- LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽  (อ่าน 127869 ครั้ง)

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ตี๋วินคงจะยังไม่ทันตั้งตัว เด็กมันมาแรงแซงทางโค้งจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2017 23:56:21 โดย janehh »

ออฟไลน์ Faxh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องหวานรอพี่วินเค้าหน่อยนะลูก

ออฟไลน์ จอมจุ้น6002

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
#ทีมน้ำวินรัวๆ อินกับเพื่อนอะไรแนวๆนี้

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ละมุนมากกกกกกกก ชอบความวิน
รักความจริงจัง เพราะเราอยากทำได้แบบวินมั่ง55555555555

ออฟไลน์ Meercorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตี๋วินใจแข็งง หรือจริงๆแล้วพระเอกจะคือเจ้าแมวจิ๋ว 5555555 ติดตี๋วินแจเลย อะไรคือการได้ไปนอนบนอกแล้วน้องหวานหยอดมาตั้งนานยังไม่เคยเลยนะ #ทีมหวานวิน ชอบเมะเด็กอะ อิอิ

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 20


11.43

เชี่ย

เชี่ย ไอ้พีทต้องดีใจมาก มาก มากกกกก ดีใจจนเป็นลม ผมรับรองเลย
บริษัทมันได้งานว่ะ

ผมเดินเร็วๆ กลับมาที่โต๊ะเพื่อถ่ายรูปเอกสารแจ้งผลการประมูลผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมภายในของโครงการคุณตะวันแล้วส่งไปให้พีทดูเร็วๆ ผ่านไลน์ นี่ตื่นเต้นยังกับชนะประมูลเองเลยครับเนี่ย มือเมอนี่สั่นไปหมด

นับตั้งแต่วันก่อนโน้นที่ต้องเสนอรายชื่อบริษัทอินทีเรีย จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสามอาทิตย์พอดิบพอดี แต่เป็นสามอาทิตย์ที่ตัวจะแตก เหนื่อยไปสามโลก ไหนจะประกาศผู้ออกแบบสถาปัตย์หลัก ไหนจะล้วงข้อมูลจากแบรนด์ดิ้ง ทำผังการใช้พื้นที่ภายใน ไหนจะเตรียมบรีฟอินทีเรีย เรียกประชุม ประมูล ประสานกับทีม CM เปิดซอง จนได้ผู้ออกแบบครบวันนี้เนี่ย โอ้ย จะบ้าไปหลายรอบ บางทีก็อยากยืนบนเก้าอี้แล้วตะโกนว่าไม่ไหวแล้วโว้ย ใส่กองเอกสารแล้วจุดไฟเผาไปให้มันจบๆ งานมันเดือดนักใช่มั้ย กลายเป็นผุยผงไปเถอะมึงอะไรแบบนี้ เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน บ้านก็ไม่ได้กลับ ให้ตายเหอะครับ บ้าบอจริงๆ

กดส่งไปไม่ถึงนาทีโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ปลายสายคือไอ้พีทที่กำลังพูดรัวๆ ด้วยความตื่นเต้น

(เชี่ยตี๋ จริงป่ะเนี่ยมึงงงงงง)   

ผมเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู “กูจะได้อะไรจากการโกหกนี้ ตอบ”

(เห้ย นี่กูไปขอเจ้านายไว้เลยนะ ว่าถ้าได้กูขอดูโปรเจคนี้)

“เออ บริษัทมึงได้จริงๆ” ผมว่า “ยินดีด้วย” ผมว่าแล้วเปิดอีเมลล์เช็คไปพลางๆ
อ้าว มีเมลล์ใหม่จากคุณตะวันแฮะ

(เชี่ยยยยยยยย ดีใจจจ กูไปบอกเจ้านายก่อน)

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวกูส่งเป็นเมลล์ไป” ผมพูดเร็วๆ “จะได้เป็นทางการหน่อย”

(ได้ๆๆ ขอบใจมาก ต้องเลี้ยงตอบแทนมึงแล้วเนี่ย กลางวันมั้ย เดี๋ยวกูดูตารางหาเวลาว่างแป๊บ) มันพูด

ผมอ่านข้อความในหน้าจอเร็วๆ “อ่อ... ไม่ต้องหรอก นี่เจ้าของโครงการเขาเพิ่งเมลล์มาว่าจะนัดกินข้าวกัน”

(หือ คุณเอทัสที่มาฟังบรีฟน่ะเหรอ)

ผมกวาดตามอง “ไม่ใช่ว่ะ… คุณตะวัน รัชยานนท์เลยน่ะแหละ” ผมว่า “แกว่าอยากนัดเลี้ยงผู้ออกแบบทุกเจ้าน่ะ”

(โห... จริงจังสัด)

“เดี๋ยวกูเขียนนัดไปในอีเมลล์ละกัน แค่นี้นะ ตอบเมลล์ก่อน”

(โอเค บาย ขอบใจมากมึง) มันพูดแล้ววางสายไป

ผมเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจเฮือก ในที่สุดก็ได้คนทำงานครบแล้ว ต่อไปนี้ก็เหลือแค่หน้าที่ประสานงานจุกจิก 
คงจะมีเวลาหายใจหายคอมากขึ้นหน่อย ที่ผ่านมาแทบไม่มีเวลาให้คิดอะไรเลยแฮะ

แต่ก็ดีแล้วล่ะมั้งที่ไม่ได้คิด
ทำตัวยุ่งต่อไปน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี

“วิน นัดประชุมกับลูกค้าใหม่รึยัง วันไหนนะ”

นั่นไง ยังไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงพี่ฝ้ายถาม ทำเอาผมต้องรีบเปิดปฏิทินแล้วตอบ “วันศุกร์หน้าครับ บ่ายโมงที่พระรามเก้า”

“วินไปกับพี่เหมือนเดิมนะ” ผมพยักหน้า

“เอ้อ พี่ฝ้ายครับ นี่คุณตะวันนัดทานข้าวเย็นวันพุธนี้น่ะครับ เลี้ยงผู้ออกแบบทุกเจ้าเลย แต่เมื่อกี้ผมดูแล้วตารางพี่ไม่ว่าง ให้ผมแจ้งไปทางโน้นมั้ยครับ เผื่อจะเลื่อน”

หัวหน้าคนสวยผมโผล่หน้าข้ามพาร์ทิชั่นมามอง “เอ้ย วินก็ไปดิ กินข้าวเจอหน้ากันเฉยๆ ไม่ได้คุยงานอะไรป่ะ เลื่อนเดี๋ยวยุ่งยาก คนเยอะ” 

“อ้าว โดนทิ้งอีกดิผม”

“ไม่ต้องงอนเลย งานนี้ยังไงเธอก็ต้องไป เอ้อ แล้วบริษัทอินที่ได้นี่ของเพื่อนวินป่ะ ที่หล่อๆ เกาหลีๆ” พี่ฝ้ายถาม

“ใช่ครับ บริษัทไอ้พีท” แหม่ อิจฉาความออร่าของมันจริงๆ เป็นหน้าเป็นตาไปไหนใครก็จำได้ นี่เจ้านายผมยังไม่เคยเจอบอยกับน้ำนะ อยู่กันครบนี่มีเพ้อแน่ๆ

“โหย งั้นพี่ไม่ได้ไปกินข้าวก็อดเจอดิเนี่ย หรือจะเทเลี้ยงส่งเพื่อนดี”

ทำอย่างนั้นได้ซะที่ไหนกันเล่า!

_ _ _ _

20.29


“เฮ่ออออ”

ผมนอนคว่ำหน้าเป็นผักเหี่ยวๆ อยู่ที่โซฟา
เคยมั้ยครับที่ไม่อยากขยับไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว กระพริบตาก็เหนื่อยแล้วประมาณนั้น
ผมกำลังเป็นอยู่...   
วันนี้ถือว่าได้กลับเร็วที่สุดในรอบหลายอาทิตย์ ขอหายใจทิ้งแบบนี้แป๊บนึง

จิ๋วเดินเอาหน้ามาถูมือผมที่กำลังห้อยเรี่ยพื้นแล้วร้องเมี้ยวขึ้นเบาๆ ตามประสาแมวขี้เอาแต่ใจ ผมอมยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นลูบเจ้าก้อนขนนุ่มนิ่ม ไอ้ตัวนี้แหละครับที่ทำให้หายเหนื่อยหน่อย เดินตามต้อยๆ ทั้งวี่ทั้งวัน จะออกไปทำงานแต่ละทีต้องแงะออกจากเสื้อ ผมกลับมาก็นอนรอหน้าประตู อ้อนจนใจอ่อนยวบต้องเอาเข้ามานอนด้วยทุกคืน คอนโดแมวก็เป็นหมันไป นานน๊านจิ๋วจะขึ้นไปปีนเล่นสักที คิดแล้วก็อุ้มแมวหูเดียวมาไว้บนพุงตัวเอง

ผมมองการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบขึ้นมามองผ่านๆ

ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์สักครั้งหรือไลน์สักบรรทัดจากเด็กหวานมาสามอาทิตย์แล้ว
ไอ้เด็กปีหนึ่งตัวโตหายไปเลยจริงๆ หลังจากวันนั้นที่คอนโด
เห็นมั้ยล่ะไอ้วิน มึงจะไปจริงจังกับคำพูดว่าชอบของเด็กปีหนึ่งนี่ได้ยังไง

ผมสั่งตัวเองวันละหลายรอบให้เลิกคิดและก็เลิกสนใจมันได้แล้ว 
แต่เคยคุยเคยเจอหน้ากันเกือบทุกวัน จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรที่หายไปก็คงจะไม่ได้หรอกครับ

ยอมรับกันอย่างแมนๆ ว่ามีใจสั่น มีหวั่นไหวไปบ้าง
โดยเฉพาะกับอ้อมกอดอุ่นๆ ของมันในวันนั้น
แม่งเอ้ย กูเป็นเอามากนะ

ถึงกับต้องส่ายหัวใส่ความคิดโหวงๆ ที่เกิดขึ้นในใจแล้วลุกขึ้นมานั่งตอบไลน์ในโทรศัพท์ที่ค้างไว้
ก็ถ้าสมมุติตอนนั้นเกิดใจอ่อนไปอะไรๆ กับคำพูดของมันขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่ผมหรือไงที่ตอนนี้จะต้องเจ็บ

เชื่อเถอะว่ามันจะแย่กว่าที่รู้สึกอยู่ตอนนี้แน่ๆ

_ _ _ _

19.32
วันพุธ


ผมกระพริบตาปริบๆอยู่บนโต๊ะอาหารขนาดสิบสองที่นั่ง
นี่มันงานสถาปนิกเหรอครับ ทำไมมีแต่คนใหญ่คนโต ออร่างี้ฟุ้งไปหมดยังกับอยู่คนละโลก
กูมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ยยยย

โน่นก็เจ้าของโครงการหลายร้อยล้าน ทางนั้นก็เจ้าของบริษัทอาร์คิเต็กชื่อดังที่ชนะประมูลกับซีเนียร์ดีไซน์เนอร์ ทางนี้ก็ซีอีโอของบริษัทวิศวกรรมงานระบบ ถัดไปอีกก็เป็นเจ้าของบริษัทอินทีเรียดาวรุ่งที่เพิ่งได้รับรางวัลกับทีมงาน พอมาเห็นแบบนี้ก็เพิ่งจะคิดได้ว่า โครงการครั้งนี้ของบริษัท AA ได้ตัวท็อปของวงการออกแบบมาจริงๆ เวลาตึกสร้างเสร็จคงมีคนต่อคิวขอสัมภาษณ์ยาวเหยียด ได้ลงหนังสือจนเอียนกันไปข้างนึงเลย

ด้วยความที่ว่าวงการออกแบบในเมืองไทยก็ไม่ได้กว้างนัก เลยกลายเป็นว่าทุกคนรู้จักกันหมด ถ้าไม่เคยร่วมงานกันมาก่อนก็มักจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในสถาบันเดียวกัน การพบเจอกันครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการเลี้ยงรุ่นย่อมๆ ไปซะอย่างนั้น บทสนทนาบนโต๊ะก็มีตั้งแต่การคุยกันเรื่องโครงการของ AA เทรนด์การออกแบบตอนนี้ ไปจนถึงงานดีไซน์ที่มิลาน ไม่ได้เคร่งเครียดอะไร เหมือนเป็นการทำความรู้จักและปรับจูนเข้าหากันของทุกฝ่ายมากกว่า

ผมซึ่งเป็นนักวิเคราะห์และผู้ประสานงานตัวกระจ้อยก็ได้แต่ตั้งใจฟังแอบเก็บรายละเอียดของบทสนทนาที่พวกคนดังๆ เขาคุยกันอยู่ ใจจริงอยากจะเอาสมุดกับปากกาขึ้นมาจดให้มันรู้แล้วรู้รอดไป นี่พวกเขากำลังวิจารณ์งานที่ได้ Pritzker Prize ปีนี้เลยนะครับ ประมาณว่าโนเบลของโลกสถาปนิกนั่นแหละ

ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อมีคนเตะขาจากใต้โต๊ะ
จะใครล่ะถ้าไม่ใช่ว่าที่ Interior Project Coordinator ของโครงการนี้ที่ชื่อคุณปรเมศ

ไอ้พีทไงครับ…
นั่งเก๊กหล่ออยู่เยื้องๆ ผมเนี่ย

“อัดเสียงสิวะ” มันขยับปากบอกผม “เผื่อกูด้วย”

ผมพยักหน้าตอบไปเร็วๆ ก่อนจะเอาไอโฟนตัวเองออกมากดอัดเสียงแล้ววางคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะอย่างแนบเนียน
รู้ครับว่าอัดไปอย่างนี้น่ะนิสัยไม่ดี แต่เพื่อความรู้ไง...ไม่ใช่จะง่ายๆ นะครับจะมาฟังคนระดับนี้วิเคราะห์งานกัน
ถ้าติดคุก... มึงไปกับกูละกันนะพีท

..

“ขอบคุณทุกท่านมากๆ นะครับที่อุตส่าห์มาวันนี้” เสียงคุณตะวันกับคุณเอทัสผลัดกันกล่าวขอบคุณเพื่อส่งคนร่วมโต๊ะอาหารกลับดังขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของคืน ในระหว่างที่สถาปนิกตัวเอ้ต่างแยกย้ายกันเดินทางกลับ พวกลูกน้องที่แต่ละบริษัทหอบหิ้วมาเพื่อเป็น Project Coordinator อย่างพวกผมกับพีทก็ยังคงง่วนกับการแลกคอนแทคและจัดกรุ๊ปอีเมลล์ระหว่างบริษัท พวกรายละเอียดประเภทติดต่อคนนี้ต้องผ่านเลขาสองคน คนนั้นไม่ว่างวันอังคาร คนโน้นเป็นหัวหน้าคนนี้ ติดต่อบริษัทนี้ต้องผ่านคนนี้ เรื่องเล็กๆ แบบนี้พลาดทีนี่ก็พังได้นะครับเนี่ย

จนเก็บรายละเอียดหมดนั่นแหละ แก๊งค์จูเนียร์ถึงจะได้สลายตัวกันบ้าง
ผมยืนอ่านโน้ตที่ตัวเองจดในมือถือทวนอีกครั้งระหว่างรอพีท

“ไง วันนี้ฉายเดี่ยวอีกแล้วนะวิน” คุณตะวันที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้พูดขึ้น “ในโต๊ะงี้นั่งเกร็งเชียว”

“อ้าว พี่ตะวัน” ผมรีบละสายตาจากจอมือถือตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นตอบ “ก็ในโต๊ะมีแต่ผู้ใหญ่นี่ครับ ผมงี้ตัวหดเหลือจี๊ดเดียว” ผมทำมือประกอบ

คนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ “อะไรกันเล่า นี่วินเป็นนักวิเคราะห์มือหนึ่งของพี่เลยนะ” อีกฝ่ายพูดพร้อมเอามือตบไหล่ผมเบาๆ

ทำเอาผมต้องยกมือลูบคอด้วยความประหม่า... นี่พี่ไม่ได้ประชดใช่มั้ยครับ   

“แล้วนี่วินจะกลับเลยรึเปล่า” คนตัวสูงถามยิ้มๆ

“เอ่อ ก็...” ผมมองซ้ายมองขวา

“ถ้าไม่รีบ ไปหาดื่มอะไรกันหน่อยไหม บาร์ของโรงแรมนี้ดังมากเลยนะ” กำลังจะอ้าปากปฏิเสธว่าไม่ดื่มเหล้าแต่คนตรงหน้าก็แทรกขึ้นเสียก่อน “นี่กระทั่งคุณเอก็หนีพี่กลับไปแล้ว ไม่ต้องเกร็งแล้วน่า” คุณตะวันเสริม
 
“เฮ้ย ตี๋... อ๊ะ” พีทที่เดินเข้ามาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่ผมยืนคุยอยู่ด้วยเป็นใคร “ขอโทษครับ” 
คนอายุมากกว่าขมวดคิ้วขึ้นเล็กๆ คงกำลังสงสัยว่าไอ้หมอนี่มันเรียกใครกัน

“อ้ะ คุณตะวันครับ คนนี้คุณปรเมศ โปรเจคโคของ XX interior ครับ” ผมแนะนำ พีทยกมือไหว้อย่างรู้งาน

“ครับ” คุณตะวันตอบ “จำได้ครับ เมื่อสักครู่นั่งทางท้ายโต๊ะเลยไม่มีโอกาสคุยด้วย” ยังแอบเห็นความสงสัยแปะอยู่บนหน้า
ปกติผู้บริหารเขางงกันนานแบบนี้เลยเหรอครับ “เพื่อนผมเองครับ เรียนมาด้วยกันเลย”

“อ้าว วินเป็นเพื่อนกับคุณปรเมศหรอกเหรอครับ”

“ครับ” พีทเป็นฝ่ายตอบ “ผมเรียนอินทีเรีย ส่วนวินเรียนสถาปัตย์”

“อ้อ...” คุณตะวันพยักหน้า “งั้นที่ชวนเมื่อกี๊ ไปด้วยกันเลยเป็นไงครับ”

_ _ _ _

22.12

“โอ้โห วินก็เป็นพี่ว้ากกับเขาด้วยเหรอ ใครจะไปกลัวเนี่ย” คุณตะวันพูดขำๆ แล้วจิบไวน์ในแก้ว

“อ้าว ไหงงั้นล่ะครับ” ผมร้อง “นี่ก็ขำจัง” ว่าแล้วก็ตบไหล่ไอ้พีทที่นั่งกลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆ ไปหนึ่งป้าบ

“สนิทกันจังเลยนะครับ” 

“ครับ ก็อยู่กันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แก๊งค์ว้ากนี่ก็ก๊วนเดียวกัน” พีทพยักหน้าแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม

“อ๊ะ แต่ที่ประมูลได้นี่ไม่ได้มีนอกมีในกันนะครับ” ผมรีบบอก

“ฮ่าๆ อันนี้พี่ทราบครับวิน ทาง AA เป็นคนเลือกนี่นา พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณพีทเป็นเพื่อนวิน ถ้ารู้ก็ว่าไปอย่าง”

“แหม พูดเหมือนถ้ารู้จะเลือกเลยอย่างนั้นแหละครับ” ผมแซว

คนที่นั่งตรงข้ามหัวเราะหึหึในคอ “ก็ไม่แน่”

โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของผมสั่นครืด “อ๊ะ สักครู่นะครับ” ผมหยิบไอโฟนออกมาพลิกดูชื่อคนโทรเข้าเร็วๆ
ไอ้เต้? โทรมาป่านนี้ทำไมวะ

ผมคงทำหน้าสงสัยเกินจริงไปหน่อย คุณตะวันที่นั่งตรงกันข้ามถึงกับถามออกมา “มีอะไรรึเปล่าครับ รับได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“อ่า เอ่อ ไม่มีอะไรครับ” ผมรีบกดปฏิเสธสายแล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม

พีทมองตามแล้วรีบฉวยโอกาสพูดแทรก “ใช่คนนั้นของคุณวินรึเปล่าครับ” 

“ไม่ใช่” ผมตอบ พอดีกับที่ทันเห็นไอ้พีททำตาวิบวับ

ชิบหาย...

มันแกล้งอุทาน “โอ๊ะ แสดงว่ามีคนนั้นจริงๆ ใช่มั้ยครับ”

เกลียดแม่งมากกกกกก “คนไหนอะไรครับคุณพีท เพ้อเจ้อ ไม่มีครับ” ผมตอบหน้าตาย

“แฟนวินเหรอ” คุณตะวันถามเรียบๆ 

“เอ้ย ไม่ใช่ครับ” ผมตอบแล้วจ้องหน้าเพื่อนตัวแสบไปด้วย ห่ารากกกกก อ่านสายตากูสิไอ้เชี่ยพีท กูกำลังด่ามึงอยู่

“อืมม ยังไม่ใช่รึเปล่าครับ” ไอ้พีทลอยหน้าลอยตา สีหน้าแม่งสะใจมากเพราะมันรู้ว่าผมด่ามันได้แค่ในใจ

“คุณพีทครับ เปลี่ยนเรื่องคุยกันครับ”

“เรื่องนี้ก็ออกจะสนุก เนอะครับคุณตะวัน” มันหันไปพยักเพยิดกับคุณตะวัน ดูหน้าเขาหน่อยมั้ยว่าเขาเนอะกับมึงมั้ย ไอ้เรื่องไม่เป็นเรื่องเนี่ย
“หึหึ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ชนแก้วกันดีกว่าครับ” พีทยกแก้วเบียร์ขึ้นพลางยักคิ้วให้

ผมแจกคำด่าทางโทรจิตให้พีทเป็นรอบที่สิบแปดระหว่างชนแก้ว ไอ้ตัวดีก็ได้แต่ยิ้มยียวนกวนส้นให้ผม
จนไม่ได้สนใจคุณตะวันที่กำลังพึมพำกับตัวเอง

“อืม มีคู่แข่งสินะ...”

_ _ _ _

23.01

ผมนั่งเท้าคางตาลอยอยู่บนรถไอ้พีท

กว่าจะได้กลับ
ก็ไม่รู้คุณตะวันจะชวนขึ้นไปนั่งชิวที่บาร์ทำไม ทีแรกนึกว่าจะคุยเรื่องงานซะอีก
สุดท้ายก็เป็นผมกับพีทที่ต้องนั่งจ้อเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง เล่นเงียบซะลูกเดียว จนกระทั่งจะแยกย้ายกันกลับนั่นแหละ ถึงได้เปิดปากอาสาจะไปส่ง (แต่ผมก็ยืนยันจะกลับกับไอ้พีทอ่ะนะ ให้ลูกค้ามาส่งก็ไม่ใช่เรื่องถูกมั้ยครับ)   
เฮ่ออ เบียร์ก็ไม่ได้กิน ไวน์ก็ไม่ได้แตะ
แถมยังง่วงนอนเป็นบ้าเลย

“ไอ้ตี๋...” พีทพูดขึ้นหลังนั่งเงียบๆ มาพักหนึ่ง

“ว่าาา” ผมหันไปหาวใส่มัน

“มึงสนิทกับคุณตะวันมากเหรอวะ” มันถามลอยๆ

“ก็คุยกันบ่อยอยู่นะ”

“มึงรู้จักเขามาก่อนรึเปล่า”

“เหอะ” ผมทำเสียงในคอ “จะเอาที่ไหนไปรู้จัก คุยกันส่วนใหญ่ก็เรื่องงานน่ะแหละ ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”

“กูว่า... แปลกๆ…” พีทบอก

ผมเลิกคิ้วขึ้น “จะแปลกอะไรวะ”

“เชื่อกูดิ่”

ผมกลอกตา “อ่า...”

เป็นคนแปลกน่ะเหรอ... ก็แค่ท่าเยอะเฉยๆ ล่ะมั้ง...

_ _ _ _

23.40

“ไม่ไป”

(เฮ้ยยย ไม่ได้ดิเฮียยย) เสียงน้องรหัสสุดที่รักของผมโวยวายออกมาจากโทรศัพท์

“นี่กูเรียนจบแล้วนะ ทำไมต้องไป พวกมึงก็จัดกันเองดิ” ผมว่าแล้วถอนหายใจแรงๆ ไม่น่าโทรกลับไปหาแม่งเลยครับเนี่ย

(ไม่มีใครเทพเท่าเฮียแล้วเอาจริงๆ เนี่ย ตายหมู่เลยนะถ้าเฮียไม่มา)

“พ่อเมิงงงง กูว่างมากดิ่”

(เนี่ย EnTech ยังมืดแปดด้านกันอยู่เลย อยากเรียนเชิญให้เฮียมาเป็นเทียนส่องสว่างกลางสมองพวกผมเหลือเกิน) มันพูดเร็วๆ แบบไม่สนใจประโยคก่อนหน้าของผม (ไม่งั้นไม่รอดชัวร์)

“...”

(นะเฮีย นะะะ)

“ไม่มีคนอื่นแล้วเหรอวะ ทำไมต้องกูเนี่ย” ผมว่าแล้วขยี้หัวแรงๆ

(พลีสสสสส เดี๋ยวผมไปรับเลย)

“ไม่ต้องมา ไอ้ห่า” ผมพูดแล้วถอนหายใจอีกรอบ “วันไหน...”

(เฮ้ยยยยยยยยยยยย เฮียใจดีที่สุดดดด ผมรู้ว่าเฮียต้องไม่ทิ้งพวกผม  เชี่ยปาล์ม เฮียกูจะมาติวให้) มันบอกเพื่อนเสียงดัง (เฮียสะดวกวันไหนบอกเลย ผมสอบวันพฤหัสหน้า)

ผมคิดเร็วๆ “ไอ้เหี้ยยยยย เหลือเวลาให้กูเตรียมตัวเยอะมาก” นี่มันคืนวันพุธ จะติวพรุ่งนี้ก็เตรียมสอนไม่ทัน ศุกร์ไม่ว่างเพราะต้องเตรียมประชุมแบบสถาปัตย์วันจันทร์ เพราะงั้นอาทิตย์นี้ตัดไปได้เลย แล้วอาทิตย์ถัดไปพวกแม่งสอบ ไอ้น้องห่าพวกนี้นี่แม่ง...
“จันทร์หรืออังคารแล้วกัน พุธติวไปก็ช่วยเชี่ยไรไม่ทันละ”

(โอ้ยเฮียย ขอบคุณมากๆ เดี๋ยวบอกวันอีกที รักเฮียมากกกครับ บายยย) มันตัดสายไปอย่างเร็ว

คือทำไมกูต้องหาธุระเพิ่มให้ตัวเองด้วยวะ แค่นี้ยังยุ่งไม่พอรึไง

คิดจบก็หนีความจริงดีกว่า
ฟัดกับเจ้าแมวหูเดียวไปได้สักพัก โทรศัพท์ที่วางบนหัวเตียงก็สว่างขึ้นเพราะการแจ้งเตือนจากไลน์อีกครั้ง
สงสัยไอ้เต้จะจัดเวลาได้แล้ว ผมปล่อยให้จิ๋วแทะมือข้างหนึ่งเล่น ส่วนอีกข้างก็คว้าเอามือถือขึ้นมาเปิดดู
เห... ไม่ใช่แฮะ

Tawan R. : วินถึงบ้านแล้วใช่ไหมครับ

ผมพิมพ์ตอบกลับไป

Wynn_Tect : ถึงได้สักพักแล้วล่ะครับ

Tawan R. : ดีแล้วๆ
Tawan R. : อืมม วินว่าบาร์ที่ไปดื่มกันต่อวันนี้เป็นยังไง ดีไหม?


ดี? ดีในแง่ไหนล่ะ ดีไซน์? บรรยากาศ? เครื่องดื่ม? ผมคิด

Tawan R. : เผื่อพี่จะเช่าที่บนมอลล์ที่กำลังจะสร้างแล้วทำเป็น Pub and Restaurant บ้าง

Wynn_Tect : อ๋อออ
Wynn_Tect : ผมว่าก็ดีนะครับ แต่ผมไม่ค่อยสันทัดแนวนี้เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าธุรกิจแบบนี้คืนทุนกี่ปี ต้องมี factor อะไรบ้าง จริงๆ น่าจะต้องปรึกษาพวกที่ทำร้านอาหารโดยตรงน่าจะดีกว่า ผมว่าฝ่าย Retail น่าจะมีข้อมูล ยังไงผมส่งคอนแทคให้ดีกว่า ฟังผมไปก็เชื่อไม่ได้ครับพี่ตะวัน 555

Tawan R. : ได้ครับ
Tawan R. : แล้ววินชอบมั้ย

Wynn_Tect : บรรยากาศดีนะครับ อยู่ซะชั้นสูงลิ่วขนาดนั้น มองวิวเมืองได้เต็มตาเลย เสียดายที่แพงไปหน่อย
Wynn_Tect : อ้ะ ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่ตะวันอีกทีที่เลี้ยงพวกผมนะครับ

Tawan R. : ไม่เป็นไรๆ วันหลังไปกันอีกสิ สนุกดี

Wynn_Tect : โอ้ย ไม่ไหวมั้งครับ
Wynn_Tect : ผมคงสั่งได้แต่น้ำเปล่า

Tawan R. : พี่เลี้ยงเองน่า
Tawan R. : บางทีอยากไปคนเดียวแต่ก็เขิน วินไปเป็นเพื่อนหน่อย

Wynn_Tect : โห ระดับนี้แล้วนะครับพี่ตะวัน ไม่ต้องเขินแล้ว

Tawan R. : เอ้า พี่พูดจริงๆ
Tawan R. : เอาเป็นว่าพี่ชวนครั้งหน้าต้องไป ห้ามปฏิเสธครับ

Wynn_Tect : เหย... ง่ายๆ แบบนั้นเลยเหรอครับพี่ 555

Tawan R. : ง่ายๆ แบบนี้แหละ
Tawan R. : ฝันดีครับ

Wynn_Tect : ครับ


ผู้บริหารเขาก็มีมุมขี้เหงาเหมือนกันแฮะ
ผมเอื้อมมือไปเกาคางจิ๋วที่ตอนนี้ย้ายตัวมานั่งบนตักผมไปเพลินๆ แล้วก็ถือโอกาสตอบไลน์กลุ่มและเข้าเฟสบุคเพื่อส่องข่าวคราวคนอื่นๆ ไปด้วย ไม่ได้อัพเดทมานานแล้วเหมือนกันแฮะ

ผมเห็นชื่อไอ้เด็กที่หายหัวไปเกือบเดือนโดนแท๊กอยู่ในอัลบั้มของอาจารย์คนหนึ่ง
ดูเผินๆ ก็เป็นรูปรวมงานโปรเจคดีไซน์บิลด์ของปีหนึ่งนั่นแหละ นาฬิกาแดดกลางวงเวียนคณะของมันคงเสร็จแล้ว
ผมเลื่อนผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจนัก

ไม่อยากจะใส่ใจ
ไม่ต้องใส่ใจ

คงจะดีที่สุด

_ _ _ _


(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2017 17:01:44 โดย idee »

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
วันศุกร์
10.03


งานเข้า

(คนไม่พอว่ะตี๋...)

“ชิบหายแล้วไงไอ้เหี้ยพีท เขาเรียกรีวิว Mood and Tone วันศุกร์หน้า” ผมดูตารางแล้วกุมหัว

(เออ รู้ว่าชิบหายไง เลยโทรมาถามมึงว่าเลื่อนได้มั้ย กูจะเสกยังไงให้ทัน)

โอ้ย ปวดกบาลลล “แล้วมึงไม่ได้ดูตารางเลยรึไงเนี่ยยย กูก็บอกแล้วว่าโปรเจคนี้แม่งเร่ง”

(พี่ในทีมรถล้มแขนหัก แล้วไฟนอลอีกโปรเจคเขาเลื่อนเป็นวันพุธเพราะเจ้าของจะเลื่อนวันเปิด ไอ้เหี้ยยย ทำไมชีวิตกูเป็นแบบนี้วะ) มันร้อง (กูฝิ่นเอาได้ป่ะวะ) เดี๋ยว... มันหมายถึงจะส่งงานต่อให้ฟรีแลนซ์พาร์ทไทม์น่ะเหรอ...

“ไอ้ห่าาา โปรเจคใหญ่ขนาดนี้มึงจะฝิ่นน ไอ้เหี้ยยย กูไม่ยอมมมม” ผมโวยวาย

(แล้วจะให้กูทำยังง๊ายยยยย มีมือมีตีนงอกออกมาอีกสี่ข้างยังทำไม่ทันเลย)

“กูทำให้มั้ย” ผมอาสา

(ไอ้เชี่ยตี๋ ว่างนักเหรอ)

“ไม่ว่างเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยมึงก็ไว้ใจได้ป่ะวะ อีกอย่างเอาให้ใครที่ไหนไม่รู้ก็ไม่ดีป่ะ ”

(คนที่ไว้ใจได้เหรอ…) ไอ้พีทพูดเสียงเบา (ไอ้ตี๋รอแป๊บ เดี๋ยวกูโทรกลับ)

“เฮ้ย ไอ้พีท!”

มันวางโทรศัพท์ไปแล้ว
อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะแรงๆ อะไรวะเนี่ยยย

“เหนื่อยเหรอครับ หน้ายุ่งเชียว” เสียงแบบนี้คุ้นๆ นะ เหมือน…
 
คุณตะวัน!!!

“เฮ้ย!” ผมดีดตัวลุกขึ้นยืน “มาได้ไงครับ!” ผมร้องทักคนหน้าเข้มที่อยู่ในชุดสูทสุดกริ๊บที่เป็นยูนิฟอร์มประจำตัว ร่างสูงยืนเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าแล้ววางถุงบางอย่างลงบนโต๊ะผม

“จะเข้ามาขอคอนแทคฝ่าย Retail น่ะ ที่วินบอกวันก่อน” คนตรงหน้าบอกยิ้มๆ ส่วนหน้าผมคงซีดไปแล้ว ตายห่า ลืมส่งให้พี่แกว่ะ “ส่วนอันนี้พี่เอามาฝาก วินดื่มอเมริกาโน่เย็นใช่มั้ย?” ว่าแล้วก็เลื่อนถุงมาให้ผม

รู้ได้ไงวะ...

“อะ... เอ่อ ขอบคุณครับสำหรับกาแฟ ส่วนเรื่องคอนแทคผมลืมไปสนิทเลย ต้องขอโทษพี่ตะวันมากๆ จริงๆ ทวงผมทางอีเมลล์ก็ได้นะครับ” มัวแต่ทำนู่นนี่ พลาดได้ยังไงว่ะไอ้ตี๋เอ้ยยยย

คุณตะวันหัวเราะยิ้มๆ “ไม่เป็นไรครับวิน พี่อยากแวะมาอยู่แล้วด้วย ไม่เสียเที่ยวหรอก”

“สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมเรียกฝ่าย Retail ให้ ถ้าทางนั้นว่างวันนี้จะได้--” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ แต่ถูกอีกฝ่ายยกมือห้ามไว้ก่อน

“ไม่เป็นไรครับ เอาเบอร์ตรงมาก็พอ เดี๋ยวพี่ให้เลขาติดต่อมา”

ผมทำหน้างง “หา...”

“เอาเบอร์ตรงครับ” คนตรงหน้ายืนยัน ผมเลยต้องหยิบกระดาษออกมาจดเบอร์ฝ่าย Retail แบบงงๆ แล้วยื่นให้


“พี่ตะวันอยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มไหมครับ”

อีกฝ่ายเก็บกระดาษเข้าเสื้อแล้วเงยหน้าขึ้นถาม “ทำไมวินไม่ใช้ Lamy แท่งนั้นล่ะ”

“ห๊ะ?”

“ที่พี่ซื้อให้ตอนนั้นไง” คุณตะวันย้ำ

“อ่าาา” ไม่ได้หมายถึงข้อมูลแบบนี้ป่ะวะ “ไม่กล้าใช้อ่ะครับ แล้วก็แท่งนี้ใช้จนติดมือไปแล้วด้วย” ผมสารภาพเสียงอ่อย

“เรานี่น้าา” คุณชายตะวันส่ายหัวแล้วอมยิ้มนิดๆ “ใช้หน่อยเถอะ คนซื้อเสียใจแย่” เขาว่า

ผมกระพริบตาปริบๆ “อ่า ครับ...”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ” พูดจบคุณชายก็ก้าวขายาวๆ ในชุดสูทออกไปซะแล้ว ผมยังพูดสวัสดีครับไม่จบประโยคด้วยซ้ำ


มาเร็วไปเร็วเหมือนเคย
แล้วตกลงพี่แกเข้ามาทำไมวะเนี่ย

_ _ _ _

12.11

“ว่าไงเชี่ยพีท” ผมรับโทรศัพท์เสียงเหนื่อย

(กูหาคนฝิ่นได้ละ) มันบอกอย่างมั่นใจ

“ไอ้เหี้ย นี่เอาจริงใช่ป่ะ เชื่อได้มั้ยเนี่ย” ผมเคาะนิ้วลงกับโต๊ะรัวๆ

(เชื่อได้ กูรับรอง)


ผมถอนหายใจ “ถ้าแม่งเบี้ยวนะกูจะต่อ--”

(ไปเตะแม่งพร้อมกันเลย)

“ห๊ะ” ผมงง “นี่คือมึงได้ใครมาวะ”

(ไอ้อาร์ต...)

“หาาา”

(คุณอาทิตย์ครับเพื่อน คุณเชี่ยอาร์ตเพื่อนพวกเรานี่แหละ)

“มันรับงานนอกด้วยเหรอวะ” ถึงกับต้องยกมือขึ้นมาเกาหัว

(ก็โทรไปถามมันมา ว่าสนใจมาเป็นพาร์ทไทม์บริษัทกูมั้ย เห็นตอนโน้นมันบ่นๆ ว่าอยากเก็บเงินซื้อรถ)

“อื้อหือออออ มีเป้าหมาย ไม่เหมือนเชี่ยอาร์ตที่กูรู้จักเลย คนเดียวกันป่ะเนี่ย” ผมว่า

(เชี่ยตี๋ มึงก็ไปว่ามัน) พีทหัวเราะ

“เออ ถ้าเป็นเชี่ยอาร์ตก็เบาใจ อย่างน้อยก็ตามรีดงานจากมันได้ง่ายหน่อย” ผมโล่งอก

(เออน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้วันเสาร์ไอ้อาร์ตจะเข้ามาออฟฟิสคุยกับเจ้านายกูเรื่องเวลา มึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูไปทำงานต่อละ)

“กูด้วย บ่ายนี้มีประชุม ไปละ บาย”


เฮ่อ โล่งใจไปได้นิดนึงละนะ
ผมหันไปเตรียมเอกสารต่อ
เสาร์อาทิตย์ก็ต้องเตรียมอ่านหนังสือติวให้ไอ้เด็กพวกนั้นอีก เดือดร้อนจริงๆ เลยกู...

_ _ _ _

10.25

วันอาทิตย์แบบนี้ยังต้องตื่นเช้ามาทำอะไรแบบนี้อีกเหรอวะ ผมร้องในใจอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตัวเอง

นี่จะครบสองเดือนแล้วมั้งครับที่ไม่ได้กลับบ้าน เมื่อวานเตี่ยกับม๊าเลยมาเยี่ยมที่คอนโดเพื่อให้แน่ใจว่าลูกชายยังไม่แห้งตาย พร้อมทั้งเจอว่าผมเลี้ยงแมวในห้อง คุณนายโวยวายนิดหน่อยแต่ด้วยเรื่องราวดราม่าและตาแป๋วๆ ของจิ๋ว แม่ผมก็กลายเป็นทาสแมวไปเรียบร้อย (บอกแล้วครับว่าตัวแสบนี่มันอยู่เป็น) หลังจากนั้นก็ลากผมออกไปกินข้าวทั้งเที่ยงทั้งเย็น กลายเป็นว่ากว่าจะได้กลับมาก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้ว ไหนจะต้องรื้อเอกสารกับสไลด์เก่าออกมาใช้เป็นข้อมูลอีก กว่าจะนั่งทบทวนเนื้อหาและทำสรุปเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน

วันนี้เลยต้องมานั่งปรับสไลด์แบบนี้นี่แหละครับ
ผมปรายตามองแมวตัวแสบที่นอนแผ่อยู่บนโซฟาด้วยความอิจฉา
ทีตอนเช้าวันนี้ล่ะมาเดินบนหมอนปลุกผมแต่เช้า แล้วพอทำงานดันมานอนโชว์

ผมบิดขี้เกียจแล้วไล่ดูเนื้อหาอีกรอบ เท่านี้ก็น่าจะพอ
ขอไปหาอะไรกินก่อนล--

Rrr..
เออ เอาเข้าไป ใครอีกล่ะเนี่ย

..
..

“แล้วพวกมึงก็เลยมาทำงานห้องกูอ่ะนะ…” ผมยืนกอดอกอุ้มจิ๋วอยู่ที่ประตูห้องหลังจากเปิดประตูให้พวกมัน “เห็นคอนโดกูเป็น Too fast too sleep รึไง” ผมหรี่ตามอง

“ม่ายยย...” อาร์ตส่ายหน้าแล้วลากเสียงยาว “ทูฟาสต้องจ่ายตังค์... แต่ที่นี่ฟรี...” พูดจบมันก็เอามือลูบหัวจิ๋วแล้วเดินผ่านผมเข้าไปในห้อง
ไอ้พีทที่ยืนอยู่หัวเราะร่วน “ฮ่าๆ ตามนั้นแหละครับคุณมาวินทร์” มันว่าแล้วเดินเข้ามาแล้วปิดประตู “แอร์เย็นเนทแรงมีแมวให้เล่น”
ผมเบ้ปาก


อาร์ตกับพีทจัดแจงกางโน้ตบุคของมันบนโต๊ะในห้องนั่งเล่นพร้อมแบบช่วง Preliminary ของผู้ออกแบบหลัก หลังจากบรรจงวางเอกสารแผ่ๆ ไปรอบโต๊ะเสร็จ (แน่นอนว่าผมต้องเอาจิ๋วไปเก็บ ไอ้ตูดนี่ชอบเดินเหยียบกระดาษครับ) พวกมันก็เปลี่ยนโหมดแล้วเริ่มคุยเรื่องงานกันอย่างไม่ให้เสียเวลา พีทนั่งอธิบายฟังก์ชั่นของตึกและแนวคิดหลักของผู้ออกแบบสถาปัตย์หลักให้อาร์ตฟังตามที่ได้ข้อมูลมา ก่อนจะเริ่มพูดถึงโจทย์ที่ได้รับมาตอนไปนั่งทานข้าวกันเมื่อวันก่อน ทำเอาผมที่ต้องทำสไลด์ประกอบการติวนั่งไม่ติดย้ายตัวมาฟังและแชร์ข้อมูลไปด้วย

ก็โปรเจคนี้มันน่าสนุกกว่ากันเยอะเลยนี่นา

“ก็... สำหรับ Community Mall ด้านหน้า” ผมอ่านลายมือตัวเองในสมุด “ต้องเป็นห้องรับแขกให้กับคอนโดด้านหลัง”   

อาร์ตละสายตาจากสมุดจดตัวเองขึ้นมามองหน้าผม

“ก็คอนโดพื้นที่มันเล็กใช่มะ อย่างมากก็อยู่กันได้สองคน ถ้าเพื่อนหรือญาติมา จะให้อัดกันอยู่ในห้องก็คงไม่ได้” ผมชี้ผังคอนโดขนาด 21 ตารางเมตรในจอ “เพราะงั้นมอลล์ข้างหน้านี่แหละ ต้องมีฟังก์ชั่นของการเป็นห้องรับแขกและสนามหน้าบ้านของคนในคอนโด ให้มานัดเจอกันที่นี่ ไม่ต้องขึ้นไปบนห้อง”

“อาฮะๆ นึกออกๆ” อาร์ตพึมพำ “เลยต้องมีพื้นที่สีเขียวเยอะขนาดนี้สินะ” มันชี้เลย์เอ้าท์แปลน

“ช่ายย” ผมลากเสียง

“ก็จะออกมาอารมณ์ประมาณนี้” อาร์ตเสิร์ชรูปดูเร็วๆ

ถึงช่วงนี้งานของอินทีเรียจะทำอะไรไม่ได้มากเพราะต้องรอแบบงานสถาปัตย์หลักลงตัวก่อน (ซึ่งก็น่าจะเกินเดือน) แต่การทำ Mood and Tone Board เพื่อนำเสนออารมณ์ของงานและแนวทางที่จะใช้ในการออกแบบก็ควรจะทำให้เร็วที่สุด จะได้หลีกเลี่ยงการเข้าใจไม่ตรงกันระหว่างคนทำงานกับลูกค้าและให้ทุกคนเห็นภาพเดียวกัน พีทกับอาร์ตเสิร์ชหารูปภาพอ้างอิงแล้วพลัดกันเขียนคีย์เวิร์ดสำคัญๆ ลงบนกระดาษร่างแผ่นใหญ่

“กูว่า Mood board วันพุธควรจะทำไปเสนอพี่กูอย่างน้อยห้า แล้วคัดไปพรีเซนต์วันศุกร์สามแบบ” พีทบอก

ท่าทางจะไปได้ดีแฮะ
เพราะงั้นผมไปเตรียมสไลด์ติวต่อดีกว่า

..

ว่าแต่
เข้าคณะแล้วจะเจอหมอนั่นรึเปล่านะ
แล้วจะทำหน้ายังไงดี

_ _ _ _

TBC

_ _ _ _

พาลูกชายมาส่งค่ะ ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันค่า
แล้วก็...น่าจะหายไปอีกสักพักนะคะ /ซับน้ำตา
ติดงานกับคุณตะวัน(ตัวจริง)อยู่ค่ะ ฮือออ

เม้ามอยกันได้ที่ twitter #วิเคราะห์การรัก เหมือนเดิมนะคะ
(เราแอบสิงอยู่แถวนั้นแหละค่ะ แหะๆๆ)

หากคนอ่านไปเจอที่อื่น โดยคุณ MaBlink นั่นสาขาสองของเรานะคะ ไม่ต้องตกใจเน้อ

แล้วพบกันค่ะ
 :bye2: :bye2: :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2017 21:33:49 โดย idee »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
คุณตะวันจะเดินหน้าจริงจังแล้วใช่ไหมคะ?

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ จอมจุ้น6002

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น้ำหายไปไหนคะ คิดเถิงงงงงงง  :ling1:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เห็นบรรายากาศการทำงานเลย มันดูน่าสนุกดีนะ
น้องหวานหายไป ไม่เป็นไรเพราะเรามีคุณตะวัน ว่าแต่วินจะรู้เมื่อไหร่ว่ามีคนมาจีบ
 :pigha2:

ออฟไลน์ Faxh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงน้องหวาน

ออฟไลน์ Meercorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นตี๋วินนี่ชีวิตยุ่งจริงๆเลย55555555 ทั้งงานนอกงานใน เข้ามอไปก็ขอให้ได้เจอน้องหวานด้วยนะจ๊ะ ชั้นรู้ว่านายก็คิดถึงน้องเขา หยั่มมาาา

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คิดถึงน้องหวานแทบจะทุกช่วงของชีวิต คุณตะวันเร่งเครื่องทันไหมคะเนี่ย  :hao7:

ออฟไลน์ taku_kimu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สนุกมาก อ่านเพลินเลย ภาษาดี รายละเอียดเยอะไปนิดแต่เรื่องนี้ชอบนะเพราะอ่านแล้วได้รู้ว่า เออ อาชีพนี้เค้าทำอะไรกัน ชอบๆ   o13 

..อยากเชียร์คุณตะวัน แต่ตี๋คงชอบน้องหวานไปแล้วชิมิ  :hao3:

รออ่านอยู่นะ นี่ไปสมัครสมาชิกมาเม้นท์เรื่องแรกเลย หลังจากแอบอ่านเว็บนี้นานมาก ชอบขนาดไหนคิดดู เพราะงั้นอย่าทิ้งอย่าเทกันนะจ๊ะ #ไม่กดดัน  :mew4:

ออฟไลน์ kstation

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เดาว่าหวานกะคุณตะวันต้องเป็นญาติกันแน่ ๆ เลยครับ

ชอบมากครับ ถึงต้องสมัครสมาชิกเข้ามาตอบกระทู้เลยครับ แต่งดีครับทำให้เข้าใจในอาชีพนี้เลยครับ

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากๆ บรรยายดี เนื้อเรื่องไหลลื่น ข้อมูลแน่น
ถึงกะอ่านรวดเดียว 20 ตอน ขอคารวะเลย

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
คุณตะวันทำคะแนนรัวๆ เด็กหวานหายไปเลยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
คิดถึงหวานจะบ้าแล้ว  :hao5:  :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2017 13:58:29 โดย Qix9y_ »

ออฟไลน์ Faxh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงตี๋วินกับน้องหวานแล้ว

ออฟไลน์ ravyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
แอบจิ้นคุณตะวันกะนุ้งพีท 555555  o18 o18 o18
(พยายามตัดคู่แข่งให้น้องหวาน ฮี่~)

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 21

วันจันทร์
19.23


“เฮียยยย คิดถึงจังเล้ยยยยย” ไอ้เต้วิ่งกระหืดกระหอบมารับผมถึงที่ลานจอดรถ หลังจากผมโทรบอกไปไม่ถึงสามนาที

“แหม่ ปกติมึงเคยเดินมารับกูมั้ยเนี่ย” ผมว่าพลางพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาถึงศอกแล้วปลดกระดุมเสื้อ เนคไทค์ถูกโยนส่งๆ กลับเข้าไปในรถ พร้อมๆ กับที่หยิบกระเป๋าสะพายส่งให้ไอ้เต้ที่ยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ “เอาไปถือเลย”

“เฮียมาติวให้ทั้งทีก็ต้องบริการกันหน่อยดิ่” มันยื่นโค้กกระป๋องในมืออีกข้างมาให้ผมแล้วยั้งมือไว้
“อ้ะๆ นี่กินข้าวยัง เป็นลมตอนติวไม่เอานะเฮีย”

“ไอ้เหี้ยเต้“ ผมด่าแล้วหยิบโค้กในมือมันมา “แล้วนี่ติวไหน ลานหน้าสโมรึเปล่า”

“เหอะ เฮียวินมาทั้งที...” มันส่ายหน้าแล้วเดินนำไปเร็วๆ “ผมจองห้องเลคเชอร์ไว้เลยแหละ”

“เออๆ...” ผมตอบผ่านๆ ก่อนจะทำตาโต
“เฮ้ย... เดี๋ยว... มึงมีกี่คนเนี่ย”

น้องรหัสสุดรักของผมยิ้มแฉ่ง “เกือบร้อย... ทั้งเต็กทั้งอินอ่ะ”     

“ไอ้เหี้ยเต้!!”

_ _ _ _

21.40

“ไหนใครมีคำถามเรื่องอะไรอีกมั้ย” ผมพูดเสียงแห้ง

“พี่วินคะ ทวนวิธีอ่าน Sun chart อีกทีได้มั้ยอ่ะคะ” น้องเฟิร์นยกมือขึ้น

“ได้สิ” ผมพูดตอบ พลันแว่วเสียงร้องว่าพอแล้วๆ อย่างอ่อนแรงจากกลุ่มเด็กปีสามในห้อง ทำเอาต้องขมวดคิ้วมุ่น
“หรือพวกมึงแม่นกันแล้วล่ะ ไหนลองคำนวนข้อนี้ซิว่าแดดเข้ากี่องศา ถ้าตอบถูกภายในสามนาทีกูยอมเลย” ผมขยับตัวไปเขียนโจทย์บนกระดาน เสียงร้องระงมดังขึ้นทั้งห้อง

“โอ้ยยย พี่วินนนน”     
“กูบอกแล้วอย่าไปทักก”
“ไม่เอาแล้ววววววว”
“พี่เฉลยมาเหอะ ไม่มีสมองจะคิดแล้วอ้ะ”
“แง หิวข้าววว”

 
ผมเบ้หน้า ต้องสอนการอ่านแผนจำลองแสงอาทิตย์ใหม่อีกรอบสินะ

เอาเถอะ ผมยอมรับว่ามันน่าสับสนเอาเรื่อง ทั้งมุมทั้งองศา ทั้งอาซิมุธดวงอาทิตย์อะไรก็ไม่รู้ ถ้าทำงานดีไซน์ก็อาจจะได้ใช้ความรู้ส่วนนี้อยู่บ้าง แต่เขาก็ใช้โปรแกรมคำนวนกันทั้งนั้นแหละครับ หมดยุคมานั่งหมุนไอ้แผ่นใสกลมๆ นี่ไปตั้งนานแล้ว ในมหาลัยแบบนี้สอนกันแค่ให้รู้คอนเซปก็พอ ผมถอนหายใจก่อนจะเริ่มอธิบายใหม่อีกครั้ง

..
 
22.15

ผมมองน้องหลายคนหมดสภาพนอนกองกันอยู่บนโต๊ะ ท่าทางจะสมองบวมกันไปหมดแล้วมั้งเนี่ย
น้องหลายคนงึมงำคุยกันแล้วเปิดสมุดทบทวนเร็วๆ ส่วนที่เหลือก็นั่งตาลอยมองหน้าผมสลับกับกระดานไวท์บอร์ด เห้ย ไหวป่ะวะ ผมสอนยากไปเหรอ
 
“ครบทุกหัวข้อแล้วเนอะ ไม่มีแล้วใช่ป่ะ” ผมสรุปเบาๆ แล้วยืนพิงโต๊ะ โค้กสองกระป๋องที่วางอยู่หมดเกลี้ยงไปนานแล้ว
“งั้นขอให้ทุกคนโชคดีละกัน ไปทบทวนเข้า อาจารย์แกไม่ออกยากหรอกน่า มันก็อยู่ในหนังสือทั้งนั้นแหละ” ผมว่า

ผมทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ ไอ้เต้นะไอ้เต้ นึกว่าจะให้ติวแค่กลุ่มเล็กๆ สิบห้าคนก็มากแล้ว นี่เล่นมาซะเต็มห้องเลคเชอร์ ครบหมดทั้งสองภาค ดีนะที่เตรียมการสอนมา ไม่งั้นมาเจอคนขนาดนี้ผมตายพอดี ไอ้เด็กพวกนี้ก็ยังไง ถามกันเหมือนไม่ได้เรียนมาเลยซักกะติ๊ด
จากที่กะไว้ว่าจะติวแบบสรุปสั้นๆ ดันขอให้เริ่มสอนตั้งแต่เบสิกคาบแรกยันคาบสุดท้าย จากชั่วโมงเดียวเลยกลายเป็นต้องโซโล่นอนสต๊อปสองชั่วโมงกว่าแบบนี้

งานมันยุ่งไม่พอใช่มั้ยวะตี๋!



“พี่วินนนนน ไม่ได้พี่ติวนี่ตายยยย ขอกอดทียยย์” ไอ้น้องเอกพุ่งตัวเข้ามาในขณะผมกำลังยืนคุยอยู่กับไอ้เต้ที่โถงหน้าคณะ

“ไอ้เชี่ยยยยยเอกกกก” ผมโดดเหยง “อะไรของมึง”

มันจิ๊ปาก “งกอ่ะ กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้” พูดจบมันก็โดนน้องรหัสผมโบกหัวดังป้าบ

“ไอ้นี่นิ่ เฮียกูมั้ย” ไอ้เต้ว่า “ว่าแต่… เฮียย กราบขอบคุณอีกทีนะครับ” มันหันหน้ามาทำตาหวานซึ้ง

“เออๆ ไม่เป็นไร ก็ติวให้ได้แค่นี้แหละ” ผมบอก “แล้วนี่พวกมึงนอนสตูเหรอ”

“ม่ายอ่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว” เอกพูด

“เฮียยย ไปส่งพวกผมรถไฟฟ้าหน่อยสิ” เต้รีบหันมาพูดเสียงอ้อน

“เอออ...” ผมลากเสียง

น้องเอกทำหน้าแบบนึกขึ้นได้ “เอ้อ แต่ว่าผมอยากไปดูพวกปีหนึ่งติวก่อนกลับอ่ะพี่วิน พรุ่งนี้พวกมันสอบฮิสทรี่ใช่ป่ะเต้”

น้องรหัสผมพยักหน้าตอบ “เอ้อจริง แวะไปแป๊บนึงได้มั้ยอ่ะเฮีย หรือเฮียจะรอหน้าคณะก็ได้” 


ปีหนึ่ง..งั้นเหรอ


“อืม” ผมทำเสียงอืออา “เอ่อ... มันติวกันที่ไหนล่ะ”

“ชั้นสองน่ะ พี่จะไปเหรอ” เต้ถาม

“อ่า...” ผมอ้ำอึ้ง “ก็...ไปก็ได้”

_ _ _ _

23.43

ผมปิดประตูห้องเสียงดังกว่าปกติ ทำเอาแมวตัวเล็กที่มารออยู่ด้านหน้าสะดุ้งโหยง

ไอ้เด็กบ้านั่น
มันสบตาผมแน่ๆ

เคยรู้สึกหน้าชามั้ยครับ
ร่างสูงๆ นั่นเดินออกไปจากห้องทันทีที่ผมกับพวกไอ้เต้โผล่หน้าเข้าไปในห้อง
ไม่ทักทาย ไม่ยิ้ม ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองผมเลยด้วยซ้ำ 
ยอมรับว่าความอดทนต่ำกว่าที่คิด อารมณ์มันตีกันมั่วไปหมดไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นทำหน้าออกไปยังไง

มันเมินผม เมินแบบจริงจังเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น
คิดว่ามันเป็นใครกันวะ ไอ้เด็กห่านี่!

ขอนั่งเล่นกับแมวเพื่อสงบสติอารมณ์หน่อย
ผมนับหนึ่งถึงร้อยแปดสิบในใจแล้วถอนหายใจแรงๆ เรียกสติ

เออ

นี่อาจจะดีก็ได้ จริงๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่ใช่รึไงเล่า เด็กหวานหายไปอย่างที่คิดแล้วนี่

ที่เหลือก็แค่จัดการความรู้สึกตัวเองให้มันจบๆ
แล้วก็กลับไปเป็นแบบเดิม
ง่ายจะตายไป

_ _ _ _

วันพุธ
14.32


ช่วงนี้คงเป็นช่วงคิวทองของผมจริงๆ ก็ไอ้โครงการหลายร้อยล้านของคุณพี่ตะวันนี่น่ะแหละครับ เพราะกำลังเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายงานออกจากบริษัทไปสู่ผู้ออกแบบภายนอก และส่งข้อมูลต่อให้ผู้ควบคุมงานก่อสร้างในบริษัทผมเอง
ด้วยความที่ส้มหล่นแบบเทกระจาดมาเป็น Project Manager ของโครงการ ก็เลยต้องประชุมรัวๆ วิ่งไปมาระหว่างฝ่ายเพื่อซัพพอร์ตข้อมูล เรียกว่าเอะอะอะไรก็วินๆๆ เรียกกันให้ควั่กทั้งฝ่ายวิเคราะห์ แบรนด์ดิ้ง และฝ่าย CM
ครบครับ ครบ

“วิน มาดูนี่หน่อยสิ ตารางนี้มันผิดรึเปล่า” เสียงพี่ฝ้ายเรียกขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังนั่งตอบอีเมลล์อยู่พอดี

ถึงกับต้องรีบลุกขึ้นเดินไปหา “ห้ะ ตรงไหนนะครับ”

“เนี่ย ตารางที่จะส่งต่อให้ฝ่าย CM น่ะ ส่วนของแบบประมูลผู้รับเหมามันควรจะเร็วกว่านี้ไม่ใช่เหรอ” พี่ฝ้ายเอานิ้วชี้ที่จอ

“เอ่อ อันนี้ผู้ออกแบบสถาปัตย์หลักแจ้งมาแล้วไงครับ ว่าจะดีเลย์ เพราะทางเจ้าของโครงการ approve แบบครั้งที่สามช้าไปรอบนึง มันเลยยืดมาอีกอาทิตย์กว่า” ผมอธิบาย

“เอ้าาา เรื่องนี้ต้องทำบันทึกนะ”

“เอ่อ เขียนในบันทึกการประชุมครับ-”

“ไม่ใช่สิวิน ต้องทำบันทึกแยกแปะไปกับตารางเลย แจ้งกับ CM ว่างานมันเลื่อนเพราะอะไร ต้องโน้ตแยกไว้เลยว่าเนี่ย factor ที่ทำให้งานช้ามันมีสาเหตุจากอะไร เดี๋ยวตอนหลังต้องมาตามเช็คอีก ฟ้องกันนี่ตายเลยนะ” พี่ฝ้ายอธิบาย

ลืมคิดไปเลยแฮะ “ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”   


เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะพลาดเลยแฮะ ได้แต่เดินจ๋อยไปนั่งทำเอกสารเพิ่มเติมที่โต๊ะตัวเอง
งานหลุดไม่พอ สติผมนี่แหละที่จะหลุดไปด้วย 

Rrrr...

เห…

มองชื่อที่ขึ้นอยู่หน้าจอก็ต้องขมวดคิ้ว มีอะไรหรือเปล่านะ
ผมรีบรับโทรศัพท์

“ครับพี่ตะวัน” 

(สวัสดีครับวิน)

“ครับ พี่ตะวันมีอะไรหรือเปล่าครับ โทรมาเองเลย” ผมแอบแซว

(อ้าว ต้องมีเรื่องเหรอครับถึงจะโทรหาวินได้) ปลายสายพูดเสียงเหวออย่างสมจริง ทำเอาผมหลุดหัวเราะ

(แต่ก็มีเรื่องรบกวนจริงๆ นั่นแหละ คือพี่จะโทรมาถามเรื่องเอกสารประมูลผู้รับเหมา กับพวกตารางเวลาน่ะครับ)

“อ้อ TOR ของผู้รับเหมาใช่มั้ยครับ เอ... เหมือนคุณกิตฝ่าย CM จะส่งในอีเมลล์ลูปให้แล้วนะครับ วันก่อนผมว่าผมเห็นอยู่ เดี๋ยวผมประสานกับฝ่าย CM ให้อีกทีครับ”

(ขอบคุณครับ ว่าแต่ วินไม่ได้ดูโปรเจคนี้แล้วเหรอ พักหลังๆ พี่เห็นแต่อีเมลล์จากคุณกิตกับคุณมีนตอบกับดีไซน์เนอร์)

“กำลังถ่ายงานกันอยู่ครับ แต่เป็นผู้ประสานงานเฉยๆ ตอนนี้ผ่านช่วงการทำ Conceptual Design เข้า Design Develop แล้ว ดังนั้นงานของบริษัท OO จะออกจากฝ่าย PM และ Construction Manager เป็นหลักละครับ” ผมอธิบาย

(อ้อ เข้าใจแล้วครับ)

“แต่ผมยังดูอยู่นะครับ อาจจะไม่ใช่คนออกแอ็คชั่นเท่านั้นเอง” ผมรีบเสริม

(ครับวิน) เสียงนุ่มตอบกลับมาจากปลายสาย (ว่าแต่ช่วงอาทิตย์หน้าวินว่างมั้ยครับ)

“อ่าา ประชุมเหรอครับ” ผมเปิดปฏิทินตัวเอง ทำไมไม่มีใครบอกเลยล่ะ “ผมยังไม่เห็-”

(เปล่าครับ พี่จะชวนไปกินข้าวเย็น) อีกฝ่ายบอกกลั้วหัวเราะ

“เอ่ออ” ผมลากเสียง กินข้าวเย็น นัดกินข้าวเย็นเนี่ยนะ แปลกไปมั้ย

(คราวที่แล้ววินสัญญาไว้แล้วนะ ว่าจะไป นี่จะครบเดือนแล้วครับเนี่ย)

ก็ยังแปลกอยู่ดีแหละ “อ่า..”

(พี่ไม่เอาเราไปขายที่ไหนหรอกน่า) คุณตะวันย้ำ

“เอ้ย... ผมไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย แค่กำลังนึกตารางอยู่ครับ ก็ได้ครับ”

(งั้นเดี๋ยวใกล้ๆ นัดกันอีกทีเนอะ)

“ครับ”

(อย่าลืมตาม CM ให้พี่ล่ะ แค่นี้นะครับ พี่ต้องไปประชุมต่อแล้ว)

“ครับพี่ตะวัน”

หลังวางหูไปผมก็ใช้เวลาอีกไม่ถึงสองนาทีในการหาอีเมลล์ฉบับที่ว่าแล้วกด Forward ไปให้คนที่เพิ่งวางหูไปอีกรอบ ทั้งๆ ที่ชื่อตะวัน รัชยานนท์นั่นก็โชว์หราอยู่ในลูปอีเมลล์ที่ CM ส่งให้แต่แรกแล้วแท้ๆ หาไม่เจอซะอย่างนั้น

ประหลาดแฮะ สงสัยงานจะเยอะจนล้นเมลล์บ๊อกซ์
ไอ้เรื่องชวนไปกินข้าวนั่นก็ด้วย


“พี่วินคะ พี่มีนกับพี่กิตให้มาเรียกค่า จะรีวิวแบบสถาปัตย์หลักกัน” น้องแคร์เดินยิ้มแป้นมาพร้อมเอกสารปึกใหญ่ในมือ “นี่ แคร์ปริ้นท์ให้ละค่ะ”

โอ้ยย ยังไม่ทันให้หายใจเลยย

“โอเค ขอบคุณมากครับแคร์ นี่พี่ขาดน้องไปคนนึงต้องตายแน่นอน” ผมว่าแล้วรับเอกสารมาถือไว้ ทำหน้าซาบซึ้งให้น้องไปหนึ่งยิ้ม

“แหม น้อยๆ หน่อยย่ะ” เสียงพี่ฝ้ายแหวขึ้นจากพาร์ทิชั่นข้างๆ
“อย่าอ้อย ที่นี่ชั้นอ้อยได้คนเดียวเข้าใจมั้ย”

ขอให้อาทิตย์นี้ผ่านไปด้วยเสียงหัวเราะแบบวันนี้ละกันนะครับ

_ _ _ _


วันศุกร์
14.45


ให้ตาย
บรรยากาศการประชุมแย่ๆ มันเป็นแบบนี้นี่เอง

“ผมถามว่ามันทำได้มั้ย..” ผู้ชายสูงวัยที่นั่งบริเวณหัวโต๊ะเอ่ยเสียงเข้ม นิ้วมืออวบอูมที่ประสานกันอยู่บนโต๊ะมีแหวนเพชรเม็ดโตประดับอยู่หลายวง มองแล้วแสบตาพิลึก

“จากข้อมูลของที่ดิน ดิฉันเกรงว่าด้วยระยะร่นกับกฏหมายควบคุมความสูง จะทำให้เราไม่สามารถขึ้นอาคารพักอาศัยขนาดใหญ่ได้ค่ะ” พี่ฝ้ายตอบชัดเจน “ข้อเสนอของทางนี้ในเบื้องต้นคือ ควรพัฒนาพื้นที่ให้เป็นอาคาร Office Building เพื่อให้เช่าพื้นที่สำนักงาน ทำเป็นตึกประสิทธิภาพสูงแล้วเน้นปล่อยเช่าสำหรับบริษัทข้ามชาติจะเหมาะสมมากกว่าค่ะ”

“แล้วทำไมตึกของบริษัทนั้นเขาทำได้ล่ะ อยู่ข้างกันแท้ๆ ถ้าเขาทำได้ทำไมผมจะทำไม่ได้” คนพูดขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ

พี่ฝ้ายพยักหน้าให้ ผมเลยคีย์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์เร็วๆ
“ขอเรียนอย่างนี้ครับ ทางตึกของบริษัท CC อยู่ในพื้นที่สีน้ำตาลเหมือนกันก็จริง แต่รูปร่างของที่ดินเป็นตอนลึกเข้าไป ทำให้ไม่ติดเรื่องความสูงเหมือนผืนนี้ ที่สำคัญคือได้มีการขอรับรองอาคารเขียวตามเกณฑ์ของสถาบันอาคารเขียวไทย เลยได้ FAR Bonus อีก 1.5 เท่า ทางนั้นเลยขึ้นตึกสูงได้มากกว่าปกติ” ผมอธิบาย

“นี่คุณ อย่ามัวเอาเด็กมาพูด ผมไม่มีเวลามาฟังทั้งวันนะ” ร่างอวบหันไปพูดกับพี่ฝ้ายโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าผม

อื้อหือ..
โดนไปหนึ่งดอก

“ดิฉันก็ต้องขอยืนยันตามที่นักวิเคราะห์ตอบไปค่ะ” พี่ฝ้ายยืนยัน

“หึ.. นี่พวกคุณเคยทำงานจริงกันหรือเปล่า รู้มั้ยว่าบริษัทนี้เดือนหนึ่งทำกำไรได้เท่าไหร่ ไอ้ตึกแบบนี้น่ะผมทำมาตั้งแต่ก่อนพวกคุณเกิดอีก” ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะ “มันสร้างได้ทั้งนั้นแหละ พวกคุณแค่ไม่รู้วิธี นี่เคยทำงานจริงกันบ้างหรือเปล่า”


ผมอ้าปากค้าง
โอ้โห...
หลุดออกมาจากโลกไหนกันครับคุณ


ผมนั่งนิ่งแล้วสบตากับพี่ฝ้าย หัวหน้าคนเก่งของผมพยักหน้าแล้วพูดเสียงหนักแน่น
“อย่างนั้นทางบริษัทคงต้องขอถอนตัวค่ะ ความสามารถคงไม่พอกับโครงการนี้จริงๆ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณมากนะคะที่ให้โอกาสเข้ามานำเสนองาน” พี่ฝ้ายกรีดยิ้มแล้วลุกขึ้นสวัสดีแบบไม่รอฟังคำตอบ ซึ่งที่ถ้าให้ผมมอง... เขาก็คงไม่ได้อยากจะรั้งไว้ด้วยซ้ำ

ดีครับดี ถึงเรียกไว้ก็ไม่อยากจะอยู่เท่าไหร่หรอก ผมลุกขึ้นยกมือไหว้แล้วเดินตามไปติดๆ 

เราสองคนเดินออกมาแบบไม่พูดอะไรกันเลยซักคำ พี่ฝ้ายคงอารมณ์กรุ่นไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ เดาจากเสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกหนักๆ ไปตามล็อบบี้ทางเดิน

“ไม่ไหว” ผมพูดทำลายความเงียบขณะที่พวกเราเดินพ้นจากลิฟต์แล้วมุ่งหน้าไปยังที่จอดรถ “ไม่ไหวจริงๆ ผมไม่คิดเลยนะเนี่ย ว่าจะมาเจอลูกค้าแบบนี้ บริษัทก็ออกจะใหญ่โต พูดจาไม่น่าเคารพเลยสักนิด” 

“ลูกค้าน่ะมีหลายแบบ” พี่ฝ้ายพูดนิ่งๆ “ที่ดีก็มี ที่แย่ก็เยอะ”

“นี่ก็แย่ไปไง” ผมถอนหายใจพรืด “กร่างแล้วยังจะปากเสียอีก ไม่ให้เกียรติกันเลย”

“ไม่แปลกหรอกน่า อายุพวกเราก็เป็นลูกเขาได้ด้วยซ้ำ” พี่ฝ้ายปราม “เรามันทำหน้าที่ที่ปรึกษา ถ้าเขาไม่เชื่อเรา เราก็ให้คำปรึกษาเขาไม่ได้น่ะ จบ ที่ไหนรับได้ก็ทำไป”

ผมพยักหน้าหงึกๆ ตามคำอธิบาย

“ไม่ต้องอารมณ์ไม่ดีหรอกน่า” พี่ฝ้ายเอามือตบไหล่ผมปุๆ “วันนี้ในห้องประชุมวินเองก็ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว รายงานฉะฉาน ถ้าเขาจะไม่เชื่อเพราะหน้าเด็กมันก็ไม่ใช่ความผิดวินนี่นะ” เจ้านายคนสวยของผมยิ้มให้แล้วเปิดประตูรถ
“เอ้า ขึ้นรถ เดี๋ยววันนี้กลับไปออฟฟิสเจ้จะเลี้ยงไอติม”

ผมยู่หน้าก่อนจะก้าวขึ้นรถแล้วปิดประตู “นี่ก็กำลังทำเหมือนผมเป็นเด็กน้อยอยู่เหมือนกันนี่ครับ เอาไอศกรีมมาล่อน่ะ..”

“แปลว่า..”

“เอาแม็กนั่มนะ” ผมตอบหน้าตาย 

พี่ฝ้ายหัวเราะเสียงดังลั่นรถเลยครับ

_ _ _ _

18.00

Rrrr…


“ว่าไงมึง โทรมาซะหกโมงเพ๊ะเลยนะ” ผมทัก “ถ้าให้เดาคือตามกูไปแดกเหล้า”

(รู้ดีนะมึง) อาร์ตตอบเสียงขุ่น ทำเอาผมที่กำลังจะตอบปฏิเสธชะงักไปเลย
(กูจองไว้ทุ่มนึงที่พญาไท ถ้ามึงไม่โผล่ล่ะน่าดู)

“โว้ว เดี๋ยวๆ ไปโมโหอะไรที่ไหนมาวะ” 

(มึงน่าจะเดาได้นะ)

“หา?”

(เอาเป็นว่าถ้ามึงไม่มาล่ะน่าดู ทุ่มนึงนะ ห้ามเลท ไม่งั้นกูตัดเพื่อนแน่)

แล้วอาร์ตก็วางสายไปแบบงงๆ
ท่าทางวันนี้คงต้องเปิดห้องเป็น AirBnb อีกแล้วล่ะมั้ง

_ _ _ _

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2017 21:49:12 โดย idee »

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
_ _ _ _

19.03

ผมก้าวเท้าเร็วๆ จากรถไฟฟ้า มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารกึ่งผับเจ้าดังที่นานๆ จะมาสักที ไม่ใช่ว่าร้านไม่ดีอะไรหรอกนะครับ ถึงจะไม่มีแอร์แต่บรรยากาศดี อาหารอร่อย ค็อกเทลก็เด็ด สาวเชียร์เบียร์ก็แจ่ม วงดนตรีสดที่คัดมาก็เล่นสบายหู ดีทุกอย่างแหละครับ
เอาจริงๆ ที่ไม่ค่อยได้มาก็เพราะปกติคนจะแน่นจนแทบหาที่นั่งไม่ได้ต่างหาก แต่วันนี้เพื่อนอาร์ตถึงกับลงทุนโทรมาจองโต๊ะไว้กันพลาดแถมนัดตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้ด้วย ท่าทางว่ามันจะมีเรื่องอยากคุยจริงๆ

สิ่งแรกที่ผมเห็นตั้งแต่เดินเข้าร้านคืออาร์ตที่นั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ที่โต๊ะ

“เชี่ยตี๋ มานั่งเลย” มันทัก

“ไปเจออะไรมาวะ” ผมว่าก่อนจะลากเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงตรงข้ามมัน “มาซะเร็วเลย”

“เดี๋ยวค่อยเล่าที่เดียวตอนไอ้น้ำกับไอ้พีทมา” มันตอบ “แต่ก่อนอื่นมึงต้องแดกกับกู”
มันหันไปสั่งกับเด็กเสิร์ฟ “น้องครับ เอา Coronita Bottoms Up แอปเปิ้ลหนึ่ง ลิ้นจี่หนึ่ง”

“เห้ยยย มึงไหวป่ะเนี่ย มีเรื่องอะไรมาวะ ไหนบอกกูซิ” มาถึงก็สั่งเหล้าไม่พูดไม่จา ไปโดนตัวไหนมาอยากรู้จริงๆ

“โวยวายอะไรกันวะ เสียงดัง” พีทที่เพิ่งเดินเข้ามาทักขึ้น ข้างหลังมีไอ้น้ำยืนอยู่ มันมองหน้าผมแบบงงๆ

“พวกมึงนั่งเลย” อาร์ตสั่ง ทำเอาคนมาใหม่ขมวดคิ้วกันหนักกว่าเดิม แต่ก็นั่งลงตามคำบอก

“แม่งเป็นไรเนี่ย” พีทที่นั่งข้างผมกระซิบถามก่อนจะได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ “มันว่าถ้ามาช้าจะตัดเพื่อน”

“กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ะ”

..
..

หลังจากทักทายกันไปสักพัก คนจัดแจงนัดก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆ) อาร์ตหันตัวไปรับแก้วค็อกเทลที่สั่งไว้จากมือเด็กเสิร์ฟแล้วสั่งเหล้าให้พีทกับน้ำแบบไม่ถามความเห็นคนกิน
มันเลื่อนโถมาวางไว้ด้านหน้าทำเอาผมต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก บอกตรงๆ ว่าแค่มองก็จะเมาแล้วครับ
ไอ้เหล้าสีสวยๆ พวกนี้มีกลิ่นผลไม้ก็จริง แต่ไอ้ขวดเบียร์สองขวดที่ปักโด่เด่นั่นเป็นตัวการันตีถึงความแฮงค์ในวันพรุ่งนี้ได้อย่างดี

นึกไม่ออกจริงๆ... เหล้าผสมเบียร์มันจะไม่เละได้ยังไง...

“อย่ามาทำหน้าแบบนั้นไอ้ตี๋ มีแต่คนอ่อนแอเท่านั้นแหละที่จะเมากับของเด็กเล่นแบบนี้” อาร์ตพูดดักคอ

“เหรอวะ” น้ำถามขึ้น ทำเอาอาร์ตหันมามองตาเขียว แต่ตัวคนพูดก็แค่ยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ

“เอาเลยครับเพื่อน ตามสบายเลย” พีทพูดขำๆ แล้วเลื่อนโถแก้วเข้าไปใกล้อาร์ตอีก “แค่อย่าอ้วกในรถกูก็พอ”

“เหอะ” อาร์ตทำเสียงในคอก่อนจะเอามือจับแก้ว “นี่มันค็อกเทลถ่ายรูปสวยๆ เมาก็หมาแล้ว”

เหรอวะ..

พวกเราที่เหลืออีกสามคนกำลังเถียงกันทางโทรจิตว่าใครจะเป็นคนแบกไอ้ขี้เมานี่กลับห้องดี


เมื่อทุกคนได้เครื่องดื่มมึนเมากันครบ ไอ้อาร์ตก็ดื่มอึ้กๆ ก่อนจะพูดเสียงดัง

“ไอ้เชี่ยพีท เริ่มที่มึงก่อนเลย ทำไมวันนี้มึงโดดคุยงานตอนบ่าย”   

“เห้ย กูไปกับมึงไง”

“แต่มึงไม่อยู่จนจบ ไอ้เหี้ย รู้มั้ยกูเจออะไรบ้าง”

“กูมีประชุมต่อตอนบ่ายสามไงเลยต้องชิ่งก่อน” พีทว่าเสียงอ่อย “แล้วตกลงเป็นยังไงวะเนี่ย กูงงแล้วนะ” มันเกาหัว

ผมกระพริบตาปริบๆ งานที่แม่งทำร่วมกัน… 
“เดี๋ยวๆ นี่คืองานนั้นเหรอ” ผมถาม

“ใช่ดิ่ งานไอ้คุณชายตะวันห่าอะไรของมึงนั่นแหละ วันนี้นัดส่ง Mood and Tone บอร์ดตอนบ่ายไง” อาร์ตโวยวาย

“เกิดไรขึ้นวะ” น้ำก็งงไปด้วย

“นัดกันบ่ายโมง กูกับไอ้อาร์ตก็ไป ปรากฏว่าเลขาเขาบอกไม่ว่าง ให้รอก่อน” พีทอธิบาย “แต่กูมีอีกประชุมตอนบ่ายสาม พอบ่ายสอง กูก็เลยต้องไปก่อน” มันถอนหายใจ “แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรป่ะวะ มึงก็อธิบายได้เหมือนกันนี่ ทำไมวะ โดนด่าเหรอ”   

“มึงรู้มั้ยกว่าจะได้เข้าไปกี่โมง” อาร์ตถาม พวกผมส่ายหน้าดิก
ห้า!!! ห้าโมงเลยนะไอ้เหี้ย”

“เฮ้ย... ทำไมนานขนาดนั้นวะ” ไอ้น้ำว่า

“กูก็อยากรู้เหมือนกัน นี่กูลางานหน้าไซต์มาครึ่งวัน พอเข้าไปแนะนำตัวจะส่งงานไอ้คุณอะไรนั่นก็มองกูหัวจรดเท้า ถามว่าคุณปรเมศไม่มาเหรอ กูเลยบอกว่ามึงติดอีกงาน ยังพูดไม่ทันจบแม่งบอกให้กูวางงานไว้บนโต๊ะแล้วกลับไปนัดมาใหม่ ไอ้เหี้ย อะไรวะ”

“หา” คนที่เหลือบนโต๊ะร้องออกมาพร้อมกัน

“มึงจะบอกว่ามึงไม่ได้พรีเซนต์เลยเหรอ” พีททำหน้าเหวอ

“เออสิวะ กูเลยบอกว่าขอเสนอคอนเซปต์คร่าวๆ ก่อน แม่งบอกว่าไม่มีเวลา ให้คุณปรเมศมาเอง แล้วเชิญกูกลับเฉย”

“เชี่ย โคตรแย่” น้ำว่าขึ้นแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ

“นี่มึงเจอใครนะ คุณเอทัสเหรอ” ผมถาม
คุณเอนี่ก็โหดจังวะ ดีนะไม่ค่อยได้ดีลด้วย

“เหอะ กูเจอตัวคุณชายตะวันอะไรนี่เลยน่ะแหละ ท่าเยอะชิบหาย”

“หือ คุณตะวัน ที่คิ้วเข้มๆ นะ สูงๆ” ผมย้ำ

“เออสิวะ ไอ้คุณตะวันนี่แหละ” อาร์ตบอก

“หาา”
คุณตะวันเนี่ยนะ ปกติแกออกจะใจดีไม่ใช่เหรอวะ? คนเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย

“มึงแต่งตัวยังไงไปวะ” น้ำถามขึ้นบ้าง “ไม่ใช่ใส่ขาดเข่าเหยียบส้นไปงี้”

“เหี้ยน้ำ”
อาร์ตลุกขึ้นยืน “นี่ ดู ยีนส์สีดำ ไม่ขาดซักกะนิด เสื้อยืดขาวก็จริง แต่กูใส่แจ็คเกตทับ” มันหยิบเสื้อสูทที่พาดเก้าอี้อยู่ขึ้นมาวางแรงๆ บนโต๊ะ
         
“เหยด นิวอาร์ต” น้ำว่า

“กูเป็นคนเช็คเรื่องการแต่งตัวแม่งเอง ไม่พลาดหรอก” พีทอธิบาย “แต่ทำไมเป็นงี้วะ”

“แต่ไอ้คุณตะวันนี่ก็เกินไปป่ะวะ ผิดเวลานัดแล้วยังเทประชุมอีก” น้ำว่าขึ้นบ้าง

“เหี้ยตี๋ มึงก็ควรจะเตือนพวกกูก่อนป่ะวะ ว่าลูกค้าแม่งแย่อ่ะ” อาร์ตโวย

“เดี๋ยวๆ กูทำงานกับเขามาจะครึ่งปีแล้วมั้ง ไม่เห็นมีปัญหาเลยนะเว้ย ราบรื่นตลอด นัดไม่เคยเบี้ยว บางทีไม่ได้นัดก็ยังโผล่มาอีกต่างหาก วันนี้แกคงยุ่งจริง” ผมแก้ต่างให้

“แม่งเอ๊ย กูกับไอ้พีทก็เตรียมมาซะอย่างดี ชิบหาย” อาร์ตบ่นไม่หยุด

“ปกติไม่เป็นแบบนี้จริงๆ” ผมพูด

“แต่เออ... เขาอาจจะไม่เคยเจอมึงน่ะ” พีทว่า “กูก็ลืมคิดไป คราวหน้ากูพาเข้าไปแนะนำเอง”

“เอาน่า ถือเป็นวันแย่ๆ ของพวกมึง” น้ำพูดปลอบแล้วตบไหล่คนข้างตัว “มันต้องมีกันบ้างทุกคนแหละ”

“เออใช่ จริงๆ วันนี้กูก็เจอลูกค้าห่วยๆ มานะ” ผมพูดพลางปลดกระดุมเสื้อลง ร้อนจังแฮะวันนี้

“ว่ามา ดูซิว่าเรื่องของกูหรือของมึงจะห่วยกว่ากัน” อาร์ตพูดจบก็คว้าหลอดดื่มเหล้าอึ้กๆ ทำเอาพวกผมต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

กินขนาดนี้ มึงจะฟังกูรู้เรื่องมั้ยล่ะ

_ _ _ _

00.23


ถือเป็นสถิติใหม่..
ของความเมา

ไม่ใช่ผมนะครับ!

สรุปแล้วเล่าเรื่องผมไปก็มีแต่พีทกับน้ำเนี่ยที่นั่งพยักหน้าหงึกๆ แสดงความเห็นใจ ส่วนไอ้ตัวขี้โมโหก็นั่งดื่มเอาดื่มเอาจน Coronita Bottoms Up แก้วเบิ้มหมดเกลี้ยง ก่อนจะล้มคว่ำในขณะลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำหน่อย” (ซึ่งกลายเป็น Dying Message ประจำคืนนี้)
ทำเอาพีทต้องรีบไปโกยตัวเปลี้ยๆ ของมันจากพื้นร้าน และไอ้น้ำก็มาดึงเอาโถแก้วของผมออกจากมือไปด้วยความเร็วสูง
เห้ย อะไรกัน จริงๆ ผมก็ยังไม่เมาซักหน่อย แค่มึนๆ และเดินเซนิดหน่อยเท่านั้นเอง วัดจากตอนเดินไปที่รถไอ้พีทเนี่ย

..

“เวรกรรมอะไรของกูที่ต้องมานั่งนี่วะ” ไอ้น้ำบ่นอุบอิบอยู่ที่เบาะหลัง ข้างหนึ่งเป็นผมที่นั่งมองถนนด้านนอกไปเรื่อย โว้ว ไฟจราจรนี่ก็สีสวยเหมือนกันนะครับเนี่ย ส่วนอีกข้างเป็นอาร์ตที่นั่งคอพับและมีถุงพลาสติกคล้องอยู่ที่หู

“มึงอยู่ตรงนั้นน่ะดีแล้ว เผื่ออาร์ตอ้วกมึงจะได้เอาถุงให้ทัน เผื่อไอ้ตี๋เมาแล้วโวยวายด้วย ดูแม่งทั้งคู่อ่ะ”

“ใครเอา เอ้ย ใครเมา มึงพูดให้ดีๆ เลยพีท” ผมยื่นหน้าไปโวยใส่พีทเมื่อถูกพาดพิง “กูไม่เมา”

“ครับมึง ไม่เมาครับ” น้ำแกะมือผมออกจากเก้าอี้คนขับ “นั่งดีๆ ครับคุณมึง” มันผลักตัวผมเบาๆ ให้นั่งพิงเบาะดีๆ

ผมถอนหายใจหนักๆ “พวกมึงอ่ะชอบหาว่ากูเมา” ผมทำหน้ายู่ “ดูดิ่ กูแค่ตัวแดงเฉยๆ” แถมด้วยการชี้ให้ดูต้นคอแดงๆ  ของตัวเอง
“แป๊บเดียว เดี๋ยวหายละ” ผมว่า

“เออ นั่งไปดีๆ” น้ำว่า แล้วหันไปดึงตัวอาร์ตที่กำลังไหลลงไปนอนบนเบาะให้ขึ้นมานั่งในระดับปกติ

“พีท มึงขับเร็วๆ เลย ก่อนที่จะมีคนให้แบกเพิ่มอีกคน”

_ _ _ _

11.45
วันเสาร์


ว่าแล้วว่ามันจะต้องปวดหัว ให้ตายเหอะครับ ไม่นึกว่าจะแฮงค์ขนาดนี้ ก็ว่าไม่ได้เมาอะไรขนาดนั้น ยังมีสติอาบน้ำด้วยซ้ำตอนมาถึง แต่พอหัวถึงหมอนปั๊บ สวิชต์ก็ดับไปเฉยเลย แล้วตื่นมาซะเกือบเที่ยง ค็อกเทลเด็กน้อยอะไรของไอ้อาร์ตวะเนี่ย หลอกลวงเป็นบ้า

ผมมองไปรอบห้องนอนตัวเองแล้วกระพริบตางงๆ พวกแม่งกลับไปแล้วเรอะ
ไม่มีทาง... วันเสาร์แบบนี้แม่งคงตั้งวงเล่นวินนิ่งกันที่ห้องผมมากกว่า
ไหนล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปตูซิ

หลังก้าวออกจากห้องนอน สิ่งที่ผมเห็นคืออาร์ตและพีทกำลังนั่งสุมหัวกันทำงานอยู่หน้าคอม โดยมีไอ้น้ำอุ้มจิ๋วเดินไปเดินมาเป็นฉากหลัง

“เหยดดดดดดดด” ต้องอุทานอย่างนี้จริงๆ “พวกมึงเนี่ยนะทำงาน นี่กูฝันอยู่ป่ะวะ”

“อ้าว ตื่นมาก็ปากดีเลยนะครับคุณหนู” อาร์ตเอ่ยปากแซว

“ไอ้เหี้ยอาร์ต” ผมทำเสียงเขียว

“อ้ะๆ กูตื่นก่อน” มันรีบพูด “มึงแหละน็อกยาว”

“ไม่ตื่นสักบ่ายสามเลยวะ” น้ำเดินอุ้มจิ๋วมาส่งให้ “ไอ้นี่แม่งกัดกู” มันโชว์นิ้วชี้ที่มีรอยฟันฟ้องผม

“อ่อน” ผมพูดสั้นๆ พร้อมรับแมวไว้ในมือแล้วมองแผลมัน “ไหนดูดิ๊”

“ก็ตอนเปิดประตูห้องนอน แม่งวิ่งสวนโดดขึ้นเตียงไปหามึงเฉยเลย” มันอธิบาย “พอกูจะไปจับ หันมากัดกูซะงั้น”

“เอ้า” ผมว่า “กากสัด”
ผมปล่อยจิ๋วเดินกับพื้นแล้วลากมือมันไปล้างแผลและติดพลาสเตอร์ยา ดีนะว่าจิ๋วฉีดยาแล้ว
วุ่นวายชิบเผง ลูกกูมั้งมึงเนี่ย

หลังจากบ่นมันเสร็จผมก็มายืนส่องพีทกับอาร์ตทำงานต่อ ท่าทางพวกมันจะแค้นจริง นี่คงตั้งใจทำงานไปฟาดคราวหน้า ลงดีเทลกันซะเกินจำเป็นเชียว

เออ จริงด้วย

“นี่พวกมึงนัดคุณตะวันอีกทีรึยัง” ผมถาม

“เหอะ ยังไม่ได้นัดอ่ะ ก็โดนเทตอนห้าโมงกว่าแล้ว” อาร์ตว่า “โมโหด้วย เลยขี้เกียจ ว่าจะนัดวันจันทร์”

“อาฮะ” ผมทำเสียงในคอแล้วเดินไปหยิบแลปท็อป
“งั้นเดี๋ยวกูนัดให้ นี่มีเมลล์ของ CM ต้องส่งให้คุณตะวัน Approve พอดี มึงว่างวันไหน” ผมนั่งลงบนโซฟา

“จันทร์บ่าย” พีทว่า

“เห้ย แต่กูไม่ว่าง” อาร์ตท้วงขึ้น “เร็วไป๊ ลางานไม่ทันโว้ย” 

“อ้าวว แต่กูว่างได้แค่นั้นอ่ะ ไม่งั้นก็พุธบ่าย” พีทตอบ “คือ Mood and tone ควรจบได้ภายในอาทิตย์นี้แล้วนะเว้ย”

“อ่ะ เอาเป็นว่าพุธบ่าย” ผมสรุปให้แล้วพิมพ์เร็วๆ

“แหม่ เดี๋ยวนี้ช่วยกันทำมาหากินเนอะ อยากมีส่วนร่วมบ้างเลยว่ะ” น้ำที่เดินลงมาทิ้งตัวลงโซฟาข้างผมพูดขึ้นบ้าง

ผมกดส่งอีเมลล์แล้วพูดล้อๆ “ไปเป็นเทพทางหนีไฟเถอะครับเพื่อน ผมไม่อยากขัดทางท่าน”

“เดี๋ยวเหอะมึง” น้ำว่า

“แซวหน่อยไม่ได้เล้ยยยย” อาร์ตบ่นแทนผม “แล้ววันนี้ไม่มีคิวแว้บไปหาสาวเหรอครับเพื่อน”

“น่อววว” ผมกับพีทแซวขึ้นพร้อมกัน

“เงียบเลยนะครับ ไม่มีบอกเพื่อนบอกฝูง” พีทเสริม

ไอ้น้ำทำหน้าตายเหมือนเดิม คนหน้าเข้มปิดปากเงียบแล้วหันไปเล่นกับแมวที่อยู่บนพื้น

พวกผมที่เหลือพยักหน้าให้กันเหมือนอย่างที่เคย
คนแม่งชอบมีความลับ ยังไงมันก็ไม่บอกหรอกครับ
เมื่อเห็นว่าบทสนทนาของพวกเราสำหรับเรื่องนี้คงตันอยู่แค่นั้น อาร์ตกับพีทเลยหันกลับไปคุยกันเรื่องงานต่อ

หลังจากนั่งส่องเฟสบุคไปเพลินๆสักพัก ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูหลังจากเห็นการแจ้งเตือนใหม่บนอยู่บนหน้าจอ

“อ่า... นัดได้วันพุธบ่ายนะ” ผมว่าหลังจากกดอ่านจากหน้าจอ

“ห๊ะ?” พีทพูดเสียงสูง “นัดอะไร”

“นัดกับคุณตะวันอ่ะนะ” อาร์ตถาม

“อือ พุธบ่ายที่ AA” ผมว่าแล้วชูโทรศัพท์ให้ดู “แกตอบกูมาทางไลน์น่ะ”

“หา” พีทร้อง

“แกว่าโอเค เดี๋ยวแกให้เลขาตอบเมลล์ในลูปอีกที” ผมอ่าน

“อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ” อาร์ตถาม ผมเลยพยักหน้าแทนคำตอบ “เหี้ย นี่ยังไม่ถึงสิบห้านาทีเลยนะไอ้ห่า ทำไมกับมึงเขา Respond เร็วจังวะตี๋ ไม่มีอิดออด” มันว่า

“เขาเกลียดมึงป่ะอาร์ต” น้ำพูดขำๆ

“ก็เชี่ยละ” ผมตอบ “กูบอกแล้วว่าปกติเขาตอบเร็ว ไม่เคยติดต่อไม่ได้เลยนะเว้ย ทำงานสมูธ เมื่อวานมันคงแจ็กพอตจริงๆ” ผมว่า

“ให้มันจริงเหอะ...” พีทพูดเรียบๆ แล้วก้มหน้าลงไปทำงานต่อ

_ _ _ _

10.23
วันอาทิตย์


หลังจากเมื่อวานพวกแม่งกลับไปหลังจากกินข้าวเย็น (แมทช์วินนิ่งผมได้ที่สองนะ ทำเป็นเล่นไป) ผมเลยนั่งเคลียร์รายงานการประชุมจนเสร็จตอนเที่ยงคืนกว่า ตื่นเช้ามาผมก็ได้ใช้เวลาวันอาทิตย์ไปอย่างเอื่อยเฉื่อยแบบที่ไม่ได้ทำมานาน
เปิดวันด้วยการเดินเล่นในสวนข้างคอนโด ซึ่งใจจริงก็อยากจะเรียกวิ่งออกกำลังกาย แต่ก็เกรงใจสปีดหอยทากของตัวเอง ได้เข้าห้างซื้อหนังสือ นั่งร้านกาแฟ ตบท้ายด้วยการไปดูหนังคนเดียว เรียกได้ว่าเป็นวันใช้ชีวิตชิคๆ อย่างแท้ทรูของไอ้ตี๋วินจริงๆ
กว่าจะได้กลับมาคอนโดก็สี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว

ปกติกลับบ้านมาก็น่าจะได้อาบน้ำกระโดดขึ้นเตียงนอน แต่เดี๋ยวนี้ต้องมานั่งเกาหูเกาหางเอาใจแมวอยู่กับพื้นข้างโซฟา ทิ้งมันไปทั้งวันเดี๋ยวจะงอนไม่ยอมกินข้าวอีก นี่ผมมาถึงจุดที่ต้องนั่งง้อแมวได้ยังไงครับ

Rrrr…..
ผมชะโงกหน้าดูโทรศัพท์ ก่อนจะคว้ามารับสายเร็วๆ

“ว่าไงฟ้า โทรมาซะดึกเชียว” ผมว่าพลางเกาคางแมวจิ๋วไปด้วย

(ฮือ... วิน... ฟ้าไม่รู้จะทำยังไงดี... วินช่วยด้วย...) ปลายสายส่งเสียงสะอื้น

“เห้ย!! ฟ้า! ฟ้าเป็นอะไร!!” ผมละล่ำละลักถาม ตั้งแต่คบกันจนเลิก ฟ้าร้องไห้ให้ผมเห็นไม่เกินสามครั้งเองนะครับ

(วิน... น้องแย่แล้ว... ฮือ) ฟ้าพูดเสียงอู้อี้

“ฟ้า ตั้งสติก่อนนะ น้องไหน ใครเป็นอะไร”

(...หวาน...น้องหวานอ่ะวิน น้องหวานแย่แล้ว...)

หัวใจผมหล่นวูบ
หวาน... เด็กหวานนั่นน่ะนะ

“หา ไอ้หวานเป็นอะไร? ฟ้า? เดี๋ยว นี่ฟ้าอยู่ไหน?” 

(ฟ้า...ฟ้าอยู่คณะ...วิน วินต้องช่วยน้องนะ...)

“ฟ้าใจเย็นๆ รอเราก่อนนะ เดี๋ยวเราไปหา”


ไอ้เด็กเวร มึงอย่าเป็นอะไรไปก่อนเชียวนะ
กูยังโกรธมึงอยู่นะโว้ย!!


_ _ _ _


TBC


พาเด็กมาส่งแล้วค่าาาาา โปรดอย่าขว้างปาสิ่งของใส่คนเขียน
ตอนนี้ยาวม๊ากกก อดทนกันหน่อยนะคะ หวังว่าคงไม่เบื่อกัน
ขอเวลาแวะดราม่าแป๊บเดียวค่ะสัญญา

ขอบคุณมากๆ นะคะที่คลิกเข้ามาอ่านวิเคราะห์การรักกัน
คนเขียนอ่านทุกคอมเมนต์ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนบ้า ขอบคุณจริงๆ ที่เอ็นดูตี๋วินและเจ้าหวานของเราค่ะ
ติชมกันได้เหมือนเดิมนะคะ ยินดีมากๆค่ะ

แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ

รักส์

 :bye2:

เม้ามอยกันที่ทวิตภพได้เหมือนเดิมค่ะ #วิเคราะห์การรัก
อันนี้บ้านคนเขียน เข้าไประบายอารมณ์กันได้ค่ะ @huentrop

ปล. ใครทายออกมั้ยเอ่ยว่าร้านที่เดอะแก๊งค์ไปกันคือร้านอะไร?
ปลล. สาขาสองโดยคุณพี่ MaBlink ยังเปิดดำเนินการอยู่นะคะ   

 :katai5: :katai5: :katai5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2017 08:11:58 โดย idee »

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อ่าวววว เกิดอะไรขึ้นกับหวานเนี่ย?

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
คิดถึงหวานจะขาดใจแล้ว
หัวใจคนรอ :katai1:

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอ้าาาาา หวานเป็นอะไรรรรรร

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
คิดถึงหวาน รอตอนหน้า

ออฟไลน์ Supansahn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงหวานน หวานเป็นอะไรรร

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด