พิมพ์หน้านี้ - ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: nicedog ที่ 01-05-2017 20:29:29

หัวข้อ: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 01-05-2017 20:29:29
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับ

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น 

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้   

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว  ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************


สวัสดีค่า

วันนี้มาเปิดนิยายเรื่องใหม่

หลายๆคนอาจเคยเห็นผลงงานของเรามาบ้างแล้ว

อยากขอบคุณทุกๆคนที่คอยติดตามมาเสมอ

สำหรับนักอ่านหน้าใหม่ก็ขอฝากตัวและผลงานด้วยนะคะ

เรื่องใหม่นี้เป็นแนวแฟนตาซีที่ไม่ได้แต่งมาสักพักใหญ่ค่ะ

เป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์และเทพในความคิดเรา

ซึ่งเราอยากสื่อว่าแม้จะมองไม่เห็นแต่ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นจะไม่มีอยู่

ขอฝากผลงานเรื่องใหม่ไว้ด้วยนะคะ ^^


*ผลงานที่ผ่านมา*

   ✉ CorrespondencE สื่อรักทางจดหมาย!✉ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45471.0)

    ◣♥◥ Precinct ►◄ อาณาเขตรักของหัวใจ ◣♥◥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47133.0)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ✥ Jurassic Heart ✥ดวงใจ กลายพันธุ์รัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47401.0)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ✣Jurassic Confidant✣ คู่หู กลายพันธุ์รัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51956.msg3307933#msg3307933)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ❣Secret heart❣ หัวใจ แอบรัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50864.msg3262162#msg3262162)

    Find Love  ▪พบรัก▪
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3462361#msg3462361)

.。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.0)

สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายได้ในเพจนะคะ>>nicedog (https://www.facebook.com/novelistnicedog/)<<

ขอบคุณทุกที่ติดตามค่ะ

*นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล สถาบันหรือสถานที่ใดทั้งสิ้น*


สารบัญ

*เริ่มสัมผัส (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3626975#msg3626975)**สัมผัส{❤}ครั้งที่1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3631128#msg3631128)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3634906#msg3634906)**สัมผัส{❤}ครั้งที่3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3639081#msg3639081)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3643018#msg3643018)**สัมผัส{❤}ครั้งที่5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3646994#msg3646994)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3651531#msg3651531)**สัมผัส{❤}ครั้งที่7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3655677#msg3655677)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3659966#msg3659966)**สัมผัส{❤}ครั้งที่9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3664559#msg3664559)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3668922#msg3668922)**สัมผัส{❤}ครั้งที่11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3673221#msg3673221)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3676996#msg3676996)**สัมผัส{❤}ครั้งที่13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3680910#msg3680910)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3684659#msg3684659)**สัมผัส{❤}ครั้งที่15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3688041#msg3688041)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3691973#msg3691973)**สัมผัส{❤}ครั้งที่17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3698369#msg3698369)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3705260#msg3705260)**สัมผัส{❤}ครั้งที่19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3712508#msg3712508)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3720011#msg3720011)**สัมผัส{❤}ครั้งที่21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3726935#msg3726935)*
*สัมผัส{❤}ครั้งที่22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3734870#msg3734870)*
*สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3743090#msg3743090)*
*สัมผัส{❤}ส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59707.msg3770680#msg3770680)*



(http://dl2.glitter-graphics.net/pub/1071/1071042bnxi4i6bql.gif)(http://dl2.glitter-graphics.net/pub/1071/1071042bnxi4i6bql.gif)(http://dl2.glitter-graphics.net/pub/1071/1071042bnxi4i6bql.gif)

มีข่าวดีสำหรับทุกคนที่สนใจเรื่อง♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ

ตอนนี้กำลังเปิดพรีออเดอร์อยู่ค่ะ

สามารถกดเข้าไปสั่งจองกันได้นะคะ

(https://fw.lnwfile.com/rd8vm9.jpg)

เรื่อง : ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ

คนแต่ง : nicedog

สำนักพิมพ์ที่ออก : Onederwhy

ราคา : 380 บาท

จำนวนหน้า : 350+

ตอนพิเศษในเล่ม : ภายในเล่มจะมีตอนพิเศษ 7 ตอนยาวๆ อาทิเช่น การไปสวีทหวานๆกันที่ประเทศญี่ปุ่น, เมื่อแพนที่กลายมาเป็นมนุษย์เกิดป่วยขึ้นมาครั้งแรกจะเป็นยังไง?รวมไปถึงการเซอร์ไพสน์วันเกิดแพนและตอนพิเศษอื่นๆอีกหลายตอน

พิเศษสำหรับรอบพรีออเดอร์ : จะได้รับMini Novel พิเศษที่รอบปกติไม่มีด้วยนะคะ และหากสั่งซื้อพร้อมกับเรื่องอื่นๆที่ออกจะได้รับโปรสการ์ดเพิ่มด้วยค่ะ

สั่งจองกันได้ที่ : http://onederwhy-preorder.lnwshop.com

ระยะเวลาในการพรี : วันนี้ถึง 29 มกราคม 2561

ฝากทุกคนอุดหนุนผลงานของเราด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาถึงตอนนี้ด้วยค่า

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧เริ่มสัมผัส♣} 1/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 01-05-2017 20:38:35
♧เริ่มสัมผัส♣



ในโลกใบนี้มีหลายสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ด้วยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์...หลายๆสิ่งเป็นเพียงความเชื่อของมนุษย์ที่ต้องการสิ่งพึ่งพาทางใจ...


เทพเจ้าเองก็เป็นหนึ่งในความเชื่อที่มนุษย์ต่างยึดถือมาตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันแม้มีวิทยาการอันก้าวหน้าความเชื่อเหล่านี้ก็ยังไม่หายไปจากโลก...


เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมความเชื่อเหล่านี้ถึงยังไม่หายไป


การขอพรที่เกิดขึ้นซ้ำในทุกวัน ทุกเดือน และทุกปีจนเหมือนเป็นสิ่งที่มนุษย์ถ่ายถอดสู่ลูกหลายมานานนับพันปี...ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่มีเพียงมนุษย์ส่วนหนึ่งที่ได้สมปรารถนานั้นซึ่งมันอาจได้มาด้วยความพยายามของตัวเองก็ได้...


เมื่อมีส่วนน้อยที่สมปรารถนางั้นทำไมมนุษย์ถึงยังเฝ้าขอพรกันอยู่อีกล่ะ


ทำไมถึงยังยึดติดอยู่กับการพึ่งพาสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้...


เคยคิดไหมว่าทำไมในหมู่มนุษย์ที่มาขอพรจึงมีเพียงหยิบมือที่ความปรารถนาเป็นจริง...


ถ้าความปรารถนาของคนเหล่านั้นไม่เป็นจริงเทพเจ้าที่ต่างถูกเคารพคงจะสูญหายไปตามเวลาไม่มีทางอยู่มาถึงยังยุคปัจจุบันนี่
คำถามง่ายๆที่คงมีมนุษย์มากมายคิดแต่เพราะไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริงคำถามนี้จึงได้เป็นเพียงคำถามที่ไม่มีคำตอบเท่านั้น...
ใช่มนุษย์ไม่สามารถตอบได้


แต่สำหรับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างพวกเราสามารถตอบได้โดยไม่ต้องคิดเลยล่ะ...


คำตอบง่ายๆเพราะมันไม่ได้เป็นเพียงความเชื่อยังไงล่ะ


คำขอพร คำวิงวอนรวมถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของมนุษย์นั้นถูกส่งมาหาเทพแต่ละองค์ที่สถิตอยู่ตามแต่ละสถานที่ เพียงแต่เราไม่สามารถทำความปรารถนาของทุกคนเป็นจริงได้จึงจำเป็นต้องมีการเลือกมนุษย์ที่จะทำความปรารถนานั้นให้เป็นจริง ซึ่งการเลือกนั้นก็อยู่ที่เทพแต่ละองค์ว่าจะให้ใครสมหวัง


เทพบางองค์สถิตอยู่ตามสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แต่ก็มีอีกหลายองค์ที่เปลี่ยนสถานที่อยู่ไปเรื่อยๆไม่มีหลักแหล่งเป็นของตัวเองอย่างผม...


เสียงของใบไม้พลิ้วไหวไปตามสายลมที่พัดมา เหล่าดอกไม้ ต้นหญ้าและพืชต้นเตี้ยๆเองก็เอนไปมาสร้างความสำราญแก่ผู้ที่พบเห็น สำหรับมนุษย์อาจเห็นภาพแบบนั้นแต่ในสายตาของเทพแห่งต้นไม้หรือเทพแห่งพฤกษาอย่างผมเห็นเหล่าใบไม้ ดอกไม้ ต้นหญ้ารวมทั้งพื้นต้นเล็กๆเหล่านั้นส่งเสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานแม้พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้วก็ตาม


การเดินทางมายังประเทศแห่งนี้ดูจะน่าผิดหวังอยู่พอสมควร ทั้งที่คิดว่าที่นี่จะเต็มไปด้วยต้นไม้มากกว่านี้ซะอีก...


ผมสวมชุดยูกาตะของประเทศญี่ปุ่นสีขาวปนเทาเดินไปตามถนนที่มีต้นไม้ปลูกอยู่ตลอดทางที่ผ่าน มนุษย์หลายคนเดินผ่านไปมาโดยไม่มีการเหลียวมองชุดอันแปลกตานี้...


ก็แน่ล่ะ


มนุษย์มองไม่เห็นผมนี่นา


จะบอกว่าไม่เห็นก็ไม่ใช่ซะทีเดียวต้องบอกว่ามนุษย์ทุกคนสามารถมองเห็นเทพอย่างพวกเราได้เพียงแต่ต้องมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะเห็นไม่ใช่แค่ความเชื่อหรือความอยาก


ในอดีตมีมนุษย์หลายคนที่สามารถมองเห็นเทพอย่างพวกเราได้ สมัยนั้นรู้สึกจะเรียกว่ามิโกะ...ไม่ต้องแปลกใจที่คำแต่ละคำจะเป็นของประเทศญี่ปุ่นซะส่วนมาก ก่อนจะเดินมายังประเทศนี้ผมได้อาศัยอยู่ประเทศญี่ปุ่นมาประมาณ100ปีได้...


เป็นช่วงเวลาที่ยาวสำหรับมนุษย์แต่สั้นมากสำหรับเทพอย่างพวกเรา


ปริ๊น! ปริ๊นน!


เสียงบีบแตรของรถหลายคันดังขึ้นพร้อมๆกันก่อนที่รถยนต์ทั้งสามคันจะแล่นด้วยความเร็วสูงผ่านหน้าผมไปในพริบตา จากที่มองรถคันแรกดูเหมือนจะถูกอีกสองคันตามอยู่แปลว่าคงมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นสินะ


โคร่ม!!


ยังไม่ทันได้คิดอะไรรถทั้งสามที่ขับผ่านไปก็ชนกันจนเละอยู่ถัดออกไปไกลพอสมควร ด้วยความอยากรู้ทำให้ผมในชุดยูกาตะตัดสินใจวิ่งไปดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะพบภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตัวโชกเลือดเดินโซเซออกมาจากรถโดยที่มีคนอีกกลุ่มวิ่งตามมาพร้อมกับอาวุธปืนครบมือ


อย่าบอกนะว่าจะยิงคนที่บาดเจ็บขนาดนั้นน่ะ?


ปัง!


กระสุนหนึ่งนัดถูกยิงเข้าที่หน้าอกของชายด้านหน้าจนร่างนั้นทรุดฮวบลงกับพื้นพร้อมกองเลือดสีแดงฉานที่ไหลออกมาจากแผลบริเวณหน้าอก


“แบบนี้ไม่รอดแน่...รีบไปก่อนที่จะมีใครเถอะ...ต้องไปรายงานให้นายรู้ด้วย”มนุษย์ที่ลั่นไกปืนหันไปบอกเหล่าสหายเกือบสิบคน


“ยิงอีกนัดดีไหมลูกพี่”อีกเสียงพูดต่อ


“ไม่จำเป็นหรอก...ฉันยิงโดนหัวใจแน่ๆถ้ายังรอดก็แปลว่ามันดวงแข็ง...ไม่สิ...ดวงซวยที่ต้องตื่นมาพบกับความตายอีกรอบ”พูดจบกลุ่มคนเหล่านั้นก็กลับขึ้นรถพร้อมขับออกไปอย่างรวดเร็ว


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมมองไปยังรอบกายที่ไร้ซึ่งผู้คนอาจเป็นเพราะช่วงเวลาดึกดื่นแบบนี้ทำให้มนุษย์กลับไปอยู่บ้านกันหมดแล้ว


“...อึก...แฮ่ก...”ชายที่จมกองเลือดขยับร่างเล็กน้อย มือของคนตรงหน้าพยายามจะยันตัวเองขึ้นทั้งๆที่บาดแผลสาหัส


นี่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เทพอย่างพวกเราได้เจอมานักต่อนัก...


ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์เหมือนกันแต่กลับทำสงคราม เข่นฆ่ามนุษย์ด้วยกันโดยไม่เกรงกลัวต่อบาปที่จะตามมาเมื่อวิญญาณกลับไปสู่เบื้องบน


“...โธ่เว้ย!...อึก!...”


ผมก้าวเดินเข้าไปใกล้มนุษย์ตรงหน้าก่อนจะนั่งลงด้านข้าง...ยูกาตะสีขาวปนเทาถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดของมนุษย์ตรงหน้าอย่างเชื่องช้า


‘จงหลับอย่างสงบเถอะนะ’รู้ว่าเสียงของเทพไม่อาจไปถึงมนุษย์ที่ไม่มีความศรัทธาอย่างแรงกล้าได้แต่ก็อดที่จะช่วยไม่ได้


การตายแบบนี้คงทรมานมากแน่


“...อึก...ไม่ยอม...จะไม่ยอมตายแน่...”เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสดที่ทอประกายไม่ยอมแพ้ในการมีชีวิตรอด


นั่นทำให้ผมที่มองอยู่นิ่งไปเพราะมนุษย์ส่วนมากที่จะตายมักวิวอนต่อทุกๆอย่างเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดโดยไม่พยายามอะไรเลยแต่ชายคนนี้กลับพูดว่าจะไม่ยอมตายเหมือนจะบอกกับตัวเองว่ายังก็จะมีชีวิตรอดไปให้ได้ต่อให้ต้องเจอกับอะไรก็ตาม


‘น่าสนใจ’ผมพึมพำพร้อมรอยยิ้มก่อนจะวางฝ่ามือลงบนบาดแผลสาหัสที่เต็มไปด้วยเลือดแล้วหลับตาลงช้าๆ


การขัดขืนต่อความตายที่กำหนดไว้เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจทำได้ต่อให้พยายามสักแค่ไหนแต่ถ้าเป็นเทพอย่างพวกเราก็ไม่ยากอะไรเลยที่จะช่วยต่อชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง...


เพียงแต่การจะทำแบบนั้นก็ต้องแลกกับบางสิ่งบางอย่าง


เรื่องนั้นผมรู้...


แต่ก็ยอมเพื่อจะช่วยชายตรงหน้านี้ให้รอดพ้นจากความตาย

.....................................................................................

เปิดฉากสำหรับเรื่องใหม่แนวแฟนตาซีที่อยากลองแต่งดูสักครั้ง

เราอยากลองแต่โดยสื่อความรู้สึกของมนุษย์และเทพ สองสิ่งมีชีวิตที่โอกาสจะได้รู้จักและสานสมพันธ์กันแทบจะเป็น0

ซึ่งจะสื่อให้คนอ่านสัมผัสถึงคำว่า "การที่เรามองไม่เห็นใช่ว่าสิ่งนั้นจะไม่มีอยู่" และ "หากไม่สามารถมองเห็นด้วยตาก็จงสัมผัสด้วยหัวใจ"

ขอฝากผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะคะ

จะมาอัพต่อหลังจากเรื่องเก่าจบค่า  ^^

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧เริ่มสัมผัส♣} 1/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 01-05-2017 21:03:42
รอค่ะ
เรื่องนู้นก็ด้วย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧เริ่มสัมผัส♣} 1/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 01-05-2017 22:16:48
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧เริ่มสัมผัส♣} 1/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 02-05-2017 15:16:57
แค่เปิดมาก็สนุกมากละรอนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧เริ่มสัมผัส♣} 1/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-05-2017 16:26:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧เริ่มสัมผัส♣} 1/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 02-05-2017 16:47:07
น่าสนใจๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧เริ่มสัมผัส♣} 1/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 02-05-2017 22:37:08
รอคร้าบบ :hao7:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧เริ่มสัมผัส♣} 1/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 02-05-2017 23:32:11
ติดตามๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧เริ่มสัมผัส♣} 1/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 03-05-2017 12:46:55
แค่เห็นชื่อคนแต่ง ก็กรีดร้องละ  ชอบในภาษาที่ไช้มากกกก
ติดตามตั้งแต่เรื่อง จดหมายรัก อาณาเขตหัวใจ แล้วก็พบรัก

ชอบเพราะคนเขียนมีรสนิยมคล้ายๆเราคือ ชอบเคะแก่กว่า ไม่หวานดูแมนๆ  ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧เริ่มสัมผัส♣} 1/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Twinrainbow ที่ 05-05-2017 00:10:36
โอ้ เปิดมาตอนแรกทำเราค้างเติ่ง
น่าสนุกดีนะคะ ภาษาสวย ที่สำคัญพลอตเป็นแบบที่ชอบด้วย ไม่รู้ทำไมมันหายากเหลือเกิน(หรือตูหาไม่เก่งกันแนฟะ?)
จะรอดูค่า :bye2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่1♣} 8/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 08-05-2017 13:11:07
สัมผัส{❤}ครั้งที่1



ร่างอันรวยรินที่โชกไปด้วยเลือดถูกเข็นเข้าไปยังห้องผ่าตัดทันทีเมื่อมาถึงโรงพยาบาล เหล่าทีมแพทย์กว่า6คนได้ทำการผ่าตัดบาดแผลบริเวณหน้าอกก่อนเป็นอันดับแรก...กระสุนสีเงินอยู่ใกล้หัวใจมากจนทีมแพทย์หลายคนพูดว่ามันเป็นปาฏิหาริย์ที่รอดมาได้แต่ในความจริงกระสุนสีเงินนั่นทะลุหัวใจแล้วอย่างแน่นอน...


การที่ยังหายใจอยู่ได้นี่เป็นเพราะได้เทพแห่งพฤกษาอย่างผมช่วยยื้อชีวิตมาให้จนถึงโรงพยาบาลนี่หรอก


ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือมนุษย์ที่กำลังจะหมดอายุไขแบบนี้...


ยอมกระทั่งแบกรับความเจ็บปวดยามมีดสีเงินกรีดลงบนหน้าอก


ขืนปล่อยให้เจ้าของร่างรับความเจ็บปวดนี้คงได้สิ้นชีพในทันทีแน่


แต่ถ้าจะทำให้หายสนิทพวกที่ตามฆ่าคงได้ตามมาอีกในไม่ช้า...ทางเดียวที่จะช่วยทั้งชีวิตของชายตรงหน้าและยื้อเวลาไม่ให้พวกนั้นตามมาเจอก็มีแค่ทางนี้


‘...อึก...หมอคนนี้ก็มือหนักจริง’ผมที่รับความเจ็บปวดไว้แทนถึงกับนิ่วหน้าเมื่อแรงเย็บแผลของทีมแพทย์ตรงหน้าดูจะหนักจนทำให้ต้องเม้มปากแน่นข่มความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น


ผมพาร่างที่ไม่มีใครสามารถเห็นได้ค่อยๆลอยลงมานั่งบนหน้าท้องของคนพึ่งผ่าตัดเสร็จอย่างอ่อนแรงปล่อยให้พยาบาลเข็นเตียงไปตามทางเดินทั้งๆแบบนั้น


เทพอย่างพวกเรามีน้ำหนักเหมือนมนุษย์เพียงแต่เราสามารถควบคุมมันได้ มีหลายคนที่เคยได้ยินเรื่องเทพเจ้าชอบเดินทางโดยการเหาะซึ่งนั่นก็เป็นความจริง...


จะให้เดินเท้าก็คงใช้เวลาสักเดือนกว่าจะถึงจุดหมาย


หรือจะให้ขับรถไปเองคงจะเกิดปัญหาแน่ถ้ามีมนุษย์เห็นรถเคลื่อนที่ได้โดยไม่มีคนขับ


จะให้ปลอมเป็นมนุษย์เข้าไปโหนรถเมย์นี่ก็แลดูไม่ดีต่อภาพพจน์


ดังนั้นการเดินทางที่เหมาะสมที่สุดคือการลอยไปนี่แหละ


ร่างของชายหนุ่มบนเตียงถูกเข็นมาไว้ยังห้องพักพิเศษที่มีอุปกรณ์ความสะดวกสบายครบครันไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ห้องครัวเล็กๆ มีแม้แต่โน้ตบุ๊กวางไว้ให้บนโต๊ะหน้าโซฟาชุดสุดหรู


การที่ดูแลขนาดนี้แปลว่าชายคนนี้คงจะมีเงินพอดูสินะ


ถือเป็นโชคของคนบนเตียงที่มีมนุษย์ขับรถผ่านมาทำให้ส่งโรงพยาบาลได้ทัน...ถ้าช้ากว่านี้หน่อยต่อให้ผมช่วยก็คงไม่รอดง่ายๆแบบนี้หรอก...


‘คุณนี่ดวงดีจังนะ’พูดจบก็ส่งยิ้มไปยังชายตรงหน้า ทั้งที่ดวงตาสองข้างยังคงหลับสนิทอยู่แต่คิ้วกลับขมวดแน่นเหมือนกำลังฝันอะไรแย่ๆ


‘อย่าขมวดคิ้วสิคุณ’เส้นผมสีดำสนิทของคนบนเตียงถูกลูบเบาๆเป็นการกล่อมให้นอนหลับฝันดี


เมื่อคิ้วทั้งสองข้างคลายลงผมที่นั่งอยู่บริเวณหน้าท้องก็เปลี่ยนไปนั่งอยู่ปลายเตียงแทน...หน้าต่างบานใหญ่ถูกเปิดทิ้งไว้ทำให้เห็นท้องฟ้าที่มืดสนิทปราศจากดวงดาวมีแค่แสงจากดวงจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาภายใน


ระหว่างที่มองไปยังท้องฟ้าภายในหัวก็คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น...


การที่เทพช่วยมนุษย์ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนอันทัดเทียมกับการกระทำของตัวเอง


ตัวผมเลี่ยงที่จะช่วยเหลือมนุษย์มาตลอดเพราะเมื่อช่วยแล้วก็ไม่อาจแยกจากคนคนนั้นได้จนกว่าอีกฝ่ายจะตายไป...ว่าง่ายๆก็คือต้องอยู่กับมนุษย์ที่ถูกช่วยไปจนกว่าจะหมดอายุไขอีกรอบนั่นเอง


ถึงจะบอกว่าอยู่แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใกล้กันตลอดเวลาแต่การที่อยู่ห่างร่างกายจะอ่อนแอลงเพราะพลังชีวิตของที่อยู่ภายในตัวเทพอย่างผมย้ายไปอยู่ในร่างของมนุษย์คนนั้นแล้ว...


ยิ่งอยู่ห่างเท่าไหร่ก็ยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น


‘เฮ้อ...พึ่งมาประเทศนี้ครั้งแรกก็ทำเรื่องซะแล้วสิ’ถึงจะบ่นไปแต่ก็ไม่เสียใจเลยได้ช่วยชีวิตผู้ชายคนนี้ไว้


ดวงตาสีฟ้าสดที่ทอประกายอย่างกล้าหาญยังคงติดตามาจนถึงตอนนี้...


‘รีบๆลืมตาขึ้นมาได้แล้ว’


หลายวันผ่านไปร่างบนเตียงก็ยังคงนอนหลับสนิทอยู่เหมือนเดิมแม้จะมีแพทย์มาตรวจก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจนผมที่ได้แต่นั่ง นอน ลอยอยู่ภายในห้องพักสี่เหลี่ยมเบื่อจนไม่รู้จะเบื่อยังไงแล้ว


ถ้าอยู่เงียบๆอาจจะรู้สึกดีขึ้นแต่หลังจากผ่านวันแรกไปห้องอันเงียบสงบก็ไม่สงบเหมือนเดิมเพราะมีมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามากวนกันได้ทุกวี่ทุกวัน


แกร็ก


“ตินคะ!...อีฟมาเยี่ยมแล้วนะคะ!”เสียงสูงอันแสบแก้วหูตะโกนลั่นพร้อมกับประตูที่เปิดขึ้นอย่างแรง


“คุณอาริศาผมบอกแล้วไงว่าห้ามเข้ามาน่ะ”หนึ่งในชายที่เฝ้าอยู่หน้าห้องรีบเดินเข้ามาห้ามหญิงสาวที่เข้ามาเขย่าร่างคนป่วยบนเตียงแรงๆ


คนที่คอยเฝ้าอยู่หน้าห้องเหมือนจะเป็นบอดี้การ์ดของคนบนเตียงแถมไม่ได้มาแค่หนึ่งแต่ถึงสอง...บางวันก็เห็นมีมากกว่านั้นอีก


“ทำไมฉันจะเข้าไม่ได้ล่ะ นายคงไม่ลืมว่าฉันเป็นคู่หมั้นของตินหรอกนะ!”เธอหันไปตะโกนใส่คนด้านหลังเสียงกร้าว


“ผมไม่ลืมหรอกครับแต่ตอนนี้คุณตินต้องการพักผ่อน...ดังนั้นเชิญคุณออกไปเถอะ...จิมมาช่วยฉันหน่อย!”พูดจบก็ตะโกนชายอีกคนให้เข้ามาช่วยลากแขกไม่ได้รับเชิญออกไป


“ไม่นะ...ตินคะ...ไว้พรุ่งนี้อีฟจะมาหาใหม่นะคะ”นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่ทั้งห้องจะกลับมาสงบอีกครั้ง


‘ไปซะที...เล่นมาทุกวันไม่เบื่อบ้างรึไงนะ’


เมื่อห้องกลับมาสงบผมที่หลบอยู่มุมเพดานก็ลงมานั่งบนร่างของชายผมดำตามปกติ


สำหรับชื่อของผมนั้นมีมากมายจนไม่รู้ว่าชื่อไหนเป็นชื่อจริงกันแน่...ในแต่ละพื้นทีก็จะมีชื่อเรียกของเทพแห่งพฤกษาที่แตกต่างกันออกไปอย่างประเทศญี่ปุ่นผมถูกเรียกขานในชื่อของคุคุโนจินเทพแห่งต้นไม้ นอกจากชื่อนี้ก็ยังโอโรเมเทพแห่งผืนป่าหรือแพนก็เป็นอีกชื่อที่รู้จักกันในเทพแห่งธรรมชาติของชาวกรีกนั่นเอง


โดยส่วนตัวผมชอบให้เรียกว่าแพนด้วยเหตุผลง่ายๆคือสั้นกว่าชื่ออื่น


แม้เทพแพนของชาวกรีกจะให้คำบรรยายไว้ว่าเป็นครึ่งแพะครึ่งมนุษย์แต่ในความเป็นจริงก็อย่างที่เห็นเทพอย่างพวกเราก็มีรูปร่างเหมือนมนุษย์มีเพียงสีตาและสีผมที่ดูจะแปลกออกไปสักหน่อย


จากการที่เดินทางไปในหลายประเทศก็ได้พบเจอเทพเหมือนอย่างตัวเองมามากและมีหลายองค์ที่ถูกเรียกในชื่อเดียวกัน...พวกเราก็ไม่รู้หรอกว่าเกิดขึ้นมาได้ยังไง ที่รู้คือการดำรงอยู่ของเราคือการช่วยเหลือโลกใบนี้ด้วยพลังที่ได้รับมาตั้งแต่จำความได้


‘นี่ติน...ยังไม่ตื่นอีกเหรอ’พูดจบก็เอื้อมมือไปลูบใบหน้าคนป่วยอย่างเชื่องช้า


จากที่ฟังผู้หญิงที่ชื่ออีฟตะโกนเรียกทุกวันก็ทำให้รู้ว่าชายบนเตียงชื่ออะไร


ไม่แปลกที่ผู้หญิงคนนั้นจะดูตามติดอีกฝ่ายขนาดนี้...บอกว่าไม่มีใครติดก็คงแปลก ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลานี่ไม่ว่าใครเห็นต่างก็หลงชอบกันทั้งนั้น


ตินอาจหล่อมากเมื่อเทียบกับมนุษย์ที่เคยเจอแต่สำหรับเทพหน้าตาจัดอยู่ในขั้นธรรมดา...ขอเติมค่อนไปทางหล่อหน่อยก็ได้


‘ทำไมยังไม่ตื่นอีกนะ’


นี่ก็ผ่านมานานแล้ว...ชักเป็นห่วงนิดหน่อยแล้วสิ


คงไม่ได้จะเป็นเจ้าชายนิทราหรอกใช่ไหม


“...อึก...”เสียงครางเบาๆนั่นทำให้มือที่กำลังสัมผัสใบหน้าอีกฝ่ายอยู่ชะงักก่อนจะชักมืออกแล้วมองดูดวงตาสีฟ้าสดที่ค่อยๆปรือลืมขึ้น


‘ตื่นแล้วๆ...’ผมถึงกับยิ้มกว่างทันทีที่เห็นเขาขยับร่างกาย


“...ที่นี่...”


‘ไม่ได้นะอย่าพึ่งลุกสิ!’แม้จะบ่นอีกฝ่ายแต่เพราะคนถูกบ่นไม่ได้ยินตอนนี้ผมเลยดูเหมือนกำลังพูดกับตัวเองอยู่


ร่างของคนบนเตียงลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลำบาก มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นจับบริเวณหน้าอกที่มีบาดแผลเฉียดตายมาอยู่ เพียงแค่แตะดวงตาสีฟ้าก็หรี่ลงเพราะความเจ็บปวดทันที บริเวณบาดแผลที่ถูกพันผ้าไว้เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา


‘ก็บอกอยู่ว่าอย่าฝืนไง...คุณนี่ดื้อชะมัด’เป็นอีกครั้งที่เสียงบ่นดังขึ้น ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมหรี่ลงอย่างใช้ความคิดก่อนจะได้ข้อสรุปง่ายๆออกมา


ปุ่มสีแดงที่มีไว้กดเรียกพยาบาลถูกกดโดยที่เจ้าของห้องไม่รู้ตัว เทพอย่างเราอาจเหมือนเป็นสิ่งโปร่งใสแต่ความจริงนั้นไม่ใช่ อย่างที่เคยบอกว่าพวกเรามีร่างเนื้อจริงๆเพียงแค่มีน้อยคนที่สามารถมองเห็นได้


ในความเป็นจริงเทพทุกองค์สามารถปรากฏตัวต่อหน้ามนุษย์ได้แต่ไม่มีใครหรอกที่อยากให้มนุษย์เห็น...


ถ้าอยากรับรู้ถึงเราก็จงศรัทธา เชื่อมั่นและปรารถนามันจากใจจริง


แกร็ก


“คุณติน!”เสียงเรียกของชายหนุ่มทั้งสองคนที่เฝ้าห้องอยู่ดังขึ้นทันทีเมื่อเปิดประตูเข้ามา คนที่เดินตามหลังทั้งคู่เข้ามาคือพยาบาลสองคน


“...กาย...จิม...”คนบนเตียงเรียกทั้งคู่


“คุณติน...เป็นยังไงบ้างครับ”ชายหนุ่มผมสีดำหน้าออกตี๋คนแรกเข้ามาถามอาการชิดขอบเตียง รู้สึกว่าคนนี้จะชื่อจิมนะ


“...ก็ดี”


‘ก็ดีที่ไหนกัน?!’ผมตะโกนแทรกประโยนนั้นสุดเสียง


คนที่ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการพยุงตัวขึ้นนั่งมีสิทธิพูดว่าก็ดีรึไง


ห่วงร่างกายตัวเองบ้างสิ!


“คุณกดเรียกพยาบาลใช่ไหมคะ”พยาบาลอายุมากคนหนึ่งถามพลางเดินเข้ามาใกล้เตียง


“...กด?...ฉันไม่ได้กดเรียก”คนถูกถามตอบกลับโดยที่คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน


“มือคุณตินอาจไปโดนก็ได้”บอดี้การ์ดอีกคนที่ชื่อกายบอก


“ไม่น่าใช่...ฉันยังไม่ได้เอื้อมมือไปแถวนั้นเลย”ตินตอบกลับ


อย่าพูดว่าไม่ได้เอื้อมมือเลย...แค่ขยับมือยังทำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ


“ยังไงก็ตามเดี๋ยวเราจะตามหมอมาตรวจร่างกายกับเตรียมอุปกรณ์ล้างแผลก่อนนะคะ...รอสักครู่ค่ะ”พูดจบพยาบาลทั้งสองคนก็เดินออกไป


“คุณติน!”เสียงทุ้มของชายทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมกัน


“ว่ามา”


“ขอโทษด้วยครับที่พวกเราไร้ความสามารถ!”ทั้งคู่ตะโกนพร้อมกับก้มหัวขอโทษ


“...เงยหน้าเถอะมันไม่ใช่ความผิดของพวกนาย...คนที่ผิดคือฉันที่ประมาทจนเกิดเรื่องขึ้น”


“แต่ยังไงพวกเราก็มีส่วนที่ยอมให้คุณตินขับรถออกมาตามลำพังโดยไม่มีการอาลักขา”คนชื่อกายตอบ


“ฉันผิดเองที่อ่อนแอ...นี่ฉันหลับไปกี่วัน”


“เกือบสองอาทิตย์ได้ครับ”


“เหรอ...แล้วมีใครมาไหม?”ตินยังคงถามต่อ


‘มีสิผู้หญิงที่ชื่อีฟน่ะ!...รู้ไหมว่าเธอตะโกนเสียงดังขนาดไหนน่ะ!’พูดถึงเรื่องนี้แล้วยอมไม่ได้


เวลาสงบๆของผมถูกทำลายเพราะผู้หญิงเสียงเสียงแหลมคนนั้น


“มีครับ...คุณอาริศามาหาคุณตินทุกวันเลย”กายตอบด้วยใบหน้าเอือมๆ


“...ครั้งหน้าไม่ต้องให้เข้ามา”คนบนเตียงยื่นคำขาด


“ครับ”


“ช่วงนี้มีอะไรเกิดขึ้นไหม”


“ไม่มีครับ...ตอนนี้ทุกอย่างปกติมาก”ระหว่างพูดดวงตาสีน้ำตาลของกายสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าที่มองไป


“จะบอกว่าปกติเกินไปสินะ”


“ครับ”


“...”คนบาดเจ็บหรี่ตาลงราบกับกำลังครุ่นคิดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น


“คุณตินอย่าพึ่งคิดมากเลยครับ...ตอนนี้ควรพักผ่อนให้หายดีก่อน”คนชื่อจิมบอก


“ใช่ครับ...บาดแผลของคุณสาหัสมานะครับคุณทางทีมแพทย์ยังบอกเลยว่าที่รอดมาได้นี่คือปาฏิหาริย์น่ะ”กายพูดสมทบ


“ปาฏิหาริย์เหรอ...หึ...ไม่ใช่หรอก”


“...”คำพูดนั่นทำให้มนุษย์ทั้งสองคนยืนนิ่งไป


“ฉันไม่คิดจะตายแต่แรกแล้ว”


‘กล้าพูดเนอะคุณ!...ถ้าผมไม่ช่วยไว้ป่านนี้ได้ไปพบพระเจ้าแล้ว!’เป็นอีกครั้งที่ผมพาร่างลอยลงมาจากด้านบนเพื่อบ่นคนที่ไม่คิดสำนึกบุญคุณ


“คราวนี้พวกเราจะปกป้องคุณอย่างสุดความสามารถครับ”


“อืม...”พอพูดจบประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกโดยมีหมอและพยาบาลอีกสองเดินเข้ามาทำการตรวจเช็คร่างกายคร่าวๆพร้อมจัดการเปลี่ยนผ้าพันแผล เห็นพูดว่าถ้าอยากให้แน่นอนก็ต้องรอให้ฟื้นตัวกว่านี้ก่อนถึงจะสามารถสแกนหรือเอ็กซเรย์ได้


หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นทั้งห้องก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้งผมเลยพาร่างตัวเองลงมานั่งบนตัวของคนบนเตียงเหมือนอย่างทุกทีเพียงแต่ครั้งนี้ดวงตาสีฟ้านั่นไม่ได้ปิดอยู่เหมือนเคยซึ่งก็ดีแล้ว...


ก็คิดแบบนั้นจนอีกฝ่ายเอาแต่นั่งทำหน้าเครียดมาเกือบสองชั่วโมงตั้งแต่ที่หมอและพยาบาลออกไป


ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่...


ที่รู้แน่ๆเลยคือเรื่องที่คิดอยู่นั้นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ผมเจอเขาโดนยิงจนเกือบตายแน่ และจากที่ฟังบทสนทนาเหล่านั้นก็ยิ่งสันนิษฐานง่ายขึ้น


ตินกำลังถูกคนเอาชีวิตอยู่


‘อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ’ผมพึมพำเสียงเบาโดยที่มองไปยังคนตรงหน้าที่นั่งขมวดคิ้วอยู่


มือของผมเอื้อมไปสัมผัสบริเวณคิ้วทั้งของข้างที่ขมวดเข้าหากันแน่แล้วลูบเพื่อคลายคิ้วพวกนั้น...เหมือนการกระทำนั้นจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วมากกว่าเดิมแถมยังยกมือขึ้นมาแตะบริเวณที่ถูกลูบด้วย


หรือว่าตินจะรู้ว่าผมสัมผัสเขากันนะ


ไม่หรอก...คนที่ดูไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้ไม่มีทางรู้ได้แน่


‘นอนได้แล้ว...ติน’แค่พูดอย่างเดียวคงไม่สามารถสื่อให้เข้าใจได้ผมเลยจัดการลอยไปดับไฟให้ทั้งห้องนั้นถูกล้อมด้วยความมืด
“...ไฟดับ...ไม่สิ...ข้างนอกยังติดนี่”เสียงทุ้มพึมพำอย่างสงสัย


‘หมดเวลาสงสัยแล้ว’ผมไม่ยอมให้เขาฝืนร่างกายไปมากกว่านี้แน่ดังนั้นผมเลยจัดการขึ้นไปนั่งบนตัวอีกฝ่ายแล้วผลักจนร่างนั้นนอนราบลงที่เตียง


“ใครน่ะ?!”ตินตะโกนพร้อมกับเด้งตัวขึ้นมาอีกรอบ


ให้ตายสิ


แบบนี้เมื่อไหร่จะได้นอนสักทีล่ะ


‘นอนได้แล้วพ่อคนขี้สงสัย’เป็นอีกครั้งที่ผมค่อยๆผลักเขานอนลงกับเตียงก่อนจะใช้มือลูบเส้นผมสีดำสนิทตรงหน้าเหมือนอย่างทุกวัน


“...ใครกัน?”อีกฝ่ายยังคงพึมพำอย่างระแวงแต่เมื่อผ่านไปสักพักดวงตาสีฟ้าสดก็ค่อยๆปิดลง


‘ผมชื่อแพน’ถึงจะบอกแบบนั้นก็คงไม่ได้ยินอยู่ดี


ผมได้แต่ลูบเส้นผมสีดำสนิทนั่นเรื่อยๆจนเสียงของลมหายใจเริ่มเปลี่ยนไป...เสียงแบบนี้คงจะหลับสนิทแล้วสินะ


‘ทำให้เหนื่อยตลอดเลยนะ’


วันรุ่งขึ้นตินก็ถูกเหล่าหมอและพยาบาลเข้ามาตรวจอีกครั้ง...จากที่ฟังวันนี้จะให้น้ำเกลือเป็นวันสุดท้ายพรุ่งนี้จะเริ่มให้กินอาหารเหลวได้แล้ว ทั้งที่กำลังพูดเรื่องสำคัญอยู่คนป่วยก็เอาแต่ทำหน้านิ่งพยักหน้าตอบไปบ้างเป็นบางครั้งราวกับไม่ได้สนใจเรื่องที่หมอพูดเท่าไหร่นัก


“กาย”ตินเรียกหนึ่งในบอดี้การ์ดให้เข้ามาหาหลังจากที่หมอออกไปแล้ว


“ครับ...มีอะไรรึเปล่าครับ”


“เมื่อคืนมีใครเข้ามาไหม”คำถามนั้นทำให้ผมที่นั่งอยู่ปลายเตียงหันไปมองคนถามอย่างรวดเร็ว


นี่คิดว่ามีคนย่องเข้าห้องเหรอ


“ไม่มีครับ”กายตอบกลับด้วยความแน่ใจ


“งั้นเหรอ...”


“เอ่อ...มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ”คนสนิทถามต่อ


“...ห้องนี้เคยมีอะไรเกิดขึ้นไหม”นิ่งไปสักพักตินก็ถามออกไป


“อะไรนี่คือ”


“พวกคนตาย”


‘อุ๊บ...ฮะฮะฮะ...นี่คิดว่าผมเป็นผีเหรอติน’ผมถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อรู้ความหมายของคำถามเหล่านั้น


เอาผมไปรวมกับวิญญาณที่ยังมีห่วงพวกนั้นก็แย่สิ


“...”คนที่ถูกถามถึงกับอึ้งไปราวกับไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้ออกมาจากเจ้านายของตัวเอง


“ว่าไงล่ะ”ตินยังคงถามย้ำ


นี่ท่าจะระแวงผมมากอยู่แฮะ


“...ผมขอไปสืบสักครู่นะครับ”พูดจบกายก็ขอตัวออกไปนอกห้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงไปหาสืบเรื่องของห้องพักนี้แน่ๆ


คำตอบที่ตินต้องการผมสามารถตอบได้ทันทีว่าถึงจะมีคนตายแต่ไม่มีวิญญาณอยู่หรอก...


ที่มีก็แค่เทพองค์หนึ่งที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดอายุไขเท่านั้นเอง


‘ในช่วงบ่ายนั้นช่างเงียบสงบซะจริงๆ’ผมพึมพำพลางลอยตัวไปมาภายในห้องสีขาวแห่งนี้


“...ทำไมฉันถึงเข้าไม่ได้ล่ะ?”


‘เสียงนั่นมัน...’ดวงตาสีเขียวอ่อนหันไปมองยังประตูห้องพักอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าเสียงแหลมๆข้างนอกห้องนั่นเป็นใคร


ไม่นะ...ความสงบของผม


“ตอนนี้คุณตินกำลังพักผ่อนอยู่ครับ...แล้วเขาก็สั่งมาว่าไม่ให้คุณเข้าไปเยี่ยม...”


“ว่างไงนะ...ตินฟื้นแล้ว”


“เดี๋ยวครับคุณอาริศา”



ปัง!


“ตินคะ!”ดูเหมือนบอดีการ์ดทั้งสองคนจะห้ามไม่อยู่สินะ


“...มาทำไม”คำทักทายแรกทำให้คนที่เดินเข้ามาถึงกับชะงักก่อนจะยิ้มกว้างออกมา


‘จัดการเลยติน’เอาความสงบของผมคืนมา


“อีฟคิดถึงตินนี่คะ”เธอไม่พูดเปล่า สองขานั้นก้าวเข้ามาตินในชุดรัดรูปกระโปรงสั้นกุด...ไม่นานเธอก็นั่งลงบนเตียงข้างติน
ส่วนผมนั้นลอยขึ้นไปอยู่ที่มุมเพดานแล้ว


“กลับไปซะ”คนป่วยบนเตียงพูดเสียงห้วน


“แต่อีฟพึ่งมา...”


“ฉันบอกให้กลับไป”ฝ่ายหญิงถึงกับตัวสั่นเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรำคาญและหงุดหงิดนั่น


“...ไว้อีฟจะมาใหม่นะคะ”เธอพูดเสียงสั่นก็จะเดินคอตกออกไป


เยส...ความสงบกลับมาแล้ว


“ขอโทษครับที่ให้เธอเข้ามาได้”กายรีบเข้ามาเอ่ยขอโทษ


“พวกเราไม่ชินกับการใช้กำลังกับผู้หญิงเท่าไหร่...แต่ครั้งหน้าจะไม่ให้เข้ามาได้ครับ”จิมพูดต่อ


“ก็ดี...กายเรื่องที่ให้หาล่ะ”ตินเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา


“ครับ...จากที่ไปถามพยาบาลมาเห็นว่าห้องนี้เคยมีคนเสียชีวิตแต่ก็นานหลายปีแล้วครับ”


“ตายเพราะอะไร”


“...เอ่อ...รู้สึกว่าจะโรคชราครับ”แม้กายจะรู้สึกสงสัยแต่ก็ตอบกลับไป


“แปลว่าไม่มีห่วงอะไรสินะ”เสียงพึมพำของตินทำเอาผมยกยิ้มขึ้นมา


ใจหนึ่งก็อยากจะเปิดเผยทุกอย่างให้ตินรู้ไปเลยเพราะการอยู่ด้วยกันยาวๆแต่ไม่สามารถคุยกันได้นี่ทำให้ผมเหงาอยู่พอสมควร


“คุณติน...มีเรื่องอะไรกันแน่ครับ”กายยังคงตื้อถาม


“เปล่า...ออกไปได้แล้ว”


“...ครับ”ทั้งคู่เหมือนไม่ได้เชื่อคำโกหกนั้นแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยต้องเดินออกจากห้องไปเงียบๆ


พอทุกอย่างกลับมาเงียบสงบตามเดิมผมก็ลอยตัวลงมามองหน้าคนบนเตียงที่ตอนนี้ขมวดคิ้วทั้งสองข้างเข้าหากันแน่นกว่าเมื่อคืนซะอีก...


‘เครียดอะไรอีกล่ะ...นอนพักดีกว่ามั้ง’ผมบอกพลางนั่งทับบริเวณขาแล้วมองไปยังด้านนอกที่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสวยคล้ายกับดวงตาของติน


มองออกไปสักพักก็หันกลับไปมองยังหัวเตียงแต่คิ้วทั้งสองข้างก็ยังขมวดเข้าหากันอยู่


‘เฮ้อ...ต้องให้ช่วยอยู่เรื่อย’ผมขยับเข้าไปใกล้ตินมากขึ้นแล้วเอื้อมมือไปลูบระหว่างคิ้วทั้งสองข้างที่ผูกกันเบาๆ เพียงแค่นั้นคนบนเตียงก็เบิกตากว้างพร้อมหันมองซ้ายขวาด้วยความระแวง


การกระทำนั้นทำให้ผมรู้ว่าเขาสามารถรับรู้ถึงสัมผัสของตัวเองได้


“...สัมผัสนี่อีกแล้ว”


‘ติน...อย่าได้กลัวเลย...ผมไม่ได้ทำอะไรคุณหรอกนะ’มือที่ชักกลับมาถูกเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าของคนบนเตียงเบาๆอีกรอบ


“...ใครกัน...ทำไมฉันมองไม่เห็น”


‘ที่มองไม่เห็นเพราะคุณไม่ได้อยากจะมองผมจริงๆไง’ผมตอบคำถามนั่นโดยที่ยังคงลูบใบหน้าตินอยู่


“...”มือของอีกฝ่ายยกขึ้นแล้วทาบลงบนมือผมแต่เพราะไม่มีความคิดอันแรงกล้าทำให้ไม่สามารถแตะผมได้อย่างที่ต้องการ


‘คุณควรนอนพักได้แล้วนะ’


มือที่ลูบถูกชักกลับก่อนจะดันร่างของตินให้นอนแผ่ลงบนเตียงแล้วเปลี่ยนมาลูบเส้นผมสีดำสนิทนั่นเหมือนทุกครั้ง...ทันทีที่ถูกลูบดวงตาสีฟ้าสดที่ระแวงสงสัยก็กลายเป็นความผ่อนคลายในไม่ช้า คิ้วที่ขมวดเข้าหากันก็เริ่มคลายตัวบ้างแล้ว


‘ดูจะชอบให้ลูบสินะ’


“...มันเป็นแค่ความเพ้อของฉันรึเปล่า”ริมฝีปากขยับถามเสียงแผ่ว


‘ไม่เลย...มันเป็นความจริง’


“นี่...ถ้ามันเป็นเรื่องจริง...”


“...ช่วยพิสูจน์ให้ฉันรู้ที”ประโยคนั้นดังขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ปิดลง


พิสูจน์เหรอ


นั่นสินะ...


เอายังไงดี


จะให้เผยตัวออกไปตรงๆก็คิดว่ายังไม่เหมาะ


ผมไม่ชอบการให้มนุษย์เห็นตัวนัก...จะพูดให้ถูกก็ไม่ใช่แค่ผมหรอกเทพทุกองค์ต่างก็ไม่ชอบเผยตัวตนต่อหน้ามนุษย์ทั้งนั้นแหละ
ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมมองไปยังคนที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงอย่างใช้ความคิดก่อนจะเลื่อนมามองยังมือที่แบอยู่ด้านข้าง มือข้างนั้นทำให้ผมคิดอะไรดีๆขึ้นมาได้...


ในเมื่อตินรับรู้ถึงสัมผัสของผมได้ก็ลองใช้วิธีนี้ดูละกัน


มือที่ลูบเส้นผมสีดำสนิทอยู่เปลี่ยนมาจับมือข้างหนึ่งให้ยกขึ้น การกระทำนั้นทำให้ดวงตาสีฟ้าสดที่ปิดเปิดขึ้นพร้อมเด้งตัวลุกอย่างรวดเร็ว


“...มือมัน...”เขามองมายังมือของตัวเองที่ถูกจับยกขึ้นอย่างอึ้งๆ


ผมปล่อยให้ตินหายตกใจสักพักก่อนจะใช้มือที่เหลืออีกข้างเขียนสัญลักษณ์ง่ายๆลงไปเพียงตัวเดียว...แต่แค่ตัวเดียวก็สามารถใช้สื่อทุกอย่างที่เขาอยากรู้ได้แล้ว


/


เครื่องหมายถูกเขียนตัวใหญ่ลงไปอย่างเชื่องช้า...เป็นการแทนคำพูดที่บอกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายสงสัยมันเป็นความจริงที่มีคนอยู่ข้างๆ


“...เครื่องหมายถูก...หมายถึงถูกต้องสินะ”คนบนเตียงพึมพำ


‘ฉลาดดีนี่’ผมเอ่ยชม


“นายเป็นใคร”คำถามต่อมาทำเอาคิดหนัก


ถ้าจะให้อธิบายทั้งหมดคงจะยาวจนจับใจความยากแน่


งั้นก็ขออธิบายสั้นๆละกัน


นิ้วเรียวเขียนไปบนฝ่ามือของตินอีกครั้ง...


P A N


ตัวอักษรทั้งสามตัวถูกเขียนตามลำดับอย่างชัดเจน...อีกฝ่ายคงจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อนะ


“...พี...เอ...เอ็น...ตัวย่อของอะไรสินะ”


‘บู้ๆ...ผิดแล้วติน’


ผมรีบแก้ความเข้าใจโดยจับมือข้างเดิมขึ้นมาแล้วเขียนสัญลักษณ์ลงไปอีกหนึ่งตัว


X


“...เอ็กซ์...ไม่สิ...กากบาทสินะ...จะบอกว่าที่ฉันพูดผิดละสิ”


‘เยี่ยมมาก...เดาถูกแล้วติน’ผมละอยากชูนิ้วโป้งให้อีกฝ่ายจริงๆ


“ถ้าไม่ใช่ตัวย่อก็คงเป็นชื่อของนาย...พี...เอ...เอ็น...แพน”เสียงทุ้มพูดชื่อของผมขึ้นมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจนดวงตาของเราประสานกัน จะให้พูดคงมีแค่ผมที่เห็นว่าดวงตาของเราประสานกัน


รอยยิ้มของผมปรากฏขึ้นก็จะเขียนตัวอักษรอีกตัวลงบนฝ่ามือของตินอีกครั้ง...


/


เครื่องหมายถูกที่แสดงถึงความถูกต้อง


นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ถูกมนุษย์เรียกชื่อว่าแพน


รู้สึกดีนิดหน่อยแฮะ


การที่ช่วยมนุษย์คนนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วก็ได้

..................................................................................

มาต่อแล้วกับตอนแรกของเรื่อง

สำหรับตอนนี้รู้สึกขำเวลาแต่ง นายเอกของเราพูดบ่นเรื่อยเปื่อยแต่ไม่มีใครได้ยินสักคน

ส่วนพระเอกที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างๆคงหลอนไม่น้อย555

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะค่อยๆอัพขึ้นทีละน้อย

เราจะมาอัพทุกวันจันทร์นะคะ

ฝากผลงานเรื่องใหม่ของเราด้วย

และช่วยติดตามเพจเราหน่อยน้า >>nicedog (https://www.facebook.com/novelistnicedog/)

เราจะอัพเดทการอัพผ่านทางเพจค่ะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย :bye2:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่1♣} 8/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 08-05-2017 14:06:01
ติดตามจ้า นายเอกแลดูน่ารักน่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่1♣} 8/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 08-05-2017 14:36:29
ตินมีความระแวง  5555

ส่วนแพนพูดคนเดียวทั้งตอน :laugh:

อยากให้เห็นกันเร็วๆจังง~

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่1♣} 8/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-05-2017 14:58:19
อยากอ่านต่อมากกกกกก
มีความลุ้นอ่ะว่าจะออกมาในทิศทางไหน :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่1♣} 8/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 08-05-2017 23:05:02
น่าสนุก มาต่อไวๆน๊า  :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่2♣} 14/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 14-05-2017 14:52:11
สัมผัส{❤}ครั้งที่2



ช่วงเช้าของวันต่อมาอาหารอ่อนๆถูกยกมาเสิร์ฟถึงบนเตียงคนป่วย...สีหน้าของคนป่วยที่เห็นอาหารเหลวๆราวกับถูกจับทุกอย่างที่มีใส่เข้าเครื่องปั่นดูตลกมากจนผมที่มองอยู่ถึงกับหัวเราะลั่นอย่างไม่กลัวใครได้ยิน


‘อย่าเลือกกินนะ’ถึงจะบ่นแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ยินอยู่ดี


เมื่อวานนี้พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันมากนักหลังจากที่ถูกรับรู้ตัวตน ร่างกายของตินยังอ่อนแอและคงรับเรื่องพวกนี้ยังไม่ค่อยได้ผมเลยให้เวลาเขาได้พักผ่อนโดยทำเพียงลูบเส้นผมสีดำสนิทเหมือนอย่างทุกคืน


แม้ตินจะรู้ว่ามีผมอยู่แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนไป...ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม


ไม่มีคำพูดคุยระหว่างเรา


ไม่แน่นะ...เขาอาจจะคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแค่ความฝันก็ได้


จึก จึก จึก


ผมในชุดยูกาตะสีเหลืองเข้มลอยลงมาอยู่ข้างเตียงก่อนจะจัดการใช้นิ้วชี้จิ้มไปยังแก้มสีขาวของคนตรงหน้าอย่างนึกแกล้ง
นั่งอยู่มาจะสิบนาทีแล้วยังไม่กินสักทีเดี๋ยวพยาบาลก็มาเก็บไปหรอก


“...อะไร”เสียงทุ้มถามพลางหันมามองยังแก้มข้างที่ถูกจิ้ม แม้จะหันมาแต่ดวงตาสีฟ้าสดนั่นก็ไม่ได้สะท้อนภาพของผมอยู่


แปลว่ายังมองไม่เห็นสินะ


มองไม่เห็นแต่สามารถรับรู้ถึงสัมผัสได้


น่าน้อยใจนิดๆแฮะ


จึก จึก จึก


‘พยายามอีกหน่อยสิติน’ในเมื่อรับรู้ได้อีกไม่นานต้องมองเห็นแน่


ตั้งใจกว่านี้หน่อย...รู้ไหมว่าการไม่มีใครพูดด้วยมาหลายอาทิตย์นี่มันรู้สึกแย่มากนะแถมห้องก็อยู่ตั้งชั้น10เกือบบนสุดทำให้ไม่มีพวกต้นไม้เป็นเพื่อนคุยเลย


จึก จึก จึก


‘เหงาจังติน’ผมยังคงจิ้มแก้มข้างเดิมพลางบ่นเสียงเบื่อออกไป


“...จะจิ้มอีกนานไหม”เสียงทุ้มดูจะเริ่มหงุดหงิดแล้วแต่มีเหรอที่ผมจะกลัว


จึก จึก จึก


‘นี่ติน...เบื่อจังเลย’


“แพน!”นิ้วที่จิ้มแก้มถึงกับชะงักเมื่อถูกอีกฝ่ายตะโกนเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


นี่ผมทำให้เขารำคาญสินะ


นั่นสิ...โดนสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้คอยแกล้งไม่ว่าใครก็คงรู้สึกแย่กันทั้งนั้น


‘ขอโทษนะ...จะไม่แกล้งแล้ว’ผมบอกก่อนจะใช้มือข้างเดิมสัมผัสใบหน้าอีกฝ่ายเบาๆแทนคำพูดก่อนจะลอยตัวขึ้นไปอยู่แถวเพดานสีขาวสะอาดตาอีกรอบ


ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆแบบนี้ไม่มีอิสระเอาซะเลย...


‘อยากออกไปข้างนอกจัง’ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ


อยากไปก็จริงแต่ถ้าออกห่างมากไปคงแย่...


งั้นก็ไม่ต้องห่างมากสิ


เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็ลอยออกจากกระจกหน้าต่างลงไปยังสวนด้านล่างที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่เล็กและดอกไม้บานหลากสีสัน...ภาพที่เห็นเรียกร้อยยิ้มให้กลับมาอีกครั้ง


‘นั่นท่านเทพนี่นา’ต้นไม้ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง


‘ไหนๆ...ฉันหันไปมองไม่ได้ท่านเทพหน้าตาเป็นยังไง’ดอกไม้สีฟ้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้


‘บอกหน่อยๆ’เสียงเอ็กโค่ของดอกอื่นๆดังตามมาติดๆ


‘สวัสดี’ผมไม่รอให้ต้นไม้นั้นบอกแต่ลอยไปอยู่ตรงกลางระหว่างดอกไม้หลากสีสันที่อยากเห็นผมแทน


ในเมื่ออยากเห็นก็จะให้เห็นจนพอใจเลย


‘ว้าว...ท่านเทพน่ารักจัง’คำชมจากนกกระจอกตัวหนึ่งทำเอาผมหันควับไปมองอย่างเคืองๆ


‘ไม่ได้น่ารักนะ...บอกว่าหล่อสิ’ผมเถียงนกตัวเดิมกลับไป


คำว่าน่ารักเหมาะจะใช้กับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายแบบผม


‘ไม่หล่อๆ...ท่านเทพน่ารัก’


‘จริงด้วย...น่ารักๆ’นกกระจอกตัวเดิมพูดอีกรอบก่อนจะตามด้วยเหล่าดอกไม้และต้นไม้นับร้อย


‘ไม่ได้น่ารักนะ!’แม้ว่าจะเถียงกลับไปแค่ไหนคำว่าน่ารักก็ยังไม่เปลี่ยนไปจนผมได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเซงๆ แค่มีรูปร่างที่ดูบอบบางกว่าเทพองค์อื่นนิดหน่อยกับผิวสีขาวอมชมพูแค่นี้ก็ทำให้ดูน่ารักซึ่งในความจริงเทพที่เป็นผู้หญิงน่ารักกว่านี้ตั้งเยอะ


ถ้าให้เทียบก็พอๆกับจินตนาการของมนุษย์ที่วาดภาพของนางฟ้าล่ะนะ


‘นี่ๆท่านเทพ’ดอกไม้สีชมพูสวยเรียก


‘อะไรเหรอ’


‘ท่านช่วยแบ่งพลังสักนิดให้พวกเราหน่อยได้ไหม’


‘เกิดอะไรขึ้น?’ผมถามกลับด้วยความสงสัย


‘ช่วงนี้ฝนไม่ค่อยตกพวกเราเลยรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่’ดอกไม้สีชมพูดอกเดิมตอบ


‘แถมแดดตอนกลางวันก็แรงมาจนพวกเราแห้งเหี่ยวไปหมดแล้ว’ดอกสีเหลืองพูดบ้าง


‘ช่วยพวกเราหน่อยนะท่านเทพ~’ประโยคนี้เหล่าต้นไม้เล็กใหญ่ต่างประสานเสียงกันจนคนฟังอย่างผมหลุดหัวเราะออกมา


‘ไม่ต้องขอขนาดนั้นก็ได้...เดี๋ยวจะแบ่งพลังให้นะ’ผมบอกพลางลอยลงมานั่งอยู่บริเวณพื้นดิน มือทั้งสองข้างวางทาบลงด้านบนหน้าดินก่อนจะหลับตาตั้งสมาธิ...


แสงสีเขียวที่มีเพียงพวกเราที่สามารถมองเห็นปรากฏขึ้นพร้อมๆกับพลังของผมไหลลงไปยังผืนดินของสวนแห่งนี้...เทพอย่างพวกเราต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเองซึ่งหน้าที่นั้นก็จะสอดคล้องกับพลังที่มี


อย่างผมมีพลังในการฟื้นฟูและเสริมกำลัง


ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ ต้นไม้ ดอกไม้หรือแม้แต่มนุษย์ผมก็สามารถรักษารวมถึงฟื้นพลังให้ได้


ตอนอยู่ญี่ปุ่นการมอบพลังให้แก่ผืนดินเพื่อช่วยเหล่าพืชพรรณเป็นสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ


‘ขอบคุณท่านเทพ’น้ำเสียงของพวกต้นไม้ดูสดชื่นกว่าเดิมมาก


ผมเองก็ยิ้มรับด้วยความดีใจที่ได้ช่วยเหลือพวกเขา...ตลอดช่วงบ่ายผมอยู่คุยกับพวกเขาจนลืมเวลาไปเลยรู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็กำลังจะตกดินซะแล้ว


‘ไว้เจอกันใหม่นะ’


บอกลาเสร็จผมก็ลอยขึ้นไปยังชั้น10ซึ่งเป็นห้องพักของมนุษย์ที่ได้ช่วยเหลือไว้ จากการช่วยเหลือเหล่าพืชพรรณผมได้รับดอกกุหลาบสีชมพูดอกหนึ่งมาเป็นของตอบแทนด้วยถึงจะไม่อยากรับแต่เพราะถูกคะยั้นคะยอเลยต้องรับไว้อย่างเสียไม่ได้


‘หวังว่าจะกินข้าวแล้วนะ’เป็นอีกครั้งที่ผมพึมพำ


“...แพน”เสียงเรียกชื่อนั้นดังขึ้นพร้อมกับผมที่กลับเข้ามาในห้องพอดี


ภายในห้องตอนนี้เหมือนตอนก่อนออกไปทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นตินที่นั่งอยู่บนเตียงหรือถาดอาหารที่วางอยู่โดยไม่ถูกแตะ จากที่มองคงเป็นของมื้อเย็นแล้ว ที่เหมือนไม่เหมือนเดิมมีแค่ตอนนี้คนบนเตียงแบมือออกมาพร้อมเอ่ยเรียกผม


“...แพน”


นี่เป็นครั้งแรก...ที่ถูกอีกฝ่ายเรียกหาแบบนี้


ผมอมยิ้มเล็กก่อนจะลอยไปข้างเตียงช้าๆ


“นี่ไม่อยู่หรือไม่อยากยุ่งกับฉันแล้วกันแน่”ตินยังคงพูดโดยที่มองไปยังฝ่ามือของตัวเอง


‘ติน...’อย่าบอกนะว่าเรียกผมตลอดน่ะ


“...แสดงตัวออกมาหน่อยสิ...แพน”


หมับ!


สิ้นคำพูดนั่นผมก็กุมมืออีกฝ่ายไว้แน่นจนดวงตาสีฟ้าสดเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย จากที่มองใบหน้าที่ตรึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลงทีละน้อย


“...ขอโทษที่ตะโกนใส่”


‘ติน...’ผมถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำว่าขอโทษนี่


“โกรธรึเปล่า”อีกฝ่ายยังคงถาม


ฝ่ามือของตินถูกจับให้แบบออกก่อนที่ผมจะไล่นิ้วเขียวตัวอักษรเพียงตัวเดียงลงไปเหมือนเมื่อวาน...


X


‘ไม่โกรธ’อยากจะบอกแบบนั้น


หวังว่าจะเข้าใจนะ


“ถ้าไม่โกรธแล้วหายไปไหนมา”


คำตอบของคำถามต่อมาทำเอาผมคิดหนักว่าจะย่อเขียนลงฝ่ามือว่ายังไงดี...


ไปคุยกับต้นไม้และดอกไม้ข้างล่างมา


ออกไปสูดอากาศข้างนอกมาก


อยู่ในห้องเบื่อเลยออกไปเที่ยว


ไม่ว่าจะเป็นประโยคไหนที่คิดได้ก็ยาวเกินกว่าจะเขียนลงไปได้


มีอะไรที่พอจะสื่อข้อความเหล่านั้นออกไปในไม่กี่ตัวอักษรไหมนะ


“...ตอบไม่ได้เหรอ”


‘นี่ก็เร่งจริง’ผมบ่นออกไป


ขอเวลาคิดหน่อยสิ


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมหันซ้ายขวาเพื่อหาตัวช่วยก่อนจะนึกได้ว่ามีของที่พึ่งได้รับมานี่นา...


มือข้างที่ว่างเอื้อมไปคว้าดอกกุหลายสีชมพูที่ถูกเหน็บไว้ตรงสายคาดเอวด้านหลังมาแล้ววางดอกไม้ดอกนั้นลงบนฝ่ามือของติน พอผมปล่อยมือที่จับก้านไว้ออกดอกกุหลาบสีชมพูก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าตินทันที


วัตถุที่ถูกเทพอย่างพวกเราสัมผัสจะไม่สามารถมองเห็นได้มีเพียงมนุษย์ที่สามารถมองเห็นพวกเราเท่านั้นที่จะมองเห็นวัตถุเหล่านั้นได้


“...ดอกกุหลาบ?”


‘ใช่ๆ...ผมให้คุณละกัน’ผมตอบพลางพยักหน้าขึ้นลง


“ไปขโมยมา?”


ผั๊วะ!


‘บ้าสิ’คำพูดนั่นทำให้ผมง้างมือตบที่ไหล่อีกฝ่ายแรงๆเป็นการลงโทษ


“...ขอบคุณ...”เสียงพึมพำนั้นดังขึ้นโดยที่ดวงตาสีฟ้าสดนั้นมองมายังกุหลาบสีชมพูหนึ่งดอกด้วยแววตาที่ไม่สามารถบอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่


‘ติน...’


“มีเรื่องอยากถามหน่อย”นิ่งไปสักพักตินก็พูดขึ้นอีก


‘อะไร’


“นายเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”


‘จะว่าไปยังไม่ได้บอกนี่นะ...แล้วคุณคิดว่าผมเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ’ผมถามแม้จะไม่ได้คำตอบแต่ก็เรียกรอยยิ้มออกมาได้
ถ้าให้เดาก็ไม่อยากหรอก...ผู้ชายทุกคนมักจะชอบให้มีผู้หญิงมาอยู่ข้างๆอยู่แล้ว


ผมจับฝ่ามือของตินให้ยกขึ้นก่อนจะเขียนสัญลักษณ์ไปหนึ่งตัว...


?


เครื่องหมายคำถามถูกส่งกลับไปด้วยความอยากรู้


“เครื่องหมายคำถามเหรอ...ให้ฉันทายใช่ไหม”


ครั้งนี้ผมเขียนเครื่องหมายถูกเป็นการบอกว่าใช่แล้ว


“...นั่นสิ...นิสัยขี้แกล้งน่าจะเป็นผู้หญิง...”


‘เข้าใจผิดแล้วติน...ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ชอบแกล้งหรอกนะ’


“แต่มาคิดอีกที...เป็นผู้ชาย...”คำตอบที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้คิดทั้งสองข้างของผมขมวดเข้าหากัน


นิ้วชี้กดเขียนเครื่องหมายเดิมลงไปด้วยความสงสัย...


?


‘ทำไมถึงคิดว่าเป็นผู้ชายล่ะ’


“...เครื่องหมายคำถามอีกแล้ว...นี่ฉันต้องมานั่งทายอะไรเนี่ย...”แม้จะมีเสียงรำคาญส่งมาแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเพราะอีกฝ่ายยังขมวดคิ้วเพื่อคิดข้อความแทนเครื่องหมายนั้นอย่างเต็มที่


‘พยายามหน่อยติน’ขอให้กำลังใจหน่อยละกัน


“ให้เดาคงถามว่าทำไมคิดว่าเป็นผู้ชายใช่ไหม”


‘ถูกต้องนะครับ’ผมจับมือของตินขึ้นลงเร็วๆเป็นการบอก


“...หยุดเขย่าน่า”มือที่เขย่าอยู่หยุดทันที


“...ถ้าถามว่าทำไม...ก็คงบอกได้แค่รู้สึกแบบนั้น”


‘...’ผมที่รอฟังรู้สึกเหมือนใบหน้าร้อนขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างออกมา





สัญลักษณ์แสดงถึงเพศชายได้ถูกเขียนลงบนฝ่ามือเป็นคำตอบสุดท้าย


“ฉันทายถูก”คนทายถูกยิ้มมุมปากเล็กน้อย


ถ้าพวกเรามองเห็นกันได้คงจะได้เห็นภาพที่ทั้งผมและเขาต่างยิ้มออกมาแน่ๆ


หลายวันผ่านไปร่างกายของตินที่ไม่สามารถขยับได้มากก็ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นจนตอนนี้สามารถลุกขึ้นเดินได้แล้วแต่ยังไงก็ยังต้องพักรักษาตัวไปอีกหนึ่งอาทิตย์ คำพูดของหมอที่บอกแบนั้นก็ได้รับแววตาเชือดเฉือนไปเป็นการตอบแทน


จากที่ดูตินอยากจะรีบออกจากโรงพยาบาลด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง อย่างแรกคือเพื่อตัดปัญหาเวลาคู่หมั้นมาเยี่ยมแม้จะไม่ได้เข้ามาในห้องแต่ด้วยเสียงแหลมๆอันเป็นเอกลักษณ์เลยลอดเข้ามาได้


อีกอย่างคืออาหารเหลวๆที่ทางโรงพยาบาลจัดมาให้ ถึงเขาจะไม่ได้บอกว่าไม่ชอบแต่แค่เห็นใบหน้าตอนฝืนกินก็รู้ได้ไม่ยาก ตินมักจะตักกินแค่สองคำก่อนจะเรียกบอดี้การ์ดหน้าห้องให้มายกออกไปเหมือนกับว่าไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว


ตอนนี้เองก็เหมือนกัน ช้อนสีขาวถูกวางลงไปในชามที่ยังเต็มไปด้วยโจ๊กหมูอุ่นๆทั้งที่พึ่งตักไปได้เพียงสองคำเท่านั้น


‘ไม่กินอีกแล้วเหรอติน...เดี๋ยวก็ป่วยอีกหรอก’ผมบ่นออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้


ขืนยังกินอยู่แค่นี้ร่างกายคงไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์สักที


พรึ่บ!


ผมคว้ามือของตินขึ้นมาก่อนจะขยับให้ไปจับช้อนสีขาวตรงหน้าอีกครั้ง


ในเมื่อไม่ยอมกินเองผมจะบังคับให้กินเอง


“ปล่อย”คนถูกบังคับบอกเสียงเข้ม


‘ไม่ๆๆๆ...ถ้าจะให้ปล่อยก็กินให้หมดสิ’ผมยังคงขืนให้มือนั้นกำช้อนไว้แม้จะลำบากมากก็ตาม


“...นายอยากให้ฉันกินอีก?”คำถามนั่นทำให้ผมเขย่ามืออีกฝ่ายแรงๆ


“...ทำไม”อีกฝ่ายยังคงถามต่อ


‘จะทำไมอะไรเล่า!...ที่ให้กินก็เพราะเป็นห่วงไง!’ผมตะโกนขึ้นอย่างหมดความอดทนกับคนป่วยที่แสนดื้อนี่


แค่กินให้หมดมันจะยากอะไร


“...จะบอกว่าเป็นห่วงกันรึไง”


‘ก็ใช่น่ะสิ!’ตะโกนบอกเสร็จผมก็จัดการเขียนเครื่องหมายถูกลงบนฝ่ามือนั่นทันที


“...”ฝ่ายที่สัมผัสได้ถึงข้อความที่ถูกส่งไปก็นิ่งไปเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้านั้นสั่นระริกเพียงครู่เดียวก่อนจะกลับมาเป็นปกติ


“ปล่อยมือฉัน...”แม้จะเป็นคำพูดแบบเดิมแต่ผมสัมผัสได้ว่ามันต่างเพราะน้ำเสียงนั่นดูอ่อนลงมาก


“ไม่ปล่อยแล้วฉันจะกินต่อได้ยังไงกัน”


ผมถึงกับยิ้มแล้วปล่อยมือมองอีกฝ่ายค่อยๆจับช้อนแล้วตักโจ๊กเข้าปากคำแล้วคำเล่าจนเกือบหมดถ้วยเลยทีเดียว...ผมที่เห็นแบบนั้นก็ตบมือเสียงดังเป็นการชมเชยถึงตินจะไม่ได้ยินก็ตาม


‘แบบนี้สิเด็กดี’ถ้าฟังกันแต่แรกก็จบแล้ว


“แค่นี้พอใจรึยัง”คนบนเตียงพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นเพื่อถาม


แต่ผมไม่ได้อยู่ข้างบนนะติน


อยู่ข้างๆต่างหาก


ถึงจะเดาผิดแต่ก็ถือว่ามีความพยายามในการเดา...มือของตินถูกผมแบบออกอีกครั้งก่อนเครื่องหมายถูกจะถูกเขียนส่งไปให้ช้าๆ...


‘หวังว่ามื้ออื่นจะกินหมดแบบนี้อีกนะ’


ในช่วงเย็นก็มีหมอและพยาบาลเข้ามาตรวจอีกรอบพร้อมกับฉีดยาบำรุงกับอะไรไม่รู้อีกสองเข็มรวมเป็นสาม...แค่เห็นขนาดของเข็มเทพแห่งพฤกษาอย่างผมก็เบือนหน้าหนีด้วยความขยาด


จะเรียกว่ากลัวเข็มก็ไม่ผิดซะทีเดียว


ใครจะเหมือนกับตินที่ยังคงหน้านิ่งได้ตลอดแบบนั้นล่ะ


หลังจากการฉีดยามื้อเย็นก็ถูกวางลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าติน...ของเหลวสีขาวขุ่นที่เจอมาเกือบอาทิตย์ทำเอาผมหลุดขำออกมาเมื่อเห็นใบหน้าเอือมๆของอีกฝ่าย...


อย่าว่าแต่ตินเลย


ไม่ว่าใครที่ถูกบังคับให้กินอาหารเดิมๆเหมือนกันเกือบอาทิตย์ก็มีต้องเซงกันบ้าง


‘ห้ามกินเหลือนะติน...อุ๊บ...คิก...’สุดท้ายผมก็หลุดหัวเราะออกมาอีกจนได้


“...รู้สึกว่ามีคนกำลังหัวเราะอยู่”เสียงทุ้มนั่นดังขึ้นพลางขมวดคิ้ว


‘ไม่ใช่คนสักหน่อย...มีเทพองค์นึงกำลังหัวเราะคุณอยู่ต่างหาก...คิก’ตินดูเหมือนเป็นมนุษย์ที่มีเซ้นส์ดีพอตัว


แต่แค่นั้นยังไม่มากพอที่จะให้เห็นตัวผมได้หรอก


“หัวเราะเหรอครับ? ผมไม่เห็นได้ยินอะไรเลย...เนอะกาย”บอดี้การ์ดหน้าตี๋พูดก่อนจะหันไปขอความเห็นเพื่อน


“นั่นสิ...คุณคิดมากไปแล้วครับ”กายบอกกับตินที่ยังคงขมวดคิ้วโดยไม่ยอมตักอาการขึ้นมากิน


“...อาจใช่...ออกไปได้แล้ว”ตินสั่งลูกน้องทั้งสองคน


“ครับ...มีอะไรเรียกพวกเราได้ทุกเมื่อนะครับ”


“อืม”ทั้งคู่โค้งให้ตินก่อนจะเดินออกไปเฝ้ายังหน้าประตูเหมือนเดิม


บรรยากาศเงียบๆในห้องทำให้ผมที่ลอยอยู่แถวเพดานลอยลงมาข้างๆตินอีกครั้ง...


ผมไม่ค่อยชอบพวกมนุษย์นักดังนั้นเวลาที่มีมนุษย์มาผมเลยมักจะขึ้นไปอยู่แถวเพดาน


แต่กับตินมันต่างออกไป...


ทั้งที่เป็นมนุษย์เหมือนกันแต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างอยู่มาก


“แพน”


‘อะไรเหรอ’ผมถามพรางเข้าไปใกล้มากขึ้น


“นายหัวเราะสินะ”คำพูดนั่นไม่ใช่ประโยคถามแน่นอน


ดูเขาจะมั่นใจมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าผมหัวเราะ


ฝ่ามือของตินยื่นออกมาพร้อมกับแบออกให้ผมได้เขียนคำตอบลงไป


X


เครื่องหมายกากบาทถูกเขียนลงไป...ใครจะกล้าบอกว่าเป็นคนหัวเราะกัน


“...ฉันให้โอกาสอีกรอบ”เสียงทุ้มดูเข้มขึ้นกว่าเมื่อครู่พอสมควร


‘ให้ตายสิ...’เมื่ออีกฝ่ายปักใจเชื่อแบบนั้นก็ไม่ต้องโกหกกันแล้ว


/


เครื่องหมายถูกถูกเขียนทับลงบนฝ่ามืออีกครั้ง


“ว่าแล้วเชียว”รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นทันทีที่ผมเขียนเสร็จ


‘ยอมรับก็ได้ว่าหัวเราะ!...แล้วหัวเราะมันผิดตรงไหนล่ะ!...ชิ!’ตะโกนเสร็จผมก็สะบัดมือนั่นทิ้งอย่างงอนๆ


เป็นแค่มนุษย์แต่กล้ามาคาดคั้นเอาความจริงจากเทพ


มันน่าโดนนัก


“งอนที่โดนรู้ทันรึไง”


ผั๊วะ!


ฝ่ามือของผมตบเข้าที่บาดแผลตรงหน้าอกที่ยังไม่หายดีจนคนบนเตียงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดก่อนจะก้มหน้าลงจนคนตบอย่างผมเริ่มใจไม่ดี...


‘ติน!’


‘นี่...ไม่เป็นไรนะ’


ผมลอยลงมาก่อนจะลูบบริเวณไหล่ของตินเบาๆเป็นการปลอบและขอโทษที่รุนแรงเกินไป


“...มือหนักชะมัด”ตินพึมพำพร้อมกับเงยหน้ามา


‘เฮ้อ...ดีจังที่ไม่เป็นอะไร’นึกว่าแค่โดนนิดโดนหน่อยจะแย่ซะแล้ว


คราวหน้าจะเบามือละกันนะติน


หลายวันผ่านไปทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิมยกเว้นโจ๊กที่เป็นอาหารสามมื้อของตินกลายเป็นข้าวต้มรสต่างๆไปแล้วทั้งที่เป็นแบบนั้นผมก็ยังต้องมานั่งยื้อมือให้อีกฝ่ายจับช้อนอยู่ทุกมื้อไป...


ไม่รู้ว่าไม่ชอบจริงหรือแกล้งทำกันแน่


นอกจากเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่าห่วงอีกไม่กี่วันก็จะได้เวลาที่ตินจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว


ช่วงก่อนมื้อเย็นผมหลบออกมาสำรวจภายในโรงพยาบาล สองสามวันมานี่การได้ออกมาข้างนอกห้องถือเป็นสีสันของชีวิตอีกอย่างหนึ่ง


ผมในชุดยูกาตะสีฟ้าซึ่งผมสามารถเปลี่ยนสีได้ตามใจของตัวเองลอยผ่านทางเดินไร้ผู้คนจนมาถึงเคาน์เตอร์ประจำชั้นที่มีไว้สำหรับจ่ายยาหรืออุปกรณ์พยาบาล


“หัวหน้าคะ...เตรียมเข็มฉีดของห้อง1012รึยังคะ”พยาบาลคนหนึ่งถาม


‘หื้อ...’ผมที่กำลังจะลอยผ่านไปถึงกับหยุดนิ่งเมื่อได้ยินหมายเลขห้องนั้น


ถ้าจำไม่ผิดห้อง1012ที่ว่าคือห้องของตินนี่นา


“เรียบร้อยแล้ว...เอาวางไว้นี่ละกันเดี๋ยวหมอคงมาแล้ว”หัวหน้าพยาบาลตอบพร้อมกับยกถาดให้เข็มฉีดยาทั้งสามอันขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์โดยที่มีกระดาษหมายเลข1012ติดไว้


“โอ้ย...”เสียงร้องจากผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น พอหันไปมองก็เจอเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งทรุดตัวลงบนพื้น


“ว้าย...หัวหน้าคะเธอดูเหมือนจะสลบไปแล้วนะคะ”


“รีบไปดูอาการเร็ว”พูดจบทั้งคู่ก็วิ่งไปดูอาการของผู้หญิงตรงหน้าก่อนจะช่วยพยุงไปยังห้องตรวจ


เคาน์เตอร์ที่ไร้คนดูแลมีชายท่าทางหน้าสงสัยคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่เข็มฉีดยาอันหนึ่งจะถูกสับเปลี่ยนกับอีกอันที่อยู่ในกระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็วแล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


‘...นั่นมัน...’ผมมองยาหลอดสีเหลืองที่พึ่งถูกสับเปลี่ยนด้วยความระแวง


แบบนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ


“อ้าว...พยาบาลหายไปไหนล่ะ...ดีนะที่วางยาที่ต้องฉีดไว้แล้ว...พวกเธอไปเปลี่ยนผ้าพันแผลก่อนเดี๋ยวฉันตามไป”หมอหน้าเดิมที่เจอกันทุกวันเดินมาพร้อมกับพยาบาลหน้าใหม่อีกสองคน


“ค่ะหมอ”


‘เดี๋ยวนะหมอ...ยาสีเหลืองนั่นมีคนแอบเปลี่ยนนะ!’ผมตะโกนเสียงดังลั่นก่อนจะนึกได้ว่ามนุษย์ไม่สามารถได้ยินเสียงได้นี่


เอายังไงดี...หมอก็เดินไปแล้วเนี่ย!


ติน


ชื่อของมนุษย์เพียงคนเดียวที่รับรู้ถึงตัวตนผมได้ผุดขึ้นมานั่นทำให้ผมรีบกลับไปยังห้องนั้นเพื่อจะได้บอกเรื่องนี้ให้ตินรับรู้...
ผมรู้สึกได้เลยว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแน่...และต้องเป็นสิ่งที่ไม่ดีด้วย


ผมกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งทันก่อนหมอจะฉีดยาแต่เพราะมือทั้งสองข้างของตินถูกพยาบาลจับไว้ ข้างหนึ่งทำแผลบริเวณข้อศอกที่บาดเจ็บเล็กน้อยอีกข้างก็เตรียมตัวที่จะฉีดยา


‘ซวยแล้ว...ทำไงดี’


จะให้เข้าไปดึงแขนตินขึ้นก็คงน่าสงสัยเกินไปเพราะมีบอดี้การ์ดทั้งสองคนประกบอยู่ทั้งสองด้าน


หรือจะให้ตะโกนโดยให้ตินได้ยินเสียงนั้นก็ไม่ได้เพราะถ้าตินได้ยินคนอื่นก็จะได้ยินไปด้วย


เอาไงดีๆ


“หมอจะฉีดยาบำรุงนะครับ”


‘ห้ามฉีดนะ!’ผมตะโกนเสียงดังลั่น


‘ติน!...ห้ามให้ฉีดนะ!’


ทำไงดีเนี่ย?!


‘ขอล่ะได้ยินสียงของผมที!’


“ติน!!!”


เคร้ง!!


เสียงตะโกนของผมดังขึ้นเป็นรอบสุดท้ายพร้อมๆกับบานกระจกที่แตกละเอียดด้วยฝีมือของผมเอง...


ในเมื่อไม่ได้ยินก็ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อดึงดูดความสนใจ


“...แพน”เสียงพึมพำนั่นทำให้ผมหันไปมองคนบนเตียงที่บัดนี้เงยหน้าขึ้นมาเหมือนกับรู้ว่าผมอยู่ตรงไหน


“ห้ามฉัดยานะ!...มีคนเปลี่ยนยาข้างใน!”แม้ว่าผมจะรู้ว่าเสียงของตัวเองไม่สามารถไปถึงอีกฝ่ายได้แต่ก็มีแต่ต้องพยายามให้ตินรับรู้เท่านั้น


“...ว่าไงนะ”


“...”ผมถึงกับนิ่งเมื่อคำตอบกลับนั้นราวกับตินได้ยินสิ่งที่ผมพูด


“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย พวกเธอไปเรียกแม่บ้านมาทีสิ”หมอคนเดิมหันไปบอกกับพยาบาลด้านข้างที่ดูจะตกใจกับสถานการณ์อยู่พอสมควร


“ได้ค่ะ”


“งั้นเรามาฉีดยากันต่อดีกว่า...”


“ตินไม่ได้นะ!...ห้ามฉีดเด็ดขาดเลย!!”ผมตะโกนบอกอีกรอบ


“...ไม่ต้องฉีด”เสียงทุ้มของตินบอกกับหมอก่อนจะยกแขนตัวเองขึ้น


การกระทำนั้นทำให้หมอและเหล่าบอดี้การ์ดมองมาอย่างไม่เข้าใจ


“กาย”


“ครับคุณติน”คนถูกเรียกรีบขานอย่างรวดเร็ว


“เอายาพวกนี้ไปตรวจ”คำสั่งที่ได้รับทำเอาลูกน้องถึงกับอึ้งไปแต่ไม่นานยาทั้งสามหลอดก็ถูกหยิบขึ้น


“ถ้าจะตรวจก็สีเหลืองนะติน...ที่ถูกเปลี่ยนมีแค่สีเหลืองอันเดียว”ผมบอกอีกรอบ


“...สีเหลือง”


“ครับ?”กายชะชักก่อนจะหันมาหาตินอีกรอบ


“ตรวจแค่สีเหลืองพอ”คำสั่งของตินนั้นทำให้ผมเอะใจมากขึ้น


นี่เขาได้ยินเสียงผม?


ได้ยินจริงเหรอ


หรือว่าแต่เซ้นส์ดี


ยังไงกันแน่เนี่ย


“ติน!...ติน!...ติน!...”ผมตะโกนเรียกอีกฝ่ายพร้อมขยับเข้าไปนั่งบนตักอีกฝ่าย


“หมอก็ออกไปได้แล้ว”


“เอ่อ...แต่ยายังไม่ได้...”


“ออกไป”ตินย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่กดดันมากขึ้น


“...ได้ครับ”หมอลุกออกไปตามคำสั่งนั้น


“นี่ติน!...ไม่ยินผมจริงๆเหรอ?!!!”ผมยังคงตะโกนแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิม


หรือว่าไม่ได้ยิน


“จิม...นายก็ออกไปด้วย”ตินหันไปบอกบอดีการ์ดด้านข้าง


“แต่การที่กระจกแตกแบบนี้อาจเป็นฝีมือของ...”


“ไม่ใช่หรอก...ไปเฝ้าด้านนอกเถอะ”ตินตัดบทสิ่งที่จิมกำลังจะพูด


“...เข้าใจแล้วครับ”


“นี่ๆๆๆ...ติน...ติน...นี่คุณไม่ได้ยินผมจริงเหรอเนี่ย...แต่เมื่อกี๊ยังเหมือนได้ยินนี่...”


“นี่ตินนนน!!!!”ผมตะโกนลากเสียงยาวจนดวงตาสีฟ้าสดนั่นหรี่ลงเล็กน้อย


“...เสียงดังน่าแพน”คำตอบสั้นๆที่ได้ยินเรียกรอยยิ้มกว้างจากผมได้ในทันที


“คุณได้ยินผมแล้วนี่”ผมพูดด้วยความดีใจ


สุดยอดเลยๆๆ


ในที่สุดก็ได้ยินเสียงแล้ว


“อืม...เสียงเหมือนเด็ก”


“เด็กที่ไหนผมอายุมากกว่าคุณไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่านะรู้ไหม”ผมตอบกลับ


“แปลว่าแอ๊บเสียงเด็ก?”


“บ้าสิ...สื่อสารกันได้หน่อยนี่ก็จิกกัดกันเลยนะ”


“เปล่า...งั้นก็บอกเรื่องของนายมาสิ”


“บอกเหรอ...ก็ได้อยู่หรอกว่าแต่ไม่ตกใจเลยเหรอที่พูดคุยกับสิ่งที่มองไม่เห็นแบบนี้น่ะ”ผมถามกลับ


ที่รู้ว่าตินยังมองไม่เห็นผมก็เพราะว่าดวงตาสีฟ้าตรงหน้ายังไม่สะท้อนภาพผมเหมือนเดิม


“มันเลยคำว่าตกใจมาแล้ว...แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีวิญญาณที่พูดมากแบบนี้นะ”


“ผมไม่ใช่วิญญาณนะ”นี่ยังคิดว่าเป็นวิญญาณอีกเหรอเนี่ย


“ถ้าไม่ใช่แล้วเป็นอะไรล่ะ”อีกฝ่ายถามต่อ


เอาล่ะ...นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้อธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น


ก่อนจะเข้าเรื่องคงต้องแนะนำตัวกันหน่อย...


“ผมชื่อแพนเป็นเทพแห่งพฤกษาพึ่งเดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น...ยินดีที่ได้รู้จักนะติน”

...........................................................................................

สวัสดีค่า

มาต่อแล้ววว

พึ่งแต่งเสร็จสดๆร้อนๆเลยค่ะ

ในที่สุดพระเอกเราก็ได้ยินเสียงของแพนสักที

ตอนแรกกะจะยังไม่ให้ได้ยินแต่มือดันแต่งออกมาแบบนี้เลยเอาตามนี้ละกัน55

มีคอมเม้นท์บอกว่าอยากให้มาอัพอาทิตย์ละ2ตอน เราก็อยากอัพบ่อยแต่ประเด็นคือแต่ละตอนก็ค่อนข้างใช้เวลา เอาเป็นว่าหากแต่งเสร็จเร็วจะรีบมาอัพให้นะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจและทุกๆคอมเม้นท์

หวังว่าทุกคนจะชอบความน่ารักของแพนนะ

บ๊ายบาย

 :mew1:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่2♣} 14/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 14-05-2017 15:05:09
ชอบแนวนี้มากเลยมาต่ออีกไวๆนะคะจะรออ่าน o13
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่2♣} 14/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 14-05-2017 16:10:49
ในที่สุดตินก็ได้ยินเสียงแพนแล้ววว

ถึงจะยังไม่เห็นกันก็ตาม เย้ๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่2♣} 14/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-05-2017 22:28:04
แพนน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่2♣} 14/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 16-05-2017 19:30:54
น่ารักมากจริงๆแพนน่ารักที่สุด
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่2♣} 14/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 16-05-2017 20:18:58
อ่านแล้วลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบตอนค่ะ  ว่าตินจะได้ยินเสียงแพนมั้ย

เพราะแพนลงทุนขนาดนี้ น่าสงสารแย่ไปไหนจากตินไม่ได้เพราะแบ่งพลังให้

เรื่องนี้ก็ยังน่ารักมุ้งมิ้งอ่านแล้วยิ้มตามได้ เหมือนกับสรรค์สร้างรักนะค่ะ

จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่2♣} 14/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 18-05-2017 01:02:08
ท่านเทพแพนน่ารักมากกกกกกกก :katai2-1: :katai2-1:
รอตอนต่อไป
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่2♣} 14/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 18-05-2017 11:25:52
น่ารักมาก เทพแพนน่ารัก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่2♣} 14/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-05-2017 08:14:02
 :กอด1:
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่2♣} 14/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: penneeamoon ที่ 19-05-2017 13:16:27
อืออออ  แพนน่ารัก  มาต่อด่วนค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่3♣} 21/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 21-05-2017 20:47:51
สัมผัส{❤}ครั้งที่3



หลังจากแนะนำตัวเสร็จตินก็ดูมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยแต่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับแม่บ้านสองคนเดินเข้ามาทำความสะอาดเศษกระจกโดยมีพยาบาลสองคนเดินตรงมาหาตินที่มีสีหน้าไม่พอใจนัก


การถูกขัดบทสนทนาคงทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดล่ะมั้ง


“ขอโทษด้วยนะคะที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น...เดี๋ยวเราจะย้ายคุณไปอีกห้องค่ะ”เมื่อพูดจบพวกเธอก็เตรียมจะเข็นเตียงไป


“ไม่ต้อง...ฉันเดินไปเองได้”ตินพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วก้าวไปยังประตูแต่ในจังหวะที่จะออกไปดวงตาสีฟ้าสดหันเข้ามามองในห้องอีกครั้ง ริมฝีปากนั้นขยับเบาๆทำให้ผมสามารถอ่านได้ไม่ยาก...


‘แพน’


คือสิ่งที่ตินพึมพำ


ทำไมเรียกผมล่ะ


“เป็นอะไรติน”ผมไม่รู้ว่าตินเรียกทำไมแต่ก็ตัดสินใจลอยไปใกล้อีกฝ่ายแล้วยกมือลูบใบหน้านั่นเบาๆ


“...ตามมา”คำพึมพำดังขึ้นพร้อมกับตินที่ก้าวเท้าออกจากห้อง


ถึงไม่บอกก็ตามอยู่แล้วน่า


บอดี้การ์ดสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องตอนนี้เหลือแค่จิมคนเดียว พวกเราเดินตามพยาบาลที่นำไปจนถึงห้องบริเวณมุมตึกหมายเลข1020 พยาบาลเองก็เข้ามาทำแผลที่ยังไม่เสร็จจนเสร็จโดยมีเทพอย่างผมคอยมองอยู่ทุกการกระทำ


จากที่ดูปากแผลบริเวณหน้าอกสมานกันดีแล้วแม้จะมีแผลเป็นอยู่นิดหน่อยก็ตาม


“ถ้าเสร็จแล้วก็ออกไปสักที”เสียงทุ้มของตินดังขึ้นพลางจ้องไปยังพยาบาลสาวสองคนที่ไม่ยอมออกจากห้องทั้งๆที่ทำแผลเสร็จแล้ว


“เอ่อ...ถ้าคุณคนาธิปมีอะไรเรียกแจนได้นะคะ”พยาบาลคนแรกหันมาบอกเสียงใส


“เดี๋ยวสิ...แย่งกันแบบนี้ไม่ได้นะ...ถ้าชอบแบบเร้าใจเรียกออยได้นะคะ”พยาบาลคนที่สองเองก็ไม่น้อยหน้ารีบพูดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน


“คิก...พ่อคนเสน่ห์แรง”ผมพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาดังๆ


การกระทำของผมทำให้คิ้วสีดำนั่นกระตุกทันที


“ออกไปเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดและโมโหทำเอาพวกเธอรีบก้มหัวขอโทษแล้ววิ่งออกจากห้องไป


“เกิดอะไรขึ้นครับคุณติน”บอดี้การ์ดหน้าตี๋หรือจิมเดินเข้ามาหาเจ้านายตัวเอง


คงจะเห็นพวกพยาบาลวิ่งไปเลยเป็นห่วงล่ะมั้ง


“ไม่มีอะไร...อย่าให้ใครเข้ามาจนกว่าฉันจะสั่ง”


“ครับ”ขานรับเสร็จจิมก็กลับออกไปตามเดิม


บรรยากาศเงียบๆยิ่งเงียบขึ้นเมื่อผมไม่พูดอะไรเลยอย่างที่ทำเป็นประจำ การที่รู้ว่าตินได้ยินเสียงผมแล้วนั้นทำให้เวลาจะพูดอะไรต้องระวังหน่อย ไม่งั้นอีกฝ่ายคงรำคาญเพราะได้ยินเสียงผมจ้อไม่หยุดแน่


“แพน”


“...หื้ม?”ผมในชุดยูกาตะสีฟ้าลอยลงมานั่งบนตักตินเหมือนอย่างทุกครั้ง


“...”นอกจากจะเงียบแล้วยังจะขมวดคิ้วอีก


“มีอะไรเหรอติน”


เล่นเงียบแบบนี้ก็น่าสงสัยน่ะสิ


“ทำไมฉันได้ยินเสียงนายข้างหน้าล่ะ”


“ห๊ะ...ก็ผมนั่งอยู่บนตักคุณไง”ผมตอบกลับไป


แค่นี้น่าจะคิดได้นะ...ไม่เห็นต้องให้บอกเลย


“บนตัก?...ไม่เห็นรู้สึกเลย”


“ก็ไม่แปลกหรอกที่จะไม่รู้สึก...ผมทำให้ตัวเองไร้น้ำหนักเองแหละ”


“ทำได้?”


“ได้สิ...สำหรับเทพอย่างพวกเราไม่ใช่เรื่องอยากเลย”


“นี่ฉันต้องเชื่อนิทานหลอกเด็กพวกนั้นเหรอ”อีกฝ่ายยังคงถามกลับ


“หลอกเด็กที่ไหนกัน...เทพเจ้ามีอยู่จริงๆนะ”ผมเถียงขาดใจ


“งั้นก็ลองพิสูจน์หน่อยสิ”


“จะให้พิสูจน์อะไรนักหนาเล่า...แค่สิ่งที่ผมช่วยยังไม่พออีกรึไง”เอะอะก็เอาแต่ให้พิสูจน์ราวกับไม่เชื่อว่าผมมีตัวตน


น่าโมโห


“นายช่วยอะไรฉันกัน”


“เหอะ...นี่ไม่รู้รึไงว่าถ้าไม่ได้ผมช่วยยื้อชีวิตของคุณไว้ตอนนี้คุณได้ไปพบกับพระเจ้าแล้ว”ผมบอกออกไปอย่างไม่ปิดบัง


“ช่วยชีวิตฉัน?...นายเหรอ”ตินทำหน้าเหมือนไม่เชื่อซะทีเดียว


“ก็ใช่น่ะสิ...คุณคิดว่ามีมนุษย์คนไหนถูกยิงทะลุหัวใจแล้วยังมีชีวิตรอดได้รึไงถ้าไม่ได้เทพอย่างผมช่วยเอาไว้น่ะ”


“...ฉันไม่ขอให้ช่วย”


“ผมรู้”เรื่องนั้นผมรู้ดีเลยล่ะ


เพราะเขาไม่ขอผมถึงได้ช่วยไง


“งั้นทำไม...”


“...?”


“ทำไมต้องช่วยฉันด้วย”คำถามนั้นดังขึ้นพร้อมดวงตาสีฟ้าสดที่จ้องมา แววตานั่นสั่นระริกเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติเหมือนกับกำลังเก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้จนผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของตินเบาๆ


ผมไม่รู้ว่าเขามีเรื่องหรืออดีตอะไรในใจ...


แต่ที่สัมผัสได้คือเขาไม่ชินเวลาที่มีใครมาทำดีหรือห่วงแบบนี้


“เพราะคุณไม่ร้องขอที่จะมีชีวิตแต่กลับพูดว่าจะมีชีวิตอยู่...ดวงตาสีฟ้าของคุณมันตรึงให้ผมรู้สึกอยากช่วยเหลือในความกล้าและบ้าบิ่นนั่น...เหตุผลที่ช่วยก็มีเพียงแค่นี้”


“...นายช่วยทุกคนด้วยเหตุผลบ้าๆพวกนั้นเหรอ”ตินถามอีก


“อืม...ไม่รู้สินะ”


“หมายความว่ายังไง”


“ก็...คุณเป็นคนแรกที่ผมช่วยนี่นา”เป็นมนุษย์คนแรกที่ทำให้อยากช่วยจริงๆ


“...”ได้ยินแบบนั้นตินก็นิ่งไป


“เทพอย่างพวกเราไม่ได้ช่วยมนุษย์ไปซะทุกคนหรอกนะ”


“...ทำไม”


“เพราะการช่วยมนุษย์มันต้องแลกด้วยบางสิ่ง”ถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดแล้ว


“แลกด้วยบางสิ่ง...จะบอกว่าการที่นายช่วยฉันก็ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนงั้นสิ”


“เข้าใจถูกแล้ว”ผมตอบเบาๆ


“...สิ่งที่แลกคืออะไร”


“...”จะบอกดีไหมนะ


มาคิดอีกทีก็ไม่อยากให้ตินต้องมารับรู้ว่าผมต้องอยู่กับเขาไปตลอดอายุไข


มีเทพคอยตามติดจนกว่าจะตายคงไม่มีใครดีใจหรอก


“บอกมาแพน”อีกฝ่ายย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“...อิสระ”คิดอยู่สักพักผมก็บอกออกไป


“คืออะไร”


“ผมไม่บอกได้ไหม...ถ้ารู้มันอาจทำให้คุณไม่สบายใจนะ”อย่างที่พูดไปว่าไม่มีใครดีใจหรอกที่ทุกการกระทำของตัวเองมีคนมองอยู่น่ะ


ดีไม่ดีตินอาจจะไปจ้างหมอผีมาจัดการผมก็ได้ใครจะรู้


“ไม่สบายใจ...หมายความว่าเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับตัวฉันสินะ”


“...”คำพูดนั่นทำให้ผมเงียบไป


จะจับใจความได้ดีเกินไปแล้วนะติน


“อย่าเงียบแพน...บอกมาก่อนที่ฉันจะหามันด้วยตัวเอง”


“คุณพูดเหมือนจะหาได้ง่ายๆงั้นแหละ...ผมบอกเลยว่าไม่มีทางที่จะหาได้ถ้าผมไม่ได้เป็นคนบอกเอง”เรื่องการแลกเปลี่ยนนี้มีแค่ในหมู่เทพอย่างเราเท่านั้นที่รู้เรื่องดังนั้นไม่มีทางที่ตินจะหาความจริงนี้มาได้แน่ๆ


ผมขอฟันธงให้ขาดเป็นร้อยท่อนเลย


“...ในเมื่อมันเกี่ยวกับตัวเองฉันก็สิทธิที่จะรู้ไม่ใช่?”คนบนเตียงยังคงพยายาม


“ก็ใช่...แต่ว่านะ...นี่อยากรู้ขนาดนั้นเลยเหรอติน”ผมถามกลับ


“ไม่อยากแล้วจะถามทำไม”


“แล้วจะย้อนทำไมผมแค่ถามดีๆ”ผมย้อนกลับบ้าง


“ถ้าไม่ย้อนแล้วจะยอมบอกไหมล่ะ”


“...ชิ...อยากรู้นักจะบอกก็ได้”ถึงจะไม่แน่ใจแต่ก็คงไม่เป็นไร


“ว่ามาเร็วๆ”


เพี๊ยะ


“เร่งอะไรนักเนี่ย”ผมบ่นก่อนฟาดมือลงบนหน้าขาของตินแรงๆ


“...เจ็บนะ”คนบนเตียงบอกด้วยสายตาโกรธๆ


“สมควร...เอาล่ะ...เข้าเรื่องเลยละกัน...ที่บอกว่าแลกเปลี่ยนกับอิสระคือผมต้องอยู่กับคุณไปจนกว่าจะหมดอายุไข”


“...แค่นี้เหรอ”


“ห๊ะ?!”คำถามนั้นเหมือนกับจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆที่ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้สักนิด


“ถ้าแค่นั้นก็ไม่เป็นปัญหา”


“ไม่เป็นปัญหาเหรอ นี่ไม่รู้สึกไม่พอใจบ้างเลยเหรอ แบบว่าอยู่ๆก็มีอะไรก็ไม่รู้ มองก็ไม่เห็นมาบอกว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนกว่าจะตาย...จนกว่าจะตายนะตินไม่ใช่วันพรุ่งนี้! คิดหน่อยสิว่าผมสามารถมองคุณได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นเข้าห้องน้ำ ช่วยตัวเอง แคะขี้มูกหรือเกาตูดน่ะ!”ผมตะโกนออกไปอย่าลืมตัว


“...เป็นโรคจิตงั้นสิ”


“ไม่ใช่เฟ้ย...แค่พูดให้เห็นภาพเฉยๆ”


“เห็นภาพเลยล่ะ...แต่ไม่ห่วงฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกและถึงทำคนที่มองคนอื่นทำก็ดูแย่กว่าคนถูกมองนี่นะ”


“...อะ...”เทพอย่างผมถูกมนุษย์สวนกลับจนพูดไม่ออก


ให้ตายสิ


พึ่งพูดกันได้ไม่ถึงวันก็ดูจะคุยกันถูกคอซะเหลือเกิน!


“สรุปง่ายๆคือการที่ช่วยชีวิตมนุษย์ทำให้นายต้องอยู่กับฉันไปตลอดจนกว่าจะตายสินะ”นอกจากจะไม่สนใจกันยังสรุปเอาเองอีก
ถึงจะสรุปถูกก็เถอะ


“เฮ้อ...ตามนั้นแหละ...คุยกับคุณแล้วเหนื่อยชะมัด”ผมพูดพลางยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีเขียวเข้มของตัวเองขึ้นอย่างลวกๆ


“คิดว่าฉันไม่เหนื่อยรึไงล่ะ...ตั้งแต่ตื่นมาก็ถูกอะไรก็ไม่รู้ป่วนกันได้ทุกวี่วัน”ไม่ต้องถามก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงผมอยู่แน่นอน


“ก็มันเบื่อนี่นา...การอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครคุยด้วยมันเหงานะ”


“...มันก็แค่ความรู้สึก”


“ติน...”ผมมองคนตรงหน้าที่มองมาด้วยสายตาเย็นชาเหมือนมีอดีตอะไรสักอย่าง


หลังจากนั้นตินก็เงียบไปผมเลยได้แต่มองหน้าเขาเงียบๆแบบนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว...ชามข้าวต้มร้อนๆถูกวางไว้จนเย็นชืดโดยไม่มีการแตะแม้แต่ช้อน


ใบหน้านั้นดูเครียดมาก...คำพูดผมมันปลุกอดีตอะไรขึ้นมากันนะ


“ติน...กินอะไรหน่อยเถอะ”ผมบอกเสียงเบา


“...ยังนั่งอยู่ตรงนี้อีกเหรอ”อีกฝ่ายตอบก่อนจะหันหน้ามามองตามเสียง


“อืม...อย่าเครียดสิเลย”พูดจบผมก็เอื้อมมือไปลูบระหว่างคิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดติดกัน


การกระทำของผมดูเหมือนจะทำให้ตินผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยเพราะคิ้วที่ขมวดชิดกันค่อยๆคลายตัวออก...เห็นแบบนั้นผมก็ยิ้มออกมาบ้าง


ดีแล้ว


อย่างทำหน้าเครียดแบบนั้นเลย


“ไม่กินเดี๋ยวหิวนะ”ผมบอกอีกรอบ


“แล้วนายไม่หิวรึไง...จะว่าไปเทพนี่กินอะไรล่ะ”


“อืม...ก็กินอาหารมนุษย์ได้ปกตินะแต่ถึงไม่กินก็ไม่หิวหรอก”ผมตอบไป


“ไม่กินแล้วเอาพลังงานมาจากไหนกัน”


“เอามาจากการอาบแสงอาทิตย์ในทุกๆเช้าไง”ยิ่งเช้าบางวันที่อากาศดีๆนะพลังจะเต็มเปี่ยมเลย


“สังเคราะห์แสงสินะ”ตินสรุปตามที่ตัวเองเข้าใจ


“ประมาณนั้นแหละ...ผมน่ะไม่เป็นไรถ้าไม่กินแต่คุณน่ะต้องกินนะ”


“ทำไมต้องเป็นห่วงด้วยถ้าฉันไม่กินก็จะได้ตายเร็วๆนายจะได้เป็นอิสระเร็วไง...ไม่ดีรึไง”


เพี๊ยะ!


“ถ้าผมอยากให้คุณตายก็ปล่อยคุณจมกองเลือดไปตั้งนานแล้ว!!”ผมตะโกนกลับไปพร้อมกับตบที่แก้มของตินจนเกิดรอยแดง


“ตบทำไม...ฉันก็แค่พูดเล่น”คนถูกตอบถึงกับส่งสายตามาอย่างเคืองๆ


“ถึงแบบนั้นก็ห้ามพูด”


“รู้แล้ว...ฉันไม่คิดจะตายอยู่แล้ว”


“งั้นก็กินข้าวต้มสิ”สุดท้ายผมก็วกมาเรื่องนี้จนได้


“...”คนบนเตียงทำหน้าบึ้งแสดงความไม่พอใจอย่างรวดเร็ว


“ถึงเบื่อก็ต้องกิน”พูดจบผมก็จัดการคว้ามือของตินไว้แล้วดึงให้มาจับช้อนแต่คนถูกดึงก็ไม่ยอมง่ายๆแถมยังยื้อแขนตัวเองไว้จนสุดความสามารถจน...


เพร้ง!


ระหว่างที่ยื้อแขนกันไปมาศอกของตินก็ปัดไปโดยชามข้าวต้มจนตกลงไปแตกละเอียดด้านข้างเตียงเสียงดังลั่น ดวงตาสีฟ้าสดของเขาหรี่ลงอย่างไม่พอใจนัก


“ไม่ใช่ความผิดผมนะ”ผมรีบพูด


“จะบอกว่าความผิดฉันงั้นสิ”


“ก็...คนที่ทำตกมันคุณนี่”


“ถ้าไม่ดึงแขนฉันไว้ก็คงไม่ตกแตกหรอก”


“ก็ถ้ายอมกินแต่แรกผมก็ไม่ดึงแขนคุณหรอก”


“แพน...”


แกร็ก


“คุณตินเกิดอะไรขึ้นครับ”เสียงเปิดประตูดังขึ้นขัดบทสนทนาของพวกเรา บอดีการ์ดหน้าตี๋เดินเข้ามาภายห้องคนและขมวดคิ้วเมื่อเห็นชามข้าวต้มตกแตกอยู่ข้างเตียงโดยที่ใบหน้าของเจ้านายตัวเองมีรอยฝ่ามือแดงๆประทับอยู่


“จัดการเองละกัน”ผมพูดพร้อมยกยิ้มขึ้นก่อนจะเลยไปตบไหล่ของคนบนเตียงเป็นการปิดท้าย


“...”ตินถึงกับส่งสายตาเคืองๆมาให้แต่ผมไม่สนใจเสียงนั่นลอยขึ้นมาอยู่มุมบนของเพดานคอยสังเกตเหตุการณ์ข้างล่างว่าเขาจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้กัน


“คุณติน...เกิดอะไรขึ้นครับ”จิมถามย้ำโดยมองไปยังชามข้าวตกที่ตกแตกอย่างระแวง


“ไม่มีอะไร”


“คิก...ใครจะเชื่อคำโกหกนั่นกัน”ผมถึงกับหลุดขำออกไป นั่นทำให้ดวงตาสีฟ้าเงยขึ้นมามองเล็กก่อนจะหันกลับไปตามเดิม


“แต่ชามนั่น...”


“ฉันทำตกเอง”ตินยอมรับด้วยใบหน้านิ่งๆ


“คุณตินไม่ใช่คนไม่ระวังแบบนั้นนี่ครับ”


“...เรียกแม่บ้านมาเก็บกวาดก็พอ”ดูเหมือนตินไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้วเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง


“แต่ว่า...”


“ทำตามที่บอกจิม”เมื่อตินเอ่ยเสียงสั่งคนที่ฟังก็คงตอบอะไรไปไม่ได้นอกจาก...


“...ครับ”


จากนั้นไม่นานแม่บ้านหน้าเดิมที่พึ่งกวาเศษกระจกแตกก็เข้ามาทำความสะอาดพลางเหล่มองเจ้าของห้องซึ่งก็คือตินด้วยสายตาเคืองๆ...ก็นะในวันเดียวเล่นสร้างความเสียหายสองครั้งติดไม่เคืองก็แปลก


เช้าวันต่อมาอาหารคนป่วยถูกนำมาเสิร์ฟเหมือนอย่างปกติแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ชามข้าวต้มอย่างที่เจอมาตลอด...ข้าวสวยร้อนๆกับต้มจืดหมูสับที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้ตินดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก


“ดีใจด้วยที่วันนี้ไม่ใช่ข้าวต้ม”ผมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มกลั้นขำ


ถ้าวันนี้ยังเป็นข้าวต้มอีกผมรู้เลยว่าตินจะทำหน้าหงิกแน่


หงิกอย่างเดียวยังไม่พออาจต้องเพิ่มคำว่าสุดๆเข้าไปด้วย


“เสียงเหมือนกำลังกลั้นขำนะแพน”ตินตอบกลับ


“รู้ทันจริงนะ”


แค่ได้ยินเสียงยังรู้ขนาดนี้ถ้ามองเห็นขึ้นมาคงไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้วล่ะ


“เดาไม่อยากนี่”


“พูดเหมือนเรารู้จักกันมานานงั้นแหละ”ผมย้อนถาม


พึ่งคุยกันได้แค่วันเดียวเองนะติน


“ฉันมันพวกมองคนเก่ง”


“ยังมองไม่เห็นกันสักหน่อย”


“ก็ทำให้เห็นสิ”


“อย่าพูดอะไรง่ายๆน่าติน...ถ้าอยากเห็นก็...”


แกร็ก


“คุณตินครับ”เสียงของบอดี้การ์ดหน้าเข้มชื่อกายเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเครียดๆ


ผมที่เห็นมนุษย์เดินเข้ามาก็ลอยไปอยู่ด้านบนพลางแอบฟังบทสนทนาด้านล่างด้วยความสนใจ


“เรื่องยาที่ให้ไปตรวจสินะ”ตินไม่ถามแต่พูดขึ้นเหมือนรู้อยู่แล้วว่าบอดี้การ์ดตัวเองจะมารายงานเรื่องอะไร


“ครับ...ยาสีเหลืองถูกเปลี่ยนจากวิตามินเป็นพิษชนิดร้ายแรงที่แค่ฉีดเพียงนิดเดียวก็สารมารถฆ่าคนได้ทันทีครับ”คำอธิบายนั้นทำให้ผมที่ฟังถึงกับอ้าปากค้าง


ก็รู้ว่ามีคนคิดฆ่าตินแต่ถึงขนาดต้องใช้พิษร้ายแรงเลยเหรอ


“ตินนี่มันเรื่องอะไรกัน”ผมถามทั้งที่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายไม่มีทางบอกอะไร


“หึ...เล่นกันแบบไม่เลือกวิธีการเลยสินะ”แทนที่ตินจะตกใจกลับมีท่าทางที่ดูสนุกมากกว่ากลัว


“ครับ...ช่วงนี้คุณตินต้องระวังตัวนะครับ...อีกไม่กี่วันก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้วด้วย”


“อืม...คงต้องระวังให้มากหน่อย”


“แล้วก็คุณหญิงกรรณิกาโทรมาถามอาการคุณตินด้วยครับ”ชื่อของผู้หญิงที่ไม่เคยได้ยินทำให้ผมรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ


ถ้าเป็นคุณหญิงแปลว่าคงเป็นแม่ของติน


“เหรอ”


“ครับ...คุณหญิงบอกว่าเป็นห่วงคุณตินมากแต่เพราะติดภารกิจกับคุณชายอยู่เลยไม่สามารถกลับมาเยี่ยมได้”


“อืม...เห็นว่าอยู่ฝรั่งเศสนี่”


“ใช่ครับ...จะกลับในอีกสองวันเพราะงั้นคุณหญิงกรรณิกาเลยบอกว่าถ้าคุณออกจาโรงพยาบาลแล้วให้กลับบ้านด้วยน่ะครับ”กายพูดต่อ


“ให้กลับแปลว่าคินกลับมาด้วยสินะ”


“ใครคือคินเหรอติน?”ปากผมพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว


“ครับ”


“เข้าใจแล้ว...ออกไปได้กาย”


“ครับ”กายขานรับก่อนจะเดินออกไปเฝ้าหน้าห้องตามเดิม


“มีอะไรอยากถามก็ว่ามา”ตินเหมือนจะรู้ทันเพราะทันทีที่ประตูปิดผมก็เตรียมจะอ้าปากถามแต่ถูกอีกฝ่ายตัดหน้าพูดก่อน


“ถามได้หมดเลยเหรอ”ผมถามพลางนับนิ้วตัวเอง


มีเรื่องอยากถามอยู่เยอะไปหมดเลย


“ลองพูดมาก่อนละกัน”


“งั้นๆ...คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคิดจะฆ่าตัวเองน่ะ”


“รู้สิ”ตินตอบพร้อมกับหรี่ตาลง


“ใครเหรอ”ผมถามต่อด้วยความอยากรู้


“ไม่บอก”พูดจบตินก็ยกยิ้มขึ้น


คิดจะแกล้งกันสินะ


“ชิ...”


“คำถามต่อไป”


“ไม่บอกแล้วจะให้ถามทำไมกัน”ผมบ่นอุบอิบ ถ้าตินสามารถเห็นได้คงจะเห็นผมนั่งเบะปากอยู่แน่นอน


“งั้นจะไม่ถาม...”


“ถามสิ”ผมรีบตอบทั้งที่อีกฝ่ายยังถามไม่จบ


“ก็ว่ามา”


“ใครคือคิน”นี่ก็เป็นอีกคำถามที่ผมอยากรู้


“น้องชายฉัน”


“มีน้องชายด้วย...หน้าตาเหมือนคุณไหม”


“ไม่รู้สิ...อยากเห็นก็ไปดูเอง”


“โหย...ขี้งก”สรุปที่ถามมานี่ผมได้คำตอบอะไรกลับมาบ้างเนี่ย


“ยังไงนายก็ตามฉันกลับบ้านอยู่แล้วนี่...หรือไม่ใช่”ตินถามกลับ


“ก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่”


“...ฉันไม่ใช่พวกคุยเก่ง”อยู่ๆตินก็เปลี่ยนเรื่อง


“อืม...จากที่มองก็ใช่”


“แต่ถ้าแค่ฟังเทพองค์นึงพล่ามก็ไม่มีปัญหา”


“ห๊ะ?...ใครพล่ามกัน”นี่กำลังพูดถึงผมอยู่สินะ...


ผมเข้าใจถูกแล้วแน่ๆ


“ไม่อยากคิดเลยว่าตลอดหลายอาทิตย์ที่ฉันไม่ได้ยินเสียงนายจะพูดมากขนาดไหน”


“มากกว่าที่ตินคิดละกัน”ผมตอบพร้อมยกยิ้มขึ้น


รับรองว่าถ้าตินสามารถได้ยินสิ่งที่ผมพูดได้เขาไม่มีทางพักผ่อนจนหายในไม่ช้าแบบนี้แน่นอน


ขนาดผมยังรู้เลยว่าตัวเองพูดมากขนาดไหน


“...ดีแล้วที่พึ่งได้ยิน”


“แต่หลังจากนี้คุณจะได้ยินไปตลอดชีวิตเลยนะ”ผมย้ำอีกรอบ


“อืม...การได้ฟังเสียงนายก็ไม่ได้แย่อะไร...”ตินพึมพำเสียงเบาแต่ก็ไม่อาจเล็ดรอดหูผมไปได้


“จริงเหรอ”ผมถึงกับยิ้มหน้าบานที่ได้ยิน


แบบนี้หมายความว่าผมสามารถพูดได้ตลอดเวลาใช่ไหม


“...ถ้าไม่พูดทั้งวัน”ประโยคสุดท้ายทำเอารอยยิ้มที่มีหุบลงอย่างรวดเร็ว


“ติน!”


“หึ...ใบหน้าตอนนี้ถ้าให้เดาคงกำลังอมลมอยู่ในแก้มแน่ๆ”ตินพูดพร้อมยกยิ้มขึ้น


“...ผิดแล้ว”ลมที่อมอยู่เป่าทิ้งก่อนจะตอบกลับไป


ขนาดไม่เห็นยังทายถูก...จะเก่งเกินไปแล้ว


“เอาที่สบายใจเลยครับท่านเทพ”น้ำเสียงไม่จริงใจนั่นทำให้ผมถึงกับคิ้วกระตุก


“น้ำเสียงหาเรื่องกันนี่”


“เปล่า”


“คุณนี่นะ”


“...นายควรดีใจนะ”


“ดีใจอะไร”ดีใจที่ถูกมนุษย์กวนโอ๊ยงั้นรึไง


“อีกไม่กี่วันนายก็จะได้เห็นที่อื่นที่ไม่ใช่โรงพยาบาลแล้ว”


“...จริงด้วย”อีกไม่กี่วันแล้วนี่นา


ถ้าตินออกจากโรงพยาบาลผมก็จะได้เห็นสิ่งต่างๆที่อยากเห็นมากมาย


แค่คิดว่าจะได้เดินอยู่ท่ามกลางแสงแดดตามถนนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา


อีกไม่กี่วันเท่านั้น


รอหน่อยนะ

...

สวัสดีค่า

มาอัพต่อแล้วว

มีใครรออ่านอยู่บ้างไหมเนี่ยยย

วันนี้เราพึ่งกลับจากอบรมเลยมาอัพดึกไปนิด ตอนแรกเลยกะจะอัพวันจันแต่คิดไปคิดมาอัพเลยดีกว่า

ยิ่งแต่งยิ่งรู้สึกเหมือนเทพองค์นี้ช่สงเด็กซะเหลือเกิน 55

เป็นคาแรกเตอร์แบบที่ไม่เคยแต่งมาก่อน

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่3♣} 21/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 21-05-2017 21:19:11
เทพแพนน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่3♣} 21/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 21-05-2017 21:48:13
เรารออยู่ อยากให้ถึงวันจันทร์เร็วๆอีกจัง  :katai1: :katai1:
เทพแพนน่ารัก
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่3♣} 21/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 21-05-2017 22:04:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่3♣} 21/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-05-2017 23:18:11
แพนมีความซนมากอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่3♣} 21/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 21-05-2017 23:21:27
ใกล้จะได้กลับบ้านแล้ววว

ขนาดยังไม่เห็นกันนะเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่3♣} 21/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-05-2017 22:28:33
ติณขี้แกล้งอิอิ
รอตอนต่อไปนะค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่3♣} 21/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Matia ที่ 26-05-2017 23:43:08
ชอบมากๆๆๆค่ะ ติดตามทุกเรื่องเลย
รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่3♣} 21/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 28-05-2017 00:12:36
น่าติดตามค่าาา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่3♣} 21/05/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 28-05-2017 00:38:23
สนุกมากกกกกกกกกก อ่านเพลินเลย
รู้ตัวอีกทีก็จบแล้ว
แพนน่ารักจัง เป็นเทพที่ดูซนๆ5555555
ชอบตอนที่ดินขอโทษ มันน่ารักมากเลย
อยากอ่านตอนออกจ่กโรงบาลจัง
คราวนี้แพนคงได้เที่ยวเล่นสมใจ
แต่คงมีบางคนปวดหัวเพราะหาไม่เจอ555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่4♣} 28/05/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 28-05-2017 14:03:39
สัมผัส{❤}ครั้งที่4



แสงอาทิตย์สีเหลืองส่องสว่างเข้ามาในห้องเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ที่เทพอย่างผมรอคอยมาตลอด...ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้ว...


“ตินๆๆๆๆ...ตื่นเร็วๆๆ”ผมส่งเสียงดังปลุกคนบนเตียงที่นอนเอาผ้าห่มคลุมทั้งหัวพร้อมกับเขย่าร่างนั้นแรงๆ


“...หยุดเขย่า...ฉันจะนอน”คนยังตื่นไม่เต็มตาบ่นแล้วถกผ้าห่มที่ถูกดึงคลุมหัวอีกครั้ง


“ตินนน...ตื่นเถอะนี่6โมงแล้วนะ”


“...ว่าไงนะ”ตินถามเสียงแข็งก่อนจะปรือตาสีฟ้าสดขึ้นมาข้างนึง


“6โมงแล้วนะ...วันนี้คุณออกโรงพยาบาลนี่”ผมไม่สนใจท่าทางไม่สบอารมณ์นั่น


ตอนนี้รู้แค่ว่าจะได้ออกไปข้างนอกโรงพยาบาลสักที


“แพน”


“หื้ม?”


“นายก็เห็นว่าฉันพึ่งนอนไปเมื่อตี3นี่เอง”


“อืม”ผมพยักหน้าตอบ...เมื่อคืนตินนั่งทำอะไรสักอย่างผ่านโน้ตบุ๊กที่กายยกเข้ามาให้


พอถามก็บอกว่าทำงานซึ่งผมก็ไม่รู้ว่างานที่ว่าคืออะไร...เท่าที่เห็นก็มีแต่นั่งอ่านพร้อมขมวดคิ้วจนติดกันแค่นั้น


“รู้แบบนั้นแล้วยังจะปลุกกันอีกเหรอ”


“ก็วันนี้...”


“ขอฉันนอนต่ออีกสัก3ชั่วโมง”ตินไม่ยอมฟังผมพูดประโยคด้วยซ้ำ พอพูดจบเขาก็จัดการพลิกตัวแล้วนอนต่อจนคนมองอย่างผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ


ถึงจะอยากบ่นแต่ก็เข้าใจว่ามนุษย์จำเป็นต้องพักผ่อนเพื่อเพิ่มพลังงาน


ผมเองก็มีหลับบ้างแต่ถึงไม่หลับก็ไม่มีปัญหาต่อการนำเนินชีวิต


“เฮ้อ...ฝันดีละกันติน”ผมวางมือลงบนเส้นผมสีดำสนิทพร้อมลูบเบาๆ


น่าแปลกนิดๆที่ตินไม่ได้หันหน้ามาส่งสายตาเคืองๆให้อย่างที่คิด


ผมปล่อยให้คนบนเตียงหลับอย่างสบายโดยไม่ก่อกวนแม้จะรู้สึกว่างมากก็ตาม...ถึงจะอยากลงไปยังสวนของโรงพยาบาลด้านล่างแต่คิดว่าแค่3ชั่วโมงเอง...


รอมาเกือบเดือนกับแค่3ชั่วโมงทำไมจะรอไม่ได้


ทันทีที่ครบ3ชั่วโมงผมก็เตรียมเอื้อมมื้อไปปลุกแต่ยังไม่ทันได้แตะร่างของตินก็ขยับเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง ดวงตาสีฟ้าสดลืมขึ้นเต็มตาโดยที่ไม่มีความง่วงเหลืออยู่เหมือนเมื่อ3ชั่วโมงก่อน


“นี่คุณมีนาฬิกาปลุกอยู่ในร่างเหรอ”ผมเอ่ยถามทันที...เล่นตื่นพอดีเวลาที่บอกไว้เป๊ะมันน่าสงสัยจะตายไป


“แล้วนายมีรึไง”


“ถึงจะเป็นเทพก็ไม่มีของแปลกแบบนั้นอยู่หรอกน่า”


“เทพยังไม่มีแล้วมนุษย์จะมีได้ยังไง”คำกวนแรกของเช้าวันใหม่ทำเอาผมอยากจะกดหัวให้อีกฝ่ายหลับต่ออีกสักครึ่งวันจริงๆ


ตื่นมาก็กวนกันเลยนะ


“กวนกันจริงนะ”


“ใครล่ะที่กวนก่อน”คนบนเตียงย้อนถาม


“ก็แค่แปลกใจที่ตื่นตอนครบ3ชั่วโมงพอดีเป๊ะแบบนั้น”


“ฉันเป็นคนตรงต่อเวลา”


“มันใช่คำตอบที่ไหนกัน!”ผมตะโกนอย่างหัวเสีย


“อารมณ์เสียแต่เช้าเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก”ตินพูดต่อ


“แก่ไม่เท่าคนบนเตียงละกัน”


“...”ดวงตาสีฟ้าสดตวัดมามองอย่างไม่พอใจทันทีที่ได้ยิน


“โอ๊ะ...แทงใจดำละสิ...โอ๋ๆอย่างคิดมากไปเลยหน้าตาคุณก็ดีอยู่แค่เหมือนคนอายุประมาณ50ปลายๆเอง”ผมหยอกต่อทั้งๆที่ความจริงตินไม่ได้แก่ขนาดนั้นหรอก ใบหน้าคมหล่อได้รูปนั่นดูยังไงก็เหมือนคนอายุ30ต้นๆเท่านั้น


แต่ไหนๆก็ถูกกวนมาเลยขอกวนกลับสักหน่อยเถอะ


ให้รู้ซะบ้างว่าอย่ามาเล่นกับเทพ


“แพน!...อยากโดนรึไง”ตินกัดฟันแน่นเหมือนไม่พอใจอย่างแรงกันสิ่งที่ได้ยิน


“อะไร...คุณจะทำอะไรผมได้เหรอแค่มองยังไม่เห็นเลย”


“แพน!...”


แกร็ก!


“ครับคุณติน?”เสียงเปิดประตูพร้อมบอดีการ์ดหน้าเดิมทั้งสองคนเดินเข้ามาภายในห้อง


เสียงของตินดูจะดังจนคนหน้าห้องสงสัยเลยเดินเข้ามาดูให้แน่ใจ


“สถานการณ์น่าสนุกเนอะ”ผมยกยิ้มก่อนจะลอยไปจิ้มแก้มตินเล่นคอยดูสถานการณ์สนุกๆตรงหน้า


“ไม่มีอะไร”ตินบอกบอดี้การ์ดสองคนด้วยใบหน้านิ่งๆ


“แต่เราได้ยินคุณพูดอะไรสักอย่างนะครับ”กายบอกพลางหันไปมองบอดีการ์ดอีกคนที่อยู่ข้างๆ


“ใช่ครับ...รู้สึกจะเรียกว่าแพน?...มีอะไรรึเปล่าครับ”จิมพูดเสริม


“คิก...เอาไงละติน”ผมถึงกับหลุดขำออกมาเลย


เล่นพูดเสียงดังแบบนั้นไม่แปลกที่ทั้งคู่จะได้ยิน


“...ฉันอยากกินแพนเค้ก”


“...”คำตอบจากคนบนเตียงทำให้ทุกอย่างรอบตัวเงียบกริบราวกับอยู่ในวังวนแห่งความสบสน


แม้แต่ผมเองยังอึ้งเมื่อได้ยินการแถแบบนั้น


“อุ๊บ...คิก...”ผมรีบยกสองมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่นเพื่อไม่ให้เสียงกลั้นขำที่หลุดออกไปมากกว่านี้


“เอ่อ...คุณตินอยากกินแพนเค้ก?”กายที่ตั้งสติได้คนแรกก่อนถามกลับอย่างไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่ได้ยินมันถูกต้องรึเปล่า


“...อืม”ตินนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้า


“...แต่คุณตินไม่ชอบพวกของหวานนี่ครับ”กายยังคงพูดต่อแม้สายตานั้นจะเหล่ไปมองจิมที่ยินอยู่ข้างๆเป็นเชิงของความเห็น


“...ไปเอาแพนเค้กไม่หวานมาซะ”ทำสั่งง่ายๆที่ดูไม่ง่ายเลยหลุดออกจากปากของเจ้านายทำเอาบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนงงอยู่ยิ่งงงมากกว่าเดิม


“แพนเค้กไม่หวานมันก็ไม่เรียกแพนเค้กสิติน”ผมบอกออกไปด้วยรอยยิ้มกลั้นขำ


“...เข้าใจแล้วครับ...พวกเราจะไปหามาให้”แม้กายจะงงไม่หายแต่ก็ตอบรับก่อนจะพาจิมที่ยังทำหน้าเหวอออกไปด้วย


ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแพนเค้กที่ถูกจัดใส่จานอย่างสวยงามโดยมีทั้งไส้กรอก แฮมและผักต่างๆวางอยู่รอบแผ่นแพนเค้กสีทองอร่าม กลิ่นหอมของอาหารตรงหน้าทำเอาผมกลืนน้ำลายไปหลายเอื๊อก


น่าอร่อยจัง


“ขอบใจ”ตินพูดกับจิมที่วางจานลงบนโต๊ะให้


“ครับ...ถ้าต้องการอะไรเรียกพวกเราได้นะครับ”


“อืม...ไปเตรียมรถไว้เลยละกัน”ตินพูดต่อ


“ได้ครับ”ขานรับจบบอดี้การ์ดหน้าตี๋ก็เดินออกไปตามเดิม


ผมที่อยู่ในชุดยูกาตะสีฟ้าคาดน้ำเงินลอยตัวมานั่งปลายเท้าตินมองดูว่าแพนเค้กตรงหน้าจะอร่อยเหมือนกลิ่นที่หอมฉุยนี่ไหมแต่ผ่านไปหลายนาทีตินก็ไม่มีทีท่าจะแตะแพนเค้กตรงหน้าสักที...


เอาแต่อ่านอะไรก็ไม่รู้อยู่ในโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่สั่งกายไปซื้อให้เมื่อเย็นวาน


“ไม่กินเหรอติน”ผมเอ่ยถาม


“...ฉันไม่ชอบของหวาน”


“แต่กลิ่นมันหอมน่ากินมากเลยนะ”


“...”ตินไม่ตอบคำถามเอาแต่ทำหน้านิ่งจนผมต้องถามต่อ


“ติน...ไม่ชอบแล้วสั่งมาทำไมล่ะ”


“คิดว่าเพราะใครกันล่ะที่ทำให้ฉันต้องสั่งน่ะ”ตินพูดอย่างเคืองๆพลางเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ในมือ


“จะบอกว่าเพราะผมเหรอ”


“ก็รู้ตัวนี่”


“คนที่ผิดคือคุณที่ตะโกนเสียงดังเองนะ”


“จะบอกว่าคนที่กวนคนอื่นตั้งแต่ยังไม่ตื่นไม่ผิดงั้นสิ”


“ไม่ได้กวนสักหน่อย”


“เอาเถอะ...ขืนเถียงต่อคงไม่จบแน่...ฉันไม่กินหรอกนายจะกินก็กินเลย”คำถามนั้นทำให้ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเปล่งประกายขึ้นมาทันที


“ได้เหรอ”ผมกินจริงนะบอกเลย


“อืม”


“งั้นขอกินนะ”เมื่อได้รับอนุญาตส้อมด้ามเงินก็ถูกหยิบขึ้นก่อนจะจัดการตัดแพนเค้กยกเข้าปากชิ้นใหญ่โดยมีดวงตาสีฟ้าของตินคอยมองอยู่


“อื้มม...อร่อยจัง”รสชาติของแพนเค้กที่ไม่หวานจนเลี่ยนเข้าคู่กับแฮมและผักด้านข้างเป็นอย่างดี


อร่อยสุดๆ


“นี่กินแล้ว?...ฉันเห็นแค่ส้อมที่วางอยู่กับอาหารบนจานหายไปเท่านั้นเอง...คงไม่ได้กินส้อมไปด้วยหรอกนะ”คนตรงหน้าถามพร้อมกับขมวดคิ้วสีดำสนิทเข้าหากันจนแน่น


“ใครจะกินส้อมกัน”


“ก็เห็นมันหายไปนี่”


“ผมใช้ส้อมตักแพนเค้กหรอก”


“ทำไมฉันมองไม่เห็นล่ะ”ตินถามต่อ


“คุณไม่ได้อยากที่จะเห็นผมน่ะสิ”ผมตอบกลับ


“...ต้องอยากที่จะเห็นด้วย?”


“ใช่...การจะเห็นเทพอย่างพวกเรามันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะค่อยๆเป็นค่อยๆไปเถอะ”อธิบายจบแพนเค้กคำต่อมาก็ถูกตักใส่ปากอีกรอบ


“งั้น...”


“ไม่พูดแล้ว...คุณก็ลองกินหน่อยสิ...อร่อยจริงๆนะ”ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะยังไม่อยากบอกอะไรมากเกินไป


การอยู่แบบที่ตินมองไม่เห็นมันดีอยู่แล้ว...


ที่ว่าดีหมายถึงดีต่อตัวเขาเอง


ถ้าเกิดตินมองเห็นขึ้นมาแปลว่าเขาจะเห็นผมไปตลอด...จะเห็นว่าผมลอยอยู่ข้างๆเขาในทุกๆที่ไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม ไม่ว่าใครก็คงไม่ชอบที่มีใครตามติดขนาดนั้น...


ตอนนี้ตินอาจไม่รำคาญเพราะรับรู้ได้เพียงแค่เสียง


ถ้าเกิดเห็นตัวผมเขาคงจะรำคาญไม่วันใดก็วันหนึ่งซึ่งผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น


“...ฉันไม่กินของหวาน”ตินบอกเสียงเข้ม


“แค่ลองดูก็ได้น่า”


“ไม่...อุ๊บ...”แพนเค้กชิ้นโตถูกยัดเข้าปากตอนที่ตินไม่รู้ตัว ด้วยความที่เขามองไม่เห็นผมอยู่แล้วยิ่งทำให้เรื่องง่ายขึ้นเยอะ


“ห้ามคายนะ”ผมบอกเสียงเข้ม ใบหน้าของตินตอนนี้ค่อนข้างน่ากลัวเรียกว่าจ้องมาอย่างเอาเป็นเอาตายก็ว่าได้ แพนเค้กคำโตค่อยๆถูกเคี้ยวแล้วกลืนลงคอท่ามกลางบรรยากาศตึงๆที่แผ่ออกมาจากคนบนเตียง


มื้อเช้าง่ายๆผ่านไปอย่างไม่รีบร้อนนักผมจัดการป้อนแพนเค้กใส่ปากตินไปหลายรอบแม้ทุกครั้งจะได้รับสายตาเคืองๆมาแต่เขาก็ยังยอมเคี้ยวและกลืนลงไปจนเกือบหมดจานเลยทีเดียว


หลังจากนั้นตินก็ได้ออกจากโรงพยาบาลท่ามกลางความดีใจสุดๆของผม...รถที่มารับเป็นรถยนต์สีดำที่ติดฟิล์มมีดำไว้บนกระจกทุกบาน มองจากข้างนอกจึงไม่เห็นอะไรเลยแต่พอขึ้นมานั่งก็สามารถมองเห็นด้านนอกได้เหมือนปกติ


มนุษย์นี่เก่งมากที่สามารถคิดค้นของแบบนี้ขึ้นมาได้


รถคันสีดำมีบอดี้การ์ดสองคนนั่งอยู่ด้านหน้ามีกายเป็นคนขับและจิมนั่งอยู่ข้างๆโดยที่ด้านหลังก็มีตินนั่งกอดอกพลางทำหน้านิ่งอยู่


ผมเองก็นั่งอยู่ข้างๆตินเลยรู้ว่าเบาะรถคันนี้นิ่มสุดๆ


นิ่มแบบว่า...อยู่มาหลายร้อยปีก็พึ่งเคยได้นั่งเบาะที่นิ่มขนาดนี้


“เราจะไปไหนกันเหรอติน”ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย


วิวทิวทัศน์อันแปลกใหม่เรียกความสนใจจากผมได้ตลอดทางจริงๆ...ถนนเส้นใหญ่นี้เต็มไปด้วยรถหลายร้อยคันอยู่ทั้งสองฝั่งของถนน ตามข้างทางก็มีร้านค้าตั้งอยู่ปะปาย...


อยากไปเดินดูสักครั้งจัง


มีเทพองค์หนึ่งบอกมาว่าอาหารของประเทศไทยอร่อยมาก...คนที่ชอบรสจัดต้องชอบมากแน่


ผมเองก็ชอบกินพวกรสจัดเหมือนกัน


แม้จะบอกว่าไม่ต้องกินก็อยู่ได้แต่ถ้าเป็นของอร่อยก็อยากลองทุกอย่าง


“นี่ติน...”ผมหันไปหาเจ้าของรถที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่


ก็รู้ว่าในรถเงียบๆแบบนี้ตินคุยกับผมไม่ได้


“เฮ้อ...รอดูเองก็ได้”ผมพูดอย่างงอนๆ


ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงรถยนต์คันสีดำสนิทก็ดูจะมาถึงจุดหมายปลายทางซึ่งมีบ้าน...เอ่อ...มีคฤหาสน์หลังใหญ่มากถูกล้อมรอบไปด้วยรั้วสีทอง การจะเข้าไปข้างในนอกจากจะขอดูบัตรแล้วยังมีการสแกนใต้ตัวรถด้วย


อะไรจะขนาดนั้น


“ติน...นี่อย่าบอกนะว่าเป็นบ้านคุณน่ะ”ผมถามเมื่อลอยลงมาจากรถแล้ว


สนามหญ้าตรงหน้ากว้างเป็นยี่สิบเมตรตั้งแต่ประตูรั้วจนถึงตัวบ้าน...จะว่าก็ไม่ได้มีแค่สนามหญ้าแต่ด้านข้างดูเหมือนจะเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มองจากระยะนี้ไม่ค่อยชัด ในส่วนของตัวบ้านก็สามารถอธิบายได้แค่สามคำสั้นคือ...


ใหญ่ หรู มากกกก


“เดาเก่งนี่”เสียงทุ้มตอบกลับเสียงเบาพร้อมยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย


“...ใหญ่เกินไปแล้ว”


“ไม่ตามมาเดี๋ยวหลงไม่รู้นะ”คำพูดนั่นทำให้ผมละสายตาออกจากบ้านขนาดใหญ่ตรงหน้าแล้วตามตินเข้าไปภายในบ้าน พื้นกระเบื้องสีเหลืองนวลเปล่งประกายระยิบระยับสร้างมูลค่าให้บ้านหลังนี้เพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง


ตินก้าวเดินไปตามทางโดยมีบอดี้การ์ดทั้งสองคนเดินตามหลังมาติดๆ ผมเองก็ตามอีกฝ่ายไปโดยการลอย...เชื่อไหมว่าแม้แต่เพดานยังเงาวับเลย


“กลับมาแล้วเหรอลูก...แม่ขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยมนะ”เมื่อเข้ามายังห้องรับแขกขนาดยักษ์หญิงวัยกลางคนก็วิ่งเข้ามากอดพร้อมมองดูตินไปทั้งตัว


“ไม่เป็นไรแม่...ผมชินแล้ว...สวัสดีครับพ่อ”พูดกับแม่เสร็จตินก็หันไปทักทายขายที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง


เส้นผมสีน้ำตาลกับดวงตาสีฟ้านั่นดูยังไงก็ไม่ใช่คนไทย...ก็ว่าอยู่ว่าทำไมตินถึงตาฟ้าทั้งๆที่พูดไทยชัดขนาดนี้ที่แท้ก็เป็นลูกครึ่งไทยกับอะไรสักอย่างสินะ


“อืม...เห็นว่ามีคนคิดจะฆ่าสินะ”คนที่ได้ชื่อว่าพ่อถามกลับเสียงเครียด


“ใช่ครับ”


“รู้ไหมว่าเป็นใคร”


“ครับ”ตินพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวนั่นด้วย


“ให้พ่อจัดการให้ไหม”คำถามนั่นทำให้ผมหันไปมองใบหน้าของผู้เป็นพ่อที่แผ่รังสีความน่ากลัวออกมาจนสัมผัสได้


“ไม่ต้องรบกวนหรอกพ่อ”น้ำชาที่พึ่งเสิร์ฟถูกยกขึ้นมาจิบเล็กน้อยระหว่างพูดคุย


“แปลว่าจะจัดการเอง?”


“ครับ”


“ปกติลูกไม่ใช่คนที่ไม่รอบคอบ”


“ครั้งนี้ผมประมาทไปหน่อย...ไม่คิดว่าจะโดนเล่นงานตอนไม่ระวังตัวแบบนั้น”


“ระวังไว้มากๆหน่อย...การทำธุรกิจสมัยนี้มันน่ากลัวเพื่อให้ได้กำไรเข้าตัวเองไม่ว่าจะทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น”


“ครับ...ไม่มีครั้งหน้าแน่นอน”ตินตอบกลับอย่างจริงจัง


“ก็ดี”


“นานๆมีโอกาสได้อยู่พร้อมหน้าก็เอาแต่พูดเรื่องธุรกิจๆ...จริงๆเลยพ่อลูกคู่นี้”ผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้องบ่นด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก


“แล้วคินยังไม่มาเหรอแม่”ตินเปลี่ยนไปถามแม่บ้าง


“เห็นว่ากำลังขับรถมานะ...”


“สวัสดีครับคุณพ่อ...คุณแม่”ยังไม่ทันที่คุณหญิงจะพูดจบเสียงตะโกนทักทายก็ดังขึ้น พอหันไปมองก็เจอเข้าหับชายหนุ่มหน้าตาดีแต่น้อยกว่าตินเดินยิ้มเข้ามา เส้นผมสีน้ำตาลกับดวงตาสีเดียวกันนั่นดูไม่ยากเลยว่าคงเป็นคนเดียวกับที่ทุกคนกำลังพูดถึงอยู่
คนๆนี้เป็นน้องชายของตินสินะ


บรรยากาศรอบๆไม่เหมือนกันเลยแฮะ


คนน้องดูจะร่าเริงกว่ามากผิดกับคนพี่ที่ทำหน้าตายแทบทั้งวัน


“สวัสดีพี่ชายด้วยนะ...เห็นว่าโดนคนลอบฆ่านี่”คินเดินมาทักทายตินอย่างสนิทสนม


“อืม...แกเถอะเห็นว่าโดนเล็งอยู่เหมือนกันนี่”


“ก็งั้นแหละ...เกิดมาในตระกูลใหญ่โตก็ต้องมีกันบ้าง...แล้วยิ่งเป็นครอบครัวเราที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจระดับโลกก็คงมีคนอิจฉาเป็นธรรมดา”


“อย่าประมาทละกัน”ตินเอ่ยเตือน


“ครับพี่...ช่วงนี้ก็มีคนตาม24ชั่วโมงแล้วพี่ล่ะ?”


“ก็มี...”ตินตอบสั้นพลสงมองไปยังกายและจิมที่ยืนอยู่ไม่ห่าง


“อ้อ...คนสนิทฝีมือดีของพี่นี่นา...แต่คนสองคนจะพอเหรอ”


“ใครบอกว่าสอง”ตอนตอบกลับ


“หื้อ?...ไม่ใช่สองเหรอก็เห็นแค่พี่กายกับพี่จิมเองนี่”คินทำหน้างงก่อนจะหันไปมองบอดี้การ์ดสองคนอีกรอบเผื่อว่าจะมองเห็นคนอื่นเพิ่ม


“สามต่างหาก”รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นเล็กน้อย


ที่ตอนพูดว่าสามนี่...


อย่าบอกนะว่ารวมผมไปด้วยน่ะ?


“ไหนคนที่3ล่ะ”คินถามต่อ


“แกมองไม่เห็นหรอก”


“ห๊ะ?...หมายความว่าไงพี่”


“เพราะฉันเองก็มองไม่เห็นเหมือนกัน”


“...”น้องชายที่ฟังถึงกับกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ


แต่สำหรับผมเข้าใจดีเลยล่ะ


เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย


คนที่สามที่ตินพูดหมายถึงผม


“นี่ติน...ที่พูดนี่หมายถึงผมสินะ”ร่างในชุดยูกาตะสีฟ้าสดใสของผมลอยลงไปนั่งอยู่ตรงพนักพิงพร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม


ดีใจที่ถูกพูดถึงด้วย


“...”คนถูกถามไม่ตอบมีเพียงเหลือบมามองเล็กน้อยเท่านั้น


“เอาล่ะหนุ่มๆ...เลิกพูดเรื่องเครียดเถอะ...วันนี้แม่จะโชว์ฝีมือเองมีใครอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”คุณหญิงกรรณิกาลุกขึ้นถามคนในครอบครัวที่เหลือ


“ผมเอาๆ...อยากกินแกงเขียวหวานไก่...แล้วก็ต้มยำกุ้งขอกุ้งตัวใหญ่ๆ”น้อยชายของตินรีบบอกเป็นคนแรก


“กินแต่น้ำๆนะคิน...ทำผัดฉ่ากับปลาทอดกระเทียมให้ฉันด้วย”ผู้เป็นสามีหันไปบอกภรรยาของตัวเอง


“ได้เลยค่ะคุณ...แล้วตินล่ะอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม”


“ไม่ครับ”ตินตอบแบบไม่ต้องต้องคิด


“ไม่มีเลยเหรอ อะไรก็ได้ที่ลูกอยากกินน่ะ”ตินทำหน้าเครียดเครียดเมื่อถูกคะยั้นคะยอไม่นานเขาก็พึมพำบางอย่างออกมาด้วยเสียงเบาหวิว...


“...แพนเค้ก”


“...”คำตอบของตินทำเอาคนทั้งบ้านถึงกับเงียบกริบ แม้แต่เหล่าบอดี้การ์ดยังหันไปกระซิบอะไรบางอย่างให้ได้ยินกันสองคน


ดูท่าการที่ตินกินของหวานจะเป็นเรื่องที่ประหลาดมากสินะ


“เอ่อ...ตินลูกไม่สบายรึเปล่า?”แม่ของตินรีบเข้ามาดูลูกชายคนโตด้วยความเป็นห่วง


“ผมไม่เป็นไร”


“แต่ลูก...”


“ไม่เป็นไรที่ไหนพี่!”ครั้งนี้คินเป็นฝ่ายตะโกนขึ้นบ้าง


“อะไร”


“พี่ที่เกลียดของหวานเข้าไส้แค่เห็นก็ทำหน้าเอียนขนาดนั้นสั่งให้ทำแพนเค้กเนี่ยนะ”


“อืม”


“อะไรที่ทำให้พี่เปลี่ยนไปเนี่ย”


“...แพนเค้กมันก็ไม่ได้รสแย่อะไร”คำตอบเบาๆนั่นทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา


เพราะผมบังคับให้ตินกินนึกว่าจะทำให้เกลียดหนักกว่าเดิมซะอีก...แบบนี้ก็ดีแล้ว


หลังจากเกิดบรรยากาศงงๆตินก็ขอตัวออกมาเดินยังสวนด้านหลังที่เต็มไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่...ผมที่ตามมาถึงกับยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริเมื่อเห็นธรรมชาติอันสวยงามตรงหน้าเต็มตา


“กาย...จิม”ตินเรียกชื่อของบอดี้การ์ดสองคนที่เดินตามมา


“ครับ”ทั้งคู่ขานรับพร้อมกัน


“ไม่ต้องตามมา”


“แต่ว่า...”


“อยู่ในบ้านแบบนี้ไม่เป็นไรหรอก...ไปพักบ้างเถอะ”ตินตัดบทโดยการเดินเข้ามาภายในสวน


(มีต่อค่า)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่4♣} 28/05/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 28-05-2017 14:04:02
(ต่อนะคะ)


โซนแรกที่เข้ามาเป็นโซนของไม้พุ่มที่ถูกตัดเป็นรูปร่างต่างๆทั้งสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยมหรือพวกรูปสัตว์อย่างกวาง กระต่ายก็ยังมี ทางเดินถูกปูด้วยแผ่นหินอ่อนหลากหลายสีสร้างความน่าดูให้มากขึ้นไปอีก


“สุดยอดๆๆๆ...สวัสดีทุกๆคน”ผมตะโกนบอกเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่โดยรอบด้วยรอยยิ้มกว้าง


‘ท่านเทพล่ะ’เสียงของไม้พุ่มด้านข้างดังขึ้น


‘จริงด้วยๆ...ทำไมมีเทพมาที่นี่ล่ะ’ต้นต่อมาเอ่ยถาม


“ผมแค่ผ่านมา...ยินดีที่ได้พบนะ”


“คุยกับใครน่ะ?”ตินเดินเข้าใกล้ผมพร้อมกับถามด้วยความไม่เข้าใจ


“คุยกับต้นไม้ไงติน”ผมตอบกลับไป


“...มีคนคุยด้วยน้อยถึงขนาดต้องคุยกับต้นไม้เลยสินะ”พูดจบเขาก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ การกระทำนั่นน่าโมโหชะมัดเลย


“ต้นไม้ก็มีชีวิตนะติน...ลองฟังดูดีๆสิแล้วคุณจะรู้ว่าพวกเขากำลังรู้สึกดีใจที่ได้เจอผม”


“จะบอกว่าต้นไม้พูดได้?”


“ขึ้นชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตก็สามารถสื่อสารได้ทั้งเพียงแต่การสื่อสารของพวกเขามนุษย์อาจจะไม่สามารถรับรู้ได้”ผมอธิบายตามที่รู้มา


“จะบอกว่ายังไงฉันก็ไม่ได้ยินงั้นสิ”


“เปล่า...คุณน่ะมีพลังของผมอยู่ภายในร่างมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้ยิน”


“พลังอะไร”ตินขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน


“อ้าว...ผมไม่ได้บอกเหรอว่าการที่ผมต้องอยู่กับคุณไปตลอดเพราะว่าพลังที่มีย้ายไปอยู่ในตัวคุณแล้วน่ะ”ผมนึกว่าบอกไปแล้วซะอีก


“พึ่งได้ยินก็วันนี้แหละ”


“งั้นก็รู้แล้วเนอะ”


“...ถ้าอยากได้ยินต้องทำยังไง”ตินถามต่อ


“อยากได้ยินเหรอ”ผมหันไปถาม


“อืม”


“อยากแรกก็จงเชื่อว่าพวกเขามีชีวิตและสามารถสื่อสารกับคุณได้”


“ยังไง”


“หลับตาลงสิติน...ทำตามที่ผมบอกนะ”ผมอธิบายพลางลอยตัวไปอยู่ด้านหลังติน มือทั้งสองข้างแตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆเป็นการให้ยืมพลังที่มีในตัว


แม้ตินจะมีพลังของอยู่ในตัวแต่ไม่สามารถใช้ได้...คนเดียวที่สามารถใช้พลังนั้นได้คือเจ้าของอย่างผมเท่านั้น


ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความศรัทธาของตินแล้วว่าจะมากพอที่จะทำให้ได้ยินรึเปล่า


ดวงตาสีฟ้าสดหลับลงอย่างว่าง่ายจนผมต้องอมยิ้มเล็กๆ


“ทำตัวสบายๆ...แล้วจงเชื่อเหมือนอย่างที่เชื่อว่าผมมีตัวตน”


“อืม”


“เอาล่ะ...ช่วยพูดอะไรหน่อยสิทุกคน”ผมหันไปบอกเหล่าต้นไม้รอบๆบ้าง


‘ว้าว...ท่านเทพจะให้มนุษย์ได้ยินเสียงพวกเราเหรอ’


“ใช่เลย”ผมตอบกลับ


‘สุดยอดเลย...สมแล้วที่เป็นท่านเทพ’


“เป็นไงบ้างตินได้ยินไหม”


“ไม่เลย...ได้ยินแต่เสียงนาย”ตินตอบพร้อมส่ายหัวเบาๆ


“แปลว่ายังไม่เชื่อเต็มร้อยล่ะสิ”


“...”ความเงียบนั่นเหมือนเป็นการบอกกลายๆว่าเป็นความจริง


“ไม่ต้องรีบหรอกติน...ตอนนี้พาผมชมสวนหน่อยสิ”ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแก้มตินเล่น


“...อยากดูอะไรล่ะ”อีกฝ่ายถาม


“พูดเหมือนมีให้เลือกเยอะงั้นแหละ”ผมย้อน


“หึ...ก็ลองพูดมาสิ”คำพูดที่เหมือนท้าทายนั่นทำให้ผมยกยิ้มขึ้นอย่างนึกสนุก


“ทานตะวัน...อยากดูดอกทานตะวัน”ผมบอกชื่อของดอกไม้ที่ไม่มีทางมีอยู่ในบ้านนี้แน่ๆออกไป


“ตามมา”ตินบอกพร้อมกับเดินนำไปตามทางเดิน


“ห๊ะ?...นี่จะบอกว่ามีจริงๆอ่ะ”ผมถามด้วยน้ำเสียงตกใจ


“แน่นอน”


เดินไปไม่ถึง5นาทีสวนดอกทานตะวันก็ปรากฏต่อสายตาผม...กลีบดอกสีทองที่เปล่งประกายเมื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์ตอนนี้กำลังเริ่มหุบลงเพราะแสงของดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าไป แม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก


“สวยจัง”ผมพึมพำ


“ตอนเช้าจะสวยกว่านี้อีก”


“ก็คงใช่...แต่แค่นี้ก็พอแล้ว”


“อืม...งั้นก็กลับกัน...แม่คงทำข้าวเย็นเสร็จแล้ว”ตอนบอกก่อนจะหันหลังเดินกลับไปตามทางเดิน


เมื่อกลับมาภายในคฤหาสน์ก็เป็นอย่างที่ตินบอก...อาหารเกือบสิบอย่างถูกวางเรียงรายบนโต๊ะหินสีอ่อนเงาแวววาวโดยมีทุกคนในครอบครัวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว


“ไปไหนมาพี่”คินถามพี่ชายตัวเอง


“เดินเล่น”ตอบเสร็จตินก็นั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง เหล่าบอดี้การ์ดเองก็ยืนเฝ้าอยู่ด้านหลัง...ท่าทางดูมีชีวิตชีวาขึ้นอาจเพราะได้ไปพักเลยทำให้มีพลังเพิ่มก็เป็นได้


“เรามากินมื้อค่ำกันเลยเนอะ...แม่ทำสุดฝีมือเลย”คุณหญิงกรรณิกาบอกกับครอบครัวทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข


จากนั้นอาหารเกือบสิบอย่างก็ค่อยๆถูกจัดการช้าๆ...ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมมองไปยังกุ้งตัวใหญ่ในต้มยำน้ำข้นตรงหน้ากลางกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่...


“น่ากินจัง”ผมอยากกินบ้างจัง


“...”คำพูดผมทำให้ดวงตาสีฟ้าเงยขึ้นมามองก่อนจะขมวดคิ้ว


“มีอะไรเหรอติน”ผมถามเพราะอีกฝ่ายเหมือนมีอะไรจะพูด


“...”ตินไม่ตอบแต่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วหันกลับไปยังอาหารมากมายบนโต๊ะ


รู้สึกว่าจะเข้าใจสิ่งที่ตินต้องการจะถามแล้วล่ะ


“ผมอยากกินต้มยำน้ำข้นที่มีกุ้งตัวใหญ่ๆนั่น”ผมรีบบอกเมื่อรู้ว่าตินคงอยากถามว่าอยากกินอะไร


“...แม่”ตินเรียกแม่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“จ๋าลูก”


“ต้มยำนี่...พอจะมีเหลือไหม”ตินถามต่อ


“มีจ้า...อยู่ในห้องครัวลูกจะเติมเพิ่มเหรอ แปลว่าลูกชอบสินะถึงถามแบบนี้”ผู้เป็นแม่ดูจะดีใจมากที่เห็นตินถาม


“ครับ”


“งั้นเดี๋ยวแม่ให้เด็กไปตักให้นะ”


“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมจะเอาไปกินบนห้อง”ตินรีบตอบก่อนที่แม่จะสั่งเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ


“ทำไมต้องเอาไปกินบนห้อง?”ครั้งนี้พ่อของตินถามบ้าง


“...ไว้เป็นมื้อดึกครับ”ดูเหมือนตินจะโกหกอีกแล้วนะ


“ถ้าจะเอามื้อดึกให้แม่ทำของเบาๆให้ดีกว่านี่”พ่อของตินถามต่อ


“...ผมอยากกินน่ะครับ”


“งั้นก็ตามใจ”


“แม่มีแพนเค้กด้วยนะ...เดี๋ยวจะไปทอดให้ลูกจะกินที่นี่หรือจะเอาไปกินบนห้องดีล่ะ”คุณหญิงกรรณิกาถามต่อ


“บนห้องดีกว่าครับ”


“อะไรกันพี่...นานๆเจอกันทีจะรีบขึ้นห้องไปไหนกัน”


“ไม่ได้รีบอะไรนี่”


“รีบสิ...หรือว่าซ่อนสาวไว้”


“...อย่ามาพูดบ้าๆน่า”แม้ตินจะตอบกลับไปนิ่งๆแต่ผมสังเกตนะว่าตินสะดุ้งกับคำถามนี้เหมือนกัน


หลังจากนั้นต้มยำทะเลน้ำข้นใส่กุ้งตัวยักษ์กับแพนเค้กจานใหญ่ก็ถูกวางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาภายในห้องขนาดใหญ่ของติน...ห้องอันหรูหรานี่ทำเอาผมต้องลอยไปสำรวจในทุกๆทีอย่างสนใจ...


“แพน”


“หื้ม?”เสียงเรียกของตินนั้นดังขึ้นก่อนที่ผมจะลอยกลับไปยังโซฟาสีครามอีกครั้ง


“รีบกิน”ตินบอกโดยที่ดวงตายังจับจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์ตรงหน้า


“กินด้วยกันไหม”ผมถามกลับบ้าง


“ไม่ล่ะ”


“แล้วแพนเค้กล่ะ...กลิ่นหอมแบบนี้ต้องอร่อยแน่ๆ”ผมบอกอีกรอบ


“กินไป...อุ๊บ...”ผมอาศัยตอนที่ตินตอบจัดการป้อนแพนเค้กให้อย่างไม่รู้ตัว


“อร่อยไหม”ผมถามกลับเสียงใส


“...”คนถูกบังคับทำหน้าตึงอย่างโกรธๆ


“ผมอยากให้ตินกินด้วยกันนะ...กินคนเดียวมัน...”


“...มันอะไร”ตินที่กลืนแพนเค้กลงไปตอนไหนไม่รู้ถามกลับ


“...มันเหงา”ผมตอบตามที่คิดออกไป


“เป็นเด็กรึไง”ตินถอนให้ใจเสียงดังพร้อมกับยกมือเสยเส้นผมสีดำให้ไปด้านหลัง


“ไม่ใช่เด็กสักหน่อย”ผมบ่นอุบอิบ


“มีแต่เด็กแหละที่กินข้าวคนเดียวไม่ได้”


“ผมกินได้นะ...แค่เหงาเท่านั้นเอง”


“แล้วมันต่างกันตรงไหน”


“ต่างสิ...ต่างมากด้วย”


“เลิกเถียงสักที...รีบกินก่อนจะโดนแย่งหมด”คำพูดตินทำให้ผมมองเขาอย่างงงๆก่อนจะเข้าใจเมื่อตินใช้ช้อนที่วางอยู่ตักแพนเค้กเข้าปากทั้งที่ผมไม่ได้บังคับ


การกระทำนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาจนตาแทบปิด


ถึงจะบ่นโน่นบ่นนี่แต่สุดท้ายก็ยอมกินเป็นเพื่อน...


อ่อนโยนกว่าที่คิดนะติน


“ขอบคุณนะติน”


มื้อนี้อร่อยมากเป็นพิเศษเลยล่ะ

...............................................................................
สวัสดีค่า

มาต่อแล้ววว

ในที่สุดก็ได้เขียนฉากอื่นนอกจากโรงพยาบาล555

รู้สึกสนุกๆมากกับการแต่งตอนนี้

ยิ่งแต่งแพนยิ่งเหมือนเด็กลงไปทุกที นิสัยร่าเริง อยากรู้อยากเห็น ซึ่งสำหรับเราแล้วน่ารักมากๆ

ตินเองก็เหมือนกัน เห็นแข็งๆแต่ภายในกลับอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก

ขอบคุณทุกๆคนที่คอมเม้นท์และให้กำลังใจมาตลอดนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า

หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการอ่านนะคะ

บ๊ายบาย :bye2:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่4♣} 28/05/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-05-2017 15:19:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่4♣} 28/05/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 28-05-2017 16:04:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่4♣} 28/05/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 28-05-2017 19:04:36
แหมมม พอเป็นแพนตินก็ใจอ๊อนอ่อนนะ
ยอมพาไปเดินเล่น
ยอมกินแพนเค้ก แถมยังเอาต้มยำกุ้งให้กินด้วย
น่าร้ากกกกกก จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่4♣} 28/05/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 28-05-2017 21:30:16
เนื้อเรื่องสบายๆ น่ารักๆ รอติดตามตอนต่อไปค่า :katai4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่4♣} 28/05/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-05-2017 22:14:32
ตินตามใจแพนมากอ่ะะะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่4♣} 28/05/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 29-05-2017 02:01:43
เนื้อเรื่องน่ารักมากเลยยิ่งอ่านไปยิ่งรู้สึกรักตัวละครในเรื่อง
ตินที่ดูแข็งๆแบบมีความเป็นผู้นำสูงบรรยากาศรอบตัวดูขรึมๆแต่พออยู่กับแพนทำให้บรรยากาศรอบๆตัวดูอบอุ่นไปทันที่
อิอิต้องยกความดีนี้ให้แพนซินะ....รออ่านตอนต่อไปนะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่4♣} 28/05/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 29-05-2017 16:37:11
ท่านเทพน่าร๊ากกกกกก ตินก็อ่อนโยนหน่อยนะ ฮี่ ๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 04-06-2017 11:14:09
สัมผัส{❤}ครั้งที่5



แสงสว่างของยามเช้าส่องสว่างเข้ามาภายในห้องนอนขนาดใหญ่จนเจ้าของห้องอย่างผม คณาธิป ชินอภินันท์หรือชื่อที่พ่อตั้งให้ว่าตินปรือตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวพร้อมถกผ้าห่มขึ้นคลุมหัวอีกครั้งเพื่อหวังว่าจะได้หลับต่ออีกสักตื่นเพราะไม่มีใครกล้ามาเคาะประตูห้องนี้แน่ๆ


“นี่ติน...ตื่นแล้วก็ลุกสิ”เสียงนุ่มออกหวานเล็กๆดังขึ้นพร้อมกับวางมือลงบนไหล่ผมแล้วเขย่าไปมาเบาๆ


นี่ผมลืมไปได้ยังไงว่ามีอีกคนอยู่ในห้องด้วย


จะบอกว่าคนก็ไม่ถูก...


เทพ


เจ้าตัวบอกมาว่าแบบนั้น...เรื่องที่เอาไปหลอกเด็กยังไม่มีทางเชื่อแต่ก็ไม่อาจใช้คำอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว


จะบอกว่าเป็นวิญญาณก็ยิ่งไม่น่าเชื่อสำหรับคนที่ไม่สนเรื่องพวกนี้อย่างผมเข้าไปใหญ่


“ติน เห็นลืมตาแล้วนี่...นี่ติน”เสียงเรียกยังคงดังอยู่ที่เพิ่มเติมคือแรงเขย่าไหล่ที่แรงกว่าเดิม


ผมพยายามไม่สนใจสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชนิดและไม่สามารถมองเห็นนั่นโดยการขดตัวนอนต่อทั้งๆแบบนั้น


“ตินนนน~”


พรึ่บ


“แพน”สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นมาเรียกชื่อของเทพหรือวิญญาณอะไรสักอย่างที่ส่งเสียงดังไม่หยุดหย่อนตรงหน้านี่


“ตื่นแล้วเหรอ อรุณสวัสดิ์นะติน”น้ำเสียงสดใสที่ส่งมาทำให้ความหงุดหงิดที่โดนปลุกลดลงไปกว่าครึ่ง


อยากจะถามตัวเองจริงๆว่าทำไมถึงใจอ่อนกับเสียงของอีกฝ่ายได้ขนาดนี้


“...มีอะไร”ผมถามเสียงห้วน


“ไม่มีหรอก”คำตอบที่ได้ยินทำเอาคนฟังอย่างผมถึงกับคิ้วกระตุก


“ไม่มีแล้วปลุกทำไม”ผมกัดฟันถามต่อ


เมื่อคืนผมนั่งอ่านเอกสารที่ถูกส่งมาระหว่างที่ผมนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนขึ้นวันใหม่ทั้งที่น่าจะตื่นสักช่วงสายของวันแต่พอหันไปมองนาฬิกาก็พึ่งบอกเวลา7โมงกว่าเท่านั้นเอง


แบบนี้จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงกัน


“ก็เห็นลืมตาแล้วนี่”


“คิดจะกวนกันแต่เช้าเลยสินะ”


“เปล่านะ...คุณยังนอนไม่พออีกเหรอ”


“คงเห็นนะว่าเมื่อคืนฉันนอนกี่โมง”


“อืม...ก็เห็น...แต่ก็นอนมาหลายชั่วโมงแล้วนี่”เสียงนั้นตอบกลับ


“แล้วนายไม่นอนบ้างรึไง”ผมย้อนถาม


เล่นมาปลุกซะทุกเช้าแบบนี้...เป็นพวกตื่นเช้ารึไงกัน


“ผมนอนนะ...แต่ถึงไม่นอนก็ไม่เป็นปัญหาอะไรเลยไม่ค่อยได้นอน”คำตอบนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด


เทพนี่ไม่ต้องนอนก็ได้งั้นเหรอ ความรู้ใหม่เลย


“คราวหน้าก็นอนซะ”


“ผมไม่อยากลอยตัวนอนนี่...เวลาหลับเพลินๆมันชอบตกลงมา”คำอธิบายนั่นทำให้ผมเห็นภาพเป็นฉากๆเลยล่ะ


คิดสภาพท่านเทพอันน่าเคารพนอนตกลงพื้นก้นจ้ำเบ้าก็น่าขำดี


แพนเป็นเทพที่แปลกกว่าเทพองค์อื่นที่เคยได้ยินตามนิทาน ไม่แน่นะนิทานพวกนั้นอาจไม่ได้เป็นความจริง  เทพในความเป็นจริงอาจจะแปลกๆแบบแพนก็ได้


“ซุ่มซ่ามสินะ”ผมพึมพำ


“เปล่านะ...ไม่ได้ซุ่มซ่ามแค่ไม่ทันระวังตัวเอง”เสียงที่ได้ยินดังขึ้นตรงหน้าโดยที่ผมไม่อาจมองเห็นอะไรได้เลยทั้งๆที่พยายามมองแล้วแท้ๆ


ทำไมถึงมองไม่เห็นนะ


“แพน...นายอยู่ตรงไหน”ผมถามทั้งๆที่พอเดาได้


“หื้ม?...ก็นั่งอยู่บนตักคุณไง”


“...มองไม่เห็น”ไม่ใช่แค่มองไม่เห็นแต่ยังไม่สามารถสัมผัสถึงความหนักได้เลยสักนิด


สัมผัสถึงตัวตนของอีกฝ่ายไม่ได้เลยนอกจากเสียงและแรงจากมือที่มักลูบเส้นผมสีดำของผมก่อนนอนเสมอ...แรกๆการกระทำนั่นสร้างความหวาดระแวงให้อย่างมากแต่พอผ่านไปสักพักกลับรู้สึกดีกับสัมผัสนั่นอย่างบอกไม่ถูก


“อย่าพึ่งเห็นผมเลยติน”เสียงนั้นบอกเบาๆก่อนที่ผมจะสะดุ้งนิดๆเมื่อแก้มของตัวเองถูกฝ่ามืออุ่นๆที่แสนคุ้นเคยสัมผัสก่อนจะลูบไปมาอย่างเชื่องช้า


“ทำไม”


ทำไมถึงไม่อยากให้เห็น


“มันดีกับคุณเอง”


“หมายความว่ายังไง”ผมถามต่อ สัมผัสได้เลยว่าคิ้วของตัวเองกำลังขมวดแน่นจนเป็นปมแล้ว


“...หิวข้าวไหม”


“อย่าเปลี่ยนเรื่องแพน”คิดว่าผมไม่รู้รึไงว่าอีกฝ่ายกำลังเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้อยู่น่ะ


“...ถึงไม่บอกก็น่าจะรู้นะ”


“ไม่รู้...บอกมาได้แล้ว”ใครจะไปรู้ความคิดของเทพกัน


“...ถ้าคุณเห็นผมครั้งนึง...ก็จะเห็นไปตลอดนะ”เงียบไปสักพักเสียงเดิมก็ตอบกลับ


“ฉันรู้”เหมือนกับที่ได้ยินเสียง...


เมื่อได้ยินครั้งนึงก็จะได้ยินไปตลอด


“แบบนั้น...คุณจะยิ่งเหมือนถูกตามติดมากกว่าเดิมอีกนะ”คำอธิบายต่อมาทำให้ผมเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อในทันที


การที่มีอะไรก็ไม่รู้มองก็ไม่เห็นตามตลอดไม่ว่าจะไปไหนถ้าเป็นคนอื่นคงได้เข้าโรงพยาบาลพบจิตแพทย์ไปแล้ว...แค่ได้ยินเสียงอาจไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกตามติดเท่าเห็นตัว


แพนคิดเรื่องของผมมากพอดูและคงเป็นห่วงมากถึงได้พูดแบบนั้นออกมา


คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาบางๆ การที่มีคนมาห่วงแบบนี้ถือว่านับครั้งได้ตั้งแต่เกิดมา


ด้วยความที่ครอบครัวผมเป็นครอบครัวที่เลี้ยงลูกแบบปล่อยให้เผชิญโลกเองทำให้ต้องเจอกับสังคมของผู้ใหญ่ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ใบหน้าที่เข้ามายิ้มและบอกว่าเป็นห่วงมันไม่มีจริง สิ่งที่คนพวกนั้นต้องการคือความสัมพันธ์อันดีที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นเท่านั้น


แต่สำหรับแพน...เขาคงไม่จำเป็นต้องการอะไรแบบนั้นเพราะแม้แต่จะปรากฏตัวต่อหน้ามนุษย์ยังทำไม่ได้เลย นั่นหมายความว่าถึงเขาจะแสร้งว่าเป็นห่วงก็ไม่ได้มีอะไรตอบแทนให้ดังนั้นคำว่าห่วงจากแพนผมถึงรู้สึกดีเพราะมันเป็นความรู้สึกจริงๆของเขา


ถึงจะไม่คิดอะไรมากมายก็สามารถรับรู้ถึงความห่วงใยนั่นได้อยู่ดี


มีเทพที่ไหนช่วยมนุษย์โดยที่ต้องติดแหง็กอยู่ด้วยกันไปจนกว่าจะหมดอายุไขแบบนั้น


ไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตแต่กลับคอยดูแลทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิดเดียว


ความทรงจำตอนที่อยู่โรงพยาบาลผุดเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่เกิดขึ้น


จริงอยู่ที่อีกฝ่ายออกจะพูดมากจนน่ารำคาญไปบ้างแต่ก็ไม่เคยคิดจะย้อนกลับไปในช่วงที่ไม่ได้ยินเสียงนั่นเลยสักครั้ง ตรงกันข้ามการที่ได้ยินเสียงแบบนี้มันให้ความรู้สึกดีกว่าตอนที่ไม่ได้ยินเยอะ


ในเมื่อเป็นแบบนั้นการที่จะมองเห็นร่างนั้นไปตลอดชีวิตก็คงไม่แย่อะไร...อีกอย่างการที่ได้ยินแต่เสียงมันก็เสียเปรียบอยู่มาก...


ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน


ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไร


ไม่รู้แม้แต่ใบหน้าตอนกำลังพูดกันเหมือนในตอนนี้


“...ฉันอยากเห็นนายนะ...แพน”ผมบอกออกไปตามตรง


“...”ความเงียบเข้าปกคลุมห้องนอนนี้อีกครั้งหนึ่ง


“...”ผมเองก็ไม่ได้พูดหรือเร่งอะไร


แพนคงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่...


และคงเป็นสิ่งที่สำคัญมากพอดู


“...อยากเห็นผมจริงๆเหรอ”ผ่านไปสักพักเสียงเดิมก็ถามขึ้น


“อืม”


“...ไม่กลัวว่าผมจะน่าเกลียดเหรอ”


“ก็เดาได้ว่าคงไม่ได้หน้าตาดีนักหรอก”ผมกวนกลับ


“พูดแบบนี้หาเรื่องกันใช่ไหมติน รู้ไหมว่าใครๆก็บอกว่าผมหน้าตาดีทั้งนั้น”


“ใครที่ว่าคือใครล่ะ”ผมถามกลับ


“ก็...พวกเทพและก็พวกต้นไม้”อีกฝ่ายตอบไม่เต็มเสียง


“หึ...ใครจะไปรู้สำหรับมนุษย์นายอาจขี้เหล่ก็ได้”


“ไม่มีทาง”แพนยังคงย้ำด้วยความมั่นใจ


“ถ้ามั่นใจนักก็ให้ฉันเห็นสิ”ให้เห็นแล้วจะบอกว่าเป็นยังไง


การพูดคุยโดยไม่เห็นหน้าแบบนี้...รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย


“...ไม่เสียใจแน่นะ”


“อืม”


“มันไม่ยากที่จะเห็น...ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวคุณทั้งนั้น”


“หมายความว่ายังไง”ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจ


อยู่ที่ตัวผม


“มนุษย์ทุกคนสามาถมองเห็นเทพได้...”


“...เห็นได้ที่ไหน”ก็เห็นอยู่ว่ามองไม่เห็น...


ไม่ว่าเพ่งขนาดไหนสิ่งที่เห็นตรงหน้ามีเพียงผนังห้องสีขาวไม่มีอะไรที่บอกเลยว่ามีเทพองค์หนึ่งอยู่ด้วยถ้าไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย


“พูดขัดทำไมเนี่ย...ผมยังพูดไม่จบเลย”เสียงที่ตอบกลับมาดูจะเริ่มไม่พอใจ


“งั้นก็พูดต่อสิ”


“ชิ...มนุษย์น่ะสามารถมองเห็นเทพอย่างพวกเราได้เพียงแต่ต้องมีความเชื่อมั่นอันแรงกล้าและความศรัททาที่จะเห็น...ถ้ามีเพียงความคราแครงใจแม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่สามรถมองเห็นได้หรอก”


“...”ผมเงียบเพราะกำลังทำความเข้าใจคำอธิบายนั่น


“ถ้าตินอยากเห็นผมก็จงเชื่อว่าผมมีตัวตน...การจะเห็นทำได้ง่ายๆแบบนี้แหละ”


“...ง่ายที่ไหน”ผมพึมพำออกมา


ตอนนี้ผมกำลังพยายามทำตามสิ่งที่แพนบอกทั้งเชื่อและศรัททาที่จะเห็นแต่สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาก็ยังคงเป็นเพียงผนังห้องสีขาวสะอาดตาเหมือนเดิม


“...มองไม่เห็นสินะ”


“ทำไมถึงรู้”ผมถามกลับ


“เพราะดวงตาของคุณมันยังไม่สะท้อนภาพของผมน่ะสิ”คำพูดนั่นอธิบายได้อย่างดีว่าตอนนี้ดวงตาสีฟ้าสดของผมกำลังถูกมองอย่างไม่รู้ตัว


“แพน...”


“ไม่ต้องรีบน่า...ผมจะลงไปที่สวนหน่อยคุณจะหลับต่อก็ตามสบายเลยนะ”


“เฮ้ย...เดี๋ยวสิ”ผมรีบรั้งก่อนที่อีกฝ่ายจะออกไป


“อะไร”


“ไหนบอกว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดไง”


คำว่าตลอด...ไม่ได้หมายถึงว่าห้ามแยกกันหรอกเหรอ


“ก็ใช่...แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กันตลอดหรอก...ถ้าอยู่ในระยะหนึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร”


“แบบนั้นเอง”ผมเริ่มเข้าใจล่ะ


“ขอโทษที่ปลุกนะ...อยากบอกให้คุณรู้ก่อนออกไปเพราะถ้าตื่นมาแล้วผมไม่อยู่เดี๋ยวจะเป็นห่วง”


“ใครเป็นห่วงกัน?”คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น


“คิก...คุณน่ะใจดีมากนะ...ถึงจะไม่มีใครรู้แต่ผมรู้นะ”


“...อย่ามาพูดบ้าๆ”คำว่าใจดีตั้งแต่เกิดมาก็พึ่งมีคนบอกนี่แหละ


“พูดจริงนะ...ตินใจดี”เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสของฝ่ามือที่ลูบใบหน้าผมอีกครั้ง


“...ขออาบน้ำก่อนจะลงไปด้วย”ทั้งที่อยากจะนอนแต่พอได้พูดคุยกันความง่วงที่มีมันก็หายไปแล้ว


“ผมไปรอที่สวนนะ...ไม่อยู่ดูคุณอาบน้ำหรอก”


“จะอยู่ดูก็ไม่ได้ว่านี่”


“ใครจะอยากดูกัน!”เสียงตะโกนนี่เป็นประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน


หลังจากที่ผมเรียกอีกฝ่ายแต่ไม่มีเสียงตอบรับก็รู้ว่าคงออกไปที่สวนแล้ว...ผมก็ลุกจากเตียงเดินไปจัดการตัวเองในห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล ไม่ถึง10นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย


สวนหลังบ้านถูกประดับไปด้วยไม้ดอกและไม้ประดับที่มีราคาแพงตามความชอบของผู้เป็นพ่อ...ส่วนทางเดินอันหรูหรานี่เป็นความชอบของแม่ แม้ความชอบของทั้งคู่จะแตกต่างกันแต่พอเอามารวมกันก็กลายเป็นสวนที่ดูมีมูลค่ามาก


“แพน”ผมเรียกชื่อพลางมองไปรอบๆ


บรรยากาศเงียบๆยามเช้ามีเพียงเสียงของลมและใบไม้เสียดสีกันจนเกิดเสียงเบาๆขึ้นเท่านั้น...จากที่ได้ฟังรู้สึกว่าต้นไม้พวกนี้ก็สามารถพูดได้เหมือนกันถึงผมจะไม่ได้ยินกับตัวก็ตามเถอะ


“แพน”


เสียงเรียกดังขึ้นหลายต่อหลายครั้งแต่สิ่งที่ได้กลับมาก็เป็นเพียงความเงียบเหมือนอย่างทุกครั้ง นั่นทำให้ผมรู้สึกใจไม่ดีเอาซะเลย...


ความรู้สึกไม่สบายใจนี่มันอะไรกัน?


จากที่อยู่บริเวณด้านหน้าของสวนตอนนี้ผมกลับเดินมาจนเกือบท้ายสวน...ถ้าเดินไปอีกสักพักก็จะถึงกำแพงบ้านแล้ว ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่กลับไม่เจอแพนที่น่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในสวนนี้


“หรือว่าจะอยู่ที่สวนด้านหน้า”ผมพึมพำเสียงเบาอย่างครุ่นคิดก่อนจะหมุนตัวเดินกลับทางเดิม...


“ติน!”


กึก!


ขาที่กำลังจะก้าวหยุดชะงักพร้อมหันกลับไปมองยังเสียงที่อยู่ด้านหลังทันที


“แพน”


“ทำไมเดินกลับแล้วเล่า!...ยังหาผมไม่เจอแล้วหันกลับแบบนี้หมายความว่ายังไง...นี่คิดจะทิ้งกันใช่ไหม?!”เสียงเดิมตะโกนจนผมต้องเบนหน้าหนี


“นี่ตามมาตลอดสินะ”ผมถามเสียงเข้ม


การที่อีกฝ่ายโผล่ออกมาได้จังหวะแบบนี้มีได้ทางเดียวเท่านั้นคือตามผมมาตั้งแต่ต้น


น่าโมโหที่ไม่รู้ตัว


ถึงได้บอกว่าการได้ยินแค่เสียงมันไม่สะดวกเอาซะเลย


“...โกรธเหรอ”เสียงตะโกนกลายเป็นเสียงอ่อยในเวลาไม่กี่วินาที


“ควรโกรธไหมล่ะ”ผมถามกลับ


“...ขอโทษนะ...หายโกรธนะตินผมแค่อยากดูว่าจะหาผมรึเปล่าเท่านั้นเอง”อีกฝ่ายถามกลับเสียงอ่อย


เล่นทำเสียงแบบนั้นผมก็แย่น่ะสิ


“เฮ้อ...ฉันจะกลับแล้ว”ผมเลือกที่จะถอนหายใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านที่ตอนนี้แม่คงเตรียมมื้อเช้าไว้ให้แล้ว


“เดี๋ยวสิติน...หายโกรธแล้วใช่ไหม”


“...”ผมเงียบกับคำถามนั้นโดยที่ยังเดินต่อไปเรื่อยๆ


“นี่...หายโกรธนะตินนนน~”


“ตินนน~”


“นี่ติน”


“ถ้ายังไม่เลิกกวนฉันโกรธจริงๆแน่”บอกจบผมก็หันไปจ้องบริเวณที่ได้ยินเสียงเรียกมาตลอดทาง


“แปลว่าหายโกรธแล้วเนอะ...ว่าแล้วเชียว...ตินใจดีจริงๆด้วย”น้ำเสียงใสๆนั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก


ผมเลยเลือกที่จะเงียบแล้วเดินเข้าไปยังห้องกินข้าวที่ตอนนี้มีพ่อนั่งอยู่หัวโต๊ะและมีแม่ยกจานอาหารออกมาวางตามที่ของแต่ละคน


“คินล่ะ”ผมหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทสองคนที่เดินถือจานอาหารตามแม่ออกมาจากห้องครัว


“คุณคินยังไม่ลงมาเลยครับ”กายเป็นคนตอบคำถามนี้


สำหรับกาย...เขาเป็นบอดี้การ์ดที่ผมยอมรับในฐานผู้มีฝีมือเก่งกาจและยังสามารถเชื่อใจได้เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อก่อน ส่วนจิมก็เป็นเพื่อนสนิทรุ่นเดียวกันของกายเรียกว่าผมรู้จักพวกเขาทั้งคู่พร้อมกันก็ว่าได้...นอกจากทั้งคู่จะเป็นบอดี้การ์ดให้ผมแล้วยังเป็นเลขาที่มากความสามารถด้วย


“ใครเรียกผมครับ”เสียงอันร่าเริงของน้องคนสุดท้องดังขึ้นก่อนที่จะเห็นตัวซะอีก


คินเป็นน้องชายที่มีอายุต่างกัน2ปีแต่นิสัยต่างกับผมแบบสุดขั้ว...ถ้าจะให้เปรียบก็พูดเก่งพอๆกับแพนแถมยังชอบกวนเหมือนกันอีก ถ้าคู่นี้ได้เจอกันคงหาความเงียบไม่ได้


“ตื่นสายนะ”ผมหันไปบอก


“เปล่านะพี่...เมื่อคืนผมนั่งทำงานอยู่หรอก”


“ทำงาน?...ไม่ใช่เล่นเกมเหรอ”


“ชิ...มีพี่ชายรู้ทันนี่แย่ชะมัด”


“ไม่รู้ก็แปลกล่ะ”ตั้งแต่เด็กน้องชายคนนี้ก็เอาแต่เล่นเกมมาตลอด ไม่ว่าจะโดนว่ายังไงก็ยังเล่นไม่เลิกจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่พ่อออกปากว่าถ้าการเรียนตกจะเอาเครื่องเกมไปเผาให้หมด...เชื่อไหมว่าเกรดที่ออกนั่นดีกว่าเดิมราวกับเป็นคนละคน


“ไม่พูดแล้ว...แม่มีไรกินครับ”


“วันนี้มีขนมปังกับไส้กรอกและไข่ดาว...มื้อเช้าไม่ควรกินของหนักๆเลยทำของง่ายๆให้”


พวกเราทั้งครอบครัวลงมือจัดการมื้อเช้าอย่างไม่รีบร้อนท่ามกลางเสียงพูดคุยของแม่กับคิน พ่อกับผมจะเสริมบ้างเป็นบางครั้งเท่านั้น


“...แม่เสียใจจังที่วันนี้พวกเราต้องแยกกันอีกแล้ว”แม่บอกเสียงเศร้า


“อย่าเศร้าไปเลยแม่...ไว้เราหาเวลามารวมกันอีกก็ได้น่า”คินปลอบด้วยรอยยิ้ม


ครอบครัวของผมแต่ละคนต่างก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็นคินที่ทำบริษัทเกมทั้งส่งออกและนำเข้ารวมทั้งมีหลายเกมที่คิดและสร้างขึ้นมาด้วยบุคลากรชั้นนำของวงการ ส่วนพ่อและแม่ก็มีธุรกิจส่งออกสินค้าแบรนด์ดังทำให้ต้องไปติดต่อลูกค้าที่ต่างประเทศด้วยกันเสมอ...


ผมเองก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองเช่นกัน


ดังนั้นพวกเราเลยไม่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัวบ่อยนัก จะมีก็แค่นานๆครั้ง


เรียกว่าผมโตมาพร้อมกับความเหงาจนชินชาก็ว่าได้


หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จผมก็นั่งรถออกจากบ้านหลังใหญ่โดยมีกายและจิมเป็นคนขับ...จุดหมายปลายทางที่รถสีดำคันนี้จะไปคือคอนโดหรูที่พักของผมนั่นเอง...


“นี่ติน...เราจะไปไหนเหรอ”แพนถามเสียงเบาแต่แค่นั้นดูจะไม่พอเพราะอีกฝ่ายใช้นิ้วจิ้มแก้มผมเล่นด้วย ดวงตาสีฟ้าสดของผมมองไปยังกระจกมองหลังด้านหน้าพลางขมวดคิ้วเพราะไม่สามารถมองเห็นเทพที่อยู่ข้างกายนี่ได้


เคยมีคนบอกว่าถ้าอยากเห็นวิญญาณให้มองผ่านกระจก


แต่นี่ไม่เห็นมีอะไรเลย


รถสีดำสนิทเลี้ยวเข้าไปในคอนโดหรูที่อยู่ใกล้กับสถานที่ทำงานอยู่พอสมควร...ด้วยความที่อยู่ใจกลางเมืองทำให้ราคาเรียกว่าสูงลิ่วแต่ไม่ได้สูงมากสำหรับคนมีเงินอย่างผม ห้องชั้นบนสุดของคอนโดถูกเหมาซื้อด้วยเงินก้อนหนึ่งตั้งแต่ตอนกำลังก่อสร้างทำให้ชั้นบนสุดนั้นเป็นชั้นเดียวที่ถูกออกแบบสร้างตามความชอบส่วนตัวของผม


บนชั้น30ซึ่งเป็นชั้นบนสุดมีห้องอยู่เพียง3ห้องคือห้องของผมและของบอดี้การ์ดคนสนิทอีกสองคน...ทั้งที่ให้ห้องไปคนละห้องแต่กายกับจิมเลือกที่จะนอนด้วยกันและให้อีกห้องเป็นห้องรับรองแขกหรือห้องพักเวลาที่ลูกน้องมาเฝ้า


“นี่ติน...ที่นี่มันคอนโดนี่...อย่าบอกนะว่าคุณอยู่ที่คอนโดหรูขนาดนี้น่ะ”แพนยังคงถามไม่หยุดตั้งแต่ลงรถจนถึงขึ้นลิฟต์


จะให้ตอบก็ไม่ได้เพราะมีกายและจิมขนาบข้างอยู่


อีกฝ่ายก็น่าจะรู้แต่ก็ยังยิงคำถามซ้ำๆมาไม่หยุดจนคิ้วผมกระตุกด้วยความหงุดหงิด


“ถ้ามีอะไรเรียกพวกเราได้นะครับ”กายบอกเมื่อผมมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของตัวเองแล้ว


“อืม”


“คุณตินจะกลับไปทำงานเมื่อไหร่ครับ”จิมถามบ้าง


“นั่นสิ...พรุ่งนี้ฉันจะไปดูสักหน่อย”ผมตอบก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเอง



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 04-06-2017 11:14:33
(ต่อนะคะ)


ภายในห้องถูกทาด้วยสีขาวนวลสะอาดตา ตรงข้างเข้ามีตู้วางรองเท้าตั้งอยู่ชินกับประตู...ผมถอดรองเท้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องรับแขกซึ่งเป็นห้องแรกเมื่อเข้ามา ห้องรับแขกขนาดใหญ่ถูกตกแต่งอย่างเรียบหรูตามความชอบของผมโดยมีทั้งโทรทัศน์จอยักษ์ โซฟากำมะหยี่นุ่มรวมถึงชั้นหนังสือและอื่นๆอีกมากมาย


“ว้าวๆๆ...ห้องใหญ่จังเลย”เสียงของแพนดังขึ้นอีกครั้ง


“ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”ผมบอกแล้วเดินไปยังประตูที่อยู่ด้านในห้องรับแขกเข้าไป...ห้องนอนเพียงห้องเดียวถูกสร้างและออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผมโดยใช้สีน้ำเงินกับขาว เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นสีนี้ทั้งหมด


“ผมรออยู่นี่นะ”


“จะตามมาก็ไม่ว่านะ”ผมบอกเสียงเบา


“ใครจะอยากดูคุณเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน!”คำตะโกนนั้นดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่ถูกปิดลง


ไม่นานผมก็เดินออกมาพร้อมกับชุดลำลองสบายๆที่มักใส่ตอนอยู่ห้อง...สิ่งแรกที่เห็นเมื่อออกจากห้องมาคือโทรทัศน์จอยักษ์ที่ถูกเปิดอยู่...


“นายเปิดเหรอแพน”ผมถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว


ห้องนี้มีระบบล๊อกอัตโนมัติทำให้ไม่สามารถเปิดจากข้างนอกได้ถ้าไม่มีรหัสหรือคีย์การ์ด


“ใช่...อยู่เงียบๆแบบนี้มันน่าเบื่อน่ะ...เปิดไม่ได้?”เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านข้าง


“ไม่ได้ว่านี่”ตอบไปผมก็พยายามเพ่งมองบริเวณที่ได้ยินเสียงแต่ก็ยังไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า


ยิ่งไม่เห็นก็ยิ่งหงุดหงิด


“ขมวดคิ้วทำไมติน...คิดอะไรอยู่กัน”สัมผัสของมือลูบบริเวณคิ้วที่ขมวดเป็นปมนั้นดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงของแพน


ทั้งที่อยู่ใกล้ขนาดนี้...


แต่กลับมองไม่เห็น


ต้องทำยังไงถึงจะเห็นได้


ไหนบอกว่าแค่เชื่อและศรัทธาไง


“ติน...”


“ทำไมฉันถึงมองไม่เห็น”ผมถามออกไปตามตรง


“...เพราะคุณยังไม่เชื่อว่าผมมีตัวตนไงล่ะ”


“เชื่อสิ...ฉันเชื่อว่านายมีตัวตน”ผมสวนกลับไป ถ้าไม่เชื่อจะพูดคุยกันเหมือนในตอนนี้รึไง


ถ้าไม่เชื่อผมคงไม่มานั่งอยากมองเห็นอยู่แบบนี้หรอก


“แค่เชื่อยังไม่พอหรอกนะ”


“...แล้วต้องมีอะไรอีก”


“คุณต้องอยากที่จะเห็นผมจริงๆ”


“ฉันก็ทำอยู่นี่ไง”ถ้าความอยากผมกล้าพูดเลยว่ามีมันอย่างสุดๆ


อยากเห็น...


อยากเห็น...


อยากเห็น...


ในหัวเอาแต่คิดแบบนั้นแต่สุดท้ายที่เห็นมันก็ยังเหมือนเดิม


“...มันอาจยังไม่มากพอติน”


“...”ผมเงียบกับคำพูดต่อมา


ยังไม่มากพองั้นเหรอ


ต้องมากแค่ไหนกันถึงจะสามารถเห็นได้


“อย่าเครียดกับเรื่องนี้เลย...ยิ่งคิดว่าอยากเห็นมันก็ไม่ได้ทำให้เห็นหรอกนะ”


“ก็นายบอกว่าต้องอยากนี่”


“พูดแบบนั้นก็ใช่อยู่...เฮ้อ...นี่ติน...ตอนนี้ที่คุณคิดมันมีแค่ความอยากเท่านั้น”


“...”ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน


“ผมสัมผัสได้แค่ความอยากเห็นอันรุนแรงแต่ไม่มีความเชื่อมั่นหรือศรัทธาเลยสักนิด...แค่ความอยากไม่อาจทำให้เห็นผมได้หรอกนะ”คำอธิบายดังขึ้นพร้อมกับลูบใบหน้าผมช้าๆ


“แพน...”


“อย่าใจร้อน...สักวันคุณต้องเห็นผมได้แน่”


คำพูดนั่นดังอยู่ในหัวอยู่ตลอดทั้งวันไม่ว่าจะกินข้าวมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น...ผมไม่รู้ว่าสักวันที่ว่าคือวันไหนกันแน่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นพรุ่งนี้ มะรืนหรือวันต่อๆไป...


สิ่งที่ไม่แน่นอนแบบนี้ผมรับไม่ได้


อยากจะเห็น...


“...บ้าเอ้ย”ผมสถบออกมาเบาๆเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนตามปกติ


“ติน...กำลังคิดเรื่องของผมอยู่น่ะ”เสียงนุ่มออกหวานนิดๆดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวออกมา


แปลว่ารออยู่หน้าห้องน้ำสินะ


“...นิดหน่อย”ผมตอบเลี่ยงเพราะน้ำเสียงที่ได้ยินนั้นดูเป็นกังวลอยู่มาก ถ้าบอกว่าคิดมากไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง


“คุณโกหกผมไม่ได้หรอกนะ...”แพนบอกเสียงอ่อย


“ทำไมคิดว่าฉันโกหก”


“...มันสัมผัสได้...”


“...ไปนอนกันเถอะ”ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนก้าวไปยังเตียงที่อยู่กลางห้องนอน


ทั้งผ้าปูและผ้านวมต่างเป็นเฉดเดียวกันคือสีน้ำเงินเข้มคาดลายสีขาวดูเรียบหรู...สัมผัสนิ่มของเตียงทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้างแต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น


“ถ้านอนลอยตัวแล้วตกพื้นก็นอนบนเตียงด้วยกันก็ได้”ผมบอกกไปโดยขยับให้ตัวเองนอนอยู่ตรงริมฝั่งหนึ่ง ที่ว่างด้านข้างที่เห็นเพียงความว่างเปล่าไม่รู้ว่าแพนจะนั่งอยู่รึเปล่า


“...นี่ติน”


“อะไร”


“...ถ้าอยากเห็นขนาดนั้น...ให้ผมปรากฏตัวให้เห็นไหม”


“...ทำได้ด้วยเหรอ”ผมถามขึ้น


“อืม...เพียงแต่ไม่ใช่แค่ตินที่จะเห็น”


“หมายความว่ายังไง”ไม่ใช่แค่ผมที่จะเห็น


“ตินที่มองไม่เห็นผมก็เหมือนกับมนุษย์คนอื่นที่มองไม่เห็น...ดังนั้นถ้าผมจะปรากฏตัวให้เห็นทุกคนที่มองไม่เห็นก็จะพลอยเห็นไปด้วย”


“...”คำอธิบายนั้นทำให้ผมเงียบไป


ความรู้สึกจุกๆนี่มันคืออะไร


ความรู้สึกไม่อยากนี่คืออะไร


เพียงแค่ผมไม่ใช่คนเดียวที่เห็นกลับรู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก


“ผมไม่ชอบให้มนุษย์เห็น...แต่ถ้าตินอยากเห็นขนาดนั้นก็...”


“ไม่ต้อง”ผมพูดแทรก


“...ติน”


“ไม่ต้องปรากฏตัวออกมา...ฉันอยากเห็นนายด้วยตัวเอง”นี่คือคำตอบหลังจากคิดมาสักพักใหญ่


“แต่ว่า...”


“นายบอกเองนี่ว่าสักวันฉันจะเห็น”


“ก็ใช่”


“งั้นก็ไม่เป็นไร...ก็แค่รอถึงวันนั้น”ผมบอกก่อนจะปิดไฟที่สว่างอยู่


ภายในห้องตอนนี้มีเพียงแสงสว่างจากแสงไฟด้านนอกกับแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาเท่านั้น...ผมล้มตัวนอนแล้วห่มผ้าหลับตาตามปกติทั้งที่ภายในใจยังคิดถึงเรื่องของเทพที่ลอยอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้องตลอด


“อย่าหลับทั้งที่ทำหน้าเครียดเลยติน”เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากเตียงฝั่งที่ผมเว้นว่างไว้ ไม่นานฝ่ามืออุ่นๆก็วางลงบนหน้าผากผมเหมือนอย่างหลายๆคืนที่ผ่านมา


สัมผัสนั้นสูบความเครียดที่มีออกไปจนเกือบหมด


ก่อนที่สติอันน้อยนิดจะหายไปผมก็ปรือตาขึ้นโดยที่ไม่อะไรอยู่ในหัวเหมือนตอนก่อนนอน แสงจากภายนอกหน้าต่างที่ควรเห็นอย่างชัดเจนเหมือนตอนก่อนปิดไฟกลับมีเงาของอะไรบางอย่างบดบังไว้จนแทบมองไม่เห็น...ทั้งที่อยากจะลืมตามมองให้ชัดกว่านี้แต่ฝ่ามือคู่เดิมก็เลื่อนมาปิดดวงตาที่ปรือขึ้นของผมพร้อมเอ่ยบางคำที่ดึงสติที่มีลงสู่นิทราในทันที...


“ฝันดีนะติน”


ตลอดทั้งคืนผมหลับสนิทมากที่สุดตั้งแต่ที่ออกจากโรงพยาบาล ไม่มีเสียงเรียกหรือแรงเขย่าร่างให้ตื่น ดังนั้นกว่าดวงตาสีฟ้าของผมจะปรือขึ้นก็เป็นช่วงสายของวันซะแล้ว...สิ่งแรกที่เห็นคือนาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงที่บอกเวลา8โมงครึ่ง
ผมกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับสมองให้ทำงานตามปกติก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งโดยยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีดำที่ปกหน้าให้ปัดไปด้านหลัง


“ตื่นแล้วเหรอติน”เสียงเดิมๆดังขึ้น


“อืม...แปลกนะที่นายไม่ปลุก”ผมพึมพำโดยที่ยังลูบหน้าใบหน้าตัวเองให้หายงัวเงีย


“เห็นเครียดๆนี่เลยคิดว่าให้นอนเต็มที่ดีกว่า”


“เป็นห่วงกันรึไง”ผมยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาเสียงนั้นเหมือนอย่างทุกทีแต่สิ่งที่ควรจะว่างเปล่ากลับมีร่างของชายหนนุ่มผมสีเขียวเข้มนั่งอยู่ด้านข้าง  ดวงตาสีเขียวอ่อนนั้นดูงดงามจนเผลอมองค้างไปหลายนาทีอีกทั้งใบหน้าที่อยู่กึ่งกลางระหว่างหล่อกับสวยนั่นดึงดูดผมอย่างบอกไม่ถูก...


ชุดแปลกตาสีเขียวอ่อนที่สวมอยู่ผมเคยเห็นมาก่อนตอนไปประเทศญี่ปุ่น...รู้สึกจะเรียกว่ายูกาตะ


รูปร่างหน้าตาโดยรวมที่เห็นทำให้ดวงตาสีฟ้าของผมเบิกกว้างอย่างไม่รู้ตัวเมื่อรู้ว่าชายที่นั่งอยู่ด้านข้างนี่เป็นใคร...ไม่มีทางที่จะมีใครเข้ามาในนี้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตนอกจากเทพเพียงองค์เดียวที่ตามติดกันตลอด...


แพน


นี่มันยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้ซะอีก


ผมไม่เคยเชื่อสิ่งเคยได้ยินว่าเทพและนางฟ้าต่างมีรูปลักษณ์อันงดงามกว่ามนุษย์ทั่วไปแต่ตอนนี้ผมได้รับรู้มันอย่างชัดเจนแล้ว...


ทั้งใบหน้า...


ทั้งดวงตา...


ทั้งสีผม...


ไม่เว้นแม้แต่รูปร่างหรือชุดที่สวมใส่...


ทุกอย่างช่างเป็นองค์ประกอบที่ลงตัวมากและสามารถบอกได้เลยว่าชายที่นั่งอยู่นี่ไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน


เทพที่ถูกมองเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าผมสามารถมองเห็นตัวเองได้เลยขยับเข้ามาใกล้แล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากสีชมพูเผยยิ้มกว้างออกมาพร้อมๆกับคำตอบของคำถามเมื่อครู่...


“อืม...เป็นห่วงตินมากเลย”


ตึกตัก ตึกตัก


เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นพร้อมกับรอยยิ้มกว้างจนตาสีเขียวอ่อนนั่นแทบปิด


ตลอดเวลาที่ผมมองไม่เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ


คำถามมากมายในหัวยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยที่สายตายังจ้องมองไปยังเทพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก


“...แพน”ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านี้เป็นความจริงไม่ใช่ภาพหลอนที่คิดไปเอง


“หื้ม?...มีอะไรเหรอติน”เสียงนุ่มออกหวานนิดๆตอบกลับพลางเอียงหัวเล็กน้อย ดวงตาสีอ่อนนั่นจ้องมาอย่างมีคำถาม...


มองเห็นแล้ว


ผมมองเห็นแพนแล้ว!


รอยยิ้มที่นานๆทีจะมีปรากฏขึ้นด้วยความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเมื่อสามารถมองเห็นสิ่งที่อยากเห็นได้สักที

...........................................................................................

มาอัพต่อแล้ววว

ในที่สุด...ในที่สุด...ตินก็มองเห็นแพนสักที!

รู้สึกดีใจแทนตินจัง55

ตอนนี้แต่งออกมาราบลื่นกว่าที่คาดไว้พอควรถือว่าเป็นเรื่องดีจริงๆ

จากนี้ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดำเนินไปยังไงหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง

เนื้อเรื่องเราคิดไว้คร่าวๆแต่สุดท้ายจะใช้ความรู้สึกตอนแต่งพาตัวละครไป

หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจที่ให้ค่ะ

จะพยายามแต่งใาห้ดีขึ้นๆไปอีก

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย :mew1:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 04-06-2017 11:28:43
 :-[ในที่สุดก็เห็นแล้วดีใจจังมาต่ออีกไวๆนะค่ะ รออ่าน o13
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 04-06-2017 12:51:44
ถึงกับอึ้งไปเลยน้าตินน
ตื่นเต้นมากเลย ในที่สุดก็มองเห็นแล้ว
คราวนี้ความรู้สึกของทั้งสองคงพัฒนา คึ
แถมอยู่คอนโดกันสองคนอีก
กลัวว่าท่านเทพจะถูกมนุษย์จับกิน5555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 04-06-2017 13:07:00
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 04-06-2017 14:18:41
พอรู้ว่าตินมองเห็นแพนแล้ว อยากให้มาต่อเร็วๆเลย 55555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-06-2017 14:34:36
ในที่สุดก็มองเห็นซักที โอ้ยย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 04-06-2017 16:16:58
ในที่สุดตินตินก็มองเห็นแพนผู้น่ารักแล้ว
ถึงกับอึ้งไปเลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

รอตอนต่อไป อยากให้วันจันทร์มาถึงเร็วๆ
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 04-06-2017 17:17:47
ในที่สุดก็มองเห็นแพนแล้ว ดีใจด้วยนะติน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-06-2017 18:31:37
เย้ๆๆๆ มองเห็นแพนเเล้ว
เอาจริงๆ หัวเราจินตนาการแพนเป็นปีเตอร์แพนทุกที 55555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-06-2017 20:17:30
ลุ้นมากว่าเมื่อไหร่จะเห็นแพนซักที
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 04-06-2017 20:51:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: InYume ที่ 04-06-2017 20:57:19
 :-[ :o8:  ตินเห็นแพนแล้ววว  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-06-2017 10:50:10
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ ตินเห็นแพนแล้ว ดีใจจัง ความหึงหวงมันทำให้มองเห็นสินะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 05-06-2017 22:48:59
        ดีใจกับตินด้วยนะค่ะที่มองเห็นแพนแล้วดีใจตบมือรัวๆๆค่ะ
โดยส่วนตัวแล้วเราไม่ติดใจอะไรเลยเนื้อเรื่องดำเนินไปได้โดยดีชวนติดตามมาก
แต่ขอถามนิดได้ไหมค่ะเผื่อคนแต่งมาอ่านรบกวนช่วยตอบทีนะค่ะ
เราอยากรู้ว่าเทพอย่างแพนมีอายุมากว่ามนุษย์อยู่แล้วแล้วพอตินหมดอายุขัยแพนไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดียวเหรอค่ะ
สงสารTTเนื้อเรื่องยังไม่ถึงไหนเลยเราดันจินตนาการไปไกลละ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ยังไงถ้าได้รับคำตอบจะดีใจมากค่ะ :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 11-06-2017 10:19:24
เข้ามาจองที่นั่ง  :mew3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่5♣} 04/06/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 11-06-2017 14:20:27
แค่เห็นหน้าแพนครั้งแรกก็ถึงกับใจเต้นเลยนะตินนนนน :impress2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 11-06-2017 14:52:39
สัมผัส{❤}ครั้งที่6



ตั้งแต่ตื่นเช้ามาเทพอย่างผมก็นั่งมองตินที่นอนหลับสบายอยู่ตลอดจนกระทั่งอีกฝ่ายตื่นแต่ท่าทางแปลกๆที่เห็นตอนนี้ทำให้ผมขมวดคิ้วพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย...


คิดไปเองรึเปล่านะที่เหมือนถูกตินจ้องอยู่


แถมพออีกฝ่ายเรียกชื่อผมเสร็จก็นิ่งไปไม่พูดอะไรต่อด้วย


“ติน”ผมลองเรียกคนตรงหน้าดูอีกครั้ง


“...”ความเงียบที่มีทำให้ผมขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นโดยการขึ้นไปนั่งบนตักเหมือนอย่างทุกครั้งแต่ครั้งนี้ดวงตาสีฟ้านั้นหันมามองผมที่ขึ้นมานั่งบนตักด้วยความตกใจ


การกระทำนั่นทำให้ผมเริ่มเอะใจ...ทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไรแต่เขากลับหันมาตามที่ผมขยับราวกับว่ามองเห็นผมเลย...


มองเห็นเหรอ?


“นี่ติน”ผมไม่รอช้ารีบหาคำตอบในสิ่งที่คิดโดยขยับเข้าไปใกล้แล้วสบตาเข้ากับดวงตาสีฟ้าตรงหน้า...


ภาพของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในดวงตานั่นทำให้คนมองอย่างผมยิ้มกว้างออกมา


ตินมองเห็นผมแล้ว


“มองเห็นผมใช่ไหม”ผมถามออกไป


“...รู้ได้ยังไง”คำถามนั้นก็เหมือนกับเป็นคำตอบให้ผมนั่นแหละ


“ดวงตาคุณสะท้อนภาพผม”นี่เป็นคำตอบง่ายๆ


“...แพน”


“อะไร”


“นายไม่ได้ปรากฏตัวให้ฉันเห็นใช่ไหม”จากคำถามที่ได้ยินคงคิดได้อย่างเดียวว่าตินยังไม่แน่ใจในการมองเห็นของตัวเองเท่าไหร่


“เปล่า...คุณมองเห็นผมได้ด้วยตัวเอง...สุดยอดเลยเนอะ”


“...อืม”ตอบเสร็จตินก็ยกมือขึ้นจะสัมผัสกับใบหน้าผมแต่มือนั่นกลับผ่านไปโดยไม่อาจแตะต้องอะไรได้ คิ้วทั้งสองข้างของตินขมวดเข้าหากันทันทีที่เป็นแบบนั้น


“อะไรกันติน...พึ่งมองเห็นกันก็อยากสัมผัสแล้วเหรอ”ผมถามพร้อมยกยิ้มขึ้น


“แล้วไม่ได้?”


“ก็อย่างที่เห็น...คิดว่าได้ไหมล่ะ”ผมย้อนถามด้วยใบหน้าสะใจเล็กๆ


“ทำหน้าสะใจเกินไปแล้ว”


“ผมก็ทำแบบนี้ตลอดอยู่แล้ว”


“...ทำไมพอเห็นแล้วรู้สึก...”


“รู้สึกอะไร ผมหล่อ หน้าตาดี ผิวขาวอมชมพู...รูปร่างเหมือนนายแบบใช่ไหมล่ะ”ผมรีบถามก่อนจะลุกยืนแล้วหมุนตัวให้คนตรงหน้าเห็นชัดๆ


“ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนนัก”อีกฝ่ายถามกลับ


“ก็ความจริงนี่”


“หลงตัวเอง”


“ห๊ะ?...นี่จะกวนกันใช่ไหมติน”พูดว่าผมหลงตัวเองแบบนี้มันน่าโดนนัก


“เอาที่ท่านสบายใจเลยครับท่านเทพ”


“อะ...”มันมาอีกแล้วไอ้เสียงไม่จริงใจนั่น


“ฉันไม่คุยกับเทพที่หลงตัวเองแล้ว...ต้องเตรียมตัวไปข้างนอกอีก”พูดจบตินก็ลุกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปปล่อยให้ผมยืนอ้าปากพะงาบๆอยู่แบบนั้น


ให้ตายเถอะ


น่าหงุดหงิดชะมัด


ผมลอยตัวอยู่หน้าห้องน้ำรอคนข้างในออกมาด้วยใบหน้าตึงๆ...คอยดูนะถ้าตินไม่ขอโทษผมจะไม่คุยด้วยไปตลอดชีวิตเลย


แกร็ก!


ร่างสูงโปร่งของตินเดินออกมาจากห้องแต่งตัวหลังอาบน้ำเสร็จด้วยชุดทางการที่ไม่เคยเห็นมาก่อน...เขามองซ้ายขวาเหมือนหาอะไรก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมที่ลอยตัวอยู่ด้านบน ผมรีบยกมือกอดอกแน่แล้วทำหน้าโกรธเพื่อให้คนด้านล่างรู้ว่าผมโกรธอยู่นะ


“ทำหน้าแบบนั้นอยากเข้าห้องน้ำรึไง”


“ห๊ะ?”ผมถึงกับร้องเสียงหลง


“อยากเข้าก็ตามสบาย”เป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายไม่สนใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ


“นี่คุณอยากโดนสาปมาใช่ไหมที่ทำกันแบบนี้น่ะ!”ผมตะโกนกลับพร้อมลอยตัวลงมาหาคนด้านล่าง


“ทำแบบไหน”ตินหันมาถาม


“ก็ที่ทำอยู่นี่ไง...ขอโทษที่บอกว่าผมหลงตัวเองเลยนะ”


“ฉันพูดความจริงทำไมต้องขอโทษด้วย”


“ผมไม่ได้หลงตัวเองสักหน่อย...คุณเห็นผมแล้วไม่คิดว่าหน้าตาดีหรือหล่อบ้างเลยเหรอ”ผมลอยไปด้านหน้าตินแล้วถามอีกรอบ
คนถูกถามมองจ้องมาอย่างสำรวจ ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมหมุนตัวให้อีกฝ่ายดูก่อนจะหันกลับมาขอคำตอบด้วยความตื่นเต้น


“นายควรทำความเข้าใจซะใหม่เกี่ยวกับคำว่าหล่อ”


“ผมไม่เข้าใจ”


“จริงอยู่ที่หน้าตานายดีแต่ไม่ใช่หล่อ...ถ้าจะให้พูดคือค่อนไปทางน่ารักมากกว่า”


“ใครน่ารักกัน!”ผมตะโกนสุดเสียง


อีกแล้วนะไอ้คำว่าน่ารักเนี่ย


ได้ยินมาจนเอียนแล้ว


“ไม่เอาน่ารักก็สวย”


“หนักกว่าเดิมอีกเฟ้ย!”ผมตะโกนแล้วคิดจะชกอีกฝ่ายแรงแต่กลับถูกอ่านทางได้ตินเลยหลบหมัดผมได้สบายๆ ผมที่หยุดหมัดตัวเองไม่ทันก็ได้แต่พุ่งลงพื้นทั้งๆแบบนั้น...โชคดีที่ไม่เจ็บมาก


“คิดว่าจะชกกันได้ตลอดรึไงครับท่านเทพ”ใบหน้ากวนๆหันกลับมาเย้ยก่อนจะเดินออกจากห้องไป


“อะ...ตินคนขี้แกล้ง”


ผมพาร่างในชุดยูกาตะสีเขียวอ่อนออกมาจากห้องแล้วหันซ้ายขวาเพื่อมองหาเข้าของห้องก่อนจะเจอตินที่พึ่งเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อ...


“ทำอะไรอยู่น่ะติน”


“หายงอนแล้วเหรอ?”


“ไม่ได้งอนแต่โกรธต่างหาก”


“ก็นั่นแหละ...หายโกรธรึยัง”


“ยัง”ผมตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ


“ถ้าฉันพาไปเที่ยวจะหายโกรธไหม”คำถามนั่นทำให้ผมตารุกวาวทันที


“หายสิ”ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง


ไปเที่ยว


อยากไปสุดๆเลย


“หึ...หายง่ายไปแล้ว”


“ไม่ดีเหรอ”ผมย้อนถาม


“เปล่า...ดีแล้ว”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูด้านหน้าเรียกความสนใจของเราทั้งคู่ให้หันไปมอง ตินเองก็เดินไปยังประตูแต่ก่อนที่จะถึงเขาก็หันมาหาผมที่ลอยตามมา...


“อยู่ข้างนอกฉันคุยกับนายไม่ได้”


“อืม”เรื่องนี้อยู่แล้ว


“ขอบอกไว้ก่อนว่าที่ที่จะพาไปอาจทำให้นายหลงได้เพราะงั้นห้ามห่างจากฉันเข้าใจนะ”ตินพูดย้ำ


“เราจะไปไหนเหรอ”


“รอดูเองดีกว่า...คำตอบล่ะ”


“เข้าใจแล้ว...ถึงจะหลงผมก็กลับมาหาคุณได้อยู่แล้วน่าไม่ต้องห่วงหรอก”


“จะลอยหาฉันรึไง”


“เปล่า...จำได้ไหมที่ผมเคยบอกว่าพลังของผมตอนนี้อยู่ในตัวคุณ”


“อืม”


“พลังของผมมันจะเรียกร้องหาเจ้าของทำให้ผมสามารถรู้ได้ว่าคุณอยู่ที่ไหน...ดังนั้นถึงจะหลงผมก็จะกลับมาหาคุณได้...ไม่ต้องห่วงหรอก”ผมอธิบาย


“ใครห่วงกัน”พูดจบตินก็เปิดประตูออก


ผมอมยิ้มกับคนปากไม่ตรงกับใจนั่น...


“ห่วงก็บอกว่าห่วงสิ...ผมยังบอกว่าห่วงคุณตามตรงเลย”ผมตะโกนไล่หลังก่อนจะตามตินออกไป


คนที่มาเคาะประตูคือกายและจิมตามที่คิดไว้...ทั้งคู่ทักทายตินเล็กน้อยก่อนที่พวกเราจะพากันลงไปยังรถยนต์คันสีดำสนิทด้านล่าง ผมลอยทะลุกระจกรถเข้าไปภายในท่ามกลางความอึ้งของตินที่มองมาอย่างไม่เชื่อสายตา


สิ่งที่ตินอยากถามแสดงออกทางสายตาจนผมต้องยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วตอบคำถามนั้นกลับไป...


“เทพอย่างพวกเราเมื่อยู่ในสภาวะที่ลอยตัวแบบนี้จะสามารถทะลุผ่านของได้ทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่มนุษย์...สะดวกดีไหมล่ะ”


“...”ใบหน้าที่คลายความสงสัยลงหันมามองเพียงเล็กน้อย


รถยนต์คันสีดำแล่นไปตามถนนใหญ่แล้วเลี้ยวเข้าไปยังตึก...ไม่สิ...ที่เห็นนี่มันห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ตามทางที่เลี้ยวเข้ามาต่างมีรถจอดอยู่จนแทบไม่มีที่ว่าง


“ตินพาผมมาเที่ยวห้างเหรอ”ผมหันไปถามเสียงใส


ห้างสรรพสินค้าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อยากไปมากที่สุด


“รู้ใจจังเลยติน”


“...”อีกฝ่ายไม่ตอบทำเพียงแค่ยกคิ้วขึ้นข้างนึงอย่างไม่เข้าใจ


“จะว่าไปคนเยอะสุดๆเลยนะ...แบบนี้ไม่มีที่จอดแน่”ผมพูดต่อโดยมองไปนอกหน้าต่าง


ขนาดที่จอดรถด้านนอกยังเต็มแล้วที่จอดด้านในจะเหลือเหรอ


ผมคิดเมื่อรถที่นั่งอยู่ขับเข้าไปยังที่จอดรถในร่ม ที่จอดที่ว่างอยู่เพียงที่เดียวถูกกั้นไว้ด้วยราวเหล็กเหมือนจะบอกว่าเป็นที่จอดสำหรับคนพิเศษเท่านั้น...ทันทีที่พนักงานเห็นรถคันนี้ก็รีบแสดงความเคารพก่อนจะเลื่อนราวเหล็กออกให้เลี้ยวรถเข้าไปจอดได้ง่ายๆ


“ทำไมเขาถึงให้จอดได้ล่ะ”ผมหันไปถามติน


“...”ตินไม่ตอบแต่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น


ผมได้แต่งงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแต่พอได้ยินคำพูดของพนักงานที่เปิดประตูให้ตินผมก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน...


“สวัสดีครับท่านประธาน”


“ประ...ประธานเหรอ?!”


อย่าบอกนะว่าประธานที่พูดคือเจ้าของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แบบนี้น่ะ


“อืม”ตินตอบรับเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้างโดยมีกายและจิมเดินตามหลัง


ตลอดทางที่เดินมีเจ้าของร้านค้าหลายคนที่เข้ามาทักทายแต่ก็มีอีกมากที่มองมาอย่างงๆว่าตินเป็นใคร...ส่วนมากที่งงคือลูกค้าที่เข้ามาเดินเที่ยว


“ตินๆๆ...ที่นี่คุณเป็นเจ้าของเหรอ”ผมถามพร้อมกับลอยไปขวางหน้าอีกฝ่ายจนตินต้องชะงักเท้าที่กำลังก้าวอยู่ คนด้านหลังสองคนเองก็ชะงักตามก่อนจะมองมาอย่างสงสัย


“...”ดวงตาสีฟ้าเงยขึ้นมาสบอย่างไม่พอใจนัก


“แล้วคุณจะหยุดเดินทำไมเล่า...ก็บอกอยู่ว่าไม่ชนอยู่แล้ว”ผมแก้ตัว


“เอ่อ...มีอะไรรึเปล่าครับ”กายที่เดินตามถามขึ้น


“...เปล่า”พูดจบเขาก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง


บันไดเลื่อนที่สูงกว่าทุกห้างที่เคยเจอทำให้ตื่นตาตื่นใจสุดๆ...ปกติบันไดเลื่อนจะเลื่อนขึ้นเพียงชั้นเดียวแต่นี่กลับเลื่อนขึ้นไปถึงประมาณชั้นที่10ได้


“สุดยอดๆๆๆ...สูงมากเลย”ผมพูดด้วยเสียงตื่นเต้น พอมองลงไปแล้วรู้สึกเสียวหน่อยเหมือนกันแฮะ


“อย่าเหม่อจนตกลงไปล่ะ”เสียงทุ้มพึมพำเสียงเบาแต่ผมกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน


“ไม่อยู่แล้ว”


พวกเราเดินขึ้นต่อแล้วขึ้นลิฟต์ที่อยู่ด้านหลังมาถึงชั้นบนสุดที่ติดป้ายว่าห้ามบุคคลภายนอกเข้า...สำนักงานขนาดใหญ่ถูกจัดสรรอย่างเป็นระเบียบ พนักงานทุกคนที่เห็นตินเดินเข้ามาต่างก็ลุกขึ้นทำความเคารพอย่างพร้อมเพียง


“สวัสดีครับ/ค่ะ...ท่านประธาน”


“อืม...กานต์บัญชีของเดือนนี้ไปถึงไหนแล้ว”ตินหันไปถามหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง


“ใกล้เสร็จแล้วค่ะตอนนี้เหลือแค่ตรวจทานอีกรอบเท่านั้น”


“ดี...เสร็จแล้วเอาไปให้ฉันที่ห้องด้วย”


“ได้ค่ะ”เธอพยักหน้าแล้วนั่งลงจัดการงานต่อ


พอเดินเข้าไปจนเกือบสุดก็พบกับห้องขนาดเล็กที่เหมือนเป็นห้องส่วนตัว


“ไม่ต้องตามมา”ตินหันไปบอกคนสนิททั้งสองคน


“ครับ...ถ้าอย่างนั้นผมขอไปจัดการงานของแผนกบุกคลที่ยังไม่เรียบร้อยนะครับ”กายขออนุญาต


“ผมด้วยครับ...ฝ่ายขนส่งก็เหมือนยังไม่เรียบร้อยเหมือนกันครับ”จิมขอบ้าง


“อืม...ไปจัดการให้เรียบร้อยซะ”


“ครับ”ทั้งคู่รีบออกไปทันทีเมื่อได้รับอนุญาต


“คุณเหมือนเป็นประธานจริงๆเลย”ผมบอกพลางเข้ามาภายในห้องส่วนตัวนี่ด้วย มองจากข้างนอกเหมือนจะไม่ใหญ่แต่พอเข้ามาแล้วใหญ่น่าดูเหมือนกัน


“ไม่ใช่เหมือน...ฉันนี่แหละประธาน”ตินแก้


“จริงอ่ะ...ไม่ใช่ว่าเป็นพ่อแม่คุณเหรอ”นึกว่ามาสืบทอดกิจการซะอีก


“ไม่ใช่...ครอบครัวฉันมีธุรกิจเป็นของตัวเองพ่อกับแม่ทำธุรกิจเสื้อผ้า”


“อ้อ...เข้าใจล่ะ...แล้วคุณต้องนั่งทำงานใช่ไหม”ผมถามต่อ


“ใช่...คงหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จ”ตินตอบก่อนจะเปิดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะออก


“งั้นผมขอไปเที่ยวข้างล่างได้ไหม”


“...ห่างขนาดนั้นไม่เป็นไร?”เขาเงยหน้าขึ้นมาถามเสียงเครียด


“ไม่เป็นไรหรอก...อยู่นี่เบื่อจะตาย...ขอไปข้างล่างนะ”


“ถ้าไม่ให้ล่ะ”


“ก็จะหนีไปเลย”ผมสวนกลับอย่างไม่กลัว


“หึ...ฉันให้แค่สามชั่วโมง”


“ทำไมต้องสาม”


“ฉันจะทำงานเสร็จในสามชั่วโมง”


“ดูมั่นใจจังนะ...งานออกเยอะขนาดนี้”ผมพูดโดยมองไปยังแฟ้มเอกสารที่วางทับกันจนแทบมองไม่เห็นหน้าเจ้าของโต๊ะ


“แน่นอน”


“งั้นก็ได้...สามชั่วโมงจะกลับมา”


เมื่อตกลงกันได้ผมก็ลอยตัวออกไปด้านนอกสำนักงานโดยเริ่มจากชั้นบนสุดเป็นส่วนของสำนักงานเนื่องจากไม่มีอะไรน่าสนใจผมเลยลงไปยังชั้นก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นโรงหนังขนาดใหญ่หลายโรง จำนวนผู้คนที่เดินไปมามากมายจนเรียกว่าเดินเบียดกันเลยทีเดียว
จะว่าไปก็ไม่ได้ดูหนังมานานแล้วนี่นะ


ร่างผมในชุดยูกาตะหันกลับไปยังโรงหนังอันแออัดไปด้วยผู้คนก่อนจะลอยเข้าไปดูว่ามีเรื่องไหนที่น่าสนุกบ้าง หลังจากที่หาอยู่นานในที่สุดก็เจอหนังเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเลยหาที่นั่งว่างๆนั่งดู...หนังที่เลือกเป็นเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู่ด้วยเวทย์มนต์และศึกชิงอำนาจของสองอาณาจักร


“สุดยอด...จัดการเลย!”ผมตะโกนอย่างไม่กลัวใครรำคาญเพราะไม่มีใครได้ยินเสียงเทพได้อยู่แล้ว


กว่าหนังจะจบก็กินเวลาไปพักใหญ่...การที่ดูหนังฟรีไม่เสียเงินแบบนี้ก็ดีเหมือนกันถึงจะรู้สึกผิดที่ทำให้ห้างของตินเสียรายได้แต่ก็คิดได้ว่าคนเยอะขนาดนี้ยังไงก็มีกำไรอยู่แล้ว ความคิดนั่นทำให้ผมยกยิ้มขึ้นแล้วเปลี่ยนหนังดูในอีกโรงแทน


ไหนๆก็เข้าฟรี...ขอดูให้คุ้มหน่อยละกัน


หนังหลายต่อหลายเรื่องที่ดูทำเอาตาแทบแฉะ...ผมเลยหยุดหลังจากดูเรื่องที่3จบแล้วลอยออกมาด้านหน้าโรงหนังอย่างเหนื่อยๆ ทันใดนั้นดวงตาสีเขียวอ่อนของผมก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องกลับไปก่อนสามชั่วโมง


จะว่าไปผมก็ไม่มีนาฬิกาเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาผ่านนานแค่ไหนแล้ว


เทพอย่างพวกเราไม่ค่อยสนใจเรื่องเวลาเหมือนอย่างมนุษย์เพราะพวกเรามีเวลามากมายที่จะค่อยๆทำในสิ่งที่อยากทำ...ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบหรือตรงต่อเวลา


แค่รู้ว่าทุกครั้งที่พระอาทิตย์ขึ้นหมายถึงการขึ้นวันใหม่เท่านั้น


“ติน...”ผมพึมพำชื่อของอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะขึ้นไปหาบนห้องแต่ภายในห้องนั้นไม่มีตินอยู่ นั่นยิ่งทำให้ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม...
อย่าบอกนะว่ากลับไปโดยไม่รอผมน่ะ


ไม่...ตินไม่ใช่คนแบบนั้น


แปลว่าลงไปหาผมแน่ๆ


“คุณอยู่ไหนกัน...ติน”ดวงตาสีเขียวอ่อนหลับลงอย่างช้าเพื่อตั้งสมาธิในการหาพลังของตัวเองที่อยู่ในร่างของติน แม้ว่าระยะห่างของเราจะกว้างมากแต่ผมก็สามารถหาตินเจอในที่สุด


ผมไม่รอช้ารีบลงไปหาตินที่เดินเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดพักมาตั้งแต่เมื่อครู่...จากที่อยู่ชั้น4ตอนนี้ขึ้นมาชั้น5แล้ว


ชุดยูกาตะสีเขียวอ่อนปลิวเล็กน้อยเมื่อผมตัดสินใจทิ้งตัวลงมาจากชั้น10ไปยังชั้น5ที่ตินอยู่...ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มีตรงกลางห้างที่เปิดโล่งในทุกชั้นทำให้มองเห็นรอบๆได้อย่างทั่วถึง


“เจอล่ะ”ร่างของตินที่ก้าวยาวๆผ่านร้านหนังสือที่เรียงรายอยู่อย่างเร่งรีบโดยที่ดวงตาสีฟ้านั้นมองเข้าไปแทบทุกร้าน ผู้คนที่ทั้งรู้จักและไม่รู้จักต่างมองไปยังตินอย่างสงสัย


ท่าทางแบบนั้นคงเป็นอะไรไม่ได้นอกจากหาผมอยู่


ให้ตายสิ...ผมทำให้เขาห่วงอีกแล้ว


“ติน!”ผมตะโกนเรียกสุดเสียงจะคนที่กำลังก้าวเร็วๆหยุดชะงักแล้วหันมามองตามเสียงเรียก ดวงตาคมที่เห็นผมหรี่ลงอย่างโกรธๆจนคนมองอย่างผมต้องทำหน้าสำนึกผิดลอยเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆ


“แพน!”เสียงตะโกนของตินไม่ได้แค่ทำให้ผมสะดุ้งเท่านั้นแต่ยังทำให้คนที่อยู่รอบๆสะดุ้งไปด้วย เขาก้าวเข้ามาหาผมที่ลอยลงมาตรงหน้าโดยไม่สนคนอื่นที่มองมาอย่างสนใจสักนิด


นี่เป็นครั้งแรกที่ตินตะโกนเรียกผมต่อหน้ามนุษย์มากมายแบบนี้


“ติน...ใจเย็นๆก่อน...คนอื่นมองอยู่นะ”ผมรีบเข้าไปหาพร้อมกับบอกสถานการณ์ ถ้าตินยังคงพูดมากกว่านี้คงได้มีข่าวลือไม่ดีเกิดขึ้นแน่


“...”คนฟังหันไปมองรอบก่อนจะทำหน้าไม่พอใจ ใบหน้าที่เงยขึ้นมามองไม่จำเป็นต้องมีคำพูดอะไรผมก็รู้สิ่งที่เขาต้องการจะสื่อได้ทันที...


‘ตามฉันมา’


นั่นเป็นสิ่งที่รับรู้ได้ทางสายตา ผมเลยต้องลอยตามหลังท่านประธานหนุ่มหน้าหงิกเดินไปยังทางหนีไฟที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่


“ไปอยู่ไหนมา”คำถามแรกดังขึ้นทันทีที่ประตูหนีไฟปิดลง


“...ไปดูหนังมา”


“แค่ดูหนังมันนานเกือบ6ชั่วโมงเลยรึไง”


“ก็...ไม่ได้ดูเรื่องเดียว”ผมตอบกลับเสียงอ่อย


“สัญญาว่าไง”ตินถามเสียงเข้ม แววตาที่มองมานั้นทำให้ผมรู้สึกกลัวอยู่นิดๆ


“...จะกลับมาในสามชั่วโมง”


“เทพทุกองค์ไม่รักษาสัญญาแบบนี้เหรอ”


“ไม่ใช่นะ...ผมขอโทษที่ดูหนังจนลืมเวลา...ความจริงผมก็ไม่รู้ว่าสามชั่วโมงมันนานขนาดไหน”


“ก่อนหน้านี้ยังปลุกฉันได้นี่”


“ก็นั่นมีนาฬิกาอยู่นี่...ผมไม่มีนาฬิกาเลยไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว”ผมตอบพร้อมยกมือทั้งสองข้างให้ตินดูว่าไม่มีนาฬิกาจริงๆ


“...”


“ติน...ขอโทษจริงๆนะ...ผมทำให้คุณเป็นห่วงจนต้องเดินหาแบบนี้”พูดจบผมก็ขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับปาดเหงื่อที่ไหลลงมาให้ด้วยใบหน้าสำนึกผิด


“...ใครเดินหากัน”


“คิก...เป็นห่วงกันก็บอกตรงๆสิ”ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อยเพราะตินไม่ยอมรับทั้งที่ตอนนี้เสื้อเชิ้ตสีฟ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อแถมยังหอบอยู่หน่อยๆด้วย


“ถ้าบอกตรงๆจะไม่ทำให้เป็นห่วงอีกไหมล่ะ”คนตรงหน้าถามกลับด้วยใบหน้าจริงจัง


“...จะไม่ทำแล้ว...ครั้งนี้สัญญาจริงๆ”ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับ


“ฉันไม่เชื่อเทพที่ไม่มีนาฬิกาหรอกนะ”


“เดี๋ยวไปหาใส่ก็ได้”ผมพึมพำ


แค่ไม่มีนาฬิกานี่ถึงกับไม่เชื่อกันเลยเหรอ


“ไปหาจากไหน”


“...ไปแอบหยิบของตินมาใส่”ผมตอบไปตรงๆ


“ทำไมไม่ไปหยิบเอาตามร้านล่ะ...ไม่มีใครเห็นอยู่แล้วนี่”


“จะให้ไปขโมยตามร้านผมไม่เอาด้วยหรอกถึงจะไม่มีคนรู้แต่ผมรู้...อีกทั้งถ้ามีของหายก็ต้องมีคนต้องลำบากเพราะงั้นผมจะไม่ขโมยเด็ดขาด”แต่ถ้าเป็นของตินแค่แอบไปใช้สักเรือนคงไม่รู้หรอกมีตั้งเยอะขนาดนั้นนี่...”เมื่อวานตอนที่สำรวจห้องนอนก็ไปเจอกับห้องแต่งตัวที่มีทั้งเสื้อผ้า กางเกง ถุงเท้า รองเท้าและพวกนาฬิกาอยู่เต็มห้องขนาดใหญ่นั่น แค่นาฬิกาที่เห็นก็ไม่ต่ำกว่า20เรือนแล้วแค่แอบหยิบมาสักเรือนคงไม่รู้หรอก


“ไม่ขโมยแต่เลือกจะแอบหยิบของฉัน?”


“อืม...ตินใจดีไม่ว่าผมอยู่แล้ว”


“หึ...ตามมา”ตินพูดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้างอีกครั้ง


“เราจะไปไหนเหรอ”ผมถามบ้างแต่ตินไม่ตอบคำถามนั้นทำให้ผมตามตินไปเงียบๆจนถึงชั้น6ที่มีเสื้อผ้าขายอยู่มากมายและมีโซนหนึ่งที่มีร้านนาฬิกาหลายร้านอยู่ติดๆกัน


“ร้านไหน”


“อะไร”ผมถามตินกลับเพราะไม่เข้าใจคำถามสั้นๆนั่น


“อยากได้นาฬิการ้านไหน”


“จะซื้อให้ผม?”ผมพูดด้วยเสียงตื่นเต้น


เกิดมาก็พึ่งจะมีคนซื้อของให้นี่แหละ ปกติอาจมีแต่คนถวายให้


“อืม...เร็วๆ”ตินเร่งเพราะแถวนี้มีผู้คนพลุกพล่านทำให้มีหลายคนเริ่มมองมายังตินที่ยืนพูดคนเดียวอยู่


“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้หรอก...ตินเลือกให้ผมเลยก็ได้”ไม่ว่าจะได้แบบไหนมาสำหรับผมก็ไม่ได้ต่างเพราะใช้แค่ดูเวลาเท่านั้น


ตินขมวดคิ้วเล็กน้อยกับสิ่งที่ผมบอกก่อนจะเดินตรงเข้าไปในร้านนาฬิกาที่ตกแต่งอย่างหรูหราร้านหนึ่งด้วยท่าทางนิ่งๆ...พนักงานร้านที่เห็นก็รีบเข้ามาทำการต้อนรับกันอย่างพร้อมเพรียง


“สวัสดีค่ะคุณคณาธิป...วันนี้อยากได้นาฬิกาแบบไหนคะ”พนักงานคนหนึ่งทักทายด้วยรอยยิ้ม


“ตอนนี้มีนาฬิกาแบบที่คุณคนาธิปชอบออกใหม่ด้วยจะลองดูสักหน่อยไหมคะ”พนักงานสาวอีกคนก็ไม่ยอมน้อยหน้าเข้ามาทักทายด้วยเช่นกัน


“พ่อคนเนื้อหอม”ผมพูดยิ้มๆ


ไม่แปลกหรอกที่ตินจะเนื้อหอม...หน้าตาขนาดนี้ไม่เนื้อหอมสิแปลก


“ไม่ล่ะ...เดี๋ยวฉันเดินดูเองไม่ต้องตามมา”ตินบอกปัดพนักงานสาวทั้งสองคนก่อนจะเดินไปตามตู้โชว์ที่เต็มไปด้วนนาฬิกาหลายหลายรูปแบบตามความต้องการที่แตกต่างกันออกไป...


สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือนาฬิกาพวกนี้มีดีไซน์ที่เรียบหรูมาก


ผมเองก็มองตามตู้โชว์ด้วยความสนใจก่อนดวงตาสีเขียวอ่อนจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นราคาที่ห้อยตัวเล็กๆเอาไว้


“ตะ...ติน”ผมลอยไปสะกิดอีกฝ่ายที่กำลังเลือกนาฬิกาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด


“...”คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยเป็นเชิงถามว่ามีอะไร


“ราคานาฬิกาพวกนี้มัน...มัน...แพงไปนะ...แบบว่าแค่เรือนเล็กๆก็หลายหมื่นเข้าไปแล้ว...เอ่อ...ไปซื้อเอาตามตลาดก็ได้นะติน”ผมบอกคนตรงหน้า ราคาสูงลิ่วแบบนี้ผมก็เคยเห็นมาบ้างตอนที่อยู่ประเทศญี่ปุ่นแม้ค่าเงินจะต่างกันแต่ราคานั้นสูงลิ่วไม่ต่างกันเลย


ผมใช้แค่นาฬิการาคา199บาทก็หรูแล้ว


“...”คนฟังทำเพียงสบตาผมก่อนจะหันกลับไปมองตู้โชว์นาฬิกาตามเดิม


นี่เขาไม่ฟังผมเลยสินะ


“เฮ้อ...ก็ได้ๆ...ยังไงก็เงินคุณนี่”เมื่อรู้ว่าพูดไปก็ไม่ฟังผมก็ไม่อยากเสียแรงพูดหรอกนะ


จะว่าไปตินก็ยินนิ่งอยู่ที่ตู้นี้มาสักพักแล้ว...หรือว่ามีเรือนที่ถูกใจ


ผมรีบหันไปมองตู้โชว์ตรงหน้าด้วยความอยากรู้ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นอีกรอบเพราะความสวยงามของนาฬิกาเรือนเงินออกเขียวหม่นตรงหน้า หน้าปัดสี่เหลี่ยมผืนผ้าดีไซน์อออกมาอย่างเรียบง่ายแต่ดูหรูหรามาก ส่วนสายก็เป็นหนังสีเทาซึ่งเข้ากับหน้าปัดสีเงินปนเขียวสุดๆ


“...สวยจัง”ผมหลุดปากออกไปเบาๆแต่นั่นทำให้ตินที่อยู่ข้างๆยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย


“เอาเรือนนี้”ตินหันไปบอกพนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลพร้อมกับยื่นบัตรสีทองออกไปให้ ถ้าให้เดาคงเป็นบัตรเครดิตแน่ๆ นาฬิกาที่เขาเลือกเป็นเรือนเดียวกับที่ผมมองอยู่พอดี


“ทำไมรู้ว่าผมชอบเรือนนี้”มีนาฬิกาหลายเรือนที่โชว์อยู่ตู้เดียวกันแต่ตินกลับเลือกนาฬิกาเรือนนี้


“ไม่รู้สักหน่อย”


“แล้วเลือกเรือนนี้ทำไม”ผมหันไปมองหน้าตินอย่างไม่เข้าใจ


“...เรือนนี้เหมาะกับนายที่สุดแล้ว”คำตอบดังขึ้นเบาๆก่อนที่ตินจะเดินไปเซ็นบัตรที่หน้าเคาน์เตอร์ทำให้มองไม่เห็นว่าผมยิ้มกว้างออกมาแค่ไหนตอนที่ได้ยินคำพูดนั่น


“ติน...ขะ...”คำขอบคุณที่กำลังพูดชะงักแทบจะทันเมื่อเห็นราคาของนาฬิกาเรือนสวยนี้


แน่นอนว่าไม่ใช่หลักพัน...


และไม่ใช่หลักหมื่นด้วย...


ตัวเลขบนใบเสร็จทำให้ผมอ้าปากค้าง...แค่หลักหมื่นก็ถือว่าแพงสุดๆแล้วแต่นี่...


สามแสนหกหมื่นสามพันเก้าร้อยบาท


ได้ยินไหมว่านาฬิกาเรือนเดียวราคาสามแสนหกหมื่นสามพันเก้าร้อยบาทถ้วน!


“ตินนนน!!”ผมตะโกนเรียกจนคนได้ยินนิ่วหน้า เขาพยายามไม่แสดงออกอะไรเพราะมีพนักงานอยู่พอได้รับของก็เดินออกจากร้านอย่างไม่รีบร้อน


“ตินๆๆๆ...เอาไปคืนเลยนะราคามันแพงไป...แพงไปจริงๆนะ”ผมไม่รอให้ไปไกลกว่านี้เพราะอาจคืนไม่ได้


จะให้เทพอย่างผมใส่นาฬิกาเรือนหลายแสนนี่ไปทำไมกัน...ยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว


ฝ่ายตินที่ได้ยินก็ยังทำหน้านิ่งแล้วกลับขึ้นไปที่ห้องทำงานเหมือนเดิมโดยไม่สนใจเสียงผมที่ตะโกนไม่หยุดตั้งแต่ออกจากร้านเลยสักนิดเดียว


“ติน...ผมขอเถอะ”สุดท้ายผมก็ลอยมานั่งบนโซฟาในห้องทำงานของตินด้วยใบหน้าเหนื่อยๆ


ทำไมไม่ยอมฟังกันเลยนะ


“ไม่ต้องขอให้อยู่แล้ว”ตินตอบพร้อมกับยื่นนาฬิกาที่พึ่งซื้อมาให้


“...มันแพงไปนะ”


“ฉันอยากให้...รับไว้แพน”สายตาที่มองมานั่นทำให้ผมเม้มปากอย่างช่างใจก่อนจะแบมือของตัวเองให้ตินวางนาฬิกาลงมา


นาฬิกาเรือนเงินค่อยถูกใส่ที่ข้อมืออย่างไม่รีบร้อนและเมื่อใส่เสร็จผมก็ตัดสินใจได้ว่าจะรับของชิ้นนี้ไว้ ของชิ้นแรกที่ตินให้...


“ติน”


“อะไร...ไม่รับคืนหรอกนะ”


“รู้แล้วน่า”


“งั้นจะบอกอะไร”ตินถามพร้อมยกคิ้วขึ้นข้างนึง ท่าทางของเขาทำให้ผมยิ้มก่อนจะลอยตัวเข้าไปใกล้ติน ผมยกมือลูบใบหน้านั้นเบาๆแล้วโน้มไปกระซิบข้อความบางอย่างด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดีใจ...


“ขอบคุณนะ...จะรักษาอย่างดีเลย”

.........................................................................................

มาอัพแล้วค่า

มีใครรอกันอยู่ไหมมม

ก่อนจะพูดอะไรขอตอบคำถามของ 'เป็ดอนุบาล' ว่าด้วยเรื่องอายุของแพนหน่อยนะคะ

สำหรับอายุของเทพแน่นอนค่ะว่ามากกว่ามนุษย์มากกก(ก.ไก่อีกล้านตัว) แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องแพนจะเหงาหรือโดดเดี่ยวตอนไม่มีตินนะคะ(ทำไมคิดไปไกลจัง555) เพราะเราวางพล๊อตสำหรับส่วนนี้ไว้แล้ว

ซึ่งไม่อยากสปอยดังนั้นจะพูกแค่ว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้นะคะเรามีทางออกอยู่ค่ะแค่ยังดำเดินเรื่องไปไม่ถึงเท่านั้นเอง แฮะๆ

เห็นแบบนี้เราอ่านทุกคอมเม้นท์ในทุกเว็บเลยนะคะ แอบปลื้มบางตอนที่คนเม้นท์เยอะด้วยๆ

ขอบคุณมากๆค่ะ แค่เห็นว่ามีคนสนใจเรื่องนี้เราก็ดีใจสุดๆเลย

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้า

บ๊ายบายยย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 11-06-2017 15:42:49
แอร๊ยยยยย ตินสายเปย์
ตอนนี้มีความละมุนนนนน
รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 11-06-2017 15:57:45
          ขอบคุณที่มาตอบคำถามนะค่ะ :mew1: :mew1:
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
ยิ่งอ่านแพนยิ่งน่ารักยิ่งอยากได้ไว้สักตัว555 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 11-06-2017 16:40:04
ทำไมเราเขินตอนแพนกระซิบข้างหูตินอ่ะ
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 11-06-2017 17:40:53
ดีต่อใจ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-06-2017 18:29:41
 :katai2-1:
 :3123: :pig4: :3123:

หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 11-06-2017 19:32:27
หลงรักเทพแพนหนักมากๆๆอ่านทีเดียวหกตอนเลยทพแพนมีความเป็นเด็กน้อยมากๆอยากรู้อยากเห็นตินก็นิ่งๆแต่มีความใจดีอยู่ชอบตอนที่ตินได้เห็นแพนครั้งแรก จะรอทุกวันจันทร์เลยค่ะ เหมือนจะต้องมีดราม่าแต่ขออย่าหนักหน่วงเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-06-2017 20:42:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 11-06-2017 21:17:43
มีซื้อของให้ด้วย

อยากรู้จังว่ากระซิบไรกันน้ออ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-06-2017 23:56:20
หล่อสายเปย์จริงๆเลยพ่อคู๊ณณณณ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-06-2017 14:27:35
น่ารักจังเลยยยย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-06-2017 15:20:18
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 12-06-2017 17:22:32
อูยยย นี่มันพี่ตินสายเปย์ที่แท้จิง  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Matia ที่ 13-06-2017 20:27:42
ชอบนิยายมากๆๆๆค่ะ ติดตามทุกเรื่องเลย
รอติดตามต่อไปนะคะ อย่าจบเศร้านะคะกราบบบT^T
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่6♣} 11/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-06-2017 22:01:05
สนุกมากเลยค่ะ เราชอบบบบ แพนน่ารัก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 18-06-2017 12:14:06
สัมผัส{❤}ครั้งที่7



หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเทพอย่างผมก็ตามติดท่านประธานใหญ่ของห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งมาที่ทำงานด้วยทุกวันเพราะเวลาที่ตินทำงานก็จะมีเวลาว่างให้แอบไปเดินเที่ยวได้แม้ในวันแรกๆตินจะไม่ไว้ใจนักแต่พอผมกลับมาตรงเวลาตามที่บอกช่วงหลังๆเขาก็ปล่อยให้ผมไปเดินเที่ยวได้ตามสบาย


ห้างขนาดใหญ่มีทั้งหมด10ชั้นไม่นับชั้นบนสุดที่เป็นสถานที่ทำงานนะ ในแต่ละชั้นก็จะแตกต่างกันออกไปเริ่มตั้งแต่ชั้น1และ2ที่เป็นซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ ชั้น3เป็นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆรวมถึงร้านซ่อมด้วย ต่อมาคือชั้น4เป็นศูนย์รวมของคนผู้ชื่นชอบการออกกำลังกำลังกายเพราะนอกจากจะมีฟิตเนสแล้วยังมีอบไอน้ำด้วย พอออกจากโซนออกกำลังก็จะเป็นโซนเสริมสวยที่อยู่ในชั้นเดียวกันทั้งร้านตัดผม ร้านทำเล็บหรือพวกเสริมความงามต่างๆ


ในชั้น5เป็นร้านหนังสือและร้านอินเตอร์เน็ตเหมาะสำหรับเด็กที่โดดเรียน...เอ้ย...เด็กที่มาทำรายงาน ส่วนชั้น6นั้นอย่างที่รู้ๆกันคือร้านเสื้อผ้าและพวกนาฬิกา เครื่องเพชรต่างๆ


สองชั้นต่อมาเป็นร้านอาหารต่างๆที่มีให้เลือกกว่า100ร้าน...เรียกว่ามาชั้นนี้อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มได้หลายสิบกิโลกรัมในวันเดียว สำหรับคนที่มองหาความบันเทิงก็ต้องชั้น9ที่มีทั้งคาราโอเกะ เกมเซนเตอร์และยังมีโบว์ลิ่งให้โยนคลายเครียดด้วย


และชั้น10หรือชั้นสุดท้ายก็เป็นโรงหนังขนาดใหญ่ที่มีโปรแกรมการฉายตั้งแต่เปิดห้างจนถึงปิดห้างเลยทีเดียว


ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่นี่จึงเป็นสถานที่ที่ดึงดูดผู้คนมาได้ทุกวี่วัน...ผมเองก็ตื่นเต้นมาที่ได้เห็นสิ่งแปลกใหม่เหล่านี้...เรียกว่าสนุกไม่รู้เบื่อแต่พอเข้าสัปดาห์ที่4หรือครบหนึ่งเดือนความเบื่อหน่ายก็เข้าโจมตีอย่างรุนแรง ไม่ว่าไปทางไหนก็มีแต่สิ่งที่เคยเห็นมาแล้วทั้งนั้นอย่างโรงหนังที่มีภาพยนตร์ฉายตลอดนั้นพอมาดูทุกวันก็มีแต่เรื่องเดิมๆ ไม่ตื่นเต้นหรือน่าสนใจเหมือนตอนแรกแล้ว


“นั่งทำหน้าเบื่อแต่เช้าเลยนะ”เสียงทุ้มดังขึ้นจากโต๊ะของท่านประธาน งานที่วางอยู่ตอนนี้มีเพียงแฟ้มเอกสารอันเดียวเท่านั้นถือว่าทำงานเร็วมากเพราะตอนแรกที่มาแฟ้มมีอยู่ถึง5แฟ้ม


“ก็มันเบื่อนี่”


“ไม่ไปดูหนังล่ะ”ตินเสนอ


“ดูหมดแล้ว...เรื่องที่เข้าล่าสุดพึ่งไปดูมาเมื่อวาน”ผมตอบกลับเสียงเซง


“ไปร้องคาราโอเกะไป”


“เดี๋ยวก็ได้ออกข่าวเครื่องคาราโอเกะเปิดเองโดยไม่มีใครอยู่หรอก”


“ก็ดีสิจะได้เรียกลูกค้า”


“เรียกหรือไล่ลูกค้ากันแน่”ผมสวนกลับ


“ไม่มีอะไรทำเลยมาลอยอยู่บนหัวคนอื่นงั้นสิ”ตินพูดขึ้นพร้อมเงยหน้าขึ้นมาร่างของผมที่ลอยอยู่บนหัว


“คนอื่นที่ไหน...ลอยอยู่บนหัวตินต่างหาก”


“จะกวนให้เหนียวเลยใช่ไหม”


“แล้วตินจะคิดมากให้หัวหงอกเลยใช่ป่ะ”ผมเองก็ไม่ยอมแพ้เรื่องนี้หรอก


กวนมาก็กวนกลับ


จะเอาให้เคี้ยวไม่ได้เลย


“ลงมานี่เลย...”พูดจบเขาก็เอื้อมมือหมายจะจับแขนผมแต่ก็อย่างที่รู้ๆกันว่ามือนั้นทะลุไปจนไม่สามารถสัมผัสกับอะไรได้ ตินก้มหน้ามองมือตัวเองเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างไม่นานก็เงยขึ้นมามองผมอีก


“จะถามอะไรล่ะ”


“นายมีชีวิตแน่ใช่ไหม”


เพี๊ยะ!


“โอ๊ย...”คนถามถึงกลับสะดุ้งเมื่อถูกผมตีเข้าที่ไหล่แรงๆ


“ถ้าไม่มีจะตบคุณเจ็บไหมล่ะ”


“มือหนักชะมัด...ทำไมนายแตะฉันได้แต่ฉันทำไม่ได้กัน?”ตินถามต่อ


“อืม...เพราะนายยังไม่อยากพอมั้ง”เรื่องนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน...การที่ลอยตัวอยู่นี่เป็นเหมือนสภาวะโปร่งใสทำให้สามารถทะลุได้ทุกอย่างแต่ถ้าอยากสัมผัสตินทั้งที่ยังลอยก็ทำได้เพียงแค่ตั้งสมาธิว่าอยากสัมผัสเท่านั้น


“อยากอีกแล้ว...ตอนที่มองไม่เห็นก็พูดว่าอยากมากไปก็ไม่ทำให้เห็น...ครั้งนี้จะบอกว่าที่จับไม่ได้เพราะอยากมากไปอีกรึไง”


“เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจ”


“ทำไม”


“ก็...พึ่งเคยมีตินคนแรกที่บอกว่าอยากสัมผัส”ผมบอกไปตามตรง


“...ไม่เคยให้มนุษย์คนอื่นแตะเลย?”


“อืม...ก็บอกว่าไม่ชอบ...ความจริงแค่ให้เห็นก็ไม่ค่อยชอบแล้ว”ถึงจะมียกเว้นอยู่บางคนก็ตาม


“งั้นฉันเห็นไม่เป็นไรเหรอ”


“กับติน...ไม่เป็นไร”


“ทำไม”


“...เพราะพิเศษมั้ง”ผมตอบไปอย่างไม่แน่ใจ


มนุษย์คนแรกที่ทำให้ผมอยากช่วย


แค่นั้นก็เพียงพอที่จะใช้คำว่าพิเศษแล้ว


“ไม่เกินชั่วโมงฉันจะทำงานเสร็จ”


“หื้ม?”ผมงงเล็กๆที่ตินเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ


“อยากไปไหน”


“จะพาไป?”ผมถามเสียงใส แค่คิดว่าจะได้ออกไปที่อื่นก็ตื่นเต้นไปหมดแล้ว


“ขอดูสถานที่ก่อน”


“งั้นๆๆ...ไปตลาดนัดกันเถอะ”ผมตอบอย่างไม่ต้องคิด


ตั้งแต่มาประเทศนี้สิ่งที่อยากไปมากที่สุดคือตลาดนัดที่เปิดในช่วงเย็นจนถึงดึก...เห็นว่ามีของมาวางขายมากมายแถมมีคนเดินกันเต็มไปหมด


น่าสนุกสุดๆ


“ไม่”เสียงทุ้มดังขึ้นทันทีที่ได้ยิน ดวงตาสีฟ้าสดนั้นจ้องมาอย่างจริงจังว่าไม่มีทางไปแน่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม


“ทำไมล่ะ?”ผมถามเสียงเศร้า


“คนเยอะ! เสียงดัง! น่ารำคาญ!”


“...”คำตอบที่ได้ทำให้ผมพองลมในแก้มอย่างไม่พอใจ


ขึ้นชื่อว่าตลาดก็ต้องเสียงดังและมีคนเยอะทั้งนั้นแหละ ตลาดที่เงียบไม่มีคนใครจะอยากไปเดินกัน


“...อย่าให้แตะได้นะ”ตินพูดพลางหรี่ตามองมา


“ทำไม...แตะได้แล้วจะทำไม”


“จะจิ้มแก้มพองๆนั่นให้แตกเลย”คำพูดนั้นทำให้ผมกลืนลมที่อมไปลงคออย่างรวดเร็ว


“ไม่ต้องแตะได้ไปตลอดชีวิตเลย”คนชอบแกล้งเอ้ย


“หึ...ไม่มีที่อื่นที่อยากไปแล้วรึไง”ตินวกกลับมาเรื่องเดิม


“ไม่มี...ตอนนี้อยากไปตลาดนัด...นี่ก็ห้าโมงแล้วเป็นเวลากำลังดีเลยที่จะไปเดิน...แดดก็ไม่ร้อนด้วย...นะนะนะนะ...ไปกันนะ”ผมลอยลงไปหาพร้อมกับเขย่าแขนข้างที่ถือปากกาอยู่แรงๆ


“ทำไมฉันต้องตามใจ”


“ก็เพราะตินเป็นคนใจดีมากๆๆๆ...เพราะงั้นพาผมไปเดินตลาดนัดหน่อยนะ ถ้าพาไปผมจะบอกวิธีที่จะสัมผัสผมได้ให้เลย”


“พูดแล้วนะ”อีกฝ่ายย้ำอีกรอบ


“แน่นอน”ผมพยักหน้าตอบ


“...ตลาดนัดที่ไหน”


“เยส...ตินใจดีที่สุดเลย”มือทั้งสองข้างชูขึ้นด้วยความตื่นเต้นและดีใจสุดๆ


“ถ้าไม่ตอบภายใน3วิก็ไม่ต้องไป...3...2...”


“ที่ไหนก็ได้ขอเป็นใหญ่ๆแล้วก็ของเยอะๆ”ผมรีบตอบก่อนจะหมดเวลา


“ที่ไหนก็ได้แปลว่าก็ไม่รู้สินะว่ามีที่ไหนบ้าง”ตินถามอย่างรู้ทัน


“...ก็ผมพึ่งมาที่ประเทศนี้นี่นา”ไม่รู้ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย


“เอาเถอะ เสร็จงานแล้วจะพาไป...ระหว่างนี้อยู่เงียบๆอย่ากวนล่ะ”


“ได้เลยติน”จะไม่กวนแน่นอน


หลังจากที่ตกลงกันเสร็จผมก็เปลี่ยนมานอนรอบนโซฟานุ่มๆริมห้องแทนเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการทำงานของติน...ยิ่งเขาทำเสร็จเร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งไปตลาดนัดเร็วขึ้นเท่านั้น


ราวหนึ่งชั่วโมงเป๊ะๆที่ตินใช้จัดการเอกสารบนโต๊ะ...จากที่อยู่ด้วยกันมาทำให้รู้ว่าตินรักษาคำพูดของตัวเองเสมอถ้าเขาบอกว่าจะทำเสร็จใน1ชั่วโมงก็คือ1ชั่วโมงจริงไม่มีเสร็จช้าหรือก่อนเวลาที่พูดไว้


“ไปกัน”ตินหยิบเสื้อนอกที่วางพาดไว้สวมใส่เหมือนเดินก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยมีผมลอยตามไปติดๆ


เมื่อเปิดประตูออกไปก็มีกายและจิมยืนรออยู่เหมือนกับรู้เวลาที่ตินจะทำงานเสร็จ...รถยนต์สีดำเงาแล่นไปตามถนนใหญ่ที่เริ่มแออัดไปด้วยรถมากมาย...


“กาย”


“ครับ”คนถูกเรียกขานรับทันที


“แวะตลาดมืด”


“...”ทั้งรถถึงกลับเงียบกริบ จิมที่นั่งฝั่งข้างคนขับหันกลับมามองนายตัวเองที่นั่งนิ่งอยู่ด้านหลังอย่างไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่


“เอ่อ...คุณตินบอกให้แวะไหนนะครับ”


“ตลาดมืด”


“คุณตินไม่ชอบสถานที่ที่คนแออัดแถมเสียงดังแบบนั้นนี่ครับ”จิมพูดต่อ


“ใช่...ไม่ชอบ”ตินตอบกลับ


“เอ่อ...แล้วทำไม...”


“ทำตามที่บอก”


“ครับ”ทั้งคู่ได้แต่ขานรับเมื่อตินไม่ให้คำตอบอะไรเลย


ผมที่ฟังบทสนทนาอยู่ก็รู้สึกผิดเล็กๆที่ให้ตินพาไปในสถานที่ที่เขาไม่ชอบแต่ผมอยากลองไปสักครั้งนี่นา...


ขอแค่ครั้งเดียวแล้วพอเลย


“ขอโทษที่ต้องให้พาไปในที่ที่ไม่ชอบนะ”ผมบอกตินที่นั่งอยู่ด้านข้าง


“...”ใบหน้านั้นไม่ได้ดูหงุดหงิดหรือโกรธผมเลยสบายใจขึ้นมาหน่อย


“ขอบคุณนะติน”ผมบอกก่อนจะส่งยิ้มไปให้ ตินเองก็แค่เหล่มามองเล็กน้อยแล้วหันกลับไปมองอีกฝั่งตามเดิมจนรถยนต์สีดำสนิทเลี้ยวเข้ามาบริเวณหน้าตลาดนัด


ขนาดยังไม่ถึงการจราจรยังติดขัดขนาดนี้...ไม่อยากคิดเลยว่าจะมีที่จอดไหม


“ขอให้มีที่จอดเถอะ”ผมภวนาแบบนั้น


อยากไปจริงๆนะ


“กายจอดรถ”คำสั่งจากเจ้าของรถทำให้คนขับทำตามอย่างรวดเร็ว


“คุณตินจะลงไปคนเดียวเหรอครับ ถ้ายังไงให้จิม...”


“ไม่เป็นไร...หาที่จอดได้แล้วโทรมา”ตินพูดแทรกสิ่งที่กายกำลังพูด


“แต่ว่าช่วงนี้มันอาจจะ...”


“ฉันดูแลตัวเองได้”ตินตัดบทโดยการลงจากรถแล้วเดินเข้าไปภายในตลาดยามมืดด้วยใบหน้านิ่งๆ ผมเองก็ตามตินลงไปจนถึงเขตของตลาด...เสียงพูดคุยและเสียงตะโกนดังขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามา


“...ติน”ผมแอบมองตินที่ทำหน้าเหมือนยากุซ่าที่จะมาไถ่เงินคนไม่จ่ายค่าเช่า


ใบหน้าแบบนี้เดินไปไหนคงเป็นจุดสนใจแน่


“อยากไปทางไหน”ตินหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมาถาม อาจเพราะบริเวณนี้มีเสียงดังมากทำให้ไม่มีใครสนใจตินเลยสามารถพูดกับผมได้


“ได้หมดเลย...ผมอยากเดินให้ทั่ว”


“...เดินให้ทั่วทั้งวันก็ไม่หมดหรอก”


“เหรอ...งั้นก็ให้ตินนำเลย”ผมตอบกลับ


“อย่าหลงก็พอ”พูดจบตินก็เดินต่อผ่านร้านค้ามากมายที่ขายของคล้ายกันบ้างต่างกันบ้างแต่พอเลี้ยวเข้าไปตามทางร้านขายของก็เปลี่ยนเป็นร้านอาหารที่ยาวสุดลูกหูลุกตา


ร้านแรกที่เห็นคือร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีควันจากน้ำซุปร้อยๆลอยขึ้นโดยที่ลึกเข้าไปด้านในเป็นเก้าอี้ไม้ให้นั่งกิน...เชื่อไหมว่าโต๊ะทุกตัวเต็มหมดเลย ไม่ใช่แค่ร้านนี้ร้านเดียวแต่ร้านอาหารส่วนมากที่เดินผ่านก็มีคนเข้าเกือบเต็มทั้งนั้น


“...น่ากินจัง”ผมลอยไปหยุดอยู่หน้าร้านไอศกรีมขนาดเล็กที่มีให้เลือกหลากรสชาติด้วยความหิวที่เพิ่มขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่...
ยิ่งเห็นสาวๆที่ต่อแถวอยู่ถือไอศกรีมรสต่างๆออกมาผมก็กลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่


“น้ำลายจะไหลแล้ว”เสียงของตินทำให้ผมยกปลายยูกาตะขึ้นมาเช็ดที่มุมปากเบาๆก่อนจะหันไปส่งยิ้มบางๆให้


“โทษที...แค่เห็นว่ามันน่ากิน”


“...รสอะไร”


“หื้ม?”


ถามแบบนี้หมายความว่าจะซื้อให้เหรอติน


“อยากกินรสอะไร”


“จะซื้อให้ผมจริงเหรอ”ผมไม่ตอบแต่ถามกลับด้วยเสียงเริงร่า


“คิดว่าไงล่ะ”


“ไม่คิดแล้ว...ผมอยากกินรสชาเขียวกับรสนม...แต่รสที่ผู้หญิงคนนั้นกินก็น่าอร่อย...แต่รสอะไรไม่รู้”จำนวนรสของไอศกรีมมีเยอะเกินไปจะให้เลือกแค่ไม่กี่รสช่างยากจริง


แถมบางรสที่เห็นยังไม่รู้ว่าเป็นรสอะไรด้วย


“ชาเย็น”


“...ชาเย็น?”


“ก็ไอศกรีมที่ผู้หญิงคนนั้นกินไงที่รสชาเย็น”ตินพูดอีกรอบ


“อ๋อ...งั้นเอาชาเย็นกับรสนมละกัน”ผมตัดสินใจเลือกสองรสที่คาดว่าจะอร่อยที่สุด


จะว่าไปก็ยังไม่เคยกินชาเย็นเลยนี่นะ


“ไม่ต้องรีบ...ดูแถวซะก่อนกว่าจะถึงคิวเดี๋ยวก็ได้เปลี่ยนอีก”ตินบอกก่อนจะเดินไปต่อแถวกลุ่มหญิงสาวในชุดนักเรียน เหล่าสาวๆเองก็หันมามองตินกันเป็นแถวไม่นานก็หันกลับไปซุบซิบกันด้วยใบหน้าแดงๆ


“เนื้อหอมจังนะติน”ผมลอยมาหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม


ผมว่าที่หันไปซุบซิบกันต้องกำลังพูดถึงตินแน่...ลุคของตินดูเหมือนคนไม่ชอบของหวานซึ่งก็จริงอย่างที่ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะผมอยากกินคงไม่มีทางที่จะเห็นคนเกลียดของหวานมายืนต่อแถวซื้อไอศกรีมแบบนี้หรอก


“คุณนี่ใจดีจริงๆนะ”ผมรับไอศกรีมมาเมื่อพวกเราเดินเข้ามาอยู่ท่ามกลางฝูงคน...คนเยอะแบบนี้ไม่มีใครมองหรอกว่าของหวานในมือของผู้ชายคนหนึ่งจะหายไป


“...นายเป็นคนแรกที่พูด”ตินพึมพำเสียงเบา


“เพราะคุณไม่แสดงมันออกมาน่ะสิ”ผมสวนกลับ ถ้าตินแสดงความอ่อนโยนและใจดีเหมือนอย่างที่ทำกับผมคงมีผู้หญิงมากมายเข้ามาห้อมล้อมแน่


“ไม่จำเป็นต้องแสดงนี่”


“คุณไม่อยากให้ใครชอบเหรอ?”


“ไม่นี่”ตินตอบทันที


พวกเราเดินดูร้านสองข้างทางไปเรื่อยๆจนถึงบริเวณสวนหย่อมขนาดกลางที่มีทั้งเก้าอี้ โต๊ะและห้องน้ำไว้บริการคนที่มาเดินเที่ยว แสงไฟที่ประดับเป็นรูปสัตว์ต่างๆเรียกความสนใจจากผมได้ดีจริงๆ


“สวยจัง...”ผมพึมพำแล้วลอยเข้าไปใกล้ไฟดวงเล็กที่ถูกดัดเป็นรูปกระต่าย


ในประเทศญี่ปุ่นก็มีคล้ายๆแบบนี้เหมือนกันแต่จะเป็นตามเทศกาลมากกว่าจะจัดให้เห็นทุกวันเหมือนที่นี่


“อย่าไปไหนโดยไม่บอกสิ...ถ้าหลงจะทำยังไง”ตินที่ก้าวตามมาทำหน้าตึงส่งมาให้


“ทำไมชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กนักนะ...บอกแล้วไงว่าผมไม่หลงหรอก”


“ตื่นเต้นเหมือนคนไม่เคยมาแบบนี้จะเชื่อได้รึไง”


“ได้สิ...อ้อ...ถ้าตินหลงไม่ต้องห่วงนะเพราะเดี๋ยวผมจะพาตินกลับเอง”คำพูดของเหมือนจะทำให้อีกฝ่ายถึงกับคิ้วกระตุก


“ฉันดูเหมือนคนที่จะหลง?”


“เปล่า...ก็แค่เผื่อไว้เอง”ผมตบกลับเสียงเบา


“ต่อให้หลงก็ไม่คิดจะให้เทพที่พึ่งเคยมานำทางหรอกนะ”


“ถึงจะพึ่งมาครั้งแรกแต่ผมก็พอรู้นะว่าอะไรอยู่ตรงไหน”ผมถียงขาดใจ แม้ตลาดนัดที่นี่จะขนาดใหญ่มากแต่ถ้าลอยขึ้นมองจากที่สูงๆการจะหาทางออกก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย


“งั้นตอนนี้พวกกายอยู่ไหน”


“แล้วผมจะรู้ไหม”ผมสวนกลับทันที


“ไหนบอกว่ารู้ไง”


“ใครบอกว่ารู้ถึงขนาดนั้นกัน...มนุษย์ที่ผมสามารถหาเจอได้มีแค่ตินคนเดียวเท่านั้น”ผมบอกออกไปตามตรง


การจะให้หามนุษย์คนอื่นแบบนั้นผมทำไม่ได้หรอกแถมยังให้หาจากคนหลายพันคนแบบนี้ด้วย


“...เพราะฉันมีพลังของนายอยู่ในตัวสินะ”ตินถามพร้อมเงยหน้าขึ้นมาจ้อง


“อืม...ช่างเรื่องนี้เถอะ คุณไปหาอะไรกินไหมมื้อเย็นยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่”ผมเปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มเข้าไปแล้วแต่ตินยังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลย


มนุษย์ที่ควรกินอาหารให้ครบสามมื้อกลับไม่กินคอยแต่ซื้อของกินให้เทพที่ไม่จำเป็นต้องกินอะไร...


ดีจริงๆ


“ฉันไม่หิว”


“ไม่หิว?...จำว่าตอนกลางวันคุณก็ยังไม่กินอะไรนะ”ผมพูดต่อ ทั้งวันที่อยู่กับตินในห้องเขาไม่ได้แม้แต่สั่งของว่างมากินด้วยซ้ำ


“ก็มันไม่หิว”


“คุณนี่น่าจะมาเป็นเทพแทนผมเนอะจะได้ไม่ต้องกินอะไร”ผมพึมพำพร้อมลอยลงมาอยู่ด้านหน้าของติน


“แล้วนายก็จะกินให้หนำใจสินะ”ตินพูดต่อพร้อมยกยิ้มขึ้น


“รู้ทันจริงๆ...ไปซื้อข้าวเย็นได้แล้ว”พูดจบผมก็ผลักไหล่ตินเบาๆ


“...ก็ฉันบอกแล้วไงว่า...”


“ถ้าไม่ทำตามที่บอกผมจะไปหยิบของกินจากร้านข้างๆมายัดใส่ปากจริงๆด้วย”ผมพูดขู่แทรกสิ่งที่ตินกำลังพูดโดยที่ชี้นิ้วไปยังร้านขายแมลงทอดที่อยู่ไม่ไกล


ใบหน้าของตินที่หันไปมองตามนิ้วผมแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่มีทางกลืนแมลงเหล่านั้นลงท้องไปแน่ๆ...น่าแปลกเนอะที่ตินไม่ชอบกินแมลงทั้งที่เป็นหนึ่งในอาหารรสเลิศของโปรดผมเลย


“...แค่ไปซื้อก็พอใช่ไหม”


“ไม่พอ”


“...”คำประชดของตินถูกผมสวนกลับจนคนถามถึงกับคิ้วกระตุก


“แค่ไปซื้อไม่พอหรอกต้องกินให้หมดด้วย”


“...แม่ยังไม่บังคับฉันขนาดนี้เลย”


“ที่บังคับเพราะเป็นห่วงหรอก”


“...รอยู่นี่นะ”ตินสั่งด้วยใบหน้าจริงจังก่อนจะกลับไปยังโซนขายหารที่พึ่งเดินมาอีกครั้ง


ผมที่มองแผ่นหลังนั้นเดินห่างไปก็หลุดยิ้มกว้างออกมาเพราะความน่ารักที่ไม่มีใครรู้นั่น...ตินมีปฏิกิริยากับคำว่าเป็นห่วงมาก ทุกครั้งที่ผมพูดท่าทางของเขาจะอ่อนลง ไม่รู้ว่าเจ้าตัวรู้เรื่องนี้ไหมแต่ผมสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจน


ร่างผมในชุดยูกาตะสีส้มเหลืองลอยขึ้นไปด้านบนเพื่อมองดูตลาดนัดแห่งนี้ในมุมสูง...บรรยากาศมืดๆของยามราตรีไม่ได้ทำให้ตลาดด้านล่างเงียบเหงาเลยสักนิด แสงสีเสียงยังคงดังขึ้นจะทุกทิศทางไม่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่มนุษย์เดินเบียดเสียดกันด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุข


ทั้งที่มีอายุไขเพียงไม่นานแต่กลับทำให้ทุกวันของตัวเองมีแต่ความสุขซึ่งมันคุ้มค่ามากแล้วล่ะที่ทำแบบนี้ ถ้ามัวแต่จมอยู่กับความทุกข์ก็มีแต่จะทำให้เรื่องทุกอย่างแย่ลงไปมากกว่าเท่านั้น


เมื่อมีชีวิตก็จงทำให้ตัวเองมีค่าและมีความสุขที่สุด


อย่าได้รอเวลาเพราะเวลาของเราจะหมดลงเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้


มันอาจจะเป็นอีกหนึ่งนาทีต่อจากนี้ก็เป็นได้


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมมองลงไปด้านล่างเมื่อสังเกตเห็นร่างโปร่งสูงที่คุ้นเคยเดินเข้ามาโดยในมือถือถ้วยพลาสติกและห้อยถุงบางอย่างไว้ที่ข้อมือด้วย


“ตะ...”เสียงเรียกของผมหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นแสงสว่างเหมือนแสงจากกระจกสะท้อนอยู่ไม่ไกล มันจะไม่น่าแปลกใจถ้าบริเวณนั้นไม่ใช่ซอกของร้านค้าร้านหนึ่ง


ด้วยความที่ค่อนข้างมืดผมเลยเห็นไม่ชัดแต่ถ้าให้เดาก็ไม่อยากหรอก...


“ติน!...หมอบลง!!”


ปัง!


ผมตะโกนบอกพร้อมๆกับเสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัด


ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นปืน


“ติน!!”ผมตะโกนเรียกคนที่ตอนนี้ทรุดลงไปกับพื้นปูนตรงหน้าอย่างร้อนรนแล้วรีบเข้าไปใกล้


ตินที่ทรุดตัวอยู่บนพื้นขนมือขึ้นมากุมบริเวณหัวไหล่ที่ถูกยิง เลือดสีแดงที่ไหลออกมาไม่หยุดทำให้ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูก


ปัง!


กระสุนนัดที่สองตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำขนาดนี้แปลว่าต้องการเอาชีวิตตินแน่


แต่คิดเหรอว่าผมจะยอมง่ายๆแบบนั้น


ชีวิตที่ผมช่วยเอาไว้จะไม่ยอมให้มาจบลงตรงนี้หรอก


“...แพน...ถอยไป!”ตินตะโกนเพราะเห็นผมยืนขวางทางกระสุนอยู่ด้านหน้า


ผมไม่สนใจเสียงของติน ที่ทำตอนนี้คือนั่งลงกับพื้นโดยที่วางมือทั้งสองข้างลงบนพื้นปูก่อนจะหลับตาเพื่อตั้งสมาธิ...


“ผมขอยืมพลังของพวกคุณหน่อยนะ”สิ้นคำพูดรากไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านใต้ปูนก็โผล่ขึ้นมากันกระสุนที่พุ่งตรงเข้ามาหา แม้กระสุนจะมีความรุนแรงแต่เพราะถูกรากไม่ซึ่งเป็นของแข็งทำให้ไม่สามารถทะลุมาถึงอีกด้านได้


“คุณติน!”เสียงตะโกนของบอดี้การ์ดคนสนิททั้งสองคนดังขึ้นพร้อมวิ่งเข้ามาหา จิมประคองตินที่ทรุดอยู่โดยมีกายหยิบปืนขึ้นมาเตรียมจัดการกับศัตรูที่อยู่ไม่ไกล


“...แฮ่ก”ตินหายใจแรงพลางเงยหน้าขึ้นมามองผม ดวงตาสีฟ้าที่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้รู้ว่าเขากำลังสำรวจว่าผมได้รับอันตรายอะไรไหม


“ติน...”ผมขยับเข้าไปใกล้ด้วยสายตาสำนึกผิด


การที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นเป็นความผิดของผมเอง...


เพราะผมดึงดันที่จะมาตลาดนัดนี่


ผมทำให้ตินต้องได้รับบาดเจ็บเพราะความอยากของตัวเอง


“ขอโทษนะ...ติน”

..........................................................................................

มาต่อแล้ววว

ซึ่งตอนนี้อาจทำให้หลายคนค้าง?

หรือความจริงค้างทุกตอน 555

ตอนนี้มีคนใช้ฉายาตินว่า 'ตินสายเปย์' ได้ยินแล้วเอาหลุดขำพร้อมพยักหน้ารัวๆเลย

ก็เป็นสายเปย์จริงๆนี่นะ ให้นู่นให้นี่เรียกว่าภายใต้หน้าตาตึงๆปนหงุดหงิดนั่นตามใจแพนแทบทุกอย่าง555

มีหลายคนบอกว่าไม่ชอบเรื่องนี้อย่างนึงคือกว่าจะอัพค่อนข้างนานอยากอ่านเร็วๆ

อ่านแล้วเราดีใจจัง อิอิ

เราเองก็อยากจะอัพบ่อยๆแต่เราก็ไม่ใช่คนที่สามารถแต่งได้ลื่นไหลขนาดนั้น บางทีก็มีไม่อยากแต่งบ้าง แต่งไม่ออกบ้าง การวางกรอบเวลาไว้อาทิตย์ละตอนเหมือนเป็นการให้กรอบตัวเองว่าจะทำอะไรก็ได้แต่ต้องแต่งให้ได้สักตอนใน1อาทิตย์

เพราะงั้นก็ช่วยรอกันหน่อนน้า เราสัญญาว่าจะแต่งให้ยาวๆเท่าที่ทำได้

ขอบคุณทุกๆคนสำหรับกำลังใจและคอมเม้นท์

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 18-06-2017 12:51:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-06-2017 13:28:33
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 18-06-2017 13:41:02
 :mew1: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 18-06-2017 17:50:30
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-06-2017 18:41:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 18-06-2017 20:19:40
อยากให้ตินสัมผัสแพนได้เร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 18-06-2017 22:29:08
หลงเข้ามาอ่าน 5555
แบบอ่านแล้วชอบอ่ะ มันละมุนน่ารักๆ(ยิงเลือดสาดเนี่ยนะ?) หมายถึง ตินกับแพนอ่ะ เขาจีบกันแบบเบาๆ
แต่ เรื่องแนวแบบนี้ ไม่อยากตอนจบเลย มันจะต้องเสียน่ำตาแน่ๆ งานหลั่งน่ำตาจะมีไหม จะได้เตรียมผ้าไว้ข้างๆตัวตอนอ่าน 5555
ใกล้ดราม่า เศร้าละบอกนะ จะได้เตรียมผ้าไว้ อิอิ
มารอตอนต่อไปนะคะ อยากอ่านต่อมากๆเลย
อาจมีพิมคำผิด ตกหล่นไปบ้างก้อพออ่านเข้าใจอยู่. รอน้าาา ห้ามลืมมมมม
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 18-06-2017 22:40:26
ตินสายเปย์จริงๆแหละ

แค่เเพนบอกเป็นห่วงก็พร้อมทำตามทุกอย่างเลยย :hao3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-06-2017 23:40:48
ใครตามเก็บตินเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: silverrain ที่ 19-06-2017 20:07:11
เทพแพนน่ารักมาก
เด็กน้อยมากเลย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 19-06-2017 21:52:48
สู้ๆนะ ทำไมตินไม่ทำอะไรกับพวกที่ตามฆ่าซะที
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-06-2017 10:42:38
โอ้ยสงสารติน จบเรื่องนี่ต้องโดนอีกกี่รูกระสุน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 21-06-2017 11:26:47
 :sad4: :sad4: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 22-06-2017 13:55:26
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: .Koi4541 ที่ 22-06-2017 20:33:59
เพิ่งเข้ามาอ่านยาวๆ อยากบอกว่าสนุกมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ!! ชอบมากกก แพนน่ารักน่าบีบมากๆเลยง่ะ หลงรักก แต่อยากให้ตินสัมผัสแทนได้เร็วๆจัง ต้องละมุนมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่7♣} 18/06/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 22-06-2017 22:22:19
น่าร้ากกกกกอ่ะ
ตินเป็นคนหน้าตาย โหด แต่ใจดี แค่กับแพน
555555 ชอบๆๆ
เป็นเรื่องที่เราผลัดที่จะอ่านหลายรอบแหละ
พอได้มาอ่าน ติดเลยคราวนี้ เนี้ย!!พอติดแล้วมันก็อยากอ่านไปเรื่อยๆไงงง
มันค้างง เลยต้องรอเลยยย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 25-06-2017 12:11:08
สัมผัส{❤}ครั้งที่8



บรรยากาศยามดึกเงียบสนิทเหมือนกับภายในรถยนต์คันสีดำเงาที่มีคนเจ็บถูกยิงบริเวณแขนขวานั่งเอามือกุมหัวไหล่ตัวเองไว้โดยที่มีเทพอย่างผมนั่งสำนึกผิดอยู่ข้างๆ เลือดสีแดงฉาดไหลจนอาบแขนขางนั้นเป็นสีแดงแม้จะมีผ้าพันเพื่อห้ามเลือดไว้แต่ก็ดูเหมือนจะไม่พอ


“ขอโทษ...”ผมพึมพำประโยคนี้เป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่ที่เห็นตินถูกยิง


ภาพตอนที่อีกฝ่ายทรุดลงไปกับพื้นทำเอาหัวใจผมเหมือนหยุดเต้นเพียงแค่คิดว่ากระสุนนัดนั้นจะฝังเข้าที่หัวใจของตินเหมือนอย่างที่เจอกันวันแรก


“ขอโทษจริงๆ”


“...”คนด้านข้างหันมามองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกว่าหมายถึงอะไร


แต่สายตานั้นไม่ใช่ความโกรธแน่นอน


ผมยิ่งเม้มปากตัวเองแน่นเพราะรู้ว่าตินจะไม่โกรธผมทั้งๆที่คนผิดเป็นผมแท้ๆ


“ติน...”


ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีรถยนต์สีดำก็มาถึงยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เหล่าพยาบาลที่เห็นตินต่างก็รีบเข้ามาช่วยทั้งที่ไม่ได้อาการสาหัสถึงขั้นเดินไม่ไหวแต่ก็มีรถเข็นมารับก่อนจะพาไปยังห้องผ่าตัด


จากที่มองกระสุนไม่ได้แค่ถากแต่เข้าไปยังบริเวณหัวไหล่ข้างขวาจึงจำเป็นต้องผ่าตัดเอากระสุนออกโดยเร่งด่วน ผมเองก็เข้าไปในห้องผ่าตัดพร้อมๆกับตินและไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมทีมแพทย์ถึงเลือกผ่ากระสุนออกโดยไม่วางยาสลบ


ถึงจะฉีดยาชาแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดอยู่บ้างดูจากดวงตาสีฟ้าที่สบขึ้นมาก็รู้ด้วย...ท่าทางนั้นทำให้น้ำตาของผมค่อยๆไหลลงมาอาบแก้มอย่างเชื่องช้า


ตินที่มองอยู่ก็มีท่าทีตกใจแต่เพราะผ่าตัดอยู่เลยไม่สามารถทำอะไรได้


“ขอโทษนะ”ผมบอกอีกครั้ง


เมื่อคนที่ผิดเป็นผม...


ผมก็จะเป็นคนรับความเจ็บปวดนั้นมาเอง


มือทั้งสองข้างของผมสัมผัสกับใบหน้าตินอย่างอ่อนโยนก่อนที่แสงสีเขียวจะปรากฏขึ้น ไม่กี่วินาทีต่อมาความเจ็บจี๊ดๆของการผ่าตัดก็ถูกย้ายมาที่ผมอย่างสมบูรณ์


คนที่อยู่บนเตียงผ่าตัดอย่างตินได้แต่มองมาอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนี้ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเพื่อหาคำตอบ...ไม่รู้ว่าได้คำตอบแบบไหนแต่ดวงตาคู่เดิมเบิกกว้างขึ้นก่อนจะจ้องมาอย่างเคืองๆ


“...ผมไม่เป็นไร”ผมบอกเสียงเบาเมื่อถูกสายตาตรงหน้าจ้องมาอย่างคาดคั้น รอยยิ้มอย่างฝืนๆปรากฏขึ้นเพราะไม่อยากให้ตินเป็นห่วงแม้ตอนนี้เหงื่อจะเริ่มออกแล้วก็ตาม


การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีในเวลาไม่ถึงชั่วโมง จากที่หมอออกมาบอกเห็นว่าโชคดีที่กระสุนไม่ได้ไปโดนเส้นเลือดใหญ่หรือกล้ามเนื้อที่เป็นอันตรายแต่ก็ต้องใส่เฝือกไปหลายอาทิตย์อยู่


ร่างของตินหลังผ่าตัดเสร็จถูกย้ายมาพักยังห้องพักพิเศษโดยที่มีกายและจิมเฝ้าอยู่หน้าห้องตามปกติ เมื่อทีมแพทย์และพยาบาลออกไปผมก็ลอยลงมานั่งบนตัวตินที่นอนหลับตาอยู่ด้วยความรู้สึกผิดที่อัดแน่นอยู่


“ขอโทษนะติน”ผมไม่รู้ว่าเอ่ยคำนี้ออกไปเป็นรอบที่เท่าไหร่


ที่รู้คือการขอโทษเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่สามารถทำได้


ผมวางฝ่ามือลงบนเส้นผมสีดำสนิทของตินก่อนจะลูบเบาๆแทนคำขอโทษ ทั้งที่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะหลับไปแล้วแต่ดวงตาสีฟ้าที่ปิดสนิทกลับลืมขึ้นมาสบกับดวงตาสีเขียวอ่อนของผม


“คุณควรนอนพักนะ”


“เอาความเจ็บปวดของฉันคืนมา”ประโยคแรกที่ได้ยินทำเอามือที่กำลังลูบเส้นผมสีดำอยู่ถึงกับหยุดชะงัก


“ติน...”


“ทำแบบนี้ทำไม”เสียงทุ้มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังเหมือนกำลังไม่พอใจอยู่


“...ทำอะไร”


“อย่ามาแกล้งไม่รู้นะแพน...ฉันไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออกว่าความเจ็บปวดที่ควรมีมันกลับหายไปแถมนายยังทำหน้าเจ็บปวดแทนแบบนั้นอีก”


“...ผมก็แค่อยากช่วย”ผมตอบเสียงอ่อย


ถ้าให้อยู่ดูตอนเจ็บแบบนั้นก็เหมือนผมไม่มีประโยชน์อะไรเลยน่ะสิ


ทั้งที่ผมเป็นคนผิดแท้ๆ


“นายช่วยได้ทุกอย่างที่ไม่ใช่แบบนี้...ความเจ็บปวดนั้นเป็นสิ่งที่ฉันควรได้รับจากความประมาทของตัวเอง”


“แต่เพราะผมทำให้ตินต้อง...”


“มันไม่ใช่ความผิดนาย”ตินพูดแทรก


“ความผิดผมสิ...ความผิดผม”พูดยังไม่ทันจบประโยคน้ำตาที่หยุดไปก็ไหลลงมาอาบแก้มอีกรอบ


“...ไม่ใช่ความผิดนายหรอก...แพน”ตินบอกพร้อมกับยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสใบหน้าผม ทั้งที่ควรจะทะลุผ่านเหมือนอย่างทุกๆครั้งแต่ครั้งนี้ฝ่ามืออุ่นๆนั่นกลับประทับลงบนแก้มผมได้อย่างง่ายได้


“ติน...นี่คุณ...”ทำไมถึงสัมผัสผมได้


“อย่าร้อง”มือข้าเดิมเลื่อนขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างเชื่องช้า


รอยยิ้มบางๆที่ส่งมายิ่งทำให้น้ำตาไหลมากขึ้นกว่าเดิมอีก


“ขอโทษ”


“แพน...”


“ขอโทษจริงๆ”ความอ่อนโยนของเขาทำให้ผมรู้สึกแย่ที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลย


“พอแล้ว...ฉันฟังมาเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วเพราะงั้นหยุดพูดขอโทษซะ”


“แต่...”


“หยุดพูดแล้วฟังสิ่งที่ฉันจะบอกบ้าง”


“อืม”


“...ขอบคุณ”


“...”ผมที่ได้ยินคำนั้นออกมาจากปากตินก็นิ่งไปเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำว่าขอบคุณออกมา


การกระทำของผมมีอะไรที่สามารถใช้คำว่าขอบคุณได้ด้วยเหรอในเมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของผมทั้งนั้น...
ตินไม่จำเป็นต้องมาขอบคุณสักนิด


“ทำหน้างงเหมือนไม่เข้าใจ”ตินพูดต่อ


“ก็ไม่เข้าใจน่ะสิ...ผมทำอะไรให้ตินต้องมาขอบคุณเหรอ”ผมถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ


“ถ้าไม่ได้เสียงของนายตะโกนบอกตอนนี้กระสุนนัดนั้นคงจะไม่ได้อยู่ที่ไหล่แต่เป็นหัวใจ”


“...ติน”


“ดังนั้นฉันถึงขอบคุณนายที่ช่วย...นายไม่จำเป็นต้องโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองหรอก”


“แต่ว่า...”ถึงจะบอกแบบนั้นแต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ความรู้สึกผิดนี้หายไป


“ไม่มีแต่...เอาความเจ็บปวดของฉันคือมาสักที”ตินพูดย้ำพร้อมส่งสายตาจริงจังมาให้


“ให้ผมรับมันไว้ได้นะ”ผมบอกเบาๆ


“แพน”


“...ก็ได้”น้ำเสียงจริงจังนั่นทำให้ผมได้แต่จำยอมเอื้อมมือสองข้างเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วคืนความเจ็บปวดที่แบกรับมาให้กับเจ้าของตามเดิม


“อึก...”ตินถึงสะดุ้งเมื่อความเจ็บปวดกลับคืนมาก่อนที่ดวงตาสีฟ้าสดนั่นจะมองมาอย่างเคืองๆ


“แพน...ไหนบอกว่าไม่เป็นไรไง”คำพูดเขาคงหมายถึงตอนที่ผมบอกในห้องผ่าตัดนั่น


“ก็...ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่”แต่เจ็บมากเลยต่างหาก


“...”


“ขอโทษ”ผมได้แต่บอกคำนี้ออกไปเมื่อถูกสายตาไม่พอใจส่งมา


“เข้าใจก็ดี...นี่แพน”


“อะไรเหรอ”ถามเสร็จผมก็หลับตาลงแล้วเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อรับสัมผัสของมือที่ลูบแก้มอยู่มากขึ้น


“เห็นไหมว่าฉันแตะนายได้แล้ว”รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นพร้อมๆกับมือที่ขยับลูบใบหน้าผมอยู่


“...รู้แล้วน่า”


“เด็กจริงๆ”


“ใครเด็กกัน?”ผมถึงกับพองแก้มเมื่อถูกกล่าวหา


“หึ...”


“โอ้ย...”ผมร้องเล็กน้อยเมื่อถูกตินใช้นิ้วจิ้มแก้มที่กำลังพองลมอยู่แรงๆ


“พองแก้มเหมือนเด็ก...บอกแล้วไงว่าอย่าให้แตะได้...จะจิ้มให้แตกเลย”นิ้วของตินยังคงจิ้มมาจนผมต้องปล่อยลมที่อยู่ในปากออกแล้วมองกลับไปด้วยสายตาเคืองๆ


“...เลิกแกล้งแล้วนอนพักได้แล้ว”


“ยังไม่ง่วงเลย”เสียงทุ้มบอกโดยที่ยังไม่หยุดมือที่ลูบใบหน้าผมอยู่


“ถึงไม่ง่วงก็ควรพักนะ”พูดจบผมก็ผลักตินให้นอนราบลงบนเตียงก่อนจะขยับตัวให้ไปนั่งทับบนหน้าอกนั่น ถึงจะสามารถลุกขึ้นมาได้แต่ตินไม่มีทางลุกแน่เพราะมีผมนั่งอยู่


สายตาของตินแสดงความไม่พอใจนักแต่พอถูกผมลูบเส้นผมสีดำสนิทนั่นไปสักพักดวงตาสีฟ้าสดก็ค่อยๆหลับลงอย่างช้าๆ แสงสว่างจากไฟดวงใหญ่ในห้องถูกปิดลงเมื่อนึกได้ว่าห้องสว่างๆแบบนี้คงหลับไม่ลงแน่...พอปิดไฟเสร็จผมก็ลอยมาลูบเส้นผมสีดำสนิทของคนเจ็บบนเตียงต่อจนถึงรุ่งสางของวันต่อมา


“คุณตินอาการเป็นยังไงบ้างครับ”เสียงของกายบอดี้การ์ดคนสนิทถามโดยที่ในมือถือถ้วยข้าวต้มไว้


“ดีขึ้นมากแล้ว”ตินตอบพลางมองไปยังถ้วยข้าวต้มด้วยแววตาเอือมๆ


เทพที่มองอยู่อย่างผมเองก็สงสารอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน...จากที่รู้มาเขาไม่ค่อยชอบพวกอาหารเหลวอย่างโจ๊กหรือข้าวต้มสักเท่าไหร่


“ตอนนี้ผมได้นำกระสุนที่ผ่าออกมาไปตรวจสอบอยู่...คาดว่าจะมีความคืบหน้าในไม่กี่วันนี้ครับ”บอดี้การ์ดหน้าตี๋อย่างจิมก็พูดต่อด้วยใบหน้าเครียดๆ


“อืม...แต่ถึงสืบไปก็เท่านั้น”


“นั่นสิครับ...ยังไงพวกที่กล้าทำร้ายคุณตินก็มีแค่คนเดียวอยู่แล้ว”กายพูดสมทบ


“...”ตินไม่ตอบแต่พยักหน้าด้วยใบหน้าเครียดๆแทน


“ให้ผมจัดการอย่างเด็ดขาดดีไหมครับ”กายถามต่อ


“ยังไม่ต้อง...ถึงเราจะรู้ว่าใครทำแต่ไม่มีหลักฐานอะไร”


“ถ้าอย่างนั้นก็จัดการแบบไม่ให้ใครรู้ก็ได้นี่ครับ”


“...ยังก่อน...รอดูสถานการณ์ไปอีกสักพัก”


“ครับ”กายขานรับพร้อมวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะ


“เรื่องนี้ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ฉันใช่ไหม”ตินถามบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ไม่ไกล


“ครับ...ผมไม่ได้บอกใครตามที่คุณตินต้องการครับ”


“ดี...ออกไปรอข้างนอกเถอะ”


“มีอะไรเรียกพวกเราเลยนะครับ”กายย้ำกับเจ้านายก่อนเดินออกจากห้องไป


“นี่ติน”ผมเรียกชื่อคนบนเตียงทันทีที่ประตูห้องปิดลง


“อะไร”


“คุณรู้จริงๆเหรอว่าใครเป็นคนยิงตัวเองน่ะ”


“แน่นอน...เรื่องแบบนี้เดาไม่ยากหรอก”ตินตอบพร้อมกับใช้มือดันถ้วยข้าวต้มไปไว้ข้างๆ


“คุณก็แค่เดานี่ มันอาจไม่ใช่ก็ได้นะ”


“มีหลายๆอย่างที่ทำให้มั่นใจน่ะ”


“หลายๆอย่าง?”


“อืม...นายไม่ต้องรู้หรอก”


“ทำไมล่ะ”ผมถามกลับ


ทำไมผมถึงรู้ไม่ได้กัน


“ถ้ารู้แล้วนายจะทำอะไรต่อ?”


“...ก็ไม่ทำอะไร”จะให้ผมทำอะไรล่ะ...ไปจัดการกับพวกนั้นก็ไม่ใช่


“แล้วฉันจะบอกไปทำไม”


“ก็บอกให้ผมหายห่วงไง”ผมบอกเสียงเบา


“ห่วงเรื่องอะไร”


“ก็หลายๆเรื่อง...อย่างน้อยถ้าผมรู้ว่าใครจะได้ช่วยเป็นตาให้ตินได้ไง”ผมพยายามหาเหตุผล


“...ก็จริง”


“เนอะๆ...ยังไงฝ่ายนู้นก็มองไม่เห็นผมอยู่แล้วเพราะงั้นก็ถือเป็นเรื่องง่ายที่ผมจะช่วยมองคนที่เข้ามาได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น”เมื่อตินเริ่มคล้อยตามผมก็รีบหาเหตุผลเพิ่มเผื่อตินจะบอกเรื่องนี้กับผม


“...บอกก็ได้”


“พูดแล้วนะ”


“คนที่ทำเรื่องนี้เป็นศัตรูด้านธุรกิจของฉัน”ตินบอกด้วยใบหน้านิ่งๆ


“ศัตรูทางธุรกิจเหรอ...หมายถึงพวกคู่แข่งทางการค้าใช่ไหม”ผมลองเปลี่ยนภาษาดู


“ใช่...ตามที่เข้าใจ”


“คู่แข่งทางการค้านี่ถึงขนาดต้องฆ่ากันเลยเหรอ”ผมไม่เห็นว่ามันจะต้องถึงขนาดฆ่ากันเลย


“เมื่อก่อนคงไม่....แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป...ไม่ว่าทำอะไรล้วนมีกำไรและผลประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ว่าใครต่างก็อยากให้ธุรกิจของตัวเองเติบโตและเป็นอันดับหนึ่งดังนั้นทุกธุรกิจจึงมีการแข่งขันกันสูงมาก”ตินอธิบาย


“...เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ”ฟังไปฟังมารู้สึกงงๆ


“เรื่องนี้เทพอย่างนายไม่เข้าใจหรอก”ตินบอกพร้อมกับยกมือขึ้นวางบนเส้นผมสีเขียวเข้มของผม


“...นี่ติน...รู้ไหมว่ากำลังเล่นหัวใครอยู่น่ะ”


“นายถือเรื่องนี้?”ตินถามกลับ


“...ก็นิดหน่อย...แต่ถ้าเป็นติน...จะยอมให้สักคนก็ได้”ผมตอบกลับ จริงอยู่ว่าไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัวเพราะมันรู้สึกรำคาญ ยิ่งผมยาวๆแบบนี้เวลาพันกันมันแก้ยากจะตายไป


แต่ถ้าลูบเบาๆแบบที่ตินทำก็ไม่มีปัญหา


“พูดแล้วนะ...ห้ามคืนคำด้วย”ตินยกยิ้มขึ้นก่อนที่จะแกล้งผมโดยการขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มแรงๆจนฟูไปหมด


“ไม่เอาแบบนี้สิ...รู้ไหมว่าเวลาหวีมันลำบากน่ะ”ผมรีบลอยตัวหนีจากการกระทำของคนบนเตียงพร้อมรวบเส้นผมตัวเองมาจับไว้อย่างหวงแหน


ถ้าถามว่าทำไมถึงไว้ผมยาวก็ตอบได้ง่ายๆเลยว่าไม่ชอบไว้ผมสั้น


อาจจะดูเหมือนคำกวนๆแต่ความจริงแล้วไม่ใช่


ผมไม่ชอบไว้ผมสั้น...เวลาไว้ผมสั้นบนหัวจะรู้สึกเหมือนโล่งๆคล้ายคนไม่มีผมนั่นทำให้ผมเลือกที่จะไว้ผมยาวด้วยเหตุผลง่ายๆเพราะมันรู้สึกว่าตัวเองมีเส้นผม


“ลงมาแพน”เสียงด้านล่างเรียก


“ถ้าลงไปห้ามยุ่งกับเส้นผมนะ”ผมพูดเสียงเข้ม


“รู้แล้วน่า”


“...ผมชื่อใจคุณได้ใช่ไหมเนี่ย”พึมพำเสร็จผมก็ลอยลงมานั่งข้างเตียงผู้ป่วยอีกรอบ


“หวงน่าดูนะ”


“ก็ไม่ได้หวงอะไรแต่เวลาพันกันแล้วแก้ลำบาก”ผมตอบกลับ


“ก็ตัดซะสิ”


“ไม่เอาหรอก...ผมชอบไว้ยาวแบบนี้มากกว่า”


“งั้นก็ใช้ครีมนวดสิบางยี่ห้อดูจะช่วยเรื่องนี้อยู่”ตินเสนอ


“ก็เคยอยากลอง...แต่อย่างที่บอกไปว่าผมไม่อยากไปหยิบของออกมาโดยไม่จ่ายเงิน”


“เดี๋ยวซื้อให้”


“จริงเหรอ?”ตาผมลุกวาวด้วยความดีใจ


“อืม”


“ตินใจดีจริงๆด้วย”


“หึ...”


“นี่ติน”


“อะไร”


“...ยังเจ็บอยู่ไหม”ถึงมาพักมาทั้งคืนแล้วแต่บาดแผลนั้นคงจะยังไม่สมานตัวแน่


“พอสมควร”ตินตอบอย่างไม่ปิดบัง


“ผมรักษาให้ได้รึเปล่า”ผมเอ่ยขอ ความจริงก็สามารถเข้าไปรักษาได้เลยแหละแต่ก็ไม่อยากให้ตินโกรธถ้าไม่บอกก่อน


“รักษาได้ด้วย?”คิ้วของตินขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย


“อืม...แต่จะไม่รักษาให้หายสนิทหรอกเดี๋ยวจะมีคนสงสัย”ผมบอกต่อ


“จะว่าไปตอนที่กระสุนนัดที่2ยิงมานายทำอะไรบางอย่างนี่”อยู่ๆตินก็เปลี่ยนเรื่อง


“อ้อ...ก็ทำจริงๆแหละ”


“ทำอะไร”


“ไม่บอก”ถึงคราวผมย้อนบ้างล่ะ


“แพน”


“ถ้าอยากให้บอกก็ให้ผมรักษาสิ”


“สุดท้ายก็กลับมาเรื่องเดิม”


“ให้ผมรักษาเถอะ”ผมพูดแกมขอร้อง ถ้าได้รักษาความรู้สึกผิดที่มีคงจะลดลงแน่นอน


“...รักษาที่ว่าคือทำให้แผลหายเจ็บใช่ไหม”นิ่งไปสักพักตินก็ถามกลับ


“ใช่”


“นายไดรับผลกระทบอะไรรึเปล่า”


“หื้อ...ผลกระทบ?”หมายถึงอะไร


“ไม่ได้รับเอาความเจ็บปวดของฉันไปแทนใช่ไหม”อีกฝ่ายถามย้ำ


“...”คำพูดของตินทำให้ผมนิ่งไปเพราะกำลังประมวลผลประโยคที่ว่าอยู่


“เงียบอะไร”


“...เป็นห่วงผมเหรอ?”ผมถามกลับเสียงเบา


“...”ครั้งนี้เป็นตินที่นิ่งไป เขาหันหน้าหลบสายตาผมที่จ้องมองไปไม่เหมือนอย่างทุกครั้ง


ท่าทางแบบนั้นแสดงว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง


ตินไม่อยากให้ผมต้องเจ็บแทนตัวเอง


ผมถึงกับยิ้มออกมาเมื่อสรุปคำพูดนั้นออกมาได้


ในเมื่อตินหันหน้าหนีนี่จึงเป็นโอกาสให้ผมขยับตัวไปนั่งบนตักของอีกฝ่ายแล้วใช้ฝ่ามือสัมผัสบนแผลอย่างเบามือ...ตินที่รู้สึกถึงแรงสัมผัสก็หันกลับมามองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล


“ไม่ต้องห่วง...ที่ผมทำแค่รักษาเท่านั้นไม่ได้รับความเจ็บปวดแทนคุณหรอก”ผมอธิบายพร้อมหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ แสงสีเขียวส่องสว่างขึ้นแล้วหายไปเมื่อการรักษาสำเร็จตามที่ต้องการ


“เสร็จแล้ว?”ตินถาม


“อืม...ยังเจ็บมากเหมือนตอนแรกไหม”ผมถามกลับ


“ไม่แล้ว...ดีขึ้นเยอะ”


“ดีแล้ว...แบบนี้คงจะหายเร็วกว่าที่หมอบอกอยู่พอสมควรแต่ทางที่ดีก็พักผ่อนเยอะๆดีกว่านะ”


“ฉันจะกลับไปพักห้อง”ตินบอกเสียงนิ่ง


“ห้อง?...ก็ดีนะคุณจะได้พักสบายๆแต่พักที่นี่อีกคืนเถอะ”


“ทำไม...”


“แผลตอนนี้ยังไม่หายดีดังนั้นไม่ควรจะขยับตัวเยอะ”ไม่ต้องรอให้ตินพูดจบผมก็ผลักอีกฝ่ายให้นอนราบลงที่เตียวก่อนจะลอยไปปิดไฟที่อยู่ไม่ไกล


การที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบถือเป็นการบังคับให้ตินนอนทางอ้อม


“แล้วนายจะนอนไหน”ตินถามอีก


“ผมไม่นอนหรอก...เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนแต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวผมจะอยู่เฝ้าคุณทั้งคืนเลย”ผมวางฝ่ามือลงบนเส้นผมสีดำสนิทพลางลูบเบาๆเป็นการกล่อมให้คนที่นอนอยู่หลับฝันดีอย่าได้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานเลย


“...เดี๋ยวก็ง่วงหรอก”เสียงที่ตอบกลับมาเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย ดูเหมือนเขาจะชอบให้ผมลูบจริงๆเพราะทุกครั้งที่ลูบตินดูผ่อนคลายมากอีกทั้งยังหลับสนิทด้วย


“ไม่เป็นไร...ฝันดีติน”จากนั้นผมก็ลูบเส้นผมสีดำสนิทนั่นตลอดจนกระทั่งถึงเช้าวันต่อมา


ช่วงเช้ามีทีมแพทย์เข้ามาตรวจร่างกายตินอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งและดูเหมือนแผลจากการรักษาฝีมือผมจะทำให้หมอที่ตรวจถึงกับขยับแว่นตาที่ใส่อยู่อย่างไม่เชื่อสายตา


ก็แน่ล่ะ...แค่วันเดียวบาดแผลถึงกับปิดสนิทแบบนี้ใครเห็นก็ต้องแปลกใจกันทั้งนั้น


ผ่านการตรวจช่วงเช้าถ้วยโจ๊กร้อนก็ถูกยกมาเสิร์ฟท่ามกลางสีหน้าตึงๆของติน ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้านั่นแต่พอถูกสายตาดุๆส่งมาก็ต้องเงียบปากไป


“กาย”ตินเรียกหนึ่งในคนสนิท


“ครับ”


“ฉันจะกลับไปพักที่ห้อง”ตินบอกโดยที่ไม่ยอมแตะถ้วยข้าวต้มเหมือนอย่างที่คิดไว้


“กลับเลยเหรอครับ”


“ใช่”


“แต่บาดแผลยัง...”


“หมอก็บอกแล้วนี่ว่าแผลปิดแล้วเหลือแค่รอให้ขยับแขนได้ดั่งใจเท่านั้น”


“ก็ใช่ครับ...ถึงอย่างนั้นคุณตินก็ควรพักอยู่ที่นี่อีกสักวันเผื่อปากแผลเปิดดีกว่านะครับ”กายพยายามพูดโน้มน้าว


“ไม่ต้องห่วงๆ...ถ้าปากแผลเปิดเดี๋ยวผมรักษาให้เอง”ผมเข้าร่วมวงสนทนาบ้าง การมาค้างคืนที่โรงพยาบาลผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่จึงอยากกลับไปอยู่ที่ห้องตินมากกว่า


ตินเองก็ดูจะไม่อยากอยู่ที่นี่เหมือนกัน


“ไม่เป็นไร...ไปเตรียมรถ”


“...เข้าใจแล้วครับ”เมื่อไม่สามารถโน้มน้าวได้กายตอบตอบรับก่อนจะออกจากห้องไป



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 25-06-2017 12:11:36
(ต่อนะคะ)



ไม่ถึงสิบนาทีคนสนิทอย่างกายและจิมก็พาตินลงไปยังรถยนต์ติดฟิล์มดำสนิทคันเดิมโดยมีจุดหมายอยู่ที่คอนโดหรูใจกลางเมืองชั้นบนสุดที่ถูกเหมาไว้ทั้งชั้น


“ให้พวกเราอยู่ด้วยไหมครับ”จิมถามหลังจากที่เดินเข้ามาส่งตินห้องแล้ว


“ไม่เป็นไร...ไปจัดการเรื่องงานเถอะ”ตินบอก


“เข้าใจแล้วรับ...มีอะไรเรียกได้ทุกเมื่อนะครับ”


“อืม”


หลังจากที่กายและจิมออกไปทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ...ตินที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เอนตัวลงนอนราบทั้งๆแบบนั้น ผมที่ลอยอยู่ไม่ไกลเลยขยับเข้ามาใกล้อย่างห่วง


“เป็นอะไรติน...เหนื่อยมากเหรอ”ดูจากท่าทางที่เหมือนพักผ่อนไม่พอก็เดาได้ไม่ยาก ถึงผมจะรักษาแผลในระดับหนึ่งแล้วก็จริงแต่แผลนั้นก็ยังไม่หายสนิทร่างกายที่ต้องการให้ฟื้นตัวเร็วที่สุดเลยพยายามทำทุกทางให้ตินพักผ่อน


“...แค่ง่วงน่ะ”ตินตอบทั้งที่ยังหลับตาอยู่


“ไปนอนในห้องไหม”


“ไม่เป็นไร...”


“ให้ผมอุ้มไหม”


“อย่าแม้แต่คิดเชียว”ดวงตาสีฟ้าสดลืมขึ้นแทบจะทันทีที่ผมพูด


“เห็นแบบนี้ผมแรงเยอะนะ”ผมพูดพร้อมกับกลั้นหัวเราะ


“แพน”น้ำเสียงนิ่งๆที่ส่งมานั่นดูจะไม่ยอมให้ผมได้อุ้ม


ตินคงไม่รู้ว่าผมกำลังโกหกอยู่


ถึงผมจะแรงเยอะแต่ก็ไม่ได้มากถึงขนาดอุ้มคนได้หรอก


“ผมไม่อุ้มก็ได้...พักผ่อนไปเถอะ...โอ๊ะ...คุณยังไม่กินอะไรตั้งแต่เช้าเลยนี่นา...ตื่นขึ้นมากินอะไรก่อนเถอะติน”ขืนให้นอนทั้งแบบนี้น้ำย่อยก็ได้กัดกระเพาะกันพอดี


“ไม่เอา ไม่หิว”พูดจบก็พลิกตัวนอนไปอีกฝั่ง


“อย่าหันไปทางนั้นก็ทับแผลน่ะสิ...หันมาทางนี้เลย”ผมรีบบอกพร้อมจัดการพลิกร่างบนโซฟาให้หันมาอีกฝั่ง


“...จะห่วงเกินไปแล้ว”


“แล้วไม่อยากให้ห่วงเหรอ”ผมถามกลับ


“...เปล่า...แค่ไม่ชิน”คำตอบนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย


“เดี๋ยวผมไปทำอะไรง่ายๆมาให้กินนะ”


“...ในตู้เย็นมีแค่น้ำเท่านั้นแหละ”ร่างของผมที่กำลังตรงไปยังห้องครัวถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่พึมพำออกมาทั้งที่หลับตาอยู่


“แบบนี้ก็ทำอะไรให้ไม่ได้สิ...อ๊ะ...ตินๆ”


“อะไร...ห้องน้ำก็อยู่ทางซ้ายมือไง”


“เลิกกวนสักนาทีจะตายรึไง”ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เรียกดีๆก็ได้คำกวนๆกลับมาซะงั้น


“หึ...มีอะไรล่ะ”


“ขอเงินหน่อย”


“...เอาไปทำไม”ดวงตาสีฟ้าที่ปิดสนิทลืมขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดผม


“จะออกไปซื้อของข้างนอก”ในเมื่อในห้องนี้ไม่มีวัตถุดิบในการทำอาหารก็มีแค่ต้องออกไปซื้อเท่านั้น...แต่จะให้ออกไปทั้งๆที่ไม่มีเงินก็ไม่ได้อีก


“ระยะจากนี่ถึงซูปเปอร์ไกลอยู่นะ”


“ไม่เป็นไร...ผมไปได้”แค่ร่างกายจะอ่อนแอลงหน่อยเท่านั้น


“...แน่ใจว่าไม่เป็นไร...ฉันไม่ได้หิวอะไรถ้านายหิวเดี๋ยวฉันสั่งกายให้เอามาให้”


“ไม่เอา...ผมไม่ได้หิวแต่อยากให้ตินไม่กินอะไรบ้าง...มีซุปอยู่สูตรนึงที่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกินอะไรแบบติน...เดี๋ยวผมจะทำให้เอง”


“ยังไงก็จะไปให้ได้สินะ”


“อืม”


“งั้นฉันไปด้วย”ตินพูดก่อนจะพยุงตัวเองให้นั่งขึ้นบนโซฟา


“ไม่ๆๆ...ผมไปเองได้ ตินพักอยู่นี่เถอะ...ผมไปเองได้จริงๆ”ผมรีบวางมือลงบนแผ่นอกตินแล้วดันให้อีกฝ่ายนอนลงอีกรอบ
ให้ไปเดินแบบนั้นก็ไม่หายสักทีสิ


“...กี่นาที”นิ่งไปสักพักตินก็พูดขึ้น


“หื้อ?”


“จะไปนานแค่ไหน”


“อ้อ...ไม่นานหรอกห้างก็อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่...เอ่อ...ถ้าไปกลับก็ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง”ผมบอกพร้อมกับยกนิ้วชูเลขหนึ่งขึ้นมา


“...เอาเท่าไหร่”


“ให้ไปจริงนะ”ผมยิ้มกว้างออกมาที่จะได้ออกไปซื้อของตามต้องการ


“ถ้าเกินหนึ่งชั่วโมงยังไม่กลับ...ฉันจะไปตามถึงที่”ตินบอกด้วยแววตาเอาจริง


“เข้าใจแล้วๆ...ส่วนเงินก็แล้วแต่ตินเลย”


“เอาไปก่อนละกัน”พูดจบกระเป๋าเงินสีดำก็ถูกเอาขึ้นมา แบ็งค์สีเทาที่อยู่ข้างในถูกยื่นมาให้ประมาณ5-6ใบ


“หมดนี่เลยเหรอ”ดูจะเยอะไปหน่อยนะ


“อืม”


“ขอบคุณนะ...ไม่ใช่สิแล้วผมจะทอนเงินให้คุณยังไงล่ะ”ที่คิดไว้คือหลังจากไปซื้อของเสร็จก็จะวางเงินไว้ที่เคาน์เตอร์คิดเงิน แต่ถ้าต้องมีเงินทอนผมจะไปเอาจากไหนกัน


“ไม่ต้องทอน...ถ้ามันเกินหนึ่งพันก็ให้ไปสองพันเลย”ตินบอก


“พันนี่ถือว่าเยอะนะติน”


“ก็ไม่นี่”


“ได้ๆยังไงก็เงินคุณนี่...จะรีบกลับนะ”


ร่างของผมในชุดยูกาตะลายเดิมแต่เปลี่ยนเป็นสีม่วงก็ลอยออกไปทางประตูระบียงของชั้นบนสุดก่อนจะทิ้งตัวลงไปด้วยความเร็วสูง...


รู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงตินตกใจด้วยแฮะ


การทิ้งตัวจากความสูงตึก30ชั้นนี่ก็เสียวใช้ได้อยู่ เรียกว่าพอถึงพอขาผมสั่นเล็กน้อยเลยทีเดียว...ใช้เวลาให้ขาหายสั่นสักพักก็ตรงไปยังห้างขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ที่สุด จะใช้คำว่าห้างก็ไม่ถูกทีเดียวเพราะภายในมีแค่ซูเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้นเอง


ผมคว้าตะกร้าที่วางอยู่ตรงทางเข้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในด้วยความตื่นเต้น...ความเย็นของเครื่องปรับอากาศทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นเนื่องจากต้องเดินตากแดดมาตลอดทาง โซนแรกที่ผมเดินไปคืออาหารสดที่มีทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้และเครื่องปรุงต่างๆถูกจัดวางไว้โซนๆ


“...โครงไก่...โครงไก่...นี่ไง”เดินหาสักพักในที่สุดวัตถุดิบอย่างแรกที่ต้องการก็ถูกหยิบมาใส่ในตะกร้า จากนั้นก็หันไปมองหาวัตถุดิบอื่นๆต่อกว่าจะครบผมก็ต้องยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมาดูเวลา


ตั้งแต่ที่ออกมาจากห้องตินก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว...เวลาดูจะยังมีเหลืออยู่พอสมควรผมเลยตัดสินใจเดินไปดูพวกยาสระผมและครีมนวด


“ว้าว...”ผมถึงกับหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อเห็นขวดนับร้อนวางเรียงรายอยู่บนชั้นตรงหน้า


ทั้งยาสระผมและครีมนวดหลากหลายยี่ห้อที่วางอยู่นั่นดูลายตาจนไม่รู้จะเลือกหยิบอันไหนดี...การอาบน้ำหรือสระผมไม่ใช่เรื่องที่เทพอย่างพวกเราไม่ต้องทำเป็นประจำเหมือนมนุษย์ บางครั้งถ้าอยากสระผมก็แค่เอาหัวจุ่มลงไปในน้ำก็ถือว่าเป็นการสระแล้วไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาเป็นตัวช่วย


แต่จากที่เห็นมนุษย์หลายคนใช้ก็น่าลองมากเพราะหลังจากทำเสร็จผมก็จะมีกลิ่นหอมๆด้วย...ผมเคยไปดูพวกผู้หญิงทำที่ร้านทำผมอยู่หลายครั้ง เคยด้วยที่คิดจะปลอมตัวเป็นมนุษย์เข้าไปใช้บริการแต่เพราะไม่มีเงินเลยได้แต่มองด้วยความเสียดาย


หลังจากที่ยืนเลือกทั้งสบู่ ยาสระผมและครีมนวดอยู่นานผมก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการอย่างครบถ้วน เมื่อเสร็จแล้วผมก็ต้องมานั่งคิดเลขว่าทั้งหมดรวมเป็นราคาเท่าไหร่ก่อนจะวางเงินสดไปบนเคาน์เตอร์คิดเงินแต่พอนึกดูอีกทีของพวกนี้มีบาร์โค้ดอยู่ถ้าเอาออกไปสัญญาณคงได้ดังแน่เพราะงั้นผมเลยจัดการมองหาพนักงานคิดเงินที่ดูจะจิตอ่อนๆแล้วลอยไปตรงหน้าเธอ


ฝ่ามือที่วางบนดวงตานั้นทำให้พนักงานคนนั้นเห็นผมเหมือนเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่มาใช้บริการ ถือเป็นโชคดีที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนมาเดินเลยสามารถทำได้โดยไม่มีใครสงสัยอะไร...


แต่ถ้าไปเปิดกล้องวงจรปิดคงจะหลอนน่าดูเหมือนกัน


“ติน...กลับมาแล้ว...อ๊ะ...”ผมตะโกนพร้อมกับลอยทุผ่านประตูหน้าเข้ามาแต่ตัวผมก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนของที่ถือร่วงลงไปกองกับพื้น


ไม่ต้องเงยขึ้นไม่มองก็เดาได้ว่าต้องเป็นตินแน่เพราะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่สามารถสัมผัสผมได้ในตอนนี้


“ใช้เวลาพอดีเลยนะ”ตินบ่นเล็กน้อย


“ก็แหม...ไหนๆก็ออกไปทั้งนี่”ผมตอบพลางเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกอยู่ ทั้งที่อยู่ในห้องแต่กลับใส่รองเท้าอยู่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตาสีฟ้านั่นอีกรอบ...


“กำลังจะออกไปตามผมเหรอ”ผมถามเสียงเบา


“...เปล่า”พูดจบเขาก็ถอดรองเท้าออกแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว


“ทำตัวมีพิรุธนะติน...ห่วงผมก็บอกมาสิ”ผมรีบลอยไปวนรอบตัวอีกฝ่ายพร้อมพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ...ทำไมต้องแกล้งทำเป็นไม่ห่วงด้วยล่ะ


คิดว่าจะหลอกผมได้งั้นเหรอ


ถ้าคิดแบบนั้นก็ผิดแล้ว


“ไม่ได้ห่วง”


“อ๊ะ...อ๊ะ...โกหกอีกแล้ว พ่อคนขี้ห่วง”


“แพน”


“ไม่ต้องมาทำเป็นเสียงเข้ม...ผมไม่กลัวหรอกนะ เอ้า เงินทอน”ผมบอกพร้อมกับส่งเงินทอนทั้งหมดส่งคืนให้ตินก่อนจะลอยไปหยิบถุงหน้าประตูห้องถือเข้าไปยังห้องครัว


ตอนนี้ไม่มีเวลามาทะเลาะกับตินหรอกต้องรีบทำอาหารให้เสร็จ...


นี่ก็ปาไปช่วงบ่ายแล้วแต่ตินยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย


มนุษย์อะไรไม่กินก็อยู่ได้เป็นวันๆ


อาหารง่ายๆที่ผมจะทำให้ตินกินคือซุปเบาๆที่ใช้โครงไก่ เนื้อไก่และผักนานาชนิดลงไปเคี่ยวจนได้ที่...การทำซุปนี้ต้องใช้เวลาอย่างพอเหมาะถึงจะได้รสชาติออกมาพอดีไม่หนักจนเกินไป


จากที่ดูตินไม่ชอบพวกอาหารหนักหรือพวกของเหลวข้นๆผมเลยทำซุปใสที่พอเสิร์ฟใส่ถ้วยแล้วจะมีเพียงน้ำซุปเท่านั้นเพื่อให้ง่ายต่อการกิน


“...แพน”


“อะไร”ผมเหลียวหลังไปตามเสียงเรียกจากด้านหลัง


“ทำอะไร”ดูตินเองจะสนใจสิ่งที่ผมทำอยู่พอสมควร พอถามจบเขาก็เดินมาดูภายในหม้อที่มีฟองลอยอยู่เต็มไปหมดด้วยใบหน้าอึ้งๆคิ้วทั้งสองข้างเองก็ขมวดเข้าหากันจนแน่น


“...ฉันว่าสั่งข้างนอกมากินดีกว่า”นิ่งไปสักพักเขาก็บอกพร้อมกับหันหลังเดินออกจากห้องไป


“เดี๋ยวๆ...หน้าตาตอนนี้อาจจะยังไม่น่ากินแต่รับรองเลยว่าถ้าทำเสร็จอร่อยแน่เพราะงั้นรอชิมก่อนเถอะ”ผมโผลเข้าไปคว้าแขนของตินไว้แน่นไม่ให้ยกโทรศัพท์ขึ้นมา


“อร่อย?...ไอ้ฟองข้นๆจนไม่เห็นน้ำนั่นน่ะนะ”ตินหันมาทำหน้าไม่เชื่ออย่างรุนแรงแถมยังส่ายหน้าไปมาเป็นการบอกว่าไม่มีทาง


“ก็ยังไม่เสร็จนี่...”


“...”


“อร่อยจริงๆนะ”ผมย้ำอีกรอบเพราะสายตาที่มองนั่นไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูดสักนิด


“...ต้องรออีกนานขนาดไหน”


“ไม่เกินชั่วโมง...ถ้าตินหิวจะสั่งอย่างอื่นมาก่อนก็ได้แต่อย่าพึ่งกินจนอิ่มนะเหลือท้องไว้กินของผมด้วย”การที่ต้องเคี่ยวนานผมก็กังวลเล็กเพราะตินไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว ถ้าขืนให้รอนานๆเดี๋ยวจะปวดท้องเอา


“...นายจะกินอะไรล่ะ”


“หื้ม...จะสั่งเผื่อผมด้วย?”ผมหันหลังกลับไปมองตินด้วยรอยยิ้ม


“หรือจะไม่กิน...”


“กินสิ...อยากกินแฮมเบอร์เกอร์”


“...อาหารขยะ”ตินบ่นทันทีที่ได้ยิน


“ก็อยากกินนี่...แล้วตินจะสั่งอะไรล่ะ”ผมถามกลับบ้าง


“ไม่จำเป็นต้องบอกนี่”พูดจบเจ้าของห้องก็หันหลังเดินออกจากห้องครัวไป


“ผมเอาแฮมเบอร์เกอร์เนื้อนะ”ผมตะโกนไล่หลังไป


เมื่อห้องครัวกลับมาสงบอีกครั้งผมก็จัดการตักฟองที่ลอยอยู่ในหม้อออกไปจนหมดทำให้น้ำขุ่นเมื่อครู่ใสแจ๋วอย่างน่ารับประทานที่สุด


ครึ่งชั่วโมงต่อมาแฮมเบอร์เกอร์หลายชิ้นกับกล่องเฟรนช์ฟรายส์ขนาดกลางก็ถูกวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาด้วยฝีมือของติน จากที่แอบฟังบทสนทนาดูเหมือนกายอยากจะยกเข้ามาวางให้แต่ตินบอกว่าไม่ต้องซึ่งก็ถูกแล้วถ้าเกิดให้กายเดินเข้ามาต้องสงสัยแน่ว่าทำไมในครัวถึงถูกใช้งานอยู่ทั้งที่เจ้าของห้องบาดเจ็บ


ซุปใสๆฝีมือผมถูกยกออกมาเสิร์ฟในเวลาเดียวกับที่อาหารทุกอย่างถูกเปิดวางอยู่บนโต๊ะพอดี...ถ้วยน้ำซุปถูกวางลงตรงหน้าตินที่ยกคิ้วขึ้นเหมือนไม่เชื่อว่าน้ำซุปถ้วยนี้เป็นหม้อเดียวกับที่เห็นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน


“อึ้งเลยใช่ไหมล่ะ...บอกแล้วว่าต้องรอเสร็จก่อนถึงจะดูน่ากิน”ผมบอกพร้อมกับยืดอกขึ้นเล็กน้อยแสดงความภาคภูมิใจ


“แค่ดูน่ากินสินะ”


“พูดงี๊มาต่อยกันเลยมา”ผมหันไปทำหน้าหาเรื่องตินเต็มที่แต่อีกฝ่ายทำแค่ยกยิ้มขึ้นพลางส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าติงต๊อง


“ชนะคนเจ็บได้เทพอย่างนายคงมีความสุขมากเนอะ”


“...”คำพูดกวนประสาทนั่นทำให้ผมถึงกัดฟันแน่น


อยากจะหาทางเอาคืนสักอย่างแต่ไม่รู้ว่าจะเอาคืนยังไงดี


“ทำหน้าเหมือนกำลังหาทางเอาคืน”


“เปล๊า!”ผมบอกเสียงสูง


“หึ...”


“ลองชิมดูเลย...ผมรับรองว่าตินต้องชอบแน่ๆ”ถ้วยใบเดินถูกเลื่อนเข้าไปใกล้ตินมาขึ้น


“แล้วถ้าไม่ชอบล่ะ”


“ผมยอมทำตามที่คุณสั่งเลย”


“...จะให้ทำอะไรดีนะ”


“ยังไม่ได้ชิมเลย!”ผมตะโกนใส่ด้วยใบหน้าเคืองๆ


“ลองชิมก็ได้...”ตินบอกพร้อมกับหยิบช้อนตักน้ำซุปในถ้วยตรงหน้าเข้าปากท่ามกลางเสียงหัวใจผมที่เต้นแรงขึ้นเพราะความตื่นเต้น


แน่นอนว่าผมมั่นใจในฝีมือของตัวเองแต่ตินชอบแกล้งเลยไม่รู้ว่าจะบอกอร่อยออกมาตรงๆไหม


“เป็นไงบ้างติน”ผมถามขึ้นเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดออกอะไรออกมาเลย


“...เสียใจ...”


“ห๊ะ...เสียใจอะไร...ไม่อร่อยเลยเหรอ?”ผมถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล


ผมว่ามันอร่อยนะ


“...เสียใจที่ไม่ได้สั่งให้เทพหมุนสามรอบแล้วขอมือ”


“ผมไม่ใช่หมานะ!”ผมตะโกนด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาแทบปิด


คำพูดนั่นแสดงว่าน้ำซุปผมอร่อยสินะ


“กินได้แล้ว”ตินเปลี่ยนเรื่องโดยที่ยังตักน้ำซุปฝีมือผมเข้าปากอยู่


“อร่อยใช่ไหมล่ะ”ผมถามยิ้มๆ


“...ก็ใช้ได้”


“อร่อยก็บอกว่าอร่อยสิ”ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อยนะ


ให้ผมดีใจสักหน่อยไม่ได้รึไง


“อยากให้พูด?”


“อืม”ผมพยักหน้าขึ้นลงแรงๆเป็นคำตอบ


ตินที่มองอยู่ก็คลี่ยิ้มบางๆออกมาเมื่อเห็นผมพยักหน้า...ดวงตาสีฟ้ามองมายังผมเหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างทำให้ผมขยับเข้าไปจนร่างกายเราชิดกัน ฝ่ามืออุ่นๆยกขึ้นสัมผัสใบหน้าผมเบาๆจนเผลอเคลิ้มไปก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกมา...


“ไม่บอก”เสียงทุ้มที่กระซิบบอกทำเอาเทพอย่างผมถึงกับนิ่งไปเพราะประมวลความหมายของประโยคนั้น และทันทีที่เข้าใจความหมายดวงตาสีเขียวอ่อนก็หรี่ลงอย่างหงุดหงิดพร้อมกับง้างฝ่ามือขึ้นแล้วตบเข้าที่แผลถูกยิงอย่างไม่ออมแรง


เพี๊ยะ!


“คนใจร้าย!”

..................................................................................

มาต่อแล้วค่าาา

ตอนนี้มาแบบยาวๆ เราว่ายาวกว่าตอนที่แล้วเยอะพอดู55

ยิ่งแต่งยิ่งหลงรักแพนขึ้นเรื่อยๆ

เทพอะไรน่ารักน่าฟัดได้ขนาดนี้

อย่าให้เจอตัวจริงนะจะคว้าตัวมากอดแน่ๆเลย//มโนไปอีก 55

หลังจากนี้เนื้อเรื่องจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ รอติดตามกันด้วยน้าาา

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจเลยนะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 25-06-2017 12:48:01
แพนน่ารักมาก ตินนี่สายเปย์สินะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-06-2017 13:23:32
แพนน่ารักมากกกกอะ อยากกอดดด
พี่ตินสายเปย์ของเราาก้ยังคงเปย์อย่างต่อเนื่อง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 25-06-2017 14:03:04
ชอบตอนที้้ตินสัมผัสแพนได้เหมือนเค้่าได้เข้าใกล้กันเข้าไปอีก รอตอนต่อไปค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักแพน ตอนหน้าก็ขอยาวๆเหมือนตอนนี้อีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-06-2017 15:55:24
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-06-2017 16:09:40
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน
แพนน่ารักมาก ตินก็สายซึน
 :-[ ชอบมาก รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 25-06-2017 16:40:13
โอยยย ชอบบบบ
ชอบเรื่องนี้!!!! น่ารักเกินไปแล้วทั้งคู่เลยย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-06-2017 18:53:17
แพนน่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-06-2017 18:59:28
ท่านแพนตัลล๊ากกกกกกกกก >\\\\<
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 25-06-2017 19:04:26
ยิ่งอ่านยิ่งรักแพนเทพบ้าอะไรน่ารักน่ามีไว้ในครอบครอง555 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-06-2017 19:38:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 25-06-2017 20:16:54
งานนี้ตินหลงแพนหนักกว่าเดิมแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 25-06-2017 21:00:24
น่ารักอ่ะคู่นี้ มีโมเม้นน่ารักๆแบบนี้ต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 25-06-2017 21:30:56
55555 แพนแสบใช่เล่น
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-06-2017 00:05:30
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-06-2017 06:16:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 27-06-2017 08:59:33
แพนน่ารักกกกกกกกกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 27-06-2017 14:18:11
น่ารัก ใสๆ  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 28-06-2017 19:40:07
ท่านเทพน่ารักกกก  ตินก็เก๊กเกินน ห่วงเขาก็บอกไป
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 30-06-2017 20:02:16
ความรู้สึกเหมือนตืนจะเป็นคนที่หวง ห่วง แพนเอามากๆ และยังมีความละมุนเบาๆ #ใจเราบาง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 01-07-2017 08:28:20
รอติดตามมมมม
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 01-07-2017 21:26:50
แพนน่ารัก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 02-07-2017 13:07:40
ฮรืออออ ชอบผลงานคุณnice dog ทุกเรื่องเลยยยย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่8♣} 25/06/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 02-07-2017 18:49:40
อาทิตนี้ไม่มาเหรอคะรออยู่น้าา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 02-07-2017 20:21:37


สัมผัส{❤}ครั้งที่9





ตลอดช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตินพักผ่อนอยู่แต่ในห้องตลอด ไม่มีแม้จะออกไปเคลื่อนไหวร่างกายที่ไหน อาหารทุกๆมื้อมีแค่ที่บอดี้การ์ดคนสนิทซื้อมาให้และอาหารฝีมือผม ถึงจะได้ชื่อว่าอาหารแต่ที่ทำก็แค่ซุปเบาๆเท่านั้น



แม้ผมจะทำซุปเก่งแต่อาหารอย่างอื่นเรียกว่าสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตสิ้นชีพได้ทันที...และบางทีก็ไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตแต่รวมไปถึงเทพด้วยกันด้วย จำได้ว่าก่อนมาประเทศนี้ได้ทำอาหารเพื่อเป็นการบอกลากับเพื่อนสนิทแต่ทันทีที่อาหารถูกตักเข้าปากเพื่อนของผมก็สลบไปอย่างรวดเร็ว



นั่นทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่เหมาะกับการทำอาหารแต่ถ้าเป็นซุปก็บอกได้เลยว่ารสเลิศ



“แพน!”



“ติน?...อะไรเหรอ”เสียงเรียกจากตินดังขึ้นจากภายในห้องนอนขนาดใหญ่ทำให้ผมที่อยู่บริเวณระเบียงดูหมู่เมฆกำลังลอยไปมาอยู่กลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง



วันนี้ผมตื่นเช้ามากกว่าปกติเลยไม่อยากปลุกตินขึ้นมาด้วยแต่จะเปิดโทรทัศน์ก็กลัวจะทำให้คนบนเตียงตื่นเลยเลือกที่จะออกไปยืนดูวิวอยู่ข้างนอกแทน อีกทั้งลมเย็นที่สัมผัสได้จากความสูงบนชั้นที่30ก็เรียกว่าเย็นสบายมาก



“...ไปไหนมา”ใบหน้ายามตื่นของตินดูจะงัวเงียเล็กน้อย เขาใช้มือลูบไปหน้าไปมาก่อนจะใช้มือข้างเดิมเสยเส้นผมสีดำที่ปกหน้าอยู่ให้ขึ้นไป



“ไปดูวิวด้านนอกมา”ผมตอบพลางลอยมานั่งบนเตียงข้างที่ถูกเว้นว่างไว้



“ที่ไหน”



“ที่ระเบียงห้อง...ยังดูง่วงๆอยู่เลยนะ”ผมพูดขึ้น ดูจากดวงตาสีฟ้าที่ปรือๆนี่ก็พอเดาได้ว่ายังนอนไม่เต็มอิ่ม



“อืม...ยังง่วงอยู่”ตินตอบตามตรง



“นอนพักอีกหน่อยเถอะ...เมื่อคืนคุณอยู่เกือบเช้าเลยนี่...บอกแล้วว่าให้พอก่อนก็ไม่เชื่อ”ผมบ่นไปตามที่ภาพที่เห็นเมื่อคืน ไม่รู้ว่ามีงานอะไรนักเขาถึงต้องนั่งทำตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงช่วงตี3ตี4แบบนั้น



“ก็มันใกล้เสร็จแล้ว...จะให้ตื่นมาทำเดี๋ยวสิ่งที่คิดก็ลืมหมดพอดี”



“เฮ้อ...นอนต่อเถอะ”พูดจบผมก็ผลักร่างของตินให้นอนลงอีกรอบ



“...แพน”เสียงทุ้มดังขึ้นเบาๆทั้งที่หลับตาอยู่



“หื้ม?”



“...ถ้าจะไปไหน...ต้องบอกกันด้วย”



“...แต่ตินหลับอยู่นะ”จะให้ปลุกเหรอ



“...”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบเลยขยับเข้าไปใกล้คนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ หมายความว่าตินหลับสนิทไปแล้วทั้งที่ยังพูดกับผมอยู่



“นี่คงไม่ได้ละเมอเรียกชื่อกันใช่ไหม”ผมถามยิ้มๆ ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูจะเป็นคนที่ไม่เหมือนกับภายนอกอยู่มากพอควร



ความอ่อนโยน



ความห่วงใย



และความใจดี



ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีทางได้เห็นตินในมุมเหล่านี้แน่...แต่เพราะผมได้อยู่เขาตลอด24ชั่วโมงทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้แม้จะกวนไปบ้างแต่ก็ถือเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง



ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าพวกผู้หญิงรับรู้ถึงความอ่อนโยนพวกนี้จะยังอยู่เฉยกันอยู่ไหม...ขนาดยังไม่แสดงออกพวกผู้หญิงก็แทบจะถวายตัวให้เลยด้วยซ้ำ



“ติน...ผมไปทำซุปในห้องครัวนะ”นั่งลูบเส้นผมสีดำสนิทบนเตียงสักพักก็เริ่มเบื่อ สิ่งเดียวที่สามารถทำแก้เบื่อได้ตอนนี้คือเข้าครัวทำซุป



ในเมื่อตินอยากให้บอกผมก็บอกแล้ว...



แต่ถ้าเขาไม่ได้ยินก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดผมนะ



ซุปที่ผมจะทำในวันนี้เป็นซุปผักรวมที่ใช้ความหวานจากผักสารพัดชนิดและต้องใช้เวลาในการทำหลายชั่วโมง จากที่มองผมคงมีเวลาเหลือเฟือเพราะตินคงจะนอนต่ออีกหลายชั่วโมงแน่ๆ



น้ำในหม้อถูกตั้งไว้จนเดือดอ่อนๆก่อนจะใส่ทั้งแครอท มะเขือเทศ ถั่วลั่นเตา ผักกาดขาว บล็อคโคลี่และอื่นๆอีกมากมายใส่ลงในหม้อแล้วคนเล็กน้อยให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน



ก๊อก ก๊อก



เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมหันไปมองที่ประตูห้องอย่างสงสัย



“ใครมา?”ปกติห้องนี้เรียกได้ว่าไม่มีแขกมาสักคน



จะมีก็แค่กายและจิมที่เข้ามาบ้างตามคำสั่งของติน



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



เสียงเคาะที่เริ่มดังขึ้นทำให้ผมตัดสินใจลอยทะลุประตูออกไปดูจากด้านบน สิ่งที่เห็นคือชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของตินยืนอยู่หน้าห้องโดยมีบอดี้การ์ดอยู่ข้างหลังอีกสี่คน



“คุณคิน”คนถูกเรียกหันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะพบกับกายและจิมที่เปิดประตูออกมาจากห้องด้านข้างด้วยใบหน้างงๆ



“มาก็ดีเลยพี่กาย พี่จิม...ช่วยเปิดประตูห้องพี่ให้หน่อยสิ...เคาะมาหลายรอบยังไม่ออกมาสักที”



“คุณตินคงกำลังพักผ่อนอยู่...มีเรื่องอะไรฝากไว้ได้นะครับ”กายบอก



“ไม่ได้ๆ...เรื่องนี้ต้องคุยกับพี่เท่านั้น”คินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง



“ถ้างั้นไปพักห้องพวกผม...”



“ไม่เอา...ทำไมต้องกันไม่ให้เข้าห้องพี่ด้วยล่ะ...”



“ช่วงนี้คุณตินสั่งไว้ว่าถ้าจะเข้าไปต้องบอกล่วงหน้าน่ะครับ”



“พวกพี่เองก็ไม่ให้เข้าเหรอ?”คินถามต่อ



“ก็ไม่เชิง...แค่ถ้าจะเข้าต้องบอกก่อนเท่านั้นเอง”กายตอบ



“แบบนั้นมันมีพิรุธอยู่นะ โอ๊ะ...หรือว่าพี่ซ่อนหญิงไว้”



“ฮะฮะฮะ”ผมถึงกับหลุดหัวเราะออกมาดังลั่น



ตินเนี่ยนะซ่อนผู้หญิง



“...คุณตินไม่ใช่คนแบบนั้นครับ”



“ใช่ๆ...ตินไม่ได้ซ่อนผู้หญิงไว้หรอก...ซ่อนเทพเอาไว้ต่างหาก...คิก”



“งั้นเราก็ลองเข้าไปดูกัน”ผมว่าพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าคินต้องการอะไร



คิดจะแอบเข้าห้องตินสินะ



“ไม่ดีมั้งครับ...พวกผมจะซวยได้”จิมรีบค้าน



“น่าๆ...เดี่ยวฉันช่วยพูด”



“...พูดให้โดนมากขึ้นน่ะสิ”จิมหันไปกระซิบกายที่พยักหน้าขึ้นลงอยู่ข้างๆ



“รีบมาเปิดเร็วๆ”



“ครับ”เมื่อไม่สามารถขัดได้กายก็ได้แต่ต้องหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาเปิดอย่างช่วยไม่ได้



ผมเองก็ลอยตากลุ่มคนทั้ง7คนเข้าไปด้านในด้วยความสนุก...



ถ้าตินตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าถูกบุกห้องจะเป็นยังไงนะ



“เจย์”คินเรียกหนึ่งในบอดีการ์ดที่เดินตามมา



“ครับ”



“ไปตรวจดูรอบๆหน่อยว่ามีใครอยู่ไหม”



“ครับ”คนได้รับคำสั่งทำตามอย่างรวดเร็วโดยเริ่มจากการเดินเข้าไปในห้องครัว...



หื้อ?



“ห้องครัว!”ผมตะโกนออกมาเสียงดังลั่นเมื่อนึกได้ว่าต้มซุปไว้ในหม้อนี่นา



ผมรีบเข้าไปในห้องครัวทันทีแต่ก็ไม่ทันบอดี้การ์ดของน้องชายติน



“คุณคิน...มีเตาแก๊สถูกเปิดอยู่ด้วยครับ”ผมอยากจะยกมือสับเข้าที่ก้านคอให้ชายคนนี้สลบไปเลยจริงๆ



ให้ตายเถอะ



สถานการณ์แบบนี้จะทำยังไงดี



“ว่าไงนะ...พี่ทำอาหารไม่เป็นนี่”คินรีบเดินเข้ามาในครัวก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นหม้อซุปที่ยังทำไม่เสร็จถูกเปิดเตาแก๊สไว้



ไม่ใช่แค่คินที่ตกใจแต่ทั้งกายและจิมต่างก็มองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา



“พี่กาย...พี่เขาหัดทำอาหารเหรอ”คินหันไปถามคนด้านหลัง



“...เท่าที่ทราบ...คิดว่าไม่”



“งั้นก็มีทางเดียว...อย่างที่คิด...พี่ต้องซ่อนผู้หญิงเอาไว้แน่ๆ...ค้น...ค้นให้หมดทั้งห้องเลย...พวกเราต้องหาตัวผู้หญิงคนนั้นให้เจอ”คำสั่งของคินทำเอากายและจิมที่อยู่ฝั่งตินถึงกลับเปลี่ยนข้างอย่างกะทันหันด้วยความอยากรู้



ทุกคนต่างค้นหากันในทุกๆห้องทั้งห้องน้ำ ห้องเก็บของหรือแม้แต่ระเบียงแต่ก็ไม่เจอเงาของผู้หญิงสักคน...ยิ่งหาไม่เจอคินก็ยิ่งทำหน้าเครียดพลางยืนกอดยกอยู่กลางห้องรับแขก



“ทำไมไม่เจอใครเลย”ก็ตินเขาไม่ได้พาผู้หญิงมานี่นา



“...อาจจะไม่ได้มีผู้หญิงแต่แรกแล้วก็ได้นะครับ”จิมออกความเห็น



ใช่ๆ คุณพูดถูกแล้วกาย



ไม่มีผู้หญิงหรอก...



คนที่ทำซุปนั่นก็เป็นผู้ชายแถมเป็นเทพอีกด้วย



“เป็นไปไม่ได้...ก็เห็นอยู่ว่าเตาถูกเปิดไว้แถมพี่ยังไม่ออกจากห้องนอนอีก...อ๊ะ...หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะเข้าไปหลบในห้องนอน!!”คินตะโกนสิ่งที่คิดออกมาเสียงดังลั่น



“เงียบหน่อยครับ...คุณตินกำลังนอนพักอยู่นะครับ”กายรีบเอ่ยเตือน



“ตอนนี้เงียบไม่ได้แล้ว...ต้องเข้าไปในห้องนอนพี่เพื่อตรวจสอบ”



“ผมว่าอย่าเลย...”จิมพยายามห้าม



“ใช่ๆ...เข้าไปก็ไม่เจอใครหรอก”ผมพูดแทรกพร้อมพยักหน้าขึ้นลง



แกร็ก!



“ทำเสียงดังอะไรแพน”เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับตินที่เดินหาวออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าในห้องนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามา



เดินออกมาเฉยๆยังไม่เท่าไหร่แต่กลับเรียกชื่อผมออกมาซะเต็มปาก



“...”คนทั้งห้องต่างเงียบสนิทราวกับกำลังทำความเข้าใจกับประโยคที่ตินพูดอยู่



“ตินๆๆๆ”ผมตะโกนเรียกพร้อมลอยเข้าไปหาด้วยความร้อนรน



ต้องรีบบอกก่อนที่เรื่องจะเข้าสู่สถานการณ์ที่แย่มากไปกว่านี้



“อะไร...”



“หยุดพูดนะ!...ลืมตาเดี๋ยวนี้เลย!”ผมรีบเอามือปิดปากคนตรงหน้าพร้อมพูดเสียงดังอีกรอบ



“...”คำพูดผมทำให้ดวงตาสีฟ้าสดลืมขึ้นก่อนจะเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นคน7คนยืนนิ่งอยู่บริเวณห้องรับแขก



ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกอะไรเพราะดูท่าแล้วตินคงจะเข้าใจสถานการณ์ได้ทันทีอยู่แล้ว



แต่แค่เข้าใจคงจะจัดการกับสถานการณ์นี้ไม่ได้แน่



“เอ่อ...สวัสดีพี่”คินเป็นคนเริ่มเปิดฉากทักทาย



“อืม...ใครให้เข้ามา”ตินหันไปมองกายกับจิมสลับกันอย่างเคืองๆจนคนโดนจ้องหลบสายตากันเป็นแถว



“...ขอโทษครับคุณติน”กายเอ่ยเสียงเบา



“อย่าโทษพวกพี่เขาเลย...มาพูดเรื่องพี่กันดีกว่า”คินพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ตินด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์



“อะไร”ตินพยายามทำหน้านิ่งตอบกลับไป



“ไม่ต้องมาทำหน้านิ่งเลย...ซ่อนหญิงไว้จริงสินะ”



“อะไรนะ”ตินถึงกับยกคิ้วขึ้นด้วยความงงงวยกับคำถามของน้องชาย



“ไม่พูดกับพี่แล้ว...ขอค้นห้องหน่อย”คินพูดพร้อมดันตินให้หลีกทางไปก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจภายในห้องนอนท่ามกลางความไม่เข้าใจของติน



“ติน...น้องคุณเข้าห้องไปแล้วนะ”ผมเตือนสติคนที่ยืนนิ่งอยู่ด้วยการเขย่าร่างนั้นแรงๆ



“...คิน...ออกมาเดี๋ยวนี้”ตินที่เหมือนจะตื่นเต็มตารีบเดินเข้าไปเรียกน้องชายที่กำลังเปิดประตูเสื้อผ้าอยู่



“เรียกให้ออกแบบนี้มีพิรุธนะพี่”คินพูดพลางยกยิ้มขึ้น



“เฮ้อ...ก็ได้...หาจนกว่าจะพอใจเลย”สุดท้ายตินกถอนหายในออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินกลับออกไปนั่งที่โซฟาตัวยาวในห้องรับแขก



“เอ่อ...คุณติน...พวกเรา...”



“ไม่เป็นไร...ฉันเข้าใจ”ตินไม่ได้ว่าอะไรกายและจิมที่พาคินเข้ามาอย่างที่ผมคิด



“คุณใจดีจริงๆด้วย”ผมบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะพาร่างตัวเองลงมานั่งที่โซฟาข้างๆติน



“...”ดวงตาสีฟ้าที่ตื่นเต็มที่หันมามองเหมือนมีเรื่องอยากคุยแต่เพราะมีคนอื่นอยู่ในห้องเลยทำได้แค่มองมาเท่านั้น



“ผมอ่านความคิดคุณไม่ได้หรอกนะ”ผมตอบไปตามตรง



สายตาที่จ้องมานั่นเหมือนอยากให้ผมตอบอะไรสักอย่างกลับไปแต่เพราะผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถามอะไรเลยไม่สามารถตอบได้



“...กาย”ตินเลิกมองหน้าผมแล้วหันไปเรียกบอดี้การ์ดคนสนิทแทน



“ครับ”



“คินเจออะไรในห้องที่ทำให้คิดว่าฉันพาผู้หญิงเข้ามา”



จากคำพูดของตินทำให้ผมรู้ถึงสิ่งที่เขาถามทันที



“ผมตอบได้นะ”ผมรีบยกมือเพื่อจะได้ตอบแต่ก็ถูกสายตาคมๆหันมามองจากเชือดเฉือนราวกับจะบอกว่าฉันให้เวลานายมากพอแล้ว



“คือ...คุณคินเจอเตาแก๊สถูกเปิดไว้โดยที่มีหม้อน้ำซุปตั้งอยู่ครับ”เป็นอีกครั้งที่ตินเหลือสายตาคมๆมามองผมอย่างไม่พอใจ



“ผมไม่ผิดนะ...ก็น้องคุณเล่นเข้ามาอย่างกะทันหันนี่ ผมก็เลยลืมไปว่าเปิดแก๊สทิ้งไว้”ผมรีบแก้ตัว



“...เลยคิดว่าฉันซ่อนหญิงไว้สินะ”ตินสรุปเสียงเบา



“ไม่ได้แค่คิดนะพี่...ผมว่าพี่ต้องซ่อนผู้หญิงเอาไว้แน่นอน”คินเดินออกมาจากห้องพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ



“อะไรที่ทำให้มั่นใจ?”



“ก็พี่ทำอาหารเป็นที่ไหนกัน”



“...ก็แค่ทำอาหาร”



“อีกเรื่องคือพี่พูดชื่อของผู้หญิงคนนั้นออกมา”คินพูดเสียงดังพร้อมกับยกมือชี้หน้าพี่ชายตัวเอง



ทั้งผมและตินต่างขมวดคิ้วอย่างพร้อมเพียงกัน...



ที่ว่าพูดชื่อผู้หญิงนี่คือตอนไหน



“พูดตอนไหน”



“ก็ตอนออกมาไง...ผมไม่ลืมหรอกนะ...พี่เรียกเธอว่าแพน”รอยยิ้มของคินดูมั่นใจในความจำของตัวเองมาก



“คิก...ฮะฮะฮะ”ผมถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นไม่อายตินที่เหล่ตามามองสักนิด



ไม่ไหวแล้วๆ



นี่คินคิดว่าแพนที่เรียกคือชื่อของผู้หญิงงั้นเหรอ



ความจริงก็เป็นได้เหมือนกัน...แพน...แพนด้า...หรือจะเป็นแพนเค้ก แพนนีก็ใช้ได้



ก็เหมือนชื่อผู้หญิงอยู่



“ไม่ใช่ผู้หญิง”ตินตอบด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีดำไปด้านหลังลวกๆ



“อะไรนะ...พี่จะบอกว่ากิ๊กพี่เป็นผู้ชาย?”



“อุ๊บ...ฮะฮะฮะ...”เป็นอีกครั้งที่ผมหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งจนร่างกายเกร็งไปหมด



ให้ตายเถอะ



ไม่ไหวแล้ว



“...เอาที่แกสบายใจเลยละกัน”คำพูดของตินแลดูเหมือนคนกำลังหมดความอดทน



“สรุปคือพี่ชอบผู้ชายจริงๆสินะ”คินถามย้ำอีกรอบ



“...”ความเงียบที่เป็นคำตอบทำเอาทั้งห้องถึงกับเบิกตากว้าง การไม่ปฏิเสธก็แปลว่าเป็นความจริงซึ่งก็ใช่ในส่วนมากแต่ในกรณีนี้ผมรู้ว่าตินคงเบื่อที่จะตอบคำถามเลยใช้ความนิ่งเป็นคำตอบแทน



“โอ้...พี่เราสุดยอด...แล้วกิ๊กพี่คนนั้นไปไหนแล้วล่ะ”นี่ก็จะซักจนขาวเลยรึไง



“นั่งอยู่หน้าแก”ตินตอบกลับพร้อมกอดอกนิ่ง ที่บอกอยู่ด้านหน้าคงหมายถึงผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของคินพอดี



“ห๊ะ?”ผมไม่รู้ว่าตินเจตนาที่จะให้น้องชายตัวเองงงหรืออยากจะบอกความจริงไปกันแน่



“จบเรื่องนี้นะ...มีธุระอะไรว่ามา”ตินปิดเรื่องพร้อมเปิดหัวข้อใหม่อย่างรวดเร็ว



“เดี๋ยวสิพี่...ก็ได้ๆ...ผมเข้าธุระที่มาเลยก็ได้”สายตาของตินที่ส่งไปให้น้องชายตัวเองดูจะน่ากลัวมากจนคินต้องยอม



“ออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ...ฉันจะคุยกับพี่แค่สองคน”คินหันไปบอกลูกน้องด้านหลัง



“ครับ”



“...กาย...จิม...ดูแลแขกด้วย”ตินหันไปสั่งคนสนิทบ้าง



“ครับ”



หลังจากที่เหล่าบอดี้การ์ดออกจากห้องไปหมดแล้ว บรรยากาศตึงๆของเข้ามาแทนทีทั้งที่คินเป็นคนที่มีบรรยากาศร่าเริงแผ่ออกมาแต่ตอนนี้กลับมีสีหน้าที่จริงจังมาก...



แปลว่าเรื่องที่จะคุยเป็นเรื่องสำคัญมากสินะ



แล้วแบบนี้ผมควรจะออกไปข้างนอกด้วยรึเปล่าล่ะ



ใจนึงก็ไม่อยากแอบฟังเรื่องส่วนตัวแต่อีกใจนึงก็อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้น้องชายที่แสนร่าเริงทำหน้าจริงจังขนาดนี้ได้



“...จะเงียบอีกนานไหม”ตินเป็นคนแรกที่เปิดฉากสนทนาเมื่อทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบมาสักพัก



“เอ่อ...ผมขอถามพี่แบบลูกผู้ชายนะ”คินขยับตัวให้นั่งสบายขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังอย่างตินถึงกับขมวดคิ้ว



“อะไร”



“...ที่พี่บอกว่าชอบผู้ชายจริงรึเปล่า”



“ฉันบอกตอนไหนว่าชอบผู้ชาย”ตินถามกลับเสียงเครียด



“เอ้า...ก็ที่พี่เงียบไม่ได้แปลว่าจริงรึไงแถมยังพาผู้ชายเข้าห้องตัวเองอีก”



“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับธุระที่แกมาหาฉัน?”



“...ก็...เกี่ยวอยู่นะ”



“รีบเข้าเรื่องก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”



“โหย...อย่าใจร้ายสิพี่ชาย”



“ฉันไม่มีเวลามากหรอกนะต้องไปจัดการกับคนที่ทำเรื่องยุ่งยากนี่ด้วย”คำพูดพร้อมสายตาที่เหล่มามองทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง



“ติน...”นี่เขาจะจัดการอะไรผมเนี่ย



“คนที่ว่าคือกิ๊กพี่ที่ชื่อแพนสินะ”คินพูดด้วยแววตาที่ทอประกายด้วยความดีใจ



“...สรุปจะให้เป็นกิ๊กให้ได้ใช่ไหม”ตินพูดเสียงเครียด



“แล้วไม่ใช่?”



“ตามใจแกเลยคิน”พูดจบตินก็ยกมือขึ้นหนึ่งขึ้นก่ายหน้าผากอย่างเครียดๆ



“คิก...”ผมขำออกมาเล็กน้อยที่ถูกโยงให้กลายเป็นกิ๊กของตินทั้งที่ไม่ใช่ความจริง



“แปลว่าผมคิดถูกสินะ...งั้นถ้าพี่ชอบผู้ชายคงจะไม่แต่งงานกับอาริศาใช่ไหม”ประโยคสุดท้ายดูจะเสียงเบาลงจนผมต้องเอียงหูฟังดีๆถึงจะได้ยิน



“เกี่ยวอะไรกับอาริศา”ตินถามกลับพลางขมวดคิ้วแน่น



เท่าที่จำได้คนที่ชื่ออาริศานี่...



“ผู้หญิงเสียงแหลมคนนั้นเหรอ”ผมพึมพำพร้อมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจที่อยู่ๆการสนทนาก็มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย



“...ก็...คือ...แบบว่า...”



“...รีบบอกมา”ตินเร่งเมื่อเห็นน้องตัวเองติดอ่างมาหลายนาทีแล้ว



“คือ...ผมคิดว่า...”



“คิดว่า?”ตินเร่งอีก



“พี่ก็อย่าเร่งสิ...ผมยิ่งเขินๆอยู่”คินพูดด้วยใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย



“ห๊ะ?”ดูตินจะงงพอสมควรที่เห็นน้องชายตัวเองหน้าแดง



“ผมคิดว่า...ผมชอบเธอแหละ”



“...”ทั้งผมและตินถึงกับนิ่งกับคำตอบที่ได้ยิน ใบหน้าแดงๆนั่นดูยังไงก็ไม่ได้โกหกแน่



แต่ว่า...



เอาจริงอ่ะ



ผู้หญิงเสียงสูงที่มาเยี่ยมตินเกือบทุกวันน่ะนะ



แล้วไหนว่าเป็นคู่หมั้นของตินไง



คำว่าคู่หมั้นไม่ได้แปลว่าถูกกำหนดให้ต้องแต่งงานกันเหรอ



เอ๊ะ...ผมว่าตัวเองเริ่มงงแล้ว



“...ก็อย่างที่บอกไป...ผมว่าผมชอบเธอ แต่ก็อย่างที่รู้ว่าทางผู้ใหญ่เลือกให้พี่กับเธอหมั้นกัน...ตอนแรกผมก็คิดจะตัดใจแต่ว่าผมชอบเธอ...ไม่สิ...ผมรักเธอจริงๆเพราะงั้นถ้าพี่ไม่ได้ชอบเธอผมอยากให้พี่ถอนหมั้นได้รึเปล่า”คินตะโกนเสียงดังด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ



“...เอาไงดีติน...ดูท่าคินจะชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆนะ”ผมบอกกับตินพร้อมขยับเข้าไปใกล้



“ฉันไม่คิดจะแต่งกับเธอแต่แรกแล้ว”นิ่งไปสักพักตินก็เริ่มพูดบ้าง



“จริงเหรอพี่”ใบหน้าเครียดๆเริ่มคลายตัวลงทีละน้อย



“อืม...ถ้าแกชอบเธอก็ลองไปพูดกับพ่อดูสิ”ตินออกความเห็น



“...ผมก็คิดอยู่แต่เรื่องสำคัญคือเธอชอบพี่อยู่น่ะสิ...รู้สึกจะชอบมากด้วย”



“ไม่ใช่แค่ชอบนะต้องบอกคลั่งไคล้ตินเลยล่ะ”ผมพูดสมทบพร้อมพยักหน้ายืนยันจนคิ้วของตินกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยิน



“เดี๋ยวเรื่องนี้พ่อก็จัดการเองแหละ”ตินตอบอย่างไม่ใส่ใจ



“แบบนั้นไม่ได้นะ...ถ้าให้พ่อจัดการอีฟอาจคิดว่าพี่หลีกทางให้ผมก็ได้”คินรีบค้าน



“คิดอะไรเป็นละคร”



“ก็เผื่อไว้ไงพี่...ผู้หญิงน่ะอ่อนไหวง่ายนะเพราะงั้นก็ควรปฏิเสธอย่างอ่อนโยน”



“ตินจะปฏิเสธอย่างอ่อนโยน? อุ๊บ...คิก...”แค่คิดผมก็เกือบสำลักน้ำลายตัวเองแล้ว



“งั้นฉันจะไปบอกเธอเอง...แบบนี้คงไม่มีปัญหานะ”ตินพูดต่อโดยที่ดวงตาสีฟ้าเหล่มองมาทางผมอย่างเคืองๆจนต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้



“แบบนั้นก็ดี...ถ้างั้นผมไปคุยกับพ่อเรื่องนี้เลยละกัน”คินถามความเห็น



“เอาสิ...เดี๋ยวฉันจะนัดเธออาทิตย์หน้าละกัน”



“ขอบคุณนะพี่ชาย”ทันทีที่พูดจบคินก็กระโจนเข้าไปกอดพี่ชายเต็มแรงจนผมต้องรีบขยับหนีอย่างด่วนเพื่อไม้ให้โดนลุกหลงไปด้วย



“ปล่อย”ตินพูดเสียงแข็ง



“ไม่ปล่อยๆ...พี่นี่ใจดีจริงๆขอบคุณนะครับพี่...”



ฟอดดด



“...”ดวงตาสีฟ้าสดเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อถูกน้องชายแท้ๆหอมแก้มตัวเองเสียงดัง



อย่าว่าแต่ตินที่ตกใจเลย...ผมที่มองเหตุการณ์อยู่ยังอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ไปทั้งตัวพร้อมกับอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง



“รักพี่จังเลย”



“ฉันจะเกลียดแกก็ตอนนี้แหละ!!”ตินตะโกนเสียงดังลั่น



“โหย...เมื่อก่อนเราออกจะกอดกันออกบ่อย ทำไมเดี๋ยวนี้พี่หวงตัวจัง”คินบ่นเสียงอ่อน



“คิน!”



“ครับๆ...ไม่พูดแล้ว”สายตาของตินดูจะได้ผลเพราะคินหยุดแหย่ในทันที



“เสร็จธุระก็ไปได้แล้ว”ตินโบกมือไล่อย่างเอือมๆ



“ไล่กันอีกแล้ว...ผมอยากอยู่รอเห็นหน้ากิ๊กพี่ก่อนค่อยกลับ...”



“กลับไปเดี๋ยวนี้เลย”



“โอ๊ะ...มีหวงๆ...แปลว่าตัวจริงสินะ”คินบอกพร้อมยกยิ้มขึ้น



“เฮ้อ...แกจะคิดยังไงก็คิดไปเถอะ”ดูท่าตินจะอ่อนแรงมากทั้งที่พึ่งตื่นไม่นาน อาจเพราะต้องเจอเรื่องปวดหัวตั้งแต่ตื่นเลยใช้พลังงานไปเยอะ



“ตามที่พี่ต้องการเลย...ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวผมจะลองพูดกับพ่อเรื่องพี่ให้”



“กลับไปเลย”



“ครับๆพี่ชาย...ขอบคุณมากนะครับ”คินบอกลาเสร็จก็รีบออกจากห้องไปพร้อมรอยยิ้มปล่อยให้เจ้าของห้องกุบขมับอย่างเครียดๆ



“...ติน”ผมลอยลงไปนั่งข้างๆพร้อมกับยกมือขึ้นลูบแขนอีกฝ่ายเบาๆเป็นการปลอบ



“ให้ตายสิ...โดนน้องชายตัวเองหอมแก้มนี่ขนลุกทั้งตัวเลย”ตินบ่นพลางเงยหน้าขึ้นมองเพดาน



“คุณมีเชื้อต่างชาตินี่...เรื่องนี้น่าจะชินนะ”



“ถึงจะมีแต่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบอยู่ดี”พูดจบก็ยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่โดนหอมแรงๆ



“อย่างถูแรงสิเดี๋ยวเป็นรอยพอดี”ผมบอกพร้อมกับจับมือข้างที่ขยับไว้แน่น



“...”ใบหน้าตึงของตินทำให้ผมคิดอะไรบางอย่างได้



“นี่ติน”ผมเรียกพร้อมขยับหน้าเข้าไปใกล้



“หื้ม?...”



จุ๊บ!



ริมฝีปากผมสัมผัสที่แก้มขาวของตินข้างเดียวกับที่คินหอมเป็นการลบสัมผัสที่ตินไม่ชอบออกไป...แบบนี้คงทำให้ตินรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วใช่ไหม



ในเมื่อไม่ชอบถูกน้องตัวเองหอมแปลว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวก็ไม่มีปัญหาสินะ



นี่ผมเข้าใจถูกรึเปล่านะ



“เป็นไงบ้าง”เมื่อเห็นว่าตินนิ่งผมก็เลยถามออกไป



หรือว่าผมไม่ควรทำ



“...อะไร”



“ก็...ที่ผมทำไง...รู้สึกดีขึ้นไหม”ผมถามกลับไป



“...ไม่”



“ทำไมล่ะ”ผมรีบถามต่อด้วยความไม่เข้าใจ



คำว่าไม่นั่นคืออะไรกัน



“...ไปทำซุปต่อไป”ตินพูดก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา



“ห๊ะ?...เดี๋ยวสิติน”ผมเรียกคนที่กำลังเดินกลับเข้าไปในห้องเสียงดังเพราะยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่อีกฝ่ายบอกสักนิด



“แพน”ก่อนจะปิดประตูตินก็หันกลับมาเรียกอีกรอบ



“อะไรเหรอ”ผมรีบขานรับด้วยรอยยิ้ม



หันมาแบบนี้แปลว่าจะบอกสินะ



“ถ้าไม่อยากโดนทำคืนก็อย่าทำอีก”เสียงทุ้มเข้มนั่นพูดพร้อมกับปิดประตูห้องทันที



คนที่ได้ฟังอย่างผมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจกับคำพูดนั่น



ไม่อยากโดนคือ



แล้วทำคือทำอะไร



“ตินเดี๋ยวสิ...บอกก่อนว่าหมายถึงอะไร!”ผมตะโกนไล่หลังไปทั้งที่รู้ว่าคนที่อยู่อีกฝั่งคงไม่ได้ยินเสียงของผมแล้วก็ตามที



(มีต่อค่า)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 02-07-2017 20:21:59
(ต่อนะคะ)


จากวันที่แสนวุ่นวายก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว...ไหล่ข้างที่บาดเจ็บหายดีตั้งแต่ไม่กี่อาทิตย์แรกที่กลับมาพักห้องด้วยความช่วยเหลือของเทพอย่างผม ถึงจะหายแล้วแต่ผมก็ยังบังคับให้ตินใส่ต่ออีกสักอาทิตย์เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย



วันนี้เรียกว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งก็ว่าได้...แต่วันที่ว่าไม่ใช่เทศกาลอะไรหรอกนะแต่เป็นวันที่ตินนัดคู่หมั้นอย่างอาริศาหรืออีฟไปดินเนอร์ก่อนจะบอกปฏิเสธเรื่องการหมั้นหมายที่ทางผู้ใหญ่จัดให้



ทางตินไม่ได้ดูตื่นเต้นอะไรเป็นพิเศษ เรียกว่านิ่งยังไงก็ยังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิมก็ว่าได้...ไม่เหมือนผมที่รู้สึกตื่นเต้นแทนตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงปัจจุบันที่พวกเราเดินทางมาถึงโรงแรมหรูระดับ5ดาวที่ชั้นบนสุดมีภัตตาคารหรูเปิดให้บริการอยู่



“กาย...จิม”ก่อนเข้าไปตินหันไปเรียกบอดี้การ์ดคนสนิททั้งสองคน



“ครับ”ทั้งคู่ขานรับ



“กลับได้เลย...วันนี้ฉันจะค้างที่โรงแรมนี้”ตินบอกกับทั้งคู่



“เราจะค้างที่นี่เหรอติน”ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเบิกกว้างทันทีที่ได้ยิน



การได้มานอนค้างนอกสถานที่นี่เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่ที่มาอยู่กับติน



“ถ้ายังไงให้พวกเราเปิดห้องข้างๆดีไหมครับ”กายถามด้วยความเป็นห่วง



“ได้...ฉันจองห้อง2905ที่ชั้น29ไว้...ไปรอฉันที่ห้องก็ได้”ตินบอกอีกรอบ



“ครับคุณติน”



เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยตินก็เดินเข้ามาภายในโรงแรมหรู ตามทางเดินถูกประดับด้วยไม้ประดับอย่างสวยงามแต่ถึงจะสวยยังไงก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบอยู่ดี...



“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”ตินกระซิบถามเสียงเบา



“ดอกไม้พวกนี้เป็นของปลอม...ทำไมไม่เอาของจริงมาวางล่ะ”ดอกไม้ปลอมจะสู้ดอกไม้จริงได้ยังไงกัน



“ของปลอมมันดูแลง่ายกว่า”ตินตอบเสียงเบาก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไปและเพราะมีพนักงานคอยบริการทำให้บทสนทนาของเราต้องหยุดชะงักลง



บนชั้นที่30เป็นภัตตาคารที่หรูหรามากตั้งแต่ออกจากลิฟต์มาสิ่งแรกที่เห็นคือทางเดินสีนวลเงาแวววับจนผมต้องลองลงไปเดินดูว่าจะลื่นหัวฟาดรึเปล่า แถมข้างทางก็ถูกตกแต่งด้วยรูปภาพขนาดกลางสองฝากของผนังยาวไปถึงประตูกระจกที่มีพนักงานสาวสวยยืนยิ้มต้อนรับอยู่ด้านหน้า



“สวัสดีค่ะ...ได้จองไว้รึยังคะ?”พนักงานสาวถามอย่างมีมารยาท



“คณาธิป”ตินตอบสั้นๆ



“ค่ะ...คุณคณาธิปจองดินเดอร์ในมุมส่วนตัวนะคะ...เชิญด้านในเลยค่ะ”พูดจบพนักงานสาวคนเดิมก็เปิดประตูกระจกพาเดินเข้าไปยังโต๊ะที่จองไว้ในมุมส่วนตัวอย่างที่ว่า...



ตรงส่วนที่ตินจองไว้ดูจะเป็นมุมส่วนตัวที่แยกออกมาจากโต๊ะอื่นๆโดยมีต้นไม้ปลอมและรั้วสีขาววางขวางไว้...ดูเป็นมุมที่สงบเหมาะกับพาสาวมาเดทหรือกินมื้อค่ำคนเดียวเงียบๆแถมประจกบานใหญ่ด้านข้างก็สามารถมองเห็นวิวอันงดงามได้แทบทั้งเมือง



“ว้าว...สวยจัง”ผมนี่แทบจะมุมออกไปนอกกระจกด้วยซ้ำ การได้มองวิวของเมืองจากมุมสูงแบบนี้ทำให้รู้สึกดีมากเลย



“...พูดเหมือนไม่เคยดู”ตินพึมพำเสียงเบาแต่เพราะเราอยู่ใกล้ๆกันทำให้ผมได้ยินอย่างชัดเจน



“ปกติผมไม่ลอยขึ้นมาสูงขนาดนี้หรอก”



“ทำไมล่ะ”



“อืม...อย่าถามคำถามที่ตอบยากสิ”ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม



“ยากตรงไหน”



“ตรงที่ไม่รู้คำตอบไง”ผมสวนกลับ



“หิวรึยัง?”ตินเปลี่ยนเรื่องพลางเปิดเมนูดู



“ผมหิวตลอดเวลาอยู่แล้ว...ยิ่งได้กลิ่นอาหารจากโต๊ะอื่นน้ำลายก็เกือบไหลแหนะ”



“นายบอกว่าเป็นเทพอะไรนะ”ตินถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา



“เทพแห่งพฤกษา”ผมตอบอย่างรวดเร็ว



“นึกว่าเทพแห่งการกิน”



“ติน!”ผมเรียกชื่อคนยกยิ้มขึ้นดังลั่นก่อนจะง้างมือตบเข้าที่ไหล่อีกฝ่ายเพื่อแสดงความไม่พอใจแต่กลับถูกตินเบี่ยงตัวหลบจนผมแทบหน้าทิ่ม



“...คิดว่านั่งอยู่แล้วจะหลบไม่ได้รึไง”ใบหน้าที่สะใจนั่นก็ทำให้ผมขบฟันด้วยความหงุดหงิดแล้วแต่นี่ยังมีการยักคิ้วส่งมาอีก



“จะหาเรื่องกัน...”



“ตินคะ”ยังไม่ทันพูดจบเสียงอันคุ้นเคยของหญิงสาวผู้เป็นคู่หมั้นของตินก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเธอที่วิ่งเข้ามาหมายจะกอดตินแต่ถูกมือข้างหนึ่งของตินดันออกในทันที



“ไปนั่งได้แล้ว”



“ค่า...วันนี้อีฟดีใจมากเลยที่ตินชวนอีฟมาดินเนอร์แบบนี้”ชุดสีชมพูดยาวฟูฟ่องไปถึงข้อเท้าสะบัดเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงทางฝั่งตรงข้าม



“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”ตินบอกไปตามตรง



“อะไรเหรอคะ”เธอถามกลับด้วยความอยากรู้



“...สั่งอาหารก่อนเถอะ”ตินเลี่ยงที่จะไม่พูดเลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา



“ก็ได้ค่ะ...พี่คะสั่งอาหาร”อีกจัดการส่งเสียงเรียกพนักงานที่อยู่ไม่ไกลก่อนที่ทั้งคู่จะสั่งอาหารไป ขวดไวน์ดูมีราคาถูกยกมาเสิร์ฟมาเป็นอย่างแรก



พวกเครื่องดื่มแบบนี้ผมไม่เคยได้กินเลยสักครั้งทั้งที่เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติอย่างองุ่นแท้ๆ...



อยากลองสักแก้วจัง



ผมได้แต่นึกพลางมองแก้วที่มีของเหลวสีแดงอยู่เกือบครึ่งแก้วบนโต๊ะข้างตัวติน



“ตินมีอะไรจะคุยกับอีฟเหรอคะ”ระหว่างที่จัดการในจานเธอก็ถามขึ้นอีกรอบ



“การหมั้นของเราถือเป็นโมฆะเถอะ”



“...”คำพูดตรงๆจากปากตินทำฝ่ายหญิงทำมีดที่ถืออยู่ตก



“ติน...ไม่มีคำพูดที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ...แบบว่าอ้อมๆหน่อยก็ได้”ผมบอกเสียงดัง ดูยังไงประโยคเมื่อครู่ก็ทำร้ายจิตใจผู้หญิงมากอยู่นะ



“...ตินพูดจริงเหรอคะ”เธอถามเสียงอ่อย



“อืม...ฉันไม่ได้ชอบเธอ”



“แต่อีฟรักตินนี่คะ”



“เธอควรลองเปิดใจกับคนรอบข้างบ้าง”



“...อีฟไม่อยากถอนหมั้นกับติน”น้ำเสียงเศร้าๆนั่นทำให้ผมรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก



“ฉันไม่คิดจะเปลี่ยนใจ”ตินเองก็ตอบไปตรงๆเช่นกัน



ผมว่าแบบนี้ก็ดีนะ...



ไม่มีการให้ความหวัง



ถ้ายิ่งพูดอ้อมฝ่ายที่ถูกปฏิเสธก็ยิ่งจะทำใจลำบากมากขึ้นเท่านั้น



“...เข้าใจแล้วค่ะ”เธอก้มหน้าลงไปสักพักก่อนจะตอบกลับเสียงเบา ผมสังเกตนะว่ามีน้ำตาไหลลงมาด้วย



“ขอบคุณที่เข้าใจ”



ครืดด~ ครืดดด~



เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้คิ้วของตินขมวดเข้าหากันเพราะเสียงนั่นดังมาจากกระเป๋าของตัวเอง...เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดวงตาสีฟ้าก็หรี่ลงทันที



“ขอไปรับสายสักพัก”ตินหันไปบอกอีกแล้วเดินออกไปด้านนอกทิ้งให้ผมอยู่กับหญิงสาวที่บัดนี้น้ำตาไหลอาบแก้มเรียบร้อยแล้ว



“ผมไปด้วยสิติน”ให้ผมอยู่ในบรรยากาศอึดอัดแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอก



ร่างของผมในชุดยูกาตะสีน้ำเงินลายเดิมๆลอยตามตินออกไปยังระเบียงด้านนอกที่มีสายลมพัดมาแทบจะตลอดเวลา



“...ต่อให้คินไม่ได้ชอบเธอผมก็ไม่คินจะแต่งกับเธอแต่แรกแล้ว”จากคำพูดของตินทำให้ผมรู้ว่าปลายสายต้องเป็นหนึ่งในคอบครัวเขา ไม่พ่อก็แม่



“...นี่คินพูดอะไรให้พ่อฟังเนี่ย!”คิ้วทั้งสองข้างถึงกับขมวดแน่นเมื่อได้ยินประโยคบางอย่างซึ่งผมก็ได้แต่ลอยวนไปรอบอย่างสงสัยเพราะไม่ได้ยินบนสนทนาแบบเต็มๆ



“ถ้าผมบอกว่าไม่ใช่พ่อจะเชื่อไหมล่ะ”



“...เอาที่พ่อสบายใจเลยครับ”คำพูดสุดท้ายนั้นดูจะเป็นการปิดบทสนทนาที่แปลกอยู่



“เกิดอะไรขึ้นเหรอติน”ผมรีบเข้าไปถาม



“ไม่มีอะไรแค่เรื่องเดิมๆ”ตินตอบก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้านตามเดิมจนถึงโต๊ะที่มีคู่หมั้นนั่งอยู่แต่ใบหน้านั้นไม่ได้นองด้วยน้ำตาเหมือนอย่างก่อนไปแล้ว



ทำใจได้เร็วเกินคาดแฮะ



“ตินคะ”เสียงหวานออกแหลมเรียกคนที่นั่งลงพร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ



“อะไร”



“อีฟจะพยายามตัดใจจากตินนะคะ”เธอบอกเสียงสั่น



“อืม...อึก...พะ...”ท่าทางแปลกๆของตินเรียกให้ผมลอยลงไปหาแต่ทันทีที่ลงไปดวงตาสีฟ้าสดก็ปิดลงพร้อมกับฟุบลงกับโต๊ะอย่างน่าสงสัย



เกิดอะไรขึ้น?



อย่าบอกนะว่ามีใครคิดจะฆ่าตินอีกน่ะ?



“ตินคะ...อีฟขอโทษนะคะ”ผมรีบหันไปมองผู้หญิงอีกฝั่งทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น



เธอลุกขึ้นจากก้าวอี้ก่อนจะเดินเข้ามาตินที่ฟุบตัวอยู่โต๊ะด้วยแววตาที่บอกไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่...แต่จากที่มองก็พอรู้ว่าคนที่ทำให้ตินเป็นแบบนี้คือผู้หญิงคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย



จะบอกว่าเธอคือคนที่ต้องการจะฆ่าตินเหรอ



ก็ไม่น่าใช่



ระหว่างที่คิดหาความจริงร่างของตินก็ถูกพาลงไปยังชั้น20ด้วยฝีมือของพนักงานชายที่ถูกอีฟเรียกให้มาช่วย...ด้วยคำโกหกว่าตินเมาจนหลับไปทำให้ไม่มีใครสงสัยเลยสักนิด



“ติน...นี่ติน”ผมรีบลอยไปนั่งทับบนแผ่นอกที่ขยับไปมาเป็นจังหวะพร้อมออกแรงทุบที่หน้าอีกคนบนเตียงแต่ปฏิกิริยาที่ได้รับก็ยังคงเหมือนเดิม



จากอาการต้องเป็นยานอนหลับแน่ๆ



“ตินคะ...”เสียงของผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้องดังขึ้นพอดีกับสายตาผมที่หหันไปก่อนจะเบิกกว้างขึ้นเพราะเธอออกมาด้วยร่างกายเปลือยเปล่ามีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้น



“เฮ้ย...อย่าบอกนะว่า...”ผมสะดุ้งตัวทันทีเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าคิดคืออะไร



“อีฟอยากแต่งงานกับตินจริงๆนะ...เพราะงั้นตอนเช้าอีฟจะโทรเรียกพ่อให้มานี่ แบบนั้นตินคงจะถอนหมั้นไม่ได้แล้ว”เธอบอกพร้อมกับขึ้นไปนอนข้างๆตินก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด



เพราะตินยกเลิกการหมั้นเธอเลยต้องใช้วิธีนี้เพื่อจะให้พวกผู้ใหญ่เห็นว่าทั้งคู่มีอะไรกันสินะ



“โอ้ย...ผมจะทำยังไงดีติน”ผมถามคนบนเตียงเสียงเครียด



ทำไมผมต้องมาเครียดแทนคนที่นอนหลับสบายด้วยเนี่ย



ภายในหัวคิดหาหนทางแก้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี่ตลอดแม้ทั้งห้องจะมืดสนิทเพราะถูกฝ่ายหญิงปิดไฟก็ตามที...โชคยังดีที่อีฟแค่สร้างสถานการณ์ขึ้นไม่ได้คิดจะปล้ำตินจริงไม่งั้นผมคงต้องชกท้องเธอให้สลบแล้วลากไปนอนข้างๆตินจนถึงเช้า



มีหลายแผนที่ผมคิดออกอย่างอาศัยตอนที่อีฟหลับลากตินออกจากห้องแต่แผนนี้ค่อนข้างเสี่ยงเพราะชั้นที่ตินจองไว้คือชั้น29ก็แปลว่าผมต้องลากตินขึ้นบันไดถึง9ชั้นไม่ก็ต้องพาตินเข้าลิฟต์โดยไม่มีคนเห็นซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ดูจะไม่รอดสักทาง...



แค่ลิฟต์ก็มีพนักงานคอยกดให้ขืนลากตินเข้าไปได้เกิดเรื่องพอดี



อีกแผนที่คิดได้คืออาศัยตอนที่อีฟหลับใช้ผ้านวมม้วนเธอไว้ก่อนจะผูกด้วยผ้าขนหนู...เมื่อถึงตอนเช้าที่พ่อเธอมาจะได้เห็นกันไปเลยว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ว่าภายในห้องก็มีแค่ตินคนเดียวที่สามารถม้วนเธอได้แผนการนี้จึงเป็นอันยุติเพราะจะทำให้ตินยิ่งยุ่งยากมากกว่าเดิม



“เอ๊ะ...หรือผมควรจะลากตินไปขังไว้ในห้องน้ำ?”อยู่ๆก็นึกแผนนี้ขึ้นมาได้



ถ้าให้ตินขังตัวเองจนถึงตื่นก็จะสามารถบอกได้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น



แต่ก็ดูไม่ค่อยหน้าเชื่อถือ...แถมถ้าเกิดฝ่ายหญิงโกหกว่ามีอะไรเกิดขึ้นก่อนที่ตินจะหนีเข้ามาอยู่ในห้องน้ำก็คงแย่



“โอ้ย...ทำไมผมต้องมานั่งเครียดเรื่องคุณด้วยเนี่ย...ตื่นมาช่วยกันคิดหน่อยติน”ผมพูดพลางตบหน้าสองข้างของตินไปมา



หลายชั่วโมงได้ผ่านไปจนถึงช่วงเช้าแห่งความยุ่งอยาก...อีฟที่ไม่รู้จะตื่นเช้าทำไมได้โทรไปหาผู้ที่อาจเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงเศร้าจนผมอยากจะแย่งโทรศัพท์นั้นมาโยนออกไปนอกโรงแรมจากชั้น20นี่ซะเลย



“แล้วคุณจะหลับอีกนานไหม?!”ผมตะโกนเสียงพร้อมกับใช้เท้าเหยียบเข้าที่ท้องตินแล้วย่ำไปมาด้วยความหงุดหงิด   



ยิ่งเวลาเหลือน้อยเต็มทีผมก็รู้สึกเหมือนหัวตัวเองค่อยๆขาวโพลนเพราะคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง ความจริงก็คิดออกหลายอย่างเพียงแต่สิ่งที่คิดนั้นไม่สามารถทำได้เท่านั้นเอง



“...อึก...อื้อ...”เสียงครางทุ้มของตินทำให้ผมรีบพลิกตัวกลับไปมองหน้าคนบนเตียงทันที



“ติน...ตินๆๆ...รีบตื่นเร็วเข้า!!”ผมตะโกนสุดเสียง



ฝ่ายหญิงเองก็ดูจะมีสีหน้ากังวลเล็กน้อยเมื่อตินเริ่มขยับตัว



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



“อีฟ...ลูกอยู่ข้างในใช่ไหม”เสียงแหบออกแนวผู้ใหญ่นั่นทำให้ผมถึงกับเหลือกตาขึ้นมองเพดาน



ทำไมมาเร็วเหมือนนัดไว้แบบนี้เล่า!



“พ่อคะ...เปิดมาเลยค่ะ”



“เธอก็เดินไปเปิดให้สิ!”ผมตะโกนเสียงดังใส่ผู้หญิงที่แกล้งยกผ้านวมขึ้นมาคลุมร่างกายตัวเองไว้อย่างอายๆ



แกร็ก



ประตูบานใหญ่ที่เปิดขึ้นพร้อมกับร่างของบุคคลที่คุ้นเคยทำเอาผมอ้าปากค้าง...ดูจากคนแรกที่ผมไม่เคยเห็นก็เดาได้เลยว่าเป็นพ่อของอีฟแต่คนหลังนี่สิ...



เส้นผมสีน้ำตาลกับดวงตาสีฟ้านั่นผมเคยเจอเมื่อครั้งก่อนที่ห้องของติน



“คิน...”ผมพึมพำออกมาอย่างหมดแรง



เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลกับดวงตาสีเดียวกันของคินกลับเดินเข้ามาด้วยโดยที่ด้านหลังมีกาย จิมและบอดี้การ์ดอีกหลายคนยืนอยู่



สถานการณ์ตอนนี้เรียกว่าแย่สุดๆ นอกจากจะต้องถูกจับแต่งงานกับอีฟแล้วยังอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวพังทลายเพราะคินคงคิดว่าพี่ชายตัวเองหักหลังได้



“โอ้ย...เอาไงดีๆ...”



“อื้อ...แพน...”เสียงแรกที่ตินเรียกออกมาทำให้ทุกคนที่เข้ามาเงียบสงัดกันเป็นแถวรวมทั้งหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างกายด้วย



เสียงพึมพำของตินทำให้ผมคิดอะไรขึ้นมาได้



“ติน...เรียกผมอีกสิ”ผมลอยไปหาอีกฝ่ายพร้อมลูบใบหน้านั่นเหมือนปกติ



“...อะไรแพน...”



“เยี่ยมมาก...ถึงผมจะไม่อยากใช้วิธีนี้แต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว”ผมบอกคนบนเตียงเสียงเบาก่อนจะลอยตัวเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าด้านข้าง ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมค่อยๆหลับลงเพื่อตั้งสมาธิในการปรากฏร่างของตัวเองออกมา



สิ่งที่ผมคิดจะทำคือออกไปบอกกับทุกคนว่าทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรเพราะมีบุคคลที่สามอย่างผมอยู่ด้วยทั้งคืน



ผมไม่ชอบการให้มนุษย์เห็นตัว



แต่ถ้ามันทำให้ตินไม่ถูกกล่าวหาผิดๆผมก็ยอม



“...ที่นี่ที่ไหน”ฟังจากเสียงข้างนอกก็เดาได้ว่าตินตื่นเต็มตาแล้ว



“พี่ชายนี่เกิดอะไรขึ้น!”เสียงต่อมาที่ได้ยินคือเสียงของคินที่ดูจะโกรธไม่น้อย



“อีฟ...เกิดอะไรขึ้น”เสียงนี้เป็นเสียงเดียวกับที่เคาะประตู



“คือ...หนูกับคินเรามีอะไรกันแล้วค่ะ”เธอตอบเสียงเศร้า



เอาล่ะ...ถึงตาผมแล้วสินะ



แกร็ก



“ที่เธอพูดไม่เป็นความจริงครับ!”ผมผลักประตูตู้เสื้อผ้าออกก่อนจะเดินออกไปปรากฏตัวให้ทุกคนได้เห็น ตินเองก็หันมามองผมอย่างงงงวย



“แพน...”เสียงเรียกนั่นเหมือนจะถามว่าผมกำลังจะทำอะไร



เขาคงยังไม่รู้ว่าตอนนี้ทุกคนในห้องสามารถเห็นร่างผมได้



“แพน?...พี่จะบอกว่าหมอนี่คือแพน?”คินที่อึ้งไปชี้มายังผมด้วยความตกตะลึง คนอื่นๆที่มองมาเองก็ดูเหมือนยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้านัก



“...”ดวงตาสีฟ้าสดของตินหรี่ลงอย่างสงสัยทำทำไมน้องชายตัวเองถึงชี้มาที่ผมได้



“ผมอยากบอกว่าทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรเพราะผมอยู่ในห้องนี้ด้วยตลอดทั้งคืน”ผมพูดออกไป



“แล้วเธอเป็นใคร”พ่อของอีฟถามเสียงเข้มโดยที่กวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า



ไหนๆเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว...



ทำให้มันสุดไปเลยละกัน



“ผมเป็นแฟนของติน!”

............................................................................................

มาอัพต่อแล้ววว

ขออภัยมากมายที่วันนี้มาอัพช้ามาก

พอดีติดภารกิจพึ่งได้แตะคอมนี่เอง

ตอนนี้ยาวมากกกกก

คงจะแทนคำขอโทษได้นะคะ

หวังว่าทุกคนจะชอบว่ามุ๋งมิ๋งและความน่ารักของแพนและตินนะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบายค่ะ^^

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 02-07-2017 20:45:57
เย้.. มาแล้ว..
ชอบแพนนนนน.. น่ารัก..
มาต่อเร็วๆน๊าา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-07-2017 20:53:17
แพนทำถูกแล้วววว :m4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 02-07-2017 21:03:42
เปิดตัวได้สมเป็นเทพมากอ่ะแพน ทีนี่คุณตินคงจะยิ่งหวงหนักกว่าเดิมละเพราะทุกคนมองเห็นแพนแล้ว เริ่มจะสนุกมากขึ้นอีกละ อยากให้มาอัพบ่อยๆจังเลยอาทิตละตอนมาน้อยจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-07-2017 21:10:39
ลุ้นมากกกกก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 02-07-2017 21:14:15
อีฟเธอพลาดมากๆ 55555 ส่วนด้านของตินนั้นเคยชินกับการตื่นมาแล้วเรียกหาแพนสินะ #สนุกๆอยากอ่านต่อยาวๆจัง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 02-07-2017 21:15:32
 :laugh: :laugh:
แพนน่ารักอ่ะ >//<
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 02-07-2017 21:17:44
อ๊ายยยยยยยย ดีมากกกกกก
ทำดีมากแพน ยัยอีฟนี่สิ้นคิดจริงๆ
ถามจริงนะคิน นึกไงถึงไปชอบได้ละเนี่ยะ
แต่ก็ดี เรื่องมันจะได้ลงล็อคแบบนี้ คริคริ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-07-2017 21:26:26
แพนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก 5555
แต่ต่อไปจะเป็นไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 02-07-2017 21:34:50
 :z6:fนังชะนีป่าหน้าด้านเขาปฏิเสธแล้วยังจะยื้อเพื่ออะไรคิดว่าทำแบบนี้แล้วเขาจะเอาตัวเองเรอะ :3125:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 02-07-2017 21:38:07
แพนทำดีมาก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 02-07-2017 21:39:48
ท่านเทพแพนน่ารัก สดใส จิตใจดีมากๆ ส่วนตินผู้แสนเย็นชาแต่่อ่อนโยนกับท่านเทพคนเดียว  อิอิ  :o8:
แต่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นแพนเลย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 02-07-2017 22:56:24
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 02-07-2017 23:00:42
ปรากฎร่างให้คนเห็นแล้ววว จะเป็นไงต่อน้ออออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-07-2017 02:23:24
แพนเก่งมากอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 03-07-2017 09:00:27
น้องแพนสุดยอด
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 03-07-2017 10:06:20
นั่นแสดงตัวออกมาแล้ว แบบนี้ต่องแสดงตัวตลอดสิ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 03-07-2017 11:16:13
จะปวดหัวกว่าเดิมไหมเนี้ย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 03-07-2017 15:03:25
 :pighaun: กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด รออ่านตอนต่อไปค่าาาาาาาา
เขาเปิดตัวแล้วค่ะคุณณณณ หวายยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 03-07-2017 17:03:44
ชอบท่านแพนมากเลย

แต่ไม่รู้ที่แพนออกมาให้คนอื่นเห็นตินจะโกรธมั้ยนะ

แล้วให้คนอื่นเห็นแบบนี้จะไม่แย่หรอแพน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: Kaikaaa ที่ 03-07-2017 19:55:43
ในที่สุดแพนก็กลายเป็นเทพที่มีตัวตน 55555  :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 04-07-2017 01:24:56
แต่ว่า แพนปรากฎตัวให้มนุษย์เห็นแล้วเนี่ยสิ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 04-07-2017 14:38:20
จากเป็นผู้หญิงดีๆ กลายเป็นผู้หญิงมากเล่ห์ซะอย่างนั้น เอ้า!! เกือบสวยละนะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 04-07-2017 20:16:58
อ่านได้จุใจมากค่าาาา

ทำดีมากค่ะ แพน ทำอะไรเราต้องทำให้สุดไปเลยย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: .Koi4541 ที่ 04-07-2017 21:58:18
เดี๋ยว เดี๋ยวว เดี๋ยววววว คินกำลังหลงผิดเรื่องชอบอีฟอยู่ใช่มั้ยคะะ นางมีอะไรดีเนี่ย 5555555 นุ้งแพนปรากฏตัวแล้ว จะยังไงต่อนะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 04-07-2017 22:36:47
แพนปรากฎตัวให้มนุษย์เห็นแบบนี้แล้วจะแว่บไปแว่บมาไม่ได้แล้วสิ
รอดูว่าตินจะเออออตามมั้ย แต่คงไม่เหลือ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 05-07-2017 03:07:32
เทพแพน ต้องปรากฏตัวตลอดเวลาไหมเนี่ย เอาให้สุดเลยค่ะท่านเทพ เอาที่ท่านเทพสบายใจ โธ่ ระหว่างชะนีกาก ๆ กับท่านเทพ ความสวยแตกต่างมากค่ะ ใครดูก็น่าจะรู้ว่ามีของแรร์อยู่ตรงหน้าไม่คว้าของข้างทางแน่ ๆ ชะนีอีฟ เราไม่ปลื้มละตอนแรกอุตส่าห์โอเค หึหึ

แต่เทพแพนน่ารัก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 05-07-2017 03:36:20
มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 05-07-2017 12:29:02
มารอออ เมืาอไหร่จะมาาาาต่ออ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 05-07-2017 21:50:54
มีความค้าง :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 05-07-2017 22:06:13
ว้าวๆ เขาเปิดตัวกันแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 05-07-2017 22:36:51
มาเร็วๆนะ... รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 06-07-2017 23:13:38
แพนน่ารักกกก เค้าเปิดตัวกันแล้วค่าาา :hao7:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-07-2017 11:04:19
 :katai2-1:

:L2: :pig4: :L2:


หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 07-07-2017 14:52:39
ฮื่ออออออ รอค้าาาา เอาใจช่วยคนเขียนน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่9♣} 2/07/60 P.4-5
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 07-07-2017 18:43:59
รอติดตามค่าาา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 09-07-2017 14:06:05
สัมผัส{❤}ครั้งที่10




สถานการณ์ตรงหน้าทำให้คนพึ่งตื่นแบบผมถึงกับขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ...ความทรงจำก่อนจะหลับค่อยๆไหลเข้ามาเป็นฉากตั้งแต่เมื่อคืนที่นัดคู่หมั้นมากินอาหารพร้อมกับบอกถอนหมั้นหลังจากนั้นก็คุยโทรศัพท์กับพ่อและพอกลับมาดื่มไวน์ที่โต๊ะสติที่มีก็หายไปอย่างรวดเร็ว


แปลว่าในไวน์นั่นมียานอนหลับสินะ


ดูจากสภาพผมที่ถูกปลดเสื้อออกก็พอเดาได้แล้วว่าผู้หญิงข้างๆต้องการให้ทุกคนคิดว่าเรามีอะไรกันเพื่อจะได้ไม่ยกเลิกการหมั้น
เมื่อตื่นเต็มตาผมก็สามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นฉากทั้งหมดเว้นแต่ร่างโปร่งในชุดยูกาตะสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ


คำพูดที่เหมือนกับคนอื่นมองเห็นตัวเองนั่นคืออะไร


แถมยังบอกว่าอะไรนะ...


“เธอบอกว่าเป็นอะไรกับตินนะ”คุณสมศักดิ์ มั่นมงคลหรือพ่อของอีฟถามแพนกลับราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด


“ผมเป็นแฟนเขา”แพนตอบกลับก่อนจะหันมามองผมด้วยรอยยิ้ม


“แพน...”อะไร


ทำไมถึงคุยกับมนุษย์คนอื่นได้ล่ะ


“แฟน? ไม่จริงหรอกตินไม่มีทางมีแฟนหรอกแถม...คุณเป็นผู้ชายใช่ไหม”อีฟที่อยู่ข้างๆถามกลับพลางหรี่ตามองแพนอย่างไม่แน่ใจ


ดูท่าการที่ทุกคนเห็นแพนจะเป็นความจริงสินะ


แต่ทำไมถึงทำแบบนั้นกัน ถ้าจำไม่ผิดเคยพูดไว้นี่ว่าไม่ชอบให้มนุษย์เห็นตัวน่ะ


“ผู้ชายสิ...หล่อขนาดนี้เธอจะมองว่าเป็นผู้หญิงรึไง”เมื่อถูกสวนกลับคนข้างผมทำหน้าเอ๋อแทบจะทันที


แพนไม่ชอบให้ใครมาบอกว่าตัวเองเหมือนผู้หญิง


ยิ่งคำว่าน่ารักหรือสวยยิ่งแล้วใหญ่


บางทีอาจถึงเวลาต้องพูดให้ชัดเจนแล้วก็ได้ว่าหน้าตาแบบนั้นมันไม่ได้เรียกว่าหล่อ...ถ้าแค่ดูดีก็จะไม่เถียงเลยเพราะว่ามันจริงแต่เป็นการดูดีแบบกล้ำกึ่งระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง เรียกว่าถ้าเป็นผู้ชายก็เป็นผู้ชายแนวน่ารักที่ผู้หญิงหลายคนชอบแต่ถ้าเป็นผู้หญิงคงเป็นผู้หญิงห้าวๆในสเปคของชายหลายๆคนเช่นกัน แถมเส้นผมสีเขียวเข้มยาวๆนั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูเหมือนผู้หญิงมากเข้าไปใหญ่


“...ตินเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย”สาวข้างผมพยายามเปล่งเสียงออกไปทั้งที่กำลังตกใจ


“เธอรู้ได้ยังไง...ลองถามน้องตินดูสิว่าพี่ตัวเองชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย”แพนบอกพร้อมกับมองไปทางคินที่ยังจ้องไปที่ตัวเองโดยไม่ละสายตาออกมา


“คิน...ไม่จริงใช่ไหมที่ตินชอบ...”เธอพูดพลางมองไปยังแพน


“เอ่อ...ก็ไม่อยากบอกหรอกนะแต่ว่าเป็นความจริง”คินตอบเสียงเบา


เจ้าของหัวข้อสนทนาอย่างผมได้ยกมือขึ้นเสยผมสีดำให้ไปด้านหลังอย่างเอือมๆที่ถูกทั้งน้องชายมองว่าชอบผู้ชายแถมยังถูกแพนตีบทแฟนอีก...


เอาเข้าไปสิ


“เห็นไหมล่ะ...ผมกับตินน่ะนะ...รักกันสุดๆเลย”แพนพูดจบก็หันหลังเดินมายังเตียงก่อนจะขึ้นมานั่งบนตักผมเหมือนอย่างที่ทำแทบทุกครั้งตอนเวลาตื่นนอน เพียงแต่ครั้งนี้น้ำหนักที่ไม่เคยสัมผัสได้กลับรู้สึกอย่างชัดเจน ฝ่ามืออุ่นๆเองก็เอื้อมมาลูบใบหน้าผมเหมือนอย่างทุกทีผมเลยไม่ได้หลีกหนีอะไร


การกระทำนี้ทำให้ทุกคนที่มองไม่เว้นแม้แต่บอดี้การ์ดคนสนิทเบิกตากว้าง ใครที่รู้จักผมก็ต่างรู้กันว่าการสัมผัสร่างกายนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุด อย่างอาทิตย์ก่อนที่โดนคินทั้งกระโดดกอดและหอมแก้มก็ทำเอาเกือบถีบตอบเหมือนกัน...


แต่กับแพนมันเป็นข้อยกเว้นที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม


สัมผัสของฝ่ามืออุ่นที่ลูบทั้งเส้นผมและใบหน้าทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก


ยิ่งตอนที่ถูกริมฝีปากชมพูๆนั่นหอมเบาๆที่แก้มผมก็ไม่ได้รังเกียจอย่างที่เป็นกับคนอื่นๆ


จริงอยู่ที่ผมเป็นลูกครึ่งการทักทายด้วยการถึงตัวถือเป็นเรื่องปกติ ทุกครั้งที่มีการไปต่างประเทศผมก็ยอมทักทายตามแบบต่างชาติแม้จะไม่ชอบก็ตาม ทุกอย่างมันเป็นธุรกิจ


“ติน...ไว้ผมจะอธิบายให้ฟัง...ช่วยเนียนกอดเอวผมสักหน่อยสิ”เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นให้ได้ยินกันสองคน


ถึงไม่อธิบายผมก็พอจะเข้าใจแล้ว...


เขาทำเพื่อผม


เพื่อไม่ให้ผมต้องถูกจับแต่งงานทั้งที่ไม่อยากหรือเพื่อไม่ให้ผมทะเลาะกับน้องชายตัวเองด้วยเรื่องของผู้หญิง


ถูกช่วยไว้ตลอดสิน่า


เขาช่วยผมถึงขนาดนี้แล้ว...


ผมก็ควรจะตามน้ำไปก่อนสินะ


“...หนักขึ้นรึเปล่าแพน”ผมพูดเสียงอ่อนโยนก่อนจะยกมือขึ้นกอดเอวคนบนตักไว้หลวมๆเพื่อให้ทุกคนเชื่อเรื่องที่เราเป็นแฟนกัน


“หนักขึ้นเพราะตินชอบพาไปเลี้ยงของอร่อยนั่นแหละ”แพนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม


“หึ...”ตอบได้ดีนี่


“เอ่อ...อย่าพึ่งเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวสิครับ”คินพูดเสียงเบาด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงเล็กน้อย


“ก็อย่างที่ว่าไป...ผมชอบเขาเพราะงั้นไม่มีทางมีอะไรกับลูกสาวคุณได้หรอก”ผมบอกให้คุณสมศักดิ์ฟัง


“เรื่องนี้หมายความว่าไงอีฟ”ผู้เป็นพ่อหันไปถามลูกสาวตัวเองอย่างเคืองๆ


“เอ่อ...หนู...หนูขอโทษค่ะ...หนูผิดเองที่ใส่ยานอนหลับในแก้วไวน์ให้ตินดื่ม”สุดท้ายเธอก็สารภาพออกมาจนหมด


“ว่าไงนะ...เป็นผู้หญิงกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง”


“ก็หนูรักตินนี่คะ...หนูไม่อยากเลิกกับเขา...ฮึก...แต่ถ้าตินเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง...อึก...หนูก็คงไม่ดึงดันต่อไปหรอกค่ะ”เธอพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม


“...เฮ้อ...ขอโทษด้วยที่ลูกสาวฉันทำเรื่องน่าอับอายแบบนี้”คุณสมศักดิ์หันมาบอกด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด


“ไม่เป็นไรครับ”


“ถ้าเป็นไปได้เรื่องนี้ก็ช่วย...”


“ไม่ต้องห่วงครับจะไม่มีใครรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แน่นอน”ผมตอบรับเมื่อรู้ความหมายถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ


“ขอบคุณมาก...ไว้ฉันจะไปคุยกับพ่อเธอให้เอง...ไปแต่งตัวได้แล้วอีฟ”พูดเสร็จก็หันไปบอกลูกสาวที่นั่งยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้เสียงสะอื้น


“ตินก็ใส่เสื้อได้แล้วมั้ง”แพนบอกก่อนจะก้มลงไปหยิบเสื้อที่ตกพื้นส่งมาให้


“จะใส่ให้”ผมลองถาม


“อยากให้ใส่ให้?”อีกฝ่ายย้อนพร้อมยกยิ้มขึ้น


“หึ...เอามา”ผมคว้าเสื้อในมือแพนมาใส่อย่างลวกๆก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงโดยมีแฟนหมาดๆอย่างแพนยืนอยู่ข้างๆ


“พี่...”


“ไปคุยกันที่ห้องอื่นเถอะ”ผมรีบบอก คุยกันที่นี่ไม่สะดวกเท่าไหร่ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของฝ่ายหญิงที่กำลังไปแต่งตัวนี่ด้วยยิ่งไม่เหมาะเข้าไปใหญ่


“ก็ได้ครับ”


“กาย”ผมเรียกหนึ่งในบอดี้การ์ดคนสนิท


“ครับคุณติน”


“ไปจองห้อง2905ต่ออีกวัน”


“ได้ครับ”


“เสร็จแล้วตามเข้าไปในห้องด้วย”ผมสั่ง


“ครับ”


จากนั้นพวกเราก็เปลี่ยนสถานที่มาเป็นห้องพักหรูในชั้นที่29ห้อง2905ที่ถูกจองไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแต่ยังไม่ได้เข้าไปดูภายในเลย โรงแรมระดับนี้ค่าห้องแต่ละคืนถือว่าสูงมากแต่สำหรับผมก็ถือว่าเฉยๆไม่ได้เรียกว่าแพงอะไรนัก


เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสักนิด


“เอ่อ...พี่ครับ”ทันทีที่นั่งลงบนโซฟาหรูในห้องคินก็เริ่มบทสนทนาทันที


“แกเชื่อไหมว่าฉันไม่ได้มีอะไรกับอาริศา”ผมถามไปตรงๆ


“เชื่อสิครับ...ก็พี่มี...เอ่อ...แฟนอยู่แล้วนี่”ระหว่างพูดคินก็เหล่ไปมองแพนที่นั่งอยู่ข้างผม


“ก็ดี”ถือว่าจบไปเรื่องนึงโดยไม่ต้องทะเลาะกัน


“ถ้ายังไงแนะนำแฟนพี่ให้ผมรู้จักหน่อยสิ”


“อยากรู้จักก็ทำเองสิ”ผมตอบพลางปรายตาไปหาแพนให้อีกฝ่ายจัดการเรื่องต่อจากนี้เอง


ถึงผมจะรู้สึกขอบคุณที่ช่วยแต่การแนะนำให้เจ้าตัวทำจะเป็นผลดีที่สุด...ขืนผมแนะนำแล้วพูดอะไรไม่จริงออกไปจะแย่เอาในภายหลังได้


“ก็ได้ครับพี่...ผมชื่อคินนะเป็นน้องชายพี่ติน...ยินดีที่รู้จักครับ”คินแนะนำตัวเองอย่างมีมารยาทพร้อมกับยื่นมือไปทักทายอีกฝ่าย


“ผมชื่อแพน...ยินดีที่รู้จักนะคิน”แพนตอบแล้วเอื้อมมือไปจับด้วยรอยยิ้มที่ทำเอาน้อยชายผมถึงกับหน้าขึ้นสีเล็กน้อย


“...แพน”ผมเรียกคนข้างกายเสียงเหี้ยม


ไอ้รอยยิ้มที่ยินดีรู้จักซะเต็มประดานั่นคืออะไร


ไหนบอกว่าไม่ชอบมนุษย์ไง


แล้วทำไมผมถึงรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้กัน


“อะไรเหรอติน”ใบหน้าขาวหันมาตามเรียกทันทีแถมยังเอียงคอเล็กๆเป็นการถามอีกด้วย


“เปล่านี่”


“ก็เรียกอยู่เห็นๆแล้วจะบอกว่าไม่มีอะไรได้ยังไง”คิ้วบางๆนั่นขมวดเข้าหากันแน่นอย่างไม่เข้าใจ


ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแหละน่า


“คุณแพนครับ...คือมีเรื่องอยากถามเยอะแยะเลยได้รึเปล่า”คินพูดแทรกบทสนทนาด้วยเสียงอ่อนๆ


“ถามผมเหรอ...ลองว่ามาสิ”แพนเลิกสนใจผมแล้วหันไปคุยกับคินแทน


“คุณเป็นคนต่างชาติสินะ”คำถามแรกดูจะเป็นสิ่งที่คินคาใจมากที่สุดซึ่งถ้าผมเป็นคินก็คงถามคำถามเดียวกันแน่


ใบหน้าเรียวขาวนวลกับดวงตาสีเขียวอ่อนนั่นอาจไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับประเทศไทยเพราะมีลูกครึ่งอยู่เยอะแต่กับเส้นผมสีเขียวเข้มนั่นดูยังไงก็แปลกตาไม่ใช่แค่กับประเทศนี้แต่แปลกตากับทุกประเทศแหละถ้าไม่ใช่สีผมที่ย้อมขึ้น


จากที่ทำธุรกิจมานานหลายสิบปีผมไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนที่มีเส้นผมสีนี้มาก่อนเลย


“อืม...จะว่างั้นก็ถูก”


“หรือคุณเป็นลูกครึ่ง?”


“ใช่ๆ...ผมเป็นลูกครึ่ง”แพนพยักหน้าส่งไปให้


“ลูกครึ่งอะไรเหรอ”คินยังคงถาม


“ก็...ญี่ปุ่น...ฝรั่งเศส...เกาหลี...อเมริกา...จะ...”


“แค่นั้นแหละ...เขาเป็นลูกเสี้ยว”ผมรีบพูดขัดก่อนที่ชื่อประเทศจะออกมาจากปากสีชมพูนั่นมากกว่านี้


คนอะไรมีเชื้อสายต่างชาติขนาดนั้นแถมไม่มีประเทศไทยแล้วพูดภาษไทยได้ยังไง


ผมน่าจะลากแพนเข้าไปทำความเข้าใจก่อนให้แนะนำตัวจริงๆ


“อ้อ...แล้วคุณพูดภาษาไทยได้ยังไง”นั่นไง...คำถามที่ผมสงสัยก็ดังออกมาจากปากน้องชายตัวเองจนได้


คินเป็นพวกขี้สงสัย...ถ้ามีอะไรคาใจก็ถามไม่หยุดจนบางครั้งก็น่ารำคาญ


“...ตินสอนน่ะ”


“...”คำโกหกนั่นทำให้ผมหันไปมองหน้าคนข้างกายอย่างเคืองๆ


เล่นโยนมาให้กันแบบนี้เลยเหรอ


“โห...สุดยอดเลยพี่...แต่พูดคล่องเลยนะแบบนี้ต้องสอนมาหลายปีแล้วแน่เลย”คำถามนั่นดูยังไงก็หลอกถามเวลาที่ผมคบกับแพนชัด


“...ก็นานอยู่...เนอะติน”


“อืม”เนอะอะไรเล่า...ผูกเองก็แก้เองสิ


ผมส่งสายตาไปบอกแบบนั้นแต่ดวงตาสีเขียวอ่อนที่เบนมาสบหรี่ลงอย่างขอความช่วยเหลือจนผมได้แต่ถอนหายใจออกมา


“ฉันเจอเขาตอนไปประเทศอเมริกาเมื่อ4ปีก่อน”สุดท้ายการโกหกนี่ก็ยืดยาวต่อไป


“อ้อ...ช่วงที่พี่บอกว่าอยากออกไปเปิดหูเปิดตาโดยไม่มีบอดี้การ์ดนี่...แปลว่าพอเจอกันก็ถูกใจแต่แรกเห็นเลยสินะ”คินสรุปง่ายๆ


“หึ...คนที่ถูกใจแต่แรกเห็นไม่ใช่ฉันสักหน่อย”ผมบอกพลางยักคิ้วให้แพนที่สะดุ้งตัวอยู่ข้าง


ผลัดกันตอบละกันแพน


“แปลว่าคุณเข้ามาจีบพี่ชายผมก่อนเหรอ”คินหันไปถามอย่างสนใจ


“...ก็อย่างที่ตินพูดแหละ”


“ทำไมถึงชอบพี่ผมล่ะ”


“...”คำถามนี้เรียกให้ผมหันไปมองหน้าแพนเหมือนกัน


ทำไมถึงชอบเหรอ อยากรู้เหมือนกันว่าจะตอบไปยังไงเพราะความจริงเขาไม่ได้ชอบผมสักหน่อย


“ตอบอยากนะ...ตอนแรกผมก็ไม่ได้รู้สึกสนใจตินหรอกแต่พอเห็นดวงตาสีฟ้าที่ทอประกายอย่างกล้าหาญนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกว่าคนคนนี้ต่างจากทุกคนที่เคยเจอมาในชีวิต ตินทำให้ผมรู้สึกว่าไม่เสียดายเวลาของตัวเองเลยที่จะมอบให้กับเขานับแต่ที่ได้เจอกัน”ทั้งน้ำเสียงที่พูด ทั้งแววตาที่หันมาสบผม ทั้งรอยยิ้มบางๆที่ยกขึ้น ทุกอย่างมันล้วนเป็นความจริงไม่ใช่เรื่องโกหกอย่างแน่นอน...หัวใจที่สงบนิ่งอยู่จนถึงเมื่อครู่เต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อย...


นี่คือความรู้สึกตอนที่เขาช่วยผมตอนที่ถูกยิงทะลุหัวใจสินะ


ช่วงเวลาที่ต้องอยู่ด้วยกันไปจนหมดอายุไขไม่ใช่เวลาน้อยๆเลย


ถ้าวันนั้นแพนเลือกที่จะไม่ช่วยผมก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ คงไม่ได้มีโอกาสได้รู้ว่าสิ่งที่เป็นแค่ความเชื่อจะมีอยู่จริงในยุคนี้


“...สุดยอดเลย...แบบนั้นเขาเรียกว่ารักแรกพบ”คินพูดขึ้นหลังจากอึ้งไปนาน


“รัก...แรกพบ?”แพนทวนสิ่งที่คินบอกเสียงเบาก่อนที่ใบหน้าขาวจะแดงขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเขียวอ่อนหันมามองหน้าผมก่อนจะอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เงียบไป


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“คุณคินครับ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ร่างของบอดี้การ์คนสนิทของผมจะเดินเข้ามา


“พี่กาย...พี่จิม...มาก็ดีเลยตอนนี้กำลังถามเรื่องความรักระหว่างพี่กับคนรักพอดีเลย...นี่พี่กายเคยเห็นเขามาก่อนสินะ”คินหันไปถามกายและจิมที่เดินเข้ามายืนหลังโซฟา


“...คิดว่าไม่เคยเห็นนะครับ”กายมองหน้าแพนสักพักก่อนจะตอบไปตามความจริง


ก็ไม่แปลกที่บอกว่าไม่เคยเห็น


จะเห็นก็คงแปลกล่ะ


“นี่พี่พาเขามานี่โดยที่พวกพี่กายไม่รู้ได้ยังไงน่ะ”คินหันมาถามอย่างสนใจ


“...”เอาล่ะสิ...จะตอบยังไงดีนะ


การที่พามาโดยที่กายและจิมไม่เคยเห็นไม่มีทางเป็นไปได้เพราะทั้งคู่ต่างอารักขาผมอยู่เกือบ24ชั่วโมง เรียกว่าทุกคนที่เข้าใกล้ทั้งคู่ต้องคุ้นหน้าบ้าง


“ตินไม่ได้พาผมมาหรอก”เสียงนุ่มๆด้านข้างตอบแทน


“หมายความว่า...”


“ผมพึ่งบนมาจากญี่ปุ่นเมื่ออาทิตย์ก่อนเอง”


“อ้อ...คุณเลยใส่ชุดยูกาตะนี่เอง”คินพยักหน้าเล็กน้อย


“ใช่ๆ...แล้ววันนั้นคินมาที่ห้องตินใช่ไหมล่ะ”


“ใช่...แต่ผมหาคุณไม่เจอเลยนะ”คินพูดพร้อมขมวดคิ้ว


หาเจอก็แปลกล่ะ


“ที่หาไม่เจอเพราะตอนที่พวกคุณเข้ามาผมออกไปซื้อของข้างนอกพอดี...พอดีวัตถุดิบในซุปที่จะทำให้ตินทานขาดไปแต่พอขึ้นมาแล้วเห็นว่าในห้องเสียงดังผมเลยรีบกลับไปเพราะไม่อยากให้ความสัมพันธ์กับตินแตก”แพนตอบพลางทำหน้าเศร้าก่อนจะก้มหน้าลงจนเส้นผมสีเขียวเข้มนั้นปิดใบหน้าไว้หมดจึงไม่มีใครเห็นรอยยิ้มที่ยกขึ้นเหมือนอย่างที่ผมเห็น


“...”ผมล่ะอยากจะชูนิ้วโป้งให้เขาจริงๆ


เล่นใหญ่ขนาดนี้...ทุ่มเกินไปมั้ง


“อย่างเมื่อคืนตินก็นัดให้ผมไปหาที่ห้องแต่เพราะรอนานแล้วแต่ตินไม่มาสักทีผมเลยขึ้นไปหาเขาที่ภัตตาคารด้านบนจนได้รู้ว่าตอนถูกผู้หญิงคนนึงพาไป”แพนยังคงอธิบายทั้งที่ก้มหน้า


“...ก็ว่าอยู่ปกติคุณตินไม่ชอบนอนข้างนอก...นัดเจอกันนี่เอง”จิมหันไปกระซิบกับกายเสียงเบา


แพนนี่เรียกว่าหัวดีในการประติดประต่อเรื่องราวสินะ ที่ผมจองห้องไว้ก็เพราะเห็นว่าแพนอยู่แต่ในห้องกับที่ห้างมาหลายอาทิตย์ติดผมเลยอยากให้เขาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายสร้างเรื่องได้ขนาดนี้


“แล้วเข้าไปในห้องได้ยังไงเหรอ”คินถามต่อ คำถามนั้นดูจะยากพอดูเพราะคนถูกถามถึงกับนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ามาหาผมเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ


“ประตูห้องไม่ได้ล๊อค”ผมเอ่ยไปประโยคเดียวแพนก็ยิ้มกว้างออกมาเหมือนรู้แล้วว่าจะตอบไปยังไง


“ใช่ๆ...ประตูห้องไม่ได้ล๊อคผมเลยแอบเข้าไปได้”


“เรื่องเป็นแบบนี้เองสินะ...คุณแพนคงรักตินมากเลยใช่ไหมถึงได้ยอมเฝ้าอยู่ถึงเช้าแบบนั้น”


“ไม่ได้รักหรอก...”


“...”คนทั้งห้องขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำพูดนั่นไม่เว้นแม้แต่ผม


“ไม่ได้รัก...แต่รักที่สุดต่างหาก”ใบหน้าขาวพูดอีกรอบพร้อมกับเอียงหัวมาหนุนไหล่ผม


“โอ้วว...สุดยอด...พี่ครับ...พี่ห้ามปล่อยคนที่รักพี่ขนาดนี้เด็ดขาดเลยนะ...เดี๋ยวผมจะไปคุยกับพ่อให้เอง”ประโยคสุดท้ายทำให้ผมนึกได้ว่ามีเรื่องต้องคุยกับน้อยชายร่วมสายเลือดอยู่นี่นา


“แกบอกพ่อไปแล้วไม่ใช่รึไง”เมื่อคืนตอนที่คุยโทรศัพท์พ่อก็ถามขึ้นมาว่าชอบผู้ชายเหรอแค่ได้ยินก็รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนไปบอก


“ใช่ผมบอกแล้ว...แต่จะไปบอกอีกว่าแฟนพี่นิสัยดีมากแถมยังดูดีด้วย”คินมองแพนที่ยังคงหนุนไหล่ผมด้วยรอยยิ้มเหมือนยอมรับคนคนนี้แล้ว


“ไม่ต้อง”ผมรีบขัด


“แปลว่าพี่จะบอกเองสินะ”


“อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น”


“แหมๆ...ผมเข้าใจน่าเวลามีคนที่จริงจังด้วยก็อยากบอกด้วยตัวเองทั้งนั้นแหละ...รู้สึกว่าไม่กี่เดือนข้างหน้าพ่อกับแม่จะกลับมานี่ เดี๋ยวผมนัดให้ละกัน”


“...จะทำอะไรก็ทำไป”ถ้าปฏิเสธก็รู้เลยว่าเรื่องต้องถึงพ่อแม่ภายในวันนี้แน่นอน


อย่างน้อยถ้ายืดเวลาออกไปแล้วบอกว่าแพนกลับไปต่างประเทศแล้วก็ได้


“คนนี้ตัวจริงสำหรับพี่จริงๆด้วย...แล้วคุณจะอยู่ถึงเมื่อไหร่เหรอ”


“หื้อ?...ผมกะจะอยู่กับตินตลอดชีวิตแหละ”


“แพน”ผมหันไปเรียกอีกฝ่ายเสียงเข้มทันที อุตส่าห์คิดไว้แล้วว่าจะปฏิเสธยังไงเล่นบอกแบบนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้สิ


“อะไร...นี่ตินคิดจะให้ผมกลับไปอยู่คนเดียวเหมือนตอนที่คุณจากมาเมื่อ4ปีก่อนอีกเหรอ”น้ำเสียงเศร้าและน้ำตาที่เริ่มไหลนั่นทำให้คนอื่นนอกจากผมส่งสายตามาเหมือนผมทำผิดซะเต็มประดา


น้ำตานั่นปลอมชัดๆ


“นี่พี่ทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวมาตั้ง4ปีโดยไม่ไปหาเลยเหรอ...พี่ทำไม่ถูกนะ...รู้ไหมว่าการรอคอยมันเหงาและรู้สึกแย่ขนาดไหน...พี่ไม่...”


“รู้แล้วๆ...เข้าใจแล้ว...ฉันขอโทษ...พอใจไหม”ผมกัดฟันหันไปบอกคนที่กลั้นหัวเราะอยู่ด้านข้างด้วยความหงุดหงิดที่มากขึ้นเรื่อยๆ


“พี่อย่าประชดแบบนั้นสิ”คินพูดต่อ


“ไม่ได้ประชด...จบเรื่องก็กลับไปได้แล้ว”ผมมีเรื่องต้องเคลียร์อีกเยอะ


“โหย...ไล่กันตลอด...ไปก็ได้”คินพูดก่อนจะลุกขึ้น


“คิน”ผมเรียก


“หื้อ?”


“เรื่องอาริศา...รอสักพักค่อยไปคุยเถอะ”ผมบอกอย่างห่วงๆ


“ผมรู้น่า...ผมจีบหญิงเก่งกว่าพี่อีกนะ”น้องชายหันมาส่งยิ้มให้ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมเหล่าบอดี้การ์ด
ไม่รู้ว่าคินจะสานสัมพันธ์กับอาริศาได้ไหมเพราะดูเธอจะชอบผมมากเอาการอยู่


“คุณตินครับ”


“มีอะไร”ผมถามกาย


“เอ่อ...”สายตาของกายที่มองมายังแพนทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่าต้องการอะไร


“เขาจะมาอยู่กับฉัน...คอยดูแลด้วยล่ะ”ผมสรุปง่ายๆ


ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว...ให้แพนอยู่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งก็ดีเหมือนกัน


“ครับ...สวัสดีครับคุณแพนผมชื่อกายและคนที่ยืนข้างๆผมคือจิม...ยินดีที่ได้รู้จักครับ”ประโยคสุดท้ายบอดี้การ์ดทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน


“ผมชื่อแพน...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะกาย จิม”แพนเองก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง


“เอาล่ะ...กลับห้องได้แล้ว”ผมลุกขึ้นปล่อยให้คนที่พิงไหล่หงายตกไปบนโซฟานิ่มทั้งๆแบบนั้น


“ลุกไม่บอกกันเลยนะ”คนที่หัวกระแทกเบาะพยุงตัวขึ้นนั่งก่อนจะพูดเสียงเคือง


“แค่นี้น่าจะรู้นี่”


“ไม่รู้หรอก...ปล่อยแฟนหัวทิ่มแบบนี้ได้ไง”


“อย่างอนเลย...ไปได้แล้ว”ถ้าไม่ติดที่บอดี้การ์ดสองคนมองอยู่ผมคงทิ้งให้แพนนอนอยู่แบบนั้นไปแล้วแต่พอบอกว่าเป็นแฟนกันผมก็ได้แต่ต้องยื่นมือไปให้จับ


แพนที่เห็นผมยื่นมือไปให้ก็ยิ้มกว้างก่อนจะจับมือที่ยื่นไปลุกขึ้น




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 09-07-2017 14:06:27
(ต่อนะคะ)



จากนั้นพวกเราก็กลับมาที่ห้องชั้นบนสุดของคอนโดใจกลางเมืองอีกครั้ง...ตลอดทางที่นั่งรถมาแพนก็หันไปดูวิวด้านข้างเหมือนอย่างทุกครั้งมีบ้างที่หันมาถามว่าตรงนั้นคืออะไรซึ่งผมก็ตอบกลับไปได้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่ต้องเงียบไว้เพราะคนอื่นไม่สามารถมองเห็นแพนได้


“มีอะไรตามพวกเราได้นะครับ”กายบอกก่อนจะขอตัวไปพักอีกห้องพร้อมกับจิม


“เข้าห้องได้แล้ว”ผมบอกแพนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง


“อืม...”น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนทำให้ผมผมหันไปมองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อร่างนั้นโครงเครงไปมา ไม่นานแพนก็ทำท่าจะหงายหลังผมเลยรีบเข้าไปรับร่างที่หมดสติไปอย่างทันท่วงที


“เฮ้ย...แพน”ผมเรียกเทพที่หลับสนิทอย่างเป็นกังวล


ในทุกๆวันแพนมักจะตื่นก่อนผมเสมอและก็ไม่รู้ด้วยว่าหลับไปเมื่อไหร่เพราะทุกครั้งที่ตื่นก็จะเห็นว่าอีกฝ่ายตื่นก่อนแล้ว นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นอีกฝ่ายหลับสนิทแบบนี้


เมื่อเห็นว่าอยู่ตรงทางเดินแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ผมเลยอุ้มร่างในชุดยูกาตะสีน้ำเงินก่อนจะเดินเข้าไปในห้องโดยมีจุดหมายอยู่ที่เตียงในห้องนอน...ร่างอันอ่อนแรงถูกวางลงบนเตียงก่อนจะห่มผ้านวมให้จนถึงอก


เครื่องปรับอากาศภายในห้องถูกเปิดเพื่อให้อากาศที่ร้อนอบอ้าวเย็นสบายขึ้นอีกหน่อย...


ที่สลบไปอาจเพราะอากาศร้อนก็ได้...


แต่ก็ไม่น่าใช่...อยู่ด้วยกันมาตั้งนานไม่เห็นเคยเป็น


“แพน...”ผมเรียกคนบนเตียงเสียงเบาก่อนจะเอื้อมมือไปลูบใบหน้านั่นเหมือนอย่างที่เคยถูกลูบบ้าง...ผิวนิ่มๆทำให้ผมเผลอลูบใบหน้านั่นอยู่นาน


ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดลำลองก่อนจะขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงมองดูแพนที่หลับสนิทอยู่ตลอดหลายชั่วโมง ยิ่งเวลาผ่านไปผมก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเท่านั้น


ใจหนึ่งก็อยากจะเรียกหมอแต่ก็รู้ว่าแพนไม่ใช่มนุษย์ถึงจะเรียกมาก็รักษาไม่ได้อยู่ดี


“เป็นอะไรน่ะแพน...”เป็นอีกครั้งที่ผมเอ่ยถามแม้จะรู้ว่าไม่มีคำตอบก็ตาม


ฝ่ามือผมสัมผัสอีกฝ่ายไปทั่วทั้งเส้นผมสีเขียวเข้มหรือตามใบหน้าขาวที่หลับตาพริ้มอยู่ด้านข้าง...


“...อื้อ...”มือที่ลูบถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเสียงครางเบาๆดังขึ้น


“แพน”ผมเรียกชื่อคนด้านข้างเบาๆ เมื่อถูกเรียกเจ้าของชื่อก็ค่อยๆปรือดวงตาสีเขียวอ่อนขึ้นมาทีละนิดแต่ไม่นานดวงตานั่นก็ปิดลงอีกรอบ


“แพน...”ผมขมวดคิ้วกับท่าทางแปลกๆนั่น เหมือนกับคนที่นอนไม่พอเลย


“...ผมไม่เป็นไร”เสียงนุ่มตอบหลับมาทั้งๆที่หลับตาอยู่


“ไม่เป็นไรที่ไหน”คนไม่เป็นจะนอนหมดแรงแบบนี้รึไง


“แค่เหนื่อยเฉยๆ...”


“เหนื่อย?”


“อืม...เคยบอกแล้วนี่ว่าผมไม่ชอบให้มนุษย์เห็นตัว”อีกฝ่ายอธิบายเสียงเบา


“ใช่...แต่วันนี้นายกลับปรากฏตัวให้คนอื่นเห็น”


“ผมอยากช่วยคุณนะ”ระหว่างที่พูดดวงตาคู่เดิมก็ปรือขึ้นอีกครั้ง


“ฉันรู้...ขอบคุณ”


“...อืม”แพนยิ้มบางๆส่งมาให้


“แล้วเกี่ยวอะไรกับที่เป็นแบบนี้”


“...การที่จะปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นจำเป็นต้องใช้พลังมากแถมนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ปรากฏร่างต่อหน้ามนุษย์ทำให้การควบคุมไม่ค่อยเสถียร พลังงานที่มีเลยหมดไป”


“...”คำอธิบายดูงงจนผมต้องนิ่งไปสักพักเพื่อทำความเข้าใจ


“แต่ไม่ต้องห่วงหรอก...ถ้าปรากฏร่างอีกครั้งสองครั้งก็ไม่เป็นแบบนี้แล้ว”


“แน่ใจนะ”


“อืม...มนุษย์เวลาทำอะไรครั้งแรกมักไม่ชินใช่ไหม เทพเองก็เหมือนกันแหละ...เพราะงั้น...อย่าทำหน้ากังวลแบบนั้นเลย”ดวงตาสีเขียวอ่อนที่ปรือขึ้นมองมายังผมพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าผมเบาๆ


“...ใครกังวลกัน”ทำไมถึงรู้ว่าผมกังวลอยู่


หรือว่าแพนจะอ่านใจได้กันนะ


“ผมรู้ว่าคุณกังวลและเป็นห่วง...ผมไม่ได้อ่านใจได้แต่เพราะการกระทำของคุณมันบอก”


“การกระทำ?”


“...ผมขอนอนต่ออีกสักพักใหญ่นะ”


“ตื่นมาจะกินอะไร”ผมถามคนด้านข้างที่ปิดตาทั้งสองข้างไปแล้ว


“จะสั่งให้เหรอ”น้ำเสียงใสๆกับดวงตาที่ทอประกายดีใจลืมขึ้นมาอีกครั้งทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา


“อืม”


“อยากกินอาหารไทย...ขอแบบเด็ดๆ”แพนบอกพลางคลี่ยิ้มออกมา


“กินเผ็ดได้แค่ไหนกันล่ะจะมาขอเด็ดๆ”อาหารไทยส่วนมากรสจัดทั้งนั้น เทพที่มาจากญี่ปุ่นไม่น่าจะกินรสจัดมากๆได้


“ได้อยู่...ขอประมาณต้มยำที่แม่ตินทำ”


“ได้...นอนพักเถอะ”พูดจบผมก็วางมือลงบนเส้นผมสีเขียวเข้มแล้วลูบไปมาเบาๆ


“...นี่ติน”


“อะไร...นอนได้แล้ว”


“ตอนผมลูบผมคุณรู้สึกดีรึเปล่า”อยู่ๆแพนก็ถามขึ้น


“...ถามทำไม”


“ผมอยากรู้ว่าคุณรู้สึกดีเหมือนที่ผมรู้สึกตอนนี้รึเปล่า”เสียงพึมพำเบาๆนั่นทำให้ผมยิ้มออกมาอีกรอบโดยที่มือก็ยังคงลูบเส้นผมสีแปลกตรงหน้าอยู่


รู้สึกดีไหมงั้นเหรอ


คำถามง่ายๆที่ไม่จำเป็นต้องคิดคำตอบสักนิด


“ถ้าไม่รู้สึกดีคงยอมให้ลูบหรอก”



จากนั้นผมก็ลูบหัวแพนอยู่สักพักจนเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอก่อนจะเดินออกมาอยู่ที่ห้องรับแขกเพื่อให้อีกฝ่ายได้พักอย่างเต็มที่ ระหว่างที่รอก็โทรสั่งอาหารไทยให้กายและจิมเอาขึ้นมาให้...ที่สั่งไปก็มีต้มยำกุ้ง ยำวุ้นเส้น แกงเขียวหวานและน้ำพริกกะปิโดยให้คนสนิทไปซื้อจากร้านที่ขึ้นชื่อแถวนี้มา


หลายชั่วโมงต่อมาของทุกอย่างที่สั่งก็ถูกเทใส่ถ้วยชามวางไว้บนโต๊ะ...


“คุณตินครับ”


“มีอะไร”ผมถามจิมที่เรียก


“แล้วคุณแพนอยู่ไหนเหรอครับ”จิมถามต่อ


“นอนพักอยู่ในห้อง”ผมตอบไป


“ไม่สบายเหรอครับ...ถ้ายังไงให้เรียกหมอ...”


“ไม่ต้อง...แค่เหนื่อยจากการเดินทางเท่านั้นพักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”


“ถ้ายังไงให้ผมไปตรวจหน่อยไหมครับ”จิมถามต่อ จิมเองนอกจากเป็นบอดี้การ์ดฝีมือดีแล้วยังเรียนจบแพทย์มาด้วย เรื่องการดูแลหรือรักษานั้นถือว่าดีในระดับหนึ่ง


หรือจะลองให้จิมไปตรวจคร่าวๆดีล่ะ


แกร็ก


“ผมหายแล้ว”เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับแพนที่เดินออกมาในชุดยูกาตะตัวเดิม


“พักอีกหน่อยก็ได้”ผมบอกอย่างห่วงๆ จากที่กะรู้สึกจะนอนไปแค่4ชั่วโมงเอง


“ไม่เป็นไร...ขอบคุณที่เป็นห่วงนะติน...กายและจิมด้วยนะ”พูดกับผมเสร็จก็หันไปคุยกับบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่ยืนอยู่


“ครับ...ถ้ารู้สึกไม่สบายบอกได้นะครับผมจบหมอมาค่อนข้างมีความรู้ด้านนี้”จิมบอกแพน


“อืม”แพนพยักหน้าตอบ


“คุณตินถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราขอตัวนะครับ”กายบอกลาก่อนจะหันไปมองหน้าจิม ไม่นานทั้งคู่ก็ออกไปจากห้อง


“ว้าว...นี่อาหารไทยเหรอ”แพนตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ


“อืม...ปรากฏตัวออกมาแบบนี้ไม่เป็นไรแน่นะ”ผมถามพลางมองไปยังแพน


“ไม่เป็นไรแล้ว...ผมต้องฝึกอยู่ในร่างมนุษย์ให้ชินไว้เพราะงั้นจากนี้ผมจะอยู่ในร่างมนุษย์ตลอด...แต่อาจขอเว้นบางวันนะ”พูดจบแพนก็นั่งลงก่อนจะยกช้อนขึ้นตัดแกงเขียวหวานไก่เข้าปากคำโต


“เป็นไง”ผมนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมถามความเห็น


“อร่อยมากกก”


“งั้นก็กินเยอะๆ”


“ได้เลย...ตินก็กินด้วยกันนะ”แพนเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ทั้งที่มุมปากเลอะน้ำต้มยำกุ้งจากที่ตักกินเมื่อครู่


“หึ...กลัวไม่มีใครแย่งรึไง”


“แย่งกันกินสนุกดีออก...อืม...อันนี้ก็อร่อย...ตินลองดูสิ”ยำวุ้นเส้นรสจัดถูกตักใส่จานข้าวผมด้วยฝีมือของแพน


มื้อเย็นของพวกเราผ่านไปอย่างไม่รีบร้อนอะไร จานชามทุกอย่างถูกแพนจัดการล้างทำความสะอาดทั้งที่ผมบอกว่าไม่ต้องเดี๋ยวจะให้แม่บ้านขึ้นมาทำแต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้ารัวๆเป็นเชิงปฏิเสธจนผมต้องถอนหายอย่างปลงๆก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำด้านใน


เมื่ออาบน้ำเสร็จผมก็อยู่ในชุดนอนปกติคือเสื้อแขนสั้นและกางกางขายาวสีเทาเหมือนอย่างทุกวัน


“ตินน”เสียงเรียกชื่อดังขึ้นทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิด แพนเข้าไปอาบน้ำหลังจากที่ผมออกมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วถ้ายังนานกว่านี้ผมคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นลมคาห้องน้ำไปแล้ว


ปกติแพนไม่อาบน้ำ


ไม่ล้างหน้า


ไม่สระผม


ไม่แม้แต่เปลี่ยนชุด...ที่เปลี่ยนก็มีแค่สีของยูกาตะเท่านั้นแต่รูปแบบก็ยังคงเหมือนเดิมจนผมไม่รู้ว่าเขาอาบน้ำหรือเปลี่ยนชุดตอนไหน


แต่วันนี้ร่างที่เดินออกจากห้องน้ำไม่ได้ใส่ชุดยูกาตะเหมือนทุกครั้ง เสื้อแขนสั้นตัวใหญ่ของผมถูกแพนใส่อยู่โดยที่ท่อนล่างเป็นกางเกงสามส่วนที่จำไม่ได้ว่ามีอยู่ในตู้เสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่


แพนเดินขึ้นมานั่งบนเตียงทั้งที่กำลังเช็ดเส้นผมสีเขียวเข้มที่เปียกน้ำอยู่


“ไปเช็ดข้างล่าง...เดี๋ยวเตียงเปียก”ผมบ่นเบาๆก่อนจะหันไปหาคนด้านข้างเพราะได้กลิ่นหอมๆของทั้งสบู่และยาสระผมลอยออกมา


“ผมหอมไหม”แพนไม่สนใจกับคำบ่นแต่ขยับตัวเข้ามาชิดกว่าเดิมจนได้กลิ่นหอมๆนั่นชัดเจนขึ้น


“ปกติไม่เห็นได้กลิ่น”อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายเดือนแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กลิ่น


“ไม่แปลกหรอก...เทพอย่างพวกเราเป็นสิ่งมนุษย์ทั่วไปไม่สามารถสัมผัสได้ดังนั้นทั้งเสียงหรือกลิ่นก็สัมผัสไม่ได้ทั้งนั้นแหละ”แพนอธิบาย


“แต่ฉันมองเห็นนายนี่...ได้ยินเสียงด้วย”


“เอาง่ายๆนะ...”


“อืม”


“เพราะผมไม่ได้อาบน้ำเลยสักครั้งตั้งแต่ที่มาอยู่กับคุณทำให้คุณไม่ได้กลิ่นผม...แต่ตอนนี้ผมอาบน้ำแล้วคุณเลยได้กลิ่นผม...จบนะ”


“ห๊ะ?”


“ตอบมาได้แล้วว่าหอมไหม”แพนพูดก่อนจะเบียดตัวเข้ามาชิดกับร่างผม


“...เป็นเทพที่ซกมกจริงๆไม่อาบน้ำมากว่า4เดือนแบบนี้”ผมพึมพำกับตัวเอง


“ไม่ได้ซกมกนะแค่ไม่จำเป็นต้องอาบ เทพส่วนมากก็ไม่อาบกันหรอกแต่ผมอยากลองสระผมแล้วก็ใช้สบู่เลยลองอาบดู”แพนรีบพูดแก้สิ่งที่ผมเข้าใจผิด


“แล้วเป็นไง”ถึงไม่ต้องถามผมก็เดาคำตอบได้ลางๆอยู่แล้ว


“รู้สึกดีสุดๆเลย...แบบว่าตอนที่ลูบสบู่ไปทั่วร่างนะแบบว่าลื่นๆแล้วก็รู้สึกหอมด้วยแถมพอสระผมแล้วรู้สึกว่าหัวเบามากเลยแถมยังหอมสุดๆ”แพนบอกพลางคว้าเส้นผมตัวเองมาดมด้วยใบหน้าชื่นใจ


“ฉันจำไม่ได้ว่าซื้อกลิ่นพวกนี้มา”ทั้งยาสระผมและสบู่ทุกยี่ห้อที่อยู่ในห้องน้ำผมเป็นคนเลือกเองกับมือและจำได้ด้วยว่าไม่ได้ซื้อกลิ่นหวานๆแบบนี้มา


“ผมซื้อมาตอนออกไปซื้อของครั้งก่อนเอง”


“แอบซื้อสินะ”


“เปล่านะ...ก็ตินบอกว่าจะซื้อให้นี่แล้วก็แบบว่า...คือ...ขอโทษที่ไม่ได้บอก”


“ฉันไม่ได้ว่าสักหน่อย”


“จริงนะ”น้ำเสียงหง๋อยๆเปลี่ยนมาเป็นสดใสอย่างรวดเร็ว


“อืม”


“งั้นๆ...ผมหอมไหม”


“สรุปก็วกมาเรื่องเดิมสินะ”


“น่าๆ...ตอบหน่อยสิ ผมเลือกกลิ่นสบู่เองเลยนะ”แพนบอกก่อนจะกระโดดขึ้นมานั่งบนตักผมเหมือนอย่างปกติแต่ครั้งนี้กลิ่นหอมๆที่ลอยมาแตะจมูกทำให้ความรู้สึกแปลกๆเริ่มแล่นเข้ามา


“แพน...ลุกไป”


“ไม่ลุกจนกว่าตินจะตอบว่าหอม”แพนส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบแล้วขยับตัวเข้ามาให้ผมได้กลิ่นชัดเจนขึ้น


“...หอม...พอใจรึยัง”ผมตอบกลับ


“ทำไมเสียงดูไม่จริงใจ”แพนบ่นเล็กน้อย


“แล้วต้องทำเสียงแบบไหน”


“ก็แบบ...หอมมากเลยแพน...แบบนี้”แพนทำตัวอย่างให้ดูก่อนจะมองมาด้วยสายตาที่คาดหวัง


“หึ...จัดให้ตามคำขอ”พูดจบผมก็จัดการดึงตัวแพนให้มาประชิดตัวมาขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นโอบเอวไว้หลวมๆ


“ตะ...ติน”แพนเรียกผมเสียงสั่น ดูเหมือนจะตกใจกับการกระทำของผมซึ่งผมเองก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่ทำแบบนี้


รู้แค่กลิ่นหอมๆนี่...อยากได้กลิ่นมันใกล้ๆ


“...หอมมากเลยแพน”ผมกระซิบบอกที่ข้างหูเบาๆก่อนจะใช้ปลายจมูกไล่ตามลำคอขาวที่มีกลิ่นหอมอบกวนจนคนบนตักสะดุ้ง


“อ๊ะ...แกล้งกันนี่”


“ใครแกล้ง”


“คุณไง...แกล้งมาผมแกล้งกลับนะ”เสียงนุ่มบอก


“ยังไง”จะแกล้งอะไรผมกลับกัน


“ผมจะทำให้คุณสะดุ้งเหมือนที่ผมเป็น”พูดจบแขนทั้งสองข้างยกขึ้นโอบคอผมไว้หลวมๆก่อนจะซุกหน้าลงที่คอแล้วใช้ปลายจมูกสัมผัสไล่ลงไปช้าๆ


“...”อย่างที่แพนพูดไว้ เขาทำให้ผมสะดุ้งได้จริงๆ...


แต่ไม่ได้แค่สะดุ้งเท่านั้น...


ผมสัมผัสได้ว่าหัวใจของตัวเองกับของคนที่แนบชิดอยู่ตอนนี้ต่างเต้นรัวแทบไม่ต่างกันเลย


“ติน...”


“อะไร”


“รู้สึก...แปลกๆ”แพนกระซิบบอกเสียงเบา


“...เหมือนกัน”ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในหัวใจนี่คืออะไรกัน


“ผมง่วงแล้วขอนอนก่อนนะ”ทันทีที่พูดจบแพนก็ผลักผมออกแล้วพลิกตัวนอนคลุมโปรงอย่างรวดเร็วจนผมได้แต่หันไปมองก้อนอะไรสักอย่างที่อยู่ด้านข้างอย่างงงๆ


“แพน”


“ไม่คุยแล้ว...ผมจะนอน”อีกฝ่ายตอบเสียงอู้อี้


“เช็ดผมให้แห้งก่อนเดี๋ยวไม่สบาย”ผมบอกก่อนจะดงผ้านวมที่คลุมอยู่ออก


“...ไม่เป็นไรหรอกน่า”


“เป็นสิ...ลุกเร็ว”


“ชิ...”สุดท้ายแพนก็ยอมลุกตามที่ผมบอก ผ้าขนหนูที่ถูกทิ้งไว้บนตักถูกหยิบขึ้นมาเช็ดที่เส้นผมสีเขียวเข้มเบาๆ ในตอนแรกดวงตาสีเขียวอ่อนก็หันมามองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันกลับไปนั่งนิ่งยอมให้ผมเช็ดจนแห้ง


“นอนได้แล้ว”ผมยกมือขึ้นสัมผัสเส้นผมสีเขียวเข้มนั่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดโคมไฟที่อยู่ใกล้ๆ


“...ติน”หลังจากปิดไฟไม่นานเสียงอู้อี้จากข้างๆก็ดังขึ้น


“ว่ามา”


“ขอบคุณนะ...พึ่งรู้ว่าการถูกเช็ดผมให้จะรู้สึกดีขนาดนี้”


“ถ้ารู้สึกดี...”ผมเงียบไปเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้


“อะไรเหรอ”แพนถามต่อ


“เปล่านี่”


“เปล่าที่ไหนกัน...บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะติน”


“ไม่...นอนได้แล้ว”ผมจับตัวแพนที่กำลังจะลุกให้นอนลงก่อนจะพลิกตัวนอนอีกฝั่งท่ามกลางเสียงตะโกนอย่างไม่พอใจที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง


“คนขี้โกง...ใจร้าย...ปิดบัง...”


“ฝันดีแพน”ผมตัดจบการสนทนา


“ฮึ้ย...ฝันดีก็ได้”สุดท้ายแพนก็ยอมนอนสงบๆจนได้


ในความมืดดวงตาสีฟ้าของผมยังคงลืมอยู่ทั้งที่ผ่านมาหลายสิบนาทีแล้ว ความง่วงที่มีเข้าโจมตีจนอยากหลับตาลงแต่เพราะประโยคที่ยังพูดค้างไว้นั่นทำให้ผมไม่สามารถหลับลงได้...


‘ถ้ารู้สึกดี...คราวหน้าจะเช็ดให้’


ผมชักเริ่มไม่เข้าใจตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ

......................................................................................
สวัสดีค่ะ

มาอัพต่อแล้ววว

เหมือนตอนที่แล้วจะเรียกเรทติ้งได้ดีกว่าตอนอื่นๆ 55

ดีใจจังเลย

หวังว่าตอนนี้ทุกๆคนก็จะชอบกันนะคะ

ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากขอบคุณทุกๆกำลังใจและขอฝากความน่ารักมุ๋งมิ๋งของแพน เทพผู้น่ารักด้วยน้า

แล้วเจอกันตอนหน้าน้าาา

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 09-07-2017 14:32:21
อั้ยยย มีการสัมผัสกันเกิดขึ้นน
เขินนน ตินหอมคอเลยอะ เขินจางงง
อยากให้รักกันเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-07-2017 15:13:41
 :mew1:
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 09-07-2017 15:14:34
หยุดเขิลไม่ได้เลยค่ะ 555

ทำไมน่ารักแบบนี้ อ่านแล้วเบาหวานขึ้นตา
คู่นี้ทำทุกอย่างตามความเคยชิน จนกลายเป็นเรื่องปกติ แล้วจะรู้ไหมเนี่ยว่ารักกัน ลุ้นตรงนี้
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 09-07-2017 15:16:46
 :-[ :-[ :-[  เขิน >//<
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 09-07-2017 15:19:50
คือตินแบบสับสน ~_~
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 09-07-2017 15:47:45
เอ้าๆ รักกันแล้วสิเนี่ยยย

หวานกันสุดๆ :hao3: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 09-07-2017 15:51:05
ตอนเห็นแพนได้แค่คนเดียวก็เขินแล้วนะพอยิ่งสัมผัสกันได้มากขึ้นยิ่งเขินหนักมากอ่ะเทพแพนน่ารักน่าฟัดจริงๆยิ่งตอนที่ให้ตินตอบว่าหอมมั้ยนี่น่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 09-07-2017 15:51:25
พลาดเรื่องนี้ได้ไง น่ารักอบอุ่นมากๆๆ ท่านเทพน่าฟัดเกิ้นนน><  :mew1: :mew1:
ขอบคุณคนเขียนค่า  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-07-2017 16:18:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 09-07-2017 16:26:08
เขาเป็นแฟนกันแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-07-2017 16:56:35
กรี๊ดดดดดดดดดดดด >\\\\\\<
ไม่ไหวแล้วๆ อ่านแล้วอยากจจะจิกหมอนให้ทะลุ!!
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 09-07-2017 18:00:42
ตอนนี้ดาเมจมาก งื้อออ น่ารัก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 09-07-2017 18:04:22
อั้ยยยย ดีใจจังที่มาต่อแล้ว
รออ่านตอนต่อไปนะคะ ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 09-07-2017 18:50:16
เขินนน เป็นแฟนได้เนียนมากค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 09-07-2017 19:04:27
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :3123: :3123: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 09-07-2017 19:21:48
ตอนนี้อ่านแล้วมุ้งมิ้ง  โลกเป็นสีชมพูสำหรับ 1 เทพและ 1 คน  ที่ต้องการโลกสีชมพูเท่านั้น
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 09-07-2017 20:21:38
นี้อ่านตอนมาคหน้าแล้วแบบ ต้องกลั้นยิ้มอ่ะ งุ้ย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-07-2017 20:27:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 09-07-2017 20:58:10
ยิ้มปวดแก้มเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-07-2017 21:05:39
ตัลล๊าคคคค
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-07-2017 21:26:53
น่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 10-07-2017 03:49:29
บ้าจริง! หยุดยิ้มไม่ได้เลย :heaven
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 10-07-2017 08:34:49
แม่ะ เขินกันก็บอกกก  :m12:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 10-07-2017 12:30:34
น่ารักมากเลยยยนยยยยย
แพนน่ารักมากอ่าาา อ่านแล้วเอ็นดูแรง น้วยท่านเทพพ
ตินก็แลดูหลงเขา แต่ก็ยังซึนๆปากแข็งอยู่ 55555
รออ่านต่อน้าาา สนุกกกกกก
 :-[
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Apitchaya ที่ 10-07-2017 14:22:01
งื้อออออออ
น่ารัก ไม่เคยผิดหวังกับผลงานของคุณnicedogเลย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 12-07-2017 03:17:34
โอยยยน น่าร้ากกกกมักๆๆๆ
มีลางว่าตินน่าจะได้หึงแพนกับบรรดาคนที่เข้ามาแน่ๆ
5555555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่10♣} 9/07/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 12-07-2017 23:05:28
มาได้แล้วววววว คิดถึงแพนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 16-07-2017 20:20:47
สัมผัส{❤}ครั้งที่11



การปรากฏร่างให้มนุษย์เห็นนั้นเหมือนเป็นการฝืนกฎของธรรมชาติที่ห้ามไม่ให้มนุษย์รู้ถึงตัวตนของพวกเรา ดังนั้นเมื่อฝ่าฝืนสิ่งที่ตามมาคือเรี่ยวแรงที่หมดไปอย่างรวดเร็วเหมือนผมที่สลบไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อวันก่อน...ถือเป็นโชคดีที่ตอนสลบไปมีแค่ตินทำให้ไม่มีใครเกิดความสงสัยขึ้นมา


จริงอยู่ที่การปรากฏตัวในร่างมนุษย์เป็นเรื่องไม่สมควรแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี...


“อื้มม...สุดยอดเลย...นุ่มสุดๆ”ผมพึมพำด้วยอารมณ์ที่ไม่สามารถบรรยายได้เมื่อมือทั้งสองข้างกำลังปั้นสบู่อาบน้ำที่มีเนื้อเป็นวิปโฟมอยู่ภายในห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีทั้งส่วนที่เป็นฝักบัวและส่วนที่เป็นอ่างให้นอนแช่


เนื้อวิปโฟมนุ่มๆถูกลูบไร้ไปตามร่างกายแทบทุกส่วนทำให้ผมเหมือนกำลังสวมเสื้อผ้านุ่มๆอยู่เลย


เสร็จจากการถูสบู่ผมก็เอื้อมมือไปกดแชมพูสรผมกลิ่นหอมหวานแล้วขยี้ลงบนเส้นผมสีเขียวเข้มยาวที่ลู่ลงเพราะเปียกน้ำหลายๆรอบจนกลิ่นหอมของแชมพูอบอวนไปทั่วห้องน้ำ


“รู้สึกดีจังเลย”การอาบน้ำนี่รู้สึกเหมือนตัวเบาขึ้นหลายกิโลเลย ผมเคยอาบน้ำมาก่อนแต่ไม่ได้อาบด้วยสบู่หรือแชมพูแบบนี้...สำหรับเทพอย่างพวกเราจะอาบน้ำตามน้ำตกหรือลำธารตามแต่ความสะดวก ที่ผมเคยอาบคือน้ำตกที่อยู่ด้านหลังศาลเจ้าแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“แพน!”เสียงทุ้มตะโกนเรียกพร้อมกับเคาะประตูแรงๆ


“อะไร”ผมตะโกนกลับ เสียงนั่นเป็นเสียงของเจ้าของห้องหรือตินนั่นเอง


ได้ยินเสียงแบบนี้แปลว่าคงตื่นเต็มตาแล้วละสิ


ก่อนที่ผมจะเข้ามาอาบน้ำยังเห็นตินหลับสนิทอยู่บนเตียงอยู่เลย แม้ร่างกายผมต้องการที่จะพักผ่อนเพื่อฟื้นพลังงานที่เสียไปแต่ก็ไม่จำเป็นต้องหลับนาน6-8ชั่วโมงเหมือนอย่างมนุษย์ปกติ การที่ตื่นในช่วงพระอาทิตย์กำลังขึ้นนั้นทำให้ผมได้รับพลังงานมาอย่างเต็มเปี่ยมมากกว่าการนอนทั้งวันซะอีก


“จะอาบไปถึงไหนกัน”


“อย่างกน่า”ผมตะโกนอีกรอบก่อนจะพาร่างที่เต็มไปด้วยฟองสบู่เข้าไปใต้ฝักบัวที่เปิดอยู่


“ไม่ได้งกแต่นายเล่นอาบมาจะชั่วโมงแล้วนะ”


“โกหก”ผมไม่มีทางใช้เวลาขนาดนั้นหรอก ถึงจะยอมรับว่าอาบนานจริงๆก็ตาม


“จะโกหกทำไม...ออกมาได้แล้วฉันต้องออกไปทำงาน”ตินตะโกนพร้อมเคาะประตูห้องน้ำอีกรอบ


“ขออีก10นาที”ผมต่อรอง


“ให้แค่นาทีเดียว...ถ้าไม่ออกมาฉันจะไขกุญแจเข้าไป”


“เฮ้ย...อย่าใจร้ายสิติน”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ล้อเล่นนั่นผมก็รีบจัดการล้างฟองสบู่และแชมพูออกอย่างรวดเร็วแต่เพราะเล่นให้ซะเยอะเลยทำให้อาบยังไงก็ยังรู้สึกลื่นอยู่


“เหลืออีก30วิ”เสียงด้านหน้าประตูเอ่ยเร่ง


“รู้แล้วน่า!”ผมตะโกนก่อนจะปิดฝักบัวแล้วคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดร่างกายที่เต็มไปด้วยหยดน้ำลวกๆ


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมหลับลงอย่างช้าๆเพื่อให้สมาธิในการสร้างชุดยูกาตะสีน้ำตาลแกมแดงให้ปรากฏขึ้นบนร่าง เมื่อคืนผมใช้ชุดนอนของตินเพราะรู้สึกว่าพลังที่มีไม่เพียงพอที่จะสร้างชุดใส่ได้แต่วันนี้พลังที่มีดูจะเพียงพอเลยสามารถสร้างชุดขึ้นมาได้ นอกจาชุดแล้วนาฬิกาเรือนเงินที่ตินให้ก็นำมาใส่ไว้ที่ข้อมือเหมือนอย่างเคย


การปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นกินพลังงานมากอย่างที่เคยบอกไปแต่ถ้าชินแล้วก็ไม่มีปัญหา...เพื่อทำให้ชินตั้งแต่เช้าผมเลยอยู่ในร่างมนุษย์ตลอด


“แพน”


แกร็ก


“เสร็จแล้วน่า”ผมเปิดประตูห้องน้ำออกเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง


ตินที่ยืนรออยู่ส่งสายตาเคืองๆมาให้แต่มีเหรอที่ผมจะสนใจ คนตื่นก่อนมีสิทธิ์อาบน้ำก่อน...


อยากตื่นสายเองก็ช่วยไม่ได้


“แช่อ่างรึไงถึงได้นานขนาดนี้”ตินถามก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำแทน


“เปล่าสักหน่อย...ใช้ฝักบัวต่างหาก”


“ขนาดฝักบัวยังนานขนาดนี้ถ้าแช่อ่างฉันคงต้องไปอาบห้องอื่น”ตินพึมพำเสียงเบาก่อนจะปิดประตูห้องน้ำลง


“ชิ...”ก็ไม่ได้อาบนานขนาดนั้นสักหน่อย


รอนิดรอหน่อยไม่ได้รึไง


ผมยืนบ่นตินในใจสักพักแล้วค่อยเดินออกมายังห้องรับแขก โทรทัศน์จอใหญ่ยักษ์สีดำถูกเปิดขึ้นเพื่อไม่ให้ห้องเงียบจนเกินไปนัก เสียงของข่าวจากโทรทัศน์ดังแว่วเข้ามาในหูเป็นระยะแม้ผมจะออกมายืนรับลมอยู่ที่ระเบียงด้านข้างห้องรับแขก


ผ่านไปสักพักเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นผมเลยหันไปมองตินที่เดินออกมาจากห้องในชุดทำงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกใส่ทับด้วยแขนยาวสีดำเช่นเดียวกับกางเกงขายาวแลดูเหมือนพวกคุณชายซึ่งก็ใช่


ดวงตาสีฟ้าสดหันไปมองรอบๆห้องเพื่อหาอะไรสักอย่างแต่เพราะเหมือนยังไม่เจอสิ่งที่หาตินเลยเริ่มขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้านบน ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมหลุดยิ้มขึ้นมาเพราะรู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังหาคือตัวผมเอง


“หาแมงมุมอยู่เหรอติน”ผมพูดเสียงเริงร่าโดยที่ยังไม่เดินเข้าไปหาเขา


ตินที่ได้ยินเสียงผมก็หันตามมาก่อนจะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย...


“ใช่...เป็นแมงมุมตัวโตเลยล่ะ”


เป็นคำตอบที่น่าโมโหใช้ได้เลย


“แล้วหาเจอรึยังล่ะ”ผมกวนต่อ


“เจอแล้ว...เกาะอยู่ที่ระเบียงไง”อีกฝ่ายกวนตอบด้วยรอยยิ้มที่ทำเอาผมต้องกัดฟันแน่น


กะจะกวนตินแท้ๆทำไมถึงได้กลายเป็นผมถูกกวนกลับได้ล่ะเนี่ย


“ผมไม่ใช่แมงมุม!”ตะโกนเสร็จก็ก้าวยาวๆไปหยุดอยู่ด้านหน้าติน


“เห็นชอบลอยไปมานึกว่าพ่นใยได้ซะอีก”


“พ่นได้แต่น้ำลายจะลองไหมล่ะ”


“สกปรก”


“ติน!”ผมตะโกนลั่นเมื่อได้รับคำตอบแบบนั้น


“พอละ...นายเถอะจะเอายังไง”ตินโบกมือเล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าจะเลิกกวน


“เอาอะไร”ผมถามกลับ


“ฉันต้องไปทำงาน”


“แล้ว?”


“ช่วยใช้สมองคิดสักหน่อยเถอะแพน”ตินหันมามองอย่างเอือมๆ


“นี่คุณว่าผมโง่เหรอ”


“เปล่าสักหน่อย”


“ติน”ไหนบอกว่าจะไม่กวนแล้วไง


“เสียงดังน่า...จะอยู่ห้องหรือจะไปกับฉัน”คราวนี้ตินอธิบายให้ผมเข้าให้ขึ้นมาอีกหน่อย


คงจะถามว่าผมจะอยู่ห้องหรือจะไปห้างด้วยกันสินะ


บอกมาแต่แรกก็จบแล้ว


“ไปกับคุณสิ...อยู่ห้องน่าเบื่อจะตาย”ผมตอบไปแบบไม่ต้องคิด


อย่างน้อยไปห้างก็มีหลายอย่างให้ทำ


“คงไม่ลืมนะว่ามนุษย์สามารถมองเห็นนายได้น่ะ”ตินพูดย้ำ


“รู้แล้วน่า”


“แล้วรู้ไหมว่านายไม่เหมือนมนุษย์สักเท่าไหร่”ตินพูดต่อ


“...เพราะผมหล่อ?”ผมเอียงคอถาม


“หึ...เอาที่ท่านเทพสบายใจเลยครับ”พูดจบตินก็เดินไปยังประตูห้องโดยไม่ลืมกดปิดโทรทัศน์ที่ผมเปิดไว้


คำพูดที่ไม่ได้ยินมาซะนานทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออกเหมือนเคย


ไอ้น้ำเสียงน้ำนั่นกวนโมโหซะมัด


“สวัสดีครับคุณติน”กายและจิมที่รออยู่ด้านหน้าประตูเอ่ยทักทายพร้อมกัน


“อืม”ตินพยักหน้าตอบเล็กน้อย


“สวัสดีครับคุณแพน”ทั้งคู่เมื่อเห็นผมก็เอ่ยทักทายอีกรอบ


“สวัสดีเช่นกันครับ”ผมทักทายตอบด้วยรอยยิ้ม


“วันนี้เขาจะไปกับฉัน”ตินหันไปเอ่ยให้บอดี้การ์ดตัวฟังเรียบๆ


“ครับ”ทั้งคู่ตอบรับก่อนที่พวกเราจะลงลิฟต์ไปยังด้านล่าง




รถคันสีดำดูหรูหราแล่นออกไปยังถนนที่เต็มไปด้วยรถมากมายที่สัญจรไปมา เพราะรถติดมากในช่วงเช้าทำให้ใช้เวลานานกว่าปกติกว่าจะถึงห้างสรรพสินค้าที่ตินเป็นเจ้าของ พนักงานที่ยืนคุมบริเวณลานจอดรถรีบเลื่อนที่กั้นออกพร้อมยกมือทำความเคารพแม้สายตาของเขาจะดูสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นผมนั่งอยู่ข้างตินก็ตาม


พวกเราเดินเข้ามาภายในห้างที่ยังไม่มีผู้คนเดินนักเพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดห้างแต่ถึงอย่างนั้นเหล่าพนักงานหรือเจ้าของร้านต่างก็หันมามองทางนี้กันถ้วนหน้า ตอนแรกก็คิดว่าคงมองเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้อย่างตินแต่พอสังเกตไปสักพักที่พวกเขามองไม่ใช่ตินแต่เป็นผม


สายตาของพวกเขาที่มองมานั้นดูจะเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างชัดเจนและมีหลายคนที่หันไปกระซิบกันหลังเห็นผมเดินผ่านไป
ด้วยความที่ไม่เคยปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นเลยค่อนข้างกังวลว่าจะถูกมองแปลกๆไหม จากที่อยู่ประเทศไทยมาหลายเดือนทำให้รู้ว่าคนในประเทศนี้ไม่มีสีตาแปลกอย่างผม...ไม่ใช่แค่สีตาที่เป็นปัญหาแต่สีผมเองก็ดูจะเป็นจุดเด่นมากพอดูขนาดแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดยังมองผมเหมือนเห็นตัวประหลาดเลย


หรือการที่ปรากฏตัวในร่างมนุษย์จะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำกันนะ


“กาย”เสียงของตินดังขึ้นก่อนจะหยุดเดินทำให้เหล่าบอดี้การ์ดหรือแม้แต่ผมหยุดตามไปด้วย


“ครับคุณติน”


“วันนี้มีกำหนดการณ์อะไร”ตินหันมาถามก่อนจะใช้สายตาคมๆกวาดไปรอบด้านที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนและเสียงซุบซิบ คนเหล่านั้นเพียงแค่เห็นสายตาของตินก็พากันหันหลังกลับเดินไปประจำที่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว


เมื่อไม่มีสายตาจับจ้องมาผมก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก


“วันนี้หลักๆมีแค่ตอน11โมงมีประชุมกับผู้ถือหุ้นครับ”กายตอบอย่างฉะฉานราวกับรู้อยู่แล้วว่าตินจะถาม


“อืม...พวกนายไปจัดการเรื่องที่ยังไม่เรียบร้อยเถอะ”


“แล้วคุณตินละครับ”ครั้งนี้เป็นจิมที่ถาม


“ฉันมีเรื่องต้องจัดการก่อน”


“แล้ว...”จิมเหล่ตามองมายังผมที่ยืนจัดชุดยูกาตะสีน้ำตาลของตัวเองอยู่


“เขาจะไปกับฉัน”ตินตอบเมื่อรู้ว่าสิ่งที่จิมจะถามคืออะไร


“เข้าใจแล้วครับ”


“ระวังตัวด้วยนะครับคุณติน”กายบอกก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อยแล้วเดินจากไปพร้อมกับจิม


“คุณจะไปไหนเหรอติน”ผมเอ่ยถามอย่างงงๆ


นึกว่าจะขึ้นไปทำงานเอกสารบนห้องซะอีก


แบบนี้ผมก็อดแอบไปเดินเล่นน่ะสิ


“ไปจัดการกับนายไง”ตินพูดระหว่างก้าวเดินไปยังบันไดเลื่อนที่อยู่ไม่ไกล


“ห๊ะ...จัดการอะไรผม”ผมวิ่งตามไปด้วยความสงสัย


“นี่ไม่รู้รึไงว่าตั้งแต่เดินเข้ามามีคนจ้องอยู่น่ะ”ตินถามออกมาตรงๆ


“รู้สิ...คงเพราะสีตากับสีผมแปลกๆนี่แน่”ผมบอกพลางลูบเส้นผมสีเขียวเข้มอันแปลกตาของตัวเอง


“ไม่ใช่สีผมกับสีตาหรอก”


“ไม่ใช่เหรอ...งั้นเป็นอะไรล่ะ”พูดจบผมวิ่งตามตินขึ้นไปยังบันไดเลื่อนอีกชั้น


ถ้าไม่ใช่สีตากับสีผมและเป็นอะไรที่ทำให้ถูกพวกเขามองขนาดนั้นกัน


“...”ตินไม่ตอบแต่ใช้สายตามองมายังตัวผมนั่นทำให้ผมก้มมองตัวเองก่อนจะเข้าใจว่าตินต้องการจะสื่ออะไร


“ชุดผม?”ผมบอกออกไป


จะว่าไปตั้งแต่มาประเทศนี้ก็เห็นแต่คนแต่งชุดคล้ายๆกันไปหมด แถมไม่มีใครใส่ชุดยูกาตะเลยด้วย


แปลว่าที่ทุกคนมองคือชุดผมที่ผิดแปลกไปจากคนอื่นไม่ใช่สีตาหรือสีผมอันแปลกตา


“กว่าจะรู้นะ”ตินพึมพำแล้วเดินตรงไปยังโซนขายเสื้อผาที่อยู่บนชั้น6ของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้


“แล้วทำไมคุณไม่บอกตั้งแต่ตอนอยู่ห้องเล่า”ถ้าบอกผมจะได้เปลี่ยนชุดที่ใส่


“...”ความเงียบที่เป็นคำตอบไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายไม่รู้จะตอบว่าอะไรหรือไม่อยากตอบกันแน่


ไม่นานตินก็เดินมาหยุดอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านอื่นๆในชั้นถึงสามเท่า แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดแต่พอพนักงานสาวสวยเห็นตินพวกเธอต่างก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม


“สวัสดีค่ะคุณคณาธิป...วันนี้มีชุดสไตล์ใหม่มาลงพอดีเลยค่ะ”พนังงานสาวคนแรกทักทายด้วยรอยยิ้มหวาน


“มีโทนสีพื้นที่คุณคณาธิปชอบด้วยนะคะ”พนักงานสาวอีกคนพูดสมทบ


“พวกเราจะพาไปนะคะ”


“ทางนี้เลยค่ะ”


และแล้วตินก็ถูกเหล่าพนักงานสาวห้อมล้อมในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งที่ผมเดินตามมาติดๆยังไม่มีใครเข้ามาทักทายเลยสักคนเดียว...


จะบอกว่าผมหล่อไม่เท่าตินงั้นสิ


หรือเพราะว่าตินเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้านี้กัน


ยิ่งคิดยิ่งโมโห


“หื้ม...นึกอะไรดีๆออกแล้ว”อยู่ความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในหัวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏขึ้น


ในเมื่อสนใจตินกันนักก็จะทำให้หมดความสนใจในพริบตาเลยคอยดูเถอะ


“ติน!”ผมตะโกนเรียกคนที่ถูกล้อมไปด้วยหญิงสาวด้วยน้ำเสียงโกรธๆ


สายตาของเหล่าพนังงานสาวหันมามองผมทันทีแถมยังมองด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ด้วย นอกจากสายตาจะไม่เป็นมิตรแล้วยังมองมาอย่างเหยียดๆราวกับไม่เชื่อว่าผมรู้จักตินด้วย


หึ...จัดให้เลยครับสาวๆ


พวกคุณจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่า


“ตินทำไมปล่อยให้พวกเธอล้อมแบบนั้นเล่า...ผมหึงรู้ไหม”ผมพูดต่อด้วยน้ำเสียงงอนๆแล้วก้าวเข้าไปคว้าแขนตินมากอดไว้แน่น แค่กอดอย่างเดียวดูจะไม่สะใจเลยซุกหน้าลงที่แขนนั้นแล้วคลอเคลียไปมาเป็นของแถมให้สาวๆที่มองมาอย่างอึ้งๆ


“แพน”สายตาของตินที่มองมานั้นเหมือนกำลังงงว่าผมคิดจะทำอะไรอยู่


“คุณเป็นคนพาผมมาเองนะ ทิ้งกันยังไม่เท่าไหร่แต่ยอมให้ผู้หญิงพวกนี้ล้อมหน้าล้อมหลังได้ยังไง”ผมยังคงพูดไม่หยุด


“...”ตินเองที่นิ่งไปคงเพราะกำลังคิดว่าผมจะมาไม้ไหน


แต่การนิ่งแบบนี้ก็ดีแล้ว...ขืนอีกฝ่ายกวนกลับผมคงเล่นละครฉากนี้ต่อไม่ได้ง่ายๆ


ผมหันไปมองพนักงานสาวที่เริ่มทำท่าไม่พอใจแล้วยกยิ้มขึ้นพร้อมกับประโยคเด็ดที่ทำให้พวกเธอหน้าเหวอไปตามๆกัน...


“ผมเป็นแฟนคุณนะ ทำอะไรนึกถึงใจผมหน่อยสิ”


พูดจบก็ถูหัวตัวเองกับแขนของตินไปมาเหมือนว่ากำลังเขินทั้งที่ในความจริงคือผมกลั้นขำอย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าเหวอๆนั่นสุดยอดไปเลย


“เล่นอะไรแพน”ตินพึมพำเสียงเบาผมเลยเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีฟ้าที่ไม่มีความขุ่นเคืองอย่างที่คิด ตรงกันข้ามดวงตาของตินนั้นดูขบขันกับสิ่งที่เห็นมากกว่า


“ก็พวกเธอเล่นไม่สนใจผมเลยนี่...สนใจแต่คุณคนเดียวมันน่าโมโห ดูแลลูกค้าไม่เท่าเทียมใช้ได้ที่ไหน”ผมบ่นอุบอิบ


“อยากให้พวกเธอสนใจ?”ตินเลิกคิ้วถาม


“ก็ไม่เชิง...อยากให้คุณสนใจมากกว่า”


“หมายความว่าไง”ตินถามกลับ


“ตั้งแต่เข้าร้านมาก็ไม่สนใจกันเลย เอาแต่มองสาวๆสวยๆ”ผมพึมพำเสียงเคือง


“หึ...หึงรึไง”ตินก้มลงมากระซิบ


“ไม่รู้...ว่าแต่มาทำอะไรที่นี่ล่ะ”ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะคำถามนั้นผมไม่สามารถให้คำตอบตินได้


ตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าคำรู้สึกนี่คืออะไรกันแน่แล้วจะตอบเขาได้ยังไง


“พามากินข้าว”ตินบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านขวาซึ่งเป็นโซนของเสื้อผ้าผู้ชาย


“กินข้าว?...เสื้อผ้ามันกินได้ที่ไหนเล่า”ผมตะโกนไล่หลังไปเมื่อคิดได้ว่าถูกกวนอีกแล้ว


ให้ตายสิ...กวนได้กวนดีจริงๆ


ร่างผมในชุดยูกาตะสีน้ำตาลแกมแดงวิ่งตามตินเข้าไปภายในโซนเสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้ามากมายถูกแบ่งไว้เป็นสัดส่วนดูระรานตามากยิ่งผมที่ไม่รู้ว่าชุดไหนเป็นชุดไหนยิ่งงงเข้าไปใหญ่ผิดกับตินที่เดินดูตามราวแขวนเหมือนเคยชินกับการเลือก


ตินหยิบเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลแก่ขึ้นมามองด้วยใบหน้าครุ่นคิดไม่นานก็แขวนเสื้อตัวนั้นกลับไปแล้วเดินดูต่อจนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนถูกยกขึ้นมามองบ้าง ดวงตาสีฟ้าสดมองไปยังเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนก่อนจะเหลือมมามองผมที่ยืนนิ่งอยู่ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้


“มานี่แพน”เสียงทุ้มเรียกพร้อมกับยกมือข้างนึงขึ้นมากวัก


“มีอะไร”ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วถาม


“...”นอกจากจะไม่ได้คำตอบตินยังยกไม้แขวนที่มีเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนใส่อยู่มาวางทาบบนตัวผม


“ติน...เลือกให้ผมเหรอ”ผมถามออกไปอย่างที่คิด


“เอาไหมล่ะ”


“ไม่ต้องหรอก...ถ้าอยากให้ผมใส่ชุดธรรมดาเดี๋ยวผมค่อยใช้พลังเปลี่ยนเอาก็ได้”ผมอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง


ถึงความจริงจะชอบใส่ยูกาตะมากกว่าก็ตาม


“เอาไปลอง”ตินไม่ฟังที่ผมอธิบายสักนิด เขาปล่อยไม้แขวนที่มีเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนลงโดยไม่บอกก่อนทำเอาผมเกือบจับไว้ไม่ทัน แม้จะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเคืองๆแต่ตินก็เดินไปหยิบเสื้ออีกสามสี่ตัวส่งมาให้โดยไม่หันมามองด้วยซ้ำว่าผมรับทันไหม


“พอแล้วติน...เยอะไปแล้ว”ผมบ่นเมื่อเสื้อที่ถืออยู่นี่มากเกือบสิบตัวได้


“ได้...เสื้อพอแล้ว...ไปดูกางเกงต่อ”พูดจบก็หันเดินไปยังมุมกางเกงที่อยู่ไม่ไกล


“ติน”ผมตะโกนเรียกเสียงดังลั่น


ทำไมถึงฟังกันขนาดนี้นะ



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 16-07-2017 20:21:11
(ต่อนะคะ)



ระหว่างที่หอบเสื้อนับสิบในอ้อมกอดป้ายราคาของเสื้อตัวหนึ่งก็แกว่งมาให้ผมเห็น...เลขห้าหลักบนป้ายราคานั่นทำเอามือที่ถือเสื้อเหล่านั้นอยู่แทบจะหมดแรงถ้าไม่ติดที่ราคาผมคงเหวี่ยงเสื้อพวกนี้ลงพื้นไปแล้ว


“ตินๆๆ...พอแล้วๆ...ผมบอกแล้วไงว่าสามารถเปลี่ยนเสื้อได้ไม่ต้องซื้อหรอก...รู้ไหมว่าตัวหนึ่งราคาเป็นหมื่นเลยนะ”วิ่งเข้าไปหาตินเสร็จก็สะกิดบอกให้อีกฝ่ายรู้เผื่อตินจะยังไม่เห็นราคาที่ติดอยู่บนป้าย


“ก็แค่หมื่น...ไม่แพงเท่าไหร่นี่”คำตอบของตินที่ดูไม่ทุกข์ร้อนกับราคานั่นทำเอาผมไปต่อไม่ถูก


ก็รู้ว่าตินรวยแต่ก็ไม่ควรจะซื้อของสิ้นเปลืองไหม


ผมเองก็ไม่จำเป็นต้องใช้ของมีราคาขนาดนี้ด้วย


“คุณไม่จำเป็นต้องซื้อให้ผมหรอกนะ”ผมบอกไปตรงๆ


“ฉันจะซื้อ”ตินหันมาย้ำก่อนจะหยิบกางเกงสีดำวางพาดบนกองเสื้อจากนั้นกางเกงอีกหลายตัวก็ถูกวางลงซ้อนทับไปมาสูงจนผมมองแทบไม่เห็นทาง


“ติน...พอแล้ว”มากกว่านี้คงเดินไม่ไหวแล้ว


“พวกเธอ...มาเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปใส่ถุงด้วย”ตินหันไปตะโกนบอกพนักงานสาวที่ยืนดูอยู่ห่างๆ


เมื่อได้ยินตินเรียกก็เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ทันที เสื้อผ้าที่สูงจนมองทางไม่เห็นถูกพนักงานหลายคนช่วยหยิบออกไป


“ติน...จะซื้อหมดนั่นเลยเหรอ”ผมถามอีกครั้ง


นั่นมันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ


“ฉันมีเหตุผลที่ซื้อ”


“อะไรล่ะ”ผมถามทันที


“ตอนนี้ทั้งคิน กายหรือจิมต่างก็รู้ว่านายเป็นมนุษย์ ดังนั้นการที่อยู่ห้องเดียวกันโดยที่ไม่มีเสื้อผ้าส่งซักเลยมันจะผิดสังเกตเกินไป”ตินอธิบาย


“ถึงแบบนั้นก็ไม่เห็นต้องซื้อเยอะขนาดนี้นี่”


“เสื้อผ้าแค่นี้ไม่ถึงเดือนก็น๊อครอบแล้ว”


“น๊อครอบ?”คืออะไร


“หมายถึงใส่ครอบหมดทุกตัวไง”


“อ้อ...เข้าใจล่ะ”


“เอาชุดนี้ไปเปลี่ยน”ตินพูดต่อแล้วยื่นเสื้อเชิ้ตสีเหลืองอ่อนและกางเกงขายาวสีน้ำตาลมาให้


“มันแพงนะ”ผมบอกเป็นครั้งสุดท้าย


“ฉันรู้...ไปเปลี่ยนซะแล้วจะพาไปกินข้าว”


“จริงนะ?”ผมตาลุกวาวทันทีที่ได้ยินคำว่ากินข้าว


ตั้งแต่ตื่นเช้ามาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ถึงแม้ผมจะไม่จำเป็นต้องกินก็ตาม


“อืม...ไปได้แล้ว”


“อืม”พยักหน้าเสร็จก็คว้าเสื้อเข้าไปยังห้องลองชุด


เสื้อเชิ้ตสีเหลืองอ่อนกับกางเกงขายาวที่ตินเลือกให้ใส่พอดีตัวแต่ด้วยความที่ไม่ชินกับการใส่เลยรู้สึกว่ากระดุมพวกนี้มันรดคอจนแทบขาด แถมกระดุมพวกนี้ยังมีรูไม่เท่ากันอีก


หรือจะใส่ผิด


“แพน”เสียงเสียงจากด้านหน้าห้องดังขึ้น


“ติน...มันแปลกๆ”ผมตัดสินใจบอกไปตามตรง


ผมว่าตัวเองไม่เหมาะกับเสื้อผ้าแบบนี้หรอก


ใส่ก็ยากแถมยังอึดอัดอีก


“แปลกยังไง”


“เข้ามาสิผมไม่ได้ล๊อค”พอบอกเสร็จคนด้านนอกก็ค่อยๆเปิดประตูเข้ามาภายในแล้วปิดทันที


“...”ตินใช้สายตาไล่มองผมตัวแต่หัวจรดเท้าซึ่งผมเองก็หันหน้ามาให้ตินได้ดูตรงๆ


“มันไม่เหมาะกับผม”ผมบอกเสียงอ่อย


“อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น”


“ก็มันอึดอัด...ใส่ก็ยากแถมกระดุมนี่ยังมีรูไม่เท่ากันอีก”ผมบ่นออกไปอย่างหมดความอดทน


“อึดอัดเพราะใส่ไม่เป็นน่ะสิ ใครให้ติดกระติมตรงคอบ้างล่ะ...ติดกระดุมผิดแบบนั้นยังมาโทษเสื้อผ้าอีก”


“ติดผิด...ตรงไหน?”ผมเงยหน้าขึ้นไปถาม


“ตรงนี้ไง”ตินบอกก่อนจะเอื้อมมือมาปลอดกระดุมตรงคอที่อึดอัดที่สุดออกก่อนจะไล่ลงมายังกระดุมเมล็ดต่อมา ผิวกายขาวๆค่อยๆถูกเผยออกให้คนตรงหน้าได้เห็นอย่างเชื่องช้าแต่ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน


กระดุมทุกเม็ดถูกปลดก่อนจะติดใหม่อีกรอบ ครั้งนี้เสื้อที่คิดว่าอึดอัดกลับใส่สบายกว่าตอนแรกที่ใส่เองมากจนต้องหมุนตัวไปมาเพื่อทำความคุ้นเคย


“สุดยอด...คุณเก่งจังติน”ผมเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม


“หึ...ของง่ายๆ”


“ชุดโอเคแล้ว...แต่ผมว่ายังไงมันก็ไม่เหมาะ”ร่างของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกนั้นดูเหมือนคนพิลึกที่ใส่ชุดทางการทั้งที่ไว้ผมยาวสยายเต็มหลัง


“งั้นแบบนี้ล่ะเหมาะรึยัง”เสียงทุ้มถามก่อนที่เส้นผมสีเขียวเข้มจะถูกรวบไว้ด้านหลังพร้อมกับที่รัดผมสีเงินที่ถูกนำมามัด
ผมมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง แค่ถูกรวบผมไปด้านหลังทำให้บุคลิกเปลี่ยนได้มากขนาดนี้เลยเหรอ


“...หล่อจัง”ผมชมตัวเองเบาๆ


“หึ...”


“อะไรๆ...ตินก็คิดว่าผมหล่อใช่ไหม”ผมหันกลับไปถามด้วยรอยยิ้ม พอรวบผมแบบนี้แล้วทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีก


“เป็นเทพที่หลงตัวเองจังนะ”


“ไม่ได้หลงตัวเองสักหน่อย...ตินไม่คิดว่าผมหน้าตาดีเหรอ”นี่ผมถามตรงๆเลยนะ


ยิ่งอยู่ด้วยกันทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเรื่องหน้าตาทั้งที่ความจริงเทพอย่างพวกเรายังไงก็ดูดีกว่ามนุษย์อยู่แล้วหลายเท่า


“หน้าตาดี”ตินตอบ


“เนอะ...ผมก็ว่าตัวเองหล่อ”


“ฉันพูดตอนไหนว่าหล่อ?”ตินพูดพลางขมวดคิ้ว


“อ้าว...ก็บอกอยู่นี่ว่าผมหน้าตาดีน่ะ”พูดแบบนี้จะกวนกันรึไง


“ใช่...นายหน้าตาดีแต่ไม่ได้หล่อ”


“ห๊ะ?”


“ไปกินข้าวได้แล้ว”


“เดี๋ยวสิติน...หมายความว่าไงน่ะ”ผมเดินตามตินออกมาพร้อมเอ่ยถามอีกหลายรอบแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบจนผมต้องพองลมที่แก้มอย่างเคืองๆ


เสื้อผ้ามากมายที่ซื้อตินสั่งในพนักงานเอาไปไว้ที่รถพวกเราเลยไม่ต้องหอบถุงนับสิบไปไหนมาไหนด้วยอย่างที่ผมคิดไว้ในตอนแรก


“งอนอะไร”ตินหันมาถามผมที่ยังพองลมที่แก้มอยู่ เวลานี้ห้างพึ่งเปิดเลยมีคนไม่มากเท่าช่วงเที่ยงหรือเย็น


“ไม่ได้งอนแต่โมโหที่คุณไม่ตอบคำถามต่างหาก”


“ปล่อยให้เทพเข้าใจผิดแบบนี้ก็น่าสนุกดี...เลิกโมโหน่า”ระหว่างพูดนิ้วชี้ของตินก็จิ้มเข้าที่แก้มผมแรงๆจนต้องปล่อยลมที่เก็บไว้ออก


“เข้าใจผิดอะไร”


“ไว้ค่อยบอก...ตอนนี้เลือกก่อนว่าจะกินร้านไหน”คำว่ากินที่หลุดออกมานั้นทำให้ผมทิ้งความโมโหที่มีไปแล้วเริ่มหันไปมองรอบๆที่มีร้านอาหารหลายสิบร้านเรียงรายอยู่ทั้งสองฝั่งของการเดิน


ไม่ว่าจะมองไปด้านซ้ายหรือด้านขวาร้านอาหารทุกร้านที่เห็นก็ดูน่ากินมากจนเลือกไม่ถูกว่าจะเข้าไปในร้านไหนดี ยิ่งมีตัวเลือกเยอะก็เลือกยากแล้วแต่นี่ตัวเลือกที่มีกลับน่าสนใจพอๆกันทั้งหมด


“น่ากินทุกร้านเลย”ผมพึมพำออกไปโดยที่สายตายังคงไล่ไปยังแต่ละร้านที่เดินผ่าน


“เลือกมาสักร้านเถอะ...ฉันมีประชุมในอีกไม่ถึงชั่วโมง”ตินยกนาฬิกาเรือนหรูขึ้นมาดูก่อนบอก


“คุณมีประชุมนี่นะ...ผมลืมไปเลย...งั้นเอาร้านนี้ก็ได้”ผมดึงตินเข้าไปภายในร้านที่พวกเราอยู่ใกล้ที่สุด


ร้านนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยกระจกและเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลอ่อนดูสว่างตาและทำให้บรรยากาศน่ารับประทานมากขึ้น เมนูที่พนักงานสาวนำมาให้ทำให้รู้ว่าร้านนี้เน้นขายแซนด์วิชหน้าต่างๆที่มีให้เลือกใส่ได้ตามใจชอบและยังมีเครื่องดื่มมากมายด้วย


“รับอะไรดีคะ”เว้นให้พวกเราดูเมนูอยู่ไม่นานพนักงานคนเดิมก็เดินมารับออเดอร์


“แซนด์วิชทูน่าผักโขมกับเอสเฟรสโซ่”ตินปิดเมนูที่เปิดอยู่พร้อมๆกับสั่งรายการที่ต้องการ


“ค่ะ...แซนด์วิชทูน่าผักโขมและเอสเพรสโซ่นะคะ...อีกท่านรับเป็นอะไรดีคะ”


“ขอเป็นแซนด์วิชแซลม่อนรมควันใส่ข้าวโพดกับ...เอ่อ...นมปั่นครับ”ผมเอ่ยรายการที่อยากกินไปบ้าง


“อีกท่านรับเป็นแซนด์วิชแซลม่อนรมควันใส่ข้าวโพดและนมปั่นนะคะ...อาหารที่สั่งรอสักครู่ค่ะ”ทวนรายการเสร็จพนักงานสาวก็จากไดด้วยรอยยิ้ม


“แค่อย่างเดียวแน่ใจว่าอิ่ม”ตินถามขึ้นระหว่างที่รออาหาร


“ผมไม่รู้หรอกว่าอิ่มเป็นยังไง...แค่อยากกินเท่านั้นแหละ...ว่าแต่คุณเถอะกินน้อยไปหน่อยมั้ง”ผมพึมพำกลับไป แซนด์วิชแค่อย่างเดียวคงไม่อยู่ท้องนักหรอกแถมตินยังเป็นพวกไม่ชอบกินมื้อกลางวันอีก


“ก็ไม่ได้หิวอะไร”


“คุณควรกินให้มากกว่านี้นะ...ถ้าเป็นโรคกะเพราะขึ้นมาจะทำไง”


“เป็นห่วงเหรอ?”ตินถามยิ้มๆเหมือนจะพยายามกวนผมแต่คำตอบผมไม่ได้กวนหรอกนะ


มันเป็นความรู้สึกจริงๆ


“อืม...ห่วงมากเลยล่ะ”ในเมื่อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้ความผูกพันที่มีเลยยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ผมรู้ว่ามนุษย์ต้องกินอาหารสามมื้อและอาจเพิ่มลดได้ตามความเหมาะสมแต่ดูยังไงสำหรับตินก็กินน้อยเกินไปอยู่ดี


ถ้าสารอาหารไม่พอเดี๋ยวก็ได้ป่วยหรอก


“...”ตินเงียบไปเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด ดวงตาสีฟ้านั้นมองตรงมายังผมเหมือนกำลังพยายามจะบอกอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้


นั่งจ้องตากันสักพักอาหารที่สั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟทั้งแซนด์วิชทูน่าผักโขมและเอสเพรสโซ่ของตินหรือแซนด์วิชแซลม่อนรมควันใส่ข้าวโพดและนมปั่นของผม


“เดี๋ยว”เสียงทุ้มรั้งพนังงานที่กำลังเดินกลับไปให้หันกลับมา


“คะ?”


“เอาแซนด์วิชแฮมชีสกับแซน์วิชคาโบนาร่าใส่กล่องด้วย”ตินสั่งพนักงานสาวเพิ่ม


“ได้ค่ะ...แซนด์วิชแฮมชีสกับแซน์วิชคาโบนาร่าใส่กล่องนะคะ...รอสักครู่ค่ะ”


“ติน”ผมยิ้มร่าที่รู้ว่าตินคงจะสั่งไปกินบนห้องทำงานเป็นแน่


อย่างที่คิด...เขาดูเหมือนจะอ่อนลงเมื่อได้ยินคำว่าเป็นห่วงจากผม


ดีแล้วล่ะแบบนี้


ตัวก็ใหญ่ต้องกินเยอะๆสิ


“เอานี่เก็บไว้”ตินหยิบบัตรสีทองในกระเป๋าเสื้อยื่นมาให้ผมที่ยกนมปั่นขึ้นมากิน


“บัตรอะไร”ผมถามกลับทันทีที่รับมา บนบัตรทองนี่มีชื่อของตินเซ็นต์กำกับไว้ด้วย


“ถ้าจะไปซื้อของ กินข้าวหรือดูหนังก็ใช้บัตรนี้จ่าย...ไม่จำกัดวงเงินด้วย”ตินอธิบายเสียงเรียบ


“...ให้ผม?”ผมถามย้ำอีกครั้ง


“ยื่นให้นายคงให้แมลงสาบแถวนี้มั้ง”


“แถวนี้ไม่มีแมลงสาบเหอะ”เปรียบเทียบอะไรได้น่าขนลุกชะมัด


“หึ...”


“นี่ติน...คุณก็รู้นี่ว่าผมต้องอยู่กับคุณตลอด...”ผมวางแก้วนมปั่นลงพร้อมกับเงยหน้าไปสบตาอีกฝ่ายอย่างจริงจัง


“แล้ว?”


“ทุกครั้งที่คุณมานี่ผมเองก็มาด้วย...และผมไม่ชอบอยู่ในห้องทำงานเพราะงั้นต้องออกมาดูหนังซะส่วนมาก...ค่าตั๋วหนังที่ต้องเสียไปแต่ละเดือนมันไม่น้อยหรอกนะ...แถมอยู่ในร่างนี้ผมสามารถเข้าไปกินร้านไหนก็ได้ตามใจชอบอีก...คุณจะหมดตัวเอานะ”ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง


ยิ่งเทพอย่างผมไม่มีความอิ่มแปลว่าผมสามารถกินเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีวันหยุด


คิดดูว่าค่าอาหารแต่ละวันจะหมดไปเท่าไหร่


ถึงตินไม่ให้บัตรนี้มาผมก็คงกลับไปอยู่ในร่างที่ไม่มีใครเห็นแอบเข้าไปดูหนังฟรีโดยไม่ต้องเสียเงิน


“ก็เอาสิ”คนนั่งฝั่งตรงข้ามยกยิ้มขึ้นราวกับจะบอกว่าจะรอดู รอยยิ้มท้าทายแต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันนั่นทำให้ผมค่อยๆยกมือที่ถือบัตรถึงแนบอกเพราะสัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่มากกว่าเดิม


ตินทำหลายอย่างให้ผมตั้งแต่ที่เราได้เจอกัน...


ทั้งซื้อนาฬิกา


ทั้งเลี้ยงข้าว


ทั้งซื้อเสื้อผ้า


ทั้งพาไปเที่ยว


หรือแม้แต่ให้บัตรทองที่สามารถใช้จ่ายได้ไม่จำกัด


ใบหน้านิ่งๆที่เหมือนคนไม่สนใจสิ่งรอบข้างนั่นไม่สามารถกลบความใจดีของเขาได้เลย ยิ่งผมได้อยู่ใกล้ก็ยิ่งสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน


คำพูดกวนๆนั่นน่าโมโหก็จริง...


แต่ความใจดีและอ่อนโยนนั้นมีมากกว่า


“...ติน”


“อะไร”


“ขอบคุณนะ...คุณใจดีที่สุดเลย”

..................................................................................

มาอัพต่อแล้วววว

มีใครรออยู่ไหมคะ พอดีพึ่งกลับจากไปเที่ยวเลยอัพช้าหน่อย

ตอนนี้ได้พระเอกเราได้แสดงตัวตนออกมาตามฉายา ตินสายเปย์ อย่างชัด555

ซื้ออะไรให้ขนาดนั้น อิจฉาไปอีก

แต่เรื่องนี้แล้วรู้สึกสนุกและมีความสุขมาก

หวังว่าทุกคนจะรู้สึกเหมือนกันนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

มารอลุ้นกันว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง

บ๊ายบายค่า

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 16-07-2017 20:48:23
คิดถึงแพนนนน //น้วย
แพนหึงงงงง มีความประกาศตัว น่ารักน่าเอ็นดู 555555
หน้าตาดีกับหล่อมันคนละคำกันนะะะ อิอิ

ตินป๋ามากกกก เปย์สุดอะไรสุด
หมดตัวก็ไม่กลัว แพนอยากใช่เท่าไหร่ก็เอาไปเลย เต็มที่เลยหนู 55555555
 :hao3: :o8:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-07-2017 20:50:56
แพน น่ารัก หลงตัวเองอีกด้วย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 16-07-2017 20:51:05
เย้.. มาแล้วววว.. แพนน่ารักกกกก.. ชอบ มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 16-07-2017 20:52:00
ตินสายเปย์ เปย์สุดๆให้แพนคนเดียววว

 o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 16-07-2017 21:02:34
ตินสายเปย์ก็มา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-07-2017 21:04:40
ความสายเปย์นี้
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 16-07-2017 21:07:58
แหมะ ท่านเทพไม่จุ๊บๆขอบคุณ คุณมนุษย์หน่อยเหรอ เปย์เยอะขนาดนี้อ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-07-2017 21:10:50
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 16-07-2017 21:18:25
ป๋าตินสายเปย์
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 16-07-2017 21:21:03
เปย์หนักมาก ท่านเทพ ควรนั่งตัก หอมแก้มขอบคุณด้วยสิ 5555

แพนน่ารัก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-07-2017 21:24:15
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-07-2017 21:52:33
แพนคะ ชมตัวเองก็ได้หรอ555555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-07-2017 22:19:54
 :man1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-07-2017 01:45:30
ตินสายเปย์
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 17-07-2017 02:51:59
เลี้ยงหมู แค่ก!  เทพ...ก็แบบนี้มันจะเปลืองๆ หน่อย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 17-07-2017 02:59:57
เราอ่านตอน4ทุ่มที่เยอรมันพอดีเลยยย น่ารักกกง่าาาาาา เขาเริ่มรักกันแบบไม่รู้ตัวเล้วดิ พูกพันนนนน งุ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 17-07-2017 07:13:31
แพนน่ารักตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 17-07-2017 09:25:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 17-07-2017 13:01:34
 :ruready พึ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ....ชอบมากกกกกกก....แพนน่ารักมากกกกก.... ขออีกยาวๆนะค่ะ....  :heaven
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-07-2017 15:08:52
      ตอนแรกที่อ่านยอมรับว่าชอบแพนมากคนอะไรน่ารักได้ขนาดนี้
แต่อ่านไปอ่านมาไหนกลายเป็นชอบตินเฉยเลย
ตินน่ารักขึ้นใรทุกๆตอนแมนๆแข้มๆแต่ใจดี ผช ในแบบที่วาดฝันอยากมี555 :mc4:
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 17-07-2017 18:13:45
ติณสายเปย์ที่แท้จริง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: .Koi4541 ที่ 17-07-2017 18:59:18
ตินเปย์หนักมากจริงๆค่ะ ถึงขนาดหมดตัวก็ไม่เป็นไร โอ๊ยยอมมม 5555555555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: wiwari ที่ 17-07-2017 19:42:28
น่ารักแบบนี้ใครก้ออยากเปค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 17-07-2017 21:15:42
ตินสายเปย์ 555555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 18-07-2017 14:35:57
สนุกมากกกก
ติดเลยตอนนี้ หยุดอ่านไม่ได้ ชอบแพนอะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 19-07-2017 00:12:02
พึ่งหลงเข้ามาอ่าน น่ารักทั้งคู่เลยยยยย
ชอบฉากนั่งตักมากกกก เป็นอะไรที่ฟินนน
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด มาอัพต่อเถอะ พรีสสส จะลงแดงแล้ว555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 19-07-2017 01:22:25
เปย์หนักมาก อย่างว่าแหละแพนน่ารักขนาดนี้จะไม่เปย์ได้ยังไง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 19-07-2017 07:31:09
ตินสายเปย์  เปย์หนักมากบอกเลย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 19-07-2017 22:19:28
โอ้ยย พี่ตินสายเปย์อย่างแท้จิง  :hao7:
ป๋าขา สนใจรับเลี้ยงอีกสักคนไหมค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 23-07-2017 12:17:01
สัมผัส{❤}ครั้งที่12



ตั้งแต่วันที่บัตรทองนั่นมาอยู่ในมือเทพแห่งการกิน เอ้ย เทพแห่งพฤกษาอย่างผมก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว จำนวนเงินที่ใช้จ่ายไปในแต่ละวันนั้นคงไม่ใช่ถูกเพราะร้านอาหารนับสิบๆร้านที่เรียงรายอยู่เรียกความอยากอาหารขึ้นมาทันทีที่เห็น


“ขอไอศกรีมรสชาเขียวโคนนึงครับ”ผมชะโงกหน้าไปสั่งไอศกรีม ณ ร้านแห่งหนึ่งที่อยู่บริเวณทางเดินของชั้น6โซนอาหารแห่งนี้
ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆที่มีพนักงานแค่สองคนเท่านั้น ตอนแรกที่เดินผ่านก็ไม่ได้รู้สึกสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากถัดออกไปอีกหน่อยก็มีร้านไอศกรีมขนาดใหญ่เปิดอยู่ติดกันหลายร้าน


ครั้งแรกที่ผมตัดสินใจซื้อคือเมื่ออาทิตย์ก่อน...ไอศกรีมชาเขียวสูงเกือบไม้บรรทัดถูกยกส่งให้ลูกค้าคนหนึ่งที่รออยู่ ขนาดของไอศกรีมที่ไม่ธรรมดาทำเอาผมตารุกวาวด้วยความสนใจจึงได้ลองเข้าไปสั่งบ้าง...แต่แล้วรสชาติของมันที่ได้ลิ้มรสเป็นครั้งแรกก็ทำให้ผมตกเป็นทาสอย่างทุกวันนี้


“ได้เลยครับ...มาทุกวันเลยนะครับ”พนักงานชายคนที่เป็นเจ้าของร้านพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะหันหลังไปหยิบโคนสีน้ำอ่อนตรงไปยังเครื่องทำไอศกรีมหลากรสชาติ เนื้อไอศกรีมชาเขียวที่ค่อยๆสูงขึ้นเรื่อยๆนั้นเรียกความอยากอาหารออกมาได้จนสุด


“ขอสูงๆนะครับ”ผมเอ่ยบอกเจ้าของร้าน


“คิก...ครับๆ...เห็นว่าอุดหนุนทุกวันหรอกนะ”เขาหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเพิ่มความสูงของไอศกรีมชาเขียวมากขึ้นกว่าที่ขายเป็นประจำเล็กน้อย


“ขอบคุณนะครับ”ผมพูดพร้อมกับรับไอศกรีมโคนรสชาเขียวมาชิมรสชาติเหมือนอย่างเคย อีกมือที่ว่างก็หยิบแบงค์ที่ตินให้ไว้ส่งไปให้เจ้าของร้านตรงหน้าที่ยืนยิ้มอยู่ ความจริงจะใช้บัตรก็ได้แต่ของราคาไม่เท่าไหร่ผมไม่อยากเสียเวลารูด อีกอย่างตินก็ให้เงินผมมาเยอะถ้าไม่ใช้เลยก็กลัวจะไปทำตกหายเข้าสักวัน


“ดูจะชอบมากนะครับ”


“อย่าใช้คำว่าชอบมากเลย...ใช้คำว่าชอบที่สุดดีกว่า ชาเขียวนี่รสชาติเหมือนของญี่ปุ่นเลย”เลียไปได้สักพักก็หันมาตอบอีกฝ่าย


“ก็เราใช้ชาเขียวของประเทศญี่ปุ่นนี่ครับ...นำเข้ามาเลยด้วย”เขาอธิบายแล้วยื่นเงินทอนมาให้ผม


“ว่าแล้วเชียว รสชาติเหมือนที่เคยกินเลย”


“คุณเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นเหรอครับ?”


“ผมมาจากญี่ปุ่นน่ะ”ผมบอกไปตามตรง


“อ้อ...ก็ว่าอยู่ คุณดูไม่เหมือนคนไทยเท่าไหร่”เขาพึมพำพลางใช้สายตามองมายังผมที่กำลังกินไอศกรีมรสชาเขียว


“พี่ชาย...อย่าจีบลูกค้าสิคะ”เสียงหวานของน้องสาวเจ้าของร้านดังขึ้นพร้อมกับยกถาดสีเงินตีเข้าที่หลังคนที่ได้ชื่อว่าพี่ชายเบาๆ


“จีบที่ไหน...เปล่าสักหน่อย”คนถูกกล่าวหาหันไปพูดกับน้องสาว


ร้านนี้อย่างที่บอกไปว่ามีพนักงานแค่สองคนซึ่งก็คือพี่น้องคู่นี้...แม้คนพี่จะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของร้านแต่ความจริงที่เห็นอยู่ทุกวันนั้นทำให้รู้น้องสาวต่างหากที่ดูเหมือนเป็นเจ้าของร้านมากกว่า เธอทั้งคอยเตรียมวัตถุดิบ ทำความสะอาดร้านและยังคอยช่วยพี่ชายที่มักจะซุ่มซ่ามอยู่เสมอ


“เห็นมองไม่ละสายตาเลยนี่”เธอยังคงพูดต่อ


“โหย...ขอมองหน่อยไม่ได้เหรอ”


“ไม่ต้องมาขอหนู...ไปของพี่เขานู่น”พูดจบก็ส่งสายตามายังผมที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย


“ครับๆ...ขอโทษที่อาจเสียมารยาทนะครับ”เจ้าของร้านหันมาขอโทษผม


“ไม่เป็นครับ...ผมไม่ถือ”แค่ถูกมองไม่ใช่เรื่องที่ต้องโกรธอะไรเลย ตรงกันข้ามการที่ถูกมองแปลว่าผมคงจะดูดีมากแน่ๆ


“งั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ”เขายืนโบกมือบ๊ายบายผมที่ก้าวออกจากร้านมาก่อนจะถูกน้องสาวใช้ถาดตบเอาอีกรอบ


“คิก”ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพนั้น ถึงน้องสาวจะบอกว่าเขาจีบแต่ที่ผมมองคิดว่าไม่ใช่...สายตาที่มองมาอาจจะดูเหมือนหยอดแต่ก็แฝงไปด้วยประกายของความขี้เล่น


ความจริงจะยังไงก็ได้ ถ้าเขาให้ไอศกรีมชาเขียวผมเยอะจะให้ผมยืนให้เขามองสัก10นาทีก็ยังได้


ผมในชุดเสื้อคอวีสีน้ำเงินกับกางเกงสามส่วนสีดำเดินไปเรื่อยๆตามทางเดินของห้าง...ตั้งแต่วันที่ตินซื้อ ไม่สิ ดูจากจำนวนควรจะใช้คำว่าเหมาเสื้อผ้าจากร้านมาผมก็ต้องใส่เสื้อผ้าพวกนั้นทุกวัน โชคดีที่ตินไม่ได้ซื้อมาแค่พวกเสื้อเชิ้ตที่นอกจากจะติดกระดุมยากแล้วยังทำให้ผมดูเหมือนเด็กที่ต้องคอยให้ตินมาจัดเสื้อให้ทุกครั้งไป


ก็ยอบรับว่าพวกเสื้อเชิ้ตทำให้ผมดูดีขึ้นแต่ก็ไม่อยากใส่ทุกวัน ทุกวันนี้ผมเลยเลือกชุดลำลองสบายๆใส่มาแทน...เสื้อบางตัวก็มีฮู้ดอยู่ข้างหลังใช้กันแดดได้ถูกใจผมมากเลย ตินเองก็คงเห็นว่าผมถูกใจวันต่อมาเลยจัดการซื้อมาให้อีกโดยที่ผมไม่รู้ตัว


ถึงจะบ่นและบอกให้เอาไปคืนคนฟังก็เอาแต่หูทวนลมจนผมต้องปล่อยเลยตามเลย


แต่ยังไงผมก็ยังชอบยูกาตะมากกว่าบางครั้งเลยใส่ยูกาตะมาเดินห้างให้เป็นสนใจของผู้บ้างเป็นบางครั้งซึ่งตินเองก็เคยบอกอยู่ว่าผมเหมาะกับชุดยูกาตะมากกว่าเพียงแต่ชุดนั่นไม่เหมาะมาเดินใส่ยังประเทศนี้เท่านั้นเอง


แต่ใส่บ่อยๆเดี๋ยวคนที่นี่คงชินละมั้ง


ไอศกรีมชาเขียวที่อยู่ในมือหายวับลงท้องไปในเวลาไม่ถึง10นาทีพร้อมกับดวงตาสีเขียวอ่อนของผมที่หยุดลงที่ป้ายชื่อร้านสั้นๆแต่อ่านค่อนข้างอยากเพราะเป็นภาษาอังกฤษรึเปล่า?


“คะ...บับ?”ผมออกเสียงตามที่นึกได้ก่อนที่คิ้วทั้งสองข้างจะค่อยๆขมวดเข้าหากันเพราะคิดว่าสิ่งที่อ่านไม่น่าจะถูกต้อง


ตัวอักษรแค่ห้าตัวทำไมอ่านยากแบบนี้เนี่ย


‘Kebab’


นั่นคือชื่อของร้านตรงหน้าที่ทำให้ผมต้องยืนขมวดคิ้วเพราะไม่รู้ว่ามันอ่านว่ายังไง


“ยินดีต้อนรับค่ะ”ยืนอยู่ได้ไม่นานพนังงานสาวก็ออกมาตอนรับด้วยรอยยิ้ม


“ครับ...”ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆเดินตามพนักงานเข้าไปในร้านที่ถูกตกแต่งด้วยสีดำดูอึมครึมแต่กลับดูเรียบหรูขึ้นเพราะทั้งโต๊ะหรือเก้าอี้ล้วนเป็นสีเงินทั้งหมด


“นี่เมนูของร้านนะคะ...วันนี้มีเนื้อแกะพึ่งส่งตรงมาจากออสเตเรียด้วยนะคะ จะรับเป็นเคบับเนื้อแกะไหมคะ”พนักงานแนะนำเมนูด้วยรอยยิ้ม


“เคบับ?”หมายความว่าชื่อร้านคือเคบับสินะ


ผมเปิดดูเมนูที่เต็มไปด้วยอาหารแบบเดียวกันแต่แตกต่างกันที่ไส้ด้วยความสนใจ นอกจากเนื้อแกะที่ทางร้านแนะนำยังมีทั้งเนื้อหมู ไก่หรือแม้แต่เนื้อวัวด้วย อีกทั้งยังมีแยกเป็นส่วนๆอย่างสันนอก สันใน เนื้อน่อง โคนขาและอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน


“ขอเคบับแกะละกันครับ”ผมสั่งเมนูทางพนักงานแนะนำ


“ไม่ทราบว่าจะรับเป็นส่วนไหนดีคะ?”เธอถามต่อ


“...สันในก็ได้ครับ”ผมตอบก่อนที่พนักงานจะทวนรายการแล้วเดินจากไป


ไม่นานอาหารที่สั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ขนาดที่ดูใหญ่กว่าในรูปที่เห็นและกลิ่นหอมของเนื้อแกะและเครื่องเทศที่ผสมอยู่เรียกความอยากอาหารให้กลับมาอีกครั้ง


“อื้ม...อร่อย”ผมแทบจะตะโกนออกมาเมื่อสัมผัสถึงรสชาติของผักนานชนิดกับเนื้อแกะที่เข้ากันได้ดีกันแป้งเหนียวนุ่มที่พันอยู่รอบๆ


อร่อยมาก


อร่อยสุดๆ


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเปล่งประกายด้วยความสุขยามได้กินของอร่อย พอกินชิ้นแรกหมดผมก็หันไปสั่งพนักงานอีกชิ้นแต่เปลี่ยนเป็นเนื้ออย่างอื่นบ้าง


ระหว่างที่จัดการเคบับชิ้นที่สองผมก็ยกนาฬิกาเรือนเงินขึ้นมาดู ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมงแล้ว...ภาพของตินที่ยังคงนั่งทำงานอยู่ภายในห้องผุดเข้ามาในหัว


“...คงไม่ได้นั่งทำงานโดยลืมกินมื้อกลางวันอีกแล้วหรอกนะ”ผมพึมพำเสียงเบาออกมา


คนอะไรเวลาทำงานก็มีสมาธิซะจนไม่กินข้าวกินปลา


“น้องครับ...ผมขอเคบับสันในกวาง2ชิ้นห่อกลับบ้านด้วย”ผมหันไปตะโกนบอกพนักงานที่อยู่ไม่ไกล


หลังจากคิดเงินเสร็จผมก็เดินออกมาพร้อมกับหิ้วถุงที่มีกล่องพลาสติกวางซ้อนกันอยู่สองกล่องออกมาตรงขึ้นไปยังด้านบนของห้างในส่วนของสำนักงานที่ตินอยู่


พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เห็นผมก็ทำความเคารพก่อนจะปล่อยให้ผมขึ้นลิฟต์ไป ในวันแรกที่ผมมาคนเดียวจำได้เลยว่าถูกกันตัวไว้ไม่ให้ขึ้นไปหาติน...ด้วยความที่ไม่มีใครที่รู้จักแถมโทรศัพท์ก็ไม่มีผมเลยได้แต่อธิบายให้เขาเข้าใจแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล สุดท้ายผมก็ต้องเดินคอตกไปยังบันไดหนีไฟก่อนจะกลับไปอยู่ในร่างเทพลอยขึ้นไปหาตินพร้อมบอกเรื่องนี้


ไม่รู้ว่าตินไปทำอะไรวันต่อมาที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นผมก็ทำความเคารพและขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นคราวก่อน ผมก็ได้แต่พยักหน้างงๆแล้วขึ้นไปหาติน


ความจริงก็ไม่ใช่แค่พนักงานรักษาความปลอดภัยหรอกที่สงสัยว่าผมเป็นใคร เหล่าพนักงานที่อยู่ในออฟฟิชเองก็มองมายังผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยแต่เพราะพวกเขาเคยเห็นตินพาผมมาเลยได้แต่เก็บความสงสัยไว้โดยไม่ถามอะไร


ซึ่งก็ดีแล้ว...ถ้าถามมาผมก็คงต้องบอกว่าเป็นแฟนตินอีก


ทำแบบนั้นเดี๋ยวสาวๆจะเฉาตายกันพอดี


ระหว่างที่เดินไปยังห้องตินผมก็เอ่ยทักทายคนที่ทำงานอยู่ในออฟฟิช...ทุกคนที่เห็นผมทักทายก็ทักทายตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


แกร็ก


“ติน”ผมเปิดประตูพร้อมกับเรียกคนด้านในทันทีโดยไม่เคาะประตูเหมือนอย่างที่คนอื่นทำ


ภายในห้องทำงานยังคงมีสภาพเหมือนทุกครั้งที่เข้ามา สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือแฟ้มเอกสารที่น้อยลงจนเหลือเพียงแค่เล่มเดียวในมือของตินที่กำลังเปิดอยู่


“ติน”ผมก้าวเข้าไปใกล้มากขึ้นเมื่อคนตรงหน้ายังไม่มีท่าว่าจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของผม


“นี่...ติน”ครั้งนี้ผมเรียกโดยที่ยกนิ้วขึ้นมาจิ้มแก้มขาวๆนั่นเล่น


“...ไปนั่งรอที่โซฟาก่อน ฉันไม่มีเวลามาเล่นด้วยหรอกนะ”ตินตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกมาจากแฟ้มเอกสารตรงหน้า


“ผมไม่ได้มาเล่นสักหน่อย...นี่คุณกินมื้อกลางวันรึยัง?”


“...กินแล้ว”


“ไม่เชื่อ”ผมสวนกลับรวดเร็วจนดวงตาสีฟ้าคมๆต้องเงยขึ้นมามอง


“อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น?”


“ก็คุณเคยกินมื้อกลางวันที่ไหนกัน...ยิ่งโกหกผมก็ยิ่งเป็นห่วงนะรู้ไหม”ผมบอกออกไปตามตรง


แค่มองก็รู้แล้วว่าตินโกหกเพื่อให้ผมไม่ต้องมาคอยห่วง


“...ฉันแค่ไม่หิว”สุดท้ายคำตอบเดิมๆก็ดังขึ้น


“ผมมีมื้อกลางวันมาฝากด้วย”ผมพูดแล้ววางถุงที่มีกล่องพลาสติกใส่เคบับไว้ตรงหน้าติน


“อะไร?”ตินละสายตาจากผมไปมองถุงบนโต๊ะ


“เคบับน่ะ...ผมพึ่งเคยกินครั้งแรก อร่อยมากๆเลยซื้อมาฝากติน”


ผมเริ่มยิ้มออกเมื่อตินวางแฟ้มเอกสารในมือลงแล้วหยิบกล่องใส่เคบับออกมามองแต่แล้วสายตาของตินกลับจ้องไปยังกล่องเคบับอีกกล่องที่วางอยู่ในถุง...


“สองชิ้น?”ตินเงยหน้าขึ้นมาถาม


“เอ่อ...นั่นน่ะ...”จะบอกว่าไงดีล่ะ


“นายกินแล้วแปลว่า...ให้ฉันสองชิ้นสินะ”ตินยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของผมก่อนจะหยิบกล่องใส่เคบับอีกอันขึ้นมาแล้วเปิดออก


“...”ผมได้แต่ยืนมองเคบับสันในกวางค่อยถูกกินไปทีละน้อยด้วยความอยากกิน เส้นผมสีเขียวเข้มที่ถูกมัดรวบไปด้านหลังส่ายไปมาเล็กน้อยเพราะผมสะบัดหัวไล่ความอยากที่มีออกไป


ได้เห็นตินกินได้เยอะผมก็ควรจะดีใจไม่ใช่มาอยากกินทั้งที่พึ่งกินหมดไปสองชิ้นแบบนี้


“หึ...น้ำลายไหลแล้ว”


“อุ๊บ...”มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาปิดเช็ดปากทันทีที่ได้ยิน


“อยากกินก็บอกสิ”


“ตินกินเถอะ...ผมกินมาแล้ว”ผมบอกไปตรงๆ


“กินมาแล้วแต่ก็ทำหน้าอยากกินอีก”


“ก็มันน่ากินนี่นา...อร่อยไหม”ผมถามออกไป


“อืม...ใช้ได้...เอาไปสิ”ตินหยิบเคบับอีกกล่องที่ยังไม่ได้กินมาให้


“ตินกินเถอะ...แค่ชิ้นเดียวคงไม่อิ่มเท่าไหร่”


“รองท้องแค่นี้ก็พอแล้ว”


“รองท้อง?”


“ทำงานเสร็จจะพาไปกินบุฟเฟ่”


“บุฟเฟ่?...หมายถึงร้านที่กินเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีอั้นน่ะเหรอ!”จำได้ว่าเคยเห็นอยู่หลายร้านเหมือนกันแต่ยังไม่เคยเข้าไปสักครั้ง


นี่ตินจะพาผมไปที่นั่น


“ใช่...เพราะงั้นเอาไปกินแล้วนั่งรอเงียบๆ...เข้าใจนะว่าห้ามกวน”


“ได้เลย”ผมแทบจะยกมือขึ้นแนบหัวตามแบบทหารด้วยซ้ำ


บุฟเฟ่ๆ


ในหัวผมมีแต่คำว่าบุฟเฟ่อยู่เต็มไปหมด ระหว่างที่คิดว่าร้านบุฟเฟ่ที่ตินพาไปจะเป็นร้านไหนเคบับในมือก็หมดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้


โซฟาตัวเดินถูกผมเอนตัวลงนอนโดยหันหน้าไปมองตินที่เปิดแฟ้มเอกสารอันสุดท้ายออกพร้อมกับมือที่ขยับปากกาไปมาอย่างคล่องแคล่ว เวลาตินทำงานนี่ให้บรรยากาศแตกต่างกับตอนไม่ทำงานอย่างชัดเจน


คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้ากันแน่นเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างมากกับเนื้อหาภายในแฟ้ม ปากกาในมือก็ถูกเคาะเป็นจังหวะจนเหมือนเป็นนิสัยไปแล้ว


ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงในที่สุดแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือก็ถูกปิดและวางลง โดยปกติตินใช้เวลากับแฟ้มเอกสารแต่ละอันไม่เคยถึงชั่วโมงแต่ครั้งนี้ใช้เวลานานกว่าปกติแปลว่าคงมีเรื่องคิดเยอะเป็นแน่


“ไม่ไหวไปกินกันวันอื่นก็ได้นะติน”ผมบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูเหนื่อยมากกว่าปกติ


“ไม่อยากกิน?”ตินลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหา


“อยากกินสิ...แต่คุณดูเหนื่อยๆ ถ้าเป็นลมขึ้นมาผมแบกไม่ไหวหรอกนะ”ผมพูดติดตลก


“เป็นเทพนี่...ไม่ถึงร้อยกิโลหรอกน่า”ตินกวนกลับ


“แค่50โลผมก็ขอบายแล้ว”ไม่ต้องให้ถึง100กิโลหรอก ด้วยพละกำลังที่มีแค่จะอุ้มผู้หญิงสักคนยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ถ้าใช้พลังช่วยก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะอุ้มใครแม้แต่ตินก็ตาม จะว่าไปก่อนหน้านี้ผมเคยบอกว่าจะอุ้มตินด้วยนี่นะ แค่นึกถึงใบหน้าของตินตอนนั้นก็อยากจะขำออกมาดังๆ


“อ่อนแอ”


“ผมได้ยินนะ”ไม่ต้องมาเบนหน้าหนีเลย


“สรุปจะไปไหม?”ตินถามย้ำอีกรอบ


“แน่ใจนะว่าไหว”ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาตินที่พยายามไม่แสดงออกว่าเหนื่อย


“ไหวน่า...ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเทพแถวนี้หรอก”


“ไหนๆ...เทพอยู่ไหน...ผมมองไม่เห็นอะไรเลย”คำกวนของตินถูกย้อนกลับไปด้วยฝีมือผม ในเมื่อตอนนี้ผมอยู่ในร่างมนุษย์คำดูถูกนั่นผมไม่รับมาให้หนักหรอกนะ


“กวนเก่งนะ”ตินวางมือลงบนเส้นผมสีเขียวเข้มก่อนจะออกแรงขยี้แรงๆ


“โอ้ย...ไม่เอาแบบนี้สิ ผมเสียทรงหมด”ผมปัดมือที่ขยี้เส้นผมตัวเองออกไปแต่เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมให้ทำได้ง่ายๆเลยเกิดการต่อสู้เล็กๆขึ้น


ตินใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ปัดมือผมที่หมายจะจับมือเขาไว้ออกมา นั่นทำให้ผมเตรียมจะก้าวถอยหลังเพื่อหนีแต่กลับถูกมือข้างเดิมคว้าเอวก่อนจะกระชับเข้าไปใกล้มากขึ้นโดยมืออีกข้างก็ยังคงขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มจนฟูไปหมด



(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 23-07-2017 12:17:26
(ต่อค่า)


“ติน...พอสักที...บอกให้พอไง”เมื่อหนีก็ไม่ ปัดป้องก็ไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจใช้หัวตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายขยี้เล่นแทนมือชนเข้ายังอกตินเต็มแรง


“...เจ็บ...”


ดูเหมือนว่าจะได้ผลสินะ


“ขอเอาคืนบ้างละกัน”ผมพูดเสียงเหี้ยมพร้อมกับกระโดดขึ้นใช้มือสองข้างขยี้เส้นผมสีดำสนิทของตินจนฟูฟ่องยิ่งกว่ารังนกด้วยความสะใจ


“แพน...หยุด...เฮ้ย...”ระหว่างที่ตินหนีและผมขยับตามไปขาของพวกเราก็พันกันไปมาจนสุดท้ายก็ล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน แต่ผมไม่รู้สึกเจ็บอะไรเพราะมีตินเป็นเบาะรองรับตัวผมเอาไว้


“ติน...เป็นอะไรไหม”ผมรีบถามแล้วช่วยพยุงให้ตินลุกขึ้นนั่งช้าๆ


“เจ็บ...เล่นอะไรเนี่ย?”พูดจบก็หันมามองผมเคืองๆ


“คนที่เล่นก่อนคือตินนะ...เจ็บตรงไหน”ผมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง


“เจ็บหัวนิดหน่อย”


“ขอผมดูหน่อยนะ”พูดจบก็ขยับไปด้านหลังเพื่อดูว่าตรงไหนที่ตินเจ็บ มือของผมค่อยๆไล่ไปตามศีรษะเรื่อยๆจนถึงบริเวณที่นูนกว่าตรงอื่นเล็กน้อย และพอผมสัมผัสมัน...


“อึก...”ร่างกายของตินที่สะดุ้งเล็กน้อยนั้นทำให้ผมรู้ว่าเป็นตรงนี้เองที่เจ็บ


“ขอผมรักษานะ”ผมบอกแล้วเริ่มหลับตาลงโดยไม่สนเสียงค้านของติน แสงสีเขียวอ่อนส่องสว่างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหายไปในเวลาไม่ถึงนาที เพียงแค่นี้บริเวณที่นูนขึ้นก็หายสนิท


“ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้”ตินบอกก่อนจะยกมือขึ้นลูบบริเวณที่ผมรักษา


“ผมไม่อยากเห็นตินเจ็บนี่...”มันรู้สึกใจไม่ดีเท่าไหร่


“แพน...”


“ตินไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ...ผมมีพลังที่สามารถช่วยคุณได้ผมจึงไม่ลังเลที่จะช่วย...อีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเลย”แค่รักษาบาดแผลเอง


“พลังพอที่จะอยู่ในร่างมนุษย์ใช่ไหม”ตินหันหน้ามาถาม


“อืม...ตอนนี้ผมชินกับการปรากฏตัวแล้ว เรื่องพลังไม่มีปัญหา”


“ก็ดี...แต่คราวหน้าไม่ต้องรักษาเข้าใจนะ”ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมานั้นดูจริงจังกว่าที่เคย


“ทำไมล่ะ”


“เก็บพลังของนายไว้เถอะ...มาช่วยมนุษย์บ่อยๆไม่โดนลงโทษรึไง”


“ไม่หรอก...เทพอย่างพวกเรามีสิทธิ์ที่จะช่วยใครก็ได้ตามที่ต้องการ...ดังนั้นการที่ผมเลือกจะช่วยตินก็เป็นสิทธิ์ของผมเอง”


“ที่รักษาให้เพราะอยากไปกินบุฟเฟ่สินะ”ตินเปลี่ยนเรื่องก่อนจะลุกขึ้นยืน


“เปล่าสักหน่อย”...ถึงจะมีส่วนก็เถอะ


“ไปกินกัน”


“ขอบคุณนะติน!”ผมตะโกนไล่หลังตินที่เดินออกไป


“...คนที่ต้องขอบคุณ...คือฉัน”ตินหยุดเดินแล้วหันมาบอกด้วยเสียงนิ่ง แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะวิ่งตามแผ่นหลังนั้นไปจนถึงชั้น8ซึ่งเป็นหนึ่งในโซนอาหารของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้และเป็นชั้นที่ผมมาบ่อยเพราะ...


“มาซื้อชาเขียวอีกรอบเหรอครับ”เจ้าของร้านไอศกรีมที่ผมมากินทุกวันเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มเหมือนอย่างทุกครั้ง


“ผมกำลังจะไปกินบุฟเฟ่น่ะ...แต่กินไอศกรีมก่อนก็ดีเหมือนกัน...ขอแบบเดิมนะครับ”ผมหันไปบอกเจ้าของร้านด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปมองตินที่หยุดเดินแล้วเลิกคิ้วมองมาทางผม


“ได้ครับ”เจ้าของรับหันไปหยิบโคนแล้วเริ่มใส่เนื้อไอศกรีมสีเขียวน่ากินลงไปช้าๆ


“ขอเยอะๆนะครับ”ผมพูดเหมือนอย่างทุกครั้ง


“ครับๆ...แต่ต้องแลกกับให้ผมมองคุณนะ”ทำเสร็จไอศกรีมชาเขียวสูงลิ่วก็ถูกส่งมาให้ผม


“ก็มองอยู่ทุกครั้งนี่”รสชิตของชาเขียวนี่อร่อยจริงๆ


“ฮะฮะ...นั่นสิครับ...ว่าแต่มาที่นี่ทุกวันมีแฟนทำงานอยู่นี่เหรอครับ?”คำถามที่ได้ยินทำเอาผมสะอึกเล็กน้อย


“...แฮะๆ”ผมไม่ตอบอะไรแต่ส่งยิ้มไปให้แทน


“แพน!”เสียงของตินไม่ได้เรียกให้ผมหันไปเท่านั้นแต่คนอื่นที่อยู่รอบๆก็ไปมองเป็นตาเดียวไม่เว้นแม้แต่เจ้าของร้านไอศกรีม


ไม่หันไปมองคงแปลกล่ะก็เล่นตะโกนซะดังแถมยังทำเสียงไม่พอใจอีก


ทั้งที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับแต่ก็ยังมีผู้หญิงหลายคนส่งเสียงกรี๊ด


“...คนคนนั้น...หรือว่า...”เจ้าของร้านมองไปยังตินแล้วพึมพำด้วยใบหน้าที่ค่อยๆซีดลง


“ตะโกนทำไมล่ะติน...คนอื่นมองกันหมดแล้วเนี่ย”ผมหันไปบ่นคนที่ก้าวเข้ามาหาด้วยใบหน้าตึงๆ


“จะไปกินบุฟเฟ่ไม่ใช่...มากินไอติมแบบนี้เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”


“ไม่ปวดหรอกน่า...เจ้านี้อร่อยนะ...ลองไหม”ถามเสร็จก็ยกไอศกรีมสีเขียวที่มีร่องลอยถูกเลียไปตรงหน้าติน


ก็รู้อยู่แล้วว่าอย่างตินไม่มีทางกินพวกของหวานหรอกก็แค่ถามไปอย่างนั้น...


“เอาสิ”


“ห๊ะ?”ผมถึงกับอึ้งเมื่อเห็นตินก้มลงมาเล็กน้อยแล้วเลียไอศกรีมบริเวณเดียวกับที่ผมกินไปแล้ว


ทั้งที่อยู่ให้ห้างขนาดใหญ่ที่เปิดเครื่องปรับเย็นเฉียบแต่ใบหน้ากลับรู้สึกร้อนขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ


“...ใช้ได้นี่”ตินเลียปากตัวเองเบาๆก่อนจะตอบกลับมาด้วยสายตาที่เป็นประกาย เหล่าผู้คนที่มองอยู่ถึงกับอ้าปากค้างไม่เว้นแม้แต่ผม


“...เอ่อ...คุณคนาธิป...”เจ้าของร้านดูเหมือนจะรู้จักตินแฮะ


แต่ทำไมต้องทำหน้ากลัวขนาดนั้นด้วยล่ะ


“จะจีบลูกค้าฉันก็ไม่ได้ห้ามหรอกนะ...แต่คนนี้ไม่ได้...เพราะอะไรคงไม่ต้องบอกใช่ไหม”ตินพูดกับเจ้าของร้านที่ดูเหมือนตัวเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ


“คะ...ครับ...ขอโทษด้วยครับ”


“ไปกันได้แล้วแพน”บอกเสร็จก็คว้าแขนผมเดินออกมาจากบริเวณที่มีคนมุงทันที


พอผ่านช่วงที่มีคนมุงไปตินก็ปล่อยแขนที่จับไว้แล้วเดินนำไปเหมือนอย่างก่อนหน้านี้เพียงแต่บรรยากาศที่แผ่ออกมานั้นไม่เหมือนเดิม ผมได้แต่จัดการไอศกรีมตรงหน้าแล้วลอบมองตินเป็นระยะๆ


“ติน...โกรธอะไร”ผมเร่งเท้าให้ไปเดินขนาบก่อนจะหันไปถามตามตรง


“ไม่ได้โกรธ”ตินตอบทันที


“งั้นไม่พอใจอะไร”ผมยังคงถามต่อ


กึก!


ร่างของตินหยุดเดินทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่มองมาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก จากที่มองก็รู้ว่าตินไม่พอใจกับอะไรสักอย่างจะบอกว่าเป็นเพราะผมซื้อไอศกรีมก็คงไม่ใช่


“รู้ไหมว่าหมอนั่นจีบนายอยู่น่ะ”ตินพูดออกมาด้วยเสียงเข้มๆ


“...จีบเหรอ”


“ใช่”


“เขาไม่ได้จีบหรอกนะ”ผมบอกไปตามที่รู้สึก


“ก็เห็นอยู่ชัดๆว่าจีบ”ตินบอกต่อ  สายตาที่จ้องมานั้นเหมือนจะบอกว่าไม่ผิดแน่นอน


“ผมรับรู้ถึงความรู้สึกของมนุษย์ที่สื่อออกมาได้...จริงอยู่ที่เขามีความรู้สึกดีๆให้ผมแต่ก็ไม่ได้มากถึงขนาดมาจีบหรอก”เทพอย่างพวกเราอ่านความรู้สึกของมนุษย์ออกแม้สำหรับผมอาจจะยากเพราะไม่ใช่เรื่องที่ถนัดก็ตาม


“...มันก็ไม่แน่นี่...หมอนั่นอาจชอบนายก็ได้”


“ถ้าจะใช้ความชอบมาตัดสินว่าเขาจีบละก็...คุณมีมากกว่าอีกนะติน”ผมเอ่ยออกไปตรงๆ


“อะไรมีมากกว่า?”


“ชอบไง...ถ้าให้เปรียบเขากับติน...ตินยังชอบผมมากกว่าที่เขาชอบเลย”


“ใครบอกกัน!”ตินขึ้นเสียงดังใส่แล้วก้าวนำออกไปเร็วๆ


“คิก...นี่อย่าหนีสิ...ชอบกันก็บอกมาตรงๆสิ”ผมวิ่งตามตินไปด้วยรอยยิ้ม


“ไม่ได้ชอบ”ตินหันมาย้ำเสียงแข็ง


“ไม่ชอบก็ไม่ชอบ...แต่ผมชอบตินนะ”


กึก!


เป็นอีกครั้งที่ร่างของตินหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน


“ว่าอะไรนะ?”


“หื้อ?”


“เมื่อกี๊พูดว่าอะไรนะ”ตินถามด้วยเสียงที่ดังขึ้น


“ไม่ชอบก็ไม่ชอบ...”


“หลังจากนั้นล่ะ”


“...แต่ผมชอบตินนะ”ผมทวนประโยคที่พูดออกไปอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ


“จะสารภาพรักกันรึไง”


“สารภาพรัก?...เปล่าสักหน่อย”ผมส่ายหน้าไปมา


“ก็บอกอยู่ว่าชอบฉัน”


“อืม...ชอบ...แต่ไม่ได้รักนี่”ผมบอกออกไปตามตรง


ผมชอบตินก็ใช่อยู่แต่ก็แค่ชอบเท่านั้นไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งถึงขนาดจะเป็นคำว่ารักหรอก


รัก...ไม่ใช่คำที่จะพูดออกมาง่ายๆ ยิ่งสำหรับเทพอย่างพวกเราคำว่ารักนั้นจะมอบให้กับคนที่เรารู้สึกด้วยมากที่สุดไม่เหมือนอย่างมนุษย์ที่อยากพูดก็พูดออกมาโดยที่ไม่รู้ถึงความหมายที่แท้จริงของคำคำนั้น


“มันต่างกันเหรอ?”


“สำหรับมนุษย์ผมไม่รู้หรอก...แต่สำหรับผม ไม่สิ สำหรับพวกเราคำว่ารักนั้นจะบอกแค่กับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น”ผมอธิบายให้ตินฟังไปตามตรง


“แล้วนายล่ะ...มีรึยัง”ตินสบตาผมแล้วถามต่อ


“มีอะไร”


“คนที่บอกคำว่ารักได้ไง”แววตาของตินที่จ้องมานั้นดูเหมือนกำลังคาดคั้นเอาคำตอบจากผมให้ได้


“ผมยังไม่เจอหรอก...อยู่กับคุณแบบนี้ก็สนุกดีไม่อยากหาใครทั้งนั้นแหละ”ผมส่งยิ้มไปให้ตินที่มองมา


สำหรับผมในตอนนี้ที่ได้อยู่กับติน...มันสนุกและมีความสุขมากพอแล้ว


ไม่จำเป็นที่ต้องไปหาหรอก...คนที่รักน่ะ


“หึ...สนุกที่ได้กินน่ะสิ”ตินยกยิ้มขึ้นก่อนจะก้าวต่อไปอีกครั้ง


“ไม่เกี่ยวกับกินสักหน่อย”ผมไม่ใช่พวกเห็นแก่กินนะ


“อยู่กับฉันอีกสิบปีคงลอยไม่ขึ้น”


“ผมได้ยินนะติน...ถึงจะอ้วนยังไงก็ลอยขึ้นเหอะ”


พวกเราเถียงกันไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็มาถึงร้านบุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่ค่าหัวต่อคนแพงเกือบ1000ได้ ตินเดินนำเข้าไปด้านในโดยมีพนักงานตามไปติดๆ โต๊ะที่เลือกเป็นโต๊ะใหญ่ที่น่าจะเหมาะกับคนที่มาตั้งแต่4คนขึ้นไปไม่ใช่2คนแบบนี้


“เรานั่งโต๊ะนี้ได้เหรอติน?”ผมกระซิบถาม


“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”


“ก็พวกเรามาแค่สองคนเองนี่”


“ฉันไม่ชอบนั่งแบบบาร์เท่าไหร่...อีกอย่างดูจากนายแล้วโต๊ะแค่นั้นคงไม่กว้างพอสำหรับวางอาหารที่นายจะหยิบหรอก”พูดจบก็ยกยิ้มขึ้นเหมือนมองผมทะลุปุโปร่ง


“ไม่ได้กินเยอะขนาดนั้นสักหน่อย”


“จะรอดู”


“ไม่ทราบว่าจะรับน้ำซุปแบบไหนดีคะ...มีซุปใส ซุปข้น ซุปต้มยำ ซุปเย็นตาโฟและซุปโปรโมชั่นเดือนนี้คือซุปมิโสะค่ะ”พนักงานสาวพูดแทรกการสนทนาของเรา


“เอาอะไร”ตินหันมาถาม


“ได้กี่ซุปล่ะ”


“สอง”ตอนตอบ


“งั้นเลือกคนละอัน...ผมเอามิโสะ”ตั้งแต่มาจากญี่ปุ่นก็ไม่ได้กินมิโสะเลย


คิดถึงเหมือนกัน


“อีกอันเอาซุบข้น”


“ค่ะ...รับเป็นซุปข้นกับซุปมิโสะนะคะ...คุณคนาธิปอยากได้อะไรเรียกได้นะคะจะไปหยิบมาเสิร์ฟถึงที่เลยค่ะ”พูดจบเธอก็เดินกลับไปด้วยรอยยิ้มหวานๆ


“แหมๆ...พ่อคนเนื้อห๊อมหอม”อดไม่ได้ที่จะกวน ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังเป็นเรื่องปกติจนน่าโมโห


“หึงรึไง”ตินยักคิ้วกวนๆส่งมาให้


“ใช่...หึงสุดๆเลย ถ้ากล้านอกใจจะเอาหนอนยัดปากแน่”เล่นมาก็เล่นกลับนะติน


อยู่ด้วยกันมาตั้งนานทำไมจะไม่รู้ว่าเจ้าของห้างสรรพสินค้านี่เกลียดอาหารจำพวกแมลงที่สุด...ไหนๆก็มีโอกาสเล่นก็ขอเล่นสักหน่อยละกัน


“หึ...ไปตักอาหารมาไป”


“คุณไม่ไปเหรอ”ผมถามกลับเพราะเห็นตินนั่งเท้าคางมองดูสายพานที่มีจานวัตถุดิบสำหรับต้มไหลมาช้าๆ


ร้านนี้เป็นร้านเหมือนชาบูของญี่ปุ่นแต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือมีเคาน์เตอร์ด้านข้างขนาดใหญ่สำหรับตักของสดและวัตถุดิบต่างๆไปให้พ่อครัวทำได้ แถมยังมีอาหารสำเร็จมากมายด้วย


แค่ได้กลิ่นก็อยากตักมาให้หมดร้านเลย


“ไม่ล่ะ...ฝากเอาชาเขียวด้วย”ตินเลื่อนแก้วเปล่ามาให้ผมก่อนจะบอกสิ่งที่ต้องการ


“ใช้กันเลยนะ”


“ไม่ได้?”


“ได้สิ...รอแป๊บนะ...เดี๋ยวจะตักมาเผื่อเยอะๆเลย”ผมบอกก่อนจะคว้าแก้วสองใบตรงไปยังมุมเครื่องดื่มโดยไม่สนใจเสียงของตินที่บอกว่าไม่ต้องเอาอาหารมาเยอะ


พอผมกลับมาพร้อมแก้วชาเขียวสองใบน้ำซุปสองแบบก็ถูกนำมาเสิร์ฟแล้ว...ตินเองก็เริ่มหยิบของบนสายพานใส่ลงในหม้อฝั่งที่เป็นน้ำข้น


“ติน...กินด้วยกันนะ...ผมเองก็อยากลองกินซุปข้นเหมือนกัน”ผมบอกอีกฝ่ายให้รู้ไว้เพราะเขาหยิบของใส่แค่ที่ฝั่งซุปข้นที่ตัวเองสั่งเท่านั้น


“เอาสิ”ตินชะงักจานที่มีกุ้งใส่อยู่แล้วเปลี่ยนมาใส่ในซุปมิโสะฝั่งผมบ้าง การกระทำนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาแล้วลุกขึ้นไปสั่งและตักอาหารที่วางเรียงรายอยู่ด้านข้างมาจนเต็มโต๊ะไปหมด ตินเองก็มีบอกให้ผมพอแต่มีเหรอที่จะยอมทำตาม


“อื้มม...อร่อย...”ผมพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุขเมื่อได้ริมรสอาหารในหม้อ ถึงซุปมิโสะนี่จะอ่อนไปหน่อยแต่ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง


“กินให้หมดล่ะ”ตินบอกพร้อมกับซดน้ำซุปเบาๆ


“แน่นอน...อ๊ะ...ทาโกะยากินี่อร่อยนะ...ตินลองสิ”ผมใช้ตะเกียบคีบทาโกะยากิลูกลมๆแล้วลุกขึ้นเอื้อมมือไปจ่อที่ปากของติน


“...ไม่...อุ๊บ...”ก็รู้ว่าตินต้องปฏิเสธเลยอาศัยช่วงที่ตอบจัดการยัดใส่ปากซะเลย จากนั้นผมก็ต้องเบนหน้าหนีพร้อมกลั้นขำสายตาคมๆที่จ้องมาจนตัวแทบพรุนของคนตรงหน้าตลอดการกินมื้อกลางวันควบเย็นนี่


บุฟเฟ่ครั้งแรกในชีวิตประทับใจผมมากๆไม่ว่าจะเป็นน้ำซุปข้นที่อร่อยกว่าน้ำซุปมิโสะที่ผมเลือก อาหารต่างๆมากมายที่เรียงรายอยู่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาแต่รสชาติก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แม้แต่ของหวานเองก็มีทั้งไอศกรีม เค้ก ฟรุตสลัดหรือพวกมาการองก็ยังมี


แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าอาหารมื้อนี้ประทับใจไม่ใช่เพราะสิ่งเหล่านั้นแต่เป็นตินที่นั่งอยู่ตรงข้ามคอยแกล้งผมโดยการใส่ผักที่ไม่ชอบลงในหม้อจนมองไม่เห็นก้นแล้วก็บอกผมให้กินให้หมด


พวกเราต่างแกล้งกันไปมาตลอดมื้ออาหาร...ทั้งที่เป็นแบบนั้นบรรยากาศรอบๆกลับไม่ได้ตรึงเครียดตรงกันข้ามบรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความผ่อนคลายและความสนุกจนเผลอหัวเราะออกมาหลายรอบ...


เพียงแค่มีตินนั่งอยู่อีกฝั่งเท่านั้น


อย่างที่คิด...


ตินเป็นมนุษย์ที่ผมชอบที่สุดจริงๆด้วย
...................................................................................
สวัสดีค่ะ

มาอัพต่อแล้ววว

ตินเริ่มหวงแพนขึ้นเรื่อยๆ เป็นฉากที่เขียนแล้วรู้สึกว่าน่ารักมากๆ

บอกตรงๆว่าตอนแรกเราคิดจะแต่งให้เรื่องนี้ไม่ยาวมาก กะให้จบประมาณ13ตอน

แต่พอได้เขียนไปเรื่อยๆมีหลายๆฉากที่อยากแต่งเพิ่มขึ้น ฉากนั้นก็อยากให้มี ฉากนี้ก็อยากแต่ง เยอะไปหมดเลย55

เพราะงั้นคงต้องกลายเป็นเรื่องยาวซะแล้วล่ะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่11♣} 16/07/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 23-07-2017 12:38:13
มาแล้ว... ดีต่อใจ.. มาต่ออีกไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-07-2017 12:43:02
แหม นี่แค่ชอบใช่ไหมคะเทพแพนตัวน้อย อิอิ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-07-2017 14:03:09
มีความหึงๆๆๆๆ  >\\\\\\\<
ตอนนี้ยังแค่ชอบเนอะ ต่อไปค่อย...รัก...
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 23-07-2017 14:49:17
โอย หนูแพนนนน ขนาดแค่ชอบนะเนี่ย

ส่วนตินก็มีถามอีก ความหึงปรากฎแล้วววว :hao3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-07-2017 14:50:52
ยาวต่อไปเลยค่ะ สนุกดี
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-07-2017 16:30:53
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 23-07-2017 16:31:37
แพนน่ารักกกกก อ่านกี่รอบก็น่ารักก น่าฟัดมากกก
ชอบความพูดตรงๆ ชอบก็บอกชอบ แต่ยังไม่ถึงขั้นรักนะติน พยายามเข้า 55555
 o18
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 23-07-2017 21:20:00
ตัลลั๊ค ขอบๆเอาอีกๆตินเริ่มซึนละ 555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-07-2017 21:44:14
สวีทกันกลางร้านเจยนาจาาาาาา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 23-07-2017 22:00:15
จีบกันอีกแล้ววว
เหม็นความรัก 55555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 24-07-2017 00:47:11
 :ling1: :ling1: เขินนนนนน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 24-07-2017 02:41:46
ทั้งหึงทั้งหวงแพนออกนอกหน้าเลยนะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 24-07-2017 09:46:57
โอ้ยยย ความออร่าสีชมพูนี้  :-[
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 24-07-2017 13:01:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 24-07-2017 16:59:37
หึงละเซซซ่ ว้ายๆๆๆ คิกๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 24-07-2017 19:12:06
อย่ารีบจบเลยกำลังสนุกกก
เขินนะนี่ยิ่งอ่านยิ่งเขิน :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 26-07-2017 17:45:09
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: .Koi4541 ที่ 26-07-2017 18:58:24
หว๊ายยแกกก หึงซะแล้ว~~ :katai2-1:

ปล.ขอบคุณมากเลยค่ะที่ไม่ทำให้มันเป็นเรื่องสั้น เพราะเราชักไม่อยากให้มันมีตอนจบซะแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่12♣} 23/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 26-07-2017 20:09:49
หวานกันเบาๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 30-07-2017 15:34:25
สัมผัส{❤}ครั้งที่13




มีคนเคยบอกว่าเมื่อมีครั้งที่1เกิดขึ้น ครั้งที่2หรือ3ก็จะตามมา


ตอนแรกที่ได้ยินก็ไม่เชื่อเท่าไหร่แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้วล่ะ...ตั้งแต่วันที่ตินพาไปกินบุฟเฟ่ผมก็ติดใจมากจนวันต่อมาต้องขอตินให้พาไปอีก จริงอยู่ที่ไปกินคนเดียวตอนที่ตินทำงานอยู่ก็ได้แต่แบบนั้นมันดูไม่สนุกนี่...การจะกินให้สนุกต้องมีคนไปด้วยและคนที่ว่านอกจากตินก็คงไม่มีใคร


ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่...


“ไม่”คำปฏิเสธดังขึ้นทันทีที่ผมพูดว่าอยากไปกินบุฟเฟ่


“ทำไมล่ะ เมื่อวานคุณก็ปฏิเสธผมไปแล้วนะ...วันก่อนด้วย...แล้วก็วันก่อนนู้นอีก”ระหว่างพูดผมก็ยกมือสองข้างขึ้นเท้าเอวพลางจ้องไปยังเจ้าของห้างสรรพสินค้าเขม็ง


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกปฏิเสธ...ตั้งแต่วันที่ไปกินมาก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ตินพาไปกินอีกเลย


วันนี้แหละผมจะต้องให้เขาพาไปให้ได้


รสชาติของน้ำซุปและอาหารภายในร้านทำให้ผมกินไม่หยุดจนตินบอกว่าหมดเวลาแล้ว แม้จะเสียดายไปบ้างแต่ก็จำใจลุกขึ้นจากโต๊ะไป


“ยังต้องถามเหตุผลอีกเหรอ”ตินถามกลับก่อนจะวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ


“ไม่ถามก็ได้...พาผมไปกินหน่อยสิ”


“เฮ้อ...นายรู้ไหมว่าตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงที่นั่งกินมีคนมองอยู่น่ะ”


“อืม...ก็พอรู้”ผมตอบแล้วนึกย้อนกลับไปวันนั้น ก็จริงที่ระหว่างกินมีหลายตาหลายคู่ที่มองมาแต่จำได้ว่าตัวเองไม่ค่อยสนใจอะไรนักนอกจากจัดการอาหารแสนอร่อยตรงหน้าเท่านั้น


“ขนาดตัวก็แค่นี้แต่เล่นกินซะเหมือนอดอยากมาเกือบสิบปี...ไปอีกเขาคงให้เข้าร้านหรอก”ตินพูดต่อ


“ไม่ได้กินเยอะขนาดนั้นสักหน่อย...หมายความว่าเขาไม่ให้ผมเข้าร้านเหรอ”


“เปล่า...ยังไงร้านบุฟเฟ่ก็มีจุดขายตรงที่กินได้ไม่จำกัดตราบใดที่ไม่เหลือก็ไม่มีใครว่าหรอก”


“งั้นทำไมถึงไม่พาไปล่ะ”


“นายก็ไปกินคนเดียวได้นี่”ตินตอบกลับมา


“บอกไปแล้วไงว่ากินคนเดียวมันไม่สนุก”


“แค่กินยังต้องสนุกด้วยรึไง”


“ก็มัน...”


“ไม่ต้องมาทำหน้าหง๋อยเลย...นายก็เห็นว่าช่วงนี้ฉันมีงานเยอะ”ตินพูดเสร็จก็เปิดแฟ้มเอกสารที่วางไว้ขึ้นมาอ่านต่อ


“อืม...”ช่วงนี้ตินมีงานเยอะจริง ขนาดกลับห้องยังต้องนั่งทำงานต่อจนดึกดื่น...แต่ละวันได้นอนยังไม่ถึง5ชั่วโมงเลย


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา”ตินบอกคนที่เคาะประตู


“คุณติน...ได้เวลาไปประชุมแล้วครับ”คนที่เปิดประตูเข้ามาคือกายในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับเสื้อนอกสีดำและกางเกงขายาวสีเดียวกัน


“อืม...จะรออยู่นี่หรือจะไปข้างนอก”ตินลุกขึ้นแล้วหันหน้ามาถามผมที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม


“...อยากไปกินบุฟเฟ่กับติน”ผมเอ่ยเสียงเบาก่อนจะหันไปสบดวงตาสีฟ้าสดอย่างอ้อนวอน


“...”ตินไม่ตอบแถมยังทำหน้านิ่งไม่เปลี่ยน


“นะ...ผมอยากไปกินกับติน...นะนะ”นอกจากจะทำเสียงอ้อนแล้วยังให้ออฟชั่นเสริมโดยการเอื้อมมือไปดึงเสื้อนอกตินก่อนแกว่งไปมา


“...”สายตาของตินสั่นไหวเล็กน้อยเหมือนกำลังใจอ่อนนั่นทำให้ผมรีบดำเนินการต่อทันที


“ไม่ต้องไปกินร้านเดิมก็ได้...ขอแค่เป็นบุฟเฟ่ก็พอ...นะนะ...ไปกันนะ”


“ก็ได้...แต่...”


“เยส เยี่ยมเลย ขอบคุณนะติน”ผมกระโดดกอดตินแน่นซุกหน้าลงที่แผ่นอกอุ่นๆเมื่อได้ยินคำตอบนั่น


ในที่สุดก็จะได้ไปกินแล้ว


“ฉันบอกว่าแต่ไง”ตินยกมือขึ้นผลักหัวผมเล็กน้อยระหว่างพูด


“...แต่อะไร”ผมเงยหน้าถามแล้วคลายอ้อมกอดออก


“ฉันต้องประชุมประมาณ3ชั่วโมง”ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเสร็จก็บอก


“แล้ว?”


“นี่ก็5โมงแล้ว...กว่าจะเสร็จก็น่าจะ2ทุ่มกว่าได้...มันดึกไปที่จะกิน”


“อ้าว...แต่ผมอยากกินบุฟเฟ่นี่”แบบนี้ก็แปลว่าต้องไปกินวันอื่นเหรอเนี่ย


“ขอติดไว้ก่อน...วันนี้จะพาไปกินอะไรที่อร่อยกว่านั้น...โอเคไหม”


“จริงเหรอ...งั้นได้เลย”แค่ได้ยินคำว่าอร่อยก็ไม่จำเป็นต้องคิดคำตอบแล้ว


“ดี...ฉันไปประชุมล่ะ”


“อืม...โชคดีนะผมจะรออยู่ที่นี่”ผมตะโกนไล่หลังพร้อมโบกมือบ๊ายบายตินที่เดินออกไปด้วยรอยยิ้ม


จากนั้นผมก็นอนเล่นรอตินอยู่บนโซฟากลางห้องจนถึงเวลาสองทุ่มกว่าตินก็กลับเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าที่ดูตึงเครียดกว่าปกติ เขาพาผมลงไปยังรถสีดำเงาคันเดิม ร้านที่ตินพาไปเป็นร้านอาหารแนวที่ผมไม่เคยกินมาก่อนนั่นคือข้าวต้มกุ้ย...แค่ชื่อก็ทำให้ผมต้องทวนอยู่หลายรอบ


อาหารง่ายๆที่ใช้เวลาทำไม่นานถูกยกเสิร์ฟในสภาพพึ่งทำเสร็จทำให้ทั้งกลิ่นและสีสันหน้ากินมาก แถมข้าวต้มที่ตินสั่งให้ก็ลื่นคอมากเวลากินเข้าไปเท่าไหร่ มื้อนี้ผมไม่ได้กินกับตินแค่สองคนแต่มีกายและจิมมาร่วมโต๊ะด้วยซึ่งผมก็ยินดีเพราะการกินอาหารต้องหลายๆคนสิถึงจะอร่อยแต่เพราะท่าทางของตินทำให้ผมไม่ค่อยอยากอาหาร


ตลอดขากลับจากการกินข้าวต้มกุ้ยผมก็แอบเหล่มองคนข้างกายที่นั่งกอดอกด้วยใบหน้านิ่งๆราวกับมีเรื่องให้คิดมาก คิ้วคมที่ขมวดเข้าหากันแน่นนั่นผมอยากยกมือขึ้นลูบให้มันคลายออกเหลือเกิน


“ติน...”เหมือนมือจะไปไวกว่าความคิด รู้ตัวอีกทีผมก็ขยับตัวเข้าไปประชิดพร้อมกับยกมือขึ้นลูบคิ้วที่ผูกกันเป็นโบว์ตรงหน้าเบาๆ
“...”ตินที่เห็นแบบนั้นก็หันหน้ามาหาผมด้วยคิ้วที่ขมวดแน่นกว่าเดิม


“อย่าขมวดคิ้วแบบนั้นสิ...เพราะผมอยากกินบุฟเฟ่สินะ”ผมถามออกไปเสียงเบาโดยที่ยังไม่หยุดมือที่ลูบ


“เปล่า...ไม่ใช่เพราะนาย”ตินตอบแทบจะทันที


“งั้นอะไรล่ะ”


“เรื่องที่บริษัทน่ะ”


“ถ้าคิดไม่ออกก็นอนพักสักงีบ...เดี๋ยวสิ่งที่คิดไม่ได้ก็จะคิดได้เองล่ะ”ผมบอกออกไปตามที่คิด


“...อืม”ตินตอบรับเบาๆแต่ก็ยังไม่คลายคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมออก ขนาดถึงห้องแล้วก็ยังทำหน้าเครียดอยู่เหมือนเดิม


ถึงจะอยากช่วยแค่ไหนแต่ดูเหมือนว่าบรรยายกาศรอบๆจะไม่ค่อยน่าเข้าใกล้ผมเลยแต่เข้าไปอาบน้ำเผื่อว่าตินจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง


เมื่อผมอาบเสร็จเจ้าของห้องก็เข้าไปอาบน้ำต่อโดยที่ไม่ได้คุยอะไรกันสักคำ...บรรยากาศที่บอกว่าอย่างพึ่งเข้าใกล้ทำเอาผมต้องนั่งอยู่เงียบๆรอจนอีกฝ่ายออกมาจากห้องน้ำแล้วทิ้งตัวนั่งบนเตียงพร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดทำอะไรสักอย่าง


“...ติน”ผ่านไปสักพักผมก็ตัดสินใจเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไป


“...”ตินไม่ตอบอะไรทำเพียงใช้สายตาหันมามองเท่านั้น


“ถึงผมจะช่วยอะไรไม่ได้แต่อย่างน้อยคุณก็ระบายสิ่งที่คิดให้ผมฟังได้นะ”ถ้ารับฟังผมมั่นใจว่าจะเป็นผู้ฟังที่ดี


“...อย่าทำหน้าแบบนั้น”เงียบไปสักพักตินก็บอกพร้อมกับยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าผมเบาๆ


“หน้าแบบไหน”ผมถามกลับ


“ฉันเครียดคนเดียวก็พอแล้ว...อย่าทำหน้าเครียดตามสิแพน”


“...”ผมไม่เห็นรู้ตัวเลยว่าทำหน้าเครียดอยู่ด้วย


“ฉันกำลังคิดว่าจะเป็นยังไงถ้าเลือกที่จะใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา”อยู่ๆตอนก็เอ่ยขึ้น


“อารมณ์แบบไหน”ผมถามต่อ


“หงุดหงิด...โมโห...แล้วก็โกรธละมั้ง”


“ถ้าเป็นอารมณ์พวกนั้นผลของมันไม่ใช่ในทางที่ดีนักหรอก...แต่ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็ขึ้นอยู่กับคนด้วย...บางคนอาจใช้อารมณ์พวกนั้นเป็นแรงผลักดันให้ประสบความสำเร็จ...โดยส่วนตัวผมไม่อยากให้ตินใช้อารมณ์พวกนั้นตัดสินหรอกนะ”ผมอธิบายพร้อมๆกับจับมือตินที่ลูบใบหน้าผมให้วางลงแล้วเปลี่ยนเป็นผมที่ไปลูบตามใบหน้าอีกฝ่ายแทน


ผมผ่านอะไรมาเยอะตั้งแต่ที่มีชีวิต


ได้พบเห็นอะไรมาก็มาก


การที่ใช้อารมณ์ด้านลบในการตัดสินปัญหาสิ่งที่ได้มักจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี


“งั้นฉัน...ควรทำยังไงดี”ตินถามต่อก่อนจะหลับตาลงโดยปล่อยให้ผมลูบใบหน้าตัวเองอยู่


“อืม...ใช้ความสมเหตุสมผลดีกว่า...แต่ถ้าใช้เหตุผลไม่ได้ก็ใช้ใจตัดสินเลย...หรือถ้ายังไม่ได้อีกก็จับฉลากเอา”ประโยคสุดท้ายผมล้อเล่นนะ


“หึ...เดี๋ยวไปหากระดาษก่อน”ตินยกยิ้มขึ้นก่อนจะตอบกลับมา


“ผมล้อเล่นหรอก”


“รู้แล้วน่า...ขอบคุณ”


“ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”


“ไม่ต้องทำหรอก...แค่อยู่แบบนี้ก็พอแล้ว”ดวงตาสีฟ้าที่ทอประกายบางอย่างระหว่างพูดทำให้ผมมีความรู้สึกแปลกๆขึ้นมาอีกแล้ว


“ติน...”


“อยากไปเที่ยวไหม”


“หื้อ?...ไปไหน”ผมเอียงคอถาม


“ทะเล”


“ไปสิ...แต่ว่าตินยังเครียดเรื่องงานนี่”เริงร่าได้แป๊บเดียวก็ต้องหยุดเพราะรู้ว่าตินยังไม่โอเค


“ฉันจะไปจัดการเรื่องนี้ที่ทะเลนี่แหละ”


“หมายความว่าไง”ผมกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ


“ที่พัทยาเป็นจังหวัดที่อยู่ติดทะเลและเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจ...เจ้าของห้างแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจนี้กำลังจะขายห้างนั้นและฉันคิดจะซื้อมันไว้ ทั้งที่อีกฝ่ายตกลงจะขายแล้วแต่เพราะมีอีกคนหนึ่งเข้ามาแย่งทำให้ตอนนี้เจ้าของห้างนั้นลังเลอยู่ว่าจะให้ใครซื้อห้างนั้นดี...”


“คุณโกรธที่เจ้าของห้างผิดข้อตกลงเหรอ”


“เปล่า...สัญญาปากเปล่ามันไม่เรียกว่าข้อตกลงหรอก...ที่โกรธเพราะอีกคนที่จะแย่งซื้อห้างนั้นเป็นคนที่ไม่ชอบหน้าน่ะ”พูดมาถึงตรงนี้ตินก็เริ่มทำหน้าบึ้ง


“ทำไมไม่ชอบล่ะ...หรือว่า...คนที่คิดจะทำร้ายตินเหรอ”ผมถามต่อทันทีที่นึกออก


“ใช่”


“มันเป็นใคร...ผมจะไปจัดการมันเอง”คนที่กล้าทำร้ายตินผมไม่ปล่อยไว้แน่


“นายพึ่งบอกว่าไม่ให้ฉันใช้อารมณ์ตัดสินะ”ตินบอกเสียงนิ่ง


“เอ่อ...แฮะๆ”ผมยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองเมื่อได้ยินสิ่งที่ตินบอก


“ฉันรู้เลยว่าที่หมอนั่นต้องการห้างนั้นเพราะรู้ว่าฉันเล็งเอาไว้”


“แล้วตอนนี้ตินจะทำยังไงต่อ”


“ก็ง่ายๆ...นายบอกเองนี่ว่าไม่ให้ใช้อารมณ์”


“อืม...แล้วจะใช้อะไรล่ะ”


“หึ...”ตินไม่ตอบแต่ยกยิ้มขึ้น รอยยิ้มเหมือนกำลังนึกเรื่องสนุกได้นั้นทำเอาผมรู้สึกสงสารอีกฝ่ายชอบกล


หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาได้ราวสองอาทิตย์...วันนี้เป็นวันที่พวกเราเดินทางไปพัทยาตามที่ตินเคยพูดไว้ ภายในรถคันเดิมมีคนหน้าเดิมอย่างกายและจิมเป็นคนขับรถโดยที่มีตินและผมนั่งอยู่ด้านหลังเหมือนอย่างทุกครั้ง


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมหันออกไปมองวิวด้านนอกตลอดตั้งแต่ที่รถคันนี้ขับออกมาจากคอนโด ด้วยเส้นทางที่ไม่เคยมาทำให้ผมรู้สึกสนใจทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตา จากวิวที่เห็นแค่ตึกเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมดแปรเปลี่ยนเป็นวิวของทะเลที่ยาวสุดสายตา


“...เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงญี่ปุ่นเลย”ผมพึมพำออกมาเบาๆระหว่างที่เหม่อมองทะเล


“คุณแพนมาจากญี่ปุ่นสินะครับ”จิมเอ่ยถามทำลายความเงียบภายในรถ


“ใช่...แต่ถึงจะอยู่ญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ค่อยได้ไปทะเลหรอกนะ”


“ทำไมล่ะครับ?”จิมถามต่อ


“ก็เพราะผมยาวๆแบบนี้เวลาโดนไอเค็มของทะเลแล้วจะเหนียวสุดๆเลยน่ะสิ”ผมบอกพลางทำหน้าย่น นึกถึงวันเก่าตอนที่ไปเดินเล่นริมชายหาดได้เลย...เส้นผมสีเขียวเข้มพลิ้วไสวไปมายามต้องลมแต่พอหลังจากเดินไม่ถึง10นาทีเส้นผมก็เริ่มพันกัน


จะสางก็ไม่ได้เพราะติดหนึบไปซะแล้ว


สุดท้ายก็ต้องไปล้างผมที่น้ำตกอยู่ตั้งนานกว่าผมจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิม


“อย่างนี้นี่เอง...แล้วคุณอยู่ญี่ปุ่นมานานรึยังครับ?”


“ประมาณ3...”พูดถึงตรงนี้ผมก็ต้องรีบหุบปากเพราะคำว่าร้อยกำลังจะดังออกไป


เกือบพูดว่าสามร้อยปีออกซะแล้ว


“3ปีสินะครับ”โชคดีที่จิมสรุปไปแบบนั้น


“...ใช่ครับ”ผมแอบถอนหายใจเบาๆแต่ดูเหมือนจะไม่รอดสายตาของตินที่จ้องมาพร้อมทำปากขมุบขมิบว่า...


คิดก่อนพูดหน่อย


ครับๆ...ผมก็ไม่ได้ตั้งใจนี่


“แปลว่าพอคุณตินกลับมาจากอเมริกาคุณก็ไปญี่ปุ่นต่อเลยใช่ไหมครับ?”


“ห๊ะ?...อ้อ...ใช่เลย”เกือบจะพูดไปแล้วว่าผมไม่เคยไปอเมริกา ดีนะที่ตินส่งสายตาคมๆมาให้เลยนึกได้ว่าเคยบอกพวกเขาไปว่าเราเจอกันที่อเมริกา


“ขี้ลืม”เสียงทุ้มที่บ่นมาเบาๆนั่นผมได้ยินเต็มสองหูเลยล่ะ


“ไม่ได้ลืมสักหน่อย”แค่เผลอไปนิดเดียวเอง


“หึ...”


“ไม่ต้องมาหึเลย...ว่าแต่คุณเถอะ...ไม่เป็นไรแล้วแน่นะ”ผมเลิกสนใจวิวข้างทางแต่หันกลับไปมองตินแทน


“อะไร”


“ไม่เครียดอะไรใช่ไหม”ผมถามกลับโดยไม่มีการกวนใด ใบหน้าของตินตอนมีเรื่องไม่สบายใจเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนั้นทำให้ความอยากอาหารผมลดฮวบเลย


“ไม่แล้ว...เลิกห่วงเถอะ”


“ห้ามได้ที่ไหนกัน...ก็ห่วงนี่”คนมันห่วงจะบอกให้ไม่ต้องห่วงได้ไง


“ไม่เป็นไรแล้วน่า...แล้วคิ้วนี่น่ะขมวดเป็นเงื่อนตายขนาดนี้จะแกะออกไหมล่ะ”พูดจบก็ยกมือขึ้นมาดีดหน้าผากผมเบาๆพร้อมรอยยิ้ม


“คิ้วนะ...ไม่ใช่เชือกจะผูกเป็นเงื่อนตายได้ยังไง”


“ใครจะรู้...”


“คุณรู้อยู่แล้ว...แค่อยากแกล้งผมน่ะสิ”


“แล้วจะทำไม”


“จะเอาหนอนยัดปาก”ผมพูดเสียงเข้ม


“เจอผักกาดยัดก่อนไหมล่ะ”ตินสวนกลับทันที เขารู้อยู่แล้วว่าผมไม่ชอบกินผักกาดแต่ผักอย่างอื่นผมจะกินได้หมด ถึงจะไม่ชอบใช่ว่าผมจะไม่กินเพียงแค่กินน้อยหน่อยเท่านั้น


“ติน!!”


“เสียงดัง”เมื่อผมเริ่มเสียงดังเขาก็หันหน้าหนีไปอีกทาง


“คุณนี่มัน...กวนจริงๆ”


“เอาที่สบายใจเลยครับ...”ตินพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะทำปากขมุบขมิบเป็นคำที่รู้กันได้แค่สองคนว่า...


ท่านเทพ


“...”ผมได้แต่นั่งเม้มปากกัดฟันตัวเองแน่นเพราะไม่สามารถเอาคืนอีกฝ่ายได้สักครั้ง


ไม่ว่ากวนอะไรไปก็ถูกสวนกลับจนน่าโมโห


คิดสิแพน...มันต้องมีอะไรสักอย่างที่เอาคืนได้สิน่า




(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 30-07-2017 15:34:48
(ต่อค่า)


ผมนั่งนิ่งๆเพื่อคิดแผนการเอาคืนจนรถคันสีดำเลี้ยวเข้าไปภายในตึกแห่งหนึ่งที่มองไม่ถนัดว่าเป็นอะไร...ตินเดินนำเข้าไปภายในโดยมีผมเดินตามไปพร้อมกับกายและจิม ความหรูหราของสิ่งก่อสร้างทำเอาตาผมพล่ามัวไปชั่วขณะ...โรงแรมขนาดใหญ่ภายในถูกเปิดไฟและตกแต่งในโทนสว่างอย่างผนังก็เป็นสีเหลืองนวล พื้นก็เป็นกระเบื้องขัดเงาสีขาวสลับสีส้มอ่อน มีเพียงต้นไม้ขนาดกลางเท่านั้นที่มีสีเขียวช่วยตัดความสว่างภายในลงไปได้บ้าง


“ติน...เรามานี่ทำไม”ผมเอ่ยถามแล้วเดินขึ้นไปขนาบข้างติน


“เราจะพักที่นี่”ตินอธิบายโดยไม่หยุดเดิน


“แล้วห้างที่ตินบอกล่ะ”ผมถามต่อ


นึกว่าจะไปคุยเรื่องห้างกับเจ้าของก่อนสักอีก


“ห้างที่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมนี้อยู่ทางด้านตะวันตกติดกับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง...เดี๋ยวฉันจะไปคุยเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนเพราะงั้นนายไปรออยู่ในห้องซะ...เข้าใจนะ”ตินพูดก่อนจะพากันเข้ามาในลิฟต์และให้พนักงานกดไปยังชั้น35


“ไปด้วยไม่ได้เหรอ”ผมหันไปถาม


“ฉันไปคุยธุรกิจ...การมีนายไปด้วยจะไม่สะดวก”เมื่อถึงชั้น35แล้วตินก็เดินนำออกไปอีกจนหยุดอยู่หน้าห้องหมายเลข359


“ผมอยู่เฉยๆได้นะ”ผมพยายามพูด


รู้อยู่ว่าตินไปคุยธุรกิจเพราะงั้นผมไม่คิดจะเข้าไปกวนอะไรหรอก


“ฉันไม่อยากให้หมอนั่นเห็นนาย”ตินบอกด้วยน้ำเสียงที่ผิดไปจากปกติอย่างชัดเจน


“หมอนั่น?...ใครเหรอ?”


“คู่แข่งทางการค้าไง”


“...หมายถึงคนที่ทำร้ายตินใช่ไหม”ผมยังถามต่อ


“ใช่”ตินพยักหน้าเล็กน้อย


“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”


“เกี่ยวสิ...เพราะงั้นรออยู่นี่ห้ามออกไปไหน”การ์ดในมือตินเสียบเข้าไปในช่องหน้าประตูก่อนจะดันหลังผมให้เข้าไปด้านใน


“แต่ว่า...”


“ฉันจะให้จิมอยู่ด้วย”


“ไม่เอา”ผมรีบค้านทันทีที่ได้ยิน


“ทำไม”


“พวกเขาควรคอยปกป้องตินมากกว่าจะให้มาอยู่กับผม...ผมรออยู่นี่ก็ได้แต่คุณต้องให้ทั้งคู่ไปด้วยนะ”ผมพูดต่อ มันไม่ดีเลยถ้าจะให้คนหนึ่งมาอยู่เฝ้าทั้งที่สถานการณ์ของตินอันตรายกว่ามาก


ตั้งแต่มานี่ลางสังหรณ์ที่มีมันบอกว่ากำลังจะเกิดเรื่อง


ผมอยากจะอยู่ข้างๆตินแต่ก็เข้าใจว่าตินต้องการความเป็นส่วนตัวและสมาธิในการเจรจาธุรกิจดังนั้นผมจะไม่ตามไปก็ได้แต่จะให้จิมมาอยู่ด้วยไม่ได้


ไม่ยอมแน่ๆ


“...ตามนั้นก็ได้...แน่ใจนะว่าอยู่ได้”ตินถามย้ำ


“แน่สิ...ผมอยู่คนเดียวมาตั้งนานเรื่องแค่นี้ไม่ต้องห่วงหรอก...ห่วงตัวเองให้มากๆนะติน”ผมบอกพร้อมกับก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีฟ้าตรงหน้า


“ฉันเหรอ?”


“อืม...ผมสังหรณ์ไม่ค่อยดีเลย...อยากไปด้วยแต่ไม่เป็นไรผมจะรออยู่ที่นี่...ระวังตัวด้วยนะ”


“ฉันจะไม่เป็นไร...ไว้เจอกัน”ตินบอกลาแล้วเดินกลับไปยังลิฟต์พร้อมกับบอดี้การ์ดคนสนิทสองคน


พอมองดูลิฟต์ลงไปด้านล่างแล้วผมก็เดินเข้าไปในห้องพักสุดหรูที่ถูกตกแต่งอย่างลงตัวด้วยโทนสีสว่างเหมือนตัวโรงแรม...โซฟาตัวใหญ่สีน้ำตาลอ่อนถูกผมหย่อนก้นนั่งโดยที่มือคว้ารีโมทโทรทัศน์ขึ้นมาเปิดหาอะไรทำฆ่าเวลาที่ตินไม่อยู่


ผ่านไปสักพักใหญ่ความเบื่อก็เริ่มเข้ามาจู่โจมเลยเปลี่ยนจากนั่งดูโทรทัศน์เป็นนอนแช่น้ำในอ่านสีขาวสะอาดแทน ทั้งที่ผมอาบน้ำนานสุดแต่ตินก็ยังไม่กลับมาสักที


ถึงจะไม่สบายใจ...แต่แค่หลับตาลงแล้วตั้งสมาธิผมก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เป็นไร


ในเมื่อเป็นแบบนี้ขอออกไปเดินเล่นข้างนอกสักพักคนไม่เป็นไรมั้ง


เป็นห่วงไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาด้วย


กายกับจิมเป็นคนมีฝีมือ...ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องช่วยตินได้แน่


ระหว่างที่คิดขาผมก็ก้าวออกจากโรงแรมเดินข้ามถนนไปอีกฝากที่มีร้านค้ามากมายตั้งอยู่ริมหาดทรายสีขาวโดยไม่รู้ตัว กลิ่นของไก่ย่างที่กำลังสุกหอมฉุยยั่วน้ำลายสุดๆแต่ก็ซื้อไม่ได้เพราะไม่มีเงิน


บัตรทองที่ตินให้คงใช้ได้แค่บนห้างไม่รวมถึงตามร้านแถวนี้หรอก ส่วนเงินที่ตินเคยให้ก็หมดไปตั้งแต่วันก่อนที่ไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์ยักษ์กินแล้ว


เมื่อกินอะไรไม่ได้ผมเลยเลือกที่จะลงไปเดินตามแนวชายหาดแทน...รองเท้าผ้าใบที่ตินซื้อให้ถูกย่ำลงบนทรายเนื้อละเอียดเรื่อยๆ สายตาเองก็มองออกไปยังผืนน้ำสีฟ้าแกมน้ำเงินตรงหน้า สองมือยกขึ้นบังแสงแดดอันรุนแรงที่ทำให้ตามองแทบไม่เห็น
อากาศที่ร้อนจนแสบผิวนี่ทำให้ผมเตรียมจะเดินกลับห้องพักเพราะทนไม่ไหวจริงๆ


ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไก่ย่าง...ขืนเดินต่ออีก10นาทีคงสุกเตรียมส่งให้ลูกค้าได้เลย


ตุบ!


ทันทีที่หมุนกลับร่างของผมก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังด้วยความไม่ระวัง พอเริ่มมีสติผมเลยคิดจะก้าวถอยหลังแต่กลับถูกมือของคนตรงหน้าเอื้อมมาจับเอวแล้วกระชับตัวผมเข้าไปใกล้


“ปล่อย”ผมพูดเสียงแข็งเมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไม่ปกติ นั่นทำให้ผมผลักอีกฝ่ายให้ออกห่างทันที อาจเพราะความตกใจคนตรงหน้าเลยยอมปล่อยโดยดี


“นี่เธอชนฉันนะ”เสียงของคนที่ผมชนดังขึ้นทำให้ผมได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ผู้ชายตรงหน้าอายุคงพอๆกับตินหรือมากกว่าไม่เกิน3-4ปี รูปร่างดี ตัวสูงใหญ่และหน้าตาเข้าขั้นใช้ได้แต่ด้อยกว่าตินเยอะ เส้นผมดีดำกับดวงตาสีน้ำตาลที่เห็นทำให้รู้ว่าเป็นคนไทยแท้


“ขอโทษที่ชน...และขอบคุณที่ช่วยครับ”ผมบอกอีกฝ่ายแล้วเตรียมเดินไปด้านข้าง สัมผัสแรกเมื่องมองผู้ชายคนนี้คือไม่ดี
ผมไม่รู้ว่าไม่ดีในแง่ไหนแต่ที่รู้คือไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม


“เดี๋ยวสิ...ไหนๆก็คุยกันแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ”อีกฝ่ายเสนอด้วยรอยยิ้มเพลย์บอยซึ่งใช้ไม่ได้สำหรับผมที่เห็นว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้น่ามองเท่าของติน


“ผมมีธุระ...ขอตัวดีกว่า”พูดจบก็เดินขึ้นไปด้านบนที่มีร้านค้าขายของอยู่ตามทาง


“นี่...รู้ไหมว่าเธอเป็นแรกเลยนะที่ปฏิเสธฉันน่ะ”เขายังคงตื้อแล้วเดินตามผมมาจนรู้สึกรำคาญนิดๆ


“งั้นก็ต้องขอโทษด้วย...ถ้าอยากหาคนกินข้าวด้วยไปหาคนอื่นเถอะผมไม่ว่าง”ผมบอกแล้วพยายามก้าวเท้ายาวขึ้น


“เธอนี่น่าสนใจดีนะ...หน้าตาก็สวยด้วย...สเปกฉันเลย...โอ๊ะ...”ตำพูดของอีกฝ่ายหยุดชะงักเพราะผมหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ


“ผมไม่ชอบคุณ...และอย่ามาชมว่าผมสวยเพราะผมเป็นผู้ชาย”ย้ำเสียงแข็งเสร็จก็เดินต่อไปโดยไม่สนใจเสียงที่ไล่ตามมา


ยังดีที่ไล่มาแค่เสียง...ถ้าเกิดยังตามมาอีกผมคงเลือกที่จะกลับไปอยู่ในร่างเทพแล้วลอยขึ้นไปบนห้องแน่


ผู้ชายแบบนั้นผมไม่ชอบ


ความต้องการของเขารุนแรงจนไม่น่าเข้าใกล้


และดูจะเป็นพวกอารมณ์ร้อนด้วย


“...ถึงไม่อยากยุ่งกับมนุษย์ไง”ผมพึมพำเสียงเบาพร้อมกับหันซ้ายขวาเพื่อดูว่ามีรถไหมก่อนจะข้ามถนนไปยังประตูโรงแรม


“ขออย่าให้เจออีกเลยเถอะ”อยู่ใกล้แล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นลม


แค่นี้ก็อยากอ้วกแล้ว


ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วพยายามตั้งสติให้มั่น


เทพอย่างผมรู้สึกถึงอารมณ์ ความรู้สึกรวมถึงความต้องการได้อย่างชัดเจน...ยิ่งมนุษย์คนไหนมีความรู้สึกเหล่านั้นในทางลบมากๆ พลังงานที่ปล่อยออกมาจะทำให้เทพอย่างพวกเรารู้สึกอึดอัด ดังนั้นเรื่องที่เทพต้องอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือตามป่าเขาก็เป็นหนึ่งในความจริงที่มนุษย์รู้เกี่ยวกับพวกเรา


“แพน!”เสียงทุ้มอันคุ้นเคยที่ตะโกนเรียกชื่อนั้นทำให้ผมหันไปตามเสียงก่อนจะเจอกันตินที่วิ่งออกมาจากโรงแรมโดยที่มีกายและจิมวิ่งตามหลังมา


“ติน”เรียกเสร็จผมก็วิ่งเข้าไปโผลกอดอีกฝ่ายแน่นพร้อมซุกหน้าลงที่คอของเขา เพียงแค่นั้นความรู้สึกอึดอัดและอยากอ้วกที่มีเริ่มหายไปเมื่อเข้ามาอยู่ใกล้ตินแบบนี้


“แพน?...เป็นอะไร”ตินที่ทำเสียงแข็งตอนแรกก็เริ่มอ่อนลงคงเพราะเห็นผมอยู่ในสภาพไม่ปกติล่ะมั้ง


“...รู้สึกแย่นิดหน่อย”เจอมนุษย์มาก็มาก...พึ่งเคยเจอมนุษย์ที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ขนาดนี้เป็นครั้งแรก


“เกิดอะไรขึ้น”เขาถามพลางยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ


“...นิดหน่อย”


“อะไรคือนิดหน่อย”ตินเริ่มเปลี่ยนน้ำเสียงเมื่อไม่ได้ยินคำตอบที่น่าพอใจจากผม


“ก็...เดี๋ยวค่อยบอกนะ”กระซิบบอกเสร็จก็ขยับออกมายืนตรงหน้าติน แค่ได้อยู่กับตินความรู้สึกแย่ๆที่มีก็หาไปทันทีต่างจากผู้ชายคนเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว


“ไม่เป็นไรแล้วเหรอ”


“อืม...อยู่กับตินแล้วช่วยได้เยอะเลย”ความรู้สึกอุ่นๆเหมือนปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจกว่ามนุษย์คนไหนที่เคยเจอมา


“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”


“ทำสิ”แค่ตินไม่รู้ตัวเท่านั้นแหละ


“ทำให้อิ่มท้องน่ะสิ”อยู่ๆตินก็เปลี่ยนเรื่องก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวผมไปมา


“อืม...อ๊ะ...ไม่ใช่สิ คนละเรื่องแล้วติน”คนกำลังพูดเรื่องเครียดมาพูดอะไรเนี่ย


“หึ...อยากกินอาหารทะเลไหม”


“อาหารทะเล?...อยากกินกุ้ง ปลาหมึกด้วย”สถานการณ์ตอนนี้พลิกกลับเรียบร้อยแล้ว เรื่องเครียดๆนั่นถูกผมโยนทิ้งไปก่อนจะหันมาสนใจอาหารทะเลที่ตินพูดแทน


“ร่าเริงเลยนะ”ตินพึมพำโดยที่สายตาของเขามองมายังผมที่ยิ้มออก ท่าทางของตินทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเห็นผมทำตัวไม่เหมือนปกติ


“ขอบคุณนะติน...คุณน่ะใจดีมากรู้ไหม”จะมีสักกี่คนที่ทำแบบนี้


“...นายนี่มาโซรึไง”


“ห๊ะ?...มาโซ?...ผมไม่ได้ชอบความเจ็บปวดนะ”ผมตะโกนกลับเพราะเข้าใจความหมายของคำพูดนั้น การอยู่ญี่ปุ่นมานานจึงได้รับรู้ถึงภาษาของประเทศนั้นบ้าง


คิดผิดแล้วที่ใช้คำที่ผมรู้จัก


“ฉันไม่ได้ใจดี”ตินพึมพำออกมาเบาๆ สายตาที่มองเหมือนไม่เชื่อนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม


“ใจดีสิ...ตินน่ะใจดีจริงๆนะ”คนที่ใจดีจริงๆน่ะไม่บอกหรอกว่าตัวเองใจดี


มีแค่คนที่อยู่รอบๆเท่านั้นที่สามารถรับรู้ได้


“ไปกินได้แล้ว”พูดจบตินก็ก้าวไปยังถนนอีกฝากหนึ่งทันที


“อย่ามาเขินน่าติน”ผมวิ่งตามพร้อมตะโกนเสียงดังจนคนรอบหันมามองเป็นแถว


“ไม่ได้เขิน...เลิกตะโกนสักที”ถึงปากจะบอกว่าไม่ได้เขินแต่ก็ซ่อนใบหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อยไม่ได้หรอกนะติน


ผมก้าวยาวๆตามตินไปตามทางโดยมีกายและจิมเดินไล่หลังมาอีกทีจนถึงร้านอาหารสีฟ้าน้ำทะเลที่ตั้งอยู่ริมหาดทรายสีขาว บรรยากาศของร้านภายนอกเป็นเหมือเรือลำใหญ่ถูกประดับด้วยเปลือกหอยหรือหินอันสวยงาม เมื่อเข้ามาด้านในก็เจอกับบรรยากาศเย็นๆของเครื่องปรับอากาศก่อนจะพบกับพื้นที่มีทรายถูกนำมาเทไว้ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ทะเลจริงๆ


“คุณตินครับ”กายที่เดินตามมาวิ่งเข้าไปหาตินพร้อมกระซิบบางอย่างที่ทำเอาตินหน้าเครียดขึ้นมาทันตาเห็น


“ไปจัดการให้หน่อย”บอกกายเสร็จก็หันมามองจิมต่อ เพียงแค่มองก็ดูเหมือนจิมจะรู้ว่าเจ้านายต้องการอะไร เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่มีเจ้าของร้านอยู่ ส่วนกายเองก็ออกไปข้างนอกร้านแล้ว


“ติน...เกิดอะไรขึ้น?”ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบายใจนัก


“เหมือนกายจะเห็นคนที่ฉันไม่อยากให้เห็นนายน่ะ”ตินบอกแล้วคว้าแขนผมให้เดินตามไปยังห้องห้องหนึ่งที่อยู่ติดริมทำให้มองเห็นทะเลด้านนอกผ่านกระจกได้ ห้องนี้เป็นเหมือนห้องอาหารส่วนตัวเพราะถูกแบ่งออกจากโต๊ะอื่นๆอย่างชัดเจนเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว


“นี่ติน...คนว่าหมายถึง...”พอนั่งลงที่เก้าอี้เรียบร้อยผมก็เอ่ยขึ้น


“อย่างที่นายคิดแหละ...ตอนที่ฉันไปคุยธุรกิจก็ไม่ได้เจอกันเห็นว่ามาคุยก่อนแล้วซึ่งก็ดีเพราะฉันไม่อยากเจอหน้าหมอนั่นเท่าไหร่”ตินตอบโดยที่ผมยังถามไม่จบ


อย่างที่คิดจริงๆด้วยคนที่ว่าคือคนที่ทำร้ายติน


“ทำไมถึงไม่อยากให้เห็นผมล่ะ”


“ไม่บอก”


“ห๊ะ?”คำเดียวสั้นๆทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออก


อีกแล้วเหรอ


นี่มันกี่รอบแล้วที่ผมได้รับคำตอบกวนๆแบบนี้


“ทำหน้าตลก”พูดจบตินก็หลุดหัวเราะออกมา


“ไม่ตลกนะติน...อย่ากวนสิ ขอคำตอบแบบจริงจังหน่อย”ผมอยากรู้จริงนะ


“ที่ฉันพูดเรียกว่าไม่จริงจังตรงไหน”ยิ่งตินถามกลับด้วยใบหน้าไม่รู้ร้อนแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนปั่นหัวมากขึ้น


“ทั้งหมดนั่นแหละ”


“หึ...สั่งอะไรดี”


“อย่าพึ่งเปลี่ยนเรื่องสิติน”ผมพูดถึงทันทีที่อีกฝ่ายเปิดเมนูบนโต๊ะขึ้นดู


“นายก็อย่าเสียงดังสิ...ถ้าเป็นเด็กดีเดี๋ยวคืนนี้จะพาไปกินบุฟเฟ่”


“บุฟเฟ่?...พูดแล้วนะ”ผมยิ้มร่าออกมาเมื่อได้ยินคำว่าบุปเฟ่


“อืม”


“แล้วจะไปกินที่ไหน”ผมถามต่อด้วยความตื่นเต้น


“โรงแรมที่เราพัก”


“หื้ม?...ที่โรงแรมมีด้วย?”


“อืม...เจ้าของโรงแรมเป็นคนเดียวกับเจ้าของห้างที่ฉันจะซื้อ...เขาเลยให้บัตรเข้าร่วมงานที่จะจัดในคืนนี้มา”ตินอธิบายนิ่งๆ มือที่จับเมนูก็เปิดไปมาเพื่อดูรายการอาหารภายใน


“งานอะไร”หรือว่าจะเป็นงานปาร์ตี้


“งานเลี้ยงฉลองครับรอบ50ปีของโรงแรม”


“งานฉลอง...เหมือนกับงานปาร์ตี้สินะ”ถ้าเหมือนกับปาร์ตี้ที่เคยเห็นก็แปลว่าต้องเต็มไปด้วยของกิน


“ก็เหมือนแต่งานฉลองมีของกินมากกว่างานปาร์ตี้เยอะ”


“ไปกันเถอะ...เดี๋ยวนี้เลย”ผมแทบทนรอถึงช่วงเย็นไม่ไหวแล้ว


“ตะกละ”เสียงพึมพำเบาๆนั่นทำให้ผมชะงักก่อนจะหันกลับไปมองค้อนติน


“ไม่ได้ตะกละ...แค่เห็นค่าของอาหารต่างหาก”ผมย้อนกลับด้วยรอยยิ้ม


แค่คิดถึงอาหารระดับโรงแรมวางเรียงรายตรงหน้าผมก็อดใจไม่ได้แล้ว

...

มาอัพต่อแล้วววว

วันนี้มาช้าเล็กน้อยพอดีออกไปทำธุระข้างนอกมากค่ะ

พอเราแต่งเรื่องนี้มาได้สักพักอยู่ๆก็เห็นภาพแพนอ้วนเป็นขึ้นมาในหัว ทำเอาหัวเราะออกมาเลยค่ะ55

กินเยอะแบบนั้นแต่ไม่อ้วนออกจะน่าอิจฉาอยู่ไม่น้อย

ตินเองก็เลี้ยงดีเหลือเกิน เดี๋ยวซื้อนู้นให้เดี๋ยวพาไปกินนั่น

น่ารักไปอีก

กล้าพูดเลยว่าเป็นเรื่องที่เราแต่งแล้วยิ้มแทบทุกตอน

หวังว่าทุกคนจะยิ้มตามเช่นกันค่ะ

ขอบคุณทุกๆกำลังที่มีให้นะคะ บางทีเราไม่ได้ดูแค่คอมเม้นท์แต่ยอดวิวเองก็มีส่วนช่วยให้เรามีกำลังใจแต่งมากขึ้น

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า

บ๊ายบาย :bye2:

ปล.ตอนนี้นิยายเรื่องJurassicภาค2กำลังเปิดพรีอยู่หากสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ทางเพจเรานะคะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 30-07-2017 16:07:21
 :z13:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 30-07-2017 16:20:18
อยากจะบอกแพนมากกก ตินเขาใจดีกับยูแค่คนเดียวววว 55555
เขาเห็นแล้วรึป่าวอ่ะตินนน --รึป่าว? 
งานหนักแล้วละติน 555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 30-07-2017 16:29:20
คนที่ชนแพน คนเดียวกับคนที่ทำร้ายติณสินะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 30-07-2017 16:31:52
 :-[ สายเปย์ที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 30-07-2017 17:05:26
โอ๊ะโอ~~~~!!
เหมือนเราจะเจอตัวร้ายแล้วสินะ เหอๆๆๆ
ดีที่แพนของเรามีต่อม(?)เตือนภัย!!
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 30-07-2017 17:12:24
คนที่ตินไม่อยากให้เจอกับแพน ไม่ใช่ว่าได้เจอกันไปแล้วหรอนั่น
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 30-07-2017 17:29:55
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: InYume ที่ 30-07-2017 18:05:33
แพนนี้น่ารักจริงๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 30-07-2017 19:10:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-07-2017 19:36:26
ดูเหมือนว่าแพนจะเจอเข้ากับคนที่ตินไม่อยากให้เจอแล้วซินะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 30-07-2017 19:42:50
-หน้าตาเข้าขั้นใช้ได้แต่ด้อยกว่าตินเยอะ-
ทำไมอ่านแล้วขำ หน้าตาดียังไงก็ไม่เท่าติน 55555
คนที่เดินชนแพนต้องเป้ฯคนที่ตินไม่ชอบแน่ๆเลย
แล้วทำไมตินไม่อยากให้แพนเจอขนาดนั้นกันนะะะ

แพนน่ารักกกก ล่อด้วยของกินได้ตลอดเลยยย 555555
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-07-2017 21:21:50
แพนน่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 30-07-2017 21:28:54
ท่านเทพน่ารักเกินนนน  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-07-2017 21:52:03
แพนน่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 30-07-2017 22:13:38
ท่านเทพแพนน่าร้ากกก :-[
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 30-07-2017 22:38:20
        แพนเสน่ห์แรงจนตินหวงซินะ :mew1: :mew1: :mew1:
แพนนี่ไม่เทพเจ้าแห่งป่าแล้วค่ะต้องเรียกว่าเทพแห่งการกินอิอิ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-07-2017 23:20:37
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 31-07-2017 01:26:54
555555 ใจอ่อนกับแพนตลอดเลยนะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่13♣} 30/07/60 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DZiik ที่ 31-07-2017 12:53:19
แพนน่ารักจัง  :-[
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 06-08-2017 15:45:13
สัมผัส{❤}ครั้งที่14



“อ๊ะ...ตินเบาหน่อย”


“อดทนหน่อยแพน”


“แต่ว่า...อื้ออ...ไม่ไหวแล้ว...พอเถอะ”ผมเอ่ยขอด้วยร่างกายที่เริ่มสั่นจากการกระทำของคนตรงหน้า


“ถ้าไม่ไหวก็อดลงไปกินบุฟเฟ่นะ”ตินพูดเสียงนิ่งพร้อมกับดึงเนคไทสีฟ้าขึ้นจนติดคอผมแน่นไปหมด


“แน่นไปแล้ว...”หายใจจะไม่ออก


ไม่ไหวๆ


ถึงจะเพื่อบุฟเฟ่แต่ขนาดนี้ผมก็ไม่ไหวหรอกนะ


ใครเป็นคนกำหนดกฎขึ้นมาว่าต้องใส่ชุดสูทเข้างานเนี่ย


ผมที่เคยแต่ใส่ชุดยูกาตะเปิดคอสบายๆดันต้องมาทรมานกับกับใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวติดกระดุมเม็ดบนสุดกับกางเกงสีเขีวขี้ม้า แถมด้วยเสื้อนอกสีเดียวกันทำให้ผมดูเหมือนพวกผู้ดีที่เคยเห็นในโทรทัศน์ แต่แค่นี้ยังไม่หมด...เนคไทสีฟ้าที่ถูกใส่ด้วยฝีมือของตินรัดคอผมแน่นจนแทบขาดอากาศหายใจ


เสื้อผ้าพวกนี้ผมไม่รู้ว่าตินไปจัดหามาตอนไหนเพราะในบรรดาของที่เตรียมมามีแค่ชุดลำลอง2ชุดกับชุดนอนเท่านั้น...ถึงจะบอกว่ามาเที่ยวแต่ก็ค้างแค่คืนเดียว เห็นว่าตินมีงานที่ต้องรีบกลับไปทำเลยอยู่นานไม่ได้


“อดทนน่ะเป็นไหม”ตินบ่นเล็กน้อยแล้วหันไปหยิบเน็คไทด์สีดำมาใส่ให้ตัวเองอย่างช่ำชองท่ามกลางสายตาของผมที่จ้องไปอย่างเคืองๆ


 “คุณมันไม่ใช่คน”ทำไมตินดูไม่อึดอัดเลยทั้งที่ผมเหมือนกำลังโดนทรมาน


“ฉันต้องดีใจใช่ไหมที่ถูกเทพชมว่าไม่ใช่คน”ตินย้อนพร้อมกับยกยิ้มอันหน้าหมันไส้ขึ้น


“ทำไมคุณดูไม่อึดอัดเลยล่ะ”ผมปล่อยท่าทางกวนๆนั่นไปแล้วถามสิ่งที่สงสัยออกไป


“ทำไมคิดงั้น”ตินหันมาถาม


“ก็คุณดูสบายๆ”


“ฉันชินกับการแต่งตัวแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก...ใส่ครั้งแรกใครก็อึดอัดทั้งนั้นแหละ”


“แม้แต่ตินด้วย?”ผมเอียงคอถามเพราะไม่คิดอีกฝ่ายจะเป็นแบบนั้นหรอกนะ


“แน่สิ...ครั้งแรกที่ใส่ทำเอาฉันทำหน้าตึงตลอดงานจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้”


“คิก...”คำบอกเล่าด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดนั่นทำให้ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อย


คิดสภาพตินตอนนั้นก็คงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้จริงๆนั่นแหละ


“ผ่านไปสักพักเดี๋ยวก็ชิน...ไปกันเถอะ”พูดจบตินก็เดินนำออกไปเปิดประตูห้องพักโดยที่มีกายและจิมยืนรออยู่ด้านหน้าแล้ว


กายที่อยู่ในสุดสูทสีเทาก้มหัวให้พวกเราเป็นเชิงทักทายเล็กน้อยเช่นเดียวกับจิมที่อยู่ในชุดสูทสีเลือดนก พอแต่งเต็มยศแบบนี้แล้วทั้งคู่เหมือนเป็นนายแบบในสังกัดของค่ายดังสักแห่ง...ยิ่งเอามารวมกับตินที่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทแต่มีลวดลายเล็กสีเงินกับกางแกงและเนคไทเข้าชุดกันยิ่งทำให้ทุกย่างก้าวที่เดินมีแต่คนมองไม่วางตา


ผมเองพออยู่ในกลุ่มนี้แล้วก็รู้สึกว่าด้อยไปเล็กน้อยทั้งที่เทพอย่างผมน่าจะเปล่งประกายมากที่สุดในกลุ่มแท้ๆ...แต่ไม่เป็นไรผมไม่อยากเด่นเท่าไหร่ วันนี้ผมมาเพื่อกินบุฟเฟ่ไม่ใช่โชว์ตัว


กายและจิมเมื่อถึงหน้างานก็ยื่นบัตรเชิญให้พนักงานต้อนรับด้านหน้าก่อนที่พนักงานสาวคนหนึ่งจะเปิดประตูให้พวกเราเข้าไปด้านในด้วยรอยยิ้มแพรวพราวออกแนวเชิญชวนตินอย่างชัดเจนแต่คนถูกมองกลับก้าวยาวๆนำเข้าไปด้านใน


“คุณนี่เนื้อหอมจริงเลยนะ”ผมอดไม่ได้ที่จะแขวะเล็กๆ


“เคยดมรึไงถึงรู้ว่าหอม”ดวงตาสีฟ้าสดหันมาสบด้วยประกายขบขัน


“เคยสิ...หลายรอบด้วยนะ”ผมตอบกลับพร้อมยักคิ้วส่งไปให้


อย่าคิดนะว่าจะกวนได้อยู่ฝ่ายเดียวน่ะติน


“โรคจิตสินะ”


“ติน!”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงดังลั่นด้วยความไม่พอใจ


เรียกใครว่าโรคจิตกัน


“ฉันรู้ชื่อตัวเองน่า...ไม่ต้องเรียกบ่อย”


“คุณมันกวนประสาทที่สุดเลย”


“ไม่เห็นรู้ตัว”ตินตอบกลับพร้อมยักไหล่เล็กน้อย ท่าทางนั่นน่าโมโหสุดไปเลย


ทำไมพวกผู้หญิงถึงไม่มีใครรู้นะว่าภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั่นมีความกวนประสาทชั้นยอดหลับใหลอยู่


“ไม่คุยด้วยแล้ว”ผมสะบัดหน้าหนีเตรียมเดินไปยังโต๊ะอาหารที่วางเรียงรายอยู่รอบๆ


“จะหนีไปกินเหรอ”


กึก!


คำพูดเหมือนรู้ทันนั่นทำให้ขาของผมที่กำลังจะก้าวไปยังโต๊ะอาหารหยุดชะงักก่อนจะหมุนตัวกลับไปตรงหน้าตินที่ยกยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มที่ปรากฏนั่นดูจะบอกกับผมว่า...


ฉันทายถูกชัวร์


“ใช่...จะกินให้หมดงานเลย...ถ้าใครถามว่าผมเป็นใครจะบอกไปตรงๆด้วยว่าเป็นแฟนคุณ”ผมย้ำเสียงดังแล้วเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารที่ใกล้ที่สุด จานสีขาวสะอาดถูกหยิบขึ้นมาก่อนจะเดินตรงไปตักแซลมอนรมควันที่อยู่ใกล้สุดใส่จานจนล้น


คอยดูเถอะติน


ผมจะประกาศให้คนทั้งห้องรู้ว่าคุณเลี้ยงแฟนตัวเองไม่ดีถึงต้องมายืนกินบุฟเฟ่อย่างจริงจังแบบนี้


แซลมอนรมครัวหลายต่อหลายชิ้นถูกตักเข้าปากกลืนลงท้องไปจนเกลี้ยง อาหารอย่างต่อมาที่ผมเลือกคือขาหมูเยอรมันสีทองอร่ามดูแล้วหนังคงจะกรอบกรุบๆเป็นแน่


“อร่อย...”ผมหน้าฟินทันทีที่ขาหมูเยอรมันชิ้นแรกถูกกลืนลงคอไป


จากนั้นผมเริ่มการตะเวนกินอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะทุกอย่างไล่ไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจว่ามีใครจ้องหรือมองมา...จากที่กินมาสักพักก็รู้ว่าแขกในงานนี่แทบไม่แตะอาหารเลย ในมือมีแต่แก้วเครื่องดื่มหลากสีแล้วยืนจับกลุ่มพูดคุยอะไรกันอยู่ บางคนก็เดินทักทายตามแต่ละกลุ่ม


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมมองไปรอบๆเพื่อหาตินแต่แล้วก็ต้องสะดุดเข้ากับชายคนหนึ่งที่พึ่งเดินเข้าประตูมา เพียงแค่เห็นเขาผมก็หมุนตัวแล้วเดินก้าวไปยังโต๊ะอาหารต่อไปทันที


ทำไมต้องมาเจอด้วยเนี่ย


ชายที่ผมเห็นเป็นคนเดียวกับคนที่ผมชนเมื่อตอนบ่ายและเป็นคนเดียวกับที่ไม่อยากเข้าใกล้มากที่สุด...การที่เข้ามาในงานนี้ได้อย่างน้อยต้องเป็นคนที่มีบัตรเชิญ และคนที่มีบัตรเชิญก็ต้องรู้จักกับเจ้าของงานหรือเจ้าของโรงแรมนี้


แปลว่าเขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในแวดวงธุรกิจนี้แน่


เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบทิศทางพร้อมกับเหล่าสาวเล็กสาวใหญ่ที่ก้าวเข้าไปหาชายคนนั้นด้วยรอยยิ้มหวังผลอะไรสักอย่างซึ่งผมไม่สนใจหรอก ตอนนี้ต้องหาของใส่ท้องและหาตินให้เจอ


ต่อให้ผมไม่อยากเข้าใกล้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ร่วมกันไม่ได้


ตราบใดที่เขาไม่เข้ามาก้าวก่ายผมก็ไม่คิดจะเดินหนีอย่างไร้มารยาทหรอก


แต่ถ้าไม่ต้องเจอกันจะเป็นอะไรที่ดีมาก


“อันนี้ก็อร่อยแฮะ...”ผมพึมพำออกมาเมื่อซูชิหน้าปลาไหลถูกกลืนลงท้องไป ระหว่างกินผมก็ยังใช้สายตามองไปรอบๆเพื่อหาตินก่อนจะเจอเขาอยู่บริเวณมุมห้องโดยมีทั้งชายหญิงรุมล้อมอยู่จนแทบมองไม่เห็นตัว


ดีที่ตินค่อนข้างสูงหัวของเขาเลยเด่นขึ้นมาจากคนอื่นพอสมควร


แปะ


เฮือก


สัมผัสที่มาแตะบริเวณไหล่อย่างไม่ตั้งตัวทำเอาผมสะดุ้งแล้วก้าวถอยหลังทันที ความรู้สึกแย่ๆเริ่มเข้ามาโจมตีทำให้รู้เลยว่าคนที่แตะเป็นใคร มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ให้ความรู้สึกไม่ได้ออกมาแบบนี้


ผมเลือกที่จะไม่หันไปแต่คิดจะเดินหนีจากสถานการณ์นี้ทว่ากลับถูกมือของคนด้านหลังคว้าข้อมือของผมไว้แล้วดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้ากันโดยตรง ชุดสูทสีขาวกับรอยยิ้มเพลย์บอยนั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด


“เดินหนีกันแบบนี้ฉันเสียใจนะเนี่ย”อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงโทนเศร้า ถึงไม่ใช่ผมก็คงดูออกแน่ว่าน้ำเสียงนั่นหาความจริงใจไม่เจอเลย


“...ขอโทษด้วยผมมีธุระ”นี่เป็นข้อแก้ตัวเดียวที่คิดได้ ข้อมือที่ถูกจับอยู่ถูกผมออกแรงดึงกลับเล็กน้อยเพื่อให้คนตรงหน้ารู้ว่าควรจะปล่อยได้แล้วแต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยยังพูดคุยต่อเหมือนไม่มีอะไรด้วย


“มางานทั้งทีจะมีธุระได้ยังไง...อย่ามาเล่นตัวน่า...เธอรู้ว่าฉันมางานนี้เลยตามมาใช่ไหม”


“ห๊ะ?”ผมถึงกับเอ๋อไปเมื่อได้ยินคำพูดหลงตัวเองนั่น


ใครตามเขามากัน


ถ้ารู้ว่าจะเจอผมคงนอนเล่นอยู่ในห้องตินแล้ว


“ไม่ต้องเขินน่า”


“ผมไม่ได้เขิน...แล้วก็ไม่ได้อยากเจอคุณด้วย”ผมย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมไม่ได้ล้อเล่น


“อย่าโกหกเลย...ไม่ว่าใครก็อยากจะเข้าหาฉันทั้งนั้นแหละ”พูดจบเขาก็ไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสำรวจ สายตานั่นทำให้ผมก้าวถอยหลังไปอีกแต่ติดอยู่ที่มือเขาไม่ยอมปล่อยแขนผมสักทีนี่แหละ


“ไม่ใช่ผมคนนึงล่ะ”ใครจะอยากอยู่ใกล้คนที่ให้ความรู้สึกไม่ดีแบบนี้กัน


“เธอนี่...น่าสนใจจริงๆ...ถ้ามางานนี่ได้แปลว่าเกี่ยวข้องอะไรในแวดวงศ์ธุรกิจสินะ งั้นก็น่าจะเคยได้เห็นฉันตามข่าวหรือได้ยินชื่อเสียงของฉันมาบ้าง คนที่ปฏิเสธฉันมีแต่คนบ้าไม่ก็โง่เท่านั้น”พูดจบก็เริ่มออกแรงบีบข้อมือผมจนรู้สึกเจ็บ


“งั้นผมก็ขอเป็นคนที่ทั้งบ้าและก็โง่ละกัน...ปล่อยผมได้แล้ว”ครั้งนี้ผมใช้มืออีกข้างช่วยแกะมือที่กำแขนผมแน่นแต่ไม่ว่าจะดึงยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อย


“ฉันสามารถทำให้บริษัทเธอมีชื่อเสียงขึ้นหรือตกต่ำได้ในชั่วพริบตาเลยนะ...คิดดีๆก่อนตอบหน่อย”ดวงตาคมสีน้ำตาลที่จ้องมาดูน่ากลัวมากแต่มีเหรอที่ผมจะกลัวง่ายๆ


คนคนนี้ต่างกับตินแบบสุดขั้ว


ถึงตินจะมีทั้งชื่อเสียงและรวยมหาศาลแต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ยกอำนาจเหล่านั้นมาใช้กับผม


ผมไม่รู้หรอกว่าเขาโด่งดังหรือมีชื่อเสียงขนาดไหน...ที่รู้คือคนที่ใช้แต่อำนาจกับชื่อเสียงมันอยู่ได้ไม่นานในวงศ์การนี้หรอก ใช้แต่การข่มคนที่ด้อยกว่าเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการมันจะยิ่งสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว พอนานวันเข้าทุกอย่างที่เขาทำมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง


“คุณน่ะ...อย่าคิดว่าจะได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการดีกว่านะ...จริงอยู่ที่คุณอาจไม่เคยโดนปฏิเสธแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ยอมจะยอมจากใจจริงๆ ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้สักวันคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของตัวเอง”ผมบอกออกไปตามตรง


“อย่ามาสอนฉัน!”แววตาของเขาเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด อารมณ์ที่นิ่งๆดูจะค่อยๆปะทุขึ้นเพราะผมไปพูดกระทบอะไรบางอย่าง


“ผมไม่ได้สอน...สิ่งที่บอกคือประสบการณ์ที่ผมพบเห็นมานักต่อนักแล้ว”ผมกลั้นใจตอบทั้งที่รู้สึกเจ็บบริเวณที่ถูกบีบก็ตาม ผมอยู่ในโลกนี้มานานหลายศตวรรษ...พบเห็นความเจริญและความล่มจมมากับตาก็หลายครั้ง


ผมรู้จุดจบของคนแบบนี้ดี...แต่ถ้าเขายังยอมรับฟังแล้วเปลี่ยนแปลงทุกอย่างอาจไม่ได้แย่ไปทั้งหมด


“พูดเหมือนตัวเองอยู่มาเป็นร้อยๆปี...เหอะ...ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่ามาทำเป็นรู้ดี”


“โอ๊ย...”ผมร้องออกมาเมื่อแรงบีบนั่นแรงขึ้นกว่าเดิม


“ไม่มีใครกล้ามาช่วยแกหรอก...เพราะถ้าเข้ามาฉันจะทำลายบริษัทมันให้เละไปเลย”อีกฝ่ายตะโกนเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามองเป็นตาเดียว


“...มีสิ...”ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายโดยไม่เกรงกลัวสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์นั่นสักนิดเดียว


“หึ...ใครล่ะ ใครมันจะกล้า...”


หมับ


“ฉันไง...ปล่อยเขาซะคุณสรพงศ์”เสียงทุ้มแสนคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังผมพร้อมกับมือที่เอื้อมไปจับแขนอีกฝ่ายแน่น


ผมหันไปมองด้านหลังด้วยรอยยิ้มกว้าง


ว่าแล้วเชียวว่าต้องมาช่วยกัน


“ติน!”ผมเรียกคนด้านหลังด้วยความดีใจ


“ฉันบอกให้ปล่อย”ตินย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ทั้งกายและจิมต่างก็เดินมาขนาบข้างด้วยใบหน้านิ่งๆ


“ก็ได้ๆ...แค่ปล่อยก็พอใช่ไหม”


ผมดึงแขนกลับทันทีที่ถูกปล่อย...รอยแดงบริเวณเหนือข้อมือขึ้นไปดูไม่หนักหนาอย่างที่คิด


ไว้ขึ้นห้องแล้วค่อยรักษาละกัน


“เฮอะ...จะเล่นบทพระเอกรึไงถึงเข้ามายุ่งเรื่องคนอื่นแบบนี้”คุณสรพงศ์ถามด้วยสายตาไม่พอใจ


“หึ...พอดีมันไม่ใช่เรื่องคนอื่นน่ะนะ”ตินพูดเสียงเรียบ


“ว่าไงนะ จะบอกว่าหมอนี่เป็นหนึ่งในคู่ค้าแกรึไง...อ้อ...ลืมไปว่าคนอย่างคุณคณาธิปชอบค้าขายกับพวกล่างๆ ฉันไม่เคยเห็นหน้าหมอนี่มาก่อนด้วยซ้ำ”คำพูดเยาะเย้ยไม่ได้ทำให้ตินดูอารมณ์เสียตรงกันข้ามตินกลับยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวผมให้เข้าไปใกล้


“เขาไม่ใช่คู่ค้า...แต่เป็นมากกว่านั้น”พูดจบตินก็ขยับหน้าเข้ามาแนบกับแก้มผมเบาๆ


“ติน...”


“ก่อเรื่องเหรอแพน?”ตินก้มลงมากระซิบ


“ผมเปล่าทำนะ”ผมเอ่ยค้าน


“นี่แกจะบอกว่า...”ดูเหมือนการกระทำของผมและตินจะให้คำตอบคนตรงหน้าได้แล้วล่ะ


“หึ...เขาเป็นของฉันเพราะงั้นอย่ามายุ่ง”คำพูดเรียบๆของตินดังขึ้นพร้อมกับแสดงหลักฐานโดยการจูบเบาๆที่แก้มผม


“...”ผมได้แต่ยืนยิ้มค้างกับการกระทำของตินอยู่แบบนั้น


ให้ตายสิ


จะทำอะไรบอกกันก่อนไม่ได้รึไง


หัวใจผมเกือบหยุดเต้นไปแล้วเนี่ย


“ฮะฮะฮะ...ก็ว่าอยู่ว่าเล่นตัวชะมัด แบบนี้นี่เอง...เป็นเด็กของแกนี่เอง”คุณสรพงศ์นิ่งไปพักเดียวก็หัวเราะออกมาเสียงดัง


“ผมไม่ใช่เด็กติน”ผมบอกออกไป


คำว่าเด็กของตินให้ความรู้สึกไม่ดีเลย


“งั้นเป็นอะไรล่ะ”


“แพน...หยุด...”ตินพยายามเรียกแต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้ว


“ผมเป็นแฟนติน”


“อุ๊บ...ฮะฮะฮะ...ตลกมาก เป็นมุขที่ใช้ได้เลย โดนหลอกด้วยคำว่าแฟนน่าสงสารจริงๆ...เธอคิดผิดแล้วที่เลือกเข้าหามันถ้าเลือกฉันเธอคงได้ทุกอย่างที่ต้องการง่ายๆไม่ใช่กับพวกตายด้านแบบนั้น”


“อย่ามาว่าตินนะ...คุณมันจะรู้อะไร...คุณน่ะ...”


“แพน...พอแล้ว”ตินที่เงียบกระชับมือที่โอบตัวผมแน่นขึ้นก่อนจะเรียกชื่อ


“แต่ว่า...”ผมไม่ยอมหรอกนะ


เขากล้ามาพูดว่าตินแบบนั้นได้ยังไง


ตินไม่ใช่คนแบบนั้น


เขาไม่เคยหลอกผม


ไม่เคยสักครั้งเดียว


“พอแค่นี้เถอะคุณสรพงศ์...และทางคุณคณาธิปด้วย”เสียงทุ้มออกต่ำของชายในใช้ไม้เท้าพยุงเดินเข้ามายืนตรงกลางระหว่างพวกผมและคุณสรพงศ์ ด้านหลังของคนคนนี้มีคนดูแลอยู่เกือบ6คนได้


เหมือนจะเป็นคนสำคัญพอดู


“คุณประชาวี...มาก็ดีเลย สรุปว่าห้างทางฝั่งตะวันตกของโรงแรมนี้จะขายให้ใคร?”คุณสรพงศ์ถามชายวัยกลางคนเสียงนิ่ง


ผมที่ยืนนิ่งก็ได้แต่เบิกตากว้างขึ้นเมื่อรู้ว่าชายวัยเกือบชราตรงหน้าเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้และยังเป็นเจ้าของห้างที่ตินอยากได้ ที่น่าตกใจไม่ใช่แค่นั้น...คำพูดของคุณสรพงศ์ทำให้ผมรู้ว่าคนที่เป็นศัตรูและคอยรอบทำร้ายตินมาหลายต่อหลายครั้งเป็นคนคนเดียวกับที่ผมไม่อยากเข้าใกล้


“เรื่องนี้ฉันก็คิดหนักอยู่จนถึงเมื่อครู่...แต่ตอนนี้ฉันได้ข้อสรุปแล้วว่าจะขายให้กับคนที่ไว้ใจได้...หวังว่าคุณจะพัฒนาห้างนี้ให้เติบโตได้นะคุณคณาธิป”พูดจบเขาก็ยื่นมือมาตรงหน้าผม...ไม่สิ ตรงหน้าตินพร้อมรอยยิ้ม


“แน่นอนครับ...ขอบคุณที่เลือกเรา”ตินจับมือตอบพร้อมยกยิ้มขึ้นบางๆ


“ทำไม?!...ทำไมถึงเลือกมันแทนที่จะเป็นฉัน?!”คนที่ไม่ถูกเลือกตะหวาดลั่นงานจนเพลงที่เปิดคลออยู่ถึงกับเงียบลง


“ฉันต้องเลือกคนที่สามารถต่อยอดธุรกิจได้โดยไม่ใช้อารมณ์ ตอนแรกที่คุณเข้ามาติดต่อจะซื้อห้างต่อฉันก็พอรู้ข่าวเกี่ยวกับอารมณ์ของคุณมาบ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้ การทำธุรกิจน่ะใช้อารมณ์แบบนั้นไม่ได้หรอกนะ”ชายสูงวัยเจ้าของโรงแรมหันไปพูดด้วยความสุภาพ


“ฉันก็ทำของฉันมาแบบนี้ ไม่เห็นมีใครบ่นสักคำ...เฮอะ...ฉันก็ไม่ได้อยากได้ห้างเก่าๆนี่เท่าไหร่หรอก”พูดจบก็เตรียมจะหันหลังเดินไปแต่ก่อนไปก็หันมาทางตินอีกรอบ


“แก...คณาธิป...ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่...ทั้งแก...แฟนแก...ฉันจะเอาคืนให้สาสม!”


สิ้นเสียงตะโกนคนทั้งงานก็ตกอยู่ในความเงียบอันหน้าอึดอัด แต่พอเจ้าของคำขู่นั่นจากไปบรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นทีละน้อย...เพลงที่ถูกปิดก็ค่อยๆถูกเปิดคลอเบาๆอีกครั้ง


“ขอโทษด้วย...ฉันไม่คิดว่าเขาจะมา”คุณประชาวีเอ่ยกับตินตามตรง


“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกครับ”


“ไว้จะส่งสัญญาไปให้นะ...ฉันขอตัวก่อนล่ะ ไม่ไหวเลยพออายุมากก็รับเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยได้ ปวดหัวจริงๆ”เจ้าของโรงแรมบ่นไปพลางเรียกให้คนดูแลสองคนมาช่วยพยุงออกจากห้องไปอีกคน


“เฮ้อ...เพราะแบบนี้ถึงไม่อยากให้หมอนั่นเจอนายไง”ตินพึมพำเสียงเครียด


“ติน...”


“กลับห้องเถอะ...อิ่มแล้วใช่ไหม”ตินถามก่อนจะเดินจูงมือผมออกไป


“ถ้าบอกไม่อิ่มจะทำยังไงล่ะ”


“เดี๋ยวสั่งขึ้นไปให้”ตินบอกโดยที่ยังไม่หยุดเดินทั้งกายและจิมต่างก็เดินตามมาเงียบๆ


“สั่งของตินด้วยนะ”ผมหันไปบอกยิ้มๆ


“ทำไม”


“ตินยังไม่ได้กินอะไรนี่...เดี๋ยวเป็นโรคกระเพราะหรอก”


“ฉันไม่หิว”ตินบอกปัดก่อนจะเข้าไปในลิฟต์


“นี่จิม”ผมเปลี่ยนไปเลยจิมหลังจากที่เข้ามาในลิฟต์แล้ว


“ครับคุณแพน”


“สั่งอาหารขึ้นมาให้หน่อยนะ...เผื่อของตินด้วย”ในเมื่อตินบอกปัดผมก็ต้องหาวิธีให้เขากิน


“จิม...ไม่ต้องเผื่อ”ตินบอกบอดี้การาดคนสนิทเสียงเข้ม


“เอ่อ...”


“จิม...ต้องเผื่อนะ...จิมก็เห็นนี่ว่าตินยังไม่ได้กินอะไรเลย ขืนตามใจบ่อยๆตินต้องป่วยแน่ๆ”ผมรีบพูดต่อเมื่อเห็นว่าจิมเริ่มลังเลระหว่างผมกับเจ้านายตัวเอง


“จิม”


“จิม”ผมกับตินต่างเรียกชื่อเดียวกันออกมาอย่างไม่นัดหมายทำเอาคนถูกเรียกชื่อต้องยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความหนักใจ


“กาย...เอาไงดี”พอตัดสินใจเองไม่ได้ก็หันไปขอความเห็นกายที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ


“แล้วแต่สิ”คำตอบที่ได้ดูจะไม่ช่วยคนถามสักเท่าไหร่


“จิม...เชื่อที่ผมพูดนะ...เวลาตินไม่กินมื้อเย็นจะชอบปวดท้องตอนกลางคืนตลอด ผมที่อยู่ด้วยไม่โกหกแน่นอนเพราะงั้น...”


“ฉันไม่เคยปวดท้องตอนกลางคืน”ตินรีบพูดแทรกเมื่อเห็นผมโกหก


“ชิ...”ผมได้แต่แอบทำหน้าไม่พอใจเมื่อถูกจับได้


“เอ่อ...เอางี้นะครับ...ยังไงคุณแพนก็สั่งเยอะอยู่แล้วเพราะงั้นคงไม่ต้องสั่งเผื่อคุณตินแต่แบ่งของคุณแพนให้คุณตินแทนสิครับ”จิมเองก็พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้ถูกทั้งผมหรือตินโกรธ


แม้ในความจริงผมจะไม่เคยโกรธก็ตาม


“แบบนั้นก็ได้...ขอบคุณนะจิม”


“...ครับ”


จากนั้นผมก็เดินตามตินเข้าไปภายในห้องบนชั้น35...ทันทีที่เข้ามาผมก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อย ตั้งแต่ที่ไปเดินริมหาดทรายเส้นผมสีเขียวก็ทั้งพันกันแถมยังเหนียวไปหมด...ผมกะจะอาบก่อนไปงานแต่ตินก็บอกว่าไม่มีเวลาแล้วเลยจำใจต้องมัดเส้นเหนียวๆของตัวเองลงไปร่วมงาน


ผมว่าเวลาน่ะมีแต่ตินคิดจะแกล้งผมเท่านั้นแหละ


“ติน...ผมอาบเสร็จแล้วเข้าไปอาบเลย”ผมออกมาเรียกตินที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้อง


“ก่อนไปฉันมีเรื่องจะคุยให้ชัดๆก่อน...มานั่งนี่”พูดจบก็ชี้ไปยังด้านข้างตัวเองที่ว่างอยู่


“มีอะไรเหรอ?”ผมถาม


“ไปรู้จักกับหมอนั่นตอนไหน”ตินถามเสียงเครียด


ผมรู้ว่าหมอนั่นที่ตินหมายถึงคือใคร


“เจอตอนที่ลงไปเดินเล่นริมหาด”


“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า...ตอนนั้นท่าทางนายไม่ค่อยดี”


“จะบอกว่าเกิดก็คงเกิดแหละ”


“อธิบายมาชัดๆ...หมอนั่นทำอะไรนาย”ใบหน้าตินเริ่มหงุดหงิดขึ้นเมื่อพูดถึงคุณสรพงศ์


“ติน...ผมเคยบอกใช่ไหมว่าเทพอย่างพวกเรารับรู้ถึงความรู้สึกของมนุษย์ได้...กับคนคนนั้นเองก็เหมือนกัน ความรู้สึกที่รับรู้ได้คือไม่ดี”


“ไม่ดี?”


“อืม...ผมไม่อยากตีความของคำว่าไม่ดี...แต่ก็ไม่ดีอย่างที่บอกแหละ...ความต้องการของเขารุนแรงจนผมไม่อยากอยู่ใกล้ที่คุณเห็นผมไม่ปกติเพราะเรื่องนี้”


“หมายความว่าเข้าใกล้แล้วรู้สึกไม่ดี?”


“ประมาณนั้น...ผมพึ่งเคยเจอมนุษย์ที่ให้ความรู้สึกแย่แบบนี้ครั้งแรก ติน...ผมไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับเขาเลย”ผมบอกสิ่งที่คิดออกไป


ถ้าตินไปยุ่งกับเขามันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ


และต้องไม่ใช่เรื่องดีด้วย


คำขู่ก่อนออกไปนั่นเป็นหลักฐานอย่างดี


“ฉันก็ไม่ได้อยากยุ่ง...แต่อีกฝ่ายชอบมายุ่งกับฉันเอง อย่างงานนี้ก็คิดจะเข้ามาแย่งห้างที่เล็งไว้”


“ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยถ้าเขามาอยู่ใกล้”


“ไม่ต้องห่วง...ฉันไม่ยอมให้หมอนั่นทำอะไรนายหรอก...”


“ไม่ต้องมาห่วงผม...ห่วงตัวเองเถอะติน คุณน่ะอยู่ในอันตรายนะ”ผมพูดขัด ตินควรจะห่วงตัวเองมากกว่าจะมาห่วงผม


ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกต่อให้เจ็บขนาดไหนก็ไม่ตาย


แถมด้วยพลังที่มีทำให้สามารถรักษาได้ทันทีอีก


พูดถึงรักษาผมก็ยกแขนข้างที่ถูกบีบอย่างแรงขึ้นมา รอยสีแดงเป็นจ้ำบนแขนดูเหมือนจะเรียกความสนใจของตินพอสมควร เขาเอื้อมมือมาคว้าแขนผมไปมองใกล้ด้วยสายตาที่หงุดหงิดอยู่พอสมควร


“เจ็บมากเลยใช่ไหม”ตินถามเสียงเบา


“อืม...แต่ไม่เป็นไร”


“ไม่เป็นไรที่ไหน...เดี๋ยวจะให้กายมาทำแผลให้”


“ไม่ต้องหรอก”ผมส่ายหน้าไปมาเพื่อย้ำสิ่งที่พูด


“ทำไม”


“คุณลืมแล้วเหรอว่าผมเป็นใคร”พูดจบผมก็ใช้มืออีกข้างทาบลงบนรอยแดงก่อนจะตั้งสมาธิ แสงสีเขียวอ่อนที่ปรากฏขึ้นนั้นช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่มีให้หายไป


ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดแต่รอยแดงก็หายไปเช่นกัน


“ติน...ผมน่ะไม่เป็นหรอก ไม่ต้องห่วงผมขนาดนี้...ผมอยากให้ตินห่วงตัวเองให้มากๆเพราะชีวิตที่ผมช่วยยืดให้มันอาจไม่มีเป็นครั้งที่2แล้ว”เทพเมื่อได้ช่วยชีวิตมนุษย์ไปครั้งหนึ่งก็จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะหมดอายุไข แต่ในระหว่างนั้นถ้ามีการบาดเจ็บที่สาหัสมากๆพวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากช่วยรักษาอย่างสุดความสามารถที่เทพองค์นั้นๆมี


พลังที่จะช่วยฟื้นชีวิตมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น


ดังนั้นถ้าเกิดตินถูกยิงที่หัวใจอีกรอบต่อให้เป็นผมก็ไม่อาจช่วยอะไรได้อีก


“แพน...”


“สัญญานะว่าจะดูแลตัวเองดีๆ”


“...เข้าใจแล้ว...แต่นายก็ต้องสัญญาด้วย”


“สัญญาอะไร”


“ต่อจากนี้ถ้าจะไปไหนต้องบอกกันก่อนทุกครั้ง ที่หนีลงไปเดินเล่นนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ฉันจะดูแลตัวเองดีๆในทางกลับกันนายก็ต้องดูแลตัวเองด้วย...แค่นี้ได้ไหม”คำพูดของตินกับสัมผัสของฝ่ามือที่เอื้อมมาลูบแก้มเบาๆนั้นทำให้ผมได้แต่พยักหน้ากลับไปเบาๆด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


ตินเป็นห่วงผม


ไม่ใช่ห่วงธรรมดาแต่ห่วงมากด้วย


“ดีมาก...ฉันไปอาบน้ำล่ะ ถ้าอาหารมาก็กินไปก่อนเลย”ตินพูดก่อนจะลุกจากโซฟาไป


“กินก่อนน่ะได้แต่ถ้าคุณไม่ยอมออกมากินละก็...”


“ก็?”


“ผมจะยกทั้งจานเข้าไปยัดปากคุณในห้องน้ำ”ผมประกาศลั่นด้วยใบหน้าจริงจัง


“หึ...อยากเห็นฉันโป๊บอกดีๆก็ได้”ทั้งที่ทำหน้าจริงจังแต่ตินกลับกวนผมกลับเหมือนเคย


“ใครจะอยากดูกัน”


“คนไม่อยากดูไม่พูดว่าจะตามไปถึงในห้องน้ำหรอกนะ”


“คุณนี่มัน...”


“เอาที่สบายใจเลยครับท่านเทพ”


“ติน!”ผมตะโกนไล่หลังน้ำเสียงยียวนกวนโมโหนั่น บนโซฟาที่มีหมอนอิงวางอยู่ถูกผมหยิบขึ้นมาแล้วเขวี้ยงไปหาตินเต็มแรงแต่อีกฝ่ายทำเพียงเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมายักคิ้วให้พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ถูกปิดลง


น่าโมโหที่สุด


คอยดูนะผมจะเอาข้าวยัดปากให้ท้องแตกไปเลย




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 06-08-2017 15:45:44
(ต่อนะคะ)


เช้าของวันต่อมาผมออกมายืนรับลมร้อนของแสงแดงตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น...เทพอย่างพวกเราไม่จำเป็นต้องนอนแต่เพราะมาอยู่กับตินแบบนี้ผมเลยต้องนอนบ้างแต่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตื่นแล้ว กลิ่นของลมที่พัดมาจากทะเลทำให้ทั้งร่างผมรู้สึกเหนียวๆขึ้นมาอีก


เส้นผมสีเขียวเข้มปลิวไสวไปตามแรงลม บางครั้งก็ตีหน้าผมจนต้องหลังหน้าหนี


“แพน”เสียงของตินดังขึ้นก่อนที่ร่างบนเตียงจะลุกขึ้นนั่ง


ห้องพักนี้เปิดเข้ามาก็มีเตียงขนาดใหญ่อยู่ริมห้องโดยที่ด้านข้างมีประตูเลื่อนให้เดินออกมารับลมบริเวณระเบียงได้เหมือนที่ผมยืนอยู่นี่ ห้องน้ำเองก็อยู่ถัดจากประตูทางเข้ามาเล็กน้อย


“นอนต่ออีกเดี๋ยวก็ได้ติน...นี่พึ่ง7โมงเอง”ผมเลื่อนประตูก่อนจะชะโงกหัวเข้าไปด้านใน


“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวต้องกลับไปประชุมอีก”


“ประชุมกี่โมง”


“10โมง”


“ห๊ะ?...แล้วจะกลับทันเหรอ”กว่าจะไปถึงก็ต้องรถติดอีกเท่าไหร่แค่3ชั่วโมงไม่ทันแน่ๆ


“ไม่เป็นไรน่า...สั่งอะไรมากินสิ”ตินลุกขึ้นจากเตียงในสภาพเส้นผมสีดำเด้งขึ้นเป็นหย่อมๆ


“คุณจะกินอะไรล่ะเดี๋ยวผมสั่งให้”พูดจบก็เดินเข้าไปตินแล้วเอื้อมมือไปจับผมที่กระดกขึ้นมา


“ฉันไม่...”


“ถ้าบอกว่าไม่กินหรือไม่หิวเตรียมเจอมื้อใหญ่ได้เลย”ผมพูดแทรกด้วยใบหน้าจริงจัง


“แม่ฉันยังไม่ทำขนาดนี้เลย”ตินแอบบ่น


“ผมได้ยินนะ”


“ก็พูดให้ได้ยินน่ะสิ”


“ติน”


“...เอาแซนด์วิชทูน่า”สุดท้ายตินก็ยอมบอกสิ่งที่จะกินแม้จะมีการถอนหายในยาวตามมาก็ตาม


“ดีมาก”


จากนั้นผมก็โทรไปสั่งแซนด์วิชขึ้นมาโดยบอกให้ใส่กล่องจะได้กินระหว่างขับรถกลับได้สะดวก ขืนเสียเวลากินมื้อเช้าคงได้ถึงนู่นเที่ยงพอดี


รถยนต์คันสีดำเงาแล่นออกสู่ถนนใหญ่โดยที่ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมมองออกไปด้านนอกชมวิวทะเลที่ค่อยๆหายไป ผ่านไปสักพักบางอย่างก็เริ่มไม่ปกติ...ทุกครั้งที่ผมนั่งรถนี่ก็แทบไม่มีเสียงพูดคุยอยู่แล้วแต่ครั้งนี้ดูจะมีบรรยากาศแปลกๆแผ่ออกมา


“ติน”ผมหันไปเรียกตินที่นั่งขมวดคิ้วอยู่ด้านข้าง


“อะไร”อีกฝ่ายพยายามตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงปกติแต่ก็หลอกผมไม่ได้หรอก


“เกิดอะไรขึ้น?”ผมถามออกไปตามตรง


“รู้ด้วย?”ถึงจะเหมือนคำกวนแต่ใบหน้าของตินไม่ได้เล่นด้วย


“อืม...ทุกคนแผ่บรรยากาศแปลกๆออกมา”


“...มีรถขับตามมาตั้งแต่ออกจากโรงแรม”คำพูดนั้นทำให้ผมเตรียมจะหันกลับไปมองด้านหลังแต่ก็ถูกมือของตินจับไว้ก่อนจะพูดต่อ...


“อย่าหันไปเดี๋ยวพวกมันรู้ตัว”


“แต่ว่า...”


“อยู่เฉยๆ...เดี๋ยวกายจะสะลัดพวกมันให้หลุดเอง”พูดถึงตรงนี้ตินก็ก้มหน้าลงมาชิดผมพร้อมกับกระซิบบางอย่างให้ได้ยินกันแค่สองคน


“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น...กลับไปอยู่ในร่างเทพซะ”


“ติน...”ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายทันที


“เข้าใจนะ”


“แต่...โอ๊ะ!”สิ่งที่กำลังจะพูดถูกกลืนเข้าไปในคอเมื่อกายที่เป็นคนขับรถเพิ่มความเร็วขึ้นพร้อมกับเลี้ยวรถฝ่าไฟเหลืองด้วยความเร็วสูง


กระจกมองหลังที่ผมมองอยู่เห็นได้ว่ามีรถสีดำอีก2คันฝ่าไฟแดงตามมาติดๆ ด้วยฟิล์มสีดำที่ติดไว้บนรถทำให้มองไม่ให้ว่าคนขับเป็นใครรวมทั้งมีจำวนเท่าไหร่ แต่ถึงจะไม่รู้ก็เดาได้ว่าไม่ได้มาน้อยๆแน่


ถนนที่เลี้ยวเข้ามามีรถแล่นอยู่บางตากายเลยสามารถเพิ่มความเร็วได้มากกว่าเดิม จิมที่นั่งอยู่ด้านข้างก็หยิบวัตถุสีดำที่เหน็บไว้ตรงกางเกงขึ้นมา...แววตาขี้เล่นที่มักแสดงออกมาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว


“เล็งที่ล้อรถ”ตินพูด


“ครับ”จิมพยักหน้าก่อนจะลดกระจกด้านข้างลงแล้วเล็กปืนไปยังรถที่อยู่ด้านหลัง


ปัง!


เอี๊ยด!


ทันทีที่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นรถคันหนึ่งที่ตามมาก็ชะลอความเร็วพร้อมกับตัวรถที่ส่ายไปมาราวกับควบคุมไม่ได้ นั่นแปลว่าเพียงนัดเดียวก็สามารถเล็งโดนล้อรถได้


ปัง!


ปัง!


“หมอบลง”ตินสั่งแล้วจับหัวผมกดลงบนตัก


ดูจากเสียงปืนคงเป็นของรถอีกคันที่ยังตามมาติดๆ ผมลอบสงเกตเหตุการณ์ด้วยกระจกมองหลัง...ภาพของคนในชุดดำประมาณสามสี่คนเล็กปืนตรงมาทางรถที่พวกเราอยู่


ปัง!


ปัง!


จิมเองก็ยิงตอบโต้กลับไประหว่างนั้นก็หันไปมองกายเป็นเชิงขอความเห็นว่าจะเอายังไงดี


“ฉันขับรถอยู่...ต้านไว้จิม”


“อย่าพูดเหมือนง่ายสิ...นี่มันถูกรุมชัดๆ”จิมบ่นแล้วหันไปยิงตอบโต้


“เดี๋ยวฉันช่วย”ตินที่เงียบอยู่ๆก็พูดขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบปืนที่อยู่ใต้เบาะขึ้นมาเตรียมพร้อม


“คุณติน”


“กายระวังอย่าให้รถถูกยิงล้อ”ตินสั่งก่อนจะขยับตัวไปยังหน้าต่างรถ


“ตินให้ผม...”


“อยู่เฉยๆแพน”ยังไม่ทันได้พูดอะไรตินก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมาทำให้ผมได้แต่อยู่นิ่งๆตามเดิมทั้งที่อยากจะช่วยอะไรบ้างแท้ๆ


ปัง!


ปัง!


เอี๊ยดดด


ยิงโต้ตอบกันสักพักรถก็เริ่มส่ายไปมาอย่างรุนแรงจนกายสถบออกมาด้วยความไม่พอใจแต่ยังคงพยายามพยุงรถที่น่าจะถูกยิงล้อหลังให้ขับต่อไปแม้ว่าจะลำบากมากก็ตาม


“คุณตินครับ”กายเรียกด้วยน้ำเสียงเหมือนขอคำสั่ง


“จอดรถแล้วลงไปจัดการให้จบ”เพียงแค่ได้ยินคำสั่งนั้นกายก็เหยียบแบรกแล้วหมุนรถกลับจนรถสีดำเงาหยุดนิ่งพร้อมกับปืนที่ถูกหยิบขึ้นมาเตรียมพร้อม


รถอีกคันที่ตามมาหยุดลงก่อนจะเปิดประตูอ้าออก กลุ่มคนประมาณ6คนออกมาพร้อมอาวุธปืนในมือ...ทางตินเองก็เปิดประตูออกเช่นกันโดยมีจิมอยู่ทางขวาและกายกับตินอยู่ทางซ้าย


ผมได้แต่อยู่ในรถมองดูภาพการต่อสู้อันเสียเปรียบนี่เท่านั้น


ไม่ชอบเลย


ปัง!


ปัง!


เสียงกระสุนยิงเข้าบริเวณประตูดังขึ้นติดๆกันโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด


“โธ่เว้ย...คุณน่าจะให้ผมเก็บหมอนั่นตั้งแต่ในงานนะครับคุณติน!”กายตะโกนพร้อมกับยิงสวนกลับไป


“ขืนยิงตรงนั้นก็เป็นปัญหาน่ะสิ”


“แต่เพราะปล่อยไว้เลยเป็นแบบนี้ไงครับ”กายพูดต่อ


“คนที่ยิงคือคุณสรพงศ์เหรอ?”ผมถามตินออกไป


“หมอนั่นไม่มาด้วยตัวเองหรอก...คงเป็นพวกลูกน้อง”ตินตอบกลับ


ผมได้แต่ฟังแล้วก็เม้มปากแน่นเพราะไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เลย...ปืนก็ยิงไม่เป็น อยากจะช่วยแต่ถ้ามีคนรู้ถึงพลังที่มีมันจะลำบากได้


“...งั้นถ้าไม่รู้ก็เป็นไรสินะ”ผมพึมพำกับตัวเอง


“แพน...ว่าไงนะ?”ตินหันมาถามเสียงเข้ม


“ผมจะช่วย”


“อยู่เฉยๆซะ”


“ไม่!”ผมส่ายหน้าปฏิเสธ


“แพน”


“ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณ”ผมตอบก่อนจะหันไปสบดวงตาสีฟ้าสดด้านข้างอย่างแน่วแน่


ในเมื่อไม่ใช่ลูกน้องคำสั่งนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม


ผมขยับตัวออกมาจากรถโดยมีตินพยายามดันผมให้กลับเข้าไปแต่เพราะความดื้อดึงสุดท้ายผมก็สามารถลงมาอยู่บนพื้นถนนข้างๆตินได้สำเร็จ


“ดื้อ”


“ผมแค่อยากช่วย”


“นายจะช่วยอะไรได้”


“ได้สิ...”ต้องทำอะไรสักอย่างแต่จะให้คนรู้สึกพลังนี้ไม่ได้


ผมคิดกับหันไปด้านข้างที่มีต้นไม้ทั้งใหญ่และเล็กอยู่ เกาะกลางถนนที่กว้างเกือบ2เมตรมีต้นไม้ปลูกอยู่ยาวตลอดทาง สิ่งที่เห็นทำให้ผมยิ้มออกก่อนจะพุ่งตัวไปหลบหลังต้นไม่ท่ามกลางเสียงปืนที่ไล่หลังมา


“แพน!!”


ปัง!


ปัง!


“เฮ้อ...เกือบไปๆ”ผมหย่อนตัวลงนั่งพิงหลังเข้ากับต้นไม้แล้วหันไปโบกมือให้ตินว่าไม่เป็นไร ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงอย่างน่ากลัวที่ผมทำอะไรโดยไม่บอก...รู้ได้เลยว่าถ้าจบเรื่องคงถูกบ่นยาวแน่


เอาเถอะ


ตอนนี้ต้องช่วยตินก่อน


ฝ่ามือทั้งสองข้างถูกวางทาบลงบนพื้นหญ้าพร้อมกับผมที่สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด เสียงของต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่บริเวณโดยรอบดูจะรับรู้ถึงตัวตนของผมได้เลยส่งเสียงบอกว่าจะให้ยืมพลังซึ่งนั่นทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ


“ขอบคุณ...ขอผมยืมพลังหน่อยนะ”แสงสีเขียวอ่อนสว่างวาบเพียงแค่พริบตาเดียวก่อนต้นไม้ที่อยู่ใกล้กับเหล่าชายชุดดำนั่นจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจากที่มีแค่ใบกลับปรากฏรวงของดอกไม้ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นผลขนาดกลางที่สุกเต็มที ผลสีน้ำตาลแดงตกใส่ทั้งรถและเหล่าคนที่อยู่ด้านใต้ติดต่อกันราวกับตั้งใจ


เสียงสบถจากด้านนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงปืนที่หยุดลง...ความจริงก็อยากจะใช้วิธีที่รุนแรงกว่านี้แต่ถ้าทำจริงจะมีคนสงสัยได้ ถึงวิธีแบบนี้จะทำให้คนสงสัยไม่ต่างกันก็เถอะ


“แพน!”ผมหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะพบกับตินที่ก้าวมาหาผมด้วยใบหน้าตึงๆ


เห็นแบบนั้นผมก็เริ่มมีสีหน้าสำนึกแล้วเตรียมเดินเข้าไปหาตินแต่ก่อนจะไปผมก็หันไปเห็นว่ามีหนึ่งในชายชุดดำเล็งปืนมาทางติน
“คุณติน!”กายเองก็รีบตะโกนบอกแล้ววิ่งมาแต่ดูจากระยะทางคงไม่ทัน


ในวินาทีนั้นผมไม่หลงเหลืองสติที่ใช้คิด ร่างกายมันไปเองโดยที่ไม่รู้ตัว...สิ่งที่อยู่ในหัวมีเพียงจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายตินได้
ภาพของตินที่นอนจมกองเลือดเมื่อถูกยิงทะลุหัวใจครั้งนั้นผมไม่อยากเห็นอีก


ถ้าครั้งนี้เขาถูกยิงที่หัวใจอีกต่อให้เป็นเทพอย่างผมก็ไม่อาจคืนชีวิตให้ได้อีกแล้ว


คนที่ผมเลือกที่จะช่วย


ชีวิตที่ผมได้มอบให้อีกครั้ง


จะไม่ยอมให้ใครมาพรากมันไปตราบเท่าที่ผมยังอยู่ข้างเขา


ปัง!


“แพน!!!”
...............................................................

จบไปอีกหนึ่งตอนนน

เราพอเดาคอมเม้นท์ได้เลยว่าจะมีเขียนอะไรบ้าง 55

ตอนนี้อาจค้างไปนิด//ความจริงก็ไม่นิด

ใครอ่านผลงานเราคงพอจะรู้ว่าเราค่อนข้างชอบฉากบู๊ๆ แต่เทพแพนนั้นบู๊ได้ไม่มากเลยเอาแค่เบาะๆ

ช่วงนี้เราเริ่มออกสหกิจศึกษาเลยไม่มีเวลาแต่งนักแต่จะพยายามอัพให้ได้ตามปกตินะคะ

อาจมีบางอาทิตย์ที่ไม่ได้ลงแต่จะบอกล่วงหน้าค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 06-08-2017 16:20:29
 :a5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 06-08-2017 16:38:46
เฮ้ยยยยยยยเฮ้ยยยยยยย ไม่นะะะ แพนนนนนนนน  :katai1: :ling3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-08-2017 17:14:53
แพน ไม่เป็นไรนะ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-08-2017 17:22:16
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-08-2017 17:27:14
กระสุนจะทะลุตัวแพนไหม
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 06-08-2017 18:57:00
ทำไมอย่างนี้อ่าาาาาา มันค้างรู้ไหม แพนจ๋าาา ฮือออออ~ มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 06-08-2017 18:58:03
ม่ายยย อย่าทำร้ายเราแบบนี้เลย  :dont2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 06-08-2017 21:04:48
นั่นค้างงงง ตลอดดดดด
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 06-08-2017 22:35:42
แพนเป็นไรมั้ยอ่ะ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: InYume ที่ 06-08-2017 22:43:59
แพน  :katai1: :mew6:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 06-08-2017 22:59:37
แพนจะเป็นอะไรไหม เง้อออ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 06-08-2017 23:25:10
5555
แบบนี้ก็ได้เหรอค่ะใจร้ายจังเลยอิอิ
รออ่านะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-08-2017 23:29:00
 :katai2-1: :hao7: :katai2-1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-08-2017 04:05:08
ชอบพลังแพนน่ารักมากกกก ทีนี้ถ้าโดนยิงจะรักษายังไง หมอรักษาไม่ได้ใช่ไหม  :hao7:


สังเกตว่าช่วงสองสามตอนมานี้คำผิดมีเยอะกว่าปกตินะคะ อยากให้คนเขียนเช็คบางคำที่ไม่แน่ใจว่าเขียนยังไงให้ชัวร์ค่ะ บางตอนอ่านไปก็สะดุดเลยรู้สึกแปลกๆบ้าง พวก ร กับ ล เช่นคำว่า ลุกขึ้น เป็น ล นะคะ ไม่ใช่ รุก อีกคำนึง กระเพาะ ที่เป็นอวัยวะไม่มี ร ค่ะ อยากให้นิยายอ่านแล้วภาษาลื่นไม่มีช่วงไหนสะดุดค่ะ เราชอบเรื่องนี้มาก เป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: DZiik ที่ 07-08-2017 09:05:28
แพนนนน  :o12:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 07-08-2017 12:30:11
แพนโดนยิงหรือเปล่า?!!!
แต่แพนเป็นเทพ ยังไงก็คงไม่เป็นไร ใช่ไหม...
ฮรืออออ เอาใจช่วยแพนนะ แพนคนดีต้องไม่เป็นอะไร
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่14♣} 6/08/60 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 08-08-2017 14:13:11
แพนนี่คือเทพแห่งการกินจริง ๆ
ปกติเทพรักษาตัวเองได้ ดังนั้นเราจะไม่ห่วง แต่นี่แพนใช้พลังไปเยอะแล้ว จะเหลือรักษาตัวเองไหมนี่สิ น่าห่วง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 13-08-2017 11:19:16
สัมผัส{❤}ครั้งที่15




ดวงตาสีฟ้าของเจ้าประธานบริษัทอย่างผมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นภาพของแพนวิ่งเข้ามาบังร่างผมไว้พร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นในวินาทีเดียวกัน ร่างของแพนค่อยๆทรุดลงกับพื้นแล้วล้มลงทั้งที่ผมได้แต่มองภาพนั่นราวกับหัวใจจะหยุดเต้น


“แพน!!”ผมตะโกนเรียกแล้วอุ้มร่างนั้นขึ้นมาแนบอก เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผมเลือกให้อีกฝ่ายตอนนี่ถูกย้อมเป็นสีแดงสดบริเวณกลางหน้าอกใกล้กับหัวใจ


เพียงแค่เห็นใบหน้าขาวที่เริ่มซีดโดยที่ริมฝีปากบางกระอักเลือดออกมาเล็กน้อยผมก็คว้าปืนที่เหน็บไว้ด้านหลังขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าเป้าหมายที่ปืนกระบอกนี้เล็งไปคือคนที่กล้ายิงมายิงแพนของผม


ปัง!


ไม่มีความลังเล


ไม่มีความเมตตา


ไม่มีแม้ความสงสาร


ความรู้สึกเหล่านั้นหมดไปตั้งแต่ผมเห็นร่างของแพนทรุดลงไปแล้ว


“คุณติน”กายวิ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับมองดูแพนที่ถูกผมประคองไว้


ปัง!


ปัง!


“รักษาเบื้องต้นได้รึเปล่า?”ผมถามกายที่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกเพื่อดูบาดแผล


“ขอเวลาสักครู่...กระสุนถูกยิงเข้าที่กลางหน้าอกบริเวณนี้มีเส้นเลือดใหญ่อยู่อันตรายมากครับ...การปฐมพยาบาลคงไม่ช่วยอะไรต้องรีบพาไปโรงพยาบาลและผ่าตัดโดยเร็วที่สุด”


“...”คำพูดที่ได้ยินยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นลงไปจริงๆ


อาการของแพน...สาหัสมาก


“คุณติน”


“ทางนั้นไปถึงไหนแล้ว...ตามไปช่วยกาย”ผมหันไปถามจิมที่วิ่งเดี่ยวไปยังรถที่ตามมาเพียงลำพัง


“ผมว่าไม่ต้องหรอกครับ...จิมกลับมาแล้ว”กายบอกโดยที่สายตามองไปยังจิมที่วิ่งเข้ามาสมทบ ใบหน้าของเขามีบาดแผลพอประมาณแต่ไม่ได้สาหัสอะไร


“จัดการหมดแล้วครับ”จิมอธิบาย


“จัดการเรื่องตำรวจด้วย”


“ได้ครับ...ทางนี้ผมจัดการเองรีบพาคุณแพนไปโรงพยาบาลเถอะครับ”จิมพูดต่อ


“อืม”ผมพยักหน้าแล้วเตรียมอุ้มร่างของแพนขึ้น


“อึก...แค่ก...แค่ก...”เสียงไออย่างรุนแรงดังขึ้นพร้อมกับเลือดที่ออกมา ดวงตาสีเขียวอ่อนค่อยๆลืมขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนจะมองไปรอบๆและหยุดอยู่ที่ผม


“แพน...เดี๋ยวจะพาไปโรงพยาบาล”ผมรีบบอก


“แค่ก...ติน...ติน...”เสียงนุ่มพยายามเอ่ยเรียกผมทั้งที่แทบไม่มีแรง


“ไม่เป็นไรแล้ว”


“คุณ...ไม่เป็นไร...อึก...นะ”คำพูดของคนอาการสาหัสในอ้อมแขนสร้างความเจ็บปวดที่หัวใจได้อย่างดี


ตัวเองเจ็บขนาดนี้ยังมาห่วงกันอีกงั้นเหรอ


“ติน...แค่ก...บอกผม...”


“ฉันไม่เป็นไร...นายสิที่แย่น่ะ”ผมตอบเสียงเบา ตอนนี้ต้องรีบพาไปโรงพยาบาล


“...ผมไม่เป็นไร”


“ไม่เป็นที่ไหน...เงียบซะแพน”ขืนพูดมากเลือดได้ไหลหมดตัวพอดี


“กายเรียกรถ”ผมหันไปสั่ง


“ครับ”


ไม่นานรถแท็กซี่ก็มาจอดด้านหน้า ผมรีบพาร่างของแพนเข้าไปโดยบอกให้กายอยู่ช่วยจิมที่นี่...ตอนแรกกายก็ไม่เห็นด้วยเพราะมีความเป็นไปได้ที่อาจเจอศัตรูอีกแต่พอถูกสายตาแข็งๆมองไปกายก็ต้องยอมในที่สุด


“...ติน...อึก...จะพาไปไหน”


“ไปโรงพยาบาล...ทนหน่อยใกล้ถึงแล้ว”


“ไม่ไป...”


“แพน”มาดื้ออะไรตอนนี้เนี่ย


“ผมทนถึงนั่นไม่ไหว...”


“อย่ามาพูดบ้าๆนะ...อยู่เงียบๆแล้วมองฉันแพน”อย่าพูดเหมือนกำลังจะจากไปแบบนั้น


“ติน...พาผมไปที่ที่มีต้นไม้เยอะๆที”แพนเอ่ยออกมาโดยที่ดวงตาสีเขียวอ่อนนั่นใกล้ปิดเต็มที


“แพน...”หมายความว่าไง


“ขอร้อง...”


“ถ้าไปแล้วนายจะไม่เป็นไรใช่ไหม”ผมถามย้ำ


“...อืม...”แพนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วส่งยิ้มบางๆมาให้


“พาไปที่ที่มีต้นไม้เยอะๆ เอาที่ใกล้ที่สุด”ผมตะโกนบอกคนขับรถด้านหน้า


ใช้เวลาไม่ถึง5นาทีรถแท็กซี่ก็หยุดลงหน้าป่าชายเลนติดกับชายทะเล ตอนนี้พวกเราคงอยู่แถวตัวเมืองชลบุรี...ต้นไม้ที่พอหาได้คงมีแต่ป่าชายเลนแบบนี้


พอจ่ายเงินเสร็จผมก็อุ้มแพนเดินไปตามสะพานที่ถูกสร้างด้วยไม้ สองข้างทางที่เดินผ่านเต็มไปด้วยต้นไม้หลายสายพันธ์...เสียงหายใจแรงๆที่ได้ยินตลอดทางเริ่มเงียบลงจนผมต้องก้มลงมองอีกฝ่ายอยู่ตลอด


“แพน...ต้นไม้แบบนี้ได้ไหม”ผมเอ่ยถามเมื่อเดินมาสักพัก


“อืม...”


“อย่าหลับตาแพน”ผมรีบปลุกเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ตื่น


“...ไม่เป็นไร...โยนผมลงไปได้ไหม...”


“จะฆ่าตัวตายรึไง”ใครจะทำแบบนั้นกัน


“...ไม่โยนงั้นช่วยวางผมไว้ติดกับต้นไม่หน่อย”


“คิดจะทำอะไรน่ะ”


“...เร็วติน...”


“ได้ๆ...”ผมรีบมองหาต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด โชคดีที่ทางเดินนี่สร้างขึ้นโดยมีบางส่วนติดกับต้นไม้ใหญ่ผมเลยสามารถวางร่างของแพนพิงกับต้นไม้ต้นนั้นได้


เมื่อวางเสร็จแสงสีเขียวอ่อนก็ค่อยปรากฏขึ้นล้อมร่างกายของแพนไว้ แพนที่ถูกล้อมด้วยแสงหลับตาลงพร้อมใบหน้าที่เริ่มมีเลือดไหลเวียนต่างกับเมื่อครู่ที่มีใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด


ภาพอันน่าตกตะลึกนี้ไม่คิดว่าในชีวิตจะมีโอกาสได้เห็น คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเทพของจริง...เทพที่ยอมช่วยชีวิตของมนุษย์แบบผมให้กลับมาอีกครั้ง แต่นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว...ผมถูกแพนช่วยถึง3ครั้ง


ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องช่วยก็ได้


แต่กลับ...


“อึก...เจ็บ...”ร่างที่นอนพิงต้นไม้ใหญ่เด้งตัวขึ้นมานั่งพร้อมกับมือที่จับบริเวณแผลที่ถูกยิง แสงที่ล้อมร่างนั้นไว้ตอนนี้หายไปแล้ว


“แพน?”ร่างกายดูเหมือนจะฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็วแม้แต่เลือดเองก็หยุดไหลแล้ว


“กระสุนนี่อยู่ลึกชะมัด...”บ่นเสร็จเขาก็วางมือข้างนึงลงเหนือแผล แสงสีเดิมส่องสว่างออกมาไม่นานวัตถุที่คาดว่าเป็นกระสุนก็ตกลงบนพื้นไม้พร้อมเสียงถอนหายใจยาว


“แพน...”ผมนั่งลงแล้วเอื้อมมือไปลูบบริเวณกลางหน้าอกที่บัดนี้บาดแผลสาหัสได้หายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว


“...ทำหน้าแบบนี้ทำไมติน...ห่วงกันเหรอ?”แพนยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบใบหน้าผมเบาๆ รอยยิ้มที่ส่งมาช่างเต็มไปด้วยความร่าเริงแม้ว่าจะดูเหนื่อยอ่อนไปบ้างก็ตาม


ถ้าเป็นปกติผมคงตอบกลับไปว่าใครเป็นห่วงกัน


แต่ครั้งนี้ผมกลับเลือกที่จะตอบตามสิ่งที่คิด


“ห่วงมาก...อย่าทำแบบนี้อีกนะแพน”มือของแพนข้างที่ลูบใบหน้าผมอยู่ถูกมือผมกุมเอาไว้แน่น


ความรู้สึกเหมือนจะขาดใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนจมกองเลือดผมไม่อยากเจออีกแล้ว


เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย


ได้แต่มองดูอีกฝ่ายเจ็บ


“...คุณนี่นะ...ปกติไม่เห็นพูดตรงๆแบบนี้เลย...ขอบคุณนะที่เป็นห่วง ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ”


“แน่ใจ?”


“อืม...ผมขอพลังจากพวกเขามา ช่วยได้เยอะจริงๆ...ขอบคุณนะทุกคน”ประโยคสุดท้ายแพนเงยหนาขึ้นไปบอกเหล่าต้นไม้รอบๆ เสียงของสายลมพักไปพาทำให้ต้นไม้รอบๆส่งเสียงราวกับตอบรับคำขอบคุณนั้น


“ทำไมไม่ให้พาไปโรงพยาบาล”ผมถามต่อ


“ผมทนถึงนั่นไม่ไหว”


“ทนอะไร บนรถก็พูดทีนึงแล้ว...พูดเหมือนสั่งเสียว่าจะตาย”


“เปล่า...ผมทนอยู่ในร่างมนุษย์นานขนาดนั้นไม่ไหว กว่าจะไปถึง กว่าจะผ่าตัด กว่าจะให้น้ำเกลือ...มันใช้เวลานานไป พลังที่ผมมีถูกใช้รักษาบาดแผลและคงหมดในเวลาไม่นาน...ถ้าเป็นแบบนั้นระหว่างทำการรักษาร่างของผมจะหายไปมีเพียงแค่ตินคนเดียวที่มองเห็น...แบบนั้นเดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอา”แพนอธิบายให้ผมหายสงสัย


“เข้าใจล่ะ”แบบนี้นี่เอง


“ตินไม่เป็นแน่นะ”อยู่ๆแพนก็ถามแล้วไล่มองผมตั้งแต่หัวลงมา


“ไม่เป็นไร...ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน...คนที่มีน่ะนายต่างหาก”


“ผมก็ไม่มีแล้วเถอะ”พูดจบก็เปิดเสื้อให้เห็นแผ่นอกขาวที่ปราศจากรอยใดๆ


“ดีแล้ว...”ผมพึมพำด้วยรอยยิ้ม แพนเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน


รอยยิ้มที่นึกว่าจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว


หมับ!


ไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจให้ผมดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วกอดรัดไว้แน่น ความอุ่นที่แผ่ซ่านจากร่างของพวกเราทำให้ผมรู้สึกดีเราะแพนยังอยู่...เขายังมีชีวิตอยู่


“...ติน”


“ห้ามทำอะไรแบบนี้อีก”อย่าทำให้หัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้นแบบนี้


“ผมก็ไม่รู้ตัวหรอก...รู้อีกทีก็เข้าไปรับกระสุนไว้แล้ว...สิ่งผมคิดมีแค่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณได้”


“แพน...”


“ตินเป็นมนุษย์ที่ผมเลือกที่จะช่วยชีวิต...เพราะงั้นผมจะไม่ยอมให้ใครมาพรากชีวิตที่ผมช่วยไปง่ายๆหรอก”ฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีเขียวอ่อนที่ประสานกับดวงตาสีฟ้าผม รอยยิ้มบางๆที่ส่งมาให้


ทุกอย่างมันช่างดึงดูดให้ผมขยับเข้าไปใกล้จนริมฝีปากเราสัมผัสกันเบาๆ เพียงแค่สัมผัสความรู้สึกดีก็แล่นเข้ามาจนผมต้องกดย้ำสัมผัสให้หนักขึ้นกว่าเดิม...แพนเองก็ไม่มีทีท่าจะผลักออกนั่นยิ่งทำให้ผมได้ใจรุกหนักเข้าไปอีก


มือของแพนขยับขึ้นมาขย้ำเสื้อสีดำของผมก่อนจะเปลี่ยนมายังเส้นผมสีดำสนิทโดยที่ริมฝีปากเรายังไม่แยกจากกัน สัมผัสเมื่อถูกลูบเส้นผมยังคงเหมือนกับทุกครั้ง...มืออุ่นๆลูบไปตามตามเลือนผมก่อนจะออกแรงดึงอย่างแรง...


“โอ๊ย...”ผมสะดุ้งจนต้องผละออกจากริมฝีปากตรงหน้าอย่างไม่ตั้งตัว


“ทำอะไรของคุณน่ะ”เมื่อแพนเป็นอิสระก็ตะโกนเสียงดังลั่น ใบหน้าขาวแดงระเรื่อด้วยความเขินอายจากจูบเมื่อครู่


“...”ผมนิ่งไปเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอจูบอีกฝ่าย


จูบ...สำหรับผมที่ไม่ชอบให้ใครมาแตะถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่จูบกับแพนได้โดยไม่รู้สึกแย่ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีจนไม่อยากหยุด


“ติน...อย่าเงียบสิ...ผมเขินรู้ไหมเนี่ย!”ตะโกนเสร็จก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดใบหน้าแดงๆของตัวเอง


“อืม”


“อืมอะไร...ผมถามว่าทำอะไรน่ะ”


“จูบนายไง”สาบานได้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะกวนแค่ไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรเท่านั้นเอง


“แค่นี้ผมรู้น่า...ที่ถามคือจูบทำไม”


“...ไม่รู้”เรื่องนี้คนที่อยากรู้ที่สุดก็คือตัวผมนี่แหละ


“ไม่รู้แล้วมาจูบกันเนี่ยนะ...จูบกับผู้ชายรู้สึกดีรึไง”


“ก็ไม่ได้แย่...นายเองก็รู้สึกดีนี่”ผมตอบกลับไป


“ห๊ะ?...พะ...พูดอะไรเนี่ย”


“ก็เห็นทำท่าเคลิ้มแถมยัง...”


“พอแล้วๆ...ผมขอล่ะอย่าพูดถึงมันเลย”แพนที่ตะโกนแทรกด้วยใบหน้าแดงก่ำ


“ขอโทษที่จูบ...”ผมบอกเสียงเบา


“ติน...”


“และขอบคุณที่ช่วยฉันไว้อีกรอบ”ถ้าไม่มีแพนวันนี้คงเป็นวันที่ผมต้องจบชีวิตลงไปแน่


“ไม่เป็นไร...ต่อให้กี่รอบผมก็จะช่วย”แพนตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“ฉันไม่อยากให้นายช่วยเลยแพน”


“ทำไมล่ะ ผมน่ะไม่ตายเพราะถูกยิงหรอกนะเพราะงั้นคุณให้ผมเป็นเกราะได้...”


“ฉันไม่สนเรื่องนั้นเลยแพน...ฉันสนแค่นายจะต้องไม่มาบาดเจ็บเพราะฉันอีก”


เอามาเป็นเกราะเหรอ


พูดบ้าๆ


คิดว่าผมจะกล้าใช้เขาเป็นเกราะปกป้องตัวเองรึไง


“ติน...”


“ต่อให้นายเป็นเทพและอาจไม่ตาย...แต่ฉันไม่อยากเห็นนายในสภาพนั้นอีก”ไม่อยากเห็นอีกแล้ว


“แต่ผมอยากช่วยนี่”


“แค่นายอยู่ข้างๆก็พอแล้ว”เพียงพอแล้วจริงๆ


ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย


แค่อยู่ข้างๆคอยกวน คอยแหย่ คอยยิ้มและคอยหัวเราะ


แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว


จากนั้นผมก็นั่งรอแพนฟื้นพลังสักพักใหญ่ ระหว่างรอก็ติดต่อกายและจิมเพื่อดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง...ด้วยอำนาจที่มีไม่น้อยทำให้สามารถปิดเรื่องนี้ได้โดยไม่เกิดเรื่องแต่เรื่องนี้คงทำให้หมอนั่นไม่อยู่เฉยแน่


ตอนแรกคิดไว้ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย


แต่ตอนนี้อาจต้องเปลี่ยนใจแล้ว




กายและจิมใช้เวลาค่อนข้างนานในการเคลียร์เรื่องนี้ผมเลยบอกให้ไปเจอกันที่คอนโดเลยซึ่งพวกเขาก็รับคำตามปกติ อีกอย่างที่ผมไม่อยากให้พวกเขามาคืนแพนอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถเป็นมนุษย์ได้ ร่างในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกเปลี่ยนกลับเป็นยูกาตะสีเขียวขี้ม้าตามสไตล์ที่อีกฝ่ายชอบแล้วลอยไปมาอยู่บนหัวบ้าง ด้านข้างบ้างตลอดการเดินทางกลับโดยแท็กซี่ที่เรียกมา


เพราะไม่มีใครเห็นแพนเลยได้โอกาสพูดไม่หยุดจนผมต้องเบนหน้าหนีหลายต่อหลายรอบ พอเขาเห็นผมหันหน้าหนีก็ลอยตามมาจนต้องส่งสายตาเคืองๆกลับไป แน่นอนว่าเทพตรงหน้าไม่สะทกสะท้านสักนิด


“จะไปไหนแพน?”ผมถามเมื่อกลับมาถึงแล้วอีกฝ่ายลอยไปยังห้องนอน


“ผมขอพักสักหน่อย”


“อาการไม่ดีเหรอ”ผมถามต่อ


“ก็ไม่เชิง...แค่ยังเหนื่อยอยู่ ถึงจะได้พลังคืนมาแต่ร่างกายยังไม่ฟื้นในสภาพสมบูรณ์เพราะงั้นช่วงสองสามวันนี้ผมคงปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นไม่ได้...คุณก็คิดหาข้อแก้ตัวเอาละกัน”


“เข้าใจแล้ว...ไปพักเถอะ”


“ไปนอนด้วยกันไหม”ก่อนจะผ่านประตูไปแพนก็หันมาถามต่อ


“นอนไปเถอะ”ผมตอบ


“แต่ผมอยากให้คุณนอนด้วยนี่...เวลามีคุณนอนอยู่ข้างๆแล้วรู้สึกไม่เหงาดี”


“นอกจากจะกินเก่งแล้วยังขี้เหงาด้วยสินะ”ผมสรุปโดยจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน


“เปล่านะ...ก็แค่...แบบว่า...นอนคนเดียวก็ได้ ตินคนใจร้าย!”ทำหน้าเคืองเสร็จก็พาร่างลอยทะลุประตูเข้าไปในห้องนอนปล่อยให้ผมหลุดขำออกมากับท่าทางเหมือนเด็กนั่น


ถ้ามองแค่นิสัยหรือรูปลักษณ์ไม่มีอันไหนบ่งบอกเลยว่าเป็นเทพที่มีอายุหลายร้อยปี


ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักผมก็ค่อยๆเปิดประตูเข้าไปภายในห้องนอนก่อนจะเจอแพนหลับสนิทอยู่บนเตียงโดยไม่ห่มผ้าแต่นอนทับผ้านวมเลย ดวงตาที่ปิดสนิทกับเสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหลับสนิท


ผมเดินเข้าไปข้างเตียงเพื่อมองดูคนที่นอนอยู่ชัดๆ มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นแล้วเอื้อมไปลูบเส้นผมยาวสีเขียวเข้มตรงหน้าเบาๆ


“ฝันดีแพน...ขอบคุณที่ไม่เป็นไร”พูดจบผมก็เดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการกับร่างกายที่มีรอยเลือดเลอะทั้งเสื้อและแขน


อาบเสร็จก็ออกมานั่งเปิดโทรทัศน์ดูอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โทรศัพท์มือถือถูกยกขึ้นมาเปิดดูงานที่ถูกส่งมาให้...เนื้อหาภายในคือรายงานการประชุมตอน10โมงที่พึ่งผ่านไป


ดีที่คาดไว้ว่าคงไปไม่ทันการประชุมเลยบอกให้หนึ่งในเลขาส่งรายงานการประชุมมาให้หลังจบการประชุมทันที


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“เข้ามา”ผมบอกเสียงนิ่งเพราะรู้ว่าใครเป็นคนเคาะ


แกร็ก


“คุณแพนเป็นไงบ้างครับ?”จิมที่เดินตามกายเข้ามาถามขึ้นทันที


“ไม่เป็นไรแล้ว...ตอนนี้นอนพักอยู่”ผมบอกพลางเหล่มองไปยังห้องนอนเพื่อให้ทั้งคู่รู้ว่าแพนอยู่ที่ไหน


“ทำไมไม่ให้นอนพักที่โรงพยาบาลสักหน่อยละครับ...บาดแผลที่ได้รับค่อนข้างสาหัส ร่างกายไม่น่าฟื้นภายในไม่กี่ชั่วโมงแบบนี้นะครับ”ครั้งนี้กายอธิบายบ้าง


“เขาไม่อยากนอนที่โรงพยาบาล”ผมโกหกไป


จะให้บอกความจริงว่าไม่ได้ไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้


ยิ่งเรื่องที่สามารถเอากระสุนออกมาได้เองยิ่งไม่สามารถบอกได้เข้าไปใหญ่


“ถึงไม่อยากแต่ร่างกายแบบนี้มันค่อนข้างอันตรายนะครับ”


“ฉันรู้...ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะพาไปโรงพยาบาลทันที...หมอนี่ดื้อจะตายพูดอะไรก็ไม่ยอมฟังท่าเดียว”พูดมาถึงตรงนี้เหตุการณ์ตอนที่ถูกเอาชีวิตก็ผุดเข้ามาอีกรอบ


ทั้งที่บอกให้อยู่เฉยๆแต่ก็ดันวิ่งออกไปให้ถูกเล็งยิง


ถ้าไม่ติดที่กำลังเจ็บอยู่คงได้บ่นยาวไปถึงพรุ่งนี้แน่


“ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่คุณตินก็ไม่ได้ไม่ชอบนี่ครับ”กายพูดพร้อมกับมองมายังผมนิ่งๆ


“หึ...ก็ถูก”ไม่ใช่ไม่ชอบ


สำหรับกายและจิมจะคิดแบบนั้นคงไม่แปลกเพราะยังไงพวกเขาก็เชื่อว่าผมกับแพนเป็นแฟนกัน ถ้าไม่ชอบผมคงไม่ยอมให้มาค้างหรือพาไปไหนมาไหนแบบนี้


แต่สำหรับตัวผมที่รู้ว่าเราไม่ใช่แฟนแต่เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกว่านั้น...


ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มรับรู้ถึงตัวตนอีกฝ่ายจนถึงวันที่ได้อยู่ข้างๆ


ความรู้สึกของผมมันเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย


จากที่เฉยๆเริ่มกลายเป็นสนใจ


จากที่สนใจเริ่มเปลี่ยนเป็นความพิเศษ


และความพิเศษนั่นก็กำลังจะเปลี่ยนไปตั้งแต่วินาทีที่คว้าตัวอีกฝ่ายมาจูบอย่างไม่รู้ตัว


“ให้ผมสั่งอาหารเตรียมไว้ไหมครับ”จิมเสนอความเห็น


“อย่าพึ่งเลย...ให้พักอีกสักหน่อยดีกว่า”ไม่รู้ว่าต้องใช้พลังไปขนาดไหนถึงสามารถรักษาตัวเองจนเกือบหายได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นมนุษย์ปกติอาจจะตายไปตั้งแต่ยังไม่ถึงโรงพยาบาลแล้วก็ได้


แค่มีพลังยังไม่พอ


แต่ความแข็งแกร่งนั้นดูจะเหนือกว่ามนุษย์ปกติด้วย


“แล้วเรื่องนี้จะเอายังไงต่อครับคุณติน?”กายถามด้วยแววตาจริงจัง


“นั่นสิ...ทำขนาดนี้จะให้อยู่เฉยคงไม่ได้”ถ้าเป็นผมที่โดนยิงอาจจะไม่คิดเอาเรื่องอีกฝ่าย แต่ในเมื่อความจริงคนโดนยิงคือแพนผมก็ไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้


“ว่ามาเลยครับ...พวกเราจะจัดการให้”


“เพิ่มบอดี้การ์ด...แล้วก็...กาย”


“ครับ?”


“สืบเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับสรพงศ์...ทุกอย่าง...เข้าใจนะ”ผมพูดย้ำคำว่าทุกอย่างเพื่อบอกให้รู้ว่าไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยขนาดไหนผมก็ต้องรู้


“ได้ครับ”


“จิม”


“ครับคุณติน”


“ถ้าแพนหายดีตามติดเขาไว้อย่าให้เกิดอะไรขึ้น”


“ได้ครับ...ผมจะดูแลคุณแพนให้ดีที่สุด”


“ดีมาก...กลับไปพักผ่อนเถอะ...วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว ขอบคุณ”คำขอบคุณแม้จะแค่สั้นๆแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกจากใจ กายและจิมต่างคอยช่วยเหลือผมมาตลอดตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรก ผมไว้ใจพวกเขามาพอๆกับครอบครัวตัวเอง


ทุกครั้งที่มีเรื่องก็มักจะได้พวกเขาช่วยเหลือเสมอ


“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งคู่ตอบพร้อมกันก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 13-08-2017 11:19:41
(ต่อนะคะ)


หลายวันผ่านไปผมก็ยังคงไม่เข้าไปที่ห้างแต่ยังอยู่ในห้องเพื่อเฝ้าคนที่บอกว่าจะพักสักหน่อยแต่ปาเข้าไปวันที่สามแล้วก็ยังไม่มีทีท่าจะตื่นเลย ยังดีที่เสียงลมหายใจเข้าออกนั่นยังคงสม่ำเสมอทำให้รู้ว่ายังหายใจอยู่


เนื่องจากไม่ได้ไปทำงานผมเลยต้องให้กายและจิมไปแทน ไม่ว่าจะเป็นเข้าประชุม พบปะลูกค้าคนสำคัญหรือให้คำปรึกษากับฝ่ายต่างๆ


วันนี้เองผมก็นั่งเปิดแฟ้มเอกสารที่กายเอากลับมาให้เมื่อวานตอนเย็นขึ้นมาเปิดดู รายรับรายจ่ายของทั้งเดือนถูกจัดทำอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทำให้อ่านง่ายมาก


หมับ!


“ตินนนนน”สัมผัสของมือที่กอดคอผมจากด้านหลังพร้อมกับเสียงเรียกใกล้ๆหูทำเอาแฟ้มที่ถืออยู่ในมือตกลงพื้นด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้ผมก็รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร


“นอนอิ่มแล้วเหรอ”ผมเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าขาวนวลที่ดูมีชีวิตขึ้นมาก


“นอนไม่อิ่มหรอกติน...ต้องกินสิถึงจะอิ่ม”


“...นี่ฉันต้องขำไหม”ผมเอ่ยถามเสียงนิ่งกับมุขที่ดูยังไงก็ไม่ขำสักนิด


“ชิ...นี่ผมหลับไปนานแค่ไหน”เมื่อเห็นว่าผมไม่ขำอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องแทน


“วันนี้วันที่3”


“ห๊ะ?...3วัน...พระเจ้า ตั้งแต่เกิดมาพึ่งเคยนอนนานขนาดนี้ครั้งแรก”อีกฝ่ายดูจะตกใจกับเวลาที่ผ่านไปมากพอดู ใบหน้าเหว๋อๆนั่นก็น่ามองดี


“ถ้าวันนี้ยังไม่ตื่นฉันคงต้องทำอะไรสักอย่าง ดีที่นายตื่นแล้ว”


“อะไรๆ...ตินจะทำยังไงเหรอ เอาต้นไม้มาผมใช่ไหมล่ะ เป็นห่วงกันขนาดนี้ดีใจจังเลย”แพนพูดเสียงเริงร่าพร้อมรอยยิ้มกว้าง


“หึ...จะเอาอาหารมาวางไว้รอบเตียงเผื่อจะมีเทพเห็นแก่กินสักองค์ลุกขึ้นมากินทั้งๆที่หลับอยู่”


“ติน...พูดแบบนี้มาเจอกันตัวๆเลยมา”แพนพูดก่อนจะลอยมาอยู่ตรงหน้าผมโดยยกมือสองข้างขึ้นแล้วกำหมัดไว้แน่น หน้าตาเองก็หาเรื่องเต็มที


“ก็เจออยู่นี่ไง”อยู่กันแค่สองคนในห้องจะให้เจอใครล่ะ


“ติน”


“รู้แล้วว่าชื่ออะไร...จะเรียกหลายรอบทำไม”ผมกวนต่อ


ตลอดสองวันมานี่รู้สึกเหงาหูและเหงาปากแปลกๆ


“ฮึ้ย...ทำไมชอบกวนขนาดนี่เนี่ย”


“ขอย้อนคำถามนั้นกลับไปเลยละกัน”ใครกันแน่ที่ตื่นมาก็กวนก่อน


ไม่ใช่ผมสักหน่อย


“ผะ...ผมไม่ได้กวนนะ...คุณนี่นะ...ทำไมถึงไม่เคยชนะสักทีนะ!”ประโยคสุดท้ายแพนตะโกนลั่นด้วยใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห สำหรับผมมองว่าแก้มแดงๆนั่นน่าหยิกสุดๆ


“ประสบการณ์มันต่างกัน”


“ประสบการณ์ผมมากกว่าเถอะ...อยู่มาตั้งหลายร้อยปีแล้วคุณล่ะอยู่มากี่ปี ยังไม่ถึงครึ่งของผมหรอก”


“อยู่มานานกว่าไม่ได้หมายความว่าจะมีประสบการณ์มากกว่าสักหน่อย”ผมอธิบาย ประสบการณ์น่ะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง จดจำและปรับใช้ให้เหมาะสม


“จะบอกว่าผมใช้ชีวิตไปวันๆเหรอ”


“นายพูดเองนะ”


“ติน”


“อะไร”


“นี่ผมช่วยชีวิตคุณนะ”


“แล้ว?”


“ให้ผมชนะหน่อยไม่ได้รึไง”แพนบ่นอุบอิบ


“หึ...ถ้าฉันยอมแพ้แน่ใจว่านายจะพอใจจริงๆ”ผมไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพอใจถ้าผมยอมง่ายๆ


“...ก็คงไม่พอใจเท่าไหร่”


“งั้นจะเอายังไง”


“ไม่รู้สิ...เอาเถอะ นอนไปตั้งนานได้เจอคุณคนแรกก็ดีใจแล้ว”พูดจบแพนก็ลอยมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกับผมโดยที่เอียงหัวมาซบไหล่ผม


“ไม่เจอฉันแล้วจะเจอใครล่ะ”


“อืม...ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าอาจไม่เจอใครเลยเพราะนาฬิกาบอกเวลาบ่ายโมงเป็นเวลาที่ตินทำงาน...ไม่ไปทำงานเพราะห่วงผมแน่ๆเลย เนอะ”ดวงตาสีเขียวอ่อนเงยขึ้นมาสบราวกับจะขอคำพูดจริงๆไม่ใช่คำกวน


“อืม”


“คิก...ว่าแล้วเชียว ใจดีจริงๆนะติน”เส้นผมสีเขียวเข้มคลอเคลียบริเวณต้นคอจนรู้สึกคันเล็กๆ ทั้งที่น่าจะคันแค่ที่คอแต่ทำไมหัวใจผมก็รู้สึกคันแปลกๆเหมือนกันล่ะ


คำว่าใจดี


เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยิน


แถมไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งด้วย


ทุกครั้งที่พูดว่าใจดีทั้งน้ำเสียง แววตาหรือแม้แต่การกระทำของแพนต่างแสดงออกว่าสิ่งพูดนั้นเป็นความจริงไม่ได้โกหกหรือต้องการประจบอะไร


“ฉันไม่ได้ใจดี”ผมบอกออกไปตามที่คิด


ผมไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าตัวเองใจดี


เลยไม่เข้าใจว่าตรงไหนของผมที่แพนมองว่าใจดี


“ใจดีสิ...ผมบอกแล้วไงว่าคุณอาจไม่รู้แต่ผมรู้ดี”


“ไม่เห็นเข้าใจ”ในเมื่อตัวผมเองยังไม่รู้แล้วทำไมเขาถึงรู้ได้ล่ะ


“ตินรู้ไหมว่าตั้งแต่ที่ได้เจอกัน...ก่อนอื่นต้องยอมรับตรงๆนะว่าผมลังเลอยู่นานเหมือนกันว่าจะช่วยคุณดีไหมและหลังจากช่วยคุณแล้วผมก็คิดมาตลอดว่าดีแล้วเหรอที่ช่วยมนุษย์คนนี้”ระหว่างเล่าดวงตาสีเขียวอ่อนก็ประสานกับดวงตาผมอยู่ตลอด


“แล้วตอนนี้คิดว่าไง”ผมถามกลับไปด้วยความอยากรู้


สำหรับแพนผมมีค่าพอที่จะได้รับการช่วยรึเปล่า


ในตอนนั้นอาจเพราะความสงสาร


แต่หลังจากที่ช่วยความรู้สึกที่ต้องติดอยู่กับมนุษย์คนเดียวจนหมดอายุไขเป็นยังไงผมอยากรู้


“ผมรู้สึกดีใจมากๆที่มนุษย์คนแรกที่ช่วยคือติน”คำตอบของแพนดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนกว่าปกติ


หัวใจที่เต้นปกติเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยราวกับมีอะไรบางอย่างที่อุ่นๆมาล้อมรอบหัวใจผมไว้


“นึกว่าไม่ชอบที่ฉันกวนซะอีก”ผมบอกเบาๆ


“ก็ไม่ชอบ...แต่สนุกดี...ผมน่ะตั้งแต่ที่มีชีวิตก็พึ่งได้รู้สึกมีความสุขมากขนาดนี้”


“สนุก?...เพราะ...”


“ไม่ใช่เพราะมีของกินหรอกนะ”แพนเหมือนจะรู้ว่าผมจะพูดอะไรเลยดักเอาไว้


“งั้นก็เพราะ...”


“ไม่ใช่เพราะได้ไปเที่ยวด้วย”


“ไม่แน่ว่าอาจเพราะ...”


“ไม่เกี่ยวกับพวกอาบน้ำด้วย”


“อ่านใจได้จริงๆสินะ”ทุกอย่างที่ผมจะพูดถูกค้านออกมาก่อนจะพูดจบหมดเลย


“ไม่ได้อ่านได้...แค่เพราะอยู่กับคุณมานานเลยรู้ว่าสิ่งที่คิดคืออะไร...ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้รู้ทุกอย่างหรอก”


“ถ้าไม่ใช่เรื่องพวกนั้นแล้วอะไรล่ะที่ทำให้นายมีความสุข”ผมถามต่อด้วยความสงสัย เรื่องที่ทำให้แพนมีความสุขผมก็บอกออกไปหมดแล้วแต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าไม่ใช่


“ไม่รู้เหรอ ลองทายไหมล่ะ”แพนถามก่อนจะขยับหน้าเข้ามาใกล้


“ทายไม่ถูกหรอก...เฉลยมาเลยดีกว่า”


“ใบ้ให้ละกัน...สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดนั้นตอนนี้อยู่ข้างๆผม...”


“...”ผมหรี่ตาเล็กน้อยเพื่อใช้ความคิดว่าอะไรที่อยู่ข้างๆบ้าง


“นอกจากจะอยู่ข้างๆแล้วยังเป็นสิ่งที่ผมมองอยู่ด้วย”


“...”คำพูดของแพนทำให้ผมหันไปสบกับดวงตานั้นเพื่อดูว่ากำลังมองอะไรแต่ดวงตาสีเขียวอ่อนนั้นมองมายังผมอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว


“พอจะรู้แล้วใช่ไหม”อีกฝ่ายเอียงคอถามเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม


“...ไม่รู้”


“สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดคือคุณไงติน การที่ได้เถียง ได้พูดคุย ได้ทะเลาะหรือได้หัวเราะ ทุกอย่างที่ได้ทำร่วมกับตินทำให้ผมมีความสุขมากๆ...คุณน่ะไม่ได้แค่ใจดีแต่ยังอ่อนโยนมากๆด้วย ต่อให้คุณจะปฏิเสธมันแค่ไหนผมก็อยากให้รู้ไว้ว่ามีเทพองค์หนึ่งที่รับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน”


แม้ผมจะนิ่งเงียบไปแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่นิ่งตามคือหัวใจที่เต้นแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


ความรู้สึกพิเศษที่เริ่มเปลี่ยนไป...


ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันเปลี่ยนไปเป็นอะไร


รัก


ผมเริ่มรักแพนเข้าแล้วล่ะ
.............................................................................

จบไปอีกหนึ่งตอนนน

แต่งไปแต่งมาจากฉากเรียกน้ำตาลทำไมกลายเป็นเรียกรอยยิ้มได้ก็ไม่รู้555

คู่นี้คือหวานแบบไม่บันยะบันยัง

แถมแพนก็ยังน่ารักเอาน่ารักเอา อยากได้มากอดสักวันจริงๆ

เป็นตัวละครที่แต่งแล้วรู้สึกเอ็นดูมากกกก

สำหรับคำผิดช่วงนี้อาจมากสักหน่อยเพราะเราไม่ค่อยมีเวลาทวนซ้ำมากนักเนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงฝึกงาน

เราค่อนข้างมีปัญหากับตัว "ร" และ "ล" พิมพ์มั่วสลับกันเป็นว่าเล่น

จะพยายามตรวจซ้ำหาที่ผิดนะคะ ใครเห็นผิดตรงไหนก็สามารถเม้นท์บอกเราได้นะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังที่มีให้เสมอค่ะ

ไว้กันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 13-08-2017 11:34:14
เผลอจนดึงเข้าไปจูบเลยนะ

รู้ความรู้สึกตัวเองแล้วสิ~~~ :hao3:

 :impress2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 13-08-2017 11:40:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  ตอนแรกก็เศร้าอยู่หรอก 555555++

ใครยิงแพนนนนนนน จัดการมันเลยย :katai1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-08-2017 14:49:54
ดีต่อใจมากกกกก ตอนนี้
มุ้งมิ้งกันสุดๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 13-08-2017 15:56:27
ฟินตรง แพนของผมนะ 55555555
เป็นห่วงขนาดนี้ไม่รักก็บ้าแล้ววว
รู้สักทีนะตินนนน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 13-08-2017 18:00:53
ดีใจที่แพนไม่เป็นอะไรรรร
พออ่านแบบนี้แล้วรู้สึกพวกต้นไม้ก็น่ารัก 55555

แนะๆ มีจูบซะด้วยยย ติดรู้สึกตัวแล้วววว
รักเขาแล้วสิๆ น่ารักทั้งคู่!
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 13-08-2017 18:05:13
ฟินนนนนนนนนนนนนนนนน >\\\\<
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 13-08-2017 18:53:34
จบตอนที่แล้วแบบ มาม่า พอจบตอนนี้ น้ำตาลเต็มเลย 5555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-08-2017 19:27:02
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 14-08-2017 02:00:24
ตอนที่แล้วใจหายหมด
ตอนนี้หวานจุงงง งื้อออ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 14-08-2017 03:17:43
      สนุกมากเลยค่ะ
อยากอ่านทุกๆๆวันเลย
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
อ่านแล้วเหมือนได้ชารต์แบตให้ตัวเองรู้สึกดีฟิวกูด :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-08-2017 04:34:14
นึกว่าแพนจะตาย 555555555
หายแล้วตื่นมาพูดจ้อเหมือนเดิม  :hao7: เป็นกำลังใจให้นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 14-08-2017 09:39:20
อูยยยน ติณณณ รักก็บอกแพนเลยๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 14-08-2017 11:57:31
แล่ววววๆ :-[
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-08-2017 12:13:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 14-08-2017 13:02:22
แพนพูดเหมือนกำลังสารภาพรักเลย
เขินนนน :-[
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 15-08-2017 01:33:33
โล่งอกไปทีค่ะที่แพนไม่เป็นอะไรมาก ฮือ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 15-08-2017 20:42:52
ตินนี่เป็นพวกยอมรับความรู้สึกของตัวเองสินะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-08-2017 22:01:15
เอ็นดู~~~ ท่านเทพแพนน่ารักจริง ไม่แปลกที่ตินหลงรักแล้ว ใครอยู่ด้วยก็รัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่15♣} 13/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 20-08-2017 18:01:39
เข้ามานั้งรอ หายไปไหนน้าาาา   :ruready
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 20-08-2017 20:59:45
สัมผัส{❤}ครั้งที่16




ดวงอาทิตย์ลอยอยู่เหนือหัวนอกจากจะบ่งบอกเวลาเที่ยงของวันแล้วยังบอกได้อีกว่าถึงเวลาของการกินมื้อกลางวันซะที ร่างของผมในชุดยูกาตะสีฟ้าอ่อนยืนรับแสงแดดจ้าจากบนดาดฟ้าอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ต้องยอมแพ้กับความร้อนจนแสบผิวไปหมด


ว่าแล้วเชียวแสงแดดที่มีพลังงานที่สุดต้องออกมารับในช่วงเช้าไม่ใช่ช่วงเที่ยงแบบตอนนี้


“หื้ม?...เอ๊ะ?”ขาที่กำลังจะก้าวลงบันไดชะงักเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงอะไรที่สะอาดๆได้แต่เพราะเพียงแวปเดียวความรู้สึกนั้นก็หายไปผมเลยได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


พลังงานสะอาดๆที่สัมผัสได้เป็นของมนุษย์ซึ่งหาได้ยากที่จะสะอาดและบริสุทธิ์ขนาดนี้


“เอาเถอะ...ไปหาไรกินดีกว่า”ยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวกับผมนี่นะ


วันนี้ ไม่สิ ต้องบอกว่าตั้งแต่ที่เข้าไปรับกระสุนแทนตินก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ผมไม่ได้ปรากฏตัวในร่างมนุษย์แต่อยู่ในร่างเทพ...จะบอกว่าเพราะยังไม่ฟื้นเต็มที่ก็ไม่เชิง เรื่องนี้ก็มีส่วนอยู่แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้ผมลอยไปมาแบบนี้เพราะมันจะแปลกถ้าคนที่โดนยิงกลางอกลุกขึ้นมาเดินวิ่งได้ภายในหนึ่งอาทิตย์


เพื่อไม่ให้กายและจิมเกิดความสงสัยผมเลยต้องอยู่ในร่างนี้ไปสักพัก...ก็น่าจะประมาณเดือนได้


“ตินมื้อกลางวันมีอะไรเหรอ”ลอยเข้าไปถึงในห้องคำถามแรกที่ทักทายก็เป็นเรื่องเดิมๆ


ตินตอนนี้กลับมาทำงานที่บริษัทอีกครั้งหลังจากหยุดไป4วัน...งานที่มีไม่ได้มากเท่าที่ผมคาด เห็นว่ากายเอางานกลับไปให้ที่ห้องทุกวันเลยเหมือนทำงานอยู่ในห้องแทน


“มาถึงก็ถามหาแต่ของกิน”ตินละสายตาออกจากแฟ้มเอกสารพลางมองขึ้นมายังร่างผมที่ห้อยหัวลงจากเพดานห้อง เส้นผมสีเขียวเขียวที่ยาวสลวยตกลงมาตาแรงโน้มถ่วงถ้าเป็นตอนกลางคืนคงได้มีคนกรีดร้องแล้ววิ่งหนีแน่


แต่คนที่ว่าคงไม่ใช่ตินหรอก


ทั้งที่จงใจห้อยหัวให้อีกฝ่ายตกใจแต่เขากลับทำเพียงมองมายังผมนิ่งราวกับปลงซะเต็มปะดา


“ถามเผื่อคุณด้วยไง...กินมื้อเที่ยงพร้อมกันเถอะ”


“วางอยู่บนโต๊ะ...กินไปก่อนเลยฉันต้องจัดการเอกสารนี่ให้เสร็จก่อน”ตินบอกก่อนจะมองไปยังโต๊ะญี่ปุ่นแถวโซฟาตัวยาว


บนโต๊ะมีกล่องข้าวตามแบบฉบับญี่ปุ่นหรือที่เรียกกันว่าเบนโตะวางอยู่สองกล่องโดยกล่องแรกเป็นข้าวปั้นกับปลาซาบะราดซอสอะไรสักอย่างคู่กับทาโกะยากิ อีกกล่องเป็นข้าวปั้นกับปลาแซลม่อนคู่กับไข่หวานสีเหลืองอ่อน


“ผมชอบไข่หวาน...งั้นขอกล่องนี้ละกัน”กล่องเบนโตะที่มีไข่หวานสีสวยในที่สุดก็ถูกผมเลือก...


ขอโทษนะน้องซาบะ...วันนี้พี่อยากกินไข่หวานมากกว่า


“ทำหน้าเสียดายขนาดนั้นก็กินทั้งสองกล่องไปเลยสิ”คำพูดของตินเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่


“ไม่เอาหรอก...เดี๋ยวคุณไม่มีข้าวกินพอดี...นี่ติน”ผมตัดสินใจวางข้าวกล่องของตัวเองไว้บนโต๊ะแล้วหยิบข้าวกล่องอีกอันลอยไปหาตินที่มองมา


“อะไร”


“พักสักหน่อยเถอะ...กินเสร็จค่อยทำต่อก็ได้ ขืนรอทำเสร็จคงอีกครึ่งชั่วโมง ดีไม่ดีอาจชั่วโมงก็ได้...กินข้าวให้ตรงเวลาหน่อย”พูดจบก็วางข้าวกล่องลงบนโต๊ะด้านหน้าติน


“ฉันจะทำจนกว่าจะเสร็จ”


“ไม่ได้นะติน”


“...”เขาเลิกสนใจผมแล้วก้มลงไปอ่านเอกสารในแฟ้มเงียบๆ


การกระทำของเขาทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันที เมื่อไม่ยอมกินดีๆผมเลยจัดการดึงแฟ้มนั้นขึ้นแล้วลอยกลับมายังโซฟาอย่างรวดเร็ว


“ถ้าไม่กินผมก็ไม่คืน”


“แพน”


“อย่าดื้อสิ”


“ใครกันแน่ที่ดื้อ”


“ผมเป็นห่วงตินหรอกนะถึงทำแบบนี้”ไม่รู้ทำไมตินถึงไม่ค่อยชอบกินอะไรถ้าผมไม่บอกหรือบังคับเขาก็จะไปแตะอาหารจนกว่าจะรู้สึกหิวซึ่งผมเคยลองนับดูว่ากว่าจะรู้สึกหิวใช้เวลาเท่าไหร่


ความจริงที่ผมได้รู้ทำเอาผมต้องคอยบังคับอีกฝ่ายให้กินอาหารครบทั้งสามมื้อ


มีมนุษย์ที่ไหนกินข้าวแค่มื้อเดียวบ้างเล่า


ขนาดเทพที่ไม่ต้องกินอะไรอย่างผมยังกินไม่หยุดปากและเฝ้ารออาหารมื้อต่อไปอยู่ทุกนาทีเลย


บางทีก็คิดนะว่าตินน่าจะมาเป็นเทพแทนแล้วผมจะไปเป็นมนุษย์เอง


“แค่ไม่กินมื้อสองมื้อฉันไม่ตายหรอกน่า”


“ไม่ตายก็ใช่อยู่แต่มันจะทำให้ร่างกายแย่ลงได้นะ”ทำงานก็หนักควรจะกินอะไรเสริมพลังงานบ้าง


“เฮ้อ...รู้แล้วน่า เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที”สุดท้ายตินก็ถอนหายใจยาวก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกล่องข้าวตรงหน้า


“ทำหน้าแบบไหน”ครั้งนี้ผมลอยกลับไปหาตินเพื่อถามต่อ


ตอนนี้ผมทำหน้ายังไงอยู่กัน


จะว่าไปรู้สึกว่าช่วงนี้ตินจะแพ้ทางผมอยู่แฮะ


อย่างเวลากินข้าวไม่ต้องบังคับมากมายเหมือนเมื่อก่อน


จะพูดว่าเขาอ่อนลงก็ไม่ผิด


“ก็แบบนี้ไง”


“แบบนี้มันแบบไหนล่ะ”พูดเป็นรูปธรรมหน่อยสิ แบบนี้ใครจะเข้าใจ


“ก็แบบนี้น่ะ”พูดแล้วก็ดึงแขนผมให้ลงไปหาพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาจิ้มแก้มผมแรงๆ


“โอ้ย...เจ็บนะ...ทำอะไรเนี่ย”ผมปัดมืออีกฝ่ายทิ้งทันทีที่ถูกแกล้ง


“จิ้มแก้มไง”


“ขอบคุณสำหรับคำตอบ”ผมพูดประชดด้วยใบหน้าเคืองๆ


กวนกันตลอดสิน่า


“ด้วยความยินดีครับท่านเทพ”แค่คำพูดกับน้ำเสียงยียวนนั่นดูเหมือนตินจะไม่สาแก่ใจเลยส่งรอยยิ้มแถมมาให้อีก


“ผมอยากจะสาปคุณให้กลายเป็นหินจริงๆเลย”คนอะไรกวนได้กวนดี


“หึ...เทพนี่ใช้คำสาปได้ด้วยเหรอ?”


“อย่าดูถูกไปติน...ถึงผมจะใช้ไม่ได้แต่ก็มีเทพอีกหลายองค์ที่ใช้คำสาปได้”


“นายเคยเจอไหม”


“ไม่นะ...ปกติพวกเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันหรอก”


“แปลว่านายไม่เคยเจอเทพองค์อื่น?”


“เปล่า...ผมเคยเจออยู่เยอะแต่ไม่ใช่เทพที่สามารถใช้คำสาปได้”


“แปลว่าที่ญี่ปุ่นมีเทพด้วยสินะ”


“มีสิ...หลายองค์ด้วย ผมเองก็มีเพื่อนสนิทอยู่ที่นั่นคุยกันถูกคอมากเลยด้วย”ผมเล่าด้วยรอยยิ้ม อยู่ๆก็นึกถึงเพื่อนที่ญี่ปุ่นขึ้นมา


“นึกว่าคุยแต่กับต้นไม้ซะอีก”


“เสียมารยาทถึงจะคุยจริงๆก็เถอะ”พลังของผมสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตได้แบบนั้นเลยชอบคุยกับต้นไม้ใบหญ้าอยู่เป็นประจำ


“คุยแค่เทพองค์นั้นกับต้นไม้สินะ...แล้วเรียนรู้เรื่องของมนุษย์จากไหน อย่างพวกของกินน่ะ”ตินถามต่อ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นการสักประวัติผมได้กัน


แต่ก็ช่างเถอะ...อาจถึงเวลาที่ต้องบอกเรื่องนี้แล้วก็ได้


“อ้อ...เรื่องนั้นน่ะความจริงแล้ว...”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูทำให้ผมที่กำลังพูดชะงักแล้วเงียบปากลงอย่างช่วยไม่ได้ ตินเองก็ทำหน้าไม่พอใจเหมือนกันที่ถูกขัดจังหวะ


“เข้ามา”


“คุณตินครับ”คนที่เดินเข้ามาคือบอดี้การ์ดหน้าตี๋จิมนั่นเอง


“มีอะไร”


“คือ...เอ่อ...”


“จิม”เมื่อเห็นว่าจิมไม่พูดสักทีตินเลยต้องเร่งด้วยน้ำเสียงเข้มๆ


“...มีคนมาขอพบคุณตินครับ”


“ใคร?”ตินถามพลางขมวดคิ้ว


“เอ่อ...พวกเขาไม่ยอมบอก พูดแค่ว่าจะขอพบกับคนที่อยู่ในห้องในสุดเท่านั้น”


“นายคุ้นหน้าไหม”ตินถามจิม


“เท่าที่มองไม่ครับ”


“งั้นก็บอกให้กลับไป”


“แต่ว่าพวกเขา...”


“พวกเขา?...ไม่ได้มาคนเดียว?”


“ใช่ครับ”


“แล้ว?”


“เหมือนพวกเขาจะรู้จักกับ...คุณแพน”


“ห๊ะ?”ไม่ใช่แค่ตินที่ตกใจแต่ผมเองก็เช่นกัน


รู้จักผม?


บ้าไปแล้ว


ผมไม่ใช่มนุษย์ที่มีพ่อแม่ที่ไหนจะมีคนรู้จักได้ยังไง


ผมหันไปมองตินที่หันมามองผมเป็นเชิงขอคำอธิบายซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้ากลับไปให้เท่านั้น


“ตอนแรกผมก็อยากจะให้กลับไปแต่พอรู้ว่ารู้จักคุณแพนผมเลยลังเลอยู่”


“...ให้เข้ามา”นิ่งไปสักพักตอนก็บอกกับจิมไป


“แน่เหรอครับ...ยังไงให้ผมไปคุย...”


“ไม่ต้อง...เดี๋ยวฉันคุยเอง”ตินพูดแทรก


“ได้ครับ”จิมพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไป


“นี่ติน...จะให้เข้ามาแบบนี้ดีแล้วเหรอ ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนที่จ้องทำร้ายคุณก็ได้นะ”ผมรีบพูดทันทีที่ประตูถูกปิดลง


การที่บอกว่ารู้จักผมแบบนี้ยิ่งดูน่าสงสัยเข้าไปอีก


“ก็ต้องลองดู...นายแน่ใจนะว่าไม่ใช่คนรู้จักนายน่ะ”ตินเงยหน้าขึ้นมาถาม


“ผมไม่คิดว่าจะมีมนุษย์ที่นี่คนไหนรู้จักผมหรอกนะ”ถ้าเป็นประเทศนี้จากที่อยู่มาก็ไม่มีใครมองเห็นผมเลยนอกจากติน


“ที่นี่?...หมายความว่าไง”


“ก็...”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ขัดจังหวะจริง...เข้ามา”ตินพึมพำก่อนจะบอกให้คนที่เคาะประตูเข้ามา


“ผมพามาแล้วครับคุณติน”จิมบอกพร้อมกับเปิดประตูออก กลิ่นอายของความสะอาดและบริสุทธิ์ที่สัมผัสได้ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นมนุษย์ชายหญิงสองคนเดินเข้ามาภายในห้องโดยมีจิมเดินตามเข้ามาอีกคน


“พวกนายมีธุระอะไร”ตินเปิดประเด็นทันที


“...”ทั้งคู่ไม่มีใครตอบแต่ทำเพียงเงยหน้าขึ้นมามองสบตาผมที่ลอยตัวอยู่เท่านั้น การกระทำนั้นทำให้ตินหรี่ตาลงพร้อมขมวดคิ้วแน่น


“จิมออกไปก่อน”ตินหันไปบอกบอดี้การ์ดตัวเอง


“แต่ว่า...”


“ไม่มีอะไรหรอก”


“ครับ”จินเองก็ทำได้แค่พยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ


ทั้งห้องตอนนี้อยู่ในสภาพเงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยหรือเสียงเดิน แม้แต่เทพที่พูดไม่หยุดอย่างผมยังเงียบเพราะความอึ้งและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี่จนไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้


“นี่พวกนายมองเห็น...”ตินที่เงียบอยู่พูดก่อนจะมองขึ้นมายังผมที่ลอยตัวอยู่ คงจะเห็นสายตาที่ทั้งคู่มองมายังผมสินะ


“คุณเองก็เห็นสินะ”คนที่หันไปพูดกับตินคือผู้หญิงผมยาวสีดำสนิท เธออยู่ในชุดเสื้อวีกลมแขนสั้นสีขาวกับกางเกงขายาวสีเทาเข้ม แม้จะอยู่ในชุดธรรมดาก็ไม่อาจปกปิดความบริสุทธิ์ในร่างนั้นได้เลย


“ทำไมถึงเห็นได้?”ตินถามกลับ


“พวกเราต่างหากที่อยากถามคุณว่าทำไมถึงเห็นได้”


“แล้วทำไมฉันจะเห็นไม่ได้”


“เพราะคุณไม่ได้เป็นผู้ที่เกิดมาเพื่อรับใช้เทพเจ้าเหมือนอย่างพวกเรา”คำพูดนั้นยิ่งทำให้ตินขมวดคิ้วด้วยความงงเข้าไปใหญ่


“แพน...หมายความว่าไง...”


“ไดจิ!”ผมไม่สนเสียงเรียกของตินแต่บินลงไปกอดคอชายหนุ่มที่ยืนสบตาผมนิ่งมาตลอดตั้งแต่เข้าห้องมาด้วยความคิดถึง


นานขนาดไหนแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน


“คิดถึงแต่พี่ไดจิเหรอคะ”หญิงสาวที่ยืนคุยกับตินอยู่เดินเข้ามาถามที่กอดไดจิอยู่ด้วยรอยยิ้ม


“คิดถึงเราด้วยนะมิกะ”ผมหันไปบอกกับหญิงสาวด้านข้างด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


“ท่านคุคุโนจิน...เลิกกอดเถอะครับ”ไดจิบอกเสียงเบาก่อนจะพยายามใช้มือดันผมออกแต่เพราะไม่สามารถสัมผัสได้ทำให้มือนั้นทะลุผ่านร่างผมไป


“เรียงทงเรียกท่านอีกแล้ว”ตั้งแต่ที่เจอกันก็ใช้คำสุภาพตลอด


“แพน...เลิกกอดแล้วอธิบายมาสักที”ตินที่ไร้บทพูดบอกเสียงเข้มพลางกอดอกมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ


“อะไรๆ...หึงผมเหรอติน?”แหย่เสร็จผมก็ลอยไปหาตินก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแก้มขาวๆนั่นเล่น


“...”ความเงียบก็เหมือนเป็นคำตอบว่าใช่นั่นทำให้ผมต้องชะงักมือที่กำลังจิ้มแก้มตินเล่นอยู่ แต่แล้วดวงตาสีฟ้าสดก็เบนมาหา เพียงแค่สบตานั่นผมก็รู้ทันทีว่าตอนนี้ตินไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาเล่นด้วย


“โทษที”


“นี่คุณ...อย่าทำกริยาเสียมารยาทแบบสิคะ นี่อย่าบอกนะว่าทำแบบนี้ตลอดน่ะ”มิกะเดินเท้าเอวมาตรงหน้าตินก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก


“แล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ”


“คุณรู้ไหมว่าท่านคุคุโนจินเป็นใครน่ะ”


“คุคุโนจิน?...ฉันรู้จักแค่แพนเท่านั้น”ตินบอกกลับไป


“แพน...อ้อ...เป็นอีกชื่อของท่านนี่คะ”


“ก็ใช่”ผมตอบกลับไปเมื่อมิกะเงยหน้าขึ้นมาถาม


“สรุปพวกนายเป็นใคร”ตินถามพร้อมกับมองไปยังทั้งคู่


“งั้นขอแนะนำตัวเลยละกัน...ฉัน คิตากามิ มิกะเป็นมิโกะอยู่ที่ศาลเจ้าคิตากามิในญี่ปุ่น”มิกะ หญิงสาวรูปร่างดี หน้าตาสะสวย เส้นผมสีดำสนิทกับดวงตาสีน้ำตาลเป็นมิโกะของศาลเจ้าที่ผมไปอยู่ก่อนหน้านี้ในประเทศญี่ปุ่น


“คิตากามิ ไดจิ...ผู้สืบทอดศาลเจ้ารุ่นที่56”ไดจอแนะนำตัวกับตินบ้าง สำหรับไดจิมีรูปร่างสมส่วน หน้าตาค่อนไปทางดี มีเส้นผมสีน้ำตาลกับดวงตาสีเดียวกัน เขาเป็นผู้สืบทอดหรือก็คือเจ้าของศาลเจ้าคิตากามิต่อจากผู้เป็นพ่อก่อนที่ผมจะมาจากประเทศไม่นาน ยังจำได้เลยว่าวันงานผมยังไปนั่งจัดการของถวายจำนวนมากอยู่เลย


“แล้วเกี่ยวข้องยังไงกับแพน”ตินถามต่อ


“เห็นเรียกห้วนๆมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว...นี่คุณ มีมารยาทกับเทพเจ้าบ้างนะเดี๋ยวก็โดนสาปหรอก”มิกะเอ่ยเตือน


“หึ...เจ้าตัวบอกเองว่าสาปคนไม่ได้ฉันจะกลัวทำไม”


“คุณ...”มิกะเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างต่อแต่ถูกไดจิดึงแขนไว้


“ท่านคุคุโนจิน...ทำไมท่านถึงเลือกอยู่กับคนแบบนี้ครับ”


“...”คำถามของไดจิทำเอาตินที่ฟังอยู่แผ่รังสีหงุดหงิดออกมาทันที


“เรื่องมันยาวน่ะ เอ่อ...ติน ทั้งสองคนเป็นคนรู้จักของผมตอนที่อยู่ญี่ปุ่นเอง”ผมบอกไดจิก่อนจะหันไปบอกติน ดูเหมือนคำถามของตินจะไม่มีใครสนใจตอบเลยขืนปล่อยไปคงได้โมโหแน่


จะว่าไปก่อนหน้านี้ก็สัมผัสถึงอะไรที่บริสุทธิ์ได้นี่นะ คงจะมาจากมิกะที่เป็นถึงมิโกะของศาลเจ้าคิตากามิเป็นแน่ เห็นนิสัยแบบนี้แต่ตอนที่ทำพิธีนั้นจะดูเงียบสงบและน่าเคารพมาก


“พวกเขามองเห็นนายแต่แรกเลยเหรอ”ตินเงยหน้าขึ้นมาถาม


“อืม...เหมือนจะไม่ใช่แต่แรกนะ...ถ้าจำไปผิดมิกะมองเห็นได้ตอน7ขวบ ส่วนไดจิก็สัก6ขวบมั้ง”ผมบอกระหว่างที่นึกย้อนกลับไป เรื่องมันก็ผ่านมาพอสมควร...ตอนนี้ทั้งคู่เรียนจบกันหมดแล้วด้วย


“...”


“ติน...”คำเงียบของตินทำให้ผมต้องก้มลงไปมองอีกฝ่ายอย่างห่วงๆ


“ท่านคุคุโนจิน”


“อะไรไดจิ”ผมตอบรับเสียงเรียก


“ที่พวกเราเดินทางมาประเทศนี้ก็เพื่อจะพาท่านกลับไปยังศาลเจ้าของเรา...ได้โปรดกลับไปด้วยกันเถอะครับ”พูดจบไดจิก็คุกเข่าลงก่อนจะคำนับโดยก้มลงคำนับจนหน้าผากติดพื้น


“เราได้เห็นท่านปรากฏตัวในร่างของมนุษย์ในข่าวธุรกิจจากทางอินเตอร์เน็ต...ทั้งสถานที่นี้และบุคคลที่ท่านอยู่ด้วยล้วนไม่เหมาะสม เพราะแบบนั้นพวกเราเลยมารับท่านค่ะ”มิกะเองก็ก็พูดก่อนจะก้มคำนับแบบเดียวกับไดจิโดยไม่สนว่าตินจะตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเลยสักนิด


ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงมาหา...ข่าวธุรกิจที่ว่าคงไม่พ้นภาพในงานเลี้ยงเมื่อตอนไปทะเลแน่ๆ


“แพน...”น้ำเสียงของตินที่เรียกกับดวงตาสีฟ้าสดที่มองมานั้นราวกับจะสื่อคำพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่อย่างที่เคยพูดผมไม่สามารถอ่านความคิดของมนุษย์ได้เลยไม่รู้ว่าตินต้องการจะบอกอะไร


แต่ถึงจะรู้หรือไม่ก็ไม่สำคัญ


ยังไงคำตอบผมก็ไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว


“ไดจิ...มิกะ”ผมลอยไปนั่งบนพื้นระหว่างทั้งคู่ที่ยังคงหมอบอยู่


“ครับ/ค่ะ”


“ขอบคุณที่มาหาถึงนี่นะ...แต่ผมต้องขอโทษด้วย”


“ทำไมคะท่านคุคุโนจิน...ถึงเราไม่รู้สาเหตุที่ท่านมาอยู่กับมนุษย์คนนี้แต่เรารู้ถึงความต้องการของท่านดี ท่านชอบที่จะอยู่อย่างเงียบสงบในสถานที่ที่มีต้นไม้และผืนน้ำ แล้วท่านยังไม่ชอบพบปะผู้คนเวลามีงานจึงมักจะไปหาที่หลบอยู่เสมอ...แถมยังชอบมาหยิบอาหารที่ไม่ได้เตรียมไว้ถวายท่านไปรับประทานอีก”


“แต่ในสถานที่ที่ท่านอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่สถานที่ที่ท่านต้องการเลย...เขาคนนี้เป็นคนในวงของธุรกิจ ทุกๆวันเขาต้องอยู่กับสิ่งไร้ชีวิตอย่างเอกสารและไปพบปะผู้คนที่หวังแค่ผลกำไรทางด้านการค้า...ที่นี่ไม่มีสิ่งที่เหมาะสมกับท่านเลยสักอย่างอย่างเดียว...”มิกะอธิบายต่อ ตอนที่พูดถึงตินเธอก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าของชื่ออย่างไม่เกรงกลัว


“พวกเราอยากให้ท่านได้อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม...ได้โปรดกลับไปกับเราเถอะครับ”ไดจิเองก็พูดขึ้นบ้าง ดวงตาของทั้งคู่ที่เงยขึ้นมาสบอย่างขอร้องและวิงวอนนั่นทำให้ผมเอื้อมมือทั้งสองข้างไปวางบนศีรษะของทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มบ้าง


“ขอบคุณที่เป็นห่วงกันนะ”ความรู้สึกของพวกเขาส่งมาถึงผมแล้ว


“ท่านคุคุโนจิน...”


“แต่ถึงจะพูดยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก”


“ทำไม...”


“จริงอยู่ที่ทั้งสถานที่ บรรยากาศหรือแม้แต่สภาพแวดล้อมมันไม่ดีเท่าที่อยู่ในศาลเจ้าคิตากามิ เรื่องนี้ผมรู้ตั้งแต่ที่ตัดสินใจออกเดินทางแล้วแต่ผมก็ยังเลือกที่จะมาเพราะผมอยากเห็นโลกที่แตกต่างจากที่เคยเจอ...การได้อยู่กับไดจิ มิกะและทุกคนที่นั่นทำให้ผมได้เรียนรู้หลายๆสิ่ง...การมาที่นี่เองก็เช่นกัน...”


“เพราะงั้นช่วยยอมรับสิ่งที่ผมตัดสินใจเลือกด้วยเถอะนะไดจิ มิกะ”ผมบอกพวกเขาไปตามตรง


“...ท่านคุคุโนจิน”


“ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลามานะ”


“แปลว่าเขาสำคัญกับท่านมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”มิกะถามพลางมองไปยังตินที่ยืนนิ่งมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบๆ



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 20-08-2017 21:00:16
(ต่อนะคะ)


สำคัญไหม


คำตอบนี้ไม่จำเป็นต้องคิดเลย


ตินสำคัญมากสำหรับผม


สำคัญมากไหม


นี่ก็เป็นอีกคำถามที่ผมแทบไม่ต้องคิดคำตอบเลย


“ใช่...สำคัญมาก”และอาจสำคัญที่สุดตั้งแต่ที่เกิดมาเลยก็ได้


“เข้าใจแล้วครับ”


“พี่ไดจิ”มิกะหันไปมองหน้าพี่ชายตัวเองอย่างตื่นๆ


“ต่อให้โน้มน้าวยังไงคำตอบก็ไม่เปลี่ยนหรอกมิกะ”ไดจิหันไปบอกน้องสาว


“แต่ว่า...”


“อย่าทำให้ท่านคุคุโนจินลำบากใจไปมากกว่านี้เลย”


“...ค่ะ...ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบากใจนะคะ”มิกะนิ่งไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าๆ


“ไม่เลย...ผมดีใจที่ยังคิดถึงกันอยู่นะ...ตอนนี้ที่ศาลเจ้าไม่มีเทพองค์อื่นอยู่ใช่ไหม”ผมถามกลับ


“ใช่ครับ”


“ไม่ต้องห่วงหรอก...อีกไม่นานจะมีเทพองค์ใหม่มาสถิตอยู่แน่นอน”สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์แบบนั้นอีกไม่นานต้องมีเทพที่เดินทางผ่านมาเข้าไปอยู่แน่ ดีไม่ดีอาจมีเทพองค์ใหม่เกิดขึ้นที่นั่นก็เป็นได้


“ครับ...ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่รบกวนท่านแล้วครับ”ไดจิบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน มิกะเองก็ลุกขึ้นเช่นกัน


“จะไปแล้วเหรอ”พึ่งมาถึงก็จะกลับกันไปซะแล้ว


“ใช่ครับ...พวกเรามีของฝากมาท่านด้วย”ไดจิพูดพร้อมกับยื่นถุงสีขาวขนาดใหญ่เท่ากระเป๋าเดินทางมาให้


“ขอบคุณ...อ๊ะ...นี่มัน...วากาชิ”ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมถึงกับเบิกกว้างเมื่อเปิดดูของฝากที่อยู่ภายใน กล่องของฝากมากมายอัดแน่นอยู่ภายในถุงพอหยิบอันบนสุดขึ้นมาดูก็พบกับวากาชิขนมญี่ปุ่นโบราณของโปรดของผมอยู่ภายใน


วากาชิเป็นขนนมญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็ก ถ้าพูดถึงรูปลักษณ์ก็พูดได้ว่ามีหลากหลายแต่ที่เหมือนกันคือทุกแบบมีความงดงามที่ไม่ต่างกัน ใครที่เห็นก็เป็นต้องหยุดมองในความงามของขนมแต่ละชิ้นแน่


วากาชิทำจากของหลายๆอย่างที่ผมไม่ค่อยรู้นัก ที่รู้คือไส้จะทำจากถั่วให้ออกรสหวานค่อนข้างมาก ตอนอยู่ญี่ปุ่นผมได้กินอยู่ตลอดเพราะศาลเจ้าคิตากามิขึ้นชื่อเรื่องวากาชินี่แหละ


ตั้งแต่มานี่ก็ไม่ได้กินอีกเลย


“ผมทำเองเลยนะ”ไดจิบอกด้วยรอยยิ้ม


“ว้าว...ถ้าเป็นฝีมือไดจิต้องอร่อยสุดยอดเหมือนเคยแน่...ไม่ได้กินมาตั้งนานคิดถึงจังเลย”ผมมองวากาชิที่อยู่ภายในกล่องใสด้วยตาที่เป็นประกาย ไดจิได้ชื่อว่าเป็นพ่อควรที่เก่งเรื่องการทำขนมญี่ปุ่นคนหนึ่งของแถบนั้นด้วยรสมือและหน้าตาทำให้กลายเป็นจุดขายของศาลเจ้าในเวลาไม่นาน


“ถ้าท่านต้องการก็สามารถบอกได้ ผมจะทำส่งมาให้ครับ”


“บอก?...ยังไงล่ะ”จะให้ผมลอยไปบอกเหรอ


นานไปนะกว่าจะถึง


“มิกะ”


“ค่า...นี่ค่ะ”มิกะหยิบแผ่นกระดาษในกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะยื่นให้ตินที่ยืนนิ่งอยู่


“อะไร”


“เบอร์โทรติดต่อ...ถ้าท่านคุคุโนจินต้องการวากาชิหรือขนมญี่ปุ่นอื่นๆให้ติดต่อมาได้เลยค่ะ...พวกเราจะทำส่งมาให้”มิกะขยายความ


“ทำไมถึงทำเพื่อแพนขนาดนี้?”ตินรับแผ่นกระดาษนั่นไว้ สีหน้าของตินบ่งบอกว่ากำลังคาใจมากจนต้องถามไปแบบนั้น


ความจริงไม่ใช่แค่ติดแต่ผมก็อยากรู้เหมือนกัน


ในโลกนี้มีมนุษย์ไม่มากที่จะมองเห็นพวกเรา


สำหรับคนที่เห็นก็จะแบ่งเป็นสองแบบคือ


เห็นแล้วทำเป็นไม่เห็น สำหรับพวกนี้เป็นพวกที่ไม่อยากยุ่งให้มีเรื่องวุ่นวาย ส่วนมากก็จะเป็นคนที่เรียกว่ามีพลังวิญญาณสูงมั้ง
อีกแบบคืออย่างพวกไดจิและมิกะ พวกเขาพอเห็นก็ไม่เบือนหน้าหนีแต่เข้ามาทักทายด้วยความเคารพ นอกจากจะทักทายแล้วยักมีการบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเอง การขอพรก็ไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป...ไม่มีการขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เหมือนอย่างคนทั่วไป


ทุกๆปีที่ผมรับฟังคำขอพร


คำขอของพวกเขาคือของให้ปีต่อไปมีแต่ความสุข


ผมชอบมนุษย์แบบนี้นะ


“ท่านคุคุโนจินเป็นเทพที่ทั้งใจดีและอ่อนโยน...แม้ตอนที่พวกเรามองไม่เห็นก็มักจะคอยดูแลเราอยู่ตลอด ยิ่งตอนที่มองเห็นท่านยิ่งคอยเป็นห่วงเราในทุกๆเรื่อง...สำหรับพวกเราท่านคุคุโนจินเป็นเหมือนครอบครัว”ไดจิบอกก่อนจะคลี่ยิ้มส่งมาให้


“ใช่ค่ะ...ตอนแรกที่เรารู้ว่าในศาลเจ้ามีเทพจริงๆก็รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกันแต่พอได้เห็นได้เจอได้พูดคุยกับท่านคุคุโนจินก็ทำให้รู้ว่าถึงเป็นเทพก็ไม่ทำตนเป็นใหญ่เหมือนอย่างที่คิดไว้...นิสัยของท่านอาจเหมือนเด็กไปบ้างแต่ก็มีมุมที่เป็นผู้ใหญ่อยู่เช่นกัน ขอฝากดูแลท่านคุคุโนจินด้วยนะคะ”พูดจบมิกะก็ก้มหัวลงตรงหน้าติน


“รบกวนด้วยครับ”ไดจิที่เห็นก็ทำตามเช่นกัน


“อืม...ถึงไม่บอกก็ทำอยู่แล้ว”


หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ขอตัวกลับไปทำให้ทั้งห้องกับมาเงียบอีกครั้งหนึ่ง...ตินที่ทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ยืนนิ่งท่าเดิมสักพักก่อนจะกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะตามเดิม


ผมเองก็รู้ว่าไม่ควรกวนเลยพาร่างที่ลอยอยู่มานั่งลงบนโซฟาแล้วเริ่มหยิบวากาชิกล่องหนึ่งขึ้นมาวากาชิรูปดอกไม้ทั้ง3แบบ3สีเรียงรายอยู่ภายในอย่างสวยงาม ชิ้นแรกที่หยิบขึ้นมาเป็นดอกซากุระบานสีชมพูก่อนจะตามมาด้วยกุหลายสีแดงและดอกท้อสีส้มอ่อน


รสมือของไดจิยังเยี่ยมเหมือนเดิมเลย


“แพน”


“อะไรเหรอติน”ผมหันหน้าไปถามตินตามเสียงเรียก แฟ้มเอกสารที่ถือไว้ก่อนหน้านี้ถูกวางลงบนโต๊ะทั้งๆที่เปิดอยู่แปลว่ายังอ่านไม่เสร็จ


“นายชอบที่นั่นมากเหรอ”


“หมายถึงศาลเจ้าคิตากามิใช่ไหม”


“อืม”


“ใช่...ผมชอบที่นั่นมาก ศาลเจ้าคิตากามิเป็นศาลเจ้าที่อยู่ติดภูเขาทำให้ด้านหลังศาลเจ้ามีทางเดินเชื่อมไปยังน้ำตกในป่า มันเป็นสถานที่ที่ทั้งสงบและร่มลื่นมาก...เพียงแค่ได้มองเหล่าต้นไม้ที่เอียงไปตามแรงลมก็ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายขึ้น”น้ำตกที่ว่าก็เป็นสถานที่ที่ผมชอบไปอาบน้ำและสระผมอยู่บ่อยๆ


“...”พอฟังจบตินก็เงียบไปราวกับกำลังคิดอะไรอยู่


“ติน...คิดอะไรอยู่น่ะ”ผมวางกล่องใส่ขนมวากาชิลงก่อนจะลอยไปหาอีกฝ่ายที่ทำหน้านิ่งอยู่


“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันนายก็จะกลับไปใช่ไหม”คำพูดของตินทำให้ผมนิ่งไปเพราะกำลังทำความเข้าใจกับคำถามนั้นอยู่ ที่ว่าถ้าไม่ใช่เพราะตินหมายถึงการที่ผมต้องอยู่กับเขาจนกว่าจะหมดอายุไขสินะ แล้วที่ว่าจะกลับไปก็คงหมายถึงที่ศาลเจ้าคิตากามิ


ถ้าทั้งหมดนั่นหมายถึงการที่มีตินอยู่ทำให้ผมไม่สามารถกลับไปได้ละก็...


“อืม...ใช่”ผมพยักหน้าให้อีกฝ่ายเห็น


“อึก...”


“ติน?”ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นของตินทำให้ผมรู้สึกถึงความไม่ปกติ


“ถ้าการที่ฉันอยู่ทำให้นายต้องมาทนอยู่ในสถานที่ที่ไม่ชอบก็ฆ่าฉันซะเลยสินายจะได้เป็นอิสระสักทีไง!!”ตินตะโกนขึ้นด้วยอารมณ์ที่กำลังจะปะทุออกมา


“พูดอะไรน่ะ”


“ถ้าอยากกลับไปที่นั่นนักก็ไปเลย...ไม่ต้องมาทนอยู่กับฉันหรอก!”เป็นอีกครั้งที่ตินตะโกนเสียงดัง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนหงุดหงิดซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร


แต่ที่รู้คือผมเองก็ไม่พอใจที่ถูกไล่ไปแบบนั้นเหมือนกัน


“ผมไม่ได้อยากกลับไป!”อย่าคิดว่าตัวเองจะเป็นคนเดียวที่ตะโกนได้นะติน


“ก็พึ่งพูดว่าอยากกลับไปไม่ใช่รึไง”ตินที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนพร้อมเงยหน้าขึ้นจ้องผมอย่างเอาเป็นเอาตาย


“ผมพูดตอนไหน”


“ฉันถามนายว่าถามไม่ใช่เพราะฉันนายจะกลับไปใช่ไหม...และคำตอบของนายคือใช่ นั่นหมายถึงถ้าไม่มีฉันนายก็จะกลับไปตามที่พวกนั้นมาตามไม่ใช่รึไง”ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงที่ตะโกนขึ้นแต่มือทั้งสองข้างยังกำกระดาษเอกสารตรงหน้าแน่นจนยับยู่ยี่ไปหมด


“ใช่...ถ้าไม่มีคุณผมอาจกลับไปกับพวกเขา แต่เพราะตอนนี้ผมมีคุณผมถึงไม่กลับ...ที่ผมยังอยู่ที่นี่ก็เพราะมีคุณอยู่ไงติน!”ผมตะโกนกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้


“...”คำพูดผมทำให้ตินเบิกตามกว้างขึ้นเล็กน้อยราวกับตกใจกับอะไรบางอย่าง


“ติน...”


“...ที่นายอยู่เพราะฉัน”ตินพึมพำก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม


“ใช่...นี่ติน...ผมน่ะถึงจะชอบที่นั่นมากแต่ตอนนี้ผมชอบตินมากกว่านะ”ร่างของผมลอยไปด้านหลังตินก่อนจะกอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆ หวังว่าตินจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการสื่อออกไปนะ


ที่ตินโกรธหรือโมโหในตอนนี้อาจเพราะสิ่งที่เราเข้าใจมันไม่ตรงกัน ท่าทางและน้ำเสียงที่ตะโกนออกมานั่นแค่มองผมก็รู้แล้วว่าเขากำลังอดอั้นอารมณ์บางอย่างไว้


“...ฉันก็...ชอบนาย”เสียงทุ้มพึมพำออกมาเบาๆเมื่อก้มหน้าลงไปด้านล่าง


“ก็ดีแล้วนี่...มาชอบกันไว้ดีกว่า ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน”ผมบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง ไม่บ่อยนักที่ติดจะแสดงออกมาตรงๆแบบนี้


ผมรู้ว่าเขาชอบผมมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ชอบก็คงไม่คอยดูแลหรือเอาใจใส่กันขนาดนี้หรอก


“เรียกว่าทั้งชีวิตดีกว่ามั้ง”ตินที่แผ่รังสีหงุดหงิดมาจนถึงเมื่อครู่กลับเริ่มกวนผมเหมือนยามปกติ


“แค่ชีวิตคุณไม่ใช่ชีวิตผมสักหน่อย”


“ถ้าฉันตาย นายจะทำยังไงต่อแพน”อยู่ๆตินก็พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแทน


“นั่นสินะ...ผมยังไม่ได้คิดเลยเพราะงั้นอยู่นานๆนะรอให้ผมคิดได้ก่อนแล้วค่อยตาย”ผมบอกพลางซุกหน้าลงที่แผ่นหลังของติน
แค่คิดว่าความสุขที่ได้อยู่กับตินกับหายไปหัวใจมันก็บีบรัดจนเจ็บไปหมด


ความรู้สึกนี่มัน...


แบบนี้ท่าจะแย่แล้ว


อย่าสิ...


อย่าไปคิดถึงมัน


ให้มันหยุดอยู่แค่ความรู้สึกชอบนี้เถอะ


“นานสักเท่าไหร่ดีล่ะ”เสียงของตินดังขึ้นเรียกสติของผมให้กลับมาอีกครั้ง


เสียงของเขาทำให้ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันต้องไม่เป็นไร


“...ขอสัก200ปีละกัน”


“แบบนั้นฉันก็เดินไม่ไหวแล้ว”


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวช่วยพยุง”ผมพูดต่อ


“หึ ช่วยอุ้มด้วยดีไหมล่ะ”ตินย้อนถาม


“ก็ได้นะ...เดี๋ยวจะใช้ต้นไม้เหวี่ยงทีเดียวถึงเตียงเลย”


“ก่อนถึงเตียงจะถึงสวรรค์ก่อนน่ะสิ”


“คิก...”สุดท้ายบรรยากาศภายในห้องก็กลับมาดีตามเดิม


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“เข้ามา”ทันทีที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นตินก็หุบรอยยิ้มบางๆนั่นกลับมาตีหน้านิ่งเหมือนเดิม


“คุณตินครับ”คนที่เปิดประตูเข้ามาคือหนึ่งในบอดี้การ์ดคนสนิทจิมนั่นเอง


“มีอะไร”


“คือผมได้เสียงเสียงคุณตะโกน”


“ฮะฮะ...อุ๊บ...”ผมรีบยกมือปิดปากตัวเองเมื่อตินส่งสายตาคมๆมาให้


เสียงที่จิมได้ยินคงเป็นเสียงที่ตินตะโกนคุยกับผมก่อนหน้านี้แน่ๆ


เจ้าของห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งตะโกนเสียงดังในห้องทำงานตามลำพัง


ฮะฮะฮะ...ขำชะมัดเลย


“คุณจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้นะติน”ผมลอยไปกระซิบข้างหูอย่างกวนๆ


มันไม่ง่ายเลยที่จะปฏิเสธทั้งที่อีกฝ่ายได้ยินเสียงนั่นเต็มๆหู


“อืม...แพนโทรมาโวยวายว่าหิวน่ะ”ผมถึงกับตาโตเมื่อได้ยินสิ่งที่ตินใช้แก้ตัว


เอาผมมาเป็นข้ออ้างเรอะ


“ผมไม่ได้โทรหาคุณสักหน่อย”ใครจะยอมให้โกหกแบบนี้กัน แบบนี้จิมจะมองว่าผมเป็นคนยังไงล่ะที่โทรมากวนด้วยเหตุผลเพียงแค่หิวน่ะ


“อ้อ...ครับ...แล้วเป็นยังไงบ้างครับ ให้ผมโทรไปสั่งอาหารให้ขึ้นไปเสิร์ฟดีไหมครับ”จิมเสนอแนวทาง


“ฉันบอกไปแล้วล่ะ”


“ครับ...ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวก่อนนะครับ”จิมบอกก่อนจะเดินออกไปจากห้อง


“คุณโกหก”พอประตูปิดลงผมก็ไม่รอช้าที่จะกวนเจ้าของห้องด้วยน้ำเสียงเย๊าะๆ


“จะให้บอกว่าทะเลาะกับเทพรึไง”


“เปล่านี่...แค่มันน่าจะมีเหตุผลอื่นที่ดีกว่านี้ แบบนี้ภาพลักษณ์ผมเสียหายนะ”


“ภาพลักษณ์อะไร”ตินขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัย


“ก็ที่ตินพูดไปแบบนั้นมันเหมือนกับผมเป็นคนเห็นแก่กินนี่”คนอะไรโทรมาหาแฟนเรื่องของกิน


“อืม...ก็เข้าใจถูกแล้วนี่”ตินพยักหน้าขึ้นลงราวกับเห็นด้วยกับสิ่งที่ได้ยินซะเต็มประดา


“ติน”


“อะไรครับท่านเทพ”


“ผมไม่ได้เห็นแก่กินะ...ถอดคำพูดเดี๋ยวนี้เลย”ไม่งั้นผมไม่ยอมจริงๆด้วย


“อืม...งั้นคนไม่เห็นแก่กินคงไม่หอบถุงขนมนั่นกลับห้องหรอกใช่ไหม”ตินถามพลางชี้นิ้วไปยังถุงของฝากที่ไดจิให้มา


“อะ...เอ่อ...นั่นมัน...”แย่ล่ะสิ เล่นแบบนี้ผมจะไปต่อยังไงได้กัน


“รู้สึกว่าจะมีหลายคนที่อยากได้ของฝากจากญี่ปุ่น...”


“คุณพูดว่าผมเป็นคนที่เห็นแก่กินซึ่งมันผิด ความจริงผมไม่ใช่คนสักหน่อย”ผมพยายามเถียงแม้จะรู้ว่าชัยชนะครั้งนี้ช่างห่างไกลซะเหลือเกิน


“เทพนี่เขาไม่กินอะไรกันนี่นะ”ตินยังคงพูดต่อด้วยสายตาเจ้าเล่ห์


“อึก...”เหมือนมีธนูมาปักเข้าที่หัวใจเลย


“อยากให้เอากลับไหม”


“อยาก!”ผมตอบแบบไม่ต้องคิด ถ้าให้ถือกลับเองก็หนักอยู่ ถึงเทพอย่างพวกเราจะลอยได้แต่ไม่สามารถทำให้น้ำหนักของสิ่งของหายไปได้เวลาที่ถืออะไรก็ต้องยอมรับน้ำหนักของสิ่งของนั้นๆด้วย


“ภาพลักษณ์ของนายล่ะ”


“ไม่สนแล้ว”


“ไม่สนจริง?”


“อืม...ภาพลักษณ์มันกินไม่ได้แต่ของฝากนี่ทั้งกินได้ทั้งอร่อย”เรื่องภาพลักษณ์ช่างมันเถอะ


“หึ...เทพแห่งการกินชัดๆ”ตินยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อซ่อนเสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มและคำพูดกวนๆนั่น


แต่มีเหรอที่ผมจะไม่ได้ยิน


“เทพแห่งพฤกษาต่างหาก”ต้องให้แก้อีกกี่รอบกัน


“งั้นจะให้เอากลับไหม”


“เอา!”


“หึ...”
........................................................................

จบไปอีกหนึ่งตอนนน

วันนี้มาช้าเนื่องจากพึ่งแต่งเสร็จ

อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่าเรากำลังอยู่ในช่วงสหกิจทำให้ต้องทำงานทั้ง5วัน อีกทั้งยังต้องทำเล่มรายงานส่งด้วยเลยค่อนข้างยุ่งมากๆ จะมีเวลาแต่งแต่ละทีก็ไม่มากเลยเสร็จช้าอย่างที่เห็น

เพราะงั้นเราเลยขอเปลี่ยนการอัพเป็นอาทิตย์เว้นอาทิตย์เฉพาะช่วงนี้นะคะ

ถ้าทุกอย่างกลับมาเข้าที่แล้วจะมาอัพทุกอาทิตย์ตามปกติค่ะ

สำหรับตอนนี้เรารู้สึกแปลกใหม่ที่ได้แต่งถึงคนรู้จักของแพน แถมยังได้แต่งฉากทะเลาะกันของทั้งคู่อีก

สนุกมากเลยค่ะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 20-08-2017 21:32:40
ท่านเทพน่ารัก ^^
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 20-08-2017 21:48:48
 :ruready เทพแห่งการกินชัดๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 20-08-2017 21:59:54
นึกถึงแพนให้นึกถึงเรื่องกิน(?) 55555

ตินๆหวงแพนใช่ไหมล่ะ ~
ใจเย็นนะนาย สองคนไม่แยกจาก แพนอยู่กับตินตินเสมออ
น่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-08-2017 22:03:22
อ่านตอนนี้แล้วต้องรีบไปหารูปวากาชิเลย ฮา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 20-08-2017 22:16:23
มีความทะเลาะกันเบา
แต่ถ้าท่านเทพรักตินขึ้นมาจิงๆ จะเปนไรรึเปล่าน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 20-08-2017 22:57:52
อารมณ์แปรปรวนนะติน

มีหวงๆ

 :hao3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-08-2017 23:36:29
น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-08-2017 23:57:33
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 21-08-2017 01:18:17
ติณแอบหึงไดจิใช่มั๊ย  :jul3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 21-08-2017 09:34:48
 :mew1: :mew1: น่ารักจังสุดท้ายแพนก็แพ้ต่อขนมอิอิ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 21-08-2017 12:49:17
ติน ตอนนี้นี่เหมือนเด็กเลยแต่กะน่ารักดี
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 21-08-2017 18:23:28
ชอบเขามากไหมล่ะติณณณณณ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 21-08-2017 22:08:35
ตินน้อยใจกับคำตอบของแพนเหรอ -0-
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-08-2017 22:15:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: noteno ที่ 22-08-2017 16:40:41
 :pig4: :pig4:

เรื่องน่ารักดีค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 22-08-2017 19:29:50
แพนน่ารัก

ตินก็หวงแพนไม่น้อยเลยยนะ

หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-08-2017 23:10:38
เชื่อเขาเลย เทพแห่งการกิน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 23-08-2017 10:05:32
แพนเทพสายกิน vs พี่ตินสายเปย์  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-08-2017 13:20:22
แพนน่ารักจัง อยากจิ้มแก้มบ้าง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่16♣} 20/08/60 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: neyney_mumi ที่ 02-09-2017 17:15:29
งือออ คนเขียนขาาา หายไปนานเลยยยย
คิดถึงแพนแล้ววว รีบมาต่อน้าาา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 02-09-2017 20:49:32
สัมผัส{❤}ครั้งที่17



แสงแดดยามเช้าส่องสว่างเข้ามาภายในห้องชั้นบนสุดของคอนโดสุดหรูทางหน้าต่างที่ลืมเลื่อนผ้าม่านปิดไว้ ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมปรือขึ้นเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่วางทับอยู่บนเอว พอเลื่อนผ้านวมออกก็พบกับแขนของเจ้าของห้องที่พาดอยู่


ลมหายใจที่สม่ำเสมอนั้นทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิทอยู่ก็เลยพลิกตัวกลับไปมองใบหน้ายามหลับนั้นในระยะใกล้ การได้มองหน้าตินเวลานอนเหมือนเป็นงานอดิเรกอย่างใหม่ที่พึ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ โดยปกติเมื่อตื่นผมมักจะออกไปรับแสงแดดยามเช้าจนถึงเวลาที่ตินตื่นไม่เหมือนกับตอนนี้


ความรู้สึกที่อยากอยู่ข้างๆเริ่มมีมากขึ้นทั้งที่การอยู่ด้วยกันมันก็เป็นเรื่องปกติของพวกเราที่ไม่สามารถแยกกันได้จนกว่าจะหมดอายุไขอยู่แล้ว


ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตินมันเป็นความสุขที่ต่างจากชีวิตเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง


ทุกๆวันที่ได้เถียงกัน


ได้ทะเลาะในเรื่องไร้สาระ


หรือแกล้งกันบ้างในบางโอกาส


มันล้วนทำให้ผมยิ้มออกแถมเป็นรอยยิ้มจากใจจริงด้วย


ก็สมกับที่ตินเป็นมนุษย์ที่ผมชอบที่สุดละนะ


ระหว่างที่มองใบหน้าของตินผมก็เอื้อมมือข้างนึงไปเกลี่ยเส้นผมสีดำสนิทนั่นเล่นไปมาก่อนจะต้องยกยิ้มขึ้นเมื่อนึกถึงตอนที่อีกฝ่ายตื่นผมคงไม่ได้จับผมของเขาง่ายๆเหมือนอย่างในตอนนี้


ตินเป็นพวกหวงตัวไม่ว่าจะเป็นกับคนที่รู้จักหรือไม่รู้จัก แม้จะรู้จักอย่างครอบครัวหรือคนสนิทก็ตินก็แทบไม่ยอมให้แตะเนื้อต้องตัวยิ่งกับคนที่ไม่รู้จักแค่จับมือบางทียังหน้าตึงเลย


น่าแปลกที่กับผมตินกลับไม่เคยมีอาการรังเกียจเหมือนอย่างที่เป็นกับคนอื่นซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้รับการยอมรับให้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของอีกฝ่ายมากขึ้น


“ขอแกล้งนิดนึงนะติน”ผมขออนุญาตพร้อมยกยิ้มขึ้นเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ ผมขยับร่างของตัวเองเข้าไปชิดกับตินก่อนจะกอดอีกฝ่ายแน่นๆ กลิ่นของตินลอยมาเข้าจมูกจนผมเผลอซบหน้าลงไปกับแผ่นอกนั้นอย่างไม่รู้ตัว


ถ้าตินตื่นมาเจอสภาพนี้คงตกใจมากแน่ ไม่แน่นะอาจกลิ้งตกเตียงก็ได้ใครจะรู้


ถ้าตกเตียงจริงผมจะได้มีเรื่องให้ล้อสักที


ครั้งนี้แหละผมอาจชนะได้เป็นครั้งแรก


ร่างของตินที่หลับสนิทค่อยๆขยับตัวทีละน้อยนั่นทำให้ผมอยู่นิ่งๆโดยมือทั้งสองข้างยังคงกอดอีกฝ่ายไว้แน่น แรงขยับตัวนั้นดูจะชะงักไปเล็กน้อยคิดว่าคงเพราะเห็นว่ามีผมนอนกอดตัวเองอยู่แน่


“...แพน?”เสียงทุ้มที่ติดงัวเงียดูจะตกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นผมในสภาพนี้ แต่แค่ตกใจเองไม่เห็นจะถอยหลังตกเตียงอย่างที่คิดไว้
จะว่าไปผมก็กอดแน่นขนาดนี้จะให้ตกเตียงก็คงไม่ได้


อ่า...ผมพลาดซะแล้ว


“หึ...น่าแปลกที่ฉันตื่นเช้ากว่านะ”หลังจากนิ่งไปสักพักตินก็พึมพำออกมาเสียงเบา ไม่นานก็ตามมาด้วยสัมผัสของเส้นผมที่ถูกอีกฝ่ายลูบไปมา...แรงที่ลูบนั้นไม่เหมือนกับทุกครั้งที่มักจะแจ้งขยี้จนหัวฟูแต่ครั้งมันกลับอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก


รู้สึกดีจัง


ไม่แปลกเลยที่ตินจะรู้สึกดีเวลาที่ผมลูบ ในเมื่อรู้สึกดีขนาดนี้ผมก็อยากจะหลับต่ออีกตื่นเหมือนกัน


“...แพน”หัวใจที่เต้นอยู่ทวีความเร็วขึ้นทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงที่ตินเรียกชื่อตัวเอง ทั้งที่ชื่อเหมือนเดินแต่น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกจนผมต้องซุกหน้าตัวเองเข้าที่อกตรงหน้าเพื่อซ่อนใบหน้าที่เหมือนจะร้อนขึ้น


ทั้งที่คิดว่าอีกสักพักคงกลับมาเป็นเหมือนแต่สัมผัสต่อมานั้นทำเอาทั้งร่างผมเกร็งโดยอัตโนมัติ...


มันไม่ใช่มือที่ลูบหรือน้ำเสียงที่พูด


สัมผัสแบบนั้นเหมือนกับที่เคยได้รับมากก่อนเพียงแต่ไม่ใช่ที่หัวแต่เป็นที่ริมฝีปากของตัวเอง


นี่ติน...จูบ...


ผลัก!


“ทำอะไรน่ะ!”ผมผลักอีกฝ่ายออกพร้อมกับถอยไปตั้งหลักที่ปลายเตียงอย่างรวดเร็ว ทั้งความร้อนบนใบหน้าหรือแม้แต่จังหวะของหัวใจ ทุกอย่างล้วนแต่เพิ่มมากขึ้นจนอยากจะมุดไปใต้ผ้านวมมันซะเดี๋ยวนี้เลย


นี่ผม...


กำลังเขินอายขนาดนี้


บ้าน่า


กับมนุษย์เนี่ยนะ


เป็นไปไม่ได้!


“นายตื่นอยู่”ตินไม่ตอบแต่ทำเพียงมองมาอย่างคาดคั้นคำตอบ


“...เปล่า”


“คิดว่าฉันจะเชื่อคำโกหกนั่นรึไง”


“...”ผมเลือกที่จะเงียบแทนที่จะต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย ตอนนี้ผมอยากให้หัวใจตัวเองกลับมาเต้นปกติให้เร็วที่สุด


“หน้านายแดงนะ...หรือว่าเป็นไข้?”ตินที่เห็นใบหน้าที่ขึ้นสีของผมก็ขยับตัวมาใกล้ก่อนจะเอื้อมมือมาสัมผัสบริเวณหน้าผาก ทั้งที่ผมควรจะหนีฝ่ามือนั่นแต่กลับทำได้เพียงนั่งเม้มปากตัวเองแน่นอยู่กับที่ยอมให้ตินทำตามต้องการ


“ไม่ได้เป็นไข้นี่...ทำไมหน้าแดง”


“...อย่าถามได้ไหม”ผมไม่คิดจะบอกเหตุผลให้ฟังหรอกนะ


ต่อให้เอาอาหารทั้งโลกมาล่อผมก็ไม่ยอม


จะให้รู้ได้ยังไงล่ะว่าผมเขินน่ะ


เทพเจ้าที่อยู่มากว่า300ปีกลับเขินเมื่อถูกจูบที่หัว


น่าอายเป็นบ้า


“ถ้าไม่ได้เป็นไข้...อย่าบอกนะว่าเขินน่ะ”


“พูดบ้าๆ...เพี้ยนไปแล้วรึไง”ผมตะโกนเสียงดังอย่างไม่อายใครเมื่อได้ยินคำว่าเขินในประโยคนั่น


“หึ...อ้อ...อย่างงี้นี่เอง”อยู่ๆตินก็ยกยิ้มขึ้นก่อนจะทำหน้าเจ้าเล่ห์


“อะ...อะไร”


“เขินที่ฉันจูบ”


“ไม่ใช่นะ”


“หึ”คำปฏิเสธอันรวดเร็วของผมทำให้ตินยกยิ้มขึ้นอีกรอบ


รอยยิ้มนั่นคงรู้แล้วแน่ๆว่าผมเขิน


นี่ผมจะเอาหน้าไปไว้ไหนดี


“...ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้เนี่ย...ความจริงคุณต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายตกใจจนกลิ้งตกเตียงน่ะแต่ทำไมกลายเป็นผมที่ต้องมาเขินอายแบบนี้กัน!”สิ่งที่อยู่ในหัวถูกระบายออกไปราวกับน้ำป่าไหลหลาก


“อ้อ...แปลว่าวางแผนไว้”


“อุ๊บ!...”ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองที่เผลอพูดออกไปจนหมดทว่ามันคงปิดไม่ทันซะแล้ว


“จะให้ฉันตกใจจนกลิ้งตกเตียงแต่ดันกอดไว้ซะแน่นจนขยับแทบไม่ได้น่ะเหรอ”คำถามกวนๆนั่นทำเอาผมต้องเม้มปากแน่นด้วยความอับอาย


“...มันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง”


“แล้วคนที่เป็นฝ่ายแกล้งกลับถูกฉันทำให้เขินจนหน้าแดงแบบนี้”


“ไม่ได้เขินสักหน่อย”ยังไงก็ไม่อยากให้ตินรู้ว่าผมเขิน


“โกหกไม่ได้ก็อย่าพยายามเลย...มันเสียเวลา”


“ติน”แบบนี้มันจะมากไปแล้วนะ


“ครับท่านเทพ”คำตอบรับนั่นยิ่งเพิ่มอารมณ์ที่มีให้มากขึ้นไปอีก


“รับผิดชอบเลยนะ”ผมตะโกนเสียงดังลั่น


“รับผิดชอบ?...แต่งงานกันเลยไหมล่ะ”


“ฮะ?...พูดเป็นเล่น”เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องแต่งงานเลยงั้นเหรอ


“ฉันพูดจริง”


“ติน...”


“หึ...ทำหน้าตลก”ติกเปลี่ยนสีหน้าที่จริงจังเป็นใบหน้านิ่งๆตามปกติก่อนจะเอื้อมมือมาดีดหน้าผากผมเบาๆ


“...แกล้งกันนี่”ผมพึมพำพลางยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเอง เล่นทำน้ำเสียงจริงขังแบบนั้นผมก็ไปต่อไม่ถูกน่ะสิ


“เป็นการลงโทษที่คิดจะแกล้งคนอื่น”ตินบอกก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง


“คนอื่นผมไม่แกล้งหรอก...แกล้งตินคนเดียวก็พอแล้ว”


“ถ้าแกล้งมาจะแกล้งกลับให้แดงไปทั้งตัวเลย”ตินพูดเสียงเข้ม


“ทำไมขี้แกล้งขนาดนี้นะ”


“ขอคืนคำพูดนั้นให้เลยแพน”ตินสวนกลับ


“ชิ...”สุดท้ายผมก็ไม่ชนะจริงๆด้วย


เมื่อการถกเถียงช่วงเช้าผ่านไปยกแรกตินก็ก้าวเข้าไปยังห้องน้ำก่อนจะออกมาทางห้องแต่งตัวที่อยู่ติดๆกันในชุดลำลองปกติ ห้องแต่งตัวด้านข้างมีประตูเชื่อมจากในห้องน้ำทำให้เวลาอาบเสร็จก็สามารถเดินเข้าไปแต่งตัวอีกห้องได้เลย ยกเว้นพวกชุดนอนที่จะมีเตรียมไว้ให้ในห้องน้ำอยู่แล้ว


“ทำไมใส่ชุดนี้ล่ะ...ไม่ไปทำงานเหรอ”ผมเอ่ยถามออกไปเมื่อเห็นตินใส่เสื้อเชิ้ตสีเทาแต่ไม่มีเสื้อนอกเหมือนอย่างทุกที ถ้าไปบริษัทต้องมีเสื้อนอกกับเนคไทด์แสนอึดอัดด้วย


“ใช่...วันนี้ไม่ไปทำงาน”ตินบอกพลางใช้มือเสยผมที่ปกหน้าให้ไปอยู่ด้านหลัง


“ไม่ไปทำงานแต่จะออกไปข้างนอกสินะ”เพราะถ้าไม่ออกก็คงไม่อยู่ในชุดนี้เหมือนกัน


“อืม”


“จะไปไหนล่ะ...วันนี้ผมจะอยู่ในร่างมนุษย์นะ นี่ก็ผ่านมาเดือนนึงแล้วจากเหตุการณ์นั้น”เหตุการณ์ที่ว่าคือตอนที่ผมเข้าไปรับกระสุนแทนติน แม้ว่าจะรักษาได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงแต่เพราะไม่อยากให้กายกับจิมสงสัยผมเลยต้องแกล้งทำเป็นพักอยู่ในห้องทั้งที่ความจริงผมกลับร่างเทพลอยตามตินไปทุกที่


“ถึงไม่บอกฉันก็ให้อยู่ในร่างมนุษย์อยู่แล้ว”


“ทำไมล่ะ”


“ฉันจะพาไปเดท”


“...”ทำพูดของตินทำเอาดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ


เดท


หมายถึงการที่คนรักออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆนั่นน่ะเหรอ


“ทำหน้าตกใจทำไม”


“ก็ทำไมอยู่ๆถึงพาไปเดทเล่า!”


“ตอนนี้เราเป็นแฟนกันอยู่...และมันจะแปลกถ้าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาฉันไม่ได้พาคนรักตัวเองไปเดทเลย”ตินอธิบาย


“อ้อ...แล้วจะพาไปไหน”


“ที่ที่นายต้องชอบ”


“...ฮะ?”ผมกระพริบตาปริบๆกับคำพูดนั่น


“เลิกทำหน้างงแล้วไปอาบน้ำได้แล้ว...ตั้งแต่อยู่ในร่างเทพไม่เห็นจะอาบน้ำ เหม็นไปหมดแล้ว”ตินพูดพร้อมกับแสดงท่าทางประกอบโดยการยกมือขึ้นแล้วปัดไปมา แค่นั้นเหมือนจะยังไม่สะใจพอเลยเพิ่มการย่นจมูกเป็นของแถม


“ไม่เหม็นสักหน่อย”ผมค้านหัวชนฝา ต่อให้ไม่ได้อาบน้ำเป็นปีผมก็ไม่มีทางเหม็น


“จริงเหรอ?”


“จริงสิ...นี่ไง...ลองดมดูสิ”แค่คำพูดคงไม่ทำให้ตินเชื่อผมเลยเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายพร้อมกับโอบคอตินให้ก้มลงมาหาจนสามารถมองเห็นดวงตาสีฟ้าสดที่ทอประกายขบขันได้อย่างชัดเจน


อย่าบอกนะว่า...


“เอาคืนที่คิดจะแกล้งฉันตอนหลับ”รอยยิ้มที่ยกขึ้นเล็กน้อยนั้นหุบลงก่อนจะเลื่อนมาสัมผัสหน้าผากผมเบาๆแล้วผละออกไปอย่างเชื่องช้า


“...ติน...”ทำอะไรน่ะ


จูบหน้าผากผม?


“รีบไปอาบน้ำ...เราต้องออกจากนี่ก่อน8โมงไม่งั้นจะเดินได้ไม่ทั่ว”นาฬิกาเรือนเงินบนข้อมือตินถูกยื่นมาตรงหน้าผมเพื่อมองหน้าปัดที่บอกเวลา7โมง35นาที


“ว่าไงนะ”


“ฉันบอกว่ามีเวลาให้นายอาบน้ำแค่15นาทีเท่านั้น...อีก10นาทีก็เอาไปใช้แต่งตัวซะ”


“ต่อให้เอาเวลาแต่งตัวมารวมเวลาอาบน้ำก็น้อยไป”แค่20กว่านาทีจะให้อาบเสร็จได้ยังไง


ผมไม่คิดจะวิ่งผ่านน้ำเหมือนที่คนอื่นทำกันหรอกนะ


“ไม่รู้ล่ะ...ถ้ามาช้าฉันจะไปก่อน อ้อ นายลอยตามไปได้นี่นะ ยังไงก็หาฉันเจออยู่แล้วด้วย”


“ติน”ฟังกันบ้างสิ


“ยิ่งเถียงเวลาก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ...ตอนนี้เหลือแค่22นาที”


“อ๊ากก...คุณนี่มัน...”


“มัน?”


“ฝากไว้ก่อนเถอะ”ตอนนี้ผมไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงหรอก ต้องรีบอาบน้ำให้เสร็จภายในเวลา22นาทีตามที่กำหนดให้ทัน


การอาบน้ำสำหรับเทพเหมือนเป็นการชำระล้างมลทินดังนั้นจึงให้เวลาอย่างน้อยเป็นชั่วโมงแต่นี่ผมกลับต้องมาเร่งทั้งอาบน้ำทั้งสระผมจนแทบไม่เป็นอันรับรู้กลิ่นของสบู่หรือแม้แต่แชมพูสระผมที่ใช้


เมื่ออาบน้ำเสร็จผมก็ต้องรีบเปิดห้องแต่งตัวเข้าไปเลือกเสื้อผ้าของตัวเองในตู้ที่อยู่ติดผนังห้อง ตู้นี้ตินซื้อให้หลังจากที่เขาซื้อเสื้อผ้าให้ผมมากเกินไปจนไม่มีที่เก็บ ตู้เสื้อผ้านี้จึงมีขนาดใหญ่มากๆ ตอนแรกที่เห็นผมยังบอกตินเลยว่าจะซื้อตู้ใหญ่ขนาดนี้มาทำไม


แต่พอผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ก็แน่นไปด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ซะแล้ว และไม่ได้มีเพียงชุดลำลองปกติแต่ยังมีชุดยูกาตะที่ไม่รู้ว่าตินไปสั่งตัดหรือสั่งซื้อมาจากที่ไหนอยู่เกือบ10ชุด บางวันผมก็จะใส่ยูกาตะเดินไปเป็นจุดเด่นตามสถานที่ต่างๆที่ตินพาไป


ปัง!


“สะ...เสร็จแล้ว...แฮ่ก...”ผมเปิดประตูออกมาจากห้องนอนพร้อมกับตะโกนบอกด้วยเสียงเหนื่อยหอบ


“ช้าไป5นาที”ตินลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่แล้วหันมามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า


“ผมพร้อมแล้ว...ไปกันเถอะ”พูดจบก็เตรียมจะเดินไปทางประตูแต่กลับถูกตินคว้าแขนเอาไว้ผมเลยหันไปมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ


“ไปเปลี่ยนเสื้อ”


“...ทำไมต้องเปลี่ยน”ผมก้มดูเสื้อคอปกสีเขียวอ่อนกับกางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาลเข้มส่วนที่ใส่อยู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปถาม


ไหนบอกว่าสายแล้วไงทำมังมีเวลาให้เปลี่ยนเสื้ออีกล่ะ


“กางเกงไม่มีปัญหาแต่ไปเปลี่ยนเสื้อเป็นแบบมีฮูดซะ”


“ขอเหตุผลไม่งั้นผมไม่เปลี่ยน”ผมยืนกอดอกนิ่งแสดงออกว่าถ้าไม่ได้คำตอบก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น


“ตอนกลางวันแดดจะร้อนมากถ้าไม่มีอะไรคลุมหัวอาจเป็นลมได้”


“...จะรีบไปเปลี่ยน”สองขาของผมเดินกลับไปยังห้องแต่ตัวด้วยหัวใจที่เต้นแรงอย่างผิดปกติเพียงแค่ถูกตินเป็นห่วง


ก่อนหน้านี้ก็มีหลายครั้งที่ตินเป็นห่วงแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้


ความสุขและความดีใจเวลาถูกตินเป็นห่วงเริ่มมีความเขินอายเข้ามาร่วมด้วย


เสื้อแขนสั้นสีน้ำตาลมีฮู้ดถูกผมสวมก่อนจะกลับออกไปหาตินโดยที่ไม่ลืมความหมวกแก๊ปที่อยู่ไม่ไกลออกมาด้วย


เมื่อออกมาหน้าห้องก็พบกับกายและจิมรออยู่อย่างที่คิด พวกเราลงไปข้างล่างก่อนที่กายจะขับรถพาไปยังจุดหมายปลายทางของการเดท


สวนพฤกษศาสตร์เหรอ


จะว่าไปก็เคยได้ยินชื่ออยู่แต่ไม่เคยไปมาก่อน


สำหรับผมภูเขาที่ติดกับศาลเจ้าคิตากามินั้นก็มากพอที่จะทำให้ผมรู้สึกดีแม้จะไม่ออกไปไหน ถึงจะมีบ้างที่ออกไปเที่ยวแต่ก็ไม่เคยไปที่ไหนที่มีต้นไม้เยอะๆเท่ากับป่านั้นเลย


“นี่ติน”ผมหันไปสะกิดตินที่ทำหน้านิ่งอยู่ด้านข้าง


“อะไร”


“สวนที่เราจะไปใหญ่มากไหม”


“ใหญ่กว่าที่นายคิดหลายเท่า”เป็นอีกครั้งที่คำตอบของตินทำให้ผมต้องมานั่งแปลคำพูดนั้นอีกรอบเพื่อทำความเข้าใจ


“แปลว่าใหญ่มากเหรอ”


“ใช่”


“มากขนาดไหน”


“ไว้ไปถึงก็รู้เอง”


“บอกหน่อยน่า”


“อยู่เงียบแล้วกินมื้อเช้าได้แล้ว”พูดจบตินก็หยิบกล่องด้านข้างมาวางบนตักผม


จะว่าไปมื้อเช้ายังไม่ได้กินเลยนี่นะ


“แล้วของตินล่ะ”ผมถามออกไปเมื่อเห็นว่ากล่องพาสติกที่ส่งมาให้มีแค่อันเดียวเท่านั้น


“ฉันไม่...”


“ห้ามบอกว่าไม่กิน”ผมรีบพูดแทรกเพราะรู้ดีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูดคืออะไร


“ฉันไม่...”


“และห้ามบอกว่าไม่หิวด้วย”ตินที่คิดจะเปลี่ยนคำพูดแต่ก็ยังไม่ทันพูดจบประโยคก็ถูกผมพูดแทรกอีกรอบ


ข้ออ้างของตินในการไม่กินข้าวมีอยู่ไม่กี่อย่างหรอก


แน่นอนว่าคนที่อยู่ด้วยกันตลอดอย่างผมรู้เรื่องนี้ดีที่สุด


“...กินไป”ตินเลือกที่จะเบนหน้าหนีพร้อมกับบอกเสียงเข้มเหมือนจะบอกว่าอย่ามายุ่งแต่มีเหรอที่ผมจะยอมอยู่เฉยๆตามที่ถูกสั่ง
ไม่มีทาง


“นี่ติน”


“อย่าคิดว่าจะใช้วิธีเดิมได้ผลเสมอไปนะ”ตินพูดทั้งๆที่ยังไม่ยอมหันหน้ามา วิธีที่ตินว่าคงเป็นการที่ผมจะเรียกเขาให้มาก่อนจะอาศัยจังหวะที่กำลังพูดจัดการยัดอาหารเข้าไปแน่


แหม...เล่นรู้ทันแบบนี้ก็ถือว่าเสมอกัน


ก็อยากจะชมอยู่หรอกแต่ตอนนี้ผมพึ่งคิดวิธีใหม่ขึ้นมาได้


กล่องพาสติกในมือถูกเปิดออกก่อนจะหยิบแซนด์วิชชิ้นหนึ่งขึ้นมาถือไว้โดยส่วนที่เหลือก็จัดการวางไว้บนเบาะด้านข้าง ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมมองไปยังตินที่ไม่ยอมหันหน้ามาพร้อมกับยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย...ไม่นานผมก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนตักตินด้วยความคล่องแคล่ว


“เฮ้ย...”ไม่ใช่แค่ตินที่ตกใจในการกระทำนี้แต่ทั้งกายและจิมที่มองจากกระจกหน้ารถก็มีท่าทีตกใจไม่ต่างกัน


“กิน”ผมพูดเสียงเข้มแล้วเอาแซนด์วิชในมือจ่อปากตินที่หันมามองผมที่กระโดดขึ้นมานั่งอยู่บนตัก


“ลงไป”


“กินก่อน”ผมไม่กลัวน้ำเสียงโทนต่ำนั่นหรอกนะ


“แพน...ลงไป”ตินเหมือนกำลังพยายามข่มอารมณ์อยู่พอสมควร ดวงตาสีฟ้าสดจ้องมาพร้อมกับมือทั้งสองข้างที่พยายามดันตัวผมออกไปแต่มีเหรอที่จะยอมให้ทำแบบนั้นได้ง่ายๆ


“ถ้ากินจะยอมลง”เมื่อถูกดันด้วยแรงที่ค่อนข้างเหนือกว่าผมเลยจำเป็นต้องใช้มือข้างที่เหลือจับไหล่ตินแล้วกดตัวให้นั่งบนตักนั้นแนบสนิทมากขึ้น


“แพน!”


“อย่าดื้อสิติน”ผมบ่นเมื่อนอกจากตินจะไม่ยอมให้ผมกดตัวลงไปนั่งดีๆแล้วยังคิดจะขยับตัวหนีอีก


“ใครกันแน่ที่ดื้อ...ลงไป”


“ก็กินก่อนสิ”ถ้าไม่ยอมกินผมจะไม่ยอมลงจากตักนี่แน่


“รู้แล้ว...ลงไปสักที”สุดท้ายตินก็ยอมแม้ว่าน้ำเสียงนั่นจะติดหงุดหงิดก็ตาม


“ถ้าผมลงแล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าตินจะยอมกินจริงๆ”ผมไม่เชื่อสัญญาปากเปล่าหรอกนะ โดยเฉพาะกับคนที่ทำท่าไม่ยากอาหารตลอด24ชั่วโมงแบบนี้


“ฉันไม่โกหกหรอกน่า”


“...ก็ได้”แม้จะไม่เชื่อเต็มร้อยแต่ผมก็ยออมขยับตัวออกจากตักนั้นกลับไปนั่งที่ของตัวเองตามเดิม


ผมกล่องพาสติกที่มีแซนด์วิชอีกชิ้นไปให้ตินซึ่งเขาก็รับก่อนจะหยิบมันขึ้นมากินด้วยหน้าตาตึงๆ


“เด็กดีๆ”การกระทำนั่นทำให้ผมยิ้มกว้างก่อนจะลงมือกินมื้อเช้าของตัวเองบ้าง


“ใครเด็ก?”ตินหันมามองตาขวาง


“อ้อ...ลืมไปว่าแก่แล้ว”


“แพน”


“อะไรครับ”


“ถ้าฉันแก่นายก็ทวดล่ะ”เพียงแค่ได้ยินคำพูดนั่นผมก็หันควับไปมองอย่างเคืองๆทันที พวกเราจ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้สักพักก่อนที่ผมจะยกยิ้มขึ้นเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้


“ผมยอมเป็นทวดก็ได้...ยังไงก็เป็นทวนที่หน้าเด็กกว่าคนแก่แถวนี้ละกัน”คำกวนผมดูจะได้ผมเพราะคนฟังถึงกับคิ้วกระตุก


“เอ่อ...ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับแต่พวกเรามาถึงแล้ว”จิมดูเหมือนจะเกรงใจอยู่พอสมควร ก่อนพูดเขายกมือเป็นเชิงขออนุญาตด้วย


“ถึงแล้วเหรอ...ว้าว”ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมถึงกับเบิกกว้างเมื่อมองออกไปนอกกระจกรถ วิวสองข้างทางที่เต็มไปด้วยบ้านและตึกติดๆกันเปลี่ยนเป็นต้นไม้สีเขียวขจีทั้งสองข้างทางแถมไม่ใช่แค่ต้นหรือสองต้น ถนนเส้นยาวนี้มีต้นไม้สีเขียวประดับไปตลอดทาง



(มีต่อค่)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 02-09-2017 20:49:55
(ต่อนะคะ)



รถยนต์คันสีดำสนิทแล่นผ่านถนนที่เต็มไปด้วยต้นไม้แล้วชะลอลงเมื่อถึงจุดจ่ายเงิน สิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่ที่จ่ายเงินแต่เป็นวิวไกลที่มองเห็นต้นไม้นานาพันธ์อยู่เต็มไปหมด


“สุดยอดเลย...เร็วๆสิ ผมอยากลงไปแล้ว”ผมหันไปเร่งตินขณะที่สายตายังคงมองไปตามทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม


“ฉันไม่ใช่คนขับรถ”


“กาย...จอดเลยได้ไหมผมอยากลงไป”ผมเลิกสนใจตินที่ไม่ช่วยอะไรแล้วหันไปขอกายซึ่งเป็นคนขับรถแทน


“เดี๋ยวจะถึงที่จอดแล้ว...รอสักพักนะครับ”กายตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มบางๆ


“ได้ๆ”ตอนนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นไปหมดแล้ว


อยากลงไป


อยากไปอยู่ท่ามกลางต้นไม้เหล่านั้น


ทันทีที่รถจอดสนิทผมก็ไม่สนใจอะไรรีบเปิดประตูลงแล้ววิ่งตรงไปยังทางเข้าที่เป็นซุ้มไม้เลื้อยสีเขียวสดสลับกับไม้เลื้อยที่ออกดอกบานสะพรั่งหลากสีสัน กลิ่นหอมอ่อนๆตามธรรมชาติที่แสนคิดถึงทำให้ผมสูดกลิ่นหอมๆนี่เข้าจนเต็มปอด


“รู้สึกดีจัง”ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานขนาดไหนแล้วนะ


“แพน!”เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นพร้อมกับร่างของตินที่วิ่งตามมาด้วยใบหน้าไม่พอใจนัก


“ติน...ดูสิ ต้นไม้พวกนี้ออกดอกเต็มเลย สวยสุดๆ”ผมวิ่งกลับไปหาตินก่อนจะดึงให้มาดูดอกไม้ที่ประดับอยู่ตามซุ้มยาวไปจนสุดสายตาด้วยความชื่นชม


“ฉันรู้แล้ว...คราวหน้าอย่าวิ่งออกมาแบบนี้นะ ถ้าหลงขึ้นมาจะทำยัง”


“ผมไม่หลงหรอกน่ะ...คงไม่ลืมนะว่าผมเป็นใคร”


“เทพแห่งกานกิน”ตินพึมพำเสียงเบา


“ไม่ใช่สักหน่อย...ว่าแต่กายกับจิมล่ะ”ผมถามต่อเมื่อไม่เห็นคนที่ควรจะตามมา


“ให้ไปพักน่ะ”


“แปลว่าเราจะเดินกันแค่สองคนสินะ”


“ไม่ชอบ?”


“เปล่า...ดีแล้วเพราะผมอยากจะคุยกับพวกต้นไม้ด้วย...ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยคงคิดว่าผมเป็นคนบ้าแน่”พูดจบผมก็หันไปมองทางเดินที่มีดอกไม้และไม้เลื้อนปกคลุมไปถึงสุดสายตาด้วยรอยยิ้มก่อนจะวิ่งไปตามนั้นโดยไม่สนเสียงที่ดังตามมา


“อย่าวิ่งแพน...เดี๋ยวได้สะดุดหรอก”


ผ่านซุ้มดอกไม้มาสิ่งแรกที่เห็นคือสวนขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีป้ายติดว่าสวนยุโรป สวนแห่งนี้ถูกจัดแต่งราวกับเข้าวงกดในหนังสักเรื่องพอเดินเข้าไปก็กลัวว่าจะออกมาได้เหมือนกัน อาจเพราะกลัวว่าจะมีคนหลงเลยมีป้ายบอกทางอยู่ตลอดทาง


ต่อมาคือสวนที่มีต้นไม้ถูกตัดแต่งเป็นรูปร่างหลากหลายอย่างรูปเลขาคณิตหรือรูปสัตว์ชนิดต่างๆ ถัดออกไปไม่ไกลก็มีสวนลอยน้ำขนาดใหญ่อยู่ ภายในสวยลอยน้ำนี้ล้วนแต่เป็นพืชที่ปลูกในน้ำโดยเฉพาะ...ดอกบัวต่างเฉดสีออกดอกบานอยู่เต็มบ่อเป็นหย่อมๆราวกับถูกจัดวางไว้


ที่ต่อมาก็คือสวนกล้วยไม้ที่อยู่ในห้องเพาะพันธ์เฉพาะ ด้วยจำนวนของสายพันธ์ที่เยอะมากทำให้ดอกรวงใหญ่นั่นมีสีแตกต่างกันไปหมด เรียกว่าแค่เข้ามาก็ต้องหันซ้ายทีขวาทีเพราะทุกอย่างช่างน่าสนใจไม่หมด


“สุดยอด...พวกคุณสวยมากๆเลย”


‘ขอบคุณที่ชม’เสียงตะโกนของผมเหมือนจะได้รับเสียงตอบรับจากเหล่ากล้วยไม้ทุกต้นกลับมา


“ว้าว...ดอกสีเขียวแซมม่วงของเธอดูไม่เหมือนใครดีจัง”ผมเข้าไปใกล้กล้วยไม้ที่ออกดอกสีเขียวแซมม่วงด้วยความสนใจ


‘พวกเราถูกผสมข้ามสายพันธ์น่ะ’


“ผสมข้ามสายพันธ์?”


‘คุณได้ยินที่เราพูดเหรอ...อ๊ะ...จะว่าไปคุณไม่ใช่มนุษย์นี่’ดูเหมือนกล้วยไม้ต้นนี้จะรู้แล้วว่าผมเป็นใคร


“ใช่เลย”


‘คุณดูแตกต่างจากท่านเกบเลย’


“เกบ?...หมายถึงเทพที่สถิตตอยู่นี่ที่งั้นเหรอ?”ผมถามกลับด้วยความสนใจ


‘ใช่...ท่านเป็นผู้มีความเมตตาคอยดูแลพวกเราอยู่เสมอ’


“ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะ”ไม่แปลกที่สถานนี่นี้จะมีเทพสถิตอยู่เพราะถ้าไม่มีสิแปลก


การที่มนุษย์จะสามารถทำให้พืชพรรณและเหล่าดอกไม่เจริญเติบโตได้ขนาดนี้มันไม่ง่ายเลย


อยากเจอเหมือนกันแฮะ


ปกติผมไม่ค่อยได้เจอเทพองค์อื่นนัก เทพอย่างพวกเรามักจะอยู่ในสถานที่ที่ตัวเองชอบแน่นอนว่าแต่ละองค์ล้วนไม่เหมือนกันอย่างผมก็ชอบสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ เสียงนกและน้ำตก แต่ก็มีเทพหลายองค์ที่ชอบเสียงรื่นเริงเลยมักจะเข้ามาร่วมงานเทศกาลของมนุษย์อยู่บ่อยๆ


พอเดินสวนกล้วยไม้จนทั่วผมก็เดินกลับออกมาเพาะทางเข้าออกมีแค่ทางเดียว ผมมองซ้ายขวาสักพักก็เห็นตินที่นั่งพักอยู่ตรงเก้าอี้ไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสภาพเหงื่อโชก


นี่ผมสนุกจนลืมตินไปเลย


“ติน...ไหวไหม”ผมวิ่งเข้าไปถามตินที่นั่งเอนหลังพิงเก้าอีกไม้อยู่


“ไม่พักหน่อยล่ะแพน”


“ผมยังไม่เหนื่อยเลยนะ”


“นายเดินมา3ชั่วโมงแล้วนะ...ไม่เหนื่อยเลยรึไง”


“ไม่นี่...ปกติผมเดินเล่นรอบภูเขาอยู่บ่อยๆ นี่มีแค่ทางราบไม่เหนื่อยอยู่แล้ว...ตินร้อนเหรอ”ผมถามเพราะเห็นอีกฝ่ายเหงื่อออกมาก


“นิดหน่อย...นะ...”มือของผมที่เอื้อมไปเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาทำให้ตินชะงักไป ทั้งที่คิดว่าจะถูกบ่นแต่อีกฝ่ายกับนั่งนิ่งๆให้ผมเช็ดเหงื่อนั่นตามใจ
“ไม่ไหวก็อย่างฝืนนะ...อ๊ะ...ใส่หมวกไว้สิ”พูดจบผมก็หยิบหมวกที่เอามาด้วยใส่ให้ติน


“ขอบคุณ...นายก็สวมฮู้ดด้วยสิ หัวโดดแดดตรงๆแบบนั้นเดี๋ยวจะไปสบายเอา”ตินพูดเสร็จก็ดึงแขนผมให้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเดียวกันก่อนจะยกฮูดขึ้นมาคลุมหัวให้


“คิก...พ่อคนขี้เป็นห่วง”ก็บอกอยู่ว่าไม่เป็นไรก็ยังจะห่วงอีก


ถึงจะแบบนั้นแต่ผมก็ดีใจที่ถูกเป็นห่วง


“เป็นห่วงอยู่คนเดียวแหละ”ดวงตาสีฟ้าสดทอประกายอย่างสื่อความนัยบางอย่างระหว่างที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา


“ติน...”


“จะเดินต่อไหม”


“อืม...อยากเดินให้ทั่ว...จะว่าไปที่นี่ไม่เห็นมีคนมาเลยแฮะทั้งที่ออกจะสวยแท้ๆ”ผมพึมพำโดยที่มองไปรอบๆ ตั้งแต่ที่เข้ามาผมก็ยังไม่เห็นมนุษย์สักคนเลย


“ถ้าวันอื่นคนคงจะเยอะแหละ”


“หมายความว่ายังไง”จะบอกว่าที่ไม่มีคนแค่วันนี้เหรอ


“วันนี้ฉันจองทั้งสวนไว้”


“ฮะ?”ผมถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อได้ยิน


จองทั้งสวน


ทั้งสวนเนี่ยนะ


“ไม่ต้องทำหน้างง...ฉันแค่อยากให้นายได้คุยกับเพื่อนใหม่สบายๆ”


“ถึงแบบนั้นมันก็ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย...หมดเงินไปเท่าไหร่กัน”ยังไงก็คงไม่ใช่จำนวนน้อยๆแน่ สวนใหญ่และสวยขนาดนี้ปริมาณนักท่องเที่ยวแต่ละวันคงไม่น้อย


การที่จะจองแปลว่าต้องให้เงินในจำนวนที่มากกว่ายอดขายของวันที่ทำได้


“ก็ไม่เท่าไหร่”ตินไม่ยอมบอกตัวเลขตามจริงมา


ถ้าเขาบอกผมอาจจะหมดแรงเดินก็ได้


“ในเมื่อจองไว้ผมก็จะเดินให้ทั่วเลย”จะให้คุ้มกับเงินที่ตินเสียไป


“ไม่ต้องฝืนแพน”


“ผมไม่ได้ฝืน...อ๊ะ...”สัมผัสของสายลมที่ก่อตัวขึ้นรอบๆทำให้ผมหันไปมองบริเวณนั้นด้วยความสงสัย


สัมผัสแบบนี้มัน...


หรือว่า...


“แพน...มีอะไร?”ตินดูจะรู้สึกถึงความผิดปกติเลยถามออกมา


“อืม...แป๊บนะติน”ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วก้าวไปหาสายลมที่พัดหมุนเป็นวงกลมตรงหน้า


ไม่นานสายลมนั่นก็สลายไปพร้อมกับร่างของชายหนุ่มในชุดแปลกตาที่ปรากฏตัวขึ้น ผิวสีแทนกับโครงหน้าอันหล่อเหลาบวกกันเส้นผมสีดำซอยสั้นและดวงตาเรียวคมสีเงินที่หรี่ลงเล็กน้อยเมื่อมองมายังผม ชายตรงหน้าดูยังไงก็ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน


‘เจ้าเองก็เป็นเทพเหมือนข้าสินะ’เสียงทุ้มของเทพตรงหน้าเอ่ยถามพลางนั่งขัดสมาธิบนอากาศ


“ใช่...ท่านคือเกบสินะ”ชื่อของเทพที่ต้นกล้วยไม้บอกผุดขึ้นมาทันที


‘แล้วท่านคือใครกัน’


“เรียกแพนก็ได้”ผมไม่ได้ถือตัวให้ต้องเรียกว่าท่านหรอก


‘แพนงั้นเหรอ...เจ้ามาทำอะไรที่นี่ละ...หรือว่าอยากมาอยู่กับข้าที่นี่’เทพเกบพูดพร้อมรอยยิ้มที่ถ้าเป็นมนุษย์ที่เห็นคงจะอ่อนระทวยไปตามๆกันเป็นแน่


แต่รอยยิ้มนั้นใช้ไม่ได้กับผมหรอก


“เปล่า...ผมแค่มาเที่ยวเท่านั้น”


‘จะว่าไป...เจ้านี่น่ารักดีนะ’เทพเกบพูดพลางลอยมาสำรวจผมโดยการลอยวนรอบๆตัวผม


“ใครน่ารักกัน!”ผมถึงกับขึ้นเสียงเมื่อได้ยินคำที่ไม่ชอบที่สุด


นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ถูกบอกว่าน่ารัก


รู้แค่ว่ามันมากจนไม่คิดจะจำหรอก


‘โอ๊ะ...อย่าโกรธสิ’


“ไม่ได้โกรธ...ผมแค่ไม่ชอบให้ใครมาชมว่าน่ารัก...”


“แพน...สรุปเกิดอะไรขึ้น”ตินที่นั่งอยู่ลุกตามมาพร้อมกับคิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเข้ากันแน่น


‘มนุษย์?...จะว่าไปเจ้าอยู่ในร่างมนุษย์นี่...แบบนี้ไม่ดีนะ เทพอย่างเราไม่ควรปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นแบบนี้’


“เขาไม่เหมือนมนุษย์คนอื่น”ผมตอบกลับไป


‘ฮืม?...อ๊ะ...อย่าบอกนะว่าเจ้าแบ่งพลังให้มนุษย์นี่’ดวงตาสีเงินถึงกับเบิกกว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของเทพในตัวมนุษย์อย่างติน
“ตามที่ท่านเข้าใจ...ติน...คุณมองเห็นคนที่ลอยอยู่นี่ไหม”ผมหันกลับไปถามตินที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ด้านข้าง


“คน?...ลอยอยู่?...ไม่เห็นมีอะไรเลย”ตินเพ่งมองยังบริเวณที่ถูกบอกสักพักก่อนจะตอบกลับมา


แปลว่ามองไม่เห็นสินะ


น่าแปลกที่ตินมองเห็นผมได้แต่กลับมองไม่สามารถได้ยินสิ่งที่เหล่าพืชพรรณพูดหรือแม้แต่เทพอีกองค์ที่อยู่ตรงหน้า จะพูดว่าตินไม่เชื่อก็คงได้แต่ถ้าไม่เชื่อก็คงมองไม่เห็นผมเหมือนกัน


สิ่งเดียวที่คิดได้คือเขาเชื่อแค่ผมมีตัวตนแต่กลับสิ่งอื่นเขาอาจไม่เชื่อ


‘มนุษย์นี่มองเห็นเจ้าแต่มองไม่เห็นข้างั้นสิ’เทพที่ดูเหตุการณ์อยู่สรุปเสียงเรียบ


“แพน...สรุปเกิดอะไรขึ้น”


“ตรงหน้าผมมีเทพที่สถิตอยู่ที่นี่มาทักทายน่ะเลยคุยกันอยู่”ผมบอกตินไปตามตรง


‘เจ้านี่แปลกนะ...พึ่งเคยเจอเทพที่อยู่เหมือนมนุษย์แบบนี้ ข้าไม่กวนเวลาเจ้าแล้ว...เชิญชมสวนที่ข้าคอยดูแลนี้ตามใจเลย และถ้าวันหนึ่งมนุษย์นั่นหมดอายุไขเจ้าจะมาอยู่กับข้าก็ได้นะ’เทพเกบบอกพร้อมส่งยิ้มมาให้


“ขอบคุณสำหรับคำชวน...แต่ผมคงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้”ต่อให้ตินจะจากไปแล้วผมก็คงไม่อาจอยู่กับเขาได้หรอก


‘เจ้านี่ดื้อใช่เล่นนะ...เอาเถอะ...ข้าขอตัว’พูดจบร่างของเทพเกบก็หายไปอย่างรวดเร็ว


“แพน”ตินคว้าแขนผมก่อนจะดึงให้ร่างผมหันไปเผชิญหน้ากับเขา


“อะไร”


“คุยอะไรกัน”ตินถามเสียงเข้ม


“เขาชวนให้ผมมาอยู่ด้วย...”


“ว่าไงนะ...แล้วตอบไปว่ายังไง”


“คุณก็ได้ยินแล้วนี่ว่าผมปฏิเสธน่ะ”สิ่งที่ผมพูดยังไงตินก็ได้ยินอยู่แล้ว


ไม่เข้าใจว่าจะร้อนรนทำไมขนาดนี้


“...กลับกัน”อยู่ๆตินก็ลากผมไปตามเส้นทางที่เดินผ่านมา


“เดี๋ยวสิ...ทำไมล่ะ”ผมยังดูไม่หมดเลยนะ


“ถ้าอยู่แล้วหมอนั่นมาชวนนายอีกจะทำยังไง”


“ผมไม่ไปหรอกน่า”


“ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับนาย ยิ่งกับสิ่งที่ฉันมองไม่เห็นยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่”ทั้งคำพูดและน้ำเสียงของตินแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ


“ติน...”


หมับ


มือที่ถูกจับอยู่ถูกอีกฝ่ายออกแรงดึงจนร่างผมเซเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนที่อ้ารอรับไว้ แขนที่กอดผมอยู่รัดแน่นขึ้นพร้อมกับตินที่ซุกหน้าลงแถวคอผม


“นายเป็นของฉัน”


“ติน...นี่อย่าบอกนะว่า...หึงผมเหรอ”ก็รู้ว่ามันไม่มีทางใช่แต่การกระทำของตินมาเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้ว


ขอร้องล่ะติน...


บอกออกมาว่าไม่ใช่ที


เพราะถ้าตินไม่ปฏิเสธผมก็คง...


“อืม...ฉันหึงนาย”


“...ติน”ผมเรียกพร้อมขย้ำเสื้ออีกฝ่ายแน่น ทั้งที่ผมควรจะทำให้มันกลายเป็นเรื่องขำแล้วเปลี่ยนเรื่องไปเหมือนอย่างทุกทีแต่ผมกลับทำได้เพียงก้มหน้าลงชิดกับแผ่นอกนั่นเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงและหัวใจที่เต้นรัวขึ้นเท่านั้น


แบบนี้มันแย่จริงๆแล้ว


ใครก็ได้ช่วยหยุดมันที...


ความรู้สึกนี้น่ะ


ช่วยหยุดมันทีเถอะ

.........................................................................................

สวัสดีค่ะ มาอัพต่อแล้วนะคะ

กว่าจะแต่งได้จบแต่ละตอนนี้ใช้เวลานานกว่าที่คิดอีก

อย่างที่เราบอกไปตอนที่แล้วว่าช่วงนี้เรากำลังอยู่ในช่วงออกสหกิจหรือฝึกงานเราจึงไม่มีเวลาแต่งเหมือนเมื่อก่อน

แต่เราจะไม่ให้เกิน2อาทิตย์ต่อตอนแน่นอนค่ะ

อดใจรอกันหน่อยเนอะะะ

เรื่องนี้กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว

หวังว่าทุกคนจะติดตามกันต่อจนจบนะคะ

อีกเรื่องคือวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะเปิดพรีนิยายที่เราแต่งจบไปเรื่องJurassic Confidant คู่หู กลายพันธุ์รัก หากใครสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ทางเพจเราน้าา

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 02-09-2017 21:03:06
ท่านเทพซื่อของเราจะทำยังไงต่อ อย่ามาทำแบ๊วน้า
ใจตรงกันแล้วที่เหลือก็รอให้รถอ้อยคว่ำใส่คนอ่านเสียที~ 55555555
/ตัดฉึบตรงนี้ เหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองโดนตัดไปด้วยเลย :hao5:

ปล. ท่านเกบขา เราขออาสาไปอยู่เองค่ะ'-'
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 02-09-2017 21:05:12
 :o8:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 02-09-2017 21:19:32
ขยันสกิลชิปจังเลยสองคนนี้อะ
แกล้งกันไปแกล้งกันมา เขินกันไปเขินกันมา เหม็นความรักกก 55555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 02-09-2017 21:29:40
นี่ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนคบกันจริงๆ ยังเปย์ขนาดนี้
แพน ตกลงแต่งงานเลยดีกว่า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 02-09-2017 21:56:45
ต่างคนต่างหวั่นไหว
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 02-09-2017 22:01:16
ตินแสดงออกเยอะมากกก
หึงด้วยย หวงด้วย เนียนขอแต่งงานไปอีกก
แพนจะทำไงละเนี่ยย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 02-09-2017 23:46:50
หวั่นไหวกันทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-09-2017 00:05:35
มีความเขินอายเกิดขึ้น อิอิ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-09-2017 00:59:48
       จากเจ้าชายเย็นชาก็มีมุมน่ารักขี้หวงนะค่ะตินณ์ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-09-2017 01:18:55
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-09-2017 17:13:04
น่ารักทั้งสองคนเลยยยยยย >\\\\\<
หวังว่าจะไม่มีมาม่าน๊า...
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-09-2017 18:10:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-09-2017 22:06:23
 :pig4:

จองหนูอานโน่ไว้แล้ว รออยู่นะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 04-09-2017 12:51:09
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 04-09-2017 22:14:04
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-09-2017 01:31:31
ถามเขาแล้วก็เขินเองนะแพน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 05-09-2017 23:19:37
แพนน่ารักมากกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 07-09-2017 13:41:46
นี่มันพี่ตินคนจิง หึงก็บอกหึงเนอะ  :laugh:
ปล.ฝึกงานก็สู้ๆนะคนเขียนเรารอได้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่17♣} 2/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-09-2017 09:41:55
แพนน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 16-09-2017 12:32:44
สัมผัส{❤}ครั้งที่18



การเดทและการไปเที่ยวครั้งแรกที่สวนพฤกษศาสตร์ได้ผ่านพ้นไปหลายอาทิตย์แล้ว ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมทั้งเรื่องที่ผมและตินมักจะกวนโมโหและทะเลาะกันไปมา ทั้งเรื่องที่ผมมักบ่นเรื่องการทำงานที่ดูฝืนร่างกายมากเกินไป และทั้งเรื่อง...


“ติน...ข้าวกลางวันล่ะ”ผมเดินตามหลังตินออกมาจากห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่โดยมีกายและจิมเดินตามมาจากด้านหลัง


“เคเอฟซีถังนึงนั่นยังไม่อิ่มอีก?”ตินหยุดเท้าที่เดินก่อนจะหันกลับมาถาม


“ไม่อิ่ม...อ๊ะ...ไม่ใช่สิ...ที่ผมพูดคือข้าวกลางวันคุณต่างหาก”ผมเผลอหลุดปากว่าไม่อิ่มออกไปจนได้


ยังไงเทพอย่างพวกเราก็ไม่มีความรู้สึกอิ่มอยู่แล้วดังนั้นการจะกินหรือไม่กินมันไม่ใช่ปัญหา


แต่กลับตินที่เป็นมนุษย์


ขอย้ำว่าเป็นมนุษย์


มนุษย์ที่ทำตัวไม่เหมือนมนุษย์สักนิดเดียว!


ก่อนหน้านี้ผมยังรอตินอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวนิ่งๆจนถึงช่วงประมาณ11โมงกว่ากายก็เดินเข้ามาพร้อมกับถังไก่ทอด8ชิ้นและเครื่องเคียงอีกหลายอย่างที่วางลงตรงหน้าผม ตอนแรกผมก็ชวนตินแล้วแต่เขากลับบอกว่ามีงานต้องรีบจัดการเลยให้ผมกินก่อนซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะพึ่งบังคับให้ตินกินข้าวตอนเช้ามา อีกอย่างนี่ก็ยังไม่เที่ยงดีเลยยอมปล่อยผ่านจนไก่ทอดเหลือเพียงแค่ชิ้นเดียวตินก็ยังไม่ยอมมากิน


ผมรอให้อีกฝ่ายจัดการงานจนเสร็จแต่แทนที่ตินจะกินข้าวกลับเดินลงมาจนถึงชั้นล่างนี่แทน


แบบนี้จะไม่ให้บ่นได้ยังไง


มนุษย์อะไรไม่ยอมกินข้าวก็อยู่ได้เป็นวันๆ


กระเพาะเหล็กรึไง


ถ้าปวดท้องขึ้นมานอกจากผมจะไม่รักษาแล้วยังจะหัวเราะเยาะด้วยคอยดูสิ


“ข้าวเช้าฉันก็กินแล้วไง”


“มันคนละมื้อแล้ว”ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนเอือมผมแบบนั้นเลยนะ


ผมสิที่ควรเอือมคุณ


“ก็คนมันไม่หิว”


“ถึงไม่หิวก็ไม่ควรอด”ผมยืนเท้าเอวบ่นเสียงแข็ง


“ฉันก็อดของฉันมาเป็นสิบๆปียังไม่เป็นไรเลย”


“ตอนนั้นอาจไม่เป็นแต่ไม่แน่ว่าตอนนี้จะไม่เป็นนี่...กายกับจิมก็ด้วย”ผมบ่นตินเสร็จก็หันกลับไปบ่นบอดี้การ์ด2คนที่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกเรียก


“พวกเรากินมื้อกลางวันแล้วนะครับ...เนอะกาย”จิมพูดเสร็จก็ใช้ศอกสะกิดเพื่อนร่วมงาน


“อืม...พวกเราไปกินที่ฟู้ดคร์อดมา”กายรีบพยักหน้าก่อนจะตอบกลับมา


“เห็นไหม ขนาดกายกับจิมยังรู้เลยว่าควรกินแล้วทำไมคุณถึงไม่รู้กัน”อย่าให้ผมต้องบ่นไปมากกว่านี้นะมันเปลืองพลังงาน
รีบๆยอมแพ้ได้แล้ว


“เฮ้อ...ฉันมีงานต้องไปทำต่อ...”


“แล้วกายกับจิมน่ะ...ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่บังคับตินให้กินอะไรเลยล่ะ...รู้ไหมว่ากว่าจะยอมแตะได้แต่ละมื้อมันนานขนาดไหน”ผมไม่สนสิ่งที่ตินกำลังจะพูดแต่หันไปบอกกันบอดี้การ์ด2คนแทน


“พวกเราก็อยากให้คุณตินกินอยู่หรอก...แต่คุณตินไม่ยอมพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้”จิมบอกกลับด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด


“ถ้าไม่ยอมก็ให้กายล๊อคตัวไว้แล้วจิมก็ยัดข้าวใส่ปากไปเลย”วันนี้แหละผมต้องพูดเรื่องนี้ให้จบสักที


การที่ต้องมาคอยบังคับให้กินข้าวทุกมื้อทุกวันนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะฝ่ายที่ถูกบังคับนั้นเป็นติน


“ผมล๊อคคุณตินไม่ไหวหรอกครับ”กายบอกเสียงเบา


“...ผมก็ไม่กล้ายัดข้าวให้ปากคุณตินเหมือนกัน”จิมพูดต่อด้วยใบหน้าตื่นๆ


“งั้นจะปล่อยให้ตินติดนิสัยแบบนี้ต่อไปเหรอ”ผมถามพวกเขาทั้งคู่


ดูก็รู้แล้วว่านิสัยแบบนี้ต้องทำมาตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นนิสัยเหมือนในปัจจุบันแต่ถ้ายังไม่แก้ไขซะต้องมีวันหนึ่งที่ตินได้ป่วยเพราะนิสัยนี่อย่างแน่นอน


“...พวกเราไม่อยากแต่...”


“แพน...ฉันไม่เป็นหรอก เลิกห่วงได้แล้ว”ตินพูดขัดขึ้นมาก่อนจะยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มของผมไปมา


“อย่ามาขยี้แบบนี้นะ...แล้วจะให้เลิกห่วงได้ยังไงกัน”ผมขยับตัวหนีจากการเล่นผมนั่นแล้วตอบกลับไป


“แพน...”


“ถ้าอยากให้เลิกห่วงก็หันกินข้าวให้ครบ3มื้อบ้างสิ”ถ้าไม่ได้ผมคอยบังคับวันนึงจะกินถึง2มื้อรึเปล่ายังไม่รู้เลย ถ้าให้ผมเดาก็ขอเดาว่าไม่มีทางที่ตินจะกินถึง2มื้อแน่นอน


แค่มื้อเดียวก็สุดยอดแล้ว


ยังดีที่ตินยังมีดื่มพวกชาหรือกาแฟตอนทำงานบ้างทำให้ไม่ต้องมาคอยบังคับอีกเรื่อง


“ห่วงมากไปแล้วแพน”


“ต้องห่วงมากๆสิ...ก็ติน...สำคัญนี่”ผมบอกพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย แค่คำว่าสำคัญที่เอ่ยออกไปก็ทำเอาเขินขึ้นมาดื้อๆ


ไม่ว่ายังไงตินก็เป็นมนุษย์ที่สำคัญที่สุดสำหรับผม


เรื่องงานผมไม่อาจช่วยอะไรได้เพราะไม่มีความรู้ด้านนี้ เรื่องที่ทำได้เลยมีแค่การช่วยรักษาสุขภาพของเขาเท่านั้น


ในเมื่อมีแค่เรื่องนี้ที่ช่วยได้ผมก็จะพยายามให้ดีที่สุด


“...อืม...เข้าใจแล้ว...ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”น้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมมากดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบเส้นผมสีเขียวเข้มของผมอย่างอ่อนโอน


“ติน...”


“มื้อกลางวัน...ไปกินอีกรอบไหวไหม”รอยยิ้มมุมปากของตินยกขึ้นหลังจากถามจบ รอยยิ้มนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างผมกับพยักหน้าแรงๆแทนคำตอบ...


“แน่นอน”


“เอ่อ...คุณติน...แล้วกำหนดการณ์ที่จะไปพบ...”


“พวกนาย2คนไปแทนละกัน”ตินบอกทันทีราวกับคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว


“งั้นก็ไม่มีคนคุ้มกันสิครับ”กายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เห็นด้วยนัก


ก็จริงอย่างที่กายว่า ถ้าให้ไปทั้งคู่ตินก็จะไม่มีคนคอยคุ้มกันและถ้าเกิดอะไรขึ้นผมอาจช่วยไม่ได้มากเท่าบอดี้การ์ดที่ได้รับการฝึกฝนอย่างกายและจิม


ยิ่งช่วงนี้ชายที่ได้ชื่อว่าศัตรูของตินก็ไม่มีการเคลื่อนไหวยิ่งทำให้ต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่แน่ว่าอาจรอจังหวะที่ตินออกห่างจากพวกบอดี้การ์ดก็เป็นได้


“ถ้ามื้อกลางวันให้ผมไปซื้อแล้วกินในรถไหมครับ”จิมเสนอความเห็น


“ไม่ล่ะ...กินทั้งที่ขอที่ร้านดีกว่า...ไม่ต้องห่วงหรอกฉันจะอยู่ในห้างนี่แหละ ถ้าจัดการเสร็จเมื่อไหร่ก็มารับฉันที่นี่”ตินบอกบอดี้การ์ดทั้ง2คน


“แต่ยังไงก็ไม่ค่อยปลอดภัยอยู่ดี”ดูกายจะเป็นห่วงตินมากทีเดียว


“ฉันไม่คิดว่าพวกมันจะกล้าทำอะไรในสถานที่ที่คนพลุกพล่านแบบนี้หรอกนะ”


“ก็จริงครับ...เข้าใจแล้ว พวกเราจะรีบจัดการธุระให้เสร็จแล้วรีบมานะครับ”ทั้งกายและขิมหันไปมองตากันสักพักก่อนที่กายจะตอบกลับมา


“อืม”


ผมมองกายและจิมไปจนสุดสายตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองตินที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดูเหมือนตินจะรู้ว่าถูกมองอยู่เลยหันมาจนดวงตาของเราประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ


ดวงตาสีฟ้าสดที่จ้องมาแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ถูกส่งมา ตัวผมเองก็รับรู้ถึงมันได้แม้จะไม่อยากรับรู้ก็ตาม


ความรู้สึกของตินก่อนหน้านี้ผมเคยบอกว่าเขาชอบผม...แต่ในตอนนี้มันเลยคำว่าชอบไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตินถึงเลือกที่จะไม่บอกแต่นั่นก็ทำให้ผมสบายใจเพราะถ้าเขาบอกออกมาผมก็คงไม่อาจตอบรับความรู้สึกนั้นได้แม้ว่าจะชอบตินมากก็ตาม


ฝ่ามืออุ่นๆที่เอื้อมมาสัมผัสใบหน้าผมแล้วลูบอย่างอ่อนทำเอาหัวใจเต้นถี่เร็วขึ้น ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มบางๆที่ส่งมาให้ยิ่งทำให้ผมต้องกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ไม่ให้เกิดอาการเขินอายขึ้น


“อยากกินอะไร”เสียงทุ้มของตินถามโดยที่มือยังลูบใบหน้าผมอยู่


“...ตินอยากกินอะไรล่ะ”


“หึ...สิ่งที่ฉันอยากกินตอนนี้ไม่ใช่อาหาร”


“หมายความว่ายังไง”ถ้าไม่ใช่อาหารแล้วทำไมถึงอยากกินล่ะ


ไม่เห็นเข้าใจเลย


“ถ้าถามมากๆจะกินจริงด้วย”พูดจบตินก็ก้าวขาเดินไปตามทางปล่อยให้ผมได้แต่ยืนขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่เข้าใจ


แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่ตินพูดแต่ผมก็วิ่งตามอีกฝ่ายไปจนถึงบันไดเลื่อนที่ยาวถึง10ชั้นบริเวณกลางห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าบันไดเลื่อนนี่ก็เป็นหนึ่งในจุดขายของที่นี่เลย ไม่ว่าใครที่มาก็มักจะขึ้นบันไดเลื่อนนี้ก่อนทั้งนั้น


“ตินเราไม่ไปกินข้าวเหรอ”ที่ถามเพราะร้านอาหารอยู่ชั้น8และ9


“ขึ้นไปชั้น10แล้วลงมามันใกล้กว่าค่อยๆชั้นทีละชั้น...อีกอย่างนายชอบบันไดเลื่อนนี่ไม่ใช่?”ใบหน้าที่หันมาถามนั้นนอกจากจะมีรอยยิ้มปรากฏอยู่แล้วยังเลิกคิ้วขึ้นราวกับจะบอกว่ายังไงสิ่งที่พูดก็เป็นความจริง


“...รู้ใจจริงๆ”ผมบอกพร้อมยกยิ้มขึ้น ผมชอบบันไดเลื่อนนี่มากเมื่อก่อนก็ชอบจะขึ้นๆลงๆอยู่หลายรอบ การที่ค่อยๆขึ้นไปสูงเรื่อยๆแบบนั้นมันให้ความรู้สึกดีมากเลยแต่ตอนขาลงออกจะเสียวๆอยู่หน่อยถ้าไม่จับราวไว้


“ก็แฟนทั้งคน”


“คิก...”ผมหลุดขำกับคำพูดนั่น


แฟนเหรอ...


คำที่ใช้เรียกคนที่มีความรู้สึกตรงกันของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็น สนใจ ชอบหรือรัก


ก็จริงที่ผมทั้งสนใจและชอบติน


แต่มันก็แค่นั้นไม่ใช่รัก


ไม่สิ...


ผมพยายามทำให้มันไม่ใช่รัก


เพราะถ้าใช่...


ผมก็คง...


“แพน...เป็นอะไร”ตินถามพลางจับไหล่ผมเขย่าไปมา


“ฮะ?...อ้อ...โทษทีเหม่อไปหน่อย”


“อย่าเหม่อสิเดี๋ยวตกลงไปหรอก”


“ไม่ตกหรอกน่า...เฮ้ย...”ผมถึงกับอุทานเสียงดังเมื่ออยู่ขาผมก็เหมือนมีแรงลมมาวนๆรอบร่างกายก่อนจะดึงจนหงายลงไปจากบันไดเลื่อนที่สูงถึง10ชั้น


“แพน!!”เสียงตะโกนของตินดังขึ้นก่อนจะเอื้อมมือมาหมายจะคว้าตัวผมไว้แต่ก็ไม่ทัน


“ว้าย!”


“เฮ้ย!”


เสียงร้องของลูกค้าที่มาใช้บริการดังระงมเมื่อเห็นคนตกลงไป


“อึก...อะไรกัน”ทำไมถึงรู้สึกเหมือนขยับตัวไม่ได้


“แพน!”


หมับ!


ตุบ!


แขนข้างหนึ่งของผมถูกใครสักคนจับไว้ก่อนจะดึงร่างผมให้เข้าไปหาจนเกิดเสียงดังตุบ สัมผัสและกลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับเงยหน้าไปมองผู้ช่วยชีวิตตัวเองไว้


หมวกสีเข้มกับแว่นกันแดดที่ใส่อยู่ไม่สามารถปกปิดเส้นผมสีน้ำตาลกับดวงตาเรียวสีทองสว่างที่ซ่อนอยู่ได้เลย รอยยิ้มขี้เล่นกับลักยิ้มแก้มขวาอันเป็นเอกลักษณ์กับผิวสีน้ำผึ้งนั่นดูราวกับเทวดาบนสวรรค์ที่ลงมาเดินบนพื้นดิน ซึ่งในความเป็นจริงก็ใกล้เคียงเพียงแต่ไม่ใช่เทวดาแต่เป็นเทพเจ้าต่างหาก


เพื่อนสนิทของผมตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น...


“เซ็น...”ทำไมถึงมาอยู่นี่


“ไง...ไม่เจอกันสักพักใหญ่เลยนะจิน”นำเสียงออกแนวเพลย์บอยดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง


จินที่ว่าย่อมากจากคุคุโนจินที่คนในศาลเจ้าใช้เรียกผมนั่นเอง


ว่าแต่เซ็นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง


แถมยังในร่างของมนุษย์


ไม่สิ


อย่าบอกนะว่า...


“นี่เซ็น...”


“แพน!”เสียงของตินเรียกชื่อผมดังลั่น เมื่อมองไปก็เจอกับตินที่ลงมาหาผมจากด้านบนของบันไดเลื่อน ตินหันไปมองคนที่กอดผมไว้ดวงแววตาไม่พอใจพร้อมกับมือข้างนึงที่เอื้อมมาดึงตัวผมให้ไปหาเขาแทนแต่เพราะเซ็นเองก็ไม่ยอมทำให้ตอนนี้ร่างผมอยู่ระหว่างขั้นบันไดเลื่อนทั้ง2ขั้น


“โอ้ย...อย่าดึง”ผมพยายามบอกทั้งคู่ที่ต่างออกแรงดึงแขนผมคนละข้าง สภาพตอนนี้คงเหมือนเด็ก2คนที่ยื้อแย่งตุ๊กตาตัวเดียวกัน จุดจบของตุ๊กตาตัวนั้นคือขาดครึ่งไม่ก็แขนขาด แน่นอนว่าผมไม่ยอมมีจุดจบแบบนั้นแน่


“ปล่อย”ตินมองไปยังเซ็นด้วยแววตาแข็ง


“นายสิปล่อย”เซ็นเองก็ไม่ต่างกันเลย


ทั้งคู่ต่างดึงผมไปมาท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมาราวกับเจอเรื่องสนุก บางคนถึงกับหลุดหัวเราะออกมาในขณะที่บางคนยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย แม้จะขึ้นมาจนถึงชั้น10แล้วทั้งคู่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผม


ตอนนี้แขนทั้ง2ข้างเจ็บไปหมดแล้ว


ไม่ไหวแล้วนะ


“พอสักที...ผมเจ็บนะ”สุดท้ายผมก็สะบัดมือของทั้งสองคนทิ้งแล้วหยุดยืนนิ่งๆอยู่ตรงกลางของพวกเขาทั้งคู่


“แพน...โทษที...ขอฉันดู...”


“เฮ้ยๆ...ถอยไปเลย...เดี๋ยวฉันดูเอง”เซ็นที่เห็นตินจะเข้ามาใกล้ก็รีบใช้มือดันตินให้ถอยห่างไป การกระทำนั่นทำให้ตินทำตาขว้างทันที


“นายไปใคร”ตินถามขี้นด้วยเสียงแข็งๆ


“แล้วนายล่ะเป็นใคร”


“ฉันถามก่อน”


“ถามหลังแล้วตอบก่อนไม่ได้รึไง”


“พอๆ...พอทั้งคู่เลย”ผมรีบจัดการดันทั้งคู่ที่ทำท่าเหมือนจะกัดกันอยู่รอมร่อให้แยกกันยืนคนละฝั่ง


“หมอนี่เป็นใคร?!”ทั้งตินและเซ็นต่างตะโกนประโยคเดียวกันออกมา


ผมละอยากกลับร่างเทพแล้วหนีไปตั้งหลักที่ไหนสัก3ชั่วโมงจริงๆ


“เดี๋ยวผมจะแนะนำให้รู้จักกันแต่ตอนนี้เราเปลี่ยนที่กันก่อนเถอะ”ผมรีบบอกเพราะรอบๆมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่สนใจเหตุการณ์นี้จนหยุดยืนดูห่างๆ


ผมไม่อยากเป็นจุดสนใจหรอกนะ


“ชิ...”


“ฉันสิต้องชิ”


“เซ็นอย่าหาเรื่อง”ผมหันไปตบหลังเซ็นแรงๆเป็นการเตือน


พึ่งหยุดได้ไม่ถึง10วิก็จะทะเลาะกันต่ออีกแล้ว


“...ก็ได้”


“เฮ้อ”ผมถอนหายใจยาวก่อนจะเดินทั้งคู่ลงมายังชั้น9ที่มีร้านอาหารมากมายเปิดให้บริการอยู่


ถึงจะอยากหันไปถามตินว่าจะกินอะไรแต่อารมณ์ในตอนนี้คงไม่ตอบกลับมาเป็นแน่เพราะงั้นผมเลยขอเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ที่สุดเลยล่ะกัน ยิ่งเดินไปไกลก็คงมีแต่คนมอง


ที่มองไม่ใช่เพราะทั้งคู่ทำท่าเขม่นใส่กันตลอดเวลาแต่เป็นเพราะหน้าตาของทั้งคู่ที่ดูดีมากไปนิดผู้หญิงที่เดินผ่านเลยเหลียวหลังกลับมามองจนตาแทบทะหลน


เซ็นที่รู้ตัวว่ามีผู้หญิงหลายคนมองก็หันไปส่งรอยยิ้มหวานๆให้ผิดกับตินที่ทำหน้าตึงราวกับกำลังโกรธแค้นใครมาสักพันปีเศษได้


“อิราไซมาเซ ยินดีต้อนรับคะ...มากี่ท่านคะ?”พนักงานสาวหน้าร้านเอ่ยต้อนรับด้วยรอยยิ้มหวาน


“3ครับ”ผมตอบด้วยส่งยิ้มสั่นไปให้


“3ท่านนะคะ...เชิญทางนี้เลยค่ะ...”


“เอ่อ...ขอโต๊ะด้านในสุดได้ไหมครับ”ผมเอ่ยถามไปเพาะอยากได้โต๊ะที่เป็นส่วนตัวหน่อยไม่ใช่หน้าร้านแบบนี้


“โซนด้านในยังไม่เปิดให้บริการค่ะ...ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า”พนักงานสาวบอก


“ผู้จัดการร้านอยู่ไหน”นี่ไม่ใช่เสียงผมแต่เป็นตินที่พูดขึ้นพลางมองไปรอบๆร้าน


“คะ?...ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร...”


“คุณคณาธิป?!”เสียงตกใจของชายหนุ่มที่มีป้ายบนหน้าอกเขียนว่าผู้จัดการเดินตรงมาหาตินด้วยความนอบน้อม


“ฉันขอนั่งโต๊ะที่อยู่โซนในสุด”แม้ในประโยคจะมีคำว่าแต่ดูจากหน้าตาเหมือนออกคำสั่งอยู่กลายๆ


“ได้แน่นอนครับ”


“แล้วก็ห้ามให้ใครเข้ามาในโซนนั้นระหว่างที่ฉันยังอยู่”ตินพูดต่อ


“ครับ...เข้าใจแล้วครับ”ผู้จัดการร้านรับคำก่อนจะนำพวกเราไปยังโต๊ะด้านใน


โต๊ะยาวสำหรับนั่ง4คนถูกตินและเซ็นแยกกันนั่งคนละฝั่งพร้อมกับสายตาของทั้งคู่ที่มองมายังผมราวกับจะบอกว่ามานั่งข้างฉันซะ
โอ้ย...ทำไมผมต้องมาเจอบรรยากาศแบบนี้ด้วยเนี่ย


“จิน...มานั่งนี่”เซ็นพูดพลางใช้มือตบที่ว่างด้านข้างเบาๆ


“แพน”ไม่มีคำพูดนอกจากน้ำเสียงที่ดูจะสื่อความหมายได้ไม่แพ้ประโยคที่ยาวกว่า100ตัวอักษร


ผมละปวดหัวจริงๆ


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมหันไปสบกับดวงตาสีทองสว่างของเซนสลับกับดวงตาสีฟ้าสดของตินอย่างครุ่นคิด ไม่ว่าจะนั่งฝั่งไหนก็คงจะโดนอีกฝั่งไม่พอใจแน่


สำหรับตอนนี้ผมควรจะเลือกติน เอ๊ะ ไม่สิ ถ้าผมนั่งกับตินเซ็นต้องไม่พอใจแน่ และด้วยพลังที่เซ็นมีอาจสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นได้ งั้นทางเลือกที่ดีที่สุดก็คงต้องนั่งกับเซ็นสินะ


“ขอโทษนะติน”ผมเอ่ยเสียงสำนึกผิดก่อนจะนั่งลงข้างเซ็นที่ทำหน้ากวนๆส่งให้ติน


“แพน...”


“ดีมากจิน...แบบนี้สิสมกับความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานของเรา”เซ็นพูดพร้อมกับสวมกอดผมที่นั่งอยู่แน่น


“ปล่อยเดี๋ยวนี้”ตินที่เห็นผมโดนกอดก็เริ่มมีน้ำโห


“ทำไม?...ถ้าฉันไม่ปล่อยนายจะทำไม”ไม่เพียงแค่พูดแต่เซ็นยังดึงตัวผมเข้ามากอดไว้แน่นกว่าเดิมอีก


“ปล่อยเซ็น...ผมไม่เล่นนะ”ผมรีบผลักคนข้างกายออกไปเพราะรู้ว่าสายตาของตินที่ส่งมามันไม่เล่นแล้ว


ผมไม่อยากให้ตินโกรธ


และไม่อยากให้เข้าใจผิดด้วย




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 16-09-2017 12:33:13
(ต่อนะคะ)




“เอ่อ...เมนูค่ะ”พนักงานสาวที่อยู่ดูด้านหลังดูจะได้โอกาสในการยื่นเมนูหลังจากที่ต้องยืนเงียบมาสักพักใหญ่


พวกเราทั้งสามใช้เวลาไม่นานในการตัดสินใจว่าจะสั่งอะไร บรรยากาศเงียบๆยังคงเงียบต่อไปจนกระทั่งขอที่สั่งมาเสิร์ฟหมดทุกอย่างแล้ว


“หมอนั่นเป็นใคร”ทันทีที่พนักงานเสิร์ฟเสร็จตินก็เปิดประเด็นทันที


“อ่า...งั้นขอแนะนำนะ...นี่เซ็นเง็น...เป็น...”


“เซ็นเง็น เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ...ถึงจะได้ชื่อว่าเทพีแต่ก็เป็นผู้ชายอย่างที่เห็น เรียกว่าเทพแห่งฤดูใบไม้ผลิจะเหมาะกว่า ฉันกับจินเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมากว่า220ปีแล้ว...พวกเราต่างรู้จักกันดีกว่าใครๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ฉันแนะนำตัวแล้วต่อไปก็ตานาย...บอกมาซะว่าเป็นใคร”แนะนำตัวเสร็จเซ็นก็มองไปยังตินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม


การที่เซ็นแนะนำว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์แปลว่ารู้แล้วสินะว่าผมช่วยมนุษย์คนนี้ไว้ จะว่าไปก็คงเดาไม่อยากหรอกสำหรับคนที่รู้จักกันมานานอย่างเซ็น


“ฉันคณาธิป ชื่อเล่นติน...เป็นเจ้าของห้างนี้...”


“ฮือ?...เจ้าของ?”เซ็นถึงกับเบิกตากว้างเมื่อได้ยินว่าตินเป็นเจ้าของห้าง


“ใช่...ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ ส่วนแพน...เป็นแฟนฉัน”ประโยคสุดท้ายตินพูดขึ้นหลังจากหันมาสบตาผมสักพัก


“หา...แฟน? อุ๊บ ฮะฮะฮะ...โอ้ย เป็นมุกที่จี้ชะมัดเลย เป็นแฟนงั้นเหรอ ฮะฮะฮะ”เซ็นหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับมือที่ตบโต๊ะเสียงดังปาบๆ


“ขำอะไร”


“เซ็น...หยุดขำได้แล้ว”ผมหันไปสะกิดเพื่อนตัวเองที่หัวเราะไม่หยุดเบาๆ


“ก็มันน่าขำนี่ คิก...มนุษย์นี่นะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกชะมัด...แค่รู้สึกสนใจหรือชอบก็โมเมว่าเป็นความรักและคบกัน พอรู้ถึงข้อเสียต่างก็เลิกกันด้วยเหตุผลที่ว่าเข้ากันไม่ได้ทั้งที่ไม่เคยลองปรับตัวหรือเข้าหากันอย่างจริงจังด้วยซ้ำ...”


“แถมพอเลิกกันก็เอาแต่บอกว่าอีกฝ่ายไม่ดีอย่างงั้นไม่ดีอย่างนู้นโดยไม่ดูตัวเองเลย...นั่นคือคำว่าแฟนที่นายพูดถึงเหรอคุณเจ้าของห้าง”เซ็นนั่งเท้าค้างยกยิ้มมองไปยังตินที่ขมวดคิ้วกับคำถามนั้น


“หมายความว่ายังไง”


“อธิบายง่ายๆก็อย่าเอาพวกเราไปรวมกับมนุษย์ที่มีอารมณ์และความรู้สึกที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาแบบนั้น นายบอกว่าเป็นแฟนกับจินสินะ?”


“จิน?...เขาชื่อแพนนี่”ตินดูจะขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่


“จินที่ว่าย่อมาจากคุคุโนจินน่ะ...จำที่ไดจิกับมิกะเรียกผมได้ใช่ไหมล่ะ คนที่ประเทศญี่ปุ่นส่วนมากจะเรียกผมด้วยชื่อนั้นด้วยความที่คุคุโนจินมันยาวไปเซ็นเลยย่อเหลือแค่จิน”ผมอธิบายให้ตินฟัง


“อืม...ฉันเป็นแฟนกับแพนแล้วทำไม”ตินหันไปถามเซ็นต่อ


“ที่เรียกว่าแฟนนี่คือสนใจหรือชอบกันล่ะ”


“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย”


“อืม...ก็ไม่เกี่ยวหรอกแค่อยากบอกไว้ว่าถ้าเพียงแค่สนใจหรือชอบก็อย่าคิดเอาเองว่ามันเพียงพอที่จะเป็นแฟน...เทพอย่างพวกเราไม่มีหรอกที่เรียกว่าคบหาดูใจหรือแฟนน่ะ เนอะจิน”พูดจบเซ็นก็หันมาขอความเห็นผม


“อืม...ไม่มีหรอกคำบ่งชี้ถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ ถ้าเทพ2องค์มีความรู้สึกเหนือคำว่าชอบหรือก็คือมีความรู้สึกรัก ทั้งคู่ก็จะเป็นคนรักกันทันที ไม่มีหรอกการทดลองคบหรือเป็นแฟนเพราะเมื่อรักไปแล้วก็จะไม่มีการเปลี่ยนความรู้สึกเหมือนมนุษย์”ผมพูดต่อด้วยรอยยิ้มบางๆ


“แปลว่าถ้าเป็นเทพก็ไม่มีการแย่งคนรักกันสินะ”


“อืม...อย่าถามอะไรอยากๆสิ...พวกเราก็ไม่รู้หรอก ที่รู้มีแค่คำว่ารักเป็นสิ่งที่มีค่ามากและสามารถพูดได้กับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น”เซ็นยกมือขึ้นเกาหัวเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามของติน


“แล้วถ้าบอกรักไปแล้วเทพองค์นั้นไม่รักตอบล่ะ”ตินยังคงถามต่อ


“...จิน ตอบสิ”อยู่ๆเซ็นก็สะกิดผมที่ยกแก้วชาเขียวขึ้นมาดื่ม


“ฮะ?...ทำไมโยนเล่า”


“ก็ฉันไม่รู้นี่...เรื่องรักๆนี่ก็ได้ยินตั้งแต่จำความได้แล้ว”


“ผมก็เหมือนกันแหละน่า...เอางี้นะติน พวกเราก็ไม่รู้เรื่องยากๆแบบนั้นหรอก...แต่ที่แน่ๆคือคำว่ารักมันมีความหมายและสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกออกไปเหมือนอย่างมนุษย์”


“แล้วที่อธิบายมาทั้งหมดนี่ต้องการสื่ออะไร”ตินมองหาเซ็นอย่างต้องการคำตอบ


“ถ้าแค่ชอบหรือสนใจจินแล้วบอกว่าเป็นแฟนก็เลิกซะเถอะ...ถึงชีวิตมนุษย์จะสั้นแต่เทพอย่างเราก็ไม่มีเวลามาแสดงละครเป็นแฟนใครหรอกนะ หน้าตาอย่างนายคงไม่อยากที่จะหาคนคบนี่...ลองหาสักคนแล้วเลิกสนใจจินได้แล้ว”


“เพราะเลิกสนไม่ได้ถึงได้เป็นแบบนี้ไง”ตินบอกเสียงเบา


“ติน...”


“มันไม่ใช่แค่ความสนใจหรือชอบ...ฉันรักแพน”คำสารภาพรักของตินดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสดที่มองมา


“ติน...”ทำไมต้องพูดมันออกมาด้วย


คำว่ารักนั่นน่ะ


แบบนี้ผมจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปได้ยังไงกัน


“หึ...คำพูดของมนุษย์มันเชื่อไม่ได้หรอก...ใช่ไหมจิน”


“...อืม”ผมก้มหน้าลงก่อนจะตอบออกไปเสียงเบา


ใช่...เชื่อไม่ได้


ทั้งที่บอกตัวเองมาตลอดแต่ภายในใจลึกๆมันกลับบอกว่าคำพูดของตินเป็นความจริงที่สามารถเชื่อได้


“จิน?...เป็นอะไร...นี่จิน”ใบหน้าผมถูกเซ็นบังคับให้เงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีทองสว่างนั่น เพียงแค่อีกฝ่ายเห็นหน้าและสบตาผมเขาก็เบิกตากว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว


“เซ็น...”


“นี่มันเรื่องบ้าอะไรจิน?!”เซ็นถามเสียงแข็งพลางจ้องมาที่ผมเขม็ง นั่นทำให้ผมมั่นใจว่าเซ็นรู้แล้วถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจนี้


ความรู้สึกที่อยากลบมันออกไปให้มากที่สุด


ไม่อยากยอมรับมันเลย


แต่ว่า...


“เซ็น...ผม...”


“นี่แกทำอะไรจิน!”เซ็นปล่อยผมแล้วลุกขึ้นไปคว้าคอเสื้อตินดึงเข้าหาตัวจนใบหน้าของทั้งคู่เข้าใกล้กันมากขึ้น


“พูดเรื่องอะไร”


“ฉันไม่สนว่าจินจะช่วยมนุษย์ที่ใกล้ตายหรือเรื่องที่มนุษย์คนนั้นสามารถมองเห็นเทพได้ ไม่สนแม้กระทั่งการที่จินจะปรากฏตัวในร่างมนุษย์ด้วยสาเหตุอะไร ที่ฉันสนคือแกทำอะไรจินเขาถึงได้...”


“เซ็นพอเถอะ”ผมรีบดึงเซ็นไว้ก่อนที่คำต้องห้ามนั่นจะหลุดออกมา


“แต่ว่า...”


“นี่มันเรื่องอะไรกัน”ตินดูเหมือนจะเป็นฝ่ายที่งงที่สุดเพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย


“เรื่องอะไรงั้นเหรอ ฉันต่างหากที่อยากจะถามแกว่านี่มันเรื่องอะไรกัน จินที่ออกเดินทางมาไม่ถึงปีกลับมา...หลงรักมนุษย์อย่างแก”


“เซ็น!!”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงดังลั่น


ทำไมถึงพูดมันออกไปกัน


“...แพน...รักฉัน...จริงเหรอแพน?”ตินดูจะสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาพอสมควร


“ไม่...ยังไม่ได้รัก ยังไม่ได้รักสักหน่อยแค่ชอบเท่านั้นเอง”ผมหันไปบอกเซ็นเสียงดัง


“แค่ชอบ? แน่ใจเหรอที่พูดออกมาน่ะ...คงเข้าใจใช่ไหมว่าชอบกับรักแม้จะใกล้เคียงกันแต่ความหมายของมันต่างกันมากขนาดไหนน่ะ”


“ผมรู้...”เพราะรู้ถึงได้พยายามให้มันหยุดอยู่แค่คำว่าชอบไง


“นี่มันเรื่องอะไร...ใครสักคนอธิบายมาสักทีสิ”ตินที่อยู่อีกฝั่งถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คล้ายคลึงกับคำสั่ง


“อยากรู้เหรอ”


“เซ็น!”อย่านะ


คิดจะบอกตินเรื่องนั้นงั้นเหรอ


“อยากสิ”ตินพยักหน้า


“ฉันไม่คิดจะปิดหมอนี่เพื่อนายหรอกนะจิน...ให้รู้ไปเลยถึงข้อห้ามของพวกเราน่ะ”


“ข้อห้ามอะไร”ตินถามพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเน่น


“เซ็น...ไม่นะ...”ผมไม่อยากให้ตินรู้


ขอแค่เรื่องนี้


“ถ้าเทพอย่างพวกเราตกหลุมรักมนุษย์ เทพองค์นั้นจะหายไป”


“...”คำพูดของเซ็นทำเอาดวงตาสีฟ้าสดของตินเบิกกว้างขึ้น ผมเองก็ได้แต่เม้มปากแน่นที่ไม่สามารถหยุดเซ็นไม่ให้บอกเรื่องนี้ออกไปได้


อย่างที่เซ็นว่า...


ข้อห้ามเพียงข้อเดียวของพวกเราคือห้ามหลงรักมนุษย์


เทพที่หลงรักมนุษย์จะหายไป


“ถ้าไม่อยากให้จินหายไปเพราะความรู้สึกเล่นๆนั่นก็เข้าใจนะว่าควรจะทำยังไงต่อไป”เซ็นบอกกับตินต่ออีก


“จริงเหรอแพน”


“ติน...”


“จริงเหรอที่ถ้ารักมนุษย์แล้วจะหายไปน่ะ!”น้ำเสียงที่ถามคำถามนั่นดูวิงวอนมากจนผมต้องพยักหน้าส่งไปให้พร้อมกับน้ำตาลที่ค่อยๆไหลลงมาตัวผมรู้มานานแล้วว่าตินไม่ใช่แค่ชอบแต่รักผม


และผมเองก็อาจจะรู้สึกไม่ต่างกัน


ทุกๆวันที่ได้อยู่ด้วยกัน


ได้ทะเลาะและกวนโมโห


ทุกช่วงเวลามันทำให้ผมมีความสุขอย่างที่ไม่เคย


ใช่...เพราะมีความสุขมากผมถึงปล่อยให้ความรู้สึกตัวเองเกินเลยมาจนถึงตอนนี้...


ชอบ


ผมพยายามหยุดความรู้สึกตัวเองให้อยู่ที่คำนี้


ไม่ให้มันเลื่อนขั้นเป็นอีกคำที่เหนือกว่า


ผมยังอยากอยู่กับติน


ยังไม่อยากหายไป


“จิน...มนุษย์กับเทพ...ไม่ใช่สิ่งที่สามารถรักกันได้”เซ็นนั่งลงก่อนจะสัมผัสที่ไหล่ผมเบาๆ


“อืม...ผมรู้...ผมไม่ได้รัก...”ไม่ได้รัก


“แน่ใจว่าสามารถหยุดมันได้”


“...เซ็น”ที่ว่าหยุดหมายถึงความรู้สึกนี้น่ะเหรอ


ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจมั่นใจว่าสามารถหยุดมันได้


แต่ตอนนี้ผมไม่มั่นใจเลยสักนิด


คำว่ารักที่ตินพูดยังวนเวียนอยู่ภายในหัวอยู่เลย


“ฉันไม่อยากให้นายหายไป”


“อืม...”ผมก็ไม่อยากหายไป


“สัญญากับฉันว่านายจะไม่หายไป”


“เซ็น...”ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีทองสว่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสนไปหมด


สัญญานั่นผมอยากทำตาม


แต่ว่า...


“เฮ้อ...เอาเถอะ เรื่องพวกนายก็ให้พวกนายจัดการเอาเองละกัน ฉันมานี่เพื่อมาเจอนายแต่ดีแล้วที่ได้มา ถ้าฉันไม่มานายก็จะปิดหมอนี่ต่อไปงั้นสิ”


“ก็มัน...”ไม่อยากให้ตินรู้นี่


ถ้าตินรู้ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไป


มันจะไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมอีกต่อไป


“ฉันต้องไปแล้ว...ขอโทษที่ใช้พลังดึงขานายลงมานะ”เซ็นพูดพลางขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มของผมแรงๆ ถ้าเป็นปกติผมคงปัดป้องแต่ในตอนนี้ในหัวผมมันเต็มไปด้วยเรื่องของติน


“อืม...”


“ไปล่ะ”พูดจบร่างของมนุษย์ก็หายไปอย่างรวดเร็ว เซ็นในร่างเทพมองมายังผมอย่างห่วงๆก่อนจะจากไปพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจ
บรรยากาศเงียบที่มีเพียงพวกเรามันอึดอัดจนน้ำตาลที่ไหลอยู่ไม่อาจหยุดลงได้ ทั้งที่ผมไม่ใช่พวกขี้แยแท้ๆทำไมถึงร้องไห้ได้ขนาดนี้นะ


เพียงแค่คิดถึงตินน้ำตาลมันก็ไหลลงมา


“แพน...”


“อึก...อืม”ผมขานรับเสียงเรียกโดยที่ยังก้มหน้าอยู่


“อย่าร้องไห้...ทั้งหมดเป็นความผิดฉันเอง”ตินขยับตัวมานั่งฝั่งเดียวกับผมก่อนจะใช้มือค่อยๆเงยหน้าผมขึ้นอย่างอ่อนโยน


“ตินไม่ผิด...ไม่ผิดสักนิด”


“ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับฉัน”ตินถามพลางเกลี่ยน้ำตาลที่ไหลอาบแก้มให้


“...ผมไม่อยากให้ติน...เปลี่ยนไป”ทั้งความรู้สึกห่วง


ทั้งความรู้สึกหวง


หรือแม้แต่ความรู้สึกรัก


ผมรู้สึกดีที่ตินมอบความรู้สึกเหล่านี้ให้


“แพน...”


“ผมรู้ว่าความรู้สึกที่ตินมีให้มันมากกว่าชอบ...ตินเองก็รู้ใช่ไหมถึงความรู้สึกของผม...”ผมเงยหน้าสบตากับดวงตาสีฟ้าตรงหน้าอย่างสื่อความรู้สึก


ผมไม่คิดว่าตินจะไม่รู้หรอกนะ


ความรู้สึกของผมน่ะ


“แพน”ฝ่ามือที่เกลี่ยน้ำตาให้เปลี่ยนมาดึงร่างผมให้เข้าไปแนบชิดแผ่นอกนั่นพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่น


“ติน”


“ฉันรักนาย....รักที่สุด...ความรู้สึกนี้มันไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบแต่เป็นความรู้สึกของฉันจริงๆ”


“อืม...ผมรู้”อ้อมกอดอุ่นๆนี่ทำให้ผมต้องซุกตัวเข้าหามากขึ้น


“แต่ฉันไม่อยากให้นายหายไป”เสียงของตินกระซิบเสียงเบาโดยที่กระชับอ้อมกอดให้พวกเราแนบสนิทกันมากขึ้นราวกับเขากำลังกลัวว่าผมจะหายไป


“ผมก็ไม่อยากหายไป...”อยากอยู่กับติน


อยากอยู่ไปนานๆ


ถ้ายอมรับความรู้สึกนี้ก็เท่ากับผมจะหายไป


“อย่ารักฉัน...เข้าใจนะแพน”


“ติน...”


“เข้าใจไหมแพน”ตินถามย้ำ


“อืม...”จะไม่รัก


ต่อให้อยากรักแทบขาดใจก็จะไม่รัก


ถ้าการที่รักจะทำให้ไม่สามารถอยู่กับตินได้ผมก็จะไม่รัก


ต่อให้มันจะทรมานขนาดไหนก็ตาม
.................................................................

มาต่อแล้วค่าาา

ตอนนี้มาแบบมาม่าเล็กๆ แต่พวกแนวนี้ไม่ค่อยเก่งแต่เรื่องนี้เราวางไว้แล้วว่าก่อนจบต้องมีฉากประมาณนี้

นักอ่านทุกท่านก็อย่าเครียดไปนะคะ 555 ถือเป็นหนึ่งในอรรถรสเวลาอ่านละกันค่า

ค่อยๆสนุกไปกับเนื้อเรื่องต่อจากนี้ไปถึงตอนจบด้วยนะ

อีกไม่กี่ตอนเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว และแน่นอนว่าเรายังแต่งไม่จบ //หัวเราะทั้งน้ำตา

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังที่มีให้แม้ว่าเราจะติดภารกิจทำให้มาอัพได้ช้ามากก็ตาม

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย :mew1:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 16-09-2017 15:13:26
ฮรืออออ หนักหน่วงงงง แพนห้ามหายไปนะ Q A Q
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-09-2017 15:22:14
อ้าว ของอย่างนี้มันห้ามกันได้ด้วยเรอะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 16-09-2017 16:05:37
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:  มาม่าหวาน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 16-09-2017 16:10:01
ความรู้สึกเหมือนกัน แต่ไม่สามารถรักกันได้  สงสารจัง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-09-2017 17:57:05
 :mew2: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 16-09-2017 18:29:58
สงสารทั้งคู่เลย จะทำยังต่อไปล่ะเนี่ย :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 16-09-2017 19:52:14
ม่ายยยยย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฮือออออ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-09-2017 20:40:53
 :a5:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-09-2017 20:43:56
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-09-2017 21:29:17
มันต้องมีทางสิ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 16-09-2017 22:48:28
รู้สึกเครียดแทน :z3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 16-09-2017 23:00:22
 o22 oh nooooo no drama  .... แล้วทีนี้จะรักกันยังไงหละเนี้ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 16-09-2017 23:30:52
แล้วเขาจะรักกันยังไง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 17-09-2017 09:36:19
อยากจะรัก แต่รักไม่ได้ :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 17-09-2017 12:43:30
โอ้ยยยยยยย เครียด :sad4: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-09-2017 17:12:04
แพนจะหายไปแบบไหนอ่าาา
ถ้าหายไปพร้อมตินหมดอายุไขมันก็ไม่เศร้ากับคนอ่านเท่าไหร่นะ
แต่อยากให้ตินกะแพนอยู่ด้วยกันตลอดไปมากกว่า แบบเป็นเทพไปด้วยเลยอะไรแบบนั้น
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 17-09-2017 20:16:38
อื้อออ ร้องไห้ ทำไงดีอะ แพนจะหายไปไม่ได้น้าาา ฮื่อออ เเต่เทพกับมนุษย์ มันเป้นไปได้แน่หรอ ฮื่อ กลัว
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-09-2017 21:01:07
อย่าหายไปไหนนะแพน :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-09-2017 02:31:52
เมื่อไหร่จะคบกันเนี่ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่18♣} 16/09/60 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 18-09-2017 21:21:55
น้ำตาจะไหล
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 30-09-2017 21:20:47
สัมผัส{❤}ครั้งที่19



ก็รู้อยู่แล้วว่าการที่บอกจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป


แต่ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปขนาดนี้


แม้พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดเหมือนเดิมแต่บรรยากาศกลับไม่เหมือนเดิมสักนิด มันไม่มีความอบอุ่น ไม่มีความสนุก ไม่มีแม้แต่เสียงทะเลาะหรือถ้อยคำกวนๆ


ความสุขที่มีมันเริ่มหายไป


“ตินข้าวเช้าล่ะ”ผมถามด้วยเสียงเริงร่าเพื่อหวังว่าอีกฝ่ายจะกวนกลับมาอย่างเคย


“ฉันกินแล้ว”


“...ติน”ผมหยุดนิ่งมองตินที่ส่งยิ้มบางๆมาให้


รอยยิ้มนั้นมันแฝงไปด้วยความรู้สึกฝืนๆจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน


“ฉันไม่ได้โกหก”ตินพูดต่ออีก


“อืม...ผมรู้”แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าเพราะเป็นอีกวันที่ไม่มีการกวนหรือถกเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระ


“เดี๋ยวนี้กินน้อยนะ...เป็นอะไรรึเปล่า”ความห่วงใยนั่นทำให้ผมได้แต่ส่ายหัวไปมาพร้อมรอยยิ้ม


“เปล่า...ผมไปทำงานด้วยนะ”


“อืม ไปกัน”พูดจบตินก็เดินนำออกไปนอกห้องที่มีกายและจิมรออยู่เหมือนอย่างเคย


ผมรู้ว่าตินกำลังพยายาม...


เขาพยายามไม่ทำให้ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาพัฒนาไปมากกว่านี้


ทั้งที่ผมควรขอบคุณแต่กลับรู้สึกอยากร้องไห้แทน


ฝ่ามือที่มักขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มของผมไปมาจนฟูฟ่องตอนนี้มันไม่มีแล้ว


หลังจากวันที่เขารู้ความจริงเขาก็ไม่สัมผัสผมอีกเลย


พวกเรานั่งรถไปยังห้างสรรพสินค้าที่ตินเป็นเจ้าของเงียบๆ ความเงียบที่มีดูจะสร้างบรรยากาศแปลกให้เกิดขึ้นทั้งกายและจิมเองก็เหมือนจะสัมผัสได้แต่ก็ไม่เอ่ยถามอะไรออกมา


ผมหันไปมองตินที่เหม่อมองออกไปนอกกระจกด้วยความรู้สึกหน่วงๆ


อยากสัมผัส


ผมอยากสัมผัสตินจนแทบทนไม่ไหว


ขอสักหน่อยจะเป็นไรไหมนะ


เหมือนร่างกายจะตอบสนองไวกว่าความคิด ผมเอื้อมมือไปจับมือตินที่วางอยู่ก่อนจะบีบเบาๆให้อีกฝ่ายรู้สึก ตินที่ถูกจับมือก็หันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปตามเดิม


มือที่คิดว่าตินคงจะขยับออกแต่ในความจริงตินกลับกุมมือผมแน่นกว่าเดิม


หัวใจที่สงบนิ่งเริ่มเต้นเร็วขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆของผมที่ปรากฏขึ้น


แค่เพียงได้สัมผัสก็รู้สึกราวกับถูกเติมเต็มจนอยากร้องไห้ออกมา


“จิม...ดูแลแพนด้วย”ตินสั่งหลังจากที่เรามาถึงห้างขนาดใหญ่ยักษ์แล้ว


“ติน...ผมขอไปอยู่ที่ห้องด้วยได้ไหม”ขอแค่ได้อยู่ข้างๆก็ยังดี


“...วันนี้ฉันมีประชุมไม่ได้อยู่ห้อง”ตินตอบกลับมา


“เหรอ...เข้าใจแล้ว”


“ฉันประชุมเสร็จช่วงเที่ยง...”


“ติน...”หมายความว่าอะไร


“เดี๋ยวมารับไปหาอะไรกิน”


“อืม”ผมพยักหน้าพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างไปให้


แค่รอให้ประชุมเสร็จก็จะได้เจอแล้ว


ผมและตินแยกกันไปคนละทาง ตินขึ้นไปประชุมที่ชั้นบนส่วนผมก็เดินเล่นอยู่ชั้นล่างโดยที่มีจิมเดินตามมาติดๆ ชั้นอาหารที่น่าจะดึงดูดความสนใจผมได้กลับไม่ทำให้ความรู้สึกอยากอาหารเพิ่มขึ้นเลยสักนิด


“คุณแพน”


“...”ผมหันกลับไปมองจิมที่เรียก


“เอ่อ...ผมก็ไม่อยากละลาบละล้วงนะครับ แต่ว่ามีปัญหาอะไรกับคุณตินรึเปล่าครับ”จิมถามต่อด้วยสีหน้ากังวล


ว่าแล้วเชียวว่าพวกเขาต้องรู้


“จะว่ามีก็มีอยู่หรอก”


“ถ้ายังไงให้พวกเราช่วย...”


“ขอบคุณนะจิมแต่เรื่องนี้คงช่วยไม่ได้หรอก”คนที่จะแก้ปัญหานี้ได้คงมีแค่ผมและตินเท่านั้น


“เหรอครับ...แปลว่าเป็นปัญหาใหญ่สินะครับ”


“อืม...ใหญ่มากเลยล่ะ”


“งั้นผมไม่สอดดีกว่า”


“อย่าเรียกว่าสอดเลย...จิมเป็นห่วงผมกับตินนี่นา นี่จิม”ผมหยุดเนแล้วหันหน้าไปหาจิม


“ครับ”


“ถ้าเกิดวันหนึ่งผมไม่อยู่...ช่วยดูแลตินให้ดีๆด้วยนะ”


“คุณแพน...พูดอะไรน่ะครับ...คุณตินไม่มีทางยอมให้คุณแพนไปไหนแน่ๆ ก็คุณตินน่ะ...รักคุณแพนขนาดนั้นนี่”จิมรีบพูดสวนกลับมาด้วยใบหน้าตื่นๆ


“ผมรู้ว่าตินรักผมมาก”รู้ดีเลยล่ะ


“งั้นทำไมถึงพูดแบบนั้น...”


“เรื่องในอนาคตเราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น”ไม่มีทางรู้ได้เลย


“คุณแพน”


“อย่างที่ว่าแหละ...ฝากตินด้วย”


“ได้ครับ”ถึงจะไม่ค่อยเต็มใจแต่จิมก็พยักหน้ายอมรับ


“ดีมาก...ว่าแต่วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ”น่าแปลกที่ครั้งนี้จิมมาเดินตามผมแบบนี้


“คุณตินให้ผมติดตามคุณแพนไม่ให้อยู่คนเดียวครับ”


“อ้อ...จะว่าไปเรื่องของศัตรูตินไปถึงไหนแล้ว”รู้สึกช่วงนี้ดูไม่มีอะไรเกินไปจนสังหรณ์ใจแปลกๆ


ถ้าไม่มีอะไรก็ขึ้นก็ดีอยู่หรอก


“ถ้าเรื่องนั้นตอนนี้เราได้หลักฐานการทำผิดของฝ่ายนั้นมาเยอะเลยครับ...คิดว่าภายในไม่กี่วันนี้จะสามารถส่งดำเนินคดีได้”จิมอธิบาย


“ทำผิดไว้เยอะงั้นสิ”


“ใช่ครับ...ทั้งให้เงินใต้โต๊ะ โกงภาษี เปิดบ่อนผิดกฎหมายแถมยังมีการค้ายาอีก”


“ครบถ้วนทุกอย่างเลยแฮะ”เรียกว่าเป็นตัวอย่างของพวกคนไม่ดี


เล่นทำผิดซะขนาดนี้ยังสามารถอยู่ได้นี่แปลว่ามีเส้นไม่ก็ปิดปากพวกนั้นได้อยู่หมัด


“ครับ...เพราะเป็นพวกที่ชอบเล่นลอบกัดคุณตินเลยกังวลว่าพวกมันจะมาทำร้ายคุณแพน”


“เลยให้จิมคอยดูแลสินะ”ผมสรุปพร้อมรอยยิ้ม


ท่าทีที่แข็งกร้าวนั่นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่มีลดน้อยลงเลยติน


ขืนเป็นแบบนี้ได้แย่สุดๆแน่


“ใช่ครับ”


“อืมๆ...โอ๊ะ...นั่นอะไร”ผมชี้ไปยังด้านนอกบริเวณทางเข้าห้างที่ตอนนี้มีผู้คนและร้านค้าตั้งอยู่เต็มไปหมด


“ถนนคนเดินครับ...มีแค่ทุกวันศุกร์แบบนี้”


“ไปเดินได้ไหม”ผมถามต่อ


“แน่นอนครับ”


“งั้นไปกันเลย”พูดจบผมก็เดินนำออกไปข้างนอกห้าง


ทั้งผู้คนที่เดินเบียดเสียดทั้งที่เป็นช่วงสายและร้านค้ามากมายที่ส่งเสียงเรียกลูกค้าทำให้ผมนึกถึงตลาดนัดที่เคยไปมาก่อนนี้เลย แม้ว่าพื้นที่และผู้คนจะน้อยกว่ามากแต่ความแออัดนี่เหมือนกันมากเลย


“คนเยอะแบบนี้ระวังหลงนะครับ”จิมเอ่ยเตือน


“ได้ๆ...เอางี้ถ้าเราคราดกันก็มาเจอกันหน้าประตูนี้นะ”ผมบอกพลางชี้ไปยังประตูกระจกใสบานใหญ่ซึ่งเป็นประตูทางเข้าห้าง


“ได้ครับ...แต่อย่างหลงกันเป็นดีที่สุด”


“นั่นสิ”


“เดี๋ยวครับคุณแพน”


“ฮืม?”ผมหันไปมองจิมอย่างสงสัย


“ไม่รู้ว่าคุณแพนจะรู้ไหมแต่อาทิตย์หน้าวันที่19เป็นวันเกิดของคุณตินครับ”


“...วันเกิด...ของติน”หมายถึงวันที่มนุษย์คนนั้นลืมตาดูโลกและถือเป็นวันสำคัญเพราะต้องมีการจัดฉลองทุกปีนั่นน่ะนะ ผมเคยเห็นการจัดงานวันเกิดมาหลายยุคหลายสมัยอย่างวันเกิดของไดจิกับมิกะเองก็มีการจัดงานเหมือนกัน


ภายในงานจะมีแขกมากมายมีเยี่ยมพร้อมคำอวยพรหลังจากนั้นก็จะร่วมวงนั่งกินข้าวและขนมกัน


“ครับ...ปกติจะมีแค่คุณชายกับคุณหญิงและคุณคินส่งของขวัญมาให้เท่านั้น มีตอนเด็กๆที่คุณหญิงจัดงานให้แต่เพราะมีแขกมากมายมาร่วมคุณตินเลยทำหน้าตึงตลอดงาน...เรื่องนี้คุณคินเล่าให้ฟังน่ะครับ”


“คิก...”ผมถึงกับหลุดหัวเราะเมื่อนึกภาพเด็กทำหน้าตึงในงานวันเกิดตัวเอง


สมแล้วที่เป็นติน


“หลังจากนั้นมาเลยไม่มีการจัดงานอีกแต่ครั้งนี้คิดว่าคุณแพนน่าจะช่วยให้คุณตินมีความสุขในวันเกิดจริงๆได้สักทีนะครับ”


“ผมเองก็ไม่รู้จะทำได้ไหม”จะอยู่ถึงวันนั้นรึเปล่ายังไม่รู้เลย


แม้จะพยายามไม่สนใจความรู้สึกนี่และความจริงภายในส่วนลึกของหัวใจมันกลับเรียกร้องอยู่เสมอ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถโกหกหัวใจได้นานนักหรอก


ถึงแบบนั้นแต่ผมก็อยากจะทำอะไรให้ตินบ้าง


“คุณแพนทำได้อยู่แล้ว”


“งั้นคงต้องรีบคิดแล้วสิว่าจะทำอะไรดี”


“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะครับ อย่างพวกแอบไปซื้อของหรือชวนคุณตินออกไปข้างนอกแบบนี้”จิมบอกด้วยรอยยิ้ม


“ได้เลย...ตอนนี้ผมขอไปเดินเล่นก่อนดีกว่าเผื่อจะติดอะไรออก”พูดจบผมก็เดินตรงเข้าไปยังฝูงคนมากมายที่เดินเบียดกันทั้งๆที่อยู่ในช่วงที่ห้างพึ่งเปิดเท่านั้น


ด้วยความที่มีคนแน่นเกินไปเลยทำให้ผมไม่สามารถเดินไปตามทางที่ต้องการได้แต่ไหลไปตามกลุ่มคนเรื่อยๆเท่านั้น พอหันกลับไปมองก็เห็นจิมยินกระโดดโบกมือมาให้พร้อมกับปากอ่านได้ว่าเจอกันหน้าประตู


นั่นทำให้ผมพยักหน้าส่งไปให้


ตัวผมล่ะอยากจะกลับร่างเทพแล้วลอยดูของอย่างสบายใจซะจริงๆถ้าไม่ติดว่าแถวนี้มีคนอยู่เยอะแยะละก็นะ ถ้าผมหายไปคนที่ตามอยู่ด้านหลังคงได้กรีดร้องเป็นแน่


กึก


สัมผัสของวัตถุบางอย่างที่มาจี้บริเวณหลังทำให้ผมอยากหันกลับมองแต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวก็มีเสียงทุ้มที่เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนสักแห่งดังขึ้นมาซะก่อน...


“ถ้าไม่อยากโดนยิงก็ทำตามที่บอกซะ”


“คุณเป็นใคร”ผมถามกลับไป


“ไม่จำเป็นต้องรู้...แค่ตามมาก็พอ”เสียงทุ้มเหี้ยมกระซิบต่อ


“พอดีแฟนผมเขาบอกห้ามตามคนแปลกหน้าไปน่ะ”ผมพยายามพูดกวนอีกฝ่าย กวนขนาดนี้หวังว่าจะยอมบอกนะว่ามีธุระอะไร


“หึ...หมายถึงไอ้คณาธิปน่ะเหรอ”


“คุณรู้จักติน...”


“ไม่รู้ก็แปลกล่ะ...ฉันเป็นคนยิงหัวใจมันเองแท้ๆไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงยังรอดมาได้แถมยังมีแฟนเป็นผู้ชายแบบแกซะด้วย”คำพูดของคนด้านหลังทำให้ผมขมวดคิ้วก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกออกว่าคนคนนี้เป็นใคร


คนที่ยิงหัวใจตินผมจำหน้าได้ จะว่าไปเสียงก็เหมือนแบบนี้เลย...ก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงเสียงคุ้นๆ


แปลว่าคนคนนี้เป็นคนของคุณสมพงศ์ซึ่งเป็นศัตรูของตินสินะ


เขาจะจับผมไปทำไมกัน


“คุณจะจับผมไปทำไม”ตอนนี้ผมไม่อยากเสียเวลามานั่งวิเคราะห์เลยถามออกไปตามตรง


“ไม่บอกก็น่าจะรู้นะ...จากที่แอบตามพวกแกดูจะรักกันมากนี่ ถ้าแกถูกจับไปหมอนั่นคงร้อนรนมากจนน่าขำแน่ แค่คิดก็อยากหัวเราะแล้ว”


เขาว่ากันว่าคนที่เหมือนๆกันมักจะรวมตัวกัน


รู้สึกว่าจะจริงแฮะ


ชายคนนี้นิสัยเหมือนเจ้านายเปี๊ยบ


ไหนๆเรื่องก็เป็นแบบนี้ผมก็ควรจะช่วยให้ตินมีหลักฐานที่แน่นหนาในการเอาผิดคนพวกนี้ดีกว่า ไม่แน่ว่าหลักฐานที่ได้อาจจะยังไม่พอถ้ามาเห็นผมโดนจับจะๆน่าจะมีผลบ้างสิน่า


“งั้นก็จับผมไปเลย”


“ไม่ต้องบอกฉันก็ทำอยู่แล้ว...ตามมา!”พูดจบชายคนนั้นก็ดึงแขนผมให้ออกไปจากฝูงคนก่อนจะเหวี่ยงขึ้นรถตู้ที่ติดฟิล์มสีดำสนิท ภายในรถตู้มีคนที่ผมคุ้นหน้าอยู่หลายคนเพราะส่วนมากก็เป็นคนเดียวกับที่พยายามฆ่าตินในวันแรกที่ผมเจอเขา


ทันทีที่หัวหน้าขึ้นมารถตู้ก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมที่ถูกจับเอาแขนไพ่หลังก็ยอมอยู่นิ่งๆให้พวกเขามัดเชือกจนแน่นโดยที่สายตามองออกไปยังนอกกระจก...


เอาล่ะ...ผมอยู่กลางดงศัตรูแล้วแต่ที่สำคัญคือจะทำให้ตินรู้ได้ยังไง


ให้ตายสิ


ลืมคิดถึงเรื่องสำคัญซะสนิท


ถ้าอย่างน้อยมีต้นไม้ละก็...


“มันนิ่งเกินไปหน่อยไหมหัวหน้า”ลูกน้องคนหนึ่งที่นั่งจ้องผมอยู่เอ่ยถามหัวหน้าที่อยู่ไม่ไกล


“ช่างมันสิ ยังไงก็ไม่มีทางหนีไปไหนได้อยู่แล้ว”


ผมละอยากแก้จริงๆว่าผมน่ะสามารถหนีออกไปได้ตลอดแหละเพียงแต่ตอนนี้ผมต้องการหลักฐานมัดตัวพวกนี้อย่างดิ้นไม่หลุดซะก่อน


ระหว่างที่คิดแผนรถตู้ก็จอดลงหลังจากที่วิ่งมานานพอสมควร จากที่รู้สึกเหมือนรถจะขับวนไปวนมาราวกับไม่อยากให้ใครตามมาได้ ไม่นานประตูรถก็เปิดออกออกพร้อมกับร่างของผมที่ถูกดึงลงจากรถแล้วเหวี่ยงอย่างแรงจนกระแทกกับพื้นดินด้านล่าง แสงของดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้าแสดงให้เห็นว่าที่นี่ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงกว่าจะถึง


“โอ้ย...”ผมส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังรอบๆที่เป็นเหมือนกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ติดชายป่า ด้านหลังนั่นเป็นภูเขาลูกใหญ่พอสมควร


“โอ๊ะ...เจ็บเหรอครับคุณหนู...พวกเราต้องขออภัยที่หยาบคายนะครับ ฮะฮะฮะ”ชายคนที่โยนผมลงมาบอกด้วยน้ำเสียงเสแสร้งก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา


“อย่ารุนแรงสิ...มันยิ่งดูบอบบางอยู่”ชายที่เป็นหัวหน้าสั่ง


“ครับๆ...ไหนก็มีคนมาให้เล่นทั้งที ขอมัดติดกับต้นไม้ให้โดนยุงหามได้ไหมหัวหน้า”ลูกน้องคนเดิมหันไปถามหัวหน้าด้วยน้ำเสียงติดตลก


“เอาสิ...ตามใจแกเถอะ”


“เยี่ยมเลยหัวหน้า...มานี่เลย”


แขนของผมถูกบีบอย่างแรงจนต้องเม้มปากแน่นเพื่อไม่ให้ร้องออกไป ชายตรงหน้าพาผมมามัดไว้กับต้นไม้ใหญ่ใกล้ชายป่าโดยที่ด้านหน้าผมมีกระท่อมสำหรับพักอาศัยหลังเล็กๆอยู่


“รู้ไหมว่ายุ่งที่นี่กัดเจ็บมากเลยนะ...แถมไม่แน่กลางดึกอาจมีสัตว์ป่าหรืองูมาออกล่าเหยื่อก็ได้นะ ฮะฮะฮะ”เขาพยายามขู่ด้วยใบหน้าเหี้ยมแต่ไม่ไม่นานก็หยุดหัวเราะออกมาอีก


“ขอบคุณนะ”ผมพึมพำพร้อมรอยยิ้ม


เล่นมามัดเทพแห่งพฤกษาติดกับต้นไม้ ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ


“ฮะ?...นี่แกประชดฉันรึไง”ดูเหมือนเขาจะได้ยินคำขอบคุณนั้นเลยกระชากเสื้อผมขึ้นอย่างแรงทั้งๆที่ถูกมัดอยู่


“เปล่า...”แค่พูดความจริงเอง


ผั๊วะ!


“โอ้ย!”ผมถึงกับหลุดร้องออกมาเมื่อถูกชกที่หน้าเข้าเต็มแรง


“เห็นหน้าแกแล้วมันหงุดหงิดจริง...อย่าคิดว่าถูกจับมาแล้วจะได้กินข้าวกินน้ำนะ จงอยู่อย่างทรมานซะเถอะ”พูดจบเขาก็เดินกลับไปยังกระท่อมตามเดิม


ผมอยากบอกเหลือเกินว่าผมถ้าจะทรมานผมให้เอาของกินมาตั้งไว้ตรงหน้ายังทรมานกว่าการไม่ได้กินเลย


“เจ็บจัง...”แก้มผม


แบบนี้เดี๋ยวได้ช้ำแน่เลย


จะรักษาก็กลัวว่าพวกนั้นจะสงสัยอีก


เฮ้อ...ปล่อยไว้แบบนี้ละกัน


“ขอยืมพลังของทุกคนหน่อยนะ”ผมเอ่ยขอพลางมองไปยังต้นไม้รอบๆ


‘ท่านเทพล่ะ’


‘จริงด้วยๆ...แต่ทำไมถึงโดนมัดล่ะ’


‘ให้พวกเราช่วยจัดการมนุษย์พวกนั้นไหม’


“ขอบคุณนะแต่ไม่ต้องหรอก พอดีมาหาหลักฐานนิดหน่อยน่ะ”ผมตอบเหล่าต้นไม้กลับไป


‘หลักฐานเหรอ?’


“ใช่...เพราะงั้นขอยืมพลังหน่อยนะ”


‘แน่นอน!’เสียงตอบรับของเหล่าต้นไม้ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา


เอาล่ะนะ


ดวงตาสีเขียวอ่อนค่อยๆหลับลงพร้อมกับตั้งสมาธิ ไม่นานแสงสีเขียวที่มนุษย์ปกติไม่สามารถมองเห็นก็ปรากฏขึ้น...สิ่งที่ผมกำลังทำคือการประสานเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้


ไม่ใช่แค่กับต้นที่พิงอยู่แต่เป็นทุกต้นที่อยู่ในอาณาเขตของพลัง


ตัวผมไม่สามารถใช้พลังนี้ได้ถ้าไม่สัมผัสโดยตรงกับต้นไม้แต่ถ้ามีส่วนใดส่วนหนึ่งที่สัมผัสผมก็สามารถใช้พลังได้ พลังที่ผมใช้ตอนนี้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากถ้าเป็นเวทมนต์คงต้องเรียกว่าเวทย์ขั้นสูง


เมื่อผมเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้ผมก็สามารถมองเห็นทุกอย่างที่ต้นไม้เห็น


ไม่ว่าจะเป็นต้นไหนก็ตาม


อาณาเขตของพลังนี้อยู่ค่อนข้างกว้างจึงเสียพลังไปเยอะ...โชคดีที่ต้นไม้ในภูเขาด้านหลังให้ยืมพลังเลยสามารถใช้ในอาณาเขตที่กว้างถึงบริเวณที่ต้องการได้


บริเวณที่ผมต้องการคือสถานที่ที่ตินอยู่


“คุณตินครับ...ใจเย็นๆก่อน”เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงของกายที่บอกเจ้านายตัวเองพร้อมกับหันไปมองหน้าจิมที่อยู่ข้างๆ


“...แพน”น้ำเสียงที่ตินเรียกผมราวกับคนที่กำลังจะขาดใจ


ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าจิมคงไปบอกเรื่องที่ผมหาไปกับตินจนทุกคนต้องมายืนอยู่ตรงถนนคนเดินซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้ามีคนเดินแน่นไปหมดแต่ตอนนี้กลับมีเพียงที่ว่างๆอันปราศจากมนุษย์นอกจากพวกตินที่ยืนอยู่


“ผมไม่น่าให้คุณแพนไปเดินถนนคนเดินเลย”จิมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด


มันไม่ใช่ความผิดจิมหรอกนะ ถ้าผมอยากเดินต่อให้จิมห้ามผมก็ไม่คิดจะฟังอยู่ดี


“ไม่ใช่ความผิดนาย....แต่ที่บอกว่ามีคนจับไปแน่ใจใช่ไหม”ตินถามเสียงเครียด


นั่นแปลว่าจิมเห็นตอนผมถูกพาขึ้นรถตู้สินะ


“ครับ...ผมเห็นคุณแพนถูกพาขึ้นรถตู้ไปแต่กว่าจะไปถึงรถนั่นก็ออกไปแล้ว ถึงจะรีบไปหารถตามไปแต่ก็คลาดไปกลางทาง”จิมอธิบายให้ตินฟัง


ก็ว่าอยู่ว่าทำไมรถตู้นั่นถึงได้ขับวนไปวนมา เพื่อจะสะลัดจิมให้หลุดนี่เอง


“คนที่จะทำแบบนี้มีแค่คนเดียว”ตินบอกเสียงเข้ม


“ใช่ครับ...ดูท่าเราจะรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ให้พวกเราไปจัดการเถอะครับ”กายพูดเสมอ


“นั่นสิ...”


ครืดดด  ครืดดด


เสียงโทรศัพท์ที่สั่นทำให้ตินหยิบขึ้นมารุบก่อนที่ดวงตาสีฟ้าสดจะหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อปลายสายพูดอะไรบางอย่าง ไม่ใช่แค่สายตาที่เปลี่ยนไปแต่ท่าทางเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน


“แพนอยู่ไหน!”คำพูดแรกที่ทักทายปลายสายก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าตินกำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหน


ตินกำลังโกรธ


แถมไม่ใช่โกรธธรรมดาเหมือนตอนที่ถูกผมกวนด้วย


เป็นการโกรธที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย


“ฉันถามว่าแพนอยู่ไหน!”เป็นอีกครั้งที่ตินย้ำคำถามเดิมๆ ปลายสายคงไม่ยอมบอกสินะ


“ถ้าแพนเป็นอะไรฉันจะไม่ให้อภัยแก!!”ตินตะคอกใส่ด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนจะกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนผมกลัวว่ามันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ


“คุณติน...ที่โทรมาหรือว่า...”


“บ้าเอ้ย...ไอ้หมอนั่นมันจับแพนไป!”ตินตะโกนด้วยน้ำเสียงโมโห ดวงตาสีฟ้าสดนั้นสั่นระริกด้วยความกังวลรวมถึงคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่น ถ้าผมอยู่ตรงนั้นคงจะเอื้อมมือไปลูบคิ้วนั่นให้คลายตัวแล้ว


การที่ทำได้แค่มองมันรู้สึกไม่ดีจริงๆนั่นแหละ


ผมเองก็อยากจะบอกกับตินอยู่หรอกนะว่าสบายดี แต่ต่อให้ตะโกนยังไงตินก็คงไม่ได้ยินอยู่ดี


ถ้าอย่างน้อยตินสัมผัสกับต้นไม้ละก็ผมคงสามารถบอกเขาได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่


เป็นสถานการณ์ที่แย่จริงๆแฮะ


“คุณติน...แล้วหมอนั่นบอกอะไรครับ”


“ถ้าอยากได้แพนคืนก็ให้ถอนหุ้นออกจากห้างนี้ซะ”


“...หมายความว่าที่หมอนั่นต้องการคือห้างนี้สินะครับ...กว้านซื้อหุ้นของห้างที่คุณตินขายแล้วขึ้นเป็นประธานแทน แบบนี้หมอนั่นก็จะหมดคู่แข่งทางกานค้าโดยสมบูรณ์”กายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเครียดๆ


“แบบนั้นไม่ได้นะครับคุณติน...ขืนทำตามก็ใช่ว่าจะรับประกันความปลอดภัยของคุณแพนด้วย”กายพูดเสริม


โอ้ย...ผมเองก็อยากมีส่วนร่วมเหมือนกันนะ


“บ้าเอ้ย”ตินทำหน้าเครียดพร้อมเดินมาทางผม ไม่สิ เดินมาทางต้นไม้ก่อนจะใช้กำปั้นทุบเข้าเต็มแรง


ถ้าแตะต้นไม้แบบนี้...


เสร็จผมล่ะติน



(มีต่อค่า)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 30-09-2017 21:21:10
(ต่อนะคะ)


‘อย่าชกสิ ต้นไม้มันเจ็บนะติน’ผมสื่อสารกับตินผ่านต้นไม้ที่ตินแตะอยู่


“แพน?!”ดวงตาสีฟ้าสดเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะมองไปด้านหลังต้นไม้


‘ใจเย็นๆ...ตอนนี้ผมกำลังใช้ต้นไม้ในการสื่อสารกับคุณอยู่ อย่าทำให้คนอื่นสงสัยสิ’ผมค่อยๆบอกเพราะกายและจิมเริ่มขมวดคิ้วมองมาทางตินที่เดินวนรอบต้นไม้แล้ว


“แพน...”


‘พูดในใจแทนติน’ผมรีบบอก ขืนให้ตะโกนแบบนั้นกายและจิมได้สงสัยแน่


‘อืม...ไม่เป็นไรใช่ไหม’น้ำเสียงของตินดูเป็นห่วงมาจนผมถึงกับอมยิ้ม


‘ไม่เป็นไร’แค่ถูกจับมัดกับต้นไม้กับถูกชกและถูกอดข้าวอดน้ำเอง


ผมต่อประโยคที่เหลือในใจ


‘เกิดอะไรขึ้น...นายน่าจะกลับร่างเทพแล้วหนีมาได้นี่’ตินถามถึงสิ่งที่คาใจที่สุดออกมาทันที


สมแล้วที่เป็นติน เขารู้ว่าเมื่อผมกลับร่างเทพต่อให้ถูกมัดอยู่ผมก็สามารถหนีไปได้


‘ผมอยากช่วยคุณหาหลักฐาน ถ้าผมถูกจับมาก็คงจะใช้เป็นหลักฐานได้แน่ๆ’


‘เสี่ยงไปแล้ว! จะทำอะไรช่วยบอกกันหน่อยเถอะแพน รู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงตอนที่จิมวิ่งเข้ามาบอกว่านายถูกจับไปน่ะ!’ตินตะโกนในใจด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่แฝงไปด้วยความกังวล


‘ติน...ขอโทษนะ ผมแค่อยากทำอะไรให้คุณบ้างเท่านั้น’


‘นายไม่จำเป็นต้องทำอะไร...ฉันเคยบอกแล้วไงว่าแค่อยู่เฉยๆ ทำตัวกวนๆอยู่ข้างฉันก็พอแล้วน่ะ’


‘ก็ผมอยากช่วยนี่นา...อีกอย่างไม่รู้ว่าผมจะสามารถอยู่ข้างๆได้อีกนานแค่ไหนด้วย’



‘อย่าพูดแบบนั้นแพน’


‘โทษที...ลืมเรื่องนั้นไปก่อนละกัน...ผมนำทางคุณมายังที่ที่ผมอยู่ได้นะ’ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะเข้าโหมดเศร้า


‘แน่ใจนะ’


‘อืม’ผมมั่นใจว่าไม่หลงแน่นอน


‘ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้’ตินพูดเสียงเข้ม


‘ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ติน เตรียมตัวให้พร้อมก่อน...อย่าให้อารมณ์สิติน’ผมเอ่ยเตือน ตอนนี้ตินกำลังใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหานี้ ถ้าเขามาช่วยเลยโดยที่ไม่มีการวางแผนทุกอย่างมันจะเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดีไม่ดีหลักฐานที่ได้อาจไม่พอด้วยซ้ำ


‘แค่เรื่องนายเท่านั้นที่ฉันไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้จริงๆ’


‘ติน...นี่ผมยอมถูกจับเพื่อที่ตินจะได้จัดการกับพวกเขาให้หมดทีเดียวนะ ถ้าครั้งนี้จัดการไม่ได้ครั้งต่อไปผมก็จะยอมให้โดนจับมาอีก...’


‘อย่าพูดบ้าๆน่ะแพน!’ตินถึงกับทนไม่ไหวตะโกนขัดสิ่งที่ผมกำลังพูด


‘พูดจริงต่างหาก...ผมไม่สนหรอกนะว่าจะโดนจับหรือโดนยิง ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ตายเพราะของแบบนั้นหรอก...อีกอย่างผมเคยบอกแล้วว่าจะเป็นเกราะให้คุณเอง เพราะงั้นถ้าไม่อยากให้ผมทำแบบนั้นก็ใช้หัวหน่อยติน คุณน่ะมีวิธีจัดการอยู่แล้ว’ต้องกระตุ้นสักหน่อยไม่งั้นตินคงดึงดันแต่จะมาช่วยผมอย่างเดียว


‘จะทรมานกันใช่ไหมแพน’น้ำเสียงของตินเหมือนคนกำลังคิดหนักเลย


‘ถือเป็นการเอาคืนที่ตินทรมานผมก่อนละกัน’ผมพูดติดตลก


‘ฉันไปทำตอนไหนกัน’


‘คุณทรมานผมมาตั้งแต่ที่รู้ความจริงนั่นแล้ว คุณเปลี่ยนไปเพื่อผม...แต่รู้ไหมการเปลี่ยนแปลงนั่นมันทำให้ผมทรมาน’ทั้งที่อยากอยู่อย่างมีความสุขเหมือนเดิมแท้ๆ


เพราะแบบนี้ถึงไม่อยากบอกไง


‘แพน...ฉัน...’


‘เรื่องนี้เอาไว้ที่หลังเถอะ...ถ้าไม่มีแผนผมก็จะไม่บอกว่าตัวเองถูกจับไว้ไหน’


‘เดี๋ยวนี้กล้าขู่?’


‘แน่นอน’กล้าอยู่แล้ว


‘เข้าใจแล้ว...ฉันจะติดต่อนายได้ยังไง’


‘ต้นไม้...ไม่จำเป็นต้องต้นนี้ จะต้นไหนก็ได้เพียงแค่คุณแตะผมก็จะสามารถคุยกับคุณได้’


‘สมแล้วกับที่เป็นเทพแห่งพฤกษา’


‘ไหนบอกว่าผมเป็นเทพแห่งการกินไง’ผมกวนกลับ


‘หึ...ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรีบบอกฉันทันที เข้าใจนะ’


‘แหม...จะให้ผมบอกยังไงล่ะคุณจะพกต้นไม้ไปไว้ทุกทีรึไง’มันคงน่าขำพิลึกที่เจ้าของห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่มีใบหน้านิ่งกลับถือกระถางต้นไม้เล็กๆไปทุกที่


‘...งั้นทุกครั้งที่ฉันแตะต้นไม้นายต้องรายงานสถานการณ์มา เข้าใจนะ’ตินเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ


‘แบบนั้นก็ได้...แต่ช่วยรีบหน่อยก็ดีนะ’


‘หมายความว่าไง...เกิดอะไรขึ้น’


‘ผมไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่ห่างจากคุณได้นานขนาดนั้น’


‘แพน...’


‘ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าถ้าผมอยู่ห่างจากคุณยิ่งมากก็จะยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น...ตอนนี้ยังไม่เป็นไรเพราะมีพวกต้นไม้ให้พลังแต่ถ้าสมมุติผมถูกย้ายไปยังสถานที่ที่ไม่มีต้นไม้นอกจากจะติดต่อคุณไม่ได้แล้วผมยังอาจไม่สามารถคงอยู่ในร่างมนุษย์ได้ไม่นาน’ผมอธิบายทุกอย่างให้ตินฟัง


‘เข้าใจแล้ว...แผนทุกอย่างจะเสร็จในคืนนี้ และพรุ่งนี้ฉันจะไปช่วยนาย’


‘ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้’


‘ฉันเป็นห่วงนายนะ แพน’


‘ผมก็ห่วงคุณไม่ต่างกันหรอกติน อ้อ...อย่าลืมกินข้าวเย็นนะผมว่าคุณคงยังไม่ได้กินมื้อกลางวันแน่ๆ’


‘รู้ใจจริงๆ’


‘แน่นอน...ก็ผมเป็นแฟนตินนี่’แม้จะเป็นแฟนหลอกๆก็ตาม


‘หึ...รอฉันนะ’


‘ครับผม’


หลังจากนั้นตินก็เดินกลับไปสั่งกายและจิมให้ทำบางอย่างก่อนที่ทั้งหมดจะกลับไปยังคอนโดสุดหรูซึ่งเป็นที่พัก ผมเองก็ตามพวกเขาได้แค่บางสถานที่เท่านั้นอย่างห้องตินก็มองได้แค่จากระเบียงที่มีต้นไม้ปลูกในกระถางเตี้ยๆอยู่


ตินเองก็เหมือนจะรู้เลยเปิดม่านให้สามารถมองเห็นทั้งห้องนอนและห้องรับแขกได้ ช่วงก่อนนอนตินได้เดินออกมาอธิบายแผนการให้ฟังและผมเองก็อธิบายไปว่าตัวเองถูกจับอยู่ไหน


แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้กันแต่ก็ยังสามารถเห็นตินนอนได้ ถึงจะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะหลับจริงรึเปล่าก็ตามทีเถอะ


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมค่อยๆลืมและเงยขึ้นเพื่อมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามราตรีอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวนับพันส่องประกายอย่างงดงาม ถ้าอยู่ในเมืองคงไม่ได้เห็นวิวแบบนี้แน่น


ต้องขอบคุณที่จับมาไว้ป่าเขาแบบนี้ซะแล้วสิ


ไฟของกระท่อมที่ถูกดับคงแปลว่าทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว บรรยากาศมืดๆออกแนววังเวงมีเพียงเสียงของต้นไม้และสายลมที่ดังอย่างแผ่วเบา ความมืดที่เห็นทำให้ผมยกยิ้มขึ้นเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้


ในเมื่อถูกทำขนาดนี้ก็ขอเอาคืนหน่อยละกัน


“ช่วยผมหน่อยนะทุกคน”ผมพึมพำก่อนที่จะแนบมือลงบนรากต้นไม้ที่อยู่ด้านล่างพอดีกับบริเวณที่ถูกมัด นอกจากผมจะมีพลังในการรักษาแล้วยังมีพลังในการเสริมกำลังซึ่งสามารถช่วยให้แข็งแกร่งขึ้นหรือทำให้พืชเติบโตได้อย่างรวดเร็ว


รากของต้นไม้ที่ผมสัมผัสค่อยผุดขึ้นมาจากดินแล้วขยับเคลื่อนไหวไปมาในอากาศบริเวณที่เป็นหน้าต่างของกระท่อม ไม่ใช่เพียงแค่รากไม้รากเดียวที่ผมควบคุมแต่ยังมีอีก5ต้นทำให้ตอนนี้รอบๆกระท่อมเต็มไปด้วยรากไม้ที่สั่นไหวไปมาราวกับกำลังดูหนังสยอง


ด้วยความที่ผมกลัวว่าคนในกระท่อมจะไม่เห็นเลยจัดการส่งเสียงเสียดสีกันของรากไม้ไปให้แทนคำขอบคุณ...


“ว๊ากกก~”


“อ๊ากกก~”


เสียงร้องโวยวายภายในกระท่อมดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของผม


เล่นด้วยผิดคนซะแล้วมนุษย์


ผมจะไม่ทำร้ายร่างกายโดยตรงหรอกเพราะความเจ็บปวดไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีเท่ากับการได้แหย่มนุษย์พวกนี้เล่น


ตลอดคืนผมยังคงใช้ลากไม้ขยับไปมาโดยบังคับให้รากหนึ่งไปขัดประตูไว้ทำให้พวกเขาไม่สามารถหนีออกมาได้ กว่าผมจะหยุดแกล้งก็ตอนที่เสียงโวยวายนั่นเงียบไป...ไม่แน่ว่าอาจชินหรือสลบก็เป็นได้


เอาเถอะ ขอแกล้งแค่นี้ก็พอล่ะ


ปัง!


“ประตูเปิดได้แล้วนี่!”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกเปิดออก


“ว่าไงนะ ก็เมื่อคืนมายังเปิดไม่ได้อยู่เลย”อีกเสียงสวนกลับ


อืม...ที่เปิดไม่ได้เพราะผมไม่ยอมให้หนีไง


“เฮ้ย...แกน่ะ เมื่อคืนเห็นอะไรไหม”ชายที่ชกหน้าผมเมื่อวานเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยกเท้ายันต้นไม้ที่ผมถูกมัดไว้ แววตาที่ผมมองดูหาเรื่องผิดจากเสียงร้องเมื่อคืนเลยนะ


“เห็น?...หมายถึงอะไรเหรอ”ผมตีหน้าซื่อพลางเอียงคอกระพริบตาปริบๆราวกับไม่รู้เห็นอะไรทั้งสิ้น


“นี่แกอย่างบอกนะว่าเสียงดังขนาดนั้นยังหลับลงอีกน่ะ”


“เสียงเหรอ?...เมื่อคืนก็เงียบดีนี่นา”ผมยังคงเล่นละครต่อไป


“...”คำพูดผมดูจะทำให้เขาหน้าซีดอย่างรวดเร็ว


ผั๊วะ!


“อย่ามาโกหกนะแก!”


“แค่ก!...”ผมร้องออกมาเมื่อถูกอีกฝ่ายชกหน้าอย่างแรงแต่คนละข้างกับที่โดนเมื่อวาน


“จะบอกว่ามีแค่พวกเราที่เห็นรึไง”


“เขาว่ากันว่าคนที่ทำในสิ่งไม่ดีจะถูกเทพเจ้าลงโทษนะ”ผมบอกพลางส่งยิ้มบางๆไปให้


ผั๊วะ!


“คิดว่ากูจะเชื่อนิทานหลอกเด็กนั่นรึไง!”เขาตะคอกเสียงดักพร้อมกับหมัดที่ชกหน้าผมอีกรอบ


“งั้นสิ่งที่คุณเจอ...ก็เป็นเรื่องหลอกเด็กงั้นสิ”ผมเงยหน้าขึ้นไปถามพร้อมยกยิ้มขึ้น


“อึก...แกจะมากไปแล้วนะ”


ผั๊วะ!


ไม่รู้ว่าผมโดนชกไปกี่ครั้ง ความเจ็บปวดที่มีเริ่มกลายเป็นชาจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บ ระหว่างที่ถูกชกผมก็แอบรักษาตัวเองไปพลางๆแต่เพราะรักษามากไม่ได้เลยต้องมาทนหน้าชาอยู่แบบนี้


แย่จังแฮะ


แล้วเมื่อไหร่ตินจะมาเนี่ย


“อย่างแกน่ะมันก็เป็นได้แค่ตัวประกัน...ไม่รู้ตัวละสิว่าตัวเองถูกทิ้งแล้วน่ะ”


“...พูดอะไร”ใครถูกทิ้ง


“หึ...น่าสงสารซะจริง ปากก็พูดว่าเป็นแฟนแต่พอบอกว่าให้ขายหุ้นแลกกับแกมันกลับไม่ยอม คิดดูละกันว่าตัวเองไร้ค่าขนาดไหน”เขาบอกเสร็จก็ยกเท้าขึ้นแตะเข้าที่ท้องผมจนจุกไปหมด


“อึก...”ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ


“น่าสมเพชชะมัด...ว่าไปแกคงลีลาเด็ดหน้าดูสินะหมอนั่นถึงได้เอามาไว้ข้างตัวแบบนี้ ไหนๆก็ถูกทิ้งแล้วกูขอลองสักหน่อยคงไม่ว่าใช่ไหม”


“จะทำอะไรน่ะ!”ผมร้องเสียงดังลั่นเมื่ออีกฝ่ายดึงเสื้อผมจนขาดแล้วก้มลงมาขบเม้มตามลำคอขาว


ไม่นะ


ขยะแขยง


ติน!


“...ใช้ได้นี่ ผิวสวยชะมัด รู้งี้น่าจะลองตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”


“อึก...ปล่อยนะ...”ผมจะไม่ทนแล้ว


รีบๆมาสักทีสิ


ติน!!!


ผั๊วะ!


โคร่ม!


เสียงหมัดดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายตรงหน้าผมที่ลอยไปหมอบอยู่ข้างๆ พอลืมตามองก็พบกับดวงตาสีฟ้าสดที่สั่นระริกด้วยความโกรธ เส้นผมสีดำที่ปกติจะถูกเซตตอนนี้กลับปล่อยเหมือนตื่นพึ่งตื่นราวกับเขารีบมานี่โดยไม่มีเวลาแม้แต่จะแต่งตัว


ชายที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา


เพียงแค่เห็นหน้าหัวใจก็เต้นเร็วขึ้นราวกับแสดงความยินดีที่ได้เจอกัน


ในเมื่อหัวใจมันบอกขนาดนี้ผมคงไม่สามารถโกหกความรู้สึกตัวเองต่อไปได้แล้วสินะ


ไม่อาจหยุดความรู้สึกนี้ให้อยู่ที่คำว่าชอบได้อีกแล้ว


รัก


รัก


รัก


ผมรักเขา


“ติน!!”


ขอโทษนะติน...ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้จริงๆ

.................................................................................

สวัสดีค่า

มาต่อแล้วกับตอนนี้ที่ค่อนข้างใช้เวลาแต่งนานพอสมควร

ไหนๆก็มาถึงช่วงสุดท้ายของเรื่องเราเลยของมีการเปลี่ยนอารมณ์เล็ก อาจไม่ถึงกับเรียกว่าดราม่าแค่หน่วงเล็กๆละกันเนอะ

และมีคนทายถูกด้วยว่าวางพล๊อตจบไว้ยังไง

แต่จะให้เฉลยเลยคงไม่ดี

คอยลุ้นกันดีกว่าเนอะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังจากนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ

เพราะมีกำลังใจเราเลยสามารถแต่งมาได้ถึงจุดนี้

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าค่า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 30-09-2017 21:33:01
โอย.. ตินมาช้าจริง

แพนช้ำหมดแล้วววว :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 30-09-2017 21:56:12
แย่แล้ว
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 30-09-2017 22:10:09
ยอมรับว่ารักเต็มๆขนาดนี้แพนจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-09-2017 22:11:13
อ้าวเฮ้ย อย่าบอกว่าหลังจากนี้แพนก็จะหายไปเลย เศร้า
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 30-09-2017 22:45:12
ขอให้ที่แพนต้องหายไป นี่คือหายจากการเป็นเทพแล้วกลายเป็นมนุษย์แทนทีเถอะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-10-2017 00:48:42
 :hao7: :hao7: :hao7:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 01-10-2017 01:36:26
 แล้วแบบนี้แพนจะหายไปรึเปล่า??? :katai1: :serius2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-10-2017 09:30:54
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-10-2017 12:04:07
อย่าหายไปไหนนะแพน :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 01-10-2017 12:31:09
ม่ายยยย  :katai1: แพนจะได้กับมาหาตินใช่ไหม  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-10-2017 18:24:36
ไม่นะ แพนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 01-10-2017 21:47:18
ม่ายน้าาาาาา. จะจบแบบเศร้าเหรอเนี่ยย
ที่เดาๆไว้จะเปนจริงหราา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-10-2017 22:41:47
แพนเป็นหัวใจของตินไปขนาดนี้แล้วจะแยกกันได้ยังไง  :hao5:

หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-10-2017 01:32:03
เกือบไม่ทันนะติน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่19♣} 30/09/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-10-2017 17:32:52
      แพนยอมรับแบบนี้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นละค่ะแพนหายไปแต่สวรรค์หรือเทพองค์อื่นๆคงจะให้แพนกลับมาแต่กลับมาในแบบมนุษย์หรือป่าวแบบตอบแทนความดีหรือหน้าที่ๆแพนทำมาอะไรทำนองนี้หรือเปล่าค่ะรออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 14-10-2017 21:10:15
สัมผัส{❤}ครั้งที่20



ภาพของแพนที่ถูกผู้ชายไซร้ซอกคอในสภาพที่เปลือยท่อนบนแถมยังถูกมัดไว้กับต้นไม้ทำเอาผมถึงกับเลือดขึ้นหน้าจัดการชกหมอนั่นจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น


“ติน!!”เสียงนุ่มออกหวานของแพนดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง


“แพน...เป็นไง...แผลพวกนี้มัน”ผมพึ่งสังเกตว่าใบหน้าขาวๆตอนนี้เต็มไปด้วยบาดแผล บริเวณปากเอกก็มีเลือดไหลออกมา


“คิก...ไม่เป็นไรๆ”


“ไม่ต้องมาขำเลยนะ”ผมรีบบ่น


แผลเต็มหน้าขนาดนี้ยังมีหน้ามาหัวเราะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก


“ก็ไม่เป็นไรจริงๆ...โอ้ย...”ยังไม่ทันพูดจบแพนก็ร้องพร้อมกับนิ่วหน้าเพราะถูกผมใช้นิ้วจิ้มแผลตรงมุมปากนั่น


“นี่คือคนที่บอกไม่เป็นเหรอ...ฉันจะแก้มัดให้”พูดจบก็รับเตรียมลุกไปหาอะไรมาตัดเชือก


“ไม่ต้องหรอก...ผมแก้ได้ตั้งนานแล้ว”คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาผมที่เตรียมบ่นว่าจะแก้ได้ยังไงถึงกับชะงักเมื่อเห็นแพนลุกขึ้นยืนโดยที่เชือกก่อนหน้านี้ถูกโยนไปไว้ข้างๆด้วยท่าทางสบายๆ


“ทำได้ยังไง”


“อย่าลืมสิว่าผมเป็นใคร...แล้วแผนเป็นไงบ้าง”แพนถามกลับ


“ไปได้สวย ตอนนี้คงจับกุมได้ทุกคนแล้ว เสียดายแค่ตัวหัวหน้าใหญ่ไม่อยู่ที่นี่ไม่งั้นทุกอย่างคงปิดฉากได้สักที”


แผนการที่ว่าคือการที่ผมพร้อมด้วยตำรวจคนรู้จักทำการเข้าจับกุมอย่างเงียบๆโดยมีแพนช่วยบอกว่าพวกมันอยู่ที่ไหน ครั้งนี้ถือว่าโชคดีมากที่แพนไม่ใช่มนุษย์ไม่งั้นเรื่องคงไม่จบด้วยดีแบบนี้


“ผมน่าจะล่อให้คนคนนั้นมาเนอะ”


“เลิกทำเรื่องเสี่ยงๆสักที แพน”ผมหันกลับไปคว้าตัวแพนเข้ามากอดไว้แนบอก


พึ่งผ่านเหตุการณ์แย่ๆมาก็ยังจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีกงั้นเหรอ


ไม่รู้รึไงว่าผมแทบเป็นบ้าตอนที่จิมวิ่งมาบอกว่าแพนหายไป ตอนแรกนึกว่าที่หายไปเป็นเพราะข้อห้ามที่ห้ามหลงรักมนุษย์แต่พอจิมบอกว่าถูกจับตัวไปใจผมมันก็ว้าวุ่นไปหมด


ผมไม่อยากให้แพนต้องมาเสี่ยงอีก


ถ้าแพนเป็นอะไรไปผมจะทำยังไง


ผมจะมีชีวิตต่อไปได้ยังไงกัน


รักมากจนไม่รู้จะบอกมันออกมายังไง


ทั้งรักทั้งหวงและทั้งห่วง


ไม่อยากให้ใครได้แตะต้องด้วยซ้ำ


“ติน...”


“อยากให้ฉันบ้าตายรึไง”


“ขอโทษนะ...ขอบคุณที่มาช่วย”


“ถ้านานกว่านี้นายจะทำยังไง จะยอมให้หมอนั่นปล้ำรึไง”ผมรีบถามต่อพลางกดจูบลงบริเวณคอขาวๆที่ถูกคนอื่นสัมผัสก่อนหน้านี้

 
“อ๊ะ...ผมไม่ยอมหรอกน่า ถ้าตินมาช้ากว่านี้อีกนิดผมก็คงไม่ยอมมากไปกว่านี้แล้ว...ขยะแขยง”แพนตอบ


“งั้นที่ฉันทำแบบนี้...ขยะแขยงรึเปล่า”ผมถามพลางกดจูบหนักขึ้น


“อ๊ะ...ไม่...กับติน...รู้สึกดี”


“อึก...”ผมรีบหยุดสัมผัสแล้วดันร่างของแพนให้ยืนตรงๆอย่างรวดเร็ว


คำพูดตรงๆนั่นทำให้ผมมีอารมณ์ขึ้นมาดื้อๆ


อยากจะบ้าตาย


“ติน?...เป็นอะไร”แพนถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจราวกับไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป


“เปล่า...กลับกันเถอะ”ผมบอกก่อนจะถอดเสื้อตัวเองไปสวมให้แพน


“แต่คนคนนั้นล่ะ”


“เดี๋ยวให้ตำรวจจัดการ”คนที่ว่าคงไม่พ้นผู้ชายที่สลบเหมือนอยู่บนพื้นนั่นหรอก


“อืม”


แพนเดินตามผมผ่านหน้ากระท่วมที่มีตำรวจหลายนายกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่ไปจนถึงรถยนต์สีดำสนิทที่ติดฟิล์มสีดำคันเดิม ทั้งกายและจิมที่เห็นผมต่างก็พากันวิ่งตรงมาหาเพียงแต่คนแรกที่พวกเขาทักไม่ใช่เจ้านายอย่างผม...


“คุณแพน...เป็นไงบ้างครับ”กายที่ถึงก่อนถามทันที


“แล้วแผลนั่น...เกิดอะไรขึ้นครับ”จิมที่มาทีหลังก็ถามต่อด้วยน้ำเสียงกังวล


“เอ่อ...ก็ไม่เป็นไรมากหรอกครับ...แผลนี่แค่โดนชกนิดหน่อย”ผมมองแผลนิดหน่อยของแพนด้วยใบหน้าตึงๆ


แถมยังโดนชกอีก...ความจริงผมน่าจะกระทืบหมอนั่นอีกสักทีก็ดีหรอก


“เหตุการณ์เป็นไง”ผมถามทั้งคู่


“ครับ...ตอนนี้จับได้ทุกคนแล้วครับ คิดว่าถ้าพวกมันยอมพูดเราก็จะมีหลักฐานที่จะทำให้หมอนั่นดิ้นไม่หลุดครับ”กายรายงาน


“งั้นเหรอ...มีอีกคนอยู่แถวต้นไม้ข้างกระท่อม”


“เข้าใจแล้วครับ...เดี๋ยวผมไปบอกเจ้าหน้าที่ให้”บอกเสร็จกายก็วิ่งกลับไป


“เข้าไปนั่งพักก่อนเถอะครับ...ผมจะเปิดแอร์ให้”จิมที่ยืนอยู่วิ่งไปเปิดรถพร้อมกับแอร์


“ขึ้นรถแพน”ผมบอกหลังจากปิดประตูแล้ว


“อืม...ขอบคุณ”


จากนั้นผมก็นั่งรอกายกับจิมจัดการที่เหลือเงียบๆโดยที่สายตายังคงมองไปด้านนอกเพื่อดูสถานการณ์ ส่วนแพนก็ไม่รู้หรอกว่าทำอะไรอยู่...ผมไม่กล้าที่จะหันไป


ถ้าถูกดวงตาสีอ่อนนั่นจ้องมาผมคงข่มอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองไม่ได้


ตุบ


สัมผัสของอะไรบางอย่างที่กระทบไหล่ทำให้ผมหันไปมอง...ภาพของแพนที่หลับตาพริ้มนอนพิงไหล่ผมหลับอยู่ในระยะประชิด
ความเหนื่อยล้าของแพนคงจะมากพอดู ไม่บ่อยนักที่เขาจะหลับแบบนี้


“แพน...”เรียกเสร็จผมก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆ รอยแผลที่เริ่มเขียวไม่ได้ทำให้ความงดงามนั้นลดน้อยลงสักนิด ยิ่งการที่เขาทำทุกอย่างนี้เพื่อผมก็ยิ่งทำให้ผมหลงรักมากขึ้นไปอีก


จะมีสักกี่คนที่กล้าบอกว่าจะเป็นเกราะให้


จะมีสักกี่คนที่กล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อคนอื่น


จะมีสักกี่คนที่กล้ารอคอยด้วยความคาดหวังโดยที่ไม่รู้ว่าความช่วยเหลือจะมาเมื่อไหร่


กับมนุษย์ผมไม่หวังที่จะเจอคนแบบนั้นยิ่งกับเทพผมยิ่งไม่กล้าหวัง


แต่แพนกลับทำมันทุกอย่าง


ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เอาแต่นึกถึงและโหยหา


ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ไม่อยากแยกจากกัน


ที่รู้ๆคือความรู้สึกในตอนนี้มันชัดเจนจนไม่มีแม้แต่ความสบสันหรือลังเล


การที่แพนถูกจับตัวไปยิ่งทำให้ผมรู้ตัวเองมากขึ้นว่าเป็นคนโมโหร้ายขนาดไหน ขนาดกายกับจิมยังต้องคอยบอกให้ผมใจเย็นอยู่ตลอด


แค่รู้ว่าถูกจับไปก็ว้าวุ่น


แต่พอรู้ว่าปลอดภัยกลับยิ่งอยากไปหาและพากลับมาซะเดี๋ยวนั้น


นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกกลัว


กลัวว่าแพนจะเป็นอันตราย


กลัวว่าจะหายไปในที่ที่ไม่สามารถตามไปได้


“ทั้งที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ยังทำให้ฉันคิดมากได้นะ”ผมหันไปบ่นคนที่หลับสนิทเสียงเบา ใบหน้ายามหลับใหลเรียกรอยยิ้มบางๆของผมให้ปรากฏขึ้นก่อนจะรู้ตัวก็เผลอกดจูบลงบนริมฝีปากสีชมพูนั่นแล้ว


ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งกายและจิมก็ขึ้นมาบนรถพร้อมกับรายงานว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีเหลือเพียงให้ทางตำรวจสอบปากคำเท่านั้น
รถยนต์สีดำสนิทแล่นกลับมายังคอนโดหรูใจกลางเมืองพร้อมกับผมที่อุ้มร่างของแพนขึ้นไปยังห้องด้วยตัวเอง ตอนแรกกายบอกว่าจะอุ้มไปให้แต่ผมเป็นคนยืนกรานที่จะอุ้มเอง


พอวางร่างไร้สติลงบนเตียงแล้วก็ให้กายมาตรวจร่างกายคร่าวๆอีกรอบ เมื่อไม่พบอะไรนอกจากแผลฟกช้ำผมก็ให้ทั้งคู่กลับไปพักที่ห้องส่วนผมก็เดินเข้าไปนอนแช่น้ำเพื่อคลายความตึงเครียดตลอดหลายชั่วโมงตั้งแต่ที่แพนถูกจับไป


แช่น้ำได้สักพักใหญ่ผมก็เดินไปหยิบชุดนอนมาสวมแล้วออกจากห้องเดินตรงไปยังเตียง ร่างที่น่าจะนอนอยู่กลับลุกขึ้นมานั่ง ดวงตาสีแปลกกระพริบสองสามครั้งก่อนจะหันซ้ายขวาราวกับหาบางอย่างและพอเห็นผมแพนก็ส่งยิ้มกว้างมาให้


“ติน”น้ำเสียงที่เรียกชื่อเป็นเสียงที่ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย


อยากได้ยินอยู่เรื่อยๆ ชื่อของผมที่ออกมาจากปากแพน


“นอนต่อเถอะ...พึ่งนอนมาไม่กี่ชั่วโมงเอง”ผมนั่งลงบนเตียงแล้วมองอีกฝ่ายอย่างสำรวจ แผลฟกช้ำบนใบหน้าหายไปเกือบหมดทั้งที่ตอนอุ้มมายังมีเยอะกว่านี้มาก แปลว่ารักษาเองสินะ


“อืม...แต่ก่อนนอนขอบอกอะไรตินหน่อยได้ไหม”


“ว่ามาสิ”


“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง...และขอบคุณที่มาช่วยนะ”นอกจากคำพูดนั้นแล้วแพนยังเอื้อมมือมาลูบใบหน้าผมเบาๆอีก


นานขนาดไหนแล้วนะที่ไม่ได้รับสัมผัสแบบนี้


ผมเลี่ยงไม่อยากสัมผัสเพราะด้วยเหตุผลสองอย่าง...


อย่างแรกเพราะทุกครั้งที่สัมผัสหรือถูกสัมผัสผมมักจะรู้สึกแปลกๆ เรียกง่ายๆก็มีอารมณ์ล่ะนะ


อย่างที่สองคือเพื่อให้แพนตัดความรู้สึกที่มีต่อผมออกไป


ทั้งผมและแพนพวกเราต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์และความรู้สึกของเรามันเหมือนกันคือเกินคำว่าชอบไปแล้ว และแพนกำลังพยายามหยุดมันอยู่ที่คำว่าชอบ


ผมไม่รู้ว่าใครที่คิดข้อห้ามบ้าๆนี่ขึ้นมา


ห้ามมนุษย์กับเทพรักกัน


น่าขำ


ความรู้สึกมันเป็นของผมและแพนเพราะงั้นมันไม่ควรจะมีใครมาวางหรือบังคับไม่ให้เรารักกัน


แต่ถ้าคำว่ารักทำให้แพนหายไปอย่างที่เทพเซ็นก่อนหน้านี้บอกผมก็ไม่ต้องการ


ผมอยากจะอยู่กับแพน ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้รู้สึกดีที่อีกฝ่ายบอกว่าจะต้องอยู่ด้วยกันไปจนหมดอายุไขเพราะนั่นแปลว่าจนกว่าผมจะตายก็ยังมีแพนอยู่เคียงข้าง ไม่เหมือนอย่างตอนนี้ที่ไม่รู้ว่าแพนจะหายไปตอนไหนหรือเมื่อไหร่


“ต้องไปช่วยอยู่แล้ว...นอนเถอะ”ผมตอบแพนพร้อมรอยยิ้มบางๆ


“นี่ติน”


“อะไร”


“...ลูบหัวผมหน่อยได้ไหม”คำขอเบาๆและร่างกายที่ขยับเข้ามาใกล้ รวมทั้งดวงตาสีเขียวอ่อนที่สั่นระริกอย่างร้องขอทำให้ผมไม่อาจปฏิเสธได้


“อืม”ผมวางมือบนเส้นผมสีเขียวเข้มแล้วขยับเบาๆสองสามครั้งก่อนจะละออก


“ขอบคุณ...นอนกันเถอะ”พูดจบก็ส่งยิ้มมาให้ แพนล้มตัวลงนอนโดยยกผ้านวมขึ้นคลุมทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่ส่วนหัว


“เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก”


“หายใจได้น่า”แพนตอบเสียงอู้อี้กลับมา


“ตามใจละกัน”ผมเอื้อมมือไปปิดไฟแล้วล้มตัวนอนข้างๆแพน


การอยู่ใกล้แต่ไม่อาจทำในสิ่งที่ต้องการได้นี่ช่างทรมาน


แต่ไม่เป็นไรเพราะผมรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนเดียวที่ทรมาน


วันต่อมาผมตื่นค่อนข้างสายปกติค่อนข้างมากเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ทันทีที่ตื่นดวงตาสีฟ้าสดของผมก็ต้องหันไปมองข้างกายทว่าแพนที่ควรอยู่กลับไม่อยู่อย่างที่คิด


“แพน”ผมเรียกเสียงดังพร้อมกับลุกไปเปิดประตูบริเวณระเบียงด้านนอกที่อีกฝ่ายชอบไปยืนรับแสงแดดและแรงลมอยู่บ่อยๆแต่ก็ไม่พบคนที่ตามหา นั่นยิ่งทำให้ผมร้อนรนเปิดประตูออกไปยังห้องรับแขกที่ไม่มีแม้เสียงของโทรทัศน์ที่แพนมักจะเปิดไว้เพื่อไม่ให้ห้องเงียบ


“แพน...”อย่าบอกนะว่า...


“ติน...มีอะไรเหรอ”เสียงที่ยินทำให้ผมรีบหันมองก่อนจะเจอที่เดินออกมาจากห้องครัวด้วยใบหน้างงๆ


“ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าจะไปไหนให้บอกกันก่อน”หัวใจผมเกือบจะหยุดเต้นอยู่แล้ว


นึกว่าอีกฝ่ายจะหายไป


“ผมบอกแล้วนะ...แค่ตอนบอกตินหลับอยู่เท่านั้นเอง”


“บอกตอนหลับมันไม่เรียกว่าบอกหรอกนะ”


“ก็ผมปลุกแล้วตินตื่นที่ไหนกัน เอาแต่กรนเสียงดัง”


“ฉันไม่ได้กรนสักหน่อย”เรื่องนี้ผมมั่นใจสุดว่าตัวเองไม่นอนกรนแน่นอน


“ก็ผมได้ยินนี่”


“โกหก”


“ผมจะโกหกทำไม”


“จะแกล้งฉันน่ะสิ”


“อุ๊บ...คิก...”อยู่ๆประโยคโต้ตอบก็จบลงและแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของแพน


“หัวเราะอะไร”ไม่เห็นมีอะไรน่าหัวเราะสักนิด


“นานแล้วนะที่เราไม่ได้กวนหรือทะเลาะกันแบบนี้”คำพูดขึ้นแพนทำให้ผมชะงัก จริงอย่างที่ว่าผมไม่ได้โต้ตอบกับแพนแบบนี้มานานแล้ว


ถ้าผมกวนไปแพนก็จะกวนกลับและนั่นจะยิ่งทำให้ความรู้สึกของเราเป็นหนึ่งเดียวกันเรื่อยๆ


ผมเลยหลีกเลี่ยงที่จะทำอย่างนั้น


“...นั่นสิ...ทำอะไรอยู่”


“ทำซุปน่ะ”


“ช่วงกลางวันฉันจะไม่อยู่ห้อง”ผมบอกแพน


“ไปไหนเหรอ”


“ไปจัดการธุระนิดหน่อย”ธุระที่จะไปทำเป็นธุระสำคัญมากนั่นก็คือไปจัดการกับคู่แข่งทางการค้าให้หลาบจำว่าไม่ควรมาเล่นกับคนสำคัญของผม


“ใช่เรื่องของคุณสมพงศ์ไหม”


“เดาเก่งนี่”


“ผมรู้ว่าตินไม่ปล่อยให้ปัญหานี้ค้างคานานหรอก...กินอะไรก่อนค่อยไปนะ อีกไม่เกิน10นาทีซุปก็เสร็จแล้ว”


“ได้...กลางวันจะกินอะไรฉันจะสั่งขึ้นมาให้”ช่วงกลางวันที่ผมไม่อยู่ไม่อยากให้แพนออกไปไหน


“ไม่เป็นไร...ผมสั่งเองได้”


“แน่ใจนะว่าไม่กดเบอร์ผิด?”ผมไม่ค่อยมั่นใจเลยแฮะ


“ไม่ผิดหรอกน่า...ไปนั่งรอเลย เดี๋ยวยกซุปไปให้”แพนพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัวผมเลยไปนั่งรออยู่ที่โซฟากำมะหยี่ในห้องรับแขกแทน


ผ่านไปสักพักแพนก็เดินออกมาพร้อมกับถ้วยซุป2ถ้วยแล้วนั่งลงข้างๆผม ดวงตาสีเขียวอ่อนที่หันมาสบราวกับจะบอกว่ากินสิ


“ฉันกินหมด2ถ้วยไม่ไหวหรอกนะ”ผมรู้ว่าอีกถ้วยไม่ใช่ของผมหรอกแค่รู้สึกอยากกวนอีกฝ่ายเล่นเท่านั้น


“ผมก็ไม่ได้ให้กินทั้ง2ถ้วยสักหน่อย ถ้วยนี้ของผมต่างหาก”พูดจบแพนส่งถ้วยซุปอันหนึ่งมาให้โดยที่อีกถ้วยก็ถือไว้เหมือนเดิม


“ขอบคุณ”ผมรับมาแล้วเริ่มชิมซุปออกสีเขียวใสๆภายใน รสชาติของมันผมพอจะเดาได้แม้ยังไม่ชิมด้วยซ้ำ อาจเพราะกินค่อนข้างบ่อยเลยรู้ว่ายังไงรสชาติก็ต้องเป็นแบบนี้


น่าแปลกที่กินออกบ่อยแต่กลับไม่รู้สึกเบื่อ



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 14-10-2017 21:10:41
(ต่อนะคะ)


“นี่ติน...ที่จะออกไปน่ะ นานไหม”แพนหันมาถามระหว่างตักน้ำซุปเข้าปาก


“ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่จะรีบจัดการให้เสร็จเร็วที่สุด”


“อืม...”


“มีอะไรรึเปล่า”ผมถามกลับเพราะเหมือนอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง


“เปล่าๆ...แค่ถามดูเฉยๆ”นอกจากจะพูดแล้วยังส่ายหัวไปมาอีก


ดูแปลกๆแฮะ


“แน่ใจนะ”


“แน่ใจสิ...ผมจะอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนแน่นอน”คำพูดนั่นทำให้ผมต้องหรี่ตาลง ยิ่งพูดย้ำแบบนั้นก็ยิ่งน่าสงสัย


เหมือนเด็กที่กำลังโกหกพ่อแล้วแล้วจะแอบออกเที่ยวเลย


แบบนี้คงต้อง...


“จิม นายอยู่กับแพน”เมื่อกินซุปและอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ได้เวลาออกไปข้างนอก แต่ด้วยความที่รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกเลยให้มีคนเฝ้าสักคนดีกว่า


“แต่การที่คุณตินจะไปกันแค่สองคนมันก็...”


“งั้นเดี๋ยวผมเรียกลูกน้องมานะครับ”กายรีบพูดแทรกพลางส่งสายตาให้จิมมองไปในห้อง พอผมหันไปมองก็พบกับแพนที่ยืนเอามือไพร่หลังพร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้อยู่


“อะไร?”


“ผมแค่มาส่งตินน่ะ...รีบไปไม่ต้องรีบกลับ เอ้ย รีบไปรีบกลับนะติน”คำพูดที่ได้ยินไม่รู้ตั้งใจพูดหรือพูดผิดจริงๆกันแน่


“จิม”ผมหันไปมองหน้าจิม


“ครับคุณติน”


“เฝ้าดีๆนะ...ฉันรู้สึกเหมือนแพนคิดจะทำอะไร”ผมเดินไปกระซิบให้จินฟัง


“...คุณตินคิดมากไปมั้งครับ”


“ถ้าเป็นงั้นก็ดี...กายลูกน้องมารึยัง”พูดกับจิมเสร็จก็หันไปพูดกับกายที่พึ่งวางโทรศัพท์ลง


“ไม่เกิน5นาทีครับ...เราลงไปรอที่รถกันเลยก็ได้ครับ”


“แบบนั้นก็ได้...แพน”


“อะไรเหรอติน?”


“ห้ามทำอะไรเสี่ยงๆอีกไม่งั้นฉันจะจับนายล่ามโซขังไว้ในห้อง”พูดจบผมก็เดินไปยังลิฟต์ที่มีกายรออยู่


ถึงจะย้ำไปแบบนั้นแต่ผมไม่มีความมั่นใจเลยว่าแพนจะทำตาม


นั่งรออยู่ในรถไม่นานลูกน้องของกายก็มาถึงพวกเราเลยขับรถออกไปพร้อมๆกัน ด้วยความที่เป็นช่วงบ่ายของวันอาทิตย์การจราจรเลยติดขัดมากกว่าปกติหลายเท่า


“คุณตินกังวลเรื่องที่เราจะไปหาหมอนั่นเหรอครับ”ระหว่างขับรถกายก็ถามขึ้น หมอที่ว่าก็คือคุณสมพงศ์นั่นเอง


“ไม่ใช่หรอก...ถ้าเป็นเรื่องเรามีหลักฐานแน่นหนาพอแล้ว”เมื่อช่วงสายหลังจากที่ผมตื่นได้ไม่นานกายก็ส่งไลน์มาบอกว่าพวกที่จับแพนมาตอนนี้สารภาพออกมาทุกอย่างแล้ว แน่นอนว่ารวมถึงชื่อผู้อยู่เบื้องหลังด้วย


ไม่มีทางที่จะดิ้นหลุดจากหลักฐานขนาดนี้แน่ และนอกจากจะดิ้นไม่หลุดผมยังใช้อำนาจที่มีเพิ่มข้อหาในอีกหลายๆอย่าง แต่ถึงจะพูดว่าใช้อำนาจแต่ก็เป็นข้อกล่าวหาที่เป็นความจริงทั้งนั้น


“ถ้าไม่ได้กังวลเรื่องนี้แล้วคุณตินกังวลเรื่องอะไรอยู่ล่ะครับ”


“แพนวันนี้ทำท่าทางแปลกๆ”


“...อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้นครับ”


“หลายๆอย่าง”การที่อยู่ด้วยกันเรียกว่าเกือบ24ชั่วโมงทำให้ผมรู้ว่าพฤติกรรมอะไรที่เป็นปกติหรือกำลังทำตัวน่าสงสัย อย่างพฤติกรรมวันนี้เข้าข่ายน่าสงสัย


“ผมว่าคุณตินอย่าคิดมากเรื่องนี้เลยครับ”


“แปลว่ารู้อะไรสินะ”ผมถามดัก


“...เปล่าครับ”


“ตอบช้าไปหน่อยนะกาย”ผมว่าเรื่องนี้กายต้องรู้อะไรแน่ๆ และอาจไม่ใช่แค่กายแต่มีจิมด้วย


“ขอโทษครับ”


“แพนคิดจะทำอะไร”ผมไม่สนคำขอโทษ ที่ผมต้องการคือรู้ที่มาของพฤติกรรมแปลกๆนั่น


“เรื่องนี้ผมบอกไม่ได้...”


“แปลว่ารู้จริงๆสินะ”ไม่รู้ว่าแพนเอาเวลาไหนไปตีสนิททั้งกายและจิมแต่ดูเหมือนทั้งคู่จะเออออตามได้ง่ายๆ ขนาดผมที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและหัวหน้ายังไม่สามารถเปิดปากได้


“...ผมบอกได้แค่ว่าคุณแพนไม่คิดจะทำอะไรเสี่ยงๆหรอกครับ”กายพยายามอธิบาย


“อะไรที่ว่าไม่เสี่ยงล่ะ”ผมถามต่อ


“คุณติน...อย่าถามแบบนี้เลยครับ ขืนผมบอกไม่ใช่แค่จะโดนคุณแพนโกรธแต่จิมเองก็คงจะโกรธด้วย”


“ว่าแล้วเชียว”คิดอยู่แล้วว่าจิมเองก็มีเอี่ยว


นี่รวมหัวกับปิดผมนี่นา


“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ”


“ไอ้เรื่องที่บอกไม่ได้นี่จะมีวันที่ฉันรู้ไหม”


“มีแน่นอนครับ เดี๋ยวก็รู้แล้วครับ”


“...”ผมยังเชื่อใจลูกน้องตัวเองได้อยู่ใช่ไหม


“ถึงแล้วครับ...มาจัดการธุระเราให้เสร็จก่อนดีกว่าครับ”กายบอกพลางจอดรถที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่เทียบเท่าของผม ด้วยผลการประเมินความพึ่งพอใจก็อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมทุกอย่าง เพียงแต่ก็ยังคงเป็นที่สองรองจากห้างผมอยู่ดี


ผมพากายและลูกน้องที่ตามมาอีก5คนเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดด้วยใบหน้านิ่งๆ เหล่ายามหรือพนักงานต่างก็หลีกทางให้ด้วยท่าทางหวาดๆ เพราะแบบนั้นผมเลยมายืนอยู่หน้าโต๊ะของเจ้าของห้างอย่างคุณสมพงศ์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว


“มีธุระอะไร”ฝ่ายที่ถูกมาเยือนยังคงรักษามาดผู้อยู่เหนือกว่า


“พอดีจะมาบอกข่าวว่าพวกลูกน้องนายสารภาพทุกอย่างแล้ว”ผมบอกเสียงนิ่ง


“...ว่าไงนะ?”


“อย่างที่ได้ยินแหละคุณสมพงศ์ ไม่ใช่หลักฐานจากคำสารภาพแต่ยังมีหลักฐานการโกง ยัดเงินใต้โต๊ะ เปิดบ่อนพนันหลังห้างปิดรวมทั้งการค้ายาด้วย”ผมค่อยๆพูดไล่ไปทีละอย่าง


“เฮอะ...คิดว่าหลักฐานพวกนั้นจะใช้ได้รึไง พวกหลักฐานแวดล้อมมันใช้ไม่ได้หรอกนะ”อีกฝ่ายยังคงไม่ยอมแพ้


“พอดีว่าไม่ได้มีแค่หลักฐานแวดล้อมน่ะ”ผมยกยิ้มขึ้นด้วยแววตาเหี้ยมๆ


“แกพูดบ้าอะไร”


“หลักฐานที่ส่งให้ทางตำรวจมีทั้งพยานบุคคล คนที่มีส่วนเกี่ยงข้องโดยตรงและพวกลูกค้าอีก ไม่ใช่แค่พยานบุคคลแต่ยังมีรูปถ่ายรวมทั้งคลิปเสียงตอนที่นายโทรมาหาฉันเมื่อวันก่อนด้วย”บทสนทนาที่พูดว่าจับตัวแพนไปและคำขู่ฆ่าถ้าผมไม่ยอมทำตาม ทุกอย่างผมอัดไว้หมดแล้ว


“แก...แบบนี้มันรอบกัด...”


“ใครกันแน่ที่รอบกัด ฉันคิดจะปล่อยแกไปตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ทั้งตอนที่ฉันถูกยิงที่หัวใจหรือแม้แต่ตอนที่แกส่งคนมาฆ่าฉัน เรื่องพวกนั้นฉันยังยอมให้อภัยได้แต่สิ่งที่แกทำให้แพนต้องเจ็บตัวรวมทั้งดึงเขามาจนเจอกับอันตรายเป็นสิ่งที่ฉันจะไม่ให้อภัย!”


“...แก...”


“ถ้ากล้ามายุ่งกับคนสำคัญของฉันก็น่าจะเตรียมตัวไว้นะ พอดีฉันมันพวกขี้หวงโดยเฉพาะกับคนสำคัญ ครั้งนี้ถือเป็นการเตือน...ถ้าแกกล้าแตะเขาอีกครั้งต่อไปคงได้บอกลาภพนี้แล้วล่ะคุณสมพงศ์!”พูดจบผมก็หันหลังเดินจากมาทันที


หลักฐานที่มีมากพอที่จะให้หมอนั่นติดคุกตลอดชีวิต แต่ถ้ามันประกันตัวออกมาแล้วมาแตะแพนอีกครั้งนี้คงต้องใช้วิธีรุนแรงอย่างที่บอกไป


อยากทำอะไรก็ทำไป ขอแค่อย่ามายุ่งกับแพนของผมก็พอ


“นึกว่าผมจะได้เห็นคุณยิงหัวหมอนั่นซะอีก”กายพูดติดตลกระหว่างขับรถกลับ


“ก็อยากยิงอยู่หรอก...คนแบบนั้นให้ไปอยู่อย่างทรมานในคุกดีกว่า”ความตายมันดูจะง่ายไปหน่อยสำหรับคนที่ทำผิดมากขนาดนั้น


“เห็นด้วยเลยครับ...คุณตินจะแวะไหนก่อนกลับไหมครับ”กายถาม


“ไม่ล่ะ”ตอนนี้ผมอยากกลับไปดูว่าแพนกำลังคิดจะทำอะไร


“ข้างหน้านี่มีร้านเค้กเจ้าดังอยู่นะครับ...เห็นครั้งก่อนจิมบอกว่าคุณแพนอยากกิน”


“ถ้าคิดจะถ่วงเวลาก็คิดผิดแล้วกาย...รีบขับกลับคอนโดเลย”ที่ถ่วงเวลาแบบนี้แปลว่าต้องกำลังทำอะไรอยู่และยังทำไม่เสร็จด้วย
ต้องรีบกลับไป


จะได้รู้สักทีว่าปิดบังอะไรกันไว้


“ผมเปล่าถ่วงเวลา...”


“กาย”


“เข้าใจแล้วครับ”เมื่อถูกผมเรียกด้วยเสียงเข้มๆกายก็จำต้องหยุดพูดแล้วขับรถต่อไป


เมื่อรถยนต์สีดำจอดสนิทผมก็ลงจากรถตรงไปขึ้นลิฟต์โดยไม่รอกายที่ยังไม่ดับเครื่องยนต์ ห้องแรกบนชั้น30ถูกเปิดเข้าไปโดยที่ไม่มีการเคาะประตูพร้อมกับผมที่ก้าวยาวไปยังห้องรับแขกแล้วหันซ้ายขวาเพื่อหาสิ่งผิดปกติ


ภาพแรกที่เห็นคือจิมลุกขึ้นยืนมองมายังประตูที่ถูกเปิดอย่างไร้มารยาทแต่พอเห็นว่าเป็นผมก็มีท่าทีผ่อนคลายลง ส่วนแพนก็กำลังนั่งกินเลย์ห่อสีเหลืองระหว่างที่สายตาจับจ้องไปยังโทรทัศน์ตรงหน้า...พอเห็นจิมลุกขึ้นก็หันมามองก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นผมเดินเข้ามา


“ติน?”


“คุณติน?”เสียงของแพนและจิมดังขึ้นเมื่อเห็นผมเดินไปรอบๆห้องราวกับคนทำของตก


“ทำอะไร”ผมถามพลางจ้องไปยังดวงตาสีเขียวอ่อนเขม็ง


“...ก็กินเลย์แล้วรู้รายการตลกไง”แพนบอกพร้อมกับหยิบเลย์ในซองเข้ามาแล้วเคี้ยวให้ดู ใบน้าซื่อๆนั่นผมสามารถเชื่อได้ไหม
ถ้าสิ่งที่กายบอกเป็นความจริงแปลว่าสองคนนี้ต้องกำลังทำอะไรบางอย่างแต่จากที่มองก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ


หรือผมถูกกายแกล้ง


ไม่...เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้


“มีอะไรรึเปล่าครับคุณติน”จิมเดินเข้ามาถาม


“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่แพนทำอะไรบ้าง”ผมเปิดประเด็นถามทันที


“อ๊ะ...ถามอะไรน่ะติน ละเมิดความเป็นส่วนตัวผมจะฟ้องคุณนะ”แพนที่ฟังรู้ก็เริ่มมีท่าทีร้อนตัวจนผมต้องหันไปมองจิมให้รีบบอกมา


“คุณแพน...หลังคุณตินไปก็สั่งพิซซ่ามากิน2ถาดเป็นมื้อเที่ยงก่อนจะไปแช่น้ำเล่นในห้องน้ำประมาณ1ชั่วโมง จากนั้นก็ออกไปรับลมที่ระเบียงแล้วก็มาดูโทรทัศน์พร้อมกินเลย์อย่างที่คุณตินเห็นนี่แหละครับ”คำพูดของจิมมาความน่าเชื่อถือเพราะทุกอย่างที่ว่ามาเป็นสิ่งที่แพนชอบทำทั้งนั้น


เวลาว่างๆในวันหยุดแพนมักจะหมดเวลาไปกับการแช่น้ำกับมองเหม่อไปนอกระเบียง ไม่ก็ทำซุปและดูโทรทัศน์


ถ้าผมเชื่อจิมแปลว่าสิ่งที่กายพูดโกหกงั้นสิ


หรือว่าผมทุกทั้ง3คนปั่นหัวอยู่กันแน่นะ


“ขมวดคิ้วอะไรน่ะติน...ไม่เครียดสิ ไม่เครียด”แพนวางห่อเลย์ไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินมาหาผม ฝ่ามือที่ลูบระหว่างคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นไปมาทำให้ผมรู้สึกเหมือนเมื่อก่อนที่อีกฝ่ายมักทำเสมอ


“ไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม”ผมถามย้ำแพน


“...”แพนไม่ตอบแต่ส่งยิ้มมาให้แทน


“แพน”


“มื้อเย็นกินอะไรดีติน นี่จะ6โมงแล้วด้วย”แพนเปลี่ยนเรื่องพลางเดินกลับไปนั่งบนโซฟายาวพร้อมกับเลย์ห่อเดิมที่ถูกเอาเข้าปาก


“ฉันไม่หิว”ผมตอบไปตามจริง


“อืม...ผมก็คิดว่าคุณจะตอบแบบนั้นแหละเลยบอกให้จิมโทรสั่งโออิชิมาแล้ว”


“ฮะ?”สั่งมาแล้วอีก


“วางอยู่ในห้องครัวน่ะ จะกินเลยไหมผมจะได้ไปเอามาให้”แพนถามต่อ


“...ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”รู้สึกเหมือนกำลังโดนปั่นหัวเลย


มื้อเย็นอย่างอาหารญี่ปุ่นได้หมดลงก่อนที่แพนจะขอไปอาบน้ำก่อนซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดอะไร สำหรับจิมพอผมเปลี่ยนชุดเสร็จก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว


“จะอาบต่อเลยไหมติน”แพนถามหลังจากที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเส้นผมเปียกปอน


“อืม...อย่าพึ่งนอนฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”


“ได้...ผมก็มีเรื่องอยากคุยกับตินเหมือนกัน”


“เรื่องอะไร”ผมหันกลับไปถาม


“อาบน้ำเสร็จค่อยว่ากัน”พูดจบแพนก็เดินไปนั่งเช็ดผมบนเตียงผมเลยได้แต่ต้องเดินเข้าไปอาบน้ำทั้งที่มีหลายอย่างที่สงสัยอยู่
เรื่องที่จะพูด


เรื่องอะไรกัน


ระหว่างอาบน้ำผมก็คิดอยู่ตลอดแต่คำตอบก็เหมืนเดิมคือไม่รู้ ปกติแพนไม่ใช่คนที่จะบอกว่ามีเรื่องคุยถ้าเขาจะคุยต่อให้ผมอาบน้ำอยู่เขาก็จะพูดไม่หยุดไม่มาขอกันแบบนี้หรอก


วันนี้มันชักจะแปลกเกินไปแล้ว


ผมเดินออกมาจากห้องน้ำพลางมองไปยังแพนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่โดยที่มีกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมยาวสีเขียวเข้มนั้นให้แห้ง


“มีเรื่องอะไร”ผมนั่งลงบนเตียงแล้วถามสิ่งที่คาใจทันที


“เอาของตินก่อนไหม...ตินมีเรื่องจะพูดกับผมนี่”แพนถามกลับ


“ไม่เป็นไร...เอาเรื่องนายแหละ”เรื่องที่ผมสงสัยไว้ค่อยถามหลังจากนี้ก็ยังไม่สาย


“ก็ได้...ตินจำเรื่องที่เซ็นพูดได้ใช่ไหม”อยู่น้ำเสียงที่พูดก็เริ่มเปลี่ยนไป


“หมายถึงเรื่องไหนล่ะ”


“เรื่องที่ถ้าเทพรักกับมนุษย์แล้วจะหายไปน่ะ”


“จำได้สิ”ถึงจะพยายามลืมก็ลืมไม่ลงด้วย


“ตินเคยให้ผมสัญญาว่าห้ามรักติน จำได้ไหม”ระหว่างที่พูดดวงตาสีเขียวอ่อนก็เงยขึ้นมาสบด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ


“จำได้...แล้วทำไม?”


“ผมอยากขอโทษ...ขอโทษที่ผิดสัญญานะ”


“...พูดอะไรแพน”ที่ว่าผิดสัญญาคืออะไร


“ความรู้สึกที่ผมมีให้ตินมันห้ามไม่ได้จริงๆ...ผมไม่สามารถหยุดมันไว้ที่คำว่าชอบได้...”


“แพน...”


“ผมในตอนนี้ยอมรับความรู้สึกของตัวเองแล้ว พอยอมรับมันก็รู้สึกโล่งมากเลยแต่ก็สัมผัสได้ว่าตัวเองคงอยู่ได้อีกไม่นาน”แพนบอกพร้อมกับยกมือข้างนึงขึ้นมาสัมผัสใบหน้าผม


“อย่ามาพูดบ้าๆนะแพน...จะบอกว่าจะหายไปงั้นเหรอ”ผมไม่ยอมหรอกนะ


“...ผมไม่รู้ว่าจะหายไปจริงไหมแต่ว่าร่างกายมันเริ่มแปลกๆ”


“แปลกยังไง”


“ปกติถึงแค่รับแสงก็เหมือนได้รับพลังงานแต่ช่วงนี้ผมกลับต้องนอนถึงจะได้รับพลังงานมา แถมความหิวยังลดลงอีก...ติน”แพนเรียกก่อนที่จะขยับตัวมานั่งบนตักผม ใบหน้าของพวกเราอยู่ใกล้กันจนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน


“แพน...ฉัน...”


“ผมอยากบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของติน ต่อให้ตินจะรักหรือไม่รักผมทุกอย่างก็ไม่เปลี่ยน เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะตัวผมเองที่ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะหายไปเมื่อไหร่เลยอยากจะบอกให้ตินได้รู้ไว้”


“ฉันไม่อยากฟัง”ถ้าการฟังนั่นมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันผมก็ไม่อยากฟังมันไปตลอดชีวิตนั่นแหละ


“ผมอยากพูดนี่...”


“แพน...ถ้านายพูดแล้วหายไปฉันยอมที่จะไม่ฟังมัน ฉันไม่อยากให้นายหายไป...แต่ละวันที่เราอยู่ด้วยกันนายเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจแต่ถ้านายหายไปใครจะมาเติมเต็มช่องว่างนั้นให้ฉันล่ะ”


“ติน...”


“ฉันขอเห็นแก่ตัวแพน...ฉันเสียนายไปไม่ได้ ขอร้องล่ะ...อย่าไปไหนเลย”ถ้าไม่มีแพนแล้วผมจะมีชีวิตอยู่ไปได้ยังไง


“อึก...อย่าพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นสิ...ผมเองก็ไม่ได้อยากหายไปหรอกนะ ผมยังอยากอยู่กวนคุณ อยากทะเลาะกับคุณอยากทำอะไรอีกหลายๆอย่าง...”


“งั้นก็อย่าไปสิ!”ผมตะโกนขึ้นเสียงดัง


อย่าไป!


“...ผมรู้ว่าตัวเองกำลังจะหายไป...และคิดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ด้วย”


“...”สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมไม่สามารถเอ่ยอะไรออกไปได้


ความจุกที่อยู่ภายในอกนี่มันคืออะไร


ความทรมานที่เห็นน้ำตาที่ไหลลงมาจากดวงตาสีเขียวอ่อนตรงหน้ามันคืออะไร


“ติน...ขอกอดได้ไหม”ไม่ต้องรอให้แพนพูดจบผมก็คว้าตัวอีกฝ่ายมากอดไว้แน่น ความเปียกชื้นบริเวณไหล่คงเป็นน้ำตาของแพนที่ไหลลงมาพร้อมเสียงสะอื้น


“ฉันจะทำอะไรเพื่อนายไม่ได้เลยเหรอ”ตั้งแต่เจอกันก็เป็นฝ่ายรับมาตลอด


ไม่เคยเป็นฝ่ายให้บ้างเลย


ผมได้รับมาทั้งชีวิตและความรู้สึก


แต่สิ่งที่ผมตอบแทนแพนกลับเป็นการทำให้เขาหายไป


“ตินทำเพื่อผมมาเยอะแล้ว”


“ฉันไม่ได้ทำ...”ไม่ได้ทำสักอย่าง


“ตินทำให้ผมมีช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข มันเป็นความสุขที่ไม่เคยได้สัมผัสมาตลอด300ปีที่ผ่านมา...ถ้าผมจะต้องหายไปก็อยากให้ตินรู้ว่าชีวิตผมมันคุ้มค่าแล้วจริงๆ”


“แพน...”


“อ๊ะ...เที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย”อยู่ๆแพนก็เปลี่ยนเรื่องแล้วขยับตัวไปเปิดลิ้นชักข้างโคมไฟ ถุงพลาสติกที่ภายในมีเม็ดกลมๆคล้ายเมล็ดอะไรสักอย่างใส่ไว้ภายใน


“อะไร”


“นี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมทำให้”


“พูดอะไรน่ะแพน”อย่าพูดเหมือนกำลังจะหายไป


ผมไม่ยอมรับหรอกนะ


อยู่ๆก็มาปรากฏตัว


มาทำให้หัวใจหวั่นไหว


และอยู่ๆก็จะจากไป


ใครมันจะยอมกัน


“คอยดูนะ”ทันทีที่พูดจบไฟที่เปิดอยู่ก็ถูกดับลงพร้อมๆกับแสงสีเขียวจากร่างของแพนที่สว่างขึ้น ไม่เพียงแค่ร่างแพนแต่เมล็ดที่อยู่ในถุงต่างก็เปล่งแสงก่อนที่เมล็ดเหล่านั้นจะค่อยๆมีใบใบโผล่ขึ้นมา ทั้งที่อยู่ในความมืดแต่กลับมองเห็นการเติบโตของเมล็ดพรรณได้อย่างชัดเจนเพราะแสงสีเขียวที่โอบอุ้มทุกเมล็ดอย่างอ่อนโยน


ภาพที่เห็นราวกับเวทย์มนต์ของผู้วิเศษสักคน มันช่างตราตรึงจนไม่อยากแม้แต่กระพริบตา...เมล็ดพรรณมากมายที่ค่อยๆโตขึ้นต่างเกี่ยวพันกันจนเกิดเป็นรูปหัวใจและตัวอักษร6ตัว...


HBD TIN


“แพน...”ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรริมฝีปากผมก็ถูกอีกฝ่ายแนบชิดลงมา สัมผัสอันนุ่มนวลทำเอาผมเผลอจูบตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่รู้คือมันเป็นจูบที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่เกิดมา


ผมไม่ชอบให้ใครแตะตัว ยิ่งการจูบทักทายผมยิ่งไม่ชอบ


แต่กลับแพนมันแตกต่าง


ผมยอมให้แพนสัมผัสไม่ว่าจะใบหน้า เส้นผม หน้าผาก อกหรือแม้แต่สิ่งที่อยู่ภายในอย่างหัวใจ


ยอมทุกอย่าง


“ติน...สุขสันต์วันเกิดนะ ผมรักติน...รักมากๆเลย”คำพูดหลังถอนจูบออกทำให้เรื่องราวทุกอย่างประติดประต่อกันหมด เรื่องที่กายพูดคือเรื่องนี้เองสินะ


เมล็ดพรรณพวกนั้นคงให้จิมไปหาซื้อมาแน่


“แพน...ขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆ”


“ผมก็ขอบคุณเหมือนกัน...อ๊ะ...”อยู่ๆร่างกายที่เปล่งแสงสีเขียวอยู่ก็ค่อยๆเรือนรางไป


“ไม่นะแพน”ผมคิดจะดึงอีกฝ่ายมากอดไว้แต่แพนกลับส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้ม


“ถ้าผมจะหายไป ขอให้ผมเห็นหน้าตินจนถึงวินาทีสุดท้ายเถอะ”


“แพน...แพน...”ไม่นะ


อย่าหายไป


อย่าจากผมไป


ยิ่งแสงสีเขียวเรือนรางมาขึ้นหัวใจผมก็ยิ่งถูกบีบราวกับจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ


“...ผมรักติน...ลาก่อนนะ”สิ้นคำพูดและรอยยิ้มสุดท้ายแสงสีเขียวก็สว่างจ้าจนผมต้องหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
นี่ผมต้องเสียเขาไปจริงๆงั้นเหรอ


ถ้าพระเจ้ามีจริง


ผมขอร้องล่ะ


อย่าได้พรากเอาสิ่งที่สำคัญที่สุดของผมไปเลย


จะให้แลกด้วยอะไรก็ยอม


อย่าให้เขาหายไป


“แพน!”
.........................................................................
สวัสดีค่ะ

มาอัพต่อแล้ว ซึ่งตอนนี้อาจทำให้หลายคนค้าง

นี่คงเป็นฉากที่โศกที่สุดตั้งแต่แต่งนิยายมาแล้วค่ะ

เราไม่ค่อยเก่งในการแต่งฉากเศร้าปนหน่วงแบบนี้เลยใช้เวลากว่าฉากปกติ

ไม่รู้จะสื่อออกมาได้ดีรึเปล่า

หวังว่าทุกคนจะอินไปกับการอ่านนะคะ

เนื้อเรื่องเข้ามาสู่ช่วงสุดท้ายและอีกไม่กี่ตอนก็จะจบลงแล้วค่ะ

รู้สึกใจหายนิดๆเหมือนกัน

ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นท์และกำลังใจที่มีให้เสมอมานะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 14-10-2017 21:26:19
มาแล้วว มาพร้อมกับความเศร้ามากมายย แง
หวังว่าพระเจ้าจะฟังคำขอร้องของติน ขอให้ตินรออย่างมีความหวังนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 14-10-2017 21:34:42
แงงงงงงงง แพนนนนน โอ๊ยยย สงสารทั้งสองเลยยย ฮื่ออออออ ค้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 14-10-2017 21:35:02
แพนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 14-10-2017 21:37:38
งืออออออ อย่าเอาแพนไปนะะะะ  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Jaokhaclub ที่ 14-10-2017 21:44:48
ตอนก่อนจบที่ติน ตอนนี้จบที่แพน
ไรทททททททท์ ขออีกตอนนนนน ฮึกๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 14-10-2017 21:48:53
 :hao5: แงงงงงง

เศร้าเลยยยยย :mew2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 14-10-2017 21:49:13
ขอให้แพนเปลี่ยนจากเทพกลายมาเป็นมนุษย์ปกตินะ ...
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 14-10-2017 21:55:48
ค้างมากมายย  แงง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-10-2017 22:14:38
เดี่ยวค่ะเดี๋ยว เปิดไฟค่ะ ไม่หายไปแบบนี้สิคะแพน!!!
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 14-10-2017 22:15:14
 :o12: :ling1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 14-10-2017 23:41:06
เชื่อว่าแพนจะกลับมาแบบเป็นคนธรรมดา
ความเป็นเทพจะหายไป กลับกลายเป็นแค่คนธรรมดา
แต่ระหว่างนั้นนะสิ ตินจะอยู่ยังไง
สงสารตินล่วงหน้าเลยอะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-10-2017 23:44:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 15-10-2017 00:19:44
เศร้าา ล้องห้าย
เอาเป็นแบบให้กลับมาในฐานะมนุษย์ได้มั้ย แง้
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-10-2017 02:26:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

อยู่ๆก็มาปรากฏตัว


มาทำให้หัวใจหวั่นไหว


และอยู่ๆก็จะจากไป


ใครมันจะยอมกัน...
     แพนหายไปแล้วพลังเทพหมดไปแล้วก็กลับมาเป็นมนุษย์ธรรมดาซิค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 15-10-2017 07:01:59
แพนนนน อย่าหายไปน้าาาา ; A ;
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 15-10-2017 09:15:38
แอบน้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-10-2017 10:50:29
 ลุ้น    :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 15-10-2017 14:45:14
สงสารตินกับแพนมากๆเลย
ให้ได้เจอกันอีกเถอะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-10-2017 15:49:59
ไม่หายไปแบบนี้ซิ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-10-2017 22:28:56
เปลี่ยนเป็นคนเถอะนะแพน  :ling1:
ปล. ลอบกัด* แบบนี้นะคะ เป็นตัว ล ค่า ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 15-10-2017 22:32:59
อย่าปล่อยให้เราเศร้านานนะ เสียน้ำตาไปเท่าไหร่ ขอให้สมหวังเท่านั้น TT
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-10-2017 01:33:10
 :sad11:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-10-2017 19:34:03
 :katai1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Kangpla:) ที่ 17-10-2017 21:25:56
รอนะคะ ค้างแรงมาก :z3: เดาว่าแพนต้องกลายเป็นมนุษย์ใช่มั้ยคะ :z13:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-10-2017 02:36:35
น้องแพนอย่าหายไปไหนน้า :hao5:
บางทีก็แอบคิด การที่น้องเป็นแบบนี้เพราะกำลังจะเป็นมนุษย์รึเปล่า รอตอนต่อไปนะคะ ค้างมาก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 18-10-2017 22:23:02
ค้างงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-10-2017 12:29:12
อย่าหายไปน้า แพนจะไม่มีพลังเทพแล้วไหม แต่ไม่หายไปไหม
ตินคนปากแข็ง แต่เรื่องแพนยอมหมด ยอมทุกอย่าง แค่เอ่ยปาก ยิ่งอ้อนนะ ละลาย

แพนจิตใจดีมาก น่ารัก สมเป็นเทพพฤกษา ร่มเย็น ทะเล้น ไม่ยอมรับว่ารักเพราะกลัวหายไป

โอ๊ยยยย รอคอยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 21-10-2017 17:37:29
มารอแล้วเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 21-10-2017 17:48:21
ไม่อยากให้แพนหายไปเลยให้กลายเป็นมนุษย์แทนได้มั๊ยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่20♣} 14/10/60 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 23-10-2017 08:45:20
แพน ม่ายยยยย   :z3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 28-10-2017 20:12:18
สัมผัส{❤}ครั้งที่21



อ่า...ทั้งที่อยากจะเห็นหน้าตินกระทั่งหายไปแท้ๆแต่เพราะแสงสีเขียวที่สว่างจ้านี่ทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างที่ตั้งใจ


แต่ไม่เป็นไร แค่ได้อยู่ด้วยกันก่อนจะหายไปก็ถือว่าดีมากแล้ว


ยังดีนะที่ได้บอกสุขสันต์วันเกิด


ความจริงผมเตรียมงานฉลองไว้หลังจากนี้


แต่คงไม่ได้จริงๆนั่นแหละ


เมื่อผมหายไปตินจะเป็นยังไงต่อไปนะ


รู้สึกผมจะลืมบอกให้กินข้าวให้ครบทุกมื้อ


แล้วก็ลืมบอกให้พักผ่อนให้เพียงพอด้วย


ผมน่าจะเขียนอะไรทิ้งไว้ให้แท้ๆ...พลาดอีกแล้วสิ


ขอโทษนะติน


จะว่าไป...ที่ว่าหายไป ผมจะหายไปไหนกันนะ


ขึ้นไปพบพระเจ้า


หรือว่าจะกลายเป็นวิญญาณ


ไม่แน่อาจหายไปไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกก็ได้


จะยังไงก็ได้


ผมพร้อมแล้ว


ต่อให้ย้อนกลับไปได้อีกกี่ร้อยรอบผมก็ยังคงเลือกที่จะรักตินอยู่ดี


มีแค่ความรู้สึกนี้ที่ไม่มีวันเปลี่ยน


ก่อนแสงสีเขียวที่สว่างจ้าค่อยๆหายไปผมก็สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อเตรียมเผชิญหน้ากับสิ่งแรกหลังแสงนี้จะหายไป...


สิ่งแรกที่เห็นรางๆก่อนแสงจะหายไปคือเส้นผมสีดำสนิทกับดวงตาเรียวคมสีฟ้าสดที่ดูเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมประสานเข้ากับดวงตาสีฟ้าสดตรงหน้าเช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายก็จ้องกลับมาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ


เมื่อแสงสีเขียวหายไปความมืดก็เข้ามาแทนทีอย่างรวดเร็ว ความมืดนี้ไม่ใช่ในนรกหรือสวรรค์เวลากลางคืนแน่นอน อีกทั้งสิ่งที่ผมนั่งทับอยู่ยังเป็นสัมผัสเดียวกันกับตอนก่อนจะหายไป…


หน้าต่างด้านข้างที่ถูกเปิดม่านไว้...


แถมเสียงลมหายใจที่อยู่ตรงหน้านี่...


อย่าบอกนะว่า...


“...ติน”ผมตัดสินใจเรียกชื่อนั้นออกไปเบาๆ


“...อะไร”เสียงทุ้มอันคุ้นเคยตอบกลับมา


ไม่จริงน่า


ทำไมล่ะ?!


“เกิดอะไรขึ้น...”ทำไมถึงยังไม่หายไป แถมยังอยู่บนตักตินเหมือนเดิมอีก


“ฉันสิที่อยากถาม...ไหนบอกว่าจะหายไปไง แล้วนี่อะไร”ระหว่างที่พูดตินก็ดึงตัวผมเข้าไปใกล้แล้วลูบทั้งเส้นผม ใบหน้า คอไล่ลงมาจนถึงแผ่นอกและเอวราวกับกำลังไล่ดูว่าผมมีอะไรที่ขาดหรือเกินมารึเปล่า


“อ๊ะ...จับอะไรน่ะติน...หยุดนะ เฮ้ย”ร่างของผมถูกพลิกกลับมาให้นอนแผ่อยู่กลางเตียงโดยที่มีตินคร่อมอยู่ด้านบน


“นี่คงไม่ได้แกล้งกันใช่ไหม”ตินก้มลงมาถามพลางคลอเคลียต้นคอผมไปมา


“...แกล้งอะไร”ผมเปล่าทำสักหน่อย


“ที่บอกว่าจะหายไปไง”


“เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...ตอนแรกนึกว่าจะหายไปอยู่บนสวรรค์ซะอีก”


“หึ...เสียใจด้วยนะที่ไม่เป็นไปตามที่หวัง”ตินบอกต่อ


“พูดอะไรน่ะ...การที่ได้กลับมาอยู่กับตินแบบนี้มันเกินความคาดหวังเลยล่ะ”ผมพูดพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบคอตินไว้แน่นก่อนจะออกแรงดึงจนตินล้มลงมานอนทับร่างผม


“...ไม่หนักรึไง”ตินนิ่งไปพักนึงก่อนจะถามกลับมา


“หนัก...”


“งั้นก็ปล่อยสิ ฉันจะได้ลุก”ตินบอกแล้วพยายามดันตัวเองขึ้นแต่ถูกผมกอดแน่นไม่ยอมปล่อย


“อย่าพึ่งลุก...อยากอดติน ขออีกสักพักนะ”ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่าจะไม่ได้เจออีก


แต่ตอนนี้ผมกลับยังอยู่ตรงนี้...


อยู่กับติน


ไม่อยากให้เป็นแค่ความฝัน


เพราะงั้นขอให้ผมได้แน่ใจอีกสักหน่อยแถอะ


“แพน...”


“ผมน่ะ...ดีใจที่ยังอยู่ที่นี่ ดีใจที่ยังได้อยู่กับติน...ดีใจจริงๆ”


“ฉันก็ดีใจที่นายไม่หายไปแพน”


“ขออีกแป๊บนะ...”อีกไม่นานแล้วจะยอมปล่อยแล้ว


“ฉันจะให้กอดทั้งคืนเลยแพน”เสียงทุ้มของตินกระซิบก่อนจะพลิกตัวนอนแล้วดึงตัวผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดนั้น แขนทั้งสองข้างของตินกอดผมไว้แน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไป การกระทำของตินทำให้ผมยิ้มออกมาพร้อมกับซุกตัวเข้าหาอีกฝ่ายมากขึ้น
กลิ่นสัมผัสอันคุ้นเคยช่วยให้ผมเข้าสู้นิทราอย่างรวดเร็วกว่าครั้งไหนๆ


สิ่งเดียวที่ผมขอก่อนที่สติจะหายไปคือ...


อย่าให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันเลย



แสงแดดยามเช้าส่องสว่างเข้ามาพร้อมกับดวงตาผมที่ค่อยๆปรือขึ้น สิ่งแรงที่มองเห็นคือประตูกระจกซึ่งเป็นทางออกไปยังระเบียงและแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ดูจะโผล่พ้นขอบฟ้ามานานพอสมควรแล้ว


ผมค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นแต่เพราะแขนที่กอดเอวผมไว้ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ตามที่ต้องการ พอหันไปมองก็เจอกับตินนอนหลับตาพริ้มโดยที่หันหน้ามาทางผม...แขนที่กอดเอวผมไว้ดูจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆขนาดผมพยายามดึงแขนเขาออกแต่อีกฝ่ายก็ไม่ขยับเลย


“นี่คุณกลัวผมหายไปรึไงติน”ผมพึมพำพลางยกยิ้มขึ้น


การที่ไม่หายไปทำให้มีข้อสงสัยมากมายก็จริงแต่ถ้าได้อยู่ด้วยกันต่อแบบนี้ก็ดีที่สุดแล้ว


แสงสีเขียวที่สว่างจ้าเมื่อคืนกับร่างกายของผมที่ค่อยๆเปลี่ยนไป


ถ้าลองคิดดีๆก็มีคำตอบที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้อยู่


เพียงแต่มันไม่น่าเชื่อเท่านั้นเอง


“แพน...”เสียงทุ้มของตินดังขึ้นเมื่อหันไปมองก็พบกับดวงตาสีฟ้าที่เงยขึ้นมาสบ


“อรุณสวัสดิ์ติน”ผมทักทายยามเช้าด้วยรอยยิ้มกว้าง ตินที่เห็นแบบนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นนั่งแล้วมองผมตั้งแต่หัวลงมา...ผ้านวมที่คลุมช่วงล่างถูกดึงออกแล้วมองต่อจนถึงปลายเท้า


“ยังมีขาแฮะ”


“ผมไม่ใช่วิญญาณ!!”ผมรีบตะโกนใส่เสียงดังลั่น


ก็ว่าอยู่ว่าจะมองตั้งแต่หัวจนถึงเท้าทำไม


นี่คิดว่าผมเป็นวิญญาณรึไง


“ใครจะรู้...คนที่บอกว่าจะหายไปคือนายเองนะ การที่อยู่แบบนี้ก็นึกว่าเป็นวิญญาณน่ะสิ”


“ผมในตอนนี้ไม่ใช่ทั้งวิญญาณ...และก็คงไม่ใช่เทพแล้วด้วย”ผมพึมพำด้วยรอยยิ้มบางๆ


“หมายความว่าไง”ตินถามกลับพร้อมขมวดคิ้วแน่น


“ผมฟูเป็นรังนกเลย”พูดจบก็เอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีดำสนิทตรงหน้าไปมา


“อย่าเปลี่ยนเรื่องแพน”ตินคว้ามือผมที่ลูบเส้นผมตัวเองไว้แน่นก่อนจะออกแรงดึงให้ผมขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น


“ติน...”


“บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น”ดวงตาที่มองมานั่นกำลังบอกว่าถ้าไม่ได้รู้ความจริงจะไม่ยอมแน่


“ผมก็ไม่แน่ใจ...”ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่คิดอยู่มันถูกรึเปล่า


“ลองบอกมาก่อน”


“ไม่บอกได้ไหม”อยากแน่ใจกว่านี้ก่อนแล้วค่อยบอก


“ไม่ได้”ก็พอจะรู้ว่าตินคงไม่ยอมง่ายๆ


“อยากรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ”ผมเอียงคอถาม


“ฉันอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับนาย...เพราะงั้นรีบบอกมา”ติบอกพร้อมกับฝ่ามืออุ่นๆที่สัมผัสใบหน้าผมเบาๆ


“อืม...บอกก็ได้...”


“เร็วสิ”


“อย่าเร่งสิ เดี๋ยวไม่บอกเลย”ผมส่งสายตาเคืองไปให้อีกฝ่ายที่เร่งกันซะจริงๆ


“แพน”


“ครับๆ ผมแค่คิดว่าคำพูดที่บอกว่าถ้าเทพหลงรักมนุษย์แล้วจะหายไป มันอาจหมายถึงเทพจะหายไปรึเปล่านะ”


“หมายถึงยังไง?...ก็นายยังอยู่นี่”ตินขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมบอก


“ที่ผมกำลังจะสื่อคือเทพที่รักมนุษย์อาจจะหมดความเป็นเทพไป...แล้วกลายเป็นมนุษย์”ผมเอ่ยประโยคสุดท้ายแล้วเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีฟ้าสด


“เป็นมนุษย์?...พูดจริงเหรอ!”ตินดูจะตกใจมากกับสิ่งที่ได้ยิน


“เรื่องนั้นก็ไม่แน่ใจ”เพียงแต่มันมีหลายๆอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ที่ผมเริ่มรู้ตัวว่ารักตินทั้งการที่รู้สึกง่วงนอน ทั้งเรื่องที่กินข้าวน้อยลง รวมทั้งเรื่องที่มีความรู้สึกอิ่ม ทุกอย่างที่เปลี่ยนไปมันเหมือนกับผมกำลังจะเป็นมนุษย์


พลังในฐานะเทพแห่งพฤกษามันเริ่มลดลงหลังจากแสงสว่างจ้าเมื่อคืน


“...ลองทำให้เมล็ดพรรณนี่เติบโตสิ”ตินหันไปคว้าถุงเมล็ดพรรณที่เหลือจากเมื่อคืนส่งมาให้


เมล็ดพรรณนี่ผมแอบให้จิมไปซื้อเพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิดตินเองล่ะ


“จะลองดู...”ผมหยิบเมล็ดกลมๆภายในขึ้นมาพร้อมกับตั้งสมาธิ แสงที่เขียวที่ปรากฏขึ้นไม่สว่างเหมือนเดิม...การเติบโตของเมล็ดพรรณที่ควรจะเป็นไปดั่งใจกลับค่อยๆแตกใบออกมาอย่างเชื่องช้ากว่าปกติหลายเท่า


“พลังผม...กำลังหายไป...”เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย


“ลองกลับร่างเทพสิ”เหมือนตินจะยังไม่เชื่อเต็มร้อยเลยยากให้ผมลองต่อ


“ได้ จะลอง...”ปกติการกลับร่างเทพเพียงแค่หลับตาแล้วนึกถึงร่างของตัวเองเวลาลอยอยู่กลางอากาศก็สามารถกลับได้แล้วแต่ตอนนี้กลับทำได้แค่ให้ร่างตัวเองลอยขึ้นเหนือเตียง ค้างไว้ไม่กี่นาทีทั้งร่างก็ตกลงมาดังตุบ


“กลับไม่ได้เหรอ”ตอนถาม


“อืม...กลับไม่ได้”ผมพยักหน้ากลับไปอีก ที่ทำได้มีแค่ให้ร่างลอยขึ้น


“แปลว่าจะกลายเป็นมนุษย์?”


“คิดว่างั้น...ขอโทษนะติน”ผมบอกก่อนจะก้มหน้าลง


“ทำไมต้องขอโทษ”


“ถึงจะดีใจที่ไม่หายไปแต่ถ้าเป็นมนุษย์ผมก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย จะคอยรักษาหรือเป็นเกราะให้คุณก็ทำไม่ได้”แบบนี้ก็ยิ่งไร้ประโยชน์กว่าเดิมอีก


หมับ!


“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องการให้ได้รับอันตราย กลายเป็นมนุษย์ก็ดีจะได้ไม่ทำเรื่องเสี่ยงอีก”ร่างของผมถูกตินดึงเข้าไปกอดแน่นก่อนจะกระซิบบอก


“ก็อยากช่วย...”


“นายช่วยฉันมาพอแล้วแพน...จากนี้ให้ฉันปกป้องนายแทนเถอะ”


“ติน...”


“เข้าใจนะว่าห้ามทำอะไรเสี่ยงๆอีก”ตินพูดย้ำ


“เข้าใจแล้ว...นี่ติน”


“ว่ามา”


“...”ผมเม้มปากแน่นเพราะกำลังช่างใจว่าจะพูดสิ่งที่คิดออกไปดีไหม


“มีอะไรแพน”พอผมไม่พูดต่อตินก็ถามขึ้นอีกรอบ


“เอ่อ...ในเมื่อผมเป็นมนุษย์แล้ว ก็ขออยู่กับตินต่อไปได้ไหม”ก่อนหน้านี้ตินให้ผมอยู่ด้วยเพราะเราไม่สามารถแยกจากกันได้แต่ถ้าเป็นตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไง


“หึ...ถ้าไม่อยู่กับฉันแล้วจะไปอยู่กับใครล่ะ”


“พูดแล้วนะ...ห้ามไล่กันด้วย”ผมบอกเสียงเริงร่า


“ขอดูความประพฤติก่อน”


“ผมออกจะทำตัวน่ารัก”ไม่เคยดื้อ ไม่เคยๆ


“อืม...น่ารัก...น่ารักจนเผลอรักไปโดยไม่รู้ตัว”ตินกระซิบก่อนจะจูบเบาๆยังหน้าผากผม


“งั้นตินก็น่ารักเหมือนกัน”


“หึ...ห้ามใช้มุกซ้ำด้วยฉันจดลิขสิทธิ์แล้ว”


“ฮะ?...แบบนี้ผมก็แย่สิ”


“ทำหน้าตลก”พูดจบก็จูบหน้าผากผมอีกรอบ


“อื้อ...จะจูบอะไรนัก”


“แล้วไม่ได้?”


“เปล่า...แค่ไม่ชิน”


“เดี๋ยวโดนบ่อยๆก็ชินเอง”


“ชิ...คิดจะแกล้งกันใช่ไหม”อย่าคิดว่าผมจะไม่รู้ทันนะ


“ไม่รู้สินะ”ตินตอบแล้วยกยิ้มขึ้น


“คนขี้แกล้ง”


“หึ...นี่แพน”


“อะไร?”ผมขานรับเสียงเรียก


“เป็นแฟนกันนะ”


“...”คำพูดของตินทำเอาผมขมวดคิ้วแน่นเพราะกำลังประมวลสิ่งที่ได้ยิน และพอเริ่มเข้าใจหัวใจที่เงียบสลงกลับเต้นเร็วขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่แดงขึ้นจนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดไว้


“อายอะไร”ตินถามเสียงตลก


“ถ้าไม่อายก็ตายด้านแล้ว”อยู่ๆมาถูกขอเป็นแฟนใครไม่เขินอายก็เรียกว่าไร้ความรู้สึก


ไม่คิดว่าจะได้ยินคำขอแบบนี้


อย่างที่เคยบอกว่าเทพอย่างพวกเราไม่มีหรอกความสัมพันธ์แรกเริ่มอย่างการคบกัน ถ้าใจตรงกันก็จะกลายเป็นคนรักกันโดยไม่มีการขอ...ที่จะมีก็แค่บอกรัก


แต่จะว่าไปตอนนี้ผมก็ไม่ใช่เทพแล้ว


ผมเป็น...มนุษย์


เพราะแบบนั้นสิ่งที่ผมเจอก็คงเป็นเรื่องธรรมดาสินะ


“คิดนานนะ...หรือจะไม่เป็น...”


“เป็นสิ...เป็นแฟนกันนะ”ผมรีบพูดเมื่อตินเหมือนกำลังจะเปลี่ยนใจ


“หึ...ก็แค่นี้ เราเป็นแฟนกันจริงๆแล้วนะ”ตินพูดพลางขยับหน้าเข้ามาใกล้แล้วใช้ปลายจมูกตัวเองเขี่ยปลายจมูกผมเล่นสร้างอุณหภูมิบนใบหน้าให้มีมากขึ้นไปอีก


“อืม...เป็นแฟนกัน”ไม่ใช่แฟนหลอกๆเหมือนก่อนหน้านี้แต่เป็นแฟนจริงๆ


“ดี...งั้นก็เก็บพวกเมล็ดที่เกลื่อนทั้งบนเตียงและต้นไม้ที่ตกอยู่บนพื้นให้เรียบร้อยด้วย”ตินพูดพร้อมกับชี้ไปยังเมล็ดที่เกลื่อนอยู่เต็มผ้านวมก่อนจะชี้ลงไปยังพื้นที่มีไม้เลื้อยนอนแน่นิ่งอยู่ ทั้งหมดนั่นเป็นสิ่งที่ผมใช้เซอร์ไพรส์วันเกิดตินเมื่อคืน


ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเรานอนในสภาพแวดล้อมแบบนี้ไปได้ยังไง


“เข้าใจแล้ว...อ๊ะ...ไม่สิ นั่นมันหน้าที่ของคนใช้แล้ว”


“ทำเองก็เก็บเองสิ”ตินบอกก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง


“เราเป็นแฟนกันนะ ช่วยเก็บหน่อยสิ”ถ้าเป็นแฟนกันมันต้องแบบว่า...


เดี๋ยวตินเก็บให้เองครับแพน


อะไรแบบนั้นสิ


“ไม่ล่ะ...ฉันจะไปอาบน้ำ”พูดจบก็เดินเข้าไปยังห้องน้ำพร้อมกับปิดประตูอย่างรวดเร็ว


“อะ...”


นี่เหรอสิ่งที่คนเป็นแฟนทำให้กันน่ะ


มันจะเกินไปแล้วนะ


ติน!



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 28-10-2017 20:12:49
(ต่อนะคะ)




แม้จะทั้งบ่นและสาปแช่งอีกฝ่ายยังไงผมก็ทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จในเวลาไม่นาน ไม้เลื้อยที่โตเพราะพลังผมถูกเอาไปปลูกในกระถางตรงระเบียงเช่นด้วยกับเมล็ดอื่นๆที่ถูกหว่านลงดิน


การเซอร์ไพรส์วันเกิดเหมือนจะผ่านไปด้วยดี


“โอ๊ะ...งานเลี้ยง”อยู่ๆผมก็นึกขึ้นมาได้ว่านัดกับกายและจิมว่าจะจัดงานเลี้ยงให้ตินนี่นะ


แย่ล่ะ แบบนี้จะจัดทันไหม


ปกติตินใช้เวลาอาบน้ำประมาณ20นาทีรวมแต่งตัวก็ไม่เกินครึ่งชั่วโมง


น่าจะทัน


ผมรีบออกจากห้องไปเคาะประตูที่อยู่ข้างๆซึ่งก็คือห้องของกายและจิมทันที


“คุณแพน”คนที่เปิดประตูออกมาคือจิมที่อยู่ในชุดลำลอง


“เมื่อคืนเซอร์ไพรส์เป็นไงครับ?”กายที่เดินตามออกมาเอ่ยถาม


“อ้อ...เรื่องนั้นสำเร็จด้วยดี”


“ดูคุณแพนสีหน้าสดใสขึ้นนะครับ”จิมออกความเห็นเมื่อมองหน้าผม


“งั้นเหรอ”อาจเพราะเรื่องที่เครียดที่สุดหายไปแล้วก็ได้


“แปลว่าปัญญาที่มี...แก้ได้แล้วสินะ”


“จะว่าแก้ได้ก็ใช่อยู่”ความจริงต้องเรียกว่ามันไม่มีปัญหามาแต่แรกแล้ว ที่คิดมากไปก็คือผมและติน


“แล้วมีธุระอะไรครับ?”กายถามต่อ


“เราจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดติน เดี๋ยวนี้เลย”ผมบอกธุระที่มาหาด้วยรอยยิ้มกว้าง


“ไม่ได้จะจัดตอนเย็นเหรอครับ”จิมถาม


“ไม่ๆ...จัดตอนนี้เลยดีกว่า”


“แต่เรายังไม่ได้เตรียมอาหาร...”


“สั่งข้างล่างขึ้นมาเลย เมื่อวานเราซื้อเค้กไว้ในตู้แล้ว ที่เหลือก็แค่จัดเท่านั้น”


“จัดตอนนี้คุณตินก็รู้หมดสิครับ”


“ผมจะกันตินไม่ให้ออกมาเอง...เพราะงั้นทั้งสองคนช่วยจัดอาหารทีนะ”


“เวลามันจะไม่ทันสิครับ”


“ผมจะพยายามถ่วงเวลาไว้เอง...ถ้าจัดเสร็จแล้วก็เคาะประตูห้องนอน2ครั้งนะ”


“เฮ้อ...เข้าใจแล้วครับ พวกเราจะรีบจัดการให้”กายถอดหายใจก่อนจะหันไปมองหน้าจิมที่พยักหน้าส่งมาให้


“ขอบคุณมากนะ...งั้นผมไปก่อนล่ะ”พูดจบผมก็รีบวิ่งกลับห้องก่อนจะเข้าไปรอตินในห้องนอน


เสียงน้ำไหลที่ดังออกมาจากห้องน้ำทำให้ผมถอนหายใจที่ดูเหมือนตินจะยังอาบไม่เสร็จ ถ้านานแบบนี้เป็นไปได้ว่าคงจะแช่น้ำด้วย


ถือว่าโชคเข้าข้างผมล่ะ


ที่ไม่จัดงานช่วงเย็นเพราะคิดว่ามันจะไม่เซอร์ไพรส์...เมื่อคืนผมบอกไปแล้วแปลว่าตินต้องจำได้แน่ว่าวันนี้คือวันเกิด ถ้ามัวรอจัดงานตอนเย็นก็หมดสนุกกันพอดี


แกร็ก!


เสียงประตูห้องแต่งตัวด้านข้างที่ถูกเปิดออกทำเอาผมสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย ตินเดินออกมาในชุดลำรอง เสื้อคอกลมสีเทากับกางเกงสีดำ เส้นผมสีดำสนิมลู่ลงพร้อมหยดน้ำที่หยดลงบนพื้น


“นั่งรอฉันเหรอแพน”ตินถามทันทีที่เห็นผมนั่งเกร็งอยู่บนเตียง


“อืม...ผมทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วนะ”บอกเสร็จก็ลุกขึ้นจากเตียงคว้าผ้านวมมาสะบัดให้อีกฝ่ายดูว่าไม่มีเศษอะไรหลงเหลือแล้ว


“ดี”


“ให้ผมเช็ดให้ไหม”


“เช็ดอะไร...”


“เช็ดผมไง”ผมไม่รอช้ารีบวิ่งไปดึงผ้าขนหนูในมือตินแล้วเริ่มเช็ดผมให้ทั้งๆที่ตินยืนอยู่


“แปลกๆนะ”


“...พูดอะไรน่ะ”ทำไมเซ้นส์ดีขนาดนี้นะ


“เอาเถอะ...ไปเช็ดที่ห้องรับแขกก็ละกัน”


“เดี๋ยว”ผมร้องห้ามเสียงสูงเมื่อตินเดินตรงไปยังประตู


“อะไร”ดวงตาที่หันมาสบราวกับกำลังสงสัยในการกระทำของผม


“ในห้องก็มีทั้งโซฟาทั้งโทรทัศน์ นั่งในห้องก็ได้”พูดจบผมก็คว้ามือตินลากมานั่งบนโซฟาริมห้องก่อนจะลงมือเช็ดผมให้ต่อ


“...คิดจะทำอะไร”เงียบไปสักพักตินก็ถามขึ้น


“พูดถึงเรื่องอะไร”ผมพยายามตีหน้าซื่อ


“ถ้าคิดว่าฉันจะมองข้ามพฤติกรรมแปลกๆนั่นก็คิดผิดแล้ว”


“...เปล่านี่”


“วันนี้...วันเกิดฉัน”


“อึก...”มือกำลังเช็ดผมตินถึงกับเผลอกำแน่นขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าวันเกิด


“จะจัดงานเลี้ยงล่ะสิ”


“...ทำไมถึงรู้”


“หึ...เดาถูกด้วย”


“แปลว่าคุณไม่รู้”นี่ผมโดนหลอกให้พูดออกมางั้นเหรอ


ให้ตายสิ


ทำไมถึงได้หลงกลง่ายๆแบบนี้กันนะ


“ถ้ารู้ฉันจะถามทำไมล่ะ...โดนหลอกง่ายไปแล้วแพน”


“ก็ใครจะรู้เล่า”ผมบ่นงึมงำกลับไป


“เอาน่า...ฉันจะทำเป็นไม่รู้รอจนกว่านายจะเช็ดผมเสร็จก็ละกัน”คำพูดของตินทำให้ผมค่อยๆยิ้มกว้างออกมา


“ขอบคุณนะ”ถึงจะแกล้งไม่รู้แต่ก็ทำให้กายและจิมมีเวลาจัดของเพิ่มขึ้น


ก๊อก ก๊อก


ไม่นานสัญญาณเคาะประตู2ครั้งก็ดังขึ้น ตินที่ได้ยินก็หันไปมองบานประตูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาผมที่ส่งยิ้มไปให้ขณะเช็ดผมสีดำจนแห้งสนิท


“เสร็จแล้วสินะ”


“ใช่...ผมแห้งแล้ว”ผมบอกพลางเดินไปตากผ้าขนหนูบนราว


“ฉันว่ามันแห้งตั้งนานแล้วนะ...กำลังคิดอยู่เลยว่าถ้ายังเช็ดนานกว่านี้ไฟคงลุก”


“ไม่ลุกหรอก”ผมเถียงกลับ แค่เช็ดผมไฟมันจะลุกได้ยังไง


“ฉันออกไปได้แล้ว?”


“อืม...ไปกัน”ผมบอกแล้วกวักมือเรียกตินให้เดินมา


“ตื่นเต้นเหมือนวันเกิดตัวเองเลยนะแพน”ตินพูดระหว่างที่เดินมา


“วันเกิดแฟนทั้งทีก็ต้องตื่นเต้นสิ”


“พึ่งเป็นแฟนมาไม่ถึงชั่วโมงเนี่ยนะ”


“แต่ผมรักตินมาเป็นเดือนแล้วเหอะ...อุ๊บ...”ผมรีบยกมือปิดปากตัวเองเพราะเผลอหลุดเรื่องหน้าอายออกไปอีกแล้ว


“หึ...ฉันก็รักนายมาเป็นเดือนแล้วเหมือนกัน”เสียงทุ้มกระซิบข้างหูก่อนจะเชิดหน้าผมขึ้นเพื่อรับริมฝีปากที่ประกบลงมาอย่างอ่อนโยน


“อื้ออ~...”ผมครางพร้อมกับเม้มปากแน่น


“เม้มปากแบบนั้นก็จูบไม่ได้น่ะสิ”


“ก็เพราะไม่อยากให้จูบเลยต้องเม้มปากไง ออกไปได้แล้ว”ผมบ่นด้วยใบหน้าที่เห่อแดงขึ้นเล็กน้อย


“ไว้คืนนี้ค่อยมาต่อเนอะ”ตินบอกพร้อมกับเปิดประตูออก


“ใครจะต่อกัน”


“สุขสันต์วันเกิดครับคุณติน!”เสียงของบอดี้การ์ดคนสนิทอย่างกายและจิมดังขึ้นพร้อมกันทันทีที่ตินเปิดประตูออก


โต๊ะอาหารโต๊ะใหญ่ถูกยกมาจากข้างห้องครัวโดยที่บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารจากหลายชาติทั้งซูชิ พิซซ่า สเต็กหรือพวกสลัดต่างๆ กลางโต๊ะเองก็มีเค้กวันเกิดก้อนใหญ่วางอยู่


“ขอบคุณกาย จิม”ตินเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยิ้มออกมา


“คุณแพนเป็นคนเสนองานนี้เลยนะครับ”จิมบอกแล้วหันมามองผมด้วยรอยยิ้ม


“ก็เดาไว้อยู่”


“แปลว่ารู้อยู่แล้วเหรอครับ?”จิมถามต่อ


“เล่นให้คนที่มีพิรุธขนาดนี้มาคอยถ่วงเวลา ความไม่แตกก็แปลกล่ะ”


“...ว่าแล้วเชียวว่าความต้องแตก”จิมหันไปกระซิบกายเสียงเบา


“นั่นสิ”


“ที่แตกเพราะตินมาหลอกให้ผมพูดนั่นแหละ”ผมไม่ยอมหรอกนะเรื่องนี้


“ต่อให้ฉันไม่ทำอย่างงั้นฉันก็รู้อยู่ดี...คนที่รอกินมื้อเช้าอยู่ทุกวันกลับไม่ยอมพูดถึงอาหารเลยตั้งแต่ตื่น”ตินหันมาอธิบาย


“...มันก็อาจมีช่วงเวลาที่ไม่หิวบ้างแหละน่า”ผมตอบกลับไปเสียงอ่อย


“หึ...ฉันไม่คิดว่านายจะมีหรอกนะ”


“พูดงี้หาเรื่องกันชัดๆ มาดวลกันเลยมา”ผมหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาท้าทาย


โดนพูดขนาดนี้ใครจะยอมอยู่เฉยกัน


“ดวลด้วยอะไรล่ะ?”


“ใครกินมากกว่าชนะ”


“คิก...”จิมที่ได้ยินถึงกับรีบปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะดังมากออกมา กายเองก็หันไปตบไหล่เพื่อนสนิทตัวเองด้วยใบหน้าแดงๆราวกับกำลังกลั้นขำอยู่


“ชนะฉันด้วยการกินดูจะเป็นชัยชนะที่มีความสุขเนอะ”


“ติน...นี่คือคำที่คุณพูดกับแฟนงั้นเหรอ”เป็นแฟนกันมาต้องให้อารมณ์แบบไม่เป็นไรผมยอม


ไม่ใช่แบบนี้สิ


“ใช่”ตินพยักหน้าแทนคำตอบ


“ผมขอเลิกกับคุณ”ผมประกาศลั่น


“เสียใจ...ฉันไม่อนุมัติ”


“...”คำพูดของตินทำให้ผมถึงกับอ้าปากค้าง


คำพูดผมนะครับไม่ใช่เอกสารที่ต้องมีให้เซ็นอนุมัติ


“เลิกเล่นแล้วเริ่มงานได้แล้ว”ตินเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินไปมองอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ


“...ตินนะติน...จิมขอไฟแช็ค”ผมแบมือไปขอจิมที่ยืนอยู่ไม่ไกล


“คุณแพนไม่ควรสูบบุหรี่นะครับมันไม่ดีต่อสุขภาพ”จิมบอกด้วยสายตาห่วงๆ


“บุหรี่? ผมไม่สูบของบั่นทอนสุขภาพแบบนั้นหรอก...จะเอาไปแกล้งตินน่ะ”


“...ระวังโดนแกล้งคืนนะครับ”แม้จะพูดแบบนั้นแต่จิมก็ยอมส่งไฟแช็คมาให้


ผมเดินถือไฟแช็คพร้อมกับหยิบกล่องใส่เทียนไปยังโต๊ะ เค้กก้อนใหญ่ถูกผมปักเทียนลงไปจนหมดกล่องก่อนจะจุดไฟท่ามกลางสีหน้างงๆของทั้ง3คน


“ติน...เป่าเทียนเลย”


“...ทำอะไรเป็นเด็ก”


“แล้ว...จะไม่เป่าเหรอ?”ผมถามด้วยน้ำเสียงเศร้าๆจนตินที่มองมาถึงกับถอนกายในแล้วก้มลงเป่าเทียนจนหมดทุกเล่ม


“พอใจรึยัง”


“อืม...สุขสันต์วันเกิดครบรอบ60ปีนะคุณปู่!!”ผมตะโกนเสียงดังก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไม่อายใคร


โดนแกล้งมาก็ขอแกล้งกลับหน่อยละกัน


“ถ้าฉันปู่นายก็ทวดของทวดของทวดของทวดแล้ว”ตินสวนกลับด้วยน้ำเสียงเคืองๆบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างแรงที่ถูกบอกว่าเป็นปู่


“ไม่เป็นไร ยังไงหน้าก็เด็ก”พูดจบผมก็เอียงคอส่งยิ้มหวานไปให้


ผมไม่โกรธเพราะมาเรียกผมแบบนั้นหรอกนะ


ยังไงหน้าก็เด็กอยู่ดี


“...ชิ”สุดท้ายตินก็ยอมแพ้แล้วเลิกสนใจผมที่ส่งสายตาแห่งชัยชนะไปให้


งานเลี้ยงในช่วงเที่ยงมียาวถึงช่วงค่ำของวันเลยทีเดียว ก่อนที่กายและจิมจะกลับห้องก็ยกกล่องของขวัญ4กล่องมาวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟากำมะหยี่ที่มีผมกับตินนั่งอยู่


“นี่เป็นของขวัญของคุณหญิง คุณชายกับคุณคินแล้วก็ของพวกเรา2คนครับ”กายอธิบาย


“อืม...ขอบคุณมาก”


“ครับ...ถ้างั้นเราขอตัวก่อนนะครับ ไปนะครับคุณแพน”


“ขอบคุณที่มาช่วยนะกายจิม ไว้เจอกัน”ผมโบกมือลาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม


พอกายและจิมกลับไปทั้งห้องก็เหลือผมกับตินอยู่สองคน บรรยากาศเงียบๆไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ตินก่อนจะเอียงหัวซบไหล่อีกฝ่ายที่ดูโทรทัศน์รายการข่าวอยู่


“วันเกิดเป็นไงบ้าง?”ผมถามคนด้านข้าง


“ก็ดีกว่าที่คิด”


“เห็นจิมบอกว่าคุณไม่ชอบให้จัดงานวันเกิดนี่”


“ใช่...เมื่อก่อนแม่ชอบจัดงานวันเกิดให้แล้วก็ชวนพวกนักธุรกิจมา มันน่ารำคาญจนไม่อยากยุ่งกับใคร...”


“ก็เลยทำหน้าตึงตลอกงานล่ะสิ”ผมพูดต่อให้


“...จิมบอกสินะ”


“อืม แต่งานวันเกิดนี้มีแค่4คน...คงไม่วุ่นวายหรอก”ด้วยจำนวนแค่นี้ยังรู้สึกเหมือนน้อยไปสักหน่อยด้วย


“แค่มีนายก็วุ่นเท่ากับคนสัก100คนได้”


“ไม่จริงสักหน่อย”ผมค้านเสียงดัง


แค่ผมคนเดียวจะวุ่นเท่ากับร้อยคนได้ยังไง


“จริง”ตินย้ำอีกรอบ


“แปลว่าตินไม่ชอบที่ผมวุ่นวายแบบนี้ใช่ไหม”ผมถามเสียงหง๋อย


“อืม...ไม่ชอบ...”


“แต่รักเลย”


“...”ประโยคต่อมาที่ดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสดที่หันมาสบทำเอาผมต้องเม้มปากแน่นเพื่อข่มความรู้สึกเขินอายที่เกิดขึ้น


ทำไมต้องเขินนะตัวผม


“แค่นายคนเดียวที่ถึงจะวุ่นวายยังไงฉันก็ยังรัก”


“แน่ใจนะ...ห้ามนอกใจด้วย”


“ฉันต้องพูดไหมไอ้ที่ว่าห้ามนอกใจน่ะ”ตินย้อนพลางหันมามองหน้าผม


“ผมก็ไม่เคยนอกใจสักหน่อย”


“อย่าคิดว่าจะลืมเจ้าของร้านไอศกรีมนั่นนะ”


“บอกแล้วไงว่าเขาไม่ได้จีบสักหน่อย”แถมผมเองก็ไม่ได้ชอบเขาด้วย


“แล้วถ้ามีคนจีบขึ้นมาจะทำยังไง?”ตินถามต่อ


“อืม...ต้องดูก่อนว่ามีเงินเลี้ยงผมรึเปล่า...”


“แพน”น้ำเสียงดุที่เรียกชื่อนั้นทำเอาผมถึงกับหลุดขำออกมา


“คิก...ผมล้อเล่นน่า จะบอกไปเลยว่ามีแฟนแล้ว”ผมบอกติบกลับไป


“ดีมาก”


“จะว่าไป...ผมไม่มีของขวัญอะไรให้ตินเลย ขอโทษนะ”ก็ว่าจะไปซื้อแต่ก็ไม่รู้จะซื้ออะไร


อีกอย่างก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้มอบของขวัญให้ด้วย


“ไม่เป็นไร...ของขวัญจากนายฉันได้รับมาแล้ว”


“หมายถึงอะไร”ผมยังไม่ได้ให้อะไรสักหน่อย


“การที่นายยังอยู่ข้างฉันมันถือเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุด”พูดจบริมฝีปากของตินก็ประกบลงมายังริมฝีปากของผมอย่างแนบชิด ความร้อนเพียงแค่สัมผัสเบาๆก็ทำให้ใบหน้าผมแดงขึ้น


ตินไม่หยุดเพียงแค่จูบเบาๆนั่น...เขาเริ่มรุกเข้ามาซึ่งครั้งนี้ผมก็ยอมให้อีกฝ่ายทำตามใจได้โดยไม่มีการขัดขืนใดๆ


“อื้อออ~...”เสียงครางดังขึ้นพร้อมๆกับสัมผัสที่เริ่มเปลี่ยนไป ความอ่อนโยนเริ่มกลายเป็นความรุนแรงทว่ากลับรู้สึกดีกับสัมผัสนี้อย่างบอกไม่ถูก


ตินรุกล้ำอยู่ไม่นานก็ถอนริมฝีปากออกให้ผมให้หยุดพักหายใจ แต่เพียงไม่กี่วินทีต่อมาริมฝีปากร้อนๆนั่นก็แนบสนิทลงมาอีกครั้ง...


อีกครั้ง...


และอีกครั้ง
.............................................................................

มาอัพแบบหวานขั้นสุดค่ะ

แต่งเองเขินเอง

อยากตะโกนออกมาดังๆเหลือเกินว่า...

"จะหวานเกินไปแล้วนะ!!"

สำหรับตอนนี้เราชอบประโยคที่แพนขอเลิกแต่ตินบอกว่าไม่อนุมัติมากเป็นพิเศษ

อย่างที่เคยบอกว่าว่าเนื้อเรื่องได้ได้วางไว้ให้ดราม่ามากแค่อยากให้มีอรรถรสใหม่ๆเข้ามาบ้างถือเป็นการพัฒนาฝีมือการแต่งของเราไปในตัวด้วยซึ่งคำผิดก็ยังมีมากมาย(เราไม่เก่งภาษาไทยนัก55)

ภูมิใจมากที่แต่งมาได้ถึงตอนนี้

ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามกันเสมอด้วยนะคะ

อีกประมาณ2ตอนเรื่องนี้ก็จะจบบริบูรณ์แล้วค่ะ

ติดตามกันจนจบเรื่องด้วยน้า

แล้วเจอกันใหม่ในตอนหน้า

บ๊ายบายค่ะ :bye2:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 28-10-2017 20:33:58
แพนนนนนนน แพนหายไปแล้วววววววว แพนที่เป็นเทพไม่มีแล้ว---
มีแต่แพนคนธรรมดา ฮือออ ดีใจด้วยนะติน แพนแพนอยู่กับนายแล้ว!!
 :mc4: :o8:

เป็นแฟนกันแล้ว ไม่ต้องกลัวจะหายไปเพราะรักกันอีกแล้ว เย้!
หวานกันเข้าไป หวานให้พอใจเลยค่ะ  555555555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-10-2017 20:40:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-10-2017 21:09:03
 :katai2-1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 28-10-2017 21:38:21
งื้อออออออออออเขินแทนแพนยังไงก็ไม่รู้
หวานมากกกกก
ใกล้จบแล้ว เร็วไปยังไม่อยากให้จบ
จะติดตามผลงานต่อๆไปจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 28-10-2017 22:02:45
ตอนที่แล้วแบบ เฮ้ย ! แพนจะหายไปจริงๆหรอ  :mew2:

พอมาอ่านตอนนี้ แบบ อะไร พอแสงสว่างหายไปเห็นผมดำๆ เลยแบบ ดีใจอ่ะ

ดีใจด้วยเลยยย. แพนยังอยุ่ 

ชอบตรงที่ถึงจะเป็นทวดของทวดของทวดอ่ะ แต่ก็หน้าเด็กนะ. 5555 :hao3:


รอตอนต่อไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 28-10-2017 23:10:27
ไม่ดราม่าดีแล้วค่าา
ชอบหวานนนนนๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 29-10-2017 01:09:37
ละมุนมากค่ะอยากอ่านจิมกับกายบ้างจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: dino94 ที่ 29-10-2017 03:23:18
ไม่ผิดจากที่คิดแต่ไม่หายไปเลยนี่ขำ555555 :katai2-1: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 29-10-2017 04:40:33
ตินคนขี้หึง555555 :m20:
สวีทกันไม่เกรงใจเลย เขินไปหมดแล้วจ้า :-[ :L1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-11-2017 05:45:05
แพนเป็นคนปกติแล้วจริงด้วย เริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย จนหมดพลัง
แพนน่ารักมากเลยค่ะ เป็นเทพไม่โกหกอะเนาะ เลยไม่เนียน 5555
ตินก็ทำซื่อไปอีก กลัวแพนน้อยใจ แล้วทำหวานกันแต่เช้านะ เขินเลยอะ

เป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 01-11-2017 12:39:36
โง้ยยยยย พี่ติณคนโหดหายไปไหนแล้วนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 02-11-2017 23:35:10
แวะมาส่อง
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 04-11-2017 10:54:41
แพนนี่น่ารักจริงๆ ไม่แปลกที่ตินจะหลงรัก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่21♣} 28/10/60 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 08-11-2017 00:34:27
อยากให้แพนเป็นเทพด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 11-11-2017 15:15:13
สัมผัส{❤}ครั้งที่22



“ฮืม...เพราะแบบนั้นนายเลยกำลังจะกลายเป็นมนุษย์สินะ”เสียงของเทพแห่งฤดูใบผลิเซ็นเง็นหรือเซ็น เพื่อนสนิทของผมเอ่ยขึ้นพลางยกแก้วชาขึ้นมาจิบ ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นนั่งไขว่ข้างราวกับเป็นเจ้าของสถานที่ ส่วนตินที่เป็นเจ้าของตัวจริงก็นั่งจิบกาแฟอยู่ข้างผมโดยไม่พูดอะไร


เมื่อช่วงสายที่ผ่านมาทั้งผมและตินเตรียมจะออกไปข้างนอกทว่ากลับมีร่างของเซ็นลอยเข้ามาทางระเบียง สาเหตุที่เซ็นมาก็เพราะเป็นห่วง แน่นอนว่าพอเห็นผมอยู่ในสภาพนี้ก็ต้องมีการอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นสักหน่อย


และพอเล่าจบก็เป็นอย่างที่เห็น


“อืม”ผมพยักหน้าตอบอีกฝ่ายกลับไป ที่น่าสนใจคือแม้ผมจะใกล้กลายเป็นมนุษย์ปกติแต่กลับสามารถมองเห็นเซ็นในร่างเทพได้ต่างจากตินที่ไม่สามารถมองเห็นจึงต้องให้เซ็นอยู่ในร่างมนุษย์แทน


“งั้นข้อห้ามที่ว่าก็เป็นจริงสินะ...เพียงแค่ไม่คิดว่าความหมายของคำว่าจะหายไปจะเป็นในรูปแบบนี้”เซ็นพูดโดยที่ดวงตาสีทองสว่างจ้องมายังร่างผมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม


“มองมากไปแล้ว”เสียงทุ้มของบุคคลที่นั่งเงียบมาตลอดดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสดที่จ้องเขม็งไปยังเซ็น


“อะไรๆ...ทำเหมือนหวง จะบอกว่าเป็นแฟนอีกรึไง”


“ใช่...แพนเป็นแฟนฉัน”ตินตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


“คิก...ยังพูดอะไรแบบนี้อีก จริงอยู่ที่จินกำลังจะกลายเป็นมนุษย์แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาตกลงจะเป็นนายสักหน่อย เนอะจิน”เซ็นพูดจบก็หันมาขอความเห็นผม


“เรื่องนั้นน่ะ...คือผมตกลงแล้วล่ะ”ผมตอบเซ็นไปตามตรง


“...ตกลงอะไร?”เซ็นนิ่งไปสักพักก่อนจะถามกลับมา


“ก็...ตกลงเป็นแฟนตินไง”


“จิน”


“...อะไร”เสียงเรียกดังลั่นนั่นทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง


“ก็รู้ว่านายรักมนุษย์นี่...แต่ยอมคบง่ายๆแบบนี้มันไม่ดีนะ”


“ไม่ดีเหรอ...จริงเหรอติน?”ผมหันไปถามคนข้างกายแทน


จะว่าไปการที่ผมรีบตอบตกลงมันก็ดูเหมือนง่ายจริงๆนั่นแหละ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะทำให้ยากไปทำไมในเมื่อยังไงความรู้สึกผมมันก็ไม่เปลี่ยนแปลง


“เชื่อที่หมอนั่นพูดเหรอ”


“ก็...เชื่ออยู่นะ”ยังไงเซ็นก็เป็นเพื่อนสนิทของผม


“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะง่ายหรือยาก...ที่รู้คือยังไงความรู้สึกเราก็เหมือนกันเพราะงั้นการจะเป็นแฟนกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”ตินบอก


“ไม่ๆๆ...ที่ฉันพูดคือก่อนที่นายจะเป็นแฟนกับจินได้เคยบอกชอบรึยัง”เซ็นพูดพร้อมกับชี้นิ้วใส่หน้าติน


“บอกแล้ว”


“...”ผมนั่งพยักหน้าเงียบๆ ตินเคยบอกแล้วจริงๆนั่นแหละ


“แล้วพาไปเดทล่ะ?”


“พาไปแล้ว”


“...”ใช่ๆ พาไปสวนพฤกษาศาสตร์


“งั้นบอกรักล่ะ?”


“ทำไปแล้ว”


“ขอคบล่ะ?”


“ขอแล้ว”ถึงตินจะตอบทุกคำถามแต่สังเกตก็รู้ว่าหน้าตินกำลังตึงขึ้นเรื่อยๆ


ยังไงนิสัยตินก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่แปลกที่จะไม่อยากบอกอะไรพวกนี้


“อะไรเนี่ย งั้นๆ จูบรึยัง”


“...จูบแล้ว”นิ่งไปสักครู่ตินก็จะตอบกลับไป คำตอบนั่นทำให้คนถามอย่างเซ็นถึงกับเบิกตากว้างแล้วหันควับมามองผมที่หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย


“จริงเหรอเนี่ย...ขอคำถามสุดท้าย”เซ็นลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมา1นิ้ว


“รีบๆว่ามา”ตินบอกพลางยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ


“ถ้าจูบแล้ว...งั้นทำกันรึยัง”


กึก


คำถามของเซ็นทำให้มือตินที่ถือแก้วอยู่ถึงกับชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นไปหาเซ็นด้วยแววตาที่ผมอ่านไม่ออกผิดกับเซ็นที่เห็นท่าทางของตินแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น


“หึหึ...ยังสินะ”


“ไม่เกี่ยวกับนาย”ตินตอบเสียงเรียบ


“หึหึ...ทำไม่เป็นก็พูดมา”


“บอกใครทำไม่เป็น?”ตินที่ได้ยินถึงกับหรี่ตาลงอย่างเคืองๆ


“บอกมนุษย์แถวนี้แหละ”


“เอ่อ...ขอโทษที่ต้องแทรกนะ คือที่ว่าทำนี่...คือทำอะไรเหรอ?”ผมค่อยพูดแทรกทั้งคู่ที่ทำท่าเหมือนกำลังจะกัดกันด้วยความเรียบร้อย ถ้ายกมือขออนุญาตได้คงทำไปแล้ว


“ฮะ?...เฮ้ยๆๆ...นี่นายอย่าบอกนะว่าไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกฉันคุยอยู่คืออะไรน่ะ”เซ็นหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงอึ้งๆ


“ก็ไม่รู้น่ะสิ”ถ้ารู้จะถามทำไม


“โอ้...เทพเจ้า ไม่สิ...ฉันนี่หว่าเทพเจ้าน่ะ...”ดูเหมือนเซ็นจะตกใจมากถึงขนาดพูดผิดพูดถูกแม้แต่ตินเองยังมองมาอย่างไม่เชื่อสายตา


 “...”ผมทำอะไรผิดเนี่ย


แค่ไม่รู้มันผิดขนาดนั้นเลยรึไง


“เอางี้นะจิน...ทำ ที่ว่าคือขั้นกว่าของจูบไง”เซ็นอธิบาย


“ขั้นกว่าของจูบ?”ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่


“ยากไปงั้นสิ...งั้นนายรู้ไหมว่ามนุษย์มีลูกกันได้ยังไง?”


“รู้สิ...ลูกเกิดจากมนุษย์2คนที่มีความรักอันลึกซึ้งต่อกัน”ผมตอบออกไปทันที เรื่องนี้ผมรู้


“แล้วความรักอันลึกซึ้งคืออะไรล่ะ?”


“...ไม่ใช่ว่าพอชายหญิงรักกันแล้วจะมีเองเหรอ?”ผมคิดก่อนตอบ แต่ในกรณีผมกับตินยังไงก็มีลูกไม่อยู่แล้ว


“...ฉันลืมไปได้ยังไงเนี่ยว่าวันๆนายก็เอาคลุกอยู่กับต้นไม้ไม่ก็น้ำตก เวลาว่างก็แอบไปกินของเซ่นไหว้ในครัว...จะออกไปดูมนุษย์ทีก็เฉพาะเวลาเทศกาล...ฉันขอโทษนะจินที่ไม่รู้ว่านายจะไม่รู้อะไรเลยแบบนี้”ระหว่างพูดเซ็นก็เข้ามาจับไหล่ผมพร้อมทำหน้าเหมือนกำลังร้องไห้


“ฮะ?...ไม่รู้คืออะไรเล่า”


“ก็วิธีสืบพันธ์ของมนุษย์ไง”คำพูดของเซ็นทำเอาผมเบิกตากว้างขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยรู้เรื่องนี้มาก่อนแต่เพราะไม่สนใจเลยไม่ได้จำ


จะว่าไปเรื่องลูกนั่นก็เป็นหนึ่งในเรื่องการสืบพันธ์ของมนุษย์นี่นา


ทำไมพึ่งมานึกออกกัน


แปลว่าทำที่สองคนนี้พูดกันก็คือ...


“พูดอะไรลามก!!”ผมตะโกนขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ


“อุ๊บ...ฮะฮะฮะ พึ่งมารู้เนี่ยนะ ยังดีที่เหมือนจะรู้อยู่บ้างไม่งั้นนายแย่แน่ติน”หัวเราะเสร็จก็หันไปคุยกับตินต่อ


“ก็ไม่ได้แย่ ดีซะอีก”


“อ้อ...แต่แบบนี้คงต้องสอนกันยาวเลยล่ะ”


“แล้วทำไม?”


“เปล่านี่...ยังไงจินก็รักนายไปแล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ แต่ถ้าดูแลไม่ดีฉันมารับจินไปแน่”ดวงตาสีทองสว่างที่ประสานกับดวงตาสีฟ้านั่นแสดงถึงความเอาจริงในสิ่งที่พูดออกไป


“หึ...ไม่มีวันนั้นหรอก”


“แบบนั้นก็ดี...โอ๊ะ...ป่านนี้แล้วเหรอ ฉันต้องไปละนะจิน...ดูแลตัวเองแล้วก็ถ้าว่างก็ไปหาพวกไดจิกับฉันที่ศาลเจ้าได้นะ”


“เซ็นตอนนี้อยู่ที่ศาลเจ้าคิตากามิเหรอ”ที่ผมถามออกไปเพราะก่อนหน้านี้เซ็นเป็นเทพที่ไม่อยู่กับที่เดินทางไปเรื่อยๆ จะได้เจอกันทีก็ปีละสองสามครั้งเท่านั้น


ไม่อยากเชื่อว่าเซ็นจะยอมอยู่เป็นที่ได้


“อืม...ที่นั่นก็ไม่เลว มิโกะก็งาม สาวๆก็เด็ด”


“เซ็น”


“พูดเล่นน่า...ฉันขอตัวดีกว่า อ้อ ได้ยินมาว่าครั้งแรกเจ็บเจียนตายระวังหน่อยนะ”ประโยคสุดท้ายถูกกระซิบข้างหูเบาๆก่อนที่เซ็นในร่างมนุษย์จะกลับร่างเทพแล้วจากไป


“...”เจ็บเจียนตายงั้นเหรอ


หมายถึงผม...


ฮะ?


“แพน...หมอนั่นพูดอะไร?”ตินถามหลังจากที่เซ็นหายตัวไปสักพัก


“เปล่านี่”ผมส่ายหัวเป็นคำตอบกลับไป


“แน่ใจนะ”


“อืม...ว่าแต่เราจะออกไปไหนกันไม่ใช่เหรอ?”ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะจำได้ว่าตินบอกจะพาไปที่ไหนสักแห่ง


ถามไปตั้งหลายรอบแล้วแต่ตินก็บอกแค่รอไปดูเอง


“นั่นสิ...ไปเถอะ...ฉันเรียกกายกับจิมแล้ว”ตินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์เพียงไม่นานก็เก็บไว้ในกระเป๋าตามเดิม


“อืม”


ผมเดินตามตินออกไปนอกห้อง ทั้งกายและจิมต่างก็มายืนรออยู่แล้ว...พวกเราทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่จะลงไปยังลานจอดรถ ไม่นานรถสีดำเงาก็แล่นไปตามถนนที่มีการจราจรค่อนข้างติดขัดเพราะเป็นช่วงบ่ายของวันหยุดสุดสัปดาห์


เส้นทางที่ขับผ่านเหมือนจะคุ้นแต่ก็ไม่คุ้น เรียกว่าจำได้รางๆว่าเคยมาแต่จำไม่ได้ว่าไปไหนกันแน่


“ติน...เราจะไปไหนกัน?”ผมถามเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้ว


“รอดู”


“ก็ตอบแบบนี้ตลอด...จิม เราจะไปไหนกันเหรอ?”เมื่อถามตินไม่ได้ผมก็เปลี่ยนเป้าหมายไปถามคนที่คาดว่าน่าจะตอบผมได้มากที่สุด


“เอ่อ...ถ้าคุณตินไม่บอกผมก็บอกไม่ได้หรอกครับ”จิมตอบพร้อมกับส่งยิ้มบางๆมาให้


“...”ผมพิงหลังเข้ากับเบาะรถแรงๆพร้อมกับพองลมในแก้มเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าตอนนี้ผมไม่พอใจอย่างแรง


“หึ...”การกระทำผมนอกจากทุกคนจะไม่เข้าใจแล้วตินยังส่งเสียงหึออกมาอีก แถมไม่ได้มาแค่เสียงแต่นิ้วชี้เองก็จิ้มมายังแก้มผมหลายๆรอบ


“สนุกเนอะ”


“อืม สนุกดี”


“ผมประชด”นี่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันเนี่ย


“หึ...จะถึงแล้ว”


“ไหนๆ”ผมรีบเปลี่ยนเป้าหมายจากตินไปยังกระจกรถด้านข้างแทน ทันทีที่รถเลี้ยวไปยังประตูรั้วสีทองอร่ามดวงตาสีเขียวอ่อนของผมก็เบิกกว้างขึ้น


คฤหาสน์ขนาดยักษ์ที่ถูกล้อมรอบด้วยรั้วสีทองและการรักษาความปลอดภัยชั้นยอดนั้นทำให้ผมรู้ทันทีว่าที่นี่คือที่ไหน สวนสีเขียวสุดกว้างกับทางเดินรถที่ถูกปูด้วยแผ่นหินสีสว่างรวมถึงตัวคฤหาสน์ขนาดใหญ่อันหรูหรานั่นผมเคยมาเยือนเมื่อตอนอยู่กับตินใหม่ๆ


“ติน...ที่นี่มัน...”


“พอจะเดาได้ใช่ไหม...”


“ไม่ต้องเดาก็รู้น่า ทำไมไม่บอกกันก่อนเล่า”ผมหันไปบ่นคนข้างกายที่ยังคงนั่งนิ่งๆราวกับไม่รู้สึกอะไรที่ได้เห็นคฤหาสน์อันใหญ่โตนี่


อ่า...ลืมไปเลยว่าตินเติบโตมาที่นี่ คงเห็นจนชินแล้วละมั้ง


“ถ้าบอกแล้วนายจะ?”


“...”ผมได้แต่เม้มปากแน่เพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไป


นั่นสิ ต่อให้บอกผมก็คงไม่ได้เตรียมตัวอะไรอยู่ดี


“เอาเถอะ...ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอก”พูดจบตินก็ยกมือลูบหัวผมไปมาเบาๆก่อนจะออกแรงขยี้จนผมต้องหันหลบสัมผัสนั่น


“บอกแล้วไงว่าอย่าขยี้แบบนั้น มันฟูหมดแล้วเห็นไหม”ผมรีบใช้มือจัดผมตัวเองให้เข้าที่อย่างด่วนๆ


“หึ...ลงมาได้แล้ว”ยังไม่ทันได้จัดผมรถยนต์สีดำสนิทก็จอดลงพร้อมกับตินที่เปิดประตูลงไป


“รอผมด้วยสิ”เพื่อไม่ให้หลงผมก็เลยต้องรีบวิ่งตามอีกฝ่ายลงไป


พวกเราเดินเข้ามาภายในตัวคฤหาสน์เงียบๆ ขนาดผมที่มักจะพูดไม่หยุดยังต้องเงียบเมื่อเจอกับบรรยากาศอันหรูหราตรงหน้า พื้นกระเบื้องสีเหลืองนวลเปล่งประกายระยิบระยับสร้างมูลค่าให้บ้านหลังนี้เพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง ทุกรั้งที่ก้าวเดิมผมก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังไปมองว่าผมเดินแรงไปรึเปล่า


ถ้าเกิดทำเป็นรอยต่อให้เป็นคนใช้สัก10ปีก็คงยังใช้หนี้ไม่หมด


“สวัสดีครับ พ่อ แม่...คินด้วย”เมื่อเดินไปถึงห้องโถงตินก็เอ่ยทักทายกับบุคคลภายใน กายและจิมเองก็เดินเข้าไปแล้วติดแค่ผมที่ใช้ตินเป็นกำแพงแล้วค่อยๆโผล่หน้าออกมาเจอครอบครัวของติน


สำหรับคินผมไม่ค่อยเกร็งหรอกแต่กับพ่อแม่ตินนี่สิ


“...สวัสดีครับ ผมชื่อแพน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”ผมแนะนำตัวโดยที่ยังใช้ร่างตินบังตัวเองไว้อยู่


“จะหลบทำไม...ออกมาเลย”ตินที่เห็นผมเกาะหลังไม่ปล่อยพยายามดึงผมให้ออกมา


“ไม่ๆๆ...เพราะคุณแหละไม่ยอมบอกว่ามานี่ผมเลยยังไม่ได้เตรียมใจเลย”ถ้าตอนนี้ผมยังมีพลังอยู่ก็คงจะกลับร่างเทพแล้วลอยไปมาแทนที่ต้องมายืนเกร็งแบบนี้


“แค่เจอครับครัวฉันมันจะต้องเตรียมใจอะไร...ออกมา”ตินบ่นด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อยก่อนจะคว้าแขนผมหมายจะดึงให้หลุดแต่ด้วยความพยายามส่วนตัวผมเลยใช้มืออีกข้างกอดเอวตินไว้แน่น



มีต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 11-11-2017 15:15:42
ต่อนะคะ



พวกเราใช้กำลังยื้อกันอยู่สักพักก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายหมดแรงถูกอีกฝ่ายจับให้มายืนต่อหน้าครอบครัวที่มองมาด้วยแววตาขบขันจนผมต้องหันไปส่งสายตาเคืองๆให้ติน


สภาพผมตอนนี้มันน่าดูนักรึไงโดยเฉพาะหัวที่ถูกขยี้จนฟูเหมือนรังนกเนี่ย


“คนใจร้าย”


“ก็จำไม่ได้ว่าเคยบอกว่าใจดี”ตินย้อยกลับด้วยใบหน้านิ่งๆ


“คุณทำแบบนี้กับแฟนตัวเองได้ยังไง”


“ก็เพราะเป็นแฟนถึงพามาแนะนำอยู่นี่ไง”


“จะพามาก็น่าจะบอกก่อน แล้วนี่อะไรเล่นมาขยี้หัวผมจนฟูไปหมด สภาพแบบนี้มันน่าให้คนอื่นดูไหมเล่า”ผมยังคงหันไปบ่นด้วยน้ำเสียงเคืองๆ


“ก็ไม่เห็นจะต่างจากเดิม”


“ตาตี่ยังไม่พอยังตาถั่วอีก”


“ว่าไงนะ”ตินหันมามองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง


“ก็ว่าคุณไงติน”


“แพน”


“ติน”


“อะแฮ่ม...แม่ว่าเราควรจะดีๆกันไว้ดีกว่านะ”เสียงของผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในห้องรับแขกพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม


ตายล่ะ ลืมไปเลยว่าไม่ได้อยู่คนเดียว


เผลอทะเลาะกันต่อหน้าครอบครัวตินซะได้


“...เพราะคุณนั่นแหละ”ผมอดไม่ได้ที่จะบ่นเพิ่ม


“หึ”ทำหน้าสะใจเสร็จก็เดินไปนั่งที่โซฟาปล่อยให้ผมยืนอยู่ตามลำพัง


“ติน...แล้วผมต้องทำยังไง”ผมรีบเอ่ยถาม


นี่ผมต้องยืนแบบนี้เหรอ


“คิดเองสิ”


“ติน...หยุดกวนสักนาทีจะตายรึไง”ตอนนี้ผมซีเรียสนะ


“หึ...ถ้าไม่อยากยืนก็มานี่”ฝ่ามือที่ตบลงบนโซฟานั่นทำให้ผมรีบเดินเร็วไปนั่งตัวรีบติดตินด้วยความเร็วสูง


งามหน้ามากเลยผม


ทำเรื่องหน้าอายลงไปซะเยอะด้วย


ขอย้อนเวลากลับไปแก้ใหม่ได้ครับครับพระเจ้า


“เป็นคนที่แปลกดีนะ”พ่อของตินพูดพลางมองมายังผมที่ขยับเข้าไปติดตินมากขึ้น


ที่ว่าแปลกนี่คือคำด่าหรือคำชมครับ


“เห็นด้วยเลยค่ะ...แต่ที่แปลกกว่าคือลูกเรา”ฝ่ายภรรยาก็หันไปพูดกับสามี


“นั่นสิ...พึ่งเคยเห็นทำหน้าแบบอื่นนอกจากหน้านิ่งๆแถมยังเถียงกันแบบนั้นอีก”


“เรายังไม่ได้แนะนำตัวเลยเนอะ เรียกฉันว่าแม่ก็ได้นะ...ได้ยินเรื่องของเรามาจากตาคินแล้วล่ะ”


“ผมพูดไม่ผิดเลยใช่ไหมครับ...คนนี้น่ะเป็นคนที่ทำให้พี่เปลี่ยนไป นอกจากจะนิสัยดีแล้วยังร่าเริงเหมาะกับพี่สุดๆ”คินเองก็รีบพูดสมทบ


“ก็เหมาะจริงๆแหละ...หนูแพนอายุเท่าไหร่เอ่ย”คำถามจากมารดาทำเอาผมต้องเงยหน้าขึ้นไปสบตาตินเพื่อหารือ


จะให้บอกตามจริงว่า300ปีก็ไม่ได้อีก


“จะ30แล้วครับ”ตินเป็นฝ่ายตอบแทน


“ฮืม?...หน้าเด็กจังเลยนะ แม่นึกว่าประมาณ25”


“ขอบคุณครับ...คุณแม่เองก็ดูไม่เหมือนผู้หญิงที่จะมีลูกแก่ขนาดนี้นะครับ”ผมจงใจย้ำว่าแก่ให้ตินได้ยินชัดๆ


“แหม...น่ารักจริงเชียว ตอนไปทำธุรกิจก็มีหลายคนบอกอยู่หรอกแต่คนในครอบครัวกลับไม่มีใครพูดเลย...หนูแพนมาเป็นลูกรักแม่มา”คุณแม่พูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง ถ้าลองสังเกตจะเห็นว่าใบหน้าออกแดงเล็กน้อยด้วย


“อ้าว แม่ครับ...พึ่งเจอไม่ถึง10นาทีจะให้เป็นลูกรักแล้วเหรอครับ”คินถึงกับประท้วง


“ของแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลานี่นา”คุณแม่พูดต่อ


“พ่อครับ...ช่วยผมหน่อย ตำแหน่งลูกรักผมกำลังโดนยึดครอง”คินหันไปขอให้พ่อช่วย


“เห็นว่าเธอเป็นลูกเสี้ยวสินะ”ครั้งนี้เป็นฝ่ายคุณพ่อที่ถาม


“ใช่ครับ”


“อยู่ต่างประเทศมาตลอดเลยเหรอ?”


“ครับ”ผมพยักหน้าตอบ


“สถานที่ที่ชอบไปล่ะ”


“ผมชอบพวกต้นไม้กับดอกไม้...เวลาส่วนมากของผมจะอยู่กับการซึมซับบรรยากาศเหล่านั้นและถ้ามีเวลาว่างก็จะไปพวกน้ำตก”ผมบอกออกไปตามความจริง


“เคยไปสวนพฤกษศาสตร์คิวที่กรุงลอนดอนรึเปล่า”


“ไม่เคยไปครับ”


“ที่นั่นเป็นสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเพราะนอกจากจะมีพรรณไม้มากมายแล้วยังมีการแบ่งโซนทั้งหมด8โซนโดยแต่ละโซนก็จะมีทั้งสิ่งปลูกสร้างและพรรณไม้ที่แตกต่างกัน  ปัจจุบันสวนคิวเป็นสวนที่มีต้นไม้สะสมจากทั่วโลกมากที่สุด นอกจากจะมีต้นไม้สะสมมีมากกว่า 30,000 ชนิดแล้วยังมีหอพรรณไม้ใหญ่ที่สุดในโลกและมีภาพวาดของต้นไม้มากกว่า 175,000 ภาพ อยากไปไหม?”ดวงตาสีฟ้าของคุณพ่อจ้องมาขณะถามผมที่กำลังทำตาเป็นประกาย


คำตอบงั้นเหรอ


ถึงไม่บอกก็น่าจะรู้นะ


“อยากครับ...อยากสุดๆเลยด้วยครับ”ผมตอบเสียงดังฟังชัด ท่าทางกระตือรือร้นของผมทำให้พ่อของตินยิ้มกว้างขึ้น


“ไว้จะพาไปนะลูกรัก”แล้วคุณพ่อก็ให้ผมเป็นลูกรักอีกคน


“ครับ”


“เฮ้ยๆ...เดี๋ยวสิพ่อ ไหง๋แพนกลายเป็นลูกรักพ่ออีกคนเล่า”คินที่ฟังอยู่ถึงกับลุกขึ้นยืนถามพ่อของตัวเอง


“มีลูกตั้งสองคนแต่คนแรกกลับอยู่แต่บริษัทกับแฟ้มเอกสาร ลูกคนที่สองก็เอาแต่เล่นเกมไม่เคยจะรับคำชวนเวลาพ่อจะพาไปศึกษาธรรมชาติเลยสักนิด...แต่ไม่เป็นไรตอนนี้พ่อมีคนที่จะไปด้วยแล้ว เนอะแพน”คุณพ่ออธิบายก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม


“แน่นอนครับ...ผมอยากไปสวนที่เล่ามาสุดๆเลย”ที่ทำอยู่ไม่ใช่การประจบแต่เป็นการพูดความจริงล้วนๆ


ต่อให้ไม่ใช่เทพอีกต่อไปแล้วผมก็ยังรักและชอบเล่าพืชพรรณและดอกไม้อยู่ดี


“ดี...งั้นฉันไปจองตั๋วเครื่องบิน...”


“ไม่ค่ะคุณ...ฉันจะพาหนูแพนไปชอปปิ้งที่ปารีส”คุณแม่ค้านเสียงแข็ง


“เขาอยากไปสวนคิวกับผมคุณก็ได้ยินนี่”


“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หนูแพนไปปารีสกับแม่ไหม ที่นั่นก็มีสวนพฤกษาศาสตร์เหมือนกันนะ”


“ได้สิครับ”ผมขานรับด้วยรอยยิ้มทันที่ได้ยินว่ามีสวนพฤกษาศาสตร์


“อย่าเอาของมาล่อเด็กสิคุณ”คุณพ่อหันไปบ่นแม่


“ล่อที่ไหนกัน ฉันพูดความจริงต่างหาก...ที่ปารีสเองก็มีสวนเหมือนกัน”


“คุณเหนื่อยง่ายนี่ เดินแค่15นาทีก็ต้องพักแล้ว...ไปสวนทั้งทีเอาแต่พักจะได้อะไรล่ะ แพน...เธอมากับฉันดีกว่า”และแล้วทั้งสองคนก็เริ่มทะเลาะกันด้วยผมเป็นสาเหตุ


“พอทั้งคู่แหละ”เสียงของตินทำให้พ่อและแม่ต่างเงียบลง


“อะไรตาติน?”


“ผมไม่คิดจะให้แพนไปกับใครทั้งนั้นแหละ...เขาเป็นของผม”ตินพูดพลางโอบเอวผมให้ขยับเข้าไปใกล้


“แม่ก็ไม่ได้แย่งลูกนี่ แค่ขอยืมตัวไปสัก2เดือน...”


“แค่2วันผมก็ไม่ให้”


“นี่ลูกเรากลายเป็นเด็กขี้หวงตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”คุณแม่หันไปถามสามีที่อยู่ข้างๆ


“เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน...ไม่แน่ว่าอาจขี้หวงตั้งแต่แรกแล้วก็ได้”


“นั่นสิ...ที่ผ่านมาไม่เคยรู้เพราะไม่มีสิ่งที่ทำให้หวงได้จริงๆสินะ”


“คนนี้จริงจังใช่ไหมติน?”คุณพ่อถามพร้อมกับสบตากับติน


“แน่นอนครับ...อีกอย่าง ผมก็ไม่เคยมีคนก่อนหน้านี้ด้วย”


“หึ...ลูกชายฉันคงทำให้เธอปวดหัวน่าดูเลยนะ”คุณพ่อยิ้มก่อนจะหันมาคุยกับผม


“สุดๆเลยครับ...คุณพ่อรู้ไหมว่าตินน่ะดื้อสุดๆเลย”


“ฉันไม่เคยเห็นเขาดื้อเลยนะ”


“จริงนะครับ...ทุกๆวันผมต้องคอยบอกว่าตินกินข้าว ต้องบังคับของบังคับเขาถึงจะยอมกิน”ได้โอกาสผมก็ฟ้องไม่หยุดแม้ว่ามือที่โอบเอวผมจะเริ่มเปลี่ยนมาเป็นบิดเอวแล้วก็ตาม


“อย่าอยู่ในโลกส่วนตัวสิครับ...นี่ผมกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้วเหรอ?”คินที่นั่งเงียบมาตลอดตะโกนถามขึ้น


“แหม...แม่ก็ล้อเล่นไปงั้นเอง อย่างอนเลยพ่อลูกชาย เดี๋ยวมื้อเย็นแม่จะจัดให้เต็มที่เลยเอาอะไรกันดีล่ะ”คุณแม่หันไปถามคินเป็นคนแรก


“ขอต้มย้ำครับ...แล้วก็อยากกินสตูด้วย”คินตอบ


“สตูทำตอนนี้จะทันไหมนะ...แม่ละลองดูนะ แล้วคุณเอาอะไรดีคะ?”


“ผัดผงกระหรี่กับผัดฉ่าก็ดี”


“ได้ค่ะ...แล้วตินล่ะ?”คุยกับคุณพ่อเสร็จก็หันมาถามตินต่อ


“ผมอะไรก็ได้...แพนจะกินอะไร?”ตินหันมาถามผมบ้าง


“ผมกินได้ทุกอย่างครับ ยังไงฝีมือคุณแม่ก็ต้องอร่อยสุดๆอยู่แล้ว”ผมพูดพร้อมยิ้มกว้าง


“อุ๊ย...พูดแบบนี้แม่จะทำสุดฝีมือเลย”


“พี่ติน...แฟนพี่กำลังจะแย่งตำแหน่งผมแล้ว”คินฟ้องตินด้วยใบหน้าอมยิ้ม


“หึ...ก็แย่งคืนซะสิ”


“พูดเหมือนง่ายเลยเนอะ”


“ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอก จะว่าไปเรื่องอาริศาเป็นไงบ้าง”ตินเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปสบตากับน้องชายที่ลุกขึ้นมานั่งยังโซฟาตัวเดียวกัน


“ตอนนี้กำลังจีบอยู่...ดูเหมือนว่าเธอเริ่มสนใจผมหน่อยๆแล้วด้วย”คินตอบด้วยร้อยยิ้มกว้าง


“ก็ดี”


“ดีสุดๆเลยพี่ ผมกะว่าวันหยุดนี้จะพาไปเดทที่สวนสนุกสักหน่อย พี่ว่าเป็นไง?”


“เสียงดัง น่ารำคาญ”ตินตอบแบบไม่ต้องคิด ผมที่ฟังอยู่ถึงกับส่ายหน้าเบาๆ...คินถามผิดคนแล้ว สำหรับตินสถานที่ที่มีคนเยอะๆเป็นสิ่งที่ตินไม่ชอบที่สุด


“มันเป็นที่เดทขึ้นชื่อเลยนะ แล้วตอนพี่พาแพนไปเดท พาไปไหนล่ะ?”คินถามบ้าง


“สวนพฤกษาศาสตร์”


“...ก็ดูเหมาะกับคู่พี่ดีนะ คนนึงไม่ชอบคนเยอะๆอีกคนชอบต้นไม้...เป็นสถานที่ที่ลงตัวดี”


“ไม่ต้องมาพยายามชมคิน”ดูจากคำพูดของคินตินคงรู้แล้วล่ะว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามหาคำชมอยู่


“แหม...ก็ไม่ได้พยายามอะไรสักหน่อย...ฮืม?”ระหว่ากำลังพูดคุยกันอยู่โทรศัพท์ของคินก็สั่นทำให้เจ้าของอย่างคินขอตัวออกไปรับ พอกลับเข้ามาก็บอกว่ามีเรื่องต้องรีบทำแต่จะกลับมาให้ทันข้าวเย็น


เพราะเหตุนั้นตินก็พาผมออกมาเดินเล่นระหว่างที่คุณแม่เข้าไปเตรียมอาหารอยู่ในครัว บรรยากาศของสวนอันเต็มไปด้วยต้นไม้ทำให้ผมรู้สึกดีจนยิ้มออกมาตลอดทาง ไม่ใช่แค่ต้นไม้แต่ยังมีสวนดอกไม้ทั้งดอกกุหลายหรือดอกดาวเรืองช่วยให้การเดินชมสวนมีสีสันมากขึ้น


ผมกับตินเดินด้วยกันแค่ช่วงแลกเพราะตอนหลังมีคุณพ่อเข้ามาสมทบ ดูเหมือนว่าคุณพ่อจะเป็นคนที่รักธรรมชาติมากและต้นไม้ทั้งหมดของที่นี่ก็ได้คุณพ่อนี่แหละเลือกมาจากทั้งในและต่างประเทศด้วยตัวเอง


ผ่านมื้อค่ำแสนอร่อยไปอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยตลอดหลายชั่วโมงผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียงหลังอาบน้ำเสร็จพลางลูบพุงที่ยื่นออกมาเนื่องมาจากกินมากเกินไป เตียงในห้องของตินยังคงกว้างและนุ่มจนผมกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความสนุกสนาน


แกร็ก


“...ทำอะไรน่ะ?”ตินถามเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วเห็นผมกำลังกลิ้งไปมาบนเตียง


“ออกกำลังกายไง...กินมากไปจนแน่นท้องไปหมดแล้ว”ผมพึมพำก่อนจะพลิกตัวนอนหงาย


“คราวหน้าก็อย่ากินเยอะ อย่าลืมสิว่าตอนนี้นายไม่เหมือนเดิมแล้ว”พูดจบตินก็ขึ้นมาอยู่บนเตียงโดยก้มหน้าลงมาหาผม


ดวงตาสีฟ้าสดจ้องประสานกับดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเหมือนกับกำลังจะบอกอะไรบางอย่างแต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรก็ถูกริมฝีปากของตินประกบลงมา ความร้อนของการสัมผัสมันสร้างอารมณ์บางอย่างให้เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว


“อื้ออ~...”ยิ่งถูกริมฝีปากนั่นรุกเร้าผมก็ได้แต่เชิดหน้าขึ้นเพื่อยอมรับสัมผัสนั้นมากกว่าเดิม ฝ่ามือของตินถกเสื้อผมขึ้นพร้อมกับลูบไล้หน้าท้องแนบราบไปมาสักพักก่อนจะเลื่อนสูงขึ้นมายังแผ่นอก


ร่างของตินขยับมาคร่อมผมไว้ทั้งที่ริมฝีปากเรายังแนบสนิท ไม่นานจูบอันยาวนานก็จบลง...ตินให้ผมได้พักหายใจแต่ไม่ยอมปล่อยเวลาให้เสียเปล่า


“อ๊ะ...อื้ออ~...”ลำคอขาวถูกขบเม้มไล่ลงมาจนถึงแผ่นอกที่กระเพื่อขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะตามการหายใจที่ตอนนี้กำลังถี่รัว
สัมผัสที่ไม่เคยได้รับมาก่อนทำให้หัวผมขาวโพลนไปหมด ทุกที่ที่ถูกริมฝีปากขบเม้มและพรหมจูบไปทั่วมันรู้สึกดีราวกับกำลังจะขึ้นสวรรค์


“อ๊า...ติน...ทำอะไร...อ๊ะ...”ผมถึงกับครางลั่นเมื่อตินใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ยังส่วนกลางลำตัวที่กำลังตื่นตัวขึ้นอย่างน่าอาย การลูบไล้นั่นทำเอาแทบไม่รับรู้อะไรนอกจากความรู้สึกดีที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ


“ออกกำลังไง...จะได้หายแน่น”ตินบอกพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์


“...ไม่...อย่าขยับมือ...อื้ออ”ยิ่งมือนั้นขยับเร็วขึ้นร่างกายผมก็ตอบสนองโดยการบิดเร้าไปมา สัมผัสอันเปียกชื้นของน้ำลายบนแผ่นอกสร้างความปั่นป่วนให้เพิ่มเป็นทวีคูณ


กางเกงที่สวมใส่ไม่รู้ว่าถูกปลดออกไปตั้งแต่ตอนไหน สิ่งที่รู้คือแรงของมือที่ขยับโดยไม่สนใจเสียงครางห้ามนั่นทำเอาผมสั่นไปทั้งร่าง


“อ๊ะ...ติน...ผม...อึก...หยุดมือ...มันแปลกๆ...”ผมร้องห้ามอีกรอบ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีอะไรกำลังจะปะทุออกมา


ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย


ทั้งที่ใจนึงกลัวแต่พออีกฝ่ายเป็นตินผมกลับรู้สึกดี


“ไม่เป็นไร...ปล่อยออกมา...แพน”น้ำเสียงที่กระซิบบอกมันไม่เหมือนยามปกติ เสียงนั่นมันทำให้ผมหลับตาแน่นแล้วปล่อยตามที่ตินบอก


“อื้ออ~...”อารมณ์ทุกอย่างปะทุออกมาพร้อมกับร่างผมที่กระตุกเล็กน้อย


“แพน...เลิกทำหน้ายั่วเดี๋ยวนี้นะ”ดวงตาสีฟ้ามองมายังร่างที่เปลือยเปล่าของผมด้วยแววตาที่เหมือนสัตว์ร้ายกำลังจ้องตระครุบเหยื่อ


“ผมไม่ได้ทำ...อ๊ะ เจ็บ”ยังไม่ทันพูดจบสัมผัสของนิ้วที่ค่อยๆเข้ามายังช่องทางด้านหลังทำเอาดวงตาสีเขียวอ่อนของผมเบิกกวางขึ้นเพราะความเจ็บที่เด่นชัดขึ้นมา


คำพูดของเซ็นผุดเข้ามาในหัวทันที


ครั้งแรกเจ็บเจียนตาย


“ไม่นะ...ไม่เอา”ผมดิ้นแล้วผลักตินออกไปสุดแรง


ไม่อยากเจ็บ


“แพน...เป็นอะไร?”


“อึก...ไม่เอา...มันเจ็บ...อย่าทำเลยนะ”ผมพยายามร้องขอด้วยร่างกายสั่นๆ


“...แพน”


“เจ็บ...ไม่เอานะติน”


“เข้าใจแล้ว...ไม่ทำต่อก็ได้...แต่ขอแค่ข้างนอกคงได้ใช่ไหม?”คำพูดของตินกำลังจะทำให้ผมยิ้มออกถ้าไม่ติดประโยคต่อมาละก็นะ


“หมายถึงอะไร?...อ๊ะ...”เป็นอีกครั้งที่มือขึ้นตินขยับลูบไล้ส่วนกลางลำตัวผมเพียงแต่ครั้งนี้กลับมีอีกสิ่งที่ร้อนกว่ามือมาสัมผัสแนบชิดด้วย


“อ๊ะ...ร้อน...”อย่าบอกนะว่า...


ของตินเหรอ


“อ่า...แพน...”แรงขยับและเสียดสีกันไปมาสร้างความเสียวซ่านให้เพิ่มขึ้น เสียงอันเต็มไปด้วยอารมณ์ของตินทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก


“ติน...อ๊ะ...ติน...”ส่วนร้อนที่สัมผัสกันไปมาเรียกเสียงครางของผมได้ทุกครั้ง


ใบหน้าของตินที่ขมวดคิ้วแน่นดูเหมือนกำลังทรมานผมเลยค่อยๆเอื้อมมือตัวเองขึ้นไปลูบบริเวณนั้นเบาๆแล้วส่งยิ้มบางๆไปให้ ตินที่เห็นก็เม้มปากแน่นก่อนจะเร่งความเร็วของมือให้มากขึ้นไปอีก


“จะยั่วกันเหรอแพน”


“อื้ออ...เปล่านะ...อ๊ะ...จะไม่ไหวแล้ว”


“อืม...พร้อมกันแพน”


“อ๊ะ...ไม่รู้...อื้ออ”ทุกอย่างรบตัวมันขาวโพลนไปหมดเมื่อปลดปล่อยออกมา ไม่เพียงแค่ของตัวเองแต่ยังมีของตินที่เลอะหน้าท้องอยู่อีก


แค่คิดก็อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีแล้ว


“เก่งมาก”น้ำเสียงของตินดูอบอุ่นกว่าทุกครั้ง


“ติน...”ทันทีที่ความร้อนรุ่มนั่นหายไปความง่วงที่มีอยู่ๆก็เพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ถ้าหลับตาผมต้องหลับไปอย่างรวดเร็วแน่


“นอนซะแพน”ตินบอกพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่ประทับลงบนหน้าผาก


และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนสติจะหายไป
.................................................................................

มาต่อแล้วค่าา

ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายของการฝึกงานซึ่งค่อนข้างยุ่งมาทีเดียว

แต่รับรองว่าไม่ทิ้งค่ะ

ตอนหน้าเองก็จะเข้าสู่ตอนจบของเรื่องแล้ว

ต้องขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้กันมาตลอดนะคะ

หวังว่าตอนนี้จะทำให้ทุกคนฟินกันได้นะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 11-11-2017 15:36:21
ตินๆนกเพราะเซ็นเลยนะ ไปขู่(?)แพนทำไม 55555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-11-2017 16:32:51
55555 น่ารักดี

ตินขี้หวงมาก แล้วก็ทำเข้มไปงั้นแหละ แต่ใจจริงละลายแล้ว
แพนน่ารักมาก ช่างพูด แล้วดูยังไม่ชินกับการใช้ชีวิต คิดอะไรเลยพูดออกมาหมด

พ่อแม่ตินตลกดี แหย่ลูก อบอุ่นดีค่ะ ไม่กีดกัน และก็เข้าใจ

เอิ่มมม เพราะเซนเลยนะ มาจั่วไว้ทำไมล่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้ฝึกงานผ่านไปด้วยดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-11-2017 18:14:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-11-2017 19:01:07
เซ็น วางระเบิดทิ้งไว้ก่อนไป :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-11-2017 19:06:11
รอไปก่อนนะติน สักวันคงได้กิน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-11-2017 20:03:56
แพนน้อย กลายเป็นลูกรักไปแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-11-2017 21:45:21
ถ้าตินรู้ว่าพลาด...เพราะท่านเทพเซ็นขู่ไว้ คงมีวางมวยกันแน่ๆ 55555555
แพนน่าร๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 11-11-2017 23:47:36
ตินน่ารักกก ไม่ฝืนใจกัน อดทนให้อีก แพนต้องค่อยๆปรับตัวน้าา ครอบครัวตินกะน่ารัก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-11-2017 01:15:29
 o13

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-11-2017 23:13:36
      ตินโหมดนี่ก็น่ารักไปอีกแบบนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 16-11-2017 19:02:45
แพนน่ารักจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งที่22♣} 11/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 20-11-2017 23:33:39
ครอบครัวตินน่ารักมากกก
แพนน่ารักที่สุดดด
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 25-11-2017 20:30:30
สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย



เมื่อวันหยุดผ่านพ้นไปก็เข้าสู่วันแรกของการทำงานอีกครั้ง หลายอาทิตย์ผ่านไปตั้งแต่กลับมาจากการไปหาครอบครัวตินยังคฤหาสน์หลังยักษ์นั่น ทั้งผมและตินต่างตื่นเช้าและเตรียมตัวที่จะออกไปทำงาน ทั้งเสื้อเชิ้ต เสื้อนอก เนคไท กางเกงขายาวและรองเท้าหนังล้วนเป็นการแต่งกายของตินในทุกๆที่ต้องออกไปทำงาน


การแต่งตัวนั่นแค่เห็นผมก็รู้สึกร้อนแทนแล้ว


อากาศของประเทศใช่ว่าจะหนาว สวมเสื้อแขนยาวขนาดนั้นคงเหมือนกำลังถูกอบอยู่ชัวร์ๆ


ถึงจะบ่นแบบนั้นแต่ตินในชุดเต็มยศแบบนั้นก็ทั้งหล่อและดูดีสุดๆ


“มองอะไร?”ไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นคำทักทายหรือคำกวนยามเช้ากันแน่


“มองคนแก่”และเพราะผมคิดว่ามันเป็นคำกวนเลยต้องขอกวนกลับสักหน่อย


“ฉันก็ไม่ได้อายุมากขนาดเรียกว่าแก่นะ”ตินหันมามองผมด้วยสายตาเคืองๆ


“ก็ชอบทำคิ้วขมวดนี่”


“มันเป็นนิสัย”


“ขืนติดเป็นนิสัยได้เหมือนคนแก่จริงๆแน่...อย่าเครียดนักสิ”ผมบอกพลางเอื้อมมือไปลูบระหว่างคิ้วของตินเหมือนอย่างทุกที


“ถ้าไม่อยากให้เครียดก็ยอมเป็นของฉันอย่างสมบูรณ์สักทีสิ”


“...”คำพูดของตินทำให้ผมยืนเงียบไป


ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นตินก็เริ่มรุกผมหนักขึ้นแต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ไม่ยอมทำจนถึงที่สุดสักที จากการกระทำของตินทำให้ผมรู้ว่าการร่วมรักระหว่างชายและชายเป็นยังไง แต่แค่รู้ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอม


ความเจ็บของนิ้วที่เข้ามาเมื่อครั้งก่อนยังตรึงอยู่ในความทรงจำ


คำพูดของเซ็นที่ว่าครั้งแรกเจ็บเจียนตายเองก็เหมือนกัน


ผมไม่รู้ว่ามนุษย์จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กันแบบนั้นเหรอ คำว่าแฟนไม่ใช่ว่าคือการได้อยู่ด้วยกันในทุกๆวันอย่างมีความสุขหรอกเหรอ ผมไม่เข้าค่อยเข้าใจเรื่องนี้นักเพราะยังไงผมก็พึ่งเป็นมนุษย์ได้ไม่นาน


แม้ว่าจะเฝ้าดูมนุษย์มาหลายร้อยปีแต่ก็ใช่ว่าจะเข้าใจในตัวมนุษย์


อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แค่เข้าใจตัวเองยังยาก


“แพน”


“ฮืม?”ผมเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงเรียก


“อย่าทำหน้าแบบนั้น...ฉันขอโทษ”อยู่ๆตินก็พูดขอโทษด้วยใบหน้าสำนึกผิด ฝ่ามืออุ่นๆถูกยกขึ้นลูบใบหน้าผมไปมาราวกับจะใช้แทนคำขอโทษ


“ติน...ขอโทษทำไม”ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาขอโทษในเมื่อตินยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย


“ฉันทำให้นายคิดมาก”


“ผมเปล่า...”


“อย่าโกหกฉันแพน...ฉันรู้ว่าตัวเองทำให้นายต้องคิดมากเพราะคำพูดของฉัน”


“ติน...”


“แต่ถึงฉันจะขอโทษแต่ก็ยังอยากจะบอก...ฉันอยากได้ทั้งร่างกายและหัวใจของนาย”


“...ติน”คำว่าร่างกายทำเอาภาพเห็นการณ์ครั้งก่อนผุดเข้ามาในหัวอีกครั้ง


“ฉันรู้ว่าไม่ควรเร่งรัดเพราะยังไงนายก็ยังไม่ไม่มีประสบการณ์ แต่ฉันคิดว่าตัวเองอาจทนไม่ได้นานกว่านี้”ตินพูดเสียงเครียด


“หมายความว่ายังไง”ทนไม่ได้นานคืออะไร


“ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนแบบนี้...การที่ได้อยู่กับนายในทุกๆวันมันทำให้ฉันมีอารมณ์ ยิ่งทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกแล้วมีหลายคนจับจ้องมายังนายยิ่งทำให้ฉันทั้งหึงและหวง...ฉันอยากจะเป็นคนเดียวที่ได้ครอบครองนาย...เข้าใจไหมแพน”คำอธิบายดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสดที่จ้องมาอย่างจริงจัง


“พวกเขามองคุณรึเปล่า”ส่วนมากที่เดินด้วยกันผมก็เห็นแต่สาวๆส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดใส่ไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจผมเลย


คิดมากไปแล้วมั้งติน


“ไม่ได้มองฉัน...สายตาของพวกผู้ชายมันหยุดอยู่ที่นาย”


“แต่ผมไม่ได้ชอบพวกเขาสักหน่อย”


“ฉันรู้เรื่องนั้นดี เพียงแต่มันก็ยัง...ช่างเถอะ ฉันจะไม่เร่งรัดนายแล้ว”อยู่ตินก็ใช้มือเสยเส้นผมสีดำสนิทที่ปกหน้าอยู่ขึ้นพร้อมกับบอกออกมา


“ติน...”


“อย่าคิดมากกับคำพูดฉันแพน...เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกมาก ฉันผิดที่รีบร้อนเอง”


“อืม”ผมพยักหน้าเบาๆขึ้นลงเป็นการตอบ


พวกเรานั่งรถสีดำเงาที่มีจิมและกายเป็นคนขับ บนถนนในช่วงนี้รถติดอย่างหนักจนเรียกได้ว่าแทบไม่ขยับเลยทีเดียว ระหว่างที่นั่งอยู่ผมก็นึกได้ว่ามีเรื่องอย่างคุยกับตินอยู่อีกอย่าง


“นี่ติน”ผมเรียกคนนั่งกอดอกด้วยใบหน้าตึงๆเนื่องด้วยการจราจรติดขัด


“อะไร?”เจ้าของชื่อหันกลับมาถาม


“เอ่อ...ผมมีเรื่องอยากขอ...จะได้ไหม?”


“ขอ?...ลองว่ามาก่อน”ตินที่ได้ยินก็ขยับตัวให้อยู่ในท่าทางที่สบายมากขึ้นราวกับกำลังจะตั้งใจฟังสิ่งที่ผมกำลังจะบอก


“คือ...จะว่าอะไรไหมถ้าผมอยากทำงาน...”


“ไม่ให้”ยังไม่ทันพูดจบตินก็พูดแทรกอย่างรวดเร็ว


“ทำไมล่ะ”ผขยับเข้าไปใกล้พร้อมถามเหตุผล


“ฉันขอถามว่าทำไมกลับไปเลยแพน”


“ฮะ?”หมายถึงอะไร


“ฉันอยากรู้ว่าทำไมถึงคิดจะขอไปทำงาน”


“ก็ทุกวันนี้ผมเอาแต่เดินวนอยู่ในห้าง ไม่ก็นั่งเล่นในห้องคุณ...ผมเลยคิดว่าตัวเองเอาเปรียบคุณเกินไปรึเปล่า ตินต้องทำงานเครียดทุกวันแต่ผมกลับใช้ชีวิตสบายๆ”แถมยังมีเงินใช้ไม่จำกัดอีก


ผมต่อประโยคต่อมาในใจ


“อย่าคิดแบบนั้นแพน...นายไม่ได้เอาเปรียบอะไร ทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการทั้งนั้น”ตินค่อยๆอธิบาย


“สิ่งที่ตินต้องการ?”


“ใช่...ในตอนนี้ฉันมีทั้งเงิน มีทั้งอำนาจ มีทุกๆอย่างแม้แต่ทรัพย์สมบัตินี่ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ยังไม่หมด ดังนั้นฉันมีสิทธิ์ที่จะให้สิ่งเหล่านั้นกับคนที่อยากจะให้ซึ่งก็คือนาย”


“ติน...”


“เพราะงั้นอย่าคิดว่าเป็นการเอาเปรียบ...ฉันให้เพราะฉันอยากให้ มันก็แค่นั้น”


“ถึงตินจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็อยากลองทำงานดู ผมยากรู้ว่าการหาเงินแต่ละบาทมันยากขนาดไหนเพื่อจะได้ใช้มันอย่างรู้คุณค่า”ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนคงไม่อยากรู้เรื่องพวกนี้


วงจรชีวิตขิงมนุษย์ผมไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนัก


แต่ในตอนนี้ผมก็เป็นหนึ่งในมนุษย์จึงอยากรู้ในหลายๆอย่างที่ไม่เคยได้รู้


ผมอยากเข้าใจความเหนื่อยยากของติน


อยากเข้าใจว่าทำไมเขาถึงมักขมวดคิ้วแน่นอยู่เสมอ


ถ้าสาเหตุมันมาจากการทำงานผมก็อยากจะช่วยแบ่งเบา


ต่อให้ผมจะไร้ประสบการณ์ก็ตาม


“ถึงจะอ้างเหตุผลฉันก็ไม่ให้อยู่ดี”


“ตินอ่า...ทำไมล่ะ”


“ก็บอกแล้วไงว่าฉันมีเงินเยอะ ช่วยๆใช้น่ะดีแล้ว”


“แต่ว่าผมอยากลองทำงานนี่ อยากช่วยติน”ผมบอกคำสุดท้ายออกไปเบาๆพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีฟ้าสดตรงหน้า


“แพน”


“นะ...ให้ผมได้ลองทำอะไรเพื่อคุณบ้างเถอะ”ชีวิตในตอนนี้เหมือนอยู่ไปวันๆโดยที่ตินมีทั้งเป้าหมายและสิ่งที่จะทำ ไม่เหมือนกับผม


“เฮ้อ...ถ้าฉันไม่ตกลงก็คงจะไม่ยอมรามือง่ายๆสินะ”เสียงถอนหายใจยาวกับมือที่จับหน้าผากไว้นั่นแสดงว่าตินกำลังคิดอย่างหนักว่าจะทำยังไง แต่ดูจากท่าทางตินกำลังใจอ่อน


“อืม...ถ้าไม่ยอมผมก็จะตามตื้อไปเรื่อยๆจนกว่าจะยอมเลย”


“แล้วถ้ายังไม่ยอมอีกล่ะ”


“ถึงตอนนั้นก็จะประท้วงโดยการอดข้าว”ผมพูดสิ่งที่คิดออกไปด้วยใบหน้าจริงจัง


“กี่มื้อดีล่ะ”


“มื้อนึง อ๊ะ ไม่ใช่เป็นมื้อสิผมจะอดเป็นวันเลย”พูดแบบนี้จะดูถูกผมเกินไปหน่อยแล้ว


อดแค่มื้อเดียวมันไม่เรียกว่าประท้วงหรอกนะ


“หึ...อย่างนายอดแค่มื้อเดียวก็ถึงตายแล้ว”ตินพูดพลางยกยิ้มขึ้น


“ไม่จริงสักหน่อย”ผมอดได้เหอะ


“ฉันไม่อยากได้ยินเสียงท้องร้องของนายหรอกนะ”คำพูดของตินทำให้ผมตาลุกวาวด้วยดีใจ


“หมายความว่า...”


“เอาแฟ้มเอกสารจากกายและจิมมาให้ฉันที่ห้อง...คงทำได้นะ”


“แน่นอน”เรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว


“ดี...งั้นก็ตามนี้”


“แต่แบบนั้นมันเรียกทำงานเหรอ”แค่ช่วยเอาแฟ้มเอกสารมาให้เนี่ยนะ


“ทำงานสิ”


“อืม...เข้าใจแล้ว”ถ้าตินพูดอย่างงั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว


เมื่อมาถึงยังห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ทำงานทั้งกายและจิมต่างก็แยกย้ายกันไปทันทีที่มาถึงทำให้มีเพียงผมและตินที่อยู่ในลิฟต์เท่านั้น โดยปกติตินมักจะขึ้นไปทำงานโดยเริ่มจากบันไดเลื่อนที่สูงถึงชั้นที่10ก่อนจะต่อลิฟต์อีกทีแต่วันนี้กลับไม่ใช่อย่างที่เคยเพราะนอกจากจะไม่ขึ้นบันได้เลื่อนแล้วยังใช้ลิฟต์สำหรับลูกค้าอีก


“ติน...เราจะไปไหนเหรอ?”ผมถามหลังจากที่เดินตามหลังอีกฝ่ายออกมาจากลิฟต์ในชั้น3


“ไปซื้อของให้นาย”


“ซื้อให้ผม?...แต่ชั้นนี้ไม่ใช่ชั้นอาหารนี่”ผมบอกพลางเร่งเท้าเดินไปขนาบข้างติน ถ้าจะซื้อของให้ผมสิ่งเดียวที่คิดได้คือของกิน แน่นอนว่าชั้นที่มีอาหารเป็นชั้น7และ8ไม่ใช้ชั้น3ที่เป็นพวกของอิเล็กทรอนิกแบบนี้


“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะซื้อของกินให้นี่”ตินหันมาบอกเสียงเรียบ


“งั้นจะซื้ออะไรให้เหรอ”จาหที่มองคงไม่ใช่พวกเสื้อผ้าด้วย


“ตามมาเดี๋ยวก็รู้”พูดจบตินก็ก้าวยาวๆเข้าไปยังโซนของโทรศัพท์มือถือหลากหลายยี่ห้อ


สองข้างทางมีร้านค้าเล็กๆตั้งขายพวกโทรศัพท์อยู่เกือบ30ร้านได้ ร้านที่ตินตรงเข้าไปเป็นร้านขนาดใหญ่ที่อยู่เกือบริมสุด...แค่ดูจากภายนอกก็รู้ว่าที่นั่นเป็นศูนย์ใหญ่ของโซนโทรศัพท์แน่เพราะภายในมีตู้กระจกสำหรับจัดวางโทรศัพท์แต่ละยี่ห้อวางเรียงอยู่เต็มร้าน และไม่ใช่แค่โทรศัพท์แต่ยังมีพวกโน้ตบุกหรือคอมพิวเตอร์อีกด้วย


“คุณคนาธิป...สวัสดีครับ”ผู้ที่คาดว่าเป็นเจ้าของร้นวิ่งมาต้อนรับด้วยความนอบน้มทันทีที่เห็นตินเข้าไป


“อืม...ขอดูโทรศัพท์รุ่นใหม่หน่อย”ตินหันไปบอก


“ได้ครับ...สำหรับรุ่นใหม่ของทุกยี่ห้ออยู่ทางนี้เลยครับ”เจ้าของร้านนำทางมายังตู้กระจกที่อยู่ติดหน้าร้าน


“ฉันขอดูสักพัก”


“ครับ...ต้องการอะไรสามารถบอกได้นะครับ”พูดจบเจ้าของร้านก็เดินกลับไป


“ตินๆ”ผมเดินเข้าไปหาพร้อมดึงเสื้อนอกนั่นหลายๆครั้ง


“อะไร”


“ไหนบอกจะซื้อของให้ผมไง ไหง๋มาเลือกโทรศัพท์เล่า”


“ฉันจะซื้อโทรศัพท์ให้นาย”


“พูดจริง?”ผมถึงกับตาโตเมื่อได้ยินคำพูดนั่น ตั้งแต่ที่เกิดมาก็ไม่เคยได้ใช้พวกของแบบนี้เลยสักครั้งเดียว ยังไงตัวผมที่เป็นเทพก็ไม่จำเป็นต้องโทรหาใครอยู่แล้ว ไม่เหมือนอย่างมนุษย์ในปัจจุบันที่แต่ละคนต่างมีโทรศัพท์ติดตัวกันตลอด บางคนเองก็ไม่ได้มีแค่เครื่องเดียวด้วย


“อืม...อยากได้เครื่องไหน”ตินถามพลางมองไปยังโทรศัพท์รุ่นล่าสุดที่อยู่ภายในตู้


“ผมไม่จำเป็นต้องมีก็ได้นะ”ผมบอกอีกฝ่ายกลับไป ถึงตอนนี้ผมจะเป็นมนุษย์แต่ก็ไม่ได้มีใครให้ต้องโทรหาหรือติดต่อ


“ตอนนี้นายเป็นมนุษย์เพราะงั้นนายจำเป็นต้องมีโทรศัพท์ไว้เผื่อเวลาที่มีเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถติดต่อฉันได้”ตินอธิบายต่อ


“ถ้าตินพูดแบบนั้น ก็ได้”ผมเองก็สนใจพวกโทรศัพท์อยู่เหมือนกันเห็นว่าแค่เครื่องเดียวก็สามารถทำได้หลายๆอย่าง


น่าสนุกดี


“ชอบสีอะไร”


“สีเขียว...ผมชอบสีของต้นไม้”ผมตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว


“สีแปลกแบบนั้นจะมีให้ไหมล่ะ...ปกติโทรศัพท์จะมีแค่ดำ ขาว เงินและทอง บางรุ่นอาจมีสีอื่นเพิ่มแต่ก็ไม่เคยเห็นมีสีเขียว”


“งั้นเหรอ...ของตินใช้สีอะไร”ผมถามกลับ


“สีดำ”


“อืมม~...งั้นผมเอาสีเงินดีกว่า”


“แล้วจะถามฉันทำไม”ตินหันมามองอย่างไม่เข้าใจ


“ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้เหรอ?”ผมถามกลับด้วยรอยยิ้ม


“เฮ้อ...สีเงินก็สีเงิน เอาแบบไหนล่ะ”ตินถามต่อ


“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้...ตินเลือกให้หน่อยละกัน แล้วแต่ตินเลย”


“ขี้เกียจเลือกก็บอกมา”


“ไม่ใช่สักหน่อย”ผมหันไปค้อนติน


“หึ...รุ่นนี้เป็นไง”ตินบอกพร้อมชี้นิ้วไปยังโทรศัพท์สีเงินจอบางที่มีดีไซน์เรียบๆแต่ดูทันสมัยมาก


“สวยดี...เอาสิ”ผมพยักหน้าเห็นด้วย


จากนั้นตินก็จัดการซื้อโทรศัพท์ที่ว่าให้ผมก่อนจะไปซื้อซิมใส่ยังศูนย์บริการ ผมก็ไม่รู้ว่าตินทำอะไรถึงได้พูดคุยกับพนักงานที่เคาน์เตอร์นานขนาดนั้นแต่ไม่เป็นไรผมสามารถรอได้อยู่แล้ว ที่นี่มีบริการของว่างกับเครื่องดื่มให้ลูกค้าด้วย


พอจัดการทุกอย่างเสร็จตินก็พาผมขึ้นมายังห้องทำงานส่วนตัวและยื่นโทรศัพท์ที่พึ่งซื้อมาให้


“เล่นให้แบตหมดแล้วค่อยชาร์จค้างคืนไว้”ตินส่งโทรศัพท์มาให้แล้วเดินไปนั่งยังตะทำงาน


“เล่นเหรอ?...เล่นยังไงล่ะ?”ผมไม่เคยใช้ก็รู้อยู่นี่


“ฉันเปิดไวไฟไว้ให้แล้ว เข้าไปหาอะไรเล่นในเน็ตก็ได้”


“ผมทำไม่เป็น”


“คู่มืออยู่ในถุง...อ้อ ไปเอาแฟ้มเอกสารจากกายมาให้ด้วย”


“ได้เลยๆ...ผมจะรีบไปเอามาให้นะ”ลืมไปสนิทเลยว่าจะได้ช่วยงานตินแล้ว


รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยแฮะ


ผมรีบออกจากห้องเพื่อไปเอาเอกสารจากกายทว่ากายที่น่าจะเจอตัวได้ไม่ยากกลับไม่อยู่ในห้องทำงานนี้ทำให้ผมต้องเดินไปถามพนักงานหลายๆคนดูเผื่อจะรู้ว่ากายอยู่ไหน กว่าจะได้แฟ้มเอกสารมาก็ผ่านไปสักพักใหญ่


“กาย...ขอเบอร์ได้ไหม”ผมถามก่อนจะเดินกลับห้อง


“เบอร์ผม?...คุณแพนมีโทรศัพท์แล้วเหรอครับ”กายที่กำลังจะเดินไปอีกทางมองมาด้วยความแปลกใจที่รู้ว่าผมมีโทรศัพท์แล้ว


“อืม ตินพึ่งซื้อให้ นี่ไง”ผมตัดสินใจวางแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะแล้วค่อยหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่มาให้กายดู


“รุ่นนี้พึ่งวางขายเมื่อวานเองนี่ครับ”


“งั้นเหรอ”ผมไม่รู้แฮะ


“เดี๋ยวผมจะให้เบอร์ทั้งของตัวเองละของจิมนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรมาได้เสมอ”กายบอกพร้อมกับขออนุญาตเมมเบอร์ในโทรศัพท์ผม


“ขอบคุณนะ”


เพราะใช้เวลาไปเอาแฟ้มเอกสารสักพักใหญ่ตินเลยยื่นเอกสารที่พึ่งจัดการเสร็จให้ผมวิ่งไปส่งตามที่ต่างๆเกือบค่อนวัน เรียกว่าเป็นการทำงานที่ต้องใช้พลังงานมากทีเดียว


เวลาที่ว่างผมก็อ่านคู่มือการใช้โทรศัพท์รวมทั้งทดลองเข้าอินเตอร์เน็ต ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงผมก็สามารถเข้าใจการทำงานส่วนมากของโทรศัพท์ได้เกือบทั้งหมด เว็บไซด์ที่เข้าไปเราสามารถเลือกตามสิ่งที่สนใจนั่นทำให้ผมตื่นตาตื่นใจกับการเซฟรูปต้นไม้สวยกับเล่นเกมปลูกผักเป็นอย่างมาก


ระหว่างที่เซฟรูปดอกไม้สีขาวอยู่ในหัวก็นึกถึงคำพูดของตินที่ว่าอยากครอบครองร่างกายของผมขึ้นมาได้ ด้วยความอยากรู้ข้อมูลผมเลยลองค้นหาการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันขึ้นมาดู


ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมหันไปมองคนที่กำลังก้มหน้าอ่านเอกสารอย่างขะมักเขม้น พอเห็นว่าตินไม่ได้มองมาผมเลยกดเข้าไปอ่านในเว็บไซด์นั้น


เนื้อหาที่บอกตั้งแต่วิธีการเตรียมพร้อมด้วยตนเองไปจนถึงความรู้สึกหลังความเจ็บทำเอาใบหน้าผมเห่อแดงขึ้นด้วยความเขินอาย
ขนาดแค่อ่านยังอายขนาดนี้ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าทำจริงๆจะขนาดไหน


สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดคือคำที่บอกว่าจะเจ็บแค่ไม่นาน


ผมเองก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำ ยังไงทุกครั้งที่ทำกับตินแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นสุดท้ายมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ เพียงแต่ผมก็กลัวความเจ็บปวดเหมือนกัน


แต่ถ้าเป็นอย่างที่บอกว่าเจ็บแค่ไม่นานละก็...


ผมอาจจะยอมก็ได้


“หน้าแดงอะไรแพน”เสียงทุ้มของตินที่ดังขึ้นทำเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในมือถึงกับตกลงบนโซฟา


“ปะ...เปล่านี่”ผมรีบหันไปตอบ


ก่อนหน้านี้ยังก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่เลยทำไมเงยขึ้นมาเร็วนักก็ไม่รู้


“พูดติดขัดนะ”ดวงตาสีฟ้าสดหรี่ลงอย่างจับผิด


“ก็ผมตกใจนี่ อยู่ๆก็เรียก...ผมกำลังมีสมาธิกับการปลูกผักอยู่เลย”ข้ออ้างอะไรที่คิดออกก็ถูกเอ่ยออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัย


“แค่ปลูกผักทำไมต้องหน้าแดง?”


“ก็มันเหนื่อยนี่”


“เหนื่อย?”ตินถึงกับขมวดคิ้วกับคำตอบที่ได้ยิน


“ก็นั่งจ้องนานๆมันเลยเหนื่อยไง”ถ้าถามมากกว่านี้ผมคิดข้อแก้ตัวไม่ออกแล้วนะ


“พักสักหน่อยแพน...อย่าเล่นเยอะเดี๋ยวตาเสีย”แม้จะเป็นคำบ่นแต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงจนผมต้องยิ้มออกมา


“คุณนี่ใจดีจริงนะ”ถึงตินมักจะบอกว่าตัวเองไม่ได้ใจดีแต่ผมกลับไม่เห็นแบบนั้นเลยสักนิด


“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ใจดี”ตินตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่งๆ


“ใจดีสิ”คนไม่ใจดีจะคอยเป็นห่วงหรือคอยดูแลขนาดนี้เหรอ


“ตาฝาดแล้ว”


“ผมไม่ได้มองสักหน่อย”


“...”คำพูดผมทำให้ตินเงียบไป คิ้วที่ขมวดเข้าหากันนั่นราวกับกำลังถามถึงสิ่งที่พูดไป


“ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าความใจดีของคุณผมสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ที่ตาแต่เป็นหัวใจ”ผมรับรู้ถึงมันได้โดยตรงเลยล่ะ ความใจดีของตินน่ะ


“คิดไปเอง”


“แหม ไม่ต้องมาทำเป็นเขินน่า”ผมแหย่ตินด้วยรอยยิ้มยียวน


“ไม่ได้เขิน”ตินทำหน้าเข้มตอบกลับมา


“อ๊ะ อ๊ะ หน้าแดงแล้วๆ”


“ไปปลูกผักต่อเถอะ”


“ไหนบอกว่าให้ผมพักไง”


“เลิกกวน...เดี๋ยวฉันต้องไปประชุมรออยู่สักชั่วโมง”ตินเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารในมือลง


“ผมออกไปเดินเล่นได้ไหม”จะให้รออยู่ในห้องอย่างเดียวมันน่าเบื่ออยู่


“...ได้แต่ถ้าฉันโทรไปต้องรับสายด้วย เข้าใจนะ”ตินคิดสักพักถึงจะยอมอนุญาตให้ผมไปได้


“ผมก็ไม่หลงหรอกน่า”ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย คงไม่ลืมหรอกนะว่าอายุผม300ปีเข้าไปแล้วน่ะ


“ไม่ได้กลัวหลงแค่เป็นห่วง”


“คิก...คนขี้ห่วง”ผมถึงกับหลุดขำออกมา ดูจากการกระทำหลายๆอย่างผมก็รู้ว่าตินเป็นห่วงผมมาก ไม่ใช่แค่เป็นห่วงแต่อาจเป็นกังวลกลัวว่าผมจะมีเรื่องอะไรอีก ด้วยตัวผมในตอนนี้ถ้าได้รับบาดเจ็บก็ไม่สามารถรักษาตัวเองได้เร็วเหมือนอย่างเคย


อีกไม่นานคงกลายเป็น...


มนุษย์โดยสมบูรณ์


“ก็ชอบทำให้ห่วงนี่”


“เข้าใจแล้ว ผมจะรับสายแน่นอน...รีบไปประชุมเถอะ”


“ถ้ารับช้าเกิน5วิมื้อเย็นจะไม่พาไปกินบุฟเฟ่”คำพูดสุดท้ายก่อนที่ตินจะออกไปนั้นเรียกดวงตาผมให้ทอประกายแวววับด้วยความตื่นเต้น


นานมากแล้วที่ไม่ได้ไปกินบุฟเฟ่


ในที่สุดผมก็จะได้ไปกินสักที


ผมออกไปเดินเล่นราวชั่วโมงพอตินโทรมาพวกเราก็นัดเจอกันยังร้านอาหารบุฟเฟ่บนชั้น8 ร้านบุฟเฟ่ที่ตินพามาเป็นร้านสเต็กบุฟเฟ่ที่เราสามารถสั่งเนื้อมาย่างเองได้พร้อมทั้งยังมีสลัดและเครื่องเคียงหรือพวกของทานเล่นก็มากมายให้เลือก


ด้วยความที่เป็นบุฟเฟ่ผมเลยจัดการซะคุ้มราคา แต่ด้วยกระเพาะที่มีความอิ่มเลยค่อนข้างกินได้น้อยกว่าปกติอยู่พอสมควร ถึงจะน้อยกว่าปกติแต่ก็ถือว่ามากกว่ามนุษย์อยู่หน่อย ตินเองก็หยุดกินไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกที่เข้าร้านแล้ว



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 25-11-2017 20:31:04
(ต่อนะคะ)



หลังจากนั้นพวกเราก็กลับมายังห้องซึ่งผมเป็นคนขออาบน้ำก่อนแม้ตอนแรกตินจะไม่ยอมด้วยเหตุผลที่ว่าผมชอบอาบนานแต่สุดท้ายตินก็ยอมแพ้ สายน้ำจากฝักบัวไหลลงตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้าโดยที่ผมใช้สบู่ลูบไล้ทั่วร่างจนเกิดฟองสีขาวเต็มไปหมด


ภายในหัวกำลังคิดเรื่องของตินอยู่เต็มไปหมด พอรู้ว่ามันไม่ได้เจ็บมากขนาดที่เซ็นว่าผมก็เกิดความลังเลและสับสนว่าจะทำยังไงต่อไปดี ระหว่างที่คิดก็เอื้อมมือที่เต็มไปด้วยฟองไปยังช่องทางด้านหลัง...เพียงแค่นิดเดียวที่แตะต้องความเจ็บก็แล่นเข้ามาทันที


“เจ็บ...”ผมไม่รู้ว่านอกจากความเจ็บมันจะรู้สึกดีได้ยังไง


ผมยังไม่เห็นตรงไหนเลยว่ามันจะรู้สึกดี


แต่ก็...ไม่อยากให้ตินรอนานกว่านี้


ผมเดินออกมาจากห้องน้ำโดยที่กำลังว่าจะเอายังไงกับสิ่งที่คิดอยู่ดี ตินเองก็เดินผ่านผมเข้าไปอาบน้ำต่อ...ก่อนปิดประตูยังมีการยื่นหน้าออกมาบอกให้เช็ดผมให้แห้งก่อนอีก


ทั้งที่ใจดีขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ตัวอีกนะติน


เตียงสีน้ำเงินเข้มถูกผมกระโดดขึ้นไปนั่งพร้อมกับดึงผ้าปูขึ้นมาห่อตัวไว้ ส่วนมือก็กำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมสีเขียวเขียวที่เปียกปอนไปมา อากาศภายในห้องค่อนข้างเย็นเพราะเปิดแอร์ไว้


แกร็ก


“วิ่งผ่านน้ำ”ผมหันไปแซวทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ตินใช้เวลาอาบน้ำยังไม่ถึงครึ่งของผมเลยแค่15-20นาทีก็ถือว่านานแล้วสำหรับติน


“ใครจะนอนเล่นจนตัวเปื่อยอย่างนายกัน”ตินสวนกลับพร้อมกับเอาผ้าขนหนูไปตากไว้ยังราวด้านข้าง


“ไม่ได้เปื่อยสักหน่อย ผิวผมนุ่มจะตาย นี่ไง”เพื่อเป็นการพิสูจน์ผมเลยจัดการชูแขนขึ้นไปให้อีกฝ่ายดูว่ายังไม่เปื่อยอย่างที่ถูกว่า


“อย่าอาบนานไปเดี๋ยวจะป่วยเอา อย่าลืมสิว่าตอนนี้นายเป็นมนุษย์นะ”ตินบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงก่อนจะนั่งลงบนเตียงเดียวกัน


“เข้าใจแล้วน่า...ผมจะอาบให้เร็วขึ้นละกัน”


“ต่อไปฉันจะให้เวลาไม่เกิน1ชั่วโมง”


“ไม่เอานะ...แค่ชั่วโมงเดียวยังถูสบู่ไม่เสร็จเลย”ผมหันไปค้านคำพูดนั่นอย่างรวดเร็ว


“คนปกติเขาถูเสร็จตั้งแต่10นาทีแรกแล้ว”ตินตอบกลับ


“ก็ผมพึ่งเป็นมนุษย์นี่  ขอเวลาปรับตัวหน่อยสิ”อยู่ๆมาให้ลดเวลาลงตั้งครึ่งไม่ไหวหรอกนะแบบนั้น


“ปรับมาจะปีแล้วมั้ง”


“ยังไม่ถึงเหอะ”ผมรีบประท้วง


“หึ...ฉันรู้สึกเหมือนเราอยู่ด้วยกันมานานมาก”อยู่ๆน้ำเสียงกวนๆก็เปลี่ยนไปทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองดวงตาสีฟ้าสดที่จ้องมา


“นั่นสิ...ผมเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”ไม่คิดว่ากาลเวลาที่มักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้นมันจะเริ่มช้าลงตั้งแต่ที่ได้เจอกับติน


“ง่วงรึยัง?”


“ยัง...จะทำอะไรเหรอ”ผมถามออกไปทั้งๆที่พอรู้คำตอบอยู่แล้ว


“ออกกำลังกายหลังอาหาร”ตินตอบเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะค่อยๆขยับขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้


“จะออกกำลังกายก็ลงไปวิ่งข้างล่างไป...อื้อออ~...”คำพูดกวนๆที่คิดไว้ถูกกลืนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อถูกริมฝีปากของคนด้านบนลงประกบ


เพียงแค่พริบตาจูบอันแผ่วเบาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นจูบอันเล่าร้อนและรุนแรงจนแทบจะละลายกลายไปไอไปซะเดี๋ยวนี้เลย ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ไม่เคยชินกับความรู้สึกนี้สักที


“อื้ออ...อึก...พอ...”ผมดันตินให้ขยับถอยไปเมื่ออากาศที่มีหมดไป


“อีกนิดสิ”เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูนั่นเต็มไปด้วยอารมณ์ เพียงแค่ได้ยินร่างกายมันก็ร้อนไปหมด


“คุณมันหื่น...อ๊ะ...”


“ไปเอาคำนั้นมาจากไหนฮืม”ตินถามพลางกดจูบลงตามลำคอ ทุกครั้งที่ริมฝีปากนั้นสัมผัสก็จะขบเม้มจนผมเผลอร้องครางออกมาทุกครั้งไป


“ไม่รู้ อื้ออ...หื่น ตินหื่น”ผมพูดออกไปหลายต่อหลายครั้ง


“ก็พูดไม่ผิดละนะ หื่นแค่กับนายเท่านั้นแหละ”


“อ๊ะ...อื้มม~”ผมถึงกับเม้มปากแน่นอย่างข่มอารมณ์ทันทีที่เสื้อผ้าถูกถอดโยนไปด้านข้างแล้วถูกอีกฝ่ายสัมผัสไปทั่วหน้าอก
ฝ่ามือที่ลูบไล้


ริมฝีปากที่พรหมจูบไปทั่ว


หรือแม้แต่ดวงตาสีฟ้าที่มองมา


ทุกอย่างมันทำให้ผมรู้สึกดีจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้


“อย่าเม้มปากแพน...ให้ฉันได้ยินเสียงนาย”


“เลิกพูดลามกสักที...อ๊า!”มือที่ลูบไล้ลงไปยังส่วนล่างอย่างไม่ขออนุญาตนั่นเรียกเสียงครางจากผมที่พยายามเม้มปากได้อย่างไม่ทันตั้งตัว


กางเกงขาสั้นถูกปลดออกไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ที่รู้ตอนนี้มีเพียงสัมผัสของมือที่ขยับด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงครางน่าอายที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ส่วนร้อนของตินที่ขยับมาแนบชิดยิ่งสร้างอารมณ์ที่มีให้กระเจิงไปไกล ในหัวขาวโพลนไปหมด สิ่งเดียวที่รู้คือความรู้สึกดีจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือขึ้นไปกอดคออีกฝ่ายไว้แน่น เพียงไม่นานที่ส่วนนั้นของพวกเราสัมผัสกันผมก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมๆกับติน


“แฮ่ก...ติน...”


“แพน...ขออีกรอบได้ไหม”คำขอนั่นดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่เริ่มปลุกเร้าอารมณ์ผมอีกรอบ


“อื้ออ...คุณมันหื่นเกินไปแล้ว”ผมบ่นสลับเสียงคราง


“ฉันต้องการนาย”น้ำเสียงนั่นทำเอาในหัวขาวโพลนไปหมด


ตินเหมือนคนที่กำลังรู้สึกไม่พอ


ไม่ว่าจะทำสักกี่ครั้งก็เหมือนจะไม่สามารถเติมเต็มความต้องการได้


เขาต้องการมากกว่านี้


และสิ่งที่เขาต้องการคือตัวผม


“ติน...อึก...ผมยอมแล้ว”ผมคว้าคออีกฝ่ายลงมาพร้อมกระซิบบอกในสิ่งที่คิดอยู่


ในตอนนี้ผมไม่สนแล้ว


จะกลัวก็ช่าง


จะเจ็บก็ไม่เป็นไร


ถ้าตินต้องการผม


ผมก็พร้อมที่จะให้


“แพน...”ตินถึงกับหยุดชะงักเมื่อไดยินสิ่งที่ผมบอกออกไป


“อึ้งอะไรติน...ถ้าช้าเดี๋ยวผมเปลี่ยนใจนะ”แม้จะเป็นช่วงเวลาแบบนี้ผมก็ยังสามารถกวนอีกฝ่ายได้ นับถือตัวเองเลยจริงๆ


“ที่ว่ายอม...หมายถึงอะไร”


“นี่ไม่รู้จริงเหรอติน...แล้วคุณอยากได้อะไรล่ะ”


“แพน...”


“อยากให้ผมเป็นของคุณโดยสมบูรณ์ไม่ใช่เหรอ...ติน”ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้ตินที่ทำหน้าเหมือนกำลังประมวลสิ่งที่ได้ยินอยู่


“...แน่ใจใช่ไหม ฉันไม่คิดว่าจะมีสติพอจะหยุดกลางทางหรอกนะ”ตินบอกเสียงนิ่ง ไม่สิ ต้องพูดว่าเสียงที่ได้ยินราวกับคนที่กำลังข่มกลั้นอารมณ์ไม่ให้ปะทุออกมาอยู่


“อืม...ห้ามหยุดนะ”ถ้าเขาหยุดผมก็ไม่มั่นใจว่าครั้งต่อไปจะยังมีความกล้าที่จะยอมเหมือนในตอนนี้รึเปล่า


“ขอบคุณแพน...ฉันจะไม่ทำให้นายเจ็บ”คำพูดนั่นทำให้ผมยิ้มออกแต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นครางอย่างรวดเร็วเมื่อขาถูกจับให้อ้าออกโดยที่ตินค่อยๆยกสะโพกผมขึ้น


“อ๊ะ อื้อออ”ผมเลือกที่จะหลับตาเพื่อจะได้มองไม่เห็นภาพน่าอายตรงหน้าทว่าการหลับตายิ่งทำให้ผมสัมผัสถึงสิ่งที่ค่อยๆเข้ามาภายในได้อย่างชัดเจน


ความเจ็บแล่นเข้ามาในร่างแต่ไม่เหมือนกับครั้งแรก อาจเพราะมีตัวช่วยในการล่อลื่นทำให้ความเจ็บที่มีทุเลาลง...


ถ้าประมาณนี้ยังทนได้


“อ๊า....ติน”เมื่อความเจ็บปวดเริ่มแปรเปลี่ยนร่างกายผมก็สั่นระริก ความรู้สึกดีถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรงจนลืมความเจ็บก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น


แรงขยับของนิ้วเรียกเสียงครางของผมออกมาได้ทุกครั้ง สองมือผมกำผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อหวังว่าจะช่วยระบายความรู้สึกดีนี่ให้ออกไปบ้าง


เพียงแค่ถูกกระทำตรงนั้นผมก็ถึงกับปลดปล่อยออกมาอีกรอบโดยที่ตินไม่ได้สัมผัสส่วนนั้นของผมเลยด้วยซ้ำ


“ท่าจะพร้อมแล้ว...ฉันขอนะแพน”ตินบอกพร้อมกับขยับตัวเข้ามาใกล้ ความรู้สึกของสิ่งที่อยู่ภายในร่างถูกดึงออกและแทนทีด้วยสิ่งที่ใหญ่และร้อนกว่ามาก


“อื้อ...เจ็บ...”ความเจ็บปวดคือสิ่งแรกที่สัมผัสได้ นั่นทำให้ผมถึงกับนิ่วหน้า


ใจหนึ่งก็อยากจะบอกให้ตินหยุดแต่เพราะรู้สึกว่าถ้าทนอีกนิดความเจ็บที่มีก็จะหายไป ผมเลยเลือกที่จะกัดปากตัวเองเพื่อไม่ให้พูดคำว่าหยุดออกไป


“ไม่เป็นไรแพน...เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว...ทนอีกนิดนะ”คำปลอบโยนที่ได้ยินช่วยเป็นกำลังใจให้ผมได้มาก


“อืม...ติน...อึดอัด”ผมบอกออกไปเสียงเบา สิ่งที่เข้ามาในร่างดูจะขยายมากกว่าเดิมซะอีก


“โทษที ก็นายเล่นทำท่าทางแบบนี้ ฉันควบคุมสติตัวเองได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”


“อย่ามาโทษกันนะ...คุณมันหื่นจริงๆ”ผมบ่นกลับไป


“อ่า...ขอขยับนะ”


“ไม่รู้...อ๊ะ...”ร่างกายถึงกับสะดุ้งเมื่อตินค่อยๆขยับตัวโดยเริ่มจากเนิบๆแล้วค่อยๆเพิ่มแรงเข้าไปจนทั้งร่างของผมสั่นไปหมด


ไม่กี่วินาทีหลังจากการขยับความเจ็บปวดก็ถูกแทนทีด้วยความกระสันจนแทบสิ้นสติ


มันรู้สึกดีจนทำได้เพียงแค่ครางออกมาเท่านั้น


“อื้ออ...อ๊า...ติน...”


“หายเจ็บรึยังแพน?”เสียงของตินดังขึ้นก่อนจะขบเม้มตามแผ่นอกสร้างความเสียวซ่านที่มีให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า


“อ๊ะ...ไม่เจ็บ...”รู้สึกดีสุดๆเลย


“รู้สึกดีไหม?”


“อื้อ...อย่าถาม...”ผมไม่ตอบคำถามน่าอายนั่นแน่


“ถึงไม่ตอบฉันก็เดาได้”


“อย่ามากวน...อื้ออ~”แรงกระแทกที่เพิ่มขึ้นทำให้มือที่กำผ้าปูที่นอนแน่คลายออกแล้วคว้าคอตินมากอดไว้แน่นแทน เสียงหอบหายใจของตินดังขึ้นข้างหูเป็นจังหวะเดียวกับแรงจากสะโพกที่ขยับไม่หยุด


ตินก้มลงมาประกบจูบอย่างดูดดื่มและร้อนแรงอีกครั้งพร้อมกับแรงขยับที่มากกว่าเดิม และไม่นานอารมณ์ทุกอย่างก็ถูกปลดปล่อยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน


“แฮ่ก...อื้อ...”ทันทีที่กิจกรรมสิ้นสุดผมก็แทบไม่มีแรงแม้แต่จะขยับร่างกาย


“ไหวไหม”ตินที่ขยับไปนั่งข้างๆหันมาถาม


“ไม่ไหว”ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้ว


ตอนที่กำลังทำอยู่มันก็รู้สึกดีอยู่หรอกแต่พอเสร็จแล้วรู้สึกเหมือนโดนดูดพลังงานออกไปจากร่างเลย


ถ้าให้ขยับตอนนี้ผมต้องแย่แน่ๆ


“ขอโทษที่รุนแรงไปหน่อย”


“นั่นไม่เรียกว่าหน่อยแล้ว”ผมหันไปบ่น จากการกระทำนั่นอย่าเรียกว่าหน่อยต้องเรียกว่ารุนแรงสุดๆ


“ก็เห็นนายรู้สึกดี”


“ใครบอก”


“ไม่บอกฉันก็รู้น่า...เพราะฉันเองก็รู้สึกดีสุดๆเหมือนกัน”คำตอบนั่นทำให้ผมนิ่งไป


ตินเองก็รู้สึกดีเหมือนอย่างที่ผมรู้สึกงั้นเหรอ


“รู้สึกดี...จริงนะ?”เองถามกลับตรงๆ


“อืม...ดีสุดๆเลยด้วย”


“...ผมก็รู้สึกดีเหมือนกัน”ถึงจะไม่อยากบอกแต่สุดท้ายก็ยอมจนได้


“ฉันรู้...ไว้ครั้งหน้าจะให้รู้สึกดีกว่านี้อีก”


“ฮะ?...ยังจะมีอีกเหรอ”


“คงไม่คิดว่าฉันจะพอแค่ครั้งเดียวหรอกใช่ไหม”น้ำเสียงเจ้าเล่ห์นั่นน่าถีบให้กระเด็นจริงๆเลย


“ไม่ให้แล้ว ผมเหนื่อย”ไม่ใช่แค่เหนื่อยธรรมดาแต่เหนื่อยสุดๆ


“วันนี้ยอมให้ก่อนละกัน เห็นว่าเป็นครั้งแรกหรอกนะ”


“ไม่คิดจะถนอมกันหน่อยรึไง”ผมบ่นอุบอิบ


“ถนอมสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปเลี้ยงของอร่อย”


“พูดแล้วนะ ห้ามกลับคำด้วย”ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินว่าจะพาไปกินของอร่อย


“หึ ไหนบอกว่าเหนื่อยไง”


“ก็เหนื่อย แต่ก็อยากกินเหมือนกัน”


“เทพแห่งการกินจริงด้วย”


“ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าเป็นเทพแห่งพฤกษาน่ะ”ผมรีบแก้ด้วยเสียงดังลั่น


“ตอนนี้นายไม่ใช่เทพแล้วนะ อย่าลืมสิ”ตินบอกพร้อมกับคว้าตัวผมไปกอดไว้หลวมๆ ฝ่ามืออุ่นๆลูบเส้นผมสีเขียวเข้มที่ชื้นเล็กน้อยไปมา


“นั่นสิ...ตอนนี้ผมไม่ใช่เทพแล้ว แต่เป็นมนุษย์”


“เสียใจไหม”อยู่ๆตินก็ถามขึ้น


“ไม่เลยสักนิด”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีฟ้าสดพร้อมคำตอบที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิด


การที่ได้เจอตินทำให้ทุกๆอย่างเริ่มเปลี่ยนไป


มนุษย์คนแรกและคนเดียวที่อยากช่วย


ถ้าย้อนกลับไปในวันนั้น วันที่เห็นตินโดนยิงล้มลงจมกองเลือด ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็เลือกที่จะช่วยต่อให้รู้ว่าในอนาคตผมจะหมดพลังของความเป็นเทพลงก็ตาม


ผมไม่สนใจหรอกว่าผมจะมีพลังหรือไม่มีพลังเพราะในตอนนี้ที่มีตินอยู่ข้างๆทำให้ทุกๆวันล้;นมีแต่ความสุขอย่างที่ตลอด300ปีที่ผ่านมาไม่เคยได้สัมผัส


ตัวผมไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่มีความรู้สึกที่เรียกว่ารัก


และยิ่งไม่เคยคิดด้วยว่ารักนั้นจะเกิดขึ้นกับมนุษย์


แต่ตอนนี้ผมกลับดีใจที่คำรักของผมได้มอบให้กับมนุษย์ที่ชื่อว่าติน


.....................................................จบบริบูรณ์.......................................................

สวัสดีค่ะ

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้...วันที่เรื่อง ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ ได้จบลง

เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าโล่งใจที่สามารถแต่งได้จนจบหรือเศร้าที่ไม่ได้แต่งถึงความน่ารักของแพนและตินอีก

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเรามีความสุขมากๆในการแต่งเรื่องนี้ซึ่งเนื้อหาอาจไม่ได้มีอะไรมากมายนักแต่เราก็พยายามถ่ายถอดออกมาในแบบของตัวเองอย่างดีที่สุด

หวังว่าทุกคนที่ได้อ่านเรื่องนี้จะได้มีความสุขและอมยิ้มไปพร้อมๆกันนะคะ

เราเองก็แต่งนิยายมาได้ไม่นาน พวกสำนวนอาจจะยังไม่ดีนักแต่จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจที่มีให้ตลอดนะคะ

รู้ว่าเป็นตอนสุดท้ายแต่ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี 555

เอาเป็นว่าประมาณต้นปีหน้าจะมีข่าวดีเรื่องการรวมเล่มของเรื่องนี้ค่ะ

ใครสนใจหรืออยากมีแพนและตินไว้ในครอบครองสามารถติดตามข่าวได้ทางเพจเรานะคะ

>>nicedog (https://www.facebook.com/novelistnicedog/)<<

สำหรับเรื่องต่อไปจะเป็นเรื่องที่หลายคนรอคอย ภาค3 ของ Jurassic ใครชอบอ่านแนวแฟนตาซีสามารถตามไปอ่านได้นะคะ
มารอลุ้นความสัมพันธ์ของไดโนเสาร์กลายพันธ์ุกับมนุษย์กันว่าจะลงเอยกันได้อย่างไร

ไว้เจอกันใหม่ในนิยายเรื่องหน้านะคะ

บ๊ายบาย

nicedog :mew1:

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 25-11-2017 22:42:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

สนุกมากค่ะ ขอบคุณนักเขียนสำหรับนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 25-11-2017 23:11:19
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีไ ฟิวกูดแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
ใจจด ใจจ่อ อยู่ที่จูราสสิคพาก3เลยเนี้ยยยย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-11-2017 23:24:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 26-11-2017 01:32:23
       สำหรับเรื่องของตินและแพนที่จบไปนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วสนุกหัวเราะไปกับการกินจุของแพนและการตามใจของตินผู้ชายที่ปากเเข็งแต่น่ารักมากที่สุดอิอิ
      ส่วนเรื่องหน้าดีใจมากค่ะที่จะได้อ่าน ภาค3 ของ Jurassic แล้วรออ่านค่ะเป็นกำลังใจให้นะค่ะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-11-2017 11:02:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 26-11-2017 15:12:23
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 26-11-2017 19:15:29
 :L1: :pig4: :mc4: :bye2: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 27-11-2017 12:53:37


ละมุน....

น่ารัก

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-11-2017 18:55:03
 o13

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 27-11-2017 21:19:44
จบแล้วววว จอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆค่าาา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 28-11-2017 16:01:59
ขอบคุณมาดค่ะ สนุกมากเลยยย ติดตามมาหลายเรื่องแล้ว ไม่ผิดหวังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 28-11-2017 22:17:43
ติดตามทุกเรื่องเลย รอเรื่องต่อไปน้าา 
เตรียมไตไว้เปย์หนังสือเช่นกัน ตามซื้ออยู่ ≥≤
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 29-11-2017 15:20:43
น่ารักทั้งคู่เลย ติณแอบหื่นง่ะสงสัยเก็บกด555555555

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 29-11-2017 16:24:00
ว้าาาา จบซะแล้ววว  :mew4:
อ่านแล้วหลงรักท่านเทพแห่งการกินมากๆเลย  :laugh:
เดี๋ยวปูเสื่อรอภาค3 jurassic เลยยย เราติดนิยายของไนซ์ด็อกมากๆ  :กอด1:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-12-2017 13:03:05
ตลกแพนตอนมีอะไรกันแต่ล่ะคำ ไม่รู้ อย่ามากวน โอ้ยย น่าเอ็นดูมากๆ ตินก็อบอุ่นสุดๆ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-12-2017 10:17:41
น่ารักดีค่ะ ตินก็จนได้นะ ตลกแพนมาก
คือหลอนจนคิดมาก แต่ยังดีนะ ยอมอย่างอื่น

แพนอ้อนตาใสที ตินก็ดื้อไปงั้นแหละ จริงๆ ใจอ่อนนานแล้ว

โมเมนท์ไม่หวานมาก แต่อบอุ่น เค้าแหย่กัน ดูดีกันในแบบโหมดตินคนคิดเองว่าโหด


ขอบคุณมากนะคะ เรื่องราวน่ารัก มีอะไรให้ลุ้นดี เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องนะคะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-12-2017 19:19:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 16-12-2017 06:25:42
สนุกมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-12-2017 18:31:00
                             :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
น่ารักมากยิ้มตามได้ทุกตอนเลย เราชอบเวลาแพนหัวเราะอ่านแล้วมีความสุข
                       :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: whoami ที่ 16-12-2017 20:29:06
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 18-12-2017 14:44:29
 :mew1:ชอบมากกกกกกกก สนุกชอบบบบบ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Maleemol ที่ 18-12-2017 19:17:04
ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 24-12-2017 10:47:03
เนื้อเรื่องน่ารักมากค่ะ แพนน่ารักมากๆ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 26-12-2017 19:48:22
สนุก น่ารัก ไม่เครียดดีค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 27-12-2017 21:12:00
รวดเดียวเลย
แพนน่ารักมากๆอ่านไปฟินไป เวลาอยู่กับตินนี่ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 28-12-2017 14:30:54
 :pig4: สำหรับนิยายสนุกและดี
ชอบทุกเรื่องที่แต่งเลยค่ะ
เรื่องนี้เทพแพนช่างน่ารักน่าหยิก
ส่วนพี่ตินเราก็สายเปย์ที่แท้ทรู 555
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ยังไม่อยากให้จบเลย
แต่ยังไงก็จะตามไปติดตามนิยายเรื่องต่อไปนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 28-12-2017 18:45:47
นิยาย  feel good  o13 o13
  :heaven
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 31-12-2017 08:25:25
อ่านได้เรื่อยๆ ไม่เครียดดีค่ะ  :3123:  มีสะดุดนิดนึงช่วงต้นเรื่อง ที่ตินถูกยิงเข้าอกอาการสาหัสอยู่หลายวัน แต่พ่อแม่น้องไม่มาเยี่ยม ฝากแค่ข้อความผ่านกาย/จิมมาว่างานยุ่ง ตอนแรกเราคิดว่าต้องเป็นครอบครัวที่เย็นชาห่างเหินแน่เลย แต่อ่านๆไปคิดว่าไม่น่าจะใช่ เราเลยว่ามันค่อยไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่อ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 31-12-2017 16:56:13
จบแล้ววว~ ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆ แบบนี้ให้ได้อ่านนะคะ เป็นนิยายฟีลกู๊ดที่อ่านได้เรื่อยๆ เพลินๆ ชอบความน่ารักความเห็นแก่กินของแพน ฮาา
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 10-01-2018 18:26:30
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกก
เป็นนิยายที่ละมุน นุ่มๆ
ถึงจะมีดราม่าแต่ก็แค่หน่วงๆ
ไม่ได้มาเยอะมาก
ชอบทุกตัวละครในนี้เลยอ่ะ
รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ครั้งสุดท้าย♣} 25/11/60 P.15 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 10-01-2018 18:50:23
ขอจิ้มไว้ก่อนจ้า!!!  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣} 13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 13-01-2018 14:30:33
สัมผัส{❤}ส่งท้าย



“ติน ผมเคยบอกคุณว่ายังไง” ผมเดินไปขวางหน้าตินที่พึ่งเดินออกมาจากห้องแต่งด้วยด้วยสายตาไม่พอใจ


“อะไร” ตินถามกลับด้วยน้ำเสียงงงๆ ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด


“คุณทำงานนั่นจนเสร็จ” พูดเสร็จผมก็ชี้ไปยังแฟ้มเอกสารบนโต๊ะหน้าโซฟาในห้องนอน


คำพูดผมมันไม่ใช่คำถามเป็นเป็นประโยคบอกเล่าล้วนๆ


แล้วอารมณ์ผมตอนนี้ก็เริ่มหงุดหงิดแล้วด้วย


“แล้ว?” เป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ


“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าหักโหมทำงานหนักเกินตัว”


“ฉันก็ไม่ได้ทำงานหักโหมนี่...”


“จะไม่หักโหมได้ยังไง เมื่อคืนงานพวกนั้นยังเสร็จไม่ถึงครึ่งแต่พอเช้ามากลับทำเสร็จหมดแล้ว จะบอกว่าคุณทำในฝันรึไง!” ผมตะโกนแทรกโดยไม่รอให้เจ้าของห้องพูดจบประโยคด้วยซ้ำ


ใช่ เหตุผลที่ผมมายืนบ่นตินก็เพราะเขาเล่นหักโหมทำงานโดยไม่ยอมหลับนอน เมื่อวานผมรู้ว่าตินมีงานเยอะเลยนำส่วนหนึ่งกลับมาทำที่ห้อง แน่นอนว่าผมไม่ได้ว่าอะไรนอกจากจะย้ำไปประมาณสิบรอบว่าห้ามหักโหมทำ ง่วงเมื่อไหร่ก็นอน


แต่ใครจะไปคิดว่าพอตื่นเช้ามางานทุกอย่างกลับถูกจัดการเรียบร้อยหมดแล้วล่ะ


ด้วยงานที่มีไม่มีทางที่จะทำเสร็จภายใน1-2ชั่วโมงแน่


อย่างต่ำๆ ก็ราว4ชั่วโมง


นั่นหมายความว่าตินได้นอนยังไม่4ชั่วโมงด้วยซ้ำ


ทั้งที่ผมย้ำนักย้ำหนาแล้วก็ยังไม่ยอมเข้าใจอีก


น่าโมโหจริงๆ


“ฉันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยสักหน่อยนี่” ตินยังคงเถียงต่อ


“ถึงไม่รู้สึกเหนื่อยแต่ร่างกายคุณควรได้พักผ่อนบ้างนะ”


“ฉันไม่เป็นไร”


“ถ้าจะรอให้เป็นก่อนก็สายไปแล้ว” ผมรีบสวนกลับ


ตินก็ชอบพูดแบบนี้


ไม่เป็นไรๆ ๆ ๆ ๆ


แล้วถ้าวันหนึ่งมันเป็นขึ้นมาล่ะจะทำยังไง


“แพน...”


“ผมเป็นห่วงคุณนะ ยิ่งตอนนี้ผมเป็นมนุษย์ที่ไม่มีพลังอะไรเลย ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาผมจะทำยังไงจะรักษาก็ไม่ได้ คุณเข้าใจความรู้สึกเป็นห่วงของผมบ้างรึเปล่า!” ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ออกไป


ทุกวันนี้ผมคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อติน เมื่อก่อนผมมีพลังที่สามารถรักษาและคอยปกป้องเขาได้แต่ในตอนนี้มันไม่ใช่


ผมเป็นมนุษย์


เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังอะไรเลยสักอย่าง


เพราะงั้นสิเดียวที่ผมทำได้คือคอยบอกและคอยเตือนติน


“...ขอโทษ” ตินนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา เขาดูจะตกใจไม่น้อยที่ได้ยินผมตะโกนออกไปแบบนั้น


“ผมไม่ต้องการคำขอโทษ”


“งั้นต้องการอะไร”


“สัญญา” ผมเอ่ยเสียงเข้ม


“สัญญาอะไร”


“ต่อจากนี้ห้ามหักโหมทำงานอีก...ไม่งั้นผมจะ...”


“จะอะไร” ตินถามต่อเมื่อเห็นผมเงียบไป


ที่เงียบเพราะไม่รู้จะใช้อะไรขู่ตินดี


เพราะอยู่ด้วยกันมานานเลยทำให้รู้ว่าตินเป็นพวกที่หาอะไรมาขู่ไม่ค่อยได้


ถ้าถามถึงสิ่งที่ทำให้ตินสงบใจไม่ได้ละก็...


“ผมจะไปมีกิ๊ก!” นี่เป็นคำขู่เดียวที่คิดได้


“ว่าไงนะ” ดูเหมือนว่าคำขู่ผมจะได้ผลอยู่ ใบหน้านิ่งๆ ของตินเริ่มตึงขึ้นทีละนิดกับประโยคที่ได้ยิน


“ถ้าคุณยังฝืนทำงานหักโหมแบบนี้อีก...ผมจะมีกิ๊กตามจำนวนชั่วโมงที่คุณฝืนเลย”


“แพน!”


“ผมไม่กลัวหรอกนะบอกเลย ไม่ต้องมาส่งสายตาดุๆ ซะให้ยาก” สายตาดุๆ นั่นอาจใช้กับคนอื่นได้แต่ไม่ใช่กับผม


“นายไม่กล้าทำหรอก” ถึงจะพยายามทำเสียงเข้มแต่ผมก็ดูออกว่าอีกฝ่ายมีความลังเลอยู่พอสมควร


“จะลองดูก็ได้นะ เริ่มที่เจ้าของร้านไอศกรีมที่ผมชอบก่อนเป็นไง”


“ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบเจ้าของร้านไง” ตินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งๆ


“ผมบอกตอนไหนว่าชอบเจ้าของร้าน ที่บอกว่าชอบคือไอศกรีมต่างหาก” เล่นตีความประโยคผิดแบบนี้จงใจหาเรื่องกันชัดๆ


“แพน”


“จะสัญญาไหมผมนับแค่1-3นะ...3...2...1...”


“รู้แล้ว ยอมสัญญาก็ได้!” สุดท้ายตินก็ยอมสัญญาจนได้


“ดีมาก” ผมฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้


ว่าง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย


“ฉันสัญญาแล้วเพราะงั้นอย่าให้เห็นว่าไปหาเจ้าของร้านไอศกรีมนั่นอีกเชียว” ตินบอกเสียงดุ


“ผมไปแค่ซื้อไอติมกินหรอก” ถ้าไม่มีธุระผมจะไปหาเขาทำไมกัน


“ไปให้เห็นหน้าทุกวันเดี๋ยวหมอนั่นก็คิดว่านายชอบหรอก”


“นี่ติน ผมน่ะเคยบอกไปแล้วนะว่าสามารถรักได้เพียงคนเดียวเท่านั้นน่ะ”


“หึ แล้วคนที่บอกจะไปหากิ๊กเป็นใครกันล่ะ”


“ก็แค่ขู่หรอก”


“ถ้าทำจริงนายโดนแน่...เข้าใจนะแพน”


“ไม่ต้องมาทำเสียงดุ ผมไม่กลัวหรอกนะ”


“แพน!”


“คิก! รู้แล้วน่าพ่อคนขี้หึง ผมไม่ไปมีกิ๊กที่ไหนหรอก” แค่คอยบังคับให้กินข้าวแต่ละมื้อก็หมดวันแล้วจะมีเวลาไปหากิ๊กที่ไหนล่ะ
และถึงมีเวลาผมก็ขออยู่กับคนรักอย่างตินดีกว่า


“ดีมาก เชื่อฟังแบบนี้เดี๋ยวให้กระดูก” ตินพูดปิดท้ายก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้เส้นผมสีเขียวเข้มของผมแรงๆ จนฟูไปหมด


“ผมไม่ใช่หมา! แล้วบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าขยี้แรงมันฟูหมดแล้วเห็นไหม!”ผมตะโกนไล่หลังตินที่เดินออกไปนอกห้อง


น่าโมโหจริงๆ


ขอถอนคำพูด...ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่ผมจะไปหากิ๊กสักคนสองคนให้หึงตินหึงจนเลือดขึ้นหน้าเลยคอยดูเถอะ!

.....................................................................

สวัสดีค่ะ

มาต่อส่งท้ายของคู่ตินและแพนสักหน่อย

ทั้งสองคนยังคงความน่ารักน่าฟัดอยู่ไม่เปลี่ยน555

สำหรับตัวเรารู้สึกรักเรื่องนี้และทุกตัวละครมากเป็นพิเศษ

ยินดีที่ทั้งคู่ได้ครองรักกันอย่างมีความสุข

เหมือนเป็นคุณป้าที่เห็นหลานแต่งงานออกเรือนเลยค่ะ

มีข่าวดีสำหรับทุกคนที่สนใจเรื่อง♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ

ตอนนี้กำลังเปิดพรีออเดอร์อยู่ค่ะ

สามารถกดเข้าไปสั่งจองกันได้นะคะ

(https://fw.lnwfile.com/rd8vm9.jpg)

เรื่อง : ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ

คนแต่ง : nicedog

สำนักพิมพ์ที่ออก : Onederwhy

ราคา : 380 บาท

จำนวนหน้า : 350+

ตอนพิเศษในเล่ม : ภายในเล่มจะมีตอนพิเศษ 7 ตอนยาวๆ อาทิเช่น การไปสวีทหวานๆกันที่ประเทศญี่ปุ่น, เมื่อแพนที่กลายมาเป็นมนุษย์เกิดป่วยขึ้นมาครั้งแรกจะเป็นยังไง?รวมไปถึงการเซอร์ไพสน์วันเกิดแพนและตอนพิเศษอื่นๆอีกหลายตอน

พิเศษสำหรับรอบพรีออเดอร์ : จะได้รับMini Novel พิเศษที่รอบปกติไม่มีด้วยนะคะ และหากสั่งซื้อพร้อมกับเรื่องอื่นๆที่ออกจะได้รับโปรสการ์ดเพิ่มด้วยค่ะ

สั่งจองกันได้ที่ : http://onederwhy-preorder.lnwshop.com

ระยะเวลาในการพรี : วันนี้ถึง 29 มกราคม 2561

ฝากทุกคนอุดหนุนผลงานของเราด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาถึงตอนนี้ด้วยค่า

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 13-01-2018 16:07:11
 :pig4: :pig4: :pig4:  แพนน่ารักมากค่ะน่ารักจนตอนสุดท้ายเลยค่ะส่วนตินก็ลืมภาพคนขรึมๆไปได้เลยค่ะเพราะตอนนี้กลายเป็นคนห่วงแฟนไปเสียแล้วค่ะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: fager_yaoi ที่ 21-01-2018 16:40:42
ชอบผู้ชายยังง่ายกว่าชอบอะไรที่ไม่มีตัวตนในสายคนอื่น สงสารติน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 23-01-2018 03:55:03
ไม่ได้เข้าเล้ามาสักพัก พอเข้ามาเจอนิยายเรื่องนี้ เฮ้ยยย แพนมันน่ารักอะ

สนุกมากกกก สนุกแบบเริ่มอ่านเมื่อวาน จบวันนี้ ชอบอะ

ขอบคุณคนเขียนมากเลยน้าาา ที่มีนิยายน่ารักๆ แบบนี้ให้าเราอ่าน

เอาอีกนะ ^^
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 28-01-2018 21:26:21
แพนน่ารัก กินจุ  :o8:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 16-04-2018 08:24:42
หูย น่ารักมากอ่ะ ไม่อยากให้จบเลย
อ่านเพลินมาก
แพนน่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 24-04-2018 09:30:45
ขอบคุณมากเลย ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคนเขียน
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 28-04-2018 23:27:32
 :hao7: :pig4: :L1: ชอบมากค่ะ เทพสายกินกะพี่ตินสายเปย์ 55555 แอบใจหายตอนแพนจะหายไปแต่งี้ค่ะดีแล้วยังตาม nicedog เหมือนเดิมค่า ชอบมากกกเคะแก่กว่านิรอเรื่องต่อไปนะคะ ขอบคุณเรื่องสนุกๆแบบนี้มากค่ะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 09-05-2018 17:47:35
น่ารักจนจบเลย
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:19:09
ชอบมากก กลับมาอ่านหลายรอบแล้ว มันดี  o13
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ItIsMe ที่ 14-06-2018 18:42:13
สนุกกกกก ชอบพล้อตแนวนี้มากๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 25-08-2018 19:51:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 16-11-2018 08:35:45
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 25-11-2018 14:04:59
น่ารักมาก เนื้อเรื่องละมุน❤️
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 25-11-2018 21:07:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
ชอบมากเลย
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 22-12-2018 06:44:34
สนุกมาก
ประทับใจแพนกับตินมาก
เวลาตินเรียกแพนคือสัมผัสได้ถึงความรัก
ขอบคุณคนเขียนมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 30-12-2018 22:49:13
น่ารักที่สุด เราไปอยู่ไหนมาทำไมพลาดเรื่องนี้ของคุณได้   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 25-01-2019 19:21:46
น่ารัก :mew3:
อ่านกี่เรื่องก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 14-05-2019 11:02:25
แพนน่ารักมากเลย เวลาเถียงกับตินก็ตลกน่าดู เถียงไม่เคยชนะเลย5555555
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 01-04-2020 20:54:26
ฟีลกู๊ดมากกกก
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 01-02-2022 07:37:36
เทพน่ารักกก   ชอบแพนมากๆ
หัวข้อ: Re: ♧♣Touch Love♣♧ สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ {♧สัมผัส{❤}ส่งท้าย♣+แจ้งข่าว}13/01/61 P.16 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 17-10-2022 19:55:15
 :pig4: