♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ  (อ่าน 150907 ครั้ง)

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ .Koi4541

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เพิ่งเข้ามาอ่านยาวๆ อยากบอกว่าสนุกมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ!! ชอบมากกก แพนน่ารักน่าบีบมากๆเลยง่ะ หลงรักก แต่อยากให้ตินสัมผัสแทนได้เร็วๆจัง ต้องละมุนมากแน่ๆ

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
น่าร้ากกกกกอ่ะ
ตินเป็นคนหน้าตาย โหด แต่ใจดี แค่กับแพน
555555 ชอบๆๆ
เป็นเรื่องที่เราผลัดที่จะอ่านหลายรอบแหละ
พอได้มาอ่าน ติดเลยคราวนี้ เนี้ย!!พอติดแล้วมันก็อยากอ่านไปเรื่อยๆไงงง
มันค้างง เลยต้องรอเลยยย

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สัมผัส{❤}ครั้งที่8



บรรยากาศยามดึกเงียบสนิทเหมือนกับภายในรถยนต์คันสีดำเงาที่มีคนเจ็บถูกยิงบริเวณแขนขวานั่งเอามือกุมหัวไหล่ตัวเองไว้โดยที่มีเทพอย่างผมนั่งสำนึกผิดอยู่ข้างๆ เลือดสีแดงฉาดไหลจนอาบแขนขางนั้นเป็นสีแดงแม้จะมีผ้าพันเพื่อห้ามเลือดไว้แต่ก็ดูเหมือนจะไม่พอ


“ขอโทษ...”ผมพึมพำประโยคนี้เป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่ที่เห็นตินถูกยิง


ภาพตอนที่อีกฝ่ายทรุดลงไปกับพื้นทำเอาหัวใจผมเหมือนหยุดเต้นเพียงแค่คิดว่ากระสุนนัดนั้นจะฝังเข้าที่หัวใจของตินเหมือนอย่างที่เจอกันวันแรก


“ขอโทษจริงๆ”


“...”คนด้านข้างหันมามองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกว่าหมายถึงอะไร


แต่สายตานั้นไม่ใช่ความโกรธแน่นอน


ผมยิ่งเม้มปากตัวเองแน่นเพราะรู้ว่าตินจะไม่โกรธผมทั้งๆที่คนผิดเป็นผมแท้ๆ


“ติน...”


ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีรถยนต์สีดำก็มาถึงยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เหล่าพยาบาลที่เห็นตินต่างก็รีบเข้ามาช่วยทั้งที่ไม่ได้อาการสาหัสถึงขั้นเดินไม่ไหวแต่ก็มีรถเข็นมารับก่อนจะพาไปยังห้องผ่าตัด


จากที่มองกระสุนไม่ได้แค่ถากแต่เข้าไปยังบริเวณหัวไหล่ข้างขวาจึงจำเป็นต้องผ่าตัดเอากระสุนออกโดยเร่งด่วน ผมเองก็เข้าไปในห้องผ่าตัดพร้อมๆกับตินและไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมทีมแพทย์ถึงเลือกผ่ากระสุนออกโดยไม่วางยาสลบ


ถึงจะฉีดยาชาแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดอยู่บ้างดูจากดวงตาสีฟ้าที่สบขึ้นมาก็รู้ด้วย...ท่าทางนั้นทำให้น้ำตาของผมค่อยๆไหลลงมาอาบแก้มอย่างเชื่องช้า


ตินที่มองอยู่ก็มีท่าทีตกใจแต่เพราะผ่าตัดอยู่เลยไม่สามารถทำอะไรได้


“ขอโทษนะ”ผมบอกอีกครั้ง


เมื่อคนที่ผิดเป็นผม...


ผมก็จะเป็นคนรับความเจ็บปวดนั้นมาเอง


มือทั้งสองข้างของผมสัมผัสกับใบหน้าตินอย่างอ่อนโยนก่อนที่แสงสีเขียวจะปรากฏขึ้น ไม่กี่วินาทีต่อมาความเจ็บจี๊ดๆของการผ่าตัดก็ถูกย้ายมาที่ผมอย่างสมบูรณ์


คนที่อยู่บนเตียงผ่าตัดอย่างตินได้แต่มองมาอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนี้ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเพื่อหาคำตอบ...ไม่รู้ว่าได้คำตอบแบบไหนแต่ดวงตาคู่เดิมเบิกกว้างขึ้นก่อนจะจ้องมาอย่างเคืองๆ


“...ผมไม่เป็นไร”ผมบอกเสียงเบาเมื่อถูกสายตาตรงหน้าจ้องมาอย่างคาดคั้น รอยยิ้มอย่างฝืนๆปรากฏขึ้นเพราะไม่อยากให้ตินเป็นห่วงแม้ตอนนี้เหงื่อจะเริ่มออกแล้วก็ตาม


การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีในเวลาไม่ถึงชั่วโมง จากที่หมอออกมาบอกเห็นว่าโชคดีที่กระสุนไม่ได้ไปโดนเส้นเลือดใหญ่หรือกล้ามเนื้อที่เป็นอันตรายแต่ก็ต้องใส่เฝือกไปหลายอาทิตย์อยู่


ร่างของตินหลังผ่าตัดเสร็จถูกย้ายมาพักยังห้องพักพิเศษโดยที่มีกายและจิมเฝ้าอยู่หน้าห้องตามปกติ เมื่อทีมแพทย์และพยาบาลออกไปผมก็ลอยลงมานั่งบนตัวตินที่นอนหลับตาอยู่ด้วยความรู้สึกผิดที่อัดแน่นอยู่


“ขอโทษนะติน”ผมไม่รู้ว่าเอ่ยคำนี้ออกไปเป็นรอบที่เท่าไหร่


ที่รู้คือการขอโทษเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่สามารถทำได้


ผมวางฝ่ามือลงบนเส้นผมสีดำสนิทของตินก่อนจะลูบเบาๆแทนคำขอโทษ ทั้งที่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะหลับไปแล้วแต่ดวงตาสีฟ้าที่ปิดสนิทกลับลืมขึ้นมาสบกับดวงตาสีเขียวอ่อนของผม


“คุณควรนอนพักนะ”


“เอาความเจ็บปวดของฉันคืนมา”ประโยคแรกที่ได้ยินทำเอามือที่กำลังลูบเส้นผมสีดำอยู่ถึงกับหยุดชะงัก


“ติน...”


“ทำแบบนี้ทำไม”เสียงทุ้มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังเหมือนกำลังไม่พอใจอยู่


“...ทำอะไร”


“อย่ามาแกล้งไม่รู้นะแพน...ฉันไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออกว่าความเจ็บปวดที่ควรมีมันกลับหายไปแถมนายยังทำหน้าเจ็บปวดแทนแบบนั้นอีก”


“...ผมก็แค่อยากช่วย”ผมตอบเสียงอ่อย


ถ้าให้อยู่ดูตอนเจ็บแบบนั้นก็เหมือนผมไม่มีประโยชน์อะไรเลยน่ะสิ


ทั้งที่ผมเป็นคนผิดแท้ๆ


“นายช่วยได้ทุกอย่างที่ไม่ใช่แบบนี้...ความเจ็บปวดนั้นเป็นสิ่งที่ฉันควรได้รับจากความประมาทของตัวเอง”


“แต่เพราะผมทำให้ตินต้อง...”


“มันไม่ใช่ความผิดนาย”ตินพูดแทรก


“ความผิดผมสิ...ความผิดผม”พูดยังไม่ทันจบประโยคน้ำตาที่หยุดไปก็ไหลลงมาอาบแก้มอีกรอบ


“...ไม่ใช่ความผิดนายหรอก...แพน”ตินบอกพร้อมกับยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสใบหน้าผม ทั้งที่ควรจะทะลุผ่านเหมือนอย่างทุกๆครั้งแต่ครั้งนี้ฝ่ามืออุ่นๆนั่นกลับประทับลงบนแก้มผมได้อย่างง่ายได้


“ติน...นี่คุณ...”ทำไมถึงสัมผัสผมได้


“อย่าร้อง”มือข้าเดิมเลื่อนขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างเชื่องช้า


รอยยิ้มบางๆที่ส่งมายิ่งทำให้น้ำตาไหลมากขึ้นกว่าเดิมอีก


“ขอโทษ”


“แพน...”


“ขอโทษจริงๆ”ความอ่อนโยนของเขาทำให้ผมรู้สึกแย่ที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลย


“พอแล้ว...ฉันฟังมาเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วเพราะงั้นหยุดพูดขอโทษซะ”


“แต่...”


“หยุดพูดแล้วฟังสิ่งที่ฉันจะบอกบ้าง”


“อืม”


“...ขอบคุณ”


“...”ผมที่ได้ยินคำนั้นออกมาจากปากตินก็นิ่งไปเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำว่าขอบคุณออกมา


การกระทำของผมมีอะไรที่สามารถใช้คำว่าขอบคุณได้ด้วยเหรอในเมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของผมทั้งนั้น...
ตินไม่จำเป็นต้องมาขอบคุณสักนิด


“ทำหน้างงเหมือนไม่เข้าใจ”ตินพูดต่อ


“ก็ไม่เข้าใจน่ะสิ...ผมทำอะไรให้ตินต้องมาขอบคุณเหรอ”ผมถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ


“ถ้าไม่ได้เสียงของนายตะโกนบอกตอนนี้กระสุนนัดนั้นคงจะไม่ได้อยู่ที่ไหล่แต่เป็นหัวใจ”


“...ติน”


“ดังนั้นฉันถึงขอบคุณนายที่ช่วย...นายไม่จำเป็นต้องโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองหรอก”


“แต่ว่า...”ถึงจะบอกแบบนั้นแต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ความรู้สึกผิดนี้หายไป


“ไม่มีแต่...เอาความเจ็บปวดของฉันคือมาสักที”ตินพูดย้ำพร้อมส่งสายตาจริงจังมาให้


“ให้ผมรับมันไว้ได้นะ”ผมบอกเบาๆ


“แพน”


“...ก็ได้”น้ำเสียงจริงจังนั่นทำให้ผมได้แต่จำยอมเอื้อมมือสองข้างเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วคืนความเจ็บปวดที่แบกรับมาให้กับเจ้าของตามเดิม


“อึก...”ตินถึงสะดุ้งเมื่อความเจ็บปวดกลับคืนมาก่อนที่ดวงตาสีฟ้าสดนั่นจะมองมาอย่างเคืองๆ


“แพน...ไหนบอกว่าไม่เป็นไรไง”คำพูดเขาคงหมายถึงตอนที่ผมบอกในห้องผ่าตัดนั่น


“ก็...ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่”แต่เจ็บมากเลยต่างหาก


“...”


“ขอโทษ”ผมได้แต่บอกคำนี้ออกไปเมื่อถูกสายตาไม่พอใจส่งมา


“เข้าใจก็ดี...นี่แพน”


“อะไรเหรอ”ถามเสร็จผมก็หลับตาลงแล้วเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อรับสัมผัสของมือที่ลูบแก้มอยู่มากขึ้น


“เห็นไหมว่าฉันแตะนายได้แล้ว”รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นพร้อมๆกับมือที่ขยับลูบใบหน้าผมอยู่


“...รู้แล้วน่า”


“เด็กจริงๆ”


“ใครเด็กกัน?”ผมถึงกับพองแก้มเมื่อถูกกล่าวหา


“หึ...”


“โอ้ย...”ผมร้องเล็กน้อยเมื่อถูกตินใช้นิ้วจิ้มแก้มที่กำลังพองลมอยู่แรงๆ


“พองแก้มเหมือนเด็ก...บอกแล้วไงว่าอย่าให้แตะได้...จะจิ้มให้แตกเลย”นิ้วของตินยังคงจิ้มมาจนผมต้องปล่อยลมที่อยู่ในปากออกแล้วมองกลับไปด้วยสายตาเคืองๆ


“...เลิกแกล้งแล้วนอนพักได้แล้ว”


“ยังไม่ง่วงเลย”เสียงทุ้มบอกโดยที่ยังไม่หยุดมือที่ลูบใบหน้าผมอยู่


“ถึงไม่ง่วงก็ควรพักนะ”พูดจบผมก็ผลักตินให้นอนราบลงบนเตียงก่อนจะขยับตัวให้ไปนั่งทับบนหน้าอกนั่น ถึงจะสามารถลุกขึ้นมาได้แต่ตินไม่มีทางลุกแน่เพราะมีผมนั่งอยู่


สายตาของตินแสดงความไม่พอใจนักแต่พอถูกผมลูบเส้นผมสีดำสนิทนั่นไปสักพักดวงตาสีฟ้าสดก็ค่อยๆหลับลงอย่างช้าๆ แสงสว่างจากไฟดวงใหญ่ในห้องถูกปิดลงเมื่อนึกได้ว่าห้องสว่างๆแบบนี้คงหลับไม่ลงแน่...พอปิดไฟเสร็จผมก็ลอยมาลูบเส้นผมสีดำสนิทของคนเจ็บบนเตียงต่อจนถึงรุ่งสางของวันต่อมา


“คุณตินอาการเป็นยังไงบ้างครับ”เสียงของกายบอดี้การ์ดคนสนิทถามโดยที่ในมือถือถ้วยข้าวต้มไว้


“ดีขึ้นมากแล้ว”ตินตอบพลางมองไปยังถ้วยข้าวต้มด้วยแววตาเอือมๆ


เทพที่มองอยู่อย่างผมเองก็สงสารอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน...จากที่รู้มาเขาไม่ค่อยชอบพวกอาหารเหลวอย่างโจ๊กหรือข้าวต้มสักเท่าไหร่


“ตอนนี้ผมได้นำกระสุนที่ผ่าออกมาไปตรวจสอบอยู่...คาดว่าจะมีความคืบหน้าในไม่กี่วันนี้ครับ”บอดี้การ์ดหน้าตี๋อย่างจิมก็พูดต่อด้วยใบหน้าเครียดๆ


“อืม...แต่ถึงสืบไปก็เท่านั้น”


“นั่นสิครับ...ยังไงพวกที่กล้าทำร้ายคุณตินก็มีแค่คนเดียวอยู่แล้ว”กายพูดสมทบ


“...”ตินไม่ตอบแต่พยักหน้าด้วยใบหน้าเครียดๆแทน


“ให้ผมจัดการอย่างเด็ดขาดดีไหมครับ”กายถามต่อ


“ยังไม่ต้อง...ถึงเราจะรู้ว่าใครทำแต่ไม่มีหลักฐานอะไร”


“ถ้าอย่างนั้นก็จัดการแบบไม่ให้ใครรู้ก็ได้นี่ครับ”


“...ยังก่อน...รอดูสถานการณ์ไปอีกสักพัก”


“ครับ”กายขานรับพร้อมวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะ


“เรื่องนี้ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ฉันใช่ไหม”ตินถามบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ไม่ไกล


“ครับ...ผมไม่ได้บอกใครตามที่คุณตินต้องการครับ”


“ดี...ออกไปรอข้างนอกเถอะ”


“มีอะไรเรียกพวกเราเลยนะครับ”กายย้ำกับเจ้านายก่อนเดินออกจากห้องไป


“นี่ติน”ผมเรียกชื่อคนบนเตียงทันทีที่ประตูห้องปิดลง


“อะไร”


“คุณรู้จริงๆเหรอว่าใครเป็นคนยิงตัวเองน่ะ”


“แน่นอน...เรื่องแบบนี้เดาไม่ยากหรอก”ตินตอบพร้อมกับใช้มือดันถ้วยข้าวต้มไปไว้ข้างๆ


“คุณก็แค่เดานี่ มันอาจไม่ใช่ก็ได้นะ”


“มีหลายๆอย่างที่ทำให้มั่นใจน่ะ”


“หลายๆอย่าง?”


“อืม...นายไม่ต้องรู้หรอก”


“ทำไมล่ะ”ผมถามกลับ


ทำไมผมถึงรู้ไม่ได้กัน


“ถ้ารู้แล้วนายจะทำอะไรต่อ?”


“...ก็ไม่ทำอะไร”จะให้ผมทำอะไรล่ะ...ไปจัดการกับพวกนั้นก็ไม่ใช่


“แล้วฉันจะบอกไปทำไม”


“ก็บอกให้ผมหายห่วงไง”ผมบอกเสียงเบา


“ห่วงเรื่องอะไร”


“ก็หลายๆเรื่อง...อย่างน้อยถ้าผมรู้ว่าใครจะได้ช่วยเป็นตาให้ตินได้ไง”ผมพยายามหาเหตุผล


“...ก็จริง”


“เนอะๆ...ยังไงฝ่ายนู้นก็มองไม่เห็นผมอยู่แล้วเพราะงั้นก็ถือเป็นเรื่องง่ายที่ผมจะช่วยมองคนที่เข้ามาได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น”เมื่อตินเริ่มคล้อยตามผมก็รีบหาเหตุผลเพิ่มเผื่อตินจะบอกเรื่องนี้กับผม


“...บอกก็ได้”


“พูดแล้วนะ”


“คนที่ทำเรื่องนี้เป็นศัตรูด้านธุรกิจของฉัน”ตินบอกด้วยใบหน้านิ่งๆ


“ศัตรูทางธุรกิจเหรอ...หมายถึงพวกคู่แข่งทางการค้าใช่ไหม”ผมลองเปลี่ยนภาษาดู


“ใช่...ตามที่เข้าใจ”


“คู่แข่งทางการค้านี่ถึงขนาดต้องฆ่ากันเลยเหรอ”ผมไม่เห็นว่ามันจะต้องถึงขนาดฆ่ากันเลย


“เมื่อก่อนคงไม่....แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป...ไม่ว่าทำอะไรล้วนมีกำไรและผลประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ว่าใครต่างก็อยากให้ธุรกิจของตัวเองเติบโตและเป็นอันดับหนึ่งดังนั้นทุกธุรกิจจึงมีการแข่งขันกันสูงมาก”ตินอธิบาย


“...เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ”ฟังไปฟังมารู้สึกงงๆ


“เรื่องนี้เทพอย่างนายไม่เข้าใจหรอก”ตินบอกพร้อมกับยกมือขึ้นวางบนเส้นผมสีเขียวเข้มของผม


“...นี่ติน...รู้ไหมว่ากำลังเล่นหัวใครอยู่น่ะ”


“นายถือเรื่องนี้?”ตินถามกลับ


“...ก็นิดหน่อย...แต่ถ้าเป็นติน...จะยอมให้สักคนก็ได้”ผมตอบกลับ จริงอยู่ว่าไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัวเพราะมันรู้สึกรำคาญ ยิ่งผมยาวๆแบบนี้เวลาพันกันมันแก้ยากจะตายไป


แต่ถ้าลูบเบาๆแบบที่ตินทำก็ไม่มีปัญหา


“พูดแล้วนะ...ห้ามคืนคำด้วย”ตินยกยิ้มขึ้นก่อนที่จะแกล้งผมโดยการขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มแรงๆจนฟูไปหมด


“ไม่เอาแบบนี้สิ...รู้ไหมว่าเวลาหวีมันลำบากน่ะ”ผมรีบลอยตัวหนีจากการกระทำของคนบนเตียงพร้อมรวบเส้นผมตัวเองมาจับไว้อย่างหวงแหน


ถ้าถามว่าทำไมถึงไว้ผมยาวก็ตอบได้ง่ายๆเลยว่าไม่ชอบไว้ผมสั้น


อาจจะดูเหมือนคำกวนๆแต่ความจริงแล้วไม่ใช่


ผมไม่ชอบไว้ผมสั้น...เวลาไว้ผมสั้นบนหัวจะรู้สึกเหมือนโล่งๆคล้ายคนไม่มีผมนั่นทำให้ผมเลือกที่จะไว้ผมยาวด้วยเหตุผลง่ายๆเพราะมันรู้สึกว่าตัวเองมีเส้นผม


“ลงมาแพน”เสียงด้านล่างเรียก


“ถ้าลงไปห้ามยุ่งกับเส้นผมนะ”ผมพูดเสียงเข้ม


“รู้แล้วน่า”


“...ผมชื่อใจคุณได้ใช่ไหมเนี่ย”พึมพำเสร็จผมก็ลอยลงมานั่งข้างเตียงผู้ป่วยอีกรอบ


“หวงน่าดูนะ”


“ก็ไม่ได้หวงอะไรแต่เวลาพันกันแล้วแก้ลำบาก”ผมตอบกลับ


“ก็ตัดซะสิ”


“ไม่เอาหรอก...ผมชอบไว้ยาวแบบนี้มากกว่า”


“งั้นก็ใช้ครีมนวดสิบางยี่ห้อดูจะช่วยเรื่องนี้อยู่”ตินเสนอ


“ก็เคยอยากลอง...แต่อย่างที่บอกไปว่าผมไม่อยากไปหยิบของออกมาโดยไม่จ่ายเงิน”


“เดี๋ยวซื้อให้”


“จริงเหรอ?”ตาผมลุกวาวด้วยความดีใจ


“อืม”


“ตินใจดีจริงๆด้วย”


“หึ...”


“นี่ติน”


“อะไร”


“...ยังเจ็บอยู่ไหม”ถึงมาพักมาทั้งคืนแล้วแต่บาดแผลนั้นคงจะยังไม่สมานตัวแน่


“พอสมควร”ตินตอบอย่างไม่ปิดบัง


“ผมรักษาให้ได้รึเปล่า”ผมเอ่ยขอ ความจริงก็สามารถเข้าไปรักษาได้เลยแหละแต่ก็ไม่อยากให้ตินโกรธถ้าไม่บอกก่อน


“รักษาได้ด้วย?”คิ้วของตินขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย


“อืม...แต่จะไม่รักษาให้หายสนิทหรอกเดี๋ยวจะมีคนสงสัย”ผมบอกต่อ


“จะว่าไปตอนที่กระสุนนัดที่2ยิงมานายทำอะไรบางอย่างนี่”อยู่ๆตินก็เปลี่ยนเรื่อง


“อ้อ...ก็ทำจริงๆแหละ”


“ทำอะไร”


“ไม่บอก”ถึงคราวผมย้อนบ้างล่ะ


“แพน”


“ถ้าอยากให้บอกก็ให้ผมรักษาสิ”


“สุดท้ายก็กลับมาเรื่องเดิม”


“ให้ผมรักษาเถอะ”ผมพูดแกมขอร้อง ถ้าได้รักษาความรู้สึกผิดที่มีคงจะลดลงแน่นอน


“...รักษาที่ว่าคือทำให้แผลหายเจ็บใช่ไหม”นิ่งไปสักพักตินก็ถามกลับ


“ใช่”


“นายไดรับผลกระทบอะไรรึเปล่า”


“หื้อ...ผลกระทบ?”หมายถึงอะไร


“ไม่ได้รับเอาความเจ็บปวดของฉันไปแทนใช่ไหม”อีกฝ่ายถามย้ำ


“...”คำพูดของตินทำให้ผมนิ่งไปเพราะกำลังประมวลผลประโยคที่ว่าอยู่


“เงียบอะไร”


“...เป็นห่วงผมเหรอ?”ผมถามกลับเสียงเบา


“...”ครั้งนี้เป็นตินที่นิ่งไป เขาหันหน้าหลบสายตาผมที่จ้องมองไปไม่เหมือนอย่างทุกครั้ง


ท่าทางแบบนั้นแสดงว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง


ตินไม่อยากให้ผมต้องเจ็บแทนตัวเอง


ผมถึงกับยิ้มออกมาเมื่อสรุปคำพูดนั้นออกมาได้


ในเมื่อตินหันหน้าหนีนี่จึงเป็นโอกาสให้ผมขยับตัวไปนั่งบนตักของอีกฝ่ายแล้วใช้ฝ่ามือสัมผัสบนแผลอย่างเบามือ...ตินที่รู้สึกถึงแรงสัมผัสก็หันกลับมามองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล


“ไม่ต้องห่วง...ที่ผมทำแค่รักษาเท่านั้นไม่ได้รับความเจ็บปวดแทนคุณหรอก”ผมอธิบายพร้อมหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ แสงสีเขียวส่องสว่างขึ้นแล้วหายไปเมื่อการรักษาสำเร็จตามที่ต้องการ


“เสร็จแล้ว?”ตินถาม


“อืม...ยังเจ็บมากเหมือนตอนแรกไหม”ผมถามกลับ


“ไม่แล้ว...ดีขึ้นเยอะ”


“ดีแล้ว...แบบนี้คงจะหายเร็วกว่าที่หมอบอกอยู่พอสมควรแต่ทางที่ดีก็พักผ่อนเยอะๆดีกว่านะ”


“ฉันจะกลับไปพักห้อง”ตินบอกเสียงนิ่ง


“ห้อง?...ก็ดีนะคุณจะได้พักสบายๆแต่พักที่นี่อีกคืนเถอะ”


“ทำไม...”


“แผลตอนนี้ยังไม่หายดีดังนั้นไม่ควรจะขยับตัวเยอะ”ไม่ต้องรอให้ตินพูดจบผมก็ผลักอีกฝ่ายให้นอนราบลงที่เตียวก่อนจะลอยไปปิดไฟที่อยู่ไม่ไกล


การที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบถือเป็นการบังคับให้ตินนอนทางอ้อม


“แล้วนายจะนอนไหน”ตินถามอีก


“ผมไม่นอนหรอก...เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนแต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวผมจะอยู่เฝ้าคุณทั้งคืนเลย”ผมวางฝ่ามือลงบนเส้นผมสีดำสนิทพลางลูบเบาๆเป็นการกล่อมให้คนที่นอนอยู่หลับฝันดีอย่าได้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานเลย


“...เดี๋ยวก็ง่วงหรอก”เสียงที่ตอบกลับมาเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย ดูเหมือนเขาจะชอบให้ผมลูบจริงๆเพราะทุกครั้งที่ลูบตินดูผ่อนคลายมากอีกทั้งยังหลับสนิทด้วย


“ไม่เป็นไร...ฝันดีติน”จากนั้นผมก็ลูบเส้นผมสีดำสนิทนั่นตลอดจนกระทั่งถึงเช้าวันต่อมา


ช่วงเช้ามีทีมแพทย์เข้ามาตรวจร่างกายตินอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งและดูเหมือนแผลจากการรักษาฝีมือผมจะทำให้หมอที่ตรวจถึงกับขยับแว่นตาที่ใส่อยู่อย่างไม่เชื่อสายตา


ก็แน่ล่ะ...แค่วันเดียวบาดแผลถึงกับปิดสนิทแบบนี้ใครเห็นก็ต้องแปลกใจกันทั้งนั้น


ผ่านการตรวจช่วงเช้าถ้วยโจ๊กร้อนก็ถูกยกมาเสิร์ฟท่ามกลางสีหน้าตึงๆของติน ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้านั่นแต่พอถูกสายตาดุๆส่งมาก็ต้องเงียบปากไป


“กาย”ตินเรียกหนึ่งในคนสนิท


“ครับ”


“ฉันจะกลับไปพักที่ห้อง”ตินบอกโดยที่ไม่ยอมแตะถ้วยข้าวต้มเหมือนอย่างที่คิดไว้


“กลับเลยเหรอครับ”


“ใช่”


“แต่บาดแผลยัง...”


“หมอก็บอกแล้วนี่ว่าแผลปิดแล้วเหลือแค่รอให้ขยับแขนได้ดั่งใจเท่านั้น”


“ก็ใช่ครับ...ถึงอย่างนั้นคุณตินก็ควรพักอยู่ที่นี่อีกสักวันเผื่อปากแผลเปิดดีกว่านะครับ”กายพยายามพูดโน้มน้าว


“ไม่ต้องห่วงๆ...ถ้าปากแผลเปิดเดี๋ยวผมรักษาให้เอง”ผมเข้าร่วมวงสนทนาบ้าง การมาค้างคืนที่โรงพยาบาลผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่จึงอยากกลับไปอยู่ที่ห้องตินมากกว่า


ตินเองก็ดูจะไม่อยากอยู่ที่นี่เหมือนกัน


“ไม่เป็นไร...ไปเตรียมรถ”


“...เข้าใจแล้วครับ”เมื่อไม่สามารถโน้มน้าวได้กายตอบตอบรับก่อนจะออกจากห้องไป



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)



ไม่ถึงสิบนาทีคนสนิทอย่างกายและจิมก็พาตินลงไปยังรถยนต์ติดฟิล์มดำสนิทคันเดิมโดยมีจุดหมายอยู่ที่คอนโดหรูใจกลางเมืองชั้นบนสุดที่ถูกเหมาไว้ทั้งชั้น


“ให้พวกเราอยู่ด้วยไหมครับ”จิมถามหลังจากที่เดินเข้ามาส่งตินห้องแล้ว


“ไม่เป็นไร...ไปจัดการเรื่องงานเถอะ”ตินบอก


“เข้าใจแล้วรับ...มีอะไรเรียกได้ทุกเมื่อนะครับ”


“อืม”


หลังจากที่กายและจิมออกไปทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ...ตินที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เอนตัวลงนอนราบทั้งๆแบบนั้น ผมที่ลอยอยู่ไม่ไกลเลยขยับเข้ามาใกล้อย่างห่วง


“เป็นอะไรติน...เหนื่อยมากเหรอ”ดูจากท่าทางที่เหมือนพักผ่อนไม่พอก็เดาได้ไม่ยาก ถึงผมจะรักษาแผลในระดับหนึ่งแล้วก็จริงแต่แผลนั้นก็ยังไม่หายสนิทร่างกายที่ต้องการให้ฟื้นตัวเร็วที่สุดเลยพยายามทำทุกทางให้ตินพักผ่อน


“...แค่ง่วงน่ะ”ตินตอบทั้งที่ยังหลับตาอยู่


“ไปนอนในห้องไหม”


“ไม่เป็นไร...”


“ให้ผมอุ้มไหม”


“อย่าแม้แต่คิดเชียว”ดวงตาสีฟ้าสดลืมขึ้นแทบจะทันทีที่ผมพูด


“เห็นแบบนี้ผมแรงเยอะนะ”ผมพูดพร้อมกับกลั้นหัวเราะ


“แพน”น้ำเสียงนิ่งๆที่ส่งมานั่นดูจะไม่ยอมให้ผมได้อุ้ม


ตินคงไม่รู้ว่าผมกำลังโกหกอยู่


ถึงผมจะแรงเยอะแต่ก็ไม่ได้มากถึงขนาดอุ้มคนได้หรอก


“ผมไม่อุ้มก็ได้...พักผ่อนไปเถอะ...โอ๊ะ...คุณยังไม่กินอะไรตั้งแต่เช้าเลยนี่นา...ตื่นขึ้นมากินอะไรก่อนเถอะติน”ขืนให้นอนทั้งแบบนี้น้ำย่อยก็ได้กัดกระเพาะกันพอดี


“ไม่เอา ไม่หิว”พูดจบก็พลิกตัวนอนไปอีกฝั่ง


“อย่าหันไปทางนั้นก็ทับแผลน่ะสิ...หันมาทางนี้เลย”ผมรีบบอกพร้อมจัดการพลิกร่างบนโซฟาให้หันมาอีกฝั่ง


“...จะห่วงเกินไปแล้ว”


“แล้วไม่อยากให้ห่วงเหรอ”ผมถามกลับ


“...เปล่า...แค่ไม่ชิน”คำตอบนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย


“เดี๋ยวผมไปทำอะไรง่ายๆมาให้กินนะ”


“...ในตู้เย็นมีแค่น้ำเท่านั้นแหละ”ร่างของผมที่กำลังตรงไปยังห้องครัวถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่พึมพำออกมาทั้งที่หลับตาอยู่


“แบบนี้ก็ทำอะไรให้ไม่ได้สิ...อ๊ะ...ตินๆ”


“อะไร...ห้องน้ำก็อยู่ทางซ้ายมือไง”


“เลิกกวนสักนาทีจะตายรึไง”ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เรียกดีๆก็ได้คำกวนๆกลับมาซะงั้น


“หึ...มีอะไรล่ะ”


“ขอเงินหน่อย”


“...เอาไปทำไม”ดวงตาสีฟ้าที่ปิดสนิทลืมขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดผม


“จะออกไปซื้อของข้างนอก”ในเมื่อในห้องนี้ไม่มีวัตถุดิบในการทำอาหารก็มีแค่ต้องออกไปซื้อเท่านั้น...แต่จะให้ออกไปทั้งๆที่ไม่มีเงินก็ไม่ได้อีก


“ระยะจากนี่ถึงซูปเปอร์ไกลอยู่นะ”


“ไม่เป็นไร...ผมไปได้”แค่ร่างกายจะอ่อนแอลงหน่อยเท่านั้น


“...แน่ใจว่าไม่เป็นไร...ฉันไม่ได้หิวอะไรถ้านายหิวเดี๋ยวฉันสั่งกายให้เอามาให้”


“ไม่เอา...ผมไม่ได้หิวแต่อยากให้ตินไม่กินอะไรบ้าง...มีซุปอยู่สูตรนึงที่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกินอะไรแบบติน...เดี๋ยวผมจะทำให้เอง”


“ยังไงก็จะไปให้ได้สินะ”


“อืม”


“งั้นฉันไปด้วย”ตินพูดก่อนจะพยุงตัวเองให้นั่งขึ้นบนโซฟา


“ไม่ๆๆ...ผมไปเองได้ ตินพักอยู่นี่เถอะ...ผมไปเองได้จริงๆ”ผมรีบวางมือลงบนแผ่นอกตินแล้วดันให้อีกฝ่ายนอนลงอีกรอบ
ให้ไปเดินแบบนั้นก็ไม่หายสักทีสิ


“...กี่นาที”นิ่งไปสักพักตินก็พูดขึ้น


“หื้อ?”


“จะไปนานแค่ไหน”


“อ้อ...ไม่นานหรอกห้างก็อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่...เอ่อ...ถ้าไปกลับก็ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง”ผมบอกพร้อมกับยกนิ้วชูเลขหนึ่งขึ้นมา


“...เอาเท่าไหร่”


“ให้ไปจริงนะ”ผมยิ้มกว้างออกมาที่จะได้ออกไปซื้อของตามต้องการ


“ถ้าเกินหนึ่งชั่วโมงยังไม่กลับ...ฉันจะไปตามถึงที่”ตินบอกด้วยแววตาเอาจริง


“เข้าใจแล้วๆ...ส่วนเงินก็แล้วแต่ตินเลย”


“เอาไปก่อนละกัน”พูดจบกระเป๋าเงินสีดำก็ถูกเอาขึ้นมา แบ็งค์สีเทาที่อยู่ข้างในถูกยื่นมาให้ประมาณ5-6ใบ


“หมดนี่เลยเหรอ”ดูจะเยอะไปหน่อยนะ


“อืม”


“ขอบคุณนะ...ไม่ใช่สิแล้วผมจะทอนเงินให้คุณยังไงล่ะ”ที่คิดไว้คือหลังจากไปซื้อของเสร็จก็จะวางเงินไว้ที่เคาน์เตอร์คิดเงิน แต่ถ้าต้องมีเงินทอนผมจะไปเอาจากไหนกัน


“ไม่ต้องทอน...ถ้ามันเกินหนึ่งพันก็ให้ไปสองพันเลย”ตินบอก


“พันนี่ถือว่าเยอะนะติน”


“ก็ไม่นี่”


“ได้ๆยังไงก็เงินคุณนี่...จะรีบกลับนะ”


ร่างของผมในชุดยูกาตะลายเดิมแต่เปลี่ยนเป็นสีม่วงก็ลอยออกไปทางประตูระบียงของชั้นบนสุดก่อนจะทิ้งตัวลงไปด้วยความเร็วสูง...


รู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงตินตกใจด้วยแฮะ


การทิ้งตัวจากความสูงตึก30ชั้นนี่ก็เสียวใช้ได้อยู่ เรียกว่าพอถึงพอขาผมสั่นเล็กน้อยเลยทีเดียว...ใช้เวลาให้ขาหายสั่นสักพักก็ตรงไปยังห้างขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ที่สุด จะใช้คำว่าห้างก็ไม่ถูกทีเดียวเพราะภายในมีแค่ซูเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้นเอง


ผมคว้าตะกร้าที่วางอยู่ตรงทางเข้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในด้วยความตื่นเต้น...ความเย็นของเครื่องปรับอากาศทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นเนื่องจากต้องเดินตากแดดมาตลอดทาง โซนแรกที่ผมเดินไปคืออาหารสดที่มีทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้และเครื่องปรุงต่างๆถูกจัดวางไว้โซนๆ


“...โครงไก่...โครงไก่...นี่ไง”เดินหาสักพักในที่สุดวัตถุดิบอย่างแรกที่ต้องการก็ถูกหยิบมาใส่ในตะกร้า จากนั้นก็หันไปมองหาวัตถุดิบอื่นๆต่อกว่าจะครบผมก็ต้องยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมาดูเวลา


ตั้งแต่ที่ออกมาจากห้องตินก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว...เวลาดูจะยังมีเหลืออยู่พอสมควรผมเลยตัดสินใจเดินไปดูพวกยาสระผมและครีมนวด


“ว้าว...”ผมถึงกับหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อเห็นขวดนับร้อนวางเรียงรายอยู่บนชั้นตรงหน้า


ทั้งยาสระผมและครีมนวดหลากหลายยี่ห้อที่วางอยู่นั่นดูลายตาจนไม่รู้จะเลือกหยิบอันไหนดี...การอาบน้ำหรือสระผมไม่ใช่เรื่องที่เทพอย่างพวกเราไม่ต้องทำเป็นประจำเหมือนมนุษย์ บางครั้งถ้าอยากสระผมก็แค่เอาหัวจุ่มลงไปในน้ำก็ถือว่าเป็นการสระแล้วไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาเป็นตัวช่วย


แต่จากที่เห็นมนุษย์หลายคนใช้ก็น่าลองมากเพราะหลังจากทำเสร็จผมก็จะมีกลิ่นหอมๆด้วย...ผมเคยไปดูพวกผู้หญิงทำที่ร้านทำผมอยู่หลายครั้ง เคยด้วยที่คิดจะปลอมตัวเป็นมนุษย์เข้าไปใช้บริการแต่เพราะไม่มีเงินเลยได้แต่มองด้วยความเสียดาย


หลังจากที่ยืนเลือกทั้งสบู่ ยาสระผมและครีมนวดอยู่นานผมก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการอย่างครบถ้วน เมื่อเสร็จแล้วผมก็ต้องมานั่งคิดเลขว่าทั้งหมดรวมเป็นราคาเท่าไหร่ก่อนจะวางเงินสดไปบนเคาน์เตอร์คิดเงินแต่พอนึกดูอีกทีของพวกนี้มีบาร์โค้ดอยู่ถ้าเอาออกไปสัญญาณคงได้ดังแน่เพราะงั้นผมเลยจัดการมองหาพนักงานคิดเงินที่ดูจะจิตอ่อนๆแล้วลอยไปตรงหน้าเธอ


ฝ่ามือที่วางบนดวงตานั้นทำให้พนักงานคนนั้นเห็นผมเหมือนเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่มาใช้บริการ ถือเป็นโชคดีที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนมาเดินเลยสามารถทำได้โดยไม่มีใครสงสัยอะไร...


แต่ถ้าไปเปิดกล้องวงจรปิดคงจะหลอนน่าดูเหมือนกัน


“ติน...กลับมาแล้ว...อ๊ะ...”ผมตะโกนพร้อมกับลอยทุผ่านประตูหน้าเข้ามาแต่ตัวผมก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนของที่ถือร่วงลงไปกองกับพื้น


ไม่ต้องเงยขึ้นไม่มองก็เดาได้ว่าต้องเป็นตินแน่เพราะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่สามารถสัมผัสผมได้ในตอนนี้


“ใช้เวลาพอดีเลยนะ”ตินบ่นเล็กน้อย


“ก็แหม...ไหนๆก็ออกไปทั้งนี่”ผมตอบพลางเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกอยู่ ทั้งที่อยู่ในห้องแต่กลับใส่รองเท้าอยู่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตาสีฟ้านั่นอีกรอบ...


“กำลังจะออกไปตามผมเหรอ”ผมถามเสียงเบา


“...เปล่า”พูดจบเขาก็ถอดรองเท้าออกแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว


“ทำตัวมีพิรุธนะติน...ห่วงผมก็บอกมาสิ”ผมรีบลอยไปวนรอบตัวอีกฝ่ายพร้อมพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ...ทำไมต้องแกล้งทำเป็นไม่ห่วงด้วยล่ะ


คิดว่าจะหลอกผมได้งั้นเหรอ


ถ้าคิดแบบนั้นก็ผิดแล้ว


“ไม่ได้ห่วง”


“อ๊ะ...อ๊ะ...โกหกอีกแล้ว พ่อคนขี้ห่วง”


“แพน”


“ไม่ต้องมาทำเป็นเสียงเข้ม...ผมไม่กลัวหรอกนะ เอ้า เงินทอน”ผมบอกพร้อมกับส่งเงินทอนทั้งหมดส่งคืนให้ตินก่อนจะลอยไปหยิบถุงหน้าประตูห้องถือเข้าไปยังห้องครัว


ตอนนี้ไม่มีเวลามาทะเลาะกับตินหรอกต้องรีบทำอาหารให้เสร็จ...


นี่ก็ปาไปช่วงบ่ายแล้วแต่ตินยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย


มนุษย์อะไรไม่กินก็อยู่ได้เป็นวันๆ


อาหารง่ายๆที่ผมจะทำให้ตินกินคือซุปเบาๆที่ใช้โครงไก่ เนื้อไก่และผักนานาชนิดลงไปเคี่ยวจนได้ที่...การทำซุปนี้ต้องใช้เวลาอย่างพอเหมาะถึงจะได้รสชาติออกมาพอดีไม่หนักจนเกินไป


จากที่ดูตินไม่ชอบพวกอาหารหนักหรือพวกของเหลวข้นๆผมเลยทำซุปใสที่พอเสิร์ฟใส่ถ้วยแล้วจะมีเพียงน้ำซุปเท่านั้นเพื่อให้ง่ายต่อการกิน


“...แพน”


“อะไร”ผมเหลียวหลังไปตามเสียงเรียกจากด้านหลัง


“ทำอะไร”ดูตินเองจะสนใจสิ่งที่ผมทำอยู่พอสมควร พอถามจบเขาก็เดินมาดูภายในหม้อที่มีฟองลอยอยู่เต็มไปหมดด้วยใบหน้าอึ้งๆคิ้วทั้งสองข้างเองก็ขมวดเข้าหากันจนแน่น


“...ฉันว่าสั่งข้างนอกมากินดีกว่า”นิ่งไปสักพักเขาก็บอกพร้อมกับหันหลังเดินออกจากห้องไป


“เดี๋ยวๆ...หน้าตาตอนนี้อาจจะยังไม่น่ากินแต่รับรองเลยว่าถ้าทำเสร็จอร่อยแน่เพราะงั้นรอชิมก่อนเถอะ”ผมโผลเข้าไปคว้าแขนของตินไว้แน่นไม่ให้ยกโทรศัพท์ขึ้นมา


“อร่อย?...ไอ้ฟองข้นๆจนไม่เห็นน้ำนั่นน่ะนะ”ตินหันมาทำหน้าไม่เชื่ออย่างรุนแรงแถมยังส่ายหน้าไปมาเป็นการบอกว่าไม่มีทาง


“ก็ยังไม่เสร็จนี่...”


“...”


“อร่อยจริงๆนะ”ผมย้ำอีกรอบเพราะสายตาที่มองนั่นไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูดสักนิด


“...ต้องรออีกนานขนาดไหน”


“ไม่เกินชั่วโมง...ถ้าตินหิวจะสั่งอย่างอื่นมาก่อนก็ได้แต่อย่าพึ่งกินจนอิ่มนะเหลือท้องไว้กินของผมด้วย”การที่ต้องเคี่ยวนานผมก็กังวลเล็กเพราะตินไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว ถ้าขืนให้รอนานๆเดี๋ยวจะปวดท้องเอา


“...นายจะกินอะไรล่ะ”


“หื้ม...จะสั่งเผื่อผมด้วย?”ผมหันหลังกลับไปมองตินด้วยรอยยิ้ม


“หรือจะไม่กิน...”


“กินสิ...อยากกินแฮมเบอร์เกอร์”


“...อาหารขยะ”ตินบ่นทันทีที่ได้ยิน


“ก็อยากกินนี่...แล้วตินจะสั่งอะไรล่ะ”ผมถามกลับบ้าง


“ไม่จำเป็นต้องบอกนี่”พูดจบเจ้าของห้องก็หันหลังเดินออกจากห้องครัวไป


“ผมเอาแฮมเบอร์เกอร์เนื้อนะ”ผมตะโกนไล่หลังไป


เมื่อห้องครัวกลับมาสงบอีกครั้งผมก็จัดการตักฟองที่ลอยอยู่ในหม้อออกไปจนหมดทำให้น้ำขุ่นเมื่อครู่ใสแจ๋วอย่างน่ารับประทานที่สุด


ครึ่งชั่วโมงต่อมาแฮมเบอร์เกอร์หลายชิ้นกับกล่องเฟรนช์ฟรายส์ขนาดกลางก็ถูกวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาด้วยฝีมือของติน จากที่แอบฟังบทสนทนาดูเหมือนกายอยากจะยกเข้ามาวางให้แต่ตินบอกว่าไม่ต้องซึ่งก็ถูกแล้วถ้าเกิดให้กายเดินเข้ามาต้องสงสัยแน่ว่าทำไมในครัวถึงถูกใช้งานอยู่ทั้งที่เจ้าของห้องบาดเจ็บ


ซุปใสๆฝีมือผมถูกยกออกมาเสิร์ฟในเวลาเดียวกับที่อาหารทุกอย่างถูกเปิดวางอยู่บนโต๊ะพอดี...ถ้วยน้ำซุปถูกวางลงตรงหน้าตินที่ยกคิ้วขึ้นเหมือนไม่เชื่อว่าน้ำซุปถ้วยนี้เป็นหม้อเดียวกับที่เห็นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน


“อึ้งเลยใช่ไหมล่ะ...บอกแล้วว่าต้องรอเสร็จก่อนถึงจะดูน่ากิน”ผมบอกพร้อมกับยืดอกขึ้นเล็กน้อยแสดงความภาคภูมิใจ


“แค่ดูน่ากินสินะ”


“พูดงี๊มาต่อยกันเลยมา”ผมหันไปทำหน้าหาเรื่องตินเต็มที่แต่อีกฝ่ายทำแค่ยกยิ้มขึ้นพลางส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าติงต๊อง


“ชนะคนเจ็บได้เทพอย่างนายคงมีความสุขมากเนอะ”


“...”คำพูดกวนประสาทนั่นทำให้ผมถึงกัดฟันแน่น


อยากจะหาทางเอาคืนสักอย่างแต่ไม่รู้ว่าจะเอาคืนยังไงดี


“ทำหน้าเหมือนกำลังหาทางเอาคืน”


“เปล๊า!”ผมบอกเสียงสูง


“หึ...”


“ลองชิมดูเลย...ผมรับรองว่าตินต้องชอบแน่ๆ”ถ้วยใบเดินถูกเลื่อนเข้าไปใกล้ตินมาขึ้น


“แล้วถ้าไม่ชอบล่ะ”


“ผมยอมทำตามที่คุณสั่งเลย”


“...จะให้ทำอะไรดีนะ”


“ยังไม่ได้ชิมเลย!”ผมตะโกนใส่ด้วยใบหน้าเคืองๆ


“ลองชิมก็ได้...”ตินบอกพร้อมกับหยิบช้อนตักน้ำซุปในถ้วยตรงหน้าเข้าปากท่ามกลางเสียงหัวใจผมที่เต้นแรงขึ้นเพราะความตื่นเต้น


แน่นอนว่าผมมั่นใจในฝีมือของตัวเองแต่ตินชอบแกล้งเลยไม่รู้ว่าจะบอกอร่อยออกมาตรงๆไหม


“เป็นไงบ้างติน”ผมถามขึ้นเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดออกอะไรออกมาเลย


“...เสียใจ...”


“ห๊ะ...เสียใจอะไร...ไม่อร่อยเลยเหรอ?”ผมถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล


ผมว่ามันอร่อยนะ


“...เสียใจที่ไม่ได้สั่งให้เทพหมุนสามรอบแล้วขอมือ”


“ผมไม่ใช่หมานะ!”ผมตะโกนด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาแทบปิด


คำพูดนั่นแสดงว่าน้ำซุปผมอร่อยสินะ


“กินได้แล้ว”ตินเปลี่ยนเรื่องโดยที่ยังตักน้ำซุปฝีมือผมเข้าปากอยู่


“อร่อยใช่ไหมล่ะ”ผมถามยิ้มๆ


“...ก็ใช้ได้”


“อร่อยก็บอกว่าอร่อยสิ”ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อยนะ


ให้ผมดีใจสักหน่อยไม่ได้รึไง


“อยากให้พูด?”


“อืม”ผมพยักหน้าขึ้นลงแรงๆเป็นคำตอบ


ตินที่มองอยู่ก็คลี่ยิ้มบางๆออกมาเมื่อเห็นผมพยักหน้า...ดวงตาสีฟ้ามองมายังผมเหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างทำให้ผมขยับเข้าไปจนร่างกายเราชิดกัน ฝ่ามืออุ่นๆยกขึ้นสัมผัสใบหน้าผมเบาๆจนเผลอเคลิ้มไปก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกมา...


“ไม่บอก”เสียงทุ้มที่กระซิบบอกทำเอาเทพอย่างผมถึงกับนิ่งไปเพราะประมวลความหมายของประโยคนั้น และทันทีที่เข้าใจความหมายดวงตาสีเขียวอ่อนก็หรี่ลงอย่างหงุดหงิดพร้อมกับง้างฝ่ามือขึ้นแล้วตบเข้าที่แผลถูกยิงอย่างไม่ออมแรง


เพี๊ยะ!


“คนใจร้าย!”

..................................................................................

มาต่อแล้วค่าาา

ตอนนี้มาแบบยาวๆ เราว่ายาวกว่าตอนที่แล้วเยอะพอดู55

ยิ่งแต่งยิ่งหลงรักแพนขึ้นเรื่อยๆ

เทพอะไรน่ารักน่าฟัดได้ขนาดนี้

อย่าให้เจอตัวจริงนะจะคว้าตัวมากอดแน่ๆเลย//มโนไปอีก 55

หลังจากนี้เนื้อเรื่องจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ รอติดตามกันด้วยน้าาา

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจเลยนะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แพนน่ารักมาก ตินนี่สายเปย์สินะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
แพนน่ารักมากกกกอะ อยากกอดดด
พี่ตินสายเปย์ของเราาก้ยังคงเปย์อย่างต่อเนื่อง

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบตอนที้้ตินสัมผัสแพนได้เหมือนเค้่าได้เข้าใกล้กันเข้าไปอีก รอตอนต่อไปค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักแพน ตอนหน้าก็ขอยาวๆเหมือนตอนนี้อีกนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน
แพนน่ารักมาก ตินก็สายซึน
 :-[ ชอบมาก รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โอยยย ชอบบบบ
ชอบเรื่องนี้!!!! น่ารักเกินไปแล้วทั้งคู่เลยย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ท่านแพนตัลล๊ากกกกกกกกก >\\\\<

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ยิ่งอ่านยิ่งรักแพนเทพบ้าอะไรน่ารักน่ามีไว้ในครอบครอง555 o13 o13

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
งานนี้ตินหลงแพนหนักกว่าเดิมแน่ๆ

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
น่ารักอ่ะคู่นี้ มีโมเม้นน่ารักๆแบบนี้ต่อไปนะ

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
55555 แพนแสบใช่เล่น

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
แพนน่ารักกกกกกกกกก :katai2-1:

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
ท่านเทพน่ารักกกก  ตินก็เก๊กเกินน ห่วงเขาก็บอกไป

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ความรู้สึกเหมือนตืนจะเป็นคนที่หวง ห่วง แพนเอามากๆ และยังมีความละมุนเบาๆ #ใจเราบาง

ออฟไลน์ askmes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ฮรืออออ ชอบผลงานคุณnice dog ทุกเรื่องเลยยยย :katai2-1:

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อาทิตนี้ไม่มาเหรอคะรออยู่น้าา

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0


สัมผัส{❤}ครั้งที่9





ตลอดช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตินพักผ่อนอยู่แต่ในห้องตลอด ไม่มีแม้จะออกไปเคลื่อนไหวร่างกายที่ไหน อาหารทุกๆมื้อมีแค่ที่บอดี้การ์ดคนสนิทซื้อมาให้และอาหารฝีมือผม ถึงจะได้ชื่อว่าอาหารแต่ที่ทำก็แค่ซุปเบาๆเท่านั้น



แม้ผมจะทำซุปเก่งแต่อาหารอย่างอื่นเรียกว่าสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตสิ้นชีพได้ทันที...และบางทีก็ไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตแต่รวมไปถึงเทพด้วยกันด้วย จำได้ว่าก่อนมาประเทศนี้ได้ทำอาหารเพื่อเป็นการบอกลากับเพื่อนสนิทแต่ทันทีที่อาหารถูกตักเข้าปากเพื่อนของผมก็สลบไปอย่างรวดเร็ว



นั่นทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่เหมาะกับการทำอาหารแต่ถ้าเป็นซุปก็บอกได้เลยว่ารสเลิศ



“แพน!”



“ติน?...อะไรเหรอ”เสียงเรียกจากตินดังขึ้นจากภายในห้องนอนขนาดใหญ่ทำให้ผมที่อยู่บริเวณระเบียงดูหมู่เมฆกำลังลอยไปมาอยู่กลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง



วันนี้ผมตื่นเช้ามากกว่าปกติเลยไม่อยากปลุกตินขึ้นมาด้วยแต่จะเปิดโทรทัศน์ก็กลัวจะทำให้คนบนเตียงตื่นเลยเลือกที่จะออกไปยืนดูวิวอยู่ข้างนอกแทน อีกทั้งลมเย็นที่สัมผัสได้จากความสูงบนชั้นที่30ก็เรียกว่าเย็นสบายมาก



“...ไปไหนมา”ใบหน้ายามตื่นของตินดูจะงัวเงียเล็กน้อย เขาใช้มือลูบไปหน้าไปมาก่อนจะใช้มือข้างเดิมเสยเส้นผมสีดำที่ปกหน้าอยู่ให้ขึ้นไป



“ไปดูวิวด้านนอกมา”ผมตอบพลางลอยมานั่งบนเตียงข้างที่ถูกเว้นว่างไว้



“ที่ไหน”



“ที่ระเบียงห้อง...ยังดูง่วงๆอยู่เลยนะ”ผมพูดขึ้น ดูจากดวงตาสีฟ้าที่ปรือๆนี่ก็พอเดาได้ว่ายังนอนไม่เต็มอิ่ม



“อืม...ยังง่วงอยู่”ตินตอบตามตรง



“นอนพักอีกหน่อยเถอะ...เมื่อคืนคุณอยู่เกือบเช้าเลยนี่...บอกแล้วว่าให้พอก่อนก็ไม่เชื่อ”ผมบ่นไปตามที่ภาพที่เห็นเมื่อคืน ไม่รู้ว่ามีงานอะไรนักเขาถึงต้องนั่งทำตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงช่วงตี3ตี4แบบนั้น



“ก็มันใกล้เสร็จแล้ว...จะให้ตื่นมาทำเดี๋ยวสิ่งที่คิดก็ลืมหมดพอดี”



“เฮ้อ...นอนต่อเถอะ”พูดจบผมก็ผลักร่างของตินให้นอนลงอีกรอบ



“...แพน”เสียงทุ้มดังขึ้นเบาๆทั้งที่หลับตาอยู่



“หื้ม?”



“...ถ้าจะไปไหน...ต้องบอกกันด้วย”



“...แต่ตินหลับอยู่นะ”จะให้ปลุกเหรอ



“...”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบเลยขยับเข้าไปใกล้คนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ หมายความว่าตินหลับสนิทไปแล้วทั้งที่ยังพูดกับผมอยู่



“นี่คงไม่ได้ละเมอเรียกชื่อกันใช่ไหม”ผมถามยิ้มๆ ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูจะเป็นคนที่ไม่เหมือนกับภายนอกอยู่มากพอควร



ความอ่อนโยน



ความห่วงใย



และความใจดี



ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีทางได้เห็นตินในมุมเหล่านี้แน่...แต่เพราะผมได้อยู่เขาตลอด24ชั่วโมงทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้แม้จะกวนไปบ้างแต่ก็ถือเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง



ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าพวกผู้หญิงรับรู้ถึงความอ่อนโยนพวกนี้จะยังอยู่เฉยกันอยู่ไหม...ขนาดยังไม่แสดงออกพวกผู้หญิงก็แทบจะถวายตัวให้เลยด้วยซ้ำ



“ติน...ผมไปทำซุปในห้องครัวนะ”นั่งลูบเส้นผมสีดำสนิทบนเตียงสักพักก็เริ่มเบื่อ สิ่งเดียวที่สามารถทำแก้เบื่อได้ตอนนี้คือเข้าครัวทำซุป



ในเมื่อตินอยากให้บอกผมก็บอกแล้ว...



แต่ถ้าเขาไม่ได้ยินก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดผมนะ



ซุปที่ผมจะทำในวันนี้เป็นซุปผักรวมที่ใช้ความหวานจากผักสารพัดชนิดและต้องใช้เวลาในการทำหลายชั่วโมง จากที่มองผมคงมีเวลาเหลือเฟือเพราะตินคงจะนอนต่ออีกหลายชั่วโมงแน่ๆ



น้ำในหม้อถูกตั้งไว้จนเดือดอ่อนๆก่อนจะใส่ทั้งแครอท มะเขือเทศ ถั่วลั่นเตา ผักกาดขาว บล็อคโคลี่และอื่นๆอีกมากมายใส่ลงในหม้อแล้วคนเล็กน้อยให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน



ก๊อก ก๊อก



เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมหันไปมองที่ประตูห้องอย่างสงสัย



“ใครมา?”ปกติห้องนี้เรียกได้ว่าไม่มีแขกมาสักคน



จะมีก็แค่กายและจิมที่เข้ามาบ้างตามคำสั่งของติน



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



เสียงเคาะที่เริ่มดังขึ้นทำให้ผมตัดสินใจลอยทะลุประตูออกไปดูจากด้านบน สิ่งที่เห็นคือชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของตินยืนอยู่หน้าห้องโดยมีบอดี้การ์ดอยู่ข้างหลังอีกสี่คน



“คุณคิน”คนถูกเรียกหันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะพบกับกายและจิมที่เปิดประตูออกมาจากห้องด้านข้างด้วยใบหน้างงๆ



“มาก็ดีเลยพี่กาย พี่จิม...ช่วยเปิดประตูห้องพี่ให้หน่อยสิ...เคาะมาหลายรอบยังไม่ออกมาสักที”



“คุณตินคงกำลังพักผ่อนอยู่...มีเรื่องอะไรฝากไว้ได้นะครับ”กายบอก



“ไม่ได้ๆ...เรื่องนี้ต้องคุยกับพี่เท่านั้น”คินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง



“ถ้างั้นไปพักห้องพวกผม...”



“ไม่เอา...ทำไมต้องกันไม่ให้เข้าห้องพี่ด้วยล่ะ...”



“ช่วงนี้คุณตินสั่งไว้ว่าถ้าจะเข้าไปต้องบอกล่วงหน้าน่ะครับ”



“พวกพี่เองก็ไม่ให้เข้าเหรอ?”คินถามต่อ



“ก็ไม่เชิง...แค่ถ้าจะเข้าต้องบอกก่อนเท่านั้นเอง”กายตอบ



“แบบนั้นมันมีพิรุธอยู่นะ โอ๊ะ...หรือว่าพี่ซ่อนหญิงไว้”



“ฮะฮะฮะ”ผมถึงกับหลุดหัวเราะออกมาดังลั่น



ตินเนี่ยนะซ่อนผู้หญิง



“...คุณตินไม่ใช่คนแบบนั้นครับ”



“ใช่ๆ...ตินไม่ได้ซ่อนผู้หญิงไว้หรอก...ซ่อนเทพเอาไว้ต่างหาก...คิก”



“งั้นเราก็ลองเข้าไปดูกัน”ผมว่าพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าคินต้องการอะไร



คิดจะแอบเข้าห้องตินสินะ



“ไม่ดีมั้งครับ...พวกผมจะซวยได้”จิมรีบค้าน



“น่าๆ...เดี่ยวฉันช่วยพูด”



“...พูดให้โดนมากขึ้นน่ะสิ”จิมหันไปกระซิบกายที่พยักหน้าขึ้นลงอยู่ข้างๆ



“รีบมาเปิดเร็วๆ”



“ครับ”เมื่อไม่สามารถขัดได้กายก็ได้แต่ต้องหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาเปิดอย่างช่วยไม่ได้



ผมเองก็ลอยตากลุ่มคนทั้ง7คนเข้าไปด้านในด้วยความสนุก...



ถ้าตินตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าถูกบุกห้องจะเป็นยังไงนะ



“เจย์”คินเรียกหนึ่งในบอดีการ์ดที่เดินตามมา



“ครับ”



“ไปตรวจดูรอบๆหน่อยว่ามีใครอยู่ไหม”



“ครับ”คนได้รับคำสั่งทำตามอย่างรวดเร็วโดยเริ่มจากการเดินเข้าไปในห้องครัว...



หื้อ?



“ห้องครัว!”ผมตะโกนออกมาเสียงดังลั่นเมื่อนึกได้ว่าต้มซุปไว้ในหม้อนี่นา



ผมรีบเข้าไปในห้องครัวทันทีแต่ก็ไม่ทันบอดี้การ์ดของน้องชายติน



“คุณคิน...มีเตาแก๊สถูกเปิดอยู่ด้วยครับ”ผมอยากจะยกมือสับเข้าที่ก้านคอให้ชายคนนี้สลบไปเลยจริงๆ



ให้ตายเถอะ



สถานการณ์แบบนี้จะทำยังไงดี



“ว่าไงนะ...พี่ทำอาหารไม่เป็นนี่”คินรีบเดินเข้ามาในครัวก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นหม้อซุปที่ยังทำไม่เสร็จถูกเปิดเตาแก๊สไว้



ไม่ใช่แค่คินที่ตกใจแต่ทั้งกายและจิมต่างก็มองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา



“พี่กาย...พี่เขาหัดทำอาหารเหรอ”คินหันไปถามคนด้านหลัง



“...เท่าที่ทราบ...คิดว่าไม่”



“งั้นก็มีทางเดียว...อย่างที่คิด...พี่ต้องซ่อนผู้หญิงเอาไว้แน่ๆ...ค้น...ค้นให้หมดทั้งห้องเลย...พวกเราต้องหาตัวผู้หญิงคนนั้นให้เจอ”คำสั่งของคินทำเอากายและจิมที่อยู่ฝั่งตินถึงกลับเปลี่ยนข้างอย่างกะทันหันด้วยความอยากรู้



ทุกคนต่างค้นหากันในทุกๆห้องทั้งห้องน้ำ ห้องเก็บของหรือแม้แต่ระเบียงแต่ก็ไม่เจอเงาของผู้หญิงสักคน...ยิ่งหาไม่เจอคินก็ยิ่งทำหน้าเครียดพลางยืนกอดยกอยู่กลางห้องรับแขก



“ทำไมไม่เจอใครเลย”ก็ตินเขาไม่ได้พาผู้หญิงมานี่นา



“...อาจจะไม่ได้มีผู้หญิงแต่แรกแล้วก็ได้นะครับ”จิมออกความเห็น



ใช่ๆ คุณพูดถูกแล้วกาย



ไม่มีผู้หญิงหรอก...



คนที่ทำซุปนั่นก็เป็นผู้ชายแถมเป็นเทพอีกด้วย



“เป็นไปไม่ได้...ก็เห็นอยู่ว่าเตาถูกเปิดไว้แถมพี่ยังไม่ออกจากห้องนอนอีก...อ๊ะ...หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะเข้าไปหลบในห้องนอน!!”คินตะโกนสิ่งที่คิดออกมาเสียงดังลั่น



“เงียบหน่อยครับ...คุณตินกำลังนอนพักอยู่นะครับ”กายรีบเอ่ยเตือน



“ตอนนี้เงียบไม่ได้แล้ว...ต้องเข้าไปในห้องนอนพี่เพื่อตรวจสอบ”



“ผมว่าอย่าเลย...”จิมพยายามห้าม



“ใช่ๆ...เข้าไปก็ไม่เจอใครหรอก”ผมพูดแทรกพร้อมพยักหน้าขึ้นลง



แกร็ก!



“ทำเสียงดังอะไรแพน”เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับตินที่เดินหาวออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าในห้องนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามา



เดินออกมาเฉยๆยังไม่เท่าไหร่แต่กลับเรียกชื่อผมออกมาซะเต็มปาก



“...”คนทั้งห้องต่างเงียบสนิทราวกับกำลังทำความเข้าใจกับประโยคที่ตินพูดอยู่



“ตินๆๆๆ”ผมตะโกนเรียกพร้อมลอยเข้าไปหาด้วยความร้อนรน



ต้องรีบบอกก่อนที่เรื่องจะเข้าสู่สถานการณ์ที่แย่มากไปกว่านี้



“อะไร...”



“หยุดพูดนะ!...ลืมตาเดี๋ยวนี้เลย!”ผมรีบเอามือปิดปากคนตรงหน้าพร้อมพูดเสียงดังอีกรอบ



“...”คำพูดผมทำให้ดวงตาสีฟ้าสดลืมขึ้นก่อนจะเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นคน7คนยืนนิ่งอยู่บริเวณห้องรับแขก



ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกอะไรเพราะดูท่าแล้วตินคงจะเข้าใจสถานการณ์ได้ทันทีอยู่แล้ว



แต่แค่เข้าใจคงจะจัดการกับสถานการณ์นี้ไม่ได้แน่



“เอ่อ...สวัสดีพี่”คินเป็นคนเริ่มเปิดฉากทักทาย



“อืม...ใครให้เข้ามา”ตินหันไปมองกายกับจิมสลับกันอย่างเคืองๆจนคนโดนจ้องหลบสายตากันเป็นแถว



“...ขอโทษครับคุณติน”กายเอ่ยเสียงเบา



“อย่าโทษพวกพี่เขาเลย...มาพูดเรื่องพี่กันดีกว่า”คินพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ตินด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์



“อะไร”ตินพยายามทำหน้านิ่งตอบกลับไป



“ไม่ต้องมาทำหน้านิ่งเลย...ซ่อนหญิงไว้จริงสินะ”



“อะไรนะ”ตินถึงกับยกคิ้วขึ้นด้วยความงงงวยกับคำถามของน้องชาย



“ไม่พูดกับพี่แล้ว...ขอค้นห้องหน่อย”คินพูดพร้อมดันตินให้หลีกทางไปก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจภายในห้องนอนท่ามกลางความไม่เข้าใจของติน



“ติน...น้องคุณเข้าห้องไปแล้วนะ”ผมเตือนสติคนที่ยืนนิ่งอยู่ด้วยการเขย่าร่างนั้นแรงๆ



“...คิน...ออกมาเดี๋ยวนี้”ตินที่เหมือนจะตื่นเต็มตารีบเดินเข้าไปเรียกน้องชายที่กำลังเปิดประตูเสื้อผ้าอยู่



“เรียกให้ออกแบบนี้มีพิรุธนะพี่”คินพูดพลางยกยิ้มขึ้น



“เฮ้อ...ก็ได้...หาจนกว่าจะพอใจเลย”สุดท้ายตินกถอนหายในออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินกลับออกไปนั่งที่โซฟาตัวยาวในห้องรับแขก



“เอ่อ...คุณติน...พวกเรา...”



“ไม่เป็นไร...ฉันเข้าใจ”ตินไม่ได้ว่าอะไรกายและจิมที่พาคินเข้ามาอย่างที่ผมคิด



“คุณใจดีจริงๆด้วย”ผมบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะพาร่างตัวเองลงมานั่งที่โซฟาข้างๆติน



“...”ดวงตาสีฟ้าที่ตื่นเต็มที่หันมามองเหมือนมีเรื่องอยากคุยแต่เพราะมีคนอื่นอยู่ในห้องเลยทำได้แค่มองมาเท่านั้น



“ผมอ่านความคิดคุณไม่ได้หรอกนะ”ผมตอบไปตามตรง



สายตาที่จ้องมานั่นเหมือนอยากให้ผมตอบอะไรสักอย่างกลับไปแต่เพราะผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถามอะไรเลยไม่สามารถตอบได้



“...กาย”ตินเลิกมองหน้าผมแล้วหันไปเรียกบอดี้การ์ดคนสนิทแทน



“ครับ”



“คินเจออะไรในห้องที่ทำให้คิดว่าฉันพาผู้หญิงเข้ามา”



จากคำพูดของตินทำให้ผมรู้ถึงสิ่งที่เขาถามทันที



“ผมตอบได้นะ”ผมรีบยกมือเพื่อจะได้ตอบแต่ก็ถูกสายตาคมๆหันมามองจากเชือดเฉือนราวกับจะบอกว่าฉันให้เวลานายมากพอแล้ว



“คือ...คุณคินเจอเตาแก๊สถูกเปิดไว้โดยที่มีหม้อน้ำซุปตั้งอยู่ครับ”เป็นอีกครั้งที่ตินเหลือสายตาคมๆมามองผมอย่างไม่พอใจ



“ผมไม่ผิดนะ...ก็น้องคุณเล่นเข้ามาอย่างกะทันหันนี่ ผมก็เลยลืมไปว่าเปิดแก๊สทิ้งไว้”ผมรีบแก้ตัว



“...เลยคิดว่าฉันซ่อนหญิงไว้สินะ”ตินสรุปเสียงเบา



“ไม่ได้แค่คิดนะพี่...ผมว่าพี่ต้องซ่อนผู้หญิงเอาไว้แน่นอน”คินเดินออกมาจากห้องพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ



“อะไรที่ทำให้มั่นใจ?”



“ก็พี่ทำอาหารเป็นที่ไหนกัน”



“...ก็แค่ทำอาหาร”



“อีกเรื่องคือพี่พูดชื่อของผู้หญิงคนนั้นออกมา”คินพูดเสียงดังพร้อมกับยกมือชี้หน้าพี่ชายตัวเอง



ทั้งผมและตินต่างขมวดคิ้วอย่างพร้อมเพียงกัน...



ที่ว่าพูดชื่อผู้หญิงนี่คือตอนไหน



“พูดตอนไหน”



“ก็ตอนออกมาไง...ผมไม่ลืมหรอกนะ...พี่เรียกเธอว่าแพน”รอยยิ้มของคินดูมั่นใจในความจำของตัวเองมาก



“คิก...ฮะฮะฮะ”ผมถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นไม่อายตินที่เหล่ตามามองสักนิด



ไม่ไหวแล้วๆ



นี่คินคิดว่าแพนที่เรียกคือชื่อของผู้หญิงงั้นเหรอ



ความจริงก็เป็นได้เหมือนกัน...แพน...แพนด้า...หรือจะเป็นแพนเค้ก แพนนีก็ใช้ได้



ก็เหมือนชื่อผู้หญิงอยู่



“ไม่ใช่ผู้หญิง”ตินตอบด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีดำไปด้านหลังลวกๆ



“อะไรนะ...พี่จะบอกว่ากิ๊กพี่เป็นผู้ชาย?”



“อุ๊บ...ฮะฮะฮะ...”เป็นอีกครั้งที่ผมหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งจนร่างกายเกร็งไปหมด



ให้ตายเถอะ



ไม่ไหวแล้ว



“...เอาที่แกสบายใจเลยละกัน”คำพูดของตินแลดูเหมือนคนกำลังหมดความอดทน



“สรุปคือพี่ชอบผู้ชายจริงๆสินะ”คินถามย้ำอีกรอบ



“...”ความเงียบที่เป็นคำตอบทำเอาทั้งห้องถึงกับเบิกตากว้าง การไม่ปฏิเสธก็แปลว่าเป็นความจริงซึ่งก็ใช่ในส่วนมากแต่ในกรณีนี้ผมรู้ว่าตินคงเบื่อที่จะตอบคำถามเลยใช้ความนิ่งเป็นคำตอบแทน



“โอ้...พี่เราสุดยอด...แล้วกิ๊กพี่คนนั้นไปไหนแล้วล่ะ”นี่ก็จะซักจนขาวเลยรึไง



“นั่งอยู่หน้าแก”ตินตอบกลับพร้อมกอดอกนิ่ง ที่บอกอยู่ด้านหน้าคงหมายถึงผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของคินพอดี



“ห๊ะ?”ผมไม่รู้ว่าตินเจตนาที่จะให้น้องชายตัวเองงงหรืออยากจะบอกความจริงไปกันแน่



“จบเรื่องนี้นะ...มีธุระอะไรว่ามา”ตินปิดเรื่องพร้อมเปิดหัวข้อใหม่อย่างรวดเร็ว



“เดี๋ยวสิพี่...ก็ได้ๆ...ผมเข้าธุระที่มาเลยก็ได้”สายตาของตินที่ส่งไปให้น้องชายตัวเองดูจะน่ากลัวมากจนคินต้องยอม



“ออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ...ฉันจะคุยกับพี่แค่สองคน”คินหันไปบอกลูกน้องด้านหลัง



“ครับ”



“...กาย...จิม...ดูแลแขกด้วย”ตินหันไปสั่งคนสนิทบ้าง



“ครับ”



หลังจากที่เหล่าบอดี้การ์ดออกจากห้องไปหมดแล้ว บรรยากาศตึงๆของเข้ามาแทนทีทั้งที่คินเป็นคนที่มีบรรยากาศร่าเริงแผ่ออกมาแต่ตอนนี้กลับมีสีหน้าที่จริงจังมาก...



แปลว่าเรื่องที่จะคุยเป็นเรื่องสำคัญมากสินะ



แล้วแบบนี้ผมควรจะออกไปข้างนอกด้วยรึเปล่าล่ะ



ใจนึงก็ไม่อยากแอบฟังเรื่องส่วนตัวแต่อีกใจนึงก็อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้น้องชายที่แสนร่าเริงทำหน้าจริงจังขนาดนี้ได้



“...จะเงียบอีกนานไหม”ตินเป็นคนแรกที่เปิดฉากสนทนาเมื่อทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบมาสักพัก



“เอ่อ...ผมขอถามพี่แบบลูกผู้ชายนะ”คินขยับตัวให้นั่งสบายขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังอย่างตินถึงกับขมวดคิ้ว



“อะไร”



“...ที่พี่บอกว่าชอบผู้ชายจริงรึเปล่า”



“ฉันบอกตอนไหนว่าชอบผู้ชาย”ตินถามกลับเสียงเครียด



“เอ้า...ก็ที่พี่เงียบไม่ได้แปลว่าจริงรึไงแถมยังพาผู้ชายเข้าห้องตัวเองอีก”



“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับธุระที่แกมาหาฉัน?”



“...ก็...เกี่ยวอยู่นะ”



“รีบเข้าเรื่องก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”



“โหย...อย่าใจร้ายสิพี่ชาย”



“ฉันไม่มีเวลามากหรอกนะต้องไปจัดการกับคนที่ทำเรื่องยุ่งยากนี่ด้วย”คำพูดพร้อมสายตาที่เหล่มามองทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง



“ติน...”นี่เขาจะจัดการอะไรผมเนี่ย



“คนที่ว่าคือกิ๊กพี่ที่ชื่อแพนสินะ”คินพูดด้วยแววตาที่ทอประกายด้วยความดีใจ



“...สรุปจะให้เป็นกิ๊กให้ได้ใช่ไหม”ตินพูดเสียงเครียด



“แล้วไม่ใช่?”



“ตามใจแกเลยคิน”พูดจบตินก็ยกมือขึ้นหนึ่งขึ้นก่ายหน้าผากอย่างเครียดๆ



“คิก...”ผมขำออกมาเล็กน้อยที่ถูกโยงให้กลายเป็นกิ๊กของตินทั้งที่ไม่ใช่ความจริง



“แปลว่าผมคิดถูกสินะ...งั้นถ้าพี่ชอบผู้ชายคงจะไม่แต่งงานกับอาริศาใช่ไหม”ประโยคสุดท้ายดูจะเสียงเบาลงจนผมต้องเอียงหูฟังดีๆถึงจะได้ยิน



“เกี่ยวอะไรกับอาริศา”ตินถามกลับพลางขมวดคิ้วแน่น



เท่าที่จำได้คนที่ชื่ออาริศานี่...



“ผู้หญิงเสียงแหลมคนนั้นเหรอ”ผมพึมพำพร้อมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจที่อยู่ๆการสนทนาก็มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย



“...ก็...คือ...แบบว่า...”



“...รีบบอกมา”ตินเร่งเมื่อเห็นน้องตัวเองติดอ่างมาหลายนาทีแล้ว



“คือ...ผมคิดว่า...”



“คิดว่า?”ตินเร่งอีก



“พี่ก็อย่าเร่งสิ...ผมยิ่งเขินๆอยู่”คินพูดด้วยใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย



“ห๊ะ?”ดูตินจะงงพอสมควรที่เห็นน้องชายตัวเองหน้าแดง



“ผมคิดว่า...ผมชอบเธอแหละ”



“...”ทั้งผมและตินถึงกับนิ่งกับคำตอบที่ได้ยิน ใบหน้าแดงๆนั่นดูยังไงก็ไม่ได้โกหกแน่



แต่ว่า...



เอาจริงอ่ะ



ผู้หญิงเสียงสูงที่มาเยี่ยมตินเกือบทุกวันน่ะนะ



แล้วไหนว่าเป็นคู่หมั้นของตินไง



คำว่าคู่หมั้นไม่ได้แปลว่าถูกกำหนดให้ต้องแต่งงานกันเหรอ



เอ๊ะ...ผมว่าตัวเองเริ่มงงแล้ว



“...ก็อย่างที่บอกไป...ผมว่าผมชอบเธอ แต่ก็อย่างที่รู้ว่าทางผู้ใหญ่เลือกให้พี่กับเธอหมั้นกัน...ตอนแรกผมก็คิดจะตัดใจแต่ว่าผมชอบเธอ...ไม่สิ...ผมรักเธอจริงๆเพราะงั้นถ้าพี่ไม่ได้ชอบเธอผมอยากให้พี่ถอนหมั้นได้รึเปล่า”คินตะโกนเสียงดังด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ



“...เอาไงดีติน...ดูท่าคินจะชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆนะ”ผมบอกกับตินพร้อมขยับเข้าไปใกล้



“ฉันไม่คิดจะแต่งกับเธอแต่แรกแล้ว”นิ่งไปสักพักตินก็เริ่มพูดบ้าง



“จริงเหรอพี่”ใบหน้าเครียดๆเริ่มคลายตัวลงทีละน้อย



“อืม...ถ้าแกชอบเธอก็ลองไปพูดกับพ่อดูสิ”ตินออกความเห็น



“...ผมก็คิดอยู่แต่เรื่องสำคัญคือเธอชอบพี่อยู่น่ะสิ...รู้สึกจะชอบมากด้วย”



“ไม่ใช่แค่ชอบนะต้องบอกคลั่งไคล้ตินเลยล่ะ”ผมพูดสมทบพร้อมพยักหน้ายืนยันจนคิ้วของตินกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยิน



“เดี๋ยวเรื่องนี้พ่อก็จัดการเองแหละ”ตินตอบอย่างไม่ใส่ใจ



“แบบนั้นไม่ได้นะ...ถ้าให้พ่อจัดการอีฟอาจคิดว่าพี่หลีกทางให้ผมก็ได้”คินรีบค้าน



“คิดอะไรเป็นละคร”



“ก็เผื่อไว้ไงพี่...ผู้หญิงน่ะอ่อนไหวง่ายนะเพราะงั้นก็ควรปฏิเสธอย่างอ่อนโยน”



“ตินจะปฏิเสธอย่างอ่อนโยน? อุ๊บ...คิก...”แค่คิดผมก็เกือบสำลักน้ำลายตัวเองแล้ว



“งั้นฉันจะไปบอกเธอเอง...แบบนี้คงไม่มีปัญหานะ”ตินพูดต่อโดยที่ดวงตาสีฟ้าเหล่มองมาทางผมอย่างเคืองๆจนต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้



“แบบนั้นก็ดี...ถ้างั้นผมไปคุยกับพ่อเรื่องนี้เลยละกัน”คินถามความเห็น



“เอาสิ...เดี๋ยวฉันจะนัดเธออาทิตย์หน้าละกัน”



“ขอบคุณนะพี่ชาย”ทันทีที่พูดจบคินก็กระโจนเข้าไปกอดพี่ชายเต็มแรงจนผมต้องรีบขยับหนีอย่างด่วนเพื่อไม้ให้โดนลุกหลงไปด้วย



“ปล่อย”ตินพูดเสียงแข็ง



“ไม่ปล่อยๆ...พี่นี่ใจดีจริงๆขอบคุณนะครับพี่...”



ฟอดดด



“...”ดวงตาสีฟ้าสดเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อถูกน้องชายแท้ๆหอมแก้มตัวเองเสียงดัง



อย่าว่าแต่ตินที่ตกใจเลย...ผมที่มองเหตุการณ์อยู่ยังอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ไปทั้งตัวพร้อมกับอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง



“รักพี่จังเลย”



“ฉันจะเกลียดแกก็ตอนนี้แหละ!!”ตินตะโกนเสียงดังลั่น



“โหย...เมื่อก่อนเราออกจะกอดกันออกบ่อย ทำไมเดี๋ยวนี้พี่หวงตัวจัง”คินบ่นเสียงอ่อน



“คิน!”



“ครับๆ...ไม่พูดแล้ว”สายตาของตินดูจะได้ผลเพราะคินหยุดแหย่ในทันที



“เสร็จธุระก็ไปได้แล้ว”ตินโบกมือไล่อย่างเอือมๆ



“ไล่กันอีกแล้ว...ผมอยากอยู่รอเห็นหน้ากิ๊กพี่ก่อนค่อยกลับ...”



“กลับไปเดี๋ยวนี้เลย”



“โอ๊ะ...มีหวงๆ...แปลว่าตัวจริงสินะ”คินบอกพร้อมยกยิ้มขึ้น



“เฮ้อ...แกจะคิดยังไงก็คิดไปเถอะ”ดูท่าตินจะอ่อนแรงมากทั้งที่พึ่งตื่นไม่นาน อาจเพราะต้องเจอเรื่องปวดหัวตั้งแต่ตื่นเลยใช้พลังงานไปเยอะ



“ตามที่พี่ต้องการเลย...ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวผมจะลองพูดกับพ่อเรื่องพี่ให้”



“กลับไปเลย”



“ครับๆพี่ชาย...ขอบคุณมากนะครับ”คินบอกลาเสร็จก็รีบออกจากห้องไปพร้อมรอยยิ้มปล่อยให้เจ้าของห้องกุบขมับอย่างเครียดๆ



“...ติน”ผมลอยลงไปนั่งข้างๆพร้อมกับยกมือขึ้นลูบแขนอีกฝ่ายเบาๆเป็นการปลอบ



“ให้ตายสิ...โดนน้องชายตัวเองหอมแก้มนี่ขนลุกทั้งตัวเลย”ตินบ่นพลางเงยหน้าขึ้นมองเพดาน



“คุณมีเชื้อต่างชาตินี่...เรื่องนี้น่าจะชินนะ”



“ถึงจะมีแต่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบอยู่ดี”พูดจบก็ยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่โดนหอมแรงๆ



“อย่างถูแรงสิเดี๋ยวเป็นรอยพอดี”ผมบอกพร้อมกับจับมือข้างที่ขยับไว้แน่น



“...”ใบหน้าตึงของตินทำให้ผมคิดอะไรบางอย่างได้



“นี่ติน”ผมเรียกพร้อมขยับหน้าเข้าไปใกล้



“หื้ม?...”



จุ๊บ!



ริมฝีปากผมสัมผัสที่แก้มขาวของตินข้างเดียวกับที่คินหอมเป็นการลบสัมผัสที่ตินไม่ชอบออกไป...แบบนี้คงทำให้ตินรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วใช่ไหม



ในเมื่อไม่ชอบถูกน้องตัวเองหอมแปลว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวก็ไม่มีปัญหาสินะ



นี่ผมเข้าใจถูกรึเปล่านะ



“เป็นไงบ้าง”เมื่อเห็นว่าตินนิ่งผมก็เลยถามออกไป



หรือว่าผมไม่ควรทำ



“...อะไร”



“ก็...ที่ผมทำไง...รู้สึกดีขึ้นไหม”ผมถามกลับไป



“...ไม่”



“ทำไมล่ะ”ผมรีบถามต่อด้วยความไม่เข้าใจ



คำว่าไม่นั่นคืออะไรกัน



“...ไปทำซุปต่อไป”ตินพูดก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา



“ห๊ะ?...เดี๋ยวสิติน”ผมเรียกคนที่กำลังเดินกลับเข้าไปในห้องเสียงดังเพราะยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่อีกฝ่ายบอกสักนิด



“แพน”ก่อนจะปิดประตูตินก็หันกลับมาเรียกอีกรอบ



“อะไรเหรอ”ผมรีบขานรับด้วยรอยยิ้ม



หันมาแบบนี้แปลว่าจะบอกสินะ



“ถ้าไม่อยากโดนทำคืนก็อย่าทำอีก”เสียงทุ้มเข้มนั่นพูดพร้อมกับปิดประตูห้องทันที



คนที่ได้ฟังอย่างผมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจกับคำพูดนั่น



ไม่อยากโดนคือ



แล้วทำคือทำอะไร



“ตินเดี๋ยวสิ...บอกก่อนว่าหมายถึงอะไร!”ผมตะโกนไล่หลังไปทั้งที่รู้ว่าคนที่อยู่อีกฝั่งคงไม่ได้ยินเสียงของผมแล้วก็ตามที



(มีต่อค่า)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด