(ต่อนะคะ)
ภายในห้องถูกทาด้วยสีขาวนวลสะอาดตา ตรงข้างเข้ามีตู้วางรองเท้าตั้งอยู่ชินกับประตู...ผมถอดรองเท้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องรับแขกซึ่งเป็นห้องแรกเมื่อเข้ามา ห้องรับแขกขนาดใหญ่ถูกตกแต่งอย่างเรียบหรูตามความชอบของผมโดยมีทั้งโทรทัศน์จอยักษ์ โซฟากำมะหยี่นุ่มรวมถึงชั้นหนังสือและอื่นๆอีกมากมาย
“ว้าวๆๆ...ห้องใหญ่จังเลย”เสียงของแพนดังขึ้นอีกครั้ง
“ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”ผมบอกแล้วเดินไปยังประตูที่อยู่ด้านในห้องรับแขกเข้าไป...ห้องนอนเพียงห้องเดียวถูกสร้างและออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผมโดยใช้สีน้ำเงินกับขาว เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นสีนี้ทั้งหมด
“ผมรออยู่นี่นะ”
“จะตามมาก็ไม่ว่านะ”ผมบอกเสียงเบา
“ใครจะอยากดูคุณเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน!”คำตะโกนนั้นดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่ถูกปิดลง
ไม่นานผมก็เดินออกมาพร้อมกับชุดลำลองสบายๆที่มักใส่ตอนอยู่ห้อง...สิ่งแรกที่เห็นเมื่อออกจากห้องมาคือโทรทัศน์จอยักษ์ที่ถูกเปิดอยู่...
“นายเปิดเหรอแพน”ผมถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
ห้องนี้มีระบบล๊อกอัตโนมัติทำให้ไม่สามารถเปิดจากข้างนอกได้ถ้าไม่มีรหัสหรือคีย์การ์ด
“ใช่...อยู่เงียบๆแบบนี้มันน่าเบื่อน่ะ...เปิดไม่ได้?”เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านข้าง
“ไม่ได้ว่านี่”ตอบไปผมก็พยายามเพ่งมองบริเวณที่ได้ยินเสียงแต่ก็ยังไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า
ยิ่งไม่เห็นก็ยิ่งหงุดหงิด
“ขมวดคิ้วทำไมติน...คิดอะไรอยู่กัน”สัมผัสของมือลูบบริเวณคิ้วที่ขมวดเป็นปมนั้นดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงของแพน
ทั้งที่อยู่ใกล้ขนาดนี้...
แต่กลับมองไม่เห็น
ต้องทำยังไงถึงจะเห็นได้
ไหนบอกว่าแค่เชื่อและศรัทธาไง
“ติน...”
“ทำไมฉันถึงมองไม่เห็น”ผมถามออกไปตามตรง
“...เพราะคุณยังไม่เชื่อว่าผมมีตัวตนไงล่ะ”
“เชื่อสิ...ฉันเชื่อว่านายมีตัวตน”ผมสวนกลับไป ถ้าไม่เชื่อจะพูดคุยกันเหมือนในตอนนี้รึไง
ถ้าไม่เชื่อผมคงไม่มานั่งอยากมองเห็นอยู่แบบนี้หรอก
“แค่เชื่อยังไม่พอหรอกนะ”
“...แล้วต้องมีอะไรอีก”
“คุณต้องอยากที่จะเห็นผมจริงๆ”
“ฉันก็ทำอยู่นี่ไง”ถ้าความอยากผมกล้าพูดเลยว่ามีมันอย่างสุดๆ
อยากเห็น...
อยากเห็น...
อยากเห็น...
ในหัวเอาแต่คิดแบบนั้นแต่สุดท้ายที่เห็นมันก็ยังเหมือนเดิม
“...มันอาจยังไม่มากพอติน”
“...”ผมเงียบกับคำพูดต่อมา
ยังไม่มากพองั้นเหรอ
ต้องมากแค่ไหนกันถึงจะสามารถเห็นได้
“อย่าเครียดกับเรื่องนี้เลย...ยิ่งคิดว่าอยากเห็นมันก็ไม่ได้ทำให้เห็นหรอกนะ”
“ก็นายบอกว่าต้องอยากนี่”
“พูดแบบนั้นก็ใช่อยู่...เฮ้อ...นี่ติน...ตอนนี้ที่คุณคิดมันมีแค่ความอยากเท่านั้น”
“...”ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน
“ผมสัมผัสได้แค่ความอยากเห็นอันรุนแรงแต่ไม่มีความเชื่อมั่นหรือศรัทธาเลยสักนิด...แค่ความอยากไม่อาจทำให้เห็นผมได้หรอกนะ”คำอธิบายดังขึ้นพร้อมกับลูบใบหน้าผมช้าๆ
“แพน...”
“อย่าใจร้อน...สักวันคุณต้องเห็นผมได้แน่”
คำพูดนั่นดังอยู่ในหัวอยู่ตลอดทั้งวันไม่ว่าจะกินข้าวมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น...ผมไม่รู้ว่าสักวันที่ว่าคือวันไหนกันแน่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นพรุ่งนี้ มะรืนหรือวันต่อๆไป...
สิ่งที่ไม่แน่นอนแบบนี้ผมรับไม่ได้
อยากจะเห็น...
“...บ้าเอ้ย”ผมสถบออกมาเบาๆเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนตามปกติ
“ติน...กำลังคิดเรื่องของผมอยู่น่ะ”เสียงนุ่มออกหวานนิดๆดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวออกมา
แปลว่ารออยู่หน้าห้องน้ำสินะ
“...นิดหน่อย”ผมตอบเลี่ยงเพราะน้ำเสียงที่ได้ยินนั้นดูเป็นกังวลอยู่มาก ถ้าบอกว่าคิดมากไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง
“คุณโกหกผมไม่ได้หรอกนะ...”แพนบอกเสียงอ่อย
“ทำไมคิดว่าฉันโกหก”
“...มันสัมผัสได้...”
“...ไปนอนกันเถอะ”ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนก้าวไปยังเตียงที่อยู่กลางห้องนอน
ทั้งผ้าปูและผ้านวมต่างเป็นเฉดเดียวกันคือสีน้ำเงินเข้มคาดลายสีขาวดูเรียบหรู...สัมผัสนิ่มของเตียงทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้างแต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น
“ถ้านอนลอยตัวแล้วตกพื้นก็นอนบนเตียงด้วยกันก็ได้”ผมบอกกไปโดยขยับให้ตัวเองนอนอยู่ตรงริมฝั่งหนึ่ง ที่ว่างด้านข้างที่เห็นเพียงความว่างเปล่าไม่รู้ว่าแพนจะนั่งอยู่รึเปล่า
“...นี่ติน”
“อะไร”
“...ถ้าอยากเห็นขนาดนั้น...ให้ผมปรากฏตัวให้เห็นไหม”
“...ทำได้ด้วยเหรอ”ผมถามขึ้น
“อืม...เพียงแต่ไม่ใช่แค่ตินที่จะเห็น”
“หมายความว่ายังไง”ไม่ใช่แค่ผมที่จะเห็น
“ตินที่มองไม่เห็นผมก็เหมือนกับมนุษย์คนอื่นที่มองไม่เห็น...ดังนั้นถ้าผมจะปรากฏตัวให้เห็นทุกคนที่มองไม่เห็นก็จะพลอยเห็นไปด้วย”
“...”คำอธิบายนั้นทำให้ผมเงียบไป
ความรู้สึกจุกๆนี่มันคืออะไร
ความรู้สึกไม่อยากนี่คืออะไร
เพียงแค่ผมไม่ใช่คนเดียวที่เห็นกลับรู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก
“ผมไม่ชอบให้มนุษย์เห็น...แต่ถ้าตินอยากเห็นขนาดนั้นก็...”
“ไม่ต้อง”ผมพูดแทรก
“...ติน”
“ไม่ต้องปรากฏตัวออกมา...ฉันอยากเห็นนายด้วยตัวเอง”นี่คือคำตอบหลังจากคิดมาสักพักใหญ่
“แต่ว่า...”
“นายบอกเองนี่ว่าสักวันฉันจะเห็น”
“ก็ใช่”
“งั้นก็ไม่เป็นไร...ก็แค่รอถึงวันนั้น”ผมบอกก่อนจะปิดไฟที่สว่างอยู่
ภายในห้องตอนนี้มีเพียงแสงสว่างจากแสงไฟด้านนอกกับแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาเท่านั้น...ผมล้มตัวนอนแล้วห่มผ้าหลับตาตามปกติทั้งที่ภายในใจยังคิดถึงเรื่องของเทพที่ลอยอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้องตลอด
“อย่าหลับทั้งที่ทำหน้าเครียดเลยติน”เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากเตียงฝั่งที่ผมเว้นว่างไว้ ไม่นานฝ่ามืออุ่นๆก็วางลงบนหน้าผากผมเหมือนอย่างหลายๆคืนที่ผ่านมา
สัมผัสนั้นสูบความเครียดที่มีออกไปจนเกือบหมด
ก่อนที่สติอันน้อยนิดจะหายไปผมก็ปรือตาขึ้นโดยที่ไม่อะไรอยู่ในหัวเหมือนตอนก่อนนอน แสงจากภายนอกหน้าต่างที่ควรเห็นอย่างชัดเจนเหมือนตอนก่อนปิดไฟกลับมีเงาของอะไรบางอย่างบดบังไว้จนแทบมองไม่เห็น...ทั้งที่อยากจะลืมตามมองให้ชัดกว่านี้แต่ฝ่ามือคู่เดิมก็เลื่อนมาปิดดวงตาที่ปรือขึ้นของผมพร้อมเอ่ยบางคำที่ดึงสติที่มีลงสู่นิทราในทันที...
“ฝันดีนะติน”
ตลอดทั้งคืนผมหลับสนิทมากที่สุดตั้งแต่ที่ออกจากโรงพยาบาล ไม่มีเสียงเรียกหรือแรงเขย่าร่างให้ตื่น ดังนั้นกว่าดวงตาสีฟ้าของผมจะปรือขึ้นก็เป็นช่วงสายของวันซะแล้ว...สิ่งแรกที่เห็นคือนาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงที่บอกเวลา8โมงครึ่ง
ผมกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับสมองให้ทำงานตามปกติก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งโดยยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีดำที่ปกหน้าให้ปัดไปด้านหลัง
“ตื่นแล้วเหรอติน”เสียงเดิมๆดังขึ้น
“อืม...แปลกนะที่นายไม่ปลุก”ผมพึมพำโดยที่ยังลูบหน้าใบหน้าตัวเองให้หายงัวเงีย
“เห็นเครียดๆนี่เลยคิดว่าให้นอนเต็มที่ดีกว่า”
“เป็นห่วงกันรึไง”ผมยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาเสียงนั้นเหมือนอย่างทุกทีแต่สิ่งที่ควรจะว่างเปล่ากลับมีร่างของชายหนนุ่มผมสีเขียวเข้มนั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาสีเขียวอ่อนนั้นดูงดงามจนเผลอมองค้างไปหลายนาทีอีกทั้งใบหน้าที่อยู่กึ่งกลางระหว่างหล่อกับสวยนั่นดึงดูดผมอย่างบอกไม่ถูก...
ชุดแปลกตาสีเขียวอ่อนที่สวมอยู่ผมเคยเห็นมาก่อนตอนไปประเทศญี่ปุ่น...รู้สึกจะเรียกว่ายูกาตะ
รูปร่างหน้าตาโดยรวมที่เห็นทำให้ดวงตาสีฟ้าของผมเบิกกว้างอย่างไม่รู้ตัวเมื่อรู้ว่าชายที่นั่งอยู่ด้านข้างนี่เป็นใคร...ไม่มีทางที่จะมีใครเข้ามาในนี้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตนอกจากเทพเพียงองค์เดียวที่ตามติดกันตลอด...
แพน
นี่มันยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้ซะอีก
ผมไม่เคยเชื่อสิ่งเคยได้ยินว่าเทพและนางฟ้าต่างมีรูปลักษณ์อันงดงามกว่ามนุษย์ทั่วไปแต่ตอนนี้ผมได้รับรู้มันอย่างชัดเจนแล้ว...
ทั้งใบหน้า...
ทั้งดวงตา...
ทั้งสีผม...
ไม่เว้นแม้แต่รูปร่างหรือชุดที่สวมใส่...
ทุกอย่างช่างเป็นองค์ประกอบที่ลงตัวมากและสามารถบอกได้เลยว่าชายที่นั่งอยู่นี่ไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
เทพที่ถูกมองเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าผมสามารถมองเห็นตัวเองได้เลยขยับเข้ามาใกล้แล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากสีชมพูเผยยิ้มกว้างออกมาพร้อมๆกับคำตอบของคำถามเมื่อครู่...
“อืม...เป็นห่วงตินมากเลย”
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นพร้อมกับรอยยิ้มกว้างจนตาสีเขียวอ่อนนั่นแทบปิด
ตลอดเวลาที่ผมมองไม่เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ
คำถามมากมายในหัวยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยที่สายตายังจ้องมองไปยังเทพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
“...แพน”ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านี้เป็นความจริงไม่ใช่ภาพหลอนที่คิดไปเอง
“หื้ม?...มีอะไรเหรอติน”เสียงนุ่มออกหวานนิดๆตอบกลับพลางเอียงหัวเล็กน้อย ดวงตาสีอ่อนนั่นจ้องมาอย่างมีคำถาม...
มองเห็นแล้ว
ผมมองเห็นแพนแล้ว!
รอยยิ้มที่นานๆทีจะมีปรากฏขึ้นด้วยความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเมื่อสามารถมองเห็นสิ่งที่อยากเห็นได้สักที
...........................................................................................
มาอัพต่อแล้ววว
ในที่สุด...ในที่สุด...ตินก็มองเห็นแพนสักที!
รู้สึกดีใจแทนตินจัง55
ตอนนี้แต่งออกมาราบลื่นกว่าที่คาดไว้พอควรถือว่าเป็นเรื่องดีจริงๆ
จากนี้ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดำเนินไปยังไงหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง
เนื้อเรื่องเราคิดไว้คร่าวๆแต่สุดท้ายจะใช้ความรู้สึกตอนแต่งพาตัวละครไป
หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจที่ให้ค่ะ
จะพยายามแต่งใาห้ดีขึ้นๆไปอีก
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า
บ๊ายบาย

nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪