“ห๊ะ เพื่อเหี้ยอะไรเนี่ย” อาร์ตร้อง

พีทขมวดคิ้ว “โกหกว่างานมีปัญหา… นัดนอกรอบแล้วจะให้มึงกลับไปประสานงาน กับเขา น่ะเหรอ” 
“นี่แม่งประหลาดละ เชี่ยตี๋...”

“เออ.. ประหลาด” ผมพยักหน้าแล้วถอนหายใจอีกที “ประหลาดกว่านั้นก็คือ ที่นัดคุยกันนอกรอบเนี่ย… คือนัดดินเนอร์นอกรอบ… ร้าน S ดาดฟ้าโรงแรม LB”

“ไอ้เหี้ย…” น้ำทำตาโต “อย่าบอกนะว่า…”

ผมพยักหน้า

“เขาจะแดกมึงงงงงงงงงงง ไอ้ตี๋ ไอ้ชิบหายยยยยยย” อาร์ตอุทาน
“งั้นกูรู้แล้วว่าทำไมจู่ๆ ก็ญาติดีกับกูขึ้นมา อยากเป็นเพื่อนเขยกูนี่เอง…ไอ้เหี้ย”

“นั่นไง… กูมองอะไรเคยผิดที่ไหน” พีทพูดขึ้น “กูเคยบอกมึงแล้วไง ว่าหมอนี่แม่งไม่ธรรมดา”

ผมกุมหัวตัวเอง
“กูก็ไม่เคยแน่ใจ แต่ครั้งนี้มันชัดมาก ไอ้ห่า”

“นี่ถ้าทำคนอย่างมึงรู้ตัวได้ ก็ไม่ธรรมดาแล้ว” น้ำที่นั่งข้างๆ ถึงกับเข้ามาแงะมือที่กำลังทึ้งผมตัวเองอยู่
“เชี่ยตี๋ แล้วมึงทำยังไง ตอบมาก่อน” มันทำหน้าเครียด

“กูก็บอกไปสิวะว่ากูรู้ความจริง ไอ้เด็กฝึกงานที่เขาว่านั่นก็เพื่อนกู และนอกจากเรื่องงานแล้วอย่ายุ่งกับกู” ผมว่า “แล้วก็เดินออกมาเลย....”

“แล้วไง หลังจากนั้นล่ะ กูว่าแม่งต้องมีต่อ”
น่าขำที่ไอ้พีทเดามั่วๆ แต่เสือกตรงทุกที

“เอ่อ…” ผมอึกอัก “ก็…”   
ทุกคนวางขวดเบียร์ แล้วหันมาใช้สายตากดดันผมแทน โอ๊ย ต้องเล่าใช่ไหมครับเนี่ย
“คุณตะวันแม่งก็ส่งดอกไม้มาหากูทุกวันเลย…สองวันติดกันแล้ว...”

“เหี้ยอะไรเนี่ย” น้ำโวยเสียงดัง “แล้วทำไมมึงไม่บอกพวกกู”

“ก็มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่หว่า… ใช่มั้ยล่ะ…” ผมพูดอ้อมแอ้ม

“โดนลูกค้าที่เป็นผู้ชายเล็งเนี่ยนะ” มันย้อน “มึงนี่ก็… โอ๊ยยย.. คนอย่างมึงเนี่ย หงุดหงิด”
กลายเป็นไอ้น้ำที่ยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองแทนแล้วครับตอนนี้

“เขาก็ไม่ได้ทำอะไรป่ะวะ” ผมพูดเสียงเบา ทำเอาพวกที่เหลือหันควับ

ได้ยินเสียงไอ้พีทถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เหรอวะ”

“กูว่าไม่จบแน่ ถึงมึงไม่ได้เป็นคนดีลก็ยังต้องเจอกัน” อาร์ตว่า “แล้วมึงจะทำยังไง”

“ก็คุยเฉพาะเรื่องงาน ซึ่งตอนนี้ก็แทบจะไม่มีแล้ว ฝ่าย CM เขาคุมอยู่ นี่กูก็กำลังจะเริ่มโปรเจคใหม่” ผมรีบบอก “ก็คงไม่มีอะไรแล้วแหละ”

“แล้วที่มึงบอกว่าเขาส่งดอกไม้ล่ะ” พีทถาม “ส่งมาทุกวันแบบนี้ ที่ออฟฟิสมึงไม่แตกตื่นเรอะ”

“ก็นิดหน่อย… แต่เขาคงไม่รู้ว่าใครส่งมา ยกให้คนอื่นไป นี่กูก็ส่งข้อความไปบอกว่าหยุดส่งมาได้แล้ว แต่เขาไม่สนใจเลยว่ะ ทุกเช้าเลย ช่อเท่านี่...” ผมกางมือประกอบ

“โคตรเปย์” พีทร้องขึ้นเบาๆ “หนักละมึง...” 

“เชี่ยเอ้ย เสน่ห์แรงนักนะ” อาร์ตว่า “เอ๊ะ แต่บอกไปว่าไม่ชอบผู้ชายก็จบป่าววะ”

“เหอะ…” พีทยกมือขึ้นห้าม “คนประเภทนั้นเหรอจะถอยกับแค่บอกว่าไม่ชอบผู้ชาย อีโก้สูงขนาดนั้นจะอยากเอาชนะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เนอะไอ้ตี๋”

ไม่ต้องมาเนอะกับกู กูไม่รู้ กูปวดหัว
ผมส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจแทนคำตอบแล้วกระดกเบียร์ขึ้นดื่ม

“หาไม้กันหมามั้ย” น้ำเสนอทางแก้ปัญหา “กูก็ได้”

แทบพ่นเบียร์ออกจากปาก
“เหี้ยยย ไม่เอาา” ผมโวยวาย “ช่างแม่งเหอะ เดี๋ยวมันก็หายๆ ไปเอง”

“เอ้า กูเห็นด้วยกับไอ้น้ำนะ… ไม่งั้นเขาจะเลิกยุ่งกับมึงได้ยังไง บอกไปดิ่ว่ามีแฟนแล้ว” อาร์ตพยักหน้า

แฟน… แฟนเหรอ… โสดสนิทมาปีกว่าแบบนี้จะเอาใครที่ไหนมาอ้างวะเนี่ย
หาง่ายรึไง… คนเป็นแรงจูงใจทำให้เราอยากเปลี่ยนเป็นคนที่ดีขึ้น
คนที่อยากใช้เวลาร่วมกันไปเรื่อยๆ คอยเดินไปข้างๆ
ไอ้คนที่ทำให้ใจเต้นแรง… แบบ...นั้น… น่ะ...

เชี่ย!
ถึงกับต้องสะบัดหัวไล่ใบหน้าเจ้าของไฝใต้ตากับรอยยิ้มกว้างๆ ที่โผล่ขึ้นมาในความคิด
หลอกหลอนกูเกินไปแล้วไอ้เด็กนี่

“ไอ้เหี้ย ไม่เอา” ผมยืนยัน

“ทำเป็นคิดนานนะ… หรือมึงมีคนให้อ้างเป็นแฟนแล้วด้วยล่ะ”
อาร์ตถาม ในขณะที่พีทจิบเบียร์พลางลอบยักคิ้วให้ผม

ไอ้พีท ไอ้ชิบหาย มึงรู้อะไรมาเนี่ย หยุดเลย ผมด่ามันทางสายตา
“พอๆ เรื่องนี้กูจัดการเองได้” ผมตัดบทแล้วคว้าเบียร์ขวดใหม่มาเปิดฝาให้ตัวเอง “เอ้า ไม่ต้องซีเรียส... แดกเบียร์ต่อเลย” 

“ให้มันจริง” น้ำว่าขึ้นฉุนๆ “มึงนี่แม่ง…”

“เอาเป็นว่า…ตอนนี้กูยังโอเค ไม่ต้องเป็นห่วง” ผมว่า “แต่ถ้ามันเกินความสามารถของกู กูจะบอกพวกมึงแน่นอน โอเคนะ”

“เออ…มีอะไรให้ช่วยก็บอกละกัน” น้ำกำชับแล้วยกขวดเบียร์ขึ้นดื่มแบบรวดเดียวหมดก่อนจะเรียกหาขวดใหม่
“เอามาอีกดิ๊ ขาดตอนเลยเนี่ยไอ้ห่า”

_ _ _ _

00.25

“ตี๋”

“เชี่ย! ตกใจหมด”

พีทเดินแทรกตัวเข้ามายืนข้างๆ ที่ระเบียงหลังผมกดวางโทรศัพท์ไปยังไม่ถึงนาที
ทำเอาต้องรีบเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงอย่างเร็ว อุตส่าห์หลบออกมาช่วงพวกมันอาบน้ำเตรียมนอนมารับโทรศัพท์ที่ระเบียงยังจะตามมาเจอ เหมือนมันรอจังหวะอยู่อย่างนั้นแหละ ส่วนไอ้เด็กนั่นก็อะไรหนักหนาไม่รู้ โทรมากวนไปกวนมาอยู่ได้..

อุ่ย...
ไอ้พีทมอง…

“ไม่มีอะไรจะบอกกูเลย?” ร่างสูงเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
 
“ก็… เพื่อน”

“เหรอ…” มันพยักหน้า “เพื่อนที่เป็นเจ้าของแปรงสีฟันอันใหม่ในห้องน้ำรึเปล่าวะ” พีทถามตรงๆ 

“...” ทำเอาอึ้งกับความช่างสังเกตของมัน มึงเป็นใคร! สถาปนิกหรือ FBI ตอบมาเลยดีกว่า
“อ่าา…” ได้แต่ทำเสียงไม่เป็นภาษาอยู่ในคอ ตอบไม่ถูกเลยแฮะ

“คนเดิม?”

ผมพยักหน้า “เอ่อ…” 

“ยังจะตอบว่าเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่าวะ”

“ก็… คนที่มาจีบกู” ผมตอบเสียงเบา

“พาเข้าห้องแล้วเหรอไอ้เสือ” มันพูดยิ้มๆ แล้วเอาศอกสะกิดผม

“เชี่ย! ไม่ใช่อย่างที่มึงคิด ไม่มีอะไรโว้ย เขาแค่มาค้างเฉยๆ” ผมรีบอธิบาย “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ต่างคนต่างนอน สถานะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน กูยังโดนจีบอยู่” 

“กูไม่ว่าอะไรหรอก” มันว่าแล้วเอามือโยกหัวผม “เอาที่มึงมีความสุขน่ะ”
“ไม่อยากเล่ากูก็จะไม่ขยี้ แต่ถ้าเชี่ยอาร์ตรู้กูก็ไม่รู้ด้วยนะ” มันหัวเราะเบาๆ “อาร์ตรู้โลกรู้นะมึง”

“เออ อาร์ตรู้โลกรู้” ผมทวน
“แต่กู… คือ… กูไม่แน่ใจอะไรสักอย่างเลยว่ะ…” ผมพูดเสียงเบา “มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้มั้ย กูควรจะรู้สึกยังไง”

“หวั่นไหวล่ะสิ”

“เชี่ยเอ้ย..” ผมร้องออกมา “เกลียดมากที่ต้องบอกว่าใช่…”

“เห็นหน้ามึงตอนคุยโทรศัพท์กูก็รู้แล้ว” มันว่า “นี่ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่เห็นมึงเป็นแบบนี้ ปกติตัดสินใจอะไรตรงไปตรงมาตลอด ไปไม่เป็นแล้วเหรอครับคุณนักวิเคราะห์”

“สัสพีท” กูเกลียดมึงด้วย

“ทำอะไรตามใจตัวเองบ้างเหอะว่ะ อย่าไปซีเรียสกับรอบข้าง ถ้ามันไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นละก็นะ ลุยไปเถอะ”

“แต่ว่า…”

“กูอยากเห็นเพื่อนกูมีความสุขก็เท่านั้น”
“ความรักมันไม่ยากหรอก มึงรู้สึกยังไงก็ทำไปตามนั้น อยากจะชอบก็ชอบ อยากจะรักก็รัก”
 
“นี่คำแนะนำจากคนขี้เหงาต้องมีคนคุยด้วยตลอดถูกมั้ย” ผมย่นจมูก

"ชีวิตอย่ามีเหตุผลนักเลยมึง ใช้ความรู้สึกมั่งเหอะ วิเคราะห์แค่ในงานก็พอ อย่าวิเคราะห์กระทั่งความรักเลย"

เหรอวะเพื่อน…
แต่อีกฝ่ายเป็นเด็กปีหนึ่ง… แถมเป็นผู้ชายด้วยนะ…
ถ้ามึงรู้มึงจะยังพูดแบบนี้อยู่รึเปล่า...

_ _ _ _

TBC

แฮ่ หายไปนาน ยังจำกันได้มั้ยคะ 
ตอนนี้ #วิเคราะห์การรัก ยอดวิว 25K กว่าๆ แล้วขอบคุณคนอ่านทุกคนเลยยย ไหนมากอดทีนึง
(จริงๆ 10K ในนั้นเป็นของคนเขียนเอง 555)

ถึงตอนนี้คุณตะวันก็ดูจะไม่ยอมแพ้นะคะ แต่ตี๋วินจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดีนะ
หวานลู๊กกก ช่วยพี่วินหน่อยยยยยยย

แถมอีกนิด
ด้วยความที่เรื่องนี้มีศัพท์ต่างดาวอยู่มาก หมวยดีก็เลย....
ทำคู่มือการอ่านมาให้ค่ะ!! 55555

>>Insight Analyst<< (https://docs.google.com/spreadsheets/d/1348KZUrcI5bpsy-1gKgj5ZlbztDyWYXjWKtH705A3qk/edit?usp=sharing)


กดอ่านกันไปเพลินๆ นะคะ
ถ้าอยากให้อธิบายคำศัพท์อะไรเพิ่ม บอกกันมาได้นะค้า หรือหากมีข้อมูลไหนผิดพลาด ทักท้วงกันมาได้ค่ะ
คิดว่าน่าจะอัพเดทเรื่อยๆ (ตอนเขียนอธิบายก็สนุกดีนะ 555)

ติชมและเม้ามอยกันที่ #วิเคราะห์การรัก ได้เหมือนเดิมนะคะ
แล้วพบกันค่า

 :-[
 
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-02-2018 17:42:04
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 09-02-2018 21:29:06
อุ้ยๆๆๆ เนี่ย...ตี๋วินก็เริ่มยอมรับใจตัวเองแล้วใช่ไหมล่ะ?

ลุ้นๆ น้องหวานสู้ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 09-02-2018 23:31:46
เด็กหวานนี่ตรงกับคำว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลกจริงๆ น้ำลดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนนับอะไรกับใจพี่วินละเนอะ ใจอ่อนลงเยอะแล้วเนี่ย มาวินมากๆน้องหวานเรา แอบเห็นใจน้ำเบาๆถ้ารู้เรื่องก็น่าจะเฮิร์ทหน่อย เห็นเสนอตัวช่วยแกล้งเป็นแฟนปลอมๆให้ก็น่าจะยังมีใจให้ตี๋วินอยู่ละมั้งนะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 10-02-2018 00:41:37
แอบอยากได้ไม้กันหมาเป็นน้ำ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-02-2018 00:49:28
มี % พัฒนาความสำพันธ์เพิ่มอีก 20% แล้วน้องหวานน สู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 10-02-2018 01:07:53
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากให้มาอาทิตย์ละ2ครั้ง ฝันไป555555555555 ติดตามต่อสุ้ๆน้านุ้งหวานนตี๋วินเค้าใจอ่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 10-02-2018 02:50:30
งืออออออคิดถึงตี๋และผองเพื่อน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 10-02-2018 05:17:25
หวั่นไหวมากเหลือเกิน 
คิดถึงเรื่องนี้แบบสุดดดดด
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Zhouzhou23 ที่ 10-02-2018 09:00:18
ทีมหวานค่ะะะะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-02-2018 10:04:37
 :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 10-02-2018 15:13:11
คุณตะวันติดลบร้อยคะแนน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-02-2018 05:29:13
คุณตะวันนะคุณตะวัน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: dashdash ที่ 11-02-2018 14:01:59
ลุงตะวันถึงตื้อเค้าจะยิ่งรำคาญนา หวานหวานน่ารักตลอดเลยอิอิ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: peach_p ที่ 12-02-2018 18:43:28
ทีมหวานสุดใจเลย ส่วนตัวชอบการเข้าหาแบบหวานอ่ะแต่ดูๆไปวินก็ดูจะสบายใจที่ได้อยู่กับหวานนะ
คุณตะวันนี่มาเท่ๆแต่ตกม้าตายตอนไปโกหกเขานี่แหละพ่อคุณ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Mukk ที่ 16-02-2018 17:43:45
เรือเจ้าหวานแล่นแรงมาก 5555555 เด็กนี่มันก๊าวจริงๆ :hao7: ชอบที่พีทบอกอะ ทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง อย่าวิเคราะห์กระทั่วความรักเลย โดนใจมากค่ะ รอคนเขียนมาอัพต่อนะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-02-2018 22:32:55
คุณตะวันนี่นะอุตส่าห์แอบเชียร์ ทำมาเสียซะได้
ใครจะน่ารักเหมือนน้องหวานไม่มี หวั่นไหวแล้วก็เดินหน้าต่อเลยค่าน้องวิน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: yprjb ที่ 19-02-2018 00:18:31
อ๊ากกก เขินมั่กกก ยอมรับแล้วสินะว่าหวั่นไหว มาตามอ่านช้าเลย แต่ก็มาอ่านแล้วนะคะ สนุกเหมือนเดิม รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อจ้า
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 24 P.9 ✽update 9.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: xkoxko ที่ 23-02-2018 19:03:38
รออยู่นะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 24-02-2018 22:42:04
ความเสี่ยงที่ 25

วันพฤหัส
13.45


ผมเปิดโค้กในมือด้วยความเซ็งสุดขีด ไม่ใช่ว่าเบื่อเจ้าเครื่องดื่มกระป๋องแดงนี่หรอกนะครับ
แต่เป็นกล่องขนมร้านดังจากทองหล่อที่วางอยู่ในแพนทรี่นี่ต่างหาก

ดอกไม้ตอนเช้าน่ะจัดการยกให้พี่แม่บ้านเอาไปใส่แจกันตรงทางเข้าแล้ว ส่วนกล่องชูครีมนี่เพิ่งมาถึงตอนสิบโมงกว่า ไม่ได้ส่งถึงผมแต่ระบุส่งถึงฝ่ายวิเคราะห์ที่ดิน แถมติดนามบัตรคนส่งชื่อดังมาซะหรา จะเอาไปทิ้งที่ไหนก็ไม่ได้ แถมพี่ฝ้ายยังบอกให้ไปพิมพ์ขอบคุณในห้องไลน์อีก

ผมกดส่งข้อความที่จงใจเขียนอย่างเป็นทางการเกินปกติ ก็ยังดีที่ห้องไลน์มันอยู่กันหลายคน…
ส่วนข้อความส่วนตัวของผมน่ะเหรอครับ…
ขอนัดคุย ขอโอกาสอธิบาย ขอเลี้ยงข้าวชดใช้
ข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาก็วนไปวนมาทั้งนั้น... ลืมๆ มันไปซะเถอะ

“วิน เอกสารของโครงการปิ่นเกล้า ที่ให้ปรับตัวเลขแล้วเป็นยังไงบ้างน่ะ” พี่ฝ้ายชะโงกหน้าเข้ามาถามหลังผมเข้ามานั่งประจำโต๊ะ

“เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวผมส่งอีเมลล์ให้เลย นี่ถ้าเขายอมซื้อที่อีกแปลงข้างๆ ตึกมันจะขึ้นได้สูงอีกห้าชั้นนะครับ พื้นที่ขายเพิ่มอีกตั้งเกือบ 1,200 ตารางเมตรแน่ะ” ผมสรุปสั้นๆ “พี่ลองดูในตารางนะครับ”

“โอเค ขอบใจมากสุดหล่อ” พี่ฝ้ายตอบ “เอ้อ แล้วงานของ AA นี่ฝ่าย Construction Management นัดประชุมรีวิวไฟนอล TOR ข้อกำหนดผู้รับเหมาอีกทีเมื่อไหร่นะ”

“อ่าาา น่าจะอังคารหน้าครับ รอผู้ออกแบบคอนเฟิร์มหัวข้อประชุมก่อน เขาว่าถ้าแบบมันใกล้จบแล้วอาจจะให้รีวิวแบบประมูลด้วยเลยจะนัดเช้าบ่าย ถ้าแบบเสร็จไม่ทันอาจจะต้องนัดรีวิวแบบแยกอีกวัน… แต่ยังไง TOR ก็ต้องประชุมวันอังคารครับ” ผมเปิดปฏิทินดูไวๆ

“โอเค อัพเดทพี่อีกทีแล้วกันนะ” พี่ฝ้ายพยักหน้าแล้วหันไปพูดกับน้องแคร์ “เอ้อ แคร์ไปหยิบชูครีมในแพนทรี่มาเตรียมไว้หน่อยสิ เดี๋ยวฝ่ายกรีนเขามาคุยเรื่องพื้นที่สีเขียวของโปรเจคลาดพร้าวตอนบ่ายสองจะได้กินกัน คุณตะวันแกซื้อมาฝากเยอะเชียว” พูดไปก็ยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี

โอ๊ย ขอหลบไปกินโค้กก่อนประชุมต่อดีกว่า...
เดี๋ยวเผลอทำหน้าบูดใส่แล้วจะโดนซักยาว…

_ _ _ _

16.30

“เอ๊… พี่วิน เมลล์นี้มันถูกรึเปล่าอะคะ ทำไมแคร์ส่งแล้วมันตีกลับมาตลอดเลย” น้องแคร์เดินหน้ายุ่งเข้ามาถาม
“จะส่งรายงานเซอร์เวย์ราคาพื้นที่เช่าให้เขาน่ะค่ะ ของปิ่นเกล้าน่ะ” 

“ไหน ขอดูก่อนนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองชื่ออีเมลล์ที่ถูกเขียนมาในกระดาษแบบหวัดๆ แล้วกดคีย์บอร์ดดูคอนแทคลิสต์ “อ่าาา ถูกแล้วนะ เซอร์เวอร์เขาดาวน์มั้ง แคร์โทรเข้าออฟฟิศเขาไปแจ้งก่อนเลยว่ารายงานเสร็จแล้ว ส่งไม่ไป จะให้ทำยังไงต่อ ให้ส่งเมลล์ส่วนตัวมั้ย เดี๋ยวเราโดนหาว่าส่งงานเลทนะ เรื่องจะยุ่ง” ผมพูดยาวๆ

“โอเคค่ะ เดี๋ยวแคร์โทรเลย” น้องคนเก่งของผมตอบกลับ ก่อนจะทำหน้านึกได้
“เอ้อ คือ... พี่วิน… แคร์ขอถามอีกอย่างสิ” 

“ได้เลย”

“อ่าา.. อย่าโกรธแคร์นะคะ” อีกฝ่ายมองผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ “คือ…พี่วินโอเคมั้ย”

“หือ?”
ที่ผมลางานไปวันก่อนน่ะเหรอ “เรื่องอะไรล่ะนั่น”

“ก็… แคร์รู้มาว่าดอกไม้ที่โต๊ะพี่จอยช่วงนี้… อ่า… ที่จริงมีคนส่งมาให้พี่วิน” น้องแคร์พูดอ้อมแอ้ม “คือพี่โอเคใช่มั้ย” 

“อ้อ…”

ความลับไม่มีในโลกจริงๆ
ถึงขนาดน้องในทีมต้องออกปากถามเอง รู้กันไปถึงไหนแล้วล่ะเนี่ย
“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องเล็กน่ะ ไม่ต้องห่วง” ผมยิ้มตอบ “แคร์อย่าสนใจเลย”

“อ่า… งั้นก็… คืนดีกันเร็วๆ นะคะพี่วิน” น้องแคร์ยกนิ้วโป้งให้กำลังใจ

เอ่อน้องครับ… เข้าใจไปถึงไหนแล้ว... ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นแหละ นอกจากลูกค้าและคนทำงาน
ทำเอาต้องยิ้มแหยๆ แล้วชูนิ้ว… โป้ง กลับไปให้ ทั้งที่จริงๆ แล้วไอ้เรื่องดอกไม้นี่เหมาะกับนิ้วกลางที่สุดแล้ว
แต่จะให้มานั่งเล่าอะไรให้น้องฟังมันก็ไม่ดี… คงได้แต่ปล่อยให้เข้าใจผิดไปแบบนี้นี่แหละ

_ _ _ _

17.04

บ่ายนี้จะว่ายุ่งก็ยุ่ง จะว่าไม่ยุ่งก็ไม่เชิง
ก็มีแต่งานที่ต้องประสาน ต้องโทรคุยคอนเฟิร์มนั่นนี่เต็มไปหมดเลยนี่ครับ
เอาจริงๆ เหมือนไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่เลย เฮ่อออ… เซ็งอยู่ลึกๆ

ตอบอีเมลล์ต่อดีกว่าแฮะ

ยังไม่ทันจะตั้งท่าถอนหายใจเป็นรอบที่สอง โทรศัพท์ที่ต่อสายชาร์จแบตอยู่ก็สว่างขึ้นมาพร้อมการแจ้งเตือนจากห้องไลน์ส่วนตัว ไหน ใครไลน์มาวะเนี่ย ผมมองชื่ออย่างระแวงหน่อยๆ ก่อนจะแอบโล่งใจเมื่อพบว่าเป็นไอ้น้ำนี่เอง

Nahm_Tect : ตี๋ มึงเข้าออฟฟิศป่ะวะ

Wynn_Tect : อยู่ ว่าาาาาาา

Nahm_Tect : เย็นนี้แดกข้าวกัน นี่อยู่แถวออฟฟิศมึง

Wynn_Tect : เออ เอาดิ่

Nahm_Tect : ออกมาได้เลยป่ะวะ

Wynn_Tect : ห่า… กูเลิกหกโมง

Nahm_Tect : เห้ย ออกเร็วไม่ได้รึไง

Wynn_Tect : ไม่ได้ว้อย งานยังไม่เสร็จ

Nahm_Tect : อ้าว ทำไง
Nahm_Tect : ให้รอไหน
Nahm_Tect : กูถึงตึกมึงละเนี่ย

Wynn_Tect : เร็วจังวะ
Wynn_Tect : ร้านกาแฟข้างล่างไง ไปนั่งดิ่

Nahm_Tect : ที่เขาถูพื้นกันอยู่ตอนนี้อ่ะเหรอ...

Wynn_Tect : อ้าว ปิดแล้วเหรอวะ
Wynn_Tect : ขึ้นมารอบนนี้ป่ะล่ะ

Nahm_Tect : บริษัทมึง?


เออ สิวะ
ไอ้นี่ถามประหลาด

Wynn_Tect : ขึ้นมาเลย ชั้นสามสิบแปด บริษัท OO
Wynn_Tect : เข้ามาแล้วก็รออยู่ตรงโซฟาล็อบบี้นั่นแหละ บอกว่ามาหากู

Nahm_Tect : ได้ใช่ป่ะ โอเค เดี๋ยวกูขึ้นไป

Wynn_Tect : เออ


...


Nahm_Tect : เห้ย ถึงละนะ รออยู่

Wynn_Tect : เคร เดี๋ยวหกโมงแล้วกูออกไป ส่งเมลล์ที่ค้างๆ นี่ก่อน เยอะชิบหาย
Wynn_Tect : นั่งเล่นรอกูไปก่อนนะจ๊ะ

Nahm_Tect : สัด ให้ไว้เลย หิวละเนี่ย


โว๊ะ ก็กูเลิกหกโมงไงเชี่ยน้ำ พูดไม่รู้เรื่องเนอะ
ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วหันมาจัดการตอบอีเมลล์หน้าคอมพิวเตอร์ต่อ

“พี่วินน”

ผมละสายตาจากแป้นพิมพ์แล้วหันไปตามเสียงที่น้องแคร์เรียกอยู่ข้างพาร์ทิชั่น “อื้อ ว่าไง”

“อันนี้ไฟล์ที่พี่สั่งไว้ค่ะ แคร์ไฮไลท์พื้นที่ขายกับราคาไว้แล้ว”

“ขอบใจมากเลย” ผมเอื้อมมือไปรับเอกสารมาเปิดดูผ่านๆ แล้ววางแผ่ไว้บนกองเอกสารบนโต๊ะ อันนี้ต่อคิวเอาไว้ก่อน ยังไม่ค่อยรีบ เดี๋ยวเก็บใส่กระเป๋ากลับไปดูที่บ้านชิวๆ ก็แล้วกัน
พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อพบว่าคนส่งงานยังยืนยิ้มอยู่ที่เดิม
“ว่าาา...” ผมลากเสียงยาว   

“คือ... นอกจากเอกสารก็… วันนี้มีใครมารอรับพี่วินน้าาาาาา”

อ๋อ..
ไอ้น้ำสินะ ข่าวไวจริงๆ
 
“เพื่อนถาปัดพี่เอง ชื่อไอ้น้ำ” ผมว่า

“เพื่อนจริงอ้ะ… หล่อมากกก มีแฟนยัง” พี่ฝ้ายชะโงกหน้ามาถามจากข้างพาร์ทิชั่น ถึงกับสะดุ้งเลยนะครับ
นี่พี่แอบฟังผมเรอะ! จริงๆ แล้วส่งน้องแคร์มาแอบถามใช่มั้ย!

“เพื่อนครับเพื่อน ส่วนมีแฟนรึเปล่า ไปถามมันเองดีกว่าพี่” 

“ไม่เอาอ่ะ นี่ทีมน้องพีท รักเดียวใจเดียว” พี่ฝ้ายตอบอย่างจริงจังแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง ทำเอาผมกับน้องแคร์หัวเราะก๊าก “ขำอะไรยะ”

“ขำความมุ่งมั่นคุณเจ๊อ่ะค่ะ” น้องแคร์ว่า “ว่าแต่ทำไมเพื่อนพี่วินมีแต่คนหล่ออ่ะ”

“นี่คือจะบอกว่าพี่ไม่หล่อเหรอ” ผมแกล้งตีหน้ายุ่ง

“โอ๋ๆๆ ทำไมจะไม่หล่อล่ะ พี่ชายแคร์น่ารักที่สุดเลยค่าาา” น้องแคร์พูดเสียงหวาน “ไม่น้อยใจเนาะ”

“เห็นแบบนี้นี่ในมหาลัยป๊อปมากนะพูดเลย” ผมพูดยืดๆ “แก๊งค์นี้ไม่มีใครไม่รู้จัก--”

“น้องน้ำ ภาคิณ อายุ 23 ปี เกิดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ภาคสถ. รหัส 036 เป็นมือกลองประจำรุ่น 76 สูง 182 เซนติเมตร หนัก 68 กิโลกรัม เลือดกรุ๊--”

“เฮ้ยยยยย” ผมร้องขึ้น “ละเอียดขนาดนั้นเลยเหรอครับ เอามาจากไหนอ้ะ”
ถึงกับต้องลุกขึ้นยืนไปชะโงกดูข้างพาร์ทิชั่น นี่เป็นเพื่อนมันยังไม่รู้เลยนะว่ามันหนักเท่าไหร่

“เสิร์ชแก๊กเดียวก็ขึ้นแล้วเนี่ย มีของวินด้วยนะ ตี๋วิน มาวินทร์ เกิดวันที่ 2 มีน--”

“พอแล้วคร๊าบบบบบบบบบบ” ผมโวย “นี่มันอะไรเนี่ยยยยย”

“โห เชื่อแล้วว่าป๊อบจริง อะไรจะมีประวัติละเอียดขนาดนี้” น้องแคร์พยักหน้าพูด “นี่มีแฟนด้อมเป็นของตัวเองเลยป่ะเนี่ย”

แฟนด้งแฟนด้อมอะไร พี่ไม่รู้เรื่องงงง
นี่พี่ฝ้ายเปิดเว็บอะไรวะเนี่ยยยย   

“แหม ก็นึกว่าอยากฟังความป๊อปของตัวเอง นี่เพจสมาคมนิยมหนุ่มถาปัดเขาโพสไว้เลยนะ… นี่ไงๆ… น้องพีทของเจ๊ อันนี้รูปรวม โหย น้องเราก็งานดีเหมือนกันเนอะ… เอ๊ะ คนที่ชื่อน้องบอย กับน้องเอกก็น่ารักอ้ะ แคร์มาดูนี่ดิ่” พี่ฝ้ายชี้ชวน

เอ้า… งานการไม่ต้องทำแล้วครับ

_ _ _ _


19.40

“ออฟฟิศมึงดูสนุกดีเนอะ”

“หือ? ทำไมอ่ะ” ผมละสายตาจากชามบะหมี่เกี๊ยวแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตรงข้ามแบบงงๆ
มื้อเย็นของพวกเราก็จบลงแถวๆ ออฟฟิศนี้แหละครับ ง่ายดี
“สนุกยังไงวะน้ำ งานแม่งอย่างดาร์ก พื้นที่เช่า เงิน คุ้มทุน บลาๆๆ มีแต่เรื่อง”

“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องงาน” มันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะอธิบาย “เห็นคุยกันเฮฮาดี นี่ก่อนมึงออกมา เจ้านายมึงกับน้องผมสั้นๆ เข้ามาทักกู บอกว่ามึงกำลังเคลียร์งาน เดี๋ยวก็ออกมาแล้ว กูเลยบอกว่าไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ สองคนนั้นมองหน้ากันแล้วหันกลับมาตอบกูว่า ‘สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ ดอกไม้สวยมากๆ’ กับ ‘วินไม่ใจร้ายหรอก ทำตัวมึนตึงไปอย่างนั้นเอง ฝากด้วยนะคะ’ เฉยเลย” 

“เอ้า…” ผมร้อง “นี่คือเข้าใจว่ามึงมาง้อกูเรอะ”

“ก็คงอย่างนั้น”

“แล้วมึงว่ายังไงน่ะ บอกเขาไปป่ะเนี่ย” ผมถาม

“ก็ไม่รู้จะตอบอะไรนะ” ว่าพลางยักไหล่แล้วก็ก้มลงไปกินบะหมี่ต่อ “ก็เลยพูดว่า ครับ”

“อ้าวไอ้ห่าาาาา นี่เข้าใจผิดกันไปถึงไหนแล้ววะเนี่ย”

“น่า… นี่กูมาเป็นไม้กันหมาให้เลยนะ ทุ่มเทสุดๆ” น้ำว่า
 
“กันหมาก็เหี้ยละ นี่มันมาสวมรอยชัดๆ ไม่ได้ทำให้กูสบายใจขึ้นเลย”

“เขาจะได้เข้าใจว่ากูส่งดอกไม้มาไง ไม่ใช่ไอ้คุณตะวันอะไรนั่น” อีกฝ่ายว่าขึ้น “เออ แล้วนี่มันยังตามตื้อมึงอยู่ป่ะ”

“ก็… เออ…” ผมทำหน้าเซ็ง “ดอกไม้ก็ส่งมาทุกวันแต่ไม่ได้ลงชื่อ วันนี้เริ่มมีขนมมาให้คนในออฟฟิส ไลน์กูนี่เด้งทุกสองชั่วโมงเลย ดูดิ่” ผมถอนหายใจแล้วกดโทรศัพท์เปิดไลน์ให้น้ำดู 

“ไหน” มันหยิบโทรศัพท์ผมไปอ่านออกเสียง คิ้วเข้มๆ ขมวดมุ่น
“วินครับ พี่ยังรออยู่นะครับ ขอโอกาสพี่ได้อธิบายหน่อย พี่อาจจะพูดเกินไป แต่วินกำลังเข้าใจผิดอยู่นะครับ... วินครับ หวังว่าวินจะชอบดอกไม้ที่พี่ส่งไปนะครับ อย่ารำคาญกันเลยนะครับ พี่อยากให้วินจริงๆ...  วินครับ วันนี้พี่ส่งขนมไปให้ที่ออฟฟิศ ทานให้อร่อยนะครับ วินครับ… โอ๊ยไอ้เหี้ย!! อะไรเยอะแยะวะเนี่ย!” น้ำพูดขึ้นอย่างหัวเสีย “เยอะชิบหายเลย ต่อยมั้ยจะได้จบๆ”

“มึงจะบ้าเรอะ เดี๋ยวก็ได้ลงข่าวหน้าหนึ่ง” ผมเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์คืน “ก็ปล่อยไปเถอะ เดี๋ยวก็เบื่อไปเอง ยิ่งโวยวายเดี๋ยวเรื่องมันจะยาว”

“เชี่ยตี๋… มึงนี่ก็ใจเย็นเกินไปนะบางที รอให้เขามาโผล่ในออฟฟิศเลยมั้ย”

“ไอ้เหี้ยยยย ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลยไอ้น้ำ” พูดแล้วขนลุก “แดกเสร็จยังเนี่ย กูมีเอกสารต้องรีวิวต่อเพียบเลย”

“งานเยอะขนาดนี้มึงเป็นประธานบริษัทรึยัง” มันทำหน้าเหม็นเบื่อ “เออน่า วันนี้กูเอารถมา เดี๋ยวกูไปส่งคอนโด”

โอ๊ะ เข้าทาง
“โหโหโห ใจดีจังเลยครับ แวะซุปเปอร์ด้วยนะ อาหารแมวกูจะหมดพอดี”
ถือโอกาสเลยละกันนะ ไหนๆ วันนี้ก็มีคนขับรถให้แล้ว



20.15

“ตี๋ มึงจะแวะไหน ท็อปส์ โลตัส บิ๊กซี” น้ำที่กำลังขับรถอยู่บอกตัวเลือก

“อ่า… ไหนก็ได้ เอ๊ะ เอาท็อปส์ดีกว่า จิ๋วกินรอยัลคานิน” ผมนึกได้ “จะได้ซื้ออาหารเปียกไปด้วยเลย”

“มึงเหมือนพ่อลูกอ่อนมากกก” มันพูดลากเสียงก่อนจะขับรถเปลี่ยนเลน “ต้องรีบกลับไปเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกมั้ย”

“กวนตีนละ” ผมหันขวับ อ้าปากกำลังจะด่ามันต่อแต่หน้าจอโทรศัพท์ก็สว่างขึ้นมาซะก่อน พอมองดูก็เห็นว่าเป็นไลน์ของเจ้าเด็กหวานเลยต้องเปิดอ่านสักหน่อย ไม่อยากให้การแจ้งเตือนมันขึ้นรกๆ อยู่บนหน้าจอเท่านั้นแหละ

นายหวาน : เพิ่งเลิกประชุมเอง
นายหวาน : นึกว่าปิดเทอมจะมีเวลามากขึ้นซะอีก เหมือนเดิมเลย TT


ไอ้นี่… โคตรงอแง ผมคิดในใจก่อนจะพิมพ์กลับไปเร็วๆ

Wynn_Tect : บ่นอะไรเนี่ย มีงานก็ทำไป

Wynn_Tect : ปิดเทอมมันไม่มีอยู่จริง ไม่รู้เรอะ


นี่ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ เด็กสถาปัตย์แบบเราๆ ไม่มีปิดเทอมกันหรอก หลังสอบเสร็จก็มักจะเป็นช่วงเวลาของการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะทำดีไซน์เวิร์คช้อป ค่ายอาสา ละครถาปัด เปิดคลาสติวความถนัดสำหรับเด็กม.ปลาย ลงพื้นที่ช่วยเก็บข้อมูลเพื่อวิจัย หรือแม้กระทั่งเรียนสตูดิโอต่อก็ยังมี ในกรณีที่ทั้งอาจารย์และเด็กบ้าพลังอยากพัฒนางานต่อหลังเกรดออกอะไรแบบนี้ เอาครับ ไปให้สุดแล้วหยุดที่ไม่ได้นอน

นายหวาน : ว่าแต่ว่า
นายหวาน : พี่วินไม่รู้สึกว่าช่วงนี้ขาดอะไรไปบ้างเหรอครับ


ขาด? หมายถึงอดนนอนน่ะเหรอ
Wynn_Tect : หือ ก็ไม่นะ อะไรวะ

นายหวาน : อย่างขาดคนหล่ออย่างผมไปอยู่ข้างๆ
นายหวาน : เหมือนที่ผมขาดคนน่ารักอย่างพี่ไปตั้งหลายวันไง

Wynn_Tect : กวนตีน

นายหวาน : ก็อาจจะใช่… แต่ที่ถนัดที่สุดก็เห็นจะเป็นกวนใจพี่นี่แหละครับ

Wynn_Tect : …………..
Wynn_Tect : พอเลย อะไรของมึงเนี่ย

นายหวาน : ก็อยากเจอนี่นา พี่ไม่อยากเจอผมบ้างเลยเหรอครับ


ผมขมวดคิ้ว
ไอ้เด็กนี่…ถามอะไรวะ...

Wynn_Tect : ก็ไม่นะ

นายหวาน : โห เสียใจนะครับเนี่ย ทำไมใจร้ายจัง
นายหวาน : มีแค่ผมเหรอครับที่อยากเจอ
นายหวาน : คิดถึงนะครับ
นายหวาน : อยากไปหาจะแย่อยู่แล้ว


ผมเม้มปากอย่างชั่งใจ ก่อนจะกดพิมพ์คำตอบสั้นๆ

Wynn_Tect : เรื่องของมึงสิ

Wynn_Tect : กูก็ไม่ได้ห้ามนี่...

   
“ตี๋!… ไอ้เชี่ยตี๋!!“
 
“ห้ะ!!” ผมสะดุ้ง “อะไรเหี้ยน้ำ มึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย!!”
“ตกใจหมด”

“กูถามว่าอยากลงก่อนมั้ย เดี๋ยวกูจอดรถแล้วตามเข้าไป” น้ำโวยบ้าง
“ขวัญอ่อนกระทันหันเหรอ กูเรียกตั้งนานละ หูตึงรึไง แล้วนี่มึงไม่สบายเหรอ ทำไมหน้าแดงๆ”

“หา… ไม่นี่” ผมจับหน้าผากตัวเอง

เอ๋…
ร้อน?

ไอ้น้ำมองผมจับหน้าจับคอตัวเองด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะเอื้อมมือมาทาบมือวัดอุณหภูมิกับหน้าผากผมบ้าง
“นั่นไง ตัวรุมๆ นะ” มันถอนหายใจพร้อมกับเลื่อนมือมาโยกหัวผมเบาๆ แล้วผลักออก
“โอ๊ย มึงนี่… งั้นเดี๋ยวจอดรถแล้วค่อยลงไปซุปเปอร์พร้อมกัน จะได้แวะร้านขายยาด้วย เดี๋ยวก็ไม่สบายคว่ำไปอีกหรอก” คนขับรถบ่นอุบ “นึกว่ามึงมานั่งเขินอะไรตรงนี้ โว้ะ” มันพูดขำๆ

ผมหันขวับ
ไอ้เชี่ยน้ำ กูเปล่า!! ใครจะเขินโทรศัพท์ จะบ้าเรอะ!!!
อยากจะเถียงออกมาดังๆ แต่ก็เหมือนจะปฏิเสธได้ไม่เต็มปาก

“อ่า… ก็อาจจะเป็นไข้… ล่ะมั้ง...”

_ _ _ _

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 24-02-2018 22:50:43
วันศุกร์

18.25


ถ้าซูมแบบโคลสอัพที่หน้าผม คงเห็นว่าเส้นเลือดสมองเต้นตุบๆ เหมือนจะระเบิด 
สาเหตุน่ะเหรอครับ….

“เก็บของเสร็จรึยังล่ะ นี่เขากลับกันจะหมดแล้วเนี่ย ขยันจังครับน้องวิน” คนยืนกระดิกเท้าฉีกยิ้มอยู่หน้าพาร์ทิชั่นโต๊ะผมพูดแซวอย่างสบายอารมณ์… ไอ้อาร์ตเองครับจะใครล่ะ 

“เดี๋ยวสิวะ จะเร่งทำไมเนี่ย ยังส่งเมลล์ไม่เสร็จเลย” ผมบ่นเสียงเขียว “ไอ้พีททำอะไรอยู่ไหนเนี่ย ไปอยู่กับมันไป๊” เมื่อกี้ยังเห็นตัวสูงๆ ของไอ้พีทกำลังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์อยู่แว้บๆ หายไปไหนแล้ววะ มาเอาเพื่อนมึงไปเก็บที

“มันไปอัพเดท Schedule ใหม่กับ PM” อาร์ตตอบพลางเดินสำรวจรอบโต๊ะทำงานผม

“อ้าว แล้วมึงไม่ไป”

“คนเดียวก็พอแล้วครับ… พี่อาร์ตคนนี้จะอยู่เป็นเพื่อนน้องวินเอง เห้ย… อันนี้แดกได้ป่ะวะมึง” มันยกโหลมินิชอคโกแลตบาร์ขึ้นถาม ผมเลยพยักหน้าให้ นี่สรรพนามชาติไหนเขาใช้ปนกันแบบนี้วะ

“แล้วนี่ถึงกับต้องเอาเอกสารมาให้เองเลยรึไง แมสเซ็นเจอร์มั้งอาชีพมึงน่ะ” ขอแขวะหน่อยนะคุณอาทิตย์

“เอ้า ไหนๆ ก็มีเอกสารต้องส่งให้พอดี พี่อาร์ตกับพีทก็เลยถือโอกาสแวะมาหาน้องวินด้วยเลยนี่ไงครับ” มันตอบพลางแกะห่อชอคโกแลตไปด้วย “ไม่ได้เจอกันนาน… พี่ละคิดถึ๊งงง คิดถึง” แหม… ฟังแล้วอยากจะมือกระตุกโดนหัวมันสักทีนะครับเนี่ย

มาพี่ๆ น้องๆ อยู่นั่น เดี๋ยวกูก็โบกให้

จู่ๆ ตอนห้าโมงครึ่งสองในสามเดอะแก๊งค์ก็โผล่มาที่ออฟฟิศพร้อมซองเอกสารรายงานการประชุมและซีดีแบบพรีเซนต์รอบแรก ก็รู้แหละครับว่านัดส่งและอัพเดทกับฝ่าย CM กันวันนี้ แต่ก็นึกว่าจะให้มอเตอร์ไซค์มาส่งและติดต่อกันทางอีเมลล์หรือ Conference Call กันตามปกติ ไม่ได้มายืนยิ้มแป้นเป็นตัวเป็นตนกวนตีนอยู่ที่โต๊ะผมแบบนี้นี่

“ก็วันนี้วันศุกร์แห่งชาตินะครับน้องวิน” มันยังไม่เลิก… แถมรีบถลาเข้ามากอดคอผมไว้อีกต่างหาก 
“จะกลับบ้านไปนอนเหงาๆ ได้อย่างไร”

“เชี่ยยย เพิ่งแดกกันไปเมื่อกลางอาทิตย์” ผมโวยวายแล้วแงะมือมัน “พวกมึงอยากไปก็เอาเลย กูไม่ไป จะกลับไปนอน”

“พรุ่งนี้วันเสาร์ มึงจะนอนให้ฟูกยุบเลยก็ได้นะ” พีทที่เดินสะพายกระเป๋าตามมาสมทบพูดขึ้นบ้าง “นี่กูมีธุระกับที่บ้านตอนเช้า ดึกมากก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เพราะงั้นคืนนี้ต้องจบเร็ว”

“นี่ไอ้น้ำอุตส่าห์จะแบกเอาอุเมะชูขวดละสองลิตรมาเลยนะโว้ย” อาร์ตยังคงเกลี้ยกล่อม “หรือถ้าน้องวินง่วง… น้องวินจะนอนก่อนก็ได้นะครับ พวกพี่ไม่ว่าหรอก”

ผมถอนหายใจ “พวกมึงนี่นะ…”

เดี๋ยว…
“คือจะมาแดกห้องกูเหรอ” ผมหันขวับ เอาอีกแล้วนะพวกมึง “สัส บอกอะไรกูซักคำรึยัง”

“ทำไม ไม่ได้รึไง” อาร์ตรีบย้อน “ช่วงนี้น้องวินห่างเหินกับพรี่เหลือเกินนะครับ พรี่เสียใจ” มันดัดเสียงจีบปากจีบคอซะน่าเตะ

“มาน้องมาพี่กับกูอีกคำกูเอาหนังยางดีดปากตามจำนวนพยางค์เลยนะเชี่ยอาร์ต” ผมคาดโทษ

“โถ่ว… ไม่หนุกเลย” ไอ้ตัวดียังมีหน้ามาบ่น “แซวกันหนุกๆ น่า”

ไว้ให้พ่อมึงได้เพลิดเพลินเถอะครับเพื่อน ไม่ต้องเอาเรื่องแบบนี้มาเอนเตอร์เทนกู
ได้ยินก็หลอนแล้ว โอ๊ย ปวดกบาล

“ตอนโดกูไม่ใช่สวนสนุกพวกมึงนะ ห่า เดินเข้ากันเป็นดิสนี่ย์แลนด์เลย ถามความสะดวกกูบ้างมั้ยเนี่ย”

“ก็ถ้ามึงไม่มีใครซุกไว้ที่คอนโดนอกจากแมว กูก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหานะ” พีทพูดแบบลอยหน้าลอยตา พลางเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันมามองหน้าผม “ใช่มั้ย”

ไอ้ห่าพีท หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ
ผมทำตาโตส่งโทรจิต 

“โอ๊ย อย่างแม่งจะมีใคร๊” อาร์ตขึ้นเสียงสูง “ไม่พ้นหูพ้นตากูหรอก”

“เหรออ” พีทลากเสียงยาว ทำเอาต้องหันไปมองแรงใส่อีกรอบ

เงียบไปเลย ผมแยกเขี้ยว “เออๆ อยากไปก็ไป กูห้ามมึงได้ซะที่ไหนวะพวกห่านี่…”
“แต่พวกมึงเก็บกันเองให้เรียบร้อยเลยนะ กูจะนอน ใครแดกแล้วทิ้งไว้ตื่นมากูจะเอาไปยีหัวเรียงตัวเลย”

“เออน่า รับรองเก็บเรียบ” อาร์ตพนักหน้า

“มึงนี่แหละที่จะทิ้งวงไปก่อนใคร” พีทว่าเข้าให้ “ตกลงว่าไปห้องตี๋ เดี๋ยวกูไลน์บอกให้น้ำมันซื้อโซดาด้วยเลยดีกว่า เจอกันที่คอนโดทีเดียว” มันสรุป

“เก็บของเสร็จยัง ไปเร็ว ไปซื้อของกินก่อนแล้วค่อยกลับด้วย”

แหม… สั่งเอาสั่งเอาเป็นเตี่ยกูเลยนะ เชี่ยอาร์ต...
 
_ _ _ _

23.56

หลังจากจัดการอาหารการกินเสร็จ และผมเอาจิ๋วใส่กรงกันป่วนเรียบร้อย วงเหล้าญี่ปุ่นก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง ไอ้อาร์ตยืนยันว่าต้องนั่งล้อมวงกินกับพื้น จะได้เข้าถึงจิตวิญญาณของอุเมะชูที่แท้จริง แต่มองจากสภาพแล้วผมว่าเหมือนวงเหล้าเถื่อนตามชายแดนเลยครับ ขาดแค่แคร่ไม้ไผ่กับมะยมไว้แกล้มเหล้าเท่านั้นก็ครบแล้ว 

หลังจากกินดื่มกันพอกรึ่มๆ ก็ขอต้อนรับสู่รายการเรื่องจริงผ่านจอภาคสถาปนิกสู้ชีวิต ประจำไตรมาสนี้ครับ

เริ่มที่คุณอาทิตย์ Construction inspector บริษัทรับเหมาก่อสร้างชื่อดังที่กำลังนั่งชันเข่าเอามือทุบพื้นระบายอารมณ์อยู่ด้านขวามือผมเลยครับ ท่าทางจะเก็บกดมานาน

“โอ๊ยยย ไอ้เชี่ยย มึงคิดดูดิ่ ความชุ่ยของผู้รับเหมานี่โคตรบียอร์น ฉาบปูนแบบนั้นมันก็ร้าวหมดเพราะไม่ได้ใส่ wire mesh ก่อนอ้ะ แล้วกูมาเจอตอนสร้างบล็อกที่สอง ไอ้ชิบหาย แตกลายงาเป็นกังไสเมืองจีนเลย”

“เอ้า... แล้วถ้าเจอแบบนั้นแล้วมึงจะทำยังไงวะ” ผมอดสงสัยไม่ได้ “ลูกค้าก็ยังไม่ได้ตรวจรับ”

“แก้สิครับ” มันตอบเซ็งๆ “ถ้าตรงไหนร้าวก็ต้องรื้อเลย แล้วไปเฝ้าตอนปู Wire mesh ก่อนฉาบ”
“ส่วนถ้ามันยังไม่ร้าว… ก็ใช้ศรัทธาเอา” มันพนมมือประกอบ “เพี้ยง อย่าร้าวเลยครับผนัง ขอความยืดหยุ่นของปูนฉาบจงมีแก่เจ้า”

“ฮ่าๆ โคตรเหี้ย” ไอ้น้ำหัวเราะเสียงดัง “ตึกมึงอยู่ได้ด้วยความเชื่อเรอะ”

“อย่าให้กูเห็นมึงไปไหว้เสาเอกตอนก่อสร้างนะ” อาร์ตชี้หน้าคาดโทษ

“กล้วย อ้อย ข้าวตอกดอกไม้ มาเป็นเซ็ตเลย” พีทแทรกขึ้น “แม่งต้องมีอ่ะ ทุกโครงการเลยที่กูเจอ”
“นี่มึงยังไม่เจอฤกษ์เทปูนใช่มั้ย”

“คือเชี่ยไรเนี่ย ฤกษ์เทปูน” น้ำทำหน้างง เออ นี่ผมก็เพิ่งได้ยินนะ

“ก็เวลาเทปูนครั้งแรกนั่นแหละ มีโพยมาเลยนะมึง เวลาเท่านี้เท่านั้น ละเอียดระดับนาทีเลยแหละ” พีทอธิบาย “เหมือนเวลาออกรถอ่ะ”

“กูเคยได้ยินแต่ตึกเสร็จแล้วมีฤกษ์เปิดตึก” ผมว่า “งั้นกูต้องดูเวลากดชักโครกครั้งแรกด้วยป่ะวะ ชักสงสัยแล้ว”

“กวนตีนนะมึงอ่ะ” อาร์ตโยนฝาโซดาใส่ขาผม ทำเอาผมหัวเราะเสียงดังบ้าง

“แต่ถ้ามึงเจอผูรับเหมาถ้าทำงานชุ่ยงี้ มึงก็ต้องคุมแจเลยดิ่ เข้าไซต์ทุกวันเหรอ” น้ำถามบ้าง

“เออ ดำจนจะไหม้แล้วเนี่ย” อาร์ตบ่นอุบ “ใครจะได้นั่งหน้าใสแช่แอร์ในออฟฟิศแบบไอ้ตี๋ละครับ”

ถึงกับเหวอ
“อ้าว แวะมาแซะกูทำไม”

“ตี๋มันก็มีเรื่องกลุ้มใจของมันป่ะวะ” พีทว่าขึ้น

“เออ… จะว่าไป... แล้วมึงเป็นไงบ้างละ เรื่องไอ้คุณตะวันอะไรนั่นน่ะ” อาร์ตถึงกับวางแก้วในมือลงแล้วหันมาถามอย่างจริงจัง
“ตอบมาเลยไวๆ”

โอ๊ยไอ้เชี่ยนี่ บ่นเรื่องผนังร้าวต่อไปสิวะ

“ก็ยังเหมือนเดิม…” ผมว่าแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม

“เพิ่มเติมคือความเปย์…” น้ำต่อประโยคให้ผม “บอกแม่งไปดิ่ว่านอกจากจะส่งไลน์กับดอกไม้มาเซ้าซี้ทุกเช้าแล้ว ยังส่งขนมมาเป็นบรรณาการคนในออฟฟิศมึงอีก”

“เหยดดดดดดด” สองคนที่เหลือร้องขึ้นพร้อมกัน

“เชี่ยน้ำ…” ผมว่า “ขายกูซะหมดเกลี้ยงเลยนะ” 

“กูบอกแล้วว่าไม่ธรรมดา” พีทรีบบอก “เคยพูดผิดที่ไหน”

“ก็อยากจะชมว่าความพยายามแม่งดีเหลือเกิน แต่จุดนี้กูเริ่มจะกลัวแทนมึงแล้วว่ะตี๋” อาร์ตว่าพลางเอื้อมมือมาตบไหล่ผม
ขอบใจมาก กูสบายใจขึ้นเยอะเลยไอ้ห่า

“แล้วตกลงมึงจะทำยังไงต่อ นิ่งๆ ไปแบบนี้จะดีเหรอวะ” น้ำถามขึ้นอีกครั้ง “มึงควรทำอะไรสักอย่างนะ”

ถึงกับต้องนั่งคิดกันตาลอย

ทำยังไงดีวะ ถึงจะให้คุณตะวันนี่เลิกยุ่งเรื่องส่วนตัวและ เอ่อ… เลิกเปย์… และ...ก็…  อ่า… เลิกจีบผมด้วยวิธีแบบนี้สักที
เอาแบบไม่แตกหักด้วยนะครับ นี่ยังต้องมีคุยงานกันต่อแน่ๆ ทำโปรเจคนี้ใช่ว่าจะใช้เวลาน้อยๆ 

“เฮ้ย!! กูรู้ละว่าควรจะทำอะไร” อาร์ตพูดเสียงดังแล้วตบเข่าตัวเองดังป้าบ ทำเอาพวกผมที่เหลือต้องหันหน้าไปฟังแผนมันอย่างสนใจ ณ จุดนี้ ขอฟังความเห็นคนอื่นหน่อย ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตแล้วครับ

“มึงต้อง… ไปทำบุญ!! กูว่าได้เวลาที่มึงจะต้องเติมแต้มบุญแล้วเว้ยตี๋!!!” ฟังจบแทบอยากจะถุยเม็ดบ๊วยใส่หน้า ไอ้สองคนที่เหลือนี่อึ้งไปเลย ไอเดียมึงสร้างสรรค์เหลือเกินนะเพื่อนอาร์ต
“ทำไมพวกมึงมองกูแบบนั้น ไอ้ตะวันนั่นอาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรไอ้ตี๋ก็ได้นะโว้ย”

“เชี่ยอาร์ตตต ไอ้ชิบหายยยยย นึกว่าจะมีทางแก้สถานการณ์อย่างมีชั้นเชิง” ผมโวยในขณะที่พีทกับน้ำนั่งกลั้นขำจนไหล่สั่น
“ให้กูไปทำบุญเนี่ยนะ!” 

“เก้าวัดเลยไง แม่งต้องช่วยมึงได้บ้างแหละ” มันยืนยัน “แต่ซวยระดับนี้กูว่าไปอยุธยาเลยดีกว่า เคสมึงเกาะรัตนโกสินทร์อาจจะเกินเยียวยา มึงจะได้ไหว้ที่เมืองเก่าของเราแต่ก่อน เอาแบบเก้าคูณสองเลยก็ยังได้ เอาจำนวนวัดเข้าสู้ไง” มันตอบหน้าตาเฉย 

“โอ๊ยยย ไอ้เหี้ยยยยย” ไม่รู้จะด่าความครีเอทนี้ด้วยคำว่าอะไร ได้แต่กุมขมับแล้วโวยวาย ไอ้น้ำกับพีทเห็นแล้วถึงกับปล่อยหัวเราะก๊ากเลยทีเดียว

“ฮ่าๆ จะว่าไปก็ดีนะกูว่า คือมึงหาทางออกไม่ได้แล้วจริงๆ นี่หว่า” พีทพูดไปขำไป “ได้เวลาใช้ไสยศาสตร์แล้วมึง ฮ่าๆๆ”

“เออ ถือว่าไปพักผ่อนด้วย” น้ำเสริมขึ้น “มึงบ้างานเกินไปละรู้ตัวป่ะ”

“อันนี้เห็นด้วย แม่งทำงานตลอดเวลา กูเห็นแล้วจะบ้าแทน” พีทบอก “แต่ไปวันอาทิตย์นะ พรุ่งนี้กูติดธุระกับที่บ้าน”

“กูยังไม่ได้ตกลงเลยยย” ผมร้อง

“นี่ทริปเติมแต้มบุญของมึงเลยนะครับเพื่อน” อาร์ตย้ำ “เพื่อมึงเลย”

“กูรู้ว่ามึงแค่อยากแดกกุ้งแม่น้ำอยุธยา” ผมหันขวับ “อย่ามาเนียน”
ไอ้ตัวต้นคิดแค่ยักไหล่กลับมา กูทายถูกสินะ...

“เอาน่า พักบ้างๆ เดี๋ยวเช้าวันอาทิตย์ก็ออกเดินทางกันซัก… แปดโมง” พีทบอกข้อสรุป

“เชี่ย แปดเลยเหรอ” อาร์ตอุทาน “เช้าไปปป กูง่วงง ออกสักสิบเอ็ดโมงได้ป่ะวะ”

“หราา... สิบเอ็ดโมงเหรอออ... มึงก็ไม่ต้องไปก็แล้วกัน” พีทตอบอย่างไร้เยื่อใยทำเอาไอ้อาร์ตเบ้หน้า ”เดี๋ยวพวกกูไปกันเอง”

“อ้าว ได้ไงล่ะ…” อีกฝ่ายเตรียมจะโวยแต่ก็เปลี่ยนใจ “เออๆๆ แปดก็แปด โว้ะ...”
ถูกแล้ว มึงคิดยังไงจะไปเถียงไอ้พีท แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

“น้ำ มึงไปด้วยใช่มั้ย” พีทหันหน้ามาถาม

“อาฮะ” น้ำพยักหน้าตอบ “ไป”

“เอาจริงใช่มั้ยเนี่ย” ผมว่า “พวกมึงนี่ โอ๊ยย”

“เอาจริงสิวะ ถือว่าไปเที่ยวก็แล้วกัน” พีทพูด “สรุปว่า วันอาทิตย์นี้ ทริปแก้ชงไอ้ตี๋ เจอกันบ้านกูแปดโมง”
“....ถ้าใครให้กูไปรับถึงบ้านกูจะนัดหกโมงครึ่ง” พีทดักคอ ทำเอาไอ้อาร์ตได้แต่ทำปากมุบมิบ

“ส่วนตอนนี้ จัดการอุเมะชูตรงนี้ให้หมดแล้วแยกย้ายกันไปอาบน้ำนอน” ไอ้น้ำชูขวดเหล้าบ๊วยที่เหลืออยู่หนึ่งในสี่

นี่ตกลงผมต้องไปไหว้พระแก้ชงจริงๆ เหรอวะเนี่ย

_ _ _ _

TBC

แฮ่ พาเด็กๆ มาส่งค่ะ

เที่ยวนี้หายไปนานเลย หวังว่าจะยังไม่ลืมกันนะคะ
ได้รับค่าตัวเจ้าหวานจากแม่ๆ มาแล้วนะคะ มีแต่คนแซวว่าค่าตัวแพง 5555
ตอนหน้าหายคิดถึงแน่นอนน สัญญา ตอนนี้ขอพาตี๋วินเข้าวงเหล้าหน่อย คนเขียนคิดถึงเดอะแก๊งค์ค่ะ 5555 
อาจจะดูเฉื่อยๆ ไปบ้าง แต่ตี๋วินก็ใจอ่อนแล้วจริงๆ น้าาา

ขอบคุณทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ อ่านทุกคอมเมนต์จริงๆ นะเออ จำชื่อได้ทุกคนด้วย รักส์
ยินดีน้อมรับทุกคำติชมค่าาาา

เม้ามอยกันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก เหมือนเดิมนะคะ
แวะไปเล่นกับคนเขียนได้ที่ทวิตภพ @huentrop ค่ะ

คู่มือการอ่าน คลิกที่นี่ค่า
>>Insight Analyst<< (https://docs.google.com/spreadsheets/d/1348KZUrcI5bpsy-1gKgj5ZlbztDyWYXjWKtH705A3qk/edit?usp=sharing)


แล้วพบกันตอนหน้าค่า

 :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Mukk ที่ 24-02-2018 23:56:14
ไลน์คุณตะวันนี่ดองมาเป็นชาติ แต่ไลน์เจ้าหวานนี่รีบตอบเลยน้าาาา เหม็นความรักจ้าาา 55555555555  :hao7: เจ้าหวานค่าตัวแพงมากจริงๆค่ะ ตอนนี้มาแค่แชทเอง 555555555 เดอะแก๊งค์ยังตลกเหมือนเดิม คนจริงจังแบบตี๋ควรมีเพื่อนตลกๆแบบนี้ค่ะ เดี๋ยวจะเครียดเกิ๊นน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-02-2018 00:14:19
น้องหวานดูยุ่งกว่าพี่เขาอีกกก ว่าแต่คุณตะวันนี้ไม่ยอมปล่อยง่ายๆเลยนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-02-2018 02:00:03
จ้าาาา ไลน์ของน้องต้องรีบตอบเนอะ เดี๋ยวข้อความมันค้างนาน ดูรกๆงี้เนอะ ไม่ได้เลือกตอบเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 25-02-2018 02:07:17
คิดถึงหวานๆๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 25-02-2018 04:23:18
เห็นไลน์รกตาไมได้ ต้องรีบตอบสินะ
อื้มๆ 555555555555555552
ไม่เนียนไปเรียนใหม่นะจ๊ะตี๋วินนนนนน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 25-02-2018 11:46:12
ไปๆมาๆก็แอบเชียร์คุณตะวันนะ เพราะแกเปย์หนักจริงๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 25-02-2018 15:20:38
เข้ามาดูทุกวันเลยครับว่าเมื่อไรจะ up ซักที ขอบคุณครับที่มา up ให้อ่านรอตอนหน้านะครับ เอาหวาน ๆ เลยนะครับ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Lukaka ที่ 25-02-2018 15:55:19
มาแสดงตัวเป็นทีมน้ำ แม้ว่าตอนนี้ดูเหมือนไร้่แต้มต่อใดๆ ..... ไม่แข่งยิ่งแพ้ ที่แท้จริง
แต่ก็ต้องทำใจเพราะชอบมวยรอง ฮึกๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-02-2018 18:36:42
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 26-02-2018 13:27:18
คิดถึงเจ้าเด็กหวาน  :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-02-2018 15:40:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 26-02-2018 16:09:45
นี่ยังคงเป็น #ทีมน้ำ ฮ่าๆๆๆ ชอบโมเม้นเขานะ ชอบบรรยากาศของคู่นี้ แต่อยู่กับหวานก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-02-2018 22:14:46
หวานค่าตัวแพงจังเลย มาแค่ไลน์แล้วหายไปนึกว่าจะมาเซอไพรส์พี่วินที่ห้องซะอีก
ยังดีมีเพื่อนมาป่วนให้หายเหงา
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 25 P.10 ✽update 24.2.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 01-03-2018 20:46:03
เจ้าหวานตัวไม่โผล่แต่ก็ยังสามารถมาง็องแง๊ง(?) กับพี่วินได้ ของเขาแน่จริงๆ(แอบทำตี๋วินเขินอีก) เพื่อนน้ำกับคุณตะวันก็ต้องหลีกแล้วนะจ้ะ ตัวจริงเขามาแล้วว อิอิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 07-03-2018 20:52:09
ความเสี่ยงที่ 26

7.43
วันเสาร์


เป็นอีกครั้งที่ต้องได้รับการบันทึกว่าได้ค้นพบเหล้าที่ไม่แฮงค์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรายการ เรียกว่าพออาบน้ำปุ๊บก็ตื่นเต็มตาเฉยเลย ผมเลยได้โอกาสมานั่งรีวิวงานชิวๆ ตอนเช้าวันเสาร์แบบนี้อย่างสบายใจ ส่วนเดอะแก๊งค์ที่เหลือนั้นก็แยกย้ายกันกลับไปเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงหกโมงเช้า เพราะไอ้พีทมีธุระกับที่บ้าน เลยยกโขยงกันไปทีเดียวแบบน้ำไม่ต้องอาบ ก่อนกลับก็ยังย้ำเป็นมั่นเป็นเหมาะถึงทริปทำบุญเก้าวัดที่อยุธยาวันพรุ่งนี้เพราะกลัวผมจะเบี้ยว นี่นึกว่ามันจะลืมๆ ไปแล้วนะครับเนี่ย

แต่มานั่งคิดอีกที
เออ... ไปก็ได้ครับ เผื่อบุญมันจะช่วยอะไรได้บ้าง
ได้เที่ยว ไม่ต้องขับรถเอง ยังไงก็สบาย

ใช้เวลาอีกไม่นานนักเอกสารที่เอาติดมือมาก็รีวิวเสร็จเรียบร้อย เลยได้เวลามาเอาอกเอาใจแปรงขนให้เจ้าแมวนี่สักหน่อย เมื่อวานตอนตั้งวงเหล้ากันตัวแสบนี่มัวแต่จ้องจะแทะกางเกงยีนส์รุ่ยๆ ของไอ้อาร์ต ปีนหัวไอ้พีท แถมเผลอเป็นไม่ได้ชอบมาดมขวดเหล้าอยู่เรื่อย ป่วนจนต้องเอาไปใส่กรง ขี้เหล้าเหมือนใครเนี่ยไอ้ตัวจ้อย!

หลังผมลูบหัวลูบหางจนมันพอใจ เจ้าตัวก็นอนขดตัวกลมป๊อกอยู่บนตักแบบไม่ให้ลุกไปไหน ช่วยไม่ได้แฮะ ว่าจะจับตัดเล็บเช็ดหูให้สักหน่อย ไว้ก่อนแล้วกัน ผมเลยได้แต่นั่งจุ้มปุ๊กยอมให้แมวสิงอยู่บนโซฟาแล้วเปิดดูทีวีไปเรื่อย จะว่าไปตอนนี้แมวจิ๋วเริ่มจะไม่จิ๋วแล้วนะครับ มานอนทับตอนหลับทีนี่ยังกับโดนผีอำ ต้องตื่นขึ้นมาโกยแมวกลางดึกทุกคืนเลย

Rrrr…. Rrrr…

โอ๊ะ โทรศัพท์...
แอบมองด้วยความลุ้น ขออย่าให้เป็นคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยต. เต่าคนนั้นเลย…
อ้อ… ไม่ใช่แฮะ

“ว่าไง”

(ว้าา… ตื่นเช้าจังเลย นึกว่าจะได้โทรมาปลุกซะอีก)
เสียงเจ้าเด็กปีหนึ่งบ่นหงุงหงิงมาตามสาย ทำเอาผมต้องขมวดคิ้ว

“อะไรเล่า… นี่มันแปดโมงกว่าแล้ว”

(ก็อยากได้ยินเสียงพี่วินงัวเงียบ้างนี่)

“พอเลย” ผมเบรคเสียงเข้ม

(อย่าดุนักสิครับ ออกจะน่ารักแท้ๆ...)

กูคงเป็นคนดุที่ไร้ประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกแล้วแหละ ดุจริงมันต้องมีคนเกรงกลัวบ้างป่ะวะ
ดูจากที่มึงยังอารมณ์ดีหยอดนู่นคุยนี่กับกูได้เนี่ย ห่างคำว่าดุไปหลายซอยเลยนะ
กวนตีน...เดี๋ยวกูตัดสายซะนี่…
ผมเตรียมโวยใส่โทรศัพท์ “ไอ้เด็--”

(อ๊ะๆ อย่าเพิ่งว่าครับ…) มันขัดจังหวะ (นี่ทานข้าวเช้าแล้วรึยัง) อีกฝ่ายถามกลั้วหัวเราะ

“อ่า… ยัง” ผมว่าแล้วบิดชี้เกียจ จะว่าไปก็ยังไม่ค่อยหิวนะ “ทำไมเหรอ”

(เฮ่อ ค่อยยังชั่ว นึกว่าข้าวต้มจะมาเก้อซะแล้ว)
(กดลิฟต์ให้หน่อยสิครับ รออยู่ข้างล่างเนี่ย)


“หา” ผมร้อง
ทำไมทุกคนชอบมาหากูแบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพอะไรสักคำวะเนี่ย

_ _ _ _

8.34

ผมยืนกอดอกอุ้มแมวอยู่หน้าประตูตอนเจ้าเด็กปีหนึ่งเปิดเข้ามา
มองแล้วก็ต้องขมวดคิ้วกับออร่าความหล่อของมัน แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้ม… มันดูดีได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ
ไม่นับที่มันยิ้มกว้างอย่างน่าหมั่นไส้เข้ามาด้วยนะ...

“โห คิดถึงจังเลยยย” ร่างสูงเดินปรี่เข้ามาหา “ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน ไหนมาหอมหน่อยสิครับ”

“ห๊ะ” ผมทำตาโต เผลอก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ “อะไรของมึงเนี่ย หยุดเลย” ผมยกเท้าขู่
เข้ามากูถีบนะเอาจริงๆ

อีกฝ่ายแค่กระตุกยิ้มแล้วทำสายตาวิบวับ “ก็… ขอหอมหน่อย” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ “นะครับ...”
ทำเอาผมเผลอเม้มปากกลั้นหายใจระหว่างมองตากัน เด็กหวานหัวเราะในลำคอก่อนจะก้มตัวลงกดจมูกลงไปที่หัวกลมๆ ของแมวจิ๋วในอ้อมแขน

อึ้ง…
แดก...


มันเงยหน้าสบตาผมแล้วย่นจมูก
“จิ๋วไม่ได้อาบน้ำแน่เลย”

โอ๊ยยย ไอ้เด็กบ้าาาาาา
อยากหอมแมวตอนถามมึงก็ไม่ต้องมองหน้ากูมั้ย ไอ้ชิบหายย
แล้วเคยบอกรึยังว่าเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของมึงมากกก ไอ้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์มีแผนการแบบนี้น่ะ

ในขณะที่กำลังคิดคำจะด่าไอ้เด็กนี่ให้สาสม คนตรงหน้าก็ยืดตัวขึ้นแล้วฉวยโอกาสยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่  จะหลบก็ไม่ทัน จะร้องก็ไม่ออก ก่อนจะตั้งสติได้อีกฝ่ายก็รีบผละออกไปอย่างรวดเร็ว ผมเลยได้แต่อ้าปากค้างอุ้มแมวยืนโง่ๆ เรียงลำดับเหตุการณ์อยู่ที่เดิม

“อื้ม… ส่วนคนนี้อาบแล้ว” มันพูดพร้อมยิ้มแก้มจะแตก

ผมตาโต…
เมื่อกี้… มั่นใจว่าจมูกโด่งๆ นั่นชนเข้ากับหน้าผมแบบจังๆ ลมหายใจยังติดอยู่ที่ผิวอยู่เลย
คิดขึ้นได้แล้วหน้าก็ร้อนวูบขึ้นมาทันที

“ไอ้หวาน!!” ผมร้องเสียงดัง ไม่ต้องถามแล้วครับว่าหัวใจเต้นแรงขนาดไหน “ทะลึ่งใหญ่แล้วมึงเนี่ย!!”
พูดจบก็ต่อยไปที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างไม่เบานัก ทำเอาคนโดนถึงกับต้องงอตัวร้องโอดโอย

“โอ๊ย ทำไมมือหนักจังเลยครับ”

“ตีนก็หนักถ้าอยากจะลอง!” ผมวางแมวลงกับพื้น “เล่นอะไรบ้าๆ” ผมว่าเสียงเขียวก่อนหันไปส่งสายตาอาฆาตให้เด็กหวาน  ถึงปากจะร้องแต่หน้ามึงยังยิ้มร่าอยู่เลยนะ หุบก่อนยิ้มไม่ได้รึไง แล้วทำไมแอคติ้งนานแบบนี้เนี่ย “อย่าเว่อร์ ลุกเลย”

“จุกเหมือนกันนะครับ…”

“สมแล้วแหละ” ผมตอบส่งๆ   

“แต่คุ้ม...”
หวานยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำเอาอยากจะทดสอบพลังหมัดอีกสักรอบ
ก็… ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ใจสั่นอยู่ละก็นะ…   

เดี๋ยว... ผมแต่ตกใจไปหน่อยเท่านั้นแหละน่า! ไม่มีอะไรหรอก

“ไม่เข็ดนะมึงเนี่ย” ผมพูดก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินปึงปังนำเข้าไปในห้อง
“ไหนข้าวต้ม ให้ไว”

_ _ _ _

10.02

ผมนั่งขัดสมาธิอยู่ที่หน้าโซฟาโดยมีจิ๋วนั่งหงายพุงอยู่บนตัก ตัวเล็กส่งเสียงประท้วงต่ำๆ ในลำคอ
“อย่าบ่นน่า… ตัดเล็บนิดเดียว” ผมเอามือหนึ่งจับเท้าหน้า ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ถือกรรไกรตัดเล็บไว้ในมือ
จิ๋วออกแรงดิ้นขลุกขลักไปมา “นิ่งๆ” ว่าแล้วก็ยกขาล็อคเจ้าขนฟูไว้อีกที 

“ล้างจานเสร็จแล้วครับ สะอาดเอี่ยม ผมรับประกัน” คนตัวสูงส่งเสียงนำมา ก่อนจะโผล่หน้ามาจากครัวแล้วมองมาอย่างอึ้งๆ
“โห ต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับพี่วิน”

“ขนาดนี้ยังไม่ยอมเลย ดูสิ” ผมวางกรรไกรในมือลงแล้วหันมาแงะเอาจิ๋วออกจากเสื้อยืดย้วยๆ ของตัวเอง “เนี่ย กางเล็บเกี่ยวมั่วไปหมด” ผมยกจิ๋วขึ้น เชื่อมั้ยครับว่าแมวมันทำหน้าบูดได้ด้วย 

“ผมช่วยดีกว่า” ว่าแล้วก็เดินมารับแมวจากมือผมแล้วนั่งขัดสมาธิลงฝั่งตรงข้าม ไม่นานนักจิ๋วก็โดนจับหงายท้องแล้วล็อคอุ้งเท้าหน้าไว้อย่างคล่องแคล่ว ตัวแสบเลยได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของมืออย่างเด็กหวาน ผมเลยได้ทีคว้ากรรไกรตัดเล็บมาลงมือสักที

“ไม่ต้องขู่เลย เสื้อเป็นรูไปกี่ตัวแล้วเห็นมั้ย” ผมว่าแล้วค่อยๆ จับอุ้งเท้าจิ๋วพลิกไปมาแล้วค่อยๆ ตัดเอาส่วนที่แหลมๆ ออกไปทีละเล็บ “เวลาจับตัดเล็บนี่อาละวาดทุกที” ผมบ่น 

“พี่วินก็น่าจะใส่กางเกงขายาว” หวานพูดหน้างอ “เนี่ย ขากับแขนโดนเล็บจิ๋วขูดเป็นรอยหมดเลย”
ไม่พูดเปล่า สายตาของไอ้คนพูดยังจ้องมายังต้นขาที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นออกมาอีกต่างหาก
เออ… รู้แล้วว่ารอยแดงๆ นี่มันเด่นและดูน่ากลัวไปหน่อย แต่ไม่ต้องมองขนาดนั้นได้มั้ยล่ะ! 

“หะ… เห้ย… ธรรมดา เลี้ยงแมวมันก็ต้องมีบ้างสิ” ผมว่าพลางก้มหน้าก้มตาตัดเล็บแมวต่อ

“นั่นแหละครับ พี่ต้องระวังด้วยสิ” หวานตอบ “แล้วนี่ก็ไม่ต้องไปแกล้งพี่วินเลย ยังมามองหน้าอีก ไอ้จิ๋วตัวเหม็น”

ผมขมวดคิ้ว “ไหน มันเหม็นขนาดนั้นเลยเหรอ” ชะโงกหน้าไปหาคนตัวสูงแล้วก้มลงดมหัวจิ๋วบ้าง
อาบน้ำครั้งสุดท้ายก็อาทิตย์ที่แล้วนี่เองนะ มันจะเหม็นได้ยังไง
“อืม… ก็ไม่นี่…” ผมขมวดคิ้ว

พอเงยหน้าขึ้นไปจะเถียงเจ้าเด็กขี้มั่ว ก็เจอเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาในระยะประชิด
แต่ครั้งนี้นอกจากสายตาที่จับจ้องมา… ยังเจอเข้ากับลมหายใจที่สะดุดลงอย่างสังเกตได้
แววตาของคนเด็กกว่าไหววูบ ดูประหม่ากว่าที่เคยเป็น...
อีกอย่าง…ผมว่าแก้มของอีกฝ่ายขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

นี่… มัน….
เขินเหรอ...


ผมแอบยิ้มในใจ… เจ้าหวานนี่ก็มีเวลาที่เสียศูนย์เหมือนกันแฮะ
แค่ผมเข้ามาใกล้แบบนี้เนี่ยนะ…

เอ๊ะ...

ทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังอยู่ในท่าทางแบบไหน ก็กลายเป็นผมเองที่รู้สึกถึงความร้อนบนหน้า และได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นโครมครามทะลุออกมาจากอก ผมกัดริมฝีปากกับความจริงที่ว่าใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ และตัวผมเองนี่แหละที่เป็นคนทำให้เกิดสถานการณ์ชวนน่าอายนี่

ตัดเล็บแมวต่อดีกว่า… ผมหนีเอาดื้อๆ
“ไม่เห็นจะเหม็นเลย มึงแม่ง...” ผมก้มหน้างุด เล็บแมวนี่มันตัดยากจริงๆ นะครับ ดูสิ

“เหม็นดิ่” หวานยังเถียง

“ไม่เห็นจะมีกลิ่นอะไรเลย” ผมย่นคิ้วกับกรรไกรตัดเล็บในมือ

“มันหอมไม่เท่าพี่วินนี่นา” คนตรงหน้าเอนตัวมาพูดใกล้ๆ 

ถึงกับต้องรีบเงยหน้ามาชี้มือคาดโทษ “ไอ้นี่ เงียบไปเลย… เดี๋ยวโบกด้วยกรรไกร”
แต่หวานแค่ยกยิ้มแล้วยักคิ้วใส่แบบไม่แคร์โลก
ช่วยกลัวกูสักนิดได้มั้ยวะไอ้เด็กบ้าาาา

“อ่ะ เสร็จแล้ว” ผมวางกรรไกรตัดเล็บลงที่พื้น ยกตัวจิ๋วขึ้นจากตักของอีกฝ่าย
“ไหน ดูหน้าแมวหมดเขี้ยวเล็บหน่อยซิ” ดูจากสีหน้าแล้ว… ถ้าพูดได้ จิ๋วคงกำลังบอกผมว่า ปล่อยเลยมนุษย์ ไม่ตลกนะ!
โอ๊ย แต่มองยังไงก็ตลกอ้ะ ผมขยี้มือกับหัวกลมๆ ก่อนจะปล่อยให้เดินกับพื้น ตัวแสบยิ่งหน้าง้ำเข้าไปใหญ่

เด็กหวานหัวเราะแล้วผละตัวไปหยิบที่โกยผงมาเก็บเศษขนเศษเล็บแมวที่กองอยู่
เอ้อ สบายดีเหมือนกันแฮะ มีคนทำความสะอาดให้ด้วย ผมนั่งแปะอยู่หน้าโซฟา มีบริวารเป็นแมวจิ๋วที่นั่งหันหลังให้อยู่ข้างๆ
ท่าทางจะยังงอนอยู่ ต้องง้อด้วยขนมสักสองซอง

“นี่… วันนี้มีโปรแกรมไปไหนอีกหรือเปล่าน่ะ” ผมถามหลังจากคนตัวสูงเดินกลับมานั่งขัดสมาธิลงข้างๆ

“ไม่ครับ พี่วินจะออกไปไหนหรือเปล่า ผมไปส่งมั้ย” คนตอบพูดเร็วปรื๋อ

“ม่ายย” ผมพูดเสียงยานคาง “ก็นึกว่ามีธุระะไรต้องไปทำต่อ ไหนบ่นว่าปิดเทอมแล้วไม่ว่างไง”

“เสาร์อาทิตย์นี้ไม่มีครับ เคลียร์ไว้โดยเฉพาะ” หวานยิ้มตาหยี

“คือจะมาอยู่นี่ทั้งวันเลยงั้นสิ?”

“อยากอยู่สองวันหนึ่งคืน อนุญาตไหมล่ะครับ” มันทำตาเป็นประกาย

“พอ” ผมย่นจมูกแล้วย้ายตัวเองมานั่งบนโซฟา “ว่างแล้วไม่กลับบ้านบ้างล่ะ พ่อแม่จำหน้าได้บ้างมั้้ย”
เออ พูดจบแล้วก็นึกได้ บางทีผมควรจะถามตัวเองมากกว่า นี่ไม่ได้กลับบ้านตั้งเกือบสองอาทิตย์แล้ว
ป๊าม๊ายังจำได้รึเปล่าวะว่ายังมีลูกชายอยู่อีกตัวเนี่ยยย 

“ใครว่าผมอยู่หอล่ะ นี่กลับบ้านทุกวันเลยนะครับ”

“ลูกคนเดียว?” ผมเดา
จะว่าไปก็ไม่เคยรู้เรื่องครอบครัวของเด็กตรงหน้าเลยนี่นา
วิเคราะห์โดยทั่วไปจากการสังเกต ที่บ้านก็คงไม่ธรรมดา… ชาวบ้านทั่วไปเขาจะให้ BMW 320d ลูกเพื่อขับไปๆ กลับๆ บ้านกับมหาลัยเหรอครับ กว่าผมจะได้รถของตัวเองนี่ตั้งปีสามเข้าไปแล้วเชียวนะ   

“ผิดครับ” หวานพูดพร้อมลุกขึ้นแล้วยื่นหน้ามาจ้องผม “ทายผิดต้องโดนทำโทษนะ” มุมปากยกยิ้มอย่างทะเล้นเหมือนเคย

“อย่าได้คิดเชียว” ผมว่าเสียงเข้ม ทำเอาคนเด็กกว่าหัวเราะเสียงดังก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ   

“ไม่ทายต่อแล้วเหรอครับ”

ผมเลิกคิ้ว “คนสุดท้อง”
นิสัยขี้อ้อนแบบนี้… คงไม่ใช่พี่คนโตแน่ล่ะ

“ปิ๊งป่อง ถูกต้องครับ” หวานว่ายิ้มๆ “แต่เรียกลูกหลงเลยดีกว่า… ห่างกับพี่คนโตก็... สิบปีพอดี” 

ผมหันขวับ “สิบปี? นี่พี่ชายก็ยี่สิบแปดแล้วสิ”

“ใช่ครับ พี่คนโตอายุยี่สิบแปด ส่วนพี่คนรองปีนี้ก็ยี่สิบหก ตอนนี้ช่วยงานที่บ้านอยู่”

“อ้อ…” ก็ไม่แปลกที่จะนิสัยเด็กขนาดนี้ เป็นน้องเล็กที่ทุกคนโอ๋นี่เอง
“อ๊ะ… อย่าบอกว่ามีพี่ชื่อขมกับเปรี้ยว”

อีกฝ่ายได้ยินแล้วก็หัวเราะ “ที่ไหนล่ะครับ พี่ชื่ออันดากับอัศวินต่างหากล่ะ ส่วนผมก็ชื่ออารัญไง”
 
“อ้าว” ผมว่า “แล้วหวานมาจากไหน” สงสัยจริงๆ แล้วนะ

“แม่อยากได้ลูกผู้หญิงครับ เลยตั้งชื่อรอไว้เลยว่าหวานใจ”

“สาวซะไม่มี” ผมหลุดขำ “แล้วออกมาตัวอย่างกับตึก”

“เลยได้ชื่อเล่นว่าหวานไงครับ” คนพูดอธิบายชื่อตัวเองยิ้มแป้น “แต่ก็อยากเป็นหวานใจของพี-- อุ๊!”
เสียงอีกฝ่ายอุทานเพราะโดนหมอนอิงที่อยู่ในมือผมปาใส่เอานั่นหละครับ

“โอ๊ะ หลุดมือ…” ผมแกล้งร้อง
     
“ทำไมขี้เขินอ้ะ” มันทำหน้ายุ่ง
ผมไม่ตอบ ทำไม่รู้ไม่ชี้ก้มหน้าลงไปอุ้มจิ๋วที่อยู่ข้างโซฟาขึ้นมากอดไว้

“ไม่เป็นไร น่ารัก ยังไงผมก็ยอม”
มันยังไม่เลิกครับ ไอ้คนหน้าไม่อาย!

โอ๊ะ ดมหัวแมวคราวนี้ผมว่ามันเหม็นๆ นะ
“ไปอาบน้ำดีกว่าจิ๋ววว” ผมลากเสียงยาวแล้วรีบลุกขึ้น

เมื่อกี้เด็กหวานมันพูดว่าอะไรนะ? ไม่ค่อยได้ยิน
แต่แมวต้องอาบน้ำแล้วล่ะ มันจำเป็น
ไม่ได้หนีเลยนะครับเนี่ย

แม่ง...
อย่าหัวเราะแบบนั้นได้มั้ย น่าหมั่นไส้เป็นบ้าเลย!

_ _ _ _
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 07-03-2018 21:12:33
12.23

“บอกว่าจะไปช่วยก็ไม่เชื่อ” เสียงคนเด็กกว่าพูดเซ็งๆ

ผมทำเสียงฮึในคอ “ง้อเจ้าตัวนั้นเถอะ” ผมชี้มือไปยังแมวจิ๋วที่ตอนนี้นั่งขนฟูสะอาดเอี่ยมแต่ตาขวางอยู่บนชั้นวางของ ก่อนจะยกผ้าขึ้นเช็ดผมตัวเองลวกๆ

ไม่น่าลืมไปว่าตัวแสบยังงอนอยู่ พอเข้าห้องน้ำเปิดฝักบัวปุ๊บก็วิ่งปั๊บ ทั้งสะบัดทั้งหนีจนวุ่นไปหมด กว่าจะจับได้เล่นเอาเหนื่อยแฮ่กทั้งแมวทั้งคน พออาบน้ำแมวเสร็จสภาพผมนี่อย่างกับออกมาจากข้าวสารตอนวันสงกรานต์ เปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า เลยจำเป็นต้องเรียกให้เจ้าเด็กหวานมารับจิ๋วจากหน้าประตูห้องน้ำไปเป่าขน ส่วนผมก็เลยต้องอาบน้ำสระผมใหม่ซะอย่างนั้น ดีหน่อยที่จับตัดเล็บไปแล้ว ไม่งั้นคงได้เลือดเอาแน่ๆ

“ตัวนั้นให้ขนมหน่อยก็ลืมแล้วครับ ที่จะเป็นหวัดน่ะคนนี้ต่างหาก เช็ดอย่างนั้นเมื่อไหร่จะแห้งล่ะครับพี่วิน” พูดจบก็จัดการจับจูงผมไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะยืนยิ้มกว้างแล้วหยิบปลายผ้าผืนเล็กไว้ในมือตัวเองแทน “ผมช่วยนะครับ”   

ผมมองตามผ้าไปอย่างชั่งใจ
พลันนึกถึงคำแนะนำประหลาดของเพื่อนตัวเองเมื่อไม่นานมานี้

ชีวิตอย่ามีเหตุผลนักเลยมึง ใช้ความรู้สึกมั่งเหอะ

ยังไม่รู้หรอกครับว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร แต่ตอนนี้ที่มีมันอยู่ข้างๆ ก็ดีเหมือนกัน

“อือ”
ผมส่งเสียงตอบไปเบาๆ ในลำคอ แล้วขยับตัวนั่งกอดเข่าเงียบๆ ปล่อยให้เด็กหวานใช้ฝ่ามือใหญ่ๆ กับผ้าขนหนูซับน้ำออกจากเส้นผมตัวเองจนเกือบแห้ง

ผมวางคางลงกับเข่าตัวเองแล้วหลับตาลง

มึงรู้สึกยังไงก็ทำไปตามนั้น อยากจะชอบก็ชอบ อยากจะรักก็รัก

“พี่วิน” คนเด็กกว่าเรียกขึ้น ทำเอาต้องลืมตาขึ้นมาแบบช่วยไม่ได้
เมื่อไหร่กันที่เจ้านี่หยุดมือไปแล้วมานั่งจ้องหน้าผมแบบนี้

“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกันมั้ยครับ”

พรุ่งนี้เหรอ ผมขมวดคิ้ว
“ไม่ได้ว่ะ… นัดกับพวกแม่งไว้น่ะสิ ทั้งวันเลย”

“อ้าว…”

“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย” ผมพูดดักคอ “ไว้วันหลังสิ”

“สัญญานะ” ร่างสูงพูดเสียงเบา 

เซ้าซี้จริง “อือ”

หวานยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นพร้อมผ้าเช็ดผมในมือ “ห้ามเบี้ยวนะครับ”

เออน่า…
ไอ้เด็กนี่คิดว่าผมรับปากไปอย่างนั้นหรือไงกัน

ทุกอย่างที่ผมทำน่ะ เลือกแล้วทั้งนั้นล่ะ

_ _ _ _

20.32

“เห้ยย อะไรวะเนี่ยยย” ผมโวยวายแล้วโยนจอยลงบนโซฟา “โกง มึงโกงแน่ๆ”

“อ้าว แพ้แล้วพาลนี่ครับ”

“มีอย่างที่ไหนจะมายิงได้สามประตูในสองนาที” ผมว่าเสียงดัง “บ้าแล้ว บ้า”

เด็กหวานหัวเราะหึ “แพ้ก็ยอมรับสิครับพี่วิน”
“คนแพ้ต้องล้างจานนะ พี่วินบอกเอง”

ใครจะไปคิดว่าจะแพ้วะ
ผมย่นจมูก “เออ คำไหนคำนั้นอยู่แล้ว” ผมเดินปึงปังไปที่ครัวพร้อมเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย
ก็ได้แต่ส่งสายตาอาฆาตใส่คนชนะที่กำลังเก็บเครื่องเกมไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี อะไรวะ ผมเป็นเจ้าบ้านนะ
ปล่อยให้ทีมหลุดลีกแบบนั้นมาชนะได้ยังไง หงุดหงิดเป็นบ้า

เดี๋ยวจะไปซ้อมกับพวกไอ้อาร์ตให้หนักเลยคอยดู
แต่ตอนนี้ต้องล้างจาน เฮอะ!

สรุปแล้วเด็กหวานมันมาขลุกอยู่ที่นี่ทั้งวันจริงๆ ตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยทีเดียว
เมื่อตอนกลางวันหลังจากง้อแมวจิ๋วด้วยทาโร่ครึ่งซอง หวานก็ขอไปค้นเอาหนังสือในห้องทำงานผมมานั่งอ่านหน้าโซฟา ท่าทางจะเจ็บใจที่โดนติเรื่องทรีดีเรนเดอร์และพรีเซนเทชั่นมากอยู่ หนังสือที่วางกองอยู่ตรงหน้านอกจากหนังสือของทาดาโอะ อันโดะที่มันชอบแล้ว ถึงได้เป็นรวมผลงานของ BIG (Bjarke Ingels Group) แก๊งค์สถาปนิกชื่อดังของเดนมาร์กที่ทำงานนำเสนอได้โดดเด่นกว่าใคร

เห็นร่างสูงนั่งจมจ่อมกับหนังสือแบบนั้น ผมก็เลยกึ่งนั่งกึ่งนอนจับจองโซฟาซะเต็มที่แล้วคว้าหนังสือเศรษฐศาสตร์การเงินเล่มโตขึ้นมาบ้าง กลายเป็นว่างต่างคนต่างอ่านหนังสือไปเงียบๆ จนกระทั่งที่เจ้าจิ๋วเริ่มป่วนปีนแข้งปีนขา ร้องเหมียวๆ กวนเอาตอนห้าโมงเย็นนั่นแหละ ถึงได้รู้ตัวว่าลืมมื้อกลางวันไปซะสนิท

นี่ถ้าอยู่คนเดียวผมก็คงกินขนมปังเปล่าๆ กับนมไปอีกตามเคย แต่ก็คิดว่าเจ้าเด็กตัวโตนี่คงจะไม่อิ่มแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจลงทุนสั่งอาหารดิลิเวอรี่ง่ายๆ มาส่งที่ห้องแทน ถือซะว่าสปอยล์ตัวเองด้วยอาหารดีๆ ไปก็แล้วกัน

นั่งกินไปสักพัก เจ้าเด็กนี่ก็พยักเพยิดไปที่เครื่องเกมส์ที่วางอยู่หน้าทีวี แถมยังริอาจจะถามถึงฝีมือวินนิ่งของผม เลยต้องมีแมตช์เล่นให้เด็กมันดู พนันกันด้วยจานกองหนึ่งของมื้อเย็นวันนี้
แล้วผมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้มายืนล้างให้มือเปื่อยอยู่นี่ไง
แม่งเอ้ย…

“แล้วพรุ่งนี้พี่วินไปไหนเหรอครับ” หวานนั่งลงที่เคานเตอร์ครัว
จิ๋วรีบกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะอย่างเรียกร้องความสนใจบ้าง

“ไปทำบุญ… อยุธยาน่ะ”

“เห… กับพวกพี่พีทน่ะเหรอครับ” หวานเลิกคิ้ว “ดูไม่ใช่แนวเลย”

ก็ถ้าไม่มีสาเหตุก็คงไม่ไป…
แต่ให้ตายยังไงก็จะไม่เล่าให้ไอ้หมอนี่ฟังเด็ดขาด
“ทำไม ต้องทริปบาปหรือไงถึงจะเหมาะ” ผมย้อนให้แล้ววางจานใบสุดท้ายลงตะแกรง

“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อยครับ” มันยิ้ม “แค่แปลกใจหน่อยๆ”
“แล้วไปกันยังไงครับ พี่วินขับไปเหรอ” หวานถามต่อพลางเกาคางให้แมวไปด้วย

“ไอ้พีทขับน่ะ นัดกันที่บ้านมันแต่เช้า”

“งั้นผมไปส่งนะ” อีกฝ่ายรีบพูดแล้วยิ้มตาหยี

“อะไร” ผมทำเสียงเขียว “จะไปทำไม”
 
“พี่วินจะได้ไม่ต้องเรียกแท๊กซี่ตอนเช้า ถ้าจะขับรถไปก็ไม่สะดวกใช่มั้ยล่ะครับ ต้องจอดทิ้งไว้ กว่าจะขับกลับมาอีก” อีกฝ่ายว่า “ให้ผมนอนนี่แล้วไปส่งพี่วินตอนเช้าดีกว่า” หวานกระพริบตาปริบๆ

“ไม่เห็นจะเข้าท่าเลย” ผมขมวดคิ้ว “ข้ออ้างชัดๆ” 

“เปล่านะครับ” คนเด็กกว่าพูดมาหน้าตาเฉย
“ก็… พี่วินไปทั้งวันเลยใช่มั้ยล่ะครับ… เนี่ย เจ้านี่ก็โดนทิ้งไว้ตัวเดียวอีกแล้วสิน้า…” พูดจาหงุงหงิงเสร็จแล้วก็เอานิ้วขึ้นเกลี่ยหูจิ๋วที่อยู่บนเคาน์เตอร์เบาๆ ทำเอาเจ้าตัวเล็กสะบัดหัวเงยหน้าขึ้นมามองตาแป๋ว
“นี่ๆ พี่วินจะทิ้งไปอีกแล้วล่ะ”

“เดี๋ยวเหอะ ไม่ได้ทิ้งสักหน่อย ออกไปหน่อยเดียวเอง เย็นๆ ก็กลับมาแล้ว” ผมตีหน้ายุ่งเดินไปนั่งข้างอีกฝ่าย

“ตั้งตอนเย็นเลยน้า… เราน่ะก็ต้องหิวข้าวท้องกิ่ว หิ้วท้องรอพี่วินจนหมดแรงแน่ๆ” หวานพูดลอยๆ ใส่จิ๋วที่เอียงคอฟังอยู่
“กว่าพี่วินจะกลับ ต้องอยู่ตัวเดียวเหงาๆ ห้องก็กว้างออกขนาดนี้เนอะ เหงามั้ยเรา”

ผมมองเด็กหวานที่ตั้งหน้าตั้งตาสื่อสารกับแมวแล้วก็เกือบจะหลุดขำ ก็ภาพแบบนี้มันตลกน้อยเสียเมื่อไหร่
ไหนดูซิ… จะมาไม้ไหนต่อ

“หือ อะไรนะ… ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเหรอ…” หวานพยักหน้าใส่แมวหงึกๆ “ต้องขอพี่วินก่อนนะ ไม่รู้ว่าจะใจร้ายไม่ยอมให้มาหรือเปล่าน้อ” พอดีกับที่จิ๋วร้องเหมียวขึ้นมา ทำเอาอีกฝ่ายได้จังหวะแกล้งทำตาโต “โห อยากให้อยู่ด้วยตั้งแต่คืนนี้เลยเหรอตัวจิ๋ว”

“มากไปละ” ผมยกมือเบรค “อันนี้เพ้อเจ้อ”

คนเด็กกว่าตีหน้าเศร้า เล่าให้แมวฟังต่อ “นี่ดูสิ เขาว่าเราเพ้อเจ้อ.. เนี่ย จิ๋วยังเสียใจเลยดูสิครับ”

“เป็นเรื่องเป็นราวเชียวนะ” ไอ้เด็กจิตนาการสูง

“ก็พี่วินใจร้ายกับผมตลอดเลยนี่นา…” หวานพูดเสียงเบา

ผมได้โอกาสอุ้มจิ๋วมาไว้บนตักตัวเอง ปรายตามองคนข้างตัวเร็วๆ
“คำก็ใจร้าย สองคำก็ใจดำ” ผมก้มหน้าพูดกับแมว
“ก็ยังไม่ได้บอกสักคำว่าไม่ให้อยู่เนอะ”

“หือ...” เสียงอีกฝ่ายพูดอย่างงุนงง “พี่วิน?”

ผมยังคงมองก้อนขนบนตัก “ก็…จะกลับก็ตามใจ แต่ถ้าอยู่...พรุ่งนี้ก็ดูแลห้องกับเจ้านี่ให้ดีแล้วกัน” ผมลุกขึ้นแล้วปล่อยแมวจิ๋วลงกับพื้น เจ้าตัวเล็กเอาตัวถูกับขาผมอย่างเอาใจ “เอ่อ… แล้วก็...”
ผมก้มหน้างุด ก่อนจะตรงไปที่ประตูห้องนอน “ถ้าจะนอนในนี้ก็… กฎเดิม ทำไม่ได้ก็นอนโซฟาไป...”   

อยากหายไปจากตรงนี้เร็วๆ ไม่ค่อยอยากเห็นหน้าอีกคนยังไงก็ไม่รู้
ก็กลัวว่าเสียงหัวใจมันจะดังทะลุออกมาน่ะสิ

_ _ _ _

7.23
วันอาทิตย์


“ข้างหน้าเลี้ยวซ้าย… อือ ตรงไปเลย นั่นๆ ซ้ายมือ ตรงห้องแถวสีเทาๆ ที่มีรถจอด” ผมชี้ไม้ชี้มือบอกคนขับรถอาสาประจำวันที่ยังอยู่ในชุดนอน “แล้วจอดตรงนี้เลยก็ได้ เดี๋ยวเดินเข้าไปเอง”

320d คันงามหยุดลงอย่างนิ่มนวลตามคำขอ ไม่ต้องขับเองนี่มันสบายจริงจริ๊ง
หวานถอดแว่นตากันแดดออก “อื้อหือ บ้านพี่พีททำอะไรครับเนี่ย ห้องแถวตั้งหกห้องติดกัน”

“โรงงานเฟอร์นิเจอร์น่ะ” ผมว่า “มันถึงเลือกเรียนอินทีเรียไง เห็นอย่างนั้นก็คุณชายเหมือนกันนะ” 

“อ๋อ…” หวานพยักหน้า

“ส่งเสร็จก็กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวขากลับไอ้พีทคงไปส่งที่คอนโด” ผมเดา จะไม่ไปส่งก็จะแล้งน้ำใจเกินไปนะครับเพื่อนพีท
“ดูแลจิ๋วดีๆ ล่ะ ว่างๆ ก็อ่านหนังสือซะ” ผมกำชับ “กองที่เอามาให้เมื่อคืนน่ะ”

“คร้าบ… รีบกลับมานะครับ ผมรออยู่น้าา อย่าปล่อยให้คิดถึงนานนะ” อีกฝ่ายลากเสียงอย่างน่าหมั่นไส้ ก่อนลงจากรถผมเลยอดไม่ได้ที่จะเคาะหน้าผากเด็กปีนเกลียวไปหนึ่งที โทษฐานทำตัวกวนประสาทแต่เช้า

มองรถขับออกไปสักพัก เลยได้เวลาโทรหาเจ้าบ้านเพื่อรายงานตัว ปรากฏว่าเพื่อนอีกสองหน่อยังไม่โผล่ ผมเลยได้โอกาสเข้ามานั่งตากแอร์ในบ้านพีทก่อน อ่าห์… โซฟาหนังแท้ชุดเบ้อเร่อนั่งแล้วสบายตูดสมกับเป็นร้านขายเฟอร์เนิเจอร์จริงๆ ราคาคงจะหลายหลัก นั่งให้คุ้มหน่อยละกัน

ผมนั่งอ้าปากหาววอดๆ แล้วบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาที
“ฮ้าวว…” หรือไม่ก็ควรจะนอนไปเลย น่าจะคุ้มที่สุด 

“ตี๋ มึงช่วยให้เกียรติกาแฟที่พึ่งแดกไปหน่อยได้มะ กูซื้อเครื่องมาแพงนะสัด” ไอ้พีทมองผมอย่างเซ็งๆ แล้วนั่งลงข้างตัว

“ก็กูง่วงอ่ะ” ผมเถียง 

“ไม่ได้นอนรึไงล่ะครับเพื่อน” มันแหย่ “ทำอะไรดึกดื่นกับใครรึเปล่าครับ”

“สัดพีท อย่าเพ้อเจ้อ” ผมขว้างซองน้ำตาลที่ยังไม่ได้แกะใส่มัน “กูดูซีรีส์ถึงตีสอง”

“ตอบคำถามไม่ครบ กูถามด้วยว่ากับใคร”

“...”
กูไม่รู้ กูหิวน้ำ
ผมยกกาแฟขึ้นดื่มอึกๆ

“ฮั่นน่อววว ร้ายว่ะไอ้เสือ” มันยิ้มกริ่มแล้วเอาศอกสะกิดผม
“เอ้อ… เมื่อเช้ามึงมายังไง แท๊กซี่เหรอ?”

“อือ กูมาแท๊กซี่” ผมโกหกหน้าตาย

ไอ้พีทพยักหน้า… ค่อยโล่--
“อื้มม… เดี๋ยวนี้เขาเอาบีเอ็มมาขับแท๊กซี่กันแล้วเหรอวะ” มันลูบคางแล้วมองหน้าผมด้วยสายตาล้อเลียน ในขณะที่ผมได้แต่อ้าปากค้าง เดี๋ยวก่อน!
“ก็กูดูวงจรปิดอยู่” มันเฉลย “หึ… อย่าริอาจโกหกกูครับเพื่อน”

ไอ้สัด! ไอ้พีทแม่ง!!
เดี๋ยวก่อน!
CCTV มันยี่ห้ออะไร ความละเอียดเท่าไหร่วะ
ผมคิดเร็วๆ รถไอ้หวานติดฟิล์มหกสิบหรือสี่สิบกันแน่… มันจะเห็นชัดไปถึงหน้าคนขับมั้ยเนี่ย
กรรม!!

“เออน่า… ไม่ต้องเครียด” มันเอื้อมมือมาตบไหล่ผม “กูยังไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น จนกว่ามึงจะพร้อมให้กูรู้”

ชัดเลย… แม่งเห็นแน่ๆ
“เอ่อ…” ผมนั่งนิ่ง “มึง… มึงโอเคเหรอวะ กับ… คือ…”

“ทำไมกูต้องไม่โอเค?” มันย้อน “กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีแล้วไอ้ตี๋ ถ้ากูไม่โอเคกูคงเลิกคบกับมึงไปนานแล้ว”

“แต่ว่า.. คนที่กูคุยอยู่… มัน...” ผมยกมือลูบหลังคอตัวเอง
โอ้ย จะเริ่มตรงไหนดีวะ

“มึงมีความสุขมั้ย” มันถาม

“หา?”
ผมขมวดคิ้ว ยังไงนะ

“เวลาเขายิ้ม มึงยิ้มมั้ย… แล้วเวลามึงยิ้ม เขายิ้มกับมึงหรือเปล่า”
“โลกของมึงกับโลกของเขา มันหมุนในจังหวะเดียวกันหรือเปล่า” 
“อยู่กับเขาแล้วมึงมีความสุขมั้ย” 
“ทั้งหมดนี้ไม่ต้องตอบกู” มันยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ “ตอบตัวเอง”

“ว่ามึงเจอคนนั้นของมึงหรือยัง”

“...”

“แค่มึงมีความสุขกูก็ดีใจแล้วตี๋” มันยิ้ม “ต่อให้แม่งเป็นมนุษย์ต่างดาวกูก็ไม่แคร์”

_ _ _ _

TBC


เอาเด็กๆ มาส่งเป็นกำลังใจวันกลางอาทิตย์แบบนี้อีกแล้วค่า
ตี๋วินลู๊กก ยอมเปิดใจให้น้องสักทีเนอะ ถึงเด็กจะทำตัวน่าตีไปหน่อยก็ตาม
ว่าแต่ทำไมยิ่งเขียนยิ่งรักพีท 5555

ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆ อ่านวนไปวนมาเวลาเขียนไม่ออกบ่อยมากๆ มากอดทีนึง
ถ้าเรื่องนี้ช่วยฮีลลิ่งคนอ่านได้บ้างเราก็จะดีใจมากเลย ไม่ดราม่าค่ะสัญญา
ยินดีรับคำติชมจากทุกคนค่าา
เม้ามอยกันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก เหมือนเดิมนะคะ ส่วนบ้านคนเขียน ณ ทวิตภพ @huentrop ก็มาคุยเล่นได้เหมือนกันค่า ยินดีๆ 

ปล. ค่าตัวเจ้าหวานที่ทุกคนโดเนทมาสำแดงเดชแล้วค่ะ บทเยอะจนเบียดทุกคนไปเลย
ปลล. กดเข้าไป คู่มือการอ่าน
>>Insight Analyst<< (https://docs.google.com/spreadsheets/d/1348KZUrcI5bpsy-1gKgj5ZlbztDyWYXjWKtH705A3qk/edit?usp=sharing) ได้เหมือนเดิมนะคะ แต่อาจจะยังไม่ได้อัพเดทมากเท่าไหร่ งงคำไหนบอกได้เหมือนเดิมค่า

ตอนหน้าเรามาดูทริปแก้ชงของตี๋วินกันนะคะ ว่าเดอะแก๊งค์จะป่วนขนาดไหน แล้วที่คุณตะวันเงียบไปนี่ยังไงกันน้อ

พบกันตอนหน้าค่ะ

รักส์

 :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-03-2018 22:29:30
น้ำตาจะไหลลลล ในที่สุดก็มีวันนี้ค่ะ เอาใจช่วยน้องหวาน 60% แล้ว แวะมาหาพี่เขาบ่อยๆนะลูก  :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-03-2018 22:58:50
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-03-2018 23:10:29
หวาน เธอไปเอาความเนียนนี้มาจากไหน?

ปล. รักความพีท
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 07-03-2018 23:29:09
เอ็นดูความคุยกับแมวรู้เรื่องของน้องหวาน กับความเริ่มใจอ่อนของพี่ เป็นตอนที่น่ารักตอนนึงเลย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-03-2018 23:47:23
 :L2: :L1: :pig4:

ค่อยๆรู้สึก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 08-03-2018 15:56:09
ตี๋วินแพ้ทางเด็กหวานเต็มที่เลยล้ะ555555 หวานสู้ๆใกล้เส้นชัยแล้ว ปล.อยากหอมตี๋วินบ้างง่าา :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: ygff0429 ที่ 09-03-2018 00:33:40
รอเลยน่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-03-2018 01:10:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2018 03:02:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-03-2018 14:20:54
เพิ่งเจ้าติดตามเจ้าค่ะ ขออนุญาตจองที่นั่งเรือ หวานกับตี๋วิน อิอิ

แมวจิ๋ว น่ารัก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: yprjb ที่ 10-03-2018 23:22:28
ฟินมากเฟร่ออออ แพ้ทางน้องหวานมากค่า อ้อนไปอีก วินแกร่งเกินไปแล้วนะ เป็นเราเราคงไม่ทน หยอดขนาดนี้ถ้าเป็นเราคงละลายแล้วละลายอีก ชอบความค่อยเป็นค่อยไปของวินมันดูเป็นเสต็ปของความสัมพันธ์ วินเอาอยู่ทุกอย่างจริงๆทั้งงานและความรัก เห็นด้วยกะพีทนะลองปล่อยใจดูบ้าง ยอมหวานอีกหน่อยนะเพื่อความฟินของคนอ่าน 5555+
ปล.อิจวินที่โดนหวานหยอดก็ว่าแย่แล้ว อิจหวานมากกว่าที่ได้หอมแก้มพี่วิน  :katai1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 11-03-2018 16:57:50
อ่านแล้วอยากให้คุณตะวันออกมาไฝว้กะเด็กหวานซักทีหนึง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: xkoxko ที่ 15-03-2018 11:25:17
อ่านไปยิ้มไป แต่งดีมากเลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 21-03-2018 08:30:46
คิดถึงจังเลยยยยย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 22-03-2018 23:18:06
ชอบอ่าาาาาา โทนกับมู้ดเรื่องมันได้มากกกกก เธอคือสิ่งที่ชั้นตามหามานานแสนนาน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 23-03-2018 01:42:52
 :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 26 P.10 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 29-03-2018 21:42:00
คิดถึงเจ้าหวานกับตี๋วินจังเลย :z3: :sad4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 7.3.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 09-04-2018 16:19:18
ความเสี่ยงที่ 27

10.34

ใครว่าไหว้พระอยุธยาไม่เหนื่อย…
มานี่เลยครับ มาดูหลังเปียกๆ ของพวกผมนี่ ไอ้อาร์ตเป็นหมาหอบแดดหลบไปนั่งในร่มโน่นแล้ว
ได้ข่าวว่ามึงเดินตรวจไซต์กลางแดดทุกวัน มึงควรจะฟิตกว่าพวกกูนะ

ว่าไปจะเอามาตรฐานพวกผมไปตัดสินแบบนั้นก็ไม่ถูก คนอื่นอาจจะไปไหว้พระแล้วกลับชิวๆ แต่พวกผมดันบ้าพลังเดินวนกันรอบวัดรอบโบสถ์ ปีนเจดีย์ ดูผังดูพระปรางค์ วิจารณ์รอยบูรณะบ้าง บ่นเรื่องการจัดการอนุรักษ์บ้าง ก็ความเป็นสถาปนิกมันเข้าไปในสายเลือดซะขนาดนี้ ดูสิครับ แค่สิบโมงกว่าไอ้น้ำเปลี่ยนฟิล์มไปสองม้วนแล้วมั้ง มนุษย์แมนนวลอยากแบกกล้องมาลองของก็อย่างนี้

“นี่รากมันดันจนดินโป่งหมด แนวอิฐมันเลยล้ม อย่างนี้ต้องทำยังไงเนี่ย” ผมขมวดคิ้วถามพีทกับน้ำที่อยู่ข้างๆ แนวโบสถ์เก่า

“เอาต้นไม้ออกเลยได้ป่ะวะ” น้ำถามบ้าง

พีทส่ายหน้า “ซีซั้วตัดไม่ได้เด็ดขาดเลยมึง เผลอๆ ตัดไปแล้วจะทำให้แนวอาคารพังกว่าเดิม เพราะรากข้างล่างมันอาจจะช่วยซัพพอร์ตฐานรากอยู่ อย่าลืมว่านี่มันก่อกับพื้นนะ ไม่มีเสาเข็ม”

“อ้าว แล้วทำยังไงล่ะ” ผมเหวอไป

“จริงๆ แล้วมีหลายทฤษฎี ทั้งปล่อยไปตามธรรมชาติ สร้างอุปกรณ์ค้ำยันแล้วเอาต้นไม้ออก หรือต้องเอานักพฤกษศาสตร์มาวิเคราะห์การตัดแต่งเพื่อควบคุมการเจริญเติบโตต้นไม้ ไม่ให้มันโตไปมากกว่านี้” พีทอธิบายพลางยกกล้องในมือขึ้นถ่ายรูปไปเรื่อย

“ง่อว… มีความซับซ้อน” ผมกับน้ำพยักหน้าหงึกๆ สมแล้วกับที่พีทมันเคยเลือกวิชา Architectural Heritage Conservation เป็นวิชาเลือกเสรีตอนปีสี่ ดูเผินๆ แล้วอาจจะไม่รู้ว่าจะเอาความรู้แบบนี้ไปใช้อะไร แต่มันก็เป็นประโยชน์กับการทำความเข้าใจโบราณสถาณและการดูแลสถาปัตยกรรมดีนะครับ จะว่าไปตอนนั้นผมพุ่งตัวไปเลือกวิชา Basic Fesibility Study โดยไม่มองวิชาอื่น ส่วนน้ำกับอาร์ตก็เลือกเรียน Construction Supervision ตามความถนัดของพวกมัน มาคิดตอนนี้ก็อยากจะลองไปนั่ง sit in ฟังเลคเชอร์กับเขาบ้างเหมือนกัน

“ซับซ้อนสิ นี่ถ้าพวกมึงเรียนอนุรักษ์มาจะอินเมืองเก่ามากกว่านี้อีก กูพูดเลย” พีทหันกลับมาพูดแล้วยกกล้องขึ้นส่องผ่านช่อง Viewfinder  “อ๊ะ ไอ้น้ำ มึงหันมาดิ๊ มุมกะลังดีเลย” มันปรับโฟกัส “ตี๋ มึงทำหน้าดีๆ”

“อ้าว ติดกูด้วย” ผมชี้ตัวเอง

“ติดสิวะ ทำไม มึงถ่ายรูปไม่ติดเหรอ เดินเข้ามาอีก นั่นแหละ พอๆ” พีทจัดแจงบอกตำแหน่งก่อนจะกดถ่ายรัวๆ

“นี่มึงจะตามติดชีวิตพวกกูเหรอ ถ่ายไปเยอะมาก” น้ำพูดขึ้น “มีใครจ้างมึงมารึเปล่า”

“ไอ้น้ำ ไอ้เพ้อเจ้อ กูกำลังเห่อลูกตัวใหม่ OMD เลยนะโว้ย...” พีทเข่นเขี้ยว ทำเอาน้ำหัวเราะเสียงดัง
“น่อวว ดูนี่ ชิคสมเป็นสถาปนิก พวกมึงเอารูปนี้อัพเลย หล่อ เชื่อกู” พีทพูดขึ้น “ฝีมือถ่ายรูปกูนี่เอาไปขายได้เลยนะเนี่ย”

“ธรรมดา คนมันหน้าตาดี” น้ำพูดยืดๆ แล้วยกมือขึ้นเสยผมเรียกความหมั่นไส้ แถมด้วยการยักคิ้วจึ้กๆ ให้ผมเบ้หน้าเล่นๆ
เออ จริงๆ ผมว่าทำโฟโต้บุคไอ้เพื่อนสองคนนี้ขายก็น่าจะดี อาศัยแค่ฐานแฟนคลับพวกมันในสมาคมนิยมหนุ่มถาปัดก็น่าจะหลายพันแล้ว ผมลองคำนวนยอดพิมพ์ครั้งแรกอยู่ในหัว

โอ้โห… จะรวยก็คราวนี้แหละวะ

_ _ _ _ 
 
11.45

“โอ๊ย กูตัดสินใจไม่ได้” อาร์ตโวยวายเสียงดังกับโทรศัพท์ในมือตัวเอง “แพกรุงเก่าก็อร่อย แต่วันนี้ร้านปิ่นโตบอกว่ามีกุ้งแม่น้ำไซส์สองตัวโลอ้ะ” มันหันไปหาพีทที่กำลังขับรถ “มึง... มึงว่าไง ไปไหนดี”

“นี่จะแดกข้าวแล้วเรอะ” น้ำที่นั่งอยู่ข้างผมที่เบาะหลังถามขึ้น “นี่เพิ่งไหว้พระไปสามวัดเองนะโว้ย”

“ก็มันจะเที่ยงแล้วนี่หว่า” ไอ้คนนั่งหน้าก็ยังเถียง “มาพีท กูตัดสินใจละ ไปแพ เลี้ยวซ้ายเลยมึง”
ได้ยินไอ้พีทถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะหักพวงมาลัยตามคำบอก

“กูบอกละ เรื่องไหว้พระแก้ชงให้กูแม่งเป็นเรื่องบังหน้าชัดๆ” ผมพูดขึ้น “เรื่องแดกล้วนเลยเนี่ย”

“อะไร ยังไงนี่ก็ทริปเพื่อมึง วัดเยอะขนาดนี้เลยนะ ต้องมีสักที่แหละที่ช่วยมึงจากไอ้คุณตะวันอะไรนั่นได้” อาร์ตยืนยัน

“เออออ” ผมลากเสียง “กูจุดธูปจนจะสำลักควันแล้ว”

“แล้วนี่แม่งยังวอแวอยู่มั้ยวะ” พีทถามขึ้นตรงๆ

“อ่า… ก็… มีบ้าง ไลน์น่ะ” ผมอ้ำอึ้ง “แต่กูก็ไม่ได้ตอบนะ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานล่ะก็”

“แต่ก็ยังไลน์อยู่” น้ำพูดอย่างหัวเสีย “เซ้าซี้ขอโอกาส ห่า...”

“โอ้โห ทางด้านความหนาของหน้านั้นน” อาร์ตร้องขึ้น “วีว่าบอร์ด 15 มิลแม่งต้องอายกูพูดเลย น่าจะเอาความพยายามนี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์เนอะ”

“นั่นไง” พีทจิ๊ปาก “กูบอกแล้วว่าแม่งไม่ยอมง่ายๆ”
“ไม่มาดักมึงที่หน้าตึกก็ดีแล้ว”

“ปากเหรอนั่นน่ะ” ผมมองตาเขียว

“มันก็ไม่แน่ป่าววะ” น้ำพูดขึ้น “ตอนเย็นให้กูไปรับมั้ย”

“ไม่ต้องเลย” ผมโวย “มารับกูแล้วยังไง มึงจะไปต่อยเขาเหรอ” 

“ก็แค่กันไว้ก่อน” ไอ้น้ำแค่ยักไหล่กับคำที่ผมถาม
อ้าว ชิบเผง อย่าบอกนะว่าเดาถูก เดี๋ยวแม่งไปตั้นหน้าเขาจริงๆ จะต้องเดือดร้อนไปประกันตัวแม่งอีก

“เฮ่อ... ปวดหัวเนอะมึงเนี่ย” อาร์ตถอนหายใจ “เห็นใจว่ะ ต้องดีลกันอีกยาวด้วย ทำไงดีวะ... แม่งเอ้ยย” มันส่ายหัว ก่อนจะสะดุ้งขึ้นแล้วพูดเสียงดัง “เฮ้ยพีท! นั่นไง! ป้ายสีเหลืองซ้ายมือตรงนั้น!! ถึงแล้วๆๆ เลี้ยวเลยพีท เลี้ยวเลยๆๆ” อาร์ตโวยวายลั่นรถ “น้องกุ้งงงงง พี่อาร์ตมาแล้วววววว”   
 
ถึงกับต้องถอนหายใจ… ทำไมความเห็นใจที่มีให้กูมันสั้นจังวะเพื่อนอาร์ต…

...

สั่งอาหารเสร็จปุ๊บ ไอ้อาร์ตกับน้ำก็ออกไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งผมกับไอ้พีทเฝ้าโต๊ะอยู่สองคน
ไอ้พีทกำลังนั่งซิงค์รูปจากกล้องเข้ามือถือ แล้วกดส่งรูปที่เพิ่งถ่ายเข้ามาในกรุ๊ป ผมเลยก้มหน้าลงไปหาโทรศัพท์ตัวเอง เปิดไลน์ของตัวเองดูบ้าง

นอกจากห้องไลน์ของเดอะแก๊งค์ที่ผมกดเข้ามาดูรูปแล้ว ห้องแชทส่วนตัวอีกห้องที่เปิดอ่านก็เป็นของใครอีกคนที่กำลังเฝ้าแมวอยู่ที่กรุงเทพนั่นแหละครับ

นายหวาน : ถึงไหนแล้วครับ ร้อนมั้ย

ถามมาได้ เมืองไทยมีเวลาไม่ร้อนด้วยเหรอวะ
Wynn_Tect : สุดๆ

นายหวาน : กินน้ำเยอะๆ อย่าเดินออกแดดมากนะครับ เดี๋ยวเป็นลม
นายหวาน : ผมไปอุ้มไม่ได้นะ

Wynn_Tect : เดี๋ยวจะโดน
Wynn_Tect : ไปฝึกเรนเดอร์ต่อไป

นายหวาน : ทำงานไม่ได้แล้วครับ
นายหวาน : /แนบรูป 


ผมกดดูรูปแล้วก็ต้องขำ ก็เจ้าจิ๋วนี่ดันไปนอนขดตัวกลมป็อกอยู่บนแลปท็อปของเจ้าเด็กหวานน่ะสิครับ บังจอซะมิดเลย

Wynn_Tect : 55555
Wynn_Tect : เอาไปใส่กรงไป

นายหวาน : ไม่เอาอ่ะครับ สงสาร
นายหวาน : เดี๋ยวอ่านหนังสือเล่มเมื่อวานต่อ

Wynn_Tect : อือ
Wynn_Tect : คงกลับถึงสักทุ่มนึง ถ้าหิวก็สั่งอะไรมากินก่อนล่ะ

นายหวาน : ไม่เอาครับ
นายหวาน : ผมจะรอทานข้าวด้วยกัน

Wynn_Tect : งั้นก็หิ้วท้องรอไปเลยยย ไอ้เด็กดื้ออออ


“หนักละเพื่อนกู ยิ้มกับโทรศัพท์” พีทพูดลอยๆ
พอผมเงยหน้าขึ้นมาก็เจอมันเท้าคางมองอยู่ เล่นเอาทำหน้าไม่ถูก

“...”

“เอาน่า กูบอกแล้วไง อะไรมีความสุขมึงก็ทำไป” มันรินโค้กให้ผม “ตกลงปลงใจกันแล้วก็เอามาเจอเพื่อนคนอื่นบ้าง”

ผมย่นจมูก
พวกมึงก็เคยเจอกันหมดแล้วไง… มอมเหล้าแม่งอีกต่างหาก... จะอะไรอีกเล่า!

“ทำไม หวงพวกกูรึไง” พีทแหย่

“เพ้อเจ้อ” ผมว่า “แล้วของมึงล่ะ เมื่อไหร่จะมา ไม่ใช่เจออีกทีลูกวิ่งได้แล้วนะมึง”

“ก็กูยังไม่เจอคนที่ใช่ ก็ต้องหาต่อไปป่าววะ”

“นี่มาจากปากท่านพีทผู้มีสาวเข้าคิวเป็นร้อยเลยนะครับ” ผมแซว “นี่บัตรคิวถึงสามร้อยรึยังครับเนี่ย”

“ไอ้เหี้ย คนไม่ใช่ชาบูชิ”

“อ้าวเหรอ” ผมแกล้งทำหน้าเหลอหรา “เห็นเหมือนมีอุปกรณ์อยู่บนหน้า หูดำเหมือนกันนะเราเนี่ย” พูดจบก็หัวเราะปิดท้ายซะหน่อย

“ไอ้ตี๋ เดี๋ยวเหอะมึง” มันโยนฝาโค้กใส่ผม “เดี๋ยวกูจะพ่นให้หมดเลยความลับมึง อาร์ตรู้โลกรู้แน่!”

“อ้าวเชี่ย! ไม่ได้สิไอ้ห่า” ผมร้องขึ้น ทำเอาไอ้พีทหัวเราะเสียงดัง
พอดีกับที่พนักงานยกหมูมะนาวเข้ามาวางที่โต๊ะ ผมเลยเลิกเถียงกับมัน ยังไงก็เสียเปรียบ
ส้นตีนมาก ถือว่าถือไพ่เหนือกว่าเหรอ อย่าให้รู้ความลับมึงบ้างละกันนะพีท

“ไหนนนน ของกินนนน” ไอ้อาร์ตถลากลับมาที่โต๊ะ “เมื่อกี้กูไปสั่งทอดมันกุ้งกับฉู่ฉี่ปลาเพิ่มนะ เดินผ่านโต๊ะโน้นแล้วโคตรน่ากิน พวกมีงเอาอะไรอีกมั้ย”

“แค่นี้ก็แดกได้ถึงบ่ายสามแล้ว” น้ำพูดเบรค “แล้วจากนี่ไปวัดอะไรต่อ”   

“กูอยากไปวัดกุฎีดาว” ไอ้พีทว่า “ตอนนี้เป็นวัดร้าง แต่สวยมากเลยนะเว้ย” มันว่า “จบแล้วก็เข้าเกาะเมือง ไปวัดมหาธาตุ ดูพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา แล้วก็วัดแถวๆ นั้นต่อ” 

พวกผมที่เหลือได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ยังไงก็ต้องเชื่อผู้เชี่ยวชาญอย่างมันล่ะครับ ไปไหนก็ไปกัน

นั่งคุยกันไปอีกไม่ถึงสิบห้านาที เมนูถัดไปก็มาเสิร์ฟ… ก็กุ้งเผาผ่าครึ่งโชว์มันกุ้งสีเหลืองส้มกับเนื้อขาวๆ ชุ่มฉ่ำที่ไอ้อาร์ตร้องอยากกินมาตั้งแต่กรุงเทพนี่ไงครับ มาคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดแบบนี้ ตอนนี้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมแล้ว

“เห้ยยยย กุ้งตัวใหญ่ม๊ากกกกก” ไอ้อาร์ตยกจานขึ้นมาเทียบหน้า “มึงๆ ถ่ายรูปให้หน่อย กูจะส่งไปอวดแม่”

“เห่อเป็นเด็กๆ เลยนะมึง” พีทแหย่ แต่ก็ยอมยกกล้องขึ้นมาถ่ายตามใจเพื่อน “ไม่เคยเห็นกุ้งรึไง”

“เชียงรายไม่มีทะเล” อาร์ตเถียง

ผมขมวดคิ้ว “แต่นี่มันกุ้งแม่น้ำ”

“ห้ะ” อาร์ตชะงัก “เออนั่นแหละ… เอาเป็นว่าไม่มี” ได้ยินเสียงพีทกับน้ำหัวเราะก๊าก
“ไม่รู้โว้ย บ้านกูทำไร่ชา ไม่ใช่ประมง” มันอุบอิบแล้วหันไปรับจานอาหารจากพนักงานต่อ เถียงแบบนี้ก็ได้เหรอวะ
“แดกๆ ไปเถอะ” มันสรุป

“สั่งปลาหมึกเพิ่มมั้ย เชียงรายก็ไม่มีนะมึง” พีทเอาศอกสะกิดคนข้างตัว

“ไอ้เชี่ยพีท!!!”

_ _ _ _
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 09-04-2018 16:32:01
_ _ _ _

18.01

ในที่สุดการทัวร์ไหว้พระในอยุธยาก็จบลงด้วยจำนวน 14 วัด 1 พิพิธภัณฑ์ และ 1 ตลาดน้ำ
เหนื่อยจนแทบจะไหลลงไปกองกับพื้นรถอยู่แล้ว นี่ยังไม่นับหลังคอที่กำลังแสบร้อนเพราะโดนแดดเผาอีกนะครับ
ไอ้พีทนะไอ้พีท ทำไมมึงต้องอยากเดินรอบอุทธยานประวัติศาสตร์วะ ไหนจะปีนเข้ากรุวัดมหาธาตุอีก ยังดีที่วัดแต่ละที่อยู่ใกล้กันหน่อยเลยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาก ได้แต่หวังว่าผลบุญนี้จะทำให้ชีวิตของผมราบรื่น ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรมากวนอกกวนใจให้ลำบากอีกนะครับ สาธุ

“แหม ไม่ค่อยเซอร์วิส #น้ำวิน เลยนะมึง” อาร์ตที่กำลังนั่งดูเฟสบุคอยู่ข้างผมพูดขึ้น ขากลับนี้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งกันเล็กน้อย เพราะไอ้พีทมัวแต่เดินตากแดดซะไข้ขึ้น น้ำเลยอาสารับหน้าที่เป็นคนขับกลับกรุงเทพฯ แทน

“หา อะไรอ่ะ” ผมงง

ไหน รูปอะไร ขอชะโงกหน้าไปดูหน่อยซิ

“รูปที่ไอ้น้ำอัพเฟสไง แหม่ มากันสองคนมั้งมึงนี่” อาร์ตยื่นโทรศัพท์ให้ผมดูเร็วๆ “แม่ง… รูปรวมมีไม่ลง”

อ้อ นี่มันรูปคู่ของผมกับไอ้น้ำ ที่พีทถ่ายที่วัดนี่ครับ
ถ้าไม่นับว่าไอ้น้ำมันหล่อเกินหน้าผมไปหน่อย รูปนี้ก็ถ่ายออกมาดีเหมือนกันนะ ถึงจะเป็นรูปเผลอๆ ก็ตาม

“ก็รูปอื่นเดี๋ยวค่อยอัพ” ไอ้น้ำพูดตอบแบบขอไปที

“ทำไม มึงอยากเช็คเรตติ้งตัวเองในรูปไอ้น้ำรึไงอาร์ต” ไอ้พีทเงยหน้าขึ้นมาแหย่บ้าง “ยังไงก็แพ้ป่ะ”

“ก็เดี๋ยวน้องๆ แฟนคลับไม่เห็นกูแล้วจะโวยวาย” มันว่า “หายหน้าหล่อๆ ไปนาน”

“มึงมีแฟนคลับด้วยเหรอวะ” ผมถามขึ้นงงๆ 

“ชิชะ นี่มึงบังอาจสงสัยในความป๊อบของกูเหรอ มึงเข้าไปอ่านคอมเมนต์สิ จะมีแต่คนถามหากู” ไอ้อาร์ตพูดอย่างมั่นใจ

“พวกเจ้าหนี้มึงรึเปล่า” ไอ้น้ำพูดแล้วหัวเราะตบท้าย ทำเอาผมขำไปด้วย

“ไอ้เชี่ยน้ำนี่” ไอ้อาร์ตยื่นหน้าไปเกาะหลังเบาะคนขับ ”แฟนคลับโว้ยย แฟนคลับ” มันย้ำ     

“ฮ่าๆ อย่าไปหาเรื่องมันน่า มันเป็นคนขับรถ” ไอ้พีทพูดตัดบท คนโวยวายเลยได้แต่กระฟัดกระเฟียดมาดึงเอามือถือคืนไปจากมือผม “พอเลยตี๋ มึงขำเกินเบอร์ไปเยอะละ”

“ฮ่ะๆ ไอ้น้ำพูดถูกนี่” ผมว่า

“สนับสนุนกันเข้าไป!!” อาร์ตโวยวายแล้วแกะถุงโรตีสายไหม “กูจะแดกขนมอย่างเกรี้ยวกราดให้รถมึงเละเลย”

“อ้าว ไหงมาลงกับลูกกู” ไอ้พีทเหวอ “ถ้าจะแดกก็ม้วนมาให้กูด้วย ถ้าทำหล่นกูจะเก็บค่าดูดฝุ่นมึง”

ปล่อยแม่งเถียงกันไปต่อละกันนะครับ ไหนเชคเรตติ้งตัวเองหน่อย ผมกดโทรศัพท์ตัวเองบ้าง
 
Phakin added a photo of you
And 109 others recently liked a photo that you are tagged in
54 comments on a photo that you are tagged in


อื้อหือ อะไรจะคอมเมนต์ถล่มทลายขนาดนั้น ความป๊อบของไอ้น้ำนี่น่าหมั่นไส้จริงๆ

พาคนดวงซวยมาแก้ชง คือแคปชั่นที่น้ำใส่ลงไปในรูปเผลอๆ ที่พีทกดชัตเตอร์ตอนผมกำลังตั้งใจนับธูปในมือสำหรับสี่คน โดยมีน้ำเก๊กหล่อยืนยิ้มไปมองไปพร้อมดอกไม้ในมืออยู่ใกล้ๆ อื้อหือ ท่าทางนี่จัดมาเหมือนรู้ว่าจะมีคนแอบถ่ายรูป ทำไมไม่เตือนกูบ้าง หน้าตางี้โทรมเชียว นี่มันคนใช้ชัดๆ

ที่ไอ้อาร์ตว่าถึงความเซอร์วิสทีมน้ำวินก็ไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใด ก็แม่งลงรูปซะเหมือนมาด้วยกันสองคนนี่หว่า เรียกคอมเมนต์แซวกันไปกันมาได้เยอะเชียว ผมกดไลค์รูปนั้นแล้วเปิดไลน์ขึ้นอ่านบ้าง

นายหวาน : /ส่งรูปเรนเดอร์
นายหวาน : เป็นไงครับ โอเคขึ้นมั้ย นี่ผมเพิ่งใช้ plug in คำนวนแสงใหม่ ที่พี่วินแนะนำมา
นายหวาน : เจ้าตัวนี้ก็ช่วยนะ นั่งจ้องจอใหญ่เลย
นายหวาน : /ส่งรูปจิ๋วนั่งมองคอมพิวเตอร์

นายหวาน : เที่ยวเพลินแน่ ไม่อ่านไลน์ผมเลยเนี่ย
นายหวาน : เมื่อไหร่จะกลับน่ะครับ
นายหวาน : คิดถึงแล้ว

นายหวาน : พี่วินอยากกินอะไรครับ เดี๋ยวผมสั่งไว้ก่อนดีมั้ย


กำลังจะเลื่อนลงไปพิมพ์ตอบ
แต่ก็ต้องขมวดคิ้วกับประโยคถัดไป ที่ฝ่ายตรงข้ามเพิ่งส่งมายังไม่ถึงห้านาที

นายหวาน : ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า
นายหวาน : ไม่รบกวนแล้วครับ ผมฝากคีย์การ์ดไว้ที่ล็อบบี้นะ


หือ?
กลับเหรอ?

Wynn_Tect : อ้าว

พิมพ์ประโยคที่สองยังไม่ทันเสร็จ ไอ้น้ำที่กำลังขับรถก็ถามขึ้นมา “พวกมึงจะแวะกินข้าวเย็นมั้ยวะ”   

กินข้าวเหรอ ไม่ได้สิ… ก็นัดกับเจ้าเด็กปีหนึ่งไว้แล้วนี่
“อ่า… ไม่ดีกว่า กูมีธุระ” ผมรีบตอบ แล้วก้มหน้าลงไปหาโทรศัพท์ต่อ

“เออ กูก็เหนื่อยๆ อยากกลับบ้านไปนอน” อาร์ตพูดบ้าง

“เออ งั้นวนไปส่งไอ้อาร์ตก่อน แล้วส่งไอ้ตี๋ แล้วกูค่อยไปเอารถบ้านมึงนะพีท”

“ก็ตามนั้น” พีทตอบ

Wynn_Tect : อีกไม่ถึงชั่วโมงก็น่าจะถึงแล้วนะ   
Wynn_Tect : ไหนว่าจะกินข้าวไง
Wynn_Tect : เป็นอะไร?

นายหวาน : ไม่เป็นไรครับ ผมออกมาแล้ว
นายหวาน : พี่วินอยู่กับเพื่อนเถอะ


ทำไมอ่านแล้วรู้สึกตะหงิดๆ ยังไงก็ไม่รู้แฮะ…
“มึงส่งกูรถไฟฟ้าแล้วกัน กูมีงานต้องรีบทำด่วน” ผมพูดพลางเก็บมือถือลงในกระเป๋า

ก็… ถือว่าเป็นงาน… ล่ะมั้ง...

_ _ _ _

19.32

เปิดประตูเข้ามาก็เจอแมวจิ๋วร้องเหมียววิ่งมารับกับห้องที่ปิดไฟซะมืดสนิท นี่ไอ้เด็กนั่นกลับไปเฉยๆ อย่างนี้เลยเหรอครับ
ทั้งๆ ที่ออกจะดูกระตือรือร้นวอแวอยากกินข้าวเย็นด้วยขนาดนั้นเนี่ยนะ
สังหรณ์ใจแปลกๆ ไลน์ไปก็ถามคำตอบคำไม่หือไม่อือ

นี่มันอาการคนไม่อยากเจอหน้ากันชัดๆ!

ว่าแต่มันจะหลบหน้าผมทำไมวะ ผมนั่งพิงโซฟาอย่างใช้ความคิด จนแมวจิ๋วกระโดดขึ้นมายืนบนตัก เอาหน้าถูไถกับแขนผมจนพอใจแล้วร้องเหมียวขึ้นเบาๆ

“นี่” ผมอุ้มจิ๋วขึ้นมาจ้องหน้า “ไอ้เด็กนั่นเป็นอะไร”
“ไลน์ไปก็ไม่ตอบ บอกว่าง่วง มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าแม่งไม่อยากคุยกับกูเนี่ย ห้ะ” ผมพูดอย่างหงุดหงิด ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ สิให้ตาย มันรู้สึกคันยุบยิบยังไงก็ไม่รู้ ไอ้เด็กห่านี่ มึงจะมีอิทธิพลกับความรู้สึกกูมากไปละนะ

“เนี่ย เนี่ย เรื่องบ้าเรื่องบอละพูดจัง คิดถึงนะครับ ฝันดีนะครับ รักนะครับ หยอดอยู่นั่นแหละ แล้วทีตอนนี้เป็นอะไรทำไมไม่พูด ไม่พอใจอะไรก็บอกดิ่วะ จะให้กูเดาทำไมม” ผมเขย่าตัวจิ๋วเบาๆ ตาแป๋วๆ นั่นก็ยังมองหน้าผมอย่างงงๆ นี่แม้แต่แมวก็คงคิดว่าผมเพี้ยนไปแล้วแหงเลย “กูผิดอะไรเนี่ยยยยจิ๋วววววววววว”

เจ้าตัวขนปุยในมือร้องม๊าวประท้วงเพราะโดนจับไว้นาน ผมเลยต้องหิ้วตัวไปวางลงที่พื้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นการแจ้งเตือนของเฟสบุคบนหน้าจอมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ

192 comments on a photo that you are tagged in

หรือว่า …
ทำไมจู่ๆ ก็คิดได้วะ… ว่าสาเหตุที่ไอ้เด็กหวานจู่ๆ ก็ผลุนผลันกลับไปคืออะไร

_ _ _ _

17.45
วันจันทร์


ผมนั่งเคาะแป้นพิมพ์คีย์ตัวเลขอย่างใส่อารมณ์เป็นพิเศษ
ไม่ใช่ว่าพื้นที่ขายออกมาไม่ได้ดั่งใจ ไม่ใช่ว่าข้อมูลยังไม่ครบ
แต่เป็นเพราะใครบางคนยังทำตัวกวนโมโหผ่านตัวหนังสือเหมือนเมื่อวานต่างหาก

Wynn_Tect : นี่
Wynn_Tect : วันนี้ไปไหน

นายหวาน : มีคุยงานที่คณะน่ะครับ

Wynn_Tect : ตอนเย็น?

นายหวาน : ช่วงนี้ยุ่งๆ พี่วินมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ


ธุระ…
ธุระ… เหรอ?

ไอ้ห่าาาาาา ไอ้เด็กบ้าาา โว้ยยย หงุดหงิด
หวานนี่มันวอนตายหลายรอบแล้วนะครับ ไอ้ห่วยเอ้ย
ต้องมีธุระอะไรรึไงถึงจะไลน์หาได้ คิดว่ามึงเป็นใครกัน 
ผมกัดปาก ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์

Wynn_Tect : ไม่มี

ได้…

ให้โอกาสมาเกิน 12 ชั่วโมงแล้วนะ
มึงจะเอาใช่มั้ยหวาน…

_ _ _ _

18.50

ผมสาวเท้าเร็ว​ๆ ไปตามระเบียงที่คุ้นเคย
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงปิดเทอม แต่สตูดิโอที่นี่ไม่เคยหลับใหลกันหรอกนะครับ ดูได้จากที่ห้องนี้ยังเปิดไฟอยู่นั่นแหละ
ผมผลักประตูสตูดิโอพร้อมสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมายไปด้วย ไหนน้องนิวบอกว่าเป็นห้องนี้นี่… 
นั่นไง… กำลังนั่งทำอะไรอยู่คนเดียวอยู่มุมห้องโน่น 

“กูบอกว่าเดี๋ยวไป ไอ้โบ๊ท” คนยืนพิงโต๊ะจ้องโทรศัพท์ตัวเองอยู่พูดเสียงเขียวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะเงยหน้าตวัดสายตาขึ้นมามองอย่างไม่พอใจ “กูยิ่งกลุ้-- เฮ้ย!!” มันอุทานแล้วจ้องหน้าผมตาโต
“พี่วิน!?” 

“ข้าวเย็น” ผมวางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะข้างตัว “ผ่านมาแถวนี้เลยเอามาให้”

“ฮะ…?”

ไม่ต้องทำหน้าไม่เชื่อ… กูคิดข้ออ้างได้เท่านี้จริงๆ
“แล้วคนอื่นไปไหนหมด?” ผมถามบ้าง

“พักทานข้าวครับ เอ่อ... เดี๋ยวกลับมาประชุมกันอีกทีตอนทุ่มครึ่ง” 

“อ๋อ…”
ผมหันหน้าไปสนใจกองโมเดลที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนส่งงานก็ฟูมฟักอย่างกับลูก พอส่งไฟนอลเสร็จก็ทิ้งๆ ขว้างๆ กันป็นขยะ
ดูสิ อุตส่าห์ตัดกันมาขนาดนี้เชียว… อืมมม... อืมมม… เออ คิดไม่ออกแล้ว
เอาจริงๆ ไม่ได้อยากจะมายืนวิเคราะห์โมเดลอยู่อย่างนี้สักหน่อยนี่

ไอ้เด็กนี่ก็เงียบนานเกินไปแล้ว…
มีงควรจะอ้าปากคุยกับกูได้แล้วนะ

ผมถอนหายใจหนึ่งทีแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง ปรากฏว่าอีกฝ่ายก็กำลังทำหน้าตาลำบากใจอยู่ไม่แพ้กัน

“เอ่อ…” หวานพูดเสียงเบาแล้วยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเอง “คือ… ผมไม่นึกว่าพี่วินจะมาถึงนี่”

“มาไม่ได้?”

“เปล่า! ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ ผมก็อยากเจอพี่ตลอดแหละ” คนเด็กกว่ารีบพูดอุบอิบ “แต่ไม่รู้พี่จะอยากเจอผมบ้างรึเปล่า หรือมัวแต่…” ร่างสูงสะดุดกับประโยคของตัวเอง ก่อนจะหลบตาไปมองทางอื่น เม้มปากแน่นไม่ยอมพูดต่อ

“เป็นอะไร” ผมยืนกอดอก
“นี่คืองอน?” อีกฝ่ายหันควับขึ้นมามอง แต่ก็ยังไม่ตอบ ได้แต่ทำเสียงประหลาดในลำคอ ทำเอาผมต้องย้ำ “เอาดีๆ หวาน...”

“อ่า… ก็…”

“ถ้าไม่พูด… กูพูดเองนะ” ผมถอนหายใจ
“ถ้าเป็นเพราะรูปนั้นล่ะก็…”

คนเด็กกว่าเบิกตาขึ้นนิดๆ ผมเดาถูกสินะ…
“พวกน้ำกับกูเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว คนอื่นเขาก็แซวเล่นกันไปแบบนั้นแหละ มึงไม่ต้องคิดมาก” ผมมองหน้าอีกฝ่าย “กูไม่ได้คิดอะไรกับมันจริงๆ” 

หวานกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วขยี้หัวตัวเองแล้วร้องโวยวาย “โอ๊ยยย”
“อะไรเนี่ย.. พี่วินเท่กว่าทุกทีเลย รู้สึกตัวเองเป็นเด็กตลอดเวลาเลย” 

“เออ… เด็กชิบหายเลย” ผมพ่นลมหายใจพรืด

“นี่ผมพยายามคีปลุคแล้วนะ”

คีปมากเลยนะมึง… ไม่ได้ออกอาการมาสักนิดเลยจริงจริ๊ง…

“รู้ตัวแหละครับว่าแบบนี้มันงี่เง่า แต่มันอดไม่ได้นี่… กองเชียร์ก็เยอะ แถมรูปก็ออกจะหวานกันซะขนาดนั้น” เจ้าตัวพูดเสียงอ่อย

“รูปกูนับธูปเนี่ยนะ” ผมย้อนถาม “โรแมนติกมากเลยเนอะ”

“แค่เห็นสายตาพี่น้ำก็หงุดหงิดแล้วครับ” อีกฝ่ายหน้างอ

“บ้าเรอะ”

“ก็คนมันหึง… อ่ะ…” มันพูดออกมาหน้าตาเฉย

“มึงนี่มัน…”

“แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ในสถานะที่หึงได้รึเปล่า…” อีกฝ่ายมองหน้าผมแล้วพูดเสียงเบา ก่อนจะถามออกมาดื้อๆ
“ผมหึงพี่ได้มั้ย” 

“หา?”

“ก็อยากรู้... ว่าหึงได้รึยัง…”

“เอ่อ…” ผมหลบตาไปมองที่อื่น

อีกฝ่ายกำลังทวงถามถึง ‘บางอย่าง’ ที่มีความหมายซ่อนอยู่ในคำนั้นแหงล่ะสิ
แล้วเรื่องอะไรให้ผมเป็นคนพูดก่อนล่ะ!!!

คนเด็กกว่ายังไม่ยอม ก้มหน้าตามมาจ้องด้วยแววตาพราวระยับ ยิ่งเห็นรอยยิ้มแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกเสียเปรียบยังไงก็ไม่รู้  "ว่าไงครับ..."

หายใจสะดุดไปแว้บหนึ่งก่อนจะตั้งสติแล้วพูดเสียงเบา "ก็หึงไปแล้วไม่ใช่รึไงเล่า... แล้ว...เรื่องแบบนี้ใครเขาถามกันวะ... คิดเอาเองดิ่" 

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาในระยะประชิดยิ้มกว้างกับคำตอบที่ได้ยิน สายตาเป็นประกายที่มองมานี่ทำให้หน้าร้อนขึ้นมาจนได้ จะดีใจก็เก็บอาการหน่อยได้มั้ยเล่า! ไอ้เด็กนี่!!

“ยังไงก็… อย่าเยอะ…” ผมพูดอุบอิบ
“ถอยไปเลย... จะกลับแล้ว" ถึงกับต้องยกมือขึ้นมาดันเอาตัวโตๆ ของคนขี้แกล้งให้ห่างออกไปอีกนิด

“อ้าว… ไม่ได้ตั้งใจมาง้อเหรอครับ”

ได้ยินประโยคนั้นเข้าก็รู้สึกอายแปลกๆ จนต้องพยายามตีหน้านิ่งแล้วตอบกลับไป “เดี๋ยว... ใครง้อ เพ้อเหรอ บอกแล้วว่านี่ผ่านมาเฉยๆ”

หวานมองของในมือผมตาปริบๆ “ขับรถผ่านมาเนอะ”

ชิบหายละ… ลืมเก็บกุญแจ
“ยิ้มอะไร!” ผมรีบยัดของในมือลงกระเป๋ากางเกงลวกๆ

“เปล่าครับ”
ผมย่นจมูก เห็นๆ อยู่ว่ายิ้ม ยังจะ… โว้ย! เดี๋ยวจะโดน 
“ไม่ต้องมองด้วย!” ผมโวยใส่ “มีงานก็ทำไป จะกลับแล้ว” ผมตั้งท่าจะออกเดิน 

“เดี๋ยวสิครับพี่วิน!” ร่างสูงรีบพูดแล้วเอื้อมมาดึงข้อมือผมไว้ “เดี๋ยวมีคุยงานต่อจนดึกเลยไปด้วยไม่ได้… แต่ผมขอเดินไปส่งที่รถนะ” คนพูดยิ้มไปด้วย “นะครับ”

รู้ได้ไงวะว่าแพ้ทางสายตามันทุกครั้ง ผมก้มหน้างุด “ก็… ตามใจสิ…” 

ได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มแก้มแทบปริ คนเด็กกว่าเป็นฝ่ายจับจูงเดินนำออกไปที่ระเบียงอย่างอารมณ์ดี
ระหว่างที่กำลังเดินไป ฝ่ามือที่เคยอยู่บริเวณข้อมือถูกเลื่อนลงมาอย่างจงใจ ปลายนิ้วสัมผัสกันจนรู้สึกถึงความอบอุ่นจากอีกฝ่าย จนเหมือนหัวใจจะเต้นผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง

ผมเผลอก้มลงไปมองมือที่จับกันอยู่ ก่อนจะหันหน้าไปมองคนข้างตัว
“คือ…” หวานทำหน้าเหมือนโดนจับได้ แก้มกลายเป็นสีเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “อ่า…”   

“เงียบไปเลย” ผมเอ่ยเสียงดุจนอีกฝ่ายหน้าเจื่อน “จะเดินไปส่งที่รถก็ไป…”
พูดจบก็ต้องเดินก้มหน้ากัดริมฝีปากข่มความอายเอาไว้ พลางออกแรงดึงแล้วกระชับมือที่กุมอยู่ให้แน่นขึ้นอีกนิด ไม่ต้องเดาว่าตอนนี้หน้าตัวเองคงกลายเป็นสีแดงไปถึงใบหูแล้วแน่ๆ

“แม่ง… จับไปแล้วยังจะมีหน้ามาขอ…” ผมทำหน้ายุ่งแล้วบ่นอุบอิบ
ส่วนเด็กข้างตัวก็ทำหน้าเหมือนสอบใบกส.ผ่านได้ไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ ยิ้มมีความสุขแบบเก็บอาการไว้ไม่อยู่

“นี่…” ผมเรียกคนข้างตัว
“ถ้าว่าง… พรุ่งนี้ไปกินข้าวเย็นกัน”

“ก็สัญญาเอาไว้แล้วนี่…”

_ _ _ _

TBC

แฮ่ ขอบคุณที่คิดถึงกันนะค้าาา ช่วงนี้มรสุมชีวิตการทำงานมากๆ เลิกตีสี่ก็มา เลยหายไปยาวเลย ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ด้วยยย อ่านทุกคอมเมนต์จริงๆ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ 

ปล. ตี๋ลู๊กก ความซึนของลู๊กได้แต่ใดมา แล้วคุยหงุงหงิงกับจิ๋วคืออะไร อยากจับมาตีสักสองที ส่วนโดเนทค่าตัวเจ้าหวานนี่ท่วมท้นมากเลยนะคะ

มาพูดคุยกันได้ที #วิเคราะห์การรัก เหมือนเดิมนะคะ ส่วนบ้านคนเขียน ณ ทวิตภพคือ @huentrop เข้ามาทักทายกันได้ค่า

พบกันตอนหน้าค่ะ
รักส์
 :กอด1:

ปลล. 30.04.2018 แอบมารีไรท์นิดหน่อยเพราะความขัดใจค่ะ 555
ตอนต่อไปรอหน่อยนะคะ ดีใจทุกครั้งที่มีคนคิดถึงกัน จุ๊บุ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-04-2018 18:25:26
 :-[ :L2: :L1: :pig4:

หวานนิดๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 09-04-2018 19:01:34
 :mew1: :3123:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 09-04-2018 21:11:17
อ้อออ ไม่ได้มาง้อเนอะ แค่ขับรถผ่านมาเฉยๆ จริงๆ

อ่ะ เราเชื่อๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-04-2018 22:11:02
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-04-2018 22:18:39
+5000 จ่ายค่าตัวน้องหวาน ให้ตอนหน้าออกมาทั้งตอนค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 09-04-2018 22:29:29
หยอดมาหยอดกลับไม่โกงค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 09-04-2018 23:25:58
คุ้มค่าแก่การรอคอยมาก
เขินไปหมดแล้วหัวใจ
ชอบเวลาเห็นพี่วินเค้าใจอ่อนยวบๆแบบนี้จัง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-04-2018 03:42:02
ทีมน้องหวานค๊าาาาาาา

พี่ตะวันหายไปเลยนะนี่
อยากรู้จะแก้เกมส์ยังไง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-04-2018 05:57:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-04-2018 07:07:46
พี่วินง้อขนาดนี้ น้องก็หน้าบานไปเลยสิ 5555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 10-04-2018 17:10:09
น่ารักมากกกก หวานละมุน  อิอิ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 11-04-2018 01:51:06
มันดียยยย์ ดีใจที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: dashdash ที่ 13-04-2018 13:28:44
ใจบางไปหมดแล้ววว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 16-04-2018 19:06:35
“ก็สัญญาเอาไว้แล้วนี่…” เป็นประโยคบอกเล่า หรือเป็นประโยคบอกรัก  :z1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-04-2018 21:50:15
ความงอนง่ายและหายง่ายของหวานนั้น  :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Faxh ที่ 07-05-2018 13:15:07
คิดถึงน้องหวานแล้ว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 07-05-2018 17:00:30
คิดถึงจังงงงงง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 27 P.11 ✽update 9.4.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Patar1728 ที่ 08-05-2018 06:27:43
อยากมีพี่วินเป็นของตัวเอง :L1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 09-05-2018 15:54:00
ความเสี่ยงที่ 28



23.12

ผมนั่งพิงหัวเตียง คิ้วขมวดมาชนกันอย่างช่วยไม่ได้เมื่อก้มมองโทรศัพท์ในมือตัวเอง หลังจากคุยแชทนิดๆ หน่อยๆ จบ ก็ว่าจะเปิดเช็คอีเมลล์ก่อนนอนเพื่อความสบายใจหนึ่งรอบ ปรากฏว่างานเข้าจนต้องมานั่งคอนเฟิร์มประเด็นสำหรับการประชุมลงกรุ๊ปไลน์ซะนี่

งานของ AA ที่จะคุยกันพรุ่งนี้ไงครับ ที่มีคนเข้าประชุมเยอะแยะนั่นแหละ
แล้วพอผมพิมพ์ตอบในห้องใหญ่ ก็มีใครบางคนส่งไลน์ส่วนตัวเข้ามาหาทันที
ต้องเปิดอ่านสินะ…


Tawan R. : วินครับ พี่รู้ว่าวินยังคงโกรธพี่
Tawan R. : แต่พี่ไม่อยากให้เป็นอุปสรรคกับการทำงานของเรานะครับ



ถึงกับต้องยกมือขึ้นมาเกาหัว นี่มันคำพูดของทางนี้มากกว่าละมั้ง ผมถอนหายใจ


Wynn_Tect : ผมเข้าใจครับ

Tawan R. : พี่ยังอยากให้เราคุยกันได้เหมือนเดิมนะครับ
Tawan R. : พี่ไม่อยากทำให้วินไม่สบายใจ



อ้อ... เหรอ

การส่งดอกไม้มาที่ออฟฟิศทุกวันนี่ผมก็สบายใจมากเลยครับ สามารถเสยผมหล่อๆ แล้วตอบคนอื่นได้เต็มปากเต็มคำว่ามีคนส่งมาง้ออะครับ เป็นลูกค้าด้วย เกือบจะมีปัญหาเรื่องงานเพราะเขาเล็งผมอยู่ครับ คงตอบคนอื่นได้อย่างหน้าชื่นตาบานเลยครับคุณ


เห้ย…
สบายก็บ้าแล้วครับ ทุกวันนี้เมาท์กันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว


Wynn_Tect : งั้นผมขอพูดตรงๆ เลยแล้วกันนะครับคุณตะวัน
Wynn_Tect : ดอกไม้ตอนเช้า ผมขอบคุณมาก แต่พอเถอะครับ
Wynn_Tect : เราจะได้คุยงานกันอย่างสบายใจ ตามที่ควรจะเป็น



อีกฝ่ายเงียบไป ผมเลยพักคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงกับโต๊ะข้างเตียง
อาจจะดูรุนแรงไปหน่อย แต่ผมว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง สำหรับการคุยกับคนที่มีเจตนาแอบแฝงก็ควรจะพูดให้เคลียร์กันแบบนี้นี่แหละครับ จะได้ไม่มีปัญหายืดเยื้อ ก็ได้แต่หวังว่าจะเข้าใจล่ะนะ


เฮ่อออ ขอถอนหายใจอีกรอบ
“มานี่มา” ผมตบมือลงบนผ้าห่มข้างตัว เจ้าแมวจิ๋วที่กำลังนอนอยู่ปลายเตียงเลยร้องเหมียวแล้วลุกมาหาอย่างแสนรู้ มันเอาหัวกลมๆ ถูกับฝ่ามือของผม ก่อนจะล้มตัวลงนอนพิงลงข้างๆ ให้ผมต้องเกาคางเอาใจไปเรื่อยๆ

ขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันที่ดีก็แล้วกัน


_ _ _ _



12.45
วันอังคาร


“โอ๊ย!” ผมเอามือกุมหัวเข่าด้วยความเจ็บ
วันนี้มันวันอะไรวะครับ ตั้งแต่เช้าเดินสะดุดนู่นชนนี่ไม่หยุด นี่จะลุกขึ้นแล้วเข่าก็ไปกระแทกกับขอบโต๊ะอีก
ท่าทางวันนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ… เหรอวะ 

เออ แต่อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องดอกไม้มาให้กวนใจ แหงสิครับ พูดไปขนาดนั้นแล้วนี่เนอะ

“วิน สรุปว่าวันนี้ลุยเรื่อง TOR ให้จบ แล้วรีวิวแบบประมูลต่อเลย เพราะงั้นวันนี้เลิกช้าหน่อยนะ” พี่กิตโผล่หน้าเข้ามาในพาร์ทิชั่นเพื่อแจ้งข่าวเร็วๆ แล้วก็เดินตัวปลิวหายไปแบบไม่รอฟังคำตอบ ทำเอาผมที่ต้องเข้าร่วมได้แต่นั่งจินตนาการถึงสภาพความยับเยินหลังการประชุมมาราธอน ยังดีที่วันนี้ฝ่าย Owner Representative กับ Construction Manager เขาจะเป็นเจ้าภาพกัน ผมกับน้องแคร์แค่เข้าไปนั่งฟังและ observe เฉยๆ ถ้าไม่มีประเด็นอะไรก็ปล่อยผ่านได้

ผมดูนาฬิกาแล้วจัดการโค้กกระป๋องแดงบนโต๊ะให้หมด หวังในใจว่าทั้งน้ำตาลและคาเฟอีนคงจะช่วยให้สดชื่นขึ้นบ้าง

“พี่วิน ไปกันค่า” น้องแคร์เดินมาหาพร้อมกาแฟแก้วโตในมือ “พี่มีนกับพี่กิตบอกรึยังคะ ว่าวันนี้มีรีวิวแบบต่อ” สาวน้อยทำหน้าเหนื่อย

“พี่กิตแกมาบอกเมื่อกี้เลย” ผมลุกขึ้นยืนพลางเหน็บปากกาลามี่แท่งเดิมไว้กับเสื้อ “ท่าจะยาวจริงๆ ไม่รู้จะเลิกกี่โมง” 

“ช่ายยย” น้องแคร์ลากเสียงยาว

“ว่าแต่ทีมอื่นๆ มากันครบรึยัง” พูดจบแล้วก็เดินนำออกไปที่ห้องประชุม

“ก็เกือบครบแล้วนะคะ ขาดโอนเนอร์นี่แหละ” น้องแคร์เลื่อนดูไลน์กลุ่มไวๆ “วันนี้คุณตะวันกับคุณเอทัสเข้าค่ะ”

“อ้อ... “ ผมพยักหน้ารับรู้ ก็แหงล่ะ ทั้งสองคนเดินเข้าประตูมาจากอีกฝั่งแล้วนั่นไง

ผมมองร่างสูงที่อยู่ในชุดสูทเรียบกริบเดินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาเหมือนทุกที คนคิ้วเข้มเหลือบตามองเอกสารในมือที่ผู้ช่วยของตัวเองส่งให้ดูผ่านๆ และออกคำสั่งเร็วปรื๋อ โดยที่มือยังคงพิมพ์โทรศัพท์ยุกยิกตามประสานักธุรกิจตารางรัดตัว 

ไม่นานนักอีกฝ่ายก็สังเกตเห็นผมกับน้องแคร์ที่กำลังเดินมาจากอีกทางเช่นเดียวกัน จนกระทั่งมาหยุดยืนพร้อมๆ กันที่หน้าประตูกระจกบานใหญ่ของห้องประชุม สายตาเราประสานกันครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณตะวันกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง ผมก็ตัดสินใจโพล่งออกไป

“สวัสดีครับคุณตะวัน สวัสดีครับคุณเอทัส” ผมรีบยกมือไหว้โดยไม่ลืมสะกิดน้องแคร์ให้ทักทายลูกค้าคนสำคัญ

“สวัสดีค่ะ” คนข้างตัวรีบพูดสวัสดีอย่างรู้งาน

“ครับ” คนตัวสูงทำได้แค่ยิ้มรับไหว้แล้วกลืนคำที่ตัวเองจะพูดลงคอ โดยมีคุณเอทัสยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ

“ต้องขอโทษที พวกผมมากระชั้นไปหน่อย”

“ไม่เลยครับ นี่ยังอีกตั้งห้านาทีกว่าจะถึงเวลา” ผมว่ายิ้มๆ “เชิญเลยครับ” ผมขยับตัวไปเปิดประตูห้องประชุมพลางผายมือเข้าไปด้านใน


ให้ตายเถอะครับ อึดอัดเป็นบ้าเลย!


_ _ _ _

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 09-05-2018 15:54:58
_ _ _ _


15.35


การรีวิว TOR หรือ Term of Requirement ของผู้รับเหมานั้นใช้เวลายืดยาวกว่าที่คิด ถึงทุกคนจะได้รับเอกสารไปอ่านก่อนการประชุมถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มแล้วก็ตาม แต่เพราะการประชุมนี้ต้องช่วยกันเขียนกรอบการทำงานและลงรายละเอียดในจุดที่คิดว่าเอกสารยังระบุไว้ไม่ชัดเจนแบบทีละตัวอักษร เอาไว้ป้องกันพวกคนหัวหมอเบี้ยวงานโกงสเป็คเอาดื้อๆ ในอนาคตน่ะครับ

การจะข้ามผ่านโพสอิทแต่ละแผ่นที่ติดอยู่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

“ต่อไปนะครับ หน้า 245 ประเด็นค่าปรับหากมีความล่าช้า มีท่านใดอยากเพิ่มเติมอีกไหมครับ” พี่กิตถามเสียงแห้ง แล้วมองไปรอบห้อง ผมที่นั่งอยู่หลังห้องถึงกับแอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็มาถึงคอนดิชั่นเรื่องเงินในหมวดสุดท้ายเสียที

“ทางผมมีคำถามจุดเดียวเท่านั้นครับ ปรับวันละศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของงวดงานนี่เรทปกติใช่มั้ยครับ” คุณเอทัสถามขึ้น “แล้วถ้าเป็นงวดตรงกลางที่กระทบกับตารางเวลาโดยรวมล่ะครับ คือผมกังวลว่าผู้เช่าพื้นที่เราจะเข้าได้ช้ากว่าที่กำหนด ถ้าสัญญาเช่าพื้นที่เซ็นไปแล้ว ทาง AA จะเสียหาย”

“เป็นเรทปกติครับ ทาง CM ของเราจะติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด โดยทั่วไปแล้วหากมีการดีเลย์ เราจะ Forecast ได้ก่อนอย่างน้อยหนึ่งเดือน ภายในช่วงนั้นเราจะปรับแผนการก่อสร้างกับผู้รับเหมา สุดวิสัยจริงๆ ถึงจะยอมให้ Master Schedule เลทครับ หากเป็นเหตุที่เกิดจากผู้รับเหมาเอง ทางนั้นต้องรับผิดชอบค่าปรับในงวดถัดๆ ไปด้วย” พี่กิตตอบ “แต่ถ้าเกิดจากทางโอนเนอร์เองอยากเปลี่ยนแบบหรือเป็นงานเพิ่ม อันนี้ทางโอนเนอร์ต้องรับผิดชอบครับ”

“เกิดขึ้นบ่อยไหมครับ” คุณเอทัสถามต่อ

“โอกาสเกิดน้อยมากครับ” คนจากฝ่าย Owner Representative บอกขึ้นบ้าง
“ประเด็นนี้คงต้องดูผลงานที่ผ่านมาของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นหลักครับ ว่ามีประวัติงานเลทมั้ย มีกำลังคนและเงินพอที่จะดันให้งานจบหรือไม่ จะได้ตัดตัวเลือกที่มีความเสี่ยงออกไป”

“งั้นผมขอเสนอให้เพิ่มวงเงินจดทะเบียนขั้นต่ำของบริษัทเข้าประมูลเป็นอย่างน้อย 75% ของมูลค่าโครงการนะครับ” คุณตะวันพูดขึ้น “โครงการนี้เลทไม่ได้ครับ”

โอ้โห… ชัดเจน
ผมแอบนึกถึงชื่อบริษัทรับเหมาที่น่าจะเข้ารอบ คิดยังไงก็ไม่น่าจะเกินหกบริษัทแฮะ
โครงการนี้ของ AA ได้แต่ตัวท็อปของทั้งวงการไปแน่ๆ ทั้งออกแบบภายนอกภายใน งานระบบ รับเหมาก่อสร้าง ละเอียดยิบขนาดนี้นี่มาสเตอร์พีซนะครับบอกเลย

“ถ้าไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มเติม งั้นเดี๋ยวเราพักกันสิบห้านาทีนะครับ เดี๋ยวมารีวิวแบบ Tender Drawing สำหรับประมูลกัน” พี่กิตบอกหลังสรุปการรีวิว TOR จบ
 

เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นทั่วห้องประชุมขนาด 20 คน ผมรีบลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะเดินไปเก็บเอกสารที่โต๊ะ โดยไม่ลืมหยิบโค้กกระป๋องใหม่ในแพนทรี่ติดมือมาด้วย พอหันมองนาฬิกาก็พบว่านี่มันสี่โมงครึ่งเข้าไปแล้ว ไม่ไหว วันนี้อย่างน้อยต้องจบลงที่ทุ่มกว่าแน่ๆ ผมยืนพิงโต๊ะตัวเองแล้วกดโทรศัพท์อ่านไลน์ไปด้วย


นายหวาน : มีคุยเรื่องละครถาปัดกัน น่าจะถึงสักหกโมงนะครับ

Wynn_Tect : ประชุมยาวเลย น่าจะเลิกทุ่มครึ่งโน่น

นายหวาน : เดี๋ยวผมไปหาพี่วินที่ออฟฟิศละกัน
นายหวาน : ประชุมเสร็จแล้วค่อยโทรหาก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปหาที่นั่งรอ

Wynn_Tect : มีร้านกาแฟข้างล่าง แต่มันปิดหกโมงน่ะสิ

นายหวาน : อ่าาา ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมลองหาแถวๆ นั้นดู



ผมเม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจ


Wynn_Tect : หรืออยากขึ้นมารอข้างบน?

นายหวาน : ได้เหรอครับ

Wynn_Tect : ก็
Wynn_Tect : มาได้นะ

Wynn_Tect : เดี๋ยวบอกที่เคาน์เตอร์ไว้ให้ ไปนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะก็ได้

นายหวาน : ครับ

Wynn_Tect : คิดไว้ด้วยนะว่าจะกินอะไร
Wynn_Tect : ประชุมเยอะ แรมหมด ขี้เกียจคิดแล้ว

นายหวาน : ให้ผมเลือก แล้วจะตามใจผมเหรอครับ

Wynn_Tect : เรื่องเยอะก็ไม่ต้องกิน

นายหวาน : ใครจะยอมล่ะครับ!
นายหวาน : ถือว่าสัญญาแล้วนะ ห้ามเบี้ยวด้วย

Wynn_Tect : ถึงแล้วก็บอกละกัน


ผมปิดหน้าจอแล้วเปิดกระป๋องโค้กที่วางอยู่ ก่อนจะกดโทรศัพท์ไปแจ้งพี่จอยหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ว่าเย็นๆ จะมีคนมาหา รบกวนพามานั่งรอที่โต๊ะที วางหูปุ๊บน้องแคร์ก็เดินมาตามเข้าห้องประชุมพร้อมยื่นแบบปึกใหญ่ให้

โอ้ย... สิบห้านาทีนี่มันไวจริงๆ


_ _ _ _


18.12


สับสนไปหมดแล้วครับ… ไม่แปลกเลยที่เขาเรียกการประชุมแบบนี้ด้วยชื่อเล่นที่ไม่น่ารักว่า War Room 
พี่ๆ แต่ละฝ่ายรีวิวอ่านแบบกันเร็วระดับวินาที เหมือนดูแบบปราดเดียวก็สรุปได้แล้วว่าพอกับการเคาะราคาของผู้รับเหมาหรือเปล่า พลิกกระดาษสองทีก็รู้แล้วว่าแบบอันไหนไม่ Sync กัน นานๆ ทีก็มีคำถามให้กับเจ้าของโครงการอย่างคุณตะวันและคุณเอทัสที่หัวโต๊ะตัดสินใจ


“แผ่น AR-433 กับ AR-457 แบบขยายไม่ตรงกันนะครับ รบกวนทาง Designer คอนเฟิร์มดีเทลอีกที”


“แบบงานระบบไม่มีกำหนดตำแหน่ง CO2 sensor มานี่ครับ แค่บอกว่าต้องติดกับบอกจำนวน”


“Regularly Occupied Area รายชื่อห้องอยู่ในเอกสารแนบชุดที่ 4 ค่ะ”


“ห้องขยะเหมือนจะเล็กเกินไปหน่อยนะครับ เราจะมีเครื่องกำจัดขยะด้วย”


“แล้วแคทวอล์กที่จะใช้เซอร์วิส Curtain Wall ฝั่งตะวันตกล่ะครับ”


“เรื่อง Chiller ให้ทำตัวเลือกมาเสนอแล้วกัน พิจารณาที่ราคา”


โอ๊ย… แค่วงเมฆแก้แบบกับจดตามยังจะไม่ทันเลยครับ หมึกปากกาจะหมดแล้วเนี่ย
โชคยังดีที่งานส่วนวิเคราะห์จบไปแล้ว เลยไม่ต้องทำหน้าที่อะไรเป็นพิเศษ ถ้าเป็นช่วงก่อนที่ต้องนำการประชุมป่านนี้คงกำลังโชว์ความง่อยของตัวเองสู่สาธารณะแหงๆ ดูสิ หัวข้องานแอร์นี่อะไร ชิลเลอร์กับคูลลิ่งทาวเวอร์มันติดตั้งต่างกันยังไงนะ คืนอาจารย์ไปหมดแล้วครับเนี่ย

ระหว่างที่กำลังนั่งทำความเข้าใจรายละเอียดในแบบที่อยู่ในมือ หน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่ก็สว่างขึ้นจากการแจ้งเตือนของแชทส่วนตัว ผมกดหน้าจอเข้าไปอ่านแบบเร็วๆ


นายหวาน : ถึงแล้ว
นายหวาน : รออยู่ที่โต๊ะนะครับ


เผลอตัวชะเง้อมองโต๊ะตัวเองผ่านห้องกระจกแล้วก็ต้องด่าตัวเองตามจังหวะของหัวใจที่จู่ๆ ก็เต้นตุบตับขึ้นมาแบบหาสาเหตุไม่ได้ ไอ้วิน ไอ้บ้า พาร์ทิชั่นตัวเองอยู่ตั้งไกล จะไปมองเห็นได้ยังไงล่ะโว้ย มาแล้วก็ปล่อยให้นั่งไปสิ จะไปมองหาทำไม ประสาท 

Wynn_Tect : ยังประชุมไม่เสร็จ รอไปก่อน
Wynn_Tect : เอาหนังสือบนชั้นวางมาอ่านไปพลางๆ ก็ได้

นายหวาน : คร้าบผม



...


นายหวาน : นี่
นายหวาน : ทำไมมีโค้กเก็บอยู่ใต้โต๊ะด้วย ทานเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ

Wynn_Tect : อย่าซน
Wynn_Tect : เก็บไว้แล้วค่อยทยอยเอาไปใส่ตู้เย็นต่างหากล่ะ

นายหวาน : /สติ้กเกอร์หน้าบุ่ย

นายหวาน : อย่ากินเยอะสิครับ
นายหวาน : เป็นห่วงนะ

Wynn_Tect : นั่งอ่านหนังสือไปเลยไป
Wynn_Tect : อย่ารื้อกองเอกสารด้วย เดี๋ยวหาของไม่เจอ

นายหวาน : ไม่ไล่สิครับ
นายหวาน : เขินแล้วชอบไล่ผมอ่ะ

Wynn_Tect : ไม่ได้เขิน!!!

นายหวาน : แต่ผมชอบนะ

Wynn_Tect : พอเลย!!! 



กดตอบแล้วก็รีบคว่ำหน้าโทรศัพท์วางเอาไว้ที่เดิม... เด็กเพี้ยนเอ๊ย  หยอดอยู่ได้…
ในขณะที่กำลังจะเปิดกระดาษไปหาหน้าที่เขาประชุมกันอยู่ กระดาษโพสอิทสีเหลืองสดก็ถูกแปะลงมาที่แขนของตัวเอง

“หือ?” ผมเลิกคิ้วแล้วหันไปหาคนข้างตัว น้องแคร์ยักคิ้วให้แล้วชี้ให้อ่านข้อความบนกระดาษแผ่นเล็ก

‘ฮั่นแน่ะ วันนี้ใครมารับอ่ะ’

ถึงกับหันไปมองหน้าน้องตาโต ไวกว่านี้มีอีกมั้ยครับ! ส่งเมลล์ภายในยังไม่เร็วขนาดนี้เลยมั้ง ผมดึงกระดาษมาจรดปากกาจะเขียนตอบ
ตอบว่า… เอ่อ… ผมเม้มปากแน่น

เป็น…



“แน่ะ ทำไมคิดนาน ใครอ้ะ” น้องแคร์กระซิบ

ผมสะดุ้ง รีบเขียนตอบไปส่งๆ แล้วแปะไว้บนสมุดจดที่วางอยู่ข้างตัว
‘เพื่อน’

น้องแคร์เลิกคิ้ว ก้มลงไปมองมือถือมองปราดเดียวแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะเขียนยุกยิกลงในโพสอิทแผ่นใหม่แล้วติดลงที่กระดาษแบบของผม

‘ไม่ใช่ อย่ามาหลอกกันซะให้ยาก ชื่อน้องหวาน อยู่ปีหนึ่ง วันนี้จะมารับพี่วินไปกินข้าว’


เห้ย เดี๋ยว…

ผมเงยหน้าขึ้นมอง แอบกระซิบเสียงเบา “ไปเอามาจากไหน”

น้องตัวแสบแลบลิ้นให้อย่างกวนๆ ก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่เปิดแอพพลิเคชั่นไลน์ค้างไว้ให้ผมดู ในห้องแชทมีรูปเจ้าเด็กปีหนึ่งกำลังนั่งยิ้มร่าเริงอยู่ที่โต๊ะทำงานหน้าตาคุ้นๆ พร้อมกับหัวหน้างานสุดสวยของผมยืนกอดอกยิ้มอยู่ข้างๆ

อยากจะเอาหัวโขกกับโต๊ะให้สลบไป โดนจับสัมภาษณ์สินะ…
ไหนพี่ฝ้ายออกไปประชุมแล้วจะไม่เข้ามาแล้วไงเล่า

“เพื่อนแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะพี่วิน” น้องแคร์พูดยิ้มๆ 

“เพ้อเจ้อ” ผมส่ายหน้าพรืด ทำเมินกับสายตาล้อเลียนที่ส่งมา แล้วก้มลงไปขีดๆ เขียนๆ บนกระดาษแบบที่มั่นใจว่าเปิดไว้ผิดหน้าแน่ๆ


ที่ประชุมคุยถึงไหนแล้วนะ เสียสมาธิจริงๆ


_ _ _ _


19.44


“เดี๋ยวทาง CM จะลิสต์รายการที่ต้องเพิ่มเติมกลับไปยังดีไซน์เนอร์นะครับ ส่วนกำหนดการออก TOR กับเปิดซองยังเหมือนเดิม ไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง” พี่กิตสรุป “ขอบคุณทุกคนมากครับ”

เห็นมั้ยล่ะ ประชุมจบที่ทุ่มกว่าจริงๆ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะปิดแบบเล่มโตลงแล้วนั่งพิงเก้าอี้อย่างหมดแรงในขณะที่ทุกคนทยอยกันออกจากห้อง ให้ตายเหอะ นี่แค่แบบ Tender งานสถาปัตย์หลักนะครับ ถึงเวลารีวิวแบบอินทีเรียไม่ลากยาวไปถึงเที่ยงคืนเลยเหรอ ไหนจะดีเทลรายห้อง ไหนจะสเป็ควัสดุอีก สงสัยต้องหาเวลาคุยกับไอ้พีทซะล่ะมั้ง

“ฮั่นแน่ะ” น้องแคร์ที่มายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ชะโงกหน้าลงมายิ้มใส่ “ไม่รีบกลับเหรออ”

ผมกะพริบตาปริบๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “แคร์รีบเหรอ กลับไปก่อนได้นะ”

“ก็คิดว่าวันนี้พี่วินจะรีบไปไหนกับใครรึเปล่าน้าา”

ผมทำเสียงหึในคอ
“ไม่อ่ะ” ผมตอบแล้วลุกขึ้นยืน จัดการโค้กที่เย็นชืดจนหมดกระป๋องแล้วยักคิ้วให้ “ทำไมต้องรีบ”

“เผื่อเพื่อน พี่วินรอนาน” น้องแคร์ตอบหน้าทะเล้น
“แต่เอ… ปกติเพื่อนนี่ให้รอข้างหน้าไม่ใช่เหรอ ทำไมคนนี้ได้นั่งที่โต๊ะ” น้องแคร์พูดด้วยน้ำเสียงล้อๆ “เพื่อนแน่รึเปล่าาา หรือเป็นตัวจริงกันนะ บอกมาเลย ดอกไม้กับพี่น้ำนี่ตัวหลอกใช่มั้ย”

ถึงกับหน้าร้อนขึ้นมาแบบแปลกๆ “เอ่อ…”
ก็… ดอกไม้กับไอ้น้ำก็ไม่ใช่ตัวจริงแหงอยู่แล้ว แต่กับไอ้เด็กที่นั่งหน้าแป้นอยู่ที่โต๊ะตอนนี้..
เอ่อ... สถานะ… มัน…
“เอาเป็นว่าพี่ไม่รีบ” ผมสรุปเอาดื้อๆ “แคร์รีบก็กลับก่อนเลย”

“ด้ายยย” น้องแคร์ทำหน้าย่นใส่ “พี่วินไม่รีบก็อยู่ต่อไปเลย แคร์ไปสืบเอาจากเจ้าตัวก็ได้”

“เฮ้ย! เดี๋ยว!” เด็กแสบวิ่งปรู๊ดออกไปแบบไม่ฟังคำท้วง ไอ้วินนะไอ้วิน เสียท่าจนได้ เก็บของแล้วรีบตามออกไปดีกว่า ป่านนี้เด็กนั่นโดนถามจนพรุนแล้วมั้ง ผมเหน็บปากกาไว้กับเสื้อเชิ้ต เตรียมจะเก็บเอกสารเข้าอ้อมแขน 



“ถ้าไม่รีบ… งั้นวินก็มีเวลาคุยกับพี่สิครับ” เสียงทุ้มๆ ของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง เล่นเอาผมเกือบสะดุ้ง หันกลับไปก็เจอกับร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่   

“เอ่อ… คุณตะวัน” ผมอึกอัก “มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

“ถ้าไม่มีธุระ เราคุยกันไม่ได้แล้วเหรอครับวิน” อีกฝ่ายบอกหน้าเศร้า

“คือ… ถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วน ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ นี่ก็ได้เวลาเลิกงานพอดี” ผมมองซ้ายมองขวา คุณเอทัสหายไปไหนแล้วเนี่ย มาเอาเจ้านายกลับไปด้วยสิครับ

“วินครับ… ฟังพี่ก่อนนะ” คุณตะวันพูดเสียงอ่อน

“พี่ผิดเองที่ไปว่างานของคุณอาทิตย์แบบนั้น” คนตัวสูงพูดขึ้น “แต่พี่ก็เป็นห่วงเรื่องโปรเจ็คจริงๆ นะครับ พี่คิดว่าถ้าวินกลับมาช่วยดูแบบเต็มตัวน่าจะดีกว่า ยังไงก็เป็นคนที่ดูแลมาตั้งแต่ต้น”

“ด้วยการบอกผมว่างานมันใช้ไม่ได้ ทั้งที่ยังไม่เห็นเลยน่ะเหรอครับ” ผมพูดเสียงขุ่น “ผมเข้าใจความกังวลเรื่องโครงการของคุณตะวัน แต่ถ้าผมไม่รู้ความจริง เอาเรื่องไปแจ้งแล้วขอเปลี่ยนทีมเพราะงานคุณภาพไม่ถึงขึ้นมา มันจะเกิดผลเสียกับงานมากกว่าที่คุณตะวันกังวลแน่นอนครับ”

“คือ… วินก็น่าจะรู้ว่าพี่คิดยังไง”

“ผมขอไม่ทำความเข้าใจกับเหตุผลที่ทำแบบนี้นะครับ” ผมตัดบท “เอาเป็นว่า ผมจะทำงานในส่วนของผมให้สมบูรณ์และเป็นมืออาชีพมากที่สุด ขอให้เชื่อมือผมนะครับ” ผมหอบเอกสารบนโต๊ะขึ้น “ขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที 

“เดี๋ยวสิครับวิน!” 

ผมเดินเร็วๆ มุ่งหน้าไปที่โต๊ะตัวเองโดยมีร่างสูงเดินตามมาแบบติดๆ ถ้าเป็นตอนกลางวันการที่คุณตะวันคนดังมาเดินตามผมแบบนี้คงเรียกสายตาจากผู้คนได้ไม่ยาก โชคยังดีที่เลยเวลาเลิกงานมามากแล้ว เท่าที่เห็นก็มีแต่โซนของผมกับฝั่ง Construcrtion Management ฟากโน้นเท่านั้นที่ยังเปิดไฟอยู่ น้องแคร์กำลังก้มหน้าเก็บของ เสียงแจ๋วๆ บ่งบอกว่าว่าเจ้าตัวกำลังคุยกับใครอีกคนไปด้วย


“นี่ไง พี่วินมาแล้ว” น้องแคร์พูดขึ้นเมื่อเห็นหน้าผม แอบขยิบตาให้ก่อนจะพูดแซวๆ
“งั้นไปก่อนละนะ ไม่อยู่เป็นก้า-- อุ๊ย! ขอโทษค่ะ...” ชะงักไปเมื่อเห็นลูกค้ารายใหญ่ด้านหลัง 

“แคร์รีบกลับเถอะ เดี๋ยวพี่ก็กลับแล้ว” ผมตัดบทเอาดื้อๆ ถึงอีกฝ่ายจะดูงงๆ แต่ก็ยกมือไหว้แล้วเดินออกไปแต่โดยดี

ผมโผล่หน้าเข้าไปที่พาร์ทิชั่นของตัวเอง เด็กปีหนึ่งที่นั่งเก้าอี้ผมอยู่ยิ้มให้อย่างที่เคย ก่อนคิ้วเข้มๆ นั่นจะขมวดมุ่นเป็นปมเมื่อสายตามองเลยไปที่ร่างสูงด้านหลังแบบไม่ปิดบังความสงสัยเลยสักนิด

“หวาน… ไปกันเถอะ” ผมวางเอกสารกองไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ 

“แต่เรายังพูดกันไม่รู้เรื่องเลยนะครับวิน”   
ไม่พูดเปล่า คนตัวสูงยังคว้าเอาแขนผมไว้ รั้งให้หันกลับไปเผชิญหน้าด้วย

“ปล่อยครับ…” ผมมองมือที่จับอยู่แล้วพูดเสียงเรียบ ก่อนจะสบตาอีกฝ่ายแล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ "ผมคิดว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วนะครับ”

เพราะหันหลังอยู่เลยไม่ทันได้เห็นสีหน้ากับตาวาวๆ ของคนเด็กกว่าที่มองมาด้วยความไม่พอใจ
“ผมว่าคุณปล่อยพี่วินก่อนดีกว่า” หวานพูดเสียงขุ่น

เมื่อนึกได้ว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง คุณตะวันก็ยอมละมือที่จับไว้ออก
“น้องเหรอครับวิน” ร่างสูงยิ้มให้ “ยังไงพี่ขอคุยกับพี่วินสักครู่นะครับ ขออนุญาตนะ"

หวานแค่ปรายตาไปมองคนพูดแบบเร็วๆ แล้วหันหน้ากลับมาถามผมนิ่งๆ "เรื่องงานเหรอครับ?"

"ไม่ใช่ครับ แต่เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่กับวินเขา ยังไงขอเวลาพวกพี่สักครู่แล้วกันนะ"

สายตาคนเด็กกว่ากร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้ "พี่วิน ให้ผมรอข้างนอกก่อนมั้ย... ครับ"

"ไม่ต้องหวาน คุณอยู่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น" ผมว่า

"แต่วินครับ ให้น้องรอข้างนอกก่อนดีมั้ย เราจะได้คุยกันสะดวกๆ"

“ไม่ครับ” ผมพูดเสียงเรียบ “เขาจะอยู่”

“แต่เรื่องของเราไม่เกี่ยวกับน้องนะครับ”


เรื่องของเรา งั้นเหรอ…

ผมหันไปมองคนเด็กกว่าที่ตอนนี้กำลังกำมือแน่นสะกดความโกรธ ริมฝีปากเม้มสนิทเป็นเส้นตรง ใบหน้าฉายชัดด้วยความไม่พอใจ

เรื่อง ของเรา… ผมคิด
ใช่… เรื่องของเรา สองคน

ผมสูดหายใจลึก ก่อนจะพูดออกมาให้ชัดเจน
“เกี่ยวครับ จะเรื่องอะไรก็เกี่ยว นี่แฟนผมเอง"

...

เคยได้ยินความเงียบแบบไม่มีแม้แต่เสียงหายใจมั้ยครับ… ผมว่าออฟฟิศผมก็ไม่เคยเงียบขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน เด็กหวานที่นั่งอยู่มองหน้าผมด้วยความงงงัน จับต้นชนปลายไม่ถูก พอๆ กับคุณตะวันที่หันไปมองเด็กปีหนึ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

“วินอย่าล้อพี่เล่นเลยครับ” คุณตะวันพูดขึ้น

“ผมดูเหมือนพูดเล่นเหรอครับ” ผมย้อนถามเสียงจริงจัง ทำเอาอีกฝ่ายหน้าเจื่อน “อีกอย่าง... ผมค่อนข้างแน่ใจว่านอกจากเรื่องงานแล้ว มันไม่เคยมีเรื่องของเรานะครับคุณตะวัน”

“เอ่อ…”
เจ้าของชื่อมองมาอย่างอับจนคำพูด

“คงไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยครับ งั้นผมขอตัวก่อน” ผมหยิบกระเป๋าแล้วคว้ามือเด็กหวานที่กำลังทำหน้าเหวอให้รีบลุกขึ้น “ไปเถอะคุณ ผมหิวแล้ว” 



_ _ _ _ 



20.12



พวกผมเดินก้าวยาวๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำจนมาถึงที่ลานจอดรถ ผมถึงปล่อยมือจากคนข้างตัวที่ดูเหมือนจะสติหลุดไปแล้วให้เป็นอิสระ หวานยืนเก้ๆ กังๆ แล้วหันมามองหน้าผมงงๆ เหมือนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี


“เอ้า… ขึ้นรถสิ” ผมสั่ง ก่อนจะเปิดประตูโยนกระเป๋าไปไว้ด้านหลัง สอดตัวเข้าไปนั่งลงบนเบาะคนขับ รอให้อีกฝ่ายขึ้นรถแล้วปิดล็อกประตูให้เรียบร้อย

“อยากกินอะไร”

“เอ่อ…”

“ก็บอกให้คิดไว้ไง เร็วเลย นี่สองทุ่มกว่าแล้ว เดี๋ยวก็ปิดหมด”

“อะ… คือ…”
“อ… เอ่อ… พี่วิน…. คือเมื่อกี้...” คนเด็กกว่าพูดตะกุกตะกัก  “เอ่อ…”

“ติดอ่างรึไง พูดอะไรไม่เป็นประโยค” ผมเหลือบตามองคนข้างตัวแล้วถอนหายใจพรืด “นั่นชื่อคุณตะวัน เป็นลูกค้า… ตามตื้ออย่างที่เห็นมาสักพักแล้ว”

“หา… แล้วทำไมไม่บอ…” หวานทำตาโต ก่อนจะส่ายหน้า
“คือ… ไม่สิ… ไม่ได้จะถามเรื่องนี้สักหน่อย” คนเด็กกว่าขยี้หัวตัวเอง “เอ่อ… ที่พี่วินพูด…ว่า...”

“ว่าอะไร” ผมแกล้งย้อน

หวานกลืนน้ำลายแล้วมองหน้าผม “ก็ที่ว่าเป็น... แฟน… น่ะ”

“อือ” ผมตีหน้านิ่ง พยายามไม่สนใจอาการร้อนวาบที่แล่นขึ้นมาบนใบหน้า

“คือ… พี่พูดจริงใช่มั้ย... นี่ไม่ได้พูดตัดรำคาญคุณอะไรนั่นใช่มั้ยครับ”

“พูดไปก็ดีแล้วนี่… จะได้ไม่ต้องมายุ่งอีกไง วุ่นวาย ยุ่งยากจะตาย” ผมลอยหน้าลอยตาตอบ
“ทำไม… อยากให้เขาเข้ามาเกาะแกะด้วยรึไง จะได้กลับเข้าไปแก้ข่าว ยอมไปออกเดทดินเนอร์กับเขาสองต่อสอง”

“ไม่ได้นะครับ ไม่ให้ ไม่ให้พี่วินกับใครทั้งนั้นแหละ” หวานขมวดคิ้วตีหน้ายุ่ง

“แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น”

เจ้าตัวถอนหายใจ ก่อนจะคว้าเอามือผมไปกุมเอาไว้หลวมๆ “พี่รู้มั้ยว่าเมื่อกี้ผมอยากเข้าไปดึงพี่ออกมาจากคุณอะไรนั่นมากเลย แต่จะทำก็ไม่ได้… ก็ยังเป็นแค่รุ่นน้อง เป็นแค่คนตามจีบนี่นา… ไม่มีสิทธิ์อะไร…ได้แต่หึงได้แต่หวงไปแบบเนี้ย”

หวานสูดลมหายใจเข้าเรียกกำลังใจให้ตัวเองอีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่วิน… เราเป็นแฟนกันจริงๆ สักทีเถอะนะครับ”


หา.. ว่าไงนะ… ผมหันควับ

ไอ้เด็กนี่! ไอ้เด็กเบื๊อกนี่!!!!!!!!


“ที่เป็นอยู่นี่ไม่เรียกแฟนแล้วให้เรียกอะไรหา!!” ผมหัวร้อนโวยวาย ยกมือข้างที่อีกฝ่ายยังจับอยู่ขึ้นมาเขย่าแรงๆ “คิดว่าทำอย่างนี้กับทุกคนรึยังไง!!”

“ห้ะ” หวานยังงง มองสลับไปมาระหว่างมือกับหน้าผม “นี่เรา…”

คนตัวสูงเบิกตากว้าง ก่อนจะพูดออกมาเสียงดัง “นี่ถ้ารู้แบบนี้ เมื่อกี้ผมซัดไอ้คุณตะวันอะไรนั่นหน้าหงายไปแล้วนะ ไม่ปล่อยที่มายืนดึงแขนพี่วินแบบนั้นหรอก ตามมาตื้อ ตามมาเกาะแกะกันต่อหน้าต่อตา นี่กลับขึ้นไปได้มั้ยครับ หึงจนจะหน้ามืดอยู่แล้ว”

“บ้าแล้ว” ผมหน้าแดง “บ้าไปแล้ว”
อยากจะถามว่านี่แกล้งไม่รู้หรือไม่รู้ โอ๊ย นี่ผมทำถูกรึเปล่าวะ “คนตามจีบที่ไหนมันจะมีสิทธิ์ได้หึงแบบนี้ คิดสิคิด!”

“แต่ว่า… ผมยังไม่ได้ขอพี่เป็นแฟนอย่างเป็นทางการเลยนี่นา…”

ไม่รู้ว่าแสดงสีหน้ายังไงออกไป แต่ยิ่งเห็นคนเด็กกว่ากำลังถอนหายใจหนักๆ ยิ่งเหมือนหัวใจฟีบลงอย่างบอกไม่ถูก 

หรือทั้งหมดผมจะคิดไปเอง... ไอ้เด็กนี่อาจจะไม่ได้อยากขยับสถานะอย่างที่ผมคิดก็ได้

หวานขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกมาเป็นชุด “… นี่จะนับวันไหนเป็นวันเริ่มคบกันล่ะครับ เอาวันนี้เหรอ หรือจริงๆ ควรจะนับตั้งแต่ตอนผมแอบหอมแก้มแล้วพี่วินเขินหน้าแดง ตอนแอบนอนกอดที่คอนโด หรือตอนพี่วินไปช่วยผมตัดโมเดล ถ้าเป็นตอนนั้นถือว่าใจอ่อนรึยัง บอกหน่อยสิครับ ”

“หา..” ผมร้อง
นี่คือสิ่งที่มันกังวลเหรอ

“ไม่งั้นจะนับวันครบรอบกันยังไงล่ะครับ” เด็กโข่งพูดอุบอิบ “ผมก็อยากจะมีวันพิเศษนอกเหนือจากวันเกิดกับเขาบ้างเหมือนกันนะครับ คบกันครบรอบสามเดือนอะไรแบบนี้น่ะ ว่าแต่พี่วินอยากทำอะไรเป็นพิเศษมั้ย ผมว่าผมอยากจะพาพี่วินไ---”   

“หนวกหูน่า...” ผมตีหน้ายุ่งพูดตวัดเสียงพร้อมกับยกมือขึ้นดึงคอเสื้อของคนที่กำลังพูดไปเรื่อยเข้าหาตัว แล้วขยับหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเราสองคนสัมผัสกัน ก่อนจะตัดสินใจแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากอุ่นๆ เพื่อปิดคำบ่นของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

ทีนี้จะเงียบได้แล้วสินะ…

“อื้อ!!...” กำลังจะผละออกก็ต้องมาสะดุ้งตกใจเพราะฝ่ามือใหญ่ๆ ที่เลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้าตัวเอง ดึงรั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ทำอย่างที่คิด คนเด็กกว่าเอียงใบหน้ารุกไล่บดเบียดริมฝีปากมอบสัมผัสแนบแน่นมากกว่าเดิม ถึงจะไม่ได้รุกล้ำเอาแต่ใจ แต่ก็ไล้ละเลียดอย่างอ้อยอิ่งเนิ่นนาน จนกลายเป็นผมเองที่รู้สึกหมดแรง เผลอขย้ำคอเสื้ออีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่ออีกฝ่ายยอมถอนจูบ ก็ถึงกับต้องยกมือขึ้นมากุมอกแล้วหอบหายใจ หวานหลุดหัวเราะ ปัดเกลี่ยปลายนิ้วที่พวงแก้มแล้วกระซิบเบาๆ แทบชิดริมฝีปากที่ยังมีสัมผัสนุ่มนิ่มของเจ้าตัวติดอยู่ชัดเจน

“เริ่มก่อนต้องไม่ป๊อดสิครับ”

ตวัดตามองไอ้เด็กร้ายกาจที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่ม… ไม่น่าประมาทเลย
ผมใช้มือทุบไปที่แผ่นอกของเด็กขี้แกล้งแรงๆ ผลักให้ห่างออกไปแล้วพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ในขณะที่หัวใจยังคงเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมาให้ได้ ก่อนจะรวบรวมสติพูดเข่นเขี้ยว

“ถึงขนาดนี้แล้ว… ถ้ายังพูดว่าไม่ใช่แฟนก็ลงจากรถไปเดี๋ยวนี้เลย”

“ไม่ไปหรอกครับ จะไปกินข้าวกับแฟน” หวานยิ้มกว้าง พลางมองหน้าผมที่กำลังตั้งอกตั้งใจกับการออกรถอย่างเกินปกติ “นี่… หน้าแดงแน่ะครับ”

“เงียบไปเลย!” ผมโวย


“ว่าแต่วันนี้… ข้าวเย็นขอไปกินที่คอนโดแฟนจะได้มั้ยครับ”


_ _ _ _


TBC


เอาตอนใหม่มาส่งค่า หายไปเดือนนึง คิดถึงจุงเลยยย  :กอด1:
จะพยายามเร่งเครื่องเขียนไวๆ นะคะ
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกัน และขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และฟีดแบกในทุกทาง รักมากจริงๆ

/กอดตี๋วินลู๊กแน่นมาก และอยากถือไม้เรียวตีเด็กบางคนมากกว่า

เม้ามอยกันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก หรือบ้านคนเขียน @huentrop เหมือนเดิมนะคะ

ปล. โค้งสุดท้ายของเรื่องแล้วน้า หาเรือผีเราเจอรึยัง เราแอบไว้ลำนึง 555

ปล. อีกที คนเขียนภูมิต้านทานฉากหงิกงอต่ำมาก วอนเข้าใจนะคะ 55555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-05-2018 18:52:24
เฮ้ย  เป็นแฟนกันซะทีนะวิน  หายปากแข็งแล้ว
ขอบคุณคุณตะวันตัสกระตุ้นชั้นดี  ที่ทำให้พี่วินยอมรับเป็นแฟนกับน้องหวาน  อิอิ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 09-05-2018 20:21:24
โอ้ยยยยย หวานลูกกกกกกกกกกกก  :ling1:
เวลาอ่านไดอะล็อกของหวานแล้วรู้สึกเหมือนอ่านนิยายหรือการ์ตูนญี่ปุ่นเลยค่ะ
ลักษณะการพูดการจา จังหวะจะโคนมันใช่มาก เอ๊ะหรือเราอ่านให้มันเป็นแบบนั้นเองนะ ชักสงสัยแล้ว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 09-05-2018 21:12:45
โอ้ยยยยย เหม็นความรักจังเลย
หมั่นไส้ความกังวลของน้องหวานจังเลย แหมมมมมม จ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-05-2018 22:50:56
แหม ความรักอบอวลไปหมดเลย จู่ๆได้เลื่อนขั้นน้องหวานตั้งตัวไม่ทันละสิ แต่พอพี่วินจุ๊บๆเข้าหน่อย ทีนี้ความแฟนมาเต็มเลยนะ
ไปกินข้าวที่ห้องแฟนนี่ไปกินข้าวจริงป่าว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 09-05-2018 23:58:04
ขนาดไม่ถนัดฉากหงิกงอ
เรายังหงิกงอไปหมดเลยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาา
หวานนี่มันจริง ๆ ขนาดขอเป็นแฟนยังไมไ่ด้ขอเลยลูกเอ๊ยยยย
ขึ้นเตียงนี่ไม่ได้นะ อย่ายอมพี่เค้า  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 10-05-2018 13:38:03
 :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-05-2018 21:18:47
 :L2: :pig4:

อิน้องได้เป็นแฟนแบบ งงๆ 55
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-05-2018 21:25:40
วันนี้ที่รอคอยค่าาา ขอบคุณคุณตะวันนนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-05-2018 23:52:13
 :hao6:


เด็กมันก็จะดึ๋งๆดั๋งๆ แบบนี้
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Patar1728 ที่ 11-05-2018 00:43:36
พี่วินน่ารักกก อยากได้ 555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 12-05-2018 15:28:10
วินบทจะแรง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 12-05-2018 18:52:26
นึกจะจู่โจมก็จู่โจมไม่ทันตั้งตัวเลย :z1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 24-05-2018 21:19:26
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 03-06-2018 18:59:42
หายไปนานมากเลยครับ เมื่อไรจะมาต่อครับ รอ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 06-06-2018 23:00:24
ความเสี่ยงที่ 29

10.32
วันศุกร์


จากวันนั้นผมก็มีแฟนมาแล้วเป็นเวลาสิบวันถ้วน

จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเท่าไหร่ ผมยังหอบเอางานกลับมาทำที่บ้านอยู่เป็นประจำ ส่วนเจ้าเด็กหวานที่เพิ่งได้สถานะใหม่ไปก็ยังต้องเข้าๆ ออกๆ คณะทุกวันอย่างกับนี่ไม่ใช่ช่วงปิดเทอม นอกจากงานสตูดิโอที่ไม่จบไม่สิ้นแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมอีกแปดล้านอย่างที่ต้องทำ ก็เห็นว่ากำลังเตรียมละครกันอยู่ ไหนจะต้องซ้อมสำหรับงานถาปัดสัมพันธ์ที่จะต้องไปเจอกับมหาลัยอื่นนั่นอีก เผลอๆ ยุ่งกว่าผมอีกละมั้ง

แต่ถึงอย่างนั้น… บางวันเจ้าตัวก็มานั่งยิ้มเผล่อยู่ที่หน้าออฟฟิศ
หรืออย่างบางวัน… คนเด็กกว่าเลิกดึกจนต้องอ้อนให้ขับรถไปรับถึงหน้าคณะ
อย่าเข้าใจผิดไปนะครับ ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้นสักหน่อย

เอ่อ… ก็แค่ พอดีบังเอิญพอมีเวลาอยู่บ้าง

เออ นั่นแหละ บางวันไง
เหมือนวันนี้น่ะ

เสื้อเชิ้ตทำงานของผมถูกพับแขนขึ้นแบบลวกๆ ส่วนสแล็คก็กลายร่างเป็นกางเกงบอลให้สะดวกต่อการนั่งทำงานบนโซฟา แลปท็อปข้างตัวเปิดค้างอยู่ที่อีเมลล์ขอความเห็นเรื่องที่ดินของโปรเจคใหม่จากฝ่ายมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งอันที่จริงควรจะรีวิวและเขียนคอมเมนต์ส่งกลับไปได้แบบเร็วๆ แต่ก็หยุดอยู่ที่พารากราฟที่สี่มาจะครึ่งชั่วโมงแล้ว

ก็ใครมันจะไปมีสมาธิกัน!

“โอ๊ยย มองอะไรอยู่ได้เล่า!” ผมโวยใส่ตัวต้นเหตุ

“มองแฟนไงครับ” หวานกะพริบตาปริบๆ พูดตอบหน้าตาเฉย “ไม่ได้เหรอ”

ผมถอนหายใจพรืดกับเด็กโข่ง ร่างสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาจะไม่รบกวนการทำงานสักนิด
ถ้าเจ้าของไม่ได้เอาหัวหนักๆ มาหนุนตักผมไว้น่ะนะ…

นอนจ้องหน้าแบบนี้ใครเขาจะไปทำอะไรได้วะ

“ไม่กลับบ้านกลับช่องสักที” ผมเคาะหน้าผากมันไปหนึ่งที “จะอยู่นี่ทั้งคืนเลยรึไง”

“ค้างได้เหรอครับ” เจ้าตัวถามเสียงตื่นเต้น “เดี๋ยวโทรบอกที่บ้านก่อนนะว่าจะอยู่กับแฟน”

“บ้าเรอะ!” นี่ผมเผลอเปิดโอกาสให้มันอีกแล้วเหรอครับ “กลับไปเลย”

“อ้าว… ไม่ได้เหรอครับแฟน” หวานทำหน้าเศร้า

“ต้องเรียกแฟนทุกคำเลยรึไง” ผมย่นจมูก

“ก็ผมเห่อแฟนผมอ่ะ” หวานจ้องหน้าผมแล้วพูดเน้นคำเป็นพิเศษ
ผมกัดปากตัวเอง ให้ตายเถอะ ยังไงก็ไม่ชินกับสายตาแบบนี้ของมันสักที

“ขออยู่แบบนี้ต่ออีกหน่อยนะครับ… นะคร้า-- โอ๊ะ!” ยังพูดวอแวไม่จบประโยคก็โดนขัดจังหวะด้วยเจ้าแมวตัวเล็กที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาบนหน้าท้องของเจ้าตัวอย่างพอดิบพอดี “จิ๋วอย่าเหยียบพุงงง” ว่าแล้วก็อุ้มเอาแมวขึ้นมาฟัดแรงๆ ทำเอาจิ๋วร้องหงุงหงิงขัดใจใหญ่

ผมถอนหายใจแรงๆ
จะนอนก็นอนไปสิ ไม่ได้ห้ามสักหน่อยนี่

วันไหนที่เจอกัน (ขอย้ำนะครับว่าไม่ได้เจอทุกวัน) เจ้าเด็กนี่ก็จะมานั่งๆ นอนๆ ที่คอนโดขอเล่นกับแมวบ้าง ขอมาอ่านหนังสือบ้างที่ห้องอยู่เป็นประจำ จนสี่ห้าทุ่มโน่นแหละถึงจะได้ฤกษ์กลับบ้าน ถ้าเอารถมาก็ขับกลับไปเอง ถ้าไม่ก็… เอ่อ… ถ้าว่างน่ะ... ถ้าว่าง… ผมก็ไปส่ง…

เออ… ก็ไปส่งไง

แต่ก็ไม่ได้เข้าไปถึงในบ้านหรอกนะครับ ส่งลงแถวๆ หน้าบ้านเท่านั้นแหละ ยังไม่รู้จะตอบคำถามของครอบครัวยังไง ทั้งกับบ้านเจ้านี่ ทั้งกับบ้านผมเนี่ยแหละ จะโดนจับข้อหาล่อลวงรึเปล่าก็ไม่รู้
อายุมันนี่เป็นปัญหาจริงๆ มองให้ตายยังไงผมก็ผิด

ทั้งๆ ที่ก็ค่อนข้างมั่นใจนะ ว่าเจ้าเด็กนี่ต่างหากที่ล่อลวงผมก่อน

ขมวดคิ้วคิดจบแล้วก็กลับมาก้มหน้าก้มตาตั้งใจอ่านอีเมลล์ ตอบกลับเสร็จก็เปิดโน่นอ่านนี่ไปเรื่อยเปื่อย พอเห็นว่าผมทำงานเสร็จคนที่นอนอยู่บนตักไปเล่นกับแมวไปอยู่ได้ตั้งนานก็เริ่มซน ทำไม่รู้ไม่ชี้จับมือผมไปวางไว้บนหัวของตัวเอง ก่อนจะวางฝ่ามือตัวเองทาบทับลงมาแล้วเกลี่ยปลายนิ้วที่หลังมือเล่น เหมือนเป็นการบังคับให้ลูบหัวเจ้าตัวแบบกลายๆ

แถมยังหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสอีกต่างหาก
จิ๋วยังไม่ขนาดนี้เลยมั้ง… หมอนี่มันขี้อ้อนยิ่งกว่าแมวซะอีก...

“พรุ่งนี้พี่วินทำอะไรครับ ไปดูหนังกันมั้ย” คนบนตักถามขึ้นลอยๆ

“ว่าจะกลับบ้านน่ะ”

“อ้าววว” หวานลืมตาแล้วร้องเสียงหลง “ทำไมล่ะครับพี่วินนน ไม่อยากดูหนังกับผมเหรอ ดูหนังกับแฟนไง” เด็กตัวโตกะพริบตาปริบๆ เรียกความน่ารักน่าเอ็นดู   

“เล่นใหญ่เหลือเกิน” ผมบีบจมูกโด่งๆ นั่นด้วยด้วยความหมั่นไส้ “ต้องกลับบ้านบ้างสิ ไม่ได้กลับมาหลายอาทิตย์แล้วเนี่ย”

“แล้วจิ๋วล่ะครับ” เจ้าตัวลูบจมูกตัวเองป้อยๆ พลางขยับลุกขึ้นนั่งตัวตรงบนโซฟาแล้ววางแมวจิ๋วไว้บนตัก

“จริงๆ เจ้านี่อยู่ตัวเดียวได้นะ… แค่มีน้ำกับอาหารก็อยู่ได้แล้ว โน่นก็เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ เนอะจิ๋ว” ผมก้มหน้าลงไปใกล้ แล้วเอานิ้วชี้แตะหัวกลมๆ ของเจ้าขนปุย พยักหน้าให้ตาแป๋วๆ ที่มองมา

รู้ตัวอีกทีคนตรงหน้าก็ยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่
“เห้ย!!” ผมร้องเสียงหลง หันไปมองตาโต “ทำอะไรเนี่ย!”

“ก็แฟนน่ารักอ่ะ” หวานพูดหน้าตาเฉยแล้วส่งยิ้มให้จนตาหยี

“มากไปแล้วโว้ยยย!!” ผมโวยวายหน้าแดง

“ไม่จริงสักหน่อยครับ” อีกฝ่ายย้อน “ทำมากกว่าจูบต่างหากถึงจะเรียกว่ามากไป” พูดพร้อมกับทำสายตาวิบวับมองมาให้ผมหน้าร้อนเล่นๆ

ผมทุบเข้าที่แขนดังพลั่กแบบไม่ออมแรง คนเด็กกว่าเลยสะดุ้งร้องเสียงดัง
“พอเลย พอ!!!” ผมลุกพรวดขึ้นในขณะที่หวานยังยิ้มระรื่นแล้วหัวเราะคิกคัก ตั้งใจจะเอาหนังสือกฏหมายควบคุมอาคารบนโต๊ะฟาดหัวแถมไปอีกสักที


Rrrr…

ถือว่าโทรศัพท์ช่วยชีวิตนะ… ผมมองเด็กหวานตาเขียว มือก็กดรับโทรศัพท์

“ว่า?”

(ฮัลโหลลลล เพื่อนตี๋) อาร์ตลากเสียงยาวทักทาย

“ไม่แดกเหล้า” ผมรีบพูด ฟังจากน้ำเสียงแบบนี้ มีเรื่องเดียวแน่ๆ ครับ
ยิ่งวันนี้มันวันศุกร์แห่งชาติด้วยเนี่ย

เด็กข้างตัวมองมาอย่างสนใจ ผมเลยบอกไปอย่างไม่มีเสียงว่า /ไอ้อาร์ตน่ะ/ หวานพยักหน้านิดหน่อยแล้วดึงมือผมที่ยืนอยู่ให้ลงไปนั่งบนโซฟาต่อ

(เห้ย กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย)

“มีเรื่องเดียวนั่นแหละ หรือกูทายไม่ถูก”  ผมย้อนถาม พร้อมๆ กับที่หวานทิ้งตัวลงมานอนบนตักเหมือนเดิม

ไอ้เด็กฉวยโอกาส...
เห็นผมโวยวายไม่ได้สินะ

(ถูก) มันหัวเราะเสียงดัง (นี่กูกับพีทเพิ่งประชุมงานเสร็จ มึงอยู่ไหนตี๋)

กำลังจะตอบบ่ายเบี่ยง แต่คนเด็กกว่าที่นอนอยู่ก็แกล้งพลิกตัวกดจมูกเข้ากับหน้าท้องแรงๆ ทำเอาตกใจร้องออกมาเสียงดัง “เชี่ยยย!!”

(เฮ้ย! เป็นอะไร) อาร์ตถามขึ้นเร็วๆ 

ผมมองอย่างคาดโทษ แต่เจ้าตัวก็แค่ยิ้มพราวแล้วเอานิ้วแตะจมูก พึมพำว่า /หอมดีนะครับ/ 

ไอ้เด็กส้นตีน
“เอ่อ..” ผมคิดข้ออ้างเร็วๆ “เออ.. จิ๋วน่ะ มันตกโซฟา”

(แมวเด๋อเหมือนคนเลี้ยงเลยนะมึง) มันขำ (อยู่คอนโดล่ะสิ)

ตายห่า...
พลาดแล้วกู...

ถึงกับต้องเอามือทึ้งหัวตัวเอง
อาร์ตเพื่อนรัก… คือ…
เอ่อ… อย่า...

(เดี๋ยวพวกกูไปหา รอแป๊บ)
นั่นไง… พูดจบก็ตัดสายแบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพอะไรสักคำ

ผมหันไปหาคนบนตักที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“คือ…” ผมกลืนน้ำลาย “เดี๋ยวพวกแม่ง… จะมา”

หวานกะพริบตาปริบๆ “แล้ว?”

“ก็… เนี่ย…” ผมย่นจมูกแล้วเขย่าขาตัวเองให้คนที่นอนอยู่รู้ตัว “มาอยู่ตรงนี้เนี่ย”

“กังวลเหรอครับ” อีกฝ่ายถามแล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง

ผมพยักหน้าตอบเรียบๆ ในระหว่างที่คนตรงหน้าคลี่ยิ้มที่ผมไม่เข้าใจ
“ยิ้มอะไรเล่า กลุ้มใจอยู่นะ”

“พี่วินไม่ได้ไล่ผมกลับ...” หวานว่า “เพราะงั้นเรื่องที่กังวลไม่ใช่การคบกับผม แต่เป็นการเปิดตัวกับเพื่อนสินะครับ”

“รู้ดี”

ได้ยินผมพูดแล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก ร่างสูงรั้งเอวผมเข้าไปเร็วๆ พริบตาเดียวก็ตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแบบเร็วๆ
“นี่!!” ผมทุบเข้าที่แขน แต่คนเด็กกว่าก็ไม่สะทกสะท้าน แถมยังโอบแน่นขึ้นอีกด้วยซ้ำจนผมยอมแพ้

“ดีใจจนจะแย่อยู่แล้วครับ”

ผมถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับคนตรงหน้าเบาๆ “ก็ไม่ได้ตั้งใจให้รู้เร็วขนาดนี้สักหน่อย…” 

_ _ _ _

11.03

เสียงกริ่งดังขึ้นแล้ว

ผมยืนเรียกกำลังใจอยู่หลังประตู ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปลดล็อค
เอาวะ... ยังไงพวกแม่งก็ต้องรู้

“เป็นไง หายหน้าหายตาไปเลยนะมึง” อาร์ตทักทันทีที่บานประตูถูกเปิดออก “ลืมหน้าหล่อๆ ของพี่อาร์ตไปรึยังครับน้องวิน” มันยิ้มกว้าง

ผมหรี่ตามอง “ก็ไม่ลืมนี่ ไปละนะ บาย” ดันประตูจะปิดใส่หน้าแม่งจริงๆ

“เฮ้ยยย” อาร์ตร้องแล้วแทรกตัวเข้ามา “โอ๋มึงงงง เพื่อนไงจำไม่ได้เหรอ ก็เห็นมึงเงียบไปนาน นึกว่าตายห่าคาออฟฟิศไปแล้ว”

ยัง! ยังจะอวยพรกูอีก! 

“มันก็มีธุระของมันมั้ย มึงอย่ามัวแซว เดินเข้าไปเร็วๆ กูหนัก” พีทตัดบท 

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะวะเนี่ย” ผมมองถุงพลาสติกในมือคนตัวสูง

“ไวน์… กับพวกเบียร์นอกที่อยู่ในตู้เย็นออฟฟิศ วันนี้เขาโล๊ะของกันน่ะเลยแบ่งๆ กันมา” พีทตอบผ่านๆ “เชี่ยอาร์ตแม่งโลภของฟรี แม่งขนมาซะบานเลย” 

“เอ้า มึงนี่อะไร ใครไม่เอาก็โง่ละ” อีกฝ่ายย้อน ”เหยด รองเท้าใหม่ว่ะ” อาร์ตพูดขึ้นหลังก้มมองสำรวจรองเท้าที่หน้าประตูทางเข้า “ไอ้น้ำมาแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่หรอก” พีทตอบในขณะที่มองเลยเข้าไปถึงเจ้าของรองเท้าที่อยู่ในห้อง

“อ้าว ใครอ่ะ ไอ้เต้เหรอ”
จบคำถามของอาร์ต เด็กหวานก็เดินเข้ามาถึงทางเข้าพอดี

เอ่อ..

“ก็.. หวานไง” ผมตอบหน้านิ่ง “เอาอะไรมาเยอะแยะวะเนี่ย” บ่นเปลี่ยนเรื่องแล้วก็รับเอาถุงพะรุงพะรังจากมือเพื่อนมาถือไว้ เตรียมจะเดินนำเข้าไปในห้อง แต่ถือได้ยังไม่ถึงนาทีก็โดนมือใหญ่ๆ แย่งถุงพลาสติกที่อยู่ในมือผมไปหน้าตาเฉย

“ผมถือให้เองครับ”

ออกตัวแรงนักนะ…
เออ ตามใจ อยากถือก็เอาไปเลย

“ไง” พีททักขึ้น

“สวัสดีครับพี่พีท พี่อาร์ต” คนเด็กกว่ายิ้มตอบด้วยท่าทีสบายๆ พีทพยักหน้ากลับมาให้ ส่วนอาร์ตก็ทำอย่างเดียวกัน.. ถึงหน้ามันจะดูงงไปหน่อยก็เถอะ “เดี๋ยวผมเอาไปเก็บให้นะครับ” หวานหันหน้ากลับมาบอกแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง

พีทมองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วยิ้มนิดๆ ผมเลยทำหน้านิ่งกะพริบตาตอบมันไปหนึ่งที แล้วเดินเข้าห้องไปอย่างไม่ฟังอะไรต่อ

“นี่กูพลาดอะไรไปรึเปล่า” อาร์ตหันหน้าไปถามพีท

“ไม่รู้สิ” คนตัวสูงยักไหล่แล้วเดินเข้าไปนิ่งๆ “โทรตามเชี่ยน้ำให้ด้วยนะ” พีทสั่ง

“เอ๊า!” อาร์ตได้แต่ยืนเกาหัวอยู่ตรงนั้น “อะไรวะ”

_ _ _ _

11.25

เป็นอันว่าวันนี้ เดอะแก๊งค์ของผมมีสมาชิกมาเพิ่มอีกหนึ่งคน
ผมยืนก้มๆ เงยๆ อยู่ในครัวเพื่อเอาของใส่ตู้เย็นบ้าง เตรียมจานใส่อาหารบ้าง ตาก็มองไปยังโต๊ะกินข้าวที่มีสามคนล้อมวงคุยกันอยู่

“อ้าว ตอนนี้พี่โอไม่ได้สอนสตูแล้วเหรอวะ” พีทถามขึ้นถึงอดีตรุ่นพี่ที่กลายมาเป็นอาจารย์ประจำสตูของตัวเองตอนปีสอง

หวานพยักหน้าตอบคนข้างตัวพลางเกาคางให้แมวจิ๋วบนตักตัวเองไปด้วย “แกได้ทุนคณะไปเรียนเอกที่ AA (Architect Associate) ที่ลอนดอนครับ เทอมหน้าเลยไม่ได้สอนแล้ว”

“เชรดดดดด AA เลยนะโว้ย” อาร์ตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโวยวายแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด “แม่งโคตรเทพ ทำไมแกไม่ประกาศหน่อยวะ กูต้องเข้าไปแสดงความยินดีในเฟสบุคหน่อยแล้ว” มันตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์ยุกยิก 

“แกไปเรียนอะไรนะ” ผมถาม

“อ่าา… น่าจะ Advanced Design นะครับ ผมก็ไม่แน่ใจ” หวานตอบ

“เออ พี่โอกราบไหว้ท่านเซอร์นอร์แมน ฟอสเตอร์ เป็นไอดอล เพราะงั้นได้ไปอังกฤษนี่สมใจแกชัวร์” พีทว่า

“อ๊ะ…” อาร์ตร้อง “ไอ้น้ำมาถึงละ” มันโชว์หน้าจอไลน์ให้ดู

ผมเงยหน้าขึ้น “เดี๋ยวกูไป--”

“เดี๋ยวผมไปให้ครับ” คนเด็กที่สุดในวงรีบลุกขึ้นอาสา หอบเอาแมวติดมือไปกดรหัสลิฟต์ด้วย

ไม่นานนักเสียงกริ่งก็ดังขึ้น พีทอดไม่ได้ที่จะต้องมองตามคนเด็กกว่าที่เดินไปเงียบๆ
ไอ้นี่มันร้าย...

“เปิดช้าชิบห--” เสียงคนมาใหม่สะดุดลงเมื่อสังเกตว่าคนที่มาเปิดประตูกลายเป็นเด็กหวานที่กำลังอุ้มแมวอยู่ในมือ “อ้าว?”

“สวัสดีครับ พี่น้ำ” หวานยิ้มทักทาย “เข้ามาเลยครับ อยู่กันข้างในกัน”

น้ำยืนนิ่งมองคนตรงหน้าด้วยสายตายากจะอธิบาย ร่างสูงใช้เวลาอึดใจหนึ่งถึงจะหาคำพูดเจอ
“อ้อ…” ส่งเสียงตอบในคอ ก่อนจะก้มลงถอดรองเท้าไว้ด้านหน้า “แม่งมาถึงกันนานแล้วล่ะสิ”

“สักพักเองครับ” หวานยิ้ม ”เดี๋ยวผมเอาจิ๋วไปใส่กรงก่อนนะ” 
 
“อืม” น้ำตอบสั้นๆ พลางมองคนตรงหน้าลูบหัวแมวเดินนำไป แล้วจึงเดินฉับๆ ตามเข้าไปด้านในเงียบๆ

“ว่าไง ธุระเยอะจังเลยนะมึง กว่าจะมา” ผมทักพลางวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ

“ต้องประชุมปิดแบบน่ะสิ นี่ยังดีเลิกแค่สี่ทุ่มครึ่ง” น้ำตอบเซ็งๆ ก่อนจะนั่งลงข้างพีทแล้วถอนหายใจ เจ้าตัวปรายตามองหวานที่เดินตามหลังมานั่งลงระหว่างผมกับอาร์ตแล้วพูดต่อ “แล้วงานพวกมึงล่ะ ไหนว่ามีรีวิวโปรเจคกัน” 

“แค่อินเทอร์นอลน่ะ” พีทตอบ “แบบหลักๆ ก็ผ่านแล้วแหละ เลยไม่ค่อยมีอะไรมาก เถียงกันเรื่องสเป็คของนิดๆ หน่อยๆ”

“อาฮะ” ผมทำเสียงในคอ รินน้ำเปล่าลงในแก้วของตัวเอง นั่งลงที่หัวโต๊ะ “ไม่ดีเลย์?”

“ไม่อ่ะ ถือว่าโอเคนะ ไม่หลุดตารางเวลาที่คิดไว้” พีทว่า

“เดี๋ยวก็เตรียมหาผู้รับเหมาอินทีเรียได้แล้วสิ” ผมถามขึ้น “เชี่ยละ กูยังไม่ได้ย้ำฝ่ายรีเทลให้ส่งรายชื่อ Candidate ผู้เช่าเลย”

อาร์ตรีบยกมือห้าม “ใจเย็นตี๋ รอให้พวกกูจบแบบให้งดงามก่อนมั้ย มึงก็รีบเกิน”

พีทพยักหน้า “กว่าจะได้ใช้รายชื่อนี่อีกนาน ไหนจะต้องประมูลผู้รับเหมาอินทีเรีย เลือกสเป็ค ต้องส่งต่อให้ผู้รับเหมาอีก โน่น หลังเทสต์งานระบบโน่น”

“ก็เดี๋ยวไม่ทัน” ผมพูดอุบอิบ… ก็คนมันกังวลนี่หว่า

“แหม เป็นห่วงโปรเจคนี้จังเลยนะครับน้องวิน ไหนมาอัพเดทให้พี่อาร์ตฟังซิ” มันเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเร็วๆ อย่างน่าเตะ นี่ไม่นับคำพูดชวนประสาทเสียที่มันจงใจเลือกใช้ด้วยนะ “เจ้าของโปรเจคไปถึงไหนแล้วครับ”

“สัดอาร์ต ไม่มีอะไรแล้วว้อย… เคลียร์แล้ว” ผมหันไปทำตาขวาง บอกสั้นๆ

“นัดเคลียร์เลยเหรอวะ” พีททวนคำ

“อ่า… ไม่เชิง แต่เอาเป็นว่าจบแน่ๆ แบบไม่กลับมาชัวร์ๆ ไม่มีอะไรละ” ผมพูดตัดบท แล้วหลีกเลี่ยงการสบตากับไอ้เด็กตัวสูงที่กำลังยิ้มกริ่มเพราะอยู่ในเหตุการณ์ “นี่พวกมึงจะกินกันเลยมั้ย เดี๋ยวกูไปหยิบของในครัวก่อน” ว่าเสร็จก็ลุกขึ้นตรงดิ่งไปที่ครัวโดยไม่รอคำตอบ

ไม่ได้พูดเกินจริงอย่างใดครับ แต่หลังจากวันนั้นคุณตะวันก็หายไปเลย
ไม่มีไลน์ส่วนตัวอีกต่อไป พบเจอกันแต่ในอีเมลล์และกรุ๊ปรวมเท่านั้นจริงๆ

“เหยดดด ทริปแสวงแต้มบุญกูได้ผลจริงเหรอวะ” อาร์ตพูดเสียงดัง “เชี่ย ขายทัวร์นี้ต้องได้ตังค์ดีแน่ๆ ไม่ทำแล้วงานสถาปนิก กูจะตั้งสำนัก มึงว่ากูเริ่มที่รูทเก้าวัดในกรุงเทพก่อนดีป่ะวะ”

น้ำมองอย่างปลงๆ “เพ้อเจ้อสัด” 

“ไอ้เหี้ยน้ำ อย่ามาขวางคนจะรวย” คนโดนแขวะมองตาขวางก่อนจะพูดต่อ
“แต่ก็ไม่นึกนะว่าไอ้คุณตะวันอะไรนั่นจะยอมรามือง่ายๆ ตามตื้อซะขนาดนั้น กูละสยองแทน ทั้งดอกไม้ ทั้งดินเนอร์ น้องวินครับ น้องวินครับอยู่นั่นล่ะ”

“หืม… มีดอกไม้ด้วยเหรอครับ…” จู่ๆ คนเด็กที่สุดในโต๊ะพูดขึ้นเสียงเรียบ

ชิบหายละ… ผมแอบชะโงกหน้ามองออกมาจากในครัว   

“เออสิวะ ตื้อแม่งเป็นอาทิตย์เลย” อาร์ตยังคงพูดยืนยัน “ดอกไม้ช่อเท่านี่”

ไอ้เชี่ย หยุด หยุดดดด!!!!
เล่าอะไรไม่ดูหน้าไอ้เด็กนั่นเลย นั่นไง หรี่ตามองมาเหมือนมีคำว่า เรื่องนี้ต้องเคลียร์ แปะอยู่บนหน้ายังไงอย่างงั้นเลย

ไม่ได้การ ต้องรีบไปขวางก่อน
ผมรีบหยิบจานและขวดเบียร์เดินปรี่ออกมาจากครัว

“เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ เอ้า ไอ้พีทมึงตักน้ำแข็งดิ่ รอให้มันละลายเหรอ” ผมพูดเร็วปรื๋อ “แล้วซื้อเบียร์กันมาตั้งขนาดนี้เห็นคอนโดกูเป็นฮอบส์เหรอ พวกมึงกะกินหรืออาบวะเอาจริงๆ เอ้า เขยิบไปทางโน้นซิ เช็ดโต๊ะด้วย”

“อะไร วุ่นวายจังมึงนิ่  ปกติก็กินกันแบบนี้อยู่แล้ว นี่คนตั้งเยอะแยะ ทำไมจะไม่หมด” อาร์ตชี้ไปรอบวง 
“เออ... แล้วไหงวันนี้ไอ้เด็กนี่มาอยู่ห้องมึงได้ล่ะ” จู่ๆ มันก็ถามขึ้นกลางปล้อง

“ห๊ะ…” ผมร้องขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินคำถามตรงๆ
ถึงกับต้องมองหน้าไอ้เพื่อนตัวดีว่านี่มึงถามเรียกตีนหรือเอาจริง แต่ก็สรุปเอาเองหลังจากหันไปเจอมันกะพริบตาใสๆ ใส่แบบเด๋อๆ ว่าแม่งงงจริง

ผมเผลอมองเลยไปยังคนที่เป็นประเด็นแว่บนึง
ไม่ต้องมายิ้มมุมปาก! เดือดร้อนอยู่เห็นมั้ย!!
“เอ่อ…”
 
“เอ๊า! ไอ้เชี่ยตี๋ มึงไม่เอาที่เปิดไวน์มาแล้วจะแดกกันยังไงเนี่ย” พีทพูดขึ้นเซ็งๆ “อ้าว แก้วไวน์ก็ไม่ได้เอามานี่หว่า มึงนี่นะ เชี่ยอาร์ต! มึงลุกไปช่วยกูหยิบแก้วหน่อย”
 
“เอ้า เกี่ยวไรกับกู ไม่ใช้ตี๋มันอ่ะ”

“ลุกเลย! มึงต้องไปเอากุ้งแช่น้ำปลาในฟรีซมึงด้วย ไหนอยากแดกแบบเกล็ดน้ำแข็ง ลุก” พีทย้ำ ร่างสูงยืนเคาะโต๊ะเป็นเชิงเร่ง ไอ้อาร์ตเลยทำหน้าบูดใส่นิดหน่อยก่อนจะยอมเดินออกมาแต่โดยดี พีทรอให้คนตัวเล็กกว่าเดินนำไปก่อน แล้วจึงยื่นมือมาตบไหล่ผมเบาๆ สองสามที แล้วจึงผละออกไป

เฮ่อ ขอบใจว่ะ

ผมหันมาสนใจขวดเบียร์หลากสีตรงหน้า ท่าทางออฟฟิศไอ้พีทจะมีคนขี้เมาอยู่เยอะเชียว มีเบียร์ต่างประเทศติดตู้ไว้เยอะขนาดนี้ ผมเลือกหยิบยี่ห้อคุ้นตามาเปิดแล้วส่งให้คนที่นั่งเงียบอยู่ข้างตัว

“อ่ะ” ผมจงใจแตะขวดเย็นๆ กับท่อนแขนให้น้ำสะดุ้งเล่น “หนักเหรอวันนี้ เงียบเชียวนะมึง”

“ก็… นิดหน่อย” น้ำพูดอย่างขอไปที ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ “แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะนะ”

ขมวดคิ้วตั้งท่าจะถามต่อว่างานมันแย่มากเลยเหรอวะ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากก็ได้ยินเสียงอาร์ตถามออกมาจากในครัว “ตี๋ มึงเอาไวน์ป่ะ กูจะได้เอาแก้วไป” 

“ไม่เอา จะกินเบียร์” ผมตอบผ่านๆ

“แล้วเด็กมึงจะแดกอะไร” อาร์ตถามต่อ จบประโยคก็แว่วเสียงหัวเราะหึหึมาจากไอ้น้ำที่นั่งข้างๆ

“เด็กกูเหี้ยอะไรครับ” ผมโวยเสียงดัง มองหน้าเจ้าตัวตาเขียว “จะกินอะไรก็บอกแม่งไป”

“กินเบียร์ครับพี่” หวานหันหน้าไปตอบแล้วก็ยื่นขวดมาทางผม คนเด็กกว่ายกมุมปากขึ้นยิ้มนิดๆ “พี่วินเปิดให้หน่อยสิครับ”

ผมย่นจมูกใส่เบียร์ที่มีชื่อหล่อๆ ว่า London’s pride ซึ่งคนเด็กกว่าเลือกดื่มก่อนจะคว้าที่เปิดขวดขึ้นมาจัดการให้มันจบๆ แล้วหันมาเลือกเครื่องดื่มให้ตัวเองบ้าง มองไปมองมาก็สะดุดกับขวดรูปทรงแปลกตา อืม Brigand ของเบลเยี่ยมเหรอ… อื้มม… น่าสนใจ

อันนี้แหละ! ผมตั้งท่าจะเปิดฝาขวด

“อ๊ะ! แลกกันครับ” คนเด็กกว่ารีบเลื่อนขวดเบียร์ของตัวเองที่เปิดแล้วมาวางตรงหน้า แล้วคว้าเอา Brigand ในมือผมไปหน้าตาเฉย

“อ้าว” ผมร้อง ตีหน้ายุ่ง

“อันนี้มันขมไป” หวานพยักเพยิดไปที่เบียร์ขวดเก่าของตัวเองพลางทำหน้าแหยงๆ “แลกกันนะครับ”

“อ่อนจริง” ผมว่าพลางถอนหายใจ ก่อนจะยกเบียร์ที่คนเด็กกว่ายกให้ขึ้นลองจิบ... ขมจริงด้วยแฮะ ผมเบ้หน้า
“เออ… แลกก็แลก” ผมพูดอุบอิบ พอดีกับที่อาร์ตกับพีทเดินหอบแก้วไวน์กับจานกับแกล้มมาวางบนโต๊ะ คนตัวสูงรินไวน์อย่างคล่องแคล่ว สมกับเป็นคุณปรเมศผู้ออกสังคมบ่อยจริงๆ

“เอ้า ชนๆ” อาร์ตเร่ง “จะได้เริ่มวันศุกร์แห่งชาติกันสักทีเว้ย”

_ _ _ _
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 06-06-2018 23:05:39
01.05

ตั้งวงผ่านไปได้แค่ชั่วโมงกว่า ไอ้น้ำก็หนีกลับไปก่อนโดยให้เหตุผลว่าต้องไปส่งน้องแนนเข้าค่ายที่มหาลัยแต่เช้า ทิ้งพวกผมไว้บันเทิงกันเองจนตอนนี้มีกองขวดเบียร์เปล่าๆ วางระเกะระกะไว้เต็มพื้น

ผมนั่งสะอึกอยู่บนพื้นหน้าโซฟา ห้าขวดที่ผ่านไปก็เล่นเอามึนเหมือนกันนะเนี่ย ส่วนข้างตัวเป็นเด็กหวานที่ยังทำหน้านิ่งกระดกเบียร์อยู่ ด้านหลังมีไอ้อาร์ตนั้นนอนฟุบหน้านอนพังพาบอยู่บนโซฟา เห็นแล้วไม่น่าสงสารสักนิด ใครใช้ให้มันกินไวน์ผสมเบียร์ล่ะครับ

“หน้าแดง ตัวแดงหมดแล้วเนี่ย เอาผ้าเย็นมั้ยครับ” หวานก้มหน้าลงมามองผมแล้วขมวดคิ้ว

“ไม่เมาๆ” ผมรีบปฏิเสธ ยกขวดน้ำเปล่าขึ้นดื่มอึกใหญ่ “แค่นี้สบาย”

อีกฝ่ายหัวเราะเสียงเบา “ไม่ใช่สิ ผมถามว่าเอาผ้าเย็นมั้ย นี่ไม่เมาจริงเหรอ” ว่าพลางยกฝ่ามือขึ้นมาแนบหน้าผากจนผมต้องย่นคอหนี

“อื้อ ไม่เอา… อึ๊ก!”

“เอ้า ไหวมั้ยนั่นน่ะ” พีทที่เดินถือไวน์แก้วใหม่เข้ามาถามยิ้มๆ

“ดื้อครับ” หวานพูดฟ้อง ผมเลยยกมือฟาดไหล่เจ้าตัวไปเบาๆ     

“ตี๋แม่งก็แบบนี้แหละ นี่ดีนะ มึงสลับเบียร์ให้มัน ขืนให้กิน Brigand แม่งจอดตั้งแต่ขวดแรกแล้ว แอลกอฮอลล์ตั้ง 9%” พีทหัวเราะ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นที่ว่างอยู่
อ้าว อะไรเนี่ย ทำไมผมโดนหลอกให้กินเบียร์ขมๆ ล่ะ
“ว่าแต่… กว่าจะได้เจอกัน ทำเพื่อนกูว้าวุ่นอยู่ได้ตั้งนานสองนานนะมึง”

“ไอ้พีททททท...” ผมลากเสียงยาว “โอ๊ย… อึ๊ก!… มึนหัวอยู่... อย่าแซว”

“เอ้า ก็กูจะคุยกับน้องมัน” พีทแหย่ “เพื่อนกูรับมือยากนะ มึงไหวมั้ยเนี่ย”

ผมตวัดตามอง เอ๊ะ ไอ้เชี่ยพีทนี่ มึงหมายความว่ายังไงวะ
“ไหวสิครับพี่” หวานตอบ “หนักกว่านี้ก็ยอม”

“ยังไงแม่งก็เป็นผู้ชายคนนึง... กับบางเรื่องก็คิดมากชิบหาย แต่บทจะเด๋อแม่งก็โคตรเด๋อ ปากไม่ค่อยตรงกับใจอีกต่างหาก เข้าใจมันหน่อยละกัน” พีทมองมาทางผม “กว่าจะยอมรับว่าคบกับมึงก็ไม่ใช่ง่ายๆ ใช่มั้ยล่ะ”

“เชี่ยพีท” ผมร้องขึ้น “มึงขายกู...”

หวานอมยิ้ม “ชู่ว… ไม่เสียงดังครับ เดี๋ยวปวดหัวนะ”

“แต่มัน… อึ๊ก!” ผมงอแงเตรียมจะเถียงต่อ แต่คนข้างตัวก็เอื้อมมือมาโอบไหล่แล้วออกแรงดึงนิดหน่อยให้ผมนั่งพิงเจ้าตัวเอาไว้ ก็อยากจะขืนตัวไว้หรอกนะครับ แต่ติดที่ว่านั่งมึนอยู่ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เออ ไม่เถียงต่อแล้วก็ได้   

“โอ้โห… อ้อนเป็นแมวเลยเพื่อนกู ถ่ายรูปไว้ได้มั้ยเนี่ย” พีทพูดล้อ

“ไม่ได้สิครับพี่พีท พี่วินของผมนะ” หวานพูดตอบกลับไปแบบขำๆ แต่เจ้าตัวกลับเลื่อนมือมาแอบสอดนิ้วกุมมือผมเอาไว้อย่างแนบเนียน ให้ตายสิ ไอ้หมอนี่มัน...

“มึงนี่เด็กน้อยขี้หวงจริงๆ นี่จะจับเพื่อนกูแห่รอบคณะมั้ยวะ” พีทว่า

“อยากจะติดป้ายไว้เลยแหละครับ” ผมเหลือบตาไปมอง...ยังจะมาหัวเราะ คนมึนหัวอยู่เห็นมั้ย 

“คนนะ… ไม่ใช่จิ๋ว” ผมบ่นแล้วตัดสินใจหลับตาลง “ปวดหัวอ่ะ”   

“แต่หงุงหงิงเหมือนจิ๋วเลยครับ”

“ฮัลโหล… กูอยู่ตรงนี้เนอะ” พีทโบกไม้โบกมือ
“เฮ้ออ ยังไงก็ฝากมันด้วย มันยอมรับว่าคบกับมึงนี่มันก็คงคิดดีแล้ว ยังไงแม่งก็แมนพอ อันนี้กูไม่สงสัยในตัวเพื่อนกู แต่กับมึง… กูขออย่างเดียว อย่าทำเพื่อนกูเสียใจ ถ้ามันเจ็บ... กูไม่เอามึงไว้แน่”

หวานกระชับมืออีกข้างที่แอบจับกันอยู่ข้างตัวให้แน่นขึ้นอีกนิด “สัญญาเลยครับ จะไม่ทำให้พี่วินเสียใจแน่ๆ” พอพูดจบก็ได้ยินเสียงแก้วกระทบกันเบาๆ อะไร แม่งชนแก้วกันตอนผมหลับเรอะ

ผมลืมตาขึ้น
“อึ๊ก!” ผมสะอึกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ “ทำไรกันอ่ะ…”

“พี่วิน… ไม่ไหวแล้วมั้งครับเนี่ย” หวานมองหน้าผม

“ไหวดิ่” ทำไมจะไม่ไหว ผมรีบขยับมานั่งตัวตรง ถอยออกจากไหล่คนข้างตัวแล้วขมวดคิ้ว “ทำไมแอร์ร้อนจัง”

“ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยมั้ยครับ เดี๋ยวผมพาไป”

ผมหันควับ “ไม่ต้อง… ไม่ได้เมาสักหน่อย…”
ทำไมชอบเข้าใจว่าคนตัวแดงต้องเมาด้วยนะ เนี่ย ดูสิ ลุกเดินก็ยังตรง ไปห้องน้ำเองได้สบายมาก  โว้ว... ใครเอาอะไรมาวางเกะกะวะเนี่ย ผมกระโดดหลบเหยงๆ

พีทยักคิ้วให้คนเด็กกว่าเงียบๆ ก่อนจะถามไปเรื่อย “แล้วนี่มึงมาสิงเพื่อนกูที่คอนโดซะดึกเชียวนะ ไม่ต้องไปทำอะไรเรอะ” 

“ชิลๆ ครับ ปกติกิจกรรมก็ดึกอยู่แล้ว” หวานตอบ “มาแวะนี่ถือว่าเป็นกำลังใจก่อนกลับบ้าน” 

“ไอ้เด็กแสบ…” พีทแกล้งขว้างฝาเบียร์ใส่ “อย่าลืมว่าชีวิตปีหนึ่งมีครั้งเดียวนะมึง ใช้ให้คุ้มๆ แล้วถ้ามีปัญหาเรื่องเรียนอะไรก็ถามตี๋มัน ถึงงานดีไซน์ตัวเองแม่งจะงั้นๆ แต่อ่านเกมขาด ไกด์งานโคตรเก่งสมเป็นคอนซัลท์”

“จริงพี่ นี่งานผมรอดมาได้เพราะพี่วินเลย”

“มันตรวจงานให้มึงด้วย?” พีทเลิกคิ้ว

“พี่ฟ้าวานมาน่ะครับ ผมเป็นน้องรหัสพี่ฟ้าน่ะ” หวานอธิบาย “วันนั้นจะส่งงาน พี่ฟ้าโทรตามให้พี่วินมาช่วยตัดโม ไม่ได้พี่วินนี่ผมตายแน่ๆ”

“โอ้โห… ท่านเทพตี๋ถึงขนาดลงมือให้ กูนี่ยอมเลย...”

หวานหัวเราะ “ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มาช่วยนะพี่ งานตัวเองก็อยากทำด้วยมือตัวเองใช่มั้ยล่ะ แต่ในที่สุดก็ไม่รอด จนพี่วินต้องมาช่วย พี่วินเขาใจดี ส่วนผม… ก็โชคดี”

ได้ยินที่คุยกันระหว่างเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ในสมองมีความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมกันนะ...
ผมแทรกผ่านสองคนที่นั่งกับพื้นไปทิ้งตัวลงบนโซฟาแรงๆ
ทำไม...

“พี่วินหายมึนรึยังครับ” หวานหันมาถามพลางแนบใบหน้าลงกับโซฟา ทิ้งระยะห่างจากขาของผมไม่ถึงคืบ ลมหายใจร้อนๆ กระทบผิวจนต้องขยับหนี ไอ้เด็กบ้านี่…

“เป็นอะไรมึง ทำหน้าเป็นตูด” พีททักขึ้น

“ปวดหัวเหรอครับพี่”

“กูง่วงแล้ว…” ผมพูดเสียงเรียบ 
ผมไม่เข้าใจ… ทำไมวะ… ทำไม

พีทมองประเมินสถานการณ์ ก่อนจะพูดออกมา “งั้นพวกมึงไปนอนเถอะ เดี๋ยวกูจัดการตรงนี้เอง”

“งั้นผมฝากด้วยนะพี่” คนเด็กกว่าวางขวดเบียร์ไว้ข้างๆ “พี่วิน ไปนอนในห้องกันครับ... เอ้า”
อีกฝ่ายพูดยังไม่ทันจบ ผมก็ลุกขึ้นพรวดแล้วเดินจ้ำเข้าห้องนอนไปแบบไม่สนใจใคร

“นี่… นอนก็นอนให้หลับนะมึงอ่ะ รุ่มร่ามกับไอ้ตี๋กูเข้าไปถีบหน้าจริงๆ” พีทดักคอ

หวานกระตุกยิ้มแล้วพูดเสียงเบา “แต่ถ้าเพื่อนพี่เริ่ม… ก็อีกเรื่องใช่มั้ยครับ”

พีทหัวเราะเสียงดังมองคนที่เดินตามเพื่อนรักตัวเองเข้าไปในห้องนอน
ไอ้เด็กนี่แม่งแสบจริง...

ร่างสูงมองประตูห้องนอนที่ปิดลงเงียบๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่ใครบางคนที่แกล้งทำเป็นหลับอยู่บนโซฟา

“รู้นะว่ายังไม่หลับ… มีอะไรจะถามก็ว่ามา…”

_ _ _ _


2.29

ผมนั่งกอดอกพิงหัวเตียง สายตาจับจ้องบานประตูห้องน้ำที่ใครบางคนเพิ่งจะเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันต่อจากตัวเองด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่นานนักร่างสูงก็โผล่ออกมาในชุดเดิมพร้อมหยดน้ำที่เกาะพราวเต็มใบหน้า หวานยกมือปัดปอยผมชื้นๆ ให้พ้นออกไปจากมุมมองตนเอง

“ยังไม่นอนเหรอครับ” ไฟดวงใหญ่ในห้องถูกปิดลงไป เหลือเพียงแสงสว่างสีนวลจากโคมข้างเตียงให้มองเห็นสีหน้ากันและกัน คนเด็กกว่าจ้องผมแล้วกระพริบตาปริบๆ “พี่วิน… ยังปวดหัวอยู่เหรอครับ หน้ายุ่งเชียว”   

“ก็… เปล่านี่...” ผมตอบเสียงเบา 

คนเด็กกว่าขยับเข้ามานั่งตรงหน้า แล้วใช้สายตาสำรวจตัวผมไปทั่วๆ แล้วทำเสียงดุ “หน้าแดงตัวแดงไปหมดเลยเนี่ย ทีหลังให้กินแค่ขวดเดียวนะครับ จะห้ามพี่วินไม่ให้กินผสมยี่ห้อด้วย”

“ยุ่งจริง” ผมย่นจมูก ก่อนจะขยับตัวนั่งกอดเข่าแล้วก้มหน้าลงเงียบๆ
ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยแฮะ ไอ้ความคิดแบบนี้ที่วนเวียนขึ้นมาเวลาเหล้าเข้าปากน่ะ
มัน… งี่เง่าเกินไป

รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจะยิ้ม “ไหน เป็นอะไรครับ พี่วินงอนอะไรผมเหรอ”
ไม่พูดเปล่า ยังเอานิ้วเย็นๆ มาเกลี่ยแก้มอีกต่างหาก

“อื้อ… ไม่จับ” ผมย่นคอหนี ซุกหน้าลงกับเข่าตัวเอง “ไม่เอา”

อีกฝ่ายขมวดคิ้ว พยายามนึกหาสาเหตุที่ทำให้ต้องงอแงหน้ามุ่ย
“พี่วินครับ… หันหน้ามาคุยกันก่อน… นะ” หวานยกมือขึ้นมาประคองใบหน้าให้กลับมาสบตากัน “เป็นอะไรครับ”

“ไม่เอา” ผมพึมพำแล้วจ้องมือตัวเอง “มัน… งี่เง่า”

“ไม่ครับ เรื่องของพี่วิน… ไม่มีเรื่องงี่เง่า” ได้ยินแบบนั้นก็เผลอสบตาอีกฝ่ายไปโดยไม่รู้ตัว
ผมกัดริมฝีปากด้วยความประหม่า ต้องเป็นเพราะฤทธิ์เบียร์ที่กินเข้าไปแน่ๆ ถึงได้ตัดสินใจพูดเรื่องน่าอายออกไป

“ก็… สงสัย…”
“ว่าเมื่อไหร่…” ผมกลั้นหายใจ “เมื่อไหร่จะเลิกเรียกว่าพี่สักที…”

“อ...อะไรนะครับ…” หวานมองหน้าผมนิ่ง

ใช่… มันต้องเป็นเพราะแอลกอฮอลล์… ที่ทำให้ผมพูดต่อ
“นี่…” ผมยกมือขึ้นจับท่อนแขนแข็งแรงของคนตรงหน้า รู้สึกได้ว่าฝ่ามือที่วางอยู่บนแก้มขึ้นสีของตัวเองสั่นน้อยๆ ผมจ้องลึกลงไปในดวงตาอีกฝ่าย  “อยากเป็นน้องตลอดไปเลยรึไง….”

ร่างสูงเบิกตาขึ้นนิดๆ กับคำถาม  “พี่…”

ตี๋ มึงเมา… มึงเมามากๆ ผมพยายามเตือนตัวเอง แต่ก็ยังพูดต่ออย่างห้ามไม่ได้
ผมยังคงสบตานิ่ง “พีทเป็นพี่... อาร์ตด้วย... น้ำด้วย... ” ผมว่า “แต่นี่ไม่ใช่นะ… นี่เป็นแฟน”


“อื๊อ!” พูดจบก็โดนรั้งเอาใบหน้าเข้าไปประชิด หวานกดจูบหนักๆ บนริมฝีปาก บดเบียดจนไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน มือที่ประคองอยู่จัดแจงเอียงใบหน้าผมให้รับจุมพิตหนักหน่วง ลมหายใจถูกพรากไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบขาดใจ เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ร่างสูงหลอกล่อให้เปิดปากรับสัมผัสจากเรียวลิ้น มอมเมาด้วยรสจูบจนเผลอยินยอมตอบรับอย่างเต็มใจ อารมณ์ร้อนแรงที่อีกฝ่ายมอบให้เมื่อปะปนกับแอลกอฮอลล์ในกระแสเลือดยิ่งทำให้สติที่มีอยู่น้อยนิดกระเจิดกระเจิงเกินจะควบคุม

“วินครับ” แค่ได้ยินชื่อตัวเองถูกกระซิบออกมาโดยไม่มีคำนำหน้าก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิด หวานเกลี่ยจมูกไปตามผิวแก้ม จงใจคลอเคลียให้ริมฝีปากเราปัดผ่านกันไปแบบเฉียดๆ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอ้อมแขนแข็งแรงยกตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักของอีกฝ่าย หวานรั้งเอวให้เข้าไปแนบชิดแล้วประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้งและอีกครั้งจนรู้สึกหมดแรง ต้องป่ายมือโอบรอบแผ่นหลังกว้างไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว

“วิน…” ร่างสูงถอนจูบอย่างอ้อยอิ่ง ลากไล้ฝ่ามือไปตามเรียวขา ทิ้งสัมผัสร้อนผ่าวไว้ทุกที่ที่แตะต้อง

ผมหน้าแดงหอบหายใจ ซุกหน้าลงกับบ่าของอีกฝ่ายแล้วพึมพำเสียงเบา
“มาเรียกอะไรตอนนี้เล่า… เหมือนจะตายเลย”

“วินครับ” หวานพูดย้ำแบบไม่สนใจคำบ่น แถมยังกดจูบบนแก้มแรงๆ จนต้องทุบไหล่ไปแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้ คนตัวแสบยิ้มกว้างแล้วสอดมือเข้าไปใต้กางเกงไล้สัมผัสต้นขากับสะโพกอย่างถือวิสาสะ

“อ๊ะ…” ฝ่ามือร้อนๆ ที่บีบเค้นทำเอาผมสะดุ้งเฮือก “อย่า...”

“นี่ถือว่าคุณเริ่มก่อนได้มั้ยนะ” หวานพูดพลางแกล้งจูบหนักๆ ลงบนลาดไหล่ ก่อนจะขยับฝ่ามือลากไล้เข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตตัวบาง กดปลายนิ้วสัมผัสกับผิวเปล่าเปลือยที่บั้นเอวให้ลมหายใจของผมสะดุดเล่นจนเผลอเบียดสะโพกตัวเองเข้าหาอีกคนโดยไม่ได้ตั้งใจ

กระทั่งรู้สึกได้ถึงตัวตนของอีกคนนั่นแหละ สติที่หลุดหายไปนานก็เหมือนจะแล่นกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง
“อื๊อ!! เดี๋ยว... ไม่ได้!” ผมขืนตัวออกแล้วห้ามเสียงสั่น “น… นี่… ทำไม่ได้นะ…”

หวานมองด้วยตาพราวระยับ จูบแก้มผมอย่างมันเขี้ยว “ทำไมล่ะครับ”

ผมกัดริมฝีปาก ในสมองขาวโพลนไปหมด “ก็… ไม่มี.. นั่น… นั่นน่ะ”

คนเด็กกว่ายิ้มเจ้าเล่ห์ จับมือผมอ้อมไปวางไว้บนกางเกงยีนส์เนื้อหนาของตัวเอง
ผมหน้าร้อนผ่าวเมื่อสัมผัสได้ถึงซองรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าด้านหลัง

“แต่ถ้ามี...” หวานกระซิบ “ทำได้ใช่มั้ยครับ...”

“!!!”

ผมเบิกตากว้างเมื่อถูกจูบปิดปากอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงดันผมลงกับเตียงนุ่ม ทาบทับร่างกายไว้แนบสนิททั้งที่ริมฝีปากยังไม่ผละออกจากกัน ทั้งยังขยับฝ่ามือลากไล้เข้าไปใต้เสื้อ วนปลายนิ้วสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าท้อง สร้างความปั่นป่วนจนต้องส่งเสียงประท้วงออกมา

ให้ตาย… ผมว่าผมโดนร่างกายตัวเองทรยศแล้วล่ะ…
เสียงนั่น… มันไม่ได้ใกล้เคียงกับการประท้วงสักนิด

หวานถอนจูบออกแล้วจดจ้องใบหน้าผมด้วยแววตาพราวระยับ ฝ่ามือร้อนๆ ยังคงแกล้งวนเวียนอยู่แถวเอวและสะโพก มุมปากยกยิ้มอย่างพอใจเหมือนจะล้อเลียนกันเมื่อเห็นผมหอบหายใจอยู่ใต้ร่างตัวเอง
แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อไป เราสองคนก็สะดุ้งสุดตัวจากเสียงดังจากด้านนอก

ปัง!! ปัง!! ปัง!! 

/“ไอ้เชี่ยตี๋!!! มึงออกมาเลยนะเว้ย! มึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อนใช่มั้ย ฮื่ออ ไอ้เชี่ย!! ทำไมมึงไม่เล่าให้กูฟัง!! ทำมายยยยยย”/

/“ไอ้พีท ปล่อยกู! มึงก็อีกคนนะ!! แล้วปล่อยแม่งเข้าไปกันสองคน ฮืออออ ไอ้ตี๋มึงงง ออกมาเลยยย”/

 
เชี่ยอาร์ต….
เมาแล้วอาละวาดชัดๆ

ปัง!! 
/“ออกมา ออกม๊าาาาา”/

/“เชี่ย อย่าไปกวนมัน ลงไปนอนต่อดีๆ”/

/”ฮืออ ตี๋ มึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อนเหรอ”/


หวานหลับตาพ่นลมหายใจหนักๆ แล้วฝังใบหน้าลงกับลำคอของผมอย่างหมดแรง
“อะไรเนี่ย...” อีกฝ่ายพูดอู้อี้ “มาถึงขั้นนี้แล้ว… ขัดจังหวะกันแบบนี้ก็ได้เหรอ”

ปัง!!  ปัง!! 

/“ตี๋ มึงงงงงง”/

/”โอ๊ยยย ไอ้หวานน กูขอโทษษษษ”/


ผมหลุดหัวเราะนิดๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า
เกือบไปแล้วสิ…

“ไม่ตลกเลยครับ” อีกฝ่ายงอแง ก่อนจะใช้ท่อนแขนยันตัวขึ้น เงยหน้าเร็วๆ “นี่ผมต้องปล่อยวินไปในสภาพนี้จริงๆ เหรอครับ” หวานมองไล่ไปตามริมฝีปากแดงช้ำกับเรียวขาที่เกี่ยวอยู่รอบสะโพกตัวเอง “โคตรอ่อนเลย”

“ถ้าไม่ออกไป อาร์ตพังประตูแน่” ผมว่าขำๆ

“แต่ว่า...”

เพราะร่างกายยังแนบชิด แค่ขยับนิดเดียวก็สัมผัสได้ถึงอะไรใต้กางเกงยีนส์ของอีกฝ่ายได้ชัดเจน
ผมหน้าแดงวาบ “ลุกไปจัดการตัวเองเลยไป…”

“งั้นพรุ่งนี้ ไปไหว้พ่อแม่ที่บ้านวิน แล้วเราค่อยกลับมาต่อกันนะครับ” อีกฝ่ายพูดด้วยสายตาวาววับ “ผมจะได้รู้สึกผิดน้อยลงหน่อย” หวานก้มลงจูบหนักๆ บนริมฝีปากแล้วผละออกไปเข้าห้องน้ำ

ให้ตาย…

ปัง!!  ปัง!! 

/“ตี๋!! กูไม่ใช่เพื่อนมึงแล้วเหรออว้าาาาา”/


ผมรีบลุกขึ้นจัดเสื้อตัวเอง ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติก่อนจะเดินไปหน้าประตูห้องนอน
กูจะตัดเพื่อนตอนนี้แหละ อาร์ตมึง!

_ _ _ _

TBC

กลับมาแล้วค่าาาา /ไถลมาซบคนอ่าน
แงงง ตอนนี้ยากมากกกกกก ต่อสู้กับความหงิกงอของตัวเองหนักมาก หวังว่าจะชอบกันนะคะ ฮือออ
เขียนไปก็หวงตี๋ลู๊ก ไม่อยากยกให้เด็กหวานแล้ว อยากเก็บไว้บีบเองคนเดียว
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์จากทุกทาง เล้าเป็ด เด็กดี ทวิตภพ คนเขียนอ่านแล้วใจฟูวมีความสุขเป็นบ้าอยู่คนเดียว
ยินดัรับคำติชมจากทุกท่านเหมือนเดิมค่ะ ขอบคุณมากๆ จริงๆ

แวะมาเยี่ยมบ้านคนเขียนได้ที่ @huentrop นะคะ
เม้ามอยและระบายอารมณ์กันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก หรือจะเติม #อาร์ตมึง เข้าไป เราก็จะตามไปอ่านค่ะ 55555

พบกันตอนหน้าฮ่ะ
รักส์
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2018 23:33:55
 :hao7:


อ้อยกำลังจะเข้าปากช้าง !!!
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 06-06-2018 23:49:36
อาร์ตมาถูกจังหวะจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-06-2018 01:07:24
อาร์ต!!!!!!
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-06-2018 02:31:15
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 07-06-2018 02:37:06
#อาร์ตมึง 5555555555 :fire: :fire: :fire: :fire:
ขัดจังหวะได้พอดีมาก
อะไรคือการจะไปขอพ่อแม่ก่อน  :ling1:
นังหวานมันร้ายนะคะลูกพี่  :hao7: :hao7:
แอบเสียใจแทนน้ำ แต่ไม่เป็นไรนะ
เราจะเสียสละตัวเองเพื่อน้ำเองง
อย่าเศร้าไปเลย 
ส่วนตี๋วิน รอบหน้าเจอแน่
ไม่ค่อยปฏิเสธซะด้วย!  :oo1: :jul1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 07-06-2018 11:11:22
สงสารหวานนะแต่เรายังไม่พร้อมให้ตี๋น้อยเป็นของนายเราหวงอ่ะเอาตรงๆต้องขอบคุณอาร์ตใช่ไม๊เนี่ย555555เธอมาได้ทันเวลาพอดีอย่างกับรู้ใจ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-06-2018 20:31:15
ร่วมด้วยช่วยกันติดแท็ก #อาร์ตมึง ค่ะ 55555 สงสารน้องหวานนน เป็นแฟนได้สิบวัน พกติดตัวขนาดนี้โคตรพร้อม พี่วินจะต้องอยู่อย่างหวาดระแวง 55555555555555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 07-06-2018 21:05:50
อีพี่อาร์ตตตตตตตตตตต

ใจนึงก็สงสารหวาน แต่อีกใจก็อยากเก็บวินไว้บีบเล่นคนเดียวไม่แบ่งใคร  :o12:

ติดตามอยู่เสมอน้าคนเขียน เป็นกำลังใจให้ครับ

หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 07-06-2018 23:49:44
เย้ มาอัพแล้วเราเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ สงสารน้ำอ่าาา ถ้าน้ำยังไม่มีใครมาซบอกเราก็ได้นะ!
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 08-06-2018 21:17:49
ผิดไหมถ้าบอกว่าอยู่ทีมอาร์ต ฮ่าๆๆๆๆ
เด็กมันร้ายยยยยยยย
ตี๋วินของเรานะยะ
แอบห่วงความรู้สึกน้ำอยู่ลึกๆ มาให้พี่ซับน้ำตามาลูกกกก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-06-2018 23:27:55
เพื่อนผู้แสนดี มาขัดตอนหวานกำลังจะกินนี่ อยากจะกรี้ด พี่วินกำลังน่าฟัดมากๆทำกันอย่างงี้ได้ไง ไม่ใช่แค่หวานที่ค้าง อินี่ก็ค้างเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 09-06-2018 18:25:53
พอจะหวานก็หวานมว๊ากกกก น้ำตาลชิดซ้าย //หมั่นไส้

ปล.เอาคุณตะวันมาก่อดราม่าสักทีมั๊ย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 20-06-2018 22:14:57
เราจะขอบคุณเพื่อนอาร์ต เพราะเรายังพร้อมจะเสียความบริสุทธิ์ของตี๋วินไปป :serius2: อดทนไปก่อนนะเจ้าหวาน แอบสงสารน้ำ แต่ก็นะ คำว่าเพื่อนมันก็ค้ำคอ คารวะเพื่อนพีทเลยเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Moonnyssi ที่ 25-06-2018 21:35:18
ในที่สุด!!!!! :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 29-06-2018 21:01:39
คิดถึงจังเลย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: puwadontoeytoey ที่ 06-07-2018 18:45:14
เรารออย่างใจจดใจจ่อออออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-07-2018 02:24:48
 :z3:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 07-07-2018 10:40:51
มาปูเสื่อรอออ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: puwadontoeytoey ที่ 07-07-2018 15:54:57
 :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-07-2018 16:55:28
ค้างตามหวานไปด้วยคน ฮ่า ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: puwadontoeytoey ที่ 08-07-2018 08:29:48
 :ling1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 11-07-2018 23:07:57
ความเสี่ยงที่ 30

9.23

ประตูห้องปิดลงพร้อมๆ กับเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของตัวผมเอง

พีทกับอาร์ตกลับไปแล้ว

ผมเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟา รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยเพื่อนผมก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือต่อต้านอะไรที่จู่ๆ ก็มีแฟนเป็นเจ้าหวาน พวกมันถามแค่ว่า ไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ใช่ มึงเป็นเกย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมานั่งเค้นคอถามเรื่องรสนิยมทางเพศของผม ที่อาร์ตมันโวยวายก็เพราะน้อยใจหาว่าผมไม่เชื่อใจ มีอะไรไม่บอกมัน ทั้งๆ ที่ไอ้พีทเหมือนจะรู้เรื่องมาโดยตลอด

เอ้า… กูก็ไม่ได้เล่าอะไร มันแค่ช่างสังเกตกว่านะอาร์ตมึง!!!
ช่างสังเกตมากซะจน...
จนไปถึงรอยมือบนต้นขาผมเลยเชียวแหละ

ไม่รู้ว่าแม่งหวังดีหรืออะไรเมื่อคืนเลยแอบมากระซิบว่า รู้ว่าขัดจังหวะ แต่มึงไม่ต้องเอาหลักฐานมาให้กูดูก็ได้ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ตาก็จ้องเอาจ้องเอาบนรอยที่อีกคนทำทิ้งเอาไว้ เล่นเอาผมที่เพิ่งโผล่ออกมาจากห้องนอนหน้าร้อนฉ่าวิ่งกลับไปเปลี่ยนกางเกงขายาวแทบไม่ทัน

กว่าที่ความวุ่นวายจะจบลงก็ปาเข้าไปตีสี่กว่าเข้าไปแล้ว ตอนแยกย้ายเข้าไปนอนก็เหลือแต่ความง่วงแบบตาจะปิด แบบไม่ต้องคิดจะสานต่อ… เอ่อ.. เรื่อง… อะไรต่อมิอะไร…

อา…

ผมหน้าแดงก่ำ ซบหน้าลงกับมือตัวเอง แค่คิดก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
ทำไมเมาแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวขนาดนี้นะ ถ้าเมื่อคืนไอ้อาร์ตไม่เมาโวยวายขึ้นมา…
ป่านนี้…

โอ๊ยยยยยย 

“เป็นอะไรครับ?” ผมหันขวับไปตามต้นเสียง “เป็นอะไร ไม่สบายเหรอครับ ทำไมหน้าแดงจัง” หวานถามพลางลูบหัวแมวจิ๋วที่อยู่ในอ้อมแขนไปด้วย

เป็นบ้า!
 
“ม… ไม่เป็นไร!” ผมตอบเสียงดัง พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
คนตัวสูงขมวดคิ้ว ปล่อยแมวลงกับพื้นแล้วเดินดุ่มๆ มานั่งลงข้างผมที่โซฟา

“ไหน ดูซิว่าโกหกรึเปล่า” ว่าแล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยิ้มพรายจนผมต้องยกมือขึ้นมาขวางเอาไว้

“ไปห่างๆ เลย ไม่ต้องเข้าใกล้”

“เขินก็พูดมาสิครับ” หวานหัวเราะแล้วพูดล้อๆ “เมื่อคืนออกจ--”

“เงียบ!!!” ผมพูดเสียงดัง หน้าร้อนไปถึงหู “เงียบไปเลยนะ!”

ทำตามคำบอกได้ไม่นาน อีกคนก็คว้าหมับเข้าที่มือแล้วยิ้มมุมปากก่อนจะพูดออกมาอย่างนึกสนุก
“วินครับ”

!!
อะไรนะ

“วินครับ” คนข้างตัวพูดย้ำอยู่ใกล้ๆ

ใช้เวลาอีกหลายวินาทีกว่าผมจะได้สติ
“เดี๋ยวก่อน!” ผมทำตาโต ขยับตัวถอยหลังโดยอัตโนมัติ พยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนคนเด็กกว่าจะไม่ยอมง่ายๆ “เดี๋ยว หยุดพูดเลยนะ”

“ก็แฟนชอบให้เรียกแบบนี้ ผมก็ต้องเรียกแบบนี้สิครับ”

เรื่องอะไรมาเรียกกันตอนนี้ล่ะ!!! แล้วทำไมต้องทำตาวิบวับแบบนั้นด้วย!!!
ผมยกมืออีกข้างจะฟาดต้นแขนคนตรงหน้าแรงๆ แต่อีกคนกลับฉวยโอกาสดึงตัวเข้าไปเสียชิด

“เฮ้ย!!” ผมร้องเสียงดัง ตั้งท่าจะดิ้นออก แต่หวานก็โอบให้หลังผมพิงเข้ากับแผ่นอกไม่ยอมให้ลุกออก แถมยังเอาคางวางเกยไหล่แล้วโยกตัวเบาๆ เหมือนจะหลอกล่อให้ใจเย็นลง
ผมถอนหายใจพรืด… ทำเหมือนผมเป็นเด็กไปได้… บ้าบอ...

“จะได้รู้สึกเป็นแฟนกันจริงๆ ไม่ใช่รุ่นพี่รุ่นน้องแบบที่เป็นมาไงครับ” คนตัวดีแอบกระชับวงแขนที่พาดรั้งอยู่บริเวณช่วงเอวให้แน่นขึ้นอีกนิด “เนอะคุณ”

“...”

“นี่… บอกผมหน่อยสิว่านี่แค่เขิน” 
 
เขิน… เหรอ...
ผมเม้มปากแน่น
ไม่รู้! ไม่รู้โว้ย!
แต่ที่รู้คือตอนนี้รู้สึกหน้าร้อนหัวร้อน ไม่อยากอยู่ตรงนี้อ้ะ!!

แววตาเจ้าเล่ห์ที่จดจ้องอยู่พราวระยับ “ว่าไงครับ หูแดงหมดแล้วนะ” 

ผมเบี่ยงตัวหลบเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ กับสัมผัสของริมฝีปากที่หลังคอตัวเอง
รีบพูดเสียงดุทั้งๆ ที่รู้สึกเหมือนจะเป็นลม “โอ๊ย! จะเรียกอะไรก็เรียกไปเลย!”

“โอ๋ๆ เข้าใจแล้วครับว่าเขินจริงๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้” หวานพูดขำๆ แล้วกลับมาวางคางไว้บนไหล่ เกลี่ยนิ้วบนหลังมือผมเล่นอยู่พักหนึ่ง

แต่นี่มันนานเกินไปแล้วมั้ยเล่า...
“นี่ ปล่อยได้แล้วคุณ ผมจะไปเติมอาหารให้จิ๋ว”
อีกคนแค่ทำเสียงหึในคอแทนการปฏิเสธ แล้วยังแอบแนบหน้าลงบนไหล่ผมอีกต่างหาก
“ปล่อยยย” ผมพูดลากเสียง “ไหนว่าไม่แกล้งแล้วไง”

ผมออกแรงดิ้นนิดๆ อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังก่อนจะยอมปล่อยมืออก “นี่เห็นแก่คนขี้เขินนะครับ”

“อะไร!” ผมลุกพรวดแล้วหันขวับไปมองหน้าร่างสูง ขมวดคิ้วใส่ก่อนจะเดินปึงปังออกไป
ก็ที่ตัวเองนั่งหน้าแดงอยู่น่ะ ไม่ใช่เพราะเป็นคนขี้เขินเหมือนกันรึไงเล่า!

บ้าบอ!!

_ _ _ _

10.45

หลังจากจัดการอาหารเช้าง่ายๆ อย่างพวกขนมปังกับนมลงท้องไปเรียบร้อย ผมที่กำลังอยู่ในครัวก็ต้องยอมใจอ่อนก้มลงคว้าตัวจิ๋วขึ้นมาอุ้มไว้หลังจากล้างจานเสร็จ ก็เจ้านี่น่ะ มาเดินพันแข้งพันขา ร้องเรียกแล้วก็บ่นหงุงหงิง ตั้งท่าจะเข้ามาอ้อนอยู่สักพักแล้วน่ะสิครับ

“ว่าไง” ผมพูดกับแมวหูเดียว มันร้องเหมียวขึ้นก่อนจะยืดตัวเอาจมูกขึ้นมาชนข้างแก้มผมอย่างเอาใจ ผมเลยเหลือบตาไปที่ถาดอาหารที่ว่างเปล่าแล้วก็ต้องยิ้มขำ “อิ่มแล้วก็อ้อนเชียวนะ แสบเอ๊ย”

“ทำไมทีกับเจ้านั่นใจดีจังละครับ” คนที่กำลังนั่งอยู่ด้านนอกมองมาแล้วทำหน้าหงิก “ทีกับผมนะ ฟาดเอาฟาดเอา”

“เอ้า นี่แมว” ผมร้อง กอดแมวไว้ในอ้อมแขน “หึงรึไง”

“ใช่สิครับ” หวานยอมรับหน้าตาเฉย ทำเอาผมขำพรืด “ไม่ตลกนะ ผมหวงจริงๆ” อีกฝ่ายย้ำ

“เหรออออ” ผมยิ้มแล้วลากเสียงยาว จงใจจ้องใบหน้าอีกคนแบบตาไม่กระพริบพร้อมๆ กับที่แกล้งกดริมฝีปากลงไปหอมหัวกลมๆ ของจิ๋วแบบอ้อยอิ่งเพื่อดูปฏิกิริยา
เห็นคนเด็กกว่าตีหน้ายุ่ง คิ้วชนกันแบบนั้นแล้วตลกชะมัด

“นี่มันไม่ได้ยั่วให้หึงแล้วครับ… นี่มันยั่วอย่างอื่นแล้ว”

ห๊ะ...
“จะบ้าเรอะ!” ผมร้องเสียงหลง ไหงเป็นอย่างนั้นล่ะเฮ้ย

“อย่าไปทำแบบนี้ให้ใครเขาเห็นเลยนะครับ ขอเตือนเลย”

ผมเบ้หน้าแล้วบ่นอุบอิบ ก่อนจะปล่อยแมวลงกับพื้น “บ้าแล้ว...”

“บ้าอยู่กับคนเดียวนี่แหละครับ” หวานพูดเปรยๆ แล้าถามต่อ “แล้วที่เมื่อวานบอกว่าจะกลับบ้านนี่… เปลี่ยนใจแล้วเหรอครับ”

“ฝันกลางวันเหรอ” ผมกัดเข้าให้ “ว่าจะออกสักเที่ยงๆ”

“ก็ถามดู เผื่อว่าจะเปลี่ยนใจอยากอยู่กับแฟน” ร่างสูงยกมือขึ้นเกาแก้ม “อ๊ะ งั้นต้องรีบอาบน้ำแล้วสิครับ เดี๋ยวไม่ทันนนะ” หวานชะเง้อคอมองนาฬิกาแล้วลุกขึ้น “เดี๋ยวผมอาบข้างนอกเอง”   

“อือ….”
“เดี๋ยว อะไรนะ” ผมที่กำลังจะเดินไปทางห้องนอนหันควับมาอุทาน “นี่คือจะไปด้วยเหรอ?”
อีกคนพยักหน้ารับแทบจะทันที “ห้ะ จะไปทำไม” ผมถามเสียงสูง   

“ไปไหว้พ่อกับแม่ไงครับ” หวานยิ้มตาหยี “จะไปขอลู-- โอ๊ย! เจ็บครับ” ฟังคำพูดยังไม่ทันจบ ผมก็เดินเข้าไปเหยียบเท้าอีกฝ่ายเสียเต็มแรง ข้อหาพูดจาเพ้อเจ้อ

“พอเลย ไม่ต้องไป” ผมห้าม “เพื่อนก็เรื่องนึง… นี่พ่อแม่นะ ต้องเปิดตัวพร้อมกันให้หมดทั้งโลกเลยรึไง”

“ยังไม่เปิดตัวก็ได้นะครับ” หวานบอก “แต่อยากไปเจอก่อนว่าดุรึเปล่า จะได้คิดถูกว่าจะพาหนีไปเลยดีมั้ย” 

ผมตีไหล่คนตัวสูงกว่าแรงๆ “นี่! มัวพูดเล่นอยู่ได้” 

“ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ นี่จริงจังสุดๆ” หวานรั้งเอวผมให้เข้าไปยืนใกล้ๆ ร่างสูงก้มหน้าลงมองตาพลางพูดต่อ “ก็อยากไปเจอหน้าพ่อแม่คุณไว้ก่อนเท่านั้นเอง”

ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันพลางคิดหาคำพูดไปด้วย

“กังวลอะไรครับ” หวานยกมือขึ้นมาประคองหน้าให้ผมกลับไปสบตากันดีๆ แล้วส่งยิ้มให้
“ตอนนี้มีแฟนแล้ว กลุ้มใจอยู่คนเดียวไม่ได้แล้วนะ”

ผมย่นจมูกใส่ “นี่สะกดจิตกันอีกแล้วรึไง”

“แล้วได้ผลมั้ยล่ะครับ”

ผมสบตาคู่นั้นแล้วถอนหายใจ
“ก็… ไม่รู้ว่าถ้าที่บ้านรู้เรื่องนี้จะว่ายังไงบ้าง ผมเป็นลูกชายคนเดียวนะ… คงโกรธ.. รับไม่ได้ แล้วก็… คงผิดหวังมากๆ”

“ก็… ยังไม่ต้องบอกเรื่องของเราก็ได้ครับ” หวานยิ้มให้ “วันนี้ขอไปดูลาดเลาที่บ้านคุณพ่อตาแม่ยายก่อนเนอะ”

“หวาน!!!” ผมตีเข้าให้ที่ต้นแขนคนตรงหน้า

“โอ๊ย! ตีอีกทีจะจูบแล้วนะครับ” พูดแล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาจริงๆ ทำเอาต้องยกมือขึ้นมาผลักออกไปห่างๆ

“ให้มันน้อยๆ หน่อย”

“เอ้า เรื่องจริงนี่ครับ”

ผมทุบไหล่คนตรงหน้าแถมไปอีกที “คนยิ่งเครียดๆ อยู่”

“โอ๋ๆ” หวานเลื่อนมือลงมาคล้องเอวผมเอาไว้หลวมๆ “ยังไงสักวันเขาก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดี นี่คงไม่คิดจะปิดเป็นความลับตลอดไปใช่มั้ยครับเนี่ย”

“ใครจะทำแบบนั้นกันเล่า”
“แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จู่ๆ จะเดินไปประกาศได้เลยใช่ไหมล่ะ” ผมก้มหน้าพูด “เขาจะว่ายังไงที่มาคบกับคนอายุห่างกันขนาดนี้ แถมยังเป็นผู้ชายอีก นี่ยังไม่นับเรื่องของที่บ้านคุณอีกนะ”

“เรื่องที่บ้านผมน่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะครับ” หวานยิ้ม 

“แต่ว่า…”

“นี่ใครครับ หวานใจของบ้านนะ”

พูดอย่างมั่นหน้าจนต้องหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ  “พูดง่ายเนอะ”

อีกฝ่ายยิ้มทะเล้น “จีบคุณยากจะตายผมยังทำได้เลย ไม่เชื่อฝีมือผมเหรอ”
“ยังไงก็จะหาทางเข้าไปเนียนเป็นลูกเขยบ้านคุณจนได้แหละ”

ผมส่ายหัวแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไม่ได้กังวลกับคนนี้” ผมเอานิ้วจิ้มแขนอีกฝ่าย “แต่กังวลกับคนที่บ้านต่างหากล่ะ” 

“วันนี้ก็ไปดูเชิงครอบครัวคุณก่อน แล้วค่อยกลับมาคิดวิธีบอกให้เขารู้กัน นี่ ที่จริงอาจจะไม่มีเรื่องต้องกังวลเลยก็ได้นะ ลูกเขยหล่อขนาดนี้ เผลอๆ แค่เห็นหน้าก็ให้ผ่านแล้วครับ”

“หลงตัวเองมากไปละ” ผมเบ้หน้า “วันนี้จะไปก็อย่าออกตัวแรง ดูสถานการณ์ก่อน…” ผมช้อนตามองอีกฝ่าย “เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา… เข้าใจมั้ย”

“ผมมีเวลาให้คุณทั้งชีวิตเลยแหละ” คนสูงกว่าตอบยิ้มๆ แล้วกระชับอ้อมแขนให้ระยะระหว่างเราลดลงไปอีก “จะจับไว้แบบนี้… ไม่ยอมปล่อยไปไหนแน่ๆ”

“เพ้อเจ้อ” ว่าไปอย่างนั้นแล้วก็ก้มหน้างุด
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ ความกลุ้มใจที่มีอยู่ก็หายไปเสียเฉยๆ หัวใจที่กำลังเต้นตึกตักมันก็เหมือนจะพองฟูขึ้นมาเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ต้องผ่านเรื่องนี้ไปคนเดียว

“แต่ว่า… ก่อนอื่น” ร่างสูงยิ้มกว้าง ส่งสายตาเป็นประกายกลับมาให้
“ขอจูบเป็นกำลังใจหน่อยสิครับ”

_ _ _ _
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 11-07-2018 23:23:49
14.32

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกกำลังใจเมื่อเสียงกึงกังของประตูรั้วอัตโนมัติหน้าบ้านหยุดลง ฝ่ามือชื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ก็นี่มัน… ไม่ใช่พาเพื่อนเข้าบ้านอย่างทุกทีนี่นา
คิดไม่ออกเลยแฮะ ว่าถ้าเตี่ยกับแม่รู้ขึ้นมา… ผลมันจะออกมาเป็นยังไง ถึงสองคนนั้นจะไม่มีอคติกับคนรักเพศเดียวกัน แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าถ้าลูกชายคนเดียวคบผู้ชายขึ้นมาจะรับได้นี่

บ้านอาจจะแตกก็ได้นะครับ ใครจะรู้
กดปุ่มดับเครื่องยนต์แล้วก็อดเหลือบสายตาไปมองคนข้างตัวไม่ได้

“กังวลเหรอครับ” อีกฝ่ายถามขึ้น ผมเลยพยักหน้าแทนคำตอบไป
“ต่อหน้าพ่อแม่คุณ ผมยอมเป็นรุ่นน้องไปก่อน เดี๋ยวค่อยขยับสถานะทีเดียวเนอะ” หวานยิ้มทะเล้นแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออกด้วยท่าทีสบายๆ ผมเผลอถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่จนคนข้างตัวสังเกตเห็น เจ้าตัวเลยเอาศอกสะกิดยิกๆ “นี่ คุณน่ะลูกบ้านนี้นะ ผมต่างหากล่ะที่ต้องกังวล” 

ก็ถูกแหละครับ... เตี่ยกับม้าคงไม่ใจร้ายไล่ตะเพิดหวานออกมาในฐานะ ‘รุ่นน้อง’ หรอกครับ แต่ถ้ารู้ว่ามาในฐานะอื่นล่ะก็ไม่แน่…

“เอาล่ะ..” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ กลบความประหม่าในใจ “ลงจากรถกันเถอะ”


.


“ไงตาวิน กว่าจะมาได้นะ” เสียงแจ๋วๆ ของม้าดังขึ้นทันทีที่พวกผมสองคนก้าวเท้าลงจากรถ “นึกว่าลืมทางกลับบ้านไปแล้ว”

“ม้าอ่ะ… ก็กลับมาแล้วนี่ไง” ผมอุบอิบ

“ฮึ นี่ถ้าไม่โทรไปเรียกวันเว้นวัน อีกเดือนนึงก็ไม่ได้เห็นหน้า” แม่ผมยืนกอดอกตีหน้ามุ่ย ก่อนจะมองเลยไปยังคนที่ยืนยิ้มอยู่อีกฟากของรถ “แล้วนี่…”

ผมพยักหน้าให้อีกคนแนะนำตัว
“สวัสดีครับคุณแม่” ร่างสูงยิ้มกว้างแล้วยกมือสวัสดี “ผมเป็นรุ่นน้องที่คณะพี่วินครับ ชื่อหวาน” 

“อู๊ย... หล่อแล้วยังชื่อน่ารักอีกนะหนุ่ม” ม้าวี้ดว้าย “กินข้าวกันมารึยังลูก”

“ยังเลยครับ” อีกคนตอบพลางยิ้มตาหยี “ต้องขอรบกวนฝากท้องกับคุณแม่แล้วล่ะครับ”

ผมอึ้งนิดๆ
รับเป็นแม่เป็นลูกกันแล้วเรอะ… นี่เพิ่งคุยกันประโยคเดียวเองไม่ใช่รึไง
นี่ม้าผมชอบคนหล่อๆ จริงด้วยสินะ...

“ถ้ากินแล้วบอกว่าไม่อร่อยจะไม่ให้กลับเลยนะ” อาม้าพูดดักคอ แต่มองจากรอยยิ้มของคนข้างๆ ก็ดูเหมือนคำพูดที่ว่าจะเข้าทางมากกว่า นี่เจ้าหวานคงไม่คิดจะบอกว่าฝีมือม้าผมไม่อร่อยเพื่อจะอยู่ต่อจริงๆ หรอกนะ
“แล้ววันนี้มากันสองคนเองเหรอ พวกเจ้าอาร์ตล่ะวิน”

“อ่าา พวกแม่งไม่ว่างอ่ะม้า เลยมีเจ้านี่คนเดียว”

“อ้อ ก็ว่าปกติมากันเป็นแก๊งค์ มาๆ เข้าบ้านดีกว่า ไปนั่งเล่นรอก่อน เดี๋ยวม้าเข้าครัวแป๊บเดียว” ว่าแล้วคนสวยที่สุดของบ้านก็เดินนำเข้าไปด้านใน มีพวกผมเดินตามไปอย่างทิ้งระยะนิดหน่อย

“เตี่ยไปไหนเนี่ย” ผมถามพลางเตรียมก้มถอดรองเท้า

“อยู่หลังบ้านแน่ะ กำลังลงต้นไม้ใหม่”

“น่ะ เอาอีกแล้ว” ผมถอนหายใจพรืด รีบหมุนตัวสาวเท้ากลับออกไปหน้าบ้านแล้วเดินอ้อมไปด้านหลัง โดยมีหวานตามมาแบบติดๆ “ดื้อเหมือนใครวะ ห้ามอะไรไม่เคยฟังเลยเนี่ย แล้วก็มาปวดหลังปวดไหล่” ผมบ่นอุบอิบ

เห็นคนที่เดินตามมาเงียบไปเลยหันกลับไปมอง ร่างสูงเหมือนจะไม่ได้ฟัง เอาแต่มองซ้ายมองขวาสำรวจบริเวณบ้านอยู่นั่นแหละ “นี่ต้องเตรียมสินสอดไว้เท่าไหร่ถึงจะพอเนี่ย” หวานพูดพึมพำ

“หา อะไรนะ” ผมทวน

“ไม่มีอะไรครับ” อีกคนรีบยิ้มให้แล้วปฏิเสธ “กำลังตื่นเต้นว่าจะได้เจอพ่อคุณ” 

ผมเบ้หน้า “ตื่นเต้นไปเลย ตื่นเต้นเยอะๆ”

“ไม่ขู่สิครับ”

“ไม่ได้ขู่… แต่เตี่ยผมดุจริงๆ” ผมยักไหล่ ทำเอาคนข้างตัวถึงกับหันมามองอึ้งๆ “นั่นไง นั่งอยู่โน่นแน่ะ” พยักเพยิดไปที่สวนข้างหน้า
“เตี่ย!!” ผมเรียกเสียงดัง

“หยา!” คนที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำอะไรอยู่สะดุ้งแล้วหันกลับมามอง “ไอ้ตี๋!!”

“ปลูกต้นไม้อะไร ทำไมไม่เรียกคนมาทำล่ะ มาทำเองทำไม” ผมรีบโวยแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาเร็วๆ “นี่ถ้าหลังเดาะขึ้นมานะ รักษากันยาวเลย เนี่ย เสียน้อยเสียยาก ไหนบอกปวดหลังอยู่”

“ไอ้ลูกคนนี้นี่ มาถึงก็บ่น บ่นเก่งเหมือนแม่มันเลย” เตี่ยทำหน้าเอือมระอา

“เอ้า ก็ทำไมต้องมาลงต้นไม้เองล่ะ”

“ลื้อช่วยมองก่อนได้มั้ยว่าต้นไม้ที่ปลูกอยู่นี่มันอะไร”

“อ้าว”
ผมกะพริบตาปริบๆ มองถาดเพาะต้นไม้กับกระถางเล็กๆ ที่เรียงอยู่ด้านหน้า

“ก็ม้าลื้ออยากได้สวนครัว” เตี่ยถอนหายใจแรงๆ แล้วย้อนเข้าให้ “ปักสะระแหน่ปลูกผักชีแค่นี้หลังเดาะให้มันรู้ไปดิ่”

“เออ นั่นแหละ แค่นั้นก็ไม่ต้องทำ เดี๋ยวผมทำให้” ผมพาล “ลุกเลยๆๆ”

“โว้ะ ไอ้นี่นิ่ จะเสร็จอยู่แล้วเชียว” เตี่ยค่อนขอด ถึงจะเหลือต้นไม้ที่ยังไม่ได้ย้ายลงแค่สี่ห้ากระถาง แต่ก็ยอมลุกขึ้นอย่างโดยดี เมื่อยอยู่เหมือนกันล่ะสิ “แล้วนี่ใครล่ะ ไม่คุ้นหน้าเลย”

“สวัสดีครับ ผมชื่อหวาน” คนข้างตัวยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้ ดูประหม่ากว่าที่เคยเล็กน้อย
“อ่า... เป็นรุ่นน้องพี่วินครับ”

“เอ้อๆ” เตี่ยรับไหว้แล้วหันกลับมาถามผมต่อ “แล้วเป็นยังไงบ้างฮึ กว่าจะกลับบ้านได้ นี่อั๊วกับม้านึกว่าต้องไปเซอร์ไพรซ์เคาะประตูถึงคอนโดลื้อซะแล้ว”

ผมที่กำลังย้ายผักชีออกจากถาดเพาะถึงกับใจหายแว้บ
ไม่ได้นะ ขืนจู่ๆ โผล่มาแบบไม่บอกแล้วเจอเจ้านี่อยู่ในห้องต้องลำบากแน่ๆ

“พักนี้งานเยอะน่ะเตี่ย นี่เคลียร์งานได้ก็รับกลับมาหาเลยไง ไม่ต้องลำบากไปหาหรอก” ผมตอบอ้อมๆ พลางวางต้นกล้าลงในกระถางดินเผา

“ซ่อนสาวไว้เรอะ”

“เห้ย เปล่า” ผมเหวอ “เอามาจากไหนเนี่ย”

“เอ้า มีพิรุธ”

“มั่วแล้ว” ผมรีบพูดปฏิเสธ ก็ไม่ใช่สาวหรืออะไรแบบที่เตี่ยกำลังคิดแน่ๆ
เป็นผู้ชายตัวเบ้อเร่อ… ยืนอยู่ข้างเตี่ยน่ะแหละ…

“ไอ้นี่ ปิดแม้กระทั่งเตี่ยเลยนะ หวงเรอะ”

เปล่าเลยยย เตี่ยยยยยยย
จะตอบอย่างนั้นไปก็คงไม่ได้ เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาย้ายต้นไม้ลงกระถางเงียบๆ
เตี่ยขำนิดๆ กับท่าทางหนีความจริงของผมเลยเลิกสนใจจะถามแล้วหันมาชี้ชวนเจ้าหวานให้ดูต้นไม้ คุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยแทน

แอบเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความโล่งใจ… นิดหน่อย
ก็ดูจะไปกันได้ดีนี่… ตอนนี้น่ะนะ

อ่า..
ย้ายต้นไม้ต่อดีกว่า

“ไหน ถึงไหนแล้วไอ้ตี๋” ส่งเสียงทักขึ้นมาจนผมสะดุ้ง “ชักช้านะลื้อเนี่ย”

“เอ้า เสร็จแล้วเตี่ย” ผมพูดพลางจัดวางสวนครัวเล็กๆ ของม้าให้เป็นระเบียบ “ปะ ไปกันเหอะ”

“เมื่อกี้ยังไม่ตอบอั๊วเลยนะ ตกลงมีสาวมั้ย” เตี่ยยืนจังก้าขวางอยู่ด้านหน้า “ถามรุ่นน้องลื้อมันก็ไม่ยอมพูด บอกให้มาถามลื้อเอง”

ให้-มา-ถาม-ผม-เรอะ

“...”

“ตี๋…”

“อ่า…” ผมมองหน้าเตี่ยแล้วกะพริบตาปริบๆ แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นร่างสูงๆ ที่ยืนอมยิ้มอยู่ไม่ไกล
“ไปกินข้าวกันเหอะ” พูดตัดบทก่อนจะลุกขึ้นยืนปัดเศษดินออกจากมือ ลุกเดินนำออกไปจากสวน

เตี่ยหรี่ตามอง “ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องนะไอ้ลูกชาย เดี๋ยวเถอะ”




15.20

“โอ้โห น่าทานทุกอย่างเลยครับ”

แขกคนใหม่ของบ้านทำตาโตมองอาหารที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะ ปลานึ่งซีอิ๊ว ยอดทานตะวันผัดหมูกรอบ ต้มยำปลาหมึก กับข้าวผัดไข่จานใหญ่เป็นของที่ม้าผมเตรียมไว้คอยท่าหลังจากที่โทรมาบอกตั้งแต่เช้าว่าจะกลับบ้าน ถึงเตี่ยกับม้าจะเพิ่งทานข้าวกลางวันไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตักเอาถั่วเขียวต้มน้ำตาลหอมๆ คนละถ้วยมานั่งกินไปคุยไปด้วย
เป็นอันถือว่าได้ล้อมวงกินข้าวกันแบบครอบครัว

“ถ้าบอกล่วงหน้าสักสองวันจะจัดเต็มกว่านี้อีก” ม้าผมพูดยืดๆ “ฉลองหน่อย”

ผมขมวดคิ้ว “แค่ลูกชายกลับบ้านนี่ เดี๋ยวนี้ต้องฉลองเลยเหรอม้า”

“ต้องฉลองสิ เดี๋ยวนี้กว่าจะได้เจอยากจะตาย” อาม้ารีบพูด “เนี่ย เจ้าหวาน โตขึ้นแล้วอย่าเป็นแบบนี้เชียวนะ ต้องมีเวลาให้ครอบครัวบ้างรู้มั้ย” 

“ครับผม ครอบครัวต้องมาก่อนอยู่แล้ว” ร่างสูงยิ้มกว้าง “เนอะครับ พี่วิน”

จะมาเนอะอะไรเล่า...
ผมนั่งเก้าอี้แล้วตอบอืออาไปแบบส่งๆ ไม่มองคนถาม เพราะเดาได้ว่าอีกคนที่คงกำลังยิ้มกริ่ม รอจังหวะให้หันไปสบตาแล้วทำประกายวิบวับน่าเตะ แกล้งให้ผมหน้าขึ้นสีเล่นอยู่แหงๆ
ไม่หลงกลหรอกน่า...

“นี่เจ้าหวานอยู่ภาคอะไรล่ะเนี่ย” ม้าถามขึ้น “เรียนเต็กเหมือนวินรึเปล่า”

“ใช่ครับ” ร่างสูงรีบตอบ “เรียนเต็ก ปีหนึ่งครับ”

“อ้าว เพิ่งเข้าปีนี้นี่ คิดยังไงมาเรียนสถาปัตย์ล่ะเรา เดี๋ยวก็โทรมเหมือนตาวินหรอก” ม้าหัวเราะคิกคัก

“อ้าว” ถึงกับเงยหน้ามาถาม “ผมโทรมเหรอ”

“พูดเล่นน่า…  เอ๊ะ” ม้าขมวดคิ้ว “แล้วไปสนิทกันได้ยังไงล่ะเรา ตาวินจบแล้วนี่นา”

มันมาจีบ
เอ้ย…


ขอคิดแป๊บ

“ก็มีต้องเข้าไปช่วยติวบ้าง กิจกรรมบ้าง อะไรแบบนี้แหละ” ผมตอบปัดๆ แล้วเริ่มก้มหน้าก้มตากินข้าวที่อยู่ตรงหน้า “โอ๊ะ อันนี้อร่อยจัง”

ม้ารีบยิ้มรับ “อร่อยก็กินเยอะๆ ต้นอ่อนทานตะวันนี่เตี่ยลื้อปลูกมากับมือเลยนะ” ว่าแล้วก็เอื้อมมือมาคีบผัดผักให้อีก “เอ้า เจ้าหวานเอาจานมา เดี๋ยวม้าตักให้”

“ขอบคุณครับ” หวานยิ้มกว้าง
แหม ตำแหน่งลูกรักของเดอะแก๊งค์ทั้งหลายท่าทางจะสั่นคลอนก็วันนี้

“คุณพ่อชอบปลูกต้นไม้เหรอครับ” หวานถามขึ้นบ้าง

ผมส่ายหน้าดิก ก่อนจะแย่งเตี่ยพูดเพื่ออธิบายให้คนข้างตัวฟัง
“จริงๆ แล้ว คนชอบปลูกต้นไม้น่ะม้า ส่วนอีกคนอยากทำบ้านเป็นสวนสัตว์ เอะอะเลี้ยงปลาเลี้ยงนก นี่เคยจะเอากระต่ายมาปล่อยให้วิ่ง ถ้าไม่ห้ามไว้ป่านนี้บ้านกลายเป็นสวนเทเลทับบี้ส์ไปแล้ว”

“เอ้า ก็ดูมันวิ่งไปวิ่งมาก็เพลินดี”

“ออกลูกทีเป็นฝูงเลยนะเตี่ย” ผมว่า “มีกองทัพกระต่ายอยู่ในบ้านอ่ะ ไหนจะขี้กระต่ายเป็นกองพะเนิน ไม่โอเค” ผมส่ายหน้าหวือ

“เออ ก็ไม่เลี้ยงแล้วไง” เตี่ยพูดอุบอิบแล้วตักขนมใส่ปาก “วู้ บ่นเยอะ”

“แล้วเจ้าแมวหูเดียวที่เลี้ยงไว้ล่ะ” ม้าผมถามขึ้นบ้าง “เป็นยังไงแล้ว”

“อยู่ดีมีสุขมากๆ ม้า ไม่ค่อยจิ๋วเหมือนชื่อแล้ว เวลามานอนบนตัวนี่แทบลุกไม่ขึ้นแล้วเนอะ” ผมพูดขำๆ แล้วหันไปจะพยักหน้ากับคนข้างตัว

ชิบหาย...
เขาคงไม่ได้ตั้งใจฟังกันหรอก... ใช่มั้ย...

“หวานก็เคยเจอเหรอลูก จิ๋วมันน่ารักเนอะ ทีแรกม้าก็กลัวว่าวินจะแพ้ขนแมว เกือบไม่ให้เลี้ยงแล้ว มาเจอมันอ้อนซะก่อน แสนรู้จริงๆ”   

ผมลอบถอนหายใจ ในขณะที่หวานยิ้มก่อนจะตอบคำถาม “ครับ น่ารักดี” 
เกือบไปแล้วสิ

...

16.34

เฮ่อ อิ่ม… ข้าวที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าข้าวบ้านเราล่ะเนอะ

ในระหว่างกำลังนั่งผึ่งพุงที่โต๊ะกินข้าวตัวเดิม อยู่ จู่ๆ ม้าก็พูดอย่างนึกขึ้นได้ “เอ้อ… นี่วิน อย่าลืมนะ งานแต่งงานอาโจวันเสาร์สิ้นเดือนแล้ว”

ผมเงยหน้า กะพริบตาปริบๆ “ลืมไปเลยอ่ะว่าเฮียโจจะแต่งงาน”

“ช่วงเช้ายกน้ำชา ส่วนงานเย็นเป็นงานค็อกเทล”

ผมเบ้หน้า
ไม่ถูกโรคกับงานหางไก่นี่สักนิด นอกจากจะไม่อิ่มแล้วยังต้องเดินยิ้มไปยิ้มมารอบงาน ไหนจะต้องทักทายคน ตอบคำถามนั่นนี่ มีคนชวนคุยตลอดๆ กินไม่สะดวกเลยครับเอาตรงๆ

“แต่งตัวดีๆ ล่ะ” ม้ากำชับ “ลูกสาวคุณวิไลก็ไป”

“ม้าาาาาาาา” ผมลากเสียง “เลิกจับคู่ผมกับลูกเพื่อนซะที”

“เอ้า ก็เผื่อจะถูกใจขึ้นมาสักคน นี่อั๊วขี้เกียจตอบคำถามแล้วเนี่ยว่าเมื่อไหร่ลื้อจะมีแฟน” เตี่ยหัวเราะร่วน ว่าแล้วก็พยักเพยิดไปคนที่นั่งข้างตัวผม “บอกมาเถอะ นี่วินมันแอบไปเต๊าะใครไว้บ้างน่ะเจ้าหวาน” 

ผมเบิกตากว้างแล้วร่ำร้องอยู่ในใจ
เตี่ยผมถาม… ถูก… คน… มากกกก

ไอ้ที่นั่งหน้าแป้นกินข้าวอยู่ข้างกันต่างหากล่ะ ที่เต๊าะเอาเต๊าะเอาจนได้ลูกเตี่ยเป็นแฟน!

“เอ่อ..” หวานเหลือบมองมาทางผม มุมปากยกยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ “ไม่ทราบเหมือนกันสิครับ”

ผมถลึงตาใส่ ไอ้ตูด… หุบยิ้มก่อนแล้วค่อยตอบมั้ย...
แล้วมือใต้โต๊ะเนี่ย!!! จะเอื้อมมาจับทำไม!!!

“ทำไมต้องรีบให้มีแฟนจังเลย อยู่แบบนี้มันไม่ดีตรงไหนกัน” ผมบ่นกระปอดกระแปด พลางพยายามแกะมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนข้างตัว

“เอ้า ก็อยากเอาหลานไปอวดบ้าง นี่เพื่อนอั๊วมีกันหมดแล้ว”

“ลูกผมก็ไม่ใช่ของเล่นป่ะเตี่ย” ผมถอนหายใจ “คนแก่เขาไม่อวดนาฬิกากันเหรอ”
ยอมแพ้กับมือปลาหมึก อยากจับก็จับไปเลยไป

“เตี่ยกับแม่ก็มีลูกชายอยู่คนเดียวเนี่ย” แม่ผมได้ทีเสริมขึ้น “ก็เป็นห่วง… อยากให้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา จะได้มีคนดูแลกัน”

“แล้ว... ถ้าผมไม่แต่งล่ะม้า”

“ก็แล้วทำไมลื้อจะไม่แต่ง” กลายเป็นเตี่ยที่ถามขึ้นเสียงขุ่น “ถ้าจะบอกว่ายังไม่มีคนแต่งด้วยก็ข้ามไปเลย ไม่ใช่ปัญหา ลูกเพื่อนอั๊วกับม้าเยอะแยะ เลือกสักคนสิ”

“นี่มันสมัยไหนแล้ว ยังจะคลุมถุงชนกันอยู่เหรอ” ผมโวยวาย
เหมือนหวานจะสัมผัสได้ถึงความจริงจัง อีกฝ่ายเลยยอมปล่อยมือผมให้เป็นอิสระเสียที

“ไอ้หมานี่ บอกว่าให้ดูๆ กันไป ไม่ได้จะจับแต่ง แค่เห็นว่าถ้าลื้อยังไม่มีใครก็จะแนะนำให้”

“ไม่ต้องเลยเตี่ย”

“มีคนให้แต่งด้วยแล้วรึไง”

“...” ผมหน้างอ

“น่ะ ถ้ามีก็เอามาให้เจอเลย จะได้สบายใจกันทุกฝ่าย” เตี่ยตบเข่า “จะให้ดีก็เอาไปเปิดตัวงานเจ้าโจ อั๊วจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามญาติ เพื่อนอั๊วจะได้เลิกเล็งให้เอ็งไปเป็นลูกเขยไง”

“แล้วม้ากับเตี่ยจะได้ไปเตรียมจัดการเรื่องรับสะใภ้เข้าบ้านให้เรียบร้อย หมั้นไว้ก่อนก็ได้”

นั่น วนมาเรื่องนี้อีกแล้วไง
“ก็ไม่อยากแต่งงานนี่” ผมยังคงวอแว “ถ้ามีจริงๆ ก็อยู่ด้วยกันเฉยๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องแต่งงานเลย”

เตี่ยทำหน้าตกใจ “ไอ้ตี๋! ทำแบบนั้นใช้ได้ที่ไหน ลื้อจะไม่สนอะไรเลยไม่ได้ ลื้อต้องให้เกียรติอีกฝ่าย ให้เกียรติพ่อแม่เขา ให้เกียรติวงศ์ตระกูลเราด้วย ลื้อทำเหมือนไม่เห็นหัวใครเลยไม่ได้!!!”

“ไม่เกี่ยวป่ะเตี่ย คนเรารักกัน เข้าใจกันอยู่ด้วยกันได้ก็พอแล้ว ต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากทำไม”

“ไม่ได้!” เตี่ยพูดเสียงดัง “ยังไงลื้อก็ต้องทำให้มันถูกต้อง!!!”

คุณนายของบ้านเห็นท่าจะไม่ดี เลยยื่นมือเข้าปราม
“เอ้าๆ พ่อลูกเถียงอะไรกันไม่เป็นเรื่องเลย อายเจ้าหวานบ้าง น้องตกใจหมดแล้วเนี่ย”

“เอ้าม้า ก็ดูเตี่ยดิ่” ผมโวยวาย “จะให้แต่งงานอยู่นั่นแหละ”

“นี่ตาวิน เตี่ยเขาก็เป็นห่วงน่ะแหละ”

“ก็ลูกของเจ้าปกรณ์มันก็ยังโสด หน้าตาน่ารักด้วย” เตี่ยยังคงยืนยัน “ไปเจอกันไม่เห็นเสียหายตรงไหนเลย”

“เนี่ย เห็นมั้ยม้า” ผมโวยอีก “จับคู่อีกแล้วอ้ะ”

“ถ้ามีแล้วใครเขาจะขัดลูกตัวเอง ลูกชอบใครพวกเราก็ต้องชอบด้วยอยู่แล้ว” ม้าพยายามเกลี้ยกล่อม “น่า… ก็ตอนนี้ลื้อยังไม่มีใครนี่”
 
ประโยคแรกน่ะ... พูดแล้วนะ...
ผมหันขวับ “รู้ได้ไงว่าไม่มี”

เตี่ยหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพูดให้ผมหน้างอขึ้นไปอีก “โอ๊ย ถ้ามีลื้อต้องพามาบ้านแล้ว ไม่มานั่งเถียงอยู่แบบนี้หรอก”

ก็นั่งอยู่นี่ไงเล่า… ผมคิดในใจ

“เอ้า พอๆ พ่อลูกนี่” ม้าพูดห้ามทัพ “แล้ววันนี้จะค้างนี่กันรึเปล่าลูก”

ผมส่ายหน้า “ไม่อ่ะม้า เดี๋ยวก็ต้องรีบกลับแล้ว พรุ่งนี้ผมประชุมแต่เช้า กลับไปนอนคอนโดดีกว่า ขี้เกียจเถียงกับเตี่ยแล้วด้วย” พูดจบก็ย่นจมูกใส่คนเป็นพ่อหนึ่งที

“เนี่ย ไม่มีเวลาให้ที่บ้าน” ม้าบ่นเบาๆ

ฟังจบก็หันไปเห็นม้าทำหน้างอนพอดี เลยต้องรีบสมทบ “โอ๋ ไม่งอนสิม้าา เดี๋ยวระหว่างอาทิตย์จะกลับบ้านมาหานะคร้าบบบบ” ผมลากเสียงยาว  “เดี๋ยวพาไปกินข้าวอร่อยๆ”

“เอาสะใภ้มาพร้อมกันเลยด้วยก็ดีนะ” เตี่ยแหย่ไม่เลิก “ถ้าลื้อมีน่ะนะ ฮ่าๆๆ” 

ด๊ายย
จะเอางี้ใช่มั้ยเตี่ย ด้ายยย

ผมแกล้งมองนาฬิกา “โอ๊ะ เดี๋ยวต้องรีบกลับละ ไปก่อนนะเตี่ย ไปก่อนนะม้า” 

“ไอ้ลูกคนนี้นี่ หนีอีกแล้วนะ”

“เปล่าหนีสักหน่อย แล้วก็…” ผมตัดสินใจก่อนจะพูดหน้านิ่ง ยกนิ้วชี้คนข้างตัว “วันงานแต่งเฮียโจ ผมจะเอาหมอนี่ไปละกันนะ”

“...” เตี่ย
“...” ม้า
“...” หวาน

ผมคว้าข้อมือร่างสูงที่กำลังงงอยู่ให้ลุกขึ้น “ปะ กลับกัน”

“เดี๋ยว... ไอ้ตี๋ ลื้อหมายความว่ายังไง”

ขอทิ้งระเบิดไว้หน่อยก็แล้วกัน
ผมขยิบตาแล้วยิ้มหวานให้หนึ่งที
“เปิดตัวไงครับ...” 
 
_ _ _ _

TBC

เย้ พาเด็กๆ มาส่งแล้วค่าาาา

ตี๋วินลู๊กก ทำไมมาแรงแซงเด็กหวานตลอดเลยละค้าาาาา

โค้งสุดท้ายของเรื่องแล้วนะคะ : ) ขอบคุณทุกคอมเมนต์จากทุกทาง ขอบคุณที่รักและเอ็นดูเด็กๆ
อาจจะเป็นเรื่องที่เรื่อยๆ เฉื่อยๆ แต่หวังว่าคงไม่น่าเบื่อจนเกินไปนะคะ ถ้าเรื่องนี้จะฮีลคนอ่านได้ เราจะดีใจมากเลย
ฟีดแบกของทุกคนก็ฮีลลิ่งเราเหมือนกันนะคะ ผ่านช่วงหนักหน่วงมาได้ ขอบคุณจริงๆ

แวะมาคุยเล่น เม้าๆ กันได้ที่ @huentrop หรือ #วิเคราะห์การรัก ได้เหมือนเดิมนะคะ
พักนี้อาจจะห่างหายไปเป็นนิยายรายเดือนเพราะภารกิจถาโถม แต่เราจะไม่เทแน่นอน รอกันหน่อยนะค้า

พบกันตอนหน้าค่ะ
รักส์
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-07-2018 23:43:25
ไม่คิดว่าพี่วินจะเป็นคนเปิดเองงงง กรี๊ดดดดด  :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-07-2018 23:44:41
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 11-07-2018 23:53:47
ตี๋วินนนนนน อยู่กะหวานนี่แมนจริ๊งงงง
อยู่กะคนอื่นเด็กเด๋อไปเลยยย
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Dayyspring ที่ 12-07-2018 00:15:44
ตี๋วินนนนนนนนนนนนนนน
ตั้งแต่คบเด็กหวานนี่ติดความทะเล้นเจ้าปีหนึ่งมาใช่มั้ย
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 12-07-2018 01:01:33
งื้แสมกับความคิดถึง สนุกมากกกก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-07-2018 07:06:06
โอ้โหพี่วิน ป่านนี้นังหวานตายอย่างสงบศพสีชมพูไปแล้วล่ะเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 12-07-2018 08:21:51
หวานช็อคตายไปแล้วมั้งนั่น 5555 สมการรอตอยมากๆเลยครับ คิดถึงนักเขียนน้า เป็นกำลังใจให้เสมอ ถึงแม้จะไม่ค่อยมาคอมเมนต์ก็ตาม  :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 12-07-2018 08:45:44
ตี๋วินนนนนนนนนนน  :ling1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-07-2018 10:12:13
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: maplub_oyaya ที่ 12-07-2018 19:51:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 12-07-2018 21:19:22
หายไปนานกลับมาก็พาแฟนมาเปิดตัวกับครอบครัวเลยนะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 12-07-2018 22:37:50
พี่วินไหนบอกหวานว่าอย่าออกตัวแรง แล้วดูตัวเองสิ เปิดตัวปุ๊บปั๊บเชียวนะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-07-2018 03:10:25
 :L1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: puwadontoeytoey ที่ 13-07-2018 05:19:35
ไหน ใครบอกน้องอย่าออกตัวแรงอ่ะตี๋  :hao3:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 13-07-2018 14:43:46
เอออออ เตี่ยตาค้างแน่นอน 55555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: gungchan ที่ 14-07-2018 00:46:16
วินหัวร้อน เปิดตัวหวานเสียก่อนเลย อิอิ
เนื้อเรื่องน่ารักมากๆค่ะ  :L1:

เมื่อไรเขาจะไม่เรียกแทนตัวว่าคุณ ผม เนอะ เรียก วิน หวาน สนิทสนมน่ารักดี  :o8:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 16-07-2018 17:39:31
วินลู๊กกกกกกกก เตี่ยตาแตกไปแล้ว555555555น้องหวานก็น่ารักจังเลย หลงแล้วๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Lyralyn ที่ 17-07-2018 08:39:50
ไม่ได้ออกตัวเลย พี่วินนนนนนน  :mew3:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 17-07-2018 10:23:49
ตี๋วินนนน คือ ตัวเองอ่ะ หลุดเองตลอด .... มีความอวดผ.เด็กเบาๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 20-07-2018 19:49:47
พอจะจริงจังก็เอาซะกลัวใจไปเลยนะครับตี๋วิน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 30 P.13 ✽update 11.7.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 17-08-2018 02:04:24
คิดถึงตี๋วินนะค้าาา
รอบนี้แอบไปสวีทกันนานเลย :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 30-08-2018 20:50:34
ความเสี่ยงที่ 31


18.35
วันพฤหัส



“นี่”

ผมขมวดคิ้วมองเอกสารในมือ กำลังนึกถึงแผนผังการใช้ที่ดินของนนทบุรีมันอัพเดทล่าสุดว่ามันใช่ปี 42 แน่เหรอ คุ้นๆ ว่าน่าจะมีใหม่กว่านี้นะ ฝ่ายที่ดินหลุดรึเปล่าวะเนี่ย ไหนลองเสิร์ชดูซิ

“วิน”

นั่นไง!! กดปุ๊บก็โผล่ของปี 48 ออกมาแล้ว ตกลงล่าสุดนี่มันของปีไหนกันแน่เนี่ย เริ่มไม่ไว้ใจแล้วไง
ขนาดผังสียังผิด แล้วมันจะดู FAR กับ OSR ให้ถูกได้ยังไง ไหนดูตรงข้อกำห...

“มาวินทร์!!”

“ห้ะ!! ครับ!” ผมสะดุ้งสุดตัวจนเอกสารที่กำลังอ่านอยู่หลุดออกจากมือ “ครับพี่ฝ้าย”

“เอ้อ เหม่ออะไรล่ะเราน่ะ” เจ้านายคนสวยขมวดคิ้วถาม “เจ๊ถามว่าจะกลับเลยมั้ย”

“อ้า… เอ่อ” ผมกะพริบตาปริบๆ เหลือบดูนาฬิกาแล้วเรียกสติตัวเอง หกโมงกว่าแล้วเหรอเนี่ย
“ยังครับ ผมว่าจะนั่งเช็คข้อมูลกับตอบอีเมล์ก่อน” 

“ขยันอีกละ” น้องแคร์บอกขึ้นบ้าง “กลับบ้านเถอะค่าาาา น้องขอร้องล่ะ”

“ขออีกสักพักแล้วกัน ยังไม่ได้ตอบอีกตั้งเยอะแน่ะ อยากเคลียร์ก่อน”

“ตามใจย่ะ” พี่ฝ้ายแกล้งทำปากคว่ำ “ถ้านี่เป็นแฟนนะ งอนตายเลย บ้างานอะไรขนาดนี้”

ผมแกล้งทำหน้าเหวอ “อ้าวว ต้องง้อยังไงดีล่ะครับเนี่ย”

“หยอดอีกละ ทำไมพักนี้ขี้อ่อยกว่าปกติ” พี่ฝ้ายหรี่ตามอง “เชอะ อ่อยไปงั้นสินะ เบื่อคนหล่อเลือกได้ ไปดีกว่า”

ผมหัวเราะ ยกมือสวัสดีแล้วบอกลาเจ้านายกับน้องแคร์ อดยิ้มขณะแอบเหลือบสายตาไปที่โทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่ข้างตัวไม่ได้

ไม่น่าจะงอนหรอกครับ
ก็… วันนี้คนนั้นก็ติดงานที่คณะเหมือนกันนี่นา…

_ _ _ _


21.34


(นี่ตาวิน งานแต่งเจ้าโจเสาร์นี้แล้วนะ)

“ไม่ลืมม้า งานเช้าหกโมง งานเย็นห้าโมง”

(ส่งชุดไปให้แล้ว ใส่ได้ใช่มั้ย)

“ใส่ด้ายยย” ผมลากเสียงยาวใส่โทรศัพท์ ก้มลงหอมหัวแมวจิ๋วในอ้อมแขนทีหนึ่งแล้วปล่อยให้ลงเดินกับพื้น “จริงๆ ใส่ชุดเก่าก็ได้นะ ไม่เห็นต้องตัดใหม่เลย”

(ไม่ได้ เดี๋ยวลูกชายไม่หล่อเท่าเจ้าบ่าว) ม้าเว้นช่วงแล้วหัวเราะคิกคัก (นี่ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านซะนะ วันเสาร์ต้องไปช่วยงานแต่เช้า)

ผมตอบอืออาแล้วเกาหัวตัวเอง “อ่าา แล้ว...” จะพูดยังไงดีวะเนี่ย “คือ”

(เรื่องนั้นก็ไม่ต้องคิดมาก)

“เอ๋?” ผมขมวดคิ้ว เรื่องไหนนะ ชักไม่แน่ใจว่าม้าเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะพูดหรือเปล่า
คือผมจะถามเรื่องจะพาคนไป…

(ก็ไปงานเย็นพร้อมกันน่ะแหละ) ม้าพูดขึ้นตรงจุดจนผมแอบอึ้งไม่ได้ (ยังไงก็บอกไปแล้วนี่ ใครเขาจะว่าอะไรเล่า) เสียงปลายสายพูดฟังดูเหนื่อยนิดๆ (อย่าลืมบอกให้แต่งหล่อมาด้วยล่ะ) ม้ากำชับ (เตี่ยเราจะได้ว่าไม่ได้)

“อื้อ ครับ” ผมตอบ เราคุยกันต่ออีกสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป 

ข่าวดีคือบ้านไม่แตกหรอกนะครับ อยู่สงบๆ เหมือนที่เป็นมานั่นแหละ ไม่รู้ว่าเตี่ยคิดว่าผมพูดเล่นหรืออะไร แต่เอาเป็นว่าเกือบเดือนที่ผ่านมาแกไม่เอ่ยถึงเรื่องลูกสาวเพื่อนแกอีกเลย อันที่จริง แกไม่ถามอะไรเรื่องแฟนกับผมเลยด้วยซ้ำ เหมือนแกทำลืมๆ ไปซะอย่างนั้นแหละ

ถึงจะไม่ได้พูดอะไร… แต่ก็ดูออกน่ะครับ ว่าไม่ได้สนับสนุนเท่าไหร่
บอกแล้วไง ว่ามันต้องใช้เวลา
ใครจะเหมือนบ้านนั้นเล่า เชื่อเขาเลยเถอะ…

เกือบเดือนแล้วที่หมอนี่ย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ที่คอนโดผมแบบหน้าตาเฉย ให้เหตุผลว่ากิจกรรมเยอะ กลับดึก บ้านไกล อยู่ที่นี่เดินทางสะดวกกว่า ขออนุญาตพ่อแม่ที่บ้านเรียบร้อย แถมส่งโทรศัพท์ให้คุยกับแม่เจ้าตัวอีกต่างหาก

(วิน ยังไงช่วงนี้แม่ต้องฝากน้องหวานด้วยนะคะ ยังไงก็อยากจะออกไปอยู่หอให้ได้ คงต้องรบกวนหน่อย)
(เรื่องค่าใช้จ่าย แม่จะดูแลให้เองค่ะ ถือซะว่าน้องไปเช่าห้องวินอยู่ระหว่างคุณแม่หาห้องให้นะคะ)
(ลูกคนนี้เอาแต่ใจเป็นที่สุด ถ้าเจ้าหวานดื้อหรือออกนอกลู่นอกทาง วินจัดการได้เลยนะคะ)

เชื่อเขาเลย…
ไปพูดกับแม่ยังไงวะนั่น...


รีวิวเอกสารเตรียมประชุมพรุ่งนี้ดีกว่าแฮะ
ผมเดินถือโน้ตบุคเข้ามาในห้องนอน ไม่ลืมเปิดประตูค้างไว้ให้แมวจิ๋วเดินตามเข้ามาด้วย

ให้ตาย…
ใครจะคิดว่าเด็กนี่มันจะเอาจริงขนาดนี้

ผมมองสูทสีเทาเรียบกริบถูกวางพาดไว้ที่ปลายเตียง ในขณะที่ร่างสูงยืนพิจารณาเนคไทในมือหันหน้ามาถามอย่างคิดไม่ตก “คุณว่าเบอร์กันดีหรือคริมสัน”

“ห้ะ?” ผมขมวดคิ้ว

“นี่ไง อันนี้หรืออันนี้ดี ช่วยเลือกหน่อยสิครับ”

“มันก็… อ่า…” จะบอกว่าเหมือนกันก็ไม่ได้ คนละเฉดซะขนาดนี้ “คริมสัน”

ได้คำตอบแล้วอีกคนก็ยิ้มกว้าง จัดแจ้งวางเนคไทเส้นที่ว่าทาบลงไปบนชุดสูท “ใช่มั้ย! อันนี้เหมาะกว่าใช่มั้ยครับ เบอร์กันดีมันดู อืม...”

“เหมือนสจ๊วตการ์ต้า แอร์เวย์” ผมต่อให้

หวานเบ้หน้า “ไม่เอา ไม่เป็นสจ๊วตครับ เป็นสจ๊วตแล้วต้องไปบิน ไม่มีเวลาอยู่กับแฟน”
“จะเป็นสถาปนิกชิคๆ”

“เป็นสถาปนิกว่างมากดิ่” ผมขำก๊าก “แล้วชิคมากมั้ย ตาคล้ำขนาดนี้น่ะ”

“ก็ชิคพอตัวนะครับ” อีกคนทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ “ไม่งั้นเขาคงไม่ยอมเป็นแฟนด้วย เนาะ” พูดจบก็เดินเข้ามาใกล้จนต้องยกมือห้ามไว้

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย” ผมพูดเสียงเขียว ”จะทำอะไร”

“รู้ทันตลอด” หวานขมวดคิ้ว “แค่กอดเอง ทำไมขี้งกล่ะครับ”

“แค่กอดแล้วทำไมต้องมือซนทุกที!” ผมโวยวาย ก็ แค่กอด คนตรงหน้ามันไม่เคยจะ แค่ สักทีนี่ครับ ฉวยโอกาสตอดเล็กตอดน้อยตลอด ฟาดไปเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะรู้สึก

“อ่าา” เถียงไม่ออก หวานเลยได้แต่ยกมือเกาแก้มเขินๆ แล้วพูดอุบอิบ “ก็ชอบ… แฟนตัวนุ่ม”

คำพูดอีกฝ่ายทำเอาหน้าร้อนขึ้นมาจนได้
“เพ้อเจ้อ! ไปเตรียมชุดต่อเลยไป คุณสจ๊วต”

ได้ยินแล้วเจ้าตัวก็ทำหน้ามุ่ย “ไม่เอา ไม่ผูกเนคไทสีนี้แล้ว”

“บอกแล้วว่าไม่ต้องผูกก็ได้ งานไม่ได้เป็นทางการขนาดนั้น”

“ทีของคุณยังมีเลย”

“ก็ผมเป็นญาติเจ้าบ่าว”

“ผมก็เป็นแฟนคุณ”

“เกี่ยวอะไรเล่า!!” ผมร้อง “จะใส่อะไรก็ใส่ไปเถอะน่ะ”

“ได้ยังไงล่ะครับ ต้องเต็มที่สิ เดี๋ยวเขาหาว่าเป็นเด็กไม่รู้กาละเทศะ”

อ้า… นี่สินะที่เป็นกังวล
“เอ้ย!” จู่ๆ อีกคนก็ร้องขึ้นมา “จิ๋ว!” หวานถลาตัวเข้าไปจับเจ้าขนฟูที่กำลังตั้งท่าจะเดินมานอนทับเสื้อนอกของตัวเองเอาไว้ “ไม่ได้นะ เดี๋ยวขนติด ออกไปข้างนอกเลย”

ผมวางแลปท็อปลงบนเตียงแล้วมองตาขวาง “กลัวขนแมวติดสูทขนาดนั้นคืนนี้ก็ออกไปนอนกอดเสื้อที่โซฟาเลยไป เรื่องอะไรมาไล่แมวผม”

ร่างสูงกะพริบตาปริบๆ “โธ่… คุณอ้ะ…”

ว่าแล้วก็ได้ยินเสียงเจ้าขนฟูขู่ฮึ่มๆ “ปล่อยจิ๋วเลย โมโหแล้วเห็นมั้ย”

“ครับ ครับ” หวานรับคำ “เอาสูทไปเก็บก็ได้ อย่าไล่ผมไปนอนนอกห้องเลยนะคุณณณ” พูดเสียงยาวแล้วรีบปล่อยแมวหูเดียวลงบนพื้น เจ้าตัวดีสะบัดหางแล้วเดินตรงดิ่งเข้ามาอ้อนให้ผมอุ้ม
เห็นอย่างนั้นคนกำลังเก็บชุดสูทก็เบ้หน้า พูดอุบอิบเสียงเบา “ใจดีกับแมวตลอด ทีกับเรานะ...”

กำลังจะเปิดโน้ตบุคก็ต้องชะงักมือ “บ่นอะไร”

“เปล่าครับ” คนปฏิเสธส่ายหน้าหวือ
ร่างสูงเก็บเสื้อเสร็จก็รีบมานั่งทำตาปริบๆ ที่อีกฟากของเตียง หลังจากปล่อยให้ผมพิมพ์ก๊อกแก๊กไปได้ไม่ถึงห้านาที เจ้าหวานก็แอบยกตัวแมวจิ๋วที่นอนพิงขาผมอยู่ออกไปอย่างแนบเนียน ก่อนจะกระเถิบตัวเบียดเข้ามาแบบแทบจะนั่งซ้อนหลังกัน “ทำงานอีกแล้วเหรอครับ”

“ก็เตรียมประชุมพรุ่งนี้”

ผมตอบผ่านๆ พลางขยับตัวยุกยิกเมื่ออีกฝ่ายวางคางลงกับไหล่แล้วพูดพึมพำ “ขยันตลอด” 

หลังนั่งจ้องหน้าจอแบบเงียบๆ ไปได้สักพัก พอเห็นว่าผมอ่านเอกสารที่ต้องใช้ประชุมจบ ก็มีคนใจดีเอื้อมมือมาพับหน้าจอลงให้โดยอัตโนมัติแบบไม่ถามความเห็น ทำเอาต้องหันขวับไปมอง

แต่อีกคนเล่นเอาคางมาวางไว้ตรงนี้… หันกลับไปมันก็…

จุ๊บ…!!!
เชี่ย … พอดีกับแก้มของอีกฝ่ายเป๊ะเลย...

โอเค อันนี้ผมพลาดเองเรื่องการกะระยะ มันอาจจะใกล้ไปหน่อย
ก่อนจะได้ทันหดคอเพื่อเอาหน้าร้อนๆ ออกจากแก้มด้วยความตกใจ คนขี้แกล้งก็ฉวยโอกาสหันกลับมาจูบเข้าที่ปากจริงๆ

“อื้อ!!” ผมร้องประท้วงเมื่ออีกฝ่ายแอบขบเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างก่อนจะผละออก ผมเลยยกมือทุบไปที่ขาเจ้าตัวแบบไม่ออมแรง แต่แทนที่จะได้ยินเสียงโอดโอย กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะหึหึซะนี่ 

“เล่นอะไรเนี่ย!” ขอตีอีกทีเถอะครับ

“ยอมให้ตีอีกหลายที แล้วขอทำมากกว่านี้ได้มั้ยครับ” หวานยิ้มกว้าง ก่อนจะกลับมาวางคางไว้ที่เดิมแล้วเลื่อนมือมารวบเอวไว้หลวมๆ ทำเอาหมั่นไส้จนทนไม่ไหว ต้องถองศอกไปแรงๆ อีกที “โอ๊ยย เจ็บครับ”

ถึงจะร้อง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ทะลึ่ง!”

“อยากอ้อนแฟนอ้ะ แฟนไม่มีเวลาให้” เจ้าตัวบ่นหงุงหงิงแล้วก็ก้มไปซุกหน้าลงที่ต้นคอ ปล่อยให้ลมหายใจร้อนๆ คลอเคลียอยู่บนผิว

“ไม่มีเวลา?” ผมย้อน “มาสิงอยู่ที่นี่ทุกวันเนี่ยนะไม่มีเวลา”

“ก็คุณเอาแต่ทำงานตลอดเลย” หวานพูดเบาๆ

“เบื่อกันแล้วหรือไง” 

“ใครว่าล่ะครับ” พูดไปก็กดจูบลงบนไหล่ไปจนต้องเอื้อมมือไปบีบจมูกคนซน “จะไปเบื่อแฟนได้ยังไง” หวานบอกเสียงอู้อี้

ผมทำเสียงหึในคอ เพราะเจ้านี่ยังกอดเอวไว้ไม่ยอมปล่อย ผมเลยต้องยืดตัวเอื้อมมือยกโน้ตบุคไปวางที่โต๊ะข้างเตียง

“นี่…” หวานเรียก “พ่อแม่คุณไม่ได้ว่าอะไรจริงๆ ใช่มั้ยครับ”

“เรื่องอะไรล่ะ” ผมเฉไฉ

“ซีเรียสนะครับเนี่ย” เดาว่าเจ้าตัวคงทำหน้างอตอนพูด “ที่คุณจะพาผมไปงานแต่งญาติน่ะ… คือ ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปด้วยกันนะครับ แต่ถ้าไปแล้วมีปัญหาขึ้นมา...” ร่างสูงเว้นช่วงไปเหมือนกำลังใช้ความคิด “ถ้ารู้ว่าพ่อแม่คุณว่ายังไง อย่างน้อยผมจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน”

“ไม่รู้สิ” ผมพูดตามตรง “ม้าน่ะคงไม่มีอะไร ยังถามถึงอยู่บ่อยๆ แต่กับเตี่ย…”
“ทีแรกแกคงเข้าใจว่าผมพูดเล่น แต่พอบอกว่าจะพาคุณไปงานเฮียโจจริงๆ แกก็ดูอึ้งไป จะพูดว่าห้ามก็คงไม่ใช่ อนุญาตก็ไม่เชิง เหมือนไม่สนใจเลยมากกว่า”

หวานนิ่งไป

“แต่คุณก็ต้องเข้าใจนะ จะให้เตี่ยมายอมรับง่ายๆ ก็คงไม่ได้หรอก ถ้าจู่ๆ ลูกชายคนเดียวจะมาคบกับผู้ชายที่อ่อนกว่าตั้งหลายปีแกก็คงทั้งงงทั้งตกใจ นี่ไม่ไล่ผมออกจากบ้านก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

“นี่” หวานที่นั่งซ้อนหลังอยู่ดึงตัวผมไปชิด กลายเป็นต้องกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตัวอีกฝ่าย “คุณรู้ใช่มั้ยว่าคุณคุยกับผมได้ทุกเรื่องน่ะ จะเรื่องดีเรื่องแย่ก็เถอะ อย่าเก็บไว้คนเดียวสิครับ"

“ก็… ไม่อยากให้คิดมาก” ผมไล้นิ้วบนท่อนแขนอีกฝ่ายที่โอบอยู่บริเวณเอวของตัวเอง “กลัวใครบางคนจะถอดใจไปซะก่อนน่ะสิ”

“คุณเนี่ยนะ...” หวานถอนหายใจพรืดแล้วกระชับอ้อมแขน "ผมก็อยากเป็นที่พึ่งของคุณได้นะ"

ได้ยินแล้วก็ต้องแอบยิ้มออกมาเหมือนคนควบคุมใบหน้าตัวเองไม่ได้
ไม่ได้การ เดี๋ยวเจ้านี่จะเหลิง ผมตีหน้าเฉยแล้วแหงนหน้าไปมองเจ้าของอ้อมแขน “อ้อ วันพรุ่งนี้ผมต้องกลับไปนอนบ้านนะ”

“อ้าว” หวานร้อง “ทำไมล่ะครับ”

“ก็วันเสาร์ต้องไปงานแต่งกับเตี่ยกับม้าแต่เช้า”

ได้ยินแบบนั้นเจ้าหวานก็ทำปากยื่นปากยาว “แล้วผมล่ะ”

“คุณก็ไปงานเย็นไง” ผมอมยิ้ม “ถ้าอยากทำคะแนนสร้างความประทับใจ ก็แต่งหล่อๆ แล้วไปรับครอบครัวผมไปงานตอนเย็นด้วยกัน”

“เตี่ยคุณจะไม่เอาปืนมายิงผมใช่มั้ย” อีกคนถามแล้วมองตาปริบๆ 

“วิ่งหนีให้ทันละกัน” 

“โธ่คุณ…” หวานโอดครวญ “ไม่ให้กำลังใจกันเลย”

เห็นอีกคนตีหน้ายุ่งผมก็ได้ทีหัวเราะเบาๆ “แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ ทำยังไงดีล่ะทีนี้…”
พูดตีรวนอีกฝ่ายจบ ผมก็เอื้อมแขนไปคล้องคอแล้วดึงรั้งอีกฝ่ายให้โน้มหน้าลงมารับสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปาก ก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว “มัดจำไว้ก่อน 5%”

เจ้าของใบหน้าที่ผมมองอยู่ทำสายตาวาววับ “คุณลูกค้าขี้โกงนี่ครับ ปกติเขาให้กันตั้ง 20%”

ผมหัวเราะ
“ก็… ช่วยไม่ได้” คราวนี้ไม่ต้องรอให้ผมขยับ เพราะร่างสูงเป็นฝ่ายก้มลงมาประทับจูบทันทีที่พูดจบ สัมผัสนุ่มนิ่มที่คลอเคลียบนริมฝีปากทำให้รู้สึกคล้อยตามได้ไม่ยาก ยิ่งโดนอ้อมแขนของอีกฝ่ายกอดเอาไว้ก็เหมือนตัวเองจะหมดแรงลงไปเฉยๆ 

“อื้อ… พอแล้ว” กว่าจะหาช่องว่างผละออกมาได้ก็ถึงกับต้องหอบหายใจ “ได้ทีเอาใหญ่เชียวนะ”

แทนที่จะรู้สึกผิด หวานกลับยื่นหน้าลงมาจูบหนักๆ อีกรอบ กว่าจะถอนใบหน้าออกไปก็อ้อยอิ่ง ทิ้งลมหายใจร้อนๆ ไว้ที่ริมฝีปาก ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

พอนึกได้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่ ผมก็ต้องรีบผลักอีกฝ่ายออกไปแรงๆ
“ไม่!!! หยุดความคิดไปเลย!” ผมพูดเสียงเขียว “คุณนี่มัน…เอามือออกไปจากเสื้อเดี๋ยวนี้ด้วย!”

_ _ _ _
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 30-08-2018 20:54:38
16.10
วันเสาร์


ผมในชุดสูทเกือบจะเต็มยศกำลังรับหน้าที่เป็นคนขับรถไปยังโรงแรมที่จัดงานแต่งงานของเฮียโจ
โอเค มันคงไม่แปลกอะไร ถ้าที่ขับอยู่มันไม่ใช่ BMW สีดำวาววับของใครอีกคนที่ตอนนี้นั่งตัวเกร็งอยู่เบาะหลัง

คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้น่ะครับ

หลังจากพิธีการตอนเช้าจบลง ไอ้ผมที่ตื่นตั้งแต่ตีสี่ ก็ขับรถด๊อกแด๊กกลับมาถึงบ้านในเวลาบ่ายโมงนิดๆ มีเวลาพักนิดหน่อยก็ต้องอาบน้ำสระผมแต่งหล่อเพื่องานตอนเย็น พร้อมโทรนัดแนะให้อีกคนขับรถมารับทั้งเตี่ยทั้งม้าที่บ้าน กะว่าให้ทำหน้าที่สารถีพาไปงานแต่งสักหน่อย เผื่อว่าจะทำคะแนนขึ้นมาได้บ้าง

กลายเป็นว่า พอเห็นหน้าเจ้าหวานปุ๊บ เตี่ยก็พูดขึ้นมาสั้นๆ ว่า ‘ตี๋... ลื้อไปขับซิ’ พร้อมเปิดประตูข้างคนขับเข้าไปนั่งกันที่เสียอย่างนั้น คนตัวสูงเลยได้แต่ทำหน้างงๆ มองผมตาละห้อยแล้วย้ายตัวเองไปนั่งอยู่ที่เบาะหลังอย่างช่วยไม่ได้

เอ้า นี่คือหวงลูกชายถูกไหม

ไม่นานนักพวกเราก็มาถึงโรงแรมที่จัดงาน ขอบคุณการจราจรในกรุงเทพมหานครที่ไม่โหดร้ายกับผมมากไปกว่าการติดไฟแดงเล็กๆ น้อยๆ ส่วนบรรยากาศในรถ เอ่อ… ก็เหมือนจะโอเคล่ะมั้งครับ ม้าผมก็นั่งถามโน่นคุยนี่ไปเรื่อย ส่วนเตี่ย ถึงจะปล่อยรังสีมาคุออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกมาจริงๆ 

พ่อใครวะ ทำไมดุจัง



ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ถูกตกแต่งด้วยคู่สีหลักคือเทาและชมพู ถึงจะไม่ใช่สีธีมยอดนิยมอย่างชมพูโรสโกลด์ หรือฟ้าอ่อนใสระยิบระยับแบบที่นิยมกัน แต่อินทีเรียก็สร้างบรรยากาศก็ออกมาได้ลงตัว ดูเข้ากันดีกับดอกไม้สดสีหวานๆ ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งต้อนรับแขกตั้งแต่หน้าลิฟต์

หลังจากไปรายงานตัวและถ่ายรูปตามธรรมเนียมที่หน้างาน แทนที่จะได้เริ่มส่องไลน์บุฟเฟ่ต์ผมก็โดนอาแปะมอบหมายให้มายืนประจำซุ้มเฝ้ากล่องใส่ซอง แกบอกว่ามีหลายเคสที่จู่ๆ มีใครไม่รู้มายกกล่องไปเฉย ต้องแจ้งตำรวจกันวุ่นวาย ผมที่เป็นตี๋เล็กของตระกูลเลยต้องมานั่งยิ้มอยู่ท่ามกลางแก๊งค์เพื่อนเจ้าสาวแบบนี้แหละครับ

ได้ส่องสาวๆ สวยๆ แบบใกล้ชิดใช่ว่าจะไม่ชอบนะครับ แต่ตอนนี้แขกยังไม่มา กลายเป็นว่าทุกคนเลยได้โอกาสนั่งล้อมสัมภาษณ์ผมสนุกกันไปเลย
ชักไม่แน่ใจแล้วว่าตกลงใครส่องใครกันแน่

“น้องวินเรียนคณะอะไรคะเนี่ย เรียนบริหารเหมือนพี่โจหรือเปล่า” พี่สาวคนหนึ่งถามขึ้น

“เปล่าครับ ผมเรียนสถาปัตย์”

“ปีอะไรแล้วเรา” อีกคนถามขึ้นบ้าง

ผมหัวเราะนิดๆ “จบมาจะสองปีแล้วครับ”

แก๊งค์เพื่อนเจ้าสาวทำตาโต “ว้ายย ไม่จริง ทำไมหน้าเด็กจัง”
“ไหนพวกสถาปัตย์ไม่ค่อยได้นอน”
“ชั้นว่าชั้นควรไปฉีดโบท๊อกซ์ วัยสามสิบมันทำร้ายชั้นมากเกินไป” 
“ชั้นบอกแล้วแก ครีมที่ทาอยู่ช่วยได้แค่เรื่องจิตใจเท่านั้นแหละ”

ผมหัวเราะแหะๆ พวกพี่เขาก็พูดเกินไปหน่อยนะครับ สวยเช้งกันทุกคนขนาดนี้ จะต้องไปพึ่งโบท๊อกซ์เลยเหรอ

“แล้วน้องหวานล่ะคะ เรียนคณะอะไร”
เอ้ย…ลืมว่ามีตัวแถมตามมาด้วยอีกคน

“เรียนถาปัตย์เหมือนกันครับ แต่เพิ่งอยู่ปีหนึ่ง” อีกคนตอบยิ้มๆ

“ว้ายยยยยย กรุบสุดดดด”
“มีคนจ่ายค่าเทอมให้ละยังจ้ะ เจ้พร้อมนะ”
“นี่ฝันมาตลอดนะ ว่าอยากได้แฟนเด็ก” 
“ชอบคนแก่กว่ามั้ยจ้ะน้องหวานนน”

ก็… ยอมรับว่าคำถามทำเอาสะดุ้งอยู่หน่อยๆ

ว่าแต่...
คนเขาจะก้มหน้าก้มตาติดกระดุมแขนเสื้อน่ะ จะเอาศอกมาสะกิดทำไมเล่า! จะตอบอะไรก็ตอบไปสิ!

อ้าว… กระดุมติดครบแล้วเหรอ
โทษๆ

“พอเลย พวกแกนี่ น้องกลัวหมดแล้ว” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น “เอ.. ว่าแต่ น้องหวานนี่ก็น้องพี่โจเหรอคะ”

“เปล่าครับ” คนนั่งข้างกันยิ้มตาหยี “มาเป็นเพื่อนคุณคนนี้” ว่าแล้วก็ชี้มาที่ผม

ผมตาโต เห้ย จะมาโยนอะไรกันแบบนี้เล่า!
ทำเอาต้องนึกคำถามนอกเรื่องเร็วๆ “พวกพี่เป็นเพื่อนมหาลัยของพี่ลูกแพรเหรอครับ” รอจนกลุ่มพี่สาวพยักหน้ารับแล้วก็รีบพูด “สาวอักษรนี่สวยทุกคนจริงๆ ด้วย” พร้อมแถมยิ้มให้อีกหนึ่งที เรียกเสียงวี้ดว้ายจนคนข้างตัวหันขวับมามองหน้าอึ้งๆ

“ปากหวานนนน”
“น้องวินนนนน ทำไมแพรวพราวว”
“ใจพี่บางงงง”

สาวๆ ยืนม้วนไปมาได้สักพักแขกก็เริ่มทยอยเข้ามาในงาน วงสัมภาษณ์เฉพาะกิจเลยต้องกระจายตัวไปทำหน้าที่ สบายครับ รับซอง หยอดใส่กล่อง ไหว้ขอบคุณ ส่งต่อแขกให้กลุ่มพี่ๆ พาไปถ่ายรูปกับบ่าวสาว อย่างมากก็สแตมป์บัตรจอดรถแถมให้ด้วย

นานๆ ทีก็ยืนฉีกยิ้มให้ตากล้องประจำงานที่มาเก็บบรรยากาศ หรือกับพวกพี่สาวมาขอถ่ายรูปบ้าง คุยเล่นบ้างเวลาคนซาๆ แซวกันเล่นคิกคักไปมา จนผมเหลือบไปเห็นคนข้างตัวแล้วก็ต้องพูดขึ้นเบาๆ “เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วน่า ตลก”

“ก็อึ้ง ไม่เคยเห็นคุณหยอดสาว… ร้ายเหมือนกันนะครับเนี่ย”

“นิดหน่อย” ผมยักไหล่ใส่

อีกคนย่นจมูก “ป๊อบจังเลยนะครับวันนี้”

“ห้ะ”

“ปกติก็คิดว่าตัวเองคงมีความต้านทานคุณต่ำ แต่วันนี้เพิ่งได้รู้ว่าจริงๆ คุณน่ะพลังทำลายล้างสูงกว่าที่คิด” หวานมองหน้าผมแล้วกระพริบตาปริบๆ

“ยังไงนะ” ผมเลิกคิ้ว “นี่อิจฉาเหรอ”

“อือ...อิจฉา” หวานพูดหน้าตาย

“เห้ย จะมาอิจฉาอะไร”

ร่างสูงหลุดขำ “ที่อิจฉาน่ะ พวกพี่สาวต่างหาก… ผมก็อยากโดนคุณหยอดใส่บ้างเหมือนกันนี่”
ห้ะ เหตุผลอะไรเนี่ย… ผมเบ้หน้า จนหวานต้องพูดย้ำ “จริงๆ นะครับ”

“บ้าบอ” ผมบ่นอุบอิบก่อนจะมองเห็นใครบางคนที่เดินเข้ามาใหม่
“อ้าว สวัสดีครับอาเจ็ก” ผมทักทาย “ซิ่มกับเฮียอยู่ข้างในแน่ะครับ”

“สวัสดีๆ ติดประชุมเลยให้บ้านนั้นพามาก่อนน่ะ” อาโซ้ยเจ็กรับไหว้
“แหม วันนี้หล่อเชียวนะตี๋เล็ก”

“เอ้า งานเฮียโจ ผมต้องจัดเต็มสิครับ”

อีกฝ่ายหัวเราะแล้วยื่นซองให้ใส่กล่อง “แล้วโดนให้มายืนโชว์ตัวตรงนี้เรอะ” 

ผมแกล้งทำหน้าบู้บี้ “ก็เป็นตี๋เล็กอ่ะ ก็โดนใช้งานอ้ะ”   

“ฮ่าๆๆ เกิดช้าก็แบบนี้ นี่เจ้าโจแต่งงาน ถัดไปคราวหน้าก็คิวเราแล้วสิ”

“อีกนานครับ” ผมยิ้ม คำถามแบบนี้คงหนีไม่พ้นจริงๆ ท่าทางว่าวันนี้ต้องได้ยินอีกหลายรอบ

“เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้” อาเจ็กแซว

“ไม่เอาล่ะ ไปช่วยเลี้ยงหลานพวกเฮียพวกเจ้ก็เหนื่อยละครับ วันนี้วิ่งกันทั่วงานเลย”

พูดถึงเรื่องเด็กจิ๋วๆ ปุ๊บ อาเจ็กก็ทำตาเป็นประกายแล้วขอปลีกตัวเข้าไปในงานทันที แหงสิครับ แก๊งค์ฟันน้ำนมสองสามขวบมันต้องน่ารักน่าชังกว่าอยู่แล้ว พวกรุ่นลูกอายุเกินยี่สิบแบบผมจะเอาอะไรไปสู้ได้ ยืนยิ้มเฝ้ากล่องใส่ซองอยู่หน้างานนี่แหละ

ทำหน้าที่ต่อไปได้อีกราวๆ สามสิบนาทีก็มีคนออกมาตามให้เข้าไปด้านใน หลังจากเดินทักทายญาติตัวเองจนเกือบครบก็ได้เวลากินสักที หิวจนตาลายไปหมดแล้ว ใจจริงก็อยากจะหยิบแก้วโค้กเย็นๆ มาดื่มให้ชื่นใจ แต่โดนคนข้างตัวตีมือเอาเพราะเห็นผมกินไปแล้วกระป๋องหนึ่งระหว่างขับรถ

“วันนี้หมดโควต้า ไม่ให้กินแล้วครับ”

“แต่วันนี้ผมตื่นเช้ามากเลยนะ”

“ไม่ให้กินครับ เดี๋ยวปวดท้อง”

กำลังจะอ้าปากเถียง ก็รู้สึกว่ามีก้อนอะไรนิ่มๆ มาแปะอยู่ที่เข่า
“น้าวินน” ก้อนที่ว่าส่งเสียงแจ๋วๆ “แป้งหอมคิดถึงน้าวินนน”

ก้มลงไปก็เจอกับหลานตัวเองในชุดสีชมพูฟูฟ่องส่งยิ้มหวานมาให้ “ว่าไงคะแป้งหอม”
ผมย่อตัวลงไปรับอ้อมกอดที่เด็กน้อยโถมตัวเข้ามาหา ปากก็เรียก น้าวินขาๆ ไม่หยุด

“ให้น้าวินอุ้มมั้ยคะแป้งหอม” ผมมองเด็กแก้มกลมพยักหน้า ก่อนจะยกตัวหลานสาวคนโตขึ้นมาอุ้มไว้กับตัว มองเลยไปนิดก็เห็นเจ้แจนโบกมือให้ เป็นนัยว่า ฝากลูกด้วยนะ ผมเลยทำปากมุบมิบว่าโอเคตอบกลับไป ก่อนจะหันมาถามคนในอ้อมแขน “ไหน คิดถึงน้าวินมากมั้ยคะ” 

หลานหัวเราะคิกคักแล้วกอดผมหมับ “นี่ นี่ น้าวินขา วันก่อนคุณแม่พาแป้งหอมไปบ้านน้าวิน ได้ไปดูปลาคาร์ฟคุณปู่ด้วยค่ะ แต่ว่า แต่ว่า” ตัวเล็กตั้งหน้าตั้งตาเล่าเจื้อยแจ้ว “แต่ว่าน้าวินไม่อยู่” 

“โอ๋ น้าวินติดงานค่ะ” ผมรีบพูด “แล้วแป้งหอมชอบดูปลามั้ยคะ” เด็กน้อยพยักหน้า “งั้นวันหลังน้าวินไปรับแป้งหอมมาเล่นที่บ้านน้าวินดีมั้ยคะ”

“จริงนะคะ”

“น้าวินสัญญาเลย”

“น้าวินใจดีที่สุดเล้ยย” แป้งหอมโผเข้ามาหอมแก้มผมดังฟอด
โอ๋ย เจอหลานอ้อนแบบนี้ใครจะไปใจร้ายลงจริงมั้ยครับ
กำลังยิ้มอยู่ดีๆ ตาก็ไปเจอเข้ากับสายตาแปลกๆ ของเจ้าหวานที่มองมา จนต้องหลบตาแล้วตวัดเสียงถามออกไป “มองอะไร”

“แพ้ทางเด็กนะครับคุณเนี่ย” ร่างสูงยิ้มกริ่ม
 
ผมพยายามไม่สนใจสายตาวิบวับ “ก็หลานน่ารัก เนอะคะแป้งหอม”

เด็กอนุบาลสองในอ้อมแขนกระพริบตาปริบๆ ใส่คนข้างตัวแล้วหันมามองหน้าผมเหมือนจะถามว่าน้าวินขา ตาคนนี้ใครอะคะ เลยต้องรีบบอกให้หลานหายสงสัย “คนนี้เพื่อนน้าวินเองครับ เอ้า แนะนำตัวซิ”

ร่างสูงส่งยิ้มให้ “สวัสดีครับน้องแป้งหอม พี่ชื่อพี่หว… อ้าว…”
ที่ต้องร้องขึ้นมาแบบนั้นเพราะเด็กหญิงไม่ยอมฟังต่อ ตั้งหน้าตั้งตามุดแก้มแดงๆ ลงกับไหล่ผมซะอย่างนั้น หวานชี้ตัวเองแล้วทำหน้าเหวอ ไม่เข้าใจว่าทำผิดอะไร

ผมเลยได้ทีตีไหล่อีกคนเบาๆ “ทำหลานผมเขินหมดแล้วคุณนี่ ทำไมเสน่ห์แรงแบบนี้นะ”

“หา”

ผมแอบขำ ไอ้เจ้านี่นิ่ ยังจะมาทำหน้างง “เอาแป้งหอมไปส่งคุณแม่ดีกว่าเนอะ”
ผมเดินอุ้มเจ้าหลานตัวเล็กไปส่งคืนเจ้แจน ระหว่างทางไปกลับก็มีญาติเดินเข้ามาทักบ้าง คุณนายแม่เรียกเข้าไปคุยบ้างประปราย ที่ออกจะแปลกไปนิดก็คือผมมีใครบางคนเดินตามไปด้วยตลอด

แต่ก็ไม่มีใครถามออกมาหรอกนะครับ ซึ่งนั่นก็อาจจะดีแล้วละมั้ง

ไม่นานนักพิธีกรก็เริ่มดำเนินรายการ พูดเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเวที ผมเลยได้โอกาสมายืนฟังเขาสัมภาษณ์กันอยู่ที่ผนังห้องด้านหนึ่ง แค่สองสามคำถามแรกก็เรียกเสียงฮือฮาได้เยอะแล้ว ก็ความรักสองคนนี่ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะครับ เจอกันตั้งแต่ม.ต้น เฝ้าตามจีบกันหน้าโรงเรียน เป็นแฟนกันตอนม.ปลาย ยาวมาจนถึงวันนี้

วันที่เฮียโจอายุสามสิบและยังจับมืออยู่กับผู้หญิงคนเดิม...แต่เป็นในชุดบ่าวสาว
ตรงตามภาพฝันที่เฮียเคยวาดฝันไว้ทุกอย่าง
และ… ตรงตามที่คนรอบข้างคิดไว้ทุกอย่างด้วย

คิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
ก็เรื่องของผมในตอนนี้มันดูห่างไกลกับภาพตรงหน้าเสียเหลือเกิน

ผมเป็นผู้ชาย อีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย การจะมีอนาคตที่สวยงามคงเป็นไปได้ยากอยู่แล้ว ตอนนี้แค่ให้คนภายในครอบครัวให้การยอมรับก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำไป ไหนจะสังคมภายนอกที่อาจจะมีแรงกดดันมากกว่านี้อีกหลายเท่า

ผมเอาอะไรมามั่นใจว่าเราสองคนจะผ่านมันไปด้วยกันได้

เคยได้ยินไหมครับ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน
ช่องว่างห้าปีอาจจะดูไม่มาก แต่มันก็ไม่น้อย ยังมีหลายช่วงของชีวิตที่คนข้างตัวยังไม่ได้พบ ยังไม่ได้เรียนรู้ หวานตอนนี้เพิ่งเจอสังคมใหม่ๆ แทบยังไม่ถือว่าเริ่มใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยเต็มที่เลยด้วยซ้ำ ระหว่างนี้เขาจะโตขึ้น มีมุมมองที่กว้างขึ้น แล้วเมื่อเรียนจบ เขาก็จะพบสังคมใหม่ในที่ทำงานอีก ผมไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาในอนาคตจากนี้ ความรู้สึกที่เขามีจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า

ตอนนี้อาจจะคิดอย่างหนึ่ง แต่เมื่อวันหนึ่งที่เจ้าตัวรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป… วันหนึ่งที่เขาเหนื่อยที่จะเข้าใจผมหรือเหนื่อยที่จะเดินเคียงข้างผมแล้ว...

ถ้าหากวันหนึ่งสิ่งที่ผมกลัวมันเกิดขึ้นจริง…
เมื่อถึงวันนั้น ผมจะรับมือมันได้ไหวหรือเปล่านะ

ผมปล่อยตัวเองจมลงไปในความคิดพร้อมๆ กับแสงไฟในห้องที่มืดลง ทอดสายตามองไปยังเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังยืนโอบไหล่กันดูภาพถ่ายบนจอขนาดใหญ่ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

คงจะดี ถ้าหากเรา… เป็นเหมือน…

ผมสะดุ้งน้อยๆ แล้วหันกลับไปมองคนข้างตัวเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่อีกคนมากุมมือสอดประสานนิ้วเอาไว้ สายตาเป็นประกายยังคงจับจ้องอยู่ที่ด้านหน้า

“นี่…” หวานพูดขึ้นเบาๆ “ผมอาจจะให้อนาคตแบบนี้กับคุณไม่ได้หรอกนะครับ”
“พรุ่งนี้มันอาจจะไม่มีอะไรแน่นอนเลย”
“เราอาจจะเจออุปสรรค เหนื่อยจนแทบจะถอดใจยอมแพ้”

“คุณ…” ผมสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรออกมา
“คุณกำลังจะ…”

หวานหันหน้ามาสบตาผม มือที่กุมอยู่บีบแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“แต่ผมขอแค่อย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ” ร่างสูงพูดหนักแน่น
“จากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้มั่นใจในความรักของผม เชื่อว่าผมพร้อมจะรักคุณต่อไปในทุกๆ วัน”

“ผมรักวินนะครับ”

รู้สึกถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นตุบตับกับหน้าที่ร้อนจนแทบระเบิดจากคำพูดเพียงสั้นๆ ที่ได้ยิน 
ใช่… เพราะมันไม่มีอะไรแน่นอน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเรา แค่พวกเราเท่านั้น
ไม่มีทฤษฎี ไม่มีข้อกำหนด มีแต่การตัดสินใจของเราสองคน ที่ตกลงใจจะเดินไปด้วยกัน

ผมคลี่ยิ้มให้กับคนตรงหน้า
กับความรัก ผมจะไม่วิเคราะห์อะไรแล้ว ผมขอเสี่ยงเลยแล้วกัน

“อือ… รักเหมือนกัน”

_ _ _ _

TBC

กรี้สสสส
กลับมาแล้วค่าาา มีใครยังรอเจ้าเด็กสองคนนี้อยู่บ้างไหมคะเนี่ย หมวยดีงานถาโถมมากจริงๆ นี่รีบเข็นจนจบแล้วรีบมาเลยค่ะ ไม่อยากดองข้ามเดือนจนผิดประเพณีนิยายรายเดือน 5555

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกคลิกที่เข้ามาอ่านกัน คนเขียนและคุมเจ้เบต้าดีใจมากๆ คอมเมนต์จากทุกทาง เป็นกำลังใจให้เรา ฮีลลิ่งเราได้จริงๆ หวังว่าจะชอบตอนนี้กันนะคะ คนพี่เขายอมพูดออกมาแล้วล่ะเอ้อออ เจ้าหวานดีใจตายไปรึยัง ฝากคุมแม่ๆ ดูแลด้วยนะคะ

เม้ากันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก หรือที่ทวิตคนเขียน @huentrop เหมือนเดิมค่ะ 
ปล. แอบบอกว่า ตอนหน้าเราจะบ๊ายบายกันแล้วนะคะ :)

รักส์
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 30-08-2018 21:19:36
รอนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 30-08-2018 21:38:32
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-08-2018 21:44:45
ฮื่อออ เขินจะตายเวลาเขาเรียกคุณๆผมๆ อยู่กันมานานจนไม่อยากให้จบเลยขออ่านต่อทุกเดือนได้ไหมคะ รักกกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 30-08-2018 23:32:57
อิจฉากระทั่งกับจิ๋วนะคนเรา
ว่าแต่คนพี่พูดมาแบบนี้ ฟินได้แล้วสินะน้องหวานนนน
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 30-08-2018 23:36:08
ชอบนุหว่นจังเลยยยย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 31-08-2018 00:35:38
บอกรักกันในงานแต่งงานคนอื่น หวานสุดๆ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-08-2018 09:55:12
 :L2: :pig4:

หวานต้องดีใจ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 31-08-2018 13:41:07
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13 o18 :man1: :z2: :m4: :จุ๊บๆ: :oni1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-08-2018 16:48:46
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 02-09-2018 16:26:12
น่ารักมากมาย เหมือนหวานจะรู้ว่าวินคิดอะไรอยู่นะเลยบอกความรู้สึกออกมา :o8: :-[
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-09-2018 16:49:54
น้องหวาน ทำใจพี่บางไปหมดแล้ว อิจฉาวินมากอ้ะบอกเลย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 26-09-2018 19:00:53
ฮื่อออออออ น่าร๊ากกกกกกกก  :hao7: :hao7:
ชอบจังเลย เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วไม่น่าเบื่อเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 31 P.14 ✽update 30.8.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 27-09-2018 09:49:49
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 02-11-2018 22:59:02
ความเสี่ยงที่ 32

22.39 น.

                    ผ่านไปแป๊บเดียว ผมก็กลับมานั่งอยู่ในวงเหล้ากับพวกแม่งเพื่ออัพเดทชีวิตอีกแล้วล่ะครับ วันนี้ได้กลับมาแวะเวียนร้านคุ้นเคยสมัยสมัยเรียน จบโปรเจ็คทีไรต้องมาทิ้งตัวที่นี่ทุกที เละเทะกันมาแล้วทุกซอกทุกมุม กับพี่เจ้าของร้านนี่เรียกได้ว่าเห็นกันตั้งแต่หัดกินเหล้าจนจะเป็นตับแข็งอยู่ร่มร่อ มาคราวนี้แกเห็นว่าสมาชิกเยอะ ท่าทางจะเสียงดัง เลยใจดีอนุญาตให้พวกผมยึดเอาลานเล็กๆ ด้านข้างของร้านเป็นสนามเมาโดยเฉพาะ ซึ่งพวกผมก็ไม่ได้ทำให้แกผิดหวังเลยครับ

                    นี่แค่นั่งฟังยังหูแทบอื้อ

                    จะว่าไป สองเดือนที่ผ่านมาสำหรับผมก็ไม่มีอะไรมาก มีแต่งาน งาน งาน กับโค้กกระป๋องจำนวนนับไม่ถ้วน นี่เพิ่งจะส่งผลวิเคราะห์ที่ดินไปสองโครงการหรอกนะ ถึงออกมาดื่มได้แบบนี้น่ะ

                    ผมยกเบียร์ในมือขึ้นจิบ หันหน้าไปมองพีทที่กำลังตอบคำถามของบอยต่อ

                    “ก็ดีนะ ช่วงนี้เพิ่งปิดไปโปรเจ็คนึง” พีทว่า “กูก็เลยได้ย้ายมาดูของ AA เต็มตัวว่ะ”

                    “โอ้โห ถือโปรเจ็คเดียวเหรอ กูนี่ล่อไปสาม โทรศัพท์เข้าแม่งทั้งวี่ทั้งวัน ดูนี่... ดู” เฟิร์สที่นั่งตรงข้ามผมชูโทรศัพท์ขึ้นแล้วถอนหายใจพรืด

                    อื้อหือ… แค่ผมมองไปก็หงุดหงิดแล้วครับ การแจ้งเตือนขึ้นเป็นร้อยเลยมั้งนั่นน่ะ ทนหน้าจอรกๆ แบบนี้ได้ยังไงกันวะ อีเมล์ก็จะเป็นพันแล้ว ไหนจะไลน์อีก โอ๊ย! ไม่ไหว

                    “สเกลงานมันใหญ่เหอะ ดีเทลเยอะ นี่กูไม่ได้ถือคนเดียวนะ ยังมีทีมอีกเยอะเลย” พีทเว้นช่วง “นี่ไอ้ตี๋แม่งก็ยังต้องช่วยเรื่องเอกสารกับประสานงานอยู่เลย”

                    ผมพยักหน้าหงึกหงักรับคำพูดเพื่อน โครงการนี้กำลังเข้าช่วงสุดท้ายของการคัดเลือกกับประมูลผู้รับเหมาก่อสร้าง อีกไม่นานก็คงได้เริ่มลงมือทำฐานรากกัน ผมก็มีหน้าที่ประสานงาน ดูเอกสารงบประมาณ และยังต้องเข้าประชุมบ้างนิดหน่อยไม่ให้หลุดวงโคจร

                    ก็… ยังต้องเจอเจ้าของโครงการอยู่บ้าง... ถึงช่วงหลังๆ คุณตะวันจะไม่ค่อยได้มาเข้าประชุม แต่เวลาเจอหน้าก็ทักทายกันตามปกติ นอกจากจะทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วอีกคนยังดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นด้วยซ้ำ เป็นผมเองเสียอีกที่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงตอนเจอกันหลังจากวันนั้น

                    ก็เล่นพูดไปชัดเจนขนาดนั้นนี่นะ... 

                    “เชี่ย” เฟิร์สอุทาน “โปรเจ็คนี้มาสเตอร์พีซจริง ต้องต่อคิวขอสัมภาษณ์ตั้งแต่ตอนนี้เลยมั้ง ดูใช้ทีมแต่ละคน”

                    “ช่าย ส่วนนี่ลูกน้องกูเอง” พีทหัวเราะแล้วชี้ไปหาคนข้างตัว

                    “เออออ...” อาร์ตลากเสียงยาว ปัดมือของคนตัวสูงที่กำลังยิ้มล้อเลียนออกแรงๆ “เป็นเบ๊ให้แม่งด้วย ไหนจะงาน AA ด้วย งานในด้วย ไอ้เหี้ย เหมือนตัวจะแตก เหนื่อยชิบหาย”

                    “กูล่ะอยากลางานสักเดือนนึง” อาร์ตพูดเพ้อๆ “ลาก่อยแม่งเลยละกัน”

                    “เอ้า ไหนมึงจะเก็บตังซื้อรถไง” บอยพูดขึ้นจากปลายโต๊ะ “ท้อแล้วเหรอจ๊ะ”

                    “ก็กูเหนื่อยอ้ะ ไม่ได้หยุดเลยนะเฮ้ย ไหนจะเข้าไซต์ออดิท ไหนจะทำแบบอินทีเรียของ AA ช่วยงานไอ้พีทอีกเนี่ย”
   
                    “บ่นแบบนี้ ตกลงคือไม่เอาละเงิน จะเปลี่ยนจากขับรถยนต์เป็นปั่นจักรยานว่างั้น” ผมแซวบ้าง “บีเอ็มเอ็กซ์งี้”

                    อาร์ตหันมาค้อนขวับ “เอาไปปั่นบนหน้ามึงเลยเชี่ยตี๋”   

                    มองหน้ามันแล้วผมกับคนอื่นก็หัวเราะกันคิกคัก

                    “โอ๋ อย่างอนนนน” ผมแกล้งยื่นมือจะไปบีบแก้ม แต่ก็โดนมันตีมือออกมาซะก่อน เลยเปลี่ยนไปโบกๆ แกล้งกวนประสาทมันแทน เห็นไอ้อาร์ตทำหน้าง้ำหน้างอแล้วยิ่งขำเข้าไปใหญ่

                    “เออ มึงล่ะเป็นยังไง พ่อนักวิเคราะห์ แม่งยุ่งชิบหาย ยุ่งไม่เคยว่างเลยเนี่ย นี่ยังจำชื่อกูได้ใช่มั้ย” เฟิร์สหันมาถามผมบ้าง

                    “ชื่อพ่อมึงกูก็จำได้ครับ” ผมรีบตอบ “สมยศ”

                    “ไอ้สัดตี๋ เดี๋ยวเหอะ” มันรีบแทรก

                    “เอ้า กูก็มาแล้วนี่ไง” ผมหัวเราะ “งานเยอะเหมือนเดิม ตอนนี้ถืออยู่สองโครงการ เดือนนี้มีเข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ Feasibility study อีกสาม น่าจะผ่านไปทำดีไซน์คอนเซปต์ต่อได้เลยหนึ่ง อีกสองต้องรอดูก่อนว่าเสนอแล้วทางแบงค์ว่ายังไง” ผมนับนิ้ว “ถ้าเข้ามาหมดจริงก็คงชิบหายหน่อยๆ”

                    “ทำไมกูฟังแล้วดูไม่หน่อยเลยวะ” เทพเกาหัว

                    “เออ ไม่เห็นหน่อยเลย” ปั่นว่าขึ้นบ้างขณะยังพิมพ์มือถือรัวๆ

                    น้ำที่นั่งอยู่ข้างผมขมวดคิ้ว “มึงที่ยังนั่งตอบงานจนตอนนี้ พูดได้เหรอวะปั่น”

                    “เออเนี่ย งานเข้าว่ะ ลูกค้าจู่ๆ ก็อยากจะเพิ่มรูปอีกหกมุม ซึ่งกูทำไม่ได้แน่ๆ ไม่งั้นปลายเดือนนี้ตารางจะชนกันเต็มๆ เลยต้องรีบตอบตอนนี้ เดี๋ยวบรีฟมาแล้วปฏิเสธไม่ออก”

                    “โอ๊ย เบื่อคนงานเยอะ เงินเยอะนิ” กล้าใต้พูดแซว “แล้วมึงไม่เพิ่มอะไรบ้างหรอ เพิ่มคน เพิ่มคอมงี้”

                    “เพิ่มคนนี่ยาก กูไม่มีเวลามานั่งสอนงาน อย่างน้อยต้องเรนเดอร์ V-ray คำนวนแสงเป็น” ปั่นว่า “ส่วนคอม นี่กูเพิ่งถอย i7 มาใหม่อีกเครื่อง”

                    อาร์ตปรบมือแปะๆ “โอ้โห ไม่รวยทำไม่ได้นะครับเนี่ย”

                    “บัตรกายสิทธิ์น่ะรู้จักมั้ย ศูนย์เปอร์เซนต์สิบแปดเดือน” ปั่นยักไหล่ “เวลคั่มทูโลกของคนเป็นหนี้”

                    “เศร้าสัด” น้ำพูดขึ้นนิ่งๆ

                    “นี่ขนาดได้ i7 มึงยังทำไม่ทัน” บอยขมวดคิ้ว “ทำไมจู่ๆ งานเยอะจังวะ ไหนเดือนที่แล้วมึงยังนอนเกาไข่อยู่เลยไง”

                    ปั่นถอนหายใจ “ก็งานแม่งเพิ่งเข้าาา เนี่ย ชีวิตฟรีแลนซ์”

                    “ปิดไตรมาสล่ะมั้ง เลยขยันเปิดขายกัน บูสอัพยอดขายงี้” พีทให้ข้อสังเกต “จริงๆ ต้องถามพวกฟ้าที่อยู่ห้องแบบพวกเดเวลอปเปอร์นะ น่าจะรู้เยอะกว่า”

                    “ถึงรู้กูก็ทำอะไรไม่ด้ายยย จะไปบอกปัดบ่อยๆ ก็ไม่ได้ เดี๋ยวงานหน้าอดแดก” ปั่นคว่ำมือถือลงกับโต๊ะแล้วร้องเพลงโอดครวญ “แล้วชั้นเลือกอะไรได้มั้ยยย...” ทำเอาทุกคนหัวเราะเสียงดังลั่น
   
                    “เก่าสัด” เทพส่ายหน้าพรืด “เห็นพวกมึงเป็นงี้ กูอยู่โรงเลื่อยพ่อต่อดีกว่า” 

                    “ขอฝากเนื้อฝากตัวหน่อยครับเสี่ย” อาร์ตแกล้งยกมือไหว้ “กระผมจะพาคนจากกรมป่าไม้ไปเยี่ยมบ่อยๆ นะครับ” แหย่ซะไอ้เทพทำตาเขียวใส่ เรียกเสียงฮาได้ทั้งโต๊ะ

                    กรมป่าไม้กับโรงเลื่อย ไม่ควักปืนออกมายิงกันก็ดีแค่ไหนแล้ว

                    “เออ พูดถึงทำงานต่อ นี่กูว่าจะย้ายสาย ไม่เอาละดีไซน์ ไปสายคอนเซาท์เหมือนมึงน่าจะดีกว่าตี๋” เฟิร์สบ่นบ้าง “สายนี้ดูไม่มีอนาคตเลย บริษัทมึงรับคนมั้ย”

                    “อย่าาาาา หนีไปปปปป” ผมแกล้งพูดเสียงยานคาง

                    “นี่มึงยังไม่เห็นใต้ตาไอ้ตี๋มันเหรอ” น้ำจับคางผมให้หันไปทางเฟิร์ส “ดูดิ เหมือนรังนกนางแอ่น” มันพูดจบ พีทกับบอยก็หัวเราะก๊ากขึ้นมาพร้อมกัน
ไอ้พวกนี่แม่ง ไอ้คนหน้าตาดี พวกมึงไม่เข้าใจกูหรอก

                    “ไอ้น้ำ ไอ้เชี่ย” ผมถองศอกเข้าไปแรงๆ จนมันร้องโอ๊ย ”แต่ถ้ามึงอยากย้ายสายจริง ลองมาสมัครดูก็ได้ จะได้ลองเปลี่ยนงานบ้าง มึงอาจจะชอบมากกว่าทำดีไซน์ตรงๆ”

                    “เดี๋ยวกูส่ง CV ไปเลย” มันว่า “กูต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคร้าบ คุณมาวินทร์”

                    “สัด ไอ้ตี๋มันไม่ใช่เจ้าของบริษัทมั้ย” อาร์ตว่า

น้ำถอนหายใจ “ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ละ บ้างานอย่างมันตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดคือซีอีโอ วันก่อนมันบอกว่าออกจากออฟฟิศตอนห้าทุ่ม”

                    เอ้า ก็งานกูไม่เสร็จ ...ผมเถียงในใจ

                    “ในโลกของดีไซน์เฟิร์มนั่นเร็วละนะ” เอ็มจากท้ายโต๊ะหันหน้ามาบอกบ้าง “นี่กูกำลังบ่นกับไอ้นัทอยู่เลยว่าวันก่อนได้ออกจากออฟฟิศตอนหกโมงเช้า ทันใส่บาตรให้ตัวเองพอดีเลยพวกมึง”

                    “เหยดดด...” ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกัน

                    “เป็นกูออกตั้งแต่สองเดือนแรกแล้ว” เทพบอก “พวกมึงก็ทนกันได้เนอะ”

                    “ก็นานๆ ที” นัทอุบอิบ “อาทิตย์ละครั้งสองครั้งงี้”

                    ชิบหายสิ… นั่นนานเหรอครับ รู้สึกโชคดี รักงานตัวเองขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

                    “จะว่าไป นี่ก็ทำงานมากันจะสองปีแล้ว เร็วเนอะ” เฟิร์สพูด

                    “อีกแป๊บเดียวก็เปิดเทอม ต้องกลับไปว้ากใหม่ป่ะวะ” น้ำถามขึ้น

                    “ปล่อยเด็กมันบ้างเถอะ ไปเดินหล่อๆ ก็พอแล้วมั้ยพวกมึงน่ะ” เฟิร์สเบ้หน้า “จะว่าไป ธีสิสแม่งไปถึงไหนกันแล้ววะ ต้องหาเวลาเข้าไปดูละ กูนี่ทำแต่งาน ไม่ได้ตามน้องกูเลย”

                    ผมสะดุ้งโหยง... จริงด้วย ลืมไปเลย
                    ไอ้หยองน้องรัก เป็นยังไงบ้างวะเนี่ย พักนี้ไม่ได้ถามไถ่
                    วันธรรมดาก็มัวแต่ยุ่งเรื่องงาน ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็มีเรื่องทางบ้านให้ต้องคิด

                    เปล่า…ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงหรอกครับ ก็แค่... นับตั้งแต่งานแต่งเฮียโจนั่น เตี่ยก็ออกอาการหวงลูกชายมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งมาหาแบบไม่บอกไม่กล่าว ทั้งมาลากไปกินข้าวเย็น แถมเรียกให้กลับบ้านทุกเสาร์อาทิตย์ ถ้าวันไหนไม่กลับ วันรุ่งขึ้นก็โผล่มาที่คอนโดตั้งแต่เช้าเหมือนจะมาจับผิดกันซะอย่างนั้น

                    อ่า… ก็มีผิดให้จับบ้างแหละ

                    ก็เล่นมาอยู่ที่ห้องผมบ่อยขนาดนั้นนี่…
                    ถ้าแจ็คพอตเจอกัน… เตี่ยก็ทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ทักไม่ทาย แทบจะเดินทะลุไปเลยเชียว แต่เขาก็พยายามในแบบของเขาล่ะนะ ด้วยลูกอ้อนและรอยยิ้มกว้างๆ แบบนั้น มีแต่อาม๊าแหละครับ ที่ดูจะถูกใจอยู่บ้าง หลังๆ ถึงเริ่มมีซื้อของมาฝาก ถามถึงบ้างนิดๆ หน่อยๆ

                    เก่งนัก… เรื่องทำคนอื่นใจอ่อน

                    เดี๋ยว…โยงไปถึงคนนั้นได้ยังไงวะเนี่ย
                    ผมกระพริบตาปริบๆ แล้วส่ายหัวไล่ความคิด

                    เรื่อยเปื่อยเลยกู กินเบียร์แล้วนั่งฟังเพื่อนต่อดีกว่า

                    “กระดกเอากระดกเอาเชียวนะ” น้ำทักขึ้นเบาๆ “นี่มึงกลับยังไง มารับใช่มั้ย”

                    “หา?” ยังไงนะ ผมขมวดคิ้วใส่

                    “มันจะมารับใช่มั้ย”

                    “อ่า… เปล่า” ผมมองแก้วตัวเอง “วันนี้กูขับรถมา”

                    “กินเยอะเดี๋ยวได้จบที่โรงพัก” มันหรี่ตามอง “ให้อีกสองแก้วพอ”

                    ผมย่นจมูก แม่งเอ้ย สั่งเป็นพ่อเชียว

                    “แล้วนี่มึงกลับยังไง” ผมถามกลับบ้าง

                    “กูขับรถมา”

                    “งั้นมึงก็พอด้วยเลย” ผมได้ที “ให้อีกสองแก้ว”

                    “ดีล” มันว่าพลางรีบยกแก้วตัวเองขึ้นชนกับแก้วที่ผมถืออยู่ในมือเป็นการตกลง

                    ผมแอบทำหน้าแปลกใจหน่อยๆ ทำไมวันนี้ยอมง่ายจัง
                    ไม่สนุกเลย ไอ้น้ำแม่ง

                    “เอ้อ นี่ พวกมึง กูมีเรื่องจะบอก” บอยพูดขึ้น “กูได้ offer ที่ Edinburgh แล้วนะ”
               
                    “เชรดดดด ฉลองดิรออะไร” เทพรีบชูแก้วขึ้น เรียกให้ทุกคนขยับเข้ามาชน “ยินดีด้วยโว้ยย มึงไปเรียนอะไรนะ”

                    “Advanced Sustainable Design การออกแบบเพื่อความยั่งยืนน่ะ”

                    “เหยดดดด”

                    “เท่ไปเลยมึง”

                    “งี้กูไปเที่ยวคือที่พักฟรีแล้วใช่ป่ะ”

                    “เอ้า ชนๆๆๆ”

                    ดีใจกับเพื่อนบอยด้วยจากใจจริง แต่สำหรับผม แค่ได้ยินคำว่าดีไซน์ก็ขนลุกแล้วครับ จะให้มานั่งออกแบบอีกนี่ยังทำใจไม่ได้ ธีสิสยังหลอกหลอนอยู่ในหัวเลย พอๆ ขอเสพผลงานคนอื่นต่อไปอีกสักพักก็แล้วกัน

                    ผมชนแก้วแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกๆ จนหมดไปสามในสี่

                    พีทวางแก้วลง ก่อนจะถาม
                    “เออ… แล้ววางแผนไว้รึยัง ว่าหลังจากนั้นมึงจะทำอะไรต่อ”

                    นั่นสินะ…
                    อนาคตเหรอ...

_ _ _ _


02.30 น.

                    แมวจิ๋ววิ่งตุบตับมาถึงตัวทันทีที่ผมเปิดประตูคอนโด เจ้าตัวแสบร้องเหมียวๆ แล้วเอาหัวถูกับขาผมสองสามทีเป็นการทักทาย พันแข้งพันขาจนพอใจก่อนจะทำตัวยืดตัวยาวแล้วสะบัดหางเดินตามผมต้อยๆ เข้าไปที่ครัว ผมคงต้องหาน้ำเปล่ากินสักขวดก่อนจะอาบน้ำนอน ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ต้องปวดหัวแน่ๆ

                    ในระหว่างผมค้นตู้เย็น ก็มีคนหน้างอเดินก้าวยาวๆ ออกมาจากห้องทำงาน

                    “กลับดึกครับ” มองสำรวจหน้าตาผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมทำจมูกฟุดฟิด “หน้าแบบนี้ กินเบียร์ไปเยอะแน่ๆ” 

                    “นี่ก็นอนดึก” ผมปิดตู้เย็นแล้วพูดเปลี่ยนเรื่อง “อ่านหนังสือถึงไหนแล้วเนี่ย”

                    “อ่า…” หวานยกมือเกาแก้ม ก้มหน้าลงไปมองพื้นแล้วตอบอ้อมแอ้ม “กำลังทำ study model เพิ่มอีกสองตัวน่ะครับ”

                    “คุณณณณ!!” ผมหันขวับไปโวยเสียงยานคาง “อ่านหนังสือออ นี่จะสอบข้อเขียนอยู่อาทิตย์นี้! ฮิสทรี่นี่วันจันทร์แล้วนะ ยังไม่เห็นจะอ่านเลย ไฟนอลโปรเจ็คดีไซน์อีกตั้งสองอาทิตย์ จะมาทำโมเดลอะไรตอนนี้เล่า”

                    “ก็มันคิดออกพอดีนี่ครับ” หวานแก้ตัวเสียงอ่อย “เลยลุกมาสเก็ตไว้ ไปๆ มาๆ มองไม่ค่อยเห็นภาพเลยลองตัดโมดูดีกว่า”

                    ผมคว้าขวดน้ำขึ้นดื่มแล้วถอนหายใจพรืด “เนี่ย ถ้าได้เกรดแย่ๆ มานี่ไม่ต้องมาบ่นเลยนะ ไม่รู้ว่าอะไรควรให้ความสำคัญก่อนหลังเนี่ย”

                    “ใครบอกล่ะ ก็ที่สำคัญอันดับหนึ่งของผมก็อยู่ตรงหน้านี่ไง” 

                    ผมสำลักน้ำ “ห้ะ!?”

                    “ก็คุณไง!” ตอบเสียเสียงดัง “เนี่ย ตัวแดง เมามาด้วย ต้องทิ้งงานมาดูแลเลยนะ” หวานพูดหน้าตายแล้วเดินเข้ามาใกล้ “ดื่มน้ำไปเลยครับ เยอะๆ เลย”

                    “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ไหนบอกจะอ่านหนังสือให้จบไง”

                    “ก็คุณไม่อยู่ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเนี่ย” 

                    “ไม่เกี่ยวกันเลย”

                    “ก็ว้าวุ่นอ่ะ ไม่มีสมาธิ” 

                    “เพ้อเจ้อ” ผมว่า
   
                    “เรื่องจริงเถอะ กลับก็ดึก เบียร์ก็กิน ไปเมาเรี่ยราดกับใครรึเปล่าก็ไม่รู้” 

                    “เอ๊ะ คุณนี่” ชักจะมีน้ำโห

                    “ก็เป็นห่วงอ่ะ” หวานพูดออกมาตรงๆ “จริงๆ แล้วอยากไปนั่งเฝ้าด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เอาดีกว่าอยากให้คุณมีเวลาเป็นของตัวเอง ไม่อยากเกาะติดเพราะรู้ว่าคุณดูแลตัวเองได้ แต่ก็เป็นห่วงงงงงงงน่ะ” คนตัวสูงลากเสียง เดินมาประชิดตัวแล้วยกมือขึ้นมาจับแก้มผมเอาไว้ทั้งสองฝั่ง

                    “ห่วงไม่เข้าเรื่อง” ผมอุบอิบ

                    “นี่… นอกจากขี้ห่วงน่ะ ผมขี้หวงด้วยนะ” ว่าแล้วก็ชะโงกหน้าเข้ามาจูบเร็วๆ ที่ริมฝีปากทีหนึ่ง
 
                    ผมย่นจมูก หรี่ตามองอย่างเอาเรื่อง “เนียนนะเราน่ะ”

                    หวานหัวเราะ “คนเมาไปอาบน้ำได้แล้วครับ”

                    ชิ… ทำมาเปลี่ยนเรื่องแล้วรุนหลังคนอื่นไล่ไปอาบน้ำนะเจ้าตัวแสบ นี่มันดึกแล้วหรอกนะเลยยอมให้

                    ผมมองหน้าคนตัวสูงแล้วชี้นิ้วใส่ “อย่าให้เห็นว่าออกมาแล้วยังนั่งตัดโมเดลอยู่นะ”

_ _ _ _


                    ก็นึกว่าจะยิ้มรับคำสั่งไปอย่างนั้นเอง แต่พอเปิดประตูมาก็เจอร่างสูงนอนห่มผ้าหันหลังให้อยู่บนเตียง ไฟห้องปิดเรียบร้อย สงสัยผมจะใช้เวลาอาบน้ำนานไปหน่อย แถมพักนี้เจ้าเด็กปีหนึ่งก็ใกล้จะไฟนอล นอนดึกติดกันมาเป็นอาทิตย์แล้วมั้ง

                    อ้อ ช่วงที่ผ่านมาคุณแม่ของเขาหาห้องให้ได้แล้วนะครับ ในคอนโดเดียวกับผมนี่แหละ แถมเป็นห้องแบบเดียวกันเป๊ะ ต่างกันที่ว่าอยู่คนละชั้น คนละมุมเท่านั้นเอง เห็นคุณแม่เขาว่าสะดวกดี ใกล้ที่เรียน ใกล้รถไฟฟ้า จะได้ไม่ต้องขับรถกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ

                    นี่คุณเขาไปไซโคอะไรแม่มาหรือเปล่าวะ…

                    ถึงจะมีจุดประสงค์เอาไว้ให้เป็นที่พัก แต่ตอนนี้ห้องที่ว่ากลายร่างเป็นห้องเก็บของไปเรียบร้อยแล้ว ก็เล่นมาขลุกตัวอยู่ห้องผมตลอด ที่เห็นจะกลับห้องตัวเองก็เวลามีเพื่อนมาทำงานกลุ่ม ซักผ้า หรือเวลาที่เตี่ยผมโผล่มาหาเท่านั้น

                    นี่คีย์การ์ดยังเก็บไว้ที่ห้องผมเลย คิดดู!
                    ปล่อยเช่าเลยมั้ยจะได้มี passive income แล้วเอาเงินไปทำอย่างอื่น

                    ผมสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มเงียบๆ

                    เอ… ป่านนี้ไอ้พวกเดอะแก๊งค์จะถึงบ้านกันหมดรึยัง ก่อนแยกกันตกลงว่ายังไงนะ… ไอ้พีทไปส่งอาร์ตกับปั่น ส่วนไอ้น้ำน่าจะไปส่งเทพกับนัท ส่วนบอยก็น่าจะต้องเก็บที่เหลือไปเหมือนเคย คงไม่มีใครเจอด่านใช่มั้ยวะ ลองเช็คดูเพื่อความแน่ใจหน่อยดีกว่า ผมคิดแล้วก็จะเอื้อมมือไปหาโทรศัพท์ข้างเตียง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร จู่ๆ คนข้างๆ ก็พลิกตัวพรึ่บ รวบผมเอาไว้ในอ้อมแขน

                    “เชี่ย!” ผมสะดุ้ง

                    “จะทำอะไรฮึ” หวานรัดเอวผมแน่นขึ้นอย่างจงใจ “ไหนห้ามผมตัดโมเดลต่อ แล้วนี่คุณจะทำงานเหรอ”

                    “บ้าเรอะ นี่มันกี่โมงกี่ยาม” ผมโวย “จะดูเฉยๆ ว่าพวกมันถึงบ้านกันหรือยัง”

                    “หลับกันไปหมดแล้วมั้งครับป่านนี้ พี่พีทโทรมารายงานตอนคุณอาบน้ำอยู่น่ะ” คนที่นอนซ้อนหลังอยู่ตอบคำถามให้เหมือนรู้ว่าผมกำลังขมวดคิ้ว “เนี่ย เขาฟ้องด้วยนะว่ากินเบียร์ไปตั้งเยอะ”

                    “อื้อ ที่ไหนเล่า” ผมเถียง “กินกันสามคนยังไม่ถึงทาวน์เลย”

                    “ตัวแดงขนาดนี้ยังจะเถียงอีก” หวานหัวเราะ “โอ๊ะ... หรือตัวแดงเพราะเขิน แต่นี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

                    “เดี๋ยวจะโดน” ผมดิ้นขลุกขลัก “ปล่อยยยย”

                    “ไม่เอา ไม่ได้กอดแล้วนอนไม่หลับ”

                    “เหอะ เชื่อตาย” ผมเบ้หน้า “แล้วก่อนหน้านี้อยู่มาได้ยังไง กอดใครมาล่ะ”

                    คนที่นอนอยู่ขยับตัว “เอ๊ะ นี่หึงรึเปล่าครับ ดีใจได้มั้ยอ้ะ”

                    ใครจะไปหึง หึงทำไม ไม่เห็นต้องหึงเลย
                    ผมแค่คิดในใจ แต่บังเอิญมีเสียงฮึหลุดออกมาจากลำคอ

                    “โอ๋ จะไปกอดใครละครับ มีให้กอดอยู่คนเดียว ติดนอนกอดคุณจนเคยชินไปแล้วเนี่ย”

                    “โคตรเว่อร์”

                    “ก็ผมชินกับการชาร์จแบตแบบนี้ไปแล้วนี่” เขาพูด “จริงๆ แล้วไม่ต้องทุกวันก็ได้นะ แค่ได้คิดถึงคุณก็มีความสุขแล้วเนี่ย”

                    “ปากดี คบกันยังไม่พ้นโปรด้วยซ้ำ” ผมพูดเสียงเบา “อนาคตจะเป็นยังไงยังไม่รู้เลย”

                    “แน่ะ” หวานทำเสียงดุ “คิดอะไรอยู่ครับ”

                    “ก็แค่… คิดไปเรื่อย…” 

                    “ไม่รู้แหละ ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนใจแล้ว เป็นแฟนผมน่ะต้องรับผิดชอบตลอดชีวิตนะครับ” หวานจงใจพูดอ้อนแล้วจงใจดึงตัวไปชิด ให้ผมได้รับสัมผัสอุ่นๆ จากอ้อมกอดได้มากกว่าเดิม 
                    “ผมชินกับการต้องมีคุณอยู่ข้างๆ แบบนี้ไปแล้วนะวิน”

                    “อือ…” ผมซุกหน้าลงกับหมอน
                    เรียกกันแบบนี้ขี้โกงเป็นบ้า

                    “อืม จะว่าไป” ร่างสูงอืออากับตัวเองพลางเกลี่ยจมูกไปกับไหล่ของผม “รวมๆ ผมว่าคงเป็นชินกับการรักคุณไปแล้ว” หวานกดจูบลงที่หลังคอ
                    “นี่ผมคิดชีวิตที่ไม่มีคุณไม่ออกแล้วเนี่ย”

                    อา… หัวใจของผมมันเต้นแรงเกินไปเพราะคำพูดตรงๆ ของอีกคนจนน่าอาย ไม่เคยจะชินได้เลยสักที อยากเอาหมอนขึ้นมาปาอัดคนหน้าคนเด็กกว่าซะจริง

                    “แน่ะ ไม่เขินดิ” 

                    “ไม่ได้เขิน!”

                    “รู้นะว่ายิ้มอยู่” อีกคนรั้งเอวผมให้นอนหงายแล้วยันตัวขึ้นมามองตาในความมืด “เหมือนจะหน้าแดงอยู่เลยนะครับ”

                    ไม่ต้องมาจ้องกันแบบนี้ได้มั้ยเล่า… ขอหาข้ออ้างก่อนนะ

                    “ผมเมา”

                    หวานหัวเราะหึ “เมามากมั้ย” ร่างสูงกดจมูกลงกับแก้มแล้วแกล้งถาม “เมาแบบถ้าทำอะไรไปตื่นมาจะจำไม่ได้เลยรึเปล่าครับ”

                    ผมค้อนเขาขวับ
                    เจ้าเด็กแสบนี่…

                    “ไม่ตอบแปลว่าทำได้นะ” หวานยิ้มกริ่ม

                    “ไม่รู้... อื้ออ” ผมย่นคอหนีเมื่ออีกคนจูบลงมาแบบไม่ให้ตั้งตัว หวานเลยยกมือประคองแก้มแล้วไล่เบียดบนริมฝีปาก สัมผัสนุ่มนวลแต่ก็แอบร้อนแรงจนทำให้ต้องยกมือขยุ้มเสื้อนอนของอีกคนเอาไว้แล้วเบี่ยงหน้าออกมาหอบหายใจ

                    “เรื่องนี้คุณก็ต้องชินได้แล้วนะครับ” หวานกระซิบ “ซ้อมอีกทีมั้ย” 

                    หน้าแดงจนไม่กล้าจะมองหน้าคนถาม เลยจ้องเอาจ้องเอากับมือตัวเองที่ยังกำเสื้อเขาไว้แน่น
                    “เอ่อ… ก็... ” ผมพึมพำ “ย... ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ… คือ... ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบคุณไปตลอดชีวิตอยู่แล้วไม่ใช่รึไงเล่า...”

                    “เนี่ย แล้วผมจะไปไหนรอดเนี่ยคุณ” หวานหัวเราะเสียงใส ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าลงกดจูบลงบนริมฝีปากของผมอีกครั้งและอีกครั้ง

….

                    เรื่องจะรับผิดชอบน่ะ… ผมพูดเรื่องจริงนะ

                    รู้มั้ยครับเมื่อกี้ในวงเหล้า หัวข้อที่พวกเราคุยกันหลังจากฟังแผนของบอยจบคือเรื่องของอนาคต ฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ใช่ครับ พวกมันก็คุยเรื่องที่ดูเป็นจริงเป็นจังแบบนี้ได้เวลาเมา
                    เรากล้าพูดสิ่งที่คิด แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งความคิด ความเป็นไปได้ เป้าหมายและความฝันที่พวกเรามีและอยากเป็น

                    ผมอาจจะเดินทางสายนี้ต่อไป เก็บเงินสักก้อน ก่อนจะเปิดบริษัทคอนเซาท์เล็กๆ เป็นของตัวเอง

                    ผมอาจจะกลายไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยสักที่ ยืนหน้านิ่งตรวจงานร้อนที่เด็กเพิ่งเผามาส่งเหมือนที่ตัวเองเคยทำ

                    ผมอาจจะโดนซื้อตัวไปอยู่บริษัทดีเวลอปเปอร์ เพื่อทำงานหามรุ่งหามค่ำกว่าที่เคย

                    ผมอาจจะเปิดโรงเรียนสอนวาดรูป ติวความถนัดทางสถาปัตย์ให้เด็กม.ปลาย ทำความเข้าใจระบบสอบเข้างงๆ แล้วเขียนคู่มือสอบเข้าออกมาสักเล่ม

                    ผมอาจจะเปลี่ยนสาย กลับไปทำงานออกแบบเต็มตัว ใช้ชีวิตนอนตีสี่ตื่นเก้าโมงเช้า สุขภาพทรุดโทรมแบบสุดๆ

                    ผมอาจจะโดนเตี่ยยื่นคำขาดให้กลับมาช่วยที่โรงงาน นั่งงมกับตัวเลข ทำบัญชีเล่มโตๆ

                    ผมอาจจะลาออกไปเที่ยวไกลๆ สักสองสามเดือน แล้วกันมารับจ็อบออกแบบเล็กๆ ทีละงานสองงานเป็นค่าขนมให้พออยู่ได้

                    อ้อ... ยังมีแผนสำรองชิคๆ เช่นการหุ้นกับไอ้พีทเปิดร้านกาแฟด้วยนะครับ

                    อนาคตของผมจะเป็นยังไงก็ไม่รู้หรอกครับ ทุกอย่างเป็นไปได้ และทุกอย่างไม่แน่นอน
                    แต่ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ผมก็คิดว่าจะเว้นที่ว่างข้างๆ ไว้ให้ใครบางคนเดินไปด้วยกัน

                    ถ้าเขายังจะอยากเดินไปกับผมน่ะนะ..
                    เพราะผมก็คิดชีวิตที่ไม่มีเขาไม่ออกเหมือนกันนี่ครับ...

_ _ _ _

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 02-11-2018 23:04:48
_ _ _ _


5 ปีต่อมา


                    “เหนื่อยมั้ยลูก” ม๊ายกผ้าเช็ดหน้าซับหน้าผากให้ผมที่หอบดอกไม้ไว้เต็มอ้อมแขน “เหงื่อแตกเป็นเด็กๆ เชียวนะ”

                    “ก็ร้อนน ต้องใส่สูทนี่” ผมลากเสียง

                    “ดอกไม้เยอะแยะเชียว เอามาใส่นี่ซิ” พูดพลางเลือกหยิบช่อดอกไม้ในมือผมออกแล้วทยอยใส่ตะกร้ารถเข็นที่มีตุ๊กตาอยู่จำนวนหนึ่ง “นี่เจ้าอาร์ตไปซื้อน้ำถึงไหนเนี่ย” ม้าบ่นถึงหนึ่งในผู้ช่วยจำเป็นของผมที่อาสาไปซุ้มขายน้ำใกล้ๆ เมื่อเกือบสิบนาทีที่แล้ว

                    “วันนี้คนคงเยอะแหละครับ” ร่างสูงที่ยืนจับรถเข็นตอบขึ้นมาแทน “น่าจะช้าหน่อย เดี๋ยวผมไปตามดีมั้ย”
 
                    ผมตาวาว “ถ้าไปกูฝากซื้อโค้กอีกป๋องนึงสิ” 

                    “ไม่ได้ วันนี้กินไปกระป๋องนึงแล้ว ม๊ารู้นะ” แม่ผมแทรกขึ้น ทำเอาคนที่กำลังจะพยักหน้าตอบชะงักกึก

                    ผมทำหน้าเบ้ ค่อนขอดอยู่ในใจ
                    โอ๊ย ใครมันไปรายงานทุกเรื่องกัน!

                    “น้ำไม่ต้องไปหรอกลูก อยู่กับแม่กับวินนี่แหละ เดินไปเดินมาร้อนเปล่าๆ”

                    “เนี่ย โอ๋ตลอด” ผมบ่น   

                    “อย่างอแง นี่เขามีน้ำใจมาช่วยเรานะวันนี้ ทั้งถ่ายรูปทั้งถือของ เอ้า ตาพีทเดินมาโน่นแล้ว” ม้าพูดก่อนจะหันไปยิ้มรับ “สต๊าฟว่าไงบ้างลูก” 

                    “ตารางจบหมดแล้วครับ ถ่ายรูปเล่นได้เลย” พีทพูดพลางก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาหา “ม๊าไปนั่งรอเตี่ยใต้คณะเถอะครับ เดี๋ยวพวกผมพาไป ไอ้น้ำจะได้เอาของไปวางด้วย ...ตี๋ มึงอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ไม่ต้องเดินไปเดินมา เดี๋ยวมึงหลงแล้วไอ้อาร์ตหาไม่เจออีก เห็นมันโทรมาว่าจะพาพวกไอ้เต้กับคนอื่นๆมาด้วย แล้วอย่าซีซั้วไปไหนกับคนแปลกหน้าล่ะ แป๊บเดียว เดี๋ยวกูมา” มันพูดเร็วปรื๋อก่อนจะทิ้งผมไว้หน้าคณะอย่างที่ว่า

                    เหมือนเดิมเป๊ะ…
                    ผมย่นจมูก เห็นเป็นเด็กอนุบาลหมีน้อยอีกแล้ว
                    ลืมไปรึเปล่าว่าพวกกูกับมึงเนี่ย ยี่สิบแปดขวบแล้วนะโว้ย!
                    ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดจริงๆ

                    แต่… จะว่าไป… พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว
                    มันก็มีที่เปลี่ยนไปอยู่เหมือนกัน…
                    อย่างเช่น...

                    หลังจบโปรเจ็คของ AA จากอินทีเรียโคออดิเนเตอร์ตัวเล็กๆ พีทก็กลายมาเป็นดีไซเนอร์ในบริษัทเดิมที่ตอนนี้ดังเป็นพลุแตก ช่วงที่ผ่านมาเลยขยายสโคปรับออกแบบครบวงจร แถมยังมีโปรเจ็คต่างประเทศแถวๆ CMLV ต่อคิวจองตัวไว้ยาวเป็นหางว่าว เล่นเอาช่วงหลังนี้ไอ้พีทต้องบินไปคุยงานเป็นว่าเล่น

                    น้ำลาออกจากบริษัทแล้วมาเปิดสตูดิโอเล็กๆ ร่วมกันกับเฟิร์ส รับงานออกแบบบ้านเป็นหลัก ช่วงแรกๆ ก็ดูจะลำบากอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากทำงานไปปีกว่าๆ ผลงานก็เริ่มเข้าตาพวกนิตยสารออกแบบตกแต่งบ้าน ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ช่วงนี้ก็งานล้นมือจนผมก็ยังแอบไปรับจ๊อบอยู่บ่อยๆ

                    ส่วนอาร์ตน่ะเหรอครับ ลาขาดกับการเดินไซต์หน้าเมือกรอให้คอนเซาท์กับ CM มาเชือดเอาแล้วล่ะ จำที่ผมบอกเรื่องบริษัทพีทรับงานครบวงจรได้ไหมครับ หนึ่งใน Business Unit ใหม่นั้นก็เป็นสตูดิโอออกแบบสถาปัตย์ที่คุณอาทิตย์ของพวกเราเป็นหนึ่งในอาร์คิเตคอยู่นั่นแหละ ก็เห็นพี่เจ้าของเขาถูกใจฝีมือตั้งแต่โปรเจ็คของ AA โน่นทีเดียว
                    ใหญ่โตกันใหญ่เชียว
                    แหม… ก็ห้าปีเชียวนะ พวกเราต้องมีความก้าวหน้ากันบ้างแหละ…

                    สำหรับผม… เรื่องใหญ่ที่สุดก็คงเป็นวันนี้
                    ครับ...วันนี้เป็นวันรับปริญญาใบที่สองของชีวิตผม

                    เมื่อราวสองปีก่อน ผมลาออกจากการเป็นนักวิเคราะห์ที่ดินของบริษัทที่อยู่มาเกือบสี่ปีเพื่อมาเรียนปริญญาโทแบบเต็มเวลา จริงๆ จะทำงานต่อไปก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ช่วงนั้นรู้สึกหมดไฟยังไงไม่รู้ บวกกับผมก็อยากหาความรู้ให้มากกว่านี้ พอเหมาะกับเปิดมาเจอหลักสูตรใหม่ของคณะเรื่องการจัดการที่ดินกับอสังหาริมทรัพย์เข้าพอดี ก็ถือเป็นจังหวะที่จะได้ออกมาเป็นนักเรียนอีกรอบ

                    แต่ขอบอกเลยครับว่า กว่าจะมายืนในชุดครุยแบบนี้ได้... แทบตาย

                    ไม่นึกว่าจะต้องกลับมาผจญลูปนรกของการทำธีสิสเร็วขนาดนี้ นอนตีหนึ่งแล้วสะดุ้งมาปั่นเปเปอร์ตอนตีสี่ ภาพกองหนังสืออ้างอิงเป็นตั้งๆ คงตามหลอกหลอนผมไปอีกนาน ไหนจะคอนเฟอเรนซ์นอกมหาวิทยาลัย ไหนจะรูปเล่มที่ต้องตบตีกับฟอร์แมตและเทมเพลทการจัดหน้ากระดาษจนจะเป็นบ้า นี่ยังไม่นับกับการที่ต้องลงเรียนไฟแนนซ์แบบเต็มๆ อีกสองตัวจนเลือดจะไหลออกจมูกอีก

                    ไม่เว่อร์ครับเอาจริงๆ รู้สึกอาการร่อแร่เหมือนจะตาย ยังดีที่รอดมาได้แบบสมองไม่พังไปมากกว่านี้

                    หลังดีเฟนด์แล้วรู้ผลว่าจบนี่ดีใจน้ำตาจะไหล แต่ก็ยังน้อยกว่าจบป.ตรีนิดนึง
                    ก็ไม่มีอะไรหนักเท่าตอนนั้นอีกแล้วล่ะครับ ไม่เชื่อก็ลองถามบัณฑิตหมาดๆ แถวนี้ดู

                    ครับ...วันนี้ก็เป็นวันรับปริญญาของเขาเหมือนกัน
                    เจ้าเด็กที่มีไฝใต้ตาคนนั้นน่ะ
                    เขาเรียนจบแล้วนะครับ

                    ผมมองคนที่กำลังยืนถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อนบัณฑิตอยู่กลางสนาม โดยมีครอบครัวเขายืนอยู่ใกล้ๆ หวานยังตัวสูงกว่าผมเหมือนเดิม ยังดูดีจนน่าอิจฉาเหมือนเดิม แต่ก็ไม่เหมือนตอนปีหนึ่งแล้วล่ะ โครงหน้าเขาเข้มขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เบบี้แฟตตรงแก้มที่เคยมีหายไป ทำให้จมูกโด่งและสันกรามเด่นชัดขึ้นไปอีก นี่ยังไม่นับไหล่กว้างๆ กับตัวที่หนาขึ้นจม แต่ที่ยังเหมือนเดิมคือยิ้มกว้างๆ กับไฝใต้ตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวนั่นแหละ

                    ห้าปีแล้วสินะ...

                    ในระหว่างที่กำลังคิดทบทวนเรื่องอะไรเพลินๆ อยู่ในหัว เตี่ยที่เดินมาจากที่ไหนสักที่ก็ยื่นดอกไม้ช่อใหญ่มาให้ตรงหน้า “เอ้า”

                    “หือ?” ผมเผลอขมวดคิ้ว มองดอกไม้ตรงหน้าก่อนจะถามขึ้นงงๆ “อ้าว ม้าให้มาแล้วไง”

                    เตี่ยทำเป็นไม่มองหน้า “ไม่ใช่ของลื้อ… ของไอ้เด็กนั่น”

                    ได้ยินแบบนั้นก็ต้องยิ้มกว้าง “เตี่ยไม่เอาไปให้เองล่ะ อยู่โน่นแน่ะ” ผมพยักเพยิดไปทางกลางสนามที่กลุ่มบัณฑิตใหม่กำลังถ่ายรูปเล่นกันอยู่

                    “ไม่เอา ขี้เกียจเดิน”

                    “เตี่ยยย” ผมลากเสียง
   
                    “ให้มันมาเอาเอง เรื่องไรอั๊วต้องเดินไป สนามก็แฉะ โว้ะ อั๊วเมื่อยละ นี่ม๊าเอ็งไปไหนเนี่ย” พอเห็นว่าผมยืนยันไม่ยอมรับฝาก เตี่ยก็เริ่มเฉไฉไปเรื่องอื่น

                    “อยู่ในคณะกับพวกไอ้น้ำอ่ะ”

                    “เออ” เตี่ยพยักหน้าหงึกหงัก “บอกมันว่าอั๊วจะอยู่ตรงนั้นอีกสิบห้านาที ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา เรื่องเยอะ” ว่าจบแล้วก็เดินไวๆ เข้าประตูคณะไป

                    ผมยิ้ม

                    สำหรับผม ระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมามันนานมากเลยนะ ผมไม่เคยคบใครได้นานขนาดนี้เลยจริงๆ ยอมรับว่าเผื่อใจเอาไว้เหมือนกัน เขาโตขึ้น ผมก็โตขึ้น มุมมองของเราก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน เรามีทั้งช่วงเรียนรู้กัน ช่วงที่ไม่เข้าใจกัน ช่วงที่โตไปด้วยกัน

                    ที่สำคัญคือผมกับเขาก็ยังคิดตรงกัน ว่าการที่เราจับมือกันอยู่แบบนี้มันดีที่สุด

...

                    แชะ!

                    ยืนจนขาแข็งไปหมดแล้วครับเนี่ย หลังจากส่งที่บ้านกลับไปพัก ทั้งบ่ายนี่ก็มีคนแวะเวียนมาหาเต็มไปหมด ไหนจะเพื่อนโรงเรียน ที่ทำงาน เพื่อนถาปัตย์ รุ่นพี่รุ่นน้อง กว่าจะถ่ายรูปจนครบก็รู้สึกเหนื่อยกว่าเมื่อห้าปีที่แล้วเยอะเลย

                    แต่ก็จะมีอยู่กลุ่มหนึ่ง ที่ถ่ายได้ถ่ายดี ไม่ไล่ไม่เลิก

                    ยกตัวอย่างเช่นพีทกับน้ำที่กำลังเห่อกล้องเห่อเลนส์ระดับสิบ ขนกันมาหมดทั้งมิเรอร์เลสทั้งอนาล็อก นอกจากจะเป็นช่วงเวลาได้ขิงใส่กันแล้วพวกมันยังฉวยโอกาสใช้ผมเป็นแบบทดสอบฝีมือถ่ายรูปตอนแสงใกล้หมดอีกต่างหาก

                    “ไอ้ตี๋ครับ ยิ้มหน่อยครับ!"

                    “เอ้า บอกให้ยิ้มก็ยิ้มดิมึง ทำหน้าดีๆ”

                    “กูเมื่อยยยยยย” ผมลากเสียง “เอางี้มั้ย พวกมึงผลัดกันถ่ายเองดีกว่า เดี๋ยวกูจัดการเรื่องพิมพ์โฟโต้บุคให้ น่าจะไปได้ดี ไม่เหนื่อยคนอื่นด้วย”

                    “เหยด มุมนี้ดี มีแสงทองริมไล้ที่ปลายผม”

                    พวกมันไม่สนใจผมสักนิด

                    “มึง กูหิวข้าวแล้ววว” ไอ้อาร์ตที่จิตใจจดจ่ออยู่กับชาบูที่ผมสัญญาว่าจะเลี้ยงเป็นการตอบแทนหลังจบวันพูดขึ้นบ้าง

                    “เอ๊ะ อย่าเร่งสิวะ นานๆ จะมีแบบมาให้ลองถ่าย” พีทโวยวายแล้วหันไปพูดกับคนข้างตัว “ไหนมึง ใช้สปีดเท่าไหร่เนี่ย มาดูหน่อย”

                    “นี่” น้ำยื่นกล้องให้ ก่อนจะค้นของในเป้ตัวเอง “เออ แป๊บนะ กูเพิ่งถอยเลนส์ฟิกมาใหม่ว่ะ”
                    “ถ่าย portrait แจ่มมาก มึงลอง”

                    “เหยดด พี่น้ำคนรวยย” พีทรับเลนส์ใหม่มาแล้วถอดเปลี่ยนอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานนักก็ยกกล้องขึ้นมาส่องดู

                    “ไหน บัณฑิตเขยิบเข้าไปหน่อย!”

                    แชะ!

                    แชะ!


                    นอกจากสองคนนี้ ก็ดูเหมือนจะมีอีกคนที่ดูจะสนุกกับการถ่ายรูป

                    “มันต้องติดขนาดนี้เลยมั้ยเล่า” ผมบ่นอุบอิบ “ถอยไปเลย”

                    “ก็ตากล้องบอกให้ชิดกัน ก็ต้องชิดสิครับ”

                    “ตากล้องแม่งกากไง ไม่รู้จักซื้อเลนส์ไวลด์” ผมโวย ทำเอาคนข้างตัวหัวเราะพรืด “ไอ้พีท มึงกวนตีนกูอ้ะ จะให้ชิดไปถึงไหน เอาถึงหน้ามึงเลยมั้ย!!” ผมพูดเสียงดัง

                    “จุ๊ๆ ไม่โวยวายสิครับ” พีทหัวเราะ “เดี๋ยวรูปไม่สวยนะมึง”

                    “เลนส์ฟิกซูมไม่ได้ไงไอ้ตี๋ มึงก็รู้” น้ำพูดยิ้มๆ   

                    “แม่ง…” ผมทำหน้ามุ่ย หันไปลงกับคนข้างตัวแทน “แล้วดอกไม้เนี่ย เห่อจัง วางได้แล้ว”

                    “ของเตี่ยเลยนะครับ” เจ้าตัวยิ้มกว้าง “ของรับขวัญลูกชายไง”

                    “อะไรคุณ เตี่ยผมมีลูกคนเดียว”

                    หวานกระตุกยิ้ม ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหู “ต้องให้ทวนความจำกันคืนนี้มั้ยครับว่าผมเป็นอะไร”

                    หน้าร้อนวาบจนต้องผละออกมากจ้องใบหน้าอีกฝ่าย ไม่มีแล้วครับลูกแกะ นี่มันหมาป่าชัดๆ

                    แอบทุบหลังอีกคนไปทีหนึ่ง ก่อนจะโดนคว้ามือเอาไว้ “แน่ะ ผมคิดบัญชีนะ”

                    “ปล่อยเลย” ผมว่า

                    “ไม่”

                    “แน่ะๆๆ ไม่แอบจับมือกันนะครับ”

                    ไอ้อาร์ตมึง… เดี๋ยวเหอะ ผมกัดฟัน

                    คนข้างตัวหัวเราะหึ “มือชั้นนี้แล้ว ไม่แอบแล้วครับ” หวานไม่พูดเปล่าแถมยกมือที่กุมอยู่ขึ้นมาประสานนิ้วโชว์ ทำเอาผมต้องถลึงตามองอย่างเอาเรื่อง

                    ไอ้เจ้านี่หนิ!   

                    “โว้วว” อาร์ตผิวปากแซว “คนจริง”

                    “ถึงจะไม่มีใครแล้ว แต่จะหวานอะไรก็เกรงใจพวกกูบ้างเนอะ” พีทกดถ่ายรูปแล้วหัวเราะเสียงดัง

                    “ทำไงได้ ไอ้ตี๋แม่ง...” น้ำส่ายหน้าเบาๆ “อีกคนก็เปรี้ยวตีน”

                    ผมส่งสายตาเข่นเขี้ยวให้ทุกคนอย่างพาลๆ “พอ! ไม่ถ่ายแล้ว!!! เมื่อยหน้าเมื่อยขาชิบหาย เก็บของแล้วขึ้นรถแล้วไปกินข้าวซะที กูหิวข้าวแล้วเนี่ย ชาบูจะแดกมั้ย ไปๆๆ”

                    “แน่ะ กลบเกลื่อนเก่ง” น้ำพูดล้อๆ

                    “เอออ เกลื่อนหน้ามึงเลยยย ก็พวกมึงชักช้า กูไปตรงโน้นก่อนดีกว่า พวกมึงตามไปนะ” ผมสรุปเร็วปรื๋อแล้วดึงให้อีกคนเดินตามมาไวๆ

                    “แหม่ ใจร้อนนนนน” อาร์ตว่าขำๆ 

                    เสียงหัวเราะเฮฮาของเพื่อนผมที่ถูกทิ้งให้เก็บอุปกรณ์แว่วมาให้ได้ยินในขณะที่ผมกำลังก้าวเท้ายาวๆ กลับออกมาจากสนาม ผ่านโถงทางเดินในคณะ

                    “เนี่ย... พวกแม่งขี้แซว” ผมอุบอิบ


                    “ก็คุณขี้เขิน” คนตัวสูงพูดยิ้มๆ “เป็นคนจับมือผมเดินมาแท้ๆ มาทำหน้าแดงซะเองเนี่ย”


                    ผมเหลือบตามองมือที่ยังประสานกันอยู่กับคนข้างตัว “อยากให้ปล่อยมั้ยล่ะ” ผมย้อน


                    “ไม่อยากครับ” หวานรีบพูด “ทั้งมือทั้งคุณนั่นแหละ”


                    “ให้มันจริง” ผมทำเสียงฮึในคอ “ทิ้งผมขึ้นมานะ ผมจะฟ้องเรียกค่าเสียหายให้หมดตัวเลย”   


                    “หืม… เอาอะไรอีกครับ ผมให้วินไปหมดทุกอย่างแล้วนะ”


                    บอกกี่ครั้งแล้วว่าเรียกกันแบบนี้มันขี้โกงชัดๆ
                    “จับไปให้ตลอดก็แล้วกัน...”


                    “ถ้าเป็นคุณน่ะ… ยังไงก็ไม่ยอมปล่อยไปหรอกนะครับ” ร่างสูงเกลี่ยนิ้วสัมผัสที่หลังมือ “พรุ่งนี้ผมก็ยังอยากอยู่กับคุณ… รักคุณไปแบบนี้ทุกวันเหมือนที่เคยบอกนั่นแหละ”


                    “รู้แล้ว” ผมหน้าแดง งึมงำก่อนจะกระชับมือให้แน่นขึ้นอีก “ก็… เหมือนกัน...”


                    “นี่… พูดอีกทีสิครับ”

                    “ไม่พูดแล้ว”


                    “อ้าว”


                    "ไปกันได้แล้วน่ะคุณ ผมหิวข้าวแล้ว"


                    "โธ่คุณณณ..." คนเด็กกว่าร้องเสียงยืดยาว "อย่างนี้ก็ได้เหรอครับ"


                    ผมอมยิ้มพร้อมกับดึงมือให้คนสูงกว่าเข้ามาชิด ก่อนจะเขย่งตัวเข้าไปพูดข้างหูอีกฝ่าย
                    "ผมบอกว่า... เหมือนกัน" 


                    รอยยิ้มของเขาดูจะกว้างกว่าที่เคย


                    สำหรับผม… อนาคตก็ยังเป็นสิ่งไม่แน่นอนอยู่ดีนั่นแหละ ไม่ว่าจะอีกสิบปีข้างหน้า อีกสิบห้าปีข้างหน้า หรือแม้แต่พรุ่งนี้ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ผมเชื่อว่า ถ้าความรู้สึกของผมกับเขายังชัดเจนอยู่แบบนี้ เราก็ยังจะจับมือกันต่อไป เป็นหุ้นส่วนแบบถาวรของกันและกันในทุกวันไปเรื่อยๆ… ก็ผลตอบแทนที่ได้มันคุ้มค่านี่ครับ...
จากการวิเคราะห์ความเสี่ยง... ผมว่า... พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดี


End


--------------------------




ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ค่ะ
ใจหายเหมือนกันเนอะ อยู่กันมานานมากจริงๆ

ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ ขอบคุณทุกคลิกที่เปิดเข้ามาอ่านเรื่องราวของตี๋วินลู๊กกับเจ้าหวานนะคะ นี่เป็นนิยายเรื่องแรกของเรา เราตั้งใจมากจริงๆ พยายามมาให้ไวให้เร็วแต่บางทีก็ทำไม่ด้ายยย 5555 ดีใจทุกครั้งที่มีคนบอกว่าชอบ เรากับคุณเบต้าหน้าบาน ใจฟูๆ ทุกครั้งที่ได้เห็นจริงๆ

ถ้าอ่านแล้วอมยิ้ม เราจะดีใจม๊ากมาก เพราะเราก็อ่านฟีดแบ็กด้วยอาการเดียวกัน

ต่อจากนี้จะมี Side Story ที่เป็นเรื่องของเด็กๆ ช่วงระหว่างห้าปีที่หายไปมาให้อ่านเล่นอีกสองตอนกับรีไรท์กุบกิบเก็บไก่ที่ปล่อยออกจากเล้าไปนะคะ ฝากเอ็นดูเด็กๆ ต่อด้วยย

ส่วนเรื่องรวมเล่ม แต่นแต๊น~ ตี๋วินจะไปอยู่กับบ้าน Bookish House นะคะ ทางนี้เขียนด้วยสปีดแบบเต่าๆ อาจจะอีกสักพักกว่าจะได้เจอหน้ากัน ขอบคุณจริงๆ ที่ทางสนพ.ให้โอกาส ให้ความสนใจและเอ็นดูเด็กๆ และเข้าใจข้อจำกัดบวกกับความอ่อนด๋อยของเรา เราขอฝากลูกๆ ให้ทางสนพ. ดูแลนะคะ คืบหน้าอย่างไรเราจะแจ้งอีกทีนึง

แวะมาเม้ามอยกันได้ที่ #วิเคราะห์การรัก นะคะ ส่วนบ้านคนเขียนก็ @huentrop ณ ทวิตภพเหมือนเดิม เคาะเรียกกันได้ก้ะ

รักส์ มากกกกกก
หมวยดีเอง


หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-11-2018 23:23:46
อบอุ่นในหัวใจ รักทุกคนในเรื่อง เด็กหวานตอนโตนี่คงกรุบกว่าเดิม จะเป็นลมค่ะ ชอบเพื่อนๆ ทุกคน มิตรภาพของตัวละครในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราอ่านแล้วประทับใจมาก สุดท้ายนี้ชอบมากๆ ขอบคุณคุณหมวยสำหรับเรื่องราวสนุกๆ แบบนี้นะคะ รัก  :o8:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 02-11-2018 23:24:37
น่ารักจังงงง มาอัพบ่่อยๆนาาาาา
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-11-2018 23:32:11
แงๆ กลับมาพร้อมห้าปีผ่านไป แล้วจบเลย ยังไม่อิ่มหนำกับความรักความหยอดของหวานเล้ยย

แต่ :pig4: สำหรับดีๆค่า

รอตอนพิเศษๆต่อไป
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-11-2018 06:36:59
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 04-11-2018 12:13:38
อ่านแล้วแบบ อู้หู้ววววว รายละเอียดแน่นมากกกทั้งเรื่องประชุมเชียร์ยันระบบการทำงาน ได้ความรู้เฉพาะทางแน่นมาก ถ้าได้อ่านเร็วกว่านี้สัก4ปีเราคงตั้งใจสอบจนกว่าจะเป็นเต็กอะ

ทุกคนมีมิติมีเสน่ห์ที่ดึงดูดเฉพาะคนเฉพาะทางจริงๆ โดยเฉพาะพี่อาร์ต โผล่ออกมาทีไรได้แต่อุทานว่า "อาร์ตมึงงงงงงง" ดีใจที่ได้รู้จักกับทุกๆคน ดีใจที่ได้อ่านนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 04-11-2018 17:34:32
หลงน้องหวานรอบที่พัน น่ารักน่าเอ็นดูวววว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: kstation ที่ 04-11-2018 18:59:11
หวานมาก ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: CHOO ที่ 07-11-2018 18:42:19
หวานเติบโตมาอย่างดีเลย ตี๋วินน่ะแพ้น้องไปหมดทุกทางแล้ว
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆมากเลยนะคะ ถึงช่วงหลังจะเว้นระยะนานไปบ้างแต่ก็รออยู่เสมอเลย เป็นนิยายที่ทำให้ได้รู้จักชีวิตของชาวสถาปัตย์ได้เยอะมากขึ้นจริงๆค่ะ ถึงจะแค่เสี้ยวเดียวของชีวิตจริง อ่านไปก็ได้ความรู้เพิ่มไปด้วย ยิ่งอ่านยิ่งสนุกจริงๆ จากนี้ไปคงคิดถึงชาวแก๊งค์มากแน่ๆเลย ว่างๆแวะมาเจอกันให้หายเหงาหน่อยนะคะ พกตอนพิเศษมาฝากด้วย 55
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 14 P.3 ✽update 25.8.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-11-2018 01:32:57
 :katai1: เนี่ยยยย เราสงสัยตะหงิดๆ ในตัวน้ำตั้งแต่ตอนไปทะเลละ

ที่ซึมๆ ไม่ใช่น้องพลอยอะไรนั่นหรอก ต้องเพราะวินแน่ๆ

แล้วคือตอนนี้สับสนเหรอ? เพิ่งจะรู้ว่าชอบน้ำตอนหวานมาจีบงี้?
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 19 P.5 ✽update 2.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-11-2018 04:27:09
น้องหวานลูกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 21 P.6 ✽update 28.11.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-11-2018 05:12:54
หวานนน เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรลูก
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 22 P.7 ✽update 23.12.2017✽
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-11-2018 05:23:48
ตกอกตกใจหมดนึกว่าน้องเป็นอะไร  :เฮ้อ: แต่ว่านะ น้องหวานแบบ

ความคิด คำพูดคำจา ทัศนคติแบบดีมากเว่อร์อะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 23 P.8 ✽update 11.1.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-11-2018 05:38:55
เงิบมากค่ะ คุณตะวันโป๊ะมากเว่อร์  :ling3:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 28 P.12 ✽update 9.5.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-11-2018 06:43:17
 :ling1: ตายแล้ว หวีดด เขาเป็นแฟนกันแล้วว
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 29 P.12 ✽update 6.6.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-11-2018 07:02:40
อาร์ตโว้ยยย  :ling1: :laugh: โอ๊ย 5555555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-11-2018 17:47:34
จบแล้วอะ น้องหวานงานดีมากกกกก  :katai2-1: รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 08-11-2018 20:22:12
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 01-12-2018 12:42:32
สนุกมากค่ะ ชอบเรื่องราวที่มีบรรยากาศการทำงาน แล้วเรื่องนี้ก็บรรยายจนแทบจะรู้จักอาชีพสถาปนิกดีเลย 555+ ปกติเราชอบอาชีพนี้มากเป็นส่วนตัว ยิ่งชอบมากขึ้นจากการที่ชื่นชมน้องตุลย์ สถาปนิกหนุ่มหล่อ นายเอกซีรี่ส์เรื่องดัง เคยเห็นรูปภาพเบื้องหลังการระดมกำลังมาตัดต่อโมแล้ว พออ่านเรื่องนี้ก็ทำให้นึกย้อนไปถึงภาพเหล่านั้นด้วย

ติดใจนิดเดียวค่ะ ตอนอ่านเรื่องนี้ก็แอบคิดไปเรื่อยว่าน้องหวานมาติดใจมาวินทร์ได้ยังไง อยู่ดีๆเข้ามาเที่ยวร้านเหล้าแล้วก็เจอวิน เลยติดใจหรือ ถ้าคนเขียนปูเรื่องย้อนไปซักนิดก็น่าจะดี...แล้วช่วงที่มาวินทร์เปิดตัวหวาน คนรอบข้างเช่นพี่ๆน้องๆในคณะ ไม่ได้กล่าวถึงเลย ความจริง..วินคนป๊อบจะมีแฟนทั้งที อีกทั้งเป็นแฟนหนุ่ม รุ่นน้องรูปหล่อของคณะด้วย น่าจะเป็นเรื่องที่กล่าวขานกันในหมู่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆเนอะ น่ารักดีออก...555

ขอบคุณคนแต่งที่แต่งเรื่องราวสนุกๆมาให้อ่านนะคะ อ่านติดพัน จนแทบไม่ละไปทำกิจกรรมอื่นๆเลย ชอบมากจนไม่อยากให้จบ จะรอติดตามผลงานเรื่องใหม่ๆ ถ้าคนแต่งมีโอกาสและเวลาเขียนต่อค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-12-2018 22:01:54
กลับมาอีกทีผ่านไป 5 ปีแล้วแต่ทั้งคู่ก็ยังหวานเหมือนเดิม กรี๊ดดดดดด
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Meteorstai ที่ 15-12-2018 12:33:47
ละมุนมาก ขอบคุณผู้แต่งด้วย เป็นกำลังใจให้น้าาา ฟิลกู้ดมาก อ่านละไม่หน่วงเลย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 27-12-2018 13:18:31
เชียร์หวานมาตั้งแต่ต้นเลย สุดท้ายเค้าก็เป็นของกันและกันค่าาาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-01-2019 03:40:49
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ อีกอย่างเรื่องราวเกี่ยวกับวงการออกแบบนี้ถือเป็นความรู้รอบตัวได้เลยนะ  :pig4: แล้วก็อยากจะบอกว่าอ่านตอนที่หวานอยู่กับวินทีไรเขินทุกทีเลย ใหนจะพวกเพื่อน ๆ ของวินอีกน่ารักแล้วก็ประทับใจในความเป็นเพื่อนของทุกคนมากเลย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 17-01-2019 20:07:36
จบแล้ววววว
ก่อนอื่นเลยคือเป็นนิยายที่ควารู้แน่นมาก555555 ไม่เคยอ่านเรื่องไหนแล้วมีคู่มือเลย
รู้เลยว่านักเขียนใส่ใจมากจริงๆ ความความสัมพันธ์ของสองคนนี้
ยิ่งตอนไม่เรียกว่าพี่แล้วคือแบบ ใจน้องงงงง
นอกจากความรักของสองคนแล้ว เรื่องมิตรภาพก็ดีอ่ะ ความเพื่อนตั่งๆ ประทับใจ
ขอบคุณนักเขียนนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน ไม่ผิดหวังจริงๆที่คลิกเข้ามา
ขอบคุณค่า  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 23-02-2019 20:33:22
เชียร์น้องหวานเป็นพระเอกมาตั้งแต่ต้นจ้า ดีใจเรือชั้นไม่ล่ม 555555555
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-03-2019 12:14:15
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 29-03-2019 21:38:42
อยากอ่านตอนพิเศษแล้วค่าาา ในเล่มก็ได้ :mew3:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 09-04-2019 17:20:06
 :pig4: ขอบคุณมากค่าาาาในที่สุด น้องหวานก็กลายเป็นหวานใจตี๋วิน  :hao7:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 10-04-2019 11:58:00
55555 พี่อาร์ตโว้ยยยย
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 10-04-2019 12:37:26
น่ารักมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Saleesawad ที่ 10-04-2019 15:31:32
นำคิดไม่ซื่อกับวินใช่ปะ
ว่าแล้วกลิ่นแปลก
แล้ววินจะเลือกใคร
คุณตะวัน ผู้เพรียบพร้อม
ใอน้ำ เพื่อนคิดไม่ซื่อ
หรือน้องหวาน คนที่ทำให่หัวใจเต้นแรง
แต่นี่เชียหวานนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 10-04-2019 20:51:52
 :กอด1:
 :L2:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 23-04-2019 10:11:35
สนุกมากค่ะ ได้ความรู้ในเรื่องการทำงานจริงๆด้วย อ่านเพลินมากๆรู้ตัวอีกทีคือจบแล้ว 5555555555
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 29-06-2019 13:49:29
เพิ่งมีโอกาสได้อ่านจบ เป็นนิยายที่น่ารักมากเลย มีความเรียล เรียกได้ว่าขุดเอาชีวิตชาวถาปัตย์มาตีแผ่กันเลยทีเดียว  ส่วนชาวแก๊งค์ “แม่ง” นั้น ไม่พูดถึงไม่ได้ ครบรสที่สุดมีทุกรูปแบบ ขอบคุณนิยายสนุกๆเรื่องนี้นะคะ ติดใจฝีมือการเขียนของคุณนักเขียนแล้ว จะติดตามเป็นกำลังเรื่องต่อๆไปด้วยนะคะ ขอบคุณค่าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 02-07-2019 20:04:10
อ่านช่วงแรกๆคือความเป็นไปได้ยากมากๆ แต่พอ่านมาเรื่อยๆคือหวานอ้อนวินแบบน่ารัก เขินม้วนนนนนนไปเลยค่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: lalilali ที่ 07-07-2019 16:13:55
สนุกมากๆๆๆ
ขอบคุณนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:39:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 22-03-2021 19:51:22
งื่ออออออ ตี๋วินน่าร๊ากกกกกกกก /หอมหัว
สนึกมากคับนักเขียน มุกและจังหวะมันผ่ามามาก ขำท้องเกร็ง 555555555 เขียนดีค่ะเราชอบ :mew1: :L1: แอบชอบพีช ขอจีบหน่อยนะจะทำให้หายเหงา
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 31-03-2021 07:04:15
นึกว่าตะวันจะแอบจีบพี่
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 31-03-2021 19:11:28
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: