- LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽  (อ่าน 127837 ครั้ง)

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
แอร๊ยยย พี่ตะวันอย่ายอมแพ้นะคะ รีบมาเต๊าะตี๋วินอีกคนเร็วว


ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ชอบความรุกแบบมึนๆเนียนๆของน้องหวาน. และความเบลอๆของพี่วินมาก

แต่น้ำ...น้ำจะมาทำเป็นสับสนตอนนี้ไม่ได้นะ เพิ่งจะจบเรื่องสถานะที่ชัดเจนกับแฟนเก่าเอง หรือว่าจริงๆแล้วเป็นพวกกลัวการเปลี่ยนแปลงในทุกๆเรื่องเลย?

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
น้ำเอาแล้วไง เปิดตัวทางเลือกที่สาม
ว่าแต่วินรู้ตัวยังว่าต้องเลือก

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฟุบหน้าแล้วกรี๊ดอัดโต๊ะ  :ling1: :ling1:
บอกเลยทีมน้ำ แต่ก็เชียร์หวานนะ เพราะยังไม่มั่นใจว่าน้ำชอบวินจริงหรือแค่กลัวการเปลี่ยนแปลงในทุกความสัมพันธ์ แต่ยังไงก็ชอบอ่ะ ชอบความซึมลึกของเพื่อน

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 15

Nahm_Tect : มึงเคยหึง หรือหวงกูบ้างมั้ยวะ

ผมถึงกับลุกมานั่งขัดสมาธิบนเตียง ขยี้ตาอ่านซ้ำอีกสองรอบ
อารมณ์ไหนวะเพื่อนกู 

Wyn_Tect : หา
Wyn_Tect : ถามห่าอะไรของมึง
Wyn_Tect : เมาป่ะเนี่ย

Nahm_Tect : ตอบกูหน่อย


Wyn_Tect : นี่มืงโอเคมั้ย

Nahm_Tect : ตอบกู

Wyn_Tect : ก่อนตอบ กูจะถามก่อน ว่าทำไมมึงถึงอยากถามกูแบบนี้


ข้อความผมขึ้น read แต่มันเงียบไป

เชี่ยอะไรวะเนี่ย
แต่ก็ดี.. ในระหว่างที่มันยังไม่ได้พิมพ์อะไรกลับมา ผมก็ขอเอาเวลานี้ตั้งหลักหน่อยแล้วกัน

ผมรู้จักไอ้น้ำตั้งแต่ปีหนึ่ง อยู่กลุ่มเดียวกันตั้งแต่รับน้องจนถึงทุกวันนี้เลยนะครับ เรียกได้ว่าเป็นคนแรกๆ ที่คุยกันเลยด้วยซ้ำ
จากหนุ่มม.ปลายตัวสูงโย่งที่เข้าคณะสถาปัตย์ด้วยโควต้านักฟุตบอล จนมาเป็นพี่ว้ากหน้าหล่อให้รุ่นน้องกรี๊ด
ผ่านกันมาหมดแล้วทุกอย่าง เคยเหล่หญิงคนเดียวกัน เมาเป็นหมาด้วยกัน ทำงานข้ามวันข้ามคืนด้วยกัน ช่วยปลอบกันเวลาอกหัก ต่อยกัน ทะเลาะกันเพราะแม่งทำตัวเหี้ยๆใส่คนอื่น ตอนไม่สบาย หามกันไปเข้าโรงพยาบาลก็ทำมาแล้ว

อาจจะชั่วกับคนอื่น แต่กับเพื่อนมันให้เต็มร้อยจริงๆ เชื่อเถอะครับ 
ในกลุ่มสี่คน ความสนิทอาจจะมากเท่าๆกัน แต่ถ้าพูดกันจริงๆ ผมว่าผม “รู้จัก” ไอ้น้ำมากกว่าใคร

ปกติแค่มองหน้าก็รู้ความคิดกันไปถึงไหนต่อไหน เรียกว่าแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว
ตอนนี้ก็อยากจะพูดอย่างนั้นอยู่หรอกครับ แต่ผมไม่เข้าใจคำถามมันตอนนี้เลยว่ะ
คำว่า ‘หึง’ หรือ ‘หวง’  เนี่ย มันใช้กับเพื่อนได้เหรอครับ
 
Nahm_Tect : กูไม่อยากให้มึงหายไป

ผมอ่านจบแล้วถอนหายใจ หนักแล้วเพื่อนกู
มึงคิดว่ากูจะหายไปจากมึงได้ง่ายๆ รึไง ไอ้ชิบหาย

Wyn_Tect : เอาล่ะ
Wyn_Tect : กูเคยหึงหรือหวงมึงมั้ย คำตอบของกูคือ ‘ไม่’

Wyn_Tect : แต่กู ‘ห่วง’ มึง
Wyn_Tect : มึงมันใจร้อน ชอบทำอะไรไม่คิดถึงผลที่จะตามมา กับหญิงมึงก็ทำตัวขี้ม่อ ขี้กั๊ก ชอบทำตัวเลวๆ คนอื่นเลยมองว่ามึงอ่ะนิสัยชั่ว เชื่อไม่ได้ เป็นภาระกับพวกกูที่ต้องคอยแก้ตัวให้

Nahm_Tect : นี่เป็นห่วงหรือจะด่า

Wyn_Tect : ด่า
Wyn_Tect : สำหรับคนอื่นมึงอาจจะเลวไง แต่มึงไม่เคยเลวกับกู มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกูจริงๆ
Wyn_Tect : มึงไม่เคยทิ้งกู
Wyn_Tect : แล้วทำไมมึงถึงคิดว่ากูจะทิ้งมึงได้วะ

Nahm_Tect : มึงก็เป็นเพื่อนรักที่สุดของกูเหมือนกัน

Nahm_Tect : ตี๋
Nahm_Tect : กูหวงมึงได้ใช่มั้ย


คำถามสั้นๆของมันทำให้ผมขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก
เชี่ยน้ำแม่ง….

บางทีผมก็เกลียดความรู้ทันกันของเราสองคนซะจริงๆ
ห่าเอ้ย..

บทสนทนาของผมกับมันมีข้อความที่มองไม่เห็นแทรกอยู่ระหว่างบรรทัด
ข้อความที่ดูเหมือนจะคลุมเครือ แต่ตรงไปตรงมาจนเหลือเชื่อ
และมันรู้ว่าผมจะเข้าใจ...

ไอ้น้ำไม่ได้เลือกใช้คำผิด มันเข้าใจดีว่ากำลังพูดถึงความรู้สึกประเภทไหน
ความรู้สึกบางอย่างที่ถ้าใครสักคนพูดออกมา ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม

บางอย่างที่มันไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ
บางอย่างที่ผมเคยสงสัยในการกระทำของมัน 
บางอย่างที่ตอนนี้ผมค่อนข้างแน่ใจ

ผมเคาะนิ้วลงกับโทรศัพท์ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ตอบ

Wyn_Tect : ห่วงกูก็พอ

ไอ้น้ำเงียบไปพักหนึ่ง
เชื่อเถอะครับ ว่าผมจ้องรอคำตอบของมันอย่างตั้งใจ พอๆกับที่ผมพิมพ์ตอบมันไป

Nahm_Tect : กูก็ห่วงมึงตลอดแหละ
Nahm_Tect : มึงน่ะ คิดมาก ชอบเก็บอะไรไว้กับตัวคนเดียว กลัวเสียฟอร์มเป็นที่สุด มันแดกได้มั้ยล่ะฟอร์มน่ะ
Nahm_Tect : ปล่อยๆไปบ้าง ไม่ต้องเฟอร์เฟคไปซะทุกอย่างหรอก
Nahm_Tect : เก่งจังไอ้เรื่องในตำราเนี่ย นี่เอาตัวรอดมั้ยเนี่ยออกมาจากมหาลัยแล้ว ปกติต้องให้พวกกูช่วยทุกเรื่อง
Nahm_Tect : แถมยังไม่ชอบดูแลตัวเอง ไม่ได้อยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่เดือน มึงยังปล่อยตัวจนเป็นลมคาสนามว้ากเลย

Wyn_Tect : เดี๋ยวๆ

Nahm_Tect : จนป่านนี้กูยังไม่เข้าใจเลย น้องๆ กรี๊ดมึงได้ไงวะ ตัวก็เตี้ย เซนส์ก็ช้า ตามคนอื่นไม่ค่อยจะทัน
Nahm_Tect : อะไร


มาซะนอนสต็อปเลยนะไอ้เชี่ย

Wyn_Tect : นี่ความเป็นห่วงของมึงเหรอ เหมือนจะเก็บกดมานานนะ

Nahm_Tect : เออ มีปัญหาเหรอ

Wyn_Tect : ถ้าจะพิมพ์ชนาดนี้ โทรมาด่ากูเลยมั้ยล่ะ

Nahm_Tect : ไม่เอา
Nahm_Tect : กูจะพิมพ์อย่างนี้แหละ

Wyn_Tect : ไอ้ห่า

Nahm_Tect : เข้าใจความเป็นห่วงของกูรึยัง
Nahm_Tect : กูก็จะเป็นห่วงมึงไปแบบนี้แหละ
Nahm_Tect : ทำใจซะ

Wyn_Tect : กูรับรู้ความเป็นห่วงของมึงแล้วครับ ท่วมท้นมาก ขอบใจ


หน้าจอโทรศัพท์ของผมสว่างขึ้นอีกครั้งพร้อมข้อความจากไอ้น้ำ

Nahm_Tect : ฝันดีมึง



ผมจะไม่ถาม และมันจะไม่พูด
จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
มันจะเป็นเพื่อนรักผมเหมือนเดิม

นี่คือความชัดเจนที่สุดเท่าที่เรื่องนี้จะเป็นไปได้
ผมจะไม่แลกความเป็นเพื่อนกับอะไรแบบนี้แน่ๆ


_ _ _ _


7.45

เป็นวันอาทิตย์ที่ไม่สดใสเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ

ผมนั่งกินขนมปังปิ้งเปล่าๆ อย่างไร้รสชาติและไร้อารมณ์อยู่บนโซฟา ตาก็มองวิวตึกด้านนอกไปเรื่อย
ในหัวก็ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมต้องตื่นขึ้นมาเช้าขนาดนี้… ไม่สิ.. ต้องถามว่า ทำไมคำถามบ้าๆบอๆ ที่ไอ้น้ำไลน์มาเมื่อคืนนั่นยังติดอยู่ในหัวผมอยู่เลยวะ

เราเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยวะ

ผมละมือจากการกินแล้วหันมากดโทรศัพท์ กะว่าจะหาโน่นนี่อ่านแก้เบื่อรอขนมปังย่อยซักหน่อย แล้วค่อยกลับไปนอนเล่นที่เตียง เจ็ดโมงนี่มันเกินไปสำหรับวันหยุดนะครับ

ว่าแต่ นี่ผมไม่ได้เข้าไปดูตั้งแต่เมื่อคืนก่อนจะนอนเองนะ ทำไมเฟสบุคถึงมีการแจ้งเตือนเยอะจัง
มีความรู้สึกว่าจะพลาดข่าวใหญ่.. ผมรีบกดเข้าไปดูความเคลื่อนไหวในหน้าฟีดของตัวเอง

Pete Poramech add 3 photos of you
And 209 others recently liked a photo that you are tagged in
89 comments on a photo that you are tagged in


แหม่ ช่างป๊อบสมเป็นอดีตถาปัตย์คิ้วท์บอยจริงๆ

เมื่อวานนี้ที่ไปดูหนัง พีทถ่ายเซลฟี่กลุ่มใหญ่เอาไว้ตอนที่พวกเรานั่งคุยกันอยู่ที่ร้านกาแฟ ภาพที่ออกมาเลยกลายเป็นแก๊งค์ชายล้วนห้าคนที่ประกอบด้วยพวกผมและไอ้เด็กหวานหน้าหล่อ ดูแบบนี้เหมือนผมกับอาร์ตเป็นผู้จัดการพวกมันเลยว่ะครับ มีคอมเมนต์จากคนในคณะ กรี๊ดแตกกันไปเมื่อตัวท็อปในอดีตกับปัจจุบันมาอยู่ด้วยกัน

อีกสองรูปเป็นตอนที่พวกผมไปรับน้องแนนที่คณะ อื้อหือ เจตนาของมึงนี่ชัดเจนมาก อยากแท็กหาน้องสาวคนสวยของไอ้น้ำสินะ คราวนี้คอมเมนต์จากเพื่อนผู้ชายนี่มาเต็ม แซวกันไปเลยครับยาวๆ เรียกไอ้น้ำเป็นพี่เขยกันเกือบทุกคน นี่ถ้าน้องแนนมาเห็น (ซึ่งก็น่าจะเห็นแล้ว ก็ยังมากดไลค์รูปอยู่นี่เลย) ก็น่าจะออกแนวกลัวกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ซะมากกว่า ส่วนไอ้ตัวพี่ชายนี่ก็ได้แต่คอมเมนต์หวงน้องฟ่อแฟ่ไปเรื่อย

คิดแล้วเผลอก็ถอนหายใจออกมาแบบไม่รู้ตัว
เฮ่อ ไอ้น้ำ...

หน้าจอผมกระพริบขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนจะมีคนเมนชั่นผมในรูปของใครสักคน
ว่าแต่อะไรจะแจ้งเตือนเยอะได้ขนาดนั้นนะ

Whann Aran Werawongnusa add a photo of you
And 507 others recently liked a photo that you are tagged in
241 comments on a photo that you are tagged in
198 mentioned you in the comment



อื้อหือ มาแรงแซงทางโค้ง ปีหนึ่งนี่มันล้อเล่นด้วยไม่ได้จริงๆ นี่ขนาดรูปเดียวกันนะ
คงได้เวลาหลีกทางให้เด็กรุ่นใหม่ซะละมั้งเพื่อนพีท ผมคิดในใจแล้วเลื่อนมือไปกดดูรูป

ไอ้ชิบผาย!

กูเข้าใจแล้วว่าทำไมมีคนคอมเมนต์ถล่มทลายขนาดนี้
ไอ้เด็กห่านี่ไม่ได้อัพรูปที่ร้านกาแฟ แต่เป็นรูปเซลฟี่คู่กับผมที่คลีนิครักษาแมว
ไอ้รูปมุมกล้องบ้าๆที่ดูแล้วเหมือนผมกับมันจับมือกันนั่นแหละครับ ใครใช้ให้มึงอัพลงเฟสบุควะเนี่ยยยยยย
ไอ้เด็กหอยหลอดดดดดด

เอาใหม่..
นับหนึ่งถึงสิบก่อนตี๋วิน หายใจเข้า หายใจออก

...
ถึงยี่สิบก็ได้เอ้า จะตกใจทำไมก็แค่รูปไง
เห็นมั้ย มีคนกดไลค์แค่.. ห้าร้อยกว่าคนเอง..
ไอ้ชิบหาย นี่มันเป็นซัมวันขนาดนั้นเลยเหรอครับ   

พอเลื่อนๆ ดูคอมเมนต์ด้านล่างก็พบว่า ร้อยละเก้าสิบนี่คือคำชมความหล่อของไอ้เด็กแสบ หวาน/น้องหวานน่ารักจังอย่างนั้นอย่างนี้ ที่เหลือคือถามเรื่องแมวว่าทำไมถึงมีหูข้างเดียว แต่ร้อยละร้อยของคอมเมนต์ที่ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกหน้าร้อนหัวร้อนไปหมดคือแซวล้วน ชาวคณะเล่นกันแบบไม่มียั้งแถมเปิดประเด็นไว้อีกเพียบ ไหงผมไปถ่ายรูปอยู่กับมันได้ แมวใคร ทำไมพี่วินกับน้องหวานสนิทกัน เป็นอะไรกันรึเปล่า แฮชแท็กทีมอกหัก แถมมีจำนวนไม่น้อยที่ถามว่า นั่นจับมือกันอยู่รึเปล่า มีการซูมรูปดูแล้วหวีดกันไปว่านี่มันภาคต่อของเกมที่ทะเลชัดๆ ชงกันแรงยิ่งกว่าชาตรามือ เออสิ กูเป็นคนถ่ายเองยังเข้าใจแบบนั้นเลย บ้าบอที่สุด

แล้วไอ้หวานก็กดไลค์คอมเมนต์แบบนี้ซะเยอะจริง นี่มึงไม่กลัวคนเข้าใจผิดไปกันใหญ่เรอะ
ไม่เข้าใจความคิดมันเลยครับเอาจริงๆ มีข่าวกับรุ่นพี่ปีแก่แถมยังเป็นผู้ชายอีก คะแนนนิยมตกนะโว้ย
หัดออกมาแก้ข่าวซะบ้างสิไอ้บ้านี่

ผมพิมพ์ใส่ช่องคอมเมนต์แล้วก็ลบทิ้งอยู่สองสามรอบ ก่อนจะคิดว่า ช่างแม่งมันเถอะ เดี๋ยวกระแสแบบนี้ก็หายไปเอง
เหมือนตอนเป็นพี่ว้ากเมื่อปีสาม ด้วยความที่ผู้หญิงมันน้อยหรือยังไงไม่รู้ พวกเราผ่านจุดนั้นมาหมดแล้วครับ จับคู่กันทุกความน่าจะเป็นมาหมดแล้ว #น้ำพีท #พีทอาร์ต #น้ำวิน #บอยพีท #เฟิร์สปั่น หรือจะสายโหดอย่าง #กล้าเฟิร์ส ก็ยังมี เต็มไทม์ไลน์ไปหมด อันหลังสุดนี่ไอ้อาร์ตเคยกดเข้าไปอ่านเล่นๆที มันถึงกับล่าถอยออกมาเลยนะครับ

กะอีแค่คนแซวแบบนี้ไม่สะเทือนหนังหน้าผมหรอก
แต่วันนี้รู้สึกแอร์มันร้อนแปลกๆ ขอไปอาบน้ำก่อนละกันนะครับ

_ _ _ _


11.20


“ดีจังนะครับ จิ๋วใกล้จะหายแล้ว ตัวก็โตขึ้น แรงเยอะอีกต่างหาก ดูสิ วันนี้กัดนิ้วผมเป็นรูเลย”
“อือ”
“หิวมั้ย กินอะไรก่อนกลับคอนโดมั้ยครับ”
“...”
“พี่วิน?”


แอร์เย็นๆในรถนี่มันดีจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อรถติดแล้วไม่ต้องขับเอง

ตอนนี้ผมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ BMW คันเดิมของเด็กหวานเพื่อจะกลับคอนโดหลังเสร็จสิ้นภารกิจแมวพ่อลูกอ่อนวันอาทิตย์ของผม จริงๆแล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับไอ้หน้าหล่อที่ขับรถอยู่เลยซักกะติ๊ด แต่ไปๆมาๆก็กลายเป็นภารกิจของไอ้เด็กหวานตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่จะต้องมาช่วยผมจับแมวเพื่อล้างแผลที่คลีนิคแล้วขับรถไปส่งผมที่คอนโดทุกวี่ทุกวัน อยากจะถามว่ามีบ่อน้ำมันอยู่หลังบ้านเหรอครับคุณ? รับส่งกูยิ่งกว่าสาวอีกมั้ง..

เออ.. นี่มันมีแฟนรึเปล่าวะ ผมขมวดคิ้ว ไอ้เราก็ไม่เคยถามซะด้วยสิ

เอาเวลามาขลุกกับผมแบบนี้ ถ้าเป็นแฟนมันก็คงหึงตาย ดักเก็บผมระหว่างทางแน่ๆ
นี่เมื่อคืนแม่งดันอัพรูปชวนคิดว่าผมกับมันมี “ซัมติง” แถมยังเพิ่มด้วยการกดไลค์คอมเมนต์สองแง่สองง่ามเข้าไปอีกจนตอนนี้ผมถึงกับต้องปิดการแจ้งเตือนของเฟสบุคเลยนะครับ ไอโฟนจะค้างเอา

ทำไมไม่ปฏิเสธไปให้มันจบๆ จะไปกดไลค์ให้หัวให้หูร้อนแบบนี้ทำไม

หรือมันจะมี “ซัมติง”
กับคนแก่กว่ามันตั้งห้าปีอย่างผมเนี่ยนะ…
บ้าแล้ววินเอ้ยย


“ทำไมวันนี้เงียบจังเลยล่ะครับ”

“...”

“พี่วิน?”

“ห้ะ อะไรๆ” ผมสะดุ้งเมื่อมีฝ่ามือใหญ่ๆของหวานมาโบกอยู่ตรงหน้า

“ไม่สบายหรือเปล่าครับ” 

“เปล่า เปล่า สบายดี เห้ย จะหันมามองทำไม ขับรถไปดิ่ เดี๋ยวก็ชนหรอก” ผมรีบพูด แน้ะ ยังมาจ้องหน้าอีก

“ไม่สบายแน่ๆ” ไม่พูดเปล่า ยังเอามือเอื้อมมาอังหน้าผากทำเอาผมสะดุ้ง

“เห้ย!!”

“ตัวร้อนจริงๆด้วย” เจ้าตัวพูดในขณะที่ตายังมองถนนอยู่

“กูสบายดี!” ผมพูดเสียงดังแล้วดันมือมันออก

“อา ถึงคอนโดแล้วทานยาหน่อยก็ดีนะครับ” มันพูดยิ้มๆ   

“เยอะ”

“น้อยแล้วครับ สำหรับพี่เนี่ย” คนเด็กกว่าพูดหน้าตาเฉย แล้วฮัมเพลงต่ออย่างอารมณ์ดี

“...”

“อา...” มันยกมือขึ้นเกาข้างแก้ม

“เออใช่ ว่าจะถาม งานที่บอกให้ปรับนี่แก้รึยังน่ะ” ผมถามขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ขอบคุณสมองตัวเองจริงๆ ที่เปลี่ยนเรื่องได้ แม้จะดูแถไปหน่อยก็ตาม “นี่ไฟนอลดีไซน์วันไหนเนี่ย”

“แก้แล้วครับ แต่ยังไม่เสร็จ เดี๋ยวว่าใกล้ๆ จะให้พี่ดูอีกที ส๋งพาร์ทแรกอังคารหน้า ส่วนไฟนอลจริงๆโน่นครับ น่าจะหลังสอบ”

“อืมม นี่คือใกล้จะสอบแล้วใช่มั้ย ปิดภาคน่ะ” 

“เอ่ออ..” หวานทำท่านึก “ใช่ครับ อีกเกือบเดือน”

“ก็ยังมีเวลานะ อย่าลืมอ่านหนังสือด้วย พวกประมาทฮิสทรี่นี่คาบเอฟกันมาแล้วรัวๆ เอ้ย จอดตรงนี้ก็ได้” ผมรีบบอก “เดี๋ยวเดินไปเอง เลี้ยวเข้ามาทำไม” ผมบอก ยิ่งงงหนักเข้าไปอีกเมื่อหวานเลี้ยวรถเข้ามายังที่จอดรถของคอนโด

“มาจอดรถ แล้วกินข้าวกันก่อนไงครับ พี่วินพูดเองนะ”

“หา ตอนไหน” ผมงง

“โห ชวนผมกินข้าวแล้วทำเป็นจำไม่ได้ น้อยใจนะครับเนี่ย” หวานพูดพลางจ้องหน้าผมในจังหวะที่กำลังจะเตรียมถอยรถ

“เอ้าา” ผมร้องเสียงดัง กูผิดอะไรร นี่ตกลงกูชวนมึงกินข้าวเหรอ

“เลี้ยงข้าวผมเลย”

“นี่จะมาตลกแดกแบบนี้อ่ะนะ..” ผมล่ะเชื่อเลย

“ไม่ได้เหรอครับ”

“...”

“นะ”

“เออ…เลี้ยงก็เลี้ยง”

ไหนๆผมก็เป็นรุ่นพี่มัน
ใช่มั้ยครับ

_ _ _ _


12.34


ผมกับหวานนั่งตากแอร์อยู่ในคาเฟ่เล็กๆใต้คอนโดของผมหลังจากที่เราจัดการอาหารจานเดียวง่ายๆ ตรงหน้าหมด
วันนี้วันอาทิตย์เลยมีคนอยู่ไม่มาก ร้านเลยโล่งกว่าปกติ นั่งต่อซักหน่อยก็คงไม่เป็นไร
ผมจัดการสั่งอเมริกาโน่ให้ตัวเอง แล้วเลิกคิ้วใส่เด็กตรงหน้าเป็นเชิงถาม   

“น้ำเปล่าก็พอครับ”

“ดีแล้ว อย่าติดเลยกาแฟ.. วันไหนไม่ได้กินนี่ชีวิตพัง” ผมบอกสั้นๆ

หวานยิ้มแล้วพูดขึ้ยเบาๆ “ไม่ใช่แค่คาเฟอีนหรอกครับที่ติดได้น่ะ”

“เออ จะคาเฟอีน บุหรี่ เหล้า หรือกระทั่งน้ำตาล มากไปมันก็ติดทั้งนั้นแหละน่า” ผมว่า

“ไม่ใช่สักหน่อย พี่นี่นะ…” มันหุบยิ้มแล้วถอนหายใจพรืด ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ แลทำเอาหัวเหอยุ่งไปหมด

อะไร กูทำไมอีก
ผมมองหน้าอยากจะเถียงต่อ แต่อีกฝ่ายก็หยิบสมุดสเก็ซออกมาแล้วก้มหน้าขีดๆเขียนๆ แบบไม่อยากคุยต่อ
เหอะ ก็ไม่ได้อยากกวนเด็กอารมณ์ติสต์ แถมพี่สาวคนสวยก็มาเสิร์ฟกาแฟพอดี
ระหว่างรอกาแฟหายร้อน ผมเลยหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นตามความเคยชิน

ไม่มีอีเมลล์เข้าใหม่
ส่วนไลน์… ก็มีแต่พวกแม่งมาแซว.. เรื่องนั้นแหละครับ ผมเหลือบตามองคู่กรณีที่นั่งชิวมองวิวริมหน้าต่างแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว
สบายใจจังนะมึงเนี่ย มือถือกูจะค้างเอา ผมเลื่อนฟีดในเฟสบุคดูไปเรื่อย โชคดีไปที่หัวข้อผมเริ่มซาลงไปแล้ว ผมเลยตัดสินใจเปิดการแจ้งเตือนไว้เหมือนเดิม คงไม่มีอะไรแล้วแหละ

พอผมเงยหน้าขึ้นมาจะหยิบกาแฟ ก็เจอกับคนที่นั่งเท้าคางมองอยู่ก่อนแล้ว “เห็นโพสรึยังครับ”

อะไรของมึ๊ง “เออ เห็นแล้ว”

“ไม่เห็นมาคอมเมนต์หรือกดไลค์เลยนี่นา” หวานพูดยิ้มๆ “มีคนมาคอมเมนต์กันเยอะเลยนะครับ ไม่ไปตอบหน่อยล่ะ”

“แซวกันไปอย่างนั้นแหละ อย่าไปสนใจเลย พี่ๆน้องๆ กันทั้งนั้น” ผมพูดปัดๆ “กูโดนมาเยอะแล้ว”

“กับพี่น้ำน่ะเหรอครับ” มันถามเสียงเรียบ   

“เอ่อ” ถามอะไรตรงตัวขนาดนั้น “ก็.. อือ”  ไม่รู้ทำไมอยากหลบสายตาที่มันมองมาซะเฉยๆ

“ก็เห็นมีทีม #น้ำวิน เต็มเลย”

“เล่นกันไปเรื่อยอ่ะพวกนี้ ไอ้พีทก็โดน อาร์ตอีก โดนกันทั้งแก๊งค์อ่ะเอาจริงๆ”

“...”

“เอ่อ.. แต่ว่า” ผมสูดหายใจเข้าก่อนจะตัดสินใจพูด “ถ้า ‘ทางมึง’ เข้าใจผิดหรือเขาลำบากใจ ให้กูเคลียร์ให้ก็ได้นะ แท๊กชื่อกูซะขนาดนั้น รู้สึกต้องรับผิดชอบเลยว่ะ” ผมบอกพร้อมมองหน้าหวานไปด้วย

“อืม..”


Rrrr…

คนตรงหน้าผมมองโทรศัพท์ตัวเอง

“แป๊บนึงนะครับ” พูดจบหวานก็ลุกขึ้นเดินเร็วๆ ไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน หน้าตางี้บูดเชียว
แต่ไม่นานนักมันก็เดินกลับมา

“ต้องไปแล้วล่ะ”

“อือ” ผมพยักหน้า

“เรื่องรูป.. ไม่ต้องเคลียร์หรอกครับ ‘ทางผม’ ไม่ได้เข้าใจผิดอะไร” มันว่า “น่าจะยังไม่เข้าใจมากกว่า”

“หา..” แล้วมันจะดีเหรอวะ

“เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” มันตัดบท “ผมไปก่อนนะ” หวานยกมือเป็นสัญญาณบอกลา ทำไมมึงไม่ไหว้กูสักทีวะ

“อ่ะ อือๆ ขับรถดีๆ” ผมโบกมือตอบมันแบบงงๆ แล้วมองคนตัวสูงเดินก้าวยาวๆ ออกไปจากร้าน

มันเอาที่ไหนมามั่นใจนะ ว่าแฟนมันจะไม่เข้าใจอะไรผิด
แล้วไอ้ยังไม่เข้าใจนี่คืออะไรวะ ไอ้นี่ชอบพูดอะไรประหลาดๆอยู่เรื่อย

ผมถอนหายใจพลางจิบกาแฟไปด้วย
เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหน้าจอที่ยังค้างอยู่ที่เฟสบุคก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
ส่องเฟสบุคต่อดีกว่า

นั่งเล่นจนเพลิน รู้ตัวอีกทีกาแฟก็เหลือติดแค่ก้นแก้วแล้ว
ผมอัพเดทหน้าเฟสบุคฟีดอีกครั้ง ก่อนชื่อของคนเด็กกว่าจะปรากฏให้เห็น

Whann Aran Werawongnusa added a new photo
รูปวาดลายเส้นแก้วกาแฟอเมริกาโน่กับแก้วน้ำเปล่าถูกโพสลงบนหน้าวอลล์ของหวาน   

ผมมองมือถือสลับกับโต๊ะตรงหน้า รูปของแก้วพวกนี้ชัดๆ

วาดไปตอนไหน
ไม่เห็นรู้ตัวเลย

_ _ _ _

โฮฮฮ
กลับมาแล้วค่ะ
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะคะ

ตอนนี้เขียน-ยาก-มาก-มาก เลยค่ะ ฮือออ /แถไปซบคนอ่าน
เขียนแล้วลบเขียนแล้วลบอยู่หลายสิบรอบมาก
สายใยบางๆระหว่างกันแบบนี้เปราะบางมาก ทั้งน้ำทั้งวินเลยไม่อยากจะพูดคำนั้นออกมา
รู้ตัวกันทั้งคู่ล่ะค่ะ ว่าถ้าใครพูดหรือถามออกมา มิตรภาพมันจะไม่เหมือนเดิม

ส่วนที่ว่าทำไมน้ำถึงมาถามเอาตอนนี้.. ก็เพราะเห็นจากเฟสบุคของเด็กหวานนั่นแหละค่ะ ชาวคณะก็ชงกันจ๊างง
ความหวงเพื่อนเลยพุ่งปรี๊ด

หวังว่าจะชอบกันค่ะ

พบกันตอนหน้านะคะ
เลิฟฟ

 :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2017 22:42:45 โดย idee »

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบมากกกก ฉากน้ำกับวินเขียนได้ดีค่ะ สงสารน้ำเลย ส่วนพี่วินก็มึนๆ สงสารหวานเหมือนกัน  :ling1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เนี่ยยยย พี่วินเข้าใจเพื่อน แต่ยังไม่เข้าใจน้องใช่ไหมล่าาาาา?

ต้องให้น้องมาหยอดบ่อยๆเนอะ จะได้หายซึน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สนุกแล้วก็ดูเรียลมากๆเลยค่ะ ชอบมากๆ รอตอนต่อไปนะคะ  :hao5:

ออฟไลน์ changemoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
และแล้วเราต้องคอมเม้น (ปกติเป็นนักอ่านเงา ขอโทษด้วยน้าาา) สังเกตมาตั้งแต่ช่วงแรกๆล่ะว่าน้ำค่อนข้างพิเศษกับวิน แต่ก็ไม่ไปต่อเพราะความสัมพันธ์ของเพื่อน หรืออาจจะสับสนความรู้สึก เราค่อนข้างชอบตัวละครทุกตัวช่วงแรกเพราะมีคาแรคเตอร์ตามแบบที่เราชอบ พออ่านมาเรื่อยๆแต่ล่ะตัวละครมีมิติมากขึ้นซึ่งดีมากก แต่ก็ทำให้เราเชียร์หวานน้อยลง ฮ่าาาาา เพราะตัวละครสื่อความต่างของอายุได้นะและเราไม่ค่อยชอบคนที่อ่อนกว่าเท่าไหร่(ประหนึ่งตัวเองเป็นวิน) ส่วนตะวันยังไม่ได้ทำความรู้จักจริงจังเลยวางตัวเป็นกลางไว้ก่อน ส่วนน้ำซึ่งดูจากตอนนี้คงไม่มีหวัง ถ้าน้ำเป็นคนที่...อธิบายไม่ถูก แบบว่าไม่สับสน งงงวยกับความรู้สึกตัวเอง(จริงๆก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่ไม่ใช่สเปคเรา)  เราก็คงเชียร์มากๆด้วย สรุปแล้วเราชอบวินที่สุดในเรื่องนี้ น่าร้ากกกก คู่กับพี่ฝ้ายไปเลยค่ะ สุดท้ายยเราชอบเรื่องนี้น้าาา ไม่ว่าใครได้ใจวิน เราก็จะติดตามเรื่องนี้ต่อไปฮับ
ปล.ถึงหวานมาแรงมากๆๆๆก็เถอะ ฮิฮิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :hao7: :mew2:คิดถึงตั๋วินแล้ว

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 16

11.14
วันพุธ


“พี่วินคะ มีลูกค้ามาพบค่ะ”
 
“หา” ผมเงยหน้าเหวอๆขึ้นจากกองเอกสาร “ดีไซน์เนอร์ของ XX อ่ะนะ พี่ไม่ได้นัดคุยกับวันพฤหัสเหรอ นี่วันอะไรนะ” ลืมวันลืมคืนไปหมดแล้วเนี่ย

“วันนี้วันพุธค่ะ แต่.. เอ่อ ไม่ใช่จาก XX อ่ะพี่” น้องแคร์ฟังโทรศัพท์ต่อ “พี่จอยให้รอในห้องประชุม 2 ค่ะ”

ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนจะรวบกระดาษตรงหน้าไปไว้ฟากหนึ่งของโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดิน
อะไรวะเนี่ย นัดก็ไม่ได้นัด นึกจะมาก็มาเหรอคร้าบบบ ถ้าติดประชุมจะทำยังไง ทำไมไม่นัดก่อนนนน โว้ยยยย คิดว่าพรี่เป็นใครครับเนี่ยยย

ผมมองปลายเท้าตัวเองขณะที่เดิน ถอนหายใจหนักๆก่อนจะเงยหน้าแล้วผลักประตูกระจกเข้าไป

อ่อ..
เออ พี่ไม่ต้องนัดหรอกครับ
ทุกคนต่างหากที่ต้องคลานเข่าพร้อมกรวยบายศรีเข้าไปนัดพี่

“พี่ตะวัน มาได้ไงครับเนี่ย”
ร่างสูงที่กำลังยืนพินิจพิจารณาชั้นวางโมเดลในห้องหันกลับมาอย่างว่องไว แค่เห็นสูทคัตติ้งเรียบเป๊ะแบบนี้ก็จำได้แล้วล่ะ

“สวัสดีครับวิน” อีกฝ่ายยิ้มให้ผมอย่างอารมณ์ดี “พี่เพิ่งกลับจากเกาหลีน่ะ วันนี้ยังว่างๆอยู่เลยเอาของมาฝาก”

“จะมาทวงงานด้วยล่ะสิครับ” ผมพูดขำๆ

“นั่นก็ด้วยครับ อยากเห็น mood and tone บอร์ดแล้ว” 

ผมอ้าปากค้าง ชิบผาย พ่อมาทวงงาน! ยังไม่เสร็จครับพูดเลย ก็เพิ่งจะส่งคอมเมนต์มาวันจันทร์ตอนกลางคืนเอง นี่ยังอยู่ที่พี่มีนฝ่ายแบรนด์ดิ้ง รายชื่อผู้ออกแบบก็ยังไม่ครบห้าเจ้า ตายห่าาาาา ในระหว่างที่กำลังคิดหาคำตอบที่ไม่ตลกแดกจนเกินไป คนตัวสูงก็หัวเราะขึ้นมา

“ฮ่าๆ พี่พูดเล่นครับวิน ดูทำหน้าตลกเชียว”

“หาา” ผมทำหน้าเหลอหลา

“พี่เอาของมาฝากเฉยๆน่ะ จะได้มีกำลังใจทำงาน” ว่าแล้วก็หยิบถุงขนมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาโชว์

“ใจหายหมดเลย” ผมว่า “ได้ยินว่าทวงงานนี่ขนลุกเกรียวเลยครับ”

“ฮ่าๆ นี่อันนี้จากเกาหลี ส่วนอันนี้จากเซี่ยงไฮ้ครับ ลองแล้ว อร่อย รับประกัน” คนในชุดสูทยกไม้ยกมือประกอบแล้วส่งถุงขนมให้

“ขอบคุณครับ นี่พี่ตะวันซื้อมาเยอะแบบกินได้ทั้งออฟฟิสเลยเนี่ย อ้วนชัวร์” ผมบอกขอบคุณ ขนมสามถุงใหญ่ๆในมือหนักพอควร ผมเลยวางไว้ที่เก้าอี้ด้านหน้า

“แล้วก็นี่ อันนี้ของวิน” คุณตะวันยิ้มกว้างก่อนจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูท หยิบถุงกระดาษเล็กๆ ออกมา “พี่ให้”

“เห้ยยยยยย” ผมเผลอร้องเสียงดัง “พี่ไปหามาได้ยังไงน่ะครับ!!!”

ผมมองถุงกระดาษในมือพี่ตะวันแล้วทำตาโต
นี่มันปากกาหมึกซึม LAMY สีน้ำตาลแบบลิมิเตดที่ collaboration กับ LINE friend มีขายเฉพาะที่เกาหลีนี่! แถมไม่ได้หาง่ายนะครับ Sold out ทั้งประเทศ ของมาทีจะตีกันตาย! ตอนนี้ราคาน่าจะพุ่งไปที่ด้ามละเกือบๆ ห้าพันบาทแล้ว

พี่ตะวันอมยิ้ม “เห็นวินชอบ LAMY พี่ว่าน่าจะชอบ”

“แต่ว่า มันแพงนะครับ ผมรับไว้ไม่ได้หรอก” 

“รับไปเถอะครับ นี่พี่มีอีกหลายแท่งเลย ไปประชุมแล้วเขาแจกมา”

“หา ประชุมอะไรครับเนี่ย” ผมทำหน้าไม่เชื่อ เบี้ยประชุมแจกเป็นปากการึไง

“ฮ่าๆ อย่าเป็นเด็กขี้สงสัยสิครับ” พูดจบก็ยัดถุงปากกาใส่มือผมหน้าตาเฉย

“เอ้าาาา” ผมร้องโวย
ไอ้นิสัยชอบเปย์ของพี่แกนี่คงเกินเยียวยาแล้วล่ะ

“ใช้ด้วยนะครับ อย่าเก็บไว้เฉยๆ” คนในชุดสูทยกมือขึ้นดูนาฬิกา “เดี๋ยวพี่ต้องไปล่ะ ไว้คุยกันนะครับ”

“อ่าา ครับ”

แล้วคุณตะวันก็เดินตัวปลิวออกไปจากห้องประชุม ทิ้งผมไว้กับขนมถุงเบ้อเร่อและปากกาลามี่ในมือ
นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป นี่มันนิสัยคนรวยจริงๆเลยแฮะ

_ _ _ _

18.36

“อื้อ”

(ขอโทษนะครับ)

“เห้ย ไม่เป็นไร จะขอโทษทำไมเล่า ไปทำงานดิ่”

(ก็สัญญาว่าจะไป)

“ติดงานก็ติดงานดิ่ ไปทำงานไป ห่วงอะไรหนักหนาเนี่ย”

(ครับ ครับ)

ผมกดวางสาย
ไอ้หวานโทรมาบอกครับว่าทั้งอาทิตย์ที่เหลือนี่มันไปดูจิ๋วไม่ได้ ต้องทำโปรเจ็กงานกลุ่ม เตรียมพรีเซนต์อะไรไม่รู้
เออสิ มึงเป็นนักศึกษานะ ไม่ใช่หมอแมว จะมัวมาขลุกอยู่ที่คลีนิคทำไม อยู่ไปสิสตูดิโอน่ะ

จะว่าไป ตอนปีหนึ่งผมว่างขนาดมันเลยเหรอครับ ไหนจะงาน Design fundamental ไหนจะ sketch design ที่ต้องส่งความคืบหน้ากันทุกวันอังคารกับศุกร์ก็แทบจะลากเลือดแล้ว ไม่นับพวกวิชา Construction ที่แทบจะเอาตัวไม่รอดตอนเทอมแรก โชคดีหน่อยที่พวกวิชาทฤษฎีแบบประวัติศาสตร์ศิลป์หรือ Design Principle อาศัยฟังๆเอาในห้องเอาได้ กว่าจะปรับตัวได้นี่ก็ปาเข้าไปเกือบขึ้นปีสองแล้ว

แม่งเอาเวลาที่ไหนมาดูแลแมวจิ๋วได้เกือบทุกวันวะ นี่ไม่นับที่พักนี้แม่งชอบโทรมาถามงานบ้าง ไลน์มากวนประสาทผมบ้างตอนกลางคืนด้วยนะบางที มึงไม่ทำงานเหรอครับเด็กหวาน ไหนจะ 'คนทางนั้น' ของมันอีก เอาเวลาที่ไหนไปเทคแคร์แฟนวะ มาหยอดไปหยอดมากับกูอยู่ได้

มันก็แค่เด็กปีหนึ่ง
จะไปเอาอะไรจริงจังกับมันใช่มั้ยครับ

“วินไปยัง เดี๋ยวพี่จะกลับละ” เสียงพี่ฝ้ายเรียกผมจากประตูทางเข้า

“อ้ะ กลับครับ” ผมกวาดของลงกระเป๋า
ไม่ลืมหยิบเอาถุงปากกาที่ได้จากคุณชายตะวันไปด้วย

เออ จู่ๆก็ได้ปากกาฟรีแฮะ   

ผมเดินออกจากออฟฟิสไปกับเจ้านาย ในใจก็คิดว่า เย็นนี้หลังจากไปเยี่ยมจิ๋วแล้วไปดูหนังดีมั้ยนะ
หรือว่าจะไปซื้อของที่ห้างดี ของสดในตู้เย็นจะหมดรึยัง 

“อ้าว วินไม่ไปรถไฟฟ้าเหรอ” พี่ฝ้ายถามเมื่อเห็นผมทำท่าจะเดินไปอีกทาง

“ไปทำธุระนิดหน่อยครับ”

“แน่ะ นัดใคร”

“แมวน่ะครับ”

พี่ฝ้ายทำหน้างง

“แมวจริงๆ น่ะพี่ เมี้ยว” ผมยกมือขึ้นเป็นแมวกวักแล้วทำเสียงประกอบ

“แหมมม ” อีกฝ่ายหัวเราะแล้วเอามือตีไหล่ผม “ต้องแบ๊วเบอร์นี้เลยเหรอยะ” 

“ฮ่ะๆ มันโดนน้ำร้อนลวกเอาน่ะครับ บังเอิญผมไปเจอมันพอดีเลยเอามารักษา”

“ห้ะ”

ผมพยักหน้าพร้อมเปิดหารูปในโทรศัพท์ให้ดู “นี่ไง”

“โอ้ย หูหายไปไหน น่าสงสารจังลูกก” พี่ฝ้ายร้องขึ้นหลังจากหยิบมือถือไปดู “แล้วนี่รักษามานานรึยัง ไม่เห็นบอกเลย” เจ้ฝ้ายผมนี่ก็ทาสแมวนะครับ ที่บ้านแกมีอยู่สองตัว เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กแต่น้อย

“สักสามอาทิตย์แล้วล่ะครับ ที่คลีนิคตรงซอย 3 นี่เอง” ผมบอก “ไปด้วยกันมั้ยล่ะครับ”

“เอาสิ วันนี้พี่ไม่ได้รีบไปไหน”

เป็นอันว่าผมได้คนเดินไปคลีนิคเป็นเพื่อนอีก 1 ea

_ _ _ _

19.07

วันนี้การรักษาแมวจิ๋วเป็นไปได้อย่างราบรื่น สภาพแผลดีขึ้นมาก แถมตัวแสบก็ยังร่างเริงแรงดีไม่มีตก เกาะไหล่ปีนหัวแทะนิ้วผมได้สบายๆ พอถึงเวลาเล่นเจ้าตัวเล็กก็ตาแป๋วเมื่อเจอคนหน้าใหม่ เดินเข้าไปดมๆอย่างตื่นเต้น พี่ฝ้ายคงมีกลิ่นแมวจากที่บ้านติดมา
 
“นี่ค่ะน้องวิน” พี่ผู้ช่วยพยาบาลส่งใบแจ้งค่ารักษาของอาทิตย์นี้มาให้ผมเซ็น ในขณะที่พี่ฝ้ายกำลังอุ้มจิ๋วเล่นอยู่

“เอ้ย พี่ออกให้เอง ถือว่าช่วยกันๆ” เจ้านายคนสวยของผมชะโงกหน้าเข้ามาดู “อ้ะ ไม่ต้องเถียง ชั้นเป็นเจ้านายเธอ” ผมที่กำลังจะส่งเสียงค้านโดนพูดดักคอไว้ “นี่ต้องรักษาอีกนานมั้ยคะ” พูดพลางส่งจิ๋วให้ผมอุ้ม ส่วนตัวเองก็ค้นกระเป๋าสตางค์ยื่นเครดิตการ์ดให้เจ้าหน้าที่ไป

“อีกสักอาทิตย์ก็กลับบ้านได้แล้วค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องขูดเนื้อตายแล้ว รอให้แผลแห้งอย่างเดียว”

เออว่ะ ผมยังไม่ได้นึกเลยว่าจะทำยังไงกับจิ๋วต่อ
คงต้องหาบ้านให้แล้วสินะ.. ยังไงดีล่ะเนี่ย

“พี่ก็อยากรับอยู่หรอกนะ แต่เด็กๆที่บ้านสองตัวก็ไม่ไหวละ” พี่ฝ้ายโอดครวญ เอามือเกาคอแมวจิ๋วที่อยู่ในมือผม

“น้องวินฝากไว้ที่คลีนิคก่อนก็ได้ค่ะ หาบ้านได้แล้วค่อยมารับไป” พี่ผู้ช่วยแนะนำ

หลังจากเล่นกับจิ๋วไปเพลินๆ จนรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะสองทุ่มก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับ ผมเอาเดินเอาจิ๋วไปใส่กรงก่อนจะเคาะหัวบอกลาแมวหูเดียวที่ทำตาใส มันเอาหัวถูมือผมแล้วร้องเมี้ยวกลับมา เฮ่ออ จะทำใจเอาไปให้คนอื่นเลี้ยงได้ยังไงล่ะเนี่ย

หรือผมจะแอบเลี้ยงในคอนโดดีนะ

_ _ _ _

22.34

(พี่ลบโพสเดี๋ยวนี้เลย)

“ทำไม”

(ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ยอม)

“โว้ะ!”

มันเวรกรรมอะไรของผมที่ต้องลุกขึ้นมานั่งเถียงเป็นจริงเป็นจังกับเด็กอายุ 18 ตอนเกือบห้าทุ่มแบบนี้วะครับ
หลังจากผมโพสประกาศหาบ้านให้แมวจิ๋วเสร็จ (ไม่ใช่ทำใจง่ายๆนะครับ เขียนแล้วลบอยู่นั่นแหละ) ตั้งท่าเอนตัวพิงหัวเตียงแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านปุ๊บ ไอ้เด็กนี่ก็โทรมาปั๊บ โวยวายใหญ่ว่าไม่อยากยกแมวให้คนอื่น

(เดี๋ยวผมรับมาเลี้ยงเอง)

“หาเวลานอนให้พอก่อนเถอะมึงน่ะ ให้คนอื่นที่เขาพร้อมๆดีกว่า”

(ไม่เอา)

“มีเวลาดูแลที่ไหนล่ะ” ผมถอนหายใจ

(มีดิ่)

“คิดดีๆ นอนยังไม่ค่อยจะได้นอน นี่ปีต่อๆไปหนักกว่านี้อีก กูรับรอง”

(ผมดูแลได้ดิ่ นี่ยังไปหาได้เกือบทุกวันเลย)

“ค่าใช้จ่ายอีกเยอะแยะ ไหนจะค่ายาค่าวัคซีน ค่าอาหาร ต้องดูแลเยอะนะ”

(...)

“น่ะ เห็น-”

(แต่จิ๋วติดผมนะ)

นั่นไง..
ข้อนี้แหละที่ผมก็กังวล ไอ้ตัวแสบยังคงเล่นตัวกับพี่ผู้ช่วย ต้องให้ผมไม่ก็ไอ้เด็กหวานนี่ไปช่วยจับ ไม่งั้นมีอาละวาดข้าวของพังไปเป็นแถบๆ นี่บางวันไม่ว่างตรงกันทั้งสองคน แมวก็ไม่ต้องล้างแผลกันล่ะครับ ทั้งกัดทั้งข่วนจนเขาขยาดกันไปหมด

(ใช่มั้ยล่ะ ให้ผมรับเลี้ยงเนี่ยดีที่สุดแล้ว)

“บอกว่าไม่ให้”

(แล้วพี่จะทำยังไงอ่ะ ให้คนไม่รู้จักนี่ผมไม่ยอมนะ)

นี่ผมไม่เคยเห็นมันเถียงอะไรจริงจังขนาดนี้เลยนะ ให้ตายเหอะ

(พี่จะรู้ได้ไงว่าคนที่จะรับจิ๋วไปเขาจะดูแลดี เลี้ยงแมวเป็นรึเปล่า ถ้าเลือกคนที่มีแมวอยู่แล้วก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวก็ตีกันตาย จิ๋วมันจะไปสู้อะไรใครเขาได้อ่ะ จิ๋วมันคอนดิชั่นเยอะนะครับพี่วิน)

“หวาน”

(ไปเจอพวกเลี้ยงระบบเปิดก็แย่อีก เกิดปล่อยออกไปข้างนอกแล้วจะอยู่ได้ยังไง โดนเจ้าถิ่นรังแกตายเลย)

“ฟังก่อนดิ่”

(รักแมวรึเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ดิ่พี่ ถ้ามันโดนทิ้งอีกจะทำยังไง หูก็มีอยู่ข้างเดียว ขนก็หลุดๆร่วงๆ…. เห้ย หรือคนที่จะมาขอรับจะเอาจิ๋วไปหากิน โพสสร้างสตอรี่ดราม่าๆ หากินจากความสงสาร)

ไปกันใหญ่แล้วไอ้บ้าาาาาาาา

“ไอ้คุณหวานว้อยยยยยยย” ถ้านี่เป็นรถผมนี่ก็เรียกว่ากระทืบเบรคอ่ะครับ

(อะไรล่ะครับ)

“มึงอ่านโพสกูหมดป่ะเนี่ย ว่ามีข้อกำหนดกี่ข้อกว่าจะขอรับจิ๋วได้ ละเอียดกว่ารับมึงเข้าเรียนอีกมั้ง”

(อ่า..)

“ยาวไปไม่อ่านรึไง ชอบอ่านคลิกเบทเหรอ เห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ยห้ะ ไอ้เด็กบ้า…” ผมบ่น

(ก็...)

เออ
แดกจุดไปดิ่

“เขียนไว้หมดแหละ บ้านมีกี่คน ต้องเคยเลี้ยงแมวมาก่อน แมวยังอยู่มั้ย กี่ตัว ประวัติวัคซีนเป็นยังไง วิธีเลี้ยงแมว ให้แมวกินอาหารออะไร สภาพบ้านเป็นยังไง แมวนอนที่ไหน มีสัตว์อย่างอื่นในบ้านมั้ย ข้างบ้านมีหมารึเปล่า นี่กูเป็นนักวิเคราะห์นะครับมึง รอบคอบพอ” ผมพูดเร็วปรื๋อ

(แล้วถ้า..)

ยัง ยังอีก ยังจะเถียงกูอีก…
“ถ้าไม่มีใครรับไป กูนี่แหละจะเอามาเลี้ยงเอง”

(อ๋อ…) เสียงคนเด็กกว่าอ่อนลงไปหลายสเต็ป

“พอใจยังไอ้เด็กยุ่ง”

(ก็ผมตกใจอ้ะ) มันแก้ตัวดื้อๆ

“คิดว่ากูจะใจร้ายอะไรขนาดนั้น”

(ไม่รู้นี่นา ก็ปกติใจร้ายกับผมตลอดเลย) 

นั่น กลายร่างเป็นเด็กสามขวบไปแล้วครับ
“จะหาเรื่องใช่มั้ยห้ะ..” ผมทำเสียงขุ่น

(เปล่าครับ)

“กวนตีน”

(งั้นถ้าพี่เลี้ยงจิ๋ว ผมก็ไปหาได้ดิ่) มันเปลี่ยนเรื่องเฉย

“เออ..”

(สาาาธุ อย่ามีคนรับเลี้ยงเลย ให้พี่วินเลี้ยงเถอะ)

“อะไรของมึง”

(ก็ผมจะได้ไปหาบ่อยๆ)

“...”

(คิดถึง)

“มึงนี่ติดแมวเนอะ”

(ติดพี่ต่างหาก)

เหอออออ…..
“พ่องสิ..” ไอ้เด็กนี่จะหนักข้อขึ้นทุกวันแล้วนะ หยอดไปเรื่อยเลยไอ้นี่

(อะไร ผมจริงจังนะ)

“...”

(พี่วิน?)

“กูจะนอนละ”

(หา?)

“บาย”

แล้วผมก็กดตัดสายมันไปอย่างเร็ว
จะจริงจังอะไรล่ะสัส!! ไปจริงจังกับแฟนมึงโน่น!!

_ _ _ _

18.40
วันพฤหัส


ผมก้มหน้ามองนาฬิกาแล้วถอนหายใจเบาๆ วันนี้ลากยาวอีกแล้ว 

จริงๆแล้วโปรเจ็กนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผมโดยตรงหรอกครับ หลังบรีฟผู้ออกแบบเสร็จแบบชิวๆ ตอนบ่ายสองครึ่ง พี่ฝ้ายก็บอกว่าฝ่ายแบรนด์ดิ้งเขาจะบรีฟทิศทางให้ผู้ออกแบบภายในของคอนโดระดับ A++ กัน ให้ผมเข้าสังเกตการณ์ที่แถวหลังสุด เผื่อเวลาต้องบรีฟอินทีเรียโปรเจ็กต์ของคุณตะวันจะได้เข้าใจ งานอินทีเรียแบรนด์ดิ้งนี่รายละเอียดเยอะยุบยิบ ทั้งพรอบทั้งเฟอร์ตีกันให้ยุ่ง นั่งมาสองชั่วโมงครึ่ง ยังไม่มีท่าทางว่าจะจบเลย

สารภาพตามตรงว่าตอนนี้ไม่ค่อยได้สนใจที่เขาพรีเซนต์กันอยู่เท่าไหร่หรอก มัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยมากกว่า

ก็….เรื่องไร้สาระแหละครับ ไม่สำคัญเท่าไหร่.. หรอกมั้ง……
คือปกติผมก็ว่าเป็นคนมองสถานการณ์อะไรไม่ค่อยพลาดนะ แต่พักนี้เหมือนเซนส์จะเสื่อมไปซะแล้ว
แยกไม่ค่อยออกแล้วครับ อันไหนจริงอันไหนไม่จริง.. ใครพูดจริงพูดเล่น
โว้ย ไม่ชอบเลย อะไรไม่แน่นอนแบบนี้เนี่ย

“วิน”

“...”

“น้องวิน?” พี่มีนฝ่ายแบรนด์ดิ้งที่ยืนอยู่หน้าห้องเอียงคอถาม

ผมทำหน้าเหวอไปสามวินาที “อ้ะ คะ ครับ” 

“มีอะไรจะถามรึเปล่าคะ พวกขั้นตอนตรงนี้”

“อ่าาา ยังไม่มีครับ”

“โอเคค่ะ พอดีเดี๋ยวจะเข้าส่วนของการคิด Risk Management แล้ว อาจจะต้องขอให้ทีมวิเคราะห์ดูความถูกต้องอีกที”

“ครับๆ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก   

“งั้นต่อเลยนะคะ”

“ครับผม”

พอตอบพี่มีนเสร็จก็อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะให้สลบไป พี่ฝ้ายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะงี้ค้อนเอาตาเขียว ไอ้คนทำผิดแบบผมก็ได้แต่ก้มหัวขอโทษขอโพยไป มีอย่างที่ไหนมานั่งใจลอยระหว่างประชุม บ้าบอจริงๆ

พักนี้ผมว่าผมปล่อยให้คนเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวผมง่ายเกินไปแล้วล่ะ
มันชักจะรบกวนความคิดประจำวันผมมากเกินไปแล้ว

ผมดึงสติกลับมาตั้งใจฟังการประชุมใหม่ นั่งไปอีกเกือบสามสิบนาทีถึงได้ฤกษ์เลิกประชุมกัน

หลังจากโดนพี่ฝ้ายสวดเอาเรื่องเหม่อในห้องประชุมจบไปหนึ่งยก กราบขออภัยโทษเสร็จผมก็รีบพุ่งตัวมาที่คลีนิคสัตวแพทย์ หลังจากโทรเชคแล้วก็เป็นไปตามคาดคือมาไม่ทันจิ๋วล้างแผล คุณหมอใจกล้าจัดการเรียบร้อยแล้ว (พี่ผู้ช่วยสังเวยแขนตัวเองไปสองรอย พรุ่งนี้ต้องซื้อขนมมาให้ซะแล้ว) ผมโผล่เข้าไปตอนกำลังจะเอาจิ๋วเข้ากรงพอดี ไอ้ตัวแสบเห็นหน้าปุ๊บนี่ก็แหกปากเรียกเป็นอย่างแรก ต้องรีบเข้าไปอุ้มแล้วลูบหัวลูบหางเอาใจอยู่ตั้งนาน

อีกสิบห้านาทีคลีนิคจะปิด

ผมนั่งเอนตัวเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาหน้าห้องตรวจโดยมีแมวจิ๋วนอนครางครืดๆให้ผมเกาคออยู่บนตัก นี่ผมกลายเป็นทาสมันอย่างสมบูรณ์แล้วสินะ

ผมกดดูอินบ๊อกซ์ของตัวเอง มีคนติดต่อมาเรื่องรับเลี้ยงแมวจิ๋วสองคน

คนหนึ่งมีแมวตัวเมียอายุห้าปีอยู่แล้วหนึ่งตัว ดูแลฉีดวัคซีนตามปกติ อืมม ตัวเมียกับตัวเมียก็อาจจะเข้ากันได้ แต่เขาเลี้ยงแมวระบบเปิด ผมว่าจิ๋วไปอยู่อย่างนั้นจะแย่เอา ไม่เสี่ยงดีกว่า

ส่วนอีกคนเคยเลี้ยงแมวมาก่อน ผ่านเกณฑ์ทุกอย่างแต่แฟนเจ้าของบ้านกำลังท้องอยู่… คิดหนักเลยครับ นี่ถ้ามีเด็กอ่อนเกิดมา ขนเจ้าจิ๋วจะไปกระตุ้นภูมิแพ้เด็กรึเปล่า แล้วเขาจะมีแวลาดูแลแมวมั้ยล่ะเนี่ย…

ผมก้มหน้ามองแมวจิ๋วที่อยู่บนตักตัวเอง มันส่งสายตาแป๋วแหววกลับมา แล้วยังจะยื่นจมูกมาชนคางผมอีก
ถ้าจะอ้อนซะขนาดนี้… ไม่ต้องหาคนรับเลี้ยงแล้วครับ
อยู่กะผมแม่งนี่แหละ!

ผมถอนหายใจแล้วพูดกับมันเบาๆ “ไปอยู่กับกูละกันนะจิ๋ว”

“จริงเหรอ!”

ไอ้หวานที่ยืนอยู่ตรงประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้พูดเสียงดัง
ผมตกใจจนจิ๋วที่อยู่บนตักสะดุ้งไปด้วย ยังดีที่จับไว้ทัน คนมาใหม่เดินก้าวยาวๆตรงมานั่งลงข้างผมหน้าตาเฉย

“นึกว่ามาไม่ทันแล้วเนี่ย” มันถอนหายใจ จะว่าไปวันนี้มันดูโทรมกว่าที่เคย สงสัยจะโดนฤทธิ์เดชของโปรเจ็กต์ดีไซน์เข้าไป ของเขาแรงครับ ใต้ตางี้คล้ำเชียว

“นี่มึงโดดงานดีไซน์บิลด์มาเหรอ เลวจริงๆ” ผมพูดถึงงานกลุ่มที่เด็กปีหนึ่งจะต้องทำร่วมกัน นอกจากจะต้องออกแบบแล้ว ยังต้องลงมือสร้างจริงกันเองอีกต่างหาก ถึงจะเป็นโปรเจ็กต์เล็กๆ เช่น ป้อมยาม ที่นั่งเล่นหน้าห้องสมุด บูธขายน้ำ บลา บลา บลา แต่สำหรับเด็กปีหนึ่งที่ไม่มีพื้นฐานการก่อสร้างจริง บอกได้เลยครับว่าหนัก

“เห้ย ไม่ใช่ดิ่ กลุ่มผมทำนาฬิกาแดดที่วงเวียนหน้าคณะ นี่เพิ่งเทปูนฐานเสร็จไง” มันรีบตอบ

“อ่อ” อย่างน้อยก็ต้องรอปูนเซทตัวอีกอย่างน้อยหนึ่งวันสินะ

“ว่าแต่พี่พูดจริงใช่มั้ย ที่จะรับเอาจิ๋วไปเลี้ยงเองน่ะครับ” หวานหันหน้ามาถามผม เจ้าตัวยิ้มจนตาตี่

“เออออ” ผมลากเสียง

“เยส!” มันพูดเสียงดังแล้วเอื้อมมือมาจับเอาจิ๋วที่อยู่บนตักผมไปอุ้มไว้กับอก “ไปอยู่กับพี่วินเนอะ จะได้ไปหาบ่อยๆ”

“...”

จำไอ้เรื่องที่ผมคิดไม่ตกในห้องประชุมจนโดนดุได้มั้ยครับ
เอาตรงๆ เลยก็เรื่องไอ้เด็กหน้าหล่อคนนี้น่ะแหละ
คือที่มันมาป้วนเปี้ยนรอบๆตัวเนี่ย ก็ไม่ใช่ว่ารำคาญอะไร เอ็นดูมันในฐานะรุ่นน้องคนหนึ่ง 
แต่ที่มันขยันหยอดผม พักนี้มันชักจะเยอะไปแล้วไง
นี่เริ่มแยกไม่ออกแล้วว่ามันพูดจริงหรือเล่น ถ้ามันไม่พูดที่ร้านกาแฟก็คงคิดไปแล้วว่ามันจะจริงจัง

ผมสลัดหัวไล่ความคิดออกจากหัวแล้วมองมันคุยหงุงหงิงกับจิ๋ว “มึงก็พูดภาษาแมวเป็นเรื่องเป็นราวเนอะ”

“เมื่อกี้พี่ยังคุยกับจิ๋วเลย”

“ไอ้--”

“กลับเข้ากรงเถอะเน้อะ เดี๋ยวคลีนิคจะปิดแล้ว พี่ๆที่ดูแลเขาจะกลับบ้านดึกเอา” มันเดินอุ้มแมวลอยหน้าลอยตาไปที่กรงแบบไม่รอผมด่าให้จบ เดี๋ยวเถอะมึง ขอให้คืนนี้ฝนตกแล้วปูนแม่งไม่แห้ง ขอให้ไม้แบบมึงเบี้ยว ไอ้เด็กบ้านี่

“อ้ะ น้องวินคะ” พี่ผู้ช่วยที่กำลังเดินเข้ามาเช็คเด็กๆที่อยู่ในกรงทักขึ้น

“ครับผม”

“เมื่อวานน้องผู้หญิงที่สวยๆ เขาถามเรื่องอาหารแมวรอยัลคานินสำหรับแมวในบ้านไว้ ฝากบอกได้มั้ยคะว่าของเข้าแล้ว”

“อ๋อ ได้ครับ เดี๋ยวผมบอกให้”

คนอายุน้อยที่สุดในห้องหันควับมามองหน้าผม “ใครน่ะครับพี่วิน”

“ยุ่ง”

“แฟนเหรอ?”

(...)

“เห้ย จิงดิ่ แฟนพี่เหรอ?”

“ยัง..”

“ยังไม่ใช่แฟน? พี่จีบอยู่??”

“ยังไม่หยุดถามอีกมึงเนี่ย..” ผมโวย “จะกลับมั้ย ไม่กลับกูกลับนะ... พี่ๆครับ ผมไปก่อนนะ” หันไปพูดประโยคสุดท้ายกับพวกพนักงานในคลีนิค

“เอ้ย กลับสิครับ.. นี่ เดี๋ยวผมไปส่ง” มันดึงข้อมือผมเอาไว้ก่อนจะหันไปยิ้มหล่อบอกลาคนอื่นๆ “ผมไปแล้วนะครับ บ๊ายบาย”
เสร็จแล้วก็เดินลากผมออกมาเฉย นี่กูเป็นเด็กอนุบาลกุ๊กไก่รึยังไง

“ขึ้นรถสิครับ รีบกลับกัน ผมง่วงแล้วอ่ะ” มันเปิดประตูฝั่งตัวเอง

“แล้วจะไปส่งกูทำไม แค่นี้กูเดินไปได้ป่ะ กลับไปนอนดิ่”

“ไม่เอาอ่ะ ต้องไปส่งพี่วินก่อนสิครับ”

ผมส่ายหัวให้ความเด็กโข่งของมันสามสี่ทีก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ หวานตามเข้ามานั่งก่อนที่จะค่อยๆ ออกรถไปเงียบๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไลน์หาพี่ฝ้ายเรื่องอาหารแมว ต่อด้วยการนั่งตอบอีเมลล์ที่ค้างมาตั้งแต่ตอนเย็น ก็วันนี้เล่นประชุมตั้งแต่บ่ายสามยันเกือบทุ่ม ตารางเวลาผมเลยรวนไปหมดน่ะสิครับ

นั่งตอบเมลล์ไปยังไม่ทันหมด รถของหวานก็มาจอดที่คอนโดผมเรียบร้อยแล้ว

“เอ้ย ขอบใจมาก มึงก็รีบไปพักผ่อน ดูไม่ได้เลยวันนี้” ผมบอกพลางปลดเข็มขัดนิรภัย เตรียมจะหยิบกระเป๋าแล้วเปิดประตู

“พี่วิน ผมถามอะไรหน่อยสิ..” หวานหันหน้ามามองผมหน้าเครียด “คนที่พี่พามาคลีนิคเมื่อวาน.. แฟนพี่จริงเหรอ”

นี่คุณมึงคาใจอะไรขนาดนั้นล่ะครับ “ถ้าใช่ล่ะ?” ผมถามกลับ

“ไม่เอาดิ่พี่ ซีเรียสนะ” มันพูดเสียงเข้มใส่ เชรดดด จะจริงจังอะไรขนาดนั้น

“ไม่บอก” ผมว่า “ทีมึงมีแฟนกูยังไม่ถามเลย”

หวานทำตาโต “เห้ย ตอนไหน”

“ก็มึงพูดเองที่ร้านกาแฟวันก่อนไง ว่าแฟนมึงเขาไม่ได้เข้าใจผิด แต่เขาไม่รู้เรื่อง” ผมย้อน

“โอ้ยยย” มันร้อง เหอะ ไม่คิดล่ะสิว่ากูจะจำได้ ขอโทษที นี่ตี๋วินเอง “ไม่ดิ่ พี่ตอบผมก่อน ตกลงคนนั้นนี่แฟนพี่รึเปล่า”

“ไม่ใช่” ผมส่ายหน้าตอบมัน อำไปก็ไม่ได้รางวัลอ่ะนะ “เอาจริงๆ กูว่ามึงควรเลิกหยอดไปทั่วแบบนี้นะ แฟนมึงอาจจะไม่รู้ แต่ติดเป็นนิสัยแล้วมันจะไม่ดี มึงควรจะให้เกียรติเขาบ้าง” ผมได้โอกาสสอน

“ไม่ใช่แล้วววว ผมไม่มีแฟนนนน” มันเอามือขยี้หัวตัวเอง ทำท่าเหมือนจะเอาหัวโขกพวงมาลัยรถซะให้ได้

“เอ้า ก็มึง..”

“ไม่ได้หยอดไปทั่วด้วย” หวานปิดหน้าแล้วพูดเสียงอู้อี้

“แต่มึงหยอดกูซะเป็นหนมครกเลยไอ้ห่า” ผมโวยวาย

“โอ้ยยยยยย” มันตั้งสติแล้วหันมาประจันหน้ากับผมแล้วถอนหายใจ “นี่ยังไม่ชัดอีกเหรอ”

“อะไรล่ะ”

“ผมจีบพี่อยู่ไง”

“พ่อมึง” พูดออกไปด้วยความตกใจขั้นสุด

อยากจะบอกว่ามันอำแต่หน้าตามันตอนนี้นี่ห่างไกลจากคำว่าล้อเล่นไปเยอะ หวานถอนหายใจแล้วจ้องหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง
“ถือว่าผมขอเป็นรางวัลเมื่อตอนมีตติ้งแล้วกันนะ”

“ผมขอจีบนะครับ”

_ _ _ _

 :pig4: :pig4: :pig4:

มาแล้วค่าาาา ลืมตี๋วินกันหมดแล้วรึเปล่าาาา
มีมรสุมชีวิตนิดหน่อยแต่เรากลับมาล้าววววว คิดถึงทุกคนนะคะ

สำหรับตอนนี้.. ขุ่นตะวันคัมแบ็ก แต่หวานมาแรงกว่า ปีหนึ่งมันไฟแรงขนาดนี้เลยเรอะ เด็กๆนี่ดีจริงๆ 5555

ปล. แอบเห็น #วิเคราะห์การรัก อยู่ในทวิตภพ พูดแบบไม่เว่อร์ว่าดีใจน้ำตาจะไหล
ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันและเอ็นดูตี๋วินค่ะ มีไฟและกำลังใจในการเขียนจริงๆนะ /มากอดที

แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ

 :katai4: :katai4: :katai4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2017 17:59:50 โดย idee »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พอรู้แบบนี้ตี๋หวั่นไหวกับการโดนหยอดบ้างยังคะ 55555555555555  :hao5:

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องหวานลูกกกกกกกกกกกกกกก
ตี๋วินจะได้หายซื่อซะที  :katai4:

ออฟไลน์ fongcha28

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อวยคุณตะวัน สายเปย์รัวๆๆ หมั่นไส้น้องหวาน

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
รู้แล้วใช่ไหมว่าจีบนักวิเคราะห์ต้องประกาศตัวให้ชัดไปเลย

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่คะ น้องเขาชัดเจนมาขนาดนี้แล้ว เอายังไงต่อดีคะ?

เต็มที่เลยหวาน ลูกกกก 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sanzon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากค่าาาาาาา  :katai2-1: :katai2-1:
ตามมาจากในทวิตฯ
รอตอนต่อไปๆๆๆ

เรือน้องหวานแล่นฉิวมากกกกก :-[
อยากแล่นเรือคุณตะวันบ้างค่ะ อิอิ :mew1:

สงสารน้ำ เป็นเรือที่ไม่ได้ออกจากท่าเลยย :hao5:

คนเขียนแต่งเก่งมากๆๆๆๆๆค่ะ บรรยายดี เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตาม

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
เราอยู่ทีมนำ้กับคุณตะวัน  :mew1: :mew1:
และเราหมั่นไส้หวานอะ  :z6: :z6:

ออฟไลน์ wwll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สมัครสมาชิกมาเพราะอยากขอบคุณwriterจริงๆค่ะ
อ่าน16ตอนรวดเลย รู้สึกอิ่มมากๆค่ะ

ไรท์ทำให้รูึกเหมือนได้ไปกินข้าวกับเพื่อนที่รู้ใจที่ห่างหายกันไปด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคน
แล้วร้านอาหารที่ไปก็อาหาร,service,บรรยากาศ,ความสะอาด,location,ราคา จนไปถึงห้องน้ำห้องท่าอะไรก็ถูกจริตไปหมด
กวาดทุกcriteriaแบบไม่มีข้อติเลย

ตัวละครทุกตัวมีบทบาทที่พอเหมาะพอดี
เนื้อเรื่องครบทุกรสชาติ ทั้งความรัก การงาน มิตรภาพ ทุกอย่างสมเหตุสมผลมากค่ะ
ได้ความรู้เรื่องสายงานวิเคราะห์จากน้องตี๋วินของเรา ชอบในความperfectionismของนาง
อยากจะซื้อที่ดีๆสักผืน แล้วขอproposal, request ให้น้องเป็นPMบ้าง
(น้องคงบอกว่าก่อนพี่จะซื้อที่ พี่ต้องมีเงินก่อนพี่คงลืมไปรึเปล่า พี่ไปเคลียงานที่มีให้จบก่อนมั้ยยังไง 555)

ว่าแต่ทางนี้ #ทีมพี่ตะวันสายเปย์ ค่ะ
เรามันชอบมวยรอง ดูซีรีย์เกาหลีทีไรก็ปันใจให้พระรองทุกที
เห็นใจคุณพี่ตะวัน ด้วยหน้าที่การงาน ไม่ได้มีเวลามาเทียวรับเทียวส่งเหมือนน้องหวานเจี๊ยบ
เลยได้แต่เปย์ไปตามวาระโอกาส
โถ่ๆๆๆเอ็นดู (ชูป้ายไฟพี่ตะวัน)

รอติดตามตอนต่อไป
เป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ไม่ได้อ่านนาน จำเรื่องไม่ได้เลยสงสัยต้องย้อนอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ yprjb

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากๆเลย ชอบ รู้ตัวอีกทีก็สนุกกับการติดตามชีวิตของวิน ถ้าเราเป็นพวกหนุ่มๆบอกตรงๆว่าก็คงหลงรักวินอ่ะ ทำไมซึนขนาดนี้ เชียร์หวานนะ แต่คุณตะวันก็มีเสน่ห์เหมือนกัน คือมันคนละแบบ เราลุ้นไปด้วยว่าใครจะได้ใจวิน แต่ตอนนี้หวานคะแนนนำ 5555 รอตอนต่อไปนะ สู้ๆนะคะ :katai3:

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
ค้างอยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
หวานรุกเต็มที่แล้ว เอาใจช่วยนะ


ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 17


ใบ้แดก…

ผมกลับเข้าห้องตัวเองแบบสติไม่ค่อยจะครบถ้วน
หลังจากฟังจบผมก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาดื้อๆ ไม่ได้พูดอะไรกับมันซักคำ เอาเป็นว่างงโคตรๆ ก็แล้วกัน
เหี้ยนอะไรวะเนี่ย จะจีบใคร กูเหรอออออ ตลกไปหน่อยล่ะมั้ง เด็กเดี๋ยวนี้มันปีนเกลียวกันขนาดนี้เลยเหรอครับ

คือมันนน เอ่อ สถานการณ์ตอนนี้… เอ่อมมมมมม
โอ้ยงง คิดอะไรไม่ออกแล้ว ไปอาบน้ำแป๊บ

10.23

บอกเลยครับ ว่าหลังจากใช้เวลานอนแช่น้ำเกือบหนึ่งชั่วโมงก็ไม่ได้ทำให้อะไรชัดเจนขึ้นนอกจากตัวเปื่อยและซีด จริงๆก็อยากจะยุ่ยและย่อยสลายไปเหมือนกัน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะห้องข้างล่างจะด่าเอาเพราะท่อตัน เลยต้องยกย้ายสารร่างขึ้นมาบนเตียงเพื่อใช้สมองประมวลเหตุการณ์และคิดต่อว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี

โอเค Let’s try again
คือผมคิดว่-

Rrr….

ขอบใจมาก ถูกเวลามากเลยครับ ใครวะโทรมาตอนนี้

“ครับ”

(วินเหรอครับ นี่พี่ตะวันเองนะ)

ได้ยินชื่อแล้วถึงกับต้องดีดตัวขึ้นมานั่งพับเพียบคุยเลยทีเดียว

“ครับ ครับ” ละล่ำละลักพูดตอบไป นี่แหละโทษของการไม่ดูชื่อคนก่อนรับโทรศัพท์

(ขอรบกวนตอนดึกหน่อย คือพี่เพิ่งมาตามอ่านอีเมลล์รีพอร์ต เห็นว่าวินจะคุยบรีฟกับผู้ออกแบบวันพรุ่งนี้ พี่เข้าด้วยได้มั้ย)

“อ่า ได้สิครับ คุยกัน… อ่า..” ขอนึกตารางหน่อย “ช่วงบ่ายสามโมงเย็นครับ ที่ออฟฟิสผมเอง แต่ว่าบรีฟแค่สองเจ้านะครับ ของ XX พรีเซนต์ไปแล้ววันนี้ตอนบ่าย”

(เอ้าเหรอ นี่อัพเดทกันพี่ตามไม่ทันเลย พอมาอ่านดูเห็นว่ามีบรีฟพรุ่งนี้ พี่ดูแล้วว่างพอดี เลยจะขอเข้าด้วย)

“ได้ครับ ทางพี่ตะวันจะมากันกี่คนครับ” ผมนึกไปถึงห้องที่น้องแคร์จองไว้ ลืมไปแล้วว่าดีไซน์เนอร์จะมากี่คน ห้องจะพอมั้ยเนี่ย

(สองคนครับ เดี๋ยวพี่พาคนที่จะรับช่วงบริหารมอลล์นี้เข้าไปด้วย ชื่อคุณเอทัส)

“ได้ครับ เดี๋ยวผมเตรียมที่ไว้ให้”

(โอเค พี่กวนเท่านี้แหละ ไปนอนเถอะ ขอโทษจริงๆ ที่ต้องกวนเวลานี้)

“ไม่เป็นไรครับพี่ตะวัน ยังไม่ถึงเวลานอนผมเลย”

(นอนดึกมากเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็แย่หรอก ยังหนุ่มอยู่น่ะสิเลยไม่ค่อยเห็นความสำคัญ สามสิบกว่าแล้วจะรู้สึก สุขภาพน่ะสำคัญนะ)

(อ่าว แล้วขำอะไรเนี่ย)

ผมที่อยู่กำลังกลั้นหัวเราะอยู่ถึงกับสะดุ้ง “ก็..พี่ตะวันพูดเหมือนอายุเยอะมากเลยนี่ครับ”

คุณตะวันเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายขำแทน (ปีหน้าพี่จะสามสิบสามแล้วนะวิน)

“เห้ยพี่ โม้แล้ว” ผมเผลอตัว “อ้ะ.. ขอโทษครับ”

(นี่เป็นคำชมใช่มั้ย)

“ชมครับชม ผมนึกว่าพี่เกือบๆสามสิบซะอีก”

(ฮ่ะๆ โดนเด็กชมว่าหน้าเด็กแล้วก็รู้แปลกๆนะ เอาเถอะ พี่ไม่กวนละ เจอกันพรุ่งนี้ครับ)

“ครับผม”

(ฝันดีนะครับ) อีกฝ่ายหัวเราะน้อยๆ แล้วตัดสายไป

ฝันดีนะครับ.. เหรอออออออ
คำนี้เขาใช้กับลูกน้องหรือเปล่านะ.. ผมพยายามคิดภาพพี่ฝ้ายพูดฝันดีนะใส่
เออ ก็พอจะไปได้อยู่..

เพราะเรื่องไอ้เด็กหวานทำผมหลอนไปหมดแล้วเนี่ย คุณชายสายเปย์นี่คิดอะไรกับผมรึเปล่าวะ
คิดเอาแบบเร็วๆ เพราะมีเรื่องต่อคิวอีกเยอะ ผมว่าไม่ ไอ้ที่คุณชายบริษัทใหญ่ยักษ์ทำอยู่น่ะเป็นเรื่องปกติของเขา ที่คุยกันก็มีแต่เรื่องงานทั้งนั้น ที่เอ็นดูนี่ก็น่าจะเพราะเห็นใจว่าผมจบใหม่ต้องมาชนกับโปรเจ็กต์มูลค่าเยอะขนาดนี้
สรุปอย่างนั้นไปก่อนละกันนะ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที

หลังจากส่งไลน์ส่วนตัวไปบอกน้องแคร์เรื่องห้องประชุม ก็ต้องส่งไปบอกบริษัทดีไซน์ที่นัดเจอพรุ่งนี้ทั้งสองเจ้าด้วยว่า “เพิ่มเติมสำหรับประชุมพรุ่งนี้ครับ Owner เข้าบรีฟด้วยนะครับ ชื่อคุณตะวัน รัชยานนท์กับทีม” พูดตรงๆ ว่าสัมผัสได้ถึงแรงสาปแช่งจากฝั่งตรงข้าม ว่ามึงมาบอกอะไรตอนนี้ อยากจะขออโหสิกรรมพร้อมตอบทางโทรจิตไปว่าผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันครับ

จัดการเรื่องงานเสร็จ ขอกลับมาตั้งสติกับเรื่องส่วนตัวบ้าง ไม่เคลียร์กับตัวเองนี่นอนไม่หลับแน่ๆ พรุ่งนี้ต้องออกไซต์ด้วย ผมตั้งนาฬืกาปลุกในโทรศัพท์แล้วก็หงุดหงิด หน้าจอที่ปกติควรเคลียร์การแจ้งเตือนให้ไม่เหลือ ตอนนี้ที่ไลน์มีเลขสี่ตามจำนวนข้อความที่ผมยังไม่ได้เปิดอ่านขึ้นให้รำคาญลูกกะตาอยู่… จากไอ้เด็กต้นเหตุนั่นแหละครับ..

คือว่า.. ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงดี..

เคยพูดไปเล่นๆว่าถ้าจะจีบบอกมาเลยว่า เนี่ย จีบ! อ้อยอยู่! ไม่ต้องทำอะไรให้คลุมเครือ แต่พอเอาเข้าจริงก็.. ไม่รู้โว้ย ไม่เคยคิดว่าจะมีใครใช้มุกนี้จริงๆ คือทำอย่างงี้ก็ได้เหรอวะ บอกกันโต้งๆอย่างงี้อ่ะนะ ไปไม่เป็นเลยกู

แล้วคนบอกดันไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นไอ้เด็กหวานเนี่ย มันไม่แปลกเหรอครับ คือประเด็นที่ว่ามันเป็นผู้ชายที่หน้าตา.. ก็ดี.. แหละ.. เออ หน้าตาดีก็ได้ จะมาชอบไอ้ตี๋จากไหนไม่รู้อย่างผมก็น่าขมวดคิ้วอยู่แล้ว

จะมาจีบผมทำไม ผู้ชายนะ เป็นแฟนเก่าพี่รหัสแม่งด้วย คือตัวเลือกอื่นมึงไม่มีเหรอ ด้วยหน้าตาและโพรไฟล์ก็ไม่น่าจะหมดหนทางขนาดนี้ป่ะ แถมมันยังเป็นเฟรชแมนใสกิ๊งอายุ 18 โอ้ยไอ้บ้า เด็กกว่าพี่ปีแก่อย่างผมตั้งห้าปีเลยนะครับ ช่องว่างระหว่างวัยนี่มันอะไร ถ้าเป็นแฟนกันต้องเข้าคุกมั้ย จะโดนข้อหาล่อลวงรึเปล่า คิดยังไงก็ไม่สมเหตุสมผลสักทาง อะไรของมันว--

เดี๋ยวก่อน..

มันแค่ขอจีบป่ะ… แค่จีบ
ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องคบกับมันสักหน่อย
กูจะเดือดร้อนอะไรวะเนี่ย…
ไปกันใหญ่แล้วเฮ้ย

อยากเขกกะโหลกตัวเองสักที จะมาเปลืองเซลล์สมองกับเรื่องอะไรแบบนี้ทำไม
ส่วนเรื่องนี้ก็...ตีเบลอไปก่อนละกัน ทิ้งระยะสักพักผมก็น่าจะหาทางทำความเข้าใจและตั้งตัวได้ เรื่องวันนี้มันเกินความคาดหมายไปเยอะเลย เพราะงั้นไปหยิบคอมดีกว่า เตรียมสคริปต์บรีฟผู้ออกแบบพรุ่งนี้เถิดจะเกิดผล

Rrr…

วันนี้ก้าวเท้าผิดฝั่งออกจากบ้านหรือยังไง คิดอะไรมันก็จะไม่เป็นไปตามที่คิดทั้งวันเลยใช่มั้ย

แม่งเอ้ยย…
ผมเอามือทึ้งหัวตัวเองหลังมองชื่อคนโทร

มึงต้องรีบคุยกับกูตอนนี้เลยรึไง หายไปสักวัน ไม่สิ สักสามวันให้กูคิดอะไรหน่อยได้มั้ยวะ นี่ไม่เคยรู้สึกอับจนคำพูดขนาดนี้มาก่อนเลยนะครับ ว่าแต่ถ้าไม่รับนี่มันต้องโทรจนผมรำคาญตายแน่ๆ ไอ้บ้าเอ้ย
รับๆไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเลยแล้วกัน 

“ฮัลโหล กูนอนแล้ว”

(ไม่เนียนเลย)

“..”

(พี่วิน)

“...”

(ไม่เงียบสิครับ เงียบทั้งตอนลงจากรถ ไลน์ก็ไม่ตอบ ผมทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย)

“...” กูสิทำตัวไม่ถูก

(พี่วิน ผมจีบพี่อยู่นะครับ)

ไอ้ห่าาาาาาาาาาาาาาา “ไม่ต้องพูดแล้วโว้ยยยยยยยยยยย” ผมโวยวาย

(นี่เขินหรืออะไรครับ เสียงดังเชียว)

“เอาจริงๆ มึงล้อกูเล่นใช่ป่ะ แกล้งกูเพราะพักนี้ไม่ได้รีวิวงานให้มึงเหรอ” ผมพยายามถาม

(พี่วิน นี่ผมจริงจังมากนะ บอกว่า ผม-จีบ-พะ)

ผมแทรกขึ้นก่อนมันจะพูดจบ “นี่มึงคิดดีแล้วเหรอ กูเป็นผู้ชายนะ เป็นพี่มึงตั้งห้าปีนะ พี่คณะด้วย พี่ปีแก่เลยนะ”

(ไม่เอาดิ่ อายุไม่ใช่ประเด็น ชอบก็คือชอบ)

“เห้ยยยยย” มึงจะกล้าเกินร้อยไปแล้ว

(ทุ่มทุนขนาดนี้พี่ยังไม่เชื่ออีกเหรอ)

“เอ่ออ..” 

(บอกจีบอย่างเป็นทางการอยู่นี่ไง อยากให้พี่รู้จากปากผมชัดๆ แล้วเปิดใจให้โอกาสผมบ้างเท่านั้นแหละ)

“เชี่ย.. มึงมันตรงเกินไปแล้ว” หมดคำพูดกับไอ้เด็กนี่จริงๆ

(แค่นี้แหละครับที่อยากบอก)

“...”

(ดีใจอ่ะ รู้สึกมีโอกาส)

“อะไรของมึง กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

(พี่แค่ถามผมว่าคิดดีแล้วเหรอ ไม่ได้ห้ามจีบนี่)

“เอ่อ..” คือยังไง “กูห้ามได้เหรอ”

(ไม่ได้หรอกครับ... จะจีบให้เบื่อจนพี่อยากเป็นแฟนแทนเลย)

“สัส….”

(ถ้าทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่พี่กังวล ผมก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว) มันพูดด้วยน้ำเสียงแบบที่ผมจิตนาการรอยยิ้มมันออกเลย

(ฝันดีนะครับ)

หวานวางสายไปแล้ว
ไอ้เด็กนี่แม่งต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

บ้าพอๆกับผมที่นั่งหน้าร้อนอยู่บนเตียงเนี่ยแหละครับ

_ _ _ _

9.34

โธ่ว้อย กว่าจะเตรียมพรีเซนต์ กว่าจะนอนหลับก็เกือบตีสามเข้าไปแล้ว
แล้วเช้านี้ต้องมาเดินตาลอยตรวจหน้าโครงการ ขอโยนความผิดทั้งหมดให้ไอ้เด็กบ้าชื่อไอ้หวานคนเดียวเลยครับ แม่งเอ้ย.. 
ทำกูคิดวนไปวนมาทั้งคืน เพิ่มเรื่องวุ่นวายให้ชีวิตไปอีก

ขอตั้งสติกลับมาทำงานแป๊บ วันนี้ผมต้องมาหน้าโครงการที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งจริงๆแล้วนานน๊านถึงจะต้องเข้าที เพราะจู่ๆเจ้าของแกก็เกิดนิมิตว่าอยากจะติดโซล่าร์เซลล์บนดาดฟ้า ฝ่ายที่ทำอาคารเขียวเลยต้องวิ่งหน้าตาตื่นยกทีมวิศวกรไฟฟ้ากับตัวแทนจำหน่ายแผ่นพลังงานแสงอาทิตย์นี่มาดูทิศทางการติดตั้งและพื้นที่จริง และขอหิ้วผมมาด้วยเพื่อจะได้เอาไปคิดต่อว่าลงทุนไปแล้วมันจะประหยัดไปได้เท่าไหร่ คุ้มมั้ย คืนทุนกี่ปี

และเพราะว่ามันจะต้องติดแผ่นแพงๆพวกนี้บนดาดฟ้า ตอนนี้ก็เลยต้องย้ายร่างอันนอนน้อยของตัวเองขึ้นไปบนตึกที่กำลังก่อสร้างกันอยู่แบบนี้ โครงสร้างน่ะเสร็จแล้ว เสาคานพื้นครบ แต่ผนังยังไม่มี รั้วราวอะไรอย่าไปหวัง ดูแลตัวเองกันไปครับยาวๆ ลิฟต์จริงก็ยังไม่ได้ติด เพราะงั้นทางเดียวนอกจากการเดินขึ้นตึกให้ข้อเข่าเสื่อมแล้วก็คือการใช้ลิฟต์ก่อสร้างที่อยู่ในไซต์แบบนี้แหละ 

ผมกระชับหมวกนิรภัยสีขาวให้แน่นขึ้นอีกนิดเพื่อความอุ่นใจ ลิฟต์ที่ใช้ในช่วงการก่อสร้างเป็นกล่องเหล็กตะแกรงโปร่งๆ มองเห็นได้ทั้งหกด้าน ดีหน่อยก็มีแผ่นไม้อัดวางรองที่พื้นไว้ให้ไม่เสียวไส้แบบวันนี้ เสาโครงลิฟต์ที่เป็นเหล็กกล่องจะถูกสร้างเป็นรางไกด์ขนานไปตามความสูงของตึก เวลาลมพัดก็อาจจะมีแกว่งไปบ้างแล้วแต่บุญแต่กรรม ประตูเข้าออกก็เอามือเรานี่แหละเปิดปิด แมนนวลกันไปอีก ขับเคลื่อนโดยพี่ๆคนงานขับลิฟต์ที่ทำหน้าที่คุมแผงคอนโทรลแบบง่ายๆ ด้านใน ที่เป็นตัวออกคำสั่งให้รอกไฟฟ้าที่อยู่ด้านบนทำงานเพื่อดึงกล่องลิฟต์ขึ้นหรือลงตามความต้องการ

การจะจอดตรงไม่ตรงก็ต้องพึ่งความเซียนของพี่เขาแหละครับ   
ผมปรายตาไปยังแผงคอนโทรลที่มีพวงมาลัยแห้งๆ แขวนไว้ที่ก้านควบคุม
เออ.. ต้องใช้ศรัทธาด้วย...

เมื่อถึงขึ้น 11 ที่เป็นเป้าหมายในการตรวจงานวันนี้ ลิฟต์ก็ส่งเสียงกึงกังก่อนจะหยุดลง คนคุมงานเป็นคนเอื้อมมือมาดึงประตูให้เปิดออกก่อนจะก้าวนำไป
“เชิญครับคุณวิน”

เออ
นี่ก็ก้าวแห่งโชคชะตานะ… พลาดนี่เจอกันอีกทีคือชาติหน้าเลย

ผมมองช่องว่างระหว่างลิฟต์และตึก ด้วยความที่ว่าลิฟต์กับตึกมันไม่ได้อยู่ชิดกัน ถึงจะมีแผ่นเหล็กพาดออกมาจากโครงลิฟต์ มันก็ยังจะมีระยะห่างราวๆ.. เอ่อ… หกสิบเซนติเมตรที่ว่างเวิ้งลงไปถึงพื้นชั้นล่าง เซฟตี้นี่มีไว้ให้อุ่นใจเฉยๆนะครับพูดเลย นี่ถ้าตกลงไปตายก็โกยใส่กล่องแล้วกัน ไม่ต้องเรียกรถให้วุ่นวาย ว่าแต่ป๊าม๊าจะได้เงินประกันเท่าไหร่วะ คุ้มกันมั้ยเนี่ย...
 
หลังจากเดินตากแดดวนไปวนมาบนดาดฟ้าจนเหงื่อชุ่มทั้งผมและทีมโซล่าร์เซลล์ก็ลงความเห็นกันว่า อย่าทำเลยว่ะ นอกจากจะต้องลงทุนสูงเพราะไม่ได้ออกแบบมาตั้งแต่แรกแล้วยังโดนเงาของตึกข้างๆบังเข้าไปอีกทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้านั้นลดลง อาจจะประหยัดไม่ได้มากอย่างที่คิด
มองหน้ากันเสร็จก็ไต่ลงมาจากตึกเพื่อคุยสรุปและเตรียมเขียนรายงานกันไปรัวๆ

_ _ _ _

13.20

อยากจะกราบตัวเองที่พาตัวเองฝ่ารถติดและแดดอันร้อนแรงของกรุงเทพเข้ามาออฟฟิสได้ภายในสองชั่วโมง ถึงสภาพจะแย่ไปหน่อยแต่ก็ยังพอทนได้ ต้องรีบพุ่งตัวมานั่งโต๊ะเพื่อเขียนรายงานเช้านี้ไว้ก่อนกันลืม ตามด้วยการเคลียร์มหากาพย์อีเมลล์ และเตรียมพรีเซนต์บรีฟกับผู้ออกแบบสองเจ้า

อาฮะ ทั้งหมดนี้ต้องเสร็จก่อนบ่ายสองครึ่ง
ขอยาดมแป๊บ

นั่งทำงานแบบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะจนคอจะเคล็ด
นี่กี่โมงแล้วไม่รู้ แต่ตอบอีเมลล์ฉบับสุดท้ายเสร็จแล้ววววว จะเตรียมพรีเซนต์นี่เหลือเวลาบ้างมั้ยยย

ยังดีที่เมื่อคืนซ้อมมาก่อนรอบนึง และเมื่อวานก็แจกบรีฟผู้ออกแบบไปแล้วเจ้านึงด้วบความลื่นไหนไม่มีคำถามอะไรเลย เพราะงั้นตีเบลอไปเลยแล้วกันนะ ไม่ไหวแล้วววว

ผมดูดอเมริกาโน่ในแก้วจนหมดเกลี้ยงแล้วฟุบหน้าลงกับกองเอกสารเพื่อพักสายตาแล้วยืดหลังไปด้วย นี่บริษัทออกค่ากายภาพบำบัดให้ด้วยได้มั้ย เหมือนเบิกค่าน้ำมันน่ะ เหมือนร่างจะแตกเอาให้ได้

“เหนื่อยหน่อยนะครับ”

ผมสะดุ้งลืมตามองต้นเสียงแล้วร้องเห้ยออกมาเบาๆ ก่อนจะได้สติพูดทักทาย “สวัสดีครับพี่ตะวัน”

“จริงๆมายืนได้สักพักแล้ว แต่เห็นยังวุ่นๆอยู่” ร่างสูงๆที่วันนี้อยู่ในชุดสูทสีเทาเงินยืนพักขาเอาไหล่พิงพาร์ทิชั่นอยู่พูดยิ้มๆ นี่ก็ท่าเยอะจริงๆนะพ่อคุณ ยังกะเคาะออกมาจากแมกกาซีน

“อ้าา พอดีผมมีงานต้องเคลียร์ก่อนเข้าประชุมนิดหน่อยน่ะครับ แต่ก็เรียกได้ ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยครับ จริงๆพี่ตะวันมาถึงแล้วน่าจะเข้าไปรอในห้องรับรองก่อน อ้ะ เห็นว่ามาสองท่าน อีกคนล่ะครับ” ผมพูดเร็วๆแล้วลุกขึ้นยืนพลางคิดในใจว่าทำไมพี่จอยหน้าเคาน์เตอร์ถึงปล่อยให้ลูกค้าเดินดุ่ยเข้ามาแบบนี้ล่ะเนี่ย ต้องพาไปนั่งสิ

“ฮ่าๆ วินไม่ต้องลำบาก อีกคนเขาเข้าไปรอในห้องแล้ว ตอนเดินผ่านพี่เห็นนั่งคิ้วขมวดอยู่เลยจะเดินมาแซวเฉยๆ”

“เอ้าา พี่ตะวัน” ผมเผลอร้องออกมา อะไรของเขาวะ

“จริงๆ ก็เรียกแล้วนะแต่ไม่ได้ยินอ่ะ” เขาว่าขำๆ แล้วขยับตัวมายืนล้วงกระเป๋าแทน

ผมกำลังนึกคำพูดก่อนจะเห็นน้องแคร์ยืนชะเง้อคออยู่ที่อีกฝั่งของห้อง ผมเลยพยักหน้าให้เดินเข้ามา “อ่า พี่วินคะ ดีไซเนอร์เจ้าแรกมาแล้วค่ะ อีกสิบห้านาทีจะได้เวลาประชุมแล้ว..ค่ะ” พูดไปก็แอบมองคุณตะวันไปด้วย น้องครับ หน้าพี่อยู่นี่ไง นี่พี่วินเองจำไม่ได้เหรอ

“โอเคครับ แคร์แจ้งพี่ฝ้ายแล้วเตรียมเซทคอมกับโปรเจ็กเตอร์เลย”

“งั้นพี่ไปเตรียมตัวรอในห้องประชุมด้วยเลยแล้วกันเนอะ เชิญเลยครับ” คุณตะวันสรุปผายมือให้น้องแคร์เดินนำไปก่อน
อะหือ ผู้ดีในทุกท่วงท่า น้องผมละลายไปแล้วมั้งน่ะ   

ผมรวบเอกสารกับคอมพิวเตอร์เตรียมเข้าห้องประชุม
ยาวไปครับ ภาวนาให้จบไม่เกินทุ่มแล้วกัน

_ _ _ _

19.23

แทบ….ตายยย…..

ประชุมบรีฟผู้ออกแบบวันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่ก็ใช้ข้อมูลเดียวกันกับที่บรีฟอีกเจ้าไปเมื่อวาน แต่ลักษณะการทำงานของสองเจ้าที่เข้ารับบรีฟในวันนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง บอกตรงๆ ว่ามือาชีพกว่ามาก ตอบได้ตรงคำถาม อันไหนไม่เคลียร์ก็ไล่บี้เอาคำอธิบายจนได้ (แล้วเจ้าเมื่อวานที่อ่านแล้วไม่มีคำถามเลยคืออะไรวะ..) แถมหนึ่งในนั้นยังแนะนำเรื่องงานระบบที่เหมาะกับอาคารได้อีก ฟังแล้วน้ำตาจะไหลอยากร่วมงานด้วย

จากรายชื่อผู้ออกแบบห้าเจ้าที่ส่งหนังสือเชิญไป ตอบรับเข้าร่วมมาสามและขอไม่รับโปรเจ็กต์ไปสอง เลยเหลือตัวเลือกที่ต้องรับบรีฟอยู่แค่สาม เจ๊ฝ้ายน่าจะดูทรงผู้ออกแบบเจ้าเมื่อวานออก คุณเธอแทงศูนย์แน่ๆว่าเจ้านี้ไม่ได้ชัวร์เลยให้ผมลองสนามโซโล่ประชุมเอง

คุณพี่ตะวันกับคุณเอทัส (คนที่โดนมอบหมายให้ดูโครงการนี้ที่มากับคุณชายเขาน่ะแหละครับ ก็ดูจะอายุพอๆกับคุณตะวัน แต่ในนามบัตรนี่เขาก็เป็นถึง Managing Director เลยนะครับ) ก็ดูจะพอใจกับการบรีฟวันนี้นะ นั่งตัวตรงเด๊ะตั้งใจฟังตลอด แถมยังฟันธงตอบคำถามและบอกความต้องการให้ด้วย ตัดสินใจฉับไวสมเป็นทายาทบริษัทใหญ่จริงๆ

คือ..

ไอ้ที่ดูง่อยสุดในห้องคงจะเป็นตัวผมที่เป็นคนนำการประชุมนี่แหละ ประสบการณ์ก็น้อย บางทีดีไซเนอร์ถามก็จนมุมต้องให้พี่ฝ้ายมาช่วยตอบ ข้อมูลโครงการบางตัวก็ต้องเปิดหา บางทีโดนคุณตะวันแย่งตอบด้วยซ้ำทั้งๆที่ผมเป็นคนทำเอกสารเองกับมือ อดสงสัยไม่ได้ว่าพี่แกจำตัวเลขยิบย่อยได้ยังไงวะ เกินคนไปหน่อยละมั้ง

พอส่งทีมดีไซเนอร์คนสุดท้ายเสร็จก็รีบกลับมาจดประเด็นทุกอย่างลงสมุดเพื่อเตรียมเขียนรายงานการประชุม ในระหว่างที่คุณตะวันและคุณเอคุยกับพี่ฝ้ายเรื่องการทำงานขั้นต่อไปอยู่ท้ายห้อง กำหนดส่งพิจารณางานจะมีในอีกสามอาทิตย์ ขอให้งานพรีดีไซน์กับค่าบริการที่เคาะออกมาโอเคด้วยเถ๊อะ เจ้าไหนก็ได้ระหว่างสองเจ้านี้ ทำงานด้วยน่าจะได้พัฒนาตัวเองอีกเยอะ

โอ้ย งั้นก็ต้องรีบส่งข้อมูลที่คุณตะวันเพิ่งบอกมาวันนี้ให้ผู้ออกแบบรายเมื่อวานด้วยน่ะสิ ถ้าไม่ทำต้องโดนหาว่ากั๊กข้อมูลแน่
หึหึหึ ได้ทำงานวันเสาร์แน่เลยกู อยากจะบ้า ผมเอามือกุมหัวไปเขียนไป

น้องแคร์เดินถือถาดเครื่องดื่มเย็นๆ เข้ามาแจกในห้องประชุม บรรยากาศเลยผ่อนคลายลงมาก รุ่นน้องคนเก่งยื่นโค้กกระป๋องให้ผมอย่างรู้ใจ

“คิ้วจะชนกันแล้วนั่น ดูสิครับ” พี่ตะวันพูดจากอีกฟากของโต๊ะ ชี้ชวนให้พี่ฝ้ายกับคุณเอที่นั่งอยู่ติดกันมองหน้าผม

“จริงด้วยค่ะ ไม่ดีนะวิน หน้าแก่นะ เจ๊ขอเตือน”

ถึงกับต้องเอานิ้วนวดหว่างคิ้ว “ก็ข้อมูลมันเยอะนี่ครับ พลาดไปก็ยุ่งสิ เนี่ย อย่างวันนี้ก็พลาดไปตั้งเยอะ” ผมบ่นอุบอิบแล้ว

“ไม่เห็นพลาดเลย วินก็พรีเซนต์ได้ดีออก” พี่ตะวันว่า

“หลุดข้อมูลไปตั้งหลายตัว” ผมแย้ง “เมื่อวานเจอดีไซเนอร์ชิว ผมเลยประมาทวันนี้น่ะสิ”   

“ไม่ต้องกดดันขนาดนั้นน่า” พี่ฝ้ายปลอบ “ถ้าทำไม่ดีจริงๆชั้นด่าเปิงไปละ”

“แต่ว่า..”

“คิดมากหน้าแก่นะครับวิน” พี่ตะวันย้ำขำๆ พี่ฝ้ายหัวเราะสมทบด้วยเสียงดัง

ผมหน้าหงิก สองคนนี้นี่เข้ากันดีจริงๆ พี่ควรคบกันไปเลยนะครับเนี่ย

“เดี๋ยวข้อมูลที่เราเคยคุยกันก่อนหน้านี้ วานทางวินส่งให้คุณเอดูด้วยนะครับ ย้อนหลังทั้งหมดเลย ผมอาจจะตกหล่นอะไรไป” คุณตะวันพูด “ส่วนขั้นต่อไปเรื่องอินทีเรีย ผมขอคุมแค่ Scheme ส่วนใหญ่ๆ อย่างส่วนกลางกับเซอร์วิส พวกพื้นที่เช่ากับพื้นที่ขายผมให้คุณเอตัดสินใจ”

“ได้ครับ” ผมรับคำ

“ขอออกตัวก่อนนะครับว่าแบ็กกราวน์ผมเป็นไฟแนนซ์ เรื่องอื่นๆนอกจากตัวเลขนี่ไม่ถนัดจริงๆ นี่คงต้องให้ทางนี้ช่วยเหลือเยอะทีเดียว” คุณเอทัสว่า “แต่ได้ทีมนี้มาเป็น Owner Representative ผมก็อุ่นใจได้เปราะหนึ่งละ ทุกคนมืออาชีพมากเลย” คนมาใหม่คลี่ยิ้ม

“มีตรงไหนมีประเด็นอีกไหมครับ” คุณตะวันถาม

พี่ฝ้ายส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ไม่มีแล้วค่ะ วันนี้รบกวนเยอะมากเลย ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ”

“ยินดีครับ” คุณตะวันกับคุณเอลุกยืนขึ้น “งั้นผมกับคุณเอขอตัวก่อนนะครับ ไว้คุยกันต่อในเมลล์”

“ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ” คุณเอพูดปิดท้าย

“ค่า”

“ได้เลยครับ”


หลังจากผมกับพี่ฝ้ายเดินไปส่งลูกค้ารายใหญ่เสร็จก็กลับมานั่งสรุปงานกันต่ออีกราวๆ สิบห้านาที ถึงจะได้เก็บของกลับบ้านกันจริงๆ เฮ่ออ จบซักทีวันอันยาวนานของผม

เราสองคนขยับตัวเดินไปที่ลานจอดรถ

“คนบริษัท AA นี่มีแต่หล่อๆ เนอะ”

“ห้ะ?” ผมทวนคำถาม

“คุณตะวันกับคุณเอทัสไง ยังกะออกมาจากซีรี่ย์ ตอนรับทำงานเขาคัดหน้าตาป่ะ”

“หาาาาาาาาา” ผมลากเสียงยาว พี่ฝ้ายหัวเราะคิกคัก

“แซวไปงั้นแหละย่ะ เออ แล้วแมวเป็นไงบ้างอ่ะวิน”

“จิ๋วเหรอครับ ก็..ดีขึ้นเยอะนะ ไม่ต้องล้างแผลทุกวันแล้วล่ะครับ”

“แล้วมีใครรับไปรึยัง”

“อ่า ผมว่าจะเอามาเลี้ยงเองอ่ะพี่” ผมพูดแล้วควานหากุญแจรถไปด้วย

“เอ้ย ดีเลยสิ ว่าแต่นี่จะเอาไว้คอนโดเหรอ” พี่ฝ้ายทำเสียงตื่นเต้น

“ก็ว่างั้นแหละครับ ลองดูในกฏแล้วเขาก็ไม่ได้ห้ามเลี้ยงสัตว์น่ะครับ ยกเว้นที่เสียงดังๆ” ผมบอก

“ดีๆ ไว้วินเลี้ยงพี่ก็วางใจ” พี่ฝ้ายยิ้มๆ

ตั้งใจไว้ว่าจากนี่ก็จะแว้บไปเจอหน้าจิ๋วหน่อย โชคดีที่ตอนนี้ไม่ต้องขูดเนื้อตายแล้ว คุณหมอบอกว่าแค่ทำแผลและเปลี่ยนผ้าสองวันครั้งก็พอ (ล่าสุดก็เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อวาน) เสร็จแล้วจะได้รีบกลับ อยากนอนจะแย่แล้ว

“แล้ววันนี้กลับไง ให้เจ๊ไปส่งมั้ย”

“ผมขับรถมาอ่ะครับ พอดีเมื่อเช้าไปไซท์”

“อ่อ โปรเจ็กต์บางนาที่จะติดโซล่าร์เซลล์อ่ะนะ ที่ฝ่ายอาคารเขียวรีเฟอร์มาอ่ะเหรอ”

“ใช่ครับ” ตอบแล้วเพิ่งนึกได้ “เห้ย เดี๋ยว ผมอุส่าห์ปั่นรายงานส่งอีเมลล์ นี่พี่ยังไม่ได้อ่านเหรอครับบบเนี่ยยยยย” ผมโวย

พี่ฝ้ายเอามือตีไหล่ “โอ้ย ก็เจ๊ยังไม่มีเวลาอ่านนี่ อีกอย่างไม่ได้เกี่ยวโดยตรงซักหน่อย ยังไงก็รายงานให้ฝั่งกรีนอยู่แล้วป้ะ”     

“เสียใจจจจจจ” ผมแกล้งทำหน้าบุ่ย

“โอ๋นะๆ” พี่ฝ้ายเอามือลูบหัวผมสองสามทีแล้วผลักผมออก “ไปๆ ขึ้นรถ รีบกลับบ้านได้ละ”

“ฮ่าๆๆ คร้าบผม” ผมโบกมือให้เจ๊ใหญ่แล้วปลดล็อครถตัวเอง

เย็นวันศุกร์แบบนี้ ขอให้รถไม่ติดละกันนะ
ผมกดสตาร์ทรถแล้วออกตัวไปช้าๆ

Rrr….

ผมมองชื่อคนโทรเข้าแล้วพูดกับโทรศัพท์เสียงเนือย “ว่าาา”

(ไม่ต้องติดต่อมั้งเพื่อนเพิ่นน่ะ วันนี้เขานัดกันไอ้ห่า วันศุกร์แห่งชาติ) ไอ้พีทโวยมาแต่ไกล (โทรศัพท์มีไว้ทับกระดาษเหรอครับคุณ) 

“กูทำงานป้ะ ใครจะว่างตอบพวกมึงตลอดเวลา” ผมว่าพลางเลี้ยวรถขึ้นจากที่จอดรถ

(โว้ จะสองทุ่มแล้วใครเขาทำงานกัน นี่ทำเยอะขนาดนี้มีเวลาใช้ตังมะถามจริง)

“จะมาช่วยใช้รึไง ไม่ต้องเลย”

(วันนี้มากันบานเลยนะเว้ย พวกไอ้ปั่นกับทอมเอ้ก็มา) มันพูดแบบไม่สนใจผม 

“โอ้ย ไม่เอา กูเหนื่อยมากก วันนี้ไปไซท์ เพิ่งประชุมเสร็จ กำลังจะออกจากออฟฟิส” เลี้ยวข้างหน้านี่ก็ทางออกตรงดรอปออฟพอดี ทางบังคับว่าต้องวนหน้าตึกหนึ่งรอบถ้วน

(กำลังออกเหรอ… ดีเลย..)

“อะไรของมึง”

(ก็พวกกูอยู่หน้าตึกมึงแล้วเนี่ย) ไอ้พีทว่า

“ห้ะ!!!!!”

อุทานผมจบก็เห็น BMW สีแดงแรงฤทธิ์ของไอ้พีทจอดกระพริบไฟรออยู่จริงๆ

(อ้าว ขับรถมาเหรอ) มันพูดใส่โทรศัพท์เสียงนิ่งๆ แล้วหันไปสั่ง (อาร์ตมึงลงไปขึ้นรถมันเลย เดี๋ยวตี๋แม่งเบี้ยว)

“ไม่ได้ถามความเห็นกูเล้ยไอ้เชี่ยยยยยยยยย” ผมร้องออกมาในขณะมองอาร์ตปิดประตูแล้วเดินตรงดิ่งมาที่รถตัวเอง

มันเปิดประตูขึ้นมานั่งหน้าตาเฉย ขยับตัวคาดเข็มขัดได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“ขืนโทรมาชวนนี่มึงปฏิเสธแน่ๆ ต้องทำแบบนี้แหละ”   

“พวกมึงเลยมาจอดรถรอกูอ่ะนะ”

“ช่าย ทีแรกนึกว่ามึงไม่ได้เอารถมา กะว่าจะมาเอาตัวขึ้นรถไปเลย พอเห็นมึงขับรถมาเลยต้องส่งกูมานั่งประกบแทน”
อยากจะไหว้พวกมันในส่วนของความทุ่มเทนี้

“เออ นี่มาตั้งแต่ทุ่มนิดๆเลยนะ เห็นเมื่อวานมึงบอกว่าวันนี้มีประชุม ไอ้พีทบอกว่าไม่น่าจะเลิกเร็ว”

“ไม่คิดว่ากูจะมีธุระอะไรต้องไปที่อื่นเลยงี้”​

“มึงจะไปไหนล่ะ กูว่าง” มันหันมาตอบหน้าตาย “ถ้าคุณวินจะไปเลทก็ไม่มีใครด่าหรอกครัช”

“ห่า” แล้วจะแว้บไปหาแมวได้ยังไงล่ะเนี่ย “คือกูต้องไปธุระก่อน”

“เอาดิ่ ไปด้วย กูไม่รีบ เดี๋ยวไลน์บอกพวกแม่งแป๊บ ว่าเดี๋ยวตามไป” มันยกโทรศัพท์ขึ้นกดจึ้กๆ

“เออๆ” โอ้ยย ขั้นนี้แล้ว ช่างแม่งง อยากไปก็ไปป

_ _ _ _

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2017 07:49:57 โดย idee »

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
20.45

“เฮ่ยยยยยยย นี่มันแมวในตำนานตัวนั้นนี่หว่า” ไอ้อาร์ตลากเสียงยาว “ตัวที่มึงประกาศหาบ้าน แล้วก็ถ่ายรูปกับไอ้น้องห--”

“เชี่ยไรมึง” ผมพูดขัดขึ้นขณะรับจิ๋วจากมือพี่ผู้ช่วย

“แหมมมม อย่าหยาบคายสิครัชไอ้ตี๋ กูก็ว่ามึงมาทำอะไรที่คลีนิครักษาสัตว์ ที่แท้ก็แอบมีลูกไว้นี่เอง” มันมองหน้าจิ๋วในมือผม จะเอื้อมมือมาจับแต่ไอ้ตัวแสบส่งเสียงฟ่อใส่ “แน๊ ดุเหมือนพ่อมันเลย”

ผมแยกเขี้ยว
“ดีๆ อย่าไปญาติดีกับแม่งเลยจิ๋ว” ผมพูดกับแมว “เดี๋ยวติดเชื้อบ้า”

“อ้าว อะไรครับคุณมึง”

“ยุ่ง กูคุยกับแมวกู ขี้เจือกนะเราอ่ะ”

พี่ผู้ช่วยยิ้มขำๆ ที่เห็นผมกับมันเถียงกัน

ผมนั่งลงบนเก้าอี้โดยให้จิ๋วอยู่บนตัก ลูบหัวลูบหางไปสักพักแล้วจึงเอาขนมแมวให้จิ๋วดมๆ ตัวเล็กทำจมูกฟุดฟิดแล้วเลียปาก แสนรู้จริงจริ๊ง เท้าเล็กๆเหยียบนวดบนหน้าขาผมอย่างเอาใจ

“เอามามั่งดิ่ อยากสร้างสัมพันธ์กับลูกมึง” อาร์ตนั่งลงข้างผม แบมือขอขนมแมวบ้าง จริงๆแล้วมันเป็นมนุษย์สายหมามากกว่าแมวนะ แต่อย่างว่าแหละ จิ๋วมันน่ารักจริงๆ

อาร์ตรับซองขนมจากมือผมไป “มานี่มะ เมี้ยวๆ” อาร์ตลองเรียกแล้วตบที่ตักตัวเอง จิ๋วจ้องตามซองขนมอย่างชั่งใจ ไอ้ตัวเล็กมีการหันหน้าขึ้นมามองผมก่อนด้วยทีหนึ่ง

“ฮ่าๆๆ ไปดิ่ๆ ไม่ต้องกลัว ถ้ามันแกล้งเดี๋ยวกูเตะให้เอง” ผมพยักหน้าให้แมวแล้วเอามือดันตัวจิ๋ว

“ขี้ระแวงสัส เหมือนมึงเลย” มันว่าขณะมองจิ๋วค่อยๆ ยกขาก้าวไปบนตักมัน
อาร์ตใช้เวลาหลอกล่อสักพักจิ๋วก็ยอมกินขนมจากมือ ผมเลยหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเก็บไว้ ตลกดีครับ เหมือนหมากับแมวอยู่ด้วยกันยังไงไม่รู้

“เอ้อ พี่ครับ แล้วเมื่อไหร่จิ๋วจะกลับบ้านได้อ่ะครับ” ผมหันไปถามพี่ผู้ช่วยที่อยู่ใกล้ๆเมื่อนึกได้

“คุณหมอบอกว่า จริงๆแล้วจิ๋วก็พร้อมกลับบ้านแล้วนะคะ แผลไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เหลือแต่ที่ตื้นๆ”

“จะได้เตรียมที่เตรียมทางน่ะครับ ผมคงมารับวันอาทิตย์นี้แหละ” จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าฝากเลี้ยง ไม่น้อยนะครับอาทิตย์นึงเนี่ย

“ได้สิคะ” พี่สาวตอบเสียงใส “แล้ววันนี้น้องหวานไม่มาเหรอคะ”
อาร์ตหันขวับขึ้นมาหรี่ตามอง

“อ่าา” ผมยิ้มแห้ง “ติดงานมั้งครับ.. ผมก็ไม่ค่อยรู้”
รังสีความอยากรู้ของมันนี่แผ่ออกมาเต็มร้านเลยครับ ขี้เสือกจริงๆ

“อ้าวเหรอคะ เห็นปกติมาด้วยกันทุกวัน”

เดี๋ยวๆ..
ผมว่าผมเห็นไอ้เชี่ยอาร์ตยิ้มมุมปาก
พี่ครับ เหลือที่ให้ผมเดินบ้าง!

“เอ่ออ ก็…” ผมนึก “พักนี้ไม่ค่อยได้คุยอ่ะครับ”

“คือพักก่อนคุยกันบ่อย” อาร์ตถามด้วยหน้าตากวนตีนตามแบบฉบับของมัน “สนิทกันจังเลยน้า” มันว่าลอยๆ

ผมหน้าร้อน “ไม่ใช่โว้ย” โวยเสร็จก็เสมองไปที่นาฬิกา “มึงให้ขนมหมดยัง รีบไปกันได้แล้ว” ผมตัดบทแล้วรีบลุกขึ้นพาแมวเดินไปส่งให้พี่ผู้ช่วยแบบไม่รอคำตอบเพื่อนตัวเอง

“ไปก่อนนะครับ” ผมว่าเร็วๆ แล้วออกมาจากคลีนิคด้วยความเร็วแสง กลัวจะมีคำถามตามมาจุดประเด็นอีก
คือถ้าเชี่ยอาร์ตรู้.. โลกก็รู้อ่ะครับ

พอขึ้นรถได้ หลังบอกชื่อร้านที่เป็นจุดหมายเสร็จไอ้อาร์ตก็ผิวปากอย่างอารมณ์ดี

“ตี๋… มีอะไรจะบอกเพื่อนรักคนนี้มั้ยจ้ะ” เกลียดหน้าแม่งตอนนี้จริงๆ สีหน้าเหมือนกุมความลับคนทั้งโลกไว้น่ะ

“อะไร บอกเรื่องไร ไม่มี”

“เริ่มที่ว่า.. มึงสนิทกับไอ้น้องหวานนั่นถึงขั้นไหนก็ได้นะ เพราะเรื่องนั้นกูก็ยังไม่รู้”

“อ่าาาา..” ผมจ้องถนนตรงหน้า “ก็ไม่ได้สนิทมากเท่าไหร่นะ”

“อื้มมม” มันพยักหน้า

“มันเป็นน้องรหัสฟ้า ฟ้าเลยฝากให้กูตรวจแบบบ่อยๆ เลยคุยกันบ้างอะไรงี้”

“หราา”

“อือ”

“อยากให้กูขยี้มั้ย” มันเอาศอกสะกิดแขนผม

“ไม่”

“โถ่ว” อาร์ตจิ๊ปาก “สารภาพมาหนักจะได้กลายเป็นเบา ถ้ากูรู้เองนี่เจ็บหนักนะบอกก่อน” มันว่า

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละน่า” ผมยืนยันไม่ตอบ อาร์ตส่ายหัวใส่แล้วก้มหน้าลงไปเล่นมือถือ

ผมลอบถอนหายใจเบาๆ อย่าเค้นกูเลยเพื่อนรัก ปล่อยกูขับรถไปเถอะ
เพราะเรื่องนี้กูไปไม่ถูกเหมือนกันว่ะเพื่อน นี่ยังงงอยู่เลย

ก็...ไม่สนิทเท่าไหร่จริงจริ๊ง..
เจอหน้ากันเกือบทุกวัน.. ไลน์กันทุกคืน
คือโดนมันจีบมาสักพักแต่กูไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง

กูนี่ก็ง่าวได้ใจเหมือนกันนะ.. บ้าบอ

แสงการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์สว่างวาบขึ้นมา
แถมมองปราดเดียวก็รู้ว่าไอ้คนที่ไลน์มาเป็นไอ้เด็กปีหนึ่งที่เป็นหัวข้อสนทนาอยู่เมื่อกี้ ผมรีบคว้าขึ้นมาแบบเร็วๆ
ไอ้อาร์ตเห็นมั้ยเนี่ย ผมแอบเหลือบไปมองเพื่อนตัวเอง แต่มันกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นมือถืออยู่
เออ โชคดีไป

นายหวาน : มาไม่ทันอ่ะ พี่เขาบอกว่าพี่วินกลับไปแล้ว เสียใจ
นายหวาน : ถึงคอนโดแล้วบอกนะครับ
นายหวาน : คิดถึงแล้ว


ผมอ่านข้อความแบบผ่านๆ พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะกดล็อคหน้าจอแล้ววางคว่ำหน้าไว้ที่เดิม

ไอ้เด็กนี่ก็ขยับจีบกูจัง!!!


_ _ _ _


พาตี๋วินกลับมาแล้วค่าา
ขอบคุณมากๆนะคะที่เอ็นดูทุกตัวละคร ฮืออ คนเขียนดีใจจริงๆ
ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์นะคะ ยินดีรับคำติชมทุกประการค่ะ อยากจะพัฒนาให้มากไปกว่านี้อีกเยอะๆ

ท่านใดอยากระบายอารมณ์ใส่คนเขียน แสดงตัวเป็นแม่ยกน้องหวาน ยกป้ายคุณตะวัน หรืออยากแจวเรือน้ำวิน ติดแท็ก #วิเคราะห์การรัก ได้เลยค่ะ (เก๊าแอบส่องอยู่ล่ะ เขินจัง)

ขอบคุณทุกคนค่ะ

ปล. ตอนหน้ากลับไปวงเหล้ากันดีกว่าค่ะ แฮ่ คิดถึงเดอะแก๊งค์อ่ะ

พบกันตอนหน้านะคะ

รักก
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :L1: :L1: :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2017 23:04:05 โดย idee »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด